Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานศึกษาระดับประถมศึกษา

หลักสูตรสถานศึกษาระดับประถมศึกษา

Published by sunsunee.ning, 2020-04-21 20:54:30

Description: หลักสูตรสถานศึกษาระดับประถมศึกษา

Search

Read the Text Version

146 ที่ หวั เรื่อง ตวั ช้ีวดั เนอ้ื หา จานวน (ช่ัวโมง) 4 การเมืองการ 4.2 การบริโภค การแลกเปลี่ยน ปกครอง 20 และการกระจายรายได้ 4.3 ผลกระทบท่ีเกิดจากการผลิต การบริโภค การแลกเปลี่ยน และ การกระจายรายได้ (กรณตี ัวอยา่ ง) 5. เหน็ ความสาคญั ของการนา 5. มีคุณธรรมของ คุณธรรมมาใชใ้ นการบรหิ ารการ - ผู้ผลิต จดั การทรพั ยากรให้เกดิ ประโยชน์ - ผู้บริโภค สูงสดุ - การแลกเปล่ยี น - การกระจายรายได้ (กรณีศึกษาคณุ ธรรมของ กิจกรรมเศรษฐกจิ ) 6. ใช้ขอ้ มลู ในท้องถน่ิ และชุมชน 6.1 ทรัพยากรธรรมชาติและ ในการจดั การทรพั ยากรการผลติ สิ่งแวดล้อมในท้องถน่ิ และชมุ ชน 6.2 แหล่งทุนในหมูบ่ า้ น และชมุ ชน เช่น กองทนุ หมบู่ ้าน สหกรณ์ใน ชุมชน 1. รแู้ ละเข้าใจความหมาย 1. ความหมาย ความสาคัญ ของ ความสาคญั ของการเมืองการ การเมืองการปกครอง ปกครอง 2. รู้และเข้าใจ การปกครอง 2.1 อานาจอธปิ ไตย ระบอบประชาธปิ ไตย 2.2 โครงสร้างการบรหิ ารราชการ แผ่นดินส่วนกลาง ส่วนภูมภิ าค สว่ นทอ้ งถน่ิ 3. เขา้ ใจและสามารถวิเคราะห์ 3. ความสมั พันธร์ ะหวา่ งอานาจนิติ ความสัมพันธ์ระหวา่ งอานาจนติ ิ บัญญัติ อานาจบรหิ าร อานาจตลุ า บัญญัติ กบั อานาจบริหารและ การ อานาจตลุ าการ 4. มีสว่ นร่วมในการเมืองการ 4. การมีส่วนร่วมทางการเมืองการ ปกครองในระดับท้องถิ่น และ ปกครองในระดับท้องถนิ่ และดับ ระดบั ประเทศ ประเทศ

147 คาอธิบายรายวิชา สค11002 ศาสนาและหน้าท่ีพลเมือง จานวน 2 หน่วยกติ ระดับประถมศึกษา มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั 1. มคี วามรู้ ความเข้าใจ เห็นคุณค่า และสบื ทอดศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี ท้องถน่ิ และ ประเทศไทย 2. มคี วามรู้ ความเข้าใจดาเนินชีวิตตามวิถีประชาธิปไตยกฎหมายเบ้ืองต้นกฎระเบียบของชุมชน สงั คม และประเทศ ศกึ ษาและฝกึ ทักษะเกี่ยวกับเร่อื งดังต่อไปนี้ 1. ความหมาย ความสาคญั ของศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี 2. พทุ ธประวัติ และประวตั ศิ าสดาของศาสนาตา่ งๆ ในประเทศไทย 3. หลกั ธรรม และการปฏิบตั ิตนตามหลักธรรมของแตล่ ะศาสนา 4. บคุ คลตวั อยา่ งทีใ่ ชห้ ลกั ธรรมทางศาสนาในการดาเนินชีวติ 5. วัฒนธรรมประเพณี ค่านยิ มท่ีพงึ ประสงคข์ องชุมชน สังคมในท้องถนิ่ และสงั คมไทย 6. สทิ ธิเสรภี าพ บทบาทหนา้ ทข่ี องพลเมอื งในสังคมประชาธิปไตย 7. ปัญหาและสถานการณ์การเมอื ง การปกครองทเ่ี กดิ ขน้ึ ในชมุ ชน 8. การมสี ว่ นรว่ มในการปฏบิ ัติตนตามกฎหมาย 9. กฎหมายในชีวติ ประจาวนั การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ จดั ให้มกี ารคน้ ควา้ หาความรู้ จากสือ่ เอกสาร ตารา ส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ ภูมิปัญญา ผู้รู้ สถาบันทาง ศาสนา การฝกึ ปฏบิ ัติ การทาโครงงาน การจัดกลุ่มอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การวิเคราะห์ สถานการณ์ จาลอง การสรปุ ผลการเรียนรู้ และนาเสนอในรูปแบบต่างๆ การวัดและประเมนิ ผล ประเมินจากการทดสอบ การสังเกต การประเมินการมีส่วนร่วมในการทากิจกรรมและการตรวจ ผลงาน ฯลฯ

148 รายละเอยี ดคาอธิบายรายวิชา สค11002 ศาสนาและหนา้ ท่พี ลเมอื ง จานวน 2 หน่วยกิต ระดบั ประถมศึกษา มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดับ 1. มีความรู้ ความเขา้ ใจ เห็นคณุ ค่า และสบื ทอดศาสนา วัฒนธรรม ประเพณีท้องถ่ินและประเทศ ไทย 2.มีความรู้ความเขา้ ใจดาเนินชีวิตตามวถิ ปี ระชาธิปไตยกฎหมายเบือ้ งตน้ กฎระเบียบของชมุ ชน สังคม และประเทศ ท่ี หัวเรอื่ ง ตวั ชวี้ ัด เนือ้ หา จานวน (ชวั่ โมง) 1. ศาสนา 1.มีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับ ความหมายความสาคัญของ ศาสนา 1.ความหมาย 20 วฒั นธรรม วัฒนธรรม ประเพณี ในประเทศไทย ความสาคญั ประเพณี ของ ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี 2.มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ พุทธประวัติ และประวตั ศิ าสดาของ 2.พุทธประวตั ิ ศาสนาต่างๆ และประวัติ ศาสดาของ ศาสนาตา่ งๆ ในประเทศ ไทย - ประวตั ิ พระเยซู - ประวัติ พระมูฮัมมัด 3.1 มีความรู้ ความเข้าใจในหลักธรรม และการปฏบิ ัติธรรมแต่ละ ฯลฯ ศาสนา 3.1 หลักธรรม สาคญั ของ ศาสนาพทุ ธ - เบญจศีล เบญจธรรม - ฆราวาส

149 ที่ หัวเรอื่ ง ตัวชี้วัด เน้ือหา จานวน (ชั่วโมง) ธรรม - พรหม วหิ าร 4 หลกั ธรรม สาคญั ของ ศาสนา คริสต์ ศาสนา อสิ ลาม 3.2 ตระหนกั ถึงคณุ คา่ และเห็นความสาคญั ในการนาหลักธรรมมาใชใ้ น ศาสนา การดารงชีวติ ฮนิ ดู 4. มที กั ษะในการปฏบิ ัติตน ตามหลักศาสนาที่ตนนบั ถือ 5. สามารถอย่รู ว่ มกับบุคคลท่ีต่างความเช่ือทางศาสนาในสังคมได้อยา่ ง 4.1 การ 20 สันติสุข ปฏิบัตติ น ตามหลัก 6. มคี วามรู้ ความเข้าใจในวฒั นธรรมประเพณขี องชมุ ชน ท้องถน่ิ และ ศาสนา ของประเทศ - พุทธ 7. ตระหนักถึง ความสาคัญของวัฒนธรรมประเพณขี องชมุ ชน ท้องถ่นิ - ครสิ ต์ และของ - อิสลาม ประเทศ - ฮนิ ดู 4.2 บุคคล 8. มสี ว่ นรว่ มในการปฏิบตั ติ นตามวฒั นธรรมประเพณีของท้องถ่ิน ตัวอย่างทีใ่ ช้ หลักธรรม 9. นาคา่ นยิ มท่ีพงึ ประสงค์ของสังคม ชมุ ชน มาประพฤติปฏบิ ัติจนเปน็ ทางศาสนาใน การดาเนิน ชวี ิต 5.การ แก้ปัญหา ความ แตกแยกของ

150 ที่ หวั เร่ือง ตวั ชว้ี ัด เนื้อหา จานวน นสิ ยั (ชั่วโมง) บุคคล สังคม ชุมชน เพราะ ความ แตกต่าง ความเช่ือ ศาสนา และ สงั คมดว้ ย สนั ติวธิ ี (กรณี ตวั อย่าง) - จากพทุ ธ ประวตั ิ - จาก ประสบการณ์ ของผู้เรยี น 6. วฒั นธรรม ประเพณใี น ชุมชน ทอ้ งถ่ิน ภาค ตา่ งๆ ของ ประเทศไทย - ภาษา การแต่งกาย อาหาร ฯลฯ ของภาค ต่างๆ - ประเพณี ของแต่ละ ชมุ ชน ทอ้ งถิน่ ภาค เชน่ แห่เทยี น พรรษา,บุญ

151 ที่ หัวเรอื่ ง ตวั ชวี้ ดั เนื้อหา จานวน (ชวั่ โมง) เดือนสบิ ,ลอย กระทง, ประเพณีวิ่ง ควาย,ยี่เปง็ 7.การอนุรกั ษ์ และสบื สาน วฒั นธรรม ประเพณีของ ภาคต่างๆ (กรณี ตวั อยา่ ง) 8. การ ประพฤติ ปฏิบัตติ น เพอ่ื การ อนรุ ักษ์ และ สืบสาน วัฒนธรรม ประเพณี 10. คา่ นยิ มท่ี พึงประสงค์ ของชมุ ชน สังคมไทย 11. การ ประพฤติ ปฏิบตั ติ น ตามค่านยิ ม ของชุมชน สังคมไทยท่ี พึงประสงค์ (กรณี

152 ท่ี หัวเรอ่ื ง ตวั ช้วี ดั เนื้อหา จานวน (ชว่ั โมง) 2. หน้าท่ี 1. รแู้ ละเขา้ ใจในเรื่องสิทธิ เสรภี าพ บทบาทหนา้ ท่ีและคุณคา่ ของความ พลเมอื ง เปน็ พลเมืองดีตามแนวทางประชาธปิ ไตย ตวั อยา่ ง) 2. ตระหนักในคุณคา่ ของการปฏิบัตติ นเปน็ พลเมืองดีตามวถิ ี ประชาธปิ ไตย 1.1 20 3.แยกแยะปญั หา และสถานการณก์ ารเมืองการปกครองท่เี กดิ ข้ึนใน ชุมชน ความหมาย 4. รู้และเขา้ ใจสาระท่วั ไปเกยี่ วกับกฎหมาย 5. นาความรกู้ ฎหมายท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ตนเอง ครอบครวั ชุมชน และ ของ ประเทศชาติไปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้ 6. เห็นคณุ ค่า และประโยชนข์ องการปฏบิ ัตติ นตามกฎหมาย ประชาธิปไตย 1.2 สทิ ธิ เสรีภาพ บทบาท หนา้ ทีข่ อง พลเมอื งในวิถี ประชาธปิ ไตย 20 2. การมสี ่วน รว่ มในการ ปฏิบัติตน ตามกฎหมาย 3. ปัญหา และ สถานการณ์ การเมืองการ ปกครองท่ี เกิดขึน้ ใน ชุมชน (กรณี ตวั อย่าง) 4. กฎหมายที่ เกีย่ วข้องกบั ตนเอง และ ครอบครัว 5. กฎหมายที่ เกย่ี วขอ้ งกบั

153 ที่ หัวเร่อื ง ตัวชวี้ ัด เน้ือหา จานวน ชุมชน (ชัว่ โมง) 6. กฎหมาย อื่นๆ เช่น กฎหมาย แรงงานและ สวัสดกิ าร กฎหมายว่า ด้วยสทิ ธิเด็ก และสตรี

154 คาอธิบายรายวชิ า สค11003 การพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สังคม จานวน 1 หนว่ ยกิต ระดบั ประถมศึกษา มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ มีความรู้ ความเขา้ ใจหลักการพัฒนาชมุ ชน สังคม และวิเคราะหข์ ้อมูลในการพัฒนาตนเอง ครอบครวั ชุมชน สงั คม ศกึ ษาและฝึกทกั ษะเกย่ี วกบั เร่ืองดงั ต่อไปน้ี 1. ความหมาย ความสาคญั ประโยชน์ ของการพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สังคม 2. วิธกี ารจัดเกบ็ ข้อมลู การวิเคราะหข์ ้อมูลชมุ ชนอย่างงา่ ย 3. การมีส่วนร่วมในการวางแผนพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สังคม 4. การนาผลที่ไดจ้ ากการวางแผนพัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม ไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ จัดใหผ้ เู้ รยี นฝกึ ทักษะการจดั เก็บข้อมลู การวเิ คราะหข์ ้อมูล การจดั แผนพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สงั คมโดยการเข้ารว่ มสงั เกตการณใ์ นสถานการณ์จรงิ หรอื จากการ ในสถานการณจ์ รงิ หรอื จากการ สร้างสถานการณจ์ าลอง จดั ทาเวทปี ระชาคม และการศกึ ษาดูงาน การวดั และประเมินผล ประเมินจากผลงาน และการมสี ว่ นร่วมในขน้ั ตอนต่างๆ ของการจดั ทาแผนพฒั นาตนเอง ชุมชน สังคม

155 รายละเอยี ดคาอธิบายรายวิชา สค11003 การพฒั นาตนเอง ชุมชน สังคม จานวน 1 หน่วยกิต ระดบั ประถมศึกษา มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ มีความรู้ ความเข้าใจหลกั การพัฒนาชมุ ชน สังคม และวเิ คราะห์ข้อมลู ในการพฒั นาตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สงั คม ที่ หวั เร่ือง ตวั ช้ีวดั เนอ้ื หา จานวน (ชัว่ โมง) 1. พฒั นาตนเอง 1. มีความรู้ ความเขา้ ใจ หลกั การ 1. หลักการพัฒนาตนเอง ชมุ ชน 20 พัฒนาตนเอง ชุมชน สงั คม สังคม 2. มคี วามรู้ ความเข้าใจ และเหน็ 2. ความหมาย ความสาคัญ ความสาคญั ของข้อมลู ตนเอง ประโยชน์ ของข้อมลู ดา้ น ครอบครวั ชมุ ชนสังคม - ภมู ิศาสตร์ - ประวัติศาสตร์ - เศรษฐศาสตร์ - การเมือง การปกครอง - ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี - หนา้ ท่ีพลเมือง - ทรัพยากร สงิ่ แวดลอ้ ม - สาธารณสุข - การศึกษา 3. วิเคราะหช์ มุ ชนอย่างง่ายและ 3. วิธีการจดั เก็บ วิเคราะห์ อธิบายข้อมลู ข้อมลู อยา่ งง่าย และเผยแพร่ ขอ้ มลู 4. เกดิ ความตระหนกั และมสี ่วน 4. การมสี ว่ นรว่ มในการวางแผน 20 ร่วมในการจดั ทาแผนพัฒนาชุมชน พฒั นาตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สงั คม สงั คม 5.นาแนวทางการพัฒนา ชุมชน 5. การนาผลท่ีไดจ้ ากการ สงั คม ไปประยกุ ต์ใช้กับตนเอง วางแผนไปประยุกตใ์ ช้ใน และครอบครวั ชีวติ ประจาวนั

156 คาอธิบายรายวิชา สค12021 การเงินเพื่อชีวติ 1 ระดบั ประถมศกึ ษา จานวน 2 หนว่ ยกติ (80 ชั่วโมง) มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั มคี วามรู้ ความเข้าใจ ตระหนัก เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การ ปกครองในท้องถ่ิน ประเทศ นามาปรับใช้ในการดาเนินชีวิต และการประกอบอาชีพ เพ่ือความม่ันคง ของชาติ ศึกษาและฝกึ ทกั ษะเกีย่ วกบั เร่อื งดังต่อไปนี้ 1. วา่ ด้วยเรื่องของเงิน ความหมายและประโยชน์ ประเภทของเงิน เงินฝากและการประกันภัย การชาระเงิน ทางอิเล็กทรอนิกส์ โครงสร้างระบบสถาบนั การเงินของประเทศไทย 2. การวางแผนการเงิน ประเมินฐานะการเงนิ ของตนเอง บนั ทกึ รายรับ-รายจ่าย เปูาหมายการเงินในชีวติ การ ออม 3. สนิ เช่ือ ความหมายของ “หน้ดี ี” และ “หน้ีพงึ ระวัง” ในชีวิต ประเมินความเหมาะสมก่อน ตัดสนิ ใจ ก่อหนี้ วธิ ปี อู งกนั ปญั หาหน้ี การแก้ไขปัญหาหนดี้ ้วยตนเอง 4. สทิ ธแิ ละหน้าทข่ี องผใู้ ชบ้ ริการทางการเงิน สทิ ธขิ องผู้ใช้บรกิ ารทางการเงิน 4 ประการ หนา้ ที่ของผู้ใช้บริการทางการเงิน 5 ประการ รู้จักศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) และหน่วยงานที่รับเร่ืองร้องเรียนอ่ืน ๆ การเขียน หนังสือร้องเรยี นและข้ันตอนท่เี กี่ยวขอ้ ง 5. ภัยทางการเงิน ลกั ษณะ การปูองกันตนเอง และการแกไ้ ขปัญหาภัยทางการเงิน การจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ 1. จดั กลุ่มอภิปรายในเน้ือหาทีเ่ กย่ี วขอ้ ง 2. ศึกษาจากเอกสารและสื่อทุกประเภทท่ีเกี่ยวข้อง เว็บไซต์ของธนาคารแห่ง ประเทศไทย และเวบ็ ไซตข์ อง ศคง. 3. จดั ทาโครงการนิทรรศการฐานการเรยี นรู้ 4. เชิญวิทยากรผู้รู้มาให้ความรู้เก่ียวกับการก่อหน้ีอย่างเหมาะสม และการวางแผน การเงนิ ในชีวติ การวัดและประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤติกรรมระหว่างการเรยี นรู้ 2. วดั ความร้จู ากการทากิจกรรมในใบงาน 3. การวัดผลสมั ฤทธป์ิ ลายภาค

157 รายละเอยี ดคาอธิบายรายวิชา สค12021 การเงนิ เพือ่ ชีวิต 1 ระดบั ประถมศึกษา จานวน 2 หนว่ ยกติ (80 ชั่วโมง) มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนัก เก่ียวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การ ปกครอง ในท้องถ่ิน ประเทศ นามาปรับใช้ในการดาเนินชีวิต และการประกอบอาชีพ เพ่ือความมั่นคง ของชาติ ที่ หัวเรื่อง ตัวชีว้ ดั เน้ือหา จานวนช่วั โมง 1. ว่าด้วยเรื่องของเงนิ 12 ชม. 1.1 ความหมายและ 1. บอกความหมายและ 1. ความหมาย และ 1 ชม. ประโยชน์ ประโยชนข์ องเงิน ประโยชนข์ องเงนิ 2. บอกความหมายของการ 2. ความหมายของการให้ ให้เงินและการให้ยืมเงนิ เงนิ และการใหย้ ืมเงนิ 1.2 ประเภทของเงนิ 1. อธิบายวิธกี ารตรวจสอบ 1. เงนิ ไทย ธนบัตร - ธนบตั ร - เหรียญกษาปณ์ 2. บอกสกุลเงินในกลุ่ม 2. เงินตราต่างประเทศ ประเทศอาเซยี น - สกลุ เงนิ ในกล่มุ ประเทศอาเซียน 1.3 เงนิ ฝาก และการ 1. บอกประเภทของบญั ชีเงิน 1. ประเภท ลักษณะ ประกันภยั ฝาก ประโยชน์ และข้อจากดั 2. บอกประโยชนแ์ ละ ของการฝากเงนิ ขอ้ จากดั การฝากเงนิ ประเภท - บญั ชีเงินฝากออม ต่าง ๆ ทรัพย์ - บัญชเี งนิ ฝากประจา - สลากออมทรัพย/์ สลาก 3. บอกความหมายของ ออมสิน ดอกเบยี้ เงนิ ฝาก 2. ความหมายดอกเบ้ยี เงนิ ฝาก 4. บอกความหมายของการ คมุ้ ครองเงนิ ฝาก 5. บอกบทบาทหนา้ ท่ีของ 3. การคุ้มครองเงนิ ฝาก

158 ท่ี หัวเรื่อง ตวั ช้ีวัด เน้ือหา จานวนชว่ั โมง สถาบันคมุ้ ครองเงินฝาก 6. บอกความหมายและ ประโยชน์ของการประกันภัย รายย่อย 4. ความหมายและ ประโยชน์ของการ ประกนั ภัยรายย่อย 1.4 การชาระเงินทาง 1. บอกความหมาย และ 1. ความหมาย และ อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ประโยชน์ของการชาระเงนิ ประโยชน์ของการชาระ ทางอิเลก็ ทรอนิกส์ เงนิ ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ 2. ลกั ษณะของบตั ร ATM 2. บอกลักษณะของบัตร บตั รเดบิต บัตรเครดติ ATM บตั รเดบิต บัตรเครดิต 1.5 โครงสร้างระบบ 1. บอกโครงสรา้ งของระบบ 1. โครงสรา้ งระบบสถาบนั สถาบันการเงินของ สถาบันการเงนิ ของประเทศ การเงินของประเทศไทย ประเทศไทย ไทย 2. ประเภทและหน้าท่ีของ 2. บอกประเภทและหน้าที่ สถาบันการเงนิ ของธนาคารพาณชิ ย์ 2.1 ธนาคารพาณิชย์ 3. บอกประเภทและหนา้ ท่ี 2.2 สถาบันการเงิน ของสถาบนั การเงินเฉพาะกิจ เฉพาะกิจ (ธนาคารของ (ธนาคารของรฐั ) รัฐ) 2. การวางแผนการเงนิ 14 ชม. 2.1 ประเมินฐานะ 1. บอกหลักการประเมินฐานะ 1. หลักการประเมนิ ฐานะ การเงินของตนเอง ทางการเงนิ ของตนเอง ทางการเงนิ ของตนเอง 2. คานวณฐานะทางการเงิน - ความม่งั คง่ั สทุ ธิ ของตนเอง - อัตราสว่ นภาระหนีส้ นิ ตอ่ รายได้ (ตอ่ เดอื น) - จานวนเงินออมเผื่อ ฉกุ เฉิน - อัตราสว่ นเงนิ ออมตอ่ รายได้ (ต่อเดอื น) 2.2 บนั ทกึ รายรบั - 1. บอกความแตกต่างของ 1. ความแตกตา่ งของความ รายจา่ ย “ความจาเป็น” และ “ความ จาเปน็ และความต้องการ ต้องการ” ในการดารงชีวิต

159 ที่ หัวเร่ือง ตัวชว้ี ดั เน้อื หา จานวนชวั่ โมง 2. จดั ลาดับความสาคญั ของ 2. การจดั ลาดบั รายจา่ ย ความสาคัญของรายจ่าย 3. ลักษณะและประโยชน์ 3. บอกลกั ษณะของบันทกึ ของการบันทึกรายรบั - รายรับ-รายจา่ ย รายจ่าย 4. บอกประโยชน์ของการ 4. วธิ บี นั ทึกรายรับ- บันทึกรายรับ-รายจา่ ย รายจ่าย 5. จดบนั ทกึ รายรับ-รายจ่าย 2.3 เป้าหมายการเงิน 1. บอกประโยชนข์ องการมี 1. ประโยชน์ของการมี ในชีวติ เปูาหมายการเงินในชีวติ เปูาหมายการเงินในชีวติ 2. บอกเปาู หมายการเงนิ ที่ 2. เปูาหมายการเงินทีค่ วร ควรมีในชีวิต มี ในชีวิต 3. บอกวิธีการตง้ั เปาู หมาย 3. วธิ ีการตงั้ เปาู หมาย การเงนิ การเงิน (หลกั SMART) 4. การวางแผนการเงนิ ให้ 4. ยกตวั อยา่ งการวางแผน เป็นไปตามเปูาหมายท่ีต้ัง การเงนิ ไว้ 5. วางแผนการเงินก่อนวยั 5. การวางแผนการเงินก่อน สูงอายุ วยั สูงอายุ 2.4 การออม 1. บอกความหมายของการ 1. ความหมายและ ออม ประโยชนข์ องการออม 2. บอกประโยชนข์ องการ 2. เปาู หมายการออม เชน่ ออม - ออมอยา่ งน้อย 1 ใน 4 3. บอกเปาู หมายการออม ของรายได้ต่อเดอื น - ควรออมเพื่ออะไรบ้าง 3. หลักการออมใหส้ าเรจ็ เช่น ออมกอ่ นใช้ และ 4. บอกหลกั การออมให้ เทคนิคการออม เช่น เกบ็ สาเรจ็ ธนบัตร 50 บาท ฝากใน บญั ชีที่ไมส่ ามารถถอนได้ สะดวก 4. ความรเู้ บื้องตน้ เก่ยี วกับ กองทนุ การออมแหง่ ชาติ 5. บอกความรูเ้ บื้องต้น (กอช.) เกย่ี วกบั กองทุนการออม

160 ท่ี หัวเรอื่ ง ตัวชว้ี ัด เนอ้ื หา จานวนชว่ั โมง 3. สนิ เชื่อ แหง่ ชาติ 24 ชม. 1. บอกความหมายของ “หน้ี 1. การประเมินความ 4. สทิ ธิและหนา้ ท่ขี อง ด”ี และ “หน้ีพึงระวัง” เหมาะสมก่อนตัดสนิ ใจก่อ 10 ชม. ผใู้ ชบ้ รกิ ารทาง 2. วเิ คราะห์ความเหมาะสม หนี้ การเงนิ กอ่ นตดั สนิ ใจกอ่ หนี้ 2. ลกั ษณะของสนิ เชอื่ ราย 3. บอกวธิ กี ารปูองกันปัญหา ย่อย หน้ี 4. บอกวิธีการแก้ไขปญั หา 3. วิธกี ารปอู งกันปัญหา หนดี้ ้วยตนเอง หน้ี 4. วิธีการแกไ้ ขปัญหาหน้ี 1. บอกสทิ ธิของผูใ้ ช้บรกิ าร 1. สทิ ธขิ องผู้ใช้บรกิ ารทาง ทางการเงิน การเงนิ - ได้รบั ข้อมูลทีถ่ ูกตอ้ ง 2. บอกหน้าที่ของผู้ใชบ้ ริการ - เลอื กใช้ผลิตภัณฑแ์ ละ ทางการเงนิ บริการได้อยา่ งอสิ ระ - ร้องเรียนเพ่ือความเปน็ 3. บอกบทบาทหนา้ ที่ของ ธรรม ศูนย์ค้มุ ครองผใู้ ช้บริการ - ไดร้ ับการพจิ ารณา ทางการเงนิ (ศคง.) และ คา่ ชดเชยหากเกดิ ความ หนว่ ยงานทร่ี ับร้องเรียนอืน่ ๆ เสียหาย 4. บอกขั้นตอนการร้องเรียน 2. หนา้ ที่ของผู้ใช้บริการ 5. บอกหลกั การเขียนหนังสือ ทางการเงิน รอ้ งเรียน - วางแผนการเงนิ - ตดิ ตามขอ้ มูลขา่ วสาร ทางการเงนิ อยา่ งสม่าเสมอ - เข้าใจรายละเอียดและ เปรียบเทยี บข้อมูลก่อน เลือกใช้ - ตรวจทานความถูกต้อง ของธรุ กรรมทางการเงนิ ทกุ ครงั้ - เมื่อเป็นหน้ตี ้องชาระหนี้ 3. บทบาทศูนย์คุ้มครอง ผู้ใช้บริการทางการเงนิ (ศคง.) และหน่วยงานที่รบั

161 ที่ หวั เรือ่ ง ตวั ชว้ี ดั เนอ้ื หา จานวนช่วั โมง 5. ภัยการเงิน 20 ชม. เร่ืองรอ้ งเรยี นอื่น ๆ 4. ขนั้ ตอนการ้องเรียน และ การเขียนหนังสือ ร้องเรียน 1. บอกลักษณะของภัยทาง 1. ลกั ษณะ การปูองกัน การเงิน ตนเอง และการแก้ไข - หนี้นอกระบบ ปัญหาในเร่ือง - แชร์ลูกโซ่ - หนี้นอกระบบ - ภัยใกล้ตวั - แชร์ลูกโซ่ - แกง๊ คอลเซน็ เตอร์ - ภยั ใกล้ตัว เช่น การ 2. บอกวิธีปอู งกนั ตนเองจาก หลอกลวงใหจ้ า่ ยเบี้ย ภัยทางการเงิน ประกันงวดสดุ ท้าย/ตก 3. บอกวิธีแก้ปัญหาทีเ่ กิดจาก ทอง/ล็อตเตอรีป่ ลอม ภยั ทางการเงนิ - แกง๊ คอลเซนเตอร์

162 คาอธิบายรายวิชา สค12024 ประวัตศิ าสตร์ชาตไิ ทย จานวน 2 หนว่ ยกติ ระดับประถมศึกษา มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมอื งการปกครองในท้องถ่นิ ประเทศ นามาปรับใช้ในการดาเนินชีวิตและการประกอบอาชีพ เพื่อความ มัน่ คงของชาติ ศกึ ษาและฝึกทกั ษะเก่ยี วกบั เรื่องตอ่ ไปนี้ ความภูมิใจในความเป็นชาติไทย พระมหากษัตริย์ไทยและบรรพบุรุษในสมัยสุโขทัย มรดกทางวัฒนธรรมสมยั สโุ ขทัย และเหตุการณท์ างประวตั ศิ าสตร์สมยั สุโขทยั การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จากการอภิปรายกลุ่ม การศึกษาจากเอกสาร ประกอบการเรียน การทาใบงาน แบบบันทึกการเรียนรู้ ศึกษาจากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ได้แก่ อินเทอร์เนต็ / ผู้รู้ ผ้เู ชย่ี วชาญ และสื่อตา่ ง ๆ การวดั และประเมินผล สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ความตั้งใจ ความสนใจ ความรับผิดชอบ การ แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ การอภิปราย การเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผลงาน ชิน้ งาน และแบบทดสอบ

163 รายละเอยี ดคาอธบิ ายรายวชิ า สค12024 ประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย จานวน 2 หนว่ ยกติ ระดบั ประถมศึกษา มาตรฐานการเรียนรูร้ ะดบั มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมืองการปกครองในทอ้ งถ่ิน ประเทศ นามาปรับใช้ในการดาเนินชีวิตและการประกอบอาชีพ เพื่อความ มน่ั คงของชาติ ท่ี หวั เร่อื ง ตัวชว้ี ดั เน้อื หา จานวน ชวั่ โมง 1 ความภมู ิใจในความ 1. อธบิ ายความหมาย 1. ความหมาย ความเป็นมา และ 6 เปน็ ชาตไิ ทย ความเป็นมา และความสาคญั ความสาคญั ของสถาบนั หลัก ของสถาบันหลักของชาติ ของชาติ 2. บอกความเปน็ มาของชาติไทย 3 3. อธิบายเสรีภาพในการนับถือ 2. ความเปน็ มาของชาติไทย 6 ศาสนาของไทย 3. เสรีภาพในการนบั ถือศาสนา 4. บอกและยกตวั อย่าง บญุ คุณ ของไทย 15 ของพระมหากษัตริยไ์ ทยตงั้ แต่ สมยั สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และ 4. บญุ คุณของพระมหากษัตรยิ ์ ไทยต้ังแต่ สมยั สโุ ขทยั อยุธยา รัตนโกสินทร์ ธนบรุ ี และรัตนโกสนิ ทร์ 4.1 สมยั สุโขทัย 4.2 สมยั อยธุ ยา 4.3 สมัยธนบรุ ี 4.4 สมยั รัตนโกสินทร์

164 ที่ หัวเรอ่ื ง ตัวชีว้ ดั เนอ้ื หา จานวน ชว่ั โมง 2 พระมหากษัตริย์ 1. บอกช่ือพระมหากษัตริยไ์ ทย 1. พระมหากษัตรยิ ์ไทยในสมัย 10 ไทยและบรรพบุรุษ ในสมัยสโุ ขทัย สโุ ขทัย ในสมัยสุโขทยั 2. บอกพระราชประวัตแิ ละ พระราชกรณียกจิ ท่ีสาคญั ของ 2. พระราชประวัตแิ ละพระราช พระมหากษัตริยไ์ ทย กรณยี กิจ ทีส่ าคญั ของ ในสมยั สุโขทยั พระมหากษัตรยิ ์สมัยสโุ ขทัย 2.1 พอ่ ขนุ ศรอี ินทราทิตย์ 2.1 พอ่ ขุนศรอี ินทราทติ ย์ 2.2 พอ่ ขุนรามคาแหงมหาราช 2.2 พ่อขุนรามคาแหงมหาราช 2.3 พระมหาธรรมราชาท่ี 1 2.3 พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) (พญาลไิ ท) 3. บอกวรี กรรมของบรรพบุรุษสมัย สุโขทัย 3 มรดกทาง 1. บอก และยกตวั อย่าง 3. วีรกรรมของบรรพบุรุษสมัย 30 วัฒนธรรม วฒั นธรรมสมัยสุโขทยั สโุ ขทัย สมยั สุโขทยั ได้อยา่ งน้อย 3 เร่ือง 3.1 พอ่ ขนุ ผาเมือง 2. บอกแนวทางในการสืบสาน 1. มรดกทางวัฒนธรรมสมัย วัฒนธรรมสมยั สุโขทยั สุโขทยั 3. แสดงความคดิ เห็นในการสืบ 1.1 ประเพณีลอยกระทง เผา สานมรดกทางวัฒนธรรมสมัย เทยี น เลน่ ไฟ สุโขทัยสกู่ ารปฏิบตั ิได้ อยา่ งน้อย 1 เร่ือง 1.2 พนมเบย้ี พนมหมาก พนม ดอกไม้ 1.3 ลายสอื ไทย 1.4 ไตรภูมพิ ระรว่ ง 1.5 เครอ่ื งสงั คโลก 1.6 ประเพณีกนิ 4 ถ้วย (ไข่กบ นกปล่อย มะลลิ อย อ้ายตอื้ ) 1.7 ดนตรีไทยและดนตรี พ้ืนบ้าน สมยั สโุ ขทัย 1.8 สถาปตั ยกรรมและ ประติมากรรมสมัยสุโขทัย 1) เจดีย์สมยั สุโขทัย

165 ที่ หวั เร่อื ง ตัวช้วี ดั เนื้อหา จานวน ชว่ั โมง 2) พระพุทธรปู สมยั 10 สุโขทยั 2. แนวทางในการสืบสานมรดก ทางวัฒนธรรมสมยั สุโขทยั 4 เหตุการณท์ าง 1. อธบิ ายวธิ ีบริหารจัดการนา้ 1. ความเป็นมาของประวตั ศิ าสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ สมัย สมยั สุโขทยั การบริหารจัดการน้า สโุ ขทัย 2. ยกตวั อย่างการประยุกตใ์ ช้ 2. การอยูก่ ับนา้ สมยั โบราณ การอยู่กบั น้าในสมัยโบราณ กับ ชวี ติ ประจาวัน

166 คาอธบิ ายรายวชิ า สค12025 ลกู เสือ กศน. จานวน 2 หน่วยกติ ระดับประถมศกึ ษา มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดับ 1. มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักเก่ียวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมืองการปกครองในท้องถน่ิ ประเทศ นามาปรบั ใชใ้ นการดาเนนิ ชีวิต และการประกอบอาชีพ เพ่ือ ความมนั่ คงของชาติ 2. มีความรู้ ความเข้าใจ เห็นคุณค่า และสืบทอดศาสนา วัฒนธรรม ประเพณีของ ทอ้ งถ่นิ และประเทศไทย 3. มีความรู้ ความเข้าใจ ดาเนินชีวิตตามวิถีประชาธิปไตย กฎหมายเบ้ืองต้น กฎระเบียบของชุมชน สังคม และประเทศ 4. มีความรู้ ความเข้าใจหลักการพัฒนาชุมชน สังคม และวิเคราะห์ข้อมูลในการ พฒั นาตนเอง ครอบครวั ชุมชน สงั คม ศึกษาและฝกึ ทกั ษะเกี่ยวกบั เร่อื งต่อไปน้ี ลูกเสือกับการพัฒนา การลกู เสือไทย การลูกเสือโลก คุณธรรม จริยธรรมของลูกเสือ วินัย และความเป็นระเบียบเรียบร้อย ลูกเสือ กศน. กับการพัฒนา ลูกเสือ กศน. กับจิตอาสาและการ บริการการเขียนโครงการเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคม ทักษะลูกเสือ ความปลอดภัยในการเข้าร่วม กิจกรรมลูกเสือ การปฐมพยาบาล การเดินทางไกล อยู่ค่ายพักแรม และชีวิตชาวค่าย และการฝึก ปฏิบัติการเดินทางไกลอย่คู า่ ยพักแรม และชีวติ ชาวคา่ ย การจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ ศกึ ษาคน้ ควา้ จากตาราเอกสาร แหล่งการเรียนรู้ในชุมชน สือ่ เทคโนโลยี อนิ เทอร์เน็ต และ ส่ือท่ีหลากหลาย วิทยากร ผู้รู้ ปราชญ์ชุมชน ผู้ทรงคุณวุฒิ จัดกลุ่มศึกษา ค้นคว้า อภิปราย แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ศึกษานอกสถานท่ี นิทรรศการ สาธิต ฝึกปฏิบัติจริงในพ้ืนท่ี/ชุมชน การฝึก ปฏิบัติการเดินทางไกล อยู่ค่ายพักแรม และชีวิตชาวค่าย จัดทาโครงงาน วางแผนและร่วมกันศึกษา จดั ทาโครงการ แกป้ ัญหาจริงในชมุ ชนการฝกึ ปฏิบตั ิการเดนิ ทางไกล อยคู่ า่ ยพกั แรม และชีวติ ชาวค่าย

167 การวัดและประเมินผล สังเกตพฤติกรรมในการเรียนรู้ การแลกเปล่ียนเรียนรู้ ความสนใจ ความต้ังใจ ความรับผิดชอบ การปฏิบัติจริง การปฏิบัติงานกลุ่ม ความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ในกลุ่ม แฟูมสะสม งาน ใบงาน ชิ้นงาน ผลงาน แบบทดสอบ ผลการฝึกปฏบิ ัตกิ ารเดนิ ทางไกล อยู่ค่ายพักแรม และชีวิต ชาวคา่ ย

168 รายละเอียดคาอธิบายรายวชิ า สค12025 ลูกเสือ กศน. จานวน 2 หนว่ ยกติ ระดับประถมศึกษา มาตรฐานการเรียนรูร้ ะดบั 1. มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง การปกครองในท้องถิ่น ประเทศ นามาปรับใช้ในการดาเนินชีวิต และการประกอบอาชีพ เพื่อความมั่นคงของชาติ 2. มีความรู้ ความเข้าใจ เห็นคุณค่า และสืบทอดศาสนา วัฒนธรรม ประเพณีของ ทอ้ งถ่ิน และประเทศไทย 3. มีความรู้ ความเข้าใจ ดาเนินชีวิตตามวิถีประชาธิปไตย กฎหมายเบ้ืองต้น กฎระเบยี บ ของชุมชน สงั คม และประเทศ 4. มีความรู้ ความเข้าใจหลักการพัฒนาชุมชน สังคม และวิเคราะห์ข้อมูลในการ พฒั นาตนเอง ครอบครวั ชุมชน สงั คม ที่ หัวเร่ือง ตวั ชว้ี ัด เนอ้ื หา จานวน ช่วั โมง 1 ลูกเสือ 1. อธบิ ายสาระสาคัญ 1. สาระสาคัญของการลูกเสอื 2 กับการพฒั นา ของการลูกเสอื 1.1 วัตถุประสงค์ของการ พัฒนาลกู เสอื 1.2 หลักการสาคัญของการ 2. อธบิ ายความสาคญั ลกู เสือ ของการลกู เสือกับ 2. ความสาคญั ของการลกู เสอื การพฒั นา กับการพัฒนา 2.1 การพฒั นาตนเอง 2.2 การพัฒนาสัมพันธภาพ ระหว่างบคุ คล 2.3 การพัฒนาสัมพันธภาพ 3. ยกตวั อย่างความเป็น ภายในชมุ ชนและสังคม พลเมืองดขี องลกู เสือ 3. ความเป็นพลเมืองดีของลูกเสอื 2 การลูกเสอื ไทย 1. อธิบายประวตั ิลกู เสือ 1. ประวัตลิ ูกเสอื ไทย 1 ไทย 1.1 พระราชประวัติของ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้า เจา้ อยู่หวั 1.2 กาเนดิ ลกู เสอื ไทย 2. ความรทู้ ว่ั ไปเกยี่ วกับคณะ

169 ที่ หวั เร่อื ง ตัวชีว้ ัด เน้อื หา จานวน ชั่วโมง 3 การลูกเสอื โลก 2. อธบิ ายความร้ทู ว่ั ไป ลกู เสอื แห่งชาติ 1 4 คณุ ธรรม เกย่ี วกบั คณะลกู เสือ จรยิ ธรรม 2 ของลกู เสอื แห่งชาติ 1. อธบิ ายประวตั ิผูใ้ ห้ 1. ประวตั ผิ ้ใู หก้ าเนิดลูกเสือโลก กาเนดิ ลูกเสือโลก 2. อธบิ ายความสาคญั 2. องค์การลูกเสือโลก ขององค์การลกู เสือโลก 1. อธบิ ายคาปฏญิ าณ กฎ 1. คาปฏญิ าณ กฎ และคติพจน์ และคติพจนข์ องลูกเสือ ของลูกเสือ 2. อธิบายคณุ ธรรม 2. คณุ ธรรม จริยธรรม จรยิ ธรรมจากคาปฏิญาณ จากคาปฏญิ าณและกฎของ และกฎของลูกเสือ ลกู เสือ 5 วนิ ัย และ 1. อธบิ ายความหมาย 1. วนิ ยั และความเป็นระเบียบ 2 2 ความเปน็ และความสาคัญของวนิ ัย เรยี บรอ้ ย ระเบยี บ และความเป็นระเบยี บ 1.1 ความหมายของวินยั เรยี บรอ้ ย เรียบร้อย และความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย 1.2 ความสาคัญของวินัย และ ความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย 2. ผลกระทบจากการขาดวนิ ัย 2. อธิบายผลกระทบจาก และการขาดความเปน็ ระเบียบ การขาดวนิ ยั และการขาด เรยี บร้อย ความเปน็ ระเบยี บ เรยี บรอ้ ย 3. แนวทางการเสริมสรา้ งวินัย 3. ยกตวั อย่างแนวทาง และความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย การเสรมิ สรา้ งวินัย และ ความเป็นระเบียบ เรยี บรอ้ ย 6 ลูกเสอื กศน. กับ 1. อธิบายความเป็นมา 1. ลูกเสอื กศน. การพัฒนา และความสาคญั ของ 1.1 ความเปน็ มาของลูกเสือ ลกู เสือ กศน. กศน. 1.2 ความสาคัญของลูกเสือ 2. อธบิ ายลูกเสือ กศน. กศน. กับการพัฒนาตนเอง 2. ลูกเสือ กศน. กับการพฒั นา

170 ที่ หัวเรื่อง ตวั ชี้วดั เนอื้ หา จานวน ชว่ั โมง ครอบครัว ชุมชน และ ตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน และ สังคม สังคม 3. อธบิ ายบทบาทหน้าที่ ของลูกเสือ กศน. ท่ีมีต่อ ตนเอง ครอบครวั ชุมชน 3. บทบาทหนา้ ที่ของลูกเสอื และสังคม กศน. ทมี่ ตี อ่ ตนเอง ครอบครัว ชุมชนและสังคม 7 ลูกเสือ กศน. 1. อธบิ ายความหมาย 1. จติ อาสา และการบริการ 5 10 กับจิตอาสา และ และความสาคญั ของจติ 1.1 ความหมาย และ การบรกิ าร อาสา และการบรกิ าร ความสาคัญของจิตอาสา 1.2 ความหมาย และ ความสาคัญของการบริการ 2. อธบิ ายหลกั การของ 2. หลักการของจติ อาสา และ จติ อาสา และการบริการ การบริการ 2.1 หลกั การของจิตอาสา 2.2 หลกั การของการบรกิ าร 3. อธบิ ายและนาเสนอ 3. วธิ ีการปฏบิ ัตติ นในฐานะ วธิ ีการปฏบิ ัตติ นในฐานะ ลกู เสอื กศน. เพื่อเปน็ จิตอาสา ลูกเสอื กศน. เพื่อเป็น และ การบรกิ าร จติ อาสา และการบรกิ าร 8 การเขยี น 1. อธิบายความหมาย 1. โครงการเพื่อพฒั นาชมุ ชนและ โครงการ เพื่อ และความสาคญั ของ สงั คม พฒั นาชุมชนและ โครงการ 1.1 ความหมายของโครงการ สังคม 1.2 ความสาคัญของโครงการ 2. ลกั ษณะของโครงการ 2. อธบิ ายลกั ษณะของ โครงการ 3. องค์ประกอบของโครงการ 3. อธิบายองค์ประกอบ ของโครงการ 4. ขน้ั ตอนการเขียนโครงการ 4. เขียนโครงการตาม ขัน้ ตอนการเขียน 5. การดาเนนิ งานตามโครงการ โครงการ 5. อธิบายขั้นตอนการ 6. การสรปุ รายงานผลการ

171 ท่ี หัวเรื่อง ตวั ชีว้ ดั เน้ือหา จานวน 9 ทักษะลกู เสือ ช่ัวโมง ดาเนินงานตามโครงการ ดาเนินงานโครงการเพ่ือการ 10 ความปลอดภยั 3 ในการเขา้ รว่ ม 6. อภปิ รายและสรปุ นาเสนอ กิจกรรมลูกเสือ 3 รายงานผลการ ดาเนนิ งานโครงการเพ่ือ การนาเสนอ 1. อธบิ ายความหมาย 1. แผนที่ - เข็มทิศ และความสาคญั ของ 1.1 ความหมาย และ แผนที่ - เขม็ ทิศ ความสาคญั ของแผนท่ี 1.2 ความหมาย และ ความสาคญั ของเข็มทิศ 2. อธบิ ายวิธกี ารใชเ้ ขม็ 2. วิธีการใช้แผนที่ – เขม็ ทศิ ทศิ 2.1 วธิ กี ารใช้แผนที่ 2.2 วิธกี ารใช้เขม็ ทิศ 3. เง่อื นเชอื ก 3. อธิบายความหมาย 3.1 ความหมายของเง่ือนเชือก และความสาคญั ของเงื่อน 3.2 ความสาคญั ของเงอ่ื น เชอื ก เชอื ก 4. ผูกเงอ่ื นเชอื กได้ 3.3 การผกู เง่ือนเชอื ก ถูกต้อง 1. อธิบายความหมาย 1. ความปลอดภัยในการเขา้ ร่วม และความสาคัญของ กจิ กรรมลูกเสือ ความปลอดภัยในการเขา้ 1.1 ความหมายของความ รว่ มกจิ กรรมลูกเสือ ปลอดภยั ในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ลูกเสอื 1.2 ความสาคัญของความ ปลอดภยั ในการเขา้ รว่ มกิจกรรม ลูกเสือ 2. อธบิ ายและยกตัวอยา่ ง 2. การเฝาู ระวงั เบ้อื งตน้ ในการ การเฝาู ระวังเบ้ืองต้นใน เขา้ ร่วมกจิ กรรมลูกเสอื การเขา้ รว่ มกจิ กรรม ลูกเสอื 3. การช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุ 3. สาธติ สถานการณ์ ความ ไม่ปลอดภัยในการเข้าร่วม การชว่ ยเหลอื เม่ือเกดิ เหตุ กิจกรรมลูกเสอื

172 ท่ี หัวเรือ่ ง ตัวชี้วัด เนือ้ หา จานวน ชวั่ โมง ความไม่ปลอดภยั ในการ 6 เขา้ รว่ มกิจกรรมลูกเสอื 3 4. อธบิ ายและยกตัวอย่าง 4. การปฏิบัติตนตามหลักความ การปฏิบัติตนตามหลัก ปลอดภัย ความปลอดภยั 11 การปฐมพยาบาล 1. อธบิ ายความหมาย 1. การปฐมพยาบาล และความจาเป็นของการ 1.1 ความหมายของการ ปฐมพยาบาล ปฐมพยาบาล 1.2 ความจาเปน็ ของการ ปฐมพยาบาล 2. อธิบายและยกตวั อยา่ ง 2. วธิ กี ารปฐมพยาบาลกรณี วธิ กี ารปฐมพยาบาลกรณี ตา่ ง ๆ ตา่ ง ๆ 3. อธิบายการวดั สัญญาณ ชีพและการประเมนิ 3. การวัดสัญญาณชีพและการ เบื้องต้น ประเมนิ เบ้ืองต้น 12 การเดินทางไกล 1. อธิบายความหมาย 1. การเดินทางไกล อยู่คา่ ยพกั แรม วัตถปุ ระสงค์ และ 1.1 ความหมายของการเดิน และชีวิตชาวค่าย หลกั การ ของการ ทางไกล เดินทางไกล 1.2 วัตถปุ ระสงค์ของการเดิน ทางไกล 1.3 หลกั การของการเดนิ ทางไกล 2. อธบิ ายและสาธิต 1.4 การบรรจเุ ครือ่ งหลงั การบรรจเุ ครอ่ื งหลัง สาหรับการเดนิ ทางไกล สาหรับการเดินทางไกล 3. อธบิ ายความหมาย 2. การอยูค่ ่ายพักแรม วัตถุประสงค์ และ 2.1 ความหมายของการอยู่ หลกั การ ของการ คา่ ย พกั แรม อยคู่ ่ายพกั แรม 2.2 วัตถปุ ระสงค์ของการอยู่ คา่ ย พกั แรม 2.3 หลักการของการอยูค่ ่าย พักแรม

173 ที่ หวั เรอื่ ง ตวั ช้ีวัด เน้ือหา จานวน ชั่วโมง 3. ชวี ติ ชาวคา่ ย 40 4. อธบิ ายและยกตวั อยา่ ง 3.1 เคร่ืองมือ และเคร่ืองใช้ ชีวิตชาวคา่ ย ทีจ่ าเปน็ สาหรับชวี ิตชาวค่าย 3.2 การสร้างครัวชาวคา่ ย 3.3 การสร้างเตาประเภทต่าง ๆ 3.4 การประกอบอาหาร แบบชาวคา่ ย 3.5 การกางเต็นท์ และการ เกบ็ เต็นทช์ นิดต่าง ๆ 5. อธิบายและสาธิต 4. วิธกี ารจดั การค่ายพักแรม วิธกี ารจดั การค่ายพักแรม 4.1 การวางผังค่ายพักแรม 4.2 การสุขาภิบาลในคา่ ยพัก แรม 13 การฝกึ ปฏบิ ตั ิการ 1. วางแผนและปฏิบตั ิ กิจกรรมการเดินทางไกล เดินทางไกล กิจกรรมการเดนิ ทางไกล อยู่ค่ายพักแรม และชีวิตชาวค่าย อยูค่ า่ ยพักแรม อยคู่ ่ายพักแรม และชีวติ 1. กจิ กรรมเสริมสร้างคุณธรรม และชีวิตชาวค่าย ชาวค่าย ทกุ กิจกรรม และอดุ มการณ์ลกู เสือ 2. ใช้ชวี ติ ชาวคา่ ย 2. กจิ กรรมสร้างคา่ ยพกั แรม รว่ มกับผ้อู ื่นในค่ายพัก 3. กิจกรรมชวี ติ ชาวคา่ ย แรมได้อย่างสนุกสนาน 4. กิจกรรมฝึกทักษะลูกเสือ และมีความสขุ 5. กจิ กรรมกลางแจ้ง 6. กจิ กรรมนนั ทนาการ และ ชุมนมุ รอบกองไฟ 7. กิจกรรมนาเสนอผล การดาเนนิ งาน ตามโครงการทไ่ี ด้ ดาเนินการมาก่อนการเข้าค่าย

174 คาอธบิ ายรายวิชา สค12022 การเรยี นรู้สู้ภัยธรรมชาติ 1 ระดับประถมศึกษา จานวน 2 หนว่ ยกิต (80 ชว่ั โมง) มาตรฐานการเรียนรู้ 5.1 มคี วามรู้ความเข้าใจและตระหนักเก่ียวกับภูมศิ าสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์การเมืองการ ปกครองในโลก และนามาปรบั ใช้ในการดาเนินชีวติ เพ่อื ความ ม่นั คงของชาติ มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ มีความรคู้ วามเข้าใจและตระหนกั เกี่ยวกับภมู ิศาสตร์ ประวัตศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมืองการปกครอง ในทอ้ งถนิ่ ประเทศ นามาปรบั ใชใ้ นการดาเนนิ ชีวิตและการประกอบอาชพี เพื่อความมัน่ คงของชาติ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวงั 1. อธิบายความหมายของภัยแล้ง วาตภัย อทุ กภยั ดนิ โคลนถลม่ ไฟปุา หมอกควัน แผ่นดินไหว และ สึนามิ 2. บอกประเภทของวาตภัย และไฟปาุ 3. บอกสาเหตุ และปัจจัยการเกดิ ภัยแลง้ วาตภัย อทุ กภยั ดนิ โคลนถลม่ ไฟปาุ หมอกควัน แผน่ ดินไหว และสึนามิ 3. บอกผลกระทบท่ีเกิดจากภยั แล้ง วาตภัย อทุ กภยั ดนิ โคลนถลม่ ไฟปุา หมอกควนั แผน่ ดินไหว และ สนึ ามิ 4. ตระหนักถึงภัยและผลกระทบท่ีเกดิ จากภยั แล้ง วาตภยั อุทกภัย ดนิ โคลนถลม่ ไฟปาุ หมอกควัน แผ่นดินไหว และสึนามิ 6. บอกหว้ งเวลาการเกดิ ภัยแล้งในประเทศไทย 7. บอกฤดูกาลการเกดิ ไฟปาุ ในแตละพนื้ ท่ีของประเทศไทย 8. บอกพน้ื ทเ่ี ส่ียงภัยตอ่ การเกิดภยั แลง้ วาตภัย อทุ กภยั ดนิ โคลนถลม่ แผน่ ดินไหว และ สึนามใิ น ประเทศไทย 9. บอกสญั ญาณบอกเหตุก่อนเกิดอุทกภยั ดนิ โคลนถล่ม และสึนามิ 10. บอกสถานการณภ์ ยั แล้ง วาตภัย อทุ กภัย ดนิ โคลนถล่มไฟปุา หมอกควัน แผ่นดินไหว และสึนามิ ใน ประเทศไทย 11. บอกสถติ กิ ารเกดิ ภัยแลง้ วาตภัย อุทกภยั ดนิ โคลนถลม่ ไฟปุา หมอกควัน แผ่นดนิ ไหว และสนึ ามิของ ประเทศไทย 12. บอกวธิ ีการเตรียมความพรอ้ มรบั สถานการณ์การเกิดภยั แล้ง วาตภัย อทุ กภัย ดนิ โคลน

175 ถล่ม ไฟปุาหมอกควัน แผน่ ดนิ ไหว และสึนามิ 13. บอกวธิ ีการปฏบิ ัตขิ ณะเกิดภยั แล้ง วาตภยั อทุ กภัย ดนิ โคลนถล่ม ไฟปาุ หมอกควัน แผน่ ดนิ ไหว และสึนามิ 14. บอกวธิ ีการปฏบิ ตั ิหลงั เกิดภัยแล้ง วาตภัย อุทกภยั ดินโคลนถลม่ ไฟปุา หมอกควัน แผน่ ดินไหว และสึนามิในประเทศไทย 15. ระบุบคุ ลากรทเี่ ก่ยี วข้องกับการให้ความช่วยเหลือผประสบภัยธรรมชาตติ ่าง ๆ 16. ระบหุ นว่ ยงานที่เก่ียวข้องกบั การให้ความช่วยเหลือผประสบภัยธรรมชาตติ ่าง ๆ ศึกษาและฝึกทักษะ 1.สถานการณ์การเกิดภัยแลง้ วาตภัย อุทกภัย ดนิ โคลนถล่ม ไฟปุา หมอกควนั แผ่นดนิ ไหว และสึนามิ ประเทศไทย 2. การตรยี มความพร้อมรบั มือกับภัยแลง้ วาตภยั อทุ กภัย ดนิ โคลนถล่ม ไฟปาุ หมอกควัน แผน่ ดนิ ไหวและสึนามิ 3. สัญญาณบอกเหตกุ ่อนเกิดอุทกภัย และดนิ โคลนถล่ม และสึนามิ 4. ผลกระทบจากการเกิดภยั แลง้ วาตภัย อุทกภัย ดินโคลนถลม่ ไฟปาุ หมอกควัน แผ่นดนิ ไหว และสึนามิ 5. บุคลากรและหน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ งกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภยั ธรรมชาติต่าง ๆ การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ 1. ศกึ ษาจากชดุ วชิ าการเรียนรู้สภู้ ยั ธรรมชาติ 1 และส่ือการเรียนรู้อน่ื ๆ เช่น เอกสาร ส่ือ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ แหล่งเรยี นร้ใู นระบบออนไลน์ 2. ศกึ ษาจากสภาพจรงิ และแหล่งเรียนรู้ 3. ศึกษาจากผู้รู้ การเล่าประสบการณ์ การแลกเปล่ยี นเรียนรู้จากผปู้ ระสบภยั สรุปผลการ เรียนรู้ และ นาเสนอในรปู แบบทห่ี ลากหลาย การวัดและการประเมนิ ประเมินจากแบบทดสอบก่อนเรยี น แบบทดสอบหลังเรียนเรียน การสงเกต การมสี ่วนรว่ ม การทา กจิ กรรม การตรวจผลงาน

11176 รายละเอยี ดคาอธิบายรายวิชา สค12022 การเรียนรู้ส้ภู ยั ธรรมชาติ 1 ระดับประถมศึกษา จานวน 2 หนว่ ยกิต (80 ชว่ั โมง) มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดบั มีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์การเมืองการ ปกครองในท้องถ่ิน ประเทศ นามาปรับใช้ในการดาเนินชีวิตและการ ประกอบอาชพี เพอื่ ความมัน่ คงของชาติ ท่ี หัวเรื่อง ตวั ชวี้ ดั เน้อื หา เวลา (ชวั่ โมง) 1 ภัยแล้ง 1.1 ความหมายของภัยแล้ง 10 1. อธิบายความหมายของภัยแลง้ 1.1.1 ความหมายของภัยแล้ง 2. อธบิ ายความหมายของฝนแล้ง 1.1.2 ความหมายของฝนแล้ง ฝนท้ิง ฝนท้งิ ชว่ ง ช่วง 3. บอกสาเหตุ และปัจจยั การเกิด 1.2 ลกั ษณะการเกิดภัยแล้ง ภยั แล้ง 1.2.1 สาเหตุและปัจจัยการเกิดภัย 4. บอกผลกระทบที่เกิดจากภัยแลง้ แล้ง 5. ตระหนักถงึ ภัยและผลกระทบท่ี 1.2.2 ผลกระทบท่ีเกิดจากภัยแลง้ เกิดจากภัยแล้ง 1.2.3 ห้วงเวลาการเกิดภยั แลง้ และ 6. บอกห้วงเวลาการเกิดภัยแล้ง พ้ืนท่ีเสยี่ งภัยตอ่ การเกิดภัยแลง้ ใน และ ประเทศไทย พนื้ ทเี่ ส่ียงภยั ต่อการเกิดภยั แล้งใน 1.3 สถานการณ์ภัยแล้ง ประเทศไทย 1.3.1 สถานการณ์ภยั แลง้ ในประเทศ 7. บอกสถานการณภ์ ัยแลง้ ใน ไทย ประเทศไทย 1.3.2 สถิตกิ ารเกิดภยั แล้ง ใน 8. บอกสถิตกิ ารเกิดภัยแล้งของ ประเทศไทย ประเทศไทย 1.4 แนวทางการป้องกันและการ 9. บอกวธิ ีการเตรยี มความพร้อมรับ แกไ้ ขปัญหาผลกระทบท่ีเกดิ จากภยั สถานการณ์การเกิดภยั แล้ง แลง้ 10. บอกวธิ ีการปฏิบัติขณะเกิดภัย 1.4.1 การเตรยี มความพรอ้ มรบ แลง้ สถานการณ์การเกิดภยั แล้ง 11. บอกวิธีการปฏบิ ัตหิ ลงเกิดภัย 1.4.2 การปฏบิ ตั ิขณะเกิดภัยแล้ง แล้ง 1.4.3 การปฏิบตั ิหลงั เกิดภัยแล้ง

177 ที่ หัวเรอื่ ง ตวั ช้ีวัด เน้ือหา เวลา (ชว่ั โมง) 2 วาตภยั 1. บอกความหมายของวาตภัย 2.1 ความหมายของวาตภัย 10 2. บอกประเภทของวาตภัย 2.1.1 ความหมายของวาตภัย 3. บอกสาเหตุ และปจจยั การเกิด 2.1.2 ประเภทของวาตภยั วาต ภัย 2.2 ลักษณะการเกิดวาตภัย 4. บอกผลกระทบที่เกดิ จากวาตภัย 2.2.1 สาเหตุและปจจยั การเกิดวาตภัย 5. ตระหนักถงึ ภัยและผลกระทบ 2.2.2 ผลกระทบทเี่ กดิ จากวาตภัย ท่เี กิดจากวาตภัย 2.2.3 พื้นท่ีเส่ียงภยั ตอการเกิดวาตภยั 6. บอกพื้นทีเสยี่ งภยั ตอการเกิด วาต ในประเทศไทย ภยั ในประเทศไทย 7. บอกสถานการณวาตภยั 2.3 สถานการณวาตภยั ในประเทศไทย 2.3.1 สถานการณวาตภัยในประเทศ 8. บอกสถิติการเกดิ วาตภยั ใน ไทย ประเทศไทย 2.3.2 สถติ กิ ารเกดิ วาตภัยในประเทศ ไทย 9. บอกวิธีการเตรยี มความพรอมรับ 2.4 แนวทางการปองกนั และการ สถานการณการเกิดวาตภยั แกไข ปญหาผลกระทบท่เี กิดจาก 10. บอกวิธกี ารปฏบิ ัติขณะเกิด วาตภยั วาตภยั 2.4.1 การเตรียมความพรอมรบสั ถาน 11. บอกวิธีการปฏบิ ตั ิตนหลังเกิด การณ การเกิดวาตภยั วาตภัย 2.4.2 การปฏิบัตขิ ณะเกดิ วาตภัย 2.4.3 การปฏิบตั ิหลังเกิดวาตภัย 3 อทุ กภยั และ 1. อธิบายความหมายของอุทกภัย 3.1 ความหมายของอุทกภยั และดนิ 17 ดนิ โคลนถลม และดนิ โคลนถลม โคลน ถลม - ความหมายของอุทกภยั และดิน 2. บอกสาเหตุ และปจจยั การเกิด โคลนถลม อทุ กภัย และดนิ โคลนถลม 3.2 ลกั ษณะการเกดิ อุทกภยั และดิน โคลน ถลม

178 ท่ี หัวเร่ือง ตัวชวี้ ัด เนือ้ หา เวลา 4 ไฟปา (ชว่ั โมง) 3. บอกผลกระทบทเี่ กดิ จากอุทกภยั 3.2.1 สาเหตแุ ละปจจยั การเกดิ และดินโคลนถลม อุทกภยั และ ดินโคลนถลม 4. ตระหนักถึงภัยและผลกระทบ 3.2.2 ผลกระทบท่ีเกดิ จากอุทกภยั ท่เี กดิ จากอุทกภยั และดินโคลนถลม และดิน โคลนถลม 5. บอกสญญั าณบอกเหตกุ อนเกิด 3.2.3 สัญญาณบอกเหตกุ อนเกิด อทุ กภัย และดนิ โคลนถลม อุทกภัย และดินโคลนถลม 6. บอกพ้ืนทีเสีย่ งภยั ตอการเกิด 3.2.4 พ้ืนท่เี สี่ยงภัยตอการเกิดอุทกภยั อทุ กภัย และดนิ โคลนถลมใน และ ดินโคลนถลมในประเทศไทย ประเทศ ไทย 6. บอกสถานการณอุทกภยั และดิน 3.3 สถานการณอทุ กภยั และดนิ โคลนถลมในประเทศไทย โคลนถลม 7. บอกสถิติการเกิดอุทกภัย และดนิ 3.3.1 สถานการณอทุ กภยั และดนิ โคลนถลมของประเทศไทย โคลน ถลมในประเทศไทย 3.3.2 สถติ กิ ารเกดิ อุทกภัย และดิน 8. บอกวธิ ีการเตรยี มความพร้อม รบั โคลน ถลมในประเทศไทย สถานการณการเกิดอุทกภยั และ 3.4 แนวทางการปองกันและการแก ดนิ โคลนถลม ไข ปญหาผลกระทบที่เกิดจาก 9. บอกวิธีการปฏบิ ตั ิขณะเกิด อุทกภัย และดิน โคลนถลม อทุ กภยั และดินโคลนถลม 3.4.1 การเตรยี มความพรอมรบัสถาน 10. บอกวิธีการปฏบิ ัตหลิ งเั กิด การณ การเกิดอุทกภัย และดินโคลน อุทกภัย และดนิ โคลนถลม ถลม 3.4.2 การปฏิบัติขณะเกดิ อุทกภยั และดิน โคลนถลม 3.4.3 การปฏิบัติหลังเกดิ อทกุ ภัย และ ดนิ โคลนถลม 1. บอกความหมายของไฟปา 4.1 ความหมายของไฟปา 10 - ความหมายของไฟปา 2. บอกสาเหตุ และปจจยั การเกิด 4.2 ลกั ษณะการเกดิ ไฟปา ไฟปา 4.2.1 สาเหตุและปจจยั การเกิดไฟปา

179 ที่ หัวเรอ่ื ง ตัวชี้วดั เนอ้ื หา เวลา 5 หมอกควัน (ชว่ั โมง) 3. บอกชนดิ ของไฟปา 4.2.2 ชนิดของไฟปา 6 แผนดินไหว 4. บอกผลกระทบทีเ่ กิดจากไฟปา 4.2.3 ผลกระทบทีเ่ กดิ จากไฟปา 10 5. ตระหนักถงึ ภยั และผลกระทบทีเ 4.2.4 ฤดูกาลการเกิดไฟปาในแตละ กดิ พื้นที่ ของประเทศไทย 10 1. บอกความหมายของหมอกควนั 5.1 ความหมายของหมอกควัน - ความหมายของหมอกควนั 2. บอกสาเหตุ และปจจยั การเกิด 5.2 ลักษณะการเกิดหมอกควัน หมอกควัน 5.2.1 สาเหตแุ ละปจจัยการเกดิ หมอก 3. บอกผลกระทบที่เกิดจากหมอก ควัน ควนั 4. ตระหนักถงึ ภยั และ 5.2.2 ผลกระทบที่เกดิ จากหมอกควัน ผลกระทบ ที่เกิดจากหมอก 5.2.3 พ้นื ท่ีท่ไี ดรบั ผลกระทบจาก ควนั หมอกควัน ในประเทศไทย 5. บอกพืน้ ทีพ่ ้ืนทท่ี ี่ไดรบัผลกระทบ จากหมอกควนั ในประเทศไทย 5.3 สถานการณหมอกควัน 5.3.1 สถานการณหมอกควนั ใน 6. บอกสถานการณหมอกควัน ประเทศไทย ในประเทศไทย 5.3.2 สถติ กิ ารเกดิ หมอกควนั ใน 7. บอกสถิติการเกิดหมอกควันใน ประเทศไทย ประเทศไทย 5.4 แนวทางการปองกันและการ 8. บอกวธิ ีการเตรียมความพรอมรับ แกไข ปญหาผลกระทบที่เกดิ จาก สถานการณการเกิดหมอกควัน หมอกควนั 9. บอกวิธกี ารปฏบิ ัตขิ ณะเกิดหมอก 5.4.1 การเตรียมความพรอมรบัสถาน ควัน การณ การเกิดหมอกควัน 10. บอกวิธีการปฏิบตั หลังเกิดหมอก 5.4.2 การปฏิบตั ขิ ณะเกิดหมอกควัน ควนั 5.4.3 การปฏิบตั ิหลังเกดิ หมอกควนั 6.1 ความหมายของแผนดินไหว 1. อธิบายความหมายของแผนดนิ - ความหมายของแผนดินไหว ไหว 6.2 ลกั ษณะการเกดิ แผนดินไหว 6.2.1 สาเหตแุ ละปัจจัยการเกดิ 2. บอกสาเหตุ และปจจัยการเกิด แผ่นดนิ ไหว แผนดนิ ไหว

180 ท่ี หัวเร่อื ง ตวั ชว้ี ดั เนื้อหา เวลา 7 สึนามิ (ชว่ั โมง) 3. บอกผลกระทบทเี่ กดิ จากแผนดิน 6.2.2 ผลกระทบทีเ่ กิดจากแผนดนิ ไหว ไหว 6.2.3 พื้นทเ่ี สี่ยงภัยตอการเกิดแผนดนิ 4. ตระหนกั ถึงภัยและผลกระทบ ท่ี ไหว ในประเทศไทย เกิดจากแผนดินไหว 5. บอกพ้นื ทีเสย่ี งภัยตอการเกิดแผ 6.3 สถานการณแผนดนิ ไหว นดนิ ไหวในประเทศไทย 6.3.1 สถานการณแผนดินไหวใน ประเทศ ไทย 6. บอกสถานการณแผนดนิ ไหวใน 6.3.2 สถติ ิการเกดิ แผนดินไหวของ ประเทศไทย ประเทศ ไทย 7. บอกสถติ ิการเกิดแผนดินไหวของ 6.4 แนวทางการปองกนั และการ ประเทศไทย แกไข ปญหาผลกระทบท่ีเกดิ จาก แผนดินไหว 8. บอกวิธีการเตรียมความพรอม รบั 6.4.1 การเตรยี มความพรอมรบัสถาน สถานการณการเกิดแผนดินไหว การณ การเกิดแผนดนิ ไหว 9. บอกวิธกี ารปฏิบัตขิ ณะเกิด แผ 6.4.2 การปฏิบตั ขิ ณะเกิดแผนดินไหว นดนิ ไหว 6.4.3 การปฏิบตั หิ ลังเกิดแผนดินไหว 10. บอกวิธกี ารปฏิบัตหลิ งเั กิดแผ นดนิ ไหว 1. บอกความหมายของสนึ าม ิ 7.1 ความหมายของสนึ ามิ 10 - ความหมายของสนึ ามิ 2. บอกสาเหตุ และปจจยั การเกดิ สึ 7.2 ลักษณะการเกดิ สนึ ามิ นามิ 3. บอกสญญั าณบอกเหตุกอน 7.2.1 สาเหตุและปจจยั การเกิด เกดิ สนึ ามิ 4. บอกผลกระทบท่ีเกดิ สึนามิ จากสนึ ามิ 7.2.2 สญั ญาณบอกเหตุกอนเกิด 5. ตระหนักถึงภัยและผลกระทบที่ สนึ ามิ เกิดจากสึนามิ 7.2.3 ผลกระทบทีเ่ กิดจากสึนามิ 6. บอกพืน้ ทีเส่ียงภัยตอการเกดิ 7.2.4 พน้ื ทีเ่ ส่ียงภัยตอการเกิดสนาึ มิ สนึ ามิในประเทศไทย ในประเทศไทย

181 ที่ หัวเร่ือง ตวั ชี้วัด เน้อื หา เวลา (ชวั่ โมง) 7. บอกสถานการณสนึ ามิในประเทศ 7.3 สถานการณสึนามิ ไทย 7.3.1 สถานการณสนึ ามิในประเทศ 3 ไทย 8. บอกสถติ ิการเกดิ สนึ ามิของ 7.3.2 สถิตกิ ารเกิดแผนดนิ ไหวของ ประเทศไทย ประเทศ ไทย 7.4 แนวทางการปองกนั และการ 9. บอกวธิ ีการเตรยี มความพรอมรับ แกไข ปญหาผลกระทบทเ่ี กิดจาก สถานการณการเกิดสึนามิ สนึ ามิ 10. บอกวิธกี ารปฏิบัตขิ ณะเกิด 7.4.1 การเตรียมความพรอมรบสั ถาน สึนามิ การณ การเกิดสึนามิ 11. บอกวธิ กี ารปฏบิ ตั ิหลงั เกิดสนึ ามิ 7.4.2 การปฏิบัติขณะเกิดสึนามิ 7.4.3 การปฏิบตั หิ ลังเกิดสึนามิ 8 บคุ ลากรและ 1. ระบุบคุ ลากรที่เกย่ี วของกับการ 8.1 บุคลากรท่เี ก่ียวของกับการให หนวย งานที่ ใหความชวยเหลอื ผูประสบภัย ความ ชวยเหลอื ผูประสบภัย เกย่ี วของกับ ธรรมชาติตาง ๆ ธรรมชาติตาง ๆ การใหความ 2. ระบุหนวยงานทเี่ ก่ยี วของกับการ 8.2 หนวยงานท่ีเกี่ยวของกับการให ชวยเหลอื การ ใหความชวยเหลอื ผูประสบภัย ความ ชวยเหลือผูประสบภัย ประสบภยั ธรรมชาติตาง ๆ ธรรมชาติตาง ๆ ธรรมชาติ ตาง ๆ

แผนการลงทะเบยี น ที่ สารการเรียนรู้ ภาคเรียนท่ี 1 ภาคเรียนท รหสั รายวชิ า วิชาบงั คับ นก. รหัส ราย 1 ทักษะการเรยี นรู้ -- 2 ความร้พู นื้ ฐาน ทร.11001 ทกั ษะการเ พค. คณติ ศาสตร์ 3 การประกอบอาชีพ 3 พท.11001 ภาษาไทย 11001 4 ทักษะการดาเนนิ ชวี ติ

11174 นเรยี น ระดับประถมศึกษา ท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 3 ภาคเรียนท่ี 4 ยวชิ า นก. รหสั รายวชิ า นก. รหสั รายวชิ า นก. เรยี นรู้ 5 - - -- -- ย 3 พว.11001 วิทยาศาสตร์ 3 พต. ภาษาอังกฤษ 3 11001 พนื้ ฐาน อช.11001 ช่องทางการ 2 เขา้ ส่อู าชพี อช.11002 ทกั ษะการ 4 ประกอบ อาชีพ อช.11003 พัฒนาอาชีพ 2 ใหม้ อี ยูม่ กี นิ ทช31001 เศรษฐกจิ 1 พอเพยี ง ทช. สขุ ศึกษา พล 2 11002 ศกึ ษา ทช. ศิลปศึกษา 2 11003 174

สารการเรยี นรู้ ภาคเรยี นที่ 1 รหสั ภาคเร 5 การพัฒนาสังคม รหัส รายวิชา นก. วัสดุศา วชิ าเลือก สค.11001 สังคมศึกษา 3 1 ทกั ษะการเรยี นรู้ สค.11002 ศาสนาหน้าท่ี 2 2 ความรู้พน้ื ฐาน พลเมอื ง สค.11003 การพัฒนาตนเอง 1 ชมุ ขน สงั คม - - -- - - - พว.12011 3 การประกอบ -- - - อาชีพ - - -- - 4 ทกั ษะการดาเนนิ 2 ชีวติ สค.12022 การเรยี นรูส้ ้ภู ยั 2 ธรรมขาติ 1 5 การพัฒนาสังคม สค 12025 ลูกเสอื กศน.1 รวม 13

175 รียนที่ 2 ภาคเรียนที่ 3 ภาคเรยี นท่ี 4 รายวชิ า นก. รหัส รายวิชา นก. รหัส รายวชิ า นก. - - าสตร1์ 2 พว.12010 การใช้ 2 - พลงั งาน ไฟฟูาใน ชวี ติ ประจาวนั 1 - -- -- สค.12021 การเงนิ เพื่อ 2 รวม 10 ชวี ิต1 สค.12021 การเงินเพ่ือ 2 ชีวติ 1 รวม 13 รวม 12

11176 วธิ กี ารจัดการเรียนรู้ การศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานมวี ธิ กี ารจดั การเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย ได้แก่ 1. การเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง เป็นวิธกี ารจดั การเรียนรูท้ ่ีผเู้ รยี นกาหนดแผนการเรียนรู้ของตนเอง ตามรายวิชาที่ลงทะเบียนเรยี น โดยมคี รูเปน็ ท่ีปรกึ ษาและใหค้ าแนะนาในการการศกึ ษาหาความรู้ดว้ ยตนเอง ภมู ิ ปัญญา ผู้รู้ และส่อื ต่าง ๆ 2. การเรยี นรแู้ บบพบกลุ่ม เป็นวิธกี ารจดั การเรียนรทู้ กี่ าหนดให้ผเู้ รียนมาพบกันโดยมคี รเู ปน็ ผดู้ าเนินการให้เกิดกระบวนการกลุ่ม เพื่อให้มีการอภิปรายแลกเปลยี่ นเรียนรู้ และหาข้อสรุปรว่ มกัน 3. การเรียนรู้แบบทางไกล เป็นวิธีการจัดการเรียนรจู้ ากสื่อต่าง ๆ โดยทีผ่ ้เู รียนและครูจะสือ่ สารกนั ทาง ส่อื อิเลก็ ทรอนิกส์เปน็ ส่วนใหญ่ หรอื ถา้ มีความจาเป็นอาจพบกนั เปน็ ครง้ั คราว 4. การเรยี นรู้แบบชน้ั เรยี น เป็นวธิ กี ารจัดการเรยี นรู้ทีส่ ถานศึกษากาหนดรายวชิ า เวลาเรียน และ สถานท่ี ทช่ี ดั เจน ซึง่ วิธกี ารจัดการเรยี นรูเ้ หมาะสาหรบั ผู้เรยี นท่มี ีเวลามาเขา้ ชน้ั เรียน 5. การเรียนรู้ตามอัธยาศัย เปน็ วิธีการจัดการเรียนร้ทู ีผ่ ู้เรยี นสามารถเรียนรู้ได้ตามความตอ้ งการ และ ความสนใจ จากสอื่ เอกสาร ส่อื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ หรอื จากการฝึกปฏบิ ตั ิตามแหล่งเรียนรู้ตา่ ง ๆ แลว้ นาความรูแ้ ละ ประสบการณ์มาเทยี บโอนเข้าส่หู ลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 6. การเรียนร้จู ากการทาโครงงาน เป็นวิธีการจดั การเรยี นรูท้ ผี่ ้เู รียนกาหนดเรอ่ื งโดย สมัครใจ ตามความสนใจ ความต้องการ หรือสภาพปัญหา ทจี่ ะนาไปสกู่ ารศึกษาคน้ คว้า ทดลอง ลงมอื ปฏบิ ตั ิจรงิ และมี การสรุปผลการดาเนนิ การตามโครงการ โดยมีครูเป็นผู้ให้คาปรึกษา แนะนา อานวยความสะดวก ใน การเรียนรู้ และกระตนุ้ เสรมิ แรงใหเ้ กิดการเรียนรู้ 7. การเรียนรรู้ ปู แบบอื่น ๆ สถานศกึ ษาสามารถออกแบบวธิ กี ารจัดการเรยี นรู้ในรูปแบบ อน่ื ๆ ไดต้ าม ความตอ้ งการของผ้เู รยี น วธิ ีการจัดการเรียนร้ดู งั กล่าวข้างต้น สถานศึกษาและผู้เรียนรว่ มกนั กาหนดวธิ ีเรียนโดยเลอื กเรยี นวิธใี ดวิธี หนึง่ หรือหลายวิธีก็ไดข้ ึน้ อยู่กับความยากง่ายของเนื้อหา และสอดคล้องกับวถิ ี ชวี ติ และการทางานของผู้เรยี น โดยขณะเดียวกันสถานศึกษาสามารถจัดใหม้ ีการสอนเสรมิ ได้ทกุ วิธีเรียน เพื่อเตมิ เตม็ ความรู้ให้บรรลุมาตรฐานการ เรียนรู้ การจัดกระบวนการเรยี นรู้ การจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มงุ่ พัฒนาผู้เรียนสู่ความเปน็ คน “คิดเป็น” โดยเน้นพัฒนาทักษะการแสวงหาความรู้ ประยุกต์ใช้ความรู้ และ สร้างองค์ความรู้สาหรับตนเอง และชุมชน สังคม จึงกาหนดรูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ กศน. หรือ ONIE MODEL ซงึ่ เปน็ กระบวนการจดั การเรยี นร้ทู ่ีจดั ขึน้ อย่างเป็นระบบตามปรัชญา “คิดเป็น” ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้

177 1. ขั้นกาหนดสภาพ ปญั หา ความต้องการในการเรียนรู้ (O: Orientation) 2. ขัน้ แสวงหาขอ้ มลู และจัดการเรียนรู้ (N: New ways of learning) 3. ขั้นปฏิบตั ิและนาไปประยุกต์ใช้ (I: Implementation) 4. ขน้ั ประเมนิ ผลการเรียนรู้ (E: Evaluation) ขัน้ ที่ 1 กาหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ (O: Orientation) เป็นการเรียนรู้จากสภาพ ปัญหา หรือความต้องการของผู้เรียน และชุมชน สังคม โดยให้เช่ือมโยงกับ ประสบการณ์เดิม และสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตร ขน้ั ตอนการเรียนรู้ 1. ครูและผู้เรียนร่วมกันกาหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ ซ่ึงอาจจะได้มาจากสถานการณ์ใน ขณะน้ัน หรือเป็นเร่ืองที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง หรือเป็นประเด็นที่กาลังขัดแย้ง และกาลังอยู่ในความสนใจของชุมชน ซึ่ง จะช่วยกระตนุ้ ให้ผู้เรียนกระตือรือรน้ ท่ีคิดจะหาทางออกของปัญหา หรอื ความตอ้ งการนั้น ๆ 2. ทาความเข้าใจกับสภาพ ปัญหา ความต้องการในส่ิงท่ีต้องการเรียนรู้ โดยดึงความรู้และประสบการณ์เดิม ของผู้เรียน เนน้ การมีส่วนรว่ ม มกี ารแลกเปลีย่ นเรยี นรู้สะท้อนความคิดและอภปิ ราย โดยใหเ้ ช่ือมโยงกับความรู้ใหม่ 3. วางแผนการเรียนรู้ท่ีเหมาะสม โดยกิจกรรมการเรียนรู้ที่กาหนดสามารถเห็นแนวทางในการค้นพบความรู้ หรือคาตอบได้ด้วยตนเอง ขัน้ ท่ี 2 ข้ันแสวงหาข้อมูลและจดั การเรียนรู้ (N: New ways of learning) การแสวงหาข้อมูลและจัดการเรียนรู้ โดยศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ และรวบรวมข้อมูลของตนเอง ข้อมูลของ ชุมชน สังคม และข้อมูลทางวิชาการ จากส่ือและแหล่งความรู้ที่หลากหลายมีการระดมความคิดเห็น วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมลู และสรุปเป็นความรู้ ขนั้ ตอนการเรียนรู้ 1. ผู้เรียนแสวงหาความรู้ตามแผนการเรียนรู้ท่ีกาหนดไว้ โดยการเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้ผ่าน ประสบการณ์ กระบวนการกลุ่ม ศึกษาจากผรู้ /ู้ ภูมปิ ญั ญา และวิธอี ื่น ๆ ทเ่ี หมาะสม 2. ครูและผู้เรียนร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสรุปความรู้เบ้ืองต้น โดยใช้คาถามปลายเปิดในการชวนคิด ชวนคุย เป็นเครื่องมือ ด้วยกระบวนการการระดมสมอง สะท้อนความคิดและอภิปราย ซ่ึงจะได้ความรู้ใหม่ ๆ เพ่ือใช้ ปฏบิ ัติและนาไปประยุกต์ใช้ 3. ผู้เรยี นนาความรูท้ ไ่ี ดไ้ ปตรวจสอบความถูกตอ้ ง เพ่ือประเมินความเป็นไปได้โดยวิธีต่าง ๆ เช่น การทดลอง การทดสอบ การตรวจสอบกับผรู้ ู้

178 ขนั้ ที่ 3 การปฏิบตั ิและนาไปประยุกตใ์ ช้ (I: Implementation) นาความร้ทู ีไ่ ดไ้ ปปฏิบัติ และประยุกต์ใชใ้ ห้สอดคล้องกบั สถานการณ์ เหมาะสมกับวฒั นธรรม และสังคม ข้ันตอนการเรียนรู้ 1.ผู้เรยี นนาความรู้ไปปฏิบัตใิ หส้ อดคล้องกับวิถีชวี ิตโดยสังเกตปรากฏการณ์ จดบันทึกผลการนาไปใช้ 2.ปฏบิ ัตกิ ารแกไ้ ขข้อบกพร่อง สรุป จัดทารายงานและรวบรวมไว้ในแฟมู สะสมงาน ขั้นท่ี 4 การประเมนิ ผลการเรียนรู้ (E: Evaluation) ประเมิน ทบทวน แกไ้ ขข้อบกพร่อง ผลจากการนาความร้ไู ปประยกุ ต์ใช้แล้วสรปุ เปน็ ความรู้ใหมพ่ ร้อมกับ เผยแพรผ่ ลงาน ข้ันตอนการเรยี นรู้ 1. ครู และผู้เรยี นนาแฟมู สะสมงาน และผลงานทไ่ี ด้จากการปฏบิ ตั ิมา สรุปเป็นองค์ความรู้ ใช้เป็นสารสนเทศ เพื่อนาเสนอต่อสาธารณชน โดยประเมินคุณภาพการเรียนรู้ ได้แก่ ประเมินผลการเรียนรู้ กระบวนการปฏิบัติงาน แหลง่ เรียนรู้ และสารสนเทศที่นามาใช้ 2. ครู และผูเ้ รียนรว่ มกนั สร้างเกณฑ์การประเมนิ คุณภาพการเรียนรู้ 3. ครู ผเู้ รียน และผเู้ กย่ี วข้องรว่ มกันประเมนิ พัฒนาการเรียนรู้ใหเ้ ปน็ ไปตามเกณฑค์ ณุ ภาพการเรยี นรู้ ท้ัง 4 ข้ันตอนดังกล่าวข้างต้น เป็นวงจรของกระบวนการเรียนรู้ ตามปรัชญาคิดเป็น ซึ่งสถานศึกษาสามารถ นาหลักการ การจดั กระบวนการเรียนร้ทู ั้ง 4 ข้นั ตอน ใช้เปน็ หลักในการจดั แผนการเรียนรู้โดยปรับใช้ข้ันตอนการเรียนรู้ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมตามสภาพของรายวิชา หรือเงอ่ื นไขอนื่ ๆ ตามความตอ้ งการของผเู้ รียน สอ่ื และแหล่งการเรียนรู้ ในการจัดการเรียนรเู้ น้นใหผ้ ู้เรียนแสวงหาความรไู้ ดด้ ้วยตนเอง โดยการใชส้ อื่ การเรียนรทู้ ีห่ ลากหลาย ได้แก่ สื่อสิง่ พิมพ์ สือ่ อิเล็กทรอนิกส์ สอื่ บุคคล ภมู ปิ ญั ญา แหล่งเรียนรู้ท่ีมอี ยู่ในท้องถน่ิ ชุมชน และ แหล่งเรยี นรู้ อ่ืนๆ ผูเ้ รียน ครู สามารถพัฒนาการเรียนรู้ขึน้ เอง หรือนาสอ่ื ตา่ งๆที่มอี ยู่ใกลต้ ัว และข้อมลู สารสนเทศทเี่ ก่ียวข้อง มาใช้ในการเรียนรู้ โดยใชว้ จิ ารณญาณในการเลือกใชส้ ือ่ ต่างๆ ซ่งึ จะช่วยส่งเสริม ให้การเรียนรู้เปน็ ไปอยา่ งมี คุณคา่ นา่ สนใจ ชวนคิด ชวนติดตาม เข้าใจงา่ ย เป็นการกระตุ้นให้ผู้เรยี นรจู้ กั แสวงหาความรู้ เกดิ การเรยี นรูอ้ ยา่ ง กว้างขวาง ลึกซึ้งและต่อเนอ่ื งตลอดเวลา การเทยี บโอน สถานศึกษาตอ้ งจดั ใหม้ ีการเทียบโอนผลการเรียนหรือเทียบโอนความรู้ประสบการณ์ของผู้เรยี น ให้เป็น ส่วนหน่งึ ของผลการเรยี นตามหลักสตู รการศึกษานอกระบบ ระดบั การศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 โดย สถานศกึ ษาต้องจัดทาระเบยี บหรือแนวปฏบิ ตั ิการเทียบโอนให้สอดคล้องกบั แนวทางการเทียบโอนทีส่ านกั งาน กศน. กาหนด การวดั และประเมนิ ผลการเรยี น การวดั ผลและประเมินผลการเรยี น เปน็ กระบวนการท่ีใหไ้ ดม้ าซึ่งข้อมูลสารสนเทศทแี่ สดงถงึ การพฒั นา ความกา้ วหนา้ คาวามสาเร็จ ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนของผเู้ รียน และข้อมลู ที่จะเปน็ ประโยชนต์ ่อการสง่ เสริมให้

179 ผเู้ รยี นเกดิ การพัฒนา และเรียนร้ไู ดเ้ ตม็ ศักยภาพ เกิดทักษะกระบวนการและค่านิยมที่พึงประสงค์ ซ่ึงสถานศกึ ษา ในฐานะเป็นผรู้ บั ผิดชอบการจัดการศึกษา จะตอ้ งจัดทาระเบียบ และแนวทางปฏิบตั ใิ นการวดั และประเมนิ ผลการ เรียนของสถานศกึ ษา เพื่อให้บุคลากรทเี่ กี่ยวข้องทุกฝาุ ยถอื ปฏบิ ตั ริ ว่ มกัน และเปน็ ไปในมาตรฐานเดียวกนั 1. การวัดและประเมนิ ผลรายวิชา เป็นการประเมนิ ผลการเรียนรายวชิ า สถานศึกษาตอ้ งดาเนนิ การ ควบคูไ่ ปกบั การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของผูเ้ รียน เพื่อให้ทราบว่าผูเ้ รยี นมคี วามก้าวหนา้ ทั้งดา้ นความรู้ ทักษะ กระบวนการ คุณธรรม และคา่ นยิ มอนั พงึ ประสงค์ อนั เป็นผลเนอ่ื งมาจากการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้เพียงใดและ ตอ้ งมีการประเมนิ ผลรวมเพ่ือทราบวา่ ผู้เรยี นมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนบรรลุตามมาตรฐานการเรยี นรหู้ รือไม่ อย่างไร ดงั นน้ั การวัดและประเมินผลจึงต้องใชเ้ คร่อื งมอื และวิธกี ารที่หลากหลายให้สอดคลอ้ งกบั สาระและ มาตรฐานการเรียนรู้และผลการเรยี นร้ทู ีค่ าดหวงั 2. การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพชวี ิต เป็นการประเมนิ สิ่งท่ีผู้เรียนปฏบิ ตั เิ พอื่ การพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน สงั คม โดยพิจารณาทัง้ เวลาการเข้าร่วมกจิ กรรม การปฏบิ ตั ิกิจกรรมและผลจากการปฏิบตั ิ กิจกรรมของผูเ้ รยี น ตามเกณฑท์ ่ีสถานศกึ ษากาหนด 3. การประเมินคุณธรรม เปน็ การประเมนิ สิง่ ทต่ี ้องการปลูกฝังในตัวผ้เู รียนโดยประเมนิ จากกิจกรรมการ เรยี นรทู้ งั้ ดา้ นการพัฒนาตน การพัฒนางาน การอยรู่ ว่ มกันในสังคมอยา่ งมีความสขุ การพฒั นาคุณภาพชีวิต การ เข้ารว่ มกจิ กรรม การเรียนรู้ในรายวิชาตา่ ง ๆ และกิจกรรมในลักษณะอืน่ ๆ ทีส่ ถานศึกษาจัดขึน้ เพื่อเสริมสรา้ ง คณุ ธรรมใหเ้ กิดขึน้ กับผู้เรียน 4. การประเมินคณุ ภาพการศึกษานอกระบบระดับชาติ สถานศกึ ษาตอ้ งจัดใหผ้ ้เู รียนเข้ารับ การประเมนิ คุณภาพการศึกษานอกระบบระดบั ชาติ ในภาคเรยี นสุดท้ายของทกุ ระดับการศึกษาในสาระการเรียนรู้ ท่ี สานักงาน กศน. กาหนดการประเมนิ คุณภาพการศึกษานอกระบบระดับชาติ มีวัตถปุ ระสงค์เพ่ือทราบผล การ เรยี นของผู้เรียนสาหรับนาไปใชใ้ นการวางแผนปรับปรุงและพฒั นาคณุ ภาพการศึกษานอกระบบตอ่ ไป การประเมนิ ดังกลา่ ว ไมม่ ีผลต่อการได้หรือตกของผเู้ รยี น การจบหลักสูตร ผู้จบการศกึ ษาตามหลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ในแตล่ ะ ระดบั การศกึ ษา ต้องผ่านเกณฑก์ ารจบหลกั สูตร ดงั น้ี 1. ผา่ นการประเมิน และได้รับการตัดสินผลการเรียนตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากาหนดท้ัง 5 สาระ การ เรยี นรู้ และได้ตามจานวนหน่วยกิตทกี่ าหนดตามโครงสร้างหลกั สตู ร 2. ผา่ นกระบวนการประเมนิ กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวติ ไม่นอ้ ยกวา่ 100 ชว่ั โมง 3. ผา่ นกระบวนการประเมินคุณธรรม 4. เขา้ รบั การประเมนิ คุณภาพการศึกษานอกระบบระดับชาติ

180 เอกสารหลกั ฐานการศึกษา เอกสารหลกั ฐานการศึกษาให้เปน็ ไปตามทีก่ ระทรวงศึกษาธิการกาหนดสถานศกึ ษาทุกแห่งตอ้ งใชเ้ อกสาร หลักฐานการศกึ ษาเหมือนกนั เพ่ือประโยชนใ์ นการส่ือความเข้าใจทีต่ รงกนั และการส่งต่อ ไดแ้ ก่ 1. ระเบียนแสดงผลการเรยี น 2. หลกั ฐานแสดงวุฒิการศึกษา (ประกาศนยี บัตร) 3. แบบรายงานผ้สู าเร็จการศึกษา เอกสารหลกั ฐานการศึกษาอ่ืน ๆ สถานศกึ ษาต้องพจิ ารณาจัดทา เพ่ือใช้ประกอบการจัดการศึกษาตาม หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 ตามท่ีเห็น สมควร เชน่ แบบ ประเมนิ ผลกิจกรรมพฒั นาคุณภาพชีวิต

181 เอกสารและสง่ิ อ้างองิ กรมการศกึ ษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธกิ าร. 2546. แนวทางการพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษา สานกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย. 2552. หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับ การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรงุ เทพ ฯ : มปท. . 2555 ก. ค่มู อื การดาเนนิ งาน. (พมิ พค์ ร้ังที่ 2). กรงุ เทพ ฯ: พบั บลคิ เอด็ ดูเคช่ัน. . 2553 ข. แนวทางการจัดการเรียนรู้. (พมิ พค์ รั้งที่ 1). กรงุ เทพ ฯ: พับบลิค เอ็ดดเู คช่ัน. . 2553 ค. แนวทางการเทียบโอนผลการเรียน. (พิมพค์ รัง้ ท่ี 1). กรงุ เทพฯ: พับบลคิ เอด็ ดเู คชั่น. . 2553 ง. แนวทางการพัฒนาหลกั สูตรสถานศกึ ษา. (พมิ พค์ รัง้ ท่ี 1). กรุงเทพฯ: พับบลิค เอ็ดดเู คช่ัน. 2555 จ หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (พมิ พ์คร้งั ที่ 1)

182 ภาคผนวก

183 การกาหนดรหสั รายวิชา การกาหนดรหัสรายวชิ าตามหลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 โดยกาหนดเป็นตัวอกั ษร 2 หลัก และตวั เลข 5 หลัก ดงั น้ี คือ รหัสรายวชิ า ตวั อกั ษร ตัวเลข หลกั ที่ 1-2 หลกั ท่ี 3 หลกั ที่ 4 หลกั ท่ี 5-7 - ทร – ทกั ษะการเรียนรู้ - 0 รายวชิ าทเี่ รียนได้ท้งั 3 ระดบั - 1. รายวชิ าบงั คบั ลาดบั ทข่ี อง - ความรู้พืน้ ฐาน รายวชิ า - 1 ระดับประถมศึกษา - 2. รายวชิ าเลือกที่ พท - ภาษาไทย - 2 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น ส่วนกลางพฒั นาขนึ้ พต - ภาษาต่างประเทศ - 3 ระดบั ประถมศึกษา - 3. รายวชิ าเลือกที่ พค - คณติ ศาสตร์ สถานศึกษา พว - วทิ ยาศาสตร์ พฒั นาขนึ้ - อช – การประกอบอาชีพ - ทช – ทกั ษะการดาเนินชีวติ - สค – การพฒั นาสังคม การกาหนดรหสั รายวชิ าบังคับกาหนดให้มี 7 หลกั ดังน้ีคือ หลักที่ 1 และ 2 เปน็ ตัวอักษร แทน 5 สาระดงั ผังขา้ งบน หลักท่ี 3 หมายถึง ระดับการศึกษา ตัวเลข 1 , 2 และ3 แทนระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา ตอนตน้ และประถมศึกษา ตามลาดบั สาหรบั เลข 0 หมายถงึ รายวิชา ทเ่ี รียนได้ทง้ั 3 ระดับ หลักท่ี 4 หมายถึง ประเภทของรายวิชา ตัวเลข 1 หมายถึง รายวิชาบังคับ และตัวเลข 2 หมายถึง รายวชิ าเลอื กทส่ี ว่ นกลางพฒั นาขน้ึ สาหรบั เลข 3 ใหเ้ ป็นประเภทของรายวชิ าที่สถานศึกษาพฒั นาขน้ึ เอง หลกั ท่ี 5-7 หมายถงึ ลาดบั ที่ของรายวิชาตามสาระตา่ ง ๆ

184 ตวั อย่าง ตวั อย่างท่ี 1 รายวิชา“ทักษะการเรียนรู้”เปน็ รายวิชาบังคบั ในสาระทักษะการเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ทร11001 รายวชิ าลาดับที่ 1 รายวิชาบงั คับ ระดบั ประถมศึกษา สาระทกั ษะการเรียนรู้ ตวั อยา่ งที่ 2 รายวิชา “วจิ ัยในชุมชน” เป็นรายวิชาเลือกในสาระทักษะการเรยี นรู้ สามารถเรียนได้ทั้ง 3 ระดบั ทร02001 รายวิชาลาดับที่ 1 รายวิชาเลอื กท่ีสว่ นกลางพัฒนาขึน้ รายวชิ าท่ีเรียนรูไ้ ด้ทั้ง 3 ระดับ สาระทกั ษะการเรียนรู้ ตวั อย่างท่ี 3 รายวิชา “การคิดดอกเบย้ี ” เป็นรายวิชาเลือกท่ีสถานศึกษาพัฒนาขึ้น ในสาระความรู้พื้นฐาน วชิ า คณติ ศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น พค23010 รายวชิ าลาดับที่ 10 การพฒั นราายรวาิชยาเวลชิือกาทเล่สี ถือากนศกึ ษาพัฒนาขึ้น ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ สาระความรู้พนื้ ฐาน วชิ าคณิตศาสตร์

185 จากโครงสรา้ งหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ทัง้ 3 ระดับ คอื ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนตน้ และประถมศึกษา มีรายวชิ าทีใ่ ห้เลอื กเรียน จานวน 12, 16 และ 32 หน่วย กิต ตามลาดับในสว่ นรายวิชาทใี่ ห้เลอื กนั้น ผู้เรยี นสามารถเลือกไดต้ ามความตอ้ งการ หรือตามปัญหาของสงั คม หรือของผเู้ รียนในขณะน้ันโดยรายวิชาเลือกเหลา่ น้ี อาจจะไดม้ าจากทส่ี านกั งาน กศน. หรอื ที่สถานศกึ ษาพฒั นาข้ึน โดยการกาหนดเปน็ คาอธบิ ายรายวชิ า


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook