คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้เล่มน้ี จัดทาข้ึนเพื่อใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ รายวิชาการสร้างส่ือช่วยสอน รหัสวิชา ง33201 ซึ่งรายวิชาดังกล่าว เป็นรายวิชาสาระการเรียนรู้เพ่ิมเติมท่ีเปิดสอนในระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนชลกันยานกุ ลู ผู้จัดทาได้ศึกษา วิเคราะห์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551และหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี โรงเรียนชลกันยานุกูล ศึกษาคาอธิบายรายวิชา ผลการเรยี นรู้ โครงสร้างสาระการเรียนรู้ของรายวชิ า และหน่วยการเรียนรู้ จากนัน้ ไดศ้ กึ ษาค้นคว้า เน้ือหาความรู้เก่ียวกับรายวิชาเพิ่มเติม จากหนังสือ คู่มือ บทความ เว็บไซต์ต่าง ๆ และเอกสารประกอบการเรียนรู้ รายวิชาการสร้างส่ือช่วยสอน ท่ีผู้สอนจัดทาข้ึน ศึกษาเก่ียวกับจิตวิทยาการเรียนรู้ หลักการจัดการเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียนเป็นสาคัญ ความแตกต่างระหว่างบุคคล และหลักการวดั ผลประเมนิ ผลการเรียนรตู้ ามสภาพจรงิ จากน้ัน ได้จัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ ออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้ และการวัดผลประเมนิ ผล ตามหลักการ ทฤษฎี และความรทู้ ีไ่ ด้ศึกษาคน้ คว้า โดยกาหนดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้นักเรียนใช้ส่ือประสมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมการศึกษาท่ีประกอบด้วยสื่อท่ีหลากหลายชนิด ได้แก่ เอกสารประกอบภาพ สื่อ CAI ไฟล์วีดิทัศน์การสาธิตเป็นต้น ที่ผู้สอนจัดทาขึ้นเพ่ือใช้เป็นสื่อหลักให้ผู้เรียนได้ศึกษาด้วยตนเอง และใช้ระบบการบริหารการจดั การบทเรยี น (LMS) ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แผนการจัดการเรยี นรู้ เลม่ น้ี จะเป็นประโยชน์สาหรับครู นักเรียนและผู้สนใจศึกษา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา การสร้างส่ือช่วยสอน และเป็นแนวทางในการจดั การเรียนรู้รายวชิ าอนื่ ๆ ต่อไป พฤทธวิ รรณ ชว่ งพทิ กั ษ์
สารบญั หนา้ 1เร่ือง 2วิสัยทศั น์ พันธกจิ กลยุทธ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี 3สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี 4คุณภาพผเู้ รียน เม่ือจบชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 6 4คาอธิบายรายวชิ า 5ผลการเรียนรู้ 6สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น 6คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 7ค่านยิ มไทย 12 ประการ 8หน่วยการเรยี นรู้ 10โครงสร้างรายวิชา 12สาระการเรยี นรู้ 13กระบวนการจดั การเรยี นรู้ 15การวดั ผลและประเมนิ ผล 17การเรียนร/ู้ สอื่ การเรียนรู้ 30แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 50แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 78แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 91แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4 102แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5 114แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 6 126แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 7 138แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 8 151แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 9 167แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 10 182แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 11 199แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 12 217แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 13 227แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 14 237แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 15แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 16
สารบญั (ตอ่ )เรอ่ื ง หนา้แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 17 249แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 18 259แบบทดสอบกอ่ นเรยี น – หลงั เรยี น 270
กลุ่มสาระการเรียนร้กู ารงานอาชพี และเทคโนโลยี โรงเรยี นชลกนั ยานกุ ูล จังหวดั ชลบุรีวิสัยทศั น์ ส่งเสรมิ การเรยี นรสู้ อู่ าชีพ ฝึกทกั ษะและการบูรณาการ พัฒนางานด้านเทคโนโลยีมีมาตรฐานส่สู ากลพันธกิจ 1. พัฒนาทกั ษะและความรดู้ ้านอาชีพแกผ่ ูเ้ รยี น 2. พฒั นาผเู้ รยี นใหม้ ีคุณธรรมนาความรูส้ ูค่ วามพอเพียง 3. ส่งเสรมิ และเผยแพร่ภูมิปญั ญาอาชีพของท้องถิ่น 4. จดั ใหม้ ีเทคโนโลยีทที่ ันสมัยเอ้ือต่อการเรียนรู้ 5. พฒั นาศักยภาพของครใู ห้พร้อมต่อการจดั การเรียนรู้ 6. พัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้มีมาตรฐานสากลกลยทุ ธ์ 1. ห้องเรียนคุณภาพ 2. คุณธรรมนาความรู้สคู่ วามพอเพยี ง 3. สนบั สนุนใหม้ กี ารจัดการเรยี นการสอนเทยี บเคยี งมาตรฐานสากล 4. บริหารงานโดยใชโ้ รงเรยี นเป็นฐาน 5. สร้างเครอื ข่ายการเรียนรโู้ ดยความรว่ มมือจากคณะบุคคล ชมุ ชน องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน
2 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ กลุม่ สาระการเรียนร้กู ารงานอาชีพและเทคโนโลยี สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ 1 : การดารงชวี ิตและครอบครวั มาตรฐาน ง 1.1 เขา้ ใจการทางาน มีความคิดสร้างสรรค์ มที กั ษะกระบวนการ ทางาน ทักษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปญั หา ทกั ษะการทางานรว่ มกัน และทกั ษะ การแสวงหาความรู้ มีคุณธรรมและลกั ษณะนสิ ัยในการทางาน มีจิตสานกึ ในการใช้พลังงาน ทรัพยากรและส่งิ แวดล้อม เพ่อื การดารงชีวิตและครอบครัว สาระท่ี 2 : การออกแบบและเทคโนโลยี มาตรฐาน ง 2.1 เขา้ ใจเทคโนโลยแี ละกระบวนการเทคโนโลยี ออกแบบและสรา้ ง ส่ิงของเครอ่ื งใชห้ รือวิธกี ารตามกระบวนการเทคโนโลยีอย่างมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ เลอื กใช้ เทคโนโลยีในทางสร้างสรรค์ต่อชวี ิต สงั คม ส่งิ แวดล้อมและมีส่วนรว่ มในการจดั การเทคโนโลยีท่ี ย่งั ยนื สาระที่ 3 : เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร มาตรฐาน ง 3.1 เขา้ ใจ เหน็ คุณค่าและใชก้ ระบวนการเทคโนโลยสี ารสนเทศ ในการสบื ค้นข้อมูล การเรยี นรู้ การสื่อสาร การแก้ปญั หา การทางานและอาชีพ อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ ประสิทธิผล และมคี ุณธรรม สาระที่ 4 : การอาชพี มาตรฐาน ง 4.1 : เขา้ ใจ มที ักษะทจ่ี าเป็น มีประสบการณ์ เห็นแนวทาง ในงานอาชีพ ใช้เทคโนโลยีเพ่ือพัฒนาอาชพี มีคุณธรรม และมเี จตคติทด่ี ตี ่ออาชีพท่ีมา : หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 กระทรวงศึกษาธกิ าร
3 คุณภาพผู้เรียนเมื่อจบชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 1. เข้าใจวิธีการทางานเพื่อการดารงชีวิต สร้างผลงานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์มีทักษะการทางานร่วมกัน ทักษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา และทักษะการแสวงหาความรู้ ทางานอย่างมีคุณธรรม และมีจิตสานึกในการใช้พลังงานและทรัพยากรอยา่ งคมุ้ ค่าและย่งั ยืน 2. เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีกับศาสตร์อื่น ๆ วิเคราะห์ระบบเทคโนโลยีมีความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการ สร้างและพัฒนาส่ิงของเคร่ืองใช้หรือวิธีการ ตามกระบวนการเทคโนโลยีอย่างปลอดภัยโดยใช้ซอฟท์แวร์ช่วยในการออกแบบหรือนาเสนอผลงาน วิเคราะห์และเลือกใช้เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมกับชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ต่อชีวิตสงั คม ส่งิ แวดล้อม และมกี ารจัดการเทคโนโลยีด้วยวธิ กี ารของเทคโนโลยสี ะอาด 3. เข้าใจองค์ประกอบของระบบสารสนเทศ องค์ประกอบและหลักการทางานของคอมพิวเตอร์ ระบบส่อื สารข้อมลู สาหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ คณุ ลกั ษณะของคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วง และมีทักษะการใช้คอมพิวเตอร์แก้ปัญหา เขียนโปรแกรมภาษา พัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ ใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ติดต่อสื่อสารและค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต ใช้คอมพิวเตอร์ในการประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนาเสนองาน และใช้คอมพวิ เตอรส์ ร้างชน้ิ งานหรือโครงงาน 4. เข้าใจแนวทางสู่อาชีพ การเลือกและใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะ สมกับอาชีพมปี ระสบการณ์ในอาชพี ที่ถนดั และสนใจ และมคี ุณลกั ษณะท่ดี ตี ่ออาชีพที่มา : หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 กระทรวงศึกษาธิการ
4คาอธิบายรายวิชากล่มุ สาระการเรยี นรูก้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี โรงเรยี นชลกันยานุกลูรหัสวชิ า ง 33201 รายวชิ าการสรา้ งส่ือช่วยสอน ระดับช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 6จานวน 1.0 หน่วยกติ เวลา 40 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2559============================================================ ศกึ ษาเก่ยี วกับ ความหมาย องคป์ ระกอบ ประเภท โครงสร้าง ข้นั ตอนการสรา้ งสอ่ื บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การใช้โปรแกรม Adobe Captivate ในการจัดทาส่อื บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน และการจัดทาโครงงานการสร้างสอื่ ช่วยสอน โดยใช้ทักษะการแสวงหาความรู้ จากสอื่ ประสมอเิ ล็กทรอนิกส์ วชิ า การสรา้ งสื่อชว่ ยสอนการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ฝกึ ทกั ษะปฏบิ ัติการ การใช้โปรแกรม Adobe Captivate ใช้ทักษะกระบวนการกลุม่ ทักษะกระบวนการแกป้ ัญหา ทกั ษะการจัดการ ทกั ษะกระบวนการทางานการทางานร่วมกัน และการเลือกใช้เทคโนโลยที ่ีเหมาะสมในการสร้างสรรคผ์ ลงาน เพ่ือให้ผูเ้ รยี นมคี วามรแู้ ละทักษะพื้นฐานทจี่ าเปน็ ในการสร้างส่อื บทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนมคี วามคดิ สร้างสรรค์ มนี สิ ยั รกั การทางาน เหน็ คณุ คา่ ของเทคโนโลยี มีคณุ ธรรมและ จริยธรรมสามารถนาความรู้ทไี่ ด้รับมาประยกุ ต์ใชใ้ ห้เกิดประโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั ได้ผลการเรยี นรู้ 1. อธบิ าย ความหมาย ประเภท องคป์ ระกอบ และข้ันตอนการสรา้ งสือ่ บทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนได้ 2. สามารถอธิบายความรเู้ กี่ยวกบั โปรแกรม Adobe Captivate vได้ 3. สามารถใช้คาสง่ั ในการนาเสนอเนือ้ หาของสื่อคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนดว้ ยโปรแกรม AdobeCaptivate ได้ 4. สามารถใช้คาสัง่ ในการนาเสนอเน้ือหาแบบมีปฏสิ มั พนั ธ์ของส่ือคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนดว้ ยโปรแกรม Adobe Captivate ได้ 5. สามารถสรา้ งการโต้ตอบกับผ้เู รยี นในสอ่ื บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนได้ 6. สามารถสรา้ งแบบทดสอบของสื่อบทเรียนคอมพวิ เตอร์ได้ 7. สามารถgเผยแพร่ช้นิ งานเปน็ ส่อื บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนท่ีเหมาะสมนาไปใชไ้ ด้ 8. สามารถจดั ทาโครงงานคอมพิวเตอร์ สร้างสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนได้ 9. ผูเ้ รียนมีความรู้ มีทกั ษะ มีนิสยั รักการทางาน เห็นคณุ คา่ ของเทคโนโลยีเลือกใช้เทคโนโลยที ีเ่ หมาะสม มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม สามารถนาความรทู้ ่ีได้รบัมาประยุกต์ใช้ใหเ้ กิดประโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั ได้
5สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ในการพัฒนาผเู้ รยี นตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน มงุ่ พัฒนาผู้เรยี นใหม้ ีสมรรถนะสาคัญ 5 ประการ ดังนี้ 1. ความสามารถในการส่ือสาร เป็นความสามารถในการรับและสง่ สาร มวี ัฒนธรรมในการใชภ้ าษาถ่ายทอดความคดิ ความรูค้ วามเขา้ ใจ ความรู้สกึ และทศั นะของตนเองเพื่อแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะเปน็ ประโยชน์ต่อการพฒั นาตนเองและสงั คม รวมทั้งการเจรจาตอ่ รองเพื่อขจัดและลดปญั หาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรบั หรอื ไมร่ ับขอ้ มูลขา่ วสารดว้ ยหลักเหตุผลและความถกู ต้อง ตลอดจนการเลือกใชว้ ิธกี ารสอื่ สาร ทีม่ ีประสิทธภิ าพ โดยคานงึ ถึงผลกระทบท่ีมีต่อตนเองและสังคม 2. ความสามารถในการคดิ เปน็ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์การคดิ อย่างสร้างสรรค์ การคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ และการคดิ เปน็ ระบบ เพื่อนาไปสู่การสรา้ งองค์ความรูห้ รือสารสนเทศเพื่อการตัดสนิ ใจเกี่ยวกับตนเองและสงั คมได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา เปน็ ความสามารถในการแกป้ ญั หาและอปุ สรรคต่าง ๆทีเ่ ผชิญไดอ้ ยา่ งถูกต้องเหมาะสมบนพนื้ ฐานของหลกั เหตผุ ล คุณธรรมและข้อมลู สารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธแ์ ละการเปลีย่ นแปลงของเหตุการณ์ตา่ ง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสนิ ใจท่ีมีประสทิ ธิภาพ โดยคานงึ ถงึ ผลกระทบที่เกดิ ขึ้นตอ่ ตนเอง สังคมและสง่ิ แวดล้อม 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใชใ้ นการดาเนินชวี ิตประจาวัน การเรยี นรูด้ ้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่อื ง การทางาน และการอยู่รว่ มกันในสังคมดว้ ยการสร้างเสรมิ ความสัมพันธ์อนั ดีระหวา่ งบุคคล การจดั การปญั หาและความขดั แย้งตา่ ง ๆ อยา่ งเหมาะสม การปรับตัวให้ทนั กับการเปล่ียนแปลงของสงั คมและสภาพแวดลอ้ มและการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พงึ ประสงค์ ทีส่ ่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อ่นื 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลอื ก และใชเ้ ทคโนโลยดี า้ นตา่ ง ๆ และมีทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่อื การพัฒนาตนเองและสงั คม ในดา้ นการเรียนรู้การสื่อสารการทางาน การแก้ปญั หา อยา่ งสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม
6คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ในการพัฒนาผเู้ รียนตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน มุง่ พัฒนาผ้เู รียนใหม้ ีคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เพ่ือใหส้ ามารถอยรู่ ว่ มกับผู้อ่นื ในสงั คมได้อย่างมคี วามสุข ทง้ั ในฐานะพลเมอื งไทยและพลโลก ดงั น้ี 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ซอ่ื สตั ย์สจุ ริต 3. มวี นิ ยั 4. ใฝ่เรยี นรู้ 5. อยู่อย่างพอเพยี ง 6. มุง่ มั่นในการทางาน 7. รกั ความเป็นไทย 8. มจี ติ สาธารณะค่านยิ มไทย 12 ประการ 1. มคี วามรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2. ซ่อื สัตย์ เสียสละ อดทน 3. กตญั ญตู อ่ พ่อแม่ ผปู้ กครอง ครบู าอาจารย์ 4. ใฝห่ าความรู้ หมัน่ ศกึ ษาเล่าเรียนทงั้ ทางตรง และทางอ้อม 5. รักษาวฒั นธรรมประเพณไี ทย 6. มศี ีลธรรม รกั ษาความสัตย์ 7. เข้าใจเรียนรู้การเปน็ ประชาธิปไตย 8. มรี ะเบยี บ วินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่ 9. มีสตริ ้ตู ัว รู้คิด รทู้ า 10. รู้จักดารงตนอยโู่ ดยใชห้ ลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 11. มคี วามเขม้ แขง็ ทงั้ รา่ งกาย และจิตใจ ไมย่ อมแพ้ต่ออานาจฝา่ ยตา่ 12. คานงึ ถงึ ผลประโยชนข์ องสว่ นรวมมากกวา่ ผลประโยชน์ของตนเอง
7หน่วยการเรียนรู้ การจัดการเรยี นรู้แบ่งสาระการเรียนรู้ออกเปน็ 3 หน่วยการเรียนรู้ ดังนี้ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 ชื่อหน่วย สอ่ื CAI หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 ช่อื หน่วย การใชโ้ ปรแกรม Adobe Captivate หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 ช่ือหน่วย การจัดทาโครงงานการสร้างสื่อชว่ ยสอน1. สื่อ CAI 2.1 โปรแกรม 2.2 การนาเสนอ Adobe Captivate เนื้อหาสื่อ CAI2.5 การสรา้ ง 2.4 การโตต้ อบใน 2.3 การสร้างเน้อื หาแบบทดสอบ บทเรยี น แบบมีปฏิสมั พันธ์2.6 การเผยแพร่ 3. การจัดทาโครงงานชนิ้ งานสื่อ CAI การสรา้ งส่อื ช่วยสอนแผนภาพ องคป์ ระกอบสาระการเรียนรู้วิชาการสร้างสื่อช่วยสอน
8 โครงสรา้ งรายวชิ า รายวชิ า การสรา้ งสื่อช่วยสอน รหัสวิชา ง33201 กลุม่ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 เวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หนว่ ยกิตชือ่ หน่วย ผลการเรยี นรู้ สาระสาคญั เวลา นา้ หนักการเรียนรู้ ช.ม. คะแนน1. สอื่ CAI 1. อธิบาย ความหมาย ความหมาย ประเภท 4 10 ประเภท องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ และขั้นตอน และขนั้ ตอนการสร้างส่ือ การสรา้ งสือ่ บทเรียน บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ย คอมพิวเตอรช์ ่วยสอน สอนได้2.การใช้โปรแกรม 2. สามารถอธิบายความรู้ โปรแกรม Adobe Captivate 2 5Adobe เก่ยี วกับโปรแกรม AdobeCaptivate Captivate ได้2.1 โปรแกรมAdobe Captivate2.การใชโ้ ปรแกรม 3. สามารถใชค้ าส่งั ในการ การใช้คาสงั่ นาเสนอเน้อื หาใน 4 10Adobe นาเสนอเนือ้ หาของ ส่อื บทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยCaptivate สื่อคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน สอน2.2 การเสนอเนื้อหา ด้วยโปรแกรม Adobeสอ่ื CAI Captivate ได้
9ชอ่ื หน่วย ผลการเรียนรู้ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนักการเรียนรู้ ช.ม. คะแนน2.การใช้ 4. สามารถใชค้ าส่ังในการ การใช้คาสั่งนาเสนอเนอ้ื หา 4 10โปรแกรม นาเสนอเน้อื หาแบบมี แบบมีปฏสิ ัมพันธ์ในสื่อAdobe ปฏิสมั พันธ์ของ บทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนCaptivate ส่อื คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน ด้วย2.3 การสร้าง โปรแกรม Adobeเนอ้ื หาแบบมี Captivate ได้ปฏสิ มั พนั ธ์2.การใช้ 5. สามารถสร้างการโตต้ อบ การสร้างการโต้ตอบกบั ผเู้ รียน 4 5โปรแกรม กบั ผู้เรยี นในส่ือบทเรียน ในสื่อบทเรียนคอมพวิ เตอร์Adobe คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนได้ ชว่ ยสอนCaptivate2.4 การโต้ตอบในบทเรียน2.การใช้ 6. สามารถสรา้ งแบบทดสอบ การสร้างแบบทดสอบของสื่อ 4 5โปรแกรม ของสื่อบทเรยี นคอมพิวเตอร์ บทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนAdobe ได้Captivate2.5 การสรา้ งแบบทดสอบ2.การใช้ 7. สามารถเผยแพร่ช้ินงาน การเผยแพร่ช้ินงาน 25โปรแกรม สอ่ื คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนท่ีAdobe เหมาะสมต่อการนาไปใช้ได้Captivate2.6 การสง่ ออกชิน้ งานสอ่ื CAI3. การจดั ทา 8. สามารถจดั ทาโครงงาน การวางแผน การออกแบบ 12 50โครงงานการ คอมพวิ เตอร์ สรา้ ง การสร้าง และการนาเสนอสร้างสือ่ ช่วย สอื่ คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนได้ โครงงานการสรา้ งส่ือช่วยสอนสอน การวัดผลการเรียนรู้ 4 รวมท้ังสน้ิ 40 100
10สาระการเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 ช่ือหน่วย สื่อ CAI ส่อื บทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน (CAI) ประกอบด้วย 1) ความหมายของคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน (CAI) 2) องคป์ ระกอบที่สาคัญของคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน (CAI) 3) ประเภทของคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน (CAI) 4) โครงสรา้ งของบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน (CAI) 5) ขน้ั ตอนการออกแบบบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) 6) ข้อดี-ขอ้ จากัดของบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน (CAI) หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 ช่ือหน่วย การใช้โปรแกรม Adobe Captivate แบง่ เป็น 2.1 เรื่อง โปรแกรม Adobe Captivate โปรแกรม Adobe Captivate ประกอบดว้ ย 1) ความเปน็ มาของโปรแกรม Adobe Captivate 2) จุดเดน่ ทสี่ าคัญของโปรแกรม Adobe Captivate 3) ความสามารถของโปรแกรม Adobe Captivate 4) ความต้องการระบบ 5) การตดิ ตั้งโปรแกรม Adobe Captivate 6) การเปดิ ใช้งานและการจบการทางาน 7) ส่วนประกอบของโปรแกรม Adobe Captivate 8) มมุ มองและเคร่ืองมือ (Views and Tools) 9) รูปแบบการสร้างชิน้ งานโปรแกรม Adobe Captivate 10) การเพม่ิ สไลด์ (Slides) 11) การเลือกรปู แบบสไลด์ (Themes) 2.2 เรื่อง การนาเสนอเน้อื หาบทเรียน (Create Contents) การใชค้ าสัง่ นาเสนอเน้ือหาบทเรยี น ประกอบดว้ ย 1) การใช้คาสั่งกลมุ่ Text 1.1 Text Caption 1.2 Text Animation 2) การใช้คาสงั่ กลุ่ม Shapes 3) การใชค้ าส่ังกลมุ่ Objects 3.1 Zoom Area 4) การใช้คาสง่ั กลมุ่ Media
11 4.1 Image 4.2 Audio 4.3 Video 4.4 Animation 4.5 Characters 5) การใชค้ าสัง่ กลมุ่ Record 6) การกาหนดเวลาให้กับชิ้นงาน (Time line) 7) การใช้คาสง่ั กลุ่ม Preview 8) การใชค้ าสง่ั กล่มุ Save การใชค้ าส่งั นาเสนอเน้อื หาบทเรยี นแบบมีปฏสิ ัมพันธ์ ประกอบดว้ ย 1) การใช้คาส่งั กล่มุ Objects 1.1 Rollover Caption 1.2 Rollover Image 2) การใชค้ าสั่งกลมุ่ Interactions 2.1 Button 2.2 Learning Interaction2.3 เร่อื ง การโตต้ อบในบทเรียน (Rsponds) การใชค้ าสง่ั สร้าง คาถาม กิจกรรมทบทวนความรู้ และการเช่ือมโยงบทเรยี น ประกอบด้วย 1) การใชค้ าส่ังกลุ่ม Text 1.1 Text Entry Box 2) การใช้คาส่ังกลุม่ Interactions 2.1 Click Box 2.2 Drag and Drop2.4 เรอ่ื ง การสร้างแบบทดสอบ (Quiz) การสรา้ งคาถามและแบบทดสอบ ทงั้ หมด 9 ประเภท ประกอบดว้ ย 1) หลายตวั เลอื ก (Multiple Choice) 2) ถูกหรือผิด (True/False) 3) เติมคาในช่องว่าง (Fill in the Blank) 4) เตมิ คาตอบส้นั (Short Answer) 5) จบั คู่ (Matching) 6) คลกิ ในพืน้ ท่ีท่กี าหนด (Hot Spot) 7) เรียงลาดบั (Sequence)
12 8) แบบประเมิน (Rating Scale) 9) แบบทดสอบสุ่ม (Random Questions) 2.5 เรื่อง การเผยแพร่ช้นิ งาน (Publish) การเผยแพร่ชนิ้ งานในรปู แบบต่าง ๆ ประกอบดว้ ย 1) HTML5 2) SWF 3) VDO 4) EXE 5) YouTube 6) Word 7) PowerPoint หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 เรอื่ ง การจดั ทาโครงงานการสร้างสื่อช่วยสอน การจัดทาโครงงานประกอบด้วย 1) การวางแผนการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ 2) การออกแบบบทเรียน 3) การสรา้ งสื่อบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน 4) การนาเสนอโครงงานกระบวนการจดั การเรยี นรู้ 1. ครพู ดู คยุ ซักถาม เกย่ี วกบั เร่อื งที่จะเรียนเพ่ือเตรียมความพร้อม หรือให้นกั เรียนชมสื่อตวั อย่าง แล้วแจง้ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวังใหน้ กั เรียนทราบ ทดสอบก่อนเรียน 2. นกั เรียนศึกษาด้วยตนเอง จากสือ่ ประสมอเิ ล็กทรอนกิ ส์ วชิ า การสร้างสอ่ื ช่วยสอนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ซ่ึงเป็นสื่อการเรยี นรทู้ ่ีอยูใ่ นระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ โรงเรยี นชลกนั ยานกุ ูลจดั ทาโดย นายสุทธิศกั ด์ิ เคลือบสงู เนนิ (ใช้ทักษะการแสวงหาความรกู้ ารใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ) 3. นักเรียนปฏบิ ัติงานตามใบมอบหมายงานของหน่วยการเรยี นรู้ ได้แก่ การสรปุ องค์ความรู้การทาแบบฝึกหดั ชมการสาธิต ลงมือทาชิน้ งาน ส่งให้ครูตรวจ และวดั ผลระหวา่ งเรยี น(ใช้ทักษะการคิด การปฏบิ ตั ิ และกระบวนการทางาน) 4. เมือ่ ศึกษาเน้ือหาครบถ้วนแล้ว นกั เรียนวางแผนและจัดทาส่อื บทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน โดยครคู อยใหค้ าปรึกษาชแ้ี นะ และสนับสนุนการทางาน (ใช้ทักษะกระบวนการคดิ วเิ คราะห์ คิดสร้างสรรค์ การแกป้ ัญหา และกระบวนการกลุม่ )
13 5. นกั เรยี นนาเสนอผลงาน ครูและเพ่ือนรว่ มชั้น ประเมนิ ผลงาน นกั เรยี นนา ข้อเสนอแนะไปปรบั ปรงุ ผลงาน และจัดสง่ ช้ินงานท่ีสมบรู ณ์ (ใช้ทักษะการคิดวเิ คราะห์ การแก้ปัญหา และกระบวนการกลมุ่ ) 6. ใหน้ ักเรียนสรปุ ผลการเรยี นรู้ ครูใหข้ อ้ เสนอแนะการนาไปใช้ (ใช้ทกั ษะการคิดสงั เคราะห์) 7. ทดสอบหลังเรยี นการวดั ผลและประเมนิ ผล1. อัตราสว่ นคะแนนในการวดั ผลการเรียนรู้1) ระหว่างภาค : ปลายภาค คือ 80 : 20 รวม 100 คะแนน2) ก่อนกลางภาค : กลางภาค : หลงั กลางภาค : ปลายภาค คอื 30 : 20 : 30 : 20รวม 100 คะแนน2. การวดั ผลการเรยี นรู้1) การสงั เกตการเรยี นรู้2) การทาแบบฝกึ หดั การตรวจแบบฝึกหดั (30 คะแนน)3) การมอบหมายชิ้นงาน การตรวจผลงาน (50 คะแนน)4) การทดสอบตามผลการเรยี นรู้ (20 คะแนน)(การวดั ผลการเรียนรู้เน้นการวดั ผลและประเมินผลตามสภาพจริง)3. การประเมินชน้ิ งาน/ภาระงานในการประเมินชิ้นงาน กาหนดเกณฑ์ในการประเมินชนิ้ งานตามระดบั คุณภาพและแนวการให้คะแนนผลงาน ดังน้ี เกณฑ์ ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรงุ (1)การประเมนิ สรปุ เน้อื หาไดถ้ กู ต้อง สรุปเนอ้ื หาได้ สรปุ เนอื้ หาได้ สรปุ เนอื้ หาไดถ้ กู ต้อง นอ้ ยกวา่ 2 ใน 4การสรปุ องคค์ วามรู้ และครบถว้ นทุกเรอ่ื ง ถูกตอ้ งได้ 3 ใน 4 ถกู ตอ้ งได้ 2 ใน 4แบบฝกึ หัด ตอบถูกต้อง ตอบถกู ต้อง ตอบถกู ต้องรอ้ ย ตอบถูกต้อง รอ้ ยละ 80 ข้นึ ไป ร้อยละ 70-79 ละ 60-69 น้อยกว่าร้อยละ60 ชน้ิ งานถูกตอ้ ง ชนิ้ งานถกู ต้อง ชนิ้ งานถกู ตอ้ ง ชน้ิ งานถกู ต้องสมบูรณ์ สมบรู ณ์ตามแบบ สมบูรณ์ตามแบบ สมบรู ณต์ ามแบบ ตามแบบประเมนิ สือ่ช้ินงานสอ่ื ประเมินสื่อ อย่าง ประเมินส่อื อย่าง ประเมนิ สอ่ื อย่าง น้อยกว่า 7 รายการ นอ้ ย 11 รายการ น้อย 9 รายการ นอ้ ย 7 รายการ จาก 15 รายการ จาก 15 รายการ จาก 15 รายการ จาก 15 รายการ
14 เกณฑ์ ดมี าก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)การประเมิน มีการแบง่ หนา้ ท่ี มกี ารแบ่งหนา้ ที่ มกี ารแบง่ หนา้ ที่ มกี ารแบง่ หนา้ ท่ีความ ความรับผิดชอบ ความรบั ผดิ ชอบ ความรบั ผดิ ชอบ รับผดิ ชอบชดั เจน ร่วม ชัดเจน ร่วมคดิ รว่ ม ชดั เจน รว่ มคดิ รว่ ม ชดั เจน ร่วมคดิ คิด รว่ มวางแผน วางแผน รว่ มมอื วางแผน ร่วมมือ ร่วมวางแผน รว่ มมือทางานกระบวนการทางาน ทางาน ช่วยเหลือเออ้ื ทางาน ช่วยเหลือ ร่วมมอื ทางาน ชว่ ยเหลอื เอื้ออาทรใน กลมุ่ อาทรในการทางาน เอื้ออาทรในการ ชว่ ยเหลอื เออื้ การทางาน ขาดความ รบั ผิดชอบ ตรงตอ่ ทางาน รับผดิ ชอบ อาทรในการ รบั ผิดชอบ และไม่ตรง เวลา รับฟงั ความ ตรงตอ่ เวลา รบั ฟัง ทางาน รับผดิ ชอบ ตอ่ เวลา คดิ เห็นซึ่งกันและกัน ความคิดเห็นซึง่ กัน ตรงต่อเวลา และรว่ มภาคภมู ใิ จใน และกนั ผลงาน4. การประเมนิ ชิน้ งานรายบุคคล เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1) ความครบถ้วนในการใชค้ าสง่ั และความถกู ต้องของสื่อ (10 คะแนน) 2) ความสมบรู ณ์ของมลั ตมิ เี ดียในส่ือ (10 คะแนน) 3) การใชง้ านสื่อง่ายมีความถูกตอ้ ง (10 คะแนน)5. การประเมนิ ชน้ิ งานรายกลุ่ม เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1) เนอื้ หาสาระถูกต้อง รปู ภาพ วีดีโอ เหมาะสม นา่ สนใจ มีประโยชน์ (10 คะแนน) 2) การออกแบบสื่อ นา่ สนใจ การโต้ตอบเหมาะสม มีความคดิ รเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ (10 คะแนน) 3) การใช้งานง่าย มปี ระสิทธิภาพ (10 คะแนน) 4) รายงานถูกตอ้ ง ครบถ้วน แสดงกระบวนการการโครงงานได้ชดั เจน (10 คะแนน) 5) การนาเสนอ อธิบายไดช้ ัดเจน สอื่ ประกอบการนาเสนอเหมาะสม (10 คะแนน)
156. เกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้ ระดับผลการเรียนรู้ การตัดสนิ ผลการเรยี นแบ่งเป็น 8 ระดบั ดังนี้ 4.0 เกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้ 3.5 3 คะแนนการวัดผลระหวา่ ง 80 ถึง 100 (79.5 - 100) 2.5 คะแนนการวัดผลระหว่าง 76 ถงึ 79 (75.5 - 79.4) 2 คะแนนการวัดผลระหวา่ ง 70 ถงึ 75 (69.5 - 75.4) 1.5 คะแนนการวัดผลระหวา่ ง 66 ถึง 69 (65.5 - 69.4) 1 คะแนนการวัดผลระหวา่ ง 60 ถงึ 65 (59.5 - 65.4) 0 คะแนนการวัดผลระหว่าง 56 ถงึ 59 (55.5 - 59.4) ร คะแนนการวดั ผลระหว่าง 50 ถงึ 55 (49.5 - 55.4) มส คะแนนการวดั ผลระหว่าง 0 ถงึ 49 (0 - 49.4) ไม่ส่งผลงานหรือไม่ได้วัดผลในสว่ นทสี่ าคญั เวลาเรยี นนอ้ ยกว่า 80%การเรยี นรู้/ส่อื การเรยี นรู้ 1. สื่อการเรียนรู้ 1) ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โรงเรยี นชลกนั ยานกุ ลู 2) ระบบการบริหารการจัดการบทเรยี น (LMS) รายวิชา การสร้างส่อื ช่วยสอน(http://www.sci.src.ku.ac.th/lms-service/) จัดทาโดย นายสทุ ธศิ กั ดิ์ เคลือบสูงเนนิ 3) เวบ็ ไซต์สื่อประสมอิเลก็ ทรอนิกส์ วชิ า การสรา้ งสอ่ื บทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนจดั ทาโดย นายสทุ ธศิ ักด์ิ เคลือบสงู เนิน (http://www.chonkanya.net) 4) เว็บไซด์ www.edmodo.com เครือข่ายสังคมออนไลน์ จดั ทาโดย นางสาวพฤทธิวรรณชว่ งพิทกั ษ์ 5) เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ 6) เครอ่ื งฉายโปรเจคเตอร์ 7) เครอื่ งขยายเสยี งและไมโครโฟน 8) แผ่นซดี ีรอม เว็บไซต์สื่อประสมอิเล็กทรอนกิ ส์ วิชาการสรา้ งสื่อบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน จัดทาโดย นายสทุ ธศิ กั ด์ิ เคลอื บสงู เนิน 2. แหลง่ เรียนรู้ 1) ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ โรงเรยี นชลกนั ยานุกลู 2) ระบบการบริหารการจดั การบทเรยี น (LMS) รายวิชาการสรา้ งส่ือชว่ ยสอน(http://www.sci.src.ku.ac.th/lms-service/) จดั ทาโดย นายสทุ ธศิ กั ดิ์ เคลือบสูงเนิน
16 3) เวบ็ ไซต์ www.chonkanya.net โรงเรียนชลกนั ยานกุ ูล จดั ทาโดย นายสทุ ธศิ กั ด์ิเคลือบสงู เนนิ 4) เว็บไซต์ www.chonkanya.ac.th เว็บไซต์ โรงเรยี นชลกนั ยานกุ ลู จดั ทาโดยนายสทุ ธิศักดิ์ เคลอื บสูงเนิน และคณะ 5) เว็บไซด์ www.edmodo.com เครือข่ายสงั คมออนไลน์ จดั ทาโดย นางสาวพฤทธวิ รรณชว่ งพทิ กั ษ์ 6) แผน่ ซีดรี อม เว็บไซต์ส่ือประสมอิเล็กทรอนิกส์ วชิ า การสร้างสือ่ บทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน จัดทาโดย นายสุทธิศักดิ์ เคลอื บสูงเนิน 7) เวบ็ ไซต์ทีเ่ กี่ยวข้องกบั การจดั ทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การผลิตสื่อมัลตมิ ีเดยีการสร้างสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การใช้งานโปรแกรม Adobe Captivate 8) ห้องสมดุ โรงเรยี นชลกนั ยานุกลู 9) ห้องสมดุ ประชาชนจงั หวดั ชลบุรี 10) หอสมดุ แหง่ ชาติจงั หวัดชลบรุ ี 11) หอสมุดมหาวทิ ยาลัยบูรพา 12) ห้องสมุดศนู ย์การศึกษานอกโรงเรยี นจังหวดั ชลบุรี 13) สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนชลกนั ยานุกลู
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 สื่อ CAI เรอ่ื ง สื่อ CAI รหสั วชิ า ง33201 รายวิชา การสร้างสื่อช่วยสอนกลมุ่ สาระการเรยี นร้กู ารงานอาชีพและเทคโนโลยี ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6โรงเรยี นชลกันยานกุ ลู เวลา 2 ชั่วโมง ผ้สู อน นางสาวพฤทธิวรรณ ชว่ งพทิ กั ษ์=============================================================1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู้ผลการเรียนรู้อธิบาย ความหมาย ประเภท องคป์ ระกอบ และขน้ั ตอนการสร้างสื่อบทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนได้2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอดสาระสาคญับทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนเปน็ การออกแบบบทเรียนดว้ ยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทม่ี ลี ักษณะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน เพ่ือนามาใช้เป็นสื่อในการเรียนรู้ ซ่ึงต้องคานึงถึงองค์ประกอบท่ีสาคัญ 4ประการ คือ สารสนเทศ ความแตกต่างระหว่างบุคคล การมีปฏิสัมพันธ์ และ การให้ผลย้อนกลับในทันที ซ่ึงบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนแบ่งได้ 8 ประเภท ที่มีลักษณะการออกแบบโครงสร้างบทเรียนได้ 2 รูปแบบ คือ แบบเส้นตรง และแบบสาขา กระบวนการในการออกแบบจะมีท้ังหมด 7ข้นั ตอน คือ การเตรียม การออกแบบบทเรียน การเขยี นผังงาน การสร้างสตอร่ีบอรด์ การสร้างและการเขียนโปรแกรม การผลิตเอกสารประกอบการเรียน และการประเมินและแก้ไขบทเรียน การนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมาใช้มีข้อดีหลายประการเพราะเป็นส่ือท่ีเป็นมัลติมีเดีย มีความเร้าใจน่าสนใจ ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลได้ดี สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองแต่การสร้างและพัฒนาบทเรียนค่อนข้างยากและต้องใช้ผู้ชานาญการหรือเช่ียวชาญหลายด้านในการผลิตเพื่อให้ได้บทเรยี นทม่ี คี ณุ ภาพ3. สาระการเรยี นรู้ความรู้ 1) ความหมายของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 2) องคป์ ระกอบทส่ี าคัญของคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน 3) ประเภทของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนทกั ษะ/กระบวนการ 1) ทักษะการแสวงหาความรู้ 2) ทักษะการใชเ้ ทคโนโลยี 3) การสรปุ ความรู้
18 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการคิด 2) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี4. คณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ 1) มวี ินยั 2) ใฝเ่ รยี นรู้ 3) มุ่งม่นั ในการทางาน 4) มีความรบั ผิดชอบ 5) รกั ษ์สง่ิ แวดล้อม ค่านิยม 12 ประการ 4) ใฝห่ าความรู้ หมั่นศกึ ษาเลา่ เรยี นทงั้ ทางตรง และทางอ้อม 10) รู้จกั ดารงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง5. ชน้ิ งาน/ภาระงาน 1) ใบภาระงานที่ 1.1 การสรุปองค์ความรู้ เรอ่ื ง ส่ือบทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน6. การวดั และการประเมินผล 6.1 วิธกี าร 1) การซกั ถาม 2) การทดสอบ 3) การสงั เกต 4) การตรวจผลงาน 6.2 เครอื่ งมือการวัดผล 1) แบบทดสอบ 2) แบบประเมินผลงาน 6.3 เกณฑ์การผา่ น 1) ระดับพอใช้ข้ึนไป
196.4 การประเมนิ ผล ประเมนิ ผลโดยใช้เกณฑก์ ารประเมนิ ดงั น้ีเกณฑ์การประเมิน ชิ้นงานการสรปุ องค์ความรู้ประเด็น ระดับคะแนน น้าหนกั จุดเน้นการประเมนิ 4 3 2 1 51. เน้ือหาสาระ รายละเอยี ดของ รายละเอียดของ รายละเอยี ดของ รายละเอยี ดของ เนอ้ื หา ถกู ต้อง เน้ือหา ถกู ต้อง เนอ้ื หา ถกู ตอ้ ง เนื้อหาไม่ครบถว้ น ครบถว้ นลกึ ซ้ึง ครบถว้ นลกึ ซ้ึง ครบถว้ นแต่ไม่ และไม่ชัดเจน ชัดเจนครอบคลมุ ชดั เจน ชดั เจนเทา่ ทคี่ วร เท่าทค่ี วร หวั ขอ้ ทก่ี าหนด2. การสรุปเป็น การสรปุ เนื้อหา การสรุปเนือ้ หา การสรุปเนื้อหา การสรปุ เนอ้ื หา 5ความเรยี งขน้ั สงู ถูกต้อง กระชบั ถกู ต้อง กระชบั ถกู ต้อง กระชับ ถูกตอ้ ง ชดั เจน มีการ ชัดเจน มีการอา้ งอิง ชดั เจน อ้างองิ แหล่งข้อมูล แหลง่ ข้อมลู ไม่ ครบถว้ น3. การจัดพิมพ์ การจดั พมิ พค์ า การจัดพิมพ์คา การจดั พิมพ์คา มขี ้อผิดพลาดในการ 5 ถกู ตอ้ ง ขนาด ถูกต้อง ขนาด ถกู ตอ้ ง จัดพมิ พ์ค่อนข้างมาก ตัวอักษร และ ตัวอักษรเหมาะสม จดั รปู แบบหวั ขอ้ ได้ เหมาะสมเกณฑก์ ารตดั สิน/ระดบั คณุ ภาพ คะแนน 46 – 60 หมายถงึ ดมี าก คะแนน 31 – 45 หมายถงึ ดี คะแนน 16 – 30 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 – 15 หมายถึง ปรับปรงุเกณฑ์การผา่ น ตงั้ แตร่ ะดบั ดขี ้ึนไปเกณฑ์การประเมนิ การทาแบบฝกึ หัด/การทดสอบระดับคณุ ภาพ ระดับคะแนน4 (ดีมาก) ได้คะแนนการทดสอบ 8-10 คะแนน3 (ดี) ได้คะแนนการทดสอบ 7 คะแนน2 (พอใช้) ได้คะแนนการทดสอบ 6 คะแนน1 (ปรับปรุง) ได้คะแนนการทดสอบ 0-5 คะแนนเกณฑ์การผา่ น ต้ังแต่ระดบั คุณภาพ 2 ขึน้ ไป
20เกณฑ์การประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ประเดน็ ระดบั คะแนน น้าหนกั จดุ เน้นการประเมิน 4 3 2 1 11. มวี นิ ัย ปฏิบตั ิตาม ปฏิบัตติ ามขอ้ ตกลง ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง ไม่ปฏิบัติตาม ขอ้ ตกลง จนเป็น จนเป็นนสิ ัย ตรงตอ่ เป็นบางครัง้ ขอ้ ตกลง ในการทา 1 นิสัย ตรงต่อเวลา เวลา กิจกรรมต่าง ๆ รับผดิ ชอบทางาน 1 ดว้ ยตนเอง ศึกษาหาความรเู้ ปน็ บางคร้งั 12. ใฝ่เรยี นรู้ สนใจศกึ ษาหา สนใจศึกษาหาความรู้ สนใจศกึ ษาหาความรู้ ความรู้อยา่ ง อย่างสม่าเสมอและ อยา่ งสม่าเสมอ ทางานตามที่ไดร้ ับ 1 สม่าเสมอและ สรุป สรปุ องค์ความรู้ มอบหมาย องค์ความรู้เผยแพร่ แก่ผู้สนใจ ไม่ทางานตามท่ีได้รบั มอบหมาย3. มุ่งมน่ั ตง้ั ใจทางานด้วย ต้งั ใจทางานดว้ ย ตง้ั ใจทางาน ด้วยในการทางาน ความขยนั อดทน ความขยัน อดทน ความขยนั อดทน ใชพ้ ลังงานอยา่ งไม่ งานสาเร็จตาม งานสาเรจ็ ตาม ประหยัดและไม่4. มีความ เป้าหมายและเปน็ เป้าหมาย ทางานตามที่ได้รับ คุ้มค่ารับผิดชอบ แบบอยา่ งท่ีดี มอบหมายอยา่ งมี ทางานตามทไ่ี ด้รับ ทางานตามทีไ่ ดร้ ับ คุณภาพ แตไ่ มค่ รบ มอบหมายอยา่ งมี มอบหมายอยา่ งมี คุณภาพ ครบทกุ คุณภาพ ครบทกุ ชิ้น ชนิ้ และสง่ ตาม กาหนดเวลา5.รกั ษ์ส่งิ แวดลอ้ ม ใช้พลังงานอย่าง ใช้พลังงานอยา่ ง ใชพ้ ลงั งานอย่าง ประหยดั และคุ้มคา่ ประหยดั และคุ้มคา่ มี ประหยัดและค้มุ คา่ มีการนากลับมาใช้ การนากลับมาใชใ้ หม่ ใหม่ มกี าร ประยกุ ต์ใช้วสั ดทุ ี่มี ในท้องถน่ิ เกณฑก์ ารตดั สนิ /ระดบั คุณภาพ คะแนน 16 – 20 หมายถึง ดมี าก คะแนน 12 – 15 หมายถึง ดี คะแนน 10 – 11 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1 – 9 หมายถึง ปรับปรงุเกณฑก์ ารผา่ น ตัง้ แตร่ ะดบั ดีขนึ้ ไป
217. กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้นั นาเข้าสู่การเรียน 1) ครพู บนักเรียนสนทนา ซักถามเกยี่ วกับการเรยี นรวู้ ิชาคอมพวิ เตอรท์ ีผ่ า่ นมาวา่ นักเรียนเรียนรอู้ ะไรมาบ้าง และนักเรยี นนาความรู้ที่ได้ไปใชอ้ ย่างไรบ้าง 2) จัดทาบัญชรี ายช่อื นักเรียนดว้ ยโปรแกรมประมวลผลการเรยี น เพื่อบนั ทึกเวลาเรียนและการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดว้ ยโปรแกรมประมวลผลการเรียนรู้ 3) ใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน 4) ครนู าเสนอตัวอยา่ ง ส่ือบทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน ตัวอยา่ งโครงงานของนักเรียนรุ่นพ่ีใหน้ ักเรียนได้ชม 5) ครูแนะนาเกยี่ วกับ รายวิชา การสรา้ งสอื่ บทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน โดยใช้สอ่ืPowerPoint: unit1 6) ครูแจง้ ผลการเรียนรู้ ภาระงาน และวิธกี ารประเมนิ ผลการเรียนร้ใู หน้ กั เรยี นทราบ ขัน้ ศึกษาเรยี นรู้ 7) ครูอธิบายเน้ือหาเก่ยี วกบั ความหมายของคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน องค์ประกอบทส่ี าคัญของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน และประเภทของคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนโดยใช้สอื่ PowerPoint: unit1.1 เรอื่ งส่ือบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน 8) นักเรยี นศึกษาความรู้ เร่ือง สือ่ บทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน จากใบความรทู้ ี่ 1.1 เรื่องสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน โดยสามารถศึกษาได้ทีห่ น้าจอคอมพวิ เตอรข์ องนักเรยี น และมคี รูอธิบาย และยกตัวอย่างเน้ือหาร่วมดว้ ย 9) ใหน้ กั เรียนสรปุ องค์ความรู้ เร่ือง สอ่ื บทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยสอน โดยดคู าชีแ้ จง จากใบภาระงานท่ี 1.1 และส่งคาตอบทางจดหมายอเิ ล็กทรอนิกสต์ ามเวลาที่ครกู าหนด 10) ครูแทรกคุณธรรมในการทางาน ได้แก่ ความมงุ่ ม่ันในการทางาน ความอดทน ความขยนัเปน็ ต้น ข้ันสรปุ 11) ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรปุ สาระสาคัญจากสาระการเรียนรทู้ ่ีศกึ ษา 12) เสนอแนะให้ผเู้ รยี นศึกษาความรู้เพ่มิ เติมเกี่ยวกบั การสร้างส่ือบทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน8. สือ่ การเรยี นรู้ 1) ใบความรู้ท่ี 1.1 เรื่อง สอื่ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 2) ใบภาระงานที่ 1.1 การสรุปองค์ความรู้ เรอื่ ง ส่ือบทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน 3) ส่ือ PowerPoint: unit1.1 เรอื่ ง บทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 4) ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โรงเรียนชลกันยานกุ ลู 5) เครอื่ งคอมพวิ เตอร์
22 6) เครอื่ งฉายโปรเจคเตอร์ 7) เครอ่ื งขยายเสียงและไมโครโฟน9. แหล่งเรียนรู้ 1) ระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ โรงเรยี นชลกนั ยานุกลู 2) เว็บไซต์ www.chonkanya.net โรงเรียนชลกันยานุกูล จัดทาโดย นายสุทธิศักด์ิ เคลือบสงู เนิน 3) เว็บไซต์ www.chonkanya.ac.th เวบ็ ไซต์ โรงเรียนชลกนั ยานุกูล 4) แผ่นซีดีรอม เว็บไซต์ ส่ือประสมอิเล็กทรอนิกส์ วิชา การสร้างสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ ช่วยสอน จัดทาโดย นายสทุ ธศิ ักด์ิ เคลือบสงู เนนิ 5) เว็บไซต์ที่เก่ียวข้องกับ การจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การผลิตส่ือมัลติมีเดีย การสร้างส่ือบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) การใช้งานโปรแกรม Adobe Captivate 6) หอ้ งสมุดโรงเรยี นชลกันยานุกลู 7) หอ้ งสมดุ ประชาชนจงั หวัดชลบุรี 8) หอสมุดแห่งชาตจิ ังหวดั ชลบุรี 9) หอสมุดมหาวิทยาลยั บูรพา 10) หอ้ งสมดุ ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกโรงเรียนจงั หวดั ชลบุรี10. กิจกรรมเสนอแนะ นักเรียนศึกษาสาระการเรียนรู้เพ่ิมเติมเกี่ยวกับสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน โดยการสบื ค้นทางอนิ เทอร์เน็ต หรือแหล่งเรียนรทู้ ค่ี รแู จง้ ไว้11. การบูรณาการ การสรา้ งส่ือบทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน สามารถนาไปใชใ้ นการสร้างสอ่ื การเรียนรู้และส่อืการเรียนการสอนรายวิชาต่าง ๆ ได้อย่างดี
23 สือ่ PowerPoint: unit1.1รหัสวชิ า ง33201 วชิ า การสร้างสือช่วยสอน หนว ยการเรียนรู Computer Assisted Instruction เรือง สือ CAI ใช้บทเรียนซอ่ มเสริมเพอื ตอกยําความ เข้าใจทีถกู ต้องและสมบรู ณ์ดขี นึ สามารถใช้ทงั ในห้องเรียนและนอก ห้องเรียน โดย ครูพฤทธวิ รรณ ชว งพทิ กั ษ• ภาระงาน ช้นิ งาน แบบทดสอบกอ นเรยี น – รายบุคคล ศกึ ษา สอ่ื CAI ตามใบความรู และทํากิจกรรมตามใบมอบหมายงาน http://goo.gl/forms/ – รายกลมุ ส่อื CAI รายงาน และนําเสนอผลงาน ZKwiaZyMv6P6ZU5r1• การวัดผลการเรยี นรู – การทดสอบ (20) – ช้ินงานฝกทักษะ (30) – ชิ้นงานโครงงาน (30) – รายงานนาํ เสนอผลงาน (20)ส่ือ CAI ความหมาย CAIความหมาย CAI CAI ยอมาจาก Computer Assisted Instruction ก า ร นํ า ค อ ม พิ ว เ ต อ ร ม า เ ป น เ ค รื่ อ ง มื อ ส ร า ง ใ ห เ ป น โ ป ร แ ก ร มองค์ประกอบทสี ําคญั CAI คอมพิวเตอรเพื่อใหผูเรียนนําไปเรียนดวยตนเองและเกิดการเรียนรู ใน โปรแกรมประกอบไปดวย เนื้อหาวิชา แบบฝกหัด แบบทดสอบ ลักษณะของ การนําเสนอ อาจมที ั้งตวั หนังสอื ภาพกราฟก ภาพเคลอ่ื นไหว สีหรอื เสียงประเภท CAI ใช้บทเรียนซอ่ มเสริมเพือตอกยําความ เข้าใจทีถกู ต้องและสมบรู ณ์ดีขนึ สามารถใช้ทงั ในห้องเรียนและนอก ห้องเรียน
24 องคประกอบที่สําคัญ CAI องคป ระกอบทส่ี ําคัญ CAI (ตอ)• สารสนเทศ (Information) เน้ือหาสาระที่ไดรับการเรียบเรียง ทําให • การโตตอบ (Interaction) การมีปฏิสัมพันธกันระหวางผูเรียนกับ ผูเรียนเกิดการเรียนรู หรือไดรับทักษะอยางหน่ึงอยางใดตามท่ีผูสรางได คอมพิวเตอรช วยสอนการเรียน การสอนรูปแบบท่ดี ีทีส่ ดุ กค็ ือเปดโอกาสให กําหนดวตั ถปุ ระสงคไ ว ผูเรียนไดมปี ฏิสัมพันธก บั ผูสอนไดม ากที่สดุ• ความแตกตางระหวางบุคคล (Individualization) เปนสือ่ ประเภทหนึ่ง • การใหผ ลปอนกลับโดยทันที (Immediate Feedback) การที่ จึงตองไดรับการออกแบบใหมีลักษณะท่ีตอบสนองตอความแตกตาง คอมพิวเตอรชว ยสอนท่สี มบูรณจะตอ งมีการทดสอบหรือประเมนิ ความ ระหวางบคุ คลใหมากท่สี ุด เขา ใจของผเู รียนในเนือ้ หาหรือทักษะตา ง ๆ ตามวัตถปุ ระสงคทกี่ าํ หนดไวประเภท CAI1. แบบการสอน (Tutorial Instruction)2. แบบสอนซอมเสรมิ หรอื ทบทวน (Tutorial)3. แบบฝก หดั และฝกปฏบิ ตั ิ (Drill and Practice)4. แบบสรา งสถานการณจําลอง (Simulation)5. แบบสรา งเปนเกม (Game)6. แบบการแกป ญหา (Problem Solving) ใช้บทเรียนซอ่ มเสริมเพือตอกยําความ เข้าใจทีถกู ต้องและสมบรู ณ์ดีขนึ7. แบบทดสอบ (Test) สามารถใช้ทงั ในห้องเรียนและนอก8. แบบสรางสถานการณ (Discovery) ห้องเรียน
25 ใบความรู้ท่ี 1.1วชิ า การสรา้ งสื่อบทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน รหัสวชิ า ง 33201 ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6เรื่อง สอ่ื บทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน เวลา 2 ชว่ั โมงคอมพิวเตอร์ช่วยสอน คอื อะไร ? หมายถึง การนาคอมพิวเตอร์มาเป็นเคร่ืองมือสร้างให้เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อให้ผู้เรียนนาไปเรียนด้วยตนเองและเกิดการเรียนรู้ ในโปรแกรมประกอบไปด้วย เน้ือหาวิชา แบบฝึกหัดแบบทดสอบ ลักษณะของการนาเสนอ อาจมีทั้งตัวหนังสือ ภาพกราฟิก ภาพเคลื่อนไหว สีหรือเสียงเพื่อดึงดูดให้ผู้เรียนเกิดความสนใจมากย่ิงข้ึน รวมทั้งการแสดงผลการเรียนให้ทราบทันทีด้วยข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) แก่ผู้เรียน และยังมีการจัดลาดับวิธีการสอนหรือกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละคน ท้ังนี้จะต้องมีการวางแผนการในการผลิตอย่างเป็นระบบในการนาเสนอเนอื้ หาในรปู แบบท่ีแตกต่างกนัองค์ประกอบสาคญั ของคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน 4 ประการ ไดแ้ ก่ 1. สารสนเทศ (Information) เน้ือหาสาระที่ได้รบั การเรียบเรียง ทาใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรียนรู้หรือได้รับทักษะอย่างหน่ึงอย่างใดตามที่ผู้สร้างได้กาหนดวัตถุประสงค์ไว้ การนาเสนออาจเป็นไปในลักษณะทางตรง หรอื ทางอ้อมก็ได้ ทางตรงได้แก่ คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนประเภทติวเตอร์ เช่นการอ่านจา ทาความเข้าใจ ฝึกฝน ตัวอย่าง การนาเสนอในทางอ้อมได้แก่ คอมพิวเตอร์ช่วยสอนประเภทเกมและการจาลอง 2. ความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individualization) ลักษณะสาคัญของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน บุคคลแตล่ ะบุคคลมีความแตกต่างกันทางการเรียนรู้ คอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน เปน็ สอื่ ประเภทหน่ึงจงึ ต้องได้รบั การออกแบบให้มีลกั ษณะที่ตอบสนองต่อความแตกต่างระหวา่ งบุคคลใหม้ ากทีส่ ดุ 3. การโต้ตอบ (Interaction) การมีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างผู้เรียนกับคอมพิวเตอร์ช่วยสอนการเรยี น การสอนรูปแบบท่ดี ที สี่ ดุ ก็คอื เปดิ โอกาสให้ผู้เรียนได้มีปฏิสัมพันธก์ ับผู้สอนได้มากทีส่ ดุ 4. การให้ผลป้อนกลับโดยทันที (Immediate Feedback) ผลป้อนกลับหรือการให้คาตอบน้ีถือเปน็ การเสริมแรงอย่างหน่ึง การให้ผลปอ้ นกลับแก่ผเู้ รยี นในทันทหี มายรวมไปถึงการที่คอมพวิ เตอร์ช่วยสอนที่สมบูรณ์จะต้องมีการทดสอบหรอื ประเมินความเข้าใจของผู้เรยี นในเน้ือหาหรือทักษะต่าง ๆตามวตั ถุประสงคท์ กี่ าหนดไว้
26ประเภทของบทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน (CAI) 1. แบบการสอน (Tutorial Instruction) เพื่อใช้สอนความร้ใู หมแ่ ทนครู ซึง่ จะเปน็ การพฒั นาแบบ Self Study Package เป็นรูปแบบของการศึกษาด้วยตนเอง จะเป็นชุดการสอนที่จะต้องใช้ความระมดั ระวัง และทักษะในการพฒั นาที่สงู มาก 2. แบบสอนซ่อมเสริมหรือทบทวน (Tutorial) เป็นบทเรียนเพ่ือทบทวนการเรียนจากห้องเรียนหรือจากผู้สอนโดยวิธีใด ๆ จากทางไกล หรือทางใกล้ก็ตาม การเรียนมักจะไม่ใช่ความรู้ใหม่หากแต่จะเป็นความรู้ที่เคยได้รับมาแล้วในรูปแบบอ่ืน ๆ แล้วใช้บทเรียนซ่อมเสริมเพื่อตอกย้าความเขา้ ใจท่ถี ูกตอ้ งและสมบรู ณด์ ขี ้นึ สามารถใชท้ ัง้ ในห้องเรียนและนอกห้องเรียน 3. แบบฝึกหัดและฝึกปฏิบัติ (Drill and Practice) เพื่อใช้เสริมการปฏิบัติหรือเสริมทักษะกระทาบางอย่างให้เข้าใจยิ่งขึ้น เป็นการเสริมประสทิ ธิผลการเรียนของผู้เรียน สามารถใช้ในห้องเรียนเสรมิ ขณะท่สี อนหรือนอกหอ้ งเรยี น ณ ท่ใี ด เวลาใดกไ็ ด้ 4. แบบสร้างสถานการณ์จาลอง (Simulation) เพ่ือใช้สาหรับการเรียนรู้ หรือทดลองจากสถานการณ์ท่ีจาลองจากสถานการณ์จริง ซ่ึงอาจจะหาไม่ได้หรืออยู่ไกล ไม่สามารถนาเข้ามาในห้องเรียนได้ หรือมีสภาพอันตราย หรืออาจสิ้นเปลืองมากที่ต้องใช้ของจริงซ้า ๆ สามารถใช้สาธิตประกอบการสอน ใช้เสรมิ การสอนในห้องเรยี น 5. แบบสร้างเป็นเกม (Game) การพัฒนาเป็นลักษณะเกม สามารถเสริมการเรียนรู้ได้ดีกว่าสามารถใช้สาหรับการเรียนรู้ความรู้ใหม่หรือเสริมการเรียนในห้องเรียนก็ได้ รวมท้ังสามารถสอนทดแทนครใู นบางเรื่องได้ดว้ ยจะเปน็ การเรียนรจู้ ากความเพลดิ เพลนิ 6. แบบการแก้ปัญหา (Problem Solving) เป็นการฝึกการคิด การตัดสินใจ สามารถใช้กับวิชาการต่าง ๆ ท่ีต้องการให้สามารถคิด แก้ปัญหา ใช้เพื่อเสริมการสอนในห้องเรียน หรือใช้ในการฝึกทั่ว ๆ ไป นอกห้องเรียนกไ็ ด้ 7. แบบทดสอบ (Test) เพื่อใช้สาหรับตรวจวัดความรู้ ความสามารถของผู้เรียน สามารถใช้ประกอบการสอนในห้องเรียน หรอื ใชต้ ามความต้องการของครู หรือของผ้เู รยี นเอง รวมทงั้ สามารถใช้นอกห้องเรียน เพื่อตรวจวัดความสามารถของตนเองได้ด้วย 8. แบบสร้างสถานการณ์ (Discovery) เป็นการจัดทาเพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเอง โดยการลองผิดลองถูก หรือเป็นการจัดระบบนาล่องเพื่อชี้นาสู่การเรียนรู้สามารถใชเ้ รยี นรูค้ วามรู้ใหม่หรอื เปน็ การทบทวนความรู้เดิม และใช้ประกอบการสอนในห้องเรียนหรือการเรยี นนอกห้องเรยี น สถานที่ใด เวลาใด ก็ได้
27 ใบภาระงานท่ี 1.1วิชา การสร้างสื่อบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน รหัสวชิ า ง 33201 ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6เรอ่ื ง สอื่ บทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน เวลา 2 ชวั่ โมงผลการเรียนร้ทู ่คี าดหวัง อธิบาย ความหมาย ประเภท องคป์ ระกอบ และขนั้ ตอนการสรา้ งสื่อบทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนได้เนื้อหาสาระวิชาสื่อบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน 1) ความหมายของคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน 2) องคป์ ระกอบทส่ี าคญั ของคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน 3) ประเภทของคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนงานที่มอบหมาย 1. ใหน้ ักเรยี นศึกษาใบความรู้ท่ี 1.1 วชิ า การสรา้ งสื่อบทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนเร่อื ง สอ่ื บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน โดยสามารถศกึ ษาไดท้ ห่ี น้าจอคอมพิวเตอรข์ องนักเรียน 2. ใหน้ ักเรียนสรปุ องค์ความรู้เกย่ี วกับสื่อบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน และนักเรยี นสง่คาตอบทางจดหมายอิเลก็ ทรอนิกสต์ ามเวลาทค่ี รกู าหนดกาหนดการสง่ งาน นักเรยี นมเี วลาในการทางานตามใบภาระงานท่ี 1.1 เปน็ เวลา 2 ชวั่ โมง เม่อื สรุปองค์ความรู้เสร็จแลว้ ส่งคาตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนกิ ส์การประเมนิ ผล1. นกั เรยี นทางานเสร็จตามเวลาท่ีกาหนด2. นักเรยี นสรุปองค์ความรูไ้ ด้ถูกต้อง ครบถว้ น อย่างน้อยร้อยละ 80
บนั ทกึ หลงั แผนการจดั การเรยี นรู้ส่วนที่ 1 ผลการเรียนรูข้ องนักเรียนและแนวทางการแก้ปัญหา 1.1 ผลการประเมนิ ด้านความรู้ จำนวนนกั เรียนท้งั หมด………..…..คน ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน..........คน คิดเป็นร้อยละ............. ไม่ผำ่ นเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเป็นรอ้ ยละ………….…… ครไู ดด้ ำเนินกำรแก้ไขปัญหำนกั เรียนที่ไม่ผำ่ นเกณฑ์โดย.......................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.2 ผลการประเมินด้านทกั ษะ/กระบวนการ จำนวนนกั เรยี นทงั้ หมด………..…..คน ผำ่ นเกณฑ์ จำนวน..........คน คิดเปน็ รอ้ ยละ............. ไมผ่ ำ่ นเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเปน็ ร้อยละ………….…… ครไู ด้ดำเนนิ กำรแก้ไขปญั หำนกั เรียนทไี่ ม่ผ่ำนเกณฑโ์ ดย.......................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.3 ผลการประเมนิ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ จำนวนนักเรียนทั้งหมด………..…..คน ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน..........คน คดิ เปน็ ร้อยละ............. ไม่ผ่ำนเกณฑ์ จำนวน............คน คิดเป็นร้อยละ………….…… ครไู ดด้ ำเนนิ กำรแกไ้ ขปญั หำนกั เรยี นทีไ่ มผ่ ่ำนเกณฑโ์ ดย.......................................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………สว่ นท่ี 2 ข้อเสนอแนะในการพฒั นานักเรียน 2.1 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.3 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.4 ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ …………………………………..……………………… ผู้สอน (นำงสำวพฤทธวิ รรณ ช่วงพทิ ักษ์) ……………/………………/………………
ข้อเสนอแนะของหวั หนำ้ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ (ตรวจสอบ/นิเทศ/รับรอง) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………………………………..……………..…… (นำยสุทธิศกั ด์ิ เคลือบสงู เนนิ ) หวั หนำ้ กลุ่มสำระกำรเรยี นรกู้ ำรงำนอำชีพและเทคโนโลยีขอ้ เสนอแนะของฝ่ำยวิชำกำร (ตรวจสอบ/นิเทศ/รบั รอง) ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ…………………………………….………………..…… (นำงจนั ทร์ษำ ชยั วฒั นธรี ำกร) รองผอู้ ำนวยกำรโรงเรยี นกลมุ่ บรหิ ำรงำนวิชำกำรขอ้ คิดเห็นและขอ้ เสนอแนะของหวั หน้ำสถำนศึกษำ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………………………..………………..…… (นำงกมนพรรธน์ ทพิ ยไกรศรโชติ) ผู้อำนวยกำรโรงเรียนชลกนั ยำนุกูล
33เกณฑ์การประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ประเดน็ ระดบั คะแนน น้าหนกั จดุ เน้นการประเมนิ 4 3 2 1 11. มีวินัย ปฏบิ ตั ิตาม ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง ไม่ปฏิบัติตาม ข้อตกลง จนเป็น จนเปน็ นสิ ัย ตรงตอ่ เป็นบางครัง้ ขอ้ ตกลง ในการทา 1 นสิ ัย ตรงต่อเวลา เวลา กิจกรรมต่าง ๆ รบั ผิดชอบทางาน 1 ด้วยตนเอง ศึกษาหาความรเู้ ปน็ บางคร้งั 12. ใฝ่เรียนรู้ สนใจศึกษาหา สนใจศึกษาหาความรู้ สนใจศกึ ษาหาความรู้ ความรู้อยา่ ง อยา่ งสม่าเสมอและ อยา่ งสม่าเสมอ ทางานตามที่ไดร้ ับ 1 สมา่ เสมอและ สรุป สรุปองค์ความรู้ มอบหมาย องค์ความรู้เผยแพร่ แก่ผู้สนใจ ไม่ทางานตามท่ีได้รบั มอบหมาย3. ม่งุ มั่น ต้งั ใจทางานดว้ ย ตง้ั ใจทางานดว้ ย ตง้ั ใจทางาน ด้วยในการทางาน ความขยัน อดทน ความขยัน อดทน ความขยนั อดทน ใชพ้ ลังงานอยา่ งไม่ งานสาเรจ็ ตาม งานสาเรจ็ ตาม ประหยัดและไม่4. มคี วาม เปา้ หมายและเป็น เปา้ หมาย ทางานตามที่ได้รับ คุ้มค่ารับผดิ ชอบ แบบอยา่ งท่ดี ี มอบหมายอยา่ งมี ทางานตามท่ีได้รับ ทางานตามทีไ่ ดร้ ับ คุณภาพ แตไ่ มค่ รบ มอบหมายอยา่ งมี มอบหมายอยา่ งมี คณุ ภาพ ครบทุก คุณภาพ ครบทกุ ชิ้น ชนิ้ และสง่ ตาม กาหนดเวลา5.รกั ษส์ งิ่ แวดลอ้ ม ใช้พลงั งานอย่าง ใช้พลงั งานอยา่ ง ใชพ้ ลงั งานอย่าง ประหยัดและค้มุ คา่ ประหยดั และคุ้มคา่ มี ประหยัดและค้มุ คา่ มกี ารนากลบั มาใช้ การนากลับมาใชใ้ หม่ ใหม่ มีการ ประยุกต์ใช้วสั ดทุ ่ีมี ในท้องถิน่เกณฑก์ ารตดั สิน/ระดับคุณภาพ คะแนน 16 – 20 หมายถึง ดมี าก คะแนน 12 – 15 หมายถึง ดี คะแนน 10 – 11 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 – 9 หมายถึง ปรับปรงุ เกณฑ์การผ่าน ตง้ั แต่ระดบั ดขี ้นึ ไป
347. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนาเขา้ ส่กู ารเรยี น 1) ครูพบนักเรียนสนทนา ซักถามเกีย่ วกับการเรียนรวู้ ิชาคอมพิวเตอร์ที่ผ่านมาวา่ นักเรียนเรียนรอู้ ะไรมาบ้าง และนักเรียนนาความรทู้ ่ไี ด้ไปใชอ้ ย่างไรบา้ ง 2) ครูแจง้ ผลการเรียนรู้ และหัวข้อทจ่ี ะศึกษาในวันน้ี ขน้ั ศกึ ษาเรยี นรู้ 3) ครอู ธบิ ายเนื้อหาเกย่ี วกบั บทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนโดยใช้ส่ือ PowerPoint: unit1.2เรอื่ ง บทเรียนคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน มหี วั ขอ้ ดังนี้ 1) โครงสร้างของบทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน 2)ขัน้ ตอนการออกแบบบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน และ 3) ขอ้ ดี-ข้อจากัดของบทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน 4) แบ่งนกั เรียนออกเป็น 5 กลมุ่ ๆ ละ 7 – 8 คน 5) นกั เรยี นศึกษาความรู้ เรอื่ ง สอ่ื บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน จากใบความรทู้ ี่ 1.2เร่อื ง สือ่ บทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยสอน โดยสามารถศึกษาไดท้ ีห่ น้าจอคอมพิวเตอรข์ องนักเรยี น และมีครอู ธิบาย และยกตัวอยา่ งเน้ือหาร่วมด้วย 6) ให้นักเรยี นทางานตามใบมอบหมายงานท่ี 1.2 แบบฝึกหัด เรื่อง ส่ือบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน นักเรยี นส่งคาตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกสต์ ามเวลาท่คี รูกาหนด 7) ครแู ทรกคุณธรรมในการทางาน ได้แก่ ความมุ่งมน่ั ในการทางาน ความอดทน ความขยนัเป็นตน้ ข้ันสรปุ 8) ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรุปสาระสาคัญจากสาระการเรียนร้ทู ี่ศกึ ษา 9) แบบทดสอบระหวา่ งหนว่ ยการเรยี นท่ี 1 เร่อื ง สื่อบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน โดยทาการทดสอบผ่านหน้าจอคอมพวิ เตอร์ของนักเรยี น 10) ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนกลุ่มมาจบั ฉลากหวั ข้อเรอ่ื ง และทกุ กลุ่มจะต้องศกึ ษาหวั ขอ้ เร่อื งที่ได้รบั แล้วนามาเสนอหน้าชั้นเรยี นในช่วั โมงต่อไป8. สือ่ การเรยี นรู้ 1) ใบความรู้ที่ 1.2 เรื่อง ส่อื บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน 2) ใบมอบหมายงานที่ 1.2 แบบฝกึ หัด เรือ่ ง สื่อบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน 3) สอ่ื PowerPoint: unit1.2 เรือ่ ง บทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน 4) แบบทดสอบระหว่างหน่วยการเรยี นท่ี 1 เรือ่ ง สือ่ บทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน 5) เครอื่ งคอมพิวเตอร์ 6) เครอ่ื งฉายโปรเจคเตอร์ 7) เครือ่ งขยายเสยี งและไมโครโฟน
359. แหลง่ เรียนรู้ 1) ระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ โรงเรยี นชลกันยานกุ ลู 2) เว็บไซต์ www.chonkanya.net โรงเรียนชลกันยานุกูล จัดทาโดย นายสุทธิศักด์ิ เคลอื บสูงเนนิ 3) เว็บไซต์ www.chonkanya.ac.th เวบ็ ไซต์ โรงเรยี นชลกันยานกุ ูล 4) แผ่นซีดีรอม เว็บไซต์ สื่อประสมอิเล็กทรอนิกส์ วิชา การสร้างส่ือบทเรียนคอมพิวเตอร์ ชว่ ยสอน จดั ทาโดย นายสุทธศิ ักดิ์ เคลอื บสูงเนิน 5) เว็บไซต์ท่ีเก่ียวข้องกับ การจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การผลิตสื่อมัลติมีเดีย การสร้างส่ือบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) การใช้งานโปรแกรม Adobe Captivate 6) ห้องสมุดโรงเรยี นชลกนั ยานุกลู 7) หอ้ งสมดุ ประชาชนจังหวดั ชลบุรี 8) หอสมดุ แหง่ ชาตจิ งั หวดั ชลบุรี 9) หอสมดุ มหาวิทยาลัยบูรพา 10) หอ้ งสมุดศนู ยก์ ารศกึ ษานอกโรงเรียนจงั หวัดชลบุรี10. กจิ กรรมเสนอแนะ นักเรียนศึกษาสาระการเรียนรู้เพ่ิมเติมเก่ียวกับสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน โดยการสืบคน้ ทางอนิ เทอรเ์ นต็ หรือแหลง่ เรียนร้ทู ี่ครูแจง้ ไว้11. การบรู ณาการ การสรา้ งสอ่ื บทเรียนคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน สามารถนาไปใชใ้ นการสร้างสอ่ื การเรียนรู้และสอ่ืการเรียนการสอนรายวิชาต่าง ๆ ได้อย่างดี
35ส่อื PowerPoint: unit1.2รหัสวชิ า ง33201 วชิ า การสร้างสือช่วยสอน สอ่ื CAI Computer Assisted Instruction เรือง สือ CAI โครงสร้าง CAI โดย ครพู ฤทธวิ รรณ ชวงพทิ กั ษ ขนั ตอนการออกแบบ CAI ข้อดี – ข้อจํากดั CAI ใช้บทเรียนซอ่ มเสริมเพอื ตอกยําความ เข้าใจทีถกู ต้องและสมบรู ณ์ดีขนึ สามารถใช้ทงั ในห้องเรียนและนอก ห้องเรียน โครงสราง CAI โครงสราง CAI (ตอ)• แบบเชงิ เสน (Linear Type) เปน โครงสรางพน้ื ฐานทงี่ า ยท่สี ุดในการ ใช้บทเรียนซอ่ มเสริมเพือตอกยําความ จัดการ เฟรมเนื้อหา เฟรมคําถาม และเฟรมกิจกรรม แตละเฟรมจะเรยี ง เข้าใจทีถกู ต้องและสมบรู ณ์ดขี นึ ตามลาํ ดบั ตัง้ แตตนจนจบในลกั ษณะเชงิ เสน โดยไมม ีการกระโดดขา มไปยงั สามารถใช้ทงั ในห้องเรียนและนอก สวนอ่นื ท่ีไมเกี่ยวขอ ง ห้องเรียน ใช้บทเรียนซอ่ มเสริมเพอื ตอกยําความ เข้าใจทีถกู ต้องและสมบรู ณ์ดีขนึ สามารถใช้ทงั ในห้องเรียนและนอก ห้องเรียน โครงสราง CAI (ตอ ) โครงสราง CAI (ตอ )• แบบสาขา (Branching Type) ผูเรียนมีอิสระในการเลอื กทางเดินของ ใช้บทเรียนซอ่ มเสริมเพอื ตอกยําความ บทเรียน การเปล่ยี นเสนทางของบทเรยี นข้นึ อยูก บั ผลของการปฏสิ มั พนั ธ เข้าใจทีถกู ต้องและสมบรู ณ์ดขี นึ ทผี่ ูเ รยี นมีตอบทเรยี น ลกั ษณะของโครงสรา งจึงแตกสาขาออกเปน สามารถใช้ทงั ในห้องเรียนและนอก สว นยอ ยๆ ตามความตอ งการของผูพฒั นาบทเรียนคอมพวิ เตอรชวยสอน ห้องเรียน ใช้บทเรียนซอ่ มเสริมเพอื ตอกยําความ เข้าใจทีถกู ต้องและสมบรู ณ์ดีขนึ สามารถใช้ทงั ในห้องเรียนและนอก ห้องเรียน
36 ข้ันตอนการออกแบบ CAI ขอ ดี และขอ จาํ กัด CAIPreparation • เตรยี มพรอมกอ นท่ีจะทาํ การ • ขอดีของ CAI ออกแบบบทเรยี น 1. ชวยเพ่มิ แรงจงู ใจในการเรยี นรูใหแกผ เู รยี นDesign Instruction • กําหนดวาบทเรยี นจะออกมาในลักษณะใด 2. ชวยใหผ เู รยี นไดเ รียนตามความสามารถของตนเอง Flowchart Lesson • อธิบายขน้ั ตอนการทาํ งานของโปรแกรม 3. ผเู รยี นไดเ รียนเปนข้นั ตอนทลี ะข้ันตอนจากงา ยไปหายาก Create Storyboard • เตรียมการนาํ เสนอขอความ ภาพ และมลั ติมเี ดยี ตาง ๆ ลงบนกระดาษ 4. ประหยัดเวลาในการเรียนการสอน ผเู รียนสามารถเรยี นไดด ว ยตนเอง Program Lesson • เปลี่ยนสตอร่ีบอรดใหก ลายเปน CAI 5. สามารถใชเ วลานอกเวลาเรยี นในการฝกฝน Produce Supporting • คมู อื การใชของผเู รยี น Materials • คูม อื การใชของผสู อน 6. สามารถเรยี นไดโดยไมจํากัดเวลา และสถานที่ • คูมือสาํ หรบั การแกปญหา ใช้บ• ทเอเกรสียานรปซรอ่ะกมอเบสเพริมมิ่ เเตพมิ ือตอกยําความ ใช้บทเรียนซอ่ มเสริมเพอื ตอกยําความ เข้าใจทีถกู ต้องและสมบรู ณ์ดีขนึ Evaluate and เข้าใจทีถกู ต้องและสมบรู ณ์ดีขนึ Revise สามาร•ถแกใลชาระ้ ทปกงรัหาะรใ้ อทเนมํางินหงเาใร้ อนนี ยงสนเวรนี ยขอนงแกาลระนนําเอสนกอ สามารถใช้ทงั ในห้องเรียนและนอก ห้องเรียน ขอ ดี และขอจํากดั CAI• ขอจาํ กดั ของ CAI 1. คาใชจายสูง 2. ตอ งอาศัยความคิดจากผเู ชีย่ วชาญหลายดาน 3. ใชเ วลานานในการพัฒนา 4. การออกแบบสือ่ ทําไดย ากและซบั ซอน ใช้บทเรียนซอ่ มเสริมเพือตอกยําความ เข้าใจทีถกู ต้องและสมบรู ณ์ดีขนึ สามารถใช้ทงั ในห้องเรียนและนอก ห้องเรียน
37 ใบความรู้ท่ี 1.2วชิ า การสรา้ งส่ือบทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน รหัสวชิ า ง 33201 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6เร่อื ง ส่ือบทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เวลา 2 ชวั่ โมงโครงสร้างของบทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนโครงสรา้ งของบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอนได้ 2 แบบ ดงั ต่อไปน้ี 1.แบบเชิงเส้น ( Linear Type)เป็นโครงสร้างพ้ืนฐานที่ง่ายที่สุดในการจัดการ เฟรมเนื้อหา เฟรมคาถาม และเ ฟ ร ม กิ จ ก ร ร ม แ ต่ ล ะ เ ฟ ร ม จ ะ เ รี ย งตามลาดับตั้งแต่ต้นจนจบในลักษณะเชิงเส้น โดยไม่มีการกระโดดข้ามไปยังส่วนอื่นท่ไี มเ่ ก่ียวขอ้ ง 2. แ บ บ ส า ข า ( Branching Type)ผู้เรียนมีอิสระในการเลือกทางเดินของบทเรียนการเปล่ียนเส้นทางของบทเรียนขึ้นอยู่กับผลของการปฏิสัมพันธ์ท่ีผู้เรียนมีต่อบทเรียน ถ้าผู้เรียนตอบคาถามถูก หรือทาแบบทดสอบผ่านตามเกณฑ์ จะได้รบั เนื้อหาแตกต่างจากผูเ้ รียนที่ไม่ประสบความสาเร็จในการตอบคาถา มบทเรียน หรือไม่ผ่านการทดสอบ ลักษณะของโครงสร้างจึงแตกสาขาออกเป็นส่วนย่อยๆ ตามความต้องการของผู้พัฒนาบทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน
38ขั้นตอนการออกแบบบทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนขั้นตอนที่ 1: ข้ันตอนการเตรียม (Preparation) ข้ันตอนนี้เป็นการเตรียมพร้อมก่อนที่จะทาการออกแบบบทเรียน ผู้ออกแบบ จะต้องเตรียมพร้อมในเรื่องของความชัดเจนในการกาหนดเป้าหมายและวัตถปุ ระสงค์ การรวบรวม ข้อมูลข้ันตอนท่ี 2: ขั้นตอนการออกแบบบทเรียน (Design Instruction) เป็นขั้นตอนที่ครอบคลุมถึงการวเิ คราะห์งาน แนวคิดการออกแบบข้ันแรก การประเมนิ และแก้ไขการออกแบบ ข้ันตอนการออกแบบบทเรียนน้เี ป็นขั้นตอนท่ีกาหนดว่าบทเรียนจะออกมาในลักษณะใดขั้นตอนท่ี 3: ข้ันตอนการเขียนผังงาน (Flowchart Lesson) การอธิบายข้ันตอนการทางานของโปรแกรม การเขียนผังงานเป็นสิ่งสาคัญเพราะคอมพิวเตอร์ช่วยสอนท่ีดี จะต้องมีปฏิสัมพันธ์อย่างสมา่ เสมอข้ันตอนที่ 4: ข้ันตอนการสร้างสตอร่ีบอร์ด (Create Storyboard) เป็นขั้นตอนของการเตรียมการนาเสนอข้อความ ภาพ รวมทัง้ สือ่ ในรูปแบบมัลติมเี ดยี ต่าง ๆ ลงบนกระดาษเพือ่ ให้การนาเสนอเป็นไปอย่างเหมาะสมบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้แก่ เนื้อหา คาถาม ผลป้อนกลับ ภาพนิ่ง และภาพเคล่ือนไหว ฯลฯ ในขน้ั นี้ควรท่ีจะมีการประเมนิ ผลและทบทวนแกไ้ ขบทเรยี นข้ันตอนท่ี 5: ข้ันตอนการสร้าง / เขียนโปรแกรม (Program Lesson) เป็นกระบวนการเปล่ียนสตอรี่บอร์ดให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การเขียนโปรแกรมน้ันหมายถึง การใช้โปรแกรมช่วยสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในการสร้างบทเรียน เช่น Multimedia ToolBook และ AdobeCaptivate 8 ผอู้ อกแบบบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนจะต้องรู้จกั เลือกใชโ้ ปรแกรมที่เหมาะสมข้ันตอนท่ี 6: ขั้นตอนการผลิตเอกสารประกอบบทเรียน (Produce Supporting Materials) แบ่งได้เป็น 4 ประเภท คือ คู่มือการใช้ของผู้เรียน คู่มือการใช้ของผู้สอน คู่มือสาหรับการแก้ปัญหาเทคนิคตา่ ง ๆ และเอกสารประกอบเพิ่มเติมท่วั ๆ ไป ผู้เรียนและผู้สอนมีความตอ้ งการแตกตา่ งกันไปขนั้ ตอนที่ 7: ขน้ั ตอนการประเมินและแกไ้ ขบทเรยี น (Evaluate and Revise) ในช่วงสดุ ทา้ ยบทเรยี นและเอกสารประกอบท้ังหมด ควรที่จะได้รับการประเมินโดยเฉพาะ การประเมินในส่วนของการนาเสนอ และการทางานของบทเรียนในส่วนของการนาเสนอน้ัน ผู้ที่ควรจะทาการประเมินก็คือ ผู้ที่มีประสบการณใ์ นการออกแบบมาก่อน ในการประเมนิ การทางาน ของผ้อู อกแบบควรทจ่ี ะทาการสังเกตพฤติกรรมของผเู้ รยี น ในขณะที่ใชบ้ ทเรียนหรือสัมภาษณ์ ผ้เู รยี นหลังการใช้บทเรยี น
39ขอ้ ดี และข้อจากดั ของบทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนบทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเปน็ สอื่ ท่ีมขี ้อดีหลายประการ ดงั น้ี 1. ช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน เน่ืองจากคอมพิวเตอร์น้ันมีการนาเสนอบทเรียนด้วยภาพ เสียง และการปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนทาให้เกิดการอยากเรียนรู้สนุกสนานกับการเรียนตามแนวคิดของการเรียนรู้ในปัจจุบันที่ว่า “Learning is Fun” หมายถึง การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก 2. ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนตามความสามารถของตนเอง เป็นการส่งเสริมผู้เรียนให้ประสบผลสาเร็จในการเรียน โดยคานงึ ถึงหลกั การของความแตกต่างระหว่างบุคคล 3. ผู้เรียนได้เรียนเป็นขั้นตอนทีละขั้นตอนจากง่ายไปหายากซ่ึงเป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการเรยี นรู้ ผู้เรียนจะรบั เน้ือหาทีละนอ้ ยจนกว่าจะบรรลจุ ุดประสงค์ของการเรยี นรู้ 4. ประหยัดเวลาในการเรียนการสอนเนื่องจากเป็นการเรยี นแบบศกึ ษารายบุคคล ผู้เรยี นสามารถเรียนได้ด้วยตนเอง มีการวัดและประเมินผลไปพร้อมกัน สามารถช่วยผู้เรียนโดยการจัดโปรแกรมเสรมิ 5. คอมพิวเตอร์สามารถสอนมโนมตใิ นบางเรื่องที่เข้าใจได้ยากให้เข้าใจง่ายข้ึน เพราะมโนมติบางอยา่ งเขา้ ใจยากจากผ้สู อนหรอื ตารา 6. ช่วยให้ผู้เรียนที่เรียนอ่อนสามารถใช้เวลานอกเวลาเรียนในการฝึกฝนทักษะ และเพ่ิมเติมความรู้เพ่อื ท่ีจะปรับปรุงการเรียนของตนใหท้ ันผ้เู รยี นคนอื่นได้ 7. ผเู้ รียนสะดวกและสามารถเรยี นจากคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนได้โดยไม่จากดั เวลา และสถานท่ีขอ้ จากัดของบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน การสร้างหรือพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีข้อจากัดที่ต้องคานึงถึงเพื่อเตรียมการในการแก้ปัญหา ดังนี้ 1. การพฒั นาสือ่ คอมพิวเตอรช์ ่วยสอน ตอ้ งใชค้ ่าใชจ้ ่ายสูงพอควร ท้งั ในด้านฮารด์ แวร์และซอฟตแ์ วร์ 2. ตอ้ งอาศยั ความคิดจากผชู้ านาญการหรือผ้เู ชย่ี วชาญหลายด้านในการระดมความคิด 3. ใช้เวลานานในการพฒั นา 4. การออกแบบสื่อทาไดย้ ากและซับซอ้ น
40 ใบภาระงานท่ี 1.2วิชา การสรา้ งสื่อบทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน รหัสวิชา ง 33201 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 6เรือ่ ง ส่อื บทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน เวลา 2 ชัว่ โมงผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวัง อธบิ าย ความหมาย ประเภท องคป์ ระกอบ และขั้นตอนการสรา้ งสือ่ บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนได้เน้อื หาสาระวชิ าสอ่ื บทเรียนคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน 1) ความหมายของคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน 2) องค์ประกอบที่สาคัญของคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน 3) ประเภทของคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน 4) โครงสรา้ งของบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน 5) ข้ันตอนการออกแบบบทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน 6) ข้อดี-ขอ้ จากัดของบทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนงานท่มี อบหมาย 1. ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาใบความรู้ท่ี 1.2 วชิ า การสรา้ งส่ือบทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนเรื่อง ส่อื บทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน โดยสามารถศกึ ษาไดท้ ีห่ นา้ จอคอมพวิ เตอรข์ องนักเรยี น 2. ให้นกั เรยี นอธิบายสรุปเกย่ี วกบั สอื่ บทเรียนคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอนจากคาถามตอ่ ไปน้ีและสง่ คาตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ตามเวลาทค่ี รูกาหนดคาถาม1) CAI คอื อะไร และย่อมาจากคาว่าอะไร2) องค์ประกอบสาคญั ของบทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน มอี ะไรบ้าง3) ความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individualization) ใน CAI หมายถึงอะไร4) การปฏิสมั พันธ์ (Interaction) หมายถึงอะไร5) บทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนมกี ่ปี ระเภท อะไรบ้าง
41 6) บทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนประเภทการสอน (Tutorial Instruction) มลี ักษณะอย่างไร 7) บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนประเภทแบบทดสอบ (Test) มีลักษณะอย่างไร 8) โครงสรา้ งของบทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน มีก่รี ปู แบบ อะไรบ้าง 9) ขน้ั ตอนการออกแบบบทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน มีก่ีขั้นตอนอะไรบ้าง 10) บทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอนมขี ้อดอี ย่างไรบ้างกาหนดการสง่ งาน นักเรยี นมีเวลาในการทางานตามใบภาระงานท่ี 1.2 เปน็ เวลา 2 ชวั่ โมง เมอื่ ทาแบบฝึกหัดเสรจ็ แล้วสง่ คาตอบทางจดหมายอิเลก็ ทรอนกิ ส์การประเมนิ ผล 1. นกั เรยี นทางานเสรจ็ ตามเวลาที่กาหนด 2. นกั เรียนตอบคาถามได้ถูกต้องตามประเด็นคาถาม อย่างน้อยร้อยละ 80
42 ใบมอบหมายงานท่ี 1.2วชิ า การสร้างสื่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน รหัสวชิ า ง 33201 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6เรอ่ื ง ส่อื บทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน เวลา 2 ช่วั โมงผลการเรียนร้ทู ค่ี าดหวงั อธบิ าย ความหมาย ประเภท องคป์ ระกอบ และขั้นตอนการสร้างสือ่ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนได้เน้ือหาสาระวิชาสอ่ื บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 1) ความหมายของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 2) องคป์ ระกอบท่ีสาคญั ของคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน 3) ประเภทของคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน 4) โครงสร้างของบทเรยี นคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน 5) ข้ันตอนการออกแบบบทเรียนคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน 6) ข้อดี-ขอ้ จากัดของบทเรยี นคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนงานทม่ี อบหมาย1. ให้นกั เรยี นเขยี นผังเน้ือหาโครงสรา้ งส่อื คอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน ในหัวขอ้ ท่ีนกั เรียนสนใจ ดงั ภาพตวั อยา่ ง2. จดั สง่ เพอ่ื ประเมนิ
43กาหนดการส่งงาน นกั เรียนมีเวลาในการทางานตามใบมอบหมายงานที่ 1.2 เป็นเวลา 2 ช่ัวโมง เมือ่ ทาแบบฝกึ หดั เสร็จแลว้ ส่งคาตอบทางจดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์การประเมนิ ผล 1. นกั เรยี นทางานเสร็จตามเวลาทีก่ าหนด 2. นักเรียนตอบคาถามได้ถูกต้องตามประเด็นคาถาม อย่างนอ้ ยร้อยละ 80
44 แบบทดสอบระหว่างเรยี นหน่วยที่ 1 รหัสวิชา ง 33201 วชิ าการสร้างสอ่ื ช่วยสอน จานวน 20 ข้อ เวลาสอบ 20 นาที โรงเรยี นชลกันยานุกลู สงั กัด สพม. เขต 18 อาเภอเมอื งชลบุรี จังหวดั ชลบรุ ีคาส่ัง จงเลือกคาตอบทถ่ี กู ทีส่ ดุ เพียงขอ้ เดียวและทาเครือ่ งหมาย X ลงในกระดาษคาตอบผลการเรยี นรู้ อธบิ ายความหมาย ประเภท องค์ประกอบ และขนั้ ตอนการสร้างสอ่ื บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) ได้1. ส่อื บทเรียนคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนหรือCAI ยอ่ มาจากคาในภาษาอังกฤษวา่ อะไร ก. Computer Assisted Internet ข. Computer Assisted Instruction ค. Computer Association Internet ง. Computer Association Instruction2. ขอ้ ใดให้ความหมายของคอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอนไดถ้ ูกต้องที่สุด ก. บทเรยี นคอมพวิ เตอรท์ ี่สร้างข้นึ เพ่ือใช้สอนแทนครเู ม่ือครูไปราชการ ข. บทเรียนที่ออกแบบใหน้ าเสนอเน้ือหาสาระความรใู้ นลักษณะมลั ตมิ ีเดีย ค. บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ท่มี ีภาพนง่ิ ภาพเคลอื่ นไหว ขอ้ ความ และเสยี งประกอบ ง. บทเรียนมัลตมิ ีเดยี ที่มลี ักษณะการเรียนรใู้ กลเ้ คยี งกับการเรียนจรงิ ในหอ้ งเรียน3. ข้อใดคือองค์ประกอบสาคัญของคอมพิวเตอรช์ ่วยสอนที่ชว่ ยให้ผเู้ รียนไดใ้ กลช้ ดิ ผสู้ อนมากทีส่ ุด ก. การโตต้ อบ ข. การนาเสนองาน ค. การให้ขอ้ มูลย้อนกลบั ง. การวางแผนออกแบบส่ือ4. ข้อใดเป็นองค์ประกอบที่สาคญั ของคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน ก. สารสนเทศ ข. การโตต้ อบ ค. ความแตกต่างระหวา่ งบุคคล ง. ถกู ทกุ ข้อ
455. ขอ้ ใดจัดเปน็ การเสรมิ แรงให้กับผเู้ รียนในการใช้บทเรียนคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน ก. Interaction ข. Information ค. Individualization ง. Immediate Feedback6. การให้ผลป้อนกลบั ทันที หมายถึงข้อใด ก. เปิดโอกาสใหผ้ ้เู รียนได้มปี ฏิสัมพนั ธ์กบั ผู้สอน ข. การตอบสนองตามความต้องการของบคุ คล ค. เป็นการเสรมิ แรงโดยใชก้ ารประเมนิ หรือการทดสอบความเขา้ ใจ ง. การนาเนื้อหาสาระมาเรยี บเรียงใหม่ตามวัตถปุ ระสงคท์ ี่กาหนดไว้7. Self Study Package คืออะไร ก. การศกึ ษาด้วยตนเอง ข. การศึกษาโดยใชค้ อมพวิ เตอร์ ค. การศึกษาโดยใช่สื่อการสอน ง. การศึกษาโดยนักเรียนเป็นศนู ยก์ ลาง8. คอมพิวเตอร์ชว่ ยสอนมีการนาเสนอลกั ษณะทางตรงได้แกข่ ้อใด ก. เกม ข. การอ่าน ค. การสมมติ ง. การจาลอง9. ภาพเคลอ่ื นไหวในบทเรียนคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอนมีประโยชนใ์ นขอ้ ใด ก. ผ้เู รียนเกดิ ความอยากรู้อยากลอง ข. ช่วยแยกแยะความคิดของผ้เู รียน ค. ผ้เู รียนเกดิ แรงกระตนุ้ ในการเรยี นมากขึน้ ง. ดงึ ดูใหผ้ ูเ้ รียนเกดิ ความสนใจในการเรียนมากขนึ้10. ประเภทแบบสอนซอ่ มเสรมิ มีประโยชนอ์ ย่างไร ก. เสริมความรใู้ หม่ๆให้แก่ผูเ้ รยี น ข. แทรกเนอ้ื หาที่ผ้เู รียนยังไมผ่ ่านเกณฑ์ ค. เสรมิ ความสามารถตามความถนดั ของผู้เรียน ง. ทบทวนความรูค้ วามเขา้ ใจเน้อื หาท่ีเคยเรียนผ่านมาแลว้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288