สารบญั หน้า บทท่ี 1 บทนา 1 1.1 หลกั การและเหตุผล 1 1.2 วตั ถุประสงค์ของการดาเนนิ งาน 2 3 บทท่ี 2 แนวคดิ ทฤษฎี และหลักการการประเมนิ 3 2.1 กฎหมายและระเบยี บท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั การบรหิ ารงานจังหวดั และกลุ่มจังหวดั แบบบูรณาการ 3 2.2 แนวคิด ทฤษฎี และหลกั การประเมนิ ผล 9 2.3 หลักการประเมนิ ผลโครงการ 11 11 บทที่ 3 ขอบเขต แนวคดิ และกรอบการประเมนิ คุณภาพแผนพัฒนาจังหวดั และกลุ่มจังหวดั 3.1 แนวคิดและกรอบการพัฒนาคุณภาพแผนพัฒนาจงั หวัดและกลุ่มจงั หวัด 19 การกาหนดเปา้ หมายการพัฒนาและประเดน็ การพัฒนาของจงั หวัดและกลุ่มจังหวัด 20 3.2 แนวทางการใช้เคร่ืองมือในการกาหนดตัวชวี้ ดั การกาหนดค่าเป้าหมายของตัวชี้วัด 3.3 แนวทางการใชเ้ ครือ่ งมือในการพัฒนาคุณภาพแผนงาน/โครงการตามแผนปฏบิ ตั ิ 22 ราชการประจาปีของจงั หวดั และกล่มุ จงั หวดั 22 27 บทท่ี 4 กรอบ หลักเกณฑ์และวธิ ีการประเมนิ คณุ ภาพแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวดั 4.1 แนวคิดภาพรวมในการประเมินคณุ ภาพแผน 30 4.2 กรอบหลักเกณฑ์และแนวทางการประเมินคุณภาพแผนพัฒนาจังหวดั / 42 กล่มุ จงั หวัด 5 ปี 47 4.3 หลักเกณฑ์และวิธกี ารประเมินคุณภาพแผนพัฒนาจังหวัด/ กลมุ่ จงั หวัด 4.4 ข้อเสนอแนะ แบบฟอร์มและวิธีการประเมนิ คณุ ภาพแผนพัฒนาจังหวัด/ กลมุ่ จงั หวดั 48 บทที่ 5 กรอบ หลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารประเมินคณุ ภาพแผนและข้อเสนอโครงการ 48 ตามแผนปฏบิ ตั ริ าชการประจาปี ของจังหวดั /กลุ่มจังหวัด 5.1 แนวทางการใชง้ านแบบการประเมินคุณภาพแผนปฏบิ ัติราชการประจาปีของ 51 จังหวดั ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 5.2 กรอบหลกั เกณฑก์ ารประเมนิ คุณภาพแผนปฏบิ ตั ริ าชการประจาปีจังหวัด / กลุ่มจังหวัด 5.3 หลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ารประเมินคุณภาพแผนและข้อเสนอโครงการตามแผนปฏบิ ตั ิ ราชการประจาปีของจังหวดั / กลุ่มจังหวดั
สารบัญ (ตอ่ ) หนา้ 68 5.4 ขอ้ เสนอแนะ แบบฟอรม์ และวิธีการประเมนิ คณุ ภาพแผนปฏิบัติราชการประจาปี ของจังหวัด / กลมุ่ จงั หวดั 75 77 5.5 กรอบระยะเวลาในการดาเนินงาน 5.6 ขอ้ เสนอแนะเพมิ่ เติมอืน่ ๆ เพื่อการดาเนินงานต่อไป ก-1 ภาคผนวก ภาคผนวก ก 1. กฎหมายและระเบียบที่เกีย่ วข้องกบั การบรหิ ารงานจังหวัดและกลุ่มจงั หวัด ก-7 แบบบูรณาการ ข-1 2. ระเบยี บกระทรวงมหาดไทย ว่าดว้ ยการจัดทาแผนและประสาน ข-6 แผนพฒั นาพ้ืนทใี่ นระดบั อาเภอและตาบล พ.ศ. 2562 ภาคผนวก ข 1. หลักการเบอ้ื งต้นเกี่ยวกับการติดตามและประเมนิ ผล ค-1 2. นโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการจดั ทาแผนของจงั หวัด กลุ่มจงั หวัด และ ภาคประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ตามมติทีป่ ระชุมของคณะกรรมการ ค-13 บูรณาการนโยบายพฒั นาภาค (ก.บ.ภ.) และคณะกรรมการนโยบายการ ค-15 บรหิ ารงานจังหวดั และกลุ่มจงั หวัดแบบบรู ณาการ (ก.น.จ.) ครัง้ ท่ี 1/2564 ง-1 เมอ่ื วันที่ 3 มนี าคม พ.ศ. 2564 ง-4 ภาคผนวก ค 1. ตัวอยา่ งหวั ข้อ และข้อมูลที่ควรมีในการจัดทาแผนพฒั นาจังหวัด / ง-12 กลุ่มจังหวัด และแผนปฏบิ ัตริ าชการประจาปี จังหวัด และกล่มุ จงั หวดั 2. ประเด็นทใ่ี ชใ้ นการพิจารณาประเมนิ ผลโครงการและตัวอยา่ ง จ-1 3. สรุปสาระสาคญั เก่ยี วกบั ประเดน็ พจิ ารณาในการประเมนิ ผลโครงการ จ-4 ภาคผนวก ง 1. แนวทางและเครื่องมือในการประเมินผลของโครงการ ฉ-1 2. ตวั อยา่ งตา่ ง ๆ เกี่ยวกบั การประเมนิ ผล 3. ตวั อยา่ ง แบบสารวจ/ประเมนิ ความเหมาะสมและความต่อเน่ืองของ โครงการ ภาคผนวก จ 1. สาระสาคญั เก่ียวกับตวั ช้วี ัด 2. ตัวอยา่ งการคานวณตามเกณฑ์ประเมนิ คุณภาพแผนจังหวัด/กลุ่มจงั หวัด ภาคผนวก ฉ ตัวอยา่ ง การประเมินคุณภาพแผนพัฒนาจังหวัดเชยี งใหม่ (พ.ศ. 2561 – 2565) ฉบบั ทบทวนรอบปี พ.ศ. 2565
รายงานชุดองคค์ วามรู้ คมู่ ือแบบประเมินคณุ ภาพแผนจงั หวัดและกลุ่มจังหวดั บทที่ 1 บทนำ 1.1 หลกั กำรเหตุผล รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 65 กาหนดให้รัฐจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมาย การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยรัฐบาลได้กาหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) เป็นยุทธศาสตร์ชาติ ฉบับแรกของประเทศไทยซ่ึงจะต้องนาไปสู่การปฏิบัติเพ่ือให้ประเทศไทยบรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศไทย มีความมั่นคง ม่ังคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ” โดยเป้าหมายอนาคตประเทศไทยในระยะ 20 ปี ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ แต่ละยุทธศาสตร์มีเป้าหมาย ตัวชี้วัด และประเด็นการพัฒนา โดยมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) เป็นเครอื่ งมือหรอื กลไกทถี่ า่ ยทอดยุทธศาสตรช์ าติสู่การปฏิบัติใหบ้ รรลุเปา้ หมาย แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 12 ได้กาหนดเป้าหมายที่จะต้องบรรลุท้ังในมิติ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซ่ึงประกอบด้วย 10 ยุทธศาสตร์หลัก โดยยุทธศาสตร์ท่ี 9 การพัฒนาภาค เมือง และพื้นท่ีเศรษฐกิจ เป็นการดาเนินยุทธศาสตรเ์ ชงิ รุกเพื่อเสริมจุดเด่นในระดับภาคและจังหวัด ในการเป็น ฐานการผลิตและบริการที่สาคัญ มุ่งเน้นการพัฒนาโดยยึดพ้ืนที่เป็นตัวต้ังและการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ กลไกบริหารจัดการเชิงพื้นที่แบบบูรณาการผ่านกระบวนการจัดทาแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่เป็น การบูรณาการการทางานระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ รวมท้ังการบูรณาการแผนงาน และงบประมาณของทุกภาคี ท่ีเกย่ี วข้องในการขบั เคล่ือนการพัฒนาให้บรรลผุ ลตามแผนพฒั นาจังหวัดและกลุ่มจงั หวดั นอกจากนี้ ระเบยี บสานักนายกรฐั มนตรีวา่ ด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. 2560 กาหนดให้มีการจัดตั้งภาค เพื่อบูรณาการงบประมาณหรือภารกิจที่เช่ือมโยงกัน และให้มีการจัดทาแผนพัฒนา ภาคเพอ่ื กาหนดทิศทางการพฒั นาภาคท่สี อดคล้องเช่ือมโยงกบั แผนระดับชาติและนโยบายของรัฐบาล ตลอดจน เป็นเคร่ืองมือในการบูรณาการแผนของส่วนราชการเพ่ือขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศและนโยบาย ของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติ โดยแบ่งออกเป็น 6 ภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ภาคกลาง 17 จังหวัด ภาคตะวันออก 8 จังหวัด ภาคใต้ 11 จังหวัด และภาคใต้ชายแดน 3 จังหวัด ประกอบกับประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) เร่ือง การจัดตั้งกลุ่มจังหวัดและกาหนดจังหวัดท่ีเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด (ฉบับที่ 3) กาหนด ให้มี การปรับปรุงและการจัดกลุ่มจังหวัดใหม่ จานวน 18 กลุ่มจังหวัด ใน 6 ภาค เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทาง การดาเนินงานตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงานเชิงพ้ืนที่แบบบูรณาการ พ.ศ. 2560 เพอ่ื ใหแ้ ผนพัฒนาเชิงพื้นท่สี อดคล้องเชื่อมโยงกันตงั้ แต่ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั ที่ 12 แผนพฒั นาภาค แผนพัฒนากล่มุ จงั หวัด แผนพัฒนาจังหวดั และแผนพฒั นาเชิงพนื้ ที่ ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2561 1
รายงานชุดองค์ความรู้ คู่มอื แบบประเมนิ คุณภาพแผนจังหวดั และกลมุ่ จังหวดั สานักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยได้มีการดาเนินโครงการพัฒนาศักยภาพในการเชื่อมโยงและ จัดทาแผนยทุ ธศาสตร์เพื่อสนบั สนนุ การพฒั นาในระดับพ้ืนทโี่ ดยกาหนดรูปแบบการประเมินคุณภาพแผนพัฒนา จังหวัดและกลุ่มจังหวัดให้มีมาตรฐาน สามารถใช้ประกอบการเสนอแนะแนวทางการพัฒนาการจัดทา แผนพัฒนาจังหวัดและกล่มุ จังหวดั ได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 1.2 วตั ถปุ ระสงคก์ ำรดำเนินงำน เพื่อให้จังหวัด/กลุ่มจังหวัด มีเครื่องมือท่ีสามารถใช้ทบทวนและประเมินคุณภาพแผนพัฒนา จังหวัด/กลุ่มจังหวัด ด้วยตนเอง โดยคณะที่ปรึกษาได้มีการจัดทารูปแบบ กรอบ หลักเกณฑ์และแนวทาง การประเมินคุณภาพแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัดให้มีมาตรฐาน เพ่ือให้จังหวัด/กลุ่มจังหวัดสามารถใช้ผล การประเมินผลด้วยตนเองในการเสนอแนะแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงการจัดทาแผนพัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเครื่องมือจะประกอบด้วยตัวแบบในการประเมินคุณภาพแผนพัฒนา จังหวัด พ.ศ. 2561 – 2565 และตัวแบบในการประเมินคุณภาพข้อเสนอโครงการตามแผนปฏิบัติราชการ ประจาปีของจังหวัด ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ท่ีสอดคล้องตามนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดทา แผนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทาแผนปฏิบัติการภาค ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยการจดั ทาแผนและประสานแผนพัฒนา พน้ื ท่ใี นระดบั อาเภอและตาบล พ.ศ. 2562 2
รายงานชุดองคค์ วามรู้ คูม่ อื แบบประเมินคณุ ภาพแผนจังหวดั และกลมุ่ จังหวดั บทท่ี 2 แนวคดิ ทฤษฎี และหลกั กำรกำรประเมนิ 2.1 กฎหมำยและระเบียบท่ีเก่ยี วขอ้ งกับกำรบริหำรงำนจังหวดั และกลุ่มจงั หวดั แบบบรู ณำกำร พระราชบัญญัตริ ะเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดิน พ.ศ.2534 ซ่ึงแกไ้ ขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญตั ิระเบียบ บริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2550 ได้มีข้อบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานแบบบูรณาการ ในจังหวดั หรอื กลุ่มจงั หวัด ไวใ้ นมาตรา 52 วรรคสาม มาตรา 53/1 และมาตรา 53/2 พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ.2551 ได้บัญญัติ คานิยามของแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจาปีของจังหวัด/กลุ่มจังหวัด และ งบประมาณจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ได้บัญญัติใน มาตรา 3 และได้บัญญัติหลักการบริหารง านจังหวัดและ กลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ ไว้ในมาตรา 6 อีกท้ังกาหนดกลไกการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ โดยมีคณะกรรมการใน 3 ระดับ บทบาทของผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้ากลุ่มจังหวัด ตลอดจนกาหนด สาระสาคญั เกย่ี วกบั การตดิ ตามและประเมนิ ผล นอกจากน้ีได้มีระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. 2560 โดยมีสาระสาคัญเกี่ยวกับ “ระดับภาค” โดยกาหนดให้มีคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) กาหนดให้แผนพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด และแผนพัฒนาภาคมีระยะเวลา 5 ปี รวมทั้งให้ปรับปรุง แผนพัฒนาจงั หวดั และแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดใหส้ อดคล้องกบั นโยบายและหลักเกณฑ์ที่ ก.บ.ภ. กาหนด และให้ แผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดมีห้วงระยะเวลาสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 -พ.ศ.2564) ทั้งน้ีกระทรวงมหาดไทยได้กาหนดระเบียบเกี่ยวกับการจัดทาแผนและประสานแผนพัฒนาพ้ืนท่ี ในระดับอาเภอและตาบล พ.ศ. 2562 โดยมีสาระสาคัญที่ผู้ประเมินคุณภาพแผนจังหวัด/กลุ่มจังหวัดควรทา ความเข้าใจและให้ความสาคัญ ดงั รายละเอยี ดปรากฏในภาคผนวก ก 2.2 แนวคดิ ทฤษฎี และหลักกำรประเมินผล 2.2.1 แนวคดิ กำรประเมินของสตัฟเฟิลบีม (Stufflebeam’s CIPP Model) เป็นการประเมนิ ท่ีเป็น กระบวนการต่อเนื่อง มีจุดเน้นท่ีสาคัญ คือ ใช้ควบคู่กับการบริหารโครงการ เพื่อหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจ อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา วัตถุประสงค์การประเมิน คือ การให้สารสนเทศเพ่ือการตัดสินใจ เน้นการแบ่งแยก บทบาทของการทางานระหว่างฝ่ายประเมินกับ ฝ่ายบริหารออกจากกันอย่างเด่นชัด กล่าวคือ ฝ่ายประเมิน มีหน้าที่ระบุ จัดหา และนาเสนอสารสนเทศให้กับฝ่ายบรหิ าร ส่วนฝ่ายบริหารมีหน้าที่เรียกหาข้อมูล และนาผล การประเมินที่ได้ไปใช้ประกอบการตัดสินใจ เพื่อดาเนินกิจกรรมใด ๆ ท่ีเกี่ยวข้องแล้วแต่กรณี ท้ังน้ีเพ่ือป้องกัน การมอี คติในการประเมินจงึ ได้แบ่งประเด็นการประเมินผลออกเปน็ 4 ประเภท คือ 3
รายงานชุดองค์ความรู้ คมู่ อื แบบประเมนิ คุณภาพแผนจงั หวัดและกล่มุ จงั หวดั 1) การประเมินด้านบรบิ ทหรือสภาวะแวดลอ้ ม (Context Evaluation : C) เป็นการประเมินใหไ้ ด้ ข้อมูลสาคัญ เพื่อช่วยในการกาหนดวัตถุประสงค์ของโครงการ ความเป็นไปได้ของโครงการ เป็นการตรวจสอบ ว่าโครงการที่จะทาสนองปัญหาหรือความต้องการจาเป็นท่ีแท้จริงหรือไม่ วัตถุประสงค์ของโครงการชัดเจน เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายขององค์การ หรือ นโยบายหน่วยเหนือหรือไม่ เป็นโครงการที่มีความเป็นไปได้ ในแง่ของโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่าง ๆ หรือไม่ เป็นต้น การประเมินสภาวะแวดล้อมจะช่วย ในการตดั สินเกยี่ วกบั เรื่อง โครงการควรจะทาในสภาพแวดล้อมใด ต้องการจะบรรลุเป้าหมายอะไร หรอื ต้องการ บรรลุวัตถุประสงคเ์ ฉพาะอะไร เปน็ ตน้ 2) การประเมินปัจจัยเบื้องต้นหรือปัจจัยป้อน (Input Evaluation : I ) เป็นการประเมินเพื่อพิจารณา ถึงความเป็นไปได้ของโครงการ ความเหมาะสม และความพอเพียงของทรัพยากรที่จะใช้ในการดาเนินโครงการ เชน่ งบประมาณ บุคลากร วัสดอุ ปุ กรณ์ เวลา รวมทัง้ เทคโนโลยแี ละแผนการดาเนนิ งาน เป็นต้น การประเมินผลแบบน้ีจะทาโดยใช้ เอกสารหรืองานวิจัยท่ีมีผู้ทาไว้แล้ว หรือใช้วิธีการวิจัยนาร่อง เชิงทดลอง (Pilot Experimental Project) ตลอดจนอาจให้ผู้เชี่ยวชาญ มาทางานให้ อย่างไรก็ตาม การประเมินผลนี้จะต้องสารวจสิ่งท่ีมีอยู่เดิมก่อนว่ามีอะไรบ้าง และตัดสินใจว่าจะใช้วิธีการใด ใช้แผนการ ดาเนนิ งานแบบไหน และตอ้ งใชท้ รพั ยากรจากภายนอก หรอื ไม่ 3) การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation : P ) เป็นการประเมินระหว่างการดาเนินงาน โครงการ เพ่ือหาข้อบกพร่องของการดาเนินโครงการ ที่จะใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนา แก้ไข ปรับปรุง ให้การดาเนินการช่วงต่อไปมีประสิทธิภาพมากข้ึน และเป็นการตรวจสอบกิจกรรม เวลา ทรัพยากรที่ใช้ใน โครงการ ภาวะผู้นา การมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการ โดยมีการบันทึกไว้เป็นหลักฐานทุกขั้นตอน การประเมินกระบวนการนี้ จะเปน็ ประโยชน์อย่างมากต่อการค้นหาจุดเด่น หรือจุดแข็ง (Strengths) และจุดด้อย (Weakness) ของนโยบาย/แผนงาน/โครงการ มักจะไม่สามารถศึกษาได้ภายหลังจากสิ้นสุดโครงการแล้ว การประเมินกระบวนการจะมีบทบาทสาคัญในเร่ืองการให้ข้อมูลย้อนกลับเป็นระยะ ๆ เพ่ือการตรวจสอบ การดาเนินของโครงการโดยทัว่ ไป การประเมินกระบวนการมีจุดมงุ่ หมาย คอื (1) เพ่ือการหาข้อบกพร่องของโครงการในระหว่างท่ีมีการปฏิบัติการหรือการดาเนินงาน ตามแผนนัน้ (2) เพ่อื หาข้อมูลตา่ ง ๆ ท่ีจะนามาใชใ้ นการตัดสินใจเกี่ยวกับการดาเนนิ งานของโครงการ (3) เพือ่ การเกบ็ ข้อมูลต่าง ๆ ทไ่ี ด้จากการดาเนินงานของโครงการ 4) การประเมินผลผลิต (Product Evaluation : P ) เป็นการประเมินเพ่ือเปรียบเทียบผลผลิตท่ี เกิดข้ีนกับวัตถุประสงค์ของโครงการ หรือความต้องการ/ เป้าหมายที่กาหนดไว้ รวมทั้งการพิจารณาในประเด็น ของการยุบ เลิก ขยาย หรือปรับเปลี่ยนโครงการและการประเมินผล เร่ืองผลกระทบ (Impact) และผลลัพธ์ (Outcomes ) ของนโยบาย/ แผนงาน/ โครงการ โดยอาศัยข้อมูลจากการประเมินสภาวะแวดล้อม ปัจจัย เบ้ืองต้นและกระบวนการร่วมด้วย การประเมินแบบ CIPP จึงเป็นการประเมินที่ครอบคลุมองค์ประกอบของ ระบบทั้งหมด ซึ่งผู้ประเมินจะต้องกาหนดวัตถุประสงค์ของการประเมินที่ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน กาหนดประเดน็ 4
รายงานชุดองคค์ วามรู้ คมู่ อื แบบประเมนิ คณุ ภาพแผนจงั หวดั และกลุ่มจงั หวดั ของตัวแปรหรือตัวช้ีวัด กาหนดแหล่งข้อมูล ผู้ให้ข้อมูล กาหนดเคร่ืองมือการประเมิน วิธีการท่ีใช้ในการเก็บ รวบรวมขอ้ มลู รวมทงั้ กาหนดแนวทางการวิเคราะห์ข้อมูล และเกณฑก์ ารประเมนิ ที่ชดั เจน ท้งั นี้มีรายละเอยี ดใน ภาคผนวก ข 2.2.2 Balanced Scorecard (BSC) โดย Robert Kaplan และ David Norton ที่พัฒนาขึ้นในปี 1992 เพื่อเกื้อหนุนต่อการประเมินผลทางด้านการเงินและเพ่ือใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินผลการดาเนินงานของ องคก์ รให้ครบถ้วนในทุก ๆ ดา้ น เน่ืองจากในอดตี ผูบ้ รหิ าร (โดยเฉพาะองคก์ รธรุ กจิ ) จะมงุ่ เน้นแต่การประเมินผล ในด้านของการเงินเป็นหลัก การประเมินผลทางด้านการเงินอย่างเดียว มีข้อจากัดเพราะไม่สามารถประเมิน ในส่ิงที่ไม่สามารถจบั ต้อง หรือบนั ทึกบัญชไี ด้ เช่น คุณภาพของบุคลากร ชอ่ื เสียง หรอื ภาพพจน์ ซ่ึงเปน็ การบอกให้ รู้แตส่ ิง่ ทเี่ กิดข้ึนในอดตี จงึ ต้องมกี ารประเมนิ ให้ครบถว้ นในทุก ๆ ด้าน ด้วยการพฒั นามุมมอง 4 ด้าน คือ 1) มมุ มองด้านการเงิน (Financial Perspective) 2) มุมมองด้านลกู ค้าหรือผูร้ บั บรกิ าร (Customer Perspective) 3) มุมมองดา้ นกระบวนการภายใน (Internal Process Perspective) 4) มุมมองด้านการเรียนรแู้ ละการพัฒนา (Learning and Growth Perspective) BSC เป็นเครื่องมือในการใช้อธิบายการบริหารยุทธศาสตร์ทั่วท้ังองค์กร โดยการเช่ือมโยงวัตถุประสงค์ ตัวชี้วัด และแผนงานท่ีสาคัญเข้ากับยุทธศาสตร์ขององค์กร นอกจากน้ี BSC ยังเป็นเครื่องมือท่ีช่วยใน การถ่ายทอดวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ขององค์กรไปสู่การปฏิบัติ Balanced Scorecard ถูกพัฒนาข้ึนมา เพื่อเป็นเคร่ืองมือในการวัดและประเมินว่าองค์กรสามารถดาเนินงานได้ตามวัตถุประสงค์ทางยุทธศาสตร์ (Strategic Objectives) หรือไม่ แต่ถ้าองค์กรไม่สามารถอธิบายถึงยุทธศาสตร์ได้ (Describing Strategy) ย่อมไม่ สามารถวัดและประเมินว่าสามารถดาเนินงานได้ตามวัตถุประสงค์ทางยุทธศาสตร์ ดังน้ัน Strategy Map จึงถูก พัฒนาข้ึนมา เพ่ือเป็นเครื่องมือในการสื่อสารและอธิบายถึงยุทธศาสตร์ ต่อมาถูกนามาพัฒนาใช้ต่อเพื่อเป็น เคร่ืองมือในการแปลงยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ รวมถึงเพื่อเป็นแนวทางในการวัดและประเมินยุทธศาสตร์ ปจั จบุ นั น้ี ทั้ง Strategy Map และ Balanced Scorecard จึงกลายเป็นเคร่ืองมือในการจัดการท่ีช่วยในการนา กลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ (Strategic Implementation) และช่วยทาให้องค์การเกิดความสอดคล้องเป็นอันหน่ึง อันเดยี วกนั และมงุ่ เนน้ ในสง่ิ ท่มี ีความสาคญั ตอ่ ความสาเรจ็ ขององคก์ ารร่วมกนั ดังแผนภาพท่ี 2-1 5
รายงานชุดองค์ความรู้ คู่มอื แบบประเมนิ คุณภาพแผนจังหวัดและกลมุ่ จังหวดั แผนภำพที่ 2-1: Balanced Scorecard และ Strategy Map เคร่อื งมือทีช่ ่วยในการนากลยุทธไ์ ปสู่การปฏิบัติ การบริหารราชการก็ได้มีการประยุกต์ใช้ Balanced Scorecard ในการวัดและประเมินว่าองค์กร สามารถดาเนินงานได้ตามวัตถุประสงค์ทางยุทธศาสตร์ ดังแผนภาพที่ 2-2 เพื่อจะได้มองภาพของหน่วยงานได้ อย่างครบถ้วน การวิเคราะห์ทางยุทธศาสตร์และการประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคารับรองการปฏิบัติ ราชการจึงต้องพิจารณาให้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงการบริหารองค์กรอย่างครบถ้วนในมิติสาคัญทั้ง 4 ด้าน ไดแ้ ก่ 1) มติ ดิ า้ นประสิทธผิ ลตามพนั ธกิจ (Run the Business) 2) มติ ดิ ้านคณุ ภาพการใหบ้ รกิ าร (Serve the Customer) 3) มิตดิ ้านประสทิ ธภิ าพการจัดการ (Manage Resources) 4) มติ ดิ ้านพัฒนาองคก์ ร (Capacity Building) นอกจากน้ีการนายุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ ส่วนราชการก็ได้มีการนา Strategy Map ไปประยุกต์ใช้ โดยจัดทาแผนที่ยุทธศาสตร์เป็นรายละเอียดเพื่ออธิบายประเด็นยุทธศาสตร์ กลยุทธ์และความสาเร็จท่ีต้องการ บรรลุถึงอย่างเช่ือมโยงในแต่ละมิติ เพ่ือมุ่งเน้นในสิ่งที่มีความสาคัญต่อความสาเร็จขององค์การร่วมกัน และบรรลุ ความสาเร็จตามเป้าประสงค์และวิสยั ทศั น์ทก่ี าหนดไว้ ดงั ตวั อย่างในแผนภาพที่ 2-3 ตามลาดบั 6
รายงานชุดองค์ความรู้ ค่มู ือแบบประเมนิ คณุ ภาพแผนจังหวัดและกลุ่มจงั หวดั แผนภำพที่ 2-2: การประยุกตใ์ ช้ Balanced Scorecard ในการวัดและประเมนิ ผลการปฏิบตั ริ าชการของสว่ นราชการ แผนภำพท่ี 2-3: ตวั อย่างการประยุกต์ใช้ Strategy Map เพื่ออธิบายประเด็นยุทธศาสตร์ กลยทุ ธ์และความสาเรจ็ ของแผน 7
รายงานชุดองคค์ วามรู้ ค่มู อื แบบประเมนิ คุณภาพแผนจงั หวัดและกลมุ่ จังหวดั 2.2.3 กำรติดตำมประเมินผลเพื่อมุ่งผลสัมฤทธ์ิ (Results Based Management) เป็นเครื่องมือ สาคัญเพื่อให้เกิดการบริหารโดยมุ่งเน้นผลลัพธ์หรือผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นหลัก มีการประเมินผลลัพธ์หรือ ผลสัมฤทธิ์ของการดาเนินงานโดยใช้ตัวชี้วัดทั้งในแง่ของปัจจัยนาเข้า กระบวนการ ผลผลิต และผลลัพธ์ ซึ่งจะต้องมีการกาหนดตัวช้ีวัดผลการดาเนินงาน (Key Performance Indicators) รวมทั้งมีการกาหนดเป้าหมาย และวัตถุประสงคล์ ว่ งหนา้ นอกจากน้ียังต้องอาศัยความรว่ มมือระหวา่ งผู้บริหาร ผปู้ ฏิบตั ิงาน และผมู้ ีสว่ นได้เสีย ทุกกลุ่มโดยมีการวัดผลการปฏิบัติงานด้วยตวั ชีว้ ัดอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้ังไวท้ าให้ทราบ ผลความก้าวหน้าของการดาเนินงานเป็นระยะ ๆ และสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงทีเป็นการควบคุม ทิศทางการดาเนนิ งานให้มงุ่ สู่วิสัยทัศน์ของหนว่ ยงาน ซึ่งการประเมินผลน้ันควรครอบคลุมการพจิ ารณาในทุกมิติ ครอบคลุมตัง้ แต่ระบบภายในและระบบภายนอก โดยการประมินผลสัมฤทธิ์ (Results) จะครอบคลุมทั้งผลผลิต (Outputs) และผลลพั ธ์ (Outcomes) ผลผลิต (Outputs) หมายถึง งาน บริการ หรือกิจกรรมที่เจ้าหน้าท่ีทาเสร็จสมบูรณ์พร้อมส่งมอบให้ ประชาชนผรู้ บั บริการ ผลผลติ เปน็ ผลงานทเี่ กิดจากการดาเนนิ กจิ กรรมโดยตรง ผลลัพธ์ (Outcomes) หมายถึง ผลท่ีเกิดขึ้นตามมา ผลกระทบ หรือเง่ือนไขท่ีเกิดจากผลผลิต ผลลัพธ์ มคี วามสัมพันธ์โดยตรงกับประชาชนผ้รู ับบรกิ าร และสาธารณชน ดังนั้น ผลสัมฤทธิ์ คือ งาน หรือกิจกรรมที่เกิดจากการทางานจนได้ผลผลิต (Outputs) ตามเป้าหมาย และเกิดผลลัพธ์ (Outcomes) ตรงตามวตั ถุประสงค์ สาหรับการติดตาม (Monitoring) เป็นการดาเนินการตามหลักการที่ว่า “การป้องกันดีกว่าการเยียวยา แก้ไข” (Prevention is better than cure) เป็นมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาให้ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งนิยมดาเนินการเฉพาะในขั้นตอนทรัพยากร (Input Monitoring) ขั้นตอนการทากิจกรรมต่าง ๆ (Process Monitoring) และขั้นตอนผลผลิต (Output Monitoring) ไม่นิยมดาเนินการในข้ันตอนผลลัพธ์ (Outcome) ส่วนการประเมินผล กระบวนการรวบรวมข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับทรัพยากร (Inputs) กิจกรรม (Activities) ผลผลิต (Outputs) และผลลัพธ์ (Outcome) ซ่ึงเป็นภารกิจท่ีดาเนินการต่อเน่ืองหรือถัดจาก การติดตามโครงการ ต่างจากการติดตาม คือ การประเมินผลมุ่งวัดหรือตัดสินคุณค่า (Value Judgment) วา่ โครงการประสบผลสาเร็จมากน้อยเพยี งใด โดยอาจดาเนนิ การก่อน (Ex-ante evaluation) เพ่อื ตดั สนิ ว่าควร ดาเนินการต่อไปหรือไม่ อาจดาเนนิ การระหวา่ ง (On-going evaluation) เพื่อพจิ ารณาวา่ จะมีมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุปสรรคอย่างไร และอาจดาเนินการเมื่อเสร็จสิ้น (Ex-post evaluation) เพื่อวัดผลหรือตัดสิน ว่ากิจกรรมทงั้ หมดท่ดี าเนินการเสรจ็ แล้วบรรลผุ ลสมั ฤทธ์ิอยา่ งมีประสทิ ธิภาพคุ้มคา่ กับงบประมาณ เวลาเพียงใด ดงั แผนภาพที่ 2-4 8
รายงานชดุ องคค์ วามรู้ คมู่ ือแบบประเมนิ คุณภาพแผนจังหวดั และกลุม่ จงั หวดั แผนภำพท่ี 2-4: แนวคดิ การตดิ ตามประเมินผลเพือ่ มุ่งผลสัมฤทธ์ิ 2.3 หลกั กำรประเมินผลโครงกำร ในการดาเนินงานต้ังแต่กระบวนการจัดทาแผน การขับเคล่ือนแผน ไปจนถึงการติดตามแผนน้ัน มรี ายละเอียดที่ค่อนข้างมาก ประกอบกับประเด็นในการพิจารณาในแตล่ ะช่วงของการทางานยังมีความแตกต่างกัน คณะที่ปรึกษาได้รวบรวมตัวอย่างประเด็นในการพิจารณาในแต่ละช่วงเวลาของการทางานออกมา เพื่อเป็น อีกหนงึ่ เคร่ืองมือใหผ้ ู้จัดทาแผน โครงการ และผ้ปู ระเมินสามารถใช้อา้ งองิ ประกอบเพิ่มเติม โดยสะท้อนประเด็น ทสี่ าคญั 5 ด้านประกอบดว้ ย 1) ความสอดคล้อง 2) ประสทิ ธิผล 3) ประสทิ ธภิ าพ 4) ผลกระทบ และ 5) ความยั่งยืน อ้างอิงจากแนวทางการประเมินผลโครงการ ของสานักงานบริหารหน้ีสาธารณะ ดังแผนภาพที่ 2-5 ท้ังน้ีคณะ ที่ปรึกษาได้จดั ทารายละเอยี ดตัวอยา่ งไวใ้ นภาคผนวก ค ด้วยแล้ว 9
รายงานชดุ องคค์ วามรู้ คู่มอื แบบประเมินคุณภาพแผนจงั หวัดและกล่มุ จังหวดั แผนภำพท่ี 2-5: แนวทางการประเมินผลโครงการของสานกั งานบรหิ ารหนสี้ าธารณะ 10
รายงานชดุ องคค์ วามรู้ คมู่ ือแบบประเมินคุณภาพแผนจงั หวดั และกลุ่มจงั หวดั บทที่ 3 ขอบเขต แนวคดิ และกรอบกำรประเมินคุณภำพแผนพัฒนำจังหวัดและกลมุ่ จงั หวดั การประเมินคุณภาพแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัดและแผนปฏิบัติราชการประจาปีของจังหวัด/กลุ่มจังหวัดน้ี เป็นเสมือนการควบคุมคุณภาพ ด้วยตนเอง (Self Assessment) ของการจัดทาแผนของจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ดังนั้นเพ่ือให้ผู้ประเมินมีความเข้าใจร่วมกัน ในบทน้ีคณะที่ปรึกษาจึงมีการนาเสนอ กรอบ แนวคิดและเทคนิค วิธีการรวมทั้งเครื่องมือที่สาคัญในการจัดทาแผนที่มีคุณภาพ อย่างพอเป็นสังเขปโดยมีรายละเอียดเพ่ิมเติม ในภาคผนวกทีเ่ กยี่ วขอ้ งดว้ ยแล้ว 3.1 แนวคิดและกรอบกำรพัฒนำคุณภำพแผนพัฒนำจังหวัดและกลุ่มจังหวัด กำรกำหนดเป้ำหมำย กำรพัฒนำและประเดน็ กำรพฒั นำของจงั หวดั และกลมุ่ จังหวัด การพัฒนาคุณภาพแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดตามหลักวิชาการยังคงเป็น การวิเคราะห์ข้อมูล พ้ืนฐานของจังหวดั และกลุ่มจังหวัดดว้ ยการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกที่เกี่ยวข้องโดยใช้แนวคิด PESTLE ซ่ึงกรอบแนวคิดประกอบด้วยปัจจัย 6 ด้าน ในการประเมินสภาพแวดล้อมภายนอกท่ีเก่ียวข้อง และการวิเคราะห์ สภาพแวดล้อมภายใน SWOT โดยมรี ายละเอียดแตล่ ะแนวคิด ดังน้ี 3.1.1 แนวคดิ PESTLE Analysis สภาพแวดล้อมภายนอกโดยทวั่ ไปเปน็ ปัจจัยภายนอกในระดับกวา้ ง ทอ่ี าจมีความเกย่ี วข้องโดยตรง หรือโดยออ้ ม ตอ่ การดาเนินงานขององคก์ ารประกอบด้วยปจั จยั 6 ด้าน ดังแผนภาพท่ี 3-1 ดงั นี้ แผนภำพที่ 3-1: แนวคดิ PESTLE Analysis การวเิ คราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก 11
รายงานชุดองค์ความรู้ คมู่ อื แบบประเมินคุณภาพแผนจังหวัดและกลุม่ จังหวดั 1) Political : ปัจจัยด้านการเมือง องค์การจะต้องติดตามการดาเนินงานทางการเมือง เพ่ือนามา วิเคราะห์และกาหนดกลยุทธ์เพราะปัจจัยเหล่าน้ีมีส่วนท่ีจะส่งผลกระทบต่อองค์การได้ท้ังทางบวกและทางลบ ข้ึนอยู่กับว่าผลกระทบดังกล่าว เป็นโอกาสหรืออุปสรรคต่อองค์การ เช่น นโยบาย และเสถียรภาพของรัฐบาล พฒั นาการทางการเมอื งและนโยบายของรัฐท่ีมีผลต่ออตุ สาหกรรม 2) Economic : ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ เป็นสภาพแวดล้อมที่สาคัญท่ีเป็นเคร่ืองบ่งชี้ให้เห็นถึง การจัดสรรทรัพยากร ทางการบริหาร และมีส่วนสาคัญต่อการดาเนินงานทางธุรกิจขององค์การอย่างสูง อาทิ อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบ้ีย อัตราภาษี และอัตราการว่างงาน การวิเคราะห์ปัจจัยด้านเศรษฐกิจเพ่ือการพยากรณ์ ภาวะเศรษฐกิจในอนาคต การติดตามเสถียรภาพความมั่นคงและการเติบโตของเศรษฐกิจ รวมถึงการจัดการ ทางด้านเศรษฐกิจของภาครัฐ เพอื่ ทอ่ี งคก์ ารจะได้สามารถวางแผนการดาเนินงานได้อย่างถูกต้อง 3) Socio-Cultural : ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม เป็นสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวกับลักษณะ ทางสังคมมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับชีวิตประจาวันและมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค ผู้บริหาร จะต้องพิจารณาถงึ ปัจจยั เหล่าน้ีโดยจะตอ้ งพจิ ารณาถึงการเปล่ยี นแปลงในด้านต่าง ๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ตลอดจนจะต้อง พยายาม มองหาโอกาสหรืออุปสรรคท่ีมีต่อการดาเนินงานทางธุรกิจขององค์การเพ่ือนามาใช้ประกอบในการพิจารณา กาหนดกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนการเข้าใจถึงลกั ษณะของสังคมและวฒั นธรรมของกลมุ่ ลูกค้าเป้าหมาย จะทาให้สามารถวิเคราะห์ถึงความต้องการและความชื่นชอบต่าง ๆ ทาให้ผู้ประกอบการสามารถคัดสรรสินค้า และบรกิ ารได้ตรงตามความต้องการ 4) Technology : ปัจจัยด้านเทคโนโลยี การเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อ องค์การในแง่ของระดบั ขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น การผลิตสินค้าหรือการให้บริการมีการเปล่ยี นแปลง กระบวนการทางาน กระบวนการผลิต การผลิตคิดค้นทางเทคโนโลยีต่าง ๆ เคร่ืองจักรกลทางอุตสาหกรรม เครื่องจักรสมองกลและเทคโนโลยีสารสนเทศ ฯลฯ เทคโนโลยีต่าง ๆ ท่ีทันสมัยมาช่วยกระบวนการให้บริการ ประชาชน การติดต่อส่ือสาร รวมถึงการบริหารจัดการต่าง ๆ ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการและ ความคาดหวังของประชาชน องค์การจึงต้องมีการ ติดตามเทคโนโลยีต่าง ๆ และนามาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ ตอ่ การให้บริการและให้ทนั ตอ่ การเปลยี่ นแปลงท่มี ีความรวดเร็วในปจั จุบนั 5) Law : ปัจจัยด้านกฎหมาย เช่น การแก้ไขกฎหมายและการปรับปรุงระเบียบต่าง ๆ ที่มีผลต่อ การปรับเปลี่ยนวิธีการทางการบริหาร ฯลฯ โดยกฎหมายบางอย่างน้ันจะเอื้อประโยชน์ต่อการดาเนินงานของ องค์การ แต่กฎหมายบางอย่างก็อาจขัดต่อการดาเนนิ งานกลยุทธ์ดังนนั้ ผู้บริหารจะตอ้ งพิจารณาว่าข้อกฎหมาย นัน้ จะเอ้อื ประโยชน์หรือเปน็ อุปสรรคตอ่ องค์การ 6) Environment : ปัจจัยสิ่งแวดล้อม เก่ียวข้องกับสภาพแวดล้อมการดารงชีพของมนุษย์ท้ัง ทางตรงและทางอ้อม เชน่ สภาพภมู อิ ากาศ ธรรมชาติรอบตัว ซึ่งจะส่งผลต่อกิจกรรมทั้งหลายของมนุษย์ มีประเด็น การวิเคราะห์ต่าง ๆ เช่น การประสบภัยทางธรรมชาติ สภาพภูมิอากาศเหมาะสมกับธุรกิจหรือไม่ อาณาเขตพื้นท่ี ตดิ กบั ประเทศบางประเทศท่ีสามารถใชป้ ระโยชนจ์ ากการตดิ กับประเทศนน้ั 12
รายงานชดุ องคค์ วามรู้ คู่มอื แบบประเมินคุณภาพแผนจังหวัดและกลุ่มจงั หวดั 3.1.2 แนวคิด SWOT Analysis การทบทวน จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และภัยคุกคาม (SWOT Analysis) เป็นอีกหน่ึงเคร่ืองมือ วิเคราะห์ที่สาคัญย่ิงในการขยายมุมมอง และวิธีคิดในการจัดทา หรือปรับปรุงพัฒนาประสิทธิภาพการบริหาร จัดการของหน่วยงาน ให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งน้ีการวิเคราะห์ SWOT Analysis ที่คณะที่ปรึกษาจะได้ นามาใช้ในโครงการน้ีมีรายละเอียดขอบเขต และคาจากัดความขององค์ประกอบในเครื่องมือ SWOT Analysis ได้ ดงั แผนภาพที่ 3-2 แผนภำพท่ี 3-2: การวิเคราะห์จุดแข็ง จดุ อ่อน โอกาส และภัยคกุ คาม (SWOT Analysis) ปจจยั ภำย น จุดแข็ง(Strengths) จดุ ออ่ น(Weaknesses) สิง่ ท่หี น่วยงานมีความโดดเดน่ ส่ิงท่ีหน่วยงานจะตอ้ งมกี ารพฒั นาหรอื แกไ้ ข เปน็ การพิจารณาปัจจยั ภายในสว่ นขา้ ราชการวา่ มี ปรับปรงุ เปน็ การพจิ ารณาปัจจัยภายในสว่ น ส่วนดี ความเข้มแขง็ ความสามารถ ศักยภาพ ราชการวา่ มีสว่ นเสีย ความออ่ นแอ ขอ้ จากดั สว่ นทสี่ ง่ เสรมิ ความสาเร็จ อย่างไร ความไม่พร้อม รวมท้ังประเดน็ ปญั หาและความ ต้องการของส่วนราชการอยา่ งไร ปจจัยภำยนอก โอกำส(Opportunities) ภัยคุกคำม(Threats) การเปล่ียนแปลงของปจั จยั ภายนอกองคก์ รที่ การเปลีย่ นแปลงของปจั จยั ภายนอกองค์กรท่ี สง่ ผลกระทบในทางบวกตอ่ องค์กร ส่งผลกระทบในทางลบต่อองค์กร เป็นการศกึ ษาสภาพแวดล้อมภายนอก เปน็ การศกึ ษาสภาพแวดลอ้ มภายนอก (Outside in) วา่ มีสภาพเป็นเช่นไร และจะสร้าง (Outside in) ที่เป็นอุปสรรคหรอื ภาวะคกุ คาม ให้เกิดโอกาสใดให้กับส่วนราชการอยา่ งไร กอ่ ให้เกิดผลเสียหรอื เปน็ ข้อจากัดต่อส่วนราชการ ท่ีมา : โครงการพัฒนานวตั กรรมการเรียนรู้ - แผนท่ยี ุทธศาสตร์ สานกั งาน ก.พ.ร. กระบวนการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค ซึ่งเป็นท่ีรู้จักกันดีในนามของ “การวิเคราะห์ SWOT Analysis” เป็นอีกหนึ่งเคร่ืองมือวิเคราะห์ท่ีสาคัญยิ่งเพ่ือให้ผู้บริหารได้ทราบสถานภาพขององค์กรว่า เป็นอย่างไร รวมทั้งปัจจัยท่ีจะก่อให้เกิดโอกาสและผลกระทบต่อองค์กร ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลพื้นฐาน ในการขยายมุมมองและวิธีคิดของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทาหรือปรับปรุงแผนพัฒนาจังหวัดให้มีความ ครบถ้วนสมบูรณ์ โดยการวิเคราะห์ประเด็นซ่ึงเป็นจุดแข็ง (Strength) และจุดอ่อน (Weakness) ของพ้ืนท่ี เป้าหมายจะเป็นวิธีการประเมนิ ปจั จัยภายในของจงั หวัด ในขณะท่ีการพจิ ารณาปัจจยั เชิงโอกาส (Opportunity) และปัจจัยท้าทาย (Threat) จะเป็นการประเมินองค์ประกอบภายนอกท่ีมีความสัมพันธ์ หรือมีผลกระทบต่อ ความเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกิจและสงั คมของคนในพน้ื ที่ หลังจากได้ข้อมูลการวิเคราะห์ SWOT Analysis ครบถ้วนแล้ว การดาเนินการข้ันต่อไปคือ การนาข้อมูล SWOT มากาหนดทิศทางในการพัฒนาของจังหวัด/กลุ่มจังหวัดโดยใช้ TOW Matrix ซึ่งเป็น การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างจุดแข็งกับโอกาส จุดแข็งกับข้อจากัด จุดอ่อนกับโอกาส และจุดอ่อนกับ 13
รายงานชดุ องคค์ วามรู้ คู่มือแบบประเมินคุณภาพแผนจังหวดั และกลมุ่ จงั หวดั ข้อจากัด ซ่ึงผลของการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ในข้อมูลแต่ละคู่ดังกล่าว ทาให้เกิดกลยุทธ์สามารถแบ่งออกได้ เป็น 4 ประเภท ดังแผนภาพที่ 3-3 โดยสรุปภาพรวมการวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือ SWOT Analysis และ TOW Matrix ดงั แผนภาพที่ 3-4 ตามลาดบั แผนภำพท่ี 3-3: การวิเคราะห์ความสมั พันธ์ระหว่างจดุ แขง็ กับโอกาส จุดแข็งกับข้อจากัด จดุ อ่อนกบั โอกาส และจดุ ออ่ นกับข้อจากัด (TOW Matrix) กลยทุ ธ์เชิงรุก (SO Strategy) กลยทุ ธเ์ ชิงแก้ไข (WO Strategy) ได้มาจากการนาขอ้ มลู การประเมินสภาพแวดลอ้ ม ได้มาจากการนาข้อมูลการประเมินสภาพแวดล้อมที่เป็น ท่ีเป็นจุดแข็งและโอกาสมาพิจารณาร่วมกัน เพื่อที่จะ จุดอ่อนและโอกาสมาพิจารณาร่วมกัน เพ่ือท่ีจะนามากาหนด นามากาหนดเป็นกลยทุ ธใ์ นเชิงรกุ เป็นกลยุทธ์ในเชิงแก้ไข ทั้งน้ีเน่ืองจากองค์การมีโอกาสที่จะนา แนวคิดหรือวธิ ีใหมๆ่ มาใช้ในการแก้ไขจดุ ออ่ นที่องคก์ ารมีอยู่ได้ กลยุทธ์เชงิ ปอ้ งกัน (ST Strategy) กลยุทธ์เชิงรับ (WT Strategy) ไดม้ าจากการนาขอ้ มลู การประเมนิ สภาพแวดลอ้ ม ได้มาจากการนาข้อมูลการประเมินสภาพแวดล้อมท่ีเป็น ท่ีเป็นจุดแข็งและข้อจากัดมาพิจารณาร่วมกัน เพ่ือที่จะ จุดอ่อนและข้อจากัดมาพิจารณาร่วมกัน เพ่ือที่จะนามากาหนด นามากาหนดเป็นกลยุทธ์ในเชิงป้องกันองค์การสามารถ เป็นกลยุทธใ์ นเชิงรับ ท้ังน้ีเนื่องจากองค์การเผชิญกบั ทั้งจดุ ออ่ น ใช้ จดุ แข็งที่มีอยู่ในการป้องกนั ข้อจากัดทม่ี าจากภายนอก และข้อจากดั ภายนอกทีอ่ งคก์ ารไม่สามารถควบคมุ ได้ ได้ แผนภำพที่ 3-4: สรปุ ภาพรวมการวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือ SWOT Analysis และ TOW Matrix 14
รายงานชดุ องคค์ วามรู้ ค่มู ือแบบประเมนิ คุณภาพแผนจงั หวดั และกลุ่มจังหวดั 3.1.3 แนวคิดกำรวิเครำะหผ์ ลติ ภณั ฑ์ศักยภำพผำ่ นหว่ งโซ่คุณค่ำ (Value Chain) คณะทีป่ รกึ ษาได้มีการนาเสนอแนวคดิ ในเรื่องของหว่ งโซ่คุณค่า (Value Chain) ซึง่ เปน็ เครอ่ื งมือท่ี พัฒนาโดย Michael E. Porter เคร่ืองมือน้ีเป็นเครื่องมือในการวิเคราะหค์ วามสมั พันธ์ระหวา่ งกิจกรรมต่าง ๆ ได้ชัดเจน รวมทั้งการวิเคราะห์ถึงกิจกรรมสาคัญที่ต้องดาเนินการเพื่อก่อให้เกิดคุณค่าตามต้องการ ดังใน แผนภาพที่ 3-5 แผนภำพท่ี 3-5: การใช้ Value Chain ในการวเิ คราะหค์ วามสัมพนั ธร์ ะหวา่ งกจิ กรรมตา่ ง ๆ ของผลิตภัณฑ์ศกั ยภาพ นอกจากน้ีจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ยังสามารถ ใช้ Value Chain ช่วยกาหนดกรอบในการขับเคล่ือน โดยแต่ละผลิตภัณฑ์ศักยภาพ (Product Champion) ก็จะต้องมีการกาหนด ข้อต่อของการพัฒนาที่สาคัญ ตั้งแต่ในช่วงของต้นทาง กลางทาง และปลายทางต่อไป ซึ่งการพัฒนาตามกรอบห่วงโซ่คุณค่าของแต่ละ ผลิตภัณฑ์ก็จะมีความแตกต่างกันออกไปตามประเภท รูปแบบ พ้ืนที่ หรือแม้แต่ศักยภาพบริบทต่าง ๆ เช่น หากผลิตภัณฑ์ศักยภาพทางด้านการเกษตร ก็อาจจะมีข้อต่อของห่วงโซ่คุณค่าในแต่ละส่วนที่แตกต่างกับ ผลิตภัณฑศ์ ักยภาพท่เี ปน็ ด้านการทอ่ งเท่ยี ว ด้านการค้า หรือดา้ นอตุ สาหกรรม เป็นต้น ดงั ตวั อย่างในแผนภาพท่ี 3-6 15
รายงานชดุ องคค์ วามรู้ คมู่ อื แบบประเมินคุณภาพแผนจงั หวดั และกลุม่ จังหวดั แผนภำพที่ 3-6: ตัวอย่างข้อตอ่ ของห่วงโซ่คณุ คา่ ของผลติ ภัณฑศ์ ักยภาพ จากแผนภาพข้างต้น จะเห็นได้ว่าการวิเคราะห์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ศักยภาพตามกรอบห่วงโซ่ คุณค่าจะเป็นการกาหนดแนวทางการจัดการผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ต้ังแต่การผลิตไปจนถึงการตลาดถึงผู้บริโภคได้ใน แต่ละข้อต่อ อย่างไรก็ตาม หากพิจารณารายละเอียดในแต่ละข้อต่อนั้น จะเห็นได้ว่าจะเน้นกรอบการพัฒนา อย่างกว้าง ๆ เป็นหลัก เพื่อให้เกิดการขับเคล่ือนในแต่ละข้อต่อได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงต้องให้ความสาคัญถึง ปัจจัยหลักในการดาเนินงานในแต่ละข้อต่อเพิ่มเติมด้วย หรือในอีกความหมายหนึ่งคือ “ในการขับเคล่ือนแต่ละ ข้อต่อจะต้องทาอะไรบ้าง?” ประเด็นปัจจัยในแต่ละข้อต่อเหล่าน้ี เรียกว่า “ปัจจัยหลักสู่ความสาเร็จ (Critical Success Factors: CSF)” ซึ่งในการวิเคราะห์และกาหนดปัจจัยหลักสู่ความสาเร็จ ในแต่ละข้อต่อน้ัน อาจพิจารณาข้อมูลทั้งในส่วนของกลยุทธ์ภายใต้ประเด็นยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ศักยภาพ ตัวชี้วัด โครงการตามแผนงานทเ่ี ก่ยี วข้อง หรอื แม้แตข่ อ้ มลู ศกั ยภาพสาคัญอนื่ ๆ มาประกอบเข้าด้วยกนั ได้ เมื่อสามารถวิเคราะห์และกาหนดรายละเอียดของปัจจัยหลักสู่ความสาเร็จ ของแต่ละข้อต่อใน ห่วงโซ่คุณค่า ของแต่ละผลิตภัณฑ์ศักยภาพข้ึนมาได้แล้ว ก็เปรียบเสมือนการมีสรุปรายละเอียด (Check List) ของปัจจัยหรือสิ่งที่ต้องมีการดาเนินการ ซ่ึงในการปฏิบัติงานจริงน้ันอาจมีหลายปัจจัยท่ีได้มีการดาเนินการ บางอย่างไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ จึงต้องมีการตรวจสอบและวิเคราะห์ว่ามีปัจจัยสู่ความสาเร็จ (CSF) เร่ืองใดบ้าง ที่มีการดาเนินการไปแล้ว หรือมีโครงการรองรับไปแล้วบ้าง ซ่ึงท้ายท่ีสุดจะช่วยให้สามารถระบุถึงส่ิงท่ียังเป็น ช่องวา่ งในการพัฒนาในปจั จัยสาคญั ที่ยังไมไ่ ด้มีการดาเนนิ การใด ๆ มารองรบั ในการตรวจสอบและระบุว่าในปัจจัยหลักสู่ความสาเร็จ แต่ละข้อ มีโครงการใดมารองรับอยู่บ้าง แลว้ นนั้ สามารถใชก้ รอบแนวทางตามตาราง ดงั ตอ่ ไปนี้ เพ่ือการตรวจสอบ 16
รายงานชดุ องค์ความรู้ คูม่ ือแบบประเมนิ คุณภาพแผนจงั หวดั และกลมุ่ จงั หวดั ตำรำงท่ี 3-1: กรอบตารางข้อมลู การระบุปจั จัยหลักสคู่ วามสาเร็จท่ีมีโครงการมารองรบั ขอ้ ต่อของหว่ งโซ่ ช่ือโครงกำร ผู้รบั ผิดชอบ แนวคดิ โครงกำร มูลค่ำ และ CSF ระบชุ ื่อโครงการ หรือ ระบุผรู้ ับผดิ ชอบ สรปุ แนวคดิ สาคญั ของโครงการ หรือ ระบุ CSF ท่ีมี แนวทางการดาเนนิ งานที่ หลัก แนวทางการดาเนนิ งานสาคัญ ทีต่ อบสนอง โครงการรองรับ ตอบสนองตอ่ CSF ต่อ CSF การระบุปัจจัยหลักสู่ความสาเร็จ ท่ีมีโครงการมารองรับตามกรอบตารางข้างต้นได้แล้ว จะช่วยให้ เห็นภาพรวมห่วงโซ่คุณค่าของผลิตภัณฑ์ศักยภาพน้ัน ๆ ได้ว่าปัจจัยหลักสู่ความสาเร็จ ข้อใดบ้างท่ีมีโครงการ หรือมีแนวทางการดาเนินงานสาคัญรองรับ และมีปัจจัยสู่ความสาเร็จใดบ้างท่ียังคงเป็นช่องว่าง ท่ียังไม่มี โครงการมารองรับ หรือยังต้องมีการขยายผลการดาเนินงานเพิ่มเติม โดยสามารถแสดงผลตามกรอบของห่วงโซ่ คุณค่าไดต้ ามตวั อยา่ งในแผนภาพท่ี 3-7 ตอ่ ไปน้ี แผนภำพท่ี 3-7: ตวั อย่างการระบชุ ่องว่างของห่วงโซ่คณุ คา่ 3.1.4 แนวคดิ กำรพฒั นำโครงกำรแบบบูรณำกำร การพัฒนาโครงการท่ีตอบสนองต่อแต่ละข้อต่อของห่วงโซ่คุณค่า และปัจจัยสู่ความสาเร็จก็ยัง นับว่าเป็นแนวคิดพ้ืนฐานสาคัญที่จะช่วยในการขับเคล่ือนผลิตภัณฑ์ศักยภาพได้เป็นอย่างดีเช่นกัน โดยการ ขับเคล่ือนแบบบูรณาการท่ีสามารถเกิดขึ้นได้น้ัน อาจเกิดจากการแบ่งโครงการตามบทบาทหน้าท่ีท่ีหน่วยงานนั้น ๆ รับผิดชอบได้ ซึ่งจะช่วยให้เห็นความเชื่อมโยงของการทางานระหว่างกันขึ้นมาได้ ดังตัวอย่างในแผนภาพที่ 3-8 17
รายงานชดุ องค์ความรู้ คูม่ อื แบบประเมินคณุ ภาพแผนจังหวดั และกลุ่มจงั หวดั ที่แสดงให้เห็นถึงแนวคิดการวางโครงการตามข้อต่อของห่วงโซ่คุณค่า ในขณะเดียวกันมีการแบ่งบทบาท การทางานของหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องอย่างชัดเจน ซ่ึงท้ายที่สุดแล้วจะช่วยให้เห็นภาพรวมการขับเคล่ือน ผลิตภัณฑ์ศกั ยภาพตามห่วงโซ่คณุ คา่ ของหนว่ ยงานต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน แผนภำพท่ี 3-8: กรอบแนวคิดการกาหนดโครงการแบบบรู ณาการระหว่างหน่วยงานท่ีเกยี่ วข้องตลอดหว่ งโซ่ คุณค่า การพัฒนาโครงการท่ีมีประสิทธิภาพและสามารถนาไปสู่ผลลัพธ์ได้อย่างเป็นรูปธรรมในพ้ืนที่น้ัน จะตอ้ งพจิ ารณาประเด็นสาคญั อยู่ 3 เรือ่ งใหญ่ ๆ ดว้ ยกนั ได้แก่ 1) ควำมสอดคล้องเชื่อมโยงกับนโยบำยและตอบสนองควำมต้องกำร นพ้ืนท่ี: ให้ความสาคัญ กับความสอดคล้องระหว่างโครงการกับยุทธศาสตร์/ แผนงานในระดับต่าง ๆ ซึ่งจะสะท้อนความเร่งด่วนใน ประเด็นสาคัญ ที่รัฐบาลให้ความสาคัญรวมถึงความเชื่อมโยงกับการดาเนินงานในปีก่อน ๆ โดยมีประเด็นย่อยท่ี ต้องพิจารณา อาทิ ความเร่งด่วน (Urgency) การเชื่อมโยง (Integration) ความต้องการของพื้นที่ (Local Demand) มสี ว่ นในการพัฒนาเศรษฐกจิ และแก้ปัญหา/อุดชอ่ งว่างทางเศรษฐกจิ 2) คุณภำพโครงกำร: พิจารณาต้ังแต่ความชัดเจนของวัตถุประสงค์และเป้าหมายในการดาเนินงาน ลักษณะของกิจกรรมความเหมาะสม และความคุ้มค่าในการสนับสนุนงบประมาณ โดยโครงการที่พัฒนาขึ้นมา จะตอ้ งมีทง้ั ผลผลติ / ผลลพั ธ์ (Result) และผลกระทบ (Potential Impact) ทีอ่ าจเกดิ ขึ้น 3) ควำมพร้อมและควำมเป็นไปได้ นกำรดำเนินงำน: มุ่งเน้นการพิจารณาความสามารถ ความเหมาะสมของหน่วยงาน ทั้งในประเด็นในด้านของความเป็นไปได้ (Actionable) ของโครงการ และความ พร้อมของหน่วยงาน (Readiness) อีกท้ังยังพิจารณาความสามารถในการต่อยอดโครงการหลังจากได้รับ งบประมาณ และการบูรณาการการทานกับพืน้ ท่ีเปา้ หมาย 18
รายงานชดุ องคค์ วามรู้ คู่มอื แบบประเมนิ คุณภาพแผนจงั หวัดและกลมุ่ จังหวดั 3.2 แนวทำงกำร ช้เคร่ืองมอื นกำรกำหนดตัวชี้วัด กำรกำหนดคำเปำ้ หมำยของตวั ช้ีวัด เครอ่ื งมือวดั ระดับกำรพฒั นำจงั หวดั 1) แนวคิดการเปรยี บเทียบการพฒั นา (Benchmarking) ตามหลักการแล้ว การเปรียบเทยี บ (Benchmarking) ทน่ี ยิ ามโดย American Productivity and Quality Council (APQC) คือวิธีการในการวัดและเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ บริการ และวิธีการปฏิบัติกับองค์กร ท่ีสามารถทาได้ดีกว่า เพื่อนาผลของการเปรียบเทียบมาใช้ ในการปรับปรุงองค์กรตนเอง เพ่ือมุ่งสู่ความเป็นเลศิ โดยมีประโยชนท์ เ่ี กยี่ วข้อง 4 ประเดน็ หลักด้วยกัน ไดแ้ ก่ (1) UNDERSTANDING เปน็ การสรา้ งความเขา้ ใจในหลักการ วิธีการ และผลทจี่ ะได้รับขององค์กร และบคุ ลากรรวมถงึ ผูม้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสียทง้ั หมด (2) MIRROR&FUNCTION เป็นการสะท้อนภาพกระบวนการทั้งกระบวนการหลักและสนับสนุน ขององค์กร ทาให้มองเห็นภาพโครงสร้างองค์กรภาพของกิจกรรมกระบวนการและข้อมูลในองค์กร ผังกระบวนการ ทางธรุ กิจ (Business Process Mapping) การทางานและหน้าท่คี วามรับผิดชอบในแตล่ ะบทบาท (3) TIME&ANALYSIS เมื่อทราบกระบวนการทางธุรกิจและกิจกรรมท่ีเชื่อมต่อกันในกระบวนการ แล้วการวิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบต่างๆ ท่ใี ชท้ งั้ หมดในกิจกรรมทาใหส้ ามารถสรปุ ไดว้ า่ จดุ ท่คี วรปรับปรุงหรือพัฒนา ให้ดีขน้ึ นั้นอยู่ทใี่ ดในกระบวนการ (4) IMPROVEMENT เป็นการปรับปรุงองค์กรโดยนาเคร่ืองมือการพัฒนาองค์กรต่าง ๆ มาใช้ เช่น Benchmarking โดยมองที่ประเด็นสาคัญ คือเราอยู่ท่ีไหน? ใครเก่งท่ีสุด? เขาทาได้อย่างไร? และทาอย่างไรให้ ดกี ว่าเขา? 2) เคร่ืองมือการวัดระดับการพัฒนาจังหวัดและกลุม่ จังหวัด (Province & Cluster Benchmarking) จากแนวคิดในเร่ือง Benchmarking ดังกล่าว กระทรวงมหาดไทยจึงให้ความสาคัญและสนับสนุน การพัฒนาเครื่องมือท่ีจะใช้ในการวัดระดับการพัฒนาของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดมาอย่าง โดยการวัดระดับ ดังกล่าวจะเป็นการประเมินเปรียบเทียบโดยใช้เคร่ืองมือวัดประเมิน เพ่ือบอกทิศทางและตรวจสอบ การเปล่ียนแปลง หรือบ่งช้ีความสาเร็จหรือสะท้อนผลการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดว่าประสบความสาเร็จ หรือบรรลุเป้าหมายตามประเด็นยุทธศาสตร์ท้ังในระดับชาติ และ/หรือในระดับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ซ่ึงมุ่งก่อให้เกิดการพัฒนาท่ีสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมมากน้อยเพียงใด เมื่อเทียบกับช่วง ระยะตามเปา้ หมายที่กาหนด โดยมแี นวทางในประเมนิ 3 ส่วนหลกั ได้แก่ - การวัดระดับเชิงเปรียบเทียบ (Comparative Benchmarking): ประเมินเปรียบเทียบการพัฒนา ในมิติต่าง ๆ ท้ังด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยจะเป็นการเปรียบเทียบระหว่าง จงั หวดั และระหว่างกลุม่ จงั หวัด กับในระดับประเทศ - การวัดระดับการพัฒนา (Competitive Benchmarking): ประเมินเปรียบเทียบผลการพัฒนา ภายในของจังหวดั /กลุม่ จงั หวัด กบั การดาเนินงานทผี่ ่านมาในอดีต ผา่ นตัวชวี้ ดั ในมติ ติ ่าง ๆ 19
รายงานชุดองคค์ วามรู้ คู่มือแบบประเมินคุณภาพแผนจังหวดั และกลมุ่ จังหวดั - การวัดระดับในประเด็นที่สาคัญ (Agenda Benchmarking): ประเมินเปรียบเทียบผลการพัฒนา ของผลิตภัณฑ์หรือสินค้าและบริการ หรือประเด็นปัญหาสาคัญ ที่เป็นประเภทเดียวกันหรือ เรื่องเดียวกันของจังหวดั /กลมุ่ จังหวัด เชน่ ประเด็นด้านข้าว ขยะ น้าเสีย ป่าไม้ เป็นต้น 3) การใช้ประโยชนข์ องขอ้ มลู ระดบั การพัฒนาจังหวดั การนาแนวคิด Benchmarking มาปรับใช้กับการเปรียบเทียบการดาเนินงานของกลุ่มจงั หวดั และจังหวดั ประกอบไปดว้ ย - ประเมนิ สภาพปจั จุบนั = การตรวจสขุ ภาพประจาปขี องจงั หวดั / กล่มุ จงั หวดั ในดา้ นตา่ ง ๆ - ผลการวดั สภาพทว่ั ไปจะบง่ ช้ปี ระเดน็ สาคญั = จดุ แข็ง จุดอ่อน ของจังหวัด → ใหน้ ้าหนกั ของ ยทุ ธศาสตร์ไดอ้ ย่างไร - จากประเด็นท่ีเป็นปัญหาหรือจุดอ่อน สามารถเปรียบเทียบกับจังหวัดท่ีมีค่าใกล้กันหรือทราบ วา่ จงั หวัดไหนโดดเดน่ เพื่อศึกษาแนวทางของจังหวัดนั้น หรอื หาทางแกไ้ ขจุดอ่อนไดอ้ ย่างไร - ช่วยประกอบการตดั สินใจในการจดั สรรงบของจังหวดั ควรเน้นเรือ่ งอะไร 4) แนวทางการพัฒนาเครื่องมือตัวชว้ี ดั การพัฒนา เครื่องมือวัดระดับการพัฒนากลุ่มจังหวัด และจังหวัดน้ันได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยเป็นการใช้กรอบ แนวคิดจากตัวชี้วัด และเครื่องมือการวัดระดับการพัฒนาจากต่างประเทศมาพัฒนา ไม่ว่าจะเป็น Korea Sustainable Development Index (KSDI) UN: Millennium Development Goals (MDG) UNDP: Human Achievement Index (HAI) IMD: Competitiveness Index พร้อมกับการอ้างอิงข้อมูลเชิงสถิติจากสานักงาน สถิติและสังคมแห่งขาติ และข้อมูลความจาเป็นพ้ืนฐาน (จปฐ.) มาพัฒนาร่วมกัน เพื่อจัดทาเป็นกรอบและ ประเดน็ สาคัญของตวั ชีว้ ัดตา่ ง ๆ 3.3 แนวทำงกำร ช้เคร่ืองมือ นกำรพัฒนำคุณภำพแผนงำน/โครงกำรตำมแผนปฏิบัติรำชกำรประจำปี ของจังหวัดและกลุ่มจงั หวัด แนวทำงกำรวิเครำะห์ควำมคุ้มค่ำของโครงกำร ในการประเมินความคุ้มค่าของโครงการน้ัน โดยส่วนใหญ่มักจะใช้แนวคิดของการประเมิน เชิงเศรษฐศาสตร์ในการเปรียบเทียบระหว่างผลประโยชน์ที่ได้รับ และต้นทุนท่ีเกิดข้ึน เพ่ือดูว่าการลงทุนนั้น ๆ จะมีความคุ้มค่ามากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะอย่างย่ิงแนวคิดการปรับค่าเงินให้เป็นมูลค่าปัจจุบัน (Present Value) ซึ่งเป็นการปรับค่าเป็นกระบวนการวิเคราะห์ซึ่งทาให้การเปรียบเทียบต้นทุนและผลประโยชน์ท่ีเกิดข้ึน ตลอดอายุโครงการสามารถทาได้ เน่ืองจากช่วงเวลาของการลงทุน และผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ช่วงเวลา เดียวกัน การนามูลค่าของต้นทุนและผลประโยชน์ในแต่ละปมี าบวกหรือลบกันเพื่อดูวา่ สุดท้ายแล้วผลประโยชน์ มีมากกว่าต้นทุนหรือไม่ ไม่สามารถทาได้ เนื่องจากมูลค่าท่ีแท้จริงของเงินจะต่างกัน เม่ือระยะเวลาต่างกัน หรือ กล่าวได้ว่ามูลค่าของเงินในอดีตหรืออนาคตจะไม่เท่ากับเงินในปัจจุบัน การเปรียบเทียบดังกล่าว จึงต้องทา 20
รายงานชุดองคค์ วามรู้ คู่มือแบบประเมนิ คุณภาพแผนจังหวัดและกลุ่มจังหวดั การปรับค่าของต้นทุนและผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นในปีที่ต่างกัน ให้เป็นค่าปีใดปีหน่ึงเหมือนกันเสียก่อน เม่ือสามารถคานวณต้นทุนและผลประโยชน์ให้เป็นมูลค่าปัจจุบันได้แล้ว มักจะมีการกาหนดหลักเกณฑ์ใน การประเมินหรอื ตัดสินใจการลงทนุ ซง่ึ โดยส่วนใหญ่แลว้ จะมกี ารใชเ้ ครอื่ งมอื ในการคานวณ และวิเคราะห์ ดังน้ี 1) มลู ค่าปจั จุบันสทุ ธิ (Net Present Value : NPV) มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) หมายถึง มูลค่าปัจจุบันของผลตอบแทนสุทธิที่ได้รับจากโครงการ ซงึ่ ภายใต้เครือ่ งมือน้ี เกณฑ์ในการตดั สินใจการลงทุนมักจะพิจารณาลงทุนเมอ่ื มลู ค่าปัจจุบัน (NPV) มีคา่ เทา่ กับ หรือมากกว่า 0 หรือมีค่าเป็นบวกจะแสดงว่าโครงการมีการลงทุนที่ให้ผลคุ้มค่าเนื่องจาก NPV ส่วนท่ีเป็นบวก ของโครงการเป็นผลตอบแทนของเจา้ ของ ดงั นนั้ เม่อื ลงทนุ ในโครงการท่ี NPV = 0 สว่ นของเจ้าของจะไมเ่ พิ่มขึ้น แตก่ ารทธ่ี ุรกจิ มีโครงการลงทุนเพิ่มจะมผี ลใหข้ นาดของกิจการขยายตัวข้นึ 2) อตั ราส่วนผลประโยชน์ต่อต้นทนุ (Benefit Cost Ratio : B/C ratio) อัตราส่วนผลประโยชน์ต่อต้นทุน (B/C ratio) หมายถึง อัตราส่วนระหว่างมูลค่าปัจจุบันของ ผลประโยชน์ต่อมูลค่าปัจจุบันของต้นทุน ซ่ึงภายใต้เครื่องมือน้ี เกณฑ์ในการตัดสินใจการลงทุนจะลงทุนเม่ือ โครงการที่ให้ค่า B/C Ratio มีค่าเท่ากับหรือมากกว่า 1 แสดงให้เห็นว่าโครงการน้ัน เมื่อลงทุนแล้วจะได้รับ ผลตอบแทนตอ่ ทุนสงู กว่าเงนิ ทล่ี งทุนไป ซ่ึงแสดงให้เหน็ วา่ โครงการมคี วามคมุ้ ค่าต่อการลงทนุ นั่นเอง 3) อตั ราผลตอบแทนภายใน (Internal Rate of Return : IRR) อัตราผลตอบแทนภายใน (Internal Rate of Return : IRR) หมายถึงอัตราคิดลดสูงท่ีสุดที่จะ สามารถจ่ายให้กับทรัพยากรต่าง ๆ ในการดาเนินโครงการ ซึ่งทาให้โครงการยังคงมีผลตอบแทนเท่ากับต้นทุน ทั้งหมดพอดี (NPV = 0) ซึ่งภายใต้เครื่องมือน้ี เกณฑ์ในการตัดสินใจการลงทุนจะลงทุนเมื่ออัตราผลตอบแทน ของโครงการ (IRR) มีค่าสูงกว่าต้นทุนของเงินทุนหรืออัตราดอกเบี้ยเงินทุน ก็ควรลงทุน แต่ถ้าอัตราอัตรา ผลตอบแทนของโครงการ (IRR) มคี า่ นอ้ ยกว่าต้นทนุ ของเงินทนุ หรืออัตราดอกเบี้ยเงนิ ทุนก็ควรปฏิเสธการลงทุน ในโครงการ (ที่มา: คู่มือการวิเคราะห์ดา้ นเศรษฐศาสตรแ์ ละการเงิน ท่ีจดั ทาโดยกรมชลประทาน โดยมรี ายละเอียดเพ่มิ เติมในภาคผนวก ง ) 21
รายงานชดุ องคค์ วามรู้ คมู่ อื แบบประเมินคณุ ภาพแผนจังหวัดและกล่มุ จงั หวดั บทที่ 4 กรอบ หลักเกณฑ์และวิธีกำรประเมินคณุ ภำพแผนพัฒนำจังหวดั /กลุ่มจังหวัด 4.1 แนวคดิ ภำพรวม นกำรประเมนิ คณุ ภำพแผน จากการสรุปประเด็นการทบทวนหลักเกณฑ์ แนวทางการประเมินและทฤษฎีท่ีเกี่ยวข้องกับการประเมิน คุณภาพแผนพัฒนาจังหวัด / กลุ่มจังหวัด และแผนปฏิบัติราชการประจาปี ในบทท่ี 2 และบทท่ี 3 แล้วนั้น คณะท่ีปรึกษาจึงได้มีการกาหนดหลกั การของการจัดทาแนวคิดการพิจารณาคุณภาพแผนท่ีสะท้อนจากประเด็น ในสว่ นดังกล่าวออกมา ดงั นี้ 1) ให้ความสาคัญกับรายละเอียดเน้ือหาในส่วนต่าง ๆ ควบคู่กับความครบถ้วนของข้อมูลตามหัวข้อ ท่ีกาหนด 2) ต้องให้ความสาคัญกับเวลาในการดาเนินการด้วย ต้ังแต่ก่อน (Ex-ante) ระหว่าง (On-Going) และหลัง (Ex-Post) การดาเนินงานทงั้ หมด ซงึ่ วตั ถุประสงค์ และแนวทางของการประเมินในแต่ละชว่ งเวลานั้น ก็จะแตกตา่ งกนั ออกไป 3) ควรมีการแบ่งการพิจารณาออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย แผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจาปีของจังหวัด/กลุ่มจังหวัด และโครงการท่ีเกี่ยวข้อง ซ่ึงท้ังหมดจะต้อง เชอ่ื มโยงกัน 4) การกาหนดกรอบการประเมิน และรายละเอียด ควรให้ความสาคัญกับประเด็นผลการพิจารณา แผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่ผ่านมา ซึ่งประกอบไปด้วย 6 กลุ่มประเด็นสาคัญ ได้แก่ (1) การดาเนินการตามระเบียบและวิธีการท่ีกาหนด (2) การนาเสนอและการวิเคราะห์ข้อมูล (3) การเชอ่ื มโยงกบั นโยบาย หรอื โครงการสาคัญสู่พ้นื ที่ (4) ความสอดคล้องของการจัดทาแผน และ ความชัดเจนของทิศทางแผน (5) การพิจารณาผลการดาเนินงานในอดีต และ (6) ความชัดเจนใน การวดั ผล จากหลักการข้างต้น คณะท่ีปรึกษาจึงได้ออกแบบและพัฒนาแนวคิดในการประเมินคุณภาพแผน ซึ่งครอบคลุมตามหลักการบริหารยุทธศาสตร์ตั้งแต่การวางแผน (Strategy Formulation) การขับเคลื่อน (Strategy Deployment) และการติดตาม ประเมินผล (Strategy Evaluation) ซ่ึงสะท้อนแนวทางการประเมิน ของแผนพัฒนาจงั หวดั /กลุ่มจังหวัด 5 ปี และแผนปฏิบัตริ าชการประจาปี จังหวัด/กลุ่มจังหวดั (รวมถงึ โครงการ ในแผนปฏิบตั ริ าชการ) ดว้ ย โดยมีรายละเอียด ในแผนภาพที่ 4-1 และตารางที่ 4-1 ตามลาดบั ดังนี้ 22
รายงานชุดองค์ความรู้ ค่มู ือแบบประเมนิ คุณภาพแผนจังหวัดและกลุม่ จังหวดั แผนภำพท่ี 4-1: กรอบแนวคิดในการประเมนิ คุณภาพแผน ตามหลักการการบรหิ าร ตำรำงท่ี 4-1: วตั ถุประสงค์ และแนวทางการประเมิน ตามแนวคิดการประเมนิ คุณภาพ Ex-ante Evaluation On-Going Evaluation Ex-Post Evaluation ประเมนิ ก่อนกำรดำเนินงำน ประเมินระหว่ำงกำร ประเมนิ หลงั กำร ดำเนินงำน ดำเนินงำน แผนพฒั นำจังหวัด และกลมุ่ จงั หวดั 5 ปี วัตถุประสงค์ (ของการ • ประเมนิ ถึงความครบถ้วนของ • การประเมินผลจาก ประเมินในแต่ละช่วง) หัวขอ้ และขอ้ มลู 1 การดาเนินงาน เม่ือเทียบ • กระบวนการได้มาของข้อมลู กับเป้าหมายที่กาหนดไว้ หรือแหล่งท่มี าของขอ้ มูลท่ี ของแผนพฒั นา และ สาคัญตา่ ง ๆ ประเด็นการพัฒนา • การประเมนิ เคร่อื งมือที่ เหมาะสมเพอ่ื ประกอบ การวเิ คราะหใ์ นสว่ นตา่ ง ๆ ใหส้ อดคล้องตามนโยบาย หลักเกณฑ์ และวธิ ีการจดั ทา แผนของจังหวัดและ กลมุ่ จังหวดั 1 หัวข้อและข้อมูล ในท่ีนี้หมายถึงองค์ประกอบของแผนพัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัด ตามท่ีมีการระบุอยู่ในหัวข้อวาระ 3.5.1 ตาม นโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดทาแผนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจาปี พ.ศ. 2561 – 2565 (ฉบับทบทวน) ตามมติท่ีประชุมของคณะกรรมการบูรณาการ นโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) และคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจงั หวดั และกลุ่มจังหวดั แบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ครั้งท่ี 1/2564 เมื่อวันท่ี 3 มนี าคม พ.ศ. 2564 โดยสามารถดูตัวอยา่ งไดใ้ นภาคผนวก ข และภาคผนวก ค 23
รายงานชุดองค์ความรู้ คู่มอื แบบประเมินคุณภาพแผนจงั หวัดและกลมุ่ จังหวดั Ex-ante Evaluation On-Going Evaluation Ex-Post Evaluation ประเมินกอ่ นกำรดำเนนิ งำน ประเมนิ ระหว่ำงกำร ประเมินหลังกำร ดำเนินงำน ดำเนนิ งำน • ความเชื่อมโยงของแผนงานและ แนวทางการประเมิน โครงการตัง้ แตร่ ะดับนโยบาย พจิ ารณาตามตัวช้วี ัด และ มาพ้ืนท่ี ผลการประเมินในภาพรวม แผนปฏิบัตริ ำชกำร ของแผนพัฒนาจงั หวดั และ ประจำปี • ความสมเหตุสมผลของเป้าหมาย กลมุ่ จงั หวัด และโครงการ วัตถปุ ระสงค์ ยทุ ธศาสตร์ตอ่ สภาพแวดล้อม สาคญั และปญั หา ความตอ้ งการใน พ้ืนที่ พจิ ารณาตามเอกสาร หัวขอ้ เนอื้ หา และข้อมลู ของ แผนพฒั นาจงั หวัด และกลมุ่ จงั หวัดทจ่ี ดั ทาขึน้ มา โดยเทียบกับเกณฑ์การให้ คะแนนทีไ่ ด้จดั ทาข้ึนตามกรอบ ระเบียบ นโยบาย หลักเกณฑ์ และวธิ กี ารจดั ทาแผนของ จงั หวัดและกลุม่ จงั หวัด ทผี่ า่ นการเห็นชอบ จาก ก.บ.ภ. / ก.น.จ. • ประเมนิ ความครบถว้ นของ • ประเมินความคืบหนา้ ของ • ประเมนิ ผลผลติ ผลลพั ธ์ท่ี หัวขอ้ และเนื้อหาของแผน2 การดาเนินงานของ ได้จากโครงการ ตอ่ ภาพรวม แผนปฏิบัตริ าชการ ของแผนปฏิบัตริ าชการ • ประเมินความเช่อื มโยงของ แผนพฒั นา มาสู่การกาหนด • ประเมินถงึ แนวทางการ • ประเมนิ ผลกระทบและ แผนงาน และโครงการสาคญั ดาเนนิ โครงการ กจิ กรรม ความย่ังยืนของโครงการ กบั แผนทีก่ าหนดไว้ ในภาพรวมทีจ่ ะส่งผลตอ่ • การจดั ลาดบั ความสาคญั ของ แผนปฏบิ ตั ริ าชการ โครงการ / กิจกรรม 2 หัวข้อและขอ้ มูล ในที่นี้หมายถึงแนวคิด และหลักเกณฑ์ของแผนปฏบิ ัติราชการประจาปี ตามที่มีการระบอุ ย่ใู นหัวข้อวาระ 3.5.2 ตาม หลักเกณฑ์ การจัดทาแผนปฏิบัติราชการประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ตามมติท่ีประชุมของคณะกรรมการบูรณาการนโยบาย พัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) และคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวดั และกลมุ่ จังหวดั แบบบรู ณาการ (ก.น.จ.) ครั้งที่ 1/2564 เม่ือวันท่ี 3 มีนาคม พ.ศ. 2564 โดยสามารถดูหลกั เกณฑ์ และตัวอยา่ งได้ในภาคผนวก ข และภาคผนวก ค 24
รายงานชุดองค์ความรู้ ค่มู อื แบบประเมินคณุ ภาพแผนจงั หวัดและกลมุ่ จงั หวดั แนวทางการประเมิน Ex-ante Evaluation On-Going Evaluation Ex-Post Evaluation ประเมินก่อนกำรดำเนนิ งำน ประเมนิ ระหว่ำงกำร ประเมนิ หลังกำร โครงกำร (ภำย ต้ ดำเนินงำน ดำเนินงำน แผนปฏิบตั ิรำชกำร พิจารณาตามเอกสารของ ประจำปี) แผนปฏบิ ัตริ าชการประจาปี • พิจารณาตามเอกสารของ • ผลการปฏิบตั งิ านของ วัตถปุ ระสงค์ ทจี่ ดั ทาขน้ึ มาโดยเทยี บกบั แผนปฏบิ ัตริ าชการ โครงการตามแผนปฏบิ ตั ิ เกณฑ์การให้คะแนนที่ได้จดั ทา ประจาปี ราชการประจาปี แนวทางการประเมิน ข้ึนตามกรอบระเบยี บ นโยบาย หลักเกณฑ์ และวธิ กี ารจดั ทา • รายงานความคบื หนา้ ของ • รายงานความคบื หนา้ ของ แผนของจังหวัดและกล่มุ จังหวดั โครงการ / กจิ กรรม โครงการ / กิจกรรม ทผ่ี า่ นการเหน็ ชอบ จาก ก.บ.ภ. / ก.น.จ. • ประเมินความคืบหนา้ ของ • ประเมินผลลผลติ ผลลัพธ์ โครงการ (ต่อการบรรลุ จากการดาเนนิ โครงการ ตามแผนปฏิบัตริ าชการ) และกจิ กรรม • ประเมนิ ปญั หา อุปสรรค • ประเมนิ ผลกระทบและ ในการดาเนินโครงการ ความย่งั ยนื ของโครงการ เพอ่ื หาแนวทางการแกไ้ ข • รายงานความคืบหนา้ ของ • รายงานความคืบหนา้ ของ โครงการ / กจิ กรรม โครงการ / กิจกรรม • สมั ภาษณผ์ ปู้ ฏิบัติงาน • สัมภาษณผ์ ู้ปฏบิ ัติงาน และผู้ทม่ี ีสว่ นเกย่ี วข้อง และผู้ทม่ี สี ่วนเกย่ี วขอ้ ง กับโครงการ กบั โครงการ • สารวจพ้นื ท่ดี าเนิน • สารวจพ้ืนทด่ี าเนนิ โครงการ / กิจกรรม โครงการ / กิจกรรม • สารวจ จดั เก็บข้อมลู ตลอดจนการทาวิจยั เพ่อื ประเมินผลกระทบ 25
รายงานชุดองค์ความรู้ คูม่ อื แบบประเมินคุณภาพแผนจังหวัดและกลมุ่ จงั หวดั แนวทำงกำร ช้งำนแบบกำรประเมินคณุ ภำพแผนพฒั นำจังหวัด/กลุ่มจังหวัด แบบประเมินคุณภาพแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด พ.ศ.2561-2565 ฉบับน้ีจัดทาขึ้น โดยมี วัตถุประสงค์ในการเป็นหนึ่งในเครื่องมือสาหรับผู้ที่มีส่วนเก่ียวข้องกับการจัดทาแผนพัฒนาจังหวัด และกลุ่ม จังหวัดท่ีจะช่วยให้สามารถจัดทาแผนพัฒนาได้มีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับสถานการณ์ และบริบทต่างๆ มาก ข้นึ เปน็ สาคญั ดังนั้น แนวคิดในการจัดทาแบบประเมินนี้ จึงอยู่บนพื้นฐานของการเป็นแบบประเมินตนเอง (Self- Assessment) เพ่ือให้ผู้ที่ปฏิบัติงานสามารถนาเปรียบเทียบ ตรวจสอบความครบถ้วน ความถูกต้องตรงตาม นโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดทาแผนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่กาหนดไว้ พร้อมทั้งยังสามารถใช้เป็น แนวทาง (Guideline) ในการคน้ หา และปรบั ปรุงประเดน็ ตา่ งๆ ของแผนพัฒนาใหม้ ีคณุ ภาพมากย่งิ ข้ึน โดยคณะ ผ้จู ัดทาแบบประเมินนี้ไม่ได้ตอ้ งการนาคะแนนท่ีได้จากการประเมนิ น้ีมาใช้ในการพิจารณาผลการดาเนินงานของ ส่วนงาน หรือบคุ คลใดบคุ คลหน่ึง หรอื แมก้ ระท่งั นาผลคะแนนมาเปรียบเทียบเพื่อการประเมินผลงานใดๆ ท้ังสน้ิ ด้วยเหตุนี้เอง คณะผู้จัดทาจึงได้ออกแบบหลักเกณฑ์ และกรอบการประเมินคะแนนในหลายประเดน็ ท่ี ให้มีความยืดหยุ่นมากเพียงพอ เพ่ือให้ผู้ที่ปฏิบัติงานโดยท่ีผู้ปฏิบัติงาน หรือผู้ประเมินสามารถประเมินและ พิจารณาการให้คะแนนได้ตามสถานการณ์และความเหมาะสมของแตล่ ะพื้นท่ีเองได้ เนอื่ งจากแบบประเมินนี้ถูก จดั ทาขนึ้ มาในชว่ งเวลาหนึ่ง เม่อื ระยะเวลาผา่ นไปหรือเม่ือมีสถานการณ์บางอย่างเกิดข้ึน หลกั เกณฑห์ รอื เนื้อหา บางส่วนทีจัดทาข้ึนนี้ อาจมีการปรับเปลี่ยน ทาให้ไม่ทันสมัยหรือไม่สะท้อนกับบริบทในช่วงเวลาน้ัน ดังนั้น ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน หรือผปู้ ระเมนิ ควรต้องทาความเข้าใจแก่นของการจดั ทาแผน และแบบประเมินอยา่ งลึกซ้งึ และนา หลกั คดิ ไปประยกุ ต์ใชใ้ ห้เขา้ กบั สถานการณใ์ นแต่ละพื้นที่ หรอื ชว่ งเวลาตอ่ ไป สุดท้ายนี้ แม้ว่าคณะผู้จัดทาจะนาเสนอแนวคิด เคร่ืองมือ หรือมีการจัดทาหลักเกณฑ์ท่ีละเอียดมาก น้อยเพยี งใดก็ตาม ก็ไมอ่ าจพฒั นาแบบประเมินหรือจัดหาตวั อยา่ งท่ีสมบูรณ์แบบให้กับทุกพื้นท่ีได้ แต่แนวทางที่ จะใช้ประโยชน์ของแบบประเมินนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุดคือลงมือปฏิบตั ิจริง โดยใช้แบบประเมินฉบบั นี้ เป็นคู่มืออ้างอิงประกอบ และเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาแผนในแต่ละระยะ เพ่ือให้กับบริหารจัดการแผน ยุทธศาสตร์เปน็ ไปไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพสงู ทีส่ ดุ 26
รายงานชดุ องค์ความรู้ คมู่ อื แบบประเมนิ คณุ ภาพแผนจังหวดั และกลุ่มจังหวดั 4.2 กรอบหลักเกณฑแ์ ละแนวทำงกำรประเมินคณุ ภำพแผนพัฒนำจังหวัด / กลุม่ จังหวัด 5 ปี ตามกรอบแนวคิดการประเมินข้างต้น คณะท่ีปรึกษาจึงได้ทาการออกแบบแนวทางการประเมินคุณภาพ แผนพัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัด 5 ปี ออกมา เป็น 2 ระยะด้วยกนั แบ่งออกเป็น กอ่ นเริ่มดาเนินการ (Ex-ante) และหลังจากดาเนินการแล้ว (Ex-post) โดยมรี ายละเอยี ด ดงั นี้ กำรประเมินคณุ ภำพแผน ก่อนเริ่มดำเนนิ กำร (Ex-ante) ในการประเมินคุณภาพแผน ก่อนเริ่มดาเนินการ (Ex-ante) นี้ จะดาเนินการเมื่อมีกระบวนการจัดทา แผนพัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัด 5 ปี แล้วเสร็จ ตามกาหนดการปฏิทินการจัดทาแผน ซ่ึงภายใต้แนวทาง การประเมินนี้ จะครอบคลุมทั้งในมิติของความครบถ้วนของหัวข้อ ข้อมูล และกระบวนการให้ได้มาของข้อมูล ตามท่ีระบุอยู่ในนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดทาแผนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2561 – 2565 (ฉบับทบทวน) ตามมติคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) และคณะกรรมการนโยบายการ บริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) คร้ังท่ี 1/2564 เม่ือวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2564 กาหนดข้ึนมา และมิติของคุณภาพในเชิงของความเชอ่ื มโยงของยุทธศาสตร์ชาติ นโยบาย และสภาพปัญหาของ พ้ืนที่ และการกาหนดวิสัยทัศน์ ทิศทาง และยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับบริบท และสภาพแวดล้อมได้อย่าง เหมาะสม กำรประเมินคุณภำพแผน หลังดำเนนิ กำรแลว้ (Ex-post) ตามหลักการบริหารยุทธศาสตร์นั้น เพื่อให้การบริหารมีความครบถ้วนจะต้องครอบคลุมการติดตาม ประเมินผล (Strategy Evaluation) อยู่ด้วย ซ่ึงจะสะท้อนผลการดาเนินงานหลังจากที่ได้มีการดาเนินการ (Strategy Implementation) ไปแล้ว ท้ังนี้ในบริบทการติดตามและประเมินผลในส่วนของแผนพัฒนาจังหวัด/ กลุ่มจังหวัดน้ี จะเป็นการประเมินผลในช่วงท้ายหรือหลังการดาเนินงานเสร็จสิ้นว่าการดาเนินงานที่ผ่านมา สะท้อนตามเป้าหมาย หรือทิศทางการพัฒนาที่มีการกาหนดไว้ในช่วงวางแผนมากน้อยเพียงใด เพ่ือท่ีจะใช้เป็น ขอ้ มูลหรอื เป็นแนวทางในการปรับปรุงทิศทางการทางานในอนาคต โดยการประเมินคุณภาพแผน หลังการดาเนินการ (Ex-post) น้ี จะไม่ใช่เป็นการประเมินโดยมี การกาหนดหลักเกณฑ์สาหรับการให้คะแนน แต่จะเป็นการประเมินถึงผลสาเร็จตามเป้าหมาย และทิศทาง การพัฒนาที่กาหนดไว้ในช่วงแรกดังท่ีได้กล่าวไว้ข้างต้น ดังนั้นการประเมินจะมุ่งเน้นไปที่เร่ืองของกำรเทียบ ผลสำเร็จของกำรดำเนินงำนทั้ง นภำพรวมของแผน และ นแต่ละประเด็นกำรพัฒนำ เทียบกับเป้ำหมำย ท่ีกำหนดไว้โดยตรง ซึ่งอำจเป็นกำรวัดผลสัดส่วนควำมสำเร็จตำมท่ีต้ังเป้ำไว้ นแผนโดยตรงเลย ทั้งนี้ ในการประเมินดังกล่าวควรจะต้องมีการรวมรวมข้อมูล และวิเคราะห์บทเรียนจากการดาเนินงานที่ผ่านมา ทั้งในกรณีที่ประสบผลสาเร็จ และที่ไม่ประสบผลสาเร็จ เพ่ือนามาใช้เป็นข้อมูลประกอบการการวางแผนในรอบ ต่อไปดว้ ย จากแนวคิดของการประเมินท้ังสองแบบข้างต้น จึงสามารถสรุปออกมาเป็นแนวทางการใน การประเมนิ คุณภาพแผนพฒั นาจงั หวดั / กลมุ่ จังหวัด ได้ทง้ั ส้นิ 5 ประเดน็ สาคัญด้วยกนั ดงั แผนภาพท่ี 4-2 27
รายงานชุดองคค์ วามรู้ คมู่ อื แบบประเมนิ คณุ ภาพแผนจังหวัดและกลมุ่ จังหวดั 1) มิติควำมครบถ้วน: หัวข้อและเคร่ืองมือท่ี ช้ตำมหลักเกณฑ์/ระเบียบ: มุ่งเน้นที่การประเมิน ถึงการระบุของหัวข้อ และมีการใช้เคร่ืองมือตามหลักเกณฑ์ หรือระเบียบที่กาหนดไว้ตามกรอบหลักเกณฑ์ การจดั ทาแผนอยา่ งครบถ้วนมากน้อยเพยี งใด ซง่ึ นบั วา่ เป็นรายละเอยี ดข้ันพืน้ ฐานของการจดั ทาแผนลักษณะน้ี 2) มิติควำมครบถ้วน: กำรวิเครำะห์สภำพแวดล้อม ปญหำ และควำมต้องกำร: การประเมินว่า การจัดทาแผนน้ี มีกระบวนการในการค้นหาความต้องการ หรือปัญหาในพ้ืนที่ และมีการวิเคราะห์ประเด็น สาคัญของพ้ืนท่ีโดยมีการอ้างอิงข้อมูลอย่างเป็นระบบ ตามท่ีระบุในหลักเกณฑ์การจัดทาแผนมากน้อยเพียงใด กระบวนการเก็บ รวบรวมขอ้ มลู พื้นฐาน ปญั หาและความต้องการในพื้นที่ไดอ้ ยา่ งครบถ้วน จะมีสว่ นสาคญั อย่าง มากในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมของพ้ืนท่ี อันจะนามาสู่การกาหนดทิศทาง และแนวทาง การพฒั นาที่เหมาะสมต่อไป 3) มิติคุณภำพ: ควำมเช่ือมโยงของนโยบำย และกำรตอบสนองต่อปญหำ / ควำมต้องกำร: การประเมินเชิงคุณภาพในรายละเอียดของแผนถึงขีดความสามารถในการวิเคราะห์ประเด็นความเชื่อมโยง ท่ีสาคัญของนโยบาย และแผนแต่ละระดับมาสู่การประเด็นการพัฒนาของพื้นท่ี ตลอดจนมีแผนงาน โครงการ ที่สามารถตอบสนองต่อความเช่ือมโยงของนโยบาย และปัญหา/ความต้องการในพ้ืนท่ีได้มากน้อยเพียงใด โดยแผนท่ีมีคุณภาพดีจะต้องสามารถวิเคราะห์ และแสดงความเช่ือมโยงของแผนหรือนโยบายในแต่ละระดับได้ อยา่ งชดั เจน 4) มติ คิ ุณภำพ: กำรกำหนดทศิ ทำง เปำ้ หมำย และควำมเช่ือมโยงของยุทธศำสตร์: การประเมินถึง แนวทางการพัฒนาแผนเชิงลึก ซ่ึงเป็นผลจากการวิเคราะห์ในประเด็นก่อนหน้าทั้งในเร่ืองของ การวิเคราะห์ สภาพแวดล้อม ปัญหา และความต้องการในพ้ืนท่ี และความเช่ือมของนโยบาย และแผนในระดับต่าง ๆ จนมาสู่ การแปลงประเดน็ สาคัญเหล่านน้ั นามาวิเคราะห์ และจดั ทาออกมาเป็นวสิ ัยทัศน์ ประเดน็ การพัฒนา เปา้ หมาย ท่สี ะทอ้ นกับสภาพและบริบทของพน้ื ท่ี รวมไปถงึ การร้อยเรยี งความเชอื่ มโยง และการลาดบั ความสาคญั ของงาน 5) กำรประเมินผลกำรดำเนินงำนของแผนพัฒนำ: การประเมินผลการดาเนินงานของแผนพัฒนา ในชว่ งทีผ่ า่ นมา โดยจะเทียบกับเปา้ หมายของแผนทตี่ ้งั ไวใ้ นชว่ งตอนจดั ทาแผน 28
รายงานชุดองค์ความรู้ คูม่ ือแบบประเมินคณุ ภาพแผนจงั หวัดและกลุม่ จังหวดั แผนภำพที่ 4-2: กรอบแนวคิด และเกณฑ์ในการประเมินคุณภาพแผนพฒั นาจงั หวดั / กลมุ่ จงั หวดั 29
รายงานชุดองค์ความรู้ คู่มือแบบประเมนิ คณุ ภาพแผนจงั หวัดและกลุ่มจังหวดั 4.3 หลักเกณฑ์และวิธีกำรประเมนิ คณุ ภำพแผนพฒั นำจงั หวัด/ กลุ่มจังหวดั เพ่ือให้แนวทางการประเมินคุณภาพแผนพัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัดมีความชัดเจน คณะที่ปรึกษา จึงมีการจัดทาหลักเกณฑก์ ารประเมิน และการใหค้ ะแนน เพ่อื สะท้อนถงึ คุณภาพแผนได้อย่างเหมาะสมในแต่ละ มิติ โดยคณะที่ปรึกษาจะทาการแบ่งการประเมินออกเป็น 2 ช่วง ประกอบด้วย ช่วงก่อนดาเนินการ (Ex-ante) ซ่ึงจะมีการประเมินตามเกณฑ์ข้อ 1) – 4) ในขณะที่ ช่วงหลังการดาเนินการ (Ex-post) จะเน้นท่ีการประเมิน ตามเกณฑ์ข้อ 5) เท่าน้ัน ซ่ึงในเกณฑ์แต่ละข้อ คณะที่ปรึกษาได้จัดทาแนวทางการประเมิน และการให้คะแนนย่อย เพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ประเมินสามารถใช้เป็นแนวทางอ้างอิงสาหรับการประเมินในแต่ละข้อได้ โดยมีรายละเอียด ดงั น้ี 4.3.1 กำรประเมนิ ก่อนกำรดำเนินกำร (Ex-ante) 1) มิติควำมครบถ้วน : หัวข้อและเคร่ืองมือท่ี ชต้ ำมหลักเกณฑ์ / ระเบยี บ หลกั การ การประเมินถึงความครบถ้วนของข้อมูล การระบุตามหัวข้อ และการใช้เครื่องมือที่เหมาะสม ตามนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดทาแผนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2561 – 2565 (ฉบับทบทวน) ตามมติที่ประชุมของคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) และคณะกรรมการนโยบายการบริหารงาน จังหวัดและกลมุ่ จังหวดั แบบบรู ณาการ (ก.น.จ.) ครัง้ ที่ 1/2564 เมอ่ื วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2564 โดยการประเมินส่วนน้ีจะให้ความสาคัญตั้งแต่ความครบถ้วนของข้อมูลในหัวข้อหลัก และหัวข้อย่อย ทั้งหมด วิธีการที่ได้มาของข้อมูลต่างๆ ตลอดจนการนาเคร่ืองมือมาใช้ประกอบการจัดทาแผนฯ ตามที่ได้มีการระบุ ในระเบยี บ และหลักเกณฑ์ ที่กาหนดมา การดาเนนิ การทค่ี รบถ้วนตามหลักเกณฑต์ ่าง ๆ น้ี ถือว่าเปน็ ปัจจยั พื้นฐานสาคญั อันจะสง่ ผลตอ่ คุณภาพ ของแผนในส่วนอนื่ ๆ ต่อไป วิธกี ารประเมนิ ผู้ประเมินสามารถนาหัวข้อ เนื้อหา และข้อมูลของแผนพัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัดที่จัดทาข้ึนมา (โดยอ้างอิงจากระเบียบของ ก.บ.ภ. / ก.น.จ.) มาเทียบเกณฑ์การให้คะแนนคุณภาพนี้ได้เลย เน่ืองจากเกณฑ์ ที่มีการให้คะแนนน้ีได้ถูกจัดทาข้ึนตามกรอบระเบียบ และหลักเกณฑ์ท่ีผ่านการเห็นชอบ จาก ก.บ.ภ. / ก.น.จ. มาโดยตรงอยแู่ ล้ว ทั้งนี้ในการให้คะแนนในแต่ละระดับนั้น ควรจะต้องมีการตรวจสอบเพ่ือให้แน่ใจได้ว่ารายละเอียด เนอื้ หา มีความสอดคลอ้ งกับคะแนนในแต่ละระดับดว้ ย ชว่ งเวลาการประเมิน (สาหรับแผนพฒั นาจังหวัด และกลุม่ จงั หวัด พ.ศ. 2566 – 2570) ช่วงต้น-กลางปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 (ควรใช้เปน็ Check List ในการจัดทาแผน) 30
รายงานชุดองค์ความรู้ คูม่ ือแบบประเมินคณุ ภาพแผนจังหวัดและกลุ่มจงั หวดั เกณฑ์การให้คะแนน 1) มิตคิ วำมครบถ้วน : หัวข้อและเครอื่ งมอื ท่ี ช้ตำมหลักเกณฑ์ / ระเบยี บ3 ระดับ คะแนน ประเด็นกำรประเมนิ 1 1 คะแนน - แผนพฒั นาฯ ทจ่ี ัดทามีการดาเนนิ ตามนโยบาย หลักเกณฑ์ และวธิ ีการจัดทาแผนของจังหวดั และ กลมุ่ จังหวดั พ.ศ. 2561 – 2565 (ฉบับทบทวน) ตามที่กาหนดโดยส่วน หญ่ 2 2 คะแนน - แผนพัฒนาฯ ทจ่ี ดั ทามกี ารดาเนนิ ตามนโยบาย หลกั เกณฑ์ และวิธกี ารจดั ทาแผนของจงั หวดั และ กลุ่มจงั หวัด พ.ศ. 2561 – 2565 (ฉบบั ทบทวน) ตามทก่ี าหนดอย่างครบถ้วนทงั้ หมด - แผนพัฒนาฯที่จดั ทาครอบคลมุ ตามหวั ข้อหลกั ตามองค์ประกอบของแผนพฒั นาตามท่ีกาหนด 3 3 คะแนน - แผนพัฒนาฯ ทจ่ี ดั ทามีการดาเนินตามนโยบาย หลกั เกณฑ์ และวธิ กี ารจดั ทาแผนของจังหวดั และ กลุม่ จังหวดั พ.ศ. 2561 – 2565 (ฉบบั ทบทวน) ตามทกี่ าหนดอยา่ งครบถว้ นท้งั หมด - แผนพัฒนาฯทจ่ี ัดทาครอบคลมุ ตามหัวขอ้ หลกั และหวั ขอ้ ยอ่ ยตามองคป์ ระกอบของแผนพัฒนา ตามท่กี าหนด พร้อมกบั มขี อ้ มูลปจจุบนั ทส่ี ามารถแสดงศกั ยภาพในแตล่ ะหัวขอ้ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม - มีการนาเคร่ืองมือ นกำรวิเครำะหเ์ ขา้ มาประกอบการจดั ทาแผนพฒั นาฯ 4 4 คะแนน - แผนพฒั นาฯ ท่ีจดั ทามกี ารดาเนินตามนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธกี ารจัดทาแผนของจังหวัดและ กลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2561 – 2565 (ฉบบั ทบทวน) ตามทก่ี าหนดอยา่ งครบถว้ นทงั้ หมด - แผนพัฒนาฯทจ่ี ัดทาครอบคลมุ ตามหัวขอ้ หลกั และหวั ขอ้ ยอ่ ยตามองค์ประกอบของแผนพฒั นา ตามที่กาหนด มีข้อมลู ปจั จุบนั และขอ้ มลู เชงิ อนกุ รมยอ้ นหลงั 3 ปี พร้อมคำอธิบำยที่สามารถ แสดงศกั ยภาพไดอ้ ยา่ งชัดเจน - มีการนาเคร่อื งมือในการวเิ คราะหเ์ ข้ามาประกอบการจดั ทาแผนพัฒนาฯพรอ้ มคำอธบิ ำยประกอบ 5 5 คะแนน - แผนพัฒนาฯ ทจี่ ดั ทามกี ารดาเนินตามนโยบาย หลกั เกณฑ์ และวธิ ีการจัดทาแผนของจังหวดั และ กลมุ่ จงั หวัด พ.ศ. 2561 – 2565 (ฉบบั ทบทวน) ตามที่กาหนดอยา่ งครบถ้วนทัง้ หมด - แผนพฒั นาฯทจ่ี ดั ทาครอบคลมุ ตามหวั ข้อหลกั และหัวข้อย่อยตามองคป์ ระกอบของแผนพัฒนา ตามที่กาหนดได้อยำ่ งครบถว้ น มขี อ้ มลู ปัจจบุ นั และข้อมลู เชิงอนกุ รมยอ้ นหลงั 3 ปี โดยมี คาอธบิ ายท่สี ามารถแสดงศักยภาพไดอ้ ย่างชัดเจน พร้อมกบั มีกำรระบถุ ึงกระบวนกำรทไ่ี ด้มำของ ข้อมลู แตล่ ะส่วนอยำ่ งชัดเจน - มกี ารนาเครอ่ื งมือในการวิเคราะหเ์ ข้ามาประกอบการจดั ทาแผนพัฒนาฯ พรอ้ มคำอธบิ ำยทช่ี ัดเจน และสำมำรถวเิ ครำะห์เชือ่ มโยงกบั ประเด็นกำรพฒั นำได้ เงื่อนไข: ปรับลดคะแนนเชิงคุณภาพหากเนื้อหาแผนพัฒนาฯ ท่ีจัดทาไว้ ยังไม่ครบถ้วน ถูกต้องตามท่ีระบุไว้ในเกณฑ์แต่ละ ประเด็น โดยให้ปรับลดคะแนนลง ประเด็นละ 0.5 คะแนน ทั้งน้ีเพื่อให้เกิดการค้นพบและแจ้งเตือนให้มกี ารนาประเดน็ ท่ีพบว่า ยงั ไม่ครบถว้ นนน้ั ไปแกไ้ ขและปรับปรงุ ให้มคี วามครบถว้ น ถกู ตอ้ งและเชอ่ื ถอื ไดอ้ ย่างทนั ทว่ งทตี ่อไป 2) มติ ิควำมครบถ้วน : กำรวิเครำะห์สภำพแวดล้อม ปญหำ และควำมต้องกำร 3 อ้างอิงตามนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดทาแผนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2561 – 2565 (ฉบับทบทวน) ตามมติท่ีประชุมของ คณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) และคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ครัง้ ที่ 1/2564 เมื่อวนั ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2564 ดังท่ปี รากฏในภาคผนวก ข และภาคผนวก ค 31
รายงานชุดองคค์ วามรู้ คูม่ ือแบบประเมินคุณภาพแผนจังหวดั และกลมุ่ จังหวดั หลักการ นโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดทาแผนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2561 – 2565 (ฉบับทบทวน) ตามมติท่ีประชุมของคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) และคณะกรรมการนโยบาย การบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) คร้ังท่ี 1/2564 เม่ือวันท่ี 3 มีนาคม พ.ศ. 2564 ที่สาคัญส่วนหน่ึงคือการระบุข้อมูลสาคัญท่ีสะท้อนถึงสภาพแวดล้อมของพ้ืนที่ ซ่ึงรวมถึงการระบุปัญหาและ ความต้องการของพ้ืนที่ ดังน้ันการประเมินในส่วนน้ีจึงมุ่งเน้นไปที่การระบุข้อมูลพื้นฐานท่ีสามารถนามาวิเคราะห์ให้เห็นถึง สภาพแวดล้อมของพ้ืนที่ในมิติต่าง ๆ ตลอดจนกระบวนการค้นหาปัญหา และความต้องการที่มาจากประชาชน อย่างแทจ้ ริง โดยจะตอ้ งมีการนามาวิเคราะห์และจัดลาดับความสาคัญร่วมกันเพ่ือใหช้ ้ีให้เห็นถึงประเด็นเร่งด่วน ของพ้นื ทไ่ี ด้ วธิ ีการประเมิน ผู้ประเมินสามารถนาหัวข้อ เน้ือหา และข้อมูลของแผนพัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัดท่ีจัดทาข้ึนมา ตามนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดทาแผนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2561 – 2565 (ฉบับทบทวน) ดังกล่าวมาเทียบเกณฑ์การให้คะแนนคุณภาพนี้ได้เลย เนื่องจากเกณฑ์ท่ีมีการให้คะแนนน้ีได้ถูกจัดทาข้ึนตาม กรอบระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่ผา่ นการเหน็ ชอบ จากท่ีประชุม ก.บ.ภ. และ ก.น.จ. มาโดยตรงอยแู่ ลว้ ทั้งนี้ในการให้คะแนนในแต่ละระดับน้ัน ควรจะต้องมีการตรวจสอบเพ่ือให้แน่ใจได้ว่ารายละเอียด เนอื้ หา มคี วามสอดคลอ้ งกบั คะแนนในแตล่ ะระดับดว้ ย ช่วงเวลาการประเมนิ (สาหรบั แผนพัฒนาจังหวดั และกล่มุ จงั หวัด พ.ศ. 2566 – 2570) ชว่ งต้น-กลางปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 (ควรใช้เป็น Check List ในการจัดทาแผน) เกณฑ์การให้คะแนน 2) มิตคิ วำมครบถ้วน : กำรวิเครำะหส์ ภำพแวดล้อม ปญหำ และควำมต้องกำร4 ระดับ คะแนน ประเดน็ กำรประเมิน 1 1 คะแนน - มกี ารระบุปญหำ ควำมตอ้ งกำร นภำพรวมของจงั หวัด หรอื ปัญหา ความต้องการรว่ มของ จงั หวัดภายในกลมุ่ จังหวัด 2 2 คะแนน - มีการระบปุ ัญหา ความตอ้ งการในภาพรวมของจังหวดั หรือปญั หา ความตอ้ งการรว่ มของจงั หวดั ภายในกลุม่ จงั หวดั และแบง่ เป็นรำยพ้นื ที่ได้ (อาเภอสาหรับแผนจงั หวดั และ จงั หวัดสาหรบั แผนกลุ่มจงั หวดั ) 4 อ้างอิงตามนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดทาแผนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2561 – 2565 (ฉบับทบทวน) ตามมติที่ประชุมของ คณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) และคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ครง้ั ท่ี 1/2564 เมอ่ื วนั ท่ี 3 มีนาคม พ.ศ. 2564 ดงั ทีป่ รากฏในภาคผนวก ข และภาคผนวก ค 32
รายงานชุดองค์ความรู้ คู่มอื แบบประเมินคณุ ภาพแผนจงั หวดั และกล่มุ จังหวดั 2) มติ ิควำมครบถ้วน : กำรวิเครำะหส์ ภำพแวดล้อม ปญหำ และควำมต้องกำร4 ระดบั คะแนน ประเด็นกำรประเมนิ - มกี ารระบุประเด็นสภำพแวดลอ้ มที่สำคญั ของพ้นื ที่ นภำพรวมได้ 3 3 คะแนน - มกี ารระบปุ ญั หา ความต้องการในภาพรวมของจงั หวดั หรอื ปญั หา ความตอ้ งการร่วมของจงั หวดั ภายในกลุม่ จังหวัด และแบง่ เป็นรายพน้ื ท่ไี ด้ (อาเภอสาหรบั แผนจงั หวัด และ จงั หวัดสาหรับแผนก ล่มุ จงั หวดั ) โดยมกี ำรจดั ลำดับควำมสำคัญของปญหำ หรือควำมต้องกำรได้ - มกี ารระบุประเดน็ สภาพแวดลอ้ มทีส่ าคัญของพน้ื ท่ี นเชงิ ของประเดน็ สำคญั อำทิ เศรษฐกิจ สังคม ส่งิ แวดล้อม ควำมม่ังคง เปน็ ต้น โดยที่สำมำรถระบพุ ืน้ ท่สี ำคญั ได้ 4 4 คะแนน - มีการระบปุ ัญหา ความต้องการในภาพรวมของจังหวัด หรือปญั หา ความตอ้ งการร่วมของจงั หวัด ภายในกลมุ่ จังหวดั และแบ่งเป็นรายพ้ืนทไ่ี ด้ (อาเภอสาหรบั แผนจงั หวัด และ จงั หวดั สาหรบั แผนกลมุ่ จังหวดั ) มีการลาดบั ความสาคญั ของปญั หา หรอื ความตอ้ งการได้ โดยมีกำรนำเสนอ กระบวนกำร นกำรรวบรวมข้อมลู ปญหำ ควำมต้องกำรดังกลำ่ ว - มีการระบปุ ระเด็นสภาพแวดลอ้ มทส่ี าคญั ของพน้ื ท่ีในเชงิ ของประเดน็ สาคัญ อาทิ เศรษฐกิจ สงั คม ส่ิงแวดลอ้ ม ความมง่ั คง เปน็ ต้น โดยทสี่ ามารถระบุพน้ื ทส่ี าคญั ได้ โดยมีกำรอ้ำงองิ และ วิเครำะหจ์ ำกขอ้ มูลกำรพฒั นำ นสว่ นตำ่ ง ๆ 5 5 คะแนน - มีการระบปุ ัญหา ความตอ้ งการในภาพรวมของจงั หวดั หรอื ปญั หา ความตอ้ งการรว่ มของจงั หวัด ภายในกลมุ่ จงั หวดั และแบ่งเปน็ รายพ้ืนที่ได้ (อาเภอสาหรับแผนจงั หวดั และ จังหวัดสาหรบั แผนกลุ่มจงั หวัด) มกี ารลาดับความสาคญั ของปัญหา หรือความตอ้ งการได้ โดยมกี ารนาเสนอ กระบวนการในการรวบรวมข้อมลู ปัญหา ความตอ้ งการที่เกดิ จำกกระบวนกำรกำรมีส่วนรว่ ม ของประชำชน นพ้ืนท่ี - มีการระบปุ ระเด็นสภาพแวดลอ้ มท่สี าคัญของพ้ืนที่ในเชิงของประเดน็ สาคัญ อาทิ เศรษฐกิจ สงั คม สงิ่ แวดลอ้ ม ความมั่งคง เปน็ ต้น โดยทส่ี ามารถระบุพื้นทส่ี าคญั ได้ โดยมกี ารอา้ งอิง และ วเิ คราะหจ์ ากข้อมูลการพัฒนาในสว่ นต่าง ๆ - มีกำรนำประเดน็ สภำพแวดล้อม ปญหำ และควำมต้องกำรทีส่ ำคญั ท้งั หมดมำจดั ลำดบั ควำมสำคัญ นภำพรวม เงื่อนไข: ปรับลดคะแนนเชิงคุณภาพหากเน้ือหาแผนพัฒนาฯท่ีจัดทาไว้ ยังไม่ครบถ้วน ถูกต้องตามท่ีระบุไว้ในเกณฑ์แต่ละ ประเด็น โดยให้ปรบั ลดคะแนนลง ประเด็นละ 0.5 คะแนน ทั้งน้ีเพ่ือให้เกิดการค้นพบและแจ้งเตือนให้มกี ารนาประเด็นที่พบว่า ยังไมค่ รบถว้ นนน้ั ไปแก้ไขและปรับปรงุ ให้มีความครบถ้วน ถกู ตอ้ งและเชื่อถอื ไดอ้ ยา่ งทนั ทว่ งทตี อ่ ไป 33
รายงานชดุ องค์ความรู้ คมู่ ือแบบประเมนิ คณุ ภาพแผนจงั หวดั และกลุ่มจงั หวดั 3) มิตคิ ณุ ภำพ : ควำมเชอื่ มโยงของนโยบำย และกำรตอบสนองต่อปญหำ / ควำมตอ้ งกำร หลกั การ แผนพัฒนาเชิงพื้นที่ท่ีมีคุณภาพน้ัน นอกจากท่ีจะต้องสามารถเชื่อมโยงกับนโยบายของประเทศ หรือ นโยบายสาคัญในดา้ นตา่ ง ๆ ได้แล้ว ยงั จะต้องสามารถตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการของพน้ื ทไี่ ด้ด้วย ดังนั้น การประเมินคุณภาพแผนในส่วนน้จี ึงจะเนน้ ไปที่การใหค้ วามสาคัญกับการทบทวนและวิเคราะห์ นัยท่ีส่งต่อการพัฒนาเชิงในแต่ละระดับ ต้ังแต่ยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายหรือแผนระดับประเทศ ระดับภูมิภาค (หรือกลุ่มจังหวัด) ตลอดจนแผนแม่บท แผนปฏิบัติการด้าน… หรือแผนอ่ืน ๆ ท่ีสาคัญ อาทิ แผนที่เกี่ยวข้องกับ การพัฒนาพ้ืนท่ีพิเศษ / EEC /SEZ / พ้ืนท่ีเขตพัฒนาการท่องเท่ียว / เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เป็นต้น ตอ่ การพัฒนาเชงิ พืน้ ที่ การประเมินขีดความสามารถในการวิเคราะห์ประเด็นความเชื่อมโยงท่ีสาคัญของนโยบาย และแผนแต่ละ ระดับ รวมถึงประเด็นการตอบสนองต่อปัญหา และความความต้องการในพื้นที่ต่าง ๆ ผ่านการวิเคราะห์ ศกั ยภาพของพ้ืนท่ี อันจะนามาสแู่ ผนงานและโครงการตา่ ง ๆ ท่ีเหมาะสมตอ่ บรบิ ทของพ้นื ท่ตี ่อไปได้ วธิ ีการประเมนิ ผู้ประเมินสามารถนาหัวข้อ เน้ือหา และข้อมูลของแผนพัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัดท่ีจัดทาขึ้นมา มาเทยี บเกณฑ์การให้คะแนนคณุ ภาพนี้ในแต่ละระดบั คะแนนได้โดยตรง โดยในการใหค้ ะแนนในแต่ละระดับน้ัน ควรจะตอ้ งมกี ารตรวจสอบเพ่ือให้แน่ใจได้วา่ รายละเอยี ดเน้ือหา และการวเิ คราะห์มีความสอดคลอ้ งกับคะแนนในแตล่ ะระดบั ดว้ ย ท้ังน้ี ผู้ที่จัดทาแผนยังสามารถนาเกณฑ์คะแนนเหล่าน้ี มาเป็นแนวทางในการวิเคราะห์ และจัดทา รายละเอียดแผนพัฒนาฯได้อีกดว้ ย ชว่ งเวลาการประเมนิ (สาหรบั แผนพัฒนาจงั หวดั และกลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2566 – 2570) ช่วงต้น-กลางปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 (ควรใช้เป็น Check List ในการจัดทาแผน) เกณฑ์การให้คะแนน 3) มิติคณุ ภำพ : ควำมเช่อื มโยงของนโยบำย และกำรตอบสนองต่อปญหำ / ควำมต้องกำร ระดบั คะแนน ประเด็นกำรประเมิน 1 1 คะแนน - มกี ารทบทวนนโยบำย และยทุ ธศำสตร์สาคญั ต่างๆ 2 2 คะแนน - มีการทบทวนนโยบาย และยทุ ธศาสตรส์ าคญั โดยมกี ำรระบแุ ผนแตล่ ะระดบั ตั้งแต่ยทุ ธศำสตร์ ชำติ นโยบำยหรอื แผนระดับประเทศ ระดบั ภูมิภำค (หรือกลมุ่ จังหวัด) ตลอดจนแผนแมบ่ ท แผนปฏบิ ตั ิกำรด้ำน… หรอื แผนอ่นื ๆ ท่ีสำคัญ - นกำรจดั ทำประเดน็ กำรพัฒนำมอี ำ้ งระบุถึงปญหำ ควำมตอ้ งกำรท่ีสำคญั นพน้ื ที่ (แตย่ งั ไม่มี กำรนำมำประมวลวเิ ครำะห์) 34
รายงานชุดองค์ความรู้ คมู่ อื แบบประเมนิ คณุ ภาพแผนจังหวดั และกล่มุ จงั หวดั 3) มิติคุณภำพ : ควำมเช่ือมโยงของนโยบำย และกำรตอบสนองต่อปญหำ / ควำมต้องกำร ระดับ คะแนน ประเดน็ กำรประเมิน 3 3 คะแนน - มกี ารทบทวนนโยบาย และยทุ ธศาสตรส์ าคญั โดยมีการระบแุ ผนแตล่ ะระดับ ต้งั แต่ยทุ ธศาสตร์ ชาติ นโยบายหรอื แผนระดบั ประเทศ ระดับภมู ภิ าค (หรอื กลุ่มจังหวัด) ตลอดจนแผนแมบ่ ท แผนปฏิบตั กิ ารดา้ น… หรือแผนอน่ื ๆ ท่สี าคญั พร้อมกบั มกี ำรวิเครำะห์นัยสำคัญตอ่ กำรพฒั นำ เชงิ พ้นื ท่ที เี่ กย่ี วข้องออกมำด้วย - นกำรจัดทำประเดน็ กำรพฒั นำมกี ำรนำประเด็นปญหำ ควำมต้องกำรที่สำคญั มำร่วม วเิ ครำะหศ์ ักยภำพของพน้ื ที่ นมติ ิต่ำง ๆ ด้วย 4 4 คะแนน - มกี ารทบทวนนโยบาย และยุทธศาสตรส์ าคญั โดยมีการระบตุ ั้งแต่ยทุ ธศาสตร์ชาติ นโยบายหรือ แผนระดบั ประเทศ ระดับภมู ิภาค (หรือกลมุ่ จงั หวดั ) ตลอดจนแผนแมบ่ ท แผนปฏบิ ตั กิ ารดา้ น… หรือแผนอน่ื ๆ ที่สาคญั มีการวเิ คราะห์นัยสาคญั ต่อการพฒั นาเชงิ พื้นท่ที ี่เกย่ี วขอ้ งออกมา พรอ้ ม กับนำประเดน็ เหล่ำนไ้ี ปวิเครำะห์ร่วมกับกำรวเิ ครำะหศ์ ักยภำพ นด้ำนอนื่ ๆ ท่ีสำคัญของ พนื้ ท่ี - นกำรจดั ทำประเดน็ กำรพฒั นำมีการนาประเดน็ ปญั หา ความตอ้ งการท่ีสาคญั มารว่ มวิเคราะห์ ศกั ยภาพของพื้นท่ใี นมิตติ า่ ง ๆ โดยมกี ำรระบุแนวทำงกำรพัฒนำ แผนงำนหรือโครงกำรที่ สำคัญทีต่ อบสนองต่อปญหำควำมต้องกำร นพืน้ ท่ีอยู่ดว้ ย 5 5 คะแนน - มีการทบทวนนโยบาย และยุทธศาสตรส์ าคญั ตงั้ แต่ยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายหรอื แผน ระดับประเทศ ระดับภมู ภิ าค (หรอื กลุม่ จังหวัด) ตลอดจนแผนแมบ่ ท แผนปฏิบัติการด้าน… หรือ แผนอืน่ ๆ ทส่ี าคญั มีการวิเคราะห์นัยสาคญั ตอ่ การพัฒนาเชงิ พน้ื ท่ีท่ีเก่ยี วข้องออกมา และนา ประเดน็ เหล่าน้ไี ปวเิ คราะหร์ ว่ มกบั การวิเคราะหศ์ ักยภาพในด้านอ่นื ๆ ท่สี าคัญของพื้นท่ี พรอ้ ม กบั มแี นวทำงกำรพฒั นำ แผนงำนหรอื โครงกำรท่สี ะท้อนกับประเดน็ นโยบำย หรอื ยทุ ธศำสตร์ ที่วเิ ครำะห์ออกมำ - นกำรจัดทำประเดน็ กำรพัฒนำมกี ารนาประเดน็ ปญั หา ความต้องการทสี่ าคญั มาร่วมวิเคราะห์ ศกั ยภาพของพนื้ ทใ่ี นมติ ติ ่าง ๆ โดยมีกำรระบแุ นวทำงกำรพัฒนำ แผนงำนหรอื โครงกำร ตลอดจนกำหนดเปน็ ตวั ชว้ี ัดที่สำคัญของแผนพฒั นำทต่ี อบสนองตอ่ ปญหำ ควำมตอ้ งกำร น พืน้ ทอ่ี ย่ดู ้วย เง่ือนไข: ปรับลดคะแนนเชิงคุณภาพหากเนื้อหาแผนพัฒนาฯท่ีจัดทาไว้ ยังไม่ครบถ้วน ถูกต้องตามท่ีระบุไว้ในเกณฑ์แต่ละ ประเด็น โดยให้ปรับลดคะแนนลง ประเดน็ ละ 0.5 คะแนน ทั้งนี้เพ่ือให้เกิดการคน้ พบและแจ้งเตอื นให้มกี ารนาประเดน็ ที่พบวา่ ยงั ไม่ครบถว้ นน้ันไปแกไ้ ขและปรบั ปรงุ ให้มีความครบถ้วน ถกู ต้องและเช่ือถอื ไดอ้ ยา่ งทนั ท่วงทตี ่อไป 35
รายงานชุดองค์ความรู้ คูม่ อื แบบประเมนิ คุณภาพแผนจังหวัดและกล่มุ จังหวดั 4) มติ ิคณุ ภำพ : กำรกำหนดทิศทำง เปำ้ หมำย และควำมเช่ือมโยงของยุทธศำสตร์ หลกั การ แผนยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมควรจะต้องมีความเชื่อมโยง เห็นที่มาท่ีไปของทิศทางการทางานในส่วนต่าง ๆ อย่างชดั เจน ดงั นนั้ การประเมินในส่วนนี้ จะเนน้ ไปทีก่ ารเชื่อมโยงของข้อมูลจากสว่ นต่าง ๆ จนนามาสู่การพฒั นาเปน็ ทิศทาง เป้าหมาย และรายละเอียดของแผนยุทธศาสตร์ทั้งหมด โดยแนวทางท่ีเหมาะสมน้ัน นอกจากจะต้องมี องค์ประกอบของแผนยุทธศาสตร์แล้ว ในส่วนของรายละเอียดของแผนก็จะต้องเชื่อมโยงกับการวิเคราะห์ ศักยภาพของพ้ืนท่ี โดยท่ีแผนงานโครงการต่าง ๆ ท่ีกาหนดขึ้นมา จะต้องสามารถช้ีนามาสู่เป้าประสงค์ และ ทิศทางของแผนพัฒนาไดอ้ ย่างเหมาะสม และไปในทศิ ทาเดยี วกนั ท้งั หมดได้ วธิ ีการประเมิน ผู้ประเมินสามารถนาหัวข้อ เน้ือหา และข้อมูลของแผนพัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัดที่จัดทาข้ึนมา มาเทียบเกณฑ์การให้คะแนนคุณภาพน้ใี นแตล่ ะระดบั คะแนนไดโ้ ดยตรง โดยในการใหค้ ะแนนในแต่ละระดับน้ัน ควรจะต้องมกี ารตรวจสอบเพ่ือให้แน่ใจได้วา่ รายละเอยี ดเน้ือหา และการวเิ คราะห์มคี วามสอดคล้องกบั คะแนนในแต่ละระดับด้วย ท้ังน้ี ผู้ที่จัดทาแผนยังสามารถนาเกณฑ์คะแนนเหล่านี้ มาเป็นแนวทางในการวิเคราะห์ และจัดทา รายละเอียดแผนพัฒนาฯได้อกี ด้วย ชว่ งเวลาการประเมิน (สาหรบั แผนพัฒนาจงั หวัด และกลมุ่ จังหวัด พ.ศ. 2566 – 2570) ช่วงต้น-กลางปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 (ควรใชเ้ ป็น Check List ในการจัดทาแผน) เกณฑ์การให้คะแนน 4) มิติคุณภำพ : กำรกำหนดทศิ ทำง เป้ำหมำย และควำมเชอ่ื มโยงของยุทธศำสตร์ ระดบั คะแนน ประเด็นกำรประเมนิ 1 1 คะแนน - มีกำรระบุรำยละเอยี ดของยทุ ธศำสตรต์ ำมองค์ประกอบของประเดน็ การพฒั นา วัตถุประสงค์ ไดอ้ ยา่ งครบถว้ น 2 2 คะแนน - มีการระบุรายละเอยี ดของยุทธศาสตรต์ ามองคป์ ระกอบของประเดน็ การพัฒนา วัตถุประสงค์ ของประเดน็ การพฒั นาได้อยา่ งครบถ้วน และมีควำมเชอื่ มโยงกนั - ประเด็นกำรพัฒนำและแนวทำงกำรพัฒนำมคี วำมเชอื่ มโยงกับประเดน็ สภำพแวดลอ้ ม สำคัญของพ้ืนทีท่ มี่ กี ำรจัดลำดับควำมสำคัญไว้แล้ว 3 3 คะแนน - มีการระบุรายละเอยี ดของยุทธศาสตรต์ ามองค์ประกอบของประเดน็ การพฒั นา วตั ถุประสงค์ ของประเด็นการพัฒนาไดอ้ ยา่ งครบถ้วน และมีความเช่อื มโยงกนั - ประเดน็ กำรพฒั นำ และแนวทำงกำรพัฒนำมคี วำมเช่ือมโยงกับผลกำรวเิ ครำะหศ์ กั ยภำพ และประเด็นสำคญั ของพ้ืนทีท่ ม่ี กี ำรจัดลำดับควำมสำคญั ไว้ 36
รายงานชุดองค์ความรู้ คมู่ ือแบบประเมินคุณภาพแผนจังหวดั และกลมุ่ จงั หวดั 4) มติ ิคณุ ภำพ : กำรกำหนดทิศทำง เปำ้ หมำย และควำมเชอื่ มโยงของยุทธศำสตร์ ระดับ คะแนน ประเด็นกำรประเมนิ - ตัวชี้วัดวัตถุประสงค์รำยประเด็นกำรพัฒนำสอดคล้องและมีควำมเชื่อมโยงกับเป้ำหมำย กำรพัฒนำ นภำพรวมของจงั หวัดด้วย 4 4 คะแนน - มีการระบุรายละเอียดของยุทธศาสตร์ตามองค์ประกอบของประเด็นการพัฒนา วัตถุประสงค์ ของประเด็นการพัฒนาได้อยา่ งครบถ้วน และมคี วามเชื่อมโยงกนั - ประเด็นการพัฒนา และแนวทางการพัฒนามีความเชื่อมโยงกับผลการวิเคราะห์ศักยภาพ และประเด็นสาคญั ของพ้ืนท่ที ่ีมีการจัดลาดบั ความสาคญั ไว้ - ตัวช้ีวัดวัตถุประสงค์รายประเด็นการพัฒนาสอดคล้องและมีความเชื่อมโยงกับเป้าหมาย การพัฒนาในภาพรวมของจังหวัด - โครงกำรสำคัญและตัวชี้วัดโครงกำรที่สำคัญก็จะต้องสอดคล้องกับตัวช้ีวัดของประเด็น กำรพัฒนำด้วย 5 5 คะแนน - มีการระบุรายละเอียดของยุทธศาสตร์ตามองค์ประกอบของประเด็นการพัฒนา วัตถุประสงค์ ของประเดน็ การพัฒนาได้อยา่ งครบถ้วน และมีความเชอื่ มโยงกนั - ประเด็นการพัฒนา และแนวทางการพัฒนามีความเช่ือมโยงกับผลการวิเคราะห์ศักยภาพและ ประเดน็ สาคัญของพนื้ ท่ีทมี่ กี ารจัดลาดับความสาคญั ไว้ - ตัวช้ีวัดวัตถุประสงค์รายประเด็นการพัฒนาสอดคล้องและเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาใน ภาพรวมของจงั หวัด - รำยละเอียดท้ัง นส่วนโครงกำร และกิจกรรมต้องเชื่อมโยงกันท้ังหมด (โครงกำรสำคัญและ ตัวช้ีวัดโครงกำรท่ีสำคัญก็จะต้องสอดคล้องกับตัวชี้วัดของประเด็นกำรพัฒนำ / กิจกรรม สำคัญ ภำย ต้โครงกำรจะต้องสะท้อนตัวชี้วัดโครงกำรท่ีสำคัญ และเช่ือมโยงกับตัวชี้วัด ประเดน็ กำรพัฒนำ) เงื่อนไข: ปรับลดคะแนนเชิงคุณภาพหากเนื้อหาแผนพัฒนาฯ ที่จัดทาไว้ ยังไม่ครบถ้วน ถูกต้องตามท่ีระบุไว้ในเกณฑ์แต่ละ ประเด็น โดยให้ปรบั ลดคะแนนลง ประเด็นละ 0.5 คะแนน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการค้นพบและแจ้งเตอื นให้มกี ารนาประเด็นท่ีพบวา่ ยงั ไม่ครบถ้วนนัน้ ไปแก้ไขและปรับปรุงใหม้ ีความครบถว้ น ถกู ตอ้ งและเช่อื ถือได้อย่างทันท่วงทีต่อไป ผลกำรประเมินคะแนนคุณภำพแผนพัฒนำจังหวัด / กลุ่มจังหวัด นภำพรวม นส่วนของก่อน กำรดำเนินงำน (Ex-ante) จากเกณฑ์การประเมินคุณภาพแผนในส่วนของก่อนการดาเนินงาน (Ex-ante) ข้างต้น คณะท่ีปรึกษา จึงได้จดั ทาเกณฑใ์ นการรวมคะแนน เพื่อใชเ้ ป็นกรอบในการวเิ คราะห์และพิจารณาคุณภาพแผนพัฒนาจงั หวัด / กลุ่มจังหวัด ก่อนการดาเนินงานในภาพรวมในแต่ลช่วงคะแนน ซึ่งผู้ประเมินสามารถใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา ตอ่ ไปได้ โดยมรี ายละเอยี ด ดังนี้ 37
รายงานชุดองค์ความรู้ คมู่ อื แบบประเมนิ คณุ ภาพแผนจงั หวัดและกลมุ่ จงั หวดั ตำรำงที่ 4-2: ผลการประเมินคุณภาพแผนพัฒนาจังหวัด/ กลุ่มจังหวัดในภาพรวมจาก 4 มิติ ในช่วงก่อน การดาเนินการ (Ex-ante) ผลกำรประเมินคุณภำพแผน นภำพรวมจำก 4 มิติ – ก่อนกำรดำเนินงำน (Ex-ante) คะแนน 1) มิตคิ วามครบถ้วน : หัวข้อและเครื่องมือทีใ่ ชต้ ามหลกั เกณฑ์ / ระเบยี บ 5 2) มิติความครบถ้วน : การวเิ คราะห์สภาพแวดล้อม ปัญหา และความต้องการ 5 3) มติ ิคุณภาพ : ความเช่อื มโยงของนโยบาย และการตอบสนองตอ่ ปัญหา / ความต้องการ 5 4) มิตคิ ุณภาพ : การกาหนดทิศทาง เปา้ หมาย และความเชอื่ มโยงของยุทธศาสตร์ 5 รวม 20 38
รายงานชดุ องค์ความรู้ คู่มอื แบบประเมินคุณภาพแผนจังหวัดและกลมุ่ จงั หวดั ตำรำงที่ 4-3: แสดงชว่ งคะแนนและผลประเมินคุณภาพแผนพัฒนาจงั หวดั / กลมุ่ จังหวดั ในภาพรวมจาก 4 มติ ิ ในชว่ ง กอ่ นการดาเนินการ (Ex-ante) ชว่ งคะแนนรวม ผลกำรประเมินคณุ ภำพแผน นภำพรวมจำก 4 มติ ิ นแต่ละช่วงคะแนน คะแนนน้อยกวำ่ แผนพัฒนาท่ีจัดทาขึ้นมีองค์ประกอบ และหัวข้อหลักตามระเบียบที่กาหนด โดยมีการระบุปญั หา หรือเท่ำกับ 4.99 ความต้องการของพ้ืนท่ีในภาพรวม ตลอดจนมีการทบทวนนโยบายท่ีสาคัญต่าง ๆ พร้อมกับ สามารถระบรุ ายละเอยี ดและองคป์ ระกอบของยทุ ธศาสตรต์ ามท่กี าหนดมาได้ คะแนน คะแนนระหวำ่ ง แผนพัฒนาที่จัดทาข้ึนมีองค์ประกอบ และหัวข้อหลักตามระเบียบที่กาหนดอย่างครบถ้วน โดย 5 – 8.99 คะแนน สามารถระบุสภาพแวดลอ้ ม ท้ังในเรื่องของปญั หา และความตอ้ งการเป็นรายพน้ื ท่ี ตลอดจนมีการ ทบทวนนโยบายและแผนท่ีสาคัญในแต่ละระดับได้อย่างชัดเจน ซึ่งนามาสู่การกาหนดรายละเอียด ของยทุ ธศาสตร์ทม่ี คี วามเชอื่ มโยงกับประเดน็ สภาพแวดลอ้ มสาคญั ของพืน้ ทีไ่ ด้ คะแนนระหว่ำง แผนพฒั นาทจ่ี ดั ทาขึ้นมีองค์ประกอบ และหัวข้อตามระเบยี บที่กาหนดอย่างครบถ้วน โดยมีขอ้ มูล 9 – 12.99 คะแนน ปัจจุบันที่สามารถสะท้อนสภาพแวดล้อมตามประเด็นต่างๆ มีการระบุปัญหา และความต้องการ เป็นรายพืน้ ท่ี ตลอดจนมีการทบทวนและวิเคราะห์ความเชือ่ มโยงของนโยบายและแผนทสี่ าคัญใน แต่ละระดับได้อย่างชัดเจน พร้อมกับการวิเคราะห์ศักยภาพของพ้ืนที่ในมิติต่าง ๆ ท่ีเช่ือมโยงไปสู่ ทิศทางและรายละเอยี ดของยุทธศาสตรข์ องพื้นที่ทมี่ คี วามชัดเจนได้ คะแนนระหวำ่ ง แผนพฒั นาทจี่ ัดทาขึ้นมีองค์ประกอบ และหวั ข้อตามระเบยี บที่กาหนดอย่างครบถ้วน โดยมีขอ้ มูล 13–16.99 คะแนน ท่ีสามารถสะท้อนสภาพแวดล้อมตามประเด็นต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม มีการนาเสนอข้อมูลและ วธิ ีการได้มาของปัญหา และความต้องการเป็นรายพ้ืนท่อี ยา่ งครบถ้วน ตลอดจนมกี ารทบทวนและ วเิ คราะห์ความเช่อื มโยงของนโยบายและแผนทส่ี าคัญในแต่ละระดบั ได้อยา่ งชัดเจน พร้อมกบั การ วิเคราะห์ศักยภาพของพื้นที่ในมิติต่าง ๆ ที่เช่ือมโยงไปสู่ทิศทางและรายละเอียดของยุทธศาสตร์ ของพ้ืนทีท่ มี่ คี วามชดั เจนและเชอ่ื มโยงถึงกนั ได้ คะแนนระหว่ำง แผนพฒั นาทจี่ ัดทาขึน้ มีองคป์ ระกอบ และหวั ขอ้ ตามระเบยี บท่ีกาหนดอยา่ งครบถ้วน โดยมขี ้อมูล 17 - 20 คะแนน และคาอธิบายท่ีสามารถสะท้อนสภาพแวดล้อมตามประเด็นต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม มีการ นาเสนอข้อมูลและวิธีการได้มาของปัญหา และความต้องการเป็นรายพ้ืนท่ีอย่างครบถ้วน ตลอดจนมกี ารทบทวนและวเิ คราะห์ความเช่อื มโยงของนโยบายและแผนที่สาคญั ในแตล่ ะระดบั ได้ อย่างชัดเจน พร้อมกับการวิเคราะห์ศักยภาพและการลาดับความสาคัญของพ้ืนท่ีในมิติต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงไปสู่ทิศทางและรายละเอียดของยุทธศาสตร์ของพื้นท่ีท่ีมีความชัดเจนและเช่ือมโยงถึง กันไดอ้ ยา่ งชัดเจน 39
รายงานชุดองค์ความรู้ คูม่ อื แบบประเมนิ คณุ ภาพแผนจงั หวัดและกลมุ่ จงั หวดั 4.3.2 กำรประเมนิ หลงั กำรดำเนินกำร (Ex-post) 5) กำรประเมินผลกำรดำเนนิ งำนของแผนพัฒนำ หลักการ การประเมินผลหลังจากท่ีปฏิบัติงานตามแผนพัฒนาจังหวัด / กลุ่มจังหวัดแล้วเสร็จ โดยจะเน้น การประเมินผลการดาเนินงานท่ีได้ เม่ือเทียบกับตัวชี้วัด (KPIs) ของแผน ทั้งในระดับวัตถุประสงค์ของประเด็น การพฒั นา และเป้าหมายการพฒั นาในภาพรวมของแผนพฒั นา ดงั แผนภาพท่ี 4-3 แผนภำพท่ี 4-3: หลักการในการประเมนิ ผลการดาเนนิ งานของแผนพัฒนาในชว่ งหลังการดาเนินการ (Ex-post) วิธีการประเมนิ นาผลการดาเนินงานท่ีได้มาเทียบกับเป้าหมายตัวชี้วัดที่กาหนดไว้ ทั้งในระดับประเด็นการพัฒนา และเป้าหมายของแผนในภาพรวม โดยจะประเมนิ ที่ร้อยละของความสาเร็จตามเปา้ หมายทวี่ างเอาไวเ้ ป็นสาคัญ ช่วงเวลาการประเมิน (สาหรับแผนพัฒนาจังหวดั และกลุ่มจังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 – 2570) ชว่ งตน้ -กลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2571 เกณฑ์การให้คะแนน 5) กำรประเมนิ ผลกำรดำเนินงำนของแผนพฒั นำ นชว่ งหลงั กำรดำเนินกำร (Ex-post) 5.1) ควำมสำมำรถบรรลุตำมตวั ชวี้ ดั เปำ้ หมำยกำรพฒั นำของแผนพฒั นำฯ ระดับ คะแนน ประเด็นกำรประเมนิ 1 1 คะแนน - สามารถบรรลุตามตัวชว้ี ัดเปา้ หมายการพฒั นาของแผนพัฒนาฯไดน้ อ้ ยกว่ำรอ้ ยละ 60 จำก เป้ำหมำยทีต่ ง้ั ไว้ 2 2 คะแนน - สามารถบรรลุตามตัวชี้วดั เปา้ หมายการพัฒนาของแผนพฒั นาฯได้ร้อยละ 60-69.99 จำก เปำ้ หมำยทีต่ งั้ ไว้ 3 3 คะแนน - สามารถบรรลุตามตัวชี้วดั เปา้ หมายการพฒั นาของแผนพฒั นาฯได้รอ้ ยละ 70-79.99 จำก เปำ้ หมำยทีต่ ้ังไว้ 40
รายงานชุดองค์ความรู้ คู่มือแบบประเมินคุณภาพแผนจังหวัดและกลมุ่ จงั หวดั 5) กำรประเมนิ ผลกำรดำเนนิ งำนของแผนพฒั นำ นชว่ งหลังกำรดำเนินกำร (Ex-post) 5.1) ควำมสำมำรถบรรลุตำมตัวช้วี ัดเป้ำหมำยกำรพัฒนำของแผนพัฒนำฯ 4 4 คะแนน - สามารถบรรลุตามตัวชวี้ ดั เปา้ หมายการพัฒนาของแผนพฒั นาฯไดร้ ้อยละ 80-89.99 จำก เป้ำหมำยที่ต้ังไว้ 5 5 คะแนน - สามารถบรรลุตามตัวชว้ี ัดเปา้ หมายการพฒั นาของแผนพัฒนาฯได้ร้อยละ 90-100 จำก เปำ้ หมำยทตี่ ้ังไว้ 5) กำรประเมนิ ผลกำรดำเนนิ งำนของแผนพฒั นำ นชว่ งหลังกำรดำเนินกำร (Ex-post) 5.2) ควำมสำมำรถบรรลุตำมตวั ชวี้ ดั วัตถปุ ระสงค์ของประเดน็ กำรพฒั นำ ระดบั คะแนน ประเด็นกำรประเมนิ 1 1 คะแนน - สามารถบรรลุตามตัวช้วี ัดวตั ถุประสงค์ของประเด็นการพัฒนาไดน้ ้อยกว่ำร้อยละ 60 จำกเป้ำหมำยทต่ี ัง้ ไว้ 2 2 คะแนน - สามารถบรรลุตามตวั ชว้ี ดั วตั ถปุ ระสงค์ของประเด็นการพฒั นาไดร้ อ้ ยละ 60-69.99 จำกเป้ำหมำยท่ตี ง้ั ไว้ 3 3 คะแนน สามารถบรรลุตามตวั ชว้ี ัดวัตถปุ ระสงค์ของประเดน็ การพฒั นาได้ร้อยละ 70-79.99 จำกเป้ำหมำยทต่ี ง้ั ไว้ 4 4 คะแนน สามารถบรรลุตามตัวชว้ี ดั วตั ถุประสงคข์ องประเดน็ การพฒั นาได้ร้อยละ 80-89.99 จำกเปำ้ หมำยทต่ี ้งั ไว้ 5 5 คะแนน - สามารถบรรลุตามตัวชี้วดั วตั ถุประสงคข์ องประเด็นการพฒั นาฯได้รอ้ ยละ 90-100 จำกเป้ำหมำยทตี่ ง้ั ไว้ ตำรำงท่ี 4-4: ผลการประเมนิ คณุ ภาพแผนพัฒนาจังหวดั / กล่มุ จังหวัดในภาพรวม ในช่วงหลังการดาเนนิ การ (Ex-post) ผลกำรประเมนิ คุณภำพแผน นภำพรวม นชว่ งหลงั กำรดำเนนิ กำร (Ex-post) คะแนน 5.1) ความสามารถบรรลุตามตวั ชี้วดั เป้ำหมำยกำรพฒั นำของแผนพัฒนาฯ 5 5.2) ความสามารถบรรลุตามตวั ช้วี ัดวตั ถปุ ระสงค์ของประเดน็ กำรพัฒนำ 5 รวม 10 41
รายงานชุดองคค์ วามรู้ คมู่ อื แบบประเมินคุณภาพแผนจงั หวัดและกลุ่มจังหวดั 4.4 ขอ้ เสนอแนะ แบบฟอรม์ และวิธีกำรประเมนิ คุณภำพแผนพฒั นำจังหวดั / กล่มุ จงั หวดั คณะท่ีปรึกษาได้จัดทาตัวอย่างการคานวณตามเกณฑ์ประเมินคุณภาพแผนจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ได้แก่ 1) ตัวอย่างการคานวณความสามารถบรรลุตามตัวชี้วัดเป้าหมายการพัฒนาของแผนพัฒนาฯ และ 2) ตัวอย่าง การคานวณความสามารถบรรลุตามตัวช้ีวัดวัตถุประสงค์ของประเด็นการพัฒนา โดยมีรายละเอียดในภาคผนวก จ นอกจากน้ีได้จัดทาแบบฟอร์มการประเมินคุณภาพแผนพัฒนาจังหวัด/ กลุ่มจังหวัด เพ่ือให้ผู้ประเมินได้ใช้ใน การตรวจสอบความครบถ้วน และใช้ประกอบการพิจารณาประเมินคุณภาพแผนพัฒนาจังหวัด /กลุ่มจังหวัด ตามเกณฑ์ที่นาเสนอไว้ใน 4.3 ดังกล่าวข้างต้น โดยมีแบบฟอร์มการประเมินทั้งมิติก่อนการดาเนินงาน (Ex-ante) และมิติหลงั การดาเนนิ งาน (Ex-post) ดังต่อไปน้ี 4.4.1 แบบฟอร์ม นกำรตรวจสอบควำมครบถ้วน ประกอบกำรพิจำรณำประเมินคณุ ภำพแผนพฒั นำ จงั หวัด/ กลมุ่ จังหวัด สำหรับมิตกิ อ่ นกำรดำเนินงำน (Ex-ante) มิติก่อนกำรดำเนินงำน (Ex-ante): ผู้ประเมินควรทาการประเมินเมื่อจัดทาแผนพัฒนาจังหวัด/ กล่มุ จังหวดั แล้วเสรจ็ กอ่ นทีจ่ ะมกี ารนาแผนดังกล่าวไปเริม่ ปฏิบัติงาน แนวทำงกำรประเมิน: ผู้ประเมินระบุคะแนนประเมินตนเองได้ประเด็นละ 1 คะแนน ในช่องผล การประเมินตนเองตามประเด็นพิจารณาย่อย โดยควรตรวจสอบและระบุคะแนนให้ครบตามประเด็นที่เปน็ จรงิ จากนั้นให้นาคะแนนข้างต้นมาคานวณรวมกันในทุกมิติ ซึ่งจะสามารถสะท้อนคุณภาพแผนตามเกณฑ์ที่กาหนด ไว้ได้ รายละเอียดแบบฟอรม์ ในตารางท่ี 4-5 ตำรำงที่ 4-5: แบบฟอร์มในการตรวจสอบและประเมินคุณภาพแผนพัฒนาจังหวดั / กลุ่มจงั หวดั สาหรับมติ ิก่อน การดาเนินงาน (Ex-ante) มติ ิ / ประเด็นกำรประเมนิ ตำมเกณฑ์ เกณฑ์ ผลกำร หมำยเหตุ คะแนน ประเมิน ตนเอง 1) มิติควำมครบถว้ น : หวั ขอ้ และเคร่อื งมือท่ี ชต้ ำมหลกั เกณฑ์ / ระเบยี บ ประเดน็ ท่ี 1 แผนพัฒนาฯที่จัดทามีการดาเนินตามนโยบาย หลักเกณฑ์ และวธิ ีการ 1 จัดทา แผนของจังหวัดและกลุ่มจังหวดั พ.ศ. 2561 – 2565 (ฉบับทบทวน) ตามทีก่ าหนดโดยส่วน หญ่ ประเดน็ ท่ี 2 แผนพฒั นาฯท่ีจัดทามกี ารดาเนินตามนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการ 1 จดั ทาแผนของจงั หวดั และกลมุ่ จงั หวดั พ.ศ. 2561 – 2565 (ฉบบั ทบทวน) อยำ่ งครบถว้ น และครอบคลมุ ตามหวั ข้อหลักตามองค์ประกอบของ แผนพัฒนาตามทีก่ าหนด ประเด็นที่ 3 แผนพัฒนาฯท่ีจัดทาครอบคลมุ ตามทรี่ ะบใุ นประเดน็ ที่ 2 ทัง้ หวั ข้อ 1 หลักและหวั ข้อย่อยตามองคป์ ระกอบของแผนพัฒนาตามท่ีกาหนด พรอ้ มกับมขี ้อมลู ปจจุบนั ที่สามารถแสดงศักยภาพในแตล่ ะหัวขอ้ ไดอ้ ยา่ ง 42
รายงานชุดองค์ความรู้ ค่มู ือแบบประเมนิ คุณภาพแผนจงั หวัดและกลุม่ จงั หวดั มติ ิ / ประเดน็ กำรประเมินตำมเกณฑ์ เกณฑ์ ผลกำร หมำยเหตุ คะแนน ประเมิน เหมาะสม รวมทั้งมีการนาเคร่อื งมอื นกำรวเิ ครำะหเ์ ขา้ มาประกอบการ ตนเอง จดั ทาแผน 1 ประเดน็ ท่ี 4 แผนพัฒนาฯทจี่ ัดทาครอบคลมุ ตามทีร่ ะบุในประเดน็ ท่ี 3 มีขอ้ มลู ปจจบุ นั และขอ้ มูลเชิงอนุกรมย้อนหลัง 3 ปี พรอ้ มคำอธบิ ำยท่สี ามารถแสดง 1 ศักยภาพได้อย่างชดั เจน มกี ารนาเครอ่ื งมือในการวเิ คราะหจ์ ดั ทาแผน พร้อม คำอธิบำยประกอบ 5 1 ประเดน็ ท่ี 5 แผนพัฒนาท่จี ดั ทาครอบคลุมตามทร่ี ะบุในประเดน็ ที่ 4 มกี ารระบถุ งึ 1 กระบวนกำรที่ไดม้ ำของขอ้ มลู แตล่ ะส่วนอยา่ งชดั เจนและมีการนา เคร่ืองมอื ในการวเิ คราะหจ์ ดั ทาแผน พร้อมคาอธบิ ายท่ชี ดั เจนและสำมำรถ 1 วิเครำะห์เช่อื มโยงกับประเด็นกำรพัฒนำได้ 1 คะแนนรวมมิตคิ วำมครบถ้วน : หวั ข้อและเคร่อื งมือที่ ชต้ ำมหลกั เกณฑ์ / ระเบียบ 1 2) มิติควำมครบถว้ น : กำรวเิ ครำะหส์ ภำพแวดล้อม ปญหำ และควำมต้องกำร ประเดน็ ท่ี 1 มกี ารระบปุ ญหำ ควำมตอ้ งกำร นภำพรวมของจงั หวัด หรือปัญหา ความตอ้ งการรว่ มของจงั หวดั ภายในกลมุ่ จังหวัด ประเด็นท่ี 2 มีการระบุปญั หา ความต้องการในภาพรวมของจงั หวดั หรอื ปัญหา ความต้องการร่วมของจงั หวดั ภายในกลุ่มจงั หวดั และแบง่ เปน็ รำยพ้ืนที่ได้ (อาเภอสาหรบั แผนจงั หวดั และ จงั หวัดสาหรบั แผนกลุ่มจงั หวดั ) และมกี ารระบปุ ระเดน็ สภำพแวดลอ้ มที่สำคัญของพืน้ ที่ นภำพรวมได้ ประเดน็ ที่ 3 มกี ำรจดั ลำดับควำมสำคญั ของปญหำ หรือควำมตอ้ งกำร น ภำพรวมของจงั หวดั หรอื ปญหำ ควำมตอ้ งกำรร่วมของจังหวัดภำย น กลุ่มจังหวัดได้ และมีการระบปุ ระเดน็ สภาพแวดล้อมทีส่ าคญั ของพ้นื ที่ นเชงิ ของประเดน็ สำคัญ อำทิ เศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดลอ้ ม ควำมม่ังคง เปน็ ตน้ โดยท่ีสำมำรถระบพุ ืน้ ทสี่ ำคญั ได้ ประเด็นท่ี 4 มีการลาดบั ความสาคัญของปัญหา หรอื ความตอ้ งการในภาพรวมของ จงั หวดั หรอื ปญั หา ความต้องการรว่ มของจังหวดั ภายในกลมุ่ จงั หวดั ได้ โดยมีกำรนำเสนอกระบวนกำร นกำรรวบรวมข้อมลู ปญหำ ควำม ต้องกำรดงั กลำ่ ว และมีการระบปุ ระเด็นสภาพแวดล้อมทส่ี าคญั ของพ้ืนที่ ในเชิงของประเด็นสาคญั โดยมกี ำรอำ้ งองิ และวเิ ครำะหจ์ ำกขอ้ มูลกำร พฒั นำ นสว่ นต่ำงๆ ประเดน็ ที่ 5 มกี ารนาเสนอกระบวนการในการรวบรวมขอ้ มลู ปัญหา ความตอ้ งการ ของจงั หวัด หรอื ปญั หา ความตอ้ งการรว่ มของจงั หวัดภายในกลุ่มจังหวดั ท่ี 43
รายงานชดุ องคค์ วามรู้ คู่มอื แบบประเมนิ คุณภาพแผนจังหวัดและกลมุ่ จังหวดั มิติ / ประเดน็ กำรประเมนิ ตำมเกณฑ์ เกณฑ์ ผลกำร หมำยเหตุ คะแนน ประเมนิ เกิดจำกกระบวนกำรกำรมสี ่วนรว่ มของประชำชน นพ้นื ท่ี และมกี ำรนำ ตนเอง ประเดน็ สภำพแวดล้อม ปญหำ และควำมต้องกำรทส่ี ำคญั ทั้งหมดมำ 5 จดั ลำดบั ควำมสำคญั นภำพรวม คะแนนรวมมติ คิ วำมครบถ้วน : กำรวิเครำะห์สภำพแวดลอ้ ม ปญหำ และควำม ต้องกำร 3) มติ ิคณุ ภำพ : ควำมเชอื่ มโยงของนโยบำย และกำรตอบสนองต่อปญหำ / ควำมตอ้ งกำร ประเด็นที่ 1 มกี ารทบทวนนโยบำย และยทุ ธศำสตร์สาคญั ตา่ งๆ 1 ประเด็นที่ 2 การทบทวนนโยบาย และยทุ ธศาสตรส์ าคญั โดยมีการระบแุ ผนแตล่ ะ 1 ระดบั ต้ังแตย่ ทุ ธศาสตร์ชาติ นโยบายหรือแผนระดับประเทศ ระดบั ภมู ิภาค (หรือกลุม่ จังหวัด) ตลอดจนแผนแมบ่ ท แผนปฏบิ ัติการดา้ น… หรือแผนอ่นื ๆ ที่สาคัญในการจัดทาประเดน็ การพัฒนามีอ้างระบถุ ึงปัญหา ความต้องการทส่ี าคญั ในพื้นที่ (แตย่ ังไมม่ กี ารนามาประมวลวเิ คราะห)์ ประเดน็ ที่ 3 การทบทวนนโยบาย และยุทธศาสตรส์ าคญั มีกำรวิเครำะห์นยั สำคัญ 1 ต่อกำรพัฒนำเชิงพื้นทท่ี ี่เก่ยี วขอ้ งออกมำด้วย และมกี ำรนำประเดน็ ปญหำ ควำมตอ้ งกำรท่ีสำคญั มำร่วมวิเครำะหศ์ ักยภำพของพืน้ ที่ นมิติ ตำ่ ง ๆ ด้วย ประเดน็ ท่ี 4 - การทบทวนนโยบาย และยทุ ธศาสตร์สาคญั มกี ารวิเคราะหน์ ัยสาคญั 1 ตอ่ การพัฒนาเชงิ พนื้ ท่ที ่ีเกยี่ วข้อง พรอ้ มกับนำประเด็นเหลำ่ นี้ไป วเิ ครำะห์ร่วมกับกำรวเิ ครำะหศ์ ักยภำพ นดำ้ นอืน่ ๆ ท่สี ำคญั ของพนื้ ที่ - การนาประเด็นปัญหา ความตอ้ งการท่ีสาคญั มาร่วมวิเคราะหศ์ กั ยภาพ 1 ของพ้นื ทใี่ นมิตติ ่าง ๆ โดยมีกำรระบแุ นวทำงกำรพัฒนำ แผนงำนหรอื โครงกำรท่ีสำคัญทีต่ อบสนองต่อปญหำควำมตอ้ งกำร นพน้ื ทอ่ี ยูด่ ้วย ประเด็นที่ 5 มกี ารทบทวนนโยบาย และยทุ ธศาสตรส์ าคญั มีการวเิ คราะห์ ศักยภาพในด้านอื่น ๆ ทส่ี าคัญของพน้ื ท่ี พรอ้ มกบั มแี นวทำงกำรพัฒนำ แผนงำนหรือโครงกำรทีส่ ะทอ้ นกับประเด็นนโยบำย หรอื ยทุ ธศำสตร์ท่ี วเิ ครำะหอ์ อกมำ นอกจากนี้ มีการนาประเด็นปญั หา ความตอ้ งการท่ี สาคญั มาร่วมวเิ คราะหศ์ กั ยภาพของพ้ืนท่ใี นมติ ิต่าง ๆ โดยมกี ารกำหนด เปน็ ตวั ชีว้ ดั ทีส่ ำคัญของแผนพฒั นาที่ตอบสนองต่อปัญหา ความต้องการ ในพ้ืนทอี่ ยู่ด้วย คะแนนรวมมิติคุณภำพ : ควำมเช่ือมโยงของนโยบำย และกำรตอบสนองต่อปญหำ / 5 ควำมต้องกำร 44
รายงานชุดองคค์ วามรู้ คู่มือแบบประเมนิ คณุ ภาพแผนจังหวดั และกลุ่มจงั หวดั มติ ิ / ประเด็นกำรประเมินตำมเกณฑ์ เกณฑ์ ผลกำร หมำยเหตุ คะแนน ประเมิน ตนเอง 4) มติ ิคณุ ภำพ : กำรกำหนดทศิ ทำง เป้ำหมำย และควำมเชอื่ มโยงของยุทธศำสตร์ ประเดน็ ที่ 1 มีกำรระบรุ ำยละเอียดของยทุ ธศำสตรต์ ำมองคป์ ระกอบของประเดน็ 1 การพัฒนา วัตถุประสงค์ของประเด็นการพฒั นาได้อย่างครบถว้ น ประเดน็ ที่ 2 การระบรุ ายละเอียดของยุทธศาสตรต์ ามองคป์ ระกอบของประเด็นการ 1 พัฒนา วตั ถปุ ระสงค์ของประเด็นการพัฒนามีควำมเช่ือมโยงกนั นอกจำกนป้ี ระเดน็ กำรพัฒนำ และแนวทำงกำรพฒั นำมีควำม เชอื่ มโยงกบั ประเดน็ สภำพแวดลอ้ มสำคัญของพน้ื ท่ที ม่ี ีกำรจัดลำดบั ควำมสำคญั ไว้แล้ว ประเด็นท่ี 3 ประเดน็ การพัฒนา และแนวทางการพฒั นามคี วำมเชอื่ มโยงกบั ผล 1 กำรวิเครำะหศ์ ักยภำพและประเด็นสำคัญของพนื้ ที่ทีม่ กี ำรจัดลำดับ 1 ควำมสำคญั ไว้ นอกจำกน้ีตัวชว้ี ดั วัตถปุ ระสงคร์ ำยประเดน็ กำรพัฒนำ สอดคลอ้ งและมคี วำมเช่อื มโยงกบั เป้ำหมำยกำรพัฒนำ นภำพรวม ของจังหวัดด้วย ประเด็นที่ 4 โครงกำรสำคญั และตวั ชีว้ ัดโครงกำรทสี่ ำคัญก็จะตอ้ งสอดคลอ้ งกับ ตวั ช้ีวัดวัตถุประสงค์ของประเดน็ กำรพัฒนำดว้ ย ประเด็นท่ี 5 รำยละเอยี ดทงั้ นสว่ นโครงกำร และกิจกรรมต้องเชื่อมโยงกัน 1 ท้ังหมด (โครงการสาคญั และตวั ชว้ี ัดโครงการทสี่ าคญั กจ็ ะตอ้ ง สอดคล้องกับตัวชี้วดั ของประเดน็ การพัฒนา / กจิ กรรมสำคญั ภำย ต้ โครงกำรจะต้องสะท้อนตวั ช้ีวดั โครงกำรทส่ี ำคญั และเช่อื มโยงกบั ตัวชีว้ ัดวัตถุประสงค์ของประเดน็ กำรพัฒนำ) คะแนนรวมมิตคิ ณุ ภำพ : กำรกำหนดทิศทำง เป้ำหมำย และควำมเชอ่ื มโยงของ 5 ยุทธศำสตร์ คะแนนรวมมิติกอ่ นกำรดำเนนิ งำน (Ex-ante): มิต1ิ )+2)+3)+4) 20 เงื่อนไข 1) ปรับลดคะแนนเชิงคุณภาพหากเน้ือหาแผนพฒั นาฯ ทจี่ ัดทาไว้ ยังไมค่ รบถ้วน ถกู ต้องตามทร่ี ะบไุ วใ้ นเกณฑ์แตล่ ะ ประเด็น โดยให้ปรับลดคะแนนลง ประเดน็ ละ 0.5 คะแนน ท้ังน้ีเพ่ือให้เกิดการค้นพบและแจ้งเตือนให้มีการนาประเด็นที่พบว่า ยังไม่ครบถ้วนนั้นไปแกไ้ ขและปรับปรงุ ใหม้ ีความครบถว้ น ถกู ต้องและเชื่อถือได้อยา่ งทนั ทว่ งทตี ่อไป 2) ผู้ประเมินควรมีการระบุในช่องหมายเหตุเพ่ือให้รู้ว่ามีประเด็นที่พบอะไรท่ียังคลาดเคล่ือนไปจากเกณฑ์หรือ ไมค่ รบถ้วนและควรมกี ารแกไ้ ขและปรบั ปรุงใหม้ ีความครบถว้ น ถกู ตอ้ งและเชือ่ ถือไดต้ ่อไป 45
รายงานชดุ องค์ความรู้ คมู่ อื แบบประเมินคณุ ภาพแผนจังหวดั และกลมุ่ จงั หวดั 4.4.2 แบบฟอร์ม นกำรตรวจสอบควำมครบถ้วน ประกอบกำรพิจำรณำประเมินคณุ ภำพแผนพฒั นำ จงั หวัด/ กล่มุ จังหวัด สำหรบั มิตหิ ลงั กำรดำเนนิ งำน (Ex-post) มิติหลังกำรดำเนินงำน (Ex-post): ผู้ประเมินควรทาการประเมินหลังจากท่ีได้มีการปฏิบัติงานตาม แผนพัฒนาจงั หวัด / กลุม่ จงั หวดั แลว้ เสร็จในชว่ งปสี ุดทา้ ยของแผน เพอื่ ประเมินถงึ ความสาเรจ็ ในการดาเนินการ ในชว่ งที่ผ่านมา แนวทำงกำรประเมิน: ผปู้ ระเมนิ ระบคุ ะแนนลงในช่อง ตามประเดน็ พจิ ารณาย่อยท่ี 5.1) และ 5.2) โดยเลือก เกณฑ์คะแนนในช่วงคะแนนที่สะท้อนผลการดาเนินงานที่ใกล้เคียงและเหมาะสมมากที่สุดเพียงระดับเดียว (แสดงตัวอย่างการคานวณ 5.1) ความสามารถบรรลุตามตัวชว้ี ัดเป้าหมายการพัฒนาของแผนพัฒนาฯ และ5.2) ความสามารถบรรลุตามตัวช้ีวัดวัตถุประสงค์ของประเด็นการพัฒนา ไว้ในภาคผนวก จ) จากน้ันผู้ประเมิน จึงสามารถนาผลท่ีระบุนี้ไปเทียบกับเกณฑ์คุณภาพแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ในส่วนน้ีต่อไป รายละเอียด แบบฟอร์มในตารางท่ี 4-6 ตำรำงท่ี 4-6: แบบฟอร์มในการตรวจสอบและประเมินคุณภาพแผนพัฒนาจังหวัด/ กลุ่มจังหวัด สาหรับมิติหลัง การดาเนินงาน (Ex-post) ประเดน็ กำรพจิ ำรณำ ระดบั 1 ระดบั 2 ระดบั 3 ระดับ 4 ระดับ 5 กำรประเมินผลกำรดำเนนิ งำนของ นอ้ ยกวำ่ รอ้ ยละ ร้อยละ 60 – รอ้ ยละ 70 – รอ้ ยละ 80 – รอ้ ยละ 90 - 60 จำกเปำ้ 69.99 จำก 79.99 จำก 89.99 จำก 100 จำกเปำ้ แผนพัฒนำ เปำ้ ท่ตี ั้งไว้ เปำ้ ท่ตี ัง้ ไว้ เปำ้ ท่ตี ัง้ ไว้ ทีต่ ง้ั ไว้ ทต่ี งั้ ไว้ เกณฑค์ ะแนน 1 คะแนน 2 คะแนน 3 คะแนน 4 คะแนน 5 คะแนน 5.1) ควำมสำมำรถบรรลตุ ำมตวั ชวี้ ัด เปำ้ หมำยกำรพฒั นำของแผนพัฒนำฯ 5.2) ควำมสำมำรถบรรลุตำมตวั ช้ีวดั วัตถุประสงค์ของประเดน็ กำรพฒั นำ รวมคะแนน 5.1)+5.2) 46
รายงานชดุ องคค์ วามรู้ ค่มู อื แบบประเมนิ คณุ ภาพแผนจังหวัดและกลุ่มจงั หวดั บทท่ี 5 กรอบ หลกั เกณฑ์และวิธกี ำรประเมนิ คณุ ภำพแผนและขอ้ เสนอโครงกำร ตำมแผนปฏิบัติรำชกำรประจำปี ของจังหวัด/กลุ่มจังหวัด หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินคุณภาพแผนปฏิบัติราชการประจาปีของจังหวัด/กลุ่มจังหวัด จะเป็น เคร่ืองมือท่ีใช้สาหรับการประเมินด้วยตนเอง (Self Assessment) เพื่อตรวจสอบความครบถ้วน ความถูกต้อง ตรงตามนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดทาแผนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่กาหนดไว้ เพื่อค้นหาและ เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปรับปรุงส่ิงท่ียังผิดพลาดคลาดเคล่ือนไป ผู้ประเมินและผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับ การจัดทาแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด และแผนงานโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจาปีของจังหวัด/กลุ่มจังหวดั จงึ ตอ้ งมีความเขา้ ใจและให้ความรว่ มมอื ในการตรวจสอบและประเมนิ เบือ้ งต้นสามารถแลกเปลีย่ นความคิดเห็น เพ่อื การพฒั นาหรือปรับปรงุ การดาเนินงานของจงั หวดั /กล่มุ จังหวัดอย่างเปน็ ระบบและทันสถานการณ์ แผนปฏิบัตริ าชการประจาปีนับว่าเปน็ รายละเอียดของแผนการดาเนินงานโดยละเอียด ทีม่ เี นอ้ื หาของ โครงการ และกิจกรรมสาคัญภายใต้โครงการประกอบอยู่ด้วย ดังนั้นคณะท่ีปรึกษาจึงเล็งเห็นว่าในการท่ีจะ ประเมินคุณภาพแผนปฏิบัติราชการประจาปีให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงควรต้องมีการประเมินลึกไปจนถึง การดาเนินงานของโครงการสาคัญภายใต้แผนปฏิบัตริ าชการดว้ ยเช่นกัน ซึง่ จะเป็นการเชือ่ มโยงการดาเนินการ เข้ามาด้วยกันท่ีสมบูรณ์ ตามหลักการบริหารยุทธศาสตร์ท้ัง 3 ประเด็น ตั้งแต่ การจัดทาแผนยุทธศาสตร์ (Strategy Formulation) โดยเป็นการประเมินว่าแผนปฏิบัติราชการ (รวมถึงการพัฒนาโครงการ ในแผนปฏบิ ัติราชการ) ที่จดั ทานี้ มคี วามครบถ้วน และมคี วามเชอื่ มโยงกับแผนพฒั นาจังหวดั /กลุ่มจังหวัด 5 ปี ที่คลุมการทางานของแผนปฏิบัติราชการในส่วนน้ีมากน้อยเพียงใด การดาเนินยุทธศาสตร์ ( Strategy Implementation) โดยจะเน้นถึงประเด็นการการดาเนินโครงการต่าง ๆ ว่าสอดคล้องกับที่ระบุในแผนปฏิบัติ ราชการหรือไม่ และมีผลผลิตออกมาสอดคล้องมากกับท่ีวางแผนนมากน้อยเพียงใด และการติดตามและ ประเมินผล (Strategy Monitoring) ท่ีจะเป็นการพิจารณาในภาพรวมของแผนปฏิบัติราชการถึงผลผลิต ผลลัพธ์โดยรวมท้ังหมดว่ามีความสอดคล้องกับท่ีวางแผนในช่วงแรกมาหรือไม่ และสามารถตอบสนองต่อ ทิศทางการพัฒนาของแผนพัฒนาในภาพใหญ่ได้มากน้อยเพียงใด ตลอดจนประเด็นในเร่ืองของความต่อเน่ือง และความยงั่ ยนื ของแผนการทางานต่าง ๆ เพ่ือใหส้ ามารถรอ้ ยเรียงและเช่ือมโยงในแตล่ ะปีได้ 47
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170