99 4. ใส่ FK หมายถงึ คยี น์ อก (Foreign Key) ถา้ อนุญาตใหค้ ยี น์ อกเป็นคา่ วา่ งไดใ้ หใ้ สเ่ คร่อื งหมาย* ทช่ี ่อื ของคยี ต์ วั นนั้ 5. การแสดงคุณสมบตั ขิ องคยี ห์ ลกั ตวั ทค่ี ยี น์ อกนนั้ ๆ อา้ งถงึ ในการปรบั ปรงุ คา่ จะใช้ DLT (DELETE) หมายถงึ การลบ UPD (UPDATE) หมายถงึ การแกไ้ ขคา่ เง่อื นไขในการปรบั ปรงุ ค่า จะเป็นแบบใด ไดแ้ ก่ RSTR (RESTRICT) หมายถงึ การแกไ้ ข หรอื ลบขอ้ มลู แบบมขี อ้ จากดั CSCD (CASCADE) หมายถงึ การแกไ้ ข หรอื ลบขอ้ มลู แบบเป็นทอดๆ NLF (NULLIFY) หมายถงึ การแกไ้ ข หรอื ลบขอ้ มลู โดยเปลย่ี นเป็นค่าวา่ ง ดงั นนั้ จากตวั อย่างเอนทติ ลี กู คา้ ขา้ งตน้ จงึ สามารถระบุรายละเอยี ดเพมิ่ ขน้ึ ไดอ้ กี ตวั อยำ่ ง อธบิ ายสว่ นทร่ี ะบุเพมิ่ เตมิ จากตวั อย่างขา้ งบนไดด้ งั น้ี SK คอื คยี ร์ อง ในทน่ี ้จี ะใชแ้ อททรบิ วิ ตช์ ่อื ลกู คา้ เป็นคยี ร์ อง FK คอื คยี น์ อก ไดแ้ ก่ รหสั พนกั งานขาย ซง่ึ จะอา้ งองิ ถงึ ค่าแอททรบิ วิ ตใ์ นเอนทติ พี นกั งานขาย การลบ หรอื แกไ้ ขคา่ ของรหสั พนกั งานในเอนทติ พี นกั งานขาย การลบทเู พลิ ใดในเอนทติ พี นกั งานขายจะมเี งอ่ื นไข คอื จะไม่สามารถลบพนกั งานขายออกได้ ถา้ ยงั มี ลกู คา้ ทใ่ี ชบ้ รกิ ารพนกั งานขายคนนนั้ อยู่ (DLTRSTR) สว่ นการแกไ้ ขคา่ รหสั พนกั งานขายในเอนทติ ี พนกั งานขาย จะกระทาเป็นทอดๆ คอื จะตามไปเปลย่ี นคา่ ของรหสั พนกั งานขายในเอนทติ ลี กู คา้ สาหรบั ลกู คา้ ทใ่ี ชบ้ รกิ าร พนกั งานขายคนนนั้ ๆ อยู่ (UPDCSCD) เป็นตน้ 6.ผเู้ รยี นทารเี ลชนั ต่อไปน้ตี ามลาดบั ขนั้ ตอน เพอ่ื ใหอ้ ยใู่ นรปู แบบทเ่ี ป็นบรรทดั ฐานระดบั ท่ี 3 พรอ้ มทงั้ อธบิ ายเหตุผลทต่ี อ้ งทาการปรบั รเี ลชนั ในแต่ละระดบั และบอกภาษาทใ่ี ชใ้ นการออกแบบฐานขอ้ มลู ดว้ ย
100 ข้นั สรุปและการประยุกต์ 7.ครแู ละผเู้ รยี นสรปุ โดยผเู้ รยี นตอบคาถามเกย่ี วกบั เน้อื หาทเ่ี รนี น 8.ผเู้ รยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ สื่อและแหล่งกำรเรียนรู้ 1.หนงั สอื เรยี น วชิ าระบบจดั การฐานขอ้ มลู ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2.รปู ภาพ 3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.แผ่นใส 5.สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส,์ สอ่ื PowerPoint 6.แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
101 หลกั ฐำน 1.บนั ทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายช่อื 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 6. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอ่ื งมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ (โดยผเู้ รยี น) 4. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี น รว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ำรประเมินผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรงุ 2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คอื 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั มิ เี กณฑผ์ า่ น 50% 6 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ 1.แนะนาใหฝ้ ึกทกั ษะในกจิ กรรมใบงาน 2.อา่ นและทบทวนเน้อื หา
102 จงเลอื กคำตอทที่ถกู ต้องท่ีสุดเพียงคำตอทเดียว 1. รเี ลชนั ใดๆ จะอยใู่ นรปู แบบบรรทดั ฐานระดบั ท่ี 1 ตามเง่อื นไขใด ก. คา่ ของแต่ละแอททรบิ วิ ตใ์ นแต่ละทเู พลิ มเี พยี งคา่ เดยี ว ข. ทกุ แอททรบิ วิ ตท์ ไ่ี มไ่ ดเ้ ป็นคยี ห์ ลกั จะตอ้ งขน้ึ กบั แอททรบิ วิ ตท์ เ่ี ป็นคยี ห์ ลกั หรอื แอททรบิ วิ ต์ ทงั้ หมดท่ี ประกอบเป็นคยี ห์ ลกั ค. ตอ้ งไมม่ คี วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งค่าของแอททรบิ วิ ตแ์ บบทรานซทิ ฟี ง. รเี ลชนั นนั้ มคี ยี ค์ ่แู ขง่ หลายตวั โดยคยี ค์ ่แู ขง่ เหล่านนั้ เป็นคยี ผ์ สมและมคี วามซ้าซอ้ นกนั 2. จากโครงสรา้ งตารางดงั ต่อไปน้ี ขอ้ มลู ใดคอื คยี ห์ ลกั ลกู คา้ (รหสั ลกู คา้ , ชอ่ื ลกู คา้ , ทอ่ี ย,ู่ เบอรโ์ ทรศพั ท)์ ก. รหสั ลกู คา้ ข. ช่อื ลกู คา้ ค. ทอ่ี ยู่ ง. เบอรโ์ ทรศพั ท์ 3. การขดี เสน้ ไวบ้ นหวั ของแอททรบิ วิ ตห์ มายถงึ อะไร ก. การกาหนดใหแ้ อททรบิ วิ ตน์ นั้ เป็นคยี ห์ ลกั ข. การกาหนดใหแ้ อททรบิ วิ ตน์ นั้ เป็นคยี น์ อก ค. แอททรบิ วิ ตน์ นั้ มคี ่ามากกว่า 1 ค่าในแต่ละทเู พลิ ง. แอททรบิ วิ ตน์ นั้ มเี พยี ง 1 ค่าในแต่ละทเู พลิ 4. ขอ้ สรปุ ใดไมถ่ กู ตอ้ ง ก. เมอ่ื ใดทม่ี กี ารปรบั รเี ลชนั ใหอ้ ย่ใู นรปู แบบบรรทดั ฐานระดบั ท่ี 1 จะตอ้ งมกี ารเพมิ่ แอททรบิ วิ ต์ ของคยี ์ หลกั เสมอ ข. ถา้ พบวา่ บางแอททรบิ วิ ตใ์ นรเี ลชนั ไมไ่ ดข้ น้ึ กบั คยี ห์ ลกั แตข่ น้ึ กบั บางสว่ นของคยี ห์ ลกั จะตอ้ งทาการปรบั รเี ลชนั ใหอ้ ย่ใู นรปู แบบบรรทดั ฐานระดบั ท่ี 2 ค. การทาใหร้ เี ลชนั อยใู่ นรู ปแบบบรรทั ดฐาน จะต้ องทาใหค้ ยี ห์ ลกั ของแต่ละรเี ลชั นมาจากแอททรบิ วิ ต์ เพยี งแอททรบิ วิ ตเ์ ดยี ว ง. บางครงั้ คยี ห์ ลกั อาจจาเป็นตอ้ งมาจากหลายแอททรบิ วิ ตร์ วมกนั 5. คากลา่ วใดไมถ่ กู ตอ้ ง ก. รเี ลชนั ทอ่ี ยใู่ นรปู แบบ BCNF จะอยใู่ นรปู แบบบรรทดั ฐานระดบั ท่ี 3 ข. รเี ลชนั ทอ่ี ยใู่ นรปู แบบบรรทดั ฐานระดบั ท่ี 3 ไมจ่ าเป็นตอ้ งอยใู่ นรปู แบบ BCNF ค. รเี ลชนั ทค่ี วรผา่ นการทาใหอ้ ย่ใู นรปู แบบ BCNF คอื รเี ลชนั ทม่ี คี ยี ค์ แู่ ขง่ หลายตวั และคยี ค์ ่แู ขง่ เหลา่ นนั้ เป็นคยี ผ์ สม ซง่ึ มคี วามซ้าซอ้ นกนั ง. ถูกทุกขอ้
103 6. รเี ลชนั ใดๆ จะอยใู่ นรปู แบบบรรทดั ฐานระดบั ท่ี 2 ตามเง่อื นไขใด ก. คา่ ของแต่ละแอททรบิ วิ ตใ์ นแต่ละทเู พลิ มเี พยี งค่าเดยี ว ข. ทกุ แอททรบิ วิ ตท์ ไ่ี ม่ไดเ้ ป็นคยี ห์ ลกั จะตอ้ งขน้ึ กบั แอททรบิ วิ ตท์ เ่ี ป็นคยี ห์ ลกั หรอื แอททรบิ วิ ต์ ทงั้ หมดท่ี ประกอบเป็นคยี ห์ ลกั ค. ตอ้ งไมม่ คี วามสมั พนั ธร์ ะหว่างคา่ ของแอททรบิ วิ ตแ์ บบทรานซทิ ฟี ง. รเี ลชนั นนั้ มคี ยี ค์ ่แู ขง่ หลายตวั โดยคยี ค์ ่แู ขง่ เหล่านนั้ เป็นคยี ผ์ สมและมคี วามซา้ ซอ้ นกนั 7. เม่อื ทาการลบขอ้ มลู ในรเี ลชนั ใดๆ แลว้ สง่ ผลใหข้ อ้ มลู ในรเี ลชนั อน่ื ถกู ลบตามไปดว้ ย จดั เป็น ความผดิ พลาด แบบใด ก. ความผดิ พลาดทเ่ี กดิ จากการเพมิ่ ขอ้ มลู ข. ความผดิ พลาดทเ่ี กดิ จากการลบขอ้ มลู ค. ความผดิ พลาดทเ่ี กดิ จากการปรบั ปรงุ ขอ้ มลู ง. ไมม่ ขี อ้ ใดถกู 8. ความผดิ พลาดทเ่ี กดิ จากการปรบั ปรงุ ขอ้ มลู มลี กั ษณะอย่างไร ก. เมอ่ื ทาการลบขอ้ มลู ในรเี ลชนั ใดๆ แลว้ สง่ ผลใหข้ อ้ มลู ในรเี ลชนั อน่ื ถูกลบตามไปดว้ ย ข. หากตอ้ งการเพม่ิ ขอ้ มลู ใหมล่ งในรเี ลชนั จาเป็นตอ้ งเพมิ่ ขอ้ มลู ในรเี ลชนั อ่นื ก่อน ค. ในการแกไ้ ขขอ้ มลู จะตอ้ งแกไ้ ขขอ้ มลู ทงั้ หมดทม่ี รี หสั เดยี วกนั ง. ถกู ทุกขอ้ 9. รเี ลชนั ใดๆ จะอยใู่ นรปู แบบบรรทดั ฐานระดบั ท่ี 3 ตามเงอ่ื นไขใด ก. รเี ลชนั นนั้ อยใู่ นรปู แบบบรรทดั ฐานระดบั ท่ี 2 ข. แอททรบิ วิ ตท์ ไ่ี มไ่ ดเ้ ป็นคยี ห์ ลกั ตอ้ งขน้ึ กบั แอททรบิ วิ ตท์ เ่ี ป็นคยี ห์ ลกั เทา่ นนั้ ค. ไม่มคี วามสมั พนั ธร์ ะหว่างคา่ ของแอททรบิ วิ ตแ์ บบทรานซทิ ฟี ง. ถกู ทุกขอ้ 10. ขอ้ ใดคอื ความหมายของ Determinant ก. แอททรบิ วิ ตท์ เ่ี ป็นคยี ห์ ลกั ของรเี ลชนั ข. แอททรบิ วิ ตท์ เ่ี ป็นคยี ค์ ่แู ขง่ ของรเี ลชนั ค. แอททรบิ วิ ตท์ เ่ี ป็นคยี น์ อกของรเี ลชนั ง. แอททรบิ วิ ตท์ ส่ี ามารถเลอื กแอททรบิ วิ ตอ์ ่นื ได้ 11. รเี ลชนั ใดๆ จะอยใู่ นรปู แบบบรรทดั ฐานของบอยซแ์ ละคอดดต์ ามเงอ่ื นไขใด ก. รเี ลชนั นนั้ อย่ใู นรปู แบบบรรทดั ฐานระดบั ท่ี 3 ข. ไมม่ แี อททรบิ วิ ตท์ ไ่ี มใ่ ช่คยี ห์ ลกั แต่สามารถไประบคุ า่ แอททรบิ วิ ตท์ เ่ี ป็นคยี ห์ ลกั ได้ ค. รเี ลชนั นนั้ มคี ยี ค์ แู่ ขง่ หลายตวั โดยคยี ค์ แู่ ขง่ เหลา่ นนั้ เป็นคยี ผ์ สมและมคี วามซา้ ซอ้ นกนั ง. ถกู ทุกขอ้ 12. รเี ลชนั ใดๆ จะอย่ใู นรปู แบบบรรทดั ฐานระดบั ท่ี 4 ตามเง่อื นไขใด ก. รเี ลชนั นนั้ อยใู่ นรปู แบบ BCNF ข. รเี ลชนั นนั้ ไมม่ กี ารขน้ึ ต่อกนั เชงิ กล่มุ
104 ค. รเี ลชนั นนั้ ไมม่ คี วามสมั พนั ธร์ ะหว่างค่าของแอททรบิ วิ ตแ์ บบหลายค่าเกดิ ขน้ึ ง. ถูกทุกขอ้ 13. รเี ลชนั ใดๆ จะอย่ใู นรปู แบบบรรทดั ฐานระดบั ท่ี 5 ตามเงอ่ื นไขใด ก. รเี ลชนั นนั้ อย่ใู นรปู แบบบรรทดั ฐานระดบั ท่ี 4 ข. รเี ลชนั นนั้ มคี ยี ห์ ลกั เป็นคยี ผ์ สมทป่ี ระกอบดว้ ยแอททรบิ วิ ตต์ งั้ แต่ 3 แอททรบิ วิ ตข์ น้ึ ไป ค. เม่อื ทาการเชอ่ื มโยงรเี ลชนั ยอ่ ยทงั้ หมดแลว้ จะตอ้ งไม่ทาใหเ้ กดิ ขอ้ มลู ใหมท่ ต่ี ่างไปจากรเี ลชนั เดมิ ง. ถกู ทุกขอ้ 14. Project-Join Normal Form หมายถงึ รปู แบบบรรทดั ฐานระดบั ใด ก. รปู แบบบรรทดั ฐานระดบั ท่ี 1 ข. รปู แบบบรรทดั ฐานระดบั ท่ี 2 ค. รปู แบบบรรทดั ฐานระดบั ท่ี 4 ง. รปู แบบบรรทดั ฐานระดบั ท่ี 5 15. Spurious Tuple มคี วามหมายอย่างไร ก. ทเู พลิ ทม่ี คี ยี ห์ ลกั อยู่ ข. ทเู พลิ ทม่ี คี ยี ร์ องอยู่ ค. ทเู พลิ ทม่ี คี ยี ค์ แู่ ขง่ อยู่ ง. ทเู พลิ ทเ่ี กนิ ออกมาจากรเี ลชนั เดมิ 16. ขอ้ ใดคอื ภาษาทใ่ี ชใ้ นการออกแบบฐานขอ้ มลู ก. SQL ข. DBMS ค. DBDL ง. PASCAL 17. ในการกาหนดใหแ้ อททรบิ วิ ตส์ ามารถเกบ็ ค่าวา่ งได้ ทาไดโ้ ดยใชส้ ญั ลกั ษณ์ใด ก. * ข. SK ค. CK ง. FK 18. ในการกาหนดใหแ้ อททรบิ วิ ตเ์ ป็นคยี น์ อก ทาไดโ้ ดยใชส้ ญั ลกั ษณ์ใด ก. * ข. SK ค. CK ง. FK 19. CSCD (CASCADE) หมายถงึ อะไร ก. การลบ ข. การแกไ้ ขค่า
105 ค. การแกไ้ ข หรอื ลบขอ้ มลู แบบเป็นทอดๆ ง. การแกไ้ ข หรอื ลบขอ้ มลู โดยเปลย่ี นเป็นคา่ วา่ ง 20. การแกไ้ ข หรอื ลบขอ้ มลู แบบมขี อ้ จากดั ใชค้ าสงั่ ใด ก. UPD (UPDATE) ข. RSTR (RESTRICT) ค. CSCD (CASCADE) ง. NLF (NULLIFY)
106 บนั ทึกหลงั การสอน ขอ้ สรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาท่ีพบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
107 แผนการจดั การเรียนรูแ้ บบบูรณาการที่ 10 หน่วยท่ี - รหสั 3204-2004ระบบจดั การฐานขอ้ มูล (2-2-3) สอนครงั้ ที่ 10 (37-40) ชื่อหน่วย/เรือ่ ง ทบทวน/สอบกลางภาคเรียน จำนวน 4 ช.ม. สำระสำคญั - จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1.ผเู้ รยี นเกดิ การเรยี นรใู้ นเน้อื หาสาระ และนาความคดิ รวบยอดไปประยกุ ตใ์ ชต้ ่อไป 2.มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง 2.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 2.6 การประหยดั 2.2 ความมวี นิ ยั 2.7 ความสนใจใฝ่รู้ 2.3 ความรบั ผดิ ชอบ 2.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั 2.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 2.9 ความรกั สามคั คี 2.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง 2.10 ความกตญั ญกู ตเวที สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การระบบจดั การฐานขอ้ มลู 2. ออกแบบฐานขอ้ มลู เชงิ สมั พนั ธต์ ามหลกั การของ การจดั รปู แบบบรรทดั ฐาน 3. ใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รปู ในการจดั การฐานขอ้ มลู เน้ อื หาสาระ ทบทวน/สอบกลางภาคเรียน
108 บนั ทึกหลงั การสอบ ขอ้ สรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาท่ีพบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
109 แผนการจดั การเรยี นรูแ้ บบบูรณาการท่ี 11 หน่วยที่ 6 รหสั 3204-2004 ระบบจดั การฐานขอ้ มูล (2-2-3) สอนครงั้ ท่ี 11 (41-44) ชือ่ หน่วย/เรือ่ ง ภาษามาตรฐานบนระบบฐานขอ้ มูลเชิงสมั พนั ธ์ จำนวน 4 ช.ม. สำระสำคญั ในการจดั การฐานขอ้ มูลเชงิ สมั พนั ธจ์ ะต้องใช้ซอฟต์แวรท์ ม่ี คี วามสามารถในดา้ นระบบจดั การฐานขอ้ มูล ซง่ึ มอี ย่ดู ว้ ยกนั หลายตวั เชน่ ภาษาสอบถามเชงิ โครงสรา้ งหรอื SQL ซง่ึ สามารถใชใ้ นการนิยามขอ้ มลู ดาเนนิ การ กบั ขอ้ มูล และควบคุมขอ้ มูล อกี ทงั้ การใชค้ าสงั่ ใน SQL จะสามารถใช้เพ่อื เรยี กดูขอ้ มูลในทนั ทที นั ใดหรอื จะใช้ ร่วมกบั โปรแกรมภาษาอ่นื ๆ กไ็ ด้ และภาษาทใ่ี ชค้ น้ หาขอ้ มูลในฐานขอ้ มูลอกี แบบหน่ึงทต่ี ่างกบั ภาษา SQL คอื Query By Example โดยท่ี QBE จะเรยี กใช้ขอ้ มลู จากฐานขอ้ มูลในลกั ษณะของตารางเป็นช่องๆ เรยี กว่า QBE Grid และสามารถกาหนดเงอ่ื นไขในการสอบถามขอ้ มลู ลงไปไดด้ ว้ ย จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายภาษาสอบถามเชงิ โครงสรา้ งได้ 2. ใชค้ าสงั่ ต่างๆ ใน SQL เพ่อื นิยามขอ้ มลู ได้ 3. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรมค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง 3.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 3.2 ความมวี นิ ยั 3.3 ความรบั ผดิ ชอบ 3.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 3.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง 3.6 การประหยดั 3.7 ความสนใจใฝ่รู้ 3.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั 3.9 ความรกั สามคั คี 3.10 ความกตญั ญกู ตเวที สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การระบบจดั การฐานขอ้ มลู 2. ออกแบบฐานขอ้ มลู เชงิ สมั พนั ธต์ ามหลกั การของ การจดั รปู แบบบรรทดั ฐาน 3. ใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รปู ในการจดั การฐานขอ้ มลู
110 เน้ อื หาสาระ 1. ภาษาสอบถามเชงิ โครงสรา้ ง 2. คาสงั่ SQL ทใ่ี ชส้ าหรบั นยิ ามขอ้ มลู กจิ กรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน 1.ครแู ละผเู้ รยี นสนทนากนั ว่าในการจดั การฐานขอ้ มลู เชงิ สมั พนั ธจ์ ะตอ้ งใชซ้ อฟตแ์ วรท์ ม่ี คี วามสามารถ ในดา้ นระบบจดั การฐานขอ้ มลู ซง่ึ มอี ยดู่ ว้ ยกนั หลายตวั เชน่ ภาษาสอบถามเชงิ โครงสรา้ งหรอื SQL ซง่ึ สามารถ ใชใ้ นการนิยามขอ้ มลู ดาเนินการกบั ขอ้ มลู และควบคมุ ขอ้ มลู อกี ทงั้ การใชค้ าสงั่ ใน SQL จะสามารถใชเ้ พ่อื เรยี กดู ขอ้ มลู ในทนั ทที นั ใดหรอื จะใชร้ ่วมกบั โปรแกรมภาษาอน่ื ๆ กไ็ ด้ และภาษาทใ่ี ชค้ น้ หาขอ้ มลู ในฐานขอ้ มลู อกี แบบ หน่งึ ทต่ี ่างกบั ภาษา SQL คอื Query By Example โดยท่ี QBE จะเรยี กใชข้ อ้ มลู จากฐานขอ้ มลู ในลกั ษณะของ ตารางเป็นชอ่ งๆ เรยี กวา่ QBE Grid และสามารถกาหนดเงอ่ื นไขในการสอบถามขอ้ มลู ลงไปไดด้ ว้ ย 2.ครกู ลา่ ววา่ ภาษาสอบถามเชงิ โครงสรา้ ง (Structured Query Language : SQL) เป็นภาษาสาหรบั การ จดั การ ฐานขอ้ มลู เชงิ สมั พนั ธ์ 3.ผเู้ รยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรกู้ อ่ นเรยี น สลบั กนั ตรวจ ขนั้ สอน 4.ครใู ชส้ อ่ื Power Point ประกอบการอธบิ ายเรอ่ื งภาษาสอบถามเชงิ โครงสรา้ ง ซง่ึ มสี าระสาคญั ดงั น้ี องคก์ รทม่ี ชี อ่ื วา่ American National Standards Institute (ANSI) จงึ ไดก้ าาหนด SQL มาตรฐานขน้ึ ใชง้ าน ซง่ึ ในหน่วยน้จี ะไดก้ ล่าวรายละเอยี ด ของคาาสงั่ SQL ทเ่ี ป็นมาตรฐา การใชค้ าสงั่ SQL สามารถทาได้ 2 วธิ ี คอื 1). ใชค้ าสงั่ SQL เรยี กดขู อ้ มลู ไดท้ นั ที (Interactive SQL) เป็นลกั ษณะแบบออนไลน์ ผใู้ ชจ้ ะสามารถ พมิ พค์ าสงั่ เพ่อื สงั่ งานบนจอภาพ คาสงั่ เหล่าน้จี ะถกู ปฏบิ ตั งิ านทนั ที 2). ใชค้ าสงั่ SQL รว่ มกบั โปรแกรมภาษาอน่ื ๆ (Embedded SQL) เป็นการเขยี นคาสงั่ SQL แทรก ไวใ้ นประโยคคาสงั่ โปรแกรมประยกุ ตท์ เ่ี ขยี นขน้ึ ดว้ ยภาษาต่างๆ เชน่ PASCAL, COBOL, C เป็นตน้ โดยท่ี SQL เป็นภาษาสาหรบั จดั การฐานขอ้ มลู จงึ แบง่ คาสงั่ SQL ตามการใชง้ านเป็น 3 ประเภท คอื SQL ทใ่ี ชส้ าหรบั นิยามขอ้ มลู (Data Defi nition Language : DDL) SQL ทใ่ี ชส้ าหรบั ดาาเนินการกบั ขอ้ มลู (Data Manipulation Language : DML) SQL ทใ่ี ชส้ าหรบั การควบคมุ ขอ้ มลู (Data Control Language : DCL) จงึ พอจะสรปุ คาสงั่ SQL ทจ่ี ะใชไ้ ดด้ งั น้ี
111 5.ครใู ชส้ อ่ื Power Point และเทคนิควธิ สี อนแบบสาธติ (Demonstration Method) เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นเขา้ ใจ เรอ่ื งคาสงั่ SQL ทใ่ี ชส้ าหรบั นยิ ามขอ้ มลู ซง่ึ เป็นคาสงั่ สาหรบั การนยิ ามขอ้ มลู เพ่อื สรา้ งหรอื ลบตารางดชั นีและววิ ใน ระบบจงึ ขอกล่าวถงึ คาสงั่ ต่างๆ ทใ่ี ชน้ ยิ ามขอ้ มลู ดงั น้ี 1) คาสงั่ CREATE TABLE เป็นคาสงั่ ทใ่ี ชส้ รา้ งรเี ลชนั ขน้ึ ก่อนทจ่ี ะมกี ารจดั เกบ็ ขอ้ มลู หรอื กระทาการ ใดๆ กบั ขอ้ มลู ในรเี ลชนั โดยคาสงั่ น้ีจะมกี ารระบชุ อ่ื ของรเี ลชนั พรอ้ มทงั้ ชอ่ื แอททรบิ วิ ตต์ ่างๆ ขนาดและประเภท ของขอ้ มลู ทจ่ี ดั เกบ็ ในแต่ละแอททรบิ วิ ต์ รวมทงั้ ระบวุ า่ แอททรบิ วิ ตใ์ ดทเ่ี ป็นคยี ห์ ลกั หรอื คยี น์ อก
112 โดยท่ี COLUMN-NAME คอื ชอ่ื ของแอททรบิ วิ ต์ - NULL VALUES เป็นการกาหนดคา่ เพ่อื ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของขอ้ มลู เชน่ รหสั พนกั งานขาย ใน รเี ลชนั พนกั งานขาย ทุกทเู พลิ จะตอ้ งมคี า่ รหสั พนกั งานขาย - DATA TYPE คอื ประเภทของขอ้ มลู ประเภทของขอ้ มลู พน้ื ฐานอาจเป็นไดด้ งั น้ี
113 ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการสรา้ งรเี ลชนั พนกั งานขาย (SALE) ประกอบดว้ ยแอททรบิ วิ ต์ 5 แอททรบิ วิ ต์ ดงั น้ี 2). คาสงั่ ALTER TABLE ในบางกรณีแมว้ า่ จะมกี ารออกแบบระบบงานมาอย่างดแี ลว้ แต่กอ็ าจมคี วามจาเป็นทจ่ี ะตอ้ ง ปรบั ปรุง ระบบ เชน่ เม่อื มคี วามตอ้ งการทเ่ี ปลย่ี นไป ทงั้ ทไ่ี ดส้ รา้ งรเี ลชนั และใสข่ อ้ มลู ลงไปมากมายแลว้ กต็ าม ซง่ึ การ แกไ้ ขน้อี าจกระทบกบั ขอ้ มลู ทม่ี อี ยแู่ ลว้ กรณเี ช่นน้ใี นภาษา SQL จะมคี าสงั่ ทส่ี ามารถใชเ้ พม่ิ แอททรบิ วิ ตใ์ หม่ เขา้ ไปในรเี ลชนั ได้ โดยใชค้ าสงั่ ALTER TABLE
114 ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการเพม่ิ แอททรบิ วิ ต์ ชอ่ื COMMISSION เพอ่ื เกบ็ อตั ราคอมมชิ ชนั ของพนักงานขายลงใน รเี ลชนั SALE โดยใหเ้ ป็นคา่ ทศนยิ มทไ่ี มเ่ กนิ 9999 3) คาสงั่ DROP TABLE เป็นคาสงั่ ทใ่ี ชล้ บรเี ลชนั รปู แบบคาสงั่ ตวั อยำ่ ง สมมตใิ นระบบไดส้ รา้ งรเี ลชนั ช่อื STUDENT ไว้ แลว้ ตอ้ งการลบรเี ลชนั น้อี อก 4) คาสงั่ CREATE INDEX โดยปกตกิ ารคน้ หาขอ้ มลู จะคน้ หาไปทลี ะรายการจนกว่าจะพบรายการทต่ี อ้ งการซง่ึ จะทาใหเ้ กดิ ความล่าชา้ ถา้ ยง่ิ มขี อ้ มลู จานวนมาก การสรา้ งดชั นีจะชว่ ยใหส้ ามารถคน้ หาขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการไดเ้ รว็ ขน้ึ และดชั นีแต่ละตวั กอ็ าจประกอบดว้ ยแอททรบิ วิ ตม์ ากกว่า 1 แอททรบิ วิ ตก์ ไ็ ด้ ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการคน้ หาลกู คา้ ทม่ี วี งเงนิ เครดติ มากกว่า 8,000 บาท กรณไี ม่ตอ้ งการใหค้ ่าของขอ้ มลู ในแอททรบิ วิ ตม์ คี า่ ซ้ากนั ใหเ้ พมิ่ คาว่า UNIQUE ลงในคาสงั่
115 ตวั อยำ่ ง ถา้ ไมต่ อ้ งการใหค้ ่าแอททรบิ วิ ต์ ช่อื สนิ คา้ ในรเี ลชนั INVENTORY มชี ่อื ซ้ากนั 5) คาสงั่ DROP INDEX เป็นคาสงั่ ทใ่ี ชย้ กเลกิ ดชั นที เ่ี คยสรา้ งไว ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการยกเลกิ ดชั นที ช่ี ่อื CRIDX จากทเ่ี คยสรา้ งไวใ้ นตวั อยา่ งขา้ งตน้ 6) คาสงั่ CREATE VIEW ในระบบฐานขอ้ มลู ผใู้ ชแ้ ต่ละคนจะมวี วิ (View) ทต่ี ่างกนั ดงั ไดก้ ล่าวในเรอ่ื งของววิ มาบา้ งแลว้ ในหน่วยท่ี ผ่านมา และโดยทเ่ี ราสามารถระบุใหว้ วิ แต่ละววิ ประกอบดว้ ยแอททรบิ วิ ตใ์ ดบา้ งกไ็ ด้ ดงั นนั้ แลว้ การสรา้ งววิ จงึ สามารถทาไดด้ งั น้ี 6.1 แสดงเฉพาะบางสว่ นของขอ้ มลู บางแอททรบิ วิ ตท์ ม่ี าจากรเี ลชนั หน่งึ หรอื หลายรเี ลชนั 6.2 แสดงเฉพาะบางสว่ นของขอ้ มลู ทส่ี อดคลอ้ งตามเงอ่ื นไขทก่ี าหนด 6.3 สามารถปรบั ปรุงแกไ้ ขขอ้ มลู ในรเี ลชนั ต่างๆ ซง่ึ จะมผี ลใหก้ ารแสดงคา่ ในววิ ทส่ี รา้ งไว้ ปรบั คา่ ตามขอ้ มลู ในรเี ลชนั ทไ่ี ดเ้ ปลย่ี นแปลง ดงั นนั้ ผใู้ ชจ้ ะมองววิ เป็นเสมอื นรเี ลชนั หรอื ตารางทเ่ี กบ็ ขอ้ มลู ซง่ึ ทจ่ี รงิ แลว้ ววิ เป็นเพยี งตารางสมมติ (Virtual Table) เท่านนั้ โดยตวั มนั เองแลว้ จะไม่มขี อ้ มลู อะไรอยเู่ ลย เป็นแต่เพยี งสงิ่ ทเ่ี ป็นมโนภาพขน้ึ การระบชุ อ่ื ววิ ทแ่ี ตกต่างกนั น้เี อง จะชว่ ยในการควบคมุ ความปลอดภยั ของระบบฐานขอ้ มลู ไดใ้ นระดบั หนง่ึ เน่อื งจากผใู้ ชแ้ ต่ ละคนจะสามารถมองเหน็ ววิ ไดใ้ นลกั ษณะทต่ี ่างกนั นนั่ เอง
116 รปู แบบคาสงั่ SELECT โปรดดใู นหวั ขอ้ ต่อๆ ไป ตวั อยำ่ ง จากรปู ท่ี 6.1 ตอ้ งการมโนภาพววิ จากรเี ลชนั SALE โดย SALE_NAME VIEW ประกอบดว้ ย 2 แอททรบิ วิ ต์ คอื SALE_NO และ SALE_NM สว่ น SALE_SALARY VIEW ประกอบดว้ ย 3 แอททรบิ วิ ต์ คอื SALE_NO, SALE_NM และ SALE_SAL เน่อื งจากววิ เป็น Virtual Table จงึ สามารถตรวจสอบผลทเ่ี กดิ จากการสรา้ งววิ ไดโ้ ดยใชค้ า�สงั่ SELECT ดงั นี
117 จงึ เหน็ ไดว้ ่า การสรา้ งววิ จะมปี ระโยชน์ คอื 1). ช่วยใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ไดง้ า่ ยขน้ึ 2). เป็นการป้องกนั ความปลอดภยั ของขอ้ มลู (Security) ไดใ้ นระดบั หน่งึ เชน่ ผใู้ ชส้ ามารถดวู วิ ทช่ี อ่ื SALE_NAME ไดเ้ ทา่ นนั้ จะไมส่ ามารถมองเหน็ ขอ้ มลู เงนิ เดอื น ซง่ึ อย่ใู นแอททรบิ วิ ต์ SALE_SAL ได้ เป็นตน้ นอกจากน้กี ารสรา้ งววิ จะสามารถเลอื กขอ้ มลู จากรเี ลชนั มารวมกนั (JoiningTables) ไดด้ งั รปู จากรปู ท่ี 6.2 เป็นการสรา้ ง CUST_ORDER VIEW จากขอ้ มลู บางแอททรบิ วิ ตใ์ นรเี ลชนั ORDERING และรเี ลชนั CUSTOMER สามารถทาาไดโ้ ดยใชค้ าาสงั่ SQL ดงั น้ี
118 7) คาสงั่ DROP VIEW เป็นคาาสงั่ ทใ่ี ชล้ บววิ ทเ่ี คยสรา้ งไว้ 6.ผเู้ รยี นเขยี สรปุ เน้อื หาทเ่ี รยี นเป็นแผนผงั โฟลช์ ารต์ ข้นั สรุปและการประยุกต์ 7.ครใู ชค้ าถามหรอื กาหนดปัญหาโดยใหผ้ เู้ รยี นระดมสมองช่วยกนั คดิ หาคาตอบแลว้ อธบิ ายคาตอบให้ เพอ่ื นทกุ คนในกลมุ่ ของตนเองเขา้ ใจ 8.ครใู ชว้ ธิ สี มุ่ ผเู้ รยี นทุกกลุ่มตอบคาถามและอธบิ ายใหเ้ พ่อื นฟังทงั้ ชนั้ เรยี น ส่อื และแหลง่ การเรยี นรู้ 1.หนงั สอื เรยี น วชิ าระบบจดั การฐานขอ้ มลู ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 3.สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส,์ สอ่ื PowerPoint 4.แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หลกั ฐาน 1.บนั ทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายช่อื 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน
119 การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 6. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอ่ื งมอื วดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รยี น) 4. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 5. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี น รว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ำรประเมินผล 1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรุง 2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั มิ เี กณฑผ์ า่ น 50% 6 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ 1.ทากจิ กรรมใบงาน 2.อ่าและทบทวนเน้อื หา
120 บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาท่ีพบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
121 แผนการจดั การเรียนรูแ้ บบบูรณาการท่ี 12 หน่วยท่ี 6 รหสั 3204-2004 ระบบจดั การฐานขอ้ มูล (2-2-3) สอนครงั้ ที่ 12 (45-48) ชือ่ หนว่ ย/เรือ่ ง ภาษามาตรฐานบนระบบฐานขอ้ มูลเชิงสมั พนั ธ์ จำนวน 4 ช.ม. สำระสำคญั ในการจดั การฐานขอ้ มูลเชงิ สมั พนั ธจ์ ะต้องใช้ซอฟตแ์ วรท์ ่มี คี วามสามารถในดา้ นระบบจดั การฐานขอ้ มูล ซง่ึ มอี ยดู่ ว้ ยกนั หลายตวั เชน่ ภาษาสอบถามเชงิ โครงสรา้ งหรอื SQL ซง่ึ สามารถใชใ้ นการนิยามขอ้ มลู ดาเนินการ กบั ขอ้ มูล และควบคุมขอ้ มูล อกี ทงั้ การใชค้ าสงั่ ใน SQL จะสามารถใชเ้ พ่อื เรยี กดูขอ้ มูลในทนั ทที นั ใดหรอื จะใช้ ร่วมกบั โปรแกรมภาษาอ่นื ๆ กไ็ ด้ และภาษาทใ่ี ชค้ ้นหาขอ้ มลู ในฐานขอ้ มลู อกี แบบหน่ึงทต่ี ่างกบั ภาษา SQL คอื Query By Example โดยท่ี QBE จะเรยี กใชข้ อ้ มูลจากฐานขอ้ มูลในลกั ษณะของตารางเป็นช่องๆ เรยี กว่า QBE Grid และสามารถกาหนดเงอ่ื นไขในการสอบถามขอ้ มลู ลงไปไดด้ ว้ ย จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 3. ใชค้ าสงั่ ต่างๆ ใน SQL เพอ่ื ดาเนินการกบั ขอ้ มลู และควบคมุ ขอ้ มลู ได้ 4. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง 4.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 4.2 ความมวี นิ ยั 4.3 ความรบั ผดิ ชอบ 4.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 4.5 ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง 4.6 การประหยดั 4.7 ความสนใจใฝ่รู้ 4.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั 4.9 ความรกั สามคั คี 4.10 ความกตญั ญกู ตเวที สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การระบบจดั การฐานขอ้ มลู 2. ออกแบบฐานขอ้ มลู เชงิ สมั พนั ธต์ ามหลกั การของ การจดั รปู แบบบรรทดั ฐาน 3. ใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รปู ในการจดั การฐานขอ้ มลู เน้ อื หาสาระ 3. คาสงั่ SQL ทใ่ี ชส้ าหรบั ดาเนนิ การกบั ขอ้ มลู และควบคมุ ขอ้ มลู
122 กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน 1.ครใู ชเ้ ทคนิคการสอนแบบซปิ ปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรเู้ ดมิ จากสปั ดาหท์ ผ่ี ่าน มา โดยดงึ ความรเู้ ดมิ ของผเู้ รยี นในเร่อื งทจ่ี ะเรยี น เพอ่ื ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นมคี วามพรอ้ มในการเชอ่ื มโยงความรู้ใหม่กบั ความรเู้ ดมิ ของตน ผสู้ อนใชก้ ารสนทนาซกั ถามใหผ้ เู้ รยี นเลา่ ประสบการณ์เดมิ 2.เปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นแสดงความคดิ เหน็ และสนทนากนั ระหวา่ งเพ่อื นในชนั้ เรยี น 3.ผเู้ รยี นบอกขอ้ ดแี ละปัญหาจากการใชค้ าสงั่ SQL ขนั้ สอน 4.ครใู ชส้ อ่ื Power Point และเทคนิควธิ สี อนแบบสาธติ (Demonstration Method) เพ่อื อธบิ ายเร่อื งคาสงั่ SQL ทใ่ี ชส้ าหรบั ดาเนนิ การกบั ขอ้ มลู และควบคมุ ขอ้ มลู ซง่ึ มสี าระสาคญั ดงั ต่อไปน้ี เม่อื ไดท้ าการออกแบบระบบ และสรา้ งรเี ลชนั ต่างๆ ดงั ไดก้ ล่าวมาแลว้ นนั้ ถา้ ระบบทอ่ี อกแบบประกอบดว้ ย 4 รเี ลชนั คอื SALE, CUSTOMER, INVENTORY และ ORDERING ทส่ี รา้ งไวเ้ รยี บรอ้ ยแลว้ ขนั้ ตอนต่อไปจะเป็น การใสข่ อ้ มลู และเรยี กใชข้ อ้ มลู ในรเี ลชนั ต่างๆ คาสงั่ ทใ่ี ชม้ ดี งั ต่อไปน้ี 1) คำสงั่ INSERT เป็นคาสงั่ ทใ่ี ชใ้ นการใสข่ อ้ มลู ทลี ะทเู พลิ ลงในรเี ลชนั
123 ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการป้อนขอ้ มลู ลงในรเี ลชนั SALE (จากตวั อย่างขอ้ มลู ทใ่ี หม้ า) 2) คำสงั่ UPDATE เป็นคาสงั่ ทใ่ี ชใ้ นการปรบั ปรุง เปลย่ี นแปลง แกไ้ ขคา่ ของแอททรบิ วิ ตท์ ต่ี อ้ งการ เฉพาะใน ทเู พลิ ทม่ี เี งอ่ื นไขตรงตามทร่ี ะบุการแกไ้ ขสามารถกระทาไดห้ ลายแอททรบิ วิ ตใ์ นคาสงั่ เดยี วกนั
124 ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการเปลย่ี นชอ่ื พนกั งานขาย คนทช่ี ่อื SEREE เป็นช่อื THANA 3) คำสงั่ DELETE เป็นคาสงั่ ทใ่ี ชล้ บขอ้ มลู 1 ทเู พลิ หรอื มากกวา่ 1 ทเู พลิ ออกจากรเี ลชนั ตาม เง่อื นไขทร่ี ะบุ ตวั อยำ่ ง กรณีเลกิ ขายสนิ คา้ SOFA นนั่ คอื ตอ้ งการลบขอ้ มลู สนิ คา้ SOFA ออกจากรเี ลชนั INVENTORY 4) คำสงั่ SELECT เป็นคาสงั่ ทใ่ี ชเ้ รยี กดขู อ้ มลู จากฐานขอ้ มลู อาจเป็นขอ้ มลู ทม่ี าจากรเี ลชนั เพยี งรเี ล ชนั เดยี วหรอื มาจากหลายรเี ลชนั
125 โดยในสว่ นทต่ี ามหลงั SELECT คอื [*/DISTINCT] เป็นการสงั่ เพ่อื เลอื กดขู อ้ มลู ทต่ี อ้ งการ ในสว่ นหลงั ของ FROM คอื <TABLE NAME> ใชร้ ะบชุ ่อื รเี ลชนั ทต่ี อ้ งการเรยี กดขู อ้ มลู ในสว่ นหลงั ของ WHERE คอื <CONDITION> ใชก้ าหนดเง่อื นไขในการคน้ หาขอ้ มลู ในรเี ลชนั ซง่ึ จะ แสดงผลเฉพาะทเู พลิ ทต่ี รงตามเง่อื นไขเทา่ นนั้ GROUP BY เป็นการจดั กลมุ่ ของขอ้ มลู ตามแอททรบิ วิ ต์ หรอื <COLUMN NAME (S)> ทก่ี าหนด HAVING<CONDITION> เป็นการกาหนดเง่อื นไขทต่ี อ้ งการใหแ้ สดงผลตามทไ่ี ด้ จดั กลมุ่ ไวใ้ น GROUP BY ORDER BY<COLUMN NAME(S)> เป็นการกาหนดใหก้ ารแสดงผลมกี ารเรยี งลาดบั ขอ้ มลู จากน้อยไป มากและถา้ ตอ้ งการเรยี งลาดบั จากมาก ไปน้อยจะลงทา้ ยดว้ ย DESC ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการแสดงขอ้ มลู พนกั งานขายทงั้ หมด
126 ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการแสดงขอ้ มลู ชอ่ื และทอ่ี ย่ลู กู คา้ ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการทราบวา่ ลกู คา้ ของบรษิ ทั มอี ยทู่ จ่ี งั หวดั ใดบา้ ง จากผลลพั ธข์ า้ งตน้ จะเหน็ วา่ ชอ่ื จงั หวดั ทแ่ี สดงผลออกมาจะมซี า้ ซอ้ นกนั อย่หู ลายบรรทดั ทาใหย้ ุ่งยากต่อการดู ผลลพั ธ์ จงึ แกป้ ัญหาโดยใชค้ าสงั่ ดงั น้ี SELECT DISTINCT CUST_ADR FROM CUSTOMER;
127 จะเหน็ ไดว้ ่า ไม่มชี ่อื จงั หวดั ทซ่ี ้าซอ้ นกนั ปรากฏออกมา ซง่ึ ทาใหด้ ผู ลลพั ธง์ ่ายขน้ึ ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการแสดงผล ช่อื และทอ่ี ย่พู นกั งานขาย โดยเรยี งลาดบั ช่อื จากน้อยไปมาก จากตวั อยา่ งขา้ งบน ถา้ ตอ้ งการเรยี งลาดบั ช่อื พนกั งานขายจากมากไปน้อยจะทาไดด้ งั น้ี ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการแสดงขอ้ มลู รหสั ลกู คา้ ชอ่ื ลกู คา้ ทอ่ี ยแู่ ละวงเงนิ เครดติ โดยจดั กลมุ่ ทอ่ี ยแู่ ละเรยี งลาดบั ช่อื ลกู คา้ จากน้อยไปมาก
128 ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการแสดงขอ้ มลู ลกู คา้ ทอ่ี ยเู่ ชยี งใหม่ การกาหนดเง่อื นไขในคาสงั่ WHERE สามารถใชเ้ คร่อื งหมายเปรยี บเทยี บต่อไปน
129 ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการแสดงรหสั พนกั งานขาย ช่อื พนกั งานขาย และเงนิ เดอื น เฉพาะพนกั งานขายทม่ี เี งนิ เดอื นน้อย กวา่ 7,000 บาท ในบางกรณกี ารสรา้ งเงอ่ื นไขในการเรยี กดขู อ้ มลู อาจประกอบดว้ ยเง่อื นไขหลายเง่อื นไข ซง่ึ สามารถเช่อื มดว้ ย NOT, AND , OR ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการแสดงขอ้ มลู ลกู คา้ ทอ่ี ยเู่ ชยี งใหม่ และมวี งเงนิ เครดติ น้อยกว่า 18,000บาท ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการแสดงขอ้ มลู ลกู คา้ คนทอ่ี ย่เู ชยี งใหม่ หรอื คนทม่ี วี งเงนิ เครดติ น้อยกวา่ 10,000 บาท
130 ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการแสดงรายชอ่ื ลกู คา้ ทไ่ี ม่ไดอ้ ย่กู รุงเทพมหานคร ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการแสดงชอ่ื พนกั งานทุกคน ทข่ี น้ึ ตน้ ดว้ ยพยญั ชนะ ตวั ‘S’ จากโจทยข์ า้ งตน้ สามารถใชค้ าสงั่ SQL ดว้ ยเง่อื นไขเปรยี บเทยี บขอ้ มลู ทม่ี คี า่ ตรงตามรปู แบบตวั อกั ษรทก่ี าหนด ดว้ ยการใชค้ าสงั่ LIKE
131 กำรใช้ Buil-infunction ในภาษา SQL มฟี ังกช์ นั สาเรจ็ ไดแ้ ก่ ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการหาค่าเฉลย่ี ของเงนิ เดอื นพนกั งานขาย ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการทราบว่าบรษิ ทั มลี กู คา้ ทงั้ สน้ิ กค่ี น
132 ในบางกรณกี ารเรยี กใชข้ อ้ มลู อาจตอ้ งมกี ารคานวณเกดิ ขน้ึ ในภาษา SQL สามารถสรา้ งนิพจน์คานวณได้ ดว้ ยเคร่อื งหมายคานวณ ดงั ต่อไปน ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการปรบั เงนิ เดอื นพนกั งานขายแต่ละคนขน้ึ อกี 5% ของเงนิ เดอื นปัจจบุ นั ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการหาคา่ เฉลย่ี ของวงเงนิ เครดติ ของลกู คา้ ในแต่ละกลุ่มทอ่ี ยู่
133 ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการแสดงคา่ เฉลย่ี ของวงเงนิ เครดติ ของลกู คา้ ในแต่ละกลุ่มทอ่ี ยู่ ซง่ึ มคี ่าเฉลย่ี ตงั้ แต่20,000 บาทขน้ึ ไป ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการแสดงขอ้ มลู การสงั่ ซอ้ื และชอ่ื สนิ คา้ ทอ่ี ยใู่ นใบสงั่ ซอ้ื แต่ละใบ
134 ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการทราบวา่ ใบสงั่ ซอ้ื แต่ละใบ สงั่ ซอ้ื สนิ คา้ ช่อื อะไรบา้ ง อย่างละกช่ี น้ิ ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการแสดงรหสั ลกู คา้ ทม่ี ที อ่ี ย่เู ป็นทเ่ี ดยี วกนั
135 ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการทราบวา่ ใครเป็นผขู้ ายสนิ คา้ ตามใบสงั่ ซอ้ื แต่ละใบ และผขู้ ายคนใดทไ่ี มเ่ คยขายสนิ คา้ ได ตวั อยำ่ ง ตอ้ งการทราบวา่ ใครเป็นผขู้ ายสนิ คา้ ตามใบสงั่ ซอ้ื แต่ละใบ คำสงั่ SQL ท่ีใช้สำหรทั ควทคมุ ข้อมูล การสรา้ งววิ สาหรบั ผใู้ ชแ้ ต่ละคนทก่ี ล่าวผ่านมา นบั เป็นเทคนคิ หน่งึ ของการจดั ระบบความปลอดภยั โดย ผใู้ ชท้ ม่ี สี ทิ ธเิ ทา่ นนั้ จะไดเ้ หน็ ววิ ของตน สว่ นผใู้ ชค้ นอ่นื ๆ จะไมม่ สี ทิ ธไิ ดเ้ หน็ ววิ นนั้ ๆ ซง่ึ นอกจากการใชว้ วิ แลว้ ผใู้ ชแ้ ต่ละคนยงั สามารถใหส้ ทิ ธใิ หอ้ านาจแก่ผใู้ ชค้ นอน่ื ไดม้ าใชข้ อ้ มลู ของตน ระบบการใหส้ ทิ ธทิ ก่ี ลา่ วถงึ น้ี เรา เรยี กวา่ Authorization System
136 5.ผเู้ รยี นปฏบิ ตั ติ ามแบบฝึกหดั ดงั น้ี 1). จงป้อนขอ้ มลู จากทก่ี าหนดใหใ้ นบทเรยี นหวั ขอ้ “คาสงั่ SQL ทใ่ี ชส้ าหรบั ดาเนินการกบั ขอ้ มลู ”ลง ในรเี ลชนั SALE, CUSTOMER, INVENTORY และ ORDERING 2). จงใชค้ าสงั่ SELECT ในการสอบถามขอ้ มลู ในหวั ขอ้ ย่อยต่อไปน้ี 2.1 สอบถามขอ้ มลู ลกู คา้ ทงั้ หมด 2.2 สอบถามขอ้ มลู เฉพาะรหสั พนกั งานขาย และชอ่ื พนกั งานขาย 2.3 สอบถามขอ้ มลู สนิ คา้ คงคลงั ทงั้ หมด โดยใหแ้ สดงผลเรยี งลาดบั จากน้อยไปมาก ตามราคา ต่อหน่วยของสนิ คา้ 2.4 สอบถามขอ้ มลู เกย่ี วกบั การสงั่ ซอ้ื สนิ คา้ โดยใหแ้ สดงผลตามลาดบั คอลมั น์จากซา้ ยไปขวา ดงั น้ี รหสั ลกู คา้ ทส่ี งั่ ซอ้ื สนิ คา้ รหสั พนกั งานขายทข่ี ายสนิ คา้ รหสั สนิ คา้ ทส่ี งั่ ซอ้ื จานวนสนิ คา้ ทส่ี งั่ ซอ้ื และ ให้ เรยี งลาดบั ขอ้ มลู จากน้อยไปมากตามลาดบั ของรหสั ลกู คา้ รหสั พนกั งานขายและรหสั สนิ คา้ 3). จงใชค้ าสงั่ SQL เพอ่ื สอบถามขอ้ มลู ในหวั ขอ้ ย่อยต่อไปน้ี 3.1. สอบถามขอ้ มลู พนกั งานขายทม่ี เี งนิ เดอื นมากกวา่ 6,500 บาท 3.2 สอบถามขอ้ มลู ลกู คา้ เฉพาะทอ่ี ยเู่ ชยี งใหม่และมยี อดเงนิ คงเหลอื มากกว่า 12,500 บาท 3.3 สอบถามขอ้ มลู สนิ คา้ เฉพาะรหสั สนิ คา้ และซอ้ื สนิ คา้ เฉพาะสนิ คา้ ทม่ี จี านวนคงเหลอื ในโกดงั ระหว่าง 200 ถงึ 300 ชน้ิ โดยเรยี งลาดบั ขอ้ มลู ตามรหสั สนิ คา้ จากมากไปน้อย 3.4 สอบถามขอ้ มลู พนกั งานขายทม่ี ชี ่อื ขน้ึ ตน้ ดว้ ยตวั อกั ษร “M” 4). จงใชค้ าสงั่ และฟังกช์ นั ในภาษา SQL เพอ่ื สอบถามขอ้ มลู ในหวั ขอ้ ย่อยต่อไปน้ี 4.1 สอบถามจานวนลกู คา้ ทงั้ หมด เฉพาะลกู คา้ ทอ่ี ยเู่ ชยี งใหม่ 4.2 สอบถามเงนิ เดอื นทงั้ หมดทต่ี อ้ งจ่ายใหพ้ นกั งานทุกคนต่อเดอื น เป็นจานวนเงนิ เท่าใด 4.3 สอบถามเงนิ เดอื นพนกั งานขายทน่ี ้อยทส่ี ดุ สาหรบั พนกั งานขายทอ่ี ย่บู างเขน สามเสน ดอนเมอื ง 4.4 สอบถามจานวนสนิ คา้ ทงั้ หมดทค่ี งเหลอื ในโกดงั 4.5 สอบถามชนิดของสนิ คา้ ทงั้ หมดทม่ี ใี นโกดงั 5) จงใชค้ าสงั่ สอบถามขอ้ มลู ในภาษา SQL เพอ่ื การคานวณหาคา่ ในขอ้ ยอ่ ยต่อไปน้ี 5.1 สอบถามรายช่อื ลกู คา้ ทงั้ หมด พรอ้ มทงั้ แสดงค่า 20% ของวงเงนิ เครดติ โดยเรยี งลาดบั ตาม วงเงนิ เครดติ จากมากไปน้อย 5.2 สอบถามรายช่อื ลกู คา้ ทอ่ี ยลู่ กู คา้ พรอ้ มทงั้ ค่าวงเงนิ เครดติ ลบจากยอดคงเหลอื โดย เรยี งลาดบั ตามรายช่อื ลกู คา้ จากน้อยไปมาก 5.3 สอบถามรายช่อื สนิ คา้ เฉพาะสนิ คา้ ทม่ี จี านวนคงเหลอื ในโกดงั น้อยกว่าจานวนสนิ คา้ ต่าสดุ ทจ่ี ะตอ้ งสงั่ ซอ้ื เพมิ่ 5.4 สอบถามรายช่อื สนิ คา้ และมลู คา่ ของสนิ คา้ แต่ละชนดิ ทม่ี ใี นโกดงั เฉพาะสนิ คา้ ทม่ี มี ลู ค่า ทงั้ สน้ิ มากกวา่ 75,000 บาท 6). จงใชค้ าสงั่ SQL ในการเชอ่ื มต่อขอ้ มลู จากหลายรเี ลชนั เพ่อื สอบถามขอ้ มลู จากรเี ลชนั ต่างๆ
137 6.1 สอบถามวา่ พนกั งานขายแต่ละคน ขายสนิ คา้ รวมทงั้ สน้ิ เป็นจานวนเงนิ เทา่ ไร 6.2 สอบถามวา่ ลกู คา้ แต่ละคนซอ้ื สนิ คา้ รวมเป็นจานวนเงนิ ทงั้ สน้ิ เท่าไร ตอ้ งการแสดงผลเฉพาะ ลกู คา้ ทซ่ี อ้ื สนิ คา้ เทา่ นนั้ 6.3 สอบถามวา่ ใบสงั่ ซอ้ื สนิ คา้ แต่ละใบซอ้ื สนิ คา้ ชอ่ื อะไรบา้ ง โดยเรยี งลาดบั ตามรหสั ใบสงั่ ซอ้ื สนิ คา้ จากมากไปน้อย 7). จงใชค้ าสงั่ ในภาษา SQL เพอ่ื ปรบั ปรุงขอ้ มลู ในหวั ขอ้ ย่อยต่อไปน้ี 7.1 ขน้ึ ราคาต่อหน่วยของสนิ คา้ ทุกชนิด 5% ของราคาสนิ คา้ เดมิ ทก่ี าหนดไว้ 7.2 ยกเลกิ การตดิ ต่อขายสนิ คา้ กบั ลกู คา้ ทอ่ี ยใู่ นจงั หวดั ลพบุรี 7.3 พนกั งานขายทช่ี ่อื มาลี ยา้ ยไปอย่ทู ส่ี ลี ม และเปลย่ี นหมายเลขโทรศพั ทเ์ ป็น 5127110 8). จงใชค้ าสงั่ ในภาษา SQL เพอ่ื สรา้ งววิ (View) ในหวั ขอ้ ย่อยตอ่ ไปน้ี 8.1 สรา้ งววิ CUST_N ประกอบดว้ ย รหสั ลกู คา้ และช่อื ลกู คา้ 8.2 สรา้ งววิ CUST_A ประกอบดว้ ย รหสั ลกู คา้ วงเงนิ เครดติ และยอดเงนิ คงเหลอื เฉพาะทม่ี ี วงเงนิ เครดติ ตงั้ แต่ 10,000 บาท ขน้ึ ไป 8.3 สรา้ งววิ EMPLOYEE_N ประกอบดว้ ย รหสั พนกั งานขาย ช่อื พนกั งานขาย เฉพาะทม่ี ี เงนิ เดอื น มากกวา่ 6,800 บาท 8.4 สรา้ งววิ ORDER_N ประกอบดว้ ย รหสั ใบสงั่ ซอ้ื สนิ คา้ ชอ่ื สนิ คา้ ทซ่ี อ้ื จานวนสนิ คา้ ทส่ี งั่ ซอ้ื ชอ่ื ลกู คา้ ทส่ี งั่ ซอ้ื และชอ่ื พนกั งานขาย 9). จงสรา้ งรเี ลชนั ต่อไปน้ี จากเคา้ ร่างทก่ี าหนดให้ 9.1 รเี ลชนั ลกู คา้
138 9.2 รเี ลชนั สนิ คา้ คงเหลอื 9.3 รเี ลชนั การสงั่ ซอ้ื ข้นั สรุปและการประยุกต์ 6.ครใู ชค้ าถามหรอื กาหนดปัญหาโดยใหผ้ เู้ รยี นระดมสมองช่วยกนั คดิ หาคาตอบแลว้ อธบิ ายคาตอบให้ เพ่อื นทกุ คนในกลมุ่ ของตนเองเขา้ ใจ 7.ครใู ชว้ ธิ สี มุ่ ผเู้ รยี นทุกกลุม่ ตอบคาถามและอธบิ ายใหเ้ พ่อื นฟังทงั้ ชนั้ เรยี น 8.ผเู้ รยี นฝึกปฏบิ ตั ใิ บงาน แบบฝึกทกั ษะ และทาแบบประเมนิ ผลหลงั เรยี น สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1.หนงั สอื เรยี น วชิ าระบบจดั การฐานขอ้ มลู ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2.รปู ภาพ 3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.แผน่ ใส 5.สอ่ิ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ , สอ่ื PowerPoint 6.แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้
139 หลกั ฐาน 1.บนั ทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายช่อื 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 6. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอ่ื งมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยปผเู้ รยี น) 4. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี น รว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ำรประเมินผล 1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรุง 2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั มิ เี กณฑผ์ ่าน 50% 6 แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ 1.ทาแบบฝึกปฏบิ ตั เิ พ่อื ฝึกทกั ษะ 2.อ่านและทบทวนเน้อื หา
140 จงเลอื กคำตอทที่ถกู ต้องท่ีสุดเพียงคำตอทเดียว 1. การใชค้ าสงั่ SQL สามารถทาไดโ้ ดยวธิ ใี ด ก. ใชค้ าสงั่ SQL ร่วมกบั โปรแกรมภาษาอ่นื ข. ใชค้ าสงั่ SQL เรยี กดขู อ้ มลู ทนั ที ค. ใชค้ าสงั่ SQL เกบ็ ขอ้ มลู ง. ถูกทงั้ ขอ้ ก. และ ข. 2. สามารถแบ่งคาสงั่ SQL ตามการใชง้ านไดเ้ ป็นกช่ี นดิ ก. 2 ชนิด ข. 3 ชนิด ค. 4 ชนิด ง. 5 ชนดิ 3. คาสงั่ SQL ทใ่ี ชส้ รา้ งหรอื ลบตารางดชั นแี ละววิ ไดแ้ ก่คาสงั่ ชนดิ ใด ก. คาสงั่ สาหรบั ดาเนนิ การกบั ขอ้ มลู ข. คาสงั่ สาหรบั นิยามขอ้ มลู ค. คาสงั่ สาหรบั จดั การขอ้ มลู ง. คาสงั่ สาหรบั ควบคมุ 4. คาสงั่ ทใ่ี ชส้ รา้ งรเี ลชนั กอ่ นการจดั เกบ็ ขอ้ มลู คอื คาสงั่ ใด ก. INSERT INTO ข. ALTER TABLE ค. CREATE TABLE ง. CREATE INDEX 5. คาสงั่ ทใ่ี ชเ้ พม่ิ แอททรบิ วิ ตใ์ หมเ่ ขา้ ไปในรเี ลชนั ทม่ี อี ยแู่ ลว้ คอื คาสงั่ ใด ก. CREATE TABLE ข. CREATEI NDEX ค. INSERT INTO ง. ALTER TABLE 6. ขอ้ ความต่อไปน้ี ขอ้ ความใดไมถ่ ูกตอ้ ง ก. ววิ เป็นเพยี งตารางสมมติ ข. ววิ เป็นตารางทเ่ี กบ็ ขอ้ มลู จรงิ อกี แบบหนง่ึ ค. ววิ เป็นเพยี งสงิ่ ทม่ี โนภาพขน้ึ ง. ววิ จะชว่ ยควบคมุ ความปลอดภยั ของขอ้ มลู ไดร้ ะดบั หน่งึ 7. เม่อื ใชค้ าสงั่ DROP ววิ ใดๆ จะมผี ลตามมาอยา่ งไร ก. ววิ ต่างๆ ทถ่ี กู สรา้ งไวจ้ ะถูกลบออก ข. TABLE ต่างๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ววิ นนั้ ๆ จะถูกลบออกดว้ ย ค. ขอ้ มลู ต่างๆ ทอ่ี ยใู่ นววิ นนั้ จะถูกลบทง้ิ แต่ววิ ยงั คงอยู่ ง. ขอ้ มลู ต่างๆ ใน TABLE ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ววิ นนั้ จะถกู ลบทง้ิ
141 8. คาสงั่ ใดไมใ่ ชค่ าสงั่ ดาเนนิ การกบั ขอ้ มลู ก. INSERT ข. DELETE ค. SELECT ง. DROP INDEX 9. คาสงั่ DELETE ใชส้ าหรบั งานใด ก. ลบขอ้ มลู ไดท้ ลี ะ 1 ทเู พลิ ข. ลบขอ้ มลู ไดท้ ลี ะหลายๆ ทเู พลิ ค. ลบขอ้ มลู ไดค้ รงั้ ละ 1 ทเู พลิ หรอื หลายๆ ทเู พลิ ง. ลบ Table ทต่ี อ้ งการ 10. กรณีตอ้ งการสอบถามขอ้ มลู และตอ้ งการลบทเู พลิ ทป่ี รากฏซ้ากนั มใิ หแ้ สดงออกมาในคาสงั่ SELECT จะตอ้ ง ทาอยา่ งไร ก. ใชค้ าสงั่ SELECT กบั DISTINCT ข. ใชค้ าสงั่ SELECT กบั WHERE ค. ใชค้ าสงั่ SELECT กบั GROUPBY ง. ใชค้ าสงั่ SELECT กบั ORDER BY 11. คาสงั่ ทใ่ี ชเ้ พอ่ื กาหนดใหส้ ทิ ธกิ ารใชข้ อ้ มลู แกผ่ ใู้ ชค้ นอน่ื คอื คาสงั่ ใด ก. GRANT ข. ALTER ค. REVOKE ง. INSERT 12. คาสงั่ ทใ่ี ชเ้ พม่ิ ขอ้ มลู รายการใหม่เขา้ ไปในรเี ลชนั ทส่ี รา้ งแลว้ คอื คาสงั่ ใด ก. INSERT ข. ALTER ค. UPDATE ง. CREATE 13. ขอ้ ความใดต่อไปน้ไี ม่ถูกตอ้ ง ก. คาสงั่ SELECT จะสอบถามขอ้ มลู ไดค้ รงั้ ละหลาย TABLE ข. ววิ เป็นเพยี งตารางสมมติ ค. GROUPBY ใชจ้ ดั กลมุ่ ขอ้ มลู ตามแอททรบิ วิ ต์ ง. การสรา้ งววิ ทาใหผ้ ใู้ ชแ้ ต่ละคนมองเหน็ ววิ ไดเ้ หมอื นๆ กนั 14. ขอ้ ใดเป็นประโยชน์ทไ่ี ดจ้ ากการสรา้ งววิ ก. ทาใหผ้ ใู้ ชม้ องเหน็ ววิ ไดเ้ หมอื นกนั ทุกคน ข. ทาใหผ้ ใู้ ชไ้ มส่ ามารถเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ไดง้ า่ ยนกั ค. เป็นการป้องกนั ความปลอดภยั ของขอ้ มลู ในระดบั หน่งึ ง. ถูกทุกขอ้ 15. ในการสอบถามขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการแสดงผลเรยี งลาดบั จากน้อยไปมาก หรอื จากมากไปน้อย ตอ้ งใชค้ าสงั่ ใด ก. GROUP BY ข. WHERE ค. ORDER BY ง. HAVING 16. เครอ่ื งหมาย ^ = ใน SQL เพ่อื กาหนดเงอ่ื นไข มคี วามหมายวา่ อย่างไร ก. น้อยกวา่ หรอื เท่ากบั ข. มากกวา่ หรอื เท่ากบั ค. ไม่เทา่ กบั ง. ไมม่ เี ครอ่ื งหมายน้ใี น SQL
142 17. คาสงั่ ทใ่ี ชเ้ รยี กดขู อ้ มลู จากฐานขอ้ มลู คอื คาสงั่ ใด ก. VIEW ข. SELECT ค. LIKE ง. ใชไ้ ดท้ งั้ คาสงั่ VIEW และ SELECT 18. ฟังกช์ นั ใดใน SQL ทใ่ี ชส้ าหรบั หาค่ารวมของคา่ ในแอททรบิ วิ ตห์ นง่ึ ๆ ก. COUNT ข. TOTAL ค. AVG ง. SUM 19. เคร่อื งหมายคานวณตวั ใดทใ่ี ชผ้ ดิ ความหมาย ก. * หมายถงึ การคณู ข. / หมายถงึ การหาร ค. ^ หมายถงึ การยกกาลงั ง. + หมายถงึ การบวก 20. ในระบบฐานขอ้ มลู ผใู้ ชแ้ ต่ละคนสามารถมอบสทิ ธใิ หอ้ านาจแก่ผใู้ ชค้ นอ่นื ไดใ้ นการเรยี กใชข้ อ้ มลู ของตน เรยี ก ระบบดงั กล่าววา่ อะไร ก. Authorization System ข. Grant System ค. Revoke System ง. Security System
143 บนั ทึกหลงั การสอน ขอ้ สรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาท่ีพบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
144 แผนการจดั การเรียนรูแ้ บบบูรณาการท่ี 13 หน่วยท่ี 7 รหสั 3204-2004 ระบบจดั การฐานขอ้ มูล (2-2-3) สอนครงั้ ที่ 13 (49-52) ชื่อหน่วย/เรือ่ ง ปัญหาในการใชร้ ะบบฐานขอ้ มูล จำนวน 4 ช.ม. สำระสำคญั ดว้ ยวตั ถุประสงคข์ องการใชร้ ะบบฐานขอ้ มูลเพ่อื ใหผ้ ใู้ ชห้ ลายๆ คนสามารถเรยี กใชข้ อ้ มูลไดพ้ รอ้ มๆ กนั จงึ เป็นผลทอ่ี าจทาใหเ้ กดิ ภาวะการเรยี กใชข้ อ้ มูลพรอ้ มกนั นอกจากน้ี หากมคี วามขดั ขอ้ งอ่นื ใดเกดิ ขน้ึ ในระบบท่ี อาจกระทบถงึ ขอ้ มลู กจ็ ะตอ้ งทาการกรู้ ายการทเ่ี กดิ ความขดั ขอ้ ง ซง่ึ ลว้ นต้องใชเ้ ทคนิควธิ ที เ่ี หมาะสมเพ่อื ใหร้ ะบบ สามารถทางานต่อไปได้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. บอกความหมายของคาวา่ “รายการ” ได้ 2. อธบิ ายสาเหตุของการเกดิ ภาวะขดั ขอ้ งได้ 3. บอกความหมายของระบบการลงบนั ทกึ ได้ 4. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง 4.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 4.2 ความมวี นิ ยั 4.3 ความรบั ผดิ ชอบ 4.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 4.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง 4.6 การประหยดั 4.7 ความสนใจใฝ่รู้ 4.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั 4.9 ความรกั สามคั คี 4.10 ความกตญั ญกู ตเวที สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การระบบจดั การฐานขอ้ มลู 2. ออกแบบฐานขอ้ มลู เชงิ สมั พนั ธต์ ามหลกั การของ การจดั รปู แบบบรรทดั ฐาน 3. ใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รปู ในการจดั การฐานขอ้ มลู
145 เน้ อื หาสาระ 1. รายการ 2. การเกดิ ภาวะขดั ขอ้ ง 3. ระบบการลงบนั ทกึ กิจกรรมกำรเรยี นรู้ ขนั้ นำเข้ำส่ทู ทเรียน 1.ครกู ล่าววา่ ดว้ ยวตั ถุประสงคข์ องการใชร้ ะบบฐานขอ้ มูลเพอ่ื ใหผ้ ใู้ ชห้ ลายๆ คนสามารถเรยี กใชข้ อ้ มลู ได้ พรอ้ มๆ กนั จงึ เป็นผลทอ่ี าจทาใหเ้ กดิ ภาวะการเรยี กใชข้ อ้ มลู พรอ้ มกนั นอกจากน้หี ากมคี วามขดั ขอ้ งอ่นื ใดเกดิ ขน้ึ ในระบบทอ่ี าจกระทบถงึ ขอ้ มลู กจ็ ะตอ้ งทาการกรู้ ายการทเ่ี กดิ ความขดั ขอ้ ง ซง่ึ ลว้ นตอ้ งใชเ้ ทคนคิ วธิ ที เ่ี หมาะสม เพ่อื ใหร้ ะบบสามารถทางานต่อไปได้ 2.ครชู แ้ี จงเน้อื หาทจ่ี ะศกึ ษาสาหรบั หน่วยน้ี ไดแ้ ก่ 1). รายการ 2). การเกดิ ภาวะขดั ขอ้ ง 3). ระบบการลงบนั ทกึ 4). การกคู้ นื 5). การเกดิ ภาวะพรอ้ มกนั 6). เทคนคิ การปิดกนั้ 3.ผเู้ รยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรกู้ ่อนเรยี น แลว้ สลบั กนั ตรวจเพ่อื เกบ็ คะแนนไว้ ข้นั สอน 4.ครใู ชเ้ ทคนิควธิ สี อนแบบบรรยาย (Lecture Method) เพ่อื อธบิ ายความหมายของรายการ (Transaction) ซง่ึ หมายถงึ ชุดของคาสงั่ ทจ่ี ดั การกบั ขอ้ มลู ในฐานขอ้ มลู ในลกั ษณะต่างๆ เชน่ การอา่ นขอ้ มลู การเขยี นขอ้ มลู การปรบั ปรงุ ขอ้ มลู (เพมิ่ , ลบ, แกไ้ ข) ซง่ึ เม่อื ชุดคาาสงั่ เหล่านนั้ ทาางาน เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ จะทาาใหข้ อ้ มลู ใน ฐานขอ้ มลู อย่ใู นสภาพทถ่ี ูกตอ้ ง 5.ครใู ชเ้ ทคนิควธิ สี อนแบบสาธติ (Demonstration Method) เพอ่ื อธบิ ายตวั อยา่ งดงั ต่อไปน้ี ตวั อยำ่ ง ถา้ ตอ้ งการปรบั ปรงุ ขอ้ มลู จานวนสงั่ สนิ คา้ ในรเี ลชนั ORDERING ในรายการสนิ คา้ P-402 จาก จานวนสงั่ เดมิ 60 ชน้ิ สงั่ เพม่ิ อกี 40 ชน้ิ สามารถแสดงไดด้ ว้ ยคาสงั่ SQL ดงั รปู ท่ี 7.1
146 จากตวั อย่างในรปู ท่ี 7.1 คาสงั่ COMMIT เป็นการบอกวา่ รายการปรบั ปรงุ นนั้ เสรจ็ สน้ิ สมบรู ณ์ แต่หากมี ปัญหาเกดิ ขน้ึ กจ็ ะทาใหร้ ายการนนั้ ๆ กลบั ไปสจู่ ุดเรมิ่ ตน้ (Rollback) ทาาใหข้ อ้ มลู กลบั คนื เป็น คา่ เดมิ กอ่ นทจ่ี ะมี การปรบั ปรงุ 6.ครใู ชเ้ ทคนิควธิ กี ารจดั การเรยี นรแู้ บบอภปิ ราย (Discussion Method) อภปิ รายเน้อื หาเร่อื งการเกดิ ภาวะ ขดั ขอ้ ง ซง่ึ มสี าระสาคญั ดงั น้ี - ระททเกิดควมขดั ขอ้ ง (System Failure) เป็นความขดั ขอ้ งทเ่ี กดิ ในขณะทร่ี ายการหน่งึ ๆ กาาลงั ถกู กระทา ทาใหม้ ผี ลต่อขอ้ มลู ทเ่ี กบ็ อย่ใู น หน่วยความจาหลกั แต่ไมม่ ผี ลตอ่ ขอ้ มลู ทเ่ี กบ็ อยใู่ นระบบฐานขอ้ มลู - ควำมผิดพลำดของสื่อทนั ทึกขอ้ มลู (Media Failure) เป็นความผดิ พลาดทเ่ี กดิ จากสอ่ื บนั ทกึ ขอ้ มลู เช่น Disk อาจเกดิ ความเสยี หาย ทาใหข้ อ้ มลู สญู หาย ไป ดว้ ยความผดิ พลาดประเภทน้จี งึ อาจทาใหข้ อ้ มลู ในฐานขอ้ มลู เสยี หายได้ จากภาวะขดั ขอ้ งทงั้ 2 ลกั ษณะทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ ไดใ้ นระบบจงึ ตอ้ งมกี ารกู้ (Recovery) รายการทเ่ี กดิ ความ ขดั ขอ้ ง โดยระบบจะตอ้ งสามารถตรวจสอบไดว้ า่ ขอ้ มลู ของรายการทถ่ี ูกกระทานนั้ ไดถ้ ูกบนั ทกึ ลงในฐานขอ้ มลู แลว้ หรอื ยงั รายการทถ่ี ูกบนั ทกึ ลงในฐานขอ้ มูลแลว้ จะถอื วา่ รายการนนั้ ถกู กระทาจนเสรจ็ สมบรู ณ์แลว้ สว่ นรายการ ทย่ี งั ไม่ไดถ้ ูกบนั ทกึ ลงในฐานขอ้ มลู จะถอื วา่ การกระทารายการนนั้ ยงั ไมเ่ สรจ็ สมบรู ณ์ อาจเกดิ ขดั ขอ้ งในการบนั ทกึ ขอ้ มลู รายการนนั้ ๆ การทร่ี ะบบจะทราบขอ้ ขดั ขอ้ งทเ่ี กดิ ขน้ึ เพ่อื แกป้ ัญหานนั้ สามารถทาไดโ้ ดยใชร้ ะบบการลง บนั ทกึ (System Log) ซง่ึ จะบนั ทกึ การทางานของทุกรายการทม่ี ผี ลต่อขอ้ มลู ในฐานขอ้ มลู 7.ครใู ชส้ อ่ื Power Point ประกอบการสอนเรอ่ื งระบบการลงบนั ทกึ ซง่ึ มสี าระสาคญั ดงั น้ี ระบบการลงบนั ทกึ (System Log) จะเป็นระบบทท่ี าการบนั ทกึ คา่ ของขอ้ มลู ทงั้ ก่อนและหลงั การแกไ้ ขลง ใน Log File หรอื Journal การลงบนั ทกึ จะเรมิ่ เม่อื มกี ารกระทาเกดิ ขน้ึ กบั รายการ และจะบนั ทกึ รายการทม่ี ผี ลต่อ การเปลย่ี นแปลงขอ้ มลู ในฐานขอ้ มลู จงึ อ่านคา่ ใหม่เพอ่ื บนั ทกึ ลงในฐานขอ้ มลู ณ จดุ นนั้ ถอื ไดว้ ่ารายการนนั้ ไดถ้ กู กระทาจนเสรจ็ สมบรู ณ์แลว้ (Commit) การใชเ้ ทคนคิ ของจดุ ตรวจสอบ (Check Point) ซง่ึ ระบบจะกาหนดชว่ งเวลาทจ่ี ะทาจุดตรวจสอบขน้ึ เพ่อื บนั ทกึ ขอ้ มลู ลงในฐานขอ้ มลู และบนั ทกึ เวลาของจดุ ตรวจสอบลงใน Log File หากรายการใดทาเสรจ็ ก่อน ถงึ จดุ ตรวจสอบแลว้ เกดิ ความผดิ พลาดของระบบ รายการนนั้ จะไมจ่ าเป็นตอ้ งทาใหม่ (Redo) รายการใดทย่ี งั ทาไมเ่ สรจ็ แต่ระบบเกดิ ขดั ขอ้ งรายการนนั้ จะตอ้ งถกู ยกเลกิ (Undo) สว่ นรายการทต่ี อ้ งทาใหม่ กค็ อื รายการทย่ี งั ทาไม่เสรจ็ ขณะทม่ี กี ารบนั ทกึ รายการทผ่ี า่ นจดุ ตรวจสอบแต่รายการนนั้ ไดถ้ ูกทาเสรจ็ ก่อน ทร่ี ะบบจะเกดิ ความขดั ขอ้ งขน้ึ ดงั แสดงในรปู ท่ี 7.2
147 จากรปู ท่ี 7.2 จะเหน็ ไดว้ ่า 1. รายการ T1 ไดถ้ กู กระทาเสรจ็ สมบรู ณ์กอ่ นถงึ จดุ ตรวจสอบ 2. รายการ T2 เกดิ ขน้ึ ก่อนจดุ ตรวจสอบและเสรจ็ สน้ิ ก่อนระบบเกดิ ความขดั ขอ้ ง 3. รายการ T3 เกดิ ขน้ึ ก่อนจดุ ตรวจสอบและยงั ทาไม่เสรจ็ เมอ่ื ระบบเกดิ ความขดั ขอ้ ง 4. รายการ T4 เกดิ ขน้ึ หลงั จุดตรวจสอบและเสรจ็ สน้ิ กอ่ นระบบเกดิ ความ ขดั ขอ้ ง 5. รายการ T5 เกดิ ขน้ึ หลงั จดุ ตรวจสอบและยงั ทาไม่เสรจ็ เมอ่ื ระบบเกดิ ความขดั ขอ้ งหากพบ รายการ ลกั ษณะน้เี กดิ ขน้ึ จงึ ควรพจิ ารณาดงั น้ี 5.1 รายการ T1 จะไมต่ อ้ งทาใหม่ เพราะไดบ้ นั ทกึ รายการเปลย่ี นแปลงลง ในฐานขอ้ มลู เรยี บรอ้ ย แลว้ 5.2 รายการ T2 และ T4 จะตอ้ งทาาซ้าใหม่ (Redo) 5.3 รายการ T3 และ T5 จะตอ้ ง ถกู ยกเลกิ (Undo) และกลบั เป็นคา่ เรม่ิ ตน้ เพราะรายการ ทงั้ สองยงั ทาไมเ่ สรจ็ ข้นั สรุปและการประยุกต์ 8.ครแู ละผเู้ รยี นสรุปเน้อื หาทเ่ี รยี น 9.ครสู มุ่ ถามผเู้ รยี นรายบคุ คลเพอ่ื ทดสอบความเขา้ ใจของผเู้ รยี น 10.ประเมนิ ผเู้ รยี นตามแบบฟอรม์ ต่อไปน้ี ช่อื ผเู้ รยี น ประสบการณ์พน้ื ฐานการเรยี นรู้ วธิ กี ารเรยี นรู้ ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน 1. 2. 3. 4. 5. สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้ 1.หนงั สอื เรยี น วชิ าระบบจดั การฐานขอ้ มลู ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2.รปู ภาพ 3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.แผ่นใส
148 5.สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ , สอ่ื PowerPoint 6.แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หลกั ฐำน 1.บนั ทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายช่อื 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน กำรวดั ผลและกำรประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 6. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอ่ื งมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผเู้ รยี น) 4. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี น ร่วมกนั ประเมนิ เกณฑก์ ำรประเมินผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ 2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คอื 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั มิ เี กณฑผ์ ่าน 50% 6 แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ 1.อ่านและทบทวนเน้อื หา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211