Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว 4.8

(4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว 4.8

Published by agenda.ebook, 2020-10-29 10:15:48

Description: (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว 4.8 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 1-2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ 4-5 พฤศจิกายน 2563

Search

Read the Text Version

๗๒ ฉลากของเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้ถูกประเทศสมาชิก WTO ได้แก่ สหภาพยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เม็กซิโก แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อาร์เจนตินา ชิลี แอฟริกาใต้ และกัวเตมาลา ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นประเทศสมาชิก CPTPP หยิบยกเป็นข้อกังวลทางการค้า (Specific Trade Concerns : STCs) ในการประชุม คณะกรรมการว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (Committee on Technical Barriers to Trade : TBT Committee) ภายใต้ WTO มาอย่างต่อเน่อื ง จานวน ๑๔ ครั้ง ในชว่ งระหวา่ งปี ๒๕๕๗ - ๒๕๖๒ โดยข้อกังวล ส่วนใหญ่ที่ประเทศสมาชิก WTO ได้ยกข้ึนเก่ียวกับประกาศดังกล่าวของไทย คือ ประกาศฯ ของไทยมีข้อจากัด ทางการค้ามากเกินความจาเป็น มีความคลุมเครือและไม่ชัดเจนของหลักเกณฑ์ ทาให้ยากต่อการปฏิบัติตาม และสอบถามถงึ เหตุผลความจาเปน็ ในการกาหนดหลกั เกณฑเ์ กย่ี วกบั ฉลาก สาหรับประเด็นท่ีเกี่ยวข้องกับสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communications Technology (ICT) Products) ข้อกาหนดตาม Annex ๘ - B ระบุว่า หากประเทศสมาชิกกาหนดให้ต้องมีการรับรองว่าสินค้าอุปกรณ์โทรคมนาคมท่ีใช้ในการสื่อสาร (Information Technology Equipment : ITE) ได้รับมาตรฐาน หรือข้อกาหนดทางเทคนิคสาหรับสินค้าท่ีมีความเส่ียงสูง ด้านความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Compatibility : EMC) ประเทศสมาชิกจะต้อง ยอมรับการใช้หลักการรับรองตนเองของผู้ประกอบการ (Supplier’s Declaration of Conformity : SDoC) ในการตรวจสอบสินค้าดังกล่าว อย่างไรก็ดี ประเทศสมาชิกมีสิทธิ์ในการกาหนดเง่ือนไขเพ่ิมเติมนอกเหนือจาก การยอมรับหลักการ SDoC นอกจากน้ี ข้อกาหนดในการใช้หลักการ SDoC ไม่ครอบคลุมถึง (๑) สินค้าท่ีรัฐ กาหนดว่าเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ ระบบอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรอื ส่วนประกอบของอุปกรณ์ทางการแพทย์ และระบบอุปกรณ์ทางการแพทย์ และ (๒) สินค้าที่มีความเสี่ยงสูงซ่ึงประเทศภาคีสามารถพิสูจน์ได้ว่าสินค้า ดงั กล่าวจะรบกวนการทางานของแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า คลื่นวิทยุ เคร่อื งหรอื ระบบรับสญั ญาณ ทง้ั นี้ สานักงาน กสทช. ซ่ึงเป็นหน่วยงานที่มีความเช่ียวชาญทางด้านสินค้า ICT ITE จะต้องเป็นหน่วยงานท่ีพิจารณารายการสินค้าท่ีมี ความเสีย่ งสงู ทีเ่ ข้าขา่ ยการยกเวน้ ไม่ใชห้ ลักการ SDoC สาหรับประเด็นท่ีเก่ียวข้องกับสินค้าอินทรีย์ (Organic Products) ความตกลง CPTPP Annex ๘ - G กาหนดให้สนบั สนุนการแลกเปล่ยี นข้อมูลด้านการผลติ การรับรอง และระบบการกากับ ดูแลสินค้าอินทรีย์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมีความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอื่น ๆ ในการกาหนดและพัฒนา มาตรฐาน แนวทาง และข้อแนะนาระหว่างประเทศท่ีเกี่ยวข้องกับการค้าสินค้าอินทรีย์ รวมถึงการพิจารณา ยอมรับความเทียบเท่าของกฎระเบียบทางเทคนิค มาตรฐาน และกระบวนการตรวจสอบและรับรอง ท้ังน้ี ปัจจุบันสินค้าอินทรีย์ ท่ีวางจาหน่ายในประเทศไทยมีปัญหาในหลายประการ อาทิ กลไกการควบคุมราคา และการตรวจสอบคุณภาพสินค้าอินทรีย์ ที่วางจาหน่ายในตลาดไม่ชัดเจน ผู้บริโภคไม่มีช่องทางการร้องเรียน และเครื่องหมายรับรองสินค้าอินทรีย์ของไทยยังไม่เป็นท่ียอมรับในระดับสากล โดยสานักงานมาตรฐานสินค้า เกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เป็นหน่วยงานท่ีรับผิดชอบในการรับรองระบบงานของหน่วยรับรองสินค้า อนิ ทรีย์ (Organic) และการใช้เครอ่ื งหมาย Organic Thailand ๑๐) ประเด็นมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitary : SPS) มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชภายใต้ความตกลง CPTPP ใช้หลักการ ของความตกลงว่าด้วยมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชภายใต้องค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) เป็นพื้นฐาน อาทิ นิยาม วัตถุประสงค์ ขอบเขต รายละเอียดทางเทคนิคต่าง ๆ อาทิ ความเท่าเทียม การปรับให้เข้ากับสภาพของภูมิภาครวมทั้งเขตปลอดแมลง ศัตรูพืช หรือโรคและเขตท่ีมี การระบาดของแมลงศตั รูพชื หรือโรคต่า การตรวจสอบ การรับรอง

๗๓ สาหรับข้อบทที่มีรายละเอียดเกินกว่าความตกลงอื่นท่ีไทยเป็นภาคีในปัจจุบัน อาทิ การแจ้งเวียนหรือเปิดรับฟังความเห็นต่อร่างมาตรการ SPS หรือมาตรการ SPS ฉบับสมบูรณ์เป็นเวลา อย่างน้อย ๖๐ วันหรือมากกว่า การกาหนดให้ ต้องเผยแพร่ความเห็นท่ีได้รับต่อสาธารณะ การใช้มาตรการ ฉกุ เฉินทจี่ ะต้องแจง้ ใหป้ ระเทศสมาชิกทราบทันทีและต้องทบทวนมาตรการภายใน ๖ เดอื นว่าจะบงั คบั ใช้ต่อไป หรือไม่ และการกาหนดให้ประเทศสมาชิกสามารถใช้กลไกระงับข้อพิพาทภายใต้ความตกลง CPTPP เพ่ิมเติม จากกลไกภายใต้ WTO หากปฏบิ ตั ไิ มส่ อดคล้องกบั ข้อบท SPS ภายใต้ความตกลง CPTPP ดว้ ย ท้ังนี้ ไทยยังมีประเด็นคงค้างในมาตรการ SPS กับสมาชิก FTA ต่าง ๆ รวมถึง CPTPP ดงั นี้ ไทย ขอใหช้ ิลีเปิดตลาด มงั คดุ ลาไย ไก่ ขอให้ออสเตรเลยี เปดิ ตลาดเป็ดปรุงสกุ ชลิ ี ขอให้ญีป่ ่นุ เปิดตลาดสม้ โอขาวน้าผึ้ง ออสเตรเลีย ขอให้เม็กซิโกเปดิ ตลาดจ้ิงหรดี ญีป่ ุน่ ขอให้ไทยเปิดตลาดสาล่ี สุกร โค แกะ หนังสัตว์หมักเกลอื แคนาดา นม เลือดโค ขอให้ไทยเปดิ ตลาดอะโวคาโด ขอให้ไทยเปดิ ตลาดส้ม ขา้ วกล้อง ขอใหไ้ ทยเปิดตลาดสกุ ร กรมวิชาการเกษตร เห็นว่า Article ๗.๑๐ เร่ืองการตรวจประเมิน (Audits) ที่กาหนดใหป้ ระเทศผ้นู าเขา้ ที่เดนิ ทางไปตรวจประเมิน เป็นผู้รบั ภาระคา่ ใชจ้ า่ ย ไม่สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติ ภายใต้ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไข การวิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืช ซ่งึ การนาเข้าสิ่งต้องห้าม ลงวันท่ี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๐ ข้อ ๕ ซ่ึงกาหนดให้ประเทศผู้ส่งออกเป็นผู้รับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าท่ีกกั กนั พืชที่เดินทางไปปฏิบตั งิ าน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธกิ ารวิสามัญเห็นวา่ Article ๗.๑๐ (๗) The costs incurred by the audited Party shall be borne by the auditing Party, unless both Parties decide otherwise. ยงั คงเปิดโอกาสใหภ้ าคีตกลงกันในเรือ่ งผู้ออกคา่ ใช้จา่ ย กรมประมง แจง้ ว่า มีการค้าประมงกับประเทศสมาชกิ CPTPP ที่ไม่มี FTA ด้วย (แคนาดา เม็กซิโก) ค่อนข้างน้อย นอกจากน้ี มีความกังวลเร่ืองฐานข้อมูลท่ีใช้ในการวิเคราะห์การประเมิน ความเสี่ยง/ความปลอดภัยทางอาหารว่า ไทยอาจไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ท่ีเพียงพอ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการเห็นว่า ไทยสามารถหาหรือใช้ข้อมลู ทางวิทยาศาสตรจ์ ากแหล่งอ่นื ๆ ที่ไทยสามารถเข้าถงึ ได้ กรมปศุสตั ว์ ไม่มีข้อขัดข้องต่อข้อบทของ CPTPP เนื่องจากปัจจบุ ันไดด้ าเนินการ สอดคล้องกับความตกลงระหว่างประเทศ อาทิ Office International des Epizooties (OIE) และ World Trade Organization (WTO) ส่วนประเด็นค่าใช้จ่ายสาหรับการ Audit ของกรมปศุสัตว์แตกต่างจากกรมวิชาการเกษตร เพราะกรมปศุสัตว์มิได้กาหนดไว้ว่าใครจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย แต่ข้ึนกับการตกลงกันระหว่างคู่ภาคี จะมีบาง ประเทศผู้ส่งออก (อาทิ สหภาพยุโรป) ไม่ออกค่าใช้จ่ายให้ผู้ไปตรวจ เพราะอาจจะก่อให้เกิดความลาเอียง ไม่โปรง่ ใส ไมย่ ตุ ิธรรมขน้ึ ได้ มูลนิธิเพ่ือผู้บริโภค มีข้อกังวลว่า การเปิดให้นาเข้าสินค้าเนื้อสุกรอาจส่งผล กระทบต่อราคาเนื้อสุกรภายในประเทศ เนื่องจากราคาเน้ือสุกรของแคนาดาต่ากว่าราคาเนื้อสุกรของไทยมาก เป็นเพราะสนิ ค้าเน้อื สกุ รที่จะสง่ มาเป็นสว่ นท่เี หลือจากการบรโิ ภคในประเทศ เช่น เครื่องใน เป็นต้น

๗๔ ๑๑) ประเด็นสนิ ค้าขยะอันตราย ภาคประชาสังคมมีข้อกังวลว่าการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement: FTA) ซึ่งรวมถงึ ความตกลงทค่ี รอบคลุมและก้าวหน้าสาหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกจิ ภาคพนื้ แปซิฟิก (CPTPP) จะทาให้เกดิ ชอ่ งโหวใ่ ห้ประเทศคเู่ จรจาสามารถส่งขยะอันตรายเขา้ มายังประเทศไทย อย่างไรก็ดี การเจรจา FTA ซ่ึงรวมถึงความตกลง CPTPP ไม่ได้เป็นสาเหตุท่ีทาให้ เกิดช่องโหว่ให้ประเทศคู่เจรจาสามารถส่งขยะอันตรายเข้ามายังประเทศไทย เน่ืองจากเป็นสินค้าที่ห้ามนาเข้า แต่ผู้ประกอบการบางรายอาจลักลอบ นาสินค้าที่เข้าข่ายเป็นขยะอันตรายมาปะปนกับสินค้าพิกัดอ่ืน ๆ ทาให้ การป้องกันการนาเข้าสินค้าขยะโดยการไม่นามาเปดิ ตลาดภายใต้ FTA เป็นไปได้ยาก เพราะจะกระทบต่อท่าที การเปิดตลาดของไทย และรวมถึงสินค้าอ่ืนที่ไทยอาจจาเป็นต้องนาเข้าเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ ดังน้ัน การคงภาษี หรือปรับลดภาษีภายใต้ FTA ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นทาง เนื่องจากไม่ได้ปิดกั้นการเข้ามาของเศษขยะ และสินค้ารไี ซเคลิ โดยสนิ ค้าหลายรายการทั้งที่เป็นของเสยี ตามอนุสัญญาบาเซลและนอกบัญชีรายการของเสีย ตามอนุสญั ญาบาเซลมอี ตั รา MFN เป็นรอ้ ยละศนู ย์ แลว้ หรือยกเว้นภาษีในทุกกรอบ FTA ของไทยอยู่แลว้ การจัดการกับปัญหาขยะอันตรายจึงต้องพ่ึงพากลไกการบังคับใช้กฎหมายให้มี ประสิทธิภาพ แม้ว่าปัจจุบันไทยจะมีมาตรการควบคุมการนาเข้าขยะอันตรายผ่านกระบวนการอนุญาตนาเข้า โดยมหี น่วยงานผู้รับผิดชอบในส่วนที่เกย่ี วขอ้ ง อาทิ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมศุลกากร กรมควบคุมมลพิษ กรมการค้าต่างประเทศ มีการออกกฎหมายและกฎระเบียบภายในเพื่อควบคุมการนาเข้าของเสียอันตรายต่าง ๆ อาทิ พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เร่ือง กาหนดชนิดและ แหล่งกาเนิดวัตถุดิบท่ีจะนามาใช้ในโรงงาน พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยได้กาหนดห้ามโรงงานใช้ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่นาเข้าจากต่างประเทศมาเป็นวัตถุดิบในโรงงาน ประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการนาเข้าสินค้าเข้ามา ในราชอาณาจักร (ฉบับท่ี ๑๑๒) พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เร่ือง กาหนดให้ขยะเทศบาล เป็นสินค้าท่ีต้องห้ามนาเข้าและห้ามนาผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๖๒ นอกจากน้ี กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศอยู่ระหว่างการดาเนินการเพ่ือบังคับใช้ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กาหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนาเข้ามาในราชอาณาจักร พ .ศ. ๒๕๖๓ ซ่ึงคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบร่างดังกล่าวแล้วเม่ือวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๓ ซ่ึงการบังคับใช้ประกาศ ดังกล่าวถือเป็นการพัฒนาปรับปรุงกฎหมายและบังคับใช้มาตรการควบคุมการนาเข้าขยะ /ของเสียอันตราย ให้มปี ระสิทธภิ าพมากยิง่ ข้ึน โดยเป็นการสกดั ก้ันไมใ่ ห้มีการนาของเสียอนั ตรายเข้ามาเป็นขยะในประเทศไทย ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี ๒๕๖๑ จีนได้ห้ามนาเข้าขยะเข้ามาในประเทศ เพื่อคุ้มครอง สุขภาพ ความปลอดภัยของมนุษย์ สัตว์ พืช และสิ่งแวดล้อมโดยรวม ซ่ึงการควบคุมกิจการรีไซเคิล ภายในประเทศของจีน สง่ ผลให้โรงงานรีไซเคลิ ขยะในประเทศจีนได้ย้ายโรงงานไปยงั ประเทศอื่น และขยะที่เคย ส่งไปยังประเทศจีน ก็จะถูกส่งไปยังประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะในประเทศท่ีไม่มีกฎหมายควบคุมเข้มงวด ซ่ึงรวมถึงประเทศไทยด้วย ส่งผลให้มีการยื่นขอจัดต้ังโรงงานรีไซเคิลขยะในไทยเพ่ิมข้ึนนับต้ังแต่จีนห้ามนาเข้า ขยะดงั กลา่ ว๙ ๙ ข้อมูลจากมลู นธิ ิบูรณะนิเวศ

๗๕ ๕. ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ คณะกรรมาธิการมีข้อสังเกตที่คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องควรทราบหรือควรปฏิบัติ ท้งั น้ี ตามข้อบังคบั การประชมุ สภาผแู้ ทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ้ ๑๐๕ ดังนี้ ๕.๑ ขอ้ สงั เกตด้านการเกษตรและพันธพุ์ ืช ๑) รัฐต้องมีนโยบายและแผนงานในการส่งเสริมด้านการวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืช โดยกลุ่ม เกษตรกรมีส่วนร่วมตลอดกระบวนการปรับปรุงพันธ์ุพืช โดยผู้วิจัยและพัฒนาพันธุ์ต้องผลิตเมล็ดพันธ์ุขยาย ในจานวนที่พอเพียงต่อความต้องการของกรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตร และศูนย์ผลิตเมล็ดพันธ์ุพืชชุมชน ในการนาไปผลิตเมล็ดพันธ์ุจาหน่าย เผยแพร่แก่เกษตรกร เพื่อให้เกิดความสมดุลกับพันธุ์ลูกผสมของภาคธุรกิจ เอกชนตามหลักของความได้สัดส่วน ที่ต้องให้การคุ้มครองสิทธินักปรับปรุงพันธุ์พืชกระทบสิทธิของเกษตรกร ในระดบั พอประมาณ โดยการสนับสนนุ งบประมาณและบุคลากรให้เพียงพอและต่อเนื่อง ๒) รัฐต้องสนับสนุนงบประมาณ และอัตราบุคลากรด้านการปรับปรุงพันธ์ุและด้านการผลิต เมล็ดพันธ์ุแก่กรมการข้าว เพื่อสามารถนาเช้ือพันธุกรรมข้าวที่เก็บรวบรวมไว้มาใช้ประโยชน์เต็มตามศักยภาพ ของพันธ์ุ และเพ่ือให้กรมการข้าวสามารถกากับดูแลการผลิตเมล็ดพันธุ์จาหน่ายของข้าว เพ่ิมจากประมาณ ร้อยละ ๓๐ ของเมล็ดพันธ์ุจาหน่ายที่ชาวนาต้องซื้อมาใช้ เป็นประมาณร้อยละ ๖๐ เพื่อสร้างดุลยภาพ ดา้ นความมนั่ คงทางเมล็ดพนั ธุ์ข้าวของประเทศไทย (รายละเอยี ดปรากฏในภาคผนวก ฌ) ๓) รัฐต้องเร่งรัดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธ์ุพืช พ.ศ. ๒๕๔๒ (ตัวอย่าง ร่างกฎหมายในภาคผนวก ซ) และอนุบัญญัติ เพื่อแก้ปัญหาการใช้กฎหมาย เตรียมการให้กลุ่มเกษตรกร มีการปรับตัวและสร้างเสริมความเข้มแข็งด้านการปรับปรุงพันธ์ุและพัฒนาพันธ์ุพืช เอ้ือประโยชน์ต่อการทา เกษตรย่ังยืนและขับเคล่ือนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธ์ุพืชเขตร้อนช้ืน ก่อนการแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืชให้มีผลใกล้เคียงกับหลักการของอนุสัญญา UPOV 1991 อนุสัญญาอื่น ที่ประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิก และให้เหมาะสมกับบริบทวิถีชีวิตและสังคมเกษตรกรรมไทย ท้ังยังต้องเร่งรัด ออกกฎหมายให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนกฎหมายอ่ืน ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง เพอ่ื การนี้ ๔) รัฐต้องมีนโยบายและแผนงานแบบบูรณาการด้านพันธ์ุพืชกับการพัฒนาการเกษตรแบบ พึ่งตนเองได้ โดยส่งเสริมให้มีเครือข่ายการดาเนินงานแบบบูรณาการของหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเกษตรกร ในด้านพันธ์ุพืชและศูนย์ผลิตพันธ์ุพืชชุมชน เพื่อให้สามารถให้บริการด้านเมล็ดพันธุ์และส่วนขยายพันธ์ุพืช ที่เหมาะสมแก่เกษตรกรได้อย่างมีมาตรฐานและเพียงพอกับความต้องการ โดยการสนับสนุนงบประมาณและ บุคลากรใหเ้ พียงพอและต่อเน่ือง ๕) รัฐต้องเร่งรัดให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องดาเนินการพิจารณาปรับโครงสร้างการผลิต ภาคเกษตรเป็นการด่วน ให้ครอบคลุมตั้งแต่ระดับฟาร์มถึงการแปรรูปขั้นต้น เพ่ือเพิ่มรายได้สุทธิแก่เกษตรกร ใหส้ มั พนั ธก์ ับค่าแรงขนั้ ตา่ และเพม่ิ ขดี ความสามารถในการแข่งขนั ด้านสินค้าเกษตรของประเทศ ๖) รฐั ต้องทาความเข้าใจกับเกษตรกรท่ีปลูกพืชทุกกลุ่ม เช่น ข้าว พืชไร่ ผัก ไม้ผล ไม้ดอก พืชเคร่ืองด่ืม และสมุนไพร-เครื่องเทศ และผู้ท่ีเก่ียวข้องในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ในเรื่องเกี่ยวกับ CPTPP และข้อบททีเ่ กย่ี วกบั UPOV ใหช้ ดั เจนถงึ ผลได้-ผลเสยี ทอ่ี าจจะเกดิ ขึน้ ๕.๒ ข้อสงั เกตด้านการแพทย์และสาธารณสขุ เน่อื งดว้ ยระยะเวลาในการศกึ ษาที่จากดั คณะกรรมาธกิ ารจึงมขี อ้ สงวนและข้อสงั เกต ดังน้ี ๑) ยังมีประเด็นที่ควรศึกษาและ/หรือวิจัยต่อยอดเพ่ิมเติมในลักษณะท่ีบูรณาการระหว่าง ประเด็น ได้แก่

๗๖ (๑) ขนาดของผลกระทบท้ังทางด้านการข้ึนทะเบียนตารับยา การเข้าถงึ ยาของประชาชน และอุตสาหกรรมยาช่ือสามัญของไทย ตลอดจนกระบวนการในการเยียวยาต่อผู้ได้รับผลกระทบในกรณีของ การเชื่อมโยงสิทธบิ ัตรกบั การขน้ึ ทะเบยี นตารบั ยา (๒) ผลกระทบระยะยาวท้ังในด้านขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งด้านการวิจัย และพัฒนาของนักวิจัย และการแขง่ ขันทางการตลาดของอุตสาหกรรมยาไทย ความมั่นคงทางยาและการพึ่งพิง การนาเข้าจากต่างประเทศ ตลอดจนราคายาและความสามารถในการเข้าถึงยาของประชาชนไทย ในกรณี การเปิดจัดซือ้ จัดจ้างภาครัฐ (๓) ความคุ้มค่ากับความเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีและความล้าสมัยของเครื่องมือ แพทย์ และความสามารถในการกาจดั ขยะของประเทศไทย (๔) วิธีการใหม่ท่ีจะใช้แทนการแสดงเลขท่ีรับแจ้งน้ี ซึ่งจะต้องใช้เพื่อการคุ้มครอง ผู้บริโภคโดยไม่เป็นภาระต่อผู้บริโภคในการตรวจสอบย้อนกลับผลิตภัณฑ์ รวมถึงต้นทุนและค่าใช้จ่ายท่ีจะใช้ วิธีการใหมน่ ้นั แทนเลขท่รี บั แจง้ ท่ีใช้อยใู่ นปัจจุบนั ๒) มีความจาเป็นที่หน่วยงานภาครัฐท้ังหลายที่เก่ียวข้องจะต้องมาร่วมประชุมและปรึกษา หารอื ถึงผลกระทบเชิงโครงสรา้ ง ซึ่งประเทศไทยควรจะตอ้ งเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเข้าร่วมในความตกลงนี้ โดยจะต้องเสนอแนวทางปฏิบัติภายในแต่ละหน่วยงาน การแบ่งความรับผิดชอบระหว่างหน่วยงานท่ีมีหน้าที่ และอานาจซ้อนทับกัน การเพ่ิมภาระงานให้บางหน่วยงานอาจมีความจาเป็นท่ีจะต้องจัดสรรบุคลากรใหม่ หรอื มกี ารบูรณาการในการทางานระหว่างหน่วยงานเพิม่ ข้ึน รวมถึงรัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณอยา่ งเพยี งพอ ใหก้ ับหนว่ ยงาน ในประเดน็ ต่อไปนี้ (๑) สร้างกระบวนการเช่ือมโยงสิทธิบัตรกับการข้ึนทะเบียนตารับยา (Patent Linkage) และจะตอ้ งเกิดการทางานรว่ มกนั โดย อย. และกรมทรัพย์สินทางปญั ญา อยา่ งหลกี เลย่ี งไม่ได้ (๒) หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องเร่งดาเนินการรวบรวมและจัดทาฐานข้อมูลพันธ์ุพืชสมุนไพร ของประเทศไทยให้ครบถ้วนและเป็นปัจจุบันโดยเร็วท่ีสุด และจัดต้ังหน่วยเฝ้าระวังการลักลอบนาพันธุ์พืชไทย ไปจดทะเบียนสิทธิ ท้ังน้ี เพื่อความปลอดภัยและความม่ันคงทางสมุนไพรของไทย ไม่ว่าจะเข้าร่วมอนุสัญญา UPOV 1991 หรอื ไมก่ ็ตาม (๓) ทาความชัดเจนในการกาหนดนิยามและพิกัดศุลกากรเคร่ืองมือแพทย์ท่ีเป็น Remanufactured Goods และการตีความกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องโดยเฉพาะเร่ืองการจัดซ้ือโดยสถานพยาบาล ภาครฐั (๔) รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณอย่างเพียงพอ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของ บุคลากรและห้องปฏิบัติการในการตรวจสอบเพื่อการจาแนกเครื่องมือแพทย์ Remanufactured Goods และ เคร่ืองมือแพทย์ที่ใช้แล้วหรือเคร่ืองมือแพทย์มือสอง เพ่ือรับประกันด้านมาตรฐานของเครื่องมือแพทย์ และความปลอดภัยของประชาชน ๓) รัฐบาลควรเสนอร่างข้อบังคับหรือกฎหมายท่ีจะต้องตราขึ้นใหม่ เพื่อทาให้เกิดสภาพ บังคับภายในราชอาณาจักรก่อนที่จะเข้าร่วมความตกลงดังกล่าว เพ่ือให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย ท้ังหน่วยงาน ภาครัฐ เอกชน และประชาชนโดยทั่วไปได้รับรู้ถึงความเปล่ียนแปลงที่จะเกิดข้ึนเพื่อท่ีจะได้แสดงความคิดเห็น และเตรยี มพรอ้ มทีจ่ ะปฏบิ ัติตามได้อยา่ งถูกตอ้ ง ดงั น้ี (๑) กฎหมายภายในประเทศ เพื่อกาหนดให้ผู้ที่ต้องการขอข้ึนทะเบียนยาท่ีมี ส่วนประกอบของจุลชีพ หรือจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาท่ีเกี่ยวกับจุลชีพต้องสาแดงแหล่งที่มาร่วมด้วย ให้เร็วทีส่ ดุ เพ่ือคุ้มครองจลุ ชพี จากแหลง่ ตน้ กาเนิดภายในประเทศ

๗๗ (๒) การกาหนดมาตรฐานในเรื่องอาหารของความตกลง CPTPP โดยอ้างอิงหลักการของ CODEX guideline โดยภาครัฐควรแถลงให้ชัดเจนในประเด็นนี้ เพือ่ ใหเ้ กดิ ความม่นั ใจแก่ภาคประชาชน ๔) รัฐบาลควรท่ีจะจัดเตรียมมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางลบจากการเข้าร่วม ความตกลงน้ีไว้ล่วงหน้าด้วย ๕) ในกรณีที่รัฐบาลได้เตรียมพร้อมตามข้อ ๑) ถึงข้อ ๔) เรียบร้อยแล้ว และต้องการเจรจา เพ่ือเข้าร่วมความตกลง CPTPP ในการเจรจาต้องกาหนดประเด็นต่าง ๆ ที่เก่ียวเนื่องกับการแพทย์และการ สาธารณสุข ดงั น้ี (๑) ทาข้อสงวนของประเทศไทยประเด็นจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยยึดต้นแบบ จากสาธารณรัฐสงั คมนิยมเวียดนาม ซ่ึงสามารถขอยกเว้นตลาดได้ ร้อยละ ๕๐ ในระยะเวลา ๒๐ ปี (๒) ขอต้งั ข้อสงวนสาหรบั มาตรการควบคมุ ยาสูบของประเทศไทย (๓) ขอต้ังข้อสงวนมาตรการควบคมุ เครือ่ งด่ืมแอลกอฮอลข์ องประเทศไทย (๔) ขอจัดทา side letter เพื่อยกเว้นสิทธิกากับดูแลของรัฐ (rights to regulate) สาหรบั มาตรการดา้ นการสาธารณสขุ ออกจากการฟ้องรอ้ งรฐั ด้วยกลไก ISDS (๕) ขอต้ังข้อสงวนตามข้อกังวลในประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับการให้บริการทางวิชาชีพ จากทกุ สภาวิชาชีพตามท่ีกาหนดไว้ในข้อบทของบทที่ ๙ และบทท่ี ๑๐ ท้ังน้ี หากข้อกังวลใดมีกฎหมายบัญญัติ ไว้เป็นการเฉพาะอยู่แล้ว ณ ปัจจุบัน สามารถระบุไว้เป็นข้อสงวนใน Annex I หากแต่ข้อกังวลใดยังไม่มี กฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจน อาจระบุไว้เป็นข้อสงวนใน Annex II หรืออาจออกกฎหมายภายในประเทศ เพือ่ รองรบั และคลายขอ้ กังวลเหล่านัน้ เสียกอ่ น แล้วนาไประบเุ ปน็ ข้อสงวนไว้ใน Annex I แทน (๖) กระทรวงพาณิชย์นาข้อเสนอการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ของสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เพื่อพจิ ารณาแนวทางเพ่ิมเติม ๕.๓ ขอ้ สังเกตด้านเศรษฐกจิ การค้า และการลงทนุ ๑) ประเด็นภาพรวมการประเมนิ ผลกระทบ และ Post COVID (๑) ผลการศึกษาโดยแบบจาลอง ยังมไิ ด้คานงึ ถึงบรบิ ททางสังคมและบทบาทของตัวแสดง ที่มิใช่รัฐ (non-state actor) นอกจากน้ี ผลการศึกษาดังกล่าวเป็นการศึกษาเชิงมหภาค ซ่ึงไม่สามารถนามา วิเคราะห์ผลกระทบต่อประเด็นรายละเอียดเชิงลึกได้ โดยเฉพาะการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสินค้าอุตสาหกรรม ท่ีมีการแข่งขันการนาเข้าสูง (import competing industry) อาทิ วัตถุดิบและก่ึงสาเร็จรูป รวมถึงประเด็นใหม่ ๆ ท่อี ยูใ่ นความตกลง CPTPP อาทิ พาณชิ ย์อเิ ล็กทรอนกิ ส์ และการจัดซ้ือจดั จา้ งโดยรฐั (๒) การตั้งสมมติฐานการเปิดเสรีการค้าทันที ๑๐๐% ของผลการศึกษายังไม่สอดคล้อง กับความเป็นจรงิ รวมถงึ ยังมิไดค้ านงึ ถึงระยะทางและต้นทนุ ค่าขนสง่ ในกรณปี ระเทศสมาชกิ อยูห่ ่างไกล (๓) ผลการศึกษาโดยแบบจาลอง ควรจะมีการอธิบายเพ่ิมเติมว่า กรณี GDP ของประเทศไทย ติดลบนั้น เกิดจากการเบี่ยงเบนทางการค้า (trade diversion) เพื่อสร้างความชัดเจน เพราะเมื่อมีการลดภาษี ระหว่างกันแล้ว จะทาให้การเบี่ยงเบนการค้าไปสู่อีกประเทศหนึ่ง ทาให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบในแง่เชิง รายได้ นอกจากนี้ ผลการศึกษาดงั กลา่ วมีการดาเนนิ การแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๒ จึงอาจไมค่ รอบคลุมสถานการณ์ COVID - 19 และความเปลี่ยนแปลงทเี่ กิดขน้ึ (๔) การวิเคราะห์ผลกระทบตอ่ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) โดยแบบจาลอง มิได้คานึงถึงปัจจัยอื่น อาทิ ศักยภาพในการบังคับใช้กฎหมาย กฎระเบียบภายในประเทศที่สนับสนุนให้เกิด การลงทุนในประเทศมากขึ้น คุณภาพบุคลากร เสถียรภาพทางการเมือง และต้นทนุ เป็นต้น ดังนั้น การเข้ารว่ ม CPTPP อาจไม่ใช่ปัจจัยหลกั ที่จะช่วยใหไ้ ทยได้รบั เงนิ ลงทุนโดยตรงจากตา่ งประเทศ

๗๘ (๕) หน่วยงานภาครัฐท่ีเก่ียวข้องนอกเหนือไปจากกระทรวงพาณิชย์ ควรร่วมศึกษาวิจัย และประเมนิ ผลกระทบท่ีอาจเกิดขน้ึ สาหรับการเจรจาจัดทาความตกลงการค้าเสรใี นอนาคตเพ่มิ เติมด้วย เพื่อให้ มีการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมในประเด็นต่าง ๆ อาทิ การจัดซ้ือจัดจ้างโดยรัฐ ประเด็นด้านสาธารณสุข เป็นต้น โดยควรนาการวเิ คราะห์ในด้านต่าง ๆ มาหารือร่วมกัน เพ่ือท่ีจะสามารถจัดทาข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลถึงประโยชน์ และผลกระทบในประเดน็ ตา่ ง ๆ ทีร่ อบดา้ น ๒) ประเดน็ การคา้ สนิ คา้ กฎถิ่นกาเนิดสินค้า และประเด็น Free Zone (๑) รัฐบาลต้องปรับโครงสร้างอัตราอากรขาเข้าของวัตถุดิบและสินค้ากึ่งสาเร็จรูป เพอ่ื ลดต้นทนุ ของผปู้ ระกอบการให้แขง่ ขันกับสนิ ค้าสาเร็จรปู นาเข้าทมี่ ีอัตราอากรขาเข้าเป็นศูนย์ (๒) สาหรับอุตสาหกรรมที่แข่งขันกับสินค้าสาเร็จรูปนาเข้า รัฐต้องมีการจัดสรร งบประมาณช่วยเหลือเพ่ือให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวได้อยา่ งเร็ว รวมถึงจัดทากองทุนช่วยเหลือผู้ท่ีได้รับ ผลกระทบจากการเปิดเสรที างการคา้ โดยกองทนุ น้ันจะตอ้ งเป็นกองทุนที่มัน่ คง ต่อเนือ่ ง และเขา้ ถงึ ไดง้ า่ ย (๓) หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งการแก้ไขประกาศกระทรวงการคลังในเร่ือง การยกเว้นอากรขาเข้าสินค้าที่ผลิตใน Free Zone เข้ามาจาหน่ายในประเทศไทยตามมาตรา ๑๒ แห่ง พระราชกาหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ จากเดิมที่ประกาศดังกล่าวเป็นการยกเว้นชั่วคราว และไม่มี กรอบเวลาที่แน่นอน ให้สอดคล้องกบั สนธิสัญญาหรือความตกลงการค้าเสรีระหว่างประเทศต่าง ๆ ทีไ่ ทยผกู พนั (๔) หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการกาหนดมาตรฐานสินค้า ได้แก่ สินค้าอุตสาหกรรม สานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จะต้องเร่งจัดทามาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ท่ีเป็น มาตรฐานภาคบังคับ เพื่อใช้ในการกากับดูแลสินค้านาเข้าให้ได้อย่างน้อยร้อยละ ๕๐ ของจานวนสินค้าท่ีมี การค้าขายระหว่างกนั ภายในระยะเวลา ๓ ปี โดยใช้มาตรฐานของสินค้าท่ีผู้ประกอบการไทยผลิตได้ในประเทศ เป็นมาตรฐานข้ันต่าในการกากับดูแลสินค้านาเข้า ในส่วนของสินค้าเกษตร สานักงานคณะกรรมการอาหารและยา กรมวิชาการเกษตร กรมปศุสัตว์ สานักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ และหน่วยงานที่เก่ียวข้อง จะต้องดาเนินการจัดทามาตรฐานนาเข้าสินค้าเกษตร เพ่ือป้องกันสินค้าท่ีไม่ได้มาตรฐานแต่ราคาต่าเข้ามา จาหน่ายแข่งกับสินค้าในประเทศ ท้ังน้ีรัฐบาลจะต้องจัดสรรกาลังคนและงบประมาณให้หน่วยงานดังกล่าว เพอื่ ใหส้ ามารถดาเนินการไดส้ าเรจ็ ตามเปา้ หมายดว้ ย (๕) กฎถิ่นกาเนิดสินค้าในความตกลง CPTPP นั้นซับซ้อน มีทั้งที่ได้ประโยชน์และ เสียประโยชน์ ซ่ึงผู้ประกอบการจะต้องมีความรู้ความเข้าใจ ดังน้ัน จึงจาเป็นที่หน่วยงานภาครัฐจะต้องรว่ มมือ กับภาคเอกชนในการเร่งให้ความรู้กับผู้ประกอบการท่ีผลิตและส่งออกไปยังประเทศสมาชิก CPTPP เพื่อให้ สามารถใช้ประโยชน์จากเกณฑก์ ฎถิ่นกาเนดิ สินค้าภายใตค้ วามตกลง CPTPP ได้สูงสดุ (๖) กรณีการรับรองตนเอง (Self-Declaration) ภายใต้กฎถิ่นกาเนิดสินค้า ต้องมีการ สงวนจนกวา่ มีหลักเกณฑ์ทป่ี ระเทศสมาชิกยอมรบั หรือเหน็ ชอบร่วมกัน ๓) ประเด็นการคา้ บริการ การลงทนุ และการเข้าเมอื งช่ัวคราวสาหรบั นกั ธุรกิจ (๑) ภาครัฐต้องหารือกับกลุ่มผู้ประกอบการและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือประเมิน ความพร้อม และกลุ่มใด/สาขาบริการใดจะได้รับผลกระทบ เพื่อพิจารณาออกมาตรการของรัฐในการสนับสนุน ให้เกิดการปรับตัวและแข่งขันได้ รวมถึงพิจารณาท่าทีในการเจรจาจัดทาข้อสงวนที่จะไม่เปิดตลาดหรือ กาหนดเวลาปรับตัว (transition period) สาหรับกลมุ่ ที่อ่อนไหวสงู ต่อไป (๒) เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและอานวยความสะดวกแก่นักธุรกิจ/นักลงทุนต่างชาติ ในการเข้ามาทาการค้าและการลงทุนในประเทศท่ีในปัจจุบันยังต้องขอใบอนุญาตทางาน หรือ work permit

๗๙ อยู่น้ัน รัฐบาลและหน่วยงานที่เก่ียวข้อง เช่น สานักงานตรวจคนเข้าเมือง ควรพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบ โดยให้นักธุรกิจ/นักลงทุนต่างชาติขอรับการตรวจรับลงตรา (VISA) ท่ีสามารถเข้ามาดาเนินกิจกรรมทางธุรกิจ เป็นการช่วั คราวไดโ้ ดยไม่ผิดกฎหมาย และมีความสะดวกเชน่ เดยี วกบั VISA สาหรับนกั ทอ่ งเที่ยว ๔) ประเด็นการค้มุ ครองสิทธแิ รงงาน (๑) กระทรวงแรงงานควรพิจารณาแก้ไข พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๘ โดยตอ้ งไม่กีดกันตา่ งด้าวในการกอ่ การจัดต้ังสหภาพแรงงาน (ไม่ต้องกาหนดสัญชาติของผูก้ ่อการจัดต้ังสหภาพ แรงงาน) แต่ให้สามารถกาหนดเง่ือนไขและคุณสมบัติที่เหมาะสมของผู้ก่อการจัดต้ังสหภาพแรงงานได้ ซงึ่ ไม่ถือเป็นขอ้ ห้ามตามหลกั การขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (๒) ให้กระทรวงแรงงานศึกษาเพ่ิมเติมว่า สมาชิก CPTPP ใดมีกฎหมายอนุญาต ให้แรงงานต่างด้าวสามารถก่อการจัดต้ังสหภาพแรงงานได้ เพ่ือนามาพิจารณาประกอบการจัดทาท่าทีของไทย ตอ่ ประเด็นดงั กล่าวในอนาคตตอ่ ไป ๕) ประเดน็ พาณิชยอ์ ิเล็กทรอนิกส์ (e-commerce) (๑) ข้อกังวลในเรื่องการกากับดูแลด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการกากับดูแลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งถือเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าเชิงพาณิชย์สูงมาก ภาครัฐควรให้ ความสาคัญและแสดงข้อเรียกร้องของไทยในทุกเวที โดยเฉพาะองคก์ ารการค้าโลกในเร่ืองการกากบั ดูแลข้อมูล ส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมของผู้ประกอบการธุรกิจด้านดิจิทัลหรือ e - commerce ท้ังท่ีต้ังอยู่ในต่างประเทศ และในประเทศ โดยเฉพาะปญั หาการละเมิด ลกั ลอบ หรือนาข้อมูลส่วนบุคคลไปใชใ้ นทางท่ผี ิดกฎหมาย (๒) หน่วยงานภาครัฐท่ีเก่ียวข้อง ต้องยกระดับการกากับดูแลและคุ้มครองผู้บริโภค ในการซื้อขายสินค้าและใช้บริการด้านดิจิทัลและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้มีประสิทธิภาพ โดยร่วมมือกับภาค ประชาสังคมและเครือข่ายผู้บริโภคอย่างเป็นรูปธรรมในการติดตามและร้องเรียนปัญหา การใช้มาตรการลงโทษ ทางสังคม (social sanction) สาหรับผู้ให้บริการ/แพลตฟอร์มท่ีมีการทาผิด ละเมิด หรือเอาเปรียบผู้บริโภค ผ่านส่ือด้ังเดิมและส่ือสังคมออนไลน์ (traditional and social medias) และการใชเ้ ทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) เพื่อตดิ ตามตรวจสอบการละเมิดข้อมูลสว่ นบุคคล หรือการเอาเปรียบผ้บู ริโภคอย่างมี ประสทิ ธภิ าพมากขนึ้ (๓) รฐั บาลจะต้องมีมาตรการสง่ เสริมและสนับสนนุ ผู้ประกอบการ e - commerce และ แพลตฟอร์มของไทย ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันและเติบโตได้ โดยเฉพาะในเวทีอาเซียน เพื่อเป็น มาตรฐานในภูมิภาค และสามารถพฒั นาศักยภาพตอ่ ไปในตลาดทใี่ หญ่ขึน้ (๔) ไทยอาจยอมรับเรื่องการยกเว้นการเก็บอากรขาเข้าสาหรบั การส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (e - transmission) เช่น การดาวน์โหลดภาพยนตร์ เพลง หนังสือ หรือสิ่งพิมพ์ ฯลฯ เป็นการถาวรตาม บทบัญญัติของ CPTPP ได้ เนื่องจากที่ผ่านมา ไม่ปรากฏว่ามีประเทศใดท่ีสามารถกากับดูแล และเรียกเก็บ อากรขาเข้าได้ เว้นแตจ่ ะมกี ารเปดิ เผยรายได้โดยผูป้ ระกอบการเท่านน้ั แต่ไทยตอ้ งมีการปรับปรุงโครงสรา้ งภาษี ภายในประเทศและนาภาษีประเภทใหม่เข้ามาใช้ โดยควรมีการเก็บภาษีดิจิทัล (digital tax) ขั้นต่าท่ีร้อยละ ๒ กับผู้ประกอบการท่ีอยู่นอกประเทศ และเก็บภาษีหัก ณ ท่ีจ่าย ร้อยละ ๒ กับผู้ประกอบการ e – commerce ในไทย เพ่ือให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการ และไม่กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของ ผปู้ ระกอบการในไทย (๕) รัฐบาลและหนว่ ยงานทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั การแขง่ ขัน เชน่ สานักงานคณะกรรมการแขง่ ขัน ทางการคา้ ควรหารือกับภาคสว่ นที่เกี่ยวข้อง เพื่อกาหนดทิศทางในการกากับดูแลผู้ให้บริการ e - commerce

๘๐ ให้บริการไดอ้ ย่างเสรีและเป็นธรรม มิให้ผใู้ ห้บริการรายใหญ่ ท้ังที่ตั้งอยู่ในไทยและตา่ งประเทศ ทีม่ อี านาจเหนือ ตลาดมีพฤติกรรมทกี่ ระทบต่อการแข่งขันเสรแี ละเป็นธรรม ๖) ประเด็นกลไกระงับข้อพิพาทระหว่างนักลงทุนกับรัฐ (Investor-State Dispute Settlement : ISDS) (๑) การมีกลไก ISDS ภายใต้ CPTPP เป็นการเพมิ่ ช่องทางสาหรับนกั ลงทุนในการฟ้องรัฐ แต่ไม่ใช่การเพ่ิมความเสี่ยงสาหรับรัฐ เพราะความเสี่ยงย่อมข้ึนอยู่กับข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งการที่ นักลงทุนสามารถฟ้องรฐั ได้ นกั ลงทุนต้องพิสูจน์ (burden of proof) ใหไ้ ด้ว่า ความเสียหายเกิดขึ้นจากมาตรการ ของรัฐจริง ในขณะเดียวกัน ไทยก็เป็นประเทศผู้ส่งออกการลงทุนด้วย ดังนั้น การเพ่ิมช่องทางให้นักลงทุนฟ้อง รัฐก็เปน็ การเพ่มิ ช่องทางใหน้ กั ลงทุนไทยในตา่ งประเทศสามารถฟ้องรฐั ผูร้ ับการลงทุนได้เช่นกัน (๒) หากไทยเข้าร่วมเจรจาเป็นสมาชิก CPTPP ไทยจะต้องเน้นย้าสิทธิในการกากับดูแล ของรัฐ (Right to regulate) ว่า ครอบคลุมทุกมิติรวมทั้งด้านความม่ันคง โดยอาจเจรจาเพื่อจัดทาภาคผนวก (Annex) ของข้อบทลงทุนที่ไทยมีสิทธิในการเจรจาข้อสงวน ซึ่งไทยอาจทาเป็น side letter หรือความตกลง เฉพาะกบั ประเทศสมาชิกบางประเทศได้แล้วแต่กรณี (๓) ไม่ว่าประเทศไทยจะเข้าร่วมเจรจาหรือเป็นภาคีในความตกลงใด ๆ ในอนาคต รัฐบาลต้องสร้างกลไกเพ่ือให้หน่วยงานราชการที่เก่ียวข้องรับทราบ และปรับตัวเพื่อให้สามารถปฏิบัติ ตามพนั ธกรณไี ดอ้ ย่างครบถว้ น เพื่อหลีกเลี่ยงและป้องกนั การเกดิ ข้อพิพาทระหว่างรฐั กับนกั ลงทุน ๗) ประเด็นการจัดซ้ือจัดจ้างโดยรัฐ (๑) เนื่องจากท่ีผ่านมาไทยยังไม่มีนโยบาย offset เป็นการเฉพาะ คณะกรรมาธิการ เห็นว่า รัฐควรทาการศึกษาและกาหนดวัตถุประสงค์ในการใช้ offset ให้ชัดเจน รวมถึงกาหนดระยะเวลา ที่จาเป็นในการนา offset มาใช้เพ่ือการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศ (๒) ให้กรมบัญชีกลางศึกษากฎหมาย ที่กฎระเบียบการจัดซ้ือจัดจ้างโดยรัฐของไทย ไม่สอดคล้องกับความตกลง CPTPP รวมถึงกฎหมายหรือข้อบังคับอ่ืน ๆ ที่กรมบัญชีกลางเห็นว่าสามารถ ดาเนินการได้ เช่น บัญชีนวัตกรรม การกาหนดเง่ือนไขให้นักลงทุนปฏิบัติ (performance requirements) หรือกฎระเบียบกระทรวงการคลังฯ อ่ืน ๆ ท่ีไทยควรจะปรับแก้ไขให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในระบบ เศรษฐกิจโลก (๓) หน่วยงานภาครฐั ควรมกี ระบวนการตรวจสอบการจัดซอื้ จดั จ้างท่ไี ดม้ าโดยเงนิ บรจิ าค เพ่ือความโปรง่ ใส และปอ้ งกนั การเอ้ือประโยชน์แกก่ ลุม่ ทนุ (๔) ให้กรมบัญชีกลางพิจารณาเปล่ียนจากผู้มีอานาจพิจารณาคาอุทธรณ์ จาก ผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไป เป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์แทน โดยมีองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ เป็นผู้ท่ี ไมม่ ีส่วนไดเ้ สียร่วมอยู่ด้วย เพือ่ ความเปน็ ธรรมในการพจิ ารณาอทุ ธรณ์ (๕) ให้สมาคมวศิ วกรที่ปรึกษาแห่งประเทศไทย สมาคมช่างเหมาไฟฟ้าและเครื่องกลไทย และสมาคมอตุ สาหกรรมก่อสร้างไทย ศกึ ษาขอ้ มูลเพิม่ เติมและเสนอเป้าหมาย มาตรการ และระยะเวลาปรับตัว ที่ชัดเจน รวมทง้ั ระบคุ วามต้องการท่ีจะได้รับการสนบั สนุนหรือปรับตัว เพ่ือเสนอต่อรัฐบาลพิจารณาประกอบการ ตัดสินใจในระดับนโยบายของประเทศต่อไป และให้รฐั บาลพิจารณาสนับสนนุ ข้อเรยี กร้องของสมาคมฯ ทั้ง ๓ ข้อ คือ (๑) จัดต้ังสภาก่อสร้าง (๒) ให้ใช้ต้นแบบสัญญาของสหพันธ์วิศวกรท่ีปรึกษานานาชาติ (FIDIC) และ (๓) จัดทากฎหมายเพ่ือกากบั ดแู ลและส่งเสริมอุตสาหกรรมก่อสรา้ งเปน็ การเฉพาะ

๘๑ (๖) เพื่อให้การดาเนินการขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ นโยบายสาธารณะด้านสังคมและสาธารณสุขของประเทศ รัฐบาลควรทบทวนบทบาท พันธกิจ และโครงสร้าง ของ อภ. เพื่อความชัดเจนระหว่างการดาเนินภารกิจเพ่ือความม่ันคงทางยาและเวชภัณฑ์ของไทย (การผลิต และเก็บรักษายากาพร้า การวิจัยและพัฒนา เพ่ือพัฒนาอุตสาหกรรมภายใน ฯลฯ) กับการดาเนินธุรกิจในเชิง พาณิชย์ เพื่อที่รัฐบาลจะสามารถจัดสรรงบประมาณให้ อภ. ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์สูงสุด ของประชาชน และเพอ่ื ความสอดคล้องกบั ความตกลงระหว่างประเทศ ๘) ประเด็นรฐั วิสาหกจิ และหนว่ ยงานท่ีได้รบั สิทธพิ ิเศษเพอ่ื ความมน่ั คงแหง่ รัฐ (๑) ข้อห่วงกังวลในการดาเนินการของรัฐวิสาหกิจที่อาจซ้าซ้อนกันระหว่างภารกิจ เพ่ือสังคมตามนโยบายของรัฐ และภารกิจในเชิงพาณิชย์น้ัน หากรัฐวิสาหกิจดังกล่าวสามารถพิสูจน์ได้ว่า การดาเนินธุรกิจของตนเป็นการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐ (government mandate) โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือ สังคม เพ่ือประโยชน์สาธารณะ หรือตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ รัฐวิสาหกิจนั้นจะไม่ตกอยู่ ภายใต้พันธกรณขี องความตกลง CPTPP (๒) ไทยยังสามารถเจรจาเพ่ือขอสงวนรัฐวิสาหกิจที่ไม่สามารถปฏิบัติตามข้อบทของ CPTPP ในเรอ่ื ง การหา้ มเลือกปฏิบัติและการห้ามอดุ หนนุ หรอื ช่วยเหลอื ได้ (๓) กรณีองค์การเภสัชกรรม ภาครัฐควรมีการกาหนดบทบาทภารกิจให้ชัดเจน โดยเน้น เรื่องเป้าหมายในการรักษาความมั่นคงทางยาและด้านสุขภาพประชาชนเป็นหลกั ควรพิจารณายกเลิกการส่งเงิน เข้าคลังจากรายได้เชิงพาณิชย์ เพื่อไม่ให้เป็นภาระท่ีกระทบต่อพันธกิจหลักของ อภ . เพ่ือประโยชน์ของ ประชาชน และสนับสนุนให้เกิดการวิจัยและพัฒนา (R&D) เกี่ยวกับยาและเวชภัณฑ์ ทั้งนี้ ภาครัฐอาจพิจารณา ทบทวนนโยบายในการจัดซ้ือยาโดยวิธีเฉพาะเจาะจงจากองค์การเภสัชกรรม เนื่องจากอาจเป็นสาเหตุหนึ่ง ท่ีทาให้ประชาชนซ้ือยาในราคาแพงในบางกรณี นอกจากน้ี หากตัดสินใจจะเข้าร่วมเจรจาเป็นสมาชิก CPTPP รัฐบาลต้องต้งั ข้อสงวน โดยกาหนดระยะเวลาเปลี่ยนผา่ นสาหรับยา และเวชภัณฑด์ ังเช่นทปี่ ระเทศสมาชิกอืน่ ๆ กาหนดไว้ เช่น เวียดนาม เป็นตน้ ๙) ประเดน็ ด้านอปุ สรรคทางเทคนคิ ตอ่ การค้า (Technical Barriers to Trade : TBT) (๑) หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องสามารถปรับแนวทางการดาเนินการให้สอดคล้องกับข้อบท TBT ได้ รวมถึงไทยมีสิทธิขอเจรจาเพื่อยกเว้นการปฏิบัติตามข้อกาหนดในความตกลง CPTPP ในบางกรณีได้ เน่ืองจากประเทศภาคีอ่นื ไดร้ ับสิทธิในการยกเว้นเช่นกัน โดยมปี ระเด็นที่อาจพิจารณาขอยกเว้นการปฏิบัติตาม ข้อกาหนด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยา โดยยกเว้นประเด็นการไม่ให้ประเทศสมาชิกกาหนดเงื่อนไขให้เภสัชภัณฑ์ ท่ีได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกากับดูแลให้วางจาหน่ายในประเทศที่ผลิต ต้องแสดงข้อมูล หลักฐานประกอบ ในการอนุญาตให้วางจาหน่ายในตลาด เน่ืองจากไทยมีข้อจากัดด้านบุคลากรในการประเมิน และเครื่องสาอาง โดยขอยกเว้นประเด็นการไม่ให้ระบุเลขท่ีจดแจ้งบนฉลากเคร่ืองสาอาง เนื่องจากต้องทาให้ผู้บริโภคม่ันใจ ในความปลอดภยั (๒) ความตกลง CPTPP ไม่ได้ห้ามให้ไทยบังคบั ใช้มาตรฐานท่สี ูงกว่ามาตรฐานสากล ทง้ั น้ี ไทยสามารถใช้มาตรฐานที่แตกต่างจากประเทศอ่ืนได้ หากมีเง่ือนไขในการกาหนดกฎระเบียบที่เป็นไปเพื่อ การคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค อีกทั้ง ความตกลง CPTPP มิได้ระบุให้ประเทศภาคีอ่นื มีสิทธิตัดสนิ ใจ ในกระบวนการกาหนดมาตรฐานของไทย แต่เป็นเพียงแค่ข้อกาหนดให้สามารถให้คาปรึกษา ความเห็น หรือ ข้อสงั เกตเท่านน้ั มเิ ช่นน้นั จะขดั กับหลกั อานาจอธิปไตย (state sovereignty)

๘๒ (๓) หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องควรเพิ่มการกากับดูแลมาตรฐานและคุณภาพสินค้านาเข้า โดยเร่งกาหนดมาตรฐานบังคับในระดับที่ผู้ประกอบการไทยสามารถทาได้ ให้ครอบคลุมสินค้าอย่างน้อย ร้อยละ ๕๐ ของสินค้าที่ทาการค้ากันภายใน ๓ ปี โดยรัฐบาลจะต้องจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการปรับปรุง กฎระเบียบและการจัดทามาตรฐานสินค้า เพื่อรองรับการเจรจาความตกลงการค้าเสรีสมัยใหม่ในอนาคต ในขณะเดยี วกนั หน่วยงานภาครัฐที่เกย่ี วขอ้ งจะต้องพิจารณาและทบทวนมาตรการต่าง ๆ ในประเทศที่อาจเป็น อปุ สรรคทางการค้าท่ีไม่จาเป็น เช่น มาตรการด้านฉลากเครือ่ งดื่มแอลกอฮอล์ (๔) การออกกฎหมายหรือมาตรการใดก็ตาม โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือคุ้มครองผู้บริโภค สามารถกระทาได้ อยา่ งไรก็ดี การตคี วามถอ้ ยคาบนฉลากไวน์ อาทิ finest หรือ premium ว่าขัดกับประกาศฯ เนื่องจากเป็นการอวดอ้างสรรพคุณนั้นเป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ และอาจถือเป็นการกีดกันการนาเข้า ดังน้ัน หน่วยงานที่เก่ียวข้อง ได้แก่ กรมควบคุมโรค ควรทบทวนประเด็นการตีความถ้อยคาที่ห้ามปรากฏบนฉลาก เครื่องด่มื แอลกอฮอลใ์ หเ้ หมาะสมตามเจตนารมณ์ (๕) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรพิจารณาการกาหนดภาษีส่ิงแวดล้อมนอกเหนือจาก การเรียกเก็บภาษีศุลกากรและ/หรือภาษีสรรพสามิต ในการนาเข้าผลิตภัณฑ์เคร่ืองใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะกลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต ซึ่งการดาเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับหลักการของ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ นอกจากน้ี ควรมีการกาหนด มาตรฐานสินค้า Remanufactured Goods โดยต้องมาใช้อย่างเท่าเทียมกัน ทั้งสาหรับสินค้านาเข้าและสินค้า ที่ผลติ ภายในประเทศ เพอื่ ควบคุมคณุ ภาพและความปลอดภัยสาหรบั สินคา้ Remanufactured Goods ด้วย (๖) สานักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ และหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ควรศึกษาแนวทางในการจดั ทามาตรฐานสินค้าอนิ ทรยี ์ (Organic) ใหเ้ ป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีกระบวนการ ตรวจสอบและรับรองท่ีมีความเป็นสากล เพ่ือให้เคร่ืองหมายหรือสัญลักษณ์สินค้าอินทรีย์ไทยมีความน่าเช่ือถือ และเป็นท่ียอมรับในตลาดโลก รวมถงึ กาหนดใหม้ ีกลไกในการควบคมุ ราคาสินคา้ อินทรีย์มีช่องทางการร้องเรยี น และมีกระบวนการกากับดูแลและตรวจสอบสินค้าที่ถูกแอบอ้างว่าเป็นสินค้าอินทรีย์ ซึ่งวางจาหน่ายในตลาด โดยมีราคาสงู (๗) สานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติ ต้องดาเนินการกาหนดมาตรฐานหรือกระบวนการตรวจสอบและรับรอง เพื่อรองรับ การใหผ้ ู้ประกอบการสามารถรับรองตนเอง สาหรบั สนิ ค้าทมี่ ีความเสี่ยงสงู ด้านความเข้ากนั ได้ทางแม่เหลก็ ไฟฟ้า (EMC) ซึ่งไทยมีสิทธิในการกาหนดเกณฑ์ท่ีจะใช้ในการรับรองฯ เพ่ือให้แน่ใจว่าสินค้าได้มาตรฐานและมี ความปลอดภัยกอ่ นนาเขา้ มาในประเทศ ๑๐) ประเด็นมาตรการสุขอนามยั และสุขอนามัยพชื (Sanitary and Phytosanitary : SPS) (๑) การประเมินความเส่ียงและการใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาเป็นหลักฐาน สนับสนุนมาตรการท่ีบังคับใช้ เป็นหลักการท่ีไทยต้องดาเนินการให้สอดคล้องกับพันธกรณีภายใต้ WTO และความตกลงอ่ืนๆ อยู่แล้ว ความตกลง CPTPP จึงเป็นการเพ่ิมช่องทางการนาเร่ืองเข้าสู่กระบวนการระงับ ข้อพพิ าทอีกช่องทางหน่ึง (๒) การกาหนดให้เผยแพรข่ ้อมูลความเห็นที่ได้รับต่อสาธารณะที่ไทยไม่เคยดาเนินการ มาก่อน แท้จริงแล้วเป็นส่ิงท่ีมีประโยชน์ เพราะผู้บริโภคจะได้รับข้อมูลครบถ้วน อีกทั้ง เป็นการแสดงความ โปร่งใสและสามารถตรวจสอบการดาเนินการของไทย เพอ่ื ประโยชนข์ องผบู้ ริโภคของไทยและคูภ่ าคอี ่นื ด้วย

๘๓ (๓) ในส่วนของการตรวจประเมิน (Audits) ของไทย ไทยควรจะต้องพัฒนาผ้ตู รวจสอบ ของฝ่ายไทย ให้มีความเชี่ยวชาญมากขึ้น และพิจารณาสนับสนุนงบประมาณให้แก่ผู้ตรวจสอบเพื่อเดินทาง ไปตรวจในต่างประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาความไม่โปรง่ ใส ความลาเอียง และความไมย่ ุติธรรมจากการตรวจ ประเมนิ (๔) กรณีท่ีมีข้อกังวลว่า หากเปิดให้นาเข้าสินค้าเนื้อสุกรอาจส่งผลกระทบต่อราคา เนื้อสุกรภายในประเทศ เนื่องจากราคาเน้อื สกุ รของแคนาดาต่ากว่าราคาเน้ือสุกรของไทยมาก แม้จะรวมคา่ ขนส่ง วัตถุดิบอาหารสัตว์ และโปรตีนต่าง ๆ แล้วนั้น คณะกรรมาธิการเห็นว่า ควรพิจารณาข้อเท็จจริงให้รอบด้าน ปจั จุบันราคาสนิ ค้าเนื้อสกุ รที่ขายให้ผบู้ ริโภคในประเทศแคนาดา มรี าคาสูงกว่าราคาในประเทศไทยถึงเกือบ ๒ เท่า หากมีการส่งออกจากแคนาดาในราคาท่ีต่ากว่าในราคาที่ซ้ือขายในประเทศ ก็เข้าเง่ือนไขการทุ่มตลาด หากประสบ ความเสียหาย ไทยสามารถพิจารณาใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้ ตามพระราชบัญญัติ การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซ่ึงสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซ่ึงกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการคา้ ตา่ งประเทศเปน็ หนว่ ยงานรับผดิ ชอบเรอื่ งดงั กล่าว ๑๑) ประเด็นสินค้าขยะอันตราย (๑) รัฐบาลจะต้องเร่งศึกษาประโยชน์และผลกระทบในการให้สัตยาบันต่อข้อแก้ไข อนุสัญญาบาเซลเพ่ือห้ามการส่งออก (Basel Ban Amendment๑๐) โดยเฉพาะในประเด็นผลกระทบท่ีจะเกิด ข้ึนกับไทยจากการหา้ มสง่ ออกของเสียอันตรายไปรีไซเคิลยังประเทศปลายทาง (๒) การบังคับใช้กฎหมายสง่ิ แวดล้อมของไทยอาจมีปัญหาในทางปฏิบัติ แมว้ ่ากฎหมาย ส่ิงแวดล้อมของไทยสอดคล้องกับหลักการ Polluter Pays Principle หรือผู้ก่อมลพิษเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย แต่กรมควบคุมมลพิษไม่มีเจ้าหน้าที่เพียงพอที่จะดาเนินการตรวจสอบโรงงานทุกจุดท่ีปล่อยมลพิษ รวมถึง ยังขาดกฎหมาย Environmental Monitoring Law เช่นเดียวกับนานาประเทศ ซ่ึงกาหนดให้ผู้ก่อมลพิษ เป็นผู้รับผิดชอบว่าจ้างบริษัทที่ผ่านการรับรองโดยกรมควบคุมมลพิษ ในการกากับดูแลโรงงาน และบริษัท ดังกล่าวจะส่งรายงานให้กรมฯ เป็นประจาเพื่อประกอบการประเมินความเส่ียงด้านส่ิงแวดล้อมของโรงงาน ดังน้ัน รัฐบาลควรเร่งออกกฎหมาย Environmental Monitoring Law โดยเร็ว เพ่ือให้การกากับดูแลด้าน สงิ่ แวดลอ้ มมีประสิทธภิ าพมากยิง่ ข้ึน (๓) รัฐบาลจะต้องมีนโยบายชัดเจนเกี่ยวกับการอนุญาตโรงงานรีไซเคิลในประเทศไทย และการนาของเสียจากต่างประเทศเข้ามารีไซเคิลภายในประเทศ โดยคานึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของชุมชน รวมท้ังทบทวนพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้สอดคล้องกับนโยบายโรงงาน รไี ซเคลิ ท้ังน้ี การพิจารณาศึกษาผลกระทบด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน มีกรรมาธิการบาง ท่านขอสงวนความเห็น รายละเอียดปรากฏตามบันทึกขอแก้ไขสรุปรายงานการศึกษาผลกระทบด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน จากการเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสาหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ภาคพนื้ แปซิฟิก (CPTPP) ของนางสาวจริ าพร สินธุไพร ท่ปี รกึ ษาคณะกรรมาธิการ ในภาคผนวก ญ ๑๐ ข้อแก้ไขที่หา้ มประเทศพฒั นาแลว้ สง่ ออกของเสียอันตรายไปยังประเทศกาลงั พฒั นา ไม่วา่ จะมจี ดุ ประสงคเ์ พ่ือกาจดั ทงิ้ หรอื เพอ่ื รีไซเคลิ



ภาคผนวก

ภาคผนวก ก หนังสือต้งั คณะกรรมาธกิ ารวิสามญั

๘๗

๘๘

ภาคผนวก ข ญตั ติดว่ น จานวน ๙ ฉบบั

ภาคผนวก ค ผลกระทบและโอกาสด้านการเปดิ ตลาดของสนิ คา้ เกษตรไทยภายใตค้ วามตกลง CPTPP

๙๑ ภาคผนวก ค ผลกระทบและโอกาสด้านการเปิดตลาดของสินค้าเกษตรไทย ภายใตค้ วามตกลง CPTPP ๑. สถานการณ์การคา้ สนิ ค้าเกษตร (ปี ๒๕๖๐ - ๒๕๖๒) ระหว่างไทยกบั สมาชิก CPTPP การส่งออก ไทย - โลก สดั ส่วนการคา้ ของไทยกับโลก การนาเข้า ต่อสมาชิก CPTPP ทีไ่ ทยมี FTA แลว้ และยังไม่มี FTA ๑.๒๙ ลา้ นลา้ นบาท ๐.๔๙ ล้านลา้ นบาท ๗๒ : ๒๖ : ๒ ๗๘ : ๒๑ : ๑  สนิ ค้าสง่ ออกสาคญั มี FTA : เนอื้ ไก่ อาหารสุนัข น้าผักผลไม้ ผลไม้ น้ายาง ข้าว ทนู ่ากระป๋อง นา้ ตาล กากสตาร์ช ไม่มี FTA : ทูนา่ กระป๋อง ข้าว กุ้ง ยาง TSNR ทุเรยี น  สินคา้ นาเข้าสาคญั มี FTA : กาแฟ เนื้อปลา เมลด็ มะม่วงหมิ พานต์ ข้าวสาลี มอลต์ นม ครมี เบเกอร่ี แคปซลู ยา เนย แอปเปิล้ อาหารปรุงแต่ง อาหารสัตว์ ปลาทะเลต่าง ๆ ซอส ปลาหมึก อง่นุ และเครอื่ งด่ืมตา่ ง ๆ ไมม่ ี FTA : ขา้ วสาลี ถัว่ เหลือง มนั ฝรงั่ เจลาตนิ จากพืช ปลาซารด์ นี และกุ้ง

๒. ผลกระทบด้านการเปิดตลาด (เฉพาะสินค้าเกษตร) กรณีทไ่ี ทยเขา้ รว่ ม CPTPP ลาดบั สินค้า จานวนเกษตรกร สถานการณ์การผลติ /การตลาด ผลกระทบที่คาดวา่ จะเกิดขึน้ แผนงาน/มาตรการ ๑ ข้าวโพด เลี้ยงสัตว์ (ครัวเรือน) ๒ เน้ือสุกร ๔๒๕,๒๘๑ - ในปี ๒๕๖๒ ไทยมีปริมาณการใช้ข้าวโพด - มีการนาเข้าข้าวโพดเล้ยี งสัตว์ และ/หรือ ๑. โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูก และ ผลิตภณั ฑ์ เลี้ยงสัตว์ ๘.๕๑ ล้านตัน ในขณะท่ีผลผลิต วัตถุดิบทดแทนจากกลุ่มประเทศสมาชิก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีกลุ่มเป้าหมายคือ ในประเทศมีเพียง ๔.๒ ล้านตัน จึงมีการ CPTPP เพ่ิมมากข้ึน โดยเฉพาะแคนาดาที่ เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวโพดเล้ียง นาเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมถึงวัตถุดิบ เป็นผู้ส่งออกอันดับต้นใน CPTPP ซ่ึงอาจจะ สตั วก์ ับกรมส่งเสริมการเกษตร ทดแทน เช่น ข้าวสาลี DDGS (กากข้าวโพด กระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเล้ียงสัตว์ ๒. มาตรการบริหารจัดการข้าวโพดเล้ียง ท่ีเหลือจากขบวนการผลิตเอทานอล) มาใช้ ในประเทศที่ความสามารถในการแข่งขันมี สัตว์ ปีเพาะปลูก ๒๕๖๒/๖๓ ซึ่งนาเข้าได้ ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ไมม่ ากนกั เฉพาะในชว่ ง ก.พ. - ส.ค. ของทุกปี ๙๒ - ต้นทุนการผลิตข้าวโพดของไทย ๖,๖๘๐ บาท/ตัน - ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นสินค้าท่ีมีโควตาภาษี ของไทย ภายใต้ WTO ๑๗๓,๔๓๗ - ในปี ๒๕๖๒ ไทยมีผลผลิตสุกรจานวน - อาจมีการนาเข้าเน้ือสุกรจากแคนาดา ๑. ยุทธศาสตร์การผลิตสุกร ยกระดับการ ๒๐.๕ ลา้ นตวั ซง่ึ เปน็ การบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะเคร่ืองในสุกร ซึ่งจะส่งผล ผลิตสกุ รของประเทศทั้งระบบให้ได้มาตรฐาน ร้อยละ ๙๖ และสง่ ออกรอ้ ยละ ๔ กระทบตอ่ ราคาในประเทศ โดยแคนาดาเป็น ๒. มาตรการรับมือโรคอหิวาต์แอฟริกาใน - ต้นทุนการผลิตสุกรขุนของไทย ๖๖.๖๖ ผู้ส่งออกสุกรและผลิตภัณฑ์รายใหญ่เป็น สุ ก ร ( Africa Swine Feve r: ASF) ซึ่ ง บาท/กก. อันดับ ๖ ของโลก และเป็นอันดับ ๑ ใน คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้เป็นวาระ - คู่ค้าเนื้อสุกรที่สาคัญ ได้แก่ ฮ่องกง และ กลุ่ม CPTPP โดยในปี ๒๕๖๒ มีการ แหง่ ชาติ เม่อื วันท่ี ๙ เมษายน ๒๕๖๒ สปป. ลาว และคู่ค้าผลิตภัณฑ์สุกรท่ีสาคัญ ส่งออกเน้ือสุกรไปยังโลกมูลค่า ๒,๕๙๓ ได้แก่ ญป่ี ่นุ กมั พชู า และฮ่องกง ลา้ นเหรยี ญสหรฐั และเป็นการส่งออกไปยัง กล่มุ CPTPP รอ้ ยละ ๔๗

ลาดับ สินค้า จานวนเกษตรกร สถานการณ์การผลติ /การตลาด ผลกระทบทค่ี าดว่าจะเกดิ ข้นึ แผนงาน/มาตรการ (ครวั เรอื น) ๓ มะพรา้ วแหง้ ๑๖๓,๕๕๙ - ใ นปี ๒ ๕๖๒ ไท ยมีป ริมา ณผล ผลิ ต - ภายใต้ความตกลง AFTA มะพร้าวเป็น ในประเทศ ๘๐๖,๐๒๖ ตัน ในขณะท่ีมี ๑ ใน ๔ รายการสินค้าที่ไทยยังไม่ได้เปิด ปริมาณใช้ในประเทศ ๑,๐๖๙,๐๕๐ ตัน จึง ตลาด โดยมีคู่แข่งท่ีสาคัญคือ เวียดนาม ต้องนาเข้ามะพรา้ วผลแหง้ จากตา่ งประเทศ ซ่งึ เป็นสมาชกิ CPTPP - ไทยมีศักยภาพในการผลิตกะทิสาเร็จรูป - ดังนั้น การเข้าร่วมความตกลง CPTPP โดยในปี ๒๕๖๒ มีปริมาณส่งออก ๒๖๓,๑๒๑ ตัน อาจส่งผลให้ไทยต้องเปิดตลาดให้เวียดนาม แต่การส่งออกในรูปของกะทิสาเร็จรูปของไทย และสมาชิก AFTA อีก ๓ ประเทศ อีกทั้ง ลดลงเนื่องจากราคามะพรา้ วผลของอนิ โดนีเซีย ยังส่งผลให้ไทยจะไม่สามารถใช้มาตรการ และเวียดนามเฉล่ียผลละ ๓ - ๗ บาท ซ่ึง SSG ในกรณีมีการไหลทะลักของสินค้า ๙๓ ถูกกวา่ ไทยทรี่ าคาเฉลี่ยผลละ ๑๐ -๑๕ บาท มะพรา้ วเข้ามาในประเทศได้อีกด้วย - ต้นทุนการผลิตมะพร้าวของไทย ๔,๓๘๑ บาท/ตัน - มะพร้าวแห้งเปน็ สินค้าท่มี โี ควตาภาษขี องไทย ภายใต้ WTO ๔ เนื้อโค ๗๗,๙๓๖๔ - ในปี ๒๕๖๒ ไทยมีผลผลิตในประเทศ - อาจเกิดการนาเข้าเนื้อโคคุณภาพดี - ยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาโคเนอ้ื ปี ๒๕๖๑ - และ ๑.๓๕ ล้านตัว โดยมีปริมาณใช้ในประเทศ จากต่างประเทศทดแทนเนื้อโคในประเทศ ๒๕๖๕ โดยมี ๓ ด้านดังนี้ ผลิตภณั ฑ์ ๑.๒๖ ล้านตัว สาหรับส่วนท่ีเหลือแบ่งเป็น ซ่ึงอุตสาหกรรมโคเนื้อเป็นอุตสาหกรรม ๑. การรักษาตลาดเน้ือโคไทยแนวทาง : การส่งออกโคมีชีวิต ๓ แสนตัว และการ ท่ีเปราะบาง เกษตรกรยังไม่มีศักยภาพ การสกัดก้ันการนาเข้าเน้ือโคผิดกฎหมาย สง่ ออกเน้อื และผลิตภณั ฑ์ ๘๔.๒๖ ตนั ในการแข่งขนั มากนกั โดยปัจจบุ นั อยู่ระหวา่ ง และสกดั กนั้ การใช้สารเร่งเนอื้ แดง - ไทยนาเข้าเน้ือโคมีชีวิต ๘๗,๗๑๔ ตวั และ การพัฒนาคุณภาพตามยุทธศาสตร์โคเนื้อ ๒. กระตุ้นการเพ่ิมประชากรโคเนื้อ นาเข้าเนื้อและผลิตภัณฑ์ ๑๓,๕๘๘ ตัน พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๕ แนวทาง : การเพิ่มปริมาณโคเน้อื ทง้ั ระบบ ดว้ ยเชน่ กนั ซึง่ ส่วนใหญ่เปน็ เน้ือโคคุณภาพดี เพ่ิมประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต

ลาดบั สนิ ค้า จานวนเกษตรกร สถานการณ์การผลิต/การตลาด ผลกระทบทคี่ าดวา่ จะเกดิ ขน้ึ แผนงาน/มาตรการ ๕ ถว่ั เหลอื ง (ครวั เรือน) - ต้นทุนการผลิตโคขุนของไทยเท่ากับ โคขุน สร้างมูลค่าเพ่ิมตลอดห่วงโซ่การ ๘๗.๙๙ บาท/กก. (ลูกผสมพันธ์ุบราห์มัน ผลิต เฉลย่ี ขนาดน้าหนกั ๓๕๐ - ๔๕๐ กก.) โดยมี ๓. การบริหารจัดการพืชอาหารและ คู่แข่งสาคัญได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อาหารสตั วส์ าหรับโคเนอ้ื และสหรัฐอเมริกา ซ่ึงเป็นประเทศทมี่ ศี ักยภาพ แนวทาง : ปฏิรูประบบการผลิตการเก็บ ในการผลิตเนอ้ื โคมาก เกี่ยว การแปรรูป ตลอดจนการใช้ประโยชน์ นวัตกรรมอาหารสัตว์ และระบบการ จัดการให้อาหารโคเนอ้ื ๒๗,๒๕๗ - มีความต้องการนาเข้า เนื่องจากผลผลิตมี - มีการนาเข้าเมล็ดถั่วเหลืองจากกลุ่ม - มติ ครม. วันท่ี ๓ ธนั วาคม ๒๕๖๒ รบั ทราบ ๙๔ ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ ประเทศสมาชิก CPTPP เพิ่มมากข้ึน สรุปมติการประชุมคณะกรรมการพืช ซึ่งถั่วเหลืองเป็นพืชท่ีดูแลรักษายาก และ โดยเฉพาะแคนาดาท่ีเป็นผู้ส่งออกอันดับ นา้ มันและน้ามันพชื คร้ังที่ ๒/๒๕๖๒ และ ขาดการพัฒนาเทคโนโลยีทีช่ ่วยในการเกบ็ เกยี่ ว ตน้ ใน CPTPP ซึ่งอาจจะกระทบต่อเกษตร ให้ความเห็นชอบการเปิดตลาดนาเข้าเมล็ด ถั่วเหลือง ประกอบกับต้นทนุ ทางด้านการผลิต ผู้ปลูกถ่ัวเหลอื งในประเทศท่ีความสามารถ ถั่วเหลือง ๓ ปี (ปี ๒๕๖๓ - ๒๕๖๕) โดยมี มีราคาสูง ในการแข่งขันมีไม่มากนกั ผู้มีสิทธินาเข้าเมล็ดถ่ัวเหลือง ๘ สมาคม - ต้นทุนการผลิตของไทยเท่ากับ ๑๕.๕๑ ท้ังน้ี กาหนดให้ผู้มีสิทธิเข้ารับซ้ือเมล็ด บาท/กก. ในขณะที่ราคานาเข้าจากต่างประเทศ ถ่ั วเหลื องที่ ผ ลิ ต ไ ด้ ใ น ป ร ะ เ ท ศ ใ น ร า ค า เท่ากับ ๑๒.๒๘ บาท/กก. ทาให้เกษตรกร ตามกลไกตลาด แต่ไม่ต่ากว่าราคาขั้นต่า ปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอ่ืนท่ีให้ผลตอบแทน ตามชน้ั คุณภาพ ท่ีดีกว่า เช่น ข้าวโพดเล้ียงสัตว์ นาข้าว ข้าวโพดหวาน และพืชผกั - ถั่วเหลืองเปน็ สินค้าที่มโี ควตาภาษีของไทย ภายใต้ WTO ทั้งน้ี คู่ค้าท่ีสาคญั ได้แก่ บราซิล สหรฐั อเมริกา และแคนาดา

ลาดบั สินค้า จานวนเกษตรกร สถานการณ์การผลิต/การตลาด ผลกระทบที่คาดวา่ จะเกิดขนึ้ แผนงาน/มาตรการ ๖ กาแฟ (ครัวเรอื น) ๗ มนั ฝรัง่ ๒๗,๕๕๔ - ในปี ๒๕๖๒ ไทยมีผลผลิตกาแฟ ๒๔,๖๑๔ - การนาเข้าเมล็ดกาแฟจากประเทศ ๑. การนาเข้ากาแฟภายในกรอบ AFTA ตัน ในขณะท่ีมีปริมาณการใช้ในประเทศสูง สมาชิกอาจเพ่ิมขึ้น และทดแทนเมล็ด อยู่ในความดูแลของคณะอนุกรรมการพืช ถงึ ๑๐๐,๐๐๐ ตัน ดังนั้น จึงต้องนาเข้าจาก กาแฟพันธุพ์ ชื เมืองภายในประเทศ สวน ภายใต้คณะกรรมการนโยบายและ ตา่ งประเทศ - ไม่สามารถใช้มาตรการ SSG หากมีการ แผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ - กาแฟถือเปน็ แหลง่ อาชีพของเกษตรกรไทย นาเข้ากาแฟในปริมาณมากและกระทบ เป็นผู้พิจารณาอนุญาตนาเข้า โดยไม่ให้ โดยได้มีการผลักดันอุตสาหกรรมกาแฟ การขายกาแฟของเกษตรกรไทย กระทบต่อเกษตรกรและผปู้ ระกอบการ อย่างตอ่ เนื่อง - อาจไม่สามารถบริหารจัดการนาเข้า ๒. ปจั จุบนั ได้มกี ารจัดทาแผนพฒั นากาแฟ - ต้นทุนการผลิตกาแฟพันธุอ์ าราบิก้าเทา่ กับ สินค้า TRQ ได้ เน่ืองจากการดาเนินงาน แหง่ ชาติ ปี ๒๕๖๒ - ๒๕๗๐ เพ่อื ปรบั ปรุง ๗๒,๘๐๐ บาท/ตัน และกาแฟพันธ์ุโรบัสต้า ภายใต้กรอบ CPTPP ถูกกาหนดไว้ว่าต้อง ยุทธศาสตร์กาแฟให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ๙๕ เทา่ กบั ๕๕,๗๙๐ บาท/ตนั มีลักษณะโปร่งใส ชาติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการระบบ - คู่แขง่ ทสี่ าคญั ได้แก่ เวียดนาม และอนิ โดนเี ซีย การผลิตกาแฟและยกระดับคุณภาพมาตรฐาน - กาแฟยังเป็นสินค้าท่ีมีโควตาภาษีของไทย และอัตลกั ษณ์กาแฟไทย ภายใต้ WTO ๙,๓๕๑ - ผลผลิตมันฝร่ังพันธุ์โรงงานที่ผลิตได้ - ลักษณะการผลิตมนั ฝร่ังของไทยเปน็ การ ๑. ส่งเสริมการปลูกมันฝร่ังในประเทศ ใ น ป ร ะ เ ท ศ มี ป ริ ม า ณ ไ ม่ เ พี ย ง พ อ กั บ ผลิตเพ่ือป้อนเข้าโรงงานอุตสาหกรรม ผ่านการทา Contract Farming ปี ๒๕๖๑ ความต้องการใช้ของโรงงาน จึงจาเป็นต้อง และมีผลผลิตไม่มากพอ หากมีการนาเข้า -๒๕๖๓ นาเข้าจากต่างประเทศทุกปี เพ่ือใช้เป็น มันฝรั่งจากสมาชิก CPTPP อาจส่งผลให้ ๒. การนาเข้ามันฝรั่ง อยู่ในความดูแลของ วตั ถุดิบแปรรูปในอตุ สาหกรรมขนมขบเคยี้ ว ผู้ประกอบการหันไปใช้วัตถุดิบนาเข้า คณะอนุกรรมการจัดการการผลิตและ - ในปี ๒๕๖๒ มีปริมาณความต้องการใช้ ทดแทน จากเหตุผลทางด้านราคาและ การตลาด กระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ ในประเทศ ๓ แสนตัน ในขณะท่ีผลิต ความมีเสถยี รภาพของผลผลติ และมันฝรั่งภายใต้คณะกรรมการนโยบาย ในประเทศได้ ๑.๒๗ แสนตัน และแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ - จานวนเกษตรผู้ปลูกมันฝรั่งมีแนวโน้มเพ่ิม เป็นผู้พิจารณาอนุญาตนาเข้า โดยไม่ให้ สูงข้ึน เน่ืองจากมีการส่งเสริมให้ปลูกมันฝร่ัง กระทบตอ่ เกษตรกรและผูป้ ระกอบการ

ลาดบั สนิ คา้ จานวนเกษตรกร สถานการณก์ ารผลติ /การตลาด ผลกระทบท่ีคาดว่าจะเกดิ ขึ้น แผนงาน/มาตรการ ๘ ปลาปน่ ๙ ชา (ครวั เรอื น) โดยมีต้นทุนการผลิตพันธุ์บริโภค ๘,๑๙๐ บาท/ตนั และพันธ์ุโรงงาน ๖,๑๗๙ บาท/ตนั - มันฝรั่งเป็นสินค้าท่ีมีโควตาภาษีของไทย โดยเปิดตลาดหัวมันฝร่ังสดเพื่อแปรรูป ภายใต้ WTO ปี ๒๕๖๑ - ๒๕๖๓ ปีละ ๕๒,๐๐๐ ตัน อัตราภาษีในโควตา ร้อยละ ๒๗ อัตราภาษี และนอกโควตา ร้อยละ ๑๒๕ ๗๐ โรงงาน - ในปี ๒๕๖๒ ไทยมีผลผลิตปลาป่นใน - ไทยไม่เปิดตลาดสินค้าปลาป่นภายใต้ ประเทศ ๓.๕ แสนตัน โดยมีปริมาณการใช้ ความตกลงการค้าเสรีไทย - เปรู ซ่ึงเปรู ๙๖ ในประเทศ ๒.๘ แสนตัน ปริมาณการสง่ ออก เปน็ ประเทศท่มี ีศักยภาพในการผลติ ปลาป่น ๑.๒ แสนตัน และปริมาณการนาเข้า ๐.๕ - การเข้าร่วมความตกลง CPTPP อาจทาให้ แสนตนั ไ ท ย ต้ อ ง เ ปิ ด ต ล า ด ใ ห้ สิ น ค้ า ป ล า ป่ น - ผลผลิตปลาป่นแปรผันตามความต้องการ จากเปรูเข้ามาตีตลาดไทยเพิ่มมากขึ้น ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ภายในประเทศ อาจจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรหรือ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล โรงงานผลิตสินคา้ ปลาป่นในไทย และปศสุ ตั ว์ทมี่ ีการขยายตวั เพ่มิ ขึ้น - - ใ น ปี ๒ ๕ ๖ ๒ ไ ท ย มี ผ ล ผ ลิ ต ช า ส ด การเปิดตลาดสินค้าชาอาจกระทบต่อ ๑. ยทุ ธศาสตรช์ า ปี ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔ เนน้ ๑๐๒,๙๑๔ ตัน โดยมีการนาเข้าชาแห้งและ เกษตรผู้ปลูกชาในประเทศ ซ่ึงอาชีพท่ี พัฒนาต้ังแต่ต้นทาง กลางทาง โดยเพิ่ม ผลิตภัณฑ์ชารวม ๑๐,๒๐๗ ตัน และส่งออก รัฐบาลส่งเสริมให้กับชุมชนในภาคเหนือ ประสิทธิภาพการผลิตลดต้นทุนการผลิต ชาแหง้ และผลิตภณั ฑ์ชารวม ๕,๘๘๗ ตนั อีกทั้ง สินค้าชายังเป็นสินค้าอ่อนไหว การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมทั้งพัฒนา - ต้นทุนการผลิตชาอัสสัมสดของไทยเท่ากับ ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทย คุณภาพชาเพ่ือยกระดับขีดความสามารถ ๙,๘๒๐ บาท/ตัน และชาจีนสดเท่ากับ กับญ่ีปุ่น ซ่ึงหากเข้าร่วมความตกลง และศกั ยภาพในการแข่งขัน ๓๕,๐๕๗ บาท/ตนั CPTPP ไทยอาจตอ้ งเปิดตลาดให้ญี่ปุ่น

ลาดบั สนิ คา้ จานวนเกษตรกร สถานการณก์ ารผลติ /การตลาด ผลกระทบท่ีคาดว่าจะเกดิ ขึ้น แผนงาน/มาตรการ ๑๐ กลว้ ยไม้ตดั (ครวั เรอื น) ดอก - การส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มข้ึนอย่างต่อเนื่อง ๒. การนาเข้าชา อยู่ในความดูแลของ ในรูปของชาแห้งและผลิตภัณฑ์ชา โดยมี ค ณ ะ อ นุ ก ร ร ม ก า ร พื ช ส ว น ภ า ย ใ ต้ ตลาดสง่ ออกหลัก ไดแ้ ก่ อินโดนเี ซยี กัมพูชา คณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนา และสหรฐั อเมรกิ า การเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้พิจารณา - ในขณะท่ีความต้องการใช้ในประเทศ อนุญาตนาเข้า โดยไม่ให้กระทบต่อ เพิ่มขึ้น ทาให้มีการนาเข้าชาแห้งเพิ่มขึ้น เกษตรกรและผู้ประกอบการ อย่างต่อเนื่อง โดยนาเข้าจากประเทศจีน อินโดนีเซยี และญ่ปี ่นุ - นอกจากน้ี ชายังเป็นสินค้าท่ีมีโควตาภาษี ๙๗ ของไทยภายใต้ WTO - - ในปี ๒๕๖๒ ไทยผลิตกล้วยไม้ตัดดอก - ไม้ตัดดอกเป็นสินค้าอ่อนไหวภายใต้ ๑. สง่ เสรมิ การวจิ ยั และพัฒนาเทคโนโลยี จานวน ๔๘,๕๓๙ ตัน เป็นการใช้ในประเทศ กรอบความตกลง AFTA หรืออาเซียนที่ ๒. ส่งเสริมการแลกเปล่ียนเรียนรู้การผลิต ๑๙,๒๓๒ ตัน และส่งออก ๒๓,๐๘๗ ตัน ยังคงมีการจัดเก็บภาษีนาเข้าท่ีร้อยละ ๕ ระหว่างกลุ่มเกษตรกร และนักวิชาการ นอกจากน้ี ไทยยังส่งออกก่ิงและต้นกล้วยไม้ ซ่ึงการเข้าร่วม CPTPP อาจส่งผลให้ไทย จากภาครัฐ และสถาบันการศกึ ษา จานวน ๓๑,๘๘๑ ต้น ต้องเปิดตลาดให้สมาชิกจากอาเซียน ๓. ภาครัฐร่วมกับเกษตรกรและผู้ประกอบการ - ต้นทุนการผลิตของไทยเท่ากับ ๕๓.๗๒ ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และ วางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความ บาท/กก. และประเทศคู่ค้าท่ีสาคัญของไทย บรไู น ตอ้ งการ ทงั้ ด้านปริมาณและคณุ ภาพ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน อิตาลี และ ๔. ส่งเสริมและพัฒนาการผลิตกล้วยไม้ สหภาพยโุ รป ให้ได้มาตรฐาน GAP รวมถึงโรงรวบรวม และการคัดบรรจทุ ี่มีมาตรฐาน GMP

๓. โอกาสจากการเปิดตลาด (เฉพาะสนิ คา้ เกษตร) กรณที ี่ไทยเขา้ รว่ ม CPTPP โอกาสจากการเปิดตลาด แผนงาน/มาตรการ ลาดับ สนิ ค้า จานวนเกษตรกร สถานการณก์ ารผลิต/การตลาด ๑ ข้าว ๑. ขา้ วนาปี - การใช้ในประเทศ ปี ๒๕๖๓ คาดว่ามีการ - ขยายตลาดไปยังแคนาดาและเม็กซิโก ๑. โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ๔,๒๘๘,๐๙๒ ครวั เรอื น ใช้ในประเทศ ๑๗.๑๐ ล้านตัน ข้าวเปลือก ซ่ึงเป็นประเทศท่ีมีมูลค่าการนาเข้าข้าว ปี ๒๕๖๒/๖๓ ๒. ข้าวนาปรัง ๓๒๕,๑๙๖ ลดลงจากปี ๒๕๖๒ ร้อยละ ๐.๐๖ เนือ่ งจาก พรีเมียมของไทยในปริมาณที่สูง (๓.๓ ๒. มาตรการรักษาเสถยี รภาพราคาข้าวเปลือก ครัวเรือน ความต้องการใช้เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ และ พันลา้ นบาท) ปีการผลิต ๒๕๖๒/๖๓ (คู่ขนานโครงการ อุตสาหกรรมมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย - ได้สทิ ธิประโยชน์ทางภาษีจากการยกเลิก ประกนั รายได้เกษตรกรผูป้ ลกู ข้าว) - การส่งออกในปี ๒๕๖๓ คาดว่าไทยจะ ภาษีนาเข้าข้าวของมาเลเซีย ซ่ึงภายใต้ ส่งออกได้ประมาณ ๗.๕๐ - ๘.๐๐ ล้านตัน ความตกลง AFTA มาเลเซียยังคงมีการ ข้าวสาร เน่ืองจากตลาดข้าวในต่างประเทศ จดั เกบ็ ภาษนี าเขา้ อยู่ มีการแข่งขันกันสูง และค่าเงินบาทที่แข็งค่า ๙๘ ส่งผลให้ราคาข้าวไทยสูง กว่าประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม และอินเดีย เป็นต้น ซ่ึง อาจจะส่งผลให้ประเทศคู่ค้าชะลอการสั่งซื้อ ข้าวไทยและเปลี่ยนไปซ้ือจากประเทศที่มี ราคาถูกกว่าแทน เช่น เวียดนาม และ กัมพูชา เป็นต้น อย่างไรกต็ าม ถ้าค่าเงินบาท อ่อนค่าลงจากปี ๒๕๖๒ และภาวะเศรษฐกิจ โลกดีข้ึน ประเทศท่ีมีกาลังซ้ือสูง และ ประเทศท่ีเป็นคู่ค้ากับไทยมานาน เช่น สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง แอฟริกา และ ตะวันออกกลาง เป็นต้น อาจจะมีคาสั่งซื้อ ข้าวเข้ามาอย่างต่อเนื่องเช่นที่เคยปฏิบัติมา เนอื่ งจากข้าวไทยมีคุณภาพดี

ลาดบั สินค้า จานวนเกษตรกร สถานการณก์ ารผลิต/การตลาด โอกาสจากการเปดิ ตลาด แผนงาน/มาตรการ - ต้นทุนการผลิตข้าวนาปีเฉล่ีย ๙,๘๕๓ บาท/ตัน และต้นทุนการผลิตข้าวนาปรัง เฉลยี่ ๗,๗๙๙ บาท/ตนั - ข้าวเป็นสินค้าท่ีมีโควตาภาษีของไทย ภายใต้ WTO ๒ ยางพารา ๑,๕๐๘,๐๕๑ - ความต้องการใช้ยางพาราของไทยเพิ่มขึ้น - คาดว่าจะเพ่มิ โอกาสการสง่ ออกยางพารา ๑. โครงการสนับสนุนสินเช่ือ อาทิ ครวั เรอื น เนื่องจากการขยายฐานการผลิตของอุตสาหกรรม และผลติ ภณั ฑไ์ ดม้ ากขน้ึ เ งิ น ทุ น หมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกร จากต่างประเทศท้ังอุตสาหกรรมยางล้อและ - เกิดการจ้างงานในแรงงานอุตสาหกรรม เพ่ือรวบรวมยาง สถาบันเกษตรกรแปรรูป อตุ สาหกรรมแบบจุ่ม เชน่ ถุงมือยาง และเพม่ิ ปริมาณการใชย้ างมากขนึ้ ยางพารา เงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบ ๙๙ - นอกจากน้ี ภาครัฐยังส่งเสริม/สนับสนุนให้ กิจการยาง (ยางแห้ง) สินเช่ือผู้ประกอบการ น้ายางพารามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ผลิตผลติ ภัณฑย์ าง เพือ่ ใชภ้ ายในประเทศรวมถึงส่งเสริมใหม้ ีการ ๒. โครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงาน ใช้ยางพาราในหน่วยงานภาครฐั เพิม่ มากข้ึน ภาครัฐ โครงการ ๑ หมบู่ า้ น ๑ กโิ ลเมตร - สาหรับราคาท่ีปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เป็น ๓. โครงการประกันรายได้เกษตรกร ผลจากความกังวลของนักลงทุนท่ีมีต่อความ ชาวสวนยาง ไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง ราคา ยางยงั คงผนั ผวนและปรับตัวในกรอบจากัด - ต้นทนุ การผลติ ยางแผ่นดบิ ๕๖,๐๙๐ บาท/ตนั

ลาดับ สนิ คา้ จานวนเกษตรกร สถานการณ์การผลติ /การตลาด โอกาสจากการเปิดตลาด แผนงาน/มาตรการ ๓ น้าตาลทราย ๔๒๗,๕๘๘ ราย - ไทยเปน็ ประเทศผู้สง่ ออกรายใหญ่อันดับ ๒ - ขยายตลาดน้าตาลทรายไปยังแคนาดา ๑. โครงการสินเชื่อเพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพ ของโลก รองจากบราซลิ และเมก็ ซิโก การผลิตอ้อยอย่างครบวงจร (ระยะที่ ๒) - โดยในปี ๒๕๖๒ ไทยมีผลผลิตน้าตาล ปีงบประมาณ ๒๕๖๒ – ๒๕๖๔ ๑๓.๗๕ ล้านตัน และส่งออกไปยังตลาดโลก ๒. โครงการเงนิ ชว่ ยเหลอื เกษตรกรชาวไร่อ้อย ๙ .๗ ๒ ล้ า น ตั น คิ ด เ ป็ น ส่ ว น แ บ่ ง ก า ร เพ่ือซื้อปจั จยั การผลติ ตลาดโลกรอ้ ยละ ๑๖.๙๕ ๓. โครงการจัดสรรเงินรายได้ของกองทุน - คู่แข่งท่ีสาคัญคือ บราซิล อินเดีย และ อ้อยและน้าตาลทรายให้แก่ชาวไร่อ้อย ออสเตรเลยี ฤดูการผลติ - ต้นทุนการผลติ ออ้ ยโรงงาน ๙๖๒ บาท/ตนั - น้าตาลเป็นสินค้าท่ีมีโควตาภาษีของไทย ๑๐๐ ภายใต้ WTO ๔ กุง้ และ ๒๑,๗๘๖ ฟารม์ - ในปี ๒๕๖๒ ไทยมีปริมาณผลผลิตกุ้ง - แคนาดาเป็นหนึ่งในสมาชิก CPTPP ๑. โครงการเพม่ิ ขีดความสามารถดา้ นการผลิต ผลิตภณั ฑ์ ในประเทศ ๓๗๐,๒๐๑ ตัน โดยมีปริมาณใช้ ทีเ่ ปน็ ตลาดสง่ ออกกุง้ แปรรปู ทส่ี าคญั ของไทย และการตลาดกุ้งทะเลเพ่ือการบริโภค ในประเทศ ๕๕,๐๐๐ ตัน สาหรับผลผลิต - หากเข้าร่วมความตกลง CPTPP ไทยอาจ ภายในประเทศ ปี ๒๕๖๑ ระยะเวลา ส่วนเกินเป็นการส่งออก โดยส่งออกในรูปแบบ ขยายการส่งออกกุ้งแปรรูปไปยังแคนาดาได้ ดาเนินการ ๔ ปี (ปี ๒๕๖๑ – ๒๕๖๔) โดย ของก้งุ แช่เยน็ แชแ่ ข็ง และกุ้งแปรรูป อีกท้ัง ยังอาจสามารถรักษาตลาดกุ้งแช่แข็ง คณะกรรมการบริหารกองทุนรวมเพื่อ - ต้นทุนการผลิตกุ้งขาวแวนนาไม ๑๑๘.๓๘ ในญ่ปี ุน่ ช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) สนับสนุน บาท/กก. งบประมาณ และใหก้ รมประมงดาเนินการ - คู่ค้ากุ้งแช่เย็นแช่แข็งที่สาคัญ ได้แก่ จีน กจิ กรรมโครงการ สหรฐั อเมริกา ญี่ปนุ่ ฮอ่ งกง และไตห้ วนั - คู่ค้ากุ้งแปรรูปท่ีสาคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ สหภาพยุโรป และ แคนาดา

ลาดบั สนิ ค้า จานวนเกษตรกร สถานการณก์ ารผลติ /การตลาด โอกาสจากการเปดิ ตลาด แผนงาน/มาตรการ ๕ เนอื้ ไก่ ๕,๗๕๙ ครวั เรือน - ไทยเป็นประเทศท่ีมีศักยภาพผลิตเนื้อไก่ - รักษาตลาดและขยายการส่งออกเนื้อไก่ - กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทา และ ผลติ ภณั ฑ์ และผลิตภัณฑ์ ปรุงแต่งไปญ่ีปุ่น เน่ืองจากญี่ปุ่นยังไม่เปิด ยุทธศาสตร์ไกเ่ นื้อ เพื่อใช้เปน็ กรอบในการ - ต้นทุนการผลิตไก่เน้ือของไทย ๓๒.๕๓ ตลาดสินค้าไก่ปรุงแต่งภายใต้ FTA ระหว่าง พัฒนาและเพ่ิมขีดความสามารถในการ บาท/กก. ไทยกับญ่ีปุ่น อีกทั้งอาจสามารถขยายตลาด แขง่ ขันกบั ตา่ งประเทศ - ในปี ๒๕๖๒ ไทยผลิตได้ ๒.๑๑ ล้านตัน ส่งออกเน้ือไก่ปรุงแต่งไปยังประเทศแคนาดา โดยไทยส่งออกรวม ๙.๐๒ แสนตนั แบง่ เป็น ไดอ้ ีกด้วย การส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ๓.๑๒ แสนตัน และไก่แปรรปู ๕.๙๐ แสนตนั - คู่ค้าท่ีสาคัญของไทย ได้แก่ ญ่ีปุ่น สหภาพ ยุโรป และอาเซยี น ๑๐๑ ๖ ผลไม้ - ไทยเป็นประเทศท่ีมีศักยภาพการผลิตและ - ขยายการส่งออกผลไม้ของไทย เช่น การส่งออกผลไม้เมืองร้อนหลายชนิด เช่น ลาไย ทุเรียน มังคุด มะม่วง ลองกอง เงาะ สับปะรด ลาไย ทุเรียน มังคุด มะม่วง ลองกอง และส้มโอ ไปยังแคนาดา และเม็กซิโก เงาะ และสม้ โอ รวมท้ังการปรับปรุงมาตรฐานในการผลิต - ประเทศคู่ค้าผลไม้สาคัญ ได้แก่ จีน และ และส่งออก (แต่ประเทศในกลุ่ม CPTPP เวยี ดนาม ไ ม่ ใ ช่ ป ร ะ เ ท ศ ห ลั ก ใ น ก า ร บ ริ โ ภ ค แ ล ะ สง่ ออกผลไมข้ องไทย) - อาจสามารถขยายการส่งออกผลิตภัณฑ์ สับปะรดจากการลดภาษีในประเทศญี่ปุ่น แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเปรู ในสินค้าสับปะรด โดยสับปะรดกระป๋อง ตารางลดภาษีภายใต้ความตกลง CPTPP

ลาดบั สนิ คา้ จานวนเกษตรกร สถานการณก์ ารผลติ /การตลาด โอกาสจากการเปดิ ตลาด แผนงาน/มาตรการ อาจสร้างประโยชน์เพิ่มเติมจากความตกลง ๑๐๒ ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศที่มีตลาด สินค้าอยู่แล้ว เช่น ญี่ปุ่น ที่เดิมได้สทิ ธภ์ิ าษี จากความตกลง AJCEP ๒๕.๕% เหลือ ๑๘.๕% หรือออสเตรเลีย จากภาษีพื้นฐาน MFN ๕% เหลือ ๐% เมื่อความตกลง มผี ลบงั คับใช้ - โอกาสทางการค้าโดยใช้สิทธิ Rules of Origin (RoO) ในอุตสาหกรรมการผลิต ต่อเน่ืองหรือส่งออกเพ่ิมขึ้น โดยมีตลาดใหม่ ที่ไทยจะได้สิทธ์ิทางภาษี ได้แก่ เม็กซิโก และแคนาดา ซ่ึงเป็นประโยชน์ต่อการ ส่ ง อ อ ก ไ ป ยั ง ส ห รั ฐ อ เ ม ริ ก า ผ่ า น สิ ท ธ์ิ Border Trade (USMCA)

ภาคผนวก ง ความเหน็ ตอ่ ข้อกงั วลของเกษตรกรและแนวทางการแก้ไข/ พฒั นาเพอื่ ให้เกษตรกรไทยมีความพร้อมกอ่ นการเข้าร่วม อนสุ ัญญา UPOV 1991

๑๐๔ ภาคผนวก ง ความเห็นต่อข้อกังวลของเกษตรกร และแนวทางการแกไ้ ข/พัฒนา เพื่อใหเ้ กษตรกรไทยมคี วามพร้อมก่อนการเขา้ รว่ มอนุสัญญา UPOV 1991 ขอ้ กังวล ขอ้ เท็จจรงิ แนวทางการแก้ไข/พฒั นา ๑. เกษตรกรยังขาดความพร้อมและความเข้าใจ กรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตร เกี่ยวกับการเข้าร่วมความตกลง CPTPP และการเป็น และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ดาเนินการสร้างการรับรู้ ภาคอี นสุ ญั ญา UPOV 1991 และผลกระทบทีจ่ ะเกิด แกเ่ กษตรกรและผูเ้ กย่ี วข้อง ๒. เกษตรกรรายย่อยอาจถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิ - มาตรา ๑๔ (๒) เก่ียวกับส่ิงที่เก็บเก่ียวได้ รวมถึงพืช ใหใ้ ชป้ ระโยชน์จากมาตรา ๑๕ (๒) โดยให้ระบุข้อความ หากขยายพันธเุ์ อง และต้นทุนการผลิตสูงขนึ้ ท้ังต้น และส่วนของพืช ที่ได้จากการใช้ชิ้นส่วน เพื่อยกเว้นสิทธินักปรับปรุงพันธุ์ เพื่อประโยชน์ต่อ ขยายพันธุ์ของพันธ์ุคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต เกษตรกร ดังตวั อย่าง เชน่ จะตอ้ งขออนญุ าตจากนกั ปรับปรงุ พนั ธุ์ เวียดนาม : “การจากัดสิทธิผู้ทรงสิทธิ การกระทา - มาตรา ๑๕ (๒) (ข้อยกเว้นสิทธินักปรับปรุงพันธุ์ ดังต่อไปน้ีไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิสาหรับพันธ์ุพืช ที่เป็นทางเลือก) ภาคีสมาชิกใดอาจจากัดสิทธิ ท่ีได้รับความคุ้มครอง : การใช้วัสดุเก็บเกี่ยวพันธ์ุพืช นักปรับปรุงพันธุ์ที่มีอยู่ในพันธ์ุใด ๆ ได้ โดยการ ท่ีได้รับความคุ้มครองโดยผู้ผลิตในครัวเรือนเพ่ือการ อนุญาตให้เกษตรกรใช้ผลิตผลท่ีเก็บเกี่ยวได้จากการ ขยายพันธ์ุและการเพาะปลูกในฤดูกาลต่อไปบนพ้ืนท่ี เพาะปลูกพันธ์ุคมุ้ ครอง ในพื้นทข่ี องตนเอง (ทง้ั นี้ ตอ้ งอยู่ ของตนเอง” ภายใต้ขอบเขตที่สมเหตุผลและเป็นการรักษา กลุ่มประเทศ AfricanIntellectual PropertyOrganization : ผลประโยชน์ท่ชี อบดว้ ยกฎหมายของนักปรบั ปรุงพันธุ์) “ข้อยกเว้นสิทธินักปรับปรุงพันธุ์พืช สิทธิของผู้ทรงสิทธิ จะต้องไม่รวมถึง: การใช้ส่ิงเก็บเก่ียวที่ได้มาจากการ เพาะปลูกพันธุ์พืชคุ้มครองเพื่อใช้เป็นส่วนขยายพันธุ์ ในฤดูกาลต่อไปโดยเกษตรกรเอง ซ่ึงข้อยกเว้นน้ี ไมร่ วมถงึ ไมผ้ ล พืชป่าไม้ ไมด้ อกไม้ประดบั ” ๓. เกษตรกรขาดความรู้ในการคัดเลือกพันธ์ุ ในการ - มาตรา ๑๔ (๒) เกี่ยวกับส่ิงท่ีเก็บเก่ียวได้ รวมถึงพืช เพ่ือการส่งเสริมความม่ันคงด้านอาหาร และปรัชญา เก็บเมล็ดพันธุ์หรือขยายพันธุ์เอง ทาให้ผลผลิตต่า ทงั้ ต้น และส่วนของพืช ทไ่ี ด้จากการใชช้ น้ิ สว่ นขยายพันธุ์ เศรษฐกิจพอเพียง รัฐบาลควรมีนโยบายสนับสนุน ไมส่ ามารถแขง่ ขันในตลาดได้ จาเปน็ ต้องซือ้ เมล็ดพนั ธ์ุ ของพนั ธคุ์ ุ้มครอง โดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาต จะต้องขออนุญาต การดาเนนิ งานของภาครฐั และเอกชน ดังนี้ จากนักปรับปรงุ พนั ธ์ุ

ขอ้ กังวล ข้อเท็จจริง แนวทางการแก้ไข/พฒั นา จากบริษัทซง่ึ ไมส่ ามารถขยายพนั ธ์ุเองได้ ต้นทุนการผลิต - ต้ังเป้าหมายสนับสนนุ ให้หน่วยงานท่ีเก่ียวของ ได้แก่ สงู ขึ้น และไม่ยงั่ ยืน กรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตร หรือหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ดาเนินการวิจัย รวบรวม พัฒนา รักษา และกระจายพันธ์ุพืชลูกผสม/พันธ์ุผสม ๑๐๕ เปิดพ้ืนเมืองคุณภาพดีแก่เกษตรกร เป็นการรักษา ความสมดุลระหว่างพันธุ์ลูกผสมที่เป็นการค้า และ พนั ธด์ุ ีท่ีเกษตรกรสามารถปลูกและเก็บพนั ธุ์เองได้ เพื่อ เป็นทางเลอื กแก่เกษตรกร - บูรณาการหน่วยงานเพื่อเช่ือมโยงกระบวนการ ทางานในภารกิจการผลิตพันธ์ุพืชแบบครบวงจร ทั้งระบบ ต้ังแต่กระบวนการวิจัยและปรับปรุงพันธ์ุพืช การคัดเลือกพันธุ์พืช การขยายพันธุ์พืชตามช้ันพันธ์ุ การจาหน่ายพันธ์ุพืชจากภาครัฐโดยตรงสู่เกษตรกร โดยสนับสนุนงบประมาณ และเครื่องมือวัสดุอุปกรณ์ ท่ีทันสมัยพร้อมในการปรับปรุงสภาพพันธุ์พืช การตรวจสอบ คณุ ภาพและมาตรฐานพนั ธุ์พืช บรกิ ารแก่เกษตรกร - ภาครัฐดาเนินการสร้างเครือข่ายการผลิตพันธ์ุพืช ชุมชน โดยให้มีพ้ืนที่การผลิตพันธุ์พืชตามศักยภาพ ท้องถิ่นกระจายให้ครอบคลุมทั้งประเทศ โดยเกษตรกร เป็นผู้ผลิตพันธุ์พืชท่ีรับมาจากภาครัฐ และจาหน่าย คืนกลับให้หน่วยงานภาครัฐเป็นผู้ดาเนินการปรับปรุง สภาพพันธุ์พืช และตรวจสอบคุณภาพมาตรฐาน ก่อนจาหน่ายให้กับเกษตรกรรายย่อยท่ัวไปในราคา ทเ่ี หมาะสม - ภาครัฐจัดหลักสูตรฝึกอบรมถา่ ยทอดความรใู้ นการขยาย และเก็บรกั ษาพันธุ์

ข้อกงั วล ขอ้ เทจ็ จรงิ แนวทางการแกไ้ ข/พฒั นา ๔. เกษตรกรทมี่ ีวถิ เี กบ็ /ขยายพันธ์ุพื้นเมืองเอง เกรงว่า ๑. มาตรา ๕ (๑) ระบุพันธ์ุพืชท่ีจะได้รับสิทธิคุ้มครอง - รัฐบาลตั้งเป้าหมายการขึ้นบัญชีพันธ์ุพืชท้องถ่ิน อาจมีการผสมข้ามกับพันธุ์การค้า ซ่ึงอาจเกิดการ เมื่อ ๑) เป็นพนั ธ์ใุ หม่ ๒) แตกตา่ งจากพนั ธ์อุ ื่น ให้อยู่ในระบบฐานข้อมูลท่ีสามารถตรวจสอบได้ ละเมดิ สิทธโิ ดยไม่ไดต้ ้ังใจ ๓) มีความสมา่ เสมอ ๔) มีความคงตัว อยา่ งชัดเจน เปน็ วาระสาคญั ๒. มาตรา ๑๔ (๕) ระบุพันธุ์ท่ีได้มาจากพันธุกรรม สาคัญของพืชอ่ืน และพันธุ์บางประเภท ข้อกาหนด ในวรรค (๑) ถึง (๔) ใหน้ ามาใช้กบั กรณตี อ่ ไปน้ดี ้วย ๒.๑ พันธุ์ที่ไดจ้ ากพันธุกรรมสาคัญของพนั ธ์ุคุ้มครอง ๒.๒ พันธ์ุท่ีไม่สามารถแยกความแตกต่างจากพันธุ์ คุ้มครองได้อยา่ งชดั เจนตามมาตรา ๑ และ ๒.๓ พันธุ์ท่ีจาเป็นต้องใช้พันธ์ุคุ้มครองในการผลิต ทุกคร้ัง ๓. ฐานข้อมูลด้านพันธ์ุพืชพื้นเมืองของไทย ยังไม่ ๑๐๖ ครอบคลุม เปน็ ระบบ และไมส่ ามารถเข้าถงึ ไดง้ า่ ย ๕. การนาพันธุ์พื้นเมืองไปข้ึนทะเบียน โดยไม่ได้ผ่าน - เกษตรกรท่ีเกีย่ วของ เชน่ ผู้ปลกู สมุนไพร - รัฐบาลตั้งเป้าหมายการข้ึนบัญชีพันธุ์พืชท้องถ่ิน กระบวนการปรับปรุงพันธ์ุ ทาให้เกิดการผูกขาด - มาตรา ๕ (๑) ระบุพันธุ์พืชท่ีจะได้รับสิทธิคุ้มครอง ให้อยู่ในระบบฐานข้อมูลท่ีสามารถตรวจสอบได้ เกษตรกรไมส่ ามารถใชพ้ ันธพุ์ ้นื เมอื งได้ เม่ือ อย่างชัดเจน เป็นวาระสาคัญ เพ่ือคุ้มครองพันธ์ุพืช ๑) เป็นพนั ธ์ใุ หม่ ๒) แตกต่างจากพนั ธุ์อน่ื พน้ื เมืองที่มคี วามหลากหลายทางพนั ธุกรรม ๓) มีความสมา่ เสมอ และ ๔) มีความคงตวั - ฐานข้อมูลด้านพันธุ์พืชพ้ืนเมืองของไทย ยังไม่ ครอบคลุมทุกชนิดพืช และยังไม่เป็นระบบท่ีสามารถ เขา้ ถึงไดง้ ่าย - มาตรา ๒๑ การเป็นโฆษะของสิทธินักปรับปรุงพันธุ์ กรณีท่ีพันธุ์พืชใหม่ที่ได้รับความคุ้มครองไม่มีคุณสมบัติ ความใหม่และความแตกต่าง

ขอ้ กังวล ขอ้ เทจ็ จรงิ แนวทางการแกไ้ ข/พัฒนา ๖. เมล็ดพันธุ์พืชอาจถูกผูกขาดโดย บริษัทยาวนานข้ึน ระบบการขยายพันธุ์พืชของรัฐบาลเพ่ือเกษตรกร เพื่อการส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหาร และหลัก และราคาเมลด็ พันธุจ์ ะสูงข้ึน รายย่อยยังไม่เป็นระบบ และเป็นท่ีพ่ึงของเกษตรกร ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รัฐบาลควรมีนโยบาย รายยอ่ ยไมไ่ ด้ สนับสนนุ การดาเนนิ งานของภาครัฐและเอกชน ดังนี้ - ตง้ั เป้าหมายสนบั สนุนใหห้ น่วยงานทเ่ี กยี่ วของ ไดแ้ ก่ กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร หรือ หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ดาเนินการวจิ ยั รวบรวม พัฒนา รักษา และกระจายพันธุ์พืชลูกผสมเปิดพ้ืนเมือง คณุ ภาพดี แก่เกษตรกร - กรมวิชาการเกษตรและกรมส่งเสริมการเกษตรจัดตั้ง หน่วยงานขยายพันธ์ุพืช (โดยเพาะพืชไร่ และผัก) เพื่อให้เป็นแหล่งพันธ์ุดีแก่เกษตรกรรายย่อยอย่างเป็น ระบบ โดยให้กองวิจัยพัฒนาเมล็ดพันธ์ุพืช กรมวิชาการ ๑๐๗ เกษตร เป็นหน่วยงานหลักในการศึกษาวิจัย ปรับปรุง พันธุ์ และผลิตเมล็ดพันธ์ุช้ันพันธ์ุคัด พันธุ์หลัก และ พันธุ์ขยาย จากนั้นให้กองขยายพันธ์ุพืช กรมส่งเสริม การเกษตร ดาเนินการผลติ เมล็ดพนั ธ์ุช้ันพันธ์ุจาหน่าย แก่เกษตรกร โดยการสร้างเครือข่ายเกษตรกรผู้ผลิต เมล็ดพันธุ์พืชชุมชน (ท้ังน้ี ท้ัง ๒ หน่วยงานขณะนี้ได้ ตงั้ ขึ้นเปน็ หนว่ ยงานภายในแล้ว) ๗. เกษตรกรบางรายสามารถพัฒนาพันธ์ุพืชได้เอง แต่ - ภาครัฐร่วมกับภาคเอกชน สนบั สนุนใหค้ วามรู้ในการ ยังขาดความรู้ท่ีทันสมัย และกระบวนการขอรับการ พัฒนาพนั ธพ์ุ ชื แกเ่ กษตรกรอยา่ งเปน็ ระบบ คมุ้ ครองพนั ธ์พุ ืชใหมย่ ุ่งยาก ทาให้ความสามารถในการ - ภาครัฐปรับปรุงระเบียบและกระบวนการในการขอรับ แขง่ ขนั ของประเทศลดลง การคมุ้ ครองพนั ธุ์ใหม่ให้สะดวกมากขึ้น

ขอ้ กงั วล ข้อเทจ็ จริง แนวทางการแกไ้ ข/พฒั นา ๘. เกษตรกรรายย่อยท่ีปลูกพืชบางชนิดมีการพัฒนา มาตรา ๑๔ (๒) เก่ียวกับส่ิงที่เก็บเก่ียวได้ รวมถึงพืชทั้ง ภาครัฐดาเนินการ หรือส่งเสริมภาคเอกชนการพัฒนา พันธ์ุจากต่างประเทศ และภาครัฐหรือเอกชนไม่ ตน้ และส่วนของพืช ทไ่ี ด้จากการใช้ช้นิ ส่วนขยายพันธ์ุ การจาหน่ายพันธ์ุพืชเฉพาะซ่ึงต้องมีการชาระ สามารถพัฒนาพันธ์ุได้เอง (เช่น ไม้ดอกไม้ประดับ ของพันธ์ุคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต จะต้องขอ คา่ ลิขสทิ ธพ์ิ ันธุ์ และจาหน่ายใหเ้ กษตรกรตอ่ ไป ต่างประเทศ และผักบางชนิด) ปกติเกษตรกรรายย่อย อนญุ าตจากนกั ปรับปรงุ พันธุ์ มักจะขยายพันธุ์ในพ้ืนท่ีตนเอง เกษตรกรจะถูกข้อหา ละเมิดได้ หากจาหน่ายผลผลิตในตลาดในประเทศ หรอื ตา่ งประเทศ ๑๐๘

ภาคผนวก จ สถานการณ์/การปฏบิ ตั /ิ คาดการณ์ผลกระทบของทป่ี รึกษา คณะอนกุ รรมาธกิ ารจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และข้อกงั วลของเกษตรกรท่ผี ลิตพชื ชนิด/กลมุ่ ต่าง ๆ ต่อการเขา้ รว่ มอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองพันธพ์ุ ชื ใหม่ (UPOV 1991)

ภาค สถานการณ/์ การปฏบิ ตั ิ/คาดการณ์ผลกระทบของท่ปี รึก และขอ้ กังวลของเกษตรกรที่ผลิตพชื ชนดิ /กลุ่มต่าง ๆ ต่อการ คาดการ ชนิด/กลมุ่ พืช สถานการณ/์ การปฏิบัติ๑ ทว่ั ไป เกษตรกรยังขาดความรู้และความเข้าใจ เกีย่ วกับการเขา้ รว่ มความตกลง CPTPP และ การเป็นภาคีอนุสัญญา UPOV 1991 และ ผลกระทบท่ีจะเกดิ พืชไร่ ๑. ข้าว - งานด้านการวิจัยพัฒนาปรับปรุงพันธ์ุข้าว - มีโอกาสเก สว่ นใหญด่ าเนินการโดยหน่วยงานของรัฐและ ค่อนข้างน้อย มหาวิทยาลัย มีเอกชนและนักปรับปรุงพันธ์ุ ที่เกษตรกรใช รายย่อยบา้ ง แตจ่ านวนไม่มากนัก เปน็ พันธุข์ องทา - พนั ธก์ุ ารค้าสว่ นใหญเ่ ป็นพนั ธ์ุผสม - ตลาดเมล็ดพนั - พันธ์ุท่ีเกษตรใช้เพาะปลูกส่วนใหญ่เป็นพันธ์ุ ท่ีสูงข้ึน เน่ืองจ การคา้ และพนั ธ์ทุ ีท่ างราชการแนะนา ลงทนุ วจิ ัยพฒั น - เกษตรกรส่วนใหญ่นิยมเก็บเมล็ดพันธ์ุไว้ - เกษตรกรจ ปลูกต่อเองเพื่อลดต้นทุนการผลิต เนื่องจาก พันธุ์ใหม่ที่ได เมล็ดพันธ์ุข้าวคุณภาพดี หากมีการควบคุม ปลูกต่อและเ คุณภาพทุกขั้นตอนในกระบวนการผลิต (grain) ได้ ก็ต จะสามารถนาไปเพาะปลกู ต่อได้ ๑ - ๒ ฤดปู ลูก แ ล ะ ส ห ก ร ณ - ราคาจาหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวของกรมการข้าว กฎหมายอนุญา กาหนดโดยคณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียน พันธ์ุข้าวพันธุ์ให เพือ่ ผลติ และขยายพนั ธ์พุ ชื

๑๑๐ คผนวก จ กษาประจาคณะอนุกรรมการจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รเขา้ ร่วมอนสุ ัญญาว่าด้วยการคุม้ ครองพันธ์ุพืชใหม่ (UPOV 1991) รผลกระทบของทป่ี รึกษาประจาคณะอนกุ รรมการ ข้อกังวลของเกษตรกร จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขาดความพรอ้ ม ผลเสยี ผลดี กิดผลกระทบเชิงลบ - ดึงดูดให้ภาคเอกชน/ - ข้าวพันธ์ุพ้ืนเมืองจะหายไป ย เน่ืองจากพันธ์ุข้าว นั ก ป รั บ ป รุ ง พั น ธุ์ ร า ย ย่ อ ย เน่ืองจากเกษตรกรนิยมปลูก ช้เพาะปลูกส่วนใหญ่ ลงทุนวิจัยพัฒนาพันธ์ุข้าว เกิด พันธุใ์ หม่ างราชการ/มหาวิทยาลัย การแข่งขันด้านการวิจัยพัฒนา - อาจเกิดการผสมข้ามแปลง นธข์ุ ้าวอาจมีการแขง่ ขัน พนั ธขุ์ า้ วมากขึ้น ระหว่ างข้ าวพั นธุ์ ใหม่ ที่ ได้ รั บ จากเอกชนสนใจเข้ามา - มีข้าวพันธุ์ใหม่ออกสู่ตลาดมาก ความคุ้มครองกับข้าวพันธ์ุ นาพันธุ์ ขึ้น พ้ืนเมือง ทาให้เกษตรกร จะเก็บเมล็ดพันธ์ุข้าว - เกษตรกรมีตัวเลือกซื้อพันธุ์ ถูกฟ้องร้องจากเจา้ ของพนั ธ์ุ ด้รับความคุ้มครองไว้ ข้าวมากขน้ึ ในราคาท่เี หมาะสม - ราคาเมล็ดพันธ์ุข้าวจะ ก็บเกี่ยวขายผลผลิต สูงขึ้น ต่อเม่ือกระทรวงเกษตร - วัฒนธรรมการแลกเปล่ียน ณ์ ( ก ษ . ) ต้ อ ง อ อ ก เมล็ดพนั ธุข์ า้ วจะถูกทาลาย าตให้เกษตรกรเกบ็ เมล็ด - ต่างชาตินาพันธุ์ข้าวไปจด หม่ท่ีได้รับความคุ้มครอง ทะเบียน

คาดการ ชนดิ /กล่มุ พชื สถานการณ/์ การปฏิบตั ิ๑ - กรมการข้าวจาหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวผ่าน ไว้ปลูกต่อบน ช่องทางต่าง ๆ ดังน้ี (๑) เกษตรกรผู้จัดทา ตนเอง แปลงขยายพันธุ์ข้าว (๒) หน่วยงานราชการ นอกจากน ผ่ า น โครงการส่งเสริมการเกษตรต่าง ๆ เก็บไว้เพาะปลูก (๓) เกษตรกรทั่วไป (๔) ตัวแทนจาหน่ายเมล็ด ไม่สามารถนาไ พนั ธข์ุ ้าวของกรมการขา้ ว หากกฎหมายไ - ปัญหาเก่ียวกับเมล็ดพันธุ์ข้าว ได้แก่ เมล็ด - ราคาเมล็ดพัน พันธ์ุข้าวคุณภาพดีไม่เพียงพอต่อความต้องการ ความคุ้มครองอ ของเกษตรกร เน่ืองจากการเปลี่ยนแปลงของ พันธุ์ขา้ วทว่ั ไป สถานการณ์ตลาด ทาให้เกษตรกรเปลี่ยนพันธ์ุ ปลูกอย่างรวดเร็ว - การนาพนั ธุข์ ้าวจากต่างประเทศเข้ามาปลูก ในประเทศในปัจจุบันยังไม่สามารถทาได้ เนื่องจากมีกฎหมายควบคุมไม่ให้นาเข้าและ สง่ ออกเมล็ดพนั ธุ์ขา้ ว - เกษตรกรเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกต่อเอง ประมาณร้อยละ ๕๐ ซ้ือเมล็ดพันธุ์เพ่ือใช้ เพาะปลูก ร้อยละ ๕๐ - ปี ๒๕๖๒ มีจานวนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ๔,๖๓๖,๐๖๐ ครัวเรือน คิดเป็นพ้ืนที่ปลูก รวม ๖๖,๕๑๑,๒๐๐ ไร่

รผลกระทบของทีป่ รึกษาประจาคณะอนกุ รรมการ ข้อกังวลของเกษตรกร จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ - เกษตรกรจะถกู ฟ้อง เพราะมี ผลเสยี ผลดี ก า ร ป ลู ก ข้ า ว เ วี ย ด น า ม พื้ น ท่ี เ พ า ะ ป ลู ก ข อ ง อยู่ในพื้นที่ นี้ เมล็ดพนั ธ์ุท่เี กษตรกร กต่อเองดังกล่าว อาจจะ ไปแบง่ ปันเพื่อนบ้านได้ ไม่อนญุ าตใหท้ าได้ นธ์ุข้าวพันธุ์ใหม่ที่ได้รับ อาจมีราคาสูงกว่าเมล็ด ๑๑๑

คาดการ ชนดิ /กลมุ่ พชื สถานการณ์/การปฏิบัติ๑ - โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ คือ ๑,๒๘๖,๗๖๖ ครัวเรือน (๒๙%) มีพื้นที่ปลูก ๕ - ๑๐ ไร่ (ข้อมูล ทบก.) - คา่ เฉล่ียพ้ืนทปี่ ลูกต่อครวั เรือน อยู่ที่ ๑๔ ไร่ ๒. มัน - งานด้านการวิจัยพัฒนาพันธุ์ดาเนินการ - โอกาสเกิดผล สาปะหลัง โดยหน่วยงานรัฐ มหาวิทยาลัย และเอกชน น้อย เนื่องจา อ้อยโรงงาน (ออ้ ย) เพาะปลูกส่วน - พันธุ์ท่ีใช้เพาะปลูกส่วนใหญ่เป็นพันธ์ุของ และพนั ธุข์ องทา ทางราชการ - เกษตรกรจ - เกษตรกรนิยมเก็บทอ่ นพนั ธไุ์ วป้ ลกู ต่อ ของพันธ์ใุ หม่ท - มันสาปะหลัง ร้อยละการเก็บพันธ์ุไว้ปลูก ปลูกต่อและเก ต่อของเกษตรกรรายย่อยและรายใหญ่ เท่ากับ ก็ต่อเมื่อ กษ. ต ๘๐ และ ๗๐ ตามลาดบั ให้เกษตรกรเก - ปี ๒๕๖๒ มีจานวนเกษตรกรผู้ปลูกมัน พันธุ์ใหม่ท่ีได สาปะหลัง ๕๓๗,๙๓๗ ครัวเรือน คิดเป็น ปลกู ตอ่ บนพ้นื พ้นื ทป่ี ลูกรวม ๘,๖๖๖,๕๙๖ ไร่ ท่อนพนั ธ์ุทเี่ กษ - โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ คือ ๑๖๙,๑๑๑ ต่อเองดังกล่า ครวั เรือน (๓๐%) มพี ื้นทป่ี ลูก ๕ - ๑๐ ไร่ นาไปแบ่งปันเพ - ค่าเฉล่ยี พน้ื ทป่ี ลูกต่อครัวเรอื น อยู่ที่ ๑๖ ไร่ ไมอ่ นญุ าตให้ท - อ้อยโรงงาน ร้อยละการเกบ็ พันธ์ุไว้ปลูกต่อ - ราคาท่อนพนั ของเกษตรกรรายย่อยและรายใหญ่ เท่ากับ ความคมุ้ ครองอ ๘๐ และ ๙๐ ตามลาดบั ทวั่ ไป

รผลกระทบของท่ีปรึกษาประจาคณะอนุกรรมการ ขอ้ กงั วลของเกษตรกร จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผลเสยี ผลดี ลกระทบเชิงลบค่อนข้าง - ดงึ ดดู ใหภ้ าคเอกชน/ ๑๑๒ ากพันธุ์ที่เกษตรกรใช้ นักปรบั ปรงุ พันธร์ุ ายย่อย นใหญ่เป็นพันธ์ุดั้งเดิม ลงทุนวิจัยพัฒนาพนั ธม์ุ ากขึน้ างราชการ/มหาวทิ ยาลยั - มีพันธุ์ที่มีคุณภาพเพ่ิมขึ้น ะเก็บส่วนขยายพันธุ์ (ทนทานต่อโรคและแมลง/ ที่ไดร้ ับความคุ้มครองไว้ ผลผลิตต่อไร่สงู ขึน้ ) ก็บเก่ียวผลผลิตขายได้ - เกษตรกรมีทางเลือกในการเลือกใช้ ต้องออกกฎหมายอนุญาต พันธต์ุ ่าง ๆ มากข้ึน ก็บส่วนขยายพันธุ์ของ ด้รับความคุ้มครองไว้ นท่ีเพาะปลูกของตนเอง ษตรกรเกบ็ ไว้เพาะปลูก าว อาจจะไม่สามารถ พ่ือนบ้านได้ หากกฎหมาย ทาได้ นธข์ุ องพันธ์ุใหมท่ ่ีได้รับ อาจมรี าคาสูงกว่าพันธ์ุ

คาดการ ชนิด/กลมุ่ พชื สถานการณ์/การปฏิบตั ิ๑ - ปี ๒๕๖๒ มีจานวนเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย โรงงาน ๔๒๗,๕๘๘ ราย คิดเป็นพ้ืนที่ปลูก รวม ๑๑,๙๕๗,๒๐๑ ไร่ - โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ คือ ๘๘,๙๖๘ ครัวเรือน (๒๙%) มีพื้นที่ปลูก ๕ - ๑๐ ไร่ (ข้อมลู ทบก.) - คา่ เฉล่ียพ้นื ทีป่ ลูกต่อราย อยูท่ ่ี ๒๘ ไร่ ๓. ข้าวโพด - งานด้านการวิจัยพัฒนาพันธ์ุดาเนินการ - ตลาดเมล็ดพ เล้ยี งสตั ว์ โดย ภาคเอกชน (พันธุ์ลูกผสม) มหาวิทยาลัย/ การแข่งขันท่ีส หนว่ ยงานรฐั (พนั ธ์ผุ สมเปดิ /พันธ์ุลูกผสม) - เกษตรกรจะเ - พันธ์ุการค้าส่วนใหญ่เป็นพันธ์ุลูกผสม พันธุ์ใหม่ท่ีได้ร (F1/Hybrid) ต่ อ แ ล ะ เ ก็ บ เ ก - เกษตรกรนยิ มปลูกพันธุ์การค้า ซ่ึงเป็นส่วนใหญ่ ต่อเม่ือ กษ. ต้อ เป็นพันธ์ุลูกผสม เกษตรกรจึงไม่นิยมเก็บ ให้เกษตรกรเก เมล็ดพันธ์ุไว้ปลูกต่อ เพราะผลผลิตที่ได้จะ พันธ์ุใหม่ที่ได ลดลงมาก ปลกู ต่อบนพ้ืน - พันธ์ุของหน่วยงานรัฐ/มหาวิทยาลัย มีท้ัง นอกจากน พนั ธ์ุผสมเปิด (OP) และพันธุ์ลูกผสม เกษตรกร เก็บไวเ้ พาะปลกู จะเก็บเมลด็ พนั ธุเ์ ฉพาะทเ่ี ปน็ พันธผ์ุ สมเปิด ไม่สามารถนาไ - เกษตรกรไม่นิยมเก็บเมล็ดพันธ์ุไว้ปลูกต่อ หากกฎหมายไ ร้อยละ ๑๐๐ ของเกษตรกรทั้งรายย่อยและ รายใหญ่ ซือ้ เมล็ดพันธุ์เพื่อใช้เพาะปลูก

รผลกระทบของท่ปี รึกษาประจาคณะอนกุ รรมการ ขอ้ กังวลของเกษตรกร จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผลเสีย ผลดี พันธ์ุขา้ วโพดเล้ียงสัตว์มี - จะมีเมล็ดพันธุ์ท่ีมีคุณภาพ - ปัญหาการผสมข้ามแปลง สูงขึน้ เพิ่มขึ้น (ทนทานต่อโรคและ ระหว่างพันธุ์ใหม่ที่ได้รับความ ๑๑๓ เก็บเมล็ดพันธข์ุ ้าวโพด แมลง/ผลผลติ ต่อไรส่ งู ขึ้น) คมุ้ ครองกับพันธ์ุพื้นเมือง ทาให้ รับความคุ้มครองไว้ปลูก - มีการแข่งขันวิจัยพัฒนาใน เกษตรกรถูกฟ้องร้องจาก ก่ียวขายผลผลิตได้ก็ ตลาดเมล็ดพันธ์ุมากยิ่งข้ึน ลดการ เจ้าของพันธุ์ องออกกฎหมายอนุญาต ผูกขาดที่เกษตรกรต้องซ้ือเมล็ด - พันธ์ุพ้ืนเมืองจะหายไป ก็บเมล็ดพันธ์ุข้าวโพด พันธ์เุ ฉพาะของบรษิ ัทรายใหญ่ เนื่องจากเกษตรกรนยิ มปลูก ด้รับความคุ้มครองไว้ - ลดปัญหาการขโมยพันธ์ุ และ พันธ์ุใหม่ นทเี่ พาะปลูกของตนเอง ปญั หาเมล็ดพันธ์ุปลอม - จะมีการบุกรุกถางป่าเผาป่า น้ี เมลด็ พนั ธ์ุที่เกษตรกร - เกษตรกรจะมีตัวเลือกเมล็ด เพอ่ื ปลกู ขา้ วโพดมากขึ้น กต่อเองดังกล่าว อาจจะ พนั ธใ์ุ หม่ ๆ ให้เลอื กซ้อื ในราคา - ราคาเมล็ดพันธจ์ุ ะสงู ขึ้น ไปแบ่งปันเพื่อนบา้ นได้ ท่เี หมาะสม ไมอ่ นุญาตใหท้ าได้ - มีโอกาสที่พันธุ์ใหม่ ๆ จาก ต่างประเทศจะเข้ามาขายใน ประเทศไทย

คาดการ ชนิด/กลุ่มพชื สถานการณ/์ การปฏิบัติ๑ - ปี ๒๕๖๒ มีจานวนเกษตรกรผปู้ ลกู ข้าวโพด - ราคาเมล็ดพ เล้ียงสัตว์ ๔๒๕,๒๘๑ ครัวเรือน คิดเปน็ พ้นื ที่ ได้รับความคุ้ม ปลูกรวม ๖,๕๓๓,๙๗๑ ไร่ กว่าเมลด็ พันธ์ทุ - โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ คือ ๑๐๑,๗๖๑ ครัวเรือน (๒๖%) มีพื้นท่ีปลูก ๕ - ๑๐ ไร่ (ข้อมลู ทบก.) - ค่าเฉลีย่ พน้ื ทีป่ ลูกต่อครวั เรือน อย่ทู ่ี ๑๕ ไร่ ๔. ถ่ัวเขียว - งานด้านการวิจัยพัฒนาพันธ์ุดาเนินการโดย - มีโอกาสเกิด ถั่วเหลอื ง ถวั่ ลสิ ง หนว่ ยงานรฐั และมหาวทิ ยาลยั เน่ืองจากพันธ์ุท - พันธ์ุที่ใช้เพาะปลูกส่วนใหญ่เป็นพันธุ์แท้ ส่วนใหญ่เป็นพ เกษตรกรจึงเก็บเมล็ดพันธุไ์ ว้ปลูกต่อได้โดยที่ มหาวทิ ยาลยั ผลผลิตลดลงหรือเปลี่ยนแปลงไมม่ ากนัก - เกษตรกรจะ - ปัญหาของการเกบ็ เมลด็ พันธ์ุพชื กล่มุ ถ่ัว คือ ได้รับความคุ้ม อายกุ ารเกบ็ จะสั้น เน่ืองจากเป็นพชื นา้ มัน เก็บเกี่ยวผลผ - ภาคเอกชนไม่สนใจลงทุนด้านการวิจัย กษ. ต้องออก พัฒนาพันธ์ุ เกษตรกรเก็บ - รอ้ ยละการเก็บเมล็ดพันธ์ุถ่ัวท้ังสามไว้ปลูกต่อ ความคุ้มครอ ของเกษตรกรรายย่อยและรายใหญ่ เท่ากับ ๒๐ เพาะปลกู ของต และ ๑๐ ตามลาดบั เ ม ล็ ด พั น ถัว่ เขยี ว เพาะปลูกต่อเ - ปี ๒๕๖๒ มีจานวนเกษตรกรผู้ปลูก สามารถนาไป ๓๓,๖๖๓ ครัวเรือน คิดเป็นพื้นท่ีปลูกรวม ๘๐๓,๕๒๒ ไร่ หากกฎหมายไ

รผลกระทบของทปี่ รึกษาประจาคณะอนกุ รรมการ ขอ้ กังวลของเกษตรกร จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผลเสยี ผลดี พันธุ์ข้าวโพดพันธ์ุใหม่ท่ี มครองอาจมีราคาสูง ท่วั ไป ผลกระทบเชิงลบน้อย - ดงึ ดูดใหภ้ าคเอกชน/ ๑๑๔ ที่เกษตรกรใช้เพาะปลูก นักปรบั ปรงุ พันธ์ุรายย่อย พันธ์ุของทางราชการ/ ลงทนุ วจิ ัยพฒั นาพนั ธ์มุ ากข้ึน - มี เ ม ล็ ด พั น ธ์ุ ท่ี มี คุ ณ ภ า พ ะเก็บเมล็ดพันธ์ุใหม่ท่ี เพ่ิมข้ึน (ทนทานต่อโรคและ มครองไว้ปลูกต่อและ แมลง/ผลผลิตต่อไรส่ งู ขึน้ ) ผลิตขายได้ ก็ต่อเมื่อ - เกษตรกรมที างเลือกในการเลือกใช้ กกฎหมายอนุญาตให้ พันธตุ์ ่าง ๆ มากข้ึน เมล็ดพันธุ์ใหม่ที่ได้รับ องไว้ปลูกต่อบนพ้ืนท่ี ตนเอง น ธ์ุ ท่ี เ ก ษ ต ร ก ร เ ก็ บ ไ ว้ องดังกล่าว อาจจะไม่ ปแบ่งปันเพื่อนบ้านได้ ไมอ่ นญุ าตใหท้ าได้

คาดการ ชนิด/กลุ่มพชื สถานการณ/์ การปฏบิ ตั ิ๑ - โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ คือ ๙,๐๙๑ ครัวเรือน (๒๗%) มพี ืน้ ทปี่ ลกู ๕ - ๑๐ ไร่ - ค่าเฉลยี่ พ้ืนท่ีปลูกตอ่ ครวั เรือน อย่ทู ่ี ๒๓ ไร่ ถ่ัวเหลือง - ปี ๒๕๖๒ มีจานวนเกษตรกรผู้ปลูก ๒๗,๒๕๗ครัวเรือน คิดเป็นพ้ืนที่ปลูกรวม ๑๔๗,๓๖๖ ไร่ - โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ คือ ๕,๙๓๙ ครัวเรือน (๕๓%) มีพ้ืนท่ีปลูก น้อยหรือ เท่ากบั ๕ ไร่ (ข้อมลู ทบก.) - ค่าเฉลยี่ พ้นื ที่ปลูกตอ่ ครวั เรือน อยทู่ ่ี ๕ ไร่ ถว่ั ลสิ ง - ปี ๒๕๖๒ มีจานวนเกษตรกรผู้ปลูก ๑๐,๔๓๔ ครัวเรือน คิดเป็นพ้ืนท่ีปลูกรวม ๙๓,๒๘๕ ไร่ - โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ คือ ๘,๙๘๒ ครัวเรือน (๘๖%) มีพื้นท่ีปลูก น้อยหรือ เทา่ กบั ๕ ไร่ (ขอ้ มูล ทบก.) - คา่ เฉลย่ี พ้นื ท่ปี ลกู ต่อครัวเรือน อย่ทู ่ี ๙ ไร่ ๕. สับปะรด - เกษตรกรส่วนใหญ่ใช้หน่อพันธ์ุท่ีมีอยู่เดิม - โอกาสเกิดผล โรงงาน ในพ้ืนที่ และหน่อพนั ธุ์จากหน่วยงานราชการ น้อย เนื่องจา กรณีที่เป็นพันธ์ุใหม่ เช่น สับปะรดฉีกตา เพาะปลูกส่วน พันธเ์ุ พชรบุรี ๑ และพันธุเ์ พชรบุรี ๒ และพันธขุ์ องทา

รผลกระทบของทปี่ รึกษาประจาคณะอนกุ รรมการ ขอ้ กังวลของเกษตรกร จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผลเสีย ผลดี ๑๑๕ ลกระทบทางลบค่อนข้าง - ดงึ ดูดใหภ้ าคเอกชน/ ากพันธ์ุที่เกษตรกรใช้ นั ก ป รั บ ป รุ ง พั น ธ์ุ ร า ย ย่ อ ย นใหญ่เป็นพันธุ์ด้ังเดิม ลงทุนวจิ ัยพฒั นาพันธุม์ ากขึ้น างราชการ/มหาวทิ ยาลัย - มีพนั ธท์ุ ม่ี คี ุณภาพเพ่ิมข้นึ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook