แผนการจัดการเรียนรู้ รหสั วิชา...... 20400-1002...... วชิ า .......หลักการประกอบอาหารครอบครัว........... ประเภทวชิ า......คหกรรม.......สาขาวิชา........อาหารและโภชนาการ.......... หลักสูตร.....ประกาศนียบตั รวชิ าชพี ......(ภาคทฤษฎี/ปฏิบัติ) จดั ทาโดย นางสาวอาริยา นยิ มชาติ ตาแหน่ง ครผู ู้ชว่ ย ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 แผนกวชิ าอาหารและโภชนาการ วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษาฉะเชงิ เทรา สถาบันการอาชวี ศกึ ษาภาคกลาง 3
คานา แผนการสอน วิชาอาหารครอบครัว เล่มนี้จัดทาข้ึนตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรประกาศนียบัตร วิชาชีพพุทธศักราช 2562 ท่ีเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ทักษะและประสบการณ์ตามมาตรฐานวิชาชีพสามารถนา วิชาชีพไปปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการพัฒนาบทบาทของนักเรียนให้รู้จักเป็นผู้มีบทบาทในการ แสวงหา และมกี ารจัดเนือ้ หาสาระใหส้ อดคลอ้ งกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียนคานึงถึงความแตกต่าง ระหว่างบุคคลและจัดกิจกรรมเพื่อฝึกทักษะการปฏิบัติงานสร้างกระบวนการคิดและการประยุกต์ใช้ความรู้ใน การแก้ไขปัญหานักเรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงทาให้นักเรียนได้รู้จักการทางานร่วมกัน สามารถท่ีจะ นาไปทางานได้ รวมท้ังมกี ารปลูกฝังคณุ ธรรมจรยิ ธรรมและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ไวใ้ นการจดั การเรยี นการ สอน โดยมีเป้าหมายเพอ่ื ประโยชน์ในการประกอบอาชพี และการมีคุณภาพชีวติ ดี เป็นคนดีท้ังกาย วาจา ใจ มี คุณธรรมจริยธรรม และจรรยาบรรณในวชิ าชพี ของตน การจดั ทาเนอื้ หารายวชิ าเปน็ ไปตามลาดับความสาคัญ และสัมพันธ์กับความยากง่าย ในทุกหน่วยของ แผนการเรียนรู้จะสอดแทรกกิจกรรมต่างๆ กระบวนการศึกษาเป็นไปเพ่ือส่งเสริมให้นักเรียนสามารถพัฒนา ตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ เนื้อหาจะครอบคลุมและคลุมถ้วนตามคาอธิบายรายวิชาท่ีกาหนดให้ศึกษา และปฏิบัติเกย่ี วกบั ความรู้พ้ืนฐานในการประกอบอาหารสาหรับครอบครวั ข้าพเจ้าหวังเปน็ อย่างยงิ่ วา่ แผนการสอนเล่มน้ีจะเปน็ ประโยชน์ต่อครูผู้สอนและนักเรียนได้เป็นอย่างดี หากมีข้อเสนอแนะประการใดขา้ พเจา้ ยนิ ดนี ้อมรบั ทุกประการ คุณความดที ่ไี ด้จากการจดั ทาแผนการสอนเล่มน้ี ขอมอบแดบ่ ดิ ามารดาครอู าจารย์และผูม้ พี ระคณุ ทกุ ท่าน นางสาวอาริยา นิยมชาติ วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษาฉะเชิงเทรา
สารบญั หน้า คานา 1 สารบญั 2 ลักษณะรายวชิ า 3 สมรรถนะประจาหน่วย 5 ตารางวเิ คราะหห์ ลักสตู ร 9 กาหนดการสอน กรอบแนวทางการจดั การเรียนร้แู ละการประเมนิ ผลตามสภาพจริงประจาหน่วยการเรยี นรู้ 12 39 แผนการจัดการเรียนรู้ หนว่ ยที่ 1 ความรูเ้ บอ้ื งตน้ เก่ียวกับอาหารหลักของไทย 67 แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 2 สารอาหาร 91 แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยท่ี 3 อปุ กรณเ์ ครอ่ื งใช้ในการเตรยี มและประกอบอาหาร 118 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 4 การเลือกซือ้ เตรียม ใชแ้ ละเกบ็ รักษาสว่ นประกอบอาหาร 145 แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 5 เทคนิคและหลักการประกอบอาหาร แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 6 การประกอบอาหารสาหรบั ครอบครวั
ส่วนท่ี 1 การวิเคราะห์รายวชิ า
1 ลักษณะรายวิชา รหัสวชิ า........ ........20400-1002...........ชื่อวิชา.........หลกั การประกอบอาหารครอบครวั ……………………. หน่วยกติ ……………3(5)……………………......เวลาเรยี นต่อภาค...................90..........................ช่ัวโมง จดุ ประสงค์รายวิชา 1. เขา้ ใจเกย่ี วกับหลกั การประกอบอาหารสาหรบั บคุ คลในครอบครัว 2. สามารถประกอบอาหารม้อื ตา่ งๆ อยา่ งงา่ ยสาหรับบคุ คลในครอบครัว 3. มกี ิจนิสัยทดี่ ใี นการทางาน ปฏบิ ตั ิงานด้วยความเป็นระเบียบเรยี บรอ้ ย ประณีต รอบคอบ สมรรถนะรายวชิ า 1. แสดงความรเู้ ก่ยี วกบั หลกั การประกอบอาหารสาหรับบคุ คลในครอบครัว 2. ประกอบอาหารมอ้ื ตา่ งๆ สาหรับบคุ คลในครอบครวั ตามหลกั การและกระบวนการ 3. มกี จิ นสิ ัยท่ดี ใี นการทางาน ปฏบิ ัตงิ านดว้ ยความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อย ประณีต รอบคอบ คาอธิบายรายวชิ า ศกึ ษาและปฏบิ ตั ิเกย่ี วกับ สุขลักษณะสว่ นบคุ คลของการประกอบอาหาร บอกความหมาย ของคาศพั ทท์ ีใ่ ชใ้ นการประกอบอาหาร เลอื กใช้เคร่ืองมอื และอุปกรณใ์ นการเตรียม และประกอบอาหาร หลักการช่งั ตวง วดั และเลือกซ้ือและเตรียมวตั ถดุ ิบ ในการประกอบอาหารมื้อตา่ ง ๆ อยา่ งงา่ ย สาหรับบุคคล ในครอบครวั
2 สมรรถนะประจาหน่วย ท่ี สมรรถนะประจาหน่วย เวลาเรียน (ชม.) ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ รวม 1 ความรู้เบอ้ื งตน้ เกยี่ วกับอาหารหลักของไทย 10 - 10 2 สารอาหาร 3 อุปกรณ์เครื่องใชใ้ นการเตรยี มและประกอบอาหาร 5 5 10 4 การเลือกซ้ือ เตรยี ม ใชแ้ ละเก็บรกั ษาส่วนประกอบอาหาร 5 5 10 5 เทคนิคและหลักการประกอบอาหาร 5 10 15 6 การประกอบอาหารสาหรบั ครอบครัว - 15 15 - 25 25 สอบภาคปฏิบตั ิ 55 รวม 25 65 90
3 ตารางวิเคราะหห์ ลักสตู ร รหัสวิชา..... 20400-1002...........ชื่อวิชา.........หลกั การประกอบอาหารครอบครัว.......หน่วยกติ ....3(5)...... ชน้ั .......ปวช........................สาขาวิชา/กลุ่มวชิ า/......อาหารและโภชนาการ.......... พฤตกิ รรม พุทธพิ สิ ัย ชอื่ หน่วย ความรู้ ความเข้าใจ นาไปใช้ ิวเคราะ ์ห ัสงเคราะ ์ห ประเมินค่า ทักษะ ิพสัย จิต ิพ ัสย รวม ลาดับ จานวนคาบ หน่วยที่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ เกี่ยวกับอาหารหลักของไทย 1.1 ความหมายของอาหารหลกั ของไทย 1 1 1 - - - - 1 4 3 10 1.2 หลักการจดั แบง่ หมอู่ าหารของไทย 1.3 ประโยชน์ของอาหารแต่ละหมู่ หน่วยที่ 2 สารอาหาร 2.1 ความหมายของสารอาหารทม่ี อี ยใู่ นอาหาร 2.2 หลกั การทางานและแยกสารอาหาร 1 1 1 1 - - - 1 5 2 10 2.3 ชนดิ ของสารอาหารท่ใี ห้พลงั งานและไม่ใหพ้ ลงั งาน 2.4 ประโยชนข์ องสารอาหารแตล่ ะชนดิ หนว่ ยที่ 3 อปุ กรณเ์ ครื่องใชใ้ นการเตรียมและประกอบ อาหาร 3.1 ชนิดของอปุ กรณ์เครอื่ งใช้ทใี่ ช้ในการประกอบอาหารไทย 1 1 1 1 1 1 1 1 8 1 10 3.2 วธิ กี ารใชอ้ ุปกรณแ์ ตล่ ะชนดิ 3.3 ชัง่ ตวง วัด เคร่ืองปรุงในการประกอบอาหาร หนว่ ยที่ 4 การเลอื กซอ้ื เตรยี ม ใช้และเกบ็ รกั ษา สว่ นประกอบอาหาร 4.1 วิธกี ารในการเลอื กซ้อื อาหารสดประเภทผลติ ผลจากสตั ว์ และผลติ ผลจากพชื 1 1 1 1 1 1 1 1 8 1 15 4.2 การเลือกซอ้ื อาหารแห้ง 4.3 การเลอื กซื้ออาหารกระป๋องอาหารสาเร็จรูปและอาหารแช่ แข็ง หน่วยท่ี 5 เทคนคิ และหลกั การประกอบอาหาร 5.1 หลักการประกอบอาหารไทยประเภทต่างๆ 5.2 เทคนิคในการประกอบอาหาร 1 1 1 1 1 1 1 1 8 1 15 5.3 หลกั การและเทคนิคหงุ ตม้ อาหารท่ีถกู วิธีมาประกอบ อาหาร
4 หนว่ ยที่ 6 การประกอบอาหารสาหรบั ครอบครวั 1 1 1 1 1 1 1 1 8 1 25 6.1 การประกอบอาหารประเภทต่างๆ 6.2 การประกอบอาหารประเภทอาหารจานเดียว 6 6 6 5 4 4 4 6 41 5 6.3 การทาขนมไทยแบบง่ายๆ 1 1 1 2 333 1 90 สอบภาคปฏบิ ตั ิ รวม ลาดับความสาคัญ
5 กาหนดการสอน ชือ่ หนว่ ยการเรยี นร/ู้ สมรรถนะประจาหน่วย เกณฑ์การปฏิบตั งิ าน สปั ดาห์ ชวั่ โมง รายการสอน ท่ี ท่ี 1-2 1-10 หนว่ ยที่ 1 ความรเู้ บ้ืองต้น 1. อธบิ ายความหมายของ 1.แบบสงั เกตพฤตกิ รรม 3-4 11-20 เกย่ี วกับอาหารหลัก อาหารหลักของไทย แบบประเมนิ 5-6 21-30 ของไทย 2. เข้าใจหลักการจดั แบ่ง 2.แบบทดสอบ 1.ความหมายของอาหารหลกั ของ หม่อู าหารของไทย 3.เกณฑ์ประเมนิ ผลงาน ไทย 3. สามารถบอกประโยชน์ ตามใบงาน แบบ 2.หลักการจัดแบง่ หมอู่ าหารของ ของอาหารแตล่ ะหมู่ ประเมินผลงานตามใบ ไทย งาน 3.ประโยชน์ของอาหารแตล่ ะหมู่ 4.แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม หนว่ ยท่ี 2 สารอาหาร 1. อธิบายความหมายของ 1.แบบสังเกตพฤติกรรม 1. ความหมายของสารอาหารทีม่ ี สารอาหารทมี่ อี ยใู่ นอาหาร แบบประเมนิ อยใู่ นอาหาร 2. อธิบายหลักการทางาน 2.แบบทดสอบ 2. หลกั การทางานและแยก และแยกสารอาหารทใ่ี ห้ 3.เกณฑ์ประเมนิ ผลงาน สารอาหาร พลงั งานและไมใ่ หพ้ ลังงาน ตามใบงาน แบบ 3. ชนิดของสารอาหารทใี่ ห้ 3. สามารถแยกแยะและ ประเมินผลงานตามใบ พลังงานและไม่ให้พลงั งาน ระบุชนดิ ของสารอาหารที่ งาน 4. ประโยชน์ของสารอาหารแตล่ ะ ให้พลงั งานและไม่ให้ 4.แบบประเมนิ คุณธรรม ชนิด พลงั งาน จริยธรรม 4. สามารถบอกประโยชน์ ของสารอาหารแต่ละชนดิ หนว่ ยที่ 3 อปุ กรณ์เครือ่ งใชใ้ น 1. สามารถจาแนกชนิด 1.แบบสังเกตพฤติกรรม การเตรยี มและประกอบอาหาร ของอุปกรณ์เครื่องใช้ทีใ่ ช้ แบบประเมิน 1 ชนดิ ของอปุ กรณเ์ คร่ืองใช้ทใี่ ช้ใน ในการประกอบอาหารไทย 2.แบบทดสอบ การประกอบอาหารไทย 2. สามารถบอกวธิ กี ารใช้ 3.เกณฑ์ประเมินผลงาน 2 วธิ กี ารใช้อุปกรณ์แตล่ ะชนดิ อปุ กรณ์แต่ละชนดิ ตามใบงาน แบบ 3 ชงั่ ตวง วัด เครอ่ื งปรงุ ในการ 3. สามารถใชเ้ คร่ืองช่งั ประเมินผลงานตามใบ ประกอบอาหาร ตวง วดั เครอ่ื งปรุงใน งาน การประกอบอาหารและ 4.แบบประเมินคณุ ธรรม อุปกรณ์เครอ่ื งใชใ้ นครัว จริยธรรม
6 ชอื่ หนว่ ยการเรียนร/ู้ สมรรถนะประจาหนว่ ย เกณฑก์ ารปฏิบัติงาน สปั ดาห์ ชวั่ โมง รายการสอน ท่ี ท่ี หน่วยที่ 4 การเลอื กซอ้ื เตรยี ม 1. บอกวิธกี ารในการเลือก 1.แบบสังเกตพฤตกิ รรม 7-9 31-45 ใชแ้ ละเก็บรกั ษาสว่ นประกอบ ซื้ออาหารสดประเภท แบบประเมนิ 10-12 46-60 อาหาร ผลติ ผลจากสัตวแ์ ละ 2.แบบทดสอบ 13-17 61-85 17 90 1 วิธกี ารในการเลอื กซื้ออาหารสด ผลติ ผลจากพชื 3.เกณฑ์ประเมินผลงาน ประเภทผลิตผลจากสตั วแ์ ละ 2. สามารถอธบิ ายการ ตามใบงาน แบบ ผลติ ผลจากพชื เลอื กซือ้ อาหารแห้ง ประเมนิ ผลงานตามใบ 2 การเลือกซื้ออาหารแหง้ 3. ตระหนกั ถงึ คณุ ค่าของ งาน 3 การเลอื กซื้ออาหารกระปอ๋ ง การเลอื กซื้ออาหาร 4.แบบประเมนิ คุณธรรม อาหารสาเร็จรูปและอาหารแช่แขง็ กระปอ๋ ง อาหารสาเรจ็ รปู จรยิ ธรรม และอาหารแชแ่ ข็ง หนว่ ยท่ี 5 เทคนคิ และหลักการ 1. มีความรใู้ นหลักการ 1.แบบสงั เกตพฤติกรรม ประกอบอาหาร ประกอบอาหารไทย แบบประเมิน 1 หลักการประกอบอาหารไทย ประเภทตา่ งๆ 2.แบบทดสอบ ประเภทต่างๆ 2. มีความรแู้ ละสามารถ 3.เกณฑ์ประเมินผลงาน 2 เทคนคิ ในการประกอบอาหาร บอกเทคนคิ ในการ ตามใบงาน แบบ 3 หลกั การและเทคนิคหงุ ต้ม ประกอบอาหาร ประเมินผลงานตามใบ อาหารท่ีถกู วธิ ีมาประกอบอาหาร 3. สามารถนาหลักการ งาน และเทคนคิ หงุ ต้มอาหารท่ี 4.แบบประเมินคุณธรรม ถกู วิธีมาประกอบอาหาร จริยธรรม หนว่ ยที่ 6 การประกอบอาหาร 1. สามารถประกอบ 1.แบบสังเกตพฤตกิ รรม สาหรับครอบครวั อาหารประเภทตา่ งๆ แบบประเมิน 1 การประกอบอาหารประเภท 2. สามารถประกอบ 2.แบบทดสอบ ตา่ งๆ อาหารประเภทอาหารจาน 3.เกณฑป์ ระเมินผลงาน 2 การประกอบอาหารประเภท เดยี ว ตามใบงาน แบบ อาหารจานเดียว 3. สามารถทาขนมไทย ประเมินผลงานตามใบ 3 การทาขนมไทยแบบง่ายๆ แบบงา่ ยๆ งาน 4.แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม สอบภาคปฏิบตั ิ
7 ส่วนท่ี 2 แผนการจดั การเรียนร้บู ูรณาการ และการประเมนิ ตามสภาพจริง รายหนว่ ยการเรยี นรู้
8 กรอบแนวทางการจัดการเรยี นรู้และการประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ ประจาหน่วยการเรียนรู้ แนวทางการประเมิน หน่วย รายการสอน สมรรถนะ เกณฑ์การปฏิบัตงิ าน ทดสอบความ ู้ร ท่ี ประเมินการป ิฏบัติงาน ประเมินผลงาน ประเมินพฤติกรรม ื่อน ๆ ความรเู้ บื้องต้นเก่ียวกบั 1. อธิบายความหมายของ 1.แบบสงั เกตพฤติกรรม อาหารหลัก อาหารหลกั ของไทย ของไทย 2. เขา้ ใจหลักการจดั แบง่ แบบประเมิน 1.ความหมายของอาหาร หมู่อาหารของไทย 2.แบบทดสอบ 3.เกณฑป์ ระเมนิ ผลงาน 1 หลกั ของไทย 3. สามารถบอกประโยชน์ ตามใบงาน แบบ 2.หลักการจัดแบ่งหมู่ ของอาหารแตล่ ะหมู่ ประเมนิ ผลงานตามใบ อาหารของไทย งาน 3.ประโยชนข์ องอาหาร 4.แบบประเมิน แต่ละหมู่ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม สารอาหาร 1. อธิบายความหมายของ 1.แบบสงั เกตพฤตกิ รรม 1. ความหมายของ สารอาหารทม่ี ีอยใู่ น สารอาหารทม่ี ีอยใู่ นอาหาร แบบประเมนิ อาหาร 2. อธบิ ายหลกั การทางาน 2.แบบทดสอบ และแยกสารอาหารทใ่ี ห้ 3.เกณฑ์ประเมินผลงาน 2. หลกั การทางานและ พลังงานและไมใ่ หพ้ ลงั งาน ตามใบงาน แบบ แยกสารอาหาร 3. สามารถแยกแยะและ ประเมนิ ผลงานตามใบ 3. ชนดิ ของสารอาหารที่ ระบชุ นิดของสารอาหารที่ งาน 2 ใหพ้ ลังงานและไมใ่ ห้ ใหพ้ ลงั งานและไม่ให้ 4.แบบประเมิน พลังงาน พลังงาน คุณธรรม จรยิ ธรรม 4. ประโยชน์ของ 4. สามารถบอกประโยชน์ สารอาหารแตล่ ะชนดิ ของสารอาหารแตล่ ะชนดิ \\
9 แนวทางการประเมนิ เกณฑ์การปฏบิ ตั งิ าน หนว่ ย รายการสอน สมรรถนะ ทดสอบความ ู้ร ท่ี ประเมินการป ิฏบัติงาน ประเมินผลงาน ประเมินพฤติกรรม ื่อน ๆ อุปกรณ์เครอ่ื งใชใ้ นการ 1. สามารถจาแนกชนิด 1.แบบสังเกตพฤติกรรม เตรยี มและประกอบ อาหาร ของอปุ กรณเ์ ครื่องใชท้ ่ใี ช้ แบบประเมิน 1. ชนิดของอุปกรณ์ ในการประกอบอาหารไทย 2.แบบทดสอบ 2. สามารถบอกวิธกี ารใช้ 3.เกณฑ์ประเมินผลงาน เครอื่ งใช้ที่ใชใ้ นการ อุปกรณ์แต่ละชนิด ตามใบงาน แบบ 3 ประกอบอาหารไทย 3. สามารถใชเ้ ครื่องชง่ั ประเมินผลงานตามใบ 2. วธิ กี ารใชอ้ ปุ กรณแ์ ตล่ ะ ตวง วดั เครือ่ งปรงุ ใน งาน ชนิด การประกอบอาหารและ 4.แบบประเมนิ 3. ชงั่ ตวง วดั อปุ กรณ์เครื่องใชใ้ นครวั คุณธรรม จริยธรรม เครอื่ งปรงุ ในการประกอบ อาหาร การเลอื กซือ้ เตรยี ม ใช้ 1. บอกวธิ ีการในการเลอื ก 1.แบบสังเกตพฤติกรรม และเกบ็ รักษา ซือ้ อาหารสดประเภท แบบประเมิน ส่วนประกอบอาหาร ผลิตผลจากสตั วแ์ ละ 2.แบบทดสอบ 1 วิธกี ารในการเลอื กซ้ือ ผลติ ผลจากพืช 3.เกณฑ์ประเมนิ ผลงาน อาหารสดประเภทผลิตผล 2. สามารถอธบิ ายการ ตามใบงาน แบบ จากสัตวแ์ ละผลิตผลจาก เลอื กซ้อื อาหารแห้ง ประเมนิ ผลงานตามใบ พชื 3. ตระหนักถงึ คุณค่าของ งาน 4 2 การเลือกซือ้ อาหารแหง้ การเลอื กซื้ออาหาร 4.แบบประเมนิ 3 การเลือกซื้ออาหาร กระปอ๋ ง อาหารสาเร็จรปู คณุ ธรรม จรยิ ธรรม กระป๋องอาหารสาเร็จรปู และอาหารแช่แข็ง และอาหารแช่แข็ง
10 แนวทางการประเมิน เกณฑก์ ารปฏบิ ตั ิงาน หน่วย รายการสอน สมรรถนะ ทดสอบความ ู้ร ท่ี ประเมินการป ิฏบัติงาน ประเมินผลงาน ประเมินพฤติกรรม ื่อน ๆ เทคนิคและหลักการ 1. มคี วามรูใ้ นหลักการ 1.แบบสังเกตพฤตกิ รรม ประกอบอาหาร ประกอบอาหารไทย 1 หลักการประกอบ ประเภทต่างๆ แบบประเมนิ อาหารไทยประเภทตา่ งๆ 2. มคี วามร้แู ละสามารถ 2.แบบทดสอบ 3.เกณฑ์ประเมินผลงาน 5 2 เทคนคิ ในการประกอบ บอกเทคนคิ ในการ ตามใบงาน แบบ อาหาร ประกอบอาหาร ประเมนิ ผลงานตามใบ 3 หลกั การและเทคนิคหงุ 3. สามารถนาหลกั การ งาน ตม้ อาหารทถี่ ูกวิธมี า และเทคนิคหงุ ต้มอาหารที่ 4.แบบประเมิน ประกอบอาหาร ถกู วธิ มี าประกอบอาหาร คุณธรรม จรยิ ธรรม การประกอบอาหาร 1. สามารถประกอบ 1.แบบสังเกตพฤตกิ รรม สาหรับครอบครัว 1 การประกอบอาหาร อาหารประเภทตา่ งๆ แบบประเมนิ ประเภทต่างๆ 2. สามารถประกอบ 2.แบบทดสอบ อาหารประเภทอาหารจาน 3.เกณฑ์ประเมนิ ผลงาน 6 2 การประกอบอาหาร เดียว ตามใบงาน แบบ ประเภทอาหารจานเดยี ว 3. สามารถทาขนมไทย ประเมินผลงานตามใบ 3 การทาขนมไทยแบบ แบบงา่ ยๆ งาน งา่ ยๆ 4.แบบประเมิน คณุ ธรรม จรยิ ธรรม
11 รายการตรวจสอบและอนญุ าตให้ใช้ เห็นควรอนญุ าตให้ใชก้ ารสอนได้ เหน็ ควรปรับปรุงเกย่ี วกับ ............................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................................. ลงชือ่ (...............................................................) หัวหน้าหมวด/แผนกวชิ า ............./.............../……………. ควรอนญุ าตให้นาไปใชก้ ารสอนได้ ควรปรบั ปรุงเกี่ยวกบั .................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. อนื่ ๆ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................................. ลงชอ่ื (...............................................................) รองผูอ้ านวยการฝา่ ยวชิ าการ ............/................./.............. อนญุ าตใหน้ าไปใชส้ อนได้ อื่น ๆ ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ .......................................................................... ลงชอื่ (...............................................................) ผอู้ านวยการ ............./.............../………….
12 แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยท.่ี ......1..........จำนวน.......10.....ชว่ั โมง จำนวนชัว่ โมงรวม .........90......ช่วั โมง สัปดำหท์ ี่.....1-2....... ชื่อวิชำ...............หลักกำรประกอบอำหำรครอบครัว................................................. ชื่อหน่วย...........ควำมรู้เบ้ืองต้นเก่ยี วกับอำหำรหลกั ของไทย..................................................... ชือ่ เรอื่ ง.............ควำมรูเ้ บื้องตน้ เกย่ี วกับอำหำรหลักของไทย...................................................... 1. สาระสาคญั อำหำรมคี วำมจำเปน็ และสำคัญในกำรดำรงอยูข่ องมนษุ ย์ ทำให้เด็กต้ังแตท่ ำรกจนเติบโตตำมวยั ตำ่ งๆ อำหำรมสี ่วนสำคญั ทำให้ร่ำงกำยสมบูรณแ์ ละแขง็ แรงตำมวัย ทงั้ ยังช่วยซ่อมแซมส่วนท่สี กึ หรอของอวัยวะต่ำงๆ ของรำ่ งกำยได้กลบั ใชง้ ำนไดอ้ ีกคร้ัง ซงึ่ อำหำรของไทยแบ่งเปน็ 5 หมู่ คือ หม่ทู ี่ 1 เน้ือสัตว์ต่ำง ๆ เครื่องในสัตว์ ไข่ นมและผลิตภัณฑ์นม ไข่ งำ ถั่วเมล็ดแห้งต่ำง และ ผลิตภัณฑ์จำกถ่ัว หมูท่ ่ี 2 ขำ้ ว แป้ง นำ้ ตำล เผือก มัน หมทู่ ี่ 3 พืชผักต่ำง ๆ หมู่ที่ 4 ผลไมต้ ำ่ ง ๆ ทงั้ สดและตำกแหง้ หมทู่ ่ี 5 ไขมันและน้ำมนั ท่ไี ดจ้ ำกพชื และสตั ว์ 2. สมรรถนะประจาหนว่ ย 1. อธิบำยเกีย่ วกับควำมหมำยของอำหำรหลกั ของไทยได้ 2. อธบิ ำยหลกั กำรจดั แบ่งหมู่อำหำรของไทยได้ 3. บอกประโยชนข์ องอำหำรแต่ละหมู่ได้ 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ . 3.1 จุดประสงค์ปลำยทำง 1. เพอ่ื ให้นกั เรียนมีควำมร้คู วำมเขำ้ ใจและอธิบำยควำมหมำยของอำหำรหลกั ของไทยได้ 2. เพ่ือให้นกั เรยี นมกี จิ นสิ ยั ในกำรเรียนทดี่ ี 3.2 จดุ ประสงค์นำทำง 1. บอกหลักกำรจดั แบ่งหมู่อำหำรของไทยได้ 2. บอกประโยชน์ของอำหำรแตล่ ะหมู่ได้
13 4. สาระการเรยี นรู้ ขัน้ ตอนการเรียนรู้ หรือกิจกรรมผเู้ รยี น 4.1 ควำมหมำยของอำหำรหลกั ของไทย 4.2 หลกั กำรจดั แบ่งหมู่อำหำรของไทย - ฟังคำชแ้ี จง 4.3 ประโยชน์ของอำหำรแตล่ ะหมู่ - ซกั ถำมเม่ือมีข้อสงสยั - ตอบคำถำม 5. กิจกรรมการเรยี นรู้ (สปั ดาห์ท่.ี ....1......) ข้ันตอนการจัดการเรียนรู้ หรือกิจกรรมครู ปฐมนเิ ทศ ขัน้ เตรยี ม ชี้แจงเก่ยี วกับกำรเรยี นกำรสอนในรำยวิชำ หลักกำรประกอบอำหำรครอบครวั - คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ - จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ - กิจกรรมกำรเรยี นกำรสอน - กำรวดั ผลและประเมนิ ผล - เอกสำรประกอบกำรสอนวิชำหลกั กำร ประกอบอำหำรครอบครวั - แบบทดสอบควำมรพู้ ้นื ฐำน ขั้นสอน - นกั เรียนตง้ั ใจฟัง และแสดงควำมคดิ เห็น - ครูใหน้ กั เรียนทำข้อสอบก่อนเรยี น ซงึ่ ให้ - นกั เรยี นแสดงควำมคดิ เหน็ - รว่ มสนทนำและวิเครำะห์ของนักเรียน เวลำทำ 30 นำที เป็นข้อสอบแบบ ปรนัย เพือ่ เป็น - ใหค้ วำมร่วมมือในกำรแสดงควำมคดิ เหน็ กำรตรวจวดั ควำมรพู้ ืน้ ฐำนควำมรู้ของนักเรยี น - อธบิ ำยควำมหมำยของอำหำรหลักของไทย - หลกั กำรจัดแบ่งหม่อู ำหำรของไทย - ประโยชนข์ องอำหำรแตล่ ะหมู่ - ครใู ห้นกั เรยี นทำขอ้ สอบหลงั เรียน ซงึ่ ให้ เวลำทำ 30 นำที เปน็ ข้อสอบแบบ ปรนยั ขั้นสรปุ - นกั เรียนต้ังใจฟังและปฏบิ ตั ิตำม - ร่วมสนทนำตำมควำมเข้ำใจของนกั ศึกษำ - ครูรว่ มกับนักเรยี นกำหนดทิศทำงในกำรเรยี น - ระดมควำมคิด ช่วยกนั สรปุ พรอ้ มทง้ั กำรจดบนั ทกึ กำรสอน - นกั เรียนตรวจข้อสอบกอ่ นและหลังเรยี น สรุปผล - ครูเฉลยขอ้ สอบ คะแนน - นักเรยี นตอบคำถำม 10 ข้อ ใหม่ อีกรอบ
14 6. ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้ - เอกสำรประกอบกำรเรยี นกำรสอนหลกั กำรประกอบอำหำรครอบครวั - หนงั สอื หลักกำรประกอบอำหำรครอบครัว - ใบควำมรู้ - แบบทดสอบ 7. หลกั ฐานการเรยี นรู้ 7.1 หลกั ฐานความรู้ 1.แบบทดสอบก่อนเรียน ชดุ ท่ี 1 2.คะแนนของนักเรยี นแตล่ ะคน 7.2 หลักฐานการปฏิบตั งิ าน 1.สมดุ จดบนั ทึกของนกั เรียน 2.บอกและแสดงควำมคดิ เห็นได้ ตำมวตั ถปุ ระสงค์ 8. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 8.1 เครอื่ งมือประเมิน - แบบฝึกหดั /ใบงำน - แบบสงั เกตจำกพฤติกรรมกำรเขำ้ ชน้ั เรยี น - แบบทดสอบ - แบบประเมนิ จติ พิสัย 8.2 เกณฑก์ ารประเมนิ - เฉลยแบบทดสอบ - แบบประเมินจิตพสิ ยั 9. กิจกรรมเสนอแนะ/งานทีม่ อบหมาย (ถา้ ม)ี - 10. เอกสารอา้ งองิ
15 ใบความรูท้ ี่..1...... หน่วยท.ี่ ....1..... รหัสวิชา 20400-1002 ช่ือวชิ า หลกั กำรประกอบอำหำรครอบครวั ภาคเรยี นที่ 1/2564 ชอ่ื หนว่ ย ควำมรเู้ บอ้ื งตน้ เกีย่ วกับอำหำรหลักของไทย เวลารวม 90 ช่ัวโมง ช่อื เร่อื ง ควำมรูเ้ บื้องต้นเก่ยี วกับอำหำรหลกั ของไทย เวลา 10 ชว่ั โมง จุดประสงค์การเรียนรู้ จดุ ประสงค์ทัว่ ไป - นักเรยี นรูเ้ ก่ยี วกับควำมหมำยของอำหำรหลกั ของไทย - นักเรียนอธบิ ำยหลกั กำรจดั แบ่งหมอู่ ำหำรของไทย - นักเรยี นแยกและระบชุ นิดของอำหำรแต่ละหมู่ - นักเรยี นบอกประโยชน์ของอำหำรแตล่ ะหมู่ จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม - นกั เรียนสำมำรถแสดงรู้ควำมเข้ำใจเก่ียวกบั ควำมหมำยของอำหำรหลักของไทยได้ - นักเรียนสำมำรถอธิบำยหลักกำรจดั แบ่งหมู่อำหำรของไทยได้ - นักเรียนสำมำรถแยกและระบชุ นดิ ของอำหำรแต่ละหมู่ได้ - นกั เรยี นสำมำรถอธบิ ำยประโยชน์ของอำหำรแตล่ ะหมู่ได้ สมรรถนะรายหนว่ ย 1. ควำมหมำยของอำหำรหลกั ของไทย 2. หลกั กำรจัดแบ่งหมู่อำหำรของไทย 3. ประเภทของอำหำรหลกั ของไทย 4. อำหำรหลกั 5 หมขู่ องไทย เน้อื หาสาระ 1.ประวัติความเป็นมาของอาหารครอบครัว กำรกินของคนเรำมีกำรวิวัฒนำกำรมำตลอด เม่ืออำรยะธรรมของคนก้ำวหน้ำไปเรื่อยๆ กำร กนิ อำหำรก็เปลย่ี นแปลงไปตำมจำกเดิมท่ีเคยหำอำหำรจำกป่ำมำกินหรือแม้แต่กำรทำสวนครัวก็ลดน้อยลงแต่ เปล่ียนเป็นกำรไปซื้ออำหำรจำกแหล่งขำยอำหำรมำเก็บถนอมไว้มำกข้ึน แม้กระน้ันกำรออกไปซื้ออำหำรจำก แหล่งขำยอำหำรหรือจำกตลำดในปัจจุบัน ก็มีจำนวนควำมถี่น้อยลงและหันมำนิยมใช้วิธีกำรเก็บถนอมอำหำร ไวใ้ นบ้ำนใหไ้ ด้นำนวันขนึ้ ความหมายและความสาคัญของอาหารครอบครัว เม่ือ 20 กว่ำปีก่อน แม่บ้ำนต้องไปจ่ำยตลำดหรือให้คนครัวไปจ่ำยตลำดทุกวัน และจะต้อง มเี ทคนคิ และเคล็ดนำนำประกำรในกำรเลอื กซ้ืออำหำรสดจำกตลำด เพอ่ื ใหไ้ ด้อำหำรสดจริงๆ ไม่ว่ำจะเป็นกำร ซ้ือ กุ้ง เน้ือวัว เนื้อหมู ผัก ผลไม้ สำรพัดที่แม่บ้ำนและแม่ครัวต้องมีเทคนิคและเคล็ดในกำรเลือกซื้อทั้งส้ิน จึง
16 จะไดอ้ ำหำรดๆี ตำมตอ้ งกำร อาหารครอบครัว หมำยถึง กำรจัดอำหำรสำหรับครอบครัวท่ีจำเป็นต้องเรียนรู้และ อำศัยกำรฝึกฝนประสบกำรณ์ เพือ่ ให้บคุ คลในครอบครัวไดอ้ ำหำรทมี่ ผี ลดีต่อสุขภำพของคนในครอบครวั อำหำรกับกำรกิน มคี วำมสำคญั ตอ่ ร่ำงกำย โดยปกติคนกนิ อำหำรทำงปำก คือกำรเอำอำหำร ใส่เข้ำในปำก เค้ียวแล้วกลืนผ่ำนลำคอลงไปในกระเพำะต่อไปก็เป็นหน้ำที่ของกระเพำะ ลำไส้และอวัยวะอ่ืนๆ จะรบั ชว่ งทำหน้ำทโี่ ดยคนไมต่ อ้ งจงใจกระทำ อำหำรท่ีคนกินเข้ำไปเป็นตัวกำรท่ีร่ำงกำยจะเอำไปเปล่ียนแปลง เพื่อเพ่ิมอัตรำกำรเติบโต เป็นพลังงำนให้คนทรงสภำพเดิมอยู่ได้นำนท่ีสุดเท่ำท่ีธรรมชำติได้กำหนดไว้ และเป็นเน้ือหนงั มังสำเพอ่ื ซอ่ มแซมอวยั วะที่ตอ้ งสกึ หรอไปบ้ำงเพรำะถกู ใชง้ ำน กำรกนิ อำหำรของคนเรำนั้น เหตุท่ีชวนให้กินอำหำรอย่ำงใดอย่ำงหนึ่งน้ัน เป็นเพรำะอำหำร น้ันอร่อย ควำมอรอ่ ยของอำหำรนั้นเป็นหนำ้ ท่ขี อง ลิ้นและจมูก ที่จะรับเอำไว้ เพรำะฉะน้ัน ถ้ำอำหำรได้อยู่ใน ปำกนำน ๆ คนกินก็ได้รับรสอร่อยนั้นนำน ๆ เด็ก ๆ ชอบอมลูกกวำดได้นำน ๆ มำกกว่ำที่จะขบเคี้ยวให้แตก แล้วกลืน เช่นเดียวกับคนท่ีชอบกินปลำหมึกป้ิง มักจะเค้ียวและอมปลำหมึกไว้ในปำกนำน ๆ จนปลำหมึกจืด แลว้ จึงกลนื อำหำรอนื่ ๆ ก็เช่นเดยี วกัน จงึ กล่ำวได้วำ่ กำรเค้ยี วเป็นกิจกรรมทีส่ ำคญั ที่สุดในกระบวนกำรกิน ประเภทของอาหารหลักของไทย วัฒนธรรมกำรกินของคนไทยเรำนั้น นิยมกินข้ำวเป็นอำหำรหลักโดยกินข้ำวกับอำหำรไทยท่ี เป็นกับข้ำวตำมควำมชอบ จึงจัดว่ำอำหำรไทยเป็นอำหำรหลัก ดังนั้นเพ่ือให้ง่ำยต่อกำรท่ีจะแนะนำให้ ประชำชนบริโภคอำหำรทม่ี คี ณุ ประโยชนใ์ นปริมำณท่พี อเหมำะทจ่ี ะทำใหร้ ำ่ งกำยแขง็ แรงสมบูรณ์ไม่เจ็บไข้ นัก โภชนำกำรจึงได้จำแนกอำหำรออกเป็นหมวดหมู่ ตำมปริมำณสำรอำหำรที่มีอยู่มำกออกเป็น 5 หมวดด้วยกัน แล้วใหช้ อื่ วำ่ อาหารหลกั 5 หมขู่ องไทย อำหำรเป็นหน่ึงในปัจจัยสี่ท่ีมนุษย์จำเป็นต้องใช้ในกำรดำรงชีวิต อำหำรที่มีลักษณะดี จะทำ ให้ น่ำรับประทำน ซึ่งอำหำรมคี วำมสำคญั กบั คนทุกวยั โดยในแต่ละวัยจะมีอำหำรท่ีจะไปช่วยเสริมสร้ำงและ บำรุงร่ำงกำยแตกตำ่ งกัน ดงั น้นั อำหำรหลัก 5 หม่ขู องไทยจงึ แบง่ ได้ดงั น้ี แผนภูมท่ี 1.1 อาหารหลกั 5 หมู่ ท่มี า : http://health.kapook.com/view2924.html
17 อาหารหลักหม่ทู ี่ 1 เนือ้ สตั ว์ เครอื่ งในสตั ว์ ไข่ นม และถัว่ ต่าง ๆ อาหารหมู่ท่ี 1 ให้สำรอำหำรโปรตนี เป็นหลกั ได้แก่ 1. เน้อื สัตว์ต่าง ๆ เชน่ เนอ้ื หมู วัว ควำย เปด็ ไก่ กงุ้ หอย ปู ปลำ แพะ แกะ แมลง เป็นต้น 2. เครื่องในสัตว์ เช่น ตับ ไต ปอด หัวใจ ไส้ กระเพำะ เป็นต้น ทั้งน้ีต้องสด สะอำดและปรุง สุก ปรำศจำกพยำธิ และย่อยงำ่ ย 3. ไข่ เช่น ไข่ไก่ ไข่เป็ด ไข่นก ไข่เต่ำ ไข่มด ไข่ปลำ ไข่แมงดำ เป็นต้น ควรเป็นไข่ที่ใหม่สด หงุ ตม้ สุก ถ้ำเปน็ ไข่ไก่ลวก ไข่ขำวตอ้ งสุกเปน็ สีขำวข่นุ ร่ำงกำยจึงจะย่อย และดูดซมึ ได้ 4. นมและผลิตภัณฑ์นม เช่น นมสด นมผง นมระเหย นมเปรี้ยว โยเกิร์ต เป็นต้น และท่ี สำคัญต้องเป็นนมทปี่ รำศจำกแบคทเี รยี ท่ที ำใหเ้ กิดโทษ 5. ถั่วเมล็ดแห้งและผลิตภัณฑ์จากถ่ัว เช่น ถ่ัวเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง ถ่ัวลิสง เต้ำหู้ เป็นต้น โดยตม้ สกุ ใน 1 วนั เราควรกินอาหารหมทู่ ่ี 1 ดงั นี้ ตารางท่ี 1.1 การกินอาหารหมู่ท่ี 1 ใน วนั น้ำนม 1 แก้ว ไข่ 1 ฟองหรือสปั ดำหล์ ะ 3-4 ฟอง เนอื สตั ว์ตำ่ ง ๆ 100 กรัม โยเกริ ต์ ตับหรอื เครื่องในสตั ว์ สปั ดำห์ละ 1 ครงั ตวั อย่าง อาหารหมทู่ ่ี 1 เน้อื สัตอวำ์ หเคำรร่อืทงะใเนลสสตั ปั วด์ ไำขห่ ล์นะมแ1-ล2ะถค่ัวรงัตา่ ง ๆ ถัว่ ½ ถ้วย 1.1 เนอื้ หมู 1.2 เนอ้ื ววั 1.3 ไก่ ภาพที่ 1.1-1.3 เนอ้ื สัตว์
18 1.4 กุ้ง 1.5 ปลาหมกึ 1.6 ปมู า้ ภาพที่ 1.4-1.6 อาหารทะเล 1.7 กระเพาะ 1.8 หัวใจ 1.9 เซ่งจ้ี 1.10 ตับ 1.11 ไส้ 1.12 ไสอ้ อ่ น ภาพท่ี 1.7-1.12 เครื่องในสตั ว์ 1.13 ไข่ไก่ 1.14 ไขเ่ ป็ด 1.15 ไข่นกกระทา ภาพท่ี 1.13-1.15 ไข่ชนดิ ตา่ ง ๆ
19 1.16 นมสด 1.17 โยเกริ ต์ 1.18 เนยสด 1.19 เนยแขง็ ภาพที่ 1.16-1.19 นมและผลติ ภณั ฑจ์ ากนม ภาพที่ 1.20 ถัว่ ชนิดต่าง ๆ อาหารหลักหมทู่ ี่ 2 ข้าว แป้ง น้าตาลและเผอื กมนั อาหารหลักหมู่ท่ี 2 ใหส้ ำรอำหำรคำรโ์ บไฮเดรตเป็นหลัก ไดแ้ ก่ 1. ข้าว เช่น ข้ำวเจ้ำ ข้ำวเหนียว ข้ำวโพด เป็นต้น โดยเลือกกินข้ำวที่ขัดสีแต่น้อยหลีกเล่ียง กำรซำวข้ำวดว้ ยน้ำมำก ๆ นำน ๆ หรือรนิ นำ้ ข้ำวทิง้ 2. แป้ง เช่น แป้งข้ำวเจ้ำ แป้งข้ำวเหนียว แป้งข้ำวโพด แป้งสำลี แป้งมัน แป้งถ่ัว แป้งท้ำว ยำยม่อม ขนมปัง เป็นต้น ควรเลือกกินขนมปังที่ทำจำกข้ำวไรน์ หรือที่เรียกว่ำ โฮลวีท (Whole Wheat) หมำยถงึ แป้งทที่ ำมำจำกขำ้ วสำลที ีย่ งั ไม่ได้ขดั สี 3. นา้ ตาล เช่น น้ำตำลอ้อย น้ำตำลมะพร้ำว น้ำตำลทรำยแดง เป็นต้น ควรหลีกเล่ียงน้ำตำล ทรำย ที่ฟอกสีจนขำว เนื่องจำกมีประโยชน์นอ้ ยกวำ่ โทษ 4. หัวเผือก และหัวมนั เชน่ เผือกหอม มันฝรง่ั มนั เทศ มันมือเสือ มันสำปะหลงั เป็นต้น
20 ใน 1 วัน เราควรกินอาหารหมทู่ ่ี 2 ดงั น้ี ตารางท่ี 1.2 ควรกนิ อาหารหมทู่ ่ี 2 ใน 1 วนั ข้ำว 3-4 ถ้วย โดยกินขำ้ วซ้อมมือหรอื ข้ำวที่ขดั สีแต่นอ้ ย ใชว้ ิธีกำรหุงไม่ เช็ดน้ำหรอื นง่ึ น้ำตำล 2 ชอ้ นโต๊ะ โดยกำรหลกี เลี่ยงกำรกินน้ำตำลท่ขี ัดสีจนขำว ใหก้ นิ นำ้ ตำลสรี ้ำ นำ้ ตำลทรำยแดงหรอื นำ้ ตำลมะพรำ้ ว เผอื ก หรือมัน 100 กรัม ตวั อยา่ ง อาหารหมูท่ ี่ 2 ข้าว แป้ง น้าตาลและเผอื ก มนั 1.21 ขา้ วเจา้ 1.22 ข้าวเหนยี ว 1.23 ข้าวโพด ภาพท่ี 1.21 -1.23 ข้าว 1.24 เส้นใหญ่ 1.25 เส้นเลก็ 1.26 เสน้ บะหม่ี 1.27 แผน่ ก๋วยเตีย๋ ว 1.28 แผ่นเก๊ียว 1.29 เสน้ เซียงไฮ้
21 1.30 น้าตาลทราย 1.31 นา้ ตาลปกึ ภาพที่ 1.30 -1.31 นา้ ตาลชนิดตา่ ง ๆ 1.32 เผือก 1.33 มันเทศ 1.34 มันฝรัง่ ภาพที่ 1.32-1.34 เผือกและมัน อาหารหลกั หมทู่ ่ี 3 ผกั ชนดิ ต่าง ๆ อาหารหมู่ที่ 3 ใหส้ ำรอำหำรเกลอื แร่ และวิตำมิน ช่วยควบคุมกำรทำงำนของร่ำงกำย เป็นอำหำรช่วยป้องกันโรค หรือที่เรียกว่ำ โพรเทคทีฟ ฟ้ดู (Protective Foods) ไดแ้ ก่ 1. ผักใบเขียว เช่น ผักคะน้ำ ผักบุ้ง ผักตำลึง ยอดแค ยอดกระถิน โดยเลือกผักสดก้ำนใบ แขง็ สเี ขียวสด ไมช่ ้ำ ไม่เนำ่ ผักบำงชนิดอำจปลกู กินเองได้ โดยทำเป็นรว้ั บ้ำนหรือผกั สวนครวั ซึ่งทำใหป้ ระหยดั และปลอดภัยจำกยำฆ่ำแมลง และสำรพิษตำ่ ง ๆ ทพี่ อ่ ค้ำแมค่ ้ำนิยมใช้แช่ให้ผกั สดนำน 2. ผักสีส้ม สีแสด หรือสีแดง เช่น แครอท หัวผักกำดแดง แรชดิช มะเขือเทศ ผักสีเหลือง เชน่ ฟักทอง ในผกั ทุกชนิดมีส่วนประกอบท่สี ำคญั คือ นำ้ ผกั ทมี่ นี ำ้ มำก ไดแ้ ก่ แตงกวำ ฟัก แฟง พวกน้ีกินได้ โดยไมจ่ ำกดั ปรมิ ำณ ส่วนผักท่ีมีน้ำน้อย ได้แก่ ฟักทอง สะตอ ผักกระถิน ถั่วลันเตำจะมีปริมำณคำร์โบไฮเดรต
22 มำก ดังน้ันคนท่ีมีปัญหำในกำรกินคำร์โบไฮเครต เช่น พวกที่ต้องกำรลดน้ำหนัก คนท่ีเป็นเบำหวำน จึงต้อง จำกดั ปริมำณกำรกนิ ดว้ ย ใน 1 วนั เราควรกนิ ผักใหไ้ ด้ดังน้ี ตารางท่ี 1.3 การกนิ อาหารหมู่ที่ 3 ใน 1 วนั ผักใบเขียว 100 กรมั ผกั อน่ื ๆ 100 กรัม หรือกินผักสด 2 ถ้วยหรือผักสุก 1 ถ้วย ตัวอยา่ ง อาหารหมู่ที่ 3 ผักชนดิ ต่าง ๆ 1.35 คึ่นฉ่าย 1.36 คะนา้ 1.37 ยอดแค 1.38 ยอดกระถิน 1.39 ผักบุ้ง 1.40 ตาลึง ภาพท่ี 1.35 -1.40 ผักใบเขียว
23 1.41 แครอท 1.42 ฟักทอง 1.43 มะเขอื เทศ ภาพที่ 1.41 – 1.43 ผักทม่ี ีสีแสด ส้ม เหลอื ง 1.44 ฟักเขียว 1.45 แตงกวา ภาพท่ี 1.44 -1.45 ผกั ทีม่ ีนา้ มาก อาหารหลักหม่ทู ี่ 4 ผลไมช้ นดิ ต่างๆ อาหารหมทู่ ี่ 4 ใหส้ ำรอำหำรเกลอื แร่ และวติ ำมนิ เช่นเดียวกบั หมทู่ ี่ 3 แต่ปรมิ ำณคำรโ์ บไฮเดรตมำกกวำ่ ชว่ ยควบคมุ กำรทำงำนของร่ำงกำยให้ ปกติ บำรุงสขุ ภำพท่วั ไปใหส้ มบรู ณ์แข็งแรง ได้แก่ 1. ผลไม้สดทุกชนดิ เช่น กลว้ ย สม้ มะละกอ มะมว่ ง เปน็ ต้น จะใหว้ ิตำมนิ สงู 2. ผลไม้ตากแหง้ เช่น กลว้ ยตำก ลูกเกด ลกู พรนุ จะใหเ้ กลือแร่สงู
24 ใน 1 วนั เราควรกนิ ผลไมใ้ หไ้ ด้ ดงั นี้ ตารางท่ี 1.4 การกินอาหารหมูท่ ่ี 4 ใน 1 วนั เรำควรกินผลไม้สดทุกวันอย่ำงน้อยวันละ 100 กรัมหรือปรมิ ำณ 1 ผลเล็กหรอื 1 ชนิ ใหญโ่ ดยล้ำงให้สะอำด ปลอดภัยจำกยำฆ่ำแมลง ปอกเปลือกเท่ำท่ีจ้ำเป็นหรือด่ืม น้ำผลไม้สด 1 แก้วกับผลไม้สกุ หรอื ตำกแห้ง ½ ถว้ ย ตวั อยา่ ง อาหารหมทู่ ่ี 4 ผลไม้ต่าง ๆ 1.46 กล้วยหอม 1.47 มะละกอ 1.48 มะม่วง 1.49 สับปะรด 1.50 สม้ 1.51 แตงโม ภาพท่ี 1.46-1.51 ผลไม้สดชนดิ ตา่ ง ๆ 1.52 กล้วยตาก 1.53 ลูก ภาพที่ 1.52 -1.54 ผลไม้ตากแห้ง
25 อาหารหลักหมู่ท่ี 5 ไขมันและน้ามัน อาหารหลกั หมู่ที่ 5 เป็นแหลง่ ของสำรอำหำรไขมนั และวติ ำมินท่ีละลำยในไขมัน ให้พลงั งำนและควำมอ่นุ แก่ร่ำงกำย 1. น้ามันและไขมันจากพืช เช่น น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันดอกทำนตะวัน น้ำมันงำ น้ำมัน ถั่ว น้ำมันรำ น้ำมันข้ำวโพด น้ำมันมะกอก น้ำมันปำล์ม น้ำมันมะพร้ำว รวมทั้งกะทิ ครีมเทียม เนยเทียม เนย ถัว่ เป็นต้น 2. น้ามันและไขมนั จากสตั ว์ เช่น น้ำมนั หมู นำ้ มนั ไก่ น้ำมนั วัว แคบหมู เนย ครีมในนม ใน 1 วนั เราควรกินไขมนั ตา่ งๆ ใหไ้ ด้ ดังน้ี ตารางที่ 1.5 การกินอาหารหมทู่ ี่ 5 ใน 1 วนั ใน 1 วัน เรำควรกินน้ำมันจำกพืชหรือสัตว์ 2-3 ช้อนโต๊ะ โดยกิน นำ้ มันจำกพชื และสตั ว์ เพ่ือป้องกันกำรขำดกรดไขมันที่จำ้ เปน็ ต่อร่ำงกำย ตัวอย่าง อาหารหมทู่ ี่ 5 ไขมนั ตา่ ง ๆ 1.55 นา้ มนั ถั่วเหลอื ง 1.56 กะทิ 1.57 เนยเทยี ม ภาพที่ 1.55 – 1.57 นา้ มันและไขมันจากพชื 1.58 แคบหมู 1.59 ครมี 1.60 เนย ภาพที่ 1.58 – 1.60 น้ามนั และไขมันจากสัตว์
26 เรำต้องกินอำหำรให้ครบทั้ง 5 หมู่ทุกวัน เพ่ือให้ได้สำรอำหำรครบถ้วนเพียงพอกับควำม ต้องกำรของร่ำงกำย อำหำรแต่ละหมู่ไม่อำจทดแทนกันได้ ถ้ำเรำกินอำหำรไม่ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ ต่อไปก็จะ ทำใหร้ ำ่ งกำยขำดสำรอำหำร สรุป ร่ำงกำยของเรำทำงำนตลอด 24 ชว่ั โมง ในกำรสรำ้ งและซอ่ มแซมรำ่ งกำย และขบั ถ่ำยสว่ น ที่ไม่ต้องกำรใช้ ดังน้ันจึงต้องได้รับสำรอำหำรต่ำง ๆ อย่ำงเพียงพอ จึงจะทำหน้ำที่ได้เป็นปกติ โดยเลือก สำรอำหำรต่ำงๆ ท่ีร่ำงกำยต้องกำร จำกอำหำรท่ีกินในปริมำณเท่ำท่ีต้องกำร ไม่ขำดไม่เกิน แต่ถ้ำขำด สำรอำหำรชนิดใดชนิดหนึ่งร่ำงกำยก็ไม่อำจหำสำรอำหำรอ่ืนๆ มำทดแทนได้ และไม่มีสำรอำหำรชนิดใดชนิด หน่ึงที่จะทำหน้ำท่ีได้ตำมลำพัง เช่น ร่ำงกำยต้องกำรแคลเซียมเพื่อสร้ำงกระดูกและฟัน แต่ถ้ำขำดวิตำมินดี ลำไส้ก็ไม่สำมำรถดูดซึมแคลเซียมไปใช้ได้ ดังนั้นนักโภชนำกำรจึงได้แนะนำให้กินอำหำรต่ำงๆ ครบถ้วน เพียงพอกับควำมต้องกำร และด่ืมน้ำให้มำกๆ อย่ำงน้อยวันละ 6 -8 แก้ว เพื่อให้ร่ำงกำยรับประโยชน์จำก สำรอำหำรต่ำงๆ อย่ำงเต็มท่ี อาหารท่รี ับประทานในแต่ละวนั ควรครบ 5 หมู่ซ่ึงประกอบไปดว้ ย หมู่ท่ี 1 ได้แก่ เน้ือสัตว์ต่ำง ๆ เช่น เน้ือหมู เน้ือไก่ เนื้อวัว กุ้ง ปลำ ทุกชนิด ท้ังปลำน้ำจืด ปลำทะเล ไข่ นม ถัว่ เมล็ดแห้ง เชน่ ถ่ัวเหลือง ถว่ั เขยี ว ถว่ั แดง ถว่ั ดำ และผลิตภณั ฑ์จำกถ่ัวเหลืองที่ให้ สำรอำหำรโปรตีน หมู่ที่ 2 ได้แก่ ข้ำว แป้ง อำหำรท่ีทำจำกแป้ง เช่น ก๋วยเต๋ียว บะหม่ี ขนมจีน ขนมปัง น้ำตำล เผือก มัน ทใ่ี หส้ ำรอำหำรคำรโ์ บไฮเดรต หมู่ที่ 3 ได้แก่ ผลไม้ต่ำง ๆ เช่น ส้มต่ำง ๆ มะละกอ สับปะรด มะม่วง ฝรั่ง ชมพู่ พุทรำ กล้วย มังคุด แตงโม แตงไทย เปน็ ต้น ซ่งึ มีเกลอื แร่ และวิตำมิน หมู่ที่ 4 ได้แก่ ผักต่ำง ๆ ทั้งผักใบเขียวและผักหัว เช่น ตำลึง ผักบุ้ง กวำงตุ้ง ผักกำดขำวปลี ผักกำด เขียว กะหล่ำปลี แครอท หัวผักกำด มะเขือเทศ มะเขือยำว ถั่วฝักยำว ถั่วแขก ถั่วลันเตำ ฟักทอง ฟักเขียว บวบ เป็นต้น ทีใ่ ห้เกลอื แร่ วติ ำมนิ และกำกใยอำหำร หมู่ที่ 5 ได้แก่ ไข และนำ้ มันทง้ั จำกพชื และสตั ว์ เช่น น้ำมนั จำกหมู ไก่ งำ ขำ้ วโพด รำข้ำว ถั่วเหลือง เนย มำกำรีน เปน็ อำหำรท่ีให้สำรอำหำรไขมัน
27 แบบฝกึ หดั /เฉลย ตอนท่ี 1 คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นเลือกคำตอบทถี่ กู ต้องที่สดุ 1. ทำไมจึงตอ้ งบริโภคอำหำรใหค้ รบ 5 หมู่ ก. เพือ่ ใหร้ ำ่ งกำยแข็งแรงไม่เจ็บไข้ ข. เพื่อใหร้ ำ่ งกำยไดร้ บั สำรอำหำรเพยี งพอ ค. เพอ่ื ให้มอี ำหำรหมุนเวียนกินไดท้ ุกวัน ง. เพือ่ ใหป้ ระหยัดค่ำใชจ้ ำ่ ยในกำรซ้ืออำหำร 2. ข้อใดไม่เป็น Protective Foods ก. กระถิน ข. ลกู พรนุ ค. ยอดแค ง. มะเขอื เทศ 3. ข้อใดกลำ่ วถูกตอ้ ง ก. เพอ่ื ใหม้ สี ขุ ภำพดคี วรดื่มนมวันละ 1 แกว้ ข. ผสู้ งู อำยไุ มค่ วรกนิ อำหำรทะเล จะทำให้เปน็ โรคภูมิแพ้ ค. โยเกิร์ต มีคณุ ภำพเท่ำเทยี มกบั นมสดจงึ ใชแ้ ทนกนั ได้ ง. ควรกินเครอ่ื งในสัตว์ สัปดำหล์ ะ 1 ครง้ั 4.อำหำรหลัก 5 หมูข่ องไทยคือข้อใด ก. แปง้ นำ้ ตำล ไขมัน ไข่ นม ข. เน้ือสัตว์ ถ่วั ผลไม้ ไขมนั นำ้ ตำล ค. ข้ำว ไข่ นม ถัว่ ผัก ผลไม้ ไขมัน ง. เนอ้ื สตั ว์ ไข่ นม ขำ้ ว ผัก ผลไม้ ไขมนั 5. พืชในขอ้ ใด ไม่สามารถ ทำน้ำมันพชื ได้ ก. ขำ้ วโพด ข. ถวั่ เหลือง ค. เมลด็ กระถิน ง. เมล็ดฝ้ำย 6. อำหำรชุดใดประกอบด้วยอำหำรหลกั 5 หมู่ ก. ขำ้ วต้ม ยำก้งุ แห้ง เกี้ยมไฉ่ ข. กว๋ ยเตยี๋ วเนอ้ื สับ กล้วยน้ำวำ้ ค. ขนมจนี น้ำพริก ผกั ทอด บวั ลอย 3 สี ง. ข้ำวสวย แกงจืดเตำ้ ห้หู ลอด ปลำทอด 7. เผอื กและมนั เปน็ พืชท่ีมสี ่ิงใดเปน็ ส่วนประกอบมำกทีส่ ุด ก. แปง้ ข. วติ ำมนิ ค. เกลอื แร่ ง. นำ้ ตำล 8. ขอ้ ใดไม่ใช่ผลติ ภัณฑจ์ ำกข้ำว ก. เสน้ บะหมี่ ข. เสน้ วนุ้ เสน้ ค. เส้นเซ่ียงไฮ้ ง. เสน้ กว๋ ยจบั๊ 9. ข้อใดไม่ใช่เครอ่ื งในสตั ว์ ก. ปอด ข. หัวใจ ค. มำ้ ม ง. เอน็ 10. ผลไมท้ ่มี กี ำรใชบ้ รโิ ภคมำนำนและสำมำรถแปรรูปได้มำกทีส่ ุด คอื ข้อใด ก. กล้วย ข. มะละกอ ค. มะขำม ง. ส้มเขียวหวำน
28 เอกสารอ้างอิง -
ใบงานท่ี..1... 29 รหัสวชิ า 20400-1002 ช่ือวชิ า หลกั กำรประกอบอำหำรครอบครวั หน่วยท่.ี ........1.... สอนครั้งท.่ี ..1-2.. ชือ่ หนว่ ย.........ควำมร้เู บ้ืองตน้ เกย่ี วกับอำหำรหลกั ของไทย....... เวลารวม 90 ชั่วโมง จานวน 10 ชัว่ โมง ชือ่ งาน.........ควำมรเู้ บอ้ื งตน้ เกยี่ วกบั อำหำรหลกั ของไทย.............................. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ท่วั ไป - นักเรยี นรู้เก่ียวกับควำมหมำยของอำหำรหลกั ของไทย - นักเรยี นอธิบำยหลกั กำรจดั แบง่ หมอู่ ำหำรของไทย - นักเรียนแยกและระบุชนดิ ของอำหำรแต่ละหมู่ - นักเรียนบอกประโยชนข์ องอำหำรแต่ละหมู่ จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม - นกั เรยี นสำมำรถแสดงรู้ควำมเข้ำใจเกีย่ วกบั ควำมหมำยของอำหำรหลักของไทยได้ - นกั เรยี นสำมำรถอธิบำยหลักกำรจดั แบ่งหมอู่ ำหำรของไทยได้ - นกั เรยี นสำมำรถแยกและระบุชนดิ ของอำหำรแต่ละหมู่ได้ - นักเรียนสำมำรถอธิบำยประโยชนข์ องอำหำรแตล่ ะหมู่ได้ สมรรถนะรายหนว่ ย 1. ควำมหมำยของอำหำรหลกั ของไทย 2. หลกั กำรจดั แบง่ หมู่อำหำรของไทย 3. ประเภทของอำหำรหลกั ของไทย 4. อำหำรหลัก 5 หมขู่ องไทย เครือ่ งมือ วสั ดุ – อุปกรณ์ 1. หนังสอื หลกั กำรประกอบอำหำรครอบครวั 2. ใบควำมร้ปู ระกอบกำรเรยี นกำรสอนหลกั กำรประกอบอำหำรครอบครวั 3. แบบฝกึ หัด/แบบทดสอบ ลาดับขั้นตอนการปฏิบัติงาน 1. ใหน้ กั เรยี นแบง่ กล่มุ ตำมควำมเหมำะสม เพอ่ื ศกึ ษำและอภปิ รำย 1.1 อธิบำยควำมหมำยและควำมเปน็ มำ ประเภทของหลกั กำรประกอบอำหำรครอบครวั 1.2 อธบิ ำยประโยชนแ์ ละลักษณะท่ีดีของอำหำรหลัก 5 หมขู่ องไทย 2. เขียนอภิปรำยและวิเครำะหใ์ สก่ ระดำษ 3. นำผลงำนส่งครูผู้สอนเพ่ือประเมินผล
30 ภาพประกอบ - ขอ้ ควรระวงั ผูเ้ รยี นควรตรวจสอบข้อมูลก่อนให้ถถี่ ว้ น ละเอียด และรอบคอบกอ่ น เพอื่ ปอ้ งกนั ควำมผดิ พลำดกอ่ นกำร ส่งงำน ขอ้ เสนอแนะ (ถา้ ม)ี นกั เรยี นควรมภี ำพประกอบกำรนำเสนองำน และสำมำรถอธบิ ำยเนือ้ หำใหส้ อดคลอ้ งกบั ภำพใหถ้ กู ต้อง การประเมนิ ผล (ตอ้ งระบเุ กณฑ์การประเมินให้ชดั เจน) 1. สังเกตผเู้ รยี นมคี วำมสนใจ เกดิ ควำมเขำ้ ใจในสำระกำรเรียนรู้ ตลอดจนแสดงควำมกระตอื รือรน้ ในกำร แสดงควำมคดิ เห็นและสรปุ สำระกำรเรียนรู้ประจำหนว่ ย 2. ทำใบงำนได้อยำ่ งถูกตอ้ ง ทนั เวลำทีก่ ำหนด ใบงำนสะอำดและเปน็ ระเบยี บ 3. ผู้เรียนทำแบบฝกึ หดั หลงั เรยี นได้ถกู ต้อง โดยไดค้ ะแนน 50% เป็นอยำ่ งต่ำ เอกสารอา้ งองิ -
ใบกิจกรรมท.่ี ..1.. หนว่ ยท่ี......1.... 31 สอนครงั้ ท่.ี ....1-2..... รหสั วชิ า 20400-1002 ชอื่ วิชา หลกั การประกอบอาหารครอบครวั เวลารวม 90 ชัว่ โมง จานวน 10 ชว่ั โมง ชอ่ื หนว่ ย..........ควำมรเู้ บอื้ งต้นเก่ียวกับอำหำรหลักของไทย.............. ชื่องาน........ควำมร้เู บื้องตน้ เกยี่ วกบั อำหำรหลกั ของไทย....................................... จดุ ประสงค์การเรียนรู้ จุดประสงคท์ ัว่ ไป - นักเรยี นรเู้ ก่ียวกับควำมหมำยของอำหำรหลกั ของไทย - นกั เรียนอธบิ ำยหลักกำรจดั แบ่งหม่อู ำหำรของไทย - นักเรียนแยกและระบชุ นดิ ของอำหำรแตล่ ะหมู่ - นักเรยี นบอกประโยชน์ของอำหำรแตล่ ะหมู่ จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม - นกั เรียนสำมำรถแสดงรู้ควำมเขำ้ ใจเก่ียวกบั ควำมหมำยของอำหำรหลกั ของไทยได้ - นักเรียนสำมำรถอธบิ ำยหลกั กำรจดั แบ่งหมู่อำหำรของไทยได้ - นักเรียนสำมำรถแยกและระบุชนดิ ของอำหำรแต่ละหมู่ได้ - นกั เรียนสำมำรถอธิบำยประโยชนข์ องอำหำรแต่ละหมู่ได้ สมรรถนะรายหนว่ ย 1. ควำมหมำยของอำหำรหลักของไทย 2. หลกั กำรจัดแบง่ หมอู่ ำหำรของไทย 3. ประเภทของอำหำรหลกั ของไทย 4. อำหำรหลกั 5 หมขู่ องไทย เคร่อื งมอื วัสดุ – อุปกรณ์ 1. หนังสอื หลกั กำรประกอบอำหำรครอบครวั 2. ใบควำมรู้ประกอบกำรเรยี นกำรสอนหลักกำรประกอบอำหำรครอบครัว 3. แบบฝึกหดั /แบบทดสอบ ลาดับกิจกรรม 1. ผู้เรยี นต้องใหค้ วำมสนใจในกำรศึกษำ เพอ่ื หำเทคนคิ วธิ กี ำร หรอื หลกั กำรงำ่ ยเพอ่ื ใหห้ ำคำตอบได้ อยำ่ งถูกต้อง และรวดเรว็ โดยกำร ต้ังใจฟังหลักกำร เทคนคิ วิธีกำรทค่ี รูผสู้ อนสรุปในขณะท่ีทำกำรสอน และนำ ข้อสงสัยซกั ถำมครูในกำรเรียนทกุ ครงั้ ที่เกดิ ควำมสบั สน และไม่เขำ้ ใจ 2. ผู้เรยี นมกี ำรทบทวนบทเรยี น ตลอดเพอ่ื เสรมิ สรำ้ งควำมเขำ้ ใจอยำ่ งแท้จรงิ 3. ผูเ้ รียนหมน่ั ทำใบงำน แบบฝกึ หัด และแกไ้ ขข้อท่ีผดิ ให้ถูกตอ้ งเสมอ 4. ผู้เรียนตอ้ งสร้ำงมโนภำพให้เกดิ ควำมคดิ รวบยอดในสำระกำรเรยี นรูแ้ ละเทคนิควธิ กี ำรพร้อมกับควำม จำเปน็ ในกำรนำไปประยุกต์ใช้ใหเ้ กดิ ข้นึ โดยตนเองให้ได้เพ่อื เกิดควำมรูค้ วำมเขำ้ ใจอย่ำงแท้จริงไม่ใช่เกดิ จำกกำร
32 ท่องจำ 5. ผู้เรียนต้องดำเนนิ กำรตำมกิจกรรมหรืองำนที่ได้รับมอบหมำย ให้เสรจ็ สนิ้ ภำยในระยะเวลำทก่ี ำหนด และฝึกฝนตนเองเสมอ เมือ่ ได้รบั มอบหมำยงำนมำ การประเมนิ ผล (ต้องระบเุ กณฑก์ ารประเมินใหช้ ดั เจน) 1. สังเกตผเู้ รยี นมคี วำมสนใจ เกิดควำมเขำ้ ใจในสำระกำรเรียนรู้ ตลอดจนแสดงควำมกระตอื รอื รน้ ใน กำรแสดงควำมคดิ เหน็ และสรุปสำระกำรเรยี นรปู้ ระจำหนว่ ย 2. ทำใบงำนได้อยำ่ งถกู ตอ้ ง ทันเวลำท่กี ำหนด ใบงำนสะอำดและเป็นระเบยี บ 3. ผู้เรียนทำแบบฝกึ หดั หลงั เรยี นได้ถูกตอ้ ง โดยไดค้ ะแนน 50% เปน็ อย่ำงตำ่ เอกสารอ้างองิ -
33 ใบปฏบิ ัติงานท.ี่ .1... หน่วยท่.ี .........1.... รหัสวิชา 20400-1002 ชอ่ื วชิ า หลักการประกอบอาหาร สอนครัง้ ท่.ี .....1-2.... ครอบครัว ชื่อหน่วย..........ควำมรเู้ บอ้ื งต้นเกย่ี วกับอำหำรหลักของไทย........... จานวนรวม 90 ชัว่ โมง ช่อื งาน............ควำมรู้เบอ้ื งต้นเก่ยี วกบั อำหำรหลกั ของไทย........................ จานวน 10 ชั่วโมง จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ จดุ ประสงคท์ ัว่ ไป - นกั เรียนรู้เกีย่ วกบั ควำมหมำยของอำหำรหลกั ของไทย - นกั เรียนอธบิ ำยหลกั กำรจดั แบง่ หมอู่ ำหำรของไทย - นักเรยี นแยกและระบชุ นดิ ของอำหำรแต่ละหมู่ - นักเรยี นบอกประโยชนข์ องอำหำรแต่ละหมู่ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม - นักเรียนสำมำรถแสดงรู้ควำมเขำ้ ใจเกยี่ วกับควำมหมำยของอำหำรหลกั ของไทยได้ - นกั เรยี นสำมำรถอธิบำยหลกั กำรจดั แบ่งหมู่อำหำรของไทยได้ - นักเรียนสำมำรถแยกและระบชุ นิดของอำหำรแต่ละหมู่ได้ - นักเรยี นสำมำรถอธบิ ำยประโยชน์ของอำหำรแตล่ ะหมู่ได้ สมรรถนะรายหนว่ ย 1. ควำมหมำยของอำหำรหลกั ของไทย 2. หลักกำรจัดแบ่งหมอู่ ำหำรของไทย 3. ประเภทของอำหำรหลักของไทย 4. อำหำรหลัก 5 หมู่ของไทย เครือ่ งมอื /วสั ดุ อุปกรณ์ (จานวน ขนาด) 1. หนังสือหลกั กำรประกอบอำหำรครอบครวั 2. ใบควำมรปู้ ระกอบกำรเรียนกำรสอนหลกั กำรประกอบอำหำรครอบครวั 3. แบบฝกึ หัด/แบบทดสอบ ลาดับข้ันตอนการปฏบิ ัตงิ าน 1. ใหน้ ักเรียนแบ่งกลมุ่ ตำมควำมเหมำะสม เพอื่ ศกึ ษำและอภปิ รำย 1.1 อธบิ ำยควำมหมำยและควำมเปน็ มำ ประเภทของหลักกำรประกอบอำหำรครอบครวั 1.2 อธิบำยประโยชนแ์ ละลกั ษณะที่ดขี องอำหำรหลัก 5 หมู่ของไทย 2. เขียนอภิปรำยและวเิ ครำะห์ใสก่ ระดำษ
34 3. นำผลงำนสง่ ครูผูส้ อนเพ่อื ประเมินผล ภาพประกอบ - ขอ้ ควรระวงั ผเู้ รียนควรตรวจสอบข้อมลู กอ่ นให้ถ่ีถ้วน ละเอยี ด และรอบคอบก่อน เพือ่ ปอ้ งกันควำมผิดพลำดก่อน กำรสง่ งำน ขอ้ เสนอแนะ (ถา้ มี) นักเรยี นควรมีภำพประกอบกำรนำเสนองำน และสำมำรถอธิบำยเนอ้ื หำใหส้ อดคลอ้ งกับภำพใหถ้ ูกต้อง กำรประเมินผล (ตอ้ งระบเุ กณฑ์กำรประเมินใหช้ ัดเจน) 1. สงั เกตผูเ้ รยี นมคี วำมสนใจ เกดิ ควำมเข้ำใจในสำระกำรเรยี นรู้ ตลอดจนแสดงควำมกระตอื รือร้นในกำร แสดงควำมคดิ เหน็ และสรปุ สำระกำรเรยี นรู้ประจำหน่วย 2. ทำใบงำนไดอ้ ยำ่ งถกู ตอ้ ง ทนั เวลำทก่ี ำหนด ใบงำนสะอำดและเปน็ ระเบียบ 3. ผเู้ รียนทำแบบฝกึ หัดหลงั เรียนได้ถูกตอ้ ง โดยไดค้ ะแนน 50% เปน็ อย่ำงตำ่ เอกสารอ้างอิง -
35 ใบมอมหมายงานท่ี..1... หน่วยท่.ี ....1..... รหสั วชิ า 20400-1002 ช่อื วชิ า หลักการประกอบอาหารครอบครัว สอนคร้งั ที่..1-2... ช่อื หน่วย..........ควำมรเู้ บอื้ งตน้ เกยี่ วกบั อำหำรหลกั ของไทย...................................... ชอื่ งาน...........ควำมรู้เบ้อื งตน้ เกี่ยวกบั อำหำรหลกั ของไทย............................................................. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - นักเรียนสำมำรถแสดงรู้ควำมเขำ้ ใจเก่ียวกบั ควำมหมำยของอำหำรหลักของไทยได้ - นกั เรียนสำมำรถอธิบำยหลกั กำรจดั แบ่งหมอู่ ำหำรของไทยได้ - นกั เรยี นสำมำรถแยกและระบชุ นดิ ของอำหำรแตล่ ะหมู่ได้ - นกั เรียนสำมำรถอธิบำยประโยชน์ของอำหำรแต่ละหมู่ได้ แนวทางการปฏิบัติงาน 1. ให้ผู้เรียนปฏบิ ัติงำนตำมใบงำน ใบกจิ กรรม ใบปฏิบัตงิ ำน อยำ่ งเครง่ ครดั ตำมหัวข้อทไี่ ด้รับ มอบหมำย ให้เสร็จสนิ้ ตำมระยะเวลำทกี่ ำหนด พรอ้ มท้งั กำรจดั ทำรำยงำน และนำเสนองำนอย่ำงถกู ต้อง ครบถว้ น เป็นระเบียบเรียบรอ้ ย 2. ใหผ้ ู้เรียนแบ่งหน้ำทก่ี บั เพือ่ นในกลุ่มให้ชัดเจน และสำมำรถเขำ้ ใจเนอื้ หำตำมหวั ข้อดงั กลำ่ ว ได้อย่ำง ถูกตอ้ ง ครบถ้วน แหล่งค้นคว้า 1. หนังสอื หลักกำรประกอบอำหำรครอบครวั 2. ใบควำมรู้ประกอบกำรเรียนกำรสอนหลักกำรประกอบอำหำรครอบครัว 3. แบบฝึกหดั /แบบทดสอบ คาถาม/ปัญหา - กาหนดเวลาสง่ งาน - เอกสารอ้างอิง -
36 แบบประเมนิ ผลงาน หน่วยการเรยี นรูท้ ี่............................................................................................................................. ช่อื กลุ่ม.........................................................................ชน้ั ................................................................ รายชือ่ สมาชิก 1............................................................................................................................... 2............................................................................................................................... 3............................................................................................................................... ขอ้ ท่ี รายการประเมนิ คะแนน หมายเหตุ 321 1 ควำมถูกตอ้ งของเน้อื หำ 2 ควำมประณตี สวยงำม 3 ควำมคดิ ริเรม่ิ สร้ำงสรรค์ 4 สำระประโยชน์ 5 ................................................................. รวม ผู้ประเมนิ .............................................. วนั ท.ี่ .............เดือน...............................พ.ศ...................
37 เกณฑ์การประเมนิ 1. ความถูกต้องของเนื้อหา 3 คะแนน = มเี น้ือหำสำระสำคัญครบถ้วน สอ่ื ควำมหมำยชดั เจนและมีรูปภำพประกอบ 2 คะแนน = มเี นื้อหำสำระสำคญั ครบถว้ น สื่อควำมหมำยและมีรปู ภำพไมต่ รงเน้ือหำ 1 คะแนน = มเี น้อื หำสำระสำคญั ไมช่ ดั เจน และไม่ครบถ้วน 2. ความประณตี สวยงาม 3 คะแนน = รปู ภำพสวยงำม ตวั อกั ษรคมชดั สสี นั เหมำะสม กำรวำงรปู แบบสมดลุ 2 คะแนน = รูปภำพสวยงำม ตวั อักษรคมชดั กำรวำงรูปแบบสมดุล 1 คะแนน = รูปภำพไมส่ วยงำม กำรวำงรูปแบบสมดุล 3. ความคิดรเิ ริม่ สร้างสรรค์ 3 คะแนน = รปู แบบกำรนำเสนอแปลกใหม่ มีกำรประยุกต์ใชว้ สั ดอุ ปุ กรณใ์ นท้องถ่ิน และประหยดั 2 คะแนน = รูปแบบกำรนำเสนอแปลกใหม่ มีกำรประยกุ ตใ์ ชว้ สั ดอุ ปุ กรณใ์ นท้องถ่นิ แตไ่ มป่ ระหยัด 1 คะแนน = รูปแบบกำรนำเสนอไมแ่ ปลกใหม่ ไม่น่ำสนใจ 4. สารประโยชน์ 3 คะแนน = ให้ควำมคดิ รวบยอดเกย่ี วกับองคป์ ระกอบ ครอบคลุมและชดั เจน 2 คะแนน = ให้ควำมคดิ รวบยอดเกยี่ วกับองคป์ ระกอบ ไมค่ รอบคลมุ แตช่ ดั เจน 1 คะแนน = ให้ควำมคิดรวบยอดเก่ียวกับองคป์ ระกอบ ไมค่ รอบคลุมและไม่ชัดเจน 5..................................................................
38 แบบประเมินการนาเสนอผลงาน หน่วยการเรยี นรทู้ ี่............................................................................................................................. ชื่อกลมุ่ .........................................................................ชน้ั ................................................................ รายชอ่ื สมาชกิ 1............................................................................................................................... 2............................................................................................................................... 3............................................................................................................................... ขอ้ ที่ รายการประเมิน คะแนน หมายเหตุ 321 1 กำรเตรยี มควำมพรอ้ ม 2 เนื้อหำสำระ 3 รปู แบบกำรนำเสนอ 4 กำรมสี ว่ นรว่ มของสมำชกิ ในกลุ่ม 5 กำรรกั ษำเวลำ 6 ควำมสนใจของผฟู้ งั รวม ผปู้ ระเมิน.............................................. วันท่.ี .............เดอื น...............................พ.ศ...................
39 เกณฑ์การประเมนิ 1. การเตรยี มความพรอ้ ม 3 คะแนน = มีกำรจดั เตรยี มสถำนท่ี ส่ือ/อุปกรณไ์ ว้อย่ำงพรอ้ มเพรียง 2 คะแนน = มีสอ่ื /อปุ กรณพ์ รอ้ ม ขำดกำรจัดเตรยี มสถำนที่ 1 คะแนน = สอ่ื /อุปกรณไ์ ม่เพยี งพอ ขำดกำรจดั เตรียมสถำนที่ 2. เน้อื หาสาระ 3 คะแนน = สำระสำคัญครบถว้ น ตรงตำมจดุ ประสงค์ 2 คะแนน = สำระสำคัญไมค่ รบ ตรงตำมจุดประสงค์ 1 คะแนน = สำระสำคัญไมค่ รบ ไม่ตรงตำมจดุ ประสงค์ 3. รปู แบบการนาเสนอ 3 คะแนน = มรี ูปแบบกำรนำเสนอท่ีเหมำะสม ใชเ้ ทคนคิ แปลกใหม่ มสี ื่อและ ใช้เทคโนโลยปี ระกอบกำรนำเสนอ นำวสั ดใุ นทอ้ งถน่ิ มำประยุกตใ์ ช้ อย่ำงค้มุ คำ่ และประหยัด 2 คะแนน = ใช้เทคนิคแปลกใหม่ มสี ื่อและใช้เทคโนโลยีประกอบกำรนำเสนอ ขำดกำรประยกุ ตใ์ ชว้ สั ดุในท้องถน่ิ 1 คะแนน = เทคนคิ กำรนำเสนอไม่เหมำะสม ไมน่ ำ่ สนใจ 4. การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ 3 คะแนน = สมำชิกทุกคนมีบทบำทและมสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมกล่มุ 2 คะแนน = สมำชกิ สว่ นใหญ่มีบทบำทและมสี ่วนร่วมในกจิ กรรมกลุม่ 1 คะแนน = สมำชิกส่วนน้อยมีบทบำทและมีส่วนรว่ มในกิจกรรมกล่มุ 5. การรกั ษาเวลา 3 คะแนน = ดำเนนิ กจิ กรรมไดต้ ำมเวลำที่กำหนด 2 คะแนน = ดำเนินกิจกรรมเรว็ กว่ำเวลำทกี่ ำหนด 1 คะแนน = ดำเนินกิจกรรมชำ้ กวำ่ เวลำทก่ี ำหนด 6. ความสนใจของผู้ฟงั 3 คะแนน = ผฟู้ งั มำกกวำ่ รอ้ ยละ 80 สนใจ และให้ควำมรว่ มมือ 2 คะแนน = ผู้ฟังรอ้ ยละ 70 – 80 สนใจ แลใหค้ วำมรว่ มมือ 1 คะแนน = ผู้ฟังนอ้ ยกวำ่ ร้อยละ 70 สนใจ และให้ควำมรว่ มมอื
40 แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยท.่ี ......2..........จำนวน.......10.....ชว่ั โมง จำนวนชวั่ โมงรวม .........90......ชัว่ โมง สปั ดำหท์ .่ี ....3-4....... ชอื่ วิชำ...............หลักกำรประกอบอำหำรครอบครวั ................................................. ชอ่ื หนว่ ย...........สำรอำหำร..................................................... ชื่อเรอื่ ง.............สำรอำหำร...................................................... 1. สาระสาคัญ สำรอำหำรเปน็ สำรเคมีท่ีมอี ยใู่ นอำหำรทเ่ี รำกินเข้ำไปมปี ระโยชน์และจำเปน็ ตอ่ รำ่ งกำยในกำรสร้ำงควำม เจรญิ เตบิ โต ใหพ้ ลงั งำนควำมอบอุน่ ซอ่ มแซมส่วนที่สึกหรอ ทำให้อวยั วะตำ่ ง ๆ ของร่ำงกำยทำงำนได้ตำมปกติ ใน อำหำรแต่ละชนดิ มีสำรอำหำรทีเ่ ป็นส่วนประกอบอยู่หลำยชนดิ ไดแ้ ก่ โปรตนี คำร์โบไฮเดรต ไขมัน วติ ำมนิ เกลือแร่ และนำ 2. สมรรถนะประจาหน่วย 1. อธิบำยเกี่ยวกับควำมหมำยของสำรอำหำรทีม่ อี ยู่ในอำหำรได้ 2. อธิบำยหลักกำรทำงำนและแยกสำรอำหำรได้ 3. บอกชนดิ ของสำรอำหำรทีใ่ หพ้ ลังงำนและไม่ให้พลงั งำนได้ 4. บอกประโยชน์ของสำรอำหำรแตล่ ะชนดิ ได้ 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ . 3.1 จุดประสงคป์ ลำยทำง 1. เพื่อใหน้ ักเรียนมีควำมร้คู วำมเข้ำใจและอธบิ ำยควำมหมำยของสำรอำหำรทม่ี อี ยู่ในอำหำรได้ 2. เพื่อใหน้ ักเรยี นมีกิจนสิ ยั ในกำรเรยี นทด่ี ี 3.2 จดุ ประสงคน์ ำทำง 1. บอกควำมหมำยของสำรอำหำรทีม่ ีอยใู่ นอำหำรได้ 2. อธบิ ำยหลักกำรทำงำนและแยกสำรอำหำรที่ให้พลงั งำนและไมใ่ ห้พลงั งำนได้ 3. แยกและระบชุ นดิ ของสำรอำหำรทใ่ี ห้พลงั งำนและไม่ใหพ้ ลังงำนได้ 4. สรปุ ประโยชน์ของสำรอำหำรแตล่ ะชนิดได้
41 4. สาระการเรยี นรู้ 4.1 ควำมหมำยของสำรอำหำรทม่ี ีอยใู่ นอำหำร 4.2 หลกั กำรทำงำนและแยกสำรอำหำร 4.3 ชนดิ ของสำรอำหำรทใี่ ห้พลังงำนและไมใ่ หพ้ ลงั งำน 4.4 ประโยชน์ของสำรอำหำรแต่ละชนดิ 5. กิจกรรมการเรยี นรู้ (สปั ดาหท์ .่ี ....1......) ข้ันตอนการจดั การเรยี นรู้ หรอื กจิ กรรมครู ข้ันตอนการเรียนรู้ หรือกจิ กรรมผ้เู รยี น ปฐมนเิ ทศ ข้ันเตรยี ม 1. ครูชแี จงใหน้ กั ศึกษำทรำบถงึ แนวทำงในกำร ปฏิบัตติ นเก่ียว กับกำรเรยี นกำรสอนกำร ประเมินผล กำรเรียน และได้ อบรมคุณลกั ษณะที่ - ฟงั คำชีแจง พึงประสงค์ คือ เร่ืองควำมมีวนิ ัย โดยเฉพำะกำร - ซกั ถำมเมอื่ มีข้อสงสยั แต่งกำย กำรตรงต่อเวลำ กฎระเบยี บกำรใช้ - ตอบคำถำม หอ้ งปฏิบัติกำร กำรรกั ษำควำมสะอำดภำยในห้อง 2. ครสู อบถำมนกั เรียนในชนั เรยี นเรอ่ื ง สำรอำหำรท่มี ีอยใู่ นอำหำร ขน้ั สอน -นกั เรียนบอกสำรอำหำรท่มี ีอยู่ในอำหำรที่รู้ - ครูให้นกั เรียนทำขอ้ สอบก่อนเรยี น ซึง่ ให้ -นกั เรียนดภู ำพพำวเวอรพ์ อยทต์ วั อย่ำงของสำรอำหำร ที่มอี ยู่ในอำหำร เวลำทำ 30 นำที เปน็ ข้อสอบแบบ ปรนยั เพือ่ เป็น -นกั เรยี นรับเอกสำรประกอบกำรสอนเรอื่ งสำรอำหำร กำรตรวจวดั ควำมรพู้ ืนฐำนควำมรู้ของนักเรยี น -นักเรยี นฟงั ครกู ล่ำวถึงควำมรู้เรือ่ งสำรอำหำรทีม่ อี ยใู่ น อำหำร - อธิบำยอธบิ ำยเกยี่ วกับควำมหมำยของ สำรอำหำรทม่ี ีอยใู่ นอำหำร - อธิบำยวธิ ใี ช้ กำรดแู ลรกั ษำเครอื่ งอุปกรณ์ ประกอบอำหำรวำ่ ง - อธิบำยหลักกำรทำงำนและแยกสำรอำหำร - อธบิ ำยชนิดของสำรอำหำรท่ีใหพ้ ลงั งำนและ ไมใ่ หพ้ ลงั งำน - อธบิ ำยบอกประโยชนข์ องสำรอำหำรแต่ละ ชนิด - ครูใหน้ ักเรยี นทำขอ้ สอบหลังเรียน ซง่ึ ให้ เวลำทำ 30 นำที เป็นข้อสอบแบบ ปรนยั
42 - นักเรียนตงั ใจฟงั และปฏบิ ัติตำม ขนั้ สรปุ - รว่ มสนทนำตำมควำมเข้ำใจของนักศึกษำ - ครรู ว่ มกบั นักเรยี นกำหนดทศิ ทำงในกำรเรยี น - ระดมควำมคดิ ชว่ ยกันสรปุ พรอ้ มทังกำรจดบนั ทึก กำรสอน - นักเรียนตรวจขอ้ สอบกอ่ นและหลังเรยี น สรปุ ผล - ครูเฉลยข้อสอบ คะแนน - นักเรียนตอบคำถำม 10 ข้อ ใหม่ อกี รอบ 6. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้ - เอกสำรประกอบกำรเรียนกำรสอนหลักกำรประกอบอำหำรครอบครัว - หนังสือหลักกำรประกอบอำหำรครอบครวั - ใบควำมรู้ - แบบทดสอบ 7. หลักฐานการเรียนรู้ 7.1 หลักฐานความรู้ 1.แบบทดสอบก่อนเรยี น ชุดท่ี 2 2.คะแนนของนกั เรียนแตล่ ะคน 7.2 หลกั ฐานการปฏบิ ัตงิ าน 1.สมดุ จดบันทึกของนกั เรยี น 2.บอกและแสดงควำมคดิ เห็นได้ ตำมวตั ถุประสงค์ 8. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 8.1 เครอ่ื งมือประเมิน - แบบฝกึ หัด/ใบงำน - แบบสังเกตจำกพฤติกรรมกำรเข้ำชนั เรยี น - แบบทดสอบ - แบบประเมนิ จติ พิสยั 8.2 เกณฑ์การประเมนิ - เฉลยแบบทดสอบ - แบบประเมนิ จิตพิสัย 9. กิจกรรมเสนอแนะ/งานที่มอบหมาย (ถา้ มี) - 10. เอกสารอ้างอิง
43 ใบความรทู้ ่.ี .2...... หน่วยท่.ี ....2..... รหสั วิชา 20400-1002 ชือ่ วชิ า หลกั กำรประกอบอำหำรครอบครวั ภาคเรยี นที่ 1/2564 ช่ือหนว่ ย สำรอำหำร เวลารวม 90 ชว่ั โมง ช่อื เรื่อง สำรอำหำร เวลา 10 ช่วั โมง จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ท่ัวไป - นักเรียนรเู้ กี่ยวกับควำมหมำยของสำรอำหำรท่มี ีอยใู่ นอำหำร - นักเรียนอธบิ ำยหลกั กำรทำงำนและแยกสำรอำหำร - นักเรยี นบอกชนิดของสำรอำหำรทใี่ หพ้ ลังงำนและไมใ่ ห้พลังงำน - นกั เรียนบอกประโยชน์ของสำรอำหำรแตล่ ะชนดิ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม - นักเรียนสำมำรถแสดงรู้ควำมเขำ้ ใจเกีย่ วกับควำมหมำยของสำรอำหำรที่มีอยใู่ นอำหำรได้ - นักเรียนสำมำรถอธบิ ำยหลักกำรทำงำนและแยกสำรอำหำรได้ - นักเรยี นสำมำรถแยกชนิดของสำรอำหำรทใ่ี หพ้ ลงั งำนและไม่ให้พลังงำนได้ - นกั เรียนสำมำรถอธิบำยประโยชน์ของสำรอำหำรแต่ละชนดิ ได้ สมรรถนะรายหน่วย 1 ควำมหมำยของสำรอำหำรทมี่ อี ยู่ในอำหำร 2 หลักกำรทำงำนและแยกสำรอำหำร 3 ชนิดของสำรอำหำรทใ่ี หพ้ ลังงำนและไม่ใหพ้ ลงั งำน 4 ประโยชนข์ องสำรอำหำรแตล่ ะชนดิ เนือ้ หาสาระ 1. ความหมายของสารอาหารท่มี อี ยใู่ นอาหาร สารอาหาร หมำยถึง สำรเคมีท่มี อี ย่ใู นอำหำรท่เี รำกินเขำ้ ไปมปี ระโยชนแ์ ละจำเป็นต่อรำ่ งกำยในกำร สร้ำงควำมเจรญิ เตบิ โต ให้พลังงำนควำมอบอุ่น ซ่อมแซมสว่ นท่ีสึกหรอ ทำใหอ้ วัยวะต่ำง ๆ ของร่ำงกำยทำงำน ได้ตำมปกติ ในอำหำรแต่ละชนดิ มีสำรอำหำรทเี่ ป็นส่วนประกอบอยู่หลำยชนดิ ได้แก่ 1. โปรตนี 2. คำรโ์ บไฮเดรต 3. ไขมนั 4. วิตำมิน 5. เกลอื แร่ 6. นำ
44 สารอาหารดงั กล่าว สามารถจัดแบง่ เป็นกลุ่มได้ 2 กลุม่ ใหญ่ ๆ คือ 1. กลมุ่ สารอาหารทใ่ี ห้พลังงาน ไดแ้ ก่ โปรตีน คำร์โบไฮเดรต และไขมนั โปรตีน คารโ์ บไฮเดรต ไขมนั รปู ท่ี 2.1 กลุม่ สารอาหารทใี่ ห้พลงั งาน 2. กลุ่มสารอาหารที่ไมใ่ หพ้ ลงั งาน ได้แก่ วิตำมนิ เกลอื แร่ และนำ เกลือแร่ วติ ามนิ และนา้ รปู ท่ี 2.2 กลุ่มสารอาหารทไี่ มใ่ หพ้ ลังงาน
45 สารอาหารทใี่ ห้พลงั งาน สารอาหารทใี่ หพ้ ลงั งาน ในแต่ละวันคนเรำต้องทำกิจกรรมมำกมำยล้วนต้องใช้พลังงำนทังสิน แม้กระทงั่ เวลำพกั ผ่อนหรอื เวลำนอนหลบั รำ่ งกำยต้องใช้พลงั งำนสำหรับกำรทำงำนของอวยั วะต่ำง ๆ เช่น กำร ทำงำนของหัวใจเพื่อกำรสูบฉีดเลือด กำรทำงำนของไตเพื่อกำรขับถ่ำย เป็นต้น กำรทำงำนเหล่ำนีต้องกำร พลงั งำนจำนวนหนึง่ เปน็ พลงั งำนทน่ี อ้ ยที่สดุ แต่มีควำมจำเป็นต่อร่ำงกำย พลังงำนท่ีร่ำงกำยต้องกำรได้มำจำก สำรอำหำรไดแ้ ก่ โปรตนี คำรโ์ บไฮเดรต และ ไขมัน 1. โปรตนี (Protein) โปรตีน (Protein) เป็นสำรอำหำรท่ีมีควำมสำคัญต่อเซลล์และเนือเยื่อต่ำงๆ เพ่ือกำรเจริญเติบโต ของร่ำงกำยหรือซ่อมแซมส่วนท่ีสึกหรอหรือกล่ำวง่ำย ๆ คือเป็นสำรตังต้นของกำรเสริมสร้ำงอวัยวะต่ำง ๆ ภำยในร่ำงกำย เช่น เนอื เย่อื กล้ำมเนอื เลือด ฮอรโ์ มน นำย่อย สำรอำหำรโปรตีนจะทำหนำ้ ท่ีโดยตรง หรือเมอ่ื มีบำดแผลร่ำงกำยกจ็ ะใชโ้ ปรตีน ซอ่ มแซมให้อย่ใู นสภำพเดมิ ถำ้ หำกรำ่ งกำย ขำดสำรอำหำรโปรตีนร่ำงกำยไม่ สำมำรถใช้สำรอำหำรตวั อ่นื เขำ้ มำทำหนำ้ ทแ่ี ทนได้ สำรอำหำรโปรตนี จึงมคี วำมสำคญั ต่ออวยั วะท่รี ำ่ งกำยกำลงั เจรญิ เตบิ โตและหญิงมคี รรภ์ ส่วนคนทพี่ ้นวัยเจรญิ เตบิ โตแลว้ ควำมตอ้ งกำรสำรโปรตนี ของร่ำงกำยจะลดลงแต่ ร่ำงกำยยงั มคี วำมต้องกำรเพอื่ กำรซอ่ มแซมเซลลต์ ่ำง ๆ ท่ีสกึ หรอ โปรตีนเป็นสำรอำหำรหลักท่มี ใี นรำ่ งกำยมำก เป็นที่ 2 รองจำกนำ และมีหนว่ ยยอ่ ยที่เลก็ ท่ีสุด คอื กรดอะมโิ น สำมำรถแบง่ ไดเ้ ปน็ 2 ชนดิ คอื - กรดอะมิโนที่จาเป็นต่อร่างกาย เป็นชนิดที่ร่ำงกำยต้องกำรได้รับจำกสำรอำหำรที่บริโภคเข้ำไปจึง ควรเลือกโปรตีนทด่ี ีมีคณุ ภำพ รำ่ งกำยไม่สำมำรถผลติ เองได้ จำเป็นตอ้ งไดจ้ ำกกำรรบั ประทำนอำหำรเท่ำนัน - กรดอะมิโนที่ไม่จาเป็นต่อร่างกาย เป็นกรดอะมิโนท่ีร่ำงกำยสำมำรถสร้ำงขึนเองได้ โปรตีนที่มี คุณภำพดี หมำยถึง แหล่งของโปรตีนที่ให้กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่ำงกำยอย่ำงครบถ้วน โปรตีนในอำหำรมี คุณภำพไม่เหมือนกันขึนอยู่กับกรดอะมิโนเป็นส่วนประกอบของอำหำรนัน โปรตีนแบ่งออกตำมคุณภำพได้ 2 ชนิด 1.1 โปรตีนประเภทสมบูรณ์ (Complete Proteins) คือ โปรตีนที่มีกรดอะมิโนชนิดท่ีจำเป็นต่อ ร่ำงกำยครบทุกตัว ในปริมำณและสัดส่วนที่เพียงพอกับควำมต้องกำรของร่ำงกำยช่วยเรื่องกำรเจริญเติบโต บำรุงร่ำงกำยใหแ้ ข็งแรง โปรตีนชนิดนีได้จำกเนือสัตว์และผลิตภัณฑ์จำกสัตว์ ได้แก่ เนือสัตว์ ไข่ นม เนย และ ถว่ั เหลือง เปน็ ต้น 1.2 โปรตีนประเภทไม่สมบูรณ์ (Incomplete Proteins) เป็นโปรตีนที่มีกรดอะมิโนชนิดที่ จำเปน็ ตอ่ รำ่ งกำยไม่ครบทุกชนดิ ไม่ได้ช่วยในเรอื่ งกำรเจริญเติบโตและควำมแข็งแรงของร่ำงกำยเท่ำที่ร่ำงกำย ต้องกำร โปรตีนชนดิ นีได้จำกพชื เช่น ขำ้ ว งำ ถ่วั เมลด็ แหง้ ยกเวน้ ถั่วเหลอื ง
46 หนา้ ทแี่ ละความสาคัญของโปรตีนที่มีตอ่ 1. ชว่ ยสร้ำรง่าเซงลกลาแ์ ยละเนอื เยอื่ ตำ่ ง ๆ ชว่ ยในกำรเจริญเติบโต เช่น หญิงมีครรภ์ เด็กท่ีอยู่ในวัย เจริญเติบโต จำเปน็ ต้องได้โปรตีนมำกเป็นพิเศษ 2. ช่วยซ่อมแซมสว่ นท่สี ึกหรอ ของอวยั วะตำ่ ง ๆ ในรำ่ งกำย 3. เป็นสำรประกอบของสำรจำพวก เอนไซม์ (enzyme) และ ฮอร์โมน (hormone) ใน ร่ำงกำย เอนไซมห์ รือนำย่อยจำเปน็ สำหรบั กำรยอ่ ยอำหำรรวมทังใช้ในกำรเผำผลำญอำหำร นำย่อยทุกชนิดใน ระบบกำรยอ่ ยอำหำรจัดเป็นโปรตีนทังสิน ฮอร์โมน ทำหน้ำที่ควบคุมกำรทำงำนของร่ำงกำยให้ทำงำนได้อย่ำง ปกติ 4. ใหพ้ ลงั งำนแก่ร่ำงกำย โดยโปรตีน 1 กรัม ให้พลังงำน 4 แคลอรี่ ในกรณีท่ีโปรตีนมำกเกิน ควำมตอ้ งกำรของร่ำงกำยที่จะนำไปสร้ำงเนือเย่ือหรือพลังงำนแล้ว โปรตีนท่ีเหลือสำมำรถเปลี่ยนเป็นไขมันใน เนอื เย่ือของร่ำงกำย 5. ช่วยเพ่ิมควำมต้ำนทำนโรคให้กับร่ำงกำย ควำมต้องกำรโปรตีน แต่ละคนไม่เท่ำกัน เปลี่ยนแปลงไปตำมสภำพร่ำงกำย อำยุ เพศ ปกตผิ ใู้ หญ่ควรได้รับโปรตีนประมำณ 1 กรัมต่อนำหนักร่ำงกำย 1 กิโลกรัม เช่น ถ้ำนำหนักตัว 60 กิโลกรัม ก็ควรได้รับโปรตีน 60 กรัม โดยคำนวณคร่ำว ๆ ว่ำ เนือสัตว์ 1 ขีด (100 กรมั ) จะให้โปรตีน 20 กรมั ภำยใน 1 วันควรได้อำหำรจำกเนอื สัตว์ 3 ขีด เป็นอยำ่ งน้อย 6. ช่วยรักษำควำมสมดุลของนำในหลอดเลือด เนือเยื่อและเซลล์ ถ้ำร่ำงกำยขำดโปรตีนนำน ๆ จะทำใหเ้ ลือดจำง นำจำกเลือดจะถูกดดู ซึมเข้ำไปในเนอื เยอ่ื ทำให้เกิดอำกำรบวม คนขำดโปรตีนจึงมีอำกำร บวมตำมตัว 7. ชว่ ยรักษำควำมสมดุลของกรดและด่ำงภำยในร่ำงกำย 8. กรดอะมิโนช่วยทำใหผ้ ิวพรรณดี เตง่ ตึงขึน 9. ช่วยคลำยเครียดและลดควำมดันโลหติ สูง ผลของการขาดสารอาหารโปรตนี ท่มี ีตอ่ ร่างกาย คือ 1. กำรเจรญิ เตบิ โตและพัฒนำกำรชำ้ กว่ำปกติ 2. ผวิ หนงั ท่เี ปน็ แผลจะหำยช้ำกวำ่ ปกติ 3. เลบ็ ฉีกขำดงำ่ ย ซีดเซียว 4. ผิวหนงั หยำบกรำ้ น 5. ระบบภูมคิ ุ้มกันออ่ นแอ ทำใหต้ ดิ เชอื ได้งำ่ ย 6. ผมมเี มด็ สีจำง ทำใหผ้ มหงอกก่อนวยั หลุดร่วงงำ่ ย แตกปลำย 7. เกดิ ภำวะโลหติ จำง 8. สมองทำงำนช้ำกว่ำปกติ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188