95 ภาพทรงพัฒนาทค่ี านึงถึงภูมิสงั คม กกกกกกก2. 2.6 องค๑รวม กกกกกกก2. 2.6 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดใ๎ ชห๎ ลกั การ ทรงงานข๎อน้ี โดยการมองอยํางครบวงจรในการปฏิบัติงานหรือโครงการ จะทรงมองเหตุการณ๑ที่จะ เกดิ ขน้ึ และนาแนวทางมาแก๎ไขอยํางเชื่อมโยง ดังตัวอยํางทฤษฎีใหมํ ที่พระราชทานให๎แกํปวงชนชาว ไทย เป็นแนวทางในการประกอบอาชีพแนวทางหน่ึง ท่ีพระองค๑ทรงมองอยํางองค๑รวม ต้ังแตํการถือ ครองท่ีดนิ โดยเฉลีย่ ของประชาชนคนไทยประมาณ 10 – 15 ไรํ การบริหารจัดการท่ีดินและแหลํงน้า อันเป็นป๓จจัยพ้ืนฐานท่ีสาคัญในการประกอบอาชีพ เมื่อมีน้าในการทาการเกษตรแล๎วจะสํงผลให๎ ผลผลิตดีข้ึน และหากมีผลผลิตเพิ่มมากขึ้นเกษตรกรจะต๎องร๎ูจักวิธีการจัดการและการตลาด รวมถึง การรวมกลํุม รวมพลังชุมชนให๎มีความเข๎มแข็ง เพื่อพร๎อมที่จะออกสูํการเปล่ียนแปลงของสังคม ภายนอกไดอ๎ ยาํ งครบวงจร นน่ั คอื ทฤษฎี 3 ข้ัน ดงั น้ี กกกกกกก2. 2.6 ขนั้ ทห่ี นง่ึ ทฤษฎีใหมํขั้นต๎น : การจัดสรรพื้นที่อยํูอาศยั และทีท่ ากิน ใหแ๎ บงํ พ้นื ที่ออกเปน็ 4 สวํ น ตามอัตราสํวน 30:30:30:10 ซึง่ หมายถงึ กกกกกกก2. 2.6 พื้นที่สวํ นที่1 ประมาณ 30% ใหข๎ ดุ สระกักเก็บนา้ เพื่อใช๎กักเกบ็ นา้ ฝน ในฤดูฝน และใชเ๎ สริมการปลูกพชื ในฤดูแลง๎ ตลอดจนการเล้ยี วสตั ว๑นา้ และพืชน้าตํางๆ กกกกกกก2. 2.6 พื้นที่สํวนที่ 2 ประมาณ 30% ให๎ใช๎ปลกู ขา๎ วในฤดฝู น เพ่ือใชเ๎ ปน็ อาหารประจาวนั สาหรบั ครอบครวั ใหเ๎ พียงพอตลอดปี เพ่ือลดคําใชจ๎ ําย และสามารถพ่งึ ตนเองได๎ กกกกกกก2. 2.6 พน้ื ทส่ี วํ นท่ี 3 ประมาณ 30% ให๎ปลกู ไมผ๎ ล ไมย๎ นื ต๎น พชื ผกั พชื ไรํ พืชสมนุ ไพร ฯลฯ เพอื่ ใชเ๎ ป็นอาหารประจาวัน หากเหลือบรโิ ภคก็นาไปจาหนาํ ย กกกกกกก2. 2.6 พน้ื ท่สี วํ นที่ 4 ประมาณ 10% เป็นที่อยูํอาศัย เลยี้ งสตั วแ๑ ละโรงเรือนตาํ ง ๆ
96 ภาพทรงมองอยํางองค๑รวมโดยใช๎หลักเกษตรทฤษฎใี หมํ กกกกกกก2. 2.6 ข้นั ท่สี อง ทฤษฎีใหมํข้นั กลาง : ให๎เกษตรกรรวมพลงั กันในรปู กลมุํ หรือ สหกรณ๑ รํวมแรง รวํ มใจกันดาเนนิ การในดา๎ นตํอไปน้ี กกกกกกก2. 2.6 (1) การผลิต (พันธุพ๑ ชื เตรยี มดิน ชลประทาน ฯลฯ) คือ เกษตรกรจะต๎องรวํ มมือ ในการผลติ โดยเร่มิ ตัง้ แตํ ข้นั เตรยี มดนิ การหาพนั ธ๑ุพชื ปยุ๋ การหานา้ และอน่ื ๆ เพ่อื การเพาะปลูก กกกกกกก2. 2.6 (2) การตลาด (ลานตากขา๎ ว ย๎ุง เครื่องสขี ๎าว การจาหนํายผลผลติ ) คือ เมื่อมี ผลผลติ แล๎วจะตอ๎ งเตรียมการตําง ๆ เพื่อการขายผลผลติ ให๎ได๎ประโยชน๑สูงสุด เชนํ การเตรียมลาน ตากขา๎ วรํวมกนั ตลอดจนการรวมกันขายผลผลิตใหไ๎ ด๎ราคาดี และลดคาํ ใชจ๎ ํายลงด๎วย กกกกกกก2. 2.6 (3) ความเป็นอยํู (กะปิ น้าปลา อาหาร เคร่อื งนุํงหํม ฯลฯ) คือ ตอ๎ งมีความเปน็ อยูํ ทพ่ี อดพี อควร โดยมีปจ๓ จยั พื้นทใี่ นการดารงชวี ติ เชนํ อาหารการกนิ ตําง ๆ ท่เี พียงพอ กกกกกกก2. 2.6 (4) สวัสดกิ าร (สาธารณสุข เงนิ กู๎) คือ ชุมชนควรมสี วสั ดภิ าพและบริการทจ่ี าเปน็ เชนํ มสี ถานอี นามยั เม่อื ยามเจ็บปวุ ย หรอื มกี องทนุ ไว๎ก๎ยู ืมเพื่อประโยชนใ๑ นกจิ กรรมตาํ ง ๆ ของชมุ ชน กกกกกกก2. 2.6 (5) การศึกษา (โรงเรียน ทุนการศึกษา) คอื ชุมชนควรมบี ทบาทในการสงํ เสรมิ การศกึ ษา เชนํ มกี องทนุ เพื่อการศึกษาเลําเรียนใหแ๎ กํเยาวชนของชุมชนเอง กกกกกกก2. 2.6 (6) สงั คมและศาสนา คือ ชุมชนควรเป็นทีร่ วมในการพฒั นาสงั คมและจิตใจ โดยมี ศาสนาเป็นที่ยึดเหน่ยี ว
97 ภาพทรงเปิดสหกรณ๑โคนมท่จี ังหวัดราชบุรี กกกกกกก2. 2.6 ขนั้ ทีส่ าม ทฤษฎีใหมํขั้นก๎าวหนา๎ เมื่อดาเนนิ การผํานพน๎ ขัน้ ที่สองแลว๎ เกษตรกร หรือกลุํมเกษตรกรก็ควรพัฒนาก๎าวหน๎าไปสํูขั้นที่สามตํอไป คือ ติดตํอประสานงานเพ่ือ จัดหาทุน หรือแหลํงเงินทุน เชํน ธนาคารหรือบริษัท ห๎างร๎านเอกชน มาชํวยในการลงทุนและพัฒนา คุณภาพชีวิต ทั้งนี้ ทั้งฝุายเกษตรกรและฝุายธนาคารและบริษัทจะได๎ประโยชน๑รํวมกัน กลําวคือ เกษตรกรขายของในราคาสูง (ไมํถูกกดราคา) ธนาคารกับบริษัทสามารถซื้อข๎าวบริโภคในราคาต่า (ซ้ือข๎าวเปลือกตรงจากเกษตรกรและนามาสีเอง) เกษตรกรซื้อเคร่ืองอุปโภคบริโภคในราคาต่า เพราะรวมกันซื้อเป็นจานวนมาก (เป็นร๎านสหกรณ๑ ราคาขายสํง) ธนาคารกับบริษัทจะสามารถ กระจายบคุ ลากรเพื่อไปดาเนินการในกิจกรรมตําง ๆ ให๎เกิดผลดยี ิ่งข้ึน ภาพทรงพัฒนาโดยใช๎หลักเกษตรทฤษฎีใหมํ ข้ันกา๎ วหนา๎
98 กกกกกกก2. 2.7 ไมํติดตารา กกกกกกก2. 2.7 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ใช๎หลักการ ทรงงานข๎อน้ี โดยการพัฒนาที่อนโุ ลม และรอมชอมกบั สภาพธรรมชาติ สิ่งแวดลอ๎ ม และสภาพของ สังคมจิตวิทยาแหงํ ชุมชน คือ ไมผํ กู มัดติดกบั วชิ าการ และเทคโนโลยีทีไ่ มเํ หมาะสมกบั สภาพชวี ิต ความเป็นอยูํทีแ่ ท๎จรงิ ของคนไทยปกตเิ ข๎าสํูระบบท่ีเป็นปกติ ดังตัวอยาํ ง การนาน้าดขี บั ไลนํ ้าเสียหรอื เจือจางน้าเสียให๎กลบั เป็นน้าดี ตามจังหวะการขึน้ ลงตามธรรมชาติของน้าหรอื การบาบัดนา้ เนําเสีย โดยใช๎ผกั ตบชวา ภาพทรงพัฒนาแก๎ไขสภาพธรรมชาติ ส่ิงแวดลอ๎ ม กกกกกกก2. 2.8 ประหยดั เรยี บงาํ ย ได๎ประโยชนส๑ งู สุด กกกกกกก2. 2.8 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ใช๎หลกั การ ทรงงานข๎อน้ี โดยทรงการกระทาโดยการประหยดั เรยี บงําย ไดป๎ ระโยชนส๑ ูงสุดจากการใช๎วัสดุแรงงาน ในท๎องถิ่นให๎สอดคล๎องกับภูมิสังคม ขณะเดียวกันการพัฒนาและชํวยเหลือราษฎรทรงใช๎หลักการ แก๎ปญ๓ หาด๎วยความเรยี บงาํ ย ประหยัด ราษฎรสามารถทาเองได๎ หาไดใ๎ นทอ๎ งถ่นิ และประยุกต๑ใช๎ส่ิงท่ีมี อยํูในภูมิภาคนั้น ๆ มาแก๎ไขปญ๓ หาโดยไมํตอ๎ งลงทุน หรอื ใช๎เทคโนโลยีที่ไมํยุํงยากนัก ดังตัวอยําง เร่ือง การทาฝายน้าล๎น โดยใช๎วัสดุในท๎องถ่ิน เชํน ไม๎ หิน กรวด ทราย กั้นทางน้าไว๎แตํต๎องให๎น้าไหลผําน จากหมบํู ๎านตน๎ นา้ สํูกลางน้า และปลายน้าได๎ เพือ่ แบํงป๓นในการอปุ โภค บรโิ ภค
99 ภาพทรงแก๎ไขป๓ญหาน้าโดยการทาฝายนา้ ลน๎ โดยใช๎วัสดใุ นทอ๎ งถิ่น กกกกกกก2. 2.9 ทาใหง๎ ําย กกกกกกก2. 2.9 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดใ๎ ช๎หลักการ ทรงงานข๎อน้ี โดยการวางแผน ออกแบบ ค๎นหาวิธีการดาเนินงานที่มีลักษณะเรียบงําย ไมํยุํงยาก สลับซับซ๎อน คาวํา ทาให๎งําย คือ เข๎าใจ ร๎ูแจ๎ง และพร๎อมนาไปใช๎ วิธีการทาให๎งํายต๎องอาศัยการ มีสํวนรํวม ไมํติดตารา ยึดภูมิป๓ญญาเดิม ผสมผสานเทคโนโลยีใหมํ ดังตัวอยําง ในเร่ือง การปลูก หญ๎าแฝก ตามแนวลาดเอียงของพ้ืนดิน ขนานไปตามแนวยาวเป็นช้ัน ๆ ปูองกันการพังทลายของ หน๎าดิน การใช๎ผักตบชวา ชํวยบาบัดน้าเสียเป็นวิธีงํายๆอยํางหนึ่ง การตํอยอด ตํอตา ต๎นท๎อและ มะเขือเทศ ก็เป็นวิธีการงําย ๆ ใช๎เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมกับภูมิป๓ญญาชาวบ๎าน และต๎นทุนทางสังคม เกิดนวัตกรรมที่ให๎มูลคาํ เพ่มิ
100 ภาพทรงวางแผนการปลูกหญ๎าแฝกตามแนวลาดเอียงของพน้ื ดิน กกกกกกก2. 2.10 การมสี ํวนรวํ ม กกกกกกก2. 2.10 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ใช๎ หลักการทรงงานข๎อน้ี โดยการมีสํวนรํวมของชุมชนเป็นกิจกรรมที่สาคัญอยํางย่ิงในการดาเนินงาน การมีสํวนรํวมต๎องกระทาอยํางครบถ๎วน ตลอดกระบวนการ ต้ังแตํการวางแผน (Plan) การปฏิบัติ (Do) การตรวจสอบประเมนิ ผล (Check) และการแกไ๎ ขปรับปรุง (Act) กกกกกกก2. 2.10 การมสี วํ นรวํ มทาให๎ชุมชนเกิดความเปน็ เจา๎ ของโครงการ การแก๎ปญ๓ หาตําง ๆ เกิดจากสาเหตทุ ่ีประชาชนต๎องการให๎แกไ๎ ข และวิธีการแก๎ไขกร็ ับฟ๓งความคดิ เห็นของประชาชนเพื่อจะ ได๎ความรํวมมือจากประชาชน ดังพระราชดารัสตอนหนึ่งวํา “สาคัญที่สุดจะต๎องทาใจให๎กว๎างขวาง หนกั แนํน รูจ๎ ักรับฟ๓งความคิดเห็น แม๎กระท้ังคาวิพากษ๑วิจารณ๑จากผ๎ูอ่ืนอยํางฉลาด เพราะการรู๎จักรับ ฟง๓ อยํางฉลาดนั้นแท๎จรงิ คอื การระดมสติปญ๓ ญาและประสบการณ๑อนั หลากหลายมาอานวยประโยชน๑ ในการปฏบิ ตั ิบริหารงานให๎ประสบความสาเรจ็ ที่สมบรู ณน๑ น้ั เอง”
101 ภาพทรงดาเนนิ งานอยํางครบถว๎ นตลอดกระบวนการมสี ํวนรํวม กกกกกกก2. 2.11 ประโยชน๑สํวนรวม กกกกกกก2. 2.11 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ใช๎หลกั การ ทรงงานข๎อน้ี โดยทรงระลึกถงึ ประโยชน๑สํวนรวมเปน็ สาคญั ดังพระราชดารสั ความตอนหนง่ึ วํา กกกกกกก2. 2.11 “ ใครตํอใครบอกวาํ ขอใหเ๎ สยี สละสวํ นตวั เพอ่ื สวํ นรวม อนั น้ีฟ๓งจนเบ่ือ อาจจะ ราคาญด๎วยซ้าวํา ใครตํอใครมาก็บอกวําขอให๎คิดถึงประโยชน๑สํวนรวม อาจมานึกในใจวําให๎ ๆ อยํูเรื่อยแล๎วสํวนตัวจะได๎อะไร ขอให๎คิดวําคนที่ให๎เพ่ือสํวนรวมน้ันมิได๎ให๎สํวนรวมอยํางเดียวเป็นการ ใหเ๎ พื่อตัวเอง สามารถท่ีจะมีสวํ นรวมทีจ่ ะอาศยั ได๎ ” ภาพทรงระลกึ ถึงประโยชน๑สวํ นรวมเปน็ สาคัญ
102 กกกกกกก2. 2.12 บรกิ ารรวมท่จี ดุ เดียว เร่อื งท่ี 1 2. 2.23 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดใ๎ ช๎ หลักการทรงงานข๎อนี้ โดยการดาเนินงานที่มุํงเน๎นการแก๎ป๓ญหาในรูปแบบของ “การพัฒนาแบบ ผสมผสาน” ท่ใี หผ๎ ลเป็นการ “บรกิ ารรวมท่จี ุดเดียว” เปน็ การปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมในการบริหารงาน จากการที่ตํางคนตํางทา มาสูํการประสานงานระหวํางหนํวยงานท่ีเก่ียวข๎อง ซึ่งปรากฏเป็นรูปธรรม ชัดเจน ดงั ตวั อยาํ ง ทรงใหศ๎ นู ยพ๑ ัฒนาอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ เป็นตน๎ แบบในการบริการที่จุดเดียว คือ การบริการแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อให๎ประชาชนที่มาขอใช๎บริการ ประหยัดเวลาและคําใช๎จําย โดยมีหนํวยงานราชการตําง ๆ มารํวมดาเนินการ และให๎บริการประชาชน ณ ท่ีแหํงเดียว มีพระราช ดารัสวํา ประชาชนซึ่งจะต๎องใช๎วิชาการทั้งหลายก็สามารถที่จะมาดู สํวนเจ๎าหน๎าที่จะให๎ความ อนุเคราะห๑ แกํประชาชน ก็มาอยํูพร๎อมกัน ในท่ีเดียวกันเหมือนกัน ที่สาคัญปลายทาง คือ ประชาชน ไดร๎ ับประโยชนแ๑ ละต๎นทางของผเ๎ู ป็นเจ๎าหน๎าทีจ่ ะให๎ประโยชน๑ ภาพทรงมุงํ เน๎นการแก๎ป๓ญหาในรูปแบบของการบรกิ ารที่จดุ เดียว กกกกกกก2. 2.13 ใช๎ธรรมชาติชวํ ยธรรมชาติ กกกกกกก2. 2.13 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดใ๎ ช๎ หลักการทรงงานข๎อนี้ โดยการให๎ประชาชนใกล๎ชิดกับธรรมชาติ ทรงมองอยํางละเอียดถึงป๓ญหา ธรรมชาติ หากเราต๎องการแก๎ไขธรรมชาติ จะต๎องใช๎ธรรมชาติเข๎าชํวยเหลือ ดังตัวอยําง การแก๎ไข ป๓ญหาปุาเสื่อมโทรม ได๎พระราชทานพระราชดาริ การปลูกปุาโดยไมํต๎องปลูก ปลํอยให๎ธรรมชาติ ชํวยในการฟ้ืนฟูธรรมชาติ หรือแม๎กระทั่ง การปลูกปุา 3 อยําง ประโยชน๑ 4 อยําง ได๎แกํ
103 ปลกู ไม๎เศรษฐกิจ ไม๎ผล และไม๎ฟืน นอกจากได๎ประโยชน๑ตามช่ือของไม๎แล๎ว ยังชํวยรักษาความชุํมช้ืน ให๎แกํพื้นดินด๎วย เห็นได๎วํา ทรงเข๎าใจธรรมชาติและมนุษย๑อยํางเกื้อกูลกัน ทาให๎คนอยํูรํวมกับปุาได๎ อยาํ งยั่งยนื ภาพทรงมองอยํางละเอยี ดถึงป๓ญหาธรรมชาติโดยใชธ๎ รรมชาติชํวยธรรมชาติ กกกกกกก2. 2.14 ใชอ๎ ธรรมปราบอธรรม กกกกกกก2. 2.14 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ใช๎ หลักการทรงงานข๎อนี้ โดยการนาความจริงในเรื่อง ความเป็นไปแหํงธรรมชาติ และกฎเกณฑ๑ของ ธรรมชาตมิ าเปน็ หลักการ แนวปฏิบัติท่ีสาคัญ ในการแก๎ป๓ญหาและปรับปรุงเปล่ียนแปลงสภาวะท่ีไมํ ปกติ เข๎าสํรู ะบบท่เี ปน็ ปกติ คอื ทรงใชส๎ ง่ิ ของที่มีอยํูแล๎วแตํขาดประโยชน๑ หรือไมํเกิดประโยชน๑ (ไมํดี) ให๎มีประโยชน๑ (ดีข้ึน) ดังตัวอยําง การนาน้าดี ขับไลํน้าเสีย หรือ เจือจางน้าเสียให๎กลับเป็นน้าดี ตามจังหวะการขึ้นลงตามธรรมชาติของน้า การบาบัดน้าเนําเสียโดย ใช๎ผักตบชวาซ่ึงมีตามธรรมชาติ ให๎ดดู ซึมสงิ่ สกปรกปนเป้อื นในน้า ดงั พระราชดารัสความวาํ “ใชอ๎ ธรรม ปราบอธรรม”
104 ภาพทรงมองความจรงิ โดยใชผ๎ กั ตบชวาบาบดั นา้ เสยี กกกกกกก2. 2.15 ปลูกปุาในใจคน กกกกกกก2. 2.15 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดใ๎ ช๎หลกั การ ทรงงานข๎อนี้ โดยการปลูกปุาในใจคน คือ การกระตุ๎นจิตสานึก และรื้อฟื้นวัฒนธรรมให๎คนอนุรักษ๑ ระบบนิเวศปาุ และอยํูรวํ มกบั ปุาอยํางม่นั คง และพ่ึงพิงองิ กนั “ใช๎น้าอนุรักษ๑น้า ใช๎ปุา (ดิน) อนุรักษ๑ปุา ดังนั้น “การปลูกปุาโดยไมํต๎องปลูก” ปลํอยให๎ปุาขึ้นเองธรรมชาติ ก็เป็นพระราชดาริอยํางหน่ึง “เจ๎าหน๎าท่ีบ๎านเมือง ควรจะปลูกต๎นไม๎ ลงในใจคนเสียกํอน แล๎วคนเหลําน้ันก็จะพากันปลูกต๎นไม๎ ลงบนแผนํ ดิน และรักษาต๎นไม๎ดว๎ ยตนเอง”
105 ภาพทรงปลกู ปาุ เพื่อให๎ไดใ๎ จคน กกกกกกก2. 2.16 ขาดทนุ คือกาไร เร่อื งที่ 1 2. 2.23 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดใ๎ ช๎ หลักการทรงงานข๎อนี้ โดยการดาเนินงานท่ียึดผลสาเร็จแหํงความ “คุ๎มคํา” มากกวํา “คุ๎มทุน” คานึงถึงผลประโยชน๑ของคนสํวนรวม มากกวําผลสาเร็จท่ีเป็นตัวเลขอันเป็นผลประโยชน๑ของกลุํมคน สํวนน๎อย เล็งเห็นผลท่ีได๎จากการลงทุนเพื่อประโยชน๑แกํคนสํวนใหญํ อันได๎แกํ ความอยํูดีมีสุขของ ประชาชนซึ่งตคี ําเปน็ ตัวเงนิ ไมไํ ด๎ ซง่ึ ถ๎าหากพิจารณาตามหลักเศรษฐศาสตร๑แล๎ว อาจจะถือวําเป็นการ ลงทุนที่ขาดทุนหรือไมํคุ๎มทุน ดังตัวอยําง การลงทุนสร๎างถนน ไฟฟูา ประปา เข่ือน ฝาย คลองสํงน้า ระบบการเก็บขยะ ระบบบาบัดน้าเสีย เป็นต๎น ป๓จจัยพื้นฐานการผลิตเหลําน้ีต๎ องลงทุน แตผํ ลตอบแทนทป่ี ระชาชนไดร๎ ับ คอื การพฒั นาอยํางยั่งยนื ทัง้ ทางด๎านเศรษฐกิจ สังคมและสง่ิ แวดล๎อม ภาพทรงดาเนนิ งานโดยยดึ ผลสาเร็จคม๎ุ คํามากกวําคุ๎มทุน
106 กกกกกกก2. 2.17 การพง่ึ ตนเอง เรอื่ งที่ 1 2. 2.23 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดใ๎ ช๎ หลักการทรงงานข๎อน้ี โดยการแก๎ไขป๓ญหาเฉพาะหน๎า เพ่ือให๎ประชาชนมีความแข็งแรง พอที่จะ ดารงชีวิตตํอไป แล๎วขั้นตํอไปก็คือการพัฒนาให๎ประชาชนสามารถอยํูในสังคมได๎ตามสภาพแวดล๎อม และสามารถพ่ึงพาตนเองได๎ ดังพระราชดารัสตอนหนึ่งวํา “การชํวยเหลือสนับสนุนประชาชนในการ ประกอบอาชีพและตง้ั ตวั ใหม๎ คี วามพอกินพอใชก๎ ํอนอ่ืนเป็นสิ่งสาคัญยิ่งยวด เพราะผ๎ูมีอาชีพและฐานะ เพียงพอที่จะพ่งึ พาตนเองได๎ ยํอมสามารถสร๎างความเจริญในระดับสงู ขน้ั ตอํ ไป” ภาพทรงแก๎ไขป๓ญหาเฉพาะหนา๎ ใหป๎ ระชาชนมีการพึ่งตนเอง กกกกกกก2. 2.18 พออยํพู อกนิ เรือ่ งที่ 1 2. 2.23 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดใ๎ ช๎ หลักการทรงงานข๎อนี้ โดยการสร๎างความ “พออยูํ” “พอกิน” พออยํู คือ การท่ีเราปลูกปุาท่ีให๎ไม๎ พชื ทจี่ าเปน็ ตํอการนามาใชท๎ าท่ีอยอูํ าศัยตําง ๆ เชํน ไม๎ทาเสา ไม๎ทาพ้ืน ไม๎ทาฝา ไม๎ทาโครงสร๎างบ๎าน ตําง ๆ เป็นต๎น คร้ันเม่ือเหลือใช๎ เราก็แบํง จําย แจก ขาย เป็นรายได๎เสริมให๎ครอบครัวได๎ พอกิน คือ การท่ีเราปลูกปุาเพ่ือให๎ได๎พืชท่ีเราจะนามาใช๎กินได๎อยํางพอเพียง เชํน ข๎าว ผัก ฯลฯ เม่ือเหลือ กินแล๎ว เราก็แบํงออกขายหารายได๎เสริมได๎เราจะต๎องใช๎ในชีวิตประจาวัน เชํน ยา ขนม ผลไม๎ เครอ่ื งปรงุ เปน็ ต๎น คร้ันเมื่อเราใช๎ได๎อยํางพอเพียงแล๎ว เราก็แบํงออกขายหารายได๎ให๎แกํครอบครัวได๎ ให๎กับคนสํวนใหญํของประเทศ ให๎ประชาชนสามารถอยํูอยําง “พออยํูพอกิน” ให๎ได๎เสียกํอน แล๎วจึง คํอยขยบั ขยายใหม๎ ขี ีดสมรรถนะท่ีกา๎ วหน๎าตอํ ไป
107 ภาพทรงสรา๎ งความพออยํูพอกินโดยการปลูกพืชผักสวนครัว กกกกกกก2. 2.19 เศรษฐกิจพอเพียง กกกกกกก2. 2.19 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ใช๎ หลักการทรงงานขอ๎ น้ี โดยชี้ถึงแนวการดารงอยํู และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแตํระดับ ครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ท้ังในการพัฒนาและบริหารประเทศให๎ดาเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพ่ือให๎ก๎าวทันตํอโลกยุคโลกาภิวัตน๑ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึง ความจาเป็นท่ีจะต๎องมีระบบภูมิค๎ุมกันในตัวที่ดี พอสมควรตํอการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปล่ียนแปลงท้ังภายนอกและภายใน ท้ังน้ี จะต๎อง อาศัยความรอบร๎ู ความรอบคอบ และความระมัดระวังอยํางยิ่ง ในการนาวิชาการตําง ๆ มาใช๎ในการ วางแผนและการดาเนินการทกุ ขัน้ ตอน และขณะเดียวกนั จะต๎องเสรมิ สร๎างพืน้ ฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ๎าหน๎าท่ีของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจ ในทุกระดับให๎มีสานึกในคุณธรรม ความซ่ือสัตย๑ สุจรติ และใหม๎ คี วามรอบรูท๎ ี่เหมาะสม ดาเนนิ ชีวิตด๎วยความอดทน ความเพียร มีสติป๓ญญา และความ รอบคอบ เพื่อให๎สมดลุ และพรอ๎ มตอํ การรองรับการเปล่ียนแปลงอยํางรวดเร็ว และกว๎างขวางทั้งด๎าน วัตถุ สงั คม ส่ิงแวดล๎อม และวัฒนธรรม จากโลกภายนอกได๎เป็นอยาํ งดี
108 ภาพทรงเสดจ็ เยีย่ มราษฎรดาเนินชวี ติ แบบเศรษฐกิจพอเพียง กกกกกกก2. 2.20 ความซ่อื สัตย๑สุจรติ จริงใจตอํ กัน กกกกกกก2. 2.20 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ใช๎ หลักการทรงงานข๎อนี้ โดยผู๎ปฏิบัติงานต๎องมีความรู๎ควบคูํคุณธรรม ความซ่ือสัตย๑สุจริต จริงใจตํอกัน คือ องค๑ประกอบอยํางหน่ึงของคุณธรรมในการปฏิบัติงานให๎ก๎าวหน๎า และการอยํูรํวมกันอยํางมี ความสุขดังพระราชดารัสตอนหน่ึงวํา “ผ๎ูที่มีความซื่อสัตย๑สุจริตและบริสุทธิ์ใจ แม๎จะมีความร๎ูน๎อย ก็ยํอมทาประโยชน๑ให๎แกํสํวนรวมได๎มากกวําผ๎ูมีความร๎ูมาก แตํไมํมีความสุจริต ไมํมีความบริสุทธ์ิใจ” ดังตัวอยําง ครั้งหน่ึงในการแขํงขันเรือใบ ทรงเรือใบออกจากฝ๓่งไปได๎ไมํนานก็ทรงแลํนกลับฝ่๓ง และ ตรัสกับผ๎ูท่ีคอยมาเฝูาฯ วําเสด็จกลับฝ่๓งเพราะเรือแลํนไปโดนทํุนเข๎า ซ่ึงในกติกาแขํงเรือใบถือวําผิด กติกา (ฟาวล๑) ทั้ง ๆ ท่ีไมํมีใครเห็น หากทรงไมํบอกใคร ก็ไมํมีใครทราบ การแขํงขันก็ดาเนินตํอไป และทํานอาจจะเป็นผ๎ูชนะก็ได๎ แตํก็ทรงยึดตามกติกาทุกอยําง ทาตามกติกาทุกประการ เอาความ ซือ่ สตั ย๑เป็นทตี่ ้งั เพื่อให๎การแขํงขันยุตธิ รรม
109 ภาพทรงแสดงความซื่อสัตย๑ตํอกฎกติกา กฬี าเรือใบ กกกกกกก2. 2.21 ทางานอยํางมคี วามสุข กกกกกกก2. 2.20 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ใช๎ หลักการทรงงานข๎อนี้ โดยความสุขในการทางาน สุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี มีจิตใจรักงาน หรือยึดหลักอิทธิบาทสี่ คือ ฉันทะ (ใจรักงาน) วิริยะ (ความเพียร) จิตตะ (เอาใจฝ๓กใฝุ) วิมังสา (ใช๎ป๓ญญาไตรํตรอง) พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํูหัวรัชกาลท่ี 9 ทรงเกษมสาราญและทรงมีความสุข ทกุ คราท่จี ะชํวยเหลือประชาชน ซง่ึ มีพระราชดารสั ครั้งหนง่ึ ความวํา “ทางานกับฉัน ฉันไมํมีอะไรจะให๎ นอกจากการมคี วามสขุ รวํ มกันในการทาประโยชนใ๑ หก๎ บั ผู๎อ่ืน” ภาพทรงเกษมสาราญและมีความสขุ ในการทางาน
110 กกกกกกก2. 2.22 ความเพียร กกกกกกก2. 2.22 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ใช๎ หลักการทรงงานข๎อนี้ โดยทรงรเิ ริม่ ดาเนินงานโครงการตําง ๆ ในระยะแรกท่ีไมํได๎มีความพร๎อมในการ ดาเนินงานมากนัก และทรงใช๎พระราชทรัพย๑สํวนพระองค๑ท้ังส้ิน แตํพระองค๑ก็มิได๎ท๎อพระราชหฤทัย ทรงอดทนและมุํงม่ันดาเนินงาน้ัน ๆ ให๎สาเร็จลุลํวง ดังตัวอยําง พระราชนิพนธ๑ “พระมหาชนก” ซึ่งพระองคท๑ รงใช๎เวลาคํอนข๎างนานในการคิดประดิษฐ๑ถ๎อยคาให๎เข๎าใจงําย และปรับเปล่ียนให๎เข๎ากับ สภาพสังคมป๓จจุบัน เพื่อให๎ประชาชนชาวไทยปฏิบัติตามรอยพระมหาชนก กษัตริย๑ผ๎ูเพียรพยายาม แม๎จะไมํเห็นฝ๓่งก็จะวํายน้าตํอไป เพราะถ๎าไมํเพียรวํายก็จะตกเป็นอาหารปู และไมํได๎พบกับเทวดาที่ ชวํ ยเหลอื มใิ ห๎จมนา้ ภาพทรงมิได๎ทอ๎ พระราชหฤทัย ทรงอดทนและมุงํ มนั่ ทางาน กกกกกกก2. 2.23 ร๎ู รัก สามคั คี กกกกกกก2. 2.23 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ใช๎ หลักการทรงงานขอ๎ นี้ โดยมพี ระราชดารัสในเรื่อง “ร๎ู รัก สามัคคี” มาอยํางตํอเนื่อง ซ่ึงเป็นคาสามคา ท่ีมีคําและมีความหมายลึกซ้ึง พร๎อมทั้งสามารถปรับใช๎ได๎กับทุกยุคทุกสมัย รู๎ : การท่ีเราจะลงมือทา ส่ิงใดนั้นจะต๎องร๎ูเสียกํอน ร๎ูถึงป๓จจัยทั้งหมด ร๎ูถึงป๓ญหาและรู๎ถึงวิธีการแก๎ป๓ญหา รัก : คือ ความรัก เมื่อเรารู๎ครบถว๎ นกระบวนการแล๎ว จะต๎องมีความรักการพิจารณาท่ีจะเข๎าไปลงมือปฏิบัติแก๎ไขป๓ญหา นั้น ๆ สามัคคี : การที่จะลงมือปฏิบัตินั้นควรคานึงเสมอวํา เราจะทางานคนเดียวไมํได๎ ต๎องทางาน รํวมใจเป็นองค๑กร เป็นหมํูคณะจึงจะมีพลังเข๎าไปแก๎ป๓ญหาให๎ลุลํวงไปได๎ด๎วยดี ดังพระราชดารัส ตอนหนึง่ วํา “คนเราถ๎าไมํสามัคคีกัน สํวนรวมกไ็ มไํ ด๎รับประโยชน๑ งานไมไํ ป สํวนตัวกอ็ าจจะเสียหายได๎
111 ภาพความร๎ู รกั สามัคคขี องพสกนิกรชาวไทยทม่ี ตี ํอ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 กกกกกกก2. จากหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 จานวน 23 ข๎อขา๎ งตน๎ เม่ือวิเคราะหใ๑ นสวํ นที่เกี่ยวข๎องกบั คุณธรรมของพลเมืองดี มี 9 ข๎อ ซง่ึ พลเมือง ดีควรนาไปปฏิบัตใิ หเ๎ ปน็ รูปธรรม คือ กกกกกกก2. ข๎อที่ 10 การมีสวํ นรํวม กกกกกกก2. ข๎อที่ 11 ประโยชนส๑ วํ นรวม กกกกกกก2. ข๎อท่ี 12 บริการรวมทจี่ ดุ เดยี ว กกกกกกก2. ขอ๎ ที่ 16 ขาดทนุ คอื กาไร กกกกกกก2. ขอ๎ ที่ 17 การพง่ึ ตนเอง กกกกกกก2. ข๎อท่ี 20 ความซอื่ สัตยส๑ ุจริต จริงใจตํอกัน กกกกกกก2. ขอ๎ ท่ี 21 ทางานอยาํ งมีความสขุ กกกกกกก2. ข๎อที่ 22 ความเพยี ร กกกกกกก2. ข๎อที่ 23 รู๎ รกั สามคั คี
112 เรื่องท่ี 2 แนวทางการปฏบิ ตั ิหนา้ ทีพ่ ลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามหลกั การทรงงาน กกกกกกก2.1 การมสี วํ นรวํ ม กกกกกกก2.1 หน๎าทพ่ี ลเมืองที่ดีมแี นวปฏิบตั ิ คือ ภารกจิ สํวนรวม ทกุ คนควรเขา๎ ไปมีสํวนรํวมคดิ รํวมทาเพื่อให๎ภารกิจน้ันสาเร็จลุลํวง ถึงแม๎วําบางครั้งการคิดของแตํละคนอาจจะไมํตรงกันก็ตาม แตเํ ราต๎องปฏบิ ตั ติ ามถา๎ เป็นมติความคิดเห็นของสํวนใหญํ กกกกกกก2.2 ประโยชนส๑ ํวนรวม กกกกกกก2.1 หนา๎ ทพี่ ลเมืองทด่ี ีมแี นวปฏบิ ัติ คือ จะต๎องมคี วามเสยี สละ ในเร่ืองทีจ่ าเป็น เพ่ือผลประโยชน๑ของสํวนรวม และรักษาไว๎ซึ่งสังคมประชาธิปไตย เป็นการสํงผลตํอความม่ันคง และความก๎าวหน๎าขององค๑กร ซ่ึงสุดท๎ายแล๎วผลประโยชน๑ดังกลําวก็ย๎อนกลับมาสูํสมาชิกของสังคม เชนํ การไปใชส๎ ทิ ธิเลือกตัง้ ถึงแม๎วําเราจะมอี าชีพบางอยํางที่มีรายได๎ตลอดเวลา เชํน ค๎าขาย แตํก็ยอม เสียเวลาค๎าขายเพ่ือไปลงสิทธิเลือกตั้ง บางคร้ังเราต๎องมีน้าใจชํวยเหลือกิจกรรมสํวนรํวม เชํน การสมัครเป็นกรรมการเลือกต้งั หรือสมาคมบาเพญ็ ประโยชนส๑ วํ นรวม เปน็ ต๎น กกกกกกก2.3 บรกิ ารรวมที่จุดเดียว กกกกกกก2.1 หนา๎ ที่พลเมืองที่ดีมีแนวปฏบิ ัติ คือ พลเมืองหลากหลายอาชพี ซึ่งมีความรู๎และ ประสบการณ๑ทีแ่ ตกตาํ งกัน การรวํ มกันแก๎ไขป๓ญหาหรอื การบริการรํวมกนั ณ จุดเดยี วกัน เพ่อื ให๎ สมาชกิ ในสงั คมไดร๎ ับบริการเบด็ เสรจ็ กกกกกกก2.4 ขาดทนุ คือกาไร กกกกกกก2.1 หนา๎ ที่พลเมืองท่ดี มี ีแนวปฏิบตั ิ คือ การเสียสละผลประโยชนท๑ ีต่ นเองจะได๎รบั ใหก๎ บั สํวนรวมแทน เพราะเม่ือสํวนรวมได๎รับผลประโยชน๑ เราในฐานะเป็นสํวนหนึ่งของสมาชิกสังคม ก็ได๎รับผลประโยชนด๑ ว๎ ย กกกกกกก2.5 การพง่ึ ตนเอง กกกกกกก2.1 หนา๎ ทพ่ี ลเมืองท่ีดมี ีแนวปฏิบัติ คือ พยายามพง่ึ ตนเองให๎มากที่สดุ ลดการพึ่งพา ภายนอก จะทาใหส๎ ามารถแก๎ไขป๓ญหาในเบ้อื งต๎นได๎ กกกกกกก2.6 ความซื่อสัตย๑สุจรติ จรงิ ใจตํอกัน กกกกกกก2.1 หนา๎ ทพ่ี ลเมืองทด่ี มี แี นวปฏบิ ตั ิ คือ การปฏิบตั ติ น ทางกาย วาจา จติ ใจ ที่ ตรงไปตรงมา ไมแํ สดงความคดโกง ไมหํ ลอกลวง ไมํเอาเปรยี บผูอ๎ ื่น ลั่นวาจาวาํ จะทางานส่ิงใดก็ต๎อง ทาใหส๎ าเร็จเปน็ อยํางดี ไมกํ ลับกลอก มคี วามจรงิ ใจตํอทกุ คน จนเปน็ ท่ีไวว๎ างใจของคนทกุ คน กกกกกกก2.7 ทางานอยํางมีความสขุ กกกกกกก2.1 หน๎าท่พี ลเมืองทด่ี ีมแี นวปฏบิ ัติ คือ ขณะทางานตอ๎ งมีความสุขดว๎ ย ถ๎าเราทาอยาํ งไมํมี ความสขุ เราจะแพ๎ แตถํ า๎ เรามีความสุข เราจะชนะ สนุกกับการทางานเพียงเทํานั้น ถือวําเราชนะแล๎ว หรอื จะทางานโดยคานงึ ถงึ ความสขุ ทเี่ กดิ จากการได๎ทาประโยชนใ๑ หก๎ บั ผู๎อน่ื กส็ ามารถทาได๎ กกกกกกก2.8 ความเพยี ร กกกกกกก2.1 หน๎าที่พลเมืองที่ดีมีแนวปฏบิ ตั ิ คือ การเร่มิ ต๎นทางาน หรือทาสงิ่ ใดนน้ั อาจไมมํ ีความ พร๎อมแตตํ ๎องอาศัยความอดทนและความมงํุ ม่ัน เพยี รพยายามให๎งานนั้นสาเรจ็ ลุลวํ งไปได๎
113 กกกกกกก2.9 รู๎ รัก สามคั คี กกกกกกก2.1 หนา๎ ทีพ่ ลเมืองท่ีดีมีแนวปฏิบตั ิ คือ ตอ๎ งมคี วามร๎ใู นงานที่ตนเองทาเปน็ อยํางดีกํอน ตํอจากนนั้ ให๎ทางานดว๎ ยความรกั และเม่ือลงมือปฏบิ ัติ ถ๎าทาคนเดียวไมํสาเรจ็ ก็ต๎องใช๎บุคคลอ่ืนมาชํวย ทารวํ มกนั อยาํ งมีความสามคั คี กจิ กรรมท้ายบท กกกกกกกกิจกรรมท่ี 1 กกกกกกกคาช้ีแจง ให๎นกั ศกึ ษาเลือกคาตอบท่ีถูกต๎องท่ีสุดเพียงข๎อเดียวแลว๎ นาไปเขยี นไว๎ในแผํน กระดาษคาตอบที่แจกให๎ กกกกกกก1. หลกั การทรงงานในพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช มีทั้งหมดกีข่ ๎อ กกกกกกก1. ก. 9 ข๎อ กกกกกกก1. ข. 15 ข๎อ กกกกกกก1. ค. 21 ขอ๎ กกกกกกก1. ง. 23 ขอ๎ กกกกกกก2. หลักการทรงงาน ขอ๎ แรกของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช คือข๎อใด กกกกกกก1. ก. ระเบดิ จากข๎างใน กกกกกกก1. ข. ทางานอยาํ งมคี วามสุข กกกกกกก1. ค. ซอื่ สัตย๑ สุจริต จริงใจตํอกนั กกกกกกก1. ง. ศกึ ษาขอ๎ มลู อยํางเปน็ ระบบ กกกกกกก3. ข๎อใดคอื ความหมายของการพง่ึ พา กกกกกกก1. ก. มีความเอ้ือเฟ้อื เผ่ือแผํ กกกกกกก1. ข. มคี วามมน่ั ใจวาํ ตนเองเกํง กกกกกกก1. ค. ขอความชํวยเหลอื เม่ือทาส่ิงน้นั ไมํได๎ กกกกกกก1. ง. พยายามทาทุกอยํางดว๎ ยตนเอง เพื่อสรา๎ งตนเองให๎ม่ันคง กกกกกกก4. เศรษฐกจิ พอเพียงเป็นหลกั ในการดาเนนิ ชวี ิตแบบใด กกกกกกก1. ก. พอเพียง กกกกกกก1. ข. ประหยดั กกกกกกก1. ค. ทางสายกลาง กกกกกกก1. ง. หากินตามธรรมชาติ กกกกกกก5. ขอ๎ ใดคอื หลกั การทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กกกกกกก1. ก. ร๎ู สามคั คี กกกกกกก1. ข. รัก ร๎ู สามัคคี กกกกกกก1. ค. ร๎ู รัก สามัคคี กกกกกกก1. ง. รู๎ เข๎าใจ รกั เข๎าถงึ การพัฒนา
114 กกกกกกกกจิ กรรมท่ี 2 กกกกกกกคาช้แี จง ใหน๎ ักศึกษาจับคโูํ ดยการโยงเสน๎ ข๎อความด๎านตวั เลขกับขอ๎ ความตวั อักษรท่ีมี ความสัมพันธ๑กัน แลว๎ นาคาตอบท่ีได๎ไปเขียนลงในแผนํ กระดาษคาตอบที่แจกให๎ กกกกกกก1. ความเพียร ก. การบาบดั นา้ เสยี โดยใช๎ผกั ตบชวาให๎ กกกกกกก2. ทางานแบบองคร๑ วม ก. ดูดซมึ น้าส่ิงสกปรกปุนเปือ้ นในน้า กกกกกกก3. ใช๎อธรรม ปราบอธรรม ข. ต๎องสรา๎ งความเขม็ แขง็ ให๎คนในชุมชน กกกกกกก4. การพงึ่ พาตนเอง เสียกอํ นแล๎วคํอยออกมาสสํู ังคมภายนอก กกกกกกก5. ระเบดิ จากข๎างใน ค. พระมหาชนก ง. การมองอยํางครบวงจรในการปฏิบัตงิ าน หรอื โครงการจะทรงมองเหตกุ ารณท๑ ี่ เกดิ ขนึ้ และนาแนวทางมาแก๎ไขอยาํ ง เชอื่ มโยง จ. การแก๎ไขป๓ญหาในเบ้ืองตน๎ ดว๎ ยการแก๎ไข ป๓ญหาเฉพาะหน๎า เพ่ือใหม๎ คี วามแข็งแรง พอทีจ่ ะดารงชีวิตไดต๎ ํอไป กกกกกกกกจิ กรรมท่ี 3 กกกกกกกคาชี้แจง ใหน๎ กั ศึกษาเตมิ คาลงในชอํ งวําให๎ถูกต๎องสมบูรณ๑ สัน้ ๆแลว๎ นาคาตอบทไี่ ด๎ไปเขยี น ตอบลงในกระดาษคาตอบที่แจกให๎ กกกกกกก1. ……………………………………….คาสามคา ที่มีคําและมีความหมายลกึ ซึง้ สามารถปรบั ใช๎ไดท๎ ุกยุคทุกสมยั กกกกกกก2. ………………………………….…… ประกอบด๎วย ฉันทะ วริ ิยะ จิตตะ กกกกกกก3. พระมหาชนก เปน็ พระราชนิพนธ๑ ของ...........................…………………………….……………. กกกกกกก4. หนา๎ ที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลักการทรงงานที่เก่ียวข๎องกับ คุณธรรมม.ี ..........ข๎อ กกกกกกก5. เกษตรทฤษฎีใหมขํ ัน้ ต๎น ไดจ๎ ัดสรรพน้ื ที่อยอํู าศยั และทที่ ากินออกเป็น....................สวํ น โดยมอี ตั ราสํวน...................................................................................................................................... กกกกกกก
115 กกกกกกกกิจกรรมท่ี 4 กกกกกกกคาชี้แจง ให๎นกั ศกึ ษาทาเครื่องหมายถูก ( ) หรอื ผดิ () หน๎าข๎อตอํ ไปน้ี โดยนาคาตอบ ทไ่ี ด๎ไปเขยี นตอบลงในแผนํ กระดาษคาคอบท่ีแจกให๎ กกกกกกก………………1. การปลูกหญ๎าแฝกเพอ่ื การอนุรกั ษ๑ดินและฟน้ื ฟูพนื้ ท่ีเสอ่ื มโทรม เปน็ หลักการ ทรงงาน ทาตามลาดับขน้ั ตอนของพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กกกกกกก………………2. การทางานแบบองค๑รวมเป็นการทางานอยํางครบวงจร ในการปฏบิ ตั งิ าน หรอื โครงการจะทรงมองเหตุการณท๑ ่ีจะเกิดขึ้นและนาแนวทางมาแกไ๎ ขอยาํ งเชื่อมโยง กกกกกกก………………3. การทางานโดยยดึ ผลกาไรเป็นหลกั การสาคัญของเศรษฐกิจพอเพียง กกกกกกก………………4. ศนู ยศ๑ กึ ษาการพฒั นาห๎วยทรายอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ จัดเปน็ การ ทางานบรกิ ารท่ีจดุ เดียว กกกกกกก………………5. การปลกู ปุา 3 อยาํ ง ไดป๎ ระโยชน๑ 4 อยําง เปน็ หลกั การทรงงานโดยใช๎ อธรรมปราบอธรรม กกกก
116 บทที่ 6 หนา้ ที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาท รชั กาลท่ี 9 ตามพระราชจรยิ วตั ร และพระราชกรณยี กจิ สาระสาคญั 1. หน๎าทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามพระราชจริยวตั ร ไดแ๎ กํ 1.1 ครอบครวั 1.1.1 ในฐานะบุตร ควรเช่อื ฟ๓งคาสงั่ สอนของบิดามารดาโดยเฉพาะในเร่ืองของ ความรบั ผิดชอบ ควรมีการนาไปปฏิบัติอยาํ งเครํงครัด นอกจากนใี้ นฐานะบุตรต๎องมีความกตัญ๒ตู ํอ บดิ ามารดา และควรแสดงความรกั เคารพตํอบดิ มารดาอยํางสม่าเสมอ 1.1.2 ในฐานะพํอ ต๎องอบรมส่ังสอนบุตรใหเ๎ ป็นคนดีมีความเสยี สละ รับผิดชอบ หน๎าที่ที่ต๎องปฏิบัติให๎ดี โดยเฉพาะในวัยเยาว๑ต๎องตั้งใจศึกษาเลําเรียนและทางานท่ีพํอแมํหรือ ครูมอบหมายให๎ทาเป็นอยํางดี นอกจากน้ีพํอแมํต๎องสํงเสริมให๎บุตรได๎ออกกาลังกาย เพื่อให๎รํางกาย แข็งแรง ใช๎เวลาวํางให๎เป็นประโยชน๑ รวมถึงแนะนาสํงเสริมให๎บุตรได๎เรียนร๎ู ศิลปะ ดนตรี เพื่อขัดเกลาจติ ใจให๎อํอนโยน 1.1.3 ในฐานะสามี ต๎องเปน็ สภุ าพบรุ ุษตอ๎ งใหเ๎ กียรติสุภาพสตรี ดแู ลคคูํ รองดว๎ ย ความรกั ให๎เกยี รติกนั และกัน เม่อื พบปญ๓ หาต๎องรวํ มกันตดั สนิ ใจแก๎ไขป๓ญหาอยํางต้ังมน่ั ในความ ซ่ือสัตยส๑ ุจริตและความปรารถนาดี 1.1.4 ในฐานะผน๎ู าครอบครวั ต๎องเป็นแบบอยาํ งในการปฏิบตั ิได๎ ปฏบิ ัติชอบ ใหบ๎ ตุ รไดเ๎ ห็นและทาตาม รวมถงึ สั่งสอนใหบ๎ ุตรทางานทเ่ี ป็นบทบาทของตวั เองใหด๎ ีทสี่ ุด 1.2 ความอํอนน๎อมถํอมตวั ได๎แกํ 1.2.1 กับประชาชน ต๎องไมํถือตัวเปน็ คนสมถะและเรียบงํายไมํวําจะอยทูํ ่ีไหนก็ อยํไู ด๎ไมสํ ร๎างเดือดเน้ือรอ๎ นใจ และสรา๎ งความลาบากให๎ผูอ๎ ื่น ให๎เกียรติบุคคลอ่ืนทัง้ ทส่ี งู กวําหรือตา่ กวาํ ดว๎ ยการเคารพศักด์ิศรคี วามเป็นมนุษย๑ของบุคคลนน้ั 1.2.2 กับพระสงฆ๑ เมื่อพบพระสงฆค๑ วรยกมอื ไหว๎ เพ่ือแสดงความเคารพ ในฐานะ ทพี่ ระสงฆเ๑ ปน็ ผู๎สืบทอดพระพุทธศาสนาใหค๎ งอยูํคํูกับคนไทย 1.2.3 กบั พระประยูรญาติ ต๎องดูแลญาติพน่ี ๎องและให๎ความเคารพญาตผิ ๎ูใหญํดว๎ ย ความอํอนนอ๎ มสภุ าพ 2. หน๎าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามพระราชกรณยี กจิ 2.1 โรงเรยี น ถา๎ พลเมืองมฐี านะหรือมเี งนิ เหลือเก็บกส็ ามารถสงเคราะหเ๑ งินดังกลาํ ว สนับสนุนกิจการการศึกษาของโรงเรียนหรือสถานบันการศึกษาในชุมชนที่ตัวเองเป็นสมาชิกอยํู ในกรณีท่ไี มํมเี งินสามารถชํวยเหลอื ด๎านแรงกายกบั ภารกจิ ทีโ่ รงเรยี นตอ๎ งการใหช๎ วํ ยเหลือก็ได๎ 2.2 ท๎องถ่นิ ต๎องมสี ํวนรํวมในการพฒั นาทอ๎ งถ่นิ ของตัวเองทกุ ด๎าน ทงั้ ด๎านแรงกายหรือ เงินตามโอกาสอนั ควร
117 2.3 ประเทศ พระราชกรณียกจิ ของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ที่เก่ียวข๎องกับการพัฒนาระดับประเทศ ได๎แกํ ศูนย๑ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจาก พระราชดาริ จานวน 6 แหํง คือ (1) ศูนย๑ศึกษาการพัฒนาห๎วยฮํองไคร๎อันเน่ืองมาจากพระราชดาริ จังหวัดเชียงใหมํ ต้ังอยูํในภาคเหนือ (2) ศูนย๑ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดาริ จังหวัดสกลนคร ตั้งอยูํในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (3) ศูนย๑ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ๎อน อันเน่ืองมาจากพระราชดาริจังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งอยํูในภาคตะวันออก (4) ศูนย๑ศึกษาการพัฒนา อําวค๎ุงกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดาริจงั หวัดจันทบุรี ตั้งอยูํในภาคตะวันออก (5) ศูนย๑ศึกษาการ พัฒนาห๎วยทรายอันเน่ืองมาจากพระราชดาริจังหวัดเพชรบุรี ตั้งอยํูในภาคตะวันตก และ (6) ศูนยศ๑ ึกษาการพฒั นาพกิ ุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดาริจงั หวดั นราธวิ าส ตั้งอยํูในภาคใต๎ 2.4 โลก 2.4 1) พระราชกรณยี กิจด๎านการเจรญิ พระราชไมตรีพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ใหค๎ วามสาคัญกับการเจริญพระราชไมตรีกับประเทศเพื่อนบา๎ น และนานาประเทศในโลก พระองคไ๑ ด๎เสด็จเจรญิ พระราชไมตรีกบั ตาํ งประเทศถึงจานวน 31 คร้ัง 2.4 2) นานาประเทศไดน๎ ๎อมนาพระราชกรณยี กิจ นาไปใชใ๎ นการแก๎ไขป๓ญหาหรอื พัฒนาประเทศ ผลการเรยี นรูท้ ีค่ าดหวงั 1. วิเคราะหห๑ นา๎ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชจรยิ วัตร และ พระราชกรณียกิจ ในสถานการณท๑ ก่ี าหนดให๎ได๎ 2. ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของหนา๎ ทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชจรยิ วตั ร และพระราชกรณียกิจ ขอบขา่ ยเนื้อหา 1. เร่ืองท่ี 1. หน๎าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชจรยิ วตั ร 2. เรอ่ื งท่ี 2. หน๎าท่พี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชกรณยี กจิ ส่อื และประกอบการเรียน 1. สอ่ื เอกสาร ไดแ๎ กํ 1. 1.1 ชื่อหนังสอื ธรรมดีทพ่ี ํอทา ผู๎แตํง ดนัย จนั ทร๑เจ๎าฉาย ปี 2555 สานักพิมพ๑ดีเอ็มจี 1. 1.2 ชื่อหนังสอื 32 ปี ผลสาเร็จศูนยศ๑ ึกษาการพัฒนาอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ ผู๎แตํง สานักงานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ (สานักงาน ก.พ.ร.) ปี 2555 สานกั พิมพ๑ บรษิ ัท จุดทอง จากัด 1. 1.3 ชอ่ื หนงั สือ ร๎อยเรือ่ งเลํา : เกรด็ การทรงงาน ผ๎แู ตํง สานักงานคณะกรรมการ พัฒนาระบบราชการ (สานกั งาน ก.พ.ร.) ปี 2557 สานกั พิมพ๑ บจก. สขุ ุมวทิ มเี ดยี มาร๑เก็ตต้ิง
118 2. ส่อื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส๑ ไดแ๎ กํ 1. 2.1 ส่อื บทความ “89 เร่ืองของในหลวง แรงบนั ดาลใจของพสกนิกรไทยท้งั ชาติ” ผแ๎ู ตํง นติ ยสารแพรว สบื ค๎นจาก http://www.praew.com/60005/king-of- thailand/inspiration-89-story-thailands-king-bhumibol 1. 2.2 ชือ่ บทความ ศนู ย๑ศึกษาการพฒั นาอันเนื่องมาจากพระราชดาริ ผ๎ูแตงํ ศนู ยศ๑ ึกษา การพัฒนาฯ-สานกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพือ่ ประสานงานโครงการอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ (สานกั งาน กปร.) สบื ค๎นจาก http://www.rdpb.go.th/StudyCenter 1. 2.3 ชอื่ บทความ “ศนู ย๑ศึกษาการพัฒนาอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ” ผ๎ูแตงํ สรรพ ศิลปศาสตราธิราช ศนู ย๑ศกึ ษาการพฒั นาอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ สบื คน๎ จาก https://web.ku.ac.th/king72/center/center.htm 3. สือ่ แหลํงเรียนรูใ๎ นชุมชน ได๎แกํ 3. 3.1 หอ๎ งสมดุ ประชาชนจงั หวดั ประจวบครี ีขันธ๑ 3. 3.2 พพิ ิธภัณฑ๑จังหวดั ประจวบครี ีขนั ธ๑ 3. 3.3 กศน.ตาบล/เทศบาลทุกแหํงและศรช. 3. 3.4 ศูนย๑วิจยั และพัฒนาประมงชายฝ๓ง่ ประจวบครี ีขนั ธ๑ เรอื่ งที่ 1 หนา้ ท่ีพลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามพระราชจริยวตั ร กกกกกกก1. ครอบครัว กกกกกกก1. 1.1 ในฐานะบุตร (พระโอรส) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ในฐานะเป็นบุตร (พระโอรส) ทรงเช่ือฟ๓งในคาส่ังสอนของสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี เป็นอยํางย่ิง ทรงจดบันทึกคาส่ังสอนแล๎วนามาปฏิบัติ ดังพระราโชวาทหน่ึงที่มีความวํา “ในครอบครัวเรา ความรับผิดชอบเป็นของที่ไมํต๎องคิด เป็นธรรมชาติ สิ่งที่สอนอันแรกคือ เราจะทา อะไรให๎เมืองไทย ถ๎าไมํมีความรับผิดชอบจะไปชํวยเมืองไทยได๎อยํางไร” ในทุกครั้งท่ีสมเด็จยําหรือ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ตรัสสอนไมํวําเรื่องใด ในหลวงจะทรงนากระดาษมาจดและ มีพระราชดารัสตอบวํา “อยากฟ๓งแมํสอนอีก” อยํูเสมอ นอกจากน้ีพสกนิกรชาวไทยยังได๎เห็นภาพ ความประทับใจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎แสดงความรัก ความกตัญ๒ู ด๎วยการเอาใจใสํดูแลให๎สมเด็จยําได๎รับความสะดวกสบายอยูํเป็นนิจ รวมถึงภาพ แสดงออกถึงความรักท่ีมีตํอสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นที่ประจักษ๑อยํางตํอเนื่อง สม่าเสมอทกุ คร้ังที่ได๎พบกับสมเดจ็ พระศรีนครนิ ทราบรมราชชนนี
119 ภาพทรงจดและจาทุกครงั้ ทส่ี มเดจ็ พระชนนสี อน ภาพทรงดูแลเอาพระทัยใสํสมเด็จพระชนนีด๎วยความเต็มใจ ภาพในฐานะลกู ทรงกอด หอม และบอกรกั แมทํ ุกคร้ัง กกกกกกก1. หน๎าทพ่ี ลเมืองทด่ี ี มีแนวปฏบิ ัติ ในฐานะลูก ควรเชื่อฟ๓งคาส่งั สอนของบิดามารดา โดยเฉพาะในเรือ่ งของความรับผิดชอบ ควรมกี ารนาไปปฏิบตั อิ ยํางเครํงครดั นอกจากน้ใี นฐานะบตุ ร ตอ๎ งมีความกตัญ๒ตู ํอบดิ ามารดา และควรแสดงความรักเคารพตอํ บดิ ามารดาอยาํ งสม่าเสมอ
120 กกกกกกก1. 1.2 ในฐานะพํอ (พระราชบดิ า) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงอ๎ุมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไว๎ในอ๎อมพระกรข๎างหนึ่ง อีกข๎างหน่ึงทรงอิเล็กโทน พระราชนิพนธ๑เพลง LULLABY และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 โปรดให๎พระราชโอรส พระราชธดิ าทอดพระเนตรโทรทัศน๑เฉพาะวันหยุด เรยี น สํวนวนั หยดุ โปรดใหเ๎ สด็จออกกลางแจ๎งเพื่อรับอากาศบริสุทธ์ิ รับแสงแดด และเม่ือถึงเวลาออก กาลังกาย สมเดจ็ พระนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 โปรดให๎พระราชโอรส พระราชธิดา หัดกายบริหาร เมื่อมีเวลาวํางท้ังสองพระองค๑ทรงพาพระราชโอรส และพระราชธิดานั่งรถไปพักผํอน ดังท่ี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร รัชกาลท่ี 10 ทรงเลําวํา “เมื่อทูลกระหมํอม พํอขับรถไป สมเด็จแมํก็จะทรงเลําประสบการณ๑ท่ีพระองค๑ได๎พบเห็นในตํางประเทศ ในตํางแดน ทรงเลําถึงพระองค๑เองเม่ือคร้ังทรงพระเยาว๑ เม่ือติดตามทํานพํอของพระองค๑ซ่ึงเสด็จไปเป็นทูตไทย ประจาประเทศตาํ ง ๆ ในยุโรป ตลอดเวลาท่ีลกู ๆ ไดฟ๎ ๓งกต็ ่ืนเตน๎ กันมาก” ภาพทรงอภิบาลพระราชโอรส (สมเด็จพระเจา๎ อยหํู ัวมหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกูร รัชกาลท่ี 10) ภาพทรงอุ๎มและทรงจบั พระหัตถพ๑ ระราชธดิ า พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 แมม๎ ีพระราชกรณียกจิ มากมายและทรงงานอยํางหนัก แตํพระองค๑ทรงอบรมดูแลพระราชโอรส และพระราชธิดา ท้ัง 4 พระองค๑ด๎วยความรัก โดยมีพระราชประสงค๑ในการอบรมทุกพระองค๑ให๎ร๎ูจักชีวิตของคนสามัญ
121 มากทส่ี ดุ ไมทํ รงต๎องการให๎พระราชโอรส พระราชธิดาถือตัววําเป็นลูกเจ๎า ดังพระราชดารัสในสมเด็จ พระนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ได๎พระราชทานให๎แกํคณะบุคคลตําง ๆ ท่ีมาเข๎าเฝูาฯ ถวาย พระพรชยั มงคลในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต เม่ือวันท่ี 12 สิงหาคม พ.ศ. 2522 ความวํา “พระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํูหัวทรงสอนลูก ๆ ทุกคน สอนข๎าพเจ๎า กํอน และก็สอนลูกวํา เม่ือคนเขายกยํองนับถือให๎เป็นประมุขเทําไร เราต๎องร๎ูสึกวําเราต๎องทางานให๎ หนักกวาํ ทุกคน ตอ๎ งมีความรบั ผิดชอบ มคี วามเสียสละ ขอ๎ สาคัญเป็นคนดีให๎ร๎ูจักเสียสละ ย่ิงเกิดมาใน ตาแหนํงของลูกของประมุขแล๎วก็ยิ่งต๎องเสียสละมากข้ึน ต๎องท้ังเรียน และต๎องทางานไปด๎วย และก็ตอ๎ งพยายามทาใหไ๎ ด๎ดี” นอกจากน้ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ยงั ได๎ทรงสงั่ สอนปลูกฝง๓ ใหพ๎ ระราชโอรส และพระราชธิดาให๎ไดเ๎ รียนรู๎เร่อื งศิลปะ ดนตรี การออกกาลังกาย การใช๎ เวลาวาํ งใหเ๎ ป็นประโยชนจ๑ ากประสบการณ๑ท่พี ระองคไ๑ ดพ๎ บเหน็ ในตาํ งประเทศ โดยมีสมเด็จนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลท่ี 9 ทรงเป็นผู๎รํวมถํายทอดประสบการณ๑ของพระองค๑ทํานให๎ พระราชโอรส และพระราชธิดาได๎ทรงรับฟ๓ง ดังที่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (รัชกาลท่ี10) ทรงเลําวํา “เมื่อทูลกระหมํอมพํอขับรถไป สมเด็จแมํก็จะทรงเลําประสบการณ๑ที่ พระองค๑ได๎พบเห็นในตํางประเทศ ในตํางแดน ทรงเลําถึงพระองค๑เอง เมื่อครั้งทรงพระเยาว๑ เมื่อ ติดตามทํานพํอของพระองค๑ซ่ึงเสด็จไปเป็นทูตไทยประจาประเทศตําง ๆ ในยุโรป ตลอดเวลาที่ลูก ๆ ได๎ฟ๓งก็ตื่นเต๎นกันมาก” และดังภาพท่ีพสกนิกรได๎เห็นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย เดช รัชกาลท่ี 9 ทรงอ๎ุมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไว๎ในอ๎อมพระกรข๎างหนึ่ง อีกข๎างหน่ึงทรงอิเล็กโทน เพลงพระราชนิพนธ๑ LULLABY และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิ พลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 โปรดให๎พระราชโอรส พระราชธิดาทอดพระเนตรโทรทัศน๑เฉพาะวันหยุด เรียน สวํ นวันหยุด โปรดให๎เสด็จออกกลางแจ๎งเพื่อรับอากาศบริสุทธ์ิ รับแสงแดดและเมื่อถึงเวลาออก กาลังกาย สมเดจ็ พระนางเจา๎ ฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลท่ี 9 โปรดให๎พระราชโอรส พระราชธิดา หดั กายบรหิ าร เมอ่ื มีเวลาวํางท้งั สองพระองคท๑ รงพาพระราชโอรส และพระราชธิดานงั่ รถไปพักผอํ น ภาพทรงสอนพระราชธิดาให๎ร๎ูจักชวี ิตของคนสามญั มากท่สี ดุ กกกกกกก1. หน๎าทพี่ ลเมืองทด่ี ี มีแนวปฏิบตั ิ ตอ๎ งอบรมส่ังสอนบุตรให๎เป็นคนดมี ีความเสยี สละ รับผิดชอบหน๎าที่ที่ต๎องปฏิบัติให๎ดี โดยเฉพาะในวัยเยาว๑ต๎องต้ังใจศึกษาเลําเรียนและทางานท่ีพํอแมํ หรือครูมอบหมายให๎ทาเป็นอยํางดี นอกจากน้ีพํอแมํต๎องสํงเสริมให๎บุตรได๎ออกกาลังกาย เพื่อให๎
122 รํางกายแข็งแรง ใช๎เวลาวํางให๎เป็นประโยชน๑ รวมถึงแนะนาสํงเสริมให๎บุตรได๎เรียนร๎ู ศิลปะ ดนตรี เพ่อื ขดั เกลาจติ ใจให๎อํอนโยน กกกกกกก1. 1.3 ในฐานะสามี (พระสวามี) พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ในฐานะพระสวามสี มเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงให๎เกียรติ ตั้งแตํวันที่มีพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสโปรดให๎มีการจดทะเบียนสมรส นอกจากนี้ยังทรงดูแลใน ฐานะสามตี ๎องดแู ลภรรยา เม่ือปฏิบตั งิ าน หรือปฏบิ ัติพระราชกรณียกิจเย่ยี มราษฎร ภาพท่ีพสกนิกรได๎ พบเห็นมักจะเป็นภาพท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ยืนพระกร (แขน) หรือพระหัตถ๑ (มือ) ให๎สมเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ได๎จับขณะทรง เดินไปในท่ีตําง ๆ ของแผํนดินไทย รวมถึงการให๎เกียรติในฐานะภรรยา เมื่อมีพระราชอาคันตุกะได๎ เขา๎ เฝาู พสกนกิ รมกั ทรงไดเ๎ ห็นภาพใหส๎ มเด็จพระนางเจา๎ ฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลท่ี 9 น่ังเคียง ขา๎ งหรอื ทรงประทับยืนเคียงคํูกนั ปฏบิ ัติพระราชกรณียกจิ ตลอดจนบางคร้ังท้ังสองพระองค๑สัมผัสพระ หัตถใ๑ หก๎ าลังพระราชหฤทยั ซงึ่ กันและกันด๎วย ภาพวนั พระราชพธิ รี าชาภิเษกสมรส ภาพใบทะเบียนสมรส
123 ภาพทรงเป็นสภุ าพบรุ ุษ ดแู ลสภุ าพสตรี ภาพขณะทรงต๎อนรบั พระราชอาคนั ตุกะรวํ มกบั สมเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรมราชนิ ีนาถ ภาพแสดงความรักท่มี ีให๎กบั สมเด็จพระนางเจา๎ ฯ พระบรมราชินีนาถ กกกกกกก1. หน๎าทีพ่ ลเมืองท่ดี ี มแี นวปฏิบตั ิ โดยสามีในฐานะเป็นสุภาพบุรุษต๎องให๎เกียรตสิ ุภาพสตรี ดูแลคํูครองด๎วยความรัก ให๎เกียรติกันและกัน เม่ือพบป๓ญหาต๎องรํวมกันตัดสินใจแก๎ไขป๓ญหาอยําง ตง้ั มัน่ ในความซอื่ สัตยส๑ จุ ริตและความปรารถนาดี
124 กกกกกกก1. 1.4 ในฐานะผ๎ูนาครอบครัว พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาล ท่ี 9 ได๎ทรงเป็นผู๎นาครอบครัวที่ดี พระองค๑ทรงเป็นแบบอยํางให๎ สมเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรมราชนิ ีนาถในรชั กาลที่ 9 พระราชโอรส และพระราชธิดาในการทรงงานเพ่ือประโยชน๑สุขของ พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด นอกจากน้ีพระองค๑ยังได๎ทรงสั่งสอนทุกพระองค๑ให๎ทรงงานด๎วยความ มํุงม่ัน เสียสละ และชํวยพสกนิกรให๎พ๎นจากความทุกข๑ยากลาบาก พสกนิกรจึงได๎เห็นทุกพระองค๑ได๎ รํวมกันทางาน บาบัดทุกข๑บารุงสุขให๎กับราษฎรมาอยํางตํอเนื่อง นอกจากนี้พระองค๑ทํานยังได๎ทรง ประทานพระราโชวาทให๎กับประชาชนอยํางตํอเน่ืองในฐานะผ๎ูนาครอบครัวของชนชาวไทย เพ่ือให๎ สามารถดาเนินชีวติ ได๎อยํางมคี วามสุข ภาพพระบรมวงศานวุ งศ๑ ภาพทรงขับรถไถนากบั สมเดจ็ พระเจา๎ อยํหู วั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู รัชกาลที่ 10
125 ภาพทรงสอนสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี . ภาพทูลกระหมอํ มหญงิ อบุ ลรัชราชกญั ญา สิริวฒั นาพรรณวดี ทรงไดร๎ บั การดูแลใกล๎ชิดจากพระราชบดิ า ภาพสมเด็จพระเจ๎าลกู เธอ เจ๎าฟูาจุฬาภรณวลยั ลักษณ๑ อัครราชกมุ ารี ทรงไดร๎ ับการดูแลใกลช๎ ิดจากพระราชบดิ า
126 ภาพทรงปฏบิ ัตพิ ระราชกรณียกิจกับครอบครวั กกกกกกก1. หนา๎ ที่พลเมืองท่ดี ี มแี นวปฏบิ ัติ ในฐานะผู๎นาครอบครัว ต๎องเป็นแบบอยํางในการ ปฏบิ ตั ดิ ี ปฏิบตั ชิ อบ ให๎บตุ รไดเ๎ หน็ และทาตาม รวมถึงสงั่ สอนให๎บุตรทางานที่เป็นบทบาทของตวั เอง ใหด๎ ที ่ีสุด กกกกกกก2. ความอํอนน๎อมถํอมตัว กกกกกกก2. 2.1 กบั ประชาชน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดเ๎ สด็จฯ เยยี่ มราษฎร ภาพที่พสกนิกรเห็นคุ๎นตาเสมอ คือ พระองค๑ทรงโน๎มพระวรกายหาประชาชน ด๎วยการคุกเขําหน๎าประชาชน ถามทุกข๑สุข ปรึกษาหารือกับประชาชนเป็นชั่วโมง ๆ บางครั้ง ประชาชนน่ังพับเพียบ พระองค๑ทํานก็ทรุดพระวรกายนั่งพับเพียบเสมอบนพ้ืนดินเดียวกันอยําง เรียบงําย พระองค๑ทรงมีความอํอนน๎อมถํอมตัวกับผู๎รํวมงาน ดังภาพที่พสกนิกรได๎พบเห็น พระองค๑ทํานจะทรงประทับกับพ้ืนดินหรือพ้ืนห๎องทางานโดยมีคณะทางานนั่งล๎อมวงเฝูาอยํางไมํถือ พระองค๑ ไมํตอ๎ งมีโตะ๏ เก๎าอ้ี กกกกกกก2. 2.1 นอกจากน้ีพระองค๑ยังทรงให๎คาแนะนากับคณะทางาน โดยเฉพาะกับ แพทย๑ไดท๎ รงแนะนาผู๎ปวุ ย หรอื ญาตผิ ปู๎ วุ ยอยํางสภุ าพอํอนนอ๎ ม เพ่ือชํวยลดป๓ญหาการขัดแย๎งระหวาํ ง ผป๎ู ุวย หรอื ญาติผ๎ูปุวยกบั แพทยใ๑ ห๎การรกั ษา สะท๎อนให๎เห็นวาํ พระองค๑ทรงเป็นผทู๎ มี่ ีความอํอนนอ๎ ม ถอํ มตวั อยาํ งแทจ๎ ริงทง้ั ๆ ท่ีพระองคเ๑ ปน็ ถึงองค๑พระประมขุ ของชาติ ภาพพระองคท๑ รงโน๎มพระวรกายลงไปหาประชาชน
127 ภาพทรงคุกเขาํ หนา๎ ประชาชน ภาพทรงพูดคุยกับประชาชนอยาํ งเรียบงํายเป็นกันเอง ภาพทรงใหค๎ าแนะนากบั แพทยท๑ รี่ กั ษาคนไข๎ กกกกกกก2. 2.1 หน๎าที่พลเมอื งท่ีดี มแี นวปฏิบตั ิ ไมํถอื ตัวเป็นคนสมถะและเรยี บงาํ ยไมํวําจะอยํูท่ี ไหนก็อยไูํ ด๎ไมํสรา๎ งเดือดเน้ือร๎อนใจ และสรา๎ งความลาบากใหผ๎ ู๎อืน่ ให๎เกียรตบิ ุคคลอ่นื ทัง้ ทส่ี ูงกวําหรอื ต่ากวาํ ด๎วยการเคารพศักด์ศิ รีความเป็นมนษุ ย๑ของบุคคลน้ัน
128 2.2 กบั พระสงฆ๑ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 พระองค๑ ทรงเป่ียมไปด๎วยพระราชจริยวัตรท่ีสุขุมคัมภีรภาพ มีพระราชปฏิสันถารกับพสกนิกรอยํางเป็นกันเอง และไมํทรงถือพระองค๑ ถึงแม๎บุคคลผ๎ูน้ันจะตํางช้ันชน หรือมีฐานะยากจนสักเพียงไร โดยเฉพาะอยําง ยิ่งพระภิกษุสงฆ๑ หรือนักบวชในแตํละศาสนา พระองค๑จะทรงให๎เกียรติเป็นอยํางมาก ดังเชํน ตอนท่ี องค๑กรพทุ ธศาสนาฝุายฆราวาสในประเทศไทย ได๎นิมนต๑ภิกษุสงฆ๑จากตํางประเทศเข๎ามาถวายพระพร ในพิธีนี้พระเถระช้ันผ๎ูใหญํเข๎ามาเป็นประธานในพิธีด๎วย กลําวคือ สมเด็จพระญาณสังวรและสมเด็จ พระมหาวีรวงศ๑ ทาํ มกลางเถรานุเถระมากมาย พระองค๑ทรงพระดาเนนิ เข๎าไปตรงที่ประทับของสมเด็จ พระสังฆราช พรอ๎ มทรงคุกเขาํ ลงนมัสการ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการ เถรานุเถระทั้งหลายตํางสรรเสริญ ช่ืนชมในพระราชจริยวัตรอันอํอนโยนวํา “เกิดมาไมํเคยเห็นพระเจ๎าแผํนดินท่ีทรุดพระองค๑ลงกราบ พระภิกษุ ที่บ๎านเมืองเขาไมํเคยเหน็ เปน็ ทป่ี ระทับใจมาก” ภาพทรงสุภาพออํ นโยนกบั พระภกิ ษุเป็นอยํางมาก ภาพทรงกราบพระภกิ ษุ
129 ภาพพระองค๑ทรงเปย่ี มไปด๎วยพระราชจริยวตั รทสี่ ุภาพอํอนโยน หนา๎ ทพี่ ลเมืองที่ดี มีแนวปฏิบตั ิ เมือ่ พบพระสงฆ๑ควรยกมือไหว๎ เพื่อแสดงความเคารพ ในฐานะที่พระสงฆเ๑ ป็นผู๎สืบทอดพระพุทธศาสนาให๎คงอยํูคํูกบั คนไทย 2.3 กบั พระประยูรญาติ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงให๎ความเคารพพระประยรู ญาติชน้ั ผใู๎ หญํเปน็ อยาํ งมาก ดงั ที่พสกนิกรเคยพบเหน็ ดังภาพ สมเด็จ พระพันวสาอยั ยกิ าเจ๎า พระเจ๎าบรมวงศ๑เธอ พระองค๑เจ๎าวาปีบษุ บากร สมเด็จพระเจ๎าพีน่ างเธอ สมเด็จพระเจ๎าภคนิ ีเธอ เจา๎ ฟูาเพชรรัตนราชสุดา สริ ิโสภาพัณณวดี ในฐานะพระประยรู ญาตชิ ัน้ ผ๎ูใหญํ และ เจา๎ ฟาู กลั ยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครนิ ทร๑ ภาพทรงกราบพระพนั วสั สาอัยยิกาเจ๎าในฐานะพระประยูรญาติชั้นผูใ๎ หญํ ภาพทรงเข๎าพบพระองคเ๑ จ๎าวาปบี ุษบากรด๎วยความนอบน๎อม
130 ภาพสมเดจ็ พระเจา๎ พ่นี างเธอ เจา๎ ฟูากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร๑ หนา๎ ท่พี ลเมืองที่ดี มแี นวปฏบิ ัติ ดแู ลญาตพิ ่นี ๎องและให๎ความเคารพญาตผิ ๎ูใหญดํ ว๎ ย ความอํอนนอ๎ มสุภาพ เรือ่ งที่ 2 หนา้ ที่พลเมอื งตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามพระราชกรณยี กิจ 1. โรงเรยี น 1.1 โรงเรียนในพระบรมราชปู ถัมภ๑ เปน็ โรงเรียนท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทร มหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงให๎การอุปถัมป์ในด๎านตําง ๆ เชํน ทรงพระราชทาน พระราชทรัพย๑ชํวยเหลือ ให๎คาแนะนา รวมท้ังเสด็จพระราชดาเนินไปเย่ียมเยียน และพระราชทาน พระบรมราโชวาท เพื่อสนับสนุน และเป็นกาลังใจแกํครูและนักเรียนของโรงเรียน โรงเรียนใน พระบรมราชูปถัมภ๑ มีทั้งโรงเรียนรัฐบาล และโรงเรียนเอกชน ได๎แกํ 1) โรงเรียนจิตรลดา 2 ) โ ร ง เ รี ย น ร า ช วิ นิ ต 3 ) โ ร ง เ รี ย น วั ง ไ ก ล กั ง ว ล 4 ) โ ร ง เ รี ย น ร า ช ป ร ะ ช า ส ม า สั ย 5) โรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ๑ 6) โรงเรียนเพื่อลูกหลานชนบท 7) โรงเรียนรํมเกล๎า 8) โรงเรียนสงเคราะหเ๑ ด็กยากจน และ 9) โรงเรียนท่ีต๎องการความชํวยเหลือตาม ความจาเปน็ เรงํ ดวํ น ภาพโรงเรียนวังไกลกังวล อาเภอหัวหนิ จังหวดั ประจวบคีรขี นั ธ๑
131 ภาพทรงพระราชดาเนินไปเย่ียมเยยี นและทรงพระราชทานพระบรมราโชวาท ภาพการศึกษาดว๎ ยระบบทางไกลผํานดาวเทยี ม (ครตู ู๎) 1.2 ทนุ การศึกษาพระราชทาน พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงทราบดีวําเด็กและเยาวชนของไทยมิได๎ขาดสติป๓ญญา หากแตํด๎อยโอกาสและขาดทุน ทรัพย๑สาหรับการศึกษา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล๎าโปรดกระหมํอมพระราชทานพระราชทรัพย๑ สํวนพระองค๑ เพื่อกํอต้ังกองทุนการศึกษาหลายชั้นหลายทุน ต้ังแตํระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อุดมศึกษา และนิสิตนักศึกษา ได๎แกํ 1) ทุนมูลนิธิอานันทมหิดล 2) ทุนเลําเรียนหลวง 3) ทุนมูลนิธิ ภูมิพล 4) ทุนการศึกษาสงเคราะห๑ในมูลนิธิราชประชานุเคราะห๑ 5) ทุนมูลนิธิราชประชาสมาสัยใน พระบรมราชูปถัมภ๑ 6) มลู นิธิโรงเรียนราชประชาสมาสยั 7) ทนุ นวฤกษ๑ และ 8) ทุนการศึกษาพระราชทานแกนํ ักเรียนเฉพาะกรณี
132 ภาพทรงพระราชทานทุนการศกึ ษา ภาพทรงพระราชทานอปุ กรณ๑การเรียน 1.3 โครงการสารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน เริ่มดาเนินงานเมื่อปี พ.ศ. 2551 โดย คณะกรรมการผ๎ูทรงคุณวุฒิในสาขาวิชาตําง ๆ เพื่อเป็นการสนองพระราชดาริของพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ป๓จจุบันโครงการสารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน ได๎จัดทาหนังสือสารานุกรมไทยที่บรรจุความรู๎ใน 7 สาขาวิชา คือ 1) วิทยาศาสตร๑ 2) เทคโนโลยี 3) สงั คมศาสตร๑ 4) มนุษยศาสตร๑ 5) เกษตรศาสตร๑ 6) แพทยศาสตร๑ และ 7) คณิตศาสตร๑ โดยแตํละ เลํมได๎จัดแบํงเน้ือหาของแตํละเรื่องออกเป็นสามระดับ เพ่ือท่ีจะให๎เยาวชนสามารถศึกษาค๎นคว๎าหา ความรู๎ได๎ตามพืน้ ฐานของตวั ภาพสารานุกรมไทยสาหรบั เยาวชน
133 1.4 พธิ พี ระราชทานปริญญาบตั รแกผํ ส๎ู าเรจ็ การศึกษาในทุก ๆ ปี พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 สมเด็จพระนางเจ๎าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรม วงศานุวงศ๑ จะเสด็จพระราชดาเนินไปยังสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เพ่ือพระราชทานปริญญาบัตรแกํ ผู๎สาเร็จการศึกษา แม๎พระราชกรณียกิจน้ีจะเป็นภาระแกํพระองค๑ และพระบรมวงศานุวงศ๑มาก แตํพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ก็มีพระราชกระแสรับสั่งให๎คงพิธี พระราชทานปริญญาบัตร ในป๓จจุบันมีมหาวิทยาลัยเอกชนเพ่ิมขึ้นเป็นจานวนมาก จึงทรงพระกรุณา โปรดเกลา๎ โปรดกระหมอํ มให๎พระบรมวงศานุวงศเ๑ สด็จพระราชทานแทนพระองค๑ (เฉพาะมหาวทิ ยาลยั เอกชน) ภาพพระราชทานปริญญาบัตร หน๎าท่ีพลเมืองท่ีดี มีแนวปฏิบตั ิ ถา๎ พลเมืองมีฐานะ หรือมีเงินเหลอื เก็บก็สามารถ สงเคราะหเ๑ งนิ ดังกลาํ ว สนับสนนุ กจิ การการศกึ ษาของโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาในชุมชนท่ีตัวเอง เป็นสมาชิกอยูํ ในกรณีท่ีไมํมีเงินสามารถชํวยเหลือด๎านแรงกายกับภารกิจท่ีโรงเรียนต๎องการให๎ ชํวยเหลอื กไ็ ด๎ 2. ท๎องถิน่ 2.1 ดา๎ นสาธารณูปโภค พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาล ที่ 9 ทรงวางแผนสร๎างถนนเพอื่ ความมั่นคงของประเทศและพฒั นาบา๎ นเมือง เส๎นทางข๎ามภูเขาในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคใต๎ โดยเฉพาะเส๎นทางสายนําน-ป๓ว-ทุํงช๎าง-ปอน-ห๎วยโกร๐น ในพื้นท่ีอันตรายท่ีผู๎กํอการร๎ายขัดขวาง ทั้งทรงแก๎ป๓ญหาจราจรด๎วยระบบเครือขําย ได๎แกํ ถนน วงแหวนรัชดาภิเษก กาญจนาภิเษก โครงขํายถนนจตุรทิศเหนือ-ใต๎ตะวันออก-ตะวันตก รองรับ การจราจร ขา๎ มกรุงเทพฯ ถนนวงแหวนอตุ สาหกรรม สะพานขนาดใหญํ ขา๎ มแมํน้าเจ๎าพระยาสองชํวง ท่ีโดดเดํนสงํางาม สะพานแขวนพระราม 8 ทางคูํขนานลอยฟูา ถนนบรมราชชนนี อีกทั้งโครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดาริด๎านการคมนาคมโครงการแรก คือ การกํอสร๎าง ถนนเข๎าสูํหมูํบ๎าน ห๎วยมงคล ตาบลหนิ เหล็กไฟ อาเภอหัวหิน จังหวัดประจวบครี ขี ันธ๑ ในปี พ.ศ. 2495
134 ภาพถนนเขา๎ สํหู มบูํ า๎ นหว๎ ยมงคลในอดตี ภาพถนนหว๎ ยมงคลในปจ๓ จบุ ัน 2.2 ดา๎ นการเกษตร พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงเน๎นในเร่ืองของการค๎นคว๎า ทดลอง และวิจัยหาพันธ๑ุพืชใหมํ ๆ ท้ังพืชเศรษฐกิจ พืชสมุนไพร รวมถงึ การศกึ ษาเก่ียวกับแมลงศัตรูพืช และพันธ๑ุสัตว๑ตําง ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพท๎องถ่ินนั้น ๆ ซึ่งแตํ ละโครงการจะเน๎นให๎สามารถนาไปปฏิบัติได๎จริง มีราคาถูก ใช๎เทคโนโลยีงําย ไมํสลับซับซ๎อน เกษตรกรสามารถดาเนินการเองได๎ นอกจากนี้ ยังทรงพยายามไมํให๎เกษตรกรยึดติดกับพืชผลทางการ เกษตรเพียงอยาํ งเดยี ว แตเํ กษตรกรควรจะมีรายได๎จากด๎านอนื่ นอกเหนอื ไปจากการเกษตรเพม่ิ ขึน้ ดว๎ ย ภาพทรงให๎คาแนะนากับประชาชนเกี่ยวกบั เกษตรทฤษฎใี หมํ
135 ภาพทรงเน๎นในเรื่องของการค๎นควา๎ ทดลอง และวจิ ัย เก่ยี วกบั ดิน 2.3 ด๎านสาธารณสขุ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงตระหนักถึงสุขภาพอนามัยประชาชน กาจัดโรคระบาดท่ีคุกคามบ่ันทอนชีวิตราษฎ ร ได๎แกํ โรคเรื้อน วัณโรค โปลิโอ และโรคติดตํอร๎ายแรง สงเคราะห๑ผู๎ประสบสาธารณภัยทุกวาระอยํางทัน เหตุการณ๑ ฟ้ืนฟูทั้งรํางกายและจิตใจ โดยจัดตั้งหนํวยงานแพทย๑หลวง หนํวยแพทย๑พระราชทานทั้ง ทางบกและทางนา้ หนวํ ยทันตกรรมเคล่ือนทพ่ี ระราชทาน กํอต้ังมูลนธิ ิราชประชาสมาสยั และมลู นธิ ิ ราชประชานเุ คราะหด๑ าเนินงานชํวยเหลอื ในโอกาสตําง ๆ โดยเฉพาะกอํ ตงั้ มลู นิธิชัยพัฒนา ดาเนินการ ชํวยเหลือประชาชนได๎รวดเร็ว ในด๎านการแพทย๑สํงเสริมให๎ทุนนายแพทย๑สาขาตําง ๆ ไปศึกษา เพ่ิมเติมในตาํ งประเทศ เพือ่ นาวิทยาการทเ่ี จริญมาพฒั นาประเทศ ภาพหนวํ ยแพทย๑พระราชทาน
136 ภาพทรงพระราชทานนามทุน “อานันทมหิดล”แกํผู๎สาเร็จการศกึ ษาวชิ าแพทยศาสตร๑ 2.4 ดา๎ นสง่ิ แวดล๎อม พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ทานุบารุงและปรับปรุงสภาพทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อม ให๎ดีข้ึนในด๎านตําง ๆ โดยใน ด๎านการแก๎ไขป๓ญหาสิ่งแวดล๎อมน้ัน และทรงเน๎นงานการอนุรักษ๑ และฟ้ืนฟูสภาพส่ิงแวดล๎อม โดยเฉพาะอยํางยิ่งในเรื่องของป๓ญหาน้าเนําเสีย พร๎อมทั้งพระราชทานทุนการศึกษาแกํนักเรียนไทย ไปศึกษาตํอตํางประเทศ เพ่ือนากลับมาพัฒนาประเทศ โดยทรงมีพระราชดาริให๎มีการอนุรักษ๑พร๎อม กับการฟนื้ ฟูทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล๎อม ภาพทรงคดิ วางแผนปรับปรงุ สภาพทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล๎อม 2.5 ดา๎ นเทคโนโลยี พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงเล็งเห็นความสาคัญ และสนับสนนุ การค๎นคว๎าทางด๎านเทคโนโลยสี ารสนเทศ โดยพระองค๑ได๎ทรง ศึกษาคิดคน๎ และนาระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศมาสนับสนนุ พระราชภารกจิ มากมาย มีการคน๎ ควา๎ ในทางวทิ ยาการคอมพิวเตอร๑ พระองค๑ทรงศึกษาคิดคน๎ สรา๎ งโปรแกรมคอมพวิ เตอร๑เพ่ือการประมวล ผลขอ๎ มลู ตําง ๆ ดว๎ ยพระองคเ๑ อง ทรงประดษิ ฐร๑ ูปแบบตัวอักษรไทยที่มีลักษณะงดงาม เพ่อื แสดงผล บนจอคอมพวิ เตอร๑ และเคร่ืองพมิ พ๑ ทรงใชเ๎ คร่ืองคอมพวิ เตอรเ๑ พื่อประดษิ ฐบ๑ ัตร ส.ค.ส.พระราชทาน พรแกํพสกนิกรชาวไทย ในโอกาสวันข้ึนปีใหมํเปน็ ประจาทุกปี
137 ภาพโครงการฝนหลวง ภาพกังหันน้าชัยพัฒนา หนา๎ ที่พลเมืองที่ดี มแี นวปฏบิ ัติ ต๎องมีสํวนรวํ มในการพฒั นาท๎องถน่ิ ของตัวเอง ทกุ ด๎าน ทั้งด๎านแรงกายหรอื เงนิ ตามโอกาสอันควร เรื่องที่ 2 3. ประเทศ เรื่องที่ 2 3. พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ท่ีเกี่ยวกับการพัฒนาในระดับประเทศที่สาคัญ ได๎แกํ ศูนย๑ศึกษาการพัฒนาอันเน่ืองมาจาก พระราชดาริ 6 แหงํ ท่ตี ้งั อยํใู นภูมภิ าคของประเทศไทย ดงั นี้ เร่อื งที่ 2 3. 3.1 ศนู ย๑ศึกษาการพฒั นาห๎วยฮํองไครอ๎ นั เนื่องมาจากพระราชดาริ จังหวัดเชยี งใหมํ เรือ่ งท่ี 2 3. 3.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงโปรดใหจ๎ ัดต้งั ศนู ย๑นขี้ ึ้นเมื่อวนั ที่ 11 ธนั วาคม พ.ศ. 2525 ณ ภาคเหนอื ของประเทศไทย มีการศึกษาทดลองเก่ยี วกบั (1) การพฒั นาลาน้าและแหลํงน้า (2) การพฒั นาปาุ ไม๎ และ(3) การพัฒนาอาชพี เกษตรและ อุตสาหกรรมการเกษตร เรอื่ งที่ 2 3. 3.1 วตั ถุประสงคข๑ องศูนย๑การศกึ ษาพัฒนาห๎วยฮํองไคร๎อันเน่ืองมาจากพระราชดาริ จังหวัดเชยี งใหมํ มีดังน้ี
138 เรือ่ งท่ี 2 3. 3.1 ข๎อ 1 เพื่อใชเ๎ ปน็ สถานทสี่ าหรบั ศึกษาทดสอบถึงวธิ กี ารพัฒนาตําง ๆ เมอ่ื ไดผ๎ ล ประการใดแลว๎ ก็จะสาธติ และเผยแพรํ ใหเ๎ จา๎ หนา๎ ที่ของสวํ นราชการ เกษตรกร และประชาชนทว่ั ไป เข๎าไปศึกษาหรอื โดยการเผยแพรํ เรือ่ งท่ี 2 3. 3.1 ขอ๎ 2 เพื่อการกํอสร๎างฝายเกบ็ กกั น้าลาธาร มีประโยชน๑ในดา๎ นการชวํ ยให๎พ้ืนที่ ใกล๎รอํ งนา้ มคี วามชุมํ ช้ืน ทาใหป๎ ุาไมบ๎ ริเวณนน้ั เจรญิ เติบโตดี พัฒนาปาุ ไมด๎ ว๎ ยน้าชลประทานและพ้นื ท่ี ทวั่ ไป เร่ืองท่ี 2 3. 3.1 ข๎อ 3 เพอื่ พจิ ารณาจัดพนื้ ท่ีสวํ นหนง่ึ ในเขตพนื้ ที่พัฒนาปาุ ไม๎ด๎วยน้าชลประทาน ใหเ๎ ป็นพน้ื ท่สี าหรบั การศึกษาการพัฒนาเบ็ดเสร็จ เรื่องท่ี 2 3. 3.1 ผลการดาเนินงานท่ีสาคัญของศนู ย๑การศกึ ษาพฒั นาห๎วยฮํองไคร๎อนั เนือ่ งมาจาก พระราชดาริ จงั หวดั เชียงใหมํ มีดังนี้ เรอ่ื งที่ 2 3. 3.1 ข๎อ 1 ฝายตน๎ นา้ ลาธาร เพื่อการฟ้ืนฟูนเิ วศลมํุ นา้ ตามแนวพระราชดาริ ไดแ๎ กํ (1) ฝายผสมผสาน (2) ฝายกึง่ ถาวร และ(3) ฝายถาวร เร่ืองที่ 2 3. 3.1 ขอ๎ 2 การเลีย้ งปลาน้าจืดในกระชงั และบอํ ซเี มนต๑กลม ได๎แกํ (1) การเพาะเลย้ี ง ปลานลิ ในกระชัง (2) การเพาะเลีย้ งปลากดหลวงในบํอซีเมนตก๑ ลมระบบน้าไหลผําน และ(3) การเล้ียง ปลาดุกบกิ๊ อุยในบํอซเี มนต๑กลม เรอ่ื งที่ 2 3. 3.1 ขอ๎ 3 การเพาะเหด็ เศรษฐกจิ และต๎นทนุ ได๎แกํ (1) ชนิดของเหด็ เศรษฐกิจ (2) การเพาะเห็ดในถุงพลาสติก และ(3) ผลสาเรจ็ ของชุมชนในการพฒั นาอาชีพกาเพาะเห็ดเศรษฐกิจ ภาพ ศูนยศ๑ ึกษาการพัฒนาห๎วยฮอํ งไคร๎อันเน่ืองมาจากพระราชดาริ จงั หวดั เชยี งใหมํ เรอ่ื งท่ี 2 3. 3.2 ศนู ยศ๑ กึ ษาการพัฒนาภพู านอันเนือ่ งมาจากพระราชดาริ จังหวดั สกลนคร เร่ืองที่ 2 3. 3.2 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงโปรดให๎จัดตง้ั ศนู ยน๑ ี้ขึ้นเม่ือวันท่ี 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2525 ณ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือของประเทศไทย มีการศึกษาทดลองเกีย่ วกบั (1) การพฒั นาปุาไม๎ในเขตปริมณฑลของศนู ย๑ศึกษาการพัฒนา ด๎วย ระบบชลประทาน ฝายตน๎ น้าลาธาร และฝายชลประทานในลานา้ ธรรมชาติ (2) การพฒั นาแหลงํ นา้ เพ่อื การเกษตรและอุปโภคบริโภค (3) ข๎าว (4) พชื ไรํ (5) พืชสวน (6) หมอํ นไหม (7) ระบบเกษตร ผสมผสาน (8) ปศสุ ัตว๑ และ(9) แปรรปู ผลผลติ ทางการเกษตร
139 เร่ืองที่ 2 3. 3.2 วตั ถปุ ระสงค๑ของศนู ยศ๑ ึกษาการพัฒนาภูพานอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ จงั หวดั สกลนคร มีดังนี้ เร่ืองท่ี 2 3. 3.2 ข๎อ 1 เพอ่ื การศึกษา ทดลอง งานพัฒนาการเกษตรสาขาตําง ๆ บนพื้นดินซึง่ เป็นดนิ ปนทราย เคม็ ขาดแคลนนา้ และนาผลการศึกษาทดลองทป่ี ระสบผลสาเรจ็ แลว๎ เปน็ แบบอยําง ให๎ราษฎรนาไปปฏบิ ัติในท่ดี ินของตน เรื่องที่ 2 3. 3.2 ข๎อ 2 เพอื่ ให๎ความร๎ูเกย่ี วกับอาชีพอุตสาหกรรมในครวั เรือน เรือ่ งที่ 2 3. 3.2 ขอ๎ 3 เพอ่ื พฒั นาอาชีพของราษฎรภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือให๎ดีขึ้น เรื่องท่ี 2 3. 3.2 ผลการดาเนินงานทีส่ าคญั ของศูนย๑การศึกษาพฒั นาภูพานอันเนื่องมาจาก พระราชดาริ จังหวัดสกลนคร มดี ังนี้ เร่ืองท่ี 2 3. 3.2 ข๎อ 1 ดา๎ นแหลงํ นา้ ไดแ๎ กํ (1) การพัฒนาแหลํงน้าตามศักยภาพของลมุํ น้าฝาย ผสมผสาน (2) บริหารจัดการน้าท่ีมีคุณภาพดีให๎กับผ๎ูใช๎น้าทุกประเภทอยํางมีประสิทธิภาพ และ (3) ให๎ประชาชน ชุมชนและหนํวยงานท่ีเกี่ยวข๎องมีสํวนรํวมในกระบวนการพัฒนาและบริหารจัดน้า ทุกระดบั อยํางบูรณาการ เรอื่ งท่ี 2 3. 3.2 ข๎อ 2 ดา๎ นปุาไม๎ ไดแ๎ กํ (1) ให๎จดั หาพน้ื ท่ปี าุ ไม๎ท่ีถกู ราษฎรบกุ รุกแผว๎ ถางปุา จัดเป็นสถานที่สาธิตการปลูกปุา (2) ใหม๎ ีการพฒั นาปาุ ดว๎ ยระบบชลประทาน และ(3) ให๎มกี ารสาธิต การปลกู ปุา 3 อยาํ ง คือ ไมผ๎ ล ไมเ๎ ศรษฐกิจ และไม๎ใชส๎ อย เร่ืองท่ี 2 3. 3.2 ขอ๎ 3 ด๎านปศสุ ตั ว๑ ไดแ๎ กํ (1) การเลี้ยงโคเนือ้ ทาจิมะภูพาน (2) การเลี้ยงไกดํ า ภูพาน และ(3) การเลีย้ งสุกรภูพาน เรื่องที่ 2 3. 3.2 ขอ๎ 4 ด๎านการเกษตร ได๎แกํ (1) ข๎าวพนั ธส๑ุ กลนคร (2) การปลูกข๎าวขาวดอก มะลิ 105 (3) ล้นิ จ่ี นพ.1 (4) การเพาะเหด็ เศรษฐกิจและเห็ดพนื้ เมือง และ (5) หมํอนพนั ธสุ๑ กลนคร และไหมพนั ธ๑ุนางตยุํ สกลนคร เร่ืองที่ 2 3. 3.2 ขอ๎ 5 ดา๎ นการสงํ เสริมการเกษตร ไดแ๎ กํ การผลิตว๎นุ เส๎นจากถว่ั เขียว เรอ่ื งท่ี 2 3. 3.2 ข๎อ 6 ดา๎ นประมง ได๎แกํ (1) การเลี้ยงปลานลิ แดงรํวมกับเปด็ บาบารีล่ ูกผสมใน บํอครัวเรือน และ(2) การเลี้ยงปลาดกุ ในบํอซเี มนต๑ เร่อื งที่ 2 3. 3.2 ข๎อ 7 ดา๎ นการพัฒนาท่ดี ิน เรอ่ื งท่ี 2 3. 3.2 ข๎อ 8 การปลูกยางพารา
140 ภาพ ศนู ย๑ศกึ ษาการพัฒนาภูพานอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริ จังหวดั สกลนคร เรื่องท่ี 2 3. 3.3 ศูนย๑ศกึ ษาการพฒั นาเขาหนิ ซอ๎ นอันเนอื่ งมาจากพระราชดาริ จังหวัดฉะเชงิ เทรา เรอ่ื งที่ 2 3. 3.3 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงโปรดให๎จดั ตง้ั ศนู ยน๑ ข้ี ึน้ เม่ือวนั ที่ 8 สงิ หาคม พ.ศ. 2522 ณ ภาคตะวนั ออกของประเทศไทยมีการศึกษาทดลอง เกีย่ วกบั (1) ฟน้ื ฟูปุาไม๎ (2) พัฒนาแหลงํ นา้ (3) บารุงผืนดิน และ(4) สร๎างอาชีพ....เสรมิ ทางเลือก เร่ืองที่ 2 3. 3.3 วตั ถุประสงค๑ของศูนย๑ศึกษาการพฒั นาเขาหินซ๎อนอันเน่ืองมาจาก พระราชดาริ จังหวดั ฉะเชิงเทรา มดี งั น้ี เร่อื งท่ี 2 3. 3.3 ข๎อ 1 เพอื่ ดาเนินการพฒั นาทางด๎านการเกษตรอยํางสมบูรณ๑แบบโดยเน๎นการ ปรับปรุง และฟน้ื ฟูทรัพยากรของดนิ และนา้ ให๎มีความสมบูรณ๑ เรอ่ื งที่ 2 3. 3.3 ข๎อ 2 เพื่อให๎เกษตรกรสามารถนาไปใชใ๎ นการประกอบอาชีพได๎อยํางยัง่ ยืน โดยใช๎วชิ าการในหลาย ๆ ดา๎ นประกอบกัน เป็นการดาเนินการแก๎ไขในลักษณะผสมผสาน เร่ืองท่ี 2 3. 3.3 ผลการดาเนินงานท่ีสาคญั ของศนู ย๑การศกึ ษาพฒั นาเขาหินซ๎อนอนั เนื่องมาจาก พระราชดาริ จังหวัดฉะเชิงเทรา มีดังนี้ เร่อื งที่ 2 3. 3.3 ขอ๎ 1 การปรับปรุงดนิ ทราย ไดแ๎ กํ (1) การพลิกฟนื้ ดินทรายสํคู วามอุดม สมบรู ณ๑ ปลกู หญา๎ แฝก และ(2) การดาเนินงานขยายผลสูหํ มูบํ า๎ นรอบศนู ยศ๑ ึกษาฯ วางระบบอนุรักษ๑ ดินและน้า เรอ่ื งที่ 2 3. 3.3 ขอ๎ 2 การพัฒนาแหลํงน้า ไดแ๎ กํ (1) การกอํ สรา๎ งอาํ งเกบ็ น้า (2) การกอํ สรา๎ ง ฝายทดนา้ และฝายชะลอน้า และ(3) การขุดสระเกบ็ น้าประจาไรํนาและบํอน้าต้นื เรอื่ งที่ 2 3. 3.3 ข๎อ 3 การสํงเสรมิ ศลิ ปาชพี หตั ถกรรมพ้นื บา๎ น และอตุ สาหกรรมในครวั เรอื น ไดแ๎ กํ (1) การจักสานและการประดิษฐ๑จากใบหญา๎ แฝก (2) การทอผ๎า และ(3) การตีเหล็ก เรอ่ื งที่ 2 3. 3.3 ขอ๎ 4 โรงสีข๎าวพระราชทาน
141 ภาพ ศนู ย๑ศกึ ษาการพฒั นาเขาหินซ๎อนอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ จงั หวดั ฉะเชิงเทรา เรื่องท่ี 2 3. 3.4 ศนู ยศ๑ กึ ษาการพัฒนาอําวคง๎ุ กระเบนอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริ จังหวัดจนั ทบรุ ี เรอื่ งที่ 2 3. 3.4 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ทรงโปรดใหจ๎ ัดตง้ั ศูนย๑นี้ข้ึนเมื่อวันท่ี 28 ธันวาคม พ.ศ. 2524 ณ ภาคตะวันออกของประเทศไทย มีการศึกษาทดลอง เกี่ยวกับ (1) การอนุรักษ๑ปุาไม๎ ดิน และน้า ในบริเวณพ้ืนที่สูง (2) การสํงเสริมและพัฒนาอาชีพ การเกษตรในพ้ืนที่รอยตํอเชิงเขาและปุาชายเลน (3) การสํงเสริมการเพาะเล้ียงสัตว๑น้าชายฝ๓่ง และ (4) ผลสาเร็จและการขยายผล เรื่องท่ี 2 3. 3.4 วตั ถปุ ระสงคข๑ องศนู ย๑การศึกษาพฒั นาอาํ วคุง๎ กระเบนอนั เนือ่ งมาจาก พระราชดาริ จงั หวัดจนั ทบุรี มดี ังนี้ เรื่องที่ 2 3. 3.4 ข๎อ 1 เพอื่ ศึกษาทดลอง ค๎นคว๎า และปรับปรงุ สภาพแวดลอ๎ มด๎านประมงชายฝง๓่ เรื่องท่ี 2 3. 3.4 ข๎อ 2 เพ่อื ใหบ๎ ริการทางวชิ าการแกเํ กษตรกรผ๎ูเพาะเลยี้ งสตั วน๑ า้ ชายฝ๓่ง โดยเฉพาะการเลยี้ งกุ๎งทะเล เรอ่ื งท่ี 2 3. 3.4 ข๎อ 3 เพอ่ื สํงเสรมิ ให๎เกดิ การจัดตัง้ กลุมํ อาชีพตามความสนใจและความถนดั และดาเนนิ ชวี ิตตามหลกั ปรชั ญาพ้นื ฐานของเศรษฐกิจพอเพียง เรอ่ื งที่ 2 3. 3.4 ผลการดาเนินงานท่ีสาคัญของศนู ย๑การศึกษาพัฒนาอาํ วค๎งุ กระเบน อนั เน่อื งมาจากพระราชดาริ จังหวดั จันทบรุ ี มดี งั นี้ เรื่องท่ี 2 3. 3.4 ข๎อ 1 อนุรักษ๑ดิน น้า และปาุ ไม๎บนพน้ื ท่ีสงู ได๎แกํ (1) การพัฒนาและฟ้นื ฟู ระบบนเิ วศปุาไม๎ และ(2) การจัดทาฝายชะลอความชมุํ ชื้น เร่ืองที่ 2 3. 3.4 ข๎อ 2 การสํงเสรมิ และพฒั นาอาชีพการเกษตรในพื้นท่ีรอยตํอเชิงเขาและปุา ชายเลน ไดแ๎ กํ (1) การสํงเสริมเกษตรอินทรีย๑ (2) การปลกู ผกั แบบประณีต (3) การเพาะเหด็ เศรษฐกจิ ระบบถุง และ(4) สํงเสริมจัดตั้งกลมํุ อาชีพเกษตรกรรม เร่ืองท่ี 2 3. 3.4 ข๎อ 3 การอนุรักษแ๑ ละฟืน้ ฟปู าุ ชายเลน ไดแ๎ กํ (1) การอนรุ ักษ๑และฟืน้ ฟู ปุาชายเลน (2) การสํงเสรมิ และประชาสัมพนั ธ๑ และ(3) การเผยแพรํและการนาไปใชป๎ ระโยชน๑ เรื่องที่ 2 3. 3.4 ข๎อ 4 การเพาะเลยี้ งสัตว๑นา้ ชายฝง๓่ ไดแ๎ กํ (1) การเตรียมบํอ (2) การจัดการ คุณภาพน้าเพ่ือการเพาะเลย้ี งสตั ว๑น้า (3) อาหารสตั ว๑ (4) การปอู งกันและรักษาโรคสตั ว๑น้า (5) การใช๎
142 ยาและสารเคมี (6) ระบบการเลี้ยงสัตวน๑ า้ (7) ชนิดสตั ว๑น้าทเ่ี ลยี้ ง และ (8) การบันทึกข๎อมูลการเลีย้ ง และการทาบญั ชฟี าร๑ม เรอ่ื งท่ี 2 3. 3.4 ข๎อ 5 การจดั การระบบชลประทานนา้ เคม็ เพอ่ื การเลี้ยงสัตว๑น้าชายฝ๓ง่ ได๎แกํ (1) การจดั การระบบน้า และ(2) บทเรยี นจากโครงการ เรอ่ื งที่ 2 3. 3.4 ขอ๎ 6 การผลติ ปุ๋ยหมักจากดนิ เลนนาก๎งุ เรือ่ งท่ี 2 3. 3.4 ขอ๎ 7 การเพาะเลี้ยงปลาการต๑ ูนเพื่อทดแทนการจบั จากธรรมชาติ เรอ่ื งที่ 2 3. 3.4 ข๎อ 8 การอนุรักษ๑ฟื้นฟูทรพั ยากรสตั วน๑ า้ ได๎แกํ (1) การเพม่ิ ทรัพยากรสัตวน๑ า้ ชายฝง๓่ (2) การอนุรักษ๑หญ๎าทะเล และ(3) การประมงชายฝ่๓งอยาํ งยั่งยนื ภาพ ศูนยศ๑ ึกษาการพฒั นาอําวคง๎ุ กระเบนอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ จังหวัดจนั ทบุรี เรอ่ื งท่ี 2 3. 3.5 ศูนยศ๑ ึกษาการพฒั นาห๎วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดาริ จงั หวดั เพชรบรุ ี เรอื่ งท่ี 2 3. 3.5 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงโปรดใหจ๎ ดั ตั้ง ศูนย๑นี้ขึ้นเม่ือวันท่ี 5 เมษายน พ.ศ. 2526 ณ ภาคตะวันตกของประเทศไทย มีการศึกษาทดลอง เก่ียวกับ (1) งานพัฒนาปุาไม๎ (2) การทาเกษตรผสมผสาน (3) การเพาะเลี้ยงและขยายพันธ๑ุสัตว๑ปุา และ (4) การปลูกหญ๎าแฝกเพอื่ การอนรุ กั ษ๑ดนิ และน้า เรื่องท่ี 2 3. 3.5 วัตถปุ ระสงคข๑ องศนู ยก๑ ารศกึ ษาพัฒนาห๎วยทรายอันเนื่องมาจาก พระราชดาริ จังหวดั เพชรบรุ ี มดี งั นี้ เรือ่ งท่ี 2 3. 3.5 ขอ๎ 1 เพอ่ื เป็นศนู ยก๑ ารศกึ ษาเพื่อพัฒนาอนั เน่ืองมาจากพระราชดาริด๎านปาุ ไม๎ เอนกประสงค๑ ศึกษารปู แบบการพฒั นาเกษตรกรรมทีเ่ หมาะสม ควบคูํกับการอนรุ ักษแ๑ ละปลกู ปาุ จัดหาแหลํงน้า โดยเน๎นการปลกู ปาุ เพื่อฟ้นื ฟูสภาพปุาไม๎ใหม๎ คี วามอุดมสมบูรณ๑ดังเดิม เรื่องท่ี 2 3. 3.5 ขอ๎ 2 เพอ่ื ศกึ ษาการฟืน้ ฟูสภาพปาุ เส่ือมโทรมและสร๎างแนวปูองกันไฟปุา โดยใช๎ระบบเปยี ก เรอ่ื งที่ 2 3. 3.5 ข๎อ 3 เพื่อสงํ เสรมิ และพฒั นาความเปน็ อยํแู ละอาชพี ของราษฎรให๎สามารถ พงึ่ ตนเองได๎ เรอื่ งที่ 2 3. 3.5 ผลการดาเนินงานทีส่ าคญั ศนู ย๑การศึกษาพฒั นาหว๎ ยทรายอนั เน่ืองมาจาก พระราชดาริ จังหวดั เพชรบุรี มีดงั น้ี
143 เรือ่ งที่ 2 3. 3.5 ขอ๎ 1 แฝกดานดนิ เรอ่ื งที่ 2 3. 3.5 ข๎อ 2 การสรา๎ งระบบกระจายความชมุํ ช้นื ตามแนวพระราชดาริ ไดแ๎ กํ (1) การ สรา๎ งฝายกักเก็บนา้ (2) การสร๎างคนั ดินกัน้ นา้ (3) การสรา๎ งคันดินเบนน้า และ(4) การบริหารจัดการ นา้ และพฒั นาแหลงํ นา้ ดว๎ ยระบบเครอื ขํายอํางเกบ็ นา้ ตามแนวพระราชดาริ เรอ่ื งที่ 2 3. 3.5 ข๎อ 3 การฟ้นื ฟูสภาพปุา ไดแ๎ กํ (1) การปลูกปุาดว๎ ยใจ และ (2) การฟ้ืนฟูสภาพ ปุาไมบ๎ นพน้ื ที่ภูเขาด๎วยระบบปุาเปยี กหรอื ภเู ขาปาุ ภาพ ศูนยศ๑ กึ ษาการพฒั นาหว๎ ยทรายอันเนื่องมาจาพระราชดาริ จังหวดั เพชรบุรี เรื่องท่ี 2 3. 3.6 ศูนย๑ศึกษาการพฒั นาพิกุลทองอันเน่ืองมาจาพระราชดาริ จงั หวดั นราธวิ าส เร่อื งท่ี 2 3. 3.6 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงโปรดใหจ๎ ัดตัง้ ศูนย๑นี้ข้ึนเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2525 ณ ภาคใต๎ของประเทศไทย มีการศึกษาทดลองเก่ียวกับ (1) แก๎ไขป๓ญหาดินเปร้ียวให๎สามารถใช๎ประโยชน๑ได๎อีก (2) การใช๎น้าจืดชะล๎างกรดออกจากดิน (3) การศึกษาการปลูกไม๎โตเร็วในพื้นที่พรุ (4) การพัฒนาระบบปลูกพืช (5) การคัดเลือกพันธ๑ุไม๎ที่มี ความเหมาะสมในสังคมปุาพรุ (6) การปรับปรุงและบารุงรักษาปุา (7) การทาสวนยางครบวงจร (8) การสํงเสริมการเลี้ยงสตั ว๑ และ(9) การสํงเสรมิ และพฒั นาอาชีพ เรอ่ื งท่ี 2 3. 3.6 วตั ถุประสงค๑ของศนู ยก๑ ารศึกษาพฒั นาพกิ ุลทองอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาริ จงั หวดั นราธวิ าส มดี งั น้ี เรอ่ื งที่ 2 3. 3.6 ข๎อ 1 เพอ่ื ศกึ ษา คน๎ ควา๎ วจิ ยั ทดลอง และพฒั นาดินอนิ ทรยี ๑และดินทมี่ ปี ๓ญหา อน่ื ๆ เร่อื งท่ี 2 3. 3.6 ขอ๎ 2 เพ่อื นามาใช๎ประโยชนท๑ างด๎านการเกษตร รวมท้งั แสวงหาแนวทาง และ วธิ ีการพฒั นาด๎านการเกษตร การเลยี้ งสตั ว๑ และการเกษตรอตุ สาหกรรมที่มีความสอดคล๎องกับสภาพ พน้ื ท่ีภาคใต๎ เร่ืองที่ 2 3. 3.6 ข๎อ 3 เพื่อใหเ๎ ป็นตน๎ แบบแหํงความสาเรจ็ ให๎กบั พน้ื ท่อี ืน่ ๆ เรื่องท่ี 2 3. 3.6 ผลการดาเนนิ งานท่ีสาคญั ของศูนย๑การศกึ ษาพฒั นาพิกลุ ทองอันเน่ืองมาจาก พระราชดาริ จังหวัดนราธวิ าส มดี งั นี้ เรอ่ื งท่ี 2 3. 3.6 ข๎อ 1 แกล๎งดนิ “ดนิ ทางานแลว๎ ดินจะหายโกรธ”
144 เรอ่ื งที่ 2 3. 3.6 ข๎อ 2 นา้ มนั ปาล๑มพิกุลทอง รูปแบบการจดั หาพลงั งานทดแทนสูภํ มู ิคุม๎ กนั ดา๎ นพลงั งาน เรอ่ื งท่ี 2 3. 3.6 ข๎อ 3 การพัฒนาอาชพี ที่สาคญั ได๎แกํ (1) การเลีย้ งปลาในบํอดินเปรี้ยว (2) การเล้ยี งสัตว๑ (3) การแปรรปู เส๎นใยพชื (4) การปลูกผัก เพาะเห็ด และการปลูกพืชแซมยาง (5) วิธีการขุดยกรํองทเี่ หมาะสมในพื้นทด่ี นิ เปรี้ยว และ (6) การศึกษาการจดั การดนิ เปรี้ยวจดั เพื่อการ ปลูกพชื เร่อื งท่ี 2 3. 3.6 ขอ๎ 4 ไบโอดีเซล เรอื่ งท่ี 2 3. 3.6 ข๎อ 5 การเผยแพรํและการใช๎ประโยชน๑ เรอ่ื งที่ 2 3. 3.6 ข๎อ 6 ผลสาเรจ็ และการขยายผล ได๎แกํ แปลงเกษตรทฤษฏีใหมํ ภายใน ศนู ยศ๑ ึกษาการพฒั นาพิกลุ ทอง ภาพ ศูนย๑ศกึ ษาการพัฒนาพิกลุ ทองอันเนื่องมาจากพระราชดาริ จงั หวัดนราธิวาส หน๎าทพ่ี ลเมืองที่ดีมีแนวปฏบิ ตั ิ (1) ควรศกึ ษาเรียนรก๎ู ระบวนการในการทางานของ ศูนย๑พัฒนาท่ีอยูํใกล๎บ๎าน หรือชุมชนนามาปรับใช๎ในชีวิตประจาวัน เพ่ือชํวยพัฒนาคุณภาพชีวิตของ ตนเอง หรือชํวยพัฒนาชุมชน สังคม ให๎เข๎มแข็ง (2) ชํวยกันอนุรักษ๑ทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล๎อมให๎เป็นประโยชน๑ตํอสํวนรวม (3) นาแนวทางการปฏิบัติงานรํวมกันของทุกฝุายใน ศูนย๑ศกึ ษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดาริมาปรับใช๎ในเร่ืองการทางานเป็นทีม เป็นคณะต๎องรู๎ รักสามัคคี และ(4) ควรยึดหลกั การพึ่งพาตนเอง ลดการพงึ่ พาภายนอก และดาเนินชวี ิตแบบพอเพยี ง กกกกกกก2.4 โลก กกกกกกก2.4 2.4.1 พระราชกรณยี กิจดา๎ นทรงเจรญิ พระราชไมตรีของพระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดใ๎ หค๎ วามสาคญั กับการเจรญิ พระราชไมตรกี บั ประเทศเพื่อนบ๎าน และนานาประเทศในโลก พระองคไ๑ ดเ๎ สด็จเจริญพระราชไมตรีกับตํางประเทศถงึ จานวน 31 ครั้ง โดยไดท๎ รงพระราชดารสั เก่ียวกบั การเจรญิ พระราชไมตรีท่สี าคัญไวด๎ ังนี้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230