Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-07-18-หน่วยที่ 1 คู่มือครู ป.2 คณิต

64-07-18-หน่วยที่ 1 คู่มือครู ป.2 คณิต

Published by elibraryraja33, 2021-07-18 13:16:00

Description: 64-07-18-หน่วยที่ 1 คู่มือครู ป.2 คณิต

Search

Read the Text Version

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กล่มุ ส�ระก�รเรยี นรูค ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรยี นรทู ่ี ๑๓ 2 2 หนว่ ยท่ี ๑ จ�ำ นวน ช้ัน ป.๒1 6 5 7 90 ครูแสดงการเปรยี บเทยี บ 359 กับ 391 โดยเขียนเลขโดดในตารางหลักเลข ดงั น้ี เวล� ๑ ช่ัวโมง หลักรอ ย หลกั สบิ หลักหนวย 2 3 5 9 391 ครูถามวา - 359 กับ 391 เปน จาํ นวนทม่ี หี ลักเทา กนั หรอื ไม (เทา กนั ) - แตล ะจาํ นวนเปนจํานวนที่มกี ีห่ ลัก (สามหลัก) ครอู ธบิ ายวา จาํ นวนสองจาํ นวนทม่ี จี าํ นวนหลกั เทา กนั ใหพ จิ ารณาเลขโดดในหลกั รอ ย - เลขโดดในหลักรอยของทัง้ สองจาํ นวนมคี า เทา กันหรอื ไม (เทา กัน) - เลขโดดในหลักรอ ยของท้งั สองจํานวนมีคา เทา ใด (300) ครเู ขียนบนกระดาน ดังน้ี 359 3 ในหลกั รอ ย มีคา 300 391 3 ในหลักรอ ย มคี า 300 จะไดวา 3 ในหลักรอ ยของ 359 และ 391 มคี าเทากนั ใหน กั เรยี นพิจารณาคา ของเลขโดดในหลักสบิ ครถู ามวา - 5 ในหลกั สิบของ 359 มคี า เทาใด (50) - 9 ในหลักสบิ ของ 391 มคี า เทาใด (90) - เลขโดดในหลกั สบิ ของจํานวนใดมคี า มากกวา (391) - 359 กับ 391 จํานวนใดมากกวา (391) หรอื จํานวนใดนอ ยกวา (359) ๙๓

๙๔ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มส�ระก�รเรยี นรูคณิตศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรยี นรูท่ี ๑๓ ชั้น ป.๒01 9 หนว่ ยที่ ๑ จำ�นวน เวล� ๑ ช่วั โมง ครเู ขียนบนกระดาน ดงั น้ี 2 5 47 3 5 9 5 ในหลกั รอ ย มคี า 50 3 9 1 9 ในหลกั รอ ย มีคา 90 จะไดว า 90 มากกวา 50 ดังนัน้ 391 มากกวา 359 หรือ 359 นอยกวา 391 391 > 359 หรือ 359 < 391 ครูอาจใหนักเรียนเปรียบเทียบทํานองน้ีอีก 1 - 2 ตัวอยาง เชน 409 กับ 424 631 กบั 615 ครูและนักเรียนรวมกันสรุปวา ถ�เลขโดดในหลักรอยมีค่�เท่�กัน ใหพิจ�รณ�เลขโดด ในหลักสิบจำ�นวนที่เลขโดดในหลกั สบิ ม�กกว่�จะม�กกว�่ นักเรยี นทาํ แบบฝก หดั 1.13 2 ขนั้ สรปุ 4. ครูและนกั เรียนรวมกนั สรปุ วา การเปรียบเทยี บจาํ นวนสามหลกั สองจาํ นวน - จํานวนท่ีมเี ลขโดดในหลกั รอ ยมีคามากกวา จะมากกวา - ถา เลขโดดในหลกั รอ ยมคี าเทา กนั จํานวนที่เลขโดดในหลกั สบิ มากกวาจะมากกวา

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 2 2 แผนก�รจัดก�รเรียนรูที่ ๑๔ 1 6 5 7 90 แนวก�รจัดกจิ กรรมก�รเรียนรู ขน้ั น�ำ ทบทวนการเปรียบเทยี บจาํ นวนนบั ไมเกนิ 1,000 ท่มี จี าํ นวนหลกั เทากนั ขน้ั สอน โดยที่เลขโดดในหลักรอยเทากนั ขั้นสรปุ ก�รวดั และประเมินผล การเปรียบเทียบจาํ นวนนับไมเ กิน 1,000 ท่มี จี ํานวนหลกั เทากนั โดยใชเครอื่ งหมาย > หรอื < 2 (เลขโดดในหลกั รอยและหลักสิบเทากนั ) แบบฝก หดั 1.14 ครูและนกั เรียนรว มกันสรปุ เกย่ี วกบั การเปรยี บเทยี บจาํ นวนนบั ไมเกิน 1,000 ทีม่ ีจํานวนหลักเทา กนั โดยใชเครอ่ื งหมาย > หรือ < (เลขโดดในหลกั รอยและหลักสิบเทากัน) - ประเมนิ จากการตอบคาํ ถามและการทําแบบฝกหดั 1.14 - ประเมินจากการใหเหตุผล การสื่อสารและการสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร ๙๕

๙๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มส�ระก�รเรียนรูคณิตศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรียนรทู ี่ ๑๔ ชั้น ป.๒ 01 9 หน่วยท่ี ๑ จำ�นวน เวล� ๑ ชวั่ โมง ขอบเขตเน้ือห� กจิ กรรมก�รเรียนรู สอื่ /แหลง่ เรยี นรู การเปรยี บเทยี บจาํ นวนนบั ไมเ กนิ ขัน้ นำ� 1. แผนตารางรอย แผน ตารางสบิ 1,000 ท่ีมีจํานวนหลักเทากัน 1. ครูทบทวนการเปรียบเทียบจํานวนนับไมเกิน 1,000 ท่ีมีจํานวนหลักเทากันและมีเลขโดด แผนตารางหนวย โดยใชเครื่องหมาย > หรือ < ในหลักรอยเทากัน เชน 156 กับ 143 ใหนักเรียนใชแผนตารางรอย แผนตารางสิบ และ 2. แบบฝกหดั 1.14 (เลขโดดในหลักรอยและหลักสิบ แผน ตารางหนว ย แสดงจาํ นวนท้งั สอง ไดด ังนี้ เทากัน) ก�รประเมนิ 1. วิธีก�ร ส�ระส�ำ คญั 1.1 สังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู 5 47 การเปรียบเทียบจํานวนสาม 1.2 ตรวจแบบฝก หัด หลกั สองจาํ นวน 2. เครอื่ งมอื - จํ า น ว น ที่ มี เ ล ข โ ด ด ใ น ครูถามวา 2.1 แบบฝก หดั 1.14 หลกั รอ ยมีคา มากกวาจะมากกวา - จํานวนแรกคอื จํานวนใด (156) 2.2 แบบประเมินทักษะและ - ถาเลขโดดในหลักรอยมีคา - จํานวนท่ีสองคือจาํ นวนใด (143) กระบวนการทางคณิตศาสตร เทา กนั จาํ นวนทเี่ ลขโดดในหลกั สบิ - จํานวนใดมากกวา (156) เพราะเหตใุ ด (ตอบตามความเขา ใจ ซึ่งอาจจะไดว า 3. เกณฑ์ แนวคิด 1 156 และ 143 มแี ผน ตารางรอย 1 แผน เทา กัน และ 156 มแี ผน ตารางสิบ 3.1 ผ ล ง า น มี ค ว า ม ถู ก ต  อ ง มากกวาจะมากกวา 2 2- ถาเลขโดดในหลักรอยและ 5 แผน แต 143 มีแผนตารางสิบ 4 แผน ดงั น้ัน 156 มากกวา 143 ไมนอยกวารอยละ 80 เลขโดดในหลักสิบมีคาเทากัน แนวคดิ 2 156 มากกวา 150 แต 143 นอ ยกวา 150 ดงั นนั้ 156 มากกวา 143 3.2 คะแนนรวมดานทักษะ จํานวนท่ีเลขโดดในหลักหนวย แนวคดิ 3 เลขโดดในหลกั รอ ยของทง้ั สองจาํ นวนมคี า 100 เทา กนั แตเ ลขโดดในหลกั สบิ และกระบวนการทางคณิตศาสตร มากกวาจะมากกวา ของ 156 มากกวา เลขโดดในหลกั สบิ ของ 143 ดงั นนั้ 156 มากกวา 143) ไมนอยกวารอยละ 60

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลุ่มส�ระก�รเรยี นรูคณิตศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรยี นรูท ่ี ๑๔ 2 2 หน่วยที่ ๑ จำ�นวน ช้นั ป.๒1 6 5 7 90 จดุ ประสงค์ก�รเรียนรู ครสู มุ นกั เรยี นเขยี นเลขโดดในตารางหลกั เลข แสดงการเปรยี บเทยี บ 156 กบั 143 บนกระดาน เวล� ๑ ชวั่ โมง ดงั น้ี ด�นคว�มรู หลกั รอย หลักสบิ หลักหนว ย 2 เ พ่ื อ ใ ห  นั ก เรี ย น ส า ม า ร ถ 156 143 เ ป รี ย บ เ ที ย บ จํ า น ว น ส า ม ห ลั ก สองจํานวนท่ีเลขโดดในหลักรอย ครูถามวา และหลักสิบเทากัน โดยใช - ถา ตองการเปรียบเทียบจาํ นวน 156 กับ 143 วา จาํ นวนใดมากกวา ควรพจิ ารณาเลขโดด เคร่อื งหมาย > หรือ < ในหลกั ใด (หลักสิบ) เพราะเหตุใด (เพราะ เลขโดดในหลกั รอยมคี าเทากนั ) ด�นทักษะและกระบวนก�ร - เลขโดดในหลักสิบของแตละจํานวนมีคา เทา ใด ท�งคณิตศ�สตร์ (5 ในหลักสิบของ 156 มคี า 50 4 ในหลักสบิ ของ 143 มคี า 40) เพ่ือใหนักเรยี นสามารถ - เลขโดดในหลักสบิ ของจํานวนใดมีคามากกวา (156) 1. ใหเ หตผุ ล - 156 กับ 143 จาํ นวนใดมากกวา (156) หรอื จาํ นวนใดนอ ยกวา (143) 2. สอ่ื สารและสื่อความหมาย ครูเขยี นบนกระดาน ทางคณิตศาสตร 1 5 6 5 ในหลักสิบ มีคา 50 1 4 3 4 ในหลกั สิบ มคี า 40 จะไดวา 50 มากกวา 40 ดงั น้ัน 156 มากกวา 143 หรอื 143 นอยกวา 156 156 > 143 หรือ 143 < 156 ๙๗

๙๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ ส�ระก�รเรยี นรคู ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรยี นรทู ี่ ๑๔ ชน้ั ป.๒01 9 หนว่ ยท่ี ๑ จำ�นวน เวล� ๑ ช่วั โมง ขั้นสอน 2. ครูจัดกิจกรรมการเปรียบเทียบจํานวนสองจํานวน โดยครูเขียนตัวเลขแสดงจํานวนสามหลัก ทเ่ี ลขโดดในหลกั รอ ยมคี า เทา กนั และเลขโดดในหลกั สบิ มคี า เทา กนั เชน 248 กบั 242 ใหน กั เรยี น ใชแผน ตารางรอ ย แผน ตารางสิบ และแผน ตารางหนว ย แสดงจาํ นวนท้ังสอง ไดดงั นี้ ครูถามวา 5 47 - จาํ นวนแรกคอื จาํ นวนใด (248) - จํานวนที่สองคือจํานวนใด (242) - ถาตองการเปรียบเทยี บจาํ นวน 248 กับ 242 วา จํานวนใดมากกวา ควรพิจารณาเลขโดด 2 ในหลักใด (หลักหนวย) เพราะเหตุใด (เพราะ เลขโดดในหลักรอยและเลขโดดในหลักสิบมีคา 2เทากัน) - เลขโดดในหลกั หนวยของแตละจาํ นวนมคี า เทา ใด (8 ในหลกั หนว ยของ 248 มีคา 8 2 ในหลักหนว ยของ 242 มคี า 2)

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กล่มุ ส�ระก�รเรยี นรูคณติ ศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรยี นรทู ่ี ๑๔ 2 2 หนว่ ยที่ ๑ จ�ำ นวน ชัน้ ป.๒1 6 5 7 90 - เลขโดดในหลักหนว ยของจาํ นวนใดมคี า มากกวา (248) เวล� ๑ ชั่วโมง - 248 กบั 242 จํานวนใดมากกวา (248) หรอื จาํ นวนใดนอ ยกวา (242) ครูเขยี นบนกระดาน 2 หลกั รอย หลักสบิ หลกั หนว ย 2 4 8 2 4 2 ครูอธบิ ายการเปรียบเทียบ โดยใหน กั เรยี นพจิ ารณาคา ของเลขโดดในหลกั รอ ย เชน 2 4 8 2 ในหลกั รอย มีคา 200 เทา กัน 242 ใหนกั เรียนพจิ ารณาคาของเลขโดดในหลกั สิบ 2 4 8 4 ในหลกั สบิ มีคา 40 เทา กัน 242 ใหนกั เรียนพิจารณาคาของเลขโดดในหลกั หนวย 248 8 ในหลักหนวยมคี า 8 242 2 ในหลักหนวยมคี า 2 จะไดว า 8 มากกวา 2 ดงั นน้ั 248 มากกวา 242 หรือ 242 นอยกวา 248 248 > 242 หรือ 242 < 248 ๙๙

๑๐๐ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุม่ ส�ระก�รเรียนรูค ณิตศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรียนรทู ี่ ๑๔ ช้นั ป.๒01 9 หน่วยที่ ๑ จ�ำ นวน เวล� ๑ ชัว่ โมง 3. ครูเขียนตัวเลขแสดงจํานวนสองจํานวน ท่ีเลขโดดในหลักรอยและเลขโดดในหลักสิบมีคา 2 5 47 เทา กนั เชน 613 กบั 610 บนกระดาน ใหน กั เรยี นเปรยี บเทยี บวา จาํ นวนใดมากกวา หรอื จาํ นวนใด นอยกวา โดยใหน กั เรียนพิจารณาคาของเลขโดดในหลกั รอ ย 6 1 3 6 ในหลกั รอ ย มีคา 600 เทากนั 610 ใหน ักเรยี นพิจารณาคาของเลขโดดในหลกั สิบ 6 1 3 1 ในหลกั สบิ มคี า 10 เทากัน 610 ใหน ักเรยี นพจิ ารณาคาของเลขโดดในหลกั หนวย 6 1 3 3 ในหลักหนวย มีคา 3 6 1 0 0 ในหลักหนว ย มคี า 0 จะไดว า 3 มากกวา 0 ดงั น้ัน 613 มากกวา 610 หรือ 610 นอ ยกวา 613 613 > 610 หรอื 610 < 613 2 ครูอาจใหนักเรียนเปรียบเทียบทํานองน้ี อีก 1 - 2 ตัวอยาง เชน 835 กับ 830 708 กับ 701 ครูและนักเรียนรวมกันสรุปวา ถ�เลขโดดในหลักรอยมีค่�เท่�กัน และเลขโดดในหลักสิบ มีค่�เท่�กัน จ�ำ นวนทเี่ ลขโดดในหลกั หน่วยม�กกว่�จะม�กกว�่ 4. ครูจัดกิจกรรมเลนเกม “มากกวา นอยกวา” ครูแจกบัตรตัวเลขแสดงจํานวนสามหลัก (ขนาด A4) ใหน กั เรยี นคนละ 1 ใบ โดยมีกตกิ าการเลน เกมดงั นี้

2 1 6 5 7 90กลมุ่ ส�ระก�รเรยี นรูคณิตศ�สตร์แผนก�รจัดก�รเรียนรูท่ี ๑๔ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๐๑หน่วยที่ ๑ จ�ำ นวน ชนั้ ป.๒ รอบที่ 1 เวล� ๑ ชวั่ โมง - ใหนักเรียนสองกลุมสงตัวแทนออกมาหนาหองเรียนกลุมละ 1 คน พรอมถือ บัตรตัวเลขทตี่ ัวเองไดรบั โดยไมใหเพื่อนเหน็ ตวั เลข 2 - ครกู ําหนดขอ ตกลง เชน “จาํ นวนใดนอยกวา ” เปน ผชู นะ - ตัวแทนท้ังสองกลุมเปดบัตรตัวเลข หากจํานวนใดเปนไปตามขอตกลงท่ีครูกําหนด เปน ผชู นะ ทําเชนนี้จนไดเลน ครบทุกกลุม โดยครเู ปลย่ี นขอตกลงทุกครั้งทเ่ี ลน เกม รอบที่ 2 - ครกู าํ หนดจาํ นวนทมี่ สี ามหลกั และขอ ตกลง เชน จาํ นวนใดมากกวา จาํ นวนของครเู ปน ผชู นะ - ใหนักเรียนทุกคนเปรียบเทียบจํานวนของตนเองกับจํานวนท่ีครูกําหนด หากจํานวนใด เปนไปตามขอตกลงที่ครูกําหนด เปนผูชนะ ทําซํ้าประมาณ 3 - 5 คร้ัง โดยครูเปล่ียนจํานวน และขอ ตกลงทกุ ครัง้ ที่เลนเกม นกั เรยี นทําแบบฝก หัด 1.14 ข้นั สรปุ 5. ครูและนักเรยี นรวมกนั สรุปวา การเปรียบเทียบจาํ นวนสามหลักสองจํานวน - จํานวนท่ีมเี ลขโดดในหลักรอยมีคามากกวา จะมากกวา - ถาเลขโดดในหลกั รอ ยมคี า เทากัน จํานวนทเ่ี ลขโดดในหลักสบิ มากกวาจะมากกวา - ถาเลขโดดในหลักรอยและเลขโดดในหลักสิบมีคาเทากัน จํานวนที่เลขโดดในหลักหนวย มากกวา จะมากกวา

๑๐๒ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนก�รจัดก�รเรียนรทู ่ี ๑๕ 01 9 แนวก�รจดั กจิ กรรมก�รเรยี นรู ขน้ั นำ� ทบทวนการเรยี งลําดบั จํานวนนบั ไมเ กิน 100 ขัน้ สอน การเรียงลําดับจํานวนสามหลกั 3 จาํ นวน 5 47 แบบฝก หัด 1.15 ขัน้ สรปุ ครแู ละนักเรยี นรวมกนั สรุปเกี่ยวกับการเรยี งลาํ ดับจาํ นวนสามหลกั 3 จํานวน 2 ก�รวัดและประเมินผล - ประเมินจากการตอบคาํ ถาม และการทาํ แบบฝกหดั 1.15 2 - ประเมินจากการใหเ หตุผล และการสอ่ื สารและการสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร

2 2 2 ชัน้ ป.๒ เวล� ๑ ชั่วโมง 1 6 5 7 90กลุม่ ส�ระก�รเรียนรูคณิตศ�สตร์แผนก�รจัดก�รเรยี นรูที่ ๑๕ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๐๓หน่วยท่ี ๑ จำ�นวน ขอบเขตเน้อื ห� กจิ กรรมก�รเรียนรู สือ่ /แหลง่ เรยี นรู ขั้นน�ำ เรียงลําดับจํานวนสามหลัก 1. บตั รตวั เลข 3 จาํ นวน 1. ครทู บทวนการเรยี งลาํ ดบั จาํ นวนนบั ไมเ กนิ 100 โดยครแู จกบตั รตวั เลขแสดงจาํ นวนใหน กั เรยี น 2. แบบฝก หดั 1.15 กลุมละ 3 ใบ (แตละกลมุ ไดบ ัตรตัวเลขที่ไมเหมือนกัน) เชน ส�ระสำ�คญั ก�รประเมนิ ชุดท่ี 1 63 41 86 การเรยี งลาํ ดบั จาํ นวนสามหลกั 1. วธิ กี �ร 3 จาํ นวน อาจทาํ ไดโดยหาจาํ นวน ชุดที่ 2 39 25 74 1.1 สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู ที่มากที่สุดและจํานวนที่นอยท่ีสุด 1.2 ตรวจแบบฝก หัด จากนั้นนําจํานวนมาเรียงลําดับ ชดุ ที่ 3 44 90 87 จํานวนจากมากไปนอย หรือจาก 2. เคร่อื งมอื นอ ยไปมาก ชุดที่ 4 100 51 98 2.1 แบบฝกหัด 1.15 2.2 แบบประเมินทักษะและ จุดประสงค์ก�รเรียนรู ใหนักเรียนแตละกลุมชวยกันเรียงลําดับจํานวนจากมากไปนอย จากนั้นครูสุมนักเรียน 2 ออกมานําเสนอวิธีการเรียงลําดับจํานวน 2-3 กลุม ครูและนักเรียนที่เหลือชวยกันตรวจสอบ กระบวนการทางคณติ ศาสตร ด� นคว�มรู ความถูกตอง 3. เกณฑ์ เพ่ือใหนักเรียนสามารถเรียง ครูอาจใชค ําถามดงั น้ี 3.1 ผ ล ง า น มี ค ว า ม ถู ก ต  อ ง ลําดับจํานวนนับไมเกิน 1,000 - เลขโดดในหลักสบิ ของจาํ นวนท้งั สามจํานวนมคี า เทาใด ไมน อ ยกวา รอยละ 80 (3 จาํ นวน) (6 ในหลักสบิ ของ 63 มีคา 60 ด�นทักษะและกระบวนก�ร 4 ในหลกั สบิ ของ 41 มคี า 40 3.2 คะแนนรวมดานทักษะ ท�งคณิตศ�สตร์ 8 ในหลักสิบของ 86 มีคา 80) และกระบวนการทางคณิตศาสตร ไมนอยกวารอยละ 60 เพ่อื ใหนกั เรยี นสามารถ 1. ใหเ หตุผล 2. ส่ือสารและสื่อความหมาย ทางคณิตศาสตร

๑๐๔ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มส�ระก�รเรยี นรคู ณิตศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรยี นรทู ่ี ๑๕ ช้นั ป.๒01 9 หน่วยที่ ๑ จ�ำ นวน เวล� ๑ ช่วั โมง - จํานวนใดมคี า มากทสี่ ุด (86) เพราะเหตใุ ด (ในหลกั สบิ 80 มากกวา 60 และ 40) 2 - จาํ นวนใดมคี า นอ ยทีส่ ดุ (41) เพราะเหตุใด (ในหลักสิบ 40 นอยกวา 60 และ 80) - เรียงลําดบั จํานวนจากมากไปนอ ยไดอยางไร (86 63 41) - เรยี งลําดบั จํานวนจากนอ ยไปมากไดอยางไร (41 63 86) ข้นั สอน 5 47 2. ครูจัดกิจกรรมการเรียงลําดับจํานวนสามหลัก ครูหยิบบัตรตัวเลขแสดงจํานวน มา 3 ใบ ติดบนกระดาน เชน 1) 725 339 824 แลว ใหนักเรยี นเรียงลําดบั จาํ นวน โดยการพจิ ารณาเลขโดด ครูถามวา - 725 339 824 เปนจาํ นวนท่ีมีกหี่ ลัก (สามหลัก) 2 - เลขโดดในหลักรอยของจาํ นวนทัง้ สามจาํ นวนมีคา เทาใด (725 เลขโดดในหลักรอย คือ 7 มีคา 700 339 เลขโดดในหลกั รอย คอื 3 มีคา 300 824 เลขโดดในหลกั รอ ย คือ 8 มคี า 800)

2 1 6 5 7 90กลุ่มส�ระก�รเรียนรูคณิตศ�สตร์แผนก�รจดั ก�รเรยี นรทู ี่ ๑๕ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๐๕หนว่ ยท่ี ๑ จ�ำ นวน ชั้น ป.๒ - จํานวนใดมคี ามากที่สดุ (824) เพราะเหตใุ ด (ในหลักรอ ย 800 มากกวา 700 และ 300) เวล� ๑ ชัว่ โมง - จํานวนใดมีคานอยที่สุด (339) เพราะเหตุใด (ในหลักรอย 300 นอยกวา 700 และ 800) 2 ครเู ขียนบนกระดานดังน้ี 725 เลขโดดในหลกั รอย คือ 7 มคี า 700 339 เลขโดดในหลักรอ ย คอื 3 มีคา 300 824 เลขโดดในหลักรอ ย คือ 8 มีคา 800 จะได 339 นอยท่สี ุด และ 824 ม�กทีส่ ดุ - เรยี งลาํ ดบั จาํ นวนจากมากไปนอยไดอยางไร (824 725 339) - เรียงลาํ ดับจํานวนจากนอยไปมากไดอ ยางไร (339 725 824) ครูเขยี นบนกระดาน - เรียงลําดับจํานวนจากมากไปนอ ยได 824 725 339 - เรยี งลําดับจาํ นวนจากนอยไปมากได 339 725 824 2) 532 434 486 แลว ใหน กั เรียนเรยี งลําดบั จํานวน โดยการพิจารณาเลขโดด ครูถามวา - 532 434 486 เปนจาํ นวนทีม่ กี ่หี ลกั (สามหลัก)

๑๐๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กล่มุ ส�ระก�รเรยี นรูคณติ ศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรียนรูท่ี ๑๕ ชน้ั ป.๒01 9 หนว่ ยท่ี ๑ จ�ำ นวน เวล� ๑ ชว่ั โมง - เลขโดดในหลักรอยของจาํ นวนทั้งสามมคี า เทา ใด 2 (532 เลขโดดในหลักรอย คอื 5 มคี า 500 434 เลขโดดในหลกั รอย คอื 4 มคี า 400 486 เลขโดดในหลักรอย คือ 4 มีคา 400) - จาํ นวนใดมากทส่ี ดุ (532) เพราะเหตใุ ด (ในหลกั รอ ย 500 มากกวา 400) ครเู ขียนบนกระดานดงั นี้ 532 เลขโดดในหลักรอ ย คือ 5 มคี า 500 434 เลขโดดในหลักรอ ย คือ 4 มีคา 400 5 47 486 เลขโดดในหลกั รอ ย คอื 4 มีคา 400 จะได 532 ม�กท่ีสุด ครูแนะนําวา เลขโดดในหลักรอ ยของ 434 และ 486 มีคา 400 เทากนั จึงพจิ ารณาเลขโดด ในหลกั สบิ พรอมเขียนบนกระดานดงั นี้ 434 เลขโดดในหลักสบิ คอื 3 มีคา 30 2 486 เลขโดดในหลักสบิ คอื 8 มคี า 80 จะได 486 มากกวา 434 หรอื 434 นอ ยกวา 486 ดังนน้ั 434 นอ ยทีส่ ดุ จากนนั้ ใหน กั เรยี นชว ยกนั เรยี งลาํ ดบั จาํ นวน จากมากไปนอ ย โดยครตู ดิ บตั รตวั เลข ตามจาํ นวน ท่นี ักเรียนบอก ไดด ังน้ี 532 486 434

2 1 6 5 7 90กล่มุ ส�ระก�รเรียนรคู ณิตศ�สตร์แผนก�รจดั ก�รเรียนรทู ี่ ๑๕ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๐๗หนว่ ยที่ ๑ จำ�นวน ชัน้ ป.๒ หรือ เรียงลาํ ดับจํานวน จากนอ ยไปหามาก ไดดังน้ี เวล� ๑ ช่วั โมง 434 486 532 2 3. ครูใหนักเรียนเลนเกมเรียงลําดับจํานวน โดยครูแจกบัตรตัวเลขแสดงจํานวนใหนักเรียน กลมุ ละ 3 ใบ (แตละกลมุ ไดบัตรตวั เลขทีไ่ มเ หมือนกัน) เชน ชดุ ท่ี 1 253 451 250 ชุดที่ 2 116 316 216 ชุดที่ 3 395 593 359 ชุดท่ี 4 654 645 546 ชุดที่ 5 332 445 566 ชุดท่ี 6 908 890 980 ชดุ ที่ 7 798 897 987

๑๐๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กล่มุ ส�ระก�รเรยี นรูคณติ ศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรยี นรูท่ี ๑๕ ชัน้ ป.๒01 9 หนว่ ยท่ี ๑ จำ�นวน เวล� ๑ ชั่วโมง ใหนักเรียนแตละกลุมชวยกันเรียงลําดับจํานวนจากมากไปนอย จากน้ันครูสุมนักเรียน 2 ออกมานําเสนอวิธีการเรียงลําดับจํานวน 2 - 3 กลุม ครูและนักเรียนที่เหลือชวยกันตรวจสอบ ความถกู ตอง นักเรยี นทําแบบฝกหัด 1.15 ขนั้ สรปุ 5 47 4. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ การเรยี งลาํ ดบั จาํ นวนสามหลกั 3 จาํ นวน อาจทาํ ไดโ ดยหาจาํ นวน ที่มากท่ีสุดและจาํ นวนที่นอ ยทสี่ ุด จากนน้ั นาํ จํานวนมาเรียงลาํ ดบั จากมากไปนอย หรือจากนอย ไปมาก 2

2 2 2 แผนก�รจดั ก�รเรยี นรูท่ี ๑๖ แนวก�รจดั กจิ กรรมก�รเรียนรู 1 6 5 7 90 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๐๙ ข้นั นำ� ทบทวนการเปรียบเทยี บและเรียงลาํ ดับจํานวนนับไมเกนิ 100 ข้ันสอน การเรียงลาํ ดบั จํานวนนับไมเ กนิ 1,000 (4 - 5 จํานวน) แบบฝกหัด 1.16 ข้ันสรปุ ครแู ละนกั เรียนรว มกันสรุปเก่ยี วกบั การเรียงลาํ ดับจํานวนนบั ไมเ กนิ 1,000 (4 - 5 จาํ นวน) 2 ก�รวัดและประเมนิ ผล - ประเมนิ จากการตอบคําถาม และการทําแบบฝก หดั 1.16 - ประเมนิ จากการใหเ หตผุ ล การส่ือสารและการส่อื ความหมายทางคณติ ศาสตร

๑๑๐ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ ส�ระก�รเรียนรูคณติ ศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรียนรทู ี่ ๑๖ ชั้น ป.๒ 01 9 หนว่ ยที่ ๑ จำ�นวน เวล� ๑ ช่ัวโมง ขอบเขตเนือ้ ห� กิจกรรมก�รเรียนรู สอ่ื /แหลง่ เรียนรู เรยี งลาํ ดบั จาํ นวนนบั ไมเ กนิ 1,000 ข้ันน�ำ 1. บตั รตวั เลขขนาด A4 (4 - 5 จํานวน) 2. ปา ยบตั รคาํ “มากกวา ” “นอ ยกวา ” 1. ครใู หน ักเรียนเลน เกม “พลกิ ล็อค” โดย 3. แบบฝกหัด 1.16 - ครแู จกปา ยบัตรคํา “มากกวา” “นอ ยกวา” ใหน กั เรียนแตละคน ส�ระส�ำ คญั - ครูติดบัตรตัวเลขแสดงจํานวนนับไมเกิน 100 บนกระดาน 5 ใบ โดยยังไมใหนักเรียน ก�รประเมนิ 5 47 เห็นตัวเลขในบัตร เชน การเรียงลําดับจํานวน 4 - 5 1. วธิ ีก�ร จํานวนอาจทําไดโดยหาจํานวนที่ ใบท่ี 1 ใบที่ 2 ใบท่ี 3 ใบที่ 4 ใบท่ี 5 1.1 สังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู มากท่ีสุดและจํานวนที่นอยที่สุด - ครูเปดบัตรตัวเลขใบท่ี 1 ใหนักเรียนแตละคนทายวาจํานวนในบัตรตัวเลขใบที่ 2 1.2 ตรวจแบบฝก หัด จากน้ันนําจํานวนมาเรียงลําดับ จะมากกวา หรอื นอ ยกวา จาํ นวนในบตั รใบท่ี 1 โดยยกปา ยบตั รคาํ “มากกวา ” หรอื “นอ ยกวา ” จํานวนจากมากไปนอย หรือจาก 2. เครื่องมือ นอ ยไปมาก 2.1 แบบฝก หดั 1.16 2.2 แบบประเมินทักษะและ กระบวนการทางคณติ ศาสตร 3. เกณฑ์ 3.1 ผ ล ง า น มี ค ว า ม ถู ก ต  อ ง ไมนอยกวารอยละ 80 3.2 คะแนนรวมดานทักษะ และกระบวนการทางคณิตศาสตร จุดประสงคก์ �รเรยี นรู ด�นคว�มรู เ พ่ื อ ใ ห  นั ก เรี ย น ส า ม า ร ถ เรยี งลาํ ดบั จาํ นวนนบั ไมเ กนิ 1,000 (4 - 5 จาํ นวน) 2 2ด�นทักษะและกระบวนก�ร ท�งคณิตศ�สตร์ 78 ใบที่ 1 ใบที่ 2 ใบท่ี 3 ใบท่ี 4 ใบท่ี 5 - ครูเปดบัตรตัวเลขใบท่ี 2 แลวถามวาจํานวนในบัตรใบท่ี 2 “มากกวา” หรือ “นอยกวา ” จํานวนในบตั รใบท่ี 1 (นอ ยกวา ) 78 34 เพ่ือใหนักเรียนสามารถ ใบที่ 1 ใบที่ 2 ใบที่ 3 ใบที่ 4 ใบที่ 5 ไมนอยกวารอยละ 60 1. ใหเหตผุ ล - ครูทําเชนน้ีไปเร่ือย ๆ จนครบทั้ง 5 ใบ จากน้ันใหนักเรียนแตละคนเรียงจํานวน 2. สื่อสารและส่ือความหมาย ทั้ง 5 จํานวนในบัตรจากมากไปนอยหรอื จากนอ ยไปมาก โดยเขยี นลงในสมดุ ทางคณติ ศาสตร

2 1 6 5 7 90กลมุ่ ส�ระก�รเรยี นรคู ณิตศ�สตร์แผนก�รจัดก�รเรยี นรทู ี่ ๑๖ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๑๑หน่วยท่ี ๑ จำ�นวน ช้นั ป.๒ 78 34 90 45 10 เวล� ๑ ชว่ั โมง ใบท่ี 1 ใบท่ี 2 ใบท่ี 3 ใบท่ี 4 ใบที่ 5 2 ครูสุมนักเรียนออกมาเขียนจํานวนโดยเรียงจากนอยไปมาก ไดดังนี้ 10 34 45 78 90 หรือเรียงจากมากไปนอ ยไดด งั นี้ 90 78 45 34 10 จากนนั้ ครูใหนักเรียนชว ยกันบอกวธิ ีเรียงลําดบั จาํ นวน (ตอบตามความเขาใจ เชน หาจาํ นวน ท่ีมากที่สุดได 90 และจํานวนที่นอยท่ีสุดได 10 แลวพิจารณาจํานวนท่ีเหลือท้ังสามจํานวน ไดแ ก 78 34 45 ในทํานองเดยี วกัน) ขนั้ สอน 2. ครูจัดกิจกรรมการเรียงลําดับจํานวนนับไมเกิน 1,000 (เลขโดดในหลักรอยมีคา ไมเทากนั ) ครูหยบิ บตั รตัวเลขแสดงจํานวน มา 4 ใบ ติดบนกระดาน เชน 204 335 453 527 ใหน กั เรยี นเรยี งลาํ ดบั จาํ นวน โดยการพจิ ารณาคา ของเลขโดดในหลกั รอ ย และครถู ามวา - 527 453 204 335 เปน จาํ นวนทม่ี กี ห่ี ลกั (สามหลกั ) - เลขโดดในหลักรอยของแตล ะจํานวนมคี าเทาใด (5 2 7 เลขโดดในหลักรอย คือ 5 มีคา 500 45 3 เลขโดดในหลักรอ ย คือ 4 มีคา 400 20 4 เลขโดดในหลกั รอ ย คอื 2 มีคา 200 33 5 เลขโดดในหลักรอ ย คอื 3 มคี า 300)

๑๑๒ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุม่ ส�ระก�รเรียนรูคณิตศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรยี นรทู ่ี ๑๖ ชั้น ป.๒01 9 หน่วยที่ ๑ จ�ำ นวน เวล� ๑ ชัว่ โมง - จํานวนใดมีคามากที่สุด (527) เพราะเหตุใด (ในหลักรอย 500 มากกวา 400 2 5 47 200 และ 300) - จํานวนใดมีคานอยท่ีสุด (204) เพราะเหตุใด (ในหลักรอย 200 นอยกวา 500 400 และ 300) ครูเขียนบนกระดานดงั นี้ 5 2 7 เลขโดดในหลกั รอย คอื 5 มีคา 500 4 5 3 เลขโดดในหลกั รอ ย คอื 4 มคี า 400 2 0 4 เลขโดดในหลกั รอ ย คอื 2 มคี า 200 3 3 5 เลขโดดในหลักรอย คือ 3 มีคา 300 จะได 527 ม�กท่สี ดุ และ 204 นอ ยทส่ี ดุ เรยี งลําดับจํานวนจากนอยไปมากได 204 ……….. ……….. 527 ครใู หน ักเรียนพิจารณาจํานวนทเี่ หลือโดยถามวา - จาํ นวนทเี่ หลือคอื จาํ นวนใด (453 และ 335) 2 - จาํ นวนใดมากกวา (453) เพราะเหตุใด (ในหลกั รอ ย 400 มากกวา 300) - จํานวนใดนอ ยกวา (335) เพราะเหตุใด (ในหลักรอ ย 300 นอ ยกวา 400) ครูสุมนักเรียนออกมาเขียนโดยเรียงลําดับจํานวนจากมากไปนอยและจากนอยไปมาก บนกระดานไดด ังนี้ เรียงลําดบั จาํ นวนจากนอ ยไปมากได 204 335 453 527 เรียงลาํ ดบั จาํ นวนจากมากไปนอ ยได 527 453 335 204

2 1 6 5 7 90กล่มุ ส�ระก�รเรียนรูคณติ ศ�สตร์แผนก�รจัดก�รเรียนรูที่ ๑๖ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๑๓หน่วยท่ี ๑ จ�ำ นวน ชน้ั ป.๒ ครูอาจใหนักเรยี นเรียงลําดับจาํ นวนจากมากไปนอยและจากนอ ยไปมาก เชน เวล� ๑ ชั่วโมง 119 347 626 540 2 3. ครูจัดกิจกรรมการเรียงลําดับจํานวนนับไมเกิน 1,000 (เลขโดดในหลักรอยของบางจํานวน มีคา เทากัน) ครหู ยิบบัตรตวั เลขแสดงจํานวน มา 5 ใบ ติดบนกระดาน เชน 807 412 534 675 511 ใหนกั เรียนเรียงลาํ ดับจาํ นวน โดยการพจิ ารณาคาของเลขโดดในหลักรอย และครถู ามวา - 511 412 534 675 807 เปน จํานวนทม่ี ีกห่ี ลกั (สามหลัก) - เลขโดดในหลักรอ ยของแตละจํานวนมคี า เทาใด (5 1 1 เลขโดดในหลกั รอย คอื 5 มคี า 500 4 1 2 เลขโดดในหลักรอย คือ 4 มคี า 400 5 3 4 เลขโดดในหลักรอย คอื 5 มีคา 500 6 7 5 เลขโดดในหลักรอย คอื 6 มคี า 600 8 0 7 เลขโดดในหลักรอ ย คือ 8 มคี า 800) - จํานวนใดมีคามากท่ีสุด (807) เพราะเหตุใด (ในหลักรอย 800 มากกวา 500 400 และ 600) - จํานวนใดมีคานอยท่ีสุด (412) เพราะเหตุใด (ในหลักรอย 400 นอยกวา 500 600 และ 800)

๑๑๔ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มส�ระก�รเรยี นรูคณิตศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรยี นรูท่ี ๑๖ ช้ัน ป.๒01 9 หน่วยที่ ๑ จำ�นวน เวล� ๑ ชั่วโมง ครูเขียนบนกระดานดงั น้ี 2 511 เลขโดดในหลกั รอย คือ 5 มคี า 500 412 เลขโดดในหลักรอ ย คือ 4 มคี า 400 534 เลขโดดในหลกั รอ ย คือ 5 มีคา 500 675 เลขโดดในหลักรอย คอื 6 มคี า 600 807 เลขโดดในหลกั รอ ย คอื 8 มีคา 800 จะได 807 ม�กทส่ี ุด และ 412 นอยท่สี ุด เรยี งลาํ ดบั จาํ นวนจากนอ ยไปมากได 412 ……….. ……….. ……… 807 5 47 ครูใหน กั เรียนพิจารณาจํานวนทเ่ี หลือโดยถามวา - จาํ นวนท่ีเหลอื คอื จํานวนใด (511 534 และ 675) - 511 534 และ 675 จํานวนใดมีคามากท่ีสุด (675) เพราะเหตุใด (ในหลักรอย 600 มากกวา 500) - ครูตองเขียน 675 ไวในตําแหนงใดของ 412 ……….. ……….. ……….. 807 2 (กอ น 807) เพราะเหตุใด (เพราะ 675 นอ ยกวา 807 เทา นน้ั ) ครเู ขยี นบนกระดาน ดงั นี้ เรยี งลาํ ดับจาํ นวนจากนอ ยไปมากได 412 ……….. ……….. 675 807 ครใู หพ จิ ารณาจาํ นวนที่เหลอื คอื 511 และ 534 แลวถามวา จาํ นวนใดมากกวา (534 มากกวา 511) เพราะเหตุใด (5 ในหลักรอ ยของท้งั สองจาํ นวนมีคา 500 เทากนั จงึ พิจารณาในหลักสบิ จะไดว า 534 มากกวา 511)

2 1 6 5 7 90กล่มุ ส�ระก�รเรยี นรคู ณติ ศ�สตร์แผนก�รจัดก�รเรยี นรูท่ี ๑๖ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๑๕หน่วยที่ ๑ จำ�นวน ชั้น ป.๒ จากนั้นใหนักเรียนชวยกันเรียงลําดับจํานวน จากนอยไปมาก โดยครูติดบัตรตัวเลข เวล� ๑ ชว่ั โมง ตามจํานวนทน่ี กั เรียนบอก ไดดงั นี้ 2 412 511 534 675 807 หรอื เรียงลําดับจํานวนจากมากไปนอย ไดด งั น้ี 807 675 534 511 412 ครูใหน ักเรียนเรียงลําดบั จาํ นวนจากมากไปนอ ย และจากนอยไปมากอีก 1 ตัวอยา ง เชน 357 548 290 573 647 4. ครใู หนักเรยี นเลน เกม “พลิกล็อค” โดย - ครูแจกปา ยบตั รคาํ “มากกวา ” “นอ ยกวา ” ใหนักเรยี นแตล ะคน - ครูติดบัตรตัวเลขแสดงจํานวนนับไมเกิน 1,000 บนกระดาน 5 ใบ โดยยังไมใหนักเรียน เหน็ ตัวเลขในบัตร เชน ใบที่ 1 ใบที่ 2 ใบท่ี 3 ใบที่ 4 ใบที่ 5 - ครเู ปด บตั รตวั เลขใบท่ี 1 ใหน กั เรยี นแตล ะคนทายวา จาํ นวนในบตั รตวั เลขใบท่ี 2 จะมากกวา หรือนอยกวา จํานวนในบตั รใบท่ี 1 โดยยกปา ยบตั รคํา “มากกวา ” หรอื “นอ ยกวา ” 317 ใบที่ 1 ใบที่ 2 ใบที่ 3 ใบที่ 4 ใบท่ี 5

๑๑๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กล่มุ ส�ระก�รเรยี นรูคณติ ศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรยี นรทู ี่ ๑๖ ชัน้ ป.๒01 9 หน่วยท่ี ๑ จำ�นวน เวล� ๑ ชัว่ โมง - ครูเปดบัตรตัวเลขใบท่ี 2 แลวถามวาจาํ นวนในบัตรใบท่ี 2 “มากกวา ” หรือ “นอ ยกวา ” 2 5 47 จํานวนในบตั รใบที่ 1 (มากกวา) 317 853 ใบที่ 1 ใบท่ี 2 ใบที่ 3 ใบท่ี 4 ใบที่ 5 - ครทู าํ เชน นไี้ ปเรอ่ื ย ๆ จนครบทงั้ 5 ใบ จากนน้ั ใหน กั เรยี นแตล ะคนเรยี งจาํ นวนทง้ั 5 จาํ นวน ในบัตรจากมากไปนอ ยหรือจากนอ ยไปมาก โดยเขียนลงในสมดุ 317 853 312 541 860 ใบที่ 1 ใบที่ 2 ใบที่ 3 ใบที่ 4 ใบท่ี 5 ครูสุมนักเรียนออกมาเขียนจํานวนโดยเรียงจากนอยไปมาก ไดดังนี้ 312 317 541 853 860 หรอื เรียงจากมากไปนอ ยไดด ังน้ี 860 853 541 317 312 ครูอาจใหน ักเรยี นเลน เกม “พลิกลอ็ ค” อีกครง้ั โดยเปลีย่ นจํานวนในบตั รตัวเลข เชน 758 578 857 587 785 ใบที่ 1 ใบท่ี 2 ใบที่ 3 ใบที่ 4 ใบท่ี 5 2 เมื่อเลน เกมเสร็จแลวใหนกั เรียนเรียงลําดบั จาํ นวนจากนอ ยไปมากและจากมากไปนอ ย นักเรยี นทาํ แบบฝกหดั 1.16 ข้นั สรปุ 5. ครูและนกั เรยี นรว มกนั สรปุ การเรยี งลําดบั จาํ นวน 4 - 5 จาํ นวน อาจทาํ ไดโดยหาจาํ นวนที่ มากทส่ี ดุ และจาํ นวนทน่ี อ ยทสี่ ดุ จากนนั้ นาํ จาํ นวนมาเรยี งลาํ ดบั จาํ นวนจากมากไปนอ ย หรอื จาก นอยไปมาก

22 แผนก�รจัดก�รเรยี นรูที่ ๑๗ แนวก�รจัดกิจกรรมก�รเรียนรู 1 6 5 7 90 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๑๗ ขั้นนำ� ครูสนทนาเก่ยี วกับสิง่ ตา ง ๆ ที่ตอ งใชเปน คู เชน ถุงมือ ถงุ เทา รองเทา ตะเกยี บ ขั้นสอน จํานวนคูและจํานวนคี่ ใบกิจกรรม 1.3 และแบบฝก หัด 1.17 ขั้นสรุป ครูและนกั เรียนรวมกันสรุปเกี่ยวกบั จาํ นวนคแู ละจํานวนค่ี 2 ก�รวดั และประเมนิ ผล - ประเมินจากการตอบคําถาม การทําใบกิจกรรม 1.3 และการทําแบบฝก หัด 1.17 2 - ประเมินจากการใหเ หตุผล การสอ่ื สารและการส่ือความหมายทางคณิตศาสตร

๑๑๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มส�ระก�รเรียนรคู ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรยี นรูท่ี ๑๗ ชั้น ป.๒ 01 9 หน่วยท่ี ๑ จ�ำ นวน เวล� ๑ ชั่วโมง ขอบเขตเนอื้ ห� กจิ กรรมก�รเรยี นรู สอ่ื /แหล่งเรยี นรู จํานวนคูและจํานวนค่ี ขัน้ น�ำ 1. สิง่ ของตา ง ๆ เชน ถงุ มอื ถุงเทา รองเทา ตะเกียบ 1. ครนู ําสง่ิ ของทตี่ อ งใชเปนคู เชน ตะเกียบ 2 อนั นวม 2 ขา ง ถุงมือ 2 ขา ง ถุงเทา 2 ขา ง 2. ไมไอศกรมี รองเทา 2 ขา ง มาใหน ักเรียนดู ครถู ามวา 3. ใบกิจกรรม 1.3 4. แบบฝกหดั 1.17 - มีถุงเทา ก่ขี า ง (2 ขา ง) มถี งุ เทากค่ี ู (1 คู) - มรี องเทา กขี่ าง (2 ขา ง) มีรองเทา กี่คู (1 คู) ก�รประเมนิ - มถี งุ มือกีข่ า ง (2 ขา ง) มีถุงมือกค่ี ู (1 คู) - มตี ะเกยี บกอี่ ัน (2 อัน) มตี ะเกียบก่คี ู (1 คู) 1. วิธีก�ร - 1 คู มีของก่ชี ้นิ (2 ชิน้ ) 1.1 สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู ครูใหนักเรียนสังเกตวาของส่ิงตาง ๆ ที่ครูนํามาใหดูแตละชนิดมี 2 ชิ้น ซ่ึงถาจัดเปนคู 1.2 ตรวจใบกิจกรรม จะจัดได 1 คู พอดี ครแู นะนาํ วา “สองชิน้ เปนหน่ึงคู” 1.3 ตรวจแบบฝก หัด ครูใหนักเรยี นชว ยกนั บอกสงิ่ ตาง ๆ ท่ีจัดเปนคู 2. เครอ่ื งมือ ขน้ั สอน 2.1 ใบกจิ กรรม 1.3 2.2 แบบฝก หัด 1.17 2. ครชู ไู มไ อศกรมี 2 อนั แลว ถามวา “ครมู ไี มไ อศกรมี กอี่ นั ” (2 อนั ) “จบั คไู ดพ อดหี รอื ไม” (จับคู 2.3 แบบประเมินทักษะและ ไดพอด)ี “ไมไ อศกรีม 2 อนั จบั คูไดก ค่ี ”ู (1 ค)ู “คดิ อยางไร” (2 อันเปน 1 คู) กระบวนการทางคณิตศาสตร ครูชูไมไอศกรีม 3 อัน แลวถามวา “ครูมีไมไอศกรีมก่ีอัน” (3 อัน) “จับคูไดพอดีหรือไม” 3. เกณฑ์ ส�ระส�ำ คัญ 5 47 จํ า น ว น ท่ี มี ห ลั ก ห น  ว ย เ ป  น 0 2 4 6 8 เปนจํานวนคู จํ า น ว น ท่ี มี ห ลั ก ห น  ว ย เ ป  น 1 3 5 7 9 เปน จํานวนคี่ จุดประสงคก์ �รเรยี นรู ด� นคว�มรู เพื่อใหนักเรียนสามารถบอกได วาจํานวนใดเปนจํานวนคู และ จาํ นวนใดเปนจํานวนคี่ ด  � น ทั ก ษ ะ แ ล ะ ก ร ะ บ ว น ก � ร 2 2ท�งคณติ ศ�สตร์ เพ่อื ใหน ักเรียนสามารถ 1. ใหเหตุผล 2. ส่ือสารและสื่อความหมาย จับคูไ ดไ มพ อดี) “ไมไอศกรมี 3 อนั จบั คไู ดกค่ี ู” (1 คู เหลอื 1 อนั ) “คดิ อยา งไร” (2 อนั เปน 3.1 ผ ล ง า น มี ค ว า ม ถู ก ต  อ ง ทางคณิตศาสตร 1 คู และเหลืออีก 1 อนั ) ไมนอยกวารอยละ 80

2 2 2 ช้ัน ป.๒ เวล� ๑ ช่วั โมง 1 6 5 7 90กลมุ่ ส�ระก�รเรยี นรคู ณิตศ�สตร์แผนก�รจดั ก�รเรียนรทู ี่ ๑๗ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๑๙หน่วยท่ี ๑ จำ�นวน ครูแนะนําวา “จาํ นวนไมไอศกรีมทีจ่ ับคไู ดพ อดี เปน จาํ นวนคู 3.2 คะแนนรวมดานทักษะ จํานวนไมไอศกรมี ทจ่ี บั คไู ดไ มพอดี เปน จํานวนค่”ี และกระบวนการทางคณิตศาสตร 3. ครูแจกไมไอศกรีมใหนักเรียนคนละ 4 อนั แลวถามวา “ไมไอศกรีม 4 อันจบั คูไดพอดีหรอื ไม” ไมนอยกวารอยละ 60 (จับคูไ ดพ อด)ี ดังน้นั “4 เปน จาํ นวนอะไร” (จํานวนค)ู ครูแจกไมไอศกรีมเพิ่มอีกคนละ 1 อัน แลวถามวา “มีไมไอศกรีมกี่อัน” (5 อัน) “ไมไอศกรีม 5 อัน จับคูไดพอดีหรือไม” (จับคูไดไมพอดี) ดังน้ัน “5 เปนจํานวนอะไร” (จาํ นวนค)่ี จากนัน้ ครแู จกไมไอศกรมี เพมิ่ อกี เปน 6 7 8 9 10 อนั ใหน กั เรยี นจับคไู มไอศกรมี ทีละจํานวน ครูถามวา จํานวนไมไอศกรีมแตละจํานวน เมื่อจับคูแลวไดพอดี หรือไดไมพอดี” (มีท้ังจบั คูไดพ อดี และ จับคไู ดไ มพ อด)ี ครูสรปุ จากการจดั กจิ กรรมได ดงั นี้ ไมไอศกรีม 2 อนั จบั คไู ดพ อดี 2 เปนจํานวนคู 2 ไมไอศกรีม 3 อนั จบั คไู ดไมพอดี 3 เปนจํานวนคี่ ไมไอศกรีม 4 อัน จับคไู ดพอดี 4 เปนจํานวนคู ไมไอศกรีม 5 อัน จับคูไดไมพอดี 5 เปน จาํ นวนคี่

๑๒๐ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กล่มุ ส�ระก�รเรียนรคู ณิตศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรียนรูท ี่ ๑๗ ช้นั ป.๒01 9 หนว่ ยท่ี ๑ จ�ำ นวน เวล� ๑ ชัว่ โมง ไมไ อศกรีม 6 อัน จับคูไดพอดี 6 เปนจาํ นวนคู 2 5 47 ไมไ อศกรมี 7 อนั จบั คูไดไมพ อดี 7 เปนจํานวนคี่ ไมไอศกรมี 8 อัน จับคูไดพอดี 8 เปนจาํ นวนคู ไมไ อศกรมี 9 อนั จับคูไดไมพ อดี 9 เปนจาํ นวนค่ี ไมไอศกรีม 10 อนั จบั คไู ดพอดี 10 เปน จํานวนคู ครชู ไู มไ อศกรมี 1 อัน ถามวา “ไมไ อศกรมี 1 อนั จับคไู ดห รือไมไ ด” (ไมได) ครูแนะนําวา 2 ไมไอศกรมี 1 อนั จบั คูไมไ ด หรอื จับคไู ดไมพอดี ดังนน้ั 1 เปนจำ�นวนคี่ ครูถามวา “จํานวนไมไอศกรีมใดบางท่ีเมื่อจับคูแลว จับคูไดพอดี” (2 4 6 8 10) ครแู นะนําวา เราเรยี กจาํ นวน 2 4 6 8 10 วา “จำ�นวนคู”่ ซงึ่ เปน จํานวนคทู ีม่ ี 1 หลกั ครถู ามอีกวา จาํ นวนไมไ อศกรมี จาํ นวนใดบา งทเ่ี มื่อจบั คูแลว จับคูไดไ มพอด”ี (1 3 5 7 9) ครแู นะนาํ วา เราเรียกจํานวน 1 3 5 7 9 วา “จ�ำ นวนค่”ี ซึ่งเปนจํานวนคี่ท่ีมี 1 หลัก

2 1 6 5 7 90กลุ่มส�ระก�รเรยี นรูคณิตศ�สตร์แผนก�รจัดก�รเรยี นรูท่ี ๑๗ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๒๑หนว่ ยที่ ๑ จ�ำ นวน ชั้น ป.๒ 4. ครูจดั กจิ กรรม “ จาํ นวนคู หรอื จาํ นวนค”่ี โดย เวล� ๑ ช่วั โมง - จดั นักเรยี นเปนกลมุ - แจกอปุ กรณก ลมุ ละ 1 ชุด (ไมไอศกรมี 20 อัน) พรอมใบบันทึกกจิ กรรม 1 ใบ 2 - ใหสมาชิกในกลุมชวยกันจัดไมไอศกรีมเปนคู จากจํานวนไมไอศกรีม 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 อัน สังเกตและพิจารณาการจับคูไดพอดี หรือ ไดไมพอดี แลวบนั ทกึ ผลในใบกจิ กรรม 1.3 ตวั อยา งใบกิจกรรม 1.3 จาํ นวน จับคูไ ดพ อดี จบั คไู ดไ มพอดี จํานวนคู จํานวนค่ี 11 / / 12 / / 13 14 15 16 17 18 19 20

๑๒๒ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มส�ระก�รเรียนรูคณติ ศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรียนรทู ่ี ๑๗ ชั้น ป.๒01 9 หนว่ ยท่ี ๑ จ�ำ นวน เวล� ๑ ชวั่ โมง ครถู ามวา 2 5 47 - 1 ถงึ 20 จํานวนใดเปน จํานวนคี่ ( 1 3 5 7 9 11 13 15 17 19) เพราะเหตใุ ด (จบั คไู ดไ มพ อดี) - 1 ถงึ 20 จํานวนใดเปน จํานวนคู (2 4 6 8 10 12 14 16 18 20) เพราะเหตใุ ด (จบั คไู ดพ อดี) ครใู หน ักเรียนสงั เกตและแนะนาํ วา จาํ นวนทม่ี ีหลักหนว ยเปน 0 2 4 6 8 เปน จํานวนคู และจํานวนท่ีมีหลกั หนว ยเปน 1 3 5 7 9 เปนจํานวนคี่ 5. ครูใหนักเรียนพิจารณาจํานวนตอไปน้ี แลวบอกวาจํานวนใดเปนจํานวนคู จํานวนใดเปน จาํ นวนคี่ เพราะเหตุใด เชน 44 38 51 62 95 137 209 466 723 859 1,000 6. ครูบอกจาํ นวน เชน 5 8 22 39 87 15 106 335 ถา เปนจาํ นวนค่ี ใหนักเรียน ปรบมือ 1 ครั้ง และถาเปนจํานวนคู ใหปรับมือ 2 คร้ัง ทําเชนนี้สลับไปมา หรือใหนักเรียน ออกแบบทา ทางที่นาสนใจ แลว ชวนเพอ่ื น ๆ รวมทาํ 2 นกั เรยี นทําแบบฝกหดั 1.17 ขน้ั สรปุ 7. ครแู ละนกั เรียนรวมกันสรุปวา จาํ นวนทีม่ ีหลกั หนวยเปน 0 2 4 6 8 เปนจำ�นวนคู่ จํานวนที่มีหลักหนว ยเปน 1 3 5 7 9 เปน จำ�นวนคี่

2 2 ขนั้ น�ำ 1 6 5 7 90แผนก�รจัดก�รเรยี นรูที่ ๑๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๒๓แนวก�รจดั กิจกรรมก�รเรยี นรู จัดกิจกรรมรวมคดิ รว มทํา “จาํ นวนทฉี่ ันสราง” จาํ นวนนับไมเ กิน 1,000 ขั้นสอน จัดกจิ กรรมรว มคิดรว มทาํ “จาํ นวนทฉี่ ันสรา ง” จํานวนนบั ไมเกิน 1,000 ขน้ั สรปุ ครแู ละนักเรยี นรว มกันนาํ เสนอและตรวจสอบผลงาน“จํานวนทฉี่ นั สราง”จํานวนนับไมเ กิน 1,000 ใบกจิ กรรม 1.4 และแบบฝก หัด 1.18 2 ก�รวัดและประเมินผล - ประเมนิ จากการทํากิจกรรม 1.4 และการทาํ แบบฝก หัด 1.18 2 - ประเมินจากการแกป ญหา การใหเ หตุผล และการสื่อสารและการส่อื ความหมาย ทางคณติ ศาสตร

๑๒๔ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุม่ ส�ระก�รเรียนรคู ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรยี นรูท ี่ ๑๘ ชน้ั ป.๒01 9 หน่วยที่ ๑ จำ�นวน เวล� ๑ ช่วั โมง ขอบเขตเนื้อห� กจิ กรรมก�รเรียนรู ส่อื /แหล่งเรียนรู 1. การอานและเขียนตัวเลข ข้ันนำ� 1. บัตรตวั เลข ฮนิ ดอู ารบกิ ตวั เลขไทย และตวั หนงั สอื 1. ครใู หน กั เรียนทํากจิ กรรม “จาํ นวนทีฉ่ ันสรา ง” โดยครูติดบัตรตัวเลขบนกระดาน เชน 2. ใบกจิ กรรมที่ 1.4 แสดงจํานวนนบั ไมเกิน 1,000 3. แบบฝกหัด 1.18 2. หลักและคาของเลขโดดใน แตละหลัก ของจํานวนนับไมเกิน 529 ก�รประเมิน 1,000 และการเขียนแสดงจาํ นวน ครูใหน ักเรียนเขยี นแสดงจาํ นวนโดยไมใ ชตวั เลขซาํ้ ดงั น้ี 1. วิธีก�ร ในรูปกระจาย 1.1 สงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู 3. ก า ร เ ป รี ย บ เ ที ย บ แ ล ะ 1) จํานวนสามหลักทม่ี ากท่สี ดุ (952) 1.2 ตรวจใบกจิ กรรม 5 47 การเรียงลําดบั จํานวน 1.3 ตรวจแบบฝกหดั 4. จาํ นวนค่ีและจํานวนคู 2) จาํ นวนสามหลกั ที่นอยทส่ี ดุ (259) 2. เครอ่ื งมอื 3) จํานวนสามหลักที่เปนจํานวนค่ี (เชน 295 529 259 925) ครูเขียนคําตอบของ ส�ระสำ�คัญ นักเรียนบนกระดานทไี่ มซ ํา้ กัน จะได 295 529 259 925 2.1 ใบกจิ กรรม 1.4 2.2 แบบฝก หดั 1.18 1. ก�รนับและบอกจำ�นวน 4) จาํ นวนสามหลกั ทม่ี ากทีส่ ุด ที่เปน จาํ นวนคี่ (925) 2.3 แบบประเมินทักษะและ ก�รอ่�นและเขียนตัวเลข ฮินดู 5) จาํ นวนสามหลักทน่ี อ ยท่สี ดุ ทเี่ ปน จาํ นวนคี่ (259) กระบวนการทางคณิตศาสตร อ�รบกิ ตวั เลขไทยและตวั หนงั สอื 2 2แสดงจ�ำ นวนนบั ไมเ่ กนิ 1,000 1.1 เราสามารถบอกจาํ นวน ของสงิ่ ตา ง ๆ ไดโ ดยการนบั ซง่ึ อาจ 6) จาํ นวนสามหลกั ทเี่ ปน จาํ นวนคู (เชน 952 592) ครเู ขยี นคาํ ตอบของนกั เรยี นบนกระดาน 3. เกณฑ์ จะได 952 592 3.1 ผลงานมคี วามถกู ตอ งไมน อ ย 7) จํานวนสามหลกั ทม่ี ากทีส่ ุด ทเ่ี ปนจํานวนคู (952) กวารอยละ 80 ใชก ารนบั ทลี ะ 1 ทีละ 2 ทีละ 5 8) จํานวนสามหลกั ที่นอยทส่ี ดุ ทเี่ ปน จาํ นวนคู (592) ทลี ะ 10 หรือ ทีละ 100

2 2 2 ชัน้ ป.๒ เวล� ๑ ชว่ั โมง 1 6 5 7 90กลุ่มส�ระก�รเรียนรคู ณติ ศ�สตร์แผนก�รจัดก�รเรยี นรทู ่ี ๑๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๒๕หนว่ ยที่ ๑ จ�ำ นวน 1.2 จาํ นวนนบั ทม่ี ากกวา 100 ขน้ั สอน 3.2 คะแนนรวมดานทักษะ ไมเกิน 1,000 เปนจํานวนที่มี และกระบวนการทางคณิตศาสตร สามหลกั ไดแ ก 101 ถงึ 999 โดยท่ี 2. ครูใหน กั เรยี นทํากิจกรรม “จํานวนท่ีฉันสราง” โดยครเู ปลีย่ นบัตรตัวเลขบนกระดาน เชน ไมนอ ยกวารอยละ 60 438 101 คอื 1 ร  อ ย กั บ 2 1 หนว ย ครูใหน กั เรยี นสรา งจํานวนโดยไมใชต วั เลขซา้ํ พรอ มท้ังบนั ทกึ ในใบกจิ กรรม 1.4 ตวั อยางใบกจิ กรรม 1.4 510 คอื 5 รอ ย กบั 1 สิบ 999 คอื 9 รอ ย กบั 9 สิบ 1. บตั รตวั เลข กบั 9 หนวย 2. เขียนจาํ นวนสามหลกั ทกุ จาํ นวนโดยใชต ัวเลขไมซ้ํา 1.3 10 รอ ย คอื 1 พนั หรอื 1,000 ซ่ึงเปนจํานวนทม่ี สี ่ีหลัก .......................................................................................................... 1.4 จาํ นวนนบั ทม่ี ากกวา 100 3. เรียงลําดับจํานวนจากนอ ยไปมาก ไมเกิน 1,000 สามารถเขียน แสดงไดดวยตัวเลขฮินดูอารบิก .......................................................................................................... ตวั เลขไทย และตัวหนังสอื เรยี งลาํ ดับจํานวนจากมากไปนอ ย 1.5 การเขียนตัวเลขแสดง .......................................................................................................... จํานวนที่มากกวาสามหลัก นิยม 4. จํานวนสามหลักทม่ี ากทสี่ ดุ ทีเ่ ปน จํานวนคู ................ เขียนเคร่ืองหมายจุลภาค (,) ค่ัน เขยี นแสดงดว ยตวั เลขไทย ................ เพื่อใหสะดวกตอการอาน เชน เขยี นแสดงดวยตัวหนังสอื ................................................... 1,000 หรือ ๑,๐๐๐ เขียนคาของเลขโดดในแตละหลกั ............ อยู ในหลักรอ ย มีคา ........... ............ อยู ในหลกั สิบ มีคา ........... ............ อยู ในหลกั หนว ย มคี า ........... เขยี นแสดงจํานวนในรูปกระจาย ......................................................

๑๒๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ ส�ระก�รเรยี นรคู ณติ ศ�สตร์ แผนก�รจัดก�รเรียนรูที่ ๑๘ ชัน้ ป.๒01 9 หน่วยที่ ๑ จ�ำ นวน เวล� ๑ ชวั่ โมง 2. หลกั และค�่ ของเลขโดดใน 5. จํานวนสามหลกั ทีม่ ากทสี่ ุด ที่เปน จํานวนคี่ ................ 2 แตล่ ะหลกั ของจ�ำ นวนนับไมเ่ กิน 1,000 เขียนแสดงดวยตวั เลขไทย ................ 2.1 หลกั และคา ของเลขโดด เขยี นแสดงดวยตวั หนังสอื .................................................. 5 47 เขียนคา ของเลขโดดในแตละหลัก ในแตละหลักของจํานวนนับท่ีมี สามหลกั เลขโดดทางขวาสดุ อยใู น ............ อยู ในหลกั รอ ย มคี า ........... หลักหนวย เลขโดดทางซายของ ............ อยู ในหลกั สิบ มคี า ........... หลกั หนว ย อยูในหลักสิบ เลขโดด ............ อยู ในหลักหนว ย มคี า ........... ทางซา ยของหลกั สบิ อยใู นหลกั รอ ย เขยี นแสดงจาํ นวนในรปู กระจาย ...................................................... 2.2 1,000 เปนจํานวน 6. จาํ นวนสามหลกั ท่นี อยท่สี ุด ทีเ่ ปน จํานวนคู ................ สหี่ ลกั หลกั พนั อยใู นหลกั ถดั ไปทาง เขยี นแสดงดวยตวั เลขไทย ................ ซายของหลักรอย มี 1 ในหลักพัน เขียนแสดงดว ยตวั หนงั สอื .................................................. มคี า 1,000 และมี 0 ในหลกั รอ ย เขียนแสดงจํานวนในรปู กระจาย ...................................................... หลกั สบิ และหลักหนว ย มคี า 0 2.3 การเขียนแสดงจํานวน 7. จาํ นวนสามหลกั ที่นอ ยท่ีสุด ที่เปน จาํ นวนค่ี ................ ในรูปกระจายเปนการเขียนใน เขียนแสดงดวยตัวเลขไทย ................ 2 รูปการบวกคาของเลขโดดใน เขียนแสดงดว ยตัวหนงั สอื .................................................. หลกั ตา ง ๆ ของจํานวนน้นั เขยี นแสดงจาํ นวนในรปู กระจาย ...................................................... 3. ก�รเปรียบเทียบและ ก�ร เรียงลำ�ดับจ�ำ นวน 3.1 ก า ร เ ป รี ย บ เ ที ย บ จํานวนสองจํานวนที่มีจํานวนหลัก ไมเทากัน จํานวนที่มีจํานวนหลัก มากกวาจะมากกวาจํานวนท่ีมี จาํ นวนหลักนอยกวา

2 1 6 5 7 90กลุ่มส�ระก�รเรยี นรูคณติ ศ�สตร์แผนก�รจัดก�รเรยี นรทู ่ี ๑๘ 2 21ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 9(ฉบบั ปรบั ปรงุ )0 ๑๒๗หนว่ ยท่ี ๑ จำ�นวน ชั้น ป.๒ 3.2 การเปรยี บเทยี บจาํ นวน ข้นั สรปุ เวล� ๑ ช่ัวโมง สามหลักสองจาํ นวน 3. ครสู มุ นกั เรยี นออกมานาํ เสนอผลงานทห่ี นา หอ งเรยี น ครแู ละนกั เรยี นชว ยกนั ตรวจสอบผลงาน - จาํ นวนทมี่ เี ลขโดดในหลกั แลวนําผลงานไปตดิ ทกี่ ระดานแสดงผลงานของหอ งเรยี น 2 4. นักเรยี นทําแบบฝกหัด 1.18 รอ ยมคี ามากกวาจะมากกวา - ถาเลขโดดในหลักรอย มีคาเทากันจํานวนท่ีเลขโดดใน หลกั สิบมีคามากกวาจะมากกวา - ถาเลขโดดในหลักรอย และเลขโดดในหลักสิบมีคาเทากัน จํานวนท่ีเลขโดดในหลักหนวย มากกวา จะมากกวา 3.3 การเรียงลําดับจํานวน สามหลกั 3 - 5 จาํ นวน อาจทาํ ได โดยหาจํานวนที่มากท่ีสุดและ จํานวนท่ีนอยท่ีสุด จากน้ันนํา จํานวนมาเรียงลําดับจากมากไป นอย หรอื จากนอยไปมาก 4. จำ�นวนค่แู ละจ�ำ นวนคี่ - จาํ นวนทมี่ หี ลกั หนว ยเปน 0 2 4 6 8 เปน จาํ นวนคู - จาํ นวนทม่ี หี ลกั หนว ยเปน 1 3 5 7 9 เปน จาํ นวนค่ี

๑๒๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มส�ระก�รเรยี นรคู ณิตศ�สตร์ แผนก�รจดั ก�รเรียนรทู ่ี ๑๘ ช้นั ป.๒01 9 หนว่ ยที่ ๑ จำ�นวน เวล� ๑ ชั่วโมง 5 47 จุดประสงค์ก�รเรียนรู 2 ด�นคว�มรู เพ่ือทบทวนส่ิงท่ีไดเรียนรูใน บทนี้ ด  � น ทั ก ษ ะ แ ล ะ ก ร ะ บ ว น ก � ร ท�งคณิตศ�สตร์ เพื่อใหนกั เรยี นสามารถ 1. แกป ญ หา 2. ใหเ หตผุ ล 3. สื่อสารและส่ือความหมาย ทางคณิตศาสตร 2

ภาคผนวก



ภาคผนวก ก เฉลยแบบฝกึ หัด



๑ เฉลย จาํ นวน



65 7 90 ฝ.๑.๑/ผ.๑ 22 1 22 หน่วยที่ ๑ จำ�นวน แบบฝกึ หัด 1.1 1 เขียนตวั เลขฮินดูอ�รบกิ ตัวเลขไทย และตัวหนังสือแสดงจ�ำ นวน 1) 2) 56 71 ๕๖ ๗๑ หาสิบหก เจ็ดสิบเอด็ 3) 4) 92 14 ๙๒ ๑๔ เกาสิบสอง สิบสี่ 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๑๓๕

01 57 22 ฝ.๑.๑/ผ.๑ 9 4 หน่วยที่ ๑ จ�ำ นวน 6) 5) 48 29 ๔๘ ๒๙ สสี่ บิ แปด ยี่สิบเกา 7) 8) 83 65 ๘๓ ๖๕ แปดสิบสาม หกสบิ หา 1 6 5 4 7 9 0๑๓๖ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

65 7 90 22 1 22 ฝ.๑.๑/ผ.๑ หน่วยท่ี ๑ จำ�นวน 2 เขียนวงลอมรอบไมใ หเท่�กับจ�ำ นวนท่ีกำ�หนด 1) 23 2) 78 3) 32 4) 41 5) 98 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๑๓๗

01 57 22 9 4 หนว่ ยท่ี ๑ จ�ำ นวน ฝ.๑.๑/ผ.๑ 3 เขยี นวงลอ มรอบไมใหเท่�กบั จ�ำ นวนทก่ี �ำ หนด 1) ๓๔ 2) ๒๖ 3) ๕๙ 4) ๔๕ 5) ๙๓ 1 6 5 4 7 9 0๑๓๘ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

65 7 90 ฝ.๑.๑/ผ.๑ 22 1 22 หนว่ ยที่ ๑ จำ�นวน 4 เขียน ✕ ทับภ�พ ตัวเลข หรอื ตวั หนังสอื ท่ีแสดงจำ�นวนทเ่ี ท�่ กนั 1) 45 54 2) 66 หกสบิ 3) ๘๒ 72 4) สส่ี บิ เจด็ 37 5) ๒๑ ย่ีสิบ 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๑๓๙

01 57 22 ฝ.๑.๒/ผ.๒ 9 4 หน่วยท่ี ๑ จ�ำ นวน แบบฝึกหัด 1.2 1 วงลอมรอบภ�พแสดงก�รนบั ทีละ 2 และเขยี นตวั เลขแสดงจ�ำ นวน 1) แกว ตามีตกุ ตา 18 ตวั 2) ใบบัวมีลกู แกว 22 ลกู 3) ออมสินมตี ุกตาโดเรมอน 35 ตัว 1 6 5 4 7 9 0๑๔๐ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

65 7 90 ฝ.๑.๒/ผ.๒ 22 1 22 หนว่ ยท่ี ๑ จ�ำ นวน 2 วงลอ มรอบภ�พแสดงก�รนบั ทลี ะ 2 หรอื ทลี ะ 10 และเขยี นตวั เลขแสดง จ�ำ นวน 1) ขนมทองหยบิ 16 ช้นิ 2) ขนมทองหยอด 25 ชิน้ 3) ขนมวนุ กรอบ 57 ชิน้ 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๑๔๑

01 57 22 9 4 หน่วยที่ ๑ จ�ำ นวน ฝ.๑.๒/ผ.๒ 4) ขนมอะลัว 68 ชน้ิ 5) ขนมไข 27 ชิน้ 6) ขนมตะโก 28 ชิน้ *วงลอ มภ�พแสดงก�รนบั อ�จเขียนไดหล�ยแบบ ข้นึ อยู่กบั วิธีก�รนบั ของนกั เรียน 1 6 5 4 7 9 0๑๔๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๒ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook