Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อ.โน้ตติวเตอร์ กรณีพิเศษ ภาค ก.

อ.โน้ตติวเตอร์ กรณีพิเศษ ภาค ก.

Published by ปัณณธร ละม้าย, 2019-08-13 09:27:12

Description: อ.โน้ตติวเตอร์ กรณีพิเศษ ภาค ก.

Search

Read the Text Version

1 กฎหมายการศกึ ษา สรุปประเด็นพระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแห่งชาติ 2542, 2545, 2553, 2562 (กฎหมายแม่บท) ม.6 การจดั การศึกษาตอ้ งเป็นไปเพ่ือให้คนไทยเป็นมนุษยท์ ส่ี มบรู ณ์ อน่ื ๆ ที่ต้องเนน้ เพราะออกข้อสอบประจา (เกง่ ดี มีสุข) … ความมงุ่ หมายการศึกษา ม.7 ปลกู ฝ่ังจิตสานึกทถ่ี กู ต้อง (หลักความเสมอภาค) ม.4 นยิ าม ม.8 หลกั การจัดการศึกษา (ตลอด ร่วม พัฒนา) “การศึกษา” กระบวนการเรยี นรเู้ พื่อสร้างความเจรญิ งอกงาม ม.9 กระบวนการจดั การศึกษา (เอกภาพ กระจาย กาหนด “การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน” การศึกษาก่อนอุดมศึกษา มาตรฐาน ส่งเสรมิ ระดม มสี ่วนรว่ ม) “มาตรฐานการศึกษา” ขอ้ กาหนดเกี่ยวกับคุณภาพท่พี ึงประสงค์ ม.10 บุคคลมสี ิทธิและโอกาสเสมอกัน การศึกษาข้ันพื้นฐานไมน่ ้อย คุณลกั ษณะ และมาตรฐาน กว่า 12 ปี (คนพิการแรกเกิดหรอื พบความพิการ) “ครู” บคุ ลากรวชิ าชพี ซ่ึงทาหนา้ ทห่ี ลักด้านการเรยี นการสอน ม.15 รปู แบบการจดั การศึกษา (ใน, นอก, อธั ยาศัย) “คณาจารย์” บุคลากรซ่งึ ทาหน้าท่หี ลักดา้ นการสอนและวิจยั ม.16 ในระบบมี 2 ระดบั การศึกษาข้นั พื้นฐานและอดุ มศึกษา “บคุ ลากรทางการศึกษา” ผอ. ผอ.เขต ศน. ม.17 ภาคบงั คับ 9 ปี (ย่าง 7 – ย่าง 16) ... นับตามปีปฏทิ ิน ม.22 ยดึ ผูเ้ รียนเปน็ ศูนยก์ ลาง (หวั ใจของ พรบ.ฉบบั น)้ี ท่มี าของพระราชบัญญัตนิ ี้ ม.23 การจัดการศึกษาทั้ง ใน นอก อัธยาศัย เนน้ KPA  เกดิ จากรัฐธรรมนญู ฉบบั 16 มาตรา 81  มที ้งั สิ้น 9 หมวด 1 บทเฉพาะกาล 78 มาตรา  ฉบบั ท่ี 1 ประกาศ 19 สิงหาคม บงั คบั 20 สิงหาคม 42  ฉบับที่ 2 ประกาศ 19 ธันวาคม บงั คบั 20 ธนั วาคม 45  ฉบบั ท่ี 3 ประกาศ 22 กรกฎาคม บงั คับ 23 กรกฎาคม 53  ฉบับที่ 1 นายชวน หลีกภัย (นายกฯ) รบั สนองฯ  ฉบับที่ 2 นายทกั ษิณ ชนิ วตั ร (นายกฯ) รับสนองฯ  ฉบับท่ี 3 นายอภสิ ิทธ์ิ เวชชาชวี ะ (นายกฯ) รับสนองฯ  จาปีตรากฎหมาย นาตวั เลข 12 บวกเขา้ ไปในปี พ.ศ. นัน้ ม.24 กระบวนการเรยี นรู้ (ถนัด คิด ประสบการณ์ ผสมผสาน ชอ่ื แตล่ ะหมวด บรรยากาศ ทกุ ทที่ กุ เวลา) หมวด 1 ความมงุ่ หมายและหลกั การ (ม.6-9) ม.27 กพฐ.กาหนดหลักสูตร สถานศึกษาทาสาระ หมวด 2 สิทธิและหนา้ ท่ีทางการศึกษา (ม.10-14) ม.28 หลักสูตรต้องมีความหลากหลาย หมวด 3 ระบบการศึกษา (ม.15-21) ม.30 ครทู าวจิ ยั หมวด 4 แนวการจดั การศึกษา (ม.22-30) ม.37 การบริหารและการจดั การศึกษาขั้นพื้นฐานให้ยดึ เขตพ้ืนท่ี หมวด 5 การบรหิ ารและการจดั การศึกษา (ม.31-46) หมวด 6 มาตรฐานและการประกันคณุ ภาพการศึกษา (ม.47-51) การศึกษาโดยคานงึ ถึงระดบั ของการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน จานวน หมวด 7 ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา (ม.52-57) สถานศึกษา จานวนประชากร วัฒนธรรมและความเหมาะสม หมวด 8 ทรพั ยากรและการลงทนุ เพ่ือการศึกษา (ม.58-62) ดา้ นอนื่ ดว้ ย หมวด 9 เทคโนโลยเี พ่ือการศึกษา (ม.63-69) ม.39 กระจายอานาจ 4 ด้าน (วิชาการ งบฯ บคุ คล ท่วั ไป) ม.41 ท้องถน่ิ จัดการศึกษาไดท้ กุ ระดบั บทเฉพาะกาล (ม.70-78) ม.47 ประกันภายใน (SAR) ประกันภายนอก (สมศ.-รับรอง) ม.48 โรงเรียนมีระบบประกนั คณุ ภาพภายใน (SAR) ม.49 ประกันภายนอก (สมศ.-รับรอง , องคก์ ารมหาชน) ม.53 เกดิ พรบ.สภาครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ม.54 เกดิ พรบ.ระเบยี บข้าราชการครูฯ ม.63 ใช้เทคโนโลยีเพ่ือการศึกษา ม.64 พัฒนาส่ือทางการศึกษา ม.68 กองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา

2 สรปุ ประเดน็ พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาภาคบงั คบั 2545 ม.5 ให้กรรมการเขตฯ อปท. ประกาศและแจง้ ผูป้ กครองเดก็ ทค่ี รบ อ่นื ๆ ท่ีตอ้ งเนน้ เพราะออกข้อสอบประจา กาหนด ไม่นอ้ ยกว่าหน่ึงปี ม.6 ใหส้ ถานศึกษามอี านาจผ่อนผันให้เด็กเขา้ เรยี นกอ่ นหรอื หลังอายุ ม. 4 นยิ าม ม.7 พนักงานเข้าไปตรวจสอบ ในเวลาระหวา่ ง พระอาทติ ยข์ ้นึ และพระอาทติ ยต์ กหรือในเวลาทาการของสถานท่ี “การศึกษาภาคบังคบั ” การศึกษาชั้นปที ่หี น่ึงถงึ ชัน้ ปที ่เี ก้าของ น้ัน การศึกษาขัน้ พ้ืนฐานตามกฎหมายว่าดว้ ย ม.8 พนกั งานเจ้าหนา้ ท่ีตอ้ งแสดงบตั รประจาตวั ทุกครง้ั การศึกษาแห่งชาติ ม.9 อานวยความสะดวกตามสมควร แกพ่ นกั งาน “สถานศึกษา” สถานศึกษาทจ่ี ัดการศึกษาภาคบงั คับ ม.10 พนักงานเจ้าหน้าท่เี ปน็ เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา “ผปู้ กครอง” บิดามารดา หรอื บิดา หรอื มารดา ซ่ึงเป็นผใู้ ช้อานาจปกครอง ม.11 มีเด็กมาอยดู่ ว้ ย ต้องแจ้งเขตฯ ภายในหน่ึงเดอื นนบั แตว่ ันทเ่ี ด็ก หรอื ผู้ปกครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาอาศัยอยู่ “เดก็ ” เดก็ ซ่ึงมอี ายุยา่ งเขา้ ปีทเ่ี จ็ดจนถงึ อายุย่างเข้าปีทส่ี ิบหก เว้นแต่เดก็ ทีส่ อบได้ช้ันปที ี่เก้าของการศึกษาภาคบงั คบั แลว้ บทสรุปโทษ  ปรับไม่เกิน 1,000 บาท ตามมาตรา 6 และ 9  ปรบั ไมเ่ กินหน่งึ 10,000 บาท ตามมาตรา 11 และแจง้ ขอ้ มลู เทจ็ แก่ เจ้าหนา้ ที่ ท่ีมาของ พรบ.ฉบับน้ี  เกิดจาก พรบ.การศึกษาแหง่ ชาติ 2542  ฉบบั ท่ี 1 ประกาศ 31 ธันวาคม 45 บงั คบั 1 มกราคม 46  ฉบบั ที่ 1 นายทกั ษิณ ชนิ วตั ร (นายกฯ) ผู้รับสนองฯ  รวม 20 มาตรา สรปุ ประเดน็ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บกระทรวงศกึ ษาธกิ าร 2546, 2553, 2562 ม.6 ระเบียบ ศธ. (ส่วนกลาง , เขตฯ , ปริญญา) อืน่ ๆ ท่ตี ้องเนน้ เพราะออกขอ้ สอบประจา ม.9 ส่วนกลางมี ส.ปลดั และ หวั หนา้ ส่วนข้ึนตรงต่อรฐั มนตรี ทม่ี าของ พรบ. ฉบบั น้ี ม.10 การแบ่งส่วนราชการใหอ้ อกเป็น กฎกระทรวง  เกดิ จาก พรบ.การศึกษาแหง่ ชาติ 2542 หมวดท่ี 5 ม.19 ส.รัฐมนตรี มเี ลขานุการ (ขา้ ราชการทางการเมอื ง) เป็นหัวหนา้  ฉบบั ที่ 1 ประกาศ 6 กรกฎาคม บงั คบั 7 กรกฎาคม 46 ม.33 การจดั การศึกษาให้ยึดเขตฯ โดยคานึงถงึ ระดับการศึกษา,  ฉบับที่ 2 ประกาศ 22 กรกฎาคม บังคบั 23 กรกฎาคม 53 จานวนสถานศึกษา, จานวนประชากร, วฒั นธรรม  ฉบับท่ี 1 นายทกั ษิณ ชินวัตร (นายกฯ) ผู้รบั สนองฯ ม.44 กระจายอานาจ 4 ดา้ น (วชิ าการ, งบฯ, บคุ คล, ท่ัวไป)  ฉบบั ท่ี 2 นายอภิสิทธ์ิ เวชชาชวี ะ (นายกฯ) ผ้รู ับสนองฯ  รวม 5 หมวด 1 บทเฉพาะกาล 82 มาตรา ชอื่ แตล่ ะหมวด หมวด 1 การจัดระเบยี บบรหิ ารฯ ในส่วนกลาง (ม.9-22) หมวด 2 การจดั ระเบยี บบรหิ ารฯ ในสานกั ปลดั ฯ (ม.23-39) หมวด 3 การจดั ระเบยี บบรหิ ารฯ ในส่วนปริญญา (ม.40-43) หมวด 4 การปฏบิ ัตริ าชการแทน (ม.44-47) หมวด 5 การรักษาราชการแทน (ม.48-56) การรักษาราชการแทน (ใหอ้ านาจแกผ่ ู้แทน) การปฏบิ ัติราชการแทน (เปน็ การมอบอานาจเฉพาะกาล)

3 สรปุ ประเดน็ พระราชบญั ญตั สิ ภาครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา 2546 ม.7 สภาครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา หรอื คุรุสภา อ่นื ๆ ที่ตอ้ งเน้น เพราะออกข้อสอบประจา ม.8 หนา้ ทีค่ รุ ุสภา (กาหนดมาตรฐาน, นโยบาย, ส่งเสริม) ม.4 นิยาม ม.26 กรรมการคุรสุ ภาประชุมอยา่ งนอ้ ยเดือนละหน่งึ ครงั้ “ครู” บคุ ลากรวิชาชพี ซ่งึ ทาหน้าท่หี ลกั ทางดา้ นการเรียนการสอน ม.43 ครู ผอ. ผอ.เขตฯ เปน็ วชิ าชีพควบคมุ และส่งเสริมการเรียนรู้ของเดก็ ท้งั รัฐและเอกชน ม.44 ผรู้ บั ใบอนุญาต อายไุ ม่ต่ากว่า 20 ปีบรบิ รู ณ์ , มปี ริญญาทาง “วชิ าชพี ” วิชาชพี ทางการศึกษาท่ที าหน้าทห่ี ลักทางดา้ นการเรยี น การศึกษา และ ผา่ นการฝกึ สอนไมน่ อ้ ยกว่า 1 ปี การสอนและการส่งเสริมการเรียนรูฯ้ ม.49 มาตรฐานวิชาชพี (ม.ความร้แู ละประสบการณว์ ิชาชีพ , ม.การ “ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา” บคุ คลซ่งึ ปฏิบตั ิหน้าที่บริหารสถานศึกษา ปฏบิ ตั งิ าน และ ม.การปฏิบตั ิตน) ภายในเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษา ม.50 ม.ปฏบิ ัติตน (ตอ่ ตน ตอ่ วิชาชีพ ต่อผู้รบั บรกิ าร ต่อผรู้ ว่ ม “ผู้บรหิ ารการศึกษา” บุคคลซ่งึ ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีบริหารนอก ประกอบวชิ าชพี ตอ่ สังคม) สถานศึกษาเหนอื เขตพ้ืนท่กี ารศึกษา ม.54 กรรมการมาตรฐานวชิ าชีพวินจิ ฉัยโทษ 5 สถาน (ยก ตัก ภาค พัก เพิก) ม.58 สมาชิกคุรสุ ภามี 2 ประเภท (สามัญและกิตติมศักด์ิ) ท่มี าของพระราชบัญญัตินี้  เกิดจาก พรบ.การศึกษาแห่งชาติ มาตราที่ 53 ม.60 สิทธแิ ละหนา้ ท่ีของสมาชิก  มีท้งั สิ้น 4 หมวด 1 บทเฉพาะกาล 90 มาตรา  ฉบบั ท่ี 1 ประกาศ 11 มิถุนายน บงั คบั 12 มถิ ุนายน 46 1. แสดงความคดิ เหน็ 2. เลอื ก รบั เลือกตงั้  ฉบับท่ี 1 นายทกั ษิณ ชนิ วัตร (นายกฯ) ผู้รบั สนองฯ 3. ชาระค่าธรรมเนยี ม 4. ผดุงไว้ซ่งึ เกยี รติ กติ ตมิ ศักด์ยิ กเวน้ ข้อ 2 และ 3 ม.62 สกสค. (คณะกรรมการส่งเสรมิ สวสั ดกิ ารและสวสั ดภิ าพครู ชอ่ื แตล่ ะหมวด และบคุ ลากรทางการศึกษา) หมวด 1 สภาครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา (ม.7-61) อัตราคา่ ธรรมเนยี ม หมวด 2 คณะกรรมการส่งเสริมฯ (ม.62-74) (1) ค่าข้นึ ทะเบยี นรบั ใบอนญุ าตเปน็ ผปู้ ระกอบวชิ าชพี 500 หมวด 3 การกากับดแู ล (ม.75-77) (2) คา่ ตอ่ ใบอนญุ าตประกอบวิชาชพี 200 หมวด 4 บทกาหนดโทษ (ม.78-79) (3) คา่ หนงั สือรับรองการข้นึ ทะเบยี นเปน็ ผปู้ ระกอบวชิ าชีพ 300 (4) ค่าหนงั สืออนมุ ตั ิหรอื วฒุ ิบตั รแสดงความรคู้ วามชานาญ 400 บทเฉพาะกาล (ม.80-90) (5) คา่ ใบแทนใบอนญุ าต 200 สรปุ โทษ ต่อ : แทน : รับ : อนมุ ตั ิ : ข้นึ  จาคุกไม่เกนิ 1 ปี ปรบั ไมเ่ กิน 20,000 บาท หรือท้งั จาทง้ั ปรบั 200 : 200 : 300 : 400 : 500 เม่ือ ไม่ได้รบั ใบอนุญาตประกอบวชิ าชีพ (ม.43) จำใหแ้ มน่ ออกข้อสอบประจำทกุ ปี  จาคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกนิ 60,000 บาท หรอื ท้ังจาทง้ั ปรบั เมอื่ แสดงตนวา่ มสี ิทธิ์ (ม.46) และประกอบวชิ าชพี ในช่วงถกู พกั ใชใ้ บประกอบวชิ าชีพ (ม.56) ใบอนญุ าตประกอบวชิ าชีพทางการศึกษา มี 4 ประเภท 1. ใบอนญุ าตประกอบวชิ าชีพครู 2. ใบอนญุ าตประกอบวชิ าชพี ผบู้ ริหารสถานศึกษา 3. ใบอนญุ าตประกอบวิชาชีพผบู้ ริหารการศึกษา 4. ใบอนญุ าตประกอบวชิ าชีพบคุ ลากรทางการศึกษาอ่ืน การขอข้นึ ทะเบยี นรับใบอนุญาต  ผปู้ ระสงค์ขอข้ึนทะเบยี นรบั ใบอนญุ าตใหย้ นื่ คาร้องขอตอ่ ____ เลขาธิการครุ ุสภา (คศ.01)  ใบอนุญาตใหม้ อี ายเุ ป็นเวลา ____ 5 ปี นบั แต่วนั ออกใบอนญุ าต  การกาหนดอายแุ ละการต่ออายุใบอนญุ าต ____ ก่อนหมดอายไุ มน่ อ้ ยกว่า 180 วนั  ใบแทนใบอนญุ าต ให้ใชต้ ามแบบกาหนดโดยมีคาว่า “ใบแทน” เป็นตวั อกั ษรสีแดง ขนาดโตกวา่ ธรรมดา ประทบั ดา้ นบนใบอนญุ าต  ประสงคเ์ ปลีย่ นแปลงขอ้ มูลทางทะเบยี น ให้ยืน่ ตอ่ ____ เลขาธกิ ารคุรุสภา

4 สรปุ ประเดน็ พระราชบญั ญัตริ ะเบยี บข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา 2547, 2551, 2553, 2562 ม.7 ก.ค.ศ. หรือ คณะกรรมการขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการ อ่ืนๆ ทต่ี อ้ งเน้น เพราะออกขอ้ สอบประจา ศึกษา ม.38 ตาแหน่งขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา ม.4 นยิ าม ก. ครูผู้ชว่ ย , ครู , อาจารย์ , ผศ. , รศ. , ศ. “ขา้ ราชการครู” ผปู้ ระกอบวชิ าชีพหลกั ทางการสอนและส่งเสรมิ ฯ ข. ผบู้ รหิ าร และ ค. ศน. (เฉพาะรฐั เทา่ น้นั ) ม.84 ต้องปฏบิ ตั หิ นา้ ทด่ี ว้ ยความซอ่ื สัตย์ (รา้ ยแรง) “คณาจารย์” บคุ ลากรซ่งึ ทาหนา้ ที่หลกั ทางการสอนและวจิ ยั ม.85 สร้างความเสียหายแกร่ าชการ (ร้ายแรง) (เฉพาะรฐั เท่าน้นั ) ม.86 ขดั คาส่ัง ผบ. หากคาสั่งมชิ อบทาหนงั สือภายใน 7 วนั “ขา้ ราชการครไู ดร้ บั เงินเดือน” จาก ศธ. , ทอ่ งเทยี่ วกีฬา , (ร้ายแรง) วัฒนธรรม และกระทรวงอืน่ ทีก่ าหนด ม.87 การละทง้ิ หรอื ทอดทง้ิ เกินกวา่ 15 วนั (รา้ ยแรง) ม.88 ดหู ม่ิน เหยียดหยาม นกั เรยี น ผูป้ กครอง (รา้ ยแรง) ม.89 กลั่นแกล้งโดยปราศจากความจรงิ (รา้ ยแรง) ม.90 ซื้อ ขาย จา้ งทาวิทยฐานะ (ร้ายแรง) ท่ีมาของพระราชบญั ญตั นิ ้ี ม.91 คัดลอกผลงาน วจิ ยั วิทยานพิ นธ์ (รา้ ยแรง)  เกิดจากพระราชบญั ญัติการศึกษาแหง่ ชาติ ม.54  มีท้งั สิ้น 9 หมวด 1 บทเฉพาะกาล 140 มาตรา  ฉบับที่ 1 ประกาศ 23 ธันวาคม บังคบั 24 ธนั วาคม 47  ฉบับที่ 2 ประกาศ 20 กมุ ภาพันธ์ บังคับ 21 กมุ ภาพันธ์ 51  ฉบับท่ี 3 ประกาศ 22 กรกฎาคม บงั คับ 23 กรกฎาคม 53  ฉบบั ท่ี 1 นายวิษณุ เครืองาม (รองนายกฯ) รับสนองฯ  ฉบบั ที่ 2 พลเอกสุรยทุ ธ์ จลุ านนท์ (นายกฯ) รับสนองฯ  ฉบบั ท่ี 3 นายอภสิ ิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกฯ) รับสนองฯ  จาปีตรากฎหมาย นาตัวเลข 12 บวกเขา้ ไปในปี พ.ศ. นั้น ม.93 ไมว่ างตวั เป็นกลางทางการเมือง (ร้ายแรง) ชือ่ แต่ละหมวด ม.94 ประพฤตชิ ่วั (ร้ายแรง) ม.96 โทษทางวนิ ัย 5 สถาน (ภาค ตัด ลด ปลด ไล)่ หมวด 1 คณะกรรมการบรหิ ารบคุ คลของข้าราชการครู ม.97 คาส่ังลงโทษทางวนิ ยั ให้ทาเปน็ หนังสือคาส่ัง และบุคลากรทางการศึกษา (ม 7-28) หมวด 2 บทท่ัวไป (ม 29-37) หมวด 3 การกาหนดตาแหน่ง วิทยฐานะและการให้ไดร้ บั เงนิ เดือน เงินวิทยฐานะและเงนิ ประจาตาแหน่ง (ม 39-44) หมวด 4 การบรรจแุ ละการแต่งต้งั (ม 45-71) หมวด 5 การเสรมิ สรา้ งประสิทธภิ าพในการปฏบิ ัติการ (ม 72-81) หมวด 6 วินัยและการรกั ษาวินยั (ม 82-97) หมวด 7 การดาเนนิ การทางวินยั (ม 98-106) หมวด 8 การออกจากราชการ (ม 107-120) หมวด 9 การอทุ ธรณ์และการรอ้ งทกุ ข์ (ม 121-126)

5 สรปุ ประเดน็ พระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองเดก็ 2546 ม.22 การปฏิบัตติ ่อเด็กไมว่ ่ากรณีใด ใหค้ านงึ ถงึ ประโยชนส์ ูงสุดของ อืน่ ๆ ทตี่ อ้ งเนน้ เพราะออกข้อสอบประจา เดก็ เปน็ สาคญั และไม่ใหม้ กี ารเลือกปฏบิ ัตโิ ดยไมเ่ ปน็ ธรรม ม.30 เจา้ หนา้ ทเ่ี ขา้ ตรวจสอบ ให้เข้าไปในเคหสถาน ในระหว่างเวลา ม.4 นิยาม หลงั พระอาทิตยข์ ้ึนถงึ กอ่ นพระอาทิตย์ตก “เด็ก” บคุ คลซ่งึ มีอายุต่ากว่า 18 ปบี ริบูรณ์ ม.32 เดก็ ทีพ่ ึงได้รบั การสงเคราะห์ (8 กรณี) “เด็กเรร่ อ่ น” เดก็ ไมม่ บี ดิ ามารดาหรอื ผปู้ กครอง ม.40 เด็กทพี่ ึงได้รับการคุ้มครองสวสั ดภิ าพไดแ้ ก่ (คุ้มครอง 3 กรณี) “เด็กกาพรา้ ” เดก็ ที่มารดาหรอื บดิ าเสียชวี ติ (1) เด็กทีถ่ ูกทารุณกรรม “สถานรบั เล้ียงเด็ก” สถานทีร่ บั เลยี้ งและพัฒนาเด็กทม่ี อี ายุไมเ่ กิน (2) เดก็ ท่ีเส่ียงต่อการกระทาผิด 6 ปบี ริบรู ณ์ ตั้งแต่ 6 คนข้ึนไป (3) เด็กทอ่ี ย่ใู นสภาพทจี่ าต้องได้รบั การคมุ้ ครองสวัสดภิ าพ “สถานสงเคราะห์” สถานทใ่ี ห้อปุ การะทีม่ เี ดก็ ตง้ั แต่ 6 คนข้ึนไป บทกาหนดโทษ ทีม่ าของพระราชบญั ญัติน้ี  มีท้ังสิ้น 9 หมวด 1 บทเฉพาะกาล 88 มาตรา ม. 78 บังคบั จา้ งวาน ยินยอมใหเ้ ดก็ เล่นพนัน ซื้อสุรา บหุ รี่  ฉบบั ท่ี 1 ประกาศ 2 ตลุ าคม 46 บังคับ 30 มนี าคม 47 ทารณุ กรรม เผยแพร่ข้อมูลเด็ก ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กนิ 3  ฉบับที่ 1 นายทกั ษิณ ชนิ วตั ร (นายกฯ) รบั สนองฯ  จาปีตรากฎหมาย นาตวั เลข 12 บวกเข้าไปในปี พ.ศ. นนั้ เดอื น หรือปรบั ไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจาทง้ั ปรบั ม. 79 เปิดเผยชือ่ และขอ้ มลู เด็ก ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกิน 6 ชอ่ื แต่ละหมวด เดอื น หรือปรับไมเ่ กิน 60,000 บาท หรอื ทัง้ จาทง้ั ปรบั ม. 80 ให้ถอ้ ยคาอนั เป็นเท็จตอ่ พนักงานเจา้ หนา้ ทซ่ี ่ึงปฏบิ ัติ หมวด 1 คณะกรรมการคุม้ ครองเดก็ (มาตรา 7-21) หน้าท่ี ต้องระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กิน 1 เดือน หรือปรบั ไมเ่ กิน หมวด 2 การปฏบิ ตั ติ อ่ เด็ก (มาตรา 22-31) 10,000 บาท หรอื ท้งั จาทงั้ ปรบั หมวด 3 การสงเคราะหเ์ ด็ก (มาตรา 32-39) ม. 81 ฝ่าฝนื คาสั่งศาล เข้าเขตหวงหา้ ม ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่ หมวด 4 การคุ้มครองสวสั ดภิ าพเด็ก (มาตรา 40-47) เกิน 1 เดอื น หรือปรบั ไม่เกนิ 10,000 บาท หรอื ทงั้ จาทัง้ ปรับ หมวด 5 ผคู้ มุ้ ครองสวสั ดภิ าพเดก็ (มาตรา 48-50) ม. 82 ไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตให้จัดตัง้ สถานรับเลี้ยง ตอ้ งระวางโทษ หมวด 6 สถานรับเล้ียงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุม้ ครอง จาคุกไมเ่ กิน 1 เดอื น หรอื ปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรอื ทง้ั จา สวสั ดิภาพ และสถานพัฒนาและฟ้ นื ฟู (มาตรา 51-62) ท้งั ปรบั หมวด 7 การส่งเสรมิ ความประพฤตินกั เรียนและนกั ศึกษา (มาตรา 63-67) หมวด 8 กองทุนคมุ้ ครองเด็ก (มาตรา 68-77) หมวด 9 บทกาหนดโทษ (มาตรา 78-86) บทเฉพาะกาล คณะกรรมการในพระราชบญั ญัตฉิ บบั นี้ คณะกรรมการคมุ้ ครองเด็กแห่งชาติ ประธานกรรมการ _________________ รมว.การพัฒนาสังคมฯ คณะกรรมการคมุ้ ครองเดก็ กรงุ เทพมหานคร ประธานกรรมการ _________________ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะกรรมการคมุ้ ครองเด็กจังหวัด ประธานกรรมการ _________________ ผวู้ า่ ราชการจังหวดั คณะกรรมการบรหิ ารกองทนุ คุม้ ครองเด็ก ประธานกรรมการ _________________ ปลดั กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ

6 สรปุ ประเดน็ พระราชบญั ญตั กิ ารจดั การศกึ ษาสาหรบั คนพิการ 2551, 2556 ม.6 ให้ครูการศึกษาพิเศษในทุกสังกัดมีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทน อื่นๆ ทตี่ อ้ งเนน้ เพราะออกขอ้ สอบประจา พิเศษตามท่ีกฎหมายกาหนด (เงิน พ.ค.ก. ได้รับ 2,500 บาท ต่อ เดือน) __ เงินเพิ่มสาหรับตาแหน่งท่ีมีเหตุพิเศษของ ม.4 นิยาม ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาท่ีปฏิบัติหน้าที่สอนคน “คนพิการ” หมายความว่า บุคคลซ่ึงมีข้อจากัดในการปฏบิ ตั ิ พิการ กิจกรรมในชีวิตประจาวนั หรือเข้าไปมีส่วนร่วมทาง ม.11 ใหม้ คี ณะกรรมการส่งเสรมิ การจดั การศึกษาสาหรับคนพิการ สังคม (27 คน) “แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล” หมายความวา่ แผนซ่งึ กาหนดแนวทางการจดั การศึกษาท่สี อดคลอ้ งกบั ความ ม.13 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตาแหน่งคราวละ 3 ปี และ ตอ้ งการจาเป็นพิเศษของคนพิการ อาจไดร้ ับแตง่ ต้งั อกี ได้ แตต่ ้องไมเ่ กิน 2 วาระตดิ ตอ่ กัน “ครกู ารศึกษาพิเศษ” หมายความวา่ ครทู ่ีมวี ฒุ ทิ างการศึกษาพิเศษ **** ออกข้อสอบบอ่ ย ๆ สูงกวา่ ระดับปรญิ ญาตรีข้ึนไปและปฏบิ ัติหน้าท่ีใน สถานศึกษาท้งั ของรัฐและเอกชน (แกไ้ ขเพิ่มเตมิ ประเภทความพิการทางการศึกษาไว้ 9 ประเภท ได้แก่ ฉบบั 2) (1) บุคคลที่มคี วามบกพรอ่ งทางการเห็น  คนตาบอด หมายถงึ บคุ คลที่สูญเสียการเห็นมาก จนต้องใชส้ ื่อสัมผัส ที่มาของพระราชบัญญัติน้ี  มที ้งั สิ้น 3 หมวด 1 บทเฉพาะกาล 29 มาตรา และสื่อเสียง อย่ใู นระดับ 6 ส่วน 60 (6 / 60)  ฉบับท่ี 1 ประกาศ 5 กุมภาพันธ์ บงั คบั 6 กมุ ภาพันธ์ 51  คนเห็นเลอื นราง หมายถึง บุคคลทสี่ ูญเสียการเห็น แต่ยังสามารถอา่ น  ฉบบั ที่ 2 ประกาศ 17 พฤษภาคม บังคับ 18 พฤษภาคม 56  ฉบบั ท่ี 1 พลเอกสุรยุทธ์ จลุ านนท์ (นายกฯ) รับสนองฯ อักษรตัวพิมพ์ขยายใหญ่ดว้ ยอปุ กรณเ์ ครื่องช่วยความพิการ อยู่ใน  ฉบบั ท่ี 2 นางสาวย่งิ ลกั ษณ์ ชินวตั ร (นายกฯ) รบั สนองฯ ระดบั 6 ส่วน 18 (6 / 18)  จาปีตรากฎหมาย นาตัวเลข 12 บวกเข้าไปในปี พ.ศ. นน้ั (2) บุคคลท่ีมีความบกพร่องทางการได้ยนิ  คนหหู นวก หมายถึง บคุ คลทีส่ ูญเสียการได้ยินมากจนไม่สามารถ ชอ่ื แต่ละหมวด เข้าใจการพูดผา่ นทางการได้ยิน สูญเสียการได้ยนิ 90 เดซิเบลข้นึ ไป  คนหตู ึง หมายถึง บุคคลทม่ี กี ารได้ยนิ เหลอื อยู่เพียงพอท่ีจะไดย้ นิ การ หมวด 1 สิทธแิ ละหนา้ ท่ีทางการศึกษา (มาตรา 5-10) พูดผ่านทางการได้ยิน สูญเสียการได้ยนิ น้อยกว่า 90 เดซิเบล หมวด 2 การส่งเสรมิ การจดั การศึกษาสาหรบั คนพิการ (มาตรา 11-20) ลงมาถึง 26 เดซเิ บล หมวด 3 กองทุนส่งเสรมิ และพัฒนาการศึกษาสาหรบั คนพิการ (มาตรา 21-26) (3) บคุ คลทม่ี ีความบกพรอ่ งทางสติปัญญา  บุคคลท่ีมีความจากัดอย่างชัดเจนในการปฏิบัติตน แสดงอาการ บทเฉพาะกาล (มาตรา 27-29) ดงั กล่าวก่อนอายุ 18 ปี (4) บคุ คลท่มี คี วามบกพรอ่ งทางรา่ งกาย หรอื การเคลือ่ นไหว หรือ สุขภาพ (5) บคุ คลทม่ี คี วามบกพร่องทางการเรยี นรู้  บคุ คลทม่ี ีความผิดปกติในการทางานของสมองบางส่วนท่แี สดงถงึ ความบกพรอ่ งในกระบวนการเรียนรู้ (6) บุคคลที่มคี วามบกพรอ่ งทางการพูดและภาษา (7) บคุ คลที่มคี วามบกพรอ่ งทางพฤตกิ รรม หรืออารมณ์ (8) บคุ คลออทิสตกิ  บคุ คลทมี่ ีความผิดปกติของระบบการทางานของสมองบางส่วน พบได้ กอ่ นอายุ 30 เดือน (9) บคุ คลพิการซ้อน  บคุ คลทมี่ ีสภาพความบกพรอ่ งหรอื ความพิการมากกวา่ หน่ึงประเภท

7 สรุปกฎหมายท่ีเปลยี่ นไป เปรียบเทียบพระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ 42 และ 62 พระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ 42 พระราชบัญญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ 62 มาตรา 31 กระทรวงมีอำนำจหน้ำทเ่ี กี่ยวกบั กำรสง่ เสรมิ และ มาตรา 31 กระทรวงมีอำนำจหนำ้ ท่เี กย่ี วกับกำรสง่ เสริม กำกบั ดูแลกำรศึกษำทกุ ระดบั และทุกประเภท กำหนดนโยบำย และกำกับดแู ลกำรศกึ ษำทุกระดบั ทุกประเภท และการ แผน และมำตรฐำนกำรศึกษำ สนับสนุนทรพั ยำกรเพ่ือ อาชวี ศกึ ษา แตไ่ มร่ วมถึงการศกึ ษาระดับอดุ มศึกษา กำรศกึ ษำส่งเสริมและประสำนงำนกำรศำสนำ ศลิ ปะ ทอี่ ยใู่ นอำนำจหน้ำท่ีของกระทรวงอื่นทีม่ ีกฎหมำยกำหนดไว้ วฒั นธรรม และกำรกีฬำเพื่อกำรศกึ ษำ รวมทัง้ กำรติดตำม เปน็ กำรเฉพำะ กำหนดนโยบำย แผน และมำตรฐำน ตรวจสอบ และประเมินผลกำรจดั กำรศึกษำและรำชกำรอ่ืน กำรศึกษำ สนบั สนนุ ทรัพยำกร เพื่อกำรศกึ ษำ ส่งเสริมและ ตำมทมี่ ีกฎหมำยกำหนดให้เป็นอำนำจหน้ำท่ีของ ประสำน งำนกำรศำสนำ ศิลปะ วฒั นธรรม และกำรกีฬำ กระทรวงหรือสว่ นรำชกำรท่ีสังกดั กระทรวง ทง้ั น้ี ในสว่ นท่ีเกีย่ วกบั กำรศึกษำ รวมทงั้ กำรติดตำม ตรวจสอบและประเมนิ ผลกำรจดั กำรศกึ ษำ และรำชกำรอื่น ตำมท่มี ีกฎหมำยกำหนดให้เป็นอำนำจหน้ำที่ของกระทรวง หรือส่วนรำชกำรทีส่ ังกดั กระทรวง มาตรา 32 กำรจัดระเบียบบริหำรรำชกำรในกระทรวง มาตรา 32 กำรจดั ระเบียบบริหำรรำชกำรในกระทรวง ให้มีองคก์ รหลกั ท่ีเป็นคณะบุคคลในรปู สภำหรือในรูป ใหม้ ีองคก์ รหลกั ท่ีเปน็ คณะบุคคล ในรปู สภำหรอื ในรูป คณะกรรมกำรจานวนสีอ่ งค์กร ไดแ้ ก่ คณะกรรมกำรจานวนสามองคก์ ร ได้แก่ 1. สภำกำรศึกษำ 1. สภำกำรศึกษำ 2. คณะกรรมกำรกำรศึกษำขัน้ พ้ืนฐำน 2. คณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขน้ั พ้ืนฐำน 3. คณะกรรมกำรกำรอำชีวศกึ ษำ 3. คณะกรรมกำรกำรอำชวี ศกึ ษำ 4. คณะกรรมกำรกำรอดุ มศกึ ษำ มาตรา 47 ให้มีระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำเพ่ือ มาตรา 47 ใหม้ ีระบบกำรประกันคุณภำพกำรศึกษำเพ่ือ พฒั นำคณุ ภำพและมำตรฐำนกำรศึกษำทุกระดับ ประกอบด้วย พัฒนำคณุ ภำพและมำตรฐำนกำรศึกษำของการศึกษา ระบบกำรประกนั คณุ ภำพภำยใน และระบบกำรประกัน ขนั้ พน้ื ฐาน และการศกึ ษาระดบั อุดมศึกษา ประกอบด้วย คุณภำพภำยนอก ระบบกำรประกันคณุ ภำพภำยในและระบบกำรประกนั คุณภำพภำยนอก

8 พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ 42 พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ 62 มาตรา 49 ให้มสี ำนักงำนรบั รองมำตรฐำนและประเมิน มาตรา 49 ให้มสี ำนกั งำนรับรองมำตรฐำนและประเมิน คณุ ภำพกำรศึกษำ มีฐำนะเป็นองค์กำรมหำชนทำหนำ้ ท่พี ัฒนำ คุณภำพกำรศึกษำ มฐี ำนะเป็นองค์กำรมหำชน ทำหน้ำที่ เกณฑ์ วิธกี ำรประเมนิ คณุ ภำพภำยนอก และทำกำรประเมินผล พัฒนำเกณฑ์ วิธีกำรประเมินคุณภำพภำยนอก และทำกำร กำรจดั กำรศึกษำเพ่ือใหม้ ีกำรตรวจสอบคณุ ภำพของ ประเมินผลกำรจดั กำรศึกษำ ที่มใิ ช่การจดั การอุดมศึกษา สถำนศึกษำ ซึง่ อยู่ในอานาจหน้าที่ของกระทรวงการอดุ มศกึ ษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวตั กรรม หรือกระทรวงอื่น หมายเหตุ :- เหตุผลในกำรประกำศใชพ้ ระรำชบญั ญตั ฉิ บับน้ี คอื โดยที่เป็นกำรสมควรแก้ไขเพิม่ เติมกฎหมำย ว่ำด้วยกำรศึกษำแห่งชำติ เพื่อกาหนดขอบเขตในการดาเนินการของกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงาน อ่นื ให้สอดคลอ้ งกบั อานาจหน้าท่ีทเี่ ปล่ียนแปลงไป เนื่องจากมีการจัดตงั้ กระทรวงการอุดมศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวตั กรรม จงึ จำเป็นตอ้ งตรำพระรำชบัญญัตินี้

9 แนวข้อสอบ 1. เพราะเหตใุ ดจงึ มกี ารประกาศใช้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 4 พ.ศ. 2562 ก. เพื่อกำหนดขอบเขตในกำรดำเนินกำรของกระทรวงศึกษำธิกำร และหนว่ ยงำนอ่ืนให้สอดคลอ้ งกับ อำนำจหนำ้ ท่ีท่ีเปล่ยี นแปลงไป ข. เพอื่ ให้สอดรบั กำรกำรเปลี่ยนแปลงตำมแผนยทุ ธศำสตร์ชำติ 20 ปี ด้ำนกำรจัดกำรศึกษำ ค. เพอ่ื ให้เกดิ ควำมคล่องตัวในกำรบรหิ ำรกำรศึกษำของกระทรวงศกึ ษำธิกำร ภำยใตร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ รำชอำณำจักรไทย พทุ ธศักรำช 2560 ง. ถูกทุกข้อ 2. สานกั งานรบั รองมาตรฐานและประเมนิ คณุ ภาพการศึกษา มีฐานะเปน็ องคก์ ารมหาชน ทาหน้าท่ี พัฒนาเกณฑ์ วธิ ีการประเมนิ คณุ ภาพภายนอก และทาการประเมนิ ผลการจดั การศกึ ษาแกท่ กุ ขอ้ ตอ่ ไปนี้ ยกเวน้ ข้อใด ก. สถำนศึกษำ สังกัดสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขัน้ พื้นฐำน ข. สถำนศกึ ษำ สงั กดั สำนักงำนคณะกรรมกำรอำชวี ะศึกษำ ค. สถำนศึกษำ ทจ่ี ัดกำรศึกษำระดบั อดุ มศกึ ษำซง่ึ อยู่ในอำนำจหน้ำท่ขี องกระทรวงกำรอดุ มศึกษำ วิทยำศำสตรว์ ิจัยและนวัตกรรม ง. สถำนศึกษำ สังกดั องค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ 3. การจดั ระเบียบบริหารราชการในกระทรวง ตามพระราชบัญญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2562 ใหม้ ี องค์กรหลักท่ีเปน็ คณะบคุ คล ในรูปสภาหรอื ในรปู คณะกรรมการขอ้ ใดต่อไปนี้ไม่ใช่ ก. สภำกำรศึกษำ ข. คณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน ค. คณะกรรมกำรกำรอำชีวศกึ ษำ ง. คณะกรรมกำรกำรอดุ มศึกษำ

10 ขอ้ สอบภาค ก. วชิ ากฎหมายการศกึ ษา 1. ขอ้ ใดคือความหมายของ “การศกึ ษา” ตาม พ.ร.บ.การศกึ ษาแหง่ ชาติ ก. กระบวนการเรียนรู้เพอ่ื ความเจรญิ งอกงาม ข. การพฒั นาบคุ คลและสังคมตลอดชวี ิต ค. การเรียนรสู้ าหรบั บุคคลและสงั คมอย่างตอ่ เน่ือง ง. การถ่ายทอดความรู้ สาหรับบคุ คลและสังคมอย่างตอ่ เนื่อง ตลอดชีวติ 2. ขอ้ ใดคือความหมายของมาตรฐานการศกึ ษา ตาม พ.ร.บ.การศกึ ษาแหง่ ชาติ ก. ข้อกาหนดสาหรบั การประเมินภายในและภายนอก ข. ข้อกาหนดที่พึงประสงค์สาหรบั การประเมินภายในและภายนอก ค. ข้อกาหนดเกีย่ วกับคุณลกั ษณะ คุณภาพ ทีพ่ ึงประสงค์และมาตรฐานทีต่ ้องการ ง. ข้อกาหนดเกี่ยวกบั คุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์และมาตรฐานที่ตอ้ งการให้เกิดขึ้นในสถานศกึ ษา ทุกแห่ง 3. ขอ้ ใดคือความหมายของคาวา่ “ครู” ตาม พ.ร.บ.การศกึ ษาแห่งชาติ ก. บุคลากรที่ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ข. ผสู้ อนในสถานศกึ ษาทั้งของรัฐและเอกชน ค. บุคลากรวิชาชีพซึง่ ทาหนา้ ที่หลักทางดา้ นการเรียน การสอนและการวิจัยในช้ันเรยี น ง. บคุ ลากรวิชาชีพซึง่ ทาหนา้ ที่หลักทางดา้ นการเรียน การสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ 4. ข้อใดคือความหมายมุ่งหมายของการจดั การศกึ ษาตามที่กาหนดใน พ.ร.บ.การศึกษาแหง่ ชาติ ก. การจัดการศกึ ษาต้องเปน็ ไปเพื่อพฒั นาคนไทยใหเ้ ปน็ มนุษย์ทีส่ มบรู ณ์ ข. การจัดการศกึ ษาต้องเปน็ ไปเพื่อพัฒนาคนไทยใหเ้ ป็นมนุษย์ทีส่ มดุล ค. การจดั การศกึ ษาต้องเปน็ ไปเพื่อพฒั นามนุษย์ให้สมบรู ณ์ ง. การจดั การศกึ ษาต้องเป็นไปเพื่อพฒั นามนษุ ย์ให้สมดุล 5. กฎหมายใดที่จัดเปน็ แมบ่ ทของการจัดการศกึ ษาของประเทศไทย ก. รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช 2550 ข. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ 2547 ค. พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พุทธศักราช 2542 ง. พระราชบญั ญตั ิสภาครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พุทธศักราช 2496

11 6. ขอ้ ใด ไม่ใช่ หลักการจัดการศกึ ษาตาม พ.ร.บ.การศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 ก. เป็นการศึกษาตลอดชีวติ สาหรบั ประชาชน ข. ให้สงั คมมสี ่วนร่วมในการจัดการศกึ ษา ค. การกาหนดมาตรฐานการศึกษา ง. การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรใู้ ห้เปน็ ไปอย่างต่อเนอ่ื ง 7. ข้อใดกล่าวถกู ต้องตามรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักร พทุ ธศักราช 2550 ก. บคุ คลมีสิทธิและโอกาสเท่าเทียมกนั ในการรับการศกึ ษาไม่น้อยกว่า 12 ปี ข. บุคคลมีสิทธิและโอกาสเท่าเทียมกันในการรับการศกึ ษาไม่ตา่ กว่า 12 ปี ค. บคุ คลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี ง. บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกนั ในการรบั การศกึ ษาขั้นพืน้ ฐานไม่ต่ากว่า 12 ปี 8. การจัดการศกึ ษาตามที่กาหนดไว้ใน พ.ร.บ.การศกึ ษาแห่งชาติมีกี่ระบบ ก. 2 ระบบ ข. 3 ระบบ ค. 4 ระบบ ง. 5 ระบบ 9. ขอ้ ใดคือการจดั การศกึ ษาในระบบตาม พ.ร.บ.การศึกษาแหง่ ชาติ ก. การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน และอุดมศกึ ษา ข. การศกึ ษาระดับประถมศึกษา และระดับมธั ยมศกึ ษา ค. การศกึ ษาระดับปฐมวัย การศกึ ษาภาคบังคับ และการศกึ ษาระดบั ข้ันพ้ืนฐาน ง. การศกึ ษาระดับก่อนประถมศกึ ษา การศกึ ษาระดับประถมศึกษา และการศกึ ษาระดับ มัธยมศกึ ษา 10. สานกั งานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศกึ ษามีหนา้ ที่ เกี่ยวกับอะไร ก. กาหนดมาตรฐานวิชาชีพครู ข. จดั สวัสดิการใหก้ บั ครู ค. ลงโทษทางวินยั ข้าราชการครู ง. อนญุ าตการลาของข้าราชการ 11. พ.ร.บ.การศกึ ษาแห่งชาติ กาหนดหลกั การของการจัดการศึกษาสาหรบั คนพิการดงั ข้อใด ก. จดั ต้ังแต่แรกเกิด ข. จดั ต้ังแตพ่ บความพิการ ค. จัดมีสทิ ธิเท่ากับคนปกติ ง. ถกู ทั้ง ก และ ข 12. ถ้าครอบครวั ประสงค์จะจัดการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐานต้องยืน่ คาขออนุญาตต่อผู้ใด ก. ผู้อานวยการสถานศึกษา ข. สถานศกึ ษา ค. สานักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษา ง. คณะกรรมการเขตพืน้ ที่การศกึ ษา 13. ตาม พ.ร.บ.การศกึ ษาแหง่ ชาติ ข้อใดหมายถึง “Informal Education” ก. การศกึ ษาในระบบ ข. การศกึ ษานอกระบบ ค. การศกึ ษาตลอดชวี ิต ง. การศกึ ษาตามอัธยาศยั

12 14. ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้องเกีย่ วกบั การศกึ ษาในระบบ ก. มี 2 ระดับ คือ การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และการศกึ ษาระดบั อดุ มศกึ ษา ข. มี 3 ระดับ คอื ก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา และมัธยมศกึ ษา ค. มี 3 ระดบั คอื ก่อนประถมศึกษา การศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน และการศกึ ษาระดับอดุ มศกึ ษา ง. มี 4 ระดับ คอื ก่อนประถมศึกษา ประถมศกึ ษา มธั ยมศกึ ษา และอุดมศกึ ษา 15. เดก็ ที่มอี ายยุ ่างเข้าปีที่ 7 หมายถึงเดก็ ทีม่ อี ายุตามข้อใด ก. อายคุ รบ 6 ปีบริบูรณ์ ข. อายคุ รบ 7 ปีบริบรู ณ์ ค. อายุครบ 8 ปีบริบรู ณ์ ง. อายคุ รบ 9 ปีบริบูรณ์ 16. ข้อใด ไม่ใช่ การศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน ก. ก่อนประถมศึกษา ข. ประถมศกึ ษา ค. มัธยมศกึ ษา ง. การศกึ ษาภาคบงั คับ 17. ข้อใดคือองค์กรวิชาชีพครตู าม พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2546 ก. สภาครูบุคลากรทางการศกึ ษา ข. สานกั งานคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ ค. สานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวสั ดิภาพครูและบคุ ลากรทางการศึกษา ง. คุรสุ ภา 18. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ หน้าที่ของคุรสุ ภา ก. กาหนดมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ ข. ออกใบอนญุ าตประกอบวิชาชีพ ค. พกั ใช้ใบอนุญาตหรอื เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ง. บรรจแุ ต่งตงั้ ข้าราชการครู 19. การจดั การศกึ ษาตาม พ.ร.บ.การศกึ ษาแหง่ ชาติต้องยึดหลักตามข้อใด ก. ผเู้ รียนทกุ คนมีความสามารถ ข. ผเู้ รียนทุกคนสามารถพัฒนาตนเองได้ ค. ถือว่าผเู้ รียนสาคัญที่สดุ ง. ถูกทกุ ข้อ 20. ขอ้ ใดไมใ่ ช่องค์กรหลกั ทีเ่ ปน็ คณะบคุ คลในรูปของสภาหรอื คณะกรรมการในกระทรวงศกึ ษาธิการ ก. สภาการศกึ ษา ข. คณะกรรมการการอุดมศกึ ษา ค. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ง. คณะกรรมการข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา

13 21. องค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นมสี ิทธิในการจัดการศกึ ษาได้ในระดับใด ก. ระดับก่อนประถมศกึ ษา ข. ระดับก่อนประถมศกึ ษา และประถมศึกษา ค. ระดับก่อนประถมศกึ ษา ประถมศกึ ษา และมัธยมศกึ ษา ง. ทุกระดบั 22. ตาแหน่งใดต่อไปนีไ้ มต่ อ้ งมีใบประกอบวิชาชีพ ก. ครูผชู้ ่วย ข. ผู้อานวยการสถานศกึ ษา ค. ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษา ง. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ 23. คณุ สมบัติของผทู้ ีส่ ามารถประกอบวิชาชีพครตู ้องมีอายกุ ี่ปี ก. อายุไม่ตา่ กว่า 18 ปี ข. อายุไม่ต่ากว่า 18 ปีบริบูรณ์ ค. อายุไม่ต่ากวา 20 ปี ง. อายุไม่ตา่ กว่า 20 ปีบริบรู ณ์ 24. บุคลากรทางการศกึ ษาต้องมีอายุกี่ปี ก. อายุไม่ตา่ กว่า 18 ปี ข. อายุไม่ต่ากว่า 18 ปีบริบูรณ์ ค. อายุไม่ตา่ กวา 20 ปี ง. อายุไม่ต่ากว่า 20 ปีบริบรู ณ์ 25. ขอ้ ใดไมใ่ ช่จรรยาบรรณวิชาชีพครู ก. ต่อตนเอง ข. ต่อเพือ่ นครู ค. ต่อสังคม ง. ตอ่ ผรู้ บั บริการ 26. ขอ้ ใดคือประเภทของสมาขิกครุ สุ ภา ก. สามญั ข. วิสามญั ค. กิตติมศกั ดิ์ ง. ขอ้ ก และ ค 27. การประเมินผลการจัดการศึกษาของสถานศกึ ษา โดยสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน คุณภาพการศกึ ษา (สมศ.) คานงึ ถึงทกุ ข้อ ยกเว้น ข้อใด ก. ความมงุ่ หมายการจัดการศกึ ษา ข. หลกั การจดั การศกึ ษา ค. แนวการจัดการศกึ ษา ง. การบริการและการจดั การศกึ ษา 28. สานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษา สง่ รายงานการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาประจาปีตอ่ สานกั งาน คณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐานภายในเดือนใด ก. มิถุนายน ข. กรกฎาคม ค. สิงหาคม ง. กันยายน 29. ในปัจจบุ นั คณะรฐั มนตรีมีมติให้เงนิ อุดหนุนรายหัวระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลายเท่าใด ก. 3,500 บาท/คน/ปี ข. 3,600 บาท/คน/ปี ค. 3,700 บาท/คน/ปี ง. 3,800 บาท/คน/ปี 30. ศูนย์ปฏิบัติการของสานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษา เรียกว่าอะไร ก. MOC ข. DOC ค. AOC ง. SOC

14 31. e-document หมายถึงอะไร ก. ระบบงานสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ ข. การจัดการเรียนการสอนผ่านระบบ อิเลก็ ทรอนิกส์ ค. การฝึกอบรมผา่ นระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ ง. ระบบเอกสารอิเลก็ ทรอนิกส์ 32. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 เกิดจากกฎหมายในข้อใด ก. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ข. พระราชบญั ญตั ิระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ค. พระราชบัญญตั ิปรับปรงุ กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ง. พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 33. ส่วนราชการในส่วนกลางของกระทรวงศกึ ษาธิการตามข้อใดที่ ไม่มี ฐานะเปน็ นิติบคุ คล ก. สานกั งานรฐั มนตรี ข. สานักงานปลดั กระทรวง ค. สานกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา ง. สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน พืน้ ฐาน 34. คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานในสถานศกึ ษาขนาดใหญ่มีจานวนเท่าใด ก. 9 คน ข. ไม่เกิน 9 คน ค. 15 คน ง. ไม่เกิน 15 คน 35. ขอ้ ใดกล่าวถูกต้องเกีย่ วกบั การมอบอานาจให้ปฏิบัติราชการแทนของผู้อานวยการสถานศึกษา ก. ต้องทาเปน็ หนังสอื ข. มอบด้วยวาจา ค. ทาเป็นหนังสือ หรอื มอบด้วยวาจา ง. ถ้ามอบด้วยวาจาแล้วให้ทาเป็นหนังสือ 36. ขอ้ ใดเปน็ หลักการพิจารณาในการมอบอานาจให้ปฏิบตั ิราชการแทน ก. การอานวยความสะดวกแก่ประชาชน ข. ความรวดเรว็ ในการปฏิบัติราชการ ค. ความรับผิดชอบตามสภาพตาแหน่งของผู้รับมอบอานาจ ง. ถูกทกุ ข้อ 37. จากนโยบายการศกึ ษา 3D คากว่า Decency หมายความว่าอย่างไร ก. ด้านประชาธิปไตย ข. ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม และความเปน็ ไทย ค. ด้านภูมิคมุ้ กันภยั จากยาเสพติด ง. ด้านค่านิยม 38. โรงเรียนขยายโอกาสทางการศกึ ษาที่มคี วามประสงค์จะย้ายไปสงั กดั สานักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษา มธั ยมศกึ ษา ตอ้ งมเี นือ้ ทีต่ ามข้อใด ก. ไม่น้อยกว่า 10 ไร่ ข. ไม่น้อยกว่า 15 ไร่ ค. ไม่น้อยกว่า 20 ไร่ ง. ไม่นอ้ ยกว่า 25 ไร่

15 39. ขอ้ ใดคือความหมายของคาว่า ครูตาม พ.ร.บ.สภาครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2546 ก. บคุ คลซึง่ ประกอบวิชาชีพหลกั ทางด้านการเรียนการสอน และการส่งเสริมการเรยี นรู้ของผู้เรยี น ด้วยวิธีการตา่ งๆ ในสถานศึกษาปฐมวัยของรฐั ข. บคุ คลซึ่งประกอบวิชาชีพหลกั ทางด้านการเรียนการสอน และการส่งเสริมการเรยี นรู้ของผู้เรยี น ด้วยวิธีการต่างๆ ในสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานของรัฐ ค. บุคคลซึง่ ประกอบวิชาชีพหลกั ทางด้านการเรียนการสอน และการส่งเสริมการเรยี นรู้ของผู้เรยี น ด้วยวิธีการตา่ งๆ ในอุดมศกึ ษาที่ตา่ กว่าปริญญาของรัฐ ง. บคุ คลซึ่งประกอบวิชาชีพหลกั ทางด้านการเรียนการสอน และการส่งเสริมการเรยี นรู้ของผู้เรยี น ด้วยวิธีการต่างๆ ในสถานศึกษาปฐมวัยขั้นพ้ืนฐาน และอุดมศกึ ษาที่ตา่ กว่าปริญญาท้ังของรัฐและ เอกชน 40. อาชีพใดต่อไปนีจ้ ัดเป็นวิชาชีพควบคมุ ก. ครู ข. สาธารณสขุ ค. ตารวจ ง. ปลัดอาเภอ 41. ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูมอี ายุกีป่ ี ก. 3 ปี ข. 4 ปี ค. 5 ปี ง. 6 ปี 42. ค่าธรรมเนียมสาหรับค่าหนังสือรับรองการขนึ้ ทะเบียนเปน็ ผู้ประกอบวิชาชีพฉบับละกี่บาท ก. 200 บาท ข. 300 บาท ค. 400 บาท ง. 500 บาท 43. อ.ก.ค.ศ. มีชื่อย่อมาจาก ก. คณะอนกุ รรมการข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาประจาเขตพื้นที่การศกึ ษา ข. คณะอนุกรรมการข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาเขตพืน้ ที่การศกึ ษา ค. คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษาประจาเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษา ง. คณะกรรมการข้าราชการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษาเขตพื้นที่การศกึ ษา 44. กรณีที่ผู้ถกู ส่ังเพิกถอนใบอนญุ าตประกอบวิชาชีพครู สามารถยื่นคาขอได้อกี เม่ือพ้นไปแล้วกีป่ ี ก. 1 ปี ข. 2 ปี ค. 5 ปี ง. 7 ปี 45. สานกั งานคณะกรรมการส่งเสริมสวสั ดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศกึ ษามีฐานะ เปน็ อะไร ก. องค์กรเอกชน ข. องค์กรมหาชน ค. นิตบิ คุ คล ง. สว่ นราชการ 46. ผู้ที่ประกอบวิชาชีพครโู ดยไมไ่ ด้รับใบอนุญาต ต้องได้รบั ระวางโทษตามข้อใด ก. จาคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรบั ไม่เกิน 10,000 บาท หรอื ท้ังจาทั้งปรับ ข. จาคกุ ไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรบั ไม่เกิน 20,000 บาท หรอื ทั้งจาท้ังปรับ ค. จาคกุ ไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรอื ท้ังจาท้ังปรับ ง. จาคกุ ไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรอื ทั้งจาทั้งปรับ 47. มาตรฐานวิชาชีพครูมจี านวนกี่มาตรฐาน

16 ก. 3 มาตรฐาน ข. 5 มาตรฐาน ค. 7 มาตรฐาน ง. 9 มาตรฐาน 48. องค์กรหรอื องค์คณะบุคคลในข้อใดเปน็ ผู้กาหนดข้อบังคบั ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครู ก. คุรสุ ภา ข. คณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ ค. คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ง. สภาการศกึ ษา 49. ผู้ใดแสดงให้ผอู้ ืน่ เข้าใจว่าตนมสี ิทธิพรอ้ มจะประกอบวิชาชีพควบคุมโดย ไม่ได้รบั อนุญาต ต้อง ระวางโทษตามข้อใด ก. จาคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรบั ไม่เกิน 10,000 บาท หรอื ท้ังจาท้ังปรับ ข. จาคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรอื ท้ังจาทั้งปรับ ค. จาคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรอื ท้ังจาทั้งปรบั ง. จาคกุ ไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรอื ทั้งจาท้ังปรบั 50. ก.ค.ศ. ย่อมาจากคาว่าอะไร ก. กรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา ข. คณะกรรมการข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา ค. กรรมการบริหารงานบุคคลข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา ง. คณะกรรมการบริหารงานบคุ คลข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา 51. การดาเนินการตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ให้เปน็ ไป ตามหลักการตามข้อใด ก. หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ข. หลักการความเป็นกลางทางการเมอื ง ค. หลักความม่ันคง ง. หลกั การความสามารถ 52. ขอ้ ใดเรียกชื่อตาแหน่งและวทิ ยฐานะของข้าราชการครไู ด้ถูกต้อง ก. นายศรายทุ ธ ตาแหน่ง ครูชานาญการ ข. นายศรยุทธ ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะ เชีย่ วชาญ ค. นายศรายุทธ ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครเู ชีย่ วชาญพิเศษ ง. เรียกช่อื ตาแหน่งและวิทยฐานะถูกทกุ ข้อที่กล่าวมา 53. ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษามีกีป่ ระเภท ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท 54. ตาแหน่งผู้สอนใดทีม่ เี ฉพาะในสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน ก. ครูผชู้ ่วย ข. อาจารย์ ค. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ง. ศาสตราจารย์ 55. ตาแหน่งใด ไมใ่ ช่ ตาแหนง่ ผู้สอน ก. ครูผชู้ ่วย ข. ครู ค. อาจารย์ ง. ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา 56. ตาแหน่ง ครูผชู้ ่วย ต้องได้รับการเตรียมความพร้อมและพฒั นาอย่างเข้มกี่ปี

17 ก. 2 ปี ข. ไม่เกิน 2 ปี ค. ไม่น้อยกว่า 2 ปี ง. 3 ปี 57. ข้อใดเปน็ ตาแหน่งทางวิชาการ ก. อาจารย์ ข. ครูเชีย่ วชาญ ค. ผอู้ านวยการเช่ยี วชาญพิเศษ ง. ครูชานาญการพิเศษ 58. ผู้มีอานาจส่ังบรรจุแต่งต้ังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในตาแหน่งทีม่ วี ิทยฐานะ เชย่ี วชาญพิเศษ สังกดั สพฐ. คอื ข้อใด ก. เลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ข. เลขาธิการคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน โดยอนมุ ัติของ ก.ค.ศ. ค. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธิการ ง. พระมหากษตั รยิ ์ 59. องคป์ ระกอบการประเมินในการขอมีหรอื เลื่อนวิทยฐานะ มีจานวนเท่าใด ก. 2 ด้าน ข. 3 ด้าน ค. 4 ด้าน ง. 5 ดา้ น 60. ผใู้ ดแตง่ ต้ังคณะกรรมการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม ก. ก.ศ.จ. ข. ผู้อานวยการสานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษา ค. ประธานกรรมการสถานศกึ ษา ง. ผอู้ านวยการสถานศกึ ษา 61. ข้อใดเปน็ หลักเกณฑก์ ารมาทางานสายเนืองๆ ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาสงั กัด กระทรวงศึกษาธิการในรอบครึง่ ปี สาหรบั ข้าราชการปฏิบตั ิงานตามโรงเรียน ก. มาทางานสายต้ังแต่ 6 คร้ังขึน้ ไป ข. มาทางานสายเกิน 6 ครั้ง ค. มาทางานสายต้ังแต่ 8 ครงั้ ข้ึนไป ง. มาทางานสายเกิน 8 ครั้ง 62. ขอ้ ใดเปน็ ความหมายของคาว่า ละทิ้งหน้าที่ราชการ ก. ตัวอยู่แต่ไม่ทางาน ข. ไม่อยู่ปฏิบัติงานตามหน้าที่ ค. ไม่เอาเปน็ ธรุ ะ ง. ไม่เอาใจใส่ 63. โทษทางวินยั ของข้าราชการครแู ละบุคลากรทาง การศกึ ษามีกี่สถาน ก. 3 สถาน ข. 4 สถาน ค. 5 สถาน ง. 6 สถาน 64. ขอ้ ใดไม่ใช่โทษทางวินัย ก. ปลดออก ข. ไล่ออก ค. ให้ออก ง. ลดขั้น เงินเดอื น 65. การลามีกี่ประเภท ก. 6 ประเภท ข. 9 ประเภท ค. 10 ประเภท ง. 11 ประเภท 66. ลาช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร สามารถลาได้กีว่ ัน ก. ไม่เกิน 15 วัน ข. ไม่เกิน 30 วัน

18 ค. ไม่เกิน 15 วันทาการ ง. ไม่เกิน 30 วนั ทาการ 67. การลาเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพสามารถลา ได้กี่วัน ก. ไม่เกิน 12 เดือน ข. ไม่เกิน 6 เดือน ค. ไม่เกิน 1 ปีครึ่ง ง. ไม่เกิน 2 ปี 68. ขอ้ ใดกล่าวถูกต้อง ก. ผใู้ ดถกู ลงโทษให้ออก ใหผ้ นู้ ั้นมีสทิ ธิได้รับบาเหนจ็ บานาญเสมือนว่าเปน็ ผู้ลาออกจากราชการ ข. ผใู้ ดถกู ลงโทษปลดออก ให้ผู้นน้ั มีสทิ ธิได้รับบาเหนจ็ ค. ผใู้ ดถูกลงโทษไล่ออก ให้ผู้นนั้ มสี ิทธิได้รับบาเหนจ็ บานาญเสมือนว่าเปน็ ผู้ลาออกจากราชการ ง. กล่าวถูกทกุ ข้อ 69. ข้อใดเปน็ การกระทาผิดทีป่ รากฏชัดแจง้ ก. นาย ก ข้าราชการครูโรงเรียนบ้านหนองไผ่ เล่นการพนันเปน็ อาจณิ ข. นาย ข ขาดราชการ 15 วนั ตดิ ต่อกนั โดยไม่มีเหตผุ ลอันควร ค. นาย ค ถกู ศาลพิพากษาถึงที่สดุ ใหจ้ าคกุ 2 เดือน ง. เปน็ ความผดิ ปรากฏชดั แจ้งทกุ ข้อทีก่ ล่าวมา 70. การสั่งให้ออกจากราชการ กรณีปลดออก หรอื ไล่ออกตามขอ้ ใดทีส่ ามารถสง่ั ย้อนหลังไปก่อนวัน ออกคาส่ัง ก. กรณีมีคาสงั่ พักราชการ หรือออกจากราชการ ไว้ก่อน ข. กรณีกระทาผดิ อาญาจนตอ้ งได้รับโทษจาคุก ค. กรณีผตู้ ้องถูกส่ังนนั้ ได้พ้นจากราชการตามกฎหมายว่าดว้ ยบาเหนจ็ บานาญข้าราชการ ง. ถูกทุกข้อที่กล่าวมา 71. ในการร้องทุกข์ของข้าราชการครใู ห้ทาหนังสือร้องทกุ ข์ถึงผใู้ ด ก. ผู้อานวยการสถานศึกษา ข. ผู้อานวยการสานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษา ค. ก.ศ.จ. ง. ประธาน ก.ศ.จ. 72. ก.ศ.จ. สังกดั ใดต่อไปนี้ ก. สป.ศธ. ข. สพฐ. ค. สกศ. ง. รมว.ศธ. 73. เด็กที่ ไม่ปรากฏ บิดามารดา หรือ ไมส่ ามารถ สืบหาบิดาหรือมารดาได้ เปน็ ความหมายของคาว่า อะไร ก. เด็กกาพร้า ข. เด็กเร่รอ่ น ค. เด็กที่เสี่ยงตอ่ การกระทาผดิ ง. เดก็ ทีอ่ ยู่ในสภาพยากลาบาก 74. บคุ คลที่รบั เดก็ ไว้อุปการะเลี้ยงดูอย่างบตุ ร เป็นความหมายของคาว่าอะไร ก. ผู้อนุบาลเดก็ ข. ครอบครัวอุปถัมภ์ ค. ผคู้ ุ้มครองสวสั ดิภาพเด็ก ง. ผสู้ งเคราะหเ์ ด็ก

19 75. การกระทาหรอื ละเว้นการกระทาด้วยประการใดๆ จนเป็นเหตใุ ห้เด็กเสื่อมเสียเสรีภาพหรอื เกิด อันตรายแก่ร่างกายหรือจติ ใจ เปน็ ความหมายของคาว่าอะไร ก. การข่มเหง ข. การข่มขืน ค. การทารณุ กรรม ง. การกระทาโดยมิชอบ 76. ประธานกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติคอื ใคร ก. รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงศกึ ษาธิการ ข. รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ค. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงยตุ ิธรรม ง. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงการพฒั นาสังคมและ ความม่ันคงของมนษุ ย์ 77. การปฏิบัติต่อเดก็ ใหค้ านึงถึงขอ้ ใดเปน็ สาคัญ ก. อายขุ องเด็ก ข. ระดบั การศกึ ษาของเดก็ ค. สภาพความเป็นอยู่ของเดก็ ง. ประโยชน์สูงสุดของเด็ก 78. ข้อใดเป็นแผนการจดั การศกึ ษาเฉพาะบคุ คล ก. Program Individuatized Education : PIE ข. Program Education Individuatized : PEI ค. Individuatized Education Program : IEP ง. Education Individuatized Program : EIP 79. คนพิการหรอื ผปู้ กครองทีป่ ระสงคจ์ ะใช้สทิ ธิขอรบั เงินอดุ หนุนขอยืมเงนิ เพื่อจัดซือ้ และขอรบั สิ่ง อานวยความสะดวก ส่ือบริการ และความช่วยเหลืออืน่ ใดทางการศึกษา ให้ยน่ื คาขอตามข้อใด ก. ภายในวนั ที่ 10 มถิ ุนายน ของทกุ ปี ข. ภายในวันที่ 15 มิถนุ ายน ของทุกปี ค. ภายในวนั ที่ 20 มถิ ุนายน ของทกุ ปี ง. ภายในวันที่ 10 กรกฎาคม ของทกุ ปี 80. การลาป่วยตั้งแตก่ ี่วันขึ้นไปต้องมีใบรบั รองแพทย์ ก. 7 วันข้ึนไป ข. 15 วันขนึ้ ไป ค. 20 วันขึน้ ไป ง. 30 วนั ข้ึนไป 81. ขา้ ราชการครูมีสทิ ธิลาคลอดบตุ รโดยได้รับเงินเดือนครั้งหน่ึงได้กี่วัน ก. 90 วัน โดยไม่ต้องมใี บรับรองแพทย์ ข. 45 วนั โดยไม่ต้องมใี บรบั รองแพทย์ ค. 30 วัน โดยไม่ต้องมีใบรบั รองแพทย์ ง. 15 วนั โดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์ 82. การลาประเภทใดทีผ่ ู้บังคับบญั ชามีอานาจเรียกตัวมาปฏิบตั ิราชการเม่อื ยังไม่ครบกาหนด วันลากไ็ ด้ ก. ลากิจส่วนตัว ข. ลากิจส่วนตัวเพือ่ เลยี้ งดูบตุ ร ค. ลาป่วย ง. ลาคลอดบุตร 83. ขา้ ราชการที่ถกู เรียกตัวกลับมาปฏิบัติราชการระหว่างการลาให้ถือวาการลาหมดเขตลงเมื่อใด ก. วันก่อนวนั เดินทางกลบั มาปฏิบตั ิราชการ ข. วนั เดินทางกลบั มาปฏิบัติราชการ ค. วนั เข้ารายงานตวั เพื่อกลับเข้าปฏิบัติราชการ ง. วันปฏิบัติราชการวันแรก

20 84. ข้อใดกล่าวถกู ต้อง ก. วันปิดภาคเรียนเปน็ วันพักผอ่ นของนักเรียน ข. วนั ปิดภาคเรียนเป็นวนั พักผ่อนของครู ค. วนั ปิดภาคเรียนเปน็ วันหยุดของราชการของครู ง. วนั ปิดภาคเรียนเป็นวันลาพักผอ่ นของครู 85. การขออนญุ าตพานักเรียนไปนอกสถานศกึ ษา ให้ส่งคาสั่งขออนุญาตถึงผู้พิจารณาอนญุ าตก่อน เวลาออกเดินทางตามข้อใด ก. 15 วัน ข. 30 วัน ค. ไม่น้อยกว่า 15 วัน ง. ก่อนวันออกเดินทาง 86. เวลาทางานของราชการในสถานศกึ ษาข้อใดถูกต้อง ก. ต้ังแตเ่ วลา 08.00 น. ถึง 16.00 น. ข. ตั้งแตเ่ วลา 08.30 น. ถึง 16.00 น. ค. ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 16.30 น. ง. ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ถึง 16.30 น. 87. ในวนั เปิดเรียน ชกั ธงชาติข้ึนเวลาใด ก. เข้าเรียน ข. ก่อนเข้าเรียน ค. เวลา 08.00 น. ง. เวลา 08.15 น. 88. ในวันปิดเรียน ชกั ธงชาติลงเวลาใด ก. กลบั บ้าน ข. ก่อนกลับบ้าน ค. เวลา 16.00 น. ง. เวลา 18.00 น. 89. การศึกษาภาคบังคับ หมายถึงข้อใด ก. การศกึ ษาชั้นปีที่หนง่ึ ถึงชั้นปีทีห่ กของการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน ข. การศกึ ษาชั้นปีที่หนึ่งถึงช้ันปีทีเ่ ก้าของการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน ค. การศกึ ษาชั้นปีที่หนึ่งถึงช้ันปีที่สิบสองของการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน ง. การศกึ ษาไม่น้อยกว่าสิบสองปีของการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน 90. ผปู้ กครองเด็ก ไม่สง่ เด็กเข้าเรยี น ตาม พ.ร.บ.การศกึ ษาภาคบังคบั พ.ศ. 2545 ตอ้ งรบั โทษตาม ข้อใด ก. จาคุกไม่เกิน 1 เดือน ข. ปรับไม่เกิน 1,000 บาท ค. ปรบั ไม่เกิน 10,000 บาท ง. ถูกท้ัง ก และ ข 91. การนบั อายุเด็กเพื่อเข้ารบั การศกึ ษาภาคบงั คับในสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐานใหน้ บั ตามข้อใด ก. นบั ตามปีปฏิทิน ข. นับตามปีงบประมาณ ค. นบั ตามปีการศกึ ษา ง. นบั ถึงวนั ที่ 16 พฤษภาคม

21 92. โครงการเรยี นฟรี 15 ปี อย่างมคี ุณภาพสนับสนุนใหน้ กั เรียนทุกคนเรียนฟรีตามข้อใด ก. ต้ังแตร่ ะดบั อนุบาลถึงระดบั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6 ข. ตั้งแต่ระดบั อนุบาลถึงระดับประกาศนยี บตั ร (ปวช.) ค. ตั้งแต่ระดบั อนุบาลถึงระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลายทั้งสายสามญั ศึกษาและอาชีวศกึ ษา ง. ต้ังแต่ระดบั ประถมศึกษาถึงระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลายท้ังสายสามญั ศึกษาและอาชีวศกึ ษา 93. ขอ้ ใด ไม่ใช่ กิจกรรมพัฒนาคุณภาพผเู้ รียนตามโครงการเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ ก. กิจกรรมวิชาการ ข. กิจกรรมแนะแนว ค. ทัศนศกึ ษา ง. การบริการสารสนเทศ 94. เด็กที่มอี ายตุ ามข้อใดต้องเข้าเรียนการศกึ ษาภาคบังคับ ก. ย่างเข้าปีทีเ่ จด็ จนถึง ย่างเข้าปีทีส่ ิบห้า ข. ย่างเข้าปีทีแ่ ปด จนถึง ย่างเข้าปีที่สิบห้า ค. ย่างเข้าปีที่เจด็ จนถึง ย่างเข้าปีทีส่ ิบหก ง. ย่างเช้าปีที่แปด จนถึง ย่างเข้าปีที่สิบหก 95. สถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานได้รบั การกระจายอานาจจากส่วนกลางในเรอ่ื งใด ก. วิชาการ กิจการนักเรียน บคุ ลากร การเงิน พสั ดุ ข. วิชาการ กิจการนักเรียน ธุรการ อาคาร สถานที่ ค. วิชาการ งบประมาณ บุคลากร บริหารท่ัวไป ง. วิชาการ งบประมาณ กิจการนักเรียน บคุ ลากร 96. สมศ. มชี ื่อเตม็ ว่าอย่างไร ก. สานกั งานรบั รองมาตรฐานและประกันคุณภาพการศกึ ษา ข. สานักรบั รองมาตรฐานและประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา ค. สานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคณุ ภาพการศกึ ษา ง. สานกั รับรองมาตรฐานและประเมินคณุ ภาพทางการศกึ ษา 97. ข้อใดคือความหมายของเด็กตามพระราชบัญญตั ิคุ้มครองเดก็ ก. อายุไม่เกิน 18 ปีบริบรู ณ์ ข. อายุต่ากว่า 18 ปีบริบรู ณ์ ค. เดก็ ซึง่ มีอายุย่างเข้าปีทีเ่ จด็ จนถึงอายุย่างเข้าปีที่สิบหก ง. เด็กซึง่ มีอายยุ ่างเข้าปีที่เจ็ดจนถึงอายุย่างเข้าปีที่สิบหกเว้นแต่เด็กทีส่ อบได้ชั้นปีที่เก้าของ การศกึ ษาภาคบังคับแล้ว 98. โทษทีจ่ ะลงโทษแก่นักเรียนหรอื นักศึกษาทีก่ ระทาผดิ มีกี่สถาน ก. 3 สถาน ข. 4 สถาน ค. 5 สถาน ง. 6 สถาน 99. อัตราส่วนของครูตอ่ นกั เรียนในการไปนอกสถานศกึ ษาตรงกบั ข้อใด ก. 1:10 ข. 1:15 ค. 1:20 ง. 1:30

22 100. ผู้ใดมีอานาจพิจารณาอนุญาตพานกั เรียนหรือนักศึกษาไปนอกสถานศกึ ษาค้างคนื ก. หัวหนา้ สถานศกึ ษา ข. ครอู าจารย์ที่ได้รบั มอบหมาย ค. ผอู้ านวยการสานักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษา ง. เลขาธิการ กพฐ.

23 จรรยาบรรณและมาตรฐานวชิ าชพี ครแู ละโทษทางวนิ ัย ครู (Teacher) “ครู” หมำยควำมว่ำ บุคคลซึ่งประกอบวิชำชีพหลักทำงด้ำนกำรเรียนกำรสอนและกำรส่งเสริม กำรเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีกำรต่ำงๆ ในสถำนศึกษำปฐมวัย ขั้นพ้ืนฐำน และอุดมศึกษำท่ีต่ำกว่ำปริญญำ ทง้ั ของรัฐและเอกชน (พระรำชบัญญัติสภำครแู ละบคุ ลำกรทำงกำรศึกษำ: 2546) ครู มีรำกศัพท์จำกภำษำบำลคี ือคำวำ่ ครุ (คะร)ุ ซง่ึ แปลว่ำหนกั แน่น และจำกรำกศัพทภ์ ำษำสันสกฤต คือคำว่ำ คุรุ (คุ-รุ) ซึ่งแปลว่ำ ผู้ชี้แสงสว่ำง จำกควำมหมำยดังกล่ำวมีคำที่มีควำมหมำยเชน่ เดียวกับคำว่ำครอู ยู่ หลำยคำ เช่น 1. อุปัชฌาย์ หมำยถึง ผู้สอนวิชำชีพ ซึ่งปัจจุบันนหมำยถึง พระเถระผู้ใหญ่ ที่ทำหน้ำท่ีเป็นผู้บวช กลุ บุตรในพระพุทธศำสนำ 2. ทิศาปาโมกข์ หมำยถึง อำจำรยท์ ีม่ ีควำมรู้และชือ่ เสยี งโด่งดังในสมัยโบรำณ 3. บุรพาจารย์หรือบูรพาจารย์ หมำยถึง อำจำรย์เบ้ืองต้น คือ บิดำ มำรดำ ซึ่งถือว่ำเป็นครูคนแรก ของบตุ ร ธิดำ 4. ปรมาจารย์ หมำยถงึ อำจำรยผ์ ้เู ปน็ เอกหรือยอดเยยี่ มในทำงวชิ ำใดวชิ ำหน่ึง 5. ปาจารย์ หมำยถงึ อำจำรย์ของอำจำรย์หรอื ครูของครู ลักษณะของครทู ี่ดี แนวคิดหรือทัศนะเกี่ยวกับครูท่ีดีว่ำจะต้องเป็นบุคคลที่มีคุณลักษณะอย่ำงไรน้ัน มีนำนำทัศนะทั้งจำก แนวคิดทำงวัฒนธรรมควำมเชื่อแบบไทย ทัศนะควำมคิดจำกวงกำรกำรศึกษำตะวันตก ตลอดจนผลกำรศึกษำ คน้ คว้ำและวิจัยต่ำงๆ ลักษณะของครูทด่ี ีเปน็ อยำ่ งไรนน้ั อำจจะศึกษำไดจ้ ำกแนวควำมคดิ ต่ำงๆ ดังนี้ ลักษณะของครทู ดี่ ีตำมคำสอนในพุทธศำสนำ หลักคำสอนทเ่ี กย่ี วกบั ควำมเป็นครู ประกอบดว้ ยหลักธรรม 7 ประกำร คือ 1. ปิโย หมำยถึง น่ำรัก คือ กำรทำตัวเป็นที่รักต่อศิษย์และบุคคลทั่วไป กำรท่ีครูจะเป็นที่รักแก่ศิษย์ ควรตง้ั ตนอยูใ่ นพรหมวิหำร 4 คือ 1.1 เมตตำ คือ มีปรำรถนำดีต่อศิษย์ หำทำงให้ศิษย์เป็นสุขและเจริญก้ำวหน้ำท้ังทำงด้ำน วชิ ำกำรและกำรดำเนินชีวิต คอยระวังมิใหศ้ ษิ ย์ตกอยู่ในควำมประมำท 1.2 กรุณำ คอื มคี วำมสงสำรเอ็นดศู ษิ ย์ อยำกชว่ ยเหลอื ให้พน้ จำกควำมทุกขแ์ ละควำมไม่รู้ 1.3 มทุ ติ ำ คอื มคี วำมชื่นชมยนิ ดีเมอื่ ศิษย์ไดด้ ีและยกย่องเชดิ ชใู หป้ รำกฏ เป็นกำรใหก้ ำลงั ใจ และชว่ ยให้เกิดควำมภูมิใจในตนเอง 1.4 อุเบกขำ คอื ร้กู ำรวำงตัวเป็นกลำง มีจติ ใจทีต่ ัง้ อยูใ่ นควำมยุตธิ รรม ไมล่ ำเอียง

24 2. ครุ หมำยถึง กำรเป็นบุคคลท่ีมีควำมหนักแน่นม่ันคง ทั้งในด้ำนของจิตใจที่หนักแน่นม่ันคง ท่ีจะดำรงตนอยูใ่ นควำมดี ไมห่ วั่นไหวไปตำมอำนำจของกเิ ลสตัณหำและควำมหนักแนน่ ในดำ้ นของควำมรอบรู้ ธรรม ทจ่ี ะชว่ ยให้ครูมีคุณสมบตั ดิ งั กล่ำว คอื พละธรรม 5 ประกำร ไดแ้ ก่ 2.1 ศรัทธำพละ หมำยถึง มีควำมเชอ่ื ในทำงทช่ี อบ เช่น เช่ือว่ำทำดไี ดด้ ี ทำชัว่ ได้ชวั่ 2.2 วิริยะพละ หมำยถึง ควำมเพียรในทำงที่ชอบ คือ เพียรเลิกละควำมชั่ว ระวังควำมชั่ว ไมใ่ ห้เกดิ ในอปุ นสิ ยั 2.3 สติพละ หมำยถึง ควำมระลึกได้ มีควำมรู้สึกตัวในกำรกระทำ กำรพูด กำรคิด ใหร้ อบคอบ 2.4 สมำธิพละ หมำยถึง ควำมมีใจจดจ่อแน่วแน่มั่นคงในส่ิงที่เป็นบุญกุศล ไม่ให้เกิดควำม ฟ้งุ ซ่ำนขนึ้ ในใจ 2.5 ปัญญำพละ หมำยถึง ควำมรอบรู้ คือ รู้ว่ำอะไรดี อะไรชั่ว อะไรควรทำอะไรควรเว้น อะไรเปน็ ประโยชน์ และอะไรไร้ประโยชน์ 3. ภาวนิโย หมำยถงึ กำรเปน็ ผู้ทไ่ี ด้รบั กำรยกย่องวำ่ เปน็ ผู้มีควำมประพฤติดงี ำมควรแก่กำรเคำรพ 4. วัตตา หมำยถึง เป็นผู้มีมำนะในกำรตักเตือนสั่งสอน เพื่อให้ศิษย์มีควำมรู้ควำมสำมำรถ และเป็น คนดี คือใชค้ วำมรคู้ วำมสำมำรถไปในทำงสุจรติ เปน็ ประโยชนต์ อ่ ตนเองและผู้อน่ื ได้ ลักษณะกำรสอนในแง่ของ พุทธศำสนำตำมหลกั เทศนำวธิ ี 4 ของพระพุทธเจ้ำที่ทรงใช้ในกำรอรรถำธิบำยมี 4 ประกำร คอื 4.1 สันทัสสนำ คือ สอนให้เข้ำใจชัดเจน เห็นจริงอย่ำงท่ีต้องกำร ซ่ึงจะต้องดำเนิน ไปตำมลำดับข้ันดังน้ี คือ สอนจำกสิ่งท่ีรู้แล้ว ไปหำสิ่งท่ียังไม่รู้ สอนจำกส่ิงท่ีง่ำยไปหำสิ่งยำก สอนจำกสิ่ง ทเ่ี ป็นรปู ธรรมไปหำสง่ิ ทีเ่ ป็นนำมธรรม 4.2 สมำทปนำ มีกำรกระตุ้นเร่งเร้ำ เพ่ือให้เกิดควำมกระตือรืนร้นท่ีจะประพฤติปฏิบัติตำม ท่คี รสู อน 4.3 สมุตเตชนำ สร้ำงกำลังใจ เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดควำมเช่ือมั่นในตนเอง กล้ำคิด กล้ำพูด กล้ำ ทำ ไมค่ รน่ั ครำ้ ม ตอ่ ควำมยำกลำบำกหรอื อุปสรรคใดๆ 4.4 สัมปหังสนำ สร้ำงควำมเพลิดเพลินให้แก่ผู้เรียน คือมีเทคนิคในกำรสอนที่จะทำให้กำร เรียนกำรสอนน่ำสนใจ จำกหลักกำรดังกล่ำว ท่ำนศำสตรำจำรย์ ดร.สำเริง บุญเรืองรัตน์ ได้ผูกควำมเป็นคำสั้นๆ ดังปรำกฎในหนังสือปรชั ญำกำรศึกษำไทย กำรวัดผลและกำรประเมินผลตำมแนวพุทธเพื่อให้ง่ำยต่อกำรจดจำ คือ แจ่มแจง้ จงู ใจ หำญกล้ำ ร่ำเริง (สำเริง บญุ เรอื งรตั น์, 2557) 5. วจนัก ขโม หมำยถึง เป็นผู้มีควำมอดทนต่อถ้อยคำโดยมีเจตนำดีเป็นที่ต้ัง กำรอดทนต่อกริยำ วำจำอันก้ำวรำ้ วรุนแรงของผู้อ่นื ไดน้ น้ั เป็นสญั ลักษณ์ของควำมเขม้ แขง็ 6. คัม ภีรัญจกถัง กัตตา หมำยถึง สำมำรถขยำยข้อควำมท่ียำกให้ง่ำยแก่กำรเข้ำใจได้ กำรตีควำม ในวิชำกำรน้ันๆ ให้ละเอียดลึกซ้ึงง่ำยแก่กำรเข้ำใจ ครูจะต้องมีวิธีที่จะทำให้ผู้เรียนเข้ำใจเร่ืองยำกๆ ได้โดยง่ำย โดยวธิ กี ำร ดังน้ี

25 6.1 แสดงจุดเด่น หัวข้อสำคัญๆ หรือโครงสร้ำงของวิชำนั้น เพื่อให้ผู้เรียนเกิดควำมคิด รวบยอด กอ่ นที่จะอธิบำยในรำยละเอียดตอ่ ไป 6.2 แสดงเหตุผลในวิชำน้ัน เช่น อธิบำยจำกเหตุไปสู่ผล อธิบำยจำกผลไปสู่สำเหตุ ยกตวั อยำ่ งประกอบหรอื เปรียบเทยี บกับเนือ้ หำของวชิ ำอนื่ ๆ ทใ่ี กล้เคียง 6.3 แสดงเนื้อหำท่ีเป็นแก่นหรือสำระสำคัญของวิชำนั้นๆ ตลอดจนชี้ให้เห็นคุณค่ำในเชิง ปฏิบตั ิ เพรำะผูเ้ รียน จะเรียนรู้ไดด้ ยี ิ่งข้ึนถ้ำสิง่ น้นั เป็นส่งิ ใกลต้ ัวสำมำรถนำมำปฏิบัติได้ 7. โน จัฏฐาเน นิโยชเย หมำยถึง กำรรู้จักและแนะนำศิษย์ไปในทำงถูกท่ีควร กล่ำวคือ ไม่นำศิษย์ ไปในทำงที่เส่ือมเสียหรือชักชวนไปสู่อบำยมุข เช่น ด่ืมเหล้ำ สูบบุหร่ี เล่นกำรพนัน เท่ียวสถำนเริงรมย์ต่ำงๆ วธิ กี ำรแนะนำศิษย์ไปในทำงทีถ่ ูกทค่ี วรน้ันมีอยู่ 3 ประกำร คอื 7.1 คดิ หำวิธี เป็นกำรใชว้ ิธขี ่กู ำหรำบ เปน็ วธิ ีเตอื นใหศ้ ษิ ย์รูส้ ึกตัวและละควำมชว่ั 7.2 นคั คหวธิ ี เปน็ กำรใชว้ ิธยี กยอ่ งชมเชย เปน็ กำรกระต้นุ ส่งเสริมให้เกิดนิสัยที่ดีและป้องกัน ไม่ใหเ้ กิดนิสัยทไี่ มด่ ี เมอื่ ใดท่เี หน็ ศิษยท์ ำควำมดคี รูจะต้องยกย่องชมเชย 7.3 ทิฎฐำนคติวิธี เป็นกำรใช้วิธีกระทำให้เห็นเป็นตัวอย่ำง ครูต้องกำรให้ศิษย์ประพฤติ ปฏิบัตอิ ยำ่ งไร ครูกต็ ้องปฏิบัติตนเชน่ นน้ั ใหศ้ ษิ ย์ได้เหน็ เป็นตัวอย่ำง ประเภทของครู นักเรยี นจะอบอนุ่ ใจ นักเรยี นจะแจม่ ใส ครูประเภทที่ 1 นักเรียนจะเรียนสนกุ ถ้ำครูแสดงควำมเป็นมติ ร นกั เรยี นจะกระปรี้กระเปร่ำ ถ้ำครยู มิ้ แยม้ นักเรียนจะสภุ ำพอ่อนน้อม ถ้ำครูมีอำรมณ์ขนั นกั เรียนจะเคำรพ ถำ้ ครูกระตอื รอื ร้น นกั เรยี นจะมีจติ ใจออ่ นโยน ถำ้ ครูมนี ้ำเสยี งน่มุ นวล นกั เรยี นจะศรทั ธำ ถำ้ ครูแต่งตัวเรียบรอ้ ย ถ้ำครูให้ควำมเมตตำปรำนี ถ้ำครใู ห้ควำมยตุ ธิ รรม ครูประเภทท่ี 2 นักเรียนจะหงดุ หงิด ถำ้ ครูเข้มงวด นักเรยี นจะรู้สึกเครยี ด ถำ้ ครูหนำ้ น่วิ คิว้ ขมวด นักเรียนจะอึดอดั ถ้ำครฉู ุนเฉยี ว นกั เรยี นจะกลัว ถ้ำครปู ้ันปง่ึ นกั เรียนจะขำดควำมเคำรพ ถำ้ ครูแตง่ กำยไม่เรียบรอ้ ย นักเรยี นจะหวำดกลัว ถ้ำครใู ช้นำ้ เสยี งดดุ ัน

26 ครปู ระเภทท่ี 3 นกั เรยี นจะท้อแท้ ถ้ำครทู ้อถอย นักเรยี นจะเฉ่ือยชำ ถำ้ ครูเฉยเมย นกั เรยี นจะหงอยเหงำ ถ้ำครเู ชอื่ งช้ำ นักเรยี นจะไมส่ นใจฟงั ถ้ำครูใชน้ ้ำเสยี งรำบเรียบ นักเรียนจะขำดระเบียบวินยั ถ้ำครูปล่อยปละละเลย นกั เรียนจะขำดควำมเคำรพ ถำ้ ครูแตง่ กำยไมเ่ รยี บร้อย จำกบุคลิกของครูทง้ั 3 ประเภททกี่ ลำ่ วมำ สรุปไดว้ ่ำ ครูประเภทที่ 1 จะสร้างบรรยากาศแบบประชาธปิ ไตย นักเรียนและครูจะยอมรับควำมคิดเห็นซึ่งกันและกัน รู้จักสิทธิและหน้ำที่ของตนเอง มีเหตุมีผล นกั เรยี นจะรสู้ ึกสบำยใจในกำรเรียน เป็นบรรยำกำศท่สี ง่ เสริมใหเ้ กดิ กำรเรียนรทู้ ี่ดี ครปู ระเภทท่ี 2 จะสรา้ งบรรยากาศแบบเผดจ็ การ นักเรียนไม่ได้แสดงควำมคิดเห็น ครูจะเข้มงวด ครูเป็นผู้บอกหรือทำกิจกรรมทุกอย่ำง นักเรียน ไม่มีโอกำสคิดหรือทำกิจกรรมที่ต้องกำร นักเรียนจะรู้สึกเครียดอึดอัด นักเรียนจะขำดลักษณะกำรเป็นผู้นำ ขำดควำมคดิ รเิ ร่ิมสรำ้ งสรรค์ เป็นบรรยำกำศที่ไมส่ ่งเสริมให้เกิดกำรเรยี นรู้ท่ดี ี ครูประเภทท่ี 3 จะสร้างบรรยากาศแบบตามสบาย เป็นบรรยำกำศที่น่ำเบ่ือหน่ำย นักเรียนย่อท้อ สับสนวุ่นวำย ขำดระเบียบวินัย ไม่มีควำมคงเส้นคงวำ ครูไมส่ ำมำรถควบคุมช้ันเรยี นใหอ้ ยใู่ นควำมสงบเรียบรอ้ ยได้ เปน็ บรรยำกำศที่ไม่ส่งเสริมใหเ้ กิดกำรเรยี นรทู้ ีด่ ี จำกครูท้ัง 3 ประเภทที่กล่ำวมำ จะเห็นได้ว่ำครูประเภทท่ี 1 มีลักษณะควำมเป็นประชำธิปไตย จะสร้ำงบรรยำกำศแบบประชำธิปไตย ทำให้นักเรียนรู้สึกสบำยใจที่จะเรียนมีควำมกระตือรือร้นในกำรเรียน มำกกว่ำประเภทอื่นๆ บุคลิกภำพของครจู งึ มีส่วนสร้ำงบรรยำกำศกำรเรียนร้ไู ด้อย่ำงมำก

27 จรรยาบรรณและมาตรฐานวชิ าชพี ครู จำกพระรำชบัญญัติสภำครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ พ.ศ. 2546 มำตรำ 49 ให้มีข้อบังคับว่ำด้วย มำตรฐำนวชิ ำชพี ประกอบด้วย (พระรำชบัญญัติสภำครูและบคุ ลำกรทำงกำรศกึ ษำ, 2546) (1) มำตรฐำนควำมรแู้ ละประสบกำรณ์วชิ ำชพี (2) มำตรฐำนกำรปฏบิ ตั ิงำน (3) มำตรฐำนกำรปฏบิ ัตติ น กำรกำหนดระดับคุณภำพของมำตรฐำนในกำรประกอบวชิ ำชพี ตำมวรรคหนงึ่ ให้เป็นไปตำมข้อบังคบั ของคุรุสภำ ท้ังน้ีต้องจัดให้มีกำรประเมินระดับคุณภำพของผู้รับใบอนุญำตอย่ำงต่อเนื่อง เพื่อดำรงไว้ ซึ่งควำมรู้ ควำมสำมำรถ และควำมชำนำญกำร ตำมระดับคุณภำพของมำตรฐำนในกำรประกอบวิชำชีพ ตำมหลักเกณฑ์และวิธีกำรที่คุรุสภำกำหนด และจำก (3) ให้กำหนดเป็นข้อบังคับว่ำด้วยจรรยำบรรณ ของวชิ ำชีพ ตำมควำมในมำตรำ 50 มำตรฐำนกำรปฏิบัติตน ประกอบดว้ ย (1) จรรยำบรรณต่อตนเอง (2) จรรยำบรรณต่อวชิ ำชพี (3) จรรยำบรรณต่อผ้รู บั บรกิ ำร (4) จรรยำบรรณต่อผรู้ ่วมประกอบวิชำชีพ (5) จรรยำบรรณต่อสังคม กำรกำหนดแบบแผนพฤติกรรมตำมจรรยำบรรณของวิชำชีพตำมวรรคหน่ึง ให้เป็นไปตำมข้อบังคับ ของครุ สุ ภำ วำ่ ด้วยมำตรฐำนวิชำชีพ พ.ศ. 2556 ดังนี้ มำตรฐำนควำมรู้และประสบกำรณ์วชิ ำชีพ ผู้ประกอบวิชำชพี ครู ต้องมีคุณวฒุ ไิ ม่ตำ่ กว่ำปรญิ ญำตรีทำงกำรศึกษำ หรือเทยี บเทำ่ หรือมีคุณวุฒิอื่นที่ ครุ ุสภำรับรอง โดยมีมำตรฐำนควำมรูแ้ ละประสบกำรณว์ ชิ ำชพี ดงั ตอ่ ไปนี้ (ก) มำตรฐำนควำมรู้ ประกอบดว้ ยควำมรู้ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) ควำมเปน็ ครู 2) ปรชั ญำกำรศึกษำ 3) ภำษำและวฒั นธรรม 4) จติ วทิ ยำสำหรบั ครู 5) หลักสตู ร 6) กำรจดั กำรเรยี นรู้และกำรจัดกำรช้ันเรียน

28 7) กำรวิจยั เพ่ือพฒั นำกำรเรียนรู้ 8) นวตั กรรมและเทคโนโลยสี ำรสนเทศทำงกำรศึกษำ 9) กำรวัดและกำรประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้ 10) กำรประกนั คณุ ภำพกำรศึกษำ 11) คุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยำบรรณ (ข) มำตรฐำนประสบกำรณว์ ิชำชพี ผ่ำนกำรปฏบิ ตั กิ ำรสอนในสถำนศกึ ษำ ตำมหลักสูตรปริญญำทำงกำรศึกษำ เป็นเวลำไม่น้อยกว่ำหน่ึงปี และผ่ำนเกณฑ์กำรประเมิน ปฏิบตั กิ ำรสอนตำมหลกั เกณฑ์ วธิ ีกำร และเงือ่ นไขท่ีคณะกรรมกำรคุรุสภำกำหนด ดงั ต่อไปน้ี 1) กำรฝึกปฏบิ ัตวิ ิชำชีพระหว่ำงเรยี น 2) กำรปฏบิ ตั กิ ำรสอนในสถำนศกึ ษำในสำขำวิชำเฉพำะ มำตรฐำนกำรปฏิบัติงำน ผู้ประกอบวิชำชพี ครู ตอ้ งมีมำตรฐำนกำรปฏิบัติงำน ดังต่อไปนี้ 1) ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทำงวชิ ำกำรเพือ่ พัฒนำวชิ ำชพี ครใู ห้ก้ำวหน้ำอยูเ่ สมอ 2) ตัดสินใจปฏิบตั กิ จิ กรรมต่ำงๆ โดยคำนงึ ถึงผลที่จะเกดิ แกผ่ ู้เรยี น 3) ม่งุ ม่ันพัฒนำผู้เรียนให้เตบิ โตเต็มตำมศกั ยภำพ 4) พัฒนำแผนกำรสอนใหส้ ำมำรถปฏบิ ัติไดจ้ รงิ ในชัน้ เรียน 5) พฒั นำส่ือกำรเรยี นกำรสอนให้มปี ระสิทธิภำพอย่เู สมอ 6) จัดกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนให้ผเู้ รียนรูจ้ ักคิดวิเครำะห์ คดิ สรำ้ งสรรค์ โดยเนน้ ผลถำวรที่เกิด แกผ่ ู้เรยี น 7) รำยงำนผลกำรพฒั นำคุณภำพของผ้เู รียนไดอ้ ยำ่ งมีระบบ 8) ปฏบิ ตั ติ นเปน็ แบบอย่ำงท่ีดแี กผ่ ู้เรียน 9) รว่ มมือกับผอู้ ่นื ในสถำนศึกษำอย่ำงสรำ้ งสรรค์ 10) ร่วมมอื กับผูอ้ น่ื ในชมุ ชนอยำ่ งสร้ำงสรรค์ 11) แสวงหำและใชข้ อ้ มลู ข่ำวสำรในกำรพฒั นำ 12) สรำ้ งโอกำสให้ผู้เรยี นไดเ้ รียนรู้ในทุกสถำนกำรณ์ มำตรฐำนกำรปฏบิ ัตติ น ผู้ประกอบวิชำชีพทำงกำรศึกษำ ต้องมีมำตรฐำนกำรปฏิบัติตนตำมข้อบังคับคุรุสภำว่ำด้วย จรรยำบรรณของวิชำชีพ โดยสำนักงำนเลขำธิกำรคุรุสภำซ่ึงเป็นองค์กรวิชชำชีพครูแห่งชำติ มีอำนำจหน้ำท่ี ควบคุมสอดสอ่ งจรรยำของครูตำมขอ้ กำหนดไว้ในจรรยำบรรณทง้ั 9 ขอ้ ดังน้ี

29 จรรยาบรรณครู 9 ประการ  จรรยาบรรณตอ่ ตนเอง 1. ครูต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนำตนเองด้ำนวิชำชีพ บุคลิกภำพ และวิสัยทัศน์ ให้ทันต่อกำรพัฒนำทำง วิทยำกำร เศรษฐกจิ สงั คม และกำรเมืองอยู่เสมอ โดยต้องประพฤติและละเวน้ กำรประพฤติตำมแบบแผน พฤติกรรม  จรรยาบรรณตอ่ วิชาชีพ 2. ครูต้องรัก ศรัทธำ ซื่อสัตย์สุจริต รับผิดชอบต่อวิชำชีพ และเป็นสมำชิกที่ดีขององค์กรวิชำชีพ โดยต้อง ประพฤตแิ ละละเวน้ กำรประพฤตติ ำมแบบแผนพฤตกิ รรม  จรรยาบรรณต่อผ้รู บั บริการ 3. ครูต้องรัก เมตตำ เอำใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริม ให้กำลังใจแก่ศิษย์และผู้รับบริกำร ตำมบทบำทหน้ำท่ีโดย เสมอหนำ้ 4. ครตู ้องสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ กำรเรยี นรู้ ทักษะ และนิสัยท่ีถกู ต้องดงี ำมแก่ศษิ ยแ์ ละผู้รบั บริกำร ตำมบทบำทหน้ำที่ อย่ำงเต็มควำมสำมำรถดว้ ยควำมบริสทุ ธิ์ใจ 5. ครตู ้องประพฤตติ นเปน็ แบบอยำ่ งทด่ี ี ทัง้ ทำงกำย วำจำ และจิตใจ 6. ครูต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อควำมเจริญทำงกำย สติปัญญำ จิตใจ อำรมณ์ และสังคมของศิษย์และ ผู้รบั บรกิ ำร 7. ครูต้องให้บริกำรด้วยควำมจริงใจและเสมอภำค โดยไม่เรียกรับหรือยอมรับผลประโยชน์ จำกกำรใช้ ตำแหนง่ หน้ำทีโ่ ดยมิชอบโดยตอ้ งประพฤตแิ ละละเวน้ กำรประพฤตติ ำมแบบแผนพฤติกรรม  จรรยาบรรณตอ่ ผรู้ ว่ มประกอบวชิ าชพี 8. ครูพึงช่วยเหลือเก้ือกูลซึ่งกันและกันอย่ำงสร้ำงสรรค์ โดยยึดม่ันในระบบคุณธรรม สร้ำงควำมสำมัคคี ในหมคู่ ณะ โดยพึงประพฤติและละเวน้ กำรประพฤติตำมแบบแผนพฤติกรรม  จรรยาบรรณต่อสังคม 9. ครูพึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นำในกำรอนุรักษ์และพัฒนำเศรษฐกิจ สังคม ศำสนำ ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญำ ส่ิงแวดล้อม รักษำผลประโยชน์ของส่วนรวมและยึดม่ันในกำรปกครองระบอบประชำธิปไตย อันมพี ระมหำกษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข โดยพึงประพฤตแิ ละละเว้นกำรประพฤติตำมแบบแผนพฤตกิ รรม

30 สมรรถนะวิชาชพี ครู จำกแนวคิดของ McClelland นักจิตวิทยำของมหำวิทยำลัย Harvard ท่ีอธิบำยไว้ว่ำ “สมรรถนะ เป็นคุณลักษณะของบุคคลที่เก่ียวกับผลกำรปฏิบัติงำน ประกอบด้วย ควำมรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skills) ควำมสำมำรถ (Ability) และคุณลักษณะอื่นๆ ที่เก่ียวข้องกับกำรทำงำน ( Other Characteristics) และเป็นคุณลักษณะเชิงพฤติกรรมที่ทำให้บุคลำกรในองค์กรป ฏิบัติงำนได้ผลงำนที่โดดเด่นกว่ำคน อื่ นๆ ในสถำนกำรณ์ท่ีหลำกหลำย ซึ่งเกิดจำกแรงผลักดันเบ้ืองลึก (Motives) อุปนิสัย (Traits) ภำพลักษณ์ภำยใน (Self-image) และบทบำทท่ีแสดงออกต่อสังคม (Social role) ท่ีแตกต่ำงกันทำให้แสดงพฤติกรรมกำรทำงำน ที่ต่ำงกัน ซ่ึงสอดคล้องกับแนวทำงกำรพัฒนำสมรรถนะกำรบริหำรทรัพยำกรบุคคลแนวใหม่ภำครัฐ ของ สำนักงำนคณะกรรมกำรข้ำรำชกำรพลเรือน โดยส่งเสริมสนับสนุนให้สว่ นรำชกำรบริหำรทรัพยำกรบุคคลตำม กรอบมำตรฐำนควำมสำเร็จด้ำนกำรบริหำรทรัพยำกรบุคคล (Standard for Success) เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ตอ่ ควำมสำเรจ็ ของสว่ นรำชกำร สมรรถนะครู สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน ได้ดำเนินกำรประชุมเชิงปฏิบัติกำร กำหนดควำมต้องกำรกำรพัฒนำสมรรถนะของครูและกำรประชุมเชิงปฏิบัติกำรสร้ำงแบบทดสอบ เพ่ือประเมินสมรรถนะข้ำรำชกำรครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ ตำมโครงกำรยกระดับคุณภำพครูท้ังระบบ จำกกำรสังเครำะห์สำมำรถสรุปได้ว่ำ สมรรถนะครูของสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน ประกอบดว้ ย สมรรถนะหลักและสมรรถนะประจำสำยงำน ดงั นี้ 1. สมรรถนะหลกั (Core Competency) ประกอบด้วย 5 สมรรถนะ คือ 1.1 กำรมุง่ ผลสมั ฤทธิ์ในกำรปฏิบตั งิ ำน 1.2 กำรบริกำรท่ีดี 1.3 กำรพัฒนำตนเอง 1.4 กำรทำงำนเป็นทีม 1.5 จริยธรรม และจรรยำบรรณวิชำชพี ครู 2. สมรรถนะประจาสายงาน (Functional Competency) ประกอบด้วย 6 สมรรถนะ คือ 2.1 กำรบริหำรหลกั สูตรและกำรจัดกำรเรียนรู้ 2.2 กำรพฒั นำผ้เู รียน 2.3 กำรบรหิ ำรจดั กำรช้ันเรยี น 2.4 กำรวเิ ครำะห์ สงั เครำะห์ และกำรวจิ ยั เพื่อพัฒนำผเู้ รยี น 2.5 ภำวะผูน้ ำครู 2.6 กำรสร้ำงควำมสัมพันธแ์ ละควำมร่วมมอื กบั ชุมชนเพ่อื กำรจดั กำรเรียนรู้

31 สมรรถนะหลกั (Core Competency) สมรรถนะท่ี 1 กำรม่งุ ผลสมั ฤทธิ์ในกำรปฏิบัติงำน (Working Achievement Motivation) หมำยถึง ควำมมงุ่ ม่นั ในกำรปฏบิ ตั ิงำนในหนำ้ ทใี่ ห้มคี ุณภำพ ถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ มีควำมคดิ ริเริ่ม สร้ำงสรรค์ โดยมีกำรวำงแผน กำหนดเป้ำหมำย ติดตำมประเมินผลกำรปฏิบัติงำน และปรับปรุงพัฒนำ ประสิทธิภำพและผลงำนอย่ำงตอ่ เน่ือง สมรรถนะท่ี 2 กำรบริกำรทด่ี ี (Service Mind) หมำยถึง ควำมตั้งใจและควำมเต็มใจในกำรให้บริกำรและกำรปรับปรุงระบบบริกำรให้มีประสิทธิภำพ อย่ำงตอ่ เน่อื ง เพื่อตอบสนองควำมตอ้ งกำรของผรู้ บั บรกิ ำร สมรรถนะท่ี 3 กำรพฒั นำตนเอง (Self-Development) หมำยถึง กำรศึกษำค้นคว้ำหำควำมรู้ ติดตำมและแลกเปลี่ยนเรียนรู้องค์ควำมรู้ใหม่ๆ ทำงวิชำกำร และวิชำชพี มกี ำรสรำ้ งองค์ควำมร้แู ละนวัตกรรม เพอื่ พัฒนำตนเองและพัฒนำงำน สมรรถนะท่ี 4 กำรทำงำนเปน็ ทีม (Team Work) หมำยถึง กำรให้ควำมร่วมมือ ช่วยเหลือ สนับสนุนเสริมแรง ให้กำลังใจแก่เพื่อนร่วมงำน กำรปรับตัว เข้ำกับผู้อื่นหรือทีมงำน แสดงบทบำทกำรเป็นผู้นำหรือผู้ตำมได้อย่ำงเหมำะสมในกำรทำงำนร่วมกับผู้อ่ืน เพ่ือ สร้ำงและดำรงสัมพันธภำพของสมำชกิ ตลอดจนเพอื่ พัฒนำกำรจัดกำรศกึ ษำให้บรรลุ ผลสำเรจ็ ตำมเป้ำหมำย สมรรถนะท่ี 5 จริยธรรม และจรรยำบรรณวิชำชพี ครู (Teacher’s Ethics and Integrity) หมำยถึง กำรประพฤติปฏิบัติตนถูกต้องตำมหลักคุณธรรม จริยธรรม จรรยำบรรณวิชำชีพครู เปน็ แบบอย่ำงทีด่ แี ก่ผเู้ รียนและสงั คม เพอื่ สรำ้ งควำมศรทั ธำในวชิ ำชีพครู สมรรถนะประจาสายงาน (Functional Competency) สมรรถนะท่ี 1 กำรบริหำรหลักสูตรและกำรจัดกำรเรียนรู้ (Curriculum and Learning Management) หมำยถึง ควำมสำมำรถในกำรสร้ำงและพัฒนำหลักสูตร กำรออกแบบกำรเรียนรู้อย่ำงสอดคล้อง และเป็นระบบ จัดกำรเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ใช้และพัฒนำสื่อนวัตกรรมเทคโนโลยี และกำรวัด ประเมินผลกำรเรียนรู้ เพือ่ พัฒนำผ้เู รียนอย่ำงมปี ระสทิ ธิภำพและเกิดประสิทธิผลสงู สุด สมรรถนะท่ี 2 กำรพฒั นำผ้เู รยี น (Student Development) หมำยถึง ควำมสำมำรถในกำรปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม กำรพัฒนำทักษะชีวิต สุขภำพกำย และสุขภำพจิต ควำมเป็นประชำธิปไตย ควำมภูมิใจในควำมเป็นไทย กำรจัดระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน เพ่อื พฒั นำผู้เรยี นให้มีคณุ ภำพ สมรรถนะที่ 3 กำรบริหำรจดั กำรช้ันเรยี น (Classroom Management) หมำยถึง กำรจัดบรรยำกำศกำรเรียนรู้ กำรจดั ทำข้อมูลสำรสนเทศและเอกสำรประจำชัน้ เรยี น/ประจำ วิชำ กำรกำกับดูแลช้ันเรียนรำยช้ัน/รำยวิชำ เพื่อส่งเสริมกำรเรียนรู้อย่ำงมีควำมสุขและควำมปลอดภัย ของผู้เรยี น

32 สมรรถนะท่ี 4 กำรวิเครำะห์ สังเครำะห์ และกำรวจิ ัยเพือ่ พฒั นำผเู้ รยี น (Analysis & Synthesis & Classroom Research) หมำยถึง ควำมสำมำรถในกำรทำควำมเข้ำใจ แยกประเด็นเป็นส่วนย่อย รวบรวม ประมวลหำข้อสรปุ อย่ำงมีระบบและนำไปใช้ในกำรวิจัยเพื่อพัฒนำผู้เรียน รวมทั้งสำมำรถวิเครำะห์องค์กรหรืองำนในภำพรวม และดำเนินกำรแก้ปญั หำเพื่อพฒั นำงำนอย่ำงเปน็ ระบบ สมรรถนะท่ี 5 ภำวะผู้นำครู (Teacher Leadership) หมำยถึง คุณลักษณะและพฤติกรรมของครูที่แสดงถึงควำมเก่ียวข้องสัมพันธ์ส่วนบุคคล และกำร แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซ่ึงกันและกันทั้งภำยในและภำยนอกห้องเรียน โดยปรำศจำกกำรใช้อิทธิพลของผู้บริหำร สถำนศกึ ษำ ก่อให้เกดิ พลังแหง่ กำรเรยี นรู้เพอ่ื พัฒนำกำรจดั กำรเรยี นรใู้ ห้มีคุณภำพ สมรรถนะที่ 6 กำรสร้ำงควำมสัมพันธ์และควำมร่วมมือกับชุมชนเพ่ือกำรจัดกำรเรียนรู้ (Relationship & Collaborative – Building for Learning Management) หมำยถึง กำรประสำนควำมร่วมมือ สร้ำงควำมสัมพันธ์ท่ีดี และเครือข่ำยกับผู้ปกครอง ชุ มชน และองค์กรอ่นื ๆ ทั้งภำครฐั และเอกชน เพือ่ สนบั สนุนส่งเสริมกำรจัดกำรเรยี นรู้

33 โทษทางวนิ ัย ตวั อย่างความผดิ ทางวนิ ยั ของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา ความผดิ เกย่ี วกบั นักเรียน ตวั อยา่ งกรณศี กึ ษา บทกาหนดโทษ พู ดมงึ กูกับนักเรียน เรียกช่อื พ่ อแม่เป็นชื่อนกั เรียน ภาคทัณฑ์ ดา่ นักเรียนว่า \"พ่อแมไ่ มส่ งั่ สอน หรอื ว่า พ่อแมส่ อนใหท้ าอย่างน้\"ี ตัดเงนิ เดอื น 5 % เปน็ เวลา 1 เดือน วางอานาจ เกรีย้ วกราด ดูถกู เหยยี ดหยามนักเรยี น ตัดเงนิ เดอื น 5 % เปน็ เวลา 1 เดอื น ใหน้ ักเรียนชว่ ยตรวจขอ้ สอบและให้คะแนนนักเรยี นโดยไมต่ รวจกระดาษคาตอบ ตัดเงินเดือน 5 % เปน็ เวลา 1 เดือน ออกขอ้ สอบท่ีมีขอ้ ความเสยี ดสผี ู้บริหารโรงเรยี น และถอ้ ยคาบางคาไมส่ ุภาพ ตดั เงนิ เดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน เป็นกรรมการคมุ สอบ ไม่คุมสอบให้รดั กมุ เป็นเหตุให้นกั เรียนลอกคาตอบกัน ตดั เงนิ เดอื น 5 % เปน็ เวลา 1 เดือน ลงโทษนกั เรียนโดยวิธตี บหน้า ดงึ หู กระชากผม ตดั เงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน เฆีย่ นนักเรียนจนเน้อื แตก เลือดออก ตดั เงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน ลงโทษนักเรียนโดยวธิ ีหยิก ตบหลัง ตดั เงินเดอื น 5 % เปน็ เวลา 1 เดอื น ลงโทษนกั เรยี นโดยวิธที บุ หน้าอก เขกหัว ตัดเงนิ เดอื น 5 % เปน็ เวลา 1 เดือน ลงโทษนักเรียนโดยการเฆ่ียนจนมีบาดแผล และใช้พวงกุญแจตีทีศ่ ีรษะนักเรียนจนศรี ษะแตก ตัดเงนิ เดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน ลงโทษนักเรยี นโดยการชกและเตะ ตัดเงนิ เดอื น 5 % เปน็ เวลา 1 เดอื น เก็บเงนิ จากนกั เรยี น อา้ งวา่ จะนาไปซ้อื หนงั สือมาใหน้ กั เรียน แตไ่ มไ่ ดซ้ ื้อและไมค่ ืนเงินจนกระทง่ั ตัดเงนิ เดอื น 5 %เปน็ เวลา 2 เดือน ถกู ร้องเรียนจงึ คืนให้ ขอยมื เงินนักเรียนแลว้ ไม่ยอมใช้ ให้นักเรียนช่วยตรวจข้อสอบ ตัดเงนิ เดอื น 5 %เปน็ เวลา 2 เดือน พานกั เรยี นไปเที่ยวตา่ งจังหวัดโดยไมไ่ ดข้ ออนุญาตจากผู้บังคับบญั ชาและผู้ปกครองนักเรียน ตดั เงินเดอื น 5 %เปน็ เวลา 2 เดอื น ใหถ้ ูกต้องตามระเบียบของทางราชการ ยยุ งนักเรยี นใหก้ ระด้างกระเดือ่ งต่อผบู้ รหิ ารโรงเรยี น ตดั เงนิ เดอื น 5 %เปน็ เวลา 2 เดอื น ลงโทษนักเรียนโดยการตีด้วยไม้ไผ่ปลายแตก ยาว 1 ศอกเศษ เสน้ ผา่ ศนู ย์กลางประมาณ 1 ตัดเงนิ เดือน 5 %เป็นเวลา 2 เดอื น น้วิ ท่ศี รี ษะจนนักเรียนชักและสลบ จนต้องรักษาตัวทโ่ี รงพยาบาล 2 วัน ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 2 เดอื น ลงโทษนักเรยี นโดยการเฆีย่ นด้วยเขม็ ขัดถงึ 24 ที และให้แบกโต๊ะซึ่งมีน้าหนักเกอื บเทา่ ตัว นักเรยี น เดินขน้ึ เดนิ ลงระหว่างช้นั ที่ 2 ถึงช้ันท่ี 3 ขโมยเงินนักเรียน ปลดออก สัง่ นกั เรยี นทตี่ ้องสอบแก้ \"ร\" แก้ \"0\" ให้ซือ้ อปุ กรณ์การแตง่ รถมาให้แล้วจะสอบได้ ปลดออก

34 ครูชายสั่งนกั เรียนหญิงใหม้ าสอบแก้ตัวทโ่ี รงเรียนในวันหยดุ ราชการเพียงคนเดยี ว แลว้ ถอื ปลดออก โอกาส ครชู ายให้นักเรยี นหญงิ นอนหนนุ ตกั แล้วเอามอื ลูบหวั ลูบแก้มในสวนสาธารณะ ปลดออก ครูชายจับมือ จบั หนา้ อก และจูบนักเรียนหญงิ ปลดออก ครูชายใหน้ ักเรยี นหญงิ นวดขาแลว้ ดงึ ลงมากอด ปลดออก ครูชายพานักเรียนหญิงไปทานอาหาร แล้วคะย้นั คะยอใหน้ กั เรียนดม่ื เบยี ร์ เมอื่ นกั เรยี นดืม่ เขา้ ไล่ออก ไปแล้วมีอาการมนึ ก็พาเขา้ โรงแรม แม้จะไม่มคี วามสมั พันธ์ทางเพศต่อกนั ถงึ ขนั้ ไดเ้ สีย ก็เป็น การประพฤติชว่ั อย่างร้ายแรง ไล่ออก ครูชายไดเ้ สยี กบั นักเรยี นหญงิ ไมว่ ่านักเรยี นจะสมคั รใจหรอื ไมก่ ็ตาม ความผดิ เกี่ยวกับการปฏิบัติงาน ตวั อยา่ งกรณศี กึ ษา บทกาหนดโทษ สง่ ใบลาปว่ ยลา่ ช้าโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ภาคทัณฑ์ มีหนา้ ทีอ่ ยูเ่ วร มารบั เวรช้า มารบั เวรแล้วออกไปทาธุระสว่ นตัวขา้ งนอก ตดั เงินเดอื น 5 % เป็นเวลา 1 เดอื น กลับกอ่ นเวลาเลิกงานเสมอๆ ตัดเงินเดอื น 5 % เปน็ เวลา 1 เดอื น มาสายบอ่ ยครัง้ โดยไม่มเี หตผุ ลอนั สมควร ตดั เงินเดือน 5 % เปน็ เวลา 1 เดือน ให้เพ่ือนลงช่อื มาทางานแทน (ทั้งสองคน) ตัดเงนิ เดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน ลงช่อื มาปฏบิ ตั ริ าชการแล้วไมอ่ ยโู่ รงเรยี น ตดั เงินเดอื น 5 % เป็นเวลา 1 เดือน เข้าสอนช้าและเลิกสอนกอ่ นหมดเวลาเสมอๆ ตดั เงินเดือน 5 % เปน็ เวลา 1 เดือน ทงิ้ ชว่ั โมงสอนไปทาธรุ ะส่วนตัว ตัดเงินเดอื น 5 % เปน็ เวลา 1 เดอื น ขออนญุ าตลากิจไปงานแต่งงานเพื่อน ผู้อานวยการโรงเรียนไมอ่ นญุ าตก็ยังไป ตัดเงินเดอื น 5 % เปน็ เวลา 1 เดอื น เขา้ สอนช้าและเลิกสอนก่อนหมดเวลาเสมอๆ ตดั เงินเดอื น 5 % เป็นเวลา 1 เดือน ไมท่ าบัญชีการเงินและบญั ชีพั สดใุ หถ้ ูกตอ้ งเป็นปัจจบุ นั ตดั เงนิ เดือน 5 %เปน็ เวลา 2 เดอื น หยดุ ราชการ 1 วนั ไปติดตอ่ ขอยืมเงนิ เพ่ือน เมอื่ มาทางานไดย้ น่ื ใบลาปว่ ยต่อผู้อานวยการ ตดั เงินเดือน 5 %เปน็ เวลา 2 เดือน หยดุ ราชการไป 7 วัน เมอื่ มาทางานไดย้ ่นื ใบลาปว่ ยพร้อมใบรับรองแพทย์ ปรากฏว่าแพทย์ลง ตัดเงนิ เดอื น 5 %เป็นเวลา 2 เดือน ความเห็นให้หยุดพัก 1 วนั แต่แกไ้ ขใบรับรองแพทย์เป็น 7 วัน ปลดออก ครูดนตรแี อบเอาเคร่อื งดนตรีซง่ึ อยู่ในความดูแลรกั ษาไปจานา เจ้าหน้าทกี่ ารเงนิ ยกั ยอกเงินบารงุ การศึกษาไปใชส้ ่วนตวั ไล่ออก มาอยู่เวรแล้วขโมยทรัพยส์ ินของโรงเรียนเสยี เอง ไล่ออก ไม่ไปสอนหนงั สอื ตดิ ต่อกันเกนิ กวา่ 15 วนั โดยไม่มีเหตผุ ลอนั สมควร ไล่ออก

35 ความผดิ เกยี่ วกบั ประชาชน ตวั อยา่ งกรณศี กึ ษา บทกาหนดโทษ พู ดจาไม่สภุ าพกบั ผปู้ กครองนักเรียนซึ่งมาขอทราบเหตุผลท่ีบตุ รของตนถูกครูลงโทษ ตัดเงินเดอื น 5 % เป็นเวลา 1 เดอื น รบั ประทานอาหารแล้วไม่จ่ายเงิน เม่อื เจ้าของรา้ นมาฟอ้ งผ้อู านวยการ เกิดความโมโหกระชาก ปลดออก คอเส้อื แลว้ ตอ่ ยหน้า 2 – 3 ที ความผิดเก่ยี วกับการปฏบิ ตั ิตนเสอ่ื มเสีย ตวั อยา่ งกรณศี กึ ษา บทกาหนดโทษ แต่งกายไม่สุภาพไปทางาน ผู้บริหารโรงเรียนเตือนแลว้ ไมย่ อมฟงั ตัดเงนิ เดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน เปน็ หน้แี ลว้ ไมย่ อมชดใช้ตามกาหนด พอเจ้าหนมี้ าทวงกลับท้าใหไ้ ปฟอ้ งศาล ตัดเงนิ เดอื น 5 % เปน็ เวลา 1 เดือน ครูชายเขยี นจดหมายถงึ ภรรยาผูอ้ นื่ ในลักษณะชสู้ าว ตัดเงนิ เดือน 5 % เปน็ เวลา 1 เดือน ครสู ตรีมสี ามแี ลว้ ยงั ไปพบปะให้ความสนิทสนมกบั คนรกั เก่าถึงขนาดเขา้ ไปในห้องนอน แตไ่ ม่มี ตดั เงินเดอื น 5 % เปน็ เวลา 1 เดอื น ความสมั พันธท์ างเพศกนั สามีตามไปพบจงึ เกิดการทะเลาะกนั ข้นึ เมาสรุ าแล้วทารา้ ยรา่ งกายเพื่อนครดู ้วยกัน ตัดเงินเดอื น 5 % เปน็ เวลา 1 เดอื น เล่นไพ่ (การพนันบัญชี ข. ลาดับท่ี 21 ฎ) ขณะอยเู่ วร ตัดเงนิ เดอื น 5 %เป็นเวลา 2 เดือน เมาสุราแลว้ ด่าทา้ ทายผบู้ ังคับบัญชา ตัดเงินเดอื น 5 %เป็นเวลา 2 เดือน เมาสรุ าแลว้ อาละวาด ทาลายทรพั ย์สนิ ของโรงเรียน ลดเงินเดือน ลงเวลามาทางานแลว้ แอบไปด่ืมสรุ าท่รี า้ นขา้ งโรงเรียน ยงั นาสุรามาดื่มทโี่ ต๊ะทางานและท่ีหอ้ ง ปลดออก พยาบาลของโรงเรียนในเวลาราชการ สบู เฮโรอีน ปลดออก เลน่ ไฮโลว์ (การพนันบญั ชี ก. ลาดับท่ี 23) ท่ีบา้ นพักครู ปลดออก เลน่ หวยใต้ดิน ปลดออก ครชู ายมคี วามสมั พันธ์ทางเพศกบั หญงิ ทเ่ี ปน็ ภรรยาของผู้อนื่ แม้หญงิ น้ันจะเปน็ ฝา่ ยยั่วยวน ปลดออก และมคี วามประพฤติไมด่ ี ชอบมีความสัมพันธ์ทางเพศกับชายอื่นเสมอ ๆ กถ็ ือว่าเป็นการ ประพฤติชัว่ อยา่ งรา้ ยแรง ครชู ายมีบุตรภรรยาแลว้ ไปหลอกผู้หญิงว่ายังเป็นโสดอยู่ อยากแตง่ งานด้วย ผหู้ ญิง ปลดออก หลงเช่ือและยอมมคี วามสมั พันธท์ างเพศด้วย พอคลอดลูกก็ถกู ครชู ายทอดทงิ้

36 ครูสตรีมคี สู่ มรสแลว้ ไปมคี วามสัมพันธใ์ นทางชูส้ าวกับชายอ่ืนจนถึงขน้ั ได้เสยี กนั แมช้ ายผู้น้ัน ปลดออก จะยังไม่มีคู่สมรสก็เป็นการประพฤติชวั่ อย่างรา้ ยแรง ครูชายมภี รรยาแล้วแอบไปมคี วามสมั พันธ์ในทางชสู้ าวกบั หญิงอน่ื จนถึงขนั้ ไดเ้ สยี กนั ทาให้ ปลดออก ครอบครัวเดอื ดรอ้ น แมห้ ญงิ น้ันจะยงั ไมม่ คี สู่ มรสกเ็ ปน็ การประพฤติช่วั อยา่ งร้ายแรง เมาสรุ าแล้วนอนฟุบอยหู่ นา้ ทีว่ ่าการอาเภอ ไมส่ ามารถกลับไปสอนหนังสือได้ ปลดออก ครชู ายจดทะเบียนสมรสซ้อนและไมร่ ับผิดชอบครอบครัว ปลดออก ครสู ตรีจดทะเบียนสมรสกบั ชายอืน่ ท้งั ๆ ท่ีรวู้ ่าชายนน้ั มภี รรยาและจดทะเบยี นสมรสแลว้ ปลดออก ครูชายปลุกปล้าครสู ตรโี รงเรยี นเดยี วกัน ปลดออก ออกเช็คเดง้ จนถูกศาลพิพากษาลงโทษจาคุก 3 เดือน ปลดออก เอาทรัพยส์ ินของโรงเรยี นไปเปน็ ของตนเอง ปลดออก เรยี กรอ้ งเงนิ จากผูป้ กครองนักเรยี นที่พาบตุ รมาสอบเขา้ เรยี นต่อ โดยอ้างวา่ จะช่วยให้เด็กสอบ ปลดออก เขา้ ได้ ครชู ายกบั ครหู ญิงมคี วามสัมพันธ์ฉนั ชู้สาวต่อกัน ท้งั ๆ ทแ่ี ตล่ ะฝ่ายมคี ่สู มรสอยู่แลว้ ไลอ่ อก ครูชายกับครหู ญงิ มคี วามสมั พันธฉ์ ันชู้สาวถงึ ขน้ั อยู่กินเยี่ยงสามภี รรยาอยา่ งเปดิ เผยตอ่ กัน ไลอ่ อก ทั้งๆ ทีท่ ้งั สองฝา่ ยต่างมีค่สู มรสอยูแ่ ลว้ เพียงแตแ่ ยกกันอย่เู ท่านนั้ ครสู ตรมี คี ู่สมรสแล้วไปมคี วามสัมพันธ์ในทางชสู้ าวกบั สามคี นอน่ื ถงึ ขั้นไดเ้ สียกัน ไลอ่ อก ครชู ายมคี สู่ มรสแลว้ ไปมีความสมั พันธ์ในทางชูส้ าวกับภรรยาของคนอนื่ จนถึงข้นั ไดเ้ สียกนั ไล่ออก ทุจริตในการเบกิ ค่ารกั ษาพยาบาล ไลอ่ อก ทจุ รติ ในการเบิกคา่ เบีย้ เลี้ยง ค่าที่พัก ค่าพาหนะ ในการเดนิ ทางไปราชการ ไล่ออก ความผดิ ต่อผบู้ ังคับบญั ชา ตวั อยา่ งกรณศี กึ ษา บทกาหนดโทษ ผ้อู านวยการโรงเรียนทาหนังสอื ตักเตอื นเร่ืองเขา้ สอนช้า พออ่านจบขยาหนังสอื ท้ิงด้วยความ ภาคทัณฑ์ ไมพ่ อใจ ผูอ้ านวยการโรงเรยี นสงั่ ใหอ้ ยเู่ วร ไมย่ อมมาอยอู่ า้ งว่าลมื ตดั เงนิ เดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดอื น ผ้อู านวยการโรงเรียนส่งั ให้คุมสอบนักเรียน ไมย่ อมคมุ ตัดเงนิ เดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน ไม่ยอมส่งผลการสอบแก้ตัวของนักเรียนตามเวลาท่ีผ้อู านวยการโรงเรยี นกาหนด ตัดเงนิ เดอื น 5 % เปน็ เวลา 1 เดือน ทาให้โรงเรยี นไมส่ ามารถแจ้งผลการเรียนตามกาหนด

37 ไมเ่ ข้าประชุมตามคาส่งั ผู้อานวยการโรงเรยี น โดยไมม่ เี หตผุ ลอนั สมควร ตดั เงนิ เดือน 5 % เปน็ เวลา 1 เดอื น ไม่ยอมสง่ แผนการเรยี นการสอนตามเวลาทผ่ี ู้อานวยการโรงเรียนกาหนด ต้องเตอื นถึง ตัดเงนิ เดือน 5 % เปน็ เวลา 1 เดอื น 2 ครั้ง จึงส่ง อยากขออนุญาตลากิจเพ่ือไปงานบวชเพ่ือน ก็เกรงผอู้ านวยการโรงเรยี นจะไม่อนุญาต จึง ตดั เงนิ เดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดอื น วางแผนให้เพ่ือนโทรเลขมาถงึ ตนทโ่ี รงเรียนมีข้อความวา่ \"แม่ไม่สบายกลบั บา้ นด่วน\" เมื่อได้รับ โทรเลขแลว้ นาโทรเลขไปพบผู้อานวยการโรงเรียนเพื่อขออนญุ าตไปเยี่ยมแม่ ผู้อานวยการเชอ่ื วา่ เปน็ ความจรงิ จึงอนุญาต พู ดจากา้ วรา้ ว ลบหลู่ผู้อานวยการโรงเรยี น ด้วยความโกรธทไ่ี ม่ได้ 2 ขน้ั ตดั เงนิ เดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน ขวา้ งอิฐใสร่ วั้ สงั กะสีทาใหเ้ กดิ เสียงดังขณะทผ่ี ู้บริหารโรงเรียนเดนิ ผ่าน เพราะโมโหท่ีไมไ่ ด้ ตดั เงนิ เดอื น 5 % เปน็ เวลา 1 เดือน 2 ข้ัน โตเ้ ถยี งผบู้ รหิ ารโรงเรียนในขณะประชมุ ผู้บรหิ ารโรงเรียนสง่ั ใหห้ ยดุ กลบั ตะโกนเสียงดัง ตัดเงนิ เดอื น 5 % เปน็ เวลา 1 เดือน กว่าเดิม พู ดกับนักเรียนทน่ี ่ังอย่ใู นโรงอาหารวา่ \"โรงเรยี นเราห่วยลงๆ ก็เพราะมผี ู้อานวยการง่ีเงา่ เล่น ตัดเงนิ เดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน พรรคเลน่ พวก วนั ๆ เอาแต่มุดหวั อยแู่ ต่ในห้อง ร้องเรียนไปยงั กรมฯ วา่ ผอู้ านวยการโรงเรียนทุจรติ เงินราชการ ทัง้ ทรี่ ู้อย่วู า่ ไมเ่ ปน็ ความจริง ตดั เงนิ เดือน 5 %เป็นเวลา 2 เดือน ความผิดเก่ยี วกับเพ่ือนร่วมงาน ตวั อยา่ งกรณศี กึ ษา บทกาหนดโทษ ดา่ หวั หนา้ หมวดวชิ าต่อหน้านกั เรียนวา่ \"สมองเทา่ ไขพ่ ยาธิ\" หวั หนา้ หมวดวชิ าด่ากลับไปว่า ภาคทัณฑ์ \"อหี น้าคดุ ทะราด\" (ท้ังสองคน) ชหี้ นา้ ดา่ เพื่อนครวู า่ \"ไอ้เหยี้ \" แลว้ ทา้ ให้ออกมาตอ่ ยกนั ภาคทัณฑ์ ชกหนา้ เพื่อนครู 1 ที เพราะโมโหท่ไี ปฟอ้ งผอู้ านวยการโรงเรียนวา่ ตนไม่ยอมเข้าสอน ตดั เงินเดอื น 5 % เปน็ เวลา 1 เดอื น ครูสตรตี บตีกนั ในห้องพักครู ตัดเงนิ เดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดอื น สาดน้าใส่หนา้ เพ่ือนครแู ล้วทาร้ายรา่ งกาย ตัดเงนิ เดอื น 5 % เปน็ เวลา 1 เดอื น เอาน้าปัสสาวะผสมอจุ จาระสาดหน้าครูโรงเรียนเดยี วกัน ตัดเงินเดอื น 5 % เปน็ เวลา 1 เดอื น พู ดตาหนิ เหยียดหยาม ดูถูกครดู ว้ ยกันให้นักเรียนฟงั ในขณะสอน ตดั เงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน นาเรื่องท่ไี มเ่ ปน็ ความจริงไปบอกหนังสือพิมพ์ ทาให้ครูที่ตกเป็นข่าวได้รบั ความเส่อื มเสยี ตดั เงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดอื น หัวหนา้ หมวดขอรอ้ งใหช้ ่วยเข้าสอนแทนครูท่ีลาปว่ ย ลาคลอด แต่ไม่ยอมชว่ ยอ้างว่าไมใ่ ชห่ น้าที่ ตัดเงนิ เดือน 5 % เปน็ เวลา 1 เดือน

38 นกั เรียนชกต่อยกนั ผ้ชู ว่ ยฝา่ ยปกครองให้ชว่ ยหา้ มเพราะลาพั งผ้ชู ่วยคนเดยี วหา้ มไมอ่ ยู่ กลับ ตัดเงินเดอื น 5 % เป็นเวลา 1 เดอื น พู ดวา่ \"เด็กมนั อยากต่อยกนั ก็ปลอ่ ยให้มันตอ่ ยไปซิ จะตายโหงก็เรอ่ื งของมนั \" แลว้ เดนิ ผา่ น ร้องเรียนไปยังกรมฯ วา่ ครูผู้หนึ่งเปน็ ชู้กบั ภรรยาของผู้อนื่ ท้ังๆ ท่ีร้วู ่าไมเ่ ป็นความจริง ตัดเงินเดอื น 5 %เปน็ เวลา 2 เดือน ใช้อาวธุ ปนื ยิงเพื่อนครูถงึ แก่ความตาย ไล่ออก

39 ขอ้ สอบเจตคติวิชาชพี สาหรับครู 1. เด็กชายนรินทร์มกั จะขาดส่งงานอยเู่ สมอ ทาใหค้ รนู ายร้สู กึ ไม่สบายใจเกรงวา่ นักเรยี นจะไดค้ ะแนนไม่ดี ถ้าท่านเปน็ ครนู ายทา่ นจะทาอย่างไรเปน็ อนั ดับแรก ก. คงตอ้ งปลอ่ ยไปเพรำะมีนักเรยี นหลำยคนก็เปน็ แบบนี้ ข. บอกให้หวั หนำ้ หอ้ งช่วยเหลอื เดก็ ชำยนรนิ ทร์อยำ่ งใกล้ชิด ค. แจ้งใหผ้ ู้ปกครองของเดก็ ชำยนรนิ ทร์ทรำบเพ่ือตดิ ตำมกำรสง่ งำนของนักเรยี น ง. เรยี กเด็กชำยนรนิ ทร์มำซกั ถำมและช้แี จงถึงผลทีจ่ ะไดร้ ับ 2. ขณะท่ีครูพชิ ยั กาลงั สอน อภิชาตมักจะพูดสอดแทรกขึน้ มาบอ่ ยๆ ถ้าท่านเป็นครพู ิชยั ทา่ นจะทาอย่างไร ก. หยดุ สอนแลว้ ให้เพ่อื นในห้องเรียนร่วมกันพิจำรณำสง่ิ ที่อภิชำตทำ ข. หยดุ สอนแสดงอำกำรไมพ่ อใจต่อกำรกระทำของอภชิ ำต ค. สอนตอ่ ไปจนจบโดยไม่ต้องสนใจกำรกะทำของอภชิ ำต ง. สอนตอ่ ไปพรอ้ มทงั้ พูดว่ำกลำ่ วตักเตือนอภชิ ำตไปด้วย 3. “ ครเู ป็นเพียงผู้ช้ีนาเดก็ ไม่ใช่นาย ” ตรงกบั พฤตกิ รรมของครคู นใด ก. ทุกคร้ังครชู ำนนท์ให้นักเรียนเลอื กทำรำยงำนตำมควำมสนใจของแตล่ ะคน ข. ครบู ุษบำจะลงมอื ทำควำมสะอำดหอ้ งเรียนหลังเลกิ เรยี นพร้อมกับนกั เรียนเปน็ ประจำ ค. ครอู ำคมไม่เคยดหุ รอื วำ่ กลำ่ วนกั เรียนไม่ว่ำจะเป็นในหรือนอกห้องเรยี น ง. ครสู นุ ียจ์ ะใหน้ ักเรยี นทำรำยงำนกลุม่ โดยกำรกำหนดประเดน็ ที่จะศึกษำแก่นักเรยี น 4. ข้อใดถอื เป็นการทาหน้าทคี่ รูทสี่ มบูรณ์ ก. ครเู ปน็ ผูอ้ บรมบ่มนสิ ยั ข. ครูเปน็ ผ้สู อนวิชำชีพ ค. ครูเปน็ ผสู้ ร้ำงโลก ง. ครูเปน็ ผสู้ อนวชิ ำควำมรู้ 5. ข้อใดถอื เปน็ ส่ิงสาคัญที่ครตู อ้ งสอนเด็กทกุ ระดับ และทกุ ขณะ ก. สอนให้คิดเปน็ ทำเป็น ข. สอนให้เกลียดควำมเห็นแกต่ ัว ค. สอนใหร้ ูจ้ ักเอำตัวรอด ง. สอนใหร้ จู้ ักทำงำนหำเลยี้ งชพี

40 6. ขา่ วใดนับเปน็ ความเสอื่ มในวงการศกึ ษาอย่างรนุ แรง ก. ครใู ชร้ องเท้ำสน้ สูงตบนกั เรียน ข. ครขู ่มขืนศิษยส์ ำวในโรงเรียนจนท้อง ค. คลิปวีดทิ ัศนน์ ักเรยี นหญงิ ชัน้ มัธยมศึกษำตอนตน้ ตบกันในห้องเรยี น ง. วยั รนุ่ ยกพวกปล้นตลำดเลียนแบบเกมคอมพิวเตอร์ 7. ปจั จยั ใดน่าจะสง่ ผลต่อความสาเรจ็ ในการจดั การศกึ ษาของโรงเรยี นมากท่ีสุด ก. ฐำนะทำงเศรษฐกิจของผู้ปกครอง ข. คณุ สมบตั แิ ละประสบกำรณ์ของครู ค. พืน้ ฐำนทำงสตปิ ัญญำของนักเรยี น ง. ควำมสนบั สนุนชว่ ยเหลือจำกชุมชน 8. พ่อแม่ของเด็กชายนิธินักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 อยากให้ลูกมีกิจกรรมนอกหลักสูตรท่ีส่งเสริม พัฒนาการของลูกหลังเลิกเรียน จึงได้มาปรึกษากับครูนเรนทร์ว่าลูกควรจะทากิจกรรมอะไร ถ้าท่าน เปน็ ครนู เรนทร์ท่านจะมขี ้อแนะนาใดเป็นหลักเบอื้ งตน้ ก. ใหเ้ ด็กชำยนธิ ิทำกจิ กรรมที่มโี อกำสเรยี นรรู้ ่วมกับคนอน่ื ข. ให้เด็กชำยนิธทิ ำกจิ กรรมทเ่ี ปน็ ประโยชน์ตอ่ สว่ นรวม ค. ใหเ้ ด็กชำยนธิ ทิ ำกิจกรรมทส่ี งั คมกำลงั สนใจ ง. ใหเ้ ด็กชำยนธิ ิทำกจิ กรรมทสี่ ำมำรถจะทำได้ 9. เด็กชายชัยเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ซ่ึงมีสมาธิส้ัน ครูกานต์ควรใช้วิธีการอย่างไร เพ่ือให้ เด็กชายชยั นัง่ ทางานอยา่ งต่อเนอ่ื ง ก. ใหช้ ัยทำงำนท่งี ำ่ ยกวำ่ เพ่ือนๆในชั้นเรยี นเสมอๆ ข. ให้เพ่ือนที่น่งั ขำ้ งๆคอยช่วยเหลอื ตกั เตอื นขณะที่ทำงำน ค. กำหนดชว่ งเวลำทำงำนและข้อตกลงหำกทำไมส่ ำเร็จใชว้ ธิ กี ำรตัดแต้ม ง. กำหนดชว่ งเวลำทำงำนและขอ้ ตกลงหำกทำได้ให้แตม้ รำงวลั 10. “โรงเรียนน้ันไม่ใช่เปน็ เช่นโรงสอน ทกุ ข้ันตอนมคี วามหมายให้ศกึ ษา แหล่งเรยี นรูใ้ ห้ผเู้ รยี นพัฒนา เกดิ ปัญญาศิษยค์ รูอยดู่ ว้ ยกนั ” จากบทกลอนข้างต้นน้ี สะท้อนแนวคิดเกยี่ วกับเรื่องใด ก. โรงเรยี นเป็นแหลง่ ที่ทำใหเ้ กิดปญั ญำ ข. โรงเรียนเปน็ แหล่งเรยี นร้ขู องครแู ละศษิ ย์ ค. โรงเรยี นเป็นแหล่งพัฒนำทำงดำ้ นกำรศกึ ษำของสังคม ง. โรงเรยี นเป็นสถำนท่ีจัดกำรศกึ ษำอย่ำงเป็นระบบ

41 11. ครูดารกาได้รับมอบหมายให้ทาหน้าท่ีเป็นประธานจัดงานทาบุญปีใหม่ของโรงเรียน จึงนัด คณะกรรมการประชุมเพ่ือเตรียมงานหลายครง้ั เพื่อให้การดาเนินงานเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ แสดง วา่ ครูดารกานาหลกั ธรรมใดมาใชใ้ นการทางาน ก. อทิ ธบิ ำท ข. พรหมวิหำร ค. สังคหวตั ถุ ง. อปริหำนิยธรรม 12. ครูสุวิทย์บอกกับเพื่อนครูว่า “ฉันรู้ เพราะฉันสอนมาจนข้ึนใจแล้ว จาทุกอย่างท่ีสอนได้ ไม่ต้องกังวล เรื่องการทาแผนการสอน” ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร ก. เหน็ ดว้ ยเพรำะครสู ุวิทย์มปี ระสบกำรณก์ ำรสอนมำกแลว้ ข. เห็นดว้ ยเพรำะกำรเตรยี มกำรสอนทำให้ตอ้ งใชเ้ วลำมำก ค. ไม่เหน็ ดว้ ยเพรำะกำรสอนแตล่ ะครงั้ ยอ่ มมบี รบิ ททตี่ ำ่ งกัน ง. ไมเ่ ห็นด้วยเพรำะครสู ุวทิ ย์อำจจะลมื เนือ้ หำบำงส่วนที่จะสอน 13. ครูชนิดาเห็นเด็กชายนเรศทากล่องนมตกแตก นมหกกระจายไปท่ัวพ้ืนและรีบเดินหนีไป ครูชนิดาควร จะทาอย่างไรเปน็ ลาดับแรก ก. เรยี กภำรโรงมำชว่ ยทำควำมสะอำด ข. เรยี กนักเรยี นอ่นื ๆมำช่วยทำควำมสะอำด ค. อบรมนักเรียนให้ทรำบถึงพฤตกิ รรมที่ไมเ่ หมำะสม ง. ใหเ้ พอ่ื นไปตำมเดก็ ชำยนเรศมำทำควำมสะอำด 14. ถ้าทา่ นตอ้ งการพฒั นาศกั ยภาพทางการคดิ ของนกั เรียนทา่ นจะดาเนนิ การอยา่ งไร ก. ต้ังคำถำมเพือ่ ให้เดก็ คดิ หำคำตอบเอง ข. สอนวธิ กี ำรคิดอย่ำงฉลำด ค. สอนในเรอื่ งควำมรู้รอบตวั ใหม้ ำกขนึ้ ง. ใหเ้ ด็กทำกิจกรรมอยเู่ สมอๆ 15. ถ้าทา่ นบงั เอญิ ไปพบเหตุการณว์ ่าเดก็ ชายสาธติ แกลง้ ขัดขา เดก็ ชายวชิ าจนหกลม้ ทา่ นจะทาอย่างไร ก. ไมเ่ ขำ้ ไปเก่ียวขอ้ งเพรำะเป็นเร่ืองกำรเลน่ ของเด็กตำมปกติ ข. เขำ้ ไปจัดกำรลงโทษเดก็ ชำยสำธิตทันที ค. จอ้ งมองและชม้ี ือไปท่เี ดก็ ชำยสำธิต ง. เรียกเดก็ ชำยสำธิตไปพบและคำดโทษไว้

42 16. ทา่ นคดิ วา่ วิธีการสอนแบบใดท่จี ะทาให้เด็กสนใจและร่วมมือในกจิ กรรมการเรยี น ก. ทำให้บรรยำกำศในห้องเรยี นเปน็ ไปอย่ำงสนกุ สนำน ข. เอำใจใสเ่ ดก็ ทกุ คนอยำ่ งท่ัวถึง ค. ครผู ู้สอนเตรียมกำรสอนมำอย่ำงดี ง. เปดิ โอกำสใหเ้ ด็กไดแ้ สดงออกอย่ำงทว่ั ถงึ 17. ถ้าท่านมีลูกศิษย์ท่ีขาดความเช่ือม่ันในตนเอง ทั้งท่ีมีความสามารถเท่าเทียมกับเพื่อนๆ ท่านมีวิธีสร้าง ความเช่ือมั่นแบบใดท่จี ะเหมาะสมท่สี ุด ก. ใหค้ วำมเปน็ กนั เองพูดคยุ ใหก้ ำลงั ใจเดก็ อยเู่ สมอ ข. คอยซกั ถำมหรอื กระตุ้นใหเ้ ดก็ แสดงควำมควำมคดิ เห็นเพอื่ สร้ำงควำมกลำ้ ค. หำกิจกรรมทีเ่ ด็กไดท้ ำร่วมกบั เพอื่ นๆเพอ่ื กำรปรบั ตวั ให้เข้ำกบั เพ่อื นๆ ง. มอบหมำยงำนที่เดก็ มคี วำมสำมำรถใหเ้ พ่ือจะทำได้สำเร็จ 18. จากเหตกุ ารณท์ ัง้ 4 ข้อตอ่ ไปน้ีทา่ นคิดว่าเหตุการณ์ใดเป็นเหตุการณท์ นี่ กั เรียนอยากเรยี นด้วยมากทส่ี ุด ก. เมื่อถึงช่ัวโมงของครูวิภำ นักเรียนทุกคนจะเริ่มเข้ำห้องเรียนและเตรียมอุปกรณ์กำรเรียนพร้อมกับนั่ง รออยำ่ งเงยี บๆ ข. วนั น้ีนักเรียนในช้นั รสู้ ึกวำ่ ครสู ำยใจอำรมณ์ดี กำรเรียนวนั นคี้ งมคี วำมสขุ แน่ ค. หลงั จำกพัก นกั เรียนต่ำงรีบกลับเข้ำหอ้ งเรียนเพรำะชวั่ โมงนเี้ ป็นของครวู ำสนำ ง. เดก็ ๆตกลงกันวำ่ วนั นี้จะขอให้ครูปรำณพี ำไปทำกจิ กรรมนอกห้องเรยี นแทนกำรเรียนในห้อง 19. ครูจิตอนงค์ได้รับการบรรจุเป็นครูคนใหม่หลังจบการศึกษา เธอมีความมุ่งม่ันอยากจะเป็นครูที่ดี ท่าน คิดว่าข้อใดสาคัญทสี่ ดุ ทค่ี รูจติ อนงค์ควรกระทาเปน็ อันดับแรก ก. ดแู ลตนเองท้ังเรื่องกำรแต่งกำย กำรใช้ภำษำ และกำรกระทำของตนเองให้เหมำะสม เพ่อื เป็นตวั อย่ำง ที่ดีของนกั เรียน ข. หม่นั ศึกษำค้นควำ้ หำควำมรเู้ พื่อเอำมำสง่ั สอนอบรมนกั เรียนได้อย่ำงกวำ้ งขวำงและทันตอ่ เหตุกำรณ์ ค. ใชส้ ื่อเทคโนโลยีสำรสนเทศมำใช้ในกำรสอนทกุ ครง้ั ง. ใหค้ วำมเปน็ กันเองกับนกั เรียนทุกคน เผอ่ื เด็กจะไดไ้ มก่ ลัวครูและกล้ำแสดงออก 20. หากท่านเป็นกรรมการพิจารณาให้ทุนการศึกษากับนักเรียนเพียง 1 ทุน ท่านจะพิจารณาให้ทุนกับ นักเรียนคนใด ก. ต่อเป็นนกั เรยี นเรียนดี ยำกจน ชอบทำกจิ กรรม ข. ตอ้ มเปน็ นกั เรยี นเรยี นดี ประพฤตดิ ี ชอบทำกจิ กรรม ค. ต๋ิวเปน็ นกั เรียนยำกจน ประพฤตดิ ี ชอบทำกิจกรรม ง. ต้อยเป็นนกั เรยี นยำกจน ประพฤตดิ ี เขำ้ รว่ มกิจกรรมบำงครงั้ 21. ขอ้ ใดเป็นเจตคติจากการเลยี นแบบ ก. ประสบกำรณค์ วำมรสู้ กึ ข. อำรมณแ์ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ค. เอำแบบอยำ่ งจำกพ่อแม่ ง. กำรรบั รแู้ ละสง่ิ เร้ำ

43 22. จากคากล่าวท่ีว่า “เจตคติเป็นส่ิงที่เปลี่ยนแปลงได้” อะไรคือสาเหตุที่ทาให้เจตคติของบุคคล เปล่ียนแปลงรวดเรว็ ท่สี ุด ก. พฤติกรรม ข. ควำมร้สู ึก ค. ควำมคดิ ง. ไมม่ ีขอ้ ถูก 23. วิธีการท่ีใช้วดั เจตคติของผู้เรยี นท่ีเหมาะท่สี ดุ คือข้อใด? ก. กำรสอบถำม ข. กำรสงั เกต ค. กำรตรวจผลงำน ง. ไมม่ ีข้อใดถูก 24. ขอ้ ใดมีอิทธิพล ตอ่ การเกิดเจตคติ ต่อเดก็ มากที่สุด ก. อทิ ธิพลจำกสื่อมวลชน ข. อทิ ธพิ ลจำกกำรเลย้ี งดู ค. อิทธพิ ลจำกกลุ่มต่ำงๆ กลุ่มในโรงเรยี น ง. อิทธพิ ลจำกประสบกำรณต์ รง 25. วธิ ีการวัดเจตคตทิ ่นี ยิ มกันมาก คือขอ้ ใด ก. กำรสำรวจ ข. กำรใช้มำตรำสว่ นประเมินค่ำ ค. กำรวดั แบบไมว่ ุน่ วำย ง. กำรใช้ Projective Technique 26. การวัดเจตคติจะต้องสอดคลอ้ งกบั ข้อใดมากทีส่ ดุ ก. เนือ้ หำ ข. กิจกรรม ค. จุดประสงค์ ง. กำรตอบสนอง 27. ข้อใดแสดงวา่ ครูมีเจตคตทิ ดี่ ีต่อวิชาชีพ ก. ครสู มชำยใช้เวลำวำ่ งเตรยี มแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ ข. ครสู ะอำด ใช้เวลำตอนเย็นสอนคอมพวิ เตอร์แก่ศิษย์ โดยรบั คำ่ ตอบแทนเพยี งเดอื นละ 100 บำทเทำ่ นัน้ ค. ครสู มยศศึกษำตอ่ ระดับปรญิ ญำเอก เพื่อทจี่ ะได้เปลยี่ นสถำนทไี่ ปสอนในมหำวิทยำลัย ง. ถูกทุกขอ้ 28. ทา่ นควรยึดหลักใดในการช่วยแหลอื ชมุ ชน ก. ช่วยให้เขำชว่ ยตัวเองได้ ข. ชว่ ยให้ควำมรแู้ ก่ชุมชน ค. ชว่ ยพัฒนำคนในชมุ ชน ง. ชว่ ยใหเ้ ศรษฐกจิ ของชมุ ชนดีขึน้ 29. ครูควรมคี วามรบั ผิดชอบตอ่ สิง่ ใดมากที่สุด ก. โรงเรยี น ข. นกั เรียน ค. ผูร้ ว่ มงำน ง. ชุมชน 30. ครูจะมีโอกาสช่วยพฒั นาสังคมได้ดีท่ีสดุ อยา่ งไร ก. สอนหนงั สอื เด็กๆ ในชมุ ชน ข. เปน็ กรรมกำรเลอื กต้งั ของอำเภอ ค. เปน็ ผ้นู ำชุมชน ง. ไม่มีข้อถูก

44 คุณธรรม จริยธรรม และค่านยิ ม ความหมายของคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม  คณุ ธรรม (Moral) หมำยถงึ สภำพคณุ งำมควำมดี (ตวั คิด)  จรยิ ธรรม (Ethics) หมำยถงึ สิง่ ทพี่ ึงประพฤตปิ ฏบิ ัติ (ตวั ทำ) หลกั ธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมอื งท่ดี ี ประกอบไปด้วย 10 องค์ประกอบ ไวด้ งั น้ี 1. หลักประสิทธิผล (Effectiveness) หมำยถึง ผลกำรปฏิบตั ิรำชกำรท่ีบรรลุวตั ถุประสงค์และเป้ำหมำย ของแผนกำรปฏิบัติรำชกำรตำมที่ได้รับงบประมำณมำดำเนินกำร รวมถึงสำมำรถเทียบเคียงกับส่วน รำชกำร หรือหนว่ ยงำนทีม่ ภี ำรกจิ คล้ำยคลงึ กันและมผี ลกำรปฏิบตั ิ 2. หลักประสิทธิภาพ (Efficiency) หมำยถึง กำรบริหำรรำชกำรตำมแนวทำงกำรกำกับดูแลท่ีดี ท่ีมีกำร ออกแบบกระบวนกำรปฏิบัติงำน โดยกำรใช้เทคนิคและเครื่องมือกำรบริหำรจัดกำร ท่ีเหมำะสมให้ องคก์ ำรสำมำรถใช้ทรพั ยำกรทง้ั ด้ำนตน้ ทุน แรงงำนและระยะเวลำให้เกิดประโยชน์สูงสดุ 3. หลักการตอบสนอง (Responsiveness) หมำยถึง กำรให้บริกำรท่ีสำมำรถดำเนินกำรได้ภำยใน ระยะเวลำที่กำหนดและสรำ้ งควำมเชอ่ื ม่นั ควำมไว้วำงใจ 4. หลกั ภาระรบั ผดิ ชอบ (Accountability) หมำยถงึ กำรแสดงควำมรับผิดชอบในกำรปฏบิ ัติหน้ำท่ี และ ผลงำนต่อเป้ำหมำยที่กำหนดไว้ โดยควำมรับผิดชอบน้ันควรอยู่ในระดับที่สนองต่อควำมคำดหวังของ สำธำรณะ 5. หลักความโปร่งใส (Transparency) หมำยถึง กระบวนกำรเปิดเผยอย่ำงตรงไปตรงมำ ชี้แจงได้เม่ือมี ขอ้ สงสัย และสำมำรถเขำ้ ถึงขอ้ มูลขำ่ วสำรอนั ไม่ต้องหำ้ มตำมกฎหมำยได้อย่ำงเสรี 6. หลักการมีส่วนร่วม (Participation) หมำยถึง กระบวนกำรท่ีข้ำรำชกำร ประชำชน และผู้มีส่วนได้ สว่ นเสยี ทกุ กลมุ่ มีโอกำสไดเ้ ขำ้ รว่ มในกำรรับรู้ 7. หลักการกระจายอานาจ (Decentralization) หมำยถึง กำรถ่ำยโอนอำนำจ กำรตัดสินใจ ทรัพยำกร และภำรกิจจำกส่วนรำชกำรส่วนกลำงให้แก่หน่วยกำรปกครองอื่น (รำชกำรบริหำรส่วนท้องถ่ิน) และ ภำคประชำชนดำเนนิ กำรแทนโดยมอี สิ ระตำมสมควร 8. หลักนิติธรรม (Rule of Law) หมำยถึง กำรใช้อำนำจของกฎหมำย กฎระเบียบ ข้อบังคับในกำร บริหำรรำชกำรดว้ ยควำมเปน็ ธรรมไม่เลอื กปฏิบตั ิ และคำนงึ ถงึ สิทธิ เสรีภำพของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 9. หลักความเสมอภาค (Equity) หมำยถึง กำรได้รับกำรปฏิบัติและได้รับบริกำรอย่ำงเท่ำเทียมกัน โดย ไม่มีกำรแบ่งแยกด้ำนชำยหรือหญิง ถิ่นกำเนิด เชื้อชำติ ภำษำ เพศ อำยุ ควำมพิกำรสภำพทำงกำย หรือสุขภำพ สถำนะของบุคคล ฐำนะทำงเศรษฐกิจ และสังคม ควำมเชื่อทำงศำสนำ กำรศึกษำ กำรฝึกอบรม และอ่นื ๆ 10. หลักมุ่งเน้นฉันทามติ (Consensus Oriented) หมำยถึง กำรหำข้อตกลงท่ัวไปภำยในกลุ่มผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียท่เี กี่ยวข้อง

45 หลักธรรมสาคญั  ฆราวาสธรรม 4 คอื (ธรรมสำหรบั ผูค้ รองเรือน) ธรรมสำหรับกำรครองเรอื นในชวี ติ ของบุคคลท่วั ไป ไดแ้ ก่ 1. สัจจะ คอื พูดจรงิ ทำจรงิ และซ่ือตรง 2. ทมะ คอื ฝึกหดั แก้ไขปรับปรุง 3. ขันติ คือ อดทนต้งั ใจและขยัน 4. จำคะ คือ เสยี สละ  ธรรมคุ้มครองโลก มี 2 อยำ่ งคือ 1. หริ ิ คอื ควำมละอำยใจในกำรทำบำป 2. โอตตัปปะ คือ ควำมเกรงกลัวผลของกำรทำชัว่  อิทธิบาท 4 หรอื ธรรมทช่ี ่วยให้สำเร็จในสง่ิ ท่ีประสงค์ ไดแ้ ก่ 1. ฉันทะ คอื ควำมพอใจรักใคร่ 2. วิริยะ คอื ควำมเพยี ร 3. จติ ตะ คอื เอำใจฝกั ใฝ่ ไม่วำงธรุ ะ 4. วิมังสำ คือ หม่ันตริตรอง พจิ ำรณำเหตผุ ล  ทศพธิ ราชธรรม เป็นหลักธรรมสำหรับพระรำชำ ประกอบด้วย 1. ทำน (ทำน) คอื กำรให้ 2. ศีล (สลี ) คอื ควำมประพฤตทิ ่ีดีงำม ท้ัง กำย วำจำ และใจ 3. บริจำค (ปริจำค) คอื กำรเสียสละควำมสุขสวนตนเพอ่ื ควำมสขุ สว่ นรวม 4. ควำมซอื่ ตรง (อำชชฺ ว) คอื ควำมซ่ือตรง 5. ควำมอ่อนโยน (มทฺทว) คือ กำรมีอธั ยำศัยอ่อนโยน 6. ควำมเพยี ร (ตปํ) คอื ควำมเพียร 7. ควำมไม่โกรธ (อกฺโกธ) คือ ควำมไมแ่ สดงควำมโกรธ 8. ควำมไมเ่ บยี ดเบยี น (อวหิ ิงสำ) คอื กำรไมเ่ บยี ดเบยี น 9. ควำมอดทน (ขนฺติ) คือ กำรมคี วำมอดทนต่อสิ่งท้ังปวง 10. ควำมเท่ยี งธรรม (อวิโรธน) คอื ควำมหนักแนน่ ถือควำมถกู ต้อง เที่ยงธรรมเป็นหลกั

46  พรหมวหิ าร 4 คอื ธรรมแห่งพระพรหม ธรรมของผ้ปู ระเสรฐิ 1. เมตตำ คือ กำรอยำกให้ผู้อื่นมคี วำมสุข 2. กรณุ ำ คอื กำรอยำกใหผ้ ้อู น่ื พน้ จำกทกุ ข์ 3. มทุ ิตำ คือ กำรยินดีเม่ือผู้อืน่ มสี ขุ 4. อเุ บกขำ คือ กำรวำงเฉย พิจำรณำธรรมอยำ่ งเป็นกลำง  สังคหวตั ถุ 4 คือ ธรรมอันเป็นท่ียึดเหนีย่ วใจคน 1. ทำน คอื กำรให้ 2. ปิยวำจำ คอื กำรใช้คำพูดสุภำพ ไพเรำะ 3. อตั ถจรยิ ำ คอื บำเพญ็ สำธำรณประโยชน์ 4. สมำนตั ตำ คือ กำรทำตวั เสมอต้นเสมอปลำย  ทิศ 6 คือ บุคคลประเภทต่ำงๆ ท่ีตอ้ งดูแล 1. ปรุ ัตถิมทิศ คอื ทิศเบ้อื งหน้ำ หมำยถงึ บิดำมำรดำ 2. ทกั ษิณทิศ คอื ทิศเบอื้ งขวำ หมำยถึง ครู อำจำรย์ 3. ปจั ฉิมทศิ คอื ทิศเบื้องหลัง หมำยถงึ บตุ รภรรยำ 4. อตุ ตรทิศ คอื ทิศเบอ้ื งซำ้ ย หมำยถึง มติ รสหำย 5. เหฏฐมิ ทิศ คอื ทิศเบื้องลำ่ ง :หมำยถงึ คนรับใชแ้ รงงำน ผูใ้ ต้บงั คบั บญั ชำ 6. อุปริมทิศ คอื ทิศเบื้องบน หมำยถึง สมณสงฆ์  สัปปรุ ิศธรรม 7 คือ ธรรมของสตั บุรษุ 1. ธัมมญั ญตุ ำ คอื กำรรู้หลักควำมจริง กฏเกณฑ์ 2. อัตถญั ญูตำ คอื กำรรูจ้ ักผลของกำรกระทำ 3. อัตตัญญุตำ คือ รู้จักประพฤตใิ หเ้ หมำะสมกบั ฐำนะและกำลงั ปญั ญำของเรำ 4. มัตตัญญตุ ำ คือ รู้จักพอประมำณในกำรบริโภคปจั จัย 4 5. กำลญั ญุตำ คือ รเู้ วลำอันเหมำะสม 6. ปริสัญญุตำ คอื รจู้ กั ชมุ ชน 7. ปุคคลัญญตุ ำ คอื รจู้ ักควำมแตกต่ำงแหง่ บคุ คล

47  มรรค 8 คอื ทำงแหง่ กำรดบั ทุกข์ 1. สัมมำทิฏฐิ คือ กำรเหน็ ชอบ กำรรใู้ นสิ่งที่ควรรู้ 2. สมั มำสังกัปปะ คอื กำรดำริชอบ คิดชอบ 3. สมั มำวำจำ คือ เจรจำชอบ กำรพูดดี 4. สัมมำกัมมันตะ คอื กระทำชอบ กำรกระทำดี 5. สัมมำอำชีวะ คอื เลี้ยงชีพชอบ กำรประกอบอำชีพสจุ รติ 6. สมั มำวำยำมะ คือ พยำยำมชอบ กำรเพียรตำมปธำน 4 7. สมั มำสติ คอื ระลึกชอบ มสี ติอยูเ่ สมอ 8. สมั มำสมำธิ คือ ตัง้ จิตมัน่ ชอบ ควบคุมจติ ใจตนเองให้มั่นคงได้

48 ข้อสอบคุณธรรม จริยธรรม และอุดมการณ์ 1. สภาพคณุ งามความดี เปน็ ความหมายของสข้อาใดหรับครู ก. คณุ ธรรม ข. จริยธรรม ค. ศลี ธรรม ง. ค่ำนิยม 2. ธรรมทเี่ ปน็ ข้อประพฤติปฏิบตั ิ เปน็ ความหมายของขอ้ ใด ก. คุณธรรม ข. จรยิ ธรรม ค. ศลี ธรรม ง. คำ่ นยิ ม 3. ความประพฤติ กริ ิยาที่ควรประพฤติ เป็นความหมายของขอ้ ใด ก. ธรรม ข. จรยิ ะ ค. ศีล ง. สมำธิ 4. ครมู านะ ประพฤตดิ ี ด้วยความรูส้ กึ ดีจนเคยชิน แสดงวา่ ครูมานะมีส่งิ ใด ก. ค่ำนยิ ม ข. ศีลธรรม ค. จรยิ ธรรม ง. คุณธรรม 5. ครมู านี มคี วามจรงิ ใจต่อตัวเองที่จะประพฤติปฏิบตั ิแต่สิ่งท่ีเป็นประโยชน์และเป็นธรรม แสดงวา่ ครูมานี มีคุณธรรมประการใด ตามหลักธรรมท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานหลักคุณธรรม สาหรับคนไทย ในพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ณ ท้องสนามหลวง วัน จนั ทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2525 ก. กำรรักษำควำมสัจ ข. กำรรจู้ ักข่มใจตนเอง ค. กำรอดทน อดกล้นั และอดออม ง. กำรร้จู ักละวำงควำมชัว่ 6. ครูชูใจ ฝึกใจตนเองให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในความสัจความดี แสดงว่าครูชูใจมีคุณธรรมประการใด ตามหลักธรรมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานหลักคุณธรรมสาหรับคนไทย ในพระราช พธิ บี วงสรวงสมเด็จพระบรู พมหากษตั รยิ าธิราชเจา้ ณ ทอ้ งสนามหลวง วนั จนั ทรท์ ่ี 5 เมษายน พ.ศ. 2525 ก. กำรรักษำควำมสจั ข. กำรรู้จักข่มใจตนเอง ค. กำรอดทน อดกลั้น และอดออม ง. กำรร้จู ักละวำงควำมชว่ั 7. ครูปิติ อดทน อดกลั้น อดออม ท่ีจะไม่ประพฤติล่วงความสัตย์สุจริต แสดงว่าครูปิติมีคุณธรรมประการ ใด ตามหลักธรรมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานหลักคุณธรรมสาหรับคนไทย ในพระ ราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ณ ท้องสนามหลวง วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2525 ก. กำรรกั ษำควำมสัจ ข. กำรรู้จักข่มใจตนเอง ค. กำรอดทน อดกลน้ั และอดออม ง. กำรรู้จกั ละวำงควำมชัว่ 8. ครูเพชร รู้จักละวางความช่ัว ความสุจริต และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพื่อประโยชน์ส่วน ใหญ่ของบ้านเมือง แสดงว่าครูเพชรปิติ มีคุณธรรมประการใด ตามหลักธรรมท่ีพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานหลักคุณธรรมสาหรับคนไทย ในพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหา กษัตริยาธิราชเจา้ ณ ท้องสนามหลวง วนั จันทรท์ ี่ 5 เมษายน พ.ศ. 2525 ก. กำรรักษำควำมสัจ ข. กำรรู้จักขม่ ใจตนเอง ค. กำรอดทน อดกลน้ั และอดออม ง. กำรรู้จกั ละวำงควำมช่วั

49 9. ธรรมท่ีคุ้มครองโลก ท่ีใช้ปกครอง ควบคุมจิตใจมนุษย์ไว้ให้อยู่ในความดีมิให้ละเมิดศีลธรรม อยู่ร่วมกัน ด้วยความสงบสุขไมเ่ ดือดรอ้ น สับสน วุ่นวาย เปน็ ความหมายของข้อใด ก. สัปปรุ สิ ธรรม 7 ข. ธรรมโลกบำล ค. พละ 5 ง. อคติ 4 10. ความละอายแกใ่ จตนเองในการทาความชัว่ เปน็ ความหมายของ ข้อใด ก. ศลี ข. สมำธิ ค. หริ ิ ง. โอตตปั ปะ 11. ความเกรงกลวั บาป ตอ่ การทาความชวั่ และผลของกรรมชว่ั ท่ไี ดก้ ระทาขน้ึ เป็นความหมายของขอ้ ใด ก. ศลี ข. สมำธิ ค. หิริ ง. โอตตัปปะ 12. ความอดทนต่อความทุกข์ต่อความลาบาก ต่อความโกรธ ความหนักเอาเบาสู้เพื่อให้บรรลุจุดหมายทด่ี ี งาม เปน็ ความหมายของขอ้ ใด ก. ขันติ ข. โสรัจจะ ค. หิริ ง. โอตตัปปะ 13. ความสงบเสง่ียม ความมอี ธั ยาศัยงดงาม รักความประณีต และรกั ษาอากัปกิรยิ าให้เหมาะสมเรียบร้อย เปน็ ลักษณะอาการทต่ี อ่ เนอ่ื งจากความมีขันติ เป็นความหมายของขอ้ ใด ก. ขนั ติ ข. โสรจั จะ ค. หิริ ง. โอตตปั ปะ 14. ข้อใดคอื ธรรมที่ทาใหค้ นเราประสบความสาเรจ็ ก. พรหมวิหำร 4 ข. สังคหวตั ถุ 4 ค. อทิ ธบิ ำท 4 ง. ฆรำวำสธรรม 4 15. ขอ้ ใดคือธรรมของผคู้ รองเรือน ก. พรหมวหิ ำร 4 ข. สังคหวตั ถุ 4 ค. อทิ ธิบำท 4 ง. ฆรำวำสธรรม 4 16. ข้อใดคอื หลกั ธรรมทเี่ ป็นเครื่องยึดเหนยี่ วใจของผอู้ ่ืน ก. พรหมวหิ ำร 4 ข. สังคหวัตถุ 4 ค. อทิ ธบิ ำท 4 ง. ฆรำวำสธรรม 4 17. ครพู ูดดว้ ยความจรงิ ใจอ่อนโยน ทาใหน้ กั เรียนเกดิ ความเคารพนับถอื แสดงว่าครมู ีคณุ ธรรมในขอ้ ใด ก. สัมมำทฏิ ฐิ ข. สมั มำสงั กัปปะ ค. สมั มำวำจำ ง. สมั มำกัมมันตะ 18. ครูไม่เบียดเบียนเวลาสอนไปทาอาชีพอย่างอื่น หรือรู้จักใช้เวลาว่างเพื่อค้นหาความรู้เพื่ือใช้ในการ สอน แสดงวา่ ครมู ีคุณธรรมในข้อใด ก. สมั มำอำชีวะ ข. สัมมำวำยำมะ ค. สัมมำสติ ง. สัมมำสมำธิ 19. ข้อใดคือหลกั ธรรมสาหรับพระราชานักบริหาร ครอู าจารย์ ก. มรรค 8 ข. อคติ 4 ค. พละ 5 ง. ทศพิธรำชธรรม 20. ความประพฤตทิ ่ีดงี าม เป็นความหมายของข้อใด ก. ทศพธิ รำชธรรม ข. สัจธรรม ค. จรยิ ธรรม ง. คณุ ธรรม 21. ความนิยมในสิ่งที่มีค่าควรแก่การปกป้องคุ้มครองป้องกัน ดูแลรักษาไว้ให้ม่ันคง ดารงอยู่ให้ เจริญรุ่งเรอื งสบื ไป เพอ่ื ประโยชน์แกต่ นเอง และสว่ นรวม เปน็ ความหมายของขอ้ ใด ก. คณุ ธรรม ข. จริยธรรม ค. ศีลธรรม ง. คำ่ นยิ ม