(๙) พรรคการเมืองประจำจังหวัดไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และสมาชิก ท้ังน้ี มีจำนวนรวมกนั ท้งั หมดไม่นอ้ ยกวา่ สองร้อยห้าสิบคน” มาตรา ๕/๒ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปน้แี ทน “มาตรา ๔๐ การลงมติในที่ประชุมใหญ่ให้กระทำโดยเปิดเผย แต่การลงมติ ตามมาตรา ๓๘ (๓) และ (๔) ให้ลงคะแนนลับหรือเปดิ เผยตามท่กี ำหนดในข้อบงั คับกไ็ ด้ การลงมติในที่ประชุมใหญ่ สามารถลงมติผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่น โดยวิธีการนั้นสามารถยืนยันความเป็นสมาชิกได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ กำหนด”” คณะกรรมาธิการไมเ่ ห็นดว้ ย ผู้แปรญัตติขอสงวน มาตรา ๖ แกไ้ ขมาตรา ๔๗ มกี ารแก้ไข มผี ู้แปรญัตติขอสงวนคำแปรญตั ติ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ขอแปรญัตติตัดมาตรา ๖ ออกท้ังมาตรา คณะกรรมาธิการไม่เห็นด้วย ผู้แปรญัตติขอสงวน นายรังสิมันต์ โรม ขอแปรญตั ตแิ กไ้ ขเพ่ิมเตมิ ความในมาตรา ๖ เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๖ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนแ้ี ทน “มาตรา ๔๗ พรรคการเมืองซึ่งประสงค์จะสง่ ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งใด ต้องมีสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำ จังหวัดในจังหวัดนั้น ในกรณีที่พรรคการเมืองใดมีสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัดมากกว่าหนึ่งสาขาพรรคการเมืองหรือมากกว่าหนึ่งตัวแทนพรรคการเมืองประจำ จงั หวัดในจงั หวัดใด ให้พรรคการเมอื งนนั้ เป็นผู้กำหนดวา่ จะให้ต้องมสี าขาพรรคการเมืองใดหรือตัวแทน พรรคการเมืองประจำจังหวัดใดอยู่ในจังหวัดนั้น เป็นสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวดั นัน้ เพอ่ื ดำเนินการตามมาตรา ๕๐ การส่งผสู้ มัครรบั เลือกตัง้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบง่ เขตเลือกตง้ั ในเขตเลือกต้ังใด ใหพ้ รรคการเมืองส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งจากผ้ซู ่ึงไดร้ ับเลือกจากสาขาพรรคการเมืองหรือตวั แทนพรรคการเมือง ประจำจงั หวดั เป็นผูส้ มัครรับเลือกต้ัง”” คณะกรรมาธิการไม่เห็นด้วย ผ้แู ปรญตั ติขอสงวน มาตรา ๗ แก้ไขมาตรา ๔๘ วรรคหนึ่ง มกี ารแกไ้ ข มกี รรมาธิการขอสงวนความเห็น และผ้แู ปรญัตตขิ อสงวนคำแปรญตั ติ นายธรี จั ชยั พนั ธมุ าศ นายปดพิ ทั ธ์ สันตภิ าดา และนายณัฐวุฒิ บัวประทมุ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แกไ้ ขเพมิ่ เติมความในมาตรา ๗ เปน็ ดงั นี้
(๑๐) “มาตรา ๗ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนญู วา่ ด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามต่อไปนแ้ี ทน “มาตรา ๔๘ การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ให้พรรคการเมืองจัดทำบัญชีรายชื่อ เพื่อส่งให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด โดยให้ตอ้ งคำนงึ ถงึ ผสู้ มคั รรบั เลือกตัง้ จากภูมภิ าคตา่ ง ๆ และจากทุกสว่ นของสงั คม และความเท่าเทียมกัน ระหว่างชายและหญิงเพศด้วย ในกรณีที่พรรคการเมืองใด มีสาขาพรรคการเมืองมากกว่าหนึ่งสาขา หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวดั มากกว่าหนึ่งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดในจังหวัดใด ให้พรรคการเมืองนั้นเป็นผู้กำหนดว่าจะให้สาขาพรรคการเมืองสาขาใดหรือตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัดใดในจังหวัดนั้น เป็นสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดนั้น เพ่ือดำเนนิ การตามมาตรา ๕๑”” นายเสรี สุวรรณภานนท์ ขอแปรญตั ตติ ดั มาตรา ๗ ออกทัง้ มาตรา คณะกรรมาธิการไม่เหน็ ด้วย ผ้แู ปรญตั ติขอสงวน นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ขอแปรญัตตแิ ก้ไขเพม่ิ เติมความในมาตรา ๗ เป็นดังน้ี “มาตรา ๗ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งและวรรคสองของมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปน้ีแทน “มาตรา ๔๘ การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ให้พรรคการเมืองจัดทำบัญชีรายชื่อ เพื่อส่งให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำ จังหวดั โดยให้คำนงึ ถึงผสู้ มัครรับเลือกต้ังจากภูมิภาคต่าง ๆ และความเทา่ เทียมกนั ระหว่างชายและหญิง เพศด้วย ในกรณีที่พรรคการเมืองใดมีตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดมากกว่าหนึ่งตัวแทน พรรคการเมืองประจำจังหวัดในจังหวัดใด ให้พรรคการเมืองนั้นเป็นผู้กำหนดว่าจะให้ตัวแทน พรรคการเมืองประจำจังหวัดใดในจังหวัดนั้น เป็นตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดนั้น เพอื่ ดำเนนิ การตามมาตรา ๕๑ คณะกรรมการจะกำหนดอัตราส่วนขั้นต่ำของผู้สมัครซึ่งเป็นชาย หญิง และบุคคล ท่ีมคี วามหลากหลายทางเพศที่พรรคการเมืองจะต้องสง่ ลงสมัครรับเลือกต้ังก็ได้ ในกรณีที่พรรคการเมืองใด ไม่อาจส่งผู้สมัครตามอัตราส่วนดังกล่าวได้ ให้แจ้งเหตุผลให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไปก่อนวันสมัคร รบั เลือกตัง้ ”” คณะกรรมาธิการไมเ่ หน็ ด้วย ผู้แปรญัตติขอสงวน นายธัญวัจน์ กมลวงศว์ ฒั น์ ขอแปรญตั ติแก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา ๗ เป็นดงั น้ี “มาตรา ๗ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนแ้ี ทน “มาตรา ๔๘ การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายช่ือ ให้พรรคการเมืองจัดทำบัญชีรายชื่อ เพื่อส่งให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำ จังหวัด โดยให้ต้องคำนึงถึงผู้สมัครรับเลือกตั้งจากภูมิภาคต่าง ๆ และความเท่าเทียมกันระหว่างชาย และหญิง และผู้มีความหลากหลายทางเพศด้วย ในกรณีที่พรรคการเมืองใดมีตัวแทนพรรคการเมือง
(๑๑) ประจำจังหวัดมากกว่าหนึ่งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดในจังหวัดใด ให้พรรคการเมืองนั้น เป็นผู้กำหนดว่าจะให้ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดใดในจังหวัดนั้น เป็นตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัดนน้ั เพื่อดำเนินการตามมาตรา ๕๑”” คณะกรรมาธกิ ารไม่เห็นด้วย ผูแ้ ปรญตั ตขิ อสงวน นายรังสิมันต์ โรม ขอแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา ๗ และเพิ่มความเป็น มาตรา ๗/๑ ดงั น้ี “มาตรา ๗ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งและวรรคสองของมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามต่อไปนแี้ ทน “มาตรา ๔๘ การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ให้พรรคการเมืองจัดทำบัญชีรายชื่อ เพื่อส่งให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำ จังหวัด โดยให้คำนึงถึงผู้สมัครรบั เลือกตั้งจากภูมิภาคต่าง ๆ และความเท่าเทียมกันระหว่างชายและหญงิ เพศด้วย ในกรณีที่พรรคการเมืองใดมีตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดมากกว่าหนึ่งตัวแทน พรรคการเมืองประจำจังหวัดในจังหวัดใด ให้พรรคการเมืองนั้นเป็นผู้กำหนดว่าจะให้ตัวแทน พรรคการเมืองประจำจังหวัดใดในจังหวัดนั้น เป็นตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดนั้น เพ่ือดำเนนิ การตามมาตรา ๕๑ คณะกรรมการจะกำหนดอัตราส่วนขั้นต่ำของผู้สมัครซึ่งเป็นชาย หญิง และบุคคล ที่มีความหลากหลายทางเพศท่ีพรรคการเมืองจะต้องสง่ ลงสมัครรับเลือกต้ังก็ได้ ในกรณีทพี่ รรคการเมืองใด ไม่อาจส่งผู้สมัครตามอัตราส่วนดังกล่าวได้ ให้แจ้งเหตุผลให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไปก่อนวันสมัคร รบั เลือกตั้ง” มาตรา ๗/๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔๙ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “มาตรา ๔๙ ในการเลือกตั้งทั่วไป การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตัง้ และแบบบญั ชีรายช่ือ ใหด้ ำเนนิ การสรรหาตามวิธีการท่ีกำหนดในข้อบังคบั เม่ือมีกรณีต้องสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ให้พรรคการเมืองจัดให้มีคณะกรรมการสรรหา ผู้สมคั รรับเลอื กตัง้ ประกอบดว้ ยบคุ คลและจำนวนตามท่ีกำหนดในข้อบงั คับ เพอ่ื ประโยชน์ในการสรรหาผู้สมัครรับเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง พรรคการเมืองใดจะดำเนินการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งไว้ เป็นการลว่ งหน้ากอ่ นวันประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มกี ารเลือกตัง้ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรก็ได้”” คณะกรรมาธิการไม่เหน็ ด้วย ผู้แปรญตั ตขิ อสงวน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ขอแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา ๗ และเพิ่มความ เปน็ มาตรา ๗/๑ ดงั นี้ “มาตรา ๗ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนูญวา่ ดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปน้แี ทน
(๑๒) “มาตรา ๔๘ การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายช่ือ ให้พรรคการเมืองจัดทำบัญชีรายชื่อ เพื่อส่งให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัด โดยให้คำนึงถึงผู้สมัครรับเลือกตั้งจากภูมิภาคต่าง ๆ และความเท่าเทียมกันระหว่าง ชายและหญิงด้วย ในกรณีที่พรรคการเมืองใดมีตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดมากกว่า หนึ่งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดในจังหวัดใดให้พรรคการเมืองนั้นเป็นผู้กำหนดว่าจะให้ ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดใดในจังหวัดนั้น เป็นตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดน้ัน เพอ่ื ดำเนินการตามมาตรา ๕๑” มาตรา ๗/๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔๙ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปน้แี ทน “มาตรา ๔๙ ในการเลือกตั้งทั่วไป การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้ดำเนินการสรรหาตามวิธีการที่กำหนดในมาตรา ๕๐ เว้นแต่กรณีที่เป็นการ ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง สำหรับการเลือกตั้งแทนการเลือกต้ัง ทเี่ ป็นโมฆะ หรอื การเลือกตงั้ ใหม่ในกรณที ่ีไมม่ ผี ใู้ ดได้รับเลือกตั้ง หรือกรณีผ้สู มัครตายกอ่ นปดิ การรับสมัคร รบั เลอื กตง้ั ให้ดำเนินการตามขอ้ บังคับ เมื่อมีกรณีต้องสรรหาผู้สมัครรับเลอื กตั้ง ให้พรรคการเมืองจัดให้มีคณะกรรมการสรรหา ผสู้ มคั รรับเลือกตัง้ ประกอบดว้ ยบคุ คลและจำนวนตามทก่ี ำหนดในขอ้ บงั คบั ซึง่ อยา่ งน้อยต้องประกอบด้วย กรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เกินกึ่งหนึ่งของคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง และหัวหน้า สาขาพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ทั้งนี้ จำนวนหัวหน้าสาขาพรรคการเมือง และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดให้เป็นไปตามข้อบังคับ แต่อย่างน้อยต้องมีหัวหน้าสาขา พรรคการเมืองไม่น้อยกว่าสี่สาขาซึ่งมาจากภาคต่างกันที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา ๓๓ และให้มีหน้าที่และอำนาจในการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ ให้ได้ผู้ซึ่งมีความรู้ความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต และมีคุณธรรม จริยธรรม ตามมาตรฐานทางจริยธรรมที่กำหนดในข้อบังคับ และตามที่ กำหนดในมาตรา ๕๐ เพือ่ ประโยชน์ในการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกต้ัง พรรคการเมืองใดจะดำเนินการสรรหาผู้สมัครรับเลือกต้ังไวเ้ ปน็ การล่วงหน้าก่อนวนั ประกาศพระราชกฤษฎีกา ใหม้ ีการเลอื กต้ังสมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรก็ได้”” คณะกรรมาธิการไมเ่ ห็นด้วย ผแู้ ปรญัตตขิ อสงวน มาตรา ๘ แก้ไขมาตรา ๕๐ มีการแก้ไข มกี รรมาธิการขอสงวนความเห็น และผูแ้ ปรญัตตขิ อสงวนคำแปรญตั ติ นายธีรจั ชัย พนั ธมุ าศ นายปดพิ ัทธ์ สนั ติภาดา และนายณัฐวฒุ ิ บวั ประทุม (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเหน็ โดยขอให้แก้ไขเพม่ิ เตมิ ความในมาตรา ๘ เปน็ ดงั น้ี “มาตรา ๘ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปน้แี ทน “มาตรา ๕๐ การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ใหด้ ำเนนิ การตามวธิ กี าร ดงั ต่อไปนี้
(๑๓) (๑) ให้คณะกรรมการสรรหากำหนดวัน เวลา และสถานที่ในการสมัครเป็นผู้สมัคร รบั เลือกตงั้ และประกาศให้สมาชิกทราบเปน็ การท่ัวไป (๒) เมื่อพ้นกำหนดเวลารับสมัครตาม (๑) ให้คณะกรรมการสรรหาตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครในแต่ละเขตเลือกตั้ง แล้วส่งรายชื่อผู้สมัครให้สาขาพรรคการเมือง หรอื ตวั แทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด (๓) เมื่อสาขาพรรคการเมืองหรือตวั แทนพรรคการเมืองประจำจังหวดั ไดร้ ับรายช่ือผู้สมัคร จากคณะกรรมการสรรหาแล้ว ให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด จัดการประชุมดำเนินการเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกมาประกอบในการเพ่ือให้ความเห็นชอบ หรอื ไม่ใหค้ วามเห็นชอบตามรายชอื่ ที่คณะกรรมการสรรหาดว้ ยส่งมา (๔) ให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดส่งรายชื่อผู้สมัคร ในแต่ละเขตเลือกตั้งทั้งที่ได้รับความเห็นชอบและไม่ได้รับความเห็นชอบพร้อมความคิดเห็นตาม (๓) ใหค้ ณะกรรมการสรรหาเพอ่ื พิจารณาเสนอความคิดเหน็ (๕) ให้คณะกรรมการสรรหาส่งรายชื่อผู้สมัครของแต่ละเขตเลือกตั้งพร้อมความคิดเห็น ตาม (๓) และ (๔) ใหค้ ณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบพร้อมความคิดเห็น ตาม (๓) เพื่อประกอบการพิจารณาในกรณีที่คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เห็นชอบ ให้มี การประชุมรว่ มกันระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคและคณะกรรมการสรรหาเพอื่ พิจารณาบุคคลท่ี เหมาะสมเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง หากที่ประชุมร่วมกันมีมติเห็นชอบกับรายชื่อบุคคลใด ให้จะเสนอ รายช่อื บคุ คลนัน้ ให้เปน็ ผสู้ มคั รรบั เลอื กต้งั ”” นายเฉลมิ ชัย เฟ่อื งคอน ขอแปรญตั ตแิ ก้ไขเพิ่มเตมิ ความในมาตรา ๘ เป็นดงั นี้ “มาตรา ๘ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปนี้แทน “มาตรา ๕๐ การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกต้ัง ให้ดำเนนิ การตามวธิ ีการ ดงั ต่อไปน้ี (๑) ให้คณะกรรมการสรรหากำหนดวัน เวลา และสถานที่ในการสมัครเป็นผู้สมัคร รับเลอื กตั้งและประกาศให้สมาชกิ ทราบเป็นการทว่ั ไป (๒) เมื่อพ้นกำหนดเวลารับสมัครตาม (๑) ให้คณะกรรมการสรรหาตรวจสอบคุณสมบัติ ของผู้สมัครในแต่ละเขตเลือกตั้ง แล้วส่งรายชื่อผู้สมัครให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจงั หวดั (๓) เมื่อสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดได้รับรายชื่อ ผู้สมัครจากคณะกรรมการสรรหาแล้ว ให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัด จัดการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกมาประกอบการพิจารณาในการ เพื่อลงคะแนนเลือกผ้สู มคั รตามรายช่อื ทค่ี ณะกรรมการสรรหาด้วยส่งมา (๔) ให้การประชุมสาขาพรรคการเมืองต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยคน หรือการประชุมตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดส่งต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่าห้าสิบคน โดยในการลงคะแนนให้สมาชิกมีสิทธิลงคะแนนเลือกได้หนึ่งคน และเมื่อลงคะแนนเลือกเสร็จสิ้นแล้ว ให้นับคะแนนและประกาศผลการนับคะแนนของสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมือง
(๑๔) ประจำจังหวัดในเขตเลือกตั้งนั้น แล้วรายงานรายชื่อผู้สมัครในแต่ละเขตพร้อมความคิดเห็นตาม (๓) ซึ่งได้รับคะแนนลำดับสูงสุดสองลำดับแรกให้คณะกรรมการสรรหาโดยเร็ว ในกรณีที่มีผู้มีคะแนนเท่ากัน มากกวา่ จำนวนดงั กล่าว ใหเ้ ป็นอำนาจของคณะกรรมการสรรหาในการจดั เรยี งลำดบั (๕) ให้คณะกรรมการสรรหาส่งรายชื่อผู้สมัครซึ่งได้รับคะแนนของแต่ละเขตเลือกต้ัง ให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองพิจารณาให้ความเห็นชอบพร้อมความคิดเห็นตาม (๓) เพื่อประกอบการโดยพิจารณา ในกรณีที่จากผู้มีคะแนนสูงสุดของแต่ละเขตเลือกตั้ง หากคณะกรรมการ บริหารพรรคการเมืองไม่เห็นชอบ ให้แสดงเหตุผลและให้พิจารณาผู้สมัครซึ่งได้คะแนนในลำดับถัดไป เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ในกรณีที่คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เห็นชอบกับรายชื่อที่สาขา พรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดส่งมาทั้งหมด ให้มีการประชุมร่วมกันระหว่าง คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและคณะกรรมการสรรหาเพื่อพิจารณาหาบุคคลที่เหมาะสม เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง หากที่ประชุมร่วมกันมีมติเห็นชอบกับรายชื่อบุคคลผู้สมัครผู้ใด ให้เสนอรายช่ือ บุคคลผู้นั้นเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง แต่ถ้าที่ประชุมร่วมกันมีมติไม่เห็นชอบกับรายชื่อผู้สมัครที่สาขา พรรคการเมืองหรือตวั แทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดส่งมาท้ังหมด ใหค้ ณะกรรมการสรรหาแจ้งเหตุผล ให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ในเขตเลือกตั้งนั้นทราบ และให้ ดำเนินการตาม (๑) (๒) (๓) และ (๔) จนกวา่ จะไดผ้ ้สู มคั รรับเลอื กตั้งในเขตเลือกตง้ั น้ัน”” คณะกรรมาธกิ ารไม่เห็นดว้ ย ผู้แปรญตั ตขิ อสงวน นายเสรี สุวรรณภานนท์ ขอแปรญตั ติตัดมาตรา ๘ ออกทงั้ มาตรา คณะกรรมาธิการไมเ่ หน็ ดว้ ย ผแู้ ปรญตั ติขอสงวน นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ และนายรังสิมันต์ โรม ขอแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมความ ในมาตรา ๘ เป็นดังน้ี “มาตรา ๘ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนี้แทน “มาตรา ๕๐ การสรรหาผสู้ มคั รรบั เลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบง่ เขตเลือกต้ัง และผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ให้ดำเนินการตามวิธกี าร ดงั ต่อไปนี้ ที่กำหนดในข้อบงั คับ (๑) ให้คณะกรรมการสรรหากำหนดวัน เวลา และสถานที่ในการสมัครเป็นผู้สมัคร รับเลือกตง้ั และประกาศใหส้ มาชกิ ทราบเปน็ การทัว่ ไป (๒) เมื่อพ้นกำหนดเวลารับสมัครตาม (๑) ให้คณะกรรมการสรรหาตรวจสอบ คุณสมบัติของผู้สมัครในแต่ละเขตเลือกตั้ง แล้วส่งรายชื่อผู้สมัครให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทน พรรคการเมืองประจำจังหวัด (๓) เมื่อสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดได้รับรายช่ือ ผู้สมัครจากคณะกรรมการสรรหาแล้ว ให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัดจัดการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกมาประกอบการพิจารณาในการ สรรหาด้วย
(๑๕) (๔) ให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดส่งรายชื่อผู้สมัคร ในแตล่ ะเขตพร้อมความคิดเหน็ ตาม (๓) ใหค้ ณะกรรมการสรรหา (๕) ให้คณะกรรมการสรรหาส่งรายชื่อผู้สมัครของแต่ละเขตเลือกตั้ง ให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองพิจารณาให้ความเห็นชอบพร้อมความคิดเห็นตาม (๓) เพื่อประกอบการพิจารณา ในกรณีท่ีคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เห็นชอบ ให้มีการประชุม ร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคและคณะกรรมการสรรหาเพื่อพิจารณาหาบุคคล ที่เหมาะสมเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง หากที่ประชุมร่วมกันมีมติเห็นชอบกับรายชื่อบุคคลใด ให้เสนอ รายชือ่ บคุ คลน้ันเปน็ ผ้สู มัครรับเลือกตง้ั ”” คณะกรรมาธิการไม่เหน็ ดว้ ย ผ้แู ปรญตั ตขิ อสงวน นายสาทติ ย์ วงศ์หนองเตย ขอแปรญตั ติแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ความในมาตรา ๘ เป็นดังน้ี “มาตรา ๘ ให้ยกเลกิ ความในมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปน้แี ทน “มาตรา ๕๐ การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกต้ัง ให้ดำเนินการตามวิธีการ ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ให้คณะกรรมการสรรหากำหนดวัน เวลา และสถานที่ในการสมัครเป็นผู้สมัคร รับเลอื กต้งั และประกาศใหส้ มาชกิ ทราบเป็นการท่ัวไป (๒) เมื่อพ้นกำหนดเวลารับสมัครตาม (๑) ให้คณะกรรมการสรรหาตรวจสอบคุณสมบัติ ของผู้สมัครในแต่ละเขตเลือกตั้ง แล้วส่งรายชื่อผู้สมัครให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัดทมี่ พี ้นื ท่รี ับผิดชอบในเขตเลือกต้งั น้ัน (๓) เมื่อสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดได้รับรายชื่อผู้สมัคร จากคณะกรรมการสรรหาแล้ว ให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด จัดการประชุมสมาชกิ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกมาประกอบการพิจารณาในการหรือลงคะแนน เลอื กผูส้ มัครตามรายชือ่ ท่ีคณะกรรมการสรรหาดว้ ยส่งมา (๔) การประชุมสาขาพรรคการเมืองเพื่อลงคะแนนเลือกผู้สมัครตามรายชื่อที่คณะกรรมการ สรรหาส่งมาต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่าห้าสิบคน หรือการประชุมตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัดต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่ายี่สิบห้าคน โดยในการลงคะแนน ให้สมาชิก มีสิทธิลงคะแนนเลือกได้หนึ่งคนและเมื่อลงคะแนนเลือกเสร็จสิ้นแล้ว ให้นับคะแนนและประกาศผล การนับคะแนนของสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดส่งรายชื่อผู้สมัคร ในแต่ละเขตพร้อมความคิดเห็นตาม (๓)เลือกตั้งนั้น แล้วรายงานรายชื่อผู้สมัครซึ่งได้รับคะแนน ลำดับสูงสุดสองลำดับแรกให้คณะกรรมการสรรหาโดยเร็ว ในกรณีที่มีผู้มีคะแนนเท่ากันมากกว่าจำนวน ดงั กลา่ ว ใหเ้ ป็นอำนาจของคณะกรรมการสรรหาในการจดั เรยี งลำดบั ในการรับฟังความคิดเห็นตาม (๓) ให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจงั หวดั นำรายช่ือผ้สู มัครจากคณะกรรมการสรรหาให้สมาชิกผเู้ ข้าประชุมแสดงความคิดเห็นแล้วให้ รายงานช่ือผูส้ มคั รซงึ่ สรุปความเห็นแล้วสง่ คณะกรรมการสรรหาตามวรรคหน่ึง
(๑๖) (๕) ให้คณะกรรมการสรรหาส่งรายชื่อผู้สมัครซึ่งได้รับคะแนนของแต่ละเขตเลือกตั้ง ใหค้ ณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองพจิ ารณาใหค้ วามเห็นชอบพร้อมความคิดเห็นตาม (๓) เพ่ือประกอบ การโดยพิจารณาจากผู้มีคะแนนสูงสุดของแต่ละเขตเลือกตั้ง หากคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง ไม่เห็นชอบ ให้แสดงเหตุผลและให้พิจารณาผู้สมัครซึ่งได้คะแนนในลำดับถัดไปเป็นผู้สมัครรั บเลือกตั้ง ในกรณีที่คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เห็นชอบกับรายชื่อที่สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทน พรรคการเมอื งประจำจงั หวดั สง่ มาท้งั หมด ให้มีการประชมุ รว่ มกนั ระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง และคณะกรรมการสรรหาเพื่อพิจารณาหาบุคคลที่เหมาะสมเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งประชุมร่วมกัน หากที่ประชุมร่วมกันมีมติเห็นชอบกับรายชื่อบุคคลผู้สมัครผู้ใด ให้เสนอรายชื่อบุคคลผู้นั้นเป็นผู้สมัคร รับเลือกตั้ง แต่ถ้าที่ประชุมร่วมกันมีมติไม่เห็นชอบกับรายชื่อผู้สมัครที่สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทน พรรคการเมืองประจำจังหวัดส่งมาทั้งหมด ให้คณะกรรมการสรรหาแจ้งเหตุผลให้หัวหน้าสาขา พรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดในเขตเลือกตั้งนั้นทราบ และให้ดำเนินการ ตาม (๑) (๒) (๓) และ (๔) จนกวา่ จะไดผ้ สู้ มัครรบั เลอื กตั้งในเขตเลอื กตง้ั นน้ั ”” คณะกรรมาธกิ ารไมเ่ หน็ ดว้ ย ผู้แปรญัตติขอสงวน ศาสตราจารย์โกวทิ ย์ พวงงาม ขอแปรญัตติแก้ไขเพม่ิ เตมิ ความในมาตรา ๘ เป็นดงั นี้ “มาตรา ๘ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปน้แี ทน “มาตรา ๕๐ การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้ดำเนินการตามวธิ ีการ ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ให้คณะกรรมการสรรหากำหนดวัน เวลา และสถานที่ในการสมัครเป็นผู้สมัคร รบั เลอื กตั้งและประกาศให้สมาชิกทราบเป็นการท่วั ไป (๒) เมื่อพ้นกำหนดเวลารับสมัครตาม (๑) ให้คณะกรรมการสรรหาตรวจสอบคุณสมบัติ ของผู้สมัครในแต่ละเขตเลือกตั้ง แล้วส่งรายชื่อผู้สมัครให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจงั หวัด (๓) เมื่อสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดได้รับรายชื่อ ผู้สมัครจากคณะกรรมการสรรหาแล้ว ให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัด จัดการประชุมให้มีช่องทางเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกมาประกอบการพิจารณา ในการสรรหาด้วย (๔) ให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดส่งรายชื่อผู้สมัคร ในแตล่ ะเขตพรอ้ มความคิดเหน็ ตาม (๓) ใหค้ ณะกรรมการสรรหา (๕) ให้คณะกรรมการสรรหาส่งรายชื่อผู้สมัครของแต่ละเขตเลือกตั้ง ให้คณะกรรมการ บริหารพรรคการเมืองพิจารณาให้ความเห็นชอบพร้อมความคิดเห็นตาม (๓) เพื่อประกอบการพิจารณา ในกรณีที่คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เห็นชอบ ให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการ บริหารพรรคและคณะกรรมการสรรหาเพื่อพิจารณาหาบุคคลที่เหมาะสมเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง หากทป่ี ระชมุ รว่ มกนั มีมตเิ ห็นชอบกับรายชื่อบุคคลใด ใหเ้ สนอรายช่ือบคุ คลนั้นเป็นผู้สมัครรบั เลอื กตงั้ ”” คณะกรรมาธิการไมเ่ หน็ ด้วย ผู้แปรญัตติขอสงวน
(๑๗) มาตรา ๙ แกไ้ ขมาตรา ๕๑ มีการแก้ไข มีกรรมาธิการขอสงวนความเห็น และผู้แปรญตั ตขิ อสงวนคำแปรญัตติ นายธีรัจชัย พันธุมาศ นายปดิพทั ธ์ สันตภิ าดา และนายณฐั วฒุ ิ บัวประทุม (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้แก้ไขเพม่ิ เตมิ ความในมาตรา ๙ เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๙ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามต่อไปนีแ้ ทน “มาตรา ๕๑ การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายช่ือ ให้ดำเนนิ การตามวธิ กี าร ดงั ต่อไปน้ี (๑) ให้คณะกรรมการสรรหากำหนดวัน เวลา และสถานที่ในดำเนินการรับสมัคร หรือให้มีการเสนอรายชื่อบุคคลเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง และมีหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการบริหาร พรรคการเมือง หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และโดยประกาศ ให้สมาชิกทราบเป็นการทั่วไป และให้พรรคการเมืองกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการดังกล่าวไว้ ในข้อบังคบั (๒) เมื่อพ้นกำหนดเวลาเสนอรายชื่อตาม (๑) แล้ว ให้คณะกรรมการสรรหาตรวจสอบ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่เกินหนึ่งร้อยห้าสิบรายช่ือ โดยคำนึงถึงผู้สมัครรบั เลือกตั้งจากภูมิภาคต่าง ๆ และความเท่าเทียมกันระหว่างเพศ แล้วส่งบัญชีรายช่ือ ดังกล่าวให้สาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด พิจารณาเสนอรายช่ือผู้สมัคร รบั เลือกตง้ั สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรแบบบญั ชีรายช่อื ใหค้ ณะกรรมการสรรหา (๓) เมื่อพ้นกำหนดเวลาเสนอรายชื่อ (๑) และ (๒) แล้วให้สาขาพรรคการเมือง หรือตวั แทนพรรคการเมืองประจำจังหวดั ไดร้ บั บญั ชีรายชื่อผู้สมัครรบั เลือกตัง้ ตาม (๒) จากคณะกรรมการ สรรหาตรวจสอบคุณสมบัติและแล้ว ให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัด ดำเนินการเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกพรรคการเมือง แล้วส่งความเห็นดังกล่าว ให้คณะกรรมการสรรหาเพื่อพิจารณาจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่เกินหนึ่งร้อยรายช่ือ โดยคำนึงถึงผู้สมัครรับเลือกตั้งจากภูมิภาคต่าง ๆ และความเท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิง แล้วส่งบญั ชีพร้อมรายชื่อสำรองสิบรายชื่อดงั กล่าวให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจงั หวัด พรอ้ มเสนอความเหน็ (๔) เมื่อสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดได้รับ ให้คณะกรรมการสรรหาส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง รายชื่อสำรอง และความคิดเห็นของสมาชิก และคณะกรรมการสรรหาตาม (๓) จากให้คณะกรรมการสรรหาแล้ว ให้หัวหน้าสาขาบริหารพรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด จัดการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิก มาประกอบการพิจารณาในการสรรหาด้วย แล้วส่งบัญชีรายชื่อดังกล่าวพร้อมความคิดเห็น ให้ความเห็นชอบ ในกรณีที่คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เห็นชอบรายชื่อใดหรือลำดับใด ให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและคณะกรรมการสรรหา เพื่อพิจารณาหาบุคคลที่เหมาะสมเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายช่ื อ แล้วจัดลำดับใหม่ เพอื่ ใหไ้ ดบ้ ัญชรี ายชือ่ ผสู้ มคั รรับเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ (๕) ให้คณะกรรมการสรรหาส่งในกรณีที่พบในภายหลังว่าบุคคลที่อยู่ในบัญชีรายช่ือ ผู้สมัครรับเลือกตั้งตาม (๓) ให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองพิจารณาให้ความเห็นชอบ
(๑๘) พร้อมความคดิ เห็นตาม (๔) เพื่อประกอบการพิจารณา ในกรณีท่ีขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะตอ้ งห้าม ก่อนยื่นบัญชีรายชื่อต่อคณะกรรมการ ให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เห็นชอบรายใด หรอื ลำดับใด ใหม้ กี ารประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและคณะกรรมการ สรรหา เพื่อพิจารณาหาบุคคลที่เหมาะสมพร้อมจัดลำดับเป็นบัญชีรายชื่อสำรองให้เป็นผู้สมัคร รบั เลอื กตงั้ สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรแบบในบัญชีรายชอื่ ท่จี ะย่ืนต่อคณะกรรมการ”” นายชลน่าน ศรีแก้ว นางชื่นสุมน นิวาทวงษ์ และนายสุขุมพงศ์ โง่นคำ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเหน็ โดยขอให้แก้ไขเพม่ิ เติมความในมาตรา ๙ เป็นดังนี้ “มาตรา ๙ ให้ยกเลิกความใน (๑) (๒) และ (๓) ของวรรคหนึ่ง ของมาตรา ๕๑ แหง่ พระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปน้ีแทน “มาตรา ๕๑ การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชี รายช่อื ใหด้ ำเนินการตามวธิ กี าร ดังตอ่ ไปน้ี (๑) ให้คณะกรรมการสรรหากำหนดวัน เวลา และสถานที่ในการเสนอรายชื่อบุคคล เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง และมีหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง หัวหน้าสาขา พรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และประกาศให้สมาชิกทราบเป็นการทั่วไป โดยผู้มีสิทธิเสนอรายชื่อ ได้แก่ คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง และตัวแทนพรรคการเมืองประจำจงั หวัด (๒) ใหส้ าขาพรรคการเมืองหรอื ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจงั หวัด พจิ ารณาเสนอ รายชื่อผสู้ มคั รรบั เลอื กตั้งสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรแบบบญั ชีรายชอื่ ให้คณะกรรมการสรรหา (๓) เมื่อพ้นกำหนดเวลาเสนอรายชื่อตาม (๑) และ (๒) แล้ว ให้คณะกรรมการสรรหา ตรวจสอบคุณสมบัตแิ ละจัดทำบัญชรี ายชื่อผสู้ มคั รรับเลือกตัง้ ไม่เกินหนึ่งร้อยรายชื่อ โดยคำนึงถึงผู้สมัคร รับเลือกตั้งจากภูมิภาคต่าง ๆ และความเท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิง แล้วและส่งบัญชีรายช่ือ ดงั กล่าวให้ไปยังสาขาพรรคการเมอื งหรอื ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด (๔) เมื่อให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดได้รับ บัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งตาม (๓) จากคณะกรรมการสรรหาแล้ว ให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด จัดการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากให้สมาชิก มาประกอบการพิจารณาในการสรรหาดว้ ย แลว้ ส่งลงคะแนนเลือกบุคคลในบัญชีรายช่ือดังกล่าวพร้อม ความคิดเห็นให้ตาม (๓) โดยให้สมาชิกลงคะแนนเลือกได้คนละไม่เกินสิบรายชื่อ โดยการประชุม สาขาพรรคการเมอื งตอ้ งมสี มาชิกมาประชมุ ไมน่ อ้ ยกว่าหนึ่งร้อยคน หรือการประชุมตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัดต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่าห้าสิบคน เมื่อลงคะแนนเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้วให้หัวหน้า สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดประกาศผลการนับคะแนนของสาขา พรรคการเมอื งหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจงั หวดั นน้ั แล้วรายงานไปยังคณะกรรมการสรรหาโดยเรว็ (๕) ให้คณะกรรมการสรรหาส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งตาม (๓) ให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองพิจารณาให้ความเห็นชอบพร้อมความคิดเห็นตาม (๔) เพื่อประกอบการพิจารณา ในกรณีที่คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เห็นชอบรายใด หรือลำดับใด ให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและคณะกรรมการ
(๑๙) สรรหา เพื่อพิจารณาหาบุคคลที่เหมาะสมพร้อมจัดลำดับเป็นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกต้ัง สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบบญั ชีรายชอื่ ”” นายเฉลมิ ชัย เฟอ่ื งคอน ขอแปรญตั ตแิ กไ้ ขเพิม่ เตมิ ความในมาตรา ๙ เป็นดังนี้ “มาตรา ๙ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนูญวา่ ด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปนแี้ ทน “มาตรา ๕๑ การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ให้ดำเนนิ การตามวิธกี าร ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ให้คณะกรรมการสรรหากำหนดวัน เวลา และสถานที่ในการเสนอรายชื่อบุคคล เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง และมีหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง หัวหน้าสาขา พรรคการเมอื ง ตัวแทนพรรคการเมอื งประจำจังหวัด และประกาศใหส้ มาชิกทราบเป็นการท่วั ไป (๒) ให้สาขาพรรคการเมืองหรือตวั แทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดพิจารณาเสนอรายชื่อ ผู้สมคั รรับเลอื กตั้งสมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎรแบบบญั ชรี ายชอื่ ใหค้ ณะกรรมการสรรหา (๓) เมื่อพ้นกำหนดเวลาเสนอรายชื่อตาม (๑) และ (๒) แล้ว ให้คณะกรรมการสรรหา ตรวจสอบคุณสมบัติและจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่เกินหนึ่งร้อยรายชื่อ โดยคำนึงถึงผู้สมัคร รับเลือกตั้งจากภูมิภาคต่าง ๆ และความเท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิง แล้วส่งบัญชีรายชื่อดังกล่าว ให้สาขาพรรคการเมอื งหรอื ตัวแทนพรรคการเมอื งประจำจังหวดั (๔) เมื่อสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดได้รับบัญชีรายชือ่ ผู้สมัครรับเลือกตั้งตาม (๓) จากคณะกรรมการสรรหาแล้ว ให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทน พรรคการเมืองประจำจังหวัด จัดการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากให้สมาชิกมาประกอบ การพิจารณาลงคะแนนเลือกบุคคลในการสรรหาด้วย แล้วส่งบัญชีรายชื่อดังกล่าวพร้อมความคิดเห็น ตาม (๓) โดยให้สมาชิกลงคะแนนเลือกได้คนละไม่เกินสิบรายชื่อ ในการประชุมสาขาพรรคการเมือง ต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยคน หรือการประชุมตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่าห้าสิบคน เมื่อลงคะแนนเลือกเสร็จสิ้นแล้วให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ประกาศผลการนบั คะแนนของสาขาพรรคการเมือง หรือตวั แทน พรรคการเมอื งประจำจงั หวดั น้นั แล้วรายงานไปยงั คณะกรรมการสรรหาโดยเรว็ (๕) ให้คณะกรรมการสรรหาส่งจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยเรียงลำดับ ตามผลรวมของคะแนนท่ีได้รับจากสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดตาม (๓) ให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองพิจารณาให้ความเห็นชอบพร้อมความคิดเห็นตาม (๔) เพื่อประกอบการพิจารณา ในกรณีท่ีคณะกรรมการบริหารหัวหน้าพรรคการเมืองไม่เห็นชอบรายใด หรือประสงค์จะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ให้หัวหน้า พรรคการเมืองอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งลำดับใด ให้มีการประชุมร่วมกันระหว่าง คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและที่หนึ่ง และให้เรียงลำดับรายชื่อตามผลคะแนนดังกล่าว ในลำดับถัดไปจนครบจำนวน ในกรณีที่คะแนนของบุคคลตามบัญชีรายชื่อเท่ากันให้เป็นอำนาจของ คณะกรรมการสรรหา เพื่อพิจารณาหาบุคคลที่เหมาะสมพร้อมในการจัดเรียงลำดับเป็นบัญชีรายช่ือ ผู้สมัครรับเลอื กต้งั สมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎรแบบบญั ชีรายช่ือ
(๒๐) (๖) ให้คณะกรรมการสรรหาสง่ บัญชรี ายช่ือผู้สมคั รรับเลือกต้งั ตาม (๕) ให้คณะกรรมการ บริหารพรรคการเมืองพิจารณาให้ความเห็นชอบ หากคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เห็นชอบ ให้ดำเนินการตาม (๑) (๒) (๓) (๔) และ (๕) จนกว่าจะได้บญั ชีผู้สมคั รรบั เลือกตง้ั ”” คณะกรรมาธกิ ารไมเ่ ห็นดว้ ย ผ้แู ปรญัตตขิ อสงวน นายเสรี สุวรรณภานนท์ ขอแปรญัตตแิ กไ้ ขเพิม่ เตมิ ความในมาตรา ๙ เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๙ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปน้ีแทน “มาตรา ๕๑ การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ใหด้ ำเนนิ การตามวิธีการ ดงั ต่อไปน้ี (๑) ให้คณะกรรมการสรรหากำหนดวัน เวลา และสถานที่ในการเสนอรายชื่อบุคคล เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง และมีหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง หัวหน้าสาขา พรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และประกาศให้สมาชิกทราบเป็นการทั่วไป โดยผู้มีสิทธิเสนอรายชื่อ ได้แก่ คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง และตวั แทนพรรคการเมืองประจำจงั หวดั (๒) เมื่อพ้นกำหนดเวลาเสนอรายชื่อตาม (๑) ให้คณะกรรมการสรรหาตรวจสอบ คุณสมบัติและจัดทำบัญชีรายชื่อไม่เกินหนึ่งร้อยรายชื่อ โดยคำนึงถึงผู้สมัครรบั เลือกตั้งจากภูมภิ าคต่าง ๆ และความเท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิง และส่งบัญชีรายชื่อดังกล่าวไปยังสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด พิจารณาเสนอรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาผูแ้ ทนราษฎรแบบบญั ชีรายชอ่ื ให้คณะกรรมการสรรหา (๓) เมื่อพน้ กำหนดเวลาเสนอรายชือ่ (๑) และ (๒) แล้ว ให้คณะกรรมการสรรหาตรวจสอบ คุณสมบัติและหัวหน้าสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด จัดทำการประชุม เพื่อให้สมาชิกลงคะแนนเลือกบุคคลในบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับตาม (๒) โดยให้สมาชิกลงคะแนนเลือกต้ัง ได้คนละไม่เกินหนึ่งร้อยสิบรายชื่อ โดยคำนึงถึงผูส้ มัครรับเลือกต้ังจากภูมิภาคต่าง ๆ และความเท่าเทียม กันระหว่างชายและหญิง แล้วส่งบัญชีรายชื่อดังกล่าวการประชุมสาขาพรรคการเมืองต้องมีสมาชิก มาประชุมไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยคนหรือการประชุมตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดต้องมีสมาชิก มาประชุมไม่น้อยกว่าห้าสิบคน เมื่อลงคะแนนเลือกเสร็จสิ้นแล้ว ให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวดั ประกาศผลการนับคะแนนของสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทน พรรคการเมอื งประจำจังหวัดนัน้ แลว้ รายงานไปยงั คณะกรรมการสรรหาโดยเร็ว (๔) เมื่อสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดได้รับ ให้คณะกรรมการสรรหาจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งตาม (๓) จากคณะกรรมการสรรหาแล้ว ให้หัวหนา้ โดยเรียงลำดับตามผลรวมของคะแนนที่ได้รับจากสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัด จัดการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกมาประกอบการพิจารณาในการสรร หาด้วย แล้วส่งบัญชีรายชื่อดังกล่าวพร้อมความคิดเห็นตาม (๓) ในกรณีที่หัวหน้าพรรคการเมือง ประสงค์จะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อให้หัวหน้าพรรคการเมือง อยู่ในบัญชีรายชื่อผู้สมัครรบั เลอื กตั้งลำดบั ท่ีหนึ่งและให้เรียงลำดับรายชื่อตามผลคะแนนดังกล่าวในลำดบั
(๒๑) ถัดไปจนครบจำนวน ในกรณีที่คะแนนของบคุ คลตามบัญชีรายช่ือเทา่ กันให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการ สรรหาในการจัดเรยี งลำดับ (๕) ให้คณะกรรมการสรรหาส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งตาม (๓)(๔) ให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองพิจารณาให้ความเห็นชอบพร้อมความคิดเห็นตาม (๔) เพื่อประกอบการพิจารณา ในกรณีที่หากคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เห็นชอบรายใด หรือลำดับใด ให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและคณะกรรมการ สรรหา เพื่อพิจารณาหาบุคคลที่เหมาะสมพร้อมจัดลำดับเป็น ให้ดำเนินการตาม (๑) (๒) (๓) และ (๔) จนกวา่ จะได้บญั ชีรายชอ่ื ผู้สมัครรบั เลือกต้งั สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎรแบบบญั ชีรายชอื่ ”” คณะกรรมาธกิ ารไมเ่ หน็ ดว้ ย ผแู้ ปรญตั ติขอสงวน นายพิจารณ์ เชาวพฒั นวงศ์ ขอแปรญัตตแิ กไ้ ขความในมาตรา ๙ เปน็ ดงั น้ี “มาตรา ๙ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามต่อไปนแ้ี ทน “มาตรา ๕๑ การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชี รายชอื่ ใหด้ ำเนินการตามวิธกี าร ดงั ต่อไปน้ี (๑) ให้คณะกรรมการสรรหากำหนดวัน เวลา และสถานที่ในการเสนอรายชื่อบุคคล เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง และมีหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง หัวหน้าสาขา พรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมอื งประจำจงั หวัด และประกาศใหส้ มาชกิ ทราบเปน็ การทวั่ ไป (๒) ใหส้ าขาพรรคการเมืองหรอื ตัวแทนพรรคการเมอื งประจำจงั หวัด พิจารณาเสนอ รายช่อื ผู้สมคั รรบั เลือกตั้งสมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรแบบบญั ชีรายชอ่ื ให้คณะกรรมการสรรหา (๓) เมื่อพ้นกำหนดเวลาเสนอรายชื่อ (๑) และ (๒) แล้ว ให้คณะกรรมการสรรหา ตรวจสอบคุณสมบัติและจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่เกินหนึ่งร้อยรายชื่อ โดยคำนึงถึง ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากภูมิภาคต่าง ๆ และความเท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิง แล้วส่งบัญชี รายชื่อดงั กลา่ วใหส้ าขาพรรคการเมืองหรอื ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจงั หวัด (๔) เมื่อสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดได้รับบัญชี รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งตาม (๓) จากคณะกรรมการสรรหาแล้ว ให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด จัดการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิก มาประกอบการพิจารณาในการสรรหาด้วย แล้วส่งบัญชีรายชื่อดังกล่าวพร้อมความคิดเห็น ให้คณะกรรมการสรรหา (๕) ให้คณะกรรมการสรรหาส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งตาม (๓) ให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองพิจารณาให้ความเห็นชอบพร้อมความคิดเห็นตาม (๔) เพื่อประกอบการพิจารณา ในกรณีที่คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เห็นชอบรายใด หรือลำดบั ใด ใหม้ ีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและคณะกรรมการ สรรหา เพื่อพิจารณาหาบุคคลที่เหมาะสมพร้อมจัดลำดับเป็นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกต้ัง สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบบัญชีรายชอื่ ”” คณะกรรมาธิการไมเ่ หน็ ดว้ ย ผแู้ ปรญัตตขิ อสงวน
(๒๒) นายมณเฑยี ร บุญตัน ขอแปรญัตติแก้ไขเพ่มิ เติมความในมาตรา ๙ เป็นดงั น้ี “มาตรา ๙ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนแ้ี ทน “มาตรา ๕๑ การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ให้ดำเนนิ การตามวธิ กี าร ดังต่อไปนี้ (๑) ให้คณะกรรมการสรรหากำหนดวัน เวลา และสถานที่ในการเสนอรายชื่อบุคคล เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง และมีหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง หัวหน้าสาขา พรรคการเมอื ง ตวั แทนพรรคการเมอื งประจำจงั หวดั และประกาศให้สมาชิกทราบเป็นการทัว่ ไป (๒) ให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด พิจารณาเสนอ รายชือ่ ผู้สมคั รรับเลอื กตง้ั สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชรี ายชอ่ื ใหค้ ณะกรรมการสรรหา (๓) เมื่อพ้นกำหนดเวลาเสนอรายชื่อ (๑) และ (๒) แล้ว ให้คณะกรรมการสรรหา ตรวจสอบคุณสมบัติและจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่เกินหนึ่งร้อยรายชื่อ โดยคำนึงถึงผู้สมัคร รับเลือกตั้งจากภูมิภาคต่าง ๆ และความเท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิง และความหลากหลายของ กลุ่มประชากรโดยเฉพาะกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทางสังคม แล้วส่งบัญชีรายชื่อดังกล่าวให้สาขาพรรคการเมือง หรือตวั แทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด (๔) เมื่อสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดได้รบั บัญชีรายช่ือ ผู้สมัครรับเลือกตั้งตาม (๓) จากคณะกรรมการสรรหาแล้ว ให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทน พรรคการเมืองประจำจังหวัด จัดการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกมาประกอบการพิจารณา ในการสรรหาดว้ ย แล้วส่งบัญชรี ายชอ่ื ดังกล่าวพรอ้ มความคดิ เห็นให้คณะกรรมการสรรหา (๕) ให้คณะกรรมการสรรหาส่งบัญชรี ายช่ือผูส้ มัครรับเลือกต้ังตาม (๓) ใหค้ ณะกรรมการ บริหารพรรคการเมืองพิจารณาให้ความเห็นชอบพร้อมความคิดเห็นตาม (๔) เพื่อประกอบการพิจารณา ในกรณีที่คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เห็นชอบรายใดหรือลำดับใด ให้มีการประชุมร่วมกัน ระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและคณะกรรมการสรรหา เพื่อพิจารณาหาบุคคลที่เหมาะสม พรอ้ มจัดลำดับเป็นบญั ชีรายชอื่ ผู้สมคั รรับเลือกต้ังสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชอื่ ”” คณะกรรมาธิการไม่เห็นด้วย ผู้แปรญตั ตขิ อสงวน ศาสตราจารยโ์ กวิทย์ พวงงาม ขอแปรญัตตแิ กไ้ ขเพ่มิ เติมความในมาตรา ๙ เป็นดังน้ี “มาตรา ๙ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามต่อไปนี้แทน “มาตรา ๕๑ การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ใหด้ ำเนินการตามวธิ กี าร ดงั ต่อไปน้ี (๑) ให้คณะกรรมการสรรหากำหนดวัน เวลา และสถานที่ในการเสนอรายชื่อบุคคล เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง และมีหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง หัวหน้าสาขา พรรคการเมอื ง ตัวแทนพรรคการเมอื งประจำจังหวัด และประกาศให้สมาชิกทราบเปน็ การทว่ั ไป (๒) ให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด พิจารณาเสนอ รายชื่อผู้สมคั รรับเลือกตง้ั สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบบญั ชรี ายช่ือให้คณะกรรมการสรรหา
(๒๓) (๓) เมื่อพ้นกำหนดเวลาเสนอรายชื่อ (๑) และ (๒) แล้ว ให้คณะกรรมการสรรหา ตรวจสอบคุณสมบัติและจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่เกินหนึ่งร้อยรายชื่อ โดยคำนึงถึงผู้สมัคร รับเลือกตั้งจากภูมิภาคต่าง ๆ และความเท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิง แล้วส่งบัญชีรายชื่อดังกล่าว ให้สาขาพรรคการเมอื งหรอื ตัวแทนพรรคการเมอื งประจำจังหวัด (๔) เมื่อสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดได้รับบัญชีรายช่อื ผู้สมัครรับเลือกตั้งตาม (๓) จากคณะกรรมการสรรหาแล้ว ให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทน พรรคการเมืองประจำจังหวัด จัดการประชุมให้มีช่องทางเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกมาประกอบ การพจิ ารณาในการสรรหาด้วย แลว้ ส่งบญั ชีรายชือ่ ดังกลา่ วพรอ้ มความคิดเห็นใหค้ ณะกรรมการสรรหา (๕) ใหค้ ณะกรรมการสรรหาส่งบัญชีรายช่ือผ้สู มัครรบั เลือกตง้ั ตาม (๓) ให้คณะกรรมการ บริหารพรรคการเมืองพิจารณาให้ความเห็นชอบพร้อมความคิดเห็นตาม (๔) เพื่อประกอบการพิจารณา ในกรณีที่คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เห็นชอบรายใดหรือลำดับใด ให้มีการประชุมร่วมกัน ระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและคณะกรรมการสรรหา เพื่อพิจารณาหาบุคคลที่เหมาะสม พร้อมจัดลำดบั เป็นบัญชรี ายชอ่ื ผ้สู มัครรบั เลือกต้ังสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบบญั ชีรายช่ือ”” คณะกรรมาธิการไม่เห็นดว้ ย ผูแ้ ปรญตั ตขิ อสงวน นายรังสิมันต์ โรม และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ขอแปรญัตติแก้ไขความในมาตรา ๙ และเพมิ่ ความเปน็ มาตรา ๙/๑ ดังน้ี “มาตรา ๙ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนูญวา่ ด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปน้ีแทน “มาตรา ๕๑ การสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบญั ชีรายชอ่ื ใหด้ ำเนนิ การตามวธิ กี าร ดังต่อไปนี้ (๑) ให้คณะกรรมการสรรหากำหนดวัน เวลา และสถานที่ในการเสนอรายชื่อบุคคล เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง และมีหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง หัวหน้าสาขา พรรคการเมอื ง ตวั แทนพรรคการเมืองประจำจงั หวดั และประกาศใหส้ มาชกิ ทราบเป็นการทั่วไป (๒) ใหส้ าขาพรรคการเมอื งหรอื ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจงั หวดั พิจารณาเสนอ รายช่อื ผสู้ มัครรับเลอื กตง้ั สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรแบบบัญชีรายชอ่ื ใหค้ ณะกรรมการสรรหา (๓) เมอื่ พ้นกำหนดเวลาเสนอรายชื่อ (๑) และ (๒) แลว้ ให้คณะกรรมการสรรหาตรวจสอบ คุณสมบัติและจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่เกินหนึ่งร้อยรายชื่อ โดยคำนึงถึงผู้สมัคร รับเลือกตั้งจากภูมิภาคต่าง ๆ และความเท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิง แล้วส่งบัญชีรายช่ือ ดังกลา่ วใหส้ าขาพรรคการเมอื งหรอื ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด (๔) เมื่อสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดได้รับบัญชี รายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งตาม (๓) จากคณะกรรมการสรรหาแล้ว ให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด จัดการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิก มาประกอบการพิจารณาในการสรรหาด้วย แล้วส่งบัญชีรายชื่อดังกล่าวพร้อมความคิดเห็น ให้คณะกรรมการสรรหา
(๒๔) (๕) ให้คณะกรรมการสรรหาส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งตาม (๓) ให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองพิจารณาให้ความเห็นชอบพร้อมความคิดเห็นตาม (๔) เพื่อประกอบการพิจารณา ในกรณีที่คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองไม่เห็นชอบรายใด หรือลำดับใด ให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและคณะกรรมการ สรรหา เพื่อพิจารณาหาบุคคลที่เหมาะสมพร้อมจัดลำดับเป็นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกต้ัง สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎรแบบบญั ชีรายช่อื ” มาตรา ๙/๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๒ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปน้แี ทน “มาตรา ๕๒ ให้เป็นหน้าที่ของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมือง ท่จี ะตอ้ งดำเนนิ การให้เป็นไปตามมาตรา ๕๐”” คณะกรรมาธกิ ารไมเ่ ห็นด้วย ผู้แปรญัตตขิ อสงวน มาตรา ๑๐ ยกเลิกมาตรา ๕๓ ไม่มกี ารแก้ไข มกี รรมาธกิ ารขอสงวนความเหน็ และผู้แปรญตั ตขิ อสงวนคำแปรญตั ติ นายสมชาย แสวงการ นายกล้านรงค์ จันทิก พลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ นายกิตติ วะสีนนท์ นายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์ นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม นางสาวปิยฉัฏฐ์ วันเฉลิม พลอากาศตรี เฉลิมชัย เครืองาม นางวรารัตน์ อติแพทย์ และนางสุวรรณี สิริเวชชะพันธ์ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเหน็ โดยขอให้แกไ้ ขเพมิ่ เติมความในมาตรา ๑๐ เป็นดงั น้ี “มาตรา ๑๐ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนแ้ี ทน “มาตรา ๕๓ ในการดำเนินการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตัง้ ตามมาตรา ๕๐ หรือมาตรา ๕๑ ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้สมาชิกให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบ ตนเองหรอื ผู้อืน่ หรือให้งดเวน้ การใหค้ วามเห็นชอบ หรอื ไมใ่ หค้ วามเหน็ ชอบผู้ใด ด้วยวิธกี ารดังตอ่ ไปน้ี (๑) ให้ เสนอให้ สญั ญาวา่ จะให้ หรอื จัดเตรียมเพื่อจะให้เงิน ทรพั ย์สนิ หรือประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเปน็ เงนิ ได้ไมว่ า่ โดยทางตรงหรอื โดยทางอ้อมแกผ่ ใู้ ด (๒) หลอกลวง บงั คบั ขู่เข็ญ ใชอ้ ิทธิพลคุกคาม ใสร่ ้ายดว้ ยความเทจ็ หรือจงู ใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนิยมของผู้ใด หรือไม่ให้ไปประชุม หรือไม่ให้ออกเสียงว่าให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความ เห็นชอบ”” นางชื่นสมุ น นิวาทวงษ์ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้ตัดมาตรา ๑๐ ออก ทัง้ มาตรา นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน และนายเสรี สุวรรณภานนท์ ขอแปรญัตติตัดมาตรา ๑๐ ออก ทั้งมาตรา คณะกรรมาธกิ ารไม่เห็นดว้ ย ผูแ้ ปรญัตตขิ อสงวน
(๒๕) นายพจิ ารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ขอแปรญตั ติแก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา ๑๐ เปน็ ดังน้ี “มาตรา ๑๐ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามต่อไปนแ้ี ทน “มาตรา ๕๓ ในการดำเนินการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา ๕๐ ห้ามมิให้ผู้ใด กระทำการอย่างหนึง่ อย่างใดเพื่อจูงใจให้สมาชิกลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้อ่ืน หรือให้งดการลงคะแนน ใหแ้ ก่ผใู้ ด ด้วยวิธีการดงั ต่อไปน้ี (๑) ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรอื จัดเตรียมเพื่อจะให้เงิน ทรพั ย์สนิ หรือประโยชน์อ่ืนใด อันอาจคำนวณเปน็ เงนิ ไดไ้ ม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมแกผ่ ูใ้ ด (๒) หลอกลวง บงั คบั ขู่เขญ็ ใช้อิทธิพลคกุ คาม ใสร่ ้ายดว้ ยความเทจ็ หรอื จูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนยิ มของผ้ใู ด หรอื ไม่ใหไ้ ปประชมุ หรือลงคะแนน”” คณะกรรมาธกิ ารไม่เหน็ ด้วย ผู้แปรญตั ตขิ อสงวน นายรังสิมันต์ โรม และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ขอแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมความใน มาตรา ๑๐ และเพิ่มความเปน็ มาตรา ๑๐/๑ ดงั น้ี “มาตรา ๑๐ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนแ้ี ทน “มาตรา ๕๓ ในการดำเนินการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา ๕๐ ห้ามมิให้ผู้ใด กระทำการอย่างหน่ึงอย่างใดเพ่ือจูงใจให้สมาชิกลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น หรอื ให้งดเว้นการลงคะแนน ให้แกผ่ ู้ใด ด้วยวิธกี ารดังตอ่ ไปนี้ (๑) ให้ เสนอให้ สญั ญาว่าจะให้ หรอื จัดเตรียมเพื่อจะให้เงนิ ทรพั ยส์ ิน หรอื ประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเปน็ เงินไดไ้ ม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมแกผ่ ใู้ ด (๒) หลอกลวง บังคับ ขเู่ ข็ญ ใช้อทิ ธิพลคุกคาม ใส่รา้ ยด้วยความเทจ็ หรอื จงู ใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนยิ มของผ้ใู ด หรือไม่ให้ไปประชุมหรอื ลงคะแนน” มาตรา ๑๐/๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๔ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ช้ความต่อไปนแ้ี ทน “มาตรา ๕๔ ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ใดเรียก รับ หรือยอมจะรับ หรือให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สินหรือประโยชนอ์ ื่นใด เพื่อให้สมาชิกผู้ใดลงสมัครหรือไม่ลงสมัครรับเลือก หรือเพอื่ ใหเ้ สนอชือ่ สมาชกิ ผใู้ ดเขา้ รบั การเลือกในการสรรหาตามมาตรา ๕๐”” คณะกรรมาธกิ ารไม่เห็นด้วย ผู้แปรญัตติขอสงวน มาตรา ๑๑ แกไ้ ขมาตรา ๕๕ มกี ารแกไ้ ข มกี รรมาธิการขอสงวนความเหน็ และผแู้ ปรญัตตขิ อสงวนคำแปรญตั ติ นายธีรัจชัย พันธมุ าศ นายปดพิ ัทธ์ สันติภาดา และนายณัฐวุฒิ บัวประทมุ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเหน็ โดยขอใหแ้ กไ้ ขเพ่ิมเติมความในมาตรา ๑๑ เปน็ ดงั นี้ “มาตรา ๑๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๕ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความตอ่ ไปนีแ้ ทน “มาตรา ๕๕ ห้ามมิให้ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวดั หัวหนา้ สาขาพรรคการเมือง หรอื กรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ใดยินยอมใหบ้ ุคคลใดท่ีมิได้เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองเข้าแสดง
(๒๖) ความคิดเห็นในที่ประชุมให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบในการดำเนินการสรรหาผู้สมัคร รับเลือกตัง้ ตามมาตรา ๕๐ หรือมาตรา ๕๑”” นายเฉลมิ ชยั เฟ่อื งคอน ขอแปรญัตติแกไ้ ขเพิ่มเตมิ ความในมาตรา ๑๑ เป็นดงั นี้ “มาตรา ๑๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๕ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปน้แี ทน “มาตรา ๕๕ ห้ามมิให้ตัวแทนพรรคการเมอื งประจำจังหวดั หวั หน้าสาขาพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ใดยินยอมให้บุคคลใดที่มิได้เป็นสมาชิกของพรรคการเมือง เข้าแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมหรือออกเสียงลงคะแนนในการดำเนินการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา ๕๐ หรือมาตรา ๕๑”” คณะกรรมาธกิ ารไม่เห็นดว้ ย ผแู้ ปรญตั ตขิ อสงวน นายเสรี สวุ รรณภานนท์ ขอแปรญตั ติตดั มาตรา ๑๑ ออกทั้งมาตรา คณะกรรมาธกิ ารไม่เหน็ ด้วย ผแู้ ปรญตั ตขิ อสงวน นายพจิ ารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ขอแปรญตั ติแก้ไขความในมาตรา ๑๑ เป็นดงั น้ี “มาตรา ๑๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๕ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนแ้ี ทน “มาตรา ๕๕ ห้ามมใิ ห้ตัวแทนพรรคการเมอื งประจำจังหวัด หวั หน้าสาขาพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ใดยินยอมให้บุคคลใดที่มิได้เป็นสมาชิกของพรรคการเมือง เข้าแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมในการดำเนินการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา ๕๐ หรือมาตรา ๕๑”” คณะกรรมาธิการไมเ่ หน็ ดว้ ย ผูแ้ ปรญตั ตขิ อสงวน นายรังสิมันต์ โรม ขอแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา ๑๑ และเพิ่มความเป็น มาตรา ๑๑/๑ ถึงมาตรา ๑๑/๒๒ ดงั นี้ “มาตรา ๑๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๕ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความตอ่ ไปนีแ้ ทน “มาตรา ๕๕ หา้ มมใิ หต้ วั แทนพรรคการเมอื งประจำจังหวดั หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ใดยินยอมให้บุคคลใดที่มิได้เป็นสมาชิกของพรรคการเมือง เข้าแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมหรือออกเสียงลงคะแนนในการดำเนินการสรรหาผู้สมัครรับเลือกต้ัง ตามมาตรา ๕๐ หรือมาตรา ๕๑” มาตรา ๑๑/๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๖ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนี้แทน “มาตรา ๕๖ ให้หัวหน้าพรรคการเมืองออกหนังสือรับรองการส่งผู้ได้รับการสรรหา ตามมาตรา ๕๐
(๒๗) เมื่อหัวหน้าพรรคการเมืองออกหนังสือรับรองตามวรรคหนึ่งหรือส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัคร รับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อแล้ว แม้ภายหลังจะปรากฏว่ามิได้มีการดำเนินการตามมาตรา ๕๐ หรือดำเนินการไม่ครบถ้วน ไม่ทำให้การสมัครรับเลือกตั้งนั้นเสียไป แต่ถ้าคณะกรรมการทราบถึง การไม่ดำเนินการดังกล่าว ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่จะต้องกล่าวโทษหัวหน้าพรรคการเมือง และกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นต่อพนักงานสอบสวนซึ่งมีเขตอำนาจเพื่อดำเนินการตามหน้าท่ี และอำนาจต่อไป” มาตรา ๑๑/๒ ให้ยกเลิกความในวรรคสามของมาตรา ๖๐ แหง่ พระราชบญั ญัติประกอบ รฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามต่อไปนี้แทน “งบแสดงฐานะการเงินต้องแสดงรายการสินทรัพย์ หนี้สิน และทุนของพรรคการเมือง ทั้งต้องแสดงที่มาของรายรับตามมาตรา ๖๒ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของพรรคการเมืองไว้ โดยชัดเจน โดยเฉพาะค่าใช้จา่ ยในการเลือกตง้ั และรายการอน่ื ตามท่คี ณะกรรมการกำหนด” มาตรา ๑๑/๓ ใหย้ กเลกิ ชอื่ หมวด ๕ รายไดข้ องพรรคการเมือง และความในมาตรา ๖๒ แห่งพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนแ้ี ทน “หมวด ๕ รายรบั ของพรรคการเมือง มาตรา ๖๒ พรรคการเมอื งอาจมรี ายรบั ดงั ต่อไปน้ี (๑) เงนิ ทนุ ประเดมิ (๒) เงนิ คา่ ธรรมเนยี มและคา่ บำรงุ พรรคการเมืองตามท่ีกำหนดในขอ้ บังคบั (๓) เงินทไี่ ดจ้ ากการจำหน่ายสนิ ค้าหรอื บริการของพรรคการเมือง (๔) เงิน ทรัพยส์ ิน และประโยชน์อื่นใดที่ได้จากการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมือง (๕) เงนิ ทรัพย์สิน และประโยชน์อนื่ ใดทไ่ี ดจ้ ากการรับบริจาค (๖) เงนิ อุดหนนุ จากกองทนุ (๗) ดอกผลและรายได้ที่เกดิ จากเงิน ทรพั ยส์ ิน หรอื ประโยชน์อื่นใดของพรรคการเมือง การได้มาซึ่งรายรับตาม (๒) (๓) (๔) และ (๕) ต้องมีใบเสร็จรับเงิน หรือหลักฐาน การไดม้ าซ่งึ รายรบั นนั้ เป็นหนังสอื โดยพรรคการเมอื งจดั ทำเปน็ ข้อมลู อิเลก็ ทรอนกิ ส์กไ็ ด้ ท้งั น้ี ตามแบบที่ คณะกรรมการกำหนด รายรับของพรรคการเมืองจะนำไปใช้เพื่อการอื่นใด นอกจากการดำเนินงานของ พรรคการเมอื งมไิ ด”้ มาตรา ๑๑/๔ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๖๓ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนีแ้ ทน “มาตรา ๖๓ รายรับและทรัพย์สินที่พรรคการเมืองได้รับตามพระราชบัญญัติประกอบ รฐั ธรรมนญู นี้ ให้ไดร้ บั ยกเวน้ ไม่ต้องเสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร” มาตรา ๑๑/๕ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๖๔ แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ.๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนแ้ี ทน
(๒๘) “มาตรา ๖๔ การหารายรับจากการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมืองต้องกระทำ โดยเปิดเผยและแสดงวัตถปุ ระสงคว์ ่าเป็นการระดมทุนของพรรคการเมืองอยา่ งชัดเจน” มาตรา ๑๑/๖ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๖๕ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความตอ่ ไปนแ้ี ทน “มาตรา ๖๕ ทุกเดือน ให้พรรคการเมืองประกาศรายชื่อผู้บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรอื ประโยชน์อนื่ ใดท่ีมมี ลู คา่ ตามที่คณะกรรมการกำหนดแตต่ ้องไม่น้อยกวา่ หน่ึงแสนบาท ให้ประชาชนทราบ เป็นการทั่วไปพร้อมทั้งวัตถุประสงค์ของการบริจาค และให้แจ้งนายทะเบียนทราบตามแบบหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และระยะเวลาท่คี ณะกรรมการกำหนดดว้ ย การประเมินมูลค่าของสิ่งที่ได้รับบริจาคตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการ กำหนด” มาตรา ๑๑/๗ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๖๗ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนี้แทน “มาตรา ๖๗ หัวหน้าพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมือง กรรมการสาขา พรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด หรือสมาชิกผู้ใดได้รับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดโดยผู้บริจาคประสงค์จะบริจาคให้เพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจกรรมของ พรรคการเมือง ต้องแจ้งให้พรรคการเมืองทราบภายในระยะเวลาที่กำหนดในข้อบังคับ และให้ พรรคการเมืองออกใบเสร็จรับเงิน หรือหลักฐานการรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเป็นหนังสือ ให้แก่ผู้บริจาคเป็นหลักฐาน โดยพรรคการเมืองจัดทำเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ ทั้งนี้ ตามแบบ ทค่ี ณะกรรมการกำหนด กิจกรรมของพรรคการเมืองตามวรรคหนึ่ง หมายความรวมถึงการดำเนินงานทางการเมือง ของพรรคการเมือง สาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด สมาชิก หรือผู้สมัคร รับเลอื กตัง้ ดว้ ย” มาตรา ๑๑/๘ ให้ยกเลิกความใน (๒) ของมาตรา ๘๓ แห่งพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนญู วา่ ด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความตอ่ ไปนแ้ี ทน “(๒) ร้อยละย่ีสิบของวงเงินจัดสรรนอกจาก (๑) ให้จัดสรรตามจำนวนสมาชิก พรรคการเมืองโดยแต่ละพรรคการเมืองให้ได้รับตามอัตราส่วนระหว่างจำนวนสมาชิกพรรคการเมือง ที่ทุกพรรคการเมืองได้รับรวมกันในปีที่ผ่านมาต่อจำนวนสมาชิกพรรคการเมืองของพรรคการเมืองน้ัน ณ วันส้ินปีปฏิทนิ ” มาตรา ๑๑/๙ ให้ยกเลิก (๒) ของมาตรา ๙๐ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๑/๑๐ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๙๑ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามต่อไปน้แี ทน “มาตรา ๙๑ พรรคการเมอื งยอ่ มสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองเม่ือ (๑) ไม่แก้ไขข้อบังคับให้ถูกต้องหรือครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนดตามมาตรา ๑๗ วรรคสาม
(๒๙) (๒) ไม่มีการประชุมใหญ่พรรคการเมืองหรือไม่มีการดำเนินกิจกรรมใดทางการเมือง เปน็ ระยะเวลาตดิ ต่อกนั สองปีโดยมไิ ดม้ ีเหตอุ ันจะอา้ งได้ตามกฎหมาย (๓) มีหนสี้ ินล้นพ้นตวั ตามกฎหมายว่าดว้ ยล้มละลาย (๔) ทีป่ ระชมุ ใหญพ่ รรคการเมืองมมี ติใหเ้ ลิกพรรคการเมือง เมื่อปรากฏต่อนายทะเบียนหรือมีผู้แจ้งต่อนายทะเบียนว่าพรรคการเมืองใดสิ้นสภาพ ตามวรรคหน่ึง ใหน้ ายทะเบียนดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ถา้ เห็นว่ามีกรณีทเ่ี ป็นเหตุให้พรรคการเมือง สิ้นสภาพตามวรรคหนึ่ง ให้เสนอคณะกรรมการพิจารณา ถ้าคณะกรรมการเห็นว่ามีกรณีดังกล่าวเกิด ข้ึน ให้คณะกรรมการประกาศการสิ้นสภาพของพรรคการเมืองนั้นในราชกิจจานุเบกษา ในกรณีเช่นน้ี ให้พรรคการเมืองนน้ั ส้นิ สภาพตั้งแตว่ ันท่ีประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นต้นไป ในกรณีที่หัวหน้าพรรคการเมืองที่ถูกประกาศว่าสิ้นสภาพตามวรรคสองไม่เห็นด้วย กับการประกาศของคณะกรรมการตามวรรคสอง ให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัย ภายในสามสิบวนั นบั แต่วนั ท่ปี ระกาศในราชกิจจานุเบกษา เพอ่ื ประโยชน์ในการคมุ้ ครองสมาชกิ ท่เี ปน็ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ใหถ้ ือว่าการสิ้นสภาพ ของพรรคการเมอื งตามมาตรานี้ เป็นการถูกยุบพรรคการเมือง” มาตรา ๑๑/๑๑ ให้ยกเลิกมาตรา ๙๒ มาตรา ๙๓ และมาตรา ๙๔ แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๑/๑๒ ให้ยกเลกิ ความในมาตรา ๑๐๐ แหง่ พระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ช้ความต่อไปน้แี ทน “มาตรา ๑๐๐ ในกรณที ่ีพระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญน้ีกำหนดให้ศาลสั่งเพิกถอน สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ให้การเพิกถอนสิทธิดังกล่าวมีผลในทันทีและเริ่มนับระยะเวลานับแต่วันที่ศาล มีคำส่งั หรอื คำพพิ ากษา เว้นแตศ่ าลอุทธรณห์ รือศาลฎกี าจะมีคำส่งั หรือคำพิพากษาเปน็ อยา่ งอ่นื ” มาตรา ๑๑/๑๓ ให้ยกเลกิ ความในมาตรา ๑๐๑ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนูญ ว่าดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนแ้ี ทน “มาตรา ๑๐๑ ผู้ใดแจ้งหรือกล่าวหาพรรคการเมืองหรือบุคคลใดว่ากระทำผิด ตามพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญนีต้ ่อคณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของรฐั โดยรู้อย่วู ่าเป็นความเท็จ ตอ้ งระวางโทษจำคกุ ไมเ่ กินห้าปี หรือปรบั ไมเ่ กินหนึ่งแสนบาท หรือท้งั จำท้ังปรับ ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นพรรคการเมือง ต้องระวางโทษเป็นสองเท่า ของโทษทก่ี ำหนดไวต้ ามวรรคหนึ่ง” มาตรา ๑๑/๑๔ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๐๓ แหง่ พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนแ้ี ทน “มาตรา ๑๐๓ ผู้ใดยืน่ เอกสารหรือหลักฐานตามมาตรา ๑๓ อนั เป็นเทจ็ ต้องระวางโทษ จำคุกไมเ่ กินสามปี หรอื ปรบั ไม่เกินหกหมื่นบาท หรือท้งั จำทงั้ ปรับ” มาตรา ๑๑/๑๕ ใหย้ กเลิกความในมาตรา ๑๐๔ แหง่ พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญ วา่ ด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความตอ่ ไปนแ้ี ทน “มาตรา ๑๐๔ หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง กรรมการสาขาพรรคการเมือง ตัวแทน พรรคการเมืองประจำจังหวัด หรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมอื งผู้ใดรู้ว่ามกี ารฝา่ ฝนื หรือไม่ปฏิบัติตาม
(๓๐) มาตรา ๒๒ วรรคสองหรือวรรคส่ี และไมร่ ายงานเปน็ หนงั สือให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองทราบ หรือหัวหน้าพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๙๕ วรรคหนึ่ง หรือวรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกนิ ห้าหมืน่ บาท” มาตรา ๑๑/๑๖ ให้ยกเลกิ ความในมาตรา ๑๐๕ แห่งพระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ช้ความต่อไปนแี้ ทน “มาตรา ๑๐๕ ผู้ใดฝา่ ฝืนมาตรา ๒๒ วรรคหก ต้องระวางโทษจำคุกต้ังแต่เจ็ดปีถึงสิบห้าปี หรอื ปรบั ต้ังแต่หนงึ่ แสนสีห่ มนื่ บาทถึงสามแสนบาท หรอื ทั้งจำท้ังปรับ” มาตรา ๑๑/๑๗ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๐๖ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปน้แี ทน “มาตรา ๑๐๖ หัวหน้าพรรคการเมือง นายทะเบียนสมาชิก หรอื เหรญั ญิกพรรคการเมือง ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง มาตรา ๒๕ มาตรา ๒๖ วรรคสอง มาตรา ๒๘ วรรคสอง หรือวรรคสาม มาตรา ๔๓ วรรคหนึ่งหรือวรรคสาม มาตรา ๖๑ มาตรา ๖๔ วรรคสองหรือวรรคสาม หรือมาตรา ๗๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท และปรับอีกวันละหนึ่งพันบาทตลอดระยะเวลา ทย่ี ังมิได้ปฏิบัตใิ หถ้ กู ต้อง” มาตรา ๑๑/๑๘ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๐๗ แหง่ พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญ ว่าดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนแ้ี ทน “มาตรา ๑๐๗ นายทะเบียนสมาชิกจัดทำทะเบียนสมาชิกอันเปน็ เท็จ หรือพรรคการเมืองใด แอบอ้างว่าผู้ใดเป็นสมาชิกของตนตามมาตรา ๒๕ วรรคสาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับ ไมเ่ กนิ หกหมนื่ บาท หรอื ท้งั จำทั้งปรับ” มาตรา ๑๑/๑๙ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๑๐๙ แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนี้แทน “มาตรา ๑๐๙ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๐ หรือมาตรา ๓๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรอื ปรบั ไม่เกินหนงึ่ แสนบาท หรือทง้ั จำท้ังปรับ” มาตรา ๑๑/๒๐ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๑๐ แหง่ พระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปนแ้ี ทน “มาตรา ๑๑๐ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๓๒ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไม่เกิน สองหมื่นบาท หรือทัง้ จำท้ังปรบั ” มาตรา ๑๑/๒๑ ใหย้ กเลิกความในมาตรา ๑๑๑ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนแ้ี ทน “มาตรา ๑๑๑ ผูใ้ ดสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปดำเนนิ กิจการเช่นเดยี วกับพรรคการเมือง หรอื ผู้ใดดำเนินการไม่วา่ ด้วยวิธีใดให้เข้าใจว่าเปน็ พรรคการเมือง โดยมิไดจ้ ดทะเบยี นจัดตั้งพรรคการเมือง ตอ้ งระวางโทษจำคกุ ไม่เกนิ สามปี หรือปรับไมเ่ กินหกหมน่ื บาท หรอื ทั้งจำทัง้ ปรับ” มาตรา ๑๑/๒๒ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๑๑๗ แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ช้ความต่อไปน้ีแทน
(๓๑) “มาตรา ๑๑๗ หัวหน้าพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมือง หัวหน้าสาขา พรรคการเมือง หรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๕๒ หรือมาตรา ๕๕ ต้องระวางโทษจำคุกไมเ่ กนิ หกเดอื นและปรับไม่เกนิ หนึ่งหมนื่ บาท”” คณะกรรมาธิการไมเ่ หน็ ด้วย ผูแ้ ปรญัตติขอสงวน นายสาทิตย์ วงศห์ นองเตย ขอแปรญตั ติแก้ไขเพม่ิ เตมิ ความในมาตรา ๑๑ และเพิม่ ความ เปน็ มาตรา ๑๑/๑ ดงั นี้ “มาตรา ๑๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๕ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ช้ความต่อไปนแี้ ทน “มาตรา ๕๕ ห้ามมใิ หต้ ัวแทนพรรคการเมอื งประจำจังหวดั หวั หน้าสาขาพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้ใดยินยอมให้บุคคลใดที่มิได้เป็นสมาชิกของพรรคการเมือง เข้าแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมหรือออกเสียงลงคะแนนในการดำเนินการสรรหาผู้สมัครรับเลือกต้ัง ตามมาตรา ๕๐ หรือมาตรา ๕๑” มาตรา ๑๑/๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๖ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามต่อไปนีแ้ ทน “มาตรา ๕๖ ให้หัวหน้าพรรคการเมืองออกหนังสือรับรองการส่งผู้ได้รับการสรรหา ตามมาตรา ๕๐ เมื่อหัวหน้าพรรคการเมืองออกหนังสือรับรองตามวรรคหนึ่งหรือส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัคร รบั เลอื กตั้งแบบบัญชีรายชื่อแล้ว แม้ภายหลังจะปรากฏว่ามิได้มีการดำเนนิ การตามมาตรา ๕๐ แล้วแต่กรณี หรือดำเนินการไม่ครบถ้วน ไม่ทำให้การสมัครรับเลือกตั้งนั้นเสียไป แต่ถ้าคณะกรรมการทราบ ถึงการไม่ดำเนินการดังกล่าว ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่จะต้องกล่าวโทษหัวหน้าพรรคการเมือง และกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นต่อพนักงานสอบสวนซึ่งมีเขตอำนาจเพื่อดำเนินกา รตามอำนาจ หน้าที่ต่อไป”” คณะกรรมาธิการไมเ่ หน็ ด้วย ผูแ้ ปรญัตตขิ อสงวน มาตรา ๑๒ ยกเลกิ มาตรา ๑๑๘ ไม่มกี ารแกไ้ ข มกี รรมาธกิ ารขอสงวนความเหน็ และผ้แู ปรญัตตขิ อสงวนคำแปรญตั ติ นายสมชาย แสวงการ นายกล้านรงค์ จันทิก พลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ นายกิตติ วะสีนนท์ นายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์ นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม นางสาวปิยฉัฏฐ์ วันเฉลิม พลอากาศตรี เฉลิมชัย เครืองาม นางชื่นสุมน นิวาทวงษ์ นางวรารัตน์ อติแพทย์ และนางสุวรรณี สิรเิ วชชะพนั ธ์ (กรรมาธกิ าร) ขอสงวนความเหน็ โดยขอให้ตดั มาตรา ๑๒ ออกท้งั มาตรา นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ และนายเสรี สุวรรณภานนท์ ขอแปรญตั ติตัดมาตรา ๑๒ ออกท้งั มาตรา คณะกรรมาธิการไม่เห็นดว้ ย ผูแ้ ปรญัตตขิ อสงวน
(๓๒) นายรังสิมันต์ โรม ขอแปรญัตติตัดมาตรา ๑๒ ออกทั้งมาตรา และเพิ่มความเป็น มาตรา ๑๒/๑ ถึงมาตรา ๑๒/๕ ดงั น้ี “มาตรา ๑๒/๑ ให้ยกเลกิ ความในมาตรา ๑๒๐ แห่งพระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปน้ีแทน “มาตรา ๑๒๐ หัวหน้าพรรคการเมืองผู้ใดออกหนังสือรับรองผู้สมัครรับเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามมาตรา ๕๖ อันเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งแสนบาท หรือท้ังจำท้งั ปรับ” มาตรา ๑๒/๒ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๑๒๔ แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนแ้ี ทน “มาตรา ๑๒๔ ผูใ้ ดไมป่ ฏบิ ัติตามมาตรา ๖๖ วรรคหน่งึ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรบั ไม่เกนิ หนงึ่ แสนบาท หรือท้งั จำทง้ั ปรับ” มาตรา ๑๒/๓ ให้ยกเลกิ ความในมาตรา ๑๒๕ แหง่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนีแ้ ทน “มาตรา ๑๒๕ พรรคการเมืองใดรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดมีมูลค่า เกินที่กำหนดไว้ในมาตรา ๖๖ วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท และให้เงิน ทรัพย์สิน หรอื ประโยชนอ์ น่ื ใด สว่ นท่เี กนิ มูลค่าทกี่ ำหนดไว้ตามมาตรา ๖๖ ตกเปน็ ของกองทุน” มาตรา ๑๒/๔ ใหย้ กเลิกความในมาตรา ๑๒๗ แหง่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนีแ้ ทน “มาตรา ๑๒๗ ผู้ใดฝา่ ฝืนมาตรา ๗๓ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถงึ สิบปี หรือปรับ ตั้งแต่ส่หี มนื่ บาทถึงสองแสนบาท หรือทงั้ จำทั้งปรับ” มาตรา ๑๒/๕ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๓๓ แหง่ พระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญ ว่าดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปน้ีแทน “มาตรา ๑๓๓ พรรคการเมืองใดไม่ปฏิบตั ิตามมาตรา ๘๗ วรรคสอง หรือเปิดเผยข้อมลู คา่ ใช้จา่ ยในการโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์การดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองอันเป็นเทจ็ ต้องระวางโทษ ปรับไมเ่ กนิ ห้าแสนบาท”” คณะกรรมาธิการไม่เหน็ ดว้ ย ผู้แปรญตั ตขิ อสงวน มาตรา ๑๒/๑ คณะกรรมาธกิ ารเพ่ิมข้นึ ใหม่ มีกรรมาธกิ ารขอสงวนความเหน็ นายธรี จั ชยั พันธุมาศ นายปดพิ ทั ธ์ สนั ตภิ าดา และนายณฐั วฒุ ิ บวั ประทมุ (กรรมาธิการ) ขอสงวนความเห็น โดยขอให้เพม่ิ ความเปน็ มาตรา ๑๒/๑ ดงั นี้ “มาตรา ๑๒/๑ ในวาระเร่มิ แรก จงั หวัดใดทีม่ ไิ ดเ้ ปน็ ทีต่ ั้งสาขาพรรคการเมืองหรือมีการ แต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดแล้ว ให้ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดที่ยังคงดำรง ตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับเป็นตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้และข้อบังคับของพรรคการเมืองต่อไป และเมื่อ
(๓๓) พรรคการเมืองได้กำหนดให้ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดใดในจังหวัดนั้นเป็นตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจงั หวดั เพือ่ ดำเนินการตามมาตรา ๕๐ และมาตรา ๕๑ ให้พรรคการเมืองแจ้งให้นายทะเบียนทราบ” มาตรา ๑๒/๒ คณะกรรมาธกิ ารเพ่มิ ขน้ึ ใหม่ มผี ู้แปรญัตตขิ อสงวนคำแปรญตั ติ นายเสรี สวุ รรณภานนท์ ขอแปรญัตติเพ่ิมความเป็นมาตรา ๑๒/๑ ดังน้ี “มาตรา ๑๒/๑ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ไม่มีผลกระทบต่อการสรรหาสมาชิกผู้สมัคร รับเลือกตั้งเป็นสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรแบบบญั ชีรายช่ือทีม่ ีอยูแ่ ลว้ หรือสมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรแบบบญั ชี รายชือ่ ซงึ่ ดำรงตำแหน่งอยู่แลว้ ในวนั ที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนญู นี้ใชบ้ ังคับ” คณะกรรมาธิการไมเ่ หน็ ดว้ ย ผู้แปรญตั ติขอสงวน มาตรา ๑๓ ไมม่ กี ารแกไ้ ข ๘. ขอ้ สังเกตของคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั คณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้ว เห็นว่า ควรมีข้อสังเกตที่คณะกรรมการการเลือกตั้งควรทราบและควรปฏิบัติไว้ในรายงานของ คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั เพื่อให้ที่ประชมุ รฐั สภาพิจารณา โดยมีข้อสังเกต ดังน้ี ๘.๑ ในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของ พรรคการเมืองนั้น ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งหารือกับพรรคการเมืองเพื่อออกประกาศกำหนด อัตราส่วนขั้นต่ำของผู้สมัครรับเลือกตั้งซึ่งเป็นชายและหญิงที่พรรคการเมืองจะส่งสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เพื่อเป็นมาตรการให้พรรคการเมืองดำเนินการสรรหาผู้สมัคร รับเลอื กต้งั สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรตามอตั ราสว่ นข้นั ต่ำซ่งึ เปน็ ชายและหญิง ตามทบ่ี ญั ญัตไิ วใ้ นมาตรา ๔๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ ควบคู่กับ การดำเนินการในการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เพื่อให้สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดต้องคำ นึงถึงผู้สมัครรับเลือกตั้ง จากภมู ิภาคตา่ ง ๆ และความเทา่ เทยี มกันระหว่างชายและหญงิ ดว้ ย ๘.๒ ในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการประชุมสมาชิกพรรคการเมือง เพื่อรับฟังความคิดเห็นและให้สมาชิกพรรคการเมืองให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบรายช่ือ ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ได้รับจากคณะกรรมการสรรหานั้น คณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องรับฟัง ความคดิ เห็นของพรรคการเมืองเกี่ยวกับวิธีการจัดการประชุม เพือ่ ใหพ้ รรคการเมืองสามารถนำหลักเกณฑ์ และวิธีการจัดการประชุมไปปฏิบัติได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นพรรคขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กก็ตาม นอกจากนั้น ในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการประชุมดังกล่าวต้องให้ความสำคัญกับการมี ส่วนร่วมของสมาชิกพรรคการเมืองในการพิจารณาผู้สมัครรับเลือกตั้งได้อย่างแท้จริง โดยอย่างน้อย จะต้องคำนึงถึงองค์ประชุมและงบประมาณในการจดั การประชมุ ด้วย
(๓๔) ๙. ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญตามท่ีได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม และขอ้ สังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามญั มาพรอ้ มกบั รายงานนี้ดว้ ยแล้ว (นายนิกร จำนง) เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามญั
บนั ทกึ หลักการและเหตุผล ประกอบรา่ งพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ยพรรคการเมือง (ฉบบั ที่ ..) พ.ศ. .... หลักการ แก้ไขเพิม่ เติมพระราชบญั ญัติประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ ดังต่อไปน้ี (๑) แก้ไขเพม่ิ เติมเกย่ี วกับอัตราคา่ ธรรมเนียมและคา่ บำรุงพรรคการเมืองที่เรยี กเก็บ จากสมาชกิ พรรคการเมอื ง (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๕ วรรคหนึง่ (๑๕) และวรรคส)่ี (๒) แก้ไขเพิ่มเติมเก่ยี วกบั ตวั แทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๓๕) (๓) แก้ไขเพม่ิ เตมิ เก่ยี วกบั เงอ่ื นไขของพรรคการเมืองทจี่ ะส่งผูส้ มคั รรับเลือกตั้ง (แก้ไขเพม่ิ เตมิ มาตรา ๔๗ และมาตรา ๔๘) (๔) แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสรรหาผูส้ มัครรบั เลือกต้ังสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตัง้ (แก้ไขเพิม่ เตมิ มาตรา ๕๐) (๕) แก้ไขเพมิ่ เติมเกี่ยวกบั การสรรหาผสู้ มัครรบั เลือกตงั้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชอ่ื (แก้ไขเพิ่มเตมิ มาตรา ๕๑) (๖) ยกเลิกบทบัญญตั เิ กี่ยวกบั ขอ้ หา้ มในการดำเนนิ การสรรหาผ้สู มคั รรบั เลอื กตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ (ยกเลิกมาตรา ๕๓) (๗) แก้ไขเพม่ิ เติมเก่ียวกบั ข้อห้ามในการดำเนินการสรรหาผ้สู มัครรับเลือกต้ัง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบง่ เขตและแบบบัญชีรายช่อื (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๕๕) (๘) ยกเลิกบทบัญญัติเกีย่ วกับบทกำหนดโทษของการฝ่าฝนื ขอ้ หา้ มในการดำเนินการ สรรหาผ้สู มคั รรบั เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตและแบบบัญชรี ายชื่อ (ยกเลิกมาตรา ๑๑๘) เหตุผล โดยท่ีบทบัญญตั ริ ัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แกไ้ ขเพม่ิ เติม (ฉบับที่ ๑) พุทธศกั ราช ๒๕๖๔ ได้กำหนดให้สภาผ้แู ทนราษฎรประกอบดว้ ยสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรจำนวน ห้ารอ้ ยคน โดยมสี มาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมาจากการเลือกตงั้ แบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวนสีร่ อ้ ยคน และสมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎรซ่ึงมาจากการเลอื กต้งั แบบบัญชรี ายชื่อจำนวนหน่งึ ร้อยคน และใหม้ ี บัตรเลอื กตั้งสองใบทใ่ี ห้ประชาชนมีสทิ ธิในการเลือกสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบบัญชรี ายช่ือของ พรรคการเมอื งและผู้สมัครรับเลือกตง้ั เป็นสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบแบ่งเขต การกำหนดจำนวน สมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎรที่แต่ละจังหวดั จะพึงมีและการแบง่ เขตเลอื กต้ัง การคำนวณสดั ส่วนผู้สมัคร รับเลือกต้ังตามบญั ชรี ายชื่อของแตล่ ะพรรคการเมืองทจ่ี ะไดร้ บั เลอื กตัง้ ที่เปน็ ธรรมต่อพรรคการเมือง และเคารพสิทธิและเสียงของประชาชน จงึ สมควรแก้ไขเพ่ิมเติมพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญ ว่าดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ ในส่วนท่เี ก่ียวข้องกบั ค่าธรรมเนียมและค่าบำรงุ พรรคการเมือง การสง่ ผ้สู มคั รรับเลือกตัง้ การสรรหาผสู้ มัครรับเลอื กตั้งแบบแบง่ เขตเลือกตง้ั และแบบบญั ชีรายชื่อ จงึ จำเป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู นี้
รา่ ง พระราชบญั ญัติประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ............................................ ............................................ ............................................ ............................................................................................................................................ ................................................... โดยท่ีเปน็ การสมควรแกไ้ ขเพม่ิ เติมกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู นม้ี ีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกบั การจำกัด สทิ ธิและเสรภี าพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๓๔ ของรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย บญั ญตั ิให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญตั ิแห่งกฎหมาย เหตผุ ลและความจำเป็นในการจำกัดสทิ ธแิ ละเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัติ ประกอบรฐั ธรรมนูญน้ี เพื่อให้การดำเนนิ กิจกรรมของพรรคการเมืองสามารถดำเนนิ การโดยอิสระ ไมถ่ ูกครอบงำ หรือชีน้ ำโดยบุคคลซ่ึงมิใช่สมาชกิ ของพรรคการเมือง ซ่ึงการตราพระราชบัญญตั ิประกอบ รฐั ธรรมนญู นีส้ อดคลอ้ งกบั เงื่อนไขที่บัญญตั ิไวใ้ นมาตรา ๒๖ ของรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทยแล้ว ............................................................................................................................................ ................................................... มาตรา ๑ พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญน้ีเรยี กว่า “พระราชบญั ญัติประกอบ รัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยพรรคการเมือง (ฉบบั ท่ี ..) พ.ศ. ....” มาตรา ๒ พระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู น้ใี ห้ใชบ้ งั คับตั้งแตว่ นั ถดั จากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเปน็ ตน้ ไป มาตรา ๓ ให้ยกเลกิ ความใน (๑๕) ของวรรคหน่ึง ของมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ช้ความต่อไปน้ีแทน “(๑๕) รายได้ของพรรคการเมือง และอัตราค่าธรรมเนียมและคา่ บำรุงพรรคการเมือง ซงึ่ ตอ้ งเรียกเก็บจากสมาชิกไม่นอ้ ยกวา่ ปีละยีส่ ิบบาท”
-๒- มาตรา ๔ ใหย้ กเลิกความในวรรคสขี่ องมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบัญญตั ปิ ระกอบ รัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปน้ีแทน “พรรคการเมืองอาจกำหนดให้เรยี กเก็บค่าบำรงุ พรรคการเมืองจากสมาชิกแบบตลอดชพี ตามอตั ราทก่ี ำหนดในข้อบังคับก็ได้ แต่ตอ้ งไม่น้อยกวา่ สองรอ้ ยบาท” มาตรา ๔/๑ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามต่อไปน้ีแทน “มาตรา ๒๔ สมาชกิ ต้องมีคุณสมบตั แิ ละไม่มลี ักษณะต้องหา้ มตามที่กำหนดในข้อบังคับ ซึง่ อย่างน้อยต้องมีอายุไม่ต่ำกวา่ สบิ แปดปี และมคี ุณสมบัติและไมม่ ีลกั ษณะต้องหา้ ม ดังตอ่ ไปนี้ (๑) มสี ัญชาติไทยโดยการเกดิ ในกรณีเปน็ ผู้มีสญั ชาติไทยโดยการแปลงสญั ชาติ ตอ้ งได้สัญชาติไทยมาแล้วไมน่ ้อยกว่าหา้ ปี (๒) ไมเ่ ปน็ บุคคลต้องหา้ มมิให้ใช้สทิ ธสิ มคั รรบั เลือกตั้งตามมาตรา ๙๘ (๑) (๒) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) (๙) (๑๑) (๑๔) (๑๖) (๑๗) หรอื (๑๘) ของรัฐธรรมนูญ (๓) ไม่เคยต้องคำพิพากษาอนั ถงึ ท่สี ุดให้จำคุกวา่ กระทำความผดิ ต่อตำแหน่งหนา้ ทีร่ าชการ หรอื ตอ่ ตำแหน่งหน้าที่ในการยตุ ิธรรม หรอื กระทำความผดิ ตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหนว่ ยงานของรัฐ หรอื ความผิดเกยี่ วกบั ทรพั ย์ที่กระทำโดยทุจรติ ตามประมวลกฎหมาย อาญา เวน้ แตเ่ ป็นการรอการลงโทษ (๔) ไมเ่ คยตอ้ งคำพพิ ากษาอนั ถึงทีส่ ุดให้จำคกุ ว่ากระทำความผิดตามกฎหมายวา่ ดว้ ย การกยู้ ืมเงนิ ทเี่ ป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าดว้ ยยาเสพตดิ ในความผิดฐานเปน็ ผผู้ ลติ นำเข้า สง่ ออก หรอื ผู้ค้า กฎหมายวา่ ด้วยการพนนั ในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายวา่ ด้วยการปอ้ งกนั และปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าดว้ ยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิด ฐานฟอกเงนิ (๕) ไม่เป็นสมาชกิ ของพรรคการเมืองอน่ื หรือผ้ยู ืน่ คำขอจดทะเบียนจัดตงั้ พรรคการเมืองอ่ืน ตามมาตรา ๑๑ หรอื ผ้แู จง้ การเตรียมการจัดตงั้ พรรคการเมืองอ่ืนตามมาตรา ๑๘” มาตรา ๕ ใหย้ กเลิกความในวรรคหนึง่ ของมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบญั ญัติประกอบ รัฐธรรมนญู วา่ ด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความตอ่ ไปน้ีแทน “มาตรา ๓๕ ในจังหวดั ท่มี ิได้เปน็ ท่ตี ัง้ สำนักงานใหญห่ รือสาขาพรรคการเมือง ถา้ พรรคการเมืองนัน้ มีสมาชิกซึ่งมีภมู ลิ ำเนาอยู่ในจังหวดั นั้นเกินหน่งึ ร้อยคน พรรคการเมืองนน้ั อาจแต่งตง้ั สมาชิกซึ่งมภี มู ิลำเนาอย่ใู นจงั หวัดน้นั คนหนึ่งหรอื หลายคนซง่ึ มาจากการเลือกของสมาชกิ ดังกลา่ วให้เป็น ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดได้ตามจำนวนทเ่ี หน็ สมควรเพอื่ ดำเนินกจิ กรรมของพรรคการเมือง ในจังหวัดน้ัน และใหน้ ำความในมาตรา ๓๔ มาใช้บังคับแก่ตวั แทนพรรคการเมืองประจำจงั หวดั ด้วย โดยอนโุ ลม”
-๓- มาตรา ๖ ใหย้ กเลิกความในมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใช้ความต่อไปนแี้ ทน “มาตรา ๔๗ พรรคการเมืองซึ่งประสงค์จะส่งผูส้ มัครรับเลือกต้ังสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร แบบแบง่ เขตเลอื กต้ังในเขตเลือกตัง้ ในจงั หวัดใด ต้องมสี าขาพรรคการเมอื งหรอื ตวั แทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัดในจังหวดั นั้น ในกรณีท่ีพรรคการเมืองใดมสี าขาพรรคการเมืองมากกวา่ หนึ่งสาขา หรอื ตัวแทนพรรคการเมอื งประจำจังหวดั มากกว่าหนง่ึ สาขาพรรคการเมืองหรือมากกว่าหน่ึงตวั แทน พรรคการเมอื งประจำจงั หวัดในจังหวัดใด ให้พรรคการเมืองน้นั เป็นผู้กำหนดวา่ จะให้สาขาพรรคการเมือง สาขาใดหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดใดในจังหวดั นัน้ เปน็ สาขาพรรคการเมืองหรอื ตัวแทน พรรคการเมอื งประจำจังหวดั นัน้ เพื่อดำเนนิ การตามมาตรา ๕๐” มาตรา ๗ ให้ยกเลิกความในวรรคหนง่ึ ของมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบญั ญัตปิ ระกอบ รัฐธรรมนญู วา่ ด้วยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปน้ีแทน “มาตรา ๔๘ การสง่ ผ้สู มัครรับเลอื กตงั้ สมาชิกสภาผแู้ ทนราษฎรแบบบัญชีรายชอ่ื ให้พรรคการเมืองจัดทำบัญชีรายชื่อเพ่ือสง่ ให้สาขาพรรคการเมืองหรือตวั แทนพรรคการเมอื งประจำจงั หวดั โดยให้ต้องคำนึงถงึ ผสู้ มคั รรับเลอื กต้ังจากภูมิภาคตา่ ง ๆ และความเทา่ เทียมกันระหว่างชายและหญิงด้วย ในกรณีท่ีพรรคการเมืองใดมีสาขาพรรคการเมืองมากกวา่ หนง่ึ สาขาหรอื ตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจังหวัดมากกวา่ หน่ึงตัวแทนพรรคการเมอื งประจำจังหวัดในจงั หวัดใด ใหพ้ รรคการเมอื งนั้น เปน็ ผกู้ ำหนดวา่ จะให้สาขาพรรคการเมืองสาขาใดหรือตวั แทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดใดในจังหวดั น้ัน เป็นสาขาพรรคการเมืองหรือตวั แทนพรรคการเมืองประจำจงั หวดั นน้ั เพื่อดำเนินการตามมาตรา ๕๑” มาตรา ๘ ให้ยกเลกิ ความในมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนแ้ี ทน “มาตรา ๕๐ การสรรหาผู้สมัครรบั เลอื กตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้ดำเนินการตามวิธกี าร ดังต่อไปนี้ (๑) ใหค้ ณะกรรมการสรรหากำหนดวัน เวลา และสถานท่ีในการสมัครเป็นผสู้ มัคร รบั เลือกตงั้ และประกาศใหส้ มาชกิ ทราบเปน็ การทว่ั ไป (๒) เมือ่ พน้ กำหนดเวลารบั สมคั รตาม (๑) ให้คณะกรรมการสรรหาตรวจสอบคุณสมบตั ิ และลกั ษณะต้องห้ามของผ้สู มัครในแต่ละเขตเลือกต้ัง แลว้ ส่งรายชื่อผู้สมคั รใหส้ าขาพรรคการเมือง หรอื ตวั แทนพรรคการเมอื งประจำจงั หวัด (๓) เม่อื สาขาพรรคการเมืองหรอื ตวั แทนพรรคการเมืองประจำจงั หวัดได้รบั รายชอ่ื ผสู้ มคั รจากคณะกรรมการสรรหาแลว้ ใหห้ วั หนา้ สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมือง ประจำจงั หวดั จดั การประชุมสมาชกิ เพ่ือรับฟังความคิดเหน็ จากและให้สมาชิกมาประกอบการพิจารณา ในการให้ความเห็นชอบหรือไม่ใหค้ วามเห็นชอบตามรายชอื่ ท่คี ณะกรรมการสรรหาดว้ ยส่งมา ทั้งน้ี ตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการทีค่ ณะกรรมการกำหนด (๔) ใหส้ าขาพรรคการเมอื งหรือตวั แทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดสง่ รายชอ่ื ผ้สู มคั ร ในแตล่ ะเขตเลอื กต้ังทั้งทไี่ ดร้ ับความเหน็ ชอบและไมไ่ ด้รบั ความเห็นชอบพร้อมความคดิ เห็นตาม (๓) ใหค้ ณะกรรมการสรรหาเพื่อพิจารณาเสนอความคิดเห็น
-๔- (๕) ใหค้ ณะกรรมการสรรหาส่งรายช่อื ผสู้ มคั รของแต่ละเขตเลอื กต้ังพรอ้ มความคดิ เหน็ ตาม (๓) และ (๔) ให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองเพ่ือพิจารณาใหค้ วามเห็นชอบพรอ้ มความ คิดเห็นตาม (๓) เพอื่ ประกอบการพิจารณา ในกรณที ่คี ณะกรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื งไมเ่ หน็ ชอบ ให้มีการประชุมรว่ มกนั ระหวา่ งคณะกรรมการบริหารพรรคและคณะกรรมการสรรหาเพื่อพิจารณา หาบุคคลทเี่ หมาะสมเป็นผสู้ มัครรับเลอื กต้งั หากท่ปี ระชุมร่วมกันมมี ตเิ ห็นชอบกบั รายช่อื บคุ คลใด ให้จะเสนอรายชอ่ื บุคคลน้ันให้เปน็ ผสู้ มัครรบั เลือกตั้ง” มาตรา ๙ ใหย้ กเลกิ ความในวรรคหน่งึ ของมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบญั ญัตปิ ระกอบ รัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามต่อไปน้ีแทน “มาตรา ๕๑ การสรรหาผ้สู มัครรบั เลือกตั้งสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรแบบบญั ชีรายชือ่ ใหด้ ำเนนิ การตามวธิ ีการ ดงั ต่อไปนี้ (๑) ให้คณะกรรมการสรรหากำหนดวนั เวลา และสถานท่ใี นการสมคั รและการเสนอ รายชอ่ื บคุ คลเป็นผู้สมัครรบั เลือกตง้ั และมีหนงั สือแจง้ ไปยังคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง หัวหนา้ สาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมอื งประจำจงั หวดั และประกาศใหส้ มาชกิ ทราบเปน็ การทวั่ ไป (๒) ให้กรรมการบริหารพรรคการเมือง หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง หรือตัวแทน พรรคการเมอื งประจำจงั หวัด พิจารณาเสนอรายชอ่ื ผูส้ มัครรบั เลือกต้งั สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบญั ชีรายชื่อให้คณะกรรมการสรรหา (๓) เม่อื พน้ กำหนดเวลารบั สมคั รและเสนอรายช่อื ตาม (๑) และ (๒) แลว้ ใหค้ ณะกรรมการสรรหาตรวจสอบคณุ สมบัติและลักษณะต้องห้ามและจดั ทำบัญชีรายชอ่ื ผ้สู มัคร รับเลอื กตง้ั ไมเ่ กนิ หนงึ่ รอ้ ยรายชอ่ื โดยตอ้ งคำนึงถึงผสู้ มัครรบั เลือกตงั้ จากภมู ภิ าคต่าง ๆ และ ความเทา่ เทยี มกันระหวา่ งชายและหญงิ แล้วสง่ บญั ชีรายชอ่ื ดังกล่าวให้สาขาพรรคการเมืองหรอื ตวั แทน พรรคการเมืองประจำจงั หวดั (๔) เม่อื สาขาพรรคการเมอื งหรือตัวแทนพรรคการเมอื งประจำจงั หวดั ไดร้ บั บญั ชรี ายชอ่ื ผสู้ มัครรบั เลือกต้ังตาม (๓) จากคณะกรรมการสรรหาแลว้ ใหห้ ัวหนา้ สาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทน พรรคการเมอื งประจำจังหวดั จดั การประชมุ สมาชิกเพื่อรบั ฟังความคดิ เห็นจากและให้สมาชิกมาประกอบ การพิจารณาในการใหค้ วามเหน็ ชอบหรือไมใ่ ห้ความเหน็ ชอบตามรายชื่อทคี่ ณะกรรมการสรรหาดว้ ย สง่ มา ทงั้ นี้ ตามหลักเกณฑแ์ ละวิธีการท่ีคณะกรรมการกำหนด แลว้ สง่ บัญชีรายชื่อดงั กลา่ วทง้ั ที่ไดร้ บั ความเห็นชอบและไม่ได้รับความเห็นชอบพร้อมความคดิ เห็นใหค้ ณะกรรมการสรรหาเพ่ือพิจารณาจัดทำ บัญชีรายช่อื ผ้สู มัครรับเลือกตั้ง พร้อมเสนอความคิดเห็น (๕) ใหค้ ณะกรรมการสรรหาส่งบัญชรี ายช่ือผูส้ มคั รรบั เลือกต้งั พร้อมความคิดเห็น ตาม (๓)(๔) ให้คณะกรรมการบรหิ ารพรรคการเมอื งเพ่ือพิจารณาให้ความเห็นชอบพรอ้ มความคดิ เห็น ตาม (๔) เพ่อื ประกอบการพิจารณา ในกรณีทค่ี ณะกรรมการบริหารพรรคการเมอื งไม่เห็นชอบรายใด หรอื ลำดบั ใด ให้มีการประชุมรว่ มกันระหว่างคณะกรรมการบรหิ ารพรรคการเมืองและคณะกรรมการ สรรหา เพ่ือพิจารณาหาบุคคลทเ่ี หมาะสมพรอ้ มจดั ลำดับเป็นผสู้ มัครรบั เลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชรี ายชื่อแลว้ จัดลำดับตามท่เี ห็นว่าเหมาะสมเพื่อให้ได้บัญชรี ายช่อื ผู้สมคั รรบั เลือกตัง้ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรแบบบญั ชีรายชือ่
-๕- เพือ่ ประโยชน์ในการสง่ เสรมิ การมีส่วนรว่ มของสมาชิก ในกรณีท่ีสมาชกิ ผใู้ ดมภี มู ิลำเนา อยใู่ นจังหวัดท่ียงั มไิ ด้มกี ารจดั ต้ังสาขาพรรคการเมอื งหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ใหส้ ามารถ ใช้สิทธกิ ารเปน็ สมาชกิ ในจังหวัดใกลเ้ คยี งท่ีมสี าขาพรรคการเมอื งหรือตวั แทนพรรคการเมอื งประจำจงั หวัด ตามที่กำหนดในข้อบังคับ” มาตรา ๑๐ ใหย้ กเลิกมาตรา ๕๓ แหง่ พระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนญู วา่ ด้วย พรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๑ ให้ยกเลกิ ความในมาตรา ๕๕ แห่งพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู วา่ ดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ และให้ใชค้ วามต่อไปน้ีแทน “มาตรา ๕๕ ห้ามมใิ หต้ วั แทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด หัวหน้าสาขาพรรคการเมือง หรือกรรมการบรหิ ารพรรคการเมืองผู้ใดยินยอมใหบ้ คุ คลใดทมี่ ิได้เป็นสมาชิกของพรรคการเมือง เข้าแสดงความคิดเห็นในทป่ี ระชมุ หรือให้ความเหน็ ชอบหรือไม่ใหค้ วามเห็นชอบในการดำเนินการสรรหา ผสู้ มคั รรบั เลอื กต้ังตามมาตรา ๕๐ หรือมาตรา ๕๑” มาตรา ๑๒ ให้ยกเลิกมาตรา ๑๑๘ แห่งพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญว่าดว้ ย พรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๒/๑ ในวาระเรมิ่ แรก ใหต้ วั แทนพรรคการเมอื งประจำจงั หวัดทด่ี ำรงตำแหนง่ อยใู่ นวันก่อนวนั ทพี่ ระราชบญั ญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญนใ้ี ชบ้ ังคบั เป็นตวั แทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ตามพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยพรรคการเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๐ ซ่งึ แกไ้ ขเพ่ิมเติม โดยพระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู น้ีและข้อบงั คับของพรรคการเมอื ง ในกรณีตามวรรคหนง่ึ ถ้าจงั หวดั ใดท่ีพรรคการเมืองมสี าขาพรรคการเมืองและตัวแทน พรรคการเมอื งประจำจังหวดั ด้วย ใหพ้ รรคการเมืองนั้นกำหนดวา่ จะให้สาขาพรรคการเมอื งสาขาใด หรือตวั แทนพรรคการเมอื งประจำจงั หวดั ใดในจงั หวัดนนั้ เป็นสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทน พรรคการเมืองประจำจงั หวัดเพื่อดำเนนิ การตามมาตรา ๕๐ หรือมาตรา ๕๑ แล้วแต่กรณี แลว้ ให้ พรรคการเมอื งแจ้งใหน้ ายทะเบยี นทราบ มาตรา ๑๒/๒ พระราชบญั ญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญนี้ ไม่มผี ลกระทบต่อการสรรหาผ้สู มคั รรบั เลือกต้ัง เปน็ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบง่ เขตเลอื กตัง้ และแบบบัญชีรายชอื่ ทีม่ ีอยแู่ ลว้ ในวนั ก่อนวันที่ พระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนญู น้ีใช้บังคบั หรอื สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชือ่ ซงึ่ ดำรงตำแหนง่ อยู่แลว้ ในวนั ทีพ่ ระราชบัญญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญนใ้ี ช้บงั คับ
-๖- มาตรา ๑๓ ให้ประธานกรรมการการเลือกต้งั รักษาการตามพระราชบญั ญตั ิประกอบ รฐั ธรรมนญู นี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ……………………………………… นายกรฐั มนตรี
พิมพ์ท่ี : สำนักการพิมพ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384