Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

Published by Suttirat Srisawat, 2021-09-27 19:52:48

Description: การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

Search

Read the Text Version

2 โครงสร้างอะตอม จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. สร้างแบบจำลองที่อธิบายโครงสร้างอะตอมที่ประกอบด้วย โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน 2. อธิบายโครงสร้างอะตอมที่ประกอบด้วย โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอนโดยใช้แบบจำลอง คำถามชวนคิด - อะตอมเป็นหน่วยพื้นฐานของสสาร ประกอบด้วยส่วนของนิวเคลียสที่หนาแน่น มากอยู่ตรงศูนย์กลาง ล้อมรอบด้วยกลุ่มหมอก ในอะตอมมีอนุภาคมูลฐาน 3 ตัว ได้แก่ โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน นักเรียนคิดว่านิวเคลียสของอะตอมประกอบด้วย อนุภาคมูลฐานใดบ้าง นักเรียนคิดว่ามีประจุหรือไม่ อย่างไร - บริเวณรอบนอกที่ล้อมรอบด้วยกลุ่มหมอก มีอนุภาคมูลฐานที่อยู่บริเวณนั้น นักเรียนคิดว่ามีประจุหรือไม่ อย่างไร นักเรียนล่ะ เกิดคำถามหรือสงสัยอะไรบ้าง?? เดี๋ยวเราจะมาหาคำตอบจากกิจกรรมกัน

ภาระกิจ 3 ไฟล์เอกสารความรู้ เรื่อง โครงสร้างอะตอม ให้แต่ละกลุ่มสร้างแบบจำลองอะตอมอธิบายโครงสร้างอะตอมที่ประกอบ ด้วย โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน โดยสามารถเลือกใช้วัสดุที่มีอยู่รอบ ตัว มีเงื่อนไขคือ นักเรียนสามารถจัดทำแบบจำลองและนำเสนอในรูปแบบใด ก็ได้ ให้มีความถูกต้องครบถ้วนและน่าสนใจ โดยกลุ่มใดสามารถจัดทำแบบ จำลองได้ถูกต้องสมบูรณ์จะได้รับรางวัล เกร็ดความรู้ STEAM เป็นแนวทางการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ ที่นำศิลปะมาบูรณาการกับการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และ คณิตศาสตร์ ปัจจัยสำคัญในการนำแนวคิด STEAM มาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ คือ บริบท (Context) การออกแบบสร้างสรรค์ (Creative Design) และการสร้าง ความจับใจ (Emotional Touch) ในการออกแบบกิจกรรมสร้างสรรค์ การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning : PBL) คือ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ปัญหาที่ใกล้ตัวและพบเจอในชีวิตประจำวันเป็นตัวนำ หรือเป็นฐานในการจัดการเรียนรู้ เพื่อนำมาสู่การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้เพื่อจัดการกับ ปัญหาดังกล่าว

ออกแบบแบบจำลอง 4 ให้นักเรียนออกแบบแบบจำลองที่อธิบายโครงสร้างอะตอม ที่ประกอบด้วยโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน แบบจำลองโครงสร้างอะตอม

คำนวณงบประมาณ 5 ให้นักเรียนลองคำนวณงบประมาณของอุปกรณ์ที่นำมาใช้ จัดทำแบบจำลองที่อธิบายโครงสร้างอะตอมที่ประกอบด้วย โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน คำนวณงบประมาณ จำนวน ราคา อุปกรณ์ (ชิ้น) (บาท) รวมจำนวนเงิน

6 ผลงานของเรา ติดรูปผลงาน ใส่เครื่องหมายถูกบนดาวให้คะแนน ความภูมิใจผลงานตัวเอง

7 อภิปรายผลงาน จุดเด่น จุดด้อย ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ความคุ้มทุน ข้อเสนอแนะ ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... ......................................... .........................................

8 แบบทดสอบ คำชี้แจง : แบบทดสอบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 10 ข้อ คะเเนนเต็ม 10 คะเเนน ให้นักเรียนเลือกตอบข้อที่ถูกต้องที่สุด 1. อะตอมประกอบไปด้วยโปรตอนและอิเล็กตรอนในจำนวนที่เท่า ๆ กัน คือ แบบจำลองอะตอมของใคร ก. ดอลตัน ข. ทอมสัน ค. รัทเทอร์ฟอร์ด ง. โบร์ 2. ข้อใดกล่าวถูกต้อง ก. ธาตุต่างชนิดกันมีมวลต่างกันหรือมีนิวตรอนต่างกันเรียกว่าไอโซโทป ข. มวลของอะตอม คือ มวลของโปรตอนกับอิเล็กตรอนในนิวเคลียส ค. มวลของอะตอม คือ มวลของโปรตอนกับนิวตรอนในนิวเคลียส ง. เลขอะตอมจะบอกถึงจำนวนโปรตอนและจำนวนนิวตรอนในอะตอม 3. อนุภาคข้อใดที่มีมวลใกล้เคียงกัน ก. โปรตอน อิเล็กตรอน และนิวตรอน ข. โปรตอนกับอิเล็กตรอน ค. นิวตรอนกับอิเล็กตรอน ง. โปรตอนกับนิวตรอน 4. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับแบบจำลองอะตอมของรัทเทอร์ฟอร์ด ก. โปรตอนและอิเล็กตรอนรวมกันเป็นนิวเคลียสของอะตอม ข. นิวเคลียสมีขนาดเล็กมากและมีมวลมาก ภายในประกอบด้วยอนุภาคโปรตอน ค. นิวเคลียสเป็นกลางทางไฟฟ้าเพราะประจุของโปรตอนกับของอิเล็กตรอนเท่ากัน ง. อะตอมของธาตุประกอบด้วยอนุภาคโปรตอนและอิเล็กตรอนกระจัดกระจาย อยู่ภายในด้วยจำนวนเท่ากัน 5. แบบจำลองอะตอมของทอมสันและแบบจำลองอะตอมของรัทเทอร์ฟอร์ดต่างกันอย่างไร ก. ชนิดของอนุภาคในอะตอม ข. ขนาดอนุภาคในอะตอม ค. จำนวนอนุภาคในอะตอม ง. ตำแหน่งของอนุภาคในอะตอม

9 แบบทดสอบ 6. จากการทดลองของโกลด์สไตน์ ทำให้ทราบได้ว่า ก. รังสีบวกเกิดจากแก๊สที่บรรจุภายใน ข. รังสีบวกไม่มีประจุไม่มีมวล ค. รังสีบวกมีมวลเท่ากันเสมอ ง. รังสีบวกมีอัตราส่วนประจุคงที่ 7. เราทราบมวลอิเล็กตรอนจาการทดลองของใคร ก. ทอมสัน ข. มิลลิแกน ค. รัทเทอร์ฟอร์ด ง. ทอมสันและมิลลิแกน 8. ข้อใดไม่ใช่แบบจำลองอะตอมของดอลตัน ก. อะตอมมีขนาดเล็กแบ่งแยกไม่ได้ ข. อะตอมของธาตุชนิดเดียวกันมีสมบัติเหมือนกัน ค. อะตอมของธาตุต่างชนิดมีมวลนิวตรอนเท่ากันได้ ง. ธาตุทำปฏิกิริยาด้วยอัตราส่วนเลขลงตัวน้อย ๆ 9. เลขอะตอมของธาตุ คือข้อใด ก. จำนวนอิเล็กตรอนในอะตอมของธาตุ ข. จำนวนโปรตอนในอะตอมของธาตุ ค. จำนวนนิวตรอนในอะตอมของธาตุ ง. จำนวนโปรตอนกับนิวตรอนในอะตอมของธาตุ 10. อนุภาคใดมีสภาพเป็นกลางทางไฟฟ้า คะแนนที่ทำได้ ก. อิเล็ตรอน ข. นิวตรอน ค. โปรตอน ง. ทั้ง ก. ข. ค. ไม่มีอนุภาคใด เป็นกลางทางไฟฟ้า

10 เฉลย 1ข 2ค 3ง 4ข 5ง 6ก 7ข 8ค 9ข 10 ข

เอกสารหมายเลข 4 แบบบันทกึ หน่วยการเรยี นรู้ย่อย (แผนการจดั การเรียนร)ู้ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรือ่ ง อะตอม ธาตแุ ละสารประกอบ หนว่ ยการเรยี นรยู้ ่อยท่ี 7 เร่อื ง การจดั เรยี งอนุภาค และแรงยึดเหนย่ี วระหวา่ งอนภุ าค รหสั วชิ า/ชอ่ื วิชา วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 เวลา 3 ชัว่ โมง ผู้สอน นางสาวจริ าภรณ์ ปอ้ งพระราช โรงเรียน กาญจนาภิเษกวิทยาลยั ฉะเชิงเทรา มาตรฐานการเรียนร:ู้ ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสมบตั ิของสสารกบั โครงสรา้ งและแรงยึดเหนย่ี วระหวา่ งอนภุ าค หลักและธรรมชาตขิ องการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี ตวั ช้วี ดั : 9. อธบิ ายและเปรยี บเทียบการจดั เรยี งอนุภาค แรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ งอนภุ าค และการเคลอ่ื นท่ขี องอนภุ าคของ สสารชนิดเดียวกนั ในสถานะ ของแขง็ ของเหลว และแกส๊ โดยใช้แบบจาลอง จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สร้างแบบจาลองการจดั เรียงอนุภาค แรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ งอนภุ าค และการเคลือ่ นทีข่ องอนภุ าคของสสารชนิด เดยี วกนั ในสถานะ ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส 2. อธิบายและเปรยี บเทียบการจัดเรยี งอนภุ าค แรงยึดเหนย่ี วระหว่างอนภุ าค และการเคลือ่ นทีข่ องอนุภาคของสสาร ชนดิ เดยี วกนั ในสถานะ ของแขง็ ของเหลว และแกส๊ โดยใช้แบบจาลอง สาระสาคญั : สสารทกุ ชนดิ ประกอบด้วยอนุภาค โดยสารชนดิ เดยี วกันทม่ี สี ถานะของแขง็ ของเหลว แกส๊ จะมีการจัดเรยี ง อนภุ าค แรงยึดเหนย่ี วระหวา่ งอนภุ าค การเคล่ือนที่ของอนภุ าคแตกต่างกัน อนภุ าคของของแข็งเรยี งชิดกัน มแี รงยดึ เหนยี่ ว ระหวา่ งอนภุ าคมากทสี่ ดุ อนุภาคส่ันอยู่กบั ที่ ทาใหม้ รี ูปรา่ งและปรมิ าตรคงที่ อนภุ าคของของเหลวอยูใ่ กลก้ ัน มแี รงยดึ เหนีย่ ว ระหว่างอนภุ าคนอ้ ยกวา่ ของแขง็ แต่มากกวา่ แก๊ส อนุภาคเคลื่อนที่ได้แตไ่ มเ่ ปน็ อิสระ อนภุ าคของแกส๊ อยูห่ า่ งกนั มาก มแี รงยึด เหน่ยี วระหว่างอนภุ าคนอ้ ยทส่ี ุด อนภุ าคเคลอ่ื นที่ได้อยา่ งอิสระทกุ ทิศทาง ทาใหม้ ีรปู ร่างและปรมิ าตรไม่คงที่ เปา้ หมายการเรยี นร้/ู สาระการเรียนรู้ 1. ด้านความรู้ การจัดเรยี งอนภุ าค แรงยึดเหนยี่ วระหวา่ งอนุภาค และการเคลอื่ นที่ของอนภุ าคของสสารชนดิ เดยี วกันใน สถานะ ของแข็ง ของเหลว และแกส๊ 2. ทักษะสาคญั ในการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ 2.1 ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2.1.1 ทักษะการสร้างแบบจาลอง 2.1.2 ทกั ษะการจาแนกประเภท 2.1.3 ทกั ษะการจดั กระทาและสือ่ ความหมายขอ้ มลู 2.2 ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 2.2.1 ความรว่ มมือการทางานเป็นทมี และภาวะผนู้ า 2.2.2 ด้านการสร้างสรรคแ์ ละนวตั กรรม

3. เจตคติ 3.1 ความมุ่งมัน่ มานะ อดทน 3.2 ความละเอียดรอบคอบ ช้นิ งาน/ภาระงาน แบบจาลองการจัดเรียงอนุภาคและเเรงยดึ เหนย่ี วระหว่างอนภุ าค กจิ กรรมการเรียนรู้ (รปู แบบการจดั การเรยี นรู้แบบ STEAM โดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน) ขั้นตอนที่ 1 : ระบปุ ญั หา 1.1 ครสู นทนาเกี่ยวกับสง่ิ ตา่ ง ๆ ทอี่ ย่รู อบตวั นักเรยี นเพื่อทบทวนความรู้ทน่ี กั เรยี นเคยเรียนมา “นกั เรยี นรู้หรอื ไม่ว่ากอ้ นหินมสี ถานะเปน็ อยา่ งไร” “นักเรียนรไู้ ด้อยา่ งไรวา่ รอบตัวเรามอี ากาศ” 1.2 ครูใหน้ กั เรียนทบทวนความรู้ โดยพจิ ารณาคาที่ครกู าหนดให้ แลว้ ใส่เครอ่ื งหมายถกู ลงหนา้ คาทเ่ี ป็นสสาร ดงั นี้ 1. .......... ความร้อน 2. .......... อากาศ 3. .......... ก้อนหิน 4. .......... แสง 5. .......... น้าคลอง 6. .......... เสียง 7. .......... ไอน้า 8. .......... ไฟฟา้ 1.3 ครูตงั้ คาถามเพอ่ื ใหน้ กั เรียนเกดิ ประเดน็ ท่ีสนใจและกระต้นุ ใหน้ กั เรียนมองเห็นปัญหา ดงั นี้ “สสารแต่ละชนดิ ประกอบดว้ ยอนภุ าคขนาดเล็ก ซ่ึงไมส่ ามารถมองเห็นไดด้ ้วยตาเปลา่ นักเรียนเคย จนิ ตนาการหรือไม่ว่าอนุภาคขนาดเลก็ ๆ เหลา่ นปี้ ระกอบเข้าดว้ ยกนั จนเปน็ สสารในสถานะตา่ ง ๆ มีลกั ษณะการจัดเรยี งเปน็ อย่างไร และทราบหรอื ไมว่ า่ การจดั เรยี งอนภุ าคสง่ ผลต่อการเคล่ือนท่ี รูปร่าง และปริมาตรของสสารในแตล่ ะสถานะอย่างไร” และมอบหมายงานให้นกั เรียนสร้างแบบจาลองอธบิ ายและเปรยี บเทยี บการจัดเรยี งอนุภาค แรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนุภาค และการเคล่อื นท่ีของอนภุ าคของสสารชนดิ เดยี วกนั ในสถานะ ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส 1.4 ครูให้นกั เรยี นแต่ละคนมารบั ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ท่คี รเู ตรียมมาให้ ซ่ึงในชุดกจิ กรรมการเรยี นรจู้ ะประกอบไป ดว้ ยกิจกรรมต่าง ๆ และความรู้เกี่ยวกบั การจัดเรียงอนุภาค แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างอนภุ าคและการเคลื่อนทขี่ องอนุภาคของ สสารชนิดเดียวกนั ในสถานะ ของแข็ง ของเหลว และแกส๊ ซ่งึ จะเป็นข้อมลู ท่ีนักเรยี นจะนาไปใชใ้ นการออกแบบชนิ้ งานหรอื แบบจาลอง ขัน้ ตอนท่ี 2 : รวบรวมข้อมลู และออกแบบวิธีการแก้ปญั หา 2.1 ครูให้นักเรียนแตล่ ะคนสารวจ คน้ คว้า รวบรวมขอ้ มลู ในชดุ กิจกรรมท่คี รูแจกให้เพ่ือเปน็ แนวทางในการ แก้ปญั หาและสรา้ งแบบจาลองขึน้ 2.2 ครแู บง่ กลมุ่ นกั เรียน กลุ่มละ 4-5 คน โดยคละความสามารถของนกั เรียน แล้วใหเ้ ลือกประธาน และเลขานกุ าร ครไู ด้ชี้แจงบทบาทหนา้ ท่ขี องประธาน สมาชกิ และเลขานุการให้นักเรียนทุกคนเขา้ ใจ และจับสลากลาดับกลมุ่ 2.3 ครใู ห้นกั เรียนออกแบบแบบจาลองทจ่ี ะอธบิ ายและเปรียบเทยี บการจัดเรยี งอนภุ าค แรงยดึ เหน่ยี วระหวา่ ง อนุภาค และการเคลื่อนที่ของอนภุ าคของสสารชนิดเดียวกนั ในสถานะ ของแข็ง ของเหลว และแกส๊ ว่าจะทาออกมาใน รปู แบบใดจงึ จะเหมาะสมกบั ปญั หาดังกลา่ ว โดยเลือกใช้อปุ กรณ์ท่คี รจู ดั เตรยี มมาให้หรืออุปกรณท์ มี่ อี ยูร่ อบตัวนกั เรียน ข้ันตอนท่ี 3 : สงั เคราะหค์ วามรู้ 3.1 ครูใหน้ ักเรียนทกุ คนภายในกลมุ่ สงั เคราะหค์ วามรู้ทไี่ ดจ้ ากการสารวจ ค้นควา้ และรวบรวม โดยให้นกั เรยี น พูดคุยกันภายในกลมุ่ เพอ่ื หาข้อสรุปและตรวจสอบความถกู ตอ้ ง

ขัน้ ตอนที่ 4 : ดาเนนิ การแก้ปัญหา 4.1 ครใู ห้นักเรยี นแต่ละกลุ่มออกมาเลอื กอุปกรณ์ทีจ่ ะตอ้ งใชใ้ นการสรา้ งแบบจาลอง โดยเร่ิมจากกลมุ่ ท่ี 1 ท่ไี ดจ้ ับ สลากไว้แลว้ ในข้ันที่ 2 จนครบทุกกลมุ่ 4.2 ครูให้นกั เรียนลงมือสร้างแบบจาลองทไี่ ดอ้ อกแบบไว้ภายในกลุม่ ใหส้ มบรู ณ์ 4.3 ครูให้นักเรยี นตรวจสอบความถูกต้อง โดยการสอบถามครูผสู้ อน ซง่ึ ครูจะมีหน้าท่ีในการแนะนาเทา่ นน้ั ไม่ สามารถบอกได้วา่ นกั เรียนทาผดิ หรือถูก เพอื่ ให้นกั เรียนปรบั ปรุงแกไ้ ข ขนั้ ตอนท่ี 5 : นาเสนอและอภิปรายผลงาน 5.1 ครูให้นกั เรยี นกลมุ่ ท่ี 1 นาชน้ิ งานหรือแบบจาลองออกมานาเสนอหนา้ ชน้ั เรียนเพ่อื อธิบายและเปรียบเทยี บสาร ในสถานะต่าง ๆ ว่ามกี ารจัดเรียงอนุภาค มแี รงยดึ เหนีย่ วระหวา่ งอนภุ าค และการเคล่ือนท่เี ป็นอย่างไร เพ่อื เกดิ การ แลกเปล่ยี นองค์ความรกู้ ับเพ่อื นกลุ่มอืน่ ๆ 5.2 ครสู รุปความรู้เพม่ิ เตมิ เก่ียวกบั เรอ่ื งการจดั เรียงอนุภาคและแรงยดึ เหนีย่ วระหวา่ งอนุภาคจาก PowerPoint ท่ี ครูเตรยี มมา ซ่ึงในการสรปุ ความร้กู อ่ ให้เกดิ ประโยชนใ์ นหลายๆ ดา้ น เชน่ การทบทวนกอ่ นสอบ จะช่วยให้เสริมความรกู้ ับ นกั เรยี นนมากขน้ึ ขน้ั ตอนที่ 6 : ประเมนิ ผล 6.1 ครูประเมนิ ดา้ นความรู้ของนกั เรยี น - ประเมินผเู้ รยี นจากการสรา้ งแบบจาลองและการประเมนิ การนาเสนอแบบจาลอง โดยประเมนิ แบบ Rubrics score - ประเมนิ การทาแบบทดสอบปรนยั จานวน 10 ข้อ 6.2 ครปู ระเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 - ประเมินจากการสงั เกตนกั เรยี นระหว่างปฏบิ ัติกิจกรรมต้ังแตเ่ ร่มิ ต้นจนสน้ิ สดุ กิจกรรม โดยใชแ้ บบสังเกต พฤติกรรมเปน็ เครื่องมือในการวัด และใช้เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubrics score 6.3 ครปู ระเมินด้านเจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ - ประเมินจากการสงั เกตนักเรียนระหว่างปฏิบัตกิ จิ กรรมต้ังแต่เรมิ่ ต้นจนส้ินสดุ กจิ กรรม โดยใชแ้ บบสังเกต พฤติกรรมเปน็ เครอื่ งมือในการวัด และใช้เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubrics score สื่อ/นวตั กรรม และแหล่งเรียนรู้ 1. ชดุ กิจกรรม เรอื่ ง การจดั เรยี งอนภุ าคและแรงยดึ เหนย่ี วระหว่างอนภุ าค 2. PowerPoint เร่อื ง การจดั เรียงอนภุ าคและแรงยดึ เหนีย่ วระหวา่ งอนุภาค

การวัดและประเมินผล ประเด็นการประเมนิ วิธีการประเมนิ เครือ่ งมือ เกณฑ์ แบบประเมิน ไมต่ า่ ร้อยละ 75 ผ่าน ตัวแปรที่ 1 (ด้านความรู้) - การประเมินช้นิ งาน Rubrics score เกณฑ์ ความรเู้ รอ่ื งการจัดเรยี ง - การประเมินการ แบบทดสอบปรนัย จานวน 10 ขอ้ อนภุ าค แรงยึดเหนี่ยวระหว่าง นาเสนอ อนุภาค และการเคล่ือนที่ ของอนภุ าคของสสารชนดิ - การสอบวดั ผล เดยี วกนั ในสถานะ ของแข็ง ของเหลว และแกส๊ ตัวแปรท่ี 2 (ทกั ษะสาคญั ใน การสังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑร์ ะดับดีขนึ้ ไป การเรียนรู้วิทยาศาสตร์) ขณะทีผ่ ู้เรยี นทา แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ระดับดีข้ึนไป 1. ทักษะกระบวนการทาง กจิ กรรม วิทยาศาสตร์ 1.1 ทักษะการสร้าง การสังเกตพฤติกรรม แบบจาลอง ขณะทีผ่ ูเ้ รียนทา 1.2 ทักษะการจาแนกประเภท กิจกรรม 1.3 ทักษะการจัดกระทาและ สอ่ื ความหมายข้อมลู 2 ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 2.1 ความรว่ มมอื การทางาน เป็นทมี และภาวะผู้นา 2.2 ด้านการสรา้ งสรรค์และ นวตั กรรม 3. ตวั แปรที่ 3 (เจตคติ) 3.1 ความมุ่งมนั่ มานะ อดทน 3.2 ความละเอยี ดรอบคอบ

แบบบนั ทกึ หลงั การสอน ประเด็นปญั หาทพ่ี บ พฤติกรรมท่ีพบ แนวทางแกไ้ ข 1. ด้านพฤตกิ รรมผู้เรียน 2. ดา้ นการเรยี นการสอน

แบบประเมินดา้ นความรู้ กาหนดเกณฑป์ ระเมนิ ไว้ทร่ี ้อยละ 75 เปน็ เกณผ์ ่าน ลาดบั ช่อื - นามสกลุ ผลการประเมินความรู้ รวม คดิ เปน็ สรปุ ที่ 123 (25คะแนน) รอ้ ยละ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 * 1. หมายถึง ผลการประเมินดา้ นความรจู้ ากการทดสอบคะแนนเตม็ 10 คะแนน 2. หมายถงึ ผลการประเมนิ ดา้ นความรจู้ ากการประเมินแบบจาลองคะแนนเต็ม 10 คะแนน 3. หมายถงึ ผลการประเมินดา้ นความรจู้ ากการประเมนิ ผลการนาเสนองานคะแนนเต็ม 5 คะแนน ระดับคุณภาพ คะแนนเฉล่ียระหว่าง 4.51 – 5.00 ระดบั ดเี ยีย่ ม 3.51 – 4.50 ระดบั ดีมาก 2.51 – 3.50 ระดับ ดี 1.51 – 2.50 ระดับ พอใช้ 1.00 – 1.50 ระดบั ปรบั ปรงุ ลงชื่อ……………………………………….ผปู้ ระเมนิ .........../............/.............

เกณฑก์ ารประเมินแบบทดสอบ เกณฑ์การให้คะแนน การประเมนิ แบบทดสอบ ตอบถูกข้อละ 1 คะแนน แบบทดสอบ เรื่อง การจัดเรยี งอนภุ าคแรงยึดเหนีย่ วระหว่างอนภุ าค แบบปรนัยเลอื กตอบ 4 ตวั เลือก จานวน 10 ข้อ เกณฑใ์ นการประเมินด้านความรู้ด้วยการใหค้ ะแนนรูบรคิ แบบประเมนิ ด้านความรู้ เกณฑ์การให้คะแนน 1. ดา้ นความถกู ต้องของแบบจาลอง ปฏิบัติ 5 ข้อ : 5 คะแนน พฤติกรรมที่แสดงออก ปฏบิ ตั ิ 4 ขอ้ : 4 คะแนน 1. เน้อื หาสอดคล้องกบั หวั ขอ้ ท่กี าหนดให้ ปฏิบัติ 3 ข้อ : 3 คะแนน 2. เน้อื หาครบถ้วนสมบรู ณ์เชื่อมโยงเนอ้ื หาได้ถกู ต้อง ปฏิบตั ิ 2 ข้อ : 2 คะแนน 3. โครงสรา้ งของเนื้อหาส่ือความหมายไดช้ ัดเจน ปฏบิ ตั ิ 1 ขอ้ : 1 คะแนน 4. เรยี งลาดับตาแหนง่ ของแบบจาลองได้ถกู ต้อง 5. การเลอื กใชว้ ัสดุที่มคี วามเหมาะสมกับการสรา้ ง แบบจาลอง 2. ด้านความคดิ สรา้ งสรรค์ พฤตกิ รรมที่แสดงออก 1. สรา้ งชิน้ งานดว้ ยความคดิ ท่ีแปลกใหม่ 2. วธิ ีแกป้ ญั หาดว้ ยความคดิ ที่แปลกใหม่ 3. มกี ารคิดแจกแจงรายละเอยี ดได้ชัดเจน 4. การนาเสนอมีความทันสมัยในรูปแบบต่าง ๆ 5. มสี ีสันสวยงาม สะอาด และมีจินตนาการ

เกณฑ์ในการนาเสนองานดว้ ยการให้คะแนนรูบรคิ แบบประเมนิ ด้านความรู้ เกณฑ์การให้คะแนน 1. การนาเสนอ ปฏบิ ัติ 5 ข้อ : 5 คะแนน พฤติกรรมที่แสดงออก ปฏิบัติ 4 ขอ้ : 4 คะแนน 1. สามารถอธบิ ายการจดั เรียงอนุภาคแรงยึดเหนย่ี ว ปฏบิ ัติ 3 ข้อ : 3 คะแนน ระหวา่ งอนภุ าคได้ถูกต้อง ปฏบิ ัติ 2 ข้อ : 2 คะแนน 2. สามารถเปรียบเทียบการจดั เรียงอนุภาค แรงยดึ ปฏิบตั ิ 1 ข้อ : 1 คะแนน เหนี่ยวระหว่างอนภุ าคไดถ้ ูกต้อง 3. มีความพร้อมในการนาเสนอ มกี ารเรียงลาดับเนื้อหา มคี วามเหมาะสม 4. ทา่ ทางการพูดได้อย่างมัน่ ใจ 5. ใช้ภาษาถกู ต้อง เหมาะสมกับระดบั ผู้เรียน

แบบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ทกั ษะทางวิทยาศาสตร*์ ลาดบั ช่อื - นามสกลุ 1.ทกั ษะกระบวนการ 2. ทักษะC 21 รวม ค่าเฉลยี่ ระดบั ที่ ทางวิทย์ (25คะแนน) 1.1 1.2 1.3 2.1 2.2 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 *1.1 ทกั ษะการสร้างแบบจาลอง 1.2 ทักษะการจาแนกประเภท 1.3 ทกั ษะการจัดกระทาและสอ่ื ความหมายขอ้ มูล 2.1 ความร่วมมือการทางานเปน็ ทมี และภาวะผู้นา 2.2 ด้านการสร้างสรรค์และนวตั กรรม ระดบั คณุ ภาพ คะแนนเฉลี่ยระหวา่ ง 4.51 – 5.00 ระดบั ดีเยี่ยม 3.51 – 4.50 ระดบั ดีมาก 2.51 – 3.50 ระดับ ดี 1.51 – 2.50 ระดบั พอใช้ 1.00 – 1.50 ระดับ ปรับปรงุ ลงชอ่ื ……………………………………….ผปู้ ระเมนิ .........../............/.............

เกณฑใ์ นการประเมนิ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ดว้ ยการใหค้ ะแนนรูบรคิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เกณฑ์การให้คะแนน 1. ทกั ษะการสรา้ งแบบจาลอง ปฏบิ ัติ 5 ขอ้ : 5 คะแนน พฤติกรรมท่ีแสดงออก ปฏบิ ตั ิ 4 ขอ้ : 4 คะแนน 1. สามารถสรา้ งแบบจาลองข้ึนไดถ้ กู ตอ้ งดว้ ยตนเอง ปฏบิ ัติ 3 ขอ้ : 3 คะแนน 2. สามารถสร้างแบบจาลองรว่ มกับผอู้ นื่ ขน้ึ ไดถ้ กู ตอ้ ง ปฏิบตั ิ 2 ข้อ : 2 คะแนน 3. สามารถออกแบบและเลอื กใชว้ ัสด/ุ อุปกรณใ์ นการ ปฏิบตั ิ 1 ขอ้ : 1 คะแนน สรา้ งอย่างเหมาะสม 4. สามารถสร้างแบบจาลองไดต้ ามแบบรา่ งและวัสดทุ ่ี เลอื กใช้ 5. สามารถใชแ้ บบจาลองทสี่ ร้างข้ึนในการอธบิ าย สอ่ื สารปรากฏการณ์หรอื เร่ืองทสี่ นใจ 2. ทักษะการจาแนกประเภท พฤติกรรมท่ีแสดงออก 1. กาหนดเกณฑใ์ นการจาแนกประเภทดว้ ยตนเองได้ 2. แบง่ วัตถุหรอื เหตุการณ์ออกเปน็ กลุ่มๆตามเกณฑ์ท่ี ตงั้ ขึน้ เองได้ 3. จดั เรียงวัตถุหรอื เหตุการณ์ตามเกณฑ์ท่ีตง้ั ขึ้นเองได้ 4. บอกเกณฑ์ทผี อู้ ่ืนใชใ้ นการจัดจาแนกประเภทได้ 5. แบง่ วตั ถุหรือเหตกุ ารณอ์ อกเป็นกลุ่มๆตามเกณฑ์ที ผู้อน่ื กาหนดให้ได้ 3. ทักษะการจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมลู พฤติกรรมทแ่ี สดงออก 1. เลอื กรปู แบบทจี ะใชใ้ นการเสนอข้อมูลได้เหมาะสม 2. บอกเหตุผลในการเลือกรูปแบบทจี ะใชใ้ นการเสนอข้อมลู ได้ 3. ออกแบบการเสนอข้อมลู ให้อยใู นรปู ใหม่ท่ีเข้าใจดีขนึ้ ได้ 4. บรรยายลักษณะของสงิ่ ใดส่ิงหน่ึงดว้ ยขอ้ ความทีเหมาะสม กะทัดรัดจนส่ือความหมายใหผ้ ู้อน่ื เข้าใจได้ 5. บรรยายหรอื วาดแผนผงั แสดงตาแหนง่ ของภาพจนส่ือ ความหมายใหผ้ ้อู ่ืนเข้าใจได้

เกณฑ์การประเมนิ ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เกณฑ์การให้คะแนน 1. ทกั ษะความรว่ มมือ การทางานเปน็ ทมี และภาวะ ผนู้ า ปฏิบัติ 5 ข้อ : 5 คะแนน ปฏิบัติ 4 ขอ้ : 4 คะแนน พฤติกรรมที่พงึ มี ปฏบิ ัติ 3 ขอ้ : 3 คะแนน 1. รับฟังความคิดเหน็ ผอู้ ืน่ ปฏบิ ตั ิ 2 ข้อ : 2 คะแนน 2. เคารพซ่งึ กันและกนั ปฏบิ ัติ 1 ข้อ : 1 คะแนน 3. ทางานร่วมกนั อย่างมเี หตุผล 4. มีความละเอยี ดรอบคอบ 5. มีข้นั ตอนการทางานทีเ่ ปน็ ระบบ 2. ดา้ นการสรา้ งสรรคแ์ ละนวัตกรรม พฤติกรรมท่ีพงึ มี 1. สามารถคิดออกแบบชิ้นงานทไี่ ด้รับ มอบหมายไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์ 2. สามารถทางานกบั ผอู้ นื่ อยา่ งสร้างสรรค์ 3. สามารถปฏิบตั เิ พือ่ สรา้ งชน้ิ งานใหม่ได้ด้วย ตนเอง 4. สร้างชิ้นงานใหม่ไดจ้ ากการชีแ้ นะของครู หรือผู้อ่ืน 5. สร้างช้ินงานใหม่อยา่ งเปน็ ระบบ

แบบประเมนิ เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์* ลาดบั ท่ี ชอื่ - นามสกุล 1. ความ 2.ความ รวม คา่ เฉลย่ี ระดับ มงุ่ มน่ั มานะ ละเอยี ด (10คะแนน) อดทน รอบคอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ระดับคุณภาพ คะแนนเฉลี่ยระหวา่ ง 4.51 – 5.00 ระดับ ดเี ยยี่ ม 3.51 – 4.50 ระดับ ดีมาก 2.51 – 3.50 ระดับ ดี 1.51 – 2.50 ระดับ พอใช้ 1.00 – 1.50 ระดับ ปรับปรุง ลงช่ือ……………………………………….ผ้ปู ระเมนิ .........../............/.............

เกณฑ์ในการประเมนิ เจตคติทางวิทยาศาสตรด์ ว้ ยการให้คะแนนรูบรคิ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ เกณฑ์การให้คะแนน 1. ความมงุ่ มั่น มานะ อดทน ปฏิบตั ิ 5 ขอ้ : 5 คะแนน พฤตกิ รรมตามลาดับขั้น ปฏิบัติ 4 ข้อ : 4 คะแนน 1. ไม่ยอ่ ท้อในการค้นหาข้อมูล ปฏิบัติ 3 ข้อ : 3 คะแนน 2. ไม่ย่อทอ้ ในการคน้ หาขอ้ มลู หลกั ฐาน ปฏบิ ตั ิ 2 ขอ้ : 2 คะแนน 3. แสดงความเขา้ ใจและยอมรบั วา่ ความไม่ ปฏบิ ัติ 1 ขอ้ : 1 คะแนน แน่นอน ความไมช่ ัดเจนสามรถเกดิ ขึน้ ได้ 4. แสดงความเขา้ ใจและยอมรับวา่ ความไม่ ชัดเจนสามรถเกดิ ข้นึ ได้ 5. มีความอดทนในการทางาน ไม่ย่อท้ออุปสรรค 2. ความละเอียดรอบคอบ พฤตกิ รรมตามลาดบั ข้นั 1. ไมแ่ สดงความคิดเหน็ ต่อสถานการณต์ ่าง ๆ จนกวา่ จะลงมือทาการสบื เสาะคน้ หา 2. ยอมรบั และเหน็ คุณคา่ ของการสร้าง หรือ คัดคา้ นในขอ้ จากดั ของข้อสรุปหรอื ทฤษฎี 3. ไมย่ อมรับหรอื ไมเ่ ชอ่ื ส่งิ ใดทนั ทีว่าเปน็ ความ จรงิ ถ้าปราศจากการพิสูจนท์ ี่เช่อื ถอื ได้ 4. สรุปหรอื อธบิ ายในขอบเขตของหลักฐานท่ี ปรากฏเทา่ นนั้ 5. ไมด่ ่วนสรปุ หรือตดั สนิ ใจทันที

ชดุ กิจกรรมการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ เรอื่ เงร่ือกงารกจาดัรจเรดั ียเงรอยี นงอุภนาภุคาแคลแะลเเะรแงยรดึงยเหดึ นเหี่ยนวย่ีระวหระวหา่ งวอ่านงอุภนาุภคาค รายรวายชิ วาิชวทิาวยทิาศยาาศสาตสรตแ์ ลรแ์ะลเทะคเทโนคโโลนยโลี ยี กลกุ่มลสุ่มาสระากระากรเารรียเนรียรนู้วทิรู้วยทิาศยาาศสาตสรต์ ร์ ช้นั ชมัน้ ัธมยัธมยศมึกศษกึ าษปาที ปี่ 1ีท่ี 1 ชื่อ.......................................... นามสกุล........................................... เลขท.ี่ ............ นางสาวจิราภรณ์ ป้องพระราช โรงเรียนกาญจนาภเิ ษกวทิ ยาลัย ฉะเชงิ เทรา

ก คานา ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง การจดั เรยี งอนุภาคและเเรงยึดเหนย่ี วระหว่างอนภุ าค จัดทา ข้นึ เพอื่ ใช้เป็นเครือ่ งมอื สาหรับประกอบการจัดการเรียนรรู้ ูปแบบการจดั การเรียนรู้แบU STEAM โดยใชป้ ัญหา เปน็ ฐานและพัฒนาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนในรายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของนักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษา ปีที่ 1 โดยได้รวบรวมเน้อื หาท่ีเนความร้แู ละกจิ กรรมทางวทิ ยาศาสตรเ์ กีย่ วกับโครงสร้างเสร็จสนิ้ กิจกรรม ตามลาดบั ขั้นตอนแล้ว นกั เรยี นสามารถสรา้ งแบบจาลองทอ่ี ธบิ ายและเปรียบเทียบการจดั เรียงอนุภาค แรงยึด เหน่ยี วระหว่างอนุภาค และอธบิ ายและเปรียบเทียบการจัดเรียงอนภุ าค แรงยึดเหน่ยี วระหวา่ งอนภุ าคได้ ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื ง การจดั เรยี งอนุภาคและเเรงยึดเหนีย่ วระหว่างอนภุ าค ฉบับนี้ ส่งเสริมใหน้ ักเรยี นไดล้ งมือปฏบิ ตั จิ รงิ ไดเ้ รยี นรู้ดว้ ยตนเองและมสี ่วนรว่ มในกิจกรรมการเรียนรู้ มงุ่ เน้นให้ นักเรยี นพฒั นาทกั ษะทางวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ทักษะการสร้างแบบจาลอง ทักษะการจาแนกประเภท ทกั ษะการ จัดกระทาและสื่อความหมายขอ้ มูล มุ่งเน้นใหน้ ักเรียนพฒั นาทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ในด้านความร่วมมือ การทางานเป็นทีมและกาวะผนู้ า ดา้ นการสร้างสรรค์นวตั กรรม มุ่งเนน้ ให้นักเรยี นพัฒนาเจตคตทิ าง วิทยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ ความมุ่งมั่น มานะอดทน และความละเอยี ด ชดุ กิจกรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เร่ือง การจดั เรยี งอนุภาคและเเรงยึดเหน่ียวระหว่างอนภุ าค ฉบบั นี้ จะชว่ ยใหน้ กั เรียนเขา้ ใจเน้ือหาได้งา่ ยและชดั เจนยิ่งขึ้น มีพัฒนาดา้ นผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสงู ขึ้น และเปน็ ประโยชนต์ อ่ ผสู้ นใจศึกษาท่ีจะนาไปเปน็ แนวทางในการปรับปรงุ การจัดการเรยี นรแู้ ละนวตั กรรมทางการศึกษา หากมีข้อบกพรอ่ งในการจดั ทาชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ชุดน้ี ผู้จดั ทาขอนอ้ บรับและจะนาข้อเสนอแนะไปปรบั ปรงุ เพอ่ื ให้มคี วามถกู ต้องและสมบูรณม์ าก ย่ิงขึน้ ขอขอบคุณมา ณ โอกาสน้ี จิราภรณ์ ปอ้ งพระราช ผจู้ ดั ทา

สารบัญ ข เรื่อง หนา้ คานา ก สารบัญ ข คาชี้แจง 1 กจิ กรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง การจดั เรยี งอนภุ าคและเเรงยดึ เหน่ยี วระหวา่ งอนุภาค 2 ใบความรู้ เร่ือง การจัดเรียงอนภุ าคและแรงยดึ เหนยี่ วระหวา่ งอนุภาค 8 แบบทดสอบ 11 เฉลยแบบทดสอบ 13 เฉลยกิจกรรมเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ 14

คาชแ้ี จง 1 1. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 เร่ือง การจดั เรียงอนภุ าคและเเรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนภุ าค 2. ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ เร่ือง การจดั เรยี งอนุภาคและเเรงยึดเหน่ียวระหว่างอนภุ าค ของ นักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ประกอบไปด้วย - กจิ กรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ เรื่อง การจัดเรยี งอนุภาคและเเรงยดึ เหนี่ยวระหว่างอนภุ าค ซึง่ จดั การเรียนรู้ในรูปแบบการจดั การเรียนรแู้ บบ STEAM โดยใช้ปญั หาเป็นฐาน 3. ให้นักเรยี นแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 4-5 คน ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 4. ใหน้ กั เรียนอา่ นขัน้ ตอนการทากิจกรรมใหล้ ะเอียดก่อนลงมือปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 5. เมอ่ื ปฏิบตั ิกิจกรรมครบแล้ว ให้นกั เรียนนาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรยี น 6. ใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบท้ายกจิ กรรม จานวน 10 ข้อ โดยขอ้ สอบเปน็ ขอ้ สอบปรนยั ชนิดเลือกตอบ 4 ตวั เลือก 7. หากนักเรยี นมขี ้อสงสัยในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมสามารถปรกึ ษาครผู ้สู อนไดท้ นั ที

2 กจิ กรรม เรอ่ื ง การจดั เรยี งอนภุ าคและแรงยึดเหนีย่ วระหว่างอนุภาค จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สร้างแบบจาลองอธิบายและเปรยี บเทียบการจัดเรียงอนภุ าค แรงยึด เหน่ยี วระหวา่ งอนภุ าค และการเคลือ่ นที่ของอนุภาคของสสารชนิด เดียวกันในสถานะ ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส 2. อธบิ ายและเปรยี บเทียบการจัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหน่ียวระหว่าง อนภุ าค และการเคลอ่ื นทขี่ องอนุภาคของสสารชนดิ เดียวกนั ในสถานะ ของแข็ง ของเหลว และแกส๊ โดยใชแ้ บบจาลอง คาถามชวนให้คดิ สสารแต่ละชนิดประกอบดว้ ยอนุภาคขนาดเลก็ ซึ่งไม่ สามารถมองเหน็ ไดด้ ้วยตาเปล่า นกั เรยี นเคยจนิ ตนาการ หรอื ไม่วา่ อนุภาคขนาดเล็ก ๆ เหลา่ นีป้ ระกอบเข้าดว้ ยกันจน เป็นสสารในสถานะตา่ ง ๆ มลี ักษณะการจดั เรยี งเปน็ อยา่ งไร และทราบหรือไมว่ ่าการจัดเรยี งอนุภาคสง่ ผลตอ่ การเคลอื่ นท่ี รปู ร่าง และปริมาตรของสสารในแตล่ ะสถานะอย่างไร

ภาระกจิ 3 ใหแ้ ต่ละกลุ่มสรา้ งแบบจาลองท่ีอธิบายและเปรียบเทียบการ จัดเรยี งอนุภาค แรงยึดเหน่ียวระหว่างอนภุ าค และการเคล่ือนที่ ของอนภุ าคของสสารชนดิ เดยี วกันในสถานะ ของแข็ง ของเหลว และแกส๊ เปน็ แนวทางการจัดการเรยี นรู้แบบบูรณาการที่นาศลิ ปะมาบูรณาการกบั การ จดั การเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และศาสตร์ ปจั จัยสาคัญในการนาแนวคดิ STEAM มาใช้ในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ คอื บรบิ ท (Context) การออกแบบสร้างสรรค์ (Creative Design) และการสร้างความจบั ใจ (Emotional Touch) ในการออกแบบกจิ กรรม สร้างสรรค์ การจัดการเรียนรโู้ ดยใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน (Problem-based Learning : ) คอื รปู แบบการจัดการเรียนรู้ โดยใชป้ ญั หาที่ใกล้ตัวและพบเจอในชีวติ ประจาวนั เป็นตวั นา หรือเป็นฐานในการจดั การเรียนรู้ เพื่อนามาสู่การนาความรู้ไปประยุกต์ใช้เพื่อจดั การกบั ปัญหาดังกล่าว

4 คาชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นออกแบบแบบจาลองที่อธิบายและเปรียบเทียบการจัดเรียงอนุภาค แรงยดึ เหน่ียว ระหว่างอนุภาค และระบุอุปกรณท์ ี่ใชใ้ นการออกแบบแบบจาลองให้ชัดเจน ออกแบบแบบจาลอง

5 คาชี้แจง : ให้นักเรยี นนารูปภาพแบบจาลองท่ีนาเสนอหน้าชั้นเรียนมาใส่ในกรอบด้านลา่ ง

6 คาชีแ้ จง : ใหน้ กั เรียนเตมิ สมบตั ิของสารที่มีสถานะของแข็ง ของเหลว และแกส๊ ลงในชอ่ งว่างต่อไปน้ี ใหถ้ กู ตอ้ ง สมบตั ิของสาร ของแข็ง ของเหลว แกส๊ การจัดเรยี งของ อนภุ าค แรงยดึ เหนีย่ วระหวา่ อนุภาค การเคลือ่ นท่ี รปู ร่าง ปรมิ าตร

7 คาช้ีแจง : จากแบบจาลองท่นี ักเรียนสรา้ งข้ึน ใหน้ ักเรียนตอบคาถามต่อไปน้ี 1. สารแบง่ เป็นกี่สถานะ อะไรบ้าง ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จงอธบิ ายการจัดเรียงอนภุ าคของสารทีม่ ีสถานะของแขง็ พร้อมยกตวั อยา่ งสารทอ่ี ยู่ รอบตัวนกั เรยี น ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 3. จงอธบิ ายการจัดเรียงอนภุ าคของสารทม่ี ีสถานะของเหลว พร้อมยกตัวอย่างสารทอ่ี ยู่ รอบตัวนักเรยี น ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 4. จงอธิบายการจดั เรียงอนุภาคของสารทม่ี สี ถานะของแก๊ส พร้อมยกตัวอย่างสารที่อยู่ รอบตัวนักเรียน ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 5. จงเขียนการจัดเรยี งอนภุ าคของสารทม่ี ีสถานะของแข็ง ของเหลว และแกส๊ ของแข็ง ของเหลว แก๊ส

ใบความรู้ 8 เร่อื ง การจดั เรียงอนภุ าคและเเรงยดึ เหนยี่ วระหว่างอนภุ าค ของแข็ง (Solid) คือ สารทีอ่ นุภาคจะอย่ชู ิดกัน อนภุ าคไม่สามารถเคล่ือนท่ี ได้ ทาใหแ้ รงยดึ เหนี่ยวระหว่างอนภุ าคสูงกว่าในสถานะอื่นของสาร ชนดิ เดียวกัน มีรปู ร่างและปริมาตรทีค่ งที่แนน่ อน ไม่ขนึ้ กบั ภาชนะที่ บรรจุ ตัวอย่างของสารทม่ี ีสถานะเป็นของแขง็ เช่น เหล็ก อะลูมเิ นียม เงนิ เป็นตน้

9 ของเหลว (Liquid) คือ สารท่อี นุภาคอยู่ห่างกันเล็กน้อย แรงยดึ เหน่ียวมีคา่ น้อย ทาให้อนภุ าคสามารถเคล่ือนทไ่ี ด้ รูปร่างไมแ่ น่นอน เปล่ยี นตาม ภาชนะทีบ่ รรจุ แต่ปรมิ าตรไม่ข้ึนกบั ภาชนะ ตัวอยา่ งของสารที่มี สถานะเปน็ ของเหลว เชน่ น้าแอลกอฮอล์ โบรมีน เป็นตน้

10 แกส๊ (Gas) คอื สารที่มอี นภุ าคอยหู่ ่างกัน แรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนภุ าค มคี า่ น้อยมาก ทาใหเ้ คล่อื นทไ่ี ดม้ าก มีปรมิ าตรและรูปร่างตาม ภาชนะทบ่ี รรจุ ตัวอยา่ งของสารทีม่ สี ถานะเปน็ แกส๊ เชน่ แก๊สออกซิเจน แก๊สไฮโดรเจน แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ แกส๊ ไนโตรเจน เป็นตน้

แบบทดสอบหลังเรยี น 11 คาชี้แจง : เรอ่ื ง การจดั เรียงอนภุ าคและเเรงยึดเหนีย่ วระหวา่ ง อนภุ าค 1. ขอ้ สอบเปน็ แบบปรนยั ท้ังหมด 10 ข้อ 10 คะแนน 2. ให้นกั เรยี นทาเคร่อื งหมายกากบาท (X) ลงในคาตอบท่ีถกู ตอ้ งทสี่ ุดเพยี งคาตอบเดยี ว 1. ข้อความใดแสดงลักษณะของสารได้ถูกต้อง ก. อากาศจะเปลย่ี นรูปร่าง เม่ือถูกปลอ่ ยออกจากลกู โปง่ ข. นา้ จะเปลย่ี นปรมิ าตร เม่ือเทจากแกว้ ใส่กระติก ค. แก้วจะเปลี่ยนรปู รา่ งเม่ือใสน่ า้ ลงไป ง. หินจะมีรปู รา่ งเปล่ยี นไป เมอ่ื หยบิ จากพน้ื ใส่กลอ่ ง 2. หญิงหญิงเทนา้ สีแดงปริมาตร 50 ลูกบาศก์เซนติเมตร ผลการทดลองท่ีเกิดขึน้ เปน็ อย่างไร ก. ปรมิ าตรนา้ สแี ดงเพม่ิ ข้ึน ข. ปริมาตรนา้ สแี ดงลดลง ค. ปรมิ าตรนา้ สีแดงเทา่ เดิม ง. ปรมิ าตรน้าสีแดงเพ่ิมข้ึน ลดลง หรอื เทา่ เดิมก็ได้ 3. “สารชนดิ หนง่ึ มแี รงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนภุ าคน้อยมาก และมีชอ่ งวา่ งระหวา่ งอนภุ าคมากทส่ี ุด” เป็น คณุ สมบัติของสารในสถานะใด ก. อนภุ าค ข. ของแข็ง ค. ของเหลว ง. แก๊ส 4. “สารชนิดหนง่ึ มแี รงยดึ เหนี่ยวระหว่างอนุภาคเรียงชดิ กันและสนั่ อยกู่ ับท่ี” เป็นคุณสมบัตขิ องสารใน สถานะใด ก. อนุภาค ข. ของแข็ง ค. ของเหลว ง. แก๊ส 5. “สารชนิดหนึ่ง มรี ูปรา่ งไม่คงท่ี เปลี่ยนแปลงไปตามภาชนะ” เปน็ คณุ สมบตั ิของสารในสถานะใด ก. อนุภาค ข. ของแข็ง ค. ของเหลว ง. แก๊ส

12 6. ข้อใดเรยี งลาดับการจดั เรยี งตัวของอนุภาคจากที่ใกล้ชดิ กันมากไปหานอ้ ยไดถ้ ูกต้อง ก. เหล็ก อากาศ นา้ เปล่า ข. กระดาษ น้าปนู ใส แก๊สออกซิเจน ค. ลม ปากกา น้ากวาน ง. หิน นา้ นม แกว้ น้า 7. จากรูป การจดั เรยี งอนุภาคและการเคล่ือนท่ีของอนภุ าคของสสารในสถานะใด ก. ของแขง็ ข. ของเหลว ค. แกส๊ ง. ของเหลวและแก๊ส 8. ข้อใดต่อไปน้ีถูกต้อง ก. อนภุ าคของสสารทุกสถานะจะเคล่ือนทไ่ี ด้อย่างอิสระตลอดเวลา ข. ของเหลวและแก๊สสามารถเปลี่ยนรปู รา่ งไดต้ ามภภาชนะที่บรรจแุ ละมปี ริมาตรไม่คงท่ี ค. สสารชนิดหนง่ึ ในสถานะของแข็งและของเหลว ที่ปริมาตรเทา่ กัน จะมีจานวนอนุภาคเทา่ กนั ง. แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนภุ าคของแกส๊ นอ้ ยมาก ทาใหแ้ กส๊ ฟงุ้ กระจายไดอ้ ย่างอิสระ 9. สารในขอ้ ใดอยู่ในสถานะเดียวกันทัง้ หมด ก. ถ่าน ทองเหลือง เพชร ข. อากาศ ฟิวส์ กามะถนั ค. นา้ แปง้ น้าโคลน ดินนา้ มนั ง. นา้ สม้ น้าตาลทราย นา้ กล่ัน 10. สารในขอ้ ใดมแี รงยึดเหน่ียวนอ้ ยทีส่ ดุ ก. น้า ข. อากาศ ค. ทองคา ง. นา้ ตาลทราย

แบบทดสอบหลงั เรยี น 13 เรื่อง การจัดเรยี งอนภุ าคและเเรงยึดเหนย่ี วระหว่าง อนุภาค ขอ้ คาตอบ 1ก 2ข 3ง 4ข 5ค 6ข 7ค 8ง 9ก 10 ข ช

14 คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นเตมิ สมบตั ขิ องสารท่มี ีสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊ส ลงในช่องว่างต่อไปน้ี ใหถ้ กู ต้อง สมบัติของสาร ของแข็ง ของเหลว แกส๊ การจัดเรยี งของ อนุภาคเรียงชิดติดกนั อนุภาคอยู่ห่างกนั อนภุ าคอยหู่ า่ งกันมากวา่ อนภุ าค และอดั แน่นอย่างมี มากกวา่ ของแขง็ ของเหลว ระเบยี บ แรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ มากทส่ี ุด มาก น้อย อนุภาค การเคล่อื นที่ อยูก่ บั ที่ ไหลได้ ฟุ้งกระจายอยา่ งรวดเร็ว รปู ร่าง ไม่เปล่ยี นแปลงรปู ร่าง มีรูปรา่ งตามภาชนะท่ี มรี ปู รา่ งกระจายเต็ม ปรมิ าตร บรรจุ ภาชนะทบี่ รรจุ คงที่ คงท่ี ไมค่ งที่

15 คาช้แี จง : จากแบบจาลองที่นักเรียนสรา้ งขึน้ ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. สารแบง่ เป็นกส่ี ถานะ อะไรบ้าง สารแบง่ ออกเปน็ 3 สถานะ ไดแ้ ก่ ของแขง็ ของเหลว และแกส๊ 2. จงอธิบายการจดั เรียงอนุภาคของสารท่มี ีสถานะของแขง็ พรอ้ มยกตวั อย่างสารทอ่ี ยู่ รอบตวั นักเรยี น สารท่ีอนภุ าคจะอยชู่ ิดกนั แรงยึดเหนยี่ วอนภุ าคสงู ทาให้อนภุ าคไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ มี รปู รา่ งและปรมิ าตรท่ีคงที่แน่นอน ไมข่ ึน้ อยูก่ ับภาชนะทีบ่ รรจุ ได้แก่ น้าตาลทราย เกลอื แกง น้าแขง็ ฯลฯ 3. จงอธิบายการจดั เรียงอนุภาคของสารทมี่ สี ถานะของเหลว พร้อมยกตวั อยา่ งสารทอี่ ยู่ รอบตัวนกั เรยี น สารทอี่ ยหู่ า่ งกนั เลก็ นอ้ ย แรงยึดเหนยี่ วอนุภาคน้อย ทาใหอ้ นภุ าคเคลอ่ื นทไี่ ด้ มรี ปู รา่ งไม่ แนน่ อนเปลีย่ นไปตามภาชนะท่บี รรจุ แต่มีปริมาตรคงที่ ไดแ้ ก่ น้าเชอ่ื ม น้าส้มสายชู น้า กลน่ั น้านม ฯลฯ 4. จงอธบิ ายการจดั เรียงอนภุ าคของสารทม่ี สี ถานะของแกส๊ พร้อมยกตัวอย่างสารทอี่ ยู่ รอบตวั นักเรยี น สารท่มี ีอนภุ าคจะอยู่ห่างกัน แรงยดึ เหน่ียวมค่ี ่าน้อยมาก ทาให้อนุภาคเคลื่อนท่ีไดอ้ ยา่ ง อสิ ระ มปี ริมาตรและรปู ร่างตามภาชนะทบี่ รรจุ เชน่ แก๊สออกซิเจน ฯลฯ 5. จงเขยี นการจดั เรียงอนุภาคของสารทม่ี ีสถานะของแขง็ ของเหลว และแก๊ส ของแขง็ ของเหลว ของเหลว