149 บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาที่พบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
150 แผนการจดั การเรียนรูแ้ บบบูรณาการที่ 14 หน่วยท่ี 7 รหสั 3204-2004 ระบบจดั การฐานขอ้ มูล (2-2-3) สอนครงั้ ท่ี 14 (53-56) ชือ่ หน่วย/เรือ่ ง ปัญหาในการใชร้ ะบบฐานขอ้ มูล จำนวน 4 ช.ม. สำระสำคญั ดว้ ยวตั ถุประสงคข์ องการใชร้ ะบบฐานขอ้ มูลเพ่อื ใหผ้ ใู้ ชห้ ลายๆ คนสามารถเรยี กใชข้ อ้ มลู ไดพ้ รอ้ มๆ กนั จงึ เป็นผลทอ่ี าจทาใหเ้ กดิ ภาวะการเรยี กใชข้ อ้ มลู พรอ้ มกนั นอกจากน้ี หากมคี วามขดั ขอ้ งอ่นื ใดเกดิ ขน้ึ ในระบบท่ี อาจกระทบถงึ ขอ้ มลู กจ็ ะตอ้ งทาการกรู้ ายการทเ่ี กดิ ความขดั ขอ้ ง ซง่ึ ลว้ นต้องใชเ้ ทคนิควธิ ที เ่ี หมาะสมเพอ่ื ใหร้ ะบบ สามารถทางานต่อไปได้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 4. บอกความหมายของจดุ ตรวจสอบได้ 5. บอกความหมายของคาวา่ “การกคู้ นื ” ได้ 6. อธบิ ายสาเหตขุ องการเกดิ ภาวะพรอ้ มกนั ได้ 7. บอกรายละเอยี ดเกย่ี วกบั ชนดิ ของเทคนิคการปิดกนั้ ได้ 8. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง 8.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 8.2 ความมวี นิ ยั 8.3 ความรบั ผดิ ชอบ 8.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 8.5 ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง 8.6 การประหยดั 8.7 ความสนใจใฝ่รู้ 8.8 การละเวน้ สง่ิ เสพตดิ และการพนนั 8.9 ความรกั สามคั คี 8.10 ความกตญั ญกู ตเวที สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การระบบจดั การฐานขอ้ มลู 2. ออกแบบฐานขอ้ มลู เชงิ สมั พนั ธต์ ามหลกั การของ การจดั รปู แบบบรรทดั ฐาน 3. ใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รปู ในการจดั การฐานขอ้ มลู
151 เน้ อื หาสาระ 4. การกคู้ นื 5. การเกดิ ภาวะพรอ้ มกนั 6. เทคนคิ การปิดกนั้ กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นำเข้ำส่ทู ทเรียน 1.ครใู ชเ้ ทคนคิ การสอนแบบซปิ ปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรเู้ ดมิ จากสปั ดาหท์ ผ่ี ่าน มา โดยดงึ ความรเู้ ดมิ ของผเู้ รยี นในเร่อื งทจ่ี ะเรยี น เพ่อื ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นมคี วามพรอ้ มในการเชอ่ื มโยงความรใู้ หม่กบั ความรเู้ ดมิ ของตน ผสู้ อนใชก้ ารสนทนาซกั ถามใหผ้ เู้ รยี นเลา่ ประสบการณ์เดมิ 2.ครูกล่าวว่าการเกดิ ภาวะขดั ขอ้ งนนั้ อาจเน่ืองมาจากสาเหตุทร่ี ะบบเกดิ ความขดั ขอ้ งหรอื อาจ เกดิ จาก สาเหตุความผดิ พลาดของส่อื บนั ทกึ ขอ้ มลู ซง่ึ การกูข้ อ้ มูลทเ่ี กดิ จากสาเหตุภาวะขดั ขอ้ งทต่ี ่างกนั กจ็ ะใชว้ ธิ กี าร แกป้ ัญหาทต่ี ่างกนั ดว้ ย 3. ผเู้ รยี นเลา่ ประสบการณ์การกคู้ นื ขอ้ มลู เน่ืองจากปัญหาขดั ขอ้ งใดๆ ขนั้ สอน 4.ครใู ชเ้ ทคนิควธิ กี ารจดั การเรยี นรแู้ บบอภปิ ราย (Discussion Method) อภปิ รายเน้อื หาเร่อื งการกคู้ นื ซง่ึ มสี าระสาคญั ดงั น้ี 1). การกทู้ เ่ี กดิ จากระบบเกดิ ความขดั ขอ้ ง (System Recovery) เป็นความขดั ขอ้ งทม่ี ผี ลต่อขอ้ มลู ท่ี อยใู่ นหน่วยความจาขณะทม่ี กี ารประมวลผล วธิ ที จ่ี ะนามาใชใ้ นการกกู้ ค็ อื การนาระบบการลงบนั ทกึ ดงั กล่าว ขา้ งตน้ มาใช้ 2). การกทู้ เ่ี กดิ จากความผดิ พลาดของสอ่ื บนั ทกึ (Media Recovery) เป็นความขดั ขอ้ งทม่ี ผี ลทาให้ ขอ้ มลู บนสอ่ื บนั ทกึ เสยี หายหรอื ถูกทาลาย วธิ ที จ่ี ะนาามาใชใ้ นการกู้ กค็ อื การทาการสารองขอ้ มลู (Backup) ไว้ เป็นระยะๆ เม่อื เกดิ ความขดั ขอ้ งกบั สอ่ื บนั ทกึ ขอ้ มลู ทใ่ี ชง้ านอยู่ กจ็ ะนาาฐานขอ้ มลู สารองทท่ี าไวล้ ่าสดุ มาถ่ายลง ในสอ่ื บนั ทกึ ชุดใหม่ และใชร้ ะบบการลงบนั ทกึ มาชว่ ยเพ่อื พจิ ารณารายการทต่ี อ้ งทาใหม่ ซง่ึ เกดิ หลงั จากการทา การสารองขอ้ มลู ครงั้ สดุ ทา้ ยไว้ 5.ครกู ลา่ ววา่ ในระบบฐานขอ้ มลู ทใ่ี ชก้ นั มกั จะเป็นระบบทผ่ี ใู้ ชห้ ลายๆ คนสามารถใชข้ อ้ มลู พรอ้ มกนั ไดใ้ น เวลา เดยี วกนั ปัญหาจงึ มาจากการทผ่ี ใู้ ชห้ ลายๆ คน มกี ารเรยี กใชข้ อ้ มลู ชดุ เดยี วกนั ในเวลาพรอ้ มๆ กนั จงึ ทาให้ เกดิ ภาวะพรอ้ มกนั และหากไมม่ กี ารควบคมุ ทด่ี กี จ็ ะทาใหเ้ กดิ ปัญหาตามมา 6.ครใู ชเ้ ทคนคิ วธิ กี ารจดั การเรยี นรแู้ บบอภปิ ราย (Discussion Method) อภปิ รายปัญหาทเ่ี กดิ จากการ เกดิ ภาวะพรอ้ มกนั ซง่ึ ไดแ้ ก่ 1). ปัญหาขอ้ มลู ไมไ่ ดถ้ กู แกไ้ ขใหถ้ ูกตอ้ ง
152 สมมตใิ หม้ รี ายการเปลย่ี นแปลง 2 รายการ คอื C1 และ C2 ทจ่ี ะไปทาการแกไ้ ขขอ้ มลู ชุดเดยี วกนั คอื ขอ้ มลู N ดงั รปู จากรปู ขา้ งตน้ รายการ C1 จะเรมิ่ ทากอ่ น แต่ยงั แกไ้ ขขอ้ มลู N ไม่เสรจ็ รายการ C2 เรม่ิ ทาแทรก เขา้ มาขอ้ มลู N จะตอ้ งถูกอ่านเขา้ มากอ่ นจงึ ทา การแกไ้ ขไดท้ ถ่ี กู ตอ้ งแลว้ รายการ C1 เกดิ ขน้ึ ก่อนรายการ C2 จงึ ควรนาผลหลงั จากทร่ี ายการ C1 ไดท้ าการแกไ้ ขแลว้ มาทาการแกไ้ ขต่อ เพ่อื ใหเ้ หน็ ชดั เจนขน้ึ จะขอสมมตคิ า่ ให้ N มคี า่ เท่ากบั 10 และ C1 มคี า่ เท่ากบั 2 สว่ น C2 มคี ่า เท่ากบั 4 ถา้ ระบบดงั กล่าวทางานถกู ตอ้ ง กค็ วรไดค้ า่ N มคี ่าเป็น 16 แต่จากรปู ท่ี 7.3 รายการ C1 จะอ่านคา่ N เทา่ กบั 10 ไปเกบ็ ทบ่ี ฟั เฟอรแ์ ลว้ รายการ C2 กจ็ ะอา่ นค่า N ซง่ึ เทา่ กบั 10 เช่นเดยี วกนั รายการ C1 จะ เปลย่ี นแปลงคา่ N เป็น 10+2 = 12 และรายการ C2 กจ็ ะเปลย่ี นแปลงคา่ N เป็น 10+4 = 14 ทาาใหส้ รปุ คา่ N เทา่ กบั 14 แทนท่ี N จะมคี ่าเท่ากบั 16 2). ปัญหาการแกไ้ ขขอ้ มลู ยงั ไมไ่ ดม้ กี าร Commit ปัญหาน้เี กดิ จากการทร่ี ะบบทาการปรบั ปรุง ขอ้ มลู ของรายการหนง่ึ ยงั ไมเ่ สรจ็ สมบรู ณ์ ตอ้ งทาการยอ้ นกลบั (Rollback) ขอ้ มลู นนั้ จงึ ยงั คงเป็นค่าเดมิ แตย่ อมให้ รายการเปลย่ี นแปลงอกี รายการหน่งึ มาเรยี กขอ้ มลู นนั้ ไปใชจ้ งึ ทาใหไ้ ดร้ บั ขอ้ มลู ทม่ี คี า่ ไมถ่ กู ตอ้ งไปใชง้ าน 3. ปัญหาการไดผ้ ลลพั ธท์ ข่ี ดั แยง้ กบั ความเป็นจรงิ ปัญหาน้เี กดิ จากการทม่ี รี ายการถกู สง่ เขา้ ประมวลผลพรอ้ มๆ กนั โดยการประมวลผลคา่ ของ รายการหน่งึ ยงั ไมไ่ ดถ้ ูกปรบั ค่าใหถ้ กู ตอ้ ง ขณะเดยี วกนั กม็ รี ายการอน่ื มาเรยี กใชข้ อ้ มลู คา่ นนั้ ระบบกจ็ ะ นาเอาค่าทย่ี งั ไมไ่ ดถ้ กู ปรบั ไปใช้ ทาใหผ้ ลทไ่ี ดจ้ ากการประมวลผลขดั แยง้ กบั ความเป็นจรงิ 7.ครใู ชส้ อ่ื Power Point ประกอบการสอนเร่อื งเทคนิคการปิดกนั้ ซง่ึ มสี าระสาคญั ดงั น้ี วธิ แี กป้ ัญหาสามารถทาไดโ้ ดยใชเ้ ทคนคิ การปิดกนั้ (Lock Technique) ซง่ึ จะกลา่ วรายละเอยี ด ดงั ต่อไปน้ี ชนิดของการปิดกนั้ มี 2 ชนดิ คอื 1. การปิดกนั้ เฉพาะ (Exclusive Lock) เป็นการปิดกนั้ ทผ่ี ใู้ ชค้ นหน่งึ ทาการปิดกนั้ แบบเฉพาะ เม่อื ตอ้ งการปรบั ปรุงขอ้ มลู จนกว่าจะปล่อยการปิดกนั้ ผใู้ ชค้ นอน่ื จงึ จะสามารถปรบั ปรุงแกไ้ ขรายการนนั้ ได้ 2. การปิดกนั้ แบบรว่ ม (Shared Lock) เป็นการปิดกนั้ ทผ่ี ใู้ ชห้ ลายๆ คนจะสามารถอา่ นรายการใด รายการหน่งึ รว่ มกนั ไดแ้ ตแ่ กไ้ ขไม่ได้ โดยปกตริ ะบบจดั การฐานขอ้ มลู จะทาการปิดกนั้ รายการโดยอตั โนมตั ิ เมอ่ื เรมิ่ มกี ารเปลย่ี นแปลง ขอ้ มลู รายการนนั้ ๆ เพอ่ื ป้องกนั ไม่ใหร้ ายการอน่ื แทรกเขา้ มาจนกวา่ รายการเปลย่ี นแปลงนนั้ จะเสรจ็ สน้ิ สมบรู ณ์ (Commit) หรอื ทาการยอ้ นกลบั (Rollback) ไปเป็นค่าเดมิ โดยถา้ เป็นการเรยี กดขู อ้ มลู กจ็ ะทาการปิดกนั้ แบบรว่ ม
153 แต่ถา้ เป็นการแกไ้ ขขอ้ มลู กจ็ ะทาการปิดกนั้ แบบเฉพาะ ดงั นนั้ ถา้ ในการเปลย่ี นแปลง ขอ้ มลู ซง่ึ จะตอ้ งเรมิ่ ดว้ ยการ อ่านขอ้ มลู เขา้ มา แลว้ ทาการปรบั ปรุงเปลย่ี นแปลงค่า จงึ ตอ้ งมกี ารปิดกนั้ เป็น 2 ชว่ ง คอื ขณะทอ่ี ่านขอ้ มลู เขา้ มา จะปิดกนั้ แบบรว่ ม และเมอ่ื เปลย่ี นแปลงขอ้ มลู กจ็ ะเปลย่ี นไปปิด กนั้ แบบเฉพาะ ดว้ ยเทคนคิ การปิดกนั้ ดงั ไดก้ ล่าวมา จงึ ชว่ ยแกไ้ ขปัญหาของการเกดิ ภาวะพรอ้ มกนั ได้ แต่ปัญหา ตามมาทอ่ี าจเกดิ จากการใชเ้ ทคนคิ การปิดกนั้ กค็ อื การตดิ ตายของรายการ (Deadlock) ซง่ึ เกดิ จากการท่ี มี รายการตงั้ แต่ 2 รายการขน้ึ ไปตา่ งหยุดรอซง่ึ กนั และกนั จนทาใหไ้ ม่สามารถทางานต่อไปได้ ระบบจงึ ตอ้ ง ตรวจสอบใหพ้ บและดาเนินการแกไ้ ข โดยเลอื กรายการใดรายการหน่งึ ใหป้ ลอ่ ยการปิดกนั้ เพอ่ื ใหร้ ายการ อ่นื ทางานต่อไป สว่ นรายการทป่ี ล่อยการปิดกนั้ นนั้ กจ็ ะตอ้ งทาการยอ้ นกลบั ดว้ ย ขนั้ สรปุ และกำรประยกุ ต์ 8.ครแู ละผเู้ รยี นสรุปเน้อื หาทเ่ี รยี นโดยการถามตอบ 9.ทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และประเมนิ ตนเองจากแบบประเมนิ ตนเอง 10.ประเมนิ ผเู้ รยี นตามแบบฟอรม์ ต่อไปน้ี ช่อื ผเู้ รยี น ประสบการณ์พน้ื ฐานการเรยี นรู้ วธิ กี ารเรยี นรู้ ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน 1. 2. 3. 4. 5. สือ่ และแหลง่ การเรียนรู้ 1.หนงั สอื เรยี น วชิ าระบบจดั การฐานขอ้ มลู ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2.รปู ภาพ 3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.แผ่นใส 5.สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ , สอ่ื PowerPoint 6.แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หลกั ฐำน 1.บนั ทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายช่อื 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน
154 กำรวดั ผลและกำรประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 4. ตรวจใบงาน 5. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 6. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอื่ งมอื วดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ (โดยผเู้ รยี น) 4. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 6. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี น รว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ำรประเมินผล 1. เกณฑผ์ ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ 2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คอื 50% 5. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั มิ เี กณฑผ์ า่ น 50% 6. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ 1.ทาแบบใบงาน 2.อา่ นและทบทวนเน้อื หา
155 จงเลือกคำตอทท่ีถกู ต้องท่ีสดุ เพียงคำตอทเดียว 1. ปัญหาในการใชร้ ะบบฐานขอ้ มลู ไดแ้ กอ่ ะไรบา้ ง ก. ผใู้ ชจ้ ะสามารถใชข้ อ้ มลู ไดพ้ รอ้ มๆ กนั จงึ สามารถปรบั ปรงุ คา่ เดยี วกนั ได้ ทาใหเ้ ครอ่ื งไม่สามารถ จะรบั คา่ ใด ข. ผใู้ ชค้ นใดทก่ี าลงั ปรบั ปรงุ คา่ ใดอย่จู ะทาใหผ้ ใู้ ชค้ นอ่นื ๆ ไมส่ ามารถเรยี กขอ้ มลู คา่ นนั้ ๆ ไปใชไ้ ดท้ าให้ ตอ้ งรอจนกวา่ ผใู้ ชค้ นแรกจะปลอ่ ยรายการนัน้ ค. ถา้ ผใู้ ชค้ นแรกกาลงั สอบถามหรอื เรยี กดคู า่ ใดอยู่ แมว้ า่ คา่ นนั้ ๆ จะปรากฏบนจอภาพแลว้ กต็ าม ผใู้ ชค้ น อ่นื ๆ กจ็ ะยงั ไม่สามารถเรยี กคา่ นนั้ ๆ มาดไู ด้ ง. ถูกทุกขอ้ 2. ชุดคาสงั่ ทไ่ี มใ่ ชช่ ดุ ทใ่ี ชจ้ ดั การกบั ขอ้ มลู ในฐานขอ้ มลู ไดแ้ ก่ชดุ คาสงั่ ใด ก. การอา่ น ข. การเขยี น ค. การปรบั ปรงุ ขอ้ มลู ง. DBMS 3. ชุดของคาสงั่ ทจ่ี ดั การกบั ขอ้ มลู ในฐานขอ้ มลู เรยี กวา่ อะไร ก. Reader ข. รายการ (Transaction) ค. Update ง. Writer 4. ขอ้ ใดเป็นสาเหตขุ องการเกดิ ภาวะขดั ขอ้ ง ก. ระบบเกดิ ความขดั ขอ้ ง ข. โปรแกรมเกดิ ความขดั ขอ้ ง ค. ความผดิ พลาดของสอ่ื บนั ทกึ ขอ้ มลู ง. ถกู ทงั้ ขอ้ ก. และ ค. 5. ความขดั ขอ้ งทเ่ี กดิ ขณะทร่ี ายการกาลงั ถูกกระทา แลว้ มผี ลต่อขอ้ มลู ในหน่วยความจาหลกั แต่ไม่มผี ล ต่อขอ้ มลู ทเ่ี กบ็ อยใู่ นระบบฐานขอ้ มลู จดั เป็นความขดั ขอ้ งประเภทใด ก. ระบบเกดิ ความขดั ขอ้ ง ข. โปรแกรมเกดิ ความขดั ขอ้ ง ค. สอ่ื บนั ทกึ ขอ้ มลู เกดิ ความขดั ขอ้ ง ง. หน่วยความจาหลกั เกดิ ความขดั ขอ้ ง 6. ความผดิ พลาดแบบใดทท่ี าใหข้ อ้ มลู ทอ่ี ยใู่ นฐานขอ้ มลู เสยี หายได้ ก. ความผดิ พลาดเน่อื งจากระบบขดั ขอ้ ง ข. ความผดิ พลาดเน่อื งจากโปรแกรมขดั ขอ้ ง ค. ความผดิ พลาดเน่อื งจากสอ่ื บนั ทกึ ขอ้ มลู ขดั ขอ้ ง ง. ความผดิ พลาดเน่อื งจากหน่วยความจาหลกั ขดั ขอ้ ง
156 7. การสารองขอ้ มลู (Backup) เป็นการแกไ้ ขความขดั ขอ้ งของระบบในกรณีใด ก. ระบบเกดิ ความขดั ขอ้ ง ข. โปรแกรมเกดิ ความขดั ขอ้ ง ค. ความผดิ พลาดของสอ่ื บนั ทกึ ขอ้ มลู ง. ถกู ทงั้ ขอ้ ก. และ ค. 8. การกู้ (Recovery) เป็นกจิ กรรมทต่ี อ้ งทาเม่อื ใด ก. เม่อื ระบบลม้ เหลว ข. เม่อื เกดิ ภาวะขดั ขอ้ ง ค. เม่อื โปรแกรมทางานผดิ พลาด ง. เมอ่ื เกดิ การตดิ ตายของระบบ 9. การบนั ทกึ การทางานของรายการต่างๆ ทม่ี ผี ลต่อขอ้ มลู ในฐานขอ้ มลู สามารถทาไดโ้ ดยใชร้ ะบบใด ก. ระบบการลงบนั ทกึ ข. การกู้ ค. การยนื ยนั วา่ รายการเสรจ็ สมบรู ณ์ ง. ถกู ทงั้ ขอ้ ข. และ ค. 10. ระบบใดเป็นระบบทบ่ี นั ทกึ คา่ ของขอ้ มลู ทงั้ กอ่ นและหลงั การแกไ้ ขลงใน Log File ก. ระบบสารองขอ้ มลู ข. ระบบกขู้ อ้ มลู ค. ระบบตรวจสอบขอ้ มลู ง. ระบบการลงบนั ทกึ 11. การใชเ้ ทคนคิ ของจุดตรวจสอบ รายการทท่ี าเสรจ็ ก่อนถงึ จดุ ตรวจสอบ แลว้ จงึ เกดิ ความผดิ พลาด ของระบบ ถามวา่ รายการนนั้ จะตอ้ งทาอยา่ งไร ก. ตอ้ งทาใหม่ ข. ตอ้ งยกเลกิ รายการนนั้ ค. ไมต่ อ้ งทาใหม่ ง. ตอ้ งทาขอ้ ข. แลว้ จงึ ทาขอ้ ก. 12. ขอ้ ใดไมใ่ ชป่ ัญหาทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการเกดิ ภาวะพรอ้ มกนั ก. ปัญหาขอ้ มลู ไมไ่ ดถ้ ูกแกไ้ ขใหถ้ ูกตอ้ ง ข. ปัญหาการแกไ้ ขขอ้ มลู ยงั ไม่ไดม้ กี าร Commit ค. ปัญหาการไดผ้ ลลพั ธท์ ข่ี ดั แยง้ กบั ความเป็นจรงิ ง. ปัญหาโปรแกรมไม่สามารถทางานต่อได้ 13. กรณีทร่ี ะบบทาการปรบั ปรุงขอ้ มลู รายการหน่งึ ยงั ไม่เสรจ็ สมบรู ณ์ แตย่ อมใหร้ ายการเปลย่ี นแปลง อกี รายหน่งึ มาเรยี กขอ้ มลู นนั้ ไปใช้ ทาใหไ้ ดร้ บั ขอ้ มลู ทม่ี คี ่าไม่ถกู ตอ้ งไปใชง้ านเป็นปัญหาทเ่ี กดิ จากอะไร ก. ปัญหาขอ้ มลู ไม่ไดถ้ ูกแกไ้ ขใหถ้ ูกตอ้ ง ข. ปัญหาการแกไ้ ขขอ้ มลู ยงั ไม่ไดม้ กี าร Commit ค. ปัญหาขอ้ มลู ทไ่ี ดข้ ดั แยง้ กบั ความเป็นจรงิ ง. ปัญหาการตรวจสอบขอ้ มลู ไมด่ พี อ 14. เทคนิคการปิดกนั้ มกี ช่ี นดิ ก. 2 ชนดิ ข. 3 ชนิด ค. 4 ชนิด ง. ชนดิ เดยี ว 15. กรณีผใู้ ชห้ ลายๆ คนสามารถอา่ นรายการใดรายการหน่งึ รว่ มกนั ไดแ้ ต่แกไ้ ขไมไ่ ด้ จดั เป็นการปิดกนั้ ชนดิ ใด ก. การปิดกนั้ แบบร่วม ข. การปิดกนั้ แบบเฉพาะ ค. การปิดกนั้ แบบผสมผสาน ง. การปิดกนั้ แบบสว่ นบคุ คล
157 16. กรณเี ม่อื ตอ้ งการปรบั ปรงุ ขอ้ มลู โดยผใู้ ชค้ นหน่งึ ขณะนนั้ เองผใู้ ชค้ นอน่ื ๆ จะยงั ไมส่ ามารถปรบั ปรงุ รายการ นนั้ ได้ จดั เป็นการปิดกนั้ ชนดิ ใด ก. การปิดกนั้ แบบร่วม ข. การปิดกนั้ แบบเฉพาะ ค. การปิดกนั้ แบบผสมผสานกนั ง. การปิดกนั้ แบบสว่ นบุคคล 17. ขอ้ ใดกล่าวไมถ่ กู ตอ้ ง ก. ในการเรยี กดขู อ้ มลู จะทาการปิดกนั้ แบบร่วม ข. การแกไ้ ขขอ้ มลู จะทาการปิดกนั้ แบบเฉพาะ ค. การเปลย่ี นแปลงขอ้ มลู จะใชท้ งั้ การปิดกนั้ แบบรว่ มและการปิดกนั้ แบบเฉพาะ ง. การเปลย่ี นแปลงขอ้ มลู จะใชก้ ารปิดกนั้ แบบเฉพาะ 18. ปัญหาจากการใชเ้ ทคนิคการปิดกนั้ ทาใหร้ ายการต่างๆ หยดุ รอซง่ึ กนั และกนั ทางานต่อไปไมไ่ ด้ ปัญหา ดงั กลา่ วน้ีเรยี กว่าอะไร ก. การหยุดชะงกั (Hang) ข. การลม้ เหลว (Failure) ค. การตดิ ตายของรายการ (Deadlock) ง. การตดิ วงจร (Looping) 19. การแกป้ ัญหาการเกดิ Deadlock สามารถทาไดอ้ ย่างไร ก. เลอื กใหร้ ายการใดรายการหน่งึ ปลอ่ ยการปิดกนั้ ข. ยกเลกิ รายการทเ่ี กดิ Deadlock ทงั้ หมด ค. เรม่ิ การทางานของระบบใหม่ ง. แกไ้ ขขอ้ มลู ใหม่ทงั้ ระบบ 20. การแกไ้ ขขอ้ มลู โดยยอ้ นกลบั ไปใชค้ า่ ขอ้ มลู เดมิ คอื วธิ กี ารใด ก. Commit ข. Rollback ค. Backup ง. Recovery
158 ทนั ทึกหลงั กำรสอน ขอ้ สรปุ หลงั กำรสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาท่ีพบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
159 แผนการจดั การเรยี นรูแ้ บบบูรณาการที่ 15 หน่วยท่ี 8 รหสั 3204-2004 ระบบจดั การฐานขอ้ มูล (2-2-3) สอนครงั้ ท่ี 15 (57-60) ชือ่ หน่วย/เรือ่ ง การประยุกตใ์ ชฐ้ านขอ้ มูลเพอื่ พฒั นาระบบงาน จำนวน 4 ช.ม. สำระสำคญั ความสามารถของระบบฐานขอ้ มลู จะช่วยใหก้ ารทางานเป็นไปไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ และมคี วามถกู ตอ้ ง แม่นยาในการใชง้ านระบบฐานขอ้ มลู ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพนนั้ ผใู้ ชต้ ้องมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในหลกั การทางานของ โปรแกรมจดั การฐานข้อมูลท่ีใช้เสยี ก่อน ในหน่วยน้ีจะศึกษาเก่ียวกับโปรแกรมจดั การฐานข้อมูล Microsoft Access 2010 รวมไปถงึ วธิ กี ารสรา้ งฐานขอ้ มลู ตารางขอ้ มลู การสบื คน้ ฟอรม์ และรายงาน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกลกั ษณะทวั่ ไปของ Microsoft Access 2010 ได้ 2. จดั การขอ้ มลู ในตารางได้ 3. มกี ารพฒั นาคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง 3.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 3.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั 3.2 ความมวี นิ ยั 3.9 ความรกั สามคั คี 3.3 ความรบั ผดิ ชอบ 3.10 ความกตญั ญกู ตเวที 3.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 3.5 ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง 3.6 การประหยดั 3.7 ความสนใจใฝ่รู้ สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การระบบจดั การฐานขอ้ มลู 2. ออกแบบฐานขอ้ มลู เชงิ สมั พนั ธต์ ามหลกั การของ การจดั รปู แบบบรรทดั ฐาน 3. ใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รปู ในการจดั การฐานขอ้ มลู เน้ อื หาสาระ 1. Microsoft Access 2010 2. การจดั การขอ้ มลู ในตาราง กิจกรรมการเรียนรู้
160 ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรยี น 1.ครแู ละผเู้ รยี นสนทนาเกย่ี วกบั ความสามารถของระบบฐานขอ้ มลู จะช่วยใหก้ ารทางานเป็นไปไดอ้ ย่างมี ประสทิ ธภิ าพ และมคี วามถูกต้องแม่นยาในการใช้งานระบบฐานขอ้ มูลให้มีประสทิ ธภิ าพนัน้ ผู้ใชต้ ้องมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในหลกั การทางานของโปรแกรมจดั การฐานขอ้ มูลทใ่ี ชเ้ สยี กอ่ น ในหน่วยน้ีจะศกึ ษาเกย่ี วกบั โปรแกรม จดั การฐานขอ้ มูล Microsoft Access 2010 รวมไปถงึ วธิ กี ารสรา้ งฐานขอ้ มลู ตารางขอ้ มูล การสบื คน้ ฟอรม์ และ รายงาน 2. ครแู ละผเู้ รยี นเลา่ ประสบการณ์การใช้ Microsoft Access 2010 3.ผเู้ รยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรกู้ อ่ นเรยี น แลว้ สลบั กนั ตรวจเพอ่ื เกบ็ คะแนนไว้ ขนั้ สอน 4.ครใู ชส้ อ่ื วดิ ที ศั น์เพอ่ื แนะนาโปรแกรม Microsoft Access 2010 ซง่ึ มสี าระสาคญั ดงั น้ี Microsoft Access 2010 สามารถคน้ หาขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการสอบถามไดโ้ ดยวธิ กี ารทง่ี ่ายและรวดเรว็ โดย การใช้ Query เน้อื หาในหน่วยน้จี งึ ขอกลา่ วถงึ โปรแกรมฐานขอ้ มลู ทน่ี ยิ มใชก้ นั มากในขณะน้ไี ดแ้ ก่ Microsoft Access 2010 เพ่อื ผทู้ ศ่ี กึ ษาระบบฐานขอ้ มลู จะสามารถนาไปประกอบการใชง้ านได้ ดงั ไดท้ ราบแลว้ วา่ Microsoft Access 2010 จะเป็นระบบจดั การฐานขอ้ มลู เชงิ สมั พนั ธ์ ซง่ึ ฐานขอ้ มลู Microsoft Access 2010 จะจดั เกบ็ ขอ้ มลู ในรปู แบบทเ่ี ป็นตาราง 2 มติ ิ เป็นแถวและคอลมั น์โดยทแ่ี ต่ละตารางจะมี ความสมั พนั ธก์ นั ดงั นนั้ จะขอเรมิ่ ตงั้ แต่การสรา้ งตารางเพอ่ื เกบ็ ขอ้ มลู และเรยี กขอ้ มลู ออกมาใชง้ านโดยจะขอ ยกตวั อย่างประกอบการอธบิ าย 5.ครูกล่าวว่าตาราง (Tables) ถอื เป็นวตั ถุ (Object) ทส่ี าคญั ทส่ี ดุ ใน Microsoft Access 2010 เน่อื งจาก ใช้ใน การเกบ็ ข้อมูลทงั้ หมด ทาให้ตารางถือเป็นหวั ใจสาคญั สาหรบั ทุกฐานข้อมูล ดงั นัน้ จงึ มีความสาคญั เป็น อย่างมากท่ีจะต้องมีความเข้าใจในการใช้งานตาราง และการจัดการข้อมูลภายในตาราง ในหัวข้อน้ีจะเป็น การศกึ ษาเกย่ี วกบั การจดั เรยี งขอ้ มลู (Sorting) การคดั กรองขอ้ มลู (Filtering) การสรา้ ง Field สาหรบั การคานวณ (Calculated Fields) และการสรา้ ง Row สาหรบั หาค่าผลรวมในตาราง (Totals Rows) 6.ครใู ชเ้ ทคนคิ วธิ สี อนแบบสาธติ (Demonstration Method) สาธติ ขนั้ ตอนการจดั เรยี งขอ้ มลู ซง่ึ มดี งั น้ี 1). สรา้ งตารางเพอ่ื เกบ็ ขอ้ มลู หนงั สอื โดยใชช้ ่อื Book และมรี ายละเอยี ดดงั รปู
161 2). เลอื ก Field ทต่ี อ้ งการจดั เรยี ง โดยในตวั อยา่ งนจ้ี ะเป็นการจดั เรยี ง Field Book Name 3). ไปทก่ี ลุม่ Sort & Filter ซง่ึ อยใู่ น Home tab 4). ทาการจดั เรยี งขอ้ มลู ใน Field โดยการเลอื กรปู แบบ Ascending หรอื Descending โดยใน ตวั อย่างนจ้ี ะเป็นการจดั เรยี งตวั อกั ษรแบบ Ascending หรอื เรยี งจาก A-Z 5). เม่อื คลกิ ท่ี Ascending จะไดผ้ ลดงั รปู
162 6). หากตอ้ งการยกเลกิ การจดั เรยี งขอ้ มลู สามารถทาไดโ้ ดยการคลกิ ท่ี Remove Sort ขอ้ มลู จะมี การจดั เรยี งในรปู แบบตงั้ ตน้ 7.ครใู ชเ้ ทคนคิ วธิ สี อนแบบสาธติ (Demonstration Method) สาธติ ขนั้ ตอนการคดั กรองขอ้ มลู และให้ ผเู้ รยี นปฏบิ ตั ติ ามดงั น้ี 1). เลอื ก Field ทต่ี อ้ งการคดั กรองจากตาราง Book ทไ่ี ดส้ รา้ งไวแ้ ลว้ และคลกิ ทล่ี กู ศร drop-down โดยในตวั อยา่ งจะเป็นการคดั กรองราคาหนงั สอื 2). เม่อื คลกิ ทล่ี กู ศร drop-down แลว้ จะปรากฏเมนูซง่ึ ประกอบดว้ ย Checklist ต่างๆ ทาการเลอื ก เฉพาะตวั เลอื กทต่ี อ้ งการใหป้ รากฏภายหลงั การคดั กรอง โดยการใชง้ าน Checklist ต่างๆ มลี กั ษณะดงั น้ี -เลอื ก และยกเลกิ การเลอื ก โดยการทาเคร่อื งหมายหน้าขอ้ มลู ในตวั อยา่ งนจ้ี ะเลอื กเฉพาะ หนงั สอื ทม่ี รี าคา 500
163 -เม่อื คลกิ ทต่ี วั เลอื ก Select All จะเป็นการเลอื กขอ้ มลู ทงั้ หมด หากคลกิ อกี ครงั้ จะเป็นการยกเลกิ การเลอื กขอ้ มลู ทงั้ หมด -เมอ่ื คลกิ ทต่ี วั เลอื ก Blank จะเป็นการคดั กรองเฉพาะ record ทไ่ี มม่ ขี อ้ มลู อยใู่ น Field ทเ่ี ลอื ก 3). คลกิ ท่ี OK จะไดผ้ ลดงั รปู 4). สามารถเปิด/ปิดการคดั กรองไดโ้ ดยการคลกิ ท่ี Toggle Filter 8.ครใู ชส้ อ่ื Power Point ประกอบการสอนและใชเ้ ทคนิควธิ สี อนแบบสาธติ (Demonstration Method) เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นเขา้ ใจเร่อื งการใช้ Filter จาก Selection , การสรา้ ง Filter จากคาคน้ หา (Search Term) , การสรา้ ง Filter จากคาคน้ หาแบบตวั อกั ษร , การสรา้ ง Filter จากคาคน้ หาแบบตวั เลข , การสรา้ ง Field สาหรบั การ คานวณ (Calculated Fields) และการสรา้ ง Row สาหรบั หาคา่ ผลรวมในตาราง (Totals Rows) โดยผเู้ รยี นปฏบิ ตั ิ ตาม ดงั น้ี
164 - กำรใช้ Filter จำก Selection 1).เลอื กขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการคดั กรองจากตาราง Book โดยในตวั อยา่ งน้จี ะเลอื กตวั อกั ษร “er” ซง่ึ อยใู่ น Field Book Name 2). ไปทก่ี ลุ่ม Sort & Filter ซง่ึ อยใู่ น Home tab 3). คลกิ ท่ี Selection 4). เลอื กรปู แบบของ Filter ทต่ี อ้ งการ โดยแต่ละรปู แบบมลี กั ษณะดงั น้ี 5). ในตวั อย่างนใ้ี หท้ าการเลอื ก Contains “er” เพอ่ื คน้ หาเฉพาะหนงั สอื ทม่ี ี “er” อย่ใู นชอ่ื หนงั สอื เมอ่ื คลกิ แลว้ จะไดผ้ ลดงั รปู -กำรสรำ้ ง Filter จำกคำค้นหำ (Search Term) มลี กั ษณะคลา้ ยกบั การสรา้ ง Filter จาก Selection โดยการกาหนดคาคน้ หาและกาหนดเงอ่ื นไขในการ คน้ หาขอ้ มลู
165 -กำรสรำ้ ง Filter จำกคำคน้ หำแททตวั อกั ษร ขนั้ ตอนการใช้ Filter จากคาคน้ หาแบบตวั อกั ษร มดี งั น้ี 1). คลกิ ทล่ี กู ศร drop-down ของ Field Book Name ในตาราง Book จะปรากฏเมนูขน้ึ จากนนั้ เล่อื นเมาสไ์ ปยงั Text Filters เพอ่ื เลอื กรปู แบบการคดั กรอง 2). ในตวั อยา่ งนจ้ี ะทาการเลอื กหนงั สอื ทม่ี คี าวา่ “Saga” ใหท้ าการเลอื กรปู แบบเป็น Contains จากนนั้ คลกิ ท่ี OK จะปรากฏกล่องขอ้ ความ ใหใ้ สค่ าคน้ หาเป็น Saga 3). คลกิ ท่ี OK จะไดผ้ ลของการ Filter ดงั รปู -กำรสรำ้ ง Filter จำกคำค้นหำแททตวั เลข ขนั้ ตอนการใช้ Filter จากคาคน้ หาแบบตวั เลข มดี งั น้ี 1). คลกิ ทล่ี กู ศร drop-down ของ Field Price ในตาราง Book จะปรากฏเมนูขน้ึ จากนนั้ เล่อื นเมาสไ์ ปยงั Number Filters เพ่อื เลอื กรปู แบบการคดั กรอง
166 2). ในตวั อย่างน้จี ะทาการเลอื กหนงั สอื ทม่ี รี าคามากกวา่ หรอื เทา่ กบั 500 ใหท้ าการเลอื ก รปู แบบเป็น Greater Than จากนนั้ คลกิ ท่ี OK จะปรากฏกลอ่ งขอ้ ความ ใหใ้ สค่ าคน้ หาเป็น 500 3). คลกิ ท่ี OK จะไดผ้ ลของการ Filter ดงั รปู -กำรสรำ้ ง Field สำหรทั กำรคำนวณ (Calculated Fields) ขนั้ ตอนการสรา้ ง calculated fields มดี งั น้ี 1). ไปท่ี Field tab และ คลกิ ท่ี More Fields ซง่ึ อยใู่ นกลุ่ม Add & Delete 2). เลอ่ื นเมาสไ์ ปท่ี Calculated Fields และเลอื กชนดิ ของขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการ ในตวั อยา่ งน้เี ป็น การคานวณขอ้ มลู ชนดิ ตวั เลข ดงั นนั้ ใหเ้ ลอื ก Number
167 3). สรา้ งรปู แบบการคานวณโดยการดบั เบลิ คลกิ ทช่ี ่อื fields ทต่ี อ้ งการในช่อง Expression Categories และเลอื กใชเ้ ครอ่ื งหมายทางคณิตศาสตรใ์ หเ้ หมาะสม ในตวั อย่างน้ีเป็นการคานวณผลคณู ดงั นนั้ จงึ ใช้ เคร่อื งหมาย * 4). เม่อื คลกิ ท่ี OK จะเป็นการเพม่ิ Calculated field ลงในตาราง ดงั รปู
168 -กำรสรำ้ ง Row สำหรทั หำคำ่ ผลรวมในตำรำง (Totals Rows) ในตวั อยา่ งน้จี ะเป็นการหาผลรวมของราคาหนงั สอื ทงั้ หมด โดยมขี นั้ ตอนดงั น้ี 1). ไปทก่ี ลมุ่ Record ซง่ึ อยใู่ น Home tab และคลกิ เลอื กคาสงั่ Totals 2). เลอื ก field ทต่ี อ้ งการหาผลรวม โดยในตวั อยา่ งน้จี ะหาผลรวมของ Net Price ทไ่ี ดส้ รา้ ง ขน้ึ ในตวั อย่างก่อนหน้าน้ี 3). คลกิ เลอื กท่ี cell เปลา่ ซง่ึ อยถู่ ดั จากแถวสดุ ทา้ ยไป 2 cell 4). คลกิ ทล่ี กู ศร drop-down เพอ่ื เลอื กรปู แบบการคานวณ ในตวั อย่างน้ใี หเ้ ลอื ก Sum 5). เมอ่ื เลอื กรปู แบบการคานวณแลว้ จะไดผ้ ลดงั รปู
169 8.ผเู้ รยี นสรา้ งตารางเกบ็ ขอ้ มลู ขน้ึ 4 ตาราง คอื ตารางลกู คา้ (Customer) ตารางสนิ คา้ (Product) ตาราง การสงั่ (Order) และตารางรายละเอยี ดการสงั่ (Order Detail) โดยแต่ละตารางกาหนด Field Name และ คุณสมบตั ไิ ว้ ดงั น้ี
170
171 จากตารางทส่ี รา้ งขน้ึ ใหป้ ฏบิ ตั ดิ งั น้ี -จดั เรยี งขอ้ มลู ในตาราง Customer โดยเรยี งตามช่อื ของลกู คา้ กาหนดใหใ้ ชก้ ารจดั เรยี งแบบ Ascending -ใช้ Filter เพ่อื เลอื กเฉพาะลกู คา้ ทอ่ี ย่ใู นกรงุ เทพฯ เท่านนั้ -หาผลรวมของจานวนสนิ คา้ ทงั้ หมดในตาราง Order Detail ขนั้ สรปุ และการประยุกต์ 9.ครสู รุปบทเรยี น โดยใช้ VDO และ PowerPoint และอภปิ รายซกั ถามขอ้ สงสยั และใหผ้ เู้ รยี นฝึก ปฏบิ ตั ใิ นบางเร่อื ง 10.ทากจิ กรรมต่อเน่อื ง ตอบคาถามจากบทความในกจิ กรรมสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ และทาประสบการณ์การ เรยี นรู้ ซง่ึ ครผู สู้ อนพจิ ารณาตามความเหมาะสม ส่ือและแหล่งกำรเรียนรู้ 1.หนงั สอื เรยี น วชิ าระบบจดั การฐานขอ้ มลู ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2.รปู ภาพ 3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.แผ่นใส 5.สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ สอ่ื วดิ ที ศั น์ และสอ่ื PowerPoint 6.แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หลกั ฐำน 1.บนั ทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายชอ่ื 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน กำรวดั ผลและกำรประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 4 ตรวจกจิ กรรมสง่ เสรมิ คุณธรรมนาความรู้ 5. ตรวจใบงาน 6. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอื่ งมือวดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล
172 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ (โดยผเู้ รยี น) 4. แบบประเมนิ กจิ กรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ 5. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 6. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี น รว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ำรประเมินผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ 2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. ตอบคาถามในกจิ กรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรมนาความรจู้ งึ จะถอื วา่ ผา่ น เกณฑก์ ารประเมนิ มเี กณฑ์ 4 ระดบั คอื 4= ดมี าก, 3 = ด,ี 2 = พอใช้ , 1= ควรปรบั ปรุง 5. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50% 6. แบบประเมนิ ผลการเรยี น และแบบฝึกปฏบิ ตั ริ มู้ เี กณฑผ์ า่ น 50% 7 แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ 1.ทากจิ กรรมใบงาน และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 2.อ่านและทบทวนเน้อื หา
173 บนั ทึกหลงั การสอน ข้อสรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................... .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาที่พบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแก้ปัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
174 แผนการจดั การเรียนรูแ้ บบบูรณาการท่ี 16 หน่วยที่ 8 รหสั 3204-2004 ระบบจดั การฐานขอ้ มูล (2-2-3) สอนครงั้ ที่ 16 (61-64) ชื่อหนว่ ย/เรือ่ ง การประยุกตใ์ ชฐ้ านขอ้ มูลเพอื่ พฒั นาระบบงาน จำนวน 4 ช.ม. สำระสำคญั ความสามารถของระบบฐานขอ้ มลู จะช่วยใหก้ ารทางานเป็นไปได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ และมคี วามถูกตอ้ ง แม่นยาในการใชง้ านระบบฐานขอ้ มูลใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพนนั้ ผใู้ ชต้ ้องมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในหลกั การทางานของ โปรแกรมจดั การฐานข้อมูลท่ีใช้เสยี ก่อน ในหน่วยน้ีจะศึกษาเก่ียวกบั โปรแกรมจดั การฐานขอ้ มูล Microsoft Access 2010 รวมไปถงึ วธิ กี ารสรา้ งฐานขอ้ มลู ตารางขอ้ มลู การสบื คน้ ฟอรม์ และรายงาน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 3. ใชง้ านการสบื คน้ ได้ 4. สรา้ งฟอรม์ ได้ 5. สรา้ งรายงานได้ 6. มกี ารพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รูสามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเรอ่ื ง 6.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 6.2 ความมวี นิ ยั 6.3 ความรบั ผดิ ชอบ 6.4 ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ 6.5 ความเช่อื มนั่ ในตนเอง 6.6 การประหยดั 6.7 ความสนใจใฝ่รู้ 6.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั 6.9 ความรกั สามคั คี 6.10 ความกตญั ญกู ตเวที สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การระบบจดั การฐานขอ้ มลู 2. ออกแบบฐานขอ้ มลู เชงิ สมั พนั ธต์ ามหลกั การของ การจดั รปู แบบบรรทดั ฐาน 3. ใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รปู ในการจดั การฐานขอ้ มลู
175 เน้ อื หาสาระ 3. การใชง้ านการสบื คน้ 4. การสรา้ งฟอรม์ 5. การสรา้ งรายงาน กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรยี น 1.ครใู ชเ้ ทคนคิ การสอนแบบซปิ ปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรเู้ ดมิ จากสปั ดาหท์ ่ี ผา่ นมา โดยดงึ ความรเู้ ดมิ ของผเู้ รยี นในเร่อื งทจ่ี ะเรยี น เพอ่ื ช่วยใหผ้ เู้ รยี นมคี วามพรอ้ มในการเช่อื มโยงความรใู้ หม่ กบั ความรเู้ ดมิ ของตน ผสู้ อนใชก้ ารสนทนาซกั ถามใหผ้ เู้ รยี นเลา่ ประสบการณ์เดมิ 2.เปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นสอบถาม หรอื แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ รวมทงั้ ปัญหาต่าง ๆ 3.ครกู ล่าววา่ การสบื คน้ เป็นวธิ กี ารคน้ หาและวเิ คราะหข์ อ้ มลู จากตาราง การใชง้ าน query เปรยี บเสมอื น กบั การตงั้ คาาถามไปยงั ฐานขอ้ มลู การใชง้ าน query ใน Access 2010 จะเป็นการกาาหนดเง่อื นไขเฉพาะใน การคน้ หาขอ้ มลู ทผ่ี ใู้ ชต้ อ้ งการ ขนั้ สอน 4.ครใู ชเ้ ทคนคิ วธิ สี อนแบบสาธติ (Demonstration Method) สาธติ การใชง้ านการสบื คน้ และใหผ้ เู้ รยี น ปฏบิ ตั ติ ามดงั น้ี การใชง้ าน Query สามารถทาไดโ้ ดยใช้ crosstab query ซง่ึ มขี นั้ ตอนดงั น้ี 1). เปิดฐานขอ้ มลู ทไ่ี ดส้ รา้ งไวใ้ นกรณศี กึ ษาท่ี 1 2). สรา้ ง query โดยคลกิ ท่ี Query Design ซง่ึ อยใู่ น Create tab 3). เลอื กตารางทงั้ หมดในฐานขอ้ มลู โดยการดบั เบลิ คลกิ ทช่ี ่อื ตาราง
176 จากนนั้ คลกิ ท่ี Close จะไดผ้ ลดงั รปู 4). คลกิ ท่ี Crosstab เพอ่ื สรา้ ง Crosstab query 5). กาหนดการแสดงผลของ Crosstab query ดงั น้ี สว่ นของหวั เร่อื งในแนวนอน (Row Heading) ในชอ่ ง Table เลอื ก ตาราง Customer ในช่อง Field เลอื ก CName ในช่อง Total เลอื ก Group By ในช่อง Crosstab เลอื ก Row Heading สว่ นของหวั เรอ่ื งในแนวตงั้ (Column Heading) ในช่อง Table เลอื ก ตาราง Product ในช่อง Field เลอื ก PName ในช่อง Total เลอื ก Group By ในช่อง Crosstab เลอื ก Column Heading
177 สว่ นของปรมิ าณสนิ คา้ (Value) ในชอ่ ง Table เลอื ก ตาราง Order Detail ในชอ่ ง Field เลอื ก Quantity ในช่อง Total เลอื ก Sum ในชอ่ ง Crosstab เลอื ก Value 6). คลกิ ทป่ี ่มุ Run จะไดผ้ ลดงั รปู -กำรใช้งำน Parameter query วธิ กี ารทามดี งั น้ี 1). เปิดฐานขอ้ มลู ทส่ี รา้ งในใบงานท่ี 8.1 2). สรา้ ง query โดยคลกิ ท่ี Query Design ซง่ึ อย่ใู น Create tab 3). เลอื กตาราง Customer โดยการดบั เบลิ คลกิ ทช่ี ่อื ตาราง
178 จากนนั้ คลกิ ท่ี Close จะไดผ้ ลดงั รปู 4). สรา้ งพารามเิ ตอรท์ จ่ี ะใชเ้ ป็นเง่อื นไขลงในช่อง Criteria ในทน่ี ้จี ะพมิ พข์ อ้ ความทต่ี อ้ งการใหเ้ ป็น พารามเิ ตอรไ์ วใ้ นเครอ่ื งหมาย [ ] ท่ี Field ของ CName ว่า [ช่อื ลกู คา้ ทต่ี อ้ งการคน้ หา] ดงั รปู ขอ้ ความน้จี ะปรากฏในกล่องขอ้ ความ เม่อื คลกิ ป่มุ Run บนแถบเครอ่ื งมอื เพ่อื ใหผ้ ใู้ ชป้ ้อนช่อื ลกู คา้ ทต่ี อ้ งการคน้ หา ดงั รปู 5). ใสช่ อ่ื ลกู คา้ ทต่ี อ้ งการคน้ หา คลกิ ป่มุ OK จะไดผ้ ลดงั รปู
179 5.ครใู ชเ้ ทคนคิ วธิ สี อนแบบสาธติ (Demonstration Method) สาธติ การสรา้ งฟอรม์ และใหผ้ เู้ รยี นปฏบิ ตั ิ ตามดงั น้ี -กำรสรำ้ งฟอรม์ อยำ่ งงำ่ ย ขนั้ ตอนการสรา้ งฟอรม์ อย่างงา่ ยมดี งั น้ี 1). เลอื กตารางทต่ี อ้ งการสรา้ งฟอรม์ จาก NavigationPane โดยไม่จาเป็นตอ้ งเปิดตาราง 2). ไปทก่ี ลมุ่ Form ซง่ึ อย่ใู น Create tab แลว้ คลกิ ทค่ี าสงั่ Form 3). ฟอรม์ จะถูกสรา้ งและเปิดขน้ึ ใน LayoutView 4). หากตอ้ งการบนั ทกึ ฟอรม์ สามารถทาไดโ้ ดยคลกิ ทค่ี าสงั่ Save ใน Quick Access toolbar เม่อื คลกิ แลว้ จะปรากฏกล่องขอ้ ความเพ่อื ใสช่ อ่ื ฟอรม์ หลงั จากใสช่ ่อื ฟอรม์ แลว้ คลกิ OK - กำรเพิ่ม field ลงในฟอรม์ ขนั้ ตอนในการเพม่ิ field ใหมล่ งในฟอรม์ มดี งั น้ี 1). เลอื ก Form Layout Tools แลว้ ไปทก่ี ลุ่ม Tools ซง่ึ อย่ทู างดา้ นขวาของ Ribbon 2). คลกิ ทค่ี าสงั่ Add Existing Fields
180 3). เมอ่ื คลกิ แลว้ จะปรากฏหน้าต่าง Field list ทาการเลอื ก field ทต่ี อ้ งการเพม่ิ ลงในฟอรม์ จาก รายการน้ี -หากตอ้ งการเพมิ่ field จากตารางทใ่ี ชใ้ นการสรา้ งฟอรม์ สามารถทาไดโ้ ดยการดบั เบลิ คลกิ ทช่ี ่อื field ทต่ี อ้ งการเพมิ่ -หากตอ้ งการเพม่ิ field จากตารางอน่ื ทาไดด้ งั น้ี 1). คลกิ ท่ี Show All Tables 2). คลกิ ทเ่ี ครอ่ื งหมาย + หน้าตารางทม่ี ี field ทเ่ี ราตอ้ งการเพมิ่ 3). ดบั เบลิ คลกิ ท่ี field ทต่ี อ้ งการเพม่ิ 4). Field ใหมจ่ ะถูกเพมิ่ ลงในฟอรม์
181 6.ครใู ชเ้ ทคนคิ วธิ สี อนแบบสาธติ (Demonstration Method) สาธติ การสรา้ งรายงานและใหผ้ เู้ รยี นปฏบิ ตั ิ ตามดงั น้ี -กำรสรำ้ งรำยงำนอยำ่ งง่ำย ตวั อยำ่ ง การสรา้ งรายงานอยา่ งงา่ ย ขอ้ มลู ประวตั พิ นกั งาน มขี นั้ ตอนดงั น้ี 1). ออกแบบตารางและป้อนขอ้ มลู ลงในตาราง Student_Info ดงั รปู 2). ใหค้ ลกิ ทช่ี อ่ื ตาราง Student_Info จากนนั้ คลกิ ทร่ี บิ บอน Create ตามดว้ ยคลกิ คาสงั่ Report 3). จากขนั้ ตอนท่ี 2 จะไดผ้ ลลพั ธด์ งั รปู
182 ข้นั สรุปและการประเมินผล 7.ครแู ละผเู้ รยี นสรุปเน้อื หาทเ่ี รยี น 8.ครแู นะนาใหผ้ เู้ รยี นนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มาประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั 9.สรปุ เน้อื หาในหน่วยการเรยี นอกี ครงั้ โดยวธิ ถี าม–ตอบและซกั ถามขอ้ สงสยั ผเู้ รยี นทาแบบประเมนิ ผล การเรยี นรู้ และแบบประเมนิ ตนเอง รายการประเมิน ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง =9-10คะแนน =7-8 =5-6 =ต่ากว่า 5 คะแนน 1.การกล่าวนา แนะนาตวั และเพอ่ื นร่วมงาน 2.จดุ ประสงคใ์ นการทางาน แหล่งขอ้ มลู วธิ กี ารทางาน 3.ออกเสยี ง ชดั เจน ถูกตอ้ ง 4.น้าเสยี งเหมาะสม 5.ตวั อยา่ งประกอบมสี อ่ื ชดั เจน 6.ลาดบั ความคดิ ไดด้ ี 7.ทา่ ทางเหมาะสม แบบประเมนิ ประสบการณ์พน้ื ฐานการเรยี นรู้ ช่อื ผเู้ รยี น ประสบการณ์พน้ื ฐานการเรยี นรู้ วธิ กี ารเรยี นรู้ ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน 1. 2. 3. 4. 5. ส่ือและแหล่งการเรยี นรู้ 1.หนงั สอื เรยี น วชิ าระบบจดั การฐานขอ้ มลู ของสานกั พมิ พเ์ อมพนั ธ์ 2.รปู ภาพ 3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.แผ่นใส 5.สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ,สอ่ื PowerPoint 6.แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หลกั ฐำน 1.บนั ทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายชอ่ื
183 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน กำรวดั ผลและกำรประเมินผล วิธีวดั ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ 3. สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ 4 ตรวจกจิ กรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ 5. ตรวจใบงาน 6. ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 7. การสงั เกตและประเมนิ พฤตกิ รรมดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ เครอื่ งมอื วดั ผล 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยคร)ู 3. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุม่ (โดยผเู้ รยี น) 4. แบบประเมนิ กจิ กรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรมนาความรู้ 5. แบบประเมนิ กจิ กรรมใบงาน 6. แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 7. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครแู ละผเู้ รยี น ร่วมกนั ประเมนิ เกณฑก์ ำรประเมินผล 1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไมม่ ชี อ่ งปรบั ปรงุ 2. เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4. ตอบคาถามในกจิ กรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรมนาความรจู้ งึ จะถอื วา่ ผา่ น เกณฑก์ ารประเมนิ มเี กณฑ์ 4 ระดบั คอื 4= ดมี าก, 3 = ด,ี 2 = พอใช้ , 1= ควรปรบั ปรงุ 5. กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คอื 50% 6. แบบประเมนิ ผลการเรยี น และแบบฝึกปฏบิ ตั ริ มู้ เี กณฑผ์ ่าน 50% 7 แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยกู่ บั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ 1.อ่านและทบทวนเน้อื หา
184 จงเลือกคำตอทท่ีถกู ต้องท่ีสุดเพียงคำตอทเดียว 1. ในการสรา้ งคน้ หาขอ้ มลู จากฐานขอ้ มลู นนั้ สามารถใชง้ านวตั ถุใดใน Access 2010 ก. Table ข. Query ค. Form ง. Report 2. ขอ้ ใดไมใ่ ช่การใชง้ าน query ก. ใชใ้ นการลบขอ้ มลู ข. ใชใ้ นการปรบั ปรุงขอ้ มลู ค. ใชใ้ นการสรา้ งตาราง ง. ใชใ้ นการสรา้ งรายงาน 3. การใชโ้ อเปอเรเตอร/์ จะใหผ้ ลอย่างไร ก. ผลหารของ 2 นิพจน์ ข. ผลการยกกาลงั นพิ จน์ ค. ผลลพั ธท์ เ่ี ป็นจานวนเตม็ ทไ่ี ดจ้ ากการหาร 2 นพิ จน์ ง. ผลลพั ธท์ เ่ี ป็นเศษทไ่ี ดจ้ ากการหาร 2 นิพจน์ 4. การใชโ้ อเปอเรเตอร\\์ จะใหผ้ ลอย่างไร ก. ผลหารของ 2 นิพจน์ ข. ผลการยกกาลงั นพิ จน์ ค. ผลลพั ธท์ เ่ี ป็นจานวนเตม็ ทไ่ี ดจ้ ากการหาร 2 นพิ จน์ ง. ผลลพั ธท์ เ่ี ป็นเศษทไ่ี ดจ้ ากการหาร 2 นิพจน์ 5. การใชโ้ อเปอเรเตอร์ Mod จะใหผ้ ลอย่างไร ก. ผลหารของ 2 นพิ จน์ ข. ผลการยกกาลงั นิพจน์ ค. ผลลพั ธท์ เ่ี ป็นจานวนเตม็ ทไ่ี ดจ้ ากการหาร 2 นพิ จน์ ง. ผลลพั ธท์ เ่ี ป็นเศษทไ่ี ดจ้ ากการหาร 2 นิพจน์ ใชข้ อ้ มลู ต่อไปน้ตี อบคาถามขอ้ 6–9 6. หากใชโ้ อเปอเรเตอร์ >= 5 ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ะเป็นอย่างไร ก. 5 ข. 1, 2
185 ค. 5, 13, 24, 36 ง. 13, 24, 36 7. หากใชโ้ อเปอเรเตอร์ < 5 ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ะเป็นอย่างไร ก. 5 ข. 1, 2 ค. 5, 13, 24, 36 ง. 13, 24, 36 8. หากใชโ้ อเปอเรเตอร์ <> 5 ขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ะเป็นอยา่ งไร ก. 1, 2, 13, 24, 36 ข. 1, 2 ค. 5, 13, 24, 36 ง. 13, 24, 36 9. ผลทไ่ี ดจ้ ากการใชโ้ อเปอเรเตอร์ Between 3 And 20 จะเป็นอยา่ งไร ก. 1, 2, 13, 36 ข. 1, 2, 13 ค. 5, 13 ง. 13, 24, 36 10. ผลทไ่ี ดจ้ ากการใชโ้ อเปอเรเตอร์ “Ex” & “ample” จะเป็นอยา่ งไร ก. Ex&le ข. Ex ค. ample ง. Example 11. ในการเรยี งผลทไ่ี ดจ้ าก query หากตอ้ งการใหเ้ รยี งจากบนลงล่างควรเลอื กการเรยี งแบบใด ก. Appending ข. Ascending ค. Descending ง. Depending 12. ผลทไ่ี ดจ้ ากการตงั้ เงอ่ื นไขในการทา query ดงั รปู คอื ขอ้ ใด ก. หนงั สอื ทม่ี รี าคาเท่ากบั 500 และเป็นเลม่ ท่ี 2 ข. หนงั สอื ทม่ี รี าคาเท่ากบั 500 หรอื เป็นเลม่ ท่ี 2 ค. หนงั สอื ทม่ี รี าคาไม่เท่ากบั 500 และเป็นเล่มท่ี 2 ง. หนงั สอื ทม่ี รี าคาเท่ากบั 500 หรอื ไมใ่ ชเ่ ลม่ ท่ี 2
186 13. ผลทไ่ี ดจ้ ากการตงั้ เงอ่ื นไขในการทา query ดงั รปู คอื ขอ้ ใด ก. หนงั สอื ทม่ี รี าคาเท่ากบั 500 และเป็นเลม่ ท่ี 2 ข. หนงั สอื ทม่ี รี าคาเทา่ กบั 500 หรอื เป็นเล่มท่ี 2 ค. หนงั สอื ทม่ี รี าคาไมเ่ ท่ากบั 500 และเป็นเลม่ ท่ี 2 ง. หนงั สอื ทม่ี รี าคาเทา่ กบั 500 หรอื ไมใ่ ช่เลม่ ท่ี 2 14. เม่อื บงั คบั ใช้ referential integrity ในขนั้ ตอนการสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตารางทงั้ สอง และเลอื กใช้ Cascade Updated Related Fields ขอ้ ใดต่อไปน้ถี ูกตอ้ ง ก. สามารถแกไ้ ขขอ้ มลู ในตาราง สมาชกิ ไดอ้ ย่างอสิ ระ ข. สามารถยา้ ยขอ้ มลู สมาชกิ เดมิ มายงั ขอ้ มลู สมาชกิ ใหมไ่ ด้ ค. สามารถเพม่ิ ขอ้ มลู ทเ่ี หมอื นกนั ลงในตารางได้ ง. ถูกทุกขอ้ 15. การใช้ query เพอ่ื สรา้ งตารางใหมจ่ ากขอ้ มลู ทท่ี าการคน้ หา สามารถทาไดโ้ ดยใชค้ าสงั่ ใด ก. ข. ค. ง. 16. การใช้ query เพอ่ื ปรบั ปรงุ ขอ้ มลู ในตารางสามารถทาไดโ้ ดยใชค้ าสงั่ ใด ก. ข. ค. ง. 17. การใช้ query เพอ่ื ลบขอ้ มลู ในตารางสามารถทาไดโ้ ดยใชค้ าสงั่ ใด ก. ข. ค. ง.
187 18. ขอ้ ควรระวงั ในการใช้ query ในการลบขอ้ มลู คอื ขอ้ ใด ก. ขอ้ มลู ทถ่ี ูกลบจะยา้ ยไปยงั ตารางใหม่ ข. ขอ้ มลู ทถ่ี ูกลบจะไมส่ ามารถเรยี กคนื มาได้ ค. ขอ้ มลู ทถ่ี กู ลบจะถูกเปลย่ี นเป็นขอ้ มลู ใหม่ ง. ถกู ทกุ ขอ้ ใชข้ อ้ มลู ต่อไปน้ตี อบคาถามขอ้ 19-20 19. หากตอ้ งการคน้ หาขอ้ มลู ของลกู คา้ เพศชายทม่ี อี ายุไม่ต่ากวา่ 18 ปี ควรกาหนดเงอ่ื นไขและใชโ้ อเปอเรเตอร์ อย่างไร ก. เพศ = “ชาย” And อายุ = 18 ข. เพศ <>“ชาย” And อายุ > 18 ค. เพศ = “ชาย” And อายุ >= 18 ง. เพศ <>“ชาย” Or อายุ > 18 20. หากตอ้ งการคน้ หาขอ้ มลู ของลกู คา้ เพศหญงิ ทม่ี นี ้าหนกั ไม่เกนิ 50 ควรกาหนดเงอ่ื นไขและใช้ โอเปอเรเตอร์ อยา่ งไร ก. เพศ = “หญงิ ” And น้าหนกั = 50 ข. เพศ = “หญงิ ” And น้าหนกั < 50 ค. เพศ<> “หญงิ ” And น้าหนกั <= 50 ง. เพศ = “หญงิ ” And น้าหนกั <= 50
188 บนั ทึกหลงั การสอน ขอ้ สรปุ หลงั การสอน .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ปัญหาที่พบ .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. แนวทางแกป้ ัญหา .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................
189 แผนการจดั การเรยี นรูแ้ บบบูรณาการท่ี 17 หน่วยท่ี 9 รหสั 3204-2004 ระบบจดั การฐานขอ้ มูล (2-2-3) สอนครงั้ ที่ 17 (65-68) ชือ่ หน่วย/เรือ่ ง กรณีศึกษา จำนวน 4 ช.ม. สำระสำคญั ในหน่วยน้ีจะเป็นการศกึ ษาการประยุกต์ใชโ้ ปรแกรมจดั การฐานขอ้ มูลเพ่อื ใชใ้ นงานธุรกจิ โดยจะศกึ ษา ตงั้ แต่ในขนั้ ตอนการออกแบบระบบฐานขอ้ มลู การวเิ คราะหร์ ะบบ และการสรา้ งฐานขอ้ มลู จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สามารถสรา้ งและใชง้ านโปรแกรมฐานขอ้ มลู ตวั อย่างเพ่อื ประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานธุรกจิ ได้ 2. การพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผสู้ าเรจ็ การศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ทค่ี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทาการสอนในเร่อื ง 2.1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 2.2 ความมวี นิ ยั 2.3 ความรบั ผดิ ชอบ 2.4 ความซ่อื สตั ยส์ จุ รติ 2.5 ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง 2.6 การประหยดั 2.7 ความสนใจใฝ่รู้ 2.8 การละเวน้ สงิ่ เสพตดิ และการพนนั 2.9 ความรกั สามคั คี 2.10 ความกตญั ญกู ตเวที สมรรถนะรายวิชา 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั หลกั การระบบจดั การฐานขอ้ มลู 2. ออกแบบฐานขอ้ มลู เชงิ สมั พนั ธต์ ามหลกั การของ การจดั รปู แบบบรรทดั ฐาน 3. ใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รปู ในการจดั การฐานขอ้ มลู เน้ อื หาสาระ 1.โปรแกรมฐานขอ้ มลู ตวั อย่าง
190 กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นาเข้าส่บู ทเรียน 1.ครูกล่าวว่าในหน่วยน้ีจะเป็นการศกึ ษาการประยุกต์ใช้โปรแกรมจดั การฐานขอ้ มูลเพ่อื ใช้ในงานธุรกิจ โดยจะศกึ ษาตงั้ แต่ในขนั้ ตอนการออกแบบระบบฐานขอ้ มลู การวเิ คราะหร์ ะบบ และการสรา้ งฐานขอ้ มลู 2.ครแู ละผเู้ รยี นสนทนากนั วา่ ธรุ กจิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การซอ้ื ขายสนิ คา้ จะมกี ารซอ้ื สนิ คา้ และมกี ารสารองสนิ คา้ เพ่อื ใหม้ สี นิ คา้ เพยี งพอต่อการขายตลอดเวลา เมอ่ื ถงึ วนั สน้ิ งวดบญั ชจี งึ ตอ้ งมกี ารตรวจนบั และตรี าคาสนิ คา้ ว่า คงเหลอื อยู่ เป็นจานวนเงนิ เทา่ ใด และทาาการบนั ทกึ เป็น “สนิ คา้ คงเหลอื ” เพ่อื นาไปแสดงเป็นทรพั ยห์ มุนเวยี นใน งบดลุ ต่อไป หากชนิดและปรมิ าณสนิ คา้ คงเหลอื มเี ป็นจานวนมาก อาจทาใหเ้ กดิ ความสบั สนและขอ้ ผดิ พลาด ใน การบนั ทกึ ได้ จงึ มกี ารใชร้ ะบบฐานขอ้ มลู ชว่ ยในการจดั การสนิ คา้ คงเหลอื โดยใชโ้ ปรแกรม Microsoft Office Access 2010 ซง่ึ มคี ณุ ลกั ษณะของฐานขอ้ มลู กลา่ วคอื ตอ้ งเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั สนิ คา้ ทจ่ี าเป็น ไดแ้ ก่ รหสั สนิ คา้ ชอ่ื สนิ คา้ ราคาสนิ คา้ ต่อหน่วย เป็นตน้ 3.ผเู้ รยี นทาแบบประเมนิ ผลการเรยี นรกู้ ่อนเรยี น สลบั กนั ตรวจกบั เพอ่ื สะสมคะแนนเกบ็ ขนั้ สอน 4.ครกู ล่าววา่ การทางานของโปรแกรมฐานขอ้ มลู ตวั อย่าง ประกอบดว้ ย 1). ตารางและความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตารางเพอ่ื ใชใ้ นการเกบ็ ขอ้ มลู 2). การสบื คน้ เพอ่ื เรยี กดขู อ้ มลู ทต่ี อ้ งการ 3). ฟอรม์ สาาหรบั การตรวจสอบ เพม่ิ เตมิ และแกไ้ ขขอ้ มลู ภายในตาราง 4). รายงานเพ่อื การวเิ คราะหข์ อ้ มลู และพมิ พข์ อ้ มลู ในรปู แบบทก่ี าาหนด 5.ครใู ชส้ อ่ื Power Point ประกอบการอธบิ ายเรอ่ื งโปรแกรมฐานขอ้ มลู ตวั อยา่ ง ดงั น้ี กำรออกแททฐำนขอ้ มลู หลกั สาคญั ทใ่ี ชใ้ นการออกแบบฐานขอ้ มลู คอื หลกี เลย่ี งการใชข้ อ้ มลู ซ้าซอ้ น เน่อื งจากเป็น การ สน้ิ เปลอื งพน้ื ทใ่ี นการจดั เกบ็ ขอ้ มลู และอาจทาใหเ้ กดิ ความผดิ พลาดในการจดั เกบ็ ขอ้ มลู ไดแ้ ละหลกั สาคญั อกี ขอ้ หน่งึ คอื ความถกู ตอ้ งและความสมบรู ณ์ของขอ้ มลู ดงั นนั้ การออกแบบฐานขอ้ มลู จงึ ประกอบดว้ ยขนั้ ตอน ดงั ต่อไปน้ี -การแบง่ หมวดหมขู่ องขอ้ มลู ลงในตารางใหเ้ หมาะสมเพอ่ื ป้องกนั การซ้าซอ้ นของขอ้ มลู -ระบุคยี ห์ ลกั (Primary Key) ของแต่ละตาราง -ปรบั ความสมั พนั ธข์ องขอ้ มลู ใหอ้ ยใู่ นรปู แบบบรรทดั ฐาน (Normalization) -กาาหนดความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตารางใหส้ อดคลอ้ งกบั ความสมั พนั ธข์ องขอ้ มลู ในแต่ละตาราง -วเิ คราะหก์ ารออกแบบเพ่อื หาขอ้ ผดิ พลาด โดยการทดลองสรา้ งตารางและดผู ลทไ่ี ด้ จากนนั้ ทาาการ ปรบั ปรุงใหด้ ยี งิ่ ขน้ึ
191 กำรสรำ้ งฐำนข้อมูล ทาการสรา้ งฐานขอ้ มลู เปล่า (Blank Database) โดยกาหนดชอ่ื เป็น Inventory กำรสรำ้ งตำรำง ฐานขอ้ มลู ทส่ี รา้ งขน้ึ ประกอบดว้ ยตารางจานวน 4 ตาราง ดงั นี -ตาราง Inventory สาหรบั เกบ็ ขอ้ มลู รหสั สนิ คา้ ปรมิ าณสนิ คา้ ตน้ ทุนต่อหน่วย และวนั ทป่ี ิดบญั ชี -ตาราง Products สาหรบั เกบ็ ขอ้ มลู รหสั สนิ คา้ และช่อื สนิ คา้ -ตาราง Purchased สาหรบั เกบ็ ขอ้ มลู รหสั สนิ คา้ ทซ่ี อ้ื วนั ทส่ี งั่ ซอ้ื ปรมิ าณทส่ี งั่ ซอ้ื และตน้ ทุนต่อหน่วย -ตาราง Sale สาหรบั เกบ็ ขอ้ มลู รหสั สนิ คา้ ทข่ี าย วนั ทข่ี าย ปรมิ าณทข่ี าย และราคาต่อหน่วย -ตาราง Sale สาหรบั เกบ็ ขอ้ มลู รหสั สนิ คา้ ทข่ี าย วนั ทข่ี าย ปรมิ าณทข่ี าย และราคาต่อหน่วย มขี นั้ ตอนดงั น้ี 1). คลกิ ท่ี View และเลอื ก Design View เพอ่ื เขา้ สหู่ น้าจอการออกแบบตาราง 2). กาหนดรายละเอยี ดของแต่ละ Field ดงั รปู 5.ครใู ชเ้ ทคนิควธิ สี อนแบบสาธติ (Demonstration Method) เพ่อื อธบิ ายกรณีศกึ ษา ดงั น้ี กรณีศกึ ษำท่ี 1 ใหท้ าการสรา้ งตารางทเ่ี หลอื อกี 3 ตาราง ซง่ึ แต่ละตารางมรี ายละเอยี ดดงั น้ี
192 -กำรสรำ้ งควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งตำรำง เม่อื ทาการสรา้ งตารางแลว้ ขนั้ ตอนต่อไปคอื การกาหนดรปู แบบความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตาราง ซง่ึ มี วธิ กี ารดงั น้ี 1).ไปท่ี Database Tools tab แลว้ เลอื กท่ี Relationship 2). เม่อื เลอื กท่ี Relationship แลว้ จะปรากฏหน้าต่างขน้ึ ใหเ้ ลอื กตารางทต่ี อ้ งการสรา้ ง ความสมั พนั ธ์ โดยสามารถเลอื กหลายๆ ตารางพรอ้ มกนั ไดด้ ว้ ยการกดแป้น Ctrl แลว้ คลกิ ทต่ี ารางทต่ี อ้ งการ เมอ่ื เลอื กตาราง เสรจ็ แลว้ คลกิ ท่ี Add เพ่อื เพม่ิ ตาราง เม่อื เพม่ิ ตารางจบครบแลว้ คลกิ ท่ี Close ในขนั้ ตอนนใ้ี หท้ าการเลอื กตาราง ทงั้ หมดทส่ี รา้ งขน้ึ
193 3). เมอ่ื คลกิ ท่ี Close จะปรากฏหน้าความสมั พนั ธข์ น้ึ จากตวั อยา่ งจะสงั เกตไดว้ ่ายงั ไมม่ เี สน้ เชอ่ื ม ระหว่างตาราง เน่อื งจากยงั ไมม่ กี ารสรา้ งความสมั พนั ธน์ นั่ เอง 4). การสรา้ งความสมั พนั ธท์ าไดโ้ ดยคลกิ ลาก Field ทต่ี อ้ งการสรา้ งความสมั พนั ธจ์ ากตารางหน่งึ ไป ยงั Field ในอกี ตารางหน่งึ เม่อื ทาการลากแลว้ จะปรากฏกล่องขอ้ ความ Edit Relationship ในขนั้ ตอนน้ี จะตอ้ งทา การเลอื กว่าจะบงั คบั ใช้ Referential Integrity หรอื ไมใ่ นตวั อยา่ งน้จี ะไมบ่ งั คบั ใช้ Referential Integrity จากนนั้ ให้ คลกิ ท่ี Create 5). เมอ่ื คลกิ ท่ี Create แลว้ จะไดค้ วามสมั พนั ธร์ ะหว่างตารางดงั รปู
194 -กำรสรำ้ ง Query ใชใ้ นการคน้ หาขอ้ มลู โดยสามารถระบุเง่อื นไขของขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการคน้ หาได้ โดยมขี นั้ ตอนในการสรา้ ง Query ดงั น้ี 1). สรา้ ง Query จากตาราง Product โดยใช้ Query Wizard 2). เลอื ก Simple Query Wizard 3). ทาการเลอื ก Field ทงั้ หมดทอ่ี ยใู่ นตาราง 4). ตงั้ ช่อื Query ใหเ้ หมาะสม
195 -กำรสรำ้ ง Form ใชส้ าหรบั การตรวจสอบ เพม่ิ และแกไ้ ขขอ้ มลู ได้ โดยขนั้ ตอนในการสรา้ งฟอรม์ มดี งั น้ี 1). สรา้ ง Form จากตาราง Inventory โดยใช้ Form Wizard ทาการเลอื ก Field ทงั้ หมดทอ่ี ยู่ ในตาราง และบนั ทกึ ช่อื Form เป็น Inventory 2). เปลย่ี นชอ่ื ในสว่ น Form Header เป็นสนิ คา้ คงเหลอื ตน้ ปี 3). ทาการเปลย่ี น ProductID จาก TextBox เป็น Combo Box โดยการคลกิ ขวาท่ี TextBox แลว้ เลอื ก Change To จากนนั้ เลอื ก Combo Box 4). สรา้ งป่มุ สาหรบั การใชง้ านฟอรม์ โดยเรมิ่ จากป่มุ ไปยงั record แรก โดยเลอื กเพม่ิ Button ดงั รปู 5). เม่อื สรา้ งปุ่มแลว้ ใหเ้ ลอื กการทางานของป่มุ เป็น Go To First Record เพอ่ื ไปยงั ขอ้ มลู แรกสดุ
196 6). ทาการตงั้ ช่อื ป่มุ ใหเ้ หมาะสม 7). เม่อื คลกิ ป่มุ Finish จะได้ Button สาหรบั ไปยงั Record แรกดงั รปู 6.ผเู้ รยี นศกึ ษากรณีศกึ ษาท่ี 2 และปฏบิ ตั ติ ามดงั น้ี ใหท้ าการสรา้ ง Button เพม่ิ ลงใน Form โดยมขี อ้ กาาหนดดงั น้ี -สรา้ ง Button สาาหรบั ไปยงั Record ถดั ไป -สรา้ ง Button เพ่อื ไปยงั Record กอ่ นหน้า -สรา้ ง Button เพอ่ื ไปยงั Record สดุ ทา้ ย -จดั วาง Button ใหม้ ลี กั ษณะดงั รปู
197 กำรสรำ้ ง Report รายงานชว่ ยใหส้ ามารถวเิ คราะหข์ อ้ มลู ไดอ้ ย่างรวดเรว็ และแสดงผลขอ้ มลู ไดต้ ามทต่ี อ้ งการ ขนั้ ตอน ใน การสรา้ งรายงานมดี งั น้ี 1). สรา้ งรายงานจากตาราง Inventory โดยเลอื ก Report Wizard 2). เลอื ก Field ทงั้ หมดทอ่ี ยใู่ นตาราง Inventory 3). จดั รปู แบบการแสดงขอ้ มลู โดยให้ ProductID มคี วามสาคญั สงู กวา่ Field อน่ื ๆ 4). เลอื กรปู แบบรายงานใหเ้ หมาะสมกบั ขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการแสดง
198 5). ตงั้ ช่อื รายงานและคลกิ ท่ี Finish
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211