(ร่าง) แผนปฏบิ ัติการดา้ นการขับเคลื่อนการพฒั นาประเทศไทย ด้วยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ กระทรวงการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ัยและนวตั กรรม มิถนุ ายน ๒๕๖๔
สารบญั หนา้ ส่วนที่ ๑. บทสรปุ ผบู้ ริหาร ๑ สว่ นท่ี ๒. ความสอดคล้องกับแผน ๓ ระดับ ตามนัยของมติคณะรฐั มนตรี เม่อื วนั ท่ี ๒๒ ๔ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒๒ ๒.๑ ยุทธศาสตร์ชาติ (แผนระดบั ๑) ๒๔ ๒.๒ แผนระดับที่ ๒ ๒๖ ๒.๓ แผนระดับท่ี ๓ สว่ นที่ ๓. สาระสำคญั ของแผนปฏบิ ตั ิการด้านการขับเคล่อื นการพัฒนาประเทศไทย ๓๑ ด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ ๓.๑ การประเมินสถานการณ์ ปญั หา และความจำเปน็ ของแผนปฏบิ ัติการ ๕๗ ๒๐๕ ดา้ นการขับเคล่อื นการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ๒๐๘ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ ๒๑๑ ๓.๒ สาระสำคัญของแผนปฏบิ ัติการด้านการขบั เคลอ่ื นการพัฒนาประเทศไทย ด้วยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ ๓.๓ มาตรการขับเคล่ือนการพฒั นาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกจิ BCG ๓.๔ กลไกการบรหิ ารจดั การและการตดิ ตามประเมนิ ผล เอกสารอา้ งองิ
สว่ นท่ี ๑. : บทสรุปผ้บู รหิ าร คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๔ ให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ ชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) : โมเดล เศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป และให้คณะกรรมการบริหาร การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) พิจารณากำหนดและดำเนินแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการด้านการ ขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ น้นั สำนกั งานพฒั นาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และ นวัตกรรมในฐานะเลขานุการของคณะกรรมการบรหิ ารฯ จงึ จัดทำแผนปฏิบัติการด้านการขบั เคลื่อนการพัฒนา ประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ เพือ่ ใชเ้ ปน็ กรอบการทำงานสำหรับหน่วยงานต่าง ๆ ในการรว่ มขับเคล่อื นวาระแหง่ ชาตินี้ ใหเ้ กิดผลเป็นรปู ธรรมโดยเร็วและยงั่ ยืน ท่ีผา่ นมาประเทศไทยใช้ทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพสร้างการเตบิ โตทางเศรษฐกิจ ซึ่งผล ของการพัฒนาดังกล่าวต้องแลกด้วยความเสื่อมโทรมของทรัพยากรและการลดลงของความหลากหลายทาง ชีวภาพ เกิดของเหลือทิ้งที่สร้างมลพิษ ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสุขภาพ จึงต้องใช้งบประมาณจำนวนมากเพื่อ แก้ปัญหา ยิ่งไปกว่านั้น การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ในลักษณะ “ทำมากได้น้อย” เนื่องจาก ไม่สามารถสร้างมูลค่าให้กับทรัพยากรได้เต็มศักยภาพ เกิดการพัฒนาแบบกระจุกตัว ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ระหว่างภาคส่วนต่างๆ มาก เศรษฐกิจต้องพ่ึงพาปัจจยั ภายนอก ได้รบั ผลกระทบสูงจากการเปลี่ยนแปลงภายนอก นอกจากนีใ้ นรอบ ๑๐ ปที ี่ผา่ นมา อตั ราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมีค่าเฉล่ยี เพยี ง ร้อยละ ๓ ต่อปี ดว้ ยอตั ราการเตบิ โตดังกลา่ วไม่เพียงพอในการนำพาประเทศไทยให้กา้ วขา้ ม “กับดักประเทศรายไดป้ านกลาง” ประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยอาศัยฐานความเข้มแข็งของประเทศอัน ประกอบดว้ ยความหลากหลายทางชีวภาพและความหลากหลายทางวัฒนธรรม สง่ เสริมและพฒั นาให้ประเทศไทย เป็นเจ้าของสินค้าและบริการมูลค่าสูง ที่ยกระดับมูลค่าในห่วงโซ่การผลิตสินค้าและบริการ ใช้เทคโนโลยีและ นวตั กรรมสมัยใหม่ชว่ ยทลายข้อจำกัด ให้เกิดการก้าวกระโดดของการพัฒนาตอ่ ยอด สร้างการเติบโตทางเศรษฐกจิ อย่างย่ังยืน กระจายรายได้ โอกาส และความม่ังค่งั แบบทวั่ ถึง (Inclusive growth) รวมถงึ การรกั ษาฐานทรพั ยากร และความหลากหลายทางชีวภาพให้สมดลุ ด้วยการใช้โมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่เรยี กว่า “โมเดลเศรษฐกิจ BCG” ซึ่ง เป็นการพัฒนา ๓ เศรษฐกิจ คือ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างสมดุล เป็น ธรรมและย่ังยืน ทัง้ น้ี โมเดลเศรษฐกจิ BCG มีความสอดคล้องกบั เป้าหมายการพัฒนาท่ียั่งยืน (SDGs) และสอดรับ กับหลกั การของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง (SEP) ซึง่ เป็นหลักสำคญั ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ไทย โดยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ทำหน้าที่บูรณาการการพัฒนาตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ใช้องค์ความรู้ทางด้าน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สร้างคุณค่าเพิ่ม (Value creation) จากฐานความหลากหลายของ ทรพั ยากรชีวภาพและวัฒนธรรมดว้ ยกลไกจตภุ าคี (Quadruple helix) ๑. โอกาสและความทา้ ทายในการพัฒนาประเทศไทย ความท้าทายสำคัญของประเทศไทยคือการอนุรักษ์และการจัดการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรความ หลากหลายทางชีวภาพ และวฒั นธรรม และการสร้างการเตบิ โตทางเศรษฐกจิ อย่างมคี ุณภาพ และยงั่ ยนื (รา่ ง) แผนปฏิบัตกิ ารด้านการขบั เคลื่อนการพฒั นาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๑
๑.๑ ความท้าทายและโอกาสของการดำรงไว้ซึ่งฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพ และความหลากหลายทางวัฒนธรรม การมุ่งเน้นสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยขาดกลไกการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมทำให้พื้นที่ป่าไม้ถูกทำลายลงไปมากกว่า ๖๗ ล้านไร่ ในระยะเวลา ๔๐ ปี ที่ผ่านมา ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งลดความอุดมสมบูรณ์จากจำนวน ๒.๓ ล้านไร่ เหลือ ๑.๗ ล้านไร่ การขยายตัวของ การท่องเที่ยวได้ทำให้ระบบนิเวศ เช่น แหล่งปะการัง หญ้าทะเลอยู่ในสภาวะเปราะบาง ขณะที่การเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศเป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้ทรัพยากรเสื่อมโทรมรุนแรงยิ่งขึ้น สิ่งมีชีวิตหลายชนิดสูญพันธุ์ และจำนวน หนึ่งเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ การลดลงของทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพส่งผลกระทบทั้งทางตรงและ ทางอ้อม เชน่ การสูญเสียรายได้ของชมุ ชนทพ่ี ึ่งพาฐานทรัพยากรจากความหลากหลายทางชีวภาพ ปญั หาน้ำท่วม นำ้ แล้ง สภาพของฝุ่นละอองขนาดเลก็ ทีเ่ กินคา่ มาตรฐาน ภัยพิบตั ทิ างธรรมชาติทีเ่ พิ่มขึ้น ซงึ่ แนวโนม้ ของปญั หา ดังกล่าวกำลังทวีความรุนแรงมากย่ิงข้ึน ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องพัฒนากลไกเพิ่มเติมเพื่อนำไปสู่การรักษา ความม่นั คงของฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางชวี ภาพ และการสรา้ งความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์อย่างยง่ั ยืน ประเทศไทยมีวัฒนธรรมอันดีงาม และจิตใจที่โอบอ้อมอารีเป็นทุนสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์- บริการมูลค่าสูง เป็นต้นว่าวัฒนธรรมการทำอาหารไทยที่มีชื่อเสยี งและได้รับการยอมรับระดับโลก ซึ่งเป็นการ ผสมผสานระหว่างวตั ถุดบิ ทห่ี ลากหลาย และสมนุ ไพรท่ีมปี ระโยชน์ต่อสุขภาพ วฒั นธรรมการทำอาหารที่ส่ังสม มานานจึงมีรสชาติกลมกล่อม และการจัดวางอาหารที่งดงาม ด้วยภาพลักษณ์ที่ดีของอาหารไทย จึงทำให้มี ต่างชาตินำไปปรับแต่งทำให้รสชาติและหน้าตาของอาหารไทยถูกปรับเ ปลี่ยนผิดเพี้ยนไปจากอาหารไทยแท้ ดังนั้น จึงถือเป็นความท้าทายในการรักษาอตั ลักษณ์อาหารไทยให้คงอยู่ นอกจากนี้ วัฒนธรรรมการนวดแผน ไทย และสปาไทย เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ความเป็นไทย แต่การขาดการส่งเสริมอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้สืบทอด อาชีพดังกล่าวลดลงไปมาก ทั้งนี้ หากประเทศไทยได้นำวัฒนธรรมอันดี มาผนวกกับความหลากหลายทาง ชีวภาพ และวิทยาการสมัยใหม่จะเป็นการสร้างความแตกตา่ งทยี่ ากตอ่ การลอกเลียนแบบ ๑.๒ ความทา้ ทายและโอกาส ๑.๒.๑ การเกษตรและอาหาร ภาคเกษตรเกี่ยวข้องกับเกษตรกรมากกว่า ๑๒ ล้านคน แต่มากกว่าร้อยละ ๙๐ ของพื้นที่เพาะปลูก ของประเทศไทยปลูกพชื เพียง ๖ ชนดิ คอื ขา้ ว ยางพารา มนั สำปะหลัง อ้อย ขา้ วโพด และปาล์มนำ้ มนั ซงึ่ เป็น สินค้าโภคภณั ฑ์ ราคาสินคา้ เกษตรเหลา่ นีม้ คี วามผันผวนตามสภาพภูมอิ ากาศและอปุ ทานในตลาดโลก ส่งผลให้ เกษตรกรมีรายได้เฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ต่ำ การเพิ่มรายได้ของเกษตรกรด้วยการเพิ่มปริมาณผลผลิตนั้นต้องแลก ด้วยการใชท้ รพั ยากรเปน็ จำนวนมาก กอ่ ให้เกิดความเสือ่ มโทรมของทรัพยากรและสงิ่ แวดล้อม ไมส่ อดคลอ้ งกับ โครงสร้างของแรงงานภาคเกษตรที่มีอายุเฉลี่ยสูงขึ้น ดังนั้น การยกระดับผลผลิตทางการเกษตรให้มีคุณภาพ มีความปลอดภัย และสร้างมาตรฐานเพื่อจัดแบ่งประเภทของสินค้าตามคุณภาพ จะช่วยสร้างความแตกต่าง คุณค่าและมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตร เช่น เนื้อวัวทั่วไปมีราคาจำหน่าย ๒๕๐ บาท/กิโลกรัม แต่เนื้อวัวโพนยางคำราคา ๗๕๐ บาท/กิโลกรัม จึงเป็นวิธีการเปลี่ยนรูปแบบจากการ “ผลิตมากแต่สร้าง รายได้น้อย” (More for less) ไปสู่การผลิตสินค้าพรีเมียมที่ “ผลิตน้อยแต่สร้างรายได้มาก” (Less for more) ใช้เทคโนโลยี Internet of things (IoT) ในการควบคุมการเพาะเลี้ยง เพาะปลูกที่ช่วยลดต้นทุน และ เพิ่มประสิทธิผลของการเกษตรให้สูงขึ้น ทั้งยังเป็นการรักษาเสถียรภาพของสินค้าเกษตรบนพื้นฐานของความ หลากหลายทางชวี ภาพ นอกจากน้ี ประเทศยงั สามารถเพ่ิมความหลากหลายของสนิ ค้าเกษตรเศรษฐกิจอน่ื ๆ อาทิ (รา่ ง) แผนปฏิบัตกิ ารดา้ นการขับเคลื่อนการพฒั นาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๒
สมุนไพร ผลไม้ เมล็ดพันธุ์ ไม้ดอก ไม้เศรษฐกิจ ไผ่ แมลง และแพะ เป็นต้น เพื่อปรับโครงสร้างรายได้ในภาค เกษตรด้วย การเพ่มิ ปรมิ าณผลผลิตทางการเกษตรด้วยระบบโรงเรือน และการเพิ่มมลู คา่ ผลผลติ ทางการเกษตร ด้วยการสกัดสารสำคัญหรือสารที่มีคุณสมบัติพิเศษที่มีอยู่ในสินค้าเกษตรและพืชสมุนไพรเพื่อเปลี่ยนจากการ “ขายเป็นตนั ” เป็นการ “ขายเปน็ กโิ ลกรมั ” หรอื กรัม เปน็ อกี แนวทางทีส่ ำคัญ ตัวอย่างเช่น สารสกัดจากข้าว ราคา ๒,๔๐๐ บาท/กิโลกรมั และสารสกดั แคปไซซนิ จากพรกิ ๓๐,๐๐๐ บาท/กิโลกรัม การใชจ้ ุดแข็งของการมี ภาพลักษณ์ที่ดีในการเป็นแหล่งผลิตอาหารที่มีคุณภาพและความปลอดภัยที่ประเทศทั่วโลกมั่นใจและนำเข้า สินค้าอาหารจากประเทศไทยเพิ่มขึ้นในช่วงการระบาดของโรคโควิด-๑๙ นำมาพัฒนาเป็นแบรนด์เพื่อเพ่ิม มูลค่าให้กับสินค้าไทย รวมถึงการปรับเปลี่ยนสินค้าเกษตรไปสู่การผลิตอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่ง เป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูง โดยปี พ.ศ. ๒๕๖๐ มูลค่าตลาดของผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเพ่ือ สุขภาพอยทู่ ่ี ๒ แสนล้านบาท ผลิตภณั ฑเ์ ปน็ ทต่ี ้องการของตลาด คือ กลุ่มอาหารฟงั กช์ นั (Functional food) อาทิ อาหารทีม่ สี ่วนช่วยเพิ่มภูมิคมุ้ กนั โรค บำรงุ สมอง ลดความเสอ่ื มของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย เป็นต้น ๑.๒.๒ สขุ ภาพและการแพทย์ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ประมาณ ๔ แสนล้านบาท โดยคาดการณ์ว่า ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพจะเพิ่มเป็น ๑.๔ ล้านล้านบาท เมื่อประเทศไทยก้าวสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ ในแต่ละปี ประเทศไทยนำเข้าผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรมรวมกันกว่า ๑ แสนล้านบาท ซึ่ง ๓ ใน ๔ ส่วนเป็นการ นำเข้ายารักษาโรค ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มชีวเภสัชภัณฑ์ (Biopharmaceutical) เช่น วัคซีน โปรตีนเพื่อการรักษา และแอนตบิ อดี เป็นผลิตภัณฑท์ ่ีมีราคาสงู มากและประเทศไทยต้องพึ่งพาการนำเขา้ เชน่ ยา Pembrolizumab ที่ใช้รักษาโรคมะเร็งหลายชนิด มีค่าใช้จ่าย ๑.๕ แสนบาทต่อครั้ง ซึ่งผู้ป่วยต้องรับยาทุก ๓ สัปดาห์ ติดต่อกัน เปน็ เวลา ๒ ปี จากความก้าวหน้าทางการวิจัยด้านจีโนม ประเทศไทยได้พัฒนาวิธีการรักษาโรคธาลัสซีเมีย ให้ หายขาดด้วยวิธีการใช้ยีนบำบัด (Gene therapy) และมีศักยภาพในการพัฒนาวิธีการรักษาสำหรับโรคอื่น ๆ เพิ่มเติม นอกจากสุขภาพของคนไทยจะดีขึ้นแล้ว ด้วยความพร้อมของการบริการที่ดีมีมาตรฐาน บุคลากรทาง การแพทย์มีคุณภาพ ประเทศไทยยังมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการให้บริการทางการแพทย์และสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอันดับต้น ๆ ของโลก โดยมีโรงพยาบาลที่ได้รับการ รบั รองตามมาตรฐานสากลอันดับ ๑ ของอาเซยี น นอกจากนี้ประเทศไทยยังถือเป็นศูนย์กลางการวิจยั ทางคลินิก ซง่ึ มคี วามสำคัญมากสำหรับการข้ึนทะเบยี นผลติ ภัณฑ์ทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ประเทศไทยมีรายได้จากการวิจัยทางคลินิกมากถึง ๘.๘ พันล้านบาท ทั้งนี้ หากมีการบริหารจัดการที่ดีรายได้ ดังกล่าวมโี อกาสเพ่ิมข้ึนเป็นเท่าตวั ๑.๒.๓ พลังงาน วัสดุและเคมีชวี ภาพ พลังงานเป็นปัจจัยสำคญั ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทุกประเทศ ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องจัดหา แหล่งพลังงานใหเ้ พยี งพอต่อความต้องการของประเทศในระยะยาว กอ่ นการจดั ทำแผนพัฒนาพลังงานทดแทน พ.ศ. ๒๕๕๑ ประเทศไทยนำเข้าพลังงานในสัดส่วนร้อยละ ๖๐ ของความต้องการใช้พลังงานภายในประเทศ ซึง่ สดั สว่ นการนำเขา้ มแี นวโน้มเพ่ิมข้ึนอย่างต่อเนื่อง ขณะท่ีประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตพลังงานทดแทน ในระดับสูง เนื่องจากมีผลผลิตทางการเกษตร ขยะ และของเสียจากกระบวนการผลิตจำนวนมาก ร วมถึง พลังงานจากแสงอาทติ ย์ที่เอื้อต่อการผลติ เป็นพลังงานทดแทนให้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๑๖.๕ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ (ร่าง) แผนปฏบิ ตั กิ ารด้านการขบั เคลอื่ นการพฒั นาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๓
เป็นร้อยละ ๓๐ ของปริมาณการใช้พลังงานภายในปี พ.ศ. ๒๕๘๐ ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและ พลงั งานทางเลือก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ (Biobased products) เป็นผลิตภัณฑ์ซึ่งสกัดจากวัตถุดิบธรรมชาติ เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม ตลาดมีความต้องการสงู ผลิตภัณฑ์ชีวภาพหลายประเภทสามารถทดแทนผลติ ภัณฑ์ท่ีผลติ จาก ปิโตรเลียมได้ มีการคาดการณ์ว่าตลาดผลิตภัณฑ์ชีวภาพจะเพิ่มจาก ๔ แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็น ๔.๘๗ แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๗ จึงเป็นโอกาสสำหรับประเทศไทยในการ สร้างมูลค่าเพิ่มอีกหลายเท่าตัว เช่น ชานอ้อยกิโลกรัมละ ๑ บาท เมื่อพัฒนาเป็นสารประกอบที่ใช้ในการผลิต เครื่องสำอางและอาหาร มูลค่าจะเพิ่มเป็นกิโลกรัมละ ๒๖๐ บาท และเพิ่มเป็นกิโลกรัมละ ๑,๐๐๐ บาท เมื่อ พัฒนาเป็นสารประกอบในการผลิตยา หรือใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตพลาสติกชีวภาพ หรือการนำก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยจากภาคอุตสาหกรรมหรือการผลิตก๊าซชีวภาพ ไปใช้ในการเพาะเลี้ยงสาหร่าย การนำชีวมวลไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย หรือใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอเมทานอล (Biomethanol) ที่ใช้ในการผลิตไบโอดีเซล รวมทั้งใช้เป็นโครงสร้างเริ่มต้น (Building block) ในการผลิต สารเคมี หรือชีวเคมีมูลค่าสูงหลายชนิด ซึ่งวิธีการข้างต้นเป็นการปรับเปลี่ยนจากระบบ “เศรษฐกิจ เชิงเส้นตรง” (Linear economy) คือ ใช้ทรัพยากร ผลิตสินค้า ใช้งานและกำจัด (Take-make-use- dispose) มาเป็นระบบ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” (Circular Economy) ได้อย่างสมบูรณ์ ผ่านกระบวนการ ผลิตสนิ คา้ ใชง้ าน และนำกลับมาใชใ้ หม่หรือใช้เป็นวัตถุดบิ รอบทส่ี อง (Make-use-return/recycle) ๑.๒.๔ การทอ่ งเทีย่ วและเศรษฐกิจสรา้ งสรรค์ ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายวัฒนธรรม ทำให้ประเทศไทยเป็น แหล่งท่องเที่ยวที่มชี ่ือเสียงและเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเทีย่ วทั่วโลก ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ประเทศไทย มีรายได้ จากการท่องเทีย่ ว ๓ ล้านล้านบาท โดยรายได้ ๒ ลา้ นล้านบาทนนั้ มาจากนักท่องเท่ยี วต่างชาติ (ประมาณ ๔๐ ลา้ นคน) อย่างไรกด็ ี รายไดด้ ังกล่าวกระจุกตวั อยใู่ นเมอื งหลัก (รอ้ ยละ ๘๐ กระจกุ ตวั อยู่เพยี ง ๘ จังหวดั ) แม้ว่า จะมีรายได้ที่ดี แต่สิ่งที่ตามมาคอื การเกิดสภาวะที่มีนักท่องเที่ยวเกินขีดความสามารถในการรองรับ (Carrying capacity) ของพนื้ ที่ ส่งผลใหท้ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อมได้รับความเสียหาย กระทบตอ่ จารีต วิถีชีวิต และวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น เกิดความไม่สมดุลของทรัพยากรสำหรับคนในพื้นที่ ทำให้ภาครัฐและ เอกชนต้องฟื้นฟูทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมในแหล่งท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วน ตลอดจนเร่งพัฒนา แหล่งทอ่ งเท่ียวใหม่โดยกระจายการท่องเท่ียวสูเ่ มอื งรอง เพื่อแก้ปัญหาที่ผ่านมา การท่องเที่ยวตามแนวทางของ BCG จะพัฒนาโดยการให้ความสำคัญกับการ ท่องเที่ยวคุณภาพสูงที่ยั่งยืน (Sustainable tourism) หนึ่งแนวทางที่สำคัญคือการประยุกต์ใช้ Happy Model ทีช่ ูอัตลักษณข์ องแตล่ ะพื้นที่ด้วยสนิ ค้าและบริการ ตลอดจนสื่อสารเรือ่ งราวและจุดเด่นแตล่ ะแห่งเช่ือมโยงกับจุด แข็งของประเทศ เช่น การท่องเที่ยวเชงิ สุขภาพ การส่งเสริมการทอ่ งเที่ยวเชิงเกษตร การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว คาร์บอนต่ำ และการท่องเที่ยวเชิงความรู้ ซึ่งการท่องเที่ยวเหล่านี้ ไม่เพียงทำให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชน แต่เป็นการเชื่อมโยงสู่ภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ เป็นการสร้างตัวคูณทางรายได้อย่างยั่งยืน การบริหารจัดการการ ท่องเท่ียวที่มีประสิทธภิ าพท้ังระบบด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม สามารถเพ่ิมการใช้จา่ ยของนักท่องเที่ยวให้สูงขึ้น อย่างไรก็ดี ในสถานการณ์ของการระบาดของโควิด-๑๙ ที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ประกอบกับ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลีย่ นแปลงไป จึงควรใช้โอกาสน้ีในการพัฒนามาตรฐานท่ีพักและบริการ รวมถึงยกระดับ ดา้ นสขุ อนามยั เพอื่ ใหพ้ ร้อมรบั ต้อนรับการกลับมาของนักท่องเทยี่ วไทยและต่างชาติอีกครั้ง (ร่าง) แผนปฏบิ ตั กิ ารดา้ นการขบั เคลอื่ นการพัฒนาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๔
เพอ่ื เข้าสยู่ ุคดิจิตัล การพฒั นาระบบการชำระเงินทางออนไลน์ (Public payment gateway) สำหรับ การท่องเที่ยวเพื่อให้ได้ข้อมูลการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเพื่อนำมาใช้ในการวางแผนบริหารจัดการการ ท่องเที่ยวยุคใหม่สามารถบูรณาการ One payment system อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวในการใช้ บตั รหรือระบบ จา่ ยเงนิ ระบบเดยี ว เพ่ือเขา้ ชมพพิ ธิ ภณั ฑ์ ใช้บรกิ ารรถโดยสารสาธารณะ และอื่น ๆ ทำใหท้ ราบ ถึงข้อมูลการใช้จ่ายทั้งหมด พฤติกรรมและเส้นทางการเดินทางภายในประเทศของนักท่องเที่ยวโดยอ้อม เป็น การใชป้ ระโยชน์ข้อมูลทไ่ี ดใ้ นการบรหิ ารจัดการ การสรา้ งกิจกรรมสง่ เสรมิ การขายและการให้บรกิ าร สนบั สนุน ภาคธุรกิจการทอ่ งเทยี่ ว การโรงแรม และธุรกจิ บริการที่เกีย่ วข้องใหค้ รบวงจร ๑.๒.๕ เศรษฐกิจหมนุ เวียนและเศรษฐกจิ สีเขยี ว เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ของประเทศอยู่ระหว่างการพัฒนาให้มีความเข้มแข็ง ด้วยตระหนักว่าเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นระบบเศรษฐกิจที่เน้นคุณค่าและทำให้มนุษย์อยู่กับธรรมชาติได้อย่าง สมดุล ส่งเสรมิ การผลติ และการบริโภคทีย่ ัง่ ยนื ซ่ึงเป็นแนวทางที่ช่วยให้ประเทศบรรลุความตกลงปารีส (Paris Agreement) ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และที่สำคัญเป็นโอกาสสำหรับเศรษฐกิจใหม่ สร้างรายได้ และเพม่ิ การจา้ งงาน สำหรบั เศรษฐกจิ สีเขียว (Green Economy) การดำเนนิ การอยู่ในระยะเริ่มตน้ แต่เป็นส่งิ ท่ปี ระเทศไทย จำเปน็ ตอ้ งเรง่ รดั การพฒั นาเนื่องจากประเทศคคู่ า้ โดยเฉพาะสหภาพยุโรปมคี วามความต่นื ตวั และเร่มิ มีการนำ มาตรการทางสิ่งแวดลอ้ มมาใชเ้ ป็นมาตรการกีดกนั ทางการค้ามากขึน้ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นส่วนของสาย โซ่อุปทานของโลกและพึ่งพาการส่งออก จึงมีความจำเป็นที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวโดยเฉพาะการลด การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และปรับเปลี่ยนระบบการผลิตให้ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อการรักษา ความสามารถในการแขง่ ขนั โดยการเรง่ รดั ใหเ้ กิดการนำเทคโนโลยแี ละนวัตกรรม การนำนวตั กรรมทางการเงิน สีเขียว (Green finance) เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับธุรกิจที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้กลไก ระดมทุนด้วยการเสนอขายตราสารหนี้ที่ส่งเสริมความยั่งยืน ซึ่งกำหนดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงกับเป้าหมายการ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มาใช้เป็นปัจจัยเร่งให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นประเทศสีเขียวได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ การดำเนนิ การดงั กล่าว สามารถใชเ้ ป็นจุดแข็งในการดงึ ดดู การลงทุนจากบริษัทท่ีให้คุณคา่ กับเศรษฐกจิ สเี ขียว ๒. โมเดลเศรษฐกิจ BCG มุ่งสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจอยา่ งมคี ุณภาพและยงั่ ยืน ๒.๑ กรอบแนวคดิ ของโมเดลเศรษฐกิจ BCG การพฒั นาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG มีวัตถุประสงคห์ ลกั ๓ ประการ ไดแ้ ก่ ๑. การอนุรักษ์ ฟนื้ ฟู จัดการการใชป้ ระโยชน์ทรัพยากรชีวภาพและวฒั นธรรม ๒. การสรา้ งคณุ คา่ เพม่ิ (Value creation) ใหก้ ับทรพั ยากรชวี ภาพและวัฒนธรรม ๓. การสร้างความสามารถในการพึง่ ตนเอง กิจกรรมหลักภายใต้โมเดลเศรษฐกจิ BCG ประกอบดว้ ย ๑. อนุรกั ษ์ ฟน้ื ฟู พัฒนา เพมิ่ พูนทรัพยากร ความหลากหลายทางชีวภาพและวฒั นธรรม ๒. บริหารจดั การ การใช้ประโยชน์และบรโิ ภคอยา่ งยงั่ ยนื ๓. ลดและใชป้ ระโยชนข์ องทง้ิ จากกระบวนการผลติ สนิ คา้ และบรกิ าร (รา่ ง) แผนปฏิบัตกิ ารดา้ นการขับเคลอ่ื นการพฒั นาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๕
๔. สร้างคุณคา่ เพมิ่ (Value creation) ตลอดห่วงโซ่มลู คา่ ตั้งแตภ่ าคเกษตรทเ่ี ป็นต้นทาง จนถึงภาค การผลิตและบรกิ าร ๕. สร้างภูมคิ ้มุ กนั พึง่ พาตนเอง และเพ่มิ สมรรถนะในการฟน้ื ตวั อยา่ งรวดเรว็ ความสำเร็จของการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG จำเป็นต้องนำกลไก ๗ ปรับมาหนุน เสริมให้การทำงานขา้ งต้นดำเนนิ การไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพและเกดิ ประสทิ ธผิ ล ดังนี้ ๑. ปรับจากรัฐเป็นผู้ลงทุนหลัก ไปสู่เอกชนลงทุน ภาครัฐเป็นผู้ส่งเสริมโดยสร้างระบบนิเวศ ที่เกื้อหนุนให้เอกชนลงทุนในการพัฒนาที่สูงกว่ารัฐ ๒. ปรับการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อแก้ปัญหา ไปสู่การลงทุนภาครัฐเพื่อการพัฒนาและแก้ปัญหาแบบ เบ็ดเสร็จ ๓. ปรับระบบการจัดสรรงบประมาณจากรายปี ไปสู่ระบบการจัดสรรงบประมาณแบบบูรณาการ เพื่อการลงทุนแบบผูกพันต่อเน่ือง ๔. ปรับการสนับสนุนทุนวิจัยรายโครงการ ไปสู่การสนับสนุนทุนวิจัยครบวงจร (วิจัย พัฒนา สู่การผลิตและจำหน่าย: (Research, Development, Innovation, Manufacturing)) ๕. ปรับการพัฒนาเศรษฐกิจท่ียึดโยงอุตสาหกรรมเดิม ไปสู่การสร้างอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ใหม่ ๖. ปรับการเติบโตของประเทศโดยการพึ่งพาปัจจัยจากภายนอกประเทศ ไปสู่การเติบโตด้วยการ สร้างความแข็งแกร่งจากภายใน และเช่ือมโยงเศรษฐกิจโลก ๗. ปรับจากการทำงานแบบต่างคนต่างทำ ไปสู่การเดินหน้าไปด้วยกัน ผนึกกำลังจตุภาคี ๒.๒ การปรบั เปลี่ยนการพัฒนาโครงสรา้ งระบบเศรษฐกิจ การขับเคลอ่ื นการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ เปน็ การพัฒนา ภายใต้ ๔ + ๑ สาขายุทธศาสตร์ คอื เกษตรและอาหาร สขุ ภาพและการแพทย์ พลงั งาน วัสดแุ ละเคมีชีวภาพ และการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งมีศักยภาพจะเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศเพิ่มขึ้น ๑ ล้านล้านบาท จากฐานความหลากหลายของทรัพยากรชีวภาพ (Nature) วัฒนธรรม (Culture) และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ (Nurture) ภายใต้กลไกจตุภาคีซึ่งประกอบด้วย หนว่ ยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบนั วจิ ัย/สถาบันการศึกษา และภาคประชาชน ๒.๒.๑ การเกษตรและอาหาร การปรับโครงสร้างการผลิตสินค้าเกษตรทั้งระบบจะทำให้มีศักยภาพในการเพิ่ม GDP ของภาค เกษตรจาก ๑.๓ ล้านล้านบาท เป็น ๑.๖ ล้านล้านบาท ด้วยการเพิ่มความหลากหลายของผลผลิตทาง การเกษตร มีระบบสนับสนุนการตัดสินใจจากเทคโนโลยี การวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค ก่อให้เกิดการ ผลิตแม่นยำสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ลดของเหลือทิ้ง ตรวจสอบและติดตามผลผลิตได้แบบ เรียลไทม์ ลดการบุกรุกผืนป่า เนื่องจากมีการบริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกตามความเหมาะสมของพื้นที่ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้เทคโนโลยีระบบการผลิตและเครื่องจักรกลท่ีเหมาะสมโดยคำนึงถึงความยั่งยืน การยกระดับสินค้าเกษตรสู่สินค้าปลอดภัย การสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ การสร้างความแตกต่าง ให้กับผลิตภัณฑ์ การมีระบบตรวจสอบย้อนกลับ และการพัฒนามาตรฐานสินค้าเกษตรให้ที่เป็นที่ยอมรับใน ระดบั สากล ในส่วนของผลิตภัณฑ์อาหารมีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่า GDP จาก ๐.๖ ล้านล้านบาท เป็น ๐.๙ ล้านล้านบาท ด้วยการพัฒนาต่อยอดจากพื้นฐานความพร้อมของผู้ประกอบการไทยในการยกระดับคุณภาพ (ร่าง) แผนปฏบิ ัตกิ ารดา้ นการขับเคล่ือนการพฒั นาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๖
สร้างมาตรฐานและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ยกระดับสู่การเป็นอุตสาหกรรมสีเขียว การสร้างผลิตภัณฑ์ ใหม่โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารสำหรับแต่ละช่วงวัย หรือการพัฒนาเป็นสารประกอบมูลค่า สูง (Functional Ingredient) ซง่ึ เป็นผลิตภัณฑท์ ่ีตลาดเตบิ โตอย่างมาก ๒.๒.๒ สุขภาพและการแพทย์ ปัจจุบันมูลค่าผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและการแพทย์โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ ที่ผลิตได้ภายในประเทศมีมูลค่าประมาณ ๔ หมื่นล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากขาดการพัฒนาอุตสาหกรรม รวมถึง การสร้างบุคลากรด้านนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ความเข้มแข็งของบุคลากรวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีการแพทย์ของประเทศไทยส่วนใหญ่อยู่ในช่วงต้นนำ้ ของห่วงโซ่อุตสาหกรรมการแพทย์ ประเทศไทยจึง ขาดศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการพัฒนานวัตกรรมเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ท่ีมีคุณภาพและ มาตรฐานสากล ประเทศไทยต้องเร่งรัดการพัฒนาขีดความสามารถด้านการสร้างนวัตกรรม ยา วัคซีน ยาชีววัตถุ อุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงการวิจัยทางคลินิกและการบริหารจัดการข้อมูลวิทยาศาสตร์การแพทย์รองรับการ ขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ เพื่อลดการนำเข้า ให้ความสำคัญกับการป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพ (Preventive medicine) มากกว่าการรักษา การขยายบริการด้านสุขภาพไปสู่การให้บริการทางการแพทย์เฉพาะบุคคล (Personalized medicine) ด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลพันธุกรรม รวมถึงการสร้างแพลตฟอร์มการวิจัยทาง คลินิกของประเทศ ด้วยแนวทางดงั กลา่ ว รัฐจะสามารถเพ่ิมมูลค่า GDP ในหมวดน้ี เป็น ๙ หมื่นล้านบาท ๒.๒.๓ พลงั งาน วสั ดุและเคมีชวี ภาพ มูลค่า GDP ของสาขาพลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ รวมกันประมาณ ๑.๑ แสนล้านบาท เป็นกลุ่ม ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง จากนโยบายภาครัฐที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มเปน็ ร้อยละ ๓๐ ในปี พ.ศ. ๒๕๘๐ ในสว่ นของพลังงาน มศี กั ยภาพในการสร้างมูลค่าเพ่ิมด้วยการพฒั นานวัตกรรมการผลิต พลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถรองรับของเสียที่หลากหลายทั้งชนิดและคุณสมบัติ เช่น ขยะจาก อุตสาหกรรม ครัวเรือน รวมถึงพืช ผลผลิต และวัสดุเหลือใช้สิ่งเหล่านี้เป็นทรัพยากรที่สามารถนำกลับมาใช้ ใหม่ในรูปของแหล่งพลังงานหมุนเวียนหรอื พลังงานทดแทน เช่น การผลิตเชื้อเพลิงจากขยะ ก๊าซชีวภาพ การ สร้างโรงไฟฟ้าชุมชนที่มีแหล่งพลังงานทดแทนในพื้นที่ เช่น พลังงานจากแสงอาทิตย์ ชีวมวล (รวมขยะ) ท่ี เพียงพอ โรงไฟฟ้าชุมชนสามารถสร้างรายได้จากการขายไฟฟ้าผ่านการเชื่อมต่อระบบด้วย Smart microgrid และใช้เทคโนโลยี Blockchain เป็นแพลตฟอรม์ ในการบรหิ ารจดั การ ทง้ั น้ี จำเป็นตอ้ งมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ เกย่ี วข้องกบั ระบบการจดั เกบ็ พลงั งาน สร้างโอกาสทางการตลาดผลติ ภัณฑ์ชีวภาพอย่างเปน็ รูปธรรม เน่ืองจาก มีความสำคัญต่อเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานทดแทน ในส่วนของวัสดุและเคมีชีวภาพมี ศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดผลผลิตทางการเกษตรและวัสดเุ หลือใช้ เป็นสารประกอบหรือผลิตภัณฑ์เคมีและ วัสดุชีวภาพที่มีคุณค่าและมูลค่าเพิ่มสูง อาทิ พลาสติกชีวภาพ ไฟเบอร์ เภสัชภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์โอลิโอเคมิคอล มศี ักยภาพท่ีจะเพิ่มมูลคา่ GDP ในหมวดน้ี เปน็ ๒.๖ แสนล้านบาท ๒.๒.๔ การท่องเทีย่ วและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ก่อนสถานการณ์โควิด-๑๙ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสร้าง GDP รวมกันมากกว่า ๑ ล้านล้านบาท ในช่วงโควิดรายได้จำนวนลดลงไปมากกว่าสองในสาม อย่างไรก็ดี ด้วยจุดแข็งของประเทศไทยมศี ักยภาพที่จะ เพ่ิมมลู คา่ GDP ในหมวดน้ี เป็น ๑.๒ ลา้ นล้านบาท ดว้ ยการกระจายแหล่งท่องเท่ยี วส่เู มอื งรอง โดยการพฒั นา โครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม ระบบดิจิทัล สินค้าและบริการซึ่งดำเนินการด้วยชุมชนท้องถิ่น เน้นตลาด คุณภาพ สร้างมาตรฐาน ความสะดวก สะอาด ปลอดภัย ร่วมกับการชูอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ โดยการนำ (รา่ ง) แผนปฏบิ ตั กิ ารดา้ นการขบั เคล่อื นการพัฒนาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๗
เทคโนโลยีและนวตั กรรมมาใช้บริหารจดั การ และดแู ลระบบนิเวศ รวมถงึ การพฒั นาสแู่ บบแผนการท่องเที่ยวท่ี ยั่งยืนด้วยการจัดทำระบบมาตรฐานการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน การจัดทำ National Guideline ด้านขีด ความสามารถในการรองรับของแหล่งท่องเที่ยว จัดทำระบบบัญชีต้นทุนทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในเขต พฒั นาการท่องเท่ยี วทีส่ ำคัญ รวมถงึ การปรับพฤตกิ รรมของนักท่องเท่ยี ว การฟืน้ ฟูและพัฒนาแหล่งเส่ือมโทรม ทางธรรมชาติเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการเพื่อลด ผลกระทบจากการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศที่มีต่อการดำเนินธรุ กจิ การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนพื้นฐานของการสรา้ ง การใช้องค์ความรู้ และความคิดสร้างสรรค์ เชื่อมโยงกับทุนทางปัญญา และความหลากหลายทางวฒั นธรรมเพ่ือรังสรรค์เป็นผลิตภณั ฑ์หรือบริการรูปแบบ ใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย การพัฒนาใน ๓ สาขายุทธศาสตร์ข้างต้น สามารถเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวผ่านระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้ อาทิ การให้ ประสบการณ์กับนกั ท่องเท่ยี วผา่ นการท่องเที่ยวเชงิ อาหารไทย การท่องเท่ียวเชิงกีฬา การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่เชื่อมโยงกับการแพทย์แผนไทย การท่องเที่ยวเชิงศิลปะและวัฒนธรรม การท่องเที่ยวเชิงเกษตร เป็นต้น รวมถึงการพัฒนาเพื่อส่งออกสินค้าและบริการเหล่านี้ ผ่านของขวัญ ของฝากที่สร้างสรรค์อย่างมีอัตลักษณ์ การจัดการด้านระบบและมาตรฐานท่ีกำกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั่วโลก เช่นเดียวกับการมีสมาพันธ์ทางด้านกีฬา การจัดมหกรรมกีฬาระดับโลก เป็นต้น ส่งเสริมและร่วมมือกับภาคธุรกิจการท่องเที่ยว ได้แก่ โรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจบริการ ในการสร้างนวัตกรรมดิจิทัลรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่จะส่งผลกร ะทบ โดยตรงกับการท่องเที่ยวในอีก ๕-๑๐ ปีข้างหน้า การดำเนินการในช่วงแรกให้ความสำคัญกับการเร่งฟื้นฟูการ ทอ่ งเทีย่ วใหก้ ลบั มาสรา้ งรายไดใ้ ห้ประเทศเทียบเทา่ ชว่ งก่อนเกดิ โควดิ -๑๙ ๒.๒.๕ เศรษฐกจิ หมนุ เวยี น ปัจจบุ ันประเทศไทยอยู่ระหวา่ งการเปลีย่ นผา่ นส่รู ะบบเศรษฐกจิ หมุนเวียน ดว้ ยตระหนักวา่ เศรษฐกิจ หมุนเวียนเปน็ ระบบเศรษฐกิจท่เี นน้ คุณค่าและทำให้มนุษย์อยู่กับธรรมชาติได้อย่างสมดุล สนับสนุนการบรรลุ ความตกลงปารีส (Paris Agreement) ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และท่ีสำคัญเป็นโอกาสสำหรับ การสร้างเศรษฐกิจใหม่ สร้างรายได้และเพิ่มการจ้างงาน ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. ๒๕๗๐ เศรษฐกิจ หมุนเวียนจะช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยไม่น้อยกว่า ๒ แสนล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน ประมาณร้อยละ ๑ ของ GDP ๓. วสิ ยั ทศั น์ ยุทธศาสตร์ แผนงานและการขบั เคลอ่ื น ๓.๑ วสิ ยั ทัศน์ เศรษฐกจิ เตบิ โตอย่างมคี ุณภาพและย่ังยนื ประชาชนมีรายไดด้ ี คุณภาพชวี ิตดี รกั ษาและฟ้นื ฟูฐาน ทรพั ยากรและความหลากหลายทางชวี ภาพให้มคี ณุ ภาพท่ดี ี ด้วยการใช้ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ๓.๒ วัตถุประสงค์ ๑. การอนุรักษ์ ฟ้นื ฟู จดั การการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชวี ภาพและวฒั นธรรม ๒. การสรา้ งคุณคา่ (Value creation) จากทรัพยากรชีวภาพและวฒั นธรรม ๓. การสร้างความสามารถในการพึ่งตนเอง (รา่ ง) แผนปฏิบตั กิ ารด้านการขบั เคลอื่ นการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๘
๓.๓ เปา้ หมายและตวั ช้วี ัด ตัวช้วี ัด เป้าหมาย ๑.๑ มลู ค่า GDP ของเศรษฐกิจ BCG ๑. เพ่ิมอตั ราการเติบโตทางเศรษฐกจิ เพมิ่ ขนึ้ ๑ ล้านล้านบาท จากปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒. ลดความเหลื่อมลำ้ ของสงั คม ๑.๒ สัดสว่ นผลติ ภณั ฑแ์ ละบริการมูลคา่ สูงเพิ่มข้ึนไม่น้อยกวา่ ร้อยละ ๒๐ ๓. สรา้ งความยั่งยนื ของธรรมชาติ และสิง่ แวดลอ้ ม ๑.๓ การเพ่มิ ขึ้นของรายได้ของเศรษฐกิจฐานรากไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๕๐ ๔. การพึง่ พาตนเอง ๒.๑ ลดความเหล่ือมล้ำทางรายได้ ๑๐ ลา้ นคน ๒.๒ จำนวนผปู้ ระสบปญั หาขาดแคลนอาหารและ ทพุ โภชนาการตำ่ กวา่ ร้อยละ ๕ ๒.๓ จำนวนผู้เขา้ ถงึ ยา เวชภัณฑ์และเคร่อื งมอื แพทย์ ราคาแพงได้ แมใ้ นภาวะวกิ ฤตไดเ้ พ่มิ ขน้ึ ไม่ น้อยกว่า ๓ แสนคน ๒.๔ จำนวนชมุ ชนมคี วามสามารถในการพง่ึ พาตนเอง ดา้ นพลงั งานเพ่ิมขึน้ ร้อยละ ๒๐ ๓.๑ ลดการใชท้ รพั ยากรลง ๑ ใน ๔ จากปัจจุบัน ๓.๒ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ ๒๐-๒๕ ในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ เมือ่ เปรียบเทียบกับปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ๓.๓ เพม่ิ พนื้ ที่ป่าไมน่ ้อยกว่า ๓.๒ ลา้ นไร่ ๔.๑ จำนวนผ้ทู ี่ได้รับการพัฒนาให้มีทกั ษะทสี่ งู ขึน้ ไม่น้อยกว่า ๑ ล้านคน ๔.๒ จำนวนสตารท์ อัพและผู้ประกอบการทขี่ ับเคลื่อน ด้วยนวัตกรรมท่ีเก่ียวข้องกับ BCG ๑,๐๐๐ ราย ๔.๓ ดุลการชำระเงนิ ทางเทคโนโลยีขาดดุลลงลงไม่น้อย กว่าร้อยละ ๒๐ ๔.๔ การนำเข้าผลติ ภณั ฑท์ างการแพทย์และสุขภาพลดลง ไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๒๐ ๓.๔ แนวทางการดำเนินการ/พัฒนา ๓.๔.๑ แผนที่นำทางการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ แสดงดงั รปู ที่ ๑. (ร่าง) แผนปฏิบตั กิ ารดา้ นการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๙
รปู ท่ี ๑. แผนท่นี ำทางการขับเคลอื่ นการพัฒนาประเทศไทย ด้วยโมเดลเศรษฐกจิ BCG ปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG มีสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างน้อย ๙ ประการ ได้แก่ ๑. การพฒั นาอตุ สาหกรรมเดิมใหเ้ ขม้ แข็ง แข่งขนั ไดท้ ง้ั ผลติ ภัณฑ์นำเขา้ และคแู่ ขง่ ในตลาดโลก ๒. การพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่เพื่อการสร้างคุณค่าใหม่ ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่ เปลีย่ นแปลงไป ๓. การสรา้ งความสามารถในการเขา้ ถงึ รักษา และขยายตลาดทงั้ ในประเทศ ภูมิภาค และตลาดโลก สำหรบั ผลิตภณั ฑ์และบริการชนิดใหม่ ๔. การพัฒนาเชิงพ้ืนท่ีเพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างทวั่ ถึงโดยคำนงึ ถึงจุดแข็ง และอตั ลักษณ์ของแต่ละพ้ืนที่ ๕. การปลดล็อก ขอ้ จำกดั กฎหมาย กฎระเบียบเพ่ือส่งเสริมการดำเนินธุรกจิ และการเพิ่มโอกาสใน การเข้าถงึ ทรัพยากรและบรกิ ารภาครฐั ๖. จดั เตรียมโครงสร้างพืน้ ฐานสำคัญและสง่ิ อำนวยสะดวก เช่น โครงสรา้ งพ้ืนฐานสำหรบั เทคโนโลยี ขั้นแนวหน้า โครงสร้างพื้นฐานระบบคุณภาพ ๗. การยกระดับเครือข่ายพันธมิตรต่างประเทศเพื่อการเร่งรัดพัฒนาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี รวมถึงการขยายตลาด ๘. การพัฒนากำลังคน ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ประกอบการทั้งกำลังคนในอุตสาหกรรมเดิมและ อตุ สาหกรรมใหม่ ๙. การพัฒนาเทคโนโลยีและองค์ความรู้ขั้นแนวหน้าเพื่อการสร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และบริการ การสร้างความสามารถในการตอบสนองต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกและการเพิ่ม ความสามารถในการพ่ึงตนเองดา้ นเทคโนโลยี (รา่ ง) แผนปฏบิ ตั กิ ารดา้ นการขบั เคลอื่ นการพฒั นาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๑๐
๓.๔.๒ ยุทธศาสตรก์ ารขบั เคล่ือน วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั ทง้ั ๓ ประการ สามารถบรรลุไดโ้ ดย ๔ ยทุ ธศาสตร์ ดงั น้ี ๑. การอนุรักษ์ ฟื้นฟู จัดการการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพและวัฒนธรรม สามารถบรรลุ เป้าหมายด้วยยุทธศาสตร์ที่ ๑ และ ๒ ๒. การสร้างคุณค่าเพิ่ม (Value creation) จากทรัพยากรชีวภาพและวัฒนธรรม สามารถบรรลุ เปา้ หมายดว้ ยยุทธศาสตร์ท่ี ๒ และ ๓ ๓. การสร้างความสามารถในการพึ่งตนเอง สามารถบรรลุเปา้ หมายด้วยยทุ ธศาสตร์ที่ ๔ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ : การสร้างความยั่งยืนของฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพด้วย การจัดสมดุลระหว่างการอนรุ ักษ์และการใช้ประโยชน์ เน้นการนำความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ไปบรหิ ารจัดการใหเ้ กดิ ความสมดลุ ระหว่างการอนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์เพื่อความย่ังยนื ของฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพ ซึง่ เป็นทุนพื้นฐานต่อ การพัฒนาเศรษฐกิจให้เตบิ โตเพอ่ื สง่ ต่อสคู่ นรุน่ ต่อไป รวมถึงส่งเสริมให้เกดิ การปรับเปลี่ยนทศั นคตจิ ากการมอง ว่า “Nature as Resource” เป็น “Nature as Source” ดังนั้น ธรรมชาติจึงไม่ใช่แค่เพียงทรัพยากรหรือ ปัจจัยการผลิตเท่านั้น แต่ธรรมชาติคือแหล่งกำเนิดของชีวิตและทุกสรรพสิ่งบนโลก เป็นพื้นฐานของความ เป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ จึงต้องรักษาสมดุลระหว่างการมอี ยู่และใช้ไป รวมถึงการนำกลับมาใช้ซำ้ ตาม หลกั การหมนุ เวียน โดยมแี นวทางการดำเนนิ การ ดังนี้ ๑. การพฒั นาคลังข้อมูลดจิ ิทัลความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมเพ่ือการบริหารจัดการให้ เกิดความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ ๒. การนำทุนทางทรัพยากรความหลากหลายทางชวี ภาพและวฒั นธรรมไปสร้างอัตลกั ษณ์ของชุมชน เพ่ือการพฒั นาเศรษฐกิจฐานราก ๓. การพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการมูลค่าสูงจากความหลากหลายทางชีวภาพ ด้วยการยกระดับมาตรฐาน การสรา้ งนวตั กรรม ตลอดจนการจัดการวตั ถุดบิ เหลอื ท้ิงจากการผลิตใหเ้ ปน็ ศนู ย์ ๔. การฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม เพิ่มพื้นที่สีเขียว ฟื้นฟูพื้นที่ทะเล ชายฝั่งทะเลไทย และลดการกัด เซาะชายฝงั่ ด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยแี ละนวัตกรรมทางสังคม ๕. การบริหารจัดการน้ำใหเ้ กิดความยั่งยืนดว้ ยการอนรุ ักษ์ปา่ ต้นนำ้ และการพฒั นาแพลตฟอร์มเพื่อ ลดการใช้ ลดการสญู เสยี การนำกลบั มาใช้ซ้ำ และยกระดับคณุ ภาพน้ำดม่ื น้ำใชใ้ หส้ ูงขึ้น ๖. การสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพ และการเพิ่มทักษะ การบรหิ ารจดั การทรพั ยากรใหแ้ ก่ชุมชนและคนร่นุ ใหม่ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ : การพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งด้วยทุนทรัพยากร อตั ลักษณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ใช้ศักยภาพของพื้นท่ีโดยการระเบิดจากภายใน เน้นการตอบสนองความต้องการในแต่ละพื้นที่เปน็ อนั ดบั แรก ควบคู่ไปกบั การสร้างความเขม้ แข็งในระดบั พ้นื ที่ การดำรงไว้ซ่ึงอัตลักษณ์ รวมถงึ การใชป้ ระโยชน์ จากความเข้มแข็งจากภายในอันประกอบด้วย “ความหลากหลายทางชีวภาพ” “ความหลากหลายทาง วฒั นธรรม” และ “ความเออ้ื เฟื้อเผอ่ื แผ่” มาต่อยอดและยกระดับมลู ค่าในห่วงโซ่การผลิตสนิ คา้ และบริการให้ มีมลู ค่าสูงขึ้น ดว้ ยการใชค้ วามคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยสี มัยใหม่ รวมถึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่นำไปสู่ (รา่ ง) แผนปฏบิ ตั กิ ารด้านการขบั เคลื่อนการพฒั นาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๑๑
การเดินหน้าไปด้วยกัน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เป็นการเติบโตของทุกภาคส่วนไปพร้อม ๆ กัน เพื่อเพิ่ม โอกาสในการเข้าถึงและพัฒนาได้อย่างทัดเทียมกันมากยิ่งขึ้น โดยมีแนวทางการดำเนินการ ดังน้ี ๑. การพฒั นาเศรษฐกิจภูมภิ าคให้เติบโตด้วยรูปแบบของระเบียงเศรษฐกิจ BCG ๒. การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมแบบบูรณาการด้วย กลไกจตภุ าคี เช่น กลไกมหาวทิ ยาลัยสตู่ ำบล อทุ ยานวทิ ยาศาสตร์ และคลสั เตอร์ ๓. การสร้างและพัฒนาบคุ ลากรให้มีทักษะทเี่ อื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากท้งั ระบบ เชน่ การ ยกระดับประสิทธภิ าพการผลติ การควบคมุ ความปลอดภัย ความคิดสรา้ งสรรค์ ระบบประกนั คุณภาพ ๔. การพัฒนาตลาดและศักยภาพในการเขา้ ถงึ ตลาดท้งั ในและนอกพื้นทด่ี ้วยการใชอ้ ตั ลกั ษณ์ ความคดิ สรา้ งสรรค์ และแพลตฟอร์มการเชอ่ื มโยงตลาด ยุทธศาสตร์ที่ ๓ : การยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมภายใต้เศรษฐกิจ BCG ให้สามารถ แข่งขันไดอ้ ย่างย่งั ยนื เน้นการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและบริการเดิมให้สามารถเติบโต ได้อยา่ งตอ่ เน่ืองด้วยการนำความรู้ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมมายกระดบั ประสิทธภิ าพการผลติ ลดความสญู เสยี ในกระบวนการผลิตให้เป็นศูนย์ การหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ หรือการนำไปสร้างมูลค่าเพิ่ มตามหลัก เศรษฐกิจหมุนเวียน ยกระดับมาตรฐานสู่การเป็นแหล่งผลิตและให้บริการที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัย มีสุขอนามัยที่ดี ให้ความสำคญั กับระบบการผลิตทเ่ี ป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาตรฐานการผลิตที่ยั่งยืนเทียบเท่า มาตรฐานสากล รวมถงึ การยกระดับผลติ ผลิตภัณฑ์หรือบรกิ ารด้วยการใช้นวัตกรรมเขม้ ขน้ เชน่ ระบบการผลิต พืชใน Plant factory การให้บริการด้านสุขภาพที่มีความแม่นยำสูง หรือการแพทย์เฉพาะบุคคล โดยมี เป้าหมายเพื่อเป็นผู้นำในการผลิตและการให้บริการทั้งในระดับประเทศและเวทีโลก โดยมีแนวทางการ ดำเนินการในแต่ละสาขายุทธศาสตร์ ดังนี้ การเกษตรและอาหาร การปรับโครงสร้างการผลิตสินค้าเกษตร และอาหารไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและมีมูลค่าสูง มีแนวทางการดำเนนิ การ ดังนี้ ๑. การปรับเปลี่ยนระบบการเกษตรสู่ประสิทธิภาพสูง มาตรฐานสูง และมูลค่าสูงด้วยการใช้ วทน. สนับสนนุ การยกระดับประสิทธิภาพการผลติ ใหส้ ูงขึน้ การผลิตสนิ ค้าเกษตรพรเี มยี ม เกษตรปลอดภัย และเพ่ิม ความหลากหลายชนิดสนิ ค้า ๒. การขบั เคล่อื นเกษตรส่กู ารเปน็ ท้งั B, C และ G ดว้ ยการบูรณาการเชิงพื้นที่ (Area based) ๓. การแปรรูปสินค้าเกษตรขั้นสูง ด้วยการแปรรูปเป็นอาหารสุขภาพ อาหารทางการแพทย์ สาร ออกฤทธ์ิ สารสำคัญเพอื่ เปน็ วตั ถุดิบของอตุ สาหกรรมตอ่ เนื่อง รวมถงึ โปรตีนจากแมลงหรือพืช ๔. การยกระดับประสิทธิภาพการผลิตด้วยการนำแพลตฟอร์มดิจิทัล เทคโนโลยีขั้นสูง ระบบ อัตโนมตั ิมาใช้บริหารจดั การกระบวนการผลิต และการกระจายสนิ คา้ สผู่ ู้บริโภค ๕. การปรับปรุงกระบวนการผลิตสู่ระบบการผลิตสีเขียวและการผลิตที่ยั่งยืน ลดการสูญเสีย ระหวา่ งการผลติ และขยะอาหาร และการยกระดับกระบวนการผลติ ด้วยเทคโนโลยขี ้นั สงู ๖. การยกระดับคุณภาพ ความปลอดภยั และมาตรฐานของอาหารท้องถ่ิน (Street food/วิสาหกิจ ชุมชน) ด้วย Food machinery และมาตรฐานการประกอบการทดี่ ี (รา่ ง) แผนปฏิบัตกิ ารด้านการขับเคลอ่ื นการพฒั นาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๑๒
๗. การสร้างแบรนดอ์ าหารไทยในตลาดโลกดว้ ยอัตลกั ษณ์ และวัฒนธรรมไทย ๘. การลงทุนและยกระดบั โครงสร้างพื้นฐานด้านนวัตกรรมอาหาร เช่น หน่วยวิเคราะหท์ ดสอบด้าน อาหารฟงั กช์ นั โรงงานตน้ แบบผลติ อาหารฟงั กช์ นั และสารประกอบ Functional ingredient มาตรฐาน GMP สุขภาพและการแพทย์ มงุ่ เนน้ การพฒั นาการสร้างความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์เพ่ือความม่ันคง เพิ่ม คณุ ภาพการใหบ้ ริการด้านสขุ ภาพและการแพทย์ของไทย โดยมแี นวทางการดำเนนิ การ ดงั น้ี ๑. การสร้างและยกระดับความสามารถในการพัฒนาและผลิตวัคซีน ยา และชีววัตถุในการป้องกัน และควบคมุ โรคจากไวรสั ๒. การยกระดับคุณภาพการรักษาสู่ระบบการแพทย์แม่นยำ ด้วยการส่งเสริมให้มีการใช้ผลิตภัณฑ์ การแพทยข์ ้นั สงู (Advanced therapy medicinal products, ATMPs) ๓. การเร่งรัดการพัฒนาเครื่องมือ และวัสดุทางการแพทย์ด้วยกลไกนวัตกรรมแบบวิศวกรรม ยอ้ นกลับ ๔. การส่งเสรมิ การวจิ ัยทางคลินิก เพื่อรองรับการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ และสุขภาพ ได้แก่ ยา วคั ซีน อาหารสขุ ภาพ อาหารการแพทย์ เครื่องสำอาง เครือ่ งมือแพทยแ์ ละวสั ดทุ างการแพทย์ ๕. การส่งเสริมการสร้างตลาดด้วยกลไกการขึ้นทะเบียนนวัตกรรม Sandbox การจัดซื้อจัดจ้าง ภาครฐั และปรบั รูปแบบการจัดซื้อจากรายปีเปน็ Multi-year procurement ๖. การสร้างบุคลากรท่มี ีความเชยี่ วชาญเพ่อื รองรับอุตสาหกรรมและบรกิ าร พลังงาน วสั ดุ และเคมชี วี ภาพ มุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าผลผลิตเกษตร และวัสดุเหลือใช้ จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ด้วยการใช้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อนำไปสู่ความมั่นคงด้านพลังงานในทุกระดับ สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ บนฐานการพฒั นาท่ีเป็นมติ รตอ่ สิ่งแวดล้อม โดยมีแนวทางการดำเนนิ การ ดงั นี้ ๑. การสรา้ งโอกาสทางการตลาดแก่ผลิตภัณฑช์ วี ภาพใหแ้ ข่งขันอยา่ งเปน็ ธรรมดว้ ยกลไกการกำหนด ราคาคารบ์ อน การจดั สรรคาร์บอนเครดติ และการลดอปุ สรรคในการเข้าสู่ตลาด ๒. การใช้ทรัพยากรด้านเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวในพื้นที่ เพื่อ สร้างเศรษฐกิจให้ชุมชน ๓. การส่งเสริมการนำพชื ผลผลิต และวสั ดุเหลอื ใชท้ างการเกษตรไปสร้างคณุ ค่าและมูลค่าเพิ่ม ๔. การใชน้ วัตกรรมชีวภาพเพมิ่ มูลค่าผลิตภัณฑ์และบริการและการสรา้ งธุรกจิ นวัตกรรมใหแ้ ก่ SMEs การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ปรับการท่องเที่ยวไปสู่การท่องเที่ยวสีเขียว และการท่องเที่ยวมีมูลค่าสูง โดยมีแนวทางการ ดำเนินการ ดงั นี้ ๑. การผลกั ดนั ใหเ้ กดิ การนำโมเดลการทอ่ งเที่ยวรูปแบบใหม่ เชน่ Happy Model เพอื่ กระจาย รายไดอ้ ยา่ งทว่ั ถึงไปสู่เมอื งทอ่ งเท่ียวรอง ลดความเหลื่อมลำ้ และมุง่ สกู่ ารพัฒนาอย่างยง่ั ยืน ๒. การสง่ เสรมิ การท่องเทย่ี วยั่งยนื และการทอ่ งเทย่ี วสเี ขียว เพอ่ื รกั ษาสิง่ แวดลอ้ มตามแนวทาง Happy Model (รา่ ง) แผนปฏิบตั กิ ารดา้ นการขบั เคล่อื นการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๑๓
๓. การกระจายนักทอ่ งเที่ยวสู่เมืองท่องเที่ยวรองดว้ ยการพัฒนาสินค้าและบริการในเมืองท่องเท่ียว รอง โดยใชอ้ ตั ลักษณ์ท้องถ่ิน พัฒนาเรื่องราวและการอำนวยความสะดวก และความปลอดภัย และพัฒนาองค์ ความรดู้ ้วย Digital Technology ๔. การขยายตลาดการทอ่ งเทย่ี วด้วยการส่งเสรมิ พฒั นาระบบการจา่ ยเงนิ แบบ One Payment System เพ่อื อำนวยความสะดวกและรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมการใช้จา่ ย ๕. การสง่ เสริมการท่องเทีย่ วคุณภาพสูงผา่ น การจดั งานประชุมและนิทรรศการ กฬี า และอเี ว้นท์ (Event) ขนาดใหญ่ เศรษฐกจิ หมุนเวยี น การประยุกต์ใช้หลักคิดของเศรษฐกิจหมนุ เวียนเป็นพื้นฐานสำคัญในการขบั เคล่ือนประเทศไทยไปสู่ การพัฒนาที่ย่ังยืน เพิ่มขีดความสามารถในการแขง่ ขนั และสร้างเศรษฐกิจใหม่จากการตอ่ ยอดของเหลือทิง้ ใน กระบวนการผลิตและการบรโิ ภคภายใต้ ๓ กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ พลาสติกครบวงจร เกษตรและอาหาร และ วัสดุก่อสร้าง โดยมแี นวทางการดำเนินการ ดงั น้ี ๑. การพัฒนาเศรษฐกจิ ด้วยโอกาสการลงทนุ และการสรา้ งตลาดดว้ ยโมเดลธุรกิจเศรษฐกจิ หมนุ เวยี น ๒. การส่งเสริมงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อให้เกิดคิดค้นผลิตภัณฑ์และบริการใหม่จากการ นำของเสยี กลับมาใชใ้ หม่ ๓. การพัฒนาแพลตฟอร์มและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่าง เปน็ ระบบ ๔. การสรา้ งระบบกลไกการบริหารจัดการท่เี อ้ืออำนวยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมนุ เวยี นของประเทศ ๕. การสร้างกำลังคนที่มีความรแู้ ละความเข้าใจ ผา่ นการถ่ายทอดองคค์ วามรจู้ ากการอบรมหรือ หลกั สูตร รวมท้งั สรา้ งความตระหนักในการผลติ และบรโิ ภคที่ย่งั ยืนเพื่อขบั เคลือ่ นเศรษฐกจิ หมุนเวยี น ยุทธศาสตร์ที่ ๔ : การเสริมสรา้ งความสามารถในการตอบสนองต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของ โลก เน้นการสร้างภูมิคุ้มกัน และสร้างความสามารถในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่าง เท่าทันเพอ่ื บรรเทาผลกระทบ รวมถงึ เข้าถงึ โอกาสจากการเปล่ยี นแปลงของบรบิ ทโลกทเ่ี กิดขน้ึ ได้รวดเร็วย่ิงข้ึน เป็นการปูทางสู่อนาคตดว้ ยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสรา้ งพ้ืนฐานด้าน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพ เพื่อการสร้างคุณค่าใหม่ในอนาคตด้วยการนำ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวัตกรรมไปเพ่ิมศักยภาพของชมุ ชน ผ้ปู ระกอบการ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต/ บริการเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด รวมถึงสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพ เป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อนำไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ นอกจากนี้ ต้องพัฒนากำลังคน เพอื่ รองรบั เศรษฐกจิ BCG ในอนาคต รวมถงึ การวจิ ัย พฒั นาขน้ั แนวหน้าเพือ่ ลดการพึ่งพาการนำเข้าเทคโนโลยี จากตา่ งประเทศ โดยมีแนวทางการดำเนนิ การ ดงั นี้ ๑. การยกระดบั ความสามารถของกำลงั คนในสาขา BCG โดยมแี นวทางการดำเนินการ ดังน้ี ๑) การสร้างและพฒั นาผปู้ ระกอบการรุ่นใหม่และผู้ประกอบการธุรกจิ นวัตกรรมดา้ น BCG ๒) การสร้างและพัฒนากำลังคน ที่สนับสนุนการนำความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมด้าน BCG ไปใช้ในการพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมระดับพืน้ ที่ (รา่ ง) แผนปฏิบัตกิ ารด้านการขบั เคล่ือนการพฒั นาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๑๔
๓) การส่งเสริมให้มกี ารเพิ่มจำนวนนักวจิ ัย นกั วิทยาศาสตร์ วิศวกร นกั เทคนคิ เพอ่ื พัฒนาหรือต่อ ยอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวตั กรรม ด้าน BCG ๔) การส่งเสริมการพัฒนาความรู้และทักษะบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมให้ทันสมัยรองรับการ เปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีดิจิทัล และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของ ธรุ กิจและอุตสาหกรรม ๒. การลงทุนโครงสร้างพนื้ ฐานทางด้านวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ▪ ธนาคารทรพั ยากรชวี ภาพ (Biobank) ▪ อุทยานวิทยาศาสตร์ ▪ ศูนยโ์ อมกิ ส์ (Omics center) ▪ ศนู ยป์ ระมวลผลและบริหารจดั การข้อมลู จโี นมประชากรไทย (Genomics Thailand) ▪ ระบบการคำนวณสมรรถนะสูง (High performance computing: HPC) ▪ ศูนยน์ วตั กรรมการผลิตย่ังยนื (Sustainable manufacturing center: SMC) ▪ โรงงานตน้ แบบไบโอรไี ฟเนอรี (Biorefinery pilot plant) ▪ โรงงานต้นแบบระดับขยายขนาด (Pilot plant) ) และโรงงานสาธิต (Demonstration plant) ▪ศูนย์สัตว์ทดลองเพื่อทดสอบความเป็นพิษ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพของวัคซีน ทไี่ ดร้ บั การยกระดับใหม้ ีมาตรฐานสากล (OECD GLP) ▪ โรงงานต้นแบบมาตรฐาน GMP เพื่อการผลิตยา หรอื สารออกฤทธิท์ างเภสชั กรรม ๓. การลงทนุ โครงสร้างพน้ื ฐานทางด้านคณุ ภาพ ▪การวจิ ัยทางคลินกิ ▪การวิเคราะหท์ ดสอบความเปน็ พษิ ▪การวิเคราะห์ทดสอบสารตกค้างในผลิตภณั ฑ์เกษตร ▪การวิเคราะห์ทดสอบเชื้อก่อโรคในอาหาร ▪การวิเคราะห์ทดสอบเพอื่ การยนื ยันคณุ สมบตั ิของสารออกฤทธิ์ ▪การวิเคราะห์ทดสอบเคร่ืองมือ และอปุ กรณ์ทางการแพทย์ ๔. การพัฒนาเทคโนโลยีขั้นแนวหน้า เช่น Complex microbiota กับสุขภาพมนุษย์ สัตว์ และ พืช เทคโนโลยีโอมิกส์ (OMICs) ที่เร่งให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดดทั้งในด้านการเกษตรและ การแพทย์ เทคโนโลยีวิศวกรรมกระบวนการทางชีวภาพ (Bioprocess engineering) เป็นเทคโนโลยีพื้นฐาน สำคญั ในการพฒั นาต่อยอดชีวมวลเป็นผลิตภัณฑ์มลู ค่าสูงหลากหลายประเภท Gene editing และ Synthetic biology เพื่อปรับเปลี่ยนพันธุกรรมหรือสร้างสิ่งมีชีวิตให้มีลักษณะตามต้องการ เทคโนโลยีในย่านความถ่ี เทราเฮิร์ต (Terahertz technology) เพื่อประโยชน์ในด้านการตรวจ และการวินิจฉัย สามารถใช้ประโยชน์ ในทางการแพทย์และการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีการผลิตคาร์บอนต่ำ (Decarbonization) สำหรับ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว เทคโนโลยีประมวลความเร็วสูงด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ยุคใหม่ สำหรับการพัฒนาเทคโนโลยี เกษตร อาหาร และสุขภาพการแพทย์แม่นยำสูง และเทคโนโลยีดิจิทัล แพลตฟอรม์ ขัน้ สงู ได้แก่ การเชอ่ื มตอ่ ยุคหนา้ ระบบปญั ญาประดิษฐ์ (Artificial intelligent system) และ Molecular sensory เพอ่ื สนับสนนุ การพัฒนาผลิตภณั ฑอ์ าหารแหง่ อนาคต (ร่าง) แผนปฏบิ ตั กิ ารด้านการขับเคล่อื นการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๑๕
ตารางที่ ๑ : เปา้ หมาย ตัวชวี้ ัด ยุทธศาสตรแ์ ละแนวทางการดำเนนิ การพฒั นาประเทศไทยด้วย เป้าหมาย ตัวช้ีวดั ยุทธศาสตร์ ๑. การอนุรกั ษ์ ๑. สร้างความยงั่ ยนื ยุทธศาสตร์ที่ ๑ ฟื้นฟู จัดการ ▪ลดการใช้ทรัพยากรลง ๑ ใน ๔ จาก การสรา้ งความย่งั ยืนของฐา การใช้ประโยชน์ ปัจจุบนั ทรพั ยากรและความหลากห จากทรัพยากร ▪ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ ๒๐- ชวี ภาพดว้ ยการจดั สมดุลระ ชีวภาพและ ๒๕ ในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ เปรียบเทียบกับปี การอนรุ ักษ์และการใชป้ ระ วัฒนธรรม พ.ศ. ๒๕๔๘ ▪ เพิ่มพนื้ ทป่ี า่ ไมน่ อ้ ยกว่า ๓.๒ ล้านไร่ ๒. การสรา้ ง ๒. ลดความเหลือ่ มลำ้ ยุทธศาสตรท์ ี่ ๒ คณุ ค่าเพมิ่ ▪ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ๑๐ ล้านคน การพัฒนาชุมชนและเศรษฐ (value ▪จำนวนผปู้ ระสบปัญหาขาดแคลนอาหาร รากใหเ้ ขม็ แขง็ ด้วยทุนทรัพ creation) จาก อัตลกั ษณ์ ความคิดสรา้ งสร ทรพั ยากร และทุพโภชนาการต่ำกวา่ ร้อยละ ๕ เทคโนโลยสี มยั ใหม่ ▪จำนวนผ้เู ขา้ ถงึ ยา เวชภณั ฑแ์ ละเครอื่ งมือ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๓ แพทย์ราคาแพงไดแ้ มใ้ นภาวะวิกฤตได้ การยกระดบั การพฒั นา เพมิ่ ขึน้ ไม่ นอ้ ยกว่า ๓ แสนคน อุตสาหกรรมภายใตเ้ ศรษฐก ▪จำนวนชมุ ชนพึ่งพาตนเองด้านพลงั งาน ให้สามารถแขง่ ขันไดอ้ ยา่ งย เพ่มิ ขึ้นรอ้ ยละ ๒๐ ๓. พัฒนาเศรษฐกิจ ▪ มูลค่า GDP ของเศรษฐกจิ BCG เพมิ่ ขนึ้ ๑ ลา้ นลา้ นบาท จากปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ▪ สดั สว่ นผลติ ภณั ฑแ์ ละบริการ (รา่ ง) แผนปฏิบตั กิ ารดา้ นการขับเคลอ่ื นการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐
ยโมเดลเศรษฐกจิ BCG าน แนวทางการดำเนินการ หลายทาง ะหวา่ ง ๑. การพัฒนาคลังข้อมลู ดจิ ิทลั ความหลากหลายทางชวี ภาพและวัฒนธรรมเพื่อการ ะโยชน์ บริหารจัดการใหเ้ กดิ ความสมดุลระหวา่ งการอนรุ ักษ์และใช้ประโยชน์ ฐกจิ ฐาน ๒. การนำทนุ ทางทรพั ยากร และวฒั นธรรมไปใชพ้ ัฒนาเศรษฐกิจฐานราก พยากร ๓. การพฒั นาผลิตภัณฑ์สินคา้ และบริการมูลคา่ สงู จากความหลากหลายทางชีวภาพ รรค์ และ ๔. การฟื้นฟพู ื้นทป่ี า่ เสื่อมโทรม เพ่ิมพืน้ ทีส่ เี ขยี ว ด้วยนวัตกรรม ๕. การบริหารจัดการน้ำให้เกิดความยงั่ ยนื ดว้ ยการอนุรักษป์ ่าต้นน้ำ และการพฒั นา แพลตฟอรม์ เพอ่ื ลดการใช้ ลดการสูญเสีย การนำกลบั มาใช้ซำ้ และยกระดับ คณุ ภาพน้ำดม่ื นำ้ ใช้ให้สงู ขึน้ ๖. การสรา้ งนักวิจัยรุน่ ใหม่และเพม่ิ ทกั ษะบรหิ ารจัดการด้านความหลากหลายทาง ชวี ภาพให้ชมุ ชน ๑. การพัฒนาเศรษฐกจิ ภมู ิภาคใหเ้ ตบิ โตดว้ ยรปู แบบของระเบยี งเศรษฐกิจ BCG ๒. การพฒั นาเศรษฐกจิ ฐานรากด้วยการใชเ้ ทคโนโลยแี ละนวตั กรรมแบบบรู ณาการ ด้วยกลไกจตภุ าคี เช่น กลไกมหาวทิ ยาลัยสตู่ ำบล ๓. การสร้างและพฒั นาบคุ ลากรให้มที ักษะที่เออื้ ตอ่ การพัฒนาเศรษฐกจิ ฐานรากให้ เข้มแขง็ ๔. การพฒั นาตลาดและศกั ยภาพในการเขา้ ถงึ ตลาดทั้งในและนอกพน้ื ทีด่ ว้ ยการใช้ อตั ลักษณ์ ความคดิ สร้างสรรค์ และเทคโนโลยี กิจ BCG การเกษตรและอาหาร ยั่งยนื ๑. การปรับเปลี่ยนระบบการเกษตรสู่ประสิทธิภาพสูง มาตรฐานสูง และมูลค่าสูง ดว้ ยการใช้ วทน. สนบั สนนุ การยกระดับประสทิ ธิภาพการผลติ ให้สงู ข้ึน การผลติ สินค้าเกษตรพรเี มียม เกษตรปลอดภยั และเพมิ่ ความหลากหลายชนดิ สินคา้ ๒. การขบั เคลื่อนเกษตรสู่การเป็นท้ัง B, C และ G ดว้ ยการบูรณาการเชิงพนื้ ท่ี (Area based) หน้า ๑๖
เป้าหมาย ตัวชี้วดั ยุทธศาสตร์ มูลคา่ สูงเพิ่มขนึ้ ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๒๐ ชวี ภาพและ ▪ การเพิ่มขึน้ ของรายได้ของเศรษฐกจิ วฒั นธรรม ฐานรากไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ (รา่ ง) แผนปฏบิ ตั กิ ารด้านการขบั เคล่อื นการพฒั นาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐
แนวทางการดำเนินการ ๓. การแปรรูปสินคา้ เกษตรข้นั สงู ดว้ ยการแปรรูปเป็นอาหารสุขภาพ อาหารทาง การแพทย์ สารออกฤทธิ์ สารสำคัญเพือ่ เปน็ วัตถุดบิ ของอตุ สาหกรรมต่อเนื่อง รวมถึงโปรตีนจากแมลงหรอื พชื ๔. การยกระดับประสิทธิภาพการผลติ ดว้ ยการนำแพลตฟอร์มดจิ ทิ ลั เทคโนโลยี ขนั้ สูง ระบบอัตโนมัติมาใชบ้ ริหารจดั การกระบวนการผลติ และการกระจาย สนิ ค้าสู่ผูบ้ ริโภค ๕. การปรับปรงุ กระบวนการผลิตสู่ระบบการผลติ สเี ขยี ว และการผลติ ท่ีย่ังยืน ลดการสญู เสยี ระหว่างการผลติ และขยะอาหาร และการยกระดับกระบวนการ ผลติ ดว้ ยเทคโนโลยขี ัน้ สงู ๖. การยกระดับคณุ ภาพ ความปลอดภัยและมาตรฐานของอาหารทอ้ งถนิ่ (Street food/วสิ าหกิจชมุ ชน) ดว้ ย Food machinery และมาตรฐานการ ประกอบการทด่ี ี ๗. การสร้างแบรนดอ์ าหารไทยในตลาดโลกดว้ ยอตั ลักษณ์ และวัฒนธรรมไทย ๘. การลงทุนและยกระดบั โครงสรา้ งพน้ื ฐานดา้ นนวตั กรรมอาหาร เชน่ หน่วย วเิ คราะห์ทดสอบดา้ นอาหารฟงั ก์ชนั โรงงานตน้ แบบผลิตอาหารฟังกช์ น้ั และ สารประกอบ Functional ingredient มาตรฐาน GMP สุขภาพและการแพทย์ ๑. การสร้างและยกระดับความสามารถในการพัฒนาและผลิตวัคซีน ยา และ ชวี วัตถุในการปอ้ งกนั และควบคมุ โรคจากไวรัสและการเข้าสู่ตลาดสากล ๒. การยกระดับคุณภาพการรักษาสู่ระบบการแพทย์แม่นยำด้วยการส่งเสริมให้มี การใช้บริการการแพทย์จีโนมกิ ส์และผลติ ภัณฑ์การแพทย์ข้นั สงู ๓. การเร่งรัดการพัฒนาเครื่องมือ และวัสดุทางการแพทย์ด้วยนวัตกรรมแบบ วิศวกรรมยอ้ นกลบั ๔. การส่งเสริมการวิจัยทางคลินิก เพื่อรองรับการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ทาง การแพทย์และสขุ ภาพ หน้า ๑๗
เป้าหมาย ตัวชีว้ ดั ยทุ ธศาสตร์ (รา่ ง) แผนปฏิบตั กิ ารดา้ นการขับเคลื่อนการพฒั นาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐
แนวทางการดำเนนิ การ ๕. การส่งเสริมการสร้างตลาดด้วยกลไกการขึ้นทะเบียนนวัตกรรม Sandbox การ จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และปรับรูปแบบการจัดซื้อจากรายปีเป็น Multi-year procurement ๖. การสร้างบคุ ลากรทีม่ คี วามเชีย่ วชาญเพ่ือรองรับอตุ สาหกรรมและบรกิ าร พลังงาน วสั ดแุ ละเคมีชีวภาพ ๑. การสร้างโอกาสทางการตลาดแก่ผลติ ภณั ฑช์ วี ภาพใหแ้ ขง่ ขนั อย่างเปน็ ธรรมด้วย กลไกการกำหนดราคาคาร์บอน การจดั สรรคาร์บอนเครดติ และการลดอุปสรรค ในการเข้าสูต่ ลาด ๒. การใช้ทรพั ยากรด้านเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขยี ว ในพื้นที่ เพอ่ื สร้างเศรษฐกจิ ใหช้ ุมชน ๓. สง่ เสริมการนำพชื ผลผลติ และวัสดุเหลอื ใช้ทางการเกษตรไปสรา้ งคุณค่าและ มลู ค่าเพม่ิ ๔. การใชน้ วัตกรรมชวี ภาพเพ่มิ มูลคา่ ผลิตภณั ฑ์และบรกิ ารและการสรา้ งธรุ กิจ นวตั กรรมให้แก่ SMEs การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสรา้ งสรรค์ ๑. การผลกั ดนั ใหเ้ กิดการนำโมเดลการท่องเทยี่ วรูปแบบใหม่ เชน่ Happy Model เพื่อกระจายรายไดอ้ ยา่ งท่ัวถึงไปสูเ่ มอื งท่องเท่ยี วรอง ลดความเหลื่อมลำ้ และ มุ่งสู่การพฒั นาอยา่ งย่ังยนื ๒. การสง่ เสริมการทอ่ งเที่ยวยั่งยนื และการท่องเท่ียวสีเขยี ว เพือ่ รกั ษาส่งิ แวดล้อม ตามแนวทาง Happy Model ๓. การกระจายนักทอ่ งเทีย่ วสเู่ มอื งท่องเท่ียวรองดว้ ยการพฒั นาสนิ ค้าและบริการใน เมืองทอ่ งเที่ยวรอง โดยใชอ้ ตั ลักษณ์ท้องถน่ิ พฒั นาเร่ืองราวและการอำนวย ความสะดวก และความปลอดภัย และพฒั นาองค์ความรดู้ ว้ ย Digital Technology ๔. การขยายตลาดการท่องเท่ยี วดว้ ยการสง่ เสรมิ พัฒนาระบบการจ่ายเงินแบบ One Payment System เพอื่ อำนวยความสะดวกและรวบรวมขอ้ มูลพฤติกรรม การใชจ้ ่าย หน้า ๑๘
เป้าหมาย ตัวชีว้ ัด ยทุ ธศาสตร์ ๓. การสรา้ ง ๔. การพ่ึงตนเอง ยุทธศาสตร์ที่ ๔ ความสามารถ ▪จำนวนผู้ที่ได้รับการพัฒนาให้มีทักษะที่ การเสริมสรา้ งความสามาร ในการพง่ึ พา ตนเอง สงู ข้ึนไม่น้อยกว่า ๑ ล้านคน ตอบสนองต่อกระแสการ ▪จำนวนสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการท่ี เปล่ียนแปลงของโลก ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ BCG ๑,๐๐๐ ราย ▪ดุลการชำระเงินทางเทคโนโลยีขาดดุลลง ลงไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ ๒๐ ▪การนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และ สขุ ภาพ ลดลงไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ ๒๐ (รา่ ง) แผนปฏบิ ตั กิ ารด้านการขับเคลือ่ นการพัฒนาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐
แนวทางการดำเนินการ ๕. การสง่ เสรมิ การทอ่ งเท่ยี วคณุ ภาพสูงผ่าน การจัดงานประชมุ และนทิ รรศการ กฬี า และอเี วน้ ท์ (Event) ขนาดใหญ่ รถในการ สาขาเศรษฐกจิ กจิ หมุนเวียน ๑. การพัฒนาเศรษฐกจิ ด้วยโอกาสการลงทุนและการสรา้ งตลาดด้วยโมเดลธรุ กิจ เศรษฐกิจหมนุ เวียน ๒. การสง่ เสรมิ งานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพอื่ ให้เกิดคิดค้นผลิตภัณฑ์และ บรกิ ารใหมจ่ ากการนำของเสยี กลับมาใชใ้ หม่ ๓. การพฒั นาแพลตฟอร์มและโครงสร้างพ้นื ฐานเพื่อสง่ เสริมการขบั เคลอื่ นเศรษฐกิจ หมนุ เวยี นอยา่ งเปน็ ระบบ ๔. การสร้างระบบกลไกการบริหารจัดการทเ่ี อ้อื อำนวยการขับเคลอื่ นเศรษฐกิจ หมนุ เวยี นของประเทศ ๕. สรา้ งกำลงั คนทม่ี ีความรู้และความเข้าใจ ผา่ นการถ่ายทอดองค์ความร้จู ากการ อบรมหรอื หลักสตู ร รวมทัง้ สร้างความตระหนกั ในการผลิตและบริโภคท่ยี ั่งยนื เพ่ือขบั เคลอ่ื นเศรษฐกิจหมุนเวยี น ๑. การยกระดับความสามารถกำลงั คนในสาขา BCG ๒. การลงทุนโครงสร้างพ้นื ฐานทางด้านวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๓. การลงทนุ โครงสรา้ งพน้ื ฐานด้านคณุ ภาพ ๔. การพฒั นาเทคโนโลยขี ั้นแนวหน้า หน้า ๑๙
จากแนวทางการดำเนินงานภายใต้แผนปฏบิ ตั ิการดา้ นการขบั เคล่อื นการพัฒนาประเทศด้วย โมเดลเศษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ จำนวน ๔๒ แนวทาง สามารถสรุปได้เปน็ ๑๓ มาตรการหลัก ดงั นี้ ๑. พฒั นาคลงั ข้อมูลดจิ ิทัลของทนุ ความหลากหลายทางชวี ภาพ ทุนวฒั นธรรม และทนุ ทางปญั ญา โดย การพฒั นาระบบ จดั เกบ็ และเช่ือมโยงข้อมูลตามมาตรฐาน ตัง้ แตร่ ะดบั ดีเอน็ เอ ระบบนเิ วศ ผลิตภัณฑ์ บริการ ประเพณี วัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญา ท้ังด้านประเภท คุณภาพ และปริมาณ ใช้ประโยชน์จากฐานข้อมลู ขนาดใหญ่ใน การวางแผนอนุรักษ์ ฟื้นฟู ใช้ประโยชน์ในการสร้างเศรษฐกิจ BCG เศรษฐกิจชุมชน และเศรษฐกิจจากการ ทอ่ งเทีย่ ว ๒. เพิ่มพูนทรัพยากรของชาติด้วยการผสานพลังของรัฐ เอกชน ชุมชน และหน่วยงานวิจัย โดยการ ส่งเสริมเอกชนในการปลูกและดูแลป่าทุกประเภทในพื้นที่ของรัฐด้วยกลไก Carbon Credit และจัดสรร Carbon Credit รัฐ: เอกชน (ผู้ปลูกและดูแล) ในสัดส่วน ๑๐: ๙๐ และวิจัยและพัฒนาพันธุ์ สร้างนวัตกรรม ระบบการบรหิ ารจดั การ การดแู ลรกั ษา การตดิ ตามให้เหมาะสมกบั สภาพแวดล้อมดว้ ยวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ๓. พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ BCG โดยการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาคด้วยการเชื่อมโยง อปุ สงค์และอุปทานในแต่ละภูมภิ าคเพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจในระดบั ภูมภิ าค และพัฒนาสินคา้ และบริการด้วย หลักการ BCG เชื่อมโยงการเกษตรทางเลือก/เกษตรสมัยใหม่ การแปรรปู การท่องเทีย่ ว การค้าและการลงทุน เช่ือมโยงเศรษฐกจิ ระดับประเทศและเศรษฐกจิ โลก ๔. ปรับระบบการเกษตรสู่ประสิทธิสูง มาตรฐานสูง และมูลค่าสูง โดยเน้นเกษตรพรีเมียม เกษตร ปลอดภัย ด้วยการปรับปรุงพันธ์ มาตรฐานปัจจัยการผลิต ระบบการจัดการฟาร์ม ระบบการจัดเก็บและ กระจายสินค้า เพิ่ม GDP จากความหลากหลายของสินค้าเกษตร เช่น เมล็ดพันธุ์ ไม้ผล ไม้ตัดดอก ไผ่ ไม้ เศรษฐกิจ แมลง สมุนไพร และสัตว์เศรษฐกิจ เป็นต้น ส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงและสามารถใช้องค์ความรู้ที่ เหมาะสมได้ และพัฒนาระบบเกษตรแบบองค์รวม เช่อื มโยง B, C และ G ท้งั จังหวัด เชน่ ราชบุรีโมเดล ๕. พัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารริมทางและอาหารท้องถิ่น โดยการยกระดับด้วย Food Machinery และมาตรฐานการประกอบอาหารที่ดี ๖. สรา้ งฐานเศรษฐกจิ ใหมด่ ้วยการส่งเสริมการแปรรปู สนิ คา้ จากฐานชีวภาพให้มีข้ันนวัตกรรมที่สูงข้ึน เช่น สารสกัด สารประกอบฟังก์ชัน อาหารฟังก์ชัน ชีวเคมีภัณฑ์ เช่น โอลิโอเคมิคอล วัสดุชีวภาพ เช่น วัสดุ คารบ์ อนมูลคา่ สูง ยา และวัคซนี เปน็ ต้น ๗. สร้างตลาดเพื่อรองรับนวัตกรรมของสินค้าและบริการ BCG โดยการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ การให้ สิทธิประโยชน์ในการจัดซื้อของภาคเอกชนและภาคประชาชน การส่งเสริมฉลากที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ หมนุ เวยี นและเศรษฐกิจสีเขียว การผลักดันกลไกราคาคาร์บอนเพื่อให้เกิดความเปน็ ธรรมในการแข่งขันสำหรับ ผลิตภัณฑ์วัสดุและเคมีชีวภาพ การจุดเก็บภาษีผู้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการปลดล็อกการซื้อขาย พลังงานชุมชน เปน็ ต้น ๘. ส่งเสรมิ การทอ่ งเท่ียวยั่งยืนและการท่องเทีย่ วสีเขียว โดยการสร้างโมเดลการท่องเท่ียวรูปแบบใหม่ เช่น Happy Model การส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืนและการท่องเที่ยวสีเขียวด้วยการใช้หลักเศรษฐกิจ หมุนเวียนและการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ การสร้างคลัสเตอร์การท่องเที่ยวของจังหวัดหลักและกลุ่ม จังหวัดรอง และการพัฒนาระบบการใช้จ่ายแบบ One Payment System สำหรับการท่องเที่ยว เพื่อจัดทำ คลงั ขอ้ มูลดา้ นการทอ่ งเที่ยว ๙. ยกระดับสนิ ค้าและบรกิ าร BCG ส่มู าตรฐานการผลติ ยงั่ ยนื โดยการส่งเสรมิ การใชน้ วัตกรรมสีเขียว การเงนิ สีเขียว และระบบเศรษฐกิจหมุนเวยี น (ร่าง) แผนปฏบิ ตั กิ ารดา้ นการขบั เคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๒๐
๑๐. ยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการ BCG สู่มาตรฐานสากลด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานท้ัง ระบบ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานด้านการวิจัยและพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการขยายขนาดการผลิต โครงสร้างพ้ืนฐานด้านคณุ ภาพ เพ่อื การวิเคราะห์ ทดสอบ รับรอง และขึ้นทะเบยี นสนิ คา้ BCG โดยเฉพาะสินค้า เกษตรพรีเมียม เกษตรปลอดภัย สารสกัด ชีวเคมีภัณฑ์ ยา วัคซีน เครื่องมือ วัสดุและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และการปรบั ปรุงกฎหมาย กฎระเบยี บ ๑๑. ส่งเสริมวิสาหกิจเริม่ ต้น (Startup) การประกอบการรปู แบบใหม่บนฐานเศรษฐกิจ BCG โดยการ บ่มเพาะผู้ประกอบการทั้งความรู้ด้านนวัตกรรมและการประกอบธุรกิจ การส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยี นวัตกรรม โครงสร้างพนื้ ฐานในภาครฐั และการส่งเสริมให้เข้าถงึ แหลง่ ทนุ และผู้เชีย่ วชาญในภาครัฐ ๑๒. สร้างและพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับเศรษฐกิจ BCG ในทุกระดับ ตั้งแต่กลุ่มชุมชนและฐานราก กลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ ม กลุ่มผู้พัฒนาเทคโนโลยีขั้นสงู กลุ่มวิสาหกิจเริ่มต้นและ ผปู้ ระกอบการเทคโนโลยี ๑๓. เชื่อมโยงกับสากลในทุกมิติ ทั้งการพัฒนาองค์ความรู้ การดึงดูดบุคลากร การค้า และการลงทนุ โดยการสร้างและพัฒนาเครือข่ายวิจัย การค้าและการลงทุนทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาค และโลก การดึงดูด ผู้เชี่ยวชาญ นักลงทุนจากต่างประเทศดว้ ยการให้สิทธปิ ระโยชน์และการสรา้ งระบบนิเวศนวัตกรรมท่ีเหมาะสม เช่น Smart Visa (ร่าง) แผนปฏิบัตกิ ารด้านการขับเคลอื่ นการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๒๑
๒ : ความสอดคลอ้ งกับแผน ๓ ระดับ ตามนัยยะของมติคณะรัฐมนตรี เมอ่ื วันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ มีส่วน สำคัญในการสนับสนุนการบรรลเุ ป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาตดิ ้วยการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ นวัตกรรมไปพัฒนาต่อยอดฐานความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมซึ่ง เป็นจุดแข็งของประเทศ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (Productivity) ยกระดับมาตรฐานสินค้า และบริการสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (Value-based economy) ลดการใช้ทรัพยากร เพิ่มการ หมุนเวียนการใช้ทรัพยากร (Circular) สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green growth) และการเติบโตอย่างท่ัวถงึ (Inclusive growth) รปู ท่ี ๑: ความสอดคล้องกับแผนระดบั ท่ี ๑ และ ๒ ๒.๑ ยทุ ธศาสตรช์ าติ (แผนระดบั ๑) แผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ที่ให้ ความสำคัญกับการลงทุนวิจัยและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ประเทศ มีเป้าหมายยกระดับศักยภาพของ ประเทศด้วยการต่อยอดจากจุดแข็งมีอยู่ เป็นการปูทางสู่อนาคตด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในด้าน ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (National science and technology infrastructure: NSTI) และโ ครงสร้างพื้นฐ านด้านคุณภ าพ (National quality infrastructure: NQI) เพื่อการสร้างคุณค่าใหม่ในอนาคตด้วยการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ นวัตกรรมไปเพิ่มศกั ยภาพของผูป้ ระกอบการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจเพื่อตอบสนองตลาด รวมถึงสร้าง การเติบโตอย่างมีคุณภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อนำไปสู่สังคม คาร์บอนตำ่ ซง่ึ เก่ยี วขอ้ งกับ ๔ ยุทธศาสตร์ ไดแ้ ก่ (ร่าง) แผนปฏบิ ัตกิ ารด้านการขบั เคลือ่ นการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๒๒
ยุทธศาสตร์ที่ ๒ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ในประเด็นที่ ๒ ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน โดยมุ่งสู่การเกษตรสร้างมูลค่า อุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต การสร้างความหลากหลายด้านการท่องเที่ยว ด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม และการขจัดอุปสรรคใน การลงทุนและการเข้าสู่ตลาด และประเด็นที่ ๔ ยกระดับความสามารถด้านเทคโนโลยีของประเทศเพื่อการ เพิ่มสมรรถนะความสามารถของประเทศทั้งปัจจุบันและอนาคตด้วยการทำงานแบบมุ่งเป้าและการมี ส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในเป้าหมายสร้างความสามารถในการพึ่งพาตนเองทางด้านเทคโนโลยีและ นวัตกรรมได้เพิ่มขึ้น มีศักยภาพเป็นผู้ส่งออกเทคโนโลยีและนวัตกรรม และส่งเสริมให้เกิดการพัฒนา ธุรกิจ อุตสาหกรรมใหม่ รวมถึงผู้ประกอบการใหม่ด้านเทคโนโลยีโดยเฉพาะเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep tech) เพ่ือเปน็ กลไกกระจายเทคโนโลยสี วู่ งกวา้ ง ยุทธศาสตร์ที่ ๓ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและการเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากร มนุษย์ ประเด็นที่ ๓ ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑ ใน เป้าหมายการพัฒนาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยเน้นการจัดระบบการศึกษาและระบบฝึกอบรมบน ฐานสมรรถนะที่มีคุณภาพสูงและยืดหยุ่นผ่านการพัฒนากลไกต่าง ๆ และการวางพื้นฐานระบบรองรับ การเรยี นรู้โดยใชด้ ิจิทัลแพลตฟอร์ม ทเี่ น้นการพัฒนาทกั ษะดิจิทลั ทักษะการคดั กรองความรู้ องค์ความรู้ และการพัฒนาตนเองผ่านเทคโนโลยีการเรียนรู้สมัยใหม่ใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สุด รวมถึงการสร้างเสน้ ทาง อาชีพ สภาพแวดล้อมการทำงาน และระบบสนับสนุนที่เหมาะสมสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษผ่าน กลไกต่าง ๆ สร้างระบบเชื่อมโยงเครือข่ายวิจัยกับศูนย์ความเป็นเลิศที่มีอยู่ในปัจจุบันในรูปแบบความ รว่ มมือ เพ่อื ต่อยอดงานวิจัยที่สามารถตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ การสร้างความร่วมมือและเช่ือมต่อ กับสถาบันวจิ ัยอืน่ ๆ ทั่วโลก ประเด็นท่ี ๕ การเสริมสร้างให้คนไทยมสี ุขภาวะที่ดี ในเป้าหมายการสร้าง สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี และการพัฒนาระบบบริการสุขภาพที่ทันสมัยสนับสนุนการ สร้างสุขภาวะที่ดี โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้ในการสร้างความเป็นเลิศทางด้าน บริการทางการแพทยแ์ ละสุขภาพแบบครบวงจรและทันสมยั และประเดน็ ที่ ๖ การสร้างสภาพแวดล้อม ที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนษุ ย์ ในเป้าหมายการส่งเสริมบทบาทการมสี ว่ น ร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครอบครัวและชุมชนในการพัฒนาทรัพยากร มนษุ ย์ การปลกู ฝังและพฒั นาทกั ษะนอกห้องเรียน ยุทธศาสตร์ที่ ๔ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ประเด็น ที่ ๑ สร้างความยงั่ ยืนของความหลากหลายทางชีวภาพดว้ ยการใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์อย่างสมดุล ในเป้าหมายเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนที่มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทั้งร่วมวางแผน ได้รับ การแบ่งปันผลประโยชน์ที่เป็นธรรมจากการเปน็ เจ้าของทรัพยากร และสร้างการเติบโตและความมั่นคง ของเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนโดยการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพ และประเด็น ที่ ๓ การพัฒนาเชิงพื้นที่เพื่อการเติบโตอย่างทั่วถึงด้วยการสร้างความสามารถด้านกำลังคนเชี่ยวชาญ โครงสรา้ งพนื้ ฐาน การเข้าถึงความรู้ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ ยุทธศาสตร์ที่ ๕ ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม ประเด็นที่ ๑ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว มุ่งเน้นการพัฒนา สังคมเศรษฐกิจให้เติบโต มีความเป็นธรรมบนความสมดุลของฐานทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพ สิ่งแวดล้อมที่ดีด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ ในเป้าหมายเพิ่มมูลค่าของเศรษฐกิจชีวภาพให้สอดคล้องกับ (รา่ ง) แผนปฏิบัตกิ ารดา้ นการขับเคลือ่ นการพัฒนาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๒๓
ยุทธศาสตรด์ า้ นการสร้างความสามารถในการแข่งขัน การอนรุ กั ษ์และฟืน้ ฟูความหลากหลายทางชีวภาพ ในและนอกถน่ิ กำเนิด สง่ เสรมิ การบริโภคและการผลติ สเี ขียวโดยการปรับเปลย่ี นรูปแบบการลงทุน การ ผลติ และพฤติกรรมการบริโภค สร้างการเติบโตอยา่ งย่ังยนื บนสังคมเศรษฐกจิ ภาคทะเล สร้างการเติบโต อย่างยั่งยืนบนสังคมที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ พัฒนาความมั่นคงทางน้ำ พลังงาน และเกษตร ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในเป้าหมายพัฒนาความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ และส่งเสริมการใช้ พลังงานท่เี ป็นมิตรตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม ๒.๒ แผนระดบั ท่ี ๒ ๒.๒.๑ แผนแม่บทภายใต้ยทุ ธศาสตร์ชาติ สอดคลอ้ งกบั แผนแมบ่ ทภายใต้ยทุ ธศาสตรช์ าติใน ๓ ดา้ น ได้แก่ ๑) การสรา้ งความสามารถในการแข่งขัน เก่ียวขอ้ งกับ ๕ ประเด็น ดังนี้ ประเด็นที่ ๓ การเกษตรสร้างมูลค่า ในแผนย่อยเกษตร อัตลักษณ์พื้นถิ่น เกษตรปลอดภัย เกษตรชีวภาพ เกษตรอัจฉรยิ ะ อตุ สาหกรรมและบรกิ ารแหง่ อนาคต ประเด็นที่ ๔ อุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต แผนย่อยอุตสาหกรรมชีวภาพ อตุ สาหกรรมและบริการการแพทยค์ รบวงจร ประเด็นที่ ๕ สร้างความหลากหลายด้านการท่องเที่ยว ในแผนย่อยท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงาม แพทยแ์ ผนไทย และการท่องเทยี่ วเช่อื มโยงภูมิภาค ประเด็นที่ ๗ โครงสร้างพืน้ ฐาน ระบบโลจิสตกิ ส์ และดิจิทัล ในแผนย่อย โครงสร้างพื้นฐาน ด้านพลังงาน ด้วยการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยี ปัจจัยแวดล้อม และสร้างแรงจูงใจ เพื่อ สนับสนุนการจัดหาแหล่งพลังงานใหม่ การสนับสนุนการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนทั้งพลังงาน ไฟฟา้ พลังงานความร้อน และเชือ้ เพลงิ ชวี ภาพตามศกั ยภาพของแหล่งเชือ้ เพลงิ ในพนื้ ท่ี ประเด็นที่ ๘ ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยุคใหม่ ในแผนย่อยการ สร้างความเข้มแข็งผู้ประกอบการอัจฉริยะ การสร้างโอกาสเข้าถึงตลาด สร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการ ดำเนนิ ธุรกิจผปู้ ระกอบการและวสิ าหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมยุคใหม่ ๒) การสรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทางสงั คม เก่ียวข้องกบั ๒ ประเด็น ดงั นี้ ประเด็นที่ ๑๓ การเสริมสร้างให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดี แผนย่อยการพัฒนาระบบบริการ สุขภาพที่ทันสมยั สนับสนุนการสร้างสุขภาวะท่ีดี ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาใช้เพมิ่ คุณภาพและประสิทธิภาพกับระบบบริการสุขภาพ และระบบสุขภาพทางไกล เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหา ขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ท่ีมคี วามเชย่ี วชาญ ประเด็นที่ ๑๖ เศรษฐกิจฐานราก แผนย่อยการยกระดับศักยภาพการเป็นผู้ประกอบการ ธุรกิจด้วยการเพิ่มพูนองค์ความรู้และทักษะในการเป็นผู้ประกอบการธุรกิจของเกษตรกร แรงงาน ผ่าน การสนับสนุน การช่วยเหลือทางวิชาการตา่ ง ๆ เพ่ือสรา้ งเสริมองค์ความรู้และทักษะท่ีสำคัญตอ่ การสร้าง มลู คา่ เพิ่มให้กับสินคา้ ยกระดับและเพ่มิ ขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างรายไดด้ ว้ ยตนเอง แผน ย่อยการสร้างสภาพแวดล้อมและกลไกที่ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากด้วยการพัฒนาช่องทาง การตลาด รวมถึงส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุนและทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อให้เศรษฐกิจชุมชนมีทุนในการ พัฒนาการสนิ คา้ และยกระดบั เป็นผู้ประกอบการธรุ กจิ (ร่าง) แผนปฏิบตั กิ ารด้านการขบั เคลือ่ นการพัฒนาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๒๔
๓) การสรา้ งการเติบโตบนคุณภาพชีวิตท่ีเปน็ มิตรต่อส่ิงแวดล้อม เก่ียวข้องกับประเด็นท่ี ๑๘ การเติบโตอย่างยั่งยืน แผนงานย่อยการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว ให้ ความสำคัญการอนุรักษ์ คุ้มครองทรัพยากร ความหลากหลายทางชีวภาพ และพื้นที่ป่าโดยนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีสมยั ใหม่มาประยุกต์ใช้ รวมถึงสง่ เสรมิ การผลิตและการบรโิ ภคอย่างยั่งยนื ทั้งน้ีประเด็นที่ ๒๓ การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เป็นฐานสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์ ทั้งหมด มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ เพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขนั ลดความเหลื่อมลำ้ ทางสงั คม และการสรา้ งการเติบโตอย่างยั่งยนื ๒.๒.๒ แผนการปฏิรปู ประเทศ สอดคล้องกบั แผนปฏริ ูปประเทศ ใน ๖ ด้าน ไดแ้ ก่ ๑) การปฏริ ปู ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน (แผนปฏริ ูปประเทศด้านท่ี ๒) การจัดซ้ือจัด จา้ งภาครัฐ ทมี่ ีความคลอ่ งตัว และโปร่งใสเพือ่ เป็นกลไกในการรองรบั ผลติ ภณั ฑแ์ ละบริการ BCG ๒) การปฏิรูปด้านด้านกฎหมาย (แผนปฏิรูปประเทศด้านที่ ๓) การกำหนดกลไกทาง กฎหมายเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ทันต่อการพัฒนาตามกระแสโลกาภิวัฒน์ และลดความเหลื่อมลำ้ ทางสงั คม ๓) การปฏิรูปด้านเศรษฐกิจ (แผนปฏิรูปประเทศด้านที่ ๕) การเพิ่มขีดความสามารถในการ แข่งขันโดยการเพิ่มผลิตภาพ การสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ท่ีมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต การ สร้างระบบนิเวศด้านการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อนำไปสู่การเพิ่มผลผลิต มาตรฐาน รวมถึงการให้ ความสำคัญตอ่ การลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของประชาชนกลุม่ ต่าง ๆ ๔) การปฏิรูปด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (แผนปฏิรูปประเทศด้านที่ ๖) การ ส่งเสริมให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการรักษาฟื้นฟูให้สมบูรณ์และยั่งยืน เพื่อเป็น รากฐานในการพัฒนาประเทศ สร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ทั้งทรัพยากร ทางบก ทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ความหลากหลายทางชีวภาพ สิ่งแวดล้อม และ ระบบการบริหารจัดการทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม ๕) การปฏิรูปด้านสาธารณสุข (แผนปฏิรูปประเทศด้านที่ ๗) ส่งเสริมการบริการในระบบ สุขภาพและสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพ คนไทยมีสุขภาวะและคุณภาพชีวิตที่ดีบนหลักการสร้างนำ ซ่อม รวมถึงการนำการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรมาเพิ่มความมั่นคงในระบบบริการสุขภาพและการ พ่งึ ตนเองไดอ้ ย่างยัง่ ยืน ๖) การปฏริ ูปประเทศด้านพลังงาน (แผนปฏิรูปประเทศด้านที่ ๑๐) ส่งเสรมิ การผลิตและใช้ พลงั งานทดแทน การอนรุ กั ษพ์ ลงั งานและการใช้พลังงานอยา่ งมีประสิทธิภาพ และการพฒั นาเทคโนโลยี นวัตกรรมและโครงสรา้ งพนื้ ฐานดา้ นพลงั งานชนิดใหม่ เชน่ ยานยนต์ไฟฟา้ และระบบกักเกบ็ พลงั งาน ๒.๒.๓ แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี ๑๒ และ (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สงั คมแห่งชาติฉบบั ท่ี ๑๓ สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ ซึ่งบรรจุไว้ใน ๓ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (รา่ ง) แผนปฏบิ ตั กิ ารด้านการขบั เคลอื่ นการพฒั นาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๒๕
ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ในประเด็น การเสรมิ สรา้ งและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขนั ของภาคการผลิตและบริการให้เกิดการขยายตัว ได้อยา่ งมเี สถยี รภาพและยงั่ ยนื ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคมด้วยการเพ่ิม ศักยภาพชุมชนและเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็งเพื่อให้ชุมชนพึ่งพาตนเองและได้รับส่วนแบ่ง ผลประโยชนท์ างเศรษฐกิจมากข้ึน ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในประเด็น การรักษาฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติสร้างสมดุลของการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่างย่ังยนื และเป็นธรรม และเร่งรัดแก้ไขปัญหาการจัดการขยะตกค้างสะสมในพ้ืนที่วิกฤต ผลักดันกฎหมายและกลไกเพื่อการคดั แยกขยะ สนับสนุนการแปรรูปเป็นพลงั งาน ใช้มาตรการทางเศรษฐศาสตรเ์ พื่อให้เกิดการลดปริมาณขยะ รวมท้ังสรา้ งวินัยคนในชาติเพ่ือการจัดการขยะอย่างยั่งยืนและส่งเสริมการผลิตและการบริโภคท่ีเป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกับ (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ มีเป้าหมาย พลิกโฉมประเทศไทยสู่ Hi-Value and Sustainable Thailand ทั้งนี้แผนปฏิบัติการ BCG สอดคล้อง กบั ๔ องคป์ ระกอบ ดังนี้ ๑) เศรษฐกิจมูลค่าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับ ๓ หมุดหมาย ได้แก่ หมุดหมาย ท่ี ๑ ไทยเปน็ ประเทศชั้นนำดา้ นสินค้าเกษตรและแปรรูปมลู ค่าสงู หมุดหมายที่ ๒ เปน็ จุดหมายของการ ทอ่ งเที่ยวท่ีเน้นคณุ คา่ และความย่งั ยนื หมุดหมายท่ี ๔ เป็นศูนย์กลางทางการแพทยแ์ ละสุขภาพมูลค่าสงู ๒) สังคมแห่งโอกาสและความเสมอภาค สอดคล้องกับ ๓ หมุดหมาย ได้แก่ หมุดหมายที่ ๗ ไทยมี SMEs ที่เข้มแข็ง มีศักยภาพสูง และสามารถแข่งขันได้ หมุดหมายที่ ๘ ไทยมีพื้นที่และเมืองหลัก ของภูมิภาคที่มีความเจริญทางเศรษฐกจิ ทันสมัย และน่าอยู่ หรือเป็นการกระจายการเติบโตสูเ่ มืองรอง หมุดหมายที่ ๙ ความยากจนข้ามรุ่นลดลง และคนไทยทุกคนมีความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอ เหมาะสม หรือมีความเหล่อื มลำ้ ทางสงั คมทลี่ ดลง ๓) วิถีชีวิตที่ยั่งยืน สอดคล้องกับ ๒ หมุดหมาย ได้แก่ หมุดหมายที่ ๑๐ ไทยมีเศรษฐกิจ หมุนเวยี นและสงั คมคารบ์ อนตำ่ ปญั หาขยะ นำ้ เสีย มลพิษ และกา๊ ซเรือนกระจกลดลง หมดุ หมายที่ ๑๑ ไทยสามารถลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภยั ธรรมชาตแิ ละการเปลีย่ นแปลงสภาพภูมิอากาศ ๔) ปัจจัยสนับสนนุ การพลิกโฉมประเทศ สอดคลอ้ งกับ ๑ หมุดหมาย ไดแ้ ก่ หมดุ หมายที่ ๑๒ ไทยมีกำลงั คนสมรรถนะสงู มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนือ่ ง ตอบโจทยก์ ารพฒั นาแหง่ อนาคต ๒.๓ แผนระดบั ที่ ๓ ๒.๓.๑. นโยบายและยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๗๐ ของกระทรวงการอดุ มศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วิจัย และนวตั กรรม การขบั เคลอื่ นการพัฒนาประเทศดว้ ยการดำเนนิ งานในลักษณะแพลตฟอร์มนวัตกรรมในด้านท่ี ประเทศไทยมีศักยภาพและโอกาสในการพัฒนาสงู เพ่อื ยกระดับขดี ความสามารถในการแข่งขนั และกลุ่ม อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ การปรับโครงสร้างการผลิต โครงสร้างการแข่งขัน การเพิ่มผลิตภาพในภาค การเกษตร อุตสาหกรรมและบริการ การพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศสำหรับอุตสาหกรรม ยุทธศาสตร์ (Technology localization) การบ่มเพาะผู้ประกอบการ การเพิ่มศักยภาพด้านการวิจัย พัฒนาและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย (RDI for S-curve industries) (ร่าง) แผนปฏบิ ัตกิ ารด้านการขบั เคลอ่ื นการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๒๖
การสร้างศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนา แพลตฟอร์มเพือ่ สง่ เสรมิ การขบั เคล่ือนเศรษฐกิจแบบตา่ งๆ เชน่ ๑) แพลตฟอร์มเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (BCG economy) ในกลุ่มอตุ สาหกรรมยทุ ธศาสตร์ ๒) แพลตฟอร์มเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative economy) ให้ผู้ประกอบการสามารถนำ องค์ความรจู้ ากภูมิปัญญาและทรัพยากรในพืน้ ที่ไปต่อยอดและใช้ประโยชน์ในการดำเนินธรุ กิจได้ ๓) แพลตฟอร์มข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (Platform AI and data economy) ที่สนับสนุน ผูป้ ระกอบการใช้ประโยชนจ์ ากขอ้ มูลและปัญญาประดิษฐ์เพือ่ วิเคราะห์และสรา้ งความไดเ้ ปรียบทางเศรษฐกิจ ๔) แพลตฟอร์มเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing economy) ผู้ประกอบการสร้างความร่วมมือทาง ธรุ กจิ เพ่ือพัฒนารูปแบบสินค้าและบรกิ ารใหมท่ ี่ตอบรับความต้องการของผู้บริโภค ๒.๓.๒ แผนปฏบิ ตั ริ าชการระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป้าหมายเพิ่มผลิตภัณฑม์ วลรวมในประเทศในสาขาเกษตร ยกระดับผลิตภาพการผลติ ของภาค เกษตร รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภาคเกษตรมีความมั่นคงด้านน้ำเพิ่มขึ้นโดยกลยุทธ์ที่ สองคล้องประกอบด้วย ๓ กลยุทธ์ ได้แก่ กลยุทธ์ที่ ๒ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและยกระดับมูลค่า สินค้าเกษตร ด้วยการ ๑) พัฒนาประสิทธิภาพการผลิต คุณภาพ มาตรฐานสินค้า ๒) บริหารจัดการ สินค้าเกษตรตลอดโซ่อุปทานที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ๓) เพิ่มมูลค่าการผลิตภาคเกษตร ๔) ผลักดันการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในภาคเกษตรอย่างยั่งยืนตามแนวทาง BCG Model ๕) เชื่อมโยง ภาคเกษตรกับภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการอื่น ๆ เพื่อยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาค เกษตร ที่สอดรับกับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และระเบียงเศรษฐกิจ ภาคใต้ (SEC) กลยุทธ์ที่ ๓ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ภาคเกษตรดว้ ย ๑) การพฒั นาโครงสร้างพ้นื ฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการวจิ ยั เทคโนโลยีและ นวัตกรรม ๒) การพัฒนาและส่งเสริมงานวิจัยและนวัตกรรมด้านการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่า และนำไปสู่ การผลิตนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ ๓) การพัฒนาและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมเพื่อสนับสนนุ เทคโนโลยเี กษตรแม่นยำ กลยุทธ์ที่ ๔ บริหารจัดการทรัพยากรการเกษตรและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืนด้วย ๑) การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างสมดุล ยั่งยืน และมีธรรมาภิบาล ๒) การอนุรักษ์และการฟื้นฟู ทรัพยากรการเกษตร ๓) การจัดการพื้นที่เกษตร ประมง ปศุสัตว์ และการทำประมงเพื่อการมีส่วนร่วม ในการพัฒนาเมืองอย่างสมดุลและยั่งยืน ๔) การปรับตัวและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ภูมิอากาศ ๕) ความร่วมมอื กบั ตา่ งประเทศเพ่ือการพัฒนาทยี่ ัง่ ยนื ๒.๓.๓ แผนปฏบิ ตั ริ าชการระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕) ของกระทรวงอตุ สาหกรรม สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการ ๓.๒.๒ เรื่อง การเสริมสร้างศักยภาพของธุรกิจอุตสาหกรรม ด้วย การ ๑) อำนวยความสะดวกในด้านการลงทุนการประกอบกิจการเพื่อเสริมสร้างศักยภาพ ตลอดจนเพิ่มขีด ความสามารถในการแขงขนั ใหแกผู้ประกอบการในภูมิภาค ๒) บูรณาการกบั หน่วยงานในพื้นทใี่ นการพัฒนา (รา่ ง) แผนปฏบิ ัตกิ ารด้านการขับเคลอื่ นการพัฒนาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๒๗
ธุรกิจภาคอุตสาหกรรม ๓) บูรณาการการจัดการผังเมืองในพื้นที่ใหเหมาะสมกับการขยายตัวของ ภาคอตุ สาหกรรม ๔) พัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและพ้ืนท่ที ่ีมีศักยภาพอื่น ๆ แผนปฏิบัติการ ๓.๒.๓ เรื่อง การสงเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมให้เป็นมิตรกับสังคมและ สิ่งแวดลอม ด้วยการ ๑) พัฒนาระบบกลไกในการกำกับดูแลภาคอุตสาหกรรมใหดำเนินการตามกฎหมาย อย่างเคร่งครัด ๒) สงเสริมภาคอุตสาหกรรมใหมีการพัฒนากระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสังคมและสิ่ง แวดลอม ๓) พัฒนาเครือข่ายเฝ้าระวังและจัดการผลกระทบส่ิงแวดลอม โดยการมีสวนร่วมของทองถ่ินและ ชมุ ชน ๔) เชื่อมโยงและเสรมิ สร้างความเขาใจการประกอบการอุตสาหกรรมกบั ชมุ ชนและทองถ่ิน ๒.๓.๔ แผนปฏิบัติราชการระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๖๕) ของกรมการแพทย์ กระทรวง สาธารณสขุ สอดคล้องในยุทธศาสตร์ที่ ๒ บริการที่เป็นเลิศ (Service excellence) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ประชาชนได้รับการบริการที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพครอบคลุมทั่วถึงลดความเหลื่อมล้ ำของ ผู้รับบริการในด้านการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งมีระบบการส่งต่อที่มีคุณภาพเพื่อให้ประชาชน สามารถเข้าถงึ บริการได้อย่างเท่าเทียมกนั โดยมีแนวทางการพัฒนาคือ ๑) การสง่ เสรมิ การใช้การแพทย์ แผนไทย การแพทย์ทางเลือก ภมู ปิ ญั ญาและสมุนไพรไทย ๒) สนบั สนนุ หน่วยงานบรกิ ารด้านสขุ ภาพให้ ได้มาตรฐานสากล ๓) ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพและเทคโนโลยีทางการแพทย์ และ ๔) การสนบั สนุนการพฒั นาบุคลากรให้มคี วามเชย่ี วชาญเฉพาะดา้ น ๒.๓.๕ แผนปฏิบัติราชการระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ ) ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สอดคล้องในประเด็นการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จำนวน ๖ ด้าน ดังน้ี ๑) การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว (ด้านทรัพยากรทางบก/ด้าน ทรัพยากรธรณี/ด้านความหลากหลายทางชีวภาพ) ครอบคลุมการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์ ๒) การสร้างการเติบโตอย่างยง่ั ยืนบนสังคมเศรษฐกจิ ภาคทะเล (ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง) ให้ ความสำคัญกับการอนุรักษ์คุ้มครอง ฟื้นฟู บริหารจัดการ และมีระบบตรวจสอบติดตามทรัพยากรทาง ทะเลและชายฝั่งทั้งระบบ ๓) การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ ๔) การบริหารจัดการน้ำท้งั ระบบ (ด้านทรพั ยากรน้ำ) ๕) การจัดการมลพิษทม่ี ีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสารเคมีในภาคเกษตรทั้งระบบ ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และค่ามาตรฐานสากล (ด้าน ส่ิงแวดลอ้ ม) ๒.๓.๖ แผนปฏิบัตริ าชการระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕) ของกระทรวงพลงั งาน สอดคลอ้ งกับแผนปฏิบัติราชการเร่ืองท่ี ๓ มงุ่ เนน้ การสรา้ งความย่ังยนื และเข้าถึงประชาชน เป้าหมาย เพื่อให้ประชาชนใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีสัดส่วนการผลิตและการใช้พลังงาน ทดแทนในประเทศเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับทิศทางการส่งเสริมการนำแหล่งพลังงานในประเทศมาใช้และ การส่งเสริมพลงั งานท่สี ะอาด เปน็ มติ ร ต่อสง่ิ แวดลอ้ ม รวมถึงยกระดับรายได้ประชาชน มีความเป็นอยู่ท่ี ดีขึ้นด้วย ๑) ส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนในประเทศให้บรรลุตามแผน AEDP ส่งเสริม การผลิต การวิจัย การจัดทำมาตรฐาน พัฒนาพลังงานทดแทนทั้งในรูปพลังงานไฟฟ้า ความร้อน และ (ร่าง) แผนปฏิบตั กิ ารดา้ นการขบั เคล่อื นการพฒั นาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๒๘
เชอื้ เพลงิ ชวี ภาพตามศักยภาพของแหล่งเช้ือเพลิงในพ้ืนท่ี ปรบั ปรงุ โครงสรา้ งพ้ืนฐานเพ่ือรองรับการผลิต และการใช้พลังงานทดแทนอย่างเพียงพอ และมสี ดั สว่ นทีส่ ูงขึ้น ๒) สนบั สนุนการเพิ่มประสิทธิภาพการ ใช้พลังงานตามแผน EEP พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อนำมาใช้ในการอนุรักษ์พลังงาน การสร้าง จิตสำนึกและส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการอนุรักษ์และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ พลังงาน ๓) สนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดการสร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยเทคโนโลยี พลังงานที่เหมาะสม ผ่านการส่งเสริมการใช้การลงทุนด้านพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงานใน ชุมชน พร้อมเสริมสร้างศักยภาพและเตรียมความพร้อมให้กับส่วนท้องถิ่น ชุมชน และเครือข่าย ภาค ประชาชน เพ่ือใหเ้ กดิ ศูนย์ขอ้ มูล และการบริหารจัดการพลังงานในระดบั ชุมชนอยา่ งมีสว่ นรว่ ม ๒.๓.๗ แผนปฏิบัติราชการระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕) ของสำนักงานปลัดกระทรวงการ ท่องเทย่ี วและกฬี า สอดคล้องกับแผนปฏิบัติราชการเรื่องที่ ๑ เรื่องการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม เพื่อสร้างสรรค์คุณค่าสินค้าและบริการการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นการใช้องค์ความรู้และนวัตกรรม ผนวก กับจุดแข็งในดา้ นความหลากหลายทางทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม และวถิ ชี ีวติ เพือ่ สร้างคุณค่าให้กับ สินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวที่ตอบสนองพฤติกรรม ความต้องการของนักท่องเที่ยว และสร้าง ทางเลือกของประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับนักท่องเที่ยว แผนปฏิบัติราชการเรื่องที่ ๒ เรื่องการท่องเที่ยว เชงิ ธุรกิจ เพอ่ื ส่งเสริมให้ไทยเปน็ จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ครอบคลมุ การจัดประชุมและ นทิ รรศการ การจดั งานแสดงสินค้า การจัดกิจกรรมการท่องเท่ยี วเป็นรางวัล การจัดการแข่งขันกีฬาระดับ นานาชาติ การท่องเที่ยวเชิงกีฬารวมถึงการพักผ่อนระหว่างหรือหลังประกอบธุรกิจหรือการทำกิจกรรม ต่าง ๆ ส่งเสริมให้การจัดงานธุรกิจและกิจกรรมต่าง ๆ เป็นการสนับสนุนการพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรม เป้าหมายของประเทศ แผนปฏิบัติราชการเรื่องที่ ๓ เรื่องการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงาม และ แพทย์แผนไทย มุ่งเน้นการสร้างความแตกต่างและเอกลักษณ์ด้วยการให้บริการตามแบบอย่างความเปน็ ไทย ร่วมกับการใช้องค์ความรู้และภูมิปัญญาไทยที่พัฒนาต่อยอดด้วยความคิดสร้างสรรค์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวตั กรรมเพ่ือสร้างมลู คา่ เพิ่มให้กบั สนิ ค้าและบริการที่เกย่ี วขอ้ ง แผนปฏบิ ตั ิราชการเรื่อง ท่ี ๖ เรอ่ื งการพัฒนาระบบนิเวศการท่องเที่ยว ด้วยการพฒั นาปัจจัยแวดล้อมให้เอ้ือต่อการยกระดับขีด ความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเท่ยี วและการจัดการการท่องเท่ียวอย่างยง่ั ยนื ๒.๓.๘ แผนปฏิบัตริ าชการระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓ - ๒๕๖๕) ของกระทรวงมหาดไทย สอดคลอ้ งกบั ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๒ การพัฒนาภูมิภาค เมือง และพื้นที่เศรษฐกิจ ด้วยการ พัฒนาที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจเฉพาะเพื่อให้มีขีดความสามารถใน การแข่งขัน และการบูรณาการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๓ การเสริมสร้าง ความสุขของชุมชนและพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากด้วยการพัฒนา อาชีพและยกระดับรายได้ให้สูงขึ้น ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ ๔ การเพิ่มศักยภาพการพัฒนา สภาพแวดลอ้ มสู่อนาคต ด้วยการพัฒนาสภาพแวดล้อมให้มีความเหมาะสม และเติบโตอย่างยง่ั ยืน การ บรหิ ารจดั การทด่ี ินให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสุด และสนบั สนนุ การบรหิ ารจัดการน้ำทง้ั ระบบ (รา่ ง) แผนปฏบิ ตั กิ ารดา้ นการขบั เคลอื่ นการพฒั นาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๒๙
๒.๓.๙ แผนปฏบิ ตั ริ าชการระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓ - ๒๕๖๕) ของกระทรวงพาณชิ ย์ สอดคล้องในประเด็นที่ ๑ สร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก โดยมีแนวทางคือการ เพิ่มขีดความสามารถของเกษตรกร และผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชนในการเป็นผู้ประกอบการธุรกจิ พัฒนาตลาด การสร้างมูลค่าเพิ่มให้สนิ คา้ เกษตร สินค้า/ผลิตภณั ฑ์ชุมชน และการใช้ศกั ยภาพและความ พร้อมของพื้นที่ในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและเศรษฐกิจในภูมิภาคโดยการบูรณาการทำงานของทุก ภาคส่วน ประเด็นที่ ๒ ส่งเสริมผู้ประกอบการและสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจเพ่ือ ความสามารถในการแข่งขันอย่างครบวงจรทั้งในด้านการผลิตและการค้าของธุรกิจเดิม การสร้าง มูลค่าเพิ่มของสนิ ค้าและบริการและการเข้าสูธ่ ุรกิจใหม่ ประเด็นที่ ๓ การพัฒนาขดี ความสามารถและ สง่ เสรมิ ความร่วมมอื ในการพฒั นาระหวา่ งประเทศเพ่อื การขยายตลาด (รา่ ง) แผนปฏบิ ัตกิ ารดา้ นการขบั เคลือ่ นการพฒั นาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๓๐
สว่ นท่ี ๓ : สาระสำคญั ของแผนปฏิบัติการด้านการขับเคลือ่ นการพัฒนาประเทศไทย ดว้ ยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ ๓.๑ การประเมนิ สถานการณ์ ปญั หา และความจำเปน็ ของแผนปฏบิ ัตกิ ารด้านการขบั เคลือ่ นการ พฒั นาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ ๓.๑.๑ สถานการณ์ฐานทรพั ยากรจากความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย ๑) ทรัพยากรจากความหลากหลายทางชีวภาพ ทรัพยากรทางชีวภาพมีลักษณะที่โดดเด่นกว่าทรัพยากรประเภทอื่น เนื่องจากสามารถฟื้นฟูให้ กลับมาอุดมสมบูรณ์ เพ่มิ จำนวน หรอื พัฒนาให้ทรัพยากรชวี ภาพมีคุณสมบัตทิ ่ีดขี ึ้นได้ ในเชิงเปรียบเทียบ ถือได้ว่าประเทศไทยตั้งอยู่ในพื้นที่ท่ีมคี วามหลากหลายทางชีวภาพที่มีความสำคัญสูงอันดับ ๑๕ ของโลก มีความหลากหลายสูงทั้งระบบนิเวศ ชนิดพันธุ์ และพันธุกรรม โดยมีพืชที่มีท่อลำเลียงและพืชที่ไม่มีท่อ ลำเลียงไม่น้อยกว่า ๑๔,๐๐๐ ชนิด มีชนิดพันธุ์พืชที่สูญพันธ์ุในธรรมชาติ ๒ ชนิด ได้แก่ ฟ้ามุ่ยน้อยและ โสกระย้า มีชนิดพันธ์ทุ ีถ่ กู คกุ คามประมาณ ๙๖๔ ชนิด สัตวม์ ีกระดูกสันหลังมจี ำนวนอย่างน้อย ๔,๗๐๐ ชนดิ พบว่ามสี ตั ว์ที่สูญพนั ธ์แุ ลว้ ๘ ชนิด ถกู คกุ คาม ๕๖๙ ชนิด นอกจากนี้ มสี ัตวไ์ ม่มีกระดูกสนั หลงั อย่างน้อย ๘๐,๐๐๐ ชนดิ และจุลินทรยี อ์ ยา่ งน้อย ๒๐๐,๐๐๐ ชนดิ (สถาบนั สิง่ แวดล้อมไทย, ๒๕๖๒) ๒) ทรพั ยากรป่าไม้ ช่วงที่ผ่านมาประเทศมุ่งเน้นสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ขาดกลไกการบริหารจัดการ ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ก่อนแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๐๔) ประเทศไทยมพี ื้นป่าทั้งป่าดบิ ชนื้ ปา่ เบญจพรรณ ปา่ ชายเลน ฯลฯ รวมกนั ประมาณ ๑๗๐ ล้านไร่ หรือคิด เป็นร้อยละ ๕๓.๒๒ ของพื้นที่ (มูลนิธิสืบนาคะเสถียร, ๒๕๖๓) ผลของการพัฒนาประเทศทำให้พื้นที่ป่า ลดลง ๖๗ ล้านไร่ เหลือ ๑๐๒ ล้านไร่ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ หรือคิดเป็นร้อยละ ๓๒ ของพื้นที่ (กรมป่าไม้, ๒๕๖๒) ซึ่งตำ่ กวา่ เป้าหมายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ที่กำหนดเป้าหมายใหม้ ีพืน้ ท่ีปา่ ในประเทศ ทั้งป่าเพื่อการอนุรักษ์และป่าเพ่ือเศรษฐกจิ ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๔๐ ของพ้ืนที่ หรือตอ้ งเพ่ิมพ้ืนทีป่ ่าอีกจำนวน ๒๖ ลา้ นไร่ การลดลงของพน้ื ท่ีป่าจำนวนมากในระยะเวลา ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อความสมบูรณ์ของระบบนิเวศป่าไม้และสถานภาพของพืชและสัตว์หลายชนิด โดยบางชนิดได้สูญพนั ธุ์ไปแล้วและบางชนดิ เสย่ี งตอ่ การสูญพันธ์ุ หายาก และถกู คกุ คาม รวมถึงเปน็ สาเหตุ สำคัญในการเกดิ ภยั ธรรมชาติของประเทศ เชน่ ภัยแล้ง และอุทกภยั ซึง่ มีความถแ่ี ละความรนุ แรงเพ่ิมข้ึน ป่าไม้โดยเฉพาะพื้นที่ป่าชายเลนเป็นระบบนิเวศที่มีพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ หลายชนิด อาศัยอยู่ ร่วมกันในสภาพแวดล้อมที่เป็นดินเลน น้ำกร่อยและมีน้ำทะเลท่วมถึงอย่างสม่ำเสมอ ป่าชายเลนทำ หน้าที่สำคัญในการหมุนเวียนธาตุอาหารและการถ่ายทอดพลังงานจากส่วนต่าง ๆ ของต้นไม้ไปเป็น ธาตุอาหารให้แก่สัตว์น้ำ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและหลบภัยของสัตว์น้ำวัยอ่อน โดยเฉพาะสัตว์น้ำ เศรษฐกจิ ช่วยลดและป้องกันการพังทลายของชายฝง่ั และบรรเทาความรุนแรงจากภัยธรรมชาติ ช่วยดูด ซับมลพิษต่าง ๆ เป็นแหล่งสะสมตะกอนดินก่อนที่จะไหลสู่ทะเล ทำให้เกิดเป็นแผ่นดินงอกเพิ่มขึ้นเป็น แหล่งอาหาร ยารักษาโรค ไม้ใช้สอยก่อสร้างและไม้ฟืนสำหรับเผาถ่าน ช่วยตรึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (ร่าง) แผนปฏิบตั กิ ารด้านการขับเคลอื่ นการพฒั นาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๓๑
จากบรรยากาศ เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ แหล่งศึกษาธรรมชาติ และยังเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับ ชาวประมงพื้นบ้าน ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าชายเลนประมาณ ๓ ล้านไร่ แต่มีเพียง ๑.๕ ล้านไร่ ที่ยังคง ความอุดสมบูรณ์ ส่งผลให้ปริมาณสัตว์น้ำลดลง ๓ เท่า เนื่องจากสูญเสียแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ (สำนักงาน พฒั นาเศรษฐกิจจากฐานชวี ภาพ, ๒๕๕๗) ๓) ทรพั ยากรทางทะเลและชายฝั่ง ประเทศไทยมีชายฝั่งทะเลที่มีความยาวโดยรวมประมาณ ๓,๑๕๑ กิโลเมตร (สถาบันวิจัย ทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๖๒) โดยมีแนวชายฝั่งทะเลที่เกิดปัญหาการกัดเซาะ ชายฝั่งจำนวน ๑๔๕.๗๓ กิโลเมตร (กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, ๒๕๖๓) ในส่วนของทรัพยากร ทางทะเลถูกทำลายลงไปเช่นกันจากกิจกรรมทางเศรษฐกจิ และการท่องเท่ียว ทำใหร้ ะบบนิเวศ เชน่ แหล่ง ปะการัง หญ้าทะเลอยู่ในสภาวะเปราะบาง ขณะที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้ ทรพั ยากรเสือ่ มโทรมรุนแรงยิ่งข้ึน ผลจากการติดตามสถานภาพของหญ้าทะเลพบว่าในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ พื้นที่หญ้าทะเลมีจำนวน ๑๕๙,๘๓๐ ไร่ (๒๕๕.๗ ตารางกิโลเมตร) แบ่งเป็นแหล่งหญ้าทะเลฝั่งอันดามันรวม ๙๙,๖๓๓ ไร่ และ แหล่งหญา้ ทะเลฝ่ังอ่าวไทยรวม ๖๐,๑๙๖ ไร่ ในเชิงเปรียบเทยี บฝ่งั ทะเลอันดามันมีความอดุ มสมบูรณ์ของ แหล่งหญ้าทะเลมากกว่าฝั่งทะเลอ่าวไทยและพบหญ้าทะเลมากถึง ๑๒ ชนิดจากทั้งหมด ๑๓ ชนิด แหล่ง หญ้าทะเลผืนใหญ่ที่สุดอยู่ที่บริเวณเกาะลิบง จังหวัดตรัง โดยรวมหญ้าทะเลยังคงมีความอุดมสมบูรณ์อยู่ ถึงร้อยละ ๘๐ ของพื้นที่ (สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน, ๒๕๖๐) พ.ศ. ๒๕๖๑ แนวปะการังของประเทศไทย มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น ๑๔๙,๐๒๕ ไร่ เพิ่มขึ้นจาก พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีพื้นท่ี ๑๔๘,๙๕๕ ไร่ แมใ้ นเชงิ จำนวนเพม่ิ ขน้ึ แต่ยังอยใู่ นสภาพท่ดี ้อยคณุ ภาพ ดังเหน็ ได้ จากมีแนวปะการังที่เสียหายถึงเสียหายมาก มีจำนวน ๑๒๕,๖๙๗ ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ ๘๔ ของพื้นที่ แนวปะการังทัง้ หมด พื้นทท่ี ่ีพบแนวปะการังเสียหายถึงเสยี หายมาก คอื บริเวณอา่ วไทยตอนกลางจำนวน ๔๖,๗๘๕ ไร่ และบริเวณทะเลอันดามันตอนบน ๔๒,๘๘๖ ไร่ อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ของการ ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ทำให้ทรัพยากรทางทะเลทุกชนิดได้รับการฟื้นฟู ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีกลไก และมาตรการป้องกันเพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่กลับมาดำเนินการได้อีกครัง้ ไม่ส่งผลต่อความ อดุ สมบูรณข์ องทรพั ยากร ๔) ทรัพยากรที่ดิน ประเทศไทยมีที่ดินจำนวน ๓๒๐ ล้านไร่ ซึ่งประมาณครึ่งหนึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ใน รายงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติในวาระปฏิรูปที่ ๒๕ ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ สรุปประเด็นปัญหาด้านทรัพยากร ดินที่สำคัญ ได้แก่ คุณภาพดินเสื่อมโทรม เป็นดินที่มีคุณภาพไม่เหมาะกับการเกษตร เช่น ดินเค็ม ดิน เปรี้ยว ดินทรายจัด ดินตื้น ดินพรุ รวมทั้งดินที่มีปัญหาการชะล้างพังทลาย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ดินเสื่อม โทรมเกดิ จากการใช้ที่ดินไม่เหมาะสมกบั สมรรถนะของท่ีดิน หรอื การใช้ท่ดี นิ ผิดประเภท รวมทั้งมีการใช้ ประโยชน์ติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนานแต่ขาดการบำรุงรักษาสภาพดิน ขาดการอนุรักษ์ดินและน้ำ การใช้สารเคมีทั้งยาฆ่าแมลง ยากำจัดวัชพืช และปุ๋ยเคมีในการทางการเกษตร ซึ่งมีส่วนทำให้จุลินทรีย์ และแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อพืชและดินต้องสูญหายไป นอกจากน้ี ยังเกิดจากความเสื่อมโทรมตาม (ร่าง) แผนปฏบิ ัตกิ ารด้านการขบั เคลือ่ นการพัฒนาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๓๒
ธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น การเกิดภัยแล้ง อุทกภัย และดินถล่ม จากการประเมนิ พน้ื ที่เสื่อมโทรมของดินโดยกรมพัฒนาทีด่ ินพบว่า ท่ดี ินร้อยละ ๑๗ ของพ้ืนท่ีในประเทศ ไทยเป็นพื้นที่ดินเสื่อมโทรม (สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ๒๕๖๒) การฟืน้ ฟคู วามอดุ มสมบูรณ์เปน็ ปัจจยั พื้นฐานในการเพ่ิมประสทิ ธิภาพการผลติ สนิ คา้ เกษตรในระยะยาว ๕) ทรพั ยากรน้ำ เกษตรกรใช้น้ำฝนในการเพาะปลูก ทำให้พืชไม่สามารถให้ผลผลิตได้เต็มศักยภาพของพันธุ์ดี ประเทศไทยมีพื้นท่ีชลประทาน ๓๔.๕ ล้านไร่ หรือคดิ เป็นร้อยละ ๒๓ ของพ้ืนทเ่ี พาะปลูก มีเกษตรกรเพียง ร้อยละ ๔๒ ที่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และอีก ร้อยละ ๒๖ กระจุกตัวอยู่ในภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง ไม่เพียงพื้นที่ชลประทานมีจำนวนจำกัด แต่ พื้นที่ชลประทานยังมีปริมาณน้ำที่ใช้ได้ไม่ตลอดทั้งปี ในเชิงเปรียบเทียบประเทศไทยใช้น้ำต่อหัว ๒,๒๒๓ ลูกบาศก์เมตรต่อคนต่อปี ถือว่าสูงเป็นอันดับ ๕ ของโลก ในขณะที่ค่าเฉลี่ยการใช้น้ำทั่วโลกเท่ากับ ๑,๒๔๐ ลูกบาศก์เมตรต่อคนต่อปี เป็นสาเหตุของการประสบปัญหาภัยแล้งซ้ำซากเป็นประจำ ดังนั้น การบริหารจัดการน้ำจึงเป็นประเด็นท้าทายที่ต้องดำเนินการทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำ และการเพ่ิม ประสิทธิภาพการใช้นำ้ ๖) คา่ ใช้จา่ ยในการปกป้องรกั ษาสิ่งแวดล้อม จากการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งทุติยภูมิ พบว่ากิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมที่มีการรวบรวมไว้ เป็นค่าใช้จ่ายในการปกป้องรักษาสิ่งแวดล้อม (Environmental protection expenditure account; EPEA) ซึ่งครอบคลุมกิจกรรมและค่าใชจ้ ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปกป้อง รักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยให้ ความสำคญั กับการปกป้องรักษาสิ่งแวดลอ้ มเพิ่มข้ึนอย่างต่อเน่ืองจาก ๑๑,๓๖๘ ล้านบาทในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ เพิ่มเป็น ๓๕,๑๕๖ ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นประมาณ ๓ เท่าตัวในระยะเวลา ๑๐ ปี ภาคเอกชนและภาค ครัวเรือนเขา้ มามสี ว่ นร่วมในการปกป้องสิ่งแวดล้อมเพม่ิ ข้ึน ดงั เหน็ ได้จากสดั สว่ นงบประมาณจากภาครัฐ ต่อค่าใช้จ่ายรวมลดลงอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ ๗๙ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นร้อยละ ๖๔ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตารางท่ี ๑: ค่าใชจ้ ่ายในการปกป้องสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยปี พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๙ ปี พ.ศ. คา่ ใช้จา่ ยรวม งบประมาณจากรัฐ สดั ส่วนงบประมาณ (ลา้ นบาท) (ล้านบาท) จากภาครฐั ต่อคา่ ใชจ้ า่ ยรวม ๒๕๕๐ ๒๕๕๑ ๑๑,๓๖๘ ๘,๙๘๔ (รอ้ ยละ) ๒๕๕๒ ๑๑,๙๘๔ ๘,๙๗๘ ๒๕๕๓ ๑๘,๔๔๙ ๑๓,๘๒๘ ๗๙ ๒๕๕๔ ๒๓,๘๙๓ ๑๗,๖๙๔ ๗๕ ๒๕๕๕ ๒๕,๕๔๒ ๑๘,๔๐๔ ๗๕ ๒๘,๒๗๓ ๑๙,๘๒๓ ๗๔ ๒๕๕๖ ๒๘,๑๔๓ ๑๙,๑๓๐ ๗๒ ๗๐ ๖๘ ๒๕๕๗ ๒๘,๙๒๔ ๑๙,๒๐๙ ๖๖ (รา่ ง) แผนปฏิบตั กิ ารด้านการขบั เคลอ่ื นการพัฒนาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๓๓
ปี พ.ศ. ค่าใช้จา่ ยรวม งบประมาณจากรัฐ สัดส่วนงบประมาณ (ลา้ นบาท) (ลา้ นบาท) จากภาครฐั ตอ่ คา่ ใชจ้ ่ายรวม ๒๕๕๘ ๓๑,๖๐๕ ๒๐,๖๔๕ (รอ้ ยละ) ๒๕๕๙ ๓๕,๑๕๖ ๒๒,๔๙๙ ๖๕ ๖๔ ทีม่ า: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ, ๒๕๕๙ ๓.๑.๒ สถานการณข์ องการพฒั นาเศรษฐกจิ ชุมชนและภูมิภาค การเติบโตทางเศรษฐกิจส่งผลให้จำนวนคนยากจนทางรายได้ลดลงจาก ๖.๗ ล้านคน ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ เหลือ ๔.๓ ล้านคนในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ แต่จำนวนคนยากจนในมิติอื่น เช่น ความเป็นอยู่ สขุ ภาพ ความมน่ั คงทางการเงนิ และการศึกษายงั คงมีจำนวนมากกวา่ ๑๑ ลา้ นคน แม้วา่ ความเหลอื่ มล้ำ ทางรายได้และช่องว่างระหว่างกลุ่มประชากรที่มีรายได้สูงสุดและต่ำสุดมีแนวโน้มลดลง แต่ยังมีความ แตกต่างสูงถึง ๑๖ เท่าตัว กิจกรรมทางเศรษฐกิจกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพมหานครและภาคกลางทำให้ เกิดปัญหาช่องว่างระหว่างการกระจายรายได้ระหว่างภูมิภาค โดยในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ กรุงเทพฯ และ ปริมณฑลมีส่วนแบ่งในผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ร้อยละ ๔๖.๙ ภาคตะวันออก ร้อยละ ๑๘.๕ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ ๙.๕ ภาคใต้ ร้อยละ ๘.๖ ภาคเหนือ ร้อยละ ๗.๗ และภาค ตะวนั ตก ร้อยละ ๕.๓ อย่างไรก็ดี แต่ละภูมิภาคมีศักยภาพในการสร้างการเติบโตและการแก้ปัญหาของพื้นที่ได้ เนือ่ งจากมีความใกลช้ ดิ และเข้าใจความต้องการที่แท้จริงโดยแตล่ ะภูมภิ าคมศี ักยภาพสรุปไดด้ ังนี้ ระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนอื (Northern Economic Corridor: NEC) การดำเนินการตาม โมเดลเศรษฐกิจ BCG มีศักยภาพช่วยให้ประชากรในพ้ืนทีภ่ าคเหนอื มีคุณภาพชีวิตที่ดขี ้ึน ด้วยการลดใช้ สารเคมีทางการเกษตรและลดปัญหาหมอกควันที่เกิดจากการเผาป่าเพื่อทำไร่ การเผาทำลายวัสดุเหลือ ใช้จากการปลูก การเผากำจัดวัชพืชในพื้นที่ โดยคาดว่าเกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากระบบเกษตร ปลอดภัย ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๑๐-๓๗ ต่อปี หรือคิดเป็นรายได้ ๗๒,๐๐๐ – ๒๖๐,๐๐๐ บาทต่อ ครัวเรือน/ปี และส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูง ทดแทนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งจะ สร้างมูลคา่ จากการจัดการขยะ สรา้ งรายได้จากเศรษฐกจิ หมุนเวยี นคดิ เปน็ มูลค่าไมน่ ้อยกวา่ ๑ พนั ลา้ นบาท ภายใน ๕ ปี นอกจากนี้ การดำเนินการตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG ในภาคเหนือจะส่งเสริมให้เกิดการ พฒั นาเศรษฐกจิ ตลอดห่วงโซ่คุณค่าของพืชสำคัญในพนื้ ท่ี เช่น กาแฟ ลำไย กลว้ ย และมะมว่ ง ต้ังแต่การ พัฒนาเกษตรกรในการเพาะปลูกแบบเกษตรอัจฉริยะ การแปรรูปขั้นต้นเพื่อเป็นอาหาร การแปรรูปข้ัน สูงเพื่อเป็นอาหารเสริม เป็นส่วนผสมของอาหาร รวมถึงการนำเรื่องราวและประวัติความเป็นมาของ ล้านนา (Creative Lanna) มาต่อยอดและสร้างเรื่องราว พัฒนาเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ และต่อยอดผ่าน สนิ คา้ และบรกิ ารตา่ ง ๆ เพือ่ เพ่มิ รายได้และลดความเหล่ือมลำ้ ของประชาชนในพืน้ ที่ ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Northeastern Economic Corridor: NEEC) การดำเนินการตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG โดยการพัฒนาระบบแก้ไขปัญหาและป้องกนั โรคพยาธิ ใบไม้ตับ จะช่วยขจัดปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับ ในประชากรกลุ่มเสี่ยงที่มีมากถึง ๘-๑๐ ล้านคน ภายใน ระยะเวลา ๑๐ ปี สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประเทศ นอกจากนี้เศรษฐกิจ BCG จะ ช่วยสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้กับภูมิภาค ผ่านระบบบริหารจัดการแหล่งน้ำขนาดเล็ก ทำให้การใช้น้ำ เพื่อการเกษตรกรรมมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์หรือผลิตภาพการใช้น้ำสูงขึ้น ในด้านสัตว์ (ร่าง) แผนปฏบิ ตั กิ ารดา้ นการขบั เคลอื่ นการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๓๔
เศรษฐกิจใหม่ ภายใต้เศรษฐกิจ BCG จะส่งเสริมการพัฒนาตลอดห่วงโซ่คุณค่าของสัตว์เศรษฐกิจใหม่ เช่น โคอีสานวากิว และแมลง การพัฒนาโคอีสานวากิวเป็นการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงแบบเกษตร อัจฉริยะ การพัฒนาอาหารสัตว์ เพื่อให้เกษตรกรสามารถเพาะเลี้ยงและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ในด้านแมลง จะส่งเสริมตั้งแต่การเพาะเลี้ยงแบบเกษตรอัจฉริยะ การแปรรูปเป็นอาหารเพื่อเป็นแหล่ง โปรตีนใหม่ของมนุษย์ การแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ การใช้แมลงในการกำจัดขยะอินทรีย์ การสกัด สารประกอบอินทรีย์ มูลค่าสูงจากแมลงเพื่อเป็นสารตั้งต้นในเวชสำอางและทางการแพทย์ ซึ่งสัตว์ เศรษฐกิจใหม่นี้จะช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของประชากรในภูมิภาค เช่น เกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีด และหนอนแมลงวนั ลายเป็นรายได้เสริม จะมีรายได้เฉล่ียเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า ๗ แสนบาทต่อครัวเรือน/ปี การมีแหล่งอาหารโปรตีนใหม่เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนในพื้นท่ี และการเชื่อมโยง เรื่องราวทางประวัตศิ าสตร์ วัฒนธรรม และความเชื่อพื้นเมืองริมฝัง่ โขงกับประเทศเพื่อนบ้านมาต่อยอด และพัฒนาดา้ นการท่องเท่ยี ว และบรกิ ารทเี่ ก่ียวเนอ่ื งเพ่อื สร้างรายได้ให้กบั คนในพื้นท่ีเพ่ิมเติม ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) เป็นพื้นที่ที่มี ความหลากหลายของผลผลติ ทางด้านการเกษตรโดยเฉพาะผลไมท้ ่ีมีชื่อเสยี งระดับโลกหลายชนดิ รวมถึง การเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศและมีเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ในการ ดำเนินการตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG จะส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าของผลไม้ ที่สำคัญ เช่น ทุเรียน ตั้งแต่การส่งเสริมเกษตรกรในการเพาะปลูกแบบเกษตรอัจฉริยะ การแปรรูปเพื่อ เป็นอาหาร การสกัดสารมูลค่าสูงในทุเรียนเพื่อใช้เป็นเวชสำอาง เป็นต้น นอกจากนี้จากการที่ภาค ตะวันออกเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมที่มีการเคลื่อนย้ายหมุนเวียนของประชากรในพื้ นที่ทั้งในและ ต่างประเทศจำนวนมาก จึงมุ่งส่งเสริมและพัฒนาตลอดห่วงโซ่คุณค่าของการท่องเที่ยวในพื้นที่ ทั้งด้าน การท่องเที่ยวทางธรรมชาติ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หรือแม้แต่การสร้างแหล่งและกิจกรรมการ ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ในลักษณะ Man-made ขึ้นมา เพื่อสร้างรายได้ให้กับทั้งเกษตรกรและประชาชน ในพนื้ ที่ มเี ป้าหมายใหป้ ระชากรในภาคตะวันออก มรี ายได้เพ่มิ ขึ้นไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๑๐ ตอ่ ปี ระเบยี งเศรษฐกจิ ภาคใต้ (Southern Economic Corridor : SEC) ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG จะทำการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ (Precision aquaculture) เน่อื งจากความต้องการของภาคอุตสาหกรรมอาหารมีความต้องการอาหารทะเลเพ่ิมข้นึ จำนวนมาก และ เรื่องความวิตกกังวลในประเด็นของไมโครพลาสติกในสัตว์น้ำ การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยในการ เพาะเลีย้ งสตั ว์นำ้ จะชว่ ยเพ่ิมมูลค่าและขยายโอกาสสง่ ออกใหก้ บั อาหารทะเล ชว่ ยทำใหอ้ ตุ สาหกรรมการ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น เช่น การพัฒนาเศรษฐกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าของ ปูทะเล ปูนิ่ม ตั้งแต่การเพาะเลี้ยงแบบเกษตรอัจฉริยะ การแปรรูปเพื่อเป็นอาหาร อาหารเสริม หรือ ส่วนผสมของอาหารตลอดจนการสกัดสารประกอบอินทรีย์จากกระดองปูเพื่อใช้ประโยชน์ใน อุตสาหกรรม นอกจากนี้ โมเดลเศรษฐกิจ BCG จะสนับสนุนการผลิตและบรกิ ารภายใต้หลักการฮาลาล เช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และการบริการการท่องเที่ยว ซึ่งจะ ช่วยสร้างโอกาสในตลาดมุสลิมซึ่งปัจจุบันประเทศไทยส่งออกอาหารฮาลาล ๑.๗๕ แสนล้านบาท อัตรา เติบโตร้อยละ ๑๒.๕ การดำเนินงานตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG จะมุ่งเน้นเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม และใช้แนวทางเศรษฐกิจแบ่งปัน ตลอดจนการยกระดับแหล่งท่องเท่ียวใน ๓ จังหวัดภาคใต้ให้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูง ผ่านการนำเสนอเรื่องราวของความเป็นปักษ์ใต้ยุคใหม่ และความ (ร่าง) แผนปฏิบตั กิ ารด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๓๕
หลากหลายทางด้านพหวุ ัฒนธรรมและศาสนาท่ีหลอมรวมเป็นหน่ึงเดียวในพ้ืนท่ี มีเปา้ หมายให้ประชากรใน ภาคใต้มรี ายไดเ้ พ่ิมขึ้นไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ ๓๐ ต่อปี หรอื เพมิ่ ขึน้ ไมน่ ้อยกว่า ๑ แสนบาทต่อครัวเรือนต่อปี อย่างไรก็ดี ปัญหาร่วมที่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและภูมิภาคยังต่ำกว่าศักยภาพ เกิดจาก การทำงานที่ต่างคนต่างทำ ผู้ที่อยู่ในเศรษฐกิจฐานรากอันประกอบด้วยชุมชน เกษตรกรและ ผู้ประกอบการขนาดเล็กขาดโอกาสและความสามารถในการนำความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมไป พัฒนาต่อยอดเพื่อการใชป้ ระโยชน์จากความหลากหลายทางชวี ภาพได้อยา่ งเตม็ ศักยภาพ และขาดกลไก การกระจายผลประโยชนอ์ ยา่ งเป็นธรรมใหก้ บั ผู้ท่ีเกี่ยวข้องตลอดหว่ งโซ่คณุ คา่ ๓.๑.๓ สถานการณ์ของการพัฒนาเศรษฐกจิ BCG เศรษฐกิจของประเทศไทยที่ยึดโยงกับฐานทรัพยากรจากความหลากหลายทางชีวภาพ ประกอบด้วย ๔ สาขายุทธศาสตร์ คือ การเกษตรและอาหาร สุขภาพและการแพทย์ พลังงาน วัสดุ และเคมชี ีวภาพ และการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ มลู ค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ (GDP) ของ ๔ สาขายทุ ธศาสตร์มมี ลู คา่ รวม ๓.๔ ล้านลา้ นบาท คดิ เป็นร้อยละ ๒๑ ของ มูลค่า GDP โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องมากกว่า ๑๖.๕ ล้านคน หรือประมาณครึ่งหนึ่งของการจ้างงานรวมของ ประเทศ และสาขาเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งเป็นสาขาสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการ สนับสนนุ การพัฒนาทยี่ ง่ั ยนื ๑) เกษตรและอาหาร ภาคเกษตรเกี่ยวข้องกับเกษตรกรมากกว่า ๑๒ ล้านคน แต่มากกว่าร้อยละ ๙๐ ของพื้นที่ เพาะปลูกของประเทศไทยปลูกพืชเพียง ๖ ชนิด คือ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด และ ปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาสินค้าเกษตรมีความผันผวนตามสภาพภูมิอากาศและอุปทาน ในตลาดโลก ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ต่ำ การเพิ่มรายได้ของเกษตรกรด้วยการเพิ่ม ปริมาณผลผลิตนั้น ต้องแลกด้วยการใช้ทรัพยากรเป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดความเสื่อมโทรมของทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม ไมส่ อดคลอ้ งกบั โครงสรา้ งของแรงงานภาคเกษตรท่ีมีอายุเฉล่ยี สงู ขน้ึ การพฒั นาสาขาเกษตรเป็นหน่ึงในสาขาของการพฒั นาเศรษฐกิจชีวภาพแต่เป็นรูปแบบท่ี สร้างมูลค่าเพิ่มน้อย เป็นการผลิตเน้นปริมาณ การแข่งขันด้วยราคา ขณะที่การพัฒนาเศรษฐกิจ หมุนเวียนและเศรษฐกจิ สเี ขียวยังไมไ่ ดร้ ับความสำคัญมากนัก ดงั จะเหน็ ได้จากการนำเศษวัสดุท่ีเหลือ ท้งิ กลับมาใช้ประโยชน์น้อย ในกระบวนการผลติ สินค้าเกษตรมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็นร้อยละ ๑๕ ของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม โดยการปลูกข้าวเป็นสาขาที่มีการปล่อยก๊าซเรือน กระจกประมาณครึ่งหนึ่งของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการเกษตร (สำนักงานพัฒนารัฐบาล ดิจิทลั (องค์การมหาชน) ,๒๕๖๔) อย่างไรก็ดี ประเทศไทยมีโอกาสยกระดับสินค้าเกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูง ด้วยการยกระดับ ผลผลิตทางการเกษตรให้มีคุณภาพ มีความปลอดภัย และสร้างมาตรฐานเพื่อจัดแบ่งประเภทของสินค้า ตามคุณภาพ เพื่อสร้างความแตกต่าง คุณค่าและมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตร เช่น เนื้อวัว ทั่วไปมรี าคาจำหนา่ ย ๒๕๐ บาท/กิโลกรัม แต่เนื้อววั โพนยางคำราคา ๗๕๐ บาท/กิโลกรัม จงึ เปน็ วธิ ีการ เปลี่ยนรูปแบบจากการ “ผลิตมากแต่สร้างรายได้น้อย” (More for less) ไปสู่การผลิตสินค้าพรีเมียมท่ี “ผลิตน้อยแต่สร้างรายได้มาก” (Less for more) ใช้เทคโนโลยี Internet of things (IoTs) ในการ (รา่ ง) แผนปฏบิ ัตกิ ารด้านการขับเคลื่อนการพฒั นาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๓๖
ควบคุมการเพาะเลี้ยง เพาะปลูกช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิผลการเกษตรให้สูงขึ้น ทั้งยังเป็นการ รักษาเสถียรภาพของสินค้าเกษตรบนพื้นฐานของความหลากหลายทางชีวภาพ นอกจากนี้ ประเทศ สามารถเพิ่มความหลากหลายของสินค้าเกษตรเศรษฐกิจอื่น ๆ อาทิ สมุนไพร ผลไม้ เมล็ดพันธุ์ ไม้ดอก ไม้เศรษฐกิจ ไผ่ แมลง และแพะ เป็นต้น รวมไปถึงการการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรด้วยการดึง สารสำคญั หรือคุณสมบัติพิเศษที่มีอยู่ในสินคา้ เกษตรและพืชสมุนไพรเพ่ือเปล่ยี นจากการ “ขายเป็นตัน” เป็นการ “ขายเป็นกิโลกรัม” หรือกรัม เป็นอีกแนวทางที่สำคัญ ตัวอย่างเช่น สารสกัดจากข้าวราคา ๒,๔๐๐ บาท/กโิ ลกรัม และสารสกัดแคปไซซินจากพริกราคา ๓๐,๐๐๐ บาท/กิโลกรมั อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากภาคการเกษตร ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ สร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ๖.๒๕ แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔ ของ GDP ประเทศไทยมีโรงงานแปรรูปอาหารและเครื่องดื่มมากถึง ๕๓,๖๔๒ แห่ง (กรมโรงงานอุตสาหกรรม, ๒๕๖๒) สร้างรายได้ ๓ ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายในประเทศ ๒ ล้านล้านบาท และ สง่ ออก ๑ ล้านล้านบาท โดยประเทศไทยเปน็ ผสู้ ง่ ออกอาหารอนั ดับที่ ๑๑ ของโลก สินคา้ หลักทีป่ ระเทศ ไทยส่งออกได้แก่ ข้าว อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลไม้สดและแปรรูป ไก่สดและแปรรูป และ ผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง และเป็นอันดับที่ ๒ ของเอเชีย รองจากจีน แม้ในช่วงการระบาดของโรคโควิด- ๑๙ มูลคา่ ผลิตภณั ฑ์อาหารของไทยยังคงมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น เนอ่ื งจากมีภาพลักษณท์ ด่ี ีของการเป็นแหล่ง ผลิตอาหารทม่ี ีคุณภาพและความปลอดภัย การพัฒนาอาหารมุง่ เนน้ การแปรรูปสู่ผลิตภณั ฑ์ท่ีมีข้ันนวัตกรรมสูงขึ้น แตส่ ำหรับการผลิต อาหารพื้นบ้าน ผู้ประกอบการร้านอาหารริมทางมากกว่า ๑ แสนราย ส่วนใหญ่ยังมีปัญหาในการควบคุม คุณภาพมาตรฐาน ความปลอดภัย มลพิษทั้งควันและน้ำทิ้งที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของอาหารไทย สำหรับผปู้ ระกอบการรายใหญ่ท่ีมีความพร้อมไดป้ รับธรุ กจิ ไปสู่การผลิตอาหารเพื่อสขุ ภาพ ซึ่งเป็นกลุ่มท่ี มีอัตราการเติบโตสูง ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ มูลค่าตลาดของผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดืม่ เพื่อสุขภาพอยู่ที่ ๒ แสนลา้ นบาท ผลติ ภณั ฑท์ ่ตี ลาดตอ้ งการ คอื กลุ่มอาหารฟังก์ชัน (Functional food) อาทิ อาหารท่ีมี สว่ นชว่ ยเพ่ิมภูมิคุ้มกันโรค บำรงุ สมอง ลดความเสื่อมของระบบตา่ ง ๆ ภายในร่างกาย ๒) สขุ ภาพและการแพทย์ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพประมาณ ๔ แสนล้านบาท โดย คาดการณ์ว่าค่าใช้จา่ ยด้านสุขภาพจะเพิม่ เปน็ ๑.๔ ล้านล้านบาท เมื่อประเทศไทยก้าวสู่สังคมสูงวยั โดย สมบูรณ์ ในแต่ละปีประเทศไทยนำเข้าผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรมรวมกันกว่า ๑ แสนล้านบาท ซึ่ง ๓ ใน ๔ ส่วนเป็นการนำเข้ายารักษาโรค ทั้งนี้ประเทศไทยมีความสามารถเพียงการผลิตยาสำเร็จรปู ในกลุ่มยาสามัญ (Generic drugs) โดยนำเข้าวัตถุดิบสำคัญมาผลิตเป็นยาสำเร็จรูปในรูปแบบต่าง ๆ (ประมาณร้อยละ ๙๐ ของยาที่ผลิต) กลุ่มยาที่มีมูลค่าการผลิตสูงสุด ได้แก่ กลุ่มยาแก้ปวด/แก้ไข้ ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ผลิตยาแผนปัจจุบันที่ได้รับมาตรฐานการผลิต (Good Manufacturing Practice: GMP) จำนวน ๑๖๑ ราย (ข้อมลู ณ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑) แตม่ ผี ปู้ ระกอบการเพยี งรายเดียว ที่ผลิตชีววัตถุคล้ายคลึง (Biosimilars) ได้ ส่งผลให้ประเทศไทยต้องนำเข้ายาชีววัตถุประมาณ ๒ หมื่น ล้านบาท ผลของการพึ่งพาการนำเข้าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มชีวเภสัชภัณฑ์ (Biopharmaceutical) เช่น วคั ซีน โปรตีนเพือ่ การรักษา และแอนตบิ อดี เป็นผลติ ภณั ฑ์ท่ีมรี าคาสูงมาก เชน่ ยา Pembrolizumab (รา่ ง) แผนปฏบิ ตั กิ ารด้านการขบั เคลอื่ นการพฒั นาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๓๗
ที่ใช้รักษาโรคมะเร็งหลายชนิด มีค่าใช้จ่าย ๑.๕ แสนบาทต่อครั้ง ซึ่งผู้ป่วยต้องรับยาทุก ๓ สัปดาห์ ตดิ ต่อกันเปน็ เวลา ๒ ปี จึงส่งผลต่อความสามารถในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ด้วยความพร้อมของการบริการที่ดีมีมาตรฐาน บุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ ประเทศ ไทยจึงมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการให้บริการทางการแพทย์และสุขภาพอันดับต้น ๆ ของเอเชีย โดยเฉพาะการให้บริการแก่กลุ่มนักท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Tourists & medical tourism) ซึ่งมีจำนวนรวมกันประมาณร้อยละ ๗๐ ของตลาดผู้ป่วยต่างชาติ ผลการจัดอันดับของ Global Wellness Institute พบว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของประเทศไทยติดอันดับ ๑๓ ของโลก สร้างรายได้มากกว่า ๙.๔ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ The International Healthcare Research Center (IHRC) ระบุว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของประเทศไทยติดอันดับ ๖ ของโลก (สำนักงานส่งเสริมการจัดประชมุ และนิทรรศการ (องค์การมหาชน), ๒๕๖๑) ยิ่งไปกวา่ นั้น การ ได้รับการจัดอันดับเป็นประเทศที่ดีด้านดัชนีการฟื้นตัวจากการระบาดของโรคโควิด-๑๙ (Global Recovery Index) เป็นสิ่งที่สะท้อนความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุขของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นจุด แข็งสำคัญของประเทศ นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางการวิจัยทางคลินิกซึ่งมี ความสำคัญมาก สำหรับการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์สุขภาพ โดยในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ประเทศไทยมีรายได้จากการวิจัยทางคลินิกมากถึง ๘.๘ พันล้านบาท ทั้งนี้หากมีการบริหาร จัดการท่ีดี รายได้ดงั กล่าวมโี อกาสเพิ่มขึน้ เป็นเทา่ ตวั การเติบโตของธุรกิจการให้บริการทางด้านสุขภาพเป็นปัจจัยส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการผลิต เครื่องมือแพทย์ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ประเทศไทยอยู่ในสถานะเกินดุลการค้าเครื่องมือ แพทย์ โดยมูลคา่ การส่งออกอยู่ที่ ๑ แสนล้านบาท ซึ่งสงู กวา่ มลู ค่าการนำเข้าท่มี ีประมาณ ๗ หมื่นล้านบาท และเป็นประเทศที่มีการค้าเครื่องมือแพทย์สูงที่สุดในอาเซียน มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ ๘-๑๐ สูง กว่าค่าเฉลี่ยโลกที่มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ ๕.๒ ประเทศไทยมีผู้ประกอบการผลิตเครื่องมือแพทย์ รวมทั้งส้ิน ๑,๕๘๖ ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ร่วมลงทนุ กับต่างประเทศ ส่วนมากเป็น การผลิตเพื่อส่งออกในกลุ่มวัสดุทางการแพทย์ที่ใช้แล้วทิ้งถึงร้อยละ ๘๔ อาทิ แอลกอฮอล์ ผ้าก๊อซ เข็ม ฉดี ยา สบลู่ ้างมือ สเปรยล์ ้างมือ หนา้ กากอนามยั แว่นตาป้องกัน เปน็ ตน้ ขณะที่การนำเข้าส่วนใหญ่เป็น กลุ่มครุภัณฑ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องอัลตราซาวด์ เครื่องเอกซเรย์ เครื่องมือทางจักษุ ประเทศคู่ค้าท่ี ไทยนำเข้ามากท่ีสุดคอื สหรฐั อเมรกิ า เยอรมนี และจนี ตามลำดบั สะทอ้ นให้เหน็ ถึงการขาดความพร้อม ดา้ นนวตั กรรมของประเทศ การเข้าสู่สังคมสงู อายุ ความเอาใจใส่ในความงามของผูบ้ ริโภคในทุกกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ท่ีมีอัตรา การเติบโตสงู คือผลติ ภัณฑท์ ี่มีส่วนผสมจากธรรมชาติและผลติ ภัณฑ์ออร์แกนกิ (สำนักงานสง่ เสริมการจัด ประชมุ และนทิ รรศการ, ๒๕๖๑) สง่ ผลให้ตลาดเครือ่ งสำอางมีมูลค่าประมาณ ๓ แสนล้านบาทในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ (ฐานเศรษฐกิจ, ๒๕๖๓) มีผู้ประกอบการเครื่องสำอางมากกว่า ๑,๘๐๐ ราย โดยร้อยละ ๙๐ เป็นผู้ประกอบการที่เป็น SMEs จึงเสียเปรียบผู้ประกอบการรายใหญ่หรือผู้ประกอบการต่างชาติที่มี ความพร้อมด้านเทคโนโลยีที่สูงกว่า ยิ่งไปกว่านั้นประเทศไทยยังประสบปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ โดยเฉพาะในกลมุ่ พชื สมุนไพรทง้ั ในเชิงปรมิ าณ คุณภาพและมาตรฐาน ๓) พลังงาน วัสดุ และเคมชี ีวภาพ พลังงานเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลือ่ นเศรษฐกิจของทุกประเทศ ประเทศไทยจึงจำเป็นต้อง จัดหาแหล่งพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศในระยะยาว ซึ่งก่อนการจัดทำแผนพัฒนา (รา่ ง) แผนปฏบิ ตั กิ ารดา้ นการขบั เคลือ่ นการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๓๘
พลังงานทดแทน พ.ศ. ๒๕๕๑ ประเทศไทยนำเข้าพลังงานในสัดส่วนร้อยละ ๖๐ ของความต้องการใช้ พลังงานภายในประเทศ ซึ่งสัดส่วนการนำเข้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศไทยมี ศักยภาพในการผลิตพลังงานทดแทนในระดับสูง เนื่องจากมีผลผลิตทางการเกษตร ขยะ และของเสีย จากกระบวนการผลติ จำนวนมาก ท่เี อื้อต่อการผลิตเปน็ พลังงานทดแทนให้เพิม่ ขึ้นจากร้อยละ ๑๖.๕ ใน ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นร้อยละ ๓๐ ของปริมาณการใช้พลังงานภายในปี พ.ศ. ๒๕๘๐ ตามแผนพัฒนา พลังงานทดแทนและพลงั งานทางเลอื ก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ อย่างไรก็ดี การผลิตพลังงานทดแทนให้ได้เพิ่มขึ้นนั้นต้องการการพัฒนานวัตกรรมการผลิต พลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถรองรับของเสียที่หลากหลายท้ังชนิดและคุณสมบัติ เช่น ขยะจาก อุตสาหกรรม ครัวเรือน รวมถึงของเหลือทิ้งทางการเกษตร ของเสียเหล่านี้เป็นทรัพยากรที่สามารถนำ กลับมาใช้ใหม่ในรูปของแหล่งพลังงานหมุนเวียนหรอื พลังงานทดแทน (Renewable energy) เช่น การ ผลิตเช้ือเพลิงจากขยะ (Refuse derived fuel; RDF) ก๊าซชีวภาพ ที่นำไปสู่การสร้างโรงไฟฟ้าชมุ ชนท่มี ี แหล่งพลังงานทดแทนในพื้นที่ เช่น พลังงานจากแสงอาทิตย์ ชีวมวล (รวมขยะ) ที่เพียงพอ โรงไฟฟ้า ชุมชนสามารถสร้างรายได้จากการขายไฟฟ้าผ่านการเชื่อมต่อระบบด้วย Smart microgrid และใช้ เทคโนโลยี Blockchain เป็นแพลตฟอร์มในการบริหารจัดการ ทั้งนี้จำเป็นต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยี และระบบการจัดเก็บพลังงาน (Energy storage system) เนื่องจากมีความสำคัญต่อเสถียรภาพของ ระบบไฟฟ้าทผ่ี ลติ จากพลงั งานทดแทน ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ (Biobased products) เป็นผลิตภัณฑ์สกัดจากวัตถุดิบธรรมชาติ เป็นมิตร ตอ่ สิ่งแวดล้อม มคี วามต้องการของตลาดสูง ผลติ ภณั ฑ์ชวี ภาพหลายประเภทสามารถทดแทนผลิตภัณฑ์ท่ี ผลติ จากปโิ ตรเลียมได้ มีการคาดการณ์ว่าตลาดผลิตภัณฑ์ชีวภาพจะเพิ่มจาก ๔ แสนล้านเหรียญสหรัฐ ใน ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็น ๔.๘๗ แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๗ จึงเป็นโอกาสสำหรับประเทศไทยใน การสร้างมูลค่าเพิ่มอีกหลายเท่าตัว เช่น ชานอ้อยกิโลกรัมละ ๑ บาท เมื่อพัฒนาเป็นสารประกอบที่ใช้ใน การผลติ เครื่องสำอางและอาหาร มูลค่าจะเพ่ิมเป็นกิโลกรัมละ ๒๖๐ บาท และเพ่ิมเป็นกโิ ลกรัมละ ๑,๐๐๐ บาท เมื่อพัฒนาเป็นสารประกอบในการผลิตยา หรือใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) หรือการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยจากภาคอุตสาหกรรมหรือการผลิตก๊าซ ชีวภาพ ไปใช้ในการเพาะเล้ียงสาหร่าย การนำชีวมวลไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย หรือใช้เป็น วัตถุดิบในการผลิตไบโอเมทานอล (Biomethanol) ที่ใช้ในการผลิตไบโอดีเซล รวมทั้งใช้เป็น โครงสร้างเริ่มต้น (Building block) ในการผลิตสารเคมี หรือชีวเคมีมูลค่าสูงหลายชนิด ซึ่งวิธีการ ข้างต้นเป็นการปรับเปลี่ยนจากระบบ “เศรษฐกิจเชิงเส้นตรง” (Linear economy) คือ ใช้ทรัพยากร ผลิตสินค้า ใช้งานและกำจัด (Take-make-use-dispose) มาเป็นระบบ “เศรษฐกิจหมุนเวียน” (Circular Economy) ได้อย่างสมบูรณ์ ผา่ นกระบวนการผลิตสินค้า ใช้งาน และนำกลบั มาใช้ใหม่หรือ ใช้เป็นวัตถุดิบรอบที่สอง (Make-use-return/recycle) อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมดังกล่าว เป็นอุตสาหกรรรมที่ต้องใช้นวัตกรรมเข้มข้น และถือเป็นอุตสาหกรรมใหม่สำหรับประเทศไทยท่ี จำเป็นต้องดำเนินการทั้งในส่วนของการเร่งรัดพัฒนาความสามารถทางเทคโนโลยี ทั้งในส่วนของการ พัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบและเทคโนโลยีการขยายขนาดการผลิตซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยยังขาด ความ ชำนาญ (ร่าง) แผนปฏบิ ัตกิ ารด้านการขบั เคลอื่ นการพฒั นาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๓๙
๔) การทอ่ งเท่ยี วและเศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์ ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายของระบบนิเวศ ทำให้ ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเทยี่ วท่ีมีชื่อเสียงและเป็นจดุ มุ่งหมายของนักท่องเที่ยวทว่ั โลก ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยว ๓ ล้านล้านบาท โดยรายไดจ้ ากนกั ท่องเทีย่ วจำนวน ๒ ล้านล้าน บาท มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ ๔๐ ล้านคน (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ๒๕๖๓) แต่ รายได้ดังกล่าวกระจุกตัวอยูใ่ นบางพื้นทีเ่ ทา่ นั้น (ร้อยละ ๘๐ กระจุกตัวอยูเ่ พียง ๘ จังหวัด) ผลที่ตามมา คือ ภาวะจำนวนนักท่องเที่ยวเกินขีดความสามารถในการรองรับ (Carrying capacity) ของแหล่ง ทอ่ งเทีย่ ว ทำให้ทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อมได้รบั ความเสียหาย กระทบตอ่ วถิ ชี ีวติ วัฒนธรรมอัน ดงี ามของท้องถ่ิน เกิดการแย่งชงิ ทรัพยากรจากคนในพ้ืนที่ จึงจำเปน็ ต้องฟน้ื ฟูทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ที่เสื่อมโทรมในแหล่งท่องเที่ยวเดิมอย่างเร่งด่วน รวมทั้งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่โดยกระจายแหล่ง ท่องเที่ยวสู่เมืองรอง ด้วยการบริหารจัดการที่ดี การให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน (Sustainable tourism) การชูอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ เชื่อมโยงกับจุดแข็งของประเทศ เช่น การ สง่ เสริมการท่องเท่ียวเชิงเกษตร การพัฒนาแหล่งท่องเท่ยี วคารบ์ อนต่ำ และการท่องเท่ียวเชงิ ความรู้ ซึ่ง การท่องเท่ียวเหล่านี้ไม่เพียงทำให้เกิดกระจายรายได้สู่ชุมชนยังเป็นการเชื่อมโยงสู่ภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ เป็นการสรา้ งตวั คณู ทางรายไดอ้ ย่างย่งั ยืน การบรหิ ารจัดการการท่องเที่ยวท่ีมีประสทิ ธิภาพทง้ั ระบบด้วย เทคโนโลยีที่เหมาะสม สามารถเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่อรายให้สูงขึ้นมาก นอกจากนี้ การ พัฒนาระบบการชำระเงินทางออนไลน์ (Public payment gateway) สำหรับการท่องเที่ยวเพื่อให้ได้ ข้อมูลการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเพื่อนำมาใช้ในการวางแผนบริหารจัดการการท่องเที่ยวยุคใหม่ สามารถบูรณาการ One payment system อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวในการใช้บัตรหรือ ระบบจา่ ยเงนิ ระบบเดียว เพ่ือเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ใชบ้ รกิ ารรถโดยสารสาธารณะ และอนื่ ๆ ได้ทำให้ทราบ ถงึ ขอ้ มูลการใช้จา่ ย พฤตกิ รรมและเสน้ ทางการเดินทางภายในประเทศของนักท่องเทย่ี ว (Big data) โดย อ้อม เป็นการใช้ประโยชน์ข้อมูลที่ได้ในการบริหารจัดการ การสร้างกิจกรรมส่งเสริมการขายและการ ใหบ้ ริการ โดยรัฐสามารถรว่ มลงทนุ กับภาคธุรกจิ การท่องเท่ียว การโรงแรม และธุรกจิ บรกิ ารที่เก่ียวข้อง ได้อย่างครบวงจร ๕) สาขาเศรษฐกิจหมนุ เวียนและเศรษฐกิจสเี ขยี ว เศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นประเด็นยทุ ธศาสตร์หลักทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับ ๔ ยุทธศาสตร์เป้าหมายของ โมเดลเศรษฐกิจ BCG ได้แก่ เกษตรและอาหาร สุขภาพและการแพทย์ พลังงาน วัสดุและเคมีชีวภาพ การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยเศรษฐกิจหมุนเวียนได้รับการยอมรับว่าจะช่วยสร้างการ เติบโตทางเศรษฐกิจของโลกเพิ่มขึ้นประมาณ ๔.๕ ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยใช้ทรัพยากรที่น้อยลง รวมถงึ เปน็ การสร้างสงั คมแห่งความยง่ั ยนื ประเทศไทยอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ด้วยตระหนักว่าเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นระบบเศรษฐกิจที่เน้นคุณค่าและทำให้มนษุ ย์อยู่กับธรรมชาติได้ อย่างสมดุล ส่งเสริมการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืนซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยให้ประเทศบรรลุความตกลง ปารีส (Paris Agreement) ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และที่สำคัญเป็นโอกาสสำหรับ เศรษฐกิจใหม่ สร้างรายได้และเพิ่มการจา้ งงาน ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ เศรษฐกิจหมุนเวียน (รา่ ง) แผนปฏิบัตกิ ารด้านการขับเคล่ือนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๔๐
จะช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย ไม่น้อยกว่า ๔ แสนล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน ประมาณรอ้ ยละ ๒ ของ GDP อย่างไรก็ดี การนำเศรษฐกิจหมุนเวียนมาปรับใช้มีประเด็นที่เป็นความท้าทาย อาทิ ประสิทธิภาพของการใช้ทรัพยากรพื้นฐาน (ชีวมวล โลหะ อโลหะ และพลังงานฟอสซิล) ต่อการพัฒนา เศรษฐกิจของไทยยังต่ำ ปัญหาด้านประสิทธิภาพการบริหารจัดการของเสีย พฤติกรรมการไม่คัดแยก ขยะต้นทางของประชาชนเป็นคอขวดของการนำทรัพยากรมาหมุนวนใช้ใหม่ ปัญหาต้นทุนสิ่งแวดล้อม และต้นทุนทางสังคมเพื่อการจัดการปัญหามลพิษและผลกระทบที่เกิดขึ้นเพิ่มขึ้นทุกปี ภาคเกษตรและ อาหารยังมีปัญหาการสูญเสียอาหาร (Food loss) และขยะอาหาร (Food waste) นวัตกรรมและ เทคโนโลยีที่จะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจหมุนเวียนยังมีไม่มากนัก หรือเทคโนโลยีที่มีอยู่ แล้วยังไม่ถูกเชื่อมโยงสู่ผู้ใช้ อาทิ ข้อมูลเชิงลึกทางสิ่งแวดล้อม เช่น การวิเคราะห์การไหลของวัสดุ (Material flow analysis: MFA) การประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life cycle assessment: LCA) รวมถึงการพัฒนาตัวชี้วัดประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร ปัญหาอุปสรรค ด้านกฎระเบียบที่ไม่เอื้อ ตอ่ การพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวยี น ตลาดเศรษฐกิจหมนุ เวียนยงั มจี ำกัดโดยเฉพาะตลาดในประเทศ แม้ว่า เศรษฐกจิ หมนุ เวียนจะช่วยทำใหเ้ กิดตลาดใหม่สำหรับธรุ กิจเพื่อส่ิงแวดล้อมและความย่ังยืน ความท้าทาย สำคัญซึ่งนับได้ว่าเป็นปัจจัยของความสำเร็จของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนคือ การ ปรับเปลีย่ นทัศนคตแิ ละการเปล่ียนแปลงพฤตกิ รรมของผผู้ ลิตและผบู้ รโิ ภคให้เข้าใจว่าขยะ/ของเสีย คือทรัพยากรที่ยังสามารถหมุนเวียนใช้ประโยชน์ได้ หากมีการแยก จัดเก็บ หมุนเวียน และใช้ ประโยชน์ รวมถึงทำให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคยอมรับในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิ จ หมุนเวยี น เพอ่ื สรา้ งตลาดเศรษฐกิจหมนุ เวยี น สำหรับเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) การดำเนินการอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่เป็นสิ่งท่ี ประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งรัดการพัฒนาเนื่องจากประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะสหภาพยุโรปมีความตื่นตัว และเริ่มมีการนำมาตรการทางสิ่งแวดล้อมมาใช้เป็นมาตรการกีดกันทางการค้ามากขึ้น ในฐานะที่ ประเทศไทยเป็นส่วนของสายโซ่อุปทานของโลกและพึ่งพาการส่งออก จงึ มคี วามจำเป็นทีต่ ้องปฏิบัติตาม เงื่อนไขดังกล่าวโดยเฉพาะการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และปรับเปลี่ยนระบบการผลิตให้ไมส่ ่งผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อการรักษาความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงสามารถใช้เป็นจุดแข็งในการ ดึงดดู การลงทุนจากบริษัทท่ใี ห้คณุ ค่ากบั เศรษฐกจิ สีเขยี ว ๓.๑.๔ ประเด็นท้าทายต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG ในเชิงเปรียบเทียบเศรษฐกิจ BCG ของประเทศไทยมีอัตราการขยายตัวช้ากว่าเศรษฐกิจใน ภาพรวม โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่นับรวมสาขาการท่องเที่ยว อัตราการเติบโตที่ช้ามาจากสาเหตุหลักคือ ภาคการผลิตของประเทศไทยยังคงใช้ใช้เทคโนโลยีพื้นฐาน ผลิตภัณฑ์และบริการถูกทดแทนได้ง่าย จึง สูญเสียตลาดให้กับประเทศที่มีความได้เปรียบด้านตน้ ทุนโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเกษตร แม้ว่าที่ผ่านมา ภาคการท่องเที่ยวถือเป็นจักรกลขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่รายได้จากการทอ่ งเที่ยวของไทยพึ่งพา นักท่องเที่ยวต่างชาติมากถึง ๒ ใน ๓ จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-๑๙ ส่งผลให้รายได้ในส่วนน้ี ลดลงมาก ดังนั้น การเติบโตของประเทศไทยในยุคหลังโควิด-๑๙ จึงต้องหาแหล่งรายได้ใหม่โดยอาศัย นวัตกรรมและความรู้ใหม่เป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ เนื่องจากมีศักยภาพที่จะพัฒนา (รา่ ง) แผนปฏิบตั กิ ารดา้ นการขบั เคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๔๑
เศรษฐกิจและสังคมได้สูงขึ้นถึงร้อยละ ๕๐-๘๐ ของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Mair & Marti, ๒๐๐๖) การเติบโตของเศรษฐกจิ ทีช่ ้าสง่ ผลให้รายได้ต่อหัวของประชากรไทยมีคา่ เฉล่ยี ๒.๔ แสนบาท/ปี ต่ำกว่ารายไดเ้ ฉล่ียของโลกถงึ ประมาณ ๔ เท่า ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ รอ้ ยละ ๔๐ ของจำนวนประชากรมรี ายได้ เฉลี่ยต่อเดือน ๕,๒๐๐ บาท ซึ่งไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ จึงเป็นเหตุให้รัฐบาลมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ ในการจัดสวสั ดิการใหก้ บั ผู้ทีม่ รี ายได้นอ้ ยที่ถอื บตั รสวัสดกิ ารแห่งรฐั ๑๔ ลา้ นคน ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ (ร้อย ละ ๑๖.๕ ของจำนวนประชากรรวม) เพิม่ ขนึ้ จาก ๑๑.๔ ลา้ นคน ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ (สำนกั งานเลขาธกิ าร นายกรัฐมนตรี, ๒๕๖๑) 12% 10% 6% 9% 6% 5% 8% 4% 8% 6% 1% 2% 6% 2560 2561 4% 4% 2559 2% 0% 0% 2558 -2% -4% -6% อัตราก-า5รข%ยายตวั ของ GDP อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ BCG อตั ราการขยายตัวของเศรษฐกิจ BCG (ไมร่ วมทอ่ งเทีย่ ว) รูปที่ ๒ : อัตราการขยายตัวของเศรษฐกจิ BCG ท่มี า : ประเมนิ โดยอ้างอิงข้อมลู จากสำนกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ กระทรวงการท่องเทย่ี วและกีฬา กรมพฒั นาพลงั งานทดแทนและอนรุ ักษ์พลังงาน ความท้าทายสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจไทยในทศวรรษหน้า คือ ความผันผวนทาง เศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การระบาดของโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้ำ การแปรปรวนของ สภาพภมู ิอากาศ รวมถงึ การลดลงของทรัพยากร ด้วยเหตนุ ้ี การพัฒนาจงึ ตอ้ งมุ่งสกู่ ารพัฒนาอย่างสมดุล มากขึน้ ทั้งทางด้านเศรษฐกจิ สังคม และสิง่ แวดลอ้ ม และเปล่ียนจากแรงกดดันหรือข้อจำกัดเป็นพลังใน การขับเคลื่อน เพื่อให้เกิดการเร่งรัดพัฒนาความสามารถในการฟื้นตัว (Resilience) หรือการสร้าง ภูมคิ ุ้มกันตอ่ การเปลีย่ นแปลงจากภายนอกได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพในเวลาอนั รวดเร็ว (ร่าง) แผนปฏิบัตกิ ารด้านการขบั เคล่ือนการพฒั นาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๔๒
๑) การดำรงไวซ้ ่งึ ความหลากหลายทางชีวภาพ และความอุดมสมบรู ณ์ของทรัพยากร การมุ่งเน้นสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้การใช้ทรัพยากรธรรมชาติขาดความ ระมัดระวงั และสร้างปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม พื้นทีป่ า่ ไมถ้ ูกทำลายไปถงึ ๖๗ ล้านไรใ่ นช่วง ๔๐ ปี ทำใหเ้ หลือ พน้ื ท่ีปา่ เพยี งร้อย ๓๓ ของพ้ืนท่ีประเทศ กอ่ ใหเ้ กิดปญั หานำ้ ท่วม นำ้ แล้ง และเกดิ ภัยธรรมชาติบ่อยคร้ัง และมีความรุนแรงเพมิ่ ขึ้น เชน่ เดียวกบั ป่าชายเลนท่ีลดความอุดมสมบรู ณจ์ ากจำนวน ๒.๓ ลา้ นไร่ เหลือ ๑.๗ ลา้ นไร่ ส่งผลใหป้ ริมาณสตั วน์ ำ้ ลดลง ๓ เท่า เนอ่ื งจากสญู เสียแหล่งอนุบาลสตั ว์นำ้ นอกจากนี้แหล่ง ปะการัง หญ้าทะเลเกิดความเสื่อมโทรมลงไปมาก ความหลากหลายทางชีวภาพหลายชนิดสูญพันธุ์ อีก จำนวนหนึ่งเส่ยี งต่อการสูญพันธ์ุ จากกิจกรรมของมนุษย์ คุณภาพของสง่ิ แวดล้อมเส่ือมโทรมลงมากจาก การขาดกลไกการจัดการและควบคมุ กระบวนการควบคุม กระบวนการผลติ การจัดเกบ็ และการขนส่ง ทำให้เกดิ การแพร่กระจายของมลพิษสสู่ ิ่งแวดล้อม และปนเป้อื นสหู่ ว่ งโซ่อาหาร และแหล่งน้ำสาธารณะ ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในสภาพแวดล้อม (สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ, ๒๕๕๗) ดังน้ัน จึงจำเปน็ ตอ้ งเร่งรัดการปกป้อง คุ้มครองทรพั ยากรและความหลากหลายทางชวี ภาพเพอ่ื ความยั่งยืนของ ฐานทรัพยากรของประเทศ ๒) ปรับเปลย่ี นอุตสาหกรรมภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ไปสู่อุตสาหกรรมทใี่ ช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นฐานในการพัฒนา ที่ผ่านมาเศรษฐกิจ BCG ใช้รูปแบบการผลิตแบบเดิม เกษตรกรใช้เทคโนโลยีทดแทน แรงงานในกระบวนการผลิต มกี ารรวมกลมุ่ การบรหิ ารจดั การทรัพยากร/ปัจจยั การผลิต และการบริหาร จดั การดา้ นการตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมจี ำนวนรวมกนั ประมาณ ๑ ล้านคน หรือ คิดเป็นร้อยละ ๑๐ ของจำนวนแรงงานในภาคเกษตร ผลจากการใช้เทคโนโลยีสมัยใหมใ่ นวงจำกัดส่งผล ให้ประสิทธิภาพของแรงงานไทยต่ำกว่าแรงงานประเทศมาเลเซีย ๖ เท่าตัว (Knoema.com) ตามมาด้วย การมีผลผลิตต่อพื้นที่ต่ำกว่าและต้นทุนสูงกว่าประเทศคู่แข่ง เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ไทยสูญเสียตลาด โดยเฉพาะสนิ ค้าเกษตรที่แข่งขันดว้ ยราคา เช่น ข้าวคุณภาพตำ่ ทส่ี ูญเสียตลาดให้ประเทศเวยี ดนาม และ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ GDP ภาคเกษตรในช่วง ๕ ปี ที่ผ่านมามีอัตราการขยายตัวต่ำ (ร้อยละ ๑-๕) ดงั นัน้ หากประเทศไทยไม่สามารถเพิ่มอตั ราการเติบโตของภาคเกษตรให้เพิ่มขึน้ ได้ จะส่งผลให้การหลุด พ้นจากประเทศกับดักรายได้ปานกลางอาจล่าช้าออกไปอีกไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี เนื่องจากแรงงานในภาค เกษตรมจี ำนวนมากถึงหนึง่ ในสามของจำนวนการจ้างงานโดยรวม ผู้ประกอบการ SMEs รวมถงึ แรงงานในอุตสาหกรรม BCG โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในอุตสาหกรรม อาหาร และการทอ่ งเท่ียวส่วนใหญ่ใช้แรงงานเข้มขน้ มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิตไม่มาก ที่ผ่านมา เทคโนโลยีที่ผู้ประกอบการนำมาใช้ เน้นไปที่การนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพื่อการ ประชาสมั พนั ธผ์ ลติ ภัณฑ์ และการขยายตลาด แตก่ ารนำมาใช้เพื่อเพิม่ ประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต ยังมีจำกัด เช่นเดยี วกับการลงทุนวจิ ยั และพฒั นาเทคโนโลยีสำหรบั อุตสาหกรรมอาหารทแี่ ม้จะมีสัดส่วน เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เกือบทั้งหมดเป็นการลงทุนที่กระจุกตัวอยู่ในบริษัทขนาดใหญ่ และในเชิง เปรียบเทียบสัดส่วนการลงทุนทางเทคโนโลยีของประเทศไทยยังต่ำกว่าบริษัทชั้นนำของโลก ดังนั้น ผลติ ภัณฑ์อาหารท่ีผลิตและส่งออกกว่าร้อยละ ๘๐ จงึ เป็นผลติ ภัณฑแ์ ปรรปู ขัน้ ต้นทีม่ ีมลู ค่าไมส่ งู มากนกั (รา่ ง) แผนปฏบิ ัตกิ ารดา้ นการขับเคลอื่ นการพฒั นาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๔๓
๓) ความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมภายในประเทศเพื่อความมั่นคง พ่ึงพาตนเอง และการเข้าถึงสินค้าและบรกิ ารทท่ี ั่วถึงมากย่ิงข้นึ ความเสี่ยงอันเนื่องมาจากการพึ่งพาภายนอกในสัดส่วนที่สูงโดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤติ จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-๑๙ ยิ่งตอกย้ำให้ประเทศไทยต้องทบทวนและกำหนด ยุทธศาสตร์ของการพัฒนาประเทศที่มุ่งไปสู่การพึ่งพาตนเองได้เพิ่มข้ึน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้ายาและ เวชภัณฑ์ที่ประเทศไทยนำเข้าปีละกว่า ๑ แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๐ ของมูลค่าการใช้สินค้าใน กลุ่มดังกล่าว นอกจากน้ีสินค้าที่นำเข้ามาก ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง ๑ ล้านล้านบาท เคมีภัณฑ์ ๕ แสน ล้านบาท และปัจจัยการผลิตสินค้าเกษตร ๑ แสนล้านบาท (กระทรวงพาณิชย์, ๒๕๖๓) ประเทศไทยมี ความพร้อมทางด้านวัตถุดิบแต่จำเป็นต้องเร่งรัดพัฒนาความสามารถทางเทคโนโลยี การนำเข้าสินค้านวัตกรรมจากต่างประเทศส่งผลให้สินค้าดังกล่าวมีราคาสูง ประชากรที่ ฐานะยากจนจึงมีปัญหาในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพเนื่องจากยาและเวชภัณฑ์ที่ราคาแพง เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็งและโรคแพ้ภูมิตนเอง ๒ ล้านคน แต่มีผู้เข้าถึงยาชีววัตถุได้เพียงร้อยละ ๐.๒๕ (สุขุม กาญจนพิมาย, ๒๕๖๒) นอกจากปัญหาสินค้านวัตกรรมมีราคาสูงแล้ว ยังพบว่าสินค้านำเข้าไม่ สอดคล้องกับรูปแบบการเกษตรของไทย เช่น เครื่องจักรออกแบบเพื่อทำงานในแปลงขนาดใหญ่ รวมถึงปัญหาการระบาดของโรคที่แตกต่างจากประเทศผู้พัฒนา จึงส่งผลให้วัคซีนที่นำเข้ามี ประสิทธิภาพในการคุมโรคต่ำ ดังนั้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในประเทศจึงเป็นประโยชน์ทั้งต่อ การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงและเพิ่มประสิทธิผลของเทคโนโลยีให้สูงขึ้น ประเทศไทยต้องเปลี่ยนจาก “ผู้ซื้อ” เป็น “เจ้าของ” และ “ผู้ขาย” เทคโนโลยีและนวัตกรรม ประเทศไทยนำเข้าเทคโนโลยี เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก ๒ แสนล้านบาทในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ เป็น ๔.๔ แสนล้านบาท ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ (สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, ๒๕๖๑) ส่วนหนึ่งเป็นผลจาก ความต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจจากการใช้แรงงานเข้มข้นไปสู่ประเทศที่ผลิตสินค้า และบริหารนวัตกรรม แต่ความไม่พร้อมของประเทศไทยอันเกิดจากสาเหตุสำคัญหลายประการทั้ง ขาดโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โรงงานต้นแบบ หรือโรงงานรับจ้างผลิตสินค้านวัตกรรม รวมถึงความ จำกัดของตลาดเนื่องจากการกำหนดราคารับซื้อ-ขายยังไม่ได้รวมต้นทุนสิ่งแวดล้อม ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ ผลิตจากวัตถุดิบชีวภาพไม่สามารถแข่งขันได้กับผลิตภัณฑ์จากฟอสซิล อย่างไรก็ดี ประเทศไทย จำเป็นต้องสร้างความสามารถทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นของตนเองโดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็นฐาน สำคัญในการเพ่ิมความมั่นคงและความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว และลดภาระค่าใช้จ่ายจาก การนำเข้าเทคโนโลยีและนวัตกรรม ๔) ความสามารถในการรู้ทัน ปรับตัว ฟื้นตัวได้เร็วจากวิกฤตต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว การปรับตัวและฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-๑๙ เศรษฐกิจทั่วโลกหดตัวอย่างรุนแรง ท้ังนี้คาดว่า GDP ของโลกจะมีอัตราขยายตัวติดลบในอัตราร้อยละ ๒.๑-๕.๑ (The World Bank, ๒๐๒๐) ดังนั้น แม้ว่าประเทศไทยจะประสบความสำเร็จในการจำกัดการแพร่ ระบาดของเช้อื โควิด-๑๙ ได้ แต่ยังคงต้องเผชิญวิกฤติทางเศรษฐกิจเนื่องจากประเทศไทยพ่ึงพารายได้ จากการส่งออกและนักท่องเที่ยวต่างชาติในสัดส่วนท่ีสูง ผลกระทบดังกล่าวเห็นได้จากครึ่งปีแรกของ ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ การส่งออกของประเทศไทยหดตัวประมาณร้อยละ ๑๑ เป็นการชะลอตัวมากที่สุดใน (ร่าง) แผนปฏบิ ัตกิ ารดา้ นการขับเคล่ือนการพัฒนาประเทศไทยดว้ ยโมเดลเศรษฐกจิ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ หน้า ๔๔
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219