เอกสารประกอบการพิจารณา ตามระเบียบวาระการประชมุ เร่อื งที่คณะกรรมาธกิ าร พิจารณาเสร็จแลว้ เล่มท่ี 5 กลุ่มงานระเบยี บวาระ สานกั การประชุม
รายงาน ของ คณะกรรมาธิการวสิ ามัญ พจิ ารณาศกึ ษาและแก้ไขปัญหาชา้ งปา่ สภาผแู้ ทนราษฎร กลุ่มงานบริการเอกสารอ้างอิง สานกั กรรมาธิการ ๓ สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ก รายนามคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญพิจารณาศกึ ษาและแกไ้ ขปญั หาช้างป่า สภาผแู้ ทนราษฎร (ชุดท่ี ๒๕) นายสรวฒุ ิ เนื่องจานงค์ ประธานคณะกรรมาธกิ าร นายกิตติกร โลห่ ์สนุ ทร นายจารกึ ศรีอ่อน นางสาวแสงเดือน ชยั เลศิ รองประธานคณะกรรมาธิการ รองประธานคณะกรรมาธิการ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนทห่ี นง่ึ คนท่ีสอง คนทส่ี าม นางศรีสมร รศั มฤี กษ์เศรษฐ์ นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ พันตารวจโทฐนภัทร กิตติวงศา รองประธานคณะกรรมาธิการ รองประธานคณะกรรมาธิการ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนท่สี ี่ คนทหี่ า้ คนทห่ี ก นายวศนิ สริ เิ กยี รติกลุ นายสุชาติ อสุ าหะ นายอฏั ฐพล โพธพิ ิพิธ รองประธานคณะกรรมาธิการ ประธานที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธิการ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการ คนท่ีเจด็
ข นายจักรตั น์ พั้วช่วย นางสาวญาณธชิ า บวั เผื่อน นายคุณากร ปรีชาชนะชยั ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธิการ โฆษกคณะกรรมาธกิ าร โฆษกคณะกรรมาธกิ าร นายศิรสิทธ์ิ เลศิ ด้วยลาภ นายไพรนิ ทร์ หนมู าก นายพรเทพ วสิ ุทธวิ์ ฒั นศักดิ์ โฆษกคณะกรรมาธิการ โฆษกคณะกรรมาธกิ าร โฆษกคณะกรรมาธิการ นายกรรณ ศิรภิ ัทสร์ ผูช้ ว่ ยศาสตราจารยก์ ฤษณรักษ์ ธรี รฐั นายดารงค์ พิเดช กรรมาธกิ าร กรรมาธกิ าร กรรมาธิการ นายธัญญา เนติธรรมกลุ นายศิริศักดิ์ รว่ มพฒั นา นายสมศักดิ์ สุนทรนวภทั ร กรรมาธกิ าร กรรมาธกิ าร กรรมาธกิ าร นายบญั ญัติ เจตนจันทร์ นายสุวชิ าณ สุวรรณาคะ นายเดชา คงคา เลขานุการคณะกรรมาธกิ าร ผชู้ ว่ ยเลขานุการคณะกรรมาธิการ ผูช้ ่วยเลขานุการคณะกรรมาธิการ
ค รายนาม คณะอนกุ รรมาธกิ ารศกึ ษาการส่งเสริมความสมดลุ ของระบบนเิ วศ ในเขตป่าอนุรกั ษเ์ พื่อรองรบั ประชากรช้างปา่ อยา่ งยั่งยนื สภาผแู้ ทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ นายพรเทพ วสิ ทุ ธ์ิวัฒนศกั ด์ิ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ นายจาตุรงค์ เพ็งนรพฒั น์ นายศริ สิทธิ์ เลศิ ดว้ ยลาภ นายนติ ิพล ผวิ เหมาะ โฆษกคณะอนุกรรมาธกิ าร รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่หน่งึ คนทสี่ อง นายกรรณ ศิริภทั ร์ นายศุภกิจ วินิตพรสวรรค์ นายศรัณย์ ทมิ สุวรรณ โฆษกคณะอนุกรรมาธิการ เลขานกุ ารคณะอนกุ รรมาธิการ ผู้ช่วยเลขานุการ คณะอนุกรรมาธกิ าร นายนวรานนท์ อนัณวรณกรณ์ นายคุณากร ปรชี าชนะชยั นายศิริศกั ดิ์ ร่วมพฒั นา ทปี่ รกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร อนุกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ
ง รายนาม คณะอนกุ รรมาธิการศกึ ษาการปอ้ งกนั แก้ไขปญั หาช้างปา่ บุกรกุ ทท่ี ากนิ และเยยี วยา ในคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั พิจารณาศึกษาและแก้ไขปญั หาช้างปา่ สภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี ๒๕ นายจารึก ศรอี ่อน ประธานคณะอนุกรรมาธิการ นางสาวญาณธชิ า บวั เผือ่ น นายบัญญัติ เจตนจนั ทร์ รองประธานคณะอนกุ รรมาธิการ ประธานทีป่ รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ นายอมรชัย ปน่ิ เจริญ นายดเิ รก จอมทอง โฆษกคณะอนกุ รรมาธกิ าร โฆษกคณะอนุกรรมาธิการ นายจักรตั น์ พัว้ ชว่ ย นายดารงค์ อ่อนน้อม นายไพรนิ ทร์ หนมู าก อนกุ รรมาธิการ อนกุ รรมาธิการ อนกุ รรมาธกิ าร นายสวุ ิชาณ สุวรรณาคะ นายเพทาย สุภาผล เลขานกุ ารคณะอนุกรรมาธิการ ผชู้ ว่ ยเลขานกุ ารคณะอนุกรรมาธกิ าร
จ รายนาม คณะอนกุ รรมาธกิ ารศึกษาปรบั ปรงุ แก้ไขกฎหมายและระเบยี บที่เปน็ อปุ สรรค ตอ่ การแกไ้ ขปัญหาช้างป่า และศกึ ษาผลงานวจิ ัย นวัตกรรมท่เี กย่ี วขอ้ ง สภาผู้แทนราษฎร ชดุ ท่ี ๒๕ นายสชุ าติ อุสาหะ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ นายอภิชยั ยอดครุฑ นางสาวแสงเดอื น ชยั เลิศ พนั ตารวจโท ฐนภทั ร กิตตวิ งศา รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนท่หี น่งึ คนทสี่ อง คนทส่ี าม นางสาวจณิ ณพัต เพง็ นรพฒั น์ นายอัฏฐพล โพธพิ ิพิธ พลเอก สมชาย วษิ ณุวงศ์ เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ นายจิตรพรต พัฒนสิน นายณฐั ศักย์ ดีศรี นายพชิ ยา เจริญสขุ ใส อนุกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ อนุกรรมาธิการ
ฉ รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามญั พจิ ารณาศกึ ษาและแกไ้ ขปัญหาช้างปา่ สภาผู้แทนราษฎร ____________________________________________ ตามที่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี ๒๕ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๒๐ (สมัยสามัญประจาปีครั้งท่ีสอง) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ท่ีประชุมได้พิจารณา ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎร ต้ังคณะกรรมาธิการวสิ ามัญพิจารณาศกึ ษาแก้ปญั หาช้างป่าเพิ่มจานวนบุกรุกที่ทากนิ ของเกษตรกรและเยียวยา ผลกระทบอย่างย่ังยืน (นายบัญญัติ เจตนจันทร์ เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎร ต้งั คณะกรรมาธิการวิสามัญเพ่ือพิจารณาศึกษาแก้ไขปญั หาช้างปา่ บุกรกุ พื้นท่ีทากินของประชาชน (นายพรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักด์ิ เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เร่ือง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรต้ังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา แนวทางแก้ไขปัญหาช้างป่าบุกรุกพ้ืนท่ีทากินและสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรั พย์สินของประชาชน (นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ และนายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎร ต้ังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหากรณีช้างป่าออกนอกเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า เข้าทาลายทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตรของประชาชน และทาร้ายประชาชนถึงแก่ชีวิต (นางสาวเพชรชมพู กิจบูรณะ เปน็ ผเู้ สนอ) ญัตติ เร่ือง ขอใหส้ ภาผูแ้ ทนราษฎรต้ังคณะกรรมาธิการวสิ ามัญพิจารณาศึกษาแนวทางแก้ไข ปัญหาช้างป่าบุกรุกพ้ืนท่ีทากินและทาร้ายประชาชนในพ้ืนท่ีจังหวัดจันทบุรี (นายจารึก ศรีอ่อน เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหาแนวทางแก้ไขปัญหาช้างป่า อย่างย่ังยืน (นายนิติพล ผิวเหมาะ เป็นผู้เสนอ) ญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ วสิ ามัญพจิ ารณาศึกษาแก้ปัญหาช้างป่าบุกรกุ รบกวนวิถชี ีวิตความเป็นอยู่ ท่ีดินทากินของเกษตรกรและเยียวยา ผลกระทบอย่างย่ังยืน (นายสรวุฒิ เน่ืองจานงค์ เป็นผู้เสนอ) และญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎร ต้ังคณะกรรมาธิการวสิ ามัญพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างปา่ บกุ รุกเข้าทาลายทรพั ย์สิน พืชผลการเกษตร และทาร้ายประชาชน (นายสุชาติ อุสาหะ เป็นผู้เสนอ) และมีมติตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่า ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๔๙ และ ขอ้ ๕๐ โดยไดก้ าหนดระยะเวลาการพิจารณาศึกษาไว้ ๙๐ วัน ต่อมา คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแล้วพบว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการพิจารณาศึกษาและแก้ไข ปัญหาช้างป่ามีจานวนมาก และต้องรับฟังข้อเท็จจริงเก่ียวกับปัญหาและผลกระทบท่ีเกิดกับประชาชนในพื้นที่ ประสบภัยปัญหาช้างป่าจากพื้นที่ต่าง ๆ ดังน้ัน เพื่อให้การพิจารณาศึกษามีความรอบคอบและเกิดประโยชน์ สูงสุดในการพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่า คณะกรรมาธิการจึงได้มีมติขอขยายระยะเวลาการพิจารณา ศึกษาออกไปอีกสองคร้ัง คือ ครั้งที่หนึ่ง จานวน ๙๐ วัน และคร้ังที่สอง จานวน ๙๐ วัน ตามข้อบังคับการประชุม สภาผูแ้ ทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๐๖ รวมระยะเวลาการพจิ ารณาศกึ ษา ๒๗๐ วัน น้นั บัดน้ี คณะกรรมาธิการวิสามัญได้ดาเนินการพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาช้างป่า เสรจ็ เรียบรอ้ ยแล้ว ซ่ึงปรากฏผล ดังน้ี ๑. คณะกรรมาธกิ ารวิสามัญได้มีมตเิ ลอื กตั้ง คณะกรรมาธิการวิสามัญ ได้ดาเนินการเพื่อเลือกตั้งตาแหน่งต่าง ๆ ในคณะกรรมาธิการวิสามัญ ตามข้อบงั คบั การประชมุ สภาผ้แู ทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๓ วรรคสอง แลว้ มีมติ ดังน้ี
ช (๑) นายสรวุฒิ เนอื่ งจานงค์ ประธานคณะกรรมาธกิ าร (๒) นายกติ ตกิ ร โลห่ ส์ ุนทร รองประธานคณะกรรมาธิการ คนท่ีหนึ่ง (๓) นายจารึก ศรอี ่อน รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทส่ี อง (๔) นางสาวแสงเดอื น ชัยเลิศ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนทสี่ าม (๕) นางศรีสมร รศั มฤี กษเ์ ศรษฐ์ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนที่สี่ (๖) นายจาตุรงค์ เพง็ นรพฒั น์ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนที่ห้า (๗) พันตารวจโท ฐนภัทร กติ ติวงศา รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนทห่ี ก (๘) นายวศิน สริ เิ กียรติกุล รองประธานคณะกรรมาธิการ คนทเ่ี จด็ (๙) นายสชุ าติ อสุ าหะ ประธานทีป่ รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร (๑๐) นายอัฏฐพล โพธพิ ิพิธ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ าร (๑๑) นายจักรตั น์ พ้ัวช่วย ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธิการ (๑๒) นางสาวญาณธิชา บัวเผื่อน โฆษกคณะกรรมาธิการ (๑๓) นายคุณากร ปรชี าชนะชยั โฆษกคณะกรรมาธิการ (๑๔) นายศริ สิทธิ์ เลิศด้วยลาภ โฆษกคณะกรรมาธกิ าร (๑๕) นายไพรนิ ทร์ หนูมาก โฆษกคณะกรรมาธิการ (๑๖) นายพรเทพ วิสทุ ธิ์วัฒนศกั ด์ิ โฆษกคณะกรรมาธิการ (๑๗) นายบัญญัติ เจตนจันทร์ เลขานกุ ารคณะกรรมาธิการ (๑๘) นายสุวชิ าณ สวุ รรณาคะ ผ้ชู ว่ ยเลขานกุ ารคณะกรรมาธิการ (๑๙) นายเดชา คงคา ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธิการ ๒. คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีมตติ ้งั ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ คอื (๑) ศาสตราจารยโ์ กวทิ ย์ พวงงาม ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๒) นายเกยี รติศกั ด์ิ ตันติวรวงษ์ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการวิสามญั (๓) นางสาวจณิ ณพัต เพ็งนรพฒั น์ ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๔) นายดเิ รก จอมทอง ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการวสิ ามญั (๕) นายดารงค์ ออ่ นนอ้ ม ท่ปี รกึ ษาคณะกรรมาธิการวิสามญั (๖) นายทิวฒั น์ รัตนเกตุ ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๗) นายนวรานนท์ อนณั วรณกรณ์ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๘) นางสาวนารากร ตยิ ายน ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธิการวิสามญั (๙) นายนติ ิพล ผิวเหมาะ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวสิ ามญั (๑๐) นายมานะ ชนะสิทธิ์ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ (๑๑) รองศาสตราจารยร์ ตั นวัฒน์ ไชยรัตน์ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๑๒) นายวชิ ิต ปล่งั ศรสี กุล ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ (๑๓) ดาบตารวจ วิเชียรยตุ จันทร์เขยี ว ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการวิสามญั (๑๔) นายวัชรพล โตมรศกั ดิ์ ท่ปี รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๑๕) นายวันเผด็จ เตชะนันทวณชิ ทีป่ รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๑๖) นายศักดินัย น่มุ หนู ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ
ซ (๑๗) นางสาวสชุ ัญญา แสงสวา่ ง ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการวิสามญั (๑๘) นายอนงค์ สมคิด ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๑๙) นายกิตตธิ ชั ไชยอรรถ ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๒๐) นายเกรียงไกร ชว่ ยดารงสกลุ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ (๒๑) นายคมสนั เรอื งฤทธส์ิ าระกลุ ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๒๒) นายจิรศกั ดิ์ เกตวุ ตั ถา ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๒๓) นายตระกลู สวา่ งอารมณ์ ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธิการวสิ ามญั (๒๔) นายธวชั ลลี าสุขสนั ต์ ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๒๕) นายโนชญ์ ชาญด้วยกิจ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามญั (๒๖) นายเพทาย สภุ าผล ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๒๗) นายมานะ เพิม่ พูล ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๒๘) นายศภุ กิจ วนิ ิตพรสวรรค์ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๒๙) นายศุภชัย ธาราธนวัตร ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๓๐) นายสมร เคหะธรรม ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการวิสามญั (๓๑) นายสมยศ ศรีทองคา ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๓๒) นายสารคาม คูคา ที่ปรึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๓๓) นายสพุ จน์ กลุ ประยงค์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๓๔) นายสุรชัย สขุ สวสั ดิ์ ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๓๕) นายสุรพล นาคนคร ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๓๖) นายสรุ นิ ทร์ สินรัตน์ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ (๓๗) นายหลิม สาธุชาติ ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๓๘) นายอดุ ร โพธพิ์ ว่ ง ท่ปี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๓๙) นายกมล เลศิ ประเสรฐิ เวช ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ (๔๐) ร้อยเอก จองชัย วงศ์ทรายทอง ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๔๑) นางณิชชา สวุ รรณาคะ ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ (๔๒) นางสาวพมิ พภ์ ทั รา วิชัยกลุ ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๔๓) นายภทั รพล มณีอ่อน ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๔๔) นายมนตรี ปาน้อยนนท์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๔๕) นายวสันต์ สนุ จิรตั น์ ท่ปี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๔๖) นายสมพงศ์ คทู รพั ยท์ วี ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๔๗) นายอมรชัย ป่ินเจริญ ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๔๘) นายอคั รเดช วงษพ์ ทิ กั ษโ์ รจน์ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๔๙) นายชาญชัย เรอื งสขุ ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๕๐) นายพทิ ักษ์ ยิ่งยง ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการวิสามญั (๕๑) นายมารุต พสิ ุทธิพันธพ์ งศ์ ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ
ฌ (๕๒) นายสมชาติ ดว้ งประเสรฐิ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๕๓) ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยส์ มั พันธ์ จันทรด์ า ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการวสิ ามญั (๕๔) นายกฤษณาพันธุ์ พนั ธศรีนิธศิ ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการวสิ ามญั (๕๕) นายสมนึก จงมีวศิน ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการวสิ ามญั (๕๖) นายสนั ติ โชคชยั ชานาญกจิ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการวสิ ามญั (๕๗) นายอิทธิเดช บญุ โยประการ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๕๘) นายเฉลยี ว มะลคิ า ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ (๕๙) นายสุวฒั น์ สขุ สาลี ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๖๐) นายภาณมุ าส อ่นุ เจริญ ท่ีปรึกษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ (๖๑) นายโกศล โมมา ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ (๖๒) นายรักชีพ ชชู ่วย ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ (๖๓) นายสมหมาย ผอ่ งผล ท่ปี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๖๔) นางสาวพิชภณ์ ชิ า กวางทอง ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๖๕) นายสรยิ า สายธนู ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๖๖) นายศภุ กิจ จินดาพรรณ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๖๗) นายสมเจตน์ จันทนา ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธิการวสิ ามญั (๖๘) นายประจวบ มะลแิ ย้ม ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๖๙) นายละลวย วันดี ทปี่ รกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๗๐) นายวฒุ ิ ปะส่งิ ชอบ ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๗๑) นางภาสนิ ี สุวรรณเจริญ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการวิสามญั (๗๒) นายรพี ชานาญเรอื ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๗๓) นายพนพล ศรีทา ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๗๔) นายบญุ สิน จนั ทะสอน ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๗๕) นายประสทิ ธ์ิ แซ่ลื้ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๗๖) นางสมจติ ต์ พวงบุญชู ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ (๗๗) นายปฏิพันธ์ ชาญดว้ ยกิจ ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๗๘) นายชินวัฒน์ หาบญุ พาด ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๗๙) นางสาวกติ ตยิ า บญุ โยประการ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๘๐) เรือตรี เสกสรรค์ ทองศรี ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๘๑) นายนพธนชัย วสชุ ยั พิโรดม ทปี่ รกึ ษาคณะกรรมาธิการวสิ ามญั (๘๒) นางดารา หสั รังค์ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธิการวสิ ามญั (๘๓) นายอดุ ม ออ่ งสทิ ธิ์ ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๘๔) นางสาวจนิ ตนา พลอยพานชิ เจรญิ ทีป่ รึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ (๘๕) นายสมชาย ฉากเขยี น ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวสิ ามญั (๘๖) นายสออ้ ย ม่งิ ไธสงค์ ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๘๗) นายประพันธ์ บุญมี ที่ปรึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ
ญ (๘๘) นางสาวอสิ ราภรณ์ เจรญิ ทรัพย์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๘๙) นายสุพจน์ อดุ มจริยคณุ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ (๙๐) นางอนชุ สา จนั ทสทิ ธ์ิ ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ (๙๑) นายณฐั ธวชั ผู้ลา้ เลิศ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ (๙๒) นายเนวี สขุ มุ กาญจนะ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๙๓) นางสาวพัชณีย์ กากะนิ ทปี่ รกึ ษาคณะกรรมาธิการวิสามญั (๙๔) นายเอกชัย แสนดี ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ (๙๕) นางสาวศรินญา ธีรารัฐ ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๙๖) นายพรพรต จิตต์รตั นธรรม ที่ปรึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๙๗) พลเรือตรี สมาน สขุ วิบูลย์ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๙๘) นายสมพาส จันแกว้ ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ (๙๙) นายสมชาย สบื สุข ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ (๑๐๐) นายวงศต์ ระกูล มาเกตุ ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธิการวิสามญั (๑๐๑) นายวทิ ยา คงปาน ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๑๐๒) นายวินัย ชสู กุลตันติวงค์ ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๑๐๓) นางสาวอภิชญา ธันยาวฒุ ิ ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ (๑๐๔) นายเดชา อยหู่ ว่าง ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามญั (๑๐๕) นายภาสกร ดมหอม ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๑๐๖) นายสีหพ์ งษ์ ธารานุวตั ร ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ ๓. คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญได้มมี ตติ ัง้ ท่ปี รกึ ษาประธานคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ คือ (๑) นายเฉลมิ ชัย สาเรจ็ กิจสกุล ทป่ี รึกษาประธานคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ (๒) นายนฤพล นิยมทรัพย์ ทป่ี รกึ ษาประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ (๓) นายภูมสิ รรค์ เสนวี งศ์ ณ อยธุ ยา ทป่ี รกึ ษาประธานคณะกรรมาธิการวสิ ามญั (๔) นายอาทติ ย์ สเี หลอื ง ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการวิสามญั (๕) ร้อยตารวจตรี วลั ลภ ทศั นาธนพงษ์ ที่ปรกึ ษาประธานคณะกรรมาธิการวิสามญั (๖) นายสมชาย ลาภทวีพรทรพั ย์ ท่ีปรกึ ษาประธานคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๗) พลเอก สมชาย วิษณุวงศ์ ทปี่ รึกษาประธานคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั (๘) นายสมศกั ด์ิ เดชอุดมไพศาล ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๙) นายสมโชค สทิ ธภิ านวุ งค์ ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการวสิ ามญั (๑๐) นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ทป่ี รกึ ษาประธานคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั (๑๑) นายสายยนต์ รัตนะไมตรี ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการวิสามญั (๑๒) นายปรญิ ญา จิตตอ์ ารี ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ (๑๓) นายไพชยนต์ กงั วลกจิ ทป่ี รกึ ษาประธานคณะกรรมาธิการวสิ ามญั
ฎ ๔. การแตง่ ตงั้ ผชู้ ว่ ยเลขานุการคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีมติแต่งต้ังให้ นางนภาภรณ์ แพทย์พันธุ์ วิทยากรเช่ียวชาญ กลมุ่ งานบรกิ ารเอกสารอ้างอิง สานักกรรมาธกิ าร ๓ สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร เป็นผชู้ ่วยเลขานกุ าร คณะกรรมาธิการ ตามข้อบังคบั การประชมุ สภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ้ ๙๓ วรรคส่ี ๕. ผซู้ ่งึ คณะรฐั มนตรไี ด้มอบหมายใหม้ าช้แี จงแสดงความคิดเหน็ คอื - กระทรวงคมนาคม กรมทางหลวง (๑) นายมนตรี เดชาสกลุ สม รองอธิบดกี รมทางหลวง (๒) นายสมหวงั โลหะนตุ ผู้อานวยการแขวงทางหลวงสระแกว้ (๓) นายสมประสงค์ อรรถาชิต ผู้อานวยการแขวงทางหลวงฉะเชงิ เทรา (๔) นายจริ ะพงศ์ เทพพทิ ักษ์ ผู้อานวยการสานกั งานทางหลวงท่ี ๑๐ (๕) นายกาธร ศรพี ิทักษ์ ผู้อานวยการสานกั งานทางหลวงที่ ๑๒ (๖) นายปกรณ์ ศรปี านวงค์ รองผูอ้ านวยการสานกั งานทางหลวงที่ ๑๐ (๗) นายศภุ โชค มีอาพล รองผ้อู านวยการสานักงานทางหลวงที่ ๑๔ (๘) นายพิชญ รงุ่ เรอื งวิโรจน์ วศิ วกรโยธาเชี่ยวชาญ สานกั บริหารบารุงทาง (๙) นายประภัทรเผา่ อาวะกุล วศิ วกรโยธาเชย่ี วชาญ สานักบริหารบารงุ ทาง (๑๐) นายบญุ ธรรม ไกรศรศรี วศิ วกรโยธาเชี่ยวชาญ สานกั สารวจและออกแบบ (๑๑) นายพงศเ์ ทพ ทองพฒั น์ วศิ วกรโยธาเชย่ี วชาญ สานกั งานทางหลวงท่ี ๑๕ (๑๒)นายธวัชชยั แสงรัตน์ วศิ วกรโยธาชานาญการพิเศษสานกั อานวยความปลอดภัย (๑๓) นายเชาวลิต นาประจุล วศิ วกรโยธาชานาญการพิเศษ สานกั งานทางหลวงที่ ๑๒ (๑๔) นายชัยวฒุ ิ กาญจนะสันตสิ ขุ วศิ วกรโยธาชานาญการพเิ ศษ สานกั อานวยความปลอดภัย (๑๕) นายพรเทพ ธรี ะกลุ วิศวกรโยธาชานาญการพเิ ศษ สานักงานทางหลวงที่ ๑๕ (๑๖) นายครรชติ กุศล วศิ วกรโยธาชานาญการพเิ ศษ สานกั ก่อสร้างทางท่ี ๑ (๑๗) นายธนคม บญุ รอด วศิ วกรโยธาชานาญการพิเศษ สานกั กอ่ สร้างทางที่ ๒ (๑๘) นางสาวสภุ ัทตรา มาลาเวช นักวชิ าการสถติ ิชานาญการ สานกั งานทางหลวงที่ ๑๐ (๑๙) นางวภิ า พลครบรุ ี นกั วิชาการสถิตชิ านาญการ สานักงานทางหลวงท่ี ๑๐ (๒๐) นายนฤดล บารงุ วงษ์ นายช่างโยธาอาวุโส สานกั งานทางหลวงที่ ๑๕ ๖. ผู้ซงึ่ คณะกรรมาธกิ ารวิสามัญได้เชญิ มาช้ีแจงแสดงความคิดเหน็ คือ ๖.๑ กระทรวงคมนาคม (๑) นายอภิชาต จนั ทรทรพั ย์ รองอธิบดีกรมทางหลวง (๒) นายประภทั รเผ่า อาวะกุล วิศวกรโยธาเช่ียวชาญ สานักบรหิ ารบารุง กรมทางหลวง ๖.๒ กระทรวงมหาดไทย (๑) กรมส่งเสริมการปกครองสว่ นท้องถิ่น ๑) นายทวี เสรมิ ภักดกี ลุ รองอธบิ ดีกรมสง่ เสรมิ การปกครองส่วนท้องถิ่น ๒) นายธีรยทุ ธ สาราญทรัพย์ ผตู้ รวจราชการ ๓) นางสาวออ้ วดี สนุ ทรวภิ าต ผู้อานวยการกองสิง่ แวดล้อมท้องถิ่น
ฏ ๔) นายสมศกั ดิ์ หนูสนทิ ผู้อานวยการกล่มุ งานทรัพยากรธรรมชาติ ๕) นายฐนกริศน์ รัตนวงศ์กวี หวั หน้ากลุ่มงานทรัพยากรธรรมชาติ ๖) นายธรี เนศ แสงแปน้ นกั วเิ คราะหน์ โยบายและแผนชานาญการ ๗) นายพรี ะศักด์ิ ชนิ ชยั พงษ์ เลขานกุ ารรองอธิบดีกรมสง่ เสริมการปกครอง ส่วนทอ้ งถ่นิ (๒) กรมที่ดิน - นางสาวขนิษฐา วงศ์สวสั ด์ิ ผู้อานวยการสว่ นจดั การท่ดี ินของรฐั (๓) จังหวัดเพชรบรุ ี รองผวู้ ่าราชการจงั หวัดเพชรบุรี ๑) นายณัฐวุฒิ เพช็ รพรหมศร หวั หน้าศูนยว์ ิจยั และพฒั นานวัตกรรม ๒) นายธรรมนญู เตม็ ไชย อทุ ยานแห่งชาติ จังหวดั เพชรบุรี เจา้ พนักงานปกครอง (ปฏบิ ัตหิ น้าทีเ่ ลขานุการ ๓) นายธนวัฒน์ ณนรงค์ รองผวู้ า่ ราชการจังหวดั เพชรบุร)ี (๔) จงั หวัดกาญจนบุรี ผอู้ านวยการสานกั งานทรัพยากรธรรมชาติ ๑) นายประหยดั จงจริยวงศ์ และส่ิงแวดล้อมจังหวดั กาญจนบรุ ี ผู้แทนจากนายอาเภอศรีสวัสด์ิ ๒) นายสุทธิพร ศิรเวทพกิ ลุ ผแู้ ทนจากนายอาเภอทองผาภมู ิ ๓) นายนรชิต เหลอื งอรา่ มฟ้า ปลัดอาเภอไทรโยค ๔) นายสุชาย ไมแ้ กน่ จันทร์ เจ้าพนกั งานปา่ ไม้อาวุโส หวั หน้าเขตรกั ษาพนั ธุ์ ๕) นายไพฑูรย์ อินทรบตุ ร สัตวป์ ่าสลกั พระ ผู้แทนชาวบา้ นอาเภอทองผาภูมิ ๖) นายรพี ชานาญเรือ (๕) จงั หวดั จันทบรุ ี ๑) นายอลงกรณ์ แอคะรจั น์ รองผวู้ า่ ราชการจงั หวดั จนั ทบุรี ๒) นางภาสินี สวุ รรณเจรญิ หวั หน้าสานกั งานปอ้ งกันและบรรเทา สาธารณภัยจงั หวดั จนั ทบรุ ี ๓) วา่ ที่ร้อยตรี สทิ ธา โฆษติ พนั ธวงศ์ นกั วเิ คราะห์นโยบายและแผนชานาญการ (๖) จงั หวัดประจวบครี ขี นั ธ์ รองผูว้ า่ ราชการจังหวดั ประจวบคีรขี ันธ์ - นายศิรศิ ักด์ิ ศริ ิมังคะลา (๗) จังหวดั ฉะเชงิ เทรา รองผ้วู า่ ราชการจังหวดั จังหวดั ฉะเชงิ เทรา ๑) นายสรายทุ ธ แก้วปรีชา ผแู้ ทนชาวบ้านอาเภอท่าตะเกยี บ ๒) นายธนดล เมตตา (๘) จังหวดั ระยอง รองผวู้ ่าราชการจงั หวัดระยอง ๑) นายอนนั ต์ นาคนิยม ๒) นางสาวกานตจ์ รสั เอยี ดทองใส นายอาเภอเขาชะเมา (๙) จงั หวัดชลบุรี ผอู้ านวยการสานกั งานทรพั ยากรธรรมชาติและ ๑) นายสุพจน์ กลุ ประยงค์ สง่ิ แวดล้อม จังหวดั ชลบุรี
ฐ ๒) นายรงั สรรค์ โค้ววราวรรณ เจา้ พนกั งานปา่ ไมอ้ าวโุ ส ๓) นายรวิภาส ศิริเลิศ นกั วชิ าการป่าไมป้ ฏบิ ตั ิการ (๑๐) จังหวดั สระแกว้ ผู้อานวยการสานักงานทรัพยากรธรรมชาติและ ๑) นายธีรพล ศรโี มรา สง่ิ แวดลอ้ ม จังหวัดสระแก้ว ๒) นางสาวณัฐณิชา รัตนธรรม รกั ษาการหวั หนา้ ฝ่ายสงเคราะห์ผู้ประสบภัย สานักงานปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั (๑๑) จังหวัดตราด จังหวดั สระแก้ว ๑) นายชศู ษิ ฎ์ พงษ์เจรญิ ผอู้ านวยการสว่ นทรพั ยากรธรรมชาติ ๒) นายธญั ญา วฒั นวีรพงษ์ สานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓) นายบญั ญัติ โยธะกา จังหวดั ตราด ๔) นายอวริ ุทธ์ิ วรกิตต์ิไพศาล หวั หน้ากลมุ่ ยุทธศาสตร์ตราด สานักงานทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม จงั หวดั ตราด เจ้าพนักงานป่าไม้อาวโุ ส สานกั งานทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม จังหวดั ตราด หวั หน้าสานักงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั จังหวดั ตราด ๖.๓ กระทรวงกลาโหม เสนาธิการปอ้ งกันชายแดนจนั ทบุรแี ละตราด (๑) พลเรือตรี อภริ ักษ์ กลิ่นหม่น (๒) นาวาอากาศโท บญุ เอ้ือ สวุ รรณ์ หวั หนา้ แผนกกจิ การพลเรือนกองบัญชาการป้องกนั ชายแดนจนั ทบุรีและตราด (๓) เรือโท สมพร ชยั พันธ์ุพร ชว่ ยปฏบิ ัติราชการกองกจิ การพลเรอื น กองบัญชาการป้องกนั ชายแดนจันทบุรี และตราด ๖.๔ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี - นางกานดาศรี ลมิ ปาคม รองผอู้ านวยการสานักงานพฒั นาเทคโนโลยี อวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ๖.๕ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม (๑) กรมอุทยานแหง่ ชาติ สตั วป์ า่ และพนั ธุ์พชื ๑) นายสมปอง ทองสีเขม้ ผอู้ านวยการสานกั อนรุ ักษส์ ตั วป์ า่ ๒) นายศุภกิจ วินิตพรสวรรค์ ผอู้ านวยการสว่ นสารสนเทศด้านอนุรักษส์ ตั ว์ปา่ ๓) นายธานี วงคน์ าค ผอู้ านวยการสว่ นคมุ้ ครองสัตว์ปา่ ๔) นางสาวสมหญิง ทฬั หิกรณ์ นกั วิชาการปา่ ไมช้ านาญการพิเศษ ๕) นายวชั รพร ปล้ืมทรัพย์ สานักฟ้ืนฟแู ละพัฒนาพน้ื ที่อนรุ กั ษ์
ฑ (๒) กรมปา่ ไม้ เจา้ พนักงานป่าไมช้ านาญงาน ๑) นายวสันต์ ยงิ่ งามแกว้ ๒) นายกษมา มุสิกวตั ร นักวชิ าการป่าไม้ปฏบิ ตั กิ าร (๓) สานกั บรหิ ารพื้นท่ีอนุรกั ษ์ที่ ๒ (ศรีราชา) จังหวดั ชลบุรี - นายอนุชา กระจายศรี ผอู้ านวยการสานกั บรหิ ารพนื้ ที่อนรุ กั ษ์ท่ี ๒ (๔) สานกั บรหิ ารพนื้ ทอี่ นุรักษ์ท่ี ๓ (บ้านโป่ง) จงั หวัดราชบรุ ี ๑) นายสิขกพงษ์ กระแจะจนั ทร์ ผู้อานวยการสว่ นอนุรกั ษส์ ตั ว์ปา่ ๒) นายไพฑรู ย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพนั ธุ์สัตวป์ า่ สลกั พระ ๓) นายสุทธิชัย โผภเู ขียว ผู้ช่วยหัวหน้าเขตรักษาพนั ธุ์สัตวป์ ่าสลักพระ (๕) สานกั งานทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มจงั หวดั ระยอง ๑) นายครรชิต ศรีนพวรรณ ผู้อานวยการสานกั งานทรพั ยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอ้ มจังหวัดระยอง ๒) นายจกั รกฤษณ์ นิตรมร ผู้อานวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติ (๖) สานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมจงั หวดั ฉะเชิงเทรา - นายพนั ธ์ศักดิ์ ภมรรตั น์ นกั วิชาการปา่ ไม้ ๖.๖ กระทรวงการคลัง (๑) กรมบัญชีกลาง ๑) นางสาวสุภาภรณ์ โรจนร่งุ ทวี ผู้อานวยการกองกฎหมาย ๒) นางสาววนั วสิ าข์ ศริ ิเจรญิ จรรยา นติ ิกรชานาญการ กองกฎหมาย (๒) สานักงานคณะกรรมการกากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ๑) นางสาวดาเนตร วันทนยี ์ ผ้อู านวยการกลุ่มงานกากบั ผลิตภัณฑ์ ประกนั วนิ าศภยั ๒) นางสาวทัศนวรรณ เชาวด์ ารงสกุล หวั หน้ากลุม่ กากบั ผลิตภัณฑป์ ระกันภัย สาหรับบคุ คล ๓) นางสาวกฤษณา ศักดวิ รพงศ์ รักษาการ หวั หนา้ กล่มุ วางแผนและพัฒนา กฎหมายดา้ นพฤตกิ รรมทางการตลาด ๔) นางสาวกมลทพิ ย์ มหาวงษ์ ผเู้ ชีย่ วชาญ กลมุ่ กากับพฤติกรรม ดา้ นการรบั ประกันภยั ๖.๗ สมาคมประกันวนิ าศภยั ไทย (๑) นางสาวกัลยา จุกหอม ผชู้ ่วยผูอ้ านวยการบริหารอาวุโส สายงานวชิ าการ (๒) นางสาวนนั ทภรณ์ คมุ้ ปยิ ะผล หวั หนา้ กลมุ่ ผลิตภัณฑ์ประกันภยั ๖.๘ สานกั งานผตู้ รวจการแผน่ ดิน (๑) นายกมลธรรม วาสบญุ มา รองเลขาธกิ ารสานักงานผูต้ รวจการแผ่นดนิ (๒) นายเมธี มัน่ คง ผู้อานวยการสานักสอบสวน ๒ (๓) นายอคั รพงษ์ เวชยานนท์ ผู้อานวยการสานักสอบสวน ๓ ๖.๙ สานักงานคณะกรรมการสิทธิมนษุ ยชนแหง่ ชาติ (๑) นายชนนิ ทร์ เกตุปราชญ์ รองเลขาธกิ ารคณะกรรมการสทิ ธิมนษุ ยชนแหง่ ชาติ (๒) นายอาทติ ย์ ร่มพนาธรรม นักวชิ าการสิทธิมนษุ ยชน
ฒ (๓) นางสาวประธมุ พร ชยั รตั น์ นักวิชาการสทิ ธมิ นษุ ยชน ๖.๑๐ สานักงบประมาณ ผู้อานวยการส่วนงบประมาณ (๑) นายประโมทย์ สมาธิ นักวิเคราะห์งบประมาณชานาญการพเิ ศษ (๒) นางสาวรตนิ ชุ กนั ตะปตี ิ นักวเิ คราะหง์ บประมาณชานาญการ (๓) นายสกั กชาญ ขันชุมภู ๖.๑๑ สานกั งานคณะกรรมการการกระจายอานาจให้แกอ่ งค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น - นายวฑิ ูร เอ่ียมโอภาส ผ้อู านวยการสานกั งานสานักงานคณะกรรมการการ กระจายอานาจใหแ้ ก่องค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ ๖.๑๒ มลู นธิ ิอนุรกั ษ์ปา่ รอยต่อ ๕ จังหวดั - นายภัทรพล มณอี ่อน นายสตั วแพทย์ชานาญการพิเศษ สานกั อนรุ ักษ์สตั ว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สตั วป์ ่า และพนั ธพ์ุ ชื ๖.๑๓ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทป่ี รึกษาอธบิ ดีกรมปศสุ ัตว์ (๑) นายธรี ะวุฒิ สุวัธนะเชาวน์ ผู้อานวยกองสวัสดิภาพสัตว์และสัตว์แพทย์ (๒) นายสมเกยี รติ์ พันธศ์ รี บริการกรมปศุสัตว์ ๗. การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวสิ ามญั คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาชา้ งป่าได้มีการประชุมพิจารณาศึกษา เรือ่ งนแ้ี ล้ว ซึง่ สรปุ สาระสาคัญได้ ดังนี้ ๗.๑ กรอบแนวทางการพจิ ารณาของคณะกรรมาธกิ าร คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ ได้มีการประชุมและมีกรอบแนวทางการดาเนนิ งาน ดังนี้ กรอบที่ ๑ การศึกษาการส่งเสริมความสมดุลของระบบนิเวศในเขตป่าอนุรักษ์ เพื่อรองรับประชากรช้างป่าอย่างยั่งยืน กรอบท่ี ๒ การศึกษาการป้องกันแก้ไขปัญหาช้างป่าบุกรุกที่ทากิน และเยียวยาผลกระทบจากภัยช้างป่าอย่างเป็นธรรม และกรอบที่ ๓ การศึกษาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและ ระเบียบท่ีเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาช้างป่า และ ศึกษาผลงานวิจัย นวัตกรรมที่เก่ียวข้อง ท้ังนี้ คณะกรรมาธิการทาการศึกษา โดยเชิญหน่วยงาน องค์กร และบุคคลที่เก่ียวข้องมา ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงท่ีเป็นประโยชน์ต่อการศึกษา รวมทั้งศึกษาจากเอกสารที่หน่วยงานส่งมายังคณะกรรมาธิการ ตลอดจนการเดินทางไปศึกษาดูงาน ณ พ้ืนที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาช้างป่าบุกรุก เพ่ือรับฟังความคิดเห็น รวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับสถานการณ์ช้างป่า และสภาพปัญหาของประชาชนที่ได้ประสบปัญหาช้างป่า บุกรุก ตลอดจนข้อเสนอแนะท่ีเป็นประโยชน์จากหน่วยงานภาครัฐ ภาคส่วนต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือนามาใช้ ประกอบการพิจารณาในการจดั ทารายงานของคณะกรรมาธิการวสิ ามัญพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาชา้ งป่า ๗.๒ การต้ังคณะอนกุ รรมาธิการ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการจานวน ๓ คณะ ประกอบด้วย (๑) คณะอนุกรรมาธิการศึกษาการส่งเสริมความสมดุลของระบบนิเวศในเขตป่าอนุรักษ์เพ่ือรองรับประชากร ช้างป่าอย่างยั่งยืน (๒) คณะอนุกรรมาธิการศึกษาการป้องกันแก้ไขปัญหาช้างป่าบุกรุกที่ทากินและเยียวยา
ณ ผลกระทบจากภัยช้างป่าอย่างเป็นธรรม และ (๓) คณะอนุกรรมาธิการศึกษาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและ ระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาช้างป่า และศึกษาผลงานวิจัย นวัตกรรมท่ีเก่ียวข้อง โดยมีรายช่ือ แต่ละคณะอนุกรรมาธิการ ดงั นี้ (๑) คณะอนุกรรมาธิการศึกษาการส่งเสริมความสมดุลของระบบนิเวศในเขตป่าอนุรักษ์ เพอ่ื รองรบั ประชากรช้างป่าอย่างยั่งยืน ๑) นายพรเทพ วสิ ทุ ธิ์วัฒนศักด์ิ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ ๒) นายจาตรุ งค์ เพง็ นรพัฒน์ รองประธานคณะอนกุ รรมาธกิ าร คนท่หี นึ่ง ๓) นายศริ สิทธ์ิ เลิศด้วยลาภ รองประธานคณะอนุกรรมาธกิ าร คนทส่ี อง ๔) นายนติ พิ ล ผิวเหมาะ โฆษกคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๕) นายกรรณ ศิริภทั สร์ โฆษกคณะอนกุ รรมาธิการ ๖) นายศภุ กิจ วินติ พรสวรรค์ เลขานุการคณะอนกุ รรมาธิการ ๗) นายศรัณย์ ทิมสวุ รรณ ผชู้ ว่ ยเลขานุการคณะกรรมาธกิ าร ๘) นายนวรานนท์ อนณั วรณกรณ์ ทป่ี รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๙) นายคุณากร ปรีชาชนะชยั อนุกรรมาธิการ ๑๐) นายศริ ิศกั ดิ์ รว่ มพัฒนา อนุกรรมาธิการ (๒) คณะอนุกรรมาธิการศึกษาการป้องกันแก้ไขปัญหาช้างป่าบุกรุกที่ทากินและเยียวยา ผลกระทบจากภัยช้างปา่ อยา่ งเปน็ ธรรม ๑) นายจารกึ ศรอี อ่ น ประธานคณะอนุกรรมาธกิ าร ๒) นางสาวญาณธชิ า บวั เผอื่ น รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ ๓) นายอมรชยั ปน่ิ เจรญิ โฆษกคณะอนุกรรมาธิการ ๔) นายดิเรก จอมทอง โฆษกคณะอนุกรรมาธกิ าร ๕) นายสุวิชาณ สวุ รรณาคะ เลขานกุ ารคณะอนุกรรมาธิการ ๖) นายเพทาย สภุ าผล ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธกิ าร ๗) นายบญั ญตั ิ เจตนจันทร์ ประธานท่ีปรกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ ๘) นายจกั รัตน์ พว้ั ชว่ ย ทป่ี รึกษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๙) นายดารงค์ ออ่ นนอ้ ม อนุกรรมาธิการ ๑๐) นายไพรนิ ทร์ หนูมาก อนุกรรมาธิการ (๓) คณะอนุกรรมาธิการศึกษาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบท่ีเป็นอุปสรรคต่อการ แก้ไขปญั หาชา้ งป่า และศกึ ษาผลงานวจิ ยั นวตั กรรมทีเ่ กี่ยวขอ้ ง ๑) นายสชุ าติ อุสาหะ ประธานคณะอนกุ รรมาธิการ ๒) นายอภิชยั ยอดครุฑ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนทห่ี นึ่ง ๓) นางสาวแสงเดือน ชยั เลิศ รองประธานคณะอนกุ รรมาธกิ าร คนท่ีสอง ๔) พนั ตารวจโท ฐนภทั ร กิตติวงศา รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนทส่ี าม ๕) นายจติ รพรต พัฒนสิน อนุกรรมาธกิ าร ๖) นายณัฐศักย์ ดศี รี อนุกรรมาธกิ าร ๗) นายพชิ ยา เจริญสุกใส อนุกรรมาธิการ
ด ๘) พลเอก สมชาย วิษณุวงศ์ อนกุ รรมาธิการ ๙) นายอัฏฐพล โพธพิ พิ ธิ อนุกรรมาธิการ ๑๐) นางสาวจิณณพัต เพ็งนรพฒั น์ เลขานกุ ารคณะอนกุ รรมาธิการ ๗.๓ การต้ังท่ปี รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ (๑) ท่ีปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการส่งเสริมความสมดุลของระบบนิเวศในเขตป่า อนรุ ักษเ์ พ่อื รองรับประชากรช้างป่าอย่างยั่งยืน ๑) นายวิชติ ปลง่ั ศรีสกุล ประธานทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๒) นายกติ ตกิ ร โล่สนุ ทร ท่ปี รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๓) นายบัญญัติ เจตนจนั ทร์ ทีป่ รึกษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๔) นายอุบลศักด์ิ บัวหลวงงาม ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๕) นายวศิน สิรเิ กยี รตกิ ุล ทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๖) นายเดชา คงคา ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๗) นายสมศักดิ์ สนุ ทรนวภัทร ทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๘) นายโนชญ์ ชาญดว้ ยกจิ ทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๙) รองศาสตราจารย์รัตนวัฒน์ ไชยรัตน์ ทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑๐) นางสุชญั ญา แสงสว่าง ทป่ี รึกษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๑๑) นายสรุ นิ ทร์ สนิ รัตน์ ทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑๒) นายอดุ ร โพธพ์ิ ว่ ง ที่ปรกึ ษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๑๓) นางสาวจณิ ณพัต เพง็ นรพฒั น์ ทีป่ รกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๑๔) นายทวิ ัฒน์ รัตนเกตุ ที่ปรึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๑๕) นางกานดาศรี ลมิ ปาคม ทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๑๖) ผูช้ ่วยศาสตราจารย์กฤษณรักษ์ ธีรรัฐ ที่ปรึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๑๗) นายขจรศกั ด์ิ หลิมจติ ธรรม ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑๘) นายอัมรินทร์ พนั ธศ์ุ ิริ ทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑๙) นายสงิ ห์ สืบสุทธา ทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๒๐) นายประเจียด ปานทอง ท่ปี รึกษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๒๑) นายมลศกั ดิ์ พงศส์ พุ ฒั น์ ที่ปรึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๒๒) นายบญุ ต่อ เพชรประดับ ท่ีปรึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๒๓) นายอมรชัย ป่ินเจรญิ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๒๔) นายกฤติเดช สทุ ธวิ งค์ ที่ปรึกษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๒๕) ผู้ช่วยศาสตราจารย์พงพฒั น์ จิตตานุรักษ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๒๖) นางสาวถนอมขวญั อยูส่ ขุ ทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ ๒๗) นายประจวบ มะลิแยม้ ที่ปรึกษาคณะอนกุ รรมาธิการ
ต ๒๘) นายสมนึก รงุ่ กาจัด ทีป่ รึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๒๙) นายดาหริ กาปนั่ วงษ์ ทปี่ รกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๓๐) นายประดิษฐ์ เปรมปรีด์ิ ทป่ี รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๓๑) นายทองใบ เจรญิ คง ที่ปรกึ ษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๓๒) นางสาวจุฑามาส จติ รชมุ่ ที่ปรกึ ษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๓๓) นางสาวหลิน พลอยนา้ เงิน ทป่ี รึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๓๔) นายเศษฐวชิ ช์ อัครกิจวราสกุล ที่ปรึกษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๓๕) นายมนูญ บตุ ตะนาม ที่ปรึกษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๓๖) นายสหพล รุ่งอนันต์ทรัพย์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๓๗) นายธชย ปานสมบุญ ทป่ี รึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๓๘) นายสมพาส จนั แกว้ ที่ปรกึ ษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๓๙) นายวิทยา คงปาน ทีป่ รึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๔๐) นายสมชาย สืบสุข ทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๔๑) นายวนิ ัย ชูสกุลตันติวงค์ ทป่ี รึกษาคณะอนกุ รรมาธิการ (๒) ท่ีปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการศึกษาการป้องกันแก้ไขปัญหาช้างป่าบุกรุกที่ทากินและ เยียวยาผลกระทบจากภยั ชา้ งป่าอย่างเปน็ ธรรม ทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑) นายจาตุรงค์ เพง็ นรพฒั น์ ๒) นายพรเทพ วสิ ุทธิ์วัฒนศักดิ์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๓) นายศกั ดนิ ยั นมุ่ หนู ทปี่ รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๔) นางศรสี มร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ทป่ี รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๕) พลเอก สมชาย วษิ ณุวงศ์ ท่ีปรึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๖) นายวศิน สิรเิ กียรติกลุ ที่ปรกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ ๗) นางสาวแสงเดอื น ชยั เลศิ ที่ปรกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ ๘) นางสาวจณิ ณพตั เพง็ นรพฒั น์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๙) นางณชิ ชา สุวรรณาคะ ที่ปรกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑๐) นายโนชญ์ ชาญด้วยกิจ ที่ปรกึ ษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๑๑) นายมานะ ชนะสิทธ์ิ ทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑๒) นางสาววรจรรย์ เท่ียงธรรม ท่ปี รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑๓) นายวันเผดจ็ เตชะนันทวณชิ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๑๔) ดาบตารวจ วเิ ชียรยตุ จนั ทร์เขียว ที่ปรึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๑๕) ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์สัมพันธ์ จนั ทรด์ า ที่ปรกึ ษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๑๖) นายสมพงศ์ คูทรัพย์ทวี ทป่ี รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๑๗) นางสาวจิรัฐติกาล จนั ทราทิพย์ ทป่ี รึกษาคณะอนกุ รรมาธิการ
ถ ๑๘) นายชยันต์ เนรัญชร ที่ปรกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๑๙) พลเอก ชวลิต สาลตี ิด๊ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๒๐) นายกฤตพงศ์ ศรีออ่ น ทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ ๒๑) นายวฒุ ิ ปะส่งิ ชอบ ทปี่ รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๒๒) นายทวิ ัฒน์ รตั นเกตุ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๒๓) นางสาวธิดา พิกลุ ศรี ที่ปรึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๒๔) นายประจวบ มะลิแย้ม ทป่ี รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๒๕) นายนวรานนท์ อนันวรณกรณ์ ที่ปรึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๒๖) นายมารุต พสิ ุทธิพันธพ์ งศ์ ทปี่ รึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๒๗) นายวชิ ติ ปล่งั ศรีสกลุ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๒๘) นายศกั ดา เดชเรืองพิภพ ที่ปรึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๒๙) นายสมพร วงศ์ประดษิ ฐ์ ทป่ี รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๓๐) นายสรอ้ ยธนกร โคตน ที่ปรึกษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๓๑) นายสมโชค สิทธิ์ภานุวงค์ ทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๓๒) นายกติ ติธชั ไชยอรรถ ทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๓๓) นางสาวเจริญสุข คงชาติ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๓๔) นายบุญรอด เขยี วเพชร ทป่ี รกึ ษาคณะอนกุ รรมาธิการ ๓๕) นายพาน เกิดพร้อม ท่ปี รึกษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๓๖) นายพนั ธพุ์ งษ์ โพธจ์ิ ินดา ที่ปรกึ ษาคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๓๗) นายมงคล พว่ งจาด ทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๓๘) นายยทุ ธนา อรรณพเพชร ทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๓๙) นายสีห์พงศ์ ธาราธนวตั ร ทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ ๔๐) นายเดชา อยู่หว่าง ท่ีปรึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๔๑) นายภาสกร ดมหอม ท่ปี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ (๓) ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการศึกษาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบท่ีเป็น อปุ สรรคตอ่ การแก้ไขปัญหาช้างปา่ และศึกษาผลงานวิจยั นวตั กรรมท่เี ก่ยี วขอ้ ง ๑) นายจาตรุ งค์ เพ็งนรพฒั น์ ที่ปรกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๒) นายบัญญัติ เจตนจันทร์ ท่ปี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๓) นายสมศกั ดิ์ สนุ ทรนวภทั ร ทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ ๔) นายวศิน สิรเิ กยี รติกุล ทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๕) นายนิติพล ผิวเหมาะ ทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๖) ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยก์ ุลปราณี ศรีใย ท่ีปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๗) นางจีระภา มลิ ินทางกูร ท่ปี รึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร
ท ๘) นางสาวเจนจริ า แพรรังสี ทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๙) นายชณิ วฒั น์ หาบุญพาด ที่ปรกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๑๐) นายทศพร กลนั่ แกว้ ทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑๑) นายทวิ ฒั น์ รตั นเกตุ ทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑๒) รอ้ ยตรี ธนา ภทั รภาษติ ท่ปี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๑๓) นายโนชญ์ ชาญด้วยกิจ ทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๑๔) ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารยบ์ าเพ็ญ ไมตรีโสภณ ทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑๕) นางวรตั ดา ภัทโรดม ที่ปรกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๑๖) นายสาธิต ปรัชญาอรยิ ะกลุ ทป่ี รึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๑๗) ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์สุภาวดี โพธิยะราช ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ๑๘) นายอมรชยั ปิ่นเจรญิ ที่ปรกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๑๙) นางอญั ชลี วงศาโรจน์ ทีป่ รกึ ษาคณะอนุกรรมาธิการ ๗.๔ การต้งั คณะทางาน คณะกรรมาธิการได้ตั้งคณะทางานจานวน ๒ คณะ ประกอบด้วย (๑) คณะทางานศึกษา การผลักดนั ชา้ งปา่ ออกจากชุมชนสู่ป่าอนรุ ักษ์ (๒) คณะทางานจดั ทารายงานและรวบรวมเอกสารคณะกรรมาธิการ วสิ ามญั พิจารณาศึกษาและแก้ไขปญั หาช้างป่า โดยมีรายชื่อแต่ละคณะทางาน ดังนี้ (๑) คณะทางานศึกษาการผลักดนั ช้างป่าออกจากชุมชนสู่ป่าอนรุ ักษ์ ๑) นายบัญญตั ิ เจตนจนั ทร์ ประธานคณะทางาน ๒) รองศาสตราจารยร์ ัตนวฒั น์ ไชยรัตน์ รองประธานคณะทางาน ฝ่ายวิชาการ ๓) ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยก์ ฤษณรักษ์ ธีรรัฐ รองประธานคณะทางาน ฝา่ ยบรหิ ารแผน ๔) นายพทิ ักษ์ ย่ิงยง รองประธานคณะทางาน ฝ่ายปฏบิ ตั ิการ ๕) นายมานะ ชนะสทิ ธ์ิ รองประธานคณะทางาน จังหวดั จันทบรุ ี ๖) นายโนชญ์ ชาญด้วยกจิ รองประธานคณะทางาน จงั หวัดระยอง ๗) นายสมศกั ดิ์ เดชอดุ มไพศาล รองประธานคณะทางาน จังหวัดชลบรุ ี ๘) นายอมรชยั ปนิ่ เจริญ รองประธานคณะทางาน จงั หวัดฉะเชิงเทรา ๙) นายละลวย วนั ดี รองประธานคณะทางาน จงั หวดั สระแก้ว ๑๐) นายกติ ตธิ ัช ไชยอรรถ รองประธานคณะทางาน จงั หวดั ตราด ๑๑)นายดเิ รก จอมทอง รองประธานคณะทางานจงั หวัดประจวบครี ขี ันธ์ ๑๒) นายจารึก ศรอี อ่ น ที่ปรกึ ษาคณะทางาน ๑๓) พันตารวจโท ฐนภทั ร กิตติวงศา ทีป่ รกึ ษาคณะทางาน ๑๔) นางสาวญาณธิชา บัวเผ่ือน ท่ีปรกึ ษาคณะทางาน ๑๕) นายไพรินทร์ หนูมาก ท่ปี รกึ ษาคณะทางาน ๑๖) นายศริ ศิ ักดิ์ ร่วมพัฒนา คณะทางาน
ธ ๑๗) นายสุวชิ าณ สุวรรณาคะ คณะทางาน ๑๘) นายสมศักดิ์ สุนทรนวภทั ร คณะทางาน ๑๙) นายวุฒิ ปะสง่ิ ชอบ คณะทางาน ๒๐) นายศภุ กิจ วนิ ิตพรสวรรค์ คณะทางาน ๒๑) นายทวิ ัฒน์ รัตนเกตุ คณะทางาน ๒๒) นายวนั เผดจ็ เตชะนันทวณิช คณะทางาน ๒๓) นายภัทรพล มณอี ่อน คณะทางาน ๒๔) นายปราโมทย์ วงษเ์ จริญสมบตั ิ คณะทางาน ๒๕) นายสุรนิ ทร์ สนิ รัตน์ คณะทางาน ๒๖) นางสมหญิง ทฬั หิกรณ์ คณะทางาน ๒๗) ดาบตารวจ วเิ ชยี รยตุ จันทร์เขียว คณะทางาน ๒๘) นายสมพงษ์ คูทรัพยท์ วี คณะทางาน ๒๙) นายประจวบ มะลแิ ย้ม คณะทางาน ๓๐) นายดารงค์ ออ่ นนอ้ ม คณะทางาน ๓๑) นางณิชชา สุวรรณาคะ คณะทางาน ๓๒) นายนพพล ศรที า คณะทางาน ๓๓) นายบญุ สิน จนั ทะสอน คณะทางาน ๓๔) นางนภาภรณ์ แพทย์พันธ์ุ คณะทางาน ๓๕) นายกวีพัฒน์ พิจารณ์ คณะทางาน ๓๖) นางสาววลั ทนา จาปาทอง คณะทางาน ๓๗) ผชู้ ่วยศาสตราจารย์สัมพนั ธ์ จนั ทรด์ า เลขานุการคณะทางาน (๒) คณะทางานจัดทารายงานและรวบรวมเอกสารคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา และแก้ไขปญั หาชา้ งป่า ๑) นายบัญญตั ิ เจตนจันทร์ ประธานคณะทางาน ๒) นายสวุ ชิ าณ สุวรรณาคะ รองประธานคณะทางานคนที่หนง่ึ ๓) นายเดชา คงคา รองประธานคณะทางานคนที่สอง ๔) นายศริ ศิ กั ดิ์ รว่ มพัฒนา รองประธานคณะทางานคนท่ีสาม ๕) นายมานะ ชนะสทิ ธิ์ ท่ีปรึกษาคณะทางาน ๖) นางณชิ ชา สวุ รรณาคะ ทป่ี รึกษาคณะทางาน ๗) นายอมรชยั ปนิ่ เจริญ ที่ปรึกษาคณะทางาน ๘) นายสมพงศ์ คทู รพั ย์ทวี ท่ีปรกึ ษาคณะทางาน ๙) นายทิวัฒน์ รตั นเกตุ คณะทางาน ๑๐) นายดิเรก จอมทอง คณะทางาน ๑๑) ดาบตารวจ วเิ ชยี รยตุ จนั ทรเ์ ขยี ว คณะทางาน
น ๑๒) นางนภาภรณ์ แพทย์พันธ์ุ เลขานุการคณะทางาน ๑๓) นางสาววัลทนา จาปาทอง ผ้ชู ่วยเลขานกุ ารคณะทางาน ๗.๕ คณะกรรมาธิการได้มกี ารประชมุ และเชิญหนว่ ยงาน องคก์ ร และบุคคลมาใหข้ ้อมลู จานวน ๑๕ ครัง้ ดงั น้ี ครงั้ ท่ี ๑ วันอังคารท่ี ๙ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๔ ครงั้ ที่ ๒ วันองั คารท่ี ๒๓ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๔ ครง้ั ท่ี ๓ วันอังคารที่ ๒ มนี าคม ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๔ วนั องั คารท่ี ๑๖ มนี าคม ๒๕๖๔ ครงั้ ที่ ๕ วนั องั คารท่ี ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๔ ครั้งท่ี ๖ วนั องั คารที่ ๓๐ มนี าคม ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๗ วันองั คารที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ครง้ั ท่ี ๘ วันจนั ทร์ท่ี ๑๔ มถิ ุนายน ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๙ วนั จนั ทร์ท่ี ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ครั้งท่ี ๑๐ วันองั คารท่ี ๑๔ กันยายน ๒๕๖๔ คร้งั ท่ี ๑๑ วันอังคารที่ ๒๘ กนั ยายน ๒๕๖๔ ครง้ั ที่ ๑๒ วันอังคารท่ี ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ ครง้ั ท่ี ๑๓ วนั อังคารที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๑๔ วนั องั คารที่ ๑๒ ตลุ าคม ๒๕๖๔ คร้งั ที่ ๑๕ วันอังคารที่ ๑๙ ตลุ าคม ๒๕๖๔ ๗.๖ คณะกรรมาธิการได้พิจารณาศึกษาข้อเท็จจริงและรายละเอียดข้อมูลเร่ืองนี้ จากเอกสาร และคาช้ีแจงของหน่วยงานที่เก่ียวข้อง รวมท้ังรายละเอียดจากแหล่งข้อมูลต่างๆ โดยนามาประกอบการ พจิ ารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามญั ๗.๗ คณะกรรมาธกิ ารได้มีมตเิ ดินทางไปศกึ ษาดูงาน จานวน ๖ คร้ัง ดังนี้ (๑) ศึกษาดูงานเกี่ยวกับ การพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่า กลุ่มป่าตะวันออก ระหว่างวนั ศกุ ร์ที่ ๑๙ - วนั เสารท์ ่ี ๒๐ มนี าคม ๒๕๖๔ ณ จงั หวดั ระยอง และจงั หวัดจนั ทบรุ ี (๒) ศึกษาดูงานเกี่ยวกับ การพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่า กลุ่มป่าตะวันตก ระหว่างวันศุกรท์ ่ี ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๔ - วันเสาร์ท่ี ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๔ ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัด กาญจนบุรี (๓) ศึกษาดูงานเกี่ยวกับสภาพปัญหาช้างป่าโดยรอบเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี และข้อเสนอ การป้องกันแก้ไขปัญหาช้างป่า ณ อาเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันอาทิตย์ท่ี ๓ ตุลาคม ๒๕๖๔ - วันจนั ทรท์ ่ี ๔ ตุลาคม ๒๕๖๔ (๔) ศึกษาดูงานเก่ียวกับสภาพปญั หาช้างป่าและข้อเสนอการแก้ไขปัญหาชา้ งป่า ณ จงั หวัด เพชรบรุ ี และ จังหวดั ประจวบครี ขี ันธ์ ระหวา่ งวนั ศกุ ร์ท่ี ๘ – วนั เสารท์ ี่ ๙ ตลุ าคม ๒๕๖๔ (๕) ศึกษาดูงานเกี่ยวกับการพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่า กลุ่มป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่ ระหวา่ งวนั อังคารท่ี ๒๖ – วนั พธุ ที่ ๒๗ ตลุ าคม ๒๕๖๔ ณ จังหวดั นครราชสมี า
บ (๖) ศึกษาดูงานเกี่ยวกับการพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่าบริเวณเขาตะกรุบ เขตรักษาพันธส์ุ ตั ว์ป่าเขาอา่ งฤาไน ณ จงั หวัดสระแกว้ ระหว่างวันองั คารที่ ๒๖ – วนั พธุ ท่ี ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๔ ๘. ผลการพจิ ารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้จัดทารายงานผลการพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่า โดยนาข้อมูลที่ได้มาสรุปและรวบรวมเอกสารเป็นรูปเล่ม ปรากฏผลการดาเนินการตามท่ีแนบมาพร้อมน้ี โดยแบง่ เนอ้ื หารายงานออกเป็นรายละเอียด ประกอบด้วย บทท่ี ๑ บทนา บทท่ี ๒ การรวบรวมและการทบทวนข้อมูลพ้นื ฐานที่เกย่ี วข้องกบั การแก้ไขปญั หาชา้ งปา่ บทที่ ๓ สภาพปัญหาช้างป่าบุกรุก บทที่ ๔ ผลการพิจารณาศกึ ษาการแก้ไขปัญหาช้างปา่ บทท่ี ๕ บทสรุป ข้อเสนอแนะ และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ๙. ข้อสงั เกตของคณะกรรมาธิการวสิ ามญั คณะกรรมาธิการวิสามัญได้ตั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากผลการพิจารณาศึกษาและแก้ไข ปญั หาช้างปา่ ทัง้ ในดา้ นเชิงนโยบายและเชิงปฏิบัติ ตามกรอบแนวทางการศึกษา ๓ ดา้ น ประกอบดว้ ย (๑) การสง่ เสริมความสมดุลของระบบนิเวศในเขตป่าอนุรกั ษ์ เพื่อรองรับประชากรช้างป่าอย่างยัง่ ยืน (๒) การปอ้ งกนั แก้ไขปญั หาชา้ งป่าบกุ รุกที่ทากนิ และเยียวยาผลกระทบจากภยั ชา้ งป่าอย่างเป็นธรรม (๓) การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบท่ีเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาช้างป่า และ ศึกษา ผลงานวิจัย นวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่ามีข้อมูลและ รายละเอียดดังกลา่ ว ปรากฏอยู่ในรายงานฉบบั นี้ ดังนี้
ป บทสรปุ สาหรับผูบ้ ริหาร คณะกรรมาธิการวิสามัญ ได้พิจารณาศึกษาข้อมูลจานวนชา้ งป่า ขนาดพ้ืนท่ีและศักยภาพในการรองรบั ช้างป่าของแต่ละกลุ่มป่า โดยอาศัยฐานข้อมูลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธ์ุพืช ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ และยังได้คาดการณ์ประชากรช้างป่าในปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้ ได้นาเสนอสถิติความเสียหายท่ีเกิดขึ้น ต่อราษฎรและช้างป่า ตลอดจนนาเสนอสาเหตุสาคัญที่ทาใหช้ ้างป่าออกนอกเขตป่าอนุรักษ์เพ่ิมสูงขึ้น รวมท้ัง ไดเ้ สนอแนวทางในการแกไ้ ขปญั หาชา้ งป่าตอ่ รฐั บาล ดังต่อไปน้ี จากการสารวจจานวนช้างป่าในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พบว่า ประเทศไทยมีจานวนช้างป่าท้ังส้ินประมาณ ๓,๑๖๘ - ๓,๔๔๐ ตัว อาศัยอยู่ในพ้ืนที่ป่าอนุรักษ์ ๑๖ กลุ่มป่า ทั้งในเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า และอุทยานแห่งชาติ จานวน ๖๙ แห่ง และในพ้ืนที่ป่าสงวนแห่งชาติบางแห่ง มีพ้ืนท่ี ท่ีเป็นแหล่งอาศัยของช้างป่า รวมท้ังส้ินประมาณ ๕๒,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร โดยกลุ่มป่าท่ีมีจานวนช้างป่า มากที่สุด ประกอบด้วย ๕ กลุ่มป่า ดังน้ี กลุ่มป่าตะวันตก มีพื้นท่ีป่าอนุรักษ์ ๑๘,๒๘๒ ตารางกิโลเมตร มีช้างป่า ๖๔๒ - ๗๓๔ ตัว พน้ื ท่รี องรับช้างปา่ ได้ ๒,๔๖๓ ตวั กลุม่ ปา่ ดงพญาเยน็ - เขาใหญ่ มพี ้นื ทปี่ า่ อนุรกั ษ์ ๖,๑๙๗ ตารางกิโลเมตร มีชา้ งป่า ๕๓๓ - ๕๘๖ ตัว พ้นื ที่รองรับช้างป่าได้ ๘๘๔ ตวั กลุ่มปา่ ภเู ขียว - น้าหนาว มพี ื้นที่ ป่าอนุรักษ์ ๗,๖๗๕ ตารางกิโลเมตร มีช้างป่า ๔๙๒ - ๔๙๓ ตัว พ้ืนท่ีรองรับช้างป่าได้ ๑,๑๑๙ ตัว กลุ่มป่า แกง่ กระจาน มพี ื้นทป่ี า่ อนรุ ักษ์ ๔,๘๓๘ ตารางกโิ ลเมตร มีชา้ งปา่ ๔๘๗ - ๕๐๐ ตวั พ้ืนท่ีรองรบั ช้างปา่ ได้ ๖๐๑ ตัว กลุ่มป่าตะวันออก มีพ้ืนที่ป่าอนุรักษ์ ๒,๔๕๓ ตารางกิโลเมตร มีช้างป่าประมาณ ๔๒๓ ตัว พื้นท่ีรองรับช้างป่า ได้ ๓๑๓ ตวั ในการประเมินศักยภาพของพ้ืนที่ปา่ อนุรักษ์ในการรองรับชา้ งป่าทั้งหมด ๑๖ กลุ่มป่า ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ มี ๗ กลุ่มป่า ที่ไม่มีข้อมูลที่เพียงพอในการประเมินศักยภาพการรองรับช้างป่า ได้แก่ กลุ่มป่าภูเมี่ยง - ภูทอง กลุ่มป่าลุ่มน้าปาย - สาละวิน กลุ่มป่าภูพาน กลุ่มป่าศรีลานนา - ขุนตาล กลุ่มป่าพนมดงรัก - ผาแต้ม กลุ่มป่า ดอยภคู า - แม่ยม กลุ่มปา่ ชุมพร ส่วนอกี ๙ กลมุ่ ปา่ มีขอ้ มลู ในการประเมนิ ไดแ้ ก่ กล่มุ ปา่ ฮาลา - บาลา กล่มุ ปา่ ตะวันออก กลุ่มป่าแก่งกระจาน กลุ่มป่าดงพญาเย็น - เขาใหญ่ กลุ่มป่าภูเขียว - น้าหนาว กลุ่มป่าตะวันตก กลุ่มป่าเขาหลวง กลุ่มป่าคลองแสง - เขาสก กลุ่มป่าแม่ปิง - อมก๋อย โดย ๒ กลุ่มป่าคือ กลุ่มป่าฮาลา - บาลา และกลุ่มปา่ ตะวนั ออก มจี านวนชา้ งปา่ เกนิ ศกั ยภาพการรองรบั ของป่าแลว้ ท้งั น้ีเม่ือคานวณอัตราการเพมิ่ จานวน ประชากรช้างป่าที่ร้อยละ ๘.๒ ต่อปี คาดว่าในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ มีช้างป่าทั่วประเทศ ๔,๖๙๘ - ๕,๑๐๑ ตัว มีอีก ๑ กลุ่มป่าคือ กลุ่มป่าแก่งกระจาน รวมเป็น ๓ กลุ่มป่า ท่ีมีช้างป่าเกินศักยภาพการรองรับของป่าได้ ปี พ.ศ. ๒๕๖๖ จะมีช้างป่า ๕,๕๐๐ - ๕,๙๗๒ ตัว มีอีก ๒ กลุ่มป่าคือ กลุ่มป่าดงพญาเย็น - เขาใหญ่ และ กลุ่มป่า เขาหลวง รวมเป็น ๕ กลุ่มป่า ที่มีจานวนช้างป่าเกินศักยภาพการรองรับของป่า ปี พ.ศ. ๒๕๗๐ จะมีช้างป่า ๗,๕๓๙ - ๘,๑๘๖ ตัว มีอีก ๑ กลุ่มป่าคือ กลุ่มป่าภูเขียว - น้าหนาว รวมเป็น ๖ กลุ่มป่า ท่ีมีจานวนช้างป่า เกินศักยภาพการรองรับของป่า และในปี พ.ศ. ๒๕๗๒ ประเทศไทยจะมีช้างป่ารวมท้ังหมดถึง ๘,๘๒๖ - ๙,๕๘๓ ตัว และจะเหลือกลุ่มป่าท่ีมีศักยภาพรองรับช้างป่าได้เพียง ๓ กลุ่มป่าเท่าน้ัน คือ กลุ่มป่าตะวันตก กลุ่มป่าคลองแสง - เขาสก และกลมุ่ ป่าแมป่ งิ - อมกอ๋ ย
ผ ปัญหาช้างป่าในป่าอนุรักษ์เพ่ิมจานวนมากข้ึน บุกรุกที่ดินทากินของเกษตรกรโดยรอบป่าอนุรักษ์ ทาร้ายร่างกาย ชีวิต ทาลายทรัพย์สิน พืชผลการเกษตรต่อเนื่องมาประมาณ ๑๕ ปี และทวีความรุนแรง มากย่ิงขึ้นตามลาดับ จากข้อมูล ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๓ ของ ๑๖ กลุ่มป่า พบว่ามีสถิติช้างป่าออกหากิน นอกเขตป่าอนุรักษ์จานวน ๑๙,๕๓๗ คร้ัง ทาลายทรัพย์สินราษฎร ๓๖๔ ราย ทาลายพืชผลทางการเกษตร ๓,๔๗๙ ราย ราษฎรบาดเจ็บ ๘๙ ราย ราษฎรเสียชีวิต ๗๙ ราย ช้างป่าบาดเจ็บ ๓๐ ตัว ช้างป่าตาย ๗๔ ตัว สาเหตุที่ช้างป่าบาดเจ็บคือ ถูกล่า ๗ ตัว ป่วย ๗ ตัว ต่อสู้กันเอง ๔ ตัว ไฟฟ้าช็อต ๑ ตัว โดนน้ากรด ๑ ตัว รถชน ๘ ตัว ตกหลุมและท่อ ๒ ตัว สาเหตุท่ีช้างป่าตาย คือ ถูกล่า ๙ ตัว ป่วย ๑๙ ตัว ต่อสู้กันเอง ๗ ตัว ไฟฟ้าช็อต ๑๐ ตัว สิ้นอายุขัย ๓ ตัว รถชน ๑ ตัว ตกหน้าผา ๑๑ ตัว จมน้า ตกน้า แท้งลูก และได้รับอันตราย จากสารเคมีที่ใช้ในการเกษตร ๑๐ ตัว ไม่ทราบสาเหตุ ๘ ตัว ซ่ึงข้อมูลความเสียหายท่ีเกิดจากการทาลายของ ช้างป่าทั้งหมดนี้ น่าจะน้อยกว่าความเป็นจริงหลายเท่า เน่ืองจากภาครัฐมิได้จ่ายค่าเสียหายให้เหมาะสมกับ ความเป็นจริง ทาให้ราษฎรรู้สึกไม่คุ้มค่ากับการเสียเวลาในการเดินทางไปเขียนคาร้องต่อทางราชการ อนึ่ง ภัยจากช้างป่ายังเป็นภัยที่มีความแตกต่างจากภัยอ่ืน ๆ เช่น อุทกภัย วาตภัย กล่าวคือ ภัยจากช้างป่า เป็นภัยท่ีเกดิ ความเสยี หายแบบเรอ้ื รงั ซา้ ซาก ตอ่ เนอ่ื ง การประเมินความเสียหายมคี วามย่งุ ยากกวา่ ภัยอ่นื ๆ สาเหตุท่ชี า้ งป่าออกนอกเขตป่าอนุรักษ์ สรุปได้ดงั น้ี (๑) ชา้ งปา่ เพมิ่ จานวนมากจนเกนิ ศักยภาพพ้ืนที่ป่า ที่จะสามารถรองรับได้ เนื่องจากประชากรช้างป่ามีอัตราการเพ่ิมประมาณร้อยละ ๘.๒ ต่อปี ขณะเดียวกันห่วงโซ่ อาหารระบบนิเวศช้างป่าขาดผู้ล่า เช่น ไม่มีเสือโคร่งล่าลูกช้างป่า มีการออกกฎหมายห้ามล่าช้างเพ่ือเอางา การคล้องช้างป่าไปสวมสิทธ์ิเป็นช้างบ้านกระทาได้ยากขึ้น ทาให้ช้างป่าล้นป่า เกิดภาวะขาดแคลนแหล่งน้า แหลง่ อาหาร แหล่งเกลือแร่ (๒) ลกั ษณะพ้ืนทป่ี ่าอนุรักษ์ในปัจจุบันมีการเปลยี่ นแปลงไปจากเดิม โดยพน้ื ทท่ี ี่เป็น ป่าไม้มีต้นไม้ใหญ่เติบโตขึ้นรกทึบ ทาให้พื้นที่ที่เป็นทุ่งหญ้าสาหรับเป็นแหล่งอาหารช้างป่าลดลง (๓) การเปล่ียนแปลงถิ่นท่ีอยู่อาศัยของช้างป่า อันเนื่องมาจากมีสิ่งรบกวนภายในเขตป่าอนุรักษ์ เช่น การลักลอบ ตัดไม้ทาลายป่า การลักลอบล่าสัตว์ (๔) พ้ืนที่เกษตรกรรมโดยรอบปา่ อนุรกั ษ์ มีแหล่งน้า แหล่งอาหารเป็นแรง ดึงดูดทาให้ช้างป่าออกนอกป่าอนุรักษ์มากินอาหารพืชผลทางการเกษตร ทาให้ช้างป่าติดใจในรสชาติอาหาร มากกว่าอาหารในปา่ อนุรักษ์ (๕) การสร้างแหล่งน้า แหลง่ อาหาร แหล่งเกลือแรโ่ ปง่ เทียม บริเวณขอบพื้นที่ป่า อนรุ กั ษ์ใกลท้ ีด่ นิ ทากินของราษฎร คณะกรรมาธิการวิสามัญ ขอเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาช้างป่า ดังน้ี (๑) รัฐบาลต้องเร่ง สารวจจานวนช้างป่า และศึกษาศักยภาพในการรองรับช้างป่าให้ครบทุกกลุ่มป่า (๒) รัฐบาลต้องเร่งควบคุม จานวนช้างป่า โดยให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ศึกษาหาแนวทาง วิธีการควบคุมประชากรช้างป่าให้มีผลสรุ ปและนามาประยุกต์ ใช้ได้โดยเร็ว (๓) รัฐบาลต้องเร่งสร้าง และปรับปรุงทุ่งหญ้าสาหรับเป็นแหล่งอาหารช้างป่า เช่น การชิงเผา อย่างมีแบบแผน หรือวิธีการตัดสาง ปลูกพืชที่เป็นอาหารของช้างป่า เร่งสร้างและปรับปรุงแหล่งน้า แหล่งเกลือแร่ โปง่ เทียม โดยเนน้ ให้จัดสร้างบริเวณทลี่ ึกเข้าไปในป่าอนุรักษ์ แทนทีจ่ ะสร้างตามแนวขอบปา่ อนรุ ักษเ์ พ่ือรองรับ การผลักดันช้างป่าที่บุกรุกพ้ืนท่ีทากินของราษฎรทั้งหมดกลับสู่ป่าอนุรักษ์โดยเร็ว (๔) รัฐบาลต้องดาเนินการ ทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ให้คนบุกรุกหรือลักลอบเข้าไปตัดไม้ทาลายป่าในเขตป่าอนุรักษ์ เพ่ือไม่ให้ถ่ิน
ฝ ทีอ่ ยอู่ าศัยของชา้ งป่าถูกรบกวน ขณะเดียวกัน รฐั บาลต้องบริหารจัดการไมใ่ หช้ า้ งป่าบุกรุกท่ีทากินของคนด้วย โดยการแบ่งเขตการจัดการท่ีดินหรือโซนน่ิง (Zoning) เป็นเขตป่าอนุรักษ์และเขตท่ีดินทากินของราษฎร อย่างชัดเจน เพ่ือไม่ให้เกิดปัญหาการกระทบกระทั่งระหว่างคนและช้างป่า คนเกิดการบาดเจ็บ เสียชีวิต ทรัพย์สิน พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย รวมท้ังไม่ให้ช้างป่าได้รับอันตรายเกิดการบาดเจ็บล้มตาย ด้วยเช่นกนั (๕) รัฐบาลตอ้ งเร่งกอ่ สร้างส่ิงกดี ขวางหรือแบรเิ ออร์ (Barrier) พร้อมถนนตรวจการณ์ เพอื่ ปอ้ งกัน การบุกรุกของช้างป่า ตามแนวเขตป่าอนุรักษ์ เพราะว่าการใช้กาลังเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครป้องกันและเฝ้า ระวังช้างป่าเพียงอย่างเดียว คงไม่เพียงพอที่จะต้านทานการบุกรุกของช้างป่าออกนอกเขตป่าอนุรักษ์ได้ ในกลุ่มป่าท่ีมีปัญหาภัยช้างป่าบุกรุกท่ีทากินของราษฎร ซ่ึงคณะกรรมาธิการวิสามัญ ได้ออกแบบคันกันช้าง พร้อมถนนตรวจการณ์ตามแนวเขตป่าอนุรักษ์ เป็นรูปแบบที่มีความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ มากกว่าสิ่งกีดขวาง ที่เคยดาเนินการมาก่อนหน้าน้ี มีความพร้อมที่จะให้รัฐบาลนาไปจัดสรรงบประมาณและดาเนินการก่อสร้าง ในพ้ืนท่ีท่ีมีปัญหาการบุกรุกของช้างป่าเป็นประจาอย่างเร่งด่วนได้ทันที อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะต้องรับฟัง ความคิดเห็นของประชาชนเพื่อให้ประชาชนในพื้นท่ีได้มีส่วนร่วมก่อนดาเนินการก่อสร้าง (๖) รัฐบาลต้องขนย้าย ช้างป่าที่มีความเสี่ยงเผชญิ หน้าและทารา้ ยประชาชนหรอื “ช้างป่าเกเร” ออกจากป่าชุมชนหรือที่ดินทากิน ของราษฎรโดยเร่งด่วน นาไปปรับพฤติกรรมในสถานที่กักกันช้างป่าออกนอกป่าอนุรักษ์ ซ่ึงควรจัดสร้างขึ้น ในแต่ละจังหวัด และผลักดันช้างป่าประจาถ่ินที่อาศัยอยู่ตามปา่ ชุมชนหรือท่ีดินทากินของราษฎรกลับคืนสปู่ ่า อนุรักษ์โดยเร็ว พร้อมท้ังจัดกาลังเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครเฝ้าระวังและติดตามช้างป่า สนธิกาลังกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ตรึงกาลังที่ชายขอบป่าอนุรักษ์ไม่ให้ช้างป่าเล็ดลอดออกมาอีก จนกว่าจะก่อสร้างเคร่ืองกีดขวาง พร้อมถนนตรวจการณ์ตามแนวเขตป่าอนุรักษ์แล้วเสร็จ (๗) รัฐบาลต้องเร่งเยียวยาความเสียหายที่เกิดข้ึน จากภยั ชา้ งปา่ ทกุ กรณที ันที ด้วยความเปน็ ธรรม ไม่วา่ จะเปน็ ความเสียหายต่อรา่ งกาย ชวี ิต ทรพั ย์สิน พชื ผล ทางการเกษตร คณะกรรมาธิการวิสามัญได้ศึกษารูปแบบการประกันภัยช้างป่า ซ่ึงเป็นการประกันภัยท่ีตัวช้างป่า ทั้งประเทศ กรณีราษฎรเสียชีวิต ทุพพลภาพ พิการ จากช้างป่า ราษฎรจะได้รับสินไหมทดแทนท่ีมีความเป็นธรรม มากขน้ึ ขณะเดียวกนั กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะตอ้ งออกระเบยี บว่าด้วยการเยยี วยาชดเชย แก่ผู้ได้รับความเสียหายจากช้างป่า เพ่ือรองรับการทาประกันภัยช้างป่า จะทาให้กรมธรรม์ประกันภัยจากช้างป่า มีผลคุ้มครองโดยสมบรู ณ์ ซึ่งรัฐบาลสามารถจดั สรรงบประมาณมาเพื่อชาระเบ้ียประกันภยั จากช้างป่าไดท้ ันที การทาประกนั ภยั จากช้างป่านี้ จะชว่ ยบรรเทาปญั หาวงเงนิ เยียวยาตามระเบยี บกฎหมายของทางราชการที่มีอัตราต่า ไม่มีความเป็นธรรม ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงท่ีเกิดขึ้นในปัจจุบันได้ อนึ่ง คณะกรรมาธิการวิสามัญ ยงั ได้มขี ้อเสนอใหก้ รมอุทยานแห่งชาติ สตั ว์ปา่ และพนั ธุ์พืช จัดทาบญั ชีราคากลางตน้ ไมแ้ ละพืชผล เพอ่ื ชดเชย ความเสียหายท่ีเกิดข้ึนจากภัยช้างป่า โดยให้มีการจัดต้ังคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาและใช้ตาราง “รายละเอียด ค่าทดแทนต้นไม้และไม้ผลที่ถูกเขตชลประทาน” ของกรมชลประทานมาเป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิง (๘) รัฐบาล ต้องแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาช้างป่าสามารถดาเนินการได้อย่างครบวงจร ด้วยความเป็นธรรม และเกิดความยั่งยืน (๙) รัฐบาลต้องนาวิกฤตปัญหาช้างป่ามาเป็นโอกาส เม่ือการก่อสร้าง เครื่องกีดขวางหรือแบริเออร์ (Barrier) คันกันช้างพร้อมถนนตรวจการณ์ ตามแนวเขตป่าอนุรักษ์แล้วเสร็จ สมบูรณ์ จะทาให้คนและช้างป่ามีความปลอดภัย รัฐบาลสามารถพัฒนาพ้ืนท่ีท่ีเคยวิกฤตมีปัญหาภัยจากช้างป่า
พ เป็นแหล่งท่องเท่ียว ให้นักท่องเที่ยวท้ังในประเทศและต่างประเทศ มาท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ชมช้างป่า เพิ่มมูลค่า ทางเศรษฐกจิ แกช่ ุมชน ทอ้ งถ่นิ เพมิ่ รายไดแ้ ก่กรมอุทยานแห่งชาติ สตั ว์ปา่ และพนั ธพุ์ ืช เป็นชอ่ งทางการนารายได้ เข้าประเทศได้เป็นอันมาก แม้ว่าการก่อสร้างเครื่องกีดขวางหรือแบริเออร์ (Barrier) คันกันช้างพร้อมถนน ตรวจการณ์ จะใช้งบประมาณค่อนข้างสูง แต่เชื่อเหลือเกินว่าจะได้รับผลตอบแทนท่ีคุ้มค่า การดารงอยู่ของช้างป่า ทาให้คนมีรายได้ คนจะอนุรักษ์ช้างป่าเป็นการพัฒนาที่เกื้อกูลซ่ึงกันและกัน เมื่อไม่มีผู้เสียชีวิต ไม่มีผู้ประสบภยั ชา้ งป่า ทรัพย์สิน พืชผลทางการเกษตรไม่เสียหาย รัฐบาลก็ประหยัดงบประมาณ ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข สามารถขาย พชื ผลทางการเกษตรเป็นอาหารช้างปา่ ได้อีกด้วย ทาให้คนรกั ช้างปา่ ไปโดยปริยาย ดังนน้ั งบประมาณที่ใช้ในการ แก้ปัญหานี้ จึงไม่เป็นค่าใช้จ่ายท่ีสูญเปล่าอย่างแน่นอนนับว่าเป็นการลงทุนที่สามารถแก้ได้หลายปัญหา สร้างรายได้อย่างมหาศาลและต่อเนื่องแก่ประเทศชาติ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลคงจะได้นาข้อสังเกต ของคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั ไปดาเนนิ การแกไ้ ขปญั หาช้างป่าโดยเรว็ ตอ่ ไป
ฟ หน้า ก สารบญั ค ฉ รายนามคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ ป รายนามคณะอนุกรรมาธกิ าร ๑ รายงานของคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั ๑ บทสรุปผบู้ ริหาร ๓ บทที่ ๑ บทนา ๓ ๓ ๑.๑ ความเปน็ มาและสภาพปญั หา ๑.๒ วตั ถุประสงค์ ๔ ๑.๓ ขอบเขตการดาเนนิ งาน ๔ ๑.๔ ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะได้รับ ๔ ๑๙ บทที่ ๒ การรวบรวมและการทบทวนข้อมลู พืน้ ฐานทีเ่ ก่ียวข้อง ๓๐ ๒.๑ ขอ้ มลู จากหนว่ ยงานหรือบุคคลต่าง ๆ นาเสนอต่อคณะกรรมาธิการวสิ ามญั ๒.๑.๑ จานวนประชากรช้างป่าแต่ละกลุ่มป่า ๔๒ ๒.๑.๒ แผนงานการจัดการแก้ไขปญั หาช้างปา่ ของหน่วยงานต่าง ๆ ท่เี กี่ยวข้อง ๒.๑.๓ แนวทางและการดาเนินงานการแกไ้ ขปัญหาชา้ งปา่ ๔๓ ของหนว่ ยงานต่าง ๆ ทเี่ ก่ียวข้อง ๔๖ ๒.๑.๔ มาตรการด้านการบริหารจดั การเพ่อื แก้ไขปัญหา ความขดั แย้งระหวา่ งราษฎรกบั ชา้ งปา่ ของหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ที่เกย่ี วขอ้ ง ๕๒ ๒.๑.๕ กฎหมายทเี่ กี่ยวขอ้ งกับการบรหิ ารจดั การชา้ งปา่ ๒.๑.๖ แนวทางการเยียวยาและการจ่ายคา่ ชดเชย กรณปี ญั หาชา้ งป่า ๕๗ บกุ รกุ ทารา้ ยร่างกาย ชวี ิต ทรัพยส์ ินและพชื ผลทางการเกษตร ๗๖ ๒.๑.๗ สถานการณ์สภาพปัญหาช้างป่า และการบริหารจัดการปัญหาช้างป่า ๘๔ ในรอบ ๑๐ ปี ในการเยียวยาผู้ไดร้ ับผลกระทบจากชา้ งปา่ ๑๑๕ และมาตรการแผนงานโครงการแก้ปัญหาชา้ งป่าในพ้นื ที่ ๒.๒ การเดินทางไปศึกษาดูงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ๒.๓ สรปุ ผลการดาเนินการของคณะอนกุ รรมาธิการ บทที่ ๓ สภาพปัญหาชา้ งป่าบกุ รกุ บทท่ี ๔ ผลการพจิ ารณาศึกษาการแกไ้ ขปัญหาช้างป่า
ภ สารบญั (ต่อ) หนา้ บทที่ ๕ บทสรปุ ขอ้ เสนอแนะ และข้อสงั เกตของคณะกรรมาธิการวิสามญั ๑๗๕ ๕.๑ บทสรปุ ๑๗๕ ๕.๒ ข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ ๑๗๖ ๕.๓ ข้อสงั เกตของคณะกรรมาธิการ ๑๘๑ ภาคผนวก ภาคผนวก ก คาส่ังแต่งตง้ั ภาคผนวก ข ญตั ตทิ เ่ี กี่ยวขอ้ ง ภาคผนวก ค หนงั สอื ขอขยายระยะเวลาการพิจารณาศกึ ษาของคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ ภาคผนวก ง ประมวลภาพการประชุมของคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ ภาคผนวก จ ประมวลภาพการประชมุ ของคณะอนุกรรมาธกิ าร ภาคผนวก ฉ สรปุ ประเด็นความคดิ เห็นของพี่นอ้ งประชาชนผูป้ ระสบภยั ช้างปา่ ภาคผนวก ช ข้อมลู เพม่ิ เตมิ ของคณะกรรมาธิการวสิ ามญั ภาคผนวก ซ รายงานคณะทางานศึกษาการผลกั ดนั ชา้ งปา่ ออกจากชมุ ชนสู่ป่า ภาคผนวก ฌ การเดนิ ทางศึกษาดงู านของคณะกรรมาธิการวิสามัญ
ม สารบัญตาราง หน้า ตารางท่ี ๑ จานวนช้างป่าในพื้นที่อนุรักษ์ จาแนกตามกลุม่ ป่า จากการสารวจในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ๒๑ ๒ จานวนเงนิ เอาประกันภยั จากช้างปา่ และความคุ้มครอง ๔๙ ๓ ข้อเสนอความค้มุ ครองและอตั ราเบีย้ ประกนั ภยั สาหรบั กรมธรรม์ประกันภัยความรบั ผิด ๕๑ จากภัยช้างป่า ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๔ สถิตภิ ยั จากชา้ งปา่ และการใหค้ วามชว่ ยเหลือโดยใชเ้ งนิ ทดรองราชการ จังหวัดจนั ทบรุ ี ๖๑ ๕ ต้นทุนการผลิตทจ่ี าเป็นของไม้ผลแตล่ ะชนิดประกอบคาขออนมุ ตั ิกรมบญั ชีกลาง ๖๔ ของจังหวดั จนั ทบุรี เพ่ือจ่ายค่าทดแทน กรณีถูกชา้ งป่าทาลาย ๖ ความเหมาะสมของจานวนช้างปา่ ต่อพ้ืนทกี่ ลุ่มป่าทจ่ี ะรองรบั ประชากรช้างป่าได้ ๗๙ ขอ้ มูลจากการสารวจในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ๗ สถติ ิความเสยี หายจากชา้ งป่ากล่มุ ป่าตะวันตก ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๓ ๘๖ ๘ หม่บู า้ นท่ไี ด้รบั ผลกระทบจากภยั ชา้ งป่า กลมุ่ ปา่ ตะวันตก ๘๗ ๙ สถติ คิ วามเสยี หายจากชา้ งปา่ กลุ่มป่าตะวนั ออก ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๓ ๙๒ ๑๐ หมู่บา้ นทไี่ ด้รับผลกระทบจากภยั ช้างปา่ กลมุ่ ปา่ ตะวันออก ๙๔ ๑๑ สถติ ิความเสียหายจากช้างปา่ กล่มุ ป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๓ ๙๘ ๑๒ หมบู่ า้ นทไ่ี ดร้ ับผลกระทบจากภัยชา้ งป่า กลมุ่ ป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่ ๙๙ ๑๓ สถติ คิ วามเสยี หายจากช้างปา่ กลมุ่ ปา่ ภเู ขยี ว - น้าหนาว ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๓ ๑๐๑ ๑๔ หมู่บา้ นทไ่ี ด้รบั ผลกระทบจากภัยชา้ งป่า กลุ่มปา่ ภเู ขยี ว – นา้ หนาว ๑๐๒ ๑๕ สถติ คิ วามเสียหายจากช้างป่า กลุ่มป่าแก่งกระจาน ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๓ ๑๐๔ ๑๖ หมบู่ า้ นที่ได้รบั ผลกระทบจากภัยชา้ งป่า กลุ่มป่าแก่งกระจาน ๑๐๕ ๑๗ สรุปสถานการณ์ช้างป่าทั่วประเทศ ๑๐๗ ๑๘ สถิติความเสียหายจากช้างป่า พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑๑๗ ๑๙ สถิติความเสียหายจากช้างป่า พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๑๘ ๒๐ สถิติความเสียหายจากช้างป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑๑๙ ๒๑ สถิติความเสียหายจากช้างป่า พ.ศ. ๒๕๖๓ ๑๒๐ ๒๒ สาเหตกุ ารบาดเจบ็ ของชา้ งป่าในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ถึง พ.ศ. ๒๕๖๓ ๑๒๑ ๒๓ สาเหตกุ ารตายของชา้ งป่าในชว่ งปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ถงึ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๑๒๒ ๒๔ ขนาดพืน้ ทป่ี า่ อนรุ ักษ์ และศักยภาพในการรองรบั ประชากรชา้ งป่า ๑๒๓ ๒๕ ผลการดาเนนิ งานกจิ กรรมการฟน้ื ฟสู ภาพถ่นิ อาศัยของช้างป่า ภายในเขตปา่ อนรุ ักษ์ ๑๒๕ ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๖๔ ที่ผ่านมา (กรมอุทยานแห่งชาติ สตั วป์ า่ และพันธพ์ุ ืช)
ย สารบญั ตาราง (ตอ่ ) หนา้ ตารางที่ ๒๖ แผนการดาเนนิ งานกจิ กรรมการฟื้นฟูสภาพถิ่นอาศยั ของชา้ งป่าในพน้ื ที่ ๕ กลมุ่ ปา่ เรง่ ดว่ น ๑๒๕ ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ – ๒๕๖๗ (๓ ปี) ๒๗ ช้างป่าท่ีมีความเสีย่ งเผชิญหน้าและทาร้ายประชาชน (ช้างป่าเกเร) ๑๓๐ ๒๘ ตวั ช้ีวดั เป้าหมายโครงการ/กจิ กรรม ๑๓๑ ๒๙ รายละเอยี ดงบประมาณในแตล่ ะกิจกรรม ๑๓๑ ๓๐ การจัดทาส่ิงกีดขวางหรือแบริเออร์ (Barrier) ปอ้ งกันช้างป่าท่ีดาเนินการแลว้ ๑๓๘ และรอพจิ ารณาดาเนนิ การ ๓๑ ต้นทุนการผลิตทจ่ี าเป็นของไม้ผลแต่ละชนิดประกอบคาขออนุมตั ิกรมบญั ชกี ลาง ๑๔๓ ของจังหวัดจนั ทบรุ ี เพ่ือจา่ ยค่าทดแทน กรณีถกู ช้างปา่ ทาลาย ๓๒ อตั ราเบี้ยประกนั ภัย แบง่ ตามจานวนเงินเอาประกนั ๑๕๒
ร สารบญั ภาพ หน้า ภาพท่ี ๑ พื้นท่กี ลุ่มป่าตะวันตก ๕ ๒ ลักษณะการใช้พืน้ ท่ีของช้างป่าบรเิ วณกล่มุ ปา่ ตะวนั ตก ๖ ๓ พ้ืนท่ีกลุ่มปา่ ตะวันออก (ปา่ รอยต่อ ๕ จงั หวดั และจังหวดั ตราด) ๘ ๔ ลกั ษณะการใช้พน้ื ที่ของชา้ งป่าบริเวณกลุ่มปา่ ตะวันออก ๙ (ป่ารอยต่อ ๕ จังหวดั และจงั หวัดตราด) ๕ พืน้ ที่กลุ่มป่าดงพญาเยน็ – เขาใหญ่ ๑๑ ๖ ลกั ษณะการใช้พ้นื ท่ีของชา้ งป่าบรเิ วณกลุ่มปา่ ดงพญาเย็น – เขาใหญ่ ๑๒ ๗ พืน้ ทก่ี ลุ่มป่าภเู ขยี ว – นา้ หนาว ๑๔ ๘ ลักษณะการใช้พืน้ ท่ีของช้างป่าบริเวณกล่มุ ป่าภเู ขียว – นา้ หนาว ๑๕ ๙ พน้ื ทีก่ ลุ่มปา่ แก่งกระจาน ๑๗ ๑๐ ลกั ษณะการใช้พ้นื ที่ของช้างป่าบรเิ วณพ้นื ที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ๑๘ ๑๑ การกระจายของช้างป่าบริเวณพน้ื ท่ีกลมุ่ ป่าตะวนั ตก (ขอ้ มูลปี พ.ศ. ๒๕๖๒) ๘๘ ๑๒ การกระจายของช้างปา่ บรเิ วณกลุ่มปา่ ตะวันออก (ป่ารอยตอ่ ๕ จังหวดั ) ๙๖ ๑๓ พื้นที่และเส้นทางเดนิ ของชา้ งปา่ ท่อี อกหากนิ นอกพ้นื ทีป่ ่าเขตรักษาพนั ธ์ุสตั ว์ปา่ เขาอ่างฤาไน ๙๗ ๑๔ การกระจายของชา้ งป่าบรเิ วณกลมุ่ ป่าดงพญาเยน็ – เขาใหญ่ ๑๐๐ ๑๕ การกระจายของช้างปา่ บริเวณกลมุ่ ปา่ ภูเขียว – น้าหนาว ๑๐๓ ๑๖ การกระจายของช้างป่าบริเวณกล่มุ ป่าแก่งกระจาน ๑๐๖ ๑๗ รปู แบบที่ ๑ รูปแบบสง่ิ กดี ขวางหรอื แบรเิ ออร์ (Barrier) คันกันช้าง ๑๕๙ พร้อมถนนตรวจการณ์ ในกรณีไมท่ าทางลาด ๑๘ รูปแบบท่ี ๒ รปู แบบสิ่งกีดขวางหรือแบรเิ ออร์ (Barrier) คันกันช้าง ๑๖๐ พร้อมถนนตรวจการณ์ ๑๖๐ บนพ้ืนทีด่ นิ ทว่ั ไป สาหรบั สตั ว์ขนึ้ ลงที่ ๓๐๐ - ๕๐๐ เมตร ความกวา้ งยดื หยนุ่ ตามสภาพภมู ิประเทศ (Varies) ๑๙ รูปแบบที่ ๓ รูปแบบส่ิงกีดขวางหรือแบรเิ ออร์ (Barrier) คนั กันช้าง ๑๖๑ พร้อมถนนตรวจการณ์บนพ้ืนที่ดนิ อ่อน ๒๐ รปู แบบท่ี ๔ รูปแบบส่งิ กีดขวางหรือแบริเออร์ (Barrier) คนั กันชา้ ง ๑๖๒ พร้อมถนนตรวจการณ์ บนพ้ืนท่ีดินออ่ น สาหรบั สตั ว์ขน้ึ ลง ทกุ ระยะ ๓๐๐ - ๕๐๐ เมตร ความกวา้ งยดื หย่นุ ตามสภาพภมู ปิ ระเทศ (Varies) ๒๑ จาลองจากสภาพเทา่ ของจริง เพ่อื แสดงให้เหน็ ว่า สิง่ กีดขวาง ๑๖๔ หรอื แบรเิ ออร์ (Barrier) พร้อมถนนตรวจการณ์ มคี วามสูงพอท่จี ะกน้ั ช้างได้
บทท่ี ๑ บทนำ ๑.๑ ควำมเปน็ มำและควำมสำคญั ของปัญหำ จากการสารวจจานวนช้างป่าในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ของกรมอทุ ยานแห่งชาติ สตั ว์ป่า และพันธุ์พชื พบว่า มีช้างป่าในประเทศไทยจานวนท้ังสิ้นประมาณ ๓,๑๖๘ - ๓,๔๔๐ ตัว อาศัยในพ้ืนที่ป่าอนุรักษ์ ทั้งในเขตรักษา พนั ธ์ุสัตวป์ ่า อุทยานแหง่ ชาติ จานวน ๖๙ แห่ง และในพนื้ ทีป่ ่าสงวนแหง่ ชาติบางแห่ง มพี ้นื ที่ที่เปน็ แหล่งอาศัย ของช้างป่ารวมทั้งสิ้นประมาณ ๕๒,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร โดยกลุ่มป่าท่ีมีจานวนช้างป่ามากที่สุด และมี ปญั หาชา้ งป่ามากที่สดุ ในประเทศประกอบดว้ ย ๕ กล่มุ ป่า ดงั นี้ ๑.๑.๑. กลุ่มป่ำตะวันตก เป็นผืนป่าขนาดใหญ่ในภาคตะวันตก ครอบคลุมพื้นท่ีจังหวัดตาก จังหวัด กาแพงเพชร จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดกาญจนบุรี มีพ้ืนที่ประมาณ ๑๑,๗๐๐,๐๐๐ ไร่ หรือประมาณ ๑๘,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ซึ่งประกอบด้วยเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝ่ังตะวันออก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สลักพระ อุทยานแห่งชาตแิ ม่วงก์ อุทยานแห่งชาติเข่ือนศรีนครินทร์ อุทยานแห่งชาติเอราวณั อุทยานแห่งชาติ เขาแหลม อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อุทยานแห่งชาติไทรโยค และอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ มปี ระชากรช้างป่าจานวนท้งั สนิ้ ประมาณ ๖๔๒ - ๗๓๔ ตวั ๑.๑.๒. กลุ่มป่ำตะวันออก เป็นผืนป่าขนาดใหญ่ในภาคตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่จังหวัด ฉะเชิงเทรา จังหวัดจันทบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดสระแก้ว ป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด มีพ้ืนท่ี ประมาณ ๑,๓๖๓,๓๒๓.๐๕ ไร่ หรือประมาณ ๒,๑๘๑.๓๒ ตารางกิโลเมตร ซึ่งประกอบด้วย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขาอ่างฤาไน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น อุทยานแห่งชาติเขาคิฌชกูฏ และอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา – เขาวง ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ มีประชากรช้างป่าจานวนทั้งส้ินประมาณ ๔๒๓ ตัว แบ่งออกเป็น ๑๐ โขลงใหญ่ ที่มีขนาดประชากรในโขลงมากกว่า ๒๐ ตัว พื้นที่ท่ีเหมาะสมที่มีช้างป่าอาศัยอยู่ จานวนมากอยู่ในพื้นท่ีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เน่ืองจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน มแี หล่งน้า แหล่งแหลง่ อาหาร แหล่งเกลอื แร่ และสภาพพ้นื ท่ปี ่าทเี่ หมาะสมต่อการใช้ประโยชนข์ องชา้ งปา่ ๑.๑.๓. กลุม่ ปำ่ ดงพญำเยน็ - เขำใหญ่ ครอบคลมุ พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จงั หวดั สระบรุ ี จังหวดั นครนายก จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดสระแก้ว และจังหวัดบุรีรัมย์ มีพื้นที่ประมาณ ๓,๘๗๔,๘๖๓ ไร่ หรอื ประมาณ ๖,๑๕๕ ตารางกิโลเมตร ซึ่งประกอบดว้ ยเขตรักษาพันธสุ์ ัตว์ปา่ ดงใหญ่ อุทยานแหง่ ชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติทับลาน อุทยานแห่งชาติปางสีดา และอุทยานแห่งชาติตาพระยา ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ มีประชากร ช้างป่าจานวนท้ังส้ินประมาณ ๕๓๓ - ๕๘๖ ตัว ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าของพื้นที่กลุ่มป่าน้ี ส่วนใหญ่มีปัญหาช้างป่าบริเวณแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ช้างป่าออกหากินพืชไร่ แหล่งน้า และแหล่ง อาหาร ทาให้เกดิ ความเสยี หายแกท่ รพั ยส์ นิ ของราษฎร
๒ ๑.๑.๔. กลุ่มป่ำภูเขียว - นำหนำว ครอบคลุมพ้ืนที่จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดเลย จังหวัดหนองบัวลาภู จังหวัดอุดรธานี จังหวัดขอนแก่น จังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดลพบุรี มีพื้นที่ประมาณ ๓,๕๘๐,๘๗๔.๒๕ ไร่ ประกอบด้วยเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าภูเขียว เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าตะเบาะ – ห้วยใหญ่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าผาผึ้ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูค้อ – ภูกระแต เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าภูผาแดง เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าภูหลวง เขตรักษา พันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา อุทยานแห่งชาติน้าหนาว อุทยานแห่งชาติตาดหมอก อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อุทยาน แห่งชาติภผู าม่าน ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ มปี ระชากรช้างปา่ จานวนทัง้ ส้ินประมาณ ๔๙๒ – ๔๙๓ ตวั ปญั หาชา้ งป่า ในกลุ่มป่านี้ พบมากในพื้นท่ีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย ซึ่งเป็นพื้นท่ีอนุรักษ์ ที่มีพื้นที่ กว่า ๕๖๐,๕๙๓ ไร่ ถูกล้อมรอบด้วยการต้ังถ่ินฐานของชมุ ชนและการขยายตัวของพ้ืนท่ีการเกษตรของราษฎร เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสาปะหลัง อ้อย กล้วย ลูกเดือย เป็นต้น จึงเป็นสาเหตุหน่ึงที่ทาให้ช้างป่าออกไปหากิน นอกเขตฯ และทาความเสียหายต่อพืชไร่ของราษฎรทป่ี ลูกไว้ไดร้ ับความเดือดร้อน โดยเฉพาะทางด้านทิศตะวันออก และทศิ ใต้ของเขตรักษาพนั ธ์ุสตั ว์ปา่ ภูหลวงซึ่งอยู่ในท้องท่ีอาเภอวงั สะพุง และอาเภอภูหลวง จงั หวัดเลย ๑.๑.๕. กลุ่มปำ่ แก่งกระจำน เป็นกลมุ่ ป่าทต่ี ง้ั อยบู่ นเทอื กเขาตะนาวศรี ซ่ึงทอดตวั ตามแนวชายแดน ไทย – พม่า ทิศตะวันตกของกลุ่มป่าแก่งกระจาน จึงมีลักษณะเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนเช่อื มต่อเป็นผนื ปา่ เดียวกันกับป่าในเขตตะนาวศรีของประเทศพม่า คลอบคลุมพ้ืนท่ีจังหวัดราชบุรี จังหวัดเพชรบุรี จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ มีพื้นที่ประมาณ ๒,๙๓๘,๙๑๐ ไร่ หรือประมาณ ๔,๗๐๒ ตารางกิโลเมตร ซึ่งประกอบด้วย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้าภาชี อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติกุยบุรี อุทยานแห่งชาติเฉลิม พระเกียรตไิ ทยประจัน ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ มีประชากรชา้ งป่าจานวนทง้ั สิ้นประมาณ ๔๘๗ – ๕๐๐ ตวั โดยท้ัง ๕ กลุ่มป่านี้ พบว่าประชาชนมีปัญหาความเดือดร้อนจากช้างป่าออกนอกเขตป่าอนุรักษ์ เป็นเวลากวา่ ๑๕ ปี และมแี นวโน้มทวคี วามรนุ แรงมากขึ้นตามลาดับ ก่อใหเ้ กิดปญั หาความขดั แยง้ ระหว่างคนกับช้างป่า อันเนื่องมาจากช้างป่าออกมาบุกรุกพื้นที่เกษตรกรรม ทาลายพืชผลทางการเกษตรของราษฎรตามแนวขอบ พ้ืนที่ป่าอนุรักษ์ ทาลายทรัพย์สิน ทาร้ายประชาชนได้รับบาดเจ็บหรือ เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง โดยยังไม่มี มาตรการแก้ปัญหาการเยียวยาอย่างเหมาะสม และเป็นธรรม ทาให้ประชาชนต้องดารงชีวิตและประกอบ อาชพี ด้วยความหวาดผวา ไม่มีหลกั ประกนั ในความปลอดภยั ทง้ั ในด้านการดารงชวี ิต และการประกอบอาชีพ เกษตรกรรม ทั้งนี้ จากสภาพปัญหาดังกล่าว แม้ว่าแต่ละหน่วยงานจะพยายามแก้ไขปัญหาตามอานาจหน้าท่ีของ ตนเองแต่ก็ยังไม่สาเร็จ กล่าวคือ ยังไม่สามารถผลักดันช้างป่ากลับคืนสู่ป่า และยังไม่สามารถก่อสร้าง สิ่งกีดขวางหรือแบริเออร์ (Barrier) ท่ีมีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกพ้ืนที่ ยังไม่สามารถควบคุมประชากร ช้างป่าให้มีจานวนท่ีเหมาะสมกับพื้นท่ีกลุ่มป่า และยังไม่สามารถเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากภัยช้างป่า อยา่ งเป็นธรรม ดังนั้นทุกหนว่ ยงานจะต้องมีการบูรณาการรว่ มมอื กันแก้ไขปัญหาชา้ งป่าให้สาเร็จโดยเร็ว สภาผู้แทนราษฎร ได้ตระหนักถึงความสาคัญในเรื่องดังกล่าว จึงได้มีการพิจารณาญัตติเรื่อง ขอให้ ส ภ าผู้ แทนราษฎรต้ังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา แก้ปัญหาช้างป่าเพ่ิมจานวนบุกรุกท่ีทากิน ของเกษตรกรและเยียวยาผลกระทบอย่างย่งั ยืน จานวน ๘ ญตั ติ ในคราวประชุมการประชมุ สภาผู้แทนราษฎร
๓ ชุดที่ ๒๕ ปีท่ี ๒ ครั้งที่ ๒๐ (สมัยสามัญประจาปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๔ และได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาและแก้ไขปัญหาช้างป่า สภาผู้แทนราษฎร ตามข้อบังคับ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๔๙ และข้อ ๕๐ ซ่ึงคณะกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าว ได้ทาการ พิจารณาศึกษาตามที่สภาผู้แทนราษฎรมอบหมาย โดยมีการประชุมเชิญหน่วยงาน องค์กร และบุคคล ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ รวมท้ังข้อมูลจากการลงพื้นท่ีโดยตรง จากการพูดคุยกับบคุ คลในพ้นื ที่ตา่ งๆ รวมทั้งไดต้ ง้ั คณะอนุกรรมาธิการขึ้น จานวน ๓ คณะ เพอ่ื ศกึ ษาวิเคราะห์ สภาพปัญหาอุปสรรคจากปัญหาช้างป่าบุกรุก และรวบรวมข้อมูลปัญหา แนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ อีกท้ังได้มีการบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานต่างๆ ท้ังหน่วยงานราชการ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคม เพ่ือให้การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญเป็นไปอย่างครอบคลุมในทุกมิติ และสามารถนาไปสกู่ ารแกไ้ ขปญั หาอยา่ งเป็นระบบและยั่งยนื ๑.๒ วตั ถุประสงค์ ๑. เพื่อศึกษาและวิเคราะห์สภาพปัญหา ผลกระทบจากช้างป่าบุกรุก ทาร้ายร่างกาย ชีวิต ทรัพย์สิน พชื ผลทางการเกษตรของราษฎร ๒. เพื่อศึกษาเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาท้ังเชิงนโยบาย และเชิงปฏิบัติในการบริหารจัดการปัญหา ช้างป่าบุกรุก ทาร้ายรา่ งกาย ชวี ติ ทรัพย์สิน พชื ผลทางการเกษตรของราษฎร ๓. เพ่ือจดั ทา ขอ้ คดิ เหน็ ขอ้ เสนอแนะ ขอ้ สงั เกต ตอ่ รัฐบาล และหนว่ ยงานท่ีเกี่ยวข้อง นาไปดาเนินการ ปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หา ๑.๓ ขอบเขตกำรดำเนนิ งำน การศึกษานี้ดาเนินการศึกษา โดยใช้การรวมรวมข้อมูลทุติยภูมิ และการให้หน่วยงานที่เก่ียวข้อง ช้ีแจงข้อมูล และการลงพื้นที่เพื่อร่วมปรึกษาหารือกับส่วนราชการและประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งรับทราบ ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพปัญหาช้างป่าบุกรุกทาร้ายร่างกาย ชีวิต ทรัพย์สิน พืชผลทางการเกษตรของราษฎร ของกลุ่มป่าต่างๆ รวมทั้งเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาและการบริหารจัดการ ทั้งเชิงนโยบายและเชิงปฏบิ ตั ิ ของแตล่ ะพืน้ ท่ี ๑.๔ ประโยชนท์ คี่ ำดว่ำจะได้รับ ๑. ได้รับทราบถึงสภาพปัญหาผลกระทบจากช้างป่าบุกรุก ทาร้ายร่างกาย ชีวิต ทรัพย์สิน พืชผล ทางการเกษตรของราษฎร ๒. สามารถจัดทาแนวทางแก้ไขปัญหาท้ังเชิงนโยบาย และเชิงปฏิบัติในการบริหารจัดการปัญหา ช้างปา่ บกุ รุกทารา้ ยรา่ งกาย ชีวติ ทรัพยส์ ิน พืชผลทางการเกษตรของราษฎร ๓. สามารถจัดทา ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อสังเกต ต่อรัฐบาล และหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง นาไป ดาเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาช้างป่าบุกรุก ทาร้ายร่างกาย ชีวิต ทรัพย์สิน พืชผลทางการเกษตรของราษฎร
บทที่ ๒ การรวบรวมและการทบทวนขอ้ มลู พ้ืนฐานทเ่ี ก่ยี วข้องกับการแกไ้ ขปญั หาชา้ งปา่ ๒.๑ ขอ้ มูลจากหน่วยงานหรือบคุ คลต่าง ๆ นาเสนอต่อคณะกรรมาธิการวสิ ามญั คณะกรรมาธิการวิสามัญได้เชิญหน่วยงาน องค์กร บุคคล มาให้ข้อมูลข้อเท็จจริง ซ่ึงสามารถรวบรวมประเด็น และสรปุ ข้อมูลได้ ดังน้ี ๒.๑.๑ จานวนประชากรช้างปา่ แตล่ ะกลุ่มป่า ๒.๑.๑.๑ กรมอทุ ยานแห่งชาติ สตั ว์ปา่ และพนั ธพุ์ ชื จากขอ้ มูลแผนการจัดการช้างปา่ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ - ๒๕๗๒ พบว่าบริเวณ พื้นท่ีที่เกิดปัญหาเก่ียวกับช้างป่ามากท่ีสุดและมีปัญหาเร่งด่วนคือจานวน ๕ พ้ืนท่ีกลุ่มป่า ประกอบด้วยพื้นที่ กลุ่มป่าตะวันตก พื้นที่กลุ่มป่าตะวันออก พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น - เขาใหญ่ พื้นที่กลุ่มป่าภูเขียว - น้าหนาว และพืน้ ทกี่ ลุม่ ป่าแก่งกระจาน ซง่ึ มขี ้อมลู รายละเอียดดังน้ี (๑) จานวนประชากรช้างปา่ ในพน้ื ทีก่ ลุ่มปา่ ตะวันตก กลุ่มป่าตะวันตก เป็นผืนป่าขนาดใหญ่ในภาคตะวันตกครอบคลุมพื้นท่ี จงั หวดั ตาก จังหวัดกาแพงเพชร จงั หวดั นครสวรรค์ จังหวดั อุทยั ธานี จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี และจงั หวัดกาญจนบุรี มีพนื้ ทปี่ ระมาณ ๑๑,๗๐๐,๐๐๐ ไร่ หรอื ประมาณ ๑๘,๐๐๐ ตารางกโิ ลเมตร จากการสารวจในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ พบช้างป่าจานวนท้ังส้ิน ๖๔๒ – ๗๓๔ ตัว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางมีประชากรช้างป่าประมาณ ๔๐ ตัว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรมีประชากรช้างป่าประมาณ ๒๐ – ๓๐ ตัว เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง มีประชากรช้างป่าประมาณ ๓๐๐ – ๓๖๔ ตัว เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าสลักพระ มีประชากรช้างป่าประมาณ ๑๘๒ – ๒๐๐ ตัว และอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อุทยานแห่งชาติไทรโยค มีประชากร ช้างป่ารวมกันประมาณ ๑๐๐ ตัว โครงสร้างช้ันอายุของประชากรช้างป่าจาแนกออกเป็น ๔ ชั้นอายุ ได้แก่ ตัวเต็มวยั ใกลเ้ ตม็ วัย วัยร่นุ และลกู ช้าง ปจั จบุ ันพบช้างปา่ หลายกลุ่มเคลอื่ นท่หี ากนิ นอกพ้นื ทป่ี ่าอนรุ ักษ์ ลักษณะการใช้ประโยชนพ์ ืน้ ทข่ี องช้างป่า การประเมินลักษณะการใช้ประโยชน์พ้ืนท่ีของช้างป่าในกลุ่มป่าตะวันตก จากข้อมูลตาแหน่งการใช้ประโยชน์พ้ืนที่ของช้างป่าที่ได้จากระบบลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (SMART Patrol) และขอ้ มลู รายงานสถานการณ์ช้างป่าออกนอกพ้ืนท่ีป่าอนรุ ักษ์ โดยใชก้ ารวเิ คราะหด์ ้วยแบบจาลองการปรากฏ (Maximum Entropy Species Distribution Modeling, MaxEnt) ซ่ึงมีปัจจัยท่ีมีความสัมพันธ์ ได้แก่ ความลาดชัน (Slope) หน่วยงานด้านป่าไม้ (Station) แบบจาลองภูมิประเทศเชิงเลข (DEM) เส้นทางคมนาคม (Road) ปัจจัยคุกคาม (Threat) และ แหล่งน้า (Water body) สามารถจาแนกระดับความเหมาะสมของถิ่นอาศัย ของชา้ งปา่ ในกลมุ่ ป่าตะวันตกเป็น ๓ ระดับ ดงั น้ี - เหมาะสมมากมีพื้นที่ ๘,๐๔๒,๗๓๔ ไร่ คิดเปน็ รอ้ ยละ ๗๐.๗๕ - เหมาะสมปานกลางมีพื้นที่ ๒,๑๖๙,๐๐๔ ไร่ คิดเปน็ รอ้ ยละ ๑๙.๐๘ - เหมาะสมน้อยมีพนื้ ที่ ๑,๑๕๕,๕๘๔ ไร่ คิดเปน็ ร้อยละ ๑๐.๑๗
๕ ภาพที่ ๑ พื้นท่ีกล่มุ ปา่ ตะวนั ตก
๖ ภาพที่ ๒ ลักษณะการใชพ้ นื้ ทขี่ องชา้ งปา่ บรเิ วณกล่มุ ปา่ ตะวนั ตก
๗ (๒) จานวนประชากรช้างปา่ ในพ้ืนท่กี ลุ่มปา่ ตะวนั ออก พื้นทก่ี ล่มุ ป่าตะวันออก เป็นผืนปา่ ขนาดใหญใ่ นภาคตะวันออก ครอบคลุมพ้ืนที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดจันทบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดสระแก้ว ซึ่งเรียกว่าป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด รวมถึงจังหวัดตราด มีพื้นท่ีประมาณ ๑,๓๖๓,๓๒๓.๐๕ ไร่ หรือประมาณ ๒,๑๘๑.๓๒ ตาราง กิโลเมตร ประชากรและโครงสร้างอายุของช้างป่าในพ้ืนท่ีป่าอนุรักษ์ในกลุ่มป่าตะวันออก “ป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด” จากการสารวจในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ พบช้างป่าจานวนทั้งสิ้น ๔๒๓ ตัวประกอบไปด้วยพ้ืนที่ในเขต ความรับผิดชอบของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จานวน ๒๗๗ ตัว เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาสอยดาว จานวน ๗๙ ตัว อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น จานวน ๓๔ ตัว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองเครือหวายเฉลิม พระเกียรติ และอุทยานแห่งชาติน้าตกคลองแก้ว จานวน ๒๐ ตัว อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา – เขาวง จานวน ๑๒ ตัว และอุทยานแหง่ ชาติเขาคชิ ฌกฏู จานวน ๒ ตัว โครงสร้างชัน้ อายุของประชากรชา้ งป่าจาแนกออกเป็น ๔ ชั้นอายุ ได้แก่ ตัวเต็มวัย ใกล้เต็มวัย วัยรุ่น และลูกช้าง คิดเป็นสัดส่วนของโครงสร้างช้ันอายุได้เท่ากับ ๔.๗: ๒.๑: ๒.๐: ๑ ตามลาดับ ซึ่งเป็นสัดส่วนโครงการสร้างช้ันอายุของช้างเอเชียแบบปกติที่พบได้ทั่วไป ในทุกภูมิภาค ปัจจุบันพบช้างป่าหลายกลุ่มเคล่ือนที่หากินนอกพ้ืนที่ป่าอนุรักษ์ ในพ้ืนที่จังหวัดฉะเชิงเทรา สระแก้ว ระยอง ชลบรุ ี จนั ทบรุ ี และตราด ลักษณะการใช้ประโยชน์พนื้ ท่ีของช้างป่า การประเมินลักษณะการใช้ประโยชน์พื้นที่ของช้างป่าในกลุ่มป่าตะวันออก จากข้อมูลตาแหน่งการใช้ประโยชน์พื้นที่ของช้างป่าท่ีได้จากระบบลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (SMART Patrol) และขอ้ มลู รายงานสถานการณช์ ้างป่าออกนอกพ้ืนที่ป่าอนุรักษ์ โดยใชก้ ารวิเคราะห์ดว้ ยแบบจาลองการปรากฏ (Maximum Entropy Species Distribution Modeling, MaxEnt) ซง่ึ มีปจั จัยทีม่ คี วามสมั พันธ์ไดแ้ ก่ - ความลาดชนั (Slope) - หนว่ ยงานดา้ นป่าไม้ (Station) - แบบจาลองภูมิประเทศเชงิ เลข (DEM) - เสน้ ทางคมนาคม (Road) - ปัจจัยคุกคาม (Threat) - แหล่งนา้ (Water body) สามารถจาแนกระดับความเหมาะสมของถิ่นอาศัยของช้างป่าในกลุ่มป่าตะวันออก เป็น ๓ ระดับ ดงั นี้ - เหมาะสมมากมพี น้ื ท่ี ๖๐๒,๘๒๖.๘๘ ไร่ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๓๘.๗๙ - เหมาะสมปานกลางมีพื้นท่ี ๗๑๘,๗๙๑.๖๕ ไร่ คิดเปน็ รอ้ ยละ ๔๖.๒๕ - เหมาะสมนอ้ ยมพี นื้ ท่ี ๒๓๒,๕๘๒.๑๙ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๑๔.๙๖
๘ ภาพที่ ๓ ภาพพนื้ ที่กลุ่มป่าตะวนั ออก (ปา่ รอยต่อ ๕ จงั หวัดและจงั หวดั ตราด)
๙ ภาพท่ี ๔ ลกั ษณะการใชพ้ ้ืนทีข่ องช้างปา่ บริเวณกลุ่มป่าตะวนั ออก (ป่ารอยตอ่ ๕ จังหวดั และจังหวดั ตราด)
๑๐ (๓) จานวนประชากรช้างป่าในพืน้ ทีก่ ลุ่มป่าดงพญาเยน็ - เขาใหญ่ กลุ่มป่าดงพญาเย็น - เขาใหญ่ เป็นแหล่งมรดกโลก แหล่งมรดกทางธรรมชาติ ของไทยครอบคลุมพ้ืนที่จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดสระบุรี จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัด สระแก้ว และจังหวัดบุรีรัมย์ มีพื้นที่ประมาณ ๓,๘๗๔,๘๖๓ ไร่ หรือประมาณ ๖,๑๕๕ ตารางกิโลเมตร ประชากรและโครงสร้างอายุของช้างป่าในพ้ืนที่ป่าอนุรักษ์กลุ่มป่าดงพญาเย็น - เขาใหญ่ จากการสารวจ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ พบช้างป่าจานวนทั้งส้ิน ๕๓๓ - ๕๘๖ ตัว พบช้างป่าในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จานวน ๒๒๐ ตัว อุทยานแห่งชาตทิ ับลาน และอทุ ยานแห่งชาตปิ างสดี า ๒๕๑ ตัว อทุ ยานแห่งชาติตาพระยา และเขตรักษาพันธ์ุ สัตว์ปา่ ดงใหญ่ ๓๐ ตัว อทุ ยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้มีการศึกษาประชากรและการใช้พื้นที่อาศัยของช้างปา่ พบว่า มีความหนาแน่นของประชากรช้างป่าอยู่ที่ ๐.๑๕ ตัว ต่อตารางกิโลเมตร ในฤดูแล้ง (พฤศจิกายน – เมษายน) คิดเป็น ๐.๒๓ ตัว ต่อตารางกิโลเมตร ในฤดูฝน (พฤษภาคม – ตุลาคม) คิดเป็น ๐.๑๓ ตัวต่อตารางกิโลเมตร และพบว่าสัดส่วนโครงสร้างช้ันอายุโดยแบ่งตาม ลูกช้าง (น้อยกว่า ๑ ปี) : ช้างวัยรุ่น (๑ – ๕ ปี) : ช้างก่อนเต็มวัย (๕ – ๑๕ ปี) : ช้างตัวเต็มวัย (มากกว่า ๑๕ ปี) คิดเป็น ๑ : ๙.๕๗ : ๑๗.๐๗ : ๑๒.๐๔ ตามลาดับสัดส่วน ชา้ งเพศผ้ตู ัวเตม็ วัย : เพศเมยี ตวั เตม็ วัย คดิ เป็น ๑ : ๑.๐๙ ตามลาดับ ลักษณะการใช้ประโยชนพ์ นื้ ท่ขี องชา้ งป่า การประเมินลักษณะการใช้ประโยชน์พ้ืนที่ของช้างป่าในกลุ่มป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่ จากข้อมูลตาแหน่งการใช้ประโยชน์พื้นที่ของช้างป่าท่ีได้จากระบบลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (SMART Patrol) และข้อมูลรายงานสถานการณ์ช้างป่าออกนอกพ้ืนที่ป่าอนุรักษ์ โดยใช้การวิเคราะห์ด้วยแบบจาลอง การปรากฏ (Maximum Entropy Species Distribution Modeling, MaxEnt) ซึ่งมีปัจจัยท่ีมีความสัมพันธ์ ไดแ้ ก่ - ความลาดชนั (Slope) - หนว่ ยงานด้านปา่ ไม้ (Station) - แบบจาลองภมู ิประเทศเชงิ เลข (DEM) - เส้นทางคมนาคม (Road) - ปจั จยั คกุ คาม (Threat) - แหล่งโปง่ (Salt) และ - แหลง่ น้า (Water body) สามารถจาแนกระดับความเหมาะสมของถ่ินอาศัยของช้างป่าในกลุ่มป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่ เป็น ๓ ระดบั - เหมาะสมมากมพี ืน้ ท่ี ๑,๙๐๔,๘๑๒ ไร่ คดิ เป็นร้อยละ ๕๔.๔๒ -. เหมาะสมปานกลางมีพน้ื ท่ี ๑,๔๒๘,๒๙๙ ไร่ คดิ เป็นร้อยละ ๔๐.๘๐ - เหมาะสมนอ้ ยมพี ้นื ที่ ๑๖๗,๔๑๕ ไร่ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๔.๗๘
๑๑ ภาพท่ี ๕ ภาพพ้นื ท่ีกลมุ่ ปา่ ดงพญาเยน็ – เขาใหญ่
๑๒ ภาพที่ ๖ ลกั ษณะการใช้พ้นื ท่ีของช้างปา่ บรเิ วณกลุ่มป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่
๑๓ (๔) จานวนประชากรช้างป่าในพนื้ ท่ีกลุม่ ปา่ ภูเขียว - นา้ หนาว กลมุ่ ปา่ ภเู ขียว – น้าหนาว มลี ักษณะทางภูมิประเทศด้านทิศตะวันออกมีการยกตัว ของพื้นดินทาให้พ้ืนท่ีบางส่วนมีลักษณะเป็นทุ่งหญ้าที่ง่ายต่อการใช้ประโยชน์ในการเป็นแหล่งอาหาร และท่ีอยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลากหลายชนิด และพื้นที่ส่วนใหญ่ในกลุ่มป่าภูเขียว – น้าหนาว ได้ถูกจัดอยู่ในพ้ืนท่ี ลุ่มน้าชันที่ ๑ ซึ่งจัดเป็นแหล่งต้นน้าท่ีสาคัญของภูมิภาคและของประเทศ ครอบคลุมพ้ืนที่จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดเลย จังหวัดหนองบัวลาภู จังหวัดอุดรธานี จังหวัดขอนแก่น จังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดลพบุรี มีพ้ืนที่ ประมาณ ๓,๕๘๐,๘๗๔.๒๕ ไร่ ประกอบด้วยเขตรกั ษาพันธส์ุ ัตว์ปา่ ภเู ขยี ว เขตรักษาพนั ธ์สุ ัตว์ป่าตะเบาะ – หว้ ยใหญ่ เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าผาผ้ึง เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าภูค้อ – ภูกระแต เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดง เขตรักษา พันธ์ุสัตว์ป่าภูหลวง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา อุทยานแห่งชาติน้าหนาว อุทยานแห่งชาติตาดหมอก อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน ประชากรและโครงสร้างอายุของช้างป่าในพื้นท่ีป่าอนุรกั ษ์ ในกลุ่มปา่ ภเู ขยี ว – นา้ หนาว จากการสารวจในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ พบช้างปา่ จานวนทัง้ ส้นิ ๔๙๒ - ๔๙๓ ตวั ลกั ษณะการใชป้ ระโยชนพ์ ้นื ที่ของชา้ งป่า การประเมินลักษณะการใช้ประโยชน์พื้นท่ีของช้างป่าในกลุ่มป่าภูเขียว – น้าหนาว จากข้อมูลตาแหน่งการใช้ประโยชน์พื้นที่ของช้างป่าท่ีได้จากระบบลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (SMART Patrol) และข้อมูลรายงานสถานการณ์ช้างปา่ ออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยใช้การวเิ คราะหด์ ้วยแบบจาลองการปรากฏ (Maximum Entropy Species Distribution Modeling, MaxEnt) ซ่งึ มปี จั จัยทม่ี ีความสัมพันธ์ ได้แก่ - ความลาดชนั (Slope) - หน่วยงานดา้ นปา่ ไม้ (Station) - แบบจาลองภูมปิ ระเทศเชงิ เลข (DEM) - เส้นทางคมนาคม (Road) - ปัจจัยคุกคาม (Threat) และ - แหลง่ นา้ (Water body) สามารถจาแนกระดับความเหมาะสมของถ่ินอาศัยของช้างป่าในกลุ่มป่า ภเู ขียว – น้าหนาวเป็น ๓ ระดบั - เหมาะสมมากมีพน้ื ที่ ๑,๕๐๐,๕๐๘.๕๘ ไร่ คดิ เปน็ ร้อยละ ๓๙.๖๒ - เหมาะสมปานกลางมพี ื้นที่ ๒,๑๗๙,๙๔๒.๖๗ ไร่ คิดเปน็ ร้อยละ ๕๗.๕๗ - เหมาะสมนอ้ ยมีพ้นื ที่ ๑๐๖,๓๒๙ ไร่ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๒.๘๑
๑๔ ภาพที่ ๗ ภาพพนื้ ทกี่ ลมุ่ ปา่ ภเู ขียว - น้าหนาว
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 526
Pages: