ที่ หัวเรอ่ื ง ตัวช้วี ัด เนอื้ หา จานวน ชว่ั โมง 11 การปฐมพยาบาล 1. อธบิ ายความหมาย และ 1. การปฐมพยาบาล 12 ความสาํ คัญของการปฐม 1.1 ความหมายของการ 6 พยาบาล ปฐมพยาบาล 1.2 ความสาํ คญั ของการ ปฐมพยาบาล 1.3 หลักการของการ ปฐมพยาบาล 2. อธิบายและสาธติ วิธกี าร 2. วธิ กี ารปฐมพยาบาลกรณตี ่าง ๆ ปฐมพยาบาลกรณีตา่ ง ๆ อย่างน้อย 3 วิธี 3. อธิบายวธิ ีการวัด 3. การวดั สัญญาณชีพและการ สญั ญาณชีพ และการ ประเมนิ เบื้องต้น ประเมินเบื้องต้น 4. สาธิตวิธีการช่วยชวี ติ ขัน้ 4. วธิ ีการช่วยชวี ิตขนั้ พื้นฐาน พ้ืนฐาน 12 การเดินทางไกล 1. อธิบายความหมายของ 1. การเดินทางไกล อยูค่ ่ายพกั แรม การเดินทางไกล 1.1 ความหมายของการเดนิ และชีวิตชาวค่าย ทางไกล 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ของการเดิน ทางไกล 1.3 หลกั การของการเดินทางไกล 1.4 การบรรจเุ คร่ืองหลังสําหรับ การเดนิ ทางไกล 2. อธิบายความหมายของ 2. การอยู่คา่ ยพักแรม การอยู่คา่ ยพักแรม 2.1 ความหมายของการอยู่คา่ ย พักแรม 2.2 วัตถุประสงค์ของการอยู่ค่าย พกั แรม 2.3 หลักการของการอยคู่ ่าย พกั แรม 3. อธบิ ายการใช้เคร่ืองมือ 3. ชีวติ ชาวคา่ ย สาํ หรบั ชวี ิตชาวคา่ ย 3.1 เครื่องมือ เคร่ืองใช้ ทีจ่ าํ เป็น สําหรับชีวิตชาวคา่ ย
ที่ หวั เรอื่ ง ตวั ชีว้ ดั เน้ือหา จานวน ชัว่ โมง 4. อธบิ ายวธิ กี ารจัดการ 3.2 การสรา้ งครัวชาวค่าย ค่ายพักแรม 3.3 การสร้างเตาประเภทต่าง ๆ 40 3.4 การประกอบอาหาร 13 การฝึกปฏิบัติการ 1. วางแผนและปฏิบัติ แบบชาวค่าย เดนิ ทางไกล กจิ กรรมการเดินทางไกล 3.5 การกางเตน็ ท์ และการ อยู่ค่ายพักแรม อย่คู ่ายพกั แรม และชีวติ เก็บเตน็ ท์ชนดิ ตา่ ง ๆ และ ชีวติ ชาวค่าย ชาวคา่ ย ทกุ กิจกรรม 4. วธิ ีการจดั การค่ายพักแรม 2. ใช้ชวี ิตชาวค่ายรว่ มกบั 4.1 การวางผังคา่ ยพกั แรม ผอู้ ่นื ในค่ายพักแรมได้อย่าง 4.2 การสุขาภบิ าลในคา่ ยพักแรม สนกุ สนานและมีความสขุ กิจกรรมการเดินทางไกล อยู่ค่ายพกั แรม และชวี ิตชาวคา่ ย 1. กจิ กรรมเสรมิ สร้างคุณธรรม และ อุดมการณ์ลกู เสือ 2. กิจกรรมสรา้ งคา่ ยพกั แรม 3. กจิ กรรมชีวติ ชาวคา่ ย 4. กิจกรรมฝึกทักษะลูกเสือ 5. กจิ กรรมกลางแจง้ 6. กิจกรรมนนั ทนาการ และชุมนุม รอบกองไฟ 7. กจิ กรรมนาํ เสนอผลการ ดําเนนิ งาน ตามโครงการที่ได้ ดําเนนิ การมากอ่ นการเข้าคา่ ย
คาอธิบายรายวชิ า สค02015 อาเซียนศกึ ษา สาระการพฒั นาสงั คม ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จานวน 3 หน่วยกติ (120 ชว่ั โมง) มาตรฐานการเรียนร้รู ะดับ มาตรฐานที่ 5.1 มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ และตระหนักถึงความสําคัญเกี่ยวกบั ภูมิศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครอง สามารถนาํ มาปรบั ใช้ในการดาํ รงชีวติ ผลการเรยี นร้ทู คี่ าดหวงั 1. อธิบายขอ้ มูลเก่ียวกับความเปน็ มาและพฒั นาการของอาเซยี นในเรื่องประวตั ิ วัตถุประสงค์ การก่อตั้งอาเซยี น 2. ระบปุ ระเทศกลมุ่ สมาชกิ อาเซียน 3. อธิบายความสําคัญของประชาคมอาเซียนและกฎบตั รอาเซียน (ASEAN Charter) 4. สรปุ ผลงานของกลมุ่ อาเซียน 3 ดา้ น คือ ความร่วมมอื ในด้านการเมอื งและความม่ันคง ของอาเซียน ความรว่ มมือของอาเซียนในดา้ นเศรษฐกิจ และความร่วมมือดา้ นสังคมและวัฒนธรรม 5. วิเคราะหป์ ัญหาและอุปสรรคจากผลงานของกลุ่มอาเซยี นในดา้ นตา่ งๆ 6. อธบิ ายแนวทางการดําเนินงานเพ่ือนาํ ไปสู่การเป็น ประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น (ASEAN Economic Community) : AEC 7. อธิบายการกาํ เนิดการจดั ต้ังเขตการค้าเสรอี าเซียน (ASEAN Free Trade Area) : AFTA 8. บอกประโยชน์ทีป่ ระเทศไทยไดร้ ับในการเปน็ สมาชิกของกลุม่ อาเซยี น ศึกษาและฝึกทกั ษะเกย่ี วกับเร่อื งตอ่ ไปน้ี 1. ความเป็นมาและพฒั นาการของอาเซยี นในเร่ืองประวตั ิ วตั ถปุ ระสงค์การก่อตง้ั อาเซยี น 2. ประเทศกลุ่มสมาชกิ อาเซียน 3. ความสําคญั ของประชาคมอาเซียนและกฎบตั รอาเซยี น (ASEAN Charter) 4. ผลงานของกลุ่มอาเซียน 3 ด้าน คือ ความร่วมมือในด้านการเมืองและความมั่นคงของอาเซียน ความร่วมมอื ของอาเซียนในดา้ นเศรษฐกิจ และความร่วมมือดา้ นสังคมและวฒั นธรรม 5. ปญั หาและอปุ สรรคจากผลงานของกลุ่มอาเซียนในดา้ นต่างๆ 6. แนวทางการดาํ เนินงานเพ่ือนําไปสู่การเปน็ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซยี น (ASEAN Economic Community) : AEC 7. การกาํ เนิดการจดั ตั้งเขตการคา้ เสรีอาเซยี น (ASEAN Free Trade Area) : AFTA 8. ประโยชนท์ ีป่ ระเทศไทยได้รับในการเปน็ สมาชิกของกล่มุ อาเซียน
การจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ 1. จัดกลุม่ อภิปรายในเนื้อหาทเี่ กี่ยวข้อง 2. เชิญนักวชิ าการผ้รู มู้ าใหค้ วามรูเ้ กยี่ วกับประโยชน์ และผลกระทบที่เกิดต่อประเทศและประชาชน 3. จดั ทําโครงการนิทรรศการฐานความรู้ 4. ศึกษาดูงานในโรงเรียนประจาํ จงั หวัดที่นาํ ร่องการเรยี นหลกั สูตรอาเซยี นศึกษา 5. ศึกษาจากเอกสารและสื่อทุกประเภทท่ีเก่ียวข้อง เว็บไซต์ ของกรมอาเซียน กระทรวง การ ตา่ งประเทศ (www.mfa.go.th) และ (www.14thaseansummit.org) และเวบ็ ไซต์ ของสํานักงานเลขาธิการ อาเซยี น (www.aseansec.org) ฯลฯ 6. ศกึ ษาจาก VCD ของกรมอาเซยี น กระทรวงการตา่ งประเทศ 7. ศึกษาจากรายการโทรทัศน์ รายการ วถิ ีอาเซียน (ASEAN Way) จากไทยทวี สี ีชอ่ ง 3 ทุกวนั เสาร์ เวลาประมาณ 05.45 น. การวดั และประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤติกรรมระหวา่ งการเรียนรู้ 2. วัดความรู้จากการทํากจิ กรรมในใบงาน 3. การวัดผลสมั ฤทธ์ปิ ลายภาค
รายละเอยี ดคาอธิบายรายวิชา สค02015 อาเซยี นศกึ ษา สาระการพัฒนาสงั คม ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย จานวน 3 หนว่ ยกติ (120 ชว่ั โมง) มาตรฐานที่ 5.1 มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ และตระหนักถงึ ความสําคญั เกีย่ วกับภมู ศิ าสตร์ ประวัตศิ าสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมอื ง การปกครอง สามารถนํามาปรบั ใชใ้ นการดํารงชีวติ ท่ี หวั เรอ่ื ง ตัวช้ีวัด เนื้อหา จานวน 1 พัฒนาการ ชั่วโมง 1.1 บอกประวตั ิความเปน็ มา 1.1 ความเป็นมาของอาเซยี น อาเซยี น 15 ของอาเซียน (ASEAN) ได้ 2 ผลงานของ 30 กลุ่มอาเซียน 1.2 เข้าใจวัตถปุ ระสงค์ใน 1.2 วตั ถปุ ระสงคใ์ นการก่อตง้ั และ การก่อต้งั ประเทศสมาชกิ ประเทศสมาชกิ อาเซียน อาเซยี น (ASEAN) 1.3 บอกความหมายและ 1.3 ความหมาย ความสําคัญ ของ ความสําคญั ของประชาคม ประชาคมอาเซียนและกฎบัตร อาเซยี นและกฎบตั รอาเซยี น อาเซยี น (ASEAN Chart (ASEAN Charter) ได้ 2.1 บอกโครงสร้างและ 2.1 โครงสรา้ ง และกลไกการดําเนนิ งาน กลไกการดําเนนิ งานของ ของอาเซยี น อาเซียนได้ - ที่ประชุมสดุ ยอดอาเซียน (ASEAN Summit) - คณะมนตรีประสานงาน อาเซียน (ASEAN Coordinating Councils : ACCs) - คณะมนตรปี ระชาคม อาเซยี น (ASEAN Community Councils) - องค์กรระดับรัฐมนตรี อาเซยี นเฉพาะสาขา ASEAN Sectoral Ministerials Bodies) - เลขาธิการอาเซยี นและสํานัก เลขาธิการอาเซียน (Secretary-General of
ที่ หัวเรื่อง ตัวชีว้ ัด เน้ือหา จานวน ชว่ั โมง 3 ประชาคม ASEAN and ASEAN เศรษฐกิจ 30 อาเซียน Secretariat) (ASEAN 20 - คณะกรรมการผู้แทนถาวร ประจาํ อาเซียน(Committee of Permanent Representatives of ASEAN) - สํานกั งานอาเซยี นแหง่ ชาติ หรอื กรมอาเซียน (ASEAN National Secretariat) - องค์กรสทิ ธิมนุษยชน อาเซียน (ASEAN Human Rights Body) 2.2 บอกความสาํ คญั ใน การ - มลู นธิ อิ าเซยี น (ASEAN ร่วมมือของอาเซยี น ท้ัง 3 Foundation) ดา้ นได้ 2.2 ความสาํ คญั ในการร่วมมือ - ดา้ นการเมอื ง และ ของอาเซียน ทง้ั 3 ดา้ น ความมั่นคง - ดา้ นการเมือง และ ความ - ดา้ นเศรษฐกิจ มั่นคง - ด้านสังคมและ - ดา้ นเศรษฐกจิ วัฒนธรรม - ดา้ นสงั คมและวฒั นธรรม 2.3 สรปุ ผลจากการประชุม 2.3 ผลจากการประชุมอาเซียนใน กลมุ่ อาเซียนในรอบปที ี่ผา่ น รอบปีท่ีผา่ นมา มา 2.4 อธบิ าย สรปุ ปญั หาและ 2.4 ปญั หาและอุปสรรคท่ีสําคัญ อุปสรรคที่สาํ คัญของ ของอาเซยี น อาเซยี นได้ 3.1 บอกความหมายและ 3.1 ความหมายและวัตถปุ ระสงค์ วตั ถุประสงค์ของประชาคม ของประชาคมเศรษฐกจิ อาเซียน (AEC) เศรษฐกจิ อาเซียน (AEC) ได้ 3.2 เปาู หมายของประชาคม 3.2 อธบิ ายเปาู หมายของ เศรษฐกิจอาเซยี น (AEC)
ท่ี หัวเรอื่ ง ตวั ช้ีวดั เนอ้ื หา จานวน ชั่วโมง Economic ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 20 Community) : (AEC) ได้ 35 AEC 3.3 อธิบายแนวทาง การ 3.3 แนวทางการดาํ เนนิ งานเพ่ือ ดําเนนิ งาน เพื่อนําไปสู่การ นาํ ไปสู่การเปน็ AEC เป็น AEC ได้ 3.4 บอกประโยชนท์ ี่ 3.4 ประโยชน์ท่ีประเทศไทยไดร้ บั ประเทศไทยไดร้ ับจากการ จากการเข้ารว่ มประชาคมเศรษฐกจิ เข้ารว่ ม AEC อาเซียน (AEC) 4 การกาํ เนดิ การจดั 4.1 บอกประวัติความ 4.1 ความหมาย ความสําคัญ ต้งั เขตการคา้ เสรี เปน็ มา ความสาํ คัญ และ และวตั ถุประสงค์ของ AFTA อาเซยี น (ASEAN วตั ถปุ ระสงค์ของ AFTA ได้ Free Trade 4.2 เห็นคณุ คา่ และ 4.2 ประโยชนท์ ี่ประเทศไทยไดร้ บั Area) : AFTA ประโยชนท์ ีป่ ระเทศไทยเข้า จากการเขา้ ร่วมเขตการค้าเสรี ร่วมเขตการค้าเสรี อาเซียน อาเซยี น (AFTA) (AFTA) 5 ประโยชน์ท่ี 5.1 มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจใน 5.1 ทศิ ทางสงั คมไทยต่อการเปล่ียน ประเทศไทย ทิศทางสังคมไทยต่อ แปลงส่สู งั คมอาเซยี นในด้าน ได้รับใน การเปลีย่ นแปลงสสู่ งั คม - ความร่วมมือทางการเมอื ง การเป็นสมาชกิ อาเซยี นในด้านตา่ งๆ - ความรว่ มมอื ทางเศรษฐกิจ ของกลมุ่ อาเซยี น - ความรว่ มมือเฉพาะดา้ น 5.2 เห็นคณุ ค่าและ 5.2 ประโยชน์ทไ่ี ทยไดร้ บั ใน การ ประโยชน์ท่ปี ระเทศไทย รวมกล่มุ อาเซยี น ไดร้ บั ในการเป็นสมาชิกของ - การแกป้ ญั หาความยากจน กลุ่มอาเซียน - การสง่ เสรมิ การท่องเทยี่ ว - การอนรุ ักษ์สิ่งแวดลอ้ ม - การแพร่ระบาดของ โรคติดต่อ - การแกป้ ญั หาการค้า ยาเสพตดิ - การจัดการการเกดิ ภัยพบิ ัติ - การปกปูองสทิ ธสิ ตรี - การแก้ปัญหาการก่อการร้าย ข้ามชาติ
แผนการลงทะเบียนเรยี น ร ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ภาคเรียนที่ 1/2562 ภาคเรยี นที่ 2/2562 รหสั รายวิชา วิชาบงั คับ นก รหสั รายวิชา นก พค31001 คณติ ศาสตร์(5) 5 ทร31001 ทักษะการเรยี นรู้ 5 สค31001 สังคมศึกษา(3) 3 พท 31001 ภาษาไทย 5 2 สค31002 ศาสนาหน้าทีพ่ ลเมือง(2) 1 สค31003 การพฒั นาตนเอง 11 รวม 10 ชมุ ชนสังคม(1) 3 อช32001 การพัฒนาแผนและ 3 รวม วชิ าเลือก โครงการอาชีพ สค32032 การเรียนรู้สภู่ ัยธรรมชาติ 3 พว32024 วัสดศุ าสตร์ 3 3 3(3) สค32035 ลูกเสือ กศน.3(2) พท03014 ภาษาไทยเพื่อกาส่ือสารใน 3 6 ชวี ติ ประจาํ วัน(2) 16 9 รวม รวม 20 รวมวชิ าบังคับ + เลือก รวมวชิ าบังคับ + เลือก
203 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย การศึกษา 2562 ภาคเรยี นท่ี 1/2563 ภาคเรยี นที่ 2/2563 รหัส รายวชิ า นก รหัส รายวิชา นก พว31001 วทิ ยาศาสตร์ 5 พต31001 ภาษาอังกฤษเพือ่ ชีวติ และ 5 อช31001 ช่องทางการขยายอาชพี สังคม อช31002 ทกั ษะการขยายอาชพี อช31003 พัฒนาอาชีพใหม้ คี วาม 2 ทช31001 เศรษฐกจิ พอเพียง 1 มั่นคง 4 ทช31002 สุขศึกษา พลศึกษา 2 รวม 2 ทช31003 ศิลปศึกษา 2 13 รวม 10 สค02015 อาเซยี นศกึ ษา 3 สค32029 การเงนิ เพอื่ ชวี ิต 3 3 พว32023 การใชพ้ ลงั งานไฟฟา้ ใน 3 สค32034 ประวัติศาสตรช์ าติไทย 3 3 ชีวติ ประจาวัน 3 3 ทร02006 โครงงานเพอื่ พฒั นาทักษะ 3 พต32005 ภาษาองั กฤษเพือ่ 9 19 การเรยี นรู้ การศกึ ษาตอ่ รวม 9 รวม รวมวิชาบังคับ + เลือก 22 รวมวิชาบงั คับ + เลือก 203
204 วิธีการจดั การเรยี นรู้ การศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานมวี ธิ ีการจัดการเรียนรทู้ หี่ ลากหลาย ไดแ้ ก่ 1.การเรียนร้ดู ้วยตนเองเปน็ วิธกี ารจัดการเรยี นร้ทู ผ่ี ู้เรยี นกําหนดแผนการเรยี นรขู้ องตนเอง ตามรายวิชาทลี่ งทะเบยี นเรยี น โดยมคี รูเป็นท่ปี รกึ ษาและใหค้ าํ แนะนาํ ในการการศึกษาหาความรดู้ ้วยตนเอง ภูมิปัญญา ผู้รู้ และสือ่ ตา่ ง ๆ 2.การเรียนรูแ้ บบพบกลุ่มเป็นวธิ ีการจดั การเรยี นรู้ทีก่ ําหนดให้ผ้เู รียนมาพบกนั โดยมีครูเปน็ ผ้ดู าํ เนนิ การใหเ้ กิดกระบวนการกลุม่ เพื่อใหม้ ีการอภิปรายแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ และหาข้อสรปุ ร่วมกัน 3. การเรียนรู้แบบทางไกล เป็นวิธกี ารจดั การเรียนรจู้ ากส่ือตา่ ง ๆ โดยทีผ่ เู้ รยี นและครูจะสอ่ื สารกนั ทางส่อื อิเลก็ ทรอนกิ สเ์ ป็นสว่ นใหญ่ หรอื ถ้ามีความจําเปน็ อาจพบกันเป็นครั้งคราว 4. การเรยี นรแู้ บบชน้ั เรียน เปน็ วธิ ีการจัดการเรียนรทู้ ่สี ถานศึกษากําหนดรายวชิ า เวลาเรียน และ สถานท่ี ทช่ี ดั เจน ซงึ่ วิธีการจัดการเรียนรูเ้ หมาะสําหรับผ้เู รียนทีม่ ีเวลามาเข้าช้ันเรยี น 5. การเรียนรู้ตามอัธยาศยั เป็นวธิ กี ารจัดการเรยี นร้ทู ผี่ เู้ รียนสามารถเรียนรไู้ ด้ตามความตอ้ งการ และ ความสนใจ จากสอ่ื เอกสาร สือ่ อิเลก็ ทรอนิกส์ หรือจากการฝึกปฏิบัติตามแหล่งเรียนรู้ตา่ ง ๆ แล้วนําความรู้ และประสบการณ์มาเทยี บโอนเขา้ ส่หู ลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พ้ืนฐานพุทธศักราช 2551 6. การเรยี นรูจ้ ากการทาโครงงานเป็นวิธกี ารจดั การเรยี นรู้ทผี่ เู้ รียนกําหนดเรอ่ื งโดยสมัครใจ ตาม ความสนใจ ความต้องการ หรอื สภาพปญั หา ท่จี ะนาํ ไปสู่การศึกษาค้นคว้า ทดลอง ลงมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ และมี การสรุปผลการดาํ เนนิ การตามโครงการ โดยมีครเู ป็นผู้ให้คําปรึกษา แนะนาํ อํานวยความสะดวก ในการเรยี นรู้ และกระตุ้นเสรมิ แรงใหเ้ กิดการเรียนรู้ 7. การเรียนรูร้ ปู แบบอืน่ ๆ สถานศึกษาสามารถออกแบบวิธีการจัดการเรียนร้ใู นรูปแบบ อ่นื ๆ ได้ ตามความต้องการของผเู้ รียน วิธกี ารจดั การเรยี นรูด้ งั กล่าวข้างต้น สถานศึกษาและผเู้ รยี นรว่ มกนั กําหนดวิธีเรียนโดยเลอื กเรียนวิธใี ด วธิ ีหน่งึ หรอื หลายวิธีกไ็ ดข้ ้ึนอยู่กับความยากงา่ ยของเนื้อหา และสอดคล้องกบั วถิ ี ชีวิต และการทาํ งานของ ผู้เรยี น โดยขณะเดยี วกันสถานศึกษาสามารถจดั ให้มกี ารสอนเสริมได้ทุกวิธีเรียน เพื่อเตมิ เต็มความรใู้ ห้บรรลุ มาตรฐานการเรยี นรู้ การจัดกระบวนการเรียนรู้ การจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนสู่ความเป็นคน “คิดเป็น” โดยเน้นพัฒนาทักษะการแสวงหาความรู้ ประยุกต์ใช้ความรู้ และสร้างองค์ความรู้สําหรับตนเอง และชุมชน สังคม จึงกําหนดรูปแบบการจัด กระบวนการเรียนรู้ กศน. หรือ ONIE MODEL ซึ่งเป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่จัดขึ้นอย่างเป็นระบบตาม ปรชั ญา “คิดเปน็ ” ประกอบดว้ ย 4 ขนั้ ตอน ดงั นี้ 1. ข้นั กาํ หนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ (O: Orientation) 2. ขน้ั แสวงหาข้อมลู และจดั การเรียนรู้ (N: New ways of learning) 3. ขน้ั ปฏิบตั ิและนาํ ไปประยกุ ต์ใช้ (I: Implementation) 4. ข้นั ประเมินผลการเรยี นรู้ (E: Evaluation)
205 ขนั้ ท่ี 1 กาหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ (O: Orientation) เป็นการเรียนรู้จากสภาพ ปัญหา หรือความต้องการของผู้เรียน และชุมชน สังคม โดยให้เช่ือมโยงกับ ประสบการณ์เดิม และสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตร ขน้ั ตอนการเรยี นรู้ 1. ครูและผู้เรียนร่วมกันกําหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ ซึ่งอาจจะได้มาจาก สถานการณ์ในขณะนั้น หรือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง หรือเป็นประเด็นท่ีกําลังขัดแย้ง และกําลังอยู่ในความ สนใจของชุมชน ซงึ่ จะชว่ ยกระตนุ้ ให้ผู้เรียนกระตือรือร้นท่ีคิดจะหาทางออกของปัญหา หรอื ความตอ้ งการนั้น ๆ 2. ทําความเข้าใจกับสภาพ ปัญหา ความต้องการในส่ิงที่ต้องการเรียนรู้ โดยดึงความรู้และประสบการณ์ เดิมของผู้เรียน เน้นการมีส่วนร่วม มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้สะท้อนความคิดและอภิปราย โดยให้เช่ือมโยงกับ ความรใู้ หม่ 3. วางแผนการเรียนรู้ที่เหมาะสม โดยกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีกําหนดสามารถเห็นแนวทางในการค้นพบ ความรู้หรือคาํ ตอบไดด้ ว้ ยตนเอง ขนั้ ที่ 2 ขั้นแสวงหาข้อมูลและจดั การเรียนรู้ (N: New ways of learning) การแสวงหาข้อมูลและจัดการเรียนรู้ โดยศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ และรวบรวมข้อมูลของตนเอง ข้อมูล ของชุมชน สงั คม และข้อมูลทางวิชาการ จากสอ่ื และแหล่งความรู้ที่หลากหลายมีการระดมความคิดเห็น วิเคราะห์ สังเคราะหข์ อ้ มลู และสรุปเป็นความรู้ ข้ันตอนการเรยี นรู้ 1. ผู้เรียนแสวงหาความรู้ตามแผนการเรียนรู้ที่กําหนดไว้ โดยการเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้ผ่าน ประสบการณ์ กระบวนการกลุ่ม ศึกษาจากผ้รู ู้/ภูมปิ ัญญา และวิธีอ่ืน ๆ ทเ่ี หมาะสม 2. ครูและผู้เรียนร่วมกันแลกเปล่ียนเรียนรู้ และสรุปความรู้เบื้องต้น โดยใช้คําถามปลายเปิดในการชวน คิด ชวนคุย เป็นเคร่ืองมือ ด้วยกระบวนการการระดมสมอง สะท้อนความคิดและอภิปราย ซึ่งจะได้ความรู้ใหม่ ๆ เพื่อใช้ปฏิบตั ิและนาํ ไปประยุกต์ใช้ 3. ผู้เรียนนําความรู้ที่ได้ไปตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อประเมินความเป็นไปได้โดยวิธีต่าง ๆ เช่น การ ทดลอง การทดสอบ การตรวจสอบกบั ผูร้ ู้ ข้นั ที่ 3 การปฏิบัติและนาไปประยุกตใ์ ช้ (I: Implementation) นําความรู้ท่ีได้ไปปฏิบัติ และประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เหมาะสมกับวัฒนธรรม และ สังคม ขนั้ ตอนการเรียนรู้ 1.ผูเ้ รยี นนําความรไู้ ปปฏิบตั ิใหส้ อดคล้องกับวถิ ชี วี ิตโดยสังเกตปรากฏการณ์ จดบนั ทกึ ผลการนําไปใช้ 2.ปฏิบตั กิ ารแกไ้ ขข้อบกพร่อง สรปุ จดั ทํารายงานและรวบรวมไว้ในแฟมู สะสมงาน
206 ขัน้ ท่ี 4 การประเมินผลการเรยี นรู้ (E: Evaluation) ประเมิน ทบทวน แก้ไขข้อบกพรอ่ ง ผลจากการนําความร้ไู ปประยุกต์ใชแ้ ลว้ สรุปเปน็ ความรู้ใหม่พร้อม กบั เผยแพร่ผลงาน ขนั้ ตอนการเรยี นรู้ 1. ครู และผู้เรียนนําแฟูมสะสมงาน และผลงานที่ได้จากการปฏิบัติมา สรุปเป็นองค์ความรู้ ใช้เป็น สารสนเทศ เพ่ือนําเสนอต่อสาธารณชน โดยประเมินคุณภาพการเรียนรู้ ได้แก่ ประเมินผลการเรียนรู้ กระบวนการปฏิบตั ิงาน แหล่งเรยี นรู้ และสารสนเทศทีน่ ํามาใช้ 2. ครู และผเู้ รียนร่วมกนั สรา้ งเกณฑ์การประเมนิ คุณภาพการเรียนรู้ 3. ครู ผ้เู รยี น และผเู้ กย่ี วขอ้ งรว่ มกันประเมนิ พฒั นาการเรยี นรูใ้ หเ้ ปน็ ไปตามเกณฑ์คณุ ภาพการเรยี นรู้ ท้ัง 4 ขั้นตอนดังกล่าวข้างต้น เป็นวงจรของกระบวนการเรียนรู้ ตามปรัชญาคิดเป็น ซึ่งสถานศึกษา สามารถนําหลักการ การจัดกระบวนการเรียนรู้ท้ัง 4 ขั้นตอน ใช้เป็นหลักในการจัดแผนการเรียนรู้โดยปรับใช้ ขน้ั ตอนการเรยี นรไู้ ด้อย่างเหมาะสมตามสภาพของรายวิชา หรอื เงอื่ นไขอ่ืน ๆ ตามความต้องการของผู้เรียน สอื่ และแหล่งการเรียนรู้ ในการจัดการเรยี นรเู้ นน้ ให้ผู้เรยี นแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง โดยการใช้สื่อการเรียนรู้ทหี่ ลากหลาย ได้แก่ ส่ือสง่ิ พมิ พ์ สื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ สือ่ บุคคล ภูมปิ ัญญา แหลง่ เรยี นรูท้ ่ีมีอยูใ่ นท้องถิน่ ชุมชน และ แหลง่ เรียนรอู้ นื่ ๆ ผเู้ รียน ครู สามารถพัฒนาการเรียนรู้ข้ึนเอง หรือนาํ ส่อื ต่างๆท่ีมีอยู่ใกล้ตัว และข้อมลู สารสนเทศท่เี ก่ียวข้องมาใชใ้ นการเรียนรู้ โดยใช้วิจารณญาณในการเลือกใช้สื่อต่างๆซึ่งจะช่วยสง่ เสรมิ ให้การ เรยี นรู้เปน็ ไปอย่างมคี ุณค่า น่าสนใจ ชวนคดิ ชวนติดตาม เข้าใจง่าย เปน็ การกระตุ้นใหผ้ ู้เรยี นรู้จักแสวงหา ความรู้ เกดิ การเรยี นร้อู ย่างกว้างขวาง ลกึ ซ้งึ และต่อเนื่องตลอดเวลา การเทยี บโอน สถานศกึ ษาตอ้ งจัดให้มีการเทียบโอนผลการเรียนหรือเทียบโอนความรปู้ ระสบการณ์ของผ้เู รยี น ให้ เป็นสว่ นหนึ่งของผลการเรียนตามหลักสตู รการศึกษานอกระบบ ระดบั การศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 โดยสถานศึกษาต้องจัดทําระเบยี บหรือแนวปฏบิ ัตกิ ารเทยี บโอนให้สอดคล้องกับ แนวทางการเทยี บโอนท่ี สํานกั งาน กศน. กาํ หนด การวดั และประเมนิ ผลการเรียน การวัดผลและประเมนิ ผลการเรียนเป็นกระบวนการที่ให้ได้มาซ่ึงข้อมลู สารสนเทศทแี่ สดงถึง การ พัฒนา ความกา้ วหน้า คาวามสาํ เรจ็ ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนของผเู้ รียน และข้อมลู ท่จี ะเป็นประโยชนต์ ่อการ ส่งเสรมิ ให้ผู้เรยี นเกดิ การพัฒนา และเรยี นรู้ไดเ้ ต็มศักยภาพ เกิดทักษะกระบวนการและคา่ นิยมที่พงึ ประสงค์ ซ่ึงสถานศึกษาในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบการจดั การศกึ ษา จะตอ้ งจดั ทาํ ระเบียบ และแนวทางปฏิบัตใิ นการวดั และประเมนิ ผลการเรียนของสถานศกึ ษา เพื่อใหบ้ ุคลากรทีเ่ กยี่ วข้องทุกฝุายถือปฏบิ ตั ิรว่ มกนั และเป็นไปใน มาตรฐานเดยี วกนั 1. การวดั และประเมินผลรายวิชา เปน็ การประเมินผลการเรยี นรายวชิ า สถานศึกษาต้องดําเนนิ การ ควบคไู่ ปกบั การจดั กจิ กรรมการเรยี นร้ขู องผเู้ รียน เพอื่ ให้ทราบวา่ ผู้เรยี นมีความก้าวหนา้ ท้ังด้านความรู้ ทักษะ
207 กระบวนการ คณุ ธรรม และค่านิยมอนั พึงประสงค์ อันเป็นผลเนอ่ื งมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนรูเ้ พียงใด และตอ้ งมีการประเมนิ ผลรวมเพอื่ ทราบวา่ ผู้เรียนมีผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นบรรลุตามมาตรฐานการเรยี นรู้ หรอื ไม่อยา่ งไร ดังนั้น การวัดและประเมนิ ผลจึงต้องใช้เครื่องมือและวธิ กี ารที่หลากหลายให้สอดคลอ้ งกบั สาระ และมาตรฐานการเรียนรู้และผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวงั 2. การประเมินกจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวิต เป็นการประเมนิ สิง่ ทผี่ ู้เรยี นปฏบิ ัติเพ่ือการพฒั นาตนเอง ครอบครวั ชุมชน สังคม โดยพจิ ารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมและผลจากการปฏิบัติ กจิ กรรมของผ้เู รยี น ตามเกณฑ์ทส่ี ถานศกึ ษากาํ หนด 3. การประเมินคุณธรรม เปน็ การประเมินส่งิ ท่ีต้องการปลกู ฝังในตวั ผู้เรยี นโดยประเมินจากกิจกรรม การเรยี นรทู้ ้งั ดา้ นการพัฒนาตน การพัฒนางาน การอยู่รว่ มกันในสังคมอย่างมคี วามสุข การพัฒนา คณุ ภาพชวี ติ การเข้ารว่ มกจิ กรรม การเรยี นรใู้ นรายวชิ าต่าง ๆ และกจิ กรรมในลักษณะอื่นๆ ทีส่ ถานศึกษาจัด ข้ึนเพ่ือเสริมสรา้ งคุณธรรมใหเ้ กดิ ขน้ึ กับผ้เู รียน 4. การประเมินคุณภาพการศึกษานอกระบบระดับชาติ สถานศึกษาตอ้ งจัดใหผ้ ้เู รียนเขา้ รบั การ ประเมนิ คุณภาพการศึกษานอกระบบระดบั ชาติ ในภาคเรียนสดุ ทา้ ยของทุกระดับการศกึ ษาในสาระการ เรยี นรู้ ทีส่ าํ นกั งาน กศน. กาํ หนดการประเมนิ คุณภาพการศกึ ษานอกระบบระดบั ชาติ มีวตั ถปุ ระสงค์เพอ่ื ทราบ ผล การเรยี นของผูเ้ รียนสําหรบั นําไปใชใ้ นการวางแผนปรับปรุงและพฒั นาคณุ ภาพการศึกษานอกระบบต่อไป การประเมินดังกลา่ ว ไมม่ ีผลต่อการได้หรือตกของผู้เรียน การจบหลกั สูตร ผู้จบการศึกษาตามหลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ในแต่ ละระดับการศึกษา ต้องผา่ นเกณฑ์การจบหลกั สตู ร ดังน้ี 1. ผา่ นการประเมนิ และไดร้ ับการตัดสินผลการเรยี นตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาํ หนดท้ัง 5 สาระ การ เรยี นรู้ และไดต้ ามจํานวนหนว่ ยกิตทก่ี าํ หนดตามโครงสร้างหลักสูตร 2. ผ่านกระบวนการประเมนิ กิจกรรมพฒั นาคุณภาพชีวติ ไม่นอ้ ยกว่า 100 ชว่ั โมง 3. ผ่านกระบวนการประเมนิ คุณธรรม 4. เข้ารับการประเมนิ คุณภาพการศกึ ษานอกระบบระดับชาติ เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา เอกสารหลักฐานการศึกษาให้เปน็ ไปตามที่กระทรวงศึกษาธิการกําหนด สถานศึกษาทุกแห่งต้องใช้ เอกสารหลักฐานการศึกษาเหมอื นกนั เพื่อประโยชนใ์ นการสื่อความเข้าใจท่ตี รงกนั และการสง่ ตอ่ ได้แก่ 1. ระเบียนแสดงผลการเรียน 2. หลักฐานแสดงวุฒิการศึกษา (ประกาศนียบัตร) 3. แบบรายงานผสู้ าํ เร็จการศึกษา เอกสารหลกั ฐานการศึกษาอน่ื ๆ สถานศึกษาต้องพิจารณาจัดทํา เพ่อื ใช้ประกอบการจัดการศึกษา ตามหลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ตามทีเ่ หน็ สมควร เชน่ แบบ ประเมนิ ผลกจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชวี ิต
208 เอกสารและสง่ิ อ้างอิง กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรยี น, สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย. 2555. หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 สาระ การประกอบอาชพี (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2554). อัดสาเนา กลมุ่ พฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน, สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย. 2555. หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 สาระ การพัฒนาสังคม (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2554). อดั สาเนา กลมุ่ พฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน, สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั . 2555. หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 สาระ ความรพู้ นื้ ฐาน (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2554). อัดสาเนา กลุ่มพฒั นาการศึกษานอกโรงเรียน, สานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั . 2555. หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 สาระ ทักษะการดาเนินชีวิต (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2554). อัดสาเนา กลมุ่ พฒั นาการศึกษานอกโรงเรยี น, สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั . 2555. หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 สาระ ทักษะการเรยี นรู้ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2554). อดั สาเนา กลุม่ พัฒนาการศึกษานอกโรงเรยี น, สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย. 2555. หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 สาระ การพฒั นาสงั คม (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2554). อดั สาเนา สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย. 2552. หลักสูตรการศึกษา นอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ : มปท. สานกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย. มปป. หลักสตู รรายวิชาเลอื ก สาระการประกอบอาชีพ หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551. อัดสาเนา. สานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั . มปป. หลักสตู รรายวิชาเลือก สาระการพัฒนาสงั คม หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบ ระดับการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551. อัดสาเนา.
209 สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั . มปป. หลักสตู รรายวิชาเลือก สาระความรพู้ น้ื ฐาน (คณติ ศาสตร์) หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบ ระดบั การศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. อัดสาเนา. สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั . มปป. หลกั สตู รรายวชิ าเลอื ก สาระความรูพ้ ื้นฐาน (ภาษาต่างประเทศ) หลกั สตู รการศึกษานอกระบบ ระดบั การศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551. อดั สาเนา. สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย. มปป. หลักสตู รรายวิชาเลอื ก สาระความรพู้ ้ืนฐาน (ภาษาไทย) หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบ ระดับการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551. อดั สาเนา. สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย. มปป. หลักสูตรรายวชิ าเลือก สาระทกั ษะการดาเนนิ ชวี ิต หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบ ระดับการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. อดั สาเนา. สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย. มปป. หลกั สตู รรายวิชาเลอื ก สาระทกั ษะการเรียนรู้ หลกั สูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551. อัดสาเนา. ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอจอมบงึ . 2561. รายงานการประเมิน ตนเอง. ราชบรุ ี : อัดสาเนา. กระทรวงมหาดไทย. ขอ้ มูลจังหวัด อาเภอ ในประเทศไทย http://www.moi.go.th/portal/page?_pageid=33,162297&_dad=portal&_schema= PORTAL http://www.amphoe.com/main.php
210 ภาคผนวก
211 การกาหนดรหัสรายวชิ า การกําหนดรหสั รายวิชาตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 โดยกําหนดเปน็ ตัวอักษร 2 หลกั และตัวเลข 5 หลกั ดังน้ี คอื รหัสรายวิชา ตวั อกั ษร ตวั เลข หลกั ที่ 1-2 หลกั ท่ี 3 หลกั ที่ 4 หลักที่ 5-7 - ทร – ทักษะการเรียนรู้ - 0 รายวชิ าท่เี รยี นไดท้ ้ัง 3 - 1. รายวชิ าบงั คับ ลำดบั ทขี่ อง - ความรู้พน้ื ฐาน ระดบั - 2. รายวชิ าเลอื กท่ี รำยวชิ ำ - 1 ระดบั ประถมศึกษา พท - ภาษาไทย ส่วนกลางพัฒนาขนึ้ พต - ภาษาต่างประเทศ - 2 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ - 3. รายวชิ าเลอื กท่ี พค - คณิตศาสตร์ - 3 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย สถานศึกษา พว - วิทยาศาสตร์ - อช – การประกอบอาชีพ พฒั นาขึ้น - ทช – ทักษะการดาเนนิ ชีวิต - สค – การพัฒนาสงั คม การกาหนดรหสั รายวชิ าบังคับกาหนดใหม้ ี 7 หลัก ดังนคี้ ือ หลกั ท่ี 1 และ 2 เป็นตัวอักษร แทน 5 สาระดงั ผงั ขา้ งบน หลักที่ 3 หมายถึง ระดับการศึกษา ตัวเลข 1 , 2 และ3 แทนระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา ตอนต้น และมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ตามลาํ ดบั สาํ หรบั เลข 0 หมายถงึ รายวชิ า ทเ่ี รียนได้ทั้ง 3 ระดับ หลักที่ 4 หมายถึง ประเภทของรายวิชา ตัวเลข 1 หมายถึง รายวิชาบังคับ และตัวเลข 2 หมายถึงรายวชิ าเลือกทีส่ ่วนกลางพัฒนาขน้ึ สําหรบั เลข 3 ใหเ้ ป็นประเภทของรายวิชาที่สถานศึกษาพัฒนาขึ้น เอง หลักที่ 5-7 หมายถึง ลาํ ดับที่ของรายวิชาตามสาระต่าง ๆ
212 ตัวอย่าง ตวั อย่างที่ 1 รายวิชา “ทักษะการเรยี นรู้”เปน็ รายวิชาบงั คับในสาระทกั ษะการเรยี นรู้ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ทร31001 รายวิชาลาํ ดบั ที่ 1 รายวชิ าบังคับ ระดบั ประถมศกึ ษา สาระทักษะการเรยี นรู้ ตัวอย่างท่ี 2 รายวชิ า “วจิ ัยในชมุ ชน” เป็นรายวชิ าเลือกในสาระทักษะการเรียนรู้ สามารถเรียนไดท้ ั้ง 3 ระดับ ทร02001 รายวชิ าลาดบั ท่ี 1 รายวชิ าเลือกทส่ี ่วนกลางพัฒนาขน้ึ รายวชิ าทเี่ รยี นรูไ้ ดท้ ้งั 3 ระดบั สาระทักษะการเรียนรู้ ตวั อยา่ งที่ 3 รายวิชา “การคิดดอกเบีย้ ” เป็นรายวิชาเลือกที่สถานศึกษาพฒั นาข้นึ ในสาระความรู้พนื้ ฐาน วิชาคณิตศาสตร์ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ พค23010 รายวิชาลาํ ดับท่ี 10 รายวชิ าเลือกทสี่ ถานศกึ ษาพฒั นาขึ้น ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ สาระความรู้พ้นื ฐาน วิชาคณิตศาสตร์
213 การพัฒนารายวิชาเลือก จากโครงสร้างหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ท้ัง 3 ระดบั คอื ประถมศึกษา มัธยมศกึ ษาตอนตน้ และมัธยมศึกษาตอนปลาย มีรายวชิ าท่ีใหเ้ ลือกเรียน จํานวน 12, 16 และ 32 หน่วยกิต ตามลําดับในส่วนรายวิชาที่ให้เลือกน้ัน ผู้เรียนสามารถเลือกได้ตามความต้องการ หรือ ตามปัญหาของสังคม หรือของผู้เรียนในขณะน้ันโดยรายวิชาเลือกเหล่านี้ อาจจะได้มาจากท่ีสํานักงาน กศน. หรอื ท่ีสถานศกึ ษาพฒั นาข้นึ โดยการกําหนดเปน็ คาํ อธิบายรายวิชา คาอธบิ ายรายวิชา และรายละเอียดคาอธบิ ายรายวชิ า ความหมายของคาอธบิ ายรายวิชา คําอธิบายรายวิชา หมายถึง ข้อมูลรายละเอียดของแต่ละรายวิชา ประกอบด้วย รหัสรายวิชา ชื่อรายวิชา จํานวนหน่วยกิต ระดับการศึกษา มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ เนื้อหาสาระการเรียน การจัด ประสบการณก์ ารเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางที่ครูใช้ในการวางแผน และออกแบบ การเรียนรู้ หลกั การจัดทาคาอธบิ ายรายวชิ า 1. เป็นรายวชิ าทส่ี อดคล้องเชอื่ มโยงกับสาระและมาตรฐานการเรียนรนู้ ้ัน ๆ มีเนอื้ หาจบในตัวเอง และ มีประโยชนต์ ่อผ้เู รียน ชุมชน สงั คม 2. เขยี นให้กระชับระบุว่าต้องศึกษาเร่ืองอะไร หรือต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง มีการจัดประสบการณ์การ เรียนร้เู พอื่ ให้ได้อะไร เมื่อเรียนจบรายวิชาน้ีแล้ว มีข้ันตอนการวัดและประเมินผลอย่างไรโดยเน้นการประเมิน ตามสภาพจรงิ 3. ในการพัฒนาหลักสูตร จําเป็นจะต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน คือ ข้อมูลทางด้านความ ต้องการ ความจาํ เปน็ และปัญหาทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง ตลอดจนนโยบายทางการศึกษา ของรฐั ข้อมลู ทางดา้ นจิตวิทยา ปรัชญาการศกึ ษา ความต้องการของผูเ้ รยี น 4. การกําหนดเนื้อหาและประสบการณ์การเรียนรู้ ท่ีจะนําไปสู่การพัฒนาผู้เรียนให้เป็นไปตามความ ต้องการของผู้เรียน เพ่ือความสมบูรณ์ให้ได้วิชาความรู้ที่ถูกต้องเหมาะสม จึงมีการจัดลําดับเน้ือหาเหล่านั้นว่า เน้อื หาสาระใดควรเปน็ พืน้ ฐานของเนอื้ หาใดบ้าง ควรใหเ้ รียนอะไรกอ่ น อะไรหลงั ตามหลักจิตวิทยาการเรียนรู้ ในการเขยี นคําอธิบายรายวชิ าใหเ้ ขียนเปน็ วลแี ละกระชบั 5. การประเมินผลหลักสูตร เป็นการประเมินผลสัมฤทธิ์ ของหลักสูตรว่าเมื่อได้นําหลักสูตรไปใช้แล้ว นั้น ผู้ท่ีจบหลกั สตู รนัน้ ๆ ไปแล้ว มคี ุณสมบัติ มีความรู้ความสามารถทีห่ ลกั สูตรกาํ หนดไวห้ รือไม่ ขัน้ ตอนการจดั ทาคาอธิบายรายวิชา 1. ครู ผู้เรียน และผู้เกี่ยวข้องร่วมกันศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลท่ีจําเป็นท่ีจะนํามาจัดทําหลักสูตร รายวชิ าเลอื ก เพื่อพฒั นาผู้เรียนให้เป็นไปตามความตอ้ งการของผ้เู รียน และชุมชน สงั คม
214 2. การจัดทาคาอธิบายรายวิชา จะต้องมีผู้เกี่ยวข้องมาร่วมกันจัดทํา ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญเนื้อหา ผู้ท่ีมี ความรู้เก่ยี วกับการพัฒนาหลกั สูตร ผทู้ ี่มคี วามรูเ้ ก่ียวกับการวัดและประเมินผล 3. รูปแบบการเขยี นคาอธบิ ายรายวชิ า ใช้แบบฟอรม์ ทปี่ รากฏอยู่ข้างลา่ ง รปู แบบการกาหนดคาอธิบายรายวชิ า รหสั รายวิชา..............................ชือ่ รายวชิ า.............................. จานวน...........หน่วยกิต ระดับ....................... มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดับ…………………………………………………………………………………………………………….……… ศึกษาและฝึกทกั ษะ ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................................. ………………………….. การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................. ................................................ . การวัดและประเมินผล ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................ ..
215 การเขียนคาอธิบายรายวิชาตามแบบท่ีกาหนด ดังน้ี 3.1 กาหนดรหัสและช่ือรายวิชา โดยครู ผู้เรียน และผู้เก่ียวข้องร่วมกันพิจารณาเน้ือหาที่จะมาทํา หลักสูตรรายวิชาเลือก แล้วกําหนดรหัสรายวิชาและช่ือรายวิชาให้ครอบคลุมเนื้อหาท่ีจะนํามาจัดทําเป็น หลกั สตู ร 3.2 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ เมื่อได้ช่ือรายวิชาแล้ว ให้เปิดเอกสารสาระการเรียนรู้ว่าชื่อ รายวิชาตามข้อ 3.1 สอดคล้องกับสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ใด เช่น การทํานาเกษตรอินทรีย์ อยู่ในสาระ การประกอบอาชพี สอดคลอ้ งกับ มาตรฐานท่ี 3.2 และ 3.3 3.3 กาหนดมาตรฐานการเรียนรู้ระดับ พิจารณาสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ท่ีกําหนดในข้อ 3.1 วา่ รายละเอียดเน้ือหาในรายวิชาเลือกว่าสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ระดับใด ดูได้จากเอกสารสาระการ เรียนรู้ เช่น การทํานาเกษตรอินทรีย์ ระดับประถมศึกษา จากสาระการประกอบอาชีพมาตรฐานที่ 3.2 และ 3.3 สอดคล้องกบั มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดับได้แก่ 1. มีความรู้ความเข้าใจทักษะในอาชีพท่ีตัดสินใจเลือกบนพื้นฐานความรู้ กระบวนการผลิต กระบวนการตลาดทใี่ ชน้ วตกรรม เทคโนโลยที ่เี หมาะสม 2. มีความรู้ความเข้าใจ และสามารถจัดทําแผนงาน และโครงการธุรกิจเข้าสู่ตลาดการ แข่งขันตามแนวคดิ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพื่อการมอี ยูม่ ีกนิ 3.4 การศกึ ษาและฝกึ ทักษะ ในหวั ข้อน้ใี หใ้ ส่เนือ้ หา ว่ามีเนื้อหาใดบ้างท่ีต้องเรียนรู้ และเรื่องใดบ้างที่ ต้องนําไปปฏบิ ัติ หรอื สามารถนาํ ไปประยกุ ตใ์ ช้ ก็ใหก้ ําหนดไวโ้ ดยใหเ้ ขียนเปน็ คําอธิบายดงั ตวั อย่าง เชน่ งานเกษตร เป็นการวิเคราะห์เก่ียวกับการปลูกพืช เล้ียงสัตว์และการประมงตามกระบวน การ ผลิต และการจัดการผลผลิต มีการใช้เทคโนโลยีเพ่ือการเพ่ิมผลผลิต ปลูกฝังความรับผิดชอบ การ อนรุ กั ษ์พลังงานและสง่ิ แวดลอ้ มเพ่ือนําไปสกู่ ารสร้างงานอาชีพ 3.5 การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ เป็นการจัดประสบการณ์การเรียนรู้จากเนื้อหาท่ีเป็นความรู้ ทกั ษะ เพื่อให้บรรลุผลการเรยี นรู้ท่ีคาดหวงั ตามท่ีกําหนดไว้ในหลักสตู ร เช่น เน้นการสํารวจอาชีพในชุมชน ประเทศ และโลก เพื่อพิจารณาส่ิงท่ีต้องพัฒนาแล้วนํามาวิเคราะห์ รวมทัง้ แลกเปลีย่ นเรียนรูซ้ ่งึ กนั และกัน สรปุ เปน็ องค์ความรู้ในสงิ่ ทีต่ ้องพฒั นา ดังน้ัน ชิ้นงานท่ีเกิดจากการจัดประสบการณ์นํามาใช้เป็นคะแนนเก็บระหว่างภาคได้ เช่น ผลการ สํารวจ องคค์ วามรู้ที่ไดจ้ ากการวเิ คราะห์ 3.6 การวัดและประเมินผล สามารถวัดและประเมินผลจากการจัดประสบการณ์ได้ เช่น รายงาน แบบบนั ทกึ ผลการสงั เกต 3.7 จานวนหนว่ ยกติ เป็นเวลาท้งั หมดทใ่ี ช้ในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ที่บรรลุผลการเรียนรู้ท่ี คาดหวัง วา่ ใช้เวลากช่ี ่ัวโมง และใหเ้ ทียบค่า 40 ช่วั โมง มีค่าเทา่ กบั 1 หนว่ ยกติ ขน้ั ตอนการจัดทารายละเอียดคาอธิบายรายวชิ า
216 รายละเอยี ดคําอธบิ ายรายวิชา เป็นการนําคาํ อธบิ ายรายวิชามาเขียนรายละเอียด เพือ่ ให้ครนู ําไปจดั แผนการเรยี นรู้ หรือใชใ้ นการเทยี บโอนผลการเรยี น หรือไปจดั หาสือ่ โดยใชร้ ูปแบบตามแบบฟอร์มข้างล่าง รปู แบบการกาหนดรายละเอียดคาอธิบายรายวิชา รหัสรายวชิ า..............................ชอื่ รายวชิ า.............................. จานวน........... หน่วยกติ ระดบั ........................ มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั .................................................................................................................. ท่ี หวั เรอื่ ง ตัวชวี้ ดั เนอ้ื หา จานวนช่วั โมง ขน้ั ตอนการกาหนดรายละเอียดคาอธิบายรายวชิ า มดี งั น้ี 1. ให้นารหสั รายวิชาและช่ือรายวิชา จํานวนหนว่ ยกติ ระดบั การศึกษา มาตรฐานการเรียนรูร้ ะดับ จากคาํ อธิบายรายวชิ ามาใสใ่ ห้เหมอื นกัน 2. หัวเร่ือง หมายถึง เนอ้ื หาจากขน้ั ตอน “การศึกษาและฝึกทักษะ” ในคําอธบิ ายรายวิชา มา พจิ ารณาวา่ มหี วั เรื่องอะไรบ้าง มาบรรจลุ งในตารางตามลาํ ดับการเรยี นรู้ 3. ตัวชี้วัด หมายถึง ตัวแปรประกอบหรือองค์ประกอบที่มีค่าแสดงถึงลักษณะหรือปริมาณของ สถานภาพที่ต้องการศึกษา ณ จุดเวลา หรือช่วงเวลาหนึ่ง ค่าของตัวช้ีวัด แสดง/ระบุ บ่งบอกถึงสภาพท่ี ต้องการศึกษาเป็นองค์รวมกว้าง ๆ แต่มีความชัดเจนเพียงพอ ท่ีจะใช้ในการประเมินสภาพที่ต้องการศึกษาได้ หรือใชใ้ นการเปรยี บเทยี บ ระหว่างจุดเวลาทต่ี า่ งกนั เพ่ือให้ทราบถึงความเปลย่ี นแปลง เป็นการกําหนดตัวช้ีวัด จากหัวเร่ือง ดงั ตัวอย่าง หวั เร่ือง การจดั การการผลติ ตวั ชว้ี ดั 1. จดั การเกยี่ วกบั การควบคุมคุณภาพ 2. อธิบายวิธีการใชน้ วตั กรรม เทคโนโลยีในการผลิต บริการ 3. อธิบายขั้นตอนการลดตน้ ทุนการผลติ บรกิ าร 4. จัดทําแผนการผลติ บริการ 4. เนือ้ หา ให้เป็นการกําหนดเน้อื หาย่อย ๆ ตามตวั ชวี้ ัด ดังตัวอยา่ ง 1. การจดั การเกย่ี วกบั การควบคมุ คุณภาพ 2. การใชน้ วัตกรรม เทคโนโลยีในการผลติ บริการ 3. การลดต้นทุนการผลิต บริการ 4. การจดั ทําแผนการผลิต บริการ
217 5. จานวนช่ัวโมง หมายถึง จํานวนชั่วโมงท่ีใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ของครูท่ีบรรลุตัวช้ีวัดที่ กาํ หนดในแต่ละหัวเรื่อง จํานวนชั่วโมงนี้เป็นการกําหนดสําหรับผู้เรียนทั่วไป เพื่อให้ครูใช้ในการจัดการเรียนรู้ อย่างคร่าว ๆ แต่เมื่อจัดการเรียนรู้จริง จํานวนชั่วโมงท่ีกําหนดในแต่ละหัวเรื่องอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับ พนื้ ฐานความรู้และประสบการณข์ องผูเ้ รียน
218 รายวิชาบังคับ หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 มาตรฐาน ระดับประถมศึกษา ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ท่ี รหสั รายวชิ า หนว่ ย รหัส รายวชิ า หนว่ ย รหสั รายวชิ า รายวิชา หนว่ ย รายวชิ า กติ รายวิชา กติ กิต สาระทักษะการเรยี นรู้ 1.1-1.5 ทร11001 ทกั ษะการเรียนรู้ 5 ทร21001 ทกั ษะการเรยี นรู้ 5 ทร31001 ทักษะการเรียนรู้ 5 สาระความรพู้ นื้ ฐาน (ภาษาไทย) 2.1 พท11001 ภาษาไทย 3 พท21001 ภาษาไทย 4 พท31001 ภาษาไทย 5 สาระความรู้พน้ื ฐาน (ภาษาตา่ งประเทศ) 2.1 พต11001 ภาษาอังกฤษ 3 พต21001 ภาษาอังกฤษ 4 พต31001 ภาษาอังกฤษเพอื่ 5 พื้นฐาน ในชวี ติ ประจาํ วนั ชวี ติ และสังคม สาระความร้พู ้นื ฐาน (คณิตศาสตร)์ 2.2 พค11001 คณิตศาสตร์ 3 พค21001 คณติ ศาสตร์ 4 พค31001 คณิตศาสตร์ 5 สาระความรู้พนื้ ฐาน (วิทยาศาสตร)์ 2.2 พว11001 วิทยาศาสตร์ 3 พว21001 วทิ ยาศาสตร์ 4 พว31001 วทิ ยาศาสตร์ 5 สาระการประกอบอาชพี 3.1 อช11001 ชอ่ งทางการเขา้ สู่ 2 อช21001 ช่องทางการ 2 อช31001 ช่องทางการขยาย 2 3.2-3.3 อช11002 อาชพี พฒั นาอาชพี อช31002 อาชพี 4 อช11003 อช31003 2 3.4 ทักษะการ 4 อช21002 ทกั ษะการพัฒนา 4 ทกั ษะการขยาย ประกอบอาชีพ อาชีพ อาชีพ พฒั นาอาชีพใหม้ ี 2 อช21003 พัฒนาอาชพี ใหม้ ี 2 พฒั นาอาชพี ให้มี อยู่มีกนิ ความเข้มแข็ง ความมน่ั คง สาระทกั ษะการดาเนนิ ชีวติ 4.1 ทช11001 เศรษฐกิจพอเพยี ง 1 ทช21001 เศรษฐกจิ พอเพียง 1 ทช31001 เศรษฐกิจพอเพียง 1 ทช31002 2 4.2 ทช11002 สขุ ศกึ ษา 2 ทช21002 สขุ ศึกษา 2 ทช31003 สขุ ศกึ ษา 2 พลศึกษา พลศึกษา พลศกึ ษา 4.3 ทช11003 ศลิ ปศึกษา 2 ทช21003 ศลิ ปศึกษา 2 ศิลปศึกษา สาระการพัฒนาสังคม 5.1 สค11001 สังคมศึกษา 3 สค21001 สังคมศึกษา 3 สค31001 สังคมศึกษา 3 5.2-5.3 สค11002 สค31002 2 ศาสนา และ 2 สค21002 ศาสนา และ 2 ศาสนา และ 5.4 สค11003 หน้าที่พลเมือง หนา้ ท่ีพลเมือง สค31003 หน้าที่พลเมอื ง 1 การพัฒนาตนเอง 1 สค21003 การพฒั นาตนเอง 1 การพัฒนาตนเอง ชุมชน สงั คม ชมุ ชน สังคม ชุมชน สังคม
219 การลงทะเบยี นเรียนรายวิชา การลงทะเบียนเรียนตามโครงสร้างหลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ให้ลงทะเบียนเรยี นเป็นรายวชิ าและตามจาํ นวนหน่วยกิตในแตล่ ะภาคเรียนดงั น้ี 1. ระดับประถมศกึ ษา ลงทะเบยี นเรยี นทั้งหมด ไม่นอ้ ยกว่า 48 หนว่ ยกติ ใหล้ งทะเบียน เรยี นไดภ้ าคเรียนละไมเ่ กิน 14 หน่วยกิต 2. ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ ลงทะเบียนเรยี นท้ังหมด ไมน่ ้อยกวา่ 56 หนว่ ยกิต ให้ลงทะเบยี น เรยี นไดภ้ าคเรียนละไมเ่ กิน 17 หนว่ ยกิต 3. ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ลงทะเบยี นเรียนทงั้ หมด ไมน่ ้อยกว่า 76 หนว่ ยกติ ให้ ลงทะเบยี นเรียนไดภ้ าคเรยี นละไมเ่ กนิ 23 หนว่ ยกิต
ทป่ี รกึ ษา คณะผู้จดั ทา 1. นายนพรตั น์ แจ้งหม่นื ไวย์ ผอ.กศน.อาํ เภอจอมบึง 2. นางกัณฐมณี แกว้ เกิด ครชู าํ นาญการพเิ ศษ 3. นางศนั สนุ ีย์ ศรพี รหมทอง ครผู ูช้ ว่ ย คณะทางาน ครอู าสาสมัครฯ 1. นายกําจดั เสยี งเพราะ ครอู าสาสมัครฯ 2. นายชาติชาย ดวงแก้ว ครูอาสาสมัครฯ 3. นายสุวรรณ ทองน้อย ครอู าสาสมัครฯ 4. นางวิภา สอนผวิ ครอู าสาสมคั รฯ 5. นางสาวสาํ เนียง บตุ รนํา้ เพชร ครู กศน.ตําบลเบกิ ไพร 6. นางบุญจง กิจพร้อมผล ครู กศน.ตาํ บลรางบัว 7. นางสาวเพลินพศิ ศลิ ปะชยั ครู กศน.ตําบลแก้มอน้ 8. นางสมจติ ประเสรฐิ ขจรสขุ ครู กศน.ตาํ บลด่านทบั ตะโก 9. นางมัณฑนา นลิ อรา่ ม ครู กศน.ตําบลจอมบึง ครู กศน.ตาํ บลปากช่อง 10. นางสาววารณุ ี จันทรโ์ ตศรี 11. นางสาวรุง่ ขวัญ อยูด่ ี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227