(๙๕) นายชลน่าน ศรีแก้ว และนางสาวจิราพร สินธุไพร (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพม่ิ เตมิ ความในมาตรา ๒๕๖/๑๕ เปน็ ดังนี้ “มาตรา ๒๕๖/๑๕ เม่ือสภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทาร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้นาเสนอ ต่อรฐั สภา ให้รัฐสภาพิจารณาเพื่อให้โดยการอภิปรายแสดงความคิดเห็นชอบต่อร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งฉบับให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับร่างรัฐธรรมนูญ โดยจะมีการแก้ไขเพ่ิมเติมเป็นประการใด มิได้ไม่มกี ารลงมติ การลงมติให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผยและต้องมีคะแนนเสียง ให้ความเห็นชอบในการที่จะออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญมากกว่าก่ึงหน่ึงของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ ของท้ังสองสภาเม่ือรัฐสภาลงมติให้อภิปรายแสดงความคิดเห็นชอบต่อร่างรัฐธรรมนูญตามวรรคสองเสร็จสิ้นแล้ว ให้ประธานรัฐสภานารา่ งรัฐธรรมนญู ขน้ึ ทลู เกลา้ ทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความในมาตรา ๘๑ วรรคสอง และมาตรา ๑๔๖ มาใช้บังคับโดยอนุโลม และให้ประธานรฐั สภาเปน็ ผู้ลงนามรบั สนองพระบรมราชโองการ สง่ ใหค้ ณะกรรมการการเลอื กตัง้ เพื่อจัดใหม้ ีการออกเสยี งประชามติตามมาตรา ๒๕๖/๑๖ ในกรณีท่ีมีคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบไม่ถึงก่ึงหน่ึงของจานวนสมาชิกทั้งหมด เท่าท่ีมีอยู่ของทั้งสองสภา ให้ดาเนินการจัดให้มีการประชามติเพ่ือให้ประชาชนออกเสียงลงคะแนน วา่ จะเหน็ ชอบหรือไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนญู ทสี่ ภาร่างรัฐธรรมนูญเสนอ” นายวีระกร คาประกอบ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพ่ิมเติม ความในมาตรา ๒๕๖/๑๕ เป็นดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๑๕ เมื่อสภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทาร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้นาเสนอ ตอ่ รฐั สภา ให้รัฐสภาพิจารณาเพ่ือให้ความเห็นชอบอภิปรายแสดงความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ ทง้ั ฉบับ โดยไมม่ ีการลงมติและจะมกี ารแก้ไขเพิ่มเตมิ เป็นประการใดมิได้ ก า ร ล ง ม ติ ใ ห้ ใ ช้ วิ ธี เ รี ย ก ช่ื อ แ ล ะ ล ง ค ะ แ น น โ ด ย เ ปิ ด เ ผ ย แ ล ะ ต้ อ ง มี ค ะ แ น น เ สี ย ง ให้ความเห็นชอบในการท่ีจะออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญมากกว่ากึ่งหนึ่งของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ ของท้ังสองสภา เมื่อรัฐสภาลงมติให้ความเห็นชอบพิจารณาอภิปรายแสดงความเห็นร่างรัฐธรรมนูญ ตามวรรคสองแล้ว ให้ประธานรัฐสภานาร่างรัฐธรรมนูญข้ึนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความ ในมาตรา ๘๑ วรรคสอง และมาตรา ๑๔๖ มาใช้บังคับโดยอนุโลม และให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนาม รับสนองพระบรมราชโองการดาเนินการออกเสียงประชามติตามมาตรา ๒๕๖/๑๖ ต่อไป ในกรณีท่ีมีคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบไม่ถึงกึ่งหน่ึงของจานวนสมาชิกท้ัง หมด เท่าท่ีมีอยู่ของท้ังสองสภา ให้ดาเนินการจัดให้มีการประชามติเพ่ือให้ประชาชนออกเสียงลงคะแนน วา่ จะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกบั รา่ งรัฐธรรมนญู ทส่ี ภาร่างรัฐธรรมนญู เสนอ”
(๙๖) พลเอก สิงห์ศึก สงิ ห์ไพร ขอแปรญัตติแก้ไขเพมิ่ เติมความในมาตรา ๒๕๖/๑๕ เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๑๕ เมื่อสภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทาร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้นาเสนอ ตอ่ รฐั สภา ให้รัฐสภาพิจารณาเพื่อให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญท้ังฉบับที่สภาร่างรัฐธรรมนูญ เสนอเป็นรายหมวดหรือรายส่วนโดยจะมีการออกเสียงในวาระนี้ให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ ในกรณี ทรี่ ฐั สภาเหน็ วา่ เนอื้ หาในหมวดใดหรือในส่วนใดมีเนอ้ื หาไม่เปน็ ไปตามผลของการออกเสียงประชามติ ใหร้ ัฐสภา แ จ้ ง ใ ห้ ส ภ า ร่ า ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ท ร า บ แ ล ะ ด า เ นิ น ก า ร แ ก้ ไ ข เ พิ่ ม เ ติ ม เ น้ื อ ห า ใ ห้ เ ป็ น ประกา รใ ดมิได้ ไ ป ต า ม ผลการออกเสียงประชามติดังกล่าว แล้วเสนอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณา และเมื่อรัฐสภาได้พิจารณาเสร็จส้ินแล้ว ใหร้ อไวส้ ามสิบวนั เมอื่ พ้นกาหนดนี้แลว้ ใหร้ ฐั สภาพจิ ารณาเพือ่ ใหค้ วามเห็นชอบรา่ งรฐั ธรรมนญู ทง้ั ฉบับต่อไป การลงมติ เพ่ือให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญท้ังฉบับตามวรรคสอง ให้ใช้วิธีเรียกชื่อ และลงคะแนนโดยเปิดเผยแล ะต้องมีคะแนนเสียงให้คว ามเห็นชอบในก ารที่จะออกใช้เป็นรัฐธ รรมนูญ มากกว่ากึ่งหน่ึงสองในสามของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของท้ังสองสภา เม่ือรัฐสภาลงมติ ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ให้ประธานรัฐสภานาร่างรัฐธรรมนูญข้ึนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความในมาตรา ๘๑ วรรคสอง และมาตรา ๑๔๖ มาใช้บังคับโดยอนุโลม และให้ประธานรัฐสภา เปน็ ผลู้ งนามรับสนองพระบรมราชโองการ ในกรณีท่ีมีคะแนนเสยี งให้ความเห็นชอบไม่ถึงกึ่งหน่ึงของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ ของท้ังสองสภา ให้ดาเนินการจัดให้มีการประชามติเพ่ือให้ประชาชนออกเสียงลงคะแนนว่าจะเห็นชอบ หรอื ไมเ่ หน็ ชอบกับร่างรัฐธรรมนญู ทส่ี ภาร่างรัฐธรรมนญู เสนอตามวรรคสาม” คณะกรรมาธิการไม่เห็นดว้ ย ผ้แู ปรญตั ติขอสงวน นายนิยม เวชกามา นายชวลิต วิชยสุทธิ์ นางบุญรื่น ศรีธเรศ นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ นายเลิศศักด์ิ พัฒนชัยกุล นางสาวละออง ติยะไพรัช นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ นางอาภรณ์ สาราคา นางสาวธีรรัตน์ สาเร็จวาณิชย์ นายสุทิน คลังแสง นายองอาจ วงษ์ประยูร นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ นางเทียบจุฑา ขาวขา นางจุฑาพัตธน์ เมนะสวัสด์ิ นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา นางมุกดา พงษ์สมบัติ นายกิตติศักด์ิ คณาสวัสดิ์ นายคุณากร ปรีชาชนะชัย นางกมลศักด์ิ ลีวาเมาะ นางอนุรักษ์ บุญศล นายอุบลศักด์ิ บัวหลวงงาม นายพิเชษฐ์ เช้ือเมืองพาน นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ นางสาวชนก จันทาทอง นายชูวิทย์ พทิ ักษ์พรพัลลภ นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ นายสิงหภณ ดีนาง นายสยาม หัตถสงเคราะห์ นายไชยา พรหมา นายนิคม บุญวิเศษ นายซูการ์โน มะทา นายนิรมิต สุจารี นายพรเทพ วิสุทธ์ิวัฒนศักด์ิ นายอับดุลอายี สาแม็ง นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม และนางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร ขอแปรญัตติแกไ้ ขเพิ่มเติมความในมาตรา ๒๕๖/๑๕ เป็นดงั น้ี “มาตรา ๒๕๖/๑๕ เมือ่ สภาร่างรฐั ธรรมนญู จดั ทารา่ งรฐั ธรรมนูญเสรจ็ แล้ว ให้นาเสนอต่อ รัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งภายในเจ็ดวันเพ่ือดาเนินการให้มีการ ออกเสียงประชามติวา่ จะเห็นชอบกบั ร่างรัฐธรรมนูญหรอื ไม่ ให้รัฐสภาพิจารณาเพื่อให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญท้ังฉบับ โดยจะมีการแก้ไข เพม่ิ เติมเป็นประการใดมไิ ด้
(๙๗) การลงมติให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนนโดยเปิดเผยและต้องมีคะแนนเสียงให้ความ เห็นชอบในการที่จะออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญมากกว่าก่ึงหนึ่งของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของ ทั้งสองสภา เมื่อรัฐสภาลงมติให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ให้ประธานรัฐสภานาร่างรัฐธรรมนูญ ข้ึนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความในมาตรา ๘๑ วรรคสอง และมาตรา ๑๔๖ มาใช้บังคับ โดยอนุโลมและใหป้ ระธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามรบั สนองพระบรมราชโองการ ในกรณีท่ีมีคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบไม่ถึงกึ่งหน่ึงของจานวนสมาชิกท้ังหมด เท่าที่มีอยู่ของท้ังสองสภา ให้ดาเนินการจัดให้มีการประชามติเพื่อให้ประชาชนออกเสียงลงคะแนน วา่ จะเห็นชอบหรอื ไม่เหน็ ชอบกบั ร่างรัฐธรรมนญู ที่สภาร่างรัฐธรรมนญู เสนอ” คณะกรรมาธิการไมเ่ หน็ ด้วย ผ้แู ปรญัตตขิ อสงวน พลเอก ดนยั มชี เู วท ขอแปรญตั ตแิ ก้ไขเพ่มิ เตมิ ความในมาตรา ๒๕๖/๑๕ เป็นดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖/๑๕ เมื่อสภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทาร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้นาเสนอ ตอ่ รัฐสภา ให้รัฐสภาพิจารณาเพื่อให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญท้ังฉบับท่ีสภาร่างรัฐธรรมนูญ เสนอเป็นรายหมวด โดยจะมีการออกเสียงในวาระน้ีให้ถือเสียงข้างมาก ในกรณีที่รัฐสภามีมติไม่เห็นชอบ ในหมวดใด หรือในกรณีท่ีคณะรัฐมนตรีมีมติเสนอประเด็นอ่ืนใดที่สมควรให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดให้มี การออกเสียงประชามติเพิ่มเติมพร้อมไปในคราวเดียวกันด้วยในการทาประชามติร่างรัฐธรรมนูญและเสียงข้างมาก เห็นชอบด้วยกับประเด็นดังกล่าวและมีผลให้บทบัญญัติของร่างรัฐธรรมนูญไม่สอดคล้องกับผลการออกเสียง ประชามติ ให้รัฐสภาแจ้งให้สภาร่างรัฐธรรมนูญทราบและดาเนินการแก้ไขเพ่ิมเติมเป็นประการใดมิได้เน้ือหา ให้เป็นไปตามผลการออกเสียงดังกล่าว แล้วเสนอต่อรัฐสภาเพ่ือพิจารณา เมื่อรัฐสภาได้พิจารณาเสร็จส้ินแล้ว ใหร้ อไว้สิบห้าวัน เมอื่ พน้ กาหนดนีแ้ ลว้ ให้รฐั สภาพจิ ารณาเพอ่ื ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทงั้ ฉบับต่อไป การลงมติ เพื่อให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับตามวรรคสอง ให้ใช้วิธีเรียกช่ือ แล ะ ล ง คะ แน น โ ด ย เ ปิ ด เ ผ ย แล ะต้ อง มีคะ แน น เ สี ย งให้ คว าม เ ห็ น ช อ บ ใ น ก าร ท่ีจ ะ ออ กใ ช้ เ ป็ น รั ฐ ธ ร ร มนู ญ มากกว่าก่ึงหน่ึงของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา เม่ือรัฐสภาลงมติให้ความเห็นชอบ ร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ให้ประธานรัฐสภานาร่างรัฐธรรมนูญข้ึนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความ ในมาตรา ๘๑ วรรคสอง และมาตรา ๑๔๖ มาใช้บงั คับโดยอนุโลม และให้ประธานรฐั สภาเป็นผลู้ งนามรบั สนอง พระบรมราชโองการ ในกรณีท่ีมีคะแนนเสยี งให้ความเห็นชอบไม่ถึงก่ึงหนึ่งของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ของทั้งสองสภา ให้ดาเนินการจัดให้มีการประชามติเพ่ือให้ประชาชนออกเสียงลงคะแนนว่าจะเห็น ชอบ หรือไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญท่สี ภาร่างรฐั ธรรมนูญเสนอตามวรรคสาม” คณะกรรมาธกิ ารไม่เห็นดว้ ย ผูแ้ ปรญัตตขิ อสงวน นายขวัญเลิศ พานิชมาท นายคาพอง เทพาคา นายจริ ัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ พันตารวจตรี ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ นางสาวญาณธิชา บัวเผ่ือน นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสด์ิ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม นายทศพร ทองศิริ นายทองแดง เบ็ญจะปัก นายเท่าพิภพ ล้ิมจิตรกร นางสาวเบญจา แสงจันทร์ นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ นายปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายวรภพ
(๙๘) วิริยะโรจน์ นางสาววรรณวรี ตะล่อมสิน นายวาโย อัศวรุ่งเรือง นายวุฒินันท์ บุญชู นายศักดินัย นุ่มหนู นางสาวศริ ิกัญญา ตันสกลุ นายสมเกยี รติ ถนอมสินธุ์ นางสาวสุทธวรรณ สบุ รรณ ณ อยธุ ยา นายสุเทพ อู่อ้น พลตารวจตรี สุพิศาล ภักดีนฤนาถ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ นายองค์การ ชัยบุตร นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล นายพีรเดช คาสมุทร นายสมชาย ฝ่ังชลจิตร นายเอกภพ เพียรพิเศษ นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี นายจรัส คุ้มไข่น้า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายทวีศักด์ิ ทักษิณ นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ นายนิติพล ผิวเหมาะ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ นายมานพ คีรีภูวดล นางสาววรรณวิภา ไม้สน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองศาสตราจารยส์ รุ วาท ทองบุ นายอภิชาติ ศริ สิ ุนทร และนายคารม พลพรกลาง ขอแปรญัตติแกไ้ ขเพม่ิ เติม ความในมาตรา ๒๕๖/๑๕ เป็นดังนี้ “มาตรา ๒๕๖/๑๕ เมื่อสภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทาร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้นาเสนอ ตอ่ ประธานรฐั สภา ให้รัฐสภาพิจารณาเพื่อให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญท้ังฉบับ โดยไม่มีการลงมติ และจะมกี ารแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ เป็นประการใดมิได้ การลงมติให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนนโดยเปิดเผยและต้องมีคะแนนเสียง ให้ความเห็นชอบในการที่จะออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญมากกว่าก่ึงหน่ึงของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ ของท้ังสองสภา เม่ือรัฐสภาลงมติให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ให้ประธานรัฐสภานาส่ง ร่างรัฐธรรมนูญข้ึนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความในมาตรา ๘๑ วรรคสอง และมาตรา ๑๔๖ มาใช้บังคับโดยอนุโลมและให้ประธานท่ีรัฐสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการพิจารณาแล้ว ไปยังคณะกรรมการการเลือกต้ังภายในเจ็ดวันนับแต่วันท่ีรัฐสภาพิจารณาเสร็จ เพื่อให้คณะกรรมการ การเลือกตั้งดาเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติของประชาชนว่าจะเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ หรือไมเ่ หน็ ชอบกบั ร่างรัฐธรรมนญู ทส่ี ภาร่างรัฐธรรมนญู เสนอ ในกรณีที่ไม่มีคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบไม่ถึงก่ึงหนึ่งของจานวนสมาชิกทั้งหมด เท่าที่มีอยู่ของท้ังสองสภาผู้แทนราษฎร ให้ดาเนินการจัดให้มีการประชามติเพ่ือให้ประชาชนออกเสียง ลงคะแนนว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญที่สภาดังกล่าวไปยัง คณะกรรมการการเลือกต้ังภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่รัฐสภาได้รับร่างรัฐธรรมนูญเสนอนั้นจากสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพอ่ื ดาเนนิ การตามวรรคสาม โดยไม่ต้องมีการพิจารณาตามวรรคสอง ในกรณไี ม่มีผ้ดู ารงตาแหน่งประธานรัฐสภา ให้ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญส่งร่างรัฐธรรมนูญ ไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งเพอื่ ดาเนนิ การตามวรรคสาม โดยไม่ตอ้ งมกี ารพจิ ารณาตามวรรคสอง” คณะกรรมาธกิ ารไมเ่ ห็นดว้ ย ผ้แู ปรญัตติขอสงวน นายเขตรฐั เหลา่ ธรรมทัศน์ ขอแปรญตั ติตัดมาตรา ๒๕๖/๑๕ ออกทงั้ มาตรา คณะกรรมาธิการไมเ่ ห็นด้วย ผูแ้ ปรญตั ตขิ อสงวน
(๙๙) มาตรา ๒๕๖/๑๖ มีการแก้ไข มีกรรมาธิการขอสงวนความเหน็ และผู้แปรญตั ติขอสงวนคาแปรญัตติ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายโกศล ปัทมะ (กรรมาธิการ) ขอสงวน ความเห็น โดยขอใหแ้ กไ้ ขเพ่มิ เติมความในมาตรา ๒๕๖/๑๖ เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๑๖ ในกรณีท่ีจะต้องดาเนินการให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ตามมาตรา ๒๕๖/๑๕ เม่ือสภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทาร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วให้นาเสนอต่อประธานรัฐสภา และเมื่อประธานรัฐสภาไดร้ ับร่างรัฐธรรมนูญแล้วให้ส่งร่างรัฐธรรมนญู ดังกล่าวไปยังคณะกรรมการการเลอื กตั้ง ภายในเจ็ดวันนับแต่วันท่ีรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบได้รับร่างรัฐธรรมนูญท่ีน้ันจากสภาร่างรัฐธรรมนูญเสนอ เพื่อให้คณะกรรมการการเลือกต้ังดาเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติของประชาชนว่ าจะเห็นชอบกับ รา่ งรัฐธรรมนญู หรือไม่ ในกรณีไม่มีผู้ดารงตาแหน่งประธานรัฐสภา ให้ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญส่งร่างรัฐธรรมนูญ ไปยังคณะกรรมการการเลือกตัง้ เพอ่ื ดาเนนิ การตามวรรคหนึง่ ให้คณะกรรมการการเลือกต้ังประกาศกาหนดวันออกเสียงประชามติซ่ึงต้องไม่เกิน หกสบิ วันแต่ไมน่ ้อยกว่าส่สี ิบห้าวันนบั แต่วันทีไ่ ด้รับรา่ งรัฐธรรมนูญจากรฐั สภา และหรือจากสภาร่างรัฐธรรมนูญ แล้วแตก่ รณี วันออกเสียงประชามติให้กาหนดเป็นวนั เดียวกันท่ัวราชอาณาจกั ร โดยเรม่ิ ตัง้ แต่เวลาแปดนาฬิกา จนถึงเวลาสิบเจ็ดนาฬิกา สาหรับหลักเกณฑ์และวิธีการออกเสียงประชามติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วย การนั้น เทา่ ท่ีไมข่ ัดหรอื แย้งต่อรัฐธรรมนญู น้ี หลักเกณฑ์และวิธีการออกเสียงประชามติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการน้ัน เท่าทไี่ มข่ ดั หรอื แยง้ ต่อรัฐธรรมนูญนี้ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานของรัฐที่เก่ียวข้องจัดให้มีการ เผยแพร่เนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนรับทราบเป็นการท่ัวไปผ่านช่องทางต่าง ๆ และให้นา เทคโนโลยีการส่ือสารมาสนับสนุนเพ่ืออานวยความสะดวกในการเผยแพร่ ทั้งน้ี โดยคานึงถึงสิทธิและ ความเสมอภาคในการแสดงความคิดเห็นส่ือมวลชน เวทีแสดงความคิดเห็น และส่ืออิเล็กทรอนิกส์ ทุกประเภท โดยให้ผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญได้แสดงความคิดเห็นโดยเสรีภายใต้กรอบ ของกฎหมาย เม่ือการออกเสียงประชามติเสร็จส้ิน ให้คณะกรรมการการเลือกต้ังประกาศผล การออกเสียงประชามติให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันออกเสียงประชามติ หากคะแนนการออกเสียง ประชามติเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญให้ดาเนินการตามมาตรา ๒๕๖/๑๗ ต่อไป แต่หากคะแนนการออกเสียง ประชามติไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญหรือผู้มีสิทธิออกเสียงมาออกเสียงลงคะแนนไม่ถึงหนึ่งในห้า ของจานวนผู้มีสิทธิออกเสียง ให้ร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป และให้แจ้งผลการออกเสียงประชามติ ใหป้ ระธานรัฐสภาและหรือประธานสภาร่างรัฐธรรมนญู แล้วแตก่ รณี ทราบโดยเร็ว” นายสมชาย แสวงการ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพ่ิมเติมความ ในมาตรา ๒๕๖/๑๖ เปน็ ดังนี้ “มาตรา ๒๕๖/๑๖ ในกรณีที่จะต้องดาเนินการให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ตามมาตรา ๒๕๖/๑๕ ให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งภายใน
(๑๐๐) เจ็ดวันนับแต่วันที่รัฐสภามีมติให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญท่ีสภาร่างรัฐธรรมนูญเสนอ เพื่อให้คณะกรรมการการเลือกต้ังดาเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติของประชาชนว่าจะเห็นชอบกับ ร่างรฐั ธรรมนญู หรอื ไม่ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกาหนดวันออกเสียงประชามติซึ่งต้องไม่เกิน หกสบิ วันแต่ไมน่ อ้ ยกว่าสส่ี ิบห้าวันนับแต่วันทไี่ ด้รบั ร่างรัฐธรรมนูญจากรัฐสภา และวนั ออกเสียงประชามติ ใหก้ าหนดเปน็ วันเดยี วกันทั่วราชอาณาจกั ร โดยเริ่มตัง้ แตเ่ วลาแปดนาฬกิ าจนถึงเวลาสบิ เจด็ นาฬิกา หลักเกณฑ์และวิธีการออกเสียงประชามติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วย การน้ันออกเสียง ประชามติ เทา่ ท่ีไมข่ ดั หรือแยง้ ต่อรฐั ธรรมนูญน้ี ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานของรัฐท่ีเกี่ยวข้องจัดให้มีการ เผยแพร่เน้ือหาของร่างรัฐธรรมนูญและเหตุผลท่ีรัฐสภาไม่เห็นชอบ ถ้ามี ให้ประชาชนรับทราบเป็นการท่ัวไป ผ่านช่องทางต่าง ๆ และให้นาเทคโนโลยีการส่ือสารมาสนับสนุนเพื่ออานวยความสะดวกในการเผยแพร่ ท้ังน้ี โดยคานึงถึงสิทธิและความเสมอภาคในการแสดงความคิดเห็นกับร่างรัฐธรรมนูญภายใต้กรอบ ของกฎหมาย เม่ือการออกเสียงประชามติเสร็จสิ้น ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผล การออกเสียงประชามติให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันออกเสียงประชามติ หากคะแนนการออกเสียง ประชามติเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญให้ดาเนินการตามมาตรา ๒๕๖/๑๗ ต่อไป แต่หากคะแนนการออกเสียง ประชามติไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญหรือผู้มีสิทธิออกเสียงมาออกเสียงลงคะแนนไม่ถึงกึ่งหน่ึงในห้าของ จานวนผมู้ ีสิทธอิ อก ให้รา่ งรฐั ธรรมนูญน้นั เปน็ อนั ตกไป และใหแ้ จง้ ผลการออกเสียงประชามติใหป้ ระธานรัฐสภา และประธานสภาร่างรัฐธรรมนญู ทราบโดยเร็ว” นายธีรัจชัย พันธุมาศ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพิ่มเติมความ ในมาตรา ๒๕๖/๑๖ เปน็ ดังนี้ “มาตรา ๒๕๖/๑๖ ในกรณีท่ีจะต้องดาเนินการให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ตามมาตรา ๒๕๖/๑๕ ให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง ภายในเจ็ดวันนับแต่วันท่ีรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญท่ีสภาร่างรัฐธรรมนูญเสนอ เพ่ือให้ คณะกรรมการการเลือกต้ังดาเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติของประชาชนว่าจะเห็นชอบกับ ร่างรฐั ธรรมนญู หรอื ไม่ ให้คณะกรรมการการเลือกต้ังประกาศกาหนดวันออกเสียงประชามติซ่ึงต้องไม่เกิน หกสิบวันแต่ไม่น้อยกว่าสี่สิบห้าวันนับแต่วันท่ีได้รับร่างรัฐธรรมนูญจากรัฐสภา หรือจากสภาร่างรัฐธรรมนูญ แล้วแต่กรณี และวันออกเสียงประชามติให้กาหนดเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร โดยเริ่มตั้งแต่เวลา แปดนาฬิกาจนถึงเวลาสบิ เจด็ นาฬกิ า หลักเกณฑ์และวิธีการออกเสียงประชามติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าดว้ ยการนั้น เท่าท่ีไม่ขัด หรือแยง้ ตอ่ รัฐธรรมนูญนี้ ให้คณะกรรมการการเลือกต้ัง คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานของรัฐท่ีเก่ียวข้องจัดให้มีการ เผยแพร่เนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนรับทราบเป็นการทั่วไปผ่านช่องทางต่าง ๆ และให้นา เทคโนโลยีการส่ือสารมาสนับสนุนเพื่ออานวยความสะดวกในการเผยแพร่ ทั้งนี้ โดยคานึงถึงสิทธิและ
(๑๐๑) ความเสมอภาคในการส่ือมวลชน เวทแี สดงความคิดเห็น และสอื่ อิเล็กทรอนิกสท์ กุ ประเภท โดยใหผ้ ทู้ ่ีเหน็ ด้วย และไม่เหน็ ดว้ ยกับร่างรฐั ธรรมนญู ได้แสดงความคิดเหน็ กับรา่ งรฐั ธรรมนูญโดยเสรีภายใตก้ รอบของกฎหมาย เมื่อการออกเสียงประชามติเสร็จสิ้น ให้คณะกรรมการการเลือกต้ังประกาศผล การออกเสียงประชามติให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันออกเสียงประชามติ หากคะแนนการออกเสียง ประชามติเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญให้ดาเนินการตามมาตรา ๒๕๖/๑๗ ต่อไป แต่หากคะแนนการออกเสียง ประชามติไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญหรือผู้มีสิทธิออกเสียงมาออกเสียงลงคะแนนไม่ถึงหนึ่งในห้า ของจานวนผู้มีสิทธิออกเสียง ให้ร่างรัฐธรรมนูญน้ันเป็นอันตกไป และให้แจ้งผลการออกเสียงประชามติ ใหป้ ระธานรัฐสภาและหรอื ประธานสภาร่างรฐั ธรรมนูญ แล้วแต่กรณี ทราบโดยเรว็ ” นายวิเชียร ชวลิต และนายกลา้ นรงค์ จันทกิ (กรรมาธกิ าร) ขอสงวนความเหน็ โดยขอให้ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ ความในมาตรา ๒๕๖/๑๖ เปน็ ดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖/๑๖ ในกรณีที่จะต้องดาเนินการให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ตามมาตรา ๒๕๖/๑๕ ให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวไปยังคณะกรรมการการเลือกต้ังภายใน เจ็ดวันนับแต่วันท่ีรัฐสภามีมติให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญท่ีสภาร่างรัฐธรรมนูญเสนอ เพื่อให้คณะกรรมการการเลือกต้ังดาเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติของประชาชนว่าจะเห็นชอบกับ รา่ งรฐั ธรรมนูญหรือไม่ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกาหนดวันออกเสียงประชามติซ่ึงต้องไม่เกิน หกสิบวนั แต่ไม่น้อยกว่าส่สี บิ หา้ วนั นบั แต่วันทไ่ี ด้รบั ร่างรัฐธรรมนญู จากรฐั สภา และวันออกเสียงประชามติ ให้กาหนดเปน็ วนั เดยี วกันทวั่ ราชอาณาจกั ร โดยเร่มิ ต้งั แต่เวลาแปดนาฬกิ าจนถงึ เวลาสบิ เจ็ดนาฬกิ า หลักเกณฑ์และวิธีการออกเสียงประชามติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วย การน้ันออกเสียง ประชามติ เทา่ ทไี่ ม่ขดั หรือแยง้ ตอ่ รฐั ธรรมนญู นี้ ให้คณะกรรมการการเลือกต้ัง คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานของรัฐที่เก่ียวข้องจัดให้มีการ เผยแพร่เน้ือหาของร่างรัฐธรรมนูญและเหตุผลท่ีรัฐสภาไม่เห็นชอบ ถ้ามี ให้ประชาชนรับทราบเป็นการท่ัวไป ผ่านช่องทางต่าง ๆ และให้นาเทคโนโลยีการส่ือสารมาสนับสนุนเพื่ออานวยความสะดวกในการเผยแพร่ ท้ังนี้ โดยคานึงถึงสิทธิและความเสมอภาคในการแสดงความคิดเห็นกับร่างรัฐธรรมนูญภายใต้กรอบ ของกฎหมาย เมื่อการออกเสียงประชามติเสร็จส้ิน ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผล การออกเสียงประชามติให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันออกเสียงประชามติ หากคะแนนการออกเสียง ประชามติเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญให้ดาเนินการตามมาตรา ๒๕๖/๑๗ ต่อไป แต่หากคะแนนการออกเสียง ประชามติไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญหรือผู้มีสิทธิออกเสียงมาออกเสียงลงคะแนนไม่ถึง กึ่งหนึ่งในห้า ของจานวนผู้มีสิทธิออกเสียง ให้ร่างรัฐธรรมนูญน้ันเป็นอันตกไป และให้แจ้งผลการออกเสียงประชามติ ให้ประธานรัฐสภาและประธานสภารา่ งรัฐธรรมนูญทราบโดยเร็ว”
(๑๐๒) นายชลน่าน ศรีแก้ว (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพ่ิมเติมความ ในมาตรา ๒๕๖/๑๖ เปน็ ดังนี้ “มาตรา ๒๕๖/๑๖ ในกรณีท่ีจะต้องดาเนินการให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ตามมาตรา ๒๕๖/๑๕ ให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวไปยังคณะกรรมการการเลือกต้ังภายใน เ จ็ ด วั น นั บ แ ต่ วั น ที่ รั ฐ ส ภ า มี มติไ ม่เ ห็นช อ บ ป ร ะ ชุ ม เ พ่ื อ อ ภิ ป ร า ย แ ส ด ง ค ว า ม คิ ด เ ห็ น ต่ อ ร่ า ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ที่สภาร่างรัฐธรรมนูญเสนอเสร็จส้ินตามมาตรา ๒๕๖/๑๕ เพ่ือให้คณะกรรมการการเลือกต้ังดาเนินการ จัดใหม้ ีการออกเสียงประชามตขิ องประชาชนวา่ จะเหน็ ชอบกบั รา่ งรัฐธรรมนญู หรือไม่ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกาหนดวันออกเสียงประชามติซ่ึงต้องไม่เกิน หกสิบวันแต่ไม่น้อยกว่าสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญจากรัฐสภา และวันออกเสียงประชามติ ใหก้ าหนดเปน็ วันเดียวกนั ท่ัวราชอาณาจักร โดยเริม่ ตัง้ แตเ่ วลาแปดนาฬิกาจนถงึ เวลาสิบเจด็ นาฬิกา หลักเกณฑ์และวิธีการออกเสียงประชามติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วย การน้ันออกเสียง ประชามติ เทา่ ท่ไี ม่ขดั หรือแย้งตอ่ รัฐธรรมนูญนี้ ให้คณะกรรมการการเลือกต้ัง คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้มีการ เผยแพรเ่ น้ือหาของร่างรฐั ธรรมนูญ ให้ประชาชนรับทราบเป็นการท่ัวไปผา่ นช่องทางตา่ ง ๆ และให้นาเทคโนโลยี การสื่อสารมาสนับสนุนเพ่ืออานวยความสะดวกในการเผยแพร่ ท้ังนี้ โดยคานึงถึงสิทธิ เสรีภาพ และ ความเสมอภาคในการแสดงความคิดเหน็ กับร่างรฐั ธรรมนูญภายใต้กรอบของกฎหมาย เม่ือการออกเสียงประชามติเสร็จส้ิน ให้คณะกรรมการการเลือกต้ังประกาศผล การออกเสียงประชามติให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันออกเสียงประชามติ หากคะแนนการออกเสียง ประชามติเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญให้ดาเนินการตามมาตรา ๒๕๖/๑๗ ต่อไป แต่หากคะแนนการออกเสียง ประชามติไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญหรือผู้มีสิทธิออกเสียงมาออกเสียงลงคะแนนไม่ถึงหน่ึงในห้า ของจานวนผู้มีสิทธิออกเสียง ให้ร่างรัฐธรรมนูญน้ันเป็นอันตกไป และให้แจ้งผลการออกเสียงประชามติ ใหป้ ระธานรัฐสภาและประธานสภารา่ งรฐั ธรรมนญู ทราบโดยเรว็ ในกรณีที่การออกเสียงประชามติร่างรฐั ธรรมนญู มีผู้มีสิทธิออกเสียงมาออกเสียงลงคะแนน ไม่ถึงตามจานวนทีบ่ ัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ยงั มิให้ร่างรัฐธรรมนูญนั้นเปน็ อันตกไป แตใ่ ห้คณะกรรมการการเลือกตั้งดาเนินการให้มกี ารออกเสียงประชามตใิ หม่ โดยกาหนดวันลงคะแนนออกเสยี ง ประชามติร่างรัฐธรรมนูญนั้นใหม่ภายในสามสิบวันนับแต่วนั ท่ีมีการประกาศผลการออกเสียงประชามติ และให้นา ความในวรรคห้ามาใช้บังคับกับการออกเสียงประชามติคร้ังใหม่ด้วยโดยอนุโลม และหากมีผู้มีสิทธิออกเสียง ลงคะแนนไม่ถึงตามจานวนท่ีบัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติในคร้ังน้ี ให้ร่างรัฐธรรมนูญ เป็นอนั ตกไป” นายรังสิมันต์ โรม (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพิ่มเติมความ ในมาตรา ๒๕๖/๑๖ เป็นดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๑๖ ในกรณีที่จะต้องดาเนินการให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ตามมาตรา ๒๕๖/๑๕ ให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวไปยังคณะกรรมการการเลือกต้ังภายใน เ จ็ ด วั น นั บ แ ต่ วั น ท่ี รั ฐ ส ภ า มี มติไ ม่เ ห็นช อ บ ป ร ะ ชุ ม เ พื่ อ อ ภิ ป ร า ย แ ส ด ง ค ว า ม คิ ด เ ห็ น ต่ อ ร่ า ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ
(๑๐๓) ท่ีสภาร่างรัฐธรรมนูญเสนอเสร็จส้ินตามมาตรา ๒๕๖/๑๕ เพ่ือให้คณะกรรมการการเลือกตั้งดาเนินการ จัดใหม้ กี ารออกเสียงประชามตขิ องประชาชนว่าจะเหน็ ชอบกับรา่ งรัฐธรรมนญู หรือไม่ ให้คณะกรรมการการเลือกต้ังประกาศกาหนดวันออกเสียงประชามติซ่ึงต้องไม่เกิน หกสิบวันแต่ไม่น้อยกว่าส่ีสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญจากรัฐสภา และวันออกเสียงประชามติ ให้กาหนดเป็นวนั เดยี วกนั ท่วั ราชอาณาจักร โดยเร่ิมต้งั แตเ่ วลาแปดนาฬิกาจนถึงเวลาสบิ เจ็ดนาฬกิ า หลักเกณฑ์และวิธีการออกเสียงประชามติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วย การน้ันออกเสียง ประชามติ เทา่ ทไี่ มข่ ดั หรอื แยง้ ต่อรฐั ธรรมนูญน้ี ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานของรัฐท่ีเกี่ยวข้องจัดให้มีการ เผยแพร่เน้ือหาของร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนรับทราบเป็นการท่ัวไปผ่านช่องทางต่าง ๆ และให้นา เทคโนโลยีการสื่อสารมาสนับสนุนเพ่ืออานวยความสะดวกในการเผยแพร่ ท้ังนี้ โดยคานึงถึงสิทธิและ ความเสมอภาคในการส่ือมวลชน เวทแี สดงความคิดเห็น และส่อื อิเล็กทรอนิกสท์ ุกประเภท โดยใหผ้ ู้ที่เห็นดว้ ย และไม่เหน็ ด้วยกบั ร่างรฐั ธรรมนญู ได้แสดงความคดิ เหน็ กับรา่ งรฐั ธรรมนญู โดยเสรีภายใต้กรอบของกฎหมาย เมื่อการออกเสียงประชามติเสร็จส้ินแล้ว ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผล การออกเสียงประชามติให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันออกเสียงประชามติ หากคะแนนการออกเสียง ประชามติเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญให้ดาเนินการตามมาตรา ๒๕๖/๑๗ ต่อไป แต่หากคะแนนการออกเสียง ประชามติไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญหรือผู้มีสิทธิออกเสียงมาออกเสียงลงคะแนนไม่ถึงหนึ่งในห้า ของจานวนผู้มีสิทธิออกเสียง ให้ร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป และให้แจ้งผลการออกเสียงประชามติ ให้ประธานรฐั สภาและหรอื ประธานสภาร่างรัฐธรรมนญู แลว้ แต่กรณี ทราบโดยเร็ว ในกรณีผู้มีสิทธิออกเสียงมาออกเสียงลงคะแนนไม่ถึงก่ึงหน่ึงของผู้มีสิทธิออกเสียง ใหค้ ณะกรรมการการเลอื กตัง้ กาหนดวนั ออกเสียงประชามติของประชาชนอีกคร้งั ” นายวีระกร คาประกอบ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพิ่มเติม ความในมาตรา ๒๕๖/๑๖ เปน็ ดงั น้ี “มาตรา ๒๕๖/๑๖ ในกรณีที่จะต้องดาเนินการให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ตามมาตรา ๒๕๖/๑๕ ให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวไปยังคณะกรรมการการเลือกต้ังภายใน เ จ็ ด วั น นั บ แ ต่ วั น ที่ รั ฐ ส ภ า มี มติ ไ ม่ เ ห็ น ช อ บ ร่ า ง รั ฐ ธ รร ม นู ญ ท่ี ส ภา ร่ า ง รั ฐ ธ รร ม นู ญ เ ส น อ ด า เ นิ น ก า ร ตามมาตรา ๒๕๖/๑๕ เพ่ือให้คณะกรรมการการเลือกตั้งดาเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ของประชาชนว่าจะเห็นชอบกับรา่ งรัฐธรรมนูญหรอื ไม่ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกาหนดวันออกเสียงประชามติซึ่งต้องไม่เกิน หกสี่สิบห้าวันแต่ไม่น้อยกว่าสี่สามสิบห้าวันนับแต่วันท่ีได้รับร่างรัฐธรรมนูญจากรัฐสภา และวันออกเสียง ประชามติใหก้ าหนดเป็นวนั เดียวกันทัว่ ราชอาณาจกั ร โดยเรมิ่ ตงั้ แต่เวลาแปดนาฬกิ าจนถึงเวลาสบิ เจด็ นาฬิกา หลักเกณฑ์และวิธีการออกเสียงประชามติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าดว้ ยการน้ัน เท่าท่ีไม่ขัด หรือแยง้ ตอ่ รัฐธรรมนญู น้ี ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานของรัฐที่เก่ียวข้องจัดให้มี การเผยแพร่เนื้อหาของรา่ งรฐั ธรรมนูญให้ประชาชนรับทราบเป็นการทั่วไปผา่ นช่องทางตา่ ง ๆ และให้นาเทคโนโลยี การสื่อสารมาสนับสนุนเพื่ออานวยความสะดวกในการเผยแพร่ ทั้งน้ี โดยคานึงถึงสิทธิและความเสมอภาค ในการแสดงความคิดเหน็ กับร่างรฐั ธรรมนญู ภายใต้กรอบของกฎหมาย
(๑๐๔) เม่ือการออกเสียงประชามติเสร็จสิ้น ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผล การออกเสียงประชามติให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันออกเสียงประชามติ หากคะแนนการออกเสียง ประชามติเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญให้ดาเนินการตามมาตรา ๒๕๖/๑๗ ต่อไป แต่หากคะแนนการออกเสียง ประชามติไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญหรือผู้มีสิทธิออกเสียงมาออกเสียงลงคะแนนไม่ถึง ก่ึงหนึ่งในห้า ของจานวนผู้มีสิทธิออกเสียง ให้ร่างรัฐธรรมนูญน้ันเป็นอันตกไป และให้แจ้งผลการออกเสียงประชามติ ใหป้ ระธานรฐั สภาและประธานสภารา่ งรัฐธรรมนูญทราบโดยเร็ว” นางสาวจิราพร สินธุไพร (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพ่ิมเติม ความในมาตรา ๒๕๖/๑๖ เป็นดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๑๖ ในกรณีท่ีจะต้องดาเนินการให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ตามมาตรา ๒๕๖/๑๕ ให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งภายใน เ จ็ ด วั น นั บ แ ต่ วั น ที่ รั ฐ ส ภ า มี มติไ ม่เ ห็นช อบ ป ร ะชุ ม เ พ่ื อ อ ภิ ป ร า ย แ ส ด ง ค ว า ม คิ ด เ ห็ น ต่ อ ร่ า ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ท่ีสภาร่างรัฐธรรมนูญเสนอเสร็จสิ้นตามมาตรา ๒๕๖/๑๕ เพ่ือให้คณะกรรมการการเลือกต้ังดาเนินการ จดั ให้มกี ารออกเสยี งประชามตขิ องประชาชนว่าจะเห็นชอบกับรา่ งรัฐธรรมนูญหรือไม่ ให้คณะกรรมการการเลือกต้ังประกาศกาหนดวันออกเสียงประชามติซ่ึงต้องไม่เกิน หกสิบวันแต่ไม่น้อยกว่าส่ีสิบห้าวันนับแต่วันท่ีได้รับร่างรัฐธรรมนูญจากรัฐสภา และวันออกเสียงประชามติ ให้กาหนดเป็นวันเดียวกนั ทัว่ ราชอาณาจกั ร โดยเรมิ่ ตั้งแต่เวลาแปดนาฬิกาจนถงึ เวลาสบิ เจ็ดนาฬกิ า หลักเกณฑ์และวิธีการออกเสียงประชามติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการ น้ันออกเสียง ประชามติ เท่าทไี่ มข่ ัดหรอื แย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้ ให้คณะกรรมการการเลือกต้ัง คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานของรัฐท่ีเกี่ยวข้องจัดให้มี การเผยแพร่เนื้อหาของร่างรฐั ธรรมนญู ให้ประชาชนรับทราบเป็นการท่ัวไปผา่ นช่องทางต่าง ๆ และให้นาเทคโนโลยี การสื่อสารมาสนับสนุนเพื่ออานวยความสะดวกในการเผยแพร่ ท้ังน้ี โดยคานึงถึงสิทธิ เสรีภาพ และ ความเสมอภาคในการแสดงความคิดเหน็ กบั ร่างรฐั ธรรมนูญภายใตก้ รอบของกฎหมาย เม่ือการออกเสียงประชามติเสร็จส้ิน ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลการออกเสียง ประชามติให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันออกเสียงประชามติ หากคะแนนการออกเสียงประชามติ เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญให้ดาเนินการตามมาตรา ๒๕๖/๑๗ ต่อไป แต่หากคะแนนการออกเสียงประชามติ ไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญหรือผู้มีสิทธิออกเสียงมาออกเสียงลงคะแนนไม่ถึงหนึ่งในห้าของจานวนผู้มี สิทธิออกเสียง ให้ร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป และให้แจ้งผลการออกเสียงประชามติให้ประธานรัฐสภา และประธานสภาร่างรฐั ธรรมนญู ทราบโดยเร็ว” นายจริ ายุ ห่วงทรัพย์ ขอแปรญตั ตแิ ก้ไขเพ่มิ เตมิ ความในมาตรา ๒๕๖/๑๖ เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๑๖ ในกรณีท่ีจะต้องดาเนินการให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ตามมาตรา ๒๕๖/๑๕ ให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งภายใน เจ็ดวันนับแต่วันท่ีรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญท่ีสภาร่างรัฐธรรมนูญเสนอ เพ่ือให้คณะกรรมการ การเลือกต้ังดาเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติของประชาชนว่าจะเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนู ญหรือไม่ โดยจะตอ้ งสง่ เสรมิ ให้ประชาชนสามารถรณรงค์ในการลงมติได้อยา่ งเสรีภาพ
(๑๐๕) ให้คณะกรรมการการเลือกต้ังประกาศกาหนดวันออกเสียงประชามติซ่ึงต้องไม่เกิน หกสิบวันแต่ไม่น้อยกว่าสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญจากรัฐสภา และวันออกเสียงประชามติ ให้กาหนดเปน็ วันเดยี วกันทวั่ ราชอาณาจกั ร โดยเรมิ่ ต้ังแตเ่ วลาแปดนาฬิกาจนถงึ เวลาสิบเจด็ นาฬกิ า หลักเกณฑ์และวิธีการออกเสียงประชามติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าดว้ ยการน้ัน เท่าท่ีไม่ขัด หรือแยง้ ต่อรฐั ธรรมนญู นี้ ให้คณะกรรมการการเลอื กตั้ง คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานของรฐั ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้จัดให้มี การเผยแพร่เน้ือหาของร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนรับทราบเป็นการท่ัวไปผ่านช่องทางต่าง ๆ และให้นา เทคโนโลยีการส่ือสารมาสนับสนุนเพ่ืออานวยความสะดวกในการเผยแพร่ ท้ังน้ี โดยคานึงถึงสิทธิและ ความเสมอภาคในการแสดงความคิดเห็นกับร่างรัฐธรรมนูญภายใต้กรอบของกฎหมาย โดยห้ามมิให้รัฐบาล หรือหนว่ ยงานอ่ืน ๆ มสี ว่ นเก่ียวข้อง เม่ือการออกเสียงประชามติเสร็จสิ้น ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผล การออกเสยี งประชามตใิ หแ้ ลว้ เสร็จภายในสบิ หา้ เจ็ดวนั นบั แตว่ นั ออกเสียงประชามติ หากคะแนนการออกเสียง ประชามติเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญให้ดาเนินการตามมาตรา ๒๕๖/๑๗ ต่อไป แต่หากคะแนนการออกเสียง ประชามติไม่เหน็ ชอบกบั ร่างรัฐธรรมนูญหรือผู้มีสิทธิออกเสียงมาออกเสยี งลงคะแนนไม่ถงึ หน่งึ ในห้าของจานวน ผู้มีสิทธิออกเสียง ให้ร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป และให้แจ้งผลการออกเสียงประชามติให้ประธานรัฐสภา และประธานสภาร่างรฐั ธรรมนญู ทราบโดยเร็ว” คณะกรรมาธกิ ารไม่เห็นด้วย ผ้แู ปรญตั ตขิ อสงวน นายศราวุธ เพชรพนมพร ขอแปรญตั ติแก้ไขเพม่ิ เติมความในมาตรา ๒๕๖/๑๖ วรรคหน่ึง เป็นดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖/๑๖ ในกรณีที่จะต้องดาเนินการให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ตามมาตรา ๒๕๖/๑๕ ให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้งภายใน เจ็ดวันนับแต่วันที่รัฐสภามีมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญที่สภาร่างรัฐธรรมนูญเสนอ เพื่อให้คณะกรรมการ การเลือกต้ังดาเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติของประชาชนว่าจะเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยจะตอ้ งส่งเสรมิ ใหป้ ระชาชนสามารถรณรงคใ์ นการลงมติได้อยา่ งเสรภี าพ” คณะกรรมาธิการไมเ่ หน็ ดว้ ย ผแู้ ปรญัตติขอสงวน นายนิยม เวชกามา นายชวลิต วิชยสุทธิ์ นางบุญรื่น ศรีธเรศ นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ นายเลิศศักด์ิ พัฒนชัยกุล นางสาวละออง ติยะไพรัช นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ นางอาภรณ์ สาราคา นางสาวธีรรัตน์ สาเร็จวาณิชย์ นายสุทิน คลังแสง นายองอาจ ว งษ์ประยูร นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ นางเทียบจุฑา ขาวขา นางจุฑาพัตธน์ เมนะสวัสดิ์ นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา นางมุกดา พงษ์สมบัติ นายกิตติศักด์ิ คณาสวัสดิ์ นายคุณากร ปรีชาชนะชัย นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ นางอนุรักษ์ บุญศล นายอุบลศักด์ิ บัวหลวงงาม นายพิเชษฐ์ เช้ือเมืองพาน นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ นางสาวชนก จันทาทอง นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ นายสิงหภณ ดีนาง นายสยาม หัตถสงเคราะห์ นายไชยา พรหมา นายนิคม บุญวิเศษ นายซูการ์โน มะทา นายนิรมิต สุจารี นายพรเทพ
(๑๐๖) วิสุทธิ์วัฒนศักด์ิ นายอับดุลอายี สาแม็ง นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม และนางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร ขอแปรญตั ติแกไ้ ขเพม่ิ เติมความในมาตรา ๒๕๖/๑๖ เป็นดังนี้ “มาตรา ๒๕๖/๑๖ ในกรณีที่จะต้องดาเนินการให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ตามมาตรา ๒๕๖/๑๕ ให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวไปยังคณะกรรมการการเลือกต้ัง ภายในเจ็ดวันนับแต่วันท่ีรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญที่สภาร่างรัฐธรรมนูญเสนอ เพ่ือให้ คณะกรรมการการเลือกต้ังดาเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติของประชาชนว่าจะเห็นชอบ กบั รา่ งรัฐธรรมนญู หรอื ไม่ ให้คณะกรรมการการเลือกต้ังประกาศกาหนดวันออกเสียงประชามติซึ่งต้องไม่เกิน ห ก สิ บ วั นแต่ ไม่ น้ อยกว่ าสี่ สิ บห้ าวั นนั บแต่ วั นท่ี ได้ รั บร่ างรั ฐธรรมนู ญจาก รัฐประธาน สภา ร่ างรั ฐ ธรรมนู ญ และวันออกเสียงประชามติให้กาหนดเปน็ วันเดยี วกันทว่ั ราชอาณาจกั ร โดยเริ่มตง้ั แต่เวลาแปดนาฬิกาจนถึงเวลา สิบเจด็ นาฬิกา หลักเกณฑ์และวิธีการออกเสียงประชามติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าดว้ ยการนั้น เท่าท่ีไม่ขัด หรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้ ให้คณะกรรมการการเลือกต้ัง คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจัดให้มีการ เผยแพร่เน้อื หาของร่างรฐั ธรรมนูญให้ประชาชนรับทราบเป็นการทั่วไปผ่านชอ่ งทางต่าง ๆ และใหน้ าเทคโนโลยี การส่ือสารมาสนับสนุนเพื่ออานวยความสะดวกในการเผยแพร่ ท้ังนี้ โดยคานึงถึงประชาชนย่อมมีสิทธิ และความเสมอภาคในการแสดงความคดิ เหน็ กบั ร่างรฐั ธรรมนญู ภายใต้กรอบของกฎหมาย เม่ือการออกเสียงประชามติเสร็จสิ้น ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผล การออกเสียงประชามติให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันออกเสียงประชามติ หากคะแนนการออกเสียง ประชามติเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญให้ดาเนินการตามมาตรา ๒๕๖/๑๗ ต่อไป แต่หากคะแนนการออกเสียง ประชามติ ไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญหรือผู้มีสิทธิออกเสียงมาออกเสียงลงคะแนนไม่ถึง หนึ่งในห้า ของจานวนผู้มีสิทธิออกเสียงตามที่กฎหมายกาหนดไว้ ให้ร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป และให้แจ้ง ผลการออกเสยี งประชามตใิ หป้ ระธานรัฐสภาและประธานสภาร่างรฐั ธรรมนญู ทราบโดยเร็ว” คณะกรรมาธกิ ารไมเ่ หน็ ด้วย ผู้แปรญัตตขิ อสงวน นายขวัญเลศิ พานิชมาท นายคาพอง เทพาคา นายจริ ัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ พันตารวจตรี ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ นางสาวญาณธิชา บัวเผื่อน นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธ์ิ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม นายทศพร ทองศิริ นายทองแดง เบ็ญจะปัก นายเท่าพิภพ ล้ิมจิตรกร นางสาวเบญจา แสงจันทร์ นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ นายปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ นายพิธา ล้ิมเจริญรัตน์ นายวรภพ วิริยะโรจน์ นางสาววรรณวรี ตะล่อมสิน นายวาโย อัศวรุ่งเรือง นายวุฒินันท์ บุญชู นายศักดินัย นุ่ มหนู นางสาวศริ กิ ัญญา ตันสกุล นายสมเกียรติ ถนอมสนิ ธุ์ นางสาวสทุ ธวรรณ สบุ รรณ ณ อยธุ ยา นายสเุ ทพ อู่อ้น พลตารวจตรี สุพิศาล ภักดีนฤนาถ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ นายองค์การ ชัยบุตร นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล นายพีรเดช คาสมุทร นายสมชาย ฝ่ังชลจิตร นายเอกภพ เพียรพิเศษ นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี นายจรัส คุ้มไข่น้า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายทวีศักด์ิ ทักษิณ นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ นายนิติพล ผิวเหมาะ นายปดิพั ทธ์ สันติภาดา นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ นายมานพ คีรีภูวดล นางสาววรรณวิภา ไม้สน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร
(๑๐๗) รองศาสตราจารย์สุรวาท ทองบุ นายอภิชาติ ศิรสิ ุนทร และนายคารม พลพรกลาง ขอแปรญัตติแก้ไขเพม่ิ เติม ความในมาตรา ๒๕๖/๑๖ เป็นดงั น้ี “มาตรา ๒๕๖/๑๖ ในกรณีท่ีจะต้องดาเนินการให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ตามมาตรา ๒๕๖/๑๕ ให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวไปยังคณะกรรมการการเลือกต้ัง ภายในเจ็ดวันนับแต่วันท่ีรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญท่ีสภาร่างรัฐธรรมนูญเสนอ เพ่ือให้ คณ ะกรรมการการเ ลือ ก ตั้ง ด าเนินก ารจั ดใ ห้ มี การออ ก เ สียง ประชามติ ข อง ประชาชนว่ าจะเ ห็นชอ บ กบั ร่างรัฐธรรมนญู หรือไม่ ให้คณะกรรมการการเลือกต้ังประกาศกาหนดวันออกเสียงประชามติซึ่งต้องไม่เกิน หกสิบวันแต่ไม่น้อยกว่าสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญจากรัฐสภา หรือจากสภาร่างรัฐธรรมนูญ แล้วแต่กรณี และวันออกเสียงประชามติให้กาหนดเป็นวันเดียวกันท่ัวราชอาณาจักร โดยเร่ิมต้ังแต่เวลา แปดนาฬกิ าจนถึงเวลาสบิ เจด็ นาฬิกา หลักเกณฑ์และวิธีการออกเสียงประชามติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น เท่าที่ไม่ขัด หรือแยง้ ตอ่ รัฐธรรมนูญนี้ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานของรัฐท่ีเก่ียวข้องจัดให้มีการ เผยแพร่เนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนรับทราบเป็นการทั่วไปผ่านช่องทางต่าง ๆ และให้นา เทคโนโลยีการสื่อสารมาสนับสนุนเพ่ืออานวยความสะดวกในการเผยแพร่ ทั้งน้ี โดยคานึงถึงสิทธิและ ความเสมอภาคในการสื่อมวลชน เวทีแสดงความคิดเหน็ และส่ืออิเล็กทรอนิกส์ทกุ ประเภท โดยให้ผู้ท่ีเห็นด้วย และไม่เหน็ ดว้ ยกับร่างรัฐธรรมนญู ไดแ้ สดงความคดิ เห็นโดยเสรีภายใตก้ รอบของกฎหมาย เมื่อการออกเสียงประชามติเสร็จส้ินแล้ว ให้คณะกรรมการการเลือกต้ังประกาศ ผลการออกเสียงประชามติให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวนั นบั แต่วันออกเสียงประชามติ หากคะแนนการออกเสียง ประชามติเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญให้ดาเนินการตามมาตรา ๒๕๖/๑๗ ต่อไป แต่หากคะแนนการออกเสียง ประชามติไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญหรือผู้มีสิทธิออกเสียงมาออกเสียงลงคะแนนไม่ถึงหนึ่งในห้า ของจานวนผู้มีสิทธิออกเสียง ให้ร่างรัฐธรรมนูญน้ันเป็นอันตกไป และให้แจ้งผลการออกเสียงประชามติ ใหป้ ระธานรฐั สภาและหรอื ประธานสภาร่างรฐั ธรรมนูญ แลว้ แต่กรณี ทราบโดยเรว็ ” คณะกรรมาธิการไมเ่ หน็ ด้วย ผูแ้ ปรญัตติขอสงวน นายเขตรฐั เหลา่ ธรรมทัศน์ ขอแปรญตั ติตัดมาตรา ๒๕๖/๑๖ ออกท้ังมาตรา คณะกรรมาธกิ ารไม่เห็นดว้ ย ผู้แปรญัตติขอสงวน มาตรา ๒๕๖/๑๗ มกี ารแก้ไข มีกรรมาธกิ ารขอสงวนความเหน็ และผู้แปรญตั ตขิ อสงวนคาแปรญัตติ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายโกศล ปัทมะ (กรรมาธิการ) ขอสงวน ความเหน็ โดยขอใหแ้ กไ้ ขความในมาตรา ๒๕๖/๑๗ เป็นดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๑๗ เมื่อผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ให้ประธานรัฐสภาหรือประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ แล้วแต่กรณี นาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย
(๑๐๘) และให้นาความในบทบัญญัติมาตรา ๘๑ วรรคสอง และมาตรา ๑๔๖ มาใช้บังคบั โดยอนุโลม และให้ประธานรัฐสภา หรือประธานสภาร่างรฐั ธรรมนญู แลว้ แต่กรณี เป็นผูล้ งนามรบั สนองพระบรมราชโองการ” นายธีรัจชัย พันธุมาศ นายชลน่าน ศรีแก้ว และนางสาวจิราพร สินธุไพร (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้คงความในมาตรา ๒๕๖/๑๗ ไวต้ ามร่างเดิม ดังนี้ “มาตรา ๒๕๖/๑๗ เม่ือผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ให้ประธานรัฐสภานาร่างรัฐธรรมนูญข้ึนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความในมาตรา ๘๑ วรรคสอง และมาตรา ๑๔๖ มาใช้บงั คบั โดยอนโุ ลม และใหป้ ระธานรฐั สภาเปน็ ผลู้ งนามรับสนองพระบรมราชโองการ” นายนิยม เวชกามา นายชวลิต วิชยสุทธิ์ นางบุญรื่น ศรีธเรศ นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ นายเลิศศักด์ิ พัฒนชัยกุล นางสาวละออง ติยะไพรัช นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ นางอาภรณ์ สาราคา นางสาวธีรรัตน์ สาเร็จวาณิชย์ นายสุทิน คลังแสง นายองอาจ วงษ์ประยูร นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ นางเทียบจุฑา ขาวขา นางจุฑาพัตธน์ เมนะสวัสดิ์ นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา นางมุกดา พงษ์สมบัติ นายกิตติศักด์ิ คณาสวัสด์ิ นายคุณากร ปรีชาชนะชัย นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ นางอนุรักษ์ บุญศล นายอุบลศักด์ิ บัวหลวงงาม นายพิเชษฐ์ เช้ือเมืองพาน นายอนุรักษ์ ต้ังปณิธานนท์ นางสาวชนก จันทาทอง นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ นายสิงหภณ ดีนาง นายสยาม หัตถสงเคราะห์ นายไชยา พรหมา นายนิคม บุญวิเศษ นายซูการ์โน มะทา นายนิรมิต สุจารี นายพรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ นายอับดุลอายี สาแม็ง นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม และนางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร ขอแปรญัตตแิ กไ้ ขเพม่ิ เติมความในมาตรา ๒๕๖/๑๗ เป็นดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖/๑๗ เม่ือผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ให้ประธานรัฐสภาร่างรัฐธรรมนูญนาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความ ในมาตรา ๘๑ วรรคสอง และมาตรา ๑๔๖ มาใช้บังคับโดยอนุโลม และให้ประธานรัฐสภาร่างรัฐธรรมนูญ เปน็ ผ้ลู งนามรบั สนองพระบรมราชโองการ” คณะกรรมาธกิ ารไมเ่ ห็นดว้ ย ผแู้ ปรญัตติขอสงวน นายเขตรฐั เหลา่ ธรรมทัศน์ ขอแปรญัตตติ ัดมาตรา ๒๕๖/๑๗ ออกท้ังมาตรา คณะกรรมาธกิ ารไมเ่ หน็ ดว้ ย ผ้แู ปรญตั ตขิ อสงวน มาตรา ๒๕๖/๑๘ มีการแกไ้ ข มกี รรมาธกิ ารขอสงวนความเหน็ และผู้แปรญตั ตขิ อสงวนคาแปรญัตติ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายโกศล ปัทมะ (กรรมาธิการ) ขอสงวน ความเหน็ โดยขอใหแ้ ก้ไขเพมิ่ เติมความในมาตรา ๒๕๖/๑๘ เปน็ ดังนี้ “มาตรา ๒๕๖/๑๘ สภาร่างรฐั ธรรมนูญสนิ้ สุดลงในกรณี ดังต่อไปนี้ (๑) สภารา่ งรฐั ธรรมนญู มจี านวนสมาชิกเหลอื อยไู่ ม่ถงึ ก่ึงหน่งึ (๒) สภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทาร่างรัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จภายในกาหนดระยะเวลา ตามมาตรา ๒๕๖/๑๓ วรรคหน่ึง
(๑๐๙) วรรคหา้ (๓) เม่ือร่างรัฐธรรมนูญตกไปตามมาตรา ๒๕๖/๑๓ วรรคหกห้า หรือมาตรา ๒๕๖/๑๖ (๔) เม่ือร่างรฐั ธรรมนญู ได้ประกาศใชบ้ งั คับเปน็ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว ในกรณีที่สภาร่างรัฐธรรมนูญส้ินสุดลงตาม (๒) ให้ดาเนินการจัดให้มีสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญข้ึนใหม่ตามหมวดน้ีภายในเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาตามมาตรา ๒๕๖/๑๓ วรรคหนึ่ง ท้ังนี้ บุคคลซ่ึงเคยเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญชุดเดิมจะเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ อีกไมไ่ ด้” นายสมชาย แสวงการ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้เพิ่มความเป็น มาตรา ๒๕๖/๑๘ วรรคสาม ดงั น้ี “เพ่ือประโยชน์แห่งการขจัดส่วนได้เสีย ห้ามมิให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญและผู้ซ่ึงเป็น กรรมการหรือกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ดารงตาแหน่งทางการเมืองภายในสองปีนับแต่วันท่ีพ้น จากตาแหน่งตามวรรคสอง” นายธีรัจชัย พันธุมาศ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพ่ิมเติมความ ในมาตรา ๒๕๖/๑๘ เป็นดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖/๑๘ สภาร่างรฐั ธรรมนญู สนิ้ สุดลงในกรณี ดังต่อไปนี้ (๑) สภาร่างรฐั ธรรมนูญมีจานวนสมาชิกเหลอื อยู่ไมถ่ ึงก่ึงหนึง่ (๒) สภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทาร่างรัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จภายในกาหนดระยะเวลา ตามมาตรา ๒๕๖/๑๓ วรรคหนึ่ง (๓) เม่ือร่างรัฐธรรมนูญตกไปตามมาตรา ๒๕๖/๑๓ วรรคหก หรือมาตรา ๒๕๖/๑๖ วรรคห้าสี่ (๔) เมอื่ ร่างรัฐธรรมนูญได้ประกาศใชบ้ งั คับเป็นรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทยแลว้ ในกรณีท่ีสภาร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลงตาม (๒) ให้ดาเนินการจัดให้มีสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญข้ึนใหม่ตามหมวดน้ีภายในเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาตามมาตรา ๒๕๖/๑๓ วรรคหน่งึ ท้ังนี้ บคุ คลซ่งึ เคยเปน็ สมาชิกสภารา่ งรัฐธรรมนูญชุดเดมิ จะเปน็ สมาชิกสภาร่างรฐั ธรรมนูญอกี ไมไ่ ด้” นายชลน่าน ศรีแก้ว และนางสาวจิราพร สินธุไพร (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอใหแ้ ก้ไขเพมิ่ เตมิ ความในมาตรา ๒๕๖/๑๘ เป็นดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๑๘ สภารา่ งรัฐธรรมนูญสนิ้ สุดลงในกรณี ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) สภารา่ งรัฐธรรมนูญมจี านวนสมาชกิ เหลอื อยไู่ ม่ถึงก่งึ หนึ่ง (๒) สภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทาร่างรัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จภายในกาหนดระยะเวลา ตามมาตรา ๒๕๖/๑๓ วรรคหนึง่ (๓) เมือ่ ร่างรัฐธรรมนญู ตกไปตามมาตรา ๒๕๖/๑๓ วรรคหก หรือมาตรา ๒๕๖/๑๖ วรรคห้า (๔) เมือ่ ร่างรฐั ธรรมนญู ได้ประกาศใช้บังคับเป็นรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว
(๑๑๐) ในกรณีท่ีสภาร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลงตาม (๑) และ (๒) ให้ดาเนินการจัดให้มีสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ตามหมวดนี้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาตามมาตรา ๒๕๖/๑๓ วรรคหน่ึง หรือนับแต่วันท่ีสภาร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลงตาม (๑) แล้วแต่กรณี ท้ังน้ี บุคคลซึ่งเคยเป็นสมาชิก สภารา่ งรัฐธรรมนญู ชุดเดมิ จะเปน็ สมาชิกสภารา่ งรัฐธรรมนญู อกี ไม่ได้” นายรังสิมันต์ โรม (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพ่ิมเติมความ ในมาตรา ๒๕๖/๑๘ เป็นดงั น้ี “มาตรา ๒๕๖/๑๘ สภารา่ งรัฐธรรมนูญส้นิ สุดลงในกรณี ดังตอ่ ไปนี้ (๑) สภาร่างรฐั ธรรมนญู มจี านวนสมาชิกเหลืออย่ไู ม่ถงึ กึ่งหนงึ่ (๒) สภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทาร่างรัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จภายในกาหนดระยะเวลา ตามมาตรา ๒๕๖/๑๓ วรรคหนึ่ง (๓) เมอ่ื รา่ งรฐั ธรรมนญู ตกไปตามมาตรา ๒๕๖/๑๓ วรรคหก หรือมาตรา ๒๕๖/๑๖ วรรคห้า (๔) เม่อื ร่างรัฐธรรมนูญได้ประกาศใชบ้ งั คบั เป็นรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว ในกรณีที่สภาร่างรัฐธรรมนูญส้ินสุดลงตาม (๒) ให้ดาเนินการจัดให้มีสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ตามหมวดน้ีภายในเก้าสิบวันนับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาตามมาตรา ๒๕๖/๑๓ วรรคหน่ึง ท้ังนี้ บุคคลซง่ึ เคยเป็นสมาชกิ สภารา่ งรัฐธรรมนญู ชดุ เดิมจะเปน็ สมาชกิ สภารา่ งรฐั ธรรมนูญอกี ไม่ได้” พลเอก เลิศรัตน์ รัตนวานิช (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้เพ่ิมความ เป็นมาตรา ๒๕๖/๑๘ วรรคสาม ดังน้ี “ในกรณีท่ีสภาร่างรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลงตาม (๔) เพ่ือประโยชน์แห่งการขจัดส่วนได้เสีย ห้ามมิให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมาธิการทาหน้าท่ียกร่างรัฐธรรมนูญหรือพิจารณา ร่างรัฐธรรมนูญดารงตาแหน่งทางการเมืองภายในสองปีนับแต่วันที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มีผลบงั คับใชแ้ ลว้ ” นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ และนายศราวุธ เพชรพนมพร ขอแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมความ ในมาตรา ๒๕๖/๑๘ วรรคสอง เป็นดังน้ี “ในกรณีท่ีสภาร่างรัฐธรรมนูญส้ินสุดลงตาม (๒) ให้ดาเนินการจัดให้มีสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญข้ึนใหม่ตามหมวดนี้ภายในเก้าหกสิบวันนับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาตามมาตรา ๒๕๖/๑๓ วรรคหนึ่ง ท้ังนี้ บุคคลซึง่ เคยเปน็ สมาชกิ สภาร่างรัฐธรรมนญู ชดุ เดิมจะเป็นสมาชกิ สภาร่างรฐั ธรรมนญู อกี ไมไ่ ด้” คณะกรรมาธกิ ารไม่เห็นด้วย ผแู้ ปรญตั ตขิ อสงวน นายนิยม เวชกามา นายชวลิต วิชยสุทธ์ิ นางบุญรื่น ศรีธเรศ นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ นายเลิศศักด์ิ พัฒนชัยกุล นางสาวละออง ติยะไพรัช นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ นางอาภรณ์ สาราคา นางสาวธีรรัตน์ สาเร็จวาณิชย์ นายสุทิน คลังแสง นายองอาจ วงษ์ประยูร นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ นางเทียบจุฑา ขาวขา นางจุฑาพัตธน์ เมนะสวัสดิ์ นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา
(๑๑๑) นางมุกดา พงษ์สมบตั ิ นายขวัญเลิศ พานิชมาท นายคาพอง เทพาคา นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ พนั ตารวจตรี ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ นางสาวญาณธิชา บัวเผื่อน นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสด์ิ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม นายทศพร ทองศิริ นายทองแดง เบ็ญจะปัก นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร นางสาวเบญจา แสงจันทร์ นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ นายปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ นายพิธา ล้ิมเจริญรัตน์ นายวรภพ วิริยะโรจน์ นางสาววรรณวรี ตะล่อมสิน นายวาโย อัศวรุ่งเรือง นายวุฒินันท์ บุญชู นายศักดินัย นุ่มหนู นางสาวศิรกิ ัญญา ตนั สกุล นายสมเกียรติ ถนอมสินธ์ุ นางสาวสทุ ธวรรณ สบุ รรณ ณ อยธุ ยา นายสเุ ทพ อู่อน้ พลตารวจตรี สุพิศาล ภักดีนฤนาถ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ นายองค์การ ชัยบุตร นายกิตติศักดิ์ คณาสวัสด์ิ นายคุณากร ปรีชาชนะชัย นายกมลศักด์ิ ลีวาเมาะ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล นายพีรเดช คาสมุทร นายสมชาย ฝ่ังชลจิตร นายเอกภพ เพียรพิเศษ นางอนุรักษ์ บุญศล นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี นายจรัส คุ้มไข่น้า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายทวีศักด์ิ ทักษิณ นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ นายนิติพล ผิวเหมาะ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ นายมานพ คีรีภูวดล นางสาววรรณวิภา ไม้สน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองศาสตราจารยส์ ุรวาท ทองบุ นายอภชิ าติ ศิริสนุ ทร นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม นายพิเชษฐ์ เชื้อเมอื งพาน นายอนุรักษ์ ต้ังปณิธานนท์ นางสาวชนก จันทาทอง นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ นายสิงหภณ ดีนาง นายคารม พลพรกลาง นายสยาม หัตถสงเคราะห์ นายไชยา พรหมา นายนิคม บุญวิเศษ นายซูการ์โน มะทา นายนิรมิต สุจารี นายพรเทพ วิสุทธ์ิวัฒนศักด์ิ นายอับดุลอายี สาแม็ง นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม และนางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร ขอแปรญัตติแก้ไขความในมาตรา ๒๕๖/๑๘ วรรคหนึ่ง (๓) เป็นดงั น้ี “(๓) เม่ือร่างรัฐธรรมนูญตกไปตามมาตรา ๒๕๖/๑๓ วรรคหก หรือมาตรา ๒๕๖/๑๖ วรรคหา้ ” คณะกรรมาธิการไมเ่ ห็นดว้ ย ผูแ้ ปรญตั ติขอสงวน นายเขตรฐั เหล่าธรรมทัศน์ ขอแปรญตั ติตดั มาตรา ๒๕๖/๑๘ ออกทั้งมาตรา คณะกรรมาธิการไมเ่ ห็นด้วย ผแู้ ปรญัตติขอสงวน มาตรา ๒๕๖/๑๙ ไม่มีการแก้ไข มกี รรมาธิการขอสงวนความเห็น และผู้แปรญตั ตขิ อสงวนคาแปรญัตติ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายโกศล ปัทมะ (กรรมาธิการ) ขอสงวน ความเหน็ โดยขอใหแ้ กไ้ ขเพิม่ เตมิ ความในมาตรา ๒๕๖/๑๙ เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๑๙ ในกรณีถา้ ร่างรฐั ธรรมนญู ที่จัดทาข้ึนตามหมวดนี้ตกไป คณะรัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของ สภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภามีจานวนไม่น้อยกว่าหน่งึ ในห้าของจานวน สมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของท้ังสองสภา มีสิทธิเสนอญัตติต่อรัฐสภา เพื่อให้รัฐสภามีมติให้มีการจัดทา ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามหมวดนี้อีกได้ การออกเสียงลงคะแนนให้ความเห็นชอบของรัฐสภาต้องได้เสียง ไม่นอ้ ยมากกว่าสองในสามก่งึ หน่งึ ของสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยูข่ องท้ังสองสภา ทั้งน้ี บุคคลผู้ที่เคยเป็นสมาชิก สภาร่างรฐั ธรรมนญู จะเป็นสมาชิกสภารา่ งรัฐธรรมนญู อกี มิได้
(๑๑๒) เมื่อรัฐสภามีมติอย่างหนึ่งอย่างใดตามวรรคหนึ่งแล้ว จะมีการเสนอญัตติตามวรรคหนึ่ง อีกมิได้ เว้นแตจ่ ะมกี ารเลอื กตงั้ ทั่วไปคร้ังใหม่แล้ว” นายธีรจั ชัย พนั ธมุ าศ และนายรังสิมันต์ โรม (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้ แก้ไขเพิ่มเตมิ ความในมาตรา ๒๕๖/๑๙ เปน็ ดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖/๑๙ ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญที่จัดทาข้ึนตามหมวดนี้ตกไป คณะรัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่ มีอยู่ของ สภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภามีจานวนไม่น้อยกว่าหนงึ่ ในห้าของจานวน สมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของท้ังสองสภา มีสิทธิเสนอญัตติต่อรัฐสภา เพื่อให้รัฐสภามีมติให้มีการจัดทา ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามหมวดน้ีอีกได้ การออกเสียงลงคะแนนให้ความเห็นชอบของรัฐสภาต้องได้เสียง ไม่น้อยมากกว่าสองในสามกง่ึ หนง่ึ ของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยขู่ องท้ังสองสภา ทั้งน้ี บุคคลผู้ท่เี คยเป็นสมาชิก สภารา่ งรัฐธรรมนูญจะเปน็ สมาชิกสภาร่างรฐั ธรรมนญู อีกมิได้ เม่ือรัฐสภามมี ติอย่างหนึ่งอย่างใดตามวรรคหนึ่งแลว้ จะมกี ารเสนอญัตติตามวรรคหน่ึง อกี มไิ ด้ เวน้ แตจ่ ะมกี ารเลอื กตั้งทวั่ ไปครงั้ ใหม่แล้ว” นายชลน่าน ศรีแก้ว (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพิ่มเติมความ ในมาตรา ๒๕๖/๑๙ เป็นดังน้ี “มาตรา ๒๕๖/๑๙ ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญท่ีจัดทาข้ึนตามหมวดนี้ตกไป คณะรัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของ สภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภามีจานวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในห้าของจานวน สมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา มีสิทธิเสนอญัตติต่อรัฐสภา เพื่อให้รัฐสภามีมติให้มีการจัดทา ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามหมวดน้ีอีกได้ การออกเสียงลงคะแนนให้ความเห็นชอบของรัฐสภาต้องได้เสียง ไม่น้อยกว่าสองในสามกึ่งหน่ึงของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ทั้งนี้ บุคคลผู้ที่เคยเป็นสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญจะเปน็ สมาชิกสภารา่ งรฐั ธรรมนูญอีกมิได้ เม่ือรัฐสภามีมติอย่างหนึ่งอย่างใดตามวรรคหน่ึงแล้ว จะมีการเสนอญัตติตามวรรคหนึ่ง อกี มไิ ด้ เว้นแต่จะมกี ารเลือกตงั้ ทัว่ ไปคร้ังใหมแ่ ล้ว” นางสาวจิราพร สินธุไพร (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพิ่มเติม ความในมาตรา ๒๕๖/๑๙ เปน็ ดังนี้ “มาตรา ๒๕๖/๑๙ ในกรณีถ้าร่างรฐั ธรรมนูญทจี่ ัดทาข้ึนตามหมวดนต้ี กไป คณะรัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจานวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในห้าของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของ สภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภามีจานวนไม่น้อยกว่าหนง่ึ ในห้าของจานวน สมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของท้ังสองสภา มีสิทธิเสนอญัตติต่อรัฐสภา เพ่ือให้รัฐสภามีมติให้มีการจัดทา ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามหมวดน้ีอีกได้ การออกเสียงลงคะแนนให้ความเห็นชอบของรัฐสภาต้องได้เสียง ไม่น้อยกว่าสองในสามก่ึงหน่ึงของสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ทั้งนี้ บุคคลผู้ที่เคยเป็นสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญจะเปน็ สมาชิกสภารา่ งรัฐธรรมนญู อีกมิได้
(๑๑๓) เม่ือรัฐสภามีมติอย่างหนึ่งอย่างใดตามวรรคหน่ึงแล้ว จะมีการเสนอญัตติตามวรรคหน่ึง อกี มิได้ เว้นแต่จะมีการเลอื กต้ังท่วั ไปครัง้ ใหม่แล้ว” นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ และนายศราวุธ เพชรพนมพร ขอแปรญัตติแก้ไขเพ่ิมเติม ความในมาตรา ๒๕๖/๑๙ วรรคหนงึ่ เป็นดงั นี้ “มาตรา ๒๕๖/๑๙ ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญท่ีจัดทาขึ้นตามหมวดน้ีตกไป คณะรัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ของ สภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภามีจานวนไม่น้อยกว่าหนง่ึ ในห้าของจานวน สมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของท้ังสองสภา มีสิทธิเสนอญัตติต่อรัฐสภา เพ่ือให้รัฐสภามีมติให้มีการจัดทา ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามหมวดนี้อีกได้ การออกเสียงลงคะแนนให้ความเห็นชอบของรัฐสภาต้องได้เสียง ไม่น้อยกว่าสองในสามกึ่งหน่ึงของสมาชิกท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ของท้ังสองสภา ท้ังน้ี บุคคลผู้ที่เคยเป็นสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนญู อกี มิได้” คณะกรรมาธกิ ารไม่เห็นดว้ ย ผู้แปรญตั ตขิ อสงวน นายขวัญเลศิ พานชิ มาท นายคาพอง เทพาคา นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ พันตารวจตรี ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ นางสาวญาณธิชา บัวเผ่ือน นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ นายณัฐวุฒิ บัวประทมุ นายทศพร ทองศิริ นายทองแดง เบ็ญจะปกั นายเทา่ พภิ พ ลิ้มจิตรกร นางสาวเบญจา แสงจันทร์ นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ นายปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายวรภพ วิริยะโรจน์ นางสาววรรณวรี ตะล่อมสิน นายวาโย อัศวรุ่งเรือง นายวุฒินันท์ บุญชู นายศักดินัย นุ่มหนู นางสาวศริ ิกัญญา ตนั สกลุ นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ นางสาวสทุ ธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา นายสุเทพ ออู่ น้ พลตารวจตรี สุพิศาล ภักดีนฤนาถ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ นายองค์การ ชัยบุตร นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล นายพีรเดช คาสมุทร นายสมชาย ฝ่ังชลจิตร นายเอกภพ เพียรพิเศษ นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี นายจรัส คุ้มไข่น้า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายทวีศักด์ิ ทักษิณ นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ นายนิติพล ผิวเหมาะ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ นายมานพ คีรีภูวดล นางสาววรรณวิภา ไม้สน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองศาสตราจารยส์ รุ วาท ทองบุ นายอภิชาติ ศริ สิ ุนทร และนายคารม พลพรกลาง ขอแปรญตั ติแก้ไขเพิ่มเติม ความในมาตรา ๒๕๖/๑๙ วรรคหนึง่ เปน็ ดงั น้ี “มาตรา ๒๕๖/๑๙ ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญท่ีจัดทาข้ึนตามหมวดนี้ตกไป คณะรัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของ สภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภามีจานวนไม่น้อยกว่าหนง่ึ ในห้าของจานวน สมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของท้ังสองสภา มีสิทธิเสนอญัตติต่อรัฐสภา เพื่อให้รัฐสภามีมติให้มีการจัดทา ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามหมวดน้ีอีกได้ การออกเสียงลงคะแนนให้ความเห็นชอบของรัฐสภาต้องได้เสียง ไม่น้อยมากกว่าสองในสามก่ึงหนึ่งของสมาชิกท้ังหมดเท่าที่มีอยู่ของท้ังสองสภา ทั้งนี้ บุคคลผู้ท่ีเคยเป็น สมาชิกสภารา่ งรัฐธรรมนูญจะเป็นสมาชกิ สภาร่างรัฐธรรมนูญอีกมิได้” คณะกรรมาธกิ ารไม่เหน็ ดว้ ย ผ้แู ปรญตั ตขิ อสงวน
(๑๑๔) นายเขตรฐั เหล่าธรรมทัศน์ ขอแปรญตั ติตดั มาตรา ๒๕๖/๑๙ ออกทั้งมาตรา คณะกรรมาธิการไม่เหน็ ดว้ ย ผแู้ ปรญตั ติขอสงวน มาตรา ๕ มีการแก้ไข มกี รรมาธกิ ารขอสงวนความเหน็ และผู้แปรญตั ติขอสงวนคาแปรญตั ติ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายโกศล ปัทมะ (กรรมาธิการ) ขอสงวน ความเหน็ โดยขอใหแ้ ก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา ๕ เปน็ ดงั นี้ “มาตรา ๕ ในวาระเริ่มแรก ให้ตราพระราชกฤษฎีกากาหนดให้มีการรับสมัครเลือกต้ัง เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติม โดยรัฐธรรมนูญน้ี ภายในสามสบิ วันนับแต่วันท่ีรัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคับ และให้ดาเนินการตามมาตรา ๒๕๖/๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญนี้ ให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวัน นบั แต่วันทีร่ ฐั ธรรมนูญน้ใี ชบ้ ังคบั เมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้เริ่มดาเนินการให้ได้มาซึ่งสมาชิก สภาร่างรฐั ธรรมนญู ตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๒) (๓) และ (๔) ของรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย ซึ่งแก้ไข เพม่ิ เตมิ โดยรัฐธรรมนูญนี้ ใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายในเก้าสิบวันนบั แตว่ นั ทีร่ ัฐธรรมนญู นใ้ี ช้บงั คับ” นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ และนายศราวุธ เพชรพนมพร ขอแปรญัตติแก้ไขเพ่ิมเติม ความในมาตรา ๕ เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๕ ในวาระเริ่มแรก ให้ตราพระราชกฤษฎีกากาหนดให้มีการรับสมัครเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งแก้ไข เพ่ิมเติมโดยรัฐธรรมนูญนี้ ภายในสามสิบห้าวันนับแต่วันท่ีรัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคับ และให้ดาเนินการ ตามมาตรา ๒๕๖/๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดยรัฐธรรมนูญน้ี ให้แล้วเสร็จ ภายในเก้าหกสิบวนั นบั แต่วนั ทีร่ ัฐธรรมนูญนใ้ี ชบ้ ังคับ เม่ือได้มีพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหน่ึงแล้ว ให้เริ่มดาเนินการให้ได้มาซ่ึงสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๒) (๓) และ (๔) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซ่ึงแก้ไข เพ่มิ เตมิ โดยรฐั ธรรมนูญน้ี ใหแ้ ลว้ เสร็จภายในเก้าสามสิบวนั นับแตว่ นั ทร่ี ฐั ธรรมนญู น้ีใชบ้ ังคับ” คณะกรรมาธกิ ารไม่เห็นดว้ ย ผ้แู ปรญตั ติขอสงวน นายนิยม เวชกามา นายชวลิต วิชยสุทธิ์ นางบุญร่ืน ศรีธเรศ นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล นางสาวละออง ติยะไพรัช นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ นางอาภรณ์ สาราคา นางสาวธีรรัตน์ สาเร็จวาณิชย์ นายสุทิน คลังแสง นายองอาจ วงษ์ประยูร นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ นางเทียบจุฑา ขาวขา นางจุฑาพัตธน์ เมนะสวัสด์ิ นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา นางมุกดา พงษ์สมบัติ นายขวัญเลิศ พานิชมาท นายคาพอง เทพาคา นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ พันตารวจตรี ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ นางสาวญาณธิชา บัวเผื่อน นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสด์ิ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม นายทศพร ทองศิริ นายทองแดง เบ็ญจะปัก นายเท่าพิภพ ล้ิมจิตรกร นางสาวเบญจา แสงจันทร์ นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ นายปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์
(๑๑๕) นายวรภพ วิริยะโรจน์ นางสาววรรณวรี ตะล่อมสิน นายวาโย อัศวรุ่งเรือง นายวุฒินันท์ บุญชู นายศักดินัย นุ่มหนู นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ นางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา นายสุเทพ อู่อ้น พลตารวจตรี สุพิศาล ภักดีนฤนาถ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ นายองค์การ ชัยบุตร นายกิตติศักด์ิ คณาสวัสดิ์ นายคุณากร ปรีชาชนะชัย นายกมลศักด์ิ ลีวาเมาะ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล นายพีรเดช คาสมุทร นายสมชาย ฝ่ังชลจิตร นายเอกภพ เพียรพิเศษ นางอนุรักษ์ บุญศล นายกญั จนพ์ งศ์ จงสุทธนามณี นายจรัส คมุ้ ไข่น้า นายณัฐพงษ์ เรืองปญั ญาวุฒิ นายทวีศักด์ิ ทักษิณ นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ นายนิติพล ผิวเหมาะ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา นายมานพ คีรีภูวดล นางสาววรรณวิภา ไม้สน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองศาสตราจารย์สุรวาท ทองบุ นายอภิชาติ ศิริสุนทร นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ นางสาวชนก จันทาทอง นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ นายสิงหภณ ดีนาง นายคารม พลพรกลาง นายสยาม หตั ถสงเคราะห์ นายไชยา พรหมา นายนคิ ม บุญวิเศษ นายซูการ์โน มะทา นายนิรมิต สุจารีนายพรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ นายอับดุลอายี สาแม็ง นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม และนางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร ขอแปรญัตตแิ กไ้ ขความในมาตรา ๕ เป็นดังน้ี “มาตรา ๕ ในวาระเริ่มแรก ให้ตราพระราชกฤษฎีกากาหนดให้มีการรับสมัครเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติม โดยรัฐธรรมนูญนี้ ภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีรัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคับ และให้ดาเนินการตามมาตรา ๒๕๖/๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยรัฐธรรมนูญน้ี ให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวัน นบั แตว่ นั ทร่ี ัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคบั เม่ือได้มีพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้เร่ิมดาเนินการให้ได้มาซ่ึงสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนญู ตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๒) (๓) และ (๔) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซง่ึ แก้ไข เพิม่ เตมิ โดยรัฐธรรมนูญนี้ ใหแ้ ลว้ เสร็จภายในเกา้ สบิ วนั นบั แตว่ นั ทีร่ ฐั ธรรมนญู น้ีใช้บงั คบั ” คณะกรรมาธิการได้ชแ้ี จงแล้ว ผแู้ ปรญัตติพอใจ นายพธิ า ล้ิมเจรญิ รัตน์ และนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ขอแปรญัตตแิ กไ้ ขความในมาตรา ๕ เป็นดังนี้ “มาตรา ๕ ในวาระเริ่มแรก ให้ตราพระราชกฤษฎีกากาหนดให้มีการรับสมัครเลือกต้ัง เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเติม โดยรัฐธรรมนูญนี้ ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่รัฐธรรมนูญน้ีใช้บังคับ และให้ดาเนินการตามมาตรา ๒๕๖/๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญน้ี ให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวัน นับแตว่ นั ที่รัฐธรรมนญู น้ใี ชบ้ ังคบั เมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหน่ึงแล้ว ให้เร่ิมดาเนินการให้ได้มาซึ่งสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๒) (๓) และ (๔) ของรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งแก้ไข เพมิ่ เติมโดยรฐั ธรรมนญู นี้ ให้แล้วเสรจ็ ภายในเกา้ สบิ วันนับแตว่ นั ทีร่ ัฐธรรมนูญนีใ้ ชบ้ ังคับ” คณะกรรมาธิการไดช้ ี้แจงแล้ว ผูแ้ ปรญัตติขอสงวน
(๑๑๖) นายมณเฑยี ร บุญตนั ขอแปรญตั ติแกไ้ ขเพิ่มเติมความในมาตรา ๕ เป็นดังน้ี “มาตรา ๕ ในวาระเริ่มแรก ให้ตราพระราชกฤษฎีกากาหนดให้มีการรับสมัครเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) และ (๒) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญนี้ ภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ และให้ดาเนินการ ตามมาตรา ๒๕๖/๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดยรัฐธรรมนูญน้ี ให้แล้วเสร็จ ภายในเกา้ สบิ วนั นับแตว่ ันทรี่ ฐั ธรรมนูญนใี้ ชบ้ ังคับ เมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหน่ึงแล้ว ให้เร่ิมดาเนินการให้ได้มาซึ่งสมาชิก สภาร่างรฐั ธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๒) (๓) และ (๔) ของรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย ซึง่ แกไ้ ข เพิ่มเตมิ โดยรฐั ธรรมนูญน้ี ใหแ้ ลว้ เสร็จภายในเกา้ สบิ วันนับแตว่ ันทรี่ ฐั ธรรมนูญนี้ใช้บงั คับ” คณะกรรมาธิการไมเ่ หน็ ด้วย ผูแ้ ปรญัตตขิ อสงวน นายเขตรฐั เหลา่ ธรรมทัศน์ ขอแปรญตั ตติ ดั มาตรา ๕ ออกท้ังมาตรา คณะกรรมาธิการไมเ่ ห็นด้วย ผแู้ ปรญตั ตขิ อสงวน ๘. ไดเ้ สนอร่างรัฐธรรมนญู ตามทไ่ี ด้มีการแก้ไขเพ่ิมเติม มาพรอ้ มกับรายงานนี้ด้วยแลว้ (นายนกิ ร จานง) เลขานกุ ารคณะกรรมาธกิ าร
บันทึกหลักการและเหตุผล ประกอบร่างรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย แก้ไขเพิ่มเตมิ (ฉบับท่ี ..) พุทธศกั ราช .... หลกั การ แกไ้ ขเพ่มิ เติมรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย ดังต่อไปน้ี (๑) แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ หลกั เกณฑ์และวธิ ีการแก้ไขเพม่ิ เติมรฐั ธรรมนญู (แก้ไขเพม่ิ เตมิ มาตรา ๒๕๖) (๒) กาหนดการจัดทารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (เพ่ิมหมวด ๑๕/๑ การจัดทารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาตรา ๒๕๖/๑ มาตรา ๒๕๖/๒ มาตรา ๒๕๖/๓ มาตรา ๒๕๖/๔ มาตรา ๒๕๖/๕ มาตรา ๒๕๖/๖ มาตรา ๒๕๖/๗ มาตรา ๒๕๖/๘ มาตรา ๒๕๖/๙ มาตรา ๒๕๖/๑๐ มาตรา ๒๕๖/๑๑ มาตรา ๒๕๖/๑๒ มาตรา ๒๕๖/๑๓ มาตรา ๒๕๖/๑๔ มาตรา ๒๕๖/๑๕ มาตรา ๒๕๖/๑๖ มาตรา ๒๕๖/๑๗ มาตรา ๒๕๖/๑๘ และมาตรา ๒๕๖/๑๙) เหตผุ ล โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบันได้ประกาศและมีผลใช้บังคับมาเป็น ระยะเวลาหน่ึง แต่บทบัญญัติหลายมาตรายังไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยและบริบท ของสังคม ในด้านต่าง ๆ ทั้งในเรื่องของการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน กระบวนการการได้มาซ่ึงองค์กรต่าง ๆ ในสถาบันทางการเมือง การตรวจสอบและถ่วงดุลอานาจขององค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ ในการบริหาร ประเทศ การกระจายอานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ตลอดจนการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งสภาพปัญหาดังกล่าวอาจนามาซ่ึงความเข้าใจหรือความคิดเห็นไม่ตรงกันท่ีจะส่งผลให้เกิดความขัดแย้ง ในสังคม รวมทั้งอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศในด้านเศรษฐกิจ สังคม หรือด้านอื่น ๆ เพ่ือให้มีการ แก้ไขสภาพปัญหาที่เกิดข้ึนดังกล่าว ควรที่จะได้มีการศึกษาทบทวนรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุด ให้เกิดความชัดเจนและเหมาะสมย่ิงข้ึน เพื่อเป็นแม่แบบให้การดาเนินการด้านต่าง ๆ ในการแก้ไขปรับปรุง ให้ประเทศมีเสถียรภาพและความม่ันคง รวมทั้งให้เกิดการพัฒนาอย่างย่ังยืน อย่างไรก็ดี เน่ืองด้วยบทบัญญัติ เกี่ยวกับการแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีการกาหนดเง่ือนไขและข้ันตอน ในการแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญที่ค่อนข้างยุ่งยากอันอาจเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ บรรลตุ ามเจตนารมณ์ดังกล่าว สมควรท่ีจะแก้ไขบทบัญญัติมาตรา ๒๕๖ ของรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย เพ่ือให้การแกไ้ ขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นไปโดยเหมาะสมและไม่ยุง่ ยากดังเช่นบทบญั ญตั ิปัจจุบัน รวมทั้งสมควร ที่จะได้มีบทบัญญัติว่าด้วยการจัดทารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ข้ึนท้ังฉบับ โดยให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นองค์กร ในการจัดทาร่างรัฐธรรมนูญ ซ่ึงจะได้เปิดโอกาสและสร้างพื้นที่การมีส่วนร่วมทางการเมืองจากทุกภาคส่วน เพื่อจัดทาร่างรัฐธรรมนูญให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับเจตจานงทางการเมืองของประชาชนท่ีจะมี ความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งข้ึนและแก้ไขปัญหาดงั กล่าวข้างตน้ ได้อย่างเป็นระบบ รวมทั้งเป็นการเปิดโอกาส ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดทาและรา่ งรฐั ธรรมนญู โดยการรับฟังความคิดเห็นและการออกเสียงประชามติ จงึ จาเป็นตอ้ งตรารัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยนี้
รา่ ง รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย แกไ้ ขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี ..) พุทธศักราช .... ..................................................... ..................................................... ..................................................... ......................................................................................................................................................... ..................................... โดยท่ีเป็นการสมควรแก้ไขเพ่มิ เติมรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย ......................................................................................................................................................... ..................................... มาตรา ๑ รัฐธรรมนูญนี้เรียกว่า “รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี ..) พทุ ธศักราช ....” มาตรา ๒ รัฐธรรมนูญน้ใี หใ้ ชบ้ งั คับตั้งแต่วนั ถัดจากวนั ประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเป็นตน้ ไป มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๕๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้ใช้ ความต่อไปน้ีแทน “มาตรา ๒๕๖ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๕๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ ให้กระทาได้ ตามหลกั เกณฑ์และวธิ ีการ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องมาจากคณะรัฐมนตรี หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจานวน ไมน่ ้อยกว่าหน่ึงในห้าของจานวนสมาชิกท้งั หมดเท่าท่ีมีอยขู่ องสภาผู้แทนราษฎร หรือจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาจานวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในห้าของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของท้ังสองสภา หรือจาก ประชาชนผู้มสี ทิ ธเิ ลอื กตั้งจานวนไมน่ อ้ ยกว่าหา้ หม่ืนคนตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการเขา้ ชื่อเสนอกฎหมาย (๒) ญัตติขอแก้ไขเพ่ิมเติมต้องเสนอเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมต่อรัฐสภา และให้รัฐสภา พิจารณาเป็นสามวาระ (๓) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่หน่ึงข้ันรับหลักการ ให้ใช้วิธีเรียกช่ือและลงคะแนน โดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการแก้ไขเพ่ิมเติมน้ัน ไม่น้อยกว่าสามสองในห้าสาม ของจานวนสมาชกิ ทง้ั หมดเทา่ ทมี่ อี ย่ขู องท้งั สองสภา (๔) การพิจารณาในวาระที่สองขั้นพิจารณาเรียงลาดับมาตรา โดยการออกเสียงในวาระที่สองน้ี ให้ถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ แต่ในกรณีท่ีเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมท่ีประชาชนเป็นผู้เสนอ ตอ้ งเปิดโอกาสใหผ้ ูแ้ ทนของประชาชนที่เขา้ ชอื่ กนั ไดแ้ สดงความคิดเห็นด้วย (๕) เมื่อการพิจารณาวาระท่ีสองเสร็จสิ้นแล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน เม่ือพ้นกาหนดน้ีแล้วให้รัฐสภา พิจารณาในวาระทีส่ ามตอ่ ไป
๒ (๖) การออกเสียงลงคะแนนในวาระที่สามขั้นสุดท้าย ให้ใช้วิธีเรียกชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย และต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยในการท่ีจะให้ออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญ ไม่น้อยกว่า สามสองในห้าสาม ของจานวนสมาชิกทัง้ หมดเท่าทม่ี ีอยูข่ องท้งั สองสภา (๗) เม่ือมีการลงมติเห็นชอบตาม (๖) แล้ว ให้รอไว้สิบห้าวัน แล้วจึงนาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไข เพิ่มเตมิ ขน้ึ ทลู เกล้าทลู กระหมอ่ มถวาย และใหน้ าความในมาตรา ๘๑ มาใชบ้ งั คับโดยอนุโลม (๘) ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมเป็นการแก้ไขเพ่ิมเติมหมวด ๑ บททั่วไป หมวด ๒ พระมหากษัตริย์ หมวด ๑๕ การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญ หรือเร่ืองท่ีเก่ียวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้าม ของผู้ดารงตาแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เก่ียวกับหน้าที่หรืออานาจของศาลหรือองค์กรอิสระ หรือเรอ่ื งทีท่ าให้ศาลหรอื องค์กรอสิ ระไมอ่ าจปฏิบัติตามหน้าท่ีหรืออานาจได้ ก่อนดาเนินการตาม (๗) ใหจ้ ดั ให้มี การออกเสยี งประชามติตามกฎหมายว่าดว้ ยการออกเสียงประชามติ ถา้ ผลการออกเสยี งประชามตเิ หน็ ชอบด้วย กบั ร่างรฐั ธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติม จึงใหด้ าเนินการตาม (๗) ตอ่ ไป (๙) ก่อนนายกรัฐมนตรีนาความกราบบังคมทูลเพ่ือทรงลงพระปรมาภิไธยตาม (๗) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา หรือสมาชิกทั้งสองสภารวมกัน มีจานวนไม่น้อยกว่าหน่ึงในสิบ ของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา หรือของท้ังสองสภารวมกัน แล้วแต่กรณี มีสิทธิเข้าช่ือกัน เสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกหรือประธานรัฐสภา แล้วแต่กรณี ว่าร่างรัฐธรรมนูญ ตาม (๗) ขัดต่อมาตรา ๒๕๕ หรือมีลักษณะตาม (๘) หรือกระบวนการตราขึ้นไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญ และให้ประธานแห่งสภาที่ได้รับเร่ืองดังกล่าวส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ และให้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับเรื่อง ในระหว่างการพิจารณาวินิจฉัย ของศาลรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีจะนาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย เพื่อพระมหากษัตรยิ ์ทรงลงพระปรมาภไิ ธยมิได้” มาตรา ๔ ใหเ้ พ่มิ ความตอ่ ไปนี้เป็นหมวด ๑๕/๑ การจัดทารัฐธรรมนูญฉบบั ใหม่ มาตรา ๒๕๖/๑ ถงึ มาตรา ๒๕๖/๑๙ ของรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย “หมวด ๑๕/๑ การจัดทารฐั ธรรมนูญฉบบั ใหม่ มาตรา ๒๕๖/๑ ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญทาหน้าท่ีจัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามหมวดน้ี ประกอบดว้ ยสมาชกิ จานวนสองรอ้ ยคน ดังต่อไปนซี้ ง่ึ มาจากการเลอื กตัง้ ของประชาชน (๑) สมาชิกซึ่งมาจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชนในแต่ละจังหวัดจานวนหน่ึงร้อย หา้ สบิ คน (๒) สมาชกิ ซ่งึ รฐั สภาคดั เลือกจานวนยีส่ ิบคน (๓) สมาชิกซึ่งที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจานวนย่ีสิบคน โดยคัดเลือก จากผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จานวนสิบคน และจาก ผ้มู ีประสบการณด์ า้ นการเมือง การบรหิ ารราชการแผ่นดิน หรอื การร่างรัฐธรรมนูญ จานวนสบิ คน (๔) สมาชกิ ซึ่งคัดเลอื กจากนกั เรียน นสิ ติ หรือนักศกึ ษา จานวนสบิ คน
๓ มาตรา ๒๕๖/๒ บุคคลผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิก สภาร่างรฐั ธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) (๑) มสี ัญชาติไทยโดยการเกิด (๒) มีอายไุ ม่ตา่ กว่าสิบแปดปบี ริบรู ณ์ในวนั เลือกต้ัง (๓) มชี ื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวดั ทีส่ มัครรับเลือกต้ังมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่นอ้ ยกว่าหา้ ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกต้ัง หรือเป็นบุคคลท่ีเกิดในจังหวัดท่ีสมัครรับเลือกตั้ง หรือเคยศึกษาในสถานศึกษา ที่ตั้งอยู่ในจังหวดั ท่ีสมัครรบั เลือกตงั้ เป็นเวลาตดิ ตอ่ กันไมน่ ้อยกวา่ ห้าปกี ารศึกษา หรือเคยรบั ราชการหรือปฏิบัติ หน้าท่ีในหน่วยงานของรัฐหรือเคยมีช่ืออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดที่สมัครรับเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี เป็นเวลา ตดิ ตอ่ กนั ไม่นอ้ ยกว่าหา้ ปี มาตรา ๒๕๖/๓ บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกต้ัง เป็นสมาชกิ สภาร่างรฐั ธรรมนญู ตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) (๑) เป็นบุคคลซึ่งมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา ๙๘ (๑) (๒) (๔) (๕) (๖) (๘) (๙) (๑๐) (๑๑) (๑๒) (๑๓) (๑๕) (๑๖) (๑๗) หรือ (๑๘) (๒) เปน็ ข้าราชการการเมอื ง (๓) เปน็ สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรอื รฐั มนตรี มาตรา ๒๕๖/๔ บุคคลซ่งึ จะได้รับแตง่ ตง้ั เปน็ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนญู ตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๒) (๓) และ (๔) ต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา ๒๕๖/๒ (๑) และ (๒) และไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา ๒๕๖/๓ มาตรา ๒๕๖/๕ การกาหนดจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) ในแต่ละจังหวัดจะพึงมี ให้ใช้จานวนราษฎรท้ังประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรท่ีประกาศในปีสุดท้าย ก่อนปีท่ีมีการเลือกต้ังสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เฉลี่ยด้วยจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจานวน หนึง่ สองร้อยหา้ สบิ คน จานวนท่ไี ด้รับให้ถือวา่ เป็นจานวนราษฎรตอ่ สมาชิกสภารา่ งรฐั ธรรมนูญหน่งึ คน จงั หวัดใดมีราษฎรไม่ถึงเกณฑ์จานวนราษฎรต่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญหนงึ่ คนตามวรรคหน่ึง ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญในจังหวัดน้ันได้หน่ึงคน จังหวัดใดมีราษฎรเกินจานวนราษฎรต่อสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญหน่ึงคน ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญในจังหวัดน้ันเพ่ิมข้ึนอีกหน่ึงคนทุกจานวนราษฎร ที่ถงึ เกณฑจ์ านวนราษฎรตอ่ สมาชกิ สภารา่ งรฐั ธรรมนูญหนง่ึ คน เม่ือได้จานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญของแต่ละจังหวัดตามวรรคหนึ่งและวรรคสองแล้ว ถ้าจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญยังไม่ครบหน่ึงสองร้อยห้าสิบคน จังหวัดใดมีเศษที่เหลือจากการคานวณ ตามวรรคสองมากที่สุด ให้จังหวัดนั้นมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเพิ่มข้ึนอีกหน่ึงคน และให้เพิ่มสมาชิก สภารา่ งรฐั ธรรมนูญตามวิธกี ารดงั กล่าวแกจ่ งั หวดั ท่ีมีเศษทเ่ี หลอื จากการคานวณนน้ั ในลาดับรองลงมาตามลาดับ จนครบจานวนหน่ึงสองร้อยหา้ สิบคน ในการเลือกตง้ั สมาชกิ สภาร่างรฐั ธรรมนูญให้ใช้เขตจังหวดั เป็นเขตเลอื กตงั้ มาตรา ๒๕๖/๖ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดให้มีการเลือกต้ังสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) ให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่มีเหตุแห่งการจัดทาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามหมวดน้ี
๔ การกาหนดวันเลือกต้ังสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามวรรคหนึ่ง ให้กระทาโดยตราเป็น พระราชกฤษฎีกาซึง่ ต้องกาหนดให้เป็นวนั เดียวกนั ท่ัวราชอาณาจักร ใหค้ ณะกรรมการการเลือกตงั้ จดั ให้มีการแนะนาตวั ผูส้ มัครอย่างเทา่ เทียมกัน การเลือกตงั้ สมาชิกสภารา่ งรัฐธรรมนูญใหใ้ ชว้ ิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลบั ให้ผู้ท่ีมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญได้หนึ่งคน และจะลงคะแนน เลือกผู้สมัครผู้ใดหรือจะลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเลยก็ได้ ท้ังนี้ ให้นามาตรา ๙๕ และมาตรา ๙๖ มาใช้บังคับ กับคุณสมบตั ิและลักษณะต้องห้ามของผู้ทม่ี ีสิทธิเลือกตง้ั สมาชกิ สภารา่ งรัฐธรรมนญู หลักเกณฑ์และวิธีการในการเลือกต้ังสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ให้เป็นไปตามระเบียบ ท่ีคณะกรรมการการเลือกต้ังกาหนด ท้ังน้ี ในการกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการการเลือกตั้งสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญ อาจกาหนดให้นาบทบัญญัติตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกต้ัง สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร รวมทัง้ บทกาหนดโทษท่ีเกยี่ วขอ้ งมาใชบ้ ังคบั โดยอนุโลม เม่อื ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภารา่ งรัฐธรรมนญู แล้ว ให้คณะกรรมการการเลอื กตง้ั ประกาศรับรอง ผลการเลอื กตง้ั ให้แล้วเสร็จภายในสิบหา้ วันนบั แต่วนั เลือกตัง้ โดยให้ผู้สมัครทีไ่ ด้รบั คะแนนสูงสดุ เรียงตามลาดับ จนครบตามจานวนสมาชิกสภาร่างรฐั ธรรมนญู ท่พี งึ มีในแตล่ ะจงั หวัดเปน็ ผู้ไดร้ ับเลอื กตง้ั ให้คณะกรรมการการเลือกต้ังจัดทาบัญชีรายชื่อผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ท่ี แ ต่ ล ะจั ง ห วั ด จ ะพึ ง มี ส่ ง ใ ห้ ป ร ะธ า น รั ฐ ส ภ า ภ า ย ใ น ห้ า วั น นั บ แ ต่ วั น ที่ ป ร ะก า ศ รั บ ร อง ผ ล ก า ร เ ลื อก ตั้ ง แล้วให้ประธานรฐั สภาประกาศรายชื่อบุคคลซ่ึงเป็นสมาชิกสภารา่ งรฐั ธรรมนูญในราชกจิ จานเุ บกษา มาตรา ๒๕๖/๗ การเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๒) ให้รัฐสภา ดาเนินการคัดเลือกโดยให้มีจานวนตามหรือใกล้เคียงกับอัตราส่วนของจานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชกิ วุฒสิ ภา ทงั้ น้ี ใหน้ าข้อบังคับการประชุมรัฐสภามาใชบ้ ังคับโดยอนุโลม มาตรา ๒๕๖/๘ การเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๓) ให้ที่ประชุม อธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกและจดั ทาบญั ชรี ายชื่อผู้ได้รบั คะแนนสงู สดุ เรียงตามลาดับตวั อักษรให้ได้ จานวนทีก่ าหนดในแต่ละประเภท ท้งั น้ี ตามหลกั เกณฑ์ที่ประชมุ อธกิ ารบดีแหง่ ประเทศไทยกาหนด การเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๔) ให้คณะกรรมการการเลือกต้ัง คัดเลือกนกั เรียน นสิ ิต หรอื นักศึกษา ให้ได้จานวนที่กาหนด ทั้งน้ี หลักเกณฑ์และวิธีการเสนอช่ือและการ คัดเลอื กใหเ้ ปน็ ไปตามระเบยี บท่คี ณะกรรมการการเลือกตัง้ กาหนด มาตรา ๒๕๖/๙ เม่ือได้ดาเนินการให้ได้มาซ่ึงสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๗ และมาตรา ๒๕๖/๘ ตามจานวนท่ีจะพึงมีในแต่ละประเภทแล้ว ให้ผู้ซ่ึงรับผิดชอบในการดาเนินการ ให้ได้มาซึ่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวจัดทาบัญชีรายช่ือส่งประธานรัฐสภาภายในห้าวัน นับแตด่ าเนินการใหไ้ ดม้ าแล้วเสร็จ เมื่อประธานรัฐสภาได้รับบัญชีรายช่ือตามวรรคหนึ่งและบัญชีรายชื่อตามมาตรา ๒๕๖/๖ วรรคแปด แล้ว ให้ประกาศรายช่ือบุคคลซ่ึงเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามบัญชีรายช่ือน้ัน ในราชกจิ จานเุ บกษา
๕ มาตรา ๒๕๖/๑๐ สมาชิกภาพของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เริ่มต้ังแต่วันที่สมาชิกผู้น้ัน ได้รับเลือกตั้ง แตง่ ตัง้ หรือเลือกเปน็ สมาชิกสภารา่ งรฐั ธรรมนญู แลว้ แต่กรณี สมาชกิ ภาพของสมาชกิ สภารา่ งรฐั ธรรมนญู สิ้นสดุ ลง เมอ่ื (๑) สภาร่างรฐั ธรรมนญู สน้ิ สดุ ตามมาตรา ๒๕๖/๑๘ (๒) ตาย (๓) ลาออก (๔) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา ๒๕๖/๒ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๒๕๖/๓ หรือตาม มาตรา ๒๕๖/๔ ในกรณีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๔) หากพ้นสภาพจากการ เป็นนักเรียน นิสิต หรอื นกั ศึกษา เม่ือตาแหน่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ ประเภทใดว่างลงเพราะเหตุอื่นใด นอกจากท่ีถึงคราวออกตาม (๑) ให้คณะกรรมการการเลือกต้ังหรือผู้ซึ่งแต่งตั้งหรือเลือกดาเนินการ เลื่อนบุคคลซึ่งได้คะแนนในลาดับต่อไปในบัญชีรายช่ือของสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญ แต่ละประเภท ที่ได้จัดทาไว้และยังเป็นบุคคลผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามข้ึน ประกอบด้วยสมาชิก สภาร่างรัฐธรรมนูญเท่าที่มีอยู่ และให้ดาเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญแทนตาแหน่งที่ว่าง ภายในกาหนดเวลาสี่สิบห้าวันนับแต่วันท่ีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญว่างลง เว้นแต่ไม่มีผู้อยู่ในบัญชีรายช่ือ ที่จะเล่ือนข้ึนมาหรือระยะสภาร่างรัฐธรรมนูญจะเหลือเวลาในการจัดทาร่างรัฐธรรมนูญ ของ สภารา่ งรัฐธรรมนูญเหลือไมถ่ ึงเก้าสิบวนั จะไมด่ าเนนิ การเลือกต้ังกไ็ ด้ ในกรณีท่ีตาแหน่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญว่างลงไม่ว่าด้วยเหตุใดและยังไม่มีการเลื่อน ลาดับขึ้นแทนตาแหน่งที่ว่างตามวรรคสาม หรือเป็นกรณีที่ไม่มีบุคคลที่จะเล่ือนลาดับข้ึนแทนตาแหน่ง ที่ว่างได้ ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญประกอบด้วยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญเท่าที่มีอยู่ แต่ท้ังนี้ สภาร่างรัฐธรรมนูญต้องมีจานวนสมาชิกเหลืออยู่ไม่น้อยกว่าก่ึงหนึ่งของจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา ๒๕๖/๑ มาตรา ๒๕๖/๑๑ สภาร่างรัฐธรรมนูญมีประธานสภาคนหนึ่งและรองประธานสภาคนหนึ่ง หรือสองคนซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งต้ังจากสมาชิกแห่งสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมติของสภาร่างรัฐธรรมนูญ และใหป้ ระธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามรบั สนองพระบรมราชโองการ ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอานาจดาเนินกิจการของสภาร่างรัฐธรรมนูญ ตามหมวดนี้ รองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญมีหน้าท่ีและอานาจตามที่ประธานสภาร่างรฐั ธรรมนูญมอบหมาย และปฏิบัติหน้าที่แทนประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญในกรณีที่ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญไม่อยู่หรือไม่สามารถ ปฏิบตั หิ น้าที่ได้ กรณีประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าท่ีได้ และไม่มีรองประธาน สภาร่างรัฐธรรมนูญปฏิบัติหน้าที่แทนตามวรรคสอง ให้ท่ีประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญเลือกสมาชิก สภารา่ งรัฐธรรมนูญคนหนง่ึ ทาหนา้ ที่เปน็ ประธานการประชมุ ในคราวนน้ั เพ่ือดาเนนิ การประชมุ ตอ่ ไปได้ มาตรา ๒๕๖/๑๒ เงินประจาตาแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอ่ืนของประธานและ รองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมาธิการที่สภาร่างรัฐธรรมนูญแต่งตั้ง ให้เปน็ ไปตามทกี่ าหนดไวใ้ นพระราชกฤษฎกี า
๖ มาตรา ๒๕๖/๑๓ สภาร่างรัฐธรรมนูญต้องจัดทาร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในกาหนดเวลา สองร้อยส่ีสิบวันนับแต่วันท่ีมีการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญครั้งแรก ซ่ึงต้องจัดให้มีขึ้นไม่ช้ากว่าสามสิบวัน นับแต่วันที่มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญทุกประเภทตามมาตรา ๒๕๖/๑ ซ่ึงมีจานวนรวมกันไม่น้อยกว่า ร้อยละเก้าสิบของจานวนสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญท้ังหมด แล้วให้ดาเนินการให้ได้มาซึ่งสมาชิก สภาร่างรฐั ธรรมนญู สว่ นท่ีเหลอื โดยเร็ว ก า ร ท่ี อ า ยุ ข อ ง ส ภ า ผู้ แ ท น ร า ษ ฎ ร สิ้ น สุ ด ล ง ห รื อ มี ก า ร ยุ บ ส ภ า ผู้ แ ท น ร า ษ ฎ ร ไ ม่ เ ป็ น เ ห ตุ กระทบกระเทือนตอ่ การปฏบิ ัตหิ นา้ ทีข่ องสภาร่างรัฐธรรมนูญตามวรรคหนง่ึ ในการจัดทาร่างรัฐธรรมนูญ ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ทั่วไป และประชาชนในทุกจังหวัดอย่างทั่วถึง โดยให้สภาร่างรัฐธรรมนูญ คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานของรัฐ ท่ีเก่ียวข้อง จัดให้มีการเผยแพร่เนื้อหาสาระและความคืบหน้าในการร่างรัฐธรรมนูญผ่านสื่อมวลชนและเวที แสดงความคิดเห็นตา่ ง ๆ ในระหว่างการจัดทาร่างรัฐธรรมนูญ ให้สภาร่างรัฐธรร มนูญแจ้งให้คณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา องค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐท่ีเก่ียวข้อง เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือมีข้อเสนอแนะอ่ืนใดในการจัดทาร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และภายในกาหนดเวลา ทส่ี ภารา่ งรฐั ธรรมนูญกาหนด การจัดทาร่างรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการแก้ไขเพ่ิมเติมหมวด ๑ บททั่วไป และหมวด ๒ พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย จะกระทามไิ ด้ กรณีทรี่ ัฐสภาวนิ จิ ฉยั วา่ รา่ งรฐั ธรรมนญู มลี กั ษณะตามวรรคหา้ ใหร้ า่ งรัฐธรรมนูญเป็นอันตกไป มาตรา ๒๕๖/๑๔ การพิจารณาและจัดทาร่างรัฐธรรมนูญ การประชุม การลงมติ การแต่งตั้ง กรรมาธิการและการดาเนินการของกรรมาธิการ การรักษาระเบียบและความเรียบร้อย และกิจการอื่น เพ่ือดาเนนิ การตามหมวดน้ี ให้นาขอ้ บังคับการประชุมรฐั สภามาใช้บงั คบั โดยอนโุ ลม การแต่งต้ังกรรมาธิการท่ีทาหน้าท่ียกร่างรัฐธรรมนูญหรือพิจารณาร่างรั ฐธรรมนูญ ให้สภาร่างรัฐธรรมนูญแต่งตั้งจากสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ สาหรับกรรมาธิการอื่นอาจแต่งตั้งจากบุคคล ซึ่งมิได้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญได้ โดยให้พิจารณาถึงความรู้ความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ในการ ทาหน้าท่ีและมจี านวนกรรมาธิการตามความจาเปน็ ให้นาความในมาตรา ๑๒๐ มาตรา ๑๒๔ และมาตรา ๑๒๕ มาใช้บังคับกับการประชุม สภาร่างรัฐธรรมนูญและการประชุมของคณะกรรมาธิการโดยอนโุ ลม มาตรา ๒๕๖/๑๕ เมอ่ื สภารา่ งรฐั ธรรมนญู จัดทาร่างรฐั ธรรมนญู เสรจ็ แล้ว ใหน้ าเสนอต่อรฐั สภา ให้รัฐสภาพิจารณาเพื่อให้อภิปรายแสดงความคิดเห็นชอบต่อรา่ งรัฐธรรมนูญท้ังฉบับให้แล้วเสร็จ ภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับร่างรัฐธรรมนูญ โดยจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมเป็นประการใดมิได้ไม่มี การลงมติ การลงมติให้ใชว้ ิธเี รียกชอ่ื และลงคะแนนโดยเปดิ เผยและต้องมีคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบ ในการท่ีจะออกใช้เป็นรัฐธรรมนูญมากกว่าก่ึงหน่ึงของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของท้ังสองสภา เม่ือรัฐสภาลงมติให้อภิปรายแสดงความคิดเห็นชอบต่อร่างรัฐธรรมนูญตามวรรคสองเสร็จส้ินแล้ว ให้ประธาน รัฐสภานาร่างรัฐธรรมนูญข้ึนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความในมาตรา ๘๑ วรรคสอง
๗ และมาตรา ๑๔๖ มาใช้บังคบั โดยอนุโลม และให้ประธานรัฐสภาเป็นผ้ลู งนามรบั สนองพระบรมราชโองการ ส่งใหค้ ณะกรรมการการเลือกตัง้ เพื่อจดั ให้มีการออกเสยี งประชามติตามมาตรา ๒๕๖/๑๖ ในกรณีที่มีคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบไม่ถึงก่ึงหนึ่งของจานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ของทั้งสองสภา ให้ดาเนินการจัดให้มีการประชามติเพื่อให้ประชาชนออกเสียงลงคะแนนว่าจะเห็นชอบ หรอื ไม่เห็นชอบกบั ร่างรัฐธรรมนูญท่สี ภาร่างรัฐธรรมนญู เสนอ มาตรา ๒๕๖/๑๖ ในกรณีท่ีจะต้องดาเนินการให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ตามมาตรา ๒๕๖/๑๕ ให้ประธานรัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวไปยังคณะกรรมการการเลือกต้ังภายใน เ จ็ ด วั น นั บ แ ต่ วั น ท่ี รั ฐ ส ภ า มี มติไ ม่เ ห็นช อ บ ป ร ะ ชุ ม เ พื่ อ อ ภิ ป ร า ย แ ส ด ง ค ว า ม คิ ด เ ห็ น ต่ อ ร่ า ง รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ท่ีสภาร่างรัฐธรรมนูญเสนอเสร็จส้ินตามมาตรา ๒๕๖/๑๕ เพ่ือให้คณะกรรมการการเลือกตั้งดาเนินการ จดั ให้มกี ารออกเสยี งประชามติของประชาชนวา่ จะเหน็ ชอบกบั ร่างรัฐธรรมนญู หรือไม่ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกาหนดวันออกเสียงประชามติซ่ึงต้องไมเ่ กินหกสบิ วัน แต่ไม่น้อยกว่าสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับร่างรัฐธรรมนูญจากรัฐสภา และวันออกเสียงประชามติ ใหก้ าหนดเปน็ วนั เดยี วกันทว่ั ราชอาณาจักร โดยเร่ิมตัง้ แตเ่ วลาแปดนาฬกิ าจนถงึ เวลาสิบเจด็ นาฬกิ า หลักเกณฑ์และวิธีการออกเสียงประชามติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วย การนั้นออกเสียง ประชามติ เทา่ ทีไ่ มข่ ัดหรอื แย้งต่อรัฐธรรมนญู นี้ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานของรัฐทเี่ กีย่ วขอ้ งจัดให้มีการเผยแพร่ เน้ือหาของร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนรับทราบเป็นการท่ัวไปผ่านช่องทางต่าง ๆ และให้นาเทคโนโลยี การสื่อสารมาสนับสนุนเพื่ออานวยความสะดวกในการเผยแพร่ ทั้งนี้ โดยคานึงถึงสิทธิและความเสมอภาค ในการแสดงความคดิ เห็นกับร่างรฐั ธรรมนญู ภายใตก้ รอบของกฎหมาย เมื่อการออกเสียงประชามติเสร็จส้ิน ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลการออกเสียง ประชามติให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันออกเสียงประชามติ หากคะแนนการออกเสียงประชามติ เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญให้ดาเนินการตามมาตรา ๒๕๖/๑๗ ต่อไป แต่หากคะแนนการออกเสียงประชามติ ไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญหรือผู้มีสิทธิออกเสียงมาออกเสียงลงคะแนนไม่ถึงกึ่งหน่ึงในห้าของจานวน ผู้มีสิทธิออกเสียง ให้ร่างรัฐธรรมนูญนั้นเป็นอันตกไป และให้แจ้งผลการออกเสียงประชามติให้ประธานรัฐสภา และประธานสภารา่ งรฐั ธรรมนูญทราบโดยเรว็ มาตรา ๒๕๖/๑๗ เมื่อผลการออกเสียงประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ให้ประธานรฐั สภา นาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย และให้นาความในมาตรา ๘๑ วรรคสอง และมาตรา ๑๔๖ มาใชบ้ ังคบั โดยอนโุ ลม และให้ประธานรัฐสภาเป็นผูล้ งนามรับสนองพระบรมราชโองการ มาตรา ๒๕๖/๑๘ สภาร่างรฐั ธรรมนูญสน้ิ สดุ ลงในกรณี ดังตอ่ ไปนี้ (๑) สภารา่ งรัฐธรรมนญู มจี านวนสมาชกิ เหลืออยไู่ มถ่ ึงกึง่ หนงึ่ (๒) สภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทาร่างรัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จภายในกาหนดระยะเวลา ตามมาตรา ๒๕๖/๑๓ วรรคหน่ึง (๓) เมื่อร่างรัฐธรรมนญู ตกไปตามมาตรา ๒๕๖/๑๓ วรรคหก หรือมาตรา ๒๕๖/๑๖ วรรคหา้ สี่ (๔) เม่ือร่างรัฐธรรมนูญไดป้ ระกาศใชบ้ ังคับเป็นรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทยแลว้
๘ ในกรณีท่ีสภาร่างรัฐธรรมนูญส้ินสุดลงตาม (๒) ให้ดาเนินการจัดให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ข้ึนใหม่ตามหมวดน้ีภายในเก้าสิบวันนับแต่วันส้ินสุดระยะเวลาตามมาตรา ๒๕๖/๑๓ วรรคหน่ึง ท้ังนี้ บุคคล ซึ่งเคยเป็นสมาชิกสภาร่างรฐั ธรรมนูญชุดเดิมจะเป็นสมาชิกสภารา่ งรฐั ธรรมนญู อกี ไมไ่ ด้ มาตรา ๒๕๖/๑๙ ในกรณีร่างรัฐธรรมนูญท่ีจัดทาขึ้นตามหมวดน้ีตกไป คณะรัฐมนตรี หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจานวนสมาชิกท้ังหมดเท่าท่ีมีอยู่ของ สภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภามีจานวนไม่น้อยกว่าหนง่ึ ในห้าของจานวน สมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของทั้งสองสภา มีสิทธิเสนอญัตติต่อรัฐสภา เพ่ือให้รัฐสภามีมติให้มีการจัดทา ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามหมวดนี้อีกได้ การออกเสียงลงคะแนนให้ความเห็นชอบของรัฐสภาต้องได้เสียง ไม่น้อยกว่าสองในสามของสมาชิกทั้งหมดเท่าท่ีมีอยู่ของทั้งสองสภา ท้ังนี้ บุคคลผู้ที่เคยเป็นสมาชิก สภาร่างรฐั ธรรมนญู จะเป็นสมาชกิ สภาร่างรฐั ธรรมนญู อีกมิได้ เม่ือรัฐสภามีมติอย่างหนึ่งอย่างใดตามวรรคหน่ึงแล้ว จะมีการเสนอญัตติตามวรรคหน่ึงอีกมิได้ เว้นแตจ่ ะมีการเลือกต้งั ทวั่ ไปคร้ังใหม่แล้ว” มาตรา ๕ ในวาระเริ่มแรก ให้ตราพระราชกฤษฎีกากาหนดให้มีการรับสมัครเลือกต้ังเป็น สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติม โดยรัฐธรรมนูญนี้ ภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ และให้ดาเนินการตามมาตรา ๒๕๖/๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดยรัฐธรรมนูญน้ี ให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวัน นับแต่วันที่รัฐธรรมนญู น้ใี ชบ้ ังคับ เม่ือได้มีพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้เร่ิมดาเนินการให้ได้มาซ่ึงสมาชิก สภาร่างรฐั ธรรมนญู ตามมาตรา ๒๕๖/๑ (๒) (๓) และ (๔) ของรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย ซ่ึงแก้ไข เพิม่ เติมโดยรัฐธรรมนูญนี้ ใหแ้ ลว้ เสร็จภายในเก้าสิบวันนับแต่วันทีร่ ฐั ธรรมนญู น้ใี ช้บังคับ ผรู้ ับสนองพระบรมราชโองการ .......................................... นายกรัฐมนตรี
พิมพ์ท่ี : สำนกั กำรพิมพ์ สำนักงำนเลขำธกิ ำรสภำผแู้ ทนรำษฎร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290