การดาเนนิ งาน ระบบการดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรยี น
คำนำ คู่มือการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 ฉบับนี้ จัดทำและพัฒนาขึน้ ตามแนวพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ.2542 และท่แี กไ้ ขเพิ่มเตมิ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.2545 ทใ่ี หค้ วามสำคัญกบั การพัฒนานักเรียน แบบองค์รวม ให้เป็นคนดี คนเก่ง คนมีความสุข สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นครศรธี รรมราช เขต 4 ได้ตระหนกั ถงึ ความสำคญั ของการพฒั นาคณุ ภาพของนักเรยี นทุกคนให้เติบโต อย่างมคี ุณกาพรอบดา้ น ทัง้ ดา้ นสตปิ ญั ญา ความสามารถ คุณธรรม จรยิ ธรรม และด้านการดำรงชีวิต ในสงั คมอย่างเป็นสขุ พรอ้ มด้วยสุขภาพกายและสุขภาพจติ ทีด่ ี ความมงุ่ หวงั น้ีตอ้ งอาศยั ความพร้อมและ ความรว่ มมอื ของบุคลากรทกุ คนในโรงเรียน การประสานงานกับพ่อแม่ผู้ปกครองอยา่ งใกล้ชิด รวมถึง ภาคคี วามร่วมมอื ของหนว่ ยงานภายนอกท่เี ก่ยี วขอ้ งทุกฝา่ ย สำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 4 หวังว่าคู่มือการดำเนินงาน ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ท่ีเหมาะสมกับบรบิ ทของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และโรงเรียน ในสังกัดที่จัดทำขึ้นในครั้งนี้ จะช่วยให้ครูทุกคนสามารถให้ความดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้ทั้งด้านการ ส่งเสริมสว่ นที่ดี และด้านการป้องกันมิใหป้ ัญหาเกิดขึ้น หรือลุกลามมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กกลุ่มเส่ยี ง โรงเรียนสามารถดำเนินการแก้ปัญหาในเบื้องต้นได้ และความมุ่งหวังสูงสุดก็คือทุกโรงเรียนในสังกัด มีการดำเนินงานตามระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่สามารถตรวจสอบได้ แสดงถึงคุณภาพและ มาตรฐานการประกันคุณภาพของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนและสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 ที่มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับของ ชมุ ชนและสงั คมตอ่ ไป สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 ขอขอบคุณผู้มีส่วน เกี่ยวข้องทุกคนที่ร่วมคิด ร่วมทำ และขอบคุณผู้เขียนเอกสารทุกเล่มที่ใช้ประกอบและอ้างอิงในการ จัดทำเอกสารเล่มนี้จนสำเร็จสุล่วงไปด้วยดี หวังว่าโรงเรียนและผู้เกี่ยวข้องทุกคนจะนำไปใช้เป็น แนวทางในการดำเนินงานตามระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรยี นให้มคี วามเข้มแข็งตอ่ ไป คณะผู้จัดทำ 10 กนั ยายน 2564
คำช้แี จง คู่มือการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 ฉบับนี้ คณะผู้จัดทำประกอบผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการ ศึกษาในระดับเขตพื้นท่ีการศึกษาและสถานศึกษา และผู้ทรงคุณวฒุ ิเป็นอาจารย์มหาวทิ ยาลัย รวม 25 คน โดยแบ่งเนือ้ หาของเอกสารเปน็ 5 บท เพื่อให้ผู้ใช้คู่มือได้ศึกษา ทำความเข้าใจและสามารถนำสู่ การปฏบิ ตั ิได้ประกอบดว้ ย บทท่ี 1 บทนำ เป็นข้อมลู สำคัญในเรอ่ื งความเปน็ มาและข้อมูลพ้นื ฐานการดำเนินงานระบบ การดูแลช่วยเหลอื นกั เรียนของโรงเรียน ความหมายของคำทีเ่ กีย่ วขอ้ ง วตั ถุประสงคข์ องคมู่ ือ ขอบเขต ของค่มู ือ และประโยชน์ของค่มู อื ฉบับน้ี บทท่ี 2 บทบาทหนา้ ท่ีและความรับผิดชอบ เปน็ ขอ้ มูลเพื่อสร้างความเขา้ ใจให้กับผู้บริหาร ครู และผู้ใช้คู่มือในเรื่องของโครงสร้างภาระงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และบทบาทหน้าท่ี ของผรู้ ับผิดชอบในแต่ละองคป์ ระกอบของงานระบบดูการแลช่วยเหลือนกั เรียน บทที่ 3 การขับเคลื่อนระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของสำนักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษา เป็น ขอ้ มูลข้ันตอนการดำเนนิ งาน ปฏิทินและผูร้ ับผิดชอบตามภาระงานของระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นักเรียน ท้ังในระดบั โรงเรียน สำนักงานเขตพ้ืนที่และผมู้ ีสว่ นเกี่ยวข้อง บทที่ 4 การนเิ ทศติดตามผลการดำเนนิ งาน เป็นขอ้ มูลจุดประสงค์ เป้าหมาย กำหนดการ ตลอดจนเครื่องมอื ทใี่ ชใ้ นการนิเทศติดตามเพือ่ สนบั สนุนชว่ ยเหลือระบบการดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรียนท้ังใน ระดบั โรงเรียนและระดับสำนกั งานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษา บทที่ 5 การรายงานผลระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เป็นข้อมูลขั้นตอนการจัดทำรายงาน ผลการดำเนินงานตามระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน รูปแบบและรายละเอียดการรายงานและ ตัวชว้ี ัดสำคัญในการพิจารณาความสมบูรณ์ของการรายงานระบบการดูแลช่วยเหลือนกั เรียนทั้งในระดับ โรงเรยี นและระดับสำนักงานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษา และภาคผนวก ประกอบดว้ ยตวั อยา่ งเครือ่ งมอื แบบฟอร์มทใี่ ช้ในการดำเนินงานตามระบบ ดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างละเอยี ดครบถ้วยในรูปแบบของ OR-Code และมีตัวอย่างกรณีศึกษาที่ครู และผู้รับผิดชอบงานตามระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้พบและเก็บหลักฐานไว้นำเสนอเพื่อเป็นแนว ทางการดำเนินงานของโรงเรยี นดว้ ย คณะผจู้ ดั ทำหวงั เปน็ อย่างยงิ่ วา่ คู่มือฉบับน้จี ะเป็นแนวทางให้กบั ครูและบุคลากรทางการศึกษา ทุกทา่ นได้ดำเนินงานทีมีคุณค่ายง่ิ ใหญ่ และภาคภูมใิ จ นั่นคือการสร้างเด็กและเยาวชนให้เป็นคนดี มี ความสามารถในการดำเนินชวี ิตอยู่ในสงั คมได้อย่างมีความสุข เตบิ โตและงอกงามอย่างมีคุณภาพ เป็น มนษุ ย์ทส่ี มบูรณ์ท้งั ร่ายกาน จติ ใต พรอ้ มดว้ ยสตปิ ญั ญา คณุ ธรรม จรยิ ธรรมและการอยู่ร่วมกับผู้อ่ืน ได้อยา่ งมคี วามสขุ คณะผูจ้ ดั ทำ
สารบญั เร่ือง หน้า คำนำ....................................................................................................................................................ก สารบญั ................................................................................................................................................ข คำช้ีแจง..............................................................................................................................................ค บทท่ี 1 บทนำ......................................................................................................................................1 ความเป็นมาและความสำคญั ...................................................................................................1 วัตถุประสงค์ของคู่มือ..............................................................................................................4 ขอบเขตของคูม่ อื .....................................................................................................................4 ประโยชน์ของคมู่ อื ...................................................................................................................5 คำนยิ ามศัพท์...........................................................................................................................5 บทที่ 2 บทบาทหน้าทค่ี วามรับผดิ ชอบของผู้มีสว่ นเก่ียวข้องการดำเนนิ งานระบบการดูแล ช่วยเหลือนกั เรยี น..................................................................................................................7 บทบาทของสำนกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษา................................................................................7 บทบาทของสถานศกึ ษา........................................................................................................26 บทบาทของครูท่ีปรึกษา........................................................................................................32 บทบาทของครแู นะแนว หรือครูนักจติ วิทยาประจำสถานศกึ ษา...........................................42 บทบาทของหน่วยงานภาคเี ครอื ข่าย ....................................................................................44 บทที่ 3 การขับเคลอื่ นระบบการดูแลช่วยเหลอื นกั เรียนของสำนกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษา ประถมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 4..................................................................................46 กฎหมาย ระเบยี บ แนวปฏบิ ตั ิที่เกยี่ วข้อง.............................................................................46 ระบบการดูแลช่วยเหลอื นกั เรียน..........................................................................................54 ข้ันตอนและแนวทางการชว่ ยเหลอื และคุม้ ครองนักเรียน......................................................63 แผนการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลอื นักเรียน............................................................68 บทท่ี 4 การนิเทศ ติดตามผลการปฏบิ ตั ิงาน....................................................................................69 แผนการนเิ ทศ ติดตามผลการปฏิบัตงิ านระบบดูและช่วยเหลอื นกั เรียน...............................71 บทที่ 5 รายงานผลการดำเนินงานระบบดูแลชว่ ยเหลือนกั เรียน....................................................73 เกณฑก์ ารพจิ ารณา และน้ำหนักคะแนนผลการดำเนนิ งานระบบการดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี น ระดบั โรงเรียน.........................................................................................................75
เรือ่ ง หนา้ แบบรายงานผลการดำเนนิ งานระบบดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี น ระดบั โรงเรียน........................82 เกณฑก์ ารพิจารณา และน้ำหนักคะแนนผลการดำเนนิ งานระบบการดูแลช่วยเหลือ นักเรยี น ระดับสำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา.........................................................................85 แบบรายงานผลการดำเนินงานระบบดแู ลช่วยเหลือนกั เรียน ระดบั สำนักงานเขตพน้ื ที่ การศกึ ษา..............................................................................................................................90 บรรณานุกรม ภาคผนวก เครอ่ื งมือ แบบฟอรม์ และเอกสารที่เกยี่ วข้อง ตัวอยา่ งกรณศี กึ ษา คณะทำงาน
บทท่ี 1 บทนำ ความเปน็ มาและความสำคญั การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ เมื่อประเทศใดที่คนในชาติ มีความรู้ ประเทศนั้นย่อมมีความเจริญรุ่งเรือง ดังนั้นประเทศต่างๆ จึงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคน ในชาติของตน โดยเน้นการให้ความสำคัญกับการให้การศึกษาแก่คนในชาติ เพราะการศึกษา คือ การพัฒนาให้คนมคี วามรู้ความสามารถสร้างตนให้มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมสูงข้นึ สร้างชาติให้อยู่ อย่างมีความสุขและรุ่งเรืองได้ (สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. 2542 : 86) คนจึงเป็นปัจจัยและผลของการพัฒนาประเทศ ถ้าประชากรของประเทศมีคุณภาพจะส่งผลให้ ประเทศชาติมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งนี้การที่คนจะมีคุณภาพได้ขึ้นอยู่กับกระบวนการศึกษาที่มี ประสิทธิภาพ มีคุณภาพ ดังนั้นการศึกษาจึงเป็นรากฐานของการพัฒนาคุณภาพคน (สำนักงานปฏิรูป การศึกษา. 2544 : 27) พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4 พ.ศ.2562 จึงได้กำหนดความมุ่งหมายและหลักการจัดการศึกษาว่า ต้องเป็นไปเพื่อคนไทยให้เป็น มนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และจริยธรรม มีคุณธรรมและวัฒนธรรมในการ ดำรงชีวติ สามารถอยู่รว่ มกับผอู้ ่นื ไดอ้ ยา่ งมีความสขุ นอกจากนี้ยงั ได้กำหนดแนวการจดั การศึกษาว่าต้องยึด หลกั ว่าผเู้ รยี นทุกคนมคี วามสามารถในการเรียนร้แู ละพฒั นาตนเองได้และใหถ้ อื ว่าผู้เรียนสำคัญที่สดุ ในการ จดั การศกึ ษาต้องส่งเสริมให้ผ้เู รียนสามารถพฒั นาได้ตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ ตอ้ งเน้นความสำคัญท้ัง ความรู้ คณุ ธรรม กระบวนการเรยี นรู้ และการบูรณาการตามความเหมาะสม ทั้งนี้ต้องจัดเนื้อหาสาระและ กิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล การพัฒนานักเรียนให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความสามารถ มีคุณธรรม จริยธรรม และมีวิถีชีวิตที่เป็นสุขตามที่สังคมมุ่งหวังไว้ โดยผ่านกระบวนการศึกษานั้น นอกจากจะดำเนินการด้วยการส่งเสริมสนับสนุนนักเรียนแล้ว การป้องกันและการช่วยเหลือ ในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับนักเรียนก็เป็นสิ่งที่สำคัญประการหนึ่งของการพัฒนา เนื่องจากสภาพ สังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทั้งทางด้านการสื่อสารเทคโนโลยี (วนิดา ชนินทยุทธวงศ์. 2551 : 1) ตามกระแสโลกาภิวตั น์และการดำรงอยใู่ นสงั คมยคุ ข้อมูลข่าวสาร ซ่งึ นอกจากจะส่งผลต่อผคู้ นในเชงิ บวกแลว้ ในเชิงลบก็มปี รากฏเป็นต้นว่า ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาของสารเสพติด ปัญหาการแข่งขัน ในรูปแบบต่างๆ P a g e 1 | 91
ปัญหาครอบครัว ซึ่งก่อให้เกิดความเครียด ความวิตกกังวล มีการปรับตัวที่ไม่เหมาะสม ที่เป็นผลเสีย ต่อสุขภาพจิต สุขภาพกายของทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งก่อให้เกิดสภาวะวิกฤตทางสังคม ดังนั้นภาพ ความสำเร็จท่ีเกิดจากการพัฒนานักเรยี นให้เป็นไปตามท่มี ่งุ หวงั นนั้ ต้องอาศยั ความร่วมมอื จากผู้ที่เกี่ยวข้อง ทุกฝ่าย โดยเฉพาะบุคลากรครูทกุ คนในโรงเรียน ครูเป็นบุคคลสำคัญในการดำเนินการต่างๆ เพื่อการดูแล ช่วยเหลอื นักเรยี นอย่างใกล้ชิด ด้วยความรักและเมตตาทีม่ ีต่อศิษย์ และภาคภูมิใจในบทบาทท่ีมีส่วนสำคัญ ตอ่ การพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ของเยาวชนใหเ้ ติบโต งอกงามและเป็นบุคคลทม่ี ีคณุ คา่ ของสงั คมต่อไป การดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนจึงมีความจำเป็นที่โรงเรียนต้องนำไปปฏิบัติ ให้เกิดผลกับนักเรยี นอย่างต่อเน่ืองและยั่งยนื โรงเรียนในฐานะที่เป็นหน่วยงานท่ีรบั ผิดชอบในการส่งเสรมิ คุณภาพชีวิตนักเรียนและแก้วิกฤตสังคม จึงต้องนำกระบวนการจัดการระบบการดูแลช่วยเหลอื นักเรียนไป ประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน โดยมุ่งหวังให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันดำเนินงาน สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน ไดก้ ำหนดใหส้ ถานศึกษาในสังกัดทกุ แห่งดำเนินงานระบบการ ดแู ลช่วยเหลือนักเรยี นอยา่ งมีประสิทธิภาพ เพือ่ ใหน้ กั เรยี นทกุ คนได้รับการดแู ลชว่ ยเหลืออย่างทวั่ ถงึ โดยมี ภาคีเครือข่าย คือ ผู้ปกครอง ชุมชน หน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้การดูแล ช่วยเหลือ พิทักษ์ ปกป้อง คุ้มครองอย่างรอบด้านด้วยกระบวนการที่ถูกต้อง เหมาะสมและทันต่อ สถานการณ์ปัจจุบัน ตลอดจนให้นักเรียนทกุ คนได้รับการพัฒนาในทุกมิติ เพื่อให้เป็นคนดี มีความสุข และ ปลอดภัยในสภาพสงั คมและความเป็นไปของสถานการณ์โลก (รตั นา นิธริ ักษ์ . 2555: 2) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 ตั้งอยู่เลขที่ 160/4 หมู่ที่ 1 ตำบลท่าศาลา อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นหน่วยงานสังกัดสำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ มีภารกิจรับผิดชอบบริหารจัดการศึกษาในเขตพื้นที่รวม 5 อำเภอ คือ อำเภอขนอม อำเภอสิชล อำเภอท่าศาลา อำเภอสิชล อำเภอพรหมคีรี และอำเภอนบพิตำ ในการบรหิ ารจัดคุณภาพการศึกษา สำนักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษานครศรธี รรมราช เขต 4 แบ่ง เครือข่ายจัดการคุณภาพการศึกษาออกเป็น 8 เครือขา่ ยคุณภาพ ประกอบดว้ ย. เครอื ข่ายขนอม เครือข่าย สิชล 1 เครอื ขา่ ยสิชล 2 เครือขา่ ยท่าศาลา 1 เครือข่ายท่าศาลา 2 เครือขา่ ยท่าศาลา 3 เครือข่ายพรหมคีรี และเครือข่ายนบพิตำ ซึ่งมีความหลากหลายทางสภาพภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม มีพื้นที่เป็นเทือกเขา พื้นที่ราบตะกอนทราย สันทราย ที่ราบชายฝั่ง และชายหาดริมทะเล (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 . 2563 : 1) ประกอบกบั สถานการณโ์ ลกในปัจจุบันท่ีมีการระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) เป็นการระบาดไปทั่วโลกโดยมีสาเหตุมาจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ ใหม่ ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้การระบาดนี้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่าง ประเทศ ในวันที่ 30 มกราคม 2563 และประกาศให้เป็นโรคระบาดทั่วโลกในวันที่ 11 มีนาคม 2563 P a g e 2 | 91
ส่งผลกระทบไปท่ัวโลกอยา่ งรอบด้านโดยเฉพาะอย่างย่ิงทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ตลอดท้ัง ดา้ นการศกึ ษา เนือ่ งจากโรงเรยี นไมส่ ามารถเปิดการเรยี นการสอนได้ตามปกติ งานระบบการดแู ลช่วยเหลือ นักเรียนจงึ ต้องเขา้ มามีบทบาทสำคัญมากย่งิ ขึ้น จากการที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 ได้ดำเนินการวิจัย เรื่อง การศึกษาสภาพการดำเนินงานและแนวทางการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 พบว่า ปัญหา อุปสรรค ในการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนในภาพรวม คือ นักเรียนไม่เปิดใจ ไม่ให้ความร่วมมือ และตอบหรือให้ข้อมูลท่ีไม่ตรงตามความเป็นจริง รวมทั้งมีการย้ายเข้าย้ายออก ของนักเรียน ส่งผลทำให้การดำเนินงานไม่ต่อเนื่อง ทำให้เกิดปัญหาเดิมๆ ผู้ปกครองไม่เห็นความสำคัญ จึงไม่ให้ความร่วมมือ และให้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริง มีปกปิดข้อมูล และมีผู้ปกครองบางส่วนที่ไม่ยอมรับ ผลการคัดกรอง ผู้ปกครองนักเรียนบางส่วนไม่มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ใช้ประกอบการ คดั กรองนกั เรยี น นอกจากน้ียงั พบว่าขอ้ มูลท่ีได้ ไม่มคี วามละเอยี ดชัดเจนเพียงพอ รวมทงั้ โรงเรียนไม่มีการ วิเคราะห์ข้อมูลและจัดเก็บเป็นสารสนเทศอย่างจริงจัง เนื่องจากโรงเรียนไม่มีครูไม่มีความรู้ความเข้าใจ ในการศึกษานักเรียนรายบุคคล ขาดทักษะและประสบการณ์ในการใช้เครื่องมอื และเกณฑ์ในการคัดกรอง นักเรียน รวมท้ังมีภาระงานทีต่ ้องรับผิดชอบมาก ซึ่งการเยี่ยมบ้านนกั เรียนในแต่ละครัง้ ต้องใช้เวลาในการ จัดเก็บข้อมูลนักเรียนมาก รวมทั้งขาดการประสานงานจากภาคเครอื ข่ายท่ีเกี่ยวขอ้ ง ดังนั้นทางโรงเรยี นได้ เสนอให้มีการประสานงานกับเครือขา่ ยท่ีเกี่ยวข้องท้ังภายในและภายนอกสถานศึกษาให้มากขึ้น และจาก การขาดการนิเทศ กำกับ ติดตามจากผู้บริหารโรงเรียน และหน่วยงานต้นสังกัดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง สง่ ผลทำใหก้ ารดำเนนิ งานระบบการดูแลช่วยเหลือนกั เรยี นขาดความตอ่ เนอื่ ง ผลการดำเนนิ งานที่ได้จงึ ไม่ได้ สง่ ผลประโยชน์ตอ่ นักเรียนอยา่ งแท้จรงิ เพื่อให้การดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรยี นได้ดำเนินการอย่างเป็นระบบครบวงจรและ มีประโยชน์ต่อการพัฒนานักเรียนอย่างจรงิ จัง จากผลการวิจัยปรากฏว่าโรงเรียนต้องการให้จัดการอบรม พัฒนาครผู ู้รบั ผดิ ชอบระบบการดแู ลช่วยเหลอื นักเรยี น เชญิ วทิ ยากรมาให้ความรู้ สรา้ งความตระหนักให้เห็น ถึงประโยชน์ของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน สร้างภาคีเครือข่ายเพื่อการประสานงานทันท่วงทีและ ท่วั ถึง โดยมีภาคีเครือขา่ ยท้ังในและนอกสถานศกึ ษา ตลอดทั้งจัดใหม้ ีคมู่ อื ระบบการดแู ลช่วยเหลอื นักเรียน และมแี ผนการดำเนนิ งานทีช่ ัดเจน สามารถนำไปใช้ไดใ้ หเ้ หมาะสมกบั บริบทของโรงเรียน มีการนิเทศ กำกับ และติดตามผลการดำเนินงาน สรปุ วิเคราะหข์ ้อมูลจดั ทำเปน็ สารเทศ พร้อมทจ่ี ะนำไปใชง้ านอยางต่อเน่ือง จากสภาพปจั จบุ ันปญั หาข้างต้น สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 4 จึงตระหนักถึงความสำคัญที่จะต้องมีระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ที่มีกระบวนการทำงาน P a g e 3 | 91
ที่มีระบบและความชัดเจน มกี ารประสานความร่วมมอื ของภาคีเครือข่ายที่เก่ียวข้องทง้ั ในและนอกโรงเรียน รวมทั้งวิธกี าร กจิ กรรม และเคร่อื งมอื ต่างๆ ทมี่ คี ณุ ภาพในการดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี น จะสง่ ผลให้ระบบการ ดูแลช่วยเหลอื นักเรยี นประสบความสำเร็จ ดังนั้นสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 จึงได้จัดทำคู่มือดำเนินงานระบบ การดูแลช่วยเหลอื นักเรยี น เพื่อให้ครูและผู้บริหารโรงเรียนในสงั กัดใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานระบบ การดูแลช่วยเหลือนกั เรยี นของโรงเรียน โดยมเี อกสารทใี่ หค้ วามรู้และแนวทางการดำเนนิ งานระบบการดูแล ช่วยเหลือนักเรียนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 สำหรับครู ผ้บู ริหารโรงเรยี นและภาคเี ครอื ขา่ ย คอื ผปู้ กครอง กรรมการสถานศกึ ษา และชุมชน ไดเ้ ขา้ ใจงานระบบการ ดูแลช่วยเหลือนักเรียนและสามารถนำไปใช้ในการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้ อย่างถกู ตอ้ ง เหมาะสมและมีประสิทธภิ าพ วตั ถุประสงค์ของคมู่ อื 1. เพอื่ พฒั นาคูม่ อื ระบบการดแู ลช่วยเหลอื นกั เรียนของสำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษา นครศรธี รรมราช เขต 4 2. เพื่อใช้เป็นแนวทางในดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนในสังกัด สำนกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษาประถมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 4 ขอบเขตของคู่มอื 1. ผูใ้ ชค้ ่มู อื 1.1 ครูและผู้บรหิ ารโรงเรยี น 1.2 ภาคเี ครือข่าย 1.2.1 ผู้ปกครอง 1.2.2 กรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน 1.2.3 ชมุ ชน 1.2.4 สำนกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 4 2. ขอบเขตเนื้อหา 2.1 รายละเอียดของค่มู อื 2.2 เคร่ืองมือและตวั อยา่ งการดำเนินงาน P a g e 4 | 91
ประโยชนข์ องคมู่ ือ 1. นักเรยี นได้รับประโยชน์จากการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลอื นักเรยี นอย่างแทจ้ ริง ส่งผล ให้นักเรียนได้เติบโตเป็นบุคคลที่มีคุณภาพทั้งทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญาและความสามารถ มีคุณธรรม จริยธรรม และมีวิถชี วี ิตที่เปน็ สขุ ตามที่สงั คมมงุ่ หวังไว้ 2. ครูในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 ใช้คู่มือ เป็นแนวทางในการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่เป็นมาตรฐานเดียวกันภายใต้บริบทของ โรงเรียน 3. ผู้บริหารสถานศึกษาใช้เป็นคู่มือในการนิเทศ กำกับ ติดตามและพัฒนางานระบบ การ ดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียน 4. โรงเรยี นมรี ูปแบบการดำเนนิ งานระบบการดแู ลชว่ ยเหลือนักเรยี นทีม่ ีประสิทธภิ าพ 5. ผู้ปกครองและชมุ ชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลช่วยเหลือนักเรยี นประสานความรว่ มมอื กบั โรงเรยี น เพื่อใหน้ กั เรียนได้เติบโตเป็นพลเมืองท่สี มบูรณ์ ท้ังทางรา่ งกาย จติ ใจ สังคม และสตปิ ญั ญา 6. สำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 4 สามารถนิเทศ กำกับตดิ ตาม และพัฒนางานระบบการดแู ลช่วยเหลอื นักเรียนของเขตพน้ื ท่ีการศึกษาได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ คำนิยามศพั ท์ 1. คมู่ อื หมายถึง เอกสารท่ใี ห้ความรูแ้ ละแนวทางการดำเนนิ งานระบบการดูแลช่วยเหลอื นักเรียน ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 สำหรับครู ผู้บริหารโรงเรียนและ ภาคเี ครือขา่ ย คือ ผูป้ กครอง กรรมการสถานศกึ ษา และชุมชน ไดเ้ ข้าใจงานระบบการดแู ลช่วยเหลือนกั เรียน และสามารถนำไปใช้ในการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมและ มีประสิทธภิ าพ 2. การดูแลช่วยเหลือนักเรียน หมายถึง การส่งเสริม พัฒนา ป้องกันและแก้ไขปัญหา เพื่อให้ นักเรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีภูมิคุ้มกันทางจิตที่เข้มแข็ง มีคุณภาพ ชวี ติ ทีด่ ี มที กั ษะชวี ิตการดำรงชวี ิตเหมาะสมกบั สถานการณป์ ัจจบุ นั 3. ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน หมายถึง กระบวนการดำเนินงานดูแลช่วยเหลือนักเรียน ที่มีขั้นตอนชดั เชน พร้อมทั้งวิธีการและเครื่องมอื ท่ีมีมาตรฐานและมีหลักฐานการทำงานทีต่ รวจสอบได้เปน็ การดำเนนิ งานที่ประสานงานอย่างใกล้ชิดของภาคีเครือข่ายท่ีเก่ียวข้องทัง้ ในและนอกสถานศกึ ษา ซึ่งไดแ้ ก่ P a g e 5 | 91
ครู ผ้บู ริหารโรงเรียน ผปู้ กครอง กรรมการสถานศึกษาขัน้ พื้นฐาน ชมุ ชน และสำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษา มสี ่วนรว่ มในการดำเนินงานโดยมีข้ันตอนการดำเนินงาน ดังนี้ 3.1 การรู้จักนักเรียนรายบุคคล หมายถึง การรู้ข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับตัวนักเรียน ที่จะช่วยให้เข้าใจนักเรียนได้มากขึ้น สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อการคัดกรองนักเรียน อันเป็น ประโยชน์ในการสง่ เสริม ปอ้ งกันและแกป้ ัญหาของนกั เรยี นไดอ้ ย่างเหมาะสมและถกู ต้อง 3.2 การคัดกรองนักเรียน หมายถึง การวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวนักเรียน โดยพจิ ารณาตามเกณฑ์ท่ไี ดก้ ำหนดไว้เพ่อื ใหม้ ีมาตรฐานเดยี วกนั เพื่อคัดแยกนกั เรยี นออกเปน็ กลุ่มปกติและ กลุม่ เสีย่ งหรอื กลุ่มมปี ัญหา 3.3 การปอ้ งกันและแกไ้ ข หมายถึง การจดั ทำมาตรการชว่ ยเหลอื นักเรียนในด้านตา่ งๆ ได้แก่ การให้คำปรึกษาเบื้องต้น การประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง เพื่อจัดกิจกรรมสำหรับการป้องกัน การช่วยเหลอื แกไ้ ขปัญหา 3.4 การส่งเสรมิ พัฒนานักเรยี น หมายถึง การสนบั สนนุ ให้นกั เรียนทกุ คน ไม่วา่ จะเป็น กลุ่มปกติ หรือกลุ่มเสีย่ งมปี ัญหา หรือกลุ่มทีม่ ีความสามารถพเิ ศษ ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ได้พัฒนาตนเอง เตม็ ศักยภาพและมีความภาคภมู ใิ จในตนเอง 3.5 การส่งต่อ หมายถงึ การทป่ี ัญหาของนักเรยี นยากต่อการช่วยเหลอื หรือดำเนนิ การ ช่วยเหลือแล้วแต่พฤติกรรมไม่ดีขึ้น จึงดำเนินการส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อให้ปัญหาของ นักเรยี นได้รับการชว่ ยเหลอื อย่างถกู วธิ แี ละรวดเรว็ 4. ภาคีเครือข่าย หมายถึง ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ซึ่งประกอบด้วย ครู ผู้บริหารโรงเรียน ผู้ปกครอง กรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ชุมชน และสำนักงาน เขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 4 P a g e 6 | 91
บทท่ี 2 บทบาทหน้าที่ความรับผดิ ชอบของผู้มสี ่วนเกย่ี วข้อง การดำเนินงานระบบการดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรยี น บทบาทของสำนกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาในการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลอื นักเรยี น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ,2559:44-47) ไดก้ ำหนดบทบาทของสำนกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาในการดำเนนิ งานระบบการดแู ลชว่ ยเหลือ นักเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาดำเนินงานอย่างเป็นระบบ ตอ่ เน่อื ง และทว่ั ถงึ มีกระบวนการดำเนนิ งาน ไดแ้ ก่ 1. การศกึ ษาข้อมูลของสถานศกึ ษา 2. การคดั กรองสถานศกึ ษา 3. การสง่ เสรมิ และพัฒนาสถานศึกษา 4. การปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาของสถานศกึ ษา 5. การเรง่ พัฒนาสถานศกึ ษา P a g e 7 | 91
จากแนวทางดังกล่าวสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 ได้มกี ระบวนการดำเนนิ งานระบบการดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี นใหแ้ ก่สถานศึกษาในสังกดั สรุปเป็นแผนภาพดังน้ี 1. การศกึ ษาขอ้ มูลสถานศึกษา 2. การคดั กรอง สถานศกึ ษา สถานศกึ ษาทมี่ รี ะบบ สถานศกึ ษาท่มี ีระบบ สถานศึกษาท่มี รี ะบบ การดแู ลช่วยเหลอื นกั เรียน การดูแลชว่ ยเหลือนกั เรยี นที่ การดูแลช่วยเหลอื นกั เรียนที่ ท่ีเขม้ แข็ง ต้องการพัฒนา ตอ้ งการความช่วยเหลอื 3. การสง่ เสรมิ และพัฒนาสถานศกึ ษา 4. การปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหาของสถานศึกษา ได้ ช่วยเหลือ ไมไ่ ด้ 5. การเร่งพฒั นาสถานศกึ ษา P a g e 8 | 91
จากแผนภาพในขา้ งตน้ มรี ายละเอียดการดำเนินการ ดังนี้ 1. การศกึ ษาข้อมูลสถานศึกษา สถานศึกษาในสงั กัดสำนักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษามีความแตกต่างหลากหลายในการดำเนินงาน ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน สำนกั งานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาจงึ ควรมขี ้อมลู การดำเนนิ งานของสถานศึกษา แต่ละแห่ง เพื่อใช้ในการสนับสนุนส่งเสริมระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของสถานศึกษาเป็นไปอย่าง มปี ระสทิ ธิภาพ 2. การคดั กรองสถานศึกษา การคัดกรองสถานศกึ ษาเปน็ การนำขอ้ มลู สถานศึกษาแต่ละแหง่ มาทำการวเิ คราะห์ และจดั กลุ่ม ตามเกณฑ์ทเี่ ขตพนื้ ที่การศกึ ษากำหนด โดยอาจแบ่งสถานศกึ ษาออกเปน็ 3 กล่มุ 2.1 สถานศึกษาที่มีระบบการดแู ลนกั เรยี นเข้มแขง็ 2.2 สถานศกึ ษาทมี่ รี ะบบการดแู ลนักเรยี นที่ตอ้ งการพฒั นา 2.3 สถานศึกษาทม่ี ีระบบการดูแลนักเรียนท่ีต้องการความช่วยเหลอื 3. การส่งเสริมและพฒั นาสถานศกึ ษา สถานศึกษาที่มีระบบการดูแลนักเรียนเข้มแข็ง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาควรสนับสนุน ส่งเสริมให้สถานศึกษามีการพัฒนาต่อยอดการดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างเอาใจใส่และใกล้ชิด เพื่อให้ นกั เรยี นได้รบั การพฒั นาใหเ้ ปน็ บุคคลท่ดี ีของสังคมตอ่ ไป 4. การป้องกนั และแก้ไขปญั หาของสถานศึกษาและเรง่ พัฒนาสถานศกึ ษา สถานศกึ ษาที่อยู่ในกล่มุ ทตี่ อ้ งการพฒั นา และตอ้ งการเร่งแก้ไขปัญหาของสถานศกึ ษาเพอ่ื พัฒนา ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจะต้องร่วมมือกบั สถานศึกษาในการพฒั นา บุคลากร พัฒนาระบบการบริหาร จัดระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน พัฒนาการนิเทศ ติดตามและ ประเมินผล รวมทั้งสนับสนุนส่งเสริมให้ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ของแตล่ ะสถานศึกษาอย่างเป็นระบบและต่อเนอ่ื ง P a g e 9 | 91
บทบาทหน้าท่ีของนกั จติ วิทยาประจำโรงเรยี นของสำนักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาในการ ดำเนนิ งานระบบการดแู ลชว่ ยเหลือนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ความสำคัญกับการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยได้กำหนดนโยบายสำคัญในการให้โรงเรียนในสังกัดทุกโรงเรียนได้จัดให้มีระบบการดูแลช่วยเหลือ นักเรียนและดำเนนิ การอย่างจรงิ จังตอ่ เนื่อง เพื่อให้เกิดความย่ังยืน โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐานได้จัดสรรและกำหนดตำแหน่งนักจิตวทิ ยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่ง เขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาละ 1 อตั รา เพื่อร่วมขับเคล่อื นความเขม้ แขง็ ของระบบการดูแลชว่ ยเหลือนกั เรียนให้เป็น ระบบมีการดำเนินการเป็นขั้นตอน นำไปสู่การพัฒนานักเรียนให้มีพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สตปิ ัญญา มีคุณธรรม จรยิ ธรรม สามารถจบการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยไม่มกี ารออกกลางคนั บทบาทหนา้ ทแี่ ละโครงสรา้ งการปฏิบัติงานของนกั จิตวิทยาโรงเรยี นประจำสำนักงานเขตพื้นท่ี การศึกษา นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้พันธกิจ ของสำนักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน ศนู ย์เฉพาะกิจคุม้ ครองและช่วยเหลือเดก็ นกั เรยี น สพฐ. และสำนักงาน เขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษา กลุ่มสง่ เสริมการจดั การศกึ ษา ดงั น้ี พนั ธกจิ ของสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน 1. จัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติและการปกครองในระบอบ ประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ 2. พัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถความเป็นเลิศทางวิชาการเพื่อสร้างขีดความสามารถ ในการ แข่งขนั 3. พัฒนาศักยภาพและคุณภาพผู้เรียนให้มีสมรรถนะตามหลักสูตรและคุณลักษณะ ในศตวรรษ ที่ 21 4. สร้างโอกาส ความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ ให้ผู้เรียนทุกคนได้รับบริการทางการศึกษา อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม 5. พัฒนาผู้บริหาร ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษาใหเ้ ปน็ มืออาชีพ 6. จัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง และเป้าหมายการพฒั นาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) 7. ปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการศึกษาทุกระดับ และจัดการศึกษา โดยใช้ เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั (Digital Technology) เพื่อพฒั นามุ่งสู่ Thailand 4.0 P a g e 10 | 91
ซึ่งพันธกิจที่นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มีบทบาทในการส่งเสริม สนับสนุน คือ พันธกิจด้านการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพผู้เรียนให้มีสมรรถนะตามหลักสูตรและ คุณลักษณะในศตวรรษท่ี 21 และดา้ นการสร้างโอกาส ความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ ให้ผู้เรียนทุกคน ได้รับบริการทางการศึกษาอยา่ งทั่วถึงและเทา่ เทียม พนั ธกิจของศนู ยเ์ ฉพาะกจิ คุม้ ครองและชว่ ยเหลอื เด็กนักเรยี น สพฐ. งานพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรยี น งานเสรมิ สรา้ งภมู ิคมุ้ กันทางสังคม งานพัฒนาและส่งเสรมิ ความประพฤตนิ กั เรยี น งานคุ้มครองและพทิ กั ษ์สิทธเิ ด็ก งานติดตามเฝ้าระวังขา่ วสาร ซึ่งทุกพันธกิจล้วนแล้วแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบทบาทหน้าที่ของนักจิตวิทยาโรงเรียนประจำ สำนกั งานเขตพื้นท่ีการศกึ ษา ตามบริบทเฉพาะกรณี แตพ่ ันธกิจท่นี กั จิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษา เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน คือ งานพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือ นักเรียน พนั ธกิจของสำนกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษา กลุ่มส่งเสริมการจดั การศึกษา 1. ศึกษา วเิ คราะห์ ส่งเสริม สนับสนนุ และดำเนินงานเกยี่ วกบั ศาสตรพ์ ระราชา 2. ส่งเสริมการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในรูปแบบการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และ การศึกษาตามอธั ยาศัย 3. สง่ เสริม สนบั สนนุ และดำเนินการเกีย่ วกับการจัดเตรียมข้อมูลการจดั การศกึ ษาขั้นพื้นฐานของ บุคคล ครอบครัว องคก์ ร ชุมชน องคก์ รวชิ าชพี สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสงั คมอืน่ 4. ประสานและสง่ เสริมองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ให้สามารถจัดการศึกษาสอดคล้องกับนโยบาย และมาตรฐานการศกึ ษา 5. ส่งเสริมการจดั การศกึ ษาสำหรับผพู้ กิ าร ผ้ดู ้อยโอกาส และผ้มู ีความสามารถพเิ ศษ 6. ส่งเสริมงานการแนะแนว สุขภาพ อนามัย กีฬา และนันทนาการ ลูกเสือ ยุวกาชาด เนตรนารี ผู้บำเพ็ญประโยชน์ นักศึกษาวิชาทหาร ประชาธิปไตย วินัยนักเรียน การพิทักษ์สิทธิเด็กและเยาวชน และ งานกิจการนักเรียนอื่น 7. สง่ เสริม สนบั สนุนการระดมทรัพยากรเพ่อื การศึกษา P a g e 11 | 91
8. ประสานการปอ้ งกันและแก้ไขปญั หาการใช้สารเสพติด และส่งเสริมป้องกันแก้ไขและคุ้มครอง ความประพฤตนิ กั เรยี นและนกั ศกึ ษา รวมท้ังระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรยี น 9. ดำเนินงานวิเทศสัมพนั ธ์ 10. ประสาน ส่งเสริมการศกึ ษากับการศาสนาและการวัฒนธรรม 11. สง่ เสริมแหลง่ การเรยี นรู้ สง่ิ แวดล้อมทางการศกึ ษา และภูมปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ 12. ประสานและส่งเสริมสถานศึกษาใหม้ บี ทบาทในการสร้างความเข้มแขง็ ของชุมชน 13. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับ มอบหมาย ซึ่งภารกิจหลักที่นักจิตวทิ ยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษา มีบทบาทสำคัญในการ ส่งเสริม สนบั สนนุ และขับเคลื่อน คอื งานระบบการดแู ลชว่ ยเหลือนักเรยี น งานทต่ี ้องประสานความร่วมมือ ได้แก่ การป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้สารเสพตดิ และส่งเสริมป้องกันแก้ไขและคุ้มครองความประพฤติ นกั เรยี นและนักศกึ ษา การจัดการศกึ ษาสำหรบั ผพู้ กิ าร ผ้ดู ้อยโอกาส และผูม้ ีความสามารถพิเศษ เปน็ ต้น ศนู ยเ์ ฉพาะกจิ คุม้ ครองและช่วยเหลือเด็กนกั เรียน สพป./สพม. 1. งานรับเรื่องรอ้ งเรยี น/วิเคราะห์ขอ้ มลู รับเรื่องรอ้ งเรียนกรณีเด็กที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหรือถูกล่วงละเมิดทางร่างกายหรือทางจิตใจ หรือไมไ่ ด้รับความเปน็ ธรรมทางการศกึ ษา ในเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา วเิ คราะห/์ ประมวลผลข้อมูล ประสานศูนย์ เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ฉก.ชน.สพฐ.) เพอ่ื นำเสนอผบู้ ังคบั บญั ชาเพ่อื ทราบหรือพิจารณาสงั่ การแล้วแต่กรณี จัดทำสารสนเทศและระบบเฝ้าระวังสถานการณ์ เช่น จัดทำฐานข้อมูลโรงเรียนเชิงลึกจัดทำ ฐานข้อมลู การรอ้ งเรียนดา้ นต่างๆ เป็นต้น ในระดับเขตพื้นที่การศึกษา ประสานความร่วมมอื และให้คำปรึกษาเจา้ หน้าที่เขตพ้นื ที่การศึกษา สถานศกึ ษา และหนว่ ยงานที่เก่ียวข้อง ในพนื้ ท่ี เพื่อดำเนินการชว่ ยเหลอื เด็กนกั เรยี น 2. งานค้มุ ครองและช่วยเหลือเด็กนักเรยี น - ดำเนินการคุ้มครองละช่วยเหลือนักเรียนกรณีที่ร้องเรียนมาที่ศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและ ช่วยเหลือนักเรียน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและมัธยมศึกษา (ฉก.ชน.สพป./สพม.) หรือได้รับการ ประสานจากศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพ้ืนฐาน (ฉก.ชน.สพฐ.) - ประสานและอำนวยความสะดวกให้เครือข่ายในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องในการเข้าช่วยเหลือเด็ก นักเรียนใหอ้ ยใู่ นภาวะทป่ี ลอดภัย P a g e 12 | 91
- ตดิ ตามและประสานงานการช่วยเหลือแบบองค์รวม (Holistic Recovery) เพ่อื ให้ผเู้ กีย่ วข้อง/ เครือข่ายเข้าช่วยเหลือและเยียวยาครบทุกด้านรวมถึงการพัฒนาและดำรงเครือข่ายในระดับเขตพื้นท่ี การศึกษา ดังนั้น การทีน่ กั จิตวทิ ยาโรงเรยี นประจำสำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา ได้เข้าใจถงึ บทบาทหน้าท่ี และภารกิจของหน่วยงานต้นสังกัด จะทำให้การปฏิบัติงานตามบทบาท หน้าที่ และภารกิจของตำแหน่ง นักจติ วิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา เป็นไปในทศิ ทางเดยี วกัน และเกิดประโยชน์สูงสุด แก่นกั เรียน เพ่ือใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจทตี่ รงกนั และมคี วามชดั เจนมากยง่ิ ขึ้น จงึ ขออธบิ ายเป็นภาพโครงสร้างการ ทำงานไว้ ดังน้ี สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน 1. โครงสร้างระดบั หน่วยงาน ฉก.ชน.สพ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน สานักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษา/มธั ยมศกึ ษา ฉก.ชน.สพฐ (สพป/สพม.) สานักงานเขตพื้นท่ีการศกึ ษาประถมศึกษา/มธั ยมศกึ ษา (สพป/สพม.) กลุ่มส่งเสรมิ การจดั การศึกษา (ระบบการดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี นระดับ ฉก.ชน.ส กลุ่มส่งเสรมิ การจดั การศกึ ษา เขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา) (ระบบการดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรยี นระดับ สานักงานคณะกรรมกาฉรกกา.รชศึกนษ.าสขนั้พพปน้ื ฐ./านสพม. เขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษา) ฉก.ชน.สพฐ สานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษา/มัธยมศึกษา (สพป/สพม.) โรงเรียนในสงั กัด โรงเรยี นในสงั กดั (ระบบการดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี นระดับ กลุม่ สง่ เสริมการจัดก(าระศบึกบษกาารดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี นระดับ (ระบบการเขดตแู พลช้นื ว่ทยี่กเาหรลศอืึกนษกัาเ)รียนระดับสถานศกึ ษา) ฉก.ชน.สพป./สพม. สถานศึกษา) หมายเหตุ : รายงานผลการดาเนินงาน โรงเรยี นในสงั กัด รายงานผลการดาเนินงาน หมายถงึ สายบังคบั บัญชา (ระบบการดูแลช่วยเหลอื นักเรยี นระดับ หมายถงึ สายประสานงาน หมายเหตุ : สถานศกึ ษา)Pหaมายgถงึ eสายบ1ัง3คบั บ|ัญ9ชา1 หมายถงึ สายประสานงาน รายงานผลการดาเนินงาน
2. โครงสรา้ งการปฏิบัตงิ าน หมายเหตุ : ภาระหน้าที่ครูระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ครูนักจิตวิทยา ครูแนะแนว ครูประจำชั้น เป็นไปตามคำสั่งมอบหมายงานหรือบริบทของสถานศึกษา 3. บทบาทหนา้ ทีข่ องนกั จติ วทิ ยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษา 3.1 มาตรฐานกำหนดตำแหนง่ นกั จติ วิทยาโรงเรยี นประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา P a g e 14 | 91
นักจติ วทิ ยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษา คือ ผู้ชว่ ยเหลือและให้คำปรกึ ษานักเรียน ให้ประสบความสำเร็จในด้านการศึกษา สังคม และอารมณ์เมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น โดยทำงานร่วมกับครู ผู้ปกครอง และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และ ส่งเสริมให้เกิด คุณประโยชนใ์ นการเรียนรู้ รวมท้ังความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบ้านและโรงเรยี นที่แข็งแกร่งย่ิงขน้ึ ลกั ษณะงานท่ีปฏบิ ัติ นกั จิตวทิ ยาโรงเรยี นประจำสำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษา ปฏบิ ตั ิงานในฐานะผปู้ ฏิบัติงานระดับต้น ท่ีตอ้ งใช้ความรู้ ความสามารถทางวิชาการในการทำงาน ปฏบิ ตั งิ านดา้ นจิตวิทยา ภายใต้ การกำกบั แนะนาํ ตรวจสอบ และปฏบิ ัตงิ านอื่นตามทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย โดยมีลกั ษณะงานทปี่ ฏบิ ตั ิในดา้ นตา่ ง ๆ ต่อไปนี้ ด้านการปฏบิ ตั กิ าร 1. ดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี นท่ีได้รับการส่งตอ่ จากระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น 2. วิเคราะห์และวินิจฉัยปัญหานักเรียนเป็นรายบุคคลที่มีปัญหาซับซ้อนหรือจากการ ส่งต่อด้วย วิธีการที่หลากหลาย ได้แก่ แบบทดสอบทางจิตวิทยาด้านสติปัญญา อารมณ์ สังคมและวางแผนการแก้ไข ปัญหา 3. ประเมิน สํารวจ วิเคราะห์ สภาวะสุขภาพจิตด้วยวิธีการทางจิตวิทยากับนักเรียน เพื่อค้นหา อธบิ าย ทํานายแนวโนม้ พฤตกิ รรม อารมณ์ ความคิด พัฒนาการ ศกั ยภาพ แรงจูงใจ ความถนัด บุคลกิ ภาพ สาเหตขุ องปัญหาสุขภาพจิตในระดับเบอ้ื งต้น 4. ให้คำปรึกษาแก่นักเรียนและผู้เกี่ยวข้องเป็นรายบคุ คล รายกลุ่ม และบําบัดครอบครวั เพื่อการ บําบัดและแก้ไขปัญหาเฉพาะเรื่อง หรือปัญหาที่ซับซอ้ น เช่น พฤติกรรมเสี่ยงเรือ่ ง ยาเสพติด การทะเลาะ วิวาท การใช้ความรนุ แรง ฯลฯ 5. ปรับพฤติกรรม ฟื้นฟูสภาวะทางจิตใจ สังคม อารมณ์ ส่งเสริมพัฒนาการในระดับเบื้องต้น เพือ่ ให้นักเรียนเขา้ ใจ ยอมรับปัญหาของตนเอง ปรบั เปลย่ี นอารมณ์ ความคิด พฤติกรรม วธิ ีการปรับตัวหรือ วิธกี ารแก้ปญั หาให้เหมาะสม 6. ให้การดูแลช่วยเหลือกลุ่มเด็กพิเศษ เช่น เด็กบกพร่องทางการเรียนรู้ (LD) เด็กสมาธิสั้น เดก็ ออทิสตกิ เดก็ ท่มี ีสติปัญญาบกพรอ่ ง เป็นตน้ 7. ส่งเสริม ป้องกัน เฝ้าระวัง แก้ไขปัญหาพฤติกรรม สุขภาพจิตของนักเรียน ด้วยเครื่องมือและ กระบวนการทางจิตวิทยาเบือ้ งตน้ เพอ่ื พฒั นาความสามารถในการดำเนินชวี ติ ได้เหมาะสมยง่ิ ขึ้น 8. รวบรวม ศึกษาข้อมูล วิจัยด้านจิตวิทยา และวิชาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรมด้านจติ วิทยา สุขภาพจิต P a g e 15 | 91
9. สรุปสถิติ รายงานผลการปฏิบัติงานทางจิตวิทยาเสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อประกอ บ การวางแผน พัฒนาการปฏบิ ัติงาน ดา้ นการวางแผน วางแผนการทำงานที่รับผิดชอบ ร่วมดำเนินการวางแผนการทำงานของหน่วยงาน หรือโครงการ เพอ่ื ให้การดำเนนิ งานเปน็ ไปตามเปา้ หมายและผลสมั ฤทธท์ิ ก่ี ำหนด ดา้ นการประสานงาน 1. ประสานการทำงานร่วมกันทั้งภายในและภายนอกหน่วยงาน เพื่อให้เกิดความร่วมมือ และผลสัมฤทธิท์ ก่ี ำหนด 2. ชี้แจงและให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูล ข้อเท็จจริง แก่บุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพอ่ื สรา้ งความเขา้ ใจหรอื ความร่วมมือในการดำเนนิ งานตามท่ไี ดร้ ับมอบหมาย 3. ประสานการส่งต่อไปยังหน่วยงานภายนอก กรณีที่นกั เรียนต้องการความช่วยเหลือเฉพาะด้าน และประสานงานการรบั นกั เรียน กลับเขา้ ส่รู ะบบโรงเรียน ดา้ นการบริการ 1. เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ความรู้วิชาการจิตวิทยา วิชาการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย มีความรคู้ วามเขา้ ใจ ปรับใช้ในการดำเนนิ ชีวิตประจำวัน 2. ถ่ายทอด ฝึกอบรม องค์ความรู้ เทคโนโลยีด้านจิตวิทยา จัดทำแผนการฝึกอบรม เพื่อพัฒนา ความรู้ ทั้งนี้คณะผู้จดั ทำไดว้ เิ คราะห์ สังเคราะห์ บทบาทหน้าที่นกั จติ วิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษา ตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน บทบาทที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน (ฉก.ชน.สพฐ.) และ บทบาทที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสรุปเป็นภาระงานของนักจิตวิทยา โรงเรียนประจำสำนกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษา ไดด้ งั นี้ P a g e 16 | 91
3.2 ภาระงานของนกั จติ วทิ ยาโรงเรียนประจำสำนกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษา 3.2.1 เสริมสร้างความเขม้ แข็งระบบการดแู ลชว่ ยเหลือนักเรียนให้แก่สถานศกึ ษาในสงั กัด การเสรมิ สร้างความเขม้ แข็งของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน คอื การสง่ เสริม สนบั สนนุ ให้ สถานศึกษา ครูประจำชั้น ครูผู้รับผิดชอบระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน สามารถนำกระบวนการ ทั้ง 5 ขั้นตอน ของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ไปปฏิบัติได้จริง เป็นรูปธรรม และเป็นไปในทิศทาง เดียวกัน ส่งผลใหน้ กั เรียนกลุ่มเสีย่ งหรือกลุ่มมีปญั หาไดร้ ับการดูแลช่วยเหลืออยา่ งถูกต้อง เหมาะสม ดังน้ัน จึงเป็นหน้าที่หลักของนักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ในการเสริมสร้าง ความเขม้ แขง็ ระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี นให้แก่สถานศึกษาในสงั กัด ซงึ่ มีขอบขา่ ยการปฏบิ ตั งิ าน ดังน้ี P a g e 17 | 91
Flow chart การปฏิบตั ิงาน P a g e 18 | 91
ขอบขา่ ยการปฏิบัตงิ าน 1. นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา วางแผนการปฏิบัติงาน ร่วมกับ นักวิชาการศึกษา ศึกษานิเทศก์ และบุคลากรที่เก่ยี วขอ้ ง 2. นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ร่วมกำหนดมาตรการ/แนวทางใน การปฏบิ ัตงิ านในแกส่ ถานศึกษาในสงั กัด เชน่ ประเด็นการคัดกรอง แนวทางการชว่ ยเหลอื การส่งต่อ เป็นตน้ 3. แต่งตง้ั คณะทำงาน เพ่อื ขับเคลื่อนระบบการดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี น และเพือ่ ดำเนนิ งานคุ้มครอง และช่วยเหลือเด็กนักเรียน 4. นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา ชี้แจง แนะนำผู้บริหารและคุณครู เพ่ือให้เกดิ ความเขา้ ใจในการดำเนินงานระบบการดแู ลช่วยเหลือนักเรียนในรปู แบบตา่ งๆ 5. นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา เผยแพร่ ประชาสัมพันธอ์ งค์ความรู้ ที่มีประโยชน์ในการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ส่งเสริมสุขภาพจิตของนักเรียน และสร้างเสริมสุขภาวะที่ดี 6. นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ส่งเสริมสนับสนุนสถานศึกษา ในสงั กัดให้มอี งคค์ วามรูแ้ ละทักษะท่ีจำเปน็ ในการดำเนนิ งานดา้ นการดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรียน เช่น พัฒนาครู หรือผู้รับผิดชอบให้มีความรู้ความเข้าใจในการคัดกรองนักเรียนรายบุคคล, พัฒนาครูหรือผู้รับผิดชอบ ให้มีองค์ความรู้เกี่ยวกับจิตวิทยาหรือสุขภาพจิตเด็กวัยเรียน หรือโรคทางจิตเวชเด็กและวัยรุ่น ฯลฯ 7. นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จัดกิจกรรมสง่ เสรมิ พัฒนา ป้องกัน เฝ้าระวัง ปัญหาพฤติกรรมและสุขภาพจิตให้แก่นักเรียน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 8. กำกับ ติดตาม และให้การช่วยเหลือนักเรียนกลุ่มเส่ียง จากรายงานผลการเยย่ี มบา้ นนักเรียน ผลการคัดกรองนักเรียน และผลการจดั กิจกรรมของสถานศกึ ษา 9. สรปุ รายงานผลการดำเนินงานแกผ่ บู้ ังคบั บญั ชา และหนว่ ยงานตน้ สงั กัด 3.2.2 ช่วยเหลือนักเรียนท่ีไดร้ บั การสง่ ตอ่ จากระบบการดแู ลช่วยเหลือนักเรียน ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน มีวัตถุประสงค์หลักที่สำคัญ เพื่อให้เด็กนักเรียนได้รับการดูแล ช่วยเหลืออย่างเหมาะสม ตรงตามสภาพ นำไปสูก่ ารส่งเสรมิ พัฒนาศักยภาพของนักเรยี น เปน็ คนท่ีสมบูรณ์ ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา สามารถเรียนจบหลักสตู รการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน ดังนน้ั นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จึงเป็นกลไกที่สำคัญของการดำเนินงานระบบ การดูแลช่วยเหลือนักเรียน ทั้งในด้านของการดูแลช่วยเหลือ วิเคราะห์และวินิจฉัยปัญหานักเรียนเป็น รายบุคคล ปรับพฤติกรรม ให้คำปรึกษาแก่นักเรียนและผู้เกี่ยวข้องเป็นรายบุคคล ซึ่งมีขอบข่ายการ ปฏบิ ัติงาน ดังนี้ P a g e 19 | 91
Flow chart การปฏิบตั ิงาน P a g e 20 | 91
ขอบข่ายการปฏิบัตงิ าน 1. นกั จิตวทิ ยาโรงเรียนประจำสำนกั งานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา ให้การช่วยเหลือนกั เรียนที่ได้รับการส่ง ต่อจากระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน เช่น การตั้งครรภ์/ภาวะจิตเวช/ติดเกม พนันสื่อออนไลน์/ถูกทิง้ ปลอ่ ยปละ ละเลย/เดก็ ตกหล่น ออกกลางคนั /ยาเสพติด/การกลัน่ แกลง้ เป็นต้น 2. นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษา วิเคราะห์และวินิจฉัยปัญหานักเรียน เป็นรายบุคคลท่มี ปี ัญหาซบั ซอ้ นหรอื จากการสง่ ต่อด้วยวธิ กี ารทีห่ ลากหลาย ได้แก่ แบบทดสอบทางจิตวิทยา ดา้ นสติปัญญา อารมณ์ สังคมและวางแผนการแก้ไขปัญหา 3. นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประเมิน สํารวจ วิเคราะห์ สภาวะ สุขภาพจิตด้วยวิธีการทางจิตวิทยากับนักเรียน เพื่อค้นหา อธิบาย ทํานายแนวโน้ม พฤติกรรม อารมณ์ ความคิด พัฒนาการ ศักยภาพ แรงจูงใจ ความถนัด บุคลิกภาพ สาเหตุของปัญหาสุขภาพจิต ในระดับ เบื้องต้น 4. นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ให้คำปรึกษาแก่นักเรียนและ ผู้เกี่ยวข้องเป็นรายบุคคล รายกลุ่ม และบําบัดครอบครัว เพ่ือการบําบัดและแก้ไขปัญหาเฉพาะเรื่อง หรือ ปญั หาที่ซบั ซ้อน เชน่ พฤตกิ รรมเสยี่ งเรือ่ ง ยาเสพติด การทะเลาะวิวาท การใช้ความรนุ แรง ฯลฯ 5. นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา ปรบั พฤติกรรม ฟน้ื ฟูสภาวะทางจิตใจ สังคม อารมณ์ ส่งเสริมพัฒนาการในระดับเบื้องต้น เพื่อให้ นักเรียนเข้าใจ ยอมรับปัญหาของตนเอง ปรบั เปล่ียนอารมณ์ ความคดิ พฤตกิ รรม วธิ ีการปรบั ตัวหรอื วธิ กี าร แก้ปญั หาให้เหมาะสม 6. นักจิตวทิ ยาโรงเรยี นประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ให้การดูแลช่วยเหลอื ส่งเสริมพัฒนา กลุ่มเด็กพิเศษ เช่น เด็กสมาธิส้นั เด็กออทิสตกิ เดก็ บกพร่องทางการเรยี นรู้ (LD) เด็กท่มี ีสติปญั ญาบกพรอ่ ง 7. ติดตามการช่วยเหลือ และประสานส่งต่อ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงพยาบาลในพื้นท่ี บา้ นพักเดก็ และครอบครวั พมจ. สสจ. สสอ. ฯลฯ 8. สรปุ สถติ ิและสรุปรายงานผลการดำเนินงานแก่ผบู้ ังคับบัญชา และหนว่ ยงานต้นสงั กดั 3.2.3 ขบั เคลอ่ื นการดำเนินงานคุ้มครองและชว่ ยเหลือเดก็ นกั เรยี นร่วมกับภาคเี ครือขา่ ย การดำเนินงานคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน ไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เปน็ เร่ืองทส่ี ว่ นราชการและหนว่ ยงานท่เี กย่ี วข้องทุกภาคสว่ น ตอ้ งเขา้ มามบี ทบาทและมีส่วนร่วม ในการ ดำเนินงานทัง้ ในด้านการสง่ เสรมิ พัฒนา ป้องกัน แก้ไข เพือ่ ใหเ้ ดก็ นักเรยี น เกิดภูมิค้มุ กนั ทางจิตใจที่เข้มแข็ง มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีทักษะการดำรงชีวิต และรอดพ้นจากวิกฤตทั้งปวง นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จึงเปรียบเสมือนสะพานในการประสานเชื่อมโยง หน่วยงาน องค์กร และ P a g e 21 | 91
วิชาชีพทเี่ ก่ยี วข้อง ให้สามารถทำงานร่วมกันโดยมงุ่ ประโยชน์สูงสุดใหเ้ กิดกบั เด็กนกั เรียน ซ่ึงมีขอบข่ายการ ปฏิบัติงาน ดังนี้ Flow chart การปฏบิ ัติงาน P a g e 22 | 91
ขอบขา่ ยการปฏิบัติงาน 1. นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา วางแผนการปฏิบัติงานร่วมกับ นักวิชาการศึกษา ศึกษานิเทศก์ และบคุ ลากรทีเ่ กย่ี วขอ้ ง 2. แต่งตั้งคณะทำงานหรือทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อดำเนินงานคุ้มครองและ ช่วยเหลือเด็กนักเรียน 3. นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา จัดทำบัญชีรายชื่อ ภาคีเครือข่าย ทั้งหน่วยงานภายในและภายนอก 4. จัดประชุมภาคีเครอื ขา่ ยสหวิชาชีพในระดับพ้ืนที่ 5. นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประสานความร่วมมือกับภาคี เครอื ขา่ ยท่ีเก่ยี วข้อง เพอ่ื ดำเนนิ งานคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน 6. สรุปรายงานผลการดำเนินงานแก่ผูบ้ งั คบั บัญชา และหน่วยงานต้นสงั กัด หมายเหตุ ในกรณีทีม่ กี ารสืบพยานเดก็ หรอื กรณีทต่ี อ้ งคุ้มครองสวสั ดิภาพเดก็ ผ้ปู ฏิบัติงานจะตอ้ ง มบี ตั รประจำตวั พนกั งานเจา้ หนา้ ทีส่ ่งเสริมความประพฤตินกั เรียนนกั ศกึ ษา และเป็นผผู้ ่านการอบรม ป.วิอาญา 3.2.4 การค้มุ ครองและช่วยเหลอื เดก็ นักเรียนทีเ่ ผชิญเหตวุ กิ ฤต ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนไทยในปัจจุบัน ถือได้ว่าเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อน นับวันยิ่งทวี ความรุนแรงและกระจายตัวเพิ่มมากขึ้น กล่าวได้ว่านักเรียนหนึ่งคนอาจมีได้หลายปัญหา หรือหนึ่งปัญหา ของนักเรียนอาจเกิดมาจากหลายสาเหตุ ซึ่งเมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว เด็กนักเรียนเหล่านีจ้ ะอยูใ่ นสภาวะทีไ่ ม่ สามารถแกไ้ ขปัญหาดว้ ยตนเองได้ หรืออาจจะแก้ปญั หาด้วยตนเองโดยวิธีการท่ี ไมเ่ หมาะสม อนั เน่อื งมาจาก เหตปุ ัจจยั ต่างๆ เช่น ปจั จัยทางพันธกุ รรม ปจั จยั ทางสมองทย่ี ังเติบโต ไมส่ มบูรณ์ สภาพความพกิ าร ปัจจัย ทางด้านอารมณแ์ ละบุคลิกภาพ สภาพแวดล้อม ความเป็นอยู่ การเลี้ยงดู สัมพันธภาพกับครอบครัว ดังนั้น จงึ เปน็ หนา้ ที่ของผู้บริหาร ครู บคุ ลากรทางการศึกษา และนักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษา ในการการค้มุ ครองและช่วยเหลอื เด็กนกั เรยี น ซึ่งมขี อบข่ายการปฏบิ ตั ิงาน ดงั น้ี P a g e 23 | 91
Flow chart การปฏบิ ัตงิ าน ขอบขา่ ยการปฏิบัติงาน 1. นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และผ้ปู ฏบิ ัติงานศูนย์ ฉก.ชน.สพป./ สพม.ตรวจสอบข้อเทจ็ จริง และเอกสารที่เกย่ี วข้อง 2. รายงานเหตุใหผ้ ู้บังคบั บญั ชาทราบ 3. นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา และผู้ปฏบิ ตั ิงานศนู ย์ ฉก.ชน.สพป./ สพม.ดำเนินการคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียนที่เผชิญเหตุวิกฤต เช่น ถูกล่วงละเมิด ทางเพศได้รับ ผลกระทบจากความรุนแรง หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบการศึกษา โรคติดต่อ อุบัติเหตุ จมน้ำ ภัยพบิ ตั ิ เสียชีวิต 4. นักจิตวิทยาโรงเรียนประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประสานความร่วมมือกับภาคี เครือขา่ ยที่เกี่ยวข้องเพ่อื ดำเนนิ งานคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน 5. จัดประชมุ case Conference (เฉพาะกรณี) 6. รายงานเหตุให้ สพฐ. ทราบ (ความเร่งด่วนรายกรณ)ี P a g e 24 | 91
7. ติดตามการช่วยเหลือจากหนว่ ยงานที่เกี่ยวขอ้ ง 8. สรุปสถติ แิ ละสรุปรายงานผลการดำเนินงานแกผ่ บู้ งั คับบญั ชา และหนว่ ยงานตน้ สังกดั หมายเหตุ : ภาระหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงานศูนย์ฉก.ชน.สพป./สพม. เป็นไปตามคำส่ังหรือบริบทของ แต่ละเขตพื้นที่ โครงสร้างการปฏิบัตงิ าน P a g e 25 | 91
บทบาทของสถานศกึ ษาในการดำเนินงานระบบการดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้กำหนดบทบาทของสถานศึกษาในการดำเนินงาน ระบบการดูแลช่วยเหลือนกั เรียนอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เป็นระบบ ต่อเนอื่ ง และทว่ั ถงึ ดังนี้ ส่งเสริมสนับสนุน การขับเคลื่อนและผดุงรักษาระบบการดูแลและช่วยเหลือนักเรียนสร้างขวัญ กำลังใจและพัฒนาบุคลากรเป็นผู้นำในการผนึกผสาน บูรณาการภารกิจโดยรวมของสถานศึกษาประสาน สัมพันธ์และสร้างความเข้มแข็งให้ทีมประสาน ทีมทำและเครือข่ายการดำเนินงานจากทุกภาคส่วนนิเทศ กำกบั ตดิ ตามและประเมินผล นอกจากนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน (สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน,2557:8-12) ได้กำหนดบทบาทของสถานศึกษาในการดำเนินงานการคุ้มครองและ ชว่ ยเหลอื นักเรียน ดงั นี้ 1. ผ้บู รหิ ารสถานศึกษาตระหนกั และใหค้ วามสำคญั ในการคุม้ ครองและช่วยเหลอื นกั เรยี นท้ังใน และนอกสถานศึกษา 2. สถานศึกษาจดั ระบบการดูแลชว่ ยเหลือนกั เรยี นอยา่ งเขม้ แขง็ โดยการจัดระบบคัดกรอง ระบบ เขา้ ถึงสภาวะปัญหาของนกั เรยี น ระบบการประเมนิ สภาวะปญั หาและระบบการใหค้ ำปรึกษา 3. ป้องกันและเฝ้าระวงั เพ่ือมใิ หน้ ักเรียนเลยี่ งต่อภยั อนั ตรายป้องกนั ใหน้ กั เรียนปลอดภยั จากสิ่งแวดล้อมทางกายภาพและบุคคลโดยสถานศึกษาจะต้องหามาตรการป้องกัน แก้ไขบริเวณเสี่ยง อันตรายและมกี ฎเกณฑ์ความปลอดภัยทเี่ หมาะสม 4. จดั ระบบงานและกิจกรรมใหก้ ับเด็กนักเรียนและผมู้ สี ่วนร่วม 5. ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาจะต้องแจง้ เหตุ พร้อมทัง้ รายงาน สพป./สพม.ทราบ P a g e 26 | 91
แนวปฏิบัตขิ องโรงเรียนตามระบบการดแู ลช่วยเหลือนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน ได้กล่าวถงึ การดำเนินงานระบบดูแล ชว่ ยเหลือนกั เรียนไวว้ า่ การดำเนินงานระบบการดแู ลช่วยเหลอื นักเรยี นของสถานศึกษาสามารถบรหิ ารจดั การ ระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี นโดยใช้วงจรเดม่งิ ดงั แผนภาพต่อไปน้ี ศกึ ษาสภาพและทิศทางการดำเนินงาน การวางแผนการดำเนินงานจดั ระบบ การดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี น ดำเนินตามแผน นิเทศ กำกับ ติดตาม ประเมินเพื่อทบทวน (ประเมนิ ภายใน) ผลการประเมิน มจี ุดอ่อน ปรับปรงุ พัฒนาต่อเนื่อง สรุปรายงาน/ประชาสมั พนั ธ์ ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน (2559) P a g e 27 | 91
1. เตรียมการและวางแผนดำเนินงาน กิจกรรมที่ 1 แตง่ ตัง้ คณะกรรมการ 1.1 วัตถปุ ระสงค์ 1.1.1 เพื่อใหไ้ ด้คณะกรรมการตามระบบการดแู ลช่วยเหลอื นกั เรียน 1.1.2 เพ่ือใหไ้ ดผ้ รู้ ับผิดชอบการดำเนนิ งานในระบบการดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรียน 1.2 วิธีดำเนนิ การ ผบู้ รหิ ารและคณะผู้รับผดิ ชอบระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนดำเนนิ การดงั น้ี 1.2.1 ประชุมหารือเพื่อกำหนดโครงสร้างบุคลากรในระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ของโรงเรียน 1.2.2 แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการคณะกรรมการประสานงานและคณะกรรมการ ดำเนนิ งาน 1.2.3 กำหนดบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการอำนวยการคณะกรรมการประสานงาน และคณะกรรมการดำเนินงานในการดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี น 1.3 คณะกรรมการระบบการดูแลช่วยเหลอื นักเรียน คณะกรรมการในระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนมีความสำคัญอย่างมากต่อความสำเร็จ ของระบบ ดังนั้นโครงสร้างคณะกรรมการการประสานการทำงานระหว่างคณะกรรมการและบทบาทหน้าที่ ของบุคลากรในแต่ละคณะจึงต้องมีประสิทธิภาพเพื่อให้สามารถปฏิบัติ ตามแผนการดำเนินงานตามระบบ การดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรยี นในทุกกจิ กรรม 2. การประสานการทำงาน แม้ว่าคณะกรรมการทั้ง 3 คณะจะมีรูปแบบโครงสร้างตามลำดับชั้นแต่คณะกรรมการทุกคณะ สามารถปฏิบัติงานเชื่อมโยงถึงกันได้เพื่อให้เกิดการประสานงานกันอย่าง ใกล้ชิดนอกจากนี้แต่ละ คณะ ต้องรว่ มมอื ทำงานเป็นทมี กจิ กรรมท่ี 2 วิเคราะห์สภาพความพรอ้ มพื้นฐานของโรงเรียนและจัดทำแผนปฏบิ ตั ิงาน 2.1 วตั ถุประสงค์ในการดำเนนิ งานตามระบบการดแู ลช่วยเหลือนกั เรียนมดี ังนี้ 2.1.1 เพื่อให้ทราบสภาพพื้นฐานของโรงเรียนที่เกี่ยวข้องกับระบบการดูแลช่วยเหลือ นักเรียนเพอื่ ใช้เปน็ ข้อมูลสำหรบั วางแผนดำเนินงาน 2.1.2 เพื่อให้ได้แผนปฏิบัติงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนตลอดปี การศกึ ษา P a g e 28 | 91
2.2 วิธีดำเนินการในการดำเนินงานตามระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนคณะกรรมการ อำนวยการหรอื คณะกรรมการประสานงานดำเนินการดงั นี้ 2.2.1 วิเคราะห์สภาพพื้นฐานของโรงเรียนโดยใช้แบบประเมินหรือแบบสำรวจ การดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนหรือแบบ สอบถามความพร้อมพื้นฐานของโรงเรียน ที่โรงเรยี นจดั ทำขึน้ เองเพ่ือศึกษาจุดแข็งจดุ อ่อนในด้านต่าง ๆ ของโรงเรยี นท่ีมีผลต่อการชว่ ยเหลอื นกั เรยี น และข้อเสนอแนะของครูรวมทั้งผูเ้ กีย่ วข้องในโรงเรยี นเกี่ยวกบั การดำเนินงานตามระบบการดูแลช่วยเหลือ นักเรยี น 2.2.2 วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดทำโครงการแผนปฏบิ ัติงานระบบ การดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนและการจัดกิจกรรมหรือโครงการเพื่อสนับสนุนให้ระบบการดูแล ชว่ ยเหลือนักเรยี นมีประสิทธภิ าพมากขึน้ 2.3 เครื่องมือสำหรับประเมินระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนภายในโรงเรียนสามารถใช้ แบบประเมินหรือแบบสำรวจการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนแบบสอบถามความต้องการ ความคิดเหน็ ข้อเสนอแนะของครูและผ้เู ก่ยี วขอ้ งซ่ึงคณะกรรมการประสานงานเป็นผู้จดั ทำ 3. ปฏิบตั ิตามแผน กิจกรรมที่ 3 สร้างความตระหนักให้ครูทกุ คนในโรงเรียนเห็นความสำคัญของระบบการดูแลช่วยเหลอื นกั เรียนและเขา้ ใจแนวทางการดำเนินงานระบบการดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น 3.1 วัตถุประสงค์ของกิจกรรมสร้างความตระหนัก ให้ครูทุกคนในโรงเรียนเห็นความสำคัญ ของระบบการดูแลชว่ ยเหลือนักเรียนและเข้าใจแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี น มีดงั นี้ 3.1.1 เพื่อให้บุคลากรทุกคนในโรงเรียนตระหนักถึงความสำคัญและเห็นคุณค่า ของระบบการดูแลชว่ ยเหลือนกั เรียนโดยมีครทู ป่ี รึกษาเป็นบคุ ลากรหลักในการดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น 3.1.2 เพื่อให้บุคลากรทุกคนในโรงเรียนมีความเข้าใจในบทบาทภาระหน้าที่ของ การดูแลช่วยเหลือนักเรยี น 3.1.3 เพื่อให้บุคลากรทุกคนในโรงเรียนเข้าใจขั้นตอน วิธีการดำเนินงานและมีการประสาน ความรว่ มมือกับผูเ้ ก่ียวข้องในโรงเรยี นในการดูแลช่วยเหลือนักเรียน 3.2 วิธีดำเนินการสร้างความตระหนัก ให้ครูทุกคนในโรงเรียนเห็นความสำคัญของระบบ การดูแลช่วยเหลือนักเรียนและเข้าใจแนวทางการดำเนินงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนคณะกรรมการ ประสานงานดำเนนิ การสร้างความเขา้ ใจกับบุคลากรโดยอาจจัดในลักษณะดังน้ี P a g e 29 | 91
3.2.1 ประชุมชี้แจงและสร้างความเข้าใจให้กับบุคลากรในโรงเรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้เกิดทัศนคติที่ดีต่อระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนมีความยินดีร่วมมือร่วมใจในการทำงานเพ่ือ ช่วยเหลอื นกั เรียน 3.2.2 ฝึกอบรมบุคลากรโดยเฉพาะครูท่ีปรึกษาให้มีความรู้ความสามารถเทคนิคหรือทักษะ ตา่ ง ๆในการดแู ลช่วยเหลอื นักเรียนเบ้อื งตน้ 3.2.3 ประชาสัมพันธ์งานการดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้กับบุคลากรและหน่วยงาน ท่เี กยี่ วขอ้ งทราบอยา่ งต่อเน่ือง 3.2.4 ประเมินผลการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับบุคลากรในการดูแลช่วยเหลือ นกั เรียนและนำผลการประเมินมาเป็นข้อมูลในการพัฒนาบุคลากรตอ่ ไป กจิ กรรมที่ 4 ดำเนินการตามระบบการดูแลช่วยเหลอื นกั เรยี น 4.1 วตั ถุประสงคข์ องการดำเนินการตามระบบการดูแลช่วยเหลอื นักเรียน 4.1.1 เพอื่ ให้ครไู ด้ดำเนินการช่วยเหลอื นกั เรียนตามระบบดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี น ทกี่ ำหนดไว้ 4.1.2 เพ่อื ให้นกั เรยี นไดร้ บั การดแู ลช่วยเหลือจากครูที่ปรกึ ษา อย่างทั่วถึงและตรงตามสภาพของนักเรยี น 4.2 วิธีดำเนินการดำเนนิ การตามระบบการดแู ลชว่ ยเหลอื นักเรยี น เพื่อใหค้ รไู ด้ดำเนนิ การดูแล ชว่ ยเหลือนักเรียนตามระบบการดูแลช่วยเหลือนกั เรยี นซึ่งมีสาระสำคญั สรุปไดด้ ังนี้ 4.2.1 การรู้จกั นกั เรยี นเป็นรายบคุ คลซึง่ อย่างน้อยตอ้ งครอบคลมุ ด้านความสามารถดา้ นสุขภาพและดา้ นครอบครัว 4.2.2 การคัดกรองนกั เรียนโดยจัดแบง่ กลุ่มนักเรยี นเปน็ 2 กล่มุ คือ กลุ่มปกติกลมุ่ เสยี่ ง/ มีปัญหา 4.2.3 การส่งเสริมนกั เรียนทกุ คนท่อี ยใู่ นความดูแลด้วยการจดั กิจกรรมโฮมรมู กิจกรรม ประชมุ ผปู้ กครองชัน้ เรยี น 4.2.4 การป้องกันและแก้ไขปัญหาของนักเรียนในกลุ่มเสี่ยง/มีปัญหาด้วยวิธีการให้ การปรึกษาช่วยเหลือจัดกิจกรรมต่าง ๆในการป้องกันและแก้ไขปัญหานักเรียนคือกิจกรรมในห้องเรียน กจิ กรรมเสริมหลกั สตู รกิจกรรมเพอื่ นช่วยเพอื่ นกจิ กรรมซอ่ มเสรมิ และกิจกรรมการสือ่ สารกบั ผู้ปกครอง 4.2.5 การส่งนักเรยี นไปรบั การชว่ ยเหลือจากครูอื่น ๆ เชน่ ครแู นะแนวหรือฝา่ ยปกครอง เปน็ ตน้ 4.2.6 บันทกึ หลกั ฐานการปฏบิ ัตงิ านและควรบนั ทกึ ทุกขัน้ ตอน P a g e 30 | 91
4.2.7 สรุปผลการปฏิบตั ิงานรายงานหวั หน้าระดับ 4.3 กำกับติดตามประเมนิ และรายงาน กิจกรรมท่ี 5 ประเมินเพอื่ ทบทวน 5.1 วัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือทราบผลการดำเนนิ งานปญั หาและอปุ สรรคทมี่ ีในแตล่ ะระดับและนำ ขอ้ มูลไปใช้ในการทบทวนและปรบั ปรุงระหวา่ งการดำเนินการ 5.1.1 เพือ่ ให้ไดร้ ายงานผลการดแู ลช่วยเหลอื นกั เรยี นในแตล่ ะระดบั ชน้ั สำหรบั การจัดทำ สรุปรายงานของโรงเรียนตอ่ ไป 5.2 วิธดี ำเนินการ 5.2.1 คณะกรรมการอำนวยการแต่งตงั้ ผู้ทำหน้าที่ประเมนิ คณุ ภาพระบบการดูแลช่วยเหลือ นกั เรียนและการดำเนนิ งานของครูในแต่ละระดบั ชนั้ 5.2.2 ดำเนนิ การประเมนิ แต่ละระดบั ช้ันโดยผู้ทไี่ ด้รับคำสั่งแตง่ ตัง้ หรือผู้แทนครูในแตล่ ะ ระดับซงึ่ ได้รบั การอบรมหรือมคี วามรูท้ กั ษะในการประเมนิ โดยดำเนนิ การประเมนิ สลบั ระหวา่ งชน้ั 5.2.3 นำผลดงั กลา่ วมาปรบั ปรงุ ประสทิ ธิภาพการดำเนนิ งานยิ่งขน้ึ 5.2.4 ดำเนนิ การประเมินคุณภาพระบบการดูแลช่วยเหลือนกั เรียนและการดำเนนิ งาน ของครูในแตล่ ะระดับภาคเรียนละ 1 ครง้ั 5.2.5 ผู้ทำหน้าท่ีประเมนิ จดั ทำรายงานการประเมินคณุ ภาพของแต่ละระดบั สง่ คณะกรรมการประสานงานเพอื่ รายงานผบู้ รหิ ารโรงเรยี นต่อไป กิจกรรมที่ 6 ประเมินผลเพื่อพฒั นาสรุปรายงาน 6.1 วตั ถปุ ระสงค์ 6.1.1 เพ่อื ใหไ้ ดร้ ายงานสรุปการดำเนนิ งานการดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรียนในแตล่ ะภาคเรียน และปีการศึกษา 6.1.2 เพ่ือเป็นข้อมูลในการปรบั ปรงุ พฒั นาระบบวธิ กี ารดำเนินงานดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรียน ของโรงเรยี นใหม้ ีประสทิ ธิภาพมากย่งิ ขึน้ 6.2 วธิ ีดำเนนิ การ 6.2.1 ครูที่ปรึกษาแต่ละคนจัดทำรายงานการดำเนินงานเสนอหวั หน้าระดับทกุ สน้ิ ภาคเรยี นท่ี 1 แต่ละระดบั จัดทำรายงานสรปุ เปน็ ระดบั เสนอคณะกรรมการประสานงาน 6.2.2 คณะกรรมการประสานงานสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากหัวหนา้ ระดับและ จากการประเมินเพอ่ื ทบทวนของแต่ละระดับมาจัดทำรายงานเป็นภาพรวมของโรงเรียนเสนอคณะกรรมการ อำนวยการ P a g e 31 | 91
6.2.3 คณะกรรมการอำนวยการดำเนินการประชุมพิจารณารายงานคณะกรรมการ ประสานงานประสานงานเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนและ เผยแพรป่ ระชาสมั พันธ์การดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรียนของโรงเรียนให้ผ้เู กี่ยวข้องทราบอกี ทั้งนิเทศกำกับติดตาม การดำเนินงานของคณะกรรมการประสานงานทุกระดับอย่างต่อเนื่องรวมทั้งมีการประชุมติดตามผลอย่าง สม่ำเสมออย่างนอ้ ยภาคเรียนละ 2 คร้งั บทบาทของครูทีป่ รกึ ษาในการดำเนนิ งานระบบการดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น ในระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ได้กำหนดให้ครูประจำชั้น/ครูที่ปรึกษาเป็นบุคลากรหลักท่ี ต้องใหค้ วามเอาใจใส่ดูแลนักเรียนรายบุคคลอย่างเท่าเทียมกัน โดยครูประจำช้ัน/ครูท่ีปรึกษาจะต้องเร่ิมทำ ความรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล คดั กรองนกั เรียนเป็นรายกล่มุ ปกติ นักเรยี นกลุ่มเส่ียง และกลุ่มปัญหาน้ัน ครูประจำชั้น/ครูท่ีปรึกษาสามารถใชเ้ ทคนิค วิธีการต่าง ๆ ในการดูแลช่วยเหลือแก้ไขปัญหา โดยมีครูแนะ แนวเป็นผู้สนบั สนุนองคค์ วามรู้ เครอ่ื งมอื และเทคนิคการดำเนินกิจกรรมใหส้ อดคล้องกับลกั ษณะปัญหาของ นักเรยี นตามความเหมาะสม โดยจดั กิจกรรมส่งเสริมและพฒั นานักเรยี นตามความถนัดและความสนใจ และ หากดำเนินการช่วยเหลือแล้วมีปัญหาอุปสรรค ไม่สามารถดำเนินการช่วยเหลือได้ตามลำพัง อาจส่งผลต่อ ภายในแก่ครแู นะแนวในการช่วยเหลอื นกั เรยี นต่อไป การร้จู กั นกั เรียนเป็นรายบุคคล ด้วยความหลากหลายของนกั เรยี น และนักเรยี นแต่ละคนมีพ้ืนฐานความเปน็ มาของชวี ติ ที่แตกต่าง กัน ผ่านการหล่อหลอมให้เกิดพฤติกรรมในหลายลักษณะทั้งด้านบวกและด้านลบ ดังนั้นการรับรู้ข้อมูลที่ จำเป็นเก่ยี วกบั ตัวนกั เรียนจงึ เปน็ สงิ่ สำคัญท่ีจะชว่ ยให้ครูได้รบั รู้ เข้าใจอารมณ์ ความคดิ และพฤติกรรมของ นักเรียน สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อการคัดกรองนักเรียนต่อไป การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล สามารถใช้เครอ่ื งมอื และวิธีการตา่ ง ๆ ดงั นี้ ตัวอย่างขอ้ มลู ที่ไดจ้ ากการสังเกต ลกั ษณะพฤติกรรมและการแสดงออกด้านอารมณ์บง่ บอกว่านกั เรียนเส่ียงต่อการมีปัญหาไดแ้ ก่ 1. นกั เรียนที่มกี ารแสดงออกทางพฤติกรรมดงั ตอ่ ไปนี้ 1.1 การแตง่ กาย แต่งกายผดิ ระเบียบ สกปรก มอมแมม ไม่เอาใจใส่ดูแลตัวเอง 1.2 ลักษณะท่าทาง กระดา้ ง ก้าวรา้ ว ไม่มีสมั มาคารวะ ไม่สุภาพ ต่อต้าน เหม่อลอย เก็บตัว เซ่อื งซึม P a g e 32 | 91
1.3 การพูด พดู จาก้าวรา้ วไม่สุภาพ โต้เถียงเสียงดัง พดู นอ้ ย เงยี บขรมึ ไม่กล้าพดู 1.4 การเรียน การเรยี นตกตำ่ ไมส่ นใจการเรยี น หนเี รียน มาโรงเรยี นสายเป็นประจำ ขาดเรยี นบ่อย 1.5 การรว่ มกจิ กรรม แยกตวั ไมร่ ว่ มกจิ กรรม ชอบทำกจิ กรรมอ่นื ทีไ่ มใ่ ชก่ ารเรยี น 1.6 พฤติกรรมทางเพศ มเี พศสัมพนั ธ์ในวัยเรยี น มว่ั สุมทางเพศ 1.7 อน่ื ๆ ขโมย พกอาวธุ ใช้สารเสพติด สัก เจาะอวัยวะต่าง ๆ 2. นกั เรียนที่มีการแสดงออกทางด้านอารมณด์ งั ต่อไปน้ี 2.1 อารมณ์รนุ แรง โกรธฉุนเฉียวง่าย ไม่สามารถควบคุมอารมณไ์ ด้ 2.2 วติ กกงั วล เครียด ยำ้ คิดยำ้ ทำ 2.3 ซึมเศรา้ อ่อนไหวงา่ ย 2.4 แยกตัว ไม่สามารถสร้างสมั พันธภาพกับเพือ่ นได้ คิดวา่ เพ่อื นจะมาทำร้าย 2.5 การทำร้ายตนเอง เชน่ กรีดข้อมือ ใช้มอื ทบุ หัว ตัวอยา่ งขอ้ มูลท่ีบง่ บอกว่านักเรยี นเสย่ี งตอ่ การมปี ัญหาท่ไี ดจ้ ากการเยีย่ มบ้าน การสมั ภาษณ์ ได้แก่ นกั เรยี นท่ีมีประวัติครอบครวั ผปู้ กครองตดิ /เสพสารเสพติดหรือมีการใช้ความรนุ แรงในครอบครวั เมื่อได้ ข้อมลู แล้วครปู ระจำช้นั /ครูทีป่ รกึ ษาควรรวบรวมบันทึกจดั เก็บขอ้ มูลอยา่ งเป็นระบบ การคดั กรองนักเรียน การคดั กรองนกั เรยี น เป็นการพิจารณา วิเคราะห์ข้อมลู จากการรจู้ ักนกั เรียนเปน็ รายบคุ คลเพอื่ จัด กลมุ่ นักเรียนเปน็ 3-4 กลมุ่ เพื่อประโยชนใ์ นการดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรยี นใหต้ รงกับสภาพปญั หาและความ ต้องการจำเป็น ดงั น้ี 1. กลุม่ ปกติ คอื นักเรียนท่ไี ด้รับการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ตามเกณฑ์การคดั กรองของโรงเรียนอยู่ใน เกณฑ์ของกลุ่มปกติ ซ่ึงควรได้รับการสร้างเสรมิ ภูมคิ ุ้มกนั และสง่ เสรมิ พฒั นา 2. กลุ่มเสยี่ ง คอื นกั เรียนทไ่ี ด้รบั การวิเคราะหข์ อ้ มูลตามเกณฑ์การคัดกรองของโรงเรยี นอยู่ใน เกณฑ์ของกลมุ่ เส่ียง ซ่ึงควรได้รบั การปอ้ งกันและแก้ไขตามกรณี 3. กลุ่มปญั หา คอื นักเรียนท่ไี ด้รบั การวิเคราะห์ข้อมูลตามเกณฑ์การคดั กรองของโรงเรียนอยใู่ น เกณฑข์ องกลุ่มมปี ัญหา ซ่ึงโรงเรยี นต้องชว่ ยเหลือและแก้ไขปัญหาโดยเรง่ ดว่ น 4. กลุ่มพิเศษ คอื นักเรียนที่มคี วามสามารถพิเศษ มคี วามเป็นอจั ฉริยะ แสดงออกซึง่ ความสามารถ P a g e 33 | 91
อันโดดเดน่ ด้านใดด้านหน่ึงหรือหลายด้านอยา่ งเป็นประจักษ์ เมื่อเทยี บกับผู้ที่มอี ายุในระดับเดียวกัน ซ่ึงโรงเรยี นต้องให้การส่งเสริมให้นักเรียนได้พฒั นาศกั ยภาพความสามารถพิเศษนนั้ จนถึงข้นั สงู สุด การส่งเสรมิ และพัฒนานักเรียน การส่งเสริมและพัฒนานักเรยี น เป็นการสนับสนุนใหน้ ักเรยี นทกุ คนไมว่ ่าจะเป็นนกั เรียนกลุ่มปกติ กลมุ่ เสยี่ ง กลมุ่ ปญั หา กลุ่มพเิ ศษใหม้ ีคุณภาพมากขน้ึ มคี วามภาคภมู ิใจในตนเองในดา้ นตา่ ง ๆ ซึ่งจะช่วย ปอ้ งกันมใิ ห้นักเรยี นท่อี ยู่ในกล่มุ ปกติและกลมุ่ พิเศษกลายเปน็ นักเรยี นกลุ่มเสีย่ งและกล่มุ ปัญหา และเป็นการ ช่วยกลุม่ เส่ียงและกล่มุ ปัญหาให้กลับมาเป็นนักเรียนกลุ่มปกติและมคี ณุ ภาพตามมาตรฐานที่โรงเรียนหรอื ชุมชนคาดหวังต่อไป การส่งเสรมิ นกั เรียนมหี ลายวธิ ีทีโ่ รงเรยี นสามารถพิจารณาดำเนนิ การไดด้ ังนี้ 1. กิจกรรมโฮมรมู เป็นชว่ งเวลาท่ีครูประจำช้นั /ครูทปี่ รกึ ษาพบกับเด็ก ๆ ในความดแู ลไม่วา่ จะ เป็นในห้องเรยี นหรอื นอกหอ้ งเรยี น โดยการจดั บรรยากาศใหอ้ บอุ่น เป็นเสมือนบ้านหลังท่ี 2 โดยมีครปู ระจำ ชน้ั /ครูท่ีปรกึ ษา และนักเรียน เปน็ ดั่งสมาชกิ ในครอบครวั เดยี วกนั มีการจัดกิจกรรมทมี่ ีประโยชน์เพื่อ สง่ เสริมนักเรยี นเปน็ กลมุ่ ในดา้ นต่าง ๆ 2. การประชุมผู้ปกครองชั้นนักเรียน หมายถึง กิจกรรมที่ครูประจำชั้น/ครูที่ปรึกษาจัดให้ ผู้ปกครองของนักเรียนในชั้นเรียนของตนเป็นกลุ่มย่อย โดยครูประจำชั้น /ครูที่ปรึกษาจะมีบทบาทสำคัญ อย่างยิง่ ในการดำเนินกิจกรรม และเอื้ออำนวยใหแ้ กผ่ ู้ปกครองได้พดู คุยสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ ซง่ึ กันและกนั เพื่อหาแนวทางและร่วมมือกันในการดูแลชว่ ยเหลือนักเรียน ความสำคญั ของการประชมุ ผู้ปกครองชน้ั เรียน เพื่อใหผ้ ปู้ กครองตระหนักถงึ ความสำคญั บทบาทของพ่อแม่ ผู้ปกครอง ทมี่ ีต่อลูกหลานของตน ได้ มโี อกาสในการแลกเปลยี่ นเรียนรู้แนวทางการสง่ เสริมบุตรหลานให้ประสบความสำเร็จในการเรียนและชีวิต ร่วมกันค้นหาสาเหตุของปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหา ได้แนวทางในการดแู ลปอ้ งกันบุตรหลานจาก สภาพสังคมทีเ่ ปน็ ภยั แก่เดก็ ไดแ้ ก่ ลูกหนีเรยี น มาโรงเรยี นสาย ติดเกม ทะเลาะววิ าท ฯลฯ การส่งตอ่ การที่ครูประจำชั้น/ครูที่ปรึกษาดำเนินการหลังจากที่ได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ในการดูแล ช่วยเหลือนักเรียนไปแล้วระยะหนึ่ง แต่นักเรียนไม่ให้ความร่วมมือหรือนักเรียนไม่ดีขึน้ ครูประจำชั้น/ครูที่ ปรกึ ษาเห็นว่านกั เรยี นควรไดร้ บั ความชว่ ยเหลือจากผู้เช่ียวชาญเฉพาะจึงดำเนนิ การประสานส่งตอ่ นักเรียนท่ี ได้รับการชว่ ยเหลอื ตอ่ ไป แนวทางการพจิ ารณาสง่ ต่อโดยครูประจำช้ัน/ครทู ป่ี รกึ ษา - นักเรียนมีพฤตกิ รรมคงเดมิ ไม่ดขี น้ึ หรอื แยล่ ง แม่วา่ ครปู ระจำชั้น/ครูที่ปรึกษาจะดำเนนิ การ P a g e 34 | 91
ช่วยเหลือดว้ ยวธิ ีการใด ๆ - นักเรียนไมใ่ ห้ความร่วมมอื ในการช่วยเหลอื ครปู ระจำชั้น/ครูทปี่ รึกษา - ปญั หาของนักเรยี นเป็นเรือ่ งเฉพาะด้าน เช่น เกี่ยวขอ้ งกบั ความรู้สึก ความซับซ้อนของสภาพ จติ ใจทจี่ ำเป็นตอ้ งให้การชว่ ยเหลอื อยา่ งใกล้ชิด หรือมีความจำเปน็ ต้องไดร้ บั การชว่ ยเหลอื จากผู้ท่ีเก่ียวขอ้ ง อืน่ ๆ แนวทางดำเนนิ การส่งต่อนกั เรียน - ครูประจำชั้น/ครทู ี่ปรกึ ษาประสานกับครแู นะแนวหรอื ทจ่ี ะช่วยเหลือนักเรยี น - สรุปขอ้ มลู สว่ นตวั ของนักเรยี นทเ่ี กี่ยวข้องกับการชว่ ยเหลอื และวิธีการช่วยเหลือท่ผี ่านมา รวมทั้ง ผลท่ีเกดิ ขน้ึ จากการชว่ ยเหลอื โดยมีแบบบนั ทึกการสง่ ตอ่ - ครูประจำช้นั /ครูที่ปรกึ ษาควรชแี้ จงใหน้ กั เรยี นเข้าใจถึงความจำเปน็ ในการส่งต่อให้นกั เรยี นมี ความรูส้ กึ ที่ดี และยินดที จ่ี ะพบครูทรี่ บั ส่งต่อ - ครปู ระจำชัน้ /ครทู ่ีปรกึ ษานัดวัน เวลา สถานท่ีทจี่ ะพบครทู ส่ี ่งตอ่ - ตดิ ตามผลการชว่ ยเหลอื นักเรยี นอย่างสมำ่ เสมอ การสง่ ต่อมี 2 แบบ - การส่งต่อภายใน ครปู ระจำช้นั /ครทู ีป่ รึกษาอาจสง่ ตอ่ ครูแนะแนว ครูประจำวิชา ครพู ยาบาล หรอื ครฝู ่ายปกครอง ขึน้ กับลกั ษณะปญั หา โดยผู้ที่จะรับส่งต่อจะต้องประสานการชว่ ยเหลืออนา่ งเป็นระบบ - การสง่ ต่อภายนอก ครแู นะแนวหรือครฝู ่ายปกครองหลังจากประสานการชว่ ยเหลอื ภายในแล้ว ไม่ดขี ึน้ มีความจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากผู้เช่ยี วชาญภายนอก การป้องกัน แก้ไขปัญหา และดูแลช่วยเหลือนกั เรียน การชว่ ยเหลือเพื่อแกไ้ ขปัญหาใหน้ กั เรยี นนั้นมีวธิ กี ารทีห่ ลากหลาย ซ่ึงครูประจำชน้ั /ครูท่ีปรึกษา จะต้องเลือกใชใ้ หเ้ หมาะสมกับแตล่ ะลกั ษณะปัญหาและคำนึงถงึ ความแตกต่างระหว่างนักเรยี นแตล่ ะคนด้วย เพอื่ ใหน้ กั เรียนในกลุ่มเสี่ยงมโี อกาสกลบั มาเป็นกลุ่มปกติ ไมก่ ลายเป็นกลุ่มปัญหาและนักเรยี นกลมุ่ ปัญหา ไดร้ ับการดแู ลตั้งแต่เบื้องต้น เพื่อป้องกันไม่ใหป้ ญั หาน้นั ซบั ซ้อมย่ิงข้นั เม่ือรวบรวมขอ้ มูลอย่างเป็นระบบแลว้ ขัน้ ตอนต่อไปคอื การนำข้อมลู ทั้งหมดมาวเิ คราะห์เหตุและ วางแผนชว่ ยเหลือ แก้ปญั หา ดำเนนิ การชว่ ยเหลอื ติดตาม ละสรปุ ผลการชว่ ยเหลือ แนวทางและเทคนิคการวิเคราะหป์ ัญหานกั เรยี น คือ 1. ตอ้ งแจกแจงลกั ษณะของปัญหาให้ชดั เจน 2. พิจารณาระดบั ความรนุ แรงและความถีข่ องการเกิดพฤติกรรม P a g e 35 | 91
3. พยายามค้นสาเหตุของปัญหาทีเ่ ปน็ ตน้ เหตุทีแ่ ทจ้ ริงของตวั ปัญหา เทคนคิ การวเิ คราะหส์ าเหตุปัญหา ในการวิเคราะหป์ ญั หาสามารถใชก้ ลวธิ ีในการวิเคราะห์ไดห้ ลายรูปแบบ เช่น การระดมความคิด การวิเคราะห์ปจั จัยเชิงบวก เชงิ ลบ การลำดับเหตุการณต์ ามเวลาท่ีเกิด การใช้แผนภมู ิกา้ งปลา เปน็ ตน้ ซง่ึ ใน ปญั หาคร้ังน้จี ะใช้วธิ ีการวิเคราะหป์ ญั หาโดยการใช้แผนภมู ิก้างปลา แผนภมู กิ า้ งปลาวิเคราะหป์ ัญหา สาเหตจุ ากตัวเด็ก - ความสัมพันธก์ บั ผ้อู น่ื วางแผนและ - พฤติกรรม อารมณ์ กิจวตั ร - ความสามารถในการปรบั ตวั ดำเนนิ การ - พนั ธกุ รรม ความพกิ าร ความเจบ็ ป่วย - กิจวัตร - พืน้ ฐานบุคลิกภาพ อารมณ์ - ประวัติประสบเหตุการณ์ไมด่ ี - ประวัตกิ ารตงั้ ครรภ์ การคลอด อุบัติเหตุ ปญั หา สาเหตจุ ากครอบครัว สาเหตจุ ากโรงเรียน ชมุ ชน สภาพครอบครัว ฐานะ การศึกษา -สภาพแวดลอ้ ม บคุ ลิกภาพพ่อแม่ ทศั นคติต่อการ -บคุ ลิกภาพของครู/เพือ่ น เลย้ี งดู ความสัมพันธ์ในครอบครวั -การเรียนการสอน - อ่นื ๆ มสี ่ิงท่ีครูประจำชั้น/ครูทีป่ รึกษาทค่ี วรตระหนัก ดังน้ี 1. การรกั ษาความลับ 1.1 เรอ่ื งราวข้อมูลของนกั เรยี นที่ต้องช่วยเหลอื แก้ไข ไม่ควรนำไปเปิดเผย ยกเวน้ เพอ่ื ขอความ รว่ มมือในการชว่ ยเหลอื นกั เรียนกบั บุคคลทีเ่ กี่ยวข้อง โดยไมร่ ะบุชื่อ – สกลุ จริงของนักเรยี น 1.2 และควรเปดิ เผยในลักษณะท่ใี หเ้ กียรตินักเรียน 1.3 บันทกึ ขอ้ มลู การช่วยเหลอื นักเรียน ควรเก็บไว้ทเ่ี หมาะสมและสะดวกในการเรยี กใช้ 1.4 การรายงานการช่วยเหลือนักเรยี น ควรรายงานในสว่ นท่เี ปดิ เผยได้ โดยใหเ้ กียรตแิ ละ คำนึงถึงประโยชน์ของนกั เรยี นเป็นสำคญั P a g e 36 | 91
2. รวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อนำมาวิเคราะห์สาเหตุและวางแผนแก้ไขปัญหา เมื่อครู ประจำชัน้ /ครูทีป่ รึกษาคัดแยกนกั เรียนกล่มุ เสยี่ งและกล่มุ ปัญหาไดแ้ ล้ว กอ่ นการดำเนนิ การช่วยเหลือแก้ไข ปญั หานกั เรยี น ควรพจิ ารณาสาเหตุของปัญหาให้ครบถ้วนและหาวธิ กี ารช่วยเหลอื ให้เหมาะสมกับสาเหตุน้ัน ๆ เพราะปัญหามไิ ด้เกิดจากสาเหตเุ พยี งสาเหตุเดยี ว แต่อาจเกิดจากหลายสาเหตทุ ่ีเกีย่ วเนอ่ื งสมั พนั ธ์กนั ปัญหาที่เหมือนกันของนักเรียนแต่ละคน ไม่จำเป็นต้องเกิดจากสาเหตุที่เหมือนกัน และวิธีการ ช่วยเหลือที่ประสบความสำเร็จกับนักเรียนคนหนึ่งก็อาจจะไม่เหมาะสมกับนักเรียนอีกคนหนึ่ง เนื่องจาก บุคคลมคี วามแตกต่างกนั การดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรยี นโดยเฉพาะการให้คำปรึกษาจึงไม่มสี ูตรสำเรจ็ เพยี งแต่มี แนวทาง กระบวนการ หรอื ทกั ษะการชว่ ยเหลอื ท่คี รแู ตล่ ะคนสามารถเรยี นรู้ ฝกึ ฝน โดยสามารถปรกึ ษาและ ขอสนับสนุนจากครูแนะแนว ไปใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละปัญหาของนักเรียนแต่ละคน สำหรับปัญหาทั่วไปที่ไม่ซับซ้อน และไม่มีผลกระทบต่อตัวนักเรียนหรือบุคคลแวดล้อมมีแนว ทางการพิจารณาปญั หาและการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้ 1. ให้ข้อมูล ในกรณีนักเรยี นขาดข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เช่น ข้อมูลการสอบซอ่ ม การเลือก วชิ าเฉพาะ ฯลฯ 2. ใหก้ ำลังใจ ในกรณนี ักเรียนมปี ญั หาทางอารมณ์และขาดกำลังใจในเรอื่ งตา่ ง ๆ ท่ีไมซ่ บั ซ้อนและ สามารถจัดการปัญหาได้ด้วยตนเองหากมีกำลังใจเพียงพอ เ ช่น การมีปัญหากับเพื่อน เป็นต้น 3. ช่วยให้พิจารณาทางเลือก ในกรณีที่นักเรียนไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องบางเรื่องได้ เช่น นักเรียนตัดสินใจว่าเลือกคณะอะไรดี ระหว่างคณะทีต่ นเองชอบ กับคณะที่พอ่ แม่ต้องการให้เรียน เพื่อช่วย ให้นักเรียนสามารถพิจารณาข้อดี ข้อเสียของการตัดสินใจ และช่วยให้เกิดความสบายใจในการตัดสินใจ ใหม้ ากท่ีสดุ 4. เสนอแนะ ในกรณีที่นักเรยี นมีภาวะสับสนมาก หรือมีระดับความสามารถทางปัญญาและการ ปรับตัวน้อย บางครั้งครูอาจต้องให้ข้อเสนอแนะเลย เช่น เด็กหญิงถูกเพื่อนชายลวนลามและไม่รู้จะทำ อยา่ งไร ครตู อ้ งสอนและเสนอแนะให้พดู ปฏิเสธ และเสนอแนวทางในการปอ้ งกนั 5. ช่วยในการประสาน ในกรณีที่นักเรยี นป่วย ประสบอุบัติเหตุไม่สามารถสอบได้ตามตาราง ครู อาจต้องบันทึกขอเวลาเรยี นใหเ้ ป็นกรณีพิเศษ หรือบันทึกขอมาหลังเวลาเขา้ แถว เนื่องจากนักเรียนมีภาระ ต้องชว่ ยงานทางบ้าน เปน็ ตน้ สำหรบั ในกรณปี ัญหาซบั ซอ้ น จำเป็นต้องใชก้ ารศกึ ษารายกรณี วเิ คราะห์สาเหตุปัญหาให้ชัดเจน หาขอ้ มูลท่ีเป็นปมเหตุที่ซับซ้อนด้านจิตสังคมเก่ยี วกับกรณีปัญหานั้น ๆ รวมถึงศกึ ษาปัจจัยในการแก้ปัญหา ไดแ้ ก่ ระดับเชาวน์ปญั ญา บุคลิกภาพ อารมณ์ จิตใจ ทศั นคติ ความรู้สกึ นึกคดิ ตอ่ ปัญหา และความต้องการ P a g e 37 | 91
ในการแก้ไขปัญหาของนักเรียน ครูประจำชั้น/ครูที่ปรึกษาควรประสานงานกับครูที่เกี่ยวข้อง ผู้ปกครอง มาทำความเขา้ ใจและความพร้อมในการร่วมมือกนั เพ่ือช่วยเหลอื การช่วยเหลือของครปู ระจำชนั้ /ครูทป่ี รึกษา อาศัยการจดั กิจกรรมช่วยเหลือท่สี ำคัญ 7 กิจกรรม โดยให้ ครูประจำช้นั /ครูท่ปี รึกษาพจิ ารณาเลือกใช้ให้เหมาะสมกบั สภาพปญั หา การดำเนนิ การดแู ลช่วยเหลือแกป้ ญั กาดว้ ย 7 กจิ กรรม มดี งั ต่อไปน้ี 1. การใหก้ ารปรกึ ษาเบ้อื งต้น 2. กิจกรรมในชั้นเรียน 3. กิจกรรมเพื่อนคู่หู 4. กจิ กรรมการสอื่ สารกบั ผูป้ กครอง 5. กจิ กรรมซ่อมเสรมิ 6. กิจกรรมเสริมหลักสูตร 7. กิจกรรมการเยีย่ มบ้าน 1. การให้การปรึกษาเบื้องต้น เป็นการชว่ ยเหลอื และปอ้ งกันปญั หาของนักเรียนท้ังด้านความคดิ อารมณ์ความรสู้ กึ และความ ประพฤติของนักเรยี น โดยมุง่ หวงั ให้นักเรยี นมกี ารเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมไปในทางทด่ี งี ามหรอื พึงประสงค์ หากครปู ระชัน้ /ครทู ปี่ รกึ ษามีข้อสงสยั หรือมอี ุปสรรคในการใหค้ ำปรึกษานักเรยี นใหข้ อการ สนบั สนนุ ได้จากครแู นะแนว การใหค้ วามรู้ คำแนะนำ ข้อคดิ เหน็ หรือเข้ารบั การฝึกอบรมทกั ษะทีจ่ ำเป็น เบ้อื งตน้ ได้ เพ่ือให้เกิดความกระจา่ งในการดำเนนิ งานใหก้ ารปรึกษาแก้นักเรียนไดด้ ้วยตนเอง 2. กจิ กรรมในชน้ั เรียน เป็นกิจกรรมท่จี ดั หรอื สอดแทรกในชน้ั เรยี นแก่นักเรียนเปน็ รายบคุ คล เพื่อให้เกดิ การเรยี นรู้แบบ มีส่วนรว่ มและปรับเปล่ียนพฤตกิ รรมสย่ี ง บางกรณีครูประจำชัน้ /ครทู ่ีปรึกษาจำเป็น ต้องส่ือสารถงึ ครูประจำวิชาต่าง ๆ ท่เี กี่ยวข้องกับเด็ก เพอ่ื จัดกจิ กรรมสอดแทรกในชัน้ เรียนไปในแนวทางเดยี วกัน หากครปู ระชั้น/ครูที่ปรกึ ษามขี ้อสงสยั หรอื มีอุปสรรคในการให้การดำเนินการใหข้ อการสนับสนนุ ได้ จากครแู นะแนว เพื่อรว่ มพจิ ารณาคดั เลือกแนวทางการจดั กจิ กรรมใหเ้ หมาะสมกับนักเรียนในแต่ละกรณี 3. กจิ กรรมเพอื่ นค่หู ู กิจกรรมที่ครุประจำชั้น/ครทู ปี่ รึกษาจัดให้นักเรียนไดด้ แู ลช่วยเหลอื กนั ซ่งึ อาจจัดเป็นคหู่ รือกลมุ่ ก็ได้ โดยการคัดเลอื กนกั เรยี นท่ีมีจุดแขง็ ด้านสัมพันธภาพ ซึ่งพจิ ารณาจากคะแนนด้านสัมพันธภาพทางสังคม P a g e 38 | 91
จากการประเมิน SDQ หรอื นกั เรียนท่มี คี วามม่ันคงทางอารมณห์ รอื มคี วามเปน็ ผ้นู ำและมีความสามารถ เฉพาะด้านท่จี ะนำไปใช้ในการดแู ลช่วยเหลือเพอื่ น เชน่ ความสามารถด้านการเรียนดนตรี ศลิ ปะ กีฬา หรือ ทกั ษะการสื่อสาร และควรสอบถามถึงความสมัครใจของนกั เรียนทั้งสองฝา่ ยดว้ ย โดยครูประจำชนั้ /ครทู ่ี ปรึกษาควรจะได้พดู คุยเพือ่ ปูพ้ืนฐานและซักซอ้ มความเขา้ ใจในภารกิจท่ีจะขอความร่วมมือจากนกั เรยี นใน การดแู ลชว่ ยเหลอื เพ่ือน เช่น คอยเตือนเพอ่ื น เม่ือลุกข้นึ เดินเพน่ พ่าน หากครูประจำชน้ั /ครทู ่ปี รึกษามขี ้อสงสัย หรอื มอี ุปสรรคในการดำเนินการให้ขอการสนบั สนนุ ได้จากครแู นะ แนว เพือ่ พิจารณาคัดเลอื กแนวทางการจัดกจิ กรรมเพอ่ื ช่วยเหลอื เพอื่ นด้านต่าง ๆ ใหเ้ หมาะสมกับนักเรียน ในแต่ละกรณี 4. กิจกรรมการสอ่ื สารกบั ผปู้ กครอง เป็นการชว่ ยเหลือนกั เรยี นโดยอาศัยความรว่ มมอื กบั ผปู้ กครองดว้ ยวธิ ี ต่าง ๆ เชน่ การโทรศพั ท์สนทนา การ เชิญผู้ปกครองมาพบเพอื่ ปรึกษาหารือรว่ มกนั การสง่ หนงั สอื แจง้ ทางไปรษณยี ์ จดหมายอิเล็คโทรนิค เป็นต้น ซ่ึงลว้ นต้องอาศัยทกั ษะการสือ่ สารและการสร้างสัมพนั ธภาพทด่ี กี บั ผู้ปกครองเป็นสำคญั หากครปู ระจำชั้น/ครทู ่ีปรกึ ษามีขอ้ สงสยั หรือมีอุปสรรคในการให้การดำเนินการสามารถขอรับการ สนบั สนนุ ไดจ้ ากครูแนะแนว เพ่ือช่วยใหก้ ารปรึกษาช้แี นะหรือฝึกทกั ษะการส่อื สารใหม้ ีทักษะการส่อื สารกบั ผู้ปกครองอยา่ งมีประสิทธภิ าพได้ 5. กจิ กรรมซอ่ มเสริม เป็นกจิ กรรมแก้ไขปญั หาด้านการเรยี นของนักเรยี น ซงึ่ ครปู ระจำชัน้ /ครูท่ปี รึกษาหรือผทู้ ี่เก่ียวขอ้ ง ท่ีรบั ผดิ ชอบจำเปน็ ตอ้ งร่วมมือรว่ มใจกนั วางแผนการสอนซ่อมเสรมิ ใหแ้ กน่ กั เรยี นทเ่ี รียนออ่ น เรยี นช้า หรอื เรยี นไมท่ นั เพ่ือนในรายวิชากลมุ่ สาระต่าง ๆ 6. กิจกรรมเสริมหลักสูตร เป็นกจิ กรรมทั้งในและนอกสถานศกึ ษาที่จัดเพม่ิ เติมเพ่อื สง่ เสรมิ การเรียนรหู้ รอื ศักยภาพในดา้ น ต่าง ๆ ของนกั เรียนนอกเหนอื จากที่หลักสตู รกำหนดไว้ เชน่ กิจกรรมชมุ นุม กฬี าสี การประกวดกจิ กรรม ตามวันสำคญั โครงการ To Be Number 1 กจิ กรรมจติ อาสา การจดั ค่ายอบรม การจัดตงั้ ชมรมส่งเสรมิ สุขภาพ สขุ ภาพจติ เป็นต้น โดยครปู ระจำชนั้ /ครูทป่ี รึกษาสามารถใช้เนอ้ื หาจากการจัดกิจกรรมโฮมรมู ครูประจำช้ัน/ครูท่ปี รกึ ษาสามารถขอการสนับสนุนจากครแู นะแนว ในการใหค้ วามรู้ คำแนะนำ ข้อคิดเหน็ หรอื เขา้ รับการฝกึ อบรมทกั ษะที่จำเปน็ เบื้องต้น เพอ่ื ให้ครปู ระจำชน้ั /ครูทปี่ รกึ ษาเกดิ ความ กระจา่ งในการดำเนนิ งานกิจกรรมเสริมหลักสูตรแกน่ ักเรียนได้ดว้ ยตนเอง 7. กจิ กรรมการเยี่ยมบา้ น เปน็ การแสดงออกถงึ ความร่วมมือระหว่างสถานศกึ ษากับบา้ นในการดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรยี นและทำ P a g e 39 | 91
ให้ครไู ดเ้ ห็นสภาพความเปน็ จริงของนักเรียนในครอบครัวและชุมชน ซึ่งเปน็ วิธหี นึง่ ท่ีจะชว่ ยใหค้ รสู ามารถ ประเมนิ สาเหตขุ องปัญหา แล้วดำเนินการช่วยเหลือให้เหมาะสม ตลอดจนหาแหลง่ สนบั สนนุ ทีจ่ ะชว่ ยในการ ดแู ลช่วยเหลอื นกั เรียนเป็นไปอย่างมีประสิทธภิ าพยิง่ ข้นึ โดยจำเปน็ ต้องมีขั้นตอนการเตรียมการก่อนเยยี่ มบา้ น เชน่ มกี ารนัดหมายวัน เวลา และ ประสานงานให้ผู้ปกครองทราบลว่ งหนา้ มกี ารเตรียมขอ้ มลู สมั ภาษณ์นกั เรยี น ทำแผนภมู คิ รอบครัว รวมถึง ประเด็นทต่ี อ้ งการ ส่อื สารกับผ้ปู กครองในการช่วยเหลอื นกั เรียนไว้กอ่ น และมกี ารลงบนั ทึกข้อมลู การชว่ ยเหลอื ให้แก่ ผูป้ กครองด้วย ครปู ระจำชน้ั /ครทู ปี่ รึกษาสามารถประสานขอความช่วยเหลือ จากครูแนะแนวในการเตรยี ม คณะทำงาน วเิ คราะหป์ ญั หา ออกเยีย่ มบา้ น และหาแนวทางช่วยเหลือนักเรียนร่วมกนั ได้ ขนั้ ตอนการดำเนินการดแู ลช่วยเหลือนกั เรียนกลมุ่ เสี่ยง/กลุ่มปัญหา โดยครปู ระจำชั้น/ครูทีป่ รึกษา 1. ศึกษาผลการคัดกรอง สมั ภาษณ์ สงั เกต และรวบรวมขอ้ มูลนกั เรยี นรายบุคคล เพื่อวเิ คราะห์หา สาเหตุของปญั หาและปจั จยั ท่ีเกยี่ วข้อง 2. วางแผนการชว่ ยเหลอื ดว้ ยตนเอง หรอื ร่วมกบั ผ้เู กี่ยวข้อง เช่น หวั หนา้ ระดับ ครแู นะแนว ครูอนามยั 3. พจิ ารณาเลอื กกิจกรรมเพ่ือดำเนนิ การชว่ ยเหลือนักเรยี นกลมุ่ เส่ียงและกล่มุ ปญั หาเหมาะสมกับ สภาพปญั หาไดม้ ากกว่า 1 กจิ กรรม - การให้การปรึกษาเบ้ืองต้น - กจิ กรรมในช้ันเรียน - กิจกรรมเพือ่ นค่หู ู - กิจกรรมการสอ่ื สารกับผูป้ กครอง - กิจกรรมซ่อมเสรมิ - กิจกรรมเสริมหลักสูตร - กิจกรรมการเยย่ี มบ้าน 4. ประเมนิ การช่วยเหลอื หลังดำเนนิ การกิจกรรมอย่างน้อยเดอื นละครง้ั บางกรณอี าจขอ ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติมไดจ้ ากครปู ระจำวิชาต่าง ๆ ครูฝ่ายปกครอง ฯลฯ กรณพี ฤติกรรมไมด่ ขี ึ้นหลงั ไดร้ ับการ ช่วยเหลอื ครูประจำชั้น/ครูทีป่ รึกษาสามารถพิจารณาเลือกกจิ กรรมใหม่ ซ่ึงอาจเปน็ กิจกรรมเดมิ อาจเปล่ยี น รปู แบบหรอื วธิ ีการใหม่ P a g e 40 | 91
5. ส่งตอ่ ภายในแกค่ รแู นะแนวได้กรณตี ดิ ตามผลการช่วยเหลือแลว้ พบวา่ พฤตกิ รรมไมด่ ีขึน้ หรือ พฤติกรรมเขา้ ข่ายวิกฤติ เรง่ ดว่ น ฉุกเฉิน การติดตามและประเมินผล 1. นักเรียนทุกคนในกลมุ่ เสี่ยงและกล่มุ ปญั หาได้รับการชว่ ยเหลอื จากครูประจำชัน้ /ครูท่ีปรึกษา ดว้ ยการจัดกจิ กรรม 1.1 ท่ีเหมาะสมกับสภาพปญั หาอยา่ งน้อย 2 กิจกรรม (จาก 7 กิจกรรมขา้ งต้น) 1.2 ลงบนั ทกึ การจัดกจิ กรรมทกุ ครงั้ ทด่ี ำเนินการ เชน่ การใหก้ ารปรึกษาเบ้อื งตนั กจิ กรรมในชั้น เรยี น กิจกรรมเสรมิ หลกั สตู ร กิจกรรมซอ่ มเสรมิ กจิ กรรมเพ่ือนคู่หู กจิ กรรมการส่ือสารกบั ผู้ปกครอง กจิ กรรรมการเยีย่ มบ้าน 2. นกั เรียนที่มีปัญหาทางดา้ นการเรียนและจำเป็นต้องได้รบั การช่วยเหลือดว้ ยการจัดกจิ กรรมซ่อม เสริมมากกวา่ ร้อยละ 80 3. มากกวา่ ร้อยละ 50 ของนักเรยี นในกลุม่ เสี่ยงและกลุ่มปญั หาทไี่ ดร้ ับการช่วยเหลือจากครูประจำ ชน้ั /ครทู ี่ปรกึ ษาดว้ ยการจดั กจิ กรรมการให้คำปรึกษาเบอ้ื งต้น กิจกรรมในชั้นเรยี น กิจกรรมเสริมหลักสตู ร กิจกรรมเพ่ือนคู่หู กิจกรรมการส่อื สารกับผปู้ กครอง กจิ กรรมการเยี่ยมบ้าน มีพฤติกรรมดีขึน้ 4. นกั เรยี นทม่ี ปี ญั หาและจำเปน็ ต้องส่งต่อทุกคนไดร้ ับการส่งตอ่ ภายใน เพ่อื รับการชว่ ยเหลอื จาก ครแู นะแนวหรือบุคลากรอ่ืนทเี่ กยี่ วข้อง 5. ครปู ระจำชน้ั /ครทู ่ีปรึกษาให้การอบรมให้มีความรคู้ วามเข้าใจในเรอ่ื งตอ่ ไปนี้ 5.1 ความสำคัญของการสอ่ื สารกบั ผู้ปกครอง ให้มีจิตวิทยาและทกั ษะการส่อื สารกับผ้ปู กครอง อยา่ งมปี ระสิทธิภาพอยา่ งนอ้ ย ปลี ะ 1 คร้งั 5.2 ความสำคัญของการให้คำปรกึ ษาเบื้องตน้ 5.3 การจัดการเรียนร้สู ำหรับนกั เรียนทมี่ ีความต้องการพเิ ศษอยา่ งน้อยปีละ 1 คร้ัง 5.4 การสอนเพศศกึ ษาอย่างน้อยปีละ 1 ครงั้ การบันทึกขอ้ มูลดว้ ยแบบบนั ทกึ 1. แบบสรปุ การจดั กิจกรรมช่วยเหลอื นกั เรียนกลุ่มเส่ียงและกลุ่มปัญหา สำหรบั ครปู ระจำชั้น/ ครทู ป่ี รึกษา 2. แบบบันทึกการให้การปรึกษาเบอ้ื งตันของครุประจำชน้ั /ครทู ีป่ รกึ ษา 3. แบบบันทึกการเยีย่ มบา้ นนักเรยี น 4. แบบบนั ทกึ การสง่ ต่อภายในสำหรบั ครูประจำช้นั /ครทู ปี่ รึกษา 5. แบบบนั ทึกการจัดประชุมระดบั P a g e 41 | 91
บทบาทของครูแนะแนวหรอื ครนู กั จติ วิทยาประจำสถานศึกษาในการดำเนินงานระบบการ ดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรยี น กระบวนการดำเนนิ งานระบบการดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี นของครแู นะแนว/ครนู กั จิตวิทยาประจำโรงเรียน ครแู นะแนวรบั นกั เรยี นต่อจากครปู ระจำชนั้ /ครูที่ปรกึ ษา ให้การปรึกษา/ช่วยเหลือ พฤตกิ รรมนกั เรยี น สง่ กลบั ครูประจำช้นั /ครทู ีป่ รกึ ษา ให้การดแู ลชว่ ยเหลอื ตอ่ ไป ไมด่ ขี ึน้ ประชมุ ปรึกษารายกรณี (Case Conference) พฤตกิ รรมนกั เรียน ไมด่ ีข้นึ ส่งตอ่ ผ้เู ช่ียวชาญภายนอก ตดิ ตาม/บันทกึ /รายงานผล P a g e 42 | 91
แนวความคิด บุคลิกภาพ และการเตรียมตัวจึงสำคัญสำหรับครูแนะแนวหรือครูนักจิตวิทยาประจำ สถานศกึ ษาพื้นฐานความคิดและความเชื่อ 1. เปิดใจกวา้ ง ยอมรบั ความแตกตา่ งระหว่างบุคคล นับเป็นพื้นฐานท่ีสำคัญที่สุดในการให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาทีด่ ี ยิ่งหากเปน็ เร่ืองสำคญั อันมีผลต่ออนาคตของคนๆ หนึ่งด้วยแล้ว การเปิดใจกว้างยิ่งเป็นสิ่งจำเป็น ครูแนะแนวจะต้องเข้าใจว่า คนแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน มีจุดดีและจุดด้อยต่างกัน คำแนะนำอย่างหนึ่งอาจใช้ได้กับบางคน จึงต้อง พรอ้ มเขา้ ใจนักเรยี นแตล่ ะคนในแบบท่เี ขาเปน็ 2. เช่ือวา่ โดยพน้ื ฐานแล้ว ทกุ คนเปน็ คนดี คุณไม่อาจช่วยเหลือคนๆ หนึ่งได้ หากไม่เชื่อมั่นว่าลึกลงไปในเนื้อแท้แล้ว คนนั้นเป็นคนดี หรือมี แรงจงู ใจทจี่ ะเปน็ คนดี หากคุณตดั สินแต่เพยี งพฤติกรรมภายนอกว่าดีหรอื ไม่ดี คุณอาจถูกหลอก เพราะส่ิงท่ี มองเห็นเพียงผิวเผิน จำไว้ว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง หากมีโอกาส ทุกคนล้วนอยากเป็นคนดี เม่ือมองเช่นน้ไี ด้คุณจะพรอ้ มช่วยเหลือทกุ คนโดยปราศจากอคตแิ ละความลำเอียง เช่อื ว่าทกุ คนมีความสามารถในการพฒั นาตนเอง และเปลีย่ นแปลงไปในทางท่ดี ไี ด้ เชน่ เดียวกับ ข้อที่ 2 ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดี และไมม่ ีใครไม่อยากดีข้ึน แต่พวกเขาจะไดร้ ับโอกาสหรอื ไม่ เท่านั้น ส่วน หนึ่งของงานแนะแนว คือ การให้โอกาสนักเรยี นที่มีความทุกข์และปัญหาในชีวิตให้ได้พบทางสว่าง ยิ่งหาก นักเรียนของคุณอยู่ในช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยแห่งการลองผิดลองถูกและคนหาชีวิตของตนเอง สิ่งท่ีพวกเขา แสดงออกเปน็ เพียงแค่ชว่ งหนงึ่ ของวัยเทา่ น้นั จงเช่ือมน่ั ว่าหากได้รับโอกาสและการชีน้ ำท่ีเหมาะสม ต้นกล้า ทกุ ต้นพร้อมเจริญงอกงาม มองโลกในแง่ดี และเชื่อว่าทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไขได้ ทัศนคติเช่นนี้จะทำให้คุณพร้อมที่จะ ปฏบิ ัตงิ านและให้ความช่วยเหลอื แก่นักเรยี นทกุ คนโดยไม่ยอ่ ทอ้ งานแนะแนวตอ้ งอาศัยความช่วยเหลือของ ทุกฝ่าย อุปสรรคทั้งจากตัวเนื้องานและกับผู้ร่วมงานมีให้พบได้ตลอดเวลา เพียงคุณเชื่อมั่นว่ามีทางออก สำหรบั ทุกปญั หา คณุ ก็จะเปน็ ครูแนะแนวทีไ่ ม่ยอ่ ทอ้ เมือ่ สำรวจทัศนคตแิ ละบุคลิกของคุณแลว้ ข้นั ตอนตอ่ มาคอื ความพร้อมของตวั คุณเองในฐานะครู แนะแนวมือใหม่ ไม่ว่าจะเริ่มงานชิ้นใด สิ่งสำคัญคือ ความพร้อมในการปรับตัวและเรียนรู้งาน แนวทาง ข้างลา่ งนี้ อาจเรียกไดว้ ่าเป็นหลักในการเตรียมความพร้อมสำหรับการเริ่มลงมือทำงานทุกประเภท เพียงแต่ ในฐานะครูแนะแนวมือใหม่ คณุ จำเป็นอยา่ งย่ิงทต่ี อ้ งเตรยี มตัวใหพ้ ร้อม ดงั น้ี พร้อมทำงานด้วยใจรัก และรกั ในสง่ิ ทที่ ำ งานแนะแนวเตม็ ไปด้วยรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย ท้ังเป็นหน้าทีท่ ่ลี ะเอียดออ่ น เพราะเป็นงานทต่ี อ้ งช่วยเหลือและพัฒนานักเรียน หากคิดวา่ ไมอ่ าจทำใจรักงาน P a g e 43 | 91
นไ้ี ด้ กไ็ ม่ควรคดิ เดินบนเส้นทางสายงานตัง้ แต่แรก เพราะการให้ความช่วยเหลอื แบบไม่เตม็ ใจ ก็ไม่ต่างจากไม่ ชว่ ยเสียเลย มีความกระตือรือรน้ ทจ่ี ะเรียนรูง้ าน ย่งิ หากคุณไม่ไดจ้ บด้านแนะแนวมาโดยตรง คณุ ยิ่งตอ้ งหาทาง ขวนขวายศึกษางาน ทัง้ จากครูแนะแนวรนุ่ พี่ หนงั สอื สอื่ ความรตู้ า่ ง ๆ แตผ่ ้ทู ี่จบสายตรงมาก็ยงั คงต้องเรยี นรู้ รายละเอยี ดต่าง ๆ ไมน่ อ้ ยเชน่ กนั ท้งั ระบบการทำงานในโรงเรียน ซึง่ แต่ละแห่งมคี วามแตกตา่ งไปตามปัจจัย ตา่ ง ๆ เช่น ระบบงานท่ีมีมากอ่ น ธรรมเนยี มในองค์กร และนโยบายของสถาบนั ฯลฯ พร้อมท่ีจะพัฒนาตนเองและแสวงหาความรู้ใหม่ๆเสมอ ส่วนหนึ่งของงานแนะแนว คือ การให้ ข้อมูลแก่นักเรียน ยิ่งในปัจจุบัน ระบบการศึกษามีการเปลี่ยนแปลงแทบไม่เว้นแต่ละปี ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล คณะ มหาวิทยาลยั แนวโนน้ ความเคลื่อนไหวในตลาดงาน ลักษณะอาชีพ ฯลฯ ครูแนะแนวจงึ ไมค่ วรตกขา่ ว หรือล้าหลงั นอกจากน้ี สอ่ื การสอนและแบบทดสอบต่าง ๆ กค็ วรทันสมยั เข้ากบั ยุค ต้องรู้จักสรา้ งสรรค์ ใช้ เทคโนโลยตี ่าง ๆ ให้เป็น และใหเ้ กิดประโยชน์ งานแนะแนวจึงเป็นอาชพี ทท่ี ้าทายให้ครูแนะแนวต้องพัฒนา ตนเองอยู่ตลอดเวลา เพือ่ ให้สามารถพัฒนาผู้อน่ื ได้ พร้อมทีจ่ ะรว่ มงานและประสานงานกบั ทุกฝ่าย ไม่มีใครทำงานคนเดียวได้ เพราะไม่อาจชำนาญ ทกุ อยา่ ง การเปน็ ครแู นะแนวเช่นกัน โดยมเี นื้องานแลว้ ครูแนะแนวตอ้ งคอยเป็นผปู้ ระสานในระบบการดูแล ช่วยเหลือนกั เรียน ต้องหาข้อมูลจากแหล่งภายในและภายนอกโรงเรียน ต้องรู้จกั ผู้คนให้มาก เพื่อขอความ ช่วยเหลือ ทั้งในเรื่องวชิ าการ ข่าวสาร สื่อการสอน และการบริการต่าง ๆ ดังนั้น หากคุณร่วมมือกับหลาย ฝา่ ยได้ดี รู้จกั ผู้คนมาก ไมเ่ พียงคุณจะเรยี นรู้งานได้เรว็ แต่การทำงานของคุณจะง่ายและสะดวกขึ้น ไม่ท้อถอย ไม่ว่าจะพบปัญหา อุปสรรคใด นี่คือกฎทองของการทำงานทุกอย่าง แม้ดูเหมือนจะ เปน็ คุณสมบัติท่ีกว้างที่สดุ แต่กส็ ำคญั ทสี่ ุดเช่นกนั เพราะชว่ ยใหค้ ุณยนื หยัดในหน้าทไี่ ดอ้ ยา่ งไม่หวั่นไหว เป็น คณุ สมบัติท่ีชว่ ยใหค้ ณุ ประสบความสำเร็จในหนา้ ทไ่ี ด้ และยิ่งกบั งานทใ่ี ห้ความช่วยเหลือ และบริการในฐานะ ครคู นหนึ่ง ความปล้มื ปีตทิ ค่ี ุณไดร้ ับจะเปน็ ทัพหนุนทีด่ ยี ่งิ ทจ่ี ะให้คณุ ไมห่ วาดหวั่นหรือทอ้ ถอยกบั อุปสรรคใน หน้าท่ี บทบาทของหนว่ ยงานภาคีเครือขา่ ยทมี่ ีส่วนรว่ มในระบบการดูแลชว่ ยเหลือนักเรยี น ภาคเี ครือข่าย หมายถึง กลมุ่ บคุ คล องค์กร หน่วยงานราชการ ที่มสี ว่ นรว่ มในการขบั เคลื่อนระบบ การดูแลช่วยเหลือนักเรียนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 4 จำนวน 39 แหง่ ประกอบด้วย บา้ นพกั เด็กและครอบครวั จังหวดั นครศรีธรรมราช สำนกั งานพฒั นาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครศรีธรรมราช ศูนย์อนามัยที่ 11 ศูนย์สุขภาพจิตที่ 11 ศูนย์การศึกษาพิเศษ P a g e 44 | 91
จังหวัดนครศรีธรรมราช ศูนย์เสมารักษฺสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักวิชาพยาบาล ศาสตร์มหาวิทยาลัยวัลยลักษณ์ ศูนย์ควบคุมปัจจัยเสี่ยงจังหวัดนครศรีธรรมราช โรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช โรงพยาบาลท่าศาลา โรงพยาบาลสิชล สาธารณสขุ อำเภอทา่ ศาลา สาธารณสุขอำเภอสิชล สาธารณสขุ อำเภอขนอม สาธารณสขุ อำเภอนบพิตำ สาธารณสขุ อำเภอพรหมคีรี สถานีตำรวจภูธรอำเภอท่า ศาลา สถานีตำรวจภูธรอำเภอสิชล สถานีตำรวจภูธรอำเภอขนอม สถานีตำรวจภูธรอำเภอนบพิตำ สถานี ตำรวจภูธรอำเภอพรหมคีรี ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพกิ ารจังหวัดนครศรีธรรมราช ศูนย์ส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) อำเภอท่าศาลา ศูนย์ส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศัย (กศน.) อำเภอสิชล ศนู ยส์ ง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย (กศน.) อำเภอขนอม ศนู ยส์ ่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย (กศน.) อำเภอพรหมคีรี ศูนย์ส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) อำเภอนบพิตำ ศูนย์ส่งเสรมิ คณุ ธรรม จริยธรรมฯ ภาคใต้ ทที่ ำการปกครองอำเภอท่าศาลา ท่ีทำการปกครองอำเภอสิชล ที่ทำการปกครองอำเภอ ขนอม ที่ทำการปกครองอำเภอพรหมคีรี ที่ทำการปกครองอำเภอนบพิตำ ชมรมประธานกรรมการ สถานศึกษาอำเภอท่าศาลา ชมรมประธานกรรมการสถานศึกษาอำเภอสิชล ชมรมประธานกรรมการ สถานศึกษาอำเภอขนอม ชมรมประธานกรรมการสถานศึกษาอำเภอนบพิตำ ชมรมประธานกรรมการ สถานศกึ ษาอำเภอพรหมคีรี โดยมบี ทบาทหนา้ ที่และขอ้ ตกลงร่วมกนั ดงั นี้ 1. ร่วมมือ ประสานงาน และสนับสนุน การดำเนินงานดูแลช่วยเหลือและคุ้มครองเด็กนักเรียน อาทิ ด้านการศึกษา กฎหมาย การสงเคราะห์ การคุ้มครอง การคัดกรอง การประเมินวินิจฉัย การบำบดั รักษา การฝึกพัฒนาการ การจัดหาทีพ่ ักอาศยั เปน็ ต้น 2. ประสาน สง่ ตอ่ ตดิ ตาม ใหก้ ารดูแลชว่ ยเหลอื และคุ้มครองเดก็ นกั เรยี น กรณเี ดก็ นกั เรียนถูกล่วง ละเมดิ ทางเพศ ถกู กระทำความรุนแรง ไม่ไดร้ บั ความเป็นธรรมจากระบบการศึกษา ทอ้ งไมพ่ รอ้ ม ยากจนไร้ผู้ อปุ การะ ไมม่ ผี ูด้ แู ล ถูกทอดทิง้ ถูกบงั คับใชแ้ รงงาน ตดิ เกม การพนัน ยาเสพตดิ รงั แกผอู้ ื่น กา้ วรา้ ว ทะเลาะ วิวาท โมโหร้าย ลักทรัพย์ มีภาวะทางจิตเวชหรือมีความต้องการพิเศษ เช่น สมาธิสั้น ออทิสติก บกพร่อง ทางการเรียนรู้ บกพร่องทางสติปญั ญา บกพร่องทางพฤตกิ รรมอารมณ์ มีภาวะซึมเศรา้ เป็นตน้ ใหไ้ ด้รับการ ดูแลชว่ ยเหลืออย่างเหมาะสมและทนั เวลา 3. ส่งเสริมและสนับสนุน กิจกรรม โครงการ หรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานดูแล ช่วยเหลือและคุ้มครองเด็กนักเรียน อาทิ ด้านองค์ความรู้ ด้านพัฒนาการ ด้านคุณธรรมจริยธรรม ดา้ นงบประมาณ ตามความเหมาะสมของบริบทหรือภารกิจหนว่ ยงาน P a g e 45 | 91
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159