Abramson & Pinkerton ยังได้ยกตัวอย่างให้เห็นอีกว่า นอกจาก มมุ มองทใ่ี หค้ วามหมายเรอื่ งเพศจะเปลย่ี นไปแลว้ มมุ มองเรอื่ งถงุ ยางอนามยั ก็ถกู ทำ� ใหเ้ ปลย่ี นไปในทิศทางเดยี วกันกบั เรอ่ื งเพศด้วยเช่นกัน ในยุค 1970 โฆษณาถุงยางอนามยั เน้นเรือ่ งความสขุ พึงใจทางเพศ (pleasure) และสมั ผัส สมั พนั ธอ์ นั ลกึ ซง้ึ (intimacy) ดงั ตวั อยา่ งถอ้ ยความทใี่ ชใ้ นการโฆษณาผลติ ภณั ฑ์ ถุงยางฯ รุน่ หนึ่งทว่ี า่ “ผคู้ วบข่บี นความขรุขระ” (rough rider) ซงึ่ ขยายความ ไดว้ า่ เปน็ ถงุ ยางฯ ที่ “มผี วิ สมั ผสั ถงุ ยางฯ เปน็ ปมุ่ นนู 468 ปมุ่ เพอื่ สมั ผสั ทเ่ี รา้ ใจ อันจะท�ำให้ฉันรู้สึกแปลบปลาบและเป็นปล้ืมไปกับคุณ” อันเป็นการแทนค่า ให้ความหมายวา่ ถุงยางฯ เทา่ กบั อปุ กรณ์เสริมความสุขทางเพศ แตป่ จั จบุ นั ความหมายของถงุ ยางอนามยั กลบั เปน็ ไปในทศิ ทางตรงขา้ ม องค์ประกอบแห่งความกลัวได้ปรากฏอย่างชัดเจนในตัวอย่างโฆษณาถุงยาง อนามัยจ�ำนวนมาก ซ่ึงเน้นไปท่ีการป้องกันโรค ดังตัวอย่างโฆษณาถุงยางฯ ทรอจนั (Trojan condoms) ทวี่ ่า “...เพราะความรมุ่ ร้อนในจังหวะน้ีสามารถ เผาผลาญคุณไปชั่วชีวิต” หรือ “ฉันจะท�ำหลายอย่างเพื่อรัก แต่ฉันไม่พร้อม ทจี่ ะตายเพือ่ รัก” บนความเปลย่ี นแปลงนี้ สำ� หรบั บางคนแลว้ ถงุ ยางฯ กลายเปน็ สญั ลกั ษณ์ ของโรคร้าย ความไม่ไว้วางใจ และความตาย เช่นที่มีเกย์คนหน่ึงพูดไว้ว่า “ฉันเห็นแววตาของเขาตื่นตระหนกไปด้วยความกลัว ฉันรู้สึกได้ในทันทีว่า มีความตายอยดู่ ว้ ยกับเราในห้องน.ี้ ..ถุงยางฯ ทำ� ให้เราคิดถงึ โรครา้ ย” มมุ มองตอ่ เรื่องเพศ เอดส์ และถุงยางอนามยั ทเ่ี ปลยี่ นไปน้ี ท�ำให้เห็น ว่าภาวะคุกคามของเอดส์ส่งผลให้เพศสัมพันธ์ในชีวิตคนบางกลุ่มลดลงทั้ง ในเชิงปริมาณและคุณภาพ ผู้คนจ�ำนวนมาก ทั้งท่ีมีวิถีรักต่างเพศและรัก เพศเดียวกันมองว่า การมีเพศสัมพันธ์ที่ให้ความสุขความพึงพอใจทางเพศ โดยไม่มีความกลัวหรือปราศจากความกังวลนั้นได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว จากตัวอย่างข้างตน้ น้ี ท�ำใหเ้ ราจำ� เป็นตอ้ งตงั้ ค�ำถามว่า จรงิ ๆ แล้วเรามองเร่อื งเพศกับเอดส์แยกออกจากกนั ได้หรอื ไม?่ 30 นวิ ัตร สวุ รรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ
เราจะเอาชนะความกลัวจากเอดส์ได้ด้วยการผสมผสานเทคนิคการมี เพศสมั พนั ธท์ ปี่ ลอดภยั และทศั นคตเิ ชงิ บวกตอ่ เรอื่ งเพศไดห้ รอื ไม?่ และถงุ ยางฯ เปน็ อะไรได้บ้าง? ถุงยางฯ ไม่จ�ำเป็นต้องเป็นสัญลักษณ์ของความเส่ียง อันตราย และ ความตาย แต่เราสามารถท�ำให้ถุงยางฯ เป็นสัญลักษณ์ของความรักและ ความห่วงใยสุขภาพของคู่เพื่อสุขอนามัยที่ดี เช่นเดียวกับที่เราสามารถท�ำให้ ถุงยางฯ เป็นส่วนหน่ึงของการสร้างความเย้ายวนใจขณะเล้าโลม ท�ำให ้ ถงุ ยางฯ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของการสรา้ งความสขุ ความพงึ พอใจทางเพศ โดยทำ� ให้ ถุงยางฯ เป็นส่วนหน่ึงของเพศสัมพันธ์มากกว่าเป็นเครื่องกีดขวาง หรือเป็น เครอื่ งมืออปุ กรณท์ างการแพทย์ คำ� อธบิ ายตอ่ คำ� ถามทวี่ า่ ทำ� ไมการสง่ เสรมิ เรอื่ งเพศสมั พนั ธท์ ป่ี ลอดภยั จึงไม่ค่อยประสบความส�ำเร็จ จึงเป็นเพราะว่าที่ผ่านมา การสร้างวาทกรรม หรอื การพดู คยุ ถกเถยี งเรอ่ื งเอดสอ์ ยบู่ นใจกลางเรอ่ื งโรค มากกวา่ เรอื่ งสขุ อนามยั และความสุขความพึงพอใจทางเพศ และในยุคสมัยของเอดส์ การพูดเร่ือง ความสขุ ความพงึ พอใจทางเพศถกู ทำ� ใหก้ ลายเปน็ เรอื่ งตอ้ งหา้ ม ดว้ ยความกงั วล วา่ จะทำ� ใหค้ นมงุ่ สขุ จนลมื ความปลอดภยั อกี ทง้ั การพดู ถงึ เรอ่ื งนใ้ี นโปรแกรม เพศศกึ ษาในหลายประเทศถกู หา้ ม เชน่ การพดู เรอ่ื งการสอนใหเ้ ดก็ เรยี นรเู้ รอื่ ง การชว่ ยตนเอง แมจ้ ะเป็นสว่ นหนึ่งของเพศสมั พันธ์ทป่ี ลอดภัยกวา่ ก็ตาม ดงั นน้ั จงึ เหน็ ไดว้ า่ ในยคุ สมยั เอดส์ ภาพความตายทถ่ี กู วาดและระบาย สไี วไ้ ดส้ รา้ งความหวาดกลวั ลงไปในการดำ� เนนิ ชวี ติ และทสี่ ำ� คญั ไดส้ รา้ งภาพ เพศสัมพันธ์อันตรายขึ้นมาคู่กับภาพถุงยางฯ ท่ีกลายเป็นเคร่ืองมือป้องกัน อันตราย การเปล่ียนแปลงเพ่ือให้หลุดพ้นจากความหมายของถุงยางอนามัย ท่ีถูกสร้างข้ึนน้ี จ�ำเป็นต้องร้ือสร้างมุมมองเร่ืองเพศ ด้วยการสร้างทัศนคต ิ เชิงบวกต่อเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยและมีความสุข ท่ีเรียกว่าสุขภาวะเร่ืองเพศ โดยเรมิ่ ตงั้ แตอ่ ายยุ งั นอ้ ย ดว้ ยการทำ� ความเขา้ ใจกรอบคดิ การอธบิ ายเรอ่ื งเพศ ในสังคมไทย ถงุ ยางอนามยั กบั การด�ำเนินชีวติ ทางเพศในสังคมไทย 31
กรอบการอธบิ ายเร่อื งทางเพศ (ท่ีมีข้อจ�ำกดั ) ทผ่ี า่ นมา เราคุ้นเคยกับการทำ� ความเข้าใจโดยจ�ำแนกเร่ืองเพศของคน เป็นรักต่างเพศ (heterosexual) กับรักเพศเดียวกัน (homosexual) การจัด ประเภทหรือจ�ำแนกเร่ืองทางเพศโดยใช้ลักษณะทางเพศวิถีบนฐานชีววิทยา แล้วจัดแบ่งออกเป็นคนที่มีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกันและคนท่ีมีเพศสัมพันธ์ กับคนต่างเพศนั้น ไม่น่าจะเพียงพอและไม่สามารถน�ำมาใช้เป็นภาพสากล ทใ่ี ชอ้ ธบิ ายครอบคลมุ ไปทั้งโลกได้ ขณะทกี่ ารศกึ ษาวจิ ยั แบบขา้ มวฒั นธรรมในทางสงั คมศาสตร์ มานษุ ยวทิ ยา ชาติพันธุ์วรรณา ฯลฯ ซึ่งสนใจความเฉพาะทางวัฒนธรรมชี้ให้เห็นว่า เร่ือง ทางเพศนั้นไม่สามารถน�ำมาจัดประเภทแล้วส่งผ่านหรือสืบทอดต่อกันมาได้ แบบเปน็ เสน้ ตรงหรอื เปน็ หนง่ึ เดยี ว แตก่ ลบั มลี กั ษณะทเ่ี รยี กวา่ เปน็ การประกอบ สร้างขน้ึ มาจากแตล่ ะท้องถน่ิ อยู่ภายใตค้ วามรู้และความเชื่อเฉพาะของแตล่ ะ วฒั นธรรม ค�ำอธิบายดังกล่าวน�ำไปสู่ความท้าทายในการขยายกรอบแนวคิด การทำ� ความเขา้ ใจเรอื่ งเพศ โดยมองทะลไุ ปถงึ มติ เิ รอื่ งความปรารถนา (desire) ความสุขความพึงพอใจ (pleasurable) ความเชื่อ (beliefs) การแสดงออก ทางร่างกาย (bodily practices) ประสบการณ์ทางกามารมณ์ (erotic experiences) ฯลฯ ซ่ึงจ�ำเป็นต้องมองเข้าไปในแต่ละบริบททางวัฒนธรรม ในขณะเดยี วกนั เร่อื งทางเพศเองกม็ ิไดม้ ีเฉพาะคำ� อธบิ ายในระดบั โครงสร้าง อาทเิ รอ่ื งทางวฒั นธรรมเทา่ นน้ั แตย่ งั สะทอ้ นใหเ้ หน็ และแสดงผา่ นประสบการณ์ การด�ำเนินชวี ติ ทางเพศในชีวิตประจำ� วันของแตล่ ะผู้คนดว้ ย การมองความสมั พนั ธท์ เ่ี ชอื่ มโยงกนั ทงั้ 2 ระดบั คอื ระดบั โครงสรา้ งทาง วัฒนธรรมที่ก�ำหนดความเช่ือความปรารถนา และระดับการด�ำเนินชีวิตจริง ในเรื่องการปฏิบัติตัว การแสดงออกทางเพศ จะช่วยให้เราเข้าใจเรื่องเพศได ้ ดขี ึ้น และน�ำไปสกู่ ารดำ� เนนิ งานต่างๆ ทเี่ กย่ี วข้อง อาทิ การปอ้ งกันเอชไอว ี ให้สามารถด�ำเนินการไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพเพิ่มขน้ึ 32 นิวัตร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกจิ
นัยส�ำคัญของเร่ืองนี้สะท้อนผ่านข้อสรุปหน่ึงในงานป้องกันเอชไอวีว่า การด�ำเนินงานต่างๆ ในเรื่องเพศและเอดส์จ�ำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ด้าน การป้องกันที่ใส่ใจกับความละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรม เพื่อท�ำความเข้าใจ ชีวิตและสุขภาวะทางเพศ โดยไม่ลดทอนความหมาย ค�ำเรียกขาน หรือ ด่วนสรุปเรื่องทางเพศให้กลายเป็นค�ำง่ายๆ หรือจัดเข้าไปใส่ในความหมาย ท่ีสอดคล้องกับความเข้าใจพ้ืนๆ ทั่วไป ในแบบเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน หรอื เพศสมั พนั ธก์ บั คนตา่ งเพศเทา่ นนั้ แตจ่ ะตอ้ งคน้ หรอื แสวงหาการปฏบิ ตั ติ วั การกระท�ำ การให้คุณค่าความหมาย และความเส่ียง รวมทั้งความสุข ความพงึ พอใจเรอ่ื งเพศทเ่ี กดิ ข้นึ ภายในบริบทนนั้ ๆ ดว้ ย ยอ้ นหลงั ไปราว 30 ปกี ่อน เม่ือเอดสก์ ลายเปน็ ปญั หาระดบั โลก พบว่า ท้ังโลกมีความเข้าใจเร่ืองทางเพศน้อยมาก ตัวอย่างเช่น เรามีเพียงค�ำว่า รักเพศเดียวกัน (homosexual) และรักต่างเพศ (heterosexual) ที่ใช้ใน การพดู คุยหรืออธิบายความสมั พนั ธท์ างเพศ เมอ่ื เวลาผา่ นไปพรอ้ มกบั การเผชญิ กบั ปญั หาเอดส์ กเ็ รม่ิ ปรากฏใหเ้ หน็ ชัดเจนว่า เร่ืองทางเพศของมนุษย์มีความหลากหลายและซับซ้อนมากกว่า ค�ำอธิบายที่มีอยู่ เราเริ่มเห็นและเข้าใจชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่า ค�ำเรียกขาน ความหมาย และประเภทหรือลักษณะท่ีเราใช้อธิบายประสบการณ์ทางเพศ ในวัฒนธรรมตะวันตก ไม่ได้จ�ำเป็นเสมอไปว่าสามารถน�ำมาใช้อธิบายเรื่อง ทางเพศกบั เอชไอว/ี เอดส์ไดใ้ นทกุ ๆ ท่ี ทกุ ๆ แหง่ ย่งิ ไปกว่านั้น หากค�ำนงึ ถึงบรบิ ททางวฒั นธรรมแลว้ พบว่า ศพั ทห์ รือ ค�ำเรียกขานเร่ืองทางเพศมีการใช้และให้ความหมายที่แตกต่างกันออกไป ในแตล่ ะรนุ่ อายุและระหวา่ งปจั เจกบคุ คลดว้ ย เช่น คำ� ว่า “ผวั เดียวเมยี เดยี ว” ของเยาวชนจำ� นวนมากในกรงุ เมลเบริ น์ ประเทศออสเตรเลีย หมายถึงการมี ผวั เดยี วเมยี เดยี วเปน็ ครง้ั ๆ ทลี ะคนไป ดงั นน้ั การสง่ เสรมิ เรอ่ื งผวั เดยี วเมยี เดยี ว ในแงท่ เี่ ปน็ ยทุ ธศาสตรเ์ พอื่ ลดความเสย่ี งจากการไดร้ บั − ถา่ ยทอดเชอื้ เอชไอวี ก็อาจเข้าใจความหมายผิดเพยี้ นบดิ เบี้ยวไปได้ ถงุ ยางอนามยั กบั การดำ� เนนิ ชวี ติ ทางเพศในสงั คมไทย 33
ช่วงเกือบ 10 ปีท่ีผ่านมา พบว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความ กังวลใจภาวะความลักล่ันขัดแย้งในเรื่องนโยบายการป้องกันเอชไอวีในระดับ โลกทเี่ สนอโดยประเทศสหรฐั อเมรกิ า ซง่ึ กำ� หนดใหโ้ ครงการทไ่ี ดร้ บั เงนิ สนบั สนนุ จากประเทศสหรัฐอเมริกาต้องใช้สาระหลักในการด�ำเนินการป้องกันเอชไอว ี ทีเ่ น้นเร่ือง A (ละเว้นการมเี พศสมั พันธ์) B (ซือ่ สตั ย์กับคู)่ และ C (ใชถ้ งุ ยาง อนามัย) ทั้งที่มีประเด็นเกี่ยวข้องมากมาย ท้ังในเรื่องของคู่นอน กิจกรรม ทางเพศ และความเสย่ี ง เกดิ ขนึ้ ภายใตบ้ รบิ ททกี่ ำ� หนดความสมั พนั ธใ์ นรปู แบบ ของการส่งเสริมเรื่องเพศที่ให้คุณค่ากับการรักษาพรหมจรรย์และการซ่ือสัตย์ ต่อคู่ ซึง่ นบั วา่ เปน็ ความทา้ ทายอยา่ งมากในการด�ำเนนิ การปอ้ งกนั เอชไอวี การศึกษาพฤติกรรมทางเพศของผู้หญิงท่ีมีเช้ือเอชไอวีในรัฐนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกาเองพบว่า การใช้ถุงยางอนามัยในเพศสัมพันธ์ภายใต้ เงอ่ื นไขความสมั พนั ธแ์ บบผวั เดยี วเมยี เดยี วในระยะยาวนนั้ มคี วามแตกตา่ งกนั ออกไป เชน่ พบวา่ ผหู้ ญงิ ทมี่ เี ชอ้ื เอชไอวไี มส่ ามารถใชถ้ งุ ยางอนามยั ไดท้ กุ ครง้ั เมอ่ื มเี พศสมั พนั ธก์ บั คทู่ ไี่ มม่ เี ชอื้ เอชไอวี แมว้ า่ คจู่ ะรบั รสู้ ถานการณต์ ดิ เชอ้ื ของ เธอกต็ าม ภายใตเ้ งอื่ นไขแบบน้ี ผหู้ ญงิ จะสามารถใชถ้ งุ ยางอนามยั ไดก้ ต็ อ่ เมอ่ื คู่ให้ความส�ำคัญกับการป้องกัน และยังแสดงให้เห็นว่าการใช้ถุงยางอนามัย ข้ึนอยูก่ ับผูช้ าย ไม่ว่าเขาจะตดิ เชือ้ หรอื ไม่ตดิ เชื้อกต็ าม ตัวอย่างข้างต้นเป็นภาพสะท้อนของการก�ำหนดและส่งเสริมมาตรการ ดา้ นการปอ้ งกนั ทย่ี งั ขาดความเขา้ ใจความซบั ซอ้ นของเรอ่ื งทางเพศและสถานะ อ�ำนาจทางเพศท่ีแตกต่างกัน การป้องกันเอชไอวีท่ีให้ความหมายพ้ืนๆ ว่า การส่งเสริมรูปแบบผัวเดียวเมียเดียวหรือการละเว้นการมีเพศสัมพันธ์เท่ากับ ปลอดภยั แลว้ เปน็ มาตรการทไี่ มส่ ามารถแยกแยะความแตกตา่ งระหวา่ ง “คณุ คา่ ” ที่สัมพันธ์อยู่กับรูปแบบเฉพาะของเร่ืองทางเพศ และความเป็นจริงในเรื่อง ความเสี่ยงและชวี ิตทางเพศได้ 34 นวิ ตั ร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ
จากการเฝ้าติดตามดูการแพร่ระบาดในช่วง 30 ปีท่ีผ่านมา และ การพนิ จิ พเิ คราะหก์ ารจำ� แนกแยกแยะเรอ่ื งเพศและกจิ กรรมการปฏบิ ตั ทิ างเพศ ท้ังในบริบทของโลกตะวันตกและนอกโลกตะวันตก ท�ำให้พบข้อขัดแย้งที่มี นัยส�ำคัญระหว่างพฤติกรรมทางเพศท่ีสัมพันธ์กับรูปแบบเฉพาะด้านของเร่ือง ทางเพศท่ีถูกก�ำหนด กับหนทางในการด�ำเนินชีวิตทางเพศในชีวิตประจ�ำวัน เชน่ เราเรม่ิ พบอยา่ งชดั เจนวา่ มไิ ดม้ เี ฉพาะชายทเี่ ปน็ เกยเ์ ทา่ นนั้ ทมี่ เี พศสมั พนั ธ์ (แบบไมไ่ ดป้ อ้ งกนั ) ทางชอ่ งทวารหนกั กบั ชายอน่ื และมไิ ดม้ เี ฉพาะคนทถ่ี กู ระบุ วา่ เป็น “พนกั งานบรกิ ารทางเพศ” เท่าน้นั ท่ีมีเพศสัมพันธ์เพือ่ แลกเปลยี่ นกบั เงนิ หรือสง่ิ ของ กรอบการอธิบายเรื่องเพศสัมพันธ์ท่ีใช้กันอยู่จึงมีข้อจ�ำกัดในตัวเอง เพราะไม่สามารถใช้อธิบายความแตกต่างหลายหลายทางเพศ ทั้งเพศวิถี กิจกรรม พฤติกรรม และการปฏบิ ัตทิ างเพศ ภายใตค้ วามสัมพันธเ์ ชงิ อ�ำนาจ ระหว่างเพศที่หลากหลายและล่ืนไหลได้เช่นน้ี คงต้องพิจารณาว่ากรอบคิด เรอ่ื งเพศทใี่ ชก้ นั อยนู่ มี้ ที ม่ี าทไ่ี ปอยา่ งไร ถกู สรา้ งและผลติ ซำ้� ตอ่ ๆ กนั มาอยา่ งไร 2.2 กรอบคิดเรอ่ื งเพศถูกจ�ำกดั ไวอ้ ยา่ งไร งานวิจัยเรื่องเพศภาวะและเพศวิถีในสังคมไทยที่ส�ำคัญชุดหน่ึงในชุด โครงการวจิ ยั “การสรา้ งและจดั การความรดู้ า้ นเพศวถิ ี เพศภาวะ และสขุ ภาพ ทางเพศ” ชดุ ทห่ี นงึ่ ดำ� เนนิ งานโดยมลู นธิ สิ รา้ งความเขา้ ใจเรอ่ื งสขุ ภาพผหู้ ญงิ (สคส.) ภายใตแ้ ผนงานสรา้ งเสรมิ สขุ ภาวะทางเพศ สำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) หน่ึงในงานวิจัยชุดน้ันคือ เรื่อง “วิธีคิดเรื่อง เพศวถิ ีของรฐั ไทย” ของวราภรณ์ แช่มสนิท ถุงยางอนามัยกบั การด�ำเนินชวี ติ ทางเพศในสงั คมไทย 35
งานวิจัยของวราภรณ์ (2551) ระบุว่า ในอดีต เรามักถูกท�ำให้เชื่อว่า เรื่องเพศกับรัฐนั้นเป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน โดยเรื่องของเพศ เป็นพฤติกรรมหรือทางเลือก “ส่วนตัว” ขณะท่ีเรื่องของรัฐน้ันเป็นประเด็น “สาธารณะ” ทำ� ใหท้ ่ีผ่านมาไม่ค่อยมีการศึกษาท่มี องความสมั พนั ธเ์ ช่อื มโยง ของสองส่วนน้ีมากนัก การศึกษาเรื่องเพศจึงมุ่งเน้นไปที่การศึกษาพฤติกรรม ทางเพศในระดบั ปจั เจกบคุ คล และแบบแผนพฤตกิ รรมทางเพศทค่ี ลา้ ยคลงึ กนั ในระดบั กลมุ่ /เครอื ขา่ ยฯ แมจ้ ะมกี ารยกระดบั การมองเรอื่ งแบบแผนพฤตกิ รรม ทางเพศขึ้นมาสัมพันธ์กับความเปลี่ยนแปลงทางสังคมวัฒนธรรม ในเรื่อง บรรทัดฐาน ความเช่ือ และค่านิยม แต่ก็มักไม่ค่อยเอ่ยอ้างพาดพิงไปถึงรัฐ ท�ำให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับเพศวิถีดูจะเป็นประเด็นที่ยังไม่มี การศกึ ษาแพร่หลายมากนัก ขอ้ วิเคราะห์และแนวคดิ ของนกั คดิ สตรีนิยม 2 ทา่ นที่ได้รบั การอ้างอิง ถึงในการศึกษาเร่ืองเพศวิถีในสังคมไทย (กฤตยา และกนกวรรณ, 2550; ชลิดาภรณ,์ 2547; วราภรณ,์ 2551) คอื ขอ้ วเิ คราะหข์ อง เกล รูบิน (Gayle Rubin) เร่ืองการก�ำหนดล�ำดับช้ันทางคุณค่าส�ำหรับพฤติกรรมทางเพศแบบ ต่างๆ และแนวคิดของแนนซ่ี เฟรเซอร์ (Nancy Fraser) เร่ืองแบบแผนคณุ คา่ ทางวัฒนธรรมเร่ืองเพศท่ีถูกท�ำให้กลายเป็นสถาบันต่างๆ คือ ต้นตอของ การกีดกันทางสังคม ท้ังสองประเด็นนี้ช่วยให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่าง เพศวิถีกับรฐั และสังคม โดยเฉพาะกลไกทางความคดิ ของรัฐและสงั คมในการ ควบคมุ เรือ่ งเพศ หากพจิ ารณาเรอื่ งเพศวถิ จี ากแงค่ วามเปน็ ธรรมทางสงั คมแลว้ เราอาจ เกดิ คำ� ถามกบั เพศวถิ ขี องคนรกั เพศเดยี วกนั คนขา้ มเพศ หรอื เพศวถิ นี อกสมรส ทถี่ กู ทำ� ใหเ้ ชอ่ื วา่ อยนู่ อกกรอบจารตี บรรทดั ฐานทางสงั คม และสง่ ผลใหส้ งั คม ไม่ยอมรับเพศวิถีของคนเหล่าน้ี เราอาจเกิดค�ำถามว่าเพศวิถีเหล่านี้เป็นเร่ือง สว่ นตวั เปน็ ลกั ษณะทางจติ วทิ ยาหรอื พฒั นาการทางเพศของบคุ คลนน้ั ๆ หรอื 36 นวิ ัตร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ
เปน็ การจดั วางความสมั พนั ธใ์ นสงั คมทท่ี ำ� ใหบ้ คุ คลไมไ่ ดร้ บั ความเปน็ ธรรมจาก กฎกตกิ า ระบบคณุ คา่ ทถ่ี กู กำ� กบั ควบคมุ และดแู ลจากสถาบนั ตา่ งๆ ในระบบรฐั แนนซี่ เฟรเซอร์ พดู ถงึ เพศวถิ ีในฐานะทีเ่ ปน็ ความเปน็ ธรรมทางสังคม โดยแยกแยะระหวา่ งการพจิ ารณาประเดน็ เพศวถิ ใี นฐานะทเี่ ปน็ “ความถกู ตอ้ ง ดีงามเชิงศีลธรรม” กับการพิจารณาเพศวิถีในฐานะที่เป็น “ความเป็นธรรม” (วราภรณ์, 2551) ความไม่เป็นธรรมทางเพศเกิดขึ้นเมื่อคนบางกลุ่มไม่ได้รับ การยอมรับอย่างเท่าเทียมในสังคม โดยมีฐานมาจากแบบแผนคุณค่าทาง วฒั นธรรมทถี่ กู ทำ� ใหก้ ลายเปน็ สถาบนั จงึ ตอ้ งทำ� ความเขา้ ใจวธิ คี ดิ เครอ่ื งมอื และกลไกในการทำ� งานของแบบแผนคณุ คา่ ทางวฒั นธรรมกระแสหลกั ในเรอื่ ง เพศทีส่ ่งผลให้เกดิ การกีดกันทางสงั คม แนวคิดของเฟรเซอร์สอดคล้องกับข้อวิเคราะห์ของรูบินในเร่ืองระบบ การก�ำหนดล�ำดับช้ันทางคุณค่าส�ำหรับพฤติกรรมทางเพศ รูบินอธิบายว่า เร่ืองเพศมักถูกแทรกแซงโดยรัฐผ่านการใช้กฎหมายและนโยบาย และผ่าน สถาบันทางสังคมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการแพทย์ ครอบครัว ศาสนา การศึกษา และอ่ืนๆ โดยอาศัยระบบก�ำหนดล�ำดับชั้นทางคุณค่าเร่ืองเพศ ที่ด�ำรงอยู่ในสังคมเป็นกลไกควบคุม เช่น การใช้พฤติกรรมทางเพศและ การมีเพศสัมพันธ์ในกรอบการแต่งงานระหว่างคู่ชายหญิง ท่ีถือว่ามีคุณค่า สงู สุดเป็นมาตรฐานในการควบคุม (วราภรณ์, 2551) การกำ� หนดระบบคณุ คา่ ดงั กลา่ วใหเ้ ปน็ เพศสมั พนั ธแ์ บบปกติ สง่ ผลให้ พฤติกรรมหรือความสัมพันธ์ทางเพศแบบอื่นๆ อาทิ การมีเพศสัมพันธ ์ นอกสมรส ทั้งกอ่ นแต่ง ไม่ไดแ้ ต่ง หรอื ไมค่ ิดจะแต่ง รวมทั้งเพศสมั พนั ธแ์ บบ ชว่ ยตวั เอง แบบหมู่ กบั สอื่ หรอื อปุ กรณก์ ระตนุ้ เรา้ อารมณค์ วามรสู้ กึ เพศสมั พนั ธ์ กับคนเพศเดียวกัน เพศสัมพันธ์แบบซ้ือขายต่างตอบแทน ฯลฯ ท่ีแม้จะเป็น เพศสมั พนั ธท์ ย่ี นิ ยอมพรอ้ มใจของทง้ั สองฝา่ ยหรอื หลายฝา่ ย ถกู สงั คมกำ� หนด ว่าเป็นเพศสมั พนั ธแ์ บบผิดปกติ และให้มีคุณค่าต�ำ่ กวา่ ลงไปทง้ั สิน้ ถุงยางอนามยั กบั การด�ำเนินชีวติ ทางเพศในสังคมไทย 37
หากกล่าวถึงความสัมพันธ์ทางเพศและวิถีเพศซึ่งถูกก�ำหนด สร้าง และผลิตซ�้ำกลายเป็นบรรทัดฐานเรื่องเพศ โดยเฉพาะในกลุ่มคนชั้นกลาง ของสังคมไทยตามกรอบการก�ำหนดล�ำดับช้ันสูงต่�ำน้ี เราก็น่าจะคุ้นเคยกับ การจดั ลำ� ดบั คณุ คา่ สงู ตำ�่ เรอื่ งเพศ ทก่ี ำ� หนดใหเ้ พศสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคแู่ ตง่ งาน หญงิ ชาย โดยเฉพาะเพอ่ื การมลี กู และสรา้ งครอบครวั วา่ เปน็ สงิ่ ทสี่ งั คมยอมรบั และใหค้ ณุ คา่ สงู สดุ ขณะทค่ี วามสมั พนั ธท์ างเพศของคหู่ ญงิ ชายทไี่ มไ่ ดแ้ ตง่ งาน กันนั้น สังคมให้การยอมรับอยู่ในล�ำดับสูงกว่า และถูกประณามน้อยกว่า ความสมั พนั ธท์ างเพศในลกั ษณะอื่นๆ (ชลิดาภรณ์, 2547 อ้างใน วราภรณ์, 2551) ประการถัดมา การจัดล�ำดับคุณค่าให้เพศสัมพันธ์ของชายที่มีความ สัมพันธ์กับคนมากกว่าหนึ่งคนในเวลาเดียวกันหรือไล่เล่ียกัน หรือท่ีเรียกกัน วา่ ความสมั พนั ธซ์ อ้ น หรอื “ม/ี เปลยี่ นคบู่ อ่ ยครงั้ ” นน้ั ไดร้ บั การยอมรบั มากกวา่ เมอ่ื เทยี บกบั ผหู้ ญงิ และหากไขวด้ ดู ว้ ยเรอื่ งอายกุ เ็ ปน็ ไปในลกั ษณะเดยี วกนั คอื ได้รับการยอมรับน้อยลงหรือไม่ได้รับการยอมรับเลย แต่ยอมรับได้มากกว่า หากเกิดในเยาวชนชายเมื่อเทียบกับเยาวชนหญิง ท่ีจะถูกตัดสินคุณค่าทันท ี วา่ มี “เพศสมั พนั ธก์ อ่ นวยั อนั ควร” (ชลดิ าภรณ,์ 2547 อา้ งใน วราภรณ,์ 2551) สว่ นความสัมพันธ์ของคนรักเพศเดียวกนั และคนข้ามเพศ ไมว่ ่าจะเปน็ คู่ถาวรหรือไม่ก็ตาม ถือว่าเป็นสิ่งที่พึงปกปิดที่ให้รับรู้ได้เฉพาะในวงจ�ำกัด เพราะนอกจากจะถูกก�ำหนดหรือตัดสินคุณค่าให้อยู่ในระดับต่�ำแล้ว ยังอาจ ถกู ประณามวา่ เปน็ เพศสมั พนั ธท์ ่ี “เบยี่ งเบน” หรอื “ผดิ ปกต”ิ ไปจนถงึ “วปิ รติ ” ได้ การจดั ลำ� ดบั เพศสมั พนั ธใ์ หอ้ ยใู่ นลำ� ดบั ตำ�่ หรอื ถอื วา่ “ผดิ ปกต”ิ น้ี ยงั รวม ไปถึงเพศสัมพนั ธใ์ นลกั ษณะคา้ บรกิ ารทางเพศดว้ ย และตดั สนิ ก�ำหนดคุณคา่ ไปในทำ� นองเดียวกัน คอื ยอมรบั พฤติกรรมการซอื้ บริการทางเพศของผชู้ าย แตจ่ ะรงั เกยี จหรอื ไมย่ อมรบั ผคู้ า้ บรกิ ารทง้ั ทเ่ี ปน็ หญงิ และชาย (วราภรณ,์ 2551) 38 นิวัตร สุวรรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ
ในช่วงปี พ.ศ. 2546 − 2547 มีชุดงานวิจัยท่ีศึกษาวิเคราะห์นโยบาย เอดสข์ องรฐั ไทย โดยการสนบั สนนุ ของสำ� นกั โรคเอดส์ วณั โรค และโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ กรมควบคมุ โรค กระทรวงสาธารณสุข ผา่ นทางสถาบนั วจิ ัย ระบบสาธารณสุข ใน 4 เร่ืองส�ำคัญ งาน 2 เล่มท่ีผู้เขียนน�ำมาอ้างอิง คือ “ฐานคติเร่ืองเพศวิถีในนโยบายเร่ืองเอดส์ของรัฐไทย” โดย ชลิดาภรณ ์ ส่งสัมพันธ์ (2547) และ “วิเคราะห์วิธีคิดวิทยาในงานวิจัยเรื่องเพศภาวะ เพศวิถี กับเอดสศ์ ึกษา” โดยกฤตยา อาชวนิจกุล และกนกวรรณ ธราวรรณ (2550) ชลดิ าภรณ์ (2547) เขียนถงึ เรือ่ งเพศในกรอบทีถ่ ูกก�ำหนดและควบคมุ โดยรัฐ ศาสนา และวิทยาศาสตร์ไว้ว่า เร่ืองเพศซ่ึงถูกจัดว่าเป็นเร่ืองส่วนตัว ของมนุษย์ แท้ที่จริงเป็นประเด็นทางการเมืองที่ส�ำคัญ เพราะต�ำแหน่งแห่ง ทข่ี องเรอ่ื งเพศในสงั คมเปน็ การซอ้ นทบั ของการกำ� กบั รา่ งกายและการควบคมุ ประชากร เราจงึ ควรพจิ ารณาเรอื่ งเพศทงั้ ในฐานะทเ่ี ปน็ วถิ ชี วี ติ และประสบการณ์ ของคน และในการโต้เถียงต่อรองระหว่างคนที่มีกรอบความเชื่อเรื่องเพศ ต่างกัน รวมท้ังในฐานะประเด็นสาธารณะที่รัฐและประชาสังคมสนใจและ พยายามจะเขา้ มาจัดการ ระบบความเชื่อความหมายเร่ืองเพศได้รับอิทธิพลจากความเชื่อและ คำ� สอนทางศาสนา กฎหมายและนโยบายสาธารณะ วถิ ปี ฏบิ ตั ขิ องคนในสงั คม แนวคดิ ดา้ นการแพทย์ ฯลฯ ซง่ึ ตา่ งรว่ มมอื หรอื แยง่ ชงิ กนั นยิ ามความหมายและ กฎกตกิ าในเรอ่ื งเพศ เพอื่ กำ� หนดใหม้ นษุ ยเ์ รยี นรคู้ วามหมายและแบบแผนของ พฤตกิ รรมทางเพศในบรบิ ทของสงั คมและวัฒนธรรม ท่ีบอกใหร้ ู้ว่าคนควรจะ มีพฤติกรรมทางเพศอย่างไร กบั ใคร และเพือ่ อะไร (ชลดิ าภรณ,์ 2547) เร่ืองเพศ (Sex) ถูกให้ความหมายโดยเชื่อมโยงกับความแตกต่าง เชิงกายภาพของสรีระร่างกายระหว่างชายหญิง และการกระท�ำหรือกิจกรรม การรว่ มเพศของมนษุ ย์ ทง้ั สองแงม่ มุ ของเรอ่ื งเพศมคี วามเกย่ี วขอ้ งกนั กจิ กรรม ถุงยางอนามัยกบั การดำ� เนนิ ชวี ติ ทางเพศในสงั คมไทย 39
ทางเพศถูกก�ำหนดให้มองเฉพาะว่าเป็นเร่ืองของคนที่มีความแตกต่าง เชิงกายภาพท่ีแบ่งเป็นชายกับหญิง เพ่ือการเจริญพันธุ์ของมนุษย์ เรื่องเพศ ในความหมายนถี้ กู กำ� หนดวา่ เปน็ เรอื่ งธรรมชาตทิ เี่ ปลยี่ นแปลงไมไ่ ด้ พรอ้ มกบั การใหค้ ณุ คา่ กำ� กบั คนในสงั คมแยกแยะความสมั พนั ธท์ างเพศออกเปน็ รปู แบบ ท่ีถูกต้องเหมาะสม เป็นธรรมชาติท่ีเปลี่ยนแปลงไม่ได้ และรูปแบบทางเพศ ท่ีผิดไปจากนี้จะถูกนับว่าเป็นเร่ืองผิดธรรมชาติ เป็นความวิปริตเบ่ียงเบน แตค่ วามเชอ่ื เชน่ นก้ี ถ็ กู ทา้ ทายโดยแนวคดิ ทมี่ องวา่ วถิ แี ละกฎเกณฑใ์ นเรอื่ ง เพศไม่ได้เป็นธรรมชาติ แต่ถูกประกอบสร้างโดยกระบวนการทางสังคม ซึง่ รวมไปถงึ อตั ลกั ษณท์ างเพศทถ่ี กู มองวา่ เป็นผลผลติ ของพลงั ทางสงั คม และประวตั ศิ าสตรด์ ้วยเชน่ กนั (ชลิดาภรณ,์ 2547) ในสงั คมโลก กรอบคิดและการมองเรอื่ งเพศแบบตะวนั ตกมีอิทธพิ ลต่อ ความเขา้ ใจและการใหค้ วามหมายเรอื่ งเพศในหลายสงั คม ครสิ ตศ์ าสนากระแส หลักเชื่อว่า ความต้องการทางเพศเป็นส่วนหนึ่งของการลงโทษของพระเจ้า เรอ่ื งเพศนอกจากจะเป็นบาปแลว้ ยงั เปน็ อนั ตราย และมผี ลในทางทำ� ลายล้าง สตแิ ละความเปน็ เหตเุ ปน็ ผลของมนษุ ย์ รวมไปถงึ ระเบยี บของสงั คม ความตอ้ งการ ทางเพศและการร่วมเพศถูกมองว่าเป็นเรื่องไม่ดี ยกเว้นก็แต่เพียงกระท�ำเพื่อ วัตถุประสงค์ด้านการเจริญพันธุ์ในสถาบันการแต่งงานเพื่อสร้างครอบครัว (ชลดิ าภรณ์, 2547) เม่ือการร่วมเพศและเพศสัมพันธ์ที่ได้รับการยอมรับถูกจ�ำกัดอยู่เพียง การสืบเผ่าพันธุ์มนุษย์ รูปแบบของเรื่องเพศท่ีสังคมเห็นว่าถูกต้องชอบธรรม จึงจ�ำกัดอยู่เฉพาะการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างเพศชายกับเพศหญิงในสถาบัน การแตง่ งานเพอ่ื สรา้ งครอบครวั ทถ่ี กู มองวา่ เปน็ หนว่ ยพนื้ ฐานทส่ี ำ� คญั ของสงั คม เร่ืองเพศในฐานะพฤติกรรมการเจริญพันธุ์จึงถูกนิยามอย่างเฉพาะเจาะจงว่า เป็นเรื่องของการ “ร่วมเพศ” ระหว่างอวัยวะเพศของชายและหญิง โดยให้ ความส�ำคัญกับอวัยวะเพศชายและความพึงพอใจทางเพศของผู้ชาย เป็นศนู ยก์ ลาง (ชลดิ าภรณ์, 2547) 40 นิวัตร สุวรรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ
เรื่องเพศจึงถูกให้ความหมายอิงอยู่กับความแตกต่างทางสรีระร่างกาย ของชายและหญงิ ตวั ตน อตั ลกั ษณ์ ความเปน็ เพศแบบทเี่ รยี กกนั วา่ ความเปน็ ชายและความเป็นหญิง ก็ถูกประกอบสร้างข้ึนมาในแบบท่ีแอบอิงสนิทแนบ กบั ความแตกตา่ งทางสรรี ะรา่ งกายเปน็ หลกั รปู แบบความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเพศ ก็ถูกประกอบสร้างข้ึนมาโดยแอบอิงกับฐานคิดข้างต้นว่า เพศสัมพันธ์หรือ การร่วมเพศท่ีจะได้รับการยอมรับว่าเป็นวิถีเพศที่ถูกต้องต้องเกิดข้ึนระหว่าง อวัยวะเพศชายกบั อวัยวะเพศหญงิ บนเพศวถิ ีในสถาบันการแต่งงาน เพื่อสบื ลกู สรา้ งหลาน สร้างครอบครัว ดำ� รงความเปน็ สงั คมมนษุ ยเ์ ทา่ น้ัน กิจกรรม ทางเพศระหวา่ งคนเพศเดยี วกนั หรอื กจิ กรรมทางเพศทไี่ มเ่ กยี่ วขอ้ งกบั อวยั วะ เพศชายและหญิง รวมท้งั เรือ่ งเพศทอี่ ยูน่ อกการแตง่ งานถกู มองว่าเปน็ ปญั หา สงั คมทตี่ อ้ งแกไ้ ข และความสมั พนั ธท์ างเพศทไี่ มไ่ ดเ้ ปน็ เรอ่ื งของชายหญงิ เพอื่ การเจริญพันธุ์ เช่นการมีความสัมพันธ์ทางเพศกับคนท่ีมีเพศภาวะเดียวกัน ถูกจัดว่าเป็นความเบี่ยงเบน ผิดศีลธรรมและ/หรือผิดธรรมชาติ (ชลิดาภรณ์, 2547) แมก้ ารตกี รอบเรอ่ื งเพศทเี่ ปน็ ทยี่ อมรบั วา่ ถกู ตอ้ งชอบธรรมในลกั ษณะนี้ จะสืบทอดมาอย่างทรงพลังในการท�ำความเข้าใจเร่ืองเพศของคนในสังคม โดยจ�ำกัดรูปแบบความปรารถนา ความรู้สึกพึงพอใจและพฤติกรรมทางเพศ ในแบบอ่ืนๆ ของมนษุ ย์เอาไว้กต็ าม แตก่ ม็ ักถกู ทา้ ทาย ตอ่ รอง โดยขบวนการ เคล่อื นไหวทางสังคมของกลุ่มต่างๆ เรื่อยมาเช่นกนั การพิจารณางานวิจัยดังกล่าวในชุดงานวิจัยทั้ง 2 ชุด ท�ำให้เห็นว่า ทำ� ไมเรอ่ื งเพศจงึ ถูกทำ� ใหเ้ ป็นเพยี งความสมั พนั ธ์แบบรกั ต่างเพศของชายและ หญงิ ภายใตส้ ถาบนั การแตง่ งาน เพอ่ื การสบื ทอดเผา่ พนั ธแ์ุ ละการสรา้ งสถาบนั ครอบครัว ซ่ึงถูกก�ำหนดสร้างให้กลายเป็นกรอบคิดเร่ืองเพศกระแสหลักท ี่ ได้รับการยอมรับ และคอยก�ำกับควบคุมหรือเบียดขับไม่ให้เรื่องเพศและ ความสัมพันธ์ทางเพศมิติอื่นๆ ที่แม้จะด�ำรงอยู่ในชีวิตและวิถีทางเพศของ สังคมไทย ได้มีพื้นทป่ี รากฏอยรู่ ว่ มกนั ถงุ ยางอนามัยกบั การด�ำเนนิ ชวี ติ ทางเพศในสงั คมไทย 41
2.3 สามประสานกบั การปฏวิ ตั กิ ระชบั พนื้ ทเ่ี รอ่ื งเพศในยคุ สมยั เอดส์ ในช่วงเริ่มต้นของยุคสมัยเอดส์ สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแรกๆ ท่ี ออกมาส่งสัญญาณอนั ตรายของเร่อื งน้ี โดยสง่ สัญญาณอนั ตรายมาพร้อมกบั การใหค้ วามหมายของเอดส์ว่าเทา่ กับโรครา้ ยของเกย์ (Gay Syndrome) เปน็ โรคร้ายที่มากับวิถีและรูปแบบความสัมพันธ์ทางเพศที่ผิดปกติ เบ่ียงเบนจาก ธรรมชาติ แมต้ อ่ มาจะมีข้อเทจ็ จริงที่แสดงวา่ เอชไอวีมกี ารรบั − ถา่ ยทอดผา่ น เพศสัมพันธ์ท่ีไม่ได้ป้องกันไม่ว่ากับเพศวิถีไหนๆ ก็ตาม แต่การส่งสัญญาณ เรื่องเอดส์ก็ยังคงถูกก�ำหนดหรือผูกโยงเข้ากับบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคน ท่ถี ูกระบุวา่ มวี ถิ ีและรปู แบบความสัมพันธท์ างเพศทเี่ บี่ยงเบนและผิดปกติ คำ� อธบิ ายเรอื่ งการแพรร่ ะบาดของเอชไอวใี นประเทศไทย ในชว่ ง 15 ปี แรกก็ใช้ค�ำอธิบายลักษณะเดียวกัน โดยเปรียบเทียบการแพร่ระบาดเหมือน เปน็ ลกู คลนื่ ระลอกแรกเปน็ คลน่ื การระบาดในกลมุ่ ชายทม่ี เี พศสมั พนั ธก์ บั ชาย ระลอกทส่ี องเปน็ คลนื่ การระบาดในกลมุ่ ผใู้ ชย้ าเสพตดิ ดว้ ยวธิ กี ารฉดี และระลอก ท่ีสามเป็นคล่ืนการระบาดในกลุ่มหญิงบริการทางเพศ จนเข้ามาสู่กลุ่มชาย นกั เทยี่ วทใี่ ชค้ ำ� วา่ ประชากรทวั่ ไป ตอ่ มายงั ภรรยาหรอื คู่ และไปสทู่ ารกเกดิ ใหม่ ชว่ ง 10 ปใี หห้ ลงั คำ� อธบิ ายยอ้ นกลบั ไปสใู่ นลกั ษณะเดมิ วา่ มกี ารระบาด ใน “กลุ่มเส่ียง” ต่อมาเรียกว่า “กลุ่มที่อยู่ในภาวะเสี่ยงสูงสุด” การจับตา เฝ้าระวัง และการให้ภาพอธิบายในลักษณะนี้ เป็นการขยายภาพท่ีมุ่งเน้น “กลมุ่ และวถิ อี นั ตราย” เปน็ การตอกยำ�้ วา่ คนเหลา่ นเี้ ปน็ กลมุ่ ทอ่ี ยชู่ ายขอบของ ศีลธรรมอันดีงามท่ชี ดั เจนมากยง่ิ ขึน้ ค�ำว่า “ส�ำ่ ส่อน ม่วั เขม็ มัว่ เพศ ตดิ เอดสไ์ มร่ ู้ตวั ” ถูกนำ� มาใช้คู่กบั ค�ำวา่ “เอดส์ เทา่ กับ ตาย” มาตรการสง่ เสรมิ การใชถ้ งุ ยางอนามยั ในสถานบรกิ าร ทางเพศแบบปิด หรือท่ีเรียกว่าโครงการถุงยางอนามัย 100% เป็นมาตรการ ทใ่ี ชใ้ นการควบคมุ เอชไอวี สง่ ผลใหค้ นคดิ และเชอ่ื วา่ เปน็ มาตรการกำ� กบั ควบคมุ เร่อื งเพศท่ผี ิดศีลธรรมและเปน็ บาป 42 นิวัตร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ
(1) อำ� นาจรฐั เอดส์ถูกแทนค่าให้เท่ากับภัยคุกคามชีวิตและความม่ันคงและศีลธรรม อนั ดงี ามของประเทศ กลายเปน็ ชอ่ งทางทท่ี ำ� ใหร้ ฐั ศาสนา รว่ มกบั วทิ ยาศาสตร์ การแพทย์ พยายามเข้ามาควบคุมจัดการวิถีความสัมพันธ์ทางเพศใน สังคมไทย ชลิดาภรณ์ (2547) เห็นว่า เมื่อเอดส์ปรากฏผ่านการแพร่ระบาดของ เช้ือเอชไอวีจากเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน ท�ำให้อ�ำนาจควบคุมทางกฎหมาย และศลี ธรรมของรฐั ดจู ะชอบธรรมมากขนึ้ สง่ ผลใหข้ บวนการเคลอ่ื นไหวตอ่ รอง เรื่องเพศวิถีถูกสกัดชะงักไป และการผนวกพลังอ�ำนาจรัฐและวิทยาศาสตร์ การแพทย์เข้มแข็งและสูงขึ้น จนถูกสถาปนาเป็นกรอบในการให้เหตุผลและ มาตรฐานความถูกต้องในเรื่องเพศ สมทบให้อ�ำนาจรัฐในการควบคุมก�ำกับ เร่ืองเพศเขม้ แข็งมากขน้ึ การให้ความหมายและค�ำอธิบายเร่ืองภัยอันตรายของโรคเอดส์ที่แพร่ กระจายผา่ นการรว่ มเพศ/มเี พศสมั พนั ธไ์ ดก้ ลายเปน็ เหตผุ ล หรอื ขอ้ อา้ งสำ� คญั ในการควบคมุ กำ� กบั พฤตกิ รรมและวถิ ที างเพศของคน และสนบั สนนุ การควบคมุ ก�ำกับเรื่องเพศให้อยู่ในกรอบที่สังคมยอมรับ ซ่ึงจ�ำกัดเร่ืองเพศที่เหมาะสม ไวใ้ นเพยี งการแตง่ งานสรา้ งครอบครวั ระหวา่ งหญงิ ชายโดยมจี ดุ มงุ่ หมายเพอื่ การเจริญพันธ์ุ (ชลิดาภรณ,์ 2547) รูปแบบของพฤติกรรมทางเพศที่ปลอดภัยจากการติดเชื้อในสังคมไทย ถูกตีความโดยบางหน่วยงานหรือบางกลุ่ม ว่าเป็นการหลีกเล่ียงเรื่องเพศ นอกการแต่งงาน และจ�ำกัดเร่ืองเพศไว้ในสถาบันการแต่งงานและครอบครัว อยา่ งเขม้ งวด แมว้ า่ การรณรงคต์ ามนโยบายไดท้ ำ� ใหค้ นตระหนกั ถงึ ภยั อนั ตราย และหลีกเล่ียงหรือลดรูปแบบเรื่องเพศที่รฐั บอกวา่ อนั ตราย แต่ก็ยงั ไมไ่ ดส้ ง่ ผล ใหเ้ กดิ การจำ� กดั เรอ่ื งเพศไวเ้ ฉพาะในกรอบการแตง่ งาน คนยงั มพี ฤตกิ รรมเรอื่ ง เพศนอกสมรสในอกี หลายรปู แบบ การดำ� เนนิ นโยบายของรฐั จงึ เปน็ สว่ นหนง่ึ ถงุ ยางอนามยั กับการดำ� เนนิ ชีวติ ทางเพศในสงั คมไทย 43
ของการเมอื งเรอ่ื งเพศทร่ี ฐั ใชค้ วบคมุ พฤตกิ รรมของคน ขณะทคี่ นหลายกลมุ่ ใน สงั คมขัดขืนตอ่ รองในรปู แบบและแงม่ ุมตา่ งกนั ไป (ชลิดาภรณ,์ 2547) ในพิธีเปิดงานสัมมนาเอดส์ชาติช่วงวันที่ 27 − 29 พฤษภาคม 2552 นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้กล่าวว่า ยินดีเป็นประชาสัมพันธ์เร่ือง ความรกั และความซอ่ื สตั ยใ์ นครอบครวั เพราะหากคนซอ่ื สตั ยใ์ นครอบครวั กจ็ ะ ไม่มีปัญหาเอดส์ ซึ่งต่อมาก็ได้รับการตอบสนองอย่างแข็งขันจากกระทรวง สาธารณสุขในการโฆษณาทางโทรทัศน์ เพื่อประชาสัมพันธ์เรื่องความรัก ความซ่ือสัตย์ในครอบครัวให้เป็นแบบอย่างของการป้องกันแก้ไขปัญหาเอดส์ ซ่ึงก็คือการเชิดชูอุดมการณ์เพศสัมพันธ์ในรูปแบบที่รัฐต้องการส่งเสริมและ ควบคมุ และเป็นการตอกย้ำ� อันตรายของเพศสัมพนั ธ์รูปแบบอืน่ ๆ หรือในวิถี อื่นๆ ภาพดังกล่าวสะท้อนความพยายามของรัฐในการเข้าไปก�ำกับควบคุม เร่ืองเพศ ความปรารถนา และพฤติกรรมทางเพศ ซึ่งถูกจัดว่าเป็น “เรื่อง ส่วนตัว” ของคน แต่กลับกลายเป็นการควบคุมก�ำกับแง่มุมของชีวิตมนุษย์ อย่างเข้มงวดโดยสงั คม ศาสนา และรฐั การแสดงออกและความสมั พนั ธท์ างเพศของคนถกู ตดั สนิ โดยมาตรฐาน ทางศีลธรรมหรือผลกระทบต่อสังคมส่วนรวมมากกว่าความพึงพอใจหรือ ผลกระทบตอ่ คนทเี่ กย่ี วขอ้ งโดยตรง รปู แบบของเรอ่ื งเพศทก่ี ระทบกบั มาตรฐาน ความเช่ือ และผลประโยชน์ของชนช้ันกลาง รวมท้ังโครงสร้างความสัมพันธ์ เชิงอ�ำนาจท่ผี ้ชู ายเปน็ ใหญ่ ถูกท�ำให้เปน็ เรือ่ งผิดปกตหิ รือผิดกฎหมาย สง่ ผล ให้เรื่องเพศนอกกรอบเหล่านี้ต้องถูกก�ำกับควบคุมอย่างเข้มงวด จนน�ำไปสู่ การเรียกรอ้ งการลงโทษและการจัดการอย่างเฉียบขาด การมองเร่ืองเพศในทางลบว่าเป็นอันตรายและส่งผลทางลบอย่าง มหาศาลต่อสังคม ท�ำให้ปรากฏการณ์ต่างๆ อาทิ การแพร่ระบาดของเชื้อ เอชไอวี ถกู ใชเ้ ปน็ ขอ้ บง่ ชวี้ า่ เรอื่ งเพศหลดุ จากการควบคมุ เปน็ ภยั อนั ใหญห่ ลวง 44 นิวัตร สวุ รรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ
ตอ่ ศลี ธรรมและกรอบกตกิ าของการอยรู่ ว่ มกนั ของคนในสงั คม สะทอ้ นใหเ้ หน็ ว่ากรอบเร่ืองเพศกระแสหลักอ่อนก�ำลังลง และเป็นวิกฤติของสังคมที่รัฐต้อง เข้ามาจัดการแก้ไข นอกจากนี้ ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์เกี่ยวกับเร่ืองเพศที่เป็น การจดั ระเบยี บความปกตแิ ละความเบย่ี งเบนทเ่ี ชอื่ มโยงกบั ความปว่ ยไข้ ทำ� ให้ เรื่องเพศเป็นแง่มุมของชีวิตท่ีทุกคนในสังคมต้องสอดส่องดูแลตนเอง และ รัฐต้องเฝ้าระวังและควบคุมดูแล เพราะเรื่องเพศที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมอาจ แพร่กระจายหรอื ทำ� ใหเ้ กดิ โรคภัยท่เี ป็นอันตรายต่อคนรุน่ ต่อไปของสงั คมได้ รฐั ไดแ้ สดงอำ� นาจในการควบคมุ เรอ่ื งเพศของพลเมอื งดว้ ยการออกกฎหมาย หรอื กำ� หนดนโยบายสาธารณะ ออกมารบั รองการกระทำ� ทางเพศบางประการ ว่าถูกต้อง และจัดวิถีปฏิบัติบางอย่างเป็นความผิดหรืออาชญากรรมที่ต้อง มกี ารลงโทษ กฎหมายจงึ เปน็ เครอ่ื งมอื สำ� คญั ในการกำ� กบั เรอ่ื งเพศหรอื บงั คบั ให้พลเมืองยอมตามในเร่ืองท่ีเป็นส่วนตัว ประเด็นที่เก่ียวข้องกับเรื่องเพศ หลายประการ เชน่ ความลามกอนาจาร การซ้ือขายบรกิ ารทางเพศ เรื่องเพศ ของเด็กหรือท่ีเกี่ยวข้องกับเด็ก และการมีความสัมพันธ์ทางเพศกับคน เพศเดียวกัน ถูกก�ำหนดว่าเป็นเร่ืองผิดกฎหมายในระดับต่างๆ กันและม ี บทลงโทษ ในการประชุมเอดส์โลก คร้ังท่ี 16 ท่ีเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา Rosalind P. Petchesky นักวชิ าการจากมหาวิทยาลยั นิวยอร์ค ไดน้ �ำเสนอ นโยบายดา้ นสทิ ธทิ างเพศและการแพรร่ ะบาดของเอชไอวผี า่ นเรอื่ ง “Sexuality, Social Policy and AIDS: Case Studies on Sexual Rights and HIV/AIDS” โดยเน้นไปท่ีกรอบแนวคิดและการมองเร่ืองเอดส์ที่สัมพันธ์กับเรื่องทางเพศว่า “เรื่องทางเพศไม่ใช่เป็นประเด็นเล็กๆ แต่เป็นประเด็นแกนกลางท่ีพาดอยู่บน หวั ใจของการแพรร่ ะบาด” (Petchesky, 2006 อา้ งใน นวิ ตั ร และคณะ, 2549) ต้องมองและเข้าใจเรื่องทางเพศในฐานะท่ีผนวกรวมเข้าไว้บนความสัมพันธ์ ถงุ ยางอนามัยกบั การดำ� เนินชวี ติ ทางเพศในสงั คมไทย 45
ท่เี กยี่ วโยงและเป็นเหตเุ ปน็ ผลระหวา่ งสงั คม เศรษฐกจิ วฒั นธรรม เราไมค่ วร มองเร่ืองทางเพศแบบแยกส่วนออกมาว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทั้งหมด หรอื ว่าเป็นเพยี งตัวกลไกขบั เคล่ือนการแพรร่ ะบาด หากเปรียบเรื่องเพศในสังคมเป็นเสมือนหมุดที่ยึดตรึงเรื่องเอชไอวีไว้ และใช้แนวคิดเรื่องสิทธิมนุษยชนพิจารณา ก็จะช่วยให้เกิดมาตรการลด การแพรร่ ะบาดไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และยงั ชว่ ยลดหรอื เปลยี่ นรปู การระบาด ของเอดสไ์ ปสู่การเปน็ โรคท่ีเปน็ แล้วไมไ่ ดต้ ายลกู เดยี ว เขาได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายและมาตรการด้านเอชไอวี/เอดส์ท ี่ สง่ ผลกระทบตอ่ การละเมดิ สทิ ธทิ างเพศ โดยอา้ งถงึ รายงานของคณะกรรมาธกิ าร สิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ เดือนกุมภาพันธ์ 2547 ในเรื่องจาก สทิ ธมิ นุษยชนถงึ สุขภาพ ซ่งึ รายงานโดย Paul Hunt (2004) วา่ “...เร่ืองทางเพศ เป็นองค์ประกอบหนึ่งของความเป็นมนุษย์ มนั เปน็ แงม่ มุ พนื้ ฐานหนง่ึ ทแ่ี สดงใหเ้ หน็ อตั ลกั ษณข์ องปจั เจกบคุ คล มนั ชว่ ยเราระบวุ า่ ใครเปน็ ใคร ชว่ ยใหเ้ รามคี วามเขา้ ใจทถี่ กู ตอ้ ง ในเร่ืองหลักการพื้นฐานทางสิทธิมนุษยชน รวมถึงบรรทัดฐาน ต่างๆ ด้านสทิ ธิมนษุ ยชน ชว่ ยน�ำเราให้เขา้ ใจและรบั รวู้ ่า สิทธิ ทางเพศกค็ อื สทิ ธมิ นษุ ยชน...สทิ ธทิ างเพศ หมายรวมถงึ สทิ ธขิ อง ทกุ ผคู้ นในการแสดงลกั ษณะและวถิ ที างเพศของพวกเขา ทส่ี มั พนั ธ์ เก่ียวโยงกับความเป็นอยู่ท่ีดีและสิทธิของผู้อ่ืน โดยปราศจาก ความกลวั วา่ จะถกู กลน่ั แกลง้ ปฏเิ สธสทิ ธเิ สรภี าพ หรอื ถกู รบกวน ทางสงั คม” (Petchesky, 2006 อา้ งใน นิวัตร และคณะ, 2549) นอกจากน้ี เขายงั ไดว้ พิ ากษว์ จิ ารณน์ โยบายตอ่ ตา้ นการคา้ ประเวณขี อง ประเทศสหรัฐอเมริกาท่ีน�ำไปสู่การกีดกันและท�ำให้พนักงานบริการทางเพศ กลายเป็นอาชญากร (criminalization) สร้างภาวะเปราะบางท�ำให้พนักงาน บรกิ ารทางเพศ ผ้ใู ช้บริการทางเพศ และผู้ทเี่ กย่ี วขอ้ งตอ้ งตกอยู่ในความเสยี่ ง 46 นวิ ัตร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ
ตอ่ การตดิ เชอ้ื เอชไอวี ซง่ึ เปน็ การละเมดิ สทิ ธมิ นษุ ยชนขน้ั พน้ื ฐาน และเสนอให้ ยตุ กิ ารทำ� ใหผ้ อู้ น่ื กลายเปน็ อาชญากร (decriminalization) โดยอา้ งถงึ รายงาน ประจำ� ปีของโครงการสหประชาชาตเิ ร่อื งเอดสใ์ นปี พ.ศ. 2549 ทว่ี ่า “รฐั บาลมหี นา้ ทรี่ บั ผดิ ชอบทจี่ ะปกปอ้ งสทิ ธมิ นษุ ยชนของพนกั งาน บรกิ ารทางเพศในบรบิ ทของการแพรร่ ะบาดของเอชไอวี โดยการ เขา้ ถงึ พนกั งานบรกิ ารทางเพศและผใู้ ชบ้ รกิ าร พรอ้ มกบั สง่ เสรมิ บรกิ าร วัสดุอุปกรณ์ ถุงยางอนามยั และขอ้ มูลขา่ วสารเรอื่ งเอช ไอวอี ยา่ งเตม็ รปู แบบ และนอกเหนอื ไปจากน้ี จะตอ้ งชว่ ยคน้ หา หนทางในการเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพใหก้ บั พนกั งานบรกิ ารทางเพศ ได้ใช้บริการด้านต่างๆ ในเร่ืองเอชไอวี และมีส่วนร่วมอย่าง กระตือรือร้นในการก�ำหนดและออกแบบบริการสุขภาพที่พวก เธอหรอื เขาต้องการ” (Petchesky, 2006 อ้างใน นิวตั ร และ คณะ, 2549) Global Commission on HIV and the Law3 ไดจ้ ดั ประชมุ และแถลงขา่ ว เมือ่ 16 กุมภาพนั ธ์ 2554 ท่กี รุงเทพฯ ระบวุ ่า หลังเผชญิ ปัญหาเอดส์มาร่วม 30 ปี ประเทศตา่ งๆ ในภมู ภิ าคนกี้ วา่ 90% ยงั ใชก้ ฎหมายและการปฏบิ ตั ทิ เี่ ปน็ อุปสรรคขัดขวางสิทธิของผู้ที่อยู่ร่วมกับเอชไอวีและผู้ท่ีอยู่ในภาวะเปราะบาง ตอ่ การรับ − ถา่ ยทอดเช้ือฯ อยู่ 3 คณะกรรมการชดุ นส้ี มาชกิ ทงั้ หมด 15 คน มีคนไทยด้วย 1 คน คอื อาจารยจ์ อน อึง้ ภากรณ์ เปน็ องค์กรเฉพาะกิจภายใตก้ ารสนับสนนุ ของ UNDP และ UNAIDS จดั ต้ังข้นึ เพือ่ ทบทวนอุปสรรคและ ขอ้ จำ� กดั ทางกฎหมายทขี่ ดั ขวางการเดินหน้าป้องกันแกไ้ ขปัญหาเอดสใ์ นภมู ภิ าคเอเชยี แปซฟิ ิก ถงุ ยางอนามยั กับการดำ� เนนิ ชีวติ ทางเพศในสังคมไทย 47
คณะกรรมการฯ ชดุ นรี้ ะบวุ า่ ทวั่ ทง้ั ภมู ภิ าคมกี ฎหมายและการบงั คบั ใช้ กฎหมายท่ีล้าหลังนโยบายเอชไอวีของประเทศ ท�ำให้เป็นอุปสรรคขัดขวาง การป้องกัน ดูแล รักษาอย่างมีประสิทธิภาพ “มี 19 ประเทศท่ียังระบุว่า ความสัมพันธ์กับเพศเดียวกันเป็นอาชญากรรม มี 29 ประเทศที่ระบุว่างาน บรกิ ารทางเพศเปน็ อาชญากรรม และมหี ลายประเทศทใ่ี ชม้ าตรการบงั คบั บำ� บดั ต่อผูใ้ ชย้ าเสพติด โดยมบี างกรณี (11 ประเทศในภมู ิภาคเอเชีย) ทก่ี �ำหนดโทษ เก่ยี วกับยาเสพตดิ ถึงข้นั ประหารชีวติ ” (Global Commission on HIV and the Law, 2011) ถอ้ ยแถลงของ Petchesky และ Global Commission on HIV and the Law สะท้อนภาพของรัฐในการพยายามควบคุมเร่ืองเอชไอวี ผ่านการใช้ กฎหมายและนโยบายควบคมุ กำ� กบั เรอ่ื งเพศใหเ้ ปน็ ไปตามกรอบแนวทางทรี่ ฐั ต้องการ มากกว่าที่จะมองเร่ืองวิถีเพศที่หลากหลายจากแง่มุมสิทธิทางเพศ สทิ ธมิ นุษยชน ท่ีต้องให้การเคารพ ปกป้อง และคุ้มครอง (2) อ�ำนาจการแพทย์กบั การควบคุมเร่อื งเอดสแ์ ละเพศ ในยคุ สมยั ของเอชไอว/ี เอดส์ เมอ่ื ยอ้ นมององคค์ วามรทู้ ใ่ี ชใ้ นการอธบิ าย เฝา้ ระวงั ปรากฏการณต์ า่ งๆ ทส่ี มั พนั ธก์ บั เอดส์ พบวา่ องคค์ วามรทู้ างการแพทย์ โดยเฉพาะความรทู้ างการแพทยแ์ บบชวี ภาพ (Bio − Medical) และระบาดวทิ ยา (Epidemiology) ถูกน�ำมาใช้เป็นเคร่ืองมือหลักในการศึกษาการแพร่กระจาย ของโรคและศึกษาสาเหตุหรอื ปัจจยั ทเ่ี กย่ี วข้อง โดยนยิ ามวา่ ใครคือผ้ปู ่วย ซง่ึ ในทางระบาดวทิ ยาถือวา่ มีความสำ� คัญมาก โดยพยายามค�ำนวณในเชงิ สถิติ ตวั เลขในรปู อัตราส่วน เพ่อื แสดงให้เหน็ อัตราความชกุ ของโรค (prevalence rate) และอตั ราอบุ ตั ิการณข์ องโรค (incident rate) วิธีการทางระบาดวิทยาที่ใช้ศึกษาปัญหาโรคและความเจ็บป่วยด้วย การน�ำเสนอภาพตัวแทนด้วยวิธีการทางสถิติ เพ่ือท�ำให้ข้อมูลที่สลับซับซ้อน อยู่ในรูปแบบที่อ่านง่าย แสดงผลการศึกษาด้วยตัวเลขและความสัมพันธ์ทาง 48 นิวตั ร สวุ รรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ
คณติ ศาสตร์ ท�ำให้ตดั สินใจไดอ้ ยา่ งมหี ลกั เกณฑว์ ่าปัจจัยใดเก่ยี วขอ้ งกบั โรค หรอื ปัญหาสขุ ภาพน้ันๆ นอกจากนี้ ยังชว่ ยเปรยี บเทียบการเปลี่ยนแปลงและ ความแตกตา่ งระหวา่ งกลุ่มประชากรทศ่ี กึ ษา และยงั ชว่ ยท�ำนายแนวโน้มที่จะ เกิดข้นึ ได้ด้วย (มาลี, 2548) การใชว้ ธิ กี ารทางดา้ นระบาดวทิ ยาในยคุ สมยั เอดส์ ทพี่ ยายามกำ� หนด ว่าใครคือผู้ป่วยและอะไรคือสาเหตุของการเจ็บป่วย และการใช้วิธีการสร้าง ภาพตวั แทนโรคและความเจบ็ ปว่ ยนน้ั สมั พนั ธก์ บั การกำ� หนดเรอื่ งโรคระบาด และการปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาดของเชอ้ื โรค โดยการสรา้ งคำ� อธบิ ายเรอื่ งประชากร กลุ่มเสย่ี ง อาทิ กล่มุ ชายทีม่ เี พศสัมพันธก์ ับชาย (Men who have Sex with Men − MSM) งานบรกิ ารทางเพศและผมู้ าใชบ้ รกิ าร (Sew work and Clients − SW) ผใู้ ชย้ าเสพตดิ ดว้ ยวธิ กี ารฉดี (Injecting Drug User − IDU) และ “คเู่ พศสมั พนั ธ”์ ท่ีทราบชัดเจนว่าฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงมีเช้ือ (Discordant Couple) และสาเหต ุ ความเส่ียง อาทิ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย การแลกเปล่ียน และใชเ้ ขม็ ฉดี ยารว่ มกนั รวมถงึ การปอ้ งกนั การถา่ ยทอดเชอื้ จากมารดาสทู่ ารก (Prevention of Mother to Child Transmission − PMTCT) ท�ำให้คำ� อธบิ าย ตามฐานแนวคดิ และองค์ความรมู้ ีลักษณะดังน้ี 1. ส่งผลต่อความเปราะบางในการตีตราและการกีดกันผู้คน โดยเฉพาะกลุ่มคน/กลุ่มประชากรที่ถูกระบุว่าเป็นกลุ่มประชากรเส่ียง ขณะ เดียวกันก็ส่งผลให้ประชากรอ่ืนๆ ไม่ได้ตระหนักและรับรู้ว่าตนเองก็มีโอกาส รับหรอื ถา่ ยทอดเชือ้ ไดห้ ากไม่ปอ้ งกนั 2. หากมองลึกลงไปถึงค�ำอธิบายถึงความเส่ียง ซึ่งเป็นสาเหตุท่ีน�ำไป สคู่ วามเจบ็ ปว่ ยในกลมุ่ ประชากรทถ่ี กู ระบวุ า่ เปน็ กลมุ่ เสยี่ งสงู กจ็ ะพบวา่ วางอยู่ บนกระบวนการทท่ี ำ� ใหก้ ลายเปน็ เรอ่ื งทางแพทย์ (Medicalization) ทที่ ำ� ให้ ความเสี่ยงและเงื่อนไข/ภาวะท่ีน�ำไปสู่ความเส่ียงต่างๆ ถูกนิยามหรือ ลดทอนความหมายลงเปน็ เพยี งแคช่ อ่ งทางการรบั และสง่ ผา่ นเชอ้ื เพอ่ื กำ� หนด มาตรการในการลด/ปิดช่องทางความเสี่ยงน้ันๆ โดยใช้เครื่องมือและวิธีการ ถุงยางอนามัยกับการด�ำเนินชวี ิตทางเพศในสังคมไทย 49
ทางการแพทย์ โดยเฉพาะการแพทยเ์ ชงิ ชวี ภาพ เชน่ การสง่ เสรมิ การใชถ้ งุ ยาง อนามยั ในกลมุ่ ชายทมี่ เี พศสมั พนั ธก์ บั ชาย กลมุ่ ประชากรในงานบรกิ ารทางเพศ การแลกเปล่ียนเข็มฉีดยาใหม่ในกลุ่มประชากรท่ีใช้ยาเสพติดด้วยการฉีด การใช้ยาตา้ นไวรสั ในการป้องกนั การถ่ายทอดเช้ือจากมารดาสู่ทารก รวมถึง การใช้สารเคลือบทาช่องคลอด (microbicide) ในประชากรกลุ่มผู้หญิง และการใชว้ คั ซนี ในอนาคต สง่ ผลใหก้ ารทำ� ความเขา้ ใจภาวะความเปราะบาง (vulnerability) ทเ่ี ปน็ เงอื่ นไขในเรอ่ื งทางเพศ เพศภาวะ เพศวถิ ี เชอื้ ชาติ (race) ชนชนั้ (class) ฯลฯ ในชวี ิตประจ�ำวันทส่ี ัมพันธก์ ับเงือ่ นไขทางโครงสร้างทาง สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกจิ และการเมอื ง อนั อยู่เหนอื กว่าระดบั ปจั เจกบคุ คล แต่เป็นเง่ือนไขแวดล้อมท่ีน�ำพาให้ปัจเจกบุคคลอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการได้รับ หรือถ่ายทอดเช้ือ ถูกละเลยหรือไม่ได้ให้ความสนใจที่จะศึกษา เรียนรู้ และ พัฒนาเปน็ มาตรการดำ� เนนิ งานเพื่อลดทอนภาวะความเปราะบางน้ันๆ 3. การน�ำเสนอรายงานในทางสถิติตัวเลข ส่งผลให้ความทุกข์ความ เจ็บป่วยจ�ำนวนหน่ึงที่เก่ียวข้องกับสุขภาพและสุขภาวะในการด�ำเนินชีวิต ทเี่ กดิ ขนึ้ จรงิ ไมไ่ ดถ้ กู นบั รวม ไมถ่ กู นำ� เสนอวา่ เปน็ ปญั หา และยงั สง่ ผลใหม้ ติ ิ ความเป็นมนุษย์ถูกลดทอนลง เป็นเพียงภาพตัวแทนของกลุ่มประชากรที่ เจ็บปว่ ยและมคี วามเสีย่ ง (นิวัตร และคณะ, 2547) 4. การก�ำหนดค�ำเรียกขานตัวแทนกลุ่มประชากร เช่น ชายที่ม ี เพศสัมพนั ธก์ บั ชาย (MSM) พนกั งานบริการทางเพศ (SW) ผู้ใช้ยาเสพติดดว้ ย วิธีการฉีด (IDU) นอกจากจะมีลักษณะที่เป็นการลดทอนมิติด้านอื่นๆ ของ ความเป็นมนุษย์ ให้เหลือเพียงนิยามช่องทางเส่ียงต่อการติดเช้ือเอชไอวีแล้ว ยงั ลดทอนความหลากหลายของมติ คิ วามเปน็ มนษุ ยแ์ ละพฤตกิ รรมการดำ� เนนิ ชีวติ ของประชากรกล่มุ ต่างๆ ด้วย อาทิ การกลา่ วถึงกลมุ่ ชายที่มีเพศสัมพนั ธ์ กบั ชายวา่ เปน็ กลมุ่ เสย่ี งตอ่ การไดร้ บั หรอื ถา่ ยทอดเชอื้ เอชไอวี สง่ ผลทำ� ใหก้ ลมุ่ ประชากรทีม่ ีเพศภาวะแตกต่างหลากหลายออกไป อาทิ ชายที่มีเพศสัมพันธ์ กบั ชายโดยทต่ี วั เองมบี ทบาทเปน็ ชายในการรว่ มเพศหรอื ทเ่ี รยี กกนั วา่ “เกยค์ งิ ” 50 นิวตั ร สวุ รรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ
ชายทมี่ เี พศสมั พนั ธก์ บั ชายโดยทต่ี วั เองมบี ทบาทเปน็ หญงิ ในการรว่ มเพศหรอื ทเ่ี รยี กกนั วา่ “เกยค์ วนี ” ชายทมี่ เี พศสมั พนั ธก์ บั ชายโดยทตี่ วั เองเปน็ ไดท้ ง้ั ชาย และหญงิ ในการรว่ มเพศหรอื ทเ่ี รยี กกนั วา่ “เกยค์ วงิ ” ชายทมี่ เี พศสมั พนั ธไ์ ดก้ บั ท้งั เพศหญิงและเพศชาย (bisexual) กะเทย ชายทีแ่ ปลงเพศเป็นหญงิ ชายที่ แตง่ กายเปน็ หญงิ ฯลฯ ถกู นยิ ามแบบเหมารวมหรอื ลดความหมายลงเหลอื เพยี ง มติ เิ ดยี ว คอื การรว่ มเพศทเี่ สยี่ งตอ่ การตดิ เชอื้ และเสนอใหส้ ง่ เสรมิ การใชถ้ งุ ยาง อนามัยปอ้ งกันเป็นหลัก ถุงยางฯ จึงถูกนำ� เสนอเป็นเครื่องมอื ป้องกนั แบบเหมารวม ท่ามกลาง การละเลยการท�ำความเข้าใจเรื่องเพศภาวะและเพศวิถีที่แตกต่างหลากหลาย โดยคิดเหมารวมไปว่าคนกลุ่มนี้มีพฤติกรรมและการด�ำเนินชีวิตทางเพศที่ เหมอื นๆ กนั ไปหมด ภายใตข้ อ้ จำ� กดั ในการทำ� ความเขา้ ใจ ความคดิ ความเชอื่ การให้ความหมายเร่ืองเพศและถุงยางอนามัยท่ีสัมพันธ์กับการมีเพศสัมพันธ์ และการดำ� เนนิ ชวี ิตประจำ� วนั วธิ สี นั นิษฐานลว่ งหน้าว่า คนท่ีอย่ใู น “กลมุ่ เดียวกัน” ย่อมมพี ฤติกรรม เหมือนกันน้ี ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในงานวิเคราะห์วิธีคิดวิทยาในงานวิจัยเร่ือง เพศกับเอดส์ศึกษาของกฤตยา และกนกวรรณ (2550) ว่า งานเอดส์ศึกษา ยงั ไปไมถ่ งึ ไหน เพราะงานกระแสหลกั ยงั คงพงุ่ เปา้ ไปยงั “กลมุ่ เสยี่ ง” เชน่ เดยี ว กบั เมอื่ เรมิ่ ตน้ งานเอดสศ์ กึ ษากวา่ 30 ปที แี่ ลว้ ดว้ ยการวนเวยี นอยกู่ บั การศกึ ษา “กลุ่มคน” ผู้ซึ่ง “ทางการ” และสังคมทั่วไปเช่ือกันว่าเป็น “ต้นเหตุ” แห่ง การแพรก่ ระจายของเชือ้ เอชไอวี รปู แบบของการแพรร่ ะบาดของเชอ้ื เอชไอวใี นสงั คมไทย ถกู เสนอในทาง ระบาดวทิ ยาในลกั ษณะของระลอกคลนื่ โดยรปู แบบนไี้ ดใ้ ชอ้ ธบิ ายมาเปน็ เวลา รว่ ม 20 ปี เพอ่ื ชใี้ หเ้ หน็ “กลมุ่ เสยี่ ง” ทตี่ ดิ เชอ้ื และอาจทำ� ใหเ้ กดิ การแพรร่ ะบาด ของเชื้อเอชไอวีไว้ว่า เริ่มจากคลื่นลูกแรกในกลุ่มชายท่ีมีเพศสัมพันธ์กับชาย ต่อมาเกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดด้วยวิธีการฉีด ก่อนจะระบาด ในกลุ่มหญิงบริการทางเพศ ไปยงั ชายนกั เท่ยี ว ไปจนถึงหญิงแมบ่ ้านท่ีไดร้ ับ ถงุ ยางอนามัยกบั การด�ำเนนิ ชีวติ ทางเพศในสังคมไทย 51
เชอื้ จากสามนี ักเทย่ี ว แล้วผ่านต่อไปยงั ทารกที่ติดเชอื้ จากครรภ์มารดา ซึง่ ได้ รับการอธิบายว่า การแพร่ระบาดของไวรัสเอชไอวีได้แพร่กระจายจนถึงกลุ่ม ประชากรทั่วไป (กฤตยา และกนกวรรณ, 2550) กฤตยา และกนกวรรณได้วิพากษ์วิจารณ์การศึกษาวิจัยที่เรียกว่า เอดส์ศกึ ษา ว่าเปน็ การท�ำงานวจิ ยั ทางสงั คมศาสตรท์ ีว่ ่ิงตามสถิติที่นกั ระบาด วทิ ยาไดท้ ำ� งานเฝา้ ระวงั โดยการสำ� รวจอตั ราความชกุ ของการรบั − ถา่ ยทอด เชอ้ื ในประชากรกลมุ่ ตา่ งๆ ไว้ จนเสมอื นเปน็ ทมี วจิ ยั เดยี วกนั แตถ่ กู มองวา่ เปน็ ทีมระบาดมากกว่าเป็นทีมสังคมศาสตร์ ท่ีต้องการศึกษาท�ำความเข้าใจเร่ือง ราวทางสังคมของการรับ − ถ่ายทอดเช้ือเอชไอวีอย่างแท้จริง โดยในปัจจุบัน “กลุ่มเสี่ยงของนักวิจัยเอดส์ศึกษาส่วนใหญ่อยู่ที่ “วัยรุ่น” ตามตัวเลขอัตรา การรับ − ถา่ ยทอดเชอ้ื ฯ ทบ่ี ง่ ชีไ้ ว้ (กฤตยา และกนกวรรณ, 2550: 84) ขอ้ วพิ ากษข์ า้ งตน้ นส้ี ะทอ้ นขอ้ เทจ็ จรงิ ในกระบวนการศกึ ษาและทำ� งาน เพ่ือการป้องกันแก้ไขปัญหาเอดส์จนถึงปัจจุบันที่ยังคงใช้ฐานคิดวิธีมองและ ขอ้ มูลตัวเลขเชิงสถติ ทิ างระบาดวทิ ยาเป็นตวั ก�ำหนด ปัจจบุ นั ไดม้ ีการพัฒนา และใชร้ ปู แบบการคำ� นวนทางระบาดวทิ ยาทเ่ี รยี กวา่ “รปู แบบการระบาดวทิ ยา ในเอเชีย” หรือ Asia Epidemic Model (AEM) ที่มาพร้อมกับการยกระดับ “กลุ่มเส่ียง” ให้กลายเป็น “กลุ่มท่ีมีความเส่ียงสูงสุด” หรือ Most At Risk Populations (MARPs) ซึ่งในทางระบาดวทิ ยาพบว่าหลายประเทศในภมู ภิ าค เอเชยี มอี ตั ราความชกุ ของการรบั − ถา่ ยทอดเชอื้ เอชไอวที แี่ ตกตา่ งไปจากภมู ภิ าค แอฟริกา โดยพบการระบาดของเอชไอวีสูงมากในกลุ่มประชากร 3 กลุ่มคือ กลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย กลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดด้วยวิธีการฉีด และกลุ่ม พนักงานบริการ (ทางเพศ) กล่มุ ท่เี หลอื อาจมคี วามแตกตา่ งกันไปตามบริบท ของแต่ละประเทศ เชน่ กล่มุ ลกู เรือประมง พนักงานขับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ส�ำหรับประเทศไทย มีการกล่าวถึงกลุ่มแรงงานข้ามชาติ ค�ำเรียกกลุ่มที่ม ี ความเสยี่ งสงู สดุ น้ี ถกู เรยี กจนตดิ ปากตง้ั แตฝ่ า่ ยกำ� หนดนโยบาย ฝา่ ยวชิ าการ 52 นวิ ตั ร สวุ รรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกจิ
ไปจนถงึ ผปู้ ฏิบตั ิงานทั้งรัฐและเอกชนท่ัวโลกวา่ “กล่มุ มาร์ปส์”4 ผังภาพ AEM ทใ่ี ช้กันท่ัวไป นักระบาดวิทยาได้ใช้รูปแบบดังกล่าวในการอธิบายและระบุกลุ่มท่ีมี ความเส่ียงสูงสุด ตามข้อมูลตัวเลขท่ีค�ำนวณได้จากสมการทางคณิตศาสตร์ และน�ำเอาขอ้ มูลตัวเลขเหลา่ นม้ี าอธิบายความตอ่ ทัง้ ในการพัฒนามาตรการ ในการทำ� งานและการศึกษาวจิ ัยด้านเอดส์ การมองกลมุ่ เสยี่ งไปจนถงึ กลมุ่ เสย่ี งสงู สดุ ทำ� ใหเ้ กดิ การมองทคี่ ลาดเคลอ่ื น โดยมุ่งจับจ้องไปยังกล่มุ คน เพ่ือคน้ หาทิศทางและปัญหาการแพรร่ ะบาดของ เอชไอวี และถูกน�ำมาใชอ้ ธบิ ายทิศทางการแพร่ระบาดจากคนกลุ่มหน่ึงๆ ไป ยังคนกลุ่มต่างๆ และยังท�ำให้เกิดมายาคติสร้างภาพลวงตาให้ไปจับจ้องมอง กลุ่มคนและพฤติกรรมเส่ียงของกลุ่มคนน้ันๆ มากกว่าท่ีจะมองไปยังเงื่อนไข ทางโครงสร้างและความสัมพันธ์เชิงอ�ำนาจในเร่ืองเพศ และเรื่องอื่นๆ ท่ี แฝงอยู่ในโครงสร้างทางสังคมวัฒนธรรมที่ท�ำให้เกิดการรับ − ถ่ายทอดเชื้อ เอชไอวีในกลมุ่ คนนั้นๆ 4 ผู้เขียนขอละเว้นไม่กล่าวถึงหรือวิพากษ์วิจารณ์เร่ืองนี้ในงานชิ้นนี้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน นิวตั ร และสทุ ธิดา (2553). ถุงยางอนามยั กบั การดำ� เนินชวี ติ ทางเพศในสังคมไทย 53
วธิ คี ดิ ของนกั วจิ ยั เอดสศ์ กึ ษาทจี่ ดั คนใหอ้ ยใู่ น “กลมุ่ เสยี่ ง” กลมุ่ เดยี วกนั เป็นวิธีคิดเร่ิมต้นท่ีไม่ถูกต้อง เพราะคนทุกคนมีความต่างกัน แม้ว่าคนทั่วไป จะมีลักษณะภายนอกที่อยู่ใน “กลุ่มเดียวกัน” ท�ำให้นักวิจัยมองเห็นได้ง่าย แตค่ วามคดิ และประสบการณข์ องคนทกุ คนยอ่ มมคี วามแตกตา่ งกนั ไป นกั วจิ ยั จงึ ไม่ควร “จดั กลมุ่ ” คนท่ีตอ้ งการศึกษา (กฤตยา และกนกวรรณ, 2550) การจัดกลุ่มตามอัตราการรับ − ถ่ายทอดเช้ือเอชไอวี เป็นภาพสะท้อน ให้เห็นการวิ่งตามสถิติการแพร่ระบาดของเช้ือเอชไอวี เส้นทางของการแพร่ กระจายของไวรัส แม้ว่าเราจะสนใจศึกษาพฤติกรรมความสัมพันธ์ทางเพศ ของเขา แตก่ อ็ าจดว่ นสรปุ หรอื เหมารวมวา่ คนในกลมุ่ เดยี วกนั ยอ่ มมพี ฤตกิ รรม ทางเพศท่ีเหมือนกันและเสี่ยง ซึ่งเป็นการคิดไปเองของเราว่า “กลุ่มเส่ียง” คือกลุ่มท่ีมีพฤติกรรมแบบนี้ จนขาดความสนใจท่ีจะเข้าใจบริบทและเง่ือนไข ทางสังคมท่ีน�ำพาคนไปสู่ภาวะหรือสถานการณ์ของความเสี่ยงในการรับ − ถ่ายทอดเช้ืออย่างแท้จริง เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์การรับ − ถ่ายทอดเช้ือ เอชไอวีในประเทศได้อย่างลึกซ้ึงตามลักษณะของสังคมวัฒนธรรมได้ โดย ไมห่ ลงเฉพาะตวั เลข ขอ้ มลู คา่ สถติ ทิ างระบาดวทิ ยา โดยไมม่ คี วามเปน็ มนษุ ย์ ที่มวี ัฒนธรรมเขา้ ไปเก่ียวข้องดว้ ยเลย (กฤตยา และกนกวรรณ, 2550) การใช้ค�ำว่า กลุ่มเส่ียง หรือกลุ่มท่ีมีความเสี่ยง เป็นการใช้เพื่อ การมุ่งจ�ำแนกหรือจัดประเภทกลุ่มคน โดยเฉพาะการจ�ำแนกตามพฤติกรรม และการกระท�ำทางเพศ (sexual practice) และการใช้ค�ำว่า “ความเสี่ยง” มคี วามหมายในทางตตี ราผคู้ น (stigmatize) และความหมายของคำ� วา่ “กลมุ่ ” กม็ กั บดบงั ความหมายอนื่ ๆ เชอ่ื วา่ คนกลมุ่ นนั้ ๆ มลี กั ษณะเหมอื นหรอื คลา้ ยกนั ไปหมด บดบังความเข้าใจบทบาทของคนทม่ี คี วามสลับซบั ซอ้ น (multiplicity role) หลากหลาย (diversity role) และลนื่ ไหล (flexibility role) ดังนัน้ หากอธิบายดว้ ยการใชค้ �ำวา่ เส่ียง (risk) และความเปราะบาง (vulnerability) ก็จำ� เปน็ ต้องใชอ้ ยา่ งระมัดระวัง กลา่ วคอื ใช้คำ� ‘ความเส่ยี ง’ อธิบายช่องทางเสี่ยงต่อการรับและถ่ายทอดเชื้อฯ ของคนกลุ่มต่างๆ ซึ่งเป็น 54 นิวตั ร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกจิ
ความรทู้ างการแพทย์ และใชค้ ำ� วา่ ‘ความเปราะบาง’ อธบิ ายปจั จยั หรอื เงอ่ื นไข ทส่ี ง่ ผลใหค้ นหรอื ประชากรกลุ่มตา่ งๆ ตกอย่ใู นภาวะเสีย่ งตอ่ การป้องกันและ ดูแลตนเอง ซึ่งเป็นความรู้ทางสังคมวัฒนธรรม เพื่อหลีกเล่ียงความสับสน ในการใชค้ ำ� ‘ความเสย่ี งและความเปราะบาง’ ไปอธบิ ายหรอื กำ� หนดกลมุ่ เสยี่ ง เพราะจะเปน็ การตตี ราคนกลุ่มนนั้ ๆ และละเลยคนกลุ่มอืน่ ๆ ระบาดวิทยาในแง่น้ีจึงเป็นเคร่ืองมือท่ีแสดงอ�ำนาจทางการแพทย ์ ในการควบคมุ การแพรร่ ะบาดของโรค แฝงการควบคมุ กำ� กบั เรอ่ื งเพศของคนใน สงั คม ดว้ ยการให้ความหมาย กลุ่มเส่ยี ง กลมุ่ อนั ตราย และหม่นิ เหม่ศลี ธรรม หรือกลุ่มท่อี ยูช่ ายขอบในเร่อื งศีลธรรมอันดงี ามเร่ืองเพศ (3) อ�ำนาจและอิทธพิ ลทางศาสนา ในการประชุมนานาชาติเร่ืองเอดส์ ต้ังแต่คร้ังท่ี 15 เป็นต้นมา มีการ หยิบยกเอานโยบายหรือมาตรการ A − B − C ขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์อย่าง กวา้ งขวางวา่ “นโยบาย A − B − C เปน็ นโยบายทม่ี องไมเ่ หน็ ความสำ� เรจ็ เพราะ ไมไ่ ดด้ ำ� เนนิ การกบั ความไมเ่ ทา่ เทยี มระหวา่ งเพศ” (Tan, 2006 อา้ งใน นวิ ตั ร และคณะ, 2549) และการส่งเสริมให้ละเว้นการมีเพศสัมพันธ์อย่างเดียวไม่มี ทางประสบความส�ำเร็จ โดยเฉพาะเมื่อเช่ือมโยงกับเง่ือนไขความเป็นมนุษย์ ดงั นนั้ การทสี่ หรฐั อเมรกิ าสง่ เสรมิ นโยบายนจ้ี งึ สะทอ้ นความพยายามควบคมุ เรื่องเพศบนความร่วมมือกันของรัฐและศาสนา โดยใช้การให้งบประมาณ สนบั สนนุ เปน็ เงอ่ื นไขกำ� หนด การทสี่ หรฐั ฯ สง่ เสรมิ นโยบายดงั กลา่ วน้ี ทำ� ให้ ถกู เรยี กขานวา่ เปน็ แนวทางการลา่ อาณานคิ มใหม่ (neo − colonialism) (Lewis, 2006) ของประเทศสหรฐั อเมรกิ า นอกจากการมงุ่ วพิ ากษว์ จิ ารณ์ PEPFAR (แผนฉกุ เฉนิ ของประธานาธบิ ดี สหรัฐอเมริกาเพ่ือบรรเทาสาธารณภัยด้านเอดส์ − President Emergency Plan For AIDS Relive) ของสหรฐั อเมรกิ า ซงึ่ อยเู่ บอื้ งหลงั การกำ� หนดใหป้ ระเทศ และหนว่ ยงานตา่ งๆ ทรี่ บั ทนุ สนบั สนนุ จากประเทศสหรฐั ฯ ตอ้ งนำ� แนวนโยบาย ถุงยางอนามยั กับการดำ� เนินชวี ิตทางเพศในสังคมไทย 55
การป้องกันตามแนวทาง A − B − C ไปใช้แล้ว ตัวแนวทาง A − B − C เองก็ ถูกต้ังค�ำถามถึงที่มาที่ไปของการพัฒนาแนวนโยบายนี้ขึ้นมาส่งเสริมเป็น มาตรการด้านการปอ้ งกนั เชน่ กัน ประเดน็ หนงึ่ ทนี่ า่ สนใจคอื การตง้ั ขอ้ สงั เกตวา่ แทจ้ รงิ แลว้ A − B − C นนั้ วางอยู่บนหรือสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคุณค่า/ความเช่ือของลัทธิทางศาสนา (Orthodoxy) ที่ทรงอิทธิพลอยู่ในหลายประเทศ (มหาอ�ำนาจ) เม่ือประเทศ มหาอำ� นาจทางทหารและเศรษฐกจิ เหลา่ นพี้ ฒั นานโยบายหรอื สง่ เสรมิ มาตรการ ตา่ งๆ ขึน้ มา กย็ อ่ มส่งผลกระทบในระดบั โลกได้ คณุ คา่ หรอื ความเชอ่ื ของลทั ธทิ างศาสนาทอี่ ยเู่ บอ้ื งหลงั ของการพฒั นา แนวนโยบาย A − B − C ท่ีถูกวิพากษ์วิจารณ์ คือ การก�ำหนดข้อห้ามเร่ือง การไม่ควรพูดถึงเรื่องทางเพศในท่ีสาธารณะ และการไม่ยอมรับหรือรับรอง รูปแบบความสัมพันธ์ทางเพศอ่ืนท่ีไม่อยู่ในรูปแบบของเพศสัมพันธ์แบบหญิง และชาย (heterosexual) เพศสัมพันธ์แบบผัวเดียวเมียเดียว (monogamy) ภายใต้สถาบันการแต่งงานของครอบครัว และหากมีการฝ่าฝืนข้อห้ามหรือ คำ� สอนกจ็ ะถูกประณามและถกู รงั เกียจ ไม่ไดร้ บั การยอมรับทางสังคม ในพิธีปิดการประชุม ICAAP (International Conference on AIDS in Asia and Pacific) ครัง้ ท่ี 7 ที่เมืองโกเบ ประเทศญีป่ ่นุ เมอ่ื กลางปี 2548 มีผู้แทนจากประเทศเอเชียใต้ลุกขึ้นอภิปรายว่า กรอบการอธิบายและท�ำงาน ดา้ นเอดสท์ ี่เกี่ยวขอ้ งกบั เรอ่ื งทางเพศ ทว่ี างอยบู่ นทัศนะหรอื มุมมองของลทั ธิ ทางศาสนา (Orthodoxy) และความรทู้ างการแพทยแ์ บบชวี ภาพ (Biomedical approach) มขี อ้ จำ� กดั ในตวั เอง เพราะมงุ่ มองหรอื รบั รองเฉพาะรปู แบบความ สมั พนั ธแ์ ละเพศวถิ ที ส่ี ง่ ผลตอ่ การสบื ทอดเผา่ พนั ธม์ุ นษุ ยเ์ ปน็ หลกั ซง่ึ เนน้ เฉพาะ หนา้ ทข่ี องเพศสัมพันธ์ โดยไมใ่ ห้ความส�ำคญั มองข้าม ละเลย หรือเพกิ เฉย ตอ่ มติ ทิ างเพศดา้ นอน่ื ๆ อาทิ ความพงึ พอใจ ความปรารถนา อารมณร์ กั รญั จวน ฯลฯ และเปน็ มาตรการสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ เพศสมั พนั ธท์ ป่ี ลอดภยั ปราศจากโรคและ 56 นิวัตร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ
ความเจบ็ ป่วย เพอื่ ให้เพศสมั พันธ์นน้ั ไดท้ ำ� หนา้ ท่ใี นการสบื ทอดเผา่ พนั ธุข์ อง มนุษยชาติ ระบบคุณค่าและความรู้ท่ีใช้ในการก�ำกับคุณค่าข้างต้น ส่งผลให้เร่ือง เพศทไ่ี มไ่ ดม้ เี พอ่ื สบื ทอดเผา่ พนั ธม์ุ นษุ ยห์ ลดุ ออกไปจากกรอบ หรอื ถกู เบยี ดขบั ท�ำให้กลายเปน็ ชายขอบ (marginalization) ไม่ว่าจะเป็นเพศสมั พนั ธ์ของคน รักเพศเดียวกัน ทั้งชายท่ีมีเพศสัมพันธ์กับชาย หญิงท่ีมีเพศสัมพันธ์กับหญิง เพศสมั พันธข์ องคนแปลงเพศ ทไ่ี มเ่ ข้ากรอบหรือระบบคณุ ค่าของเพศสมั พนั ธ์ แบบหญิง − ชาย (heterosexual) และเพศสมพันธ์แบบหญงิ − ชายท่ไี ม่ได้อยู่ ภายใต้กรอบของสถาบันการแต่งงาน เพ่ือการมีเพศสัมพันธ์ท่ีถูกต้องในการ สืบทอดเผ่าพนั ธ์มุ นุษย์ จากทศั นะขา้ งต้น มาตรการส่งเสรมิ เพศสมั พนั ธ์แบบหญิง − ชายใน รูปแบบผวั เดยี วเมียเดียว (heterosexual monogamy) จงึ ถูกพัฒนาและ ส่งเสริมอย่างจงใจ เพื่อป้องกันอันตรายจากเอชไอวี/เอดส์ และยังเป็น การสง่ เสรมิ ระบบคณุ คา่ ตามความเชอื่ ของลทั ธศิ าสนานนั้ เพอ่ื ใหเ้ ปน็ แนวทาง ปฏบิ ตั ขิ องผอู้ น่ื ดว้ ย โดยเฉพาะการละเวน้ การมเี พศสมั พนั ธ์ (A) และการซอ่ื สตั ย์ ตอ่ คู่ (B) ทห่ี ลายคนตง้ั ขอ้ สงั เกตวา่ เปน็ มาตรการหลกั ของแนวนโยบาย A − B − C ค�ำถามต่อมาคือ แล้ว C หรอื การใช้ถุงยางอนามยั อยทู่ ่ไี หน? ภาคประชาสังคมหลายแห่งอธิบายเรือ่ งนวี้ ่า การสง่ เสรมิ การใช้ถงุ ยาง อนามัยหรือ C เป็นมาตรการทางการแพทย์ไว้รองรับประชากรกลุ่มอ่ืนๆ ที่ ไม่เข้าพวก เช่น กลุ่มชายท่ีมีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM) พนักงานบริการ ทางเพศ (SW) ผใู้ ชย้ าเสพตดิ ดว้ ยการฉดี (IDU) ทต่ี อ้ งอยใู่ นกฎเกณฑก์ ารควบคมุ และรายงานการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องชัดเจนด้วย สังเกตได้จาก ค�ำอธิบายต่อท้ายมาตรการเร่ืองถุงยางอนามัย ท่ีต้องมีค�ำอธิบายความต่อ เพอื่ กำ� กบั การใชอ้ ยา่ งระมดั ระวงั มกี ารตง้ั ขอ้ สงั เกตวา่ ทจ่ี รงิ แลว้ แนวนโยบาย เรอื่ ง A − B − C น้ี ต้องเขียนเปน็ A − B − c คอื ให้ A − B เปน็ ตัวอักษรตวั ใหญ่ ถุงยางอนามยั กับการดำ� เนินชีวิตทางเพศในสงั คมไทย 57
เพอ่ื เนน้ วา่ เปน็ แนวทางหลกั ในการสง่ เสรมิ ใหก้ บั ประชากรหมมู่ าก หากจำ� เปน็ ก็คอ่ ยใช้ c กับประชากร “กลุ่มอนื่ ๆ” ท่อี าจไมอ่ ย่ใู นระบบคณุ ค่ากระแสหลกั อนั เปน็ ความจำ� เปน็ ตอ้ งควบคมุ โรคไมใ่ หแ้ พรก่ ระจาย และคมุ กำ� เนดิ เพอ่ื ไมใ่ ห้ เกิดการแพร่หลายของประชากรกลุ่มน้ีอีก c ในแง่น้ีจึงมีความหมายส�ำคัญ 2 นยั คือ condom หรอื ถุงยางอนามยั และ control หรือการควบคมุ นนั่ เอง ความพยายามก�ำหนดเงื่อนไขให้ผู้รับทุนสนับสนุนการท�ำงานป้องกัน และแก้ไขปัญหาเอดส์ต้องยึดกรอบแนวทางและมาตรการด�ำเนินงานแบบ A − B − c ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นเง่ือนไขที่กดบังคับ เพ่ือมุ่งส่งเสริมระบบ คุณค่าท่ีตนเองยึดถือให้กลายเป็นระบบคุณค่าหลักและเป็นหน่ึงเดียว โดยปฏิเสธและเพิกเฉยการด�ำเนินงานที่สนใจวิเคราะห์/วิพากษ์วิจารณ ์ ความสลับซับซ้อนของเรื่องทางเพศในมิติหรือแนวพินิจอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบ กว้างขวาง น่ันคือ ในด้านหนึ่งแม้จะมีหลายองค์กรในหลายประเทศรับเอา เงอื่ นไขดงั กลา่ วไปปรบั ใช้ แตห่ ลายองคก์ รในอกี หลายประเทศวพิ ากษว์ จิ ารณ์ แสดงการตอ่ ตา้ นและขดั ขนื ไมย่ อมรบั วธิ กี ารกดบงั คบั ใชอ้ ยา่ งมเี งอ่ื นไขเชน่ น้ี ขณะทใ่ี นอกี ดา้ นหนง่ึ กส็ ง่ ผลใหค้ นกลมุ่ ตา่ งๆ ทด่ี ำ� เนนิ ชวี ติ ทางเพศไมส่ อดคลอ้ ง กับระบบคุณค่าขา้ งตน้ ตอ้ งตกอยภู่ ายใต้โครงสรา้ งท่ีเปราะบาง อยูใ่ นภาวะ ความเส่ยี งต่อการรบั และถา่ ยทอดเชือ้ เอชไอวมี ากข้ึน นอกจากน้ี ยังส่งผลให้เกิดการก�ำหนดคุณค่า การตัดสินผิดถูกชั่วด ี ที่เกี่ยวพันกับเร่ืองการตีตราและการแบ่งแยกกีดกันไม่มากก็น้อย เกิดภาพ อธิบายเปรียบเทียบว่า อะไรเป็นเพศสัมพันธ์ท่ีดี (good sex) อาทิ การมี เพศสัมพันธ์แบบหญิงชายเพ่ือการสืบทอดเผ่าพันธุ์มนุษย์ การมีเพศสัมพันธ์ ภายในสถาบนั การแตง่ งาน การมเี พศสมั พนั ธใ์ นรปู แบบผวั เดยี วเมยี เดยี ว ฯลฯ และอะไรเป็นเพศสัมพันธ์ท่ีไม่ดี (bad sex) กระท่ังถูกเรียกเป็นเพศสัมพันธ์ ที่สกปรกและยอมรับไม่ได้ ท้ังในแง่การมีเพศสัมพันธ์กับคน/คู่นอนที่ไม่อาจ ยอมรับได้ เช่น การมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเพศเดียวกัน/พนักงานบริการ ทางเพศ หรือวิธกี ารมีเพศสัมพนั ธ์ที่ไมอ่ าจยอมรับได้ เช่น การมีเพศสมั พันธ์ 58 นิวัตร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกจิ
ทางทวารหนัก การตัดสินคุณค่าและการแบ่งแยกดังกล่าวได้ส่งผลกระทบ ตอ่ ความพยายามปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หาเอดส์ ในประเทศฟิลิปปินส์ มีการด�ำเนินโปรแกรมสุขภาพในกลุ่มวัยรุ่น โดยมงุ่ เนน้ เรอื่ งอนั ตรายของ PMS (Pre − Marital Sex) หรอื การมเี พศสมั พนั ธ์ กอ่ นแตง่ งาน ซึ่งสะทอ้ นความเช่ือเร่อื งการส่งเสรมิ A และ B ได้ดี โปรแกรม ดงั กลา่ วถกู วพิ ากษว์ จิ ารณว์ า่ เรม่ิ ตน้ ดว้ ยความเชอ่ื และคณุ คา่ ทวี่ า่ เรอ่ื งทางเพศ โดยตัวของมันเองเป็นปัญหา ท�ำให้โปรแกรมการด�ำเนินงานต่างๆ เน้นไปที่ อันตรายของการมเี พศสัมพันธ์ก่อนการแตง่ งาน เน่อื งจากมองวา่ เพศสัมพนั ธ์ เปน็ สิง่ ไมด่ ีหรอื สกปรก จงึ ควรละเวน้ ไมไ่ ปเก่ียวขอ้ งกบั “อนั ตราย” น้ันๆ ไม่มี โปรแกรมดำ� เนนิ งานใดๆ คำ� นงึ ถงึ ความเปน็ ไปไดข้ องเพศสมั พนั ธก์ อ่ นแตง่ งาน ท่ีปลอดภัยท่ีอยู่บนความสุขความพึงพอใจ (pleasurable) และการเคารพ ซงึ่ กนั และกนั (respectful) สง่ ผลใหก้ ลมุ่ วยั รนุ่ ทไี่ มไ่ ดย้ ดึ ถอื คณุ คา่ เรอ่ื งละเวน้ การมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะแต่งงาน ไม่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายของการณรงค์ การมเี พศสมั พนั ธท์ ปี่ ลอดภยั และลดอนั ตรายหรอื ความเสย่ี งทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ จาก การมเี พศสมั พันธ์ (Boyce et al., 2006) Marge Berer ได้เขียนบทบรรณาธิการในวารสาร Reproductive Health Matters ฉบับที่ 28 ประจำ� เดือนพฤศจิกายน 2006 ในชอ่ื เดียวกัน Condom, yes! “Abstinence”, no แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างย่ิงต่อ การรณรงค์ให้ละเว้นหรือหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ โดยประกาศจุดยืนว่า การก�ำหนดประเด็นของวารสารฉบับน้ีเพื่อปลุกเร้าให้เกิดการต่อสู้กับอ�ำนาจ อันทรงพลังของผู้น�ำทางศาสนาคริสต์ในปีกขวาจัด พระสันตปาปาฯ ท่ี 16 (โปป๊ เบเนดกิ ต)์ และอดตี ประธานาธบิ ดจี อรจ์ บชุ ทผี่ ลกั ดนั และกำ� หนดนโยบาย “การละเว้น/หลีกเล่ียงการมีเพศสัมพันธ์” (Abstinence) ท่ีเธอเรียกว่าเป็น “การเมอื งเรอื่ งเพศ” (Sexual Politics) ซง่ึ กลายเปน็ นโยบายทสี่ ง่ ผลกระทบตอ่ การส่งเสริมเพศสัมพันธ์ท่ีปลอดภัย ที่อาจส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดของ เอชไอวีเพิ่มขน้ึ อีก (Berer, 2006) ถุงยางอนามยั กับการดำ� เนนิ ชวี ิตทางเพศในสังคมไทย 59
Berer เสนอวา่ การรณรงคเ์ พอื่ ต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเอชไอวนี ั้น ควรใชค้ ำ� ขวญั “ไมม่ ถี งุ ยางอนามยั ไมม่ เี พศสมั พนั ธ์ (No condom − No sex)” เนื่องจากถุงยางอนามัยได้พิสูจน์ตัวเองตั้งแต่ต้นมาจนถึงปัจจุบันแล้วว่า เป็นเคร่ืองมือเดียวท่ีทรงประสิทธิภาพในการป้องกันการรับ − ถ่ายทอดเช้ือ เอชไอวี แต่น่าแปลกใจว่า การให้ความส�ำคัญกับถุงยางฯ กลับมีน้อยกว่า เม่ือเปรียบเทียบการลงทุนด้านงบประมาณท่ีให้กับการพัฒนายาต้านไวรัส วัคซีน และไมโครบิไซด์ และวพิ ากษ์ UNAIDS ว่า ไมม่ แี ม้แต่การจา้ งเจา้ หนา้ ที่ เต็มเวลาสกั คนเพื่อท�ำงานดา้ นถงุ ยางอนามยั (Berer, 2006) Berer มองวา่ การรณรงค์เรือ่ งน้คี วรมจี ดุ ยืนวา่ เพศสมั พนั ธ์ไม่ได้เป็น เรอ่ื งวา่ ใครมี หรอื มกี บั ใคร หรอื มที อี่ ายเุ ทา่ ไร แตค่ วรมองวา่ ผคู้ นแทบทง้ั หมด ล้วนมีโอกาสมีเพศสัมพันธ์ ส่ิงท่ีส�ำคัญคือ “การมีหลักประกันว่า เมื่อผู้คน มีเพศสัมพันธ์แล้ว มันเป็นการตัดสินใจเลือกมีด้วยตนเอง โดยที่พวกเขา รู้วิธีการ มีความสามารถ และรู้ว่าจะต่อรองกับคู่ของตนเองเพ่ือการมี เพศสมั พนั ธ์ท่ีปลอดภัยไดอ้ ยา่ งไร” (Berer, 2006) ดังน้ัน ในการพัฒนาเนื้อหาการรณรงค์ท่ีเก่ียวข้องกับเพศสัมพันธ์ จึงควรมองคนอย่างแยกแยะเปน็ 2 กลมุ่ คอื กลุ่มคนทตี่ ้องการมเี พศสัมพันธ์ และคนท่ไี มต่ ้องการมเี พศสัมพนั ธ์ แม้ว่าการไม่มีเพศสัมพันธ์จะเป็นสิ่งท่ีปลอดภัยแน่นอนอย่างไม่มีใคร เถียงได้ แต่เราจะรณรงค์เรื่องนี้กันอย่างไร ในเมื่อทุกวันน้ีมีข้อเท็จจริงที่ว่า แมผ้ คู้ นจำ� นวนมากจะไมต่ อ้ งการมเี พศสมั พนั ธ์ แตจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งมดี ว้ ยแรงกดดนั จากคู่ หรือเพ่ือน หรือจากตัวเองว่า หากไม่มีเพศสัมพันธ์ก็จะไม่ได้รับ การยอมรับ การรณรงค์ให้ละเว้นหรือหลีกเล่ียงการมีเพศสัมพันธ์จึงอาจ เป็นประโยชน์อยู่บ้างจนถึงจุดท่ีพวกเขาตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ด ี การรณรงค์ให้ละเว้นหรือหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์แบบน้ีมีน�้ำเสียงค่อนไป ทางศาสนาและพธิ กี าร เพราะมนี ยั ของการใหผ้ คู้ นถอยหา่ งออก ไมเ่ กลอื กกลว้ั กบั สง่ิ ชวั่ รา้ ย ไมค่ วรทำ� บาป หรอื คอื การไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั การมเี พศสมั พนั ธน์ น่ั เอง 60 นวิ ตั ร สวุ รรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกจิ
“A − B − c” จงึ เปรยี บเสมอื นคมั ภรี ศ์ าสนาเลม่ ใหมใ่ นยคุ สมยั เอดส์ ทมี่ า พร้อมกับวิธีคิดเร่ือง “กลุ่มเสี่ยง” และกลายเป็นภาพสะท้อนความพยายาม ทางการเมืองของรัฐในการก�ำกับควบคุมกรอบปฏิบัติเร่ืองเพศชายขอบ ขณะเดียวกันก็พยายามส่งเสริมระบบคุณค่าความเชื่อเรื่องเพศในรูปของ เพศสัมพันธ์แบบหญิงชายในแบบผัวเดียวเมียเดียว ที่อยู่บนฐานองค์ความรู้ ทางการแพทยแ์ บบชีวกลไก โดยอธบิ ายความตามแนวทางระบาดวิทยา และ ก�ำกับด้วยฐานความเช่ือทางศาสนา ในลักษณะสามประสานเพื่อการปฏิวัติ กระชับพื้นท่เี รื่องเพศในยุคสมยั เอดส์ สอดคลอ้ งกบั ธเนศ ทมี่ องวา่ “การศกึ ษาเรอื่ งเพศศกึ ษาจำ� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ ง เขา้ ใจถงึ อดุ มการณข์ องวทิ ยาศาสตรแ์ ละการแพทยท์ เ่ี คลอื บแฝงอยใู่ นการศกึ ษา ตา่ งๆ เหลา่ นดี้ ว้ ย เพราะการแพทยข์ องพวกครสิ เตยี นผวิ ขาวนน้ั เชอ่ื มตอ่ โยงใย เขา้ กบั ศลี ธรรมของครสิ ตศ์ าสนามาตลอดประวตั ศิ าสตรข์ องอารยธรรมครสิ เตยี น” (ธเนศ, 2549: 55) 2.4 การน�ำเร่ืองเพศ ความสุขความพึงพอใจทางเพศ และ ถงุ ยางอนามัยกลับคนื มาในยุคสมยั เอดส์ การประชุมนานาชาติเรื่องเอชไอวี/เอดส์ ครั้งที่ 15 ซ่ึงจัดข้ึนท่ี กรงุ เทพมหานคร ในปี 2547 มีการตั้งขอ้ สงั เกตว่า การท�ำงานป้องกนั แกไ้ ข ปัญหาเอดส์ที่ผ่านมาไม่ประสบความส�ำเร็จมากนัก เพราะยังไม่มีการท�ำ ความเข้าใจท่ีดีพอเพื่อสรุปรวบยอดแนวความคิดเร่ืองเพศวิถีของมนุษย ์ (conceptualization of human sexuality) ท�ำใหม้ ิตกิ ารท�ำความเขา้ ใจและ การท�ำงานเร่ืองเพศวิถีได้หลุดหายไปจากบริบทของการท�ำงานด้านเอดส ์ และการส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยในการด�ำเนินชีวิตของเพศวิถีต่างๆ เช่น เดยี วกบั ทก่ี ารทำ� งานดา้ นเอดสย์ งั ไมไ่ ดส้ มั พนั ธเ์ ชอ่ื มโยงกบั มติ ติ า่ งๆ ในบรบิ ท ของเรื่องเพศวถิ ี ถงุ ยางอนามัยกบั การด�ำเนนิ ชีวิตทางเพศในสงั คมไทย 61
ข้อจ�ำกัดทสี่ ำ� คญั ของการสรปุ รวบยอดแนวความคดิ ในเรือ่ งวิถีเพศของ มนษุ ย์ และการปอ้ งกนั การตดิ เชอื้ เอชไอวี กค็ อื การทผี่ คู้ น หนว่ ยงาน องคก์ ร และสถาบนั ตา่ งๆ ทวั่ โลกยงั คงปดิ กน้ั ไมใ่ หผ้ คู้ นพดู ถงึ สาเหตขุ องการแพรร่ ะบาด อย่างตรงไปตรงมา ยังคงมีนักการเมืองและเจ้าหน้าท่ีรัฐบาลที่ไม่ยอมรับฟัง และไม่แสดงบทบาทน�ำในการด�ำเนินงานด้านเอดส์ ยังมีองค์กรประชาสังคม หลายแหง่ ทม่ี งุ่ สง่ เสรมิ เฉพาะสง่ิ ทถ่ี อื วา่ เปน็ พฤตกิ รรมปกติ ไมเ่ บย่ี งเบน มากกวา่ การสนับสนุนให้ปัจเจกบุคคลพัฒนาและแสดงออกทางเพศได้หลากหลาย บนฐานของการเคารพในศกั ดศิ์ รคี วามเปน็ มนษุ ย์ ยงั มผี นู้ ำ� ศาสนาและศลี ธรรม ไม่ยอมรับความหลากหลายในเรื่องทางเพศของมนุษย์ และยังมีผู้คนทั่วไป ที่เสแสร้งหรือแกล้งมองว่าการแพร่ระบาดของเอชไอวีในโลกไม่ได้เป็นสิ่งที่ ตอ้ งกังวลใจ การพิจารณาเร่ืองเพศวิถีให้ชัดเจนเช่ือมโยงกับการป้องกัน เอชไอวี ควรครอบคลุมแง่มุมดา้ นตา่ งๆ (Boyce et al., 2006) ดังน้ี 1. การท�ำความเข้าใจเร่ืองเพศภาวะในทางทฤษฎี (theorization of gender) จากกรอบการอธิบายเรื่องเพศในมิติเดิมจ�ำกัดค�ำอธิบายไว้เพียง ความเปน็ เพศหญงิ และความเปน็ เพศชาย ขณะทเี่ พศภาวะในปจั จบุ นั ไดแ้ สดง ความสลับซับซอ้ นของภาวะทางเพศท่หี ลากหลายและลน่ื ไหลมากขนึ้ รวมท้งั พยายามท�ำความเข้าใจเรอื่ งทางเพศและเพศภาวะในมิตอิ น่ื ๆ ดว้ ย ท้ังความ ปรารถนา ความพึงพอใจทางเพศ กามารมณ์ ฯลฯ โดยไม่จ�ำกัดค�ำอธิบาย อยูเ่ ฉพาะบทบาททางเพศภาวะเพียงด้านเดียว 2. ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั สภาวะวสิ ยั ตา่ งๆ ในเรอ่ื งเพศ (understanding of sexual subjectivity) ในบางสถานการณก์ ารมีเพศสมั พนั ธอ์ าจถกู มองว่า เปน็ งานทหี่ นกั และอนั ตราย เปน็ หนา้ ทท่ี างสงั คม เปน็ หนทางทจี่ ะชว่ ยใหต้ นเอง 62 นวิ ตั ร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ
ได้รับการปกป้อง คุ้มครอง มีท่ีอยู่อาศัย มีอาหาร มียา (ยารักษาโรคและ ยาเสพติด) เป็นเรื่องการแอบซ่อน/ขโมย เป็นวิธีการที่ท�ำให้คนสูญเสีย ความบริสุทธ์ิ เป็นการกระท�ำเพ่ือท้าทายการเมือง เป็นกลยุทธ์ในสงคราม ลา้ งเผา่ พนั ธ์ุ เปน็ หนทางทจี่ ะไดร้ บั คะแนนดๆี ฯลฯ ดงั นนั้ เมอื่ พดู ถงึ มาตรการ เชน่ การมีเพศสมั พนั ธ์ทป่ี ลอดภัย จึงควรเชื่อมโยงกบั สถานการณห์ รือบริบท เงือ่ นไขต่างๆ 3. นัยส�ำคัญของความพึงพอใจทางเพศในการตัดสินใจเร่ืองเพศ (the significance of pleasure in sexual decision − making) ทเี่ ปน็ ภาพ สะท้อนความเข้าใจเร่ืองเพศวิถีในมิติที่หลากหลายเพ่ิมเติมลึกซ้ึงไปถึงเร่ือง ความปรารถนา ความพึงพอใจ ทสี่ ะท้อนมิตดิ ้านความเป็นมนษุ ย์ออกมา 4. การสรุปรวบยอดความคิดเร่ืองวัฒนธรรมและพฤติกรรมทางเพศ (conceptualization of sexual behaviors and culture) ทม่ี ิติทางเพศและ การแสดงออกดา้ นพฤตกิ รรมทางเพศ สมั พนั ธอ์ ยา่ งมพี ลวตั กบั ความเปลย่ี นแปลง ทางวัฒนธรรมในแต่ละสังคมตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เรื่องเพศไม่ได้ด�ำรงอยู่ โดดเดย่ี ว หยดุ นง่ิ หรอื มพี ฒั นาการเปน็ เสน้ ตรง แตส่ มั พนั ธก์ บั วฒั นธรรมและ เงอ่ื นไขทางวฒั นธรรมนนั้ ๆ นนั่ คอื ผคู้ นในแตล่ ะวฒั นธรรมลว้ นใหค้ วามหมาย กับเรื่องเพศที่แตกต่างหลากหลาย การสรุปรวบยอดความคิดเร่ืองทางเพศ ของมนุษย์ท่จี ำ� กดั อยู่เพยี งแคค่ วามหมายของเพศทางชวี วทิ ยา (sex) ว่าเปน็ เพศหญิง เพศชาย ลักษณะการแสดงออกทางเพศ และรสนิยมทางเพศ (sexual practice or sexual orientation) วา่ เปน็ ชายทม่ี เี พศสมั พนั ธก์ บั ชาย หญิงท่ีมีเพศสัมพันธ์กับหญิง ฯลฯ จึงยังไม่เพียงพอและเป็นการด่วนสรุปท ี่ เร็วเกนิ ไป ถุงยางอนามยั กบั การดำ� เนินชวี ติ ทางเพศในสงั คมไทย 63
ท้ายบท การใชป้ ระเดน็ ความสขุ ความพงึ พอใจเขา้ มาสอ่ื สารเรอ่ื งทางเพศ เอดส์ และถุงยางอนามัยนั้น จ�ำเป็นต้องค�ำนึงถึงการสร้างวาทกรรมข้อถกเถียง พดู คยุ ใหมใ่ นเรอื่ งเอดส์ เชน่ การยอมรบั ความสำ� คญั ของการมเี พศสมั พนั ธแ์ ละ พฤตกิ รรมเสย่ี ง และควรทำ� ความเข้าใจวา่ เกิดจากอะไร ต้องให้ความหมายเรื่อง “เพศ” ท่ีกว้างมากกว่าเดิม เพ่ือให้เกิด การพดู คยุ แลกเปลย่ี นเรอื่ งเพศวถิ ี และความสขุ ความพงึ พอใจทเี่ ปดิ กวา้ งมาก ขนึ้ โดยยอมรบั วา่ กจิ กรรมทางเพศทไ่ี มม่ กี ารสอดใส่ เชน่ การกอดจบู ลบู คลำ� เนื้อตัวร่างกาย การใช้ปากจูบพรมไปท่ัวร่างกาย และการส�ำเร็จความใคร ่ ใหก้ นั และกนั ตา่ งเปน็ ทางเลอื กของการรว่ มเพศทไี่ มต่ อ้ งสอดใสท่ างชอ่ งคลอด และชอ่ งทวารหนัก หลักสูตรและการเรียนรู้เร่ืองเพศศึกษาต้องขยายมิติให้กว้างมากข้ึน ให้มีการเรียนรู้ความหมายของเพศวิถีของมนุษย์ ท่ีมากกว่าเพ่ือการแต่งงาน มคี รอบครวั และมลี กู และกำ� หนดใหถ้ งุ ยางฯ มคี วามหมายและบทบาทมากกวา่ การเปน็ เครื่องมอื คุมก�ำเนิดและป้องกันโรค ท้ังนี้ เยาวชนควรมีโอกาสและทางเลือกในการเรียนรู้เรื่องเพศ วา่ เปน็ วิถีตามธรรมชาติและเป็นความสุขความพึงพอใจในการแสดงออกซึ่งความรัก และมีผลกระทบต่อผอู้ ่นื และการมวี ถิ ีรักต่างเพศหรอื รักเพศเดยี วกันต่างก็เป็น รูปแบบการแสดงออกทีเ่ สมอภาคเท่าเทยี มกนั ควรมกี ารพดู คยุ ถงึ วธิ กี ารหรอื การปฏบิ ตั บิ างเรอ่ื ง ทง้ั ในแงท่ เี่ ปน็ วธิ กี าร สร้างความสุข ความพึงพอใจ และเป็นหลักประกันวา่ จะมคี วามรู้ทจี่ ะปอ้ งกนั ตนเองจากโรคติดตอ่ ทางเพศสมั พันธ์และเอชไอวี แทนทจ่ี ะยงั คงสง่ เสรมิ ใหล้ ะเวน้ การมเี พศสมั พนั ธแ์ ละความสมั พนั ธแ์ บบ ผวั เดยี ว − เมยี เดยี ว โดยกนั รปู แบบความสมั พนั ธท์ างเพศแบบอนื่ ๆ ออกไปนน้ั ควรหันมาให้ความส�ำคัญกับการส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่�ำเสมอ 64 นวิ ัตร สุวรรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ
มากกว่า เพราะเป็นแนวทางท่ีพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการลด ความเปราะบางและความเสี่ยงต่อการรับ − ถา่ ยทอดเช้ือเอชไอวี เช่น การทำ� ความเขา้ ใจวา่ การมเี พศสมั พนั ธแ์ บบคคู่ า้ งคนื เดยี วรอ้ ยครงั้ แตใ่ ชถ้ งุ ยางอนามยั ทุกครัง้ มคี วามปลอดภัยกวา่ การมีเพศสัมพันธ์ร้อยครั้งกบั คนๆ เดียวทไ่ี มร่ ู้ว่า มีเอชไอวีหรือไม่ โดยไมใ่ ชถ้ ุงยางอนามัย ในการรณรงค์ต่อสู้กับเอดส์ ควรมีการส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย ในรูปแบบหรือด้วยวิธีการสร้างความสุขความพึงพอใจที่เย้ายวนใจ อาท ิ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ถุงยางฯ ควรเน้นเร่ืองความสุขเย้ายวนใจ สัมผัส ทใ่ี กลช้ ดิ และลกึ ซงึ้ เพอื่ การมสี ขุ ภาวะทางเพศทดี่ ี ปลอดภยั และเปน็ สขุ มากกวา่ เน้นเร่อื งโรค อนั ตราย และความเส่ยี ง และควรพัฒนาปรบั ปรงุ ถุงยางอนามัย เพอื่ เพมิ่ สมั ผสั ละเอยี ดออ่ นและความสขุ ความพงึ พอใจใหก้ บั ทงั้ ผสู้ วมใสแ่ ละคู่ เชน่ ท�ำให้ผวิ ถุงยางฯ บางลง ใชไ้ ด้สะดวกมากขึ้น โดยมหี ลายขนาด รูปร่าง เพอ่ื ให้สวมใส่ไดพ้ อดี การโฆษณาประชาสมั พนั ธเ์ รอ่ื งขนาดของถงุ ยางฯ ในการวางจำ� หนา่ ย ในตลาด ควรปรับเปลี่ยนจากมิลลิเมตร เป็นขนาดของผลไม้แทน เช่น ขนาดใหญ ่ − ยักษ ์ − มหึมา (ใหค้ วามรสู้ กึ ดกี ว่าถกู บอกวา่ กี่มลิ ลเิ มตร) ซง่ึ เป็น การใช้ความสนุก ความสขุ ความพงึ พอใจในเรอื่ งเพศ มาใชว้ างแผนการผลิต และการตลาดในเรอื่ งขนาด สี กลนิ่ รปู รา่ ง ฯลฯ อกี ทงั้ ควรมกี ารลงทนุ พฒั นา ถุงยางอนามัยอย่างจริงจัง เพื่อช่วยสร้างสัมผัสแห่งความสุขให้กับผู้ใช้และคู่ ควรส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการใช้ถุงยางอนามัยด้วยวิธีการท่ี เย้ายวนใจมากข้ึน เช่น การฝึกใส่ด้วยริมฝีปาก ฯลฯ และจากการท่ีผู้ชาย หลายคนปฏเิ สธไมใ่ ชถ้ งุ ยางฯ เพราะขาดรสสมั ผสั กค็ วรทำ� การสง่ เสรมิ มมุ มอง เชงิ บวกอื่นๆ ทดแทน เชน่ การยดื ระยะเวลาการหลั่ง และเวลาสร้างความสุข ความพึงพอใจในการร่วมเพศ เพื่อการมีสุขภาวะทางเพศท่ีดี เป็นสุข และ ปลอดภัย ถุงยางอนามยั กบั การดำ� เนนิ ชวี ติ ทางเพศในสงั คมไทย 65
การรณรงคส์ ง่ เสริม 3การใช้ถุงยางอนามัยในสงั คมไทย ทายบทท่ีผ่านมา ผู้เขียนได้กล่าวถึงการรณรงค์เรื่อง เพศดว้ ยแนวคดิ ทแี่ ตกตา่ งออกไป และเปน็ ไปในทาง บวก ด้วยข้อความเร่ืองการมีเพศสัมพันธ์ท่ีปลอดภัยกว่า เป็นสุข และมีความพึงพอใจ เพ่ือส่งเสริมให้เกิดสุขภาวะ ทางเพศและการเป็นอยู่ที่ดี ในบทนี้ผู้เขียนจะขอกล่าวถึง ตวั อยา่ งการดา� เนนิ การสง่ เสรมิ ถงุ ยางอนามยั ในประเทศไทย ประกอบด้วยเนื้อหา 2 ส่วน ส่วนแรก เป็นการรณรงค์ ส่งเสริมเร่ืองถุงยางอนามัยผ่านนโยบายและการด�าเนิน โครงการขนาดใหญใ่ นประเทศไทย และตวั อยา่ งการรณรงค์ เรื่องถุงยางอนามัยขององค์กรพัฒนาเอกชนผ่านโลก ออนไลน์ ส่วนท่ีสอง เป็นการจัดกระบวนการเรียนรู้ เร่ืองเพศ เร่ืองเอดส ์ และถุงยางอนามัยในพนื้ ที่ ถุงยางอนามัยกบั การดา� เนนิ ชวี ิตทางเพศในสังคมไทย 67
3.1 การรณรงค์ส่งเสริมเรื่องถุงยางอนามัยผ่านนโยบาย และการดำ� เนนิ โครงการขนาดใหญใ่ นประเทศไทย ในทน่ี ี้ ผเู้ ขยี นขอหยบิ ยกเอาโครงการรณรงคส์ ง่ เสรมิ การใชถ้ งุ ยางอนามยั ในประเทศไทย 2 โครงการมาเปน็ ตวั อยา่ ง โครงการแรกคอื โครงการถงุ ยางฯ 100% หรอื 100% Condom Use Program (CUP) เรม่ิ ดำ� เนนิ การในราวปี 2532 จนขยายเปน็ โครงการระดบั ประเทศในปี 2534 และโครงการทสี่ องคอื โครงการ “ยดื อก พกถงุ ” ทไี่ ดร้ บั การสนบั สนนุ งบประมาณจากกองทนุ โลกเพอื่ การตอ่ สู้ กบั โรคเอดส์ วณั โรคและมาลาเรีย (GFATM) (1) โครงการถงุ ยางอนามยั 100% หรอื 100% Condom Use Program (CUP) โครงการถุงยางฯ 100% เปน็ ตัวอยา่ งเด่นในฐานะโครงการรณรงค์ใหม้ ี การใชถ้ งุ ยางอนามยั ของประเทศไทย ทไ่ี ดร้ บั การยกยอ่ งวา่ ประสบความสำ� เรจ็ ในแงก่ ารลดอตั ราการรบั − ถา่ ยทอดเชอ้ื เอชไอวรี ายใหมไ่ ดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ จนมีการขยายผลไปยังประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย ภายใต้ การสนับสนุนจาก UNAIDS โครงการนรี้ เิ รม่ิ และดำ� เนนิ การโดย นพ.ววิ ฒั น์ โรจนพทิ ยากร ทพ่ี ยายาม คดิ หารปู แบบการดำ� เนนิ งานเพอื่ ลดการรบั − ถา่ ยทอดเชอ้ื เอชไอวใี นประเทศไทย ซ่ึงขณะน้ันมีอัตราการรับ − ถ่ายทอดเช้ือเอชไอวีรายใหม่สูงมากในกลุ่มหญิง บริการทางเพศและชายนักเท่ียว นพ.วิวัฒน์ จึงมองว่า ต้องส่งเสริมการใช้ ถงุ ยางอนามยั ในฐานะทเ่ี ปน็ “เครอื่ งมอื ทางการแพทย”์ เพอ่ื การคมุ กำ� เนดิ และ ป้องกนั โรคติดตอ่ ทางเพศสมั พันธ์รวมถงึ เชื้อไวรสั เอชไอวีด้วย (ววิ ัฒน์, 2552) การดำ� เนนิ งานดงั กลา่ วใชว้ ธิ กี ารตงั้ โจทยว์ า่ ทำ� อยา่ งไรใหเ้ กดิ การปรบั เปลี่ยนอ�ำนาจระหว่างผู้ซ้ือหรือคือชายนักเที่ยว กับผู้ขายคือหญิงบริการ โดยกำ� หนดเงื่อนไขวา่ ต้องใชถ้ งุ ยางอนามยั ดว้ ยทุกครงั้ ท่ซี ้ือขายบริการ 68 นวิ ัตร สุวรรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ
ค�ำตอบของโจทย์ข้างต้นจึงเป็นข้อเสนอให้ใช้อ�ำนาจรัฐที่เก่ียวข้อง คือฝ่ายปกครองโดยผู้ว่าราชการจังหวัด และฝ่ายจับกุมคือเจ้าหน้าที่ต�ำรวจ ขอความร่วมมือหรือกดดันไปยังเจ้าของกิจการบริการทางเพศ ส่งเสริมแกม บังคับใหใ้ ชถ้ งุ ยางอนามัยในการซอ้ื − ขายบรกิ ารทางเพศ การดำ� เนนิ โครงการดงั กล่าวเป็นการจัดการความสมั พันธเ์ ชงิ อำ� นาจท่ี ซ้อนทับลงไปเป็นช้ันๆ ต้ังแต่การใช้อ�ำนาจนโยบายและกฎหมายรัฐบังคับ เจ้าของธุรกิจทางเพศท่ีผิดกฎหมาย ซึ่งใช้อ�ำนาจบังคับต่อไปยังหญิงบริการ และส่งผลไปถึงการจัดการซ้ือ − ขายบริการทางเพศกับลูกค้า หัวใจหลักของ การด�ำเนินการดังกล่าวน้ีสะท้อนอยู่ในค�ำบอกเล่าของผู้พัฒนาโครงการว่า ต้องการหยดุ หรือชะลอการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวี ในที่นี้ ผ้เู ขียนจะหยบิ ยกโครงการถงุ ยางอนามัย 100% มาพจิ ารณาวา่ บนความสำ� เรจ็ ของการดำ� เนนิ โครงการทไ่ี ดร้ บั การกลา่ วถงึ อยา่ งกวา้ งขวางนน้ั มีข้อคิดเห็นและค�ำวิพากษ์วิจารณ์ในเร่ืองสถานะและความหมายของ ถงุ ยางอนามยั ภายหลงั การด�ำเนินโครงการน้ีอย่างไรบ้าง UNAIDS กลา่ วถงึ โครงการถงุ ยางอนามยั 100% หรอื 100% CUP (Condom Use Program) วา่ ถงุ ยางอนามยั ไดแ้ สดงบทบาทอยา่ งชดั เจนในการปอ้ งกนั การรับ − ถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีในหลายประเทศ โดยช่วยลดอัตรา การรบั − ถา่ ยทอดเชอ้ื เอชไอวใี นทๆ่ี เกดิ ปญั หาเอดสไ์ ปแลว้ และยงั ชว่ ยลดทอน การแพรร่ ะบาดของเอชไอวใี นพนื้ ทๆี่ การแพรร่ ะบาดยงั คงเกดิ ขนึ้ กบั ประชากร เฉพาะบางกลุม่ (UNAIDS, 2009) ถงุ ยางฯ ชว่ ยสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมทางเพศทป่ี ลอดภยั การวเิ คราะห์ เรอ่ื งการแพรร่ ะบาดของเอดสใ์ นประเทศอกู นั ดายนื ยนั วา่ การใชถ้ งุ ยางอนามยั ทเี่ พม่ิ มากขน้ึ พรอ้ มกบั การชะลอการมเี พศสมั พนั ธค์ รง้ั แรกออกไป และการลด จำ� นวนคนู่ อน เปน็ ปจั จยั สำ� คญั ทช่ี ว่ ยลดความชกุ ของเอชไอวใี นทศวรรษ 2530 ประเทศไทยกไ็ ด้แสดงให้เหน็ ว่า การลดการตตี ราถุงยางอนามยั และสง่ เสริม ถงุ ยางอนามยั กบั การด�ำเนินชีวติ ทางเพศในสังคมไทย 69
การใช้ถุงยางอนามัยในกลุ่มพนักงานบริการทางเพศและลูกค้า ได้ช่วยลด การรบั − ถา่ ยทอดเชอื้ เอชไอวใี นประชากรกลมุ่ น้ี และในประชากรทว่ั ๆ ไปดว้ ย นโยบายทค่ี ลา้ ยคลงึ กนั ในประเทศกมั พชู ายงั ไดช้ ว่ ยลดความชกุ ในการตดิ เชอื้ ในกลุ่มพนักงานบริการทางเพศ และช่วยชะลอการแพร่ระบาดในประเทศ ไมใ่ ห้เพ่ิมสูงขน้ึ ดว้ ย นอกจากน้ี การส่งเสริมถุงยางอนามยั อย่างกระตอื รอื ร้น ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ในกลุ่มประชากรท่ัวไปและกลุ่มที่มีความเปราะบาง ได้ช่วย ให้ประเทศประสบความส�ำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดได้ด้วย (Singh, Darroch & Bankole, 2003) ในขณะที่ ICASO ซงึ่ เปน็ องคก์ รพฒั นาเอกชนดา้ นเอดสร์ ะดบั นานาชาติ ได้ออกมากล่าวถึงโครงการถุงยางอนามัย 100% ในแง่ความรุนแรงและ การละเมดิ สทิ ธมิ นษุ ยชนในทศิ ทางทแี่ ตกตา่ งออกไปจาก UNAIDS วา่ แนวทาง การดำ� เนนิ งานในการปอ้ งกนั การรบั − ถา่ ยทอดเชอ้ื เอชไอวที ไี่ ดร้ บั การวพิ ากษ์ วิจารณ์อย่างมากจากพนักงานบริการทางเพศว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน คอื โครงการถุงยางอนามัย 100% (100% CUP) ทอ่ี อกแบบให้เปน็ ความร่วมมอื ระหวา่ งเจา้ หนา้ ทใ่ี นทอ้ งถนิ่ กบั เจา้ ของสถานประกอบการ เพอื่ ลดการถา่ ยทอด เช้ือเอชไอวีด้วยการรับประกันว่าจะมีการใช้ถุงยางอนามัยในพนักงานบริการ ทางเพศกบั ลกู คา้ ทมี่ าซือ้ บริการ (Rojanapithayakorn, 2006) อย่างไรกต็ าม มขี อ้ วพิ ากษว์ จิ ารณว์ า่ โครงการนพี้ ฒั นาขน้ึ มาโดยไมไ่ ดม้ กี ารปรกึ ษาหารอื กบั พนกั งานบรกิ ารทางเพศหรอื กลมุ่ ทท่ี ำ� งานเพอื่ พนกั งานบรกิ ารทางเพศ (Loff, Over & Longo, 2003) โครงการถุงยางอนามยั 100% ทดี่ ำ� เนนิ การในประเทศไทยและกมั พูชา ใช้กลไกของเจ้าหน้าท่ีต�ำรวจและทหารควบคุมพนักงานบริการทางเพศ ขณะทีพ่ นักงานบริการทางเพศทั่วโลกมกั กลา่ ววา่ เจา้ หน้าท่ี 2 กลุ่มนี้ กระท�ำ ความรนุ แรงและละเมดิ สทิ ธขิ องพนกั งานบรกิ ารทางเพศอยเู่ ปน็ ประจำ� รวมถงึ การบังคับให้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยด้วย แม้จะมีรายงานว่า 70 นวิ ัตร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกจิ
หลงั การดำ� เนนิ งานพบอตั ราการตดิ เชอื้ รายใหมล่ ดลงจรงิ ในระยะสน้ั ๆ อยา่ งไร กต็ าม มคี วามกงั วลจากเครอื ขา่ ยพนกั งานบรกิ ารทางเพศวา่ แนวทางดงั กลา่ ว ส่งผลกระทบด้านลบต่อพนักงานบริการทางเพศ ท�ำให้ตกอยู่ในความเสี่ยง ท่ีจะถกู ละเมดิ ถูกกระทำ� รนุ แรง รวมไปถงึ การได้รบั เช้ือเอชไอวีดว้ ย โครงการดังกล่าวมีสมมติฐานว่า พนักงานบริการทางเพศสามารถ มอี ำ� นาจตอ่ รองใชถ้ งุ ยางอนามยั กบั ผซู้ อ้ื /ชายนกั เทยี่ ว แตป่ รากฏขอ้ โตแ้ ยง้ วา่ พนกั งานบรกิ ารทางเพศถกู ทบุ ตเี มอ่ื ยนื ยนั วา่ “ไมม่ กี ารใหบ้ รกิ ารทางเพศหาก ไมใ่ ชถ้ งุ ยางฯ” ซง่ึ แสดงใหเ้ หน็ วา่ ความพยายามสง่ เสรมิ การใชถ้ งุ ยางอนามยั ในฐานะเคร่อื งมือควบคุมป้องกนั โรค โดยใช้อ�ำนาจของเจา้ หน้าทต่ี ำ� รวจและ ทหารขอความร่วมมือไปยังเจ้าของกิจการ ไม่ได้สร้างหลักประกันคุ้มครอง ความปลอดภยั เพือ่ ปอ้ งกันไมใ่ ห้หญงิ บริการถกู กระทำ� ความรนุ แรงจากผูซ้ ้ือ บริการได้ ข้อวิพากษ์วิจารณ์อีกเร่ืองหนึ่งต่อโครงการถุงยางอนามัย 100% คือ โครงการดงั กลา่ วไมไ่ ดก้ ลา่ วถงึ การละเมดิ สทิ ธมิ นษุ ยชนจากตำ� รวจและทหาร ที่เข้ามามีบทบาทควบคุมการด�ำเนินงานโครงการ รวมท้ังไม่ได้กล่าวถึง การคุ้มครองดูแลพนักงานบริการทางเพศท่ีมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ ์ รวมทั้งเอชไอวี หรือในกรณีท่ีพนักงานบริการทางเพศปฏิเสธไม่ยินยอมให้ ความร่วมมือกับโครงการฯ ข้อวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวยืนยันส่ิงท่ีพบเห็น อยบู่ อ่ ยครงั้ วา่ เมอื่ ใดกต็ ามทมี่ กี ารใชม้ าตรการในลกั ษณะการบงั คบั ใชก้ ฎหมาย โดยเจ้าหน้าท่ีกับพนักงานบริการทางเพศแล้ว มักท�ำให้พนักงานบริการ ทางเพศตกอยู่ในสถานการณ์ที่เปราะบางและเส่ียงมากย่ิงขึน้ โดยสรปุ เราจะเหน็ วา่ UNAIDS และ ICASO กลา่ วถงึ โครงการถงุ ยางอนามยั 100% ในมติ ทิ แ่ี ตกตา่ งกนั นนั่ คอื ขณะท่ี UNAIDS และรฐั มองโครงการสง่ เสรมิ ถงุ ยางอนามยั เชน่ 100% CUP ดว้ ยสายตาชน่ื ชมในดา้ นลดการแพรร่ ะบาดของ เชื้อเอชไอวี แต่ภาคประชาสังคมและเครือข่ายแรงงานบริการทางเพศวิพากษ์ ถุงยางอนามัยกับการด�ำเนนิ ชวี ิตทางเพศในสงั คมไทย 71
วิจารณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อพนักงานบริการทางเพศ ท้ังในแง่ไม่ได้มี การปรึกษาหารืออย่างมีส่วนร่วมกับพนักงานบริการทางเพศ ขาดการมี ส่วนร่วมของแรงงานบริการทางเพศในการออกแบบการด�ำเนินงาน อีกทั้ง มาตรการทใ่ี ชค้ วามรว่ มมอื ของตำ� รวจและทหารเปน็ วธิ กี ารใชอ้ ำ� นาจเหนอื กวา่ บังคบั ทำ� ใหเ้ กดิ ความเปราะบางตอ่ กลมุ่ พนกั งานบรกิ ารทางเพศมากข้ึน วิวฒั น์ (2552) ระบุวา่ การดำ� เนนิ งานโครงการนี้เปน็ การสรา้ งอำ� นาจ ตอ่ รองใหก้ บั หญงิ บรกิ าร เพอ่ื ใหส้ ามารถตอ่ รองการใชถ้ งุ ยางอนามยั กบั ลกู คา้ ได้ ซ่ึงเป็นค�ำอธิบายเรื่องการเสริมสร้างอ�ำนาจต่อรองให้กับหญิงบริการท่ี ตรงขา้ มกับข้อวิพากษว์ ิจารณท์ มี่ อี ยูข่ องภาคประชาสงั คม ผู้เขียนสนับสนุนมุมมองของภาคประชาสังคมในเรื่องการใช้อ�ำนาจ กดบงั คบั เรอ่ื งถงุ ยางอนามยั ทส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ หญงิ บรกิ าร ทงั้ เหน็ วา่ การสง่ เสรมิ การใช้ถุงยางอนามัย 100% ในเพศสัมพันธ์ระหว่างหญิงบริการกับลูกค้าใน สถานบรกิ ารทางเพศนนั้ แมจ้ ะประสบความสำ� เรจ็ ในการควบคมุ การแพรร่ ะบาด ของเช้ือเอชไอวีให้ชะลอตัวลงได้ แต่ก็เป็นความส�ำเร็จท่ีได้มาด้วยวิธีจัดการ ความสมั พนั ธเ์ ชงิ อำ� นาจในลกั ษณะทก่ี ดบงั คบั หรอื ตอ้ งการควบคมุ เพศวถิ แี บบ ซอื้ − ขายแลกเปลยี่ นบรกิ ารทางเพศ ซง่ึ เปน็ เพศวถิ นี อกกระแสยอมรบั จากสงั คม นอกจากนี้ ผลกระทบท่ีเกิดขึ้นจากโครงการดังกล่าวยังผลิตซ้�ำและ ย้�ำให้เห็นว่า เพศสัมพันธ์ในการซ้ือ − ขายบริการทางเพศเป็นเพศสัมพันธ์ อันตราย เสี่ยง ที่ต้องอาศัยการควบคุม ซ่ึงเป็นการควบคุมท้ังเพศวิถี และ เชื้อไวรสั ท่ีแพร่กระจายอยู่ในเพศวถิ ีแบบน้ี จากการท�ำงาน ผู้เขียนพบว่า เราต้องเพ่ิมความพยายามมากขึ้น ในการเสริมพลังอ�ำนาจให้กับพนักงานบริการทางเพศและกลุ่มท่ีอยู่ชายขอบ เพอื่ ตอ่ รองใหใ้ ชถ้ งุ ยางอนามยั และมเี พศสมั พนั ธท์ ป่ี ลอดภยั ได้ เชน่ การสง่ เสรมิ ทางเลอื กในการมเี พศสมั พนั ธแ์ บบไมส่ อดใส่ การใชถ้ งุ ยางอนามยั ดว้ ยรปู แบบ/ วิธีการท่ีเร้าใจ การด�ำเนินโครงการส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัยที่ไม่ละเมิด สิทธิมนุษยชนหรือส่งผลต่อรายได้ของพนักงานบริการทางเพศ และมี 72 นวิ ัตร สวุ รรณพัฒนา และกาญจนา แถลงกิจ
การด�ำเนินงานทั้งต่อแรงงานบริการทางเพศ และระหว่างแรงงานบริการ ทางเพศกบั ลูกค้า นอกจากน้ี ยังมีข้อวิพากษ์วิจารณ์เร่ืองสถานะและความหมายของ ถงุ ยางอนามยั ในโครงการนด้ี ว้ ยวา่ โครงการดงั กลา่ วไดส้ ถาปนาความเขา้ ใจ สร้างความเชื่อในประชาชนท่ัวไปออกมาเป็นสมการได้ว่า ถุงยางอนามัย = ผู้หญิงบริการทางเพศ ท่ีสร้างตราบาปให้กับถุงยางฯ และท�ำให้การรณรงค์ ใชถ้ งุ ยางอนามยั ในครู่ กั หรอื คสู่ มรสในประเทศไทยลม้ เหลวอยา่ งสนิ้ เชงิ ผชู้ าย ไมก่ ลา้ ขอใชถ้ งุ ยางฯ กบั ภรรยาหรอื แฟนตนเอง เพราะถงุ ยางฯ คอื เครอ่ื งหมาย ของความไมซ่ อื่ สตั ย์ ไม่รัก และท�ำลายน้ำ� ใจ จากข้อวิจารณ์ข้างต้น การด�ำเนินการส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย ต้องเพ่ิมความละเอียดอ่อนมากข้ึน โดยระมัดระวังไม่ให้เกิดการสร้างสมการ ความเชอ่ื ในลกั ษณะเดยี วกนั นขี้ น้ึ มาอกี วา่ ถงุ ยางอนามยั = การปอ้ งกนั เอดส์ เพราะหากทำ� ใหค้ นคดิ และเชอื่ เชน่ นน้ั แลว้ กจ็ ะทำ� ใหเ้ กดิ บทเรยี นซำ้� เดมิ อกี ครงั้ โครงการรณรงค์ “ยดื อกพกถงุ ” ไดร้ บั การสนบั สนนุ งบประมาณ จากกองทนุ โลกเพอื่ การตอ่ สกู้ บั โรคเอดส์ วณั โรคและมาลาเรยี (GFATM) โครงการน้ีเป็นหน่ึงในโครงการย่อยฯ ที่พยายามรณรงค์ส่งเสริมให้มี การใชถ้ งุ ยางอนามยั ในสงั คมไทย ควบคไู่ ปกบั การจดั ใหม้ แี ละกระจายถงุ ยาง อนามัยให้ท่ัวถึง ผ่านตู้จ�ำหน่ายถุงยางอัตโนมัติในสถานท่ีต่างๆ ท้ังห้องน�้ำ ในสวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้�ำมัน และสถาบันการศึกษา ท้ัง มหาวิทยาลัยและโรงเรียน (ต่อมาสถาบันการศึกษาต้องหยุดชะงักไป เพราะ ถกู คดั คา้ นอยา่ งหนกั จากผปู้ กครองและคร)ู หรอื การแจกจา่ ยถงุ ยางอนามยั ฟรี ผ่านแกนน�ำเยาวชนในชุมชนต่างๆ โครงการรณรงค์ “ยืดอกพกถุง” ท่ีได้รับ การกล่าวถึงและวิพากษ์วิจารณ์กันมากคือ โครงการรณรงค์ผ่านชุดสปอต โฆษณาทางโทรทัศน์ในชว่ งกลางปี 2550 ถงุ ยางอนามัยกบั การดำ� เนินชีวิตทางเพศในสังคมไทย 73
ปลดล็อคสมการถงุ ยางกับยืดอกพกถงุ ธัญญา ใจดี มลู นธิ ิสร้างความเข้าใจเรื่องสขุ ภาพผหู้ ญงิ “ช่วง 2 เดือนมานี้ หลายคนคงมีโอกาสดูสปอตโฆษณา “ยืดอกพกถุง” ท่ี กนิ เวลาเพยี ง 15 วนิ าที เพราะสปอตนไี้ ดเ้ ผยแพรใ่ นชว่ งเวลาทมี่ ผี ชู้ มรายการโทรทศั น์ จำ� นวนมาก สปอตโฆษณาชดุ นมี้ ี 2 ชน้ิ มจี ดุ ประสงคห์ ลกั คอื ตอ้ งการสอื่ สารกบั ผชู้ าย ใหร้ ูส้ ึกสะดวกใจทจ่ี ะซอ้ื ถงุ ยางอนามยั ชิ้นแรกฉายภาพเหตกุ ารณ์ในร้านสะดวกซ้ือ ทม่ี ตี วั ละครผชู้ ายเขา้ ไปซอื้ ถงุ ยางอนามยั โดยมคี วามกลา้ ๆ กลวั ๆ สายตาคนรอบขา้ ง แต่ในที่สุดก็คิดได้ว่าเป็นความรู้สึกที่ตนคิดไปเองแท้ๆ คนรอบข้างในร้านนั้นไม่ได้ สนใจเขาเลย โฆษณาอีกชิ้นฉายภาพเหตุการณ์ในสถานีอนามัย โดยตัวละครเด่น เป็นผู้ชายอีกเช่นกัน ชายผู้น้ีเป็นชาวบ้านวัยกลางคน ไปขอรับถุงยางอนามัยจาก เจ้าหน้าที่ แต่ไม่กล้าแม้แต่จะพูดค�ำว่า “ถุงยางอนามัย” เพราะกลัวว่าชาวบ้านท ี่ น่ังรอรับบริการอยจู่ ะมองด้วยสายตาต�ำหนิ เขาใช้เวลาสอ่ื สารด้วยภาษามืออยูน่ าน กวา่ จะรวบรวมความกลา้ และเอย่ คำ� วา่ ถงุ ยางฯ ไดส้ ำ� เรจ็ และเมอื่ หนั ไปดคู นรอบขา้ ง ก็ไม่พบสายตาต�ำหนิติเตียน เพียงแค่น้ีก็สื่อได้ว่าการมาขอรับถุงยางอนามัยแสนจะ เปน็ เรอื่ งปกติธรรมดาทไี่ มจ่ �ำเป็นตอ้ งอายใคร ในสังคมไทยซึ่งเต็มไปด้วยความหลากหลายของผู้คน สปอตโฆษณาชุดน ี้ อาจโดนใจใครหลายคน แต่ในขณะเดยี วกันกส็ ร้างความกงั วลใจใหก้ บั คนบางกลมุ่ โดยประธานสมาพันธ์ประชาชนตรวจสอบรัฐไทย ซ่งึ เปน็ อดตี กรรมการบรหิ ารพรรค ประชากรไทย ออกมายืน่ หนงั สือถงึ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขใหถ้ อดโฆษณาน้ี โดยให้เหตุผลว่าเป็นการย่ัวยุทางเพศ กระตุ้นให้วัยรุ่นอยากจะมีเพศสัมพันธ์เม่ือได้ ดโู ฆษณาชิ้นนี้ อกี ทงั้ เสนอแนะให้มีการปรบั เปลย่ี นการโฆษณาไปในทางเสริมสร้าง จิตส�ำนึกเชิงคุณธรรมแทน ท�ำเอาหลายคนมึนงงไปเหมือนกันว่าท�ำไมนักการเมือง จงึ กระตอื รอื รน้ ออกมายดึ พนื้ ทสี่ อ่ื เพอื่ นำ� เสนอความกงั วลใจของตนหลงั จากโฆษณา แพรภ่ าพไปแล้วถึง 2 เดือน 74 นิวตั ร สุวรรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกจิ
เพือ่ สะทอ้ นความเห็นท่ีรอบดา้ นไปสสู่ าธารณะ สำ� นักงานกองทนุ สนับสนนุ การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ โดยแผนงานสรา้ งเสรมิ สขุ ภาวะทางเพศ จงึ ไดจ้ ดั งานสานเสวนา “ยดื อกพกถงุ กบั วยั รนุ่ ไทย” เพอ่ื เปดิ พนื้ ทปี่ ลอดภยั ใหก้ บั คนกลมุ่ ตา่ งๆ ทตี่ อ้ งการแสดง ความเหน็ เรอื่ งเพศ จงึ มที ง้ั มมุ มองจากวยั รนุ่ ครทู ส่ี อนเพศศกึ ษา กระทรวงสาธารณสขุ กระทรวงวัฒนธรรม คนท�ำงานประเด็นผู้หญิง คนท�ำงานปกป้องเด็กและเยาวชน และผผู้ ลติ โฆษณาชนิ้ นี้ การเสวนาเปน็ ไปอยา่ งนา่ สนใจ เพราะมหี ลายแงม่ มุ ใหไ้ ดค้ ดิ และติดตาม จากมมุ มองของวยั รนุ่ พวกเขาพดู ตรงกนั วา่ เมอื่ ดโู ฆษณาชนิ้ นแ้ี ลว้ ไมไ่ ดเ้ กดิ ความรสู้ กึ อยากจะไปมเี พศสมั พนั ธแ์ ตอ่ ยา่ งใด หรอื พดู งา่ ยๆ กค็ อื ถงุ ยางอนามยั ไมใ่ ช่ สื่อกระตุ้นเร้าอารมณ์เพศส�ำหรับพวกเขา อย่างที่ผู้ใหญ่คิด หรืออาจมีความหมาย แฝงวา่ พวกเขาไมไ่ ดเ้ กดิ อารมณเ์ พศงา่ ยดายเพยี งแคเ่ หน็ ถงุ ยางอนามยั เทา่ นน้ั วยั รนุ่ บางคนมีความเหน็ วา่ พรอ้ มจะพกถงุ ยางอนามยั เพ่ือเป็นเครื่องมือปอ้ งกนั ตวั เองจาก การติดเชื้อและการท้องไม่พร้อมอยู่แล้ว แต่ยังกลัวสายตาของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะ พ่อแม่ ผู้ปกครองท่ีรับไม่ได้หากรู้ว่าลูกหลานพกถุงยางฯ ในขณะที่วัยรุ่นหลายคน มองว่าโฆษณานี้ท�ำให้พวกเขารู้สึกม่ันใจท่ีจะพกถุงยางฯ มากขึ้น เพราะโฆษณา ส่ือว่าการพกถุงยางฯ คอื การมสี ำ� นึกรบั ผดิ ชอบในเรือ่ งเพศ อยา่ งไรกต็ าม ผใู้ หญบ่ างกลมุ่ มองวา่ “ยดื อกพกถงุ ” เปน็ โฆษณาทแี่ รงเกนิ ไป ยวั่ ยใุ หว้ ยั รนุ่ มเี พศสมั พนั ธง์ า่ ยและเรว็ ขนึ้ ในขณะทคี่ นทำ� งานดา้ นเพศศกึ ษาในเยาวชน ก็มีแง่คิดท่ีน่าสนใจว่า ปัจจุบันมีโฆษณาหลายช้ินท่ีแรงกว่าน้ี เพราะเนื้อหามุ่งไปท่ี การเตรยี มวยั รนุ่ ใหพ้ รอ้ มทจี่ ะหาคู่ เชน่ โฆษณาผลติ ภณั ฑห์ นา้ ใส หนา้ ขาว ทงั้ หลาย ที่เน้นสื่อสารให้วัยรุ่นหญิงดูแลเนื้อตัวร่างกายให้มีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศ นอกจากนี้ ยังมีโฆษณาที่ดูถูกศักยภาพผู้หญิง เช่น ผลิตภัณฑ์เครื่องส�ำอางบางยี่ห้อที่ใช้แล้ว สามจี ะกลบั มาภายใน 7 วนั ซ่ึงสะทอ้ นวา่ คณุ คา่ ของผูห้ ญงิ อยทู่ ค่ี วามงามภายนอก ประเภทสวยใสแต่ไร้สมอง นอกจากนนั้ ยังมีโฆษณาท่ีเปรยี บผหู้ ญิงกับ “แรด” ที่วิ่ง เข้าหาผู้ชายท่ีใช้โรลออนระงับกล่ินกายยี่ห้อหน่ึง และผลิตภัณฑ์เสริมทรวงอก ถุงยางอนามยั กบั การด�ำเนินชีวิตทางเพศในสงั คมไทย 75
ทเี่ ปรยี บเทยี บ ผู้หญิงกับแผ่นไม้กระดาน ท�ำให้ผู้หญิงหลายคนหมดความมั่นใจใน ตัวเอง หันไปพ่ึงศัลยกรรมตกแต่งจนเป็นข่าวเสียชีวิตก็หลายครั้ง และอีกมากมาย ที่กล่าวไม่หมดในพ้ืนท่ีแค่นี้ แต่ประเด็นน่าสนใจที่พูดในวงสานเสวนาคือ เหตุใด จึงไม่มีการต้งั คำ� ถามกบั สปอตโฆษณาเหล่านี้ ส่วนคุณครูที่มีประสบการณ์สอนเพศศึกษามานานสะท้อนประสบการณ์ว่า เคยรสู้ กึ สบั สนเชน่ กนั เกรงวา่ จะเปน็ การชโ้ี พรงใหก้ ระรอก แตใ่ นทส่ี ดุ กต็ ดั สนิ ใจลงมอื สอนเพศศกึ ษาอยา่ งจรงิ จงั เพราะไดร้ บั รแู้ ละเผชญิ กบั ความจรงิ ทวี่ า่ วยั รนุ่ จำ� นวนมาก เสย่ี งตอ่ การเสยี สขุ ภาพทางเพศ โดยเฉพาะปญั หาการตดิ เชอ้ื เอชไอวี และการตง้ั ทอ้ ง เมอ่ื ไมพ่ ร้อม ดว้ ยเหตุท่ไี ม่มขี อ้ มูลท่ีรอบดา้ น หรือไดร้ บั ขอ้ มูลเม่ือสายเกินไป การท่ี คุณครูทา่ นนี้ไมม่ วั กงั วล แตล่ งมือปฏิบตั จิ ริง ท�ำใหไ้ ด้พบความจริงชดุ หนงึ่ ว่าวัยรุน่ มศี กั ยภาพท่ีจะคิดและเลือกทางทเ่ี หมาะสมกบั ตนเองได้ หากไดร้ ับข้อมลู ทรี่ อบดา้ น ในขณะที่ฟากผู้ผลิตสปอตโฆษณากลับแปลกใจท่ีถูกต่อต้านว่ายั่วยุให้วัยรุ่น มเี พศสัมพนั ธ์ เพราะโฆษณาชุดน้ตี งั้ ใจส่อื สารใหเ้ ป็นกลางๆ ไมไ่ ด้มภี าพทสี่ อ่ื ไปใน ทางเชิญชวน และตัวละครหลกั ก็ไม่ใชว่ ยั รุ่น ส่งิ ทคี่ ดิ ไวว้ า่ อาจถูกต่อต้านและถือเปน็ ความท้าทายคือ การพยายามสร้างความคิดใหม่ว่า การพกถุงยางฯ คือการท�ำดี ภายใต้แนวคิด “ท�ำดีแบบนี้ไม่ต้องอายใคร” และการน�ำเสนอภาพตัวละครท่ีแสดง ความรูส้ กึ ภาคภูมใิ จทไ่ี ด้ท�ำในส่ิงดีๆ โดยการยดื อกอย่างมนั่ ใจ การทผี่ ผู้ ลิตโฆษณา ไมถ่ กู ตอ่ ตา้ นในแงน่ ี้ อาจเปน็ เพราะสงั คมไทยไมเ่ ขา้ ใจในสารทพ่ี ยายามจะสอ่ื เพราะ แต่ไหนแต่ไรมา การท�ำดีในสังคมไทยถูกมองด้วยสายตาที่คับแคบว่าเป็นเร่ือง ของการท�ำบุญกับพระหรือวัดเท่าน้ัน เพิ่งจะมาในช่วงไม่กี่ปีน้ีท่ีเร่ิมขยายมาถึง การช่วยเหลอื สงั คมในด้านตา่ งๆ แต่ก็มักเป็นการสงเคราะห์เสยี สว่ นมาก สังคมไทย จงึ ไปไมถ่ งึ ไหน ไมส่ ามารถยกระดบั เปน็ สงั คมทผ่ี คู้ นสามารถเปน็ ผใู้ หแ้ ละผรู้ บั ไดอ้ ยา่ ง มศี กั ดศ์ิ รเี ทา่ เทยี มกนั ทง้ั 2 ฝา่ ย เพราะในสตู รสำ� เรจ็ ของการสงเคราะหย์ งั จำ� เปน็ ตอ้ ง มฝี ่ายท่มี ีสถานภาพเหนือกวา่ และฝา่ ยท่ีมสี ถานภาพด้อยกว่า 76 นิวัตร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกิจ
โดยภาพรวมแล้ว ผู้ผลิตสปอตโฆษณาชดุ นีป้ ระสบความสำ� เรจ็ อย่างน้อยใน 2 จุด คือ สามารถดึงผู้คนในสังคมให้กระโจนเข้ามามีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยน ทศั นะเกย่ี วกบั เรอื่ งเพศ และยงั คอ่ ยๆ คลคี่ ลายถอดสมการถงุ ยางฯ ทถี่ กู ใสส่ ตู รเอาไว้ วา่ ถงุ ยางอนามยั คกู่ บั การสำ� สอ่ นทางเพศ นอกจากน้ี ในบรบิ ทของสามภี รรยาหรอื คู่รัก ถุงยางฯ ก็ถูกจับคู่ให้กับความไม่ไว้วางใจหรือการนอกใจ สปอตยืดอกพกถุง จงึ เปน็ กา้ วแรกของการถอดสมการถงุ ยางฯ ว่าแทท้ ี่จริงค�ำตอบกค็ อื ถุงยางฯ เทา่ กับ ส�ำนึกรับผิดชอบในเร่ืองเพศ ย่ิงกว่าน้ัน สปอตนี้ยังพยายามถอดสมการการท�ำ ความดีท่ีถูกจับคู่กับพระหรือการสงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาส มาเป็นการท�ำดีเท่ากับ การเคารพสิทธิในสุขภาพทางเพศของบุคคลอีกด้วย ในจุดนี้ กระทรวงวัฒนธรรม ควรจะรีบฉกฉวยโอกาสสานต่องาน หากยอมรับว่าการเคารพสิทธิมนุษยชนเป็น วฒั นธรรมไทยเชน่ กนั ท่ีมา: ธญั ญา ใจด.ี 22 กนั ยายน 2550. คอลมั นเ์ สยี งสตร:ี ปลดลอ็ คสมการถงุ ยางกบั ยดื อกพกถงุ . โพสตท์ เู ดย์. คน้ เมื่อ 8 กันยายน 2555 จาก เวบ็ ไซต์ มลู นธิ ิสร้างความเข้าใจเรอื่ งสขุ ภาพ ผู้หญงิ http://www.whaf.or.th/content/70 ขณะที่โครงการรณรงค์ในชื่อ “สงครามครูเสดเรื่องถุงยางฯ คร้ังใหม่ ในประเทศไทย (Thailand’s new condom crusade) ระบุว่า ในช่วงต้น ทศวรรษ 1990 ประเทศไทยเรม่ิ ดำ� เนนิ โครงการรณรงคแ์ จกจา่ ยถงุ ยางอนามยั ฟรคี รง้ั แรกขนึ้ ในชอ่ื โครงการถงุ ยางอนามยั 100% ซง่ึ ประสบความสำ� เรจ็ อยา่ ง มาก โดยเพียง 3 ปี อัตราการใช้ถุงยางอนามัยในกลุ่มหญิงบริการทางเพศ เพิ่มข้ึนจาก 25% เป็นสูงกว่า 90% ส่งผลอัตราการติดเช้ือรายใหม่ในช่วงปี 2534 − 2544 ลดลงจาก 143,000 ราย/ปี เหลอื เพยี ง 14,000 ราย/ปี โครงการ นี้จึงถูกน�ำไปส่งเสริมใช้อย่างกว้างขวางในประเทศอ่ืนๆ ในภูมิภาคเอเชีย (Treerutkuarkul, 2010) ถงุ ยางอนามัยกับการดำ� เนินชีวติ ทางเพศในสงั คมไทย 77
เมื่อพิจารณาดูงบอุดหนุนด้านกิจกรรมด้านการป้องกันก็เพิ่มขึ้นเกือบ 20 เท่าไปเปน็ 44 ลา้ นเหรยี ญสหรฐั ในปี 2536 ตอ่ มาเมือ่ เอเชยี เผชญิ ภาวะ วกิ ฤตทิ างเศรษฐกจิ ครงั้ ใหญ่ รฐั บาลกต็ ดั งบประมาณสำ� หรบั ถงุ ยางอนามยั ฟรี ลงไปในปี 2541 และงบประมาณอดุ หนนุ ด้านเอดส์กป็ รับเปลยี่ นไปใหก้ ับเร่อื ง การรักษามากกวา่ การป้องกนั (Treerutkuarkul, 2010) หลงั เลอื กตง้ั ในปี 2551 นายกรฐั มนตรคี นใหมไ่ ดใ้ หค้ วามสำ� คญั กบั เรอื่ ง การป้องกันมากข้ึน และสนับสนุนส่งเสริมให้มีการแจกจ่ายถุงยางอนามัยฟรี อกี ครง้ั มกี ารจดั ทำ� รา่ งแผนเรง่ รดั ดา้ นการปอ้ งกนั ขนึ้ มาใหมโ่ ดยคณะกรรมการ เอดส์ชาติ แต่ก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นแผนที่ “เล็กและช้าเกินไป” มีการจัดท�ำชุดโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางส่ือโทรทัศน์ในโครงการรณรงค ์ “ยืดอก พกถุง” ต้ังแต่ปี 2550 แต่โครงการน้ีถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง จากกลุ่มอนุรักษ์นิยมและเครือข่ายผู้ปกครอง จนต้องถอดโฆษณาดังกล่าว ออกในท่ีสุด โดยอ้างเหตุผลด้านงบประมาณ แม้ว่าจะได้รับการสนับสนุน งบประมาณจากกองทนุ โลกฯ กต็ าม (Treerutkuarkul, 2010) ขา้ งตน้ นช้ี ใี้ หเ้ หน็ ประเดน็ ถงุ ยางฯ จากโครงการรณรงค์ “ยดื อก พกถงุ ” วา่ พยายามสร้างสถานะและความหมายของถุงยางอนามยั ใหม่ว่า ถุงยางฯ = เซ็กส์ท่ีรับผิดชอบ การพกถุงยางฯ คือการท�ำดี เพื่อหักล้างกับภาพลักษณ์ ถงุ ยางฯ = การสำ่� สอ่ นทางเพศ หญงิ บรกิ าร การปอ้ งกนั เอดส์ และเพศสมั พนั ธ์ ท่ีเบ่ียงเบน ที่ถูกสร้างและผลิตซ�้ำข้ึนมาตลอดนับตั้งแต่เริ่มยุคสมัยแห่งเอดส์ อย่างไรก็ตาม ข้อโต้แย้งจากการวิจารณ์โครงการรณรงค์ยืดอกพกถุงแสดง ให้เห็นวา่ ถุงยางฯ ยังคงถูกยดึ ตรงึ ไวก้ บั หมดุ หมายทางศาสนาและความเช่ือ และการควบคมุ เรอ่ื งเพศโดยรฐั วา่ ถงุ ยางฯ = การกระตนุ้ ใหว้ ยั รนุ่ มเี พศสมั พนั ธ์ กอ่ นวัยอันควร 78 นวิ ัตร สวุ รรณพฒั นา และกาญจนา แถลงกจิ
บนความพยายามในการด�ำเนินโครงการรณรงค์ยืดอกพกถุงคร้ังใหม่ ผเู้ ขียนมโี อกาสได้รบั ตัวอย่างขอ้ ความรณรงคย์ ดื อกพกถงุ รอบท่ี 2 ท่รี ณรงค์ ในปี 2553 ทั้งหมด 7 ข้อความ ก่อนจะคัดเลือกให้คงเหลือข้อความเดียว ในการรณรงค์ประชาสัมพนั ธ์ ข้อความท้งั 7 มีดงั นี้คอื 1. รู้หนา้ ไม่รู้เอดส…์ ยดื อก พกถงุ 2. มองหนา้ ไมร่ ู้อดีตหรอก…ยดื อก พกถุง 3. เค้าผา่ นอะไรมา มแี ตส่ วรรค์ท่รี ู้...ยดื อก พกถุง 4. ไมม่ โี หงวเฮ้งไหน บอกว่าเคา้ ปลอดภยั 100% …ยดื อก พกถุง 5. ถงึ เคา้ จะผ่านใครมารอ้ ยพนั เราก็ไม่ร.ู้ ..ยืดอก พกถงุ 6. “รักเธอคนเดยี ว” อาจพูดมาแล้วพันครง้ั ...ยดื อก พกถุง 7. รักบริสทุ ธิ์ ไมไ่ ด้หมายความว่าเคา้ บรสิ ทุ ธ์.ิ ..ยืดอก พกถงุ ส่ิงท่ีผู้เขียนเห็นจากข้อความเหล่าน้ีคือ ในยุคสมัยแห่งเอดส์ เร่ืองเพศ ถูกท�ำให้อันตรายรุนแรงเพ่ิมมากข้ึน ส่งผลต่อการผลิตซ้�ำความหมายของ ถุงยางอนามัยในความหมายเครื่องมือทางการแพทย์เพ่ือการป้องกันโรค เพ่ิมมากขึน้ แมว้ า่ การรณรงคเ์ รอ่ื งถงุ ยางอนามยั อยา่ ง “ยดื อก พกถงุ ” ในรอบ 2 นี้ จะพยายามสรา้ งสถานะและความหมาย รวมทงั้ ความเชอื่ เกยี่ วกบั ถงุ ยางอนามยั ขึ้นมาใหม่ มุ่งเน้นความเช่ือมั่นในการสร้างความปลอดภัยให้ตนเอง และ ถงุ ยางฯ = เพศสมั พนั ธท์ ป่ี ลอดภยั และมคี วามรบั ผดิ ชอบของตนเอง แตก่ ระจกเงา อกี ดา้ นของถงุ ยางกย็ งั คงสะทอ้ นความหมายวา่ “เพศสมั พนั ธเ์ ปน็ เรอื่ งอนั ตราย และไม่นา่ ไวว้ างใจ” อยนู่ น่ั เอง จากการเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นเรื่องการพัฒนาข้อความรณรงค ์ เหลา่ นพี้ บวา่ ผคู้ ดิ ขอ้ ความรณรงคค์ ดิ อยบู่ นพนื้ ฐานเรอ่ื งเพศสมั พนั ธ์ อนั ตราย และความเส่ยี งต่อการรบั − ถา่ ยทอดเช้อื เอชไอวี และถงุ ยางอนามยั ไมไ่ ด้คิด อยู่บนพน้ื ฐานเรอื่ งเพศสัมพันธใ์ นมติ อิ ืน่ ๆ แตอ่ ย่างใด ถุงยางอนามัยกับการด�ำเนนิ ชีวติ ทางเพศในสงั คมไทย 79
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242