91 4) การประกันภัยเบ็ดเตล็ด (miscellaneous insurance) คือ การ ประกันภัยที่ความคุ้มครองต่อความสูญเสียหรือความเสียหายอันเนื่องมาจากภัยอื่น ๆ ที่อยู่ นอกเหนือจากการคุ้มครองของประกันอัคคีภัย ประกันภัยรถยนต์ และประกันภัยทางทะเลและ ขนส่ง เบ้ียประกนั วินาศภยั เบี้ยประกันวินาศภัยแตกต่างกันตามระดับความเสี่ยงภัย ระยะเวลาท่ี คุ้มครอง และจำนวนเงนิ เอาประกนั ภัย นอกจากนี้ ยงั มีรายละเอยี ดเพม่ิ เติม เชน่ - เบี้ยประกันอัคคีภัย จะพิจารณาปัจจัยจากสถานที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้าง ลักษณะของสิ่งปลูกสร้าง คำนึงถึงความเสี่ยงภัยที่จะเกิด เช่น อยู่ในพื้นที่ที่มีสิ่งปลูกสร้าง หนาแน่น การเขา้ ถงึ ไดข้ องรถดบั เพลิง หรอื สิ่งปลูกสร้างเปน็ ไม้หรือวสั ดุติดไฟ - เบี้ยประกันภัยรถยนต์ ผู้รับประกันภัยจะพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น อายุรถยนต์ รนุ่ ของรถยนต์ ประเภทของรถยนต์ ขนาดของเครอื่ งยนต์ รวมถงึ อายุและเพศ ของผู้เอาประกนั ภยั ข้อแนะนำในการตดั สินใจเลอื กประเภทประกนั ภัย เพอื่ ใหส้ ามารถเลอื กประกนั ภยั ไดต้ ามท่ีต้องการ โดยไมเ่ กินความสามารถในการ จ่ายเบยี้ ประกันภยั ก่อนตดั สนิ ใจทำประกนั ภัย เราควรพจิ ารณาข้อมูลเพมิ่ เตมิ ดังนี้ 1. วัตถุประสงค์ของการทำประกันภัย เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับแรก ต้องรูก้ ่อนว่า “เราต้องการทำประกนั ภยั เพื่ออะไร” เพือ่ เลือกประกันภยั ไดต้ รงกับความต้องการ เช่น • ต้องการปอ้ งกันความเสี่ยง ควรจะเลือกประกันภยั โดยดูทีก่ ารคุม้ ครอง เป็นหลัก เช่น ถ้ากังวลว่าครอบครัวจะผ่อนบ้านต่อไม่ไหวหากเราซึ่งเป็นผู้หารายได้หลักของ ครอบครัวเสียชีวิตไปก่อน ก็ควรเลือกทำประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ (MRTA) ถ้ากังวลว่าจะ ไมม่ ีเงินซ้อื รถใหมถ่ า้ รถหาย ก็ควรเลอื กทำประกนั ภัยรถยนตป์ ระเภท 1 หรอื 2 ชดุ วชิ าการเงนิ เพื่อชีวิต 1 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงิน
92 • ต้องการทำประกันชีวิตและเน้นการออมเงินควบคู่ไปด้วย อาจจะ เลอื กทำประกันภัยแบบสะสมทรัพย์ หรือแบบบำนาญท่ีจะจ่ายคืนเงินกอ้ นคร้ังเดียว หรือทยอย คนื อย่างสมำ่ เสมอหลงั เกษียณ • ต้องการทำประกันชีวิตเพื่อให้ลูกหลานไม่ลำบากในอนาคต หากตนเองเสียชีวิตกะทันหัน อาจเลือกทำประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (term insurance) หรือประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (whole life) ซึ่งจะให้ความคุ้มครองชีวิตสูงในขณะที่จ่ายเบ้ีย ประกันน้อยกว่า หากเปรียบเทียบกับประกันภัยแบบสะสมทรัพย์ในกรณีที่จ่ายค่าเบี้ยประกันภัย เท่ากัน 2. การเลือกระยะเวลาทำประกันภัยให้ครอบคลุม ผู้ที่ทำประกันภัยโดยเลอื ก ระยะเวลาส้ัน แตต่ ้องการทำประกันภัยตอ่ เม่ือกรมธรรม์สิ้นสดุ มกั ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยแพงกว่า การเลือกระยะเวลายาวตั้งแต่แรก เพราะความเสี่ยงของตนเองจะสูงขึ้นตามอายุที่มากข้ึน ในกรณีประกันชีวิต หรือในกรณีประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อหากประกันที่ทำไม่ครอบคลุมกับ ระยะเวลาผ่อนหนี้ และต่อมามีเหตุเกิดขึ้นหลังจากที่ประกันภัยหมดสัญญา ผู้ขอสินเชื่อหรือ ลูกหลานกต็ อ้ งเปน็ ผรู้ ับผดิ ชอบภาระหนีเ้ อง 3. ความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันภัย ควรพิจารณาด้วยว่ามี ความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันภัยหรือไม่ แม้ว่าต้องการทำประกันภัยให้ครอบคลุมความ เสย่ี ง แต่หากเกนิ กำลังในการจ่ายเบ้ียประกันภัย ก็อาจเลือกเงินเอาประกันภัยทจี่ ำนวนไม่สูงนัก เพอื่ ทอ่ี ย่างนอ้ ยจะไดช้ ว่ ยแบ่งเบาภาระบางสว่ นหากเกิดเหตรุ ้ายข้นึ จริง 4. การเปรียบเทียบข้อมูล ควรเปรียบเทียบรายละเอียดความคุ้มครอง ระยะเวลาการคุ้มครอง เบี้ยประกันภัยของบริษัทหลาย ๆ แห่ง เพื่อเลือกประกันภัยที่คุ้มค่า ในราคาท่ีเหมาะสม ร้หู รอื ไม่ว่า กรมธรรม์ประกันภัย คือ เอกสารระหว่างผู้เอาประกัน และผู้รับประกัน โดย ต้องมีลายมือชื่อผู้รับประกันภัยพร้อมทั้งระบุรายละเอียดต่าง ๆ เช่น วัตถุที่เอาประกันภัย ภัยที่ผู้รับประกันภัยรับเสี่ยง จำนวนเงินเอาประกันภัย จำนวนเบี้ยประกันภัย วิธีส่งเบี้ย ประกันภยั กำหนดเวลาเริม่ ตน้ และเวลาสนิ้ สดุ ของสญั ญาประกนั ภัย ชุดวชิ าการเงนิ เพอื่ ชวี ติ 1 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การวางแผนการเงิน
93 เมื่อได้รับกรมธรรม์ประกันภัย ควรอ่านสาระสำคัญของกรมธรรม์ประกันภัย และตรวจสอบความถกู ต้อง ไดแ้ ก่ 1. ชื่อ - ทอ่ี ยขู่ องผูเ้ อาประกันภัย ทต่ี ้ังของทรัพย์สนิ 2. ระยะเวลาประกนั ภัย ไดแ้ ก่ วนั ที่เรม่ิ ต้นจนถึงวันทส่ี ิน้ สดุ 3. ข้อมูลของสิ่งที่เอาประกันภัย เช่น กรณีประกันภัยรถยนต์ จะต้องมีข้อมูล ของช่อื ร่นุ เลขทะเบยี นรถยนต์ ข้อมูลเลขตวั ถงั เลขเครือ่ ง ปี รนุ่ ท่ผี ลติ จำนวนท่นี ่ัง 4. จำนวนเงนิ เอาประกันภยั และรายละเอียดความคุ้มครอง 5. เบยี้ ประกนั ภัยที่ต้องจ่าย 6. ช่อื ผู้รับประโยชน์ 7. เงื่อนไขทั่วไป หรือข้อยกเว้นการคุ้มครอง ในส่วนนี้ควรทำความเข้าใจ รายละเอยี ดความคุ้มครองวา่ ตรงกบั ที่ต้องการหรือไม่ แหลง่ ศึกษาขอ้ มูลเพิ่มเติม เว็บไซตส์ ำนกั งานคณะกรรมการ https://www.oic.or.th/th/home กำกบั และสง่ เสริมการประกอบ ธรุ กจิ ประกันภยั (คปภ.) กจิ กรรมทา้ ยเร่ืองที่ 5 การฝากเงนิ และการประกนั ภยั (ให้ผเู้ รยี นไปทำกจิ กรรมเรอื่ งท่ี 5 ที่สมดุ บันทึกกจิ กรรมการเรยี นรู)้ ชุดวิชาการเงนิ เพอื่ ชีวิต 1 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 การวางแผนการเงิน
94 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 สนิ เช่ือ สาระสำคัญ ในยุคปัจจุบันผลิตภัณฑ์สินเชื่อมีความหลากหลายและประชาชนสามารถเขา้ ถงึ ได้ง่ายขึ้น จึงทำให้การเป็นหนี้เป็นเรื่องที่พบเห็นได้โดยทั่วไป แม้การก่อหนี้จะมีประโยชน์ เพราะเป็นตัวช่วยของหลาย ๆ คนในยามฉุกเฉิน หรือทำให้ได้สิ่งที่ต้องการง่ายขึ้น แต่หากเป็น หนี้โดยขาดความระมัดระวังและการไตร่ตรองที่ดี ก็อาจสร้างปัญหาขึ้นได้ ดังนั้น เมื่อเจอ สถานการณ์ที่คิดว่าการก่อหนี้น่าจะเป็นทางออก ก็ควรคิดให้รอบคอบถึงความจำเป็น และ ความสามารถในการชำระหนี้ นอกจากนี้ หนี้ที่จะเกิดขึ้นนั้นควรเป็นหนี้ที่ดี คือ เป็นหนี้ที่ช่วย สร้างรายได้ สรา้ งอนาคต ในจำนวนทีจ่ า่ ยไหว เมื่อคิดว่าจะก่อหนี้แล้ว ก็ควรมีความรู้ความเข้าใจในเรือ่ งสนิ เชื่อเพื่อใหส้ ามารถ เลือกสนิ เชอื่ ได้ตรงกบั เป้าหมายการใช้เงิน ไดอ้ ตั ราดอกเบ้ยี และบรกิ ารทเี่ หมาะสม ท่สี ำคัญต้อง มวี ินัยทางการเงินเม่ือได้รับสินเช่ือ เพ่ือให้จา่ ยคืนได้ตรงเวลา เตม็ จำนวน และมีประวัติเครดิตดี แต่หากลูกหนี้เกิดปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ไดเ้ พราะภาระหนี้ที่มากเกินกว่าจะจ่ายได้ หรือเกิด เหตุสุดวิสัย ก็ควรรีบหาทางแก้ไขซึ่งมีหลายวิธี เช่น แก้ไขด้วยตนเอง เจรจากับเจ้าหนี้ หรือขอ คำปรึกษาจากหน่วยงานทีเ่ ก่ยี วข้อง ตัวชี้วัด 1. บอกลกั ษณะที่สำคญั ของสนิ เชื่อประเภทตา่ ง ๆ 2. บอกประเภทของดอกเบ้ียเงินกู้ 3. บอกวิธกี ารปอ้ งกันปัญหาหน้ี 4. บอกวธิ ีแกไ้ ขปญั หาหน้ีด้วยตนเอง 5. บอกชอ่ งทางในการขอคำปรกึ ษาวธิ แี ก้ไขปญั หาหนี้ ชุดวิชาการเงินเพ่อื ชีวิต 1 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2564) l หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 สนิ เชอ่ื
95 ขอบข่ายเนือ้ หา เรอ่ื งที่ 1 การประเมินความเหมาะสมก่อนตัดสนิ ใจก่อหนี้ เรอื่ งท่ี 2 ลกั ษณะของสินเชอื่ ประเภทตา่ ง ๆ เรอ่ื งที่ 3 วธิ กี ารปอ้ งกันปญั หาหน้ี เรอื่ งที่ 4 วธิ กี ารแกไ้ ขปญั หาหนี้ดว้ ยตนเอง เรื่องที่ 5 หน่วยงานทใ่ี หค้ ำปรกึ ษาวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ สือ่ ประกอบการเรยี นรู้ 1. ชดุ วิชาการเงนิ เพอื่ ชีวิต 1 2. เวบ็ ไซต์ศูนย์คุม้ ครองผู้ใช้บรกิ ารทางการเงิน (ศคง.): www.1213.or.th 3. เฟซบกุ๊ ศคง. 1213: www.facebook.com/hotline1213 เวลาทใี่ ชใ้ นการศกึ ษา 20 ช่ัวโมง ชุดวิชาการเงนิ เพื่อชวี ติ 1 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2564) l หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 สนิ เชอ่ื
96 เรื่องที่ 1 การประเมนิ ความเหมาะสมกอ่ นตัดสนิ ใจกอ่ หน้ี หากทุกคนสามารถเลือกได้ คงไม่มีใครอยากเป็นหนี้ แต่หลายคนก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะความจำเป็นในการดำรงชีวิตของตนเองและครอบครัว หรือบางคนเป็นหนี้เพราะ ตกหลุมพรางสิ่งล่อตาล่อใจภายนอก ดังนั้น ก่อนตัดสินใจก่อหนี้ก็ควรทำความรู้จักกับหน้ี เพื่อไม่ให้หนี้กลายเป็นปัญหาในภายหลัง ซึ่งสามารถแบ่งประเภทตามประโยชน์ที่จะได้รับจาก การเป็นหนดี้ งั นี้ 1. หนี้ดี คือ หนี้ที่ช่วยสร้างรายได้และสร้างความมั่นคงในอนาคต เช่น หนี้เพื่อ การศึกษา หนี้เพอ่ื การประกอบอาชีพ หนเ้ี พอ่ื ทีอ่ ยอู่ าศยั 2. หนี้พึงระวัง คือ หนี้ที่เกิดจากการนำเงินไปซื้อของที่ไม่จำเป็นหรือของ ฟุ่มเฟือย และไมส่ ร้างรายไดใ้ นอนาคต เชน่ หน้ที ีเ่ กิดจากการซือ้ ของใช้ราคาแพงเกินฐานะ ชดุ วชิ าการเงินเพอ่ื ชีวติ 1 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 สนิ เชอื่
97 3. หนี้อันตราย คือ หนี้ที่เกิดจากการนำเงินไปใช้กับสิ่งที่มีความเสี่ยงสูงที่จะ ไม่ได้รับเงินคืน เป็นหนี้ที่ต้องละเว้นเด็ดขาด เช่น หนี้หวย หนี้พนัน กู้เงินไปลงทุนผิดกฎหมาย หรือมีความเส่ียงสูงเกินกว่าท่ีเราจะรบั ไหวหากเกิดความเสียหาย เช่น จะต้องเสียเงินที่ลงทุนไป จนหมด ไม่ว่าจะเป็นหนี้ประเภทใดต้องคำนึงไว้เสมอว่า หนี้ไม่ใช่ของฟรี แต่เป็นสิ่งที่มี ราคาที่ต้องจ่ายในรูปของดอกเบี้ย ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจเป็นหนี้ ต้องถามตัวเองอย่างน้อย 2 คำถามก่อนวา่ 1) หนี้ทจี่ ะก่อ “จำเปน็ หรือไม่” ส่ิงที่จำเป็น คอื สงิ่ ท่ตี ้องใช้ในการดำรงชวี ิต เชน่ ปัจจยั ส่ี (อาหาร เครอ่ื งนุ่งหม่ ยารกั ษาโรค ท่อี ยู่อาศัย) สิ่งที่ไม่จำเป็น คือ สิ่งที่หากไม่มีก็ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือมี สง่ิ อน่ื ทดแทนกันได้ เชน่ โทรศัพทม์ อื ถือรนุ่ ใหม่ลา่ สดุ (แตเ่ คร่ืองเดิมยงั ใชไ้ ด้อยู่) 2) หนี้ที่จะก่อ “รอได้หรือไม่” หมายถึง หากพิจารณาแล้วว่าเป็นสิ่งจำเป็น ขั้นต่อไปก็คือ ไตร่ตรองดูวา่ สามารถรอได้หรือไม่ ถ้ายังไม่จำเป็นต้องได้ของมาตอนนี้เลย ก็ควร วางแผนเก็บเงินจนครบก่อน แต่หากคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วเห็นว่าจำเป็นต้องซื้อของสิ่งนั้นทันที ก็อาจนำเงินออมเผื่อฉุกเฉินออกมาใช้แล้วรีบเก็บเงินเติมเข้าไปใหม่ และหากเงินออม เผื่อฉกุ เฉินไม่เพียงพอ จงึ ค่อยไปกยู้ มื (ถ้าเปน็ ของชน้ิ ใหญ่ เชน่ บา้ น รถ ก็ควรเก็บเงินให้ได้มาก ท่สี ุดก่อน จะไดก้ นู้ ้อย ๆ และไมต่ ้องเป็นหน้แี ละเสยี ดอกเบี้ยมาก) ที่สำคัญ จะต้องประเมินความสามารถในการชำระหนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วย กลา่ วคือ ภาระหน้ตี ่อเดือนท่ตี ้องจ่าย (หนีเ้ ดิมทม่ี อี ย่แู ล้วรวมกับหนีท้ ี่กำลังจะเกิดขึ้นรวมเงินต้น และดอกเบีย้ ) ไม่ควรเกนิ 1 ใน 3 (33%) ของรายได้ตอ่ เดอื น ตัวอย่าง ดวงใจทำงานมีรายได้เดือนละ 21,000 บาท เมื่อแบ่งเงินเดือนออกเป็น 3 ส่วน เงนิ เดือน 1 สว่ นใน 3 ส่วน คอื 7,000 บาท ดังนั้น ถ้าดวงใจจะก่อหนี้ ภาระหนี้ที่จะต้องจ่ายในแต่ละเดือนไม่ควรเกิน 7,000 บาท เพอื่ ให้สามารถชำระหนีไ้ ดโ้ ดยไม่กระทบกับการใช้จ่ายในชีวติ ประจำวนั และทำให้ ชดุ วิชาการเงินเพ่อื ชวี ติ 1 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2564) l หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 สินเชอื่
98 สขุ ภาพจิตของตนเองดี ไม่ต้องเครยี ดว่าจะมีเงินพอใช้ตลอดทั้งเดือนหรอื ไม่ ในทางตรงกันข้าม หากเรามีหนี้มากในขณะที่ภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็มมี ากอยู่แล้ว อาจทำให้เรามีปัญหา การเงินและต้องไปก่อหนี้เพิ่มขึ้นอีก และส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต ซึ่งมักส่งผลเสียต่อการทำงาน และชวี ติ ครอบครัว รหู้ รือไม่ว่า การให้เงิน หมายถึง การให้เงินโดยไม่ได้หวังผลตอบแทน และไม่ได้หวังให้มี การนำเงนิ ดังกล่าวมาจา่ ยคืนให้ เช่น พอ่ แม่ใหค้ ่าขนมแก่ลูก การบริจาคเงนิ เพ่ือการกศุ ล การให้ยืมเงิน หมายถึง การให้เงินโดยคาดหวังให้มีการจ่ายคืนภายใน ระยะเวลาท่กี ำหนด และมีการกำหนดอัตราผลตอบแทนของการให้ยืมเงินนั้นด้วย ซึ่งเรียกว่า “ดอกเบ้ีย” เช่น สมชายให้สมหญงิ กู้ยืม 10,000 บาท คิดดอกเบยี้ 2% ต่อปีและให้ใช้คืนเม่ือ ครบ 1 ปหี มายความว่า สมหญิงต้องจ่ายเงนิ คนื สมชาย 10,200 บาท เม่ือครบ 1 ปี จะเห็นว่าการให้เงินเป็นการให้เปล่าไม่ต้องคืน แต่สำหรับการให้ยืมเงินเป็น การคาดหวังให้มีการจ่ายเงินคืน ซึ่งผู้ให้ยืมอาจต้องการดอกเบี้ยหรือไม่ต้องการดอกเบี้ยก็ได้ ดังนั้น ก่อนที่จะให้เงินหรือให้ยืมเงิน ผู้ให้ยืมควรอธิบายให้ชัดเจนและเข้าใจตรงกันว่า ต้องการใหเ้ งิน หรือต้องการให้ยมื เงนิ ซ่ึงหากเปน็ การใหย้ มื เงนิ ผู้ใหย้ มื ควรแจ้งอัตราดอกเบ้ีย ระยะเวลาทต่ี อ้ งชำระคืน และควรทำเอกสารเปน็ ลายลกั ษณ์อักษรเพอ่ื เป็นหลกั ฐานการให้ยืม เงนิ ไว้ด้วย ท้งั นี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา ๖๕๓ ไดก้ ำหนดวา่ การก้ยู ืม เงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง ลงลายมือชื่อผูย้ มื เปน็ สำคัญ จะฟอ้ งร้องให้บงั คับคดหี าได้ไม่ กิจกรรมท้ายเรื่องที่ 1 การประเมินความเหมาะสมกอ่ นตดั สนิ ใจก่อหน้ี (ให้ผ้เู รยี นไปทำกิจกรรมเร่อื งที่ 1 ทสี่ มุดบันทกึ กจิ กรรมการเรยี นร้)ู ชุดวชิ าการเงินเพอ่ื ชีวิต 1 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 สนิ เชือ่
99 เรื่องที่ 2 ลกั ษณะของสนิ เชื่อประเภทตา่ ง ๆ หากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าจำเป็นต้องขอกู้ยืม ในลำดับต่อมา สิ่งที่ต้องทำ คอื หาข้อมูล คดิ และตดั สนิ ใจวา่ จะเลือกกู้ยมื จากแหลง่ ใด ทางเลอื กทดี่ ที างหนงึ่ คอื เลือกกู้ยืม จากผู้ให้บริการในระบบเพราะมีหน่วยงานของรัฐกำกับดูแล เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง ซึ่งปัจจุบันมีผู้ให้บริการสินเชื่อในระบบหลายประเภท ทั้งที่เป็นสถาบัน การเงิน เช่น ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบัน การเงิน (non-bank) เช่น บริษัทผู้ประกอบธุรกิจสนิ เช่ือสว่ นบุคคลภายใต้การกำกบั ประเภทสินเชื่อ สินเชื่อสามารถจำแนกออกได้หลายประเภท โดยอาจแบ่งตามวัตถุประสงค์ ในการขอกู้ เช่น สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค สินเชื่อเพื่อธุรกิจ และในแต่ละประเภทก็ยังมี ผลิตภัณฑ์สินเชื่อปลีกย่อยลงไปอีก ในบทเรียนนี้จะกล่าวถึงเฉพาะสินเชื่อที่เกี่ยวข้องในการ ดำรงชวี ติ ของประชาชน เชน่ 1. สนิ เชอื่ เพื่อท่ีอย่อู าศัย เป็นสินเชื่อที่สถาบันการเงินให้บุคคล ธรรมดากู้ยืม เพื่อนำเงินไปใช้ในการจัดหาที่อยู่อาศัย เช่น ซื้อที่ดินและสร้างที่อยู่อาศัย ซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซ้ือหอ้ งชุด หรือเพื่อปรับปรุง ต่อเติม ซ่อมแซมทีอ่ ยู่อาศัย ลกั ษณะของสนิ เชือ่ เพ่ือท่อี ย่อู าศยั 1) วงเงิน สถาบันการเงินจะอนุมตั ิวงเงินสินเช่ือตามอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อ ประมาณร้อยละ 70-100 ของมูลค่าหลักประกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทสินเชื่อที่อยู่อาศัยและ ลกั ษณะสญั ญา 2) อัตราดอกเบี้ย สถาบันการเงินแต่ละแห่งจะกำหนดอัตราดอกเบี้ย แตกต่างกนั แตส่ ่วนใหญ่มักจะใชอ้ ัตราดอกเบ้ยี คงที่ และอตั ราดอกเบ้ยี แบบลอยตัว ชุดวชิ าการเงินเพื่อชีวติ 1 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 สนิ เชอ่ื
100 อัตราดอกเบี้ยคงท่ี (fixed rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้เป็น ตวั เลขคงทใ่ี นช่วงเวลาที่กำหนด เช่น ดอกเบ้ยี คงท่ี 5% ต่อปเี ปน็ ระยะเวลา 3 ปี ดอกเบีย้ คงท่ี 5% ตอ่ ปตี ลอดอายุสัญญา อตั ราดอกเบีย้ ลอยตวั (floating rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่เปลย่ี นแปลง ไปตามตน้ ทนุ ของสถาบันการเงนิ อตั ราดอกเบยี้ ลอยตัวที่เห็นได้บ่อย คือ อตั ราดอกเบี้ยอ้างอิง ของธนาคารพาณชิ ย์ เชน่ - MLR (minimum loan rate) สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายใหญ่ชั้นดี ใช้กับเงินกู้ระยะยาว ที่มีกำหนดระยะเวลาไว้แนน่ อน เชน่ สินเชอื่ เพ่ือการประกอบธุรกจิ - MOR (minimum overdraft rate) สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ใช้กับวงเงินเบิกเกินบญั ชี - MRR (minimum retail rate) สำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี เช่น สินเชอ่ื สว่ นบคุ คล สินเชื่อเพ่ือที่อยูอ่ าศยั สถาบันการเงินอาจคิดดอกเบี้ยแก่ผู้ขอสินเชื่อแต่ละรายโดยใช้อัตรา ดอกเบี้ยที่แตกต่างกันได้ และอาจสูงหรือต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของ ผ้ขู อสินเชื่อแต่ละราย การกำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอาจผสมกัน ระหวา่ งอัตราดอกเบี้ยคงทแี่ ละอตั ราดอกเบย้ี ลอยตัวกไ็ ด้ เช่น - ปที ี่ 1 - 3 คดิ อัตราดอกเบี้ยแบบคงท่ี 2.5% ตอ่ ปี - ปีที่ 4 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบ้ยี แบบลอยตัว MRR – 1% ตอ่ ปี ทั้งนี้ ผู้ขอสินเชื่อสามารถดูประกาศอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงได้ ซึ่งจะติด ประกาศไว้ ณ ที่ทำการ หรอื ในเวบ็ ไซต์ของสถาบนั การเงนิ ตัวอย่าง ธนาคาร A ประกาศอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง โดย MLR เท่ากับ 4% MOR เท่ากับ 5% และ MRR เท่ากับ 6% เม่ือตอ้ งการขอสินเช่อื ท่ีอยู่อาศยั กบั ธนาคาร A ชดุ วิชาการเงินเพ่อื ชวี ิต 1 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2564) l หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สินเช่ือ
101 - หากธนาคาร A แจ้งว่า คิดอัตราดอกเบี้ย MRR + 1% หมายความว่า ธนาคาร A จะคดิ อัตราดอกเบย้ี เทา่ กับ 7% ตอ่ ปี (6% + 1%) - หากธนาคาร A แจ้งว่า คิดอัตราดอกเบี้ย MRR - 1% หมายความว่า ธนาคาร A จะคดิ อัตราดอกเบยี้ เท่ากับ 5% ต่อปี (6% - 1%) 3) วิธีการคิดดอกเบี้ย คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (effective rate) ซึ่ง เปน็ การคิดดอกเบยี้ จากฐานเงนิ ตน้ ทีล่ ดลง กล่าวคอื เม่ือเงินตน้ ลดดอกเบ้ียก็จะลดลงด้วย 4) การผ่อนชำระ ให้ระยะเวลาผอ่ นนานสว่ นใหญม่ กั ไมเ่ กิน 30 ปี ข้อควรรู้ 1) เงินผอ่ นชำระทีจ่ ่ายไปนั้น จะนำไปหักคา่ ธรรมเนียมและดอกเบี้ยก่อน ที่เหลอื จงึ จะนำไปหกั เงนิ ตน้ 2) เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเป็นแบบลอยตัว หากช่วงใดอัตราดอกเบ้ีย ปรับตัวสูงขึ้น จำนวนเงินที่จ่ายในงวดนั้น ๆ อาจถูกนำไปหักเป็นดอกเบี้ยมากขึ้นและเหลือไป ตัดเงินต้นนอ้ ยลง 3) หากค้างชำระหรือชำระค่างวดล่าช้า อาจถูกคิดดอกเบี้ยในอัตรา ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยปกติ โดยธนาคารจะคิดดอกเบี้ยจากยอดเงินตน้ ของงวดทผ่ี ิดนัด การตัดสินใจทีจ่ ะมีบ้านสกั หลัง เป็นการตัดสินใจคร้งั สำคญั และเป็นเร่ืองใหญ่ใน ชีวิต จึงจำเป็นที่จะต้องคิดอย่างรอบคอบ ซึ่งสิ่งที่ควรคำนึงถึงก่อนตัดสินใจซื้อบ้านมีมากมาย เชน่ ทำเลท่ีตัง้ จำนวนสมาชกิ ในครอบครัว ความสะดวกในการเดินทาง ราคา และความน่าเชื่อถือ ของโครงการ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในกรณีซื้อบ้านด้วยการขอสินเชื่อก็คือ ความสามารถในการ ผ่อนชำระหนี้ เพราะหากซื้อบ้านที่ถูกใจแต่เกินกำลังที่จะผ่อนชำระ สุดท้ายก็อาจทำให้เกิด ปญั หาได้ เชน่ บ้านถกู ยึดและขายทอดตลาดเพ่ือชำระหนี้ ดังน้นั กอ่ นตัดสินใจซ้อื บา้ นควรต้อง สำรวจความพร้อมของตัวเองดงั นี้ - ต้องซื้อตอนนี้เลย หรือรอได้ หรือยังมีทางเลือกอื่นหรือไม่ เช่น เช่าอยู่ก่อน หรืออยู่กับพ่อแม่ไปก่อน โดยระหว่างนี้ก็ “ซ้อมผ่อน” ไปพลาง ๆ อย่างน้อย 6 เดือน เพื่อ ชดุ วิชาการเงินเพอื่ ชีวติ 1 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2564) l หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 สนิ เช่อื
102 ทดลองดูว่าจะผ่อนไหวหรือไม่ตอนที่จะซื้อจริง (วิธีซ้อมผ่อน เริ่มจากเปิดบัญชีเงินฝาก 1 บัญชี เพื่อเก็บเงินซอ้ื บา้ นโดยเฉพาะ แลว้ นำเงนิ ไปฝากทุกเดอื น เดือนละเทา่ ๆ กนั โดยเท่ากับจำนวน เงินผ่อนบ้าน ซึ่งสามารถขอข้อมูลได้จากฝ่ายขายของโครงการหมู่บ้านหรือคอนโดมิเนียมที่เรา อยากจะซื้อ หรือลองใช้โปรแกรมคำนวณของเว็บไซต์ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) เพอ่ื หาจำนวนเงินผอ่ นครา่ ว ๆ ทส่ี ำคญั อยา่ ลมื ลงมือซอ้ มผ่อนจริง ๆ ดว้ ย) - เลือกบ้านที่ไม่เกินกับความสามารถในการผ่อนชำระหน้ี และมั่นใจว่า จะสามารถผ่อนได้ตลอดรอดฝั่ง (รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับบ้าน เช่น ค่าตกแต่ง คา่ ส่วนกลางหม่บู ้าน/คอนโดมิเนียม คา่ น้ำประปา ค่าไฟฟา้ และคา่ ใชจ้ ่ายส่วนตัวดว้ ย) - ศึกษาและเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อนชำระ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ เก่ยี วขอ้ ง เพ่ือเลือกธนาคารทใ่ี หเ้ งื่อนไขที่รบั ได้ - ควรมีเงินอย่างน้อย 20% ของราคาที่อยู่อาศัยเพือ่ เป็นเงินดาวน์ (เงินดาวน์ คือ เงินส่วนหนึ่งที่ผู้จะซื้อบ้านจ่ายให้โครงการที่อยู่อาศัย ก่อนที่จะจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อชำระ ค่าบ้านทั้งหมด ซึ่งโครงการที่อยู่อาศัยอาจให้ชำระเป็นก้อนเดียว หรือทยอยผ่อนชำระเป็น รายงวด โดยมักกำหนดไว้ประมาณ 15 - 20% ของราคาท่ีอยู่อาศยั ) - เตรียมเอกสารเพื่อทำเรื่องขอกู้ให้พร้อม เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนา ทะเบียนบ้าน เอกสารเกี่ยวกับรายได้ เช่น ใบรับรองเงินเดือน หลักฐานการจ่ายเงินค่าจ้าง สมดุ เงนิ ฝากธนาคาร - ตั้งเป้าหมายเก็บเงิน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (นอกจาก เงินดาวนแ์ ละค่าผ่อนบา้ น) เช่น 1) ค่าประเมินหลักประกัน เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการประเมินว่าบ้านหรือ หลักประกันมีมลู ค่าเทา่ ไร 2) ค่าจดจำนองและค่าอากรแสตมป์ ซึ่งต้องจ่ายให้แก่ส่วนราชการ เช่น สำนักงานทดี่ ิน 3) ค่าประกันภัย เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงให้กับผู้ขอสินเชื่อ เช่น การทำประกันอัคคีภัย ซ่ึงหากเกิดความเสียหายกับที่อยู่อาศัยก็ยังมีเงินก้อนหนึ่งจากการ ชดุ วชิ าการเงนิ เพ่อื ชวี ิต 1 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 สนิ เชอ่ื
103 ประกันภัยมาจ่ายค่าบ้าน ช่วยลดภาระแก่ผู้ขอสินเชื่อ อย่างไรก็ดี ธนาคารไม่สามารถบังคับให้ ผู้ขอสินเชื่อทำประกันภัยกับบริษัทใดบริษัทหนึ่งโดยเฉพาะ เพราะผู้ขอสินเชื่อมีสิทธิที่จะเลือก ทำประกันภัยได้อย่างอิสระ 4) ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เกี่ยวกับบ้าน เช่น ค่าตกแต่ง ค่าปั๊มน้ำ ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าส่วนกลาง (ถ้าอยใู่ นหมูบ่ ้านจดั สรรหรือคอนโดมิเนียม) อย่าลมื ...มแี ผนสำรองหากผ่อนไมไ่ หวกะทันหัน เช่น ออมเงนิ เผ่ือฉกุ เฉินทุกเดือน ถ้าเงินไม่พอผ่อนเดอื นไหนก็ถอนมาจ่ายก่อนหรอื ขายทองทเ่ี กบ็ ไว้ แหลง่ ศึกษาข้อมลู เพม่ิ เตมิ เว็บไซต์ ศคง. https://www.1213.or.th/th/tools/ โปรแกรมคำนวณเงินกู้ programs/Pages/loans.aspx 2. การเช่าซื้อ เช่าซอื้ (hire purchase) มลี ักษณะคล้ายการให้สินเช่อื โดยผเู้ ชา่ ซือ้ ทำสัญญา กับผ้ใู ห้เช่าซื้อว่าจะชำระค่าสินค้าเป็นงวด ๆ ตามจำนวนเงินและระยะเวลาทีก่ ำหนด ซง่ึ ระหว่างน้ัน ผู้เช่าซื้อสามารถนำทรัพย์สินทีเ่ ช่าซื้อมาใช้งานได้ก่อน โดยท่ีกรรมสิทธ์ิในทรัพย์สินยังเป็นของ ผู้ให้เช่าซื้อจนกว่าจะจ่ายเงินครบตามสัญญาจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินน้ันมาเป็นของ ผเู้ ชา่ ซอ้ื เชน่ การเช่าซ้ือรถยนต์หรือรถจกั รยานยนต์ ลีสซิ่ง (leasing) มีลักษณะคล้ายกับสัญญาเช่าซื้อ คือ จะต้องชำระเงินค่าเช่า เป็นงวด ๆ ตามจำนวนเงินและเวลาที่กำหนดในสัญญาเช่า ต่างกันตรงที่เมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่า สามารถเลือกได้วา่ จะซ้อื ต่อสญั ญาเชา่ หรือส่งคืนทรพั ยใ์ หแ้ กผ่ ู้ใหเ้ ช่า ส่วนมากผู้ทที่ ำสัญญา ลักษณะน้ี มักเป็นบริษัทหรือนติ บิ คุ ลที่ต้องการเชา่ ทรพั ย์สนิ ทม่ี รี าคาแพงหรือเช่าทรพั ย์สินใน ปรมิ าณมาก เชน่ เคร่อื งจักร ชดุ วิชาการเงนิ เพื่อชีวิต 1 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.2564) l หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 สนิ เชอ่ื
104 ตวั อย่างการเชา่ ซอ้ื และลสี ซ่ิง เชา่ ซอื้ นายรักชาติ (ผู้เช่าซื้อ) ตัดสินใจจะเช่าซื้อรถยนต์จากบรษิ ทั ABC (ผู้ให้เช่าซื้อ) โดย ผู้เช่าซื้อตกลงชำระเป็นรายงวดตามจำนวนเงินและระยะเวลาที่กำหนด รักชาติ สามารถนำรถยนต์มาใช้งานได้ก่อน โดยกรรมสิทธิ์จะตกเป็นของรักชาติต่อเมื่อได้ ชำระค่ารถยนต์ครบถ้วนแล้ว ซึ่งบริษัท ABC จะต้องดำเนินการจดทะเบียนโอนรถ ให้เป็นชื่อของรักชาติภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับเอกสารประกอบการจด ทะเบยี นครบถ้วน ลสี ซง่ิ บริษัทไทยทอผ้าทำสัญญาลีสซิ่งกับบริษัทสำราญลีสซิ่ง เพื่อเช่าเครื่องจักรสำหรับ ทอผ้าจำนวน 10 เครื่อง โดยทำสัญญา 5 ปี ซึ่งบริษัทสำราญลีสซิ่งยินดีเปลี่ยน เครื่องให้หากเครื่องขัดข้อง เมื่อครบกำหนดสัญญา บริษัทไทยทอผ้าเห็ นว่า มีเทคโนโลยีการทอผ้าแบบใหม่จากญี่ปุ่นซึ่งต้นทุนต่ำกว่า จึงไม่จำเป็นต้องใช้ เครื่องทอผา้ รุ่นเดมิ อกี ตอ่ ไป จงึ ตัดสนิ ใจคนื เคร่อื งทอผา้ ให้แกบ่ รษิ ัทสำราญลีสซิง่ การเชา่ ซ้ือรถ ลักษณะของการเชา่ ซือ้ รถ 1) วงเงิน กรณีให้เช่าซื้อรถใหม่ ประมาณ 75 - 80% กรณีรถใช้แล้วจะขึ้นอยู่กับ สภาพรถและราคาประเมนิ รถ 2) ระยะเวลาการผอ่ นชำระ ประมาณ 12 - 72 เดอื น 3) อัตราดอกเบี้ย ส่วนใหญ่จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงท่ี (fixed rate) ตลอดอายุสญั ญา 4) วิธีการคิดดอกเบี้ย ส่วนใหญ่คิดดอกเบี้ยแบบเงินต้นคงที่ (flat rate) คือ คิดดอกเบี้ยจากเงินต้นทั้งจำนวนและระยะเวลาในการผ่อนชำระทั้งหมด จากนั้น ผู้ให้เช่าซื้อจะนำดอกเบี้ยที่คำนวณได้มารวมกับเงินต้น แล้วหารด้วยจำนวนงวดที่จะผ่อน ชำระ ดังนั้น เงินที่ผ่อนชำระจะเท่ากันทุกงวด ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้กำหนดให้ผู้ให้เชา่ ซ้อื รถยนตแ์ ละรถจักรยานยนต์จดั ทำตารางแสดงภาระหนสี้ ินตาม ชดุ วิชาการเงนิ เพอ่ื ชีวิต 1 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 สินเชอื่
105 สญั ญาสำหรับผ้เู ช่าซ้ือแตล่ ะราย โดยใหร้ ะบอุ ตั ราดอกเบ้ยี ท่ีแทจ้ ริงตอ่ ปี (effective interest rate) เพ่อื ใหผ้ ู้บริโภคไดร้ ับทราบภาระดอกเบย้ี ทีแ่ ท้จริงตอ่ ปี ข้อควรรู้ 1) หากผู้เช่าซื้อเคยค้างชำระ และงวดต่อมาชำระหนี้ไม่ครอบคลุมยอดหนี้ คงค้างของงวดก่อน หรือไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เรียกเก็บ อาจส่งผลให้เงินที่ชำระ ค่างวดนั้นไม่พอตัดเงินต้น และยังคงเป็นหนี้ค้างชำระซึ่งจะถูกคิดเบี้ยปรับและค่าใช้จ่ายในการ ติดตามทวงถามหน้ีในงวดถัดไปได้อกี (ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 329 ระบวุ ่า หากเงินที่ลูกหนี้จ่ายเพื่อชำระหนี้ไม่เพียงพอ ให้นำเงินที่ลูกหนี้ชำระนั้นไปหักค่าธรรมเนียม หรือค่าใช้จา่ ยอน่ื ๆ กอ่ น แลว้ จงึ หกั ดอกเบยี้ ทเ่ี หลอื จงึ นำไปหักเงินต้น) 2) หากผู้เช่าซื้อต้องการชำระค่าเช่าซื้อทั้งหมดเพื่อปิดบัญชีก่อนครบ กำหนด ผู้ให้เช่าซื้อต้องให้ส่วนลดแก่ผู้เช่าซื้อในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ ยงั ไม่ถึงกำหนดชำระ โดยให้คิดคำนวณตามมาตรฐานการบญั ชีว่าด้วยเรอ่ื งสญั ญาเช่า 3) ผูใ้ หเ้ ช่าซอ้ื สามารถบอกเลิกสญั ญาเช่าซ้ือได้ หากผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระ ค่าเช่าซื้อ 3 งวดติดกัน อย่างไรก็ดี ผู้ให้เช่าซื้อต้องมีหนังสือบอกกล่าวผู้เช่าซื้อให้ชำระหนี้ ที่ค้างชำระภายใน 30 วันนับจากวันที่ผู้เช่าซื้อได้รับหนังสือ หากเลยกำหนดและผู้เช่าซื้อยังไม่ มาชำระ ผู้ให้เช่าซื้อจงึ จะมีสิทธิบอกเลกิ สัญญาและดำเนินการนำรถกลับคืนได้ แต่หากผู้เช่าซอ้ื ได้นำเงินไปชำระครบถ้วนภายในระยะเวลาที่ผู้ให้เช่าซื้อกำหนดไว้ ผู้ให้เช่าซื้อไม่มีสิทธิ์ที่จะยึด รถคืนจากผเู้ ชา่ ซ้ือ 4) การยึดรถจะใช้กำลังขู่เข็ญหรือทำร้ายร่างกายไม่ได้ หากมีการกระทำ ดังกล่าวให้แจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจ และร้องเรียนตาม พ.ร.บ. การทวงถามหน้ี พ.ศ. 2558 ซึ่งมีหน่วยงานที่มีหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ได้แก่ กรมการปกครอง สถานีตำรวจ ท้องที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ทำการปกครองจังหวัด และที่ว่าการอำเภอ ชุดวิชาการเงินเพอื่ ชีวติ 1 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2564) l หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 สนิ เชื่อ
106 ขอ้ ควรระวงั กรณีมีผู้อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของสถาบันการเงินหรือบริษัทที่เป็น ผู้ใหเ้ ชา่ ซอื้ รถมาติดตอ่ ผเู้ ช่าซอ้ื ควรขอตรวจสอบเอกสารแสดงตนว่าเปน็ ผู้รบั มอบอำนาจจริง หรอื ไม่ เชน่ ใบรบั มอบอำนาจ บตั รประจำตัวเจ้าหนา้ ท่ี และโทรศพั ทต์ ิดตอ่ ผ้ใู หเ้ ช่าซื้อโดยตรง ว่ามีการมอบอำนาจให้บุคคลตามที่กล่าวอ้างมายึดรถจริงหรือไม่ด้วย รวมถึงตรวจสอบประวัติ การคา้ งชำระของตนเองว่าไดเ้ ข้าสกู่ ระบวนการยึดรถแลว้ หรอื ไม่ อยา่ งไร 5) หลังจากผู้ให้เช่าซื้อยึดรถไปแล้ว ก่อนที่จะนำรถออกขาย ต้องแจ้ง ผู้เช่าซ้ือและผู้ค้ำประกัน (ถ้ามี) ทราบล่วงหนา้ เป็นหนงั สือไม่น้อยกวา่ 7 วัน เพื่อใหผ้ ูเ้ ชา่ ซ้ือ ใช้สิทธิ์ซื้อรถคืน หากผู้เช่าซื้อไม่ใช้สิทธิ์ ผู้ให้เช่าซื้อก็จะนำออกขายโดยวิธีประมูลหรือขาย ทอดตลาด - หากขายได้ราคามากกว่ายอดหนี้ที่ค้างชำระ ผู้ให้เช่าซื้อต้องคืนเงิน สว่ นเกินใหแ้ ก่ผเู้ ช่าซื้อ - หากขายได้ราคาน้อยกว่ายอดหน้ีที่ค้างชำระ ผู้เช่าซื้อยังต้องชำระหนี้ สว่ นต่างให้แกผ่ ใู้ ห้เชา่ ซื้อจนครบจำนวน 6) แม้ว่ารถจะให้ความสะดวกสบายแต่ก็มีค่าใช้จ่ายมากมายตามมา นอกเหนือไปจากค่าผ่อนรถในแต่ละเดือน ถ้ายังไม่มั่นใจว่าจะรับมือกับค่าใช้จ่ายได้ก็ควร ชะลอการซื้อรถออกไปก่อน และใช้เวลาช่วงที่ยังไม่พร้อมนี้เก็บเงินดาวน์เพิ่มขึ้นเพื่อจะได้ ลดภาระคา่ ผอ่ นชำระในอนาคต ตัวอยา่ งประมาณการค่าใช้จ่ายที่เก่ียวข้องกับรถ* (ไม่รวมค่าผ่อนรถ) ชดุ วิชาการเงนิ เพอื่ ชีวิต 1 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 สินเชอื่
107 *เป็นเพียงข้อมูลค่าใช้จ่ายประมาณการเบื้องต้น ที่อาจจะมากหรอื น้อยกวา่ นี้ซึง่ ข้ึนอยู่กับยี่ห้อรถ ประเภท อายุการใช้งาน ของรถ รวมถึงลกั ษณะการใชง้ านรถที่แตกต่างกนั กอ่ นตดั สินใจเช่าซอื้ รถสกั คัน ควรสำรวจความพรอ้ มของตนเองดงั นี้ - ความสามารถในการผ่อนชำระกับรายได้ตนเอง ภาระผ่อนหนี้เมื่อรวม กับหน้ีอ่ืนทม่ี ที ้งั หมดแล้วไม่ควรเกิน 1 ใน 3 ของรายได้ต่อเดอื น และมีความสามารถในการจ่าย ค่าใช้จา่ ยต่าง ๆ ท่ีจะตามมาจากการเชา่ ซ้ือรถ - มีเงินออมเพื่อจ่ายเงินดาวน์ให้ได้มากท่ีสุด ซึ่งจะช่วยลดภาระดอกเบยี้ ทตี่ อ้ งจา่ ยลงไปไดอ้ ีกมาก - ศึกษาและเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อนชำระ เงื่อนไข อื่น ๆ ของผู้ให้เช่าซื้อหลาย ๆ แห่ง และต้องดูว่าอัตราดอกเบี้ยที่เสนอให้นั้นเป็นอัตราดอกเบ้ีย ต่อเดอื นหรอื ตอ่ ปี - เลือกระยะเวลาผ่อนทีส่ ้นั ลง จะช่วยใหป้ ระหยดั ดอกเบี้ยลงไปได้ 3. สนิ เช่อื ส่วนบคุ คลภายใตก้ ารกำกบั เป็นสินเชื่อที่ให้กู้ยืมแก่บุคคลธรรมดาและไม่ต้องมีทรัพย์หรือทรัพย์สินเป็น หลักประกัน ซึ่งผู้ให้กู้ที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจจากธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณา คณุ สมบตั ิของผู้กู้และวงเงินทีใ่ ห้แตกตา่ งกันไปตามวตั ถุประสงคข์ องผกู้ ู้ โดยสามารถแบ่งเปน็ ชุดวชิ าการเงนิ เพ่ือชีวติ 1 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2564) l หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 สินเชือ่
108 1) สินเชื่อทีม่ ีวัตถุประสงค์เพื่อการอุปโภคบริโภค หรือใช้ในการประกอบ อาชพี ปจั จุบนั มีรูปแบบให้บริการหลากหลาย เช่น 1.1) เช่าซื้อสินค้ารายชิ้น (ไม่รวมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และ เครื่องจักร) ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลจะออกบัตรสมาชิก หรือที่มักเรียกกันว่า “บัตรผ่อน สินค้า” ผู้ถือบัตรสามารถนำบัตรไปใช้ซื้อสินคา้ และบริการจากร้านคา้ ที่ร่วมรายการได้ เช่น ซื้อ เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้า และตอ้ งชำระเงนิ แก่ผใู้ ห้บรกิ ารตามงวดทต่ี กลงกนั 1.2) วงเงินสำรองพร้อมใช้ผ่านบัตรกดเงินสด หลังจากที่ได้รับอนุมัติ วงเงินสินเชื่อแล้ว ผู้ถือบัตรสามารถนำบัตรไปเบิกถอนเงินออกมาใช้ได้ ตลอดเวลา ซึ่งผู้ถือบัตรต้องชำระคืนแก่ผู้ให้บริการทุกเดือน โดยสามารถ ชำระเตม็ จำนวน มากกวา่ ขัน้ ต่ำ หรอื ขนั้ ต่ำตามทีผ่ ูใ้ หบ้ รกิ ารกำหนดได้ 1.3) รับเงินสดทั้งก้อน แล้วทยอยผ่อนชำระคืนเป็น งวดตามทีไ่ ด้ตกลงกับผู้ใหบ้ รกิ าร 2) จำนำทะเบียนรถแบบโอนลอย ผู้กู้ตอ้ งเป็นเจ้าของกรรมสทิ ธิ์ในรถ โดย นำสมุดทะเบียนรถ (blue book) มาวางไว้ที่ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล เป็นการโอนลอย ทะเบียนรถไว้ล่วงหน้าเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ โดยผู้กู้ยังสามารถครอบครองรถและใช้รถ ได้ตามปกติ ซึ่งผู้กู้จะได้รับเงินก้อนนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ และต้องชำระคืนเป็นราย งวดแก่ผู้ให้กู้ตามทต่ี กลงไว้ ข้อควรรู้ 1) คุณสมบัติผู้สมัคร เป็นบุคคลที่ผู้ให้สินเชื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ามีฐานะ ทางการเงนิ เพยี งพอสำหรับการชำระหนี้ได้ ชุดวชิ าการเงนิ เพ่ือชวี ิต 1 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2564) l หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 สินเชือ่
109 2) วงเงิน พิจารณาตามเกณฑด์ งั ต่อไปน้ี รายได้หรือกระแสเงนิ สด หมุนเวียนเขา้ บญั ชเี งินฝากเฉล่ยี วงเงนิ อนมุ ตั ิ ตอ่ เดอื น น้อยกว่า 30,000 บาท ไมเ่ กิน 1.5 เทา่ ของรายไดห้ รือกระแสเงนิ สดหมุนเวียน เข้าบญั ชีเงินฝากเฉลย่ี ต่อเดือนต่อผ้ใู ห้บรกิ าร (ขอกสู้ ูงสดุ ไดไ้ ม่เกนิ 3 แหง่ ) ตั้งแต่ 30,000 บาทขึน้ ไป ไมเ่ กิน 5 เทา่ ของรายได้หรอื กระแสเงนิ สดหมนุ เวยี นเขา้ บัญชเี งนิ ฝากเฉลยี่ ต่อเดอื น วงเงินของสินเชื่อที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพและ สินเชื่อทมี่ ที ะเบียนรถเป็นประกนั ขึน้ อยกู่ บั ความสามารถในการชำระหน้ี 3) อัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียม รวมกันแล้ว ไม่เกิน 25% ต่อปี แบบลดต้นลดดอก (effective rate) สำหรับสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน และ ไม่เกิน 24% ต่อปี แบบลดต้นลดดอก (effective rate) สำหรับสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็น ประกัน นอกจากนี้ อาจมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ผู้ให้บริการได้จ่ายให้แก่บุคคลภายนอ ก เช่น คา่ ใชจ้ ่ายตดิ ตามทวงถามหน้ี แต่จะเรยี กเก็บได้ไม่เกนิ จากทไ่ี ด้ประกาศไว้ 4) วิธีการคดิ ดอกเบ้ยี คดิ ดอกเบีย้ แบบลดตน้ ลดดอก (effective rate) ชุดวิชาการเงินเพื่อชีวติ 1 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2564) l หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สนิ เชอ่ื
110 ก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ควรสำรวจความ พรอ้ มของตนเองก่อนดงั นี้ - เลือกใช้บริการจากสถาบันการเงินหรือบริษัทที่ได้รับอนุญาต เน่ืองจากมขี ้อดีหลายประการ เช่น ไดร้ บั เงนิ กู้เต็มจำนวน ดอกเบีย้ ถูกกว่าเงินกู้นอกระบบ และ มหี น่วยงานทางการกำกับดูแล - ศึกษาและเปรียบเทียบข้อมูลเรื่องอัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนยี มตา่ ง ๆ ก่อนการเลือกใช้บริการ ชุดวิชาการเงนิ เพ่ือชวี ติ 1 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2564) l หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 สนิ เชอื่
111 - ระมัดระวังโฆษณาที่ระบุในทำนองว่า “ดอกเบี้ยน้อยนิด” โดยต้อง ดูว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวใช้หน่วยอะไร เช่น ถ้าเป็นอัตราดอกเบี้ยต่อเดือน ให้คูณ 12 จึงจะ ได้อัตราดอกเบ้ียต่อปี - อย่าใช้บริการเพียงเพราะต้องการของแถม 4. บตั รเครดติ เป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์หรือผู้ประกอบธุรกิจ บัตรเครดิต (ผู้ออกบัตร) เพื่อให้ผู้บริโภค (ผู้ถือบัตร) นำไปใช้ชำระค่าสินค้าและบริการแทน เงินสด โดยไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก หรือทำรายการซ้ือสนิ ค้าและบริการแบบออนไลน์ผา่ น อินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งผู้ออกบัตรจะจ่ายเงินให้แก่ร้านค้าไปก่อน และผู้ถือบัตรสามารถใช้ บัตรเครดิตเบิกถอนเงินสดออกมาใช้ในยามฉุกเฉินได้ด้วย โดยไม่เกินวงเงินที่ผู้ออกบัตร กำหนดไว้ และจะถกู เรียกเกบ็ เงินพร้อมดอกเบี้ย (ถา้ มี) จากผอู้ อกบตั รตามระยะเวลาท่กี ำหนด ลักษณะสำคญั ของบตั รเครดิต 1) คุณสมบัติผู้สมัคร มีรายได้ไม่น้อยกว่า 15,000 บาทต่อเดือน หรือมีเงิน ฝากหรือสินทรัพย์ตามท่ธี นาคารแห่งประเทศไทยกำหนด 2) วงเงนิ พจิ ารณาตามเกณฑด์ งั ต่อไปนี้ รายไดต้ ่อเดือน วงเงนิ อนมุ ัติ ตง้ั แต่ 15,000 บาท แตน่ อ้ ยกวา่ 30,000 บาท 1.5 เท่าของรายไดเ้ ฉลย่ี ตอ่ เดือน ต้ังแต่ 30,000 บาท แตน่ ้อยกว่า 50,000 บาท 3 เทา่ ของรายไดเ้ ฉลีย่ ตอ่ เดอื น ต้ังแต่ 50,000 บาทขน้ึ ไป 5 เทา่ ของรายไดเ้ ฉลย่ี ตอ่ เดือน 3) อตั ราดอกเบย้ี ค่าปรับ ค่าบรกิ าร และค่าธรรมเนียม รวมกนั แลว้ ไม่เกิน 16% ต่อปี - หากชำระหนี้บัตรเครดิตตรงเวลาและเต็มจำนวน (โดยไม่ได้เบิกถอน เงินสดเลย) จะได้รบั ระยะเวลาปลอดดอกเบ้ีย ประมาณ 45 – 56 วนั ชดุ วิชาการเงินเพ่ือชวี ติ 1 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 สนิ เชื่อ
112 - กรณีเบิกถอนเงนิ สดดว้ ยบตั รเครดิตจะไม่มีช่วงเวลาปลอดดอกเบี้ยและ ถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการเบิกถอนได้อีกไม่เกิน 3% ของจำนวนเงินสดที่ถอน และ ภาษมี ูลค่าเพมิ่ 7% ของคา่ ธรรมเนยี มการเบกิ ถอน - หากชำระหนี้บัตรเครดิตล่าช้า ชำระขั้นต่ำหรือชำระบางส่วน หรือมี การเบิกถอนเงินสด จะถูกคิดดอกเบี้ย โดยทั่วไปแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ (1) คิดเต็มจำนวนตั้งแต่ วันที่ใช้บัตรซื้อของ/จ่ายค่าบริการหรือถอนเงิน ถึงวันก่อนหน้าวันชำระเงิน และ (2) คิดตาม ยอดคงค้างตัง้ แต่วันท่ีชำระถึงวันสรุปยอดถัดไป (ดูตัวอย่างการคำนวณได้ทีเ่ อกสารประกอบใบ แจ้งหนี้ หรอื เวบ็ ไซต์ของบัตรเครดิต) 4) วธิ กี ารคดิ ดอกเบย้ี เปน็ แบบลดตน้ ลดดอก (effective rate) ขอ้ ควรรู้ 1) การนำบัตรเครดิตไปใช้ในต่างประเทศ ผู้ออกบัตรอาจคิดค่าความเสี่ยง จากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 2 – 2.5% ของยอดใช้จ่าย จึงควรศึกษาเงื่อนไขจากผู้ออกบัตร วา่ มกี ารคิดหรือไม่ อย่างไร 2) การชำระเงิน ควรชำระเต็มจำนวนและตรงเวลา แต่หากไม่สามารถชำระ เต็มจำนวนได้ ก็ต้องชำระหนี้ขั้นต่ำเป็นอย่างน้อย ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออก มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เน่ืองจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 จากเดิมที่ กำหนดอัตราการผอ่ นชำระขั้นต่ำ 10% ลดลงเหลือ 5% จนถึงสนิ้ ปี 2565 แล้วปรับข้นึ เป็น 8% สำหรับปี 2566 และ 10% เท่าเดิม ตั้งแต่ปี 2567 (ข้อมูล ณ วันที่ 3 กันยายน 2564) แต่ใน สถานการณ์ปกติ ผู้ออกบัตรอาจกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำไว้ด้วย เช่น ชำระขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 10% ของยอดหน้ีคงคา้ งแตต่ ้องไมน่ อ้ ยกวา่ 1,000 บาท อย่างไรก็ดี หากมีรายการผ่อนชำระเงื่อนไข 0% อยู่ในใบแจ้งหน้ี ยอดผอ่ นชำระข้ันต่ำอาจจะมากกว่าท่ีกำหนดตามหลักเกณฑไ์ ด้ 3) กรณีค้างชำระบัตรเครดิตติดต่อกันเกินกว่า 3 เดือนนับแต่วันที่ครบ กำหนดชำระ ผู้ออกบัตรสามารถยกเลิกการใช้บัตรเครดิตของผู้ถือบัตรได้ทันที และลูกหนี้อาจ ถกู ส่งฟอ้ งศาลเพ่อื เรียกให้ชำระหนท้ี คี่ า้ งอยทู่ ง้ั หมด ชุดวชิ าการเงนิ เพอ่ื ชวี ิต 1 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 สินเชอ่ื
น้อยทส่ี ุด 113 ขอ้ คิดกอ่ นตดั สนิ ใจมบี ัตรเครดติ 1) ทำความเข้าใจเงือ่ นไขกอ่ นสมัคร 2) ใชบ้ ัตรเครดติ เท่าทจ่ี ำเป็นและมัน่ ใจว่าจะสามารถจา่ ยคนื ได้ 3) ชำระเต็มจำนวน ตรงเวลา หรือจ่ายให้ได้มากที่สุด เพื่อให้จ่ายดอกเบ้ีย 4) อยา่ ทำบัตรเพราะเห็นแกข่ องแถม 5. สนิ เชื่อรายยอ่ ยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกบั (Nano Finance) เป็นสินเชื่อรายย่อยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ขอสินเชื่อนำไปใช้ในการ ประกอบอาชีพโดยที่ไม่ต้องมีหลักประกัน ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธนาคารแห่งประเทศไทย ชดุ วชิ าการเงนิ เพื่อชวี ิต 1 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2564) l หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 สนิ เช่อื
114 วงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย คิดอัตราดอกเบี้ย เบี้ยปรับ ค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียมใด ๆ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 33% ต่อปี แบบลด ตน้ ลดดอก (effective rate) 6. สนิ เชื่อรายย่อยระดับจงั หวดั ภายใต้การกำกับ (Pico Finance) เป็นสินเชื่ออเนกประสงค์ทั้งแบบมีและไม่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกัน โดย ผู้ประกอบธุรกิจอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง สินเชื่อประเภทนี้ผู้กู้ต้องมี ภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ในจังหวัดที่สำนกั งานใหญ่ของผูป้ ระกอบธุรกิจต้ังอยู่เท่านั้น แต่ไม่รวมถึง สินเชื่อเพื่อการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ สินเชื่อเพื่อสวัสดิการพนักงานที่หน่วยงาน ต้นสงั กัดไดม้ ีการทำสญั ญากบั ผู้ประกอบธุรกิจ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คอื 1) สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ วงเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย คิดอัตรา ดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียม รวมกันแล้วไม่เกิน 36% ต่อปี แบบลดต้นลด ดอก (effective rate) 2) สินเชื่อพิโกพลัส วงเงินไมเ่ กนิ 100,000 บาท (ในกรณขี อสนิ เช่ือเกนิ กว่า 50,000 บาท ต้องจัดทำสัญญากู้เงินอย่างน้อย 2 สัญญา โดยวงเงินสินเชื่อต่อสัญญา ไม่เกิน สัญญาละ 50,000 บาท) โดยคดิ อตั ราดอกเบย้ี ค่าปรบั ค่าบรกิ าร และคา่ ธรรมเนยี มใด ๆ ดังน้ี • วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 50,000 บาทแรก คิดได้ไม่เกิน 36% ต่อปี แบบ ลดต้นลดดอก (effective rate) • วงเงนิ สนิ เช่อื สว่ นที่เกนิ 50,000 บาท แตไ่ ม่เกิน 100,000 บาท คิดได้ ไม่เกนิ 28% ต่อปี แบบลดตน้ ลดดอก (effective rate) แหล่งศกึ ษาขอ้ มูลเพมิ่ เติม เวบ็ ไซต์สำนกั งาน http://www.1359.go.th/picodoc/ เศรษฐกิจการคลงั หรือโทร. 1359 กด 3 ชุดวิชาการเงินเพ่ือชีวิต 1 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 สนิ เชื่อ
115 เกณฑ์ในการพจิ ารณาสินเช่อื ของสถาบนั การเงิน การพิจารณาว่าจะใหส้ นิ เช่อื หรอื ไม่น้ัน ผู้ใหส้ ินเชือ่ จะพจิ ารณาขอ้ มูลจากหลายด้าน เช่น คุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อ อาชีพ แหล่งรายได้ ประวัติการขอสินเชื่อ ประวัติการชำระหนี้ วงเงินที่ขอ และวัตถุประสงค์ในการขอกู้ ซึ่งผู้ให้สินเชื่อจะนำมาพิจารณาว่าสามารถอนุมัติ สนิ เชอ่ื ให้ไดห้ รอื ไม่ หากถกู ปฏิเสธสินเชอื่ ผูก้ ู้สามารถขอใหส้ ถาบันการเงินชแี้ จงเหตุผลของการ ไม่อนมุ ัตสิ นิ เชือ่ เป็นลายลกั ษณ์อักษร ซ่งึ จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ การปรับปรุงตนเพอ่ื ใหไ้ ดร้ ับสินเชื่อ ในอนาคตตอ่ ไป สาเหตุท่สี ถาบันการเงนิ ปฏเิ สธการให้สินเชอ่ื อาจเกดิ จาก 1. มีประวัติค้างชำระ หากผู้ขอสินเชื่อมีประวัติค้างชำระหนี้และยังไม่สะสาง ภาระหน้ี ผ้ใู หส้ ินเชอื่ อาจเหน็ ว่ามคี วามเสี่ยงทีจ่ ะไมไ่ ด้รับการชำระคืน จงึ ไม่อนุมตั ิสนิ เชื่อ ดังน้ัน ควรติดต่อเจ้าหนี้ที่ตนเองมีประวัติค้างชำระเพื่อชำระหนี้ที่ค้างให้เสร็จสิ้น และพยายามสร้าง ประวัติการชำระเงินที่ดีอย่าให้มีประวัติการค้างชำระอีก เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติ สินเช่ือในอนาคต 2. แหล่งรายได้ขาดความน่าเชื่อถือ อาจเกิดจากผู้ขอสินเชื่อประกอบอาชีพ อิสระหรือมีรายได้ไม่แน่นอน ซึ่งผู้ให้สินเชื่ออาจเห็นว่าจะส่งผลต่อการชำระหนี้คืนในอนาคต ดังนั้น เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ให้สินเชื่อ ผู้ขอสินเชื่อควรเปิดบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงิน และนำเงินทีไ่ ดจ้ ากการประกอบอาชพี เข้าบัญชีอยา่ งสม่ำเสมออยา่ งน้อย 6 เดอื นหรอื 1 ปี เพ่ือ แสดงให้เห็นวา่ ผ้ขู อสนิ เช่ือมีรายได้เพยี งพอและมีความสามารถในการชำระหนี้ 3. ขาดความสามารถในการชำระหนี้ สถาบันการเงนิ อาจเห็นวา่ วงเงินสินเช่อื ที่ขอสูงเกินกว่าความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งในกรณีนี้ ผู้ขอสินเชื่ออาจต้องหารายได้เพ่ิม และนำหลกั ฐานมาแสดง หรือหาผูก้ ูร้ ่วม เพือ่ ให้ไดว้ งเงนิ สนิ เช่ือท่ีต้องการ กิจกรรมท้ายเรื่องท่ี 2 ลักษณะของสินเช่อื ประเภทต่าง ๆ (ใหผ้ ้เู รียนไปทำกิจกรรมเรอ่ื งท่ี 2 ทสี่ มดุ บันทึกกจิ กรรมการเรียนรู้) ชุดวิชาการเงนิ เพ่ือชีวิต 1 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 สินเชอื่
116 เรือ่ งที่ 3 วิธกี ารปอ้ งกนั ปัญหาหน้ี บางครัง้ ปัญหาเพียงเล็กน้อยในวนั น้ี เช่น นำเงนิ กู้ไปใช้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ท่ีขอ (เช่น บอกเจา้ หนีว้ า่ จะกู้มาขยายธรุ กิจ แตก่ ลับแบง่ เงินส่วนหนง่ึ ไปเที่ยว) ลมื จา่ ย เดือนไหนไม่มี เงินก็ไม่จ่าย หรือไม่เคยอ่านเงื่อนไขของสัญญาสินเชื่อ อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตได้ หากไม่ปอ้ งกนั กรณศี ึกษา วารตี ้ังใจจะขอสนิ เช่ือกบั ธนาคาร A เพอ่ื นำเงินไปเป็นทนุ ซื้อสินคา้ มาขาย ธนาคาร A ให้กู้จำนวน 50,000 บาท เมื่อได้รับอนุมัติสินเชื่อก็นำเงิน บางส่วนไปใหแ้ ฟนซ้อื เคร่อื งปรับอากาศ จงึ เหลอื เงนิ ไมพ่ อทจี่ ะซือ้ ของเขา้ ร้าน ยอดขายสินคา้ จึงได้น้อยกวา่ ท่ตี ั้งเป้าไว้ เมื่อถึงคราวต้องชำระหน้ี ก็ชำระบางส่วนเพราะเงินไม่พอ เดือนต่อ ๆ มา ก็ชำระบ้าง ไม่ชำระบ้าง จึงถูกธนาคารคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้นเนื่องจากวารีผิดนัดชำระ นานวนั เข้าก็เร่ิมถูกติดตามทวงถามหน้ี สุดท้ายวารีจึงต้องไปกู้เงนิ จากธนาคาร B อกี 50,000 บาท เพื่อหวังจะนำเงินมาเป็นทุน จะได้มีเงินพอชำระหนี้ แต่ปรากฏวา่ ธนาคาร B ปฏิเสธการอนมุ ตั ิ สนิ เช่ือ เนอ่ื งจากวารีมปี ระวัติค้างชำระมากกวา่ 3 เดอื น จากกรณีศึกษาข้างต้น จะเห็นว่าปัญหาเล็กน้อยไดล้ ุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ เพียงเพราะการนำเงินไปใช้ไม่ตรงตามวตั ถุประสงค์ และไม่ได้ศึกษาเงื่อนไขว่าสินเช่ือที่ตนเองกู้ มานัน้ จะคดิ ดอกเบย้ี ปรบั ในอตั ราทส่ี ูงขึน้ หากไมช่ ำระหน้ตี ามท่ีตกลงกนั ไว้ ดังนั้น ก่อนที่หนี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ เมื่อได้รับสินเชื่อแล้ว ควรปฏิบัติตน ดงั นี้ 1. ใช้เงินตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจขอสินเชื่อจริง ๆ เช่น กู้เงินมาเพื่อประกอบ อาชีพ ก็ไม่แบ่งเงินไปทำอย่างอื่น เพราะอาจทำให้เราเหลือเงินไม่พอที่จะทำในสิ่งที่ตั้งใจและ มีประโยชน์ ชดุ วชิ าการเงินเพ่อื ชวี ติ 1 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2564) l หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 สินเช่ือ
117 2. จ่ายเงินให้ตรงเวลาและตามเงื่อนไข เพื่อจะได้ไม่เสียค่าปรับกรณีชำระ ล่าช้า หรือถูกคิดค่าติดตามทวงถามหนี้ และสร้างประวัติเครดิตที่ดี นอกจากนี้ ควรศึกษา เงอื่ นไขและค่าธรรมเนยี มของสินเชือ่ น้ัน ๆ ด้วย 3. ตรวจสอบความถูกต้องเมื่อได้รับใบแจ้งหนี้และใบเสร็จรับเงิน เช่น ยอดเงนิ ถกู ต้องหรอื ไม่ หากพบวา่ ไม่ถกู ต้อง ควรรีบแจง้ เจ้าหนโ้ี ดยเร็ว 4. ชำระหน้ีเพิ่มทันทีเมื่อมีเงินก้อน จะช่วยลดภาระหนี้ได้ (แต่ต้องมั่นใจว่าไม่ เสียค่าปรับหากชำระหน้ีก่อนกำหนด หรอื ถ้ามคี า่ ปรับต้องดูกอ่ นว่าคุ้มกับดอกเบ้ียที่ประหยัดได้ หรือไม่) 5. แจ้งเจ้าหนี้ให้ทราบทุกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนที่อยู่ เพื่อป้องกันการขาดการ ตดิ ต่อส่อื สารระหวา่ งกัน 6. หากจะก่อหนี้เพิ่มอีก อย่าลืมตรวจสอบภาระหนี้ที่ต้องผ่อนต่อเดือน ไม่ควรเกิน 1 ใน 3 (33%) ของรายได้ต่อเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถชำระหน้ีได้ หาก เกนิ แลว้ ควรชะลอการก่อหนไ้ี วก้ อ่ น กิจกรรมทา้ ยเรื่องที่ 3 วิธีการป้องกันปญั หาหนี้ (ใหผ้ ู้เรียนไปทำกจิ กรรมเรื่องท่ี 3 ท่ีสมดุ บนั ทึกกจิ กรรมการเรียนร้)ู ชุดวิชาการเงินเพ่อื ชวี ิต 1 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 สนิ เชื่อ
118 เร่อื งที่ 4 วธิ กี ารแกไ้ ขปญั หาหนดี้ ว้ ยตนเอง จุดเริ่มต้นของการเป็นหนี้ของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน บางคนอาจเป็นหน้ี เพราะความจำเป็นในชีวิต หรือบางคนอาจเป็นหนี้เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ตกงาน ล้มป่วยกะทันหัน หรือบางคนเป็นหนี้เพราะต้องการความสะดวกสบายในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นหนี้ จากสาเหตุใด หากก้าวเข้าสู่บ่วงหนี้จนถึงขั้นที่เป็นปัญหากับชีวิตแล้ว ก็ควรยอมรับความจริง และพยายามทจี่ ะไมส่ รา้ งภาระหน้ีใหแ้ กต่ นเองเพ่มิ ขึ้นอีก ที่สำคัญคอื ต้องหาทางปลดหนี้โดยเร็ว เพราะการเป็นหนี้มีภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายนอกเหนือไปจากเงินต้น และอาจมีค่าปรับหรือ ค่าใชจ้ ่ายต่าง ๆ ตามมาถ้าผูเ้ ป็นหน้ีไมป่ ฏิบตั ิตามเง่อื นไขทกี่ ำหนด แนวทางการแก้ไขปญั หาหน้ี 1. ยอมรบั ความจริง และมคี วามต้งั ใจท่จี ะแกป้ ัญหา 2. สำรวจภาระหนี้ทั้งหมด เพื่อรวบรวมรายละเอียดหนี้ที่มีทั้งหมด และ หาทางแก้ไขปัญหาต่อไป โดยการจดลงบนกระดาษหรือในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ตามรายการ ดงั น้ี 2.1 ประเภทหนี้ เพื่อให้รู้ว่ามหี น้ีอะไรบ้าง 2.2 หลักประกนั เพอื่ ใหร้ วู้ า่ หนี้รายการน้นั มีสินทรพั ย์ใดคำ้ ประกันหรอื ไม่ 2.3 เจา้ หนี้ เชน่ ธนาคาร สถาบนั การเงิน บรษิ ทั บัตรเครดติ 2.4 อัตราดอกเบี้ย เพื่อให้รู้วา่ หนี้แต่ละก้อนมีอัตราดอกเบี้ยเท่าใดตอ่ ปี ซ่ึง ควรเป็นอัตราดอกเบีย้ ที่คำนวณแบบลดต้นลดดอก (effective rate) หากเป็นหนี้ท่ีคิดดอกเบี้ย แบบเงินต้นคงที่ (flat rate) ก็สามารถแปลงเป็นแบบลดต้นลดดอกได้อย่างคร่าว ๆ โดยนำ อัตราดอกเบี้ยที่คิดแบบ flat rate คูณด้วย 1.8 (กรณีการเช่าซื้อรถ ผู้ให้เช่าซื้อต้องแจ้ง effective rate แกผ่ ู้เช่าซ้ือด้วย) 2.5 ยอดหน้คี งเหลอื เพอื่ ให้รู้ภาระหนคี้ งเหลอื 2.6 ยอดเงินผ่อนตอ่ เดือนของหนี้แตล่ ะรายการ เพื่อให้รู้จำนวนเงินที่ตอ้ ง จา่ ยแตล่ ะงวด ชดุ วิชาการเงินเพือ่ ชวี ิต 1 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2564) l หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 3 สินเช่ือ
119 2.7 รายละเอยี ดอืน่ ๆ เช่น ต้องชำระวันไหน ซึง่ อาจบนั ทึกไว้ทช่ี ่องหมายเหตุ การสำรวจภาระหนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการวางแผนจัดการหนี้ ซึ่งข้อมูลหรือรายละเอียดเกี่ยวกับหนี้ สามารถหาได้จากสัญญาเงินกู้ ใบแจ้งหนี้ หรือหลักฐาน การชำระหน้ี ตัวอยา่ งตารางภาระหน้ี ลำดับ ประเภทหน้ี หลกั ประกัน เจ้าหน้ี อตั รา ยอดหน้ี ยอดผ่อน หมายเหตุ ที่ ดอกเบยี้ คงเหลือ ชำระต่อ (คิดแบบ (บาท) เดือน ลดตน้ ลด (บาท) ดอก) 1. หนนี้ อกระบบ - เจ๊เกยี ว 252% 10,000 4,500 จา่ ยหน้ี (150 บาท รายวัน ต่อวัน) 2. กู้สหกรณ์ หนุ้ สหกรณ์ สหกรณ์ 7.5% 14,235 3,400 หกั บัญชตี อน ออมทรัพยฯ์ เงนิ เดือนออก 3. เช่าซอ้ื - ไฟแนนซ์ B 7.2%* 40,000 966.67 จา่ ยหน้ีทุก รถจกั รยานยนต์ วนั ที่ 25 4. บัตรเครดติ - ธนาคาร C 16% 15,000 2,000 ชำระคนื มากกวา่ ยอด ขนั้ ต่ำ รวมยอดคงเหลือและผ่อนชำระต่อเดือน 79,235 10,866.67 * คำนวณจากอัตราดอกเบ้ียคิดแบบเงินตน้ คงที่ 4% คณู ด้วย 1.8 3. จัดลำดับความสำคัญของหนี้ที่ต้องชำระ เมื่อทราบจำนวนหนี้ทั้งหมด ที่ตนเองมีแล้ว การจัดลำดับการปลดหนี้จะทำให้จัดการหนี้ให้หมดไปได้ง่ายขึ้น โดยอาจใช้วิธี จดั ลำดับหนี้ท่ีตอ้ งชำระดังน้ี ชุดวิชาการเงินเพ่อื ชวี ติ 1 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2564) l หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 สินเชื่อ
120 3.1 กำจัดหนแ้ี พงกอ่ น ในกรณีทอ่ี ัตราดอกเบี้ยของหน้แี ตล่ ะกอ้ นตา่ งกนั มาก ให้เลอื กจา่ ยหนท้ี ีอ่ ตั ราดอกเบย้ี สงู ก่อน เชน่ หนีน้ อกระบบ เพือ่ ปอ้ งกนั ดอกเบ้ียท่ีอาจพอกพูน อย่างรวดเร็ว เพื่อชะลอการเพม่ิ ข้นึ ของดอกเบี้ยทีต่ ้องจา่ ย 3.2 จ่ายหนี้ก้อนเล็กก่อน ในกรณีที่หนี้มีอัตราดอกเบี้ยเท่ากันหรือ ไม่แตกต่างกันมาก ให้เลือกจา่ ยหนีท้ ี่มีมูลค่านอ้ ยก่อน เพื่อลดจำนวนรายการหนี้ให้น้อยลงเม่อื เห็นจำนวนบัญชหี รือเจ้าหนี้ลดลงเร่อื ย ๆ ก็จะมกี ำลังใจเพม่ิ ขึ้นในการปลดหนีก้ ้อนท่ีเหลอื ต่อไป 4. มองหาวิธีการแก้ไขปัญหาหน้ี ซึ่งหากเป็นปัญหาหนี้ที่ไม่ถึงขั้นล้นพ้นตัว ก็สามารถปลดหนี้ด้วยตนเองได้ แต่หากปัญหาหนี้นั้นมากเกินจะจัดการด้วยตนเองก็ควรเจรจา กับเจ้าหนี้ การแก้ไขปัญหาหน้ีดว้ ยตนเอง สำหรับผู้ที่รู้ว่าตนเองมีปัญหาหนี้ แต่ยังไม่ถึงขั้นล้นพ้นตัว การปลดหน้ี ดว้ ยตนเองจงึ เป็นเร่ืองท่ีไม่ยากเกินไป ซงึ่ เรมิ่ ตน้ งา่ ย ๆ ดังนี้ 1. ลดรายจ่าย บางคนอาจไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไร อาจใช้วิธี “บันทึก รายรับ-รายจ่าย” ซึ่งจะช่วยหาพฤติกรรมในการใช้จ่ายของตนเอง ว่าจ่ายไปกับอะไรบ้าง รวมทงั้ ช่วยในการทบทวนตนเองเพ่ือหาข้อบกพร่องหรือ “รรู ่วั ” เชน่ ค่าใช้จ่ายท่ีจ่ายไปน้ันเป็น สิ่งจำเป็นหรือไม่ อะไรเป็นรายจ่ายไม่จำเป็น หรือเป็นรายจ่ายจำเป็นที่มากเกินไป แล้วพยายามหาทางงดหรอื ลดค่าใชจ้ า่ ยน้นั เพ่ือนำเงนิ ไปจา่ ยหน้ีใหไ้ ดม้ ากข้นึ 2. เพิ่มรายได้ อาจหารายได้เสริม หรือเปลี่ยนงานอดิเรกให้กลายเป็นรายได้ เม่อื มรี ายไดเ้ พม่ิ ขน้ึ กจ็ ะช่วยใหส้ ามารถชำระหนไ้ี ดเ้ พมิ่ ขน้ึ 3. สำรวจทรพั ย์สินท่มี แี ละตัดใจขาย เพอ่ื นำเงินไปชำระหนี้ เช่น ทรัพย์สินที่ ไม่จำเปน็ เครื่องประดับ 4. ตั้งเป้าหมายปลดหน้ี ปลดหนี้ในที่นี้ หมายถึง มุ่งมั่นตั้งใจและเพิ่มความ พยายามในการใช้หนี้ให้หมดโดยเร็ว แต่ยังคงชำระหนี้อื่น ๆ ตามกำหนดเพื่อรักษาประวัติ เครดิตที่ดีเอาไว้ อย่างไรก็ดี อย่านำเงินไปใช้หนี้หมดจนไม่มีเงินเก็บออม เพราะหากมีเหตุฉุกเฉิน ตอ้ งใชเ้ งิน อาจต้องหันกลบั ไปเป็นหนีอ้ กี จงึ ควรใชห้ นแ้ี ละออมไปพร้อม ๆ กัน ชุดวชิ าการเงนิ เพือ่ ชีวิต 1 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2564) l หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 สนิ เชอ่ื
121 5. ติดตามอย่างใกล้ชิด ว่าสามารถทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ หากไม่เป็นไป ตามแผน อาจหาทางปรับแผนใหส้ อดคล้องกับสถานการณท์ ี่เกิดขึน้ เมื่อปลดหน้ีได้แล้วก็ไม่ควร กลับไปก่อหนี้อีก แต่ควรหาทางปลดภาระหนี้ก้อนอื่น ๆ ต่อไป (ถ้ามี) และสะสมเงินออมให้มี มากขน้ึ เพ่ือไว้ใชใ้ นยามจำเปน็ กจิ กรรมท้ายเร่ืองท่ี 4 วิธีการแก้ไขปญั หาหน้ีด้วยตนเอง (ให้ผู้เรยี นไปทำกิจกรรมเร่อื งท่ี 4 ท่สี มดุ บันทกึ กิจกรรมการเรียนรู้) ชุดวิชาการเงินเพอื่ ชวี ติ 1 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 สนิ เชอ่ื
122 เร่อื งท่ี 5 หน่วยงานทใ่ี ห้คำปรกึ ษาวธิ กี ารแก้ไขปัญหาหนี้ เมื่อพบปัญหาหนี้ หลายคนอาจยังนึกไม่ออกว่าตนเองจะแก้ไขปญั หาได้อย่างไร มีทางใดที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดจากปัญหาหนี้ได้บ้าง มีคนจำนวนไม่น้อยที่เม่ือ เจอกับปัญหาหนี้ ก็ใช้วิธีการหลบหน้า ไม่รับโทรศัพท์ หรือย้ายที่อยู่เพื่อหนี ทั้งที่ยังมีหนทางท่ี จะแก้ไขได้ เริม่ จากการมีคนช่วยชแ้ี นะแนวทางท่ถี ูกต้อง หน่วยงานท่ีใหค้ ำปรกึ ษาวิธีการแก้ไขปญั หาหนี้ หากไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นแก้ไขปัญหาหนี้อย่างไร หรือต้องการหาทางออกจาก ปัญหาหนี้ สามารถติดต่อหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพร้อมให้คำแนะนำ คำปรึกษา เพ่ือ ชี้แนะแนวทางแก่ผู้มีปัญหาหนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้ในระบบหรือนอกระบบ โดยมีหน่วยงานหลัก ทีส่ ามารถตดิ ตอ่ ขอคำแนะนำ คำปรึกษาดงั นี้ หนี้ในระบบ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย โทร. 1213 หนน้ี อกระบบ ศูนยร์ บั แจ้งการเงินนอกระบบ กระทรวงการคลัง โทร. 1359 นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ อีก ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือ ประชาชนและพรอ้ มใหค้ ำแนะนำหรอื ชว่ ยหาทางแกไ้ ขปญั หาตา่ ง ๆ ได้ อาทิ - สายด่วนของรัฐบาล สงั กัดสำนกั นายกรัฐมนตรี โทร. 1111 - ศูนย์ดำรงธรรม สงั กดั กระทรวงมหาดไทย โทร. 1567 - สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สังกัด สำนกั งานอยั การสูงสดุ โทร. 0 2142 2034 - ศูนย์ช่วยเหลือลูกหน้ีและประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม สังกัด กระทรวงยุติธรรม โทร. 0 2575 3344 อย่างไรก็ตาม คำปรึกษาจากหน่วยงานต่าง ๆ เป็นเพียงแนวทางในการแก้ไข ปัญหาหนี้เท่านั้น การตัดสินใจว่าจะแก้ไขปัญหาหนี้แบบไหน หรือวิธีการใดท่ีเหมาะสมและ ชุดวชิ าการเงนิ เพื่อชวี ิต 1 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 สนิ เชอ่ื
123 สามารถปฏิบตั ิไดจ้ รงิ ขนึ้ อยู่กบั ผมู้ ีปญั หาหนี้เปน็ ผ้พู ิจารณาว่าแบบใดจึงจะเหมาะกับตนเองโดย คำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น สถานการณ์ ความเปน็ ไปได้ และขอ้ จำกัด เร่อื งนา่ รเู้ กย่ี วกบั ติดตามทวงถามหนี้ ถ้าถึงเวลาชำระหนี้แล้วลูกหนี้ไม่ชำระ หรือชำระล่าช้า เจ้าหนี้หรือตัวแทนจะ สามารถติดต่อทวงหน้หี รอื แจง้ ข้อมลู เกี่ยวกบั การเป็นหน้ีไดก้ ับตัวลูกหน้ี ห้ามผู้ทวงหนี้ติดต่อกับ บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ลูกหนี้เพื่อการทวงถามหนี้ เว้นแต่บุคคลซึ่งลูกหนี้ได้ระบุไว้เพื่อการดังกล่าว การติดต่อกับบุคคลอื่น ให้กระทำได้เพื่อวัตถุประสงค์ในการสอบถามหรือยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับ สถานที่ติดต่อลูกหนี้ หรือบุคคลซึ่งลูกหนี้ได้ระบุไว้เพื่อการทวงถามหนี้เท่านั้น ซึ่งการทวงหน้ี ตอ้ งปฏบิ ตั ิตาม พ.ร.บ. การทวงถามหน้ี พ.ศ. 2558 เช่น • ต้องแสดงตัวตนต่อลูกหนี้ โดยแจ้งชื่อและวัตถุประสงค์ในการติดต่อ หากเปน็ ผ้รู บั มอบใหท้ วงถามหน้ี ให้แสดงหลกั ฐานการมอบอำนาจให้ทวงถามหนดี้ ว้ ย • ให้ติดต่อลูกหนี้ตามสถานที่ที่ลูกหนี้ระบุไว้ ในวันเวลาที่กำหนด คือ วนั จนั ทร-์ ศุกร์ เวลา 08.00 - 20.00 น. และวนั หยุดราชการ (วนั เสาร์-อาทิตย์ วนั หยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยดุ ชดเชย) เวลา 08.00 - 18.00 น. โดยให้ผู้ทวงถามหนตี้ ิดต่อลูกหนไี้ มเ่ กนิ 1 ครั้งต่อวัน • ห้ามขม่ ขู่ ใชค้ วามรุนแรง หรือใชว้ าจาดหู ม่ิน • ห้ามตดิ ต่อลกู หนีโ้ ดยใช้ไปรษณยี บตั ร โทรสาร หรอื ใช้ข้อความ เครื่องหมาย สญั ลักษณบ์ นซองจดหมายท่ีสอ่ื ว่าเป็นการทวงหน้ี • ห้ามทวงหนี้ในลักษณะที่เป็นเท็จ หรือทำให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น ใช้สญั ลักษณท์ ีท่ ำใหเ้ ข้าใจว่าเปน็ การกระทำของศาล เจ้าหนา้ ทีข่ องรัฐ • อตั ราคา่ ธรรมเนียม คา่ ใช้จ่ายในการทวงถามหนี้ - หากค้าง 1 งวด คดิ คา่ ใช้จ่ายได้ไม่เกิน 50 บาทตอ่ รอบการทวงหนี้ - หากค้างมากกว่า 1 งวด คิดคา่ ใช้จ่ายได้ไม่เกิน 100 บาทต่อรอบการทวงหน้ี ชุดวชิ าการเงินเพ่อื ชวี ิต 1 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 สินเชื่อ
124 - หากเป็นหนี้ประเภทเช่าซื้อรถยนต์/ลิสซิ่ง สามารถเก็บค่าใช้จ่ายลงพื้นท่ี ติดตามหนี้เพิ่มเติมได้ ตามที่เกิดขึ้นจริงแต่ไม่เกิน 400 บาทต่อรอบการทวงหนี้ และลูกหนี้ต้อง คา้ งชำระมากกวา่ 1 งวด - ห้ามเรียกเก็บค่าทวงถามหนี้กรณีที่หนี้ค้างชำระหรือหนี้ที่ถึงกำหนดชำระ สะสมไม่ถึง 1,000 บาท - ห้ามเรียกเก็บค่าทวงถามหนีห้ ลงั จากที่ลูกหนีช้ ำระหนีค้ รบจำนวน หรือได้ บอกเลกิ สญั ญาแล้วตามกฎหมาย หมายเหตุ: คา่ ทวงหนไี้ ม่รวมคา่ ใช้จ่ายในการตดิ ตามเอาทรพั ยค์ ืน รอบการทวงหนี้จะนบั ตงั้ แตว่ นั ผดิ นัดชำระจนถงึ วนั ครบกำหนดชำระงวดถดั ไป และรอบการทวงหนต้ี อ้ งมีระยะเวลาไม่นอ้ ยกวา่ 1 เดือน ทั้งนี้ หากถูกติดตามทวงถามหนี้อย่างไม่เหมาะสม สามารถร้องเรียนกับ หน่วยงานที่มีหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนตาม พ.ร.บ. การทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 โดยตรง ได้แก่ กรมการปกครอง สถานีตำรวจท้องที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กองบัญชาการตำรวจ นครบาล ที่ทำการปกครองจังหวัด และที่ว่าการอำเภอ หรือหากพบการคิดค่าธรรมเนียมหรือ ค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการทวงถามหนี้เกินจากที่กฎหมายกำหนด สามารถร้องเรียนได้ที่ศูนย์ดำรง ธรรม โทร. 1567 ชดุ วิชาการเงินเพอ่ื ชวี ติ 1 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 3 สนิ เชอื่
125 กจิ กรรมทา้ ยเรอื่ งท่ี 5 หน่วยงานที่ให้คำปรึกษาวธิ กี ารแก้ไขปญั หาหน้ี (ให้ผู้เรยี นไปทำกจิ กรรมเรื่องที่ 5 ทสี่ มุดบนั ทกึ กิจกรรมการเรยี นร้)ู ชุดวชิ าการเงนิ เพ่ือชีวติ 1 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 สนิ เชอ่ื
126 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 4 สทิ ธแิ ละหน้าทข่ี องผ้ใู ช้บริการทางการเงิน สาระสำคัญ ผ้ใู ชบ้ รกิ ารทางการเงนิ มีสิทธิทพี่ งึ ตระหนัก 4 ประการ และมหี น้าที่ท่ีควรปฏิบัติ ด้วยความรับผิดชอบอีก 5 ประการ นอกจากความรู้ทั้ง 2 เรื่องนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ให้บริการ ทางการเงินในประเทศไทย บทบาทหน้าที่ด้านการคุ้มครองผู้ใชบ้ ริการทางการเงินของธนาคาร แห่งประเทศไทย หน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียนอื่น ๆ รวมถึงขั้นตอนการร้องเรียนและหลักการ เขยี นหนังสอื ร้องเรียนอย่างถูกตอ้ ง จะชว่ ยให้ผ้ใู ชบ้ ริการทางการเงินสามารถเลอื กใช้บริการทาง การเงนิ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ตรงกับความต้องการของตนเอง และลดความเสยี่ งและความเสียหาย ท่อี าจเกดิ ขน้ึ จากการใชบ้ ริการทางการเงนิ ตัวช้ีวัด 1. บอกสทิ ธิของผูใ้ ช้บรกิ ารทางการเงนิ 2. บอกหนา้ ท่ขี องผใู้ ช้บรกิ ารทางการเงิน 3. บอกผู้ให้บรกิ ารทางการเงินในประเทศไทย 4. บอกบทบาทหนา้ ท่ดี ้านการค้มุ ครองผู้ใช้บรกิ ารทางการเงินของธนาคารแหง่ ประเทศไทย และหนว่ ยงานท่รี ับเร่ืองร้องเรยี นอ่ืน ๆ 5. บอกข้ันตอนและหลักการเขยี นหนงั สือร้องเรยี น ขอบข่ายเนือ้ หา เรอ่ื งที่ 1 สิทธิของผใู้ ชบ้ ริการทางการเงิน เร่ืองท่ี 2 หนา้ ทขี่ องผ้ใู ชบ้ ริการทางการเงนิ เร่อื งที่ 3 ผู้ให้บรกิ ารทางการเงินในประเทศไทย เรอ่ื งท่ี 4 การคุม้ ครองผ้ใู ช้บรกิ ารทางการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย และหนว่ ยงานทร่ี ับเรือ่ งรอ้ งเรยี นอ่นื ๆ เรือ่ งที่ 5 ข้นั ตอนการรอ้ งเรยี นและหลักการเขยี นหนังสือรอ้ งเรยี น ชดุ วิชาการเงนิ เพื่อชีวิต 1 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 สิทธแิ ละหนา้ ท่ขี องผู้ใชบ้ ริการทางการเงิน
127 สอ่ื การเรียนรู้ 1. ชดุ วิชาการเงินเพื่อชีวิต 1 2. เว็บไซต์ศูนย์คมุ้ ครองผู้ใช้บริการทางการเงนิ (ศคง.): www.1213.or.th 3. เฟซบกุ๊ ศคง. : www.facebook.com/hotline1213 เวลาท่ใี ชใ้ นการศกึ ษา 6 ชวั่ โมง ชดุ วชิ าการเงินเพ่ือชีวติ 1 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2564) l หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 สทิ ธิและหน้าท่ีของผู้ใช้บรกิ ารทางการเงนิ
128 เรื่องที่ 1 สิทธขิ องผูใ้ ช้บริการทางการเงิน ปัจจุบันผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินมีความหลากหลาย ซับซ้อน และ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไปตามพฒั นาการทางเทคโนโลยี ผู้ใช้บริการทางการเงินจึงควรศึกษา หาความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินต่าง ๆ รวมทั้งสิทธิและหน้าที่ในการเป็น ผู้ใช้บรกิ ารทางการเงินเพื่อให้สามารถเลือกใช้บริการอย่างมั่นใจ ตรงกบั ความต้องการ ไม่เสียสิทธิ ที่พึงได้ และเป็นผู้ใช้บริการทางการเงินที่ทำหน้าที่ได้อย่างเหมาะสมและได้รับประโยชน์สูงสุด โดยผู้ใชบ้ ริการทางการเงินมสี ทิ ธิ 4 ประการดงั น้ี 1. สิทธิที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง (right to be informed) ผู้ใช้บริการทาง การเงนิ มสี ิทธิที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเก่ียวกับบรกิ ารท่ีสนใจ โดยเจ้าหนา้ ที่สถาบันการเงินต้อง อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างถูกต้อง ชัดเจน และครบถ้วน เพียงพอต่อการตัดสินใจในการใช้บริการ เช่น ลักษณะสำคัญของผลิตภัณฑ์ ผลประโยชน์ที่ คาดว่าจะได้รับ ความเสี่ยง ค่าปรับ ค่าธรรมเนียม ตลอดจนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเมื่อไม่ทำตาม เงือ่ นไข และการใช้ส่อื ทางการตลาดเพอ่ื ส่งเสรมิ การขายตอ้ งไม่ชวนเชอื่ เกินจรงิ ไมท่ ำใหผ้ ู้ใชบ้ ริการ เข้าใจผิด เมื่อได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนแล้ว ผู้ใช้บริการทางการเงินก็ควร พิจารณา ตรวจสอบ และสอบถามรายละเอียดให้แน่ใจก่อนตัดสินใจใช้บริการ เพื่อให้ได้ ผลติ ภัณฑ์และบรกิ ารทีเ่ หมาะสมและตรงความต้องการของผใู้ ช้บริการ 2. สิทธิที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการได้อย่างอิสระ (right to choose) เจ้าหน้าที่สถาบันการเงินสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการอื่น ๆ ควบคู่กับผลิตภัณฑ์ท่ี ผู้ใช้บริการทางการเงินต้องการ แต่ผู้ใช้บริการทางการเงินควรเลือกผลิตภัณฑ์และบริการทาง การเงินที่ต้องการจรงิ ๆ เท่าน้ัน โดยคำนึงถึงความจำเป็น ประโยชนท์ ่ีได้รบั ความค้มุ คา่ รวมถึง ความสามารถในการรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง หากผู้ใช้บริการไม่ต้องการผลิตภัณฑ์และ บริการทเี่ จ้าหน้าที่เสนอขาย กส็ ามารถปฏเิ สธได้ ไมต่ อ้ งเกรงใจหรือร้สู กึ ไม่ดีใด ๆ ชดุ วชิ าการเงินเพ่อื ชวี ิต 1 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 สิทธิและหน้าท่ขี องผู้ใชบ้ ริการทางการเงิน
129 3. สิทธิที่จะร้องเรียนเพื่อความเป็นธรรม ( right to be heard) หาก ผู้ใช้บริการทางการเงินพบว่าตนเองได้รับการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องหรือถูกเอาเปรียบ เช่น ได้รับ ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน ถูกบังคับให้ซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ไม่ต้องการ ถูกทำให้ เข้าใจผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ คำนวณดอกเบี้ยผิด สามารถร้องเรียนไปยังสถาบันการเงินที่ใช้ บรกิ าร และหากยังไมไ่ ด้รับความเปน็ ธรรม กส็ ามารถร้องเรียนไปยงั หนว่ ยงานที่กำกับดแู ลได้ 4. สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาค่าชดเชยหากเกิดความเสียหาย (right to redress) หากได้รับความเสียหายจากการใช้บริการของสถาบันการเงิน เชน่ เจา้ หนา้ ที่ธนาคาร ขโมยเงินฝากจากบัญชี กดเงินจากตู้เอทีเอ็มแล้วไม่ไดร้ ับเงิน และพสิ จู นแ์ ล้วว่าเป็นความผิดพลาด ของสถาบันการเงิน เช่น ไม่ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การบริหารจัดการด้านการให้บริการแก่ ลูกค้าอย่างเป็นธรรม (market conduct) หรือปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการทาง การเงินอย่างไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะจงใจหรือประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้ผู้ใช้บริการได้รับความ เสียหาย ผู้ใช้บริการทางการเงินมีสิทธิได้รับการชดเชย แต่หากความผิดพลาดนั้นเกิดจาก ผู้ใช้บริการเอง เช่น ฝากสมุดบัญชีไว้กับเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อทำรายการแทน โอนเงินจาก เคร่อื งเอทีเอ็มไปผิดบญั ชีหรอื ใส่ตัวเลขจำนวนเงนิ ผิด สถาบันการเงินไม่จำเป็นต้องชดเชยความ เสียหายใหแ้ กผ่ ้ใู ชบ้ ริการทางการเงนิ กิจกรรมท้ายเรอื่ งท่ี 1 สทิ ธิของผใู้ ช้บริการทางการเงิน (ให้ผู้เรยี นไปทำกิจกรรมเรือ่ งท่ี 1 ที่สมดุ บนั ทึกกจิ กรรมการเรียนร้)ู ชดุ วชิ าการเงินเพอื่ ชวี ิต 1 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 สิทธแิ ละหนา้ ทขี่ องผใู้ ช้บริการทางการเงนิ
130 เรอื่ งที่ 2 หน้าทขี่ องผใู้ ชบ้ รกิ ารทางการเงิน นอกจากสถาบันการเงินตอ้ งให้บริการด้วยความรับผิดชอบแล้ว ผู้ใช้บริการทาง การเงินยังมี “หน้าที่” ที่ควรปฏิบัติด้วยความรับผิดชอบเพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายที่ อาจเกดิ ขึน้ จากการใชบ้ ริการทางการเงนิ โดยหนา้ ท่ีของผใู้ ชบ้ ริการทางการเงนิ มีดังน้ี 1. วางแผนการเงิน เพื่อให้รู้ฐานะทางการเงินของตนเอง จัดการกับรายรับ- รายจา่ ยได้อย่างเหมาะสม สามารถตง้ั เป้าหมายการเงินของตนเองได้ สามารถมองเห็นสัญญาณ และวางแผนรบั มือกบั ปัญหาทางการเงินทอ่ี าจจะเกดิ ขึ้นได้ 2. ติดตามข้อมูลข่าวสารทางการเงินอย่างสม่ำเสมอ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการ ตัดสินใจเลือกใช้บริการให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการของตนเอง ศึกษาและเรียนรู้ บริการทางการเงินในรูปแบบใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย นอกจากข่าวสารเกี่ยวกับ บริการทางการเงินแล้ว ภัยทางการเงนิ ก็เป็นสงิ่ หนงึ่ ทีผ่ ใู้ ช้บรกิ ารทางการเงินไมค่ วรละเลยเพราะ ก า ร ต ิ ด ต า ม ข ่ า ว ส า ร จ ะ ท ำ ใ ห ้ เ ข ้ า ใ จ แ ล ะ รู้ เ ท ่ า ท ั น ร ู ป แ บ บ ก า ร ห ล อ ก ล ว ง ข อ ง ม ิ จ ฉ า ชี พ สามารถปอ้ งกันตวั เองจากมจิ ฉาชพี ได้ ไมต่ กเป็นเหย่อื ภยั ทางการเงินรปู แบบต่าง ๆ 3. ศึกษารายละเอียดและเปรียบเทียบข้อมูลก่อนเลือกใช้ เพื่อให้เข้าใจ ลักษณะของผลิตภัณฑ์และบริการ เงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง ผลประโยชน์ที่จะได้รับ ความเสี่ยง และ ต้องไม่ลมื ที่จะเปรยี บเทยี บผลติ ภัณฑ์ทส่ี นใจจากหลาย ๆ แหลง่ เชน่ สถาบันการเงิน ผู้ประกอบ ธุรกิจสินเชื่อที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (non-bank) เพื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน ให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการของตนเองมากที่สุด เช่น สอบถามพนักงาน อ่านและทำ ความเข้าใจหนังสือชี้ชวนหรือเอกสารสรุปข้อมูลสำคัญประกอบการเสนอขายผลิตภัณฑ์ (fact sheet)เพือ่ เปรยี บเทียบผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ กอ่ นลงนามหรือเซน็ ช่ือในสัญญาทำธุรกรรมใด ๆ ผู้ใช้บริการทางการเงินควรอ่านรายละเอียดสัญญาให้ถี่ถ้วน และต้องเข้าใจเงื่อนไขของสัญญา ก่อนลงนาม หากไมเ่ ขา้ ใจ ใหส้ อบถามเจ้าหนา้ ท่ี เพอ่ื ป้องกนั ปญั หาทอ่ี าจเกดิ ข้นึ ภายหลงั ชดุ วิชาการเงินเพื่อชวี ติ 1 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2564) l หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 สิทธแิ ละหนา้ ทข่ี องผ้ใู ชบ้ รกิ ารทางการเงนิ
131 รหู้ รอื ไม่ว่า fact sheet ช่วยคณุ ไดอ้ ยา่ งไร fact sheet หรอื เอกสารสรุปข้อมูลสำคญั ของผลิตภัณฑ์ คือ ข้อมูลท่ีสถาบัน การเงนิ จดั ทำขนึ้ เพ่ือเปดิ เผยให้ลูกค้าไดท้ ราบขอ้ มูลเกี่ยวกบั ผลิตภัณฑ์หรอื บริการทางการเงิน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภทที่มีความซับซ้อน เช่น สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย บัญชีเงินฝากแบบข้นั บันได มีอะไรอยู่ใน fact sheet 1. ลักษณะสำคัญของผลิตภัณฑ์ เช่น ประเภทของผลิตภัณฑ์ อัตราดอกเบี้ย วธิ คี ิดดอกเบ้ยี 2. ค่าบริการหรือค่าธรรมเนียมที่สถาบันการเงินอาจเรียกเก็บจากการซ้ือ ผลิตภัณฑ์หรอื ใช้บรกิ ารเหลา่ นี้ 3. เงื่อนไขและข้อกำหนดที่ควรทราบ fact sheet จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้คุณรู้จักผลิตภัณฑ์นั้น ๆ มากขึ้น และยัง สามารถใช้เปรียบเทียบกบั ผลติ ภัณฑ์ประเภทเดียวกันของสถาบันการเงินอน่ื ๆ จึงช่วยให้คุณ ตัดสินใจเลอื กผลติ ภัณฑ์ไดง้ า่ ย และตรงกับความตอ้ งการดว้ ย อา่ น fact sheet ทกุ คร้ังกอ่ นตัดสนิ ใจ เพอ่ื ประโยชนส์ ูงสดุ ของคุณเอง 4. ตรวจทานความถูกต้องของธุรกรรมทางการเงินทุกครั้ง เพื่อรักษา ผลประโยชน์ของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลท่ีสำคัญ เช่น ชื่อบัญชี เลขที่บัญชี จำนวนเงิน หากพบว่าไมถ่ ูกตอ้ ง ควรรีบแจ้งเจ้าหนา้ ท่ีทนั ที 5. ชำระหนี้เมื่อเป็นหนี้ ก่อนจะก่อหนี้ให้คำนึงถึง 2 ข้อ คือ (1) ก่อหนี้เท่าท่ี จำเป็นและจ่ายไหว ดูความสามารถในการชำระหนี้ของตนเอง หากมีความจำเป็นและสามารถ ผ่อนชำระไหว ก็สามารถก่อหนี้ได้ และ (2) เป็นหนี้ต้องใช้ ผู้ใช้บริการทางการเงินมีหน้าที่ ที่จะต้องชำระหนี้นั้น หากไม่ชำระหนี้ นอกจากจะทำให้หนี้เพิ่มขึ้นเพราะดอกเบี้ยแล้ว ก็จะทำให้ ประวตั เิ ครดิตเสยี และเมอ่ื ตอ้ งการกเู้ งนิ เพอ่ื สิง่ จำเป็นในอนาคต อาจถูกปฏเิ สธการขอกู้ได้ กจิ กรรมท้ายเรอ่ื งท่ี 2 หนา้ ท่ขี องผ้ใู ช้บรกิ ารทางการเงิน (ใหผ้ ู้เรยี นไปทำกิจกรรมเรอ่ื งท่ี 2 ทีส่ มุดบันทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้) ชุดวิชาการเงนิ เพอื่ ชีวิต 1 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4 สิทธิและหนา้ ท่ีของผใู้ ช้บรกิ ารทางการเงนิ
132 เรอ่ื งที่ 3 ผใู้ หบ้ รกิ ารทางการเงินในประเทศไทย ผ้ใู ห้บริการทางการเงินในประเทศไทย ผู้ให้บริการทางการเงินในประเทศไทย มีทั้งที่เป็นสถาบันการเงินที่รับฝากเงิน และสถาบันการเงินที่ไม่ได้รับฝากเงิน รวมทั้งผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (non-bank) สามารถจำแนกผูใ้ หบ้ ริการทางการเงินไดต้ ามหน่วยงานทกี่ ำกับดแู ลดังน้ี ผู้ให้บริการทางการเงินภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผู้ให้บริการทางการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย มดี ังนี้ 1. สถาบันการเงิน ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 คือ สถาบันทีท่ ำหน้าที่ให้บริการดา้ นการเงิน เช่น การรับฝากเงิน การรับชำระเงิน การให้สินเชื่อ และ ธุรกรรมทางการเงินอ่ืนตามที่ได้รบั อนญุ าต ไดแ้ ก่ 1) ธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) คือ บริษัทมหาชนจำกัดที่ได้รับอนุญาตให้ ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ เช่น การรับฝากเงิน การโอนและรับชำระเงิน การให้สินเช่ือ รวมถึงบริการทางการเงินอื่น ๆ เช่น การค้ำประกัน บริการเกี่ยวกับเงินตราต่างประเทศ ธุรกิจ ต่างประเทศ เช่น สินเชื่อเพื่อการส่งออกนำเข้า ตลอดจนบริการทางการเงินเพื่อการบริหาร ชดุ วิชาการเงินเพอื่ ชวี ิต 1 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 สทิ ธแิ ละหน้าท่ขี องผูใ้ ช้บรกิ ารทางการเงนิ
133 ความเสี่ยงใหแ้ ก่ลูกค้า เช่น สัญญาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนลว่ งหน้า ในปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์และประกันภัยบางประเภทเพิ่มขึ้น เช่น การเป็นนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน นายหน้าประกันภัย การแนะนำบริการของบริษัท ประกนั ภยั ใหล้ กู ค้า 2) ธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย (ธย.) คือ บริษัทมหาชนจำกัดที่ได้รับ อนุญาตให้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้บริการแก่ประชาชน รายย่อยและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นหลัก และสามารถให้บริการทางการเงิน พื้นฐานอื่น เช่น การรับฝากเงิน การโอนและรับชำระเงินได้ด้วย แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบ ธุรกิจที่มีความซับซ้อนและมีความเส่ียงสูง เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับเงินตราตา่ งประเทศ และตราสาร อนุพันธ์ 3) ธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารต่างประเทศ คือ บริษัท มหาชนจำกัดที่จดทะเบียนในประเทศไทยและได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ โดยมธี นาคารพาณชิ ย์ต่างประเทศถอื ห้นุ ไม่ต่ำกวา่ 95% ของห้นุ ทจ่ี ำหนา่ ยได้แล้วทั้งหมด 4) สาขาของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ คือ สาขาของธนาคารพาณิชย์ ตา่ งประเทศทไี่ ด้รับอนญุ าตใหป้ ระกอบธรุ กิจธนาคารพาณิชยใ์ นประเทศไทย 5) บริษัทเงนิ ทนุ (บง.) คอื บริษัทมหาชนจำกดั ท่ีไดร้ บั อนุญาตให้ประกอบ ธุรกิจเงินทุน โดยรับฝากเงินหรือรับเงินจากประชาชนที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถาม หรือเมื่อส้ิน ระยะเวลาที่กำหนดไว้ และสามารถให้กู้ยืมเงินตามประเภทของธุรกิจเงินทุนที่ได้รับอนุญาต เช่น การให้กู้ยืมเงินระยะปานกลางและระยะยาวแก่กิจการอุตสาหกรรม เกษตรกรรม หรือ พาณิชยกรรม การให้เช่าซื้อบางประเภท แต่ไม่สามารถประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเงินตรา ต่างประเทศได้ 6) บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ (บค.) คือ บริษัทที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ โดยสามารถรับฝากเงินหรือรับเงินจากประชาชนที่จะจ่ายคืนเม่ือ สิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ เช่น ไม่น้อยกว่าหนึ่งปี และต้องฝากเงินไม่น้อยกว่าหนึ่งพันบาท โดย สามารถให้กู้ยืมเงินโดยวธิ ีรับจำนองอสังหารมิ ทรัพย์ การรบั ซือ้ อสงั หาริมทรัพย์โดยวิธขี ายฝาก ชดุ วิชาการเงนิ เพอ่ื ชวี ติ 1 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 4 สิทธแิ ละหน้าทขี่ องผู้ใชบ้ ริการทางการเงนิ
134 2. สำนักงานผู้แทนธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ คือ สำนักงานของธนาคาร พาณิชย์ต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้ดำเนินการในประเทศไทย แทนธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ สำนักงานผู้แทนฯ สามารถดำเนินการเพื่อประโยชน์ของ สำนักงานใหญ่ หรือสำนักงานอื่น ๆ ของธนาคาร ได้เฉพาะที่เกี่ยวกับการติดต่อ ประสานงาน การแนะนำลูกค้า และการรวบรวมข้อมูลข่าวสารเพื่อส่งให้สำนักงานใหญ่ หรือสำนักงานอื่น ๆ ของธนาคารเท่านั้น เช่น การรวบรวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับฐานะทางการเงินของลูกค้าและ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงิน สำนักงานผู้แทนฯ ต้องไม่ประกอบธุรกิจใดอันเข้าข่าย ธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจให้เช่าซื้อ ลีสซิ่ง แฟ็กเตอริง รับซื้อ รบั โอนลกู หน้เี งนิ ให้กยู้ มื ธุรกจิ สญั ญาซ้ือขายล่วงหนา้ 3. บริษัทบริหารสินทรัพย์ คือ บริษัทที่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วย บริษัทบริหารสินทรัพย์ ให้สามารถประกอบธุรกิจรับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์และหลักประกัน ของสถาบันการเงิน เช่น ลูกหนี้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (non-performing loans: NPLs) สินทรัพย์ของสถาบันการเงินที่ปิดกิจการไปแล้ว โดยจะนำมาบริหารต่อ เช่น ให้กู้ยืมเพิ่มเติม ปรับปรงุ โครงสรา้ งหน้ี 4. สถาบันการเงินเฉพาะกิจ หมายถึง สถาบันการเงินของรัฐที่มีกฎหมาย เฉพาะจัดตั้งขึ้น เพื่อดำเนินการตามนโยบายของรัฐในการพัฒนาส่งเสริมเศรษฐกิจ และ สนบั สนนุ การลงทนุ ต่าง ๆ แบ่งเป็น 1) สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่รับฝากเงินจากประชาชนทั่วไป หมายถึง สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เป็นธนาคารและให้บริการทางการเงินทั้งด้านเงินฝากและการให้ สนิ เช่อื เชน่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพือ่ การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 2) สถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ไม่รับฝากเงินจากประชาชนทั่วไป หมายถงึ สถาบันการเงินเฉพาะกจิ ทีท่ ำธุรกิจตามขอบเขตท่ีกำหนด เช่น ให้สินเชื่อหรอื รับประกันสินเชื่อ ให้แก่ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม แต่ไม่รับเงินฝากจากประชาชนทั่วไป เช่น ธนาคารเพื่อการส่งออกและ นำเข้าแหง่ ประเทศไทย ชดุ วิชาการเงินเพื่อชวี ติ 1 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 สิทธแิ ละหน้าท่ีของผู้ใช้บรกิ ารทางการเงนิ
135 5. ผู้ประกอบธุรกิจท่ีไม่ใช่สถาบันการเงิน (non-bank) แบ่งได้ 5 ประเภท ดังนี้ 1) ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิต จะดำเนินกิจการเกี่ยวกับบัตรเครดิต เพื่อให้ผู้ถือบัตรนำไปใช้ชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือค่าอื่นใดแทนการชำระด้วยเงินสด หรือ เพื่อใช้เบิกถอนเงินสด โดยผู้ประกอบธุรกิจทดรองจ่ายเงินแทนผู้ถือบัตรนั้นก่อน และจะได้รับ ชำระคืนจากผู้ถือบัตรในภายหลัง 2) ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ จะดำเนินกิจการ เกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงินแก่บุคคลธรรมดาโดยไม่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกัน เพื่อนำไปใช้จ่าย ส่วนตัว หรือเพื่อประกอบอาชีพ โดยรวมถึงสินเชื่อที่เกิดจากการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบ ลีสซิ่ง (ยกเว้นการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งในสินค้าประเภทรถและเครื่องจักร) และ สนิ เช่ือทม่ี ที ะเบยี นรถเป็นประกนั 3) ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การ กำกับ หรือสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ จะดำเนินกิจการให้กู้ยืมแก่บุคคลธรรมดานำไปใช้ในการ ประกอบอาชีพ เพอ่ื ส่งเสริมการเข้าถงึ แหลง่ เงนิ ทุนและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ 4) ผ้ปู ระกอบธรุ กจิ ใหบ้ รกิ ารระบบการชำระเงนิ เช่น ผู้ใหบ้ ริการ e-Money 5) ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการด้านการแลกเปลี่ยนเงินหรือโอนเงินตรา ต่างประเทศ เช่น บริษัทที่ได้รบั อนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้ประกอบธุรกิจ การซอื้ และขายธนบัตรตา่ งประเทศ แหล่งศกึ ษาขอ้ มลู เพิ่มเตมิ เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย www.bot.or.th ชดุ วชิ าการเงินเพอื่ ชีวติ 1 (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.2564) l หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 สิทธิและหนา้ ที่ของผู้ใช้บริการทางการเงิน
136 ผใู้ หบ้ รกิ ารทางการเงินภายใตก้ ารกำกับดแู ลของหนว่ ยงานอนื่ ๆ 1. ภายใต้การกำกบั ดูแลของสำนักงานเศรษฐกจิ การคลงั (สศค.) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เป็นหน่วยงานของรัฐในสังกัด กระทรวงการคลัง ทำหน้าที่ประสานกิจกรรมที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจและการคลังของประเทศ ตลอดจนให้ความช่วยเหลือทางวิชาการในการวางนโยบายการคลังและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งกระทรวงการคลังเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่ต้อง เพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ จึงได้อนุญาตให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อราย ย่อยระดบั จงั หวัดภายใต้การกำกับ (สินเชือ่ พิโกไฟแนนซ์) ซึ่งผู้ประกอบธุรกิจจะต้องขออนญุ าต ให้ถูกต้องและปฏบิ ัติตามหลกั เกณฑ์และเงื่อนไขที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลงั (สศค.) ในฐานะ ผู้กำกบั ดูแลการประกอบธุรกิจกำหนด 2. ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ ตลาดหลกั ทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มีอำนาจหน้าที่ในการการส่งเสริมและพัฒนา ตลอดจนกำกับดูแลตลาดทุน อาทิ การระดมทุน สินค้าและบริการ ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้อง การกระทำอันไม่เป็นธรรมใน ตลาดทุน เปน็ ต้น ชดุ วิชาการเงนิ เพอื่ ชวี ติ 1 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2564) l หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 สทิ ธแิ ละหน้าทข่ี องผู้ใช้บรกิ ารทางการเงนิ
137 หน่วยงานและบุคคลที่ ก.ล.ต. กำกับดูแล เช่น (1) ผู้ประกอบธุรกิจตัวกลาง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขาย ล่วงหน้า (2) ตลาดหลักทรัพย์ ศูนย์รับฝากหลกั ทรัพย์ และสำนักหกั บัญชี (3) บริษัทท่ีออกและ เสนอขายหลักทรัพย์ และ (4) ผู้ประกอบวิชาชีพในตลาดทุน อาทิ ผู้แนะนำการลงทุน นกั วิเคราะห์ ทป่ี รึกษาทางการเงนิ ผสู้ อบบัญชี 3. หน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับ และส่งเสรมิ การประกอบธุรกจิ ประกนั ภยั (คปภ.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ดำเนินงานตามนโยบายที่กำหนดโดยคณะกรรมการ กำกับและสง่ เสริมการประกอบธรุ กิจประกนั ภยั มีภารกิจดังนี้ 1) กำกบั และพัฒนาธุรกจิ ประกนั ภยั ให้มคี วามเข้มแข็งม่นั คง 2) ส่งเสรมิ สนับสนุนให้ธรุ กิจประกันภัยมีบทบาทสร้างเสรมิ ความแข็งแกร่ง ให้ระบบเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศ ตลอดจนคณุ ภาพชวี ติ ท่ีดีของประชาชน 3) คุ้มครองสทิ ธิประโยชนข์ องประชาชนดา้ นการประกันภยั หน่วยงานและบุคคลที่ คปภ. กำกับดูแล เช่น บริษัทประกันชีวิต บริษัท ประกันวินาศภัย คนกลางประกันภัย (หมายถึง ตัวแทนประกันภัย (agent) หรือนายหน้า ประกันภยั (broker) ผ้ซู งึ่ จะตอ้ งไดร้ บั ใบอนญุ าตเป็นตวั แทน/นายหนา้ ประกันภยั ) แหลง่ ศกึ ษาขอ้ มูลเพ่มิ เติม เว็บไซต์สำนกั งาน http://www.1359.go.th/picodoc/ เศรษฐกจิ การคลัง (สศค.) เวบ็ ไซต์สำนกั งาน https://www.sec.or.th/th/pages/home.aspx คณะกรรมการกำกับ หลกั ทรพั ยแ์ ละตลาด หลกั ทรพั ย์ (ก.ล.ต.) ชุดวิชาการเงนิ เพอื่ ชวี ติ 1 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 สทิ ธแิ ละหน้าทีข่ องผใู้ ช้บริการทางการเงนิ
138 เวบ็ ไซต์สำนักงาน https://www.oic.or.th/th/consumer คณะกรรมการกำกับและ ส่งเสรมิ การประกอบ ธรุ กิจประกนั ภยั (คปภ.) 4. ผใู้ หบ้ ริการทางการเงนิ ประเภทอนื่ ๆ สหกรณ์ เป็นองค์กรที่สมาชิกร่วมกันจัดตั้งขึ้นด้วยการลงหุ้นร่วมกันและ จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพของ สมาชิกในด้านการผลิต การจำหน่ายสินค้า หรือให้บริการตามความต้องการของสมาชิก ซึ่งสมาชิกอาจมีการออมทรัพย์ในรูปแบบของการชำระค่าหุ้นเป็นประจำ โดยอาจมีการจ่ายเงิน ปันผลค่าหุ้นให้แก่สมาชิกทุกสิ้นปี สหกรณ์บางประเภท เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ จะมีบริการรับ ฝากเงินและจ่ายดอกเบี้ยให้เป็นผลตอบแทน รวมทั้งให้บริการกู้ยืมแก่สมาชิกเมื่อเกิดความ จำเป็นในลักษณะคล้ายกับธนาคารพาณิชย์ หลักการสำคัญอย่างหนึ่งของสหกรณ์ คือ สมาชิก แต่ละคนมีสิทธิ์ออกเสียงได้หนึ่งเสียงในการบริหารสหกรณ์ โดยไม่ขึ้นกับจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ สหกรณ์มี 7 ประเภท ไดแ้ ก่ สหกรณก์ ารเกษตร สหกรณป์ ระมง สหกรณ์นคิ ม สหกรณร์ ้านคา้ สหกรณ์ ออมทรัพย์ สหกรณบ์ ริการ และสหกรณ์เครดิตยเู นยี่ น หน่วยงานราชการที่ดูแลส่งเสริมคุณภาพและมาตรฐานในการให้บริการของ สหกรณ์ ได้แก่ กรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นผู้พัฒนาระบบสหกรณ์และสร้างความเข้มแข็งในการ ดำเนินธรุ กิจสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์เปน็ ผ้ตู รวจสอบบัญชี โรงรับจำนำ คือ องค์กรที่ให้บริการเงินกู้แก่ประชาชนในวงเงินไม่เกิน 1 แสนบาทตอ่ ราย โดยทผ่ี ูก้ ูห้ รือท่ีเรยี กว่าผ้จู ำนำจะต้องนำสงิ่ ของมามอบใหโ้ รงรับจำนำเพ่ือเป็น หลักประกันในการชำระหนี้ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องประดับ ทองคำ ซึ่งผู้จำนำต้องมีอายุ 15 ปขี น้ึ ไป ชดุ วชิ าการเงินเพอื่ ชวี ิต 1 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 สิทธิและหน้าทีข่ องผใู้ ช้บริการทางการเงนิ
139 โรงรับจำนำแบ่งเป็น 2 ประเภทคอื 1. โรงรับจำนำของรัฐบาล ซึ่งแบ่งย่อยได้อีกคือ สถานธนานุเคราะห์ อยู่ใน ความดูแลของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสถานธนานุบาล อยู่ในความ ดูแลของกรุงเทพมหานครหรือเทศบาล 2. โรงรับจำนำเอกชน กจิ กรรมท้ายเรือ่ งที่ 3 ผูใ้ หบ้ ริการทางการเงินในประเทศไทย (ให้ผเู้ รยี นไปทำกจิ กรรมเรอ่ื งที่ 3 ที่สมุดบันทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้) ชุดวชิ าการเงินเพอ่ื ชวี ิต 1 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 สทิ ธแิ ละหนา้ ท่ีของผู้ใช้บรกิ ารทางการเงนิ
140 เรอ่ื งที่ 4 การคุม้ ครองผ้ใู ช้บริการทางการเงนิ ของธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงาน ทร่ี บั เรอื่ งรอ้ งเรียนอืน่ ๆ หนึ่งในยุทธศาสตร์ที่สำคัญของธนาคารแห่งประเทศไทย คือ การดูแลและ ผลักดันให้เศรษฐกิจมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน ส่งเสริมบริการทางการเงินอย่างทั่วถึงและเป็น ธรรม ธนาคารแห่งประเทศไทย จึงมุ่งส่งเสริมระบบนิเวศที่ส่งเสริมให้สถาบันการเงินให้บริการ อย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม และผู้ใช้บริการเข้าใจสิทธิ ได้รับการคุ้มครองและสามารถ เลือกใช้บรกิ ารไดต้ รงกบั ความตอ้ งการ ตลอดจนสง่ เสริมใหป้ ระชาชนมคี วามรู้ทางด้านการเงินท่ี ดี และมพี ฤติกรรมทางการเงนิ อยา่ งเหมาะสม ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงไดจ้ ัดตั้งศูนยค์ ุม้ ครองผู้ใช้บรกิ ารทางการเงิน (ศคง.) ข้ึน เมื่อปี พ.ศ. 2555 เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการดำเนินงานด้านการคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน อย่างเป็นระบบ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมความรู้ทางการเงินแก่ ผใู้ ช้บริการทางการเงนิ ทั้งนี้ การคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย แบง่ โครงสร้างการทำงานออกเปน็ 2 ฝ่าย ได้แก่ ชดุ วิชาการเงนิ เพื่อชวี ติ 1 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2564) l หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 สทิ ธแิ ละหนา้ ทีข่ องผู้ใชบ้ ริการทางการเงนิ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236