Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือ สาวัตถีบัญญัติ

หนังสือ สาวัตถีบัญญัติ

Published by wichit1588, 2018-06-15 14:36:35

Description: หนังสือ สาวัตถีบัญญัติ

Search

Read the Text Version

๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ ิกขาบท ได้แก่ พระอุปนันทศากยบุตร เป็นกุลุปกะของสกุลหนึ่ง รับภัตตาหารอยู่เป็นประจา ของเคี้ยวของฉันอันใดที่เกิดขึ้นในสกุลนนั้ เขาย่อมแบง่ ส่วนไวถ้ วาย พระอปุ นนั ทศากยบุตร เย็นวันหนึ่งในสกุลนั้นมีเนื้อเกิดขึ้นเขาจึงแบ่งส่วนเนื้อนั้นไว้ถวายพระอุปนันทศากยบุตร เด็กของสกุลนั้นตื่นขึ้นในเวลาเช้ามืด ร้องอ้อนวอนวา่ จงใหเ้ นื้อแกข่ า้ พเจา้ . บุรุษสามจี งึ สงั่ ภรรยาว่า จงให้ส่วนของพระแก่เด็ก เราจัก ซอื้ ของอนื่ ถวายทา่ น ครน้ั แล้วเวลาเช้าทา่ นอุปนันทศากยบุตร นุ่งอันตรวาสกแลว้ ถอื บาตรจวี ร เขา้ ไปสูส่ กลุ น้ัน แลว้ น่งั บนอาสนะที่เขาจัดถวาย ทันใด บรุ ษุ นัน้ เข้าไปหาทา่ นพระอุปนนั ทศากยบุตร กราบแลว้ นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้กราบเรียนว่า ทา่ นเจา้ ขา้ เม่อื เยน็ วานน้ีมีเนอื้ เกดิ ขน้ึ , ผมไดเ้ กบ็ ไว้ถวายพระคุณเจ้าส่วนหน่งึ จากนน้ั เดก็ คนนีต้ น่ื ขน้ึ แตเ่ ชา้ มืดร้องอ้อนวอนวา่ จงใหเ้ น้ือแก่ขา้ พเจ้า ผมจงึ ได้ให้เนือ้ สว่ นของ พระคณุ เจ้าแก่เด็ก พระคณุ เจ้าจะใหผ้ มจดั หาอะไรมาถวายด้วยทรพั ยก์ หาปณะหนึ่ง ขอรับ. พระอุปนันทศากยบตุ รถามว่า เธอบริจาคทรัพย์กหาปณะหนงึ่ แก่เราแล้วหรือ บุรษุ น้ันบอกผมบริจาคแล้ว พระอปุ นันทศากยบุตร จึงให้เขามอบกหาปณะให้ บรุ ุษนัน้ ได้ถวายกหาปณะแก่ท่านพระอุปนนั ทศากยบุตร ในทนั ใดนน้ั เองแลว้ เพง่ โทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาว่า พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรเหล่าน้ี รบั รูปิยะเหมอื นพวกเรา. ภกิ ษุท้ังหลายได้ยินบุรษุ น้นั เพ่งโทษ ติเตยี น โพนทะนาอยู่ บรรดาภิกษุทเี่ ปน็ผ้มู ักน้อย สันโดษ มีความละอาย มีความรังเกยี จ ผูใ้ ครต่ ่อสกิ ขา ตา่ งกเ็ พ่งโทษ ติเตยี นโพนทะนาวา่ ไฉน ทา่ นพระอปุ นนั ทศากยบตุ รจึงได้รับรปู ิยะเลา่ แลว้ กราบทูลเร่อื งน้นัแด่พระผู้มพี ระภาค ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบญั ญัติ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เปน็ ข้อบัญญตั ทิ ว่ั ไปท้ังภิกษุและภกิ ษุณี๑๑๘ ปตั ตวรรค ปตั ตสกิ ขาบท ๑๑๘ พระมหาธิตพิ งศ์ อตุ ฺตมปญฺโญ, ภิกขปุ าตโิ มกขแ์ ปล พร้อมมาติกาสาหรบั วนิ จิ ฉัยสกิ ขาบท, หน้า ๒๒๗

๒๑. ทสาหปรม อตเิ รกปตโฺ ต ธาเรตพโฺ พ ต อตกิ ฺกามยโต นสิ สฺ คคฺ ยิ ปาจติ ฺตยิ .๑๑๙ ภิกษุพึงเกบ็ อตเิ รกบาตรไว้ได้ ๑๐ วันเปน็ อย่างมาก, ให้ล่วงกาหนดนัน้ ไปตอ้ งอาบัตินสิ สัคคยิ ปาจติ ตีย์๑๒๐ ๑) สถานทีบ่ ญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรุงสาวตั ถี๑๒๑ ๒) บุคคลผกู้ อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภิกษฉุ ัพพัคคยี ์ทรงอติเรกบาตร ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ พระฉัพพคั คียส์ ง่ั สมบาตรไวเ้ ป็นอันมากชาวบ้านพากันเทยี่ วชมวหิ าร เห็นแลว้ พากนั เพ่งโทษ ติเตยี น โพนทะนาว่าไฉนพระสมณะ เชือ้ สายพระศากยบตุ ร จึงไดส้ ่งั สมบาตรไวเ้ ปน็ อันมาก ท่านจักทาการขายบาตร หรอื จักต้ังร้านขาย ภาชนะดินเผา. ภกิ ษุทง้ั หลายไดย้ นิ ชาวบา้ นเหลา่ นั้นเพง่ โทษ ตเิ ตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้ มักนอ้ ย สนั โดษ มีความละอาย มีความรงั เกียจ ผใู้ คร่ตอ่ สิกขา ต่างกเ็ พง่ โทษ ติเตยี น โพนทะนาว่า ไฉนพระฉัพพัคคีย์ จึงไดท้ รงอตเิ รกบาตรเล่าแล้วกราบทูลเรือ่ งนัน้ แด่พระผู้มีพระภาค ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนบุ ญั ญัติ อตเิ รกบาตรเกิดขึ้นแก่ท่านพระอานนทม์ ีอยู่ และทา่ นประสงค์จะถวายบาตรนัน้ แกท่ ่านพระสารีบุตร แตท่ า่ นพระสารีบุตรอยถู่ ึงเมอื งสาเกต ท่านพระอานนท์จึงมคี วามปรวิ ติ กวา่ พระผู้มีพระภาคทรงบญั ญัติสิกขาบทไว้วา่ ภกิ ษุไม่พงึ ทรงอตเิ รกบาตร กน็ ่อี ตเิ รกบาตรบังเกดิ แก่เรา และเรากใ็ คร่จะถวายแก่ทา่ นพระสารบี ุตร แต่ท่านอยู่ถงึ เมืองสาเกต เราจะพึงปฏบิ ตั ิอยา่ งไรหนอ ครน้ั แลว้ ทา่ นพระอานนท์ ไดก้ ราบทูลเร่ืองนน้ั แด่พระผ้มู ีพระภาค พระผูม้ ีพระภาคตรัสถามว่า ดกู รอานนท์ ยังอีกนานเท่าไร สารบี ตุ รจึงจะกลบั มา พระอานนท์กราบทลู ว่า ทา่ นจะกลับมาในวันท่ี ๙ หรือ ๑๐ พระพทุ ธเจ้าข้า. ลาดบั นั้น พระผูม้ ีพระภาคทรงกระทาธรรมีกถา ในเพราะเหตเุ ปน็ เคา้ มูลนั้นในเพราะ เหตแุ รกเกิดนัน้ แลว้ รับสัง่ กะภกิ ษทุ ั้งหลายวา่ ดกู รภิกษุท้ังหลาย เราอนุญาตใหท้ รงอตเิ รกบาตรไวไ้ ด้ ๑๐ วนั เป็นอยา่ งยง่ิ อน่งึ พวกเธอพึงยกสกิ ขาบทนี้ขน้ึ แสดง ๑๑๙ กงขฺ า.อ. ๑๕ ๑๒๐ ว.ิ มหา. (ไทย) ๒/๖๐๑/๑๒๘ ๑๒๑ ว.ิ ป. (ไทย) ๘/๔๓/๔๐

อยา่ งนี้วา่ พงึ ทรงอติเรกบาตรไว้ได้ ๑๐ วัน เปน็ อย่างยงิ่ ภกิ ษใุ หล้ ว่ ง กาหนดนนั้ ไป เป็นนิสสัคคยิ ปาจิตตยี ์ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เป็นข้อบัญญัติเฉพาะภกิ ษุ เภสชั ชสกิ ขาบท ๒๓. ยานิ โข ปน ตานิ คลิ านาน ภกิ ฺขนู ปฏสิ ายนยี านิ เภสชชฺ านิ เสยยฺ ถทิสปปฺ ิ นวนตี เตล มธุ ผาณติ ตานิ ปฏคิ ฺคเหตวฺ า สตตฺ าหปรม สนนฺ ธิ กิ ารก ปรภิ ุญชฺ ติ พพฺ านิ ต อตกิ กฺ ามยโต นสิ สฺ คคฺ ยิ ปาจติ ตฺ ยิ .๑๒๒ ก็ เภสัชใดควรลม้ิ สาหรบั ภกิ ษผุ เู้ ปน็ ไข้ คือ เนยใส เนยข้น น้ามนั น้าผึ้งน้าออ้ ย ภิกษุรับประเคนเภสัชน้ันแลว้ เกบ็ ไวฉ้ ันได้ ๗ วันเป็นอย่างมากให้เกินกาหนดน้ันไป ต้องอาบตั นิ ิสสคั คยิ ปาจิตตยี ์๑๒๓ ๑) สถานที่บญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ กรงุ สาวตั ถี๑๒๔ ๒) บคุ คลผ้กู อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ พระปิลินทวจั ฉะ ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ ภกิ ษหุ ลายรูปรบั ประเคนเภสชัแล้วเก็บไว้เกิน ๗ วันทา่ นพระปิลนิ ทวจั ฉะ ไดเ้ ป็นพระกลุ ุปกะในหมูบ่ า้ นตาบลน้นั . คร้ันเชา้ วันหน่ึง ทา่ นครองอนั ตรวาสกแลว้ ถอื บาตรจีวรเข้าไปบิณฑบาตยังตาบลบา้ นปิลินทวัจฉะ. สมัยน้ัน ในตาบลบ้านนนั้ มีมหรสพ. พวกเดก็ ๆ ตกแต่งกายประดับดอกไม้ เลน่มหรสพอย่.ู พอดีทา่ นพระปลิ ินทวจั ฉะเทย่ี วบณิ ฑบาตไปตามลาดบั ตรอกปิลินทวจั ฉะ ได้เข้าไปถึงเรือนคนทาการวัดผู้หนง่ึ แลว้ นัง่ บนอาสนะที่เข้าจดั ถวาย. ขณะนั้น ธดิ าของสตรีผู้ทาการวดั น้นั เห็นเดก็ ๆ พวกอืน่ ตกแตง่ กายประดับดอกไม้ แลว้ ร้องออ้ นวา่ จงให้ดอกไม้แก่ขา้ พเจ้า จงใหเ้ คร่ืองตกแต่งกายแกข่ า้ พเจา้พระปลิ ินทวจั ฉะจงึ ถามสตรผี ู้ทาการวดั คนน้นั วา่ เดก็ หญิงคนน้รี ้องอ้อนอยากได้ อะไรนางกราบเรยี นว่า ทา่ นเจ้าข้า เดก็ หญงิ คนน้ีเห็นเด็กๆ พวกอ่นื เขาตกแตง่ กายประดับดอกไม้ จงึ ร้องอ้อนขอวา่ จงใหด้ อกไม้แก่ข้าพเจา้ จงใหเ้ ครอื่ งตกแตง่ กายแก่ขา้ พเจ้าดฉิ ัน บอกว่า เราเป็นคนจน จะได้ดอกไม้มาจากไหน จะไดเ้ ครื่องแต่งกายมาจากไหน ขณะนนั้ ท่านพระปลิ นิ ทวจั ฉะหยิบหมวกฟางใบหน่ึงส่งให้แล้วกล่าววา่ เจา้จงสวมหมวกฟางนล้ี งทีศ่ รี ษะเดก็ หญิงนน้ั ทนั ใดนางได้รับหมวดฟางนั้นสวมลงท่ีศีรษะ `๑๒๒ กงขฺ า.อ. ๑๕ ๑๒๓ ว.ิ มหา. (ไทย) ๒/๖๒๒/๑๔๓ ๑๒๔ วิ.ป. (ไทย) ๘/๔๓/๔๐

เดก็ หญิงนัน้ หมวกฟางน้ันไดก้ ลายเป็นระเบียบดอกไมท้ องคา งดงามนา่ ดู นา่ ชมระเบยี บดอกไม้ทองคา เชน่ นนั้ แม้ในพระราชสถานก็ไม่มี ชาวบ้านกราบทลู แดพ่ ระเจ้าพิมพิสาร จอมพลมคธรัฐวา่ ขอเดชะ ระเบียบดอกไมท้ องคา ท่เี รอื นของคนทาการวดั ชอื่ โน้น งดงาม นา่ ดู นา่ ชม แม้ในพระราชสถานก็ไมม่ .ี เขาเป็นคน เขญ็ ใจจะได้มาแตไ่ หน เป็นต้องได้มาด้วยโจรกรรมเป็นแนน่ อน พระเจ้าพิมพสิ าร จอมพลมคธรัฐ จงึ รบั สั่งให้จองจาตระกูลคนทาการวดั น้ันท่านพระปลิ ินทวจั ฉะไดท้ ูลถามพระเจ้าพิมพสิ าร ถึงตระกูลคนทาวดั ถูกรบั สั่งใหจ้ องจาดว้ ยเรอื่ งอะไร พระเจ้าพิมพสิ ารตรสั ว่า ข้าแต่พระคณุ เจ้า เพราะท่เี รือนของเขามรี ะเบียบดอกไมท้ องคา อยา่ งงดงาม น่าดู น่าชม แม้ท่ีในวังก็ยังไมม่ ี เขาเปน็ คนจนจะได้มาแต่ไหนเป็นตอ้ งไดม้ า ดว้ ยโจรกรรมเป็นแน่นอน ขณะนัน้ แล ทา่ นพระปิลินทวจั ฉะได้อธษิ ฐานปราสาทของพระเจ้าพิมพสิ ารจอมพลมคธรัฐ จงเปน็ ทอง ปราสาทน้ันไดก้ ลายเปน็ ทองไปท้ังหมด แล้วได้ถวายพระพรทูลถามวา่ ขอถวายพระพร ก็นี่ทองมากมายเทา่ นั้น มหาบพิตรได้มาแต่ไหน พระเจ้าพิมพิสารตรสั วา่ ข้าพเจา้ ทราบแลว้ น้เี ป็นอทิ ธานุภาพของพระคุณเจา้ ดังนีแ้ ลว้ รบั สงั่ ให้ปลอ่ ยตระกูลคนทาการวดั นนั้ พน้ พระราชอาญา ชาวบ้านทราบข่าววา่ ทา่ นพระปิลินทวจั ฉะแสดงอทิ ธิปาฏิหารยิ ์ ซ่ึงเป็นธรรม อนั ยิ่งของมนุษย์ในบริษัทพร้อมทั้งพระราชาตา่ งพากนั ยนิ ดีเลอื่ มใสโดยยิ่ง แล้วได้นาเภสชั ห้า คือเนยใส เนยขน้ น้ามนั นา้ ผ้งึ นา้ อ้อย มาถวายท่านพระปิลนิ ทวจั ฉะ แม้ตามปกติท่าน ก็ไดเ้ ภสัชหา้ อยู่เสมอ ทา่ นจึงแบง่ เภสชั ที่ได้ๆ มาถวายบรษิ ัท แต่บริษัทของท่านเป็นผู้ มักมาก เกบ็ เภสชั ท่ไี ด้ๆ มาไว้ในกระถางบ้าง ในหม้อนา้ บ้าง จนเต็ม แล้วบรรจุลงในหม้อ กรองนา้ บา้ ง ในถงุ ยา่ มบ้าง แขวนไวท้ ีห่ นา้ ตา่ ง เภสัชเหลา่ น้ันก็เยิม้ ซึมแมจ้ าพวกหนูก็ เกลื่อนกล่นไปทั่ววหิ าร ชาวบา้ นทเ่ี ดนิ เท่ียวชมไปตามวหิ ารพบเขา้ ตา่ งก็เพ่งโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาว่า พระสมณะเช้ือสายพระศากยบตุ รเหล่าน้ี มเี รอื นคลังในภายในเหมือนพระเจา้ พิมพิสาร จอมพลมคธรัฐ ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบญั ญัติ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เป็นข้อบัญญตั ิทวั่ ไปท้ังภกิ ษุและภกิ ษุณี วสั สกิ สาฏกิ สกิ ขาบท ๒๔. “มาโส เสโส คมิ หฺ านนฺ”ติ ภกิ ขฺ นุ า วสสฺ กิ สาฏกิ จวี ร ปรเิ ยสิตพพฺ “อทธฺมาโส เสโส คมิ หฺ านนฺ”ติ กตวฺ า นวิ าเสตพพฺ . โอเรน เจ “มาโส เสโสคมิ หฺ านนฺ”ติ วสฺ

สิกสาฏกิ จวี ร ปริเยเสยยฺ “โอเรนทธฺ มาโส เสโส คมิ หฺ านนฺ”ติ กตวฺ า นวิ าเสยยฺ นสิ สฺ คคฺ ยิปาจติ ตฺ ยิ .๑๒๕ ภกิ ษุรู้วา่ “ฤดรู อ้ นยังเหลืออกี ๑ เดอื น” พึงแสวงหาจีวรคือผ้าอาบน้าฝนได้รูว้ ่า “ฤดูร้อนยังเหลืออีกกึ่งเดือน” พึงทานุ่งได้ ถา้ รู้ว่า “ยังไม่ถึงเดือนสดุ ทา้ ยแหง่ ฤดูร้อน” พงึ แสวงหาจีวรคือผา้ อาบนา้ ฝน ร้วู ่า “ยังไมถ่ ึงก่ึงเดือนสดุ ท้ายแหง่ ฤดรู ้อน” พงึทานุ่ง ตอ้ งอาบัตินิสสัคคิยปาจติ ตยี ์๑๒๖ ๑) สถานทบี่ ญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรุงสาวตั ถี๑๒๗ ๒) บุคคลผู้กอ่ เหตุ ได้แก่ ภกิ ษฉุ ัพพัคคยี ์แสวงหาผ้าอาบนา้ ฝนเมอื่ ฤดรู อ้ นยังเหลือเกิน ๑ เดือน ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ พระผู้มพี ระภาคทรงอนญุ าตผ้าอาบนา้ ฝน แกภ่ กิ ษุทง้ั หลายแล้ว. พระฉพั พัคคยี ์ทราบวา่ พระผูม้ พี ระภาคทรงอนญุ าตผ้าอาบน้าฝนแลว้ จึงแสวงหาจีวรคือผา้ อาบน้าฝนเสยี ก่อนบ้าง ทาแล้วนงุ่ เสยี ก่อนบา้ ง,ครั้นผ้าอาบนา้ ฝนเก่าแล้ว กเ็ ปลอื ยกายอาบนา้ ฝน บรรดาภิกษผุ ู้มกั น้อย สนั โดษ มีความละอาย มีความรงั เกยี จ ผใู้ ครต่ ่อสิกขาต่างก็ เพ่งโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาวา่ ไฉน พระฉัพพัคคีย์ จึงไดแ้ สวงหาจีวร คือผ้าอาบน้าฝนเสยี ก่อนบา้ ง ทาแล้วน่งุ เสียกอ่ นบ้าง เมื่อผ้าอาบน้าฝนเกา่ แลว้ จงึ ได้เปลือยกายอาบนา้ ฝนเลา่ แลว้ กราบทูลเร่ืองนั้นแด่พระผู้มพี ระภาค ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบญั ญัติ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เป็นขอ้ บัญญัตเิ ฉพาะภิกษุ จวี รอจั ฉนิ ทนสกิ ขาบท ๒๕.โย ปน ภกิ ขฺ ุ ภกิ ขฺ สุ สฺ สาม จวี ร ทตวฺ า กปุ โิ ต อนตฺตมโน อจฉฺ นิ เฺ ทยยฺ วาอจฉฺ นิ ทฺ าเปยยฺ วา นสิ สฺ คคฺ ยิ ปาจติ ตฺ ยิ .๑๒๘ ก็ ภิกษใุ ดใหจ้ ีวรแก่ภิกษเุ องแลว้ โกรธ ไม่พอใจ ชงิ เอามาหรอื ใช้ให้ชิงเอามาตอ้ งอาบัตินิสสคั คิยปาจติ ตยี ์๑๒๙ ๑๒๕ กงฺขา.อ. ๑๕ ๑๒๖ วิ.มหา. (ไทย) ๒/๖๒๗/๑๔๘ ๑๒๗ ว.ิ ป. (ไทย) ๘/๔๗/๔๒ ๑๒๘ กงฺขา.อ. ๑๕ ๑๒๙ วิ.มหา. (ไทย) ๒/๖๓๒/๑๕๓

๑) สถานท่บี ญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ กรงุ สาวตั ถี๑๓๐ ๒) บุคคลผกู้ อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ พระอุปนนั ทศากยบุตร ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ พระอุปนันทศากยบุตรให้จวี รแล้วชิงเอาคนื โดยท่ีพระอุปนนทะ ศากยบุตร ชวนภกิ ษรุ ูปหน่ึงเดินทางไปชนบท เธอวา่จีวรชารุดมาก เธอไม่ไปพระอุปนนทะจงึ ให้จีวรใหม่ ภายหลงั ภกิ ษนุ ัน้ ปลี่ยนใจจะตามเสดจ็ พระผูม้ ีพระภาค พระอุปนนทะโกรธ จงึ ชิงจวี รคนื มา ภิกษผุ มู้ กั นอ้ ย สันโดษ มีความละอาย มีความรังเกยี จ ผใู้ ครต่ อ่ สิกขา ตา่ งก็ เพง่ โทษติเตยี น โพนทะนาว่า ไฉนท่านพระอุปนนั ทศากยบุตรให้จวี รแก่ภิกษไุ ปเองแลว้ จงึ ได้ โกรธ นอ้ ยใจ ชิงเอาคนื มา ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบญั ญัติ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เป็นข้อบญั ญัติทว่ั ไปท้ังภิกษุและภิกษุณี มหาเปสการสกิ ขาบท ๒๗. ภกิ ฺขุ ปเนว อทุ ทฺ สิ สฺ อญญฺ าตโก คหปติ วา คหปตานี วา ตนตฺ วาเยหิจวี ร วายาเปยยฺ ตตรฺ เจ โส ภกิ ฺขุ ปพุ เฺ พ อปปฺ วารโิ ต ตนตฺ วาเย อุปสงกฺ มติ วฺ า จวี เรวกิ ปปฺ ํอาปชเฺ ชยยฺ “อทิ โข อาวโุ ส จวี ร ม อทุ ฺทสิ สฺ วยิ ยฺ ติ อายตญจฺ กโรถ วิตถฺ ตญจฺ อปปฺ ิตญจฺสวุ ตี ญจฺ สปุ ปฺ วายติ ญจฺ สวุ เิ ลขิตญจฺ สวุ ติ จฉฺ ติ ญจฺ กโรถ, อปเฺ ปว นาม มยมปฺ ิ อายสมฺ นฺตาน กิญจฺ มิ ตตฺ อนุปทชเฺ ชยยฺ ามา”ต.ิ เอวญจฺ โส ภกิ ฺขุ วตวฺ า กิญจฺ มิ ตฺต อนปุ ทชเฺ ชยยฺ อนฺตมโส ปณิ ฺฑปาตมตตฺ มปฺ ิ นสิ สฺ คฺคยิ ปาจติ ตฺ ยิ .๑๓๑ ก็ คฤหสั ถช์ ายหรือคฤหสั ถ์หญิงผไู้ มใ่ ชญ่ าติ สงั่ ช่างหูกให้ทอจวี รเจาะจงภิกษุถ้าภกิ ษุน้นั เขาไม่ไดป้ วารณาไว้ก่อน เข้าไปหาชา่ งหูกแล้วกาหนดชนดิ จีวรในสานักของเขาวา่ “ทา่ น จวี รผนื นี้เขาให้ทอเจาะจงอาตมา ทา่ นจงทาให้ยาว ท่านจงทาใหก้ ว้าง ให้เนอ้ื แน่น ขงึ ใหด้ ี ทอใหด้ ี สางให้ดี และกรดี ให้ดี เอาเถอะ อาตมาจะใหข้ องเล็กน้อยเป็นรางวลั แก่ทา่ น” คร้ันกลา่ วอย่างนี้แลว้ ถา้ ภกิ ษนุ ้นั ใหข้ องเล็กนอ้ ยเปน็ รางวัล โดยที่สดุแม้แต่อาหารบณิ ฑบาต ต้องอาบตั นิ สิ สคั คิยปาจติ ตยี ์๑๓๒ ๑) สถานทบ่ี ญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรงุ สาวัตถี๑๓๓ ๒) บคุ คลผูก้ อ่ เหตุ ได้แก่ พระอุปนันทศากยบุตร ๑๓๐ ว.ิ ป. (ไทย) ๘/๔๘/๔๓ ๑๓๑ กงฺขา.อ. ๑๖ ๑๓๒ วิ.มหา. (ไทย) ๒/๖๔๒/๑๖๓ ๑๓๓ วิ.ป. (ไทย) ๘/๕๐/๔๔

๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ พระอปุ นนั ทศากยบุตร ท่ีเขาไมไ่ ด้ปวารณาไวก้ ่อนเขา้ ไปหาชา่ งทอหกู ของคฤหสั ถผ์ ้ไู ม่ใช่ญาติแล้วกาหนดชนดิ จีวรโดยบรุ ษุ ผหู้ นึ่ง เมือ่ จะไปแรมคนื ตา่ งถ่ิน ได้ กลา่ วคานี้กะภรรยาวา่ จงกะด้ายใหแ้ ก่ชา่ งหกู คนโน้นให้ทอจีวรแลว้ เกบ็ ไว้ ฉนั กลับมาแล้ว จกั นิมนต์พระคุณเจา้ อุปนันทะให้ครองจวี ร. ภกิ ษรุ ปู หน่งึ ผู้ถือเท่ยี วบณิ ฑบาตเป็นวตั ร ไดย้ นิ บุรษุ ผู้นัน้ กลา่ ววาจานี้ จงึเขา้ ไปหา ท่านพระอปุ นันทศากยบุตรถงึ สานัก ครน้ั แลว้ ได้กลา่ วคาเหลา่ น้ีแกท่ ่านพระอปุ นันทศากยบตุ ร พระอุปนันทศากยบุตร เข้าไปหาช่างหูกผู้นั้นถึงบา้ น ครน้ั แล้วได้กล่าวคานีก้ ะช่างหูกผ้นู น้ั ว่า ทา่ น จีวร ผืนนีแ้ ล เขาใหท้ ่านทอเฉพาะเรา ทา่ นจงทาให้ยาว ให้กวา้ ง ใหแ้ น่น ใหเ้ ป็นของท่ขี ึงดี ให้ เป็นของทีท่ อดี ใหเ้ ป็นของท่ีสางดี และให้เป็นของทก่ี รีดดี ช่างหูกกล่าวว่า เขากะดา้ ยส่งมาใหก้ ระผมเทา่ นี้เอง ขอรบั แล้วสั่งวา่ จงทอจวี รดว้ ย ดา้ ยเท่าน้ี กระผมไมส่ ามารถจะทาใหย้ าว ให้กว้าง หรือให้แนน่ ได้ แต่สามารถจะทาให้เปน็ ของที่ขึงดี ให้เปน็ ของท่ีทอดี ให้เปน็ ของท่ีสางดี และใหเ้ ป็นของที่กรดี ดีได้ ขอรบั ทา่ นพระอปุ นันทะ กล่าวรับรองวา่ เชิญทา่ นชว่ ยทาให้ยาว ใหก้ วา้ ง และใหแ้ นน่ เถิด ความขดั ข้องด้วยด้ายนั้น จกั ไม่มี ครน้ั ชา่ งหกู นาดา้ ยตามทีเ่ ขาส่งมาเขา้ ไปในหูกแลว้ ด้ายไม่พอ จงึ เขา้ ไปหาสตรีเจ้าของแจง้ ใหท้ ราบจงึ สตรผี นู้ ัน้ ได้ใหด้ า้ ยเพม่ิ ไปอีกเท่าที่ให้ไว้คราวแรก ทา่ นพระอปุ นันทศากยบุตรได้ทราบข่าววา่ บรุ ษุ น้ันกลับมาจากที่แรมคนื ตา่ งถ่นิ แล้ว จึงกลับเข้าไปหาถึงเรือนบุรษุ นน้ั บุรุษนนั้ เข้าไปหาท่านพระอปุ นนั ทศากยบตุ ร แล้วสงั่ ให้สตรีน้ ้นั หยิบผ้ามา จึงสตรนี ั้นหยิบจวี รออกมาใหส้ ามี แล้วได้เลา่ เรอ่ื งให้ทราบ บุรุษนนั้ ถวายจวี รนนั้ แก่ ทา่ นพระอปุ นนั ทศากยบุตรแลว้ ได้เพง่ โทษ ตเิ ตยี น โพทะนาขนึ้ ในขณะนนั้ แลว่า พระสมณะเชื้อ สายพระศากยบตุ รเหล่าน้ี เป็นคนมักมาก ไม่สันโดษ จะให้ครองจีวรก็ทาไม่ได้ง่าย ไฉน พระคุณเจ้าอุปนันทะอนั เราไมไ่ ดป้ วารณาไวก้ ่อน จึงได้เขา้ ไปหาช่างหูก แล้วถงึ การกาหนดในจีวร ภกิ ษทุ งั้ หลายไดย้ ินบุรษุ น้นั เพ่งโทษ ติเตยี น โพนทะนาอยู่ บรรดาทเ่ี ปน็ ผู้มกัน้อย สันโดษมีความละอาย มีความรังเกยี จ ผูใ้ คร่ตอ่ สิกขา ต่างกเ็ พ่งโทษ ติเตียนโพนทะนา ๔) บัญญตั ิ ๑ พระบัญญตั ิ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เปน็ ขอ้ บญั ญัตทิ ว่ั ไปท้ังภกิ ษุและภิกษุณี

๒๘. อจั เจกจวี รสกิ ขาบท ทสาหานาคต กตตฺ กิ เตมาสิกปุณณฺ ม ภกิ ฺขโุ น ปเนว อจเฺ จกจวี ร อปุ ฺปชเฺ ชยยฺอจเฺ จก มญญฺ มาเนน ภิกขฺ นุ า ปฏคิ คฺ เหตพพฺ ปฏิคคฺ เหตวฺ า ยาว จวี รกาลสมยนิกขฺ ปิ ติ พฺพ. ตโต เจ อุตตฺ ริ นกิ ขฺ เิ ปยยฺ นสิ สฺ คคฺ ยิ ปาจติ ตฺ ยิ .๑๓๔ ก็ เม่อื ยังเหลืออีก ๑๐ วันจงึ จะถึงวันเพ็ญเดอื น ๑๑ ซ่ึงเป็นวนั ครบไตรมาสอัจเจกจีวรเกิดขน้ึ แก่ภกิ ษุ ภิกษุรู้อยวู่ ่าเปน็ อัจเจกจวี รพึงรับไว้ ครน้ั รับไว้แล้วควรเก็บไว้ไดช้ ว่ั สมยั ทีเ่ ป็นจีวรกาล ถ้าเก็บไว้เกนิ กาหนดน้ัน ตอ้ ง อาบัตนิ ิสสัคคยิ ปาจิตตีย์๑๓๕ ๑) สถานทบ่ี ญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ กรงุ สาวัตถี๑๓๖ ๒) บุคคลผู้กอ่ เหตุ ได้แก่ ภกิ ษหุ ลายรูป ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ ภกิ ษุหลายรูปรับอัจเจกจีวรแลว้ เก็บไวเ้ กนิ สมัยจีวรกาล สมยั นั้น มหาอามาตยผ์ ู้หน่ึงเมอื่ จะไปแรมคืนตา่ งถิ่น ไดส้ ่งทูตไปในสานักภิกษุท้ังหลายวา่ นิมนต์ทา่ นผ้เู จรญิ ท้ังหลายมา ข้าพเจา้ จกั ถวายผ้าจานาพรรษา ภกิ ษุทั้งหลายไม่ไป รงั เกียจอยู่วา่ พระผมู้ พี ระภาคทรงอนุญาตผา้ จานาพรรษาแก่ภิกษุทง้ั หลายผู้ออก พรรษาแล้วจงึ ทา่ นมหาอามาตย์ผู้นั้นเพ่งโทษ ติเตยี น โพนทะนาว่า ไฉน ท่านผูเ้ จรญิ ท้งั หลาย เมอื่ เราสง่ ทตู ไปแลว้ จึงไดไ้ ม่มาเล่า เพราะเราจะไปในกองทพั จะเป็นหรือจะตายก็ยากทจ่ี ะรู้ได้ ภิกษุทั้งหลายไดท้ ราบข่าวมหาอามาตย์ผู้น้นั เพง่ โทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่จึงกราบทลู เรื่องนัน้ แด่พระผู้มพี ระภาค ลาดบั นั้น พระผูม้ ีพระภาคทรงกระทาธรรมีกถาในเพราะเหตุเป็นเค้ามลู น้นั ในเพราะ เหตุแรกเกดิ น้ัน แลว้ รบั สง่ั กะภกิ ษทุ ั้งหลายวา่ ดกู รภิกษทุ ั้งหลาย เราอนุญาตเพื่อรับอจั เจก จีวรแล้วเก็บไวไ้ ด้ สมัยนั้น ภกิ ษุทั้งหลายทราบพระพทุ ธานุญาตนัน้ แลว้ รับอัจเจกจีวรเก็บไว้ล่วงสมยั จวี รกาล จวี รเหล่านนั้ ภกิ ษุหอ่ แขวนไวท้ ่ีสายระเดียง พระอานนท์เท่ยี วจาริกไปตามเสนาสนะ ได้พบเห็นจวี รเหล่าน้ันท่ภี ิกษุทั้งหลายห่อแขวนไวท้ ส่ี ายสะเดียง ครั้นแลว้ได้เรยี กภิกษุทัง้ หลายมาถามทราบความแล้วจงึ ถามว่า เก็บไว้นานเท่าไรแลว้ ภิกษุเหล่าน้นั ไดแ้ จ้งแกท่ ่านพระอานนท์ ตามที่ตนไดเ้ ก็บไว้นานเทา่ ไร ๑๓๔ กงฺขา.อ. ๑๖ ๑๓๕ วิ.มหา. (ไทย) ๒/๖๔๘/๑๖๘` ๑๓๖ ว.ิ ป. (ไทย) ๘/๕๑/๔๔

พระอานนทเ์ พง่ โทษ ติเตียน โพนทะนาวา่ ไฉน ภิกษทุ งั้ หลายรับอจั เจกจีวรแล้ว จึงไดเ้ กบ็ ไว้ล่วงสมัยจวี รกาลเล่าแลว้ กราบทูลเรอื่ งน้นั แดพ่ ระผมู้ ีพระภาค. ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบญั ญัติ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เป็นขอ้ บัญญตั ทิ ่วั ไปท้ังภิกษุและภิกษุณี สาสงั กสกิ ขาบท ๒๙. อปุ วสสฺ โข ปน กตตฺ ิกปณุ ณฺ ม ยานิ โข ปน ตานิ อารญญฺ กานิ เสนาสนานิ สาสงฺกสมมฺ ตานิ สปปฺ ฏภิ ยานิ ตถารเู ปสุ ภกิ ขฺ ุ เสนาสเนสุ วหิ รนโฺ ต อากงฺขมาโนตณิ ณฺ จวี ราน อญญฺ ตร จวี ร อนตฺ รฆเร นกิ ฺขเิ ปยยฺ สยิ า จ ตสสฺ ภิกขฺ โุ น โกจเิ ทว ปจจฺ โยเตน จวี เรน วปิ ปฺ วาสาย ฉารตตฺ ปรม เตน ภกิ ขฺ นุ า เตนจวี เรน วปิ ปฺ วสติ พพฺ . ตโต เจ อุตฺตริ วปิ ปฺ วเสยยฺ อญญฺ ตฺร ภกิ ขฺ สุ มมฺ ตุ ยิ า นสิ สฺ คคฺ ยิ ปาจติ ตฺ ยิ .๑๓๗ ก็ ภกิ ษจุ าพรรษาแลว้ หวังจะอยู่ในเสนาสนะป่าที่รู้กันว่านา่ หวาด ระแวง มีภยั นา่ กลวั เชน่ น้ัน จนถงึ วนั เพญ็ เดอื น ๑๒ พงึ เกบ็ ไตรจีวรผืนใดผนื หนงึ่ ไวใ้ นละแวกบ้านได้ และภกิ ษนุ น้ั ควรมปี ัจจัยบางอยา่ งเพ่ือการอยู่ปราศจากจวี รน้นั ภกิ ษุนนั้ พึงอยู่ปราศจากจวี รน้นั ได้ ๖ คนื เปน็ อย่างมาก ถา้ อยู่ปราศเกนิ กวา่ กาหนดนัน้ ต้องอาบตั ินสิสัคคยิ ปาจิตตยี ์ เว้นไวแ้ ตภ่ กิ ษุผู้ได้รบั สมมติ๑๓๘ ๑) สถานท่บี ญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ กรุงสาวัตถี๑๓๙ ๒) บคุ คลผกู้ อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ เรื่องภกิ ษหุ ลายรูปอยปู่ ราศจากจวี ร ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ ภกิ ษุทั้งหลายออกพรรษาแลว้ยังยบั ยั้งอย่ใู น เสนาสนะปา่ พวกโจรเดอื น ๑๒ เขา้ ใจวา่ ภกิ ษทุ งั้ หลายได้ลาภแลว้ จึงพากันเทยี่ วปล้น ภิกษุท้ังหลายได้กราบทูลเร่ืองนนั้ แดพ่ ระผูม้ ีพระภาค ลาดับน้นั พระผ้มู ีพระภาคทรงแสดงธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเคา้ มูลนั้นในเพราะเหตแุ รกเกดิ น้ัน แล้วรับสัง่ กะภิกษุท้งั หลายว่า ดูกรภกิ ษทุ ้ังหลาย เราอนุญาตให้ภิกษผุ ูอ้ ยู่ ในเสนาสนะป่า เก็บไตรจีวรผืนใดผนื หนึ่งไวใ้ นละแวกบ้านได้ สมยั น้นั ภิกษทุ ั้งหลายทราบวา่ พระผูม้ ีพระภาคทรงอนญุ าตใหภ้ ิกษุผูอ้ ยู่ในเสนาสนะป่า เกบ็ ไตรจวี รผนื ใดผืนหนงึ่ ไวใ้ นละแวกบ้านได้ จงึ เกบ็ ไตรจีวรผืนใดผืนหนึง่ ไว้ ๑๓๗ กงขฺ า.อ. ๑๖ ๑๓๘ ว.ิ มหา. (ไทย) ๒/๖๕๓/๑๗๔ ๑๓๙ วิ.ป. (ไทย) ๘/๕๒/๔๕

ใน ละแวกบา้ น แลว้ อยปู่ ราศเกนิ ๖ คนื จีวรเหลา่ นัน้ หายบา้ ง ฉบิ หายบา้ ง ถูกไฟไหม้บา้ ง ถูกหนูกัดบา้ ง. ภิกษุท้ังหลายมีแต่ผา้ ไม่ดี มแี ตจ่ ีวรปอน จึงถามกันข้นึ อยา่ งนีว้ า่ ทา่ นทงั้ หลาย เพราะเหตุใด พวกทา่ นจงึ มแี ตผ่ า้ ไมด่ ี มแี ตจ่ วี รปอน ครัน้ แลว้ ภกิ ษเุ หล่านั้นได้แจ้งเร่อื งน้นั แก่ภกิ ษุทั้งหลาย ภกิ ษผุ มู้ กั น้อย สนั โดษ มีความละอาย มคี วามรงั เกียจ ผู้ใครต่ อ่ สกิ ขา ต่างก็เพ่งโทษ ตเิ ตียน โพนทะนาวา่ ไฉน ภิกษทุ ัง้ หลายจงึ เกบ็ ไตรจีวรผืนใดผนื หนง่ึ ไวใ้ นละแวกบา้ น แล้วอยู่ปราศเกนิ ๖ คืน ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบัญญัติ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เปน็ ขอ้ บญั ญัติเฉพาะภกิ ษุ ปริณตสิกขาบท ๓๐. โย ปน ภกิ ขฺ ุ ชาน สงฆฺ กิ ลาภ ปรณิ ต อตฺตโน ปรณิ าเมยยฺ นสิ สฺ คฺคยิปาจติ ตฺ ยิ .๑๔๐ ก็ ภิกษใุ ดรู้อยู่ น้อมลาภท่เี ขาน้อมไวเ้ ปน็ ของจะถวายสงฆม์ าเพือ่ ตน ต้องอาบัตนิ สิ สคั คยิ ปาจติ ตีย์๑๔๑ ๑) สถานท่ีบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ กรุงสาวัตถี๑๔๒ ๒) บคุ คลผกู้ อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภกิ ษุฉัพพัคคีย์ ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ ภิกษฉุ ัพพัคคยี ์รู้อย่นู ้อมลาภท่ีเขาน้อมไวเ้ ปน็ ของจะถวายสงฆม์ าเพอื่ ตน ในพระนครสาวัตถี มชี าวบา้ นหม่หู น่ึง จดัภตั ตาหารพรอ้ มท้งั จีวรไว้ถวายสงฆ์ ดว้ ยต้ังใจว่าจกั ให้ฉนั แล้วจงึ ให้ครองจีวร ณ เวลาเดยี วกัน พระฉพั พัคคียไ์ ดเ้ ขา้ ไปหาชาวบ้านหมู่น้ัน ครน้ั แล้วไดก้ ล่าวคานี้กะชาวบา้ นหมู่นนั้ ว่า ท่านทั้งหลาย ขอพวกท่านจงให้จีวรเหลา่ นแ้ี ก่พวกอาตมา ชาวบ้านหมู่น้ันกลา่ ววา่ ท่านเจ้าขา้ พวกกระผมจะถวายไมไ่ ด้ เพราะพวกกระผม จัดภกิ ษาหารพร้อมท้ังจีวรไว้ถวายพระสงฆ์ทกุ ปี พระฉัพพัคคยี ์กลา่ วว่า ดกู รทา่ นท้งั หลาย ทายก ของสงฆ์มีมาก ภตั ตาหารของสงฆ์ก็มมี าก พวกอาตมาอาศัยพวกทา่ น เห็นอยู่แตพ่ วกทา่ น จึง อย่ใู นทีน่ ี้ ถา้ พวกท่านไม่ให้แก่พวกอาตมา เมอื่ เป็นเช่นนี้ใครเล่าจกั ใหแ้ ก่พวกอาตมา ขอพวกทา่ นจงใหจ้ วี รเหลา่ นี้ แกพ่ วกอาตมาเถิด เม่ือ ๑๔๐ กงฺขา.อ. ๑๗ ๑๔๑ วิ.มหา. (ไทย) ๒/๖๕๘/๑๘๐ ๑๔๒ ว.ิ ป. (ไทย) ๘/๕๓/๔๕

ชาวบ้านหมนู่ น้ั ถกู พระฉัพพัคคียแ์ ค่นไค้ จึงได้ถวายจวี รตามทไี่ ด้จัดไวแ้ ก่พระฉัพพัคคีย์แลว้ อังคาสพระสงฆ์เฉพาะภัตตาหาร บรรดาภกิ ษุท่ที ราบวา่ เขาจดั ภัตตาหารพรอ้ มท้ังจีวรไวถ้ วายพระสงฆ์ แตไ่ ม่ทราบว่า เขาได้ถวายจีวรแก่พระฉัพพัคคียไ์ ปแลว้ จึงไดก้ ล่าวอยา่ งน้วี า่ ท่านทั้งหลาย ขอพวกท่านจงน้อม ถวายจีวรแก่พระสงฆเ์ ถดิชาวบา้ นหมู่นัน้ กล่าวว่า ทา่ นเจา้ ข้า จวี รตามท่ีไดจ้ ดั ไวไ้ มม่ ี เพราะพระคุณเจา้ เหล่าพระฉัพพคั คีย์น้อมไปเพอ่ื ตนแลว้ บรรดาภิกษุผูม้ ักน้อย สันโดษ มีความละอาย มีความรังเกียจ ผูใ้ คร่ต่อสกิ ขา ตา่ งเพ่งโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาวา่ ไฉน พระฉัพพัคคีย์ร้อู ยู่ จึงได้น้อมลาภทเี่ ข้าน้อมไว้เป็นของ จะถวายสงฆ์มาเพ่ือตน ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบัญญัติ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เป็นขอ้ บัญญตั ทิ ่ัวไปทั้งภิกษุและภกิ ษุณี ปตั ตสนั นจิ ยสกิ ขาบท(เฉพาะภกิ ษณุ ี ๑๒ สกิ ขาบท) ๑. ยา ปน ภิกขฺ นุ ี ปตตฺ สนนฺ จิ ย กเรยยฺ นสิ สฺ คฺคยิ ปาจติ ตฺ ยิ .๑๔๓ กภ็ กิ ษุณีใดทาการสะสมบาตร ต้องอาบตั ินิสสคั คิยปาจติ ตีย์๑๔๔ ๑) สถานทบี่ ญั ญตั สิ ิกขาบท ได้แก่ กรงุ สาวตั ถ๑ี ๔๕ ๒) บคุ คลผู้กอ่ เหตุ ได้แก่ ภกิ ษุณีฉัพพัคคยี ์ ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ ภิกษณุ ฉี ัพพัคคยี ์ทาการสะสมบาตร ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบัญญัติ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เปน็ ข้อบัญญัติของภิกษุณี อกาลจวี รภาชนสกิ ขาบท ๒. ยา ปน ภกิ ขฺ นุ ี อกาลจวี ร “กาลจวี รนฺ”ติ อธฏิ ฐฺ ฃหติ วฺ า ภาชาเปยยฺนสิ สฺ คคฺ ยิ ปาจติ ตฺ ยิ .๑๔๖ ๑๔๓ กงฺขา.อ. ๕๘ ๑๔๔ วิ.ภิกขุนี. (ไทย) ๓/๗๓๔/๗๘. ๑๔๕ ว.ิ ป. (ไทย) ๘/๒๑๗/๒๑๗

ก็ ภกิ ษณุ ใี ด อธิษฐานอกาลจีวรเปน็ กาลจวี รแลว้ ให้แจกกัน ตอ้ งอาบัตนิ สิสัคคิยปาจติ ตยี ์๑๔๗ ๑) สถานที่บญั ญตั สิ ิกขาบท ได้แก่ กรงุ สาวัตถี๑๔๘ ๒) บุคคลผ้กู อ่ เหตุ ได้แก่ ภกิ ษณุ ีถุลลนนั ทา ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ ภกิ ษณุ ีถลุ ลนันทาอธิษฐานอกาลจีวรเปน็ กาลจวี รแล้วให้แจกกนั ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบญั ญตั ิ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เป็นข้อบัญญัตเิ ฉพาะภิกษุณี จวี รปรวิ ตั ตนสกิ ขาบท ๓. ยา ปน ภกิ ขฺ นุ ี ภกิ ขฺ ุนยิ า สทธฺ ึ จวี ร ปรวิ ตเฺ ตตวฺ า สา ปจฉฺ า เอว วเทยยฺ“หนทฺ ายเฺ ย ตยุ หฺ จวี ร อาหร เมต จวี ร ย ตยุ หฺ ตยุ หฺ เมเวต ย มยหฺ มยหฺ เมเวต อาหร เมตจวี ร สก ปจจฺ าหรา”ติ อจฉฺ นิ เฺ ทยยฺ วา อจฉฺ นิ ทฺ าเปยยฺ วา นสิ สฺ คคฺ ยิ ปาจติ ตฺ ยิ .๑๔๙ กภ็ ิกษณุ ีใดแลกเปลี่ยนจวี รกับภิกษุณี ภายหลังภกิ ษุณีน้ันกล่าวอยา่ งนีว้ า่“แม่เจ้า จีวรของเธอ จงนาจีวรของดิฉนั มา จวี รของเธอต้องเป็น ของเธอ จวี รของดิฉนัต้องเปน็ ของดิฉนั จงนาจวี รของดิฉนั มา จงรบั เอาจวี ร ของเธอคืนไปเถิด” ชงิ เอาคนื หรือใช้ให้ชิงเอาคืน ต้องอาบตั ินสิ สัคคิยปาจิตตีย์๑๕๐ ๑) สถานทบ่ี ญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ กรงุ สาวตั ถี๑๕๑ ๒) บคุ คลผกู้ อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภิกษุณีถลุ ลนนั ทา ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ ภิกษุณีถลุ ลนนั ทาแลกเปลย่ี นจีวรแล้วชิงเอาคืน ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบัญญตั ิ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เปน็ ข้อบญั ญตั ิเฉพาะภกิ ษณุ ี ๑๔๖ กงขฺ า.อ. ๕๘ ๑๔๗ ว.ิ ภิกขนุ ี. (ไทย) ๓/๗๓๙/๘๓. ๑๔๘ ว.ิ ป. (ไทย) ๘/๒๑๗/๒๑๗ ๑๔๙ กงขฺ า.อ. ๕๘-๕๙ ๑๕๐ ว.ิ ภิกขนุ ี. (ไทย) ๓/๗๔๔/๘๗. ๑๕๑ วิ.ป. (ไทย) ๘/๒๑๗/๒๑๘

อัญญวิญญาปนสิกขาบท ๔. ยา ปน ภกิ ขฺ นุ ี อญญฺ วิญญฺ าเปตวฺ า อญญฺ วิญญฺ าเปยยฺ นสิ สฺ คคฺ ยิ ปาจติ ฺตยิ .๑๕๒ กภ็ กิ ษุณีใด ออกปากขอของอย่างหน่งึ แล้วออกปากขอของอยา่ งอนื่ ตอ้ งอาบัตนิ สิ สคั คยิ ปาจิตตีย์๑๕๓ ๑) สถานทบี่ ญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ กรงุ สาวัตถ๑ี ๕๔ ๒) บุคคลผู้กอ่ เหตุ ได้แก่ ภิกษณุ ีถลุ ลนนั ทา ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ ภกิ ษุณีถุลลนนั ทาออกปากขอของอย่างหนึง่ แลว้ ออกปากขอของอย่างอนื่ ภิกษุณีถุลลนันทาอาพาธ มีอบุ าสกคนหน่ึงเข้าไปเย่ียมภกิ ษุณถี ุลลนันทาถงึ สานกั แลว้ ไดถ้ ามนางดงั นี้วา่ ข้าแต่แมเ่ จ้า ท่านไม่สบายหรือ จงกรุณาใชข้ า้ พเจ้า ให้นาของสิ่งไรมาถวาย นางตอบว่าต้องการเนยใส. อุบาสกน้นั จงึ ได้ไปนาเนยใสราคาหนงึ่ กหาปณะ จากรา้ นของชาวตลาดคนหนึง่ มาถวายภิกษุณถี ุลลนันทา นางกล่าวอยา่ งน้ีว่า อาวุโส ความต้องการของฉนั ไมใ่ ช่เนยใส ฉันต้องการนา้ มนั . จึงอุบาสกนนั้ ไดเ้ ดินกลับเขา้ ไปหาชาวตลาดคนน้ันแลว้ บอกกะเขาดงั น้ีว่า แม่เจ้าไม่ต้องการเนยใสจ้ะ ต้องการนา้ มัน ขอท่านจงรับคืนเนยใสของท่าน โปรดให้นา้ มันแก่ข้าพเจา้ . ชาวตลาดตอบวา่ นนี่ าย ถา้ พวกขา้ พเจ้ารับสง่ิ ของท่ขี ายไปแล้วคนื มาอีกเม่อื ไรสนิ คา้ ของพวกข้าพเจา้ จึงจกั ขายหมดไป เนยใสท่านซื้อไปด้วยราคาเนยใสแลว้ จงนาราคาค่านา้ มันมา จงึ จักนาน้ามนั ไปได้. อุบาสกผู้น้นั จึงเพ่งโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาข้ึนในทันใดนน้ั แลวา่ แมเ่ จา้ถุลลนันทาออกปากขอของอย่างหนง่ึ แลว้ ไฉนจงึ ไดอ้ อกปากขอของอย่างอืน่ อีก๑๕๕ ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบญั ญัติ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เป็นขอ้ บัญญตั ิเฉพาะภิกษุณี อัญญเจตาปนสกิ ฺขาบท ๑๕๒ กงขฺ า.อ.๕๙ ๑๕๓ วิ.ภิกขนุ ี. (ไทย) ๓/๗๔๙/๙๑. ๑๕๔ วิ.ป. (ไทย) ๘/๒๑๗/๒๑๘ ๑๕๕ วิ.ภกิ ขุน.ี (ไทย) ๓/๑๑๐/๑๒๒

๕. ยา ปน ภกิ ขฺ นุ ี อญญฺ เจตาเปตวฺ า อญญฺ เจตาเปยยฺ นสิ สฺ คคฺ ยิ ปาจิตฺตยิ .๑๕๖ กภ็ กิ ษุณีใดสง่ั ใหซ้ ้ือของอยา่ งหนึง่ แล้วส่งั ให้ซอื้ ของอย่างอ่นื ตอ้ งอาบตั ินสิสคั คยิ ปาจติ ตยี ์๑๕๗ ๑) สถานทบ่ี ญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรุงสาวตั ถ๑ี ๕๘ ๒) บคุ คลผกู้ อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภกิ ษุณีถุลลนันทา ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ ภกิ ษุณีถลุ ลนันทาใหซ้ ้ือของอย่างหนึ่งแล้วให้ซ้ือของอย่างอื่น ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบัญญตั ิ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เป็นข้อบัญญัติเฉพาะภกิ ษณุ ี ปฐมสงั ฆิกเจตาปนสกิ ขาบท ๖. ยา ปน ภกิ ฺขนุ ี อญฺญทตถฺ เิ กน ปริกขฺ าเรน อญญฺ ุททฺ สิ เิ กน สงฆฺ เิ กน อญฺญเจตาเปยยฺ นสิ สฺ คฺคยิ ปาจติ ตฺ ยิ .๑๕๙ ก็ภกิ ษณุ ีใดให้เอาบริขารทีเ่ ขาถวายเพ่ือประโยชน์แก่ปจั จยั อยา่ งหนึ่ง ที่เขาถวายอุทิศของอย่างหนึง่ ทีเ่ ขาบริจาคแก่สงฆ์ แลกเปลยี่ นของอย่างอนื่ ต้องอาบัตนิ สิสัคคยิ ปาจติ ตีย์๑๖๐ ๑) สถานท่บี ญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรงุ สาวัตถ๑ี ๖๑ ๒) บุคคลผู้กอ่ เหตุ ได้แก่ ภิกษณุ ีหลายรปู ๓) มลู เหตแุ หง่ การบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ ภกิ ษณุ ีหลายรปู ทาการแลกเปลยี่ นบริขารทเ่ี ขาถวายสงฆ์ แลกเปล่ียนของอยา่ งอ่ืน ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบญั ญัติ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เป็นข้อบัญญัติเฉพาะภกิ ษณุ ี ๑๕๖ กงขฺ า.อ.๕๙ ๑๕๗ วิ.ภกิ ขุนี. (ไทย) ๓/๗๕๔/๙๕. ๑๕๘ วิ.ป. (ไทย) ๘/๒๑๗/๒๑๙ ๑๕๙ กงฺขา.อ.๕๙ ๑๖๐ วิ.ภิกขุน.ี (ไทย) ๓/๗๕๙/๙๙. ๑๖๑ วิ.ป. (ไทย) ๘/๒๑๗/๒๑๙

ทุตยิ สงั ฆกิ เจตาปนสิกขาบท ๗. ยา ปน ภกิ ฺขนุ ี อญญฺ ทตถฺ เิ กน ปริกขฺ าเรน อญญฺ ทุ ทฺ สิ เิ กน สงฆฺ ิเกน สญาฺ จิเกน อญญฺ เจตาเปยยฺ นสิ สฺ คคฺ ิย ปาจติ ฺตยิ .๑๖๒ ก็ภิกษุณีใดใหเ้ อาบริขารท่เี ขาถวายเพอื่ ประโยชนแ์ กป่ จั จัยอย่างหนึง่ ท่เี ขาถวายอุทิศของอย่างหน่งึ ทเ่ี ขาบริจาคแก่สงฆ์ ที่ขอมาเอง แลกเปลย่ี นของอย่างอนื่ ต้องอาบตั นิ ิสสัคคยี ปาจติ ตีย์๑๖๓ ๑) สถานที่บญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรุงสาวตั ถ๑ี ๖๔ ๒) บุคคลผู้กอ่ เหตุ ได้แก่ ภกิ ษุณีหลายรปู ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ ภิกษุณหี ลายรูปเอาบริขารที่เขาถวายสงฆ์ท่ขี อมาเอง แลกเปลยี่ นของอยา่ งอน่ื ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบัญญตั ิ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เป็นข้อบัญญัติเฉพาะภิกษุณี ปฐมคณกิ เจตาปนสกิ ขาบท ๘. ยา ปน ภกิ ขฺ นุ ี อญญฺ ทตถฺ เิ กน ปรกิ ขฺ าเรน อญญฺ ทุ ฺทสิ เิ กน มหาชนเิ กนอญญฺ เจตาเปยยฺ นสิ สฺ คคฺ ยิ ปาจิตตฺ ยิ .๑๖๕ กภ็ กิ ษุณีใดใหเ้ อาบริขารท่ีเขาถวายเพือ่ ประโยชน์แกป่ จั จยั อย่างหน่ึง ท่เี ขาถวายอุทิศของอย่างหนง่ึ ทเ่ี ขาบรจิ าคแกภ่ ิกษุณจี านวนมาก แลกเปล่ียนของอย่างอน่ืต้องอาบัตนิ สิ สัคคยิ ปาจิตตีย์๑๖๖ ๑) สถานทบ่ี ญั ญตั สิ ิกขาบท ได้แก่ กรงุ สาวตั ถ๑ี ๖๗ ๒) บคุ คลผกู้ อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภิกษณุ ีหลายรปู ๓) มลู เหตแุ หง่ การบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ ภกิ ษุณหี ลายรูปทาการแลกเปลย่ี นบริขารท่ีเขาถวายคณะท่ีขอมาเอง แลกเปลยี่ นของอย่างอน่ื ๑๖๒ กงฺขา.อ.๕๙ ๑๖๓ ว.ิ ภิกขุน.ี (ไทย) ๓/๗๖๔/๑๐๓. ๑๖๔ วิ.ป. (ไทย) ๘/๒๑๗/๒๒๐ ๑๖๕ กงขฺ า.อ.๕๙ ๑๖๖ วิ.ภกิ ขนุ .ี (ไทย) ๓/๗๖๙/๑๐๗. ๑๖๗ วิ.ป. (ไทย) ๘/๒๑๗/๒๒๐

๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบญั ญัติ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เปน็ ข้อบญั ญัติเฉพาะภิกษุณี ทตุ ยิ คณกิ เจตาปนสิกฺขาบท ๙. ยา ปน ภกิ ขฺ นุ ี อญญฺ ทตถฺ เิ กน ปรกิ ขฺ าเรน อญฺญทุ ทฺ สิ เิ กน มหาชนเิ กนสญญฺ าจเิ กน อญญฺ เจตาเปยยฺ นสิ สฺ คคฺ ยิ ปาจติ ตฺ ยิ .๑๖๘ ก็ภิกษณุ ีใดใหเ้ อาบรขิ ารที่เขาถวายเพ่ือประโยชนแ์ ก่ปัจจัยอย่างหนึ่ง ทีเ่ ขาถวายอุทิศของอย่างหนง่ึ ท่ีเขาบรจิ าคแกภ่ ิกษุณีจานวนมาก ท่ีขอมาเอง แลกเปลี่ยนของอยา่ งอ่นื ต้องอาบตั ินิสสัคคิยปาจติ ตีย์๑๖๙ ๑) สถานท่บี ญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ กรงุ สาวตั ถ๑ี ๗๐ ๒) บุคคลผ้กู อ่ เหตุ ได้แก่ ภิกษุณีหลายรูป ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ ภิกษุณหี ลายรูปทาการแลกเปล่ยี นบริขารทีเ่ ขาถวายคณะทขี่ อมาเอง แลกเปลีย่ นของอยา่ งอื่น โดยภิกษุณีท้งั หลาย ผ้อู าศัยอยู่ในบริเวณหมู่บ้านตาบลหน่งึ อตั คดั ด้วยขา้ วยาค.ู จงึ ชาวบา้ นตาบลนัน้ ได้รวบรวมเครอ่ื งใชส้ อยทเี่ ขาเต็มใจทาบญุ เพื่อเปน็ มลู ค่าข้าวยาคูสาหรับภิกษุณีท้งั หลาย ฝากไว้ท่ีร้านชาวตลาดคนหนง่ึ แลว้ ไดเ้ ข้าไปหาภิกษุณีท้ังหลายกล่าวคานว้ี ่า แม่เจา้ ทัง้ หลาย เจา้ ข้า กัปปิยภณั ฑ์เพ่ือเปน็ มูลคา่ ข้าวยาคู พวกขา้ พเจ้าฝากไวท้ ่ีร้านชาวตลาดช่ือโนน้ ขอท่านทง้ั หลายจงให้ไวยาวัจกรไปนาขา้ วสารจากชาวตลาดนน้ั มาหุงตม้ฉนั เถดิ . ภิกษณุ ีทงั้ หลายได้ขอใหเ้ ปลีย่ นกัปปิยภัณฑ์นัน้ แหละเปน็ เภสชั ไปบรโิ ภคเปน็สว่ นตัว. ชาวบา้ นตาบลนั้นทราบเร่อื งแลว้ พากนั เพ่งโทษ ตเิ ตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณที ง้ั หลายจึงได้ให้เปล่ียนกัปปยิ ภณั ฑ์ ทเ่ี ขาถวายไว้เพ่อื เปน็ มูลค่าปจั จยั อยา่ งหน่ึงอทุ ศิ ไว้อย่างหน่งึ ซงึ่ เขาตง้ั ใจจะถวายแก่ภิกษณุ ีหมมู่ าก ไปเปน็ ปัจจยั อยา่ งอน่ื ท้ังขอมาเป็นสว่ นตวั ด้วยเลา่ . ภกิ ษณุ ีท้งั หลายได้ยินชาวบ้านตาบลนน้ั พากนั เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่บรรดาที่เปน็ ผมู้ ักน้อย ตา่ งก็เพ่งโทษ ติเตยี น โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีทงั้ หลายจงึ ได้ให้ ๑๖๘ กงฺขา.อ.๕๙ ๑๖๙ วิ.ภิกขุน.ี (ไทย) ๓/๗๗๔/๑๑๑. ๑๗๐ ว.ิ ป. (ไทย) ๘/๒๑๗/๒๒๑

เปล่ียนกปั ปิยภณั ฑ์ที่เขาบรจิ าคไว้เพอื่ เปน็ มลู ค่าปัจจัยอย่างหน่งึ อทุ ศิ ไว้อย่างหนึ่ง ซ่ึงเขาตง้ั ใจถวายแกภ่ กิ ษุณีหมู่มาก ไปเปน็ ปัจจัยอย่างอื่น ท้ังขอมาเปน็ สว่ นตัวด้วยเล่าแล้วกราบทูลเร่ืองน้นั แด่พระผู้มีพระภาค๑๗๑ ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบัญญัติ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เปน็ ขอ้ บญั ญัติเฉพาะภิกษณุ ี ปุคคลกิ เจตาปนสกิ ขาบท ๑๐. ยา ปน ภิกขฺ นุ ี อญญฺ ทตถฺ เิ กน ปรกิ ขฺ าเรน อญญฺ ทุ ทฺ สิ เิ กน ปคุ ฺคลเิ กนสญฺญาจเิ กน อญญฺ เจตาเปยยฺ นสิ สฺ คฺคยิ ปาจติ ตฺ ยิ .๑๗๒ กภ็ กิ ษุณีใดให้เอาบรขิ ารทเ่ี ขาถวายเพื่อประโยชน์แกป่ ัจจยั อย่างหน่งึ ที่เขาถวายอุทิศของอย่างหนึ่ง ท่เี ขาบรจิ าคแกบ่ ุคคล ทข่ี อมาเอง แลกเปลยี่ นของอย่างอืน่ตอ้ งอาบตั นิ สิ สคั คิยปาจติ ตีย์๑๗๓ ๑) สถานทบี่ ญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ กรุงสาวตั ถ๑ี ๗๔ ๒) บคุ คลผู้กอ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภิกษุณีถลุ ลนนั ทา ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ ภิกษุณีถลุ ลนนั ทาทาการแลกเปล่ยี นบริขารทเ่ี ขาถวายบุคคลทีข่ อมาเอง แลกเปล่ยี นของอยา่ งอน่ื ภิกษุณีถลุ ลนนัทาเปน็ พหูสูต ชา่ งพดู องอาจสามารถ กลา่ วถ้อยคามหี ลักฐาน. คนเป็นอันมากต่างพากนัเขา้ ไปสนทนาปราศรัยดว้ ย ประจวบเวลาน้ันบรเิ วณของภิกษณุ ีถลุ ลนนั ทาชารุด ชาวบ้านจงึ ถามภิกษณุ ถี ุลลนันทาว่า แม่เจ้า เพราะเหตไุ รแมเ่ จ้าจงึ ปลอ่ ยใหบ้ ริเวณชารุด นางตอบวา่ เพราะคนให้ไม่มี คนทาก็ไม่มี.ชาวบา้ นพวกนั้นจึงได้รวบรวมส่ิงของเคร่ืองใชส้ อยทเ่ี ขาเต็มใจทาบญุ เพื่อเปน็ มลู ค่าบรเิ วณแล้วถวายเป็นกปั ปิยภัณฑ์ไว้แกภ่ กิ ษุณีถลุ ลนนั ทา ภิกษุณีถลุ ลนันทาได้ขอให้เปลยี่ นกัปปยิ ภณั ฑน์ ั้นแหละ เป็นเภสัชแลว้ บรโิ ภคเป็นส่วนตัว. ชาวบ้านเหล่านน้ั ทราบเรื่องแล้ว พากนั เพ่งโทษ ติเตยี น โพนทะนาว่า ไฉนแม่เจ้าถลุ ลนันทาจงึ ได้ให้เปลย่ี นกัปปยิ ภัณฑท์ ่ีเขาถวายไวเ้ พ่ือเป็นมลู ค่าปจั จยั อย่างหนึ่ง ๑๗๑ วิ.ภกิ ขุนี. (ไทย) ๓/๑๓๐/๑๔๗ ๑๗๒ กงขฺ า.อ.๕๙ ๑๗๓ วิ.ภิกขุนี. (ไทย) ๓/๗๗๙/๑๑๕. ๑๗๔ วิ.ป. (ไทย) ๘/๒๑๗/๒๒๒

อุทิศไวอ้ ย่างหนง่ึ ซึ่งเขาต้งั ใจถวายบคุ คล มาเป็นปจั จยั อยา่ งอื่นไป ท้ังขอมาเปน็ส่วนตวั ๑๗๕ ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบญั ญตั ิ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เป็นข้อบญั ญัติเฉพาะภกิ ษณุ ี ครปุ าวรุ ณสกิ ขาบท ๑๑. ครปุ าวรุ ณ ปน ภกิ ขฺ นุ ยิ า เจตาเปนตฺ ยิ า จตกุ กฺ สปรม เจตาเปตพพฺ .ตโต เจอุตตฺ ริ เจตาเปยยฺ นสิ สฺ คคฺ ยิ ปาจติ ตฺ ยิ .๑๗๖ก็ภกิ ษุณีเม่อื จะขอผา้ หม่ หนา พงึ ขอไดเ้ พียงราคา ๔ กงั สะ๑ เปน็ อย่างมาก ถา้ ขอเกินกวา่ นั้น ตอ้ งอาบัตินิสสคั คิยปาจิตตยี ์๑๗๗ ๑) สถานท่ีบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ กรุงสาวัตถ๑ี ๗๘ ๒) บุคคลผู้กอ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภิกษณุ ีถลุ ลนันทา ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ ภิกษุณถี ลุ ลนันทาออกปากทูลขอผา้ กัมพลจากพระราชา ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบัญญัติ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เปน็ ขอ้ บัญญัติเฉพาะภิกษณุ ี ลหปุ าวรุ ณสกิ ขาบท ๑๒. ลหปุ าวรุ ณ ปน ภิกขฺ นุ ยิ า เจตาเปนตฺ ยิ า อฑฒฺ เตยยฺ กสปรม เจตาเปตพฺพ.ตโต เจ อตุ ฺตริ เจตาเปยยฺ นสิ สฺ คคฺ ยิ ปาจติ ตฺ ยิ .๑๗๙ ก็ภกิ ษณุ ีเมอื่ จะขอผ้าห่มบาง พงึ ขอได้เพียงราคา ๒ กังสะครงึ่ เปน็ อย่างมากถา้ ขอเกินกว่านนั้ ตอ้ งอาบตั ินิสสคั คยิ ปาจติ ตีย์๑๘๐ ๑) สถานท่ีบญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรงุ สาวัตถ๑ี ๘๑๑๗๕ ว.ิ ภิกขุน.ี (ไทย) ๓/๑๓๔/๑๕๒๑๗๖ กงขฺ า.อ.๖๐๑๗๗ วิ.ภิกขนุ .ี (ไทย) ๓/๗๘๔/๑๑๙๑๗๘ ว.ิ ป. (ไทย) ๘/๒๑๗/๒๒๒๑๗๙ กงขฺ า.อ.๖๐๑๘๐ วิ.ภกิ ขุนี. (ไทย) ๓/๗๘๙/๑๒๓๑๘๑ ว.ิ ป. (ไทย) ๘/๒๑๗/๒๒๓

๒) บุคคลผ้กู อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภกิ ษุณีถุลลนนั ทา ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ ภกิ ษณุ ถี ุลลนนั ทาออกปากทลูขอผา้ เปลือกไมจ้ ากพระราชา ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบญั ญัติ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เปน็ ขอ้ บัญญัติเฉพาะภิกษุณี

บทที่ ๗ ปาจติ ตยี ์ ๑๕๖ สกิ ขาบท ปาจติ ตยี ์ ๖๗ สกิ ขาบท ของภกิ ษนุ ้ี ภกิ ษณุ ใี ชร้ ว่ มดว้ ย (บาลีดูใน กงฺขาวิตรณีอฏฐฺ ฃกถา คาแปลดใู นวินยั ปฎิ ก เล่ม ๒, สถานที่ บคุ คล มลู เหตุ บัญญัติและประเภทบญั ญตั ิ ดูใน กงฺขาวติ รณีอฏฐฺ ฃกถา, วินยั ปิฎก เล่มท่ี ๘ และภกิ ขปุ าตโิ มกข์แปล พร้อมมาตกิ าสาหรับวินจิ ฉัยสิกขาบท ของพระมหาธติ ิพงศ์ อตุ ตมปญั โญ ) มสุ าวาทวรรค มสุ าวาทสกิ ขาบท ๑. สมปฺ ชานมสุ าวาเท ปาจิตตฺ ยิ ๑๘๒ ภิกษตุ อ้ งอาบัติปาจติ ตยี ์ เพราะกลา่ วเทจ็ ทั้งท่รี ู้ ๑) สถานทีบ่ ญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ กรงุ สาวัตถ๑ี ๘๓ ๒) บุคคลผู้กอ่ เหตุ ไดแ้ ก่ พระหัตถกศากยบุตร๑๘๔ ๓) วตั ถุ มลู เหตแุ หง่ การบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ พระหัตถกศากยบุตรเจรจากบั เดยี รถีย์ รบั แลว้ ปฏเิ สธ ปฏเิ สธแลว้ รับ พระหตั ถกะศากยบตุ รเป็นคนพูดสับปรับท่านเจรจาอยู่กับพวกเดียรถยี ์ กล่าวปฏเิ สธแล้วรับ กล่าวรับแลว้ ปฏิเสธ เอาเร่อื งอ่นื กลบเกล่ือนเรอื่ งอื่น กล่าวเทจ็ ท้งั ๆ ที่รู้อยู่ พูดนัดหมายไวแ้ ล้ว ทาให้คลาดเคลื่อน. พวกเดียรถีย์พากนั เพง่ โทษตเิ ตียนโพนทะนาวา่ ไฉน พระหัตถกะศากยบุตรเจรจาอยู่กับพวกเรา จึงได้กล่าวปฏิเสธแลว้ รับ กลา่ วรับแลว้ ปฏเิ สธ เอาเร่อื งอ่นื กลบเกลือ่ นเรอ่ื งอื่น กล่าวเทจ็ ทัง้ ๆ ทร่ี ้อู ยู่ พูดนัดหมายไว้แลว้ ทาให้คลาดเคลื่อน ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบัญญตั ิ๑๘๕ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เปน็ ขอ้ บัญญตั ทิ วั่ ไปทั้งภกิ ษุและภกิ ษุณี๑๘๖ โอมสวาทสิกขาบท ๑๘๒ วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๒/๑๓๑,วิ.๒/๒/๒(ม) ๑๘๓ กงขฺ า.อ.๒๒๕ (มจร) ๑๘๔ กงฺขา.อ.๒๒๕ (มจร) ๑๘๕ กงฺขา.อ.๒๒๕ (มจร) ๑๘๖ กงฺขา.อ.๒๒๕ (มจร)

๒. โอมสวาเท๑๘๗ ปาจติ ตฺ ยิ ๑๘๘. ภิกษตุ อ้ งอาบตั ปิ าจติ ตีย์ เพราะกลา่ วเสยี ดสี ๑) สถานทบี่ ญั ญตั สิ ิกขาบท ได้แก่ กรงุ สาวัตถ๑ี ๘๙ ๒) บุคคลผู้กอ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภกิ ษุฉัพพัคคีย์ ทะเลาะกับพวกภกิ ษุผมู้ ีศีลเป็นที่รกั กลา่ วเสียดแทงพวกภกิ ษผุ มู้ ีศีลเป็นทรี่ ัก คือ ด่าวา่ สบประมาท กระทบกาเนิดบ้างชอื่ บา้ ง วงศต์ ระกูลบ้าง การงานบา้ ง ศลิ ปบ้าง โรคบ้าง รปู พรรณบ้าง กิเลสบา้ ง อาบัติบ้าง คาดา่ ที่ทรามบา้ ง๑๙๐ ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ ภิกษฉุ พั พัคคียท์ ะเลาะกบั ภกิ ษุผ้มู ีศลี ดงี าม กลา่ วสอ่ เสียดกบั ภิกษผุ ู้มีศีลดีงาม ๔) บัญญตั ิ มี ๑ เป็นสาธารณบญั ญัติทาเองถึงต้องอาบัติ ส่ังคนอนื่ ทาไม่ต้องอาบัติ๑๙๑ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เปน็ ขอ้ บัญญัตทิ ่ัวไปท้ังภิกษุและภกิ ษุณี๑๙๒ เปสญุ ญสกิ ขาบท ๓. ภกิ ขฺ เุ ปสญุ ฺเญ ปาจิตตฺ ยิ .๑๙๓ ภิกษุตอ้ งอาบตั ปิ าจิตตีย์ เพราะส่อเสยี ดภกิ ษุ ๑) สถานทบ่ี ญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ กรงุ สาวัตถ๑ี ๙๔ ๒) บคุ คลผกู้ อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภิกษฉุ ัพพัคคีย์๑๙๕ ๑๘๗ โอมสวาท ได้แก่คาพูดเสยี ดแทงใหเ้ จ็บใจด้วยอาการ ๑๐ อย่าง คอื ชาติ ๑ ช่ือ ๑ โคตร ๑ การงาน ๑ ศลิ ป ๑ โรค ๑ รูปพรรณ ๑ กิเลส ๑ อาบตั ิ ๑คาดา่ ๑. ๑๘๘ ว.ิ มหาวิ. (ไทย) ๒/๑๔/๑๔๐,วิ.๒/๑๔/๘(ม) ๑๘๙ กงฺขา.อ.๒๒๖ (มจร) ๑๙๐ วิ.มหาวิ. (ไทย) ๑๘๒/๒๔๐ ๑๙๑ กงฺขา.อ.๒๒๖ (มจร) ๑๙๒ กงขฺ า.อ.๒๒๖ (มจร) ๑๙๓ วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๓๗/๑๕๖,ว.ิ ๒/๓๗/๒๐(ม) ๑๙๔ กงฺขา.อ.๒๒๖ (มจร) ๑๙๕ กงฺขา.อ.๒๒๖ (มจร)

๓) มลู เหตแุ หง่ การบญั ญตั สิ กิ ขาบท๑๙๖ ไดแ้ ก่ พระฉัพพัคคีย์ เก็บเอาคาสอ่ เสียดของพวกภิกษุผกู้ ่อความบาดหมาง เกิดทะเลาะ ถึงววิ าทกนั ไปบอก คือฟังคาของฝา่ ยน้ีแลว้ บอกแกฝ่ า่ ยโน้นเพ่อื ทาลายฝ่ายนี้, ฟังคาของฝา่ ยโน้น แลว้ บอกแก่ฝ่ายนี้เพื่อทาลายฝา่ ยโน้น, เพราะเหตุน้ันความบาดหมางทยี่ ังไม่เกิดกเ็ กดิ ขึ้น ท่เี กิดข้ึนแล้วก็รุนแรงยิง่ ข้นึ .ไปยแุ หย่ภิกษผุ ู้บาดหมางกัน ทะเลาะกัน บาดหมางกัน ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบญั ญตั ิ ภิกษุตอ้ งอาบัติปาจติ ตยี ์ เพราะส่อเสียดภกิ ษุ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เป็นขอ้ บญั ญตั ทิ วั่ ไปท้ังภิกษุและภิกษุณี๑๙๗ ๖) อนาปัตตวิ าร๑๙๘ ภกิ ษุไม่ตอ้ งการจะให้เขาชอบ ๑ ภิกษไุ ม่ประสงคจ์ ะให้เขาแตกกนั ๑ ภกิ ษุวกิ ลจริต ๑ ภกิ ษอุ าทิกัมมิกะ ๑ ไมต่ อ้ งอาบัติ ปทโสธมั มสิกขาบท ๔. โย ปน ภกิ ฺขุ อนปุ สมปฺ นฺน ปทโส ธมมฺ วาเจยยฺ ปาจิตตฺ ยิ ๑๙๙. ก็ ภกิ ษุใดสอนอนุปสมั บนั ใหก้ ล่าวธรรมเปน็ บท ๆ ต้องอาบัติ ปาจิตตยี ์ ๑) สถานทบ่ี ญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ กรุงสาวัตถ๒ี ๐๐ ๒) บคุ คลผ้กู อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภิกษุฉัพพัคคีย์๒๐๑ ๓) มลู เหตแุ หง่ การบญั ญตั สิ กิ ขาบท๒๐๒ ได้แก่ พระฉพั พัคคียย์ งั เหล่าอบุ าสกให้กลา่ วธรรมโดยบท พวกอุบาสกจงึ ไมเ่ คารพ ไม่ยาเกรง ไมป่ ระพฤติให้ถูกอธั ยาศยั ในหมูภ่ ิกษอุ ยู่ บรรดาภิกษผุ ้มู กั น้อย สันโดษ มีความละอาย มีความรงั เกียจ ผูใ้ คร่ต่อสกิ ขาตา่ งกเ็ พ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาวา่ ไฉนพระฉัพพัคคีย์จึงได้ยังเหล่าอุบาสกให้กลา่ วธรรมโดยบท เหลา่ อบุ าสกจึงไมเ่ คารพ ไมย่ าเกรง ไมป่ ระพฤติให้ถูกอัธยาศยั ในหมภู่ กิ ษุอยู่แล้วกราบทลู เนอื้ ความนัน้ แด่พระผู้มีพระภาค ๑๙๖ กงขฺ า.อ.๒๒๖ (มจร) ๑๙๗ กงฺขา.อ.๒๒๖ (มจร) ๑๙๘ ว.ิ มหาวิ. (ไทย) ๒๑๒/๒๘๓ ๑๙๙ วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๔๕/๑๖๒,วิ.๒/๔๕/๒๕(ม) ๒๐๐ กงฺขา.อ.๒๒๗ (มจร) ๒๐๑ กงฺขา.อ.๒๒๗ (มจร) ๒๐๒กงขฺ า.อ.๒๒๗ (มจร)

๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบัญญตั ิ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ๒๐๓ เป็นข้อบญั ญัตทิ ่ัวไปทั้งภกิ ษุและภิกษุณี ทุตยิ สหเสยยสิกขาบท ๖. โย ปน ภกิ ฺขุ มาตคุ าเมน สหเสยยฺ กปเฺ ปยยฺ ปาจิตตฺ ยิ ๒๐๔ ก็ ภิกษุใดนอนร่วมกันกบั มาตุคาม ต้องอาบัติปาจติ ตยี ์ ๑) สถานท่บี ญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรงุ สาวัตถ๒ี ๐๕ ๒) บคุ คลผูก้ อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ พระอนุรทุ ธะ๒๐๖ ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท๒๐๗ ได้แก่ พระอนรุ ุทธะนอนรว่ มกบัมาตุคาม พระอนรุ ุทธะเดนิ ทางไปพระนครสาวตั ถีในโกศลชนบท ไดไ้ ปถงึ หมูบ่ ้านแห่งหนึ่ง ณ เวลาเย็น กแ็ ลสมยั น้ัน ในหมู่บ้านนนั้ มสี ตรีผูห้ นึ่งจดั เรือนพักสาหรับอาคนั ตกุ ะไว.้ จงึ ทา่ นพระอนรุ ุทธะเข้าไปหาสตรนี ัน้ แลว้ ไดก้ ล่าวคาน้ีกะสตรีนนั้ วา่ ดกู รน้องหญงิ ถ้าเธอไม่หนักใจ อาตมาขอพักแรมในเรือนพักสกั คนื หนงึ่ ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบัญญัติ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เปน็ ข้อบญั ญัติท่วั ไปท้ังภกิ ษุและภกิ ษุณี๒๐๘ ๖) อนาปตั ตวิ าร ในสถานท่มี ุ่งท้ังหมด ไม่บงั ทั้งหมด ๑ ในสถานทบี่ งัท้งั หมด ไม่มงุ ทง้ั หมด ๑ ในสถานทไ่ี ม่มุ่งโดยมาก ไมบ่ ังโดยมาก ๑ มาตุคามนอน ภิกษุนัง่ ๑ ภกิ ษุนอน มาตุคามน่งั ๑ น่ังท้ังสอง ๑ ภิกษวุ ิกลจริต ๑ ภกิ ษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ตอ้ งอาบัติ ธมั มเทสนาสกิ ขาบท ๗. โย ปน ภกิ ขฺ ุ มาตคุ ามสสฺ ธมมฺ เทเสยยฺ ปาจติ ตฺ ยิ ๒๐๙ อนึง่ ภกิ ษใุ ด แสดงธรรมแก่มาตคุ าม เป็นปาจติ ตยี ์. ๒๐๓ กงขฺ า.อ.๒๒๗ (มจร) ๒๐๔ ว.ิ มหาวิ. (ไทย) ๒/๕๖/๑๗๐,ว.ิ ๒/๕๖/๓๑(ม) ๒๐๕ กงฺขา.อ.๒๒๙ (มจร) ๒๐๖ กงขฺ า.อ.๒๒๙ (มจร) ๒๐๗ กงฺขา.อ.๒๒๙ (มจร) ๒๐๘ กงขฺ า.อ.๒๒๙ (มจร) ๒๐๙ ว.ิ มหาวิ. (ไทย) ๒/๖๓/๑๗๔,วิ.๒/๖๓/๓๔(ม)

๗.๑ โย ปน ภกิ ขฺ ุ มาตุคามสสฺ อตุ ตฺ ริ ฉปปฺ ญจฺ วาจาหิ ธมมฺ เทเสยยฺ อญญฺ ตรฺวญิ ญฺ นุ า ปรุ สิ วคิ คฺ เหน ปาจติ ตฺ ยิ ๒๑๐. อนงึ่ ภิกษุใดแสดงธรรมแก่มาตคุ ามเกิน ๕-๖ คา ตอ้ งอาบัติ ปาจติ ตยี ์เว้นไวแ้ ต่มบี รุ ุษรู้เดยี งสาอยู่ ๑) สถานทีบ่ ญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรงุ สาวตั ถ๒ี ๑๑ ๒) บคุ คลผ้กู อ่ เหตุ ได้แก่ พระอทุ ายี๒๑๒ ๓) มลู เหตแุ หง่ การบญั ญตั สิ กิ ขาบท๒๑๓ ได้แก่พระอทุ ายีเป็นพระกลุ ุปกะในพระนครสาวัตถีเขา้ ไปสสู่ กุลเปน็ อันมาก. คร้ังหนงึ่ เวลาเชา้ ทา่ นพระอุทายีครองอตั รวาสก แล้วถอื บาตรจีวรเขา้ ไปสูส่ กลุ แห่งหนงึ่ . เวลานนั้ หญงิ แมเ่ รอื นนง่ั อยทู่ ่ีประตูเรอื น.หญิงสะใภ้ในเรือนน่ังอยู่ทปี่ ระตูห้องนอน. จงึ ท่านพระอุทายีเดินผา่ นไปทางหญิงแมเ่ รือนแล้วแสดงธรรม ณ ทใี่ กลห้ ูหญงิ แมเ่ รอื น. ขณะนนั้ หญงิ สะใภใ้ นเรือนมีความสงสยั ว่าพระสมณะนั้นเป็นชายช้ขู องแม่ผัวหรือพูดเกีย้ ว, ครั้นท่านพระอทุ ายแี สดงธรรม ณ ที่ใกล้หูหญิงแม่เรือนแลว้ , เดนิ ผา่ นไปทางหญิงสะใภ้ในเรอื นแล้วแสดงธรรมในที่ใกล้หูหญิงสะใภ้ในเรือน. ฝา่ ยหญงิ แมเ่ รือนมคี วามสงสยั วา่ พระสมณะนน้ั เป็นชายชู้ของหญงิ สะใภ้ในเรอื น หรือพูดเกี้ยว, เมือ่ ทา่ นพระอุทายีแสดงธรรมในทใ่ี กล้หูหญงิ สะใภ้ในเรอื นกลบั ไปแล้ว. จึงหญงิ แมเ่ รอื นไดถ้ ามหญงิ สะใภใ้ นเรือนวา่ นี่ นางหนูพระสมณะนน้ั ได้พูดอะไรแก่เจา้ สตรีท้งั สองนัน้ ต่างเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระคณุ เจ้าอทุ ายี จึงได้แสดงธรรม ในทใ่ี กล้หูมาตคุ ามเล่า ธรรมดาพระธรรมกถึก ควรแสดงธรรมด้วยเสียงชัดเจนเปดิ เผยมิใชห่ รอื ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบัญญตั ิ ๒ พระอนบุ ญั ญตั ิ๒๑๔ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เปน็ ข้อบัญญัติทั่วไปท้ังภกิ ษุและภิกษุณี๒๑๕ ๖) อนาปตั ตวิ าร มบี รุ ุษผ้รู ูเ้ ดียงสาอยู่ดว้ ย ๑ ภกิ ษแุ สดงธรรมเพยี ง ๕-๖ คา ๑ ภกิ ษแุ สดงธรรมหย่อนกวา่ ๕-๖ คา ๑ ภิกษลุ ุกขนึ้ แลว้ น่ังแสดงธรรมต่อไป ๑มาตคุ ามลุกขนึ้ แลว้ นั่งลงอีก ภิกษุแสดงแก่มาตุคามนนั้ ๑ ภกิ ษแุ สดงแก่มาตคุ ามอนื่ ๑ ๒๑๐ วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๖๓/๑๗๔,ว.ิ ๒/๖๓/๓๔(ม) ๒๑๑ กงขฺ า.อ.๒๒๙ (มจร) ๒๑๒ กงขฺ า.อ.๒๒๙ (มจร) ๒๑๓ ว.ิ มหาวิ. (ไทย)๒๙๘/๒๒๐ ๒๑๔ กงฺขา.อ.๒๒๙ (มจร) ๒๑๕กงขฺ า.อ.๒๒๙ (มจร)

มาตุคามถามปัญหา ภิกษุถูกถามปัญหาแลว้ กล่าวแก้ ๑ ภกิ ษแุ สดงธรรมเพอ่ื ประโยชน์แกค่ นอนื่ อยู่ มาตุคามฟงั อยดู่ ้วย ๑ ภกิ ษุวิกลจริต ๑ ภิกษอุ าทกิ ัมมกิ ะ ๑ ไม่ต้องอาบัติ ทฏุ ฐฃลุ ลาโรจนสกิ ขาบท ๙. โย ปน ภกิ ขฺ ุ ภกิ ฺขสุ สฺ ทฏุ ฐฺ ฃลุ ลฺ อาปตตฺ ึ อนปุ สมปฺ นนฺ สสฺ อาโรเจยยฺอญฺญตรฺ ภกิ ขฺ สุ มฺมตุ ิยา ปาจติ ตฺ ยิ ๒๑๖. ก็ ภกิ ษุใดบอกอาบตั ชิ ว่ั หยาบของภิกษแุ ก่อนปุ สัมบนั ตอ้ งอาบัติปาจิตตีย์ เวน้ ไวแ้ ต่ภกิ ษุไดร้ บั สมมติ ๑) สถานท่ีบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ กรุงสาวัตถ๒ี ๑๗ ๒) บคุ คลผู้กอ่ เหตุ ได้แก่ ภกิ ษฉุ ัพพัคคยี ์๒๑๘ ๓) มลู เหตแุ หง่ การบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ ภิกษุฉพั พัคคยี ์ไมไ่ ด้รับสมมติบอกอาบตั ชิ ่ัวหยาบของภิกษุแกอ่ นุสัมบันพระอปุ นนั ทศากยบุตร กาลังเปน็ ผกู้ อ่ การทะเลาะกบั พระฉัพพคั คยี ์ ท่านตอ้ งอาบตั ชิ ื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ แลว้ ได้ขอปรวิ าสเพ่ืออาบตั ินั้นต่อสงฆ์ๆ ได้ใหป้ รวิ าสเพอื่ อาบัตนิ ้นั แกท่ ่าน. กแ็ ลสมัยนนั้ ในพระนครสาวัตถีมีสงั ฆภตั ของประชาชนหมหู่ นึ่ง ท่านกาลงั อยูป่ รวิ าส จึงนง่ั ท้ายอาสนะในโรงภตัพระฉัพพคั คยี ์ได้กลา่ วกะอบุ าสกเหล่าน้ันว่า ทา่ นท้งั หลาย ทา่ นพระอปุ นันทศากยบตุ รนัน่ เปน็ พระประจาตระกลู ที่พวกทา่ นสรรเสริญ ได้พยายามปล่อยอสจุ ิดว้ ยมือ บริโภคของท่ีเขาถวายดว้ ยศรทั ธา ท่านตอ้ งอาบัติช่ือสัญเจตนกิ าสุกกวิสัฏฐิแลว้ ได้ขออยปู่ รวิ าสเพือ่ อาบัติน้ันต่อสงฆ์ๆ ได้ให้ปรวิ าสเพ่ืออาบตั นิ ัน้ แกท่ ่านแลว้ ท่านกาลังอยปู่ รวิ าส จงึน่งั ท้ายอาสนะ. บรรดาภิกษทุ ม่ี กั น้อย สนั โดษ มีความละอาย มคี วามรงั เกียจ ผู้ใคร่ต่อสกิ ขาตา่ งก็เพ่งโทษ ตเิ ตียน โพนทะนาว่า ไฉน พระฉัพพัคคีย์จึงได้บอกอาบตั ิชวั่ หยาบของภกิ ษแุ ก่อนุปสัมบนั เลา่ แล้วกราบทลู เนอื้ ความนั้นแด่พระผมู้ ีพระภาค๒๑๙ ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบัญญตั ิ ๒๑๖วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๗๙/๑๙๒,ว.ิ ๒/๗๙/๔๗(ม) ๒๑๗ กงขฺ า.อ.๒๓๑ (มจร) ๒๑๘ กงขฺ า.อ.๒๓๑ (มจร) ๒๑๙ กงขฺ า.อ.๒๓๑ (มจร)

๕) ประเภทของบัญญตั ิ เปน็ ขอ้ บญั ญัตทิ วั่ ไปท้ังภิกษุและภิกษุณี๒๒๐ ภตู คามวรรค ปฐมเสนาสนสิกขาบท ๑๔. โย ปน ภกิ ฺขุ สงฺฆกิ มญจฺ วา ปฐี ฃ วา ภสิ ึ วา โกจฉฺ วา อชโฺ ฌกาเส สนถฺรติ วฺ า วา สนถฺ ราเปตวฺ า วา ต ปกกฺ มนโฺ ต เนว อทุ ธฺ เรยยฺ น อทุ ธฺ ราเปยยฺ อนาปจุ ฉฺ วาคจเฺ ฉยยฺ ปาจติ ฺตยิ ๒๒๑. ก็ ภกิ ษุใดวางไว้ หรือใช้ใหว้ างไวซ้ ่งึ เสนาสนะ คือ เตยี ง ต่ัง ฟูก หรือเก้าอ้ีของสงฆใ์ นท่ีกลางแจ้ง เม่ือจะจากไป ไมเ่ ก็บ หรือไม่ใช้ใหเ้ ก็บ เสนาสนะนั้น หรอื ไมบ่ อกมอบหมาย ไปเสยี ตอ้ งอาบตั ิปาจิตตีย์ ๑) สถานท่บี ญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ กรงุ สาวัตถ๒ี ๒๒ ๒) บคุ คลผู้กอ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภกิ ษหุ ลายรปู ๒๒๓ ๓) มลู เหตแุ หง่ การบญั ญตั สิ กิ ขาบท๒๒๔ ไดแ้ ก่ ภิกษหุ ลายรูปจดั ต้ังเสนาสนะของสงฆใ์ นท่กี ลางแจ้ง เมอ่ื จะจากไป ไมเ่ กบ็ ไม่บอกใหเ้ กบ็ แล้วพากันจากไปคร้ังนัน้ เป็นฤดูหนาว ภกิ ษุทงั้ หลายจดั ตัง้ เสนาสนะในทกี่ ลางแจ้ง ผงิ กายอยู่, คร้นั เขาบอกภตั ตกาล เมื่อจะหลีกไป ไม่เกบ็ เอง ไมใ่ ห้คนอ่นื เก็บซง่ึ เสนาสนะนนั้ ไม่บอกมอบหมายแลว้ หลีกไป เสนาสนะถูกนา้ คา้ งและฝนตกชะ. บรรดาภกิ ษทุ ่มี ักนอ้ ย ต่างก็เพ่งโทษ ตเิ ตียน โพนทะนาว่า ไฉน ภกิ ษุทัง้ หลายจดั ต้ังเสนาสนะในท่ีแจง้ แล้วเมื่อจะหลีกไปจึงไดไ้ ม่เกบ็ เอง ไมใ่ ห้คนอ่นื เก็บ ซ่ึงเสนาสนะนน้ั ไมบ่ อกมอบหมาย แลว้ หลีกไปเสนาสนะถกู นา้ ค้างและฝนตกชะ แล้วกราบทูลเนื้อความน้นั แด่พระผู้มีพระภาค ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบญั ญัติ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เป็นขอ้ บญั ญัติทั่วไปท้ังภิกษุและภกิ ษุณี๒๒๕ ๒๒๐ กงฺขา.อ.๒๓๑ (มจร) ๒๒๑ วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๑๐๙/๒๐๙,วิ.๒/๑๐๙/๕๘(ม) ๒๒๒กงฺขา.อ.๒๓๘ (มจร) ๒๒๓กงฺขา.อ.๒๓๘ (มจร) ๒๒๔กงฺขา.อ.๒๓๘ (มจร) ๒๒๕ กงฺขา.อ.๒๓๘ (มจร)

ทตุ ยิ เสนาสนสกิ ขาบท ๑๕. โย ปน ภิกขฺ ุ สงฆฺ เิ ก วหิ าเร เสยยฺ สนถฺ รติ วฺ า วา สนฺถราเปตวฺ า วา ตปกฺกมนโฺ ต เนว อทุ ธฺ เรยยฺ น อุทธฺ ราเปยยฺ อนาปจุ ฉฺ วา คจเฺ ฉยยฺ ปาจติ ตฺ ยิ ๒๒๖. ก็ ภิกษใุ ด ปหู รอื ใชใ้ หป้ ูทนี่ อนในวิหารของสงฆ์ เม่อื จะจากไป ไม่เกบ็ หรอื ไม่ใช้ใหเ้ กบ็ ท่ีนอนนั้น หรอื ไม่บอกมอบหมาย ไปเสีย ต้องอาบัติ ปาจิตตยี ์ ๑) สถานที่บญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ กรุงสาวตั ถ๒ี ๒๗ ๒) บุคคลผู้กอ่ เหตุ ได้แก่ ภกิ ษสุ ัตตรสวัคคยี ์๒๒๘ ๓) มลู เหตแุ หง่ การบญั ญตั สิ กิ ขาบท๒๒๙ ไดแ้ ก่ ภกิ ษุสัตตรสวคั คยี ์ ปทู ี่นอนในวหิ ารของสงฆ์ เม่ือจะจากไป ไมเ่ กบ็ หรือไม่ใชใ้ ห้เกบ็ แล้วพากนั จากไป พระสตั ตรสวัคคียม์ ีพวก ๑๗ รปู เปน็ สหายกนั เมื่ออยู่กอ็ ยู่พร้อมกัน เมอื่ หลีกไปกห็ ลีกไปพร้อมกัน.พวกเธอปทู นี่ อนในวหิ ารเป็นของสงฆ์แห่งหนึ่งแลว้ เม่ือหลีกไป ไมเ่ กบ็ เอง ไมใ่ ห้คนอ่นืเกบ็ ซึ่งท่ีนอนน้ัน ไม่ไดบ้ อกมอบหมายหลีกไป เสนาสนะถูกปลวกกัด บรรดาภิกษุทีม่ ักนอ้ ย ต่างก็เพง่ โทษ ตเิ ตียน โพนทะนาว่าไฉน พระสัตตรสวคั คยี ์ ปทู ่ีนอนในวิหารเป็นของสงฆ์แล้ว เมือ่ หลีกไป ไมเ่ ก็บเอง ไม่ใหค้ นอ่ืนเก็บ ซง่ึ ท่ีนอนนั้น ไม่ได้บอกมอบหมายหลกี ไปแลว้ เสนาสนะจงึ ไดถ้ ูกปลวกกดั แลว้ กราบทูลเนื้อความน้ันแดพ่ ระผูม้ พี ระภาค. ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบญั ญตั ิ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เป็นข้อบัญญัติท่วั ไปท้ังภกิ ษุและภกิ ษุณี๒๓๐ อนปุ ขชั ชสกิ ขาบท ๑๖. โย ปน ภกิ ขฺ ุ สงฺฆเิ ก วหิ าเร ชาน ปพุ พฺ ปุ คต ภกิ ขฺ ุ อนปุ ขชชฺ เสยยฺกปเฺ ปยยฺ “ยสสฺ สมพฺ าโธ ภวสิ สฺ ติ โส ปกฺกมสิ สฺ ตี”ติ เอตเทว ปจจฺ ย กรติ วฺ า อนญญฺปาจติ ตฺ ยิ ๒๓๑. ๒๒๖วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๑๐๙/๒๐๙,วิ.๒/๑๐๙/๕๘(ม) ๒๒๗กงฺขา.อ.๒๔๐ (มจร) ๒๒๘กงขฺ า.อ.๒๔๐ (มจร) ๒๒๙กงฺขา.อ.๒๔๐ (มจร) ๒๓๐กงขฺ า.อ.๒๔๐ (มจร) ๒๓๑ วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๑๒๐/๒๐๙,วิ.๒/๑๐๙/๕๘(ม)

ก็ ภิกษใุ ดรอู้ ยู่ เข้าไปนอนแทรกแซงภกิ ษุผูเ้ ข้าไปอยใู่ นวิหารของสงฆก์ ่อนดว้ ยประสงค์วา่ “ท่านมีความคบั ใจกจ็ กั จากไปเอง” ประสงค์เพียงเทา่ นี้ไม่มอี ะไรอ่ืนตอ้ งอาบัตปิ าจิตตยี ์ ๑) สถานทบี่ ญั ญตั สิ ิกขาบท ได้แก่ กรุงสาวตั ถ๒ี ๓๒ ๒) บุคคลผกู้ อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภิกษฉุ ัพพัคคีย์๒๓๓ ๓) มลู เหตแุ หง่ การบญั ญตั สิ กิ ขาบท๒๓๔ ไดแ้ ก่ ภกิ ษฉุ ัพพคั คยี ์ เขา้ ไปนอนแทรกแซงภิกษุผูเ้ ถระพระฉัพพัคคีย์กดี กันท่นี อนดีๆ ไว้ ใหพ้ ระเถระท้ังหลายย้ายไปเสียแล้วคิดกนั วา่ ด้วยอุบายอะไรหนอ? พวกเราจะพงึ อยู่จาพรรษา ณ ทีน่ ้ีแหละ แลว้ สาเร็จการนอนแทรกแซงพระเถระทั้งหลายดว้ ยหมายใจวา่ ผูใ้ ดมีความคบั ใจผนู้ น้ั จกั หลีกไปเอง. บรรดาภิกษุทมี่ กั น้อย ต่างกเ็ พ่งโทษ ตเิ ตียน โพนทะนาว่า ไฉน พระฉัพพัคคยี ์จึงได้สาเรจ็ การนอนแทรกแซงพระเถระท้ังหลายแลว้ กราบทูลเนือ้ ความน้ันแด่พระผมู้ ีพระภาค ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบญั ญัติ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เปน็ ขอ้ บญั ญตั ิทว่ั ไปทั้งภกิ ษุและภิกษุณี๒๓๕ นิกกัฑฒนสกิ ขาบท ๑๗. โย ปน ภกิ ขฺ ุ ภกิ ขฺ ุ กปุ โิ ต อนตตฺ มโน สงฆฺ กิ า วหิ ารา นิกฺกฑฺเฒยยฺ วานกิ กฺ ฑฒฺ าเปยยฺ วา ปาจติ ตฺ ยิ ๒๓๖. ก็ ภิกษใุ ดโกรธ ไม่พอใจ ฉุดลาก หรอื ใช้ให้ฉุดลากภกิ ษุออกจากวิหารของสงฆ์ ตอ้ งอาบตั ิปาจติ ตีย์ ๑) สถานที่บญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรุงสาวัตถ๒ี ๓๗ ๒) บคุ คลผกู้ อ่ เหตุ ได้แก่ ภิกษุฉัพพัคคีย์๒๓๘ ๒๓๒ กงขฺ า.อ.๒๔๑ (มจร) ๒๓๓ กงฺขา.อ.๒๔๑ (มจร) ๒๓๔ กงฺขา.อ.๒๔๑ (มจร) ๒๓๕ กงฺขา.อ.๒๔๑ (มจร) ๒๓๖ วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๑๒๕/๒๑๘,วิ.๒/๑๒๕/๖๔(ม) ๒๓๗ กงขฺ า.อ.๒๔๒ (มจร) ๒๓๘กงขฺ า.อ.๒๔๒ (มจร)

๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท๒๓๙ ไดแ้ ก่ ภิกษฉุ พั พัคคียโ์ กรธไม่พอใจฉุดลากภกิ ษุทัง้ หลายออกจากวิหารของสงฆ์ พระสัตตรสวัคคยี ์ปฏสิ ังขรณ์วิหารใหญ่แหง่หน่ึง ซง่ึ ตง้ั อยสู่ ดุ เขตวัด ดว้ ยหมายใจวา่ พวกเราจักอยจู่ าพรรษา ณ ทน่ี .้ี พระฉัพพัคคยี ์ได้เห็นพระสตั ตรสวัคคยี ์ผู้กาลงั ปฏิสงั ขรณว์ ิหาร ครั้นแลว้ จงึ พูดกันอยา่ งนี้ว่า อาวโุ สท้งั หลายพระสัตตรสวคั คยี เ์ หลา่ นี้ กาลงั ปฏิสังขรณว์ หิ าร, อย่ากระนน้ั เลย พวกเราจกั ไล่พวกเธอไปเสยี .ภิกษุบางเหล่าพดู อยา่ งนีว้ ่า อาวุโสทั้งหลาย โปรดรออยู่ก่อน จนกว่าเธอจะปฏิสงั ขรณ์เสร็จ เมื่อเธอปฏสิ งั ขรณเ์ สร็จแล้วพวกเราจึงค่อยไลไ่ ป ครัน้ พระสัตตรสวคั คยี ป์ ฏิสงั ขรณ์เสรจ็ แล้ว พระฉพั พัคคยี ์ได้กลา่ วคานีก้ ะพระสตั ตรสวัคคยี ์ว่า อาวโุ สท้ังหลาย พวกท่านจงย้ายไป วหิ ารถึงแก่พวกเรา พระสตั ตรสวคั คีย์ตอบว่า อาวุโสท้ังหลาย พวกทา่ นควรจะบอกลว่ งหนา้ มิใช่หรือ พวกผมจะไดป้ ฏิสงั ขรณ์วหิ ารหลงั อนื่ เม่ือไม่ยอม พระฉพั พคั คียก์ ล่าววา่ พวกทา่ นจงยา้ ยออกไป วิหารถึงแก่พวกเรา ดังนี้แลว้ ทาเป็นโกรธ ขัดใจ จับคอฉุดคร่าออกไปพระสตั ตรสวคั คยี ์ถกู ฉดุ คร่าออกไปก็ร้องไห้ บรรดาภิกษุทมี่ กั น้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาวา่ ไฉน พระฉัพพัคคีย์จึงไดโ้ กรธ ขัดใจ ฉุดคร่าภกิ ษทุ ั้งหลายออกจากวิหารของสงฆ์เลา่ แล้วกราบทูลเนอื้ ความนั้นแดพ่ ระผู้มีพระภาค. ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบญั ญตั ิ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เปน็ ข้อบัญญตั ทิ ั่วไปท้ังภิกษุและภิกษุณี๒๔๐เวหาสกฏุ สิ กิ ขาบท ๑๘. โย ปน ภกิ ขฺ ุ สงฆฺ เิ ก วหิ าเร อปุ ริเวหาสกฏุ ยิ า อาหจจฺ ปาทก มญจฺ วาปฐี ฃวา อภนิ สิ เี ทยฺย วา อภนิ ปิ ชเฺ ชยยฺ วา ปาจติ ตฺ ยิ ๒๔๑ ก็ ภิกษใุ ดนง่ั หรือนอนบนเตียง หรือบนต่ังอนั มเี ทา้ เสียบบนกุฎีชน้ั ลอยในวิหารของสงฆ์ ต้องอาบตั ปิ าจิตตีย์ ๑) สถานทบี่ ญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ กรุงสาวตั ถ๒ี ๔๒ ๒๓๙กงขฺ า.อ.๒๔๒ (มจร) ๒๔๐ กงฺขา.อ.๒๔๒ (มจร) ๒๔๑วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๑๓๐/๒๒๐,ว.ิ ๒/๑๓๐/๖๖(ม)

๒) บุคคลผ้กู อ่ เหตุ ได้แก่ ภิกษุรปู หนงึ่ ๒๔๓ ๓) มลู เหตแุ หง่ การบญั ญตั สิ กิ ขาบท๒๔๔ ได้แก่ ภิกษุรปู หนึ่งรีบนั่งบนเตยี งที่มเี ทา้ เสยี บบนกฎุ ชี ั้นลอยอย่างแรงในวิหารของสงฆ์ ภิกษุ ๒ รปู อยู่บนร้านในวหิ ารเปน็ของสงฆ์ รปู หนงึ่ อยชู่ ้ันล่าง รูปหนงึ่ อยชู่ น้ั บน ภกิ ษุอยู่ชั้นบนนัง่ ทับโดยแรง ซง่ึ เตียงอนั มีเท้าเสยี บ เทา้ เตยี งตกโดนศรี ษะภกิ ษุผู้อยชู่ ้ันล่าง ภิกษุนัน้ ส่งเสยี งร้องลั่น ภิกษุทงั้ หลายพากันว่งิ เข้าไปถามภกิ ษุนนั้ ว่า ทา่ นส่งเสยี งร้องทาไม จงึ ภิกษนุ ้ันไดช้ ีแ้ จงเรื่องนัน้ แกภ่ ิกษุทง้ั หลาย บรรดาภกิ ษทุ ี่มกั น้อย ... ตา่ งกเ็ พ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาวา่ ไฉน ภกิ ษุจึงนั่งทับโดยแรง ซงึ่ เตียงมเี ทา้ เสียบ บนรา้ นในวิหารเปน็ ของสงฆ์ แลว้ กราบทูลเนอ้ื ความนน้ัแดพ่ ระผู้มีพระภาค ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบัญญตั ิ๒๔๕ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เป็นข้อบญั ญัติทวั่ ไปท้ังภกิ ษุและภกิ ษุณี๒๔๖ โอวาทวรรค โอวาทสิกขาบท ๒๑. โย ปน ภกิ ขฺ ุ อสมมฺ โต ภกิ ฺขนุ โิ ย โอวเทยยฺ ปาจติ ตฺ ยิ .๒๔๗ ก็ ภิกษุใดไม่ได้รบั แตง่ ตงั้ พงึ สั่งสอนภิกษุณีท้ังหลาย ต้องอาบตั ิ ปาจติ ตยี ์สิกขาบทน้ีพระผู้มีพระภาคทรงบัญญตั ิไว้แก่ภกิ ษุท้ังหลายอย่างน้ี ๑) สถานท่บี ญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรุงสาวตั ถ๒ี ๔๘ ๒) บคุ คลผูก้ อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภิกษุฉัพพัคคยี ์๒๔๙ ๒๔๒กงขฺ า.อ.๒๔๓ (มจร) ๒๔๓กงขฺ า.อ.๒๔๓ (มจร) ๒๔๔กงขฺ า.อ.๒๔๓ (มจร) ๒๔๕ กงฺขา.อ.๒๔๓ (มจร) ๒๔๖ กงขฺ า.อ.๒๔๓ (มจร) ๒๔๗ ว.ิ มหาวิ. (ไทย) ๒/๑๔๖/๒๒๘,วิ.๒/๑๔๖/๗๒(ม) ๒๔๘กงขฺ า.อ.๒๔๗ (มจร) ๒๔๙กงขฺ า.อ.๒๔๗ (มจร)

๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ ภิกษุฉพั พัคคียไ์ มไ่ ด้รับการแตง่ ต้ังให้สอนภกิ ษุณที งั้ หลาย ภิกษุชั้นเถระทงั้ หลาย กลา่ วสอนพวกภิกษุณยี อ่ มได้จวี รบณิ ฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจยั เภสัชบริขาร จงึ พระฉพั พัคคยี ์ ปรกึ ษากนั วา่ อาวโุ สทั้งหลาย บดั น้พี ระเถระกลา่ วสอนพวกภกิ ษุณี ยอ่ มได้จวี ร บณิ ฑบาต เสนาสนะ และคิลานปจั จัยเภสัชบรขิ าร เอาเถิด พวกเราจะกลา่ วสอนพวกภิกษุณีบ้าง. ครน้ั แลว้ ได้เขา้ ไปหาพวกภกิ ษุณี กล่าวคานีว้ า่ มาเถิด น้องหญิงทั้งหลายจงไปหาพวกเราบา้ ง แม้พวกเราก็จกั กลา่ วสอน หลงั จากนัน้ ภกิ ษณุ เี หลา่ นั้นได้เข้าไปหาพระฉพั พัคคีย์ อภิวาทแลว้ นง่ั ณที่ควรส่วนขา้ งหนึง่ จงึ พระฉัพพัคคีย์ไดท้ าธรรมีกถาแกพ่ วกภิกษณุ เี พยี งเล็กนอ้ ยเทา่ นนั้ให้วนั เวลาล่วงไปด้วยติรัจฉานกถา แลว้ ส่งั ใหก้ ลับไปด้วยคาว่า กลบั ไปเถดิ น้องหญงิทัง้ หลาย ลาดบั นนั้ ภิกษุณเี หล่านน้ั ไดเ้ ขา้ ไปเฝา้ พระผมู้ ีพระภาคถวายบังคมแลว้ ยืนเฝ้าอยู่ ณ ที่ควรสว่ นขา้ งหน่งึ พระผมู้ ีพระภาคได้ตรัสถามภิกษุณเี หล่านัน้ ผู้ยืนเฝ้าอยู่ ณ ทค่ี วรสว่ นขา้ งหน่ึงนั้นแลว่า ดกู รภิกษุณีทัง้ หลาย การกล่าวสอนภกิ ษุณไี ด้สัมฤทธผิ ลดีหรือ ภิกษุณีทัง้ หลาย กราบทลู วา่ จะสัมฤทธผิ ลมาแต่ไหน พระพุทธเจา้ ขา้ เพราะพระคุณเจ้าเหลา่ ฉพั พคั คยี ไ์ ด้ทาธรรมกี ถาเพียงเล็กนอ้ ยเท่านนั้ ให้วนั เวลาล่วงไปด้วยติรัจฉานกถา แลว้ ก็ส่งั ให้กลับไป๒๕๐ ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนบุ ญั ญตั ิ๒๕๑ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เป็นขอ้ บัญญตั ิเฉพาะภกิ ษุ๒๕๒ อตั ถงั คตสกิ ขาบท ๒๒. สมมฺ โตปิ เจ ภิกขฺ ุ อตฺถงคฺ เต สรู เิ ย ภกิ ขฺ นุ โิ ย โอวเทยยฺ ปาจิตตฺ ยิ .๒๕๓ ถา้ ภกิ ษแุ มไ้ ดร้ บั การแต่งต้ังแล้ว เมอื่ ดวงอาทิตย์อสั ดงแลว้ ยงั ส่ังสอนภิกษุณีทัง้ หลายอยู่ ต้องอาบตั ิปาจิตตยี ์ ๑) สถานท่บี ญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ กรงุ สาวตั ถ๒ี ๕๔ ๒๕๐ กงขฺ า.อ.๒๔๗ (มจร) ๒๕๑ กงขฺ า.อ.๒๔๗ (มจร) ๒๕๒ กงฺขา.อ.๒๔๗ (มจร) ๒๕๓ วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๑๕๔/๒๓๖,วิ.๒/๑๕๔/๗๘(ม) ๒๕๔ กงฺขา.อ.๒๔๘ (มจร)

๒) บุคคลผู้กอ่ เหตุ ไดแ้ ก่ พระจูฬปันถก๒๕๕ ๓) มลู เหตแุ หง่ การบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ พระจูฬปันถก เมื่อดวงอาทิตย์อสั ดงแล้วยังสงั่ สอนภกิ ษณุ ีทั้งหลายอยู่พระเถระทงั้ หลาย ผลดั เปลยี่ นกนั กลา่ วสอนพวกภิกษุณี สมัยนน้ั ถึงวาระของทา่ นพระจฬู ปนั ถกที่จะกลา่ วสอนพวกภิกษุณี พวกภกิ ษุณีพดู กันอย่างนีว้ า่ วนั น้ีโอวาทเห็นจะไมส่ าเรจ็ ประโยชน์ เพราะประเด๋ยี วพระคุณเจา้ จูฬปันถกจะกล่าวอุทานอย่างเดิมนนั่ แหละซา้ ๆ ซากๆ แล้วพากนั เขา้ ไปหาท่านพระจฬู ปนัถก อภิวาทแลว้ น่งั อยู่ ณที่ควรส่วนขา้ งหนึง่ . ทา่ นพระจูฬปนั ถกไดถ้ ามภิกษุณีเหลา่ นนั้ ผ้นู งั่ เรียบรอ้ ยแลว้ เร่ืองครุธรรม ๘ประการยังเปน็ ไปดีอยูห่ รอื น้องหญงิ ท้ังหลาย ภิกษณุ ยี ังเป็นไปดอี ยู่ เจ้าข้า. ทา่ นพระจูฬปันถกส่งั วา่ นี่แหละเป็นโอวาทละ นอ้ งหญงิ ทั้งหลาย แลว้ ได้กล่าวอุทานน้ซี า้ อีก ว่าดงั น้ี \"ความโศก ยอ่ มไม่มีแกม่ ุนผี มู้ จี ติ ตง้ั มั่น ไมป่ ระมาท ศึกษาอยู่ในโมเนยยปฏิปทา ผคู้ งที่ ผู้สงบระงับ มสี ตทิ ุกเมื่อ\" ภิกษณุ ีท้ังหลายไดส้ นทนากนั อยา่ งน้วี ่า เราได้พดู แลว้ มใิ ช่หรอื วา่ วนั นี้ โอวาทเห็นจะไมส่ าเร็จประโยชน์ เพราะประเดีย๋ ว พระคุณเจ้าจูฬปนั ถก จะกลา่ วอทุ านอย่างเดมิ น่นั แหละซ้าๆ ซากๆ ทา่ นพระจูฬปนั ถกได้ยนิ คาสนทนาน้ขี องภิกษุณีพวกนน้ั คร้ันแลว้ ท่านเหาะขน้ึ ส่เู วหาจงกรมบา้ ง ยนื บา้ ง นั่งบ้าง สาเรจ็ การนอนบ้าง ทาให้ควนั กล้มุ ตลบข้ึนบา้ ง ทาให้เป็นไฟโพลงขึ้นบ้าง หายตัวบ้าง อยใู่ นอากาศกลางหาว กล่าวอทุ านอยา่ งเดิมนนั้ และพระพทุ ธพจน์อยา่ งอื่นอีกมาก ภกิ ษณุ ีทั้งหลายกล่าวชมอยา่ งน้ีวา่ น่าอัศจรรย์นกั ชาวเราเอย๋ ไมเ่ คยมีเลยชาวเราเอ๋ยในกาลก่อนแต่น้ี โอวาทไมเ่ คยสาเร็จประโยชน์แกพ่ วกเรา เหมอื นโอวาทของพระคุณเจ้าจูฬปันถกเลย. คราวนัน้ ท่านพระจฬู ปนั ถกกล่าวสอนภกิ ษุณีเหลา่ นั้นจนพลบค่า ยา่ สนธยา แล้วไดส้ ง่ กลับดว้ ยคาวา่ กลบั ไปเถดิ น้องหญิงทั้งหลาย. จึงภกิ ษุณีเหลา่ นน้ั เมือ่ เขาปิดประตเู มืองแลว้ ได้พากนั พักแรมอย่นู อกเมอื ง รงุ่ สายจึงเขา้ เมืองได้ประชาชนพากนั เพง่ โทษ ตเิ ตยี นโพนทะนาว่า ภกิ ษุณีพวกน้ีเหมอื นไม่ใชส่ ตรีผู้ประพฤติพรหมจรรย์ พักแรมอยู่กบั พวกภิกษุในอารามแลว้ เพิง่ จะพากันกลับเข้าเมืองเด๋ยี วน้ี๒๕๖ ๒๕๕ กงขฺ า.อ.๒๔๘ (มจร) ๒๕๖ กงขฺ า.อ.๒๔๘ (มจร)

๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบญั ญตั ิ๒๕๗ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เปน็ ขอ้ บญั ญตั ิเฉพาะภิกษุ๒๕๘ อามสิ สกิ ขาบท ๒๔. โย ปน ภกิ ขฺ ุ เอว วเทยยฺ “อามสิ เหตุ เถรา ภกิ ขฺ ู ภกิ ฺขนุ โิ ย โอวทนตฺ ี”ติปาจติ ตฺ ยิ ๒๕๙. ก็ ภิกษใุ ดกล่าวอยา่ งน้วี า่ ภิกษุ(ผู้เป็นเถระ)ท้งั หลายส่งั สอนภิกษุณที ั้งหลายเพราะเห็นแก่อามิส ต้องอาบัตปิ าจิตตีย์ ๑) สถานทบี่ ญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ กรงุ สาวัตถ๒ี ๖๐ ๒) บุคคลผ้กู อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภกิ ษฉุ ัพพัคคีย์๒๖๑ ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ ภิกษฉุ ัพพัคคีย์กล่าวหาภิกษุผู้เถระทั้งหลายวา่ แสดงธรรมแก่ภิกษุณเี พราะเหน็ แก่อามิสพระเถระท้งั หลาย สั่งสอนพวกภกิ ษุณยี ่อมไดจ้ วี ร บณิ ฑบาต เสนาสนะ และคลิ านปจั จยั เภสัชบรขิ าร พระฉัพพคั คีย์พูดกนั อยา่ งนี้ว่าพระเถระทง้ั หลายไม่ตง้ั ใจสง่ั สอนพวกภิกษุณี ทา่ นสง่ั สอนพวกภิกษุณีเพราะเห็นแก่อามสิ บรรดาภกิ ษุที่มักนอ้ ย ต่างกเ็ พ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาวา่ ไฉนพระฉพั พคัคยี จ์ งึ ได้พดู อยา่ งน้ีวา่ พระเถระทง้ั หลายไม่ตงั้ ใจสัง่ สอนพวกภกิ ษุณี ท่านส่ังสอนพวกภกิ ษณุ ีเพราะเหน็ แก่อามสิ แลว้ กราบทูลเรือ่ งน้นั แด่พระผู้มีพระภาค๒๖๒ ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบญั ญตั ิ๒๖๓ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เปน็ ขอ้ บญั ญัติเฉพาะภกิ ษุ๒๖๔ ๒๕๗ กงขฺ า.อ.๒๔๘ (มจร) ๒๕๘ กงขฺ า.อ.๒๔๘ (มจร) ๒๕๙ วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๑๕๔/๒๓๖,ว.ิ ๒/๑๕๔/๗๘(ม) ๒๖๐ กงขฺ า.อ.๒๔๙ (มจร) ๒๖๑ กงฺขา.อ.๒๔๙ (มจร) ๒๖๒ กงฺขา.อ.๒๔๙ (มจร) ๒๖๓ กงฺขา.อ.๒๔๙ (มจร) ๒๖๔ กงขฺ า.อ.๒๔๙ (มจร)

จวี รทานสกิ ขาบท ๒๕. โย ปน ภกิ ฺขุ อญญฺ าติกาย ภกิ ขฺ นุ ยิ า จวี ร ทเทยยฺ อญญฺ ตรฺ ปารวิ ตตฺ กาปาจติ ตฺ ยิ ๒๖๕. อนึง่ ภกิ ษุใดใหจ้ ีวรแก่ภิกษุณผี ูไ้ ม่ใชญ่ าติ ต้องอาบัติปาจติ ตีย์ เว้นไว้แต่แลกเปลย่ี นกัน ๑) สถานท่ีบญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรงุ สาวัตถ๒ี ๖๖ ๒) บคุ คลผกู้ อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภกิ ษรุ ูปหนง่ึ ๒๖๗ ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ ภิกษุรปู หนึ่งใดใ้ หจ้ ีวรแก่ภกิ ษุณีผู้ไมใ่ ชญ่ าติภกิ ษรุ ปู หน่ึงเที่ยวบิณฑบาตไปตามถนนแหง่ หน่ึง ในพระนครสาวัตถีแมภ้ ิกษุณรี ปู หน่งึ ก็เทย่ี วบณิ ฑบาตไปในถนนนนั้ คร้ังนนั้ แลภิกษนุ น้ั ได้กล่าวคานีก้ ะภิกษุณีรปู น้ันว่า ไปเถดิ นอ้ งหญงิ ณ สถานที่โนน้ มผี ูถ้ วายภิกษา แม้ภิกษณุ ีรปู นน้ั ก็กลา่ วอย่างนว้ี า่ ไปเถิดพระคุณเจ้า ณ สถานทโี่ น้นมีผูถ้ วายภกิ ษา. ภิกษแุ ละภิกษณุ ที ้งั สองไดเ้ ป็นเพ่ือนเห็นกนั เพราะได้พบกันอยูเ่ นืองๆ กแ็ ลสมัยนน้ั พระเจา้ หนา้ ทแ่ี จกจีวรกาลงั แจกจีวรของสงฆ์ จึงภกิ ษณุ ีรูปนัน้ ไปรบั โอวาท แล้วเข้าไปหาภกิ ษรุ ูปน้ัน อภิวาทแล้วยนื อยู่ ณ ที่ควรสว่ นขา้ งหนึง่ . ภิกษรุ ูปนน้ั ได้กล่าวคาน้ีกะภิกษณุ ีนนั้ ผู้ยนื อยู่ ณ ทีค่ วรส่วนข้างหน่งึ วา่ ดูกรนอ้ งหญงิ ส่วนจวี รของฉันน้ี เธอจักยนิ ดหี รือไม่ ภิกษุณรี ับว่า ยินดี เจา้ ข้า เพราะดฉิ นั มจี ีวรเก่า ภิกษุนั้นได้ให้จีวรแกภ่ ิกษุณีน้นั . แตภ่ กิ ษุนัน้ กเ็ ปน็ ผู้มจี วี รเกา่ อยเู่ หมือนกัน ภกิ ษุทั้งหลายจงึ ไดก้ ลา่ วกะภิกษุรปู นั้นว่าบัดนี้ ท่านจงเปลย่ี นจวี รของท่านเถิด ภิกษรุ ูปน้ันได้แจ้งเร่ืองนั้นแกภ่ กิ ษุทง้ั หลาย. บรรดาภกิ ษทุ ม่ี ักน้อย ต่างก็เพง่ โทษ ตเิ ตียน โพนทะนาว่า ไฉน ภิกษุจึงได้ให้จวี รแก่ภิกษุณีเล่าแลว้ กราบทลู เร่อื งนนั้ แด่พระผู้มพี ระภาค๒๖๘ ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบญั ญัติ๒๖๙ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เป็นขอ้ บญั ญัตเิ ฉพาะภกิ ษุ๒๗๐ ๒๖๕ ว.ิ มหาวิ. (ไทย) ๒/๑๗๑/๒๔๕,วิ.๒/๑๗๑/๘๔(ม) ๒๖๖ กงฺขา.อ.๒๔๙ (มจร) ๒๖๗ กงฺขา.อ.๒๔๙ (มจร) ๒๖๘ กงฺขา.อ.๒๔๙ (มจร) ๒๖๙ กงขฺ า.อ.๒๔๙ (มจร)

จวี รสิพพนสกิ ขาบท ๒๖. โย ปน ภกิ ขฺ ุ อญญฺ าตกิ าย ภิกขฺ นุ ยิ า จวี ร สพิ เฺ พยยฺ วา สพิ ฺพาเปยยฺ วาปาจติ ตฺ ยิ ๒๗๑. ก็ ภิกษใุ ด เยบ็ หรือใชใ้ หเ้ ย็บจีวรใหภ้ ิกษุณผี ้ไู ม่ใชญ่ าติ ตอ้ งอาบตั ิ ปาจติ ตีย์ ๑) สถานทีบ่ ญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ กรุงสาวัตถ๒ี ๗๒ ๒) บคุ คลผกู้ อ่ เหตุ ได้แก่ พระอุทายี๒๗๓ ๓) มลู เหตแุ หง่ การบัญญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ พระอุทายีเย็บจีวรให้ภิกษุณีผู้ไม่ใช่ญาติพระอุทายี เป็นผู้สามารถทาจีวรกรรม ภิกษุณีรูปหนึ่งเข้าไปหาท่านแล้วพูดว่าดิฉันขอโอกาส เจ้าค่ะ ขอพระคุณเจ้าช่วยเย็บจีวรให้ดิฉันด้วย ฝ่ายท่านพระอุทายีเย็บจีวรให้นางแล้ว ทาการย้อมอย่างดี ทาบริกรรมเรียบร้อยแล้ว เขียนรูปอันวิจิตร ตามความคิดเห็นไว้ในท่ามกลางแล้วพับเก็บไว้ ครั้นภิกษุณีนั่นเข้าไปหาท่านพระอุทายีแล้วถามว่า จีวรน้ันเสร็จแล้วหรือยัง เจ้าค่ะ พระอทุ ายตี อบวา่ เสร็จแลว้ น้องหญงิ เชิญนาจวี รผืนน้ีตามทพี่ บั ไวแ้ ลว้ ไปเก็บไว้เม่ือไร ภกิ ษุณีสงฆม์ ารบั โอวาท จึงคอ่ ยห่มจวี รผืนนี้เดนิ ตามมาเบื้องหลังภกิ ษุณสี งฆ์ ฝา่ ยภิกษณุ ีนนั้ นาจีวรตามทพ่ี บั ไว้นน้ั ไปเกบ็ ไว้ ถึงคราวทภ่ี กิ ษณุ สี งฆ์มารบัโอวาท จงึ ห่มจวี รผืนน้ัน เดนิ ตามมาเบ้ืองหลงั ภิกษณุ สี งฆ์ ประชาชน พากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาวา่ ภิกษุณีพวกน้หี มดความเกรงกลวั เปน็ คนช่ัว ไม่มียางอาย เขียนรปู อันวิจิตรตามความเหน็ ไว้ทีจ่ ีวรได้๒๗๔ ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบัญญตั ิ๒๗๕ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เปน็ ขอ้ บัญญตั ิเฉพาะภกิ ษุ๒๗๖ ๒๗๐ กงขฺ า.อ.๒๔๙ (มจร) ๒๗๑ ว.ิ มหาวิ. (ไทย) ๒/๑๗๖/๒๔๗,วิ.๒/๑๗๖/๘๖(ม) ๒๗๒ กงขฺ า.อ.๒๕๐ (มจร) ๒๗๓ กงฺขา.อ.๒๕๐ (มจร) ๒๗๔ กงฺขา.อ.๒๕๐ (มจร) ๒๗๕ กงฺขา.อ.๒๕๐ (มจร) ๒๗๖ กงขฺ า.อ.๒๕๐ (มจร)

สงั วธิ านสิกขาบท ๒๗. โย ปน ภกิ ขฺ ุ ภกิ ขฺ ุนยิ า สทธฺ ึ สวธิ าย เอกทธฺ านมคฺค ปฏปิ ชเฺ ชยยฺ อนฺตมโส คามนตฺ รมปฺ ิ อญญฺ ตรฺ สมยา ปาจิตตฺ ยิ . ตตถฺ าย สมโย สตถฺ คมนโี ย โหติ มคโฺ คสาสงฺกสมฺมโต สปปฺ ฏภิ โย อย ตตถฺ สมโย๒๗๗. อนึ่ง ภกิ ษุใดชกั ชวนกนั เดนิ ทางไกลร่วมกันกบั ภิกษุณี โดยทส่ี ดุ แมช้ ว่ั ละแวกหม่บู ้านหนึง่ นอกสมยั ต้องอาบัติปาจติ ตยี ์ สมัยในข้อนนั้ คอื เป็นหนทางทจี่ ะพงึ ไปดว้ ยกองเกวียน ทรี่ ู้กนั วา่ น่าหวาดระแวง มภี ยั นา่ กลัว นี้เป็นสมัยในข้อนนั้ ๑) สถานท่ีบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ กรงุ สาวตั ถ๒ี ๗๘ ๒) บุคคลผู้กอ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภิกษุฉัพพัคคยี ์๒๗๙ ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ ภกิ ษฉุ ัพพคั คยี ์ชกั ชวนกนั เดนิทางไกลรว่ มกนั กับภิกษณุ ี โดยพระฉัพพคั คียช์ ักชวนกันเดินทางไกลร่วมกับพวกภกิ ษุณีคนท้งั หลายพากนั เพง่ โทษ ติเตยี น โพนทะนาว่า พระสมณะเชอื้ สายพระศากยบตุ รเหล่าน้ีเทย่ี วไปกบั พวกภิกษุณี เหมือนพวกเรากับภรรยาเดินเที่ยวกนั ฉะนน้ั ภิกษุทัง้ หลายไดย้ ินคนพวกนัน้ เพง่ โทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เปน็ ผูม้ กั น้อย ต่างก็เพง่ โทษ ตเิ ตยี นโพนทะนาว่า ไฉนพระฉัพพัคคีย์จึงไดช้ กั ชวนกันแล้วเดนิ ทางไกลร่วมกบัพวกภกิ ษุณเี ล่า แล้วกราบทลู เรือ่ งนน้ั แด่พระผู้มีพระภาค๒๘๐ ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบญั ญตั ิ ๑ พระอนบุ ัญญัติ๒๘๑ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เป็นขอ้ บญั ญตั เิ ฉพาะภกิ ษุ๒๘๒ นาวาภริ หุ นสกิ ขาบท ๒๘. โย ปน ภกิ ขฺ ุ ภกิ ขฺ นุ ยิ า สทธฺ ึ สวธิ าย เอก นาว อภริ เุ หยยฺ อทุ ธฺ คามนิ ึวา อโธคามนิ ึ วา อญญฺ ตฺร ตริ ยิ ตรณาย ปาจติ ตฺ ยิ .๒๘๓ ๒๗๗ วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๑๘๒/๒๕๐,วิ.๒/๑๘๒/๘๗(ม ๒๗๘ กงขฺ า.อ.๒๕๑ (มจร) ๒๗๙ กงขฺ า.อ.๒๕๑ (มจร) ๒๘๐ กงขฺ า.อ.๒๕๑ (มจร) ๒๘๑ กงฺขา.อ.๒๕๑ (มจร) ๒๘๒ กงขฺ า.อ.๒๕๑ (มจร)

อนง่ึ ภิกษใุ ดชักชวนภิกษณุ โี ดยสารเรือลาเดียวกัน ไปทวนน้า ก็ตาม ไปตามน้ากต็ าม ต้องอาบัตปิ าจิตตยี ์ เวน้ ไวแ้ ตข่ ้ามฟาก ๑) สถานทบ่ี ญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ กรุงสาวตั ถ๒ี ๘๔ ๒) บุคคลผูก้ อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภิกษฉุ ัพพัคคยี ์๒๘๕ ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ ภิกษุฉัพพัคคีย์ชักชวนภกิ ษณุ ีโดยสารเรอื ลาเดียวกันพระฉพั พัคคียช์ ักชวนกันแล้ว โดยสารเรอื ลาเดยี วกบั พวกภิกษุณีประชาชนเพ่งโทษ ติเตยี น โพนทะนาว่า พวกเราพร้อมด้วยภรรยาเล่นเรอื ลาเดยี วกันฉนัใด พระสมณะเชอ้ื สายพระศากยบตุ รเหลา่ นีช้ กั ชวนกนั แล้ว เลน่ เรือลาเดยี วกบั พวกภิกษณุ ี กฉ็ นั น้ัน ภิกษทุ ั้งหลายไดย้ ินประชาชนเพ่งโทษ ตเิ ตียน โพนทะนาอยู่. บรรดาท่ีเป็นผมู้ กั น้อย ต่างกเ็ พง่ โทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาวา่ ไฉนพระฉพั พคั คีย์จึงได้ชักชวนกันแล้วโดยสารเรือลาเดียวกับพวกภิกษณุ ีเลา่ แลว้ กราบทูลเนอ้ื ความน้ันแด่พระผ้มู ีพระภาค๒๘๖ ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบัญญัติ ๑ พระอนบุ ญั ญตั ิ๒๘๗ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เปน็ ข้อบัญญัตเิ ฉพาะภกิ ษุ๒๘๘ รโหนสิ ชั ชสกิ ขาบท ๓๐. โย ปน ภกิ ขฺ ุ ภกิ ขฺ ุนยิ า สทธฺ ึ เอโก เอกาย รโห นสิ ชชฺ กปเฺ ปยยฺ ปาจติ ฺตยิ ๒๘๙. ก็ ภกิ ษุใดนง่ั ในท่ลี บั กับภิกษุณสี องต่อสอง ต้องอาบตั ปิ าจิตตีย์ ๑) สถานทีบ่ ญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรุงสาวตั ถ๒ี ๙๐ ๒) บคุ คลผู้กอ่ เหตุ ไดแ้ ก่ พระอุทายี๒๙๑ ๒๘๓ ว.ิ มหาวิ. (ไทย) ๒/๑๘๘/๒๕๓,วิ.๒/๑๘๘/๙๐(ม) ๒๘๔กงฺขา.อ.๒๕๒ (มจร) ๒๘๕ กงฺขา.อ.๒๕๒ (มจร) ๒๘๖ กงขฺ า.อ.๒๕๒ (มจร) ๒๘๗กงฺขา.อ.๒๕๒ (มจร) ๒๘๘ กงขฺ า.อ.๒๕๒ (มจร) ๒๘๙ วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๑๙๙/๒๕๙,ว.ิ ๒/๑๙๙/๙๔(ม) ๒๙๐ กงขฺ า.อ.๑๘๑ (มจร) ๒๙๑ กงฺขา.อ.๑๘๑ (มจร)

๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ พระอทุ ายีนงั่ ในท่ีลับกบัภกิ ษุณสี องต่อสอง โดยปรุ าณทตุ ิยิกาของทา่ นพระอุทายีได้บวชอยใู่ นสานกั ภกิ ษุณี นางมาในสานักท่านพระอุทายีเนืองๆ แม้ท่านอทุ ายีก็ไปในสานกั นางเนืองๆ.สมยั นั้นแล ท่านพระอทุ ายีไดส้ าเร็จการน่งั ในที่ลับกบั ภกิ ษณุ ีนน้ั หน่ึงตอ่ หนงึ่ . บรรดาภิกษทุ เ่ี ป็นผูม้ ักน้อย ตา่ งก็เพ่งโทษ ตเิ ตียน โพนทะนาว่า ไฉนท่านพระอทุ ายีผู้เดียว จงึ ได้สาเร็จการนั่งในท่ลี บั กับภกิ ษุณีผู้เดียวเล่า แลว้ กราบทูลเรอื่ งนัน้ แด่พระผมู้ ีพระภาค ๒๙๒ ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบัญญัติ๒๙๓ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เป็นขอ้ บญั ญัติเฉพาะภิกษุ๒๙๔ โภชนวรรค อาวสถปณิ ฑสกิ ขาบท ๓๑. อคลิ าเนน ภกิ ขฺ ุนา เอโก อาวสถปณิ โฺ ฑ ภญุ ชฺ ิตพโฺ พ. ตโต เจ อตุ ฺตริ ภญุ ฺเชยยฺ ปาจติ ตฺ ยิ ๒๙๕. ภิกษไุ มเ่ ปน็ ไข้ พงึ อยู่ฉนั ภัตตาหารในท่พี ักแรมไดม้ ้ือเดยี ว ถา้ ฉันเกนิ กว่านั้นตอ้ งอาบัติปาจิตตีย์ ๑) สถานที่บญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ กรุงสาวตั ถ๒ี ๙๖ ๒) บุคคลผกู้ อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภิกษฉุ ัพพัคคีย์๒๙๗ ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท๒๙๘ ไดแ้ ก่ ภกิ ษุฉัพพัคคีย์ฉันอาหารในโรงทานเปน็ ประจาโดยที่ประชาชนหมู่หน่ึงไดจ้ ัดตัง้ อาหารไวใ้ นโรงทาน พระฉัพพัคคีย์ครองผา้ เรียบร้อยแล้ว ถือบาตรจีวรเข้าไปบิณฑบาตยงั พระนครสาวัตถี, เมอ่ื ไมไ่ ด้อาหารได้พากนั ไปสโู่ รงทาน. ประชาชนตง้ั ใจองั คาสดว้ ยดใี จวา่ แม้ตอ่ นานๆ ทา่ นจึงได้มา. ครน้ัวันที่ ๒ และวนั ที่ ๓ เวลาเช้า พระฉพั พคั คยี ์ครองอันตรวาสกแลว้ ถอื บาตรจีวรเข้าไป ๒๙๒ กงฺขา.อ.๑๘๑ (มจร) ๒๙๓ กงฺขา.อ.๑๘๑ (มจร) ๒๙๔กงฺขา.อ.๑๘๑ (มจร) ๒๙๕ ว.ิ มหาวิ. (ไทย) ๒/๑๙๙/๒๕๙,ว.ิ ๒/๑๙๙/๙๔(ม) ๒๙๖ กงขฺ า.อ.๒๕๔ (มจร) ๒๙๗ กงขฺ า.อ.๒๕๔ (มจร) ๒๙๘ ว.ิ มหา.ไทย (ฉบบั หลวง) เล่มที่ ๒๔๒/ ๔๗๐

บิณฑบาตยงั พระนครสาวัตถี เม่อื ไม่ไดอ้ าหาร ได้พากนั ไปฉนั ในโรงทาน. คร้นั แล้วได้ปรกึ ษากันวา่ พวกเราจกั พากันไปสอู่ ารามทาอะไรกัน แมพ้ รงุ่ น้กี จ็ กั ต้องมาท่นี ่อี ีก จงึ พากนั อยู่ในโรงทานนน้ั แหละ, ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบญั ญัติ ๑ พระอนุบญั ญตั ิ๒๙๙ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เป็นขอ้ บัญญตั ทิ ั่วไปทั้งภกิ ษุและภกิ ษุณี๓๐๐ กาณมาตสุ กิ ขาบท ๓๔. ภกิ ฺขุ ปเนว กลุ อปุ คต ปูเวหิ วา มนเฺ ถหิ วา อภหิ ฏฐฺ ฃุ ปวาเรยยฺ อากงฺขมาเนน ภกิ ขฺ นุ าทวฺ ตตฺ ปิ ตตฺ ปรู า ปฏคิ คฺ เหตพพฺ า. ตโต เจ อตุ ตฺ ริ ปฏคิ คฺ ณเฺ หยยฺ ปาจติ ตฺ ยิ . ทวฺ ตตฺ ปิ ตตฺ ปเู รปฏิคคฺ เหตวฺ า ตโตนหี รติ วฺ า ภกิ ขฺ ูหิ สทธฺ ึ สวภิ ชติ พฺพ อย ตตถฺ สามจี ิ๓๐๑. ก็ ทายกนาขนมหรือข้าวตู มาปวารณาภกิ ษุผเู้ ข้าไปถึงตระกลู ภกิ ษุผู้ตอ้ งการพงึ รบั ไดเ้ ต็ม ๒-๓ บาตร ถา้ รบั เกนิ กวา่ นน้ั ต้องอาบัติปาจติ ตีย์ ครั้นรบั เตม็ ๒-๓บาตรแลว้ เมอ่ื นาออกจากที่นน้ั แลว้ พงึ แบ่งปนั กับภกิ ษุ ท้ังหลาย น้เี ปน็ การทาทสี่ มควรในเรอ่ื งน้ัน ๑) สถานทบ่ี ญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรุงสาวัตถ๓ี ๐๒ ๒) บคุ คลผกู้ อ่ เหตุ ได้แก่ ภิกษหุ ลายรูป๓๐๓ ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ ภกิ ษุหลายรปู รบั อาหารบณิ ฑบาตโดยไมร่ ูป้ ระมาณอุบาสิกาช่อื กาณมาตาเปน็ สตรีผ้มู ีศรทั ธาเลอ่ื มใส ได้ยกบตุ รีชือ่ กาณาให้แก่ชายผู้หนงึ่ ในตาบลบา้ นหมู่หน่ึง ครง้ั นน้ั นางกาณาได้ไปเรือนมารดาดว้ ยธุระบางอย่าง ฝา่ ยสามีของนางกาณาไดส้ ง่ ทูตไปในสานกั นางกาณาว่า แมก่ าณาจงกลบั มา, ฉนั ปรารถนาให้แม่กาณากลับ จงึ อบุ าสกิ าช่ือกาณมาตาคิดว่า การท่ีบุตรีจะ ๒๙๙ กงขฺ า.อ.๒๕๔ (มจร) ๓๐๐ กงฺขา.อ.๒๕๔ (มจร) ๓๐๑ วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๒๓๒/๒๗๘,วิ.๒/๒๓๒/๑๐๘(ม) ๓๐๒ กงขฺ า.อ.๒๕๗ (มจร) ๓๐๓ กงขฺ า.อ.๒๕๗ (มจร)

กลบั ไปมือเปลา่ ดูกระไรอยู่ จึงไดท้ อดขนม เม่อื ขนมสุกแล้ว ภกิ ษผุ ู้ถอื เที่ยวบิณฑบาตรูปหนึง่ ได้เข้ามาถึงบา้ นอบุ าสิกากาณมาตา จึงอุบาสิกากาณมาตาสงั่ ให้ถวายขนมแกภ่ กิ ษุรูปนนั้ ภิกษรุ ูปนน้ั ออกไปแลว้ ไดบ้ อกแก่ภิกษุรูปอืน่ นางก็ไดส้ ัง่ ใหถ้ วายขนมแม้แก่ภกิ ษุรูปนั้น ภกิ ษรุ ปู นน้ั ออกไปแล้ว ไดบ้ อกแกภ่ กิ ษุรปู อน่ื นางก็ไดส้ ง่ั ให้ถวายขนมแม้แกภ่ กิ ษุรปู นนั้ ขนมตามทจ่ี ัดไว้ได้หมดส้ินแล้วแม้คราวท่สี าม อบุ าสิกากาณมาตาก็คดิ ว่า การที่บุตรจี ะกลบั ไปมือเปลา่ ดูกระไรอยู่ จึงไดท้ อดขนม เม่อื ขนมสุกแล้ว ภกิ ษผุ ูถ้ ือเทีย่ วบณิ ฑบาตรปู หน่งึ ไดเ้ ข้ามาถึงบา้ นอุบาสิกากาณมาตาจงึ อุบาสิกากาณมาตาส่งั ให้ถวายขนมแก่ภิกษุรปู น้นั ๆ ออกไปแลว้ ได้บอกภกิ ษรุ ปู อืน่ นางก็ได้ส่งั ให้ถวายขนมแม้แกภ่ ิกษุรปู นั้นๆ ออกไปแลว้ ได้บอกแกภ่ กิ ษุรูปอ่ืน นางก็ได้สงั่ ให้ถวายขนมแม้แก่ภกิ ษรุ ปู นั้นขนมตามที่จัดไวไ้ ด้หมดสนิ้ แล้ว. แม้คราวที่สอง แมค้ ราวท่ีสาม สามขี องนางกาณากไ็ ดส้ ง่ทตู ไปในสานักนางกาณาว่า แม่กาณาจงกลับมาฉันปรารถนาใหแ้ ม่กาณากลบั แมค้ ราวท่ีสาม อบุ าสิกากาณมาตาก็คิดวา่ การท่ีบุตรจี ะกลับไปมือเปล่าดูกระไรอยู่ จึงได้ทอดขนม เมื่อขนมสุกแลว้ ภิกษผุ ู้ถือเท่ียวบิณฑบาตรูปหนึ่งได้เข้ามาถงึบา้ นอบุ าสิกากาณมาตาจึงอบุ าสกิ ากาณมาตาสั่งให้ถวายขนมแก่ภกิ ษุรปู น้นั ๆ ออกไปแล้วไดบ้ อกภิกษุรูปอืน่ นางก็ไดส้ ง่ั ให้ถวายขนมแม้แกภ่ ิกษุรปู นั้นๆ ออกไปแล้ว ได้บอกแก่ภิกษุรปู อ่นื นางกไ็ ด้สัง่ ให้ถวายขนมแม้แกภ่ กิ ษรุ ปู น้นั ขนมตามท่จี ัดไวไ้ ดห้ มดส้ินแลว้ ครนั้ สามีของนางกาณานาหญงิ อ่นื มาเปน็ ภรรยาแลว้ พอนางกาณาทราบข่าววา่ สามีไดน้ าหญิงอ่ืนมาเป็นภรรยา นางได้ยนื ร้องไห้อยู่ ขณะนน้ั แลเปน็ เวลาเชา้ พระผ้มู พี ระภาคทรงอนั ตรวาสกแล้ว ทรงบาตรจีวรเสดจ็ เขา้ ไปถงึ บ้านอบุ าสกิ ากาณมาตา ครน้ั แล้วได้ประทบั นั่งเหนอื พุทธอาสน์ที่เขาปูลาดถวาย. ทันใดอุบาสกิ ากาณมาตาได้เขา้ เฝ้าพระผูม้ พี ระภาค ถวายบงั คมแล้วนง่ั ณ ที่ควรส่วนข้างหนึง่ พระผ้มู ีพระภาคตรสั ถามอุบาสิกากาณมาตาผู้นัง่ ณ ท่คี วรสว่ นขา้ งหนง่ึ วา่ นางกาณานรี้ อ้ งไหท้ าไม อุบาสิกากาณมาตาจึงกราบทลู เรอื่ งนั้นแด่พระผูม้ ีพระภาค ๓๐๔ ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบัญญัติ๓๐๕ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เป็นขอ้ บัญญตั ทิ ่วั ไปท้ังภิกษุและภิกษุณี๓๐๖ ๓๐๔ กงขฺ า.อ.๒๕๗ (มจร) ๓๐๕กงฺขา.อ.๒๕๗ (มจร)

ปฐมปวารณาสกิ ขาบท ๓๕. โย ปน ภกิ ฺขุ ภตุ ตฺ าวี ปวารโิ ต ขาทนยี วา โภชนยีวา ขาเทยยฺ วา ภญุ เฺ ชยยฺ วา ปาจติ ตฺ ยิ ๓๐๗ อนึ่ง ภิกษุใดฉันเสรจ็ ห้ามภัตแล้ว เคย้ี วก็ดี ฉนั ก็ดี ซึง่ ของเค้ียวก็ดี ซ่งึ ของฉันกด็ ี เปน็ ปาจิตตีย์ ๑) สถานท่ีบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ กรุงสาวตั ถ๓ี ๐๘ ๒) บุคคลผ้กู อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ๓) มลู เหตแุ หง่ การบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ ภิกษุหลายรูปพราหมณ์คนหนง่ึ นมิ นตภ์ กิ ษุทัง้ หลายให้ฉนั . ภกิ ษทุ ง้ั หลายฉันเสร็จ ห้ามภตั แลว้ ไปส่ตู ระกูลญาติ.บางพวกก็ฉนั อีก บางพวกก็รับบณิ ฑบาตไป. หลังจากเลีย้ งพระแลว้ พราหมณ์ไดก้ ล่าวเชิญชวนพวกเพอ่ื นบ้านวา่ ทา่ นท้งั หลายขา้ พเจ้าเลีย้ งภกิ ษใุ ห้อ่มิ หนาแลว้ มาเถดิขา้ พเจ้าจักเลย้ี งท่านทัง้ หลายใหอ้ มิ่ หนาบา้ ง พวกเพื่อนบ้านพากนั กล่าวแย้งอยา่ งนี้วา่ ทา่ นจกั เล้ยี งพวกข้าพเจา้ ให้อมิ่ ได้อยา่ งไร แม้ภิกษทุ ้ังหลายที่ท่านนิมนตใ์ หฉ้ นั แล้ว ยังต้องไปท่ีเรอื นของพวกขา้ พเจา้ บางพวกก็ฉันอีกบางพวกกร็ ับบิณฑบาตไป. จึงพราหมณน์ ้นั เพ่งโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาว่า พระคุณเจ้าผูเ้ จริญทั้งหลาย ฉนัทเ่ี รอื นของเราแล้ว ไฉนจึงได้ฉนั ณ ทแี่ หง่ อน่ื อีกเล่า ขา้ พเจ้าไมม่ ีกาลงั พอจะถวายให้พอแกค่ วามต้องการหรือ ภิกษุทัง้ หลาย ไดย้ ินพราหมณน์ ั้นเพง่ โทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาอยู่ บรรดาทีเ่ ปน็พวกมักน้อยต่างก็เพ่งโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาว่า ไฉนภกิ ษุทง้ั หลายฉนั เสร็จ ห้ามภตั แลว้จงึ ไดฉ้ ัน ณ ท่ีแห่งอนื่ อีกเล่าแลว้ กราบทูลเร่อื งนน้ั แด่พระผู้มีพระภาค๓๐๙ ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบญั ญัติ ๔.๑) อนบุ ญั ญัติ โย ปน ภกิ ฺขุ ภุตตฺ าวี ปวารโิ ต อนติรติ ฺต ขาทนยี วา โภชนยีวา ขาเทยฺย วา ภญุ ฺเชยฺย วา ปาจติ ตฺ ิย . ๓๐๖กงขฺ า.อ.๒๕๗ (มจร) ๓๐๗ วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๒๓๘/๒๘๒,ว.ิ ๒/๒๓๘/๑๑๑(ม) ๓๐๘ กงขฺ า.อ.๒๖๒ (มจร) ๓๐๙ กงขฺ า.อ.๒๖๒ (มจร)

อนึ่ง ภกิ ษใุ ดฉันแล้ว บอกหา้ มภัตตาหารแล้ว เค้ียวของเคีย้ ว หรอื ฉนั ของฉนัทีไ่ ม่เปน็ เดน ต้องอาบัติปาจิตตีย์๓๑๐ บคุ คลผ้กู อ่ เหตุ ได้แก่ ภกิ ษหุ ลายรปู นาบณิ ฑบาตอันประณตี ไปถวายพวกภกิ ษอุ าพาธ.พระภิกษุอาพาธฉันไม่ได้ดังใจประสงค์ ภกิ ษุทงั้ หลายจึงทิ้งบิณฑบาตเหลา่ นั้นเสีย พระผู้มีพระภาคทรงสดับเสียงนกการ้องเกรียวกราว คร้ันแล้วไดร้ ับส่ังถามทา่ นพระอานนทว์ ่า ดูกรอานนท์ เสยี งนกการ้องเกรียวกราวน้ัน อะไรกนั หนอ.จึงทา่ นพระอานนท์กราบทูลเร่ืองนั้นแด่พระผ้มู ีพระภาค๓๑๑ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เปน็ ข้อบญั ญตั ทิ ่วั ไปทั้งภกิ ษุและภิกษุณี๓๑๒ทุตยิ ปวารณาสกิ ขาบท ๓๖. โย ปน ภกิ ขฺ ุ ภกิ ขฺ ุ ภตุ ตฺ าวึ ปวารติ อนตริ ติ เฺ ตน ขาทนเี ยน วา โภชนเี ยนวา อภหิ ฏฐฺ ฃุ ปวาเรยยฺ “หนฺท ภกิ ขฺ ุ ขาท วา ภญุ ชฺ วา”ติ ชาน อาสาทนาเปกโฺ ข ภตุ ตฺ สมฺ ึปาจติ ตฺ ยิ ๓๑๓. ก็ ภิกษุใดรู้อยู่ แต่ต้องการจะจับผดิ นาของเคยี้ วหรือของฉันที่ ไมเ่ ปน็ เดนไปปวารณา ภิกษผุ ู้ฉนั แลว้ บอกหา้ มภัตตาหารแลว้ โดยกลา่ ว รบเรา้ ว่า “นมิ นต์เถดิ ขอรบัท่านจงเคีย้ วหรือจงฉนั ก็ได้” เม่อื เธอฉันแลว้ ภิกษุ นัน้ ตอ้ งอาบตั ปิ าจิตตยี ์ ๑) สถานท่ีบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ กรุงสาวัตถ๓ี ๑๔ ๒) บุคคลผู้กอ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภกิ ษรุ ูปหน่ึง๓๑๕ ๓) มลู เหตแุ หง่ การบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ ภกิ ษุรปู หนึ่งนาภตั รที่ไม่เปน็เดนไปให้กับภกิ ษผุ ู้ทห่ี า้ มภัตรแล้ว ภกิ ษุ ๒ รปู เดินทางไกลไปยังพระนครสาวตั ถีในโกศลชนบท ภกิ ษรุ ปู หน่ึงประพฤติอนาจาร ภกิ ษุผู้เป็นเพ่ือนจงึ เตอื นเธอว่า อาวโุ ส ท่านอยา่ ได้ทาอย่างน้นั เพราะมันไม่สมควร เธอไดผ้ กู ใจเจบ็ ในภกิ ษุเพ่ือนนน้ั ครนั้ ภิกษุ ๒ รปู นั้นไปถงึ พระนครสาวตั ถีแลว้ พอดีเวลาน้นั ในพระนครสาวัตถีมีสังฆภตั ของประชาชนหมู่หนงึ่ ๓๑๐ กงฺขา.อ.๒๖๒ (มจร) ๓๑๑ ว.ิ มหา.ไทย (ฉบบั หลวง) เลม่ ที่ ๔๔๘/ ๕๐๐ ๓๑๒ กงฺขา.อ.๒๖๒ (มจร) ๓๑๓ วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๒๔๓/๒๘๕ ๓๑๔ กงฺขา.อ.๒๖๓ (มจร) ๓๑๕ กงขฺ า.อ.๒๖๓ (มจร)

ภิกษุผู้เป็นเพ่ือนฉนั เสรจ็ ห้ามภัตแลว้ ภิกษุรปู ทผี่ ูกใจเจ็บไปสูต่ ระกูลญาติรับบิณฑบาตมาแลว้ เข้าไปหาภิกษุท่ีเป็นเพ่ือนนนั้ ครั้นแล้วได้กล่าวคานี้กะเธอว่า อาวโุ ส นมิ นต์ฉนัภกิ ษผุ เู้ ปน็ เพ่ือนปฏเิ สธว่า พอแลว้ ผมบรบิ รู ณ์แลว้ เมื่อทนการรบเร้าไมไ่ ด้ จึงไดฉ้ นับณิ ฑบาตนน้ั รูปที่ผกู ใจเจ็บจงึ พูดต่อวา่ ภกิ ษผุ ู้เปน็ เพ่ือนว่า อาวุโส ทา่ นได้สาคญั ผมวา่ เป็นผู้ท่ีทา่ นควรว่ากลา่ ว ทา่ นเองฉันเสร็จหา้ มภตั แล้ว ยงั ฉนั โภชนะอันมิใชเ่ ดนได้ คร้นั แล้วภกิ ษผุ เู้ ป็นเพ่อื นได้แจง้ เร่ืองนัน้ แก่ภกิ ษุทง้ั หลาย. บรรดาภกิ ษผุ ู้มักน้อย ต่างกเ็ พ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษจุ ึงได้นาไปปวารณาภิกษุผู้ฉันเสร็จหา้ มภตั แล้วดว้ ยโภชนะอันมิใช่เดนเล่าแล้วกราบทูลเรอื่ งน้ันแดพ่ ระผมู้ พี ระภาค๓๑๖ ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบัญญัติ๓๑๗ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เปน็ ขอ้ บญั ญตั ิเฉพาะภกิ ษุ๓๑๘ สนั นธิ ิการกสกิ ขาบท ๓๘. โย ปน ภกิ ขฺ ุ สนนฺ ธิ กิ ารก ขาทนยี วา โภชนยี วา ขาเทยยฺ วาภญุ เฺ ชยยฺวา ปาจติ ตฺ ยิ ๓๑๙. ก็ ภิกษใุ ดเคย้ี วของเคยี้ วหรอื ฉันของฉนั ท่ีเก็บสะสมไว้ ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์ ๑) สถานทบี่ ญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรุงสาวตั ถ๓ี ๒๐ ๒) บคุ คลผ้กู อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ พระเพลฏั ฐสีสะฉันโภชนท่ีเก็บสะสมไว้๓๒๑ ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ พระเวฬัฏฐสสี ะพระอุปัชฌายะของทา่ นพระอานนทอ์ ยู่ในอาวาสปา่ ท่านเท่ียวบณิ ฑบาต ได้บิณฑบาตเปน็อนั มาก แลว้ เลือกนาแตข่ ้าวสุกลว้ นๆ ไปสอู่ าราม ตากให้แหง้ แลว้ เกบ็ ไว้ เม่ือใดต้องการอาหาร ก็แช่น้าฉนั เมื่อน้นั ต่อนานๆจงึ เข้าบา้ นเพ่อื บิณฑบาต ภิกษทุ ้ังหลายถามทา่ นว่า ๓๑๖ กงขฺ า.อ.๒๖๓ (มจร) ๓๑๗ กงฺขา.อ.๒๖๓ (มจร) ๓๑๘ กงฺขา.อ.๒๖๓ (มจร) ๓๑๙ ว.ิ มหาวิ. (ไทย) ๒/๒๕๓/๒๙๘,ว.ิ ๒/๒๕๓/๑๑๖(ม) ๓๒๐ กงฺขา.อ.๒๖๕ (มจร) ๓๒๑ กงฺขา.อ.๒๖๕ (มจร)

อาวโุ ส ทาไมนานๆ ทา่ นจึงเข้าบา้ นเพ่ือบิณฑบาต จึงทา่ นไดแ้ จง้ เร่ืองนั้นแก่ภกิ ษุท้งั หลายภิกษุทั้งหลายถามวา่ อาวุโส ก็ท่านฉันอาหารท่ีทาการสงั่ สมหรือ ท่านรับว่า อย่างนั้น อาวุโสทั้งหลาย บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาวา่ ไฉนท่านพระเวฬัฏฐสีสะ จงึ ได้ฉนั อาหารทีท่ าการส่ังสมเลา่ ๓๒๒ ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบญั ญตั ิ๓๒๓ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เปน็ ขอ้ บัญญตั ทิ ั่วไปทั้งภกิ ษุและภกิ ษุณี๓๒๔ ปณตี โภชนสกิ ขาบท ๓๙. ยานิ โข ปน ตานิ ปณตี โภชนานิ เสยยฺ ถทิ สปปฺ ิ นวนตี เตล มธุ ผาณติมจโฺ ฉ มส ขรี ทธ.ิ โย ปน ภกิ ขฺ ุ เอวรปู านิ ปณตี โภชนานิ อคลิ าโน อตตฺ โน อตฺถายวญิ ฺญาเปตวฺ า ภญุ เฺ ชยยฺ ปาจติ ตฺ ยิ ๓๒๕. อนึง่ ภิกษุใดไมเ่ ปน็ ไข้ ออกปากขอโภชนะอันประณีตเชน่ น้ี คือ เนยใส เนยขน้ นา้ มนั นา้ ผึง้ นา้ อ้อย ปลา เนื้อ นมสด นมสม้ มาเพ่ือตนแล้วฉัน ต้องอาบตั ปิ าจติ ตีย์ ๑) สถานทบ่ี ญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรุงสาวตั ถ๓ี ๒๖ ๒) บุคคลผกู้ อ่ เหตุ ได้แก่ ภกิ ษฉุ ัพพัคคยี ์๓๒๗ ๓) มลู เหตแุ หง่ การบญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ ภิกษฉุ ัพพคั คีย์ออกปากขอโภชนะอันประณตี มาเพื่อตนแลว้ ฉัน โดยที่พระฉัพพัคคีย์ขอโภชนะอนั ประณีตเพื่อประโยชน์แก่ตนมาฉัน ประชาชนพากันเพ่งโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาวา่ ไฉนพระสมณะเช้อื สายพระศากยบุตรจงึ ได้ขอโภชนะอันประณีตเพอื่ ประโยชนแ์ ก่ตนมาฉัน โภชนะท่ีดีใครจะไม่พอใจ ของท่ีอรอ่ ยใครจะไมช่ อบ ภิกษุทัง้ หลายได้ยินคนพวกนน้ั เพง่ โทษ ติเตียนโพนทะนาอยู่. บรรดาท่ีเปน็ ผมู้ กั นอ้ ย ต่างก็เพ่งโทษ ติเตยี น โพนทะนาว่า ไฉน ๓๒๒ กงขฺ า.อ.๒๖๕ (มจร) ๓๒๓ กงขฺ า.อ.๒๖๕ (มจร) ๓๒๔ กงขฺ า.อ.๒๖๕ (มจร) ๓๒๕ ว.ิ มหาวิ. (ไทย) ๒/๒๕๙/๒๙๒ วิ.๒/๒๕๙/๑๑๙(ม) ๓๒๖ กงฺขา.อ.๒๖๘ (มจร) ๓๒๗ กงฺขา.อ.๒๖๘ (มจร)

พระฉัพพคั คยี จ์ ึงได้ขอโภชนะอนั ประณีตเพ่ือประโยชน์แก่ตนมาฉันเลา่ แล้วกราบทูลเรื่องนน้ั แด่พระผู้มีพระภาค๓๒๘ ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบัญญตั ิ ๑ พระอนบุ ญั ญัติ๓๒๙ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เปน็ ขอ้ บัญญตั เิ ฉพาะภิกษุ๓๓๐ อเจลกวรรค อุยโยชนสกิ ขาบท ๔๒. โย ปน ภกิ ขฺ ุ ภกิ ขฺ ุ “เอหาวโุ ส คาม วา นคิ ม วา ปิณฑฺ าย ปวสิ สิ สฺ ามา”ติ ตสสฺ ทาเปตวฺ า วา อทาเปตวฺ า วา อยุ โฺ ยเชยยฺ “คจฉฺ าวโุ ส น เม ตยา สทธฺ ึ กถา วานสิ ชชฺ า วา ผาสุ โหติ เอกกสสฺ เม กถา วานสิ ชชฺ า วา ผาสุ โหตี”ติ เอตเทว ปจฺจย กรติ วฺ า อนญญฺ ปาจติ ฺตยิ .๓๓๑ อนึ่ง ภิกษุใด กลา่ วต่อภิกษุอย่างนว้ี ่า ท่านจงมาเข้าไปส่บู ้านหรอื สนู่ คิ มเพอ่ืบิณฑบาตด้วยกนั เธอยงั เขาให้ถวายแล้วก็ดี ไม่ใหถ้ วายแล้วกด็ ี แกเ่ ธอแล้วส่งไปดว้ ยคาว่า ท่านจงไปเถดิ การพูดก็ดี การนั่งก็ดี ของเรากบั ทา่ น ไมเ่ ป็นผาสุกเลย การพูดก็ดี การน่งั กด็ ี ของเราคนเดยี ว ยอ่ มเป็นผาสุก ทาความหมายอย่างนี้เท่านน้ั แลใหเ้ ปน็ ปัจจัย หาใช่อย่างอื่นไม่ เปน็ ปาจิตตีย์ ๑) สถานท่บี ญั ญตั สิ กิ ขาบท ได้แก่ กรุงสาวัตถ๓ี ๓๒ ๒) บุคคลผ้กู อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ พระอุปนนั ทศากยบุตร๓๓๓ ๓) มลู เหตุแหง่ การบญั ญัตสิ กิ ขาบท ได้แก่ พระอุปนันทศากยบุตรชักชวนภิกษุไปบิณฑบาตแล้ว ไม่ให้ทายกถวายของแก่ภิกษุนั้นแล้ว ส่งภิกษุนั้นกลับ โดยที่ท่านพระอุปนันทศากยบุตรได้กล่าวชวนภิกษุผู้เป็นสัทธิวิหาริก ของพระพี่ชายว่า มาเถิดอาวุโส เราจักเข้าบา้ นเพ่อื บิณฑบาตดว้ ยกัน แล้วสั่งไม่ให้เขาถวายอะไรแก่เธอ ซ้าส่งกลับ ๓๒๘ กงขฺ า.อ.๒๖๘ (มจร) ๓๒๙ กงขฺ า.อ.๒๖๘ (มจร) ๓๓๐ กงขฺ า.อ.๒๖๘ (มจร) ๓๓๑ ว.ิ มหาวิ. (ไทย) ๒/๒๗๕/๓๐๐ วิ.๒/๒๗๕/๑๒๕(ม) ๓๓๒ กงขฺ า.อ.๒๗๓ (มจร) ๓๓๓ กงฺขา.อ.๒๗๓ (มจร)

ด้วยบอกว่า กลับเถิด อาวุโส การพูดก็ดี การนั่งก็ดี ของเรากับคุณไม่นาความสาราญมาให้ การพูดก็ดี การน่ังก็ดี ของเราคนเดียว ย่อมจะสาราญ ขณะน้ันเปน็ เวลาใกล้เที่ยงแล้วภิกษุนั้นไม่สามารถเที่ยวหาบิณฑบาตฉันได้ แม้จะไปฉันที่โรงฉันก็ไม่ทันกาล จาต้องอดภตั ตาหาร คร้ันเธอไปถงึ อารามแลว้ ได้แจง้ เร่ืองน้นั แกภ่ ิกษทุ ัง้ หลาย. บรรดาภกิ ษผุ ู้มกั น้อย ตา่ งกเ็ พ่งโทษ ติเตยี น โพนทะนาว่า ทา่ นอุปนันทศากยบุตรกล่าวชวนภิกษุวา่ มาเถดิ อาวุโส เราจักเขา้ บ้านเพ่ือบิณฑบาตดว้ ยกัน แล้วไฉนจึงสง่ัไม่ใหเ้ ขาถวายอะไรแกเ่ ธอ ซา้ ยงั ส่งกลบั อีกเล่า แล้วกราบทลู เร่ืองน้นั แด่พระผู้มีพระภาค๓๓๔ ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบญั ญัติ๓๓๕ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เปน็ ข้อบญั ญตั ทิ ่วั ไปทั้งภกิ ษุและภิกษุณี๓๓๖ สโภชนสกิ ขาบท ๔๓. โย ปน ภกิ ฺขุ สโภชเน กเุ ล อนปุ ขชชฺ นสิ ชชฺ กปฺเปยยฺ ปาจติ ตฺ ยิ ๓๓๗. ก็ ภิกษใุ ดเขา้ ไปน่ังแทรกแซงในตระกูลท่ีมีคน ๒ คน ตอ้ ง อาบัติปาจติ ตีย์ ๑) สถานทีบ่ ญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ กรงุ สาวตั ถ๓ี ๓๘ ๒) บคุ คลผกู้ อ่ เหตุ ได้แก่ พระอุปนันทศากยบุตร๓๓๙ ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ พระอปุ นันทศากยบตุ รเข้าไปน่ังแซกแซงทา่ นพระอปุ นันทศากยบุตรไปสู่เรอื นของสหายแลว้ สาเรจ็ การนัง่ ในเรอื นนอนกบั ภรรยาของเขา จึงบุรุษสหายนั้นเขา้ ไปหาทา่ นพระอปุ นันทศากยบุตร ครั้นแล้วกราบไหว้ทา่ นพระอุปนันทศากยบุตรแล้วนัง่ ณ ท่ีควรสว่ นขา้ งหนึ่ง เขานงั่ เรียบร้อยแล้วบอกภรรยาว่า จงถวายภิกษาแก่พระคุณเจ้า จงึ นางได้ถวายภกิ ษาแก่ท่านพระอปุ นนั ทศากยบตุ ร บุรุษนนั้ ไดเ้ รียนท่านพระอุปนันทศากยบุตรวา่ นมิ นตท์ ่านกลับเถดิ ขอรับเพราะภกิ ษาข้าพเจ้าก็ไดถ้ วายแกพ่ ระคุณเจ้าแลว้ สตรภี รรยานั้นกาหนดรู้ในขณะน้ันวา่ ๓๓๔ กงขฺ า.อ.๒๗๓ (มจร) ๓๓๕ กงฺขา.อ.๒๗๓ (มจร) ๓๓๖ กงฺขา.อ.๒๗๓ (มจร) ๓๓๗ วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๒๘๐/๓๐๔ วิ.๒/๒๘๐/๑๒๗(ม) ๓๓๘ กงฺขา.อ.๒๗๔ (มจร) ๓๓๙ กงขฺ า.อ.๒๗๔ (มจร)

บุรษุ นอี้ นั ราคะรบกวนแล้ว จงึ เรียนท่านพระอปุ นนั ทศากยบุตรว่า นมิ นต์ท่านนงั่ อยกู่ ่อนเถิด เจา้ ค่ะ อย่าเพงิ่ ไป แมค้ รั้งที่สอง แม้ครงั้ ทส่ี าม บรุ ุษนั้นก็ไดเ้ รยี นทา่ นพระอุปนันทศากยบตุ รวา่นมิ นตท์ ่านกลบั เถดิขอรับ เพราะภกิ ษาข้าพเจา้ ก็ได้ถวายแก่พระคุณเจ้าแลว้ แมค้ ร้งั ทสี่ าม หญิงน้ันกไ็ ด้เรยี นท่านพระอปุ นนั ทศากยบุตรว่า นมิ นตท์ ่านนง่ัอย่กู ่อนเถิดเจา้ ค่ะ อยา่ เพิ่งไป ทนั ใด บรุ ษุ สามีเดินออกไปกลา่ วยกโทษต่อภิกษทุ ง้ั หลายว่า ท่านเจา้ ข้าพระคุณเจา้ อปุ นนั ทะนน้ี ่ังในห้องนอนกับภรรยาของกระผม กระผมนิมนต์ใหท้ ่านกลบั ไป ก็ไมย่ อมกลบั กระผมมกี ิจมาก มกี รณียะมาก บรรดาภิกษุท่เี ปน็ ผมู้ กั น้อย ต่างก็เพ่งโทษ ตเิ ตียน โพนทะนาว่า ไฉน ท่านอปุ นนั ทศากยบตุ รจึงได้สาเร็จการน่งั แทรกแซง ในตระกูลที่มคี น ๒ คนเล่า แลว้ กราบทลูเรอื่ งน้นั แดพ่ ระผู้มีพระภาค๓๔๐ ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบัญญตั ิ๓๔๑ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เป็นข้อบญั ญัตทิ ว่ั ไปทั้งภกิ ษุและภกิ ษุณี๓๔๒ รโหปฏจิ ฉนั นสกิ ขาบท ๔๔. โย ปน ภกิ ขฺ ุ มาตุคาเมน สทธฺ ึ รโห ปฏจิ ฉฺ นเฺ น อาสเน นสิ ชชฺ กปเฺ ปยยฺปาจติ ตฺ ยิ ๓๔๓. ก็ ภิกษใุ ดนงั่ บนอาสนะท่กี าบังในที่ลบั กับมาตคุ าม ต้องอาบัติ ปาจิตตยี ์ ๑) สถานที่บญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรงุ สาวตั ถ๓ี ๔๔ ๒) บุคคลผู้กอ่ เหตุ ไดแ้ ก่ พระอุปนนั ทศากยบุตร๓๔๕ ๓๔๐ กงขฺ า.อ.๒๗๔ (มจร) ๓๔๑ กงฺขา.อ.๒๗๔ (มจร) ๓๔๒ กงฺขา.อ.๒๗๔ (มจร) ๓๔๓ วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๒๘๓/๓๐๔, วิ.๒/๒๘๕/๑๒๙(ม) ๓๔๔ กงฺขา.อ.๑๓๙-๔๐,๑๘๑ (มจร) ๓๔๕กงฺขา.อ.๑๓๙-๔๐,๑๘๑ (มจร)

๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ พระอปุ นันทศากยบุตรน่ังบนอาสนะท่ีกาบังในทลี่ บั กบั มาตุคาม ทา่ นพระอปุ นนั ทศากยบุตรไปสเู่ รือนของสหายแล้วสาเร็จการนัง่ ในทีล่ บั คือในอาสนะกาบังกบั ภรรยาของเขา จึงบรุ ษุ สหายนัน้ เพง่ โทษ ติเตียนโพนทะนาวา่ ไฉนพระคณุ เจา้ อุปนันทะจงึ ไดส้ าเร็จการนั่งในทล่ี ับ คอื ในอาสนะกาบงั กับภรรยาของเราเล่า ภิกษทุ ง้ั หลายไดย้ ินเขาเพง่ โทษ ติเตยี น โพนทะนาอยู่ บรรดาท่ีเป็นผู้มกั น้อยต่างก็เพง่ โทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาว่า ไฉนท่านพระอุปนนั ทศากยบตุ ร จงึ ไดส้ าเรจ็ การนั่งในทีล่ บั คอื ในอาสนะกาบังกบั มาตุคามเลา่ แลว้ กราบทลู เรอ่ื งน้นั แดพ่ ระผมู้ ีพระภาค๓๔๖ ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบญั ญตั ิ๓๔๗ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เป็นข้อบัญญัตเิ ฉพาะภิกษุ๓๔๘ รโหนสิ ชั ชสกิ ขาบท ๔๕. โย ปน ภกิ ขฺ ุ มาตคุ าเมน สทธฺ ึ เอโก เอกาย รโห นสิ ชชฺ กปเฺ ปยยฺ ปาจติ ฺตยิ ๓๔๙. ก็ ภิกษใุ ดนั่งในท่ลี บั กับมาตุคามสองต่อสอง ต้องอาบตั ปิ าจิตตีย์ ๑) สถานทบ่ี ญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรงุ สาวตั ถ๓ี ๕๐ ๒) บคุ คลผกู้ อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ พระอุปนนั ทศากยบุตร๓๕๑ ๓) มลู เหตแุ หง่ การบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ พระอปุ นันทศากยบุตรทา่ นพระอุปนันทศากยบุตรไปส่เู รอื นของสหายแลว้ สาเรจ็ การนั่งในท่ลี บั กับภรรยาของเขาหน่ึงตอ่ หนึ่ง จึงบรุ ุษสหายน้ันเพง่ โทษ ตเิ ตียนโพนทะนาน่งั ในทล่ี ับกับมาตคุ ามสองต่อสอง ๓๔๖ กงขฺ า.อ.๑๓๙-๔๐,๑๘๑ (มจร) ๓๔๗ กงขฺ า.อ.๑๓๙-๔๐,๑๘๑ (มจร) ๓๔๘ กงขฺ า.อ.๑๓๙-๔๐,๑๘๑ (มจร) ๓๔๙ วิ.มหาวิ. (ไทย) ๒/๒๙๐/๓๐๘ ว.ิ ๒/๒๙๐/๑๐๓(ม) ๓๕๐ กงฺขา.อ.๑๓๙-๔๐,๑๘๑ (มจร) ๓๕๑ กงขฺ า.อ.๑๓๙-๔๐,๑๘๑ (มจร)

ภกิ ษทุ ้งั หลายไดย้ ินบุรุษนั้นเพง่ โทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาอยู่ บรรดาทเ่ี ป็นผู้มักน้อย ต่างกเ็ พง่ โทษ ติเตียน โพนทะนาวา่ ไฉน ท่านพระอุปนันทศากยบุตร จึงไดส้ าเรจ็การนั่งในท่ีลับกับมาตุคาม หนง่ึ ต่อหนงึ่ เลา่ แลว้ กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค๓๕๒ ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบัญญตั ิ๓๕๓ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เป็นขอ้ บญั ญตั เิ ฉพาะภกิ ษุ๓๕๔ อุยยตุ ตเสนาสิกขาบท ๔๘. โย ปน ภกิ ขฺ ุ อยุ ยฺ ตุ ฺต เสน ทสสฺ นาย คจเฺ ฉยยฺ อญญฺ ตรฺ ตถารปู ปฺปจจฺ ยาปาจติ ตฺ ยิ ๓๕๕. อน่ึง ภกิ ษุใดไปดูกองทัพทเ่ี คลอื่ นขบวนออกรบ นอกจากมีเหตุผลทส่ี มควรต้องอาบตั ิปาจิตตีย์ ๑) สถานท่ีบญั ญตั สิ ิกขาบท ไดแ้ ก่ กรงุ สาวตั ถ๓ี ๕๖ ๒) บุคคลผู้กอ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภกิ ษฉุ ัพพัคคีย์๓๕๗ ๓) มลู เหตแุ หง่ การบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ พระเจา้ ปเสนทิโกศลทรงยกกองทัพออกแลว้ พระฉัพพัคคีย์ได้ไปดูกองทัพท่ียกออกแล้ว พระเจา้ ปเสนทโิ กศลได้ทอดพระเนตรเหน็ พระฉพั พัคคยี ์กาลังเดินมาแต่ไกลเทยี ว ครน้ั แลว้ รบั สัง่ ให้นมิ นต์มาตรัสถามทรงทราบความประสงค์แล้ว ทรงรบั ส่ังวา่ จะได้ประโยชน์อะไรดว้ ยการดดู ิฉันผู้เพลิดเพลนิ ในการรบพระคุณเจ้าควรเฝา้ พระผู้มีพระภาคมิใช่หรอื ?ประชาชนพากันเพง่โทษ ตเิ ตียน โพนทะนาภกิ ษุฉัพพัคคีย์ไปดกู องทัพที่เคล่ือนขบวนออกรบ๓๕๘ ๔) บัญญตั ิ มี ๑ พระบญั ญตั ิ ๑ พระอนบุ ัญญตั ิ๓๕๙ ๕) ประเภทของบัญญตั ิ เปน็ ข้อบัญญัติทว่ั ไปท้ังภิกษุและภกิ ษุณี๓๖๐ ๓๕๒ กงขฺ า.อ.๑๓๙-๔๐,๑๘๑ (มจร) ๓๕๓ กงฺขา.อ.๑๓๙-๔๐,๑๘๑ (มจร) ๓๕๔ กงฺขา.อ.๑๓๙-๔๐,๑๘๑ (มจร) ๓๕๕ ว.ิ มหาวิ. (ไทย) ๒/๓๑๓/๓๒๑ ว.ิ ๒/๓๑๓/๑๔๐(ม) ๓๕๖ กงฺขา.อ.๒๗๗ (มจร) ๓๕๗ กงขฺ า.อ.๒๗๗ (มจร) ๓๕๘ กงฺขา.อ.๒๗๗ (มจร) ๓๕๙ กงขฺ า.อ.๒๗๗ (มจร)

เสนาวาสสกิ ขาบท ๔๙. สยิ า จ ตสสฺ ภกิ ขฺ โุ น โกจเิ ทว ปจจฺ โย เสน คมนาย ทริ ตตฺ ตริ ตตฺ เตนภกิ ฺขนุ า เสนาย วสติ พพฺ . ตโต เจ อตุ ตฺ ริ วเสยยฺ ปาจิตตฺ ยิ .๓๖๑ ก็ เมอ่ื ภกิ ษุมเี หตผุ ลจาเป็นตอ้ งไปในกองทัพ ภกิ ษุน้ันพึงพักแรมอยใู่ นกองทพั ได้เพยี ง ๒-๓ คืน ถ้าพักแรมอยูเ่ กนิ กาหนดนนั้ ต้องอาบัติ ปาจติ ตีย์ ๑) สถานทบ่ี ญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ กรงุ สาวัตถ๓ี ๖๒ ๒) บคุ คลผกู้ อ่ เหตุ ไดแ้ ก่ ภิกษฉุ ัพพัคคีย์๓๖๓ ๓) มลู เหตแุ ห่งการบญั ญตั สิ กิ ขาบท ไดแ้ ก่ ภกิ ษฉุ ัพพคั คีย์พกั แรมอยูใ่ นกองทัพเกิน ๓ คืนพระฉัพพัคคียม์ ีกิจจาเป็นเดนิ ผ่านกองทพั ไปแล้วแรมคืนอย่ใู นกองทัพเกิน ๓ ราตรี ประชาชนพากนั เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระสมณะเช้ือสายพระศากยบุตรจงึ ได้พกั แรมอยใู่ นกองทัพเล่า มใิ ช่ลาภของพวกเรา แมพ้ วกท่ีมาอยูใ่ นกองทัพเพราะเหตุแห่งอาชีพ เพราะเหตุแห่งบตุ รภรรยาก็ได้ไม่ดีแล้ว ภกิ ษุทั้งหลายได้ยินประชาชนเหล่านนั้ เพ่งโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาอยู่ บรรดาทเ่ี ป็นผมู้ กั น้อย ตา่ งก็เพง่ โทษ ติเตียน โพนทะนาวา่ ไฉน พระฉัพพัคคียจ์ ึงได้พกั แรมอยู่ในกองทพั เกนิ ๓ ราตรีเล่า แล้วกราบทลู เรอ่ื งนั้นแด่พระผมู้ ีพระภาค๓๖๔ ๔) บญั ญตั ิ มี ๑ พระบญั ญัติ๓๖๕ ๕) ประเภทของบญั ญตั ิ เปน็ ข้อบัญญตั ทิ ว่ั ไปท้ังภกิ ษุและภกิ ษุณี๓๖๖ อยุ โยธกิ สกิ ขาบท ๓๖๐ กงขฺ า.อ.๒๗๗ (มจร) ๓๖๑ ว.ิ มหาวิ. (ไทย) ๒/๓๑๘/๓๒๓ ๓๖๒ กงขฺ า.อ.๒๗๗ (มจร) ๓๖๓ กงฺขา.อ.๒๗๗ (มจร) ๓๖๔กงฺขา.อ.๒๗๗ (มจร) ๓๖๕ กงฺขา.อ.๒๗๗ (มจร) ๓๖๖ กงฺขา.อ.๒๗๗ (มจร)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook