แผนการจดั การเรยี นรู้ หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 สาระความรพู้ น้ื ฐาน วชิ า เทคโนโลยเี พอ่ื การเรยี นรู้ รหสั วชิ า ทร 23010 จานวน 3 หนว่ ยกติ จานวน 120 ชวั่ โมง ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ โดย นายบญุ ญาโชติ ปอ้ งประดา ครู กศน.ตาบล ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอโชคชยั สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั นครราชสมี า สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั สานกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
บนั ทึกข้อความ ส่วนราชการ ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอโชคชัย ที่ ศธ 0210.3610/................. วนั ที่ พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เรอ่ื ง ขออนุมตั แิ ผนการจดั การเรยี นรู้ ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 เรียน ผอู้ านวยการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอโชคชัย ด้วย ข้าพเจา้ นายบุญญาโชติ ปอ้ งประดา และคณะผูจ้ ดั ทา ได้ดาเนนิ การจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ นักศึกษา กศน.อาเภอโชคชัย จึงขออนุมัติแผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา เทคโนโลยีเพ่ือการเรียนรู้ รหัสวิชา ทร 23010 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 รายละเอยี ดดังแนบ จงึ เรียนมาเพื่อโปรดพจิ ารณาอนมุ ตั ิ (นายบญุ ญาโชติ ปอ้ งประดา) ครู กศน.ตาบล ความเหน็ ของผู้อานวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอโชคชัย อนุมัติ (นางจรี ะภา วัฒนกสกิ าร) ผ้อู านวยการศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอโชคชยั
แผนการเรยี นรรู้ ายวชิ า หลังสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ (แผน 4) ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564 ลงชอ่ื ผูเ้ สนอแผน (นายบญุ ญาโชติ ปอ้ งประดา) ครู กศน.ตาบล ลงชอ่ื ผเู้ หน็ ชอบแผน (นายสมชาย มุ่งภูก่ ลาง) ลงชอื่ ผูอ้ นมุ ัติแผน (นางจรี ะภา วัฒนกสิการ) ผอู้ านวยการศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอโชคชยั
ก คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นเครื่องมือสาคัญสาหรับครูท่ีจะทาให้การจัดการเรียนรู้ บรรลุเป้าหมายตามตัวชี้วัด แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ รหัส ทร 23010 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เล่มนี้ จัดทาขึ้นเพื่อเป็น แนวทางในการเรยี นการสอนสาหรับครูผูส้ อน และบุคคล ท่ีเกี่ยวข้อง สามารถนาไปใชไ้ ดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ ในการจดั ทาแผนการจดั การเรยี นรู้ ครั้งนี้ ได้รบั ความร่วมมอื ร่วมใจอย่างดีย่ิง จากคณะผู้บริหาร คณะ ครู กศน.ตาบล ครู ศรช บุคลากรทางการศึกษา ภาคีเครือข่าย กศน.ตาบล ร่วมกันระดมความคิดและ แลกเปล่ียนเรียนรู้ นามาจดั ทาเป็นแผนการจัดการเรียนรู้ วธิ กี ศน. สามารถนาไปใชใ้ นการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ให้ผู้เรียน อย่างมีคุณภาพ ครบตามตัวชี้วัด ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวังและพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติอันพึง ประสงคข์ องสถานศกึ ษา คณะผจู้ ดั ทาขอขอบคุณผู้ทีเ่ ก่ียวข้องทกุ คนทมี่ ีส่วนในการจัดทาแผนการเรียนรู้เล่มน้ี หากมีข้อพกพร่อง ประการใดขอความกรุณาให้ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะ เพ่ือจะนาไปสู่การปรับปรุง ในการจัดทาแผนการ เรียนรู้ รายวิชา เทคโนโลยีเพ่ือการเรียนรู้ รหัส ทร 23010 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ให้ดีย่ิงข้ึนต่อไป และ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าแผนการจัดการเรียนรู้เล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอน นักศึกษา ตลอดจนบุคคลท่ี เกี่ยวข้องต่อไป คณะผ้จู ัดทา พฤศจิกายน 2564
ข สำรบัญ หนา้ คานา ก คาอธิบายรายวิชา 1 รายละเอียดคาอธบิ ายรายวิชา 2 การวเิ คราะหต์ ารางการจัดการเรยี นรู้ 3 แผนการจดั การเรียนรู้ครง้ั ท่ี 1 การปฐมนเิ ทศนักศึกษา 5 แผนการจดั การเรียนรู้คร้งั ที่ 2 เร่อื ง ความหมายความสาคัญและประโยชน์ 8 ใบความรู้ 11 ใบงาน/แบบทดสอบ 12 แผนการจัดการเรียนรู้ครั้งท่ี 3 เรอ่ื ง บอกประวตั ิและความเปน็ มาและวิวัฒนาการคอมพิวเตอร์ได้ 14 ใบความรู้ 17 ใบงาน 18 แผนการจัดการเรียนรู้ครง้ั ที่ 4 เร่ืองบอกประเภทสว่ นประกอบการทางานและการดูแลเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์19 ใบความรู้ 22 ใบงาน/แบบทดสอบ 23 แผนการจัดการเรยี นรู้ครงั้ ท่ี 5 เรื่อง บอกวิธกี ารเช่อื มตอ่ ระบบเครือขา่ ยได้ 25 ใบความรู้ 28 ใบงาน/แบบทดสอบ 29 แผนการจดั การเรยี นรู้ครัง้ ท่ี 6 เรอื่ ง การใชเ้ มาส์ การใชแ้ ปน้ พมิ พ์ 30 ใบความรู้ 33 ใบงาน/แบบทดสอบ 34 แผนการจัดการเรยี นรู้ครง้ั ท่ี 7 เร่อื ง โปรแกรม ไมโครซอฟท์ วนิ โดวส์ XP (Microsoft Windows XP) 35 ใบความรู้ 38 ใบงาน/แบบทดสอบ 39 แผนการจัดการเรียนรู้ครง้ั ที่ 8 เร่อื งโปรแกรม ไมโครซอฟท์ วนิ โดวส์ XP (Microsoft Windows XP) 40 ใบความรู้ 43 ใบงาน 44
สำรบญั (ตอ่ ) ค แผนการจดั การเรยี นรู้ครั้งท่ี 9 เร่ือง การปรบั แต่งหนา้ จอให้สวยงาม 45 ใบความรู้ 48 ใบงาน/แบบทดสอบ 49 แผนการจัดการเรยี นรู้ครั้งท่ี 10 เร่ือง การเรยี กใช้โปรแกรมการวาดภาพ 51 ใบความรู้ 54 ใบงาน/แบบทดสอบ 55 แผนการจัดการเรียนรู้ครง้ั ที่ 11 เรอื่ ง โปรแกรม ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ XP (Microsoft Windows XP) 56 ใบความรู้ 59 ใบงาน/แบบทดสอบ 60 แผนการจดั การเรยี นรู้ครง้ั ท่ี 12 เรอ่ื ง โปรแกรม ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ XP (Microsoft Windows XP) 62 ใบความรู้ 65 ใบงาน/แบบทดสอบ 66 แผนการจดั การเรยี นรู้ครั้งท่ี 13 เรือ่ ง โปรแกรม ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ XP (Microsoft Windows XP) 67 ใบความรู้ 70 ใบงาน 71 แผนการจัดการเรยี นรู้ครั้งที่ 14 เรื่อง โปรแกรม ไมโครซอฟท์ เอ็กเซล (Microsoft Excel) 72 ใบความรู้ 75 ใบงาน/แบบทดสอบ 76 แผนการจดั การเรียนรู้ครั้งที่ 15 เร่อื ง โปรแกรม ไมโครซอฟท์ เอ็กเซล (Microsoft Excel) 78 ใบความรู้ 81 ใบงาน/แบบทดสอบ 82 แผนการจัดการเรยี นรู้ครง้ั ท่ี 16 เรือ่ ง โปรแกรมไมโครซอฟเพาเวอร์พอยต์ (Microsoft Point) 84 ใบความรู้ 87 ใบงาน/แบบทดสอบ 88 แผนการจัดการเรียนรู้ครั้งท่ี 17 เรื่อง โปรแกรมไมโครซอฟเพาเวอร์พอยต์ (Microsoft Point) 89 ใบความรู้ 92 ใบงาน 93 แผนการจดั การเรียนรู้ครง้ั ท่ี 18 เร่อื ง โปรแกรมไมโครซอฟเพาเวอร์พอยต์ (Microsoft Point) 94 ใบความรู้ 97 ใบงาน 98 แผนการจัดการเรียนรู้ครั้งท่ี 19 เรอ่ื ง โปรแกรมไมโครซอฟเพาเวอร์พอยต์ (Microsoft Point) 99 ใบความรู้ 102 ใบงาน 103 แผนการจดั การเรยี นรู้ครง้ั ที่ 20 การปจั ฉมิ นิเทศ 104 ตารางส่อื และวธิ กี ารพบกลมุ่ 107 คณะผ้จู ัดทา
คำอธิบำยรำยวิชำ ทร 23010 เทคโนโลยีเพอื่ กำรเรียนรู้ จำนวน 3 หน่วยกิต (120 ช่วั โมง) ระดบั มธั ยมศึกษำตอนตน้ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ระดับ มีความรู้ความเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคติที่ดตี อ่ การใชแ้ หลง่ เรียนรู้ ศกึ ษำและฝกึ ทกั ษะเก่ียวกับเรือ่ งตอ่ ไปนี้ ความหมายและความสาคัญของเทคโนโลยี ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศ ข้อมูลและ สารสนเทศ คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย ประวัติความเป็นมา วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ การทางาน และส่วนประกบของคอม ชอฟแวร์ ไวรสั คอมพวิ เตอร์ การดูแลรกั ษาคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายรูปแบบการ เชื่อมต่อ การใช้คอมพิวเตอร์ การใช้เมาส์และแป้นพิมพ์ การใช้โปรแกรมไมโครซอฟวินโดวส์ XP (Microsoft Windows XP) ระบบปฎิบัติการ Windows การเร่ิมใช้ Windows XP การใช้โปรแกรมการจัดเอกสาร โปรแกรมไมโครซอฟเวิร์ด (Microsoft Word) การใช้โปรแกรมไมโครซอฟเอ็กเซล (Microsoft Excel) การใช้ โปรแกรมไมโครซอฟเพาวเ์ วอรพ์ อยท์ (Microsoft Power Point) กำรจดั ประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ จดั ใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รียนรจู้ ากการปฏิบตั จิ ริง ท้งั สถานศึกษาจัดใหม้ กี ารเรยี นการสอน การฝกึ ประสบการณ์เรยี นรูด้ ว้ ยตนเองจากสอ่ื การเรยี นจากผูร้ ู้ และการเรยี นจากแหล่งเรียนรทู้ ่อี ยูใ่ นชมุ ชน กำรวัดและประเมนิ ผล 1. วัดพฤตกิ รรมดา้ นความร้คู วามเขา้ ใจ เช่น การทาแบบฝึกหดั การตอบคาถาม ผลงานท่ปี ฎิบัติ 2. กรณีที่นักศกึ ษาเรียนรจู้ ากสอื่ หรอื แหลง่ เรยี นรู้ ประเมนิ ผลโดยการทดสอบการใชคอมพิวเตอร์ใน การปฎิบัติงานและการแสดงผลงาน แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พื่อการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 1
คำอธบิ ำยรำยวิชำ ทร 23010 เทคโนโลยีเพือ่ กำรเรยี นรู้ จำนวน 3 หนว่ ยกติ (120 ช่วั โมง) ระดบั มัธยมศกึ ษำตอนต้น มำตรฐำนกำรเรยี นรรู้ ะดับ มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคติที่ดีตอ่ การใชแ้ หล่งเรยี นรู้ ท่ี หวั เรื่อง ตัวช้วี ัด เนอ้ื หำ จำนวน (ชวั่ โมง) 1 เทคโนโลยี 1. บอกความหมายความสาคัญและ 1. ความสาคญั ของเทคโนโลยี สารสนเทศ ประโยชน์ 2. ความหมายของเทคโนโลยี 5 สารสนเทศ 2. บอกประเภทของข้อมูลและ 3. ประโยชน์ของเทคโนโลยี องค์ประกอบของข้อมูลสารสนเทศ สารสนเทศ ได้ 4. การจัดระบบข้อมลู สารสนเทศ 2 คอมพวิ เตอร์ 1. บอกประวตั ิความเปน็ มา 1. ประวตั ิความเป็นมาของ 10 5 และระบบครือ และววิ ฒั นาการของคอมพิวเตอร์ได้ คอมพิวเตอร์ ข่าย 2. บอกประเภทสว่ นประกอบ 2. วิวฒั นาการของคอมพวิ เตอร์ การทางานและการดูแลรกั ษาเคร่อื ง 3. ประเภทของคอมพิวเตอร์ คอมพวิ เตอร์ได้ 4. การทางานของคอมพวิ เตอร์ 3. บอกวธิ ีการเช่ือมต่อระบบเครือข่าย 5. สว่ นประกอบของเครอ่ื ง ได้ คอมพวิ เตอร์ 6. ซอฟแวร์ (Software) 7. ไวรสั คอมพวิ เตอร์ 8. การดูแลรักษาคอมพวิ เตอร์ 9. การสอื่ สารขอ้ มูลระบบ เครีอข่าย และการเช่ือมต่อระบบ 3 การใช้เมาส์ 1. มคี วามสามารถในการใช้เมาส์ 1. การใชเ้ มาส์ และ ในการปฏบิ ัติงานไดอ้ ย่างคล่องแคลว่ 2. ฝึกการใช้งานแปน็ พิมพ์ แปน้ พมิ พ์ 2. มคี วามสามารถในการใช้ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ งานแปน้ พิมพ์ เพื่อการพิมพ์งานทงั้ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้อย่าง คลอ่ งแคล่ว แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่อื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 2
ที่ หัวเร่อื ง ตัวชี้วดั เนอ้ื หำ จำนวน 4 โปรแกรม 1. บอกโครงสรา้ งของระบบปฏิบตั กิ าร (ชัว่ โมง) Window และการใช้งาน Window 1. ระบบปฏิบัตกิ าร Window ไมโครชอฟท์ XP การเรมิ่ ใชง้ าน Window XP 40 วนิ โตวส์ XP 2. สามารถใชง้ านตามระบบ สว่ นประกอบต่างๆ ของ (Microsoft ไดค้ รบถว้ นทุกเมนู โปรแกรม 20 Windows 2. การปรบั แต่งหน้าจอให้ XP) 1. สามารถตดิ ตั้งโปรแกรม สวยงาม และเรยี กใชง้ านโปรแกรมได้ 3. การเปลี่ยนรปู แบบ Start 5 โปรแกรม 2. สามารถจดั การเอกสาร Menu การปรบั วัน เวลาให้เป็น ไมโครชอฟท์ ตกแตง่ เอกสาร การใช้งาน ปัจจุบนั การสลับภาษาไทย เวริ ต์ ตามเมนูได้อยา่ งครบถ้วน อังกฤษการใชโ้ ปรแกรมคดิ เลข Microsoft 4. การสร้างปุ่มลัดหรอื Word) Shortcut 5. การเขา้ สู่ My Computer การจดั เตรยี มพ้นื ทีใ่ ห้แผ่น ติสก์เกตต์(Format) การก็อปปี้ แผ่นติสกเ์ กตต์การจดั การกบั ไฟล์และโฟล์เตอร์ 6. การดหู นงั ฟังเพลง 7. การเรยี กใชโ้ ปรแกรมวาด ภาพ การบันทึกงาน การนารูป วาดขึ้นบนเดสกท์ อป การติดตั้ง เคร่อื งพมิ พ์ การพมิ พง์ านออก ทางเคร่ืองพิมพ์ ถอนการติตตั้ง โปรแกรม การตติ ตั้งฟอนต์ การเช็คสเป็คเครื่อง การเรียกใช้ โปรแกรม Notepad การบีบอดั ไฟล์ การขยายไฟลท์ ี่ถูกบีบอดั 1. การรยี กใชโ้ ปรแกรม ไมโครซอฟทเ์ วริ ์ต การตดิ ต้ัง ส่วนประกอบต่าง ๆของ โปรแกรม 2. การสร้างเอกสารโหม่ การ เปิดเอกสารเก่าชนื้ มาใชง้ านใหม่ การปดิ เอกสาร และการปิด โปรแกรม มุมมองต่าง ๆ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่อื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 3
ที่ หัวเร่ือง ตวั ชี้วัด เน้อื หำ จำนวน (ช่วั โมง) 6 โปรแกรม 1. สามารถเรียกใช้งาน 3. การแกไ้ ขข้อความ ไมโครชอฟท์ โปรแกรม สามารถจัดการกับ 4. การสรา้ งตาราง 20 เอ็กเซล ขอ้ มูลและการสร้างงานดว้ ย 5. การใส่สตี วั อักษรและการเนน้ (Microsoft โปรแกรม ไมโครซอฟทเ์ อก็ ขอ้ ความดว้ ยตัวเน้นสี การใส่ หนา้ 4 Excel) เซลได้ พ้นื หลงั ให้เอกสาร 2. สามารถใชง้ าน โปรแกรม 6. การแทรกรปู ภาพและการ ไมใครซอฟทเ์ อ็กเซลไต้ จัดการรปู ภาพ การใช้เครือ่ งมือ ครบถว้ นทกุ เมนู วาด การสร้างอกั ษรดว้ ย Word Art การใสเ่ สน้ ขอบให้ เอกสาร การใส่หวั กระดาษหรือ ท้ายกระดาษและใส่หมายเลข หนา้ การพิมพง์ านออกทาง เครอ่ื งพมิ พ์ การสร้างจดหมาย เวยี น การพิมพ์ซองจดหมาย เวยี น การบนั ทึกงาน 1. การเรียกใชโ้ ปรแกรม ไมโครชอฟทเ์ อก็ เซล ส่วนประกอบการกาหนดแบบ และขนาดตัวอกั ษร การคยี ข์ ้อมูลและการแก้ไข ขอ้ มูลการบันทึกงาน การปิด ไฟล์ข้อมลู การปิดโปรแกรม การเปดิ ไฟล์ข้อมูล และ การสร้างงานใหม่ 2. การจัดการกับคอลัมน์และ แถว 3. การจัดการกบั เซลล์และ ขอ้ มูลในเซลล์ 4. การจัดการกับแผน่ งานหรือ Sheet 5. การคดั ลอกข้อมูล การใส่ ลาดับเลขการยา้ ยข้อมูล การใส่ สูตรคานวณ การแปลงตัวเลขให้ เป็นข้อความ การจดั การกบั ตวั เลข การตัดคา แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พื่อการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้
ที่ หัวเรือ่ ง ตัวชี้วดั เนือ้ หำ จำนวน (ชวั่ โมง) 7 โปรแกรม 1. สามารถเรยี กใชง้ านโปรแกรมไม การใส่เส้นขอบและเสน้ ตาราง ไมโครซอฟ โครชอฟทเ์ พาเวอร์พอยต์ ในการสรา้ ง การสรา้ งแผนภูมิและกราฟ 20 เพาเวอร์พอยต์ และการนาเสนองานได้ การคน้ หาข้อมูลการตรงึ แนว (Microsoft 2. สามารถพัฒนางานนาเสนอโดยการ และการยกเลิกการตรงึ แนว Point) ใส่ลูกเลน่ และบันทึกเสียงคาบรรยาย การแบง่ ส่วนแผ่นงาน 3. สามารถใชง้ านได้ครบถ้วน การเรยี งลาดบั ข้อมลู ทกุ เมนู 6. การตงั้ ค่าหนา้ กระดาษ 7. การพมิ พง์ านออกทาง เครือ่ งพมิ พ์ 1. การเรยี กใช้โปรแกรม ไมโครซอฟท์เพาเวอรพ์ อยด์ สว่ นประกอบของโปรแกรม การ เปิดงาน การบันทึกงาน การปิดงาน และปิดโปรแกรม การสรา้ งงานใหม่ 2. การสรา้ งงานนาเสนอ 3. การจัดการกบั ภาพนิง่ 4. การคน้ หาและการแทนท่ี การ ใส่สีพ้ืนหลัง การถอดสีพื้นหลัง ออก การใช้รปู แบบจากแม่แบบ (Template)และการเปล่ยี นสี แมแ่ บบโดยใช้โครงรา่ งสี 5. การใส่ลูกเล่นในการเปล่ยี น ภาพนิ่ง 6. การใส่ลกู เล่นในงานนาเสนอ การบันทกึ คาบรรยายในงาน นาเสนอ การกาหนดไม่ให้มเี สียง บรรยาย การเตรียมการบรรยาย การส่ังพิมพภ์ าพนง่ิ การใส่วันที่ และหมายเลขหนา้ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 5
คำอธิบำยรำยวิชำ ทร 23010 เทคโนโลยเี พือ่ ก ระดับมัธยมศ มำตรฐำนกำรเรียนร้รู ะดับ มคี วามรู้ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคติที่ดตี อ่ การใช้แหลง่ เรียนรู้ ว ที่ ตัวชี้วัด เนื้อหำ งำ่ ย 1 1. บอกความหมายความสาคัญและ 1. ความสาคญั ของเทคโนโลยี √ ประโยชน์ 2. ความหมายของเทคโนโลยี 2. บอกประเภทของข้อมูลและ สารสนเทศ องคป์ ระกอบของข้อมูลสารสนเทศ 3. ประโยชนข์ องเทคโนโลยี ได้ สารสนเทศ 4. การจัดระบบข้อมูล สารสนเทศ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอื่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้
กำรเรยี นรู้ จำนวน 3 หนว่ ยกติ (120 ชั่วโมง) ศึกษำตอนต้น วเิ ครำะห์เนื้อหำ จำนวน รูปผลกำรจัดกำรเรียนรู้ ชวั่ โมง ตนเอง ปำน ยำก พบ เขำ้ อบรม โครงงำน กลำง กลมุ่ คำ่ ย 55 น หนา้ 6
คำอธิบำยรำยวชิ ำ ทร 23010 เทคโนโลยเี พ่อื ก ระดบั มธั ยมศ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ระดับ มีความรูค้ วามเขา้ ใจ ทักษะและเจตคตทิ ี่ดตี ่อการใช้แหล่งเรียนรู้ ว ที่ ตัวชีว้ ดั เน้อื หำ ง่ำย 2 1. บอกประวตั ิความเปน็ มา 1. ประวตั คิ วามเปน็ มาของ √ และววิ ัฒนาการของ คอมพวิ เตอร์ คอมพวิ เตอร์ไต้ 2. ววิ ฒั นาการของ 2. บอกประเภท คอมพิวเตอร์ สว่ นประกอบ การทางาน 3. ประเภทของคอมพวิ เตอร์ และการดูแลรักษาเครือ่ ง 4. การทางานของตอมพิว คอมพวิ เตอร์ได้ เตอร์ 3. บอกวธิ ีการเช่ือมต่อระบบ 5. ส่วนประกอบของเครอ่ื ง เครอื ข่ายได้ ตอมทวิ เตอร์ 6. ซอฟแวร์ (Software) 7. ไวรัสคอมพิวเตอร์ 8. การดแู สรักษา คอมพวิ เตอร์ 9. การส่ือสารข้อมูลระบบ เครอี ข่ายและการเช่ือมต่อ ระบบ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่ือการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้
กำรเรยี นรู้ จำนวน 3 หน่วยกิต (120 ชัว่ โมง) ศกึ ษำตอนตน้ วเิ ครำะห์เนื้อหำ จำนวน รูปผลกำรจดั กำรเรียนรู้ ช่ัวโมง ตนเอง ปำน ยำก พบ เขำ้ อบรม โครงงำน กลำง กลมุ่ คำ่ ย 10 10 น หนา้ 7
คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ทร 23010 เทคโนโลยเี พื่อก ระดบั มธั ยมศ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ระดับ มีความรู้ความเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคตทิ ่ีดีต่อการใช้แหลง่ เรียนรู้ ว ท่ี ตวั ชวี้ ดั เนือ้ หำ ง่ำย 3 1. มคี วามสามารถในการใช้ 1. การใช้เมาส์ √ เมาส์ในการปฏิบัตงิ านได้อย่าง 2. ฝึกการใชง้ านแป้นพิมพ์ คล่องแคล่ว ภาษาไทย 2. มีความสามารถในการใช้ ภาษาองั กฤษ งานแป้นพิมพ์ เพือ่ การพิมพ์ งานทั้งภาษาไทยและ ภาษาอังกฤษได้อย่าง คลอ่ งแคล่ว แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอ่ื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้
กำรเรยี นรู้ จำนวน 3 หนว่ ยกติ (120 ชั่วโมง) ศึกษำตอนต้น วเิ ครำะห์เนื้อหำ จำนวน รูปผลกำรจัดกำรเรียนรู้ ชวั่ โมง ตนเอง ปำน ยำก พบ เขำ้ อบรม โครงงำน กลำง กลมุ่ คำ่ ย 55 น หนา้ 8
คำอธิบำยรำยวิชำ ทร 23010 เทคโนโลยีเพ่อื ก ระดบั มธั ยมศ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ระดับ มีความร้คู วามเข้าใจ ทกั ษะและเจตคติทด่ี ีต่อการใช้แหลง่ เรยี นรู้ ว ที่ ตัวช้วี ัด เนอื้ หำ ง่ำย 4 1. บอกโครงสร้างของ 1. ระบบปฏิบัติการ Window ระบบปฏบิ ัตกิ าร Window การเร่ิมใช้งาน Window XP และการใช้งาน Window XP สว่ นประกอบตา่ งๆ ของ 2. สามารถใชง้ านตามระบบ โปรแกรม ได้ครบถว้ นทุกเมนู 2. การปรบั แต่งหน้าจอไห้ สวยงาม 3. การเปล่ยี นรูปแบบ Start Menu การปรบั วนั เวลาให้ เป็นปัจจุบนั การสลบั ภาษาไทยอังกฤษการใช้ โปรแกรมคดิ เลข 4. การสรา้ งปุมลตั หรอื Shortcut 5. การเข้าสู่ My Computer การจตั เตรียมพื้นที่ให้แผ่น แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่อื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้
กำรเรยี นรู้ จำนวน 3 หน่วยกิต (120 ช่ัวโมง) ศกึ ษำตอนตน้ วเิ ครำะห์เน้ือหำ จำนวน รปู ผลกำรจดั กำรเรยี นรู้ ชั่วโมง ตนเอง ปำน ยำก พบ เขำ้ อบรม โครงงำน กลำง กลมุ่ ค่ำย √ √ 40 34 6 น หนา้ 9
คำอธิบำยรำยวชิ ำ ทร 23010 เทคโนโลยเี พอื่ ก ระดับมัธยมศ มำตรฐำนกำรเรยี นรูร้ ะดบั มีความรคู้ วามเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคตทิ ีด่ ตี อ่ การใช้แหล่งเรยี นรู้ ว ที่ ตวั ชว้ี ดั เนื้อหำ งำ่ ย ตสิ ก์เกตต์(Format) การก็อป ปแี้ ผน่ ติสกเ์ กตต์การจดั การ กับไฟล์และโฟล์เตอร์ 6. การตูหนงั ฟังเพลง 7. การเรยี กใช้โปรแกรมวาด ภาพ การบนั ทึกงาน การนา รูปวาดขน้ึ บนเดสก์ทอป การ ตดิ ตง้ั เครื่องพิมพ์ การพิมพ์ งานออกทางเคร่ืองพมิ พ์ ถอนการตติ ตั้งโปรแกรม การตติ ตั้งฟอนต์ การเช็คสเป็คเคร่ือง การเรียกใชโ้ ปรแกรม Notepad การบบี อัดไฟล์ การขยายไฟล์ที่ถูกบีบอัด แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้
กำรเรียนรู้ จำนวน 3 หนว่ ยกิต (120 ช่วั โมง) ศกึ ษำตอนต้น วิเครำะหเ์ น้ือหำ จำนวน รปู ผลกำรจดั กำรเรยี นรู้ ชั่วโมง ตนเอง ปำน ยำก พบ เขำ้ อบรม โครงงำน กลำง กลมุ่ ค่ำย น หนา้ 10
คำอธิบำยรำยวิชำ ทร 23010 เทคโนโลยเี พอ่ื ก ระดับมธั ยมศ มำตรฐำนกำรเรยี นรรู้ ะดบั มคี วามรู้ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคตทิ ่ีดตี ่อการใชแ้ หลง่ เรียนรู้ ท่ี ตัวช้วี ดั ว เน้อื หำ ง่ำย 5 1. สามารถติดตัง้ โปรแกรม 1. การรยี กใช้โปรแกรม √ และเรียกใชง้ านโปรแกรมได้ ไมโครซอฟทเ์ วิร์ต การตดิ ตงั้ 2. สามารถจดั การเอกสาร ส่วนประกอบตา่ ง ๆของ ตกแต่งเอกสาร การใชง้ าน โปรแกรม ตามเมนูไดอ้ ย่างครบถว้ น 2. การสรา้ งเอกสารโหม่ การ เปิดเอกสารเกา่ ชืน้ มาใช้งาน ใหม่ การปดิ เอกสาร และการ ปิดโปรแกรม มุมมองตา่ ง ๆ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้
กำรเรยี นรู้ จำนวน 3 หน่วยกติ (120 ช่ัวโมง) ศกึ ษำตอนต้น วเิ ครำะห์เนื้อหำ จำนวน รปู ผลกำรจัดกำรเรียนรู้ ชั่วโมง ตนเอง ปำน ยำก พบ เข้ำ อบรม โครงงำน กลำง กลมุ่ ค่ำย √ 20 20 น หนา้ 11
คำอธิบำยรำยวชิ ำ ทร 23010 เทคโนโลยเี พือ่ ก ระดับมธั ยมศ มำตรฐำนกำรเรยี นร้รู ะดับ มคี วามรู้ความเข้าใจ ทักษะและเจตคตทิ ด่ี ตี อ่ การใช้แหลง่ เรยี นรู้ ว ท่ี ตัวช้วี ดั เน้อื หำ ง่ำย 6 1. สามารถเรยี กใช้งาน 1. การเรยี กใช้โปรแกรม โปรแกรม สามารถจัดการกับ ไมโครชอฟทเ์ อ็กเซล ข้อมลู และการสรา้ งงานดว้ ย ส่วนประกอบการกาหนด โปรแกรม ไมโครซอฟทเ์ อ็ก แบบและขนาดตวั อักษร เซลได้ การคียข์ ้อมลู และการแก้ไข 2. สามารถใชง้ าน โปรแกรม ขอ้ มลู การบนั ทึกงาน การปิด ไมใครซอฟทเ์ อก็ เซลไต้ ไฟลข์ ้อมลู การปิดโปรแกรม ครบถ้วนทกุ เมนู การเปดิ ไฟล์ข้อมูล และ การสร้างงานใหม่ 2. การจัดการกับคอลัมน์และ แถว 3. การจดั การกับเซลล์และ ขอ้ มลู ในเซลล์ 4. การจัดการกับแผ่นงาน แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พื่อการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้
กำรเรยี นรู้ จำนวน 3 หน่วยกติ (120 ช่วั โมง) ศึกษำตอนตน้ วิเครำะห์เนอื้ หำ จำนวน รปู ผลกำรจดั กำรเรยี นรู้ ชั่วโมง ตนเอง ปำน ยำก พบ เข้ำ อบรม โครงงำน กลำง กลมุ่ ค่ำย √ 20 14 6 น หนา้ 12
คำอธิบำยรำยวิชำ ทร 23010 เทคโนโลยเี พือ่ ก ระดับมธั ยมศ มำตรฐำนกำรเรียนรรู้ ะดบั มคี วามร้คู วามเข้าใจ ทกั ษะและเจตคติท่ีดีต่อการใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ ว ที่ ตัวชว้ี ัด เนอ้ื หำ งำ่ ย หรอื Sheet 5. การคัดลอกข้อมลู การใส่ สาดับเลขการยา้ ยขอ้ มูล การ ใส่สูตรคานวณ การแปลง ตวั เลขใหเ้ ป็นขอ้ ความ การ จดั การกับตวั เลข การตัดคา การใส่เส้นขอบและเส้นตาราง การสร้างแผนภูมแิ ละกราฟ การคน้ หาข้อมูลการตรงึ แนว และการยกเลิกการตรงึ แนว การแบ่งส่วนแผ่นงาน การเรยี งลาดบั ข้อมลู 6. การตัง้ ค่าหน้ากระดาษ 7. การพิมพ์งาน แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอื่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้
กำรเรียนรู้ จำนวน 3 หนว่ ยกิต (120 ช่วั โมง) ศกึ ษำตอนต้น วิเครำะหเ์ น้ือหำ จำนวน รปู ผลกำรจดั กำรเรยี นรู้ ชั่วโมง ตนเอง ปำน ยำก พบ เขำ้ อบรม โครงงำน กลำง กลมุ่ ค่ำย น หนา้ 13
คำอธิบำยรำยวิชำ ทร 23010 เทคโนโลยีเพ่ือก ระดบั มัธยมศ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ระดับ มคี วามรคู้ วามเข้าใจ ทักษะและเจตคติที่ดตี ่อการใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ ท่ี ตัวช้วี ดั ว เนอ้ื หำ ง่ำย 7 1. สามารถเรียกใชง้ านโปรแกรมไม 1. การเรียกใช้โปรแกรม โครชอฟท์เพาเวอร์พอยต์ ในการสร้าง ไมโครซอฟท์เพาเวอรพ์ อยด์ และการนาเสนองานได้ ส่วนประกอบของโปรแกรม 2. สามารถพัฒนางานนาเสนอโดยการ การเปดิ งาน การบันทึกงาน ใส่ลกู เล่น และบนั ทึกเสยี งคาบรรยาย การปิดงาน และปดิ โปรแกรม 3. สามารถใชง้ านได้ครบถ้วน การสรา้ งงานใหม่ ทกุ เมนู 2. การสรา้ งงานนาเสนอ 3. การจัดการกับภาพน่ิง 4. การคน้ หาและการแทนท่ี การใส่สีพืน้ หลัง การถอดสี พื้นหลงั ออก การใช้รปู แบบ จากแมแ่ บบ (Template)และการเปลยี่ นสี แม่แบบโดยใช้โครงร่างสี แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่อื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้
กำรเรยี นรู้ จำนวน 3 หน่วยกติ (120 ช่วั โมง) ศึกษำตอนตน้ วิเครำะห์เนอื้ หำ จำนวน รปู ผลกำรจดั กำรเรยี นรู้ ชั่วโมง ตนเอง ปำน ยำก พบ เข้ำ อบรม โครงงำน กลำง กลมุ่ ค่ำย √ 20 14 6 น หนา้ 14
คำอธบิ ำยรำยวิชำ ทร 23010 เทคโนโลยเี พ่อื ก ระดับมัธยมศ มำตรฐำนกำรเรียนรู้ระดับ มีความรู้ความเข้าใจ ทกั ษะและเจตคตทิ ด่ี ีตอ่ การใชแ้ หล่งเรียนรู้ ที่ ตวั ชวี้ ัด ว เนอ้ื หำ ง่ำย 5. การใส่ลกู เล่นในการ เปล่ียนภาพนง่ิ 6. การใส่ลูกเลน่ ในงาน นาเสนอ การบนั ทึกคา บรรยายในงานนาเสนอ การ กาหนดไมใ่ หม้ เี สยี งบรรยาย การเตรยี มการบรรยาย การ ส่งั พมิ พ์ภาพน่ิง การใส่วันท่ี และหมายเลขหนา้ รวม แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอื่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้
กำรเรียนรู้ จำนวน 3 หนว่ ยกติ (120 ช่วั โมง) ศกึ ษำตอนตน้ วิเครำะห์เน้ือหำ จำนวน รปู ผลกำรจดั กำรเรียนรู้ ช่วั โมง ตนเอง ปำน ยำก พบ เขำ้ อบรม โครงงำน กลำง กลมุ่ คำ่ ย 120 112 18 น หนา้ 15
แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ ครง้ั ท่ี 1 (พบกลุ่ม) กลุ่มสำระกำรพัฒนำสังคม รำยวชิ ำ เทคโนโลยเี พอื่ กำรเรียนรู้ รหสั ทร 23010 จำนวน 3 หนว่ ยกติ ระดบั มธั ยมศกึ ษำตอนต้น เรอ่ื ง กำรปฐมนเิ ทศนักศกึ ษำ จำนวน ………. ช่ัวโมง สอนวันที่ ........... เดอื น ........................ พ.ศ. 2564 ภำคเรยี นท่ี …… ปกี ำรศกึ ษำ …………….. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ระดับ ความรเู้ กี่ยวกับการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน ตวั ชว้ี ดั 1.มีความรคู้ วามเข้าใจการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 2.มีความรู้ความเข้าใจกบั วิธีเรยี นกศน.รปู แบบการเรยี นรูต้ ลอดจนการทากิจกรรม กศน. 3.นกั ศกึ ษาสามารถปฏบิ ตั ติ นในการเรยี นกศน.ได้ สำระกำรเรยี นรู้ 1. โครงสร้างหลกั สตู ร 2. กิจกรรมพฒั นาคุณภาพชวี ติ (กพช.) 3.เกณฑ์การจบหลกั สตู ร 4.การจัดการเรยี นการสอน คุณธรรม 1. เพอ่ื การพฒั นาการทางาน 2. เพือ่ การพัฒนาการอย่รู ว่ มกันในสังคม กระบวนกำรจดั กำรเรยี นรู้ - ครผู ูส้ อนใหค้ วามรู้ ความเข้าใจโครงสรา้ งหลกั สูตร กิจกรรมพฒั นาคุณภาพชวี ิต (กพช.) เกณฑ์การ จบหลักสตู ร การจัดการเรยี นการสอน การศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 สื่อกำรเรียนกำรสอน - ตารางการพบกลุ่ม -ค่มู ือนกั ศึกษา กำรวัดและประเมนิ ผล - การเข้ารว่ มกิจกรรมของผ้เู รียน ควำมคิดเห็นและขอ้ เสนอแนะของผู้บริหำรสถำนศกึ ษำ พจิ ารณาแล้ว.......................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .................................. (นางจรี ะภา วฒั นกสิการ) ผอู้ านวยการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอโชคชยั แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอ่ื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 16
บันทึกหลังกำรสอน ความสาเรจ็ ในการจดั การเรียนการสอน ........................................................................................... ................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ปญั หา / อุปสรรค ในการจัดการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................................ ...... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. . แนวทางการแก้ปัญหา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื .......................................ครผู ู้สอน (..............................................) คร.ู ........................................... วันที.่ .........เดอื น...........................พ.ศ. ...................... ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................................................... .... ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื ผบู้ งั คบั บญั ชา (นางจีระภา วฒั นกสิการ) ผอู้ านวยการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอโชคชัย แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอ่ื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 17
แผนกำรจัดกำรเรียนรคู้ ร้งั ท่ี 2 (กำรเรียนรู้ดว้ ยตนเอง) กลมุ่ สำระกำรพัฒนำสังคม รำยวิชำ เทคโนโลยเี พ่ือกำรเรียนรู้ รหัส ทร 23010 จำนวน 3 หนว่ ยกติ ระดบั มธั ยมศึกษำตอนต้น เรอ่ื ง บอกควำมหมำยควำมสำคัญของเทคโนโลยี จำนวน ………. ช่ัวโมง สอนวันที่ ........... เดือน ........................ พ.ศ. 2564 ภำคเรยี นท่ี …… ปีกำรศกึ ษำ …………….. มำตรฐำนกำรเรียนรูร้ ะดับ มีความรู้ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติทด่ี ีต่อการใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ ตัวชี้วัด 1.บอกความหมายและความสาคญั และประโยชนข์ องเทคโนโลยสี ารสนเทศ 2. บอกประเภทของขอ้ มลู และองค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศ สำระกำรเรยี นรู้ 1. ความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศ 2. ความสาคญั ของเทคโนโลยีสารสนเทศ 3. ประโยชน์ของเทคโนโลยี 4. การจัดระบบของข้อมูล คุณธรรม 1. ขยัน 2.ประหยดั 3.สามัคคี กระบวนกำรจดั กำรเรียนรู้ - ใหผ้ ู้เรียนศึกษาใบความรู้ และสรุปเนอื้ หา สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้ - ใบความร/ู้ หนงั สอื เรยี น กำรวัดและประเมนิ ผล - การสง่ งานท่ีได้รับมอบหมาย แหลง่ เรยี นร้ทู ีไ่ ด้รับมอบหมำย 1.ห้องสมดุ ประชาชน 3.แหล่งข้อมูลสารสนเทศ Internet ควำมคิดเห็นและขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ำรสถำนศึกษำ พิจารณาแล้ว ............................................................................................................................. ............. (นางจรี ภา วฒั นกสิการ) ผู้อานวยการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอโชคชยั แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่อื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 18
บันทึกหลังกำรสอน ความสาเรจ็ ในการจดั การเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................................... ....... ............................................................................................................................ .................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ปญั หา / อปุ สรรค ในการจัดการเรยี นการสอน ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. . แนวทางการแกป้ ัญหา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชอื่ .......................................ครูผู้สอน (..............................................) คร.ู ........................................... วนั ท.่ี .........เดอื น................พ.ศ. .............. ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื ผบู้ ังคับบัญชา (นางจีระภา วัฒนกสกิ าร) ผอู้ านวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอโชคชยั แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอื่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 19
ใบควำมรทู้ ี่ 1 ควำมหมำยและควำมสำคญั ของเทคโนโลยี ควำมหมำยและควำมสำคัญของเทคโนโลยี มนุษย์มคี วามต้องการปัจจัยพน้ื ฐานในการดารงชวี ติ และมปี ัญหาใหแ้ กไ้ ขอยตู่ ลอด จงึ ไดม้ กี ารประยุกต์นาความรทู้ างดา้ นวิทยาศาสตรม์ าใช้ในการคิดค้นและพัฒนาวธิ ีการ วัสดุ อุปกรณ์และเคร่ืองมอื เพื่อสนองความตอ้ งการและแกป้ ัญหาต่างๆ โดยสงิ่ ที่คดิ คน้ และพัฒนาข้ึนมา น้ี เรียกวา่ เทคโนโลยี ควำมหมำยของเทคโนโลยี เทคโนโลยี (Technolge) หมายถึง สิ่งทม่ี นุษยส์ รา้ งหรือพัฒนาขึ้นมา เช่น วิธีการ วสั ดุ อปุ กรณ์ เครื่องมือ โดยประยุกตใ์ ช้ความรู้ทางวิทยาศาสตรแ์ ละสาขาวิชาอนื่ ๆ ที่เกย่ี วขอ้ ง เพือ่ ตอบสนองความตอ้ งการพืน้ ฐานในการดารงชวี ติ ชว่ ยเพิ่มประสทิ ธภิ าพในการทางาน และ แกป้ ัญหาต่างๆ ควำมสำคญั ของเทคโนโลยี เทคโนโลยมี คี วามสาคัญหลายดา้ น ดังนี้ 1. สรา้ งคุณภาพชวี ิตท่ดี ี เม่ือใชเ้ ทคโนโลยี เช่น เครื่องใช้ไฟฟา้ ตา่ งๆภายในบ้าน ใชร้ ถยนต์สว่ นตัวในการเดินทางแทนการเดินหรอื นงั่ รถระจาทาง ใช้เครอ่ื งปรับอากาศแทนพัดลม เมือ่ อากาศรอ้ น มนุษย์จะมีความสะดวกสบาย ไม่เหน็ดเหน่อื ยจากการทางานบ้านและการเดนิ ทาง มีเวลาทากจิ กรรมต่างๆท่ีเปน็ ประโยชน์ตอ่ สขุ ภาพ สุขภาพจติ เชน่ การออกกาลังกาย การทา กิจกรรมนันทนาการ การทางานอดิเรกท่ีชอบ ซง่ึ บ่งบอกถงึ การมีคณุ ภาพชวี ิตที่ดีขน้ึ 2. เกดิ การสอื่ สารไร้พรมแดน เม่ือใชเ้ ทคโนโลยโี ทรคมนาคม เชน่ โทรศัพท์ โทรสาร อนิ เทอรเ์ น็ต ดาวเทยี ม มนษุ ย์ท่วั โลกจะสามารถตดิ ต่อสื่อสารแลกเปล่ยี นข้อมูลกันได้ทุกที่ ทกุ เวลา จึงเกิดความเสมอภาคกันในด้านการศกึ ษา และการรบั รขู้ า่ วสารต่างๆ การเรียนทางไกลผ่านดาวเทยี ม การใช้ Skype และอินเตอร์เนต็ ในการ ตดิ ต่อ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอื่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 20
3. ป้องกนั ความเสียหายของชีวิตและทรพั ย์สนิ้ เมอ่ื ใช้เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภยั เช่น ภาพถา่ ยดาวเทียม เครอื่ งมือวดั อณุ หภูมิของอากาศ ซงึ่ ชว่ ยเตอื นภยั จากธรรมชาติ หรอื กลอ้ งโทรทศั น์วงจรปิดซงึ่ ช่วยปอ้ งกันภยั ท่ีเกดิ จากมิจฉาชพี ได้ ภาพถา่ ยดาวเทียมแสดงการเกดิ คลืน่ สนึ ามิและกลอ่ งโทรทศั น์วงจรปิดช่วยสอดส่อง ผกู้ ระทาผดิ 4. การทางานรวดเร็วคลอ่ งตัว เมื่อใช้เทคโนโลยคี อมพวิ เตอรห์ รืออปุ กรณ์นักงาน เช่น เคร่อื งถา่ ยเอกสาร เครือ่ งย่อยเอกสาร โทรสาร ในการทางานจะช่วยให้งานเสร็จเร็ว มี คุณภาพและประหยดั ทรัพยากร การใช้คอมพวิ เตอร์ทางานบนั ทกึ เอกสารไวใ้ นคอมพิวเตอรช์ ่วยทางานเสรจ็ รวดเรว็ และการ ใชเ้ คร่ืองถา่ ยเอกสารชว่ ยให้ประหยัดเวลาในการทาสาเนาเอกสารจานวนมาก 5. แก้ปัญหาต่างๆได้ โดยใชเ้ ทคนคิ วิธกี ารต่างๆ ซึง่ อาจเป็นภมู ิปญั ญาท้องถน้ิ หรอื นางานวิจัยและพัฒนาของบคุ คลและหนว่ ยงานต่างๆ มาประยกุ ตใ์ ช้ จะชว่ ยแก้ปญั หาตา่ งๆ ให้ ลลุ ่วงไปได้ เช่น การใชว้ ธิ ีแกล้งดิน ชว่ ยปรบั สภาพดินเปน็ กรดใหป้ ลกู พืชได้ การทาฝนเทียม แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอื่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 21
แก้ปัญหาความแห้งแล้ง การใชพ้ ชื สมนุ ไพรในการกาจดั แมลงแทนสารเคมชี ว่ ยแก้ปญั หาการเกิด มลพิษทางอากาศได้ เปน็ ต้น ระดับของเทคโนโลยี เทคโนโลยที ี่เกิดจากการคิดค้นและพฒั นาของมนษุ ย์ มีหลกั ฐานปรากฏให้เหน็ ตง้ั แตย่ คุ โบราณซึ่งเป็นเครื่องมือทามาหากนิ หรือใช้สอยในชวี ติ ประจาวัน ตอ่ มาในยุคการหรือยคุ เหล็กจะเปน็ การนาโลหะตา่ งๆ มาทาเปน็ เคร่ืองมอื และอาวธุ รวมถงึ การกอ่ สร้างท่ีอย่อู าศัย สาหรับในยคุ ปจั จุบนั สามารถแบง่ ระดบั เทคโนโลยไี ด้ 3 ประเภท ดงั น้ี 1. เทคโนโลยีระดบั พ้นื บ้ำนหรอื พ้นื ฐำน เป็นเทคโนโลยีแรกของบรรพบรุ ุษ ซึง่ ส่วนใหญ่จะเปน็ สังคมเกษตรกรรมพ้นื บา้ นท่ีมีการสร้างเครือ่ งใชแ้ ละอาวธุ เพือ่ การล่าสัตวน์ ามาเปน็ อาหารผลิตวสั ดุและนาทรัพยากรในทอ้ งถ่นิ มาใช้ รวมถึงมีการถนอมอาหาร เช่น อาหารตากแหง้ เทคโนโลยีระดบั น้ผี ใู้ ชไ้ ม่จาเปน็ ต้องเขา้ ใจลึกซ้ึงถึงระดับทส่ี ามารถแกไ้ ขดดั แปลงได้ เพยี งแต่ร้หู ลกั และวิธีการใชเ้ ท่านน้ั ตวั อยา่ งเทคโนโลยีระดับนี้ ได้แก่ ขวาน มดี พร้า เสียม จอบ ลอบดกั ปลา อวนแห คนั ไถ หม้อไห กระต่ายขดู มะพรา้ ว ครกตาขา้ ว นาสมุนไพร เรอื พาย เปน็ ต้น ลอบดักปลา กระตา่ ยขูดมะพรา้ ว 2. เทคโนโลยรี ะดับกลำง เปน็ เทคโนโลยีท่ีซบั ซ้อนมากขึ้น โดยต้องใชค้ วามรู้และ ประสบการณ์จากการแก้ปัญหาเกษตรกรรมพื้นบ้าน มาพัฒนาระบบการทางาน กลไกต่างๆ และ แกไ้ ข ซ่อมแซมอุปกรณ์ เคร่ืองมือให้กลับมามสี ภาพดีดงั เดิม ตลอดจนเผยแพร่ความรู้แก่คนใน ท้องถิ่นได้ ตวั อย่างเทคโนโลยีระดบั นี้ ได้แก่ การใช้เครอ่ื งจักรแทนแรงงานคน การใชเ้ ครื่องทนุ่ แรง เครื่องยนต์ มอเตอรก์ ารจับสัตว์น้าด้วยเรือยนต์ลกจูง เครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าชนิดต่างๆ กงั หันลมชว่ ยผลติ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอื่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 22
พลังงานไฟฟา้ กงั หันลมช่วยสบู นา้ ใตด้ นิ สว่านไฟฟ้า เคร่อื งเจาะไฟ การปลกู พืชหมุนเวียนเพอ่ื แก้ไขปัญหาดินเสอ่ื มสภาพ การสรา้ งอา่ งเกบ็ น้า การผลติ อาหารจากผลผลิตเหลอื ใชท้ าง การเกษตร เครอ่ื งขดู มะพรา้ ว เคร่อื งขดู มะพร้าว กงั หนั ลมช่วยผลติ พลงั งานไฟฟา้ 3. เทคโนโลยรี ะดับสงู เป็นเทคโนโลยที ีผ่ ู้พฒั นาต้องมปี ระสบการณ์อนั ยาวนาน เพือ่ ใหส้ ามารถปรับปรงุ แก้ไข ดัดแปลงเทคโนโลยีที่สลับซบั ซ้อนได้ ซงึ่ ต้องมกี ารศึกษา คน้ คว้า วจิ ัย ทดลอง อย่างสมา่ เสมอ และมกี ารประดษิ ฐ์คิดค้นเคร่ืองมอื เครอื่ งจักรกลท่ีมีประสิทธิภาพสงู ตัวอย่างเทคโนโลยีระดับนี้ ไดแ้ ก่ การผลติ อาหารกระป๋อง การปรับปรุงพันธ์สัตว์โดยใช้ เทคโนโลยชี วี ภาพ การโคลน กะทสิ าเร็จรปู ยเู อชที กะทผิ ง ยารกั ษาโรคแผนปัจจุบนั เทคโนโลยี คอมพิวเตอรเ์ ฉพาะทางด้านบัญชี งานวิศวกรรม สถาปัตยกรรม ศลิ ปกรรม นาโนเทคโนโลยี การผลติ อาหารกระป๋องโดยใช้เครื่องจกั ร หนา้ 23 แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้
ใบงำนท่ี 1 ควำมหมำยและควำมสำคัญของเทคโนโลยี 1. จงอธิบายความหมายและความสาคัญของเทคโนโลยี มาพอสงั เขป ....................................................................................................................................................... ................... ............................................................................................................... ............................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................. ................................ .................................................................................................. ............................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................. ............................................. 2. เทคโนโลยมี คี วามสาคญั หลายดา้ น จงยกตัวอย่าง .................................................................................................................................................................... .......... ........................................................................................................................ ...................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................... ....................... ........................................................................................................... ................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................... .................................... .............................................................................................. ................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. 3. ปจั จบุ ันสามารถแบ่งระดบั เทคโนโลยีได้ก่ีประเภท อะไรบ้าง ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................... ........................ .......................................................................................................... .................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................... ..................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พื่อการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 24
แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ครัง้ ที่ 3 (กำรเรียนร้ดู ้วยตนเอง) กลมุ่ สำระกำรพัฒนำสงั คม รำยวิชำ เทคโนโลยเี พือ่ กำรเรียนรู้ รหัส ทร 23010 จำนวน 3 หน่วยกติ ระดับมัธยมศกึ ษำตอนตน้ เรื่อง บอกประวตั แิ ละควำมเปน็ มำและวิวัฒนำกำรคอมพิวเตอร์ได้ จำนวน ………. ชว่ั โมง สอนวนั ท่ี ....... เดอื น ............ พ.ศ. 2564 ภำคเรยี นท่ี …… ปกี ำรศกึ ษำ …….. มำตรฐำนกำรเรียนรู้ระดับ มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคตทิ ่ดี ีตอ่ การใชแ้ หลง่ เรียนรู้ ตัวชี้วัด 1. บอกประวตั คิ วามเปน็ มาและวิวัฒนาการของคอมพวิ เตอร์ได้ 2. บอกประเภทส่วนประกอบการทางานและการดูแลรักษาเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ได้ 3. บอกวิธกี ารเชื่อมต่อระบบเครือข่ายได้ สำระกำรเรียนรู้ 1. ประวตั คิ วามเปน็ มาของคอมพิวเตอร์ได้ 2. ววิ ัฒนาการของคอมพิวเตอร์ 3. ประเภทของคอมพิวเตอร์ 4. การทางานของคอมพิวเตอร์ คณุ ธรรม 1. ขยัน 2.ประหยัด 3.สามัคคี กจิ กรรมกำรเรยี นร้ตู อ่ เน่ือง - ใหผ้ ู้เรียนศึกษาใบความรู้ และสรุปเน้ือหา สอ่ื และแหล่งเรียนรู้ - ใบความรู/้ หนังสือเรยี น กำรวดั และประเมนิ ผล - การสง่ งานทีไ่ ด้รับมอบหมาย แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่อื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 25
แหล่งกำรเรยี นรู้/สบื คน้ ข้อมูลเพมิ่ เตมิ 1.หอ้ งสมดุ ประชาชน 2.แหล่งข้อมูลสารสนเทศ Internet 3. ภูมิปญั ญา/แหล่งเรยี นรู้ ควำมคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของผบู้ ริหำรสถำนศึกษำ พจิ ารณาแลว้ ......................................................................................................................................... (นางจรี ะภา วัฒนกสกิ าร) ผอู้ านวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอโชคชยั แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พื่อการเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 26
บนั ทกึ หลังกำรสอน ความสาเร็จในการจดั การเรียนการสอน ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหา / อุปสรรค ในการจัดการเรียนการสอน ......................................................................................................... ..................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................... .................................... ............................................................................................... .............................................................................. แนวทางการแกป้ ัญหา ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื .......................................ครผู ้สู อน (..............................................) คร.ู ........................................... วันท่ี..........เดือน..........................พ.ศ. ........................ ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................... .......................................... ......................................................................................... ................................................................. .................... ลงชือ่ ผู้บังคับบญั ชา (นางจรี ะภา วฒั นกสิการ) ผอู้ านวยการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอโชคชัย แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 27
ใบควำมร้ทู ี่ 3 เร่อื ง ประวตั ิควำมเปน็ มำและววิ ฒั นำกำรของคอมพวิ เตอร์ ประวัติควำมเป็นมำและวิวัฒนำกำรของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์คอื อะไร คอมพวิ เตอรเ์ ข้ามามบี ทบาทที่สาคญั ย่ิงต่อสังคมของมนษุ ย์เราในปจั จุบัน แทบทุกวงการล้วนนา คอมพิวเตอรเ์ ข้าไปเกย่ี วข้องกับการใชง้ าน จนกลา่ วได้ว่าคอมพวิ เตอร์เปน็ ปจั จยั ท่สี าคัญอยา่ งย่งิ ต่อการดาเนิน ชีวติ และการทางานในชีวิตประจาวัน ฉะนัน้ การเรียนรู้เพื่อทาความรู้จกั กบั คอมพวิ เตอร์จงึ ถือเปน็ สง่ิ ทมี่ ีความ จาเปน็ เปน็ อย่างยิ่ง เพื่อท่ีจะทราบวา่ คอมพวิ เตอร์คอื อะไร ทางานอย่างไร และมีความสาคัญตอ่ มนษุ ย์อย่างไร เราจงึ ควรทาการศกึ ษาในหัวข้อต่อไปนี้ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 28
ควำมหมำยของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอรม์ าจากภาษาละตินว่า Computare ซึ่งหมายถงึ การนับ หรือ การคานวณ พจนานกุ รม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคอมพวิ เตอร์ไว้ว่า \"เครอ่ื งอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมตั ิ ทาหน้าท่ีเหมือนสมองกล ใชส้ าหรบั แกป้ ญั หาตา่ งๆ ท่งี ่ายและซับซ้อนโดยวิธที างคณิตศาสตร\"์ คอมพวิ เตอรจ์ ึง เป็นเคร่อื งจักรอิเล็กทรอนกิ ส์ทีถ่ กู สร้างขนึ้ เพ่ือใช้ทางานแทนมนุษย์ ในด้านการคดิ คานวณและสามารถจา ข้อมลู ทงั้ ตัวเลขและตัวอักษรได้เพ่ือการเรยี กใช้งานในครง้ั ตอ่ ไป นอกจากนี้ ยงั สามารถจดั การกับสัญลกั ษณ์ ได้ด้วยความเร็วสูง โดยปฏิบตั ิตามข้ันตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอรย์ ังมีความสามารถในดา้ นตา่ งๆ อีกมาก อาทิเช่น การเปรียบเทยี บทางตรรกศาสตร์ การรับสง่ ขอ้ มูล การจัดเก็บขอ้ มลู ในตัวเครือ่ งและสามารถ ประมวลผลจากข้อมลู ต่างๆ ได้ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 29
วิวัฒนำกำรของคอมพิวเตอร์ ประวัตคิ อมพวิ เตอร์มมี านานแต่ทเ่ี ร่มิ เข้าสูย่ ุคใชก้ ลไกอเิ ลก็ ทรอนิกส์ภายในคอมพิวเตอร์นนั้ เริม่ เม่อื ราว พ.ศ. 2483 เม่อื มีการสรา้ งคอมพิวเตอร์ลักษณะนเ้ี ปน็ เครอ่ื งแรกชอ่ื ENIAC (electronic numerical integrator and calculator) ทม่ี หาวิทยาลยั เพนนซ์ ิลเวเนีย สหรฐั อเมริกา ประกอบดว้ ยหลอดสุญญากาศ ประมาณ 18,000 หลอด เป็นกลไกอเิ ลก็ ทรอนิกส์ คอมพวิ เตอรต์ ัวน้ตี ดิ ตั้งอย่ใู นห้องขนาด ประมาณ 20×10 ตารางเมตร และมีนา้ หนกั กว่า 30 ตนั เนื่องจากใชห้ ลอดสุญญากาศ ซึ่งมปี ญั หาเก่ียวกบั อายุ การใชง้ าน จึงทาให้คอมพิวเตอรต์ ัวนม้ี อี ัตราการเสียบ่อยคร้ังมาก แต่ถึงกระน้นั ก็เป็นการแสดงให้เหน็ วา่ คอมพิวเตอร์ มีความสามารถท่ีสร้างประโยชนใ์ นการประมวลผลได้ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอ่ื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 30
William Shockley ราว พ.ศ. 2491 วิลเลียม ช็อคเลย์ (William Shockley) นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันได้ทาการวจิ ยั และสามารถประดิษฐ์ช้ินส่วนอเิ ล็กทรอนิกสท์ ่ีเรียกว่า ทรานซสิ เตอร์ (Transistor) จากสารกึ่งตัวนาได้ ทรานซสิ เตอร์สามารถทางานแทนหลอดสุญญากาศด้วยประสทิ ธิภาพและสามารถไวว้ างใจไดส้ ูง ตลอดจนการ ผลิตทางอตุ สาหกรรมสามารถจะทาคร้ังละมากๆ เพือ่ ลดตน้ ทุนการผลิตได้ วงจรอิเลก็ ทรอนกิ สห์ นั มาใชท้ ราน ซลิ เตอร์แทนหลอดสุญญากาศ ราวต้นปี พ.ศ. 2503 มีการสรา้ งคอมพวิ เตอรโ์ ดยใช้ทรานซสิ เตอร์เป็นกลไก อเิ ล็กทรอนิกส์ นบั เป็นรุ่นทสี่ อง (second generation) ของคอมพิวเตอร์ ถัดจากรุ่นท่ีหนงึ่ ท่ีใชห้ ลอด สุญญากาศ คอมพวิ เตอร์จงึ เร่ิมเขา้ สูย่ คุ ทีส่ ามารถผลติ ออกขายในตลาดได้ ประมาณปี พ.ศ. 2508 วงการเทคโนโลยสี ารก่ึงตวั นาประสบความสาเรจ็ อยา่ งใหญห่ ลวงทสี่ ามารถ สร้างทรานซสิ เตอร์หลายๆ ตัวให้อยูบ่ นแผน่ ซิลิคอนขนาดตารางมิลลเิ มตรได้ เรยี กว่า วงจรรวมหรือไอซีนัน่ เอง ทาให้เกิดร่นุ ทสี่ ามของคอมพิวเตอร์ซึ่งกลไกอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ภายในอาศยั ไอซีดงั กล่าว และคอมพวิ เตอร์เริม่ มี ขนาดเล็กลงรวมทั้งต้นทนุ การผลิตก็ลดลงด้วย การออกแบบคอมพวิ เตอร์เริ่มมคี วามคล่องตวั ทัง้ ในด้านสมรรถนะและราคาตั้งแต่บัดนั้นจนกระท่ัง ปัจจุบันน้ี คอมพวิ เตอร์มีประเภททีเ่ รยี กว่า ขนาดใหญ่ (main frame) สามารถทจี่ ะประมวลผลตลอดจนเกบ็ ข้อมลู ไวค้ ร้ังละมากๆ ได้ สามารถจะคานวณคณิตศาสตรท์ ี่ซับซ้อนดว้ ยอัตราเร็วสงู คอมพวิ เตอร์อีกประเภท หนึ่งท่เี รยี กว่า มินิคอมพวิ เตอร์ (minicomputer) มีสมรรถนะดอ้ ยกว่าคอมพวิ เตอรข์ นาดใหญ่ในดา้ นอัตราเร็ว การทางาน แตม่ ีราคาที่ต่ากวา่ เหมาะแกง่ านธรุ กิจและวทิ ยาศาสตรข์ นาดย่อมลงมา ปัจจบุ นั มินคิ อมพิวเตอร์ได้ ววิ ฒั นาการจนมสี มรรถนะทง้ั ความจุหนว่ ยความจาและอตั ราเร็วตอ่ การทางานสงู กว่าคอมพวิ เตอร์ขนาดใหญ่ท่ี ผลติ ในระยะแรกๆ ไมโครโปรเซสเซอร์ ส่วนทีส่ าคญั ของคอมพิวเตอร์ ส่วนหน่ึง คอื หนว่ ยประมวลผลกลาง (Central processing unit) หรือ เรียกกันย่อๆ วา่ ซพี ียู ทาหนา้ ทค่ี านวณเลขคณิตและตรรก ตลอดจนควบคุมจังหวะการทางานสว่ นต่างๆ ของ คอมพวิ เตอร์ให้สอดคลอ้ งกัน ในมนิ ิคอมพิวเตอร์ ซีพียจู ะสร้างจากไอซหี ลายตวั อยูบ่ นแผ่นพิมพ์วงจร (printed circuit board) แตใ่ นปี พ.ศ. 2512 มบี รษิ ทั ในสหรฐั อเมรกิ า ช่ือ อนิ เทล (Intel Corporation) สามารถจะ ผลติ ซีพยี ูให้อยู่บนซลิ ิคอนขนาดตารางมิลลเิ มตรได้เป็นไอซีช้นิ เดียว เราเรยี กไอซีทที่ าหน้าท่ซี พี ยี ูนี้วา่ ไมโครโปรเซสเซอร์ (microprocessor) แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอ่ื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 31
Busicom กาเนดิ ของไมโครโปรเซสเซอร์ เริม่ เมอ่ื พ.ศ. 2512 ขณะทีต่ ลาดเครือ่ งคิดเลขอิเลก็ ทรอนิกสก์ าลัง แข่งขันกนั อยู่นน้ั บริษทั ญป่ี นุ่ แหง่ หน่ึงช่อื บซิ คิ อม (Busicom) (ปัจจบุ ันเลกิ กิจการไปแล้ว) ไดว้ า่ จ้างให้บรษิ ัท อินเทลแหง่ สหรฐั อเมรกิ าออกแบบและผลติ ช้นิ ส่วนไอซี เพ่ือใช้ประกอบเครอ่ื งคิดเลขสมรรถนะสูง หลังจาก ศึกษาความต้องการของลกู ค้าแล้ว นักวจิ ัยและออกแบบของอนิ เทล สรุปว่า หากใชป้ รชั ญาการออกแบบใน ขณะน้นั แลว้ ความสลบั ซับซ้อนด้านฮารด์ แวร์ (hardware หมายถงึ ชิ้นสว่ นของอุปกรณ์ทมี่ องเหน็ ) จะมาก จนเกนิ ไป จึงเปลี่ยนปรชั ญาใหม่ว่าต้องลดความซบั ซ้อนด้านฮารด์ แวร์และขณะเดยี วกนั ก็เพมิ่ สมรรถนะดา้ น ซอฟต์แวร์ (software หมายถงึ คาส่ังที่ปอ้ นให้ฮาร์ดแวร์ทางาน) เพ่ือให้ใชง้ านด้านอน่ื ได้ดว้ ยนอกเหนือจากใช้ งานเคร่อื งคิดเลขผลที่ไดร้ บั คือ ไมโครโปรเซสเซอรเ์ บอร์ 4004 ทางานร่วมกับหนว่ ยความจาประกอบกนั เปน็ ไมโครคอมพวิ เตอร์อย่างง่ายชื่อ MCS-4 นอกเหนือจากผลติ ใหแ้ กบ่ ริษัทบซิ ิคอมผวู้ า่ จ้างแล้ว บรษิ ัทอินเทลยงั ไดร้ ับอนุญาตใหผ้ ลติ จาหน่ายแก่ลกู ค้าทวั่ ไปไดอ้ ีกดว้ ย ใน พ.ศ. 2514 ไมโครโปรเซสเซอร์ 4004 ทางานใน ลกั ษณะคาสั่ง/ข้อมูลขนาด 4 บติ จากน้นั บริษทั อินเทลก็ผลิตไมโครโปรเซสเซอร์ขนาด 8 บติ เบอร์ 8008 ออก สตู่ ลาด ไมโครโปรเซสเซอรท์ ้ังสองชนิดน้ีนับเปน็ รนุ่ แรก (first generation)จากประสบการณ์ทเี่ ริม่ มีมากขึน้ อนิ เทลได้ปรบั โครงสรา้ งภายในของไมโครโปรเซสเซอร์และผลิตเบอร์ 8080 ออกส่ตู ลาด นบั เปน็ รุ่นทสี่ อง ซ่งึ มี สมรรถนะที่สูงกว่าร่นุ แรกมาก เชน่ สามารถบง่ ตาแหน่งความจาได้ถึง 64 K ตาแหนง่ (1K หมายถึง โดยประมาณ แต่คา่ ที่แท้จรงิ คือ = 1024) เทียบกับ 16K ตาแหนง่ ในรุน่ 8008 8080 สามารถต่อกบั หน่วย รับส่งข้อมูลเข้าออกได้ถึง 256 จุด เทียบกบั 8 จุด สาหรบั ข้อมลู เข้า และ 24 จุด สาหรบั ข้อมูลออก ใน 8008 ตลอดจนสามารถทาเลขคณิตไบนารีได้ นอกเหนือจากเลขคณติ บีซดี ี (BCD) เมื่อถึงยุคนี้ บรษิ ทั อนื่ ๆ เรม่ิ ตระหนักถึงธุรกิจท่ีอินเทลผูกขาดแตผ่ เู้ ดียวมาตลอด ประกอบกบั มผี ู้นาไมโครโปรเซสเซอร์ไปประกอบเป็น ไมโครคอมพวิ เตอร์ทม่ี ใิ ช่เฉพาะเล่นเกมหรือควบคุมเครื่องจักรต่างๆ เทา่ นน้ั แตส่ ามารถนาไปใชป้ ระมวลผล งานทางธรุ กจิ ในลักษณะเดียวกบั ท่คี อมพิวเตอร์ขนาดใหญ่และมนิ ิคอมพวิ เตอร์ทางานได้ด้วย แต่อาจมีอัตรา การประมวลผลทชี่ า้ กว่าและความจากัดทางด้านปริมาณความจขุ องหนว่ ยความจา กระน้นั กด็ ี การท่ี ไมโครคอมพิวเตอร์มรี าคาตา่ กว่ามาก ประกอบกับเทคโนโลยที มี่ กี ารพฒั นาอยตู่ ลอดเวลา ยอ่ มเป็นท่ีแนช่ ัดว่ามี ตลาดรองรบั อย่างกว้างขวาง ดว้ ยเหตนุ ี้ บรษิ ทั โมโตโรลา (Motorola) จงึ เรมิ่ เข้าสวู่ งการผลติ ไมโครโปรเซสเซอร์ โดยออกรุ่น 6800 ในปี พ.ศ. 2517 ซ่ึงได้รับความนิยมไมน่ ้อยกวา่ 8080 ของอนิ เทล จากนั้นบรษิ ัทไซลอ็ ก (Zilog) กผ็ ลติ ไมโครโปรเซสเซอร์ Z –80 ออกจาหนา่ ยเชน่ กนั และยอ่ มเป็นธรรมดาที่ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พ่อื การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 32
6800 และ Z -80 จะมสี มรรถนะเหนือ 8080 ของอินเทล เน่อื งจากการแข่งขันด้านการตลาด อินเทลเองก็มไิ ด้ หยดุ การพัฒนาและยงั พยายามรักษาความเป็นผนู้ า โดยการผลิตรนุ่ 8085 ออกมาสู่ตลาดอกี นอกเหนือจาก บริษทั อืน่ ๆ ท่ีภูมหิ ลงั ของธุรกิจทาไอซขี ายอย่แู ลว้ กเ็ ข้าสวู่ งการไมโครโปรเซสเซอร์ เชน่ เทก็ ซสั อินสตรเู มนต์ (Texas Instrument) แห่งสหรัฐอเมริกา บริษัทโตชิบา แหง่ ญ่ปี ุน่ และบริษัทอ่ืนๆ อีกมาก รุ่นท่สี าม (third generation) ของไมโครโปรเซสเซอร์ เร่ิมราว พ.ศ. 2518 เมอื่ เข้าสยู่ ุคไมโครโปรเซสเซอรร์ ุน่ 16 บิต เชน่ 8088 ของอนิ เทล (IAP×88) และ 6809 ของโมโตโรลา โดยจะรบั สง่ ข้อมลู คร้ังละ 8 บติ แต่การคานวณ และประมวลผลภายในไมโครโปรเซสเซอรใ์ ช้ 16 บิต นอกจากนนั้ ก็มี 8086 (IAP×88) ของอนิ เทลท่ีได้รับความ นิยมและมีผู้นาไปประกอบเป็นไมโครคอมพวิ เตอร์รนุ่ 16 บิต ออกจาหนา่ ย ทาใหส้ มรรถนะสูงขึ้น เช่น สามารถบ่งตาแหนง่ หนว่ ยความจาไดถ้ ึง 1M ตาแหน่ง (1Mหมายถงึ โดยประมาณ แต่คา่ ทแี่ ทจ้ รงิ คือ = 1,048,576) เทยี บ กับ 64 K ตาแหนง่ ในร่นุ 8080 เปน็ ต้น ปจั จุบนั บริษทั ทั้งหลายเริ่มแข่งขนั กนั เขา้ สูย่ ุคทีส่ ี่ (fourth generation) ของไมโครโปรเซสเซอรเ์ ปน็ รุ่น 32 บิต เชน่ IAP×432 ของอินเทล ซึ่งมที รานซสิ เตอร์ราว 200,000 ตัว ทางานในอตั ราความเรว็ 2 ลา้ นคาส่งั ตอ่ วนิ าที มหี นว่ ยประมวลผล (processor) หลายตัวร่วมกนั ทางานคาดกันวา่ IAP×432 จะมอี ัตราเร็วการทางาน เทยี บเทา่ IBM370/158 n>32 บติ เชน่ IAP×432 ของอินเทล ซงึ่ มีทรานซสิ เตอรร์ าว 200,000 ตวั ทางานใน อตั ราความเร็ว 2 ลา้ นคาสง่ั ต่อวนิ าที มีหนว่ ยประมวลผล (processor) หลายตวั รว่ มกันทางานคาดกัน วา่ IAP×432 จะมีอตั ราเรว็ การทางานเทยี บเท่า IBM370/158 จดุ กำเนิดของคอมพิวเตอร์ ต้นกาเนดิ ของคอมพิวเตอร์อาจกล่าวไดว้ า่ มาจากแนวความคิดของระบบตัวเลข ซ่ึงได้พฒั นาเปน็ วธิ กี าร คานวณต่าง ๆ รวมทั้งอุปกรณท์ ชี่ ่วยในการคานวณอยา่ งง่าย ๆคือ\" กระดานคานวณ\" และ \"ลกู คิด\" ในศตวรรษ ท่ี 17 เครื่องคานวณแบบใชเ้ ฟือ่ งเครอ่ื งแรกไดก้ าเนดิ ขนึ้ จากนกั คณติ ศาสตรช์ าวฝรงั่ เศษคอื Blaise Pascalโดย เคร่ืองของเขาสามารถคานวณการบวกการลบไดอ้ ย่างเทยี่ งตรง และในศตวรรษเดยี วกนั นักคณติ ศาสตรช์ าว เยอรม์ นั คือ Gottried Wilhelm von Leibnizไดส้ รา้ งเครอื่ งคดิ เลขเครื่องแรกที่สามารถคณู และหารได้ ด้วย ในต้นศตวรรษที่ 19 ชาวฝรัง่ เศษช่อื Joseph Marie Jacquard ได้พฒั นาเครื่องทอผ้าทีส่ ามารถต้งั โปรแกรมได้ โดยเครื่องทอผ้าน้ีใชบ้ ัตรขนาดใหญ่ซ่ึงได้เจาะรูไวเ้ พอื่ ควบคุมรปู แบบของลายทีจ่ ะปัก บัตรเจาะรู (punched card) ที่ Jacquard ใช้นไ้ี ดถ้ ูกพัฒนาตอ่ ๆมาโดยผอู้ ่นื เพ่อื ใช้เปน็ อปุ กรณ์ป้อนข้อมลู และโปรแกรม เขา้ เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ในยุคแรกๆ แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พอื่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 33
Charles Babbage ตอ่ มาในศตวรรษเดยี วกัน ชาวอังกฤษชือ่ Charles Babbage ไดท้ าการสรา้ งเครื่องสาหรับแก้สมการ โดยใช้พลงั งานไอนา้ เรียกว่า difference engineและถดั จากน้นั ไดเ้ สนอทฤษฎเี กย่ี วกบั คอมพิวเตอร์สมัยใหม่ เม่อื เขาได้ทาการออกแบบ เคร่ืองจกั รสาหรบั ทาการวเิ คราะห์ (analytical engine)โดยใชพ้ ลงั งานจากไอน้า ซงึ่ ได้มีการออกแบบให้ใชบ้ ัตรเจาะรขู อง Jacquard ในการปอ้ นข้อมลู ทาให้อุปกรณ์ชิน้ นี้มีหนว่ ยรับขอ้ มลู หน่วยประมวลผลหนว่ ยแสดงผล และหนว่ ยเก็บขอ้ มูลสารอง ครบตามรูปแบบของคอมพิวเตอรส์ มยั ใหม่ แต่ โชคไม่ดที แ่ี ม้วา่ แนวความคิดของเขาจะถูกต้องแต่เทคโนโลยใี นขณะนั้นไมเ่ อ้ืออานวยต่อการสร้างเครื่องท่ี สามารถทางานไดจ้ ริง อย่างไรก็ดี Charles Babbage กไ็ ดร้ ับการยกย่องวา่ เป็นบิดาของคอมพิวเตอรค์ นแรก และผูร้ ่วมงานของเขาคือ Augusta Ada Byron กไ็ ด้รับการยกย่องวา่ เป็นนักเขยี นโปรแกรมคนแรกของโลก แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยเี พือ่ การเรียนรู้ (ทร 23010) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 34
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193