การพัฒนากระบวนการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยที่มุ่งให้ คนใชถ้ งุ ยางอนามัยเพม่ิ ข้ึนในการดำ� เนินชีวติ ทางเพศของตนเอง จำ� เปน็ ตอ้ ง ขบคิดให้มากข้ึนในเรื่องการสร้างสถานะความหมายใหม่ของถุงยางอนามัย โดยค�ำนึงถึงเรื่องเพศและเพศวิถีบางมิติในสังคมไทยที่ถูกท�ำให้หายไป อาทิ ความสขุ ความพงึ พอใจทางเพศ โดยไมล่ มื เลอื นวา่ สงั คมไทยมคี วามหลากหลาย ทางเพศ เพศภาวะ และเพศวิถี และควรเป็นการคิดเรอื่ งเพศเชิงบวกมากกวา่ มุ่งเสนอเรื่องเพศเชิงลบในด้านของอันตรายและความเส่ียง เพ่ือท�ำให้ถุงยาง อนามัยเปน็ ส่วนหนึ่งของวิถเี พศทเ่ี ป็นสุขและปลอดภัย ผู้เขียนของหยิบตัวอย่างการรณรงค์เรื่องถุงยางอนามัยของมูลนิธ ิ เข้าถึงเอดส์ (แอคเซส) ท่ีรณรงค์เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของมูลนิธิฯ (2552) ด้วยเนอ้ื หาสาระดังน้ี (1) เริ่มต้นด้วยการส่ือสารเพื่อเชิญชวนเร่ืองวิธีการใส่ถุงยางฯ ว่า ถุงยางอนามัยไม่ได้ใช้ยากอย่างท่ีคิด ด้วยค�ำขวัญว่า มีใจรักและเชื่อมั่นว่า ถงุ ยางฯ ช่วยให้มีความสุขและปลอดภยั ดังขอ้ ความท่รี ะบวุ า่ “การใช้ถุงยางฯ ไม่ใช่เร่ืองยาก ไม่มีข้ันตอนวุ่นวายอะไร และ ถุงยางฯ มคี วามเหนียวพอไมแ่ ตกง่ายในการสวมใส่อย่างปกติ การสวมใส่ก็ง่ายๆ เพียงฉีกซอง แล้วก็จับมาใส่ ถ้าใส่ถูกด้าน จะรดู ลงงา่ ย รดู ลงไปใหส้ ดุ แลว้ ดตู รงหวั จะมปี ลายเปน็ กระเปาะ รับน้�ำอสุจิ ถ้ามีลมก็ใช้มือบีบนิดเดียวลมก็หายไปแล้ว ไม่ต้อง กังวลอะไร ถ้าไม่ใส่จะกังวลมากกว่าน้ี (มีเพศสัมพันธ์กันไป ตั้งนานแลว้ หลายเดอื นผ่านไป ยังกงั วลไมเ่ ลกิ ) ตอนท่ีใส่ เราใส่ในเวลาท่ีอวัยวะเพศของผู้ชายแข็งตัวเต็มท่ี ซึ่งท�ำให้ถุงยางฯ แนบกระชับ และเมื่อเสร็จกิจแล้ว ผู้ชายหลั่ง น้ำ� อสุจอิ อกมา จะท�ำใหอ้ วยั วะเพศอ่อนตวั ควรเอาออกมาจาก อวยั วะเพศหญงิ กอ่ นทจี่ ะออ่ นตวั มากและจะสามารถถอดถงุ ยางฯ ออกไดง้ า่ ย 80 นวิ ตั ร สุวรรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกจิ
ท่สี �ำคญั คอื มีพกตดิ ตัวไวบ้ ้างเผือ่ กะทันหนั จะได้มใี ชแ้ ละเตรยี ม ใหพ้ อใชด้ ้วย” (2) ยนื ยนั สถานะของถงุ ยางฯ วา่ เปน็ เครอื่ งมอื คมุ กำ� เนดิ ชนดิ เดยี ว ที่สามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีได้ พร้อมกับย้�ำว่า ถุงยางอนามัยคือ เครื่องมือแพทย์ชนิดหน่ึงที่ต้องผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการอาหาร และยา ดังนั้น คุณภาพของถุงยางฯ มีความปลอดภัย 100% แต่ต้องใช้ให้ ถกู ตอ้ งคอื ใชก้ อ่ นมเี พศสมั พนั ธแ์ บบสอดใส่ ใชถ้ งุ ยางฯ ทยี่ งั ไมห่ มดอายุ ใชใ้ ห้ เหมาะสมกบั ขนาดอวยั วะเพศของตวั เอง ใชเ้ พยี งชน้ั เดยี วและครงั้ เดยี วเทา่ นน้ั (มลู นธิ เิ ข้าถงึ เอดส,์ 2552) (3) ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงของถุงยางอนามัยในการป้องกัน โดยมุ่งไป ที่การส่ือสารเพ่ือแก้ไขความเข้าใจผิดและคลาดเคล่ือนว่าด้วยคุณสมบัติด้าน การปอ้ งกนั ของถงุ ยางอนามยั และชช้ี วนใหเ้ หน็ วา่ ขอ้ ผดิ พลาดของการปอ้ งกนั มกั เกดิ จากผ้ใู ช้เปน็ หลกั โดยเฉพาะการสวมถงุ ยางอนามัยกอ่ นถงึ จุดสดุ ยอด นนั่ คอื ใชอ้ วยั วะเพศสอดใสข่ ณะมเี พศสมั พนั ธ์ เมอ่ื ผชู้ ายใกลถ้ งึ จดุ สดุ ยอดแลว้ จงึ สวมถงุ ยางอนามยั ซงึ่ ไมไ่ ดเ้ ปน็ เพศสมั พนั ธท์ ป่ี ลอดภยั ทงั้ การตง้ั ครรภแ์ ละ การได้รบั เชอื้ เอชไอวี อกี ประการหนง่ึ คอื แม้จะสวมถงุ ยางอนามยั ก่อนสอดใส่ แตเ่ มอ่ื ฝา่ ยชายถงึ จดุ สดุ ยอดแลว้ ยงั ไมถ่ อนอวยั วะเพศออกจากชอ่ งคลอด อวยั วะ เพศจะเริ่มอ่อนตัวลงจนถุงยางอนามัยหลุดจากอวัยวะเพศชายโดยไม่รู้ตัวได้ ท่ีส�ำคัญคือมักมีการเลือกใช้ถุงยางอนามัยกับบางคนหรือบางสถานการณ์ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ต้องตระหนักว่าบางสถานการณ์ เช่น ขณะท่ีก�ำลัง สนุกสนานในหมู่เพื่อน หรือความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด การไปเท่ียวด้วยกัน การดื่มเหล้า การใช้สารเสพติด อาจท�ำให้ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และความรอบคอบในการตัดสนิ ใจนอ้ ยลง ทำ� ให้ไมใ่ ชถ้ ุงยางอนามัย หรือใช้ ไมถ่ กู วิธี ถุงยางอนามัยกบั การดำ� เนนิ ชีวติ ทางเพศในสงั คมไทย 81
(4) พยายามใหค้ วามหมายใหมข่ องถงุ ยางอนามยั วา่ เปน็ สญั ลกั ษณ์ ของความรับผิดชอบ โดยพยายามปรับเปลี่ยนทัศนะเดิมๆ ต่อการใช้ถุงยาง อนามัยว่า เป็นสัญลักษณ์ของพฤติกรรมท่ีไม่เหมาะสมในเรื่องเพศ เช่น การเทยี่ วสถานบรกิ าร การนอกใจ การไมซ่ อ่ื สตั ยต์ อ่ คู่ หรอื การมปี ระสบการณ์ ทางเพศมากอ่ น ฯลฯ ทง้ั ทคี่ ณุ สมบตั ขิ องถงุ ยางอนามยั คอื อปุ กรณท์ ใี่ ชแ้ ลว้ เกดิ ความปลอดภยั ทง้ั สองฝา่ ย ปอ้ งกันการตัง้ ครรภ์โดยไมพ่ รอ้ ม และป้องกันโรค ตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพันธ์ กลา่ วไดว้ า่ การใชถ้ ุงยางฯ เป็นการแสดงความหว่ งใย ซง่ึ กนั และกนั รบั ผดิ ชอบดว้ ยกนั โดยไมผ่ ลกั ภาระในการคมุ กำ� เนดิ ใหเ้ ปน็ ของ ผหู้ ญงิ เพยี งฝา่ ยเดยี ว การเปลย่ี นมมุ มองเรอ่ื งถงุ ยางอนามยั หรอื การแลกเปลย่ี น ความคิดเหน็ กับคู่เรอ่ื งถงุ ยางอนามัย เปน็ เรื่องท่ที ำ� ให้คูร่ ักเขา้ ใจกนั มากข้ึน (5) ส�ำหรับความเช่ือเรื่องถุงยางอนามัยกับอรรถรสทางเพศท่ีว่า ถุงยางอนามัยขัดขวางความเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะผู้ท่ีไม่นิยมใช้ถุงยาง อนามัย คือ ไมส่ นกุ ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่แนบชดิ สนิทใจนัน้ ทจี่ ริงแลว้ ความ สขุ ทางเพศขนึ้ กบั หลายปจั จยั ในเพศสมั พนั ธแ์ ตล่ ะครงั้ เราอาจมคี วามสขุ ทาง เพศไมเ่ ทา่ กนั ถงึ แมจ้ ะมเี พศสมั พนั ธก์ บั คคู่ นเดมิ กต็ าม ทง้ั ความพรอ้ ม บรรยากาศ การเล้าโลม ฯลฯ ลว้ นเปน็ ปจั จยั ที่ส�ำคญั ต่อความสุขทางเพศของทัง้ สองฝ่าย การใชถ้ งุ ยางอนามยั เปน็ ประจำ� กเ็ ปน็ อกี ทางหนง่ึ ทชี่ ว่ ยฝกึ ใหเ้ กดิ ความคนุ้ ชนิ ซึ่งหลายคนยืนยันว่าหลังจากใช้ถุงยางอนามัยบ่อยครั้งข้ึนจนกลายเป็น ความเคยชิน รู้สึกเป็นเร่ืองธรรมดา ไม่ได้รู้สึกว่าไม่เป็นธรรมชาติแต่อย่างใด เช่นเดียวกับการใส่เสื้อผ้าก็ไม่ใช่เร่ืองธรรมชาติแต่เป็นเร่ืองท่ีฝึกฝนจนรู้สึกคุ้น เคย ทำ� ใหร้ ูส้ ึกว่าถ้าไม่ใสจ่ ะกลายเปน็ เร่อื งผดิ ปกติ แม้หลายคนจะรสู้ กึ กังวล ใจวา่ การใชถ้ งุ ยางอนามยั ยงุ่ ยาก มหี ลายขนั้ ตอน จนสะดดุ ความรสู้ กึ ทางเพศ ท่ีก�ำลังด�ำเนินอยู่ แต่หากเข้าใจว่าก่อนที่จะสอดใส่อวัยวะเพศนั้น สามารถ 82 นวิ ัตร สวุ รรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ
ใสถ่ งุ ยางอนามัยไปพร้อมกับการเลา้ โลม ไม่ว่าจะฝ่ายชายเป็นผู้สวมถุงยางฯ เอง หรอื คเู่ ปน็ ผสู้ วมให้ ผนวกกบั การเสรมิ ความเชอื่ ดา้ นบวกของถงุ ยางอนามยั ว่า ส�ำหรับผู้ชายท่ีหลั่งเร็ว ผลพลอยได้จากการใช้ถุงยางอนามัยคือช่วยยืด เวลาการหลั่งออกไปได้ ท้ังถุงยางอนามัยเองก็เป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิง เพราะหลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้ว ผู้หญิงมีความรู้สึกว่าอวัยวะเพศของตัวเอง ยังสะอาดอยู่ และหากจะสัมผัสกันและกันก็ไม่ต้องกังวลใจรีบร้อนไปท�ำ ความสะอาดรา่ งกาย (6) ใหข้ ้อมลู เร่ืองถุงยางอนามัยท่มี หี ลากชนดิ หลายรปู แบบ ท้ังกลิน่ สี ขนาด ความหลากหลายเพื่อตอบสนองรสนิยมของผใู้ ช้ สว่ นทนี่ า่ สนใจของการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามยั ของมลู นิธิ เข้าถึงเอดส์ผ่านเว็บไซต์น้ีคือ ความพยายามสร้างสถานะและความหมาย ของถุงยางอนามัยในมิติอื่นๆ เพ่ิมเติม นั่นคือ การเป็นสัญลักษณ์แสดง ความรับผิดชอบ เพ่ือโต้แย้ง/หักล้างกับภาพลักษณ์ของถุงยางอนามัยที่เป็น สญั ลกั ษณข์ องความไมซ่ อ่ื สตั ย์ ไมไ่ วว้ างใจ อกี ทงั้ ยงั พยายามเปดิ มติ กิ ารสอ่ื สาร เร่อื งความสุขความพึงพอใจและอรรถรสทางเพศ ท่เี ป็นข้อโตแ้ ย้งใหญใ่ นการ ไมใ่ ชถ้ งุ ยางอนามัยดว้ ย แตน่ า่ สงั เกตวา่ การรณรงคเ์ ผยแพรข่ อ้ มลู ขา่ วสาร และสง่ เสรมิ การใชถ้ งุ ยางอนามยั ทางสอ่ื ผา่ นอนิ เตอรเ์ นต็ โดยเฉพาะในสว่ นขององคก์ ร/หนว่ ยงาน/ มูลนิธิต่างๆ ยังไม่ได้รณรงค์ด้วยการพูดถึงหรือส่ือสารเรื่องความสุข ความพึงพอใจกับการใช้ถุงยางอนามัยมากนัก ภาพสถานะและความหมาย ของถุงยางอนามยั จึงยังผกู ตดิ อยูก่ ับเพศสมั พันธ์ทปี่ ลอดภัยจากโรค อนั ตราย และความเสีย่ งเปน็ ดา้ นหลัก ถุงยางอนามยั กับการด�ำเนินชวี ติ ทางเพศในสังคมไทย 83
3.2 การจัดกระบวนการเรียนรู้เรื่องเพศ เอดส์ และถุงยาง อนามัยในพ้นื ที่ ในการด�ำเนินงานวิจัยส่วนน้ี ผู้เขียนและทีมวิจัยภาคสนามจากกลุ่ม องค์กรในพ้ืนที่ได้ร่วมกันทบทวนเครื่องมือ/หลักสูตร 3 หลักสูตรหลักท่ีใช ้ ในการจัดกระบวนการเรียนรู้เรื่องเพศ เอชไอวี/เอดส์ และมีกิจกรรมส่งเสริม การใชถ้ ุงยางอนามัยของกลุ่มองค์กรในพ้ืนท่งี านวจิ ัย ดงั นค้ี ือ 1. ชดุ หลกั สตู ร “ชวี ติ จรงิ ” พ.ศ. 2551 ของมลู นธิ พิ ฒั นาเครอื ขา่ ยเอดส์ และเครอื ขา่ ยผตู้ ดิ เชอื้ ฯ ภาคเหนอื ตอนบน มี 5 หลกั สตู ร ประกอบ ด้วย 7 กจิ กรรมหลกั เป็นหลักสตู รท่ีปรับปรงุ การจดั กระบวนการ เรียนรู้เร่ืองเพศในกลุ่มเยาวชน น�ำมาใช้เป็นเคร่ืองมือการเรียนรู้ เรอื่ งเพศและการปอ้ งกนั การรบั − ถา่ ยทอดเชอื้ เพมิ่ และการสง่ เสรมิ การพัฒนาคุณภาพชวี ติ ในกลุ่มผู้ทม่ี เี ชอื้ เอชไอวี 2. ชุดหลักสูตร “เสียงและทางเลือก” ระยะท่ีสาม พ.ศ. 2552 ของมูลนธิ ิรักษไ์ ทยและเครือข่ายผหู้ ญิงทมี่ ีเอชไอวี มี 4 หลกั สูตร เปน็ หลกั สตู รทใ่ี ช้ในการจัดกระบวนการเรยี นรแู้ ละสร้างเสรมิ พลงั อำ� นาจในการจดั การเรอื่ งเพศใหก้ บั ผหู้ ญงิ ทอี่ ยรู่ ว่ มกบั เชอื้ เอชไอวี 3. หลักสูตรการอบรมเร่ือง “การบูรณาการ การป้องกันและแก้ไข ปญั หาเอดส์ ในชมุ ชนภาคเหนอื ” พ.ศ. 2553 ของมลู นธิ พิ ะเยาเพอ่ื การพัฒนาและองค์กรภาคีภาคเหนือ ภายใต้การสนับสนุนของ GFATM และกระทรวงสาธารณสุข เป็นหลักสูตรที่พัฒนาข้ึนมา สำ� หรบั การจดั กระบวนการเรยี นรแู้ ละจดั การปญั หาเอดสใ์ นชมุ ชน โดยให้ความส�ำคัญกับกลุ่มเยาวชนในการเรียนรู้เรื่องเพศและ การป้องกนั การรับ − ถ่ายทอดเช้ือเอชไอวี 84 นวิ ัตร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ
หากพิจารณาหลักสูตรทั้ง 3 ในแง่ของการร่วมกันสร้างกระบวนการ พูดคยุ เรยี นรเู้ รอ่ื งเพศ บนพน้ื ฐานความเขา้ ใจว่า หลกั สตู รและเคร่อื งมอื แตล่ ะ ชิ้นได้รับการออกแบบมาเพ่ือวัตถุประสงค์แตกต่างกัน ทั้งน้ี หลักสูตร/ เครื่องมือทั้งสามถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องเพศและการใช้ ถุงยางอนามัยด้วย ท้ัง 3 หลักสูตร และหลักสูตรอื่นๆ ที่ใช้ในกระบวนการ ทำ� งานเรื่องเอชไอว/ี เอดส์ มกั ประกอบดว้ ยเนอ้ื หา 4 ส่วนหลักๆ คอื ส่วนแรก คือเร่ืองเพศสัมพันธ์ ด้วยการพูดคุยให้เห็นความแตกต่าง ระหวา่ ง เพศ (sex) เพศภาวะ (gender) และเพศวถิ ี (sexuality) โดยพยายาม จัดกระบวนการเรียนรู้เพ่ือท�ำความเข้าใจความแตกต่างและความหมายเรื่อง เพศใน 3 มิติน้ี และเชื่อมโยงเข้าสู่โอกาสและทางเลือกในการจัดการเร่ือง เพศสัมพันธ์ ส่วนที่สอง เป็นเรื่องสุขภาพทางเพศและอนามัยเจริญพันธุ์ ท่ีมักเน้น ให้เห็นมิติส�ำคัญ 2 มิติในเร่ืองนี้คือ การดูแลรักษาสุขภาพ และสิทธิและ การเคารพสิทธใิ นเรอ่ื งสุขภาพทางเพศและอนามัยเจรญิ พนั ธุ์ ส่วนที่สาม ว่าด้วยโรคและความเจ็บป่วยที่เก่ียวข้องกับเร่ืองเพศ โดย เฉพาะการรบั − ถา่ ยทอดเชอ้ื เอชไอวี มกั เนน้ ใหเ้ หน็ ความสำ� คญั ของการปอ้ งกนั และการดแู ลรกั ษา ในสว่ นของการปอ้ งกนั กลา่ วถงึ เรอื่ งผลกระทบ การประเมนิ ความเสี่ยง การมีเพศสัมพนั ธ์ท่ปี ลอดภยั และการสือ่ สาร/ต่อเรือ่ งเพศสมั พันธ์ ส่วนท่ีส่ี เป็นเร่ืองถุงยางอนามัย ที่มีการจัดกระบวนการเรียนรู้พูดคุย กนั ในเรอื่ งประสบการณก์ ารรบั รแู้ ละสมั ผสั ของถงุ ยางอนามยั ความร ู้ − ทกั ษะ ทศั นะ − ความเชอ่ื อำ� นาจการตดั สนิ ใจและการตอ่ รองในการใชถ้ งุ ยางอนามยั นอกจากนี้ มีบางส่วนที่อาจจัดให้มีกระบวนการแลกเปล่ียนพูดคุยเพ่ิมเติม หากมีค�ำถามและขอ้ กงั วลใจในการใชถ้ งุ ยางอนามยั ดว้ ย ถงุ ยางอนามยั กับการด�ำเนินชวี ติ ทางเพศในสังคมไทย 85
เนื้อหาทงั้ สส่ี ว่ นข้างต้นแสดงไดด้ ังผงั ภาพขา้ งล่างน้ี 1 เพศภาวะ (gender) เพศ (sex) เพศวถิ ี (sexuality) •ตวั ตน/อตั ลกั ษณ •เนอ้ื ตวั รา งกาย ทางสงั คมเรอ่ื งเพศ •รสนยิ มทางเพศ •โอกาส/ทางเลอื ก เพศสมั พนั ธ •ความภาคภมู ใิ จ 2 การดแู ลรกั ษาสขุ ภาพ สขุ ภาพทางเพศและอนามยั เจรญิ พนั ธุ สทิ ธแิ ละการเคารพ การปอ งกนั •ผลกระทบ การดแู ล/รกั ษา โรคและความเจบ็ ปว ย •การประเมนิ ความเสย่ี ง 3 •Safer sex •การสอ่ื สาร/ตอ รองเรอ่ื งเพศสมั พนั ธ ประสบการณก ารรบั รู 4 ความรสู กึ ผดิ /ถกู ถงุ ยางอนามยั ความร-ู ทกั ษะ ความกงั วลใจ อำนาจการตดั สนิ ใจ ทศั นะ-ความเชอ่ื และการตอ รอง ขอ้ สงั เกตรว่ มกนั ทไี่ ดจ้ ากการทบทวนหลกั สตู รเหลา่ นกี้ ค็ อื ในภาพรวม แลว้ การพฒั นาหลกั สตู รการเรยี นรแู้ ละฝกึ อบรมของกลมุ่ /เครอื ขา่ ย/องคก์ ร/ หนว่ ยงานตา่ งๆ ไดพ้ ฒั นาชดุ เครอื่ งมอื สง่ เสรมิ การใชถ้ งุ ยางอนามยั ทค่ี ลา้ ยคลงึ กนั มวี ตั ถปุ ระสงค์หลกั ในการให้ความร้แู ละฝกึ ฝนทกั ษะการใช้ถงุ ยางอนามยั โดยเนน้ ยำ�้ เรอ่ื งการปอ้ งกนั การไดร้ บั − ถา่ ยทอดเชอ้ื โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ/์ เอชไอวี และการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ เน้ือหาหลักในส่วนนี้ ประกอบดว้ ย 1. แนะน�ำให้รู้จักกับถุงยางอนามัย ว่ามีกี่ประเภท กี่แบบ ลักษณะ บรรจุเป็นอย่างไร และวิธีการสังเกตคุณภาพของถุงยางอนามัย วิธกี ารจัดเก็บ 86 นวิ ตั ร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ
2. ประโยชนข์ องถงุ ยางอนามยั ในการปอ้ งกนั และทดสอบประสทิ ธภิ าพ ดา้ นความยดื หยนุ่ และความเหนยี วของผวิ ถงุ ยางฯ เพอ่ื ยนื ยนั เรอื่ ง คุณสมบัติและคุณภาพของถุงยางอนามัยในการป้องกันโรคและ การต้ังครรภ์ 3. สาธติ วิธแี ละขน้ั ตอนทีถ่ ูกต้องในการสวมใส่ ถอด และท้งิ 4. ฝึกฝนทดลองใช้ถุงยางอนามัย เพื่อสร้างความรู้สึกคุ้นเคยใน การสมั ผัสจับตอ้ งและใช้ถงุ ยางอนามยั 5. แนะน�ำสารหล่อลื่น และประเภทของสารหล่อลื่นท่ีเหมาะสมกับ ถุงยางอนามัย พร้อมการทดสอบ เพื่อให้เป็นทางเลือกของผู้ที่ ร่วมเพศทางทวารหนัก และผู้ที่ไม่ค่อยมีน้�ำหล่อล่ืนในช่องคลอด ขณะมเี พศสมั พนั ธ์ 6. แจกจา่ ยถงุ ยางอนามยั ใหก้ บั ผเู้ ขา้ รว่ มการเรยี นรเู้ พอื่ นำ� กลบั ไปใช้ ทั้งน้ี อาจมีการจัดกิจกรรมเล่นเกมส์หรือจัดกิจกรรมสนุกๆ เกี่ยวกับ ถงุ ยางอนามยั เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความคนุ้ เคยในการสมั ผสั จบั ตอ้ งถงุ ยางอนามยั ดว้ ย อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างส�ำคัญของหลักสูตรดังกล่าวน้ี อยู่ท่ี กระบวนการจดั วางชดุ กจิ กรรมตา่ งๆ ในการจดั การเรยี นรู้ ฝกึ อบรมเสรมิ ทกั ษะ ของแตล่ ะหนว่ ยงาน ตามความสอดคลอ้ งกบั กลมุ่ เปา้ หมาย ซงึ่ สะทอ้ นใหเ้ หน็ การจดั วางเร่ืองเพศสัมพนั ธก์ ับถงุ ยางอนามัยในลักษณะต่างๆ ดงั น้ี 1. การจดั ชดุ กจิ กรรมแบบแยกสว่ นไมเ่ ชอ่ื มโยงสมั พนั ธก์ นั แมจ้ ะเรยี ง ล�ำดับทีละกิจกรรม และมีข้อสรุปของแต่ละกิจกรรม แต่ไม่ได ้ เชอ่ื มโยงความสมั พนั ธใ์ นแตล่ ะกจิ กรรมเขา้ หากนั เพอ่ื ใหเ้ หน็ แนวคดิ หลกั ทง้ั น้ี อาจเปน็ เพราะเงอื่ นไขอน่ื ๆ ทก่ี ำ� กบั การจดั กระบวนการ ด�ำเนินกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาที่ไม่เอ้ือให้จัดกิจกรรม ที่เป็นกระบวนการท่ีมีเน้ือหาหลากหลาย และเช่ือมโยงให้เห็น ภาพรวม ถุงยางอนามยั กบั การดำ� เนนิ ชวี ิตทางเพศในสงั คมไทย 87
2. การส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย มักมีลักษณะมุ่งเน้นการให ้ ความรู้ ฝึกฝนทักษะการใช้ให้กับตัวบุคคล พร้อมกับแจกจ่าย ถงุ ยางอนามัย 3. มีการจัดกิจกรรมพูดคุยเรื่องถุงยางอนามัยในมิติอ่ืนๆ ที่สัมพันธ์ กับเร่ืองเพศวิถี ไดแ้ ก่ (1) เพศวิถขี องแต่ละบุคคล เพศสัมพันธ์กับคู่ เพอื่ ทำ� ความเขา้ ใจกบั การใช/้ ไมใ่ ชถ้ งุ ยางอนามยั (2) ฝกึ ฝนทกั ษะ การตอ่ รองเรอื่ งการสอ่ื สารระหวา่ งคู่ และการใชถ้ งุ ยางอนามยั และ (3) พยายามเปดิ มมุ มองเรอ่ื งถงุ ยางอนามยั ในฐานะทเ่ี ปน็ เครอ่ื งมอื สรา้ งความสุขเร่ืองเพศ การจัดวางเรื่องเพศสัมพันธ์กับถุงยางอนามัยข้างต้น สะท้อน ออกมาเปน็ รูปแบบกจิ กรรม 4 ลักษณะ ดงั นี้ แบบที่หน่ึง เป็นกระบวนการท่ีจัดวางชุดกิจกรรมเร่ืองถุงยางอนามัย แยกไว้ต่างหาก ซึ่งไม่ค่อยสัมพันธ์กับกิจกรรมเร่ืองเพศสัมพันธ์ทั้งในช่วง ก่อนหน้าหรือตอ่ จากนน้ั โดยพฒั นาหลกั สูตร/เคร่ืองมอื เพอื่ ใชใ้ นการด�ำเนิน กจิ กรรมทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั เรอ่ื งเพศสมั พนั ธแ์ ละการปอ้ งกนั ทมี่ กี ารบรรจชุ ดุ กจิ กรรม เรอื่ งถงุ ยางอนามยั รวมเขา้ ไวด้ ว้ ย ทำ� ใหก้ จิ กรรมเรอื่ งการสง่ เสรมิ การใชถ้ งุ ยาง อนามยั เป็นกจิ กรรมแยกส่วน ไม่เช่ือมโยงกบั กิจกรรมอนื่ ๆ และเน้นให้ความรู้ ฝึกฝนทักษะการใช้ให้กบั ตัวบคุ คล พรอ้ มกับแจกจ่ายถุงยางอนามัย แบบที่สอง มีการวางกระบวนการพูดคุยเร่ืองเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย เพ่ิมเติมในกิจกรรม โดยก�ำหนดให้ถุงยางอนามัยเป็นทางเลือกหน่ึงในการ ตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย และมักเน้นให้ความส�ำคัญกับการส่งเสริม การใช้ถุงยางอนามัยตามแนวทางข้างต้น คือการให้ความรู้และฝึกฝนทักษะ การใช้ ซง่ึ มงุ่ เนน้ ไปทีต่ วั ปจั เจกบุคคลหรือเนน้ ไปที่ตัวผใู้ ชถ้ ุงยางฯ เป็นหลกั แบบท่ีสาม พยายามวางกระบวนการพูดคุยเร่ืองถุงยางอนามัยในมิต ิ ที่กว้างออกไปกว่าการให้ความรู้และฝึกฝนทักษะการใช้ถุงยางอนามัย เพ่ือ 88 นวิ ตั ร สุวรรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกจิ
ให้ครอบคลุมมิติเร่ืองเพศวิถี และการจัดการเร่ืองเพศสัมพันธ์ระหว่างคู่ด้วย โดยมชี ุดกจิ กรรมอืน่ ๆ เพิ่มเติมดังน้ี (1) จัดชุดกิจกรรมให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยน ท�ำความเข้าใจชีวิต ทางเพศรูปแบบต่างๆ (เช่น การละเว้นการมีเพศสัมพันธ์ การม ี คูค่ นเดยี ว การมีคู่หลายคน) และความสขุ ในการมเี พศสมั พันธ์ (2) จัดชุดกิจกรรมเร่อื งการพูดคุยส่อื สารเรื่องเพศระหวา่ งคู่ อาทิ เพศ สัมพันธ์ท่ีดีและปลอดภัย ท่าทางการมีเพศสัมพันธ์ที่ชอบ และ การพดู คยุ เรอื่ งเพศในครอบครวั เพอ่ื สรา้ งความคนุ้ เคยในการสอื่ สาร พดู คยุ เรอ่ื งเพศ (3) จัดชุดกิจกรรมให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยน วิเคราะห์สาเหตุการ ใช้/ไม่ใช้ถุงยางอนามัย และหาทางออกร่วมกันในการส่งเสริม การใชถ้ งุ ยางอนามัย (4) จัดชุดกิจกรรมฝึกฝนทักษะท่ีเกี่ยวข้องกับการพูดคุยต่อรองเพ่ือให้ เกดิ การใช้ถงุ ยางอนามัย โดยเนน้ ทกั ษะของการพูดคุยต่อรองกบั ค่ใู ห้ยนิ ยอมใชถ้ ุงยางอนามยั แบบทสี่ ี่ พยายามเปดิ มมุ มองเรอื่ งถงุ ยางอนามยั เพมิ่ เตมิ ในมติ เิ ครอื่ งมอื สรา้ งอรรถรสในการมเี พศสมั พนั ธ์ โดยการจดั กจิ กรรมเพมิ่ เตมิ จากชดุ กจิ กรรม การใหค้ วามรแู้ ละฝกึ ฝนทกั ษะการใช้ ดงั นี้ (1) แนะนำ� วธิ ีการสวมใสถ่ ุงยางฯ ดว้ ยปาก เพื่อเพม่ิ อรรถรสในการมี เพศสัมพันธ์ พร้อมกับแนะน�ำถุงยางฯ ที่มีกลิ่นและรสชาติต่างๆ เปน็ ทางเลอื กของการสวมใสถ่ งุ ยางฯ ดว้ ยปาก หรอื มเี พศสมั พนั ธ์ ทางปาก (2) มกี ารนำ� ถงุ ยางอนามยั แบบตา่ งๆ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ทงั้ ขนาด ลกั ษณะ ผิวภายนอก กลิ่น และรสชาติ เพ่ือแนะน�ำว่า หากต้องการเพิ่ม รสชาติในการมีเพศสัมพันธ์ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยก็เป็นเรื่อง ทีส่ ามารถทำ� ได้ ถุงยางอนามัยกับการด�ำเนนิ ชวี ติ ทางเพศในสังคมไทย 89
การจดั กจิ กรรมทบทวนหลกั สตู ร/เครอื่ งมอื ครง้ั นม้ี ขี อ้ สงั เกตเพมิ่ เตมิ วา่ การออกแบบกระบวนการเรยี นรใู้ นรปู แบบที่ 3 กบั รปู แบบท่ี 4 เรม่ิ เปลยี่ นแปลง ไปจากเดิมบ้าง โดยส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยให้สัมพันธ์กับเพศวิถีท่ีมีอยู่ มากกวา่ 1 ลกั ษณะ รวมทงั้ พยายามมองถงุ ยางอนามยั ใหส้ มั พนั ธก์ บั ความสขุ ความพึงพอใจเร่ืองเพศ เพียงแต่รูปแบบกิจกรรมที่ออกแบบมาให้มองถุงยาง อนามยั วา่ เปน็ เครอื่ งมอื ชว่ ยสรา้ งความสุขทางเพศยงั มไี มม่ ากนกั เชน่ วธิ ีการ สวมถุงยางอนามัยด้วยปาก ขณะท่ีผู้เข้าร่วมกิจกรรมบางส่วนยังรู้สึกอึดอัด กับรปู แบบการมเี พศสัมพนั ธ์ทางปาก โดยมองวา่ เปน็ วธิ ีการมเี พศสมั พนั ธท์ ่ี ผดิ ปกติ รวมทง้ั ยงั รสู้ กึ อดึ อดั ขดั เขนิ เมอ่ื ตอ้ งพดู คยุ เรอ่ื งความสขุ ความพงึ พอใจ ทางเพศ ไมว่ า่ จะเปน็ เรอ่ื งการช่วยเหลือตวั เอง (masturbation) ไปจนถงึ ทา่ การมีเพศสัมพันธ์ อันเป็นสิ่งท่ีเคยถูกบอกว่าเป็นเร่ืองน่าอายที่ไม่ควรพูด ไมค่ วรส่ือสาร นอกจากนี้ การพยายามเปิดภาพการเรียนรู้เรื่องถุงยางอนามัยในมิติ อน่ื ๆ ทไี่ มใ่ ชเ่ ครื่องมือ/อปุ กรณท์ างการแพทย์เพื่อความปลอดภัยจากโรคและ ทอ้ งไมพ่ รอ้ มนน้ั แมจ้ ะพยายามสรรหาถงุ ยางฯ แปลกๆ แบบตา่ งๆ ทม่ี อี ยอู่ ยา่ ง หลากหลายมาใชใ้ นกระบวนการเรยี นรู้ ซง่ึ ทำ� ใหเ้ กดิ ความสนใจ กระตอื รอื รน้ หยิบจับ และเปิดมุมมองใหม่เร่ืองถุงยางอนามัยในแง่มุมท่ีเป็นเครื่องมือหรือ อุปกรณ์สร้างความสุขทางเพศ แต่อุปสรรคอยู่ตรงท่ีถุงยางฯ ประเภทนี้ มีราคาแพง ไมส่ ามารถหาซอื้ ได้จริงในชีวิตประจำ� วนั ยงั คงใชถ้ งุ ยางอนามัย ทไ่ี ดจ้ ากการแจกจา่ ย ซงึ่ อยใู่ นรปู แบบเดมิ ๆ ทงั้ น้ี อาจตอ้ งเพม่ิ ความสำ� คญั กบั การใช้ถุงยางอนามัยเพ่ือสร้างจินตนาการหรือความสุขในการมีเพศสัมพันธ์ ให้มากขึ้น รวมท้ังรูปแบบและลักษณะของถุงยางฯ ประเภทที่สามารถเข้าถึง และซ้ือหาไดใ้ นราคาไม่แพงนกั 90 นวิ ตั ร สวุ รรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกจิ
ส�ำหรับประเด็นถุงยางอนามัยกับเพศสัมพันธ์นั้น มักมีการกล่าวว่า ถุงยางอนามัยท�ำให้รสสัมผัสหรืออรรถรสในการมีเพศสัมพันธ์ลดลง ท�ำให้ การส่ือสารต่อรองให้ใช้ถุงยางอนามัยไม่ค่อยส�ำเร็จ เพราะคู่ผู้ชายมักปฏิเสธ การใช้ถุงยางอนามัย แสดงให้เห็นภาพความเกี่ยวข้องระหว่างการใช้ถุงยาง อนามัยกับความสุขความพึงพอใจทางเพศ ที่เชื่อว่าถุงยางอนามัยลดทอน อรรถรสทางเพศ ประเด็นนี้จ�ำเป็นต้องพัฒนาการสื่อสาร พูดคุย และฝึกฝน ทกั ษะในการสรา้ งความสขุ ความพงึ พอใจทางเพศระหวา่ งคูเ่ ข้ามาเสรมิ สดุ ทา้ ยแลว้ จงึ อาจตอ้ งมชี ดุ กจิ กรรมเพมิ่ เตมิ ทพี่ ดู ถงึ ของเลน่ หรอื เครอ่ื ง มอื สรา้ งความสุขทางเพศ (sex toy and pleasurable) โดยจดั ความสมดลุ ระหวา่ งเรอ่ื งความสขุ /ความพงึ พอใจ ความปลอดภยั และการไมใ่ ชค้ วามรนุ แรง โดยสรุป ผู้เขียนเห็นว่าหลักฐาน เคร่ืองมือ และกระบวนการที่ใช้ ในการจดั การเรยี นรเู้ รอ่ื งเพศและถงุ ยางอนามยั น้ี เรม่ิ ชใี้ หเ้ หน็ มติ คิ วามสมั พนั ธ์ ระหว่างเพศวิถีที่หลากหลาย และต�ำแหน่งของถุงยางอนามัยในแต่ละเพศวิถี และเริ่มมีการพูดคุยเร่ืองความสุขความพึงพอใจทางเพศหรือเรื่องเพศใน มุมบวกที่ไม่ใช่เป็นเร่ืองอันตราย ความเสี่ยง และโรคภัยไข้เจ็บ แม้จะยังม ี ความรู้สึกอึดอัดขัดเขินอยู่บ้างก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีความพยายามสร้าง ความหมายใหม่ของถุงยางอนามัยในแง่ของการเป็นเคร่ืองมือหรืออุปกรณ์ สร้างความสุขทางเพศ ทั้งหมดนี้จ�ำเป็นต้องพัฒนา ขยายผลการเรียนรู ้ เพ่ิมมากขึ้นในการส่ือสารเร่ืองเพศและส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยให้เป็น ส่วนหนึ่งในการด�ำเนินชีวติ ทางเพศในสังคมไทย ถงุ ยางอนามัยกบั การด�ำเนินชวี ติ ทางเพศในสงั คมไทย 91
4เพศวิถ ี กบั ถงุ ยางอนามยั หลังจากประเทศไทยเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาด ของเอชไอวี ท�าให้มีการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ถุงยาง อนามัยมากขึ้นอย่างต่อเน่ืองและกว้างขวางในสังคมไทย ในชว่ ง 10 ปที ผี่ า่ นมาน ้ี กม็ กี ารรณรงคแ์ จกถงุ ยางอนามยั ชาย ฟรีในหลายพื้นท่ีครอบคลุมท่ัวประเทศ ดังรายงานตัวเลข การแจกจ่ายถุงยางอนามัยโดยส�านักงานบริหารโครงการ กองทนุ โลก กรมควบคมุ โรค ภายใตโ้ ครงการฯ ทดี่ า� เนนิ งาน กับกลุ่มเยาวชนและผู้ที่มีเช้ือเอชไอวี ระบุว่า ต้ังแต่เริ่มต้น โครงการกวา่ 7 ปีท่ผี า่ นมา จนถึงตน้ เดอื นพฤษภาคม 2553 มียอดตัวเลขการแจกจ่ายถุงยางอนามัยไปจ�านวนทั้งสิ้น รวมแล้วเกอื บ 7 ล้านชิน้ 5 5 สรุปจากเอกสาร Condom Year RCC Yr.7 Q25 − Q28 จาก PR − DDC ของ หนว่ ยงานรบั ทนุ หลกั − กรมควบคมุ โลก (PR − DDC) ซง่ึ เปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบดแู ล โครงการป้องกนั และรกั ษาเอดส ์ รอบที่ 1 ที่ได้รับการสนบั สนนุ จากกองทุน โลก ถงุ ยางอนามัยกับการดา� เนินชีวิตทางเพศในสงั คมไทย 93
ในระหว่างการรณรงค์ส่งเสริมเร่ืองถุงยางอนามัยของงานวิจัยช้ินนี้ มีการสรุปบทเรียนของการรณรงค์เรื่องเอดส์ช่วงเทศกาลลอยกระทงท่ีจังหวัด เชียงใหม่ระหว่างวนั ที่ 20 − 22 พฤศจกิ ายน 2553 เจ้าหนา้ ที่องคก์ รพฒั นา เอกชนแห่งหนง่ึ ในเชียงใหม่ใหข้ อ้ มลู วา่ เฉพาะสว่ นทตี่ นเองประสานและดูแล น้ันได้มีการแจกจ่ายถุงยางอนามัยไปกว่า 100,000 ชน้ิ แต่ไมส่ ามารถยนื ยนั ได้ว่า มกี ารนำ� เอาถงุ ยางอนามยั ทแี่ จกจ่ายออกไปนน้ั ไปใชม้ ากนอ้ ยเพียงใด นอกจากน้ีก็มีข้อสงสัยเร่ืองการใช้และไม่ใช้ถุงยางอนามัยว่ามีเหตุผล ปจั จยั ใดบา้ ง และขอ้ อ้างหรือเหตผุ ลน้ันๆ สะท้อนให้เห็นวิธคี ดิ มุมมอง และ เพศสมั พนั ธท์ เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ถงุ ยางอนามยั ไวอ้ ยา่ งไรบา้ ง รวมทงั้ มอี ปุ สรรคอะไร ท่ีขัดขวางการใช้ถุงยางอนามยั เมือ่ ผเู้ ขยี นลองสบื คน้ ขอ้ มูลทางอินเตอรเ์ นต็ ผา่ นเว็บไซต์ Google ดว้ ย คำ� วา่ “เหตผุ ลทไ่ี มใ่ ชถ้ งุ ยางอนามยั ” พบรายการทเี่ กยี่ วขอ้ ง 348,000 รายการ รวมอย่ใู น 51 หน้า ด้วยเวลาในการสืบคน้ เพยี ง 0.21 วินาที แต่เมอ่ื เข้าไปดู รายละเอียดกลับพบว่า รายการจ�ำนวนมากพอสมควรใช้ข้อมูลชุดเดียวกัน เพียงแต่ต่างเวบ็ ไซต์หรือตา่ งบล็อกเท่านั้นเอง ข้อความในเว็บไซต์และบล็อกเหล่าน้ันระบุถึงเหตุผลของการไม่ใช ้ ถงุ ยางอนามยั ไว้ดังน้ี “แค่ครั้งเดยี วไมเ่ ปน็ ไรหรอก” “ฝ่าไฟแดง ไมท่ อ้ งหรอก!” “หนา้ ตาดสู ะอาดดี ไม่มอี ะไรหรอก” “ย่�ำยีศักดศิ์ รีความเปน็ ชาย” “ไม่ชอบ...เหมอื นมอี ะไรมาขวางทำ� ใหไ้ มม่ ีความรสู้ กึ ” “ไมไ่ วใ้ จเหรอ?!!!” 94 นิวัตร สวุ รรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกจิ
“ไม่กล้าไปซ้อื อายคนขาย” “กค็ บกันมาตัง้ นานแล้วไมต่ อ้ งใช้กไ็ ด?้ ” “ใชแ้ ลว้ ไม่เปน็ ธรรมชาติ” “ใช้ถุงยางฯ แล้วมนั ขาดตอน ไม่ตอ่ เนอ่ื ง” (จาก http://women.mthai.com/rate − xxx/22761.html; http:// www.numwan.com/lovelove/view.asp?GID=38) ในขณะที่ บางเวบ็ ไซตน์ ำ� เอาชดุ ขอ้ มลู ทมี่ กี ารอา้ งองิ หลกั ฐานทางวชิ าการ จากงานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสารทางการแพทย์ของต่างประเทศมาใช้เพ่ิม ความนา่ เชื่อถือด้วย (ดังรายละเอยี ดในลอ้ มกรอบ) “...แตห่ ากจะวา่ กนั ตาม “ผลสำ� รวจ” กม็ อี ยหู่ ลายชน้ิ ทบี่ อกวา่ มคี นอยไู่ มน่ อ้ ย โดยเฉพาะวัยรุ่นหนุ่มสาวท่ีไม่ชอบ “สวมถุงยางอนามัย” เวลามีเพศสัมพันธ์ด้วย เหตผุ ลร้อยแปดพันเกา้ แต่วนั นี้ เรามผี ลสำ� รวจอกี ชิ้นหนงึ่ ซึ่งให้ “เหตุผล” นา่ สนใจ ดีว่า ท่ีวัยรุ่นไม่ค่อยชอบใช้ถุงยางอนามัยนั้นไม่ใช่เพราะประมาท ไม่ใส่ใจ หรือ หาซอื้ ไมส่ ะดวกอยา่ งทเ่ี คยมผี ลสำ� รวจออกมา แตเ่ ปน็ เรอ่ื งของมมุ มอง ความเชอ่ื และ ทศั นคตใิ นสงั คมมากกวา่ โดยมวี ยั รนุ่ วยั เจรญิ พนั ธอ์ุ ายตุ ำ่� กวา่ 25 มองการใชถ้ งุ ยาง อนามัย เปน็ เรือ่ งของการ “ไมเ่ ชอ่ื ใจ” กัน ขณะท่ีมีบางคนยังมองว่า การพกหรือมีถุงยางอนามัยติดตัว แสดงว่า เคยมปี ระสบการณท์ างเพศมาแลว้ ซง่ึ ถา้ หากเปน็ ผชู้ าย นก่ี อ็ าจจะกลายเปน็ การ “เพม่ิ เรตต้ิง” ท�ำให้ผู้ชายดูเป็นผู้มีประสบการณ์ช่�ำชอง แต่ลองเป็นผู้หญิงดูสิ หากเจอ เรื่องแบบนี้กม็ แี ตเ่ สียหาย...เสยี หาย และเสียหายลกู เดียว!!! นีเ่ ปน็ ผลส�ำรวจจากทีมนักวิจัยของโรงเรียนการแพทย์ London School of Hygiene and Tropical Medicine ในองั กฤษ ท่ีทำ� การส�ำรวจศกึ ษาพฤติกรรมทาง เพศของวยั รนุ่ 250 คนแลว้ กพ็ บปจั จยั คลา้ ยๆ กนั นใี้ นวยั รนุ่ หลายประเทศ…รายงาน ผลสำ� รวจ ตีพมิ พ์ในวารสารการแพทยเ์ ดอะ แลนเซ็ต ถงุ ยางอนามัยกับการด�ำเนนิ ชวี ติ ทางเพศในสงั คมไทย 95
ในผลการศกึ ษาดงั กลา่ ว ซง่ึ ไดม้ าจากการเฝา้ เกบ็ ขอ้ มลู ตงั้ แตป่ ี 2533 − 2547 รวมเวลาถงึ 14 ปี พบดว้ ยวา่ วยั รนุ่ ไมว่ า่ ชายหรอื หญงิ จะ “ประเมนิ ” วา่ ตนควรจะใช้ ถุงยางอนามัยหรือไม่ หรือคู่ของตนมีความเส่ียงที่จะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรอื ไม่ โดยดจู ากบคุ ลกิ ทา่ ทางของอกี ฝา่ ยวา่ ดดู ี ดนู า่ ไวใ้ จแคไ่ หน หรอื ไมก่ ป็ ระเมนิ จากความสนิท รู้จักมักคุ้นกัน ซ่ึงจริงๆ แล้ว ล้วนเป็นคุณสมบัติที่ใช้ “วัด” ความ น่าเชือ่ ถอื ในเร่อื งท�ำนองนไ้ี ม่ได้เลย!!! คราวนี้ หากจะหนั มาดเู รอ่ื ง “ความเทา่ เทยี ม” ระหว่างชาย − หญิงในเรื่อง เพศสัมพันธ์ ยังพบว่า ส่วนใหญ่ผู้ชายจะมี “อิสระ” ทางเพศกว่าผู้หญิงแยะมาก นอกจากนน้ั ในหลายประเทศทงั้ องั กฤษ ออสเตรเลยี เมก็ ซโิ ก และแอฟรกิ าใต้ สงั คม ยังมีทัศนคตินิยมช่ืนชมผู้ชายท่ี “เก่งกล้า” เรื่องบนเตียง แต่ผู้หญิงควรจะเป็นฝ่าย ใหผ้ ู้ชาย “เขา้ หา” มาจีบ และหากผหู้ ญงิ พลาดพล้ังเผลอทำ� เรือ่ ง “ไมง่ าม” ขึน้ มา ก็จะถูกสังคมตราหน้าลงโทษ ตั้งแต่ระดับเบาะๆ อย่างถูกนินทา วิพากษ์ วิจารณ์ ไปกระทั่งถงึ ขน้ั รนุ แรงอยา่ งถูกครอบครวั “ฆา่ ตาย” เพ่อื ลา้ งอาย อยา่ งเชน่ ในกรณี ที่มีบางประเทศซ่ึงผู้หญิงท่ีแอบลักลอบเสียตัวให้กับผู้ชาย ก็จะถูกครอบครัวลงมือ ฆา่ เพอ่ื ลา้ งอาย รกั ษาศกั ดิศ์ รีของครอบครัว “เราคดิ วา่ ผลการศกึ ษาไดช้ ว่ ยอธบิ ายใหร้ วู้ า่ ทำ� ไมโครงการรณรงคต์ อ่ ตา้ น โรคเอดสห์ ลายโครงการถงึ ใชไ้ มไ่ ดผ้ ล โครงการทใี่ หแ้ คข่ อ้ มลู และแจกถงุ ยางอนามยั โดยไม่ได้มีการพูดถึงปัจจัยปัญหาส�ำคัญทางสังคมก็ท�ำได้แค่กะเทาะบางส่วนของ ปัญหาเทา่ น้นั ”… ทม่ี า: http://board.zuzaaclub.com/index.php?topic=5047.0;prev_next=prev; http:// www.thaifwd.com/thread − 1768 − 1 − 1.html การสื่อสารถึงเหตุผลของการไม่ใช้ถุงยางอนามัยข้างต้นท่ีกล่าวถึง ในเว็บไซต์ทั่วไปท่ีเปิดกว้างส�ำหรับคนทุกกลุ่ม แสดงให้เห็นว่าการไม่ใช้ ถุงยางอนามัยน้นั เป็นเรือ่ งของ • มุมมอง ทัศนคติ ความเช่ือ ท้ังที่เกี่ยวกับถุงยางอนามัยและ เพศสมั พันธ์ 96 นวิ ัตร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ
• การประเมนิ ความเสยี่ งเรอื่ งความนา่ เชอ่ื ถอื ความไวว้ างใจ บนฐาน รปู รา่ งหนา้ ตา บคุ ลกิ ทา่ ทาง และระยะเวลาทค่ี บหาสานสมั พนั ธก์ นั • ความเสมอภาคเท่าเทียมทางเพศ และค่านิยมเรื่องเพศในแต่ละ สงั คม ผ้เู ขยี นเห็นวา่ ทงั้ 3 ส่วนเปน็ ประเด็นทม่ี กี ารกล่าวถึงและเปน็ ที่รับร้กู ัน อยู่บ้างแล้ว โดยทัศนะของคนท�ำงานองค์กรพัฒนาเอกชนและเครือข่ายภาค ประชาสังคมด้านเอชไอวี/เอดส์นั้น เห็นว่าในบริบทการท�ำงานด้านเอชไอวี ถุงยางอนามัยมีความหมายเป็นเคร่ืองมือ/อุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อ การป้องกันที่ส�ำคัญและจ�ำเป็น จึงท�ำให้คนท�ำงาน นักกิจกรรมท่ีรณรงค์ เคลื่อนไหวทางสังคม และองค์กรพัฒนาเอกชน รณรงค์เพ่ือให้คนสามารถ เข้าถึงและได้ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการรับ − ถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี และ จากการแลกเปล่ียนประสบการณ์กับนักรณรงค์ทางสังคมและองค์กรพัฒนา เอกชนอน่ื ๆ ตา่ งเหน็ พอ้ งวา่ ผทู้ อ่ี ยรู่ ว่ มกบั เอชไอวแี ละผทู้ อี่ ยใู่ นภาวะเปราะบาง ที่มีความเส่ยี งต่อการได้รบั − ถา่ ยทอดเช้ือเอชไอวมี ีสิทธิท่ีจะเขา้ ถึงบรกิ ารและ อุปกรณ์ตา่ งๆ ทไี่ ด้รบั การพสิ ูจนท์ ราบถงึ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลแลว้ ว่า สามารถใช้ในการดูแลและป้องกันตนเองได้ อาทิ การรณรงค์ส่งเสริมและ การใชถ้ ุงยางอนามัย งานป้องกันการรับ − ถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีกล่าวถึงความส�ำคัญของ การส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยว่ามีความส�ำคัญและจ�ำเป็นอย่างยิ่ง เมื่อ พิจารณาจากตัวเลขการติดเชื้อรายใหม่ในประเทศไทยท่ีแม้แนวโน้มจะลดลง จาก 14,000 คน/วนั ในปี 2549 แตย่ งั คงสูงถงึ 7,000 กว่าคน/วันในปี 2552 ซงึ่ สว่ นใหญเ่ ปน็ การรบั − ถา่ ยทอดเชอ้ื ผา่ นชอ่ งทางการมเี พศสมั พนั ธ์ (UNAIDS, 2009) องคก์ รและหนว่ ยงานสำ� คญั ทว่ั โลก อาทิ UNAIDS, WHO, UNFPA, ICASO ฯลฯ ได้ช้ีชวนให้เห็นว่า ถุงยางฯ เป็นผลิตภัณฑ์เดียวท่ีสามารถใช้ป้องกัน การรับ − ถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อ่ืนๆ ได้อย่าง ถงุ ยางอนามยั กับการดำ� เนนิ ชีวิตทางเพศในสงั คมไทย 97
มปี ระสทิ ธภิ าพ หากสง่ เสรมิ การใชถ้ งุ ยางอนามยั อยา่ งถกู ตอ้ งและสมำ�่ เสมอก็ จะสามารถลดความเสย่ี งของการรบั − ถา่ ยทอดเชอื้ ทางเพศสมั พนั ธล์ งไปไดถ้ งึ 80 − 90% อกี ทงั้ ยงั จ�ำเป็นสำ� หรับผ้มู เี ชื้อเอชไอวีในการป้องกันการรบั เชอ้ื เพิ่ม รวมทั้งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อ่ืนๆ และยังช่วยป้องกันการถ่ายทอดเชื้อ ไปยังค่เู พศสัมพันธ์อกี ดว้ ย อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยไม่ได้ด�ำเนิน ไปอย่างราบร่ืนนัก ด้วยอุปสรรคกีดขวางมากมาย ท้ังการขาดแคลนถุงยาง อนามยั การเขา้ ไมถ่ งึ และการไมส่ ามารถใชถ้ งุ ยางอนามยั ฯลฯ แมจ้ ะพยายาม ด�ำเนนิ การจัดการกับอุปสรรคตา่ งๆ เหล่านนั้ แลว้ กต็ าม แต่มักไมค่ อ่ ยประสบ ความสำ� เรจ็ ทำ� ใหย้ งั คงมจี ำ� นวนของผทู้ ไ่ี ดร้ บั − ถา่ ยทอดเชอ้ื เพมิ่ ขน้ึ นบั ลา้ นๆ คนในแตล่ ะปี แมจ้ ะรู้ว่าเอชไอว/ี เอดสส์ ามารถด�ำเนินการปอ้ งกนั ไดก้ ็ตาม ปัญหาการขาดแคลนถุงยางอนามัยเป็นประเด็นหนึ่งท่ีมีการวิพากษ์ วิจารณ์กันมาก ค�ำถามที่ว่าทั่วโลกต้องการถุงยางอนามัยจ�ำนวนเท่าไร ในการปอ้ งกันการรบั − ถ่ายทอดเช้ือฯ ในแต่ละปี อาจมีความส�ำคัญพอๆ กบั การต้ังคำ� ถามวา่ ท�ำไมเราจงึ ขาดแคลนถุงยางอนามัย มีรายงานหลายชิ้นในช่วงก่อนหน้าปี 2547 ระบุว่าผู้ท่ีอยู่ในภาวะ ความเส่ียงต่อการรับ − ถ่ายทอดเช้ือเอชไอวีน้อยกว่าคร่ึงหนึ่งเข้าถึงถุงยาง อนามัย และน้อยกว่า 1 ใน 4 เขา้ ถงึ การศกึ ษาพืน้ ฐานเรอื่ งเอชไอวี (Human Right Watch, 2004a) ในขณะที่กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (The United Nations Population Fund/UNFPA) คาดประมาณว่าประเทศก�ำลัง พฒั นามคี วามตอ้ งการถงุ ยางอนามยั กวา่ 10,000 ลา้ นชนิ้ ตอ่ ปี และในปี 2558 อาจพงุ่ สงู ถึง 18,000 ลา้ นช้ินตอ่ ปี (Chaya, Amen & Fox, 2002) ปัญหาการขาดแคลนถุงยางอนามัยไม่ได้มีเงื่อนไขเพียงแค่รัฐบาลไม่มี งบประมาณในการจดั หาถงุ ยางอนามยั เทา่ นน้ั แตย่ งั เกยี่ วขอ้ งกบั นโยบายของ รฐั บาลทค่ี วบคมุ หรอื จำ� กดั กระบวนการผลติ การจดั ซอื้ จดั หา การกระจาย และ ขอ้ มลู ขา่ วสารเก่ยี วกบั ถงุ ยางอนามยั ด้วย 98 นวิ ตั ร สุวรรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ
ปัญหาดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากจากนักกิจกรรมทางสังคม และองคก์ รพฒั นาเอกชน วา่ ละเมดิ หรอื ขดั ตอ่ หลกั สทิ ธมิ นษุ ยชนขนั้ พนื้ ฐานใน เรอ่ื งสทิ ธดิ า้ นสุขภาพที่ระบวุ า่ “ถุงยางฯ ได้รบั การพสิ จู น์แลว้ ว่าเปน็ เคร่ืองมือ ท่ีมีประสิทธิภาพในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์และโรคติดต่อทางเพศ สมั พนั ธช์ นดิ อน่ื ๆ ภายใตก้ ฎหมายสทิ ธมิ นษุ ยชนระหวา่ งประเทศ รฐั บาลมหี นา้ ที่ส่งเสริมสุขภาพและสร้างหลักประกันในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและบริการ ตา่ งๆ เพอ่ื ปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาดของเชอ้ื เอชไอวแี ละโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ โดยไม่เลือกปฏิบัติ รัฐบาลต้องไม่กระท�ำการใดๆ อันเป็นอุปสรรคขัดขวาง ความสามารถในการปอ้ งกนั และดแู ลสขุ ภาพตนเองของผู้หน่ึงผู้ใด”6 ICASO หรือ International Council of AIDS Service Organization องค์กรนานาชาติด้านเอดส์ระดับโลกได้เผยแพร่เอกสาร 2 ชิ้นในช่ือเดียวกัน กล่าวถึงอุปสรรคที่ขัดขวางการเข้าถึงและใช้ถุงยางอนามัยอย่างต่อเน่ือง เลม่ แรกเผยแพร่ในปี 2550 (Drezin, Torres & Daly, 2007) วา่ ด้วยงานวจิ ัย ท่ีรวบรวมข้อมูลจาก 14 ประเทศท่ัวโลก เพื่อน�ำมาก�ำหนดประเด็นรณรงค์ ส่งเสรมิ ให้มกี ารเขา้ ถงึ และใช้ถุงยางอนามยั และเล่มที่สองในปี 2552 (Kort, 2009) สรุปผลและบทเรียนจากการด�ำเนินงานส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย ใน 3 ประเทศ เน่อื งจาก ICASO เปน็ องคก์ รทีท่ �ำงานดา้ นเอชไอวี/เอดส์ การกล่าวถึง ถุงยางอนามัยจึงอยู่ภายใต้บริบทการท�ำงานที่มุ่งส่งเสริมการป้องกันแก้ไข ปญั หาเอดส์ อกี ทง้ั เปน็ ถงุ ยางอนามยั ชาย (male condom) เปน็ หลกั เนอื่ งจาก ถงุ อนามยั สตรี (female condom) ไดร้ บั การสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารใชแ้ พรห่ ลายนอ้ ย 6 จาก International Covenant on Economic, Social and Cultural Rights (ICESCR), adopted December 16, 1966, G.A. Res. 2200A (XXI) 21 UN GAOR (no.16), UN Doc A/6316 (1966), 99 UNTS 3, art.11, entered into force January 3, 1976, signed by the US on October 5, 1977; UN Committee on Economic, Social and Cultural Rights, General Comment 14: The Right to the Highest Attainable Standard of Health, paras. 12, 18, 19, 30, 50, 54 ถุงยางอนามยั กบั การดำ� เนินชวี ติ ทางเพศในสังคมไทย 99
ในเอกสารช้ินแรก ICASO สนับสนุนให้องค์กรวิจัยชุมชนที่ช่ือว่า “Frontline” ดำ� เนนิ การวจิ ยั รวบรวมขอ้ มลู ใน 14 ประเทศ ชว่ งปี พ.ศ. 2548 − 2549 และวิเคราะห์แยกแยะปัจจัยที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการเข้าถึงถุงยางอนามัย ออกมา ผลการวจิ ยั บง่ ชใี้ หเ้ หน็ ความสำ� คญั อยา่ งชดั เจนวา่ รฐั บาลและองคก์ ร ผใู้ หท้ นุ สนบั สนนุ การดำ� เนนิ งานทว่ั โลกจำ� เปน็ ตอ้ งมงุ่ มน่ั สนบั สนนุ ทรพั ยากร และผลักดันใหม้ กี ารด�ำเนินการปฏิรปู กฎหมาย นโยบาย และการดำ� เนินงาน โครงการต่างๆ เพ่ือสร้างหลักประกันในการเข้าถึงและมีถุงยางอนามัยใช้ อีกทั้งยังต้องการความร่วมมือจากภาคชุมชนในการรณรงค์ผลักดันเพ่ิมมาก ขึน้ ดว้ ย (Drezin, Torres & Daly, 2007) Frontline ไดร้ วบรวมขอ้ มลู จากผลการดำ� เนนิ งานของ 14 ประเทศตาม ทไี่ ดล้ งนามรบั รองไวใ้ นปฏญิ ญาสากลวา่ ดว้ ยเรอ่ื งเอชไอว/ี เอดสร์ ว่ มกบั องคก์ าร สหประชาชาตใิ นปี 2544 (UNGASS, 2001) งานวิจยั ช้นิ นว้ี เิ คราะห์จากมมุ มอง ของชุมชน ไม่ได้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยหรือวิธีวิทยาทางการวิจัยในลักษณะทาง วิชาการเป็นหลัก แต่น�ำเอางานวิจัยอื่นๆ มาทบทวนพร้อมไปกับการปรึกษา หารือกบั ภาคส่วนงานรณรงค์ชมุ ชน ICASO ระบุว่า อุปสรรคที่ขัดขวางการเข้าถึงและการใช้ถุงยางอนามัย มีอยูด่ ว้ ยกนั 4 กลุ่มคอื 1. อุปสรรคขัดขวางด้านสังคม − วัฒนธรรม ท่ีเป็นบรรทัดฐานทาง วฒั นธรรม ศาสนา และความเช่อื ส่วนบคุ คล 2. อปุ สรรคขดั ขวางดา้ นกฎหมายและนโยบาย ทเ่ี ปน็ ตวั บทกฎหมาย และนโยบายตา่ งๆ ของประเทศ 3. อุปสรรคขัดขวางด้านเศรษฐกิจและการเงิน ที่เป็นการลงทุนและ คา่ ใช้จ่าย 4. อปุ สรรคขดั ขวางดา้ นโครงสรา้ ง ทเ่ี ปน็ สว่ นโครงสรา้ งพนื้ ฐานและ ทรพั ยากรมนษุ ย์ 100 นิวัตร สุวรรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ
ในบทน้ี ผู้เขียนได้น�ำเสนอเนื้อหาในเร่ืองบรรทัดฐานทางสังคม วฒั นธรรม ศาสนา ความเช่อื และด้านกฎหมายและนโยบาย เพือ่ ท�ำให้เหน็ ภาพความสัมพันธ์ระหว่างการเข้าถึงและการใช้ถุงยางอนามัยกับเรื่องเพศ ในมิติต่างๆ โดยไมข่ อกลา่ วถึงสว่ นท่ีเป็นมิติด้านเศรษฐกิจ การเงิน และดา้ น โครงสร้างพ้ืนฐาน บทนี้แบ่งเนื้อหาเป็น 5 ส่วนพร้อมกับสอดแทรกเร่ืองราว ทไี่ ด้ไปพูดคุยกับ บอย กร เอก วรรณา ฟา้ และเพื่อนๆ ลงไปในเนอ้ื หาแต่ละ สว่ น ดงั หัวขอ้ ย่อยต่อไปนี้ 1. บรรทัดฐานทางสังคม − วัฒนธรรมในเร่ืองเพศกับการใช้ถุงยาง อนามยั 2. ความสมั พันธเ์ ชงิ อำ� นาจในเรือ่ งเพศกับการใช้ถุงยางอนามยั 3. ศาสนาและวฒั นธรรมความเชอื่ ในเรอื่ งเพศกบั การใชถ้ งุ ยางอนามยั 4. ความสขุ ความพึงพอใจและความเช่อื สว่ นบคุ คล 5. กฎหมายและนโยบายเรอ่ื งเพศกบั การใช้ถุงยางอนามยั 4.1 บรรทดั ฐานทางสงั คมวฒั นธรรมในเรอ่ื งเพศกบั การใช้ ถงุ ยางอนามัย กฤตยา และกนกวรรณ (2550) กลา่ วถงึ ฐานวธิ คี ดิ เรอื่ งเพศในงานเอดส์ ศึกษาที่คิดและมองว่า ความสัมพันธ์ทางเพศหมายถึงความสัมพันธ์ทางเพศ ระหว่างชายและหญิงเท่านั้น โดยไม่มองว่าคนในสังคมมีการแสดงออกทาง เพศท่ีนอกเหนือไปจากความสัมพันธ์ชายหญิง ซ่ึงแม้จะมีงานวิจัยด้านเอดส์ ศึกษาท่ีศึกษากลุ่มคนที่มีความสัมพันธ์ทางเพศแตกต่างไปจากความสัมพันธ์ แบบชายหญงิ เช่น กลมุ่ ชายทมี่ เี พศสมั พันธ์กับชาย แต่กฤตยาและกนกวรรณ ก็มองว่า งานศึกษานั้นๆ มุ่งมองกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายในฐาน “กลุ่มเสี่ยง” ไมไ่ ด้สนใจศึกษาเร่อื งวิถที างเพศของคนกลมุ่ นี้ที่อาจมรี ปู แบบไป ส่พู ฤติกรรมเสี่ยงหรือไม่เส่ียงตอ่ การรับ − ถา่ ยทอดเชือ้ เอชไอวี ถงุ ยางอนามัยกับการดำ� เนินชีวิตทางเพศในสังคมไทย 101
มุมมองข้างต้นนี้เป็นการมองความสัมพันธ์ทางเพศของมนุษย์ที่จ�ำกัด และคับแคบอยู่เพียงเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิง เพราะเป็น การมองท่ีมีอคติฝังลึกและการผลิตซ�้ำความคิดว่า ความสัมพันธ์ทางเพศที่ “ถูกตอ้ ง” เป็นความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างหญิงกับชายเท่าน้นั งานช้ินน้ีได้หยิบเอาทฤษฎี “ชนชนั้ ทางเพศ” ซึ่งพัฒนาโดยนกั คิดสตรี นยิ มชอ่ื เกล รบู นิ มาใช้ ทฤษฎนี ก้ี ลา่ ววา่ สงั คมมรี ะบบการใหค้ ณุ คา่ ทางเพศ มีการสร้างกฎระเบียบว่าด้วยเร่ืองการมีเพศสัมพันธ์ข้ึนมา หากรูปแบบของ การมีเพศสมั พันธเ์ ปน็ ไปตามกฎระเบียบท่สี ร้างขน้ึ เพศสมั พันธ์นัน้ กจ็ ะถกู จดั ให้เป็นเพศสัมพันธ์ที่ “ปกติ” ส่วนเพศสัมพันธ์ที่ละเมิดกฎระเบียบที่สร้างไว้ กจ็ ะถกู ประณามวา่ เปน็ เพศสมั พนั ธท์ ่ี “ผดิ ปกต”ิ โดยกฤตยาและกนกวรรณได้ สรุปแนวคิดของรูบิน มาปรับใช้ในรูปแบบของตารางเพื่อให้สะดวกต่อ การเปรยี บเทยี บไดช้ ดั เจน (กฤตยา และกนกวรรณ, 2550) ซงึ่ ผเู้ ขยี นนำ� ตารางนี้ มาปรับเพ่ิมเตมิ ชอ่ งสุดท้ายเข้าไป ดงั น้ี เพศสัมพนั ธ์ท่ี “ปกต”ิ เพศสมั พนั ธ์ท่ี “ผดิ ปกต”ิ ระหว่างชายกบั หญิง ระหวา่ งคนเพศเดยี วกัน ชายหญิงตอ้ งแตง่ งานกนั แล้ว เพศสัมพนั ธก์ ่อนสมรส เป็นแบบผัวเดยี วเมียเดียว เพศสัมพนั ธ์นอกสมรส เป็นไปเพอื่ การสบื สกลุ เพื่อเหตุผลอน่ื ท่ไี มใ่ ช่การสืบสกุล ไมใ่ ช่เพศสมั พันธ์ทท่ี �ำไปเพอ่ื เงิน ซื้อ/ขายบริการทางเพศ คู่นอนยังไม่ไดเ้ ลิกกนั ช่วยตวั เอง/ไม่จรงิ จงั คนู่ อนอายรุ นุ่ ราวคราวเดยี วกนั คนู่ อนอายุต่างกันมาก เพศสมั พันธ์เกิดขึน้ ทบี่ า้ น เพศสัมพันธใ์ นทส่ี าธารณะ ตามพมุ่ ไม้ ในหอ้ งน้�ำ ไม่ใช้สือ่ โปแ๊ ละอปุ กรณ์เสรมิ ใชส้ ่ือโป๊และอุปกรณ์เสรมิ เพือ่ กระตนุ้ อารมณ์ เพ่ือกระตุ้นอารมณ์ ปลอดภยั และปราศจากเช้ือโรค ปนเปอื้ นเชือ้ ไวรสั เอชไอวี ทีม่ า: กฤตยา และกนกวรรณ, 2550. 102 นวิ ัตร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกจิ
ญาณาธร (2551) ได้วิเคราะห์ค�ำถามค�ำตอบปัญหาเรื่องเพศในสังคม ไทย ผ่านการตอบค�ำถามเรือ่ งเพศในอนิ เตอรเ์ นต็ หนังสอื พมิ พ์ และนติ ยสาร โดยรวบรวมจดั ท�ำเป็นฐานขอ้ มูล และวิเคราะหเ์ พือ่ ทำ� ความเข้าใจกบั สถานะ ความรู้เรื่องเพศของสังคมไทย ระบุว่า เป็นการศึกษาปัญหาเรื่องเพศในมิติ อนามยั เจรญิ พนั ธเ์ุ ปน็ หลกั เนอื่ งจากคำ� ถามคำ� ตอบทร่ี วบรวมมาไดส้ ว่ นใหญ่ เปน็ เรือ่ งท�ำนองน้ี และผทู้ ่ีตอบคำ� ถามสว่ นใหญม่ กั เป็นแพทย์ ท�ำใหเ้ ช่ือไดว้ า่ การตอบปญั หาเรอื่ งเพศสว่ นใหญย่ งั คงใหค้ วามสำ� คญั กบั ผตู้ อบทม่ี สี ถานะเปน็ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากกว่าบุคคลทั่วไป จึงไม่ค่อยเห็นการตอบค�ำถาม ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล หรือท่ีเรียกกันว่า “ปญั หาหัวใจ” หรือ “ปญั หาชีวิต” มากนกั ญาณาธรได้สะท้อนให้เห็นอย่างน่าสนใจว่า การตอบปัญหาเร่ืองเพศ แมจ้ ะอยภู่ ายใตส้ ถาบนั การแตง่ งานระหวา่ งผชู้ ายกบั ผหู้ ญงิ เกย่ี วกบั ความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งบุคคล การวางแผนครอบครัว และอนามยั การเจริญพันธ์ุ โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ แตก่ ลบั มคี ำ� ถาม − คำ� ตอบทน่ี อกเหนอื ไปจากเพศวถิ ใี นสถาบนั การแต่งงานอยู่บ้าง เช่น การส�ำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ธุรกิจเร่ืองเพศ ตลอดจนความหลากหลายทางเพศ ฯลฯ (ญาณาธร, 2551) ข้อสังเกตท่ีน่าสนใจอีกเร่ืองหน่ึงคือ นอกจากค�ำถามเรื่องเพศจะเป็น การสะท้อนความรู้ ความเช่ือเรื่องเพศท่ีถูกหล่อหลอมมาในวัฒนธรรม การควบคุมเรื่องเพศแล้ว ยังได้ตั้งค�ำถามกับความเช่ือว่า ความรู้และสิ่งท่ีได้ จากการคน้ ควา้ โดยวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ทคี่ ดิ วา่ “เปน็ กลาง” ท�ำใหไ้ ม่ได้ ตรวจสอบว่าที่จริงแล้ว ความรู้และกระบวนการค้นหาความรู้เช่นน้ีถูกรองรับ โดยกรอบความเชื่อ ความหมายเก่ียวกับชีวิตทางเพศและชีวิตทางสังคม ซงึ่ เปน็ ความร/ู้ ความจรงิ ทผ่ี ลติ จากกรอบทก่ี ำ� กบั การมองเหน็ โลกและการตคี วาม ประเดน็ ของผตู้ อบคำ� ถามในฐานะผเู้ ชย่ี วชาญ จงึ มคี า่ เพยี งการสนบั สนนุ ทา่ ที หรอื วถิ ปี ฏิบัติทางเพศบางรูปแบบเท่าน้ัน (ญาณาธร, 2551) ถงุ ยางอนามัยกับการด�ำเนินชีวิตทางเพศในสงั คมไทย 103
ประเดน็ สำ� คญั ของการวเิ คราะหบ์ ทบาทและหนา้ ทขี่ องการตอบปญั หา เร่ืองเพศในสังคมไทย อยูท่ ี่การสะทอ้ นให้เห็นว่า ส่วนใหญ่เปน็ การให้ความรู้ ทางดา้ นการแพทย์ โดยบางสว่ นทำ� หน้าทสี่ อนหรอื ให้ขอ้ คิด รวมถงึ แนวทาง ในการประพฤติปฏิบัติตนให้ถูกต้องเร่ืองเพศตามกรอบของวัฒนธรรมและ ค่านิยมของไทย ผ่านการก�ำกับควบคุมเรื่องเพศให้อยู่ในกรอบความเช่ือว่า ผู้ชายมีความต้องการทางเพศสูงและต้องระบายออก จึงอนุญาตให้ผู้ชาย มพี ฤตกิ รรมทางเพศหลากหลายในรปู แบบเพศสมั พนั ธน์ อกสมรส แตจ่ ำ� กดั เรอื่ ง เพศของผู้หญิงไว้ในสถาบันการแต่งงานแบบผัวเดียวอย่างเคร่งครัด ท�ำให ้ การศกึ ษาการตอบปญั หาเรอื่ งเพศ กลายเปน็ ภาพสะทอ้ นบทบาทและสถานภาพ ของผู้หญงิ ในสังคมไทยในแต่ละช่วงเวลาไดด้ ว้ ย (ญาณาธร, 2551) ฐานความคิดความเชื่อเรื่องเพศที่มองและยอมรับเฉพาะความสัมพันธ์ ทางเพศระหว่างชายและหญิงว่าเปน็ เร่ืองที่ถูกตอ้ ง เปน็ ปกติ อยภู่ ายใต้ระบบ คิดแบบรักต่างเพศระหว่างชาย − หญิง (heterosexual) ที่สร้างข้ึนจาก การอา้ งองิ ความแตกตา่ งทางเพศสรรี ะ/กายภาพ (sex) ว่ามี 2 เพศสรีระคอื ชายกับหญิง น�ำไปสู่การสร้างบทบาทหน้าที่เรื่องเพศทางสังคมวัฒนธรรม กำ� หนดตวั ตนและความเปน็ เพศหรอื เพศภาวะ (gender) เพยี ง 2 เพศภาวะคอื ความเปน็ ชายและความเป็นหญงิ และสุดทา้ ยน�ำไปสกู่ ารยอมรบั เพียงเพศวถิ ี เดียว (sexuality) ระหวา่ งชายกับหญงิ ว่าเปน็ สง่ิ ทป่ี กติ ถกู ตอ้ งในสงั คม ฐานคิดและความเชื่อดังกล่าวน้ียังได้พยายามควบคุมเรื่องเพศ โดยก�ำหนดและให้คุณค่าเร่ืองเพศวิถีว่าต้องอยู่ในสถาบันการแต่งงาน เป็น ความสมั พนั ธท์ างเพศทนี่ ำ� ไปสกู่ ารสรา้ งครอบครวั และการเจรญิ พนั ธข์ุ องมนษุ ย์ ชายและหญงิ สง่ ผลใหเ้ พศภาวะอน่ื ๆ อาทิ เกย์ กะเทย สาวประเภทสอง ทอม ดี้ และเพศวถิ อี น่ื ๆ อาทิ หญิงรักหญงิ ชายรกั ชาย เพศสัมพนั ธ์ก่อนแต่งงาน ความสมั พนั ธซ์ อ้ น ฯลฯ ถกู มองวา่ เปน็ เรอ่ื งผดิ ปกติ เปน็ ภยั ตอ่ สถาบนั ครอบครวั ไม่สมควรเปน็ ทย่ี อมรับในสังคม ตอ้ งถกู ควบคุม จำ� กัด และกำ� จัด 104 นิวัตร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกจิ
ภายใตร้ ะบบความสมั พนั ธท์ างเพศตามฐานคดิ ความเชอ่ื ดงั กลา่ ว ทำ� ให้ ถุงยางอนามัยมีสถานะเป็นเคร่ืองแปลกปลอม และไม่มีการใช้กับระบบ ความสัมพันธ์ทางเพศที่ถือว่า “เป็นปกติ” และถุงยางฯ กลายเป็นเคร่ืองมือ สำ� หรบั เพศสมั พนั ธท์ ี่ “ผดิ ปกต”ิ เพือ่ ควบคมุ ปอ้ งกัน ไม่ให้เกดิ อนั ตราย ตงั้ แตแ่ รกเรม่ิ ในการทำ� งานปอ้ งกนั แกไ้ ขปญั หาเอดส์ “การรว่ มเพศแบบ ไมป่ ้องกัน” เป็นสาเหตพุ นื้ ฐานทีส่ �ำคัญที่สุดของช่องทางการรบั และถา่ ยทอด เชอ้ื เอชไอวขี องทกุ พน้ื ทท่ี ว่ั โลก แตแ่ ทนทกี่ ารสำ� รวจดา้ นพฤตกิ รรมและระบาด วทิ ยาในชว่ งกวา่ 20 ปที แ่ี ลว้ จะระบใุ หช้ ดั เจนวา่ การมเี พศสมั พนั ธท์ ไ่ี มป่ อ้ งกนั ท�ำให้มีการส่งผ่านหรือถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากผู้ที่มีเชื้อไปสู่คู่นอนของเขา หรอื เธอ กลบั ระบวุ า่ กลมุ่ ชายทเ่ี ปน็ เกย์ (Gay men) เปน็ กลมุ่ ทไี่ ดร้ บั ผลกระทบ และพบการแพร่ระบาดของเอชไอวีอยู่ในกลุ่มชายท่ีเป็นเกย์ ความเข้าใจและ การรบั รูจ้ ึงผดิ เพยี้ นไปวา่ เอดสเ์ ปน็ โรคของกลุ่มชายทเี่ ปน็ เกย์ (AIDS is a Gay syndrome) และยงั คงถกู ถ่ายทอด สรา้ งซ�้ำตอ่ เนื่องมาจนถงึ ปจั จุบัน เพียงแต่ ปรบั เปล่ียนการเรยี กหรอื คำ� อธบิ ายเป็น “กลมุ่ เส่ยี ง” ดังน้ัน แม้จะรับรู้กันทั่วไปว่า สาเหตุหลักของการรับและถ่ายทอดเชื้อ เอชไอวีคือการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน และพบการติดเช้ือในเพศสัมพันธ์ ทไ่ี มป่ อ้ งกนั ของประชากรทมี่ เี พศสมั พนั ธแ์ บบหญงิ ชาย (heterosexual) มาก ทีส่ ดุ กต็ าม แตย่ ังคงต้องพจิ ารณาข้อเท็จจริงทว่ี า่ • ยงั คงพบการตดิ เชอื้ เอชไอวใี นการมเี พศสมั พนั ธท์ ไี่ มป่ อ้ งกนั ระหวา่ ง ชายเพศเดียวกันในหลายประเทศ • ชายเหล่าน้ีอาจมองและเรียกตัวเองว่าเป็น คนรักเพศเดียวกัน (homosexual) คนรักได้ท้ังสองเพศ (bisexual) หรือเกย์ (gay) หรือ down low ฯลฯ หรอื ไม่เรียกตนเองวา่ อยู่ในกลมุ่ ใดกลุ่มหนึ่ง ขา้ งตน้ เลย ถุงยางอนามยั กับการดำ� เนินชีวิตทางเพศในสังคมไทย 105
• บางคนไม่ได้มองวา่ การมเี พศสมั พันธก์ บั เพศเดียวกันเปน็ การระบุ หรอื กำ� หนดอตั ลกั ษณท์ างเพศของตน (sexual identity) จงึ ไมค่ วร รีบเรง่ ด่วนสรุปว่า ใครเปน็ อะไรจากสง่ิ ที่เราเห็น ในอีกทางหน่ึง คนจ�ำนวนมากท่ัวโลกไม่ได้นับหรือจัดว่าตัวเอง มคี วามเสย่ี ง เพราะมองวา่ มภี มู คิ มุ้ กนั การตดิ เชอื้ เอชไอวี โดยยดึ อยบู่ นขอ้ เทจ็ จรงิ ทว่ี ่า • ตนเองเปน็ คนทม่ี ี “เพศสมั พนั ธแ์ บบปกติ” • คนท่ีติดเช้ือเอชไอวีคือ “คนที่มีเพศสัมพันธ์กับคนหลายๆ คน” ซึง่ ผูเ้ ขียนขอใชค้ �ำนแ้ี ทนค�ำว่า “สำ่� ส่อน” แต่จากการแลกเปล่ียนประสบการณ์ท�ำงานพบว่า ในหลายประเทศ หลายทวปี ทง้ั เอเชยี แอฟรกิ า และละตนิ อเมรกิ า ผหู้ ญงิ ทแ่ี ตง่ งานหรอื มคี ู่ และ ซอ่ื สตั ยห์ รอื มเี พศสมั พนั ธเ์ ฉพาะกบั สามหี รอื คขู่ องเธอเทา่ นนั้ กลายเปน็ กลมุ่ คน ท่มี คี วามเสีย่ งจากการรับเช้ือเอชไอวมี ากทสี่ ดุ กลมุ่ หน่งึ นอกจากนี้ ยงั มีค�ำวพิ ากษว์ จิ ารณ์การสรา้ งการรบั รู้ทีว่ า่ เอดส์เปน็ โรค ของกลุ่มชายท่ีเป็นเกย์ การให้นิยามความหมาย ค�ำอธิบายเรื่องเพศและ เรอ่ื งเอดส์ดงั กลา่ วทำ� ให้คนกลุ่มอนื่ ๆ ที่ไมใ่ ช่ชายเกยห์ ลุดหายไปจากการรบั รู้ และความเข้าใจเร่ืองเอดส์ ที่ตอ่ มายงั สรา้ งภาพว่าเอดสเ์ ป็นโรคทผ่ี กู ตดิ อยู่กบั ประชากรกลมุ่ ตา่ งๆ ทตี่ อ่ มาถกู เรยี กขานวา่ “กลมุ่ เสย่ี ง” (Risk group) และกลมุ่ ทีม่ ีความเส่ียงสูงสดุ (the Most at Risk Population) ตามลำ� ดบั เร่อื งราวเหลา่ นส้ี ะทอ้ นใหเ้ หน็ ข้อเทจ็ จริงทวี่ ่า 1. การได้รับ − ถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดย ไมไ่ ดป้ อ้ งกนั กับผูท้ ม่ี เี ชือ้ เอชไอวี 2. มีการติดเชื้อในกลุ่มชายท่ีมีเพศสัมพันธ์กับชาย แต่คนกลุ่มน ้ี มีความหลากหลาย ไม่ได้มีกลุ่มเดียว และบางคนไม่ได้นับว่า การมีเพศสมั พันธก์ บั เพศเดียวกนั เป็นอัตลกั ษณ์ทางเพศของตน 106 นวิ ัตร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ
3. การด�ำเนินการควบคุมป้องกันโรคแฝงด้วยอคติทางเพศ และ ความพยายามในการควบคมุ และจดั การเรอื่ งเพศทถี่ กู มองวา่ เบยี่ ง เบนและผิดปกติ 4. ผู้หญิงจ�ำนวนมากยังคงติดเชื้อ เพราะการแบ่งเรื่องเพศออกเป็น 2 ดา้ น คอื “ปกต/ิ ด”ี (มเี พศสมั พนั ธก์ บั คขู่ องตนทเ่ี ปน็ เพศตรงขา้ ม) กับ “ไม่ปกติ/ไม่ดี” (มีเพศสัมพันธ์แบบไม่เลือกหน้า) และมอง การตดิ เชอื้ เอชไอวผี กู ตดิ อยกู่ บั การมเี พศสมั พนั ธก์ บั คนหลายๆ คน โครงการวิจัยฯ ได้จัดกิจกรรมพูดคุยเร่ืองเพศวิถีและถุงยางอนามัย โดยปรับจากเครื่องมือในการท�ำงานเร่ืองเอชไอวี/เอดส์ช้ินหน่ึง7 ดังตาราง ข้างลา่ งน้ี คุณคดิ อย่างไรกับแกบาบรดน�ำ้ี เนินชีวติ ทางเพศ ยอไมดร้ บั รับไม่ได้ 1. คม มแี ฟนแลว้ เป็นนกั เรียนมัธยมโรงเรียน ป50รับ0 5ป,0ร0บั 0 5ป0,ร0บั00 เดียวกัน แต่ยังชอบเทย่ี วหญิงบริการ เป็นประจำ� 2. กอ้ ง มีแฟน 3 คน เรียนอยู่คนละโรงเรียน กอ้ งมเี พศสมั พนั ธ์กบั ทกุ คน และรกั แฟน เทา่ กัน 3. สมชาย เปน็ แฟนและมีเพศสัมพนั ธก์ ับโตง้ เพ่ือนนกั กฬี าชายดว้ ยกัน 7 นั่นคือ กิจกรรม “คุณคิดอย่างไรกับวิถีชีวิตทางเพศแบบนี้” บางคนอาจเรียกกิจกรรมนี้ว่า “รบั ได้ รบั ไมไ่ ด้ ปรบั เท่าไหร่ดี” ใชใ้ นการเรียนรู้เรอ่ื งทัศนคตเิ รอ่ื งเพศในหลักสตู รการส่อื สารเพ่ือ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เครื่องมือช้ินน้ีถูกใช้กันอย่างแพร่หลายและกว้างขวางหลังปี พ.ศ. 2540 เป็นตน้ มา ถุงยางอนามัยกับการดำ� เนนิ ชวี ิตทางเพศในสังคมไทย 107
คุณคดิ อยา่ งไรกบั แกบาบรดน�ำ้ี เนนิ ชวี ิตทางเพศ ยอไมดร้ ับ รับไม่ได้ 4. พมิ พ์ ดาวประจ�ำวทิ ยาลัย มเี พศสัมพนั ธ์ ปรับ ปรบั ปรับ 500 5,000 50,000 เปน็ ประจำ� กบั พล นายทหารหนุม่ ทีแ่ ต่งงานแล้ว 5. หญิง ได้เสียกับเพอ่ื นนกั เรียนท่เี ชา่ หอ้ งพกั ด้วยกนั จนต้ังทอ้ ง หญิงตดั สนิ ใจไปท�ำแทง้ 6. โจ ไมอ่ ยากใชถ้ งุ ยางอนามยั เวลานอน กับแฟน และขอหลัง่ ขา้ งนอกแทน 7. แก้มบมุ๋ ยอมให้ โจอ้ี นอนกับผู้หญงิ คนอ่นื ได้ แตข่ อใหใ้ ชถ้ ุงยางอนามยั ทุกครั้ง เครื่องมือดังกล่าวจงใจหยิบยกตัวอย่างลักษณะเพศวิถีท่ีหลากหลาย และอยู่ใกล้ตัวกลุ่มวัยรุ่นในสังคมไทยขึ้นมาพูดคุยแลกเปล่ียน ผ่านรูปแบบ การท�ำกิจกรรมเล่นเกมส์แบบมีส่วนร่วม เพ่ือเรียนรู้เร่ืองทัศนะ อคติทางเพศ ท่มี ีอยู่ และสมั พนั ธก์ ับการใชห้ รอื ไม่ใช้ถุงยางอนามยั ในสังคมไทย จากการทำ� กจิ กรรมกลมุ่ กับวยั รนุ่ 3 กลมุ่ 8 (กลมุ่ วยั รุน่ หญิงลว้ น กลุ่ม วยั รนุ่ ชาย − หญงิ และกลมุ่ วยั รนุ่ ชายลว้ น) ทรี่ ว่ มอยใู่ นโครงการวจิ ยั ฯ บอกวา่ ไม่สามารถยอมรบั ไดก้ บั เพศสัมพนั ธใ์ นลักษณะต่อไปน้ี 8 การทำ� กจิ กรรมกลมุ่ แบบมสี ว่ นรว่ มกบั กลมุ่ วยั รนุ่ ในจงั หวดั เชยี งใหม่ 3 กลมุ่ จำ� นวน 4 ครงั้ คอื (1) กลุ่มวัยรุ่นชาย − หญิง ทอี่ ำ� เภอแมร่ ิม จำ� นวน 28 คน วนั ท่ี 19 มนี าคม 2553 (2) กลุม่ วัยรนุ่ ชาย − หญิง อ.สารภี จ�ำนวน 14 คน วนั ท่ี 8 พฤษภาคม 2553 (3) กลุ่มวัยรุน่ ชายล้วน อ.ดอยสะเกด็ จ�ำนวน 8 คน วันที่ 16 พฤษภาคม 2553 และ (4) กลมุ่ วัยรุ่นหญงิ ล้วน อ.สารภี จำ� นวน 12 คน วันท่ี 30 พฤษภาคม 2553 108 นวิ ัตร สุวรรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกจิ
1. เพศสมั พนั ธแ์ บบซอื้ − ขายบรกิ ารทางเพศ ดว้ ยเหตผุ ลวา่ การเทยี่ ว หญิงบริการเป็นส่ิงไม่ถูกต้อง, เป็นเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่แฟนหรือคู่รัก, หากไมม่ แี ฟนกเ็ ทีย่ วไดบ้ ้าง แตถ่ า้ มีแฟน ไม่ควรเท่ยี ว, วัยรุ่น (ชาย) ไม่ควร เที่ยว เพราะยังเด็กเกินไป, การมีเพศสัมพันธ์มากเกินไปเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง– เหมอื นชายเสเพล อยา่ งไรกต็ าม มกี ารใหเ้ หตผุ ลในลกั ษณะทย่ี อมรบั ไดอ้ ยบู่ า้ ง ว่า เพศสมั พันธเ์ ปน็ เรื่องสว่ นบุคคล 2. การมเี พศสมั พันธก์ ับคนหลายคน ด้วยเหตุผลว่า ยอมไม่ได้ ต้อง รักเดียวใจเดียว ไม่ใช้ของร่วมกับคนอ่ืน, ไม่มีทางที่ใครจะรักใครพร้อมกัน เทา่ กนั , มีโอกาสเสีย่ งตอ่ โรค, เปน็ ความเจ้าชูข้ องผู้ชาย แตก่ ็มีบางคนบอกวา่ เปน็ เรอ่ื งคนอนื่ รบั ได้ ถา้ เปน็ เรอ่ื งของตวั เองรบั ไมไ่ ด้ อยา่ งไรกต็ าม บางคนระบุ วา่ ถ้าเปน็ ชายแลว้ ใช้ถุงยางฯ กับทกุ คน ก็ “ลัน้ ลา”ได้ 3. เพศสัมพนั ธ์ของชายกบั ชาย (คนรกั เพศเดยี วกัน) ดว้ ยเหตุผลวา่ เป็นเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน ซ่ึง “ผิดเพศ” “ผิดรู” “ข้ีจ๊ะ (น่ารังเกียจ) เพราะเอากนั ทางรกู น้ , ผชู้ ายตอ้ งรกุ ไมใ่ ชร่ บั , เปน็ เซก็ สท์ างทวาร − อนั ตรายกวา่ มีเชื้อโรคมากกว่า, เซ็กส์ (การร่วมเพศ) ควรเป็นการสอดใส่ระหว่างจู๋กับจิ๋ม และบนเตียง ในห้องนอน นอกเหนือจากน้ี เป็นเรื่องแปลก ผิดปกติ เช่น การใชป้ าก รูทวาร รักแร้ มือ ในห้องรบั แขก ฯลฯ อย่างไรก็ตาม บางคนระบุ วา่ ถอื เป็นรสนิยมทางเพศของแต่ละคน, ยอมรับไดบ้ ้างหากเป็นหญงิ รักหญงิ เพราะไมไ่ ดร้ ว่ มเพศทางทวารหนกั ซ่ึงไม่ใชอ่ วยั วะที่ใชใ้ นการรว่ มเพศ 4. เพศสมั พนั ธก์ บั คนทม่ี คี หู่ รอื มคี รอบครวั แลว้ ดว้ ยเหตผุ ลวา่ เปน็ การ นอกใจ แยง่ แฟน เปน็ ชกู้ บั ผวั ชาวบา้ น, เปน็ เรอ่ื งทคี่ วรตำ� หนิ ไมว่ า่ จะเปน็ หญงิ หรือชาย, ผิดศีลธรรม เป็นเพศสัมพันธ์นอกคู่ อย่างไรก็ตาม บางคนคิดว่า เพศสัมพันธ์ลักษณะน้ีแม้เป็นเร่ืองที่เกิดขึ้นจริงในสังคม แต่จะไม่เกิดข้ึนกับ ตวั เอง ขณะทีผ่ ู้ทยี่ อมรับไดม้ องวา่ เป็นเพศสัมพนั ธ์ทย่ี ินยอมกัน 5. เพศสมั พนั ธท์ ไี่ มม่ กี ารปอ้ งกนั เสย่ี ง (หลง่ั นอก − หลง่ั ใน) ทอ้ ง − แทง้ เพราะเช่ือว่า ท�ำแท้ง = บาป ท�ำลายชีวิต, เป็นเพศสัมพันธ์ที่ไม่รับผิดชอบ ถุงยางอนามยั กบั การดำ� เนนิ ชวี ิตทางเพศในสงั คมไทย 109
ไม่ป้องกัน, เสี่ยงต่อโรค − ท้อง, เชื่อว่าถ้าท้อง สังคมจะตีตราและประณาม ผูห้ ญงิ วา่ ใจแตก ส�ำสอ่ น ไม่ปอ้ งกนั มากกว่าจะพูดถึงผูช้ าย รวมทั้งมองว่า ผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อมมีทางเลือกในการตัดสินใจน้อย แม้ทางกลุ่มจะไม่เห็น ดว้ ยกับการทำ� แทง้ เพราะเชือ่ ว่าการทำ� แทง้ ท�ำให้ชวี ิตตกต�ำ่ “ทำ� อะไรไมข่ ึน้ ” แตก่ ็เข้าใจไดว้ ่า ผูห้ ญิงท่อี ยู่ในสภาพน้ีจะอึดอดั หาทางออกไมไ่ ด้ หากต้อง เอาเดก็ ไว้ จงึ ยอมรบั ได้บา้ งวา่ เยาวชนยงั ตอ้ งเรียนหนงั สือ รวมทง้ั มเี หตุผล ยอมรับการใช้ถุงยางอนามัยในความสัมพันธ์ทางเพศลักษณะนี้ว่า ถุงยาง อนามยั มไี วส้ ำ� หรบั “เพศสมั พนั ธน์ อกค”ู่ เพอื่ ปอ้ งกนั โรค เพราะเปน็ เพศสมั พนั ธ์ ที่ไม่น่าไว้วางใจและมีความเส่ียง แต่เพศสัมพันธ์กับคู่ กับคนท่ีรักจริงและ แต่งงานด้วย ไมค่ วรมีการใชถ้ งุ ยางอนามัย ผลจากการท�ำกิจกรรมกับวัยรุ่นกลุ่มนี้ แสดงให้เห็นกรอบคิดการมอง เรอื่ งเพศ เพศภาวะ และเพศวถิ วี า่ ยงั เปน็ การมองดว้ ยกรอบเรอ่ื งเพศทตี่ ดั สนิ ใหค้ ณุ คา่ ดว้ ยความผดิ − ถกู ชวั่ − ดี เสย่ี ง − ปลอดภยั ปกต ิ − ไมป่ กติ องิ อยู่ กับเรือ่ งเพศทม่ี ี 2 เพศสรีระ 2 เพศภาวะ และ 1 เพศวถิ ี ผู้เขยี นเหน็ ว่า เร่อื งเพศขา้ งต้นนแี้ สดงใหเ้ ห็นความคดิ และมุมมองเรื่อง เพศของวัยรุ่นท่ีซ้อนกันหลายระนาบ ทั้งในโลกท่ีถูกบอกถูกสอนเรื่องเพศ ในโลกแห่งการแสดงตัวตน/ความคิดเรื่องเพศ และในโลกแห่งความเป็นจริง บางคนจงึ ใหค้ ณุ คา่ ในบางเรอ่ื งตา่ งกนั ไป เชน่ เพศสมั พนั ธน์ อกคู่ เพศสมั พนั ธ์ กับเพศเดียวกัน ซึ่งเป็นความเชื่อเร่ืองเพศนอกกรอบจารีตประเพณี แม้อาจ เกิดขึ้นไดใ้ นสังคม แต่มองว่าเปน็ เรอื่ งของคนอน่ื ไม่คิดวา่ จะเป็นชีวิตทางเพศ ทเี่ กดิ ขนึ้ กบั ตนเอง เนอ่ื งจากคดิ วา่ ตวั เองไมเ่ สย่ี ง เปน็ กลมุ่ ปลอดภยั เปน็ เดก็ เรยี น และรักเดียวใจเดียว วัยรุ่นหลายคนอาจไม่เคยนั่งพูดคุยว่าหากเกิดขึ้นกับ ตัวเองแล้วจะมองเรื่องน้ีด้วยทัศนะเช่นใด และจะด�ำเนินการอย่างไรกับชีวิต ขณะท่ีวัยรุ่นบางคนอาจวิจารณ์ส่ิงท่ีไม่ได้เป็นหรือเกิดขึ้นจริงกับชีวิตตนเอง แต่รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในการแลกเปล่ียนว่า ตนเองไม่ได้มีวิถีเพศที่เป็น ไปตามที่ถูกบอกถูกสอนมา 110 นิวัตร สุวรรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกจิ
วัยรุ่นในกลุ่มหลายคนแสดงความเห็นด้วยชัดเจนว่า เพศวิถีสามารถ มองได้จากหลายมุมมอง อีกทั้งซ้อนทับกันหลายเร่ือง อยู่ท่ีจะใช้มุมไหนมา อธิบายวา่ เรอื่ งใดยอมรับได้ เร่อื งใดยอมรบั ไม่ได้ เพราะบางมุมกส็ วนทางกนั เชน่ เรอ่ื งความซอื่ สตั ยก์ บั รสนยิ มทางเพศ เมอ่ื คดิ วา่ เรอื่ งเหลา่ นอี้ าจเกดิ ขนึ้ กบั ตวั เองได้ กท็ ำ� ใหม้ มุ มองและความคดิ เรอ่ื งเพศแบบตดั สนิ ใหค้ ณุ คา่ และกำ� หนด วา่ อะไรปกต/ิ ไมป่ กตนิ ี้ บางครงั้ กไ็ มไ่ ปดว้ ยกนั และจดั การยาก สะทอ้ นใหเ้ หน็ ทศั นคติตอ่ เร่อื งเพศท่ีทับซอ้ นกนั ระหวา่ งสง่ิ ทถี่ ูกบอก ถูกสอน และสง่ิ ท่ปี ฏิบตั ิ จรงิ ในชวี ติ ประจ�ำวัน ในกลมุ่ เหน็ ดว้ ยวา่ วยั รนุ่ ถกู บอกถกู สอนเรอ่ื งเพศวา่ ควรทำ� หรอื ไมค่ วร ทำ� อะไร แตห่ ลายครงั้ สวนทางกบั วถิ ชี วี ติ ทางเพศของวยั รนุ่ ทำ� ใหบ้ างคนเลอื ก ปกปิดตัวเอง และแสดงออกหรือพูดคุยตามท่ีสังคมคาดหวัง แต่ก็ยังไม่หลุด ออกจากการด�ำเนินชีวิตท่ีเก่ียวข้องกับเรื่องทางเพศจริงๆ ของตนเอง ท�ำให้ การใช้ชีวิตทางเพศของวัยรุ่นมีความลักล่ันระหว่างความจริงกับส่ิงที่สังคม คาดหวงั จนอาจนำ� ไปสู่สภาวะเสีย่ งต่อเรือ่ งโรคติดต่อและทอ้ ง/แทง้ ได้ การด�ำเนินการวิจัยต่อเน่ืองในรูปแบบอื่นๆ อาทิ การสัมภาษณ์เด่ียว การสัมภาษณ์กลุ่มขนาดเล็กแบบเพื่อนชวนเพื่อนสนิทกันมา ท�ำให้ผู้เขียนได้ รับรู้และเรียนรู้เรื่องข้อเท็จจริงเร่ืองชีวิตทางเพศของวัยรุ่นอีกหลายคนที่ม ี เพศสมั พนั ธใ์ นวยั เรยี น อนั ถอื วา่ ออกนอกกรอบกตกิ าจารตี ของสงั คม ในขณะ ที่บางคนยึดกรอบบรรทัดฐานทางสังคมเร่ืองเพศกับถุงยางอนามัยในชีวิตคู ่ ไว้แนบแนน่ ว่าเม่ือถงึ คราวท่ีตอ้ งแตง่ งาน ถุงยางอนามัยจะไมอ่ ยู่ในวงโคจร ของชีวิตแต่งงาน แต่บางคนก็ไม่ได้ให้ความส�ำคัญกบั เร่อื งดังกลา่ ว สิ่งท่ีเหน็ ชดั เจนคอื การแสดงออกของวัยรนุ่ กลมุ่ น้ี ทบี่ างคนร้สู ึกอึดอดั และกังวลกับการยอมรับตอ่ หน้าผูอ้ ่นื ว่าตนเองมเี พศสมั พันธใ์ นวัยเรยี น ซึง่ ผิด จารีตค�ำสอน และการพกพาถุงยางฯ เท่ากับเป็นเคร่ืองยืนยันเร่ืองดังกล่าว หากยอมรับว่าไม่ได้ใช้ถุงยางฯ ก็จะย่ิงถูกมองว่าผิดและไม่มีความรับผิดชอบ ท�ำให้เกดิ ความรู้สึกอดึ อัด กลายเป็นเร่ืองผดิ ซ้ำ� สองหรือผิดทุกด้าน ถุงยางอนามัยกบั การด�ำเนนิ ชวี ิตทางเพศในสังคมไทย 111
ข้างล่างนี้เป็นเรื่องวิถีชีวิตทางเพศของชาย 3 คน และกะเทย 1 คน ท่ีแสดงให้เห็นท่ีทางของถุงยางอนามัยในโลกทัศน์ ความคิด ความเชื่อเร่ือง เพศ และในชวี ิตทางเพศ บอย: ถงุ ยางฯ ไม่ไดม้ ไี ว้สำ� หรบั “รักแท้และครอบครวั ” บอย วัยรนุ่ ชายอายุ 18 ปี บุคลิกภายนอกและหน้าตาดเู ป็นคนขีอ้ าย แตม่ คี วามสามารถในการพดู ในทส่ี าธารณะคนหนงึ่ ของชมุ ชน กลา้ แสดงความ คิดเห็น จึงถูกชวนให้เข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์เร่ืองเพศและการป้องกันแก้ไข ปญั หาเอชไอวขี องกลมุ่ เยาวชนในพนื้ ที่ บอยเคยเปน็ พธิ กี รในเวทรี ณรงคป์ อ้ งกนั แกไ้ ขปญั หาเอชไอวใี นชมุ ชน โดยการรว่ มจดั ของกลมุ่ เยาวชนในพน้ื ที่ 2 ตำ� บล ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนโลกผ่านทางโครงการหนึ่ง บอย เขา้ มารว่ มคยุ ทงั้ ในแบบรวมกลมุ่ กบั เพอ่ื นๆ คยุ แยกคนเดยี ว ตงั้ แตช่ ว่ งทเี่ รยี น มัธยมปลายก�ำลังจะสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย จนกระทั่งนัดคุย พร้อมกบั เพื่อนสนิท หลังจากเข้าเรยี นมหาวทิ ยาลยั แลว้ บอย มพี ส่ี าวหนง่ึ คนในวยั เบญจเพส อายหุ า่ งกนั 7 ปี อยใู่ นครอบครวั คา้ ขายและรบั จา้ ง แมข่ ายอาหารตามสง่ั และรบั ทำ� อาหารจดั เลยี้ งแบบโตะ๊ จนี และบฟุ เฟต่ ด์ ว้ ย สว่ นพอ่ ทำ� งานรบั จา้ งทวั่ ไป พรอ้ มกบั ขบั รถตใู้ หบ้ รษิ ทั ทอ่ งเทย่ี ว จึงไม่คอ่ ยอยบู่ า้ น เพราะออกทวั รแ์ ต่ละครง้ั ใช้เวลา 4 − 5 วัน บอยสนทิ กบั แม่ มากกวา่ พอ่ และพส่ี าว หากมอี ะไรกพ็ ดู คยุ ปรกึ ษาแมต่ ลอดตง้ั แตเ่ ดก็ ในแบบท่ี เขาเรียกวา่ “ไม่ได้ปดิ บงั อะไรกันกับแม่” วัยเด็กของบอยอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยพ่อแม่เช่าบ้านและท�ำมา หากนิ อยใู่ นตวั เมอื ง บอยเขา้ เรยี นในโรงเรยี นเอกชนแหง่ หนงึ่ ตง้ั แตช่ น้ั ประถม จนถึงมัธยมต้น ก่อนจะลาออกโดยบอกว่าเป็นการตัดสินใจของครอบครัว “เรากต็ กลงกนั ว่ากลบั มาขายอาหารที่บ้านกนั ดกี ว่า สบายใจกว่า อยู่ในเมือง กเ็ ขา้ โรงเรียนในเมอื ง มนั แพง เพราะวา่ เป็นโรงเรยี นเอกชน” 112 นิวตั ร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกจิ
บอยย้ายมาเรียนต่อชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในอ�ำเภอ บา้ นเกดิ ไดพ้ บกบั เจา้ หนา้ ทอ่ี งคก์ รพฒั นาเอกชนทเี่ ขา้ ไปทำ� งานรณรงคป์ อ้ งกนั แกไ้ ขปญั หาเอดสใ์ นกลมุ่ เยาวชนในพนื้ ที่ และเปน็ จดุ เรมิ่ ตน้ ใหเ้ ขา้ รว่ มกจิ กรรม ต่อเน่ืองเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ครั้งแรกที่เข้าร่วมกิจกรรม เขาตอบค�ำถามว่า เอดสต์ ดิ ตอ่ ทางนำ�้ มกู “คดิ ไปเอง คดิ ไปคนเดยี ว เขาบอกวา่ มนั เปน็ สารคดั หลง่ั [น้�ำมูก] มันเป็นสารคัดหล่ังจากร่างกายเหมือนกัน คิดไปคนเดียวตอนนั้น เพราะวา่ มเี ด็กคนอื่นเหมอื นกนั ทไ่ี ปกับเรา เขาตอบไปเร่ือยเหมอื นเรา” กจิ กรรมกลุ่มเยาวชนเปน็ ช่วงเยน็ หลงั เลิกเรยี น บางวันอาจตอ่ เนือ่ งไป จนดึก บอยได้เรียนรู้ทั้งเร่ืองกลไกการติดเชื้อไวรัส ซ่ึงทางเจ้าหน้าท่ีติดต่อ สมาชิกกลุ่มผู้ติดเชื้อฯ มาพูดคุยอธิบายให้ฟัง แม้จะพอเข้าใจแต่ก็จำ� ได้เพียง สัน้ ๆ ทตี่ อ้ งร้อื ฟน้ื ทบทวนบ่อยๆ จึงจะเขา้ ใจไดด้ ี ขณะท่ีเรียนชั้นมัธยมต้น เขาพบ รู้จัก และได้จับต้องถุงยางอนามัย ครง้ั แรกเมอ่ื อายรุ าว 13 − 14 ปี ในงานวนั วชิ าการของโรงเรยี น ครง้ั นน้ั เขาสงสยั วา่ ทำ� ไมจงึ เอาถงุ ยางฯ มาเปา่ แลว้ หอ้ ยไวต้ ามเตน็ ทจ์ ดั นทิ รรศการ เมอ่ื ตวั เอง ไดร้ บั แจก ก็ทำ� แบบเดียวกนั กบั เพือ่ นๆ คือ เอามาใส่นำ้� เล่น แต่อกี 2 ปตี อ่ มา หลงั เขา้ กจิ กรรมการเรยี นรกู้ บั กลมุ่ เยาวชนในพน้ื ที่ เขาจงึ เรมิ่ เขา้ ใจวา่ ถงุ ยาง อนามัยใช้ส�ำหรับป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเพ่ือคุมก�ำเนิด พร้อมกับเรียนรู้วิธีใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งได้เรียนรู้ทัศนคติต่อถุงยางอนามัย เป็นคร้งั แรก การเข้าร่วมกิจกรรมในกลุ่มเยาวชนและการเป็นแกนน�ำท�ำให้เขาได้มี สว่ นรว่ มและทำ� กจิ กรรมหลายอยา่ ง รวมถงึ การประเมนิ โอกาสความเสย่ี งของ ตนในการได้รับเช้ือเอชไอวีผ่านการมีเพศสัมพันธ์จากการมีคู่นอนหลายคน ชว่ งทพี่ ดู คยุ น้ี เขาบอกวา่ ผา่ นประสบการณก์ ารมเี พศสมั พนั ธก์ บั ผหู้ ญงิ มาแลว้ 2 คนเปน็ จำ� นวน 3 คร้ัง ถงุ ยางอนามยั กับการดำ� เนินชีวติ ทางเพศในสงั คมไทย 113
คร้ังแรก คนแรกของเขา และคร้งั เดียวทีบ่ า้ นของเธอ “คร้ังแรกนี้คืออยากรู้อยากลองมากกว่า คนแรกน่ีคือคร้ังเดียว หายไปเลย เป็นรนุ่ พี่อยทู่ ก่ี รงุ เทพ เรียนอย่กู รุงเทพ เขาชอบเรา มโี อกาสไดเ้ ลน่ hi5 พดู คยุ กนั เขาบอกวา่ จะมาเชยี งใหม่ แลว้ จะ นัดไปเที่ยว...ไปก็ไป วันหน่ึงนัดกันไปเท่ียว กลับมาก็บอกว่า พ่อแม่ไม่อยู่บ้าน เข้ามาท่ีบ้านไหม ก็โอเค ตัดสินใจไปบ้าน ผมก็พอรู้นะ การพูดกันมันก็ส่ือแล้ว คือมันมีจุดที่เสี่ยงต่อ การมเี พศสมั พนั ธ.์ ..ผมก็ตัดสนิ ใจไป” หลงั จากคนื นน้ั ผา่ นไป ทงั้ คตู่ า่ งคนตา่ งหายไปจากชวี ติ ไมไ่ ดต้ ดิ ตอ่ กนั อีกเลย แม้กับช่องทาง hi 5 เช่นทีเ่ คยท�ำ บอยบอกว่า “ส�ำหรับผม ผม happy นะ ส�ำหรับเขาผมไมร่ ู้ กค็ ือออกมาตอนเช้า ขบั รถออกมาเลย ไมไ่ ดต้ ดิ ตอ่ กนั อีกเลย หายไปเลย” ครง้ั ที่สองและสาม กับเธออกี คน ทเ่ี ขาวา่ “ก็มีโอกาสอีก แตเ่ ธอ ไม่ใช…่ ” “ก็เป็นรุ่นพี่เหมือนกันแนวเดียวกัน คือเขาชอบผม แต่ผมไม่ได้ ชอบเขาเทา่ ไหร่ คนนก้ี เ็ รยี นทกี่ รงุ เทพเหมอื นกนั แตค่ นนต้ี ดิ ตอ่ กนั ประจ�ำอยู่แลว้ ครบั ตกลงจะมาเชียงใหม่ ขอเจอไดไ้ หม กไ็ ป เหมอื นกนั คลา้ ยๆ กนั ” หลังจากนั้นเขาและเธอก็ยังติดต่อกันอีก เนื่องจากรุ่นพ่ีคนน้ีเดินทาง ไปมาระหวา่ งกรุงเทพฯ และเชยี งใหม่บ่อยๆ ทำ� ใหม้ โี อกาสได้เจอกนั อกี เรอ่ื ยๆ การนดั เจอกนั และ “ลงเอย” กนั จงึ เกดิ ขน้ึ อกี ครงั้ ตามมา แตบ่ อยรสู้ กึ วา่ “สำ� หรบั ผม ไม่ใชน่ ะ เร่ืองลกั ษณะนิสัย การพดู กนั กไ็ มไ่ ด้พูดกันเหมอื นเป็นแฟนนะ” เพศสมั พนั ธข์ องเขากบั เธอจงึ เปรยี บเสมอื นวงโคจรทอ่ี าจมาบรรจบกนั เปน็ ชว่ งๆ แตไ่ ม่ทง้ิ ความผกู พนั ใดๆ ไว้ 114 นวิ ตั ร สวุ รรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกจิ
แตไ่ ม่ใช่ส�ำหรับเธอคนนี้ คนท่ีเขานบั เปน็ แฟน “ผมกม็ แี ฟนอยแู่ ลว้ นะ แตส่ ำ� หรบั แฟนผม ผมไมเ่ คยมเี พศสมั พนั ธ์ กับเขาเลย ถามว่าแฟนผมอยากมีเพศสัมพันธ์กับผมไหม แฟนผมอยากนะ แตผ่ มไมอ่ ยากมกี บั เขา เพราะวา่ ผมสงสาร เขา อยูใ่ นวัยเรียน เปน็ คนทเ่ี รยี นห้องเดียวกันกับเรา แลว้ เปน็ คนท่ี คบกนั มา 3 − 4 ปลี ะ ไมอ่ ยากใหเ้ ขามเี พศสมั พนั ธก์ บั เรา ถา้ เกดิ ว่ามันมีผิดพล้ังขึ้นมา แม้จะใส่ถุงยางฯ ก็เถอะ ถ้าหากว่ามัน ผดิ พลาดอะไรขึน้ มาหนอ่ ย มันแกไ้ ขอะไรไมไ่ ดเ้ ลย ผมไมอ่ ยาก ให้จุดนั้นมันเกิดกบั แฟนเรา จริงๆ นะ” เวลาทอ่ี ย่ดู ว้ ยกนั สองตอ่ สอง ทง้ั คู่คยุ กนั เธอถามเขาว่า “ตัวเองอยู่กบั เราไม่มีความรู้สึกอะไรเหรอ เวลาอยู่ด้วยกันในห้องสองต่อสอง ตัวเองไม่มี ความรู้สกึ อยากอะไรเลยเหรอ รไู้ หมว่าเขาอยากจะมนี ะ” ผมก็บอกว่า “ผมอยากมี แต่ยังไม่อยากมีตอนนี้ รอให้ทุกอย่างมัน พรอ้ มกอ่ น ไมอ่ ยากใหม้ เี รอื่ งราวอะไรเกดิ ขนึ้ มากอ่ น ถา้ หากพอ่ แมต่ วั เองรมู้ นั อาจจะไม่ดตี ่อตัวเอง ไมด่ กี บั คนอื่นดว้ ย” ส�ำหรับบอย “ความพร้อม” คือ การมีงานท�ำ ผ่านพิธีแต่งงานแล้ว พ่อแม่รับรู้ ทุกคนรับรู้ และผู้หญิงท่ีพร้อมส�ำหรับเขาอาจต้องเป็นผู้หญิงที่ เรียกว่าผู้หญิงดี “ผมใหค้ วามสำ� คญั กบั เขามาก คดิ จรงิ จงั กบั ใครกใ็ หค้ วามสำ� คญั จรงิ ไมอ่ ยากจะใหม้ นั ออกนอกลนู่ อกทาง ไมอ่ ยากใหค้ นอน่ื มอง ไมด่ ี เพราะคนนเี้ ปน็ คนทเี่ ราคบแบบออกสงั คม เปดิ เผย ไมอ่ ยาก ให้คนอน่ื มองเราไมด่ คี รับ” แม้ผู้หญิงทั้ง 3 คนน้ีจะเป็นคนที่รู้จักกันตอนเรียนมัธยมในโรงเรียน เดยี วกนั แต่ความสมั พนั ธก์ บั ผู้หญงิ 3 คนท่ีรจู้ ักน้ี ไม่เหมือนกัน ถงุ ยางอนามัยกับการด�ำเนินชีวิตทางเพศในสงั คมไทย 115
“ผมใหเ้ กยี รตเิ ขา...ชอบเขาตรงทเ่ี ขา้ กบั เราได้ พรอ้ มจะชว่ ยเหลอื เราตลอดเวลา และเราก็พร้อมท่ีจะช่วยเหลือเขาได้ตลอดเวลา จรงิ ใจกนั กบั แฟนผมคนนนี้ ะ อกี สองคน นานทจี ะไดค้ ยุ กนั ครงั้ หนงึ่ ไมไ่ ดเ้ จอกนั จรงิ ๆ จงั ๆ มาเจอกนั กเ็ ทา่ นนั้ แหละ วนั นน้ั วนั เดยี ว ไมม่ โี อกาสจะไดศ้ กึ ษากนั ไมม่ โี อกาสทจ่ี ะใกลช้ ดิ กนั หนงึ่ ละการได้ศึกษากันมันไม่มี มันคนละอย่างกัน แล้วผมคิดว่า สองคนนั้นก็เป็นแค่แบบท่ี...ยังไงล่ะ ช่วยเราได้ถ้าเรามีความ ต้องการทางเพศ” แฟนของเขาเป็นเพ่ือนนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่อยู่คนละหมู่บ้าน ตอนนเ้ี ขากำ� ลงั เรยี นในมหาวทิ ยาลยั แหง่ หนงึ่ ในจงั หวดั เชยี งใหม่ แตเ่ ธอเรยี น ท่ีมหาวิทยาลัยอีกแห่งในจังหวัดใกล้เคียง ด้วยเง่ือนไขน้ีท�ำให้ทั้งคู่ตัดสินใจ ยตุ กิ ารเปน็ แฟนกนั เพอ่ื ใหแ้ ตล่ ะฝา่ ยเปน็ อสิ ระ ไมห่ วาดระแวงกนั และกนั และ พร้อมจะเปิดโอกาสใหก้ ับคนใหมท่ ี่อาจเข้ามาในชวี ิต บอยไมร่ เู้ หมือนกันว่าความคิดทำ� นองนม้ี าจากไหน อาจมาจากการท่ี เขาสนทิ กบั แมม่ าก พดู คยุ กบั แมไ่ ดแ้ ทบทกุ เรอ่ื ง และไดย้ นิ สง่ิ ทแ่ี มค่ ยุ กบั พสี่ าว บอ่ ยๆ ว่า “แมก่ บ็ อกพผ่ี มตลอดวา่ การจะมเี พศสมั พนั ธ.์ ..มไี ด้ คอื เขา้ ใจวา่ มันเป็นธรรมชาติ มันห้ามกนั ไมไ่ ดเ้ รอ่ื งพวกน้ี แตข่ อใหป้ ้องกัน อยา่ ใหม้ ลี ูกหรือตดิ เชื้อกลบั มา แม่พูดกบั พีต่ ลอดแลว้ ผมกไ็ ดย้ ิน ตลอด เพราะวา่ เวลาแมพ่ ดู แมก่ พ็ ดู ตอ่ หนา้ ผมและกพ็ ผ่ี มนแี้ หละ” แม่จะพูดกับพ่ีสาวว่า “แต่ทางที่ดี แม่ไม่อยากให้อยู่ด้วยกันก่อนแต่ง ถา้ คบกนั แลว้ มนั่ ใจกนั แลว้ กแ็ ลว้ แต่ จะอยดู่ ว้ ยกนั อยา่ งนก้ี ไ็ ด้ ไมเ่ ปน็ ไร กอ็ ยู่ ดว้ ยกนั ตง้ั แตเ่ รยี น ปวช. ปวส. อยกู่ นั จนจบปรญิ ญาตรี ตอนนกี้ ย็ งั อยดู่ ว้ ยกนั ” 116 นวิ ัตร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกจิ
ความคิดเรอ่ื งแฟนและครอบครัว สำ� หรับบอยแลว้ ความสัมพนั ธฉ์ นั ทแ์ ฟนต้องไปดว้ ยกนั กับการยอมรับ ความต้องการเป็นอิสระของเขา โดยปราศจากการบังคับว่าต้องอยู่ด้วยกัน ต้องไปไหนมาไหนด้วยกัน หรือต้องท�ำอย่างน้ันอย่างน้ี ครอบครัวเขาใน จนิ ตนาการคอื การมีลกู ชายหนึง่ คน ลูกสาวหนึง่ คน และ “อยู่กันแบบแฟรๆ์ ไม่ต้องมาระแวงกัน…คือผมอยากอยู่แบบสบายไม่ต้องตามกันไปแบบมอดกับ เสื่อ (ตัวมอดท่ีอยู่ในเสื่อ) ให้ทุกคนมี freedom ของตัวเอง อยู่อย่างมีอิสระ ในตัวเอง” หากมคี รอบครวั แลว้ ในอนาคต และคนใดคนหนงึ่ อยากมใี หมข่ นึ้ มานนั้ บอยบอกวา่ “ถ้าอยากมี ถา้ สมมตผิ มอยากมใี หม่ ถา้ แตง่ งาน มลี กู มพี นั ธะ คิดวา่ การมใี หม่เปน็ เร่อื งที่ผดิ ผมคิดวา่ การมีลูกมีส่ิงท่ีมายดึ ติด เราแล้ว ผมคิดว่าไม่เอาดีกว่า เราอยู่ของเราอย่างนี้ดีท่ีสุดแล้ว ไม่ต้องไปแสวงหาอย่างอื่นเข้ามาท�ำให้ชีวิตวุ่นวายดีกว่าครับ ถ้าเขาจะไปมีใหม่ผมก็พร้อมเปิดโอกาสให้เขานะครับ แฟร์นะ วา่ ถา้ เขาจะไปมใี หมจ่ รงิ ๆ ไมเ่ ปน็ ไร แตถ่ า้ มลี กู แลว้ ผมไมอ่ ยาก ใหเ้ ปน็ อยา่ งนน้ั ผมจะเรยี กรอ้ งใหเ้ ขากลบั มา แตถ่ า้ แตง่ งานแลว้ ไม่มลี ูกก็ไมเ่ ป็นไร คยุ กันได้ว่าจะเอายังไง ผมนา่ จะเปดิ โอกาส ใหเ้ ขาวา่ คดิ ยงั ไง เขาอยกู่ บั เราแลว้ ไมม่ คี วามสขุ เหรอ เขาอยาก มีใหม่ โอเค มีใหม่กไ็ ด”้ วฒั นธรรมกบั เร่อื งเพศ บอยทำ� กจิ กรรมดา้ นวฒั นธรรมพน้ื บา้ นกบั กลมุ่ เยาวชนละแวกบา้ นเกดิ โดยเขามีความสามารถด้านการตีกลองสะบัดชัย และตัด “ตุง” (ธงกระดาษ ที่ใช้ในงานประเพณีพื้นบ้าน) โดยเขาภูมิใจท่ีตัดท�ำ “ตุง” ขนาดใหญ่ท่ีสุด ถงุ ยางอนามัยกบั การด�ำเนินชีวิตทางเพศในสงั คมไทย 117
ไปถวายใหก้ บั วดั ในวนั ประเพณสี งกรานตท์ ผ่ี า่ นมา ในมมุ ของเขา วฒั นธรรม ประเพณที อ้ งถน่ิ เปน็ สง่ิ ทเ่ี ขาใหค้ วามสนใจมาตงั้ แตเ่ รยี นชน้ั ประถมจนถงึ ปจั จบุ นั เขาเห็นด้วยว่าเร่ืองเพศมีส่วนเก่ียวข้องกับวัฒนธรรม แต่ไม่เห็นด้วย ท่ีบางคนเอาวัฒนธรรมบางเร่ืองมาผูกมัดกับเร่ืองเพศ แล้วตัดสินคุณค่ากัน อย่างไม่เท่าเทียมระหวา่ งการกระท�ำของผหู้ ญงิ กบั ผู้ชาย “คนเอาเรื่องวัฒนธรรมกับเรื่องเพศมาผูกมัดกันอยู่ว่าไม่ควรจะ อยู่ก่อนแต่ง แต่ในปัจจุบันจะเห็นได้ชัดว่า อยู่ก่อนแต่งมาก ใช่ไหมครับ ผู้หญิงกินเหล้าไม่ดี ผู้หญิงคบคนหลายๆ คนไม่ดี แต่ในเวลาเดียวกันดูว่าผู้ชายคบผู้หญิงหลายๆ คน มันเก่งนะ มันแน่ แต่ถ้าผู้หญิงไปคบคนหน่ึงแล้วไปคบอีกคนหนึ่ง ก็จะดู ผู้หญิงว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ดีอย่างง้ันอย่างง้ี ก่อนอ่ืนเขาจะดูที่ ผหู้ ญิงก่อน บา้ นเราพกี่ เ็ ข้าใจใช่ไหม มนั จะเปน็ อยา่ งน้ี แล้วผม คิดวา่ มันกไ็ ม่คอ่ ยแฟร์นะ... ผู้หญิงก็มีความต้องการทางเพศ ท�ำไมไม่เปิดโอกาสให้ผู้หญิง ยงั ไงละ่ ใหอ้ สิ ระ ผมวา่ มนั นา่ จะมอี สิ ระในตวั ไมใ่ ชเ่ อาเรอื่ งเพศ มากีดกันว่าเป็นผู้หญิงไม่ควรท�ำอย่างน้ัน ไม่ควรท�ำอย่างนี้ กนิ เหลา้ ไมด่ ี ผหู้ ญงิ สบู บหุ รไี่ มด่ ี ถา้ พดู ถงึ วา่ มนั ไมด่ ี กไ็ มด่ จี รงิ ๆ แต่ถ้าผู้ชายท�ำ ท�ำไมบอกว่าผู้ชายท�ำไม่เป็นไร แต่ผู้หญิง ห้ามทำ� ” แตค่ วามคดิ วพิ ากษว์ จิ ารณน์ ก้ี ลบั ไมเ่ ปน็ จรงิ ในการดำ� เนนิ ชวี ติ ครอบครวั ของเขา หากเขามลี กู สาว “สำ� หรบั ผมนะ ถา้ ผมมลี กู ผหู้ ญงิ ผมกส็ อนเขาแบบนแี้ หละ ตอ้ ง รักนวลสงวนตัว หา้ มอย่างนัน้ ห้ามอย่างน้ี ผมวา่ มนั เป็นแบบ นัน้ อย่แู ล้ว แตส่ ว่ นตัวผม ผมกค็ ดิ ว่ามนั ไม่แฟร์ สำ� หรับผ้หู ญิง” 118 นวิ ัตร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกจิ
ค�ำว่า “โอกาส” “ทางเลือก” ในเรื่องการแสดงออกเกี่ยวกับเร่ืองเพศ ในส่วนของผหู้ ญิงกบั ผชู้ ายในทางวฒั นธรรมแลว้ “มันกม็ คี วามคิดหลายๆ แง่ นะ มันกย็ งั ขัดแย้งกนั อยู่ในหวั อย่ดู ”ี ถงุ ยางฯ ไม่ใชส่ ำ� หรับรกั แท้ และครอบครัว บอยใช้ถุงยางอนามัยตั้งแต่คร้ังแรกและอีกสองคร้ังถัดมาในการม ี เพศสมั พนั ธท์ งั้ หมดของเขา เขาบอกวา่ หากเขามเี พศสมั พนั ธค์ รงั้ ตอ่ ๆ ไปกจ็ ะ ใช้ถุงยางอนามัยทุกคร้ังจนกว่าถึงเวลาแต่งงาน ซึ่งเป็นเวลาสร้างครอบครัว และมีลูก เขาจะไม่มีเพศสัมพันธ์กับแฟนจนกว่าจะพร้อม ที่หมายถึงแต่งงาน กัน ถุงยางอนามัยไม่ได้เป็นสิ่งจ�ำเป็นส�ำหรับชีวิตทางเพศในการแต่งงาน และมีครอบครัว ยกเว้นในกรณีท่ีต้องการคุมก�ำเนิด แต่ก็คิดเผ่ือเอาไว้ว่า อาจจะให้เมียกนิ ยาคมุ กำ� เนดิ แทนท่จี ะใชถ้ ุงยางฯ เพราะรู้วา่ มนั เป็นเรอ่ื งของ “ความเสยี่ ง” กบั โอกาสทอี่ าจเกดิ โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธแ์ ละรบั เชอ้ื เอชไอวี “เสย่ี งครับ เพราะเราก็ไมร่ ูว้ า่ เขาไปมคี นอ่นื ไหม เขาไปนอนกับ คนอน่ื ไหมหลงั จากทเี่ ราแตง่ งานกนั แลว้ หลงั จากทเ่ี ราเปน็ แฟน กนั แลว้ เรากไ็ มร่ วู้ า่ เขาไปทางอนื่ ไหม เหมอื นเขากไ็ มร่ วู้ า่ เราไป ทางอื่นไหม…กย็ ังไงล่ะ หลายๆ คู่ทผี่ มเหน็ เป็นแฟนกัน ผหู้ ญิง บางคนก็ไมช่ อบวา่ ทำ� ไมละ่ ไม่ไว้ใจกนั เหรอ เป็นแฟนกนั เปน็ ผวั เมยี กนั แลว้ ทำ� ไมตอ้ งใชถ้ งุ ยางฯ แลว้ กเ็ หน็ มานกั ตอ่ นกั ทเ่ี ปน็ ผวั เมยี กนั ผวั เอามาตดิ เมยี บา้ ง เมยี เอามาตดิ ผวั บา้ ง กม็ ใี หเ้ หน็ ถมเถไป มนั กย็ ังเป็นปัญหาทย่ี ังแก้ไมไ่ ดอ้ ยู่นะ” แม้จะร้ทู ง้ั รวู้ ่าเส่ียง แต่เขาก็ยังมองวา่ ถุงยางฯ เป็นสว่ นท่ีไมใ่ ช่ในชีวิต ความเป็นผัวเป็นเมียกัน คุยกันไปมา เขากลายเป็นฝ่ายย้อนกลับมาถามหา ความคิดเห็นเร่ืองความเป็นไปได้ท่ีจะใช้ถุงยางอนามัยในชีวิตการแต่งงานว่า ในชวี ติ จรงิ เปน็ ไปไดห้ รอื ไมท่ ผี่ วั − เมยี จะใชถ้ งุ ยางฯ กนั ทกุ ครง้ั ทม่ี เี พศสมั พนั ธ์ ถุงยางอนามยั กบั การดำ� เนนิ ชีวติ ทางเพศในสังคมไทย 119
เพราะเคยชนิ แต่อาจจะไม่ใชเ้ ฉพาะในตอนทีอ่ ยากมลี ูก แต่หลงั จากมีลกู แลว้ กก็ ลบั มาใชไ้ ปตลอด ใช้ไปจนแก่เฒา่ “พี่วา่ มนั น่าจะเป็นไปได้ไหม” เจยี๊ บ: กะเทยกม็ ีรักแท้ไดเ้ หมือนกัน “เป็นความท้าทายในชีวิตว่าเราจะสู้กับผู้หญิงได้ไหม หนูไม่ได้ แขง่ ขนั กบั ผู้หญงิ แตก่ �ำลังวิเคราะหว์ ่า สังคมบอกว่ากะเทยไม่มี รกั แทห้ รอื เปลา่ ” เจ๊ยี บ กะเทยสาวนกั กิจกรรม อายุ 27 ปี อธบิ ายถึงเหตผุ ลวา่ ทำ� ไมจึง เลอื กใชช้ ีวิตคู่อยกู่ ินเปน็ ผัวเมยี กบั ออ๊ ด แฟนหนุ่มคนปัจจุบนั ท้งั ทไ่ี มม่ อี ะไร สู้ออยแฟนเก่าของเธอท่ีมีหน้าที่การงานม่ันคงมากกว่า ขยันท�ำมาหากิน มเี หตผุ ลไมโ่ วยวาย และเปน็ คนบา้ นเดียวกนั ท่คี ยุ กนั ไดท้ ุกเรือ่ ง “บางครง้ั หนเู หงา หนคู ิดถงึ ออย เพราะออยมน่ั คงมาก ถ้าหนู ยังคบกับออย หนูจะก้าวไปไกลมาก ผัวก็ดี เมียก็ดี ก้าวไป ดว้ ยกัน อ๊อดยังช้ากวา่ หนู ต้องเร็วกวา่ น้นี ะ” สว่ นออ๊ ดมภี าระดแู ลพอ่ แม่ ตอ้ งสง่ เสยี การเรยี นใหก้ บั นอ้ งๆ อกี สามคน หลายครง้ั ทค่ี รอบครวั ออ๊ ดทะเลาะกนั หรอื มปี ญั หาการเงนิ เจย๊ี บตอ้ งเขา้ มาชว่ ย ประคับประคอง คอยเป็นคนกลางไกล่เกล่ียปัญหาให้อยู่เสมอ จนพ่อแม่และ ครอบครวั ของออ๊ ดยอมรบั เจยี๊ บ บางครงั้ พอ่ แมฟ่ งั เจยี๊ บมากกวา่ ฟงั ออ๊ ดเสยี อกี อ๊อดเป็นผู้ชายหน้าตาดี นิสัยเจ้าชู้ มีอาชีพขายบริการ จึงมักมีเร่ือง หงึ หวงเกดิ ขน้ึ อยเู่ สมอ คนทเ่ี ขา้ มามคี วามสมั พนั ธก์ บั ออ๊ ดมที งั้ กะเทย ผหู้ ญงิ เกย์ ตลอดหนึ่งปีแรกที่ตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน เรื่องราวท่ีเจ๊ียบถ่ายทอด ออกมาจงึ เตม็ ไปดว้ ยการทะเลาะเบาะแวง้ และใชค้ วามรนุ แรงตอบโตก้ บั บรรดา แฟนสาวของอ๊อดท่ีมีความสมั พันธ์กันก่อนหน้าทีอ่ ๊อดจะมาอยู่กบั เจ๊ยี บ 120 นวิ ัตร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ
“ออ๊ ดเจา้ ชู้มาก ผูห้ ญิง 5 − 6 คน กะเทย 3 คน คบพร้อมกัน 7 คน แลว้ กเ็ วยี นสบั รางเกง่ มาก ไปหาหนตู อนตหี นงึ่ ถงึ ตสี ี่ ตหี า้ ไปนอนกบั เมยี ออ๊ ดเกง่ มาก ชว่ งนนั้ ออ๊ ดมลี กู คา้ ไง ทำ� งานบรกิ าร อยบู่ าร์ มแี ขกทก่ี รงุ เทพอกี มคี นโอนเงนิ ใหต้ ลอด มคี นเลยี้ งมนั ไง มันก็ซื้อกระหน่�ำซัมเมอร์เซลล์ หนูอยากได้อะไรก็ซ้ือ มีเงินเข้า หนูก็ไมร่ ู้” ในช่วงท่ีเจ๊ียบเริ่มต้นความสัมพันธ์กับอ๊อด มีอยู่คร้ังหนึ่งท่ีเจ๊ียบและ เพ่ือนๆ ในองค์กรได้เข้าร่วมกระบวนการเรียนรู้เรื่องเพศและเพศวิถี ท่ีจัดขึ้น กนั เองภายในองคก์ รซงึ่ ทำ� งานดา้ นสทิ ธมิ นษุ ยชนกลมุ่ คนทม่ี คี วามหลากหลาย ทางเพศ จนกลายเป็นที่มาของความคิดที่จะลองท้าทายสังคมที่ยังมองว่า “กะเทยไม่มีรักแท้” การรกั ษาความสมั พนั ธก์ บั ออ๊ ดจงึ เปน็ เดมิ พนั ชวี ติ ของเจยี๊ บ เพอื่ ตอบโต้ ทศั นะสังคมทีม่ ตี อ่ กะเทยวา่ “กะเทยกม็ ีรักแทไ้ ดเ้ หมือนกนั ” เจี๊ยบต้ังความหวังและอนาคตของตัวเองเพื่อจะก้าวไปด้วยกันกับอ๊อด แมจ้ ะรสู้ กึ เหนด็ เหนอ่ื ยกบั การประคบั ประคองความสมั พนั ธท์ ลี่ มุ่ ๆ ดอนๆ ตอ้ ง สรู้ บปรบมือกบั ผ้หู ญิงคนก่อนๆ ของออ๊ ด ทย่ี ังเขา้ มาวนเวยี นอย่ใู นชวี ติ คู่ของ ทงั้ สองอยเู่ รอ่ื ยๆ ลกึ ๆ แลว้ ในใจเจยี๊ บรสู้ กึ วา่ ระหวา่ งความรกั กบั ความผกู พนั นน้ั แตกต่างกัน ออยอดีตแฟนเป็นความรู้สึกรัก แต่ส�ำหรับอ๊อด เธอเช่ือว่า มนั เปน็ ความรสู้ กึ ผูกพนั กันมากกว่า “ถามว่ารักไหม สู้ออยไม่ได้ แต่ผูกพันกับอ๊อดมาก แยกออก ระหว่างรักกับผูกพัน ผูกพันกับคนน้ีคือ ห่างปุ๊บ ต้องโทรตาม อยไู่ หน กินขา้ วหรอื ยงั ” แม้จะรู้ดีว่าทั้งเธอและเขามีความแตกต่างกัน ทั้งความมั่นคงด้าน การเงินของตัวเธอเองท่ีมีช่องทางท�ำมาหากินได้มากกว่า และความแตกต่าง ถงุ ยางอนามัยกับการด�ำเนินชวี ติ ทางเพศในสงั คมไทย 121
ทางพื้นฐานการศกึ ษาท่ีเธอมมี ากกว่า ออ๊ ดถงึ กบั เคยเปรยเรอ่ื งโอกาสในชีวิต ตวั เขาเองทแ่ี ตกต่างกับเจีย๊ บว่า “เจยี๊ บโชคดีนะ เราอยากใสช่ ุดนักศึกษา แต่ก็ ไม่ได้เรียน” ยงิ่ ทำ� ให้เจี๊ยบเกิดความร้สู ึกสงสารอ๊อด และเชอื่ ม่นั ว่าสกั วนั หนึง่ อ๊อดจะมีชวี ติ ทีด่ ขี ้ึนเมื่อมีเจย๊ี บคอยดแู ลอยู่เคียงข้าง ถงึ กระนน้ั กต็ าม ความสมั พนั ธท์ างเพศของทงั้ คดู่ ทู า่ ทางจะไปไดไ้ มส่ วย นัก ความเครียดและการทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยๆ ในเร่ืองผู้หญิงที่ต้องรับรู้ และแก้ปญั หากนั อยูเ่ สมอ จนมีทีทา่ ว่าจะเลกิ รากันหลายคร้ัง ทำ� ใหเ้ จ๊ียบเริ่ม ปฏเิ สธทจี่ ะมีเพศสัมพันธ์กับเขา เธอไมม่ อี ารมณ์ทางเพศ นอนหนั หลังให้กนั ซุกหน้ากับหมอนร้องไห้แทบทุกคืน แม้ในที่สุดจะลงเอยด้วยการกลับมา ขอคืนดกี นั เหมือนเดิมกต็ าม บางขณะ เจ๊ียบก็รู้สึกล�ำบากใจที่รู้ว่าอ๊อดต้องออกไปมีอะไรกับลูกค้า บางวันเจี๊ยบรู้สึกเหงาท่ีต้องอยู่เพียงล�ำพังตอนอ๊อดไปพักค้างคืนกับลูกค้าใน ต่างจังหวัด แม้จะบอกว่ารับได้และเข้าใจงานท่ีอ๊อดท�ำ เพราะเจ๊ียบก็ท�ำงาน กับเพ่ือนๆ กะเทยที่เป็นพนักงานบริการ ครั้งหนึ่งเคยโทรไปหาอ๊อดตอนที่ ยังอยู่กับลูกค้าโดยแกล้งท�ำเสียงเป็นชายบอกว่าเป็นเพ่ือนของอ๊อด และต้อง อดใจไมโ่ วยวายกบั ลกู คา้ เพราะเกรงวา่ จะมกี ระทบตอ่ เรอ่ื งงานและรายไดข้ อง ออ๊ ดในภายหลงั แต่ความรสู้ กึ หงึ หวงกเ็ กดิ ข้นึ อยู่บอ่ ยๆ จนบางคร้งั ถงึ กับตอ้ ง ขอหยุดมีเพศสมั พนั ธก์ ับเขา “จูบปากใครมาแล้วมาจบู ปากเรา ขยะแขยง ร้สู ึกแยไ่ ง ถา้ ตอ้ ง ใช้ปากทำ� oral sex กบั ออ๊ ด เวลาคดิ คิดมามันปึ๊ก! ข้ึนมาเลย นะ มนั พดู ล�ำบากมาก” เจี๊ยบเชื่อว่าการใช้ฮอร์โมนเพศของกะเทยส่งผลให้ความต้องการ ทางเพศลดลงดว้ ย เจย๊ี บตดั ลกู อณั ฑะตง้ั แตเ่ รยี นมหาวทิ ยาลยั ชว่ งนนั้ ใชฮ้ อรโ์ มน เต็มท่ีเพื่อต้องการให้รูปร่างเหมือนผู้หญิงมากท่ีสุด แต่ระยะหลังเร่ิมทิ้งช่วง 122 นิวตั ร สวุ รรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ
การใช้ฮอร์โมนน้อยลง แต่ก็ยังไม่มีอารมณ์ทางเพศกับอ๊อดอยู่ดี อ๊อดจึงแอบ ไปมีเพศสัมพันธ์กับกะเทยคนอน่ื เรอ่ื งนเ้ี พ่อื นๆ ในทท่ี �ำงานของเจย๊ี บรกู้ นั ดี เจ๊ียบถูกเพ่ือนๆ ต�ำหนิว่าเห็นแก่ตัวท่ีไม่ยอมมีเซ็กส์กับอ๊อด ปล่อยให้ อ๊อดไปมีกับคนอื่น เจี๊ยบจึงพยายามปรับปรุงตัวเองด้วยการชวนอ๊อดมา รว่ มกจิ กรรมสอ่ื สารเรอื่ งเพศทอ่ี งคก์ รของเจยี๊ บจดั ขน้ึ เพอ่ื ทดลองกบั ชวี ติ คขู่ อง ตวั เอง ด้วยความหวังว่าความสัมพันธจ์ ะเปลยี่ นไปในทิศทางท่ดี ขี ึ้นกว่านี้ เจี๊ยบเปิดใจคุยกับอ๊อดเพ่ือค้นหาวิธีการท่ีจะสร้างความสุขทางเพศ ใหก้ นั และกนั ทบทวนหนา้ ทก่ี ารเปน็ สามภี รรยาทดี่ ตี อ่ กนั ยอมรบั และขอโทษ กบั ความผดิ พลาดทต่ี า่ งคนตา่ งทำ� ไวใ้ หก้ นั ในอดตี เจยี๊ บออกปากวา่ ตง้ั แตน่ น้ั เปน็ ตน้ มาออ๊ ดไมค่ อ่ ยมเี รอื่ งปดิ บงั เธอมากมายเมอื่ เทยี บกบั ชว่ งกอ่ น แตค่ วาม สัมพันธ์ทางเพศก็ดีขึ้นแค่เพียงระยะหนึ่ง เจ๊ียบรู้สึกว่าหากนานๆ ครั้งมีเพศ สมั พนั ธด์ ว้ ยการถกู สอดใสจ่ ะมคี วามสขุ มาก แตร่ สู้ กึ ไมช่ อบหากตอ้ งมบี อ่ ยครงั้ ในชว่ งเวลาตดิ ๆ กนั แตท่ เ่ี จยี๊ บชอบมากทส่ี ดุ คอื การไดก้ อด คลอเคลยี เลน่ เนอ้ื เลน่ ตัวกนั เจี๊ยบจะรสู้ ึกดีกบั เร่ืองน้ีมาก แต่นั่นไม่ใช่เป็นความสุขและความต้องการของอ๊อดท่ีต้องการสอดใส่ ทกุ คร้ัง จนเพอ่ื นๆ ในทีท่ �ำงานของเจย๊ี บมาเลา่ ใหฟ้ ังวา่ อ๊อดไปบ่นกบั เพือ่ นๆ และหงดุ หงดิ ทกุ ครง้ั ทพ่ี ดู ถงึ เรอ่ื งน้ี เจย๊ี บรดู้ วี า่ ตวั เองบกพรอ่ งเรอื่ งนี้ จงึ พยายาม ท�ำส่ิงอ่ืนชดเชยให้เขาแทนด้วยการดูแลครอบครัว ปรนนิบัติดูแลอ๊อดในเรื่อง อ่นื ๆ “แต่เขาก็เลือกหนู เพราะหนูรับมือกับแฟนเขาได้หลายคน พ่อ แม่เขาก็ยอมรบั หนู อยูฝ่ า่ ยเดียวกับหนู” เพศสมั พนั ธข์ องเจย๊ี บเปลย่ี นจากหนา้ มอื เปน็ หลงั มอื หลงั จากทต่ี ดั สนิ ใจ ใชช้ วี ิตคู่กับออ๊ ดตลอด 4 − 5 ปีที่ผา่ นมา เจ๊ียบแทบจะไม่วอ่ กแว่กไปกบั คนอ่นื ทง้ั ทก่ี อ่ นหนา้ นนั้ เจยี๊ บถกู จดั วา่ เปน็ กะเทยผมยาวสวยสะพรง่ั ท่ี “แรง” ในชว่ ง ถุงยางอนามัยกับการดำ� เนินชวี ิตทางเพศในสังคมไทย 123
ที่ยังเรียนในมหาวิทยาลัยและมีชื่อเสียงในหมู่นักเท่ียวกลางคืนและเพ่ือน นกั ศึกษามหาวทิ ยาลยั เดียวกนั เจี๊ยบมองว่าตอนนั้นตัวเอง “แรง” มาก ยอมรับว่ามีความต้องการ ทางเพศสูงมากเม่ือเจอคนแปลกหน้า หากไปเที่ยวผับบาร์จะรู้เลยว่าถุงยาง อนามยั ซอ่ นอยซู่ อกมมุ ไหน ยง่ิ ชว่ งนนั้ เรม่ิ ทำ� งานกบั องคก์ รทที่ ำ� งานดา้ นปอ้ งกนั เอดส์ด้วย เจ๊ียบประเมินว่าตัวเองมีเพศสัมพันธ์แบบฉาบฉวย จึงตระหนักกับ การป้องกันตวั เองเปน็ อยา่ งดี แต่พอเลือกมาอยู่เป็นคู่กับอ๊อด ทั้งคู่ใช้ถุงยางอนามัยในระยะแรก ภายหลังเลิกใช้ เพราะจัดความสัมพันธ์ทางเพศให้อยู่ในคู่ผัวเมีย เพ่ือพิสูจน์ ใหเ้ หน็ วา่ “กะเทยก็มีรักแทไ้ ดเ้ หมอื นกัน” กร: ถุงยางฯ กับความจริงทีไ่ ม่ไดพ้ ูด กรเปน็ รนุ่ พใ่ี นกลมุ่ เยาวชนในพนื้ ที่ ทำ� งานเปน็ ผนู้ ำ� กลมุ่ อาสาสมคั รเพอ่ื รณรงคใ์ หค้ วามรดู้ า้ นเอชไอว/ี เอดสแ์ กก่ ลมุ่ วยั รนุ่ ในชมุ ชนของตนเองและชมุ ชน ใกล้เคียง เร่ืองราวชีวิตของเขามักได้รับการหยิบยกข้ึนมาเป็นกรณีตัวอย่าง ทน่ี ำ� มาเลา่ ใหฟ้ งั กนั เสมอๆ วา่ กรเปน็ วยั รนุ่ ชายทมี่ คี วามรบั ผดิ ชอบเพราะเขา ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ซ่ึงมีท่ีมาว่า 2 − 3 ปีก่อนหน้าน ี้ กรเคยมแี ฟนเปน็ เพอ่ื นนกั เรยี นหญงิ โรงเรยี นเดยี วกนั แลว้ มเี พศสมั พนั ธก์ นั โดย ไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย ท�ำให้กรและแฟนรู้สึกกังวลใจเร่ืองปัญหาการต้ังท้อง ในขณะเรียน กรบอกเลา่ ความรสู้ กึ วา่ เขารสู้ กึ ทกุ ขท์ รมานใจมาก กงั วลไปตา่ งๆ นานา ว่าการตั้งท้องของแฟนสาวจะสง่ ผลกระทบตอ่ ชีวิตแฟนและตนเอง ทำ� ใหต้ ้อง หยุดเรียน เสยี อนาคต แมท้ า้ ยทสี่ ดุ แลว้ แฟนสาวของเขาจะไมไ่ ดต้ งั้ ทอ้ ง เป็น เพยี งภาวะประจ�ำเดอื นมาลา่ ช้าเทา่ นั้น แตค่ วามรสู้ ึกในคร้ังน้นั ท�ำให้เขาบอก กบั ตวั เองและคนอื่นๆ เสมอว่า “ต้องใชถ้ ุงยางอนามยั ทุกคร้ังที่มเี พศสัมพนั ธ”์ 124 นิวัตร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ
เขาจึงกลายเป็นเร่ืองเล่าในกรณีตัวอย่างที่ดีของวัยรุ่นท่ีรับผิดชอบ ใช้ถุงยางอนามัยทุกคร้ังที่มีเพศสัมพันธ์ เร่ืองของเขาได้รับการหยิบยกมา บอกเล่าต่อในงานรณรงค์การใช้ถุงยางอนามัยโดยกลุ่มและองค์กรที่ท�ำงาน ในพื้นที่ และผูเ้ ขียนกไ็ ดร้ บั การแนะนำ� ให้รจู้ ักกับเขา หลังจากท่ีผู้เขียนและผู้ช่วยนักวิจัยพูดคุยท�ำความรู้จักคุ้นเคยกับเขา ระยะหน่ึงผ่านการท�ำกิจกรรมกลุ่มด้วยกัน จนน�ำไปสู่การนัดสัมภาษณ์เดี่ยว ในการพูดคุยแบบเปิดอก บนความพยายามสร้างความไว้วางใจและ ความสบายใจซึ่งกันและกันโดยไม่มีทัศนะตัดสิน กรได้เล่าเรื่องราวชีวิตทาง เพศของเขาให้ฟงั และพดู ถึงความจรงิ ทีเ่ ขาไมไ่ ด้พูดใหใ้ ครฟังวา่ เขาไมไ่ ดใ้ ช้ ถงุ ยางอนามัยทกุ ครั้งตามที่ไดบ้ อกกบั ตัวเองและคนอืน่ ๆ ไว้ กรเลา่ ใหฟ้ งั วา่ ปจั จบุ นั เขาคบหาเปน็ แฟนกบั ผหู้ ญงิ คนใหมแ่ ลว้ และมี เพศสมั พนั ธก์ นั เชน่ เดยี วกบั ผหู้ ญงิ คนอนื่ ทเ่ี คยคบมา เวลามเี พศสมั พนั ธก์ บั แฟน ก็ใช้ถุงยางอนามัย แต่มักจะไม่ใช้ถุงยางอนามัยในเพศสัมพันธ์ท่ีเขาเรียกว่า “ยกหลงั ๆ” นั่นคอื มจี �ำนวนครงั้ ของการมเี พศสัมพนั ธ์มากกวา่ 1 หนหรอื ยก ตามคำ� เรยี กของเขา โดยบอกวา่ “ผมคดิ เอาเองว่า เวลาเอากนั ในยกหลงั ๆ นำ้� (อสจุ ิ) คงจะเจือ จางลงแล้ว ท�ำให้มโี อกาสเส่ียงท่ีจะท�ำให้แฟนทอ้ งนอ้ ยลง” การเรียนรู้เร่ืองเอชไอวี/เอดส์และเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัยในกิจกรรม กลุ่มและการเป็นผู้น�ำกลุ่มที่ต้องท�ำกิจกรรมกับวัยรุ่นในชุมชน ไม่ได้ส่งผลต่อ การตดั สนิ ใจใชถ้ งุ ยางอนามยั ในการปอ้ งกนั โรคของเขามากนกั เพราะสำ� หรบั ตัวเขาเองแล้ว ความกังวลใจของการไม่ใช้ถุงยางอนามัยอยู่ที่ท้องไม่พร้อม มากกวา่ โรคติดตอ่ ทางเพศสัมพันธ์ทีอ่ าจเกดิ ข้ึนได้ การตัดสินใจใช้หรือไม่ใช้ถุงยางอนามัยจึงยังอยู่ท่ีว่าเขามีเพศสัมพันธ์ กับใคร เพราะหากเป็นเพศสัมพันธ์กับแฟนหรือคู่ประจ�ำ การตัดสินใจท่ีจะ ไมใ่ ชถ้ งุ ยางอนามัยในกิจกรรมทางเพศยกหลงั ๆ ดจู ะตัดสนิ ใจไดง้ ่ายขนึ้ เชน่ ที่เขาพูดถึงวา่ ถงุ ยางอนามยั กบั การดำ� เนนิ ชีวิตทางเพศในสงั คมไทย 125
“ถา้ เปน็ เรอ่ื งโรคตดิ ตอ่ อาจจะนอ้ ยกวา่ ในความคดิ ของผม แตถ่ า้ เป็นท้องน้ีมากกว่า เพราะท่ีผมเลือกทางนี้ (ไม่ใช้ถุงยางฯ) คือ ผมรจู้ กั เขามานานแลว้ ในความคดิ ผมคอื เปน็ คนรกั แลว้ ไวใ้ จกนั แต่ถ้าเกิดไม่ใช่คนรักก็ต้องป้องกัน (safe) อีกอย่างคือ “การ เอาสด” (ไม่ใส่ถุงยางอนามยั ) ก็มนั ส์กว่า รู้สกึ อีกแบบหน่งึ ” ค�ำพูดของเขาสะท้อนความคิดความเชื่อท่ีเห็นว่า การตัดสินใจใช้หรือ ไม่ใช้ถุงยางอนามัยขึ้นอยู่กับการประเมินความเส่ียงบนฐานความสัมพันธ์ และความไว้วางใจในคู่นอน ในกรณีคู่นอนที่เขาเชื่อและไว้วางใจว่าไม่เส่ียง เพราะมีสถานะเป็นคนรัก เป็นคู่ประจ�ำ เขาจะนับเพศสัมพันธ์คร้ังนั้นว่าเป็น “เพศสัมพนั ธแ์ บบปกต”ิ ฉันท์คู่รักทวั่ ไป จงึ ไมจ่ ำ� เป็นตอ้ งใช้ถงุ ยางอนามัย กรจะใชถ้ งุ ยางอนามยั กต็ อ่ เมอื่ เปน็ ไปเพอ่ื ปอ้ งกนั การทอ้ งไมพ่ รอ้ มเทา่ นนั้ นอกจากนี้ การไม่ใช้ถุงยางฯ ยังสัมพันธ์อยู่กับความคิดเรื่องความสุข ความพึงพอใจด้านอรรถรสทางเพศที่ได้จากการ “เอาสด” อีกด้วย (เพราะ) ส�ำหรับเขาแล้ว การใช้ถุงยางอนามัยไม่ได้ให้รสสัมผัสและความรู้สึกทางเพศ ในแบบท่ีเขาชอบ ผเู้ ขยี นไมไ่ ด้เจตนาเปดิ โปงความจริงทไี่ มไ่ ด้พดู ของกร เพยี งแต่เห็นวา่ เร่ืองราวส่วนน้ีของเขาน่าสนใจ แม้ว่าชีวิตทางเพศของเขาอาจจะเหมือนกับ คนอนื่ ๆ ทวั่ ไป ทใี่ นความสมั พนั ธฉ์ นั ทค์ รู่ กั แลว้ การใหค้ า่ เรอื่ งความไวว้ างใจ นบั เปน็ สว่ นสำ� คญั ในชวี ติ คแู่ ละเพศสมั พนั ธข์ องเขา จนไมเ่ หลอื พน้ื ทว่ี า่ งให้ กบั ถงุ ยางอนามยั แตเ่ รอ่ื งราวของเขายงั สะทอ้ นภาพความจรงิ ทวี่ า่ คนๆ หนงึ่ อาจไมส่ ามารถพดู ในสง่ิ ทเ่ี ปน็ ความจรงิ ทเ่ี กดิ ขนึ้ กบั ตวั เขาเองได้ หากความจรงิ น้ันเป็นเร่ืองท่ีหลุดออกไปจากกรอบศีลธรรมจริยธรรมท่ีย้�ำเตือนแต่ในเร่ือง ส�ำนึกและความรับผิดชอบ เขาจึงต้องพูดในส่ิงที่เป็นภาพตัวแทนของ ความถกู ตอ้ ง ความรบั ผดิ ชอบ และเปน็ สง่ิ ทค่ี นอยากฟงั 126 นวิ ัตร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ
เอก: ถงุ ยางอนามยั กบั ชวี ติ ทางเพศทล่ี งตวั ของหนมุ่ รกั อสิ ระ ช่วงเวลาท่ีได้รู้จักและพูดคุยกับเอก ขณะน้ันเขามีอายุ 41 ปี เอกเป็น ชายหนมุ่ ทย่ี งั เลอื กใชช้ วี ติ อสิ ระทางเพศ ผา่ นการมคี หู่ ลายคนและหลากหลาย รปู แบบความสมั พนั ธ์ ทง้ั ในแบบช่ัวคราว ขา้ มคืนเดียว รวมทงั้ คู่ประจำ� ลึกซงึ้ ฉันท์คนรัก ถุงยางอนามัยจึงเป็นค�ำตอบที่ลงตัวกับชีวิตทางเพศของเขาได้ ค่อนข้างดที ีเดยี ว เอกเติบโตมาจากครอบครัวทมี่ พี อ่ เปน็ ข้าราชการ มพี น่ี อ้ ง 4 คน เปน็ ลูกชายเพียงคนเดียว เขาและพี่น้องต้องย้ายโรงเรียนบ่อยในเขตจังหวัด ภาคอสี านตามหนา้ ทกี่ ารงานของพอ่ เอกเรมิ่ ตน้ เขา้ เรยี นมธั ยมตน้ ในโรงเรยี น ประจ�ำอ�ำเภอของจังหวัดยโสธร และต่อมาย้ายมาเรียนช้ันมัธยมปลาย ในโรงเรยี นประจ�ำจงั หวัดชยั ภูมิ เอกเปน็ คนพูดน้อย ไมค่ ่อยสุงสงิ หรอื พูดคุย เร่ืองของตวั เองกบั คนในครอบครัว แตส่ นิทสนมกบั เพ่ือนๆ ในโรงเรียนมธั ยม มากกวา่ โดยเฉพาะในชว่ งทยี่ า้ ยมาเรยี นมธั ยมปลายในโรงเรยี นประจำ� จงั หวดั ชัยภมู ิ และเรม่ิ จับกลมุ่ เพอ่ื นชายที่สนทิ กนั และเข้าไปอย่ใู นกลุ่มแกง๊ ผชู้ ายเกเร เรมิ่ หดั สูบบุหร่ี ดม่ื เหล้า ตัง้ แตเ่ รียนมธั ยม “มีแก๊งในห้อง 5 − 7 คน เลิกเรียนใส่ชุดนักเรียน ก็ไปนั่งกิน เหล้าขาวตามสถานีขนส่ง หรือตามบ้านเพ่ือน บางทีก็มีเร่ือง ชกตอ่ ย ทช่ี ยั ภมู กิ ม็ แี กง๊ กลมุ่ บา้ น เพอ่ื นทเี่ ปน็ หวั โจกจรงิ เขาเปน็ คนรวย บางทีมนั ก็เกเรมาก บางทไี ปจ้ขี ่มขนื ก็มี ในแก๊งบางที ก็มีปืน เพ่ือนคนหนึ่งเอาปืนมาฝากก็มี บางทีก็ทะเลาะกับ แก๊งอ่ืน บางทีก็ตีกันระหว่างห้อง ม.6 ข้ามช้ันระหว่างห้อง 2 หอ้ งตดิ กนั ก็มีเร่ิมสบู กัญชา กนิ เหลา้ ” ชวี ติ วยั รนุ่ ของเอกคอ่ นขา้ งอยใู่ นกลมุ่ เพอื่ นผชู้ าย โดยเรยี กวา่ “เปน็ กลมุ่ พวกเกเร” แตก่ จ็ ดั ตวั เองวา่ อยใู่ นกลมุ่ “เดก็ เรยี นด”ี ดว้ ยเชน่ กนั เพอ่ื นนกั เรยี น ถุงยางอนามยั กับการด�ำเนนิ ชวี ิตทางเพศในสงั คมไทย 127
มธั ยมปลายยกใหเ้ อกเปน็ หวั หนา้ หอ้ ง เขาจงึ มที งั้ เพอื่ นทอี่ ยใู่ นกลมุ่ เรยี นดแี ละ เดก็ หลงั หอ้ ง หากเพอ่ื นในกลมุ่ แกง๊ มเี รอ่ื งยกพวกตกี นั พอกนิ เหลา้ ดว้ ยกนั เสรจ็ เพื่อนจะหลอกใหเ้ ขากลับบา้ นไปกอ่ น เอกเล่าวา่ “เวลาเพื่อนมาท่ีบ้าน เขาเกรงใจพ่อแม่เรา เห็นเราตัวเล็กกว่า เพื่อนในกลุ่ม ดูสู้คนไม่เป็นเท่าไหร่ เวลาจะไปต่อยกับกลุ่มอื่น ก็บอก เฮ้ย กินเหล้าเสร็จ โอเค แยกย้ายกันกลับบ้าน บางที เรารู้มาทีหลังว่านัดตอ่ ยกบั กล่มุ อืน่ ” เอกเห็นว่าเร่ืองเหล่านี้เป็นเรื่องปกติตามประสาเด็กผู้ชายที่ต้องมีเส่ียง กนั บา้ ง แตก่ ไ็ มจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งเสย่ี งไปกบั ทกุ เรอ่ื ง และตอ้ งไมก่ ระทบกบั ผลการเรยี น ของตวั เอง จนในทส่ี ดุ เขาสอบติดเข้าเรียนในมหาวทิ ยาลยั ของรัฐทม่ี ชี ื่อเสียง ในกรงุ เทพฯ ความแตกตา่ งระหวา่ งสงั คมเมอื งกบั สงั คมชนบทและการปรบั ตวั เอง เมอ่ื เขา้ มาเรยี นในมหาวทิ ยาลยั เอกมองวา่ สงั คมนกั ศกึ ษามหาวทิ ยาลยั โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยมีช่ือเสียง เป็นสังคมที่หล่อหลอมให้คนต้องแข่งขัน ด้านการเรียนเพื่อสร้างความโดดเด่นของความเป็นปัจเจกค่อนข้างสูง หากเทียบกับชีวิตนักเรียนมัธยมต่างจังหวัดโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชายด้วยกัน มคี วามสนทิ สนมคนุ้ เคย จรงิ ใจ และถงึ ลกู ถงึ คนกนั มากกวา่ ในแบบทเ่ี อกเรยี ก ความสมั พันธก์ ับเพือ่ นในเวลานั้นวา่ “ตายแทนกันได”้ “พอไปเที่ยวบ้านเพื่อนผู้หญิง พ่อหรือแม่มันก็ตะโกนออกมา ขนาดเราอยู่ ม. 4 ไปเทยี่ วบ้านเพื่อนผูห้ ญงิ นะ พอ่ หรอื แมม่ นั ไม่รู้ ลูก...เพื่อนเรามีเหล้ากินยัง งง..อะไรเนี่ย สงั คมชยั ภูมกิ ็เปน็ แบบ บางทีไม่ถือนะ วัยรุ่นเด็กมัธยมกินเหล้า เรื่องธรรมดา แตต่ อนเรยี นปรญิ ญาตรี สว่ นมากเปน็ เดก็ เรยี น สงั คมกค็ อ่ นขา้ ง มีความทะเยอทะยาน หล่อหลอมให้ (เป็น) สังคมเด็กเรียน 128 นวิ ัตร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกจิ
(แต่เปน็ ) สังคม (ที่) ไม่ใช่ (แบบสังคม) ไฮโซ (เป็น) สังคมแบบ อีกชนชนั้ หนึง่ เดก็ เรยี นด้วยความมงุ่ หวงั ” เอกเข้าไปท�ำกิจกรรมกลุ่มของมหาวิทยาลัยและเลือกเข้าชมรมอนุรักษ์ สง่ิ แวดลอ้ ม สนทิ สนมกบั เพอื่ นๆ ในชมรมทม่ี คี วามสนใจเดยี วกนั มากกวา่ เพอ่ื น ในชนั้ เรียนหรอื เพ่อื นในคณะเดียวกนั เมอ่ื เรยี นจบมหาวทิ ยาลัยจึงไปทำ� งาน กบั องค์กรพิทกั ษ์คุ้มครองสตั ว์ป่าได้ระยะหน่งึ ต่อมาตดั สินใจเดนิ ทางไปเรียน ต่อปรญิ ญาโททซ่ี านฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา แตด่ ้วยคา่ ครองชีพที่ สูงและต้องท�ำงานหนักพร้อมกับเรียนไปด้วย จึงตัดสินใจกลับมาท�ำงานและ เรียนตอ่ จนจบทีม่ หาวทิ ยาลยั ทางภาคเหนอื ของประเทศไทย หลงั จากใชช้ วี ติ อยทู่ ่สี หรฐั อเมรกิ านานถึง 8 ปี ประสบการณ์ทางเพศคร้ังแรกกับจุดเริ่มต้นเลือกชีวิตทางเพศ ทไี่ ม่ผกู มดั ตวั เอง เอกมองวา่ เรอ่ื งเพศสมั พนั ธข์ องวยั รนุ่ ไมว่ า่ หญงิ หรอื ชาย เปน็ เรอื่ งธรรมดา เพราะเกิดข้ึนได้ง่ายๆ ตามวิถีสังคมของวัยรุ่น เซ็กส์ครั้งแรกของเอกเกิดขึ้น เมอื่ เรยี นอยูม่ ัธยม 5 ด้วยการไปเท่ียวหญงิ บรกิ าร เพราะตอนน้ันยังไม่มแี ฟน เอกไปเทย่ี วหญิงบริการเพยี ง 2 − 3 ครงั้ ซ่ึงเปน็ กจิ กรรมที่เกดิ ข้ึนจากการรวม กลุ่มเพ่ือนๆ น่ังกินเหล้าตามร้านบริเวณสถานีขนส่งรถโดยสาร และมีสาวๆ มาวนเวียนชวนเดก็ หนมุ่ ให้ซอ้ื บรกิ ารทางเพศ หากตกลงราคากนั ได้ ก็พากนั ไปใช้บริการทห่ี อ้ งเชา่ ของผู้หญิงทอ่ี ยูใ่ นย่านนน้ั จนกระทงั่ เขาเรยี นชน้ั มธั ยม 6 จงึ ตดั สนิ ใจลองคบหาเปน็ แฟนกบั เพอื่ น ผ้หู ญิงในห้องเดยี วกัน แตเ่ ป็นความสมั พันธ์ระยะส้นั ไม่กเี่ ดอื น เมื่อเรียนระดบั มหาวิทยาลัย เอกก็ไม่มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนใดเป็นพิเศษ มีจีบๆ คุยๆ กันบ้างแต่ไม่จริงจัง พอเจอผู้หญิงอยากลอง ก็ไปมีอะไรกันแล้วก็จบกันไป แล้วก็หนั มาสนใจกับการท�ำกจิ กรรมกับเพอื่ นในมหาวทิ ยาลัยมากกว่า ถงุ ยางอนามัยกับการดำ� เนนิ ชีวติ ทางเพศในสังคมไทย 129
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242