คูมอื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู (สําหรบั ครูผสู อน) เพือ่ การจดั การเรยี นรูโดยใชการศกึ ษาทางไกลผานดาวเทยี ม กลมุ สาระการเรียนรูศิลปะ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้นั ประถมศกึ ษาปที่ ๒ (ฉบับปรบั ปรุงคร้งั ที่ ๒) โครงการสวนพระองคส มเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มลู นธิ กิ ารศกึ ษาทางไกลผานดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ สํานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน
คูมอื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู (สําหรบั ครูผสู อน) เพือ่ การจดั การเรยี นรูโดยใชการศกึ ษาทางไกลผานดาวเทยี ม กลมุ สาระการเรียนรูศิลปะ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้นั ประถมศกึ ษาปที่ ๒ (ฉบับปรบั ปรุงคร้งั ที่ ๒) โครงการสวนพระองคส มเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มลู นธิ กิ ารศกึ ษาทางไกลผานดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ สํานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน
ก คานา ด้วยพระบรมราโชบายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ทรงมุ่งหมายให้การศึกษาบ่มเพาะ สมรรถนะให้แก่ผู้เรียน เพ่ือสร้างคุณลักษณะสาคัญ ๔ ประการให้กับคนไทย อันได้แก่ ๑) มีทัศนคติที่ดีและถูกต้อง ๒) มีพ้ืนฐานชีวิตท่ีม่ันคงเข้มแข็ง ๓) มีอาชีพ มีงานทา ๔) เป็นพลเมืองดี มีระเบียบวินัย และพระราชปณิธาน ใน การสืบสาน รักษา พัฒนาต่อยอด โครงการในพระราชดาริของพระราชบิดา จึงทรงพัฒนาการศึกษาทางไกลผ่าน ดาวเทียม หรือ NEW DLTV ในทกุ ดา้ นอาทิ ระบบออกอากาศ อปุ กรณ์เทคโนโลยี บคุ ลากรและกระบวนการจดั การศกึ ษา เพือ่ แก้ปัญหาการขาดแคลนครูในโรงเรียนขนาดเล็ก สร้างโอกาสการเข้าถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชาชน ทุกเพศ ทุกวยั ผ่านการศึกษาทางไกลผา่ นดาวเทยี มจานวน ๑๕ ช่องสัญญาณ ไปยังโรงเรยี นตา่ ง ๆ และผสู้ นใจทัว่ ประเทศ เพอ่ื ให้ ประเทศไทยเป็นสังคมแห่งปญั ญามีจิตอาสาในการสรรคส์ รา้ งและพฒั นาประเทศใหม้ ั่นคง การสอนออกอากาศทางไกลผ่านดาวเทียม ระดับประถมศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๑ เป็นต้นมา เป็นการสอนออกอากาศในแนวใหม่ บันทึกเทปการสอน จากห้องเรียนต้นทางของโรงเรียนวังไกลกังวล ในพระบรมราชูปถัมภ์ครูปลายทางสามารถดูเทปการสอนผ่านทางเว็บไซต์ www.dltv.ac.th และ Application on mobile DLTV ของมูลนิธิ และมคี มู่ อื ครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้รายช่ัวโมงครบทั้ง ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ซ่ึงครู ปลายทางสามารถปรับกจิ กรรมการเรยี นรูใ้ หเ้ หมาะสมกบั ชมุ ชน ท้องถิน่ วัฒนธรรมและบรบิ ทของแตล่ ะโรงเรยี น คู่มือครูและแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ ฉบับนี้ เป็นการปรับปรุงครั้งที่ ๒ ซ่ึงดาเนินการโดยมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยความร่วมมือจากคณะทางาน ประกอบด้วย สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ คณาจารย์จากมหาวิทยาลัย ศึกษานิเทศก์ และครูผู้เช่ียวชาญทั้ง ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ เพ่ือให้ครูปลายทาง ใช้ในการเตรียมการสอนลว่ งหน้า รวมท้ังสามารถจัดเตรียมเอกสาร ได้แก่ ใบงาน ใบความรู้ แบบฝึกหัด เพ่ือให้การจัด การเรยี นการสอนเกดิ ประสิทธิผล นาไปสู่การพัฒนาคณุ ภาพการจดั การศึกษาของโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเลก็ ตอ่ ไป นับเปน็ พระมหากรณุ าธคิ ณุ อยา่ งหาท่ีสดุ มไิ ด้ ทีพ่ ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว ทรงม่งุ มัน่ พฒั นายกระดับคุณภาพ การศึกษาทางไกลผา่ นดาวเทียม เพือ่ พฒั นาสงั คมไทยและยกระดับคุณภาพของคนไทยให้เข้มแข็ง สมดัง พระราชปณิธาน “...การศึกษาคือความม่นั คงของประเทศ...” ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มูลนธิ กิ ารศึกษาทางไกลผา่ นดาวเทยี ม ในพระบรมราชูปถมั ภ์
ข (สำเนำ) ท่ี ศธ ๐๔๐๑๐/๕๘๑ สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพืน้ ฐำน กระทรวงศกึ ษำธิกำร กทม. ๑๐๓๐๐ ๑๑ มนี ำคม ๒๕๖๔ เร่ือง รับรองควำมร่วมมือกำรพัฒนำคู่มือครูและแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ เพื่อกำรสอนออกอำกำศทำงไกล ผำ่ นดำวเทยี ม เรยี น เลขำธิกำรมลู นิธิกำรศึกษำทำงไกลผำ่ นดำวเทยี ม ในพระบรมรำชปู ถมั ภ์ อ้ำงถึง หนงั สือมูลนิธกิ ำรศึกษำทำงไกลผ่ำนดำวเทียม ในพระบรมรำชูปถมั ภ์ ที่ มศทท. ๙/๗๒ ลงวันที่ ๒๕ มกรำคม ๒๕๖๔ ตำมหนังสือที่อ้ำงถึง มูลนิธิกำรศึกษำทำงไกลผ่ำนดำวเทียม ในพระบรมรำชูปถัมภ์ แจ้งว่ำ มูลนิธิ ฯ ได้ปรับปรุงคู่มือครูและแผนกำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ ระดับปฐมวัย คู่มือครูและ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ ระดับประถมศึกษำและมัธยมศึกษำตอนต้น ตำมข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ จำกผู้ทรงคุณวุฒิ คณะผู้นิเทศ ครูผู้สอนจำกโรงเรียนต้นทำงและโรงเรียนปลำยทำง และได้พัฒนำเป็นคู่มือครู และแผนกำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ ระดับปฐมวัย ฉบับปรับปรุง คู่มือครูและแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ ส่ือ ๖๐ พรรษำ ระดับประถมศึกษำ ฉบับปรับปรุง โดยมูลนิธิ ฯ ได้ดำเนินกำรพัฒนำและบรรณำธิกำรกิจ โดยคณะกรรมกำรประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชำญ ครูผู้สอนท่ีมีประสบกำรณ์เป็นผู้ร่วมในกำรพัฒนำ คู่มือจนสำเร็จ และได้ประชุมหำรือเพ่ือให้ข้อเสนอแนะ ข้อควรปรับปรุงจำกสำนักวิชำกำรและมำตรฐำน กำรศึกษำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้นั พน้ื ฐำน นั้น ในกำรนี้ ขอรับรองว่ำคู่มือครูและแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ สื่อ ๖๐ พรรษำ ระดับประถมศึกษำ ฉบับปรับปรุง และคู่มือครูและแผนกำรจัดประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ ระดับปฐมวัย ฉบับปรับปรุง สำมำรถใช้ ในกำรจัดกำรเรยี นกำรสอนได้ จงึ เรียนมำเพอื่ โปรดทรำบ ขอแสดงควำมนบั ถือ (นำยอมั พร พินะสำ) เลขำธกิ ำรคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขัน้ พนื้ ฐำน สำนกั วิชำกำรและมำตรฐำนกำรศึกษำ โทร. ๐ ๒๒๘๘ ๕๗๖๕-๖๖ โทรสำร ๐ ๒๒๘๘ ๕๗๕๕
ค หน้า สารบญั ก ข คานา หนงั สอื รับรองความรว่ มมอื การพัฒนาค่มู อื ครูและแผนการจดั การเรียนรู้ ค เพือ่ การสอนออกอากาศทางไกลผ่านดาวเทยี ม จ สารบญั ช คาชีแ้ จงการรบั ชมรายการออกอากาศดว้ ยระบบทางไกลผ่านดาวเทียม ฒ คาชแี้ จงรายวิชา กลมุ่ สาระการเรยี นร้ศู ลิ ปะ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 2 ภาคเรียนท่ี ๑ ณ คาอธิบายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรศู้ ิลปะ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นท่ี ๑ ต มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชีว้ ดั 1 โครงสร้างรายวิชาศิลปะ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ ๑ 5 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ ชอ่ื หน่วย กาเนดิ ศลิ ป์ 11 17 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๑ เรือ่ ง เสน้ 22 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๒ เรอ่ื ง สี 27 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๓ เร่อื ง รปู รา่ ง รปู ทรงท่พี บในธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๔ เร่อื ง เรื่องราวในงานทัศนศิลป์ 28 แบบประเมนิ ตนเอง หน่วยท่ี 1 32 37 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๒ ชอื่ หน่วย สรรคส์ รา้ งงานศิลป์ 42 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑ เรือ่ ง วาดภาพครอบครัว 47 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๒ เรอ่ื ง ปน้ั เส้นเปน็ รูป 52 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๓ เร่อื ง สนกุ กับงานปัน้ 57 แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๔ เรื่อง ศิลปะภาพปะตดิ 63 แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๕ เร่อื ง เครอ่ื งแขวน 64 แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๖ เร่ือง งานทศั นศิลป์ในทอ้ งถ่ิน แบบประเมินตนเอง หนว่ ยที่ 2 65 แบบประเมนิ ตนเอง (Learning Logs) 69 76 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๓ ช่ือหน่วย สนุกกับดนตรี 82 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เร่ือง สสี ันของเสยี ง 88 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๒ เรื่อง จงั หวะดนตรี 93 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๓ เรอื่ ง การขับรอ้ ง แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๔ เร่ือง บทเพลงสร้างสรรค์ แบบประเมินตนเอง หน่วยที่ 3
ง 94 98 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๔ ชือ่ หน่วย ลลี านาฏศิลป์ 104 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑ เร่อื ง การเคลอ่ื นไหวรา่ งกาย 109 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๒ เร่อื ง นาฏยศัพท์ ส่วนมือ 114 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๓ เรอ่ื ง นาฏยศัพท์ ส่วนเท้า 119 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๔ เรอ่ื ง ภาษาทา่ 124 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง เพลงในนา้ มีปลา ในนามขี า้ ว (๑) 129 แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๖ เรอ่ื ง เพลงในน้ามปี ลา ในนามขี า้ ว (๒) 130 แบบประเมนิ ตนเอง หน่วยท่ี 4 131 แบบประเมนิ ตนเอง (Learning Logs) 132 139 บรรณานุกรม 148 ภาคผนวก ก. แบบประเมินรวม 154 ภาคผนวก ข. แผนผงั ความคดิ (Graphic Organizers) ภาคผนวก ค. แบบบันทึกการเรยี นรู้ ( Learning Logs) คณะกรรมการปรับปรุงคู่มอื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓
จ คาชี้แจง การรับชมรายการออกอากาศด้วยระบบทางไกลผ่านดาวเทียม มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้บริการการจัดการเรียนการสอน จากสถานวี ทิ ยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม จานวน ๑๕ ช่องรายการ ทั้งรายการสด (Live) และรายการ ยอ้ นหลัง (On demand) สามารถรบั ชมผ่านช่องทาง ต่อไปน้ี ๑. www.dltv.ac.th ๒. Application on mobile DLTV - ระบบ Android เขา้ ที่ Play Store/Google Play พิมพ์คาวา่ DLTV - ระบบ iOS เขา้ ที่ App Store พิมพ์คาวา่ DLTV หมายเลขช่องออกอากาศสถานวี ทิ ยุโทรทศั น์การศกึ ษาทางไกลผ่านดาวเทียม 15 ช่องรายการ ชอ่ ง (DLTV) ชอ่ ง (TRUE) รายการในเวลาเรียน รายการนอกเวลา (ชว่ งเวลา ๐๘.๓๐ น. – ๑๔.๓๐ น.) (ช่วงเวลา ๑๔.๓๐ น. – ๐๘.๓๐ DLTV 1 ชอ่ ง 186 รายการสอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 น.) สถาบนั พระมหากษตั ริย์ DLTV 2 ช่อง 187 รายการสอนชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 2 ความร้รู อบตัว DLTV 3 ช่อง 188 รายการสอนชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี DLTV 4 ชอ่ ง 189 รายการสอนชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 ธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม DLTV 5 ช่อง 190 รายการสอนช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 ศลิ ปวัฒนธรรมไทย DLTV 6 ช่อง 191 รายการสอนชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6 หนา้ ที่พลเมือง DLTV 7 ชอ่ ง 192 รายการสอนชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร DLTV 8 ช่อง 193 รายการสอนชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 ภาษาต่างประเทศ DLTV 9 ชอ่ ง 194 รายการสอนชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3 การเกษตร DLTV 10 ชอ่ ง 195 รายการสอนชั้นอนบุ าลปีที่ 1 รายการสาหรับเด็ก-การเลย้ี งดูลูก DLTV 11 ชอ่ ง 196 รายการสอนช้นั อนบุ าลปที ี่ 2 สุขภาพ การแพทย์ DLTV 12 ชอ่ ง 197 รายการสอนชน้ั อนบุ าลปีท่ี 3 รายการสาหรับผ้สู งู วัย DLTV 13 ชอ่ ง 19๘ รายการของการอาชีพวังไกลกงั วล และมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล DLTV 14 ชอ่ ง 199 รายการของมหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช DLTV 15 ชอ่ ง 200 รายการพฒั นาวิชาชีพครู *หมายเหตุ : รายการสอนออกอากาศในเวลาเรียนระดบั ช้นั ปฐมวัย ช่วงเวลา ๐๘.๓๐ น.–๑๑.๓๐ น.
ฉ การติดต่อรับขอ้ มูลขา่ วสาร ๑. มลู นิธกิ ารศึกษาทางไกลผา่ นดาวเทียม ในพระบรมราชปู ถัมภ์ เลขท่ี 214 ถนนนครสวรรค์ แขวงวดั โสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร โทร ๐๒ ๒๘๒ ๖๗๓๔ โทรสาร ๐๒ ๒๘๒ ๖๗๓๕ ๒. สถานีวิทยุโทรทศั นก์ ารศึกษาทางไกลผ่านดาวเทยี ม ซอยหวั หิน ๓๕ ถนนเพชรเกษม ตาบลหวั หิน อาเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขนั ธ์ ๗๗๑๑๐ โทร ๐๓๒ ๕๑๕๔๕๗–8 โทรสาร ๐๓๒ ๕๑๕๙๕๑ [email protected] (ตดิ ตอ่ เรื่องเว็บไซต์) [email protected] (ตดิ ต่อเร่ืองทวั่ ไป) ๓. โรงเรยี นวงั ไกลกงั วล ในพระบรมราชูปถมั ภ์ อาเภอหัวหนิ จงั หวดั ประจวบครี ีขนั ธ์ ๗๗๑๑๐ โทร 032 522 347 , 032 520 478 โทรสาร 032 520 478 Facebook : โรงเรยี นวังไกลกงั วล ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ Website : http://www.kkws.ac.th ๔. ชอ่ งทางการตดิ ตามขา่ วสาร Facebook : มูลนิธิการศกึ ษาทางไกลผา่ นดาวเทยี ม ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ DLTV Website : http://www.dltv.ac.th
ช คาชี้แจง กลมุ่ สาระการเรียนรศู้ ิลปะ ๑. แนวคดิ หลัก หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดสาระการเรยี นรู้ จานวน ๘ กลุ่มสาระ การเรยี นรู้ ครูผู้สอนต้องจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนโดยนาความรู้ด้านเน้อื หาวิชามาจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยการฝกึ ทักษะให้ผเู้ รียนเกิดความรู้ ความเขา้ ใจ และเกดิ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ๕ ประการ และคุณลักษณะ อนั พงึ ประสงค์ ๘ ประการ ดงั นี้ สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน ๕ ประการ ๑) ความสามารถในการส่อื สารเปน็ ความสามารถในการรับสารและส่อื สารมีวฒั นธรรมในการใช้ภาษา ๒) ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง สรา้ งสรรค์ การคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ การคิดอย่างเปน็ ระบบเพ่อื นาไปสู่การสร้างองค์ความรูห้ รอื สารสนเทศ เพ่ือใช้ ในการตัดสินใจ เก่ียวกับตนเอง สงั คมได้อย่างเหมาะสม ๓) ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญ ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์ และการเปลีย่ นแปลงของเหตุการณต์ ่าง ๆ ในสงั คม ๔) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการเข้าใจและเคารพตนเอง สามารถ นากระบวนการต่าง ๆ ไปใชใ้ นการดาเนินชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ด้วยตนเองการเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง การทางาน และการอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมดว้ ยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้ง ตา่ งๆ อย่างเหมาะสม ๕) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้เทคโนโลยี การแก้ปัญหา อย่างสร้างสรรค์ถูกต้องเหมาะสม มีคุณธรรมด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนา ตนเอง สังคมในด้านการเรยี นรู้ การสื่อสาร การทางาน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๘ ประการ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมอย่างมีความสุข ในฐานะ เปน็ พลเมอื งไทยและพลเมืองโลก ดงั น้ี ๑) รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ๒) ซ่ือสตั ย์ สุจรติ ๓) มีวนิ ัย ๔) ใฝเ่ รยี นรู้ ๕) อยอู่ ยา่ งพอเพียง ๖) มุ่งมั่นในการทางาน 7) รกั ความเป็นไทย ๘) มีจติ สาธารณะ
ซ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ เป็นกลุ่มสาระการเรียนรู้ท่ีมุ่งเน้นพัฒนาให้ผู้เรียนมีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ มีจินตนาการทางศิลปะ ช่ืนชมความงาม มีสุนทรียภาพ ความมีคุณค่า ซึ่งมีผลต่อคุณภาพชีวิตมนุษย์ กิจกรรมทางศิลปะช่วยพัฒนาผู้เรียนท้ังด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม ตลอดจน การนาไปสู่ การพัฒนาส่งิ แวดลอ้ ม สง่ เสริมใหผ้ ูเ้ รียนมีความเช่อื ม่นั ในตนเอง อันเป็นพ้ืนฐานในการศึกษาต่อหรือประกอบอาชีพ ครูผู้ใช้แผนการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้ ควรมุ่งเน้นพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะวิธีการทางศิลปะ เกิดความซาบซึ้งในคุณค่าของศิลปะ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงออกอย่างอิสระในศิลปะแขนงต่าง ๆ จัดกิจกรรม การเรียนรู้ส่งเสริมให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับองค์ประกอบศิลป์ ทัศนธาตุ สร้างและนาเสนอผลงาน ทางทัศนศิลป์จากจินตนาการ สามารถใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม รวมทั้งสามารถใช้เทคนิค วิธีการของศิลปิน ในการสร้างงานไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง ทศั นศลิ ป์ ประวตั ิศาสตร์ และวัฒนธรรม เหน็ คุณค่างานศลิ ปะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ ภมู ิปัญญา ไทยและสากล ช่นื ชม ประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน หลักการออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนศิลปะ มีการบูรณาการด้านคุณลักษณะในแผนการจัด การเรียนรู้ที่คานึงถึงคุณลักษณะท่ีให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ มีทักษะด้านวิธีการทางศิลปะ เกิดความซาบซ้ึงในคุณค่า ของศิลปะ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงออกอย่างอิสระ ในศิลปะแขนงต่าง ๆ ได้แก่ ทัศนศิลป์ ดนตรี และนาฏศิลป์ สอดคล้องตามเป้าหมายของหน่วยการเรียนรู้ และให้มีเจตคติท่ีดีต่อสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ และมีจิตอาสา ครูผู้สอนควรปลูกฝังคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ให้แก่ผู้เรียนทุกแผนการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้เกิด คณุ ลักษณะอันพึงประสงคแ์ ละเปน็ คนดีของสงั คม ๒. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ แนวคิดสาคัญของการจัดศึกษา ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ คือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ ผู้เรียน คิดและลงมือปฏิบัติด้วยกระบวนการท่ีหลากหลาย เพ่ือเกิดการเรียนรู้และพัฒนาตนเองเต็มตามศักยภาพ การประเมินการเรียนรูจ้ ึงมีความสาคญั และจาเปน็ อยา่ งย่ิง ตอ่ การจดั กิจกรรมการเรยี นร้ใู นห้องเรียน เพราะสามารถ ทาใหผ้ ้สู อนประเมนิ ระดับ พัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน การจดั การศกึ ษาตอ้ งยดึ หลกั ว่า ผเู้ รยี นทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนา ตนเองได้ และถือว่าผู้เรียน มคี วามสาคัญที่สุด กระบวนการจดั การศึกษาต้อง สง่ เสริมใหผ้ ู้เรยี นสามารถพัฒนาตามธรรมชาตแิ ละเต็มตาม ศักยภาพ ให้ความสาคัญ ของการบูรณาการความรู้คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ตามความเหมาะสมของระดับ การศกึ ษา ไดร้ ะบุให้ผ้ทู ่ีเกี่ยวข้องดาเนินการ ดังนี้ ๑) สถานศกึ ษาและหนว่ ยงานท่ีเกี่ยวขอ้ ง (๑) จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคานึง ถงึ ความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล (๒) ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์และการประยุกต์ความรู้มาใช้ เพอ่ื ป้องกันและแก้ไขปญั หา (๓) จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติ ให้ทาได้คิดเป็นทาเป็น รกั การอ่าน และเกิดการใฝ่รอู้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง
ฌ (๔) จัดการเรียนการสอน โดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกัน รวมทัง้ ปลูกฝังคุณธรรม ค่านยิ มทด่ี งี ามและ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา (๕) ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม ส่ือการเรียน และอานวย ความสะดวกเพอื่ ให้ผเู้ รียนเกดิ การเรยี นรแู้ ละ มีความรอบรู้ รวมท้ังสามารถใช้การวิจัยให้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวน การเรยี นรู้ ท้งั นี้ผสู้ อนและผู้เรียนอาจเรียนรไู้ ปพร้อมกันจากสื่อการเรยี น การสอนและแหลง่ วทิ ยาการประเภทต่าง ๆ (๖) จัดการเรยี นรใู้ ห้เกดิ ขน้ึ ไดท้ ุกเวลา ทุกสถานท่ี มกี ารประสานความร่วมมือกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง และบคุ คลในชุมชนทุกฝา่ ย เพือ่ ร่วมกันพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ ๒) การจดั สภาพแวดล้อมส่งเสรมิ การเรียนรู้ (๑) จดั สภาพแวดลอ้ ม ห้องเรยี น หรือภายนอกห้องเรียน ให้เอ้ือต่อการเรียนรู้ สะอาด มีความเป็น ระเบียบ ตกแต่งหอ้ งเรียนใหน้ ่าอยู่ มมี ุมต่าง ๆ ในหอ้ งเรียน มที เ่ี กบ็ วสั ดุอปุ กรณ์ และง่ายต่อการนามาใช้ มีป้ายนิเทศ ให้ความรู้ ภายนอกห้องเรียนจัดบรรยากาศให้เป็นธรรมชาติน่าอยู่ ร่มรื่นและเหมาะกับกิจกรรมการเรียนรู้ ถกู สุขลกั ษณะและปลอดภยั (๒) จดั สภาพแวดล้อม หรอื ห้องใหผ้ ้เู รยี นไดฝ้ ึกปฏบิ ตั กิ าร (๓) จัดสอื่ อปุ กรณ์ ท่เี กย่ี วกบั การเรยี นรูอ้ ยา่ งเพยี งพอ เหมาะสม (๔) จดั หาเคร่ืองมือแสวงหาความรู้ หรือ ช่องทางเสนอข่าวสารต่าง ๆ เพ่ือให้ผู้เรียนได้รับรู้ข้อมูล ข่าวสารทีท่ ันสมยั ปัจจุบนั อยเู่ สมอ ๓) ครูผ้สู อน การจัดการเรียนรู้ตามแนวดังกล่าว จาเป็นต้องเปล่ียนแปลงพฤติกรรมการเรียนการสอน ทงั้ ของผเู้ รยี นและผู้สอน กล่าวคอื ลดบทบาทของครผู ู้สอน จากการเป็นผู้บอกเล่า บรรยาย สาธิต เป็นการวางแผน จัดกิจกรรมให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ กิจกรรมต่าง ๆ จะต้องเน้นที่บทบาทของผู้เรียนต้ังแต่เริ่ม คือ ร่วมวางแผน การเรียน การวัดผล ประเมินผล และต้องคานึงว่ากิจกรรมการเรียนน้ัน เน้นการพัฒนากระบวนการคิด วางแผน ลงมือปฏิบัติศึกษา ค้นคว้า รวบรวมข้อมูล ด้วยวิธีการต่าง ๆ จากแหล่งเรียนรู้หลากหลาย ตรวจสอบ วิเคราะห์ การแก้ปัญหา การมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน การสร้างคาอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลที่สืบค้นได้ เพื่อนาไปสู่คาตอบ ของปญั หาหรอื คาถามตา่ ง ๆ และสร้างองค์ความรู้ ท้ังนี้กิจกรรมการเรียนรู้เหล่าน้ีต้องพัฒนาผู้เรียนให้มีพัฒนาการ เหมาะสมตามวยั ท้ังทางร่างกาย อารมณ์สงั คม และสติปัญญา หลักการจัดกระบวนการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ระดับช้ันประถมศึกษา ครูผู้สอนต้อง จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ทใี่ หผ้ ู้เรียนไดเ้ รยี นร้อู ย่างมีความหมาย โดยการร่วมมือระหว่างครูกับผู้เรียน ผู้เรียนกับผู้เรียน ครตู ้องลดบทบาทในการสอนโดยเป็นผู้ชี้แนะ กระตุ้นให้ผู้เรียนกระตือรือร้นท่ีจะเรียนรู้ และปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ มากขึน้ และอยา่ งหลากหลาย ดังนี้ 1) ควรให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดเวลาด้วย การกระตุ้นให้นักเรียน ลงมือปฏิบัตแิ ละอภปิ รายผล โดยใชเ้ ทคนิคต่าง ๆ ของการสอน เชน่ การนาเข้าส่บู ทเรยี น การใชค้ าถาม การเสริมพลงั มาใชใ้ ห้เปน็ ประโยชน์ ทีจ่ ะทาใหก้ ารเรยี นการสอนน่าสนใจและมชี ีวติ ชีวา
ญ 2) ครูควรมีการวางแผนการใช้คาถามอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจะนานักเรียนเข้าสู่บทเรียน และลงข้อสรุปได้โดยที่ไม่ใช้เวลานานเกินไป ครูควรเลือกใช้คาถามที่มีความยากง่ายพอเหมาะกับความสามารถ ของนกั เรียน 3) เมื่อนักเรียนถาม อย่าบอกคาตอบทันที ควรให้คาแนะนาที่จะช่วยให้นักเรียนหาคาตอบได้เอง ครคู วรใหค้ วามสนใจตอ่ คาถามของนักเรียนทุก ๆ คน แม้ว่าคาถามน้ันอาจจะไม่เกี่ยวกับเร่ืองที่กาลังเรียนอยู่ก็ตาม ครูควรจะชี้แจงให้ทราบและเบนความสนใจของนักเรียนกลับมาสู่เรื่องที่กาลังอภิปรายอยู่ สาหรับปัญหาท่ีนักเรียน ถามมานัน้ ควรจะไดห้ ยบิ ยกมาอภิปรายในภายหลัง 4) การสารวจตรวจสอบซ้า เป็นสิ่งจาเป็นเพ่ือให้ได้ข้อมูลท่ีน่าเช่ือถือ ดังนั้น ในการจัดการเรียนรู้ ครูควรยา้ ใหน้ กั เรยี นได้สารวจตรวจสอบซ้าเพ่อื นาไปสูข่ อ้ สรุปท่ถี ูกตอ้ งและเชอื่ ถอื ได้ กระบวนการเรยี นรกู้ ลุ่มสาระการเรยี นรู้ศิลปะ เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ ได้แก่ การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ทัศนศึกษานอกสถานที่ การเรียนรู้ จากหอ้ งสมดุ แหล่งเรียนร้จู ากภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ ปราชญช์ าวบ้าน งานวิเคราะห์จากการศกึ ษาภาคสนาม การเรียนรู้โดยผู้เรียนลงมือปฏิบัติ เป็นการเรียนรู้ท่ีมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือทาจริง โดยกาหนด ภาระงาน (task) การวางแผนปฏบิ ัติ ลงมอื ปฏิบัตโิ ดยครใู หค้ าแนะนาและสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่าง ผู้เรียนฝึกได้ปฎิบัติ ตามลาดับข้ันตอนจนชานาญ ในรูปแบบของโครงงาน ศิลป์สร้างสรรค์ ท่ีเน้นกระบวนการกลุ่ม ประกอบด้วย การอภิปรายกลมุ่ ยอ่ ย การแก้ปญั หากลมุ่ สืบค้นความรู้ กล่มุ สมั พนั ธ์ การเรยี นรู้แบบรว่ มมือ การอภปิ ราย การเรียนรู้ผ่านกระบวนการคิด ได้แก่ การถามตอบ การสืบสอบ ความคิดรวบยอด การพัฒนา กระบวนการคิด การสอนโดยใช้วิธีการตั้งคาถามผู้เรียน การเรียนการสอนโดยใช้แผนผังความคิด ( Graphic Organizers) การเรยี นการสอนดว้ ยกระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์ ๓. สอื่ การจดั การเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้ สื่อการจัดการเรียนรู้ เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้นักเรียนได้รับ ความรู้ ทักษะกระบวนการได้ง่ายในระยะเวลาส้ันและช่วยให้เกิดความคิดรวบยอดอย่างถูกต้องและรวดเร็ว สื่อที่ปรากฏในแผนการจดั การเรียนรูม้ ีดังน้ี ๑) ใบความรู้ ใบงาน แผนภาพนาเสนอข้อมลู ๒) คลิป/วดี ิทัศน/์ ภาพขา่ วสถานการณ์ปัจจบุ นั ๓) สถานการณส์ มมุติ ๔) สอ่ื บคุ คล แหลง่ เรยี นรู้ เป็นเครื่องมอื สร้างคณุ ลกั ษณะการใฝ่เรียนรูท้ ่ีทุกคนตอ้ งใฝร่ ูต้ ลอดชวี ติ ดังนี้ ๑) แหล่งเรยี นรภู้ ายในโรงเรยี น ๒) แหล่งเรียนรู้ภายนอกโรงเรียน ได้แก่ ชุมชน ท้องถิ่น พิพิธภัณฑ์ หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ห้องสมุด ประชาชน ห้องสมุดแหง่ ชาติ หอ้ งสมดุ เป็นแหล่งเรียนรู้ที่สาคัญและเป็นหัวใจสาคัญของผู้เรียนในการศึกษาค้นคว้า โรงเรียนควรจัด ห้องสมุดกลาง ห้องสมดุ หมวดวิชา มมุ หนงั สอื ในห้องเรยี น หอ้ งสมุดเคลือ่ นท่ี รถเคลื่อนที่ ห้องสมุดประชาชนลว้ นเปน็ แหล่งเรียนรจู้ ะทาให้ผูเ้ รียนได้เรยี นรู้และปลูกฝังลกั ษณะนิสยั ทด่ี ใี นการสง่ เสรมิ นิสยั รักการอ่าน
ฎ ๓) แหลง่ เรยี นรูอ้ อนไลน์ - สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน - สานกั หอสมดุ มหาวิทยาลยั ตา่ งๆ - กระทรวงวัฒนธรรม ฯลฯ ๔. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงค์สาคัญของการประเมินการเรียนรู้ คือ การช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ ที่ผสู้ อนหรือหลักสูตรวางไว้ ปัญหาที่พบในปัจจุบันก็คือ ผู้บริหาร ผู้สอน ตลอดจนผู้ปกครองเป็นจานวนมากยังให้ ความสาคัญการเรียนรู้แบบท่องจาเพื่อสอบ หรือการเรียนรู้เพ่ือแข่งขัน ซ่ึงถือเป็นการเรียนรู้แบบผิวเผินมากกว่า การประเมินการเรยี นรรู้ ะหวา่ งเรียนการเรียนรู้เพ่อื พัฒนาตนเองซงึ่ ผลลพั ธข์ องการเรยี นรู้จะยัง่ ยนื กว่า (กุศลนิ มุสิกุล, ๒๕๕๕; ขจรศกั ด์ิ, เพ็ญจันทร์ และวรรณทพิ า รอดแรงคา้ , ๒๕๔๘) ในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาสมรรถนะด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนน้ัน จาเป็นต้องมีการประเมิน การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มต้นระหว่างและส้ินสุดกระบวนการเรียนรู้ โดยใช้การประเมินในรูปแบบ ที่หลากหลายสอดคล้องตามวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ รูปแบบการประเมินการเรียนรู้ ได้แก่ การประเมิน การเรยี นรรู้ ะหว่างเรียน (Formative Assessment) การประเมินการเรียนรู้สรุปรวม (Summative Assessment) และการประเมินการเรียนรู้ตามสภาพจริง (Authentic Assessment) ในการประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ และการประเมินตามสภาพจริงน้นั ผูส้ อนจาเป็นต้องสะทอ้ นการประเมนิ ใหผ้ เู้ รยี นรับทราบเพื่อปรับปรุงและพัฒนา ตนเอง และผู้สอนต้องนาผลการประเมินมาพิจารณาเพื่อทบทวนและปรับแผนการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้สามารถ ดาเนินการแก้ไข ช่วยเหลือ หรือหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนแต่ละคนเกิดการเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ตามแต่ละจดุ ประสงคก์ ารเรียนรูห้ รือเปา้ หมายของตัวชีว้ ัดตา่ ง ๆ (กุศลิน มสุ ิกุล, ๒๕๕๕ ) การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การประเมิน เพ่ือพัฒนาผเู้ รยี นและการตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนให้ประสบความสาเร็จนั้น ผ้เู รียนจะตอ้ งได้รบั การพฒั นาและประเมนิ ตามตวั ช้ีวัด เพ่อื ให้บรรลุตามมาตรฐานการเรยี นรู้ สะทอ้ นสมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและประเมินการเรียนรู้ในทุกระดับ (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, ๒๕๕๒) การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่ปรากฏในแผนการจัดการเรียนรู้ ให้ความสาคัญของก ารประเมิน พฤตกิ รรมการปฏบิ ัติ ดังน้ี ๑) วธิ กี ารประเมิน (1) การวัดและประเมินก่อนเรียน เพ่ือตรวจสอบความพร้อม และความรู้เดิมของผู้เรียน (ผสมผสานในกิจกรรมการเรียนรู้ขนั้ นา) (2) การวดั และประเมินระหวา่ งเรียน ไดแ้ ก่ ด้านความรู้ ทกั ษะการปฏิบัติ และคุณลักษณะ โดยวิธี การสังเกตพฤติกรรม ถามตอบพร้อมแสดงเหตุผล ตรวจชิ้นงาน การนาเสนอ (ผสมผสานในกิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันสอน) จุดมุง่ หมายของการประเมินระหวา่ งเรียน มดี ังนี้
ฏ (๒.๑) เพ่ือค้นหาและวินิจฉัยว่าผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเนื้อหา มีทักษะความชานาญ รวมถึง มเี จตคตทิ างการเรียนรอู้ ย่างไรและในระดบั ใด เพ่ือเปน็ แนวทางให้ผู้สอนสามารถวางแผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรไู้ ด้ อยา่ งเหมาะสม เพ่อื พัฒนาการเรียนรขู้ องผเู้ รยี นได้อย่างเต็มศักยภาพ (๒.๒) เพอื่ ใชเ้ ปน็ ข้อมลู ปอ้ นกลบั ให้กับผู้เรียนว่ามีผลการเรยี นรอู้ ย่างไร (๒.๓) เพอ่ื ใช้เปน็ ข้อมูลในการสรปุ ผลการเรียนรู้และเปรียบเทียบระดับพัฒนาการด้านการเรียนรู้ ของผเู้ รียนแตล่ ะคน (3) การวัดและประเมินหลังเรียน เพื่อตรวจสอบความสาเร็จตามจุดประสงค์รายแผน เป็นการพัฒนาในจุดท่ีผู้เรียนอาจจะเข้าใจคลาดเคลื่อนหรือปฏิบัติไม่ถูกต้อง (ผสมผสานในกิจกรรมข้ันสรุป) และเพื่อตดั สนิ ผลการจัดการเรียนรู้ เป็นการประเมินหลังจากผู้เรียนได้เรียนไปแล้ว ผลจากการประเมินประเภทน้ี ใชป้ ระกอบการตดั สินผลการจดั การเรียนการสอน หรอื ตัดสินใจว่าผเู้ รียนคนใดควรจะได้รบั ระดับคะแนนใด (๔) ประเมนิ รวบยอดเม่อื ส้ินสุดหน่วยการเรียนรู้ ดาเนนิ การดังนี้ การประเมินโดยครผู ู้สอน เพื่อตรวจสอบคุณภาพผเู้ รยี นวา่ บรรลเุ ป้าหมายของหน่วยการเรียนรู้ตาม มาตรฐาน ตัวชี้วัด สมรรถนะ คุณลักษณะ และเจตคติหรือไม่ เช่น การทาโครงงาน การนาความรู้ไปใช้เพื่อพัฒนา สงั คมในรูปแบบตา่ ง ๆ การประเมินโดยผเู้ รียนแตล่ ะคน โดยการทาแบบบันทกึ การเรียนรู้ (Learning log) ควรให้ผู้เรียน ไดป้ ระเมินการเรียนรขู้ องตนเอง เพอ่ื เปิดโอกาสไดส้ ะทอ้ นคดิ สง่ิ ท่เี รยี นรูท้ ้ังทีท่ าไดด้ ีและยังต้องพัฒนา (ตัวอย่างแบบ บนั ทกึ การเรียนรู้ ดภู าคผนวก ค.) ควรให้ผู้เรียนได้ประเมินการเรียนรู้ย่อยหลังจบการเรียนรู้แต่ละหน่วยการเรียนรู้ และประเมินการเรยี นรรู้ วมในชว่ งกลางภาคเรยี น และปลายภาคเรยี น โดยครสู ามารถเลอื กใช้ชุดคาถามและจานวนขอ้ ให้เหมาะสมกับบริบทของผู้เรียน ช่วงเวลาและธรรมชาติของแต่ละวิชา ทั้งนี้ในคร้ังแรกครูควรทาร่วมกับนักเรียน เพอ่ื แนะนาวิธกี ารเขียนแบบสะทอ้ นคดิ และควรอ่านส่ิงทีน่ กั เรยี นบันทกึ พร้อมใหข้ ้อมลู ย้อนกลับ เสนอแนะในเชงิ บวก และสร้างสรรค์ รวมทั้งใช้ประโยชน์จากข้อมูลในแบบบันทึกเพื่อพัฒนาการสอนของตัวเองและช่วยเหลือนักเรียน เปน็ รายบคุ คลต่อไป ๒) ผู้ประเมิน ได้แก่ เพื่อนประเมินเพ่ือน ครูประเมินผู้เรียน ผู้เรียนประเมินตนเอง และผู้ปกครอง ร่วมประเมิน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้านศลิ ปะ เปน็ กระบวนการทางสุนทรียศาสตร์ ท่ีเก่ยี วกบั รสนยิ ม ความช่ืนชอบ ความงาม เกณฑ์ในการวัดผลแบบนิยมท่ีเน้นความถูกต้องของการตอบข้อสอบใน มาตัดสินความงาม ความคิดสร้างสรรค์ไม่เหมาะสม การวัดและประเมินผลตามสภาพจริง จึงเหมาะท่ีจะใช้ประเมินผลการเรียนรู้ ทางศิลปะ เป็นการประเมนิ ความสามารถ และกระบวนการในการปฏิบัติในสถานการณ์จริง หรือคล้ายสถานการณ์ จริง ทั้งในและนอกห้องเรียน เน้นให้ผู้เรียนได้แสดงออกถึงความเข้าใจและทักษะการคิด ที่บูรณาการการเรียนรู้ เช่ือมโยงการนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน ด้วยการเรียนรู้ด้านศิลปะ ดนตรี และนาฏศิลป์มีความเก่ียวข้องกับวิถีชีวิต วฒั นธรรมของผู้คนในสงั คม การวัดและประเมินผลกับการจัดการเรียนการสอนศิลปะ จึงเป็นเรื่องที่สัมพันธ์กัน หากขาดสิ่งหน่ึง สง่ิ ใดการเรยี นการสอนก็ขาดประสทิ ธภิ าพ ครูต้องใชว้ ิธกี ารและเคร่ืองมือการประเมินที่หลากหลาย เช่น การสังเกต การซักถาม การระดมความคิดเหน็ เพอ่ื ให้ได้มติขอ้ สรุปของประเดน็ ทกี่ าหนด การใช้แฟ้มสะสมงาน การใช้ภาระงาน ท่เี นน้ การปฏิบัติ การประเมนิ ความรู้เดมิ การให้ผเู้ รียนประเมินตนเอง การให้เพ่ือนประเมินเพ่ือน และการใช้เกณฑ์
ฐ การให้คะแนน (Rubrics) สิ่งสาคัญที่สุดในการประเมินเพื่อพัฒนาคือ การให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้เรียนในลักษณะ คาแนะนาท่ีเชื่อมโยงความรู้เดิมกับความรู้ใหม่ทาให้การเรียนรู้พอกพูน แก้ไขความคิด ความเข้าใจเดิมที่ไม่ถูกต้อง ตลอดจนการให้ผ้เู รียนสามารถตั้งเปา้ หมายและพฒั นาตนได้ ในการประเมนิ เพ่อื ตดั สินผลการเรียนที่ดีต้องให้โอกาส ผู้เรียนแสดงความรู้ความสามารถด้วยวิธีการที่หลากหลายและพิจารณาตัดสินบนพื้นฐานของเกณฑ์ผลการปฏิบัติ มากกว่าใช้เปรียบเทียบระหว่างผู้เรยี น 5. คาแนะนาบทบาทครูปลายทางในการจดั การเรยี นรู้ ครูปลายทางควรมีบทบาทการสอนคู่ขนานกับครูต้นทางในการกากับดูแลช่วยเหลือนักเรียนในทุกข้ันตอน การสอน ดงั นี้ 1) ขัน้ เตรียมตวั กอ่ นสอน (1) ศึกษาทาความเข้าใจคาช้ีแจงและทาความเข้าใจเช่ือมโยง ท้ังเป้าหมาย กิจกรรมและการวัดผล และประเมินผลระหวา่ งหน่วยการเรยี นร้กู บั แผนการจัดการเรยี นรู้รายชั่วโมง (2) ศึกษาคน้ ควา้ ความรู้เพิ่มเตมิ จากแหล่งเรียนรู้ หน่วยงาน องค์กรท่ีให้ความรู้ที่เช่ือถือได้ รวมท้ัง เทคนิคการจดั การเรยี นรเู้ พือ่ พัฒนาความสามารถของผู้เรยี นอยา่ งรอบด้าน (3) ปรับ/ประยุกต์หรือเพ่ิม เป้าหมายท้ังเน้ือหา ทักษะกระบวนการ คุณลักษณะที่เป็นจุดเน้น และท่ีเป็นปัจจุบันตามบริบทของห้องเรียน โรงเรียน ชุมชน รวมถึงการวัดประเมินทักษะกระบวนการเรียนรู้ ตามศักยภาพของผเู้ รยี น และตามสภาพจริง (4) ศึกษาคลิปบทเรียนที่มีการอัพโหลดล่วงหน้าเพื่อทาความเข้าใจการจัดกิจกรรม PowerPoint และส่ือต่าง ๆ ที่ครูใช้ประกอบการสอน โดยเฉพาะแนวการจัดกิจกรรมในขั้นตอนช่วงการปฏิบัติ ท้ังด้านวิธีการ สื่อทใี่ ช้ และช่วงเวลาของการทาแต่ละกจิ กรรมเพ่ือนามาวิเคราะห์และหาแนวทางเตรยี มนกั เรียน/ชว่ ยเหลอื ส่งเสรมิ / อานวยความสะดวกนักเรียนตามบริบทของห้องเรียนของตนให้สามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเต็ม ตามศกั ยภาพ (5) เตรยี มใบงาน (ทค่ี ดั เลอื กสาหรบั มอบหมายให้นักเรียนได้ทาตามเห็นควรและเหมาะสม) รวมทั้ง การเตรียมอปุ กรณต์ ามระบใุ นแผนฯและ/หรอื ท่ปี รากฏในคลปิ (ในกรณีมีการปรับเปล่ียนเพ่มิ เติม) (6) ติดตามข้อมลู รายละเอียดการจัดกิจกรรมในช่วงการปฏิบัติตามกาหนดการสอนที่มีรายละเอียด ของสือ่ การสอน ใบงาน ใบความรู้ บนเว็บไซต์ www.dltv.ac.th 2) ขัน้ การจดั การเรียนรู้ (1) สร้างการมีส่วนร่วมของนักเรียนในการทากิจกรรม เช่น กระตุ้นให้นักเรียนคิด ตอบคาถาม ของครตู ้นทาง ฟังเฉลยและช่วยเสรมิ /อธิบาย/ในสิง่ ท่ีนักเรียนยังไมเ่ ขา้ ใจ ชมเชย/ใหก้ าลังใจหากนักเรียนทาไดด้ ี (2) ใหค้ วามชว่ ยเหลือนกั เรียนท่ีตามไม่ทัน เช่นอธิบายเพิ่มเติมเพ่ือให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ต่อไป อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ (3) กากับดูแลให้มวี ินยั ในการเรียนเชน่ ไม่เล่นหรือพูดคุยกนั ปฏิบตั ติ ามคาสั่งในการทากิจกรรม ฯลฯ (4) อานวยความสะดวกในการเรียนรู้ เช่น จัดเตรียมสอื่ การเรยี นรู้/อุปกรณ์
ฑ (5) สงั เกตพฤติกรรมนักเรยี นเช่น คณุ ลกั ษณะผู้เรียน, สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน การจัดการเรยี นร้/ู การปฏิบัติงาน ความรู้ในบทเรียน และบันทึกข้อมูลตามแนวทางประเมินท่ีแนะนาไว้ในแผนการจัดการเรียนรู้ เพือ่ นาข้อมลู ไปพัฒนานกั เรียนและใหค้ วามช่วยเหลอื นักเรยี นทง้ั ช้นั /กลมุ่ /รายบุคคลตามกรณี 3) ขั้นการปฏบิ ัติ (1) ทบทวนขั้นตอนการทากิจกรรมตามที่ครูต้นทางแนะนา และตามข้อแนะนาการปฏิบัติท่ีระบุ ใน PowerPoint ตรวจสอบความเขา้ ใจ และเตรียมนกั เรียนก่อนทากิจกรรม (การแบ่งกลุ่ม ฯลฯ) (2) กากับใหก้ ารทากิจกรรมเป็นไปตามลาดับเวลาตามแนวทางท่ีระบุบน PowerPoint (3) ใหค้ วามชว่ ยเหลอื นกั เรยี นในระหว่างการทากิจกรรม (4) เตรยี มพรอ้ มนกั เรียนสาหรบั กจิ กรรมในขั้นตอนสรุปการเรียน (ถ้ามี) เช่น การสรุปผลปฏิบัติงาน เพอื่ เทยี บเคยี งกับผลงานท่ีนกั เรยี นต้นทางจะนาเสนอ เป็นตน้ 4) ขนั้ สรปุ (1) กากบั นกั เรียนให้มสี ว่ นรว่ มในการเฉลยใบงาน/สรปุ ผลการทากจิ กรรม ฯลฯ (2) ทบทวนประเดน็ สาคญั ที่มกี ารสรุปทา้ ยชว่ั โมง และงาน/ใบงานท่ีครตู ้นทางมอบหมายให้ทาเป็น การบ้าน/หรอื ใบงานทคี่ รปู ลายทางไดเ้ ลอื กมาใช้กบั ชน้ั เรียนของตน (3) จัดให้นักเรียนได้ทาแบบประเมินตามระบุในหัวข้อ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ (เฉพาะหลังจบแตล่ ะหน่วยการเรยี นรแู้ ละครงึ่ /ปลายภาคเรยี น) 5 ) การบนั ทึกผลหลงั สอน (1) บันทึกการจัดการเรยี นร้ขู องตนเอง โดยใชข้ อ้ มลู จากแบบสังเกตพฤติกรรมผู้เรียนระหว่างเรียน และแบบประเมนิ ตนเอง บันทกึ การเรยี นร้ขู องนกั เรียนเพ่ือวิเคราะห์เทคนิค หรือวิธีการใด ท่ีทาให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม มีความรู้ มที ักษะ และคุณลกั ษณะตามจดุ ประสงค์ (2) บันทกึ สาเหตขุ องความสาเรจ็ อปุ สรรค และ/หรอื ขอ้ จากัดท่ีเกิดขึ้น เช่น เทคนิค หรือวิธีการใด การบริหารจัดการชน้ั เรยี น การจัดบรรยากาศ ส่ิงแวดล้อมอย่างไร ฯลฯ ที่ทาให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม มีความรู้ มีทักษะ และคุณลักษณะตามจุดประสงค์ โดยใช้คาถามที่ให้ไว้ใน “คาถามบันทึกผลหลังสอนสาหรับครูปลายทาง” (ดภู าคผนวก ค.) เป็นแนวทางในการย้อนคิด ไตร่ตรองสิง่ ท่ีเกิดข้ึนและนาไปบนั ทึกผลหลงั สอนของชัว่ โมงนนั้ ๆ (3) วิเคราะห์และสรปุ ผลจากขอ้ มลู ตามปญั หา/ความสาเร็จท่ีเกิดข้ึน และเสนอแนวทางการปรับปรงุ เพือ่ นามาพัฒนาการจดั การเรยี นรู้ และชว่ ยเหลือ/ส่งเสริมนักเรียนในการจัดการเรียนรู้ในคร้ังต่อไป รวมทั้งนาไปใช้ เป็นข้อมูลเพื่อพัฒนาเป็นงานวิจยั ในชัน้ เรยี นตอ่ ไป
ฒ รหัสวชิ า ศ12101 คาอธบิ ายรายวิชาพนื้ ฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๒ จานวน ๑ หน่วยกิต รายวชิ า ทัศนศิลป์ ดนตรี–นาฏศลิ ป์ เวลา ๔๐ ช่วั โมง ทศั นศลิ ป์ ศกึ ษารปู รา่ ง รูปทรงทพี่ บในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทัศนธาตุ และงานทัศนศิลป์ โดยเน้นเส้น สี รูปร่าง รปู ทรง การใชว้ สั ดอุ ปุ กรณส์ รา้ งงานทัศนศลิ ป์ ๓ มิติ สรา้ งภาพปะตดิ จากกระดาษ วาดภาพ เร่ืองราวเหตุการณ์ชีวิต จริง และงานโครงสร้างเคล่ือนไหว บอกความสาคัญของงานทัศนศิลป์ประเภทต่าง ๆ ที่พบในท้องถิ่นและใน ชีวิตประจาวัน ดนตรี ศกึ ษาเรียนรู้และเข้าใจ แหล่งกาเนดิ ของเสยี ง การจาแนก สงู –ต่า ดงั –เบา ช้า–เร็ว ส้ัน–ยาว การเคลื่อนไหว ประกอบเพลง เครอื่ งดนตรีประกอบเพลง การขบั รอ้ งเพลง ความหมายและความสาคัญของเพลงในทอ้ งถิน่ และเพลง ท่ีใช้ในชีวติ ประจาวัน นาฏศลิ ป์ ศึกษาเรยี นร้แู ละปฏิบตั ิการเคล่ือนไหวอยา่ งมรี ูปแบบ การประดิษฐ์ท่าทาง หลักและวิธีการปฏิบัตินาฏศิลป์ การใช้ภาษาท่าและนาฏศิลป์ มารยาทในการชมหรือการมีส่วนรว่ ม โดยใชว้ ธิ ีการศกึ ษาขอ้ มูล เพอ่ื ให้เกิดความรู้ความ เข้าใจ สุนทรยี รส และนาความรู้ไปใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวันได้ รหสั ตัวชวี้ ดั ศ 1.1 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4 ป.2/5 ป.๒/๖ ป.๒/7 ป.2/8 ทัศนศิลป์ ศ 1.2 ป.2/1 ป.2/2 ดนตรี ศ 2.1 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4 ป.2/5 ศ 2.2 ป.2/1 ป.2/2 นาฏศลิ ป์ ศ 3.1 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 ป.2/4 ป.2/5 ศ 3.2 ป.2/1 ป.2/2 ป.2/3 รวมทั้งหมด ๒๕ ตัวชีว้ ัด
ณ รหสั วิชา ศ1๒101 มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวัด ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๒ ภาคเรียนที่ ๑ จานวน ๐.๕ หนว่ ยกติ รายวชิ า ทัศนศลิ ป์ ดนตรี–นาฏศลิ ป์ รวมเวลา ๒๐ ชั่วโมง สาระท่ี ๑ ทศั นศลิ ป์ มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ศ ๑.๑ สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่องาน ศิลปะอย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ใน ชวี ิตประจาวนั ตัวชี้วัด ป.๒/๑ บรรยายรปู ร่าง รูปทรงทพี่ บในธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม ป.๒/๒ ระบทุ ัศนธาตุทีอ่ ยใู่ นสิง่ แวดล้อม และงานทศั นศลิ ป์ โดยเน้นเรอื่ งเสน้ สี รปู รา่ ง และรูปทรง ป.๒/๓ สร้างงานทัศนศิลป์ต่าง ๆ โดยใชท้ ัศนธาตทุ ่ีเน้นเสน้ รปู ร่าง ป.๒/๔ มที กั ษะพน้ื ฐานในการใช้วสั ดุ อุปกรณ์ สรา้ งงานทศั นศลิ ป์ ๓ มติ ิ ป.๒/๕ สรา้ งภาพปะตดิ โดยการตดั หรอื ฉีกกระดาษ ป.๒/๖ วาดภาพเพือ่ ถา่ ยทอดเร่อื งราวเกยี่ วกบั ครอบครวั ของตนเองและเพ่ือนบ้าน ป.๒/๗ เลือกงานทศั นศิลป์ และบรรยายถึงสง่ิ ท่ีมองเห็น รวมถึงเน้ือหาเรอื่ งราว ป.๒/๘ สร้างสรรคง์ านทศั นศลิ ปเ์ ป็นรูปแบบงานโครงสรา้ งเคลือ่ นไหว มาตรฐาน ศ ๑.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่างาน ทัศนศิลป์ท่ีเปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภมู ิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและสากล ตวั ชว้ี ัด ป.๒/๑ บอกความสาคัญของงานทศั นศลิ ป์ท่พี บเหน็ ในชีวิตประจาวัน ป.๒/๒ อภิปรายเกี่ยวกบั งานทศั นศิลปป์ ระเภทต่าง ๆ ในทอ้ งถน่ิ โดยเนน้ ถงึ วิธกี ารสรา้ งงานและวสั ดุอปุ กรณ์ ที่ใช้ สาระท่ี ๒ ดนตรี มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ศ ๒.๑ เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่าดนตรี ถ่ายทอดความรู้สกึ ความคิดต่อดนตรอี ยา่ งอสิ ระ ช่นื ชม และประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ประจาวนั ตัวชี้วดั ป.๒/๑ จาแนกแหล่งกาเนิด ของเสยี งทีไ่ ดย้ ิน ป.๒/๒ จาแนกคณุ สมบัตขิ องเสยี ง สงู -ต่า , ดงั -เบา ยาว-สนั้ ของดนตรี ป.๒/๓ เคาะจงั หวะหรือเคลอ่ื นไหวร่างกายให้สอดคลอ้ งกับเนือ้ หาของเพลง ป.๒/๔ ร้องเพลงง่าย ๆ ทเี่ หมาะสมกับวัย ป.๒/๕ บอกความหมายและความสาคญั ของเพลงท่ีได้ยิน มาตรฐาน ศ ๒.๒ เขา้ ใจความสมั พันธร์ ะหว่างดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่าของดนตรีที่ เปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่ ภูมิปญั ญาไทยและสากล
ด ตัวชีว้ ัด ป.๒/๑ ระบุลักษณะเด่นและเอกลักษณข์ องดนตรใี นท้องถิ่น ป.๒/๒ ระบุความสาคญั และประโยชนข์ องดนตรีตอ่ การดาเนินชีวติ ของคนในท้องถิน่ สาระท่ี ๓ นาฏศลิ ป์ มาตรฐาน ศ ๓.๑ เข้าใจ และแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า นาฏศิลปถ์ ่ายทอดความรสู้ ึก ความคิดอย่างอิสระ ชนื่ ชม และประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวัน ตัวช้ีวดั ป.๒/๑ เคลือ่ นไหวขณะอยกู่ ับท่ีและเคลือ่ นท่ี ป.๒/๒ แสดงการเคลือ่ นไหวที่สะท้อนอารมณข์ องตนเองอยา่ งอสิ ระ ป.๒/๓ แสดงทา่ ทาง เพื่อส่ือความหมายแทนคาพูด ป.๒/๔ แสดงทา่ ทางประกอบจงั หวะอย่างสร้างสรรค์ ป.๒/๕ ระบมุ ารยาทในการชมการแสดง มาตรฐาน ศ ๓.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เห็นคุณค่าของ นาฏศิลป์ท่เี ปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปญั ญาทอ้ งถน่ิ ภมู ปิ ัญญาไทยและสากล ตวั ชวี้ ัด ป.๒/๑ ระบแุ ละเล่นการละเลน่ พน้ื บา้ น ป.๒/๒ เชื่อมโยงสงิ่ ที่พบเห็นในการละเล่นพืน้ บ้านกบั สิ่งที่พบเห็นในการดารงชีวติ ของคนไทย ป.๒/๓ ระบุสงิ่ ท่ีช่ืนชอบและภาคภมู ิใจในการละเลน่ พนื้ บา้ น
ต โครงสร้างรายวิชา รหสั วชิ า ศ๑๒๑๐๑ รายวชิ า ทัศนศิลป์-ดนตร–ี นาฏศลิ ป์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๒ ภาคเรียนที่ ๑ รวมเวลา ๒๐ ช่ัวโมง จานวน ๐.๕ หนว่ ยกิต สาระทัศนศิลป์ มาตรฐานการเรยี นร/ู้ สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา นา้ หนกั ตัวชว้ี ัด คะแนน หน่วยที่ ชอ่ื หนว่ ย (ช่วั โมง) การเรียนรู้ ศ ๑.๑ ป.๒/๑ ๑๐ ป.๒/๒ การสรา้ งสรรคง์ าน ๔ ๑ กาเนิดศลิ ป์ ป.๒/๓ ๑๕ ป.๒/๗ ทัศนศลิ ป์นนั้ มอี งค์ประกอบ ศ ๑.๒ ป.๒/๑ มากมายในการนามาใช้ สรา้ งสรรคผ์ ลงานสงิ่ เหล่านนั้ เรยี กวา่ ทัศนธาตุ การเลือกใช้ ทศั นธาตุต่าง ๆ มีส่วนสาคญั ในการสร้างงานทศั นศลิ ปใ์ หเ้ กิด ความสวยงามอกี ท้งั ยังสอ่ื สาร ความหมายบอกเลา่ เรอื่ งราว ผา่ นตัวผลงานได้อกี ด้วย ๒ สรรค์สร้างงานศลิ ป์ ศ ๑.๑ ป.๒/๓ ผลงานทศั นศลิ ป์มีอยู่ ๖ ป.๒/๔ รอบตวั เรา แฝงอยู่ใน ป.๒/๕ ป.๒/๖ ชวี ติ ประจาวัน ทอ้ งถ่ินทเ่ี ราอยู่ ป.๒/๗ อาศยั ซึ่งมรี ปู แบบเทคนคิ ป.๒/๘ ศ ๑.๒ ป.๒/๑ วธิ กี ารที่มากมายในการ ป.๒/๒ สร้างสรรคแ์ ตกต่างกันออกไป ตามวัสดุอุปกรณเ์ ร่ืองราว สภาพแวดล้อมตา่ ง ๆ
ถ สาระดนตร–ี นาฏศลิ ป์ มาตรฐานการเรยี นรู/้ สาระสาคญั / เวลา น้าหนัก หน่วยท่ี ช่อื หนว่ ย ตวั ชี้วดั ความคิดรวบยอด (ชัว่ โมง) คะแนน การเรียนรู้ ศ ๒.๑ ป.๒/๑ ศึกษาเรียนร้แู ละ ๔ ๑๐ ๓ สนกุ กบั ดนตรี ป.๒/๒ ป.๒/๓ เขา้ ใจแหล่งกาเนิดของเสยี ง ๖ ๑๕ ๔ นาฏศลิ ป์ไทย ป.๒/๔ คุณลกั ษณะของเสยี ง ป.๒/๕ การเคลื่อนไหวประกอบเพลง ๒๐ ๒๕ ศ ๓.๑ ป.๒/๑ เพื่อใหเ้ กิดความรู้ความเข้าใจ ป.๒/๒ ในการนาไปใช้ โดยสามารถ ป.๒/๓ บอกถึงความหมายจากการฟงั ป.๒/๔ ป.๒/๕ ต่าง ๆ และถา่ ยทอดความรู้ ใหก้ ับผ้อู นื่ ได้ รวมตลอดภาคเรียน ศกึ ษาเรยี นรูแ้ ละ ปฏิบัตกิ ารเคลอ่ื นไหวอยา่ งมี รปู แบบ การประดษิ ฐท์ ่าทาง หลกั และวธิ ีการปฏิบตั ิ นาฏศิลป์ การใชภ้ าษาทา่ และ นาฏศลิ ป์ โดยใชว้ ธิ กี ารศกึ ษา ข้อมลู เพอ่ื ให้เกิดความรูค้ วาม เข้าใจ สุนทรียรส และนา ความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ใน ชวี ติ ประจาวันได้
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เร่อื ง กาเนดิ ศิลป์ ๑ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ๑ กาเนดิ ศิลป์
2 คู่มือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ศลิ ปะ ป.๒) หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๑ ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ กาเนดิ ศิลป์ รหัสวชิ า ศ๑๒๑๐๑ รายวิชา ศิลปะ (ทัศนศลิ ป์) กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ศลิ ปะ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๒ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๔ ชัว่ โมง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ัด สาระ ทศั นศิลป์ มาตรฐานศ ๑.๑ สร้างสรรคง์ านทศั นศลิ ปต์ ามจนิ ตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่า งานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระ ช่ืนชม และประยุกต์ใช้ใน ชีวติ ประจาวนั ตวั ชว้ี ดั ศ ๑.๑ ป.๒/๑ บรรยายรูปรา่ ง รูปทรงทีพ่ บในธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม ศ ๑.๑ ป.๒/๒ ระบทุ ัศนธาตุทีอ่ ยใู่ นสงิ่ แวดล้อมและงานทศั นศิลป์ โดยเน้นเรื่องเส้น สี รูปร่าง และรปู ทรง ศ ๑.๑ ป.๒/๓ สรา้ งงานทัศนศลิ ป์ต่าง ๆ โดยใช้ทศั นธาตุที่เนน้ เสน้ รปู รา่ ง ศ ๑.๑ ป.๒/๗ เลอื กงานทัศนศลิ ป์ และบรรยายถึงสง่ิ ท่ีมองเห็น รวมถึงเนอื้ หาเร่อื งราว มาตรฐานศ ๑.๒ เข้าใจความสมั พนั ธ์ระหวา่ งทศั นศลิ ป์ ประวัตศิ าสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคุณค่างานทัศนศิลป์ที่เป็น มรดกทางวัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถนิ่ ภูมปิ ัญญาไทย และสากล ตัวช้วี ัด ศ ๑.๒ ป.๒/๑ บอกความสาคญั ของงานทศั นศลิ ป์ท่พี บเหน็ ในชวี ติ ประจาวัน ๒. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์น้นั มีองค์ประกอบมากมายในการนามาใชส้ ร้างสรรค์ผลงาน สิง่ เหล่านั้นเรียกว่า ทัศนธาตุ การเลือกใช้ทัศนธาตุต่าง ๆ มีส่วนสาคัญในการสร้างงานทัศนศิลป์ให้เกิดความสวยงามอีกท้ังยังสื่อสาร ความหมายบอกเล่าเรือ่ งราวผ่านตวั ผลงานได้อกี ด้วย ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ ความรูค้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั ทศั นธาตุที่อย่ใู นธรรมชาตสิ ง่ิ แวดล้อม และงานทศั นศลิ ป์ ๓.๒ ทกั ษะ/กระบวนการ สรา้ งสรรคผ์ ลงานทัศนศลิ ปจ์ ากการใช้ทศั นธาตุท่เี นน้ เส้น รปู รา่ ง ๓.๓ เจตคติ ทัศนคติทดี่ ตี อ่ งานทัศนศิลป์ มองเหน็ คุณค่าและความสาคัญของงานทศั นศลิ ป์
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๑ เร่ือง กาเนดิ ศิลป์ ๓ ๔. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น ความสามารถในการคิด - ทักษะการคิดวิเคราะห์ - ทกั ษะกระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์ ความสามารถในการส่ือสาร - ความสามารถในการใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะ ของตนเอง ๕.คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ - มีวินัย - ใฝเ่ รียนรู้ - มงุ่ มั่นในการทางาน - มจี ิตธารณะ ในการช่วยเหลอื และแบง่ ปันวสั ดอุ ปุ กรณใ์ นการทางาน ๖.การประเมนิ ผลรวบยอด - ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน - ภาพวาดระบายสี เกณฑ์การประเมินผลชน้ิ งานหรอื ภาระงาน ประเด็นการ ๓ (ดีมาก) ระดบั คุณภาพ ๑ (พอใช้) ประเมนิ ๒ (ดี) นาเสนอเส้นได้บ้าง นาเสนอเส้นได้มากกวา่ ๗ ชนิด 1. การนาเสนอ ขนึ้ ไป นาเสนอเสน้ ได้ ๕ ชนิด ขึ้นไป นักเรยี นลงสชี ้นิ งาน เสน้ ไมส่ มบรู ณ์ 2. การใชส้ ี นักเรียนลงสชี ิน้ งานอย่าง นักเรียนลงสชี ้นิ งานอยา่ ง สมบรู ณ์ เรียบเนียน ลงสอี ยู่ สมบรู ณ์ เรียบเนียน ไม่ออก นาเสนอรูปร่าง และ 3. ภาพรปู รา่ ง ภายในกรอบไม่ออกนอกเสน้ นอกเสน้ แต่ยงั เลอื กใชส้ สี นั ได้ รูปทรงของสงิ่ ตา่ ง ๆ รูปทรงใน ลงสสี นั สวยงามและนา่ สนใจ ไมเ่ หมาะสม ในธรรมชาติ และ ธรรมชาตแิ ละ นาเสนอรปู รา่ ง และรูปทรง สง่ิ แวดลอ้ มไดน้ ้อยกวา่ ส่งิ แวดลอ้ ม นาเสนอรปู ร่าง และรปู ทรงของ ของสง่ิ ตา่ ง ๆ ในธรรมชาติ ๕ ชนดิ สิ่งตา่ ง ๆ ในธรรมชาติ และ และสง่ิ แวดลอ้ มได้ ๕ ชนดิ ถ่ายทอดเรือ่ งราวได้บ้าง ส่งิ แวดล้อมได้ ๗ ชนิดขน้ึ ไป ข้ึนไป นกั เรยี นทางาน 4. ภาพระบายสี ถ่ายทอดเรอ่ื งราวไดช้ ดั เจน ถา่ ยทอดเรอ่ื งราวได้ ไม่ประณีต ไมเ่ รียบรอ้ ย ประกอบนิทาน ถกู ต้อง มีความประณีต มคี วามเรยี บร้อย สะอาด และสกปรก เรยี บร้อย สะอาด 5. ความประณีต นกั เรียนทางานประณีต เรียบรอ้ ย นกั เรยี นทางานประณตี เรียบร้อยแตค่ ่อนขา้ งสกปรก เรยี บร้อย สะอาด
๔ คู่มอื ครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ศลิ ปะ ป.๒) เกณฑก์ ารตดั สินการประเมิน หมายถึง ดีมาก ระดับคณุ ภาพ ๓ หมายถงึ ดี ระดบั คุณภาพ ๒ หมายถงึ พอใช้ ระดบั คุณภาพ ๑ เกณฑ์การผา่ น ต้งั แต่ระดับ พอใช้ ขึ้นไป
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ ๑ เรอ่ื ง กาเนิดศิลป์ ๕ แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๑ เรื่อง เส้น หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๑ เร่ือง กาเนิดศิลป์ เวลา ๑ ช่วั โมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ศลิ ปะ รายวิชา ศลิ ปะ (ทัศนศิลป์) ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๒ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั ศ ๑.๑ สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่า งานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรสู้ กึ ความคิดต่องานศิลปะอยา่ งอสิ ระ ช่นื ชม และประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจาวนั ศ ๑.๑ ป.๒/๒ ระบุทัศนธาตุที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมและงานทัศนศิลป์ โดยเน้นเรื่องเส้น สี รูปร่าง และรูปทรง ศ ๑.๑ ป.๒/๓ สร้างงานทศั นศลิ ป์ตา่ ง ๆ โดยใช้ทศั นธาตุทีเ่ น้นเส้น รปู ร่าง ศ ๑.๒ เข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งทศั นศลิ ป์ ประวตั ศิ าสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคณุ คา่ งานทศั นศิลปท์ ่เี ป็นมรดก ทางวัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น ภมู ิปญั ญาไทย และสากล ศ ๑.๒ ป.๒/๑ บอกความสาคญั ของงานทศั นศิลป์ที่พบเห็นในชีวติ ประจาวนั ๒. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด เส้น ในธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อมมีหลากหลายลักษณะ ซ่ึงมีความหมายให้อารมณ์ความรู้สึกแตกต่างกันไ ป ผ้สู ร้างงานทัศนศิลป์ใช้เส้นในการสอื่ ความหมายถา่ ยทอดอารมณ์ความรูส้ กึ เปน็ ผลงานศลิ ปะทม่ี คี ุณคา่ ต่อตนเองและสงั คม ๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๓.๑ ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ (K) - นาเสนอเส้น ในธรรมชาติและสิง่ แวดล้อมได้ ๓.๒ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) - สังเกต และจาแนกเสน้ ในธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มได้ ๓.๓ ดา้ นคณุ ลักษณะ เจตคติ ค่านยิ ม (A) - ตระหนกั รรู้ คู้ ณุ คา่ ของงานทศั นศิลป์ ๔. สาระการเรียนรู้ - เส้นในธรรมชาติ ส่งิ แวดล้อม และงานทศั นศลิ ป์ ๕. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ความสามารถในการคิด - ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ - ทักษะกระบวนการคิดสรา้ งสรรค์ ความสามารถในการสอื่ สาร - ความสามารถในการใชภ้ าษาถา่ ยทอดความคดิ ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเอง ในชีวิตประจาวนั ๖. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ - มุง่ มัน่ ในการทางาน - ใฝ่เรียนรู้ ๗. กิจกรรมการเรียนรู้
๖ การจดั กิจกรรมการเรียนร แผนการจดั การเรีย รายวิชา ศิลปะ (ทัศนศลิ ป์) หน่วยการเรียนรูท้ ลาดับ ขอบเขตเน้อื หา/ ขน้ั ตอนการจดั เวลา กจิ กรรม ท่ี จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ การเรียนรู้ ทใ่ี ช้ ๑ 1. ตระหนักรูร้ ู้คุณคา่ ของ งานทศั นศลิ ป(์ A) ขน้ั นา ๕ นาที 1. ครูสนทนาซกั ถ ๑) นักเรียนรจู้ กั มีเส้นอะไรบ้าง 2. ครูให้นกั เรยี นม และสงั เกต ส่งิ ต่าง แล้วถามวา่ 1) นักเรยี นคิดว รอบตวั ประกอบดว้ อะไรบ้าง 3. ครูชี้แจงเพมิ่ เตมิ สง่ิ แวดลอ้ มรอบมกี เป็นสว่ นประกอบม ลกั ษณะของเส้น จ ความรสู้ ึกท่แี ตกตา่ ผู้สรา้ งงานศลิ ปะจ ต่าง ๆ เหลา่ นัน้ มา ความรูส้ ึกกบั ผู้ชมง
คมู่ อื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ศลิ ปะ ป.๒) รู้ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๒ ยนรทู้ ี่ ๑ เรอื่ ง เส้น ท่ี 1 เร่ือง กาเนดิ ศลิ ป์ จานวน ๑ ช่วั โมง แนวการจัดการเรียนรู้ ส่ือการเรยี นรู้ การประเมิน การเรียนรู้ มครู กจิ กรรมนกั เรียน - ถาม-ตอบ ถามนักเรียน - การสงั เกต 1. นักเรียนสนทนาและ กเสน้ หรือไม่ ตอบคาถาม มอง สารวจ 1) นักเรยี นตอบ (รจู้ ัก ง ๆ รอบตัว เสน้ ตรง เส้นโคง้ ฯลฯ ) 2. นกั เรยี นมอง สารวจ และสงั เกตไปรอบ ๆ ห้องเรียน ว่าส่ิงต่าง ๆ 1) นักเรียนตอบ (ประตู วยเส้น ประกอบดว้ ยเส้นตรง นาฬกิ า ประกอบดว้ ยเสน้ โค้ง ฯลฯ) มวา่ การใชเ้ สน้ มากมาย จะให้ างกันออกไป จะนาเสน้ าสอ่ื สาร งานศิลปะ
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๑ เรือ่ ง กาเนิดศิลป์ ลาดบั ขอบเขตเนอื้ หา/ ขัน้ ตอนการจดั เวลา ที่ จุดประสงค์การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ทใี่ ช้ กิจกรรมค ๒ 2. สงั เกต และจาแนกเส้น ข้นั สอน ๑๕ 1. ครใู หน้ ักเรียนสารว และในธรรมชาตแิ ละ นาที ภาพวาดระบายสี แลว้ สงิ่ แวดล้อมได้ (P) ว่า ๑) นักเรียนเห็นเส้น นบ้ี า้ ง ๒) ภาพนี้ ใหค้ วามร ต่อนักเรยี น 2. ครูช้แี จงเพมิ่ เติมว่า ใหค้ วามรสู้ กึ อยา่ งไรแล ใช้ในงานทัศนศิลปไ์ ด้อ 3 3. นาเสนอเส้นในธรรมชาติ ขั้นปฏบิ ตั ิ ๒๕ ครูให้นักเรยี นวาดภาพ และสงิ่ แวดลอ้ มได้ (K, P) นาที โดยครสู มุ่ แจกใบงานเ แบบให้กบั นักเรียน วา โดยให้เส้นที่นักเรียนได องคป์ ระกอบหลักในภ ระบายสีใหส้ วยงาม 4 4. นาเสนอเสน้ ในธรรมชาติ ขน้ั สรปุ ๕ 1. ครสู รปุ ความรเู้ รือ่ ง และสงิ่ แวดล้อมได้ (K, P) นาที นกั เรียน โดยสมุ่ นกั เรยี 5. ตระหนกั รรู้ คู้ ุณคา่ ของงาน นาเสนอผลงานของตน ทศั นศลิ ป์(A) 2. ครูมอบหมายการเต อุปกรณใ์ นครัง้ ถัดไป
7 แนวการจัดการเรียนรู้ สอื่ การเรยี นรู้ การประเมนิ การเรียนรู้ ครู กิจกรรมนกั เรียน - Power Point เรอ่ื งเส้น - แบบประเมิน วจ และสังเกต - ภาพผลงาน ภาระงาน วถามนกั เรียน ทัศนศลิ ป์ที่ มีเส้นเป็น นอะไรในภาพ 1) นกั เรยี นตอบ (เส้นตรง องค์ประกอบหลกั เส้นโคง้ ) รสู้ ึกอยา่ งไร 2) นักเรียนตอบ (สนุก มึนงง) าแต่ละเส้น - ใบงานเร่ือง เส้น และเรานามา อยา่ งไรบ้าง พต่อเตมิ เส้น นกั เรียนวาดภาพตอ่ เตมิ เสน้ เส้น แตล่ ะ ลงในใบงานทค่ี รสู มุ่ แจก าดภาพต่อเตมิ พรอ้ มระบายสใี หส้ วยงาม ดเ้ ป็น ภาพ และ งเส้นร่วมกับ นกั เรยี นนาเสนอผลงานของ - ชน้ิ งาน - ถาม-ตอบ ตนเอง - การสงั เกต ยนออกมา นเอง ตรยี มวสั ดุ
๘ คูม่ อื ครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ศิลปะ ป.๒) ๘. ส่ือการเรียนรู/้ แหลง่ เรียนรู้ ๘.๑ PowerPoint ๘.๒ ภาพผลงานทศั นศลิ ปท์ ่มี ีเส้นเป็นองคป์ ระกอบหลัก ๘.๓ ใบงานเร่อื ง เสน้ ๙. การประเมนิ การเรยี นรู้ ๙.๑ ประเมนิ ความรคู้ วามเข้าใจ และทกั ษะ/กระบวนการ ดว้ ยแบบประเมนิ ผลงาน (K, P) เกณฑ์การประเมนิ ผลงาน รายการประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ๓ ๒๑ นาเสนอเสน้ ได้ ๕ ชนิด ขน้ึ ไป นาเสนอเสน้ ได้บ้าง 1. การนาเสนอเส้น นาเสนอเสน้ ได้มากกวา่ ๗ ชนดิ ขึ้นไป นกั เรยี นทางานประณีต นักเรียนทางาน เรยี บร้อยแต่คอ่ นข้างสกปรก ไม่ประณตี ไม่เรยี บร้อย 2. ความประณตี เรียบร้อย นกั เรียนทางานประณตี เรยี บร้อย สะอาด และสกปรก เกณฑก์ ารตดั สินการประเมิน ระดบั คุณภาพ ๓ หมายถึง ดมี าก ระดบั คุณภาพ ๒ หมายถงึ ดี ระดับคณุ ภาพ ๑ หมายถงึ พอใช้ เกณฑก์ ารผ่าน ตัง้ แต่ระดบั พอใช้ ขึน้ ไป ๙.๒ ประเมินคณุ ลกั ษณะ ด้วยแบบสงั เกตพฤตกิ รรม (A) แบบประเมินพฤติกรรมนกั เรียน คาชแี้ จง ให้เขียนเคร่อื งหมาย ในรายการพฤติกรรมนกั เรยี นทปี่ รากฏ/ไมป่ รากฏ และบันทกึ ขอ้ เสนอแนะ ในการปรับปรุงแกไ้ ขเพื่อประโยชนใ์ นการช่วยเหลอื /สง่ เสริมนกั เรียนตอ่ ไป พฤติกรรมนักเรียน เลขท่ี ช่ือ–สกลุ ๑. ช่าง ๒. ความ ๓. ตระหนกั ข้อเสนอแนะ/ปรับปรุง/ สังเกต กล้า ร้คู ณุ คา่ แกไ้ ข แสดงออก ปรากฏ ไ ่มปรากฏ ปรากฏ ไ ่มปรากฏ ปรากฏ ไ ่มปรากฏ
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๑ เรอื่ ง กาเนิดศลิ ป์ ๙ เกณฑก์ ารประเมินผล ลาดบั ที่ รายการพฤติกรรมนักเรยี น พฤติกรรนักเรียนท่ปี รากฏ ๑ การช่างสงั เกต บอก ระบุ และจาแนกสงิ่ ที่เห็นได้ ๒ ความกล้าแสดงออกอยา่ งมเี หตุผล พดู คยุ กบั ครหู รือเพอ่ื น ๆ เพอ่ื แสดงความคิดเหน็ ความรสู้ กึ โดยเชื่อมโยงสิง่ ทเี่ ห็นกบั ความรสู้ กึ ๓ ตระหนกั รคู้ ณุ ค่างานจติ รกรรม แสดงความคิดเหน็ ชื่นชมสะทอ้ นสิง่ ที่ได้เรยี นรู้ จากภาพวาดระบายสี
10 ค่มู ือครูและแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ศลิ ปะ ป.๒) ๑๐. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................... ................................ ......................................................................................................................................................................................... ความสาเรจ็ ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ขอ้ จากดั การใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ และข้อเสนอแนะ/แนวทางการปรบั ปรงุ แกไ้ ข ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ลงชอื่ ...................................................ผู้สอน (..........................................................) วันที่ .......... เดอื น ..................... พ.ศ. ......... ๑๑. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ลงชือ่ ............................................... ผตู้ รวจ (..........................................................) วันท่ี .......... เดือน ..................... พ.ศ. .........
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ เรือ่ ง กาเนิดศิลป์ 11 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๒ เรอ่ื ง สี หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ เรอ่ื ง กาเนิดศิลป์ เวลา ๑ ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ศลิ ปะ (ทัศนศิลป)์ รายวิชา ศลิ ปะ (ทัศนศลิ ป)์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๒ ๑. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชวี้ ัด ศ ๑.๑ สร้างสรรคง์ านทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่า งานทศั นศิลป์ ถ่ายทอดความรสู้ กึ ความคิดตอ่ งานศลิ ปะอย่างอิสระ ชนื่ ชม และประยกุ ต์ใช้ในชีวิตประจาวัน ศ ๑.๑ ป.๒/๑ บรรยายรปู รา่ ง รปู ทรงท่ีพบในธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม ศ ๑.๑ ป.๒/๒ ระบุทัศนธาตุท่ีอยู่ในสิ่งแวดล้อมและงานทัศนศิลป์ โดยเน้นเรื่องเส้น สี รูปร่าง และรูปทรง ศ ๑.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่างานทัศนศิลป์ท่ี เปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ภมู ปิ ญั ญาไทย และสากล ศ ๑.๒ ป.๒/๑ บอกความสาคญั ของงานทัศนศิลปท์ ่ีพบเห็นในชีวติ ประจาวัน ๒. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด สี ในธรรมชาติ และสงิ่ แวดลอ้ มมีหลากหลายลกั ษณะ ซ่ึงมีความหมายให้อารมณ์ความรู้สึกท่ีแตกต่างกันไป ผู้สร้างงานทัศนศิลป์ใช้สีในการส่ือความหมาย ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกเป็นผลงานศิลปะท่ีมีคุณค่าต่อตนเอง และสงั คม ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๓.๑ ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ (K) - นาเสนอสี ในธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมได้ ๓.๒ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) - สงั เกต และจาแนกสีในธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ มได้ ๓.๓ ด้านคณุ ลักษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม (A) - ตระหนกั รู้คณุ คา่ ของงานทศั นศิลป์ ๔. สาระการเรยี นรู้ - สใี นธรรมชาติ ส่ิงแวดลอ้ ม และงานทศั นศิลป์ ๕. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ความสามารถในการคดิ - ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ - ทักษะกระบวนการคิดสร้างสรรค์ ความสามารถในการส่ือสาร - ความสามารถในการใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของ ตนเองในชีวิตประจาวนั ๖. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - มุ่งมน่ั ในการทางาน - ใฝเ่ รยี นรู้ ๗. กิจกรรมการเรยี นรู้
12 การจดั กจิ กรรมการเรยี นร แผนการจดั การเร รายวชิ า ศลิ ปะ (ทัศนศิลป์) หนว่ ยการเรียนรู้ท ลาดบั ขอบเขตเน้ือหา/ ขั้นตอนการจัด เวลา ที่ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ การเรยี นรู้ ท่ีใช้ กิจกรร ๑ 1. สงั เกต และจาแนกสีใน ธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มได้ ขั้นนา ๕ 1. ครูใหน้ ักเรยี น (P) 2. ตระหนักรู้รู้คุณค่าของงาน นาที สารวจ และสงั เก ทศั นศลิ ป์(A) แล้วถามนักเรียน 1) นกั เรยี นเห 2) นกั เรียนคิด ความสาคัญอยา่ ง 2. ครูให้นักเรยี น ๒ ภาพ (ภาพสโี ท และภาพสโี ทนเย นกั เรยี นวา่ ๑) ภาพน้ี ให อยา่ งไร 3. ครูช้แี จงเพม่ิ เ สมี ผี ลต่ออารมณ มนษุ ย์
คู่มอื ครูและแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ศลิ ปะ ป.๒) รู้ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๒ รยี นรทู้ ่ี ๒ เรอื่ ง สี ที่ ๑ เรอ่ื ง กาเนดิ ศิลป์ จานวน ๑ ช่ัวโมง แนวการจัดการเรียนรู้ ส่อื การเรียนรู้ การประเมิน การเรียนรู้ รมครู กจิ กรรมนกั เรยี น นมองแบบ 1. นักเรยี นมองแบบสารวจ - ภาพสโี ทนร้อน - ถาม-ตอบ กตสงิ่ ต่าง ๆ ตวั และสงั เกตส่งิ ตา่ ง ๆ รอบตวั - ภาพสีโทรเยน็ - การสังเกต นว่า ห็นสอี ะไรบ้าง 1) นกั เรยี นตอบ (สเี ขยี ว สีแดง สฟี ้า ฯลฯ) ดวา่ สมี ี งไร 2) นกั เรยี นตอบ (ทาให้มี สสี ันสดใส ใหอ้ ารมณ์ นสังเกตภาพ ความรูส้ กึ ) ทนรอ้ น 2. นักเรียนสงั เกตภาพ ยน็ ) และถาม ห้ความรู้สกึ 1) นกั เรียนตอบ(ภาพท่หี นง่ึ รู้สกึ ร้อน แห้งแล้ง ภาพท่ี เตมิ เป็นเพราะ ณค์ วามรสู้ กึ ของ สองร้สู กึ เย็น น่ากลวั )
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๑ เร่ือง กาเนิดศลิ ป์ ลาดบั ขอบเขตเนื้อหา/ ขนั้ ตอนการจดั เวลา ที่ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ การเรยี นรู้ ท่ใี ช้ กิจกรร ๒ 3. นาเสนอสี ในธรรมชาตแิ ละ ขนั้ สอน ๑๕ ครูช้แี จงเพม่ิ เตมิ สิ่งแวดล้อมได้ (K, P) นาที ของสีข้ันทหี่ น่ึงแล 4. สงั เกต และจาแนกสใี น ธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มได้ ให้เด็ก ๆ ฟงั การ (P) ความรสู้ ึกกบั สตี า่ 3 ขั้นปฏบิ ัติ ๒๕ ครูใหน้ ักเรียนวาดภ นาที และตอ่ เตมิ ให้เปน็ ตามจินตนาการ พ ผลงานตัวอยา่ ง 4 5. ตระหนักรูร้ ู้คุณค่าของงาน ข้นั สรุป ๕ 1. ครูสรปุ ความร ทัศนศิลป์ นาที นักเรยี น โดยสุม่ นกั เรียนออ ผลงานของตนเอง 2. ครูมอบหมายก อปุ กรณใ์ นครงั้ ถดั
13 แนวการจัดการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ การประเมิน การเรยี นรู้ รมครู กิจกรรมนักเรยี น การเกดิ ขน้ึ - PowerPoint - ถาม-ตอบ ละสขี น้ั ทสี่ อง เรอ่ื ง สี รแทนอารมณ์ าง ๆ ภาพวงสี ๒ ข้ัน นกั เรยี นวาดภาพวงสี ๒ ข้นั - กระดาษวาด - แบบประเมนิ นรปู ตา่ ง ๆ และต่อเตมิ ใหเ้ ปน็ รปู ตา่ ง ๆ เขียน ชน้ิ งาน พร้อมใหด้ ู ตามจินตนาการ รเู้ ร่ืองสรี ว่ มกบั นักเรยี นนาเสนอผลงานของ - ชิน้ งาน - ถาม-ตอบ - การสงั เกต ตนเอง อกมานาเสนอ ง การเตรียมวสั ดุ ดไป
14 ค่มู ือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ศลิ ปะ ป.๒) ๘. ส่อื การเรียนร้/ู แหล่งเรยี นรู้ ๘.๑ PowerPoint ๘.๒ ภาพสโี ทนรอ้ น ๘.๓ ภาพสีโทนเย็น ๙. การประเมินผลการเรียนรู้ ๙.๑ประเมนิ ความรคู้ วามเข้าใจ และทักษะ/กระบวนการ ด้วยแบบประเมนิ ผลงาน (K, P) เกณฑ์การประเมนิ ผลงาน รายการประเมนิ ดีมาก ดี พอใช้ ๓๒ ๑ 1. การใช้สี นักเรียนลงสชี ้ินงานอย่าง นกั เรียนลงสีชิน้ งานอยา่ ง นักเรยี นลงสชี ิ้นงาน สมบรู ณ์ เรียบเนียน ลงสีอยู่ สมบรู ณ์ เรยี บเนยี น ไมอ่ อก ไม่สมบรู ณ์ ภายในกรอบไมอ่ อกนอกเส้น นอกเสน้ แต่ยังเลือกใชส้ สี ันไดไ้ ม่ ลงสีสนั สวยงามและนา่ สนใจ เหมาะสม 2. ความประณตี นกั เรยี นทางานประณตี นักเรยี นทางานประณตี นักเรยี นทางานไม่ประณีต เรยี บร้อย เรียบรอ้ ย สะอาด เรียบรอ้ ยแต่คอ่ นขา้ งสกปรก ไม่เรยี บร้อยและสกปรก เกณฑก์ ารตัดสินการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ ๓ หมายถงึ ดมี าก ระดบั คุณภาพ ๒ หมายถงึ ดี ระดับคณุ ภาพ ๑ หมายถงึ พอใช้ เกณฑ์การผา่ น ต้งั แต่ระดบั พอใช้ ขึ้นไป ๙.๒ ประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ด้วยแบบสังเกตพฤตกิ รรม (A) แบบประเมนิ พฤตกิ รรมนกั เรียน คาช้ีแจง ใหเ้ ขียนเคร่อื งหมาย ในรายการพฤตกิ รรมนกั เรียนทป่ี รากฏ/ไมป่ รากฏ และบนั ทกึ ข้อเสนอแนะ ในการปรบั ปรุงแกไ้ ขเพือ่ ประโยชนใ์ นการชว่ ยเหลอื /ส่งเสรมิ นักเรียนตอ่ ไป พฤติกรรมนกั เรียน เลขที่ ช่ือ–สกุล ๑.ช่างสงั เกต ๒.ความกลา้ ๓.ตระหนกั รู้ ขอ้ เสนอแนะ/ปรับปรงุ /แกไ้ ข แสดงออก คุณค่า ปรากฏ ไ ่มปรากฏ ปรากฏ ไ ่มปรากฏ ปรากฏ ไ ่มปรากฏ
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เรอื่ ง กาเนดิ ศลิ ป์ 15 เกณฑ์การประเมินผล พฤติกรรนกั เรียนท่ปี รากฎ ลาดบั ที่ รายการพฤติกรรมนกั เรยี น บอก ระบุ และจาแนกสงิ่ ท่เี หน็ ได้ ๑ การช่างสงั เกต พดู คยุ กบั ครหู รอื เพอ่ื น ๆ เพอื่ แสดงความคดิ เห็น ความรสู้ กึ ๒ ความกล้าแสดงออกอย่างมเี หตุผล โดยเช่ือมโยงสง่ิ ท่ีเห็นกบั ความรู้สกึ ๓ ตระหนักร้คู ณุ คา่ งานจติ รกรรม แสดงความคดิ เหน็ ชื่นชมสะทอ้ นส่ิงท่ไี ด้เรยี นรู้ จากภาพวาดระบายสี
16 คมู่ อื ครูและแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ศิลปะ ป.๒) ๑๐. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการจดั การเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................... ................ ........................................................................................................................................................................................ ความสาเรจ็ ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ........................................................................................................................................................................................ ปัญหาและอปุ สรรค ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ........................................................................................................................................................................................ ข้อจากัดการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ และขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการปรบั ปรงุ แกไ้ ข ............................................................................................................................. ............................................................ ...................................................................................................................................................................................... ... ........................................................................................................................................................................................ ลงชอ่ื ...................................................ผู้สอน (..........................................................) วนั ที่ .......... เดือน ..................... พ.ศ. ......... ๑๑. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารหรอื ผ้ทู ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย ............................................................................................................................. ............................................................ .......................................................................................................................................... ............................................... ........................................................................................................................................................................................ ลงชือ่ ............................................... ผ้ตู รวจ (..........................................................) วนั ที่ .......... เดอื น ..................... พ.ศ. .........
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เรือ่ ง กาเนิดศิลป์ 17 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๓ เรอื่ ง รูปรา่ ง รูปทรงทพ่ี บในธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ เรอื่ ง กาเนดิ ศลิ ป์ เวลา ๑ ชว่ั โมง กลุม่ สาระการเรียนรู้ ศิลปะ(ทัศนศิลป์) รายวิชา ศลิ ปะ (ทัศนศลิ ป์) ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๒ ๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวดั ศ ๑.๑ สรา้ งสรรคง์ านทัศนศิลปต์ ามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่า งานทศั นศลิ ป์ ถ่ายทอดความรสู้ ึก ความคิดตอ่ งานศิลปะอย่างอสิ ระ ชน่ื ชม และประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวัน ศ ๑.๑ ป.๒/๑ บรรยายรปู รา่ ง รปู ทรงท่ีพบในธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม ศ ๑.๑ ป.๒/๓ สร้างงานทศั นศลิ ป์ตา่ ง ๆ โดยใชท้ ศั นธาตทุ ี่เนน้ เสน้ รปู ร่าง ศ ๑.๒ เข้าใจความสมั พันธ์ระหว่างทศั นศลิ ป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่างานทัศนศิลป์ท่ีเป็น มรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ ภมู ิปญั ญาไทย และสากล ศ ๑.๒ ป.๒/๑ บอกความสาคญั ของงานทศั นศิลป์ที่พบเหน็ ในชวี ติ ประจาวัน ๒. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด รปู ร่างมีลกั ษณะทมี่ องเหน็ ได้ ๒ มิติ คอื ความกวา้ ง และความยาว สาหรบั รูปทรงนั้นมีลักษณะที่มองเห็นได้ ๓ มิติ คือ มีความกว้าง ความยาว และความหนา ผู้สร้างงานทัศนศิลป์ใช้รูปร่าง รูปทรงต่าง ๆ ในธรรมชาติ สิง่ แวดลอ้ มถา่ ยทอดอารมณ์ความรสู้ ึกเปน็ ผลงานทัศนศิลปท์ ่ีมีคุณค่าตอ่ ตนเอง และสงั คม ๓. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๓.๑ ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K) - นาเสนอรปู ร่าง รปู ทรงต่าง ๆ ในธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอ้ มได้ ๓.๒ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) - สงั เกต และจาแนกรปู ร่าง รูปทรงต่าง ๆ ในธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อมได้ ๓.๓ ด้านคณุ ลกั ษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - เปน็ ผ้ชู า่ งสงั เกต และกลา้ แสดงออกอยา่ งมเี หตผุ ล ๔. สาระการเรยี นรู้ - ลกั ษณะของรูปร่าง รูปทรงในธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ๕. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน ความสามารถในการคิด - ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ - ทักษะกระบวนการคิดสรา้ งสรรค์ ความสามารถในการส่อื สาร - ความสามารถในการใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะ ของตนเองในชวี ติ ประจาวนั ๖. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - ม่งุ ม่ันในการทางาน - ใฝ่เรียนรู้ ๗. กิจกรรมการเรียนรู้
18 การจัดกจิ กรรมการเรยี นร แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๓ เร่ือง รูปรา่ ง ร รายวชิ า ศิลปะ (ทัศนศิลป)์ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ ลาดบั ขอบเขตเน้ือหา/จุดประสงค์ ขน้ั ตอนการจัด เวลา ที่ การเรยี นรู้ การเรียนรู้ ทใ่ี ช้ กจิ กรรม ขั้นนา ๑ 1. เปน็ ผ้ชู า่ งสังเกต และกล้า ๕ นาที 1. ครูให้นกั เรียนส แสดงออกอย่างมเี หตผุ ล (A) เสือ้ ผา้ กลอ่ งดินสอ นา้ และถามนกั เรีย ๑) นักเรยี นรู้จกั เหล่านห้ี รอื ไม่ ๒) นักเรยี นคิดว เปน็ งานทัศนศลิ ปห์ เพราะวา่ อะไร 2. ครูช้ีแจงเพม่ิ เติม ทัศนศลิ ป์มอี ยู่ในช รอบ ๆ ตวั ของเราม เส้ือผา้ ที่นกั เรียนใส เครื่องหมายของใช อาคารบ้านเรอื น ล ทศั นศลิ ป์ทง้ั สนิ้ ซงึ่ รูปรา่ งรปู ทรงท่แี ต ออกไป
คู่มือครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ศิลปะ ป.๒) รู้ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๒ ชว่ั โมง การประเมิน รูปทรงที่พบในธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม การเรียนรู้ ๑ เร่ือง กาเนดิ ศลิ ป์ จานวน ๑ ส่อื การเรยี นรู้ - ถาม-ตอบ แนวการจัดการเรยี นรู้ - ภาพ เส้อื ผ้า - การสงั เกต กลอ่ งดนิ สอ ขวด มครู กจิ กรรมนักเรียน น้า 1. นกั เรียนสังเกตภาพ สังเกตภาพ อ เกา้ อ้ี ขวด 1) นักเรียนตอบ (รูจ้ กั ) ยนวา่ กส่ิงของ วา่ สง่ิ พวกน้ี 2) นกั เรียนตอบ (เป็น เพราะ หรอื ไม่ มีการสร้างสรรค์ใหส้ วยงาม) มวา่ งาน ชวี ิตประจาวัน มากมาย เชน่ ส่ สญั ลักษณ์ ช้ต่าง ๆ ล้วนเปน็ งาน งสงิ่ เหลา่ นก้ี ม็ ี ตกต่างกัน
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เรือ่ ง กาเนิดศิลป์ ลาดับ ขอบเขตเนอ้ื หา/ ขั้นตอนการจดั เวลา ที่ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรยี นรู้ ที่ใช้ กิจกรรม ๒ 2. นาเสนอรปู ร่าง รปู ทรง ข้นั สอน ๑๕ 1. ครใู ห้นักเรยี นสงั ตา่ ง ๆ ในธรรมชาติ และ รูปรา่ งกบั รปู ทรง แล สงิ่ แวดล้อมได้ (K, P) นาที นกั เรยี นว่า “สองภา 3. สังเกต และจาแนก รปู ร่าง รปู ทรงต่าง ๆ ใน อยา่ งไร” ธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มได้ 2. ครชู ี้แจงเพมิ่ เตมิ (P) ความแตกต่างของร ทเ่ี กิดข้ึนเองในธรรม รปู รา่ งรปู ทรงท่ีมนษุ 3 ขัน้ ปฏิบัติ ๒๕ ครูให้นกั เรยี นวาดภ ข้นั สรุป นาที สิ่งแวดล้อม ทม่ี รี ปู ร 4 4. เปน็ ผู้ชา่ งสงั เกต และกล้าแสดงออก เกิดขึน้ เองในธรรมช อยา่ งมีเหตผุ ล (A) รูปรา่ งรปู ทรงทีม่ นษุ ๕ 1. ครูและนักเรียนร นาที ความรูเ้ รอื่ งรปู ร่าง ร ในธรรมชาตแิ ละสิง่ แ รว่ มกับนกั เรยี น 2. ครูครมู อบหมาย วัสดุอุปกรณ์ในครัง้ ถ
19 แนวการจัดการเรยี นรู้ สอื่ การเรยี นรู้ การประเมนิ การเรยี นรู้ มครู กิจกรรมนักเรียน งเกตภาพ นกั เรยี นตอบ - PowerPoint - แบบประเมิน ละถาม (แบน ๆ กับมคี วามหนา) เรอื่ ง รปู รา่ ง ชิน้ งาน าพน้ตี า่ งกนั รปู ทรงท่ีพบใน ธรรมชาติและ มเกี่ยวกบั สงิ่ แวดลอ้ ม รปู รา่ งรปู ทรง - ภาพรูปรา่ ง มชาติ และ รปู ทรงใน ธรรมชาติและ ษยส์ รา้ งขึน้ สิ่งแวดลอ้ ม ภาพ นกั เรยี นวาดภาพสง่ิ แวดลอ้ ม ที่ - กระดาษวาด - ถาม-ตอบ รา่ ง รปู ทรงท่ี มรี ปู รา่ ง รปู ทรงทเ่ี กิดขึ้นเองใน เขียน - การสงั เกต ชาติ และ ธรรมชาติ และรปู ร่างรปู ทรงท่ี ษยส์ ร้างขึ้น มนษุ ยส์ รา้ งขน้ึ - ช้นิ งาน รว่ มกนั สรปุ นักเรียนสรปุ ความรเู้ รอ่ื งรปู รา่ ง รูปทรงทพี่ บ รปู ทรงทพี่ บในธรรมชาติและ แวดลอ้ ม สงิ่ แวดลอ้ มรว่ มกบั ครู ยการเตรียม ถดั ไป
20 คมู่ อื ครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ศิลปะ ป.๒) ๘. ส่ือการเรียนร/ู้ แหลง่ เรยี นรู้ ๘.๑ PowerPoint ๘.๒ ภาพรปู รา่ งรปู ทรงในธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม ๘.๓ ภาพ เส้อื ผา้ กลอ่ งดนิ สอ ขวดนา้ ๙. การประเมินผลการเรียนรู้ ๙.๑ ประเมนิ ความร้คู วามเขา้ ใจ และทกั ษะ/กระบวนการ ดว้ ยแบบประเมนิ ผลงาน (K, P) เกณฑก์ ารประเมินผลงาน รายการประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ๓ ๒ ๑ นาเสนอรปู ร่าง และรูปทรง ภาพรูปรา่ งรปู ทรงใน นาเสนอรปู ร่าง และรูปทรง ของส่งิ ต่าง ๆ ในธรรมชาติ นาเสนอรปู รา่ ง และ ธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม ของสิง่ ตา่ ง ๆ ในธรรมชาติ และสง่ิ แวดล้อมได้ ๕ ชนดิ รูปทรงของสงิ่ ตา่ ง ๆ และสงิ่ แวดลอ้ มได้ ๗ ชนดิ ขึ้นไป ในธรรมชาติ และ ข้ึนไป สงิ่ แวดล้อมไดน้ ้อยกว่า ๕ ชนดิ เกณฑก์ ารตดั สนิ การประเมิน ระดบั คณุ ภาพ ๓ หมายถงึ ดมี าก ระดับคณุ ภาพ ๒ หมายถึง ดี ระดบั คณุ ภาพ ๑ หมายถงึ พอใช้ เกณฑ์การผา่ น ต้งั แตร่ ะดับ พอใช้ ขึน้ ไป ๙.๒ ประเมนิ คณุ ลักษณะ ด้วยแบบสงั เกตพฤติกรรม (A) แบบประเมนิ พฤติกรรมนกั เรียน คาชี้แจง ให้เขยี นเคร่ืองหมาย ในรายการพฤติกรรมนกั เรยี นทปี่ รากฏ/ไม่ปรากฏ และบันทกึ ขอ้ เสนอแนะ ในการปรับปรุงแกไ้ ขเพ่อื ประโยชนใ์ นการชว่ ยเหลอื /สง่ เสรมิ นกั เรยี นตอ่ ไป พฤตกิ รรมนักเรยี น เลขที่ ชือ่ –สกุล ๑. ช่างสังเกต ๒. ความกล้า ข้อเสนอแนะ/ปรับปรุง/แกไ้ ข แสดงออก ปรากฏ ไ ่มปรากฏ ปรากฏ ไ ่มปรากฏ
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ เร่อื ง กาเนดิ ศลิ ป์ 21 เกณฑ์การประเมินผล ลาดับท่ี รายการพฤติกรรมนักเรยี น พฤติกรรนักเรียนที่ปรากฏ บอก ระบุ และจาแนกสงิ่ ทเ่ี หน็ ได้ ๑ การชา่ งสงั เกต พูดคยุ กบั ครหู รือเพอ่ื น ๆ เพอ่ื แสดงความคดิ เห็น ๒ ความกล้าแสดงออกอย่างมเี หตุผล ความรู้สึกโดยเช่ือมโยงสงิ่ ทีเ่ ห็นกบั ความรสู้ กึ ๑๐. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการจัดการเรียนการสอน ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................... ................ ......................................................................................................................................................................................... ความสาเร็จ ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ข้อจากดั การใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ และขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการปรบั ปรงุ แกไ้ ข ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ...................................................ผู้สอน (..........................................................) วนั ที่ .......... เดือน ..................... พ.ศ. ......... ๑๑. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผ้ทู ไี่ ดร้ ับมอบหมาย ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ลงช่อื ............................................... ผตู้ รวจ (..........................................................) วันท่ี .......... เดอื น ..................... พ.ศ. .........
22 คมู่ ือครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ศิลปะ ป.๒) แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๔ เรือ่ ง เร่อื งราวในงานทัศนศิลป์ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เรื่อง กาเนิดศิลป์ เวลา ๑ ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ศลิ ปะ รายวชิ า ศิลปะ (ทัศนศิลป)์ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๒ ๑. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวช้ีวัด ศ ๑.๑ สร้างสรรค์งานทศั นศิลปต์ ามจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณค่า งานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรสู้ ึก ความคดิ ต่องานศิลปะอย่างอิสระ ชืน่ ชม และประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน ศ ๑.๑ ป.๒/๗ เลือกงานทศั นศิลป์ และบรรยายถึงสง่ิ ทม่ี องเหน็ รวมถึงเนื้อหาเรอ่ื งราว ศ ๑.๒ เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหว่างทัศนศลิ ป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่างานทัศนศิลป์ท่ีเป็น มรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปญั ญาทอ้ งถ่ิน ภูมิปญั ญาไทย และสากล ศ ๑.๒ ป.๒/๑ บอกความสาคัญของงานทัศนศิลปท์ ่ีพบเห็นในชีวติ ประจาวัน ๒. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด งานทศั นศลิ ป์แตล่ ะผลงาน เกิดจากความคิดในเชิงสร้างสรรค์ ถ่ายทอด บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ท่ีมีคุณค่า ซ่ึงสามารถเรียนรู้ได้ผ่านการสังเกต การแปลความหมาย เชื่อมโยงกับชีวิตความเป็นจริงท่ีเกิดในสังคม ดังนั้น งานทัศนศลิ ป์จงึ มีคุณค่าก่อใหเ้ กดิ จิตสานึกทด่ี ีงามแก่คนโดยท่วั ไป ๓. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๓.๑ ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ (K) - นาเสนอเรือ่ งราวตา่ ง ๆ ผา่ นงานทัศนศิลปไ์ ด้ ๓.๒ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) - สร้างงานทัศนศลิ ปท์ ่บี อกเล่าเนื้อหาเร่ืองราวของนทิ านได้ ๓.๒ ดา้ นคณุ ลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - ตระหนักร้คู ณุ ค่าของงานทัศนศลิ ป์ ๔. สาระการเรยี นรู้ - งานทัศนศิลป์ท่ีสะท้อนคุณคา่ ในการเรียนรู้ ๕. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ความสามารถในการคดิ - ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ - ทกั ษะกระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์ ความสามารถในการส่อื สาร - ความสามารถในการใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะ ของตนเองในชวี ติ ประจาวัน ๖. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ - มุง่ ม่นั ในการทางาน - ใฝเ่ รียนรู้ ๗. กิจกรรมการเรยี นรู้
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง กาเนดิ ศลิ ป์ การจัดกิจกรรมการเรยี นร แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๔ รายวิชา ศลิ ปะ (ทัศนศิลป)์ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 ลาดับ ขอบเขตเนอ้ื หา/ ขนั้ ตอนการจดั เวลา กจิ กรรม ที่ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ การเรยี นรู้ ทใ่ี ช้ ๑ 1. ตระหนกั รู้คุณคา่ ของงาน ขน้ั นา ๕ นาที 1. ครูใหน้ ักเรียนส ทัศนศลิ ป์ (A) ผลงานทัศนศลิ ป์ แ นกั เรียนวา่ ๑) นักเรยี นเห็น ภาพบ้าง ๒) นักเรยี นคิดว ภาพสถานท่ีใด ๓) นกั เรียนคิดว ในภาพน้เี ปน็ อยา่ ง 2. ครูชีแ้ จงวา่ ทีน่ และสามารถตอบค เพราะงานทศั นศิล ถ่ายทอดเรอื่ งราว อารมณ์ความรสู้ ึกข ต้องการแสดงออก ทศั นศิลป์ได้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225