Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

Published by Suttirat Srisawat, 2021-09-27 19:52:48

Description: การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

Search

Read the Text Version

แบบบันทกึ หลังการสอน ประเด็นปัญหาทีพ่ บ พฤติกรรมท่ีพบ แนวทางแกไ้ ข 1. ด้านพฤตกิ รรมผู้เรียน 2. ดา้ นการเรยี นการสอน

การประเมนิ ด้านความรู้ วิชา วิทยาศาสตร์ 2 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 เรื่อง ประโยชนแ์ ละผลกระทบของธาตุ สารประกอบ และธาตกุ มั มนั ตรังสี ลำดับ ชื่อ-นามสกลุ ผลการประเมนิ * รวม คิดเป็นรอ้ ยละ สรปุ ที่ 123 (20 คะแนน) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30

กำหนดเกณฑ์ประเมนิ ไว้ทรี่ อ้ ยละ 80 เป็นเกณฑ์ผา่ น * 1 หมายถึงผลการประเมินด้านความรู้จากประเมนิ การทดสอบ คะแนนเตม็ 10 2 หมายถงึ ผลการประเมินดา้ นความรู้จากการประเมนิ แบบจำลอง คะแนนเตม็ 5 3 หมายถึงผลการประเมนิ ดา้ นความรู้จากการประเมินการนำเสนองาน คะแนนเตม็ 5

ตารางรายการประเมินการทดสอบ เกณฑ์การประเมนิ แบบทดสอบ การประเมนิ แบบทดสอบ เกณฑ์การให้คะแนน แบบทดสอบ เรอ่ื ง ประโยชน์และผลกระทบของธาตุ สารประกอบ และธาตุ ตอบถูกข้อละ 1 คะแนน กัมมนั ตรังสี แบบปรนัยเลอื กตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 10 ข้อ ตารางรายการประเมินสอื่ เทคโนโลยีดิจิทลั เกณฑก์ ารประเมนิ สอ่ื เทคโนโลยดี ิจิทัล การประเมนิ ส่ือเทคโนโลยดี ิจทิ ลั เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1. งานนำเสนอดว้ ยสื่อเทคโนโลยีดจิ ทิ ัลมีความน่าสนใจ 2. งานนำเสนอด้วยสือ่ เทคโนโลยดี ิจทิ ลั มีรูปแบบที่แปลกใหม่ สวยงาม 3. งานนำเสนอดว้ ยสอ่ื เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั มีความเข้าใจงา่ ย ดูแล้วไม่สับสนในเนือ้ หา ปฏบิ ตั ิขอ้ ละ 1 คะแนน 4. งานนำเสนอด้วยสอ่ื เทคโนโลยีดจิ ทิ ัลมีเน้ือหาถกู ตอ้ ง เชื่อถือได้ 5. งานนำเสนอด้วยสอ่ื เทคโนโลยีดิจทิ ลั มีเนอื้ หาครบถว้ นท้ังประโยชน์ ผลกระทบ และ แนวทางการปอ้ งกัน ตารางรายการประเมินการนำเสนอชิ้นงาน เกณฑ์การประเมนิ การนำเสนอชิ้นงาน การประเมนิ การนาเสนอชิน้ งาน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1. นำเสนอไดอ้ ย่างคลอ่ งแคล่ว กระฉับกระเฉง 2. สามารถอธิบายผลกระทบทีเ่ กดิ จากการใชธ้ าตุ สารประกอบ และธาตุกัมมนั ตรงั สไี ด้ 3. สามารถอธิบายประโยชนจ์ ากการใช้ธาตุ สารประกอบ และธาตุกมั มนั ตรังสไี ด้ ปฏบิ ัตขิ ้อละ 1 คะแนน 4. สามารถบอกแนวทางในการปอ้ งกนั ในการธาตุ สารประกอบ และธาตุกัมมนั ตรงั สี ไม่ให้เกดิ อันตรายได้ 5. สามารถบอกแนวทางในการใชธ้ าตุ สารประกอบ และธาตกุ ัมมนั ตรงั สี ให้เกดิ ความ คมุ้ ค่าได้

แบบประเมนิ ทักษะการบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรยี น วชิ า วทิ ยาศาสตร์ 2 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 เรื่อง ประโยชน์และผลกระทบของธาตุ สารประกอบ และธาตุกมั มันตรังสี ลำดบั ชื่อ-นามสกลุ การลง ทกั ษะการจดั รวม คา่ เฉล่ยี สรุป ความเห็น กระทำและสือ่ (6) 1 ขอ้ มลู ความหมาย 2 3 ขอ้ มลู 4 5 123123 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23

24 ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมนิ 25 วนั ท.่ี ............./.................../................ 26 27 28 29 30 เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ คะแนน 5.00 - 6.00 ดีเยี่ยม 4.00 – 5.00 ดมี าก 3.00 – 4.00 ดี 2.00 – 3.00 พอใช้ 1.00 – 2.00 ปรบั ปรุง

เกณฑ์การวดั และการประเมินผลกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะกระบวนการ ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ 1. การลงความเห็น ดี(3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) จากข้อมลู สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเหน็ จาก สามารถลงความเห็นจาก 2. ทกั ษะการจดั กระทำและส่ือ ข้อมูลได้ถูกตอ้ งด้วย ข้อมลู ได้ถกู ต้อง จากการ ขอ้ มลู ได้ถูกตอ้ งบางสว่ น ความหมายข้อมูล ตนเองเกย่ี วกบั ประโยชน์ ชี้แนะ ของครูหรอื ผู้อื่น แม้วา่ จะไดร้ บั คำแนะนำ และผลกระทบธาตุ เกยี่ วกบั ประโยชน์และ จากครูหรอื ผอู้ ่ืน เกี่ยวกบั สารประกอบ และสาร ผลกระทบธาตุ สารประกอบ ประโยชนแ์ ละผลกระทบ กมั มันตรังสี และสารกัมมันตรังสี ธาตุ สารประกอบ และ สารกมั มันตรงั สี สามารถจดั กระทำขอ้ มลู สามารถจัดกระทำข้อมลู สามารถจดั กระทำข้อมูล ออกมาได้และจัดรูปแบบ ออกมาไดแ้ ละจดั รูปแบบ ออกมาได้และจัดรปู แบบ การนำเสนอออกมาได้ การนำเสนอออกมาได้อย่าง การนำเสนอออกมาได้ อย่างเหมาะสม เข้าใจง่าย เหมาะสม เข้าใจง่ายได้จาก อย่างเหมาะสม เข้าใจง่าย การชแ้ี นะของครหู รอื ผู้อนื่ ได้บางส่วน เกี่ยวกับ ประโยชน์และผลกระทบ ธาตุ สารประกอบ และ สารกัมมันตรังสี แมว้ า่ จะ ได้รบั คำแนะนำจากครู หรอื ผูอ้ ่ืน

แบบประเมนิ เจตคตทิ างวิทยาศาสตรข์ องนกั เรยี น วชิ า วทิ ยาศาสตร์ 2 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 เร่อื ง ประโยชน์และผลกระทบของธาตุ สารประกอบ และธาตกุ มั มนั ตรังสี ลำดบั ชอื่ -นามสกลุ ความอยากรู้ ความมงุ่ ม่ัน รวม คา่ เฉล่ยี สรปุ อยากเห็น มานะอดทน (6) 1 2 123123 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23

24 ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมิน 25 วนั ที่............../.................../................ 26 27 28 29 30 เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ คะแนน 5.00 - 6.00 ดีเย่ียม 4.00 – 5.00 ดมี าก 3.00 – 4.00 ดี 2.00 – 3.00 พอใช้ 1.00 – 2.00 ปรับปรุง

เกณฑ์การวัดและการประเมนิ ผลเจตคติทางวิทยาศาสตร์ เจตคตทิ าง ระดบั ความสามารถ วิทยาศาสตร์ ด(ี 3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรุง (1) 1. ความอยากรู้อยาก นักเรียนมีการซักถาม นกั เรียนมีการซกั ถาม นักเรียนไมม่ ีการ เห็น หรือมีความสนใจใน หรอื มคี วามสนใจใน ซกั ถามหรือไมม่ ี เนื้อหามาก มคี วาม เน้อื หามากมคี วาม ความสนใจในเน้ือหา อยากลองทำ ให้ อยากลองทำ ความร่วมมอื มาก 2. ความมงุ่ มัน่ มานะ นกั เรยี นทำกิจกรรม นักเรยี นทำกิจกรรม นักเรยี นไม่ให้ความ อดทน ท่ีได้รับมอบหมาย ที่ได้รับมอบหมาย สนใจในการทำ อยา่ งดี ไมข่ าดตก แตข่ าดตกบกพร่อง กจิ กรรม บกพร่อง ชว่ ยเหลือ ในการชว่ ยเหลอื งาน งานกล่มุ ตลอด กลุ่ม

แบบประเมนิ ทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 ของนักเรยี น วชิ า วิทยาศาสตร์ 2 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 เรือ่ ง ประโยชนแ์ ละผลกระทบของธาตุ สารประกอบ และธาตุกมั มนั ตรงั สี ด้านการสือ่ สาร ลำดบั ชอ่ื -นามสกลุ สารสนเทศและการ รวม ค่าเฉล่ยี สรุป รู้เท่าทนั สอ่ื (3) 1 23 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23

24 ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ 25 วันท่.ี ............./.................../................ 26 27 28 29 30 เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ คะแนน 2.60 – 3.00 ดเี ยยี่ ม 2.20 – 2.60 ดีมาก 1.80 – 2.20 ดี 1.40 – 1.80 พอใช้ 1.00 – 1.40 ปรับปรุง

เกณฑ์การวัดและการประเมนิ ผลทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 ทกั ษะแห่งศตวรรษ ระดบั ความสามารถ ท่ี 21 ดี(3) พอใช้(2) ปรบั ปรงุ (1) 1 ดา้ นการส่ือสาร นักเรียนสามารถ นักเรียนสามารถ นกั เรียนสรา้ งสรรค์ สารสนเทศและการ สร้างสรรคง์ าน สร้างสรรคง์ าน งานนำเสนอด้วยสื่อ รเู้ ท่าทนั สอื่ นำเสนอด้วยส่ือ นำเสนอดว้ ยสอ่ื ดจิ ิทลั ไมม่ ีความ ดจิ ิทัลไดอ้ ยา่ ง ดิจทิ ัลได้อยา่ ง แปลกใหม่ และไม่ นา่ สนใจ มคี วาม น่าสนใจ มีความ สามารถสรา้ งความ แปลกใหม่ เน้อื หา แปลกใหม่ แตเ่ นอ้ื หา สนใจ การจดั เรียง เขา้ ใจงา่ ย เข้าใจยาก เน้อื หาเข้าใจยาก

เอกสารประกอบการเรียน เ รื่ อ ง ประโยชน์และผลกระทบ ของธาตุ สารประกอบ และธาตุกัมมันตรังสี ชื่ อ...................................................................................... ชั้น.......................................เลขที่........................... รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ STEAM โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน นายสุทธิรัตน์ ศรีสวัสดิ์

ก คำนำ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่อง ประโยชน์และผลก ระทบ ของธาตุ สารประกอบ และธาตุกัมมันตรังสี รายวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จัดทำขึ้ นเพื่ อมุ่งส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับทั้งความรู้ และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีความมุ่งมั่นที่ จะศึ กษาค้นคว้าสืบเสาะหาความรู้เพื่ อรวบรวม ข้อมูลวิเคราะห์ผล นำไปสู่คำตอบของคำถาม มีการ ร่วมกันคิดลงมือปฏิบัติจริง อันจะส่งผลให้นักเรียน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นอย่างมี ประสิทธิภาพตามหลักสูตรการศึ กษาขั้นพื้ นฐาน พุทธศักราช 2551 ใช้เวลา 2 ชั่วโมง เพื่ อให้นักเรียนได้ศึ กษาเรียนรู้อย่างเข้าใจนำไป สู่กระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ได้ใช้ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และนำความรู้ที่ได้ไป ใช้ในการดำรงชีวิตและรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง ของโลกได้ ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าชุดกิจกรรมการ เรียนรู้เล่มนี้จะเกิดประโยชน์ให้นักเรียนนำไปใช้ใน การเรียนรู้และประสบผลสำเร็จในการเรียนและเป็น แนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุด กิจกรรมนี้สำหรับครูผู้สอนหรือผู้ที่มีความสนใจใน เรื่องดังกล่าว

สารบัญ ข เรื่อง หน้ า คำนำ ก สารบัญ ข คำชี้แจง 1 กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 2 ตารางจดบันทึก 4 ใบความรู้ 6 แบบทดสอบ 10

คำชี้แจง 1 1.นักเรียนอ่านข้อแนะนำในการใช้ชุดกิจกรรม แล้วปฏิบัติตามทุกขั้นตอน 2.นักเรียนตั้งใจตอบคำถามอย่างเต็มความ สามารถ 3.แบ่งกลุ่มออกเป็น 4-5 คน 4 . ทำ ค ว า ม เ ข้า ใ จ กั บ จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ แ ล ะ ส า ร ะ สำ คั ญ 5.ศึกษาและปฏิบัติตามขั้นตอนทุกขั้นตอน 6.นักเรียนทำแบบทดสอบหลังการทดลอง 7.นักเรียนจะต้องฝึกความมีวินัยในการปฏิบัติ การทดลอง

สสปปาารรรระะปโปโยยรรชะชะกกนน์์ออแแบบลละแะแผผลลลละะธกธการารตตะะุุทกทกัับมบมมขมขัันอนองตงตธรธรััางางตตสสุุีี 2 จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ก า ร เ รีย น รู้ 1. สืบค้นข้อมูล อธิบายและยกตัวอย่างการนำธาตุ สารประกอบ และธาตุกัมมันตรังสี มาใช้ประโยชน์ใน ชีวิตประจำวัน 2. อธิบายผลกระทบและวิธีการป้องกันอันตรายจาก ใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ และธาตุกัมมันตรังสี คำถาม 1. ธาตุ สารประกอบ และสารกัมมันตรังสี ชวนคิด ต่าง ๆ มีสมบัติที่ต่างกัน นักเรียนคิดว่า ธาตุ สารประกอบ และสารกัมันตรังสี เหล่านั้น มีประโยชน์ และผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อมหรือไม่ อย่างไร 2. ผลกระทบจากการใช้ธาตุ สารประกอบ และสารกัมมันตรังสี นักเรียนคิดว่ามี แนวทางการแก้ไขหรือไม่ อย่างไร นักเรียนคงอยากรู้คำตอบจาก คำถามแล้วใช่ไหมล่ะ ไปหาคำ ตอบกันเลย

3 งงาานนททีี่่หหมมออบบหหมมาายย นักเรียนภายในกลุ่มร่วมกันออกแบบงานนำ เสนอด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลรูปแบบต่าง ๆ เช่น โดยอาศัยความรู้ที่ ได้จากการศึกษาค้นคว้า ของแต่ละคนรวบรวมและออกแบบมาเป็น งานนำเสนอด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลในรูปแบบ ต่าง ๆ ตามที่นักเรียนตกลงกันในกลุ่ม เ รื่ อ ง CANVA เป็นแอปพลิเคชันสาหรับ น่ารู้ สร้างสื่ อการนาเสนอหลากหาย รูปแบบ เช่น PRESENTATION, POSTER, CARD, RESUME, CERTIFICATE, INFOGRAPHIC เป็นต้น ซึ่ง CANVA นั้นจะมีขนาดมาตรฐานให้เลือก หรือ ผู้ใช้สามารถกาหนดขนาด เองได้ CANVA ใช้งานง่าย สวยงาม สามารถแบ่งปันให้แก่ ผู้อื่ นได้

4 ตตาารราางงจจดดบบัันนททึึกก คำชี้แจง : ให้นักเรียนหาข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์และ ผลกระทบของธาตุ สารประกอบ และสารกัมมันตรังสี ประโยชน์ ผลกระทบ .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... .................................... ....................................

5 ททำำออยย่่าางงไไรรดดีีนนะะ จากการศึกษาประโยชน์ ผลกระทบของธาตุ สารประกอบ และสารกัมมันตรังสี นักเรียนมีแนวทางการใช้ธาตุและ สารประกอบเหล่านั้น ให้คุ้มค่า และปลอดภัยมากที่สุด อย่างไร .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... .................................................................... ....................................................................

ปปรระะโโยยชชนน์์ขขอองงธธาาตตุุ 6 แแลละะสสาารรปปรระะกกออบบ ประโยชน์ของธาตุ โลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ 1. ธาตุโลหะ • เป็นชิ้นส่วนของเครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า • เป็นโลหะผสม เช่น การทำเหล็กไร้สนิม สเตนเลส เป็นต้น 2. ธาตุอโลหะ • เป็นส่วนประกอบที่ส าคัญของสิ่งมีชีวิต และปุ๋ย • ใช้ทำปูนซีเมนต์ ปูนปลาสเตอร์ ทำวัสดุกันความร้อน เป็นต้น 3. ธาตุกึ่งโลหะ • ในในการท าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ • ใช้ในแบตเตอรี่รถยนต์ สารดับเพลิง แผงโซลาร์เซลล์

ปปรรกะกะัโัโมมยยมมชชัันนนน์์ตขตขรอรอัังงงงสธสธีีาาตตุุ 7 ธาตุกัมมันตรังสี ธาตุกัมมันตรังสี คือธาตุที่แผ่รังสีแอลฟา แกมมา หรือบีตาได้ เนื่องจาก นิวเคลียสของอะตอมไม่เสถียร และเป็นธาตุที่มีเลขอะตอมสูงกว่า 82 ซึ่ง เอ. เฮนรี่ เบคเคอเรล เป็นผู้ค้นพบกัมมันตภาพรังสี รังสีแอลฟา (α-Rays) เป็นอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าบวก มีอำนาจ ทะลุทะลวงต่ำมาก ไม่สามารถผ่านแผ่นกระดาษหรือโลหะที่ บางๆได้ รังสีบีต้า (β-Rays) เป็นอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าลบ มีอำนาจทะลุ ทะลวงมากกว่ารังสีแอลฟาถึง 100 เท่า ทะลุผ่านแผ่นโลหะ บางๆได้ มีความเร็วใกล้กับความเร็วแสง รังสีแกมมา (γ-Rays) เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงมาก จึงมีความยาวคลื่นสั้นมาก มีอำนาจทะลุทะลวงสูงมาก ทะลุ แผ่นตะกั่วที่หนาๆได้ ไม่มีประจุไฟฟ้า ไม่มีมวล ไม่เบี่ยงเบนใน สนามไฟฟ้า แต่มีพลังงานมาก และทำให้เกิดอันตรายต่อ ร่างกายคนได้มากด้วย

8 เครื่องมือที่ใช้วัดปริมาณรังสี เช่น กลักฟิล์ม เครื่องไกเกอร์เคาน์เตอร์ การเกิดปฏิกิริยาของธาตุกัมมันตรังสี ปฏิกิริยาฟิชชั่น (fission reaction) เกิดจากการยิงอนุภาค นิวตรอนไปยังนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสี ทำให้นิวเคลียส แตก มวลของนิวเคลียสบางส่วนจะหายไป กลายเป็นพลังงาน ออกมา และเกิดนิวตรอนใหม่ ซึ่งเร็วพอที่จะยิงนิวเคลียส อะตอมอื่นต่อไป ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อเนื่อง เรียกว่า ปฏิกิริยา ลูกโซ่ ปฏิกิริยาฟิวชั่น (fusion reaction) เกิดจากการที่นิวเคลียส ขนาดเล็กรวมเขา ดว ยกัน ไดนิวเคลียสของธาตุที่หนักกวา และ ปลดปลอยพลังงานออกมา ประโยชน์ของธาตุกัมมันตรังสี 1.ด้านการเกษตร ตรวจหาชนิดอาหารที่พืชต้องการ ทำลายแมลงโดยทำให้เป็นหมัน อาบรังสีผลผลิตทางการเกษตร ทำให้เก็บได้นานหรือเพื่อ ถนอมอาหาร

2.ด้านการแพทย์ 9 ทำลายเซลล์มะเร็ง ตรวจสอบการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ศึกษาการไหลเวียนโลหิต 3.ด้านทหาร ใช้ทำอาวุธนิวเคลียร์ (จรวด ระเบิด) เป็นเชื้อเพลิง ในเรือรบ เรือดำน้ำ 4.ด้านอุตสาหกรรม ตรวจหารอยรั่วของท่อแก๊สใต้พื้นดิน ทำให้อัญมณีมีสีสวยงาม วัดความหนาแน่นของวัตถุที่เป็นแผ่นบาง การตรวจหาควันไฟเพื่อป้องกันไฟไหม้ 5.ด้านโบราณคดี ใช้หาอายุวัตถุโบราณได้ถึงประมาณ 30,000 ปี 6.ด้านพลังงาน ใช้เป็นเชื่อเพลิงในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ อันตรายจากธาตุกัมมันตรังสี รังสีจะมีผลทำให้การสร้างเซลล์ในร่างกายมนุษย์เกิดการกลาย พันธุ์ และเมื่ออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายได้รับรังสี อาจกลายเป็นมะเร็งได้

ออัันนตตรรภภาาาายยพพจจรราัาังกงกสสกกีีััมมมมัันน 10 อันตรายจากกัมมันภาพรังสี 1. ถ้าร่างกายได้รับรังสีมากเกนไปจะทำให้เซลล์ทำงานผิดปกติ และ ทำให้โครโมโซมเกิดการเปลี่ยนแปลงอาจกลายพันธุ์ได้ 2. เมื่ออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายได้รับรังสี โมเลกุล ของธาตุ ต่าง ๆ ที่ประกอบเป็นเซลล์จะแตกตัว ทำให้เกิดอาการป่วย ไข้และ เกิดมะเร็ง การป้องกัน อันตราย จากกัมมัน ภาพรังสี 1. เวลา (time) ใช้เวลาอยู่กับรังสีให้สั้นที่สุด 2. ระยะทาง (distance) อยู่ห่างจากรังสีให้มากที่สุด 3. เครื่องกำบัง (shielding) ใส่ชุดป้องกันเมื่อได้เข้าไปทำงาน ใกล้ ๆ และใช้วัสดุที่สามารถกันรังสีได

11 แแบบบบททดดสสออบบ คำชี้แจง : ข้อสอบปรนัย มีจำนวน 10 ข้อ 10 คะแนน ให้ นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว 1. โลหะใดที่ใช้ทำสารไฟฟ้าแรงสูง 1. เงิน 2. สังกะสี 3. ทองแดง 4. อะลูมิเนียม 2. น้ำแข็งแห้งทำจากสารประกอบใด 1. โซเดียมคลอไรด์ 2. แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ 3. แก๊สแอมโมเนีย 4. แก๊สไนโตรเจน 3. ถ้านักเรียนต้องการล้างผักให้สะอาดควรใช้สารใดในการ ล้างผัก 1. โซเดียมคลอไรด์ 2. กรดไฮโดรคลอริก 3. โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต 4. ซิลิคอนไดออกไซด์ 4. โซเดียมไฮดรอกไซด์ (NAOH) เป็นสารตั้งต้นใช้ผลิตสิ่งใด 1. ผงฟู 2. ปุ๋ย 3. สบู่ 4. กระจก 5. กรดไฮโดรคลอริกเป็นกรดชนิดหนึ่งมีประโยชน์ตามข้อใด 1. ใช้ทำน้ำยาล้างห้องน้ำ 2. ใช้ทำน้ำอัดลม 3. ใช้ทำขนมปัง 4. เป็นสารทำความเย็น

12 แแบบบบททดดสสออบบ คำชี้แจง : ข้อสอบปรนัย มีจำนวน 10 ข้อ 10 คะแนน ให้ นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว 6. ข้อมูลใดถูกต้อง 1. โคบอลต์-60 ใช้รักษาโรคผิวหนัง 2. เอทานอลใช้ล้างแผล 3. สังกะสีใช้ทำแบตเตอรี่ 4. ปูนขาวใช้เพิ่มความเป็นกรดในดิน 7. ธาตใดไม่ใช่ธาตุกัมมันตรังสี 1. ยูเรเนียม 2. เรเดียม 3. โบรอน 4. เรดอน 8. ถ้านำธาตุกัมมันตรังสีไปใช้ประโยชน์ข้อใดไม่สอดคล้องกัน 1. โซเดียม-24 ใช้ตรวจวงจรโลหิต 2. โคบอลต์-60 ใช้รักษาโรคไต 3. คาร์บอน-14 ใช้ตรวจหาอายุของวัตถุโบราณ 4. ไอโอดีน-131 ใช้ตรวจความผิดปกติของต่อไทรอยด์ 9. รังสีใดมีอำนาจในการทะลุทะลวงน้อยที่สุด 1. รังสีแอลฟา 2. รังสีบีตา 3. รังสีแกมมา 4. รังสีเอกซ์ 10. ข้อใดกล่าวถึงรังสีบีตาได้ถูกต้อง 1. ไม่สามารถทะลุทะลวงผ่านกระดาษได้ 2. ไม่สามารถทะลุทะลวงผ่านคอนกรีตได้ 3. ทะลุทะลวงผ่านโลหะบางๆ ได้ 4. ไม่มีประจุและมวล

เอกสารหมายเลข 4 แบบบนั ทกึ หนว่ ยการเรยี นรู้ย่อย (แผนการจัดการเรียนรู้) หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรอ่ื งอะตอม ธาตุและสารประกอบ หน่วยการเรียนรู้ย่อยท่ี 3 เรือ่ งจดุ เดอื ด จุดหลอมเหลว ของสารบรสิ ุทธ์ิและสารผสม รหัสวิชา/ช่ือวชิ า วิทยาศาสตรโ์ ลกและเทคโนโลยี กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ชั้น มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 เวลา 3 ชวั่ โมง ผูส้ อน นางสาวธดิ ารัตน์ คณุ เอนก โรงเรยี น เทศบาล ๒ วดั โพธิ์ มาตรฐานการเรยี นรู้: ว 2.1 เข้าใจสมบัตขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พันธ์ระหวา่ งสมบัติของสสารกับ โครงสรา้ งและแรงยดึ เหนยี่ วระหวา่ งอนุภาคหลักและธรรมชาตขิ องการเปล่ยี นแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี ตัวช้ีวัด : 4. เปรียบเทียบจดุ เดือดจดุ หลอมเหลวของสารบรสิ ุทธแิ์ ละสารผสมโดยการวดั อุณหภมู เิ ขียนกราฟแปลความหมาย ข้อมูลจากกราฟหรอื สารสนเทศ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1.เปรียบเทียบจุดเดือด จุดหลอมเหลวของสารบริสุทธแิ์ ละสารผสมได้ 2.เขียนกราฟแสดงจุดเดอื ด จดุ หลอมเหลวของสารบรสิ ุทธแ์ิ ละสารผสมได้ 3.แปลความหมายข้อมลู จากกราฟได้ สาระสำคัญ : สารบรสิ ทุ ธิ์ประกอบด้วยสารเพียงชนดิ เดยี ว แตล่ ะชนดิ มีสมบตั บิ างประการทเี่ ปน็ คา่ เฉพาะตวั เชน่ จดุ เดือด และจุดหลอมเหลวคงท่ี สว่ นสารผสม ประกอบดว้ ยสารตง้ั แต่ ๒ ชนิดข้ึนไป มจี ุดเดอื ดและจุดหลอมเหลวไม่คงที่ ขนึ้ อยกู่ บั ชนดิ และสดั ส่วนของสารที่ผสมอยดู่ ว้ ยกัน 1.ดา้ นความรู้ จุดเดือด จดุ หลอมเหลวของสารบริสุทธ์แิ ละสารผสม 2.ด้านทกั ษะ/กระบวนการ 2.1ทักษะทางวทิ ยาศาสตร์ 2.1.1 ทักษะการสงั เกต 2.1.2 ทักษะการวัด 2.1.3 ทักษะการลงความเหน็ จากขอ้ มูล 2.1.4 ทักษะการใชจ้ ำนวน หรอื ทกั ษะการคำนวณ 2.1.5 ทกั ษะการทดลอง 2.1.6 ทักษะการตีความหมายและลงข้อสรุป 2.2ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 2.2.1 ดา้ นนการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณและการแกป้ ญั หา 2.2.2 ทักษะความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผนู้ ำ

3.เจตคติทางวิทยาศาสตร์ 3.1 ความมุ่งมั่น มานะ อดทน 3.2 ความใจกว้าง 3.3 การยอมรบั ความเหน็ ต่าง 3.4 ความซ่ือสัตย์ 3.5 ความละเอียดรอบคอบ ชน้ิ งาน/ภาระงาน 1.สรา้ งกราฟการวัดอุณหภมู ิจดุ เดอื ด จุดหลอมเหลวของสารบรสิ ุทธิ์และสารผสม กจิ กรรมการเรยี นรู้ (รูปแบบการจัดการเรียนร้แู บบ STEAM โดยใช้ปญั หาเป็นฐาน) ขั้นตอนที่ 1 : ระบุปัญหา 1.1 ครกู ระตุ้นผเู้ รยี นโดยการทบทวนความรเู้ ดมิ เรอื่ งการเปลย่ี นสถานะของสารบรสิ ทุ ธ์ิและสารผสม 1.2 ครูกระตุ้นผู้เรียนโดนการใช้คำถามนักเรียนคดิ วา่ ในชวี ติ ประจำวนั มีสารบรสิ ทุ ธ์ิและสารผสมอะไรบ้าง และสารบรสิ ุทธิ์และสารผสมแตกต่างกันอยา่ งไร (แนวคำตอบ สารบริสุทธิ์ คือสารทป่ี ระกอบดว้ ยสารเพียงชนดิ เดยี ว อาจเป็นของแข็ง ของเหลว หรอื กา๊ ซกไ็ ด้ ซ่งึ มีจดุ เดือดและจุดหลอมเหลวคงที่ สารผสม คือสารบรสิ ุทธติ์ ง้ั แต่ 2 ชนดิ ข้ึนไปมจี ดุ เดือดและจดุ หลอมเหลว ไมค่ งท่ี ) ขัน้ ตอนท่ี 2 : รวบรวมขอ้ มลู และออกแบบวธิ กี ารแก้ปัญหา 2.1 ครูทำการแบง่ กลุ่มผ้เู รยี นจำนวน 5 กลมุ่ กลุ่มละ 6 คน โดยใช้การสมุ่ ผู้เรียน และให้ผู้เรียนแตล่ ะกลมุ่ มีประธานกลุ่มและเลขา 2.2 นกั เรียนแต่ละกลมุ่ รับชุดกิจกรรมการเรียนเรอ่ื งจดุ เดอื ด จดุ หลอมเหลวของสารบริสทุ ธแิ์ ละสารผสม จากนน้ั ศึกษาข้อมูลจากชดุ กิจกรรมทีค่ รใู ห้ไปจากนน้ั กเ็ ร่มิ ทำการทดลองตามชุดกจิ กรรม 2.2.1 นกั เรียนเตรยี มอปุ กรณท์ จ่ี ะทำการทดลองเร่อื งจดุ เดอื ด จุดหลอมเหลวของสารบรสิ ทุ ธ์แิ ละสารผสม 2.2.2 เติมน้ำเปลา่ (สารบริสทุ ธิ)์ ลงไปในบีกเกอร์ปรมิ าตร 60 ml จากน้ันนำบีกเกอรไ์ ปตงั้ ไวบ้ นตะเกยี ง แอลกอฮอล์นำเทอรม์ อมิเตอรจ์ ่มุ ลงไปในนำ้ โดยไม่ให้เทอร์มอมิเตอรส์ มั ผสั กบั บีกเกอร์โดยใช้ชดุ ขาต้งั และมือจับ ยดึ ไว้ จากนั้นสงั เกตและอา่ นค่าทกุ ๆ 1 นาทจี นน้ำเดอื ดแลว้ อ่านอณุ ภูมติ อ่ ไปอีก 10 นาที และบนั ทึกข้อมลู (กจิ กรรมที่ 1) 2.2.3 เติมเกลอื (สารผสม)ลงไปในบีกเกอร์ทม่ี ีน้ำเปลา่ (นำนำ้ เปลา่ มาจากกจิ กรรมที่ 1)จากน้ันนำบีกเกอร์ไป ตั้งไวบ้ นตะเกียงแอลกอฮอล์นำเทอร์มอมิเตอร์จุ่มลงไปในนำ้ ท่ผี สมเกลือโดยไมใ่ ห้เทอร์มอมิเตอรส์ มั ผัสกบั บกี เกอร์โดยใช้ชุดขาตัง้ และมือจับยดึ ไว้ใช้แท่งแก้วคนให้ละลายจนหมด จากนน้ั สังเกตและอา่ นค่าทุกๆ 1 นาที จนนำ้ เดือดแลว้ อา่ นอณุ ภมู ติ ่อไปอกี 10 นาที และบันทึกข้อมลู (กิจกรรมท่ี 2)

2.2.4 นำน้ำแขง็ (สารบรสิ ทุ ธ)์ิ ใสล่ งไปในบกี เกอร4์ -5 ก้อน จากนน้ั นำบีกเกอรไ์ ปต้งั ไว้บนตะเกียงแอลกอฮอล์ นำเทอรม์ อมเิ ตอร์จุ่มลงไปในนำ้ แข็งโดยไม่ใหเ้ ทอร์มอมเิ ตอร์สัมผัสกับบกี เกอรโ์ ดยใชช้ ุดขาตงั้ และมือจับยดึ ไว้ จากนน้ั สงั เกตและอา่ นคา่ ทกุ ๆ 1 นาทจี นน้ำเดอื ดแลว้ อ่านอณุ ภมู ิตอ่ ไปอีก 10 นาที และบนั ทกึ ขอ้ มลู (กจิ กรรมท่ี 3) 2.2.4 นำแท่งเทยี นขี้ผงึ้ (สารผสม)ใสล่ งไปในบกี เกอร์ 2-3 แท่ง จากน้ันนำบกี เกอรไ์ ปตัง้ ไวบ้ นตะเกียงแอลกอฮอล์ นำเทอรม์ อมิเตอร์จุ่มลงไปในบีกเกอรท์ ี่มแี ทง่ เทียน โดยไมใ่ หเ้ ทอร์มอมเิ ตอรส์ มั ผสั กับบกี เกอร์โดยใช้ชุดขาตง้ั และ มือจบั ยดึ ไว้ จากนัน้ สังเกตและอ่านค่าทุกๆ 1 นาทีจนนำ้ เดือดแลว้ อ่านอณุ ภมู ติ ่อไปอกี 10 นาที และบันทกึ ข้อมูล (กิจกรรมท่ี 4) 2.3 ครูให้ผูเ้ รียนออกแบบกราฟการวัดอณุ หภูมจิ ดุ เดอื ด จดุ หลอมเหลวของสารบรสิ ทุ ธิแ์ ละสารผสม ขน้ั ตอนท่ี 3 : สงั เคราะห์ขอ้ มูล 3.1 ครูให้นกั เรียนทุกกลมุ่ ร่วมกนั สังเคราะหข์ อ้ มูลท่ีไดจ้ ากทำการทดลองว่าแต่ละกลุ่มพบปญั หาอะไรบ้าง 3.2 พอเจอปญั หาแล้วนักเรยี นมกี ารแกป้ ญั หาท่ีเกิดข้นึ นนั้ ไดอ้ ยา่ งไร 3.3 นักเรยี นทกุ กลุม่ นำเสนอกราฟของแตล่ ะกลมุ่ วา่ เหมอื นหรือแตกต่างกนั อยา่ งไร ขั้นตอนท่ี 4 : ดำเนนิ การแก้ปญั หา 4.1 ครอู ภิปรายและตั้งคำถามผูเ้ รยี นถงึ ความแตกต่างระหวา่ งจดุ เดือด จุดหลอมเหลวของสารบริสุทธ์ิและสารผสม 4.2 ใหผ้ ู้เรยี นแต่ละกลมุ่ สรา้ งกราฟการวดั อุณหภูมจิ ุดเดือด จดุ หลอมเหลวของสารบริสุทธ์ิและสารผสมทไี่ ดจ้ าก การสังเกตและบนั ทกึ ขอ้ มลู จากการทำการทดลอง 4.3 ครเู ปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นซกั ถามสิง่ ทอี่ ยากรเู้ พ่ิมเติมในเรอ่ื งทย่ี ังสงสัยหรือไม่เข้าใจ ขั้นตอนที่ 5 : นำเสนอและอภปิ รายผลงาน 5.1 ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ นำเสนอกราฟจดุ เดือด จุดหลอมเหลวของสารบรสิ ุทธิแ์ ละสารผสม 5.2 ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั อภิปรายและแลกเปลย่ี นความคิดกบั กลุ่มอนื่ ๆภายในห้องเรยี น ขัน้ ตอนท่ี 6 : ประเมินผล 6.1 ประเมนิ ด้านความรู้ โดยใช้เกณฑ์การประเมินแบบ Rubric Score -ประเมนิ โดยการทำการทดลอง การนำเสนอผลการทดลอง โดยใชแ้ บบทดสอบเร่ืองจุดเดือด จุดหลอมเหลวของสารบริสทุ ธิ์ ใช้เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubric Score 6.2 ประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 -ประเมนิ โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมที่โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรม 6.3 ประเมินดา้ นเจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ -ประเมินโดยการสงั เกตพฤติกรรมทีโ่ ดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรม สือ่ /นวัตกรรม และแหล่งเรียนรู้ 1. ชุดกิจกรรมการเรยี นเรอื่ งจุดเดอื ด จดุ หลอมเหลวของสารบริสุทธ์ิและสารผสม

การวดั และประเมินผล ประเด็นการประเมนิ วิธกี ารประเมนิ เครื่องมอื เกณฑ์ 1.ดา้ นความรู้ -การทำการทดลอง -แบบทดสอบ ผ่านเกณฑไ์ ม่ตำ่ กวา่ 1.1 จดุ เดือด -การนำเสนอผลการทดลอง -แบบประเมนิ จุดหลอมเหลวของ Rubric Score ร้อยละ 75 สารบรสิ ทุ ธิ์และสารผสม สงั เกต แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ประเมินระดับดี 2. ด้านทักษะ/กระบวนการ พฤตกิ รรม 2.1 ทกั ษะกระบวนการทาง แบบสังเกตพฤติกรรม ขน้ึ ไป วทิ ยาศาสตร์ สงั เกต 2.1.1 ทักษะการสังเกต พฤติกรรม ผา่ นเกณฑป์ ระเมินระดบั ดี 2.1.2 ทกั ษะการวัด ขึน้ ไป 2.1.3 ทกั ษะการลงความเห็น จากขอ้ มลู 2.1.4 ทักษะการใช้จำนวน หรอื ทักษะการคำนวณ 2.1.5 ทักษะการทดลอง 2.1.6 ทกั ษะการตีความหมาย และลงขอ้ สรปุ 2.2 ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 2.2.1 ดา้ นนการคดิ อย่างมี วจิ ารณญาณและการ แกป้ ญั หา 2.2.2 ทกั ษะความรว่ มมือ การ ทำงานเป็นทมี และภาวะผนู้ ำ 3. ดา้ นคุณลักษณะ / เจตคติ 3.1 ความมงุ่ ม่นั มานะ อดทน 3.2 ความใจกวา้ ง 3.3 การยอมรบั ความเหน็ ตา่ ง 3.4 ความซ่ือสัตย์ 3.5 ความละเอยี ดรอบคอบ

แบบบนั ทกึ หลังการสอน ประเด็นปญั หาท่พี บ พฤติกรรมท่ีพบ แนวทางแกไ้ ข 1. ด้านพฤตกิ รรมผเู้ รยี น 2. ดา้ นการเรียนการสอน

แบบประเมนิ ด้านความรู้ กำหนดเกณฑ์ประเมนิ ไวท้ รี่ ้อยละ 75 เปน็ เกณฑ์ผา่ น ลำดับ ช่อื - นามสกุล ผลการประเมินความรู้ รวม คดิ เป็น สรปุ ที่ 1 2 3 (20คะแนน) ร้อยละ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25

ลำดับ ช่ือ - นามสกลุ ผลการประเมนิ ความรู้ รวม คิดเปน็ สรุป ท่ี 1 2 3 (20คะแนน) รอ้ ยละ 26 27 28 29 30 31 32 ภาพรวม * 1 หมายถงึ ผลการประเมินดา้ นความรูจ้ ากการทดสอบคะแนนเต็ม 10 คะแนน 2 หมายถงึ ผลการประเมนิ ด้านความรูจ้ ากการประเมนิ ชิ้นงานคะแนนเตม็ 5 คะแนน 3 หมายถึง ผลการประเมนิ ด้านความรู้จากการประเมินผลการนำเสนองานคะแนนเต็ม 5 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 4.51 – 5.00 ระดับ ดเี ย่ยี ม คะแนนเฉลยี่ ระหวา่ ง 3.51 – 4.50 ระดบั ดีมาก 2.51 – 3.50 ระดบั ดี 1.51 – 2.50 ระดบั พอใช้ 1.00 – 1.50 ระดับ ปรับปรุง ลงชอื่ ……………………………………….ผู้ประเมนิ .........../............/.............

แบบประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ทักษะทางวทิ ยาศาสตร์* รวม (25คะแนน) ลำดบั ช่ือ - นามสกุล 1.ทกั ษะกระบวนการทางวิทย์ 2. ทักษะ ค่าเฉล่ยี ระดบั ที่ C 21 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 1.6 2.1 2.2 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25

ทกั ษะทางวิทยาศาสตร์* รวม (25คะแนน) ลำดับ ช่อื - นามสกลุ 1.ทักษะกระบวนการทางวิทย์ 2. ทกั ษะ คา่ เฉลย่ี ระดับ ท่ี C 21 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 1.6 2.1 2.2 27 28 29 30 31 32 ภาพรวม * 1.1ทกั ษะการสังเกต 1.2 ทักษะการวดั 1.3 ทักษะการลงความเหน็ จากข้อมลู 1.4 ทกั ษะการใช้จำนวน หรือทกั ษะการคำนวณ 1.5 ทกั ษะการทดลอง 1.6 ทกั ษะการตคี วามหมายและลงข้อสรุป 2.1 ด้านนการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณและการแก้ปญั หา 2.2 ทักษะความร่วมมอื การทำงานเปน็ ทมี และภาวะผู้นำ ระดับคณุ ภาพ 4.51 – 5.00 ระดบั ดเี ยี่ยม คะแนนเฉลีย่ ระหวา่ ง 3.51 – 4.50 ระดบั ดีมาก 2.51 – 3.50 ระดบั ดี 1.51 – 2.50 ระดับ พอใช้ 1.00 – 1.50 ระดับ ปรบั ปรุง ลงชอื่ ……………………………………….ผู้ประเมิน .........../............/.............

แบบประเมินเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ เจตคติทางวิทยาศาสตร*์ ลำดบั ช่ือ - นามสกุล 1.1ความ 1.2ความ 1.3ความ 1.4ความ รวม ค่าเฉล่ยี ระดบั ที่ มุ่งมนั่ มานะ ใจกว้าง ซ่ือสัตย์ ละเอียด (20 คะแนน) รอบคอบ อดทน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25

เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์* ลำดับ ชื่อ - นามสกลุ 1.1ความ 1.2ความ 1.3ความ 1.4ความ รวม คา่ เฉลย่ี ระดบั ที่ มงุ่ มนั่ มานะ ใจกว้าง ซอ่ื สตั ย์ ละเอียด (20 คะแนน) อดทน รอบคอบ 26 27 28 29 30 31 32 ภาพรวม ระดับคุณภาพ 4.51 – 5.00 ระดบั ดเี ยีย่ ม คะแนนเฉลยี่ ระหวา่ ง 3.51 – 4.50 ระดับ ดีมาก 2.51 – 3.50 ระดบั ดี 1.51 – 2.50 ระดบั พอใช้ 1.00 – 1.50 ระดับ ปรบั ปรุง ลงชอ่ื ……………………………………….ผปู้ ระเมนิ .........../............/............

เกณฑใ์ นการประเมินชนิ้ งานและการนำเสนองานดว้ ยการใหค้ ะแนนรูบรคิ ประเดน็ การประเมินช้นิ งานและการนำเสนองาน เกณฑก์ ารให้คะแนน 1. ด้านเนอื้ หา 2. ดา้ นความคิดสร้างสรรค์ 3. การนำเสนอ ปฏบิ ตั ิ 5 ขอ้ : 5 คะแนน ปฏิบัติ 4 ข้อ : 4 คะแนน 1.1 เนอื้ หาสอดคลอ้ งกับ 2.1 สดั สว่ นองคป์ ระกอบชดั เจน 3.1 มที า่ ทางการพูดอยา่ ง ปฏบิ ตั ิ 3 ข้อ : 3 คะแนน ปฏิบัติ 2 ขอ้ : 2 คะแนน หัวข้อและครบถ้วน มีความคิดสรา้ งสรรค์ สะอาด ม่นั ใจ พูดนำเสนอและอธบิ าย ปฏบิ ัติ 1 ขอ้ : 1 คะแนน สมบูรณ์เชอ่ื มโยงเน้อื หา มสี ีสนั สวยงาม ได้ถกู ต้อง มีความพรอ้ มใน ถูกต้อง การนำเสนอโดยมีวธิ ีการ นำเสนอท่ีหลากหลายและ น่าสนใจ 1.2 เน้อื หาสอดคล้องกบั 2.2 สดั ส่วนองคป์ ระกอบชดั เจน 3.2 มที ่าทางการพูดอยา่ ง หวั ข้อและครบถ้วน ความคิดสร้างสรรค์ สะอาด มั่นใจ พดู นำเสนอและอธิบาย สมบรู ณเ์ ชือ่ มโยงเน้อื หา มสี สี นั สวยงาม ได้ถกู ต้อง มคี วามพร้อมใน ถกู ต้อง การนำเสนอ โดยการนำเสนอ ท่ไี ม่หลากหลาย 1.3 เนื้อหาสอดคลอ้ งกับ 2.3 สดั ส่วนองคป์ ระกอบชดั เจน 3.3 มที ่าทางการพดู อย่าง หัวข้อและครบถว้ น ความคดิ สร้างสรรค์ สะอาด มน่ั ใจ พูดนำเสนอและอธบิ าย สมบูรณ์เชื่อมโยงเนื้อหา ได้ถกู ต้อง มีความพร้อมใน คอ่ นข้างถกู ต้อง การนำเสนอ 1.4 เนอ้ื หาสอดคลอ้ งกับ 2.4 สดั สว่ นองคป์ ระกอบชดั เจน 3.4 มที ่าทางการพูดอย่าง หัวขอ้ และครบถว้ น มคี วามคดิ สร้างสรรค์ มั่นใจและมกี ารพูดนำเสนอ สมบูรณ์เชอ่ื มโยงเนื้อหาไม่ อธบิ ายได้ถกู ต้อง ถกู ตอ้ งครบถ้วนสมบรณ์ 1.5 เน้อื หาสอดคล้องกบั 2.5 สัดส่วนองคป์ ระกอบชดั เจน 3.5 มที า่ ทางการพดู ไดอ้ ย่าง หัวขอ้ แตไ่ มค่ รบถ้วน ม่นั ใจ สมบูรณ์

เกณฑ์ในการประเมนิ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ดว้ ยการใหค้ ะแนนรบู รคิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1. ทักษะการสังเกต ปฏิบตั ิ 5 ขอ้ : 5 คะแนน พฤติกรรมที่แสดงออก ปฏบิ ตั ิ 4 ข้อ : 4 คะแนน 1. ใชป้ ระสาทสมั ผสั อยางใดอยา่ งหนึง่ หรอื หลายอย่าง ปฏิบัติ 3 ข้อ : 3 คะแนน ปฏิบตั ิ 2 ขอ้ : 2 คะแนน รวมกันเพ่อื สมั ผสั โดยตรงกบั วตั ถุ ประสบการณ์ หรอื ปฏบิ ัติ 1 ขอ้ : 1 คะแนน สถานการณ์ 2. บันทึกการสงั เกตในเชิงคุณภาพ 3. บนั ทกึ การสังเกตในเชงิ ปริมาณ 4. ไมใ่ สค่ วามคดิ เห็นสว่ นตัวของผ้สู ังเกตลงไปในสิ่งที่ สงั เกต 5. บันทึกการสังเกตในเชิงการเปล่ียนแปลง 2. ทักษะการวดั พฤติกรรมตามลำดับข้นั 1.สามารถใช้เครื่องมือในการวดั ไดถ้ ูกตอ้ ง 2.เลอื กใชเ้ ครอ่ื งมือได้เหมาะสมกับการทดลอง 3.สามารถอ่านค่าทีไ่ ดจ้ ากการวัดได้ 4.อ่านคา่ จากการวดั ไดถ้ ูกต้องและครบถว้ น 5.บันทกึ ผลการทดลองไดค้ ลอ่ งแคล่วและเหมาะสม 3. ทกั ษะการลงความเหน็ จากขอ้ มูล พฤติกรรมตามลำดบั ขนั้ 1. รวบรวมขอ้ มลู ทไี่ ด้จากการสงั เกตอย่างเปน็ ระบบ 2. สามารถอธบิ ายเกี่ยวกับขอ้ มูลทรี่ วบรวมได้ 3. สามารถอธบิ ายผลจากการวิเคราะห์ข้อมลู ได้ 4. สร้างโมเดลความคดิ หรอื สูตรจากข้อมูลทีส่ งั เกตได้ 5. ยอมรบั การเปลี่ยนแปลงการลงความคดิ เห็นเมอื่ มี ข้อมลู เพ่ิมเตมิ

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เกณฑก์ ารให้คะแนน 4 ทักษะการใช้จำนวนหรอื ทักษะการคำนวณ ปฏิบัติ 5 ขอ้ : 5 คะแนน พฤติกรรมตามลำดบั ขัน้ ปฏบิ ตั ิ 4 ขอ้ : 4 คะแนน 1.สามารถบวก ลบ คูณ หาร ได้ ปฏิบัติ 3 ข้อ : 3 คะแนน 2.สามารถคำนวณตัวเลขการจากการทำการลอง ปฏบิ ัติ 2 ขอ้ : 2 คะแนน ปฏิบัติ 1 ขอ้ : 1 คะแนน ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 3.สามารถอธิบายไดว้ า่ ตวั เลขท่ไี ดม้ าคืออะไร 4.สามารถใช้ตัวเลขมาสทอ่ ความหมายของการทำการ ทดลองได้ 5.บันทกึ ผลการทดลองได้คลอ่ งแคลว่ และเหมาะสม 5.ทักษะการทดลอง พฤติกรรมตามลำดับขนั้ 1.กำหนดวิธกี ารทดลองไดถ้ กู ต้องเหมาะสมคำนึงถงึ ตัวแปรต้น ตวั แปรตามและตัวแปรทีต่ อ้ งควบคุม 2.ระบุอปุ กรณ์หรือสารเคมีท่ีจะต้องใชใ้ นการทดลอง ถกู ตอ้ งและเหมาะสม 3.ปฏบิ ัติการทดลองได้ 4.ใชอ้ ปุ กรณห์ รือสารเคมีได้ถูกตอ้ ง 5.บันทึกผลการทดลองไดค้ ลอ่ งแคล่วและเหมาะสม 6. ทักษะการตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรุป พฤติกรรมตามลำดับข้ัน 1.ตีความหมายของขอ้ มูลท่มี อี ยู่อยา่ งตรงไปตรงมา 2. ตีความหมายข้อมลู ท่มี อี ยอู่ ยา่ งตรงไปตรงมาและ คล่องแคลว่ 3. บรรยายลักษณะของข้อมลู ท่ีมีอยไู่ ด้ 4. บรรยายสมบตั ิของข้อมลู ทีม่ ีอยไู่ ด้ 5. ใช้ทกั ษะอ่ืนๆ เช่น การสงั เกต การคำนวณ ประกอบการตคี วามหมายขอ้ มูล 1 ทักษะ

เกณฑก์ ารประเมนิ ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 เกณฑก์ ารให้คะแนน 1.ทกั ษะดา้ นการคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณและ ปฏบิ ัติ 5 ขอ้ : 5 คะแนน การแกป้ ญั หา ปฏบิ ตั ิ 4 ข้อ : 4 คะแนน ปฏิบัติ 3 ขอ้ : 3 คะแนน พฤตกิ รรมทพี่ งึ มี ปฏิบัติ 2 ขอ้ : 2 คะแนน 1. คิด วเิ คราะห์ และแยกแยะได้ ปฏบิ ัติ 1 ขอ้ : 1 คะแนน 2. ตดั สินใจและแกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ ได้ 3. นำเสนอสงิ่ ที่คิดและแลกเปล่ียนความคิด กบั ผู้อ่นื ได้ 4. มีความละเอยี ดรอบคอบ 5. แกป้ ญั หาที่ซับซ้อนและวเิ คราะห์ใน เชิงลึก 2.ทกั ษะความรว่ มมือ การทำงานเป็นทีมและ ภาวะผู้นำ พฤตกิ รรมท่ีพึงมี 1. รบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ นื่ 2. เคารพซง่ึ กันและกัน 3. ทำงานร่วมกนั อยา่ งมีเหตุผล 4. มคี วามละเอียดรอบคอบ 5. มขี นั้ ตอนการทำงานอย่างเป็นระบบ

เกณฑ์ในการประเมนิ เจตคติทางวิทยาศาสตรด์ ว้ ยการใหค้ ะแนนรูบริค เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ เกณฑ์การให้คะแนน 1. ความมงุ่ ม่นั มานะ อดทน ปฏบิ ตั ิ 5 ข้อ : 5 คะแนน พฤติกรรมตามลำดบั ขั้น ปฏิบัติ 4 ขอ้ : 4 คะแนน 1.ไม่ยอ่ ท้อต่อการศึกษาหาขอ้ มลู ปฏิบัติ 3 ข้อ : 3 คะแนน 2. ไมย่ ่อท้อตอ่ การศึกษาหาขอ้ มูลและหลักฐาน ปฏบิ ัติ 2 ข้อ : 2 คะแนน 3. เข้าใจและยอมรับเกีย่ วกบั ส่งิ ทีต่ นเองไม่คาดคิด ปฏบิ ตั ิ 1 ขอ้ : 1 คะแนน 4. เข้าใจและยอมรบั วา่ ความส่ิงทตี่ นไมค่ าดคิด สามารถเกดิ ขน้ึ ได้ 5. มีความอดทนในการทำงานและไม่ย่อทอ้ ต่อ อุปสรรคท่เี กิดขนึ้ 2. ความใจกว้าง พฤตกิ รรมตามลำดบั ขนั้ 1.ไมย่ ่อท้อตอ่ การศึกษาหาขอ้ มูล 2. ไม่ยอ่ ทอ้ ต่อการศกึ ษาหาขอ้ มูลและหลักฐาน 3. เข้าใจและยอมรบั เกยี่ วกบั สงิ่ ท่ตี นเองไม่คาดคิด 4. เข้าใจและยอมรบั วา่ ความส่ิงทตี่ นไมค่ าดคิด สามารถเกดิ ข้ึนได้ 5. มคี วามอดทนในการทำงานและไม่ย่อทอ้ ตอ่ อุปสรรคท่ีเกดิ ขนึ้

เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 3. ความซอื่ สัตย์ ปฏบิ ัติ 5 ข้อ : 5 คะแนน พฤติกรรมท่ีแสดงออก ปฏบิ ัติ 4 ข้อ : 4 คะแนน 1. ให้ความสนใจในเรื่องทกี่ ำลังเรยี น ปฏบิ ตั ิ 3 ข้อ : 3 คะแนน 2. กระตอื รอื ร้นตอ่ การทำกจิ กรรม ปฏิบัติ 2 ขอ้ : 2 คะแนน 3. ชอบซักถามเกีย่ วกบั สง่ิ ที่ตนสงสยั ปฏิบตั ิ 1 ขอ้ : 1 คะแนน 4. รว่ มแสดงความคดิ เห็นตา่ งๆ 5. แสวงหาความรใู้ นสถานการณใ์ หม่ๆ 4.ความละเอียดรอบคอบ พฤตกิ รรมทแ่ี สดงออก 1. ดคู วามผิดพลาดของงานท่ตี นเองทำ 2.ไม่มองข้ามข้อผิดพลาดทีเ่ ลก็ น้อย 3. รแู้ ละเขา้ ใจในการทำชิ้นงาน 4. ยินยอมใหม้ ีการตรวจสอบตนเอง 5. ตรวจสอบความละเอยี ดของข้อมูลกอ่ นสง่ ทุกครั้ง

ชดุ กิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ เรือ่ ง จดุ เดือด จุดหลอมเหลว ของสารบรสิ ุทธ์ิและสารผสม ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 โรงเรียนเทศบาล ๒ วดั โพธิ์ ชอื่ …………....……………นามสกุล…………................…เลขที่……….. ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่…………………โรงเรียน………………………………

ก คานา ชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรช์ ้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ หนว่ ยการเรียนร้ยู ่อยท่ี 3 เรื่องจุดเดอื ด จดุ หลอมเหลวของสารบริสุทธแ์ิ ละสารผสม ชุดกิจกรรมการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ชดุ นี้ถกู จดั ทาขึน้ เพอ่ื ใหน้ ักเรยี น ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ ไดศ้ กึ ษาตามตัวชี้วดั หลักสตู รการเรียนรูแ้ กนกลางการศกึ ษา ขนั้ พ้ืนฐาน พ.ศ.๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) จัดทากจิ กรรมการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์โดยจะคานึงถงึ การเรียนรขู้ องผเู้ รยี น เพราะฉะนั้นการเรียนรไู้ มไ่ ดข้ ึน้ อยู่ กบั การบรรยายทฤษฎีอย่างเดยี วเราะอาจทาให้ผเู้ รียนไม่เข้าใจและอาจทาใหก้ ารเรยี น การสอนเปน็ ไปแบบไมม่ ปี ระสิทธภิ าพ และทาให้ผูเ้ รียนขาดเจตคติ ทักษะและ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ชดุ กิจกรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรน์ ้จี ะทาใหผ้ ูเ้ รยี นได้ เรียนร้มู ากขน้ึ และอาจจะทาใหผ้ เู้ รียนมีประสิทธภิ าพมากยงิ่ ขึน้ อีกด้วย ผู้จัดทากจิ กรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์น้หี วังอยา่ งยิ่งว่าชดุ กิจกกรมนจ้ี ะ ทาให้ผเู้ รยี นได้เรยี นรู้เกย่ี วกับจุดเดือดและจุดหลอมเหลวของสารบริสทุ ธ์แิ ละสารผสม มากยิง่ ขนึ้ และยังเปน็ ประโยชนต์ อ่ ผู้เรยี นทาใหผ้ ู้เรียนได้นาการเรยี นรู้จากกจิ กรรมน้ี ไปใชใ้ นการเรยี นรู้ตอ่ ไป ผู้จดั ทา นางสาวธดิ ารัตน์ คุณเอนก

สารบัญ ข เรอื่ ง หนา้ คานา ก สารบญั ข คาชแี้ จง 1 กิจกรรมท่ี 1 2 กจิ กรรมที่ 1.1 3 กจิ กรรมที่ 2 4 กจิ กรรมที่ 2.2 5 กจิ กรรมท่ี 3 6 กิจกรรมที่ 3.1 7 กจิ กรรมที่ 4 8 กิจกรรมที่ 4.1 9 ใบความรู้ เรื่องจุดเดือดและจดุ หลอมเหลว 10 ใบความร้เู รอ่ื ง สารบริสุทธิ์และสารผสม 11 ใบความรู้เร่ือง สารบริสุทธแิ์ ละสารผสม 12 แบบทดสอบ 13-15 เฉลยแบบทดสอบ 16

คาช้ีแจง 1กก 1. ใหผ้ ู้เรียนอ่านคาแนะนาอย่างละเอียด 2.ให้ผ้เู รียนแบ่งกลุม่ เป็น 5 กลุม่ กลุ่มละเทา่ ๆ กนั ตามจานวนของผเู้ รียน 3.ให้ผเู้ รียนทาความเข้าใจถงึ จดุ ประสงค์การทากจิ กรรม 4.ใหผ้ เู้ รยี นศึกษาและทาความเขา้ ใจเกี่ยวกับเร่ืองจุดเดือด จดุ หลอมเหลว ของสารบริสทุ ธ์แิ ละสารผสม 5.ใหผ้ ู้เรยี นศกึ ษาและปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนอย่างละเอียด 6.ให้นักเรียนทาแบบทดสอบหลงั การทากิจกรรม 7.นกั เรียนตอ้ งฝึกการทางานเป็นกลุ่มและทาตามขั้นตอนอยา่ งเป็นระบบ

2 กิจกรรมท่ี 1 เรือ่ ง จุดเดอื ดของสารบรสิ ทุ ธิ์ จุดประสงค์ เพ่ืออธิบายเก่ียวกับจดุ เดือดของสารบริสทุ ธ์ิ อุปกรณ์ 1.น้าเปลา่ 2.บีกเกอร์ 3.ตะเกยี งแอลกอฮอล์ 4.เทอรม์ อมเิ ตอร์ 5.ชดุ ขาตงั้ และมอื จับ วิธีทา 1.เติมน้าเปลา่ (สารบรสิ ทุ ธ)์ิ ลงไปในบกี เกอร์ปรมิ าตร 60 ml 2.นาบกี เกอรไ์ ปตง้ั ไวบ้ นตะเกยี งแอลกอฮอล์ 3.นาเทอร์มอมิเตอร์จุ่มลงไปในน้าโดยไมใ่ หเ้ ทอรม์ อมเิ ตอรส์ มั ผสั กับบีกเกอร์ โดยใชช้ ดุ ขาตง้ั และมอื จับยึดไว้ 4.จากนน้ั สังเกตและอ่านคา่ ทกุ ๆ 1 นาทจี นนา้ เดอื ดแลว้ อา่ นอุณภมู ิต่อไป อกี 10 นาที และบันทกึ ขอ้ มูล