Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานศึกษาระดับ ม.ปลาย

หลักสูตรสถานศึกษาระดับ ม.ปลาย

Published by sunsunee.ning, 2020-04-21 21:22:56

Description: หลักสูตรสถานศึกษาระดับ ม.ปลาย

Search

Read the Text Version

46 ท่ี หัวเรอื่ ง ตวั ชีว้ ัด เนอื้ หา จานวน (ชว่ั โมง) เชน่ กลุ่มอาชพี ดา้ นเกษตรกรรม และการบริการ อุตสาหกรรม พาณชิ ยกรรม ศักยภาพหลกั ของพืน้ ท่ี ความคดิ สร้างสรรค์ การบรหิ าร 1. ศักยภาพของ จัดการและการบรกิ าร ทรพั ยากรธรรมชาติ ในแต่ละ พ้นื ท่ี 2. ศกั ยภาพของพื้นที่ตาม ลกั ษณะภมู ิอากาศ 3. ศักยภาพของภูมิ ประเทศ และทาเลท่ีตั้งของแต่ ละพ้นื ท่ี 4. ศักยภาพของศลิ ปะ วัฒนธรรม ประเพณี และวิถี 16 ชีวิตของแต่ละพื้นที่ 5. ศกั ยภาพขอ ทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นแตล่ ะ พ้ืนท่ี 3. ตวั อย่างการวิเคราะห์ศักยภาพหลกั ของพ้ืนที่ ทงั้ 5 ประการในกลุ่มอาชีพ ใหม่ ด้านการเกษตรกรรม อตุ สาหกรรม พาณชิ ยกรรม ความคิดสรา้ งสรรค์ บรหิ ารจดั การ และการบรกิ าร

47 คาอธิบายรายวิชา ทร02006 โครงงานเพ่ือพฒั นาทกั ษะการเรยี นรู้ จานวน 3 หน่วยกติ ระดับประถมศกึ ษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐานท่ี 1.1 มีความร้คู วามเข้าใจ ทักษะ และเจตคติท่ดี ีต่อการเรยี นรู้ด้วยตนเอง ศกึ ษาและฝึกทักษะเก่ยี วกบั เร่ืองต่อไปน้ี หลักการและแนวคิดของโครงงานเพ่ือพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ความหมายของโครงงานเพ่ือพัฒนา ทกั ษะการเรยี นรู้ การเตรยี มการทาํ โครงงานเพอื่ พฒั นาทกั ษะการเรยี นรู้ ทักษะและกระบวนการที่จําเป็นในการ ทําโครงงานเพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ (การหาข้อมูล การเลือกใช้ข้อมูล การจัดทําข้อมูล การนําเสนอข้อมูล การพัฒนาต่อยอดความรู้) การดําเนินการในการทําโครงงาน เช่น การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ การทําไดอาร่ี ออนไลน)์ การสะท้อนความคิดเห็นต่อโครงงาน การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ ควรจัดในลักษณะของการบูรณาการทักษะต่าง ๆ ไปพร้อมกับการสร้างสถานการณ์ในการเรียนรู้อย่าง สร้างสรรค์ เพอื่ ฝึกให้ผู้เรยี นได้ฝึกดําเนนิ การในการทาํ โครงงาน และมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ด้วยตนเองท่ีทําให้ การเรียนรู้ด้วยตนเองประสบความสําเร็จ และนําความรู้ไปใช้ในวิถีชีวิต ให้เหมาะสมกับตนเอง และชุมชน สงั คม การวัดและประเมนิ ผล ใชก้ ารประเมินจากสภาพจริงของผู้เรียนท่ีแสดงออกเกย่ี วกับดําเนินการในการทําโครงงาน

48 รายละเอียดคาอธิบายรายวิชา ทร02006 โครงงานเพ่ือพฒั นาทักษะการเรียนรู้ จานวน 3 หน่วยกติ ระดบั ประถมศึกษา มธั ยมศกึ ษาตอนต้น และมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานท่ี 1.1 มีความรู้ความเขา้ ใจ ทักษะ และเจตคตทิ ดี่ ีต่อการเรียนรูด้ ้วยตนเอง ที่ หวั เรอื่ ง ตวั ช้วี ัด เนือ้ หา จานวน (ชั่วโมง) 6 โครงงานเพ่อื พัฒนา 1. มีความรู้ 1. หลกั การและแนวคิดของ ทกั ษะการเรยี นรู้ 120 ความเขา้ ใจ หลกั การ โครงงานเพ่ือพัฒนาทักษะการเรยี นรู้ และแนวคิดโครงงาน 2. ความหมายของโครงงานเพ่ือ ความหมายของ พัฒนาทักษะการเรียนรู้ โครงงานเพื่อพัฒนา 3. การเตรยี มการทําโครงงานเพอ่ื ทักษะการเรียนรู้ พฒั นาทักษะการเรียนรู้ ประเภทของโครงงาน 4. ทักษะและกระบวนการท่จี ําเปน็ ใน การเตรียมการทํา การทาํ โครงงานเพื่อพัฒนาทกั ษะการ โครงงาน ทกั ษะและ เรียนรู้ (การหาข้อมลู การเลือกใช้ กระบวนการในการทํา ขอ้ มูล การจัดทําข้อมูล การนาํ เสนอ โครงงาน ขอ้ มลู การพัฒนาต่อยอดความร)ู้ การดําเนินการ 5. การดาํ เนินการในการทํา ในการทาํ โครงงาน โครงงาน เชน่ การพฒั นาแหล่งเรยี นรู้ 2. มีความสามารถ การทําไดอารี่ ออนไลน์ ในการดําเนนิ การทาํ 6. การสะท้อนความคดิ เหน็ ต่อ โครงงาน และสะทอ้ น โครงงาน ความคดิ เหน็ ต่อ โครงงาน 3.มเี จตคตทิ ด่ี ี ตอ่ การทาํ โครงงานและ เห็นคณุ ค่าของ โครงงาน

49 สาระความรู้พนื้ ฐาน สาระความรพู้ ้นื ฐาน เปน็ สาระเก่ยี วกับภาษาและการส่อื สาร คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สาระความรูพ้ ้นื ฐาน ประกอบด้วย 2 มาตรฐาน ดังนี้ มาตรฐานท่ี 2.1 มคี วามรู้ความเขา้ ใจ และทกั ษะพื้นฐานเก่ียวกบั ภาษาและการสอ่ื สาร มาตรฐานท่ี 2.2 มีความรู้ความเขา้ ใจ และทกั ษะพ้ืนฐานเกย่ี วกับคณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั และผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง ในแต่ละมาตรฐาน มาตรฐานที่ 2.1 มีความรู้ความเขา้ ใจ และทักษะพน้ื ฐานเกยี่ วกบั ภาษาและการส่อื สาร รายวชิ า ภาษาไทย มาตรฐาน การฟัง การดู การเรียนรู้ระดบั 1. สามารถเลือกส่ือ ในการฟัง และดอู ย่างสร้างสรรค์ 2. สามารถฟงั และดู อย่างมวี จิ ารณญาณ 3. เป็นผ้มู ีมารยาทในการฟังและดู ผลการเรียนรู้ 1. เหน็ คณุ ค่าของส่ือ ในการฟังและดู ทีค่ าดหวงั 2. วิจารณ์ความสมเหตสุ มผล การลําดบั ความ และความเป็นไปได้ ของเรื่องท่ีฟังและดู 3. นาํ เสนอความรู้ ความคดิ เห็นท่ไี ด้ จากการฟังและดู 4. ปฏบิ ัตติ นเป็นผู้มีมารยาทในการฟัง และดู มาตรฐาน การพดู การเรียนรรู้ ะดับ 1. สามารถพูด ท้ังท่เี ปน็ ทางการและไม่เป็นทางการโดยใชภ้ าษาถูกตอ้ งเหมาะสม 2. สามารถแสดงความคิดเห็นเชิงวิเคราะห์ และประเมนิ คา่ การใช้ภาษาพูดจากส่ือต่างๆ 3. มมี ารยาทในการพดู ผลการเรยี นรู้ 1. ใช้ศลิ ปะการพูดท่เี ปน็ ทางการและไม่เปน็ ทางการได้อย่างเหมาะสมกบั โอกาสและ ทคี่ าดหวัง บุคคล 2. วเิ คราะห์ ประเมนิ คา่ การใชภ้ าษาพดู จาก สือ่ ต่างๆ 3. ปฏบิ ัติตนเปน็ ผู้มีมารยาทในการพูด มาตรฐาน การอา่ น การเรยี นรู้ระดับ 1. สามารถอ่านอยา่ ง มวี จิ ารณญาณ จดั ลําดับความคิดจากเรื่องทอี่ ่าน 2. สามารถศกึ ษาภาษาถิ่น สํานวน สุภาษติ ทม่ี ีอย่ใู นวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบนั และ วรรณกรรมท้องถนิ่ 3. สามารถวิเคราะห์ วจิ ารณ์ ประเมนิ ค่าองค์ประกอบของวรรณคดี วรรณกรรมปจั จบุ ัน วรรณกรรมท้องถิ่น

50 4. สามารถคน้ ควา้ หาความรู้จากส่ือสิง่ พมิ พ์และสื่อสารสนเทศ 5. ปฏิบัตติ นเป็นผู้มีมารยาทในการอา่ น และนิสยั รกั การอา่ น ผลการเรียนรู้ 1. ตีความ แปลความ และขยายความเร่ืองที่อ่าน ท่คี าดหวงั 2. วเิ คราะห์ วจิ ารณค์ วามสมเหตุสมผล การลําดบั ความคดิ และความเป็น ไปได้ของเรอื่ งท่ี อ่าน 3. อธบิ ายความหมาย ของภาษาถนิ่ สาํ นวน สุภาษิตที่ปรากฏในวรรณคดี วรรณกรรม ปัจจบุ ัน วรรณกรรมทอ้ งถ่ิน 4. วเิ คราะห์ วิจารณป์ ระเมินค่าวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบันวรรณกรรมท้องถิ่นใน ฐานะที่เปน็ มรดกทางวฒั นธรรมของชาติแลว้ นาํ ไปประยุกต์ใชใ้ นการดําเนินชีวิต 5. เลือกใช้สอ่ื ในการคน้ ควา้ หาความรู้ ทห่ี ลากหลาย 6. มีมารยาทในการอา่ นและมีนสิ ยั รกั การอา่ น มาตรฐาน การเขยี น การเรยี นร้รู ะดับ 1. รู้และเข้าใจหลกั การเขยี นประเภทตา่ งๆ โดยใช้คาํ ในการเขียนได้ตรงความหมาย และ ถูกต้องตามอกั ขระวิธแี ละระดับภาษา 2. สามารถวพิ ากษ์ วิจารณ์และประเมินงานเขยี นของผู้อน่ื เพื่อนาํ มาพฒั นางานเขียน 3. สามารถแต่งคําประพนั ธป์ ระเภท รอ้ ยแก้วและร้อยกรอง 4. มมี ารยาทในการเขยี น และนสิ ยั รกั การเขยี น ผลการเรียนรู้ 1. กรอกแบบพิมพ์ประเภทตา่ งๆ ไดถ้ ูกต้อง เขียนย่อความ เรยี งความ จดหมาย เขียน ทคี่ าดหวัง อธบิ าย ช้ีแจง โนม้ น้าวใจ แสดงทศั นะ และการเขียนเชงิ สร้างสรรค์ โดย ใชห้ ลกั การ เขียนและโวหารตา่ งๆ ได้ถูกต้องตามอกั ขระวิธแี ละระดับภาษา 2. แต่งคาํ ประพนั ธ์ประเภทร้อยกรอง ได้ถกู ต้องตาม ฉันทลักษณ์และใช้ถ้อยคาํ ท่ีไพเราะ 3. ปฏิบัตติ นเปน็ ผ้มู ีมารยาทในการเขียน และมีการจดบนั ทกึ อยา่ งสม่ําเสมอ มาตรฐาน หลักการใชภ้ าษา การเรียนรูร้ ะดบั 1. รแู้ ละเข้าใจธรรมชาติของภาษา 2. สามารถใช้ภาษาสรา้ งมนุษยสัมพนั ธใ์ นการปฏิบตั ิงานร่วมกับผู้อืน่ และใช้คาํ ราชาศพั ท์ คาํ สุภาพได้ถกู ต้องตามฐานะของบคุ คล ผลการเรียนรู้ 1. อธบิ ายธรรมชาติของภาษาและใชป้ ระโยคตามเจตนาของการสอื่ สาร ท่ีคาดหวัง 2. เลอื กใชถ้ ้อยคํา สาํ นวน สุภาษติ คาํ พังเพย ให้ตรงความหมาย 3. ใช้ประโยคได้ถูกต้องตามเจตนาของผ้สู ่งสาร 4. ใช้คําสุภาพ และคําราชาศัพทใ์ ห้ถกู ต้องตามฐานะและบุคคล

51 มาตรฐาน วรรณคดี วรรณกรรม การเรยี นร้รู ะดับ 1. สามารถวิเคราะห์และเห็นคุณค่าวรรณคดี วรรณกรรมปจั จบุ ัน และวรรณกรรมท้องถ่ิน โดยใช้หลักการพนิ ิจวรรณคดี ผลการเรียนรู้ 1. วจิ ารณ์ และอธิบายคุณคา่ วรรณคดี วรรณกรรมปัจจบุ ัน และวรรณกรรมท้องถนิ่ ทีค่ าดหวงั มาตรฐาน ภาษาไทยกบั การประกอบอาชีพ การเรยี นรู้ระดับ 1. ใช้ความรู้ดา้ นการพดู ภาษาไทยเพอ่ื การประกอบอาชพี 2. ใชค้ วามร้ดู า้ นการเขียนภาษาไทยเพื่อการประกอบอาชีพ ผลการเรียนรู้ 1. ใชค้ วามรกู้ ารพูดภาษาไทยเปน็ ชอ่ งทางในการประกอบอาชีพ ทคี่ าดหวัง 2. ใชค้ วามรกู้ ารเขียนภาษาไทยเป็นช่องทางการประกอบอาชพี รายวิชา ภาษาต่างประเทศ มาตรฐาน มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคตเิ กี่ยวกบั ภาษาทา่ ทาง การฟัง พดู อ่าน เขียน การเรยี นรู้ระดับ ภาษาตา่ งประเทศ ด้วยประโยคทีซ่ บั ซ้อนมากข้ึนในชวี ติ ประจาํ วัน และงานอาชีพของตน ถูกต้องตามหลักภาษาวฒั นธรรม และกาลเทศะของเจ้าของภาษา ผลการเรียนรู้ 1. เขา้ ใจเกี่ยวกบั ภาษา ทา่ ทาง ฟงั พดู อา่ น เขยี น ด้วยประโยคทซ่ี ับซอ้ นมากขนึ้ ใน ท่คี าดหวงั ชีวติ ประจําวันและงานอาชีพ 2. ปฏบิ ัตติ นไดถ้ ูกต้องตามมารยาทและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา 3. มที ักษะท่ีถูกต้องตามหลกั ภาษา วัฒนธรรม และกาลเทศะของเจ้าของภาษา มาตรฐานที่ 2.2 มีความรู้ความเข้าใจ และทกั ษะพ้นื ฐานเกี่ยวกับคณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี รายวชิ า คณติ ศาสตร์ มาตรฐาน มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกับจํานวน และการดําเนินการ เลขยกกาํ ลังท่มี ี เลขช้ีกาํ ลังเป็น การเรยี นรูร้ ะดับ จํานวนตรรกยะ เซต และการใหเ้ หตผุ ล อัตราส่วนตรโี กณมิติ และการนําไปใช้ การใช้ เครื่องมอื และการออกแบบผลิตภัณฑ์สถติ เิ บื้องตน้ และความนา่ จะเปน็ เช่อื มโยงกับงาน อาชพี ในสังคมและอาเซียนได้ ผลการเรยี นรู้ 1. ระบหุ รือยกตวั อยา่ งเกย่ี วกบั จาํ นวนและการดาํ เนนิ การ เลข ยกกําลังที่มีเลขชกี้ ําลังเป็น ท่ีคาดหวัง จาํ นวนตรรกยะ เซต และการใหเ้ หตุผล อตั ราสว่ นตรโี กณมติ ิ การใช้เครื่องมือและการออกแบบ ผลติ ภณั ฑ์ สถติ ิเบอ้ื งต้นและ ความ น่าจะเปน็ 2. สามารถคดิ คํานวณและแกโ้ จทย์ปญั หาเกี่ยวกบั จาํ นวนจริงเลขยกกาํ ลงั อตั ราสว่ นตรโี กณมิติ สถติ ิ และความน่าจะเปน็ 3. มีความสามารถในการเช่ือมโยงความรู้ตา่ ง ๆ ทางคณิตศาสตร์กับงานอาชพี ได้ สามารถ

52 วิเคราะหง์ านอาชพี ในสังคมและกลุ่มประชาคมอาเซียนท่ีใชท้ กั ษะทางคณติ ศาสตรไ์ ด้ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ มาตรฐาน มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเหน็ คุณค่าเก่ยี วกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การเรียนรูร้ ะดบั เทคโนโลยี ส่ิงมชี ีวติ ระบบนิเวศทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ในท้องถ่ินประเทศและ โลก สาร แรง พลังงาน กระบวนการเปล่ยี นแปลงของโลก และดาราศาสตร์ มีจิต วิทยาศาสตร์และนําความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ในการดําเนนิ ชวี ติ ผลการเรยี นรู้ 1. ใช้ความรแู้ ละกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะ ทีค่ าดหวัง กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ การทําโครงงานวิทยาศาสตรแ์ ละ นาํ ผลไปใชไ้ ด้ 2. อธิบายเกี่ยวกับการแบ่งเซลล์ พนั ธุกรรมและการถา่ ยทอดทางพนั ธุกรรม การผา่ เหล่า ความหลากหลายทางชวี ภาพ เทคโนโลยชี ีวภาพ การใชป้ ระโยชนแ์ ละผลกระทบที่เกิด จากการใชเ้ ทคโนโลยีชวี ภาพตอ่ สงั คม และสิ่งแวดลอ้ มได้ 3. อธิบายเก่ียวกับปัญหาท่ีเกิดจากการใชท้ รัพยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดลอ้ มในระดบั ท้องถน่ิ ประเทศและโลกปรากฏการณท์ างธรณวี ิทยาท่ีมผี ลกระทบต่อชวี ิต และ สิ่งแวดล้อม วางแผนและปฏิบัตริ ว่ มกบั ชมุ ชนเพ่ือปูองกนั และแก้ไขปัญหา ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมได้ 4.อธิบายเกีย่ วกบั โครงสร้างอะตอม ตารางธาตุ สมการและปฏิกริ ยิ าเคมที ่ีพบใน ชวี ิตประจาํ วนั คารโ์ บไฮเดรต ไขมนั และโปรตนี ปิโตรเลยี มและผลิตภณั ฑ์ พอลิเมอร์ สารเคมีกับชีวติ การนําไปใช้และผลกระทบต่อชวี ิตและสงิ่ แวดลอ้ มได้ 5.อธิบายเกี่ยวกบั แรงและความสัมพันธข์ องแรงกับการเคล่ือนทีใ่ นสนามโน้มถ่วง สนามแม่เหลก็ สนามไฟฟูาการเคลือ่ นทีแ่ บบต่างๆ และการนาํ ไปใชป้ ระโยชน์ได้ 6. อธิบายเกีย่ วกบั สมบัติ ประโยชนแ์ ละมลภาวะจากเสียง ประโยชน์และโทษของธาตุ กมั มนั ตรังสีต่อชวี ิตและส่ิงแวดลอ้ มได้ 7. ศึกษา คน้ ควา้ และอธบิ ายเก่ยี วกับการใชเ้ ทคโนโลยอี วกาศในการศึกษาปรากฏการณ์ ต่างๆ บนโลกและในอวกาศ 8. อธิบาย ออกแบบ วางแผน ทดลอง ทดสอบ ปฏบิ ตั ิการเรอื่ งไฟฟูาได้อยา่ งถกู ต้อง และปลอดภัย คิด วเิ คราะห์ เปรยี บเทยี บข้อดี ข้อเสยี ของการตอ่ วงจรไฟฟาู แบบ อนุกรม แบบขนาน แบบผสม ประยกุ ต์และเลอื กใช้ความรู้ และทักษะอาชีพชา่ งไฟฟาู ใหเ้ หมาะสมกบั ด้านบริหารจดั การและการบรกิ าร เพื่อนําไปสูก่ ารจัดทําโครงงาน วทิ ยาศาสตร์

53 สาระความรพู้ ื้นฐาน (รายวิชาบงั คับ) มาตรฐานที่ ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 2.1 รายวิชาบังคบั รหัสรายวิชา รายวชิ า หน่วยกติ 2.1 4 2.2 ภาษาไทย พท 31001 ภาษาไทย 4 2.2 4 ภาษาต่างประเทศ พต 31001 ภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจําวัน 4 16 คณิตศาสตร์ พค 31001 คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ พว 31001 วิทยาศาสตร์ รวม สาระความรพู้ นื้ ฐาน (รายวชิ าเลอื กบงั คับ) มาตรฐานท่ี ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 2.2 รายวิชาเลือก รหสั รายวชิ า รายวชิ า หน่วยกติ 2.2 3 การใชพ้ ลงั งานไฟฟาู ใน พว32023 การใชพ้ ลังงานไฟฟูาใน 3 ชวี ติ ประจําวนั 3 ชวี ิตประจําวัน3 6 วสั ดศุ าสตร์3 พว32024 วสั ดุศาสตร์3 รวม สาระความรู้พื้นฐาน (รายวชิ าเลอื กเสร)ี มาตรฐานที่ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 2.1 รายวชิ าเลือก รหสั รายวชิ า รายวิชา หน่วยกิต 2.1 3 ภาษาไทยเพื่อการ พท03014 ภาษาไทยเพ่อื การสอ่ื สารใน 3 ส่ือสารในชวี ติ ประจาํ วัน ชีวิตประจําวัน 6 ภาษาอังกฤษเพ่ือ พต32005 ภาษาอังกฤษเพ่ือการศกึ ษาต่อ การศกึ ษาต่อ รวม

54 คาอธบิ ายรายวชิ า พท31001 ภาษาไทย จานวน 5 หน่วยกติ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั การฟัง การดู 1. สามารถเลือกสื่อ ในการฟัง และดอู ย่างสรา้ งสรรค์ 2. สามารถฟงั และดูอย่างมีวิจารณญาณ 3. เป็นผู้มมี ารยาทในการฟงั และดู การพดู 1. สามารถพดู ท้ังทเี่ ปน็ ทางการและไมเ่ ป็นทางการ โดยใช้ภาษาถกู ต้องเหมาะสม 2. สามารถแสดงความคดิ เห็นเชงิ วเิ คราะห์ และประเมินค่าการใช้ภาษาพูดจากส่ือต่างๆ 3. มมี ารยาทในการพูด การอ่าน 1. สามารถอา่ นอย่างมวี ิจารณญาณ จดั ลาํ ดับความคดิ จากเร่อื งท่ีอ่าน 2. สามารถศึกษาภาษาถ่นิ สํานวน สภุ าษติ ที่มอี ยู่ในวรรณคดี วรรณกรรมปจั จุบนั และ วรรณกรรมท้องถนิ่ 3. สามารถวิเคราะห์ วจิ ารณ์ ประเมินคา่ องค์ประกอบของวรรณคดี วรรณกรรมปจั จุบัน วรรณกรรมท้องถิน่ 4. สามารถคน้ ควา้ หาความรู้จากส่ือสง่ิ พิมพ์และส่ือสารสนเทศ 5. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผู้มีมารยาทในการอา่ น และนิสัยรกั การอา่ น การเขยี น 1. รแู้ ละเข้าใจหลกั การเขยี นประเภทตา่ งๆ โดยใชค้ ําในการเขียนได้ตรงความหมาย และ ถกู ต้องตามอักขระวิธแี ละระดับภาษา 2. สามารถวิพากษว์ ิจารณแ์ ละประเมนิ งานเขียนของผู้อน่ื เพือ่ นํามาพัฒนางานเขยี น 3. สามารถแตง่ คาํ ประพนั ธ์ประเภทรอ้ ยแก้วและร้อยกรอง 4. มมี ารยาทในการเขียน และนสิ ัยรกั การเขียน หลกั การใชภ้ าษา 1. รแู้ ละเขา้ ใจธรรมชาติของภาษา 2. สามารถใช้ภาษาสรา้ งมนุษยสัมพนั ธใ์ นการปฏิบัตงิ านร่วมกับผอู้ ่ืน และใชค้ าํ ราชาศัพท์ คําสุภาพได้ถูกต้องตามฐานะของบคุ คล วรรณคดี วรรณกรรม

55 สามารถวเิ คราะห์และเห็นคุณค่าวรรณคดี วรรณกรรมปจั จุบัน และวรรณกรรมท้องถนิ่ โดยใช้ หลกั การพนิ จิ วรรณคดี ภาษาไทยกับการประกอบอาชีพ 1. ใช้ความรู้ดา้ นการพูดภาษาไทยเพอ่ื การประกอบอาชีพ 2. ใช้ความรดู้ ้านการเขยี นภาษาไทยเพื่อการประกอบอาชีพ ศกึ ษาและฝกึ ทักษะเกย่ี วกบั เรอื่ งดังต่อไปน้ี การฟัง การดู การวิจารณ์ความสมเหตุสมผล การลําดบั ความและความเป็นไปได้ของเรอื่ งที่ฟังและดจู ากส่อื ทหี่ ลากหลาย ตลอดจนมารยาทของการฟังและดู การพดู ศลิ ปะการพูดท่ีเป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการ และมารยาทในการพดู การอา่ น การอ่านเพ่ือตคี วาม แปลความ ขยายความ ความหมายของภาษาถิ่น สํานวน สุภาษติ องคป์ ระกอบ ของการประเมนิ ค่าวรรณคดี วรรณกรรมปจั จุบนั และวรรณกรรมท้องถิ่น ตลอดจนมารยาทในการอ่าน การเขียน หลกั การเขียนประเภทต่างๆ และการแต่งคําประพนั ธ์ประเภทร้อยกรอง ตลอดจนมารยาทในการ เขียน หลกั การใชภ้ าษา ธรรมชาติของภาษา การใช้ถ้อยคํา ประโยค สาํ นวน สุภาษติ คาํ พงั เพย คําสภุ าพ คาํ ราชาศัพท์ วรรณคดีและวรรณกรรม หลกั การพนิ ิจและประเมินคุณค่าเกี่ยวกับวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบัน และวรรณกรรมท้องถ่นิ ภาษาไทยกับการประกอบอาชพี การใชค้ วามรดู้ ้านการพูด การเขยี นภาษาไทยเปน็ ช่องทางในการประกอบอาชีพ การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ จดั ประสบการณ์หรือสถานการณใ์ นชีวิตประจาํ วนั ใหผ้ ูเ้ รยี นไดฝ้ กึ ปฏิบัตจิ ริงเกี่ยวกบั ทักษะการฟัง การ ดู การพูด การอา่ น การเขยี น และหลักการใช้ภาษาเป็นรายบคุ คลหรือใช้กระบวนการกลุ่ม การวัดและประเมนิ ผล การสังเกต การฝึกปฏิบัติ การทดสอบ ตรวจสอบ ตอบคําถาม และการประเมินช้ินงานในแต่ละกิจกรรม

56 รายละเอียดคาอธิบายรายวิชา พท31001 ภาษาไทย จานวน 5 หนว่ ยกติ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั การฟัง การดู 1. สามารถเลือกสื่อ ในการฟัง และดูอย่างสร้างสรรค์ 2. สามารถฟงั และดอู ย่างมวี ิจารณญาณ 3. เป็นผู้มมี ารยาทในการฟงั และดู การพูด 1. สามารถพดู ทั้งท่เี ป็นทางการและไม่เป็นทางการ โดยใชภ้ าษาถูกต้องเหมาะสม 2. สามารถแสดงความคิดเห็นเชิงวิเคราะห์ และประเมนิ ค่าการใช้ภาษาพดู จากสื่อตา่ งๆ 3. มมี ารยาทในการพดู การอ่าน 1. สามารถอา่ นอยา่ ง มวี จิ ารณญาณ จดั ลาํ ดับความคิดจากเร่ืองทอี่ า่ น 2. สามารถศกึ ษาภาษาถ่นิ สํานวน สภุ าษิตทีม่ ีอยใู่ นวรรณคดี วรรณกรรมปจั จุบันและ วรรณกรรมท้องถิน่ 3. สามารถวิเคราะห์ วจิ ารณ์ ประเมนิ คา่ องค์ประกอบของวรรณคดี วรรณกรรมปจั จุบัน วรรณกรรมท้องถ่ิน 4. สามารถคน้ ควา้ หาความรู้จากสอ่ื สิ่งพมิ พ์และสื่อสารสนเทศ 5. ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผูม้ มี ารยาทในการอา่ น และนสิ ยั รักการอา่ น การเขยี น 1. รู้และเขา้ ใจหลักการเขียนประเภทตา่ งๆ โดยใชค้ ําในการเขยี นได้ตรงความหมาย และ ถกู ต้องตามอักขระวธิ ีและระดับภาษา 2. สามารถวิพากษ์วจิ ารณแ์ ละประเมินงานเขียนของผอู้ ่ืน เพื่อนาํ มาพัฒนางานเขยี น 3. สามารถแตง่ คําประพนั ธป์ ระเภทรอ้ ยแกว้ และร้อยกรอง 4. มีมารยาทในการเขียน และนสิ ยั รักการเขียน หลักการใชภ้ าษา 1. ร้แู ละเขา้ ใจธรรมชาติของภาษา 2. สามารถใชภ้ าษาสร้างมนุษยสัมพนั ธ์ในการปฏบิ ตั งิ านร่วมกบั ผอู้ ่นื และใช้คาํ ราชาศัพท์ คาํ สภุ าพได้ถูกต้องตามฐานะของบคุ คล วรรณคดี วรรณกรรม สามารถวเิ คราะห์และเหน็ คุณค่าวรรณคดี วรรณกรรมปจั จุบัน และวรรณกรรมท้องถ่นิ โดยใช้หลักการพนิ จิ วรรณคดี ภาษาไทยกับการประกอบอาชีพ 1. ใช้ความรู้ดา้ นการพูดภาษาไทยเพ่ือการประกอบอาชีพ 2. ใช้ความรูด้ า้ นการเขยี นภาษาไทยเพื่อการประกอบอาชีพ

57 ที่ หวั เร่อื ง ตวั ชี้วดั เน้อื หา จานวน (ช่ัวโมง) 1. การฟัง การดู 1. เห็นคณุ ค่าของสื่อในการฟงั และดู 1. หลักการฟัง และดู 10 2. วิจารณ์ความสมเหตสุ มผล การ 2. สรปุ ความ จบั ประเด็น 4 ลําดบั ความและความเป็นไปได้ ใจความสาํ คัญของเรอ่ื ง ของเร่ืองที่ฟังและดู ที่ฟงั และดู 3. นาํ เสนอความรู้ ความคิดเหน็ 3. การวิเคราะหข์ ้อเท็จจริง 4 ท่ไี ด้จากการฟังและดู ขอ้ คิดเห็นและสรปุ ความ 4. ปฏิบตั ติ นเป็นผู้มมี ารยาท 4. มารยาทในการฟังและดู 2 ในการฟังและดู 2. การพูด 1. ใชศ้ ิลปะการพูดทเี่ ปน็ ทางการ 1. หลกั การแสดงความคดิ เหน็ 2 และไม่เป็นทางการไดอ้ ยา่ ง 2. การพดู เปน็ ทางการและ 6 เหมาะสมกบั โอกาสและบุคคล ไม่เป็นทางการ 2. วิเคราะห์ ประเมนิ ค่าการใช้ 3. ศิลปะการพูดประเภท 8 ภาษาพูดจากส่ือตา่ งๆ ตา่ งๆ เชน่ - พดู แนะนําตนเอง - พูดกลา่ วต้อนรับ - พดู กลา่ วขอบคุณ - พดู โน้มน้าวใจ/ปฏิเสธ - พดู เจรจาต่อรอง - พูดแสดงความคิดเหน็ - พูดอธบิ าย - พดู สนุ ทรพจน์ /โต้วาที 3. ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผมู้ ีมารยาทใน 4. มารยาทในการพูด 2 การพดู 3. การอา่ น 1. ตคี วาม แปลความ และขยาย 1. หลักการตีความ แปลความ 2 ความเรื่องที่อ่าน และขยายความ 2. วเิ คราะห์ วิจารณ์ความ 2. การอ่านบทประพันธ์ 7 สมเหตุสมผล การลาํ ดบั ทไี่ พเราะทั้งรอ้ ยแก้ว ความคิดและความเปน็ ไปได้ ร้อยกรอง ของเรื่องท่ีอา่ น 3. อธบิ ายความหมายของภาษาถิ่น 3. การอา่ นวรรคตอน 10

58 ท่ี หัวเรื่อง ตวั ชวี้ ัด เนอ้ื หา จานวน (ชว่ั โมง) สํานวน สภุ าษิตท่ีปรากฏใน ในวรรณคดี จากเร่ือง วรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบัน ขุนชา้ งขนุ แผน วรรณกรรมท้องถน่ิ พระอภยั มณี อิเหนา นิทานเวตาล นิราศ พระบาท นิราศภเู ขาทอง ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก มทั นพาธา พระมหาชนก (ทศชาตชิ าดก) 4. วิเคราะห์ วิจารณ์ประเมนิ คา่ 4. หลกั การวิเคราะห์ วจิ ารณ์ 20 วรรณคดี วรรณกรรมปัจจบุ ัน และประเมนิ ค่าวรรณคดี วรรณกรรมท้องถน่ิ ในฐานะ ที่ วรรณกรรมปจั จบุ นั และ เปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ของ วรรณกรรมท้องถิ่น เชน่ ชาติ แลว้ นําไปประยุกต์ ใชใ้ น วรรณกรรมปจั จบุ ัน ได้แก่ การดาํ เนินชวี ิต บทละครโทรทัศน์ นวนยิ าย 5. เลือกใช้ส่ือในการคน้ คว้าหา เร่อื งสน้ั บทเพลงตา่ งๆ ความรูท้ ี่หลากหลาย วรรณกรรมทอ้ งถิน่ ไดแ้ ก่ ไกรทอง นางสบิ สอง ปลาบู่ ทอง ผาแดงนางไอ่คํา ละคร จักรๆ วงศ์ๆ ฯลฯ 6. มีมารยาทในการอ่านและมีนิสัย 5. การมมี ารยาทในการอา่ น 1 รกั การอ่าน 4. การเขยี น 1. เขยี นแผนภาพความคดิ 1. การเขยี นแผนภาพความคิด 2 เขยี นย่อความ เรยี งความ 2. การเขียนยอ่ ความ 2 จดหมาย เขียนอธบิ าย ชแี้ จง 3. การเขยี นเรียงความ 2 โนม้ น้าวใจ แสดงทัศนะและการ 4. การเขียนจดหมาย 2 เขยี นเชงิ สร้างสรรค์ โดยใช้ 5. การเขยี นอธิบาย 2 หลักการเขยี นและโวหารตา่ งๆ 6. การเขียนชแ้ี จง โนม้ นา้ วใจ 2 ไดถ้ ูกต้องตามอกั ขระวธิ แี ละ 7. การเขียนแสดงทัศนะ 2 ระดบั ภาษา 8. การเขียนคาํ ขวัญ 2 9. การเขียนคําโฆษณา 2 10. หลักการเขียนโวหาร 5 แบบต่างๆ 2. แตง่ คาํ ประพันธ์ประเภท 11. การเขยี นพรรณนาและ 6

59 ท่ี หัวเร่อื ง ตวั ช้วี ดั เนอ้ื หา จานวน (ชั่วโมง) ร้อยกรองได้ถูกต้องตาม ฉันท การเขยี นบรรยาย ลกั ษณ์และใชถ้ ้อยคาํ ที่ เหตกุ ารณ์ ไพเราะ 12. หลกั การเขียนรายงาน 5 ทางวิชาการ 13. หลักการเขยี นอา้ งอิง 1 3. การกรอกแบบพิมพป์ ระเภท 14. การกรอกแบบพิมพ์ 2 ตา่ งๆ ได้ถูกต้อง ประเภทตา่ งๆ เชน่ กรอกใบสมัครงาน กรอกใบสมคั รเรียน กรอก ใบคํารอ้ งต่างๆ 4. ปฏิบตั ติ นเปน็ ผมู้ มี ารยาทใน 15. การปฏิบัติตนเป็น 1 การเขยี นและมกี ารจดบนั ทึก ผูม้ ีมารยาทในการเขียน อยา่ งสมา่ํ เสมอ และมนี ิสัยรกั การเขยี น 5. หลักการใช้ภาษา 1. อธิบายธรรมชาติของภาษา 1. ธรรมชาติของภาษา 10 และใช้ประโยคตามเจตนา - การเปล่ยี นแปลง ของการส่ือสาร ของภาษา - ลักษณะของภาษา - พลงั ของภาษา 2. เลอื กใชถ้ ้อยคํา สํานวน 2. การใชถ้ อ้ ยคํา สาํ นวน 4 สภุ าษติ คาํ พังเพยให้ สภุ าษิต คําพงั เพย ตรงความหมาย 3. ใช้ประโยคไดถ้ ูกต้อง 3. โครงสรา้ งของประโยค 10 ตามเจตนาของผูส้ ่งสาร รปู ประโยค และชนิด ของประโยค 4. ใช้คาํ สุภาพ และคําราชา 4. ระดับภาษา 8 ศพั ทใ์ หถ้ ูกตอ้ งตาม 5. คําสุภาพ ฐานะและบุคคล 6. คาํ ราชาศัพท์ 5. แต่งคําประพันธ์ประเภท 7. การแตง่ คาํ ประพนั ธ์ 8 รอ้ ยกรอง ประเภทรอ้ ยกรอง 6. วรรณคดแี ละวรรณกรรม อธบิ ายคณุ ค่าวรรณคดี 1. ความหมายของวรรณคดี 10 วรรณกรรมปจั จบุ ัน วรรณกรรมปจั จบุ นั และ และวรรณกรรมทอ้ งถิ่น วรรณกรรมท้องถิ่น

60 ท่ี หัวเรอ่ื ง ตวั ช้วี ดั เนอ้ื หา จานวน (ชัว่ โมง) 2. คณุ คา่ ของวรรณคดี 15 และวรรณกรรม ดา้ น วรรณศิลป์ และด้านสังคม 3. แนวคิดและค่านิยม 15 ท่ีปรากฏในวรรณคดี และวรรณกรรม 7. ภาษาไทยกบั การ 1. ใช้ความรกู้ ารพดู ภาษาไทยเปน็ 1. ภาษาไทยด้านการพูดกับ 2 ประกอบอาชีพ ช่องทางในการประกอบอาชีพ ชอ่ งทางการประกอบอาชีพ 2. ใชค้ วามรกู้ ารเขียนภาษาไทย 2. ภาษาไทยด้านการเขยี นกับ 2 เป็นชอ่ งทางการประกอบอาชีพ ชอ่ งทางการประกอบอาชพี

61 คาอธบิ ายรายวิชา พต31001 ภาษาอังกฤษเพ่ือชีวิตและสงั คม จานวน 5 หนว่ ยกติ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคตเิ ก่ียวกับ ภาษาทา่ ทาง การฟงั พดู อ่าน เขียน ภาษาต่างประเทศ ด้วยประโยคท่ีซบั ซ้อนมากข้ึนในชวี ติ ประจาํ วนั และงานอาชีพของตน ถูกต้องตามหลักภาษา วฒั นธรรม และกาลเทศะของเจ้าของภาษา ศกึ ษาและฝึกทักษะเก่ียวกบั เรอ่ื งดงั ต่อไปน้ี 1. การตีความหมายจากน้ําเสียงของผู้อื่นว่ามีความรู้สึกดีใจ เสียใจ พึงพอใจ ไม่พึงพอใจซาบซึ้ง ผิดหวัง ปรารถนาดี ช่ืนชมหรือเห็นใจ และการใช้นํ้าเสียงแสดงความรู้สึกของตัวเองในโอกาสต่าง ๆ การอ่าน ทําความ เข้าใจและปฏิบัติตามข้อมูลท่ีปรากฏอยู่ในสลากสินค้า การพูดทางโทรศัพท์ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ถูกต้อง การเปรียบเทยี บความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมองั กฤษและวฒั นธรรมไทย รวมทัง้ สามารถปฏิบัติตนได้ถูกต้องตาม วัฒนธรรมและประเพณตี า่ ง ๆ 2. การอา่ นและวิเคราะห์ข้อมูลจากส่ือต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ ในด้านต่าง ๆ ที่หลากหลาย การสืบค้นข้อมูลจาก Internet เพื่อนํามาใช้ประโยชน์ในการดํารงชีวิตในสังคม การรับและตอบ e- mail ทงั้ ในเร่ืองส่วนตัว ในการศึกษาและในการประกอบอาชีพ วิธีการแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารและความรู้ ต่าง ๆ กับผู้อ่ืน ทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ โดยเข้าใจโครงสร้างของประโยคท่ีซับซ้อน (Complex Sentence) และใช้ Tense ต่าง ๆ ในการแสวงหาข่าวสาร ข้อมูล ความรู้และในการสื่อสารได้อย่างถูกต้องและ เหมาะสมกับสถานการณ์ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ เนน้ การฟงั พดู อ่าน เขยี น จากสถานการณจ์ รงิ หรอื สถานการณ์จาํ ลอง โดยใชส้ อื่ ทีเ่ หมาะสมและ สอดคลอ้ งกบั เน้ือหาในการเรียนรู้ การวัดและประเมนิ ผล พจิ ารณาจากความสามารถในการนําความรูแ้ ละทักษะไปใชใ้ นสถานการณต์ ่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง เหมาะสม

62 รายละเอียดคาอธบิ ายรายวิชา พต31001 ภาษาอังกฤษเพอ่ื ชีวิตและสังคม จานวน 5 หนว่ ยกิต ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคตเิ ก่ยี วกบั ภาษาท่าทาง การฟงั พดู อ่าน เขียน ภาษาตา่ งประเทศ ด้วยประโยคทีซ่ ับซ้อนมากขึ้นในชวี ิตประจาํ วัน และงานอาชีพของตน ถูกต้องตามหลักภาษา วฒั นธรรม และกาลเทศะของเจ้าของภาษา ท่ี หัวเรือ่ ง ตวั ชี้วดั เนื้อหา จานวน (ชวั่ โมง) 1 Everyday ตีความหมายจาก 1. การออกเสยี งพยญั ชนะต้นคา -ทา้ ยคา English น้ําเสยี งของผู้อนื่ และ 1.1 ทบทวนการออกเสยี ง พยัญชนะต้นคาํ ที่ 2 รจู้ ักใชน้ ้าํ เสยี งในการ ยาก เช่น เสียง s z ch sh แสดงความรสู้ กึ ระหวา่ ง - sit, see, soon การสนทนา ได้แก่ ดใี จ - zebra, zero, zoo เสยี ใจ - cheap, chat, choose พึงพอใจ ไม่พงึ พอใจ - ship, shoe, shut ซาบซึ้ง ผดิ หวงั etc. ปรารถนาดี 1.2 การอ่านออกเสียงทา้ ยคาทถี่ ูกตอ้ ง ช่ืนชมและ เชน่ เสยี ง [d] , [t] , หรือ [id] เม่อื เปน็ เห็นใจ กริยา ช่อง 2 และ past participle เช่น - moved, turned, loved - walked, talked, knocked - wanted, rented, waited etc. 2. การออกเสยี งหนกั -เบา (Stress) วธิ กี าร 2 ออกเสยี ง หนัก-เบา ของคําในลกั ษณะต่าง ๆ เช่น คาํ เด่ียว คําประสมในลกั ษณะตา่ ง ๆ เปน็ ตน้ ว่าคาํ ประเภทใดจะต้องออกเสียงเนน้ ที่ พยางคแ์ รก พยางคก์ ลางหรอื พยางคห์ ลัง

63 ที่ หัวเรอ่ื ง ตวั ชวี้ ดั เน้ือหา จานวน (ชว่ั โมง) 3. การออกเสียงตามระดับเสยี งสงู -ต่า 2 (Intonation) วิธกี ารออกเสียงของประโยค ลกั ษณะตา่ ง ๆ ซึ่งจะตอ้ งออกเสยี งสูง-ต่าํ ให้ ถูกต้องเพ่ือให้ส่ือความหมายท่ผี ู้พูดต้องการ ประโยคประเภทเดยี วกัน ถา้ ออกเสยี งสงู -ตาํ่ ตา่ งกันจะให้ความรสู้ กึ ทต่ี า่ งกัน 4. การออกเสียงเชือ่ มโยง (Linking Sound) 2 วธิ กี ารอา่ นออกเสยี งเช่ือมโยงระหวา่ งคาํ ใน ภาษาองั กฤษท่ีถูกตอ้ งตามกฎเกณฑ์ของ ภาษาอังกฤษ เช่น - Ten years ago. - Far away etc. 5. การแสดงความดใี จ/เสยี ใจ 2 การใช้คาํ วลีและรปู ประโยคท่จี ะนํามาใช้ใน 2 การแสดงความดีใจและเสยี ใจในโอกาสตา่ ง ๆ ไดถ้ ูกตอ้ ง เช่น แสดงความดใี จทีไ่ ด้พบกนั อีก ครั้งหรอื แสดงความเสียใจท่ีทําผดิ เปน็ ตน้ ตวั อยา่ ง คําวลี และรปู ประโยค เช่น - Congratulations! - Sorry. Glad is hear about that. - Sorry about that. - I’m glad to................................................ - I’m pleased to........................................... - I love to.................................................... - I’m sorry to.............................................. - It’s my fault that.......................................

64 ท่ี หวั เร่อื ง ตัวชว้ี ดั เนือ้ หา จานวน (ชว่ั โมง) 6. การแสดงความพอใจ/ไมพ่ อใจ ให้รจู้ กั คํา วลี และรปู ประโยคทีจ่ ะทจ่ี ะนาํ มาใช้ในการแสดง ความพอใจ/ไมพ่ อใจในโอกาสตา่ ง ๆ ไดถ้ ูกต้อง เชน่ แสดงความพอใจ/ไม่พอใจในการรับบรกิ าร เป็นต้น ตัวอยา่ งคาํ วลี และรปู ประโยค เช่น - Great! - Awful! - Good news! - How nice! - How terrible! - That’s fantastic! - I can’t stand it! - I’m very disappointed 2 with..................... - It’s ashamed that..................................... 7. การแสดงความปรารถนา/ เหน็ ใจและการ ตอบรับ การใช้ คาํ วลี และรูปประโยคทจี่ ะ นาํ มาใช้ใน การแสดงความปรารถนาด/ี เหน็ ใจในโอกาสตา่ ง ๆ ได้ถูกต้อง เชน่ การแสดง ความระลึกถึง การแสดงความเห็นใจเม่ือผอู้ ่นื ประสบปัญหา เป็นตน้ ตัวอย่างคาํ วลี และรปู ประโยค เช่น - Best wishes. - Take care. - Get well soon. - Good luck. - With sympathy. - We hope everything go well through this suffering period. - I understand how difficult it is.

65 ที่ หัวเรอื่ ง ตวั ช้วี ัด เนือ้ หา จานวน (ชว่ั โมง) - It must be for you. - I feel sympathy for you. 4 - Thank you for your hospitality. - Thanks a million for............................ - I’m very grateful to your.................... - It’s very appreciative that.................. - I’m very appreciated for.................... 8. การแสดงความตอ้ งการการเสนอ/ใหค้ วาม ชว่ ยเหลอื /บริการ รวมทง้ั การตอบรับ/ปฏิเสธ การ ให้ความช่วยเหลอื /บริการ การใช้คํา วลี และรปู ประโยคเพื่อแสดงความต้องการ การ เสนอ/ให้ความช่วยเหลือ/บรกิ าร รวมทง้ั การ ตอบรับ/ปฏเิ สธในการให้ความชว่ ยเหลอื / บริการในโอกาสและสถานท่ตี ่าง ๆ ไดอ้ ย่าง ถกู ต้อง ได้แก่ การซื้อสนิ คา้ /บริการในร้าน การสงั่ จองตว๋ั เครือ่ งบนิ /รถไฟ/ภาพยนตร/์ การ บริการในบรษิ ัททัวร์ การจองโรงแรม/ ทพ่ี ัก การใชบ้ รกิ ารในท่ที ําการไปรษณีย/์ ธนาคาร/ รา้ นอนิ เตอรเ์ น็ต ตวั อย่าง คาํ วลี และรูป ประโยค เชน่ - May I help you? - What can I do for you? - Let me.............................. - Shall I ...............................? - Is there anything I can do for you? - I would like......................... - I prefer................................. - I’d rather.............................. - How much..............................? - How about..............................? - I’m afraid................................?

66 ที่ หัวเร่อื ง ตัวชีว้ ัด เนื้อหา จานวน (ชว่ั โมง) - We recommend........................ - Would you please....................? - Please let me know.................. - It’s occupied. etc. 2 What should อ่านและทําตาม 1. การใชพ้ จนานุกรม (Dictionary) 2 you do? คาํ แนะนําในการใช้คู่มือ 1.1 ทบทวนการคา้ หาความหมายของคาํ ศัพท์ 4 ปาู ย คาํ แนะนํา โดยเรยี งตามตวั อกั ษรของคําศัพท์ทค่ี ้นหา วิธีการปรุง ข้อ จาก a ถงึ z ควรระวงั และ ปาู ย 1.2 ให้อา่ นวิธีการใชพ้ จนานุกรมและขอ้ มลู ประกาศ ตา่ ง ๆ ท่อี ยูใ่ นสว่ นหนา้ (คาํ ช้ีแจงในการ ใช)้ ของ Dictionary ใหเ้ ข้าใจ 1.3 เมอื่ คน้ หาคาํ ศัพท์พบแลว้ ให้ศกึ ษาวธิ กี าร อา่ นออกเสยี งหน้าท่ขี องคํา ความหมาย และตัวอย่างในการใช้ (ซ่งึ คาํ บางคํา อาจจะทาํ หน้าท่ีไดห้ ลายอยา่ ง) และคําทีม่ ี ความหมายใกล้เคียงกนั เช่น drug (ดรกั ) n. ยา ผลติ ภัณฑ์ยา ยาเสพ ตดิ สินคา้ ที่เกี่ยวกับสุขภาพที่ขายในร้านขาย ยา vt. drugged, drugging ผสมกบั ยา ทาํ ให้ ตดิ ยา ทาํ ให้ไดร้ บั พิษจากยา drug on the market สนิ ค้าที่มี มากเกนิ ความตอ้ งการใน ตลาด 2. การวเิ คราะห์ศพั ทแ์ ละรูปประโยคทใ่ี ช้ใน สญั ลกั ษณ์ ปา้ ยประกาศ/คาแนะนาในการ ใช/้ คาแนะนา/คาเตอื นตา่ ง ๆ 2.1 การวิเคราะห์ศพั ท์โดยการรจู้ ักส่วนท่เี ปน็ รากศัพท์ (Root) อปุ สรรค หรือทคี่ ําเตมิ ไปข้างหนา้ (Prefix) และปัจจัยหรอื คาํ ที่ เตมิ ขา้ งหลัง (Suffix) โดยทราบ ความหมายของส่วนประกอบของคาํ ศัพท์

67 ท่ี หัวเร่อื ง ตัวช้ีวดั เนื้อหา จานวน (ชว่ั โมง) ตา่ ง ๆ เหลา่ นัน้ ก็จะทราบ ความหมายของศพั ทไ์ ด้ เช่น Prefix : re = again anti = against tele = far etc. Suffix : ant = person er = person who dom = condition ern = direction etc. 2.2 รูปประโยคที่ใช้ในสัญลักษณ์/ปูาย ประกาศ/คาํ แนะนําในการใช้/คาํ แนะนํา/ คําเตอื นต่าง ๆ ซง่ึ จะใชร้ ูปประโยคคาํ สัง่ (Imperative Sentence) ท้ังในลกั ษณะ บอกเลา่ และปฏเิ สธ เช่น - Don’t smoke. - No smoking. - No entry. - Put some oil in the pan, then put the garlic and stir until it become yellow. etc. 3. สญั ลักษณ์และป้ายประกาศต่าง ๆ (Signs 3 & Notices) ร้จู กั ความหมายของสญั ลักษณ์ และ ปูายประกาศทีพ่ บในชวี ติ ประจาํ วัน และการประกอบอาชีพ เช่น การปฏิบัติตนใน แหล่งท่องเท่ียว โรงแรม พิพธิ ภณั ฑ์ โรงงาน สาํ นักงาน ยานพาหนะ เป็น ตัวอย่าง เชน่

ที่ หวั เร่อื ง ตวั ช้ีวัด = Don’t take 68 durian inside. เนือ้ หา จานวน = Handicapped (ชว่ั โมง) = elevation or lift = Don’t take photograph. = No smoking = do not disturb Make up = make up the room the room = danger

69 ท่ี หวั เรอื่ ง ตวั ช้วี ัด เนอ้ื หา จานวน (ชวั่ โมง) = safety first = no parking = Disabled Symbol 4. สลากยาและคมู่ ือในการใชอ้ ุปกรณ์ตา่ ง ๆ 3 (Instructions) การอา่ น ทําความเขา้ ใจและ ปฏบิ ตั ิตามคําแนะนาํ ในการใชย้ าและอุปกรณ์ ต่าง ๆ ที่ใชใ้ นชีวิตประจําวนั เช่น หมอ้ หุงขา้ ว ไฟฟูา เคร่ืองซักผา้ คอมพวิ เตอร์ โทรศพั ท์มือถือ เปน็ ตน้ โดยให้เขา้ ใจสาํ นวน หรือโครงสรา้ งของประโยคท่ีมกั ใช้ เชน่ - Keep out of reach of children. - Take one tablet after each meal. - Shake well before use. การใช้ Active Voice และ Passive Voice Modal verb Direct Speech, Indirect speech, Conjunction และ Connective words ท่ี สําคญั เช่น - You should have it directly after

70 ที่ หัวเร่ือง ตวั ช้วี ัด เน้อื หา จานวน (ชว่ั โมง) 3 Hello, could ติดตอ่ สอ่ื สารทาง you tell โทรศพั ท์ไดค้ ล่องแคลว่ meal. me.............? - The doses must not be divided. - Don’t use if the package is open. - First open the can with the opener. Pull it in a bowl. Then put some chopped chili, lemon juice and fish sauce. After that mix them together. 5. คาแนะนาและคาเตือนตา่ ง ๆ (Tips and 4 Warning) ร้จู กั วิธกี ารอ่านและตีความ คาํ แนะนํา คาํ ชแ้ี จง และคําอธิบายต่าง ๆ เช่น พยากรณอ์ ากาศ ประกาศ เตือนภัย คําแนะนําในการเขา้ ไปในสถานที่ตา่ ง ๆ คาํ อธิบายสินค้าและส่วนประกอบหรือ เครอ่ื งปรงุ วิธกี ารปรงุ อาหาร เป็นตน้ 1. การตดิ ต่อทางโทรศพั ท์กับผู้ท่ีค้นุ เคย 4 รู้จักวิธกี ารพดู โตต้ อบทางโทรศพั ท์กบั เพื่อน ญาติ พี่นอ้ งและผู้ทค่ี ุน้ เคยในเรื่องต่าง ๆ โดยใช้ สํานวนและภาษาที่เหมาะสม เช่น - Is ……………. at home? - Could I speak to………., please? - May I speak to ……..…., please? - She/he is out. - Sorry, she’s not here now. - Would you like to wait? - Will you leave a message? - May I take a message for her/him? - Wait a minute, please. - Will you hole on? - Just a moment, please.

71 ท่ี หวั เร่อื ง ตัวชว้ี ดั เนอ้ื หา จานวน (ชว่ั โมง) - Please tell ............... to call me at....................... 2. การตดิ ตอ่ ทางโทรศัพท์เพ่ือสอบถามข้อมูล 4 ตา่ ง ๆ การใชส้ ํานวนภาษาที่ใชพ้ ูดทางโทรศัพทเ์ พ่ือ สอบถามขอ้ มลู ต่าง ๆ ทีต่ ้องการทราบโดยใช้ รปู ประโยคขอร้อง /ขอร้องอย่างสุภาพ (request, polite, request) ประโยค direct/ indirect speech ประโยคคาํ ถาม ลักษณะต่าง ๆ ประโยคแสดงความคิดเห็นและ การขอบคณุ เชน่ การสอบถามเสน้ ทางการ เดินทางไปที่ตา่ ง ๆ สอบถามตารางรถไฟ เครอื่ งบิน สอบถามขอ้ มลู ดา้ นการคุม้ ครอง ผูบ้ ริโภค/ สุขภาพอนามยั / พยากรณ์อากาศ เป็นต้น ตัวอยา่ งประโยคท่ใี ช้ - Hello, I’d like to ask about......................... - Could you tell me......................, please? - Would you mind giving me the information about.................................? - Can/Could you...............................? - May/Can/Could I.................................? - Don’t............................, please? - At what time..............................? - How many.................................? - How far......................................? - How much.................................? - I need your help.........................? - Pradon. - I think............................................

72 ท่ี หวั เรอ่ื ง ตัวช้ีวดั เนือ้ หา จานวน (ชว่ั โมง) - Well, I must................................... - In my opinion, .............................. - Thanks. /Thank you. - Sorry. /I’m sorry. - You’re welcome. 3. การติดตอ่ ทางโทรศัพทเ์ พ่ือการประกอบ 10 อาชีพ วิธีการพดู โต้ตอบทางโทรศัพท์ เพอื่ ถาม-ให้ ข้อมลู เก่ยี วกบั การประกอบอาชีพ โดยใช้ สํานวนและภาษาทเ่ี หมาะสมในการสอบถาม ขอ้ มูลเกีย่ วการสมัครงาน การซอ้ื -ขายสนิ คา้ การให้ข้อมูลเกีย่ วกับคุณภาพและราคาของ สินค้า การส่งเสริมการขาย การต่อรองราคา การรับและสง่ ของ ตัวอยา่ งประโยค ท่ีใช้ - Hello. I’d like to ask/know about...................... - Can/could you tell me about...........................? - May/Could I speak to.........................., please? - Can/Could you inform me about.................? - What is the position required? - What is the qualification? - How can I apply for this position? - When is the dateline of the application? - Do I have to send the application form? - Should I also send the resume/reference? - When/Where will the interview take

73 ที่ หัวเร่ือง ตวั ชวี้ ัด เนอ้ื หา จานวน (ชว่ั โมง) 4 Cultural Difference place? - What kind of goods are available? - How much does it cost? - How can I send the order? - Is there any discount? - How about the present promotion? - How about the quality? - Where/When can I buy this product? - What is the product’s significance? - Please let me know if............................ - I’m interested in........................... - That’s very interesting. - I’m very appreciated......................... - When will I receive the product? - How should I pay for the product? - By cash/check /credit. - Thanks for your interest /kindness/information. - It’s my pleasure. - You’re welcome. - Sorry. /I’m sorry. 1. ปฏิบตั ติ นตามมารยาท 1. การใชภ้ าษาในการสอ่ื สารไดเ้ หมาะสมตาม 5 วฒั นธรรมและประเพณี มารยาททางสงั คมและวัฒนธรรมของเจา้ ของ ต่าง ๆ ได้อยา่ งถูกต้อง ภาษา 2. เปรยี บเทียบความ การใช้ภาษา นํ้าเสียงและภาษาท่าทางได้อยา่ ง แตกตา่ งระหว่าง เหมาะสมกบั บุคคล เวลา สถานที่และโอกาส วฒั นธรรมอังกฤษกบั เชน่ การสัมผสั มอื การโบกมือ การใช้สหี น้า วัฒนธรรมไทย ทา่ ทาง และนาํ้ เสียงประกอบการพูด การ แนะนําตัวเอง การแสดงความรู้สึกใน โอกาสตา่ ง ๆ การแตง่ กาย การรับประทาน อาหาร รว่ มงานงานเล้ยี ง งานสงั สรรค์ และกจิ กรรมทางสังคมตา่ ง ๆ

ท่ี หวั เร่อื ง ตวั ช้วี ัด เนอ้ื หา 74 ตวั อย่าง เช่น จานวน - Blow a kiss. (สง่ จูบ) (ชวั่ โมง) - I love you. (ภาษาใบ้) - Be quiet. (เงียบ) - That’s bad. (ยกหวั แม่มือ ชี้ลงไปที่พื้น) - How’s everything? - How have you been? - What’s going on with your life? - How’s life? - What’s up? - May I introduce myself? - Let me introduce myself, ............................. - Allow me to

75 ท่ี หวั เร่อื ง ตัวชว้ี ดั เนอ้ื หา จานวน (ชว่ั โมง) introduce...............to................ - Have you met......................? - Congratulations on....................................... - Happy Birthday. - Merry Christmas. - Happy New Year. - I’m sorry for................................................. - May god bless you. - May god be with you. - I feel sorry................................................... - Please pass my warm regards to.................. - Toast! - I wish you.................................................... - Would you mind.......................................... 5 - Please let me know...................................... - Would you please........................................ - May I have................................................. - Can you help me........................................ - You look smart. - How nice.................................................... - I wonder if................................................. 5 - How to cook.............................................. etc.

76 ที่ หัวเรอ่ื ง ตวั ช้วี ัด เนอื้ หา จานวน (ชว่ั โมง) 2. ความเชอื่ และขนบธรรมเนียม ประเพณีของ เจ้าของภาษา ความเปน็ มาของความเช่อื ขนบธรรมเนยี มและ ประเพณีต่าง ๆ ในสังคมของเจา้ ของภาษา การทาํ กจิ กรรมตามความเชือ่ ขนบธรรมเนียมและ ประเพณีตา่ ง ๆ ในดา้ น บทเพลง การแต่งกาย อาหาร เคร่ืองดืม่ และการประกอบพิธกี รรมท่ี เก่ยี วขอ้ ง ได้แก่ วันครสิ ต์มาส วนั ขอบคุณพระ เจ้า วนั วาเลนไทน์ และวนั พ่อ 3. การเปรยี บเทยี บโครงสรา้ งภาษาไทยกบั ภาษาอังกฤษ เปรียบเทียบลักษณะคาํ ท่ีมาของคาํ ความหมาย และการประยุกต์คําในภาษาอังกฤษใช้ใน ภาษาไทยและคําในภาษาไทย ที่นําไปใน ภาษาองั กฤษ ตัวอยา่ ง เชน่ - ศัพท์ของภาษาไทยสว่ นใหญ่มาจากภาษาบาลี/ สันสกฤตในขณะทศี่ ัพท์ของภาษาอังกฤษ สว่ นใหญ่จากภาษากรีกและโรมัน - คําในภาษาองั กฤษท่ีนาํ มาใชใ้ นภาษาไทย เช่น กิโลกรมั กิโลเมตร เซนตเิ มตร คําในภาษาไทยที่ นําไปใช้ในภาษาอังกฤษ เชน่ Tom Yam Kung, Muai Thai เปน็ ตน้ 5 โครงสรา้ งของประโยคตา่ งๆ - ประโยคความเดยี ว (Simple Sentence) - ประโยคความรวม (Compound Sentence) - ประโยคความซ้อน (Complex Sentence) - ประโยคความผสม (Compound- Complex Sentence)

77 ท่ี หวั เร่อื ง ตวั ช้วี ัด เนือ้ หา จานวน (ชวั่ โมง) - การใช้ Transitive / intransitive/ auxiliary verbs - Tense ตา่ งๆ - ลักษณะของประโยคคําถาม - ประโยคเงื่อนไข - การใชส้ ันธาน (Conjunction) และบุพบท (Preposition) etc. 4. เปรยี บเทยี บ สานวน คาพังเพย สุภาษิต บท กลอนภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 4.1 คําและสาํ นวนท่ีได้รบั อิทธพิ ลจากศาสนา เชน่ - Oh, god! = คุณพระชว่ ย - Oh, my god! = พุทโธ ธัมโม สังโฆ etc. 4.2 คําพังเพย สุภาษติ ท่ีมกั จะใช้ใน ชวี ิตประจําวัน เช่น - It’s a piece of cake. = ปลอกกลว้ ยเข้าปาก - Silence is gold. = นงิ่ เสยี ตาํ ลึงทอง - Time and tide wait for no one. = เวลาและวารไี มเ่ คยคอยใคร ลกั ษณะของบทกลอนภาษาไทยกบั ภาษาองั กฤษ ทเี่ หมอื นและแตกตา่ งกัน แรงบันดาลใจของกวใี น การแตง่ คาํ ประพันธพ์ ร้อมตัวอย่างท่ีมกั ได้ ยนิ เสมอ ๆ เชน่ Roses are red, violets are blue, sugar is sweet, but not as sweet as you. แม้เนือ้ เยน็ เป็นหว้ งมหรรณพ จะขอพบศรีสวสั ด์ิเป็นมจั ฉา แม้เปน็ บวั ตวั พี่เปน็ ภมุ รา เชยผกาโกสมุ ภ์ประทุมทอง แมเ้ ปน็ ถาํ้ อําไพใครเ่ ป็นหงส์

78 ที่ หวั เรือ่ ง ตวั ชว้ี ัด เน้อื หา จานวน (ชว่ั โมง) 5 News & 1. เขา้ ใจและใช้ จะร่อนลงสิงสู่เป็นคสู่ อง News ประโยคที่ซบั ซ้อนใน จะติดตามทรามสงวนนวลละออง 2 Headline สถานการณ์ต่าง ๆ เปน็ คคู่ รอง พสิ วาส ทุกชาติไป 2 2. ใช้ Tenses ท่ยี งุ่ ยาก 2 และซับซ้อน etc. 5 3. ศึกษาค้นคว้าความรู้ และข้อมูลจากส่ือ 1. เสียง คาํ ศัพท์ วลี สํานวน ท่ี มกั ใช้บอ่ ย ๆ 4 หนงั สอื พมิ พ์ ในขา่ ว 4. แลกเปล่ยี นขอ้ มูล 2 ข่าวสารความรู้อยา่ งเป็น 2. องคป์ ระกอบของขา่ ว ประกอบดว้ ย ทางการ Headline, Sub headline, Lead และ 5. สบื ค้นขอ้ มลู ในด้าน Detail ตา่ ง ๆ จาก Internet 3. ประเภทของขา่ ว เช่น ข่าวการเมอื ง ขา่ วการศึกษา ข่าวกฬี า ข่าวสังคม ขา่ วเศรษฐกจิ เป็นต้น 4. โครงสรา้ งของการเขียนพาดหวั ข่าว (News Headline) ได้แก่ 4.1 ข่าวและพาดหวั ขา่ ว 4.2 การถามและตอบคําถามจากข่าวด้วย คาํ ถามที่ เป็น Wh-Question และ Yes/No Question 4.3 การถามและแสดงความคิดเหน็ ว่า เหน็ ดว้ ยหรอื ไมเ่ หน็ ดว้ ย เชน่ - Do you agree with this....................? - What do you think about.................. 4.4 Website ของหนังสือพิมพ์ The Nation หรือ Bangkok Post เพื่อ ศกึ ษาข่าวประเภทต่าง ๆ ทีส่ นใจแล้ว วิเคราะห์โครงสรา้ งของพาดหัวข่าวน้นั ๆ หรอื บอกประเภทของขา่ วน้ัน ๆ - Subj. + V1 - Subj. + V3 - Subj. + to + V1 - Subj. + V. ing

79 ที่ หวั เรอื่ ง ตวั ชีว้ ดั เนอ้ื หา จานวน 6 Self - (ชว่ั โมง) 1. ศกึ ษาค้นควา้ ความรู้ Noun phrase Sufficiency และข้อมลู จากส่ือ 1. บทความเกย่ี วกับเศรษฐกิจพอเพียงจาก 2 Economy ต่าง ๆ 2. สบื คน้ ขอ้ มูลในดา้ น หนงั สอื หนงั สอื พิมพ์ หรือ Websiteท่ี 2 7 Have you ตา่ ง ๆ จาก Internet เกี่ยวข้อง exercised 3. เข้าใจและใช้ 2. คาํ ศัพท์ วลี สํานวน ที่เก่ยี วข้องกับเศรษฐกิจ 2 today? ประโยคซับซ้อนใน พอเพียง เช่น moral , moderation, 2 สถานการณ์ต่าง ๆ reasonable, knowledge, saving เปน็ ตน้ 8 Shall we save 4. การแลกเปล่ยี น 3. โครงสรา้ ง Conditional sentence (If - 2 the energy? ข้อมูลขา่ วสารความรู้ clause) 2 4. โครงสร้าง Imperative 1. ศึกษาคน้ คว้าความรู้ 5. การนาํ เสนอการนาํ เศรษฐกิจพอเพยี งมาใชใ้ น 2 และข้อมูลจากส่ือ ตา่ ง ๆ รูปแบบตา่ ง ๆ เช่น การติดคาํ ขวญั 2 2. สืบคน้ ขอ้ มลู ในด้าน การสัมภาษณ์ การทํา Poster เปน็ ตน้ ต่าง ๆ จาก Internet 6. การเล่นเกม Cross word 2 3. เขา้ ใจและใชป้ ระโยค 1. แบบสอบถาม (Questionnaire) 4 ซับซ้อนในสถานการณ์ เก่ียวกับการดูแลสขุ ภาพจากหนังสอื หรือ ต่าง ๆ Website เกีย่ วข้อง 2 4. ใช้ Tense ทย่ี ุง่ ยาก 2. การอ่านออกเสยี ง คําศพั ท์ สาํ นวน วลี และซับซ้อน ท่เี กย่ี วข้องกบั สขุ ภาพ เชน่ aerobics, 2 5. แลกเปล่ยี นขอ้ มลู once, relaxed, health, healthy, ข่าวสารความรู้ firm, have a headache เปน็ ต้น ทงั้ อย่างเปน็ ทางการและ 3. ประโยคทีเ่ ขียนด้วย Modal Verb เช่น ไมเ่ ปน็ ทางการ should, must, ought to, had 1. ศกึ ษาคน้ คว้าความรู้ better, will เปน็ ตน้ และข้อมูลจากส่ือ 4. Present Perfect Tense ตา่ ง ๆ 5. การสาํ รวจแบบสอบถามเกยี่ วกบั สุขภาพ 2. สืบค้นขอ้ มูลในด้าน บคุ คลใกลช้ ดิ แล้วนําเสนอขอ้ มลู เปน็ รูปกราฟหรือแผนภมู ิ 1. บทความเกย่ี วกบั การประหยัดพลังงาน (Energy Saving) จากหนังสอื หนังสือพิมพ์ หรอื Website ทีเ่ ก่ียวข้อง 2. เสียง คาํ ศัพท์ วลี สาํ นวนท่ีเกยี่ วขอ้ งกับการ

80 ท่ี หวั เรื่อง ตวั ชีว้ ัด เน้อื หา จานวน (ชว่ั โมง) ตา่ ง ๆ จาก Internet ประหยัดพลังงาน เช่น reuse, recycle, 3. เขา้ ใจและใชป้ ระโยค plug in, unplug, turn on, turn off, ซบั ซอ้ นในสถานการณ์ต่าง reduce เปน็ ตน้ 2 ๆ ได้อย่างถกู ต้อง 3. โครงสรา้ ง เร่ือง Imperative + V1 4. ใช้ Tense ทย่ี ุ่งยากและ _________. ซบั ซ้อนได้อย่างถูกต้อง Don’t + V1+ ........................... 5. แลกเปล่ยี นขอ้ มูล ขา่ วสารความรทู้ ัง้ อยา่ งเป็น ทางการและไม่เปน็ ทางการ 9 What have I 1. ศึกษาค้นคว้าความรแู้ ละ 1. บทสนทนาเกีย่ วกับการไปตัดเสื้อ 2 done? ข้อมูลจากสื่อตา่ ง ๆ 2. การอ่านออกเสยี ง คําศพั ท์ วลี สํานวน ที่ 2 2. อ่านออกเสยี งคาํ ศัพท์ เก่ียวขอ้ งกับการไปตัดเสื้อ เชน่ measure, วลี สํานวน ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง sleeves, seam, shorten เปน็ ต้น 3. เข้าใจและใชป้ ระโยค 2 ซับซอ้ นในสถานการณต์ ่าง 3. โครงสรา้ ง have something done 2 ๆ 4. โครงสรา้ ง Reported Speech 2 4. ใช้ Tense ทย่ี งุ่ ยากและ 5. การเลา่ เรอื่ ง (สถานการณ์) ซับซอ้ น 5. แลกเปลี่ยนขอ้ มูล ข่าวสารความรู้ 10 What is your 1. การสืบค้นข้อมลู ด้าน 1. การขอมี e-mail 2 e-mail address? ต่าง ๆ จาก Internet 2. การเปดิ /ปิด e-mail 1 และรบั สง่ e-mail 3. ภาษา e-mail 2 2. ศึกษาคน้ คว้าความรู้ 4. บทอ่านแนะนาํ ตนเองทพ่ี มิ พ์มาจาก e-mail 2 และข้อมูลจาก สอ่ื การสรา้ งประโยคคาํ ถามจากคาํ ตอบทใ่ี หม้ า 1 ต่าง ๆ 5. การถามและการตอบข้อมูลการเปรียบเทยี บ 1 3. เข้าใจและใช้ประโยค 6. การเขียนแนะนาํ ตนเองถึง Pen pal โดยสง่ 1 ซับซ้อนในสถานการณ์ ทาง e-mail ตา่ ง ๆ 4. แลกเปล่ยี นขอ้ มูล ขา่ วสารความรู้ ทั้งอย่างเปน็ ทางการและ

81 ที่ หวั เรื่อง ตวั ช้วี ัด เนอื้ หา จานวน (ชวั่ โมง) ไมเ่ ปน็ ทางการ 11 Natural Disaster 1. ศกึ ษา คน้ ควา้ ความรู้ 1. บทอา่ นเก่ียว Earthquake, Tornado 2 และข้อมลู จาก หรอื Flood จากหนงั สอื พิมพ์ หรือ สื่อตา่ ง ๆ Website ของหนงั สือพิมพ์ The 2. สืบค้นขอ้ มลู ในด้าน Nation หรือ Bangkok Post ต่าง ๆ จาก Internet 2. คําศัพท์ วลี สํานวนทเ่ี กีย่ วข้อง เชน่ 1 3. เขา้ ใจและใช้ประโยคที่ kill, injured, die, homeless, help, ซบั ซอ้ นในสถานการณ์ shelter, landslide เป็นต้น ต่าง ๆ ได้ อยา่ งถูกต้อง 3. Past Simple Tense, Past 3 4. การใช้ Tense ท่ี Continuous Tenseและ Past ยุ่งยากและซบั ซ้อน Perfect Tense. 2 5. แลกเปล่ยี นข้อมลู 4. Compound Sentence และ ข่าวสารความรู้ ทัง้ เป็น Complex Sentence 1 ทางการและ 5. การถามและการตอบคาํ ถามจากบทอา่ น 1 ไมเ่ ปน็ ทางการ 6. การแสดงบทบาทสมมุติ (Role Play) เป็นผู้สอื่ ข่าว นาํ เสนอข่าวที่เก่ียวกบั Natural Disaster 12 Let’s Travel 1. ศกึ ษาค้นคว้าความรู้ 1. ตารางเวลาของ Bus, Train, Airplane, 2 และข้อมลู จาก Boat หรือ Subway จากสื่อต่าง ๆ เช่น สือ่ ตา่ ง ๆ แผน่ พับ หนังสอื พมิ พ์ หรือ Website ท่ี 2. สืบค้นข้อมลู ในดา้ น เก่ยี วขอ้ ง 2 ต่าง ๆ จาก Internet 2. Asking & giving Information เชน่ และรบั สง่ E-mail - Could you please tell 3. เขา้ ใจและใชป้ ระโยคที่ me....................? ซบั ซอ้ นในสถานการณ์ - Please tell me.............................. 2 ตา่ ง ๆ - Excuse me. Do you 4. ใช้ Tense ท่ียุ่งยาก know.......................? และซบั ซ้อนได้ 3. การบอกทิศทาง (Direction) เช่น 5. แลกเปลีย่ นข้อมลู - Go straight. ขา่ วสารความรู้ - Keep walking to.......................... - Walk past.................................. 2 - It’s at the opposite 2

82 ที่ หัวเรอื่ ง ตัวชวี้ ดั เนอ้ื หา จานวน (ชวั่ โมง) 13 Will it rain tomorrow? of.......................... 14 Global - Next to.................................... 2 Warming 4. Past Simple Tense และ Past Simple Tense 5. การเขียนเล่าเร่ืองหรอื ประสบการณใ์ นการ ท่องเทย่ี ว 6. การวางแผนการเดินทางทอ่ งเทย่ี ว 1. ศกึ ษาค้นควา้ ความรู้ 1. บทอา่ น การพยากรณ์อากาศ (Weather 2 และข้อมลู จากสื่อต่างๆ Forecast) ทง้ั ในประเทศและต่างประเทศ เชน่ หนังสือพิมพ์ 2. การถาม-ตอบ คําถามจากบทอ่าน 1 ภาษาอังกฤษและ การพยากรณ์อากาศ (Weather Forecast) Website 3. การถามและการขอข้อมูล (Asking & Giving 2 2. แลกเปลย่ี นขอ้ มลู Information) ขา่ วสารความร้ทู งั้ อยา่ ง เสยี ง คาํ ศัพท์ วลี สํานวนท่มี ักใชบ้ ่อยๆ ใน เปน็ ทางการและไม่เป็น ขา่ วพยากรณ์อากาศ เชน่ shower, ทางการ windy, heavy, scatter, stormy, 3. เข้าใจและใช้ประโยคที่ sunrise, sunset, ซบั ซอ้ นในสถานการณ์ maximum, minimum, Northeast 2 ตา่ ง ๆ ได้อยา่ งถูกต้อง 4. Parts of Speech การทําคํานาม Noun ให้ 4. สบื คน้ ข้อมูลในดา้ น เป็น Adjective 1 ตา่ ง ๆ จาก Internet 5. Website ทเี่ กีย่ วกับการพยากรณ์อากาศ 2 Role play เปน็ ผูป้ ระกาศข่าวการ พยากรณ์อากาศ 1. ศึกษาค้นควา้ ความรู้ 1. บทความเกี่ยวกบั ภาวะโลกร้อน (Global 2 และข้อมลู จาก Warming) สาเหตุของภาวะโลกร้อนหรอื ส่อื ต่าง ๆ ผลกระทบของภาวะโลกร้อนจากหนงั สือหรือ 2. สืบคน้ ข้อมูลในด้าน หนงั สือพมิ พ์หรือWebsite ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง ต่างๆ จาก Internet 2. การอา่ นออกเสียงคําศัพท์ วลี สํานวน ที่ 2 3. เข้าใจและใชป้ ระโยค เกย่ี วข้อง เช่น temperature, increase, ซับซอ้ นในสถานการณ์ melt, burn, earth, hot เป็นต้น ต่าง ๆ 3. โครงสรา้ ง Passive Voice 2 4. ใช้ Tense ทีย่ งุ่ ยาก Subj + V to be + V3

83 ที่ หัวเรื่อง ตัวชว้ี ัด เนอื้ หา จานวน (ชวั่ โมง) 15 Urgently และซบั ซ้อน Wanted 2 5. แลกเปล่ยี นขอ้ มลู 4. บทสนทนาท่ีเกย่ี วกบั การปูองกันหรอื ลด 2 2 ขา่ วสารความรทู้ ้ังอยา่ ง ภาวะโลกรอ้ น 2 เป็นทางการและไม่เป็น 5. Mind map แสดงเหตุผลและผลกระทบของ 2 ทางการ ภาวะโลกร้อน 1. ศึกษาค้นคว้าความรู้ 1. โฆษณาตาํ แหน่งงาน (Job Advertisement) และข้อมลู จาก จากหนังสอื หนงั สือพมิ พ์ หรือ Website สื่อตา่ ง ๆ เกี่ยวขอ้ ง 2. สบื คน้ ข้อมลู ในดา้ น 2. คําศัพท์ สํานวน วลี โครงสร้างทเี่ กีย่ วข้อง ต่าง ๆ จาก Internet เชน่ qualification, salary, graduation, และ รับส่ง e- age, photo, apple เปน็ ตน้ mail 3. การเขียนประวตั ิ (Resume) เพอื่ สมัครงาน 3. เข้าใจและใช้ประโยค การส่ง e-mail สมคั รงาน ซบั ซ้อนในสถานการณ์ ตา่ ง ๆ 4. การแลกเปลย่ี น ขอ้ มลู ขา่ วสารความรู้ ท้ังอย่างเป็นทางการ และไมเ่ ป็นทางการ 16 ภาษาองั กฤษ 1. ใช้คําศพั ท์เกยี่ วกับการ 1. คาํ ศัพทเ์ กย่ี วกบั การให้บริการนวดแผนไทย 5 สําหรับพนกั งาน นวดแผนไทย ใหบ้ รกิ ารนวดแผน เช่น massage, relax etc. ไทยไดถ้ ูกตอ้ ง 2. สาํ นวนภาษาการกล่าวเชิญชวนลูกค้า การ 2. ใชส้ ํานวนภาษาในการ นดั หมายลูกคา้ การให้ข้อมลู เก่ียวกบั การ เชิญชวน นัด บริการนวดแผนไทย เช่น หมายลูกค้า และการ Come this way to the massage room. ให้ข้อมลู เก่ยี วกับการ Please straight out your foot. นวดแผนไทย Please check your belongings before you leave. Would you like to return for another massage later?

84 ที่ หวั เร่อื ง ตวั ชวี้ ัด เน้อื หา จานวน (ชว่ั โมง) 17 ภาษาอังกฤษ 1. ผเู้ รียนสามารถใช้ 2. การโตต้ อบและชกั ชวนลกู คา้ เข้าชมร้านขาย สําหรบั พนักงาน 2 ขาย ถ้อยคํา สํานวน และ ของที่ระลึก 2 ประโยคตอบโตใ้ นการ 3. การฝึกสนทนาในสถานการณ์ทก่ี ําหนดและ 4 2 บอกข้อมลู ความ การฝกึ เรยี งลําดับประโยค ประสงคใ์ นการซื้อ 4. การตอ่ รองราคาสนิ ค้าในรา้ นค้า สนิ ค้าได้ ใน 5. การฝึกเรยี งลาํ ดบั บทสนทนา สถานการณ์ดังนี้ 6. การจองตว๋ั รถโดยสาร รถไฟ เครื่องบนิ 1.1 การทกั ทาย 7. การฝกึ เรียงลําดบั บทสนทนา เชิญชวนลกู คา้ 8. แบบทดสอบท้ายบท 1.2 เจรจาซอ้ื ขาย และต่อรองราคา สินค้าได้ 1.3 โตต้ อบในการซือ้ ขายตว๋ั โดยสาร บอกจุดหมาย ปลายทางสําหรบั รถโดยสาร รถไฟ และเคร่ืองบนิ ได้ 1.4 มีความร้คู วาม เขา้ ใจและ สามารถนาํ ความรู้ เกี่ยวกบั การ เจรจาซื้อขายไป ใช้ไดท้ ุก สถานการณ์

85 คาอธบิ ายรายวิชา พค31001 คณิตศาสตร์ จานวน 5 หนว่ ยกติ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับจาํ นวนและการดําเนนิ การ เลขยกกําลงั ที่มีเลขชี้กําลงั เป็นจาํ นวนตรรกยะ เซต และการใหเ้ หตุผล อัตราส่วน ตรโี กณมิติ และการนําไปใช้ การใช้เครื่องมือและการออกแบบผลิตภัณฑ์ สถิตเิ บื้องตน้ และความนา่ จะเปน็ ศึกษาและฝึกทักษะเก่ียวกับเร่ืองดังต่อไปนี้ จานวนและการดาเนินการ จํานวนจริง สมบัตขิ องจํานวนจริงเกีย่ วกบั การบวกและการคณู สมบัติ การเท่ากนั และการไม่เทา่ กนั คา่ สมั บูรณ์ เลขยกกาลังท่มี ีเลขช้กี าลังเป็นจานวนตรรกยะ การบวก การลบ การคูณ การหาร จํานวนทีม่ เี ลขช้ี กาํ ลงั เป็นจํานวนตรรกยะ และจาํ นวนจริงทีอ่ ยู่ในรปู กรณฑ์ เซต เซต การดําเนนิ การของเซต แผนภาพเวนน์-ออยเลอร์และการแกป้ ญั หา การใหเ้ หตผุ ล การให้เหตผุ ลแบบอุปนัยและนิรนัย การอา้ งเหตุผล อตั ราสว่ นตรีโกณมิตแิ ละการนาไปใช้ อัตราส่วนตรโี กณมติ ิ อัตราส่วนตรโี กณมติ ิของมุม 30 45 และ 60 การนําอัตราส่วนตรีโกณมิติไปใชใ้ นการแก้ปัญหาเกย่ี วกับการหาระยะทางและความสงู การใช้เคร่อื งมือและการออกแบบผลิตภณั ฑ์ การสร้างรูปทางเรขาคณิตโดยใชเ้ ครื่องมือและการออกแบบ ผลิตภณั ฑ์ สถติ เิ บือ้ งตน้ การวิเคราะห์ข้อมูลเบ้อื งตน้ การหาค่ากลางของขอ้ มูลโดยใชค้ า่ เฉล่ียเลขคณติ มธั ยฐาน และฐานนิยม และการนําเสนอข้อมลู ความนา่ จะเป็น กฎเกณฑเ์ บื้องตน้ เก่ียวกบั การนับ ความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ การใชท้ ักษะกระบวนการทางคณติ ศาสตรใ์ นงานอาชีพ นาํ ทกั ษะทางคณิตศาสตร์ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ น การประกอบอาชีพในสังคมและในกลุ่มประชาคมอาเซยี น การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ จดั ประสบการณ์หรือสถานการณ์ในชีวติ ประจําวันให้ผเู้ รียนได้ศึกษาคน้ คว้า โดยการปฏิบตั ิจริง ทดลอง สรปุ รายงาน เพื่อพฒั นาทักษะ/กระบวนการในการคิดคํานวณ การแกป้ ัญหาการใหเ้ หตุผล การสื่อความหมาย ทางคณิตศาสตร์และนาํ ประสบการณ์ด้านความรู้ ความคดิ ทกั ษะกระบวนการท่ีได้ไปใช้ในการเรียนร้สู ิ่งต่างๆ และ ใชใ้ นชวี ิตประจําวนั อย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งเห็นคุณค่าและมเี จตคติท่ดี ตี ่อคณิตศาสตร์ สามารถทํางานอยา่ งเป็น ระบบระเบียบ มีความรอบคอบ มีความรบั ผดิ ชอบ มวี ิจารณญาณและมคี วามเช่ือม่นั ในตนเอง การวดั และประเมนิ ผล ใช้วิธกี ารท่ีหลากหลายตามสภาพความเป็นจริงใหส้ อดคลอ้ งกบั เนอ้ื หาและทักษะท่ีต้องการวัด

86 รายละเอยี ดคาอธบิ ายรายวิชา พค31001 คณิตศาสตร์ จานวน 5 หน่วยกติ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั จาํ นวนและการดาํ เนนิ การ เลขยกกําลังทีม่ ีเลขชี้กําลงั เปน็ จํานวนตรรกยะ เซต และการให้เหตุผล อัตราส่วน ตรีโกณมติ ิ และการนําไปใช้ การใช้เคร่ืองมือและการออกแบบผลิตภณั ฑ์ สถติ ิเบ้ืองตน้ และความน่าจะเปน็ ท่ี หวั เร่ือง ตวั ชว้ี ัด เนื้อหา จานวน (ชั่วโมง) 1 จํานวนและการ 1. แสดงความสัมพันธ์ของจํานวน 1. ความสมั พนั ธ์ของระบบจาํ นวน 1 ดําเนนิ การ ตา่ งๆ ในระบบจํานวนจรงิ จริง 2. อธิบายความหมายและหา 2. สมบัตขิ องการบวก การลบ การ 7 ผลลพั ธท์ เี่ กดิ จากการบวก คูณ และการหาร จาํ นวนจริง การลบ การคูณ และการหาร จาํ นวนจรงิ 3. อธบิ ายสมบัติของจาํ นวนจรงิ 3. สมบตั ิการเท่ากนั และการไม่ 7 ทีเ่ ก่ยี วกบั การบวก การคณู เท่ากนั การเทา่ กัน และการไม่เท่ากัน และนาํ ไปใช้ 4. อธบิ ายเกีย่ วกับค่าสัมบูรณ์ของ 4. คา่ สมั บูรณ์ 5 จาํ นวนจรงิ และหาคา่ สมั บูรณ์ ของจาํ นวนจริง 2 เลขยกกาํ ลงั ท่มี ี 1. อธิบายความหมายและบอก 1. จาํ นวนตรรกยะ และอตรรกยะ 1 เลขชกี้ าํ ลังเป็น ความแตกตา่ งของจํานวน จํานวนตรรกยะ ตรรกยะ และอตรรกยะ 2. อธบิ ายเกีย่ วกับจาํ นวนจรงิ ท่อี ยู่ 2. เลขยกกําลังท่ีมเี ลขชีก้ าํ ลังเปน็ 8 ในรปู เลขยกกําลังทีม่ เี ลขชกี้ ําลัง จาํ นวนตรรกยะและจํานวนจริง เปน็ จํานวนตรรกยะ และ ในรปู กรณฑ์ จาํ นวนจรงิ ในรูปกรณฑ์ 3. อธบิ ายความหมายและหา 3. การบวก การลบ การคูณ การ 11 ผลลัพธท์ เ่ี กดิ จากการบวก การ หาร จํานวนท่มี เี ลขชี้กําลังเป็น ลบ การคูณ การหาร จํานวนจรงิ จํานวนตรรกยะ และจํานวนจรงิ ทอ่ี ยูใ่ นรูปเลขยกกําลังท่ีมเี ลขช้ี ในรูปกรณฑ์

87 ที่ หวั เร่ือง ตวั ชวี้ ดั เนอื้ หา จานวน (ช่วั โมง) กําลงั เปน็ จํานวนตรรกยะ และ จํานวนจริงในรูปกรณฑ์ 3 เซต 1. อธิบายความหมายเก่ยี วกับเซต 1. เซต 1 2. สามารถหายเู น่ยี น 2. การดาํ เนินการของเซต 11 อินเตอร์เซกชั่นคอมพลีเมนต์ และผลตา่ งของเซต 3. เขยี นแผนภาพแทนเซต และ 3. แผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ และ 8 นําไปใชแ้ กป้ ัญหาทีเ่ กี่ยวกบั การแก้ปัญหา การหาสมาชกิ ของเซต 4 การให้เหตุผล 1. อธิบายและใชก้ ารใหเ้ หตผุ ล 1. การให้เหตผุ ลแบบอุปนัยและนิร 5 แบบอุปนยั และนริ นยั นัย 2. บอกได้ว่าการอ้างเหตุผล 2. การอา้ งเหตผุ ลโดยใช้แผนภาพ 10 สมเหตุสมผลหรอื ไม่ โดยใช้ เวนน์-ออยเลอร์ แผนภาพเวนน์-ออยเลอร์ 5 อตั ราส่วน 1. อธบิ ายการหาค่าอัตราสว่ น 1. อัตราส่วนตรโี กณมิติ 5 ตรโี กณมติ แิ ละ ตรีโกณมติ ิ การนาํ ไปใช้ 2. หาค่าอตั ราสว่ นตรโี กณมิติ 2. อัตราส่วนตรโี กณมติ ิ 5 ของมมุ 30,45และ 60 ของมุม 30,45และ 60 3. นําอัตราสว่ นตรโี กณมติ ิไปใช้ 3. การนําอตั ราสว่ นตรีโกณมิติไปใช้ 10 แก้ปญั หาเก่ยี วกับระยะทาง แก้ปัญหาเกี่ยวกับระยะทาง ความ ความสูง และการวัด สงู และการวัด 6 การใชเ้ คร่อื งมือ 1. สรา้ งรูปทางเรขาคณิตโดยใช้ 1. การสรา้ งรูปทางเรขาคณิตโดย 5 และการ เคร่ืองมือ ใช้เครื่องมือ ออกแบบ 2. วิเคราะห์และอธิบาย 2. การแปลงทางเรขาคณติ 12 ผลิตภัณฑ์ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งรปู ต้นแบบ - การเลือ่ นขนาน และรูปที่ไดจ้ ากการเลื่อนขนาน - การหมุน การสะท้อนและ การหมุน - การสะทอ้ น 3. นําสมบตั เิ กยี่ วกบั การเลอื่ น ขนาน การหมนุ และการ 3. การออกแบบสร้างสรรค์ งาน 8 สะทอ้ นจากการแปลงทาง ศลิ ปะจากการแปลง ทาง คณิตศาสตร์และทางเรขาคณิต คณติ ศาสตร์และ ทางเรขาคณิต ไปใชใ้ นการออกแบบงานศิลปะ

88 ท่ี หวั เรอื่ ง ตัวชว้ี ดั เนอ้ื หา จานวน 7 สถิติเบ้ืองตน้ 1. การวิเคราะหข์ ้อมูลเบ้ืองต้น (ชั่วโมง) 1. อธบิ ายขั้นตอนการวิเคราะห์ 8 ความนา่ จะเป็น ข้อมลู เบ้ืองต้น และสามารถ 2. การหาคา่ กลางของข้อมูลโดยใช้ 7 นําผลจากการวเิ คราะหข์ ้อมลู คา่ เฉล่ยี เลขคณติ มัธยฐาน และ เบ้อื งตน้ ไปใชใ้ นการตดั สินใจ ฐานนยิ ม 18 10 2. เลือกใชค้ ่ากลางท่เี หมาะสมกับ 3. การนําเสนอข้อมูล ขอ้ มลู ที่กาํ หนดและวตั ถุประสงค์ 10 ทตี่ อ้ งการ 1. กฎเกณฑ์เบ้ืองตน้ เกีย่ วกับการ นับ และแผนภาพตน้ ไม้ 15 3. นําเสนอขอ้ มูลในรูปแบบต่างๆ รวมทงั้ การอ่านและ 2. ความนา่ จะเป็นของเหตุการณ์ 5 ตีความหมายจากการนาํ เสนอ ข้อมลู 3. การนาํ ความน่าจะเปน็ ไปใช้ 1. หาจํานวนผลลพั ธท์ ีอ่ าจเกิดขึ้น ของเหตุการณ์ โดยใชก้ ฎเกณฑ์ เบื้องตน้ เกย่ี วกบั การนับและ แผนภาพตน้ ไม้อย่างง่าย 2. อธิบายการทดลองสุ่มเหตุการณ์ ความนา่ จะเป็นของเหตกุ ารณ์ และหาความนา่ จะเป็นของ เหตุการณ์ท่ีกาํ หนดให้ 3. นําความรูเ้ กีย่ วกบั ความนา่ จะ เป็นไปใชใ้ นการคาดการณแ์ ละ ชว่ ยในการตดั สนิ ใจ 9 การใช้ทักษะ 1. วเิ คราะห์งานอาชีพในสังคมและ 1. ลกั ษณะประเภทของงานอาชพี 5 10 กระบวนการ ประชาคมอาเซียนที่ใชท้ กั ษะ ที่ใชท้ กั ษะทางคณิตศาสตร์ ทางคณิตศาสตร์ ทางคณิตศาสตร์ ในงานอาชีพ 2. มีความสามารถในการเชอ่ื มโยง 2. การนําความร้ทู างคณติ ศาสตร์ ความรู้ต่าง ๆ ทางคณติ ศาสตร์ ไปเช่อื มโยงกับงานอาชีพใน กับงานอาชพี ได้ สงั คมและประชาคมอาเซียน

89 คาอธิบายรายวิชา พว31001 วิทยาศาสตร์ จานวน 5 หนว่ ยกิต ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐานทีก่ ารเรยี นรรู้ ะดบั มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเห็นคุณค่าเก่ียวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิง่ มชี วี ิต ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ในท้องถิ่นประเทศและโลก สาร แรง พลงั งาน กระบวนการ เปล่ยี นแปลงของโลก และดาราศาสตร์ มีจิตวิทยาศาสตร์และนําความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการดําเนินชวี ติ ศกึ ษาและฝึกทักษะเก่ียวกับเรอ่ื งต่อไปน้ี 1. กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ธรรมชาติของวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ ทักษะ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และโครงงานวทิ ยาศาสตร์ 2. ส่ิงมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม เซลล์ พนั ธกุ รรมและความหลากหลายทางชวี ภาพเทคโนโลยีชวี ภาพทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม 3. สารเพอื่ ชีวติ ธาตแุ ละสมบัติของธาตุ กัมมันตภาพรังสี สมการเคมี และปฏิกริ ยิ าเคมี โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมนั ปโิ ตรเลียม และพอลิเมอร์ สารเคมีกบั ชีวิต และสิ่งแวดลอ้ ม 4. แรงและพลังงานเพื่อชวี ติ แรง และการเคล่อื นท่ี 5. ดาราศาสตร์เพอื่ ชีวติ เทคโนโลยอี วกาศ 6. อาชพี ช่างไฟฟ้า ความรเู้ ก่ียวกบั ชา่ งไฟฟูา การบรหิ ารจัดการและการบริการ โครงงานวทิ ยาศาสตรส์ ูอ่ าชีพ คาํ ศัพทท์ างไฟฟูา เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นเกิดความรู้ ความเข้าใจ ความคดิ มีความสามารถในการตดั สินใจ นาํ ความรไู้ ป ใชใ้ นชวี ิตประจําวัน มีจติ วิทยาศาสตร์ คุณธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มท่ีเหมาะสม การจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ ใหผ้ ูเ้ รียนศึกษา คน้ ควา้ สาํ รวจ ตรวจสอบ ทดลอง จําแนก อธิบาย นําเสนอดว้ ยการจัด กระบวนการเรียนรดู้ ว้ ยการพบกลมุ่ การสอนเสริม การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง การรายงาน การศกึ ษาจากแหล่ง เรยี นรู้ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ และประสบการณจ์ ากผู้เรยี น

90 การวดั และประเมินผล ประเมินจากการสงั เกต การอภิปราย การสัมภาษณ์ ทักษะปฏบิ ตั ิ รายงานการทดลอง การมสี ่วน ร่วมในกจิ กรรมการเรียนรู้ ผลงาน การทดสอบ การประเมิน การนําไปใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจาํ วนั รายละเอียดคาอธิบายรายวิชา พว31001 วิทยาศาสตร์ จานวน 5 หน่วยกติ ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเห็นคณุ ค่าเก่ยี วกบั กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สง่ิ มีชวี ิต ระบบนิเวศทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม ในท้องถนิ่ ประเทศและโลก สาร แรง พลังงาน กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก และดาราศาสตร์ มจี ติ วิทยาศาสตร์และนาํ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ใน การดําเนินชีวติ ที่ หัวเร่อื ง ตวั ชวี้ ัด เน้ือหา จานวน (ชวั่ โมง) 1 กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี 1.1 กระบวนการทาง 1. อธบิ ายธรรมชาตแิ ละ 1. กระบวนการทาง 15 วิทยาศาสตร์ และ ความสําคญั ของวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเทคโนโลยี 1.1 ความหมายและ ความสาํ คญั ของวทิ ยาศาสตร์ 2. อธิบายกระบวนการทาง และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์ วิธีการทาง 1.2 กระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ ทักษะ วทิ ยาศาสตร์ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1.2.1 วิธกี ารทาง และเจตคติทางวิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ 5 ขัน้ 3. นําความรู้ และกระบวนการ 1.2.2 ทกั ษะ ทางวิทยาศาสตร์ไปใชแ้ ก้ปญั หา กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ตา่ งๆ 13 ทกั ษะ 4. เกดิ เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 1.2.3 เจตคตทิ าง วิทยาศาสตร์ 6 ลักษณะ 5. มจี ิตวิทยาศาสตร์ 1.2.4 จติ วทิ ยาศาสตร์ 6. อธบิ ายความหมาย 2. เทคโนโลยี ความสาํ คัญ และความสัมพนั ธ์ 2.1 ความหมาย และความ ของเทคโนโลยีตอ่ ชีวิต และ สาํ คัญของเทคโนโลยีทเี่ หมาะสม

91 ที่ หัวเรื่อง ตัวชี้วัด เน้ือหา จานวน (ชว่ั โมง) 1.2 โครงงาน วิทยาศาสตร์ สงั คม 2.2 ความสัมพันธข์ อง 7. นาํ ความรู้ และเลือกใช้ วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เทคโนโลยีไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ตอ่ ชวี ติ และสังคม 2.3 ความก้าวหน้าของ เทคโนโลยใี นปจั จุบนั 2.4 เทคโนโลยกี บั การ ประกอบอาชีพ และการนาํ เทคโนโลยีไปใชใ้ นชวี ติ 2.5 การเลือกใชเ้ ทคโนโลยีที่ เหมาะสมในการประกอบอาชีพ กับการดํารงชีวิต 2.6 เทคโนโลยีพื้นบา้ น 8.มีทักษะในการเลือกใชว้ สั ดุ 3. การใชว้ สั ดุ อปุ กรณ์สารเคมี อปุ กรณ์ทางวิทยาศาสตร์ และ และห้องปฏบิ ตั ิการทาง สารเคมไี ด้ วทิ ยาศาสตร์ 1. อธิบายประเภท เลอื กหวั ข้อ 1. ประเภทของโครงงาน 10 วางแผน วิธีทาํ นาํ เสนอและ 2. การเลอื กหัวข้อโครงงาน ประโยชน์ของโครงงาน 2. นาํ ความรู้เกยี่ วกับ วทิ ยาศาสตร์ กระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์และโครงงาน ไปใช้ 3. วางแผนการทําโครงงาน 3. การวางแผนการกระทํา 4. ทําโครงงานวทิ ยาศาสตร์ โครงงาน 5. อธบิ ายและบอกแนวไดใ้ น 4. การนําเสนอโครงงาน การนําผลจากโครงงานไปใช้ 5. ประโยชนข์ องโครงงานเพ่ือ 6. นาํ ความรเู้ กย่ี วกบั วิทยาศาสตร์ การพฒั นาคุณภาพชวี ติ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และโครงงานไปใช้ 2 ส่งิ มีชวี ติ และ

92 ที่ หัวเรื่อง ตวั ชีว้ ัด เนื้อหา จานวน (ชั่วโมง) สงิ่ แวดลอ้ ม 2.1 เซลล์ 1. อธบิ ายรูปรา่ ง สว่ นประกอบ 1. เซลล์ 20 ความแตกตา่ ง ระบบการทํางาน 1.1ระบบการทํางานของ การรักษาดุลยภาพของเซลล์พชื เซลลพ์ ืชและเซลล์สตั ว์ และการ และเซลลส์ ตั ว์ รกั ษาดุลยภาพ 2. อธบิ ายการรักษาดุลยภาพ 1.2 กลไกและการรักษาดุลย ของพืชและสตั ว์ และมนษุ ย์ ภาพของพืช สัตว์ และมนุษย์ และการนําความรไู้ ปใช้ 1.3 การปูองกนั ดแู ลรกั ษา ภมู ิคมุ้ กันร่างกายและการนาํ ความรู้ไปใชใ้ นชวี ิตประจําวนั 3. ศึกษา สบื คน้ ข้อมูล และ 2. กระบวนการแบ่งเซลล์ อธิบายกระบวนการแบง่ เซลล์ 2.1 การแบ่งเซลลแ์ บบ แบบไมโทซิล และไมโอซิล ไมโทซสิ 2.2 การแบ่งเซลลแ์ บบ ไมโอซสิ 2.2 พันธุกรรมและ 1. อธิบายกระบวนการถา่ ยทอด 1. พนั ธุกรรม การถ่ายทอดทาง 20 ความหลากหลายทาง ทางพันธกุ รรม การแปรผันทาง พันธุกรรม การแปรผนั ทาง ชีวภาพ พันธกุ รรม การผ่าเหลา่ และการ พันธุกรรม และการผา่ เหล่า เกดิ ความหลากหลายทาง 2. ความหลากหลายทางชวี ภาพ ชีวภาพ 2.1 กระบวนการถา่ ยทอด 2. อธิบายลกั ษณะทาง ทางพนั ธุกรรม พันธกุ รรมของบุคคล 2.2 การเกิดการผา่ เหลา่ 2.3 การเกดิ ความ หลากหลายทางชีวภาพ 3. อธิบายปัจจัยท่ที ําให้ 3. โรคทเี่ กิดจากการถา่ ยทอด สง่ิ แวดล้อมเกิดการเปล่ยี นแปลง ทางพันธุกรรม และการนําไปใช้ ในชีวิตประจําวัน 4. ชนดิ พนั ธตุ์ า่ งถิน่ ทสี่ ง่ ผล กระทบต่อระบบนิเวศและ ส่ิงแวดล้อม 2.3 เทคโนโลยี 1. อธิบายเกีย่ วกบั 1.ความหมายและลกั ษณะ 15 ชีวภาพ เทคโนโลยชี ีวภาพ ประโยชน์ ของเทคโนโลยีชีวภาพ

93 ที่ หัวเร่อื ง ตัวช้วี ดั เน้ือหา จานวน (ช่วั โมง) 2.4 ทรพั ยากร ธรรมชาตแิ ละ 2. อธบิ ายผลของ 2. ปัจจยั ทม่ี ีผลต่อ ส่ิงแวดลอ้ ม เทคโนโลยีชีวภาพตอ่ ชวี ิตและ เทคโนโลยีชวี ภาพ สิง่ แวดล้อม 3. อธิบายบทบาทของภมู ิ 3. เทคโนโลยชี วี ภาพ ปญั ญาท้องถน่ิ เก่ียวกับ ในชีวิตประจาํ วนั เทคโนโลยีชีวภาพ 4. ภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่นเกีย่ วกับ เทคโนโลยีชีวภาพ 5. ประโยชน์และผลกระทบของ 5.1ความหลากหลายทาง ชวี ภาพ 5.2 ชีวิตและสิง่ แวดลอ้ ม 1. อธิบายกระบวนการ 1. กระบวนการเปล่ยี นแปลง 20 เปล่ยี นแปลงแทนท่ีของสิ่งมีชวี ิต แทนท่ขี องสง่ิ มีชีวติ และ 2. อภิบายการใช้ สง่ิ แวดลอ้ มในชุมชน ทรพั ยากรธรรมชาติ สภาพ 2. การใชท้ รัพยากรธรรมชาติ ปญั หาสงิ่ แวดล้อมในระดบั ระดบั ท้องถนิ่ ประเทศและ ทอ้ งถ่นิ ระดับ ระดับประเทศ ระดับโลก และระดบั โลก 3. อธบิ ายสาเหตขุ องปญั หา 3. ปรากฏการณ์ทางธรณี วางแผน และลงมือปฏิบัติ วทิ ยาทมี่ ีผลกระทบต่อชวี ิตและ สิง่ แวดลอ้ ม 4. อธิบายปูองกัน แก้ไข เฝูา 4. ปัญหาและผลกระทบของ ระวงั อนุรกั ษ์ และพฒั นา ระบบนเิ วศและสภาพส่ิงแวดลอ้ ม ทรัพยากรธรรมชาติและ ในชุมชน ทอ้ งถิน่ ประเทศ และ สิ่งแวดล้อม โลก 5. อธิบายปรากฏการณ์ ของ 5. แนวทางการแกไ้ ขปัญหา ธรณวี ิทยาที่มผี ลกระทบต่อชีวติ ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และสิ่งแวดล้อมในชุมชน 6. อธบิ ายปรากฏการณ์ สภาวะ 6. การวางแผนพฒั นา โลกร้อน สาเหตแุ ละผลกระทบ ทรัพยากรธรรมชาติและ ตอ่ ชีวิตมนุษย์ ส่งิ แวดลอ้ ม 7. การปฏิบตั ติ น หรอื การ ร่วมมอื กับชมุ ชนในการปูองกัน

94 ที่ หัวเร่ือง ตวั ชวี้ ัด เนื้อหา จานวน (ช่วั โมง) 3 สารเพอื่ ชวี ติ 3.1 ธาตุ สมบตั ิของ พฒั นาหรือแก้ไขปัญหา ธาตุ และธาตุ กัมมันตรังสี ทรพั ยากร 3.2 สมการเคมีและ ธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม ปฏกิ ริ ยิ าเคมี 8. สภาวะโลกร้อน สาเหตุและ ผลกระทบ การปอู งกัน และแก้ไขปัญหาโลกร้อน 1. อธิบายทฤษฏี โครงสร้างและ 1. โครงสร้างอะตอมและทฤษฏี 10 15 การจดั เรียงอเิ ล็กตรอนใน อะตอม อะตอม 2. อธบิ ายสมบัตขิ องธาตตุ าม 2. การจัดเรียงอิเลก็ ตรอนใน ตารางธาตุ อะตอม 3. บอกประโยชนข์ องตารางธาตุ 3. การจัดเรยี งธาตุในตารางธาตุ 4. อธบิ ายสมบตั ธิ าตุกมั มนั ตรังสี 4. สมบัตขิ องธาตุตาม และกัมมนั ตภาพรงั สี ตารางธาตุ 5. บอกประโยชน์ และผลกระทบ 5. ประโยชนข์ องตารางธาตุ จากกมั มนั ตภาพรังสี 6.ความหมายและการเกิด กมั มันตภาพรังสี 7. ประโยชนแ์ ละโทษของ กมั มนั ตภาพรงั สี 8. ผลกระทบของสาร กัมมันตรังสี ต่อส่ิงมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อม 1. อธิบายการเกิดสมการเคมี 1. ความหมายของสมการเคมี และปฏิกิริยาเคมี และดลุ ปฏิกริ ยิ าเคมี และสัญลกั ษณ์ใน สมการเคมี สมการเคมี 2. อธบิ ายปจั จัยที่มีผลต่อ 2. การเขียนและการอ่านสมการ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี เคมี 3. อธบิ ายผลทเ่ี กดิ จากปฏิกริ ยิ า 3. ปัจจัยทมี่ ีผลตอ่ ปฏกิ ริ ิยาเคมี เคมตี ่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม 4. ปฏิกริ ิยาเคมใี นชวี ติ ประจําวัน และผลของปฏิกิริยาเคมตี ่อชีวติ และสิง่ แวดลอ้ ม

95 ที่ หัวเรือ่ ง ตวั ชี้วัด เนื้อหา จานวน (ชัว่ โมง) 3.3 โปรตนี 1. อธบิ ายสมบัติ ชนิด ประเภท 1. สมบตั ิ ชนดิ ประเภท การ 15 คารโ์ บไฮเดรต และ การเกดิ และประโยชนข์ อง เกดิ และประโยชน์ของโปรตีน ไขมัน โปรตนี 2. อธิบายสมบตั ิ ชนดิ ประเภท 2. สมบัติ ชนิด ประเภท การ การเกดิ และประโยชนข์ อง เกดิ และประโยชนข์ อง คาร์โบไฮเดรต คาร์โบไฮเดรต 3. อธิบายสมบตั ิ ชนดิ ประเภท 3. สมบัติ ชนดิ ประเภท การ การเกดิ และประโยชน์ของ เกิด และประโยชนข์ องไขมัน ไขมัน 3.4 ปโิ ตรเลยี ม และ 1. อธิบายหลกั การกลัน่ ลาํ ดบั 1. ปิโตรเลียม 15 พอลเิ มอร์ ส่วน 1.1 การกลั่นลําดบั ส่วน 1.2 ผลิตภณั ฑ์ทไี่ ด้ จากการ กลน่ั ปิโตรเลยี ม 1.3 ผลกระทบของการใช้ ปโิ ตรเลียม 2. บอกผลิตภัณฑ์และประโยชน์ 2. พอลิเมอร์ ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม 2.1 ความหมาย ประเภท 3. อธบิ ายผลกระทบทเี่ กิดจาก ชนิด การเกดิ และสมบัติของ การใช้ผลติ ภณั ฑป์ ิโตรเลียมได้ พอลิเมอร์ 4. อธิบายความหมายประเภท 2.2 พอลิเมอรใ์ นชวี ติ ชนดิ การเกิดและสมบัติของ ประจาํ วนั พอลเิ มอร์ 1.2.1 พลาสตกิ 5. อธบิ ายสมบัตกิ ารเกิดและ 1.2.2 ยางและยาง ผลกระทบทเี่ กดิ จากการใช้ สงั เคราะห์ พลาสติก ยาง ยางสงั เคราะห์ 1.2.3 เส้นใยธรรมชาติ เส้นและเสน้ ใยสังเคราะห์ และใยสงั เคราะห์ 2.3 ผลกระทบของการใช้ พอลิเมอร์ 3.5 สารเคมกี บั ชวี ติ 1. อธบิ ายความสําคัญและความ 1.ความสําคัญของสารกบั ชวี ติ 10 และสิง่ แวดลอ้ ม จาํ เป็นท่ีตอ้ งใช้สารเคมี และสิ่งแวดล้อม 2. อธบิ ายวิธีการใชส้ ารเคมีบาง 2. ความจาํ เปน็ ทต่ี ้องใชส้ ารเคมี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook