Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

(4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว

Published by agenda.ebook, 2021-01-22 06:50:05

Description: (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 4 ครั้งที่ 29 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566

Search

Read the Text Version

๖ (ร่างรายงานฯ ข้อมลู ณ วันท่ี ๘ ก.พ. 65) มาตรา ๑๕ กรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิตามมาตรา 13 (4) มีวาระการดารงตาแหนง่ คราวละส่ีปี เมอื่ ครบกาหนดตามวาระในวรรคหนึง่ หากยงั มิไดม้ ีการแต่งตง้ั กรรมการ ผู้ทรงคุณวฒุ ิขึ้นใหม่ ให้กรรมการผทู้ รงคุณวุฒิซ่ึงพน้ จากตาแหนง่ ตามวาระน้นั อยู่ในตาแหน่ง เพอื่ ปฏิบตั ิหน้าทีต่ ่อไปจนกว่ากรรมการผู้ทรงคณุ วฒุ ิซงึ่ ไดร้ ับแตง่ ต้ังใหมเ่ ขา้ รบั หน้าท่ี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซงึ่ พ้นจากตาแหน่งตามวาระอาจได้รับแตง่ ตง้ั อกี ได้ แตจ่ ะดารงตาแหน่งตดิ ต่อกันเกนิ สองวาระไม่ได้ มาตรา ๑๖ นอกจากการพน้ จากตาแหนง่ ตามวาระ กรรมการผู้ทรงคณุ วุฒิ ตามมาตรา 13 (4) พน้ จากตาแหนง่ เมอื่ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) คณะรัฐมนตรใี ห้ออก เพราะบกพร่องหรือไมส่ จุ รติ ต่อหน้าท่ี มีความประพฤตเิ ส่ือมเสีย หรอื หย่อนความสามารถ (๔) ขาดคุณสมบตั หิ รือมีลกั ษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๔ มาตรา ๑๗ ในกรณีท่ีกรรมการผูท้ รงคณุ วุฒิตามมาตรา 13 (4) พ้นจากตาแหนง่ กอ่ นวาระ ให้แตง่ ต้งั กรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิแทนตาแหน่งท่ีว่างภายในหกหนึ่งร้อยย่ีสิบวนั เว้นแต่ วาระของกรรมการผ้ทู รงคณุ วฒุ ิเหลอื ไมถ่ ึงเก้าหนงึ่ รอ้ ยแปดสบิ วนั จะไมแ่ ต่งตง้ั กรรมการ ผูท้ รงคณุ วฒุ ิแทนก็ได้ และให้ผู้ได้รับแตง่ ตั้งแทนตาแหน่งท่ีว่างนน้ั อยใู่ นตาแหน่งเท่ากับวาระ ทเี่ หลอื อยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวฒุ ิซึง่ ได้แตง่ ตัง้ ไวแ้ ล้ว ในกรณที ี่กรรมการผูท้ รงคุณวุฒิตามมาตรา 13 (4) พ้นจากตาแหน่งก่อนวาระ ให้คณะกรรมการประกอบดว้ ยกรรมการทัง้ หมดท่ีมอี ยจู่ นกวา่ จะมกี ารแต่งต้งั กรรมการผู้ทรงคุณวฒุ ิ ตามวรรคหนงึ่ มาตรา ๑๘ คณะกรรมการมีหน้าท่ีและอานาจ ดังต่อไปนี้ (๑) เสนอความเห็นตอ่ คณะรัฐมนตรีหรือหน่วยงานของรฐั ให้มีการปรับปรงุ กฎหมาย กฎ ระเบียบ หรอื มาตรการอื่นทจี่ าเปน็ ตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ (๒) กาหนดนโยบาย แผนงาน และมาตรการเพ่ือป้องกันและปราบปรามการทรมาน การกระทาหรอื การลงโทษทโ่ี หดรา้ ย ไร้มนุษยธรรม หรือทย่ี ่ายีศักด์ิศรีความเปน็ มนุษย์ และการกระทา ให้บุคคลสูญหาย (๓) กาหนดนโยบายและมาตรการฟ้นื ฟูและเยียวยาดา้ นรา่ งกายและจิตใจแกผ่ ู้ได้รับ ความเสยี หายอย่างครอบคลมุ โดยคานงึ ถงึ การทาให้กลับสู่สภาพเดิมเท่าทจ่ี ะเป็นไปได้

๗ (ร่างรายงานฯ ขอ้ มูล ณ วนั ท่ี ๘ ก.พ. 65) (๔) กาหนดหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการช่วยเหลอื และเยยี วยาผู้ได้รบั ความเสียหาย ด้านการเงินและจิตใจ รวมถงึ การฟืน้ ฟรู ะยะยาวทางการแพทยใ์ ห้แก่ผู้ได้รับความเสียหาย โดยได้รับความเหน็ ชอบจากกระทรวงการคลงั (๕) กาหนดมาตรการเพอื่ ป้องกนั มิให้การกระทาความผดิ ซา้ มแี ละการปกปิด การควบคุมตัวบุคคล รวมทั้งมาตรการคุม้ ครองผู้แจ้งข้อมูลการกระทาความผิดตามพระราชบัญญัตนิ ้ี (5/1) ตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงเกย่ี วกับการทรมาน การกระทาทีโ่ หดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ายศี ักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ หรือการกระทาใหบ้ ุคคลสญู หายตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี รวมทั้งรับและติดตามตรวจสอบข้อร้องเรียน (5/2) ตรวจสถานทท่ี ่ีเกยี่ วข้องกับการควบคุมตวั หรือเข้าไปในสถานที่ดังกล่าว โดยพลันเม่ือมีเหตุอันควรเช่ือได้ว่ามีการกระทาความผิดตามพระราชบัญญตั นิ ้ี ท้ังน้ี ในกรณีที่ สถานทที่ จ่ี ะเขา้ ไปมิได้อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐและผู้ครอบครองไมย่ ินยอม ใหเ้ ข้าไปได้เม่ือมีหมายของศาล (5/3) พิจารณารายงานสถานการณ์เกย่ี วกับการทรมาน การกระทาทโี่ หดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ายีศักดิ์ศรีความเป็นมนษุ ย์ และการกระทาให้บุคคลสูญหาย และรายงานผล การดาเนินการประจาปี เสนอตอ่ คณะรฐั มนตรี เพ่ือเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวฒุ สิ ภา และเผยแพร่ ใหป้ ระชาชนทราบเป็นการทว่ั ไป (๖) แต่งต้ังท่ปี รึกษาหรืออนุกรรมการเพ่ือปฏิบตั งิ านตามที่คณะกรรมการมอบหมาย (๗) วางระเบียบหรือประกาศเกี่ยวกับค่าใช้จา่ ยในการปฏบิ ัตหิ น้าที่ รวมทั้งค่าใชจ้ า่ ยอืน่ โดยได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลงั (๘) วางระเบยี บอื่นเพื่อปฏิบตั ิการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี มาตรา ๑๙ การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชมุ ไมน่ ้อยกวา่ กึง่ หนึง่ ของจานวนกรรมการทงั้ หมดจึงจะเปน็ องคป์ ระชมุ ในการประชุมคณะกรรมการ ถา้ ประธานกรรมการไมม่ าประชมุ หรือไม่อาจปฏิบัติ หน้าท่ไี ด้ ให้รองประธานกรรมการเปน็ ประธานในทป่ี ระชุม ถา้ รองประธานกรรมการไม่มาประชุม หรอื ไม่อาจปฏิบัติหนา้ ท่ีได้ ให้ท่ีประชุมเลอื กกรรมการคนหนงึ่ เปน็ ประธานในท่ีประชมุ การวนิ จิ ฉัยชีข้ าดของทีป่ ระชุมให้ถือเสยี งข้างมาก กรรมการคนหนึ่งใหม้ ีเสียงหน่งึ ในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสยี งเทา่ กัน ใหป้ ระธานในที่ประชุมออกเสยี งเพิม่ ข้ึนอีกเสียงหนง่ึ เปน็ เสียงชข้ี าด มาตรา ๒๐ ให้กรมคุ้มครองสิทธแิ ละเสรีภาพรับผดิ ชอบงานธรุ การของคณะกรรมการ และให้มหี นา้ ทแ่ี ละอานาจ ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ประสานงานและรว่ มมือกับสว่ นราชการ หนว่ ยงานของรัฐ และภาคเอกชน ทเี่ ก่ียวข้อง ในการสืบหา ตดิ ตาม และช่วยเหลอื ผู้ไดร้ บั ความเสียหาย

๘ (รา่ งรายงานฯ ข้อมูล ณ วนั ที่ ๘ ก.พ. 65) (๒) สนับสนนุ ใหส้ ว่ นราชการ หนว่ ยงานของรฐั และภาคเอกชนที่เก่ียวข้อง มีสว่ นรว่ ม ในการป้องกันและปราบปรามการทรมาน การกระทาหรอื การลงโทษท่ีโหดร้าย ไร้มนษุ ยธรรม หรอื ทยี่ ่ายีศักด์ศิ รีความเปน็ มนษุ ย์ และการกระทาให้บุคคลสูญหาย (๓) ศึกษา วจิ ยั และเผยแพร่ความรู้เกย่ี วกบั การทรมาน การกระทาหรอื การลงโทษ ท่ีโหดรา้ ย ไร้มนษุ ยธรรม หรือทย่ี า่ ยศี กั ดิ์ศรคี วามเปน็ มนษุ ย์ และการกระทาใหบ้ คุ คลสญู หาย รวมท้ัง ใหค้ วามรูแ้ ละฝึกอบรมแก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ (๔) รวบรวมข้อมลู สถิติคดี และจัดทารายงานสถานการณเ์ กยี่ วกบั การทรมาน การกระทาทโี่ หดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ายีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการกระทาใหบ้ ุคคลสูญหาย และรายงานผลการดาเนนิ งานประจาปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรี พรอ้ มท้ังแนวทางการป้องกันและ ปราบปรามการทรมานและการกระทาใหบ้ ุคคลสูญหายการกระทาความผดิ ตามพระราชบัญญัติน้ี เพ่ือเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณา (๕) ปฏิบัตกิ ารอน่ื ตามท่ีคณะกรรมการหรือคณะอนกุ รรมการมอบหมาย หมวด ๓ การปอ้ งกนั การทรมานและการกระทาให้บคุ คลสูญหาย มาตรา 20/1 ในการควบคมุ ตัว เจา้ หนา้ ทีข่ องรัฐผ้รู บั ผดิ ชอบต้องบนั ทกึ ภาพ และเสยี งอย่างต่อเนอ่ื งในขณะจับและควบคมุ จนกระทั่งสง่ ตัวให้พนกั งานสอบสวนหรือปลอ่ ยตัวบุคคล ดังกลา่ วไป เวน้ แตม่ เี หตสุ ดุ วสิ ยั ทไี่ มส่ ามารถกระทาได้ก็ใหบ้ ันทึกเหตุนัน้ เปน็ หลกั ฐานไวใ้ นบนั ทกึ การควบคุมตวั การควบคมุ ตวั ตามวรรคหนึ่ง ให้เจา้ หน้าท่ีของรฐั ผู้รับผดิ ชอบแจง้ พนักงานอัยการ และนายอาเภอในท้องทที่ ม่ี ีการควบคุมตัวโดยทันที สาหรับในกรุงเทพมหานครให้แจ้งพนกั งานอัยการ และผู้อานวยการสานักการสอบสวนและนติ ิการ กรมการปกครอง หากผู้รับแจง้ เห็นว่ามเี หตุอนั ควร สงสยั วา่ จะมกี ารทรมาน การกระทาทโี่ หดรา้ ย ไร้มนุษยธรรม หรือยา่ ยีศักด์ศิ รีความเปน็ มนษุ ย์ หรือการกระทาให้บุคคลสูญหาย ใหผ้ รู้ ับแจง้ ดาเนินการตามมาตรา 24 ตอ่ ไป มาตรา ๒๑ ในการควบคมุ ผถู้ กู จากัดเสรภี าพตามกฎหมายตวั เจา้ หน้าท่ีของรฐั ผู้มหี น้าทใ่ี นการควบคุมผถู้ กู จากดั เสรภี าพรับผดิ ชอบต้องบนั ทกึ ข้อมลู เก่ียวกับผ้ถู กู จากัดเสรภี าพ ควบคมุ ตัวโดยอย่างน้อยต้องมรี ายละเอยี ด ดงั ต่อไปน้ี (๑) ขอ้ มลู อัตลกั ษณ์เก่ียวกบั ผู้ถูกจากดั เสรีภาพควบคมุ ตัว เช่น ช่ือ นามสกุล หรือตาหนิรูปพรรณ (๒) วนั เวลา และสถานท่ีของการถูกจากัดเสรีภาพควบคุมตัว และข้อมูลเกี่ยวกับ เจ้าหนา้ ท่ขี องรฐั ผู้ทาการจากัดเสรีภาพควบคุมตวั ในกรณีท่มี กี ารยา้ ยสถานท่ดี ังกลา่ ว จะตอ้ งระบุถงึ สถานที่ปลายทางที่รับตัวผู้ถกู จากัดเสรีภาพควบคมุ ตัว รวมทัง้ เจ้าหน้าทขี่ องรัฐผู้รับผิดชอบการยา้ ย ท่จี ากัดเสรภี าพน้นั

๙ (ร่างรายงานฯ ขอ้ มลู ณ วนั ท่ี ๘ ก.พ. 65) (๓) คาสงั่ ทใ่ี ห้มีการจากดั เสรีภาพควบคุมตวั และเหตุแหง่ การออกคาสงั่ น้นั (๔) เจา้ หน้าทข่ี องรัฐผู้ออกคาสั่งให้จากัดเสรีภาพควบคมุ ตัว (๕) วนั เวลา และสถานท่ขี องการปลอ่ ยตวั ผ้ถู ูกจากดั เสรีภาพควบคมุ ตวั และผมู้ ารับตัวผู้ถกู จากัดเสรีภาพควบคมุ ตัว (๖) ข้อมลู เกย่ี วกับสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ถกู จากัดเสรีภาพควบคุมตัว กอ่ นถูกจากัดเสรีภาพควบคุมตัว และกอ่ นการปล่อยตัว ในกรณที ีผ่ ูถ้ ูกจากัดเสรีภาพควบคุมตัว ถึงแก่ความตายระหว่างการควบคุมตวั จะตอ้ งระบุถงึ สาเหตแุ ห่งการตายและสถานทีเ่ กบ็ ศพ (7) ข้อมูลอ่ืน ๆ ท่ีคณะกรรมการกาหนดเพ่อื ป้องกันการทรมาน การกระทา ทโ่ี หดรา้ ย ไรม้ นษุ ยธรรม หรอื ยา่ ยีศักด์ิศรคี วามเปน็ มนุษย์ หรือการกระทาใหบ้ คุ คลสูญหาย มาตรา ๒๒ เพ่ือประโยชน์ของผถู้ ูกควบคุมตวั ผู้มีสว่ นได้เสียโดยชอบดว้ ยกฎหมาย ในการเข้าถึงข้อมลู ของผู้ถกู จากัดเสรีภาพควบคุมตวั เชน่ ญาติ ผู้แทนหรือทนายความ หรือคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือเจ้าหนา้ ทีซ่ ่ึงได้รบั มอบหมายจากคณะกรรมการ มสี ทิ ธิร้องขอ ต่อเจา้ หนา้ ท่ีของรัฐผู้ทาการจากดั เสรีภาพรบั ผิดชอบบุคคลใหเ้ ปิดเผยข้อมลู เกยี่ วกับผู้ถูกจากดั เสรีภาพควบคมุ ตัวตามมาตรา ๒๑ หากเจา้ หน้าทีข่ องรัฐปฏเิ สธที่จะเปิดเผยข้อมูลเก่ียวกบั ผู้ถกู จากัดเสรภี าพควบคุมตัว ผรู้ ้องขอมีสิทธิย่ืนคาร้องต่อศาลท่ตี นเองมภี มู ลิ าเนา ศาลอาญาหรอื ศาลจงั หวดั แห่งท้องทท่ี ่ีเช่ือวา่ มกี ารทรมาน การกระทาทโี่ หดรา้ ย ไร้มนษุ ยธรรม หรือย่ายีศกั ดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรอื พบเห็น ผ้ถู ูกกระทาให้สูญหายคร้งั สุดท้าย แล้วแตก่ รณี เพ่ือให้ศาลสงั่ เปดิ เผยข้อมูลดังกลา่ วได้ ศาลมอี านาจสง่ั ให้เจา้ หนา้ ท่ีของรัฐตามวรรคหนงึ่ เปดิ เผยข้อมลู เกี่ยวกบั ผถู้ ูกจากดั เสรีภาพควบคุมตวั ตามมาตรา ๒๑ ใหแ้ ก่ผรู้ อ้ งขอได้ ในกรณที ่ีศาลมีคาสง่ั ไมเ่ ปดิ เผยขอ้ มลู ผูร้ อ้ งขออาจอทุ ธรณ์ไปยงั ศาลอทุ ธรณ์ คาสงั่ ศาลอุทธรณใ์ หเ้ ป็นท่สี ุด มาตรา ๒๓ เจา้ หน้าทข่ี องรฐั ผู้ทาการจากดั เสรีภาพบคุ คลรบั ผิดชอบหรือ ศาลอาจไม่เปิดเผยข้อมลู เกี่ยวกบั ผูถ้ ูกจากัดเสรีภาพควบคุมตวั ตามมาตรา ๒๑ หากผนู้ นั้ อยภู่ ายใต้ การคมุ้ ครองของกฎหมายโดยเป็นผู้อยู่ในอานาจศาล และการเปิดเผยดังกล่าวอาจละเมิดต่อ ความเป็นส่วนตัวหรอื ก่อให้เกิดผลร้ายต่อบุคคล หรือเปน็ อุปสรรคตอ่ การสืบสวนสอบสวนคดีอาญา มาตรา ๒๔ เมอื่ มีการอ้างวา่ บุคคลใดถูกกระทาทรมาน ถูกกระทาการท่ีโหดร้าย ไร้มนษุ ยธรรม หรอื ย่ายศี ักด์ศิ รีความเป็นมนษุ ย์ หรือถูกกระทาให้สูญหาย บคุ คลดังตอ่ ไปนีม้ ีสิทธิยื่น คาร้องต่อศาลทอ้ งท่ที ี่มีอานาจพิจารณาคดอี าญาเพื่อให้มคี าสั่งระงบั ยุติการกระทาเช่นนั้นทนั ที (๑) ผู้ได้รับความเสยี หายหรือผมู้ สี ่วนได้เสียตามมาตรา ๒๒ (๒) พนกั งานอัยการ (2/1) ผู้อานวยการสานกั การสอบสวนและนิตกิ าร กรมการปกครอง หรือนายอาเภอตามมาตรา 20/1 หรือพนกั งานฝา่ ยปกครองซ่งึ ได้รบั มอบหมายจากผู้อานวยการ สานักการสอบสวนและนิตกิ าร กรมการปกครอง หรือนายอาเภอ

๑๐ (รา่ งรายงานฯ ข้อมลู ณ วนั ท่ี ๘ ก.พ. 65) (๓) พนกั งานสอบสวนหรอื พนักงานสอบสวนคดีพเิ ศษ (๔) คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือเจ้าหนา้ ที่ซงึ่ ไดร้ ับมอบหมาย จากคณะกรรมการ (๕) บุคคลอืน่ ใดเพื่อประโยชน์ของผู้ได้รับความเสียหาย เมื่อไดร้ ับคาร้องตามวรรคหนึง่ ใหศ้ าลไต่สวนฝา่ ยเดียวโดยพลัน โดยให้ศาลมีอานาจ เรยี กเจ้าหน้าทีข่ องรัฐหรอื บุคคลใดมาให้ถอ้ ยคาหรือใหส้ ง่ เอกสารหรอื วตั ถุอ่ืนใดประกอบการไต่สวน หรอื ส่งั ให้เจา้ หน้าที่ของรฐั นาตัวผู้ไดร้ ับความเสยี หายถกู ควบคมุ ตัวมาศาลด้วยก็ได้ มาตรา ๒๕ เพ่ือประโยชน์ในการระงับยตุ ิการทรมานกระทาท่อี ้างตามมาตรา 24 และเยยี วยาความเสยี หายเบ้ืองตน้ ศาลตามมาตรา ๒๔อาจมีคาส่งั ดงั ต่อไปนี้ (๑) ให้ระงับยุติการทรมาน หรอื การกระทาที่โหดรา้ ย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ายศี ักด์ิศรี ความเป็นมนษุ ย์ (๒) ให้เปล่ียนสถานท่ีควบคมุ หรือคุมขังตวั (๓) ให้ผถู้ กู กระทาทรมานควบคมุ ตัวได้พบญาติ ทนายความ หรอื บุคคลอน่ื ซ่งึ ไว้วางใจเป็นการส่วนตัว (๔) ให้มีการรักษาพยาบาล และการประเมินโดยแพทยท์ างนิติเวชศาสตร์ และแพทยท์ างจิตเวชศาสตรท์ ่ีรบั รองโดยแพทยสภา รวมท้ังให้มีการจดั ทาบนั ทึกทางการแพทย์ รวมท้ังตลอดจนการฟนื้ ฟูรา่ งกายและจติ ใจ (๕) ใหเ้ ปิดเผยเอกสารบนั ทึกหรือข้อมลู อืน่ ใด (๖) กาหนดมาตรการอ่ืนใดที่เหมาะสมเพื่อประโยชนใ์ นการระงบั ยตุ ิการทรมาน การกระทาทโ่ี หดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ายีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือการกระทาใหบ้ ุคคลสูญหาย หรอื เยยี วยาความเสยี หายเบ้ืองต้นให้แก่ผู้ได้รบั ความเสียหาย กรณีที่ศาลพจิ ารณาแลว้ เห็นว่าไม่มีเหตุจาเป็นในการควบคุมตัวตอ่ ไป ให้ศาลสง่ั ปล่อยตัว ผถู้ กู ควบคุมตวั ไปทันที คาส่งั ศาลตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นทีส่ ดุ มาตรา 25/1 ในกรณที ผ่ี ูถ้ ูกควบคุมตวั ถงึ แก่ความตาย ให้เจ้าหนา้ ท่ีของรัฐ ผู้รับผิดชอบแจ้งคณะกรรมการทราบเพื่อใหม้ ีสว่ นรว่ มในการติดตามตรวจสอบข้อมลู และข้อเท็จจรงิ เก่ยี วกับการทรมานในระหวา่ งควบคุมตวั โดยพลัน มาตรา 25/2 ในกรณีทีป่ รากฏตอ่ ศาลว่าพยานหลักฐานใดเป็นพยานหลักฐาน ทไี่ ด้มาโดยอาศัยขอ้ มูลท่ีเกิดข้ึนหรอื ไดม้ าเนอ่ื งจากการทรมาน การกระทาทีโ่ หดร้าย ไร้มนษุ ยธรรม หรือยา่ ยีศักดศิ์ รคี วามเป็นมนุษย์ หรอื การกระทาใหบ้ ุคคลสูญหาย หา้ มมใิ หศ้ าลรับฟังพยานหลกั ฐานน้นั เว้นแตเ่ ปน็ การรับฟังพยานหลักฐานเพื่อดาเนินคดกี ับผู้กระทาความผิดตามพระราชบัญญตั ิน้ี

๑๑ (ร่างรายงานฯ ข้อมูล ณ วนั ที่ ๘ ก.พ. 65) มาตรา 25/3 ผู้ใดพบเหน็ หรอื ทราบการทรมาน การกระทาท่โี หดร้าย ไรม้ นษุ ยธรรม หรอื ย่ายีศักดิ์ศรีความเป็นมนษุ ย์ หรือการกระทาใหบ้ ุคคลสญู หาย ให้แจง้ พนักงาน ฝ่ายปกครอง พนักงานอยั การ พนกั งานสอบสวน คณะกรรมการ หรือคณะอนุกรรมการท่ีได้รบั มอบหมายโดยไม่ชักชา้ ผ้แู จง้ ตามวรรคหนง่ึ ถ้าได้กระทาโดยสจุ ริตไม่ต้องรับผิดท้งั ทางแพ่ง ทางอาญา หรอื ทางวนิ ยั แม้ภายหลงั ปรากฏว่าไมม่ ีการกระทาความผดิ ตามทแ่ี จง้ หมวด ๔ การดาเนนิ คดี มาตรา ๒๕/๔ ความผิดตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี ถ้ามไิ ด้ฟอ้ งและได้ตวั ผ้กู ระทาความผิด มายงั ศาลภายในกาหนดเวลาดงั ตอ่ ไปนี้ นบั แตว่ ันกระทาความผดิ เป็นอันขาดอายุความ (๑) สสี่ ิบปี สาหรับความผดิ ตามมาตรา ๕ และมาตรา ๖ (๒) สิบปี สาหรบั ความผดิ ตามมาตรา ๕/๑ อายุความสาหรับความผิดตามมาตรา ๖ มิให้เร่ิมนบั จนกว่าจะทราบชะตากรรม ของผูถ้ ูกกระทาใหส้ ูญหาย มาตรา ๒๖ ให้คดคี วามผดิ ตามพระราชบัญญตั นิ ้ีเป็นคดีพิเศษตามกฎหมาย ว่าดว้ ยการสอบสวนคดพี ิเศษในกรงุ เทพมหานครและจังหวดั อน่ื นอกจากพนักงานสอบสวน ตามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญาแลว้ ให้พนักงานฝา่ ยปกครองช้ันผู้ใหญ่ พนกั งานฝ่ายปกครองตาแหน่งตั้งแตป่ ลัดอาเภอหรือเทียบเทา่ ข้ึนไปในสังกดั กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พนักงานสอบสวนคดพี ิเศษ และพนักงานอัยการ เป็นพนักงานสอบสวน มอี านาจสอบสวนและรบั ผดิ ชอบตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา และดาเนินคดี ความผิดตามพระราชบญั ญัตินี้และความผิดอนื่ ท่ีเก่ยี วพนั กัน ในกรณที ่ีพนักงานสอบสวนคดีพิเศษทาการสอบสวนคดีความผิด ตามพระราชบัญญตั ิน้ีคดีใด ใหค้ ดนี นั้ เป็นคดีพิเศษตามกฎหมายวา่ ด้วยการสอบสวนคดีพเิ ศษ ในกรณที เ่ี จา้ หนา้ ที่ของรัฐในสังกัดกรมสอบสวนคดีพิเศษเปน็ ผู้ถูกกลา่ วหาว่า กระทาความผิดตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ ใหพ้ นกั งานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา ความอาญาเป็นผู้มอี านาจสืบสวนสอบสวนกรณีการสอบสวนโดยหน่วยงานอื่นทไ่ี ม่ใช่ พนักงานอยั การ ใหพ้ นักงานสอบสวนผรู้ ับผดิ ชอบแจง้ เหตุแหง่ คดีให้พนักงานอัยการทราบ เพื่อเขา้ ตรวจสอบหรือกากบั การสอบสวนทันที ในกรณที ี่เจ้าหน้าท่ีของรัฐในสงั กัดกรมสอบสวนคดพี เิ ศษและพนกั งานสอบสวน ตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญาเป็นผถู้ ูกกลา่ วหาว่ากระทาความผิดตาม พระราชบญั ญัตินี้ ให้อัยการสูงสดุ เปน็ พนักงานสอบสวนผรู้ บั ผิดชอบหรอื จะมอบหมายหน้าท่ีนน้ั ให้พนกั งานอัยการเป็นผู้รับผดิ ชอบทาการสอบสวนแทนกไ็ ด้ โดยให้มีหน้าทีแ่ ละอานาจใน

๑๒ (ร่างรายงานฯ ข้อมลู ณ วนั ท่ี ๘ ก.พ. 65) การสอบสวนเช่นเดยี วกับพนกั งานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา รวมทง้ั หน้าที่และอานาจประการอื่นที่กฎหมายบญั ญตั ิไวใ้ ห้เป็นหน้าทแี่ ละอานาจของพนักงานอัยการ และในกรณีทีอ่ ัยการสูงสุดมอบหมายใหพ้ นักงานอยั การคนใดเป็นพนกั งานสอบสวนผูร้ บั ผดิ ชอบ เม่ือพนักงานอยั การผรู้ ับผดิ ชอบในการสอบสวนเห็นว่าการสอบสวนเสร็จแล้ว ให้ทาความเห็น ตามมาตรา ๑๔๐ มาตรา ๑๔๑ หรอื มาตรา ๑๔๒ แหง่ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา ส่งพร้อมสานวนไปยังอัยการสงู สุดในกรณีไม่แนว่ า่ พนักงานสอบสวนท้องทใ่ี ดหรอื หนว่ ยงานใด เปน็ พนักงานสอบสวนผู้รบั ผิดชอบ ใหอ้ ยั การสูงสดุ หรือผู้ทาการแทนเป็นผชู้ ขี้ าด ใหน้ าความในหมวด ๓ การสืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษ ตามกฎหมายวา่ ด้วย การสอบสวนคดพี ิเศษมาใช้บงั คับแกก่ ารสบื สวนสอบสวนตามวรรคสองและวรรคสามด้วย โดยอนุโลมในกรณีท่ผี ู้กระทาความผิดตามพระราชบัญญตั ิน้ีเป็นเจ้าพนักงานของรัฐตามกฎหมาย ประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ และอยู่ในหนา้ ท่ีและอานาจของ คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ ให้พนกั งานสอบสวนผรู้ บั ผิดชอบดาเนินคดีต่อไป ตามพระราชบัญญตั นิ ้ี และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติทราบ มาตรา 26/1 ในกรณีที่พนักงานอัยการมคี าส่งั ไม่ฟ้อง ใหส้ ง่ สานวนการสอบสวน พร้อมกับคาส่ังให้อยั การสูงสุดเพ่ือช้ีขาดโดยเรว็ มาตรา 26/2 ให้หน่วยงานที่มีอานาจสืบสวนสอบสวนในคดีความผดิ ตามพระราชบัญญตั นิ ้ีรายงานให้ผเู้ สยี หายทราบถึงผลความคืบหน้าของคดีอย่างต่อเนื่อง และให้คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรอื เจา้ หนา้ ทซี่ ง่ึ ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ มหี นา้ ทแ่ี ละอานาจตดิ ตามผลความคืบหน้าของคดีและดาเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพ และความปลอดภัย ชดเชย เยียวยา และฟ้ืนฟูความเสยี หายทางร่างกายและจิตใจ ใหค้ าปรึกษาแนะนา ดา้ นกฎหมาย และสนบั สนุนชว่ ยเหลือด้านการดาเนินคดี โดยการมีส่วนรว่ มจากผู้เสียหาย มาตรา 26/3 เพ่อื ประโยชน์ในการช่วยเหลอื ผเู้ สียหาย ให้พนกั งานสอบสวน หรอื พนักงานอัยการแจง้ ใหผ้ ู้เสียหายทราบในโอกาสแรกถึงสิทธทิ ่จี ะเรียกคา่ สนิ ไหมทดแทน อันเนอ่ื งมาจากการกระทาความผิดตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี และสิทธทิ ี่จะได้รบั ความช่วยเหลอื ทางกฎหมาย ในกรณที ี่ผู้เสียหายมีสิทธแิ ละประสงคท์ ี่จะเรียกค่าสนิ ไหมทดแทนดังกล่าวในวรรคหน่ึง ให้พนักงานอัยการเรียกค่าสินไหมทดแทนแทนผเู้ สียหายด้วย มาตรา ๒๗ ให้ศาลอาญาคดีทจุ ริตและประพฤติมชิ อบเป็นศาลที่มีเขตอานาจ เหนอื คดีความผิดตามพระราชบญั ญตั ินี้ และให้รวมถึงคดซี ึ่งผู้กระทาความผิดตามพระราชบัญญัตนิ ี้ เปน็ บุคคลซง่ึ อยใู่ นอานาจศาลทหารในขณะกระทาความผิดด้วย

๑๓ (รา่ งรายงานฯ ข้อมลู ณ วนั ท่ี ๘ ก.พ. 65) หมวด ๕ บทกาหนดโทษ มาตรา ๒๘ ผู้กระทาความผิดฐานกระทาทรมานตามมาตรา ๕ ตอ้ งระวางโทษ จาคกุ ตั้งแตห่ ้าปถี งึ สบิ หา้ ปี และปรับตั้งแต่หนง่ึ แสนบาทถึงสามแสนบาท ถา้ การกระทาความผดิ ตามวรรคหน่ึงเป็นเหตุให้ผ้ถู ูกกระทารบั อันตรายสาหสั ผู้กระทาต้องระวางโทษจาคุกตง้ั แตส่ บิ ปีถึงยส่ี บิ ห้าปี และปรับต้งั แตส่ องแสนบาทถึงห้าแสนบาท ถ้าการกระทาความผดิ ตามวรรคหน่ึงเป็นเหตุใหผ้ ูถ้ ูกกระทาถงึ แก่ความตาย ผู้กระทาต้องระวางโทษจาคุกต้ังแต่สบิ ห้าปีถึงสามสบิ ปี หรือจาคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ สามแสนบาทถึงหนึ่งลา้ นบาท มาตรา ๒8/1 ผู้กระทาความผดิ ฐานกระทาการท่โี หดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรอื ย่ายีศักดิ์ศรีความเปน็ มนุษย์ตามมาตรา ๕/1 ต้องระวางโทษจาคุกไมเ่ กนิ สามปี หรือปรบั ไมเ่ กิน หกหมื่นบาท หรือทั้งจาท้ังปรบั มาตรา ๒๙ ผู้กระทาความผิดฐานกระทาให้บุคคลสูญหายตามมาตรา ๖ ต้องระวางโทษจาคุกต้งั แตห่ ้าปีถงึ สิบหา้ ปี และปรบั ตั้งแตห่ นง่ึ แสนบาทถึงสามแสนบาท ถ้าการกระทาความผดิ ตามวรรคหนง่ึ เป็นเหตุให้ผถู้ ูกกระทารับอนั ตรายสาหัส ผู้กระทาต้องระวางโทษจาคุกตงั้ แต่สบิ ปถี ึงย่สี บิ หา้ ปี และปรับตง้ั แต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท ถ้าการกระทาความผิดตามวรรคหน่ึงเป็นเหตใุ หผ้ ้ถู ูกกระทาถึงแก่ความตาย ผกู้ ระทาต้องระวางโทษจาคกุ ต้งั แตส่ บิ หา้ ปถี งึ สามสิบปี หรือจาคุกตลอดชีวิต และปรบั ต้ังแต่ สามแสนบาทถึงหน่งึ ลา้ นบาท มาตรา ๓๐ ถ้าการกระทาความผิดตามมาตรา ๒๘ หรือมาตรา 28/1 เปน็ การกระทา แก่บคุ คลอายุไมเ่ กนิ สิบแปดปี หญงิ มีครรภ์ ผพู้ ิการทางรา่ งกายหรือจิตใจ หรือผู้ซงึ่ พึ่งตนเองมิได้ เพราะอายหุ รือความปว่ ยเจบ็ ผ้กู ระทาต้องระวางโทษหนักกวา่ ที่บัญญัติไวใ้ นมาตรานน้ั กึ่งหน่ึง ถา้ การกระทาความผิดตามมาตรา ๒๙ เป็นการกระทาแก่บุคคลตามวรรคหน่งึ ผู้กระทาต้องระวางโทษหนักกว่าท่ีบัญญัติไวใ้ นมาตรานัน้ ก่ึงหนึ่ง มาตรา ๓๑ ผูใ้ ดสมคบเพ่ือกระทาความผิดตามมาตรา ๒๘ มาตรา 28/1 มาตรา ๒๙ หรือมาตรา ๓๐ ต้องระวางโทษหน่งึ ในสามของโทษท่ีกาหนดไวส้ าหรับความผดิ นนั้ ถา้ ได้มีการกระทาความผดิ เพราะเหตทุ ่ีไดม้ ีการสมคบกนั ตามวรรคหน่ึง ผสู้ มคบกันน้นั ต้องระวางโทษตามทก่ี าหนดไว้สาหรบั ความผิดนน้ั ในกรณที ่ีความผิดไดก้ ระทาถึงขน้ั ลงมือกระทาความผิด แต่เน่อื งจากการเข้าขดั ขวาง ของผสู้ มคบทาให้การกระทานั้นกระทาไปไม่ตลอดหรือกระทาไปตลอดแลว้ แต่การกระทานั้นไมบ่ รรลุผล ศาลจะลงโทษผูส้ มคบที่กระทาการขดั ขวางนัน้ คงรับโทษตามที่กาหนดไวใ้ นวรรคหน่งึ เทา่ นั้น นอ้ ยกวา่ ที่กฎหมายกาหนดเพียงใดก็ได้

๑๔ (รา่ งรายงานฯ ข้อมูล ณ วันท่ี 3 ก.พ. 65) มาตรา ๓๒ ผู้สนบั สนนุ ในการกระทาความผดิ ตามมาตรา ๒๘ มาตรา 28/1 มาตรา ๒๙ หรอื มาตรา ๓๐ ตอ้ งระวางโทษเชน่ เดยี วกบั ตัวการในความผดิ นัน้ มาตรา ๓๓ ถ้าผกู้ ระทาความผิดตามมาตรา ๒๙ มาตรา ๓๐ วรรคสอง มาตรา ๓๑ หรือมาตรา ๓๒ ชว่ ยให้มกี ารค้นพบผูถ้ ูกกระทาให้สญู หายก่อนศาลช้นั ต้นพิพากษา โดยผู้นั้นมไิ ด้รับ อันตรายสาหัสหรือตกอยู่ในภาวะอนั ใกล้จะเป็นอันตรายต่อชีวิต หรือให้ข้อมูลที่สาคัญและเปน็ ประโยชน์ ในการดาเนนิ คดี ให้ศาลจะลงโทษผู้กระทาความผิดน้อยกว่าท่ีกฎหมายกาหนดไว้แต่ไม่นอ้ ยกว่า กึง่ หน่งึ เพยี งใดก็ได้ มาตรา ๓๔ ผบู้ ังคบั บัญชาผู้ใดทราบวา่ ผู้ใตบ้ ังคับบญั ชาซง่ึ อยู่ภายใต้การบังคบั บัญชา ของตนจะกระทาหรือไดก้ ระทาความผดิ ตามมาตรา ๒๘ มาตรา 28/1 มาตรา ๒๙ หรอื มาตรา ๓๐ และไม่ดาเนนิ การท่จี าเปน็ และเหมาะสม เพ่ือป้องกนั หรือระงับการกระทาความผดิ หรือไม่ดาเนนิ การ หรอื ส่งเรือ่ งใหด้ าเนนิ การสอบสวนและดาเนินคดตี ามกฎหมาย ต้องระวางโทษกึง่ หน่ึงของโทษท่ี กาหนดไว้สาหรบั ความผิดน้นั ผู้บงั คับบญั ชาตามวรรคหนง่ึ จะตอ้ งเป็นผ้ซู ่งึ มีหน้าทีร่ บั ผดิ ชอบและมอี านาจควบคมุ การกระทาซงึ่ เกีย่ วข้องกบั ความผดิ ฐานกระทาทรมาน ความผดิ ฐานกระทาการที่โหดรา้ ย ไร้มนุษยธรรม หรอื ย่ายศี ักดิศ์ รีความเปน็ มนษุ ย์ หรือความผิดฐานกระทาใหบ้ คุ คลสญู หาย บทเฉพาะกาล มาตรา 34/1 ใหน้ าความในมาตรา 9 มาใชบ้ งั คบั แกก่ ารกระทาให้บคุ คลสูญหาย กอ่ นวันท่ีพระราชบัญญตั นิ ้ีใช้บงั คับโดยอนโุ ลม ......................................... .........................................





รายงาน ของ คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั พจิ ารณา รา่ งพระราชบญั ญัติมาตรการปอ้ งกัน การกระทา้ ความผิดซา้ ในความผดิ เกีย่ วกบั เพศ หรอื ทใ่ี ช้ความรุนแรง พ.ศ. .... สภาผ้แู ทนราษฎร สา้ นักกรรมาธกิ าร ๒ ส้านักงานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร





รายงานคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ -------------------------- ตามท่ีท่ีประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี ๒๕ ปีท่ี ๓ ครั้งที่ ๒๕ (สมัยสามัญประจาปี คร้ังที่สอง) วันพุธที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๕ และคร้ังที่ ๒๗ (สมัยสามัญประจาปีคร้ังท่ีสอง) วันพุธที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ได้พิจารณาและลงมติรับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทา ความผิดซ้าในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. .... (คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ) และร่าง พระราชบัญญัติป้องกันการกระทาความผิดซ้าของผู้กระทาความผิดอุกฉกรรจ์ที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. .... (นางสาวพัชรินทร์ ซาศิริพงษ์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) และตั้งกรรมาธิการวิสามัญข้ึนคณะหน่ึงเพ่ือพิจารณา กาหนดการแปรญัตติภายใน ๗ วัน โดยให้ถือเอาร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรีเป็นหลัก ในการพิจารณา น้ัน บดั น้ี คณะกรรมาธิการวิสามัญไดด้ าเนนิ การแลว้ ปรากฏผลดงั น้ี ๑. คณะกรรมาธิการวสิ ามญั ไดม้ มี ตเิ ลอื กตั้ง (๑) นายสมศักดิ์ เทพสทุ นิ เป็นประธานคณะกรรมาธกิ าร (๒) นางมุกดา พงษ์สมบตั ิ เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการ คนทีห่ น่ึง (๓) พันตารวจโท ฐนภทั ร กิตติวงศา เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการ คนทส่ี อง (๔) นางสาวแนน บณุ ย์ธิดา สมชัย เปน็ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนทสี่ าม (๕) นายณฐั วฒุ ิ บวั ประทุม เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการ คนท่สี ่ี (๖) นายอนรุ ักษ์ จุรมี าศ เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการ คนทีห่ า้ (๗) นายชยั วัฒน์ รา่ งเล็ก เปน็ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนท่ีหก (๘) นางสมหญงิ บวั บุตร เปน็ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนท่เี จ็ด (๙) นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ เป็นโฆษกคณะกรรมาธกิ าร (๑๐) นางสาวสณุ ฐั ชา โลส่ ถาพรพิพิธ เป็นโฆษกคณะกรรมาธิการ (๑๑) นายธญั วัจน์ กมลวงศว์ ัฒน์ เป็นโฆษกคณะกรรมาธิการ (๑๒) นายสขุ ุมพงศ์ โง่นคา เป็นโฆษกคณะกรรมาธิการ (๑๓) นางสาวพัชรนิ ทร์ ซาศิริพงษ์ เป็นเลขานกุ ารคณะกรรมาธกิ าร (๑๔) ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ พนั ตารวจเอกหญิง ศิพร โกวทิ เป็นผู้ชว่ ยเลขานุการคณะกรรมาธกิ าร ๒. คณะกรรมาธิการวสิ ามญั ได้มีมติต้ังทีป่ รึกษาประจาคณะกรรมาธิการ ดังน้ี (๑) พลตารวจตรี บรรพต มงุ่ ขอบกลาง (๒) พันตารวจโท มนตรี บณุ ยโยธนิ (๓) นางสาวภัสรนิ รามวงศ์ (๔) นางสาวณัฐธภ์ สั ส์ ยงใจยทุ ธ (๕) นางขตั ติยา รตั นดิลก (๖) นางสาวนันทรัศม์ิ เทพดลไชย (๗) นายนฤบดนิ ทรา ศรีศิวารา

(๒) ๓. คณะกรรมาธิการวสิ ามญั ได้มมี ติตง้ั นางสาวรจนี ขยนั งาน นติ ิกรชานาญการพิเศษ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการทหาร สานักกรรมาธิการ ๒ สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้ช่วยเลขานุการประจาคณะกรรมาธิการ ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ้ ๙๓ วรรคสี่ ๔. ผู้เข้าร่วมประชุม คือ ผู้ชว่ ยปลดั กระทรวงยตุ ธิ รรม ๔.๑ กระทรวงยตุ ิธรรม เจ้าหน้าท่วี ิจัย สานกั งานกจิ การยตุ ธิ รรม (๑) นางสาวดวงดาว เกียรติพิศาลสกลุ นติ ิกรชานาญการพิเศษ (๒) นายรัชภูมิ พลเพชร นติ ิกร (๓) นางสาวสดุ าพร สกลุ ดี นักวชิ าการยตุ ธิ รรม (๔) นางสาวยศปนา เนาวสันต์ นกั จดั การงานทัว่ ไปชานาญการ (๕) ว่าท่ีร้อยตรีหญงิ นที แววจะโปะ (๖) นางสาวน้าฝน เกตสุ ิงห์สร้อย ๔.๒ สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ผู้อานวยการฝ่ายกฎหมาย (๑) นายวรกร โอภาสนนั ท์ กระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง นักกฎหมายกฤษฎีกาชานาญการพเิ ศษ (๒) นายสรุ ีเยนทร์ ศรีสังข์ นกั กฎหมายกฤษฎกี าชานาญการพเิ ศษ (๓) นางสาวกาญจนา คงวนั ดี ๔.๓ กรมคมุ ประพฤติ พนักงานคุมประพฤติชานาญการพิเศษ (๑) นายพฐี ิพันธน์ ณฐั วัตรจินดา พนักงานคมุ ประพฤตปิ ฏิบตั กิ าร (๒) นายกฤษฎา กนกกุลชัย ๕. ผู้ซึง่ คณะกรรมาธกิ ารวิสามญั ไดเ้ ชิญมาชแ้ี จงแสดงความคิดเหน็ คือ ๕.๑ สานักงานศาลยตุ ธิ รรม นางสาวเพชรรตั น์ สพรั่งผล ผู้พิพากษาศาลชั้นตน้ ประจาสานกั ประธานศาลฎีกา ๕.๒ สานักงานอยั การสงู สุด อัยการประจาสานักงานอัยการสูงสุด นายกุญชฐ์ าน์ ทัดทนู ๕.๓ กรมราชทัณฑ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ (๑) นายณรงค์ จยุ้ เส่ย ผู้อานวยการกองกฎหมาย (๒) นายสญั ญา เต่าหมิ นกั วิชาการอบรมและฝึกวิชาชีพชานาญการพเิ ศษ (๓) นางงามใจ ทวีชนม์ นกั วชิ าการอบรมและฝึกวิชาชพี ชานาญการ (๔) นายไพศาล จนั ทรส์ ขุ รักษาการนกั ทัณฑวทิ ยาชานาญการพิเศษ

(๓) (๕) นายนิติรัฐ จันทรต์ รี หวั หนา้ ฝ่ายส่งเสรมิ การจาแนกลักษณะผูต้ ้องขัง (๖) นางสาวภาสุรีย์ ดวงประทีป นติ กิ รชานาญการ (๗) นายภวิสร์ ทวงี าม นักทัณฑวิทยาชานาญการ (๘) นางสาวนุชนาถ แซต่ ั้ง นักสังคมสงเคราะหป์ ฏบิ ัติการ ๖. ร่างพระราชบญั ญตั ิฉบับนี้ มผี เู้ สนอคาแปรญตั ติ จานวน ๑ คน คอื พลตารวจตรี สพุ ศิ าล ภักดนี ฤนาถ ๗. ผลการดาเนินการตามมาตรา ๗๗ ของรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย คณะกรรมาธิการวิสามัญได้นาผลการรับฟังความคิดเห็นและการวิเคราะห์ผลกระทบ ที่อาจเกิดขึ้นจากร่างพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทาความผิดซ้าในความผิดเก่ียวกับเพศ หรือท่ีใช้ความรุนแรง พ.ศ. .... ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ส่งให้สภาผู้แทนราษฎร ตามหนังสือ ที่ นร ๐๕๐๓/ ๓๙๐๓๐ ลงวนั ท่ี ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๔ เรือ่ ง รา่ งพระราชบญั ญตั มิ าตรการปอ้ งกันการกระทาความผิดซ้า ในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือทีใ่ ช้ความรุนแรง พ.ศ. .... มาใช้ประกอบการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ วสิ ามัญครบถ้วนตามบทบญั ญตั ิรฐั ธรรมนูญแล้ว ๘. ผลการพิจารณา ช่อื ร่างพระราชบัญญัติ ไมม่ ีการแก้ไข คาปรารภ มกี ารแก้ไข พลตารวจตรี สพุ ศิ าล ภกั ดีนฤนาถ ขอแปรญัตติแกไ้ ขเพ่ิมเติมความในคาปรารภ เป็นดังนี้ “โดยท่เี ปน็ การสมควรมกี ฎหมายว่าด้วยมาตรการป้องกนั การกระทาความผิดซ้า ในความผิดเกย่ี วกับเพศหรือที่ใชค้ วามรุนแรง พระราชบญั ญตั ินี้มบี ทบัญญัตบิ างประการเกี่ยวกบั การจากัดสิทธิและเสรภี าพ ของบคุ คล ซงึ่ มาตรา ๒๖ ประกอบกบั มาตรา ๒๘ มาตรา ๒๙ มาตรา ๓๒ และมาตรา ๓๘ ของรฐั ธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย บญั ญัติให้กระทาไดโ้ ดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัตแิ ห่งกฎหมาย เหตุผลและความจาเปน็ ในการจากัดสทิ ธิและเสรภี าพของบุคคลตามพระราชบัญญตั ินี้ เพ่อื ใชเ้ ป็นบทบญั ญัติในการป้องกนั และเฝา้ ระวังการก่ออาชญากรรม สร้างความปลอดภยั ใหส้ ังคม แกไ้ ขปญั หาและลดอตั ราการกระทาความผิดซา้ ซึ่งการตราพระราชบัญญัติน้ีสอดคล้องกับเงอื่ นไข ทบี่ ัญญตั ิไว้ในมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว” คณะกรรมาธิการได้ชี้แจงแล้ว ผแู้ ปรญตั ติพอใจ

(๔) มาตรา ๑ ไม่มีการแก้ไข มาตรา ๒ มีการแก้ไข มาตรา ๓ ไมม่ กี ารแก้ไข มกี รรมาธิการขอสงวนความเห็น นายณฐั วุฒิ บวั ประทมุ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพ่ิมเติม ความในมาตรา ๓ เป็นดังน้ี “มาตรา ๓ พระราชบญั ญตั นิ ใี้ ห้ใช้บังคบั แก่การกระทาความผดิ ตามที่บญั ญัติ ไวใ้ นมาตรา ๒๗๖ มาตรา ๒๗๗ มาตรา ๒๗๘ มาตรา ๒๗๙ มาตรา ๒๘๐ มาตรา ๒๘๓ ทวิ มาตรา ๒๘๔ มาตรา ๒๘๘ มาตรา ๒๘๙ มาตรา ๒๙๐ มาตรา ๒๙๕ มาตรา ๒๙๗ มาตรา ๒๙๘ มาตรา ๓๑๒ และมาตรา ๓๑๓ แหง่ ประมวลกฎหมายอาญา ในกรณีศาลมีคาพิพากษาวา่ จาเลยมีความผิดตามมาตราหน่ึงมาตราใด ตามท่รี ะบุไวใ้ นวรรคหนึง่ แม้ศาลจะพิพากษาใหล้ งโทษในความผดิ อื่นที่ไมไ่ ด้ระบุไว้ ในวรรคหน่งึ กต็ าม กใ็ ห้นาพระราชบญั ญตั นิ ี้ไปใชบ้ งั คบั ด้วย” มาตรา ๔ ไม่มีการแกไ้ ข มาตรา ๕ ไม่มีการแกไ้ ข มผี แู้ ปรญตั ติขอสงวนคาแปรญตั ติ พลตารวจตรี สุพศิ าล ภักดีนฤนาถ ขอแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา ๕ เปน็ ดงั นี้ “มาตรา ๕ ในพระราชบัญญัตนิ ้ี “คุมขงั ” หมายความวา่ การควบคมุ นกั โทษเดด็ ขาดภายหลังพ้นโทษ หรือผู้ถูกเฝ้าระวังไว้ในเขตกาหนดเพื่อป้องกันการกระทาความผิดซ้า แต่มิให้ใช้วิธีควบคุมหรือขัง เช่น นักโทษหรือจาเลย หรือผ้ทู อี่ ยใู่ นอานาจควบคุมหรือขงั ในช้ันสอบสวนโดยเดด็ ขาด “ศาล” หมายความวา่ ศาลยุตธิ รรมทีม่ ีอานาจพิจารณาพพิ ากษาคดีอาญา “คณะกรรมการ” หมายความวา่ คณะกรรมการป้องกนั การกระทาความผิดซา้ “อธบิ ดี” หมายความวา่ อธบิ ดกี รมคุมประพฤติ “รฐั มนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผรู้ กั ษาการตามพระราชบัญญตั ินี้” คณะกรรมาธิการไม่เห็นดว้ ย ผ้แู ปรญัตตขิ อสงวน มาตรา ๖ ไม่มีการแก้ไข มาตรา ๗ ไม่มีการแกไ้ ข หมวด ๑ คณะกรรมการป้องกันการกระทาความผดิ ซา้ ไม่มกี ารแกไ้ ข

(๕) มาตรา ๘ ไม่มกี ารแก้ไข มีกรรมาธิการขอสงวนความเห็น และผูแ้ ปรญัตติขอสงวนคาแปรญตั ติ นายณฐั วฒุ ิ บวั ประทุม (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพมิ่ เติม ความในมาตรา ๘ เป็นดงั นี้ “มาตรา ๘ ใหม้ คี ณะกรรมการคณะหน่ึงเรียกวา่ “คณะกรรมการปอ้ งกัน การกระทาความผิดซ้า” ประกอบดว้ ย รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงยุตธิ รรม เปน็ ประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงยตุ ธิ รรม เปน็ รองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธบิ ดีกรมการปกครอง อธบิ ดกี รมการแพทย์ อธบิ ดีกรมราชทณั ฑ์ อธิบดีกรมสขุ ภาพจิต ผู้บัญชาการตารวจแห่งชาติ เลขาธกิ ารสานักงานศาลยตุ ธิ รรม อัยการสูงสดุ และกรรมการผู้ทรงคุณวฒุ ิจานวนไมเ่ กนิ ห้าคน ซ่ึงรัฐมนตรแี ต่งตง้ั จากผมู้ ีความรู้ความสามารถ ความเช่ียวชาญ หรือมีประสบการณเ์ ปน็ ท่ีประจักษ์ ด้านกฎหมาย ดา้ นอาชญาวิทยา ดา้ นทัณฑวทิ ยา ดา้ นการบรหิ ารงานยตุ ิธรรม ด้านสังคมวทิ ยาและ มานุษยวทิ ยา ด้านสทิ ธิมนุษยชน ด้านสงั คมสงเคราะห์ ด้านจิตวทิ ยา ดา้ นจติ เวชศาสตร์ หรือดา้ นอืน่ ๆ ทเี่ ป็นประโยชนต์ อ่ การปอ้ งกันการกระทาความผิดซ้าจานวนไมเ่ กินห้าคน ทั้งน้ี ไมเ่ กินด้านละหนึง่ คน เป็นกรรมการ กรรมการผู้ทรงคณุ วฒุ ิตามวรรคหนึ่ง รฐั มนตรตี ้องแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒภิ าครฐั และภาคเอกชนในสัดสว่ นทีใ่ กล้เคยี งกัน ใหอ้ ธิบดเี ปน็ กรรมการและเลขานุการ และใหอ้ ธิบดีแต่งต้ังข้าราชการ ในกรมคุมประพฤติจานวนหนงึ่ คนเปน็ ผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร และใหอ้ ธิบดีกรมราชทัณฑ์แต่งตั้ง ข้าราชการในกรมราชทัณฑ์จานวนหน่ึงคนเป็นผชู้ ว่ ยเลขานุการ” พลตารวจตรี สพุ ศิ าล ภกั ดีนฤนาถ ขอแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา ๘ เป็นดังนี้ “มาตรา ๘ ใหม้ ีคณะกรรมการคณะหน่งึ เรียกวา่ “คณะกรรมการป้องกนั การกระทาความผิดซ้า” ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานกรรมการ ปลดั กระทรวงยตุ ธิ รรม เปน็ รองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดกี รมการปกครอง อธิบดีกรมการแพทย์ อธิบดีกรมราชทณั ฑ์ อธบิ ดีกรมสุขภาพจติ ผู้บัญชาการตารวจแหง่ ชาติ เลขาธิการสานักงานศาลยุติธรรม อัยการสูงสุด เลขาธิการสานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งต้ังจากผู้มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ หรือมี ประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ด้านกฎหมาย ด้านอาชญาวิทยา ด้านทัณฑวิทยา ด้านการบริหารงาน ยุติธรรม ด้านสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านจิตวิทยา ด้านจิตเวชศาสตร์ หรือ ดา้ นอ่ืน ๆ ทเี่ ปน็ ประโยชน์ต่อการปอ้ งกนั การกระทาความผดิ ซ้าจานวนไม่เกินห้าคน เปน็ กรรมการ ใหอ้ ธบิ ดีเป็นกรรมการและเลขานกุ าร และให้อธบิ ดีแตง่ ตงั้ ขา้ ราชการ ในกรมคุมประพฤติจานวนหนงึ่ คนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ และให้อธบิ ดีกรมราชทัณฑแ์ ต่งต้ัง ขา้ ราชการในกรมราชทัณฑจ์ านวนหนงึ่ คนเป็นผู้ชว่ ยเลขานุการ” คณะกรรมาธิการไม่เห็นด้วย ผูแ้ ปรญตั ตขิ อสงวน มาตรา ๙ มกี ารแกไ้ ข มาตรา ๑๐ ไม่มกี ารแกไ้ ข

(๖) มาตรา ๑๑ ไม่มกี ารแก้ไข มาตรา ๑๒ ไมม่ กี ารแกไ้ ข มาตรา ๑๓ ไม่มกี ารแก้ไข มาตรา ๑๔ ไมม่ กี ารแก้ไข มาตรา ๑๕ ไม่มกี ารแกไ้ ข หมวด ๒ คณะกรรมการพจิ ารณา ไมม่ ีการแก้ไข กาหนดมาตรการป้องกนั การกระทาความผิดซา้ มาตรา ๑๖ ไม่มีการแก้ไข มผี ูแ้ ปรญตั ตขิ อสงวนคาแปรญตั ติ พลตารวจตรี สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ขอแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา ๑๖ เป็นดังนี้ “มาตรา ๑๖ ให้รฐั มนตรมี อี านาจแตง่ ตง้ั คณะกรรมการคณะหนง่ึ หรือหลายคณะ เรียกวา่ “คณะกรรมการพจิ ารณากาหนดมาตรการป้องกันการกระทาความผดิ ซา้ ” ประกอบด้วย รองปลัดกระทรวงยุติธรรมซง่ึ ปลัดกระทรวงยตุ ิธรรมมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ ผูแ้ ทนกระทรวงสาธารณสขุ ผู้แทนกรมคมุ ประพฤติ ผูแ้ ทนกรมราชทัณฑ์ และผู้แทนสานกั งาน ตารวจแห่งชาติ และผู้แทนสานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นกรรมการ โดยให้อธิบดี แตง่ ตั้งขา้ ราชการในกรมคมุ ประพฤติเปน็ เลขานกุ ารและผู้ช่วยเลขานกุ ารจานวนไมเ่ กินสองคน” คณะกรรมาธิการไม่เหน็ ด้วย ผแู้ ปรญัตติขอสงวน มาตรา ๑๗ ไม่มีการแกไ้ ข มาตรา ๑๘ ไมม่ กี ารแก้ไข หมวด ๓ มาตรการแกไ้ ขฟืน้ ฟผู ้กู ระทาความผดิ ไมม่ กี ารแกไ้ ข มาตรา ๑๙ ไม่มีการแกไ้ ข มาตรา ๒๐ ไมม่ ีการแกไ้ ข

(๗) มาตรา ๒๑ ไมม่ ีการแก้ไข มีกรรมาธิการขอสงวนความเหน็ นายณัฐวุฒิ บัวประทมุ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขความ ในมาตรา ๒๑ เป็นดงั น้ี “มาตรา ๒๑ มาตรการทางการแพทย์ที่ศาลมีคาสง่ั ตามมาตรา ๑๙ (๑) ใหด้ าเนินการ โดยผ้ปู ระกอบวชิ าชีพเวชกรรมอย่างน้อยสองคนซึง่ มีความเห็นพอ้ งต้องกนั หากผู้ประกอบวิชาชพี เวชกรรมเห็นว่าจาเปน็ ตอ้ งมกี ารใชย้ า และให้กระทาไดเ้ ฉพาะเม่ือผู้กระทาความผิดยินยอม ให้กรมราชทัณฑ์นาผลของการใช้มาตรการทางการแพทย์ตามวรรคหน่งึ มาใช้ในการ พิจารณาลดโทษ พักการลงโทษ หรอื ใหป้ ระโยชนอ์ นื่ ใดอันเปน็ ผลใหผ้ ู้กระทาความผดิ ได้รับการปล่อยตวั กอ่ นกาหนดในคาพิพากษาตามกฎหมายวา่ ด้วยราชทัณฑ์ดว้ ย หลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขในการใช้มาตรการทางการแพทย์ ใหเ้ ปน็ ไปตาม ท่ีกาหนดในกฎกระทรวง” หมวด ๔ มาตรการเฝา้ ระวงั นกั โทษเดด็ ขาด ไมม่ กี ารแกไ้ ข ภายหลังพน้ โทษ มาตรา ๒๒ มีการแก้ไข มกี รรมาธิการขอสงวนความเหน็ นางสาวนริศรา แดงไผ่ (กรรมาธกิ าร) ขอสงวนความเห็น โดยขอใหค้ งไวต้ ามรา่ งเดมิ มาตรา ๒๓ ไมม่ กี ารแกไ้ ข มาตรา ๒๔ ไม่มกี ารแก้ไข มาตรา ๒๕ ไมม่ กี ารแก้ไข มาตรา ๒๖ ไม่มีการแกไ้ ข มาตรา ๒๗ ไมม่ กี ารแก้ไข หมวด ๕ มาตรการคุมขงั ภายหลงั พน้ โทษ ไมม่ ีการแกไ้ ข มาตรา ๒๘ ไมม่ ีการแก้ไข มาตรา ๒๙ ไม่มกี ารแกไ้ ข มาตรา ๓๐ ไม่มีการแกไ้ ข มาตรา ๓๑ ไมม่ ีการแกไ้ ข

(๘) มาตรา ๓๒ มกี ารแก้ไข มีกรรมาธกิ ารขอสงวนความเหน็ นางสาวนรศิ รา แดงไผ่ (กรรมาธกิ าร) ขอสงวนความเหน็ โดยขอให้คงไว้ตามร่างเดมิ มาตรา ๓๓ มีการแก้ไข มีกรรมาธกิ ารขอสงวนความเหน็ นางสาวนรศิ รา แดงไผ่ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอใหค้ งไวต้ ามรา่ งเดมิ มาตรา ๓๔ ไม่มีการแกไ้ ข มาตรา ๓๕ ไมม่ ีการแกไ้ ข มาตรา ๓๖ ไม่มกี ารแกไ้ ข หมวด ๖ การคมุ ขงั ฉุกเฉิน ไม่มกี ารแก้ไข มาตรา ๓๗ ไม่มีการแก้ไข มาตรา ๓๘ ไม่มกี ารแก้ไข มาตรา ๓๙ ไมม่ กี ารแกไ้ ข มาตรา ๔๐ ไม่มีการแก้ไข มาตรา ๔๑ ไมม่ ีการแก้ไข หมวด ๗ การอทุ ธรณ์ ไมม่ ีการแก้ไข มาตรา ๔๒ ไมม่ ีการแกไ้ ข บทเฉพาะกาล ไมม่ ีการแก้ไข มาตรา ๔๓ ไม่มกี ารแก้ไข ๙. ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวสิ ามญั คณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เริ่มต้ังแต่ช่ือร่าง พระราชบัญญัติ คาปรารภ แล้วพิจารณาตามลาดับมาตราจนจบร่างแล้วเหน็ ว่า มีข้อสังเกตท้ายรายงาน ของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพอ่ื ให้สภาผ้แู ทนราษฎรไดพ้ ิจารณา ดงั น้ี



บนั ทกึ หลักการและเหตผุ ล ประกอบร่างพระราชบญั ญัติมาตรการปอ้ งกนั การกระท้าความผิดซา้ ในความผดิ เกยี่ วกับเพศหรอื ที่ใชค้ วามรุนแรง พ.ศ. .... __________ หลกั การ ให้มีกฎหมายว่าดว้ ยมาตรการป้องกันการกระท้าความผิดซ้าในความผดิ เกย่ี วกับเพศ หรอื ท่ีใช้ความรุนแรง เหตผุ ล เนือ่ งจากผู้กระท้าความผิดอาญาบางประเภทท่ีเกี่ยวข้องกับเพศหรือทีใ่ ช้ความรุนแรง เชน่ การฆาตกรรม การข่มขนื กระทา้ ช้าเรา การกระท้าความผิดทางเพศกับเด็ก การทา้ รา้ ยจนเปน็ เหตุ ให้ผอู้ ืน่ ถงึ แก่ความตาย การท้าร้ายรา่ งกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้รับอันตรายสาหัส รวมทังการนา้ ตวั บุคคล ไปเรียกค่าไถ่ เมื่อไดร้ ับการถูกจ้าคกุ จนพ้นกา้ หนดโทษและไดร้ บั การปล่อยตัวสสู่ งั คมแลว้ ถึงแม้วา่ จะมี การติดตามจากเจา้ พนักงานฝา่ ยปกครองหรือต้ารวจบา้ งแต่ไม่มสี ภาพบังคับเปน็ กฎหมายและไม่มี ประสทิ ธผิ ลในการป้องกันการกระทา้ ความผดิ ซา้ ผกู้ ระทา้ ความผดิ เหล่านสี ่วนหนึ่งยงั มีแนวโน้ม ที่จะกระทา้ ความผดิ ในรปู แบบเดียวกนั หรอื รูปแบบใกล้เคียงกันซา้ อกี สมควรมีกฎหมายเฉพาะ ท่กี ้าหนดมาตรการป้องกันการกระท้าความผดิ ซา้ ในความผิดดงั กลา่ ว โดยการก้าหนดให้มมี าตรการ แกไ้ ขพืนฟผู ู้กระทา้ ความผิด มาตรการเฝา้ ระวงั ภายหลังพ้นโทษ และมาตรการคุมขงั ภายหลงั พน้ โทษ เพ่อื ป้องกนั สงั คมและผ้เู สียหายจากการกระท้าความผดิ ท่ีอาจเกิดขึนอกี และเพ่ือสง่ เสริมการแก้ไข พืนฟูผู้กระทา้ ความผดิ โดยค้านงึ ถงึ สทิ ธแิ ละเสรีภาพของผ้ตู ้องคา้ ส่ังดังกล่าวอย่างเหมาะสม จึงจ้าเป็นต้องตราพระราชบัญญตั นิ ี

ร่าง พระราชบัญญัติ มาตรการป้องกันการกระทา้ ความผดิ ซา้ ในความผดิ เก่ยี วกบั เพศหรือที่ใชค้ วามรุนแรง พ.ศ. .... __________ .............................. .............................. .............................. ............................................................................................................................ ............................................. โดยท่เี ป็นการสมควรมีกฎหมายวา่ ด้วยมาตรการป้องกันการกระทา้ ความผิดซา้ ในความผดิ เกย่ี วกับเพศหรือที่ใชค้ วามรนุ แรง พระราชบญั ญตั ินมี บี ทบัญญตั ิบางประการเกย่ี วกบั การจ้ากัดสทิ ธแิ ละเสรภี าพ ของบุคคล ซงึ่ มาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๒๘ มาตรา ๒๙ มาตรา ๓๒ และมาตรา ๓๘ ของรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระท้าได้โดยอาศยั อ้านาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เหตผุ ลและความจ้าเปน็ ในการจ้ากดั สิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญตั นิ ี เพ่ือใชเ้ ป็นบทบญั ญัติในการป้องกนั และเฝ้าระวงั การก่ออาชญากรรม สร้างความปลอดภัยให้สังคม แกไ้ ขปัญหาและลดอตั ราการกระทา้ ความผดิ ซา้ ซ่ึงการตราพระราชบัญญัตินสี อดคล้องกับเง่อื นไข ทบ่ี ัญญตั ไิ ว้ในมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว …………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………… มาตรา ๑ พระราชบญั ญัตินีเรยี กว่า “พระราชบัญญตั ิมาตรการป้องกัน การกระทา้ ความผดิ ซา้ ในความผดิ เกย่ี วกบั เพศหรือทใี่ ชค้ วามรุนแรง พ.ศ. ....” มาตรา ๒ พระราชบัญญตั นิ ีให้ใชบ้ งั คับเม่ือพ้นกา้ หนดหน่ึงรอ้ ยแปดเกา้ สบิ วัน นบั แต่วนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปน็ ต้นไป

๒ มาตรา ๓ พระราชบญั ญตั ินีให้ใช้บังคับแก่การกระทา้ ความผดิ ตามที่บัญญัติ ไว้ในมาตรา ๒๗๖ มาตรา ๒๗๗ มาตรา ๒๗๘ มาตรา ๒๗๙ มาตรา ๒๘๐ มาตรา ๒๘๓ ทวิ มาตรา ๒๘๔ มาตรา ๒๘๘ มาตรา ๒๘๙ มาตรา ๒๙๐ มาตรา ๒๙๗ มาตรา ๒๙๘ และมาตรา ๓๑๓ แห่งประมวลกฎหมายอาญา ในกรณีศาลมีค้าพิพากษาว่าจา้ เลยมคี วามผดิ ตามมาตราหน่ึงมาตราใด ตามทีร่ ะบไุ วใ้ นวรรคหนึ่ง แม้ศาลจะพิพากษาให้ลงโทษในความผิดอน่ื ที่ไมไ่ ดร้ ะบุไว้ ในวรรคหน่ึงกต็ าม ก็ให้นา้ พระราชบญั ญัตินีไปใช้บงั คับด้วย มาตรา ๔ พระราชบญั ญตั นิ ีมิให้ใชบ้ งั คับแก่ผซู้ ่ึงกระทา้ ความผดิ ตามบทบญั ญัติมาตราหนึง่ มาตราใดตามทรี่ ะบุไวใ้ นมาตรา ๓ ในขณะท่ีมีอายุต่้ากว่าสิบแปดปี มาตรา ๕ ในพระราชบญั ญัตินี “คมุ ขัง” หมายความวา่ การควบคุมนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษ หรอื ผู้ถกู เฝ้าระวงั ไวใ้ นเขตก้าหนดเพ่อื ป้องกันการกระทา้ ความผดิ ซ้า “ศาล” หมายความวา่ ศาลยุตธิ รรมที่มีอา้ นาจพจิ ารณาพิพากษาคดีอาญา “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการป้องกนั การกระท้าความผิดซ้า “อธิบดี”หมายความว่า อธบิ ดีกรมคุมประพฤติ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผ้รู ักษาการตามพระราชบญั ญัตินี มาตรา ๖ บทบัญญตั หิ รอื วธิ ีพิจารณาใดซ่งึ พระราชบญั ญัตินมี ิได้บญั ญัติไว้ โดยเฉพาะ ใหน้ ้าบทบัญญัติหรอื วิธีพิจารณาแห่งประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญามาใชบ้ ังคบั เทา่ ที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบญั ญตั ิตามพระราชบญั ญตั นิ ี มาตรา ๗ ใหป้ ระธานศาลฎกี า รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงยตุ ิธรรม และอัยการสงู สุด รักษาการตามพระราชบญั ญัตินี ทังนี ในส่วนท่เี กีย่ วข้องกบั หน้าที่และอ้านาจของตน ใหป้ ระธานศาลฎกี าโดยความเหน็ ชอบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎกี ามอี ้านาจ ออกข้อบงั คบั รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงยตุ ธิ รรมมอี ้านาจออกกฎกระทรวง และอัยการสูงสดุ มีอ้านาจ ออกข้อบงั คับเพื่อปฏิบตั กิ ารใหเ้ ปน็ ไปตามพระราชบัญญัตินี ทังนี ในส่วนทเี่ กย่ี วข้องกบั หน้าที่ และอ้านาจของตน ขอ้ บงั คับและกฎกระทรวงนัน เมือ่ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว้ ให้ใช้บงั คบั ได้

๓ หมวด ๑ คณะกรรมการป้องกันการกระทา้ ความผดิ ซ้า __________ มาตรา ๘ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรยี กว่า “คณะกรรมการป้องกนั การกระทา้ ความผิดซ้า” ประกอบดว้ ย รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงยตุ ธิ รรม เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงยตุ ธิ รรม เปน็ รองประธานกรรมการ ปลดั กระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง อธบิ ดกี รมการแพทย์ อธบิ ดีกรมราชทณั ฑ์ อธบิ ดีกรมสขุ ภาพจติ ผู้บญั ชาการตา้ รวจแห่งชาติ เลขาธกิ ารสา้ นกั งานศาลยตุ ธิ รรม อยั การสงู สดุ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรฐั มนตรีแต่งตงั จากผู้มคี วามรู้ความสามารถ ความเชีย่ วชาญ หรอื มีประสบการณ์เป็นที่ประจกั ษด์ ้านกฎหมาย ดา้ นอาชญาวิทยา ด้านทัณฑวิทยา ด้านการบริหารงานยุตธิ รรม ด้านสงั คมวทิ ยาและมานุษยวทิ ยา ดา้ นสังคมสงเคราะห์ ดา้ นจิตวทิ ยา ด้านจติ เวชศาสตร์ หรอื ด้านอน่ื ๆ ทเ่ี ป็นประโยชน์ตอ่ การป้องกัน การกระทา้ ความผดิ ซ้าจ้านวนไม่เกินหา้ คน เป็นกรรมการ ให้อธบิ ดีเปน็ กรรมการและเลขานกุ าร และให้อธิบดีแตง่ ตงั ขา้ ราชการ ในกรมคุมประพฤติจา้ นวนหน่ึงคนเป็นผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร และให้อธบิ ดีกรมราชทัณฑ์แต่งตัง ขา้ ราชการในกรมราชทณั ฑจ์ ้านวนหนง่ึ คนเปน็ ผชู้ ่วยเลขานุการ มาตรา ๙ กรรมการผทู้ รงคณุ วุฒติ อ้ งมคี ุณสมบัตแิ ละไมม่ ีลักษณะต้องห้าม ดงั ตอ่ ไปนี (๑) มสี ญั ชาติไทย (๒) มีอายุไมต่ ้่ากวา่ สามสบิ ห้าปบี ริบูรณ์ (๓) ไมเ่ ป็นผ้ดู า้ รงต้าแหนง่ ทางการเมือง สมาชกิ สภาท้องถิ่น ผบู้ รหิ ารทอ้ งถ่นิ กรรมการ หรือผู้ด้ารงต้าแหนง่ ทร่ี ับผิดชอบในการบรหิ ารพรรคการเมือง สมาชกิ พรรคการเมือง หรอื เจา้ หน้าที่ ในพรรคการเมือง (๔) ไมเ่ ป็นข้าราชการซ่ึงมีตา้ แหนง่ หรือเงินเดือนประจา้ เวน้ แตเ่ ป็นผูด้ า้ รงตา้ แหน่ง อาจารย์ในมหาวทิ ยาลยั ของรัฐ (๕) ไมเ่ ปน็ บุคคลลม้ ละลาย (๖) ไมเ่ ป็นคนไร้ความสามารถหรอื คนเสมือนไร้ความสามารถ (๗) ไมเ่ คยตอ้ งค้าพพิ ากษาถงึ ทสี่ ดุ ใหจ้ ้าคกุ ไม่วา่ จะได้รบั โทษจ้าคกุ จริงหรือไม่ เว้นแต่เปน็ โทษสา้ หรับความผิดท่ไี ด้กระท้าโดยประมาทหรือความผดิ ลหุโทษ (๘) ไมเ่ คยถูกไลอ่ อก ปลดออก หรอื ให้ออกจากราชการ หนว่ ยงานของรัฐ หรอื รฐั วิสาหกิจเพราะกระทา้ ผดิ วนิ ัย มาตรา ๑๐ กรรมการผทู้ รงคุณวุฒิมวี าระการด้ารงต้าแหน่งคราวละสามปี และอาจได้รบั แต่งตังอีกได้ แตจ่ ะด้ารงตา้ แหนง่ ติดต่อกนั เกินสองวาระไมไ่ ด้

๔ มาตรา ๑๑ นอกจากการพ้นจากต้าแหน่งตามวาระ กรรมการผทู้ รงคุณวุฒิ พ้นจากต้าแหน่งเม่ือ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) ขาดคุณสมบตั ิหรือมลี ักษณะต้องหา้ มตามมาตรา ๙ (๔) รฐั มนตรใี ห้ออกจากตา้ แหนง่ เพราะบกพร่องหรือไมส่ จุ รติ ต่อหนา้ ท่ี มคี วามประพฤตเิ ส่อื มเสยี หรอื หยอ่ นความสามารถ มาตรา ๑๒ คณะกรรมการมีหน้าทแี่ ละอา้ นาจ ดังต่อไปนี (๑) ก้าหนดนโยบายและแผนการป้องกนั การกระทา้ ความผิดซ้า ของผ้กู ระท้าความผดิ ตามทรี่ ะบุไวใ้ นมาตรา ๓ รวมทงั พจิ ารณาใหค้ วามเหน็ เกีย่ วกับ การป้องกนั การกระทา้ ความผิดซ้าตามท่ีคณะรฐั มนตรีขอให้พจิ ารณา (๒) ให้คา้ แนะนา้ หรือคา้ ปรึกษาแกร่ ัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวง ตามพระราชบญั ญตั นิ ี รวมทงั ให้คา้ แนะน้าแก่คณะกรรมการพิจารณาก้าหนดมาตรการป้องกัน การกระทา้ ความผดิ ซ้า กรมคุมประพฤติ และกรมราชทัณฑ์ในการออกระเบยี บหรือปฏบิ ัติ ตามพระราชบัญญตั นิ ี (๓) ใหค้ า้ ปรึกษา ข้อคิดเหน็ และข้อเสนอแนะแกส่ ว่ นราชการ หนว่ ยงานของรฐั และองค์กรต่าง ๆ เก่ียวกบั การบรหิ ารและการดา้ เนนิ งานป้องกนั การกระท้าความผิดซา้ (๔) ปฏิบตั ิการอ่นื ใดตามทพ่ี ระราชบัญญตั นิ ีหรอื กฎหมายอ่ืนกา้ หนด ให้เป็นหน้าทแ่ี ละอ้านาจของคณะกรรมการหรอื ตามท่รี ฐั มนตรีมอบหมาย มาตรา ๑๓ ให้นา้ บทบญั ญตั ิว่าดว้ ยคณะกรรมการท่ีมีอ้านาจด้าเนนิ การพจิ ารณา ทางปกครองตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวิธีปฏบิ ตั ริ าชการทางปกครองมาใช้บังคบั แก่การแต่งตังกรรมการ ผทู้ รงคณุ วุฒิ การพ้นจากตา้ แหนง่ ของกรรมการผู้ทรงคุณวฒุ ิ และการประชุมของคณะกรรมการ โดยอนุโลม มาตรา ๑๔ คณะกรรมการอาจแต่งตงั คณะอนุกรรมการเพ่ือพิจารณาหรอื ปฏิบัติการ อย่างหนึง่ อย่างใดตามท่ีคณะกรรมการมอบหมายก็ได้ และให้น้ามาตรา ๑๓ มาใช้บังคับแก่การประชมุ ของคณะอนุกรรมการดว้ ยโดยอนโุ ลม มาตรา ๑๕ ให้ประธานกรรมการ กรรมการ และอนกุ รรมการไดร้ ับเบยี ประชุม และประโยชนต์ อบแทนอน่ื ตามหลักเกณฑท์ ่ีคณะรัฐมนตรกี ้าหนด

๕ หมวด ๒ คณะกรรมการพิจารณากา้ หนดมาตรการป้องกันการกระท้าความผดิ ซา้ __________ มาตรา ๑๖ ใหร้ ฐั มนตรมี ีอ้านาจแต่งตังคณะกรรมการคณะหน่ึงหรอื หลายคณะ เรยี กว่า “คณะกรรมการพจิ ารณากา้ หนดมาตรการป้องกนั การกระทา้ ความผดิ ซา้ ” ประกอบดว้ ย รองปลดั กระทรวงยุติธรรมซง่ึ ปลดั กระทรวงยุติธรรมมอบหมาย เปน็ ประธานกรรมการ ผแู้ ทนกระทรวงสาธารณสขุ ผูแ้ ทนกรมคมุ ประพฤติ ผูแ้ ทนกรมราชทณั ฑ์ และผแู้ ทนสา้ นักงาน ต้ารวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ โดยใหอ้ ธิบดีแตง่ ตังขา้ ราชการในกรมคุมประพฤติเปน็ เลขานกุ าร และผ้ชู ว่ ยเลขานกุ ารจ้านวนไมเ่ กนิ สองคน มาตรา ๑๗ คณะกรรมการพิจารณาก้าหนดมาตรการป้องกันการกระทา้ ความผิดซา้ มีหนา้ ที่และอ้านาจ ดังต่อไปนี (๑) พิจารณาก้าหนดมาตรการเฝ้าระวังนกั โทษเด็ดขาดภายหลงั พ้นโทษ ตามมาตรา ๒๓ และมาตรา ๒๗ (๒) พิจารณาก้าหนดมาตรการคมุ ขังภายหลงั พ้นโทษตามมาตรา ๒๙ และมาตรา ๓๔ (๓) ปฏิบตั กิ ารอื่นใดตามทพ่ี ระราชบัญญตั นิ หี รือกฎหมายอ่ืนกา้ หนด ใหเ้ ป็นหน้าที่และอา้ นาจของคณะกรรมการพิจารณากา้ หนดมาตรการป้องกนั การกระท้าความผิดซ้า หรือตามที่คณะกรรมการหรือรัฐมนตรีมอบหมาย มาตรา ๑๘ ให้น้าบทบญั ญัติวา่ ด้วยคณะกรรมการที่มีอ้านาจดา้ เนนิ การพจิ ารณา ทางปกครองตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวิธีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครองมาใช้บงั คบั แก่การประชุม ของคณะกรรมการพจิ ารณาก้าหนดมาตรการป้องกนั การกระท้าความผิดซ้าโดยอนโุ ลม หมวด ๓ มาตรการแก้ไขฟน้ื ฟูผู้กระทา้ ความผดิ __________ มาตรา ๑๙ ในคดที ีม่ ีการฟ้องขอใหล้ งโทษจา้ เลยในความผดิ ตามทรี่ ะบุไวใ้ นมาตรา ๓ ใหพ้ นักงานอยั การมีอ้านาจย่ืนคา้ ร้องขอให้ศาลมีคา้ สั่งให้ใช้มาตรการแก้ไขฟ้ืนฟูผู้กระท้าความผิด ในระหวา่ งรับโทษจ้าคุกเพือ่ ป้องกนั มิใหก้ ระทา้ ความผิดซ้า โดยจะขอรวมกนั ไปในการฟ้องคดีดงั กล่าว หรือก่อนศาลมีค้าพิพากษากไ็ ด้

๖ มาตรการแก้ไขฟ้นื ฟูผ้กู ระท้าความผิดตามวรรคหนง่ึ ไดแ้ ก่ (๑) มาตรการทางการแพทย์ (๒) มาตรการอน่ื ใดทรี่ ัฐมนตรีตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ที่กา้ หนดในกฎกระทรวง การมคี า้ ส่ังตามวรรคหนงึ่ ให้ศาลค้านงึ ถึงพฤติการณ์แหง่ ความรนุ แรงของคดี สาเหตแุ หง่ การกระท้าความผิด ประวตั กิ ารกระท้าความผิด ภาวะแหง่ จิต นิสัย และลักษณะสว่ นตัวอนื่ ของผูก้ ระท้าความผิด ความปลอดภัยของผเู้ สียหายและสงั คม โอกาสในการกระท้าความผดิ ซา้ และการแก้ไขฟื้นฟูผ้กู ระทา้ ความผดิ ในการไตส่ วนศาลอาจเรียกส้านวนการสอบสวนจากพนักงานอยั การ เพอ่ื ประกอบการพิจารณา รบั ฟังค้าคดั คา้ นของผูก้ ระทา้ ความผดิ หรอื มีค้าส่งั ใหพ้ นักงานคุมประพฤติ ด้าเนินการสืบเสาะและพนิ ิจตามกฎหมายว่าด้วยการคุมประพฤติก็ได้ ใหศ้ าลระบุเหตุผลในการออกค้าส่งั พร้อมทังคา้ ส่ังให้ใช้มาตรการแก้ไขฟน้ื ฟูผู้กระท้า ความผดิ ไว้ในค้าพิพากษาและใหร้ ะบุค้าส่ังไว้ในหมายจ้าคกุ ด้วย หลกั เกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขในการออกค้าสัง่ ของศาล ให้เปน็ ไปตามขอ้ บังคบั ของประธานศาลฎกี าโดยความเหน็ ชอบของทป่ี ระชมุ ใหญ่ศาลฎกี า มาตรา ๒๐ ให้กรมราชทัณฑ์เปน็ ผูร้ ับผดิ ชอบในการดา้ เนนิ การตามคา้ ส่ังของศาล และจัดทา้ รายงานผลของการแกไ้ ขฟน้ื ฟูผูก้ ระท้าความผิดพร้อมทงั ความเห็นเสนอต่อพนักงานอัยการ อยา่ งน้อยปลี ะหนึ่งครัง หากพนักงานอัยการเห็นสมควรอาจร้องขอให้ศาลมีคา้ ส่ังเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือยกเลิกมาตรการแก้ไขฟ้ืนฟผู กู้ ระท้าความผดิ ได้ มาตรา ๒๑ มาตรการทางการแพทยท์ ่ีศาลมีคา้ ส่ังตามมาตรา ๑๙ (๑) ให้ด้าเนนิ การ โดยผูป้ ระกอบวชิ าชีพเวชกรรมอย่างน้อยสองคนซ่งึ มคี วามเห็นพอ้ งต้องกัน หากผู้ประกอบวิชาชพี เวชกรรมเหน็ ว่าจ้าเปน็ ต้องมีการใชย้ า ใหก้ ระท้าไดเ้ ฉพาะเมื่อผ้กู ระทา้ ความผดิ ยินยอม ใหก้ รมราชทณั ฑ์น้าผลของการใชม้ าตรการทางการแพทย์ตามวรรคหน่งึ มาใชใ้ นการ พิจารณาลดโทษ พักการลงโทษ หรือใหป้ ระโยชน์อน่ื ใดอนั เปน็ ผลใหผ้ ู้กระท้าความผดิ ไดร้ ับการปลอ่ ยตัว ก่อนกา้ หนดในค้าพิพากษาตามกฎหมายว่าดว้ ยราชทณั ฑ์ด้วย หลกั เกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขในการใชม้ าตรการทางการแพทย์ ให้เปน็ ไปตาม ท่กี า้ หนดในกฎกระทรวง หมวด ๔ มาตรการเฝ้าระวังนกั โทษเด็ดขาดภายหลงั พน้ โทษ __________ มาตรา ๒๒ เมือ่ มเี หตุอันควรเช่ือได้วา่ นกั โทษเด็ดขาดซ่งึ ศาลมคี า้ พิพากษา ว่าเป็นผู้กระทา้ ความผิดในความผิดตามที่ระบุไว้ในมาตรา ๓ จะกระทา้ ความผดิ ดังกล่าวภายหลงั พ้นโทษ

๗ ศาลอาจมีคา้ ส่งั ก้าหนดมาตรการเฝา้ ระวงั นกั โทษเดด็ ขาดภายหลังพน้ โทษตามท่ีพนักงานอยั การร้องขอ โดยก้าหนดมาตรการเดียวหรอื หลายมาตรการตามควรแก่กรณีกไ็ ด้ มาตรการเฝ้าระวังนกั โทษเด็ดขาดภายหลงั พน้ โทษ ได้แก่ (๑) ห้ามเขา้ ใกล้ผู้เสยี หายจากการกระทา้ ความผดิ (๒) ห้ามทา้ กจิ กรรมท่ีเสยี่ งต่อการกระท้าความผดิ (๓) หา้ มเข้าเขตก้าหนด (๔) ห้ามออกนอกประเทศเวน้ แตจ่ ะไดร้ ับอนญุ าตจากศาล (๕) หา้ มก่อให้เกดิ อันตรายตอ่ ละแวกชมุ ชนท่ีตนพักอาศยั (๖) ให้พักอาศัยในสถานทีท่ ี่ก้าหนด (๗) ใหพ้ ักอาศยั ในสถานบ้าบัดทก่ี ้าหนดหรือใหไ้ ปอยภู่ ายใต้การดูแลในสถานบ้าบัด ภายใตก้ ารด้าเนนิ การของหน่วยงานต่าง ๆ ซง่ึ ได้รบั การรับรองโดยกระทรวงสาธารณสุข ตามท่ีศาลเหน็ สมควร (๘) ใหป้ ฏบิ ตั ติ ามค้าสง่ั ของเจ้าพนกั งานหรอื ผู้ดแู ลสถานที่พักอาศยั หรือสถานบ้าบัด (๙) ใหม้ ารายงานตวั ต่อพนกั งานคุมประพฤติหรือได้รบั การเยี่ยมจากพนักงาน คุมประพฤตหิ รืออาสาสมคั รคุมประพฤติหรือเจ้าหนา้ ที่อืน่ ตามระยะเวลาทก่ี ้าหนด (๑๐) ให้ใช้มาตรการทางการแพทย์ หรอื มาพบหรือรบั การตรวจรกั ษาจากแพทย์ หรือบคุ คลอนื่ ใดตามที่ศาลหรือพนักงานคุมประพฤติกา้ หนด (๑๑) ให้เขา้ รบั การบ้าบัดฟืน้ ฟูแก้ไขหรือเขา้ รว่ มกจิ กรรมตามท่ศี าลหรือพนักงาน คุมประพฤติกา้ หนด (๑๒) ให้แจ้งพนักงานคุมประพฤตทิ ราบถงึ การเปลยี่ นสถานที่ท้างาน หรอื การเปลีย่ นงาน (๑๓) ให้ใชอ้ ปุ กรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวในการเฝ้าระวัง ศาลอาจก้าหนดระยะเวลาการเฝา้ ระวงั ในแต่ละมาตรการตามทีเ่ หน็ สมควร แตไ่ มเ่ กินหา้ สิบปนี บั แต่วันพ้นโทษ การมคี า้ ส่งั ตามวรรคหน่ึง ให้ศาลค้านึงถึงพฤติการณแ์ ห่งความรนุ แรงของคดี สาเหตแุ ห่งการกระท้าความผิด ประวตั กิ ารกระทา้ ความผิด ภาวะแหง่ จติ นิสยั และลักษณะสว่ นตัวอน่ื ของผกู้ ระท้าความผดิ ความปลอดภยั ของผูเ้ สียหายและสงั คม โอกาสในการกระทา้ ความผดิ ซ้า การแก้ไขฟื้นฟผู ู้กระท้าความผิด และความได้สัดส่วนของการใชม้ าตรการที่ต้องกระทบสิทธิเสรีภาพ ของผู้ต้องถูกบงั คับด้วย หลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเง่ือนไขในการมีค้าสงั่ ของศาลตามมาตรานี ให้เปน็ ไป ตามที่ก้าหนดในข้อบังคบั ของประธานศาลฎกี าโดยความเห็นชอบของทปี่ ระชมุ ใหญศ่ าลฎกี า มาตรา ๒๓ ก่อนปล่อยตัวนักโทษเดด็ ขาดซึง่ ศาลมีคา้ พิพากษาว่าเป็นผู้กระทา้ ความผิดในความผิดตามท่ีระบไุ ว้ในมาตรา ๓ ให้กรมราชทัณฑ์จัดท้ารายงานจ้าแนกลักษณะ ของนักโทษเดด็ ขาดตามกฎหมายวา่ ด้วยราชทณั ฑเ์ ป็นรายบุคคล พร้อมทงั ความเหน็ ว่านักโทษเด็ดขาด ผใู้ ดสมควรให้ใชม้ าตรการเฝ้าระวงั ตามมาตรา ๒๒ เสนอตอ่ คณะกรรมการพิจารณาก้าหนดมาตรการ

๘ ปอ้ งกนั การกระทา้ ความผิดซ้าเพอ่ื พิจารณาวา่ สมควรกา้ หนดให้ใชม้ าตรการเฝ้าระวงั ตามมาตรา ๒๒ แก่นกั โทษเด็ดขาดผู้นัน รวมทังกา้ หนดวธิ กี ารและระยะเวลาท่เี หมาะสมในการใชม้ าตรการดังกลา่ ว เพ่อื ป้องกันการกระทา้ ความผิดซ้า เมอ่ื คณะกรรมการพิจารณาก้าหนดมาตรการป้องกนั การกระทา้ ความผดิ ซ้าพิจารณา ว่าสมควรก้าหนดใหใ้ ช้มาตรการเฝา้ ระวงั ตามมาตรา ๒๒ กับนักโทษเด็ดขาดผใู้ ดแลว้ ใหเ้ สนอรายงาน และความเห็นต่อพนักงานอยั การภายในเวลาอันสมควรกอ่ นปล่อยตัวนักโทษเดด็ ขาดเพื่อพิจารณา ยน่ื ค้าร้องต่อศาลใหก้ า้ หนดมาตรการเฝา้ ระวัง หลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเงื่อนไขในการพจิ ารณาและจัดท้ารายงานตามวรรคหนงึ่ ให้เป็นไปตามท่กี ้าหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๒๔ เมอื่ ได้รับรายงานและความเห็นแลว้ หากพนักงานอยั การเหน็ สมควร ให้ใชม้ าตรการการเฝ้าระวงั นักโทษเด็ดขาดภายหลังพน้ โทษ ให้ยน่ื ค้ารอ้ งตอ่ ศาลทม่ี ีเขตอา้ นาจ ในทอ้ งที่เรอื นจ้าหรือสถานทีค่ ุมขงั ของนักโทษเด็ดขาดก่อนการปล่อยตัวนักโทษเดด็ ขาดเพื่อมคี า้ ส่ัง กา้ หนดมาตรการเฝ้าระวังดังกล่าว ค้าร้องตามวรรคหนึ่งประกอบด้วยค้าขอที่มีข้อเสนอและเงื่อนไข ตลอดจนระยะเวลา ท่ศี าลจะก้าหนดมาตรการเฝ้าระวงั นักโทษเด็ดขาดภายหลงั พน้ โทษ เพ่ือประกอบการพิจารณา ของศาลในการมคี ้าสั่งตามมาตรการหนง่ึ มาตรการใดที่ระบุไวใ้ นมาตรา ๒๒ วรรคสอง หลกั เกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการพิจารณายนื่ คา้ ร้องของพนักงานอัยการ ให้เปน็ ไปตามท่กี ้าหนดโดยขอ้ บงั คับของอัยการสงู สุด มาตรา ๒๕ เมือ่ ศาลได้รบั ค้ารอ้ งตามมาตรา ๒๔ ให้ศาลไต่สวนและมคี า้ สั่ง โดยให้ส่งส้าเนาค้าร้องให้นักโทษเด็ดขาดเพื่อทราบวนั ไต่สวนและสิทธิในการให้ถ้อยคา้ ด้วย และเรยี กนักโทษเด็ดขาดมาให้ถอ้ ยค้า ให้ศาลถามนักโทษเด็ดขาดวา่ มีทนายความหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ใหศ้ าลตงั ทนายความให้ หากครบก้าหนดทกี่ รมราชทัณฑ์ต้องปล่อยตัวนักโทษเด็ดขาดแลว้ แตศ่ าลยังไมไ่ ด้ ไต่สวนคา้ ร้องหรือมีคา้ สง่ั ตามท่พี นกั งานอยั การรอ้ งขอ ให้กรมราชทณั ฑ์ปล่อยตวั นกั โทษเด็ดขาดไป ทงั นี ในการไต่สวนใหศ้ าลมีอ้านาจเรยี กนกั โทษเดด็ ขาดท่ไี ดร้ ับการปลอ่ ยตัวมาให้ถ้อยค้าประกอบ การไต่สวนดว้ ย มาตรา ๒๖ ใหพ้ นักงานคมุ ประพฤตติ ามกฎหมายวา่ ด้วยการคุมประพฤติ เปน็ ผูร้ ับผดิ ชอบในการดา้ เนนิ การตามค้าส่ังของศาล โดยให้น้าบทบัญญัตเิ กี่ยวกบั อา้ นาจหน้าที่ ของผปู้ ฏบิ ตั ิงาน การสบื เสาะและพินิจ และการคุมความประพฤตติ ามกฎหมายวา่ ด้วยการคมุ ประพฤติ มาใชบ้ งั คับโดยอนโุ ลม หากผถู้ กู เฝ้าระวังไมป่ ฏบิ ัตติ ามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร หรือเงื่อนไขท่ีกา้ หนดโดยค้าสัง่ ศาล ให้พนักงานคุมประพฤตติ รวจสอบถงึ เหตดุ ังกลา่ วและแก้ไข

๙ เมอ่ื ครบก้าหนดหกเดอื นนับแต่วนั ท่ีศาลมคี ้าส่งั ตามมาตรา ๒๒ และในทกุ รอบ หกเดือน ให้พนกั งานคุมประพฤตจิ ัดท้ารายงานการเฝา้ ระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลงั พ้นโทษเสนอศาล หากศาลเหน็ สมควร ศาลอาจแกไ้ ขเพ่ิมเติม ลดหรอื ขยายระยะเวลา หรือยกเลกิ ค้าสงั่ มาตรการเฝ้าระวงั นักโทษเดด็ ขาดภายหลังพน้ โทษก็ได้ เพื่อประโยชน์ในการดา้ เนินการตามมาตรานี ให้กรมคมุ ประพฤติจดั ทา้ ฐานขอ้ มูล ในระบบสารสนเทศศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภยั ของประชาชน มาตรา ๒๗ ในกรณีที่พฤติการณ์ท่เี กยี่ วกับการใช้มาตรการเฝา้ ระวังนักโทษเด็ดขาด ภายหลงั พ้นโทษของผู้ถูกเฝ้าระวงั ไดเ้ ปลีย่ นแปลงไป เม่ือพนักงานอยั การหรือผู้ถกู เฝ้าระวังร้องขอ หรือศาลเห็นเอง ศาลอาจสง่ั แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ ลดหรอื ขยายระยะเวลา หรือยกเลิกมาตรการเฝา้ ระวังนักโทษ เดด็ ขาดภายหลงั พน้ โทษบางมาตรการหรือทกุ มาตรการกไ็ ด้ และเมื่อมคี ้าส่ังอยา่ งใดแลว้ ใหศ้ าลแจ้ง ใหผ้ ถู้ ูกเฝ้าระวังและผเู้ กีย่ วข้องทราบ การย่ืนค้าร้องของพนักงานอัยการตามวรรคหน่งึ ให้ด้าเนินการโดยพนกั งาน คุมประพฤติจัดท้ารายงานพฤตกิ ารณด์ ังกล่าว และความเห็นเสนอต่อคณะกรรมการพจิ ารณาก้าหนด มาตรการป้องกนั การกระทา้ ความผิดซ้าเพื่อพจิ ารณาเสนอความเหน็ ต่อพนักงานอยั การ หมวด ๕ มาตรการคุมขงั ภายหลงั พน้ โทษ __________ มาตรา ๒๘ ศาลอาจมีคา้ ส่ังใหใ้ ช้มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษแกน่ ักโทษเด็ดขาด ซง่ึ ศาลมีค้าพิพากษาว่าเปน็ ผู้กระท้าความผิดในความผิดตามทีร่ ะบุไว้ในมาตรา ๓ ตงั แตว่ นั พ้นโทษ หรือภายหลังพ้นโทษเพอ่ื ปอ้ งกันการกระท้าผดิ ซ้าตามท่พี นักงานอยั การร้องขอ หากศาลเห็นว่า มีเหตอุ ันควรเช่ือไดว้ ่าผนู้ นั จะไปกระทา้ ความผิดตามที่ระบุไว้ในมาตรา ๓ และไมม่ ีมาตรการอ่ืนใด ทอ่ี าจป้องกันมิใหผ้ นู้ นั ไปกระท้าความผิดได้ มาตรา ๒๙ ในการจดั ท้ารายงานการกา้ หนดมาตรการเฝา้ ระวังนักโทษเด็ดขาด ภายหลังพ้นโทษตามมาตรา ๒๓ หากคณะกรรมการพิจารณาก้าหนดมาตรการป้องกันการกระท้า ความผิดซา้ เห็นว่ามคี วามจ้าเปน็ ท่ีจะต้องขอให้ศาลมีคา้ ส่ังให้ใชม้ าตรการคุมขังภายหลงั พ้นโทษ กับนกั โทษเดด็ ขาดรายใดเพอื่ ไม่ให้ผู้นนั ไปกระทา้ ความผิดตามทีร่ ะบุไวใ้ นมาตรา ๓ ใหค้ ณะกรรมการ ดังกลา่ วเสนอรายงานพรอ้ มทังความเหน็ ตอ่ พนักงานอยั การเพือ่ พิจารณาด้าเนนิ การต่อไป โดยให้นา้ มาตรา ๒๓ และมาตรา ๒๔ มาใชบ้ ังคับโดยอนุโลม ในกรณีท่ีคณะกรรมการพจิ ารณากา้ หนดมาตรการป้องกนั การกระท้าความผิดซา้ เหน็ วา่ มคี วามจา้ เปน็ ท่จี ะต้องขอให้ศาลมคี ้าสงั่ ให้ใชม้ าตรการคมุ ขงั ภายหลงั พ้นโทษตามวรรคหน่ึง ร่วมกบั การก้าหนดมาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลงั พ้นโทษเมื่อครบกา้ หนดการคุมขัง

๑๐ ต่อเนอื่ งกนั ไป ใหค้ ณะกรรมการดงั กล่าวเสนอรายงานพร้อมทงั ความเห็นต่อพนกั งานอยั การ เพอื่ พจิ ารณาด้าเนินการต่อไป โดยใหน้ ้ามาตรา ๒๓ และมาตรา ๒๔ มาใช้บังคับโดยอนุโลม หลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเงื่อนไขในการจัดท้ารายงานของคณะกรรมการ พิจารณากา้ หนดมาตรการป้องกนั การกระทา้ ความผิดซ้าและการพิจารณายื่นคา้ ร้องของพนักงานอัยการ ตามมาตรานี ใหเ้ ปน็ ไปตามที่กา้ หนดในกฎกระทรวงหรือข้อบงั คับของอัยการสูงสุด แล้วแตก่ รณี มาตรา ๓๐ ในระหว่างการด้าเนินการตามมาตรการเฝา้ ระวงั นักโทษเด็ดขาด ภายหลังพ้นโทษตามมาตรา ๒๒ หากมีเหตทุ ี่จะขอใหศ้ าลมีคา้ ส่งั ก้าหนดมาตรการคุมขงั ภายหลงั พน้ โทษ ตามมาตรา ๒๘ หรือผ้ถู ูกเฝ้าระวงั ฝ่าฝืนหรอื ไม่ปฏิบตั ิตามมาตรการเฝา้ ระวงั นกั โทษเด็ดขาดภายหลัง พ้นโทษ ให้พนักงานคุมประพฤติเสนอความเหน็ ต่อพนกั งานอยั การเพื่อพิจารณายืน่ คา้ ร้องต่อศาล ในทอ้ งทที่ ี่ผู้ถูกเฝา้ ระวังมีท่อี ยู่หรอื ทอ้ งทท่ี ่ีพบตัวผู้ถูกเฝ้าระวังเพอ่ื ขอให้ศาลมีค้าส่ังใหใ้ ช้มาตรการ คุมขังภายหลงั พ้นโทษแกผ่ ูถ้ กู เฝา้ ระวงั เพ่ือป้องกนั การกระท้าความผิดซ้า พนกั งานคุมประพฤติอาจเสนอความเห็นต่อพนกั งานอยั การเพือ่ พจิ ารณา หรือพนักงานอัยการเห็นสมควรอาจขอให้ศาลมีคา้ ส่ังใหใ้ ช้มาตรการคุมขงั ภายหลังพน้ โทษ รว่ มกับการก้าหนดมาตรการเฝ้าระวังนกั โทษเด็ดขาดภายหลงั พ้นโทษเม่ือครบก้าหนดการคมุ ขัง ตอ่ เนอ่ื งกนั ไปก็ได้ หลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเง่ือนไขการทา้ ความเหน็ ของพนักงานคมุ ประพฤติ และการพจิ ารณาย่ืนคา้ ร้องของพนักงานอัยการตามมาตรานี ใหเ้ ปน็ ไปตามทก่ี า้ หนดในกฎกระทรวง หรือขอ้ บงั คบั ของอัยการสงู สดุ แล้วแตก่ รณี มาตรา ๓๑ เม่อื ศาลได้รบั ค้ารอ้ งของพนักงานอัยการตามมาตรา ๒๙ หรือมาตรา ๓๐ ให้ศาลไตส่ วนคา้ ร้องโดยใหน้ ้ามาตรา ๒๕ มาใช้บงั คับโดยอนโุ ลม ในวนั ไตส่ วนถ้าผูถ้ ูกเฝา้ ระวงั ไมม่ าศาลตามหมายเรียกหรือตามนัดโดยไม่มเี หตุ อันสมควร จงใจไมร่ ับหมายเรียก ได้หลบหนีไปหรือมีเหตุอันควรเชือ่ ได้ว่าจะหลบหนี ให้ศาลมอี า้ นาจ ออกหมายจับ เพ่อื ดา้ เนินการตอ่ ไป และใหน้ ้ามาตรา ๓๘ วรรคสอง เรอ่ื งการควบคุมตวั ผู้ถูกจับ มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม มาตรา ๓๒ ในการพิจารณาค้าร้องของพนักงานอยั การตามมาตรา ๒๙ วรรคหน่งึ ศาลอาจสง่ั ใหใ้ ชม้ าตรการคุมขังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษมีก้าหนดระยะเวลาเพียงเท่าท่จี ้าเป็น เพ่ือป้องกันมใิ หผ้ ู้นันกระทา้ ความผดิ ซา้ ซ่งึ ต้องไม่เกินสามปีนับแตว่ ันที่ผูน้ ันพน้ โทษ ในการพจิ ารณาค้าร้องของพนักงานอัยการตามมาตรา ๒๙ วรรคสอง ศาลอาจสง่ั ให้ใช้มาตรการคมุ ขังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษมกี ้าหนดระยะเวลาเท่าทจี่ ้าเป็นเพ่ือป้องกนั มิใหผ้ ู้นนั ไปกระทา้ ความผดิ ซ้าซึ่งต้องไม่เกนิ สามปีนบั แตว่ นั พ้นโทษ หรือมคี า้ สั่งให้ใช้มาตรการเฝ้าระวัง นักโทษเดด็ ขาดภายหลงั พ้นโทษเมื่อครบกา้ หนดการคมุ ขงั ต่อเนือ่ งกันไปตามทีพ่ นักงานอยั การร้องขอ กไ็ ด้ โดยใหน้ า้ หมวด ๓ มาตรการแก้ไขฟนื้ ฟูผู้กระท้าความผดิ มาใช้บังคบั โดยอนุโลม แต่เมอื่ นับ ระยะเวลาทงั หมดรวมกนั แลว้ จะต้องมีระยะเวลาไมเ่ กนิ ห้าสบิ ปีนับแต่วันทผ่ี ู้นันพน้ โทษ

๑๑ มาตรา ๓๓ ในการพิจารณาคา้ ร้องของพนักงานอยั การตามมาตรา ๓๐ วรรคหนง่ึ ศาลอาจสัง่ ให้ใชม้ าตรการคุมขงั นกั โทษเดด็ ขาดภายหลงั พ้นโทษแกผ่ ถู้ ูกเฝา้ ระวงั โดยมีก้าหนดระยะเวลา เพียงเท่าท่จี ้าเป็นเพื่อป้องกนั มิใหผ้ ู้นันกระทา้ ความผิดซา้ ซึ่งตอ้ งไมเ่ กนิ สามปนี บั แต่วนั ท่ี ผถู้ กู เฝ้าระวังถูกควบคุมตวั แต่เมื่อนบั ระยะเวลาที่ศาลเคยมคี ้าสงั่ ใหใ้ ชม้ าตรการป้องกนั การกระทา้ ความผิดซา้ และระยะเวลาในครังนที ังหมดรวมกนั แลว้ จะต้องมีระยะเวลาไมเ่ กินห้าสบิ ปีนับแต่วนั ท่ี ผู้นันพน้ โทษ ในกรณีเชน่ ว่านี ให้ถอื วา่ ค้าส่งั การใช้มาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลงั พ้นโทษ ของศาลสนิ สุดลง ในการพิจารณาค้ารอ้ งของพนักงานอยั การตามมาตรา ๓๐ วรรคสอง ศาลอาจสั่ง ให้ใชม้ าตรการคมุ ขังนกั โทษเด็ดขาดภายหลงั พน้ โทษแกผ่ ู้ถูกเฝา้ ระวงั โดยมกี ้าหนดระยะเวลาเพียงเท่าท่ี จา้ เป็นเพื่อปอ้ งกนั มใิ หผ้ ้นู นั กระทา้ ความผดิ ซ้า ซ่งึ ต้องไมเ่ กินสามปนี ับแต่วันท่ีผ้ถู ูกเฝ้าระวงั ถกู ควบคุมตวั หรอื มีคา้ สง่ั ให้ใชม้ าตรการเฝ้าระวงั นักโทษเด็ดขาดภายหลังพน้ โทษเมื่อครบก้าหนด การคมุ ขงั ดงั กลา่ วต่อเน่ืองกันไปตามที่พนักงานอยั การร้องขอก็ได้ โดยให้น้าหมวด ๓ มาตรการแก้ไข ฟน้ื ฟูผกู้ ระท้าความผดิ มาใช้บังคบั โดยอนโุ ลม แต่เม่ือนับระยะเวลาท่ีศาลเคยมีค้าส่ังให้ใช้มาตรการ ป้องกันการกระท้าความผดิ ซา้ และระยะเวลาในครงั นีทังหมดรวมกนั แล้ว จะตอ้ งมีระยะเวลาไมเ่ กนิ ห้าสบิ ปี นบั แต่วนั ท่ีผ้นู ันพน้ โทษ มาตรา ๓๔ ให้กรมราชทัณฑ์เปน็ ผ้รู บั ผดิ ชอบในการด้าเนนิ การบังคับตามค้าสั่ง คมุ ขงั ภายหลังพ้นโทษและให้นา้ กฎหมายว่าด้วยวธิ ปี ฏบิ ตั เิ กี่ยวกับการกกั กันมาใชบ้ ังคบั โดยอนโุ ลม ในกรณีที่พฤตกิ ารณ์เปล่ียนแปลงไป หรือเม่ือครบกา้ หนดหกเดอื นนบั แตว่ ันทีเ่ ริ่ม มีการคุมขงั ภายหลงั พ้นโทษและในทุกรอบหกเดอื น ให้คณะกรรมการพจิ ารณาก้าหนดมาตรการป้องกนั การกระท้าความผิดซ้าพจิ ารณาเสนอความเห็นตอ่ พนกั งานอยั การเพือ่ พจิ ารณายน่ื ค้าร้องต่อศาล ให้มีคา้ ส่ังแก้ไขเพิ่มเตมิ ลดหรือขยายระยะเวลา หรือยกเลิกคา้ ส่งั คุมขังภายหลงั พน้ โทษหรือเปล่ียน คา้ สัง่ คมุ ขังภายหลังพน้ โทษเป็นค้าสั่งเฝ้าระวงั แทนก็ได้ มาตรา ๓๕ เมอื่ ศาลไดม้ ีค้าส่ังคมุ ขังผู้ถกู เฝ้าระวงั ถา้ ผู้นนั ยังมิได้รับการคุมขังก็ดี หรือไดร้ บั การคมุ ขงั แต่ยังไมค่ รบถ้วนโดยหลบหนกี ็ดี ถ้าพน้ กา้ หนดสามปีนับแตว่ นั ทศี่ าลมคี ้าสัง่ หรือนับแตว่ ันท่ีผ้นู ันหลบหนรี ะหว่างเวลาท่ตี ้องคุมขัง เป็นอันลว่ งเลยการคุมขัง จะคุมขังผู้นนั ไม่ได้ มาตรา ๓๖ ก่อนครบก้าหนดเวลาคมุ ขงั ภายหลงั พน้ โทษ หากศาลไม่ได้มีคา้ สงั่ ให้ใช้ มาตรการเฝา้ ระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษตอ่ เนื่องจากการคุมขงั ตามมาตรา ๓๒ วรรคสอง หรือมาตรา ๓๓ วรรคสอง พนกั งานอัยการอาจยื่นคา้ ร้องต่อศาลก่อนครบกา้ หนดการคุมขังเพื่อให้ศาล มีคา้ สง่ั ให้ใช้มาตรการเฝา้ ระวังนักโทษเดด็ ขาดภายหลงั พ้นโทษแกผ่ ู้ถูกคมุ ขงั เม่ือครบก้าหนดการคมุ ขังได้ แต่ศาลอาจมีคา้ สง่ั ดังกลา่ วภายหลงั ครบกา้ หนดการคมุ ขังก็ได้ และใหน้ า้ หมวด ๓ มาตรการแกไ้ ขพนื ฟู ผ้กู ระทา้ ความผดิ มาใชบ้ ังคับโดยอนุโลม

๑๒ หมวด ๖ การคมุ ขังฉุกเฉิน __________ มาตรา ๓๗ กรณีมเี หตุอนั ควรเช่ือได้วา่ ผู้ถูกเฝ้าระวังจะกระท้าความผิดตามท่ีระบุไว้ ในมาตรา ๓ และมเี หตฉุ ุกเฉิน หากไม่มมี าตรการอื่นใดท่ีอาจป้องกนั มิให้ผู้ถูกเฝ้าระวงั กระทา้ ความผดิ ดังกล่าวได้ เม่ือพนกั งานอัยการรอ้ งขอ ศาลอาจส่ังคมุ ขังฉุกเฉินผถู้ ูกเฝา้ ระวังไดไ้ ม่เกินเจ็ดวนั นับแตว่ ันท่ศี าลมีคา้ สง่ั มาตรา ๓๘ ถา้ ปรากฏเหตุตามทบ่ี ัญญัติไว้ในมาตรา ๓๗ ให้พนักงานคมุ ประพฤติ เสนอความเห็นต่อพนักงานอัยการเพ่ือพิจารณายืน่ ค้าร้องต่อศาลในทอ้ งทที่ ผี่ ู้ถูกเฝ้าระวงั มที ่อี ยู่ หรอื ทอ้ งท่ที ี่พบตวั ผูถ้ กู เฝ้าระวังขอใหศ้ าลมีค้าสงั่ คมุ ขังฉุกเฉิน กอ่ นท่ีศาลจะมคี า้ ส่ังตามวรรคหน่ึง ใหพ้ นักงานฝ่ายปกครองหรอื ต้ารวจ จับผถู้ ูกเฝ้าระวังตามมาตรา ๗๘ แหง่ ประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา แตห่ ้ามควบคมุ ผถู้ กู จับ เกินกว่าส่สี ิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาทผ่ี ู้ถูกจบั มาถงึ ที่ท้าการของพนกั งานฝา่ ยปกครองหรือต้ารวจ และเม่ือศาลมีค้าส่ังให้คุมขังฉุกเฉินผถู้ ูกเฝ้าระวงั แล้ว ให้กรมราชทณั ฑน์ ้าตวั ผ้ถู ูกเฝา้ ระวงั ไปคมุ ขังฉุกเฉิน ตามค้าสง่ั ศาลต่อไป กรณีเชน่ วา่ นไี มท่ ้าให้คา้ สัง่ ตามมาตรการเฝ้าระวงั นกั โทษเด็ดขาดภายหลงั พ้นโทษ สินผลไป และใหด้ า้ เนินการตามมาตรการเฝ้าระวังดงั กล่าวตอ่ ไปภายหลงั พน้ จากการคุมขงั ฉุกเฉนิ หลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขการทา้ ความเห็นของพนักงานคมุ ประพฤติ และการพิจารณายื่นคา้ ร้องของพนักงานอยั การตามวรรคหนึ่ง ใหเ้ ปน็ ไปตามทีก่ ้าหนดในกฎกระทรวง หรือข้อบังคับของอัยการสูงสดุ แล้วแตก่ รณี มาตรา ๓๙ ให้ศาลพิจารณาคา้ ร้องของพนักงานอัยการโดยเร็ว ถ้าเปน็ ทพี่ อใจวา่ กรณมี เี หตุตามทบี่ ัญญตั ิในมาตรา ๓๗ ใหศ้ าลมคี า้ ส่งั คุมขังฉกุ เฉนิ ผถู้ ูกเฝา้ ระวงั ได้ ผู้ถกู เฝา้ ระวังอาจยน่ื ค้าร้องขอฝ่ายเดียวเพ่ือให้ศาลยกเลกิ ค้าส่ังนันเสยี ถา้ ศาลมีคา้ สั่ง ยกเลกิ คา้ ส่ังคมุ ขังฉกุ เฉิน คา้ สั่งเชน่ วา่ นีให้เป็นทีส่ ดุ หลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขในการมีคา้ สั่งของศาลตามมาตรานี ใหเ้ ป็นไปตาม ท่กี า้ หนดในขอ้ บังคับของประธานศาลฎกี าโดยความเห็นชอบของทีป่ ระชุมใหญ่ศาลฎีกา มาตรา ๔๐ ใหก้ รมราชทัณฑ์เป็นผู้รบั ผิดชอบในการดา้ เนินการตามค้าส่ังคุมขงั ฉุกเฉนิ และใหน้ ้ากฎหมายวา่ ดว้ ยวธิ ีปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั การกกั กนั ตามประมวลกฎหมายอาญามาใชบ้ งั คับโดยอนโุ ลม มาตรา ๔๑ เมอ่ื ศาลมีค้าสัง่ คุมขังฉุกเฉินแล้ว ให้กรมคมุ ประพฤติดา้ เนินการให้มี การเสนอความเหน็ ไปยังพนักงานอยั การเพ่ือพจิ ารณาเสนอตอ่ ศาลให้มีคา้ สั่งแกไ้ ขเพ่มิ เติมมาตรการ เฝ้าระวังนกั โทษเด็ดขาดภายหลงั พ้นโทษที่ศาลมีค้าสงั่ ตามหมวด ๔ หรือเพื่อเสนอต่อศาลใหม้ คี ้าส่ัง ใหใ้ ชม้ าตรการคมุ ขังภายหลังพ้นโทษตามหมวด ๕ เพือ่ ป้องกนั ผูถ้ กู คมุ ขงั ฉกุ เฉนิ กระท้าความผิดซ้า

๑๓ หมวด ๗ การอทุ ธรณ์ __________ มาตรา ๔๒ คา้ สง่ั ศาลตามหมวด ๓ มาตรการแก้ไขฟนื้ ฟูผกู้ ระท้าความผิด หมวด ๔ มาตรการเฝา้ ระวังนักโทษเดด็ ขาดภายหลงั พน้ โทษ และหมวด ๕ มาตรการคุมขงั ภายหลงั พน้ โทษ ในกรณีท่ีศาลมคี ้าสง่ั ยกคา้ ร้องของพนักงานอัยการ ให้เป็นทีส่ ุด ส่วนคา้ ส่งั ตามท่ีพนักงานอัยการ ร้องขอ ใหอ้ ุทธรณไ์ ด้เฉพาะในปัญหาขอ้ กฎหมาย คา้ สงั่ ศาลชนั อทุ ธรณ์ ให้เป็นท่ีสดุ บทเฉพาะกาล __________ มาตรา ๔๓ ให้น้าพระราชบัญญัตนิ ไี ปใชบ้ ังคบั แกบ่ รรดาคดที ีโ่ จทก์ฟ้องขอให้ลงโทษ ผู้กระทา้ ความผิดในความผิดตามทร่ี ะบุไวใ้ นมาตรา ๓ ทค่ี า้ งพิจารณาอยูใ่ นศาล และกรณีท่ีจะมีการ ปลอ่ ยตวั นักโทษเดด็ ขาดซ่ึงเป็นผู้กระทา้ ความผดิ ตามทร่ี ะบุไว้ในมาตรา ๓ อยู่ในวันก่อนวันท่ี พระราชบญั ญตั ินีใชบ้ งั คบั ........................................... ............................................
















Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook