Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

Published by Suttirat Srisawat, 2021-09-27 19:52:48

Description: การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

Search

Read the Text Version

14 6. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับความหนาแน่น ก. ผลคูณของมวลและปริมาตร ข. อัตราส่วนของน้ำหนักต่อปริมาตร ค. อัตราส่วนของมวลต่อปริมาตร ง. ผลคูณของน้ำหนักต่อปริมาตร 7. ถ้าปริมาตรเท่ากัน วัตถุข้อใดมีความหนาแน่นมากที่สุด ก. วัตถุ A มวล 2 kg ข. วัตถุ B มวล 1 kg ค. วัตถุ C มวล 3 kg ง. วัตถุ D มวล 5 kg 8. ข้อใดคือหน่วยของความหนาแน่น ก. กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ข. นิวตันต่อตารางเมตร ค. นิวตันต่อเมตร ง. วินาทีต่อตารางเมตร 9. สสารสถานะใดมีความหนาแน่นมากที่สุด เมื่ออุณหภูมิและความดัน มีค่าเท่ากัน ก. ของแข็ง ข. ของเหลว ค. แก๊ส ง. ถูกทุกข้อ 10. ข้อใดเป็นสมการ ค่าความหนาแน่นของสาร ก. P=F/A ข. FB=ρเหลวVจมg ค. Ϫ=F/L ง. ρ=m/V

15 เฉลยแบบทดสอบ(สำหรับครู) 1ง 2ข 3ค 4ค 5ข 6ค 7ง 8ก 9ก 10 ง

เอกสารหมายเลข 4 แบบบันทกึ หนว่ ยการเรยี นรู้ย่อย (แผนการจัดการเรยี นรู้) หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เร่ืองอะตอม ธาตุและสารประกอบ หนว่ ยการเรียนรยู้ อ่ ยท่ี 5 เรอ่ื งความสมั พันธร์ ะหว่าง อะตอม ธาตแุ ละสารประกอบ รหสั วิชา/ชื่อวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เวลา 3 ช่ัวโมง ผูส้ อน นางสาวชลธชิ า ศรเี กษม โรงเรียนกาญจนาภเิ ษกวิทยาลัย ฉะเชิงเทรา มาตรฐานการเรียนรู้: ว 2.1 เข้าใจสมบตั ขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พันธ์ระหวา่ งสมบัติ ของสสารกบั โครงสร้าง และแรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งอนุภาค หลกั และธรรมชาติ ของการเปลย่ี นแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และ การเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี ตวั ชวี้ ัด : 7. อธบิ ายเก่ยี วกับความสัมพันธร์ ะหวา่ งอะตอม ธาตุและสารประกอบ โดยใช้แบบจำลอง และสารสนเทศ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สรา้ งแบบจำลองความสมั พันธ์ระหวา่ งอะตอม ธาตแุ ละสารประกอบ 2. อธิบายเกยี่ วกบั ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งอะตอม ธาตแุ ละสารประกอบ โดยใชแ้ บบจำลอง สาระสำคญั : สารบรสิ ทุ ธแ์ิ บง่ ออกเป็นธาตุและสารประกอบ ธาตุประกอบด้วยอนุภาคทเี่ ล็กท่ีสดุ ทีย่ งั แสดง สมบัติ ของธาตุนั้นเรยี กว่า อะตอม ธาตแุ ตล่ ะชนิด ประกอบดว้ ยอะตอมเพยี งชนดิ เดยี วและไม่สามารถแยกสลายเปน็ สารอ่ืน ได้ดว้ ยวธิ ที างเคมี ส่วนสารประกอบ เกดิ จากอะตอมของธาตุต้ังแต่ 2 ชนดิ ขนึ้ ไป รวมตัวกันทางเคมีในอัตราสว่ นคงท่ี มีสมบัติแตกตา่ งจากธาตุทเ่ี ป็นองค์ประกอบ สามารถแยกเปน็ ธาตไุ ด้ดว้ ยวิธีทางเคมี เป้าหมายการเรยี นรู/้ สาระการเรียนรู้ 1. ดา้ นความรู้ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งอะตอม ธาตุและสารประกอบ 2. ด้านทักษะสำคญั ในการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ 2.1 ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 2.1.1 ทกั ษะการสรา้ งแบบจำลอง 2.1.2 ทกั ษะการตีความหมายขอ้ มูลและลงข้อสรุป 2.2 ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 2.2.1 ด้านการสร้างสรรคแ์ ละนวัตกรรม 2.2.2 ดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร 3. ด้านเจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 3.1 ความม่งุ ม่ัน มานะ อดทน 3.2 ความละเอยี ดรอบคอบ

ช้นิ งาน/ภาระงาน แบบจำลองอธิบายความสัมพันธร์ ะหว่างอะตอม ธาตุ และสารประกอบ กจิ กรรมการเรียนรู้ (รูปแบบการจดั การเรยี นรแู้ บบ STEAM โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน) 1. ขน้ั ระบปุ ญั หา 1.1 ครถู ามคำถามผู้เรยี นทบทวนความรู้เดมิ ของนักเรยี นที่ได้เรียนมาเก่ยี วกับสารบริสุทธิ์ ดังนี้ - สารบรสิ ทุ ธ์ิ คอื อะไร - เพราะเหตุใด ธาตจุ ึงจัดเปน็ สารบริสุทธิ์ 1.2 ครูใหผ้ ู้เรียนดูภาพ ทองคำ แท่งชอล์ก เพชร ผงน้ำตาลทราย แล้วพจิ ารณาว่าสิ่งใดบ้างเป็นธาตุ ส่งิ ใดบ้าง เป็นสารประกอบ 1.3 ครใู ช้สอ่ื Powerpoint เรื่อง อะตอม ธาตุ และสารประกอบ อธบิ ายลกั ษณะของแต่ละตัววา่ เป็นอยา่ งไร ในระหว่างนนั้ ครใู ชค้ ำถามกระตุ้นผเู้ รยี นใหเ้ กิดการคิดวิเคราะห์เกีย่ วกบั ความสัมพนั ธ์ของอะตอม ธาตุ และ สารประกอบไปดว้ ย 2. ขัน้ รวบรวมข้อมลู และออกแบบวิธีการแกป้ ัญหา 2.1 ครทู ำการแบ่งกลมุ่ ผู้เรยี น กลุ่มละ 4-5 คน คละกนั ตามความสามารถ จากนน้ั เลือกประธาน และเลขา ของกล่มุ ครชู ้ีแจงบทบาทหน้าท่ีของประธาน เลขา และสมาชกิ กล่มุ 2.2 ครใู หต้ ัวแทนของแต่ละกลุ่มมารบั ชุดกิจกรรม เรอื่ ง อะตอม ธาตุและสารประกอบ จากน้ันให้สมาชิกภายในกลุ่มชว่ ยกนั สืบค้นขอ้ มูลเรื่องอะตอม ธาตแุ ละสารประกอบจากแหลง่ ตา่ งๆ เช่น อินเตอร์เน็ต ชุดกจิ กรรม 2.3 ครูมอบหมายงานกล่มุ โดยให้แตล่ ะกลุ่ม สรา้ งแบบจำลองการอธิบายความสมั พันธ์ระหวา่ งอะตอม ธาตุ และสารประกอบ โดยให้ผู้เรยี นสามารถเลือกใช้วัสดุและอุปกรณท์ ่ีมีอยู่รอบตัวได้ตามความเหมาะสมในการสรา้ ง ชิน้ งานของแตล่ ะกลมุ่ เองไดเ้ ลย 2.4 ครใู ห้ผู้เรียนภายในกลุ่มแต่ละกล่มุ ชว่ ยกันออกแบบแบบจำลองอธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งอะตอม ธาตแุ ละสารประกอบ โดยใช้ข้อมูลที่ได้ไปศึกษารวบรวมมาในขนั้ ต้น 3.ขั้นสงั เคราะห์ความรู้ 3.1 ให้ผู้เรยี นแต่ละคนช่วยกันสังเคราะหข์ ้อมูลและแลกเปลยี่ นความคิดเหน็ จากขอ้ มูลที่ไดไ้ ปศกึ ษามา โดย ใหผ้ ้เู รยี นนำเสนอกนั ภายในกลุ่มของตนเอง เพอื่ ขอ้ หาสรปุ และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมลู 4.ข้ันดำเนินการแก้ปญั หา 4.1 ครใู ห้ผู้เรยี นแตล่ ะกลุ่มลงมือทำแบบจำลองความสมั พันธ์ระหวา่ งอะตอม ธาตุและสารประกอบ จากส่ิง ที่ได้วางแผนหรือออกแบบไวใ้ นขั้นที่ 2 และ 3 ใหส้ มบูรณ์ 5.ขนั้ นำเสนอและอภิปรายผลงาน 5.1 ให้ผู้เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นำแบบจำลองที่ไดส้ ร้างขน้ึ ออกมานำเสนอหน้าช้นั เรยี น พร้อมทั้งอธิบายวิธีการ สรา้ งแบบจำลอง และอธิบายความสัมพนั ธ์ระหว่างอะตอม ธาตุและสารประกอบ วา่ เป็นอย่างไรจากแบบจำลองของ กลุม่ ตนเอง

6.ข้ันประเมนิ ผล 6.1 ครปู ระเมนิ ความรู้ของผเู้ รยี น โดยประเมนิ จากการให้ผ้เู รยี นนำเสนอแบบจำลองหน้าชัน้ เรียน และการ ทำแบบทดสอบ โดยใชเ้ ครอื่ งมือประเมนิ แบบ Rubrics และแบบทดสอบปรนัย 4 ตัวเลอื ก จำนวน 10 ขอ้ 6.2 ครปู ระเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 จากการสังเกตพฤตกิ รรม ของผ้เู รยี นในขณะทำกจิ กรรมกลมุ่ ในทุกข้ันตอน โดยใช้เครื่องมือประเมนิ แบบ Rubrics 6.3 ครูประเมนิ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ของผู้เรยี น จากการสงั เกตพฤติกรรมของผ้เู รียนในขณะทำกิจกรรม กลุม่ ในทุกข้นั ตอน โดยใช้เคร่ืองมือประเมนิ แบบ Rubrics สอ่ื /นวัตกรรม และแหลง่ เรยี นรู้ - Powerpoint เรอื่ ง อะตอม ธาตุและสารประกอบ - ชุดกิจกรรม เรอื่ ง อะตอม ธาตุและสารประกอบ การวดั และประเมินผล ประเด็นการประเมิน วธิ กี ารประเมิน เครื่องมือ เกณฑ์ ความรู้ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง -การสอบวัดผลเร่ือง -แบบทดสอบ อะตอม ธาตแุ ละ อะตอม ธาตแุ ละ สารประกอบ สารประกอบ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ -แบบจำลอง -แบบประเมิน Rubrics รอ้ ยละ 75 ความสมั พนั ธร์ ะหว่าง อะตอม ธาตแุ ละ สารประกอบ ด้านทกั ษะ / กระบวนการ ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ 1 ทักษะการสร้าง แบบจำลอง 2 ทกั ษะการ ตคี วามหมายข้อมูลและ สังเกตพฤตกิ รรมขณะ ผ่านเกณฑ์ในระดับ ดี ขน้ึ ไป ลงข้อสรุป ผู้เรยี นทำกจิ กรรมในทกุ แบบสงั เกตพฤติกรรม ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ขน้ั ตอน 1. ด้านการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม 2. ด้านคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยสี ารสนเทศ และการสื่อสาร

ด้านคณุ ลกั ษณะ / เจต สงั เกตพฤติกรรมขณะ แบบสงั เกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑใ์ นระดับ ดี ขน้ึ คติ ผูเ้ รียนทำกิจกรรม ไป 1. ความมุ่งม่ัน มานะ กจิ กรรมในทุกขน้ั ตอน อดทน 2.ความละเอียดรอบคอบ แบบบันทึกหลงั การสอน พฤตกิ รรมท่ีพบ แนวทางแกไ้ ข ประเด็นปัญหาท่ีพบ 1. ด้านพฤตกิ รรมผ้เู รยี น 2. ด้านการเรยี นการสอน

แบบประเมนิ ดา้ นความรู้ กำหนดเกณฑป์ ระเมินไวท้ ร่ี อ้ ยละ 75 เป็นเกณฑผ์ ่าน เลขที่ ชื่อ-นามสกุล ผลการประเมิน รวมคะแนน(20) คิดเปน็ รอ้ ยละ สรปุ 123 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29

เลขท่ี ชื่อ-นามสกุล ผลการประเมนิ รวมคะแนน(20) คิดเปน็ ร้อยละ สรปุ 123 30 รวม หมายเหตุ *1 หมายถึง ผลการประเมินด้านความรจู้ ากการออกแบบชิ้นงานคะแนนเต็ม 5 คะแนน 2 หมายถึง ผลการประเมินดา้ นความรู้จากการนำเสนอชิ้นงานหน้าชั้นเรยี นคะแนนเต็ม 5 คะแนน 3 หมายถึง ผลการประเมินด้านความรูจ้ ากการทดสอบคะแนนเตม็ 10 คะแนน ลงชื่อ ผปู้ ระเมนิ //

เกณฑ์การประเมนิ แบบจําลองอธิบายความสัมพันธร์ ะหว่างอะตอม ธาตุ และสารประกอบ การประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน 1.การออกแบบช้ินงานหรือแบบจำลอง ปฏบิ ัติ 5 ขอ้ : 5 คะแนน พฤตกิ รรมที่แสดงออก ปฏบิ ตั ิ 4 ข้อ : 4 คะแนน 1. แบบจำลองทไ่ี ด้ออกแบบไว้มคี วามสอดคล้อง ปฏิบัติ 3 ข้อ : 3 คะแนน ปฏบิ ตั ิ 2 ข้อ : 2 คะแนน กบั เนื้อหาท่กี ำหนดไว้ ปฏบิ ัติ 1 ขอ้ : 1 คะแนน 2. สามารถเรยี งลำดบั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง อะตอม ธาตแุ ละสารประกอบไดถ้ ูกต้อง 3. แบบจำลองมโี ครงสร้างของเนื้อหาสื่อ ความหมายได้ชัดเจน 4. แบบจำลองมีความสร้างสรรค์และน่าสนใจ 5. สามารถเลือกใชว้ สั ดุอปุ กรณ์ได้เหมาะกับ ชิน้ งานและมีความคงทน 2.การนำเสนอแบบจำลอง พฤติกรรมทีแ่ สดงออก 1. สามารถอธบิ ายความสัมพนั ธร์ ะหว่างอะตอม ธาตุ และสารประกอบไดถ้ ูกต้อง 2. ภาษาท่ใี ชใ้ นการนำเสนอหนา้ ชั้นเรยี นมคี วาม เหมาะสมและน่าฟัง 3. สามารถนำเสนอแบบจำลองให้เป็นที่ดึงดูด ความสนใจของเพื่อนๆ 4. สามารถอธบิ ายจดุ เด่นและจุดด้วยของ แบบจำลองได้ 5. สามารถอธิบายการประยุกตใ์ ช้แบบจำลองใน ชีวติ ประจำวันได้ เกณฑก์ ารประเมนิ แบบทดสอบ การประเมนิ แบบทดสอบ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน แบบทดสอบ เรอื่ ง อะตอม ธาตุ และสารประกอบ ตอบถูขอ้ ละ 1 คะแนน แบบปรนัยเลือกตอบ 4 ตัวเลอื ก จำนวน 10 ขอ้

แบบประเมินทักษะสำคญั ในการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ เลขที่ ช่ือ-นามสกุล 1)ทักษะ 2)ทกั ษะใน รวม คา่ เฉล่ีย ระดบั กระบวนการทาง ศตวรรษที่ 21 คะแนน วทิ ยาศาสตร์ 1.1 1.2 2.1 2.2 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28

ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ เลขท่ี ชอ่ื -นามสกุล 1)ทักษะ 2)ทกั ษะใน รวม ค่าเฉลยี่ ระดับ กระบวนการทาง ศตวรรษที่ 21 คะแนน วทิ ยาศาสตร์ 1.1 1.2 2.1 2.2 29 30 รวม หมายเหตุ *1.1 ทักษะการสร้างแบบจำลอง 1.2 ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ 2.1 ดา้ นการสรา้ งสรรค์และนวตั กรรม 2.2 ดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร คะแนนเฉล่ียระหว่าง 4.51 – 5.00 ระดบั ดเี ยีย่ ม 3.51 – 4.50 ระดับ ดมี าก 2.51 – 3.50 ระดับ ดี 1.51 – 2.50 ระดบั พอใช้ 1.00 – 1.50 ระดับ ปรบั ปรุง ลงช่ือ ผ้ปู ระเมนิ ............/............../.............

เกณฑใ์ นการให้ประเมินกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ดว้ ยการให้คะแนนรูบรคิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เกณฑ์การให้คะแนน 1.ทกั ษะการสร้างแบบจำลอง ปฏิบตั ิ 5 ข้อ : 5 คะแนน พฤติกรรมทแ่ี สดงออก ปฏบิ ตั ิ 4 ข้อ : 4 คะแนน 1. สามารถเลอื กใชว้ ัสด/ุ อุปกรณใ์ นการสร้าง ปฏิบัติ 3 ขอ้ : 3 คะแนน ปฏิบตั ิ 2 ข้อ : 2 คะแนน อย่างเหมาะสม ปฏบิ ตั ิ 1 ขอ้ : 1 คะแนน 2. สามารถสรา้ งแบบจาํ ลองไดต้ ามแบบรา่ ง 3. สามารถใช้แบบจาํ ลองท่สี ร้างข้นึ ในการ อธิบายสอื่ สารปรากฏการณห์ รอื เรื่องท่สี นใจ 4. สามารถสรา้ งแบบจาํ ลองได้ตามวสั ดทุ ี่ เลอื กใชไ้ ด้เหมาะสม 5. สามารถออกแบบการสร้างแบบจำลองได้ เหมาะสม 2.ทกั ษะการตีความหมายขอ้ มลู และลงข้อสรุป พฤติกรรมท่ีแสดงออก 1. ตีความหมายของข้อมูลที่มีอยู่อย่าง ตรงไปตรงมา 2. ตีความหมายของข้อมลู ที่มีอยู่อย่าง ตรงไปตรงมาและคล่องแคล่ว 3. บรรยายลักษณะของข้อมูลที่มีอยู่ได้ 4. บรรยายสมบัติของขอ้ มูลที่มีอยู่ได้ 5. ใช้ทักษะอื่นๆ เชน่ การสังเกต การคํานวณ ประกอบในการตีความขอ้ มูล 1 ทักษะ

เกณฑก์ ารประเมินทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 เกณฑ์การให้คะแนน 1.ด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม ปฏิบตั ิ 5 ขอ้ : 5 คะแนน พฤตกิ รรมท่มี ี ปฏบิ ัติ 4 ขอ้ : 4 คะแนน 1. การคดิ อย่างสร้างสรรค์ ปฏบิ ัติ 3 ขอ้ : 3 คะแนน 2. การทำงานกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ ปฏิบัติ 2 ขอ้ : 2 คะแนน 3.ความสามารถในการพัฒนาตอ่ ยอดแนวคิด ปฏิบัติ 1 ขอ้ : 1 คะแนน เดมิ 4. การเปดิ ใจยอมรบั และตอบสนอง ต่อทัศนคตใิ หมแ่ ละนาํ แนวคดิ สะท้อนกลบั สกู่ ลุม่ ใน การทำงาน 5. การนาํ ไปปฏิบัติเพื่อสรา้ งนวตั กรรม 2. ดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและ การสอื่ สาร พฤตกิ รรมที่มี 1. มที ักษะการนำเครื่องมือ อุปกรณ์เกีย่ วกับ ดิจติ ลั มาใช้งาน 2. มคี วามชำนาญในการใช้เครื่องมือ สารสนเทศ 3. มคี วามสามารถจัดการ และประมวลผลบน เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ 4. ร้จู ักใช้สารสนเทศในการสืบค้น และ รวบรวมข้อมูล 5. สามารถนําเสนอขอ้ มลู เพื่อพัฒนา กระบวนการทำงานให้ทนั สมัยและมีประสิทธิภาพ

แบบประเมินเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ เลขท่ี ช่อื -นามสกุล เจตคติทาง รวม คา่ เฉล่ยี ระดบั วิทยาศาสตร์ คะแนน 12 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29

เลขท่ี ชื่อ-นามสกุล เจตคตทิ าง รวม คา่ เฉลย่ี ระดับ วิทยาศาสตร์ คะแนน 30 12 รวม หมายเหตุ *1 หมายถงึ ความมุ่งม่ัน มานะ อดทน 2 หมายถงึ ความละเอยี ดรอบคอบ คะแนนเฉล่ยี ระหว่าง 4.51 – 5.00 ระดบั ดีเย่ยี ม 3.51 – 4.50 ระดับ ดมี าก 2.51 – 3.50 ระดบั ดี 1.51 – 2.50 ระดับ พอใช้ 1.00 – 1.50 ระดับ ปรับปรุง ลงช่อื ผู้ประเมิน ............/............../.............

เกณฑ์ในการประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ด้วยการให้คะแนนรบู ริค ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เกณฑ์การให้คะแนน 1.ความม่งุ มัน่ มานะ อดทน ปฏบิ ัติ 5 ข้อ : 5 คะแนน พฤติกรรมตามลำดับขนั้ ปฏิบัติ 4 ข้อ : 4 คะแนน 1.ไมย่ อ่ ท้อในการค้นหาข้อมูล หลักฐาน ปฏบิ ัติ 3 ข้อ : 3 คะแนน 2.แสดงความเขา้ ใจความไม่ชัดเจนที่ ปฏบิ ตั ิ 2 ข้อ : 2 คะแนน ปฏิบัติ 1 ขอ้ : 1 คะแนน สามารถเกดิ ข้ึนได้เสมอ 3.อดทนในการค้นคว้าหาข้อมูลจากแหลง่ ต่างๆ 4.ยอมรบั ความไม่แน่นอนทสี่ ามารถเกดิ ขึ้น ได้เสมอ 5.มคี วามมานะสบื เสาะหาข้อมูลใหม่ๆอยู่ ตลอด 2. ความละเอียดรอบคอบ พฤติกรรมตามลำดับขั้น 1. ไม่แสดงความเหน็ ต่อสถานการณ์ต่างๆ จนกว่าจะลงมือทำการสบื เสาะคน้ หา 2. ยอมรบั และเห็นคุณค่าของการสรา้ งหรือ คัดคา้ นในขอ้ จำกัดของขอ้ สรุปหรือทฤษฎี 3. สรุปหรอื อธบิ ายในขอบเขตของหลักฐานที่ ปรากฏเท่านน้ั ไม่ดว่ นสรุปหรอื ตัดสนิ ใจทันที 4. ไม่ยอมรบั หรอื ไมเ่ ช่ือสิ่งใดทันทีวา่ เป็น ความจริงถา้ ปราศจากการพิสูจนท์ เ่ี ชอ่ื ถือได้ 5.ตรวจสอบขอ้ มลู หรือท่มี าของข้อมูลก่อน การตดั สนิ ใจเช่ือ

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรื่อง อะตอม ธาตุ และสารประกอบ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 รปู แบบการจดั การเรียนรู้แบบ STEAM โดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน ช่ือ-นามสกลุ ....................................................................................... ชน้ั ..............................................เลขท่.ี ............ นางสาวชลธชิ า ศรีเกษม โรงเรยี นกาญจนาภิเษกวิทยาลยั ฉะเชิงเทรา

ก คำนำ ชดุ กิจกรรมการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ เรื่อง อะตอม ธาตุและสารประกอบ จดั ทำขน้ึ เพ่ือใชเ้ ป็นเครือ่ งมอื สำหรบั ประกอบการจดั การเรียนรู้แบบ STEAM โดยใช้ปญั หาเป็นฐาน และพฒั นาผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นในรายวชิ า วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 โดยไดร้ วบรวมเนื้อหาท่ีเป็นความร้แู ละกิจกรรมทาง วิทยาศาสตร์เกย่ี วกับอะตอม ธาตแุ ละสารประกอบ โดยจะประกอบไปด้วย 1 กจิ กรรม ไดแ้ ก่ กิจกรรมการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เร่ือง ความสัมพันธร์ ะหว่างอะตอม ธาตุและสารประกอบ ชดุ กิจกรรมการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ เรอื่ งอะตอม ธาตุและสารประกอบ ฉบบั นี้มุ่งส่งเสรมิ ใหน้ กั เรียนได้ลงมอื ปฏิบตั จิ ริง ไดเ้ รยี นรู้ดว้ ยตนเองและมีส่วนรว่ มในกจิ กรรมการเรียนรู้ มุง่ เน้นใหน้ ักเรยี นพัฒนาทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ทกั ษะการสร้างแบบจำลอง ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงขอ้ สรปุ และมงุ่ เน้นใหน้ กั เรียนพัฒนาทกั ษะ แห่งศตวรรษที่ 21 ในดา้ นการสร้างสรรค์และนวตั กรรม ดา้ นคอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร และมงุ่ ใหน้ ักเรยี นพฒั นาเจตคติทางวิทยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความมงุ่ มัน่ มานะ อดทน และความละเอียดรอบคอบ ผูจ้ ัดทําหวงั เป็นอย่างยิง่ ว่าชดุ กิจกรรมการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ เร่อื งอะตอม ธาตแุ ละสารประกอบ ฉบบั นจี้ ะ เกิดประโยชนแ์ กน่ กั เรียนทน่ี าํ ไปใช้ในการเรียนร้แู ละประสบผลสำเร็จในการเรียน และเป็นแนวทางในการจัด กิจกรรมการเรียนรโู้ ดยใช้ชุดกจิ กรรม เรื่องอะตอม ธาตแุ ละสารประกอบ ฉบับนี้สำหรับครู ผู้สอนหรือผู้ท่ีมคี วาม สนใจในเรอ่ื งดังกลา่ ว ผู้จัดทำ

สารบัญ ข เร่ือง หนา้ คำนำ ก สารบัญ ข คำชี้แจง 1 กจิ กรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง ความสมั พันธ์ระหว่างอะตอม ธาตุและสารประกอบ 2 ใบความรู้เรอื่ ง อะตอม ธาตุ และสารประกอบ 5 แบบทดสอบ 11 เฉลยแบบทดสอบ 13

1 คำชแี้ จง 1. ชดุ กิจกรรมการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ เร่ือง อะตอม ธาตุ และสารประกอบ ของนกั เรยี นช้ัน มธั ยมศึกษาปที่ 1 จะประกอบไปด้วย - กจิ กรรมการจัดการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง ความสมั พนั ธ์ระหว่างอะตอม ธาตุ และสารประกอบ ซ่งึ จัดการเรยี นรู้ในรปู แบบการจัดการเรียนรแู้ บบ STEAM โดยใช้ปัญหา เปน็ ฐาน 2. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 3. ใหน้ ักเรียนอ่านขั้นตอนการทำกจิ กรรมให้ละเอียดกอ่ นลงมือปฏิบตั ิกิจกรรม 4. เมื่อปฏบิ ตั ิกิจกรรมครบแลว้ ให้นกั เรียนนําเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรียน 5. ใหน้ กั เรียนทำแบบทดสอบท้ายกิจกรรม จำนวน 10 ขอ้ โดยขอ้ สอบเปน็ ข้อสอบปรนยั ชนิดเลอื กตอบ 4 ตัวเลอื ก 6. หากมขี อ้ สงสยั ในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมใหป้ รึกษาครูผู้สอนทันที

2 ความสัมพันธร์ ะหว่างอะตอม ธาตุ และสารประกอบ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สรา้ งแบบจำลองความสมั พนั ธร์ ะหว่างอะตอม ธาตแุ ละสารประกอบ 2. อธบิ ายเกย่ี วกับความสัมพนั ธร์ ะหว่างอะตอม ธาตุและสารประกอบ โดยใช้ แบบจำลอง Mission ให้แต่ละกลมุ่ สร้างแบบจำลองการอธิบายความสัมพันธ์ระหวะหวา่ ง อะตอม ธาตุ และสารประกอบ โดยสามารถเลือกใชว้ สั ด/ุ อปุ กรณ์ทอ่ี ยู่ รอบๆตัวเอง โดยมเี ง่ือนไข คือ นกั เรียนสารมารถทำแบบจำลองและนำ เสอนในรปู แบบใดกไ็ ด้ ใหม้ ีความถกู ตอ้ ง ครบถ้วนของเนื้อหา และมี ความนา่ สนใจ

3 รา่ งแบบจำลองอธิบายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งอะตอม ธาตุ และสารประกอบ คำช้แี จง : ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ รว่ มกันออกแบบรา่ งแบบจำลองอธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งอะตอม ธาตแุ ละ สารประกอบ พร้อมบอกวสั ดุอปุ กรณ์ในการสรา้ ง เพื่อนำมาสรา้ งแบบจำลองอธิบายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งอะตอม ธาตุและสารประกอบ ของกลุ่มตนเอง

4 อภปิ รายผลงาน จดุ เดน่ จุดด้อย ................................................................................. ................................................................................ ................................................................................. ................................................................................ ................................................................................. ................................................................................ ................................................................................. ................................................................................ ................................................................................. ................................................................................ ................................................................................. ................................................................................ ................................................................................. ................................................................................ ................................................................................. ................................................................................ ................................................................................. ................................................................................ ................................................................................. ................................................................................ ขอ้ เสนอแนะ ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................

อะตอม 5 อะตอม (Atom) หมายถงึ อนุภาคที่เลก็ มากๆ ของสสารที่สามารถจะคงอยู่ ได้ ไมส่ ามารถแบ่งออกไดท้ างเคมี ประกอบดว้ ยนวิ เคลยี ส (Nucleus) ทีม่ ี โปรตอน (Proton) ซง่ึ มปี ระจุเปน็ บวก (+) และนิวตรอน (Neutron) ซ่ึงมี ประจเุ ป็นกลาง รวมกันอยู่ตรงกลาง และอเิ ลก็ ตรอน (Electron) มปี ระจุ ลบ (-) วงิ่ อยู่รอบๆ อนภุ าคมลู ฐานของอะตอม ทุกอะตอมประกอบดว้ ยอนุภาคที่สำคญั คือ โปรตอน นิวตรอน และอเิ ลก็ ตรอน โดยมีโปรตอนกบั นวิ ตรอนอย่ภู ายใน นิวเคลยี ส นวิ เคลียสนจ้ี ะครอบครองเนือ้ ท่ภี ายในอะตอมเพยี งเล็กน้อย และมี อเิ ลก็ ตรอนวง่ิ รอบๆ นวิ เคลยี สดว้ ยความเรว็ สูง คล้ายกับมกี ลมุ่ ประจุลบปก คลุมอยโู่ ดยรอบ ตาราง แสดงขอ้ มลู ของอนุภาคมลู ฐานของอะตอมแตล่ ะชนดิ อนุภาค ประจุ (หนว่ ย) ประจุ (C) มวล (g) มวล (amu) อเิ ล็กตรอน -1 1.6 x 10-19 0.000549 9.1096 x 10-28 1.6726 x 10-24 โปรตอน +1 1.6 x 10-19 1.007277 1.6749 x 10-24 นิวตรอน 0 0 1.008665

ธาตุ 6 ธาตุ (Element) คือ สารบริสทุ ธิ์ท่ปี ระกอบด้วยธาตุหรือสารชนิด เดยี ว ไม่สามารถแยกหรอื สลายออกเป็นสารอื่นได้ อนุภาคท่เี ล็กที่สดุ ของธาตุเรยี กว่า อะตอม ซึง่ ประกอบดว้ ยอิเลก็ ตรอนวงิ่ วนรอบ นิวเคลยี สท่ปี ระกอบดว้ ยโปรตอน และ นวิ ตรอน ธาตุสามารถจำแนกคุณสมบัติออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. ธาตุโลหะ (metal) เป็นธาตทุ ่ีมีสถานะเปน็ ของแขง็ (ยกเวน้ ปรอท ที่เป็นของเหลว ) มีผิวท่ีมัน วาว นำความร้อน และไฟฟา้ ไดด้ ี มีจดุ เดอื ดและจดุ หลอมเหลวสูง (ชว่ งอณุ หภูมิระหว่างจุดหลอมเหลวกบั จุดเดอื ดตา่ งกันมาก) เชน่ โซเดยี ม เหล็ก แคลเซียม ปรอท อะลมู ิเนียม เป็นต้น 2. ธาตุอโลหะ (non-metal) เปน็ กลมุ่ ธาตทุ ่ีมีสมบัติไม่นำไฟฟา้ มีจุดหลอมเหลวและจุดเดอื ดตำ่ เปราะบาง และมีการแปรผนั ทางด้านคุณสมบตั ทิ างกายภาพมากกว่าโลหะ เช่น ออกซิเจน กำมะถัน ฟอสฟอรสั เป็นต้น 3. ธาตกุ ่ึงโลหะ (metalloid) เปน็ กลุ่มธาตุท่ีมสี มบัติกำ้ กง่ึ ระหวา่ งโลหะและอโลหะ เชน่ ธาตุ ซิลิคอน และเจอเมเนยี ม มีสมบตั ิบางประการคลา้ ยโลหะ เชน่ นำไฟฟา้ ได้บ้างที่อุณหภมู ปิ กติ และนำ ไฟฟา้ ได้มากขึ้นเม่อื อุณหภมู ิเพมิ่ ขึ้น เป็นของแขง็ เป็นมันวาวสีเงนิ จุดเดือดสงู แต่เปราะแตกง่ายคล้าย อโลหะ

สมบตั ขิ องธาตุ 7

8 ชอื่ ธาตุแบ่งตามหมู่ หมู่ 1A ลิเทยี ม (Lithium) โซเดยี ม (Sodium -Natrium) โพแทสเซียม (Potassium – Kalium) รบู เิ ดยี ม (Rubidium) ซีเซยี ม (Cesium) แฟรนเซียม(Francium) หมู่ 2A เบริลเลยี ม (Beryllium) แมกนีเซยี ม (Magnesium)แคลเซยี ม (Calcium) สตรอนเชยี ม (Strontium) แบเรียม (Barium) เรเดยี ม (Radium) หมู่ 3A โบรอน (Boron) อะลมู เิ นยี ม (Aluminum) แกลเลยี ม (Gallium) อนิ เดยี ม (Indium) แทลเลยี ม (Thallium) หมู่ 4A คารบ์ อน (Carbon) ซิลกิ อน (Silicon) เจอรเ์ มเนียม (Germanium) ดบี ุก (Tin -Stannum) ตะกว่ั (Lead – Plumbum) หมู่ 5A ไนโตรเจน (Nitrogen) ฟอสฟอรัส (Phosphorous) อะซินิค (สารหนู) (Arsenic) พลวง (Antimony -Stibium) บสิ มทั (Bismuth) หมู่ 6A ออกซเิ จน (Oxygen) ซัลเฟอร์ (กำมะถนั ) (Sulfur)ซีลีเนียม (Selenium) เทลลูเรียม (Tellurium) พอโลเนียม (Polonium) หมู่ 7A ฟลอู อรนี (Fluorine) คลอรนี (Chlorine) โบรมนี (Bromine) ไอโอดนี (Iodine) แอสทาทีน (Astatine) หมู่ 8A ฮเี ลียม (Helium) นอี อน (Neon) อารก์ อน (Argon) คริปตอน (Krypton) ซนี อน (Xenon) เรดอน (Radon)

สารประกอบ 9 สารประกอบ (Compound) หมายถงึ สารบริสทุ ธิเ์ น้ือเดยี วทเ่ี กดิ จาก อะตอมของธาตตุ งั้ แตส่ องชนิดขึ้นไปเป็นองค์ประกอบ ซงึ่ มารวมตัวกัน โดยวธิ กี ารทางเคมี สามารถแยกสลายให้เกิดเป็นสารใหม่หรอื กลับคืนเปน็ ธาตุเดิมได้ ลักษณะท่วั ไปของสารประกอบ • สารประกอบแต่ละชนิดมสี มบัตทิ แ่ี ตกต่างกนั ไป • สารประกอบมสี มบตั ิแตกต่างไปโดยสน้ิ เชงิ จากสมบัตขิ องธาตุเดมิ ทีเ่ ป็นองค์ประกอบ • สารประกอบเกิดขนึ้ จากการแลกเปล่ียนอนุภาคมูลฐานภายในอะตอม เพื่อให้อยใู่ นสภาพทเ่ี สถยี ร • สารประกอบชนดิ หนึ่งๆ จะตอ้ งมอี ตั ราสว่ นของธาตุทเ่ี ปน็ องค์ประกอบคงที่ • สารประกอบมที ้งั สถานะทเี่ ป็นของแข็ง ของเหลว และกา๊ ซ เช่น ของแขง็ => กลูโคส (C6H12O6), หินปนู (CaCo3), สนมิ เหล็ก (Fe2O3) และปูนขาว (CaO) เป็นต้น ของเหลว => น้ำ (H2O), เอธานอล (C2H5OH) และอะซิโตน (CH3COCH3) เปน็ ตน้ กา๊ ซ => คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2), มเี ธน (CH4) และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) เป็นตน้ ภาพการรวมตวั ของธาตุเป็นสารประกอบ (น้า)

การเกดิ อะตอม ธาตุ และสารประกอบ 10

แบบทดสอบ เรื่อง อะตอม ธาตุ และสารประกอบ 11 คำชี้แจง 1. ขอ้ สอบเป็นแบบปรนัยทั้งหมด 10 ขอ้ 10 คะแนน 2. ใหน้ ักเรยี นกากบาท (×) คำตอบทีถ่ กู ตอ้ งท่ีสุด 1. อะตอม คืออะไร ก. สสารที่ประกอบดว้ ยอะตอมชนิดเดียวกนั ท้ังหมด ข. อนุภาคท่เี ลก็ ท่ีสดุ ของสสาร ค. หนว่ ยย่อยทีเ่ ลก็ ทส่ี ุดของส่งิ มีชวี ิต ง. กลุ่มอะตอมของธาตชุ นิดเดียวกัน 2. อนภุ าคมูลฐาน ประกอบไปดว้ ย อนุภาคทีส่ ำคัญ คอื อะไร ก. นวิ ตรอน ข. โปรตอน ค. อเิ ลก็ ตรอน ง. ถกู ทุกขอ้ 3. อนภุ าคมูลฐานของอะตอมทม่ี ีประจุไฟฟ้าเปน็ ลบคือขอ้ ใด ก. โปรตอน ข. นวิ ตรอน ค. อิเลก็ ตรอน ง. นิวเคลยี ส 4. ภายในนิวเคลยี สของอะตอมประกอบด้วยอะไรบ้าง ก. โปรตอนและนวิ ตรอน ข. อิเลก็ ตรอนและโปรตอน ค. นวิ ตรอนและอเิ ล็กตรอน ง. โปรตอน นวิ ตรอน และอิเลก็ ตรอน 5. ธาตุ คืออะไร ก. หนว่ ยยอ่ ยที่สุด โดยแตล่ ะหน่วยยังคงสมบตั เิ ดิม ข. สารท่มี ีลักษณะกลมกลืนกนั เป็นเน้อื เดียว ค. สสารทปี่ ระกอบด้วยอะตอมชนิดเดียวกนั ทั้งหมด ง. สสารท่ีประกอบดว้ ยอะตอมหลายชนิด

12 6. เราแบง่ สมบัตขิ องธาตอุ อกได้เป็นอะไรบ้าง ก. โลหะ และอโลหะ ข. โลหะ อโลหะ และก่งึ โลหะ ค. อโลหะ และกึง่ โลหะ ง. โลหะ และกง่ึ โลหะ 7. อะตอมทต่ี ่างชนิดกนั เกิดจากการรวมตวั กนั 2 อะตอมหรอื มากกว่า 2 อะตอมข้นึ ไปอย่างมรี ะบบมี ความหมายตรงกบั ข้อใด ก. ธาตุ ข. อะตอม ค. โมเลกลุ ง. สารประกอบ 8. ธาตุเกิดจากอะไรรวมตวั กนั ก. เกิดจากอะตอมชนิดเดียวกนั รวมตวั กัน ข. เกดิ จากอะตอมต่างชนดิ เดียวกนั รวมตัวกัน ค. เกิดจากสารประกอบรวมตวั กัน ง. เกดิ จากธาตตุ ง้ั แต่ 2 ชนิดรวมตัวกนั 9. อนุภาคมูลฐานรวมตวั กันดว้ ยอัตราสว่ นตา่ ง ๆ มคี วามหมายตรงกับขอ้ ใด ก. ธาตุ ข. อะตอม ค.โมเลกลุ ง. สารประกอบ 10. ข้อใดคือความสัมพนั ธ์ระหวา่ งอะตอม ธาตุ และสารประกอบ ก. อะตอม ชนิดเดียวมกี ารรวมตัวกนั เป็นธาตุ ธาตุ 1 ชนดิ รวมตัวกัน เปน็ สารประกอบ ข. อะตอม ต่างชนดิ มีการรวมตัวกัน เปน็ สารประกอบ สารประกอบตัง้ แต่ 2ชนิดรวมตัวกัน เปน็ ธาตุ ค. อะตอม ชนิดเดยี วมกี ารรวมตวั กัน เป็นสารประกอบ สารประกอบตัง้ แต่ 2ชนดิ รวมตวั กนั เป็นธาตุ ง. อะตอม ชนิดเดียวมีการรวมตวั กนั เป็นธาตุ ธาตุต้งั แต่ 2 ชนดิ ขนึ้ ไปรวมตวั กนั เป็น สารประกอบ

13 เฉลย ขอ้ คำตอบ 1ก 2ง 3ค 4ง 5ค 6ข 7ง 8ก 9ข 10 ง

แผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 เรือ่ ง อะตอม ธาตุและสารประกอบ หน่วยการเรียนรยู้ ่อยท่ี 6 เร่ือง โครงสร้างอะตอม รหัสวชิ า/ช่อื วชิ า วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 เวลา 3 ชวั่ โมง ผ้สู อน นางสาว ธนภรณ์ เคนเหลา โรงเรยี นพนมสารคาม “พนมอดลุ วทิ ยา” มาตรฐานการเรียนรู้ : ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมบตั ิ ของสสารกบั โครงสรา้ งและแรงยึดเหน่ยี วระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาติ ของการเปล่ยี นแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี ตวั ชวี้ ดั : 8. อธบิ ายโครงสรา้ งอะตอมทป่ี ระกอบด้วย โปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ล็กตรอน โดยใช้ แบบจาลอง จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สรา้ งแบบจาลองที่อธบิ ายโครงสรา้ งอะตอมทป่ี ระกอบดว้ ย โปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ลก็ ตรอน 2. อธิบายโครงสร้างอะตอมท่ปี ระกอบดว้ ย โปรตอน นวิ ตรอน และอิเล็กตรอน โดยใช้ แบบจาลอง สาระสาคญั : อะตอมประกอบด้วยโปรตอน นวิ ตรอน และ อเิ ล็กตรอน โปรตอนมปี ระจุไฟฟ้าเปน็ บวก นวิ ตรอนเป็นกลาง ทางไฟฟา้ ส่วนอเิ ลก็ ตรอนมปี ระจุไฟฟา้ เปน็ ลบ เมื่ออะตอม มจี านวนโปรตอนเทา่ กับจานวนอเิ ล็กตรอน จะเป็นกลางทาง ไฟฟ้า โปรตอนและนิวตรอน รวมกนั ตรงกลางอะตอมเรียกวา่ นวิ เคลียส สว่ นอิเลก็ ตรอนจะเคลอื่ นทอ่ี ยใู่ นทว่ี ่างรอบนิวเคลยี ส เป้าหมายการเรยี นร/ู้ สาระการเรยี นรู้ 1. ดา้ นความรู้ 1.1 โครงสรา้ งอะตอม 2. ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ 2.1 ทักษะทางวทิ ยาศาสตร์ 2.1.1 ทักษะการสร้างแบบจาลอง 2.1.2 ทกั ษะการจัดกระทาและส่อื ความหมายขอ้ มลู 2.2 ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 2.2.1 ความรว่ มมอื การทางานเป็นทีม และภาวะผนู้ า 2.2.2 การสรา้ งสรรคน์ วัตกรรม 3. ด้านเจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 3.1 ความมุ่งมน่ั มานะ อดทน 3.2 ความละเอยี ดรอบคอบ ชน้ิ งาน/ภาระงาน แบบจาลองอธบิ ายโครงสร้างอะตอมท่ีประกอบด้วย โปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ลก็ ตรอน กจิ กรรมการเรียนรู้ (รูปแบบการจดั การเรียนรูแ้ บบ STEAM โดยใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน) ข้นั ตอนท่ี 1 : ขั้นระบปุ ัญหา 1.1 นักเรยี นแต่ละคนมารบั ชดุ กจิ กรรมการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ เรอื่ ง โครงสรา้ งอะตอม 1.2 ครทู บทวนความรู้เดมิ ของนกั เรยี นเกย่ี วกบั อะตอมของธาตุ โดยใช้คาถามปลายเปิดเกี่ยวกบั อะตอมของธาตุ เพื่อกระตนุ้ ผู้เรียนให้เกดิ ความอยากรู้อยากเหน็ เกดิ ความสนใจและมองเห็นปัญหา มีโอกาสเลอื กและเสนอปัญหาท่ี หลากหลาย ตัวอยา่ งคาถาม เชน่

- อะตอมเปน็ หน่วยพนื้ ฐานของสสาร ประกอบดว้ ยส่วนของนวิ เคลยี สท่หี นาแนน่ มากอยู่ตรงศนู ยก์ ลาง ลอ้ มรอบด้วยกลมุ่ หมอก ในอะตอมมีอนุภาคมลู ฐาน 3 ตัว ไดแ้ ก่ โปรตอน นวิ ตรอน และอิเลก็ ตรอน นกั เรียนคิดวา่ นวิ เคลยี ส ของอะตอมประกอบด้วยอนภุ าคมลู ฐานใดบา้ ง นักเรียนคิดวา่ มปี ระจหุ รอื ไม่ อย่างไร - บริเวณรอบนอกทล่ี ้อมรอบดว้ ยกลมุ่ หมอก มอี นุภาคมูลฐานทอ่ี ย่บู รเิ วณนัน้ นกั เรยี นคดิ วา่ มีประจุหรือไม่ อยา่ งไร 1.3 ครใู ช้สอ่ื Powerpoint เรือ่ ง โครงสร้างอะตอม อธบิ ายทฤษฎีและแบบจาลองอะตอมของนกั วทิ ยาศาสตร์ ตา่ งๆ ระหว่างนนั้ ครูใชค้ าถามกระตุน้ ผเู้ รยี นใหเ้ กดิ การคิดวิเคราะห์ เปรียบเทยี บแบบจาลองตา่ งๆ 1.4 ครทู าการแบ่งกลมุ่ ผ้เู รียน 6-7 คน จานวน 7 กลมุ่ คละกนั ตามความสามารถ และมอบหมายงานกลุ่ม โดยให้แต่ละกลุ่มสรา้ งแบบจาลองอะตอมอธิบายโครงสรา้ งอะตอมทป่ี ระกอบด้วย โปรตอน นวิ ตรอน และอิเล็กตรอน โดย สามารถเลอื กใชว้ ัสดุท่มี ีอยู่รอบตัว มเี งอื่ นไขคือ นักเรยี นสามารถจัดทาแบบจาลองและนาเสนอในรูปแบบใดก็ได้ ใหม้ คี วาม ถูกต้องครบถว้ นและนา่ สนใจ โดยกลุ่มใดสามารถจัดทาแบบจาลองไดถ้ ูกตอ้ งสมบรู ณจ์ ะไดร้ ับรางวลั ขั้นตอนท่ี 2 : รวบรวมขอ้ มูลและออกแบบวิธกี ารแก้ปัญหา 2.1 นักเรียนชว่ ยกนั สบื คน้ และรวบรวมขอ้ มลู ภายในกลมุ่ ค้นหาแนวคิด รปู แบบการสร้างแบบจาลองและวสั ดุ รอบตัวทส่ี ามารถนามาประยุกตใ์ ช้ได้ โดยพิจารณาถึงความเปน็ ไปได้ ความคมุ้ ทนุ จดุ แข็งและจดุ ออ่ นของวสั ดุ พร้อมความ เหมาะสมกบั เงื่อนไขและขอบเขตของปัญหา 2.2 นกั เรยี นภายในกลุ่มร่วมกนั ออกแบบแบบจาลองอธิบายโครงสร้างอะตอมทปี่ ระกอบด้วย โปรตอน นวิ ตรอน และอิเลก็ ตรอน โดยอาศัยความรู้ในศาสตรต์ ่างๆ มารว่ มดว้ ย รวบรวมขอ้ มลู ที่ไดม้ าเขียนแบบรา่ งแบบจาลอง ถา่ ยทอดโครงร่างความคดิ ออกมา ขัน้ ตอนที่ 3 : สังเคราะห์ความรู้ 3.1 นกั เรยี นแตล่ ะคนภายในกลมุ่ รวมกันสงั เคราะห์ความรูท้ ไ่ี ดจ้ ากการค้นคว้า โดยมกี ารนาเสนอกนั ภายใน กลมุ่ เพื่อหาข้อสรปุ ของกลุ่ม ทบทวนและตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 3.2 ครูถามคาถามกระต้นุ ใหน้ กั เรยี นมกี ารแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ และเกดิ ความคดิ รวบยอด ขน้ั ตอนที่ 4 : ดาเนนิ การแกป้ ัญหา 4.1 นกั เรยี นลงมือจัดทาแบบจาลองที่ไดอ้ อกแบบไว้ โดยเรยี นแต่ละกลุ่มนาขอ้ สรุปทไ่ี ดจ้ ากขัน้ ตอนท่ี 2 และ 3 มาสร้างเปน็ องคค์ วามรใู้ หม่ พรอ้ มกับจดั ทาแบบจาลองตามแบบร่างใหเ้ สร็จสมบรู ณ์ ขั้นตอนที่ 5 : นาเสนอและอภิปรายผลงาน 5.1 นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาองค์ความรูท้ ีส่ รุปไดอ้ อกมานาเสนอตามวิธีการทไี่ ดก้ าหนดไว้ หน้าช้นั เรยี น 5.2 ครูกระตุ้นให้นักเรียนเกิดการแลกเปลยี่ นองคค์ วามรู้กับเพอื่ นๆ ตา่ งกล่มุ และช้ีใหเ้ หน็ จดุ แขง็ และจุดออ่ น ของแบบจาลองทีน่ ักเรียนไดจ้ ัดทา พร้อมท้ังมอบรางวลั ใหก้ ับกลมุ่ ทจ่ี ัดทาแบบจาลองไดถ้ ูกตอ้ งสมบูรณ์ทสี่ ุด ขั้นตอนท่ี 6 : ประเมินผล 6.1 ประเมนิ ความดา้ นความรู้ - ประเมนิ การใช้แบบจาลองในการอธบิ ายโครงสรา้ งอะตอมทปี่ ระกอบดว้ ย โปรตอน นิวตรอน และ อเิ ล็กตรอน ใชเ้ กณฑ์การประเมินแบบ Rubric Score - ประเมินผลจากคะแนนการทาแบบทดสอบปรนยั จานวน 10 ขอ้ ในชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง โครงสรา้ งอะตอม 6.2 ประเมนิ ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 - ประเมินโดยการสังเกตพฤตกิ รรมท่นี ักเรยี นแสดงออกมาระหว่างทน่ี กั เรยี นปฏบิ ัติกิจกรรมในทกุ ขั้นตอน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรม ใช้เกณฑก์ ารประเมนิ แบบ Rubric Score

6.3 ประเมินดา้ นเจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ - ประเมนิ โดยการสังเกตพฤติกรรมที่นกั เรียนแสดงออกมาระหว่างที่นกั เรียนปฏิบตั กิ จิ กรรมในทุกขน้ั ตอน โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรม ใช้เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubric Score สือ่ /นวัตกรรม และแหลง่ เรยี นรู้ 1. Powerpoint เร่ือง โครงสร้างอะตอม 2. ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เร่ือง โครงสรา้ งอะตอม การวัดและประเมินผล ประเด็นการประเมนิ วธิ กี ารประเมนิ เครือ่ งมือ เกณฑ์ 1. ดา้ นความรู้ ประเมินจากความถูกต้อง แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑไ์ ม่ต่ากวา่ 1.1 โครงสรา้ งอะตอม และการใช้ใช้แบบจาลองใน แบบจาลอง รอ้ ยละ 75 การอธิบายโครงสรา้ งอะตอม Rubric Score ท่ปี ระกอบด้วย โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน ประเมินการทาแบบทดสอบ แบบทดสอบปรนยั ในเอกสารประกอบการเรียน จานวน 10 ข้อ 2. ด้านทกั ษะ / กระบวนการ ประเมินโดยการสงั เกต แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ 2.1 ทักษะกระบวนการทาง พฤตกิ รรมที่นักเรยี น ระดับดขี น้ึ ไป แสดงออกมาระหว่างที่ วทิ ยาศาสตร์ นักเรยี นปฏบิ ัตกิ ิจกรรมใน 2.1.1 การสรา้ งแบบจาลอง 2.2.2 การจัดกระทาและ ทุกขั้นตอน สื่อความหมายขอ้ มูล 2.2 ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 2.2.1 ความร่วมมือ การ ทางานเปน็ ทีมและภาวะผนู้ า 2.2.2 การสรา้ งสรรค์ นวัตกรรม 3. ดา้ นคุณลกั ษณะ / เจตคติ ประเมินโดยการสงั เกต แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ 3.1 ความม่งุ มัน่ มานะอดทน พฤติกรรมทน่ี กั เรียน ระดบั ดีข้ึนไป 3.2 ความละเอยี ดรอบคอบ แสดงออกมาระหวา่ งท่ี นกั เรยี นปฏิบตั กิ จิ กรรมใน ทุกข้ันตอน

แบบบันทกึ หลงั การสอน พฤตกิ รรมท่ีพบ แนวทางแกไ้ ข ประเด็นปัญหาที่พบ 1. ดา้ นพฤตกิ รรมผเู้ รยี น 2. ดา้ นการเรยี นการสอน ลงชอ่ื ....................................... ผ้ปู ระเมิน (............................................................) .................../.................../....................

การประเมินดา้ นความรู้ กาหนดเกณฑ์ประเมินไวท้ ร่ี อ้ ยละ 75 เปน็ เกณฑผ์ า่ น ลาดับที่ ช่อื -นามสกลุ ผลการประเมิน* รวม คดิ เปน็ รอ้ ยละ สรุป 123 (20 คะแนน) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25

ลาดับที่ ชื่อ-นามสกลุ ผลการประเมิน* รวม คิดเป็นร้อยละ สรปุ 1 2 3 (20 คะแนน) 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 ภาพรวม * 1 หมายถึงผลการประเมนิ ด้านความรจู้ ากประเมินการทาแบบทดสอบ คะแนนเตม็ 10 2 หมายถึงผลการประเมินด้านความรจู้ ากการประเมินแบบจาลอง คะแนนเต็ม 5 3 หมายถึงผลการประเมนิ ด้านความรู้จากการประเมินการนาเสนองาน คะแนนเตม็ 5 ลงชอ่ื ....................................... ผูป้ ระเมิน (............................................................) .................../.................../....................

ตารางรายการประเมินการทาแบบทดสอบ เกณฑก์ ารประเมนิ แบบทดสอบ การประเมนิ แบบทดสอบ เกณฑ์การใหค้ ะแนน แบบทดสอบ เรอ่ื ง โครงสร้างอะตอม ตอบถกู ขอ้ ละ 1 คะแนน แบบปรนัยเลือกตอบ 4 ตัวเลอื ก จานวน 10 ข้อ ตารางรายการประเมินการแบบจาลอง เกณฑ์การประเมนิ แบบจาลอง การประเมินแบบจาลอง เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1. สามารถจดั วางตาแหนง่ ของนิวตรอน ในการอธบิ ายโครงสรา้ งอะตอมท่ี ประกอบด้วย โปรตอน นิวตรอน และอิเลก็ ตรอนไดอ้ ยา่ งถูกต้อง 2. สามารถจัดวางตาแหน่งของโปรตอน ในการอธบิ ายโครงสรา้ งอะตอมที่ประกอบดว้ ย โปรตอน นวิ ตรอน และอิเลก็ ตรอนไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ปฏบิ ตั ิขอ้ ละ 1 คะแนน 3. สามารถจดั วางตาแหนง่ ของอเิ ลก็ ตรอน ในการอธิบายโครงสรา้ งอะตอมที่ ประกอบด้วย โปรตอน นวิ ตรอน และอิเล็กตรอนได้อย่างถูกต้อง 4. แบบจาลองมคี วามสรา้ งสรรค์และนา่ สนใจ 5. แบบจาลองมีความคงทนและเลอื กใช้วสั ดทุ ่ีเหมาะสม ตารางรายการประเมินการนาเสนอแบบจาลอง เกณฑก์ ารประเมินการนาเสนอแบบจาลอง การประเมินแบบจาลอง เกณฑก์ ารให้คะแนน 1. สามารถอธิบายตาแหนง่ ของนิวตรอน ในการอธบิ ายโครงสรา้ งอะตอมท่ี ประกอบดว้ ย โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนได้อยา่ งถูกต้อง 2. สามารถอธบิ ายตาแหน่งของโปรตอน ในการอธบิ ายโครงสรา้ งอะตอมที่ ประกอบดว้ ย โปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ล็กตรอนได้อย่างถูกตอ้ ง ปฏบิ ัติขอ้ ละ 1 คะแนน 3. สามารถอธิบายตาแหนง่ ของอเิ ลก็ ตรอน ในการอธบิ ายโครงสรา้ งอะตอมท่ี ประกอบด้วย โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 4. สามารถอธบิ ายจุดเดน่ และจดุ ด้อยของแบบจาลองได้ 5. สามารถอธบิ ายการประยกุ ตใ์ ช้แบบจาลองในชวี ิตประจาวนั

การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ผลการประเมิน* 1. ทกั ษะ ลาดบั ท่ี ช่ือ-นามสกลุ กระบวน 2. ทักษะแหง่ รวม ค่าเฉลี่ย ระดบั (12 คะแนน) 1 การทาง C.21 2 3 วิทยาศาสตร์ 4 5 1.1 1.2 2.1 2.2 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25

ผลการประเมิน* 1. ทักษะ ลาดับท่ี ช่อื -นามสกลุ กระบวน 2. ทกั ษะแห่ง รวม คา่ เฉลี่ย ระดบั การทาง C.21 (12 คะแนน) วทิ ยาศาสตร์ 1.2 1.3 2.1 2.2 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 ภาพรวม * 1.1 หมายถึงผลการประเมินดา้ นทกั ษะการจัดกระทาและส่อื ความหมายขอ้ มลู คะแนนเตม็ 3 1.2 หมายถึงผลการประเมนิ ดา้ นทักษะการสร้างแบบจาลอง คะแนนเตม็ 3 2.1 หมายถงึ ผลการประเมนิ ดา้ นความรว่ มมอื การทางานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ า คะแนนเตม็ 3 2.2 หมายถึงผลการประเมินดา้ นการสรา้ งสรรค์นวตั กรรม คะแนนเต็ม 3 ลงชอื่ ....................................... ผู้ประเมนิ (............................................................) .................../.................../....................

ระดับคณุ ภาพ ดีเยี่ยม คะแนนเฉล่ียระหว่าง 4.51 – 5.00 ระดบั ดีมาก ดี 3.51 – 4.50 ระดับ พอใช้ 2.51 – 3.50 ระดบั ปรับปรุง 1.51 – 2.50 ระดบั 1.00 – 1.50 ระดบั ตารางรายการประเมินทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เกณฑ์การประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ รายการประเมนิ เกณฑ์การประเมิน ควรปรับปรุง (1) ทางวทิ ยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) สามารถเลือกรูปแบบ การจัดกระทาสื่อ ความสามารถในการนา สามารถเลือกรูปแบบ สามารถเลือกรปู แบบ และอธิบายการเลอื ก และความหมาย รปู แบบในการ ข้อมูล ขอ้ มูลหรือผลการปฏบิ ัติ และอธบิ ายการเลอื ก และอธิบายการเลือก นาเสนอขอ้ มลู ได้ เพียงบางสว่ น กจิ กรรมมาจัดกระทาให้ รปู แบบในการนาเสนอ รปู แบบในการนาเสนอ แมว้ า่ จะไดร้ บั คา ชแ้ี นะจากครูหรือ อยู่ในรปู แบบที่มี ขอ้ มลู ไดด้ ว้ ยตนเอง ขอ้ มูลได้จากการชแ้ี นะ ผอู้ ่ืน ความหมายหรือ ของครูหรือผู้อนื่ หรอื มี ความสัมพันธ์กนั มากข้ึน การเพ่มิ เติมความ คดิ เห็น การสร้าง การสร้างแบบจาลอง สามารถสรา้ ง สามารถสรา้ ง สามารถสรา้ ง แบบจาลอง และอธบิ ายโครงสรา้ ง อะตอมทปี่ ระกอบดว้ ย แบบจาลองและอธบิ าย แบบจาลองและ แบบจาลองและ โปรตอน นิวตรอน และ อเิ ลก็ ตรอน โครงสรา้ งอะตอมที่ อธบิ ายโครงสรา้ ง อธบิ ายโครงสรา้ ง ประกอบดว้ ย โปรตอน อะตอมทปี่ ระกอบดว้ ย อะตอมท่ี นิวตรอน และ โปรตอน นวิ ตรอน ประกอบดว้ ย อเิ ล็กตรอน และอิเลก็ ตรอน โปรตอน นิวตรอน โดยใช้แบบจาลองที่สรา้ ง โดยใชแ้ บบจาลองท่ี และอิเล็กตรอน ขนึ้ ได้ถกู ตอ้ งดว้ ยตนเอง สรา้ งข้นึ ได้ถกู ต้อง จาก โดยใช้แบบจาลองที่ การช้แี นะของครหู รือ สรา้ งขน้ึ ไดถ้ ูกต้อง ผู้อื่นหรอื มีการเพ่มิ เติม เพียงบางส่วนแม้วา่ ความคิดเห็น จะไดร้ บั คาชี้แนะจาก ครูหรือผอู้ ื่น

ตารางรายการประเมินทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 เกณฑ์การประเมนิ ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ทกั ษะแห่ง รายการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ ศตวรรษท่ี 21 ความร่วมมอื ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) การทางานเปน็ ทมี และภาวะผู้นา การทางานรว่ มกับผู้อนื่ ใน สามารถทางานร่วมกับ สามารถทางานร่วมกบั สามารถทางาน การสรา้ งสรรค์ การสร้างแบบจาลองที่ ผ้อู นื่ ในการสร้าง ผู้อื่นในการสร้าง รว่ มกบั ผู้อน่ื ในการ นวตั กรรม อธบิ ายโครงสรา้ งอะตอมท่ี แบบจาลองท่ีอธบิ าย แบบจาลองทอี่ ธิบาย สร้างแบบจาลองท่ี ประกอบด้วย โปรตอน โครงสร้างอะตอมที่ โครงสรา้ งอะตอมท่ี อธบิ ายโครงสรา้ ง นิวตรอน และอิเลก็ ตรอน ประกอบด้วย โปรตอน ประกอบดว้ ย โปรตอน อะตอมท่ี รวมทงั้ ยอมรบั ความ นวิ ตรอน และ นวิ ตรอน และ ประกอบดว้ ย คดิ เหน็ ของผอู้ นื่ อเิ ลก็ ตรอน อเิ ล็กตรอน โปรตอน นวิ ตรอน รวมทงั้ ยอมรบั ความ รวมทั้งยอมรบั ความ และอิเลก็ ตรอน คดิ เห็นของผ้อู ่นื ตลอด คิดเหน็ ของผอู้ ืน่ ใน ในบางชว่ งเวลาทที่ า ชว่ งเวลาท่ีทากิจกรรม บางชว่ งเวลาทีท่ า กิจกรรม ทัง้ น้ตี ้อง กิจกรรม อาศยั การกระตุ้นจาก ครหู รอื ผู้อ่นื ความสามารถในการคิด สามารถคิดออกแบบ สามารถคิดออกแบบ สามารถคดิ ออกแบบ ออกแบบชน้ิ งานทไ่ี ด้รบั ชนิ้ งานทไี่ ด้รับมอบหมาย ชิน้ งานทไี่ ดร้ ับ ช้นิ งานทไ่ี ดร้ ับ มอบหมายไดอ้ ย่าง ไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์ มอบหมายได้อยา่ ง มอบหมายไดอ้ ยา่ ง สรา้ งสรรค์ สามารถ สามารถทางานกบั ผ้อู น่ื สร้างสรรค์ สามารถ สรา้ งสรรค์ สามารถ ทางานกับผู้อืน่ อยา่ ง อย่างสรา้ งสรรค์ และ ทางานกบั ผู้อืน่ อย่าง ทางานกับผู้อ่ืนอยา่ ง สรา้ งสรรค์ และสามารถ สามารถปฏบิ ตั ิเพื่อสรา้ ง สรา้ งสรรค์ และ สร้างสรรค์ และ ปฏิบตั เิ พ่อื สรา้ งชน้ิ งาน ชน้ิ งานใหม่ไดด้ ้วยตนเอง สามารถปฏบิ ตั ิเพ่ือ สามารถปฏบิ ตั เิ พือ่ ใหม่ สร้างชน้ิ งานใหม่ได้ สร้างชนิ้ งานใหมไ่ ด้ จากการชี้แนะของครู เพยี งบางสว่ นแมว้ า่ หรือผูอ้ ่ืนหรือมกี าร จะได้รบั คาชแี้ นะจาก เพ่มิ เติมความคิดเหน็ ครหู รอื ผอู้ ่ืน

การประเมินด้านเจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ ลาดบั ท่ี ช่อื -นามสกลุ ผลการ รวม ค่าเฉล่ีย ระดับ ประเมนิ * (6 คะแนน) 1 12 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25

ลาดบั ท่ี ชอ่ื -นามสกลุ ผลการ รวม คา่ เฉลี่ย ระดบั ประเมิน* (6 คะแนน) 26 12 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 43 44 45 ภาพรวม * 1 หมายถงึ ผลการประเมนิ ดา้ น ความมงุ่ มนั่ มานะ อดทน คะแนนเตม็ 3 2 หมายถงึ ผลการประเมนิ ด้านความละเอียดรอบคอบ คะแนนเต็ม 3 ลงชอ่ื ....................................... ผูป้ ระเมิน (............................................................) .................../.................../....................

ระดบั คณุ ภาพ ดีเยีย่ ม คะแนนเฉลยี่ ระหว่าง 4.51 – 5.00 ระดบั ดมี าก ดี 3.51 – 4.50 ระดบั พอใช้ 2.51 – 3.50 ระดับ ปรับปรุง 1.51 – 2.50 ระดับ 1.00 – 1.50 ระดับ ตารางรายการประเมนิ ดา้ นเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ เกณฑก์ ารประเมินด้านเจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ เจตคติ รายการประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ ทางวทิ ยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) ความมงุ่ มนั่ พฤตกิ รรมตามลาดบั ขน้ั มานะอดทน 1. ไมย่ อ่ ท้อต่อการค้นหาขอ้ มูล เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ 2. แสดงความเข้าใจและ ปฏบิ ตั ิครบทกุ ข้อ ปฏบิ ตั ิ 2 ข้อ ปฏิบัติเพยี ง 1 ขอ้ ยอมรับว่าความไมแ่ น่นอน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน สามารถเกดิ ขึ้นได้ 3. มคี วามมงุ่ ม่นั จนทาชิ้นงาน ได้เสรจ็ สมบูรณ์ ความละเอียด พฤตกิ รรมตามลาดบั ขน้ั ปฏบิ ตั คิ รบทกุ ข้อ ปฏิบัติ 2 ขอ้ ปฏบิ ตั เิ พยี ง 1 ข้อ รอบคอบ 1. ทาชิน้ งานไดค้ รบถ้วน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 2. ตรวจสอบความถูกต้อง 3. เมอ่ื พบปัญหาสามารถแก้ไข ได้

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง โครงสร้างอะตอม รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ STEAM โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ชื่อ................................... นามสกุล.................................. ชั้น............................. เลขที่.................. นางสาวธนภรณ์ เคนเหลา

ก คำนำ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง โครงสร้างอะตอม จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือ สำหรับประกอบการจัดการเรียนรู้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ STEAM โดยใช้ปัญหาเป็นฐานและ พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 โดยได้รวบรวมเนื้อหาที่เป็นความรู้และกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับโครงสร้างอะตอม เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมตามลำดับขั้นตอนแล้ว นักเรียนสามารถสร้างแบบจำลองที่อธิบายโครงสร้าง อะตอมที่ประกอบด้วย โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน และอธิบายโครงสร้างอะตอมที่ประกอบด้วย โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนโดยใช้ แบบจำลองได้ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง โครงสร้างอะตอม ฉบับนี้ส่งเสริมให้ นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ได้เรียนรู้ด้วยตนเองและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ มุ่ง เน้นให้นักเรียนพัฒนาทักษะทางวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ทักษะการสร้างแบบจำลอง ทักษะการ จัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล มุ่งเน้นให้นักเรียนพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ใน ด้านความร่วมมือ การทํางานเป็นทีมและภาวะผู้นํา ด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรม มุ่งเน้นให้ นักเรียนพัฒนาเจตคติทางวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความมุ่งมั่น มานะอดทน และความละเอียด รอบคอบ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง โครงสร้างอะตอม ฉบับนี้ จะช่วยให้นักเรียน เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายและชัดเจนยิ่งขึ้น มีพัฒนาด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสูงขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจศึกษาที่จะนำไปเป็นแนวทางใน การปรับปรุงการจัดการเรียนรู้และนวัตกรรมทางการศึกษา หากมีข้อบกพร่องในการจัดทำ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ชุดนี้ ผู้จัดทำขอน้อบรับและจะนำข้อเสนอแนะไปปรับปรุง เพื่อให้มีความถูกต้องและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ ผู้จัดทำ

สารบัญ ข เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข คำชี้แจง 1 กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง โครงสร้างอะตอม 2 แบบทดสอบ 8 เฉลยแบบทดสอบ 10

1 คำชี้แจง 1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง โครงสร้างอะตอม ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 จะประกอบไปด้วย - กิจกรรมการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง โครงสร้างอะตอม ซึ่งจัดการเรียนรู้ ในรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ STEAM โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน 2. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 6-7 คน ในการปฏิบัติกิจกรรม 3. ให้นักเรียนอ่านขั้นตอนการทำกิจกรรมให้ละเอียดก่อนลงมือปฏิบัติกิจกรรม 4. เมื่อปฏิบัติกิจกรรมครบแล้ว ให้นักเรียนนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน 5. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบท้ายกิจกรรม 6. หากมีข้อสงสัยในการปฏิบัติกิจกรรมให้ปรึกษาครูผู้สอนทันที