Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือเรียนสาระการพัฒนาสังคม หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 3 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

หนังสือเรียนสาระการพัฒนาสังคม หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 3 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

Description: หนังสือเรียนสาระการพัฒนาสังคม รายวิชา สค33108 หน้าที่พลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่เก้า 3 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

Search

Read the Text Version

45 เช่ืออะไรลงไป มิใชํสักแตํวําเช่ือเพราะมีผ๎ูบัญญัติไว๎” พระราชดารัสนี้เป็นที่ช่ืนชอบมากถึงกับทุกคน ลุกขึ้นยืน และปรบมือถวายเป็นเวลานาน และเหตุการณ๑ร๎ายท่ีเกรงกลัวก็มิได๎เกิดข้ึน การที่ประเทศ ไทยมีพระมหากษัตริยาธิราชผ๎ูทรงบาเพ็ญอักโกธะบารมี หรือความไมํโกรธได๎อยํางมั่นคงเชํนนี้ จึงทา ให๎ประเทศไทยสามารถรักษาสัมพันธไมตรีอันดีกับนานาประเทศไว๎ได๎ตลอดมา พระเกียรติคุณของ พระองค๑ในข๎อนจ้ี งึ เปน็ ท่ีชนื่ ชมของชาวไทยและชาวตํางประเทศย่ิงนกั ภาพเสด็จประเทศออสเตรเลยี ภาพเสดจ็ ประเทศสหรัฐอเมริกา กกกกกกก7. หน้าท่ีพลเมืองดี มแี นวปฏบิ ตั ิ ไดแ๎ กํ ฝึกฝนควบคุมอารมณ๑ของตนเอง ไมํให๎เปน็ คน โมโหงาํ ย และพยายามระงับยับยงั้ ความโกรธอยํเู สมอ แม๎ในหลาย ๆ สถานการณ๑จะทาได๎ยาก แตํหาก เราสามารถฝึกฝน ไมํให๎เป็นคนโมโหงําย และพยายามระงับยับยั้งความโกรธอยูํเสมอ จะเป็น ประโยชน๑ตํอเราหลายอยําง เชํน ทาให๎เราสุขภาพจิตดี หน๎าตาผํองใส ข๎อสาคัญ ทาให๎เรารักษามิตร ไมตรีหรอื สัมพนั ธภาพกบั ผ๎ูอ่นื ไว๎ได๎ อันมผี ลใหบ๎ คุ คลน้ันเปน็ ท่รี กั และเกรงใจของคนที่ตดิ ตอํ ดว๎ ย กกกกกกก8. อวิหิงสา คอื ความไมเํ บียดเบยี น หมายถึง ไมกํ ดข่ีขมํ เหง กลนั่ แกล๎งรงั แกคนอ่นื ไมํหลงในอานาจ ทาอนั ตรายตํอราํ งกาย และทรัพยส๑ นิ ผูอ๎ ื่นตามอาเภอใจ

46 กกกกกกก8. ทุกชีวติ บนผนื แผนํ ดนิ ไทยไดร๎ ับความรํมเย็นมีความเป็นอยูํอยํางสุขสงบ ภายใต๎เบ้ือง พระยุคลบาทแหํงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พระผ๎ูทรงบาเพ็ญ อวิหิงสาบารมี คอื ไมํเบยี ดเบยี นใหผ๎ อ๎ู ื่นลาบาก ไมํกํอทุกข๑ยากให๎แกํผ๎ูใด แม๎จนถึงสรรพสัตว๑ ด๎วยเห็น เป็นของสนุกเพราะอานาจแหํงโมหะหรือความหลง ไมํทาร๎ายรังแกมนุษย๑และสัตว๑เลํน เพ่ือความ บันเทิงใจแหํงตน ในการบาเพ็ญอวิหิงสาบารมีนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ทรงบาเพ็ญไดโ๎ ดยบริสุทธท์ิ ุกสถาน ไมํวาํ จะเป็นทรงพระวรกาย พระวาจา พระราชหฤทัย และไมํวําจะเป็นการอันทรงปฏิบัติตํอมวลมนุษย๑หรือสรรพสัตว๑ใดๆ แม๎การน้ันจะยังความ สะดวกสบายมาสูํพระองค๑ หากเป็นความยากลาบากแกํทวยราษฎร๑แล๎ว พระองค๑จะทรงงดเว๎นเสีย โดยทรงยอมลาบากตรากตราพระวรกายของพระองค๑เองแทน ดังเหตุการณ๑อันเป็นท่ีเปิดเผยจาก วงการตารวจจราจรเมื่อวันท่ี 12 ตุลาคม พ.ศ.2530 วํา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงมีพระราชดาริวําตามปกติเวลาท่ีพระองค๑เสด็จพระราชดาเนินไป ณ ท่ีใดเจ๎าหน๎าท่ีจราจรจะปิดถนนตลอดเส๎นทางนั้นทุกคร้ัง จึงทรงมีกระแสพระราชดารัสวํา ไมํต๎อง ให๎เจ๎าหน๎าที่ปิดการจราจรเวลาเสด็จพระราชดาเนินไมํวําที่ใด หากการจราจรเกิดติดขัดก็มีพระมหา กรุณาธิคุณท่ีจะทรงรํวมอยํูในสภาวะแหํงการติดขัดนั้น เชํนเดียวกับพสกนิกรของพระองค๑ การบาเพญ็ อวิหงิ สาอยํางยิ่งยวดของพระองค๑น้ี แมจ๎ ะหยบิ ยกมาให๎เห็นอยาํ งเดํนชัดเพียงประการเดียว จากพระราชกรณียกิจอันมากมาย คงเพียงพอท่ีจะกลําวได๎วําไมํมีพระมหากษัตริยาธิราช หรือพระ ประมุข หรือประมุขประเทศใดในโลกที่จะเสมอเหมือนพระองค๑ ในสํวนที่เกี่ยวกับสรรพสัตว๑ พระองค๑ ไมํเคยทรงกระทาการใดให๎เป็นที่ทุกข๑ยากเจ็บปวด ไมํเคยมีแม๎แตํคร้ังเดียวที่จะเสด็จออกประพาสปุา ลําสัตว๑ตัดชีวิต จะมีก็แตํการพระราชทานชีวิตให๎เทําน้ัน ในรูปของโครงการพระราชดาริตํางๆ ที่เป็นไปเพื่อการอนุรักษ๑ปุา อนุรักษ๑แหลํงน้า และอนุรักษ๑สัตว๑ เชํน โครงการอนุรักษ๑ปุาและสัตว๑ปุา เป็นต๎น การบาเพ็ญอวิหิงสาบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ซ่งึ แผํไพศาลไปท่ัวทกุ หนแหํง จงึ ปกปอู งคุม๎ ครองชีวติ ไมํวํามนษุ ย๑ หรือสรรพสัตว๑ทุกชีวิตบนผืนแผํนดิน ไทย จึงดารงอยไูํ ดด๎ ว๎ ยความสขุ สงบและรมํ เย็น ภาพทรงพระเมตตาตํอสตั ว๑

47 ภาพทรงขับรถยนต๑ดว๎ ยพระองค๑เอง กกกกกกก8. หนา้ ที่พลเมืองดี มแี นวปฏิบัติ ได๎แกํ การไมเํ บียดเบียน หรือบีบคนั้ กดขี่ผ๎ูอ่ืน รวมไปถงึ การไมํใช๎อานาจไปบังคบั หรือหาเหตุกล่นั แกลง๎ คนอ่ืนด๎วย เชํน ไมํไปขมํ เหงรังแกผูด๎ ๎อยกวาํ ไมไํ ปขมํ ขใํู ห๎เขากลวั เรา หรอื ไปบบี บงั คับเอาของรักของหวงมาจากเขา เป็นต๎น นอกจากไมํเบียดเบียน คนด๎วยกนั แล๎ว เรายังไมํควรเบยี ดเบียนธรรมชาติ สง่ิ แวดล๎อม และสตั ว๑อีกด๎วย เพราะมิฉะน้นั ผลร๎าย จะยอ๎ นกลับมาสํูเรา และสังคม อยาํ งทเี่ ห็นในป๓จจุบนั จากภัยธรรมชาตติ าํ ง ๆ กกกกกกก9. ขันติ คอื ความอดทน หมายถึงการอดทนตํอสงิ่ ทั้งปวง สามารถอดทนตํองานหนกั ความยากลาบาก ทง้ั อดทน อดกลัน้ ตอํ คาตฉิ นิ นินทา กกกกกกก9. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 เปน็ พระมหา กษตั ริยาธิราช ผทู๎ รงมีพระขันติธรรมเป็นยอดเย่ียมอยํางหาผ๎ูใดเสมอเหมือนมิได๎ จากเหตุการณ๑ที่ผําน มาท้ังในเมืองไทย และตํางประเทศ บางครั้งเป็นเร่ืองยากยิ่งสาหรับพระองค๑ท่ีจะทรงอดทนได๎ แตํพระองคย๑ งั ทรงอดทนรักษาพระราชหฤทัย พระวาจา พระวรกาย และพระอาการให๎สงบเรียบร๎อย งดงามไดใ๎ นทุกสถานการณ๑ ทรงอดทนตํอโทสะ จากการเบียดเบียนหยามดูหม่ิน ดังเชํน การถูกขับไลํ โดยกลมุํ ชนทไ่ี มหํ วงั ดตี อํ เมอื งไทย ซงึ่ เปน็ เหตุการณ๑ที่เกดิ ขึ้นในตํางประเทศ เมื่อปี พ.ศ.2505 ดังกลําว มาแล๎วข๎างต๎น เป็นต๎น ทรงอดทนตํอโลภะ คือความอยากได๎ทุกประการโดยสิ้นเชิง ดังจะเห็นได๎วํา พระองค๑ได๎เคยมีพระราชประสงค๑สิ่งใดจากผู๎ใด แม๎สิ่งของท่ีนามาถวายหากมากเกินไปก็มิได๎ทรงรับ เชํน รัฐบาลในสมัยหน่ึงจะถวายรถพระที่น่ังคันใหญํเป็นพิเศษเพื่อให๎สมพระเกียรติยศ แตํพระองค๑ กลบั มีพระราชดารวิ าํ รถพระท่นี ง่ั นาํ จะเป็นรถคนั ใหญพํ อประมาณและราคาไมํแพงนัก เพื่อจะได๎สงวน เงินไว๎พฒั นาประเทศได๎อีกสํวนหน่ึง เป็นตน๎ กกกกกกก9. นอกจากนยี้ ังทรงอดทนตํอโมหะ คือความหลง โดยพระองค๑มิไดท๎ รงตดิ ข๎องอยูํใน ความสขุ สาราญและความสะดวกสบายตําง ๆ อนั พึงหาได๎ในพระราชฐานะแหํงพระมหากษัตริยาธิราช ทรงอดทนตํอความทุกขเวทนา ความลาบากตรากตราพระวรกายตําง ๆ เพ่ือทรงบาบัดทุกข๑บารุงสุข ให๎แกํพสกนิกรทุกแหํงหน ทรงอดทนตํอความหวาดหว่ันภยันตรายตําง ๆ ดังเหตุการณ๑ท่ีเกิดข้ึนในปี พ.ศ.2510 เป็นระยะที่ผู๎กํอการร๎ายกาลังฮึกเหิม พระองค๑ก็มิได๎ทรงทอดท้ิงทหารตารวจ ผู๎ทาหน๎าที่ ปกปูองผืนแผํนดินไทย โดยทรงมีวิทยุติดพระองค๑เพ่ือทรงรับฟ๓งเหตุการณ๑ตําง ๆ อยํูตลอดเวลา ทรงสอบถามเหตุการณ๑ทางวิทยุอยํูเสมอ และหากทรงวํางจากพระราชภารกิจจะรีบเสด็จไปยังท่ีเกิด เหตุทันที เพ่ือทรงสอบถามเหตุการณ๑ด๎วยพระองค๑เอง หากทรงทราบวํามีทหารตารวจได๎รับบาดเจ็บ

48 จะทรงให๎เฮลิคอปเตอร๑รับผู๎บาดเจ็บไปรักษาพยาบาลทันที สํวนในท่ีบางแหํง เชํน ท่ีกุยบุรี จังหวัด ประจวบคีรีขันธ๑ ซึ่งขาดแคลนพาหนะในการตรวจท๎องท่ี ทาให๎ทหารตารวจถูกลอบทาร๎ายล๎มตาย กันเนือง ๆ หลังจากเสด็จไปทรงเยี่ยมทหารตารวจ แล๎วทรงเห็นความจาเป็นจึงพระราชทานพระราช ทรัพย๑สํวนพระองค๑ จานวน 500,000 บาท ซื้อรถจิ๊ปพระราชทานแกํทหาร ตารวจ 6 คัน เพ่ือสงวน ชีวิตเจ๎าหน๎าท่ีเหลํานี้ไว๎ นอกจากนี้ในคราวเกิดเหตุปะทะที่ทุํงช๎าง จังหวัดนําน อันขึ้นช่ือวําเป็น สมรภูมิเลือดน้ัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มิได๎ทรงกลัวเกรง ภยันตรายใด ๆ ได๎เสด็จขึ้นเฮลิคอปเตอร๑พระที่นั่งไปบินสารวจเหนือจุดซํองสุมของผู๎กํอการร๎าย ซึ่งเป็นจุดที่เฮลิคอปเตอร๑ของทางราชการเคยถูกยิงตกมาแล๎ว ไมํเพียงเทํานั้นยังทรงให๎เฮลิคอปเตอร๑ รับทหารผู๎บาดเจ็บออกมารับการรักษาพยาบาลได๎ทันทํวงทีด๎วย พระองค๑มิได๎ทรงหวาดหวั่น ภยันตรายใดๆ แม๎ในแหลํงที่ผ๎ูกํอการร๎ายปฏิบัติการอยํางรุนแรง เชํน ลอบฆําข๎าราชการและ ประชาชน ที่บ๎านนาวง อาเภอเมือง จังหวัดพัทลุง และแม๎ในขณะที่พายุฝนกระหน่าอยํางหนัก พระองค๑ยงั คงเสดจ็ ฝุาสายฝนไปเพ่ือทรงเยี่ยมทหารตารวจ ในสภาวะอันวิกฤตนั้น ด๎วยขันติบารมีของ พระองค๑เชํนน้ี ทาให๎ราษฎรไมํวําจะอยํูในสภาวะทุกข๑ยาก ทุรกันดาร หรือตกอยูํในภยันตรายเพียงใด ยังเกิดความร๎ูสึกอยํูเสมอวําเขามิได๎ถูกทอดท้ิงให๎ว๎าเหวํ ผจญชะตากรรมอยํูเพียงลาพัง หากยังมี องคพ๑ ระประมขุ ที่จะเสด็จมาประทับเคียงข๎าง และแผํพระบารมีคุ๎มครองให๎เขารอดพ๎นจากภยันตราย ทั้งมวล ภาพทรงเสด็จเยี่ยมทหารทบี่ าดเจบ็ ภาพทรงรับสั่งให๎รีบสํงตัวทหารที่บาดเจบ็ เขา๎ โรงพยาบาลดํวน

49 กกกกกกก9. หน้าท่พี ลเมืองดี มีแนวปฏิบัติ ไดแ๎ กํ ให๎เราอดทนตํอความยากลาบากทกุ สถานการณ๑ ไมํท๎อถอย และไมํหมดกาลังกาย กาลังใจท่ีจะดาเนินชีวิต และทาหน๎าที่การงานตํอไปจนสาเร็จ รวมท้งั อดทนตํอการไมไํ ดร๎ บั ความสุขสาราญ ไมํได๎รับความสะดวกสบาย ความอดทนจะทาให๎เราชนะ อปุ สรรคท้งั ปวงไมํวาํ เล็กหรือใหญํ และจะทาให๎เราแกรงํ ข้นึ เขม๎ แข็งขนึ้ กกกกกกก10. อวโิ รธนะ คอื ความเที่ยงธรรม หมายถึง ไมํประพฤตผิ ดิ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตนอยูํใน ความดีงาม ไมํหว่ันไหวในเร่ืองรา๎ ย กกกกกกก10. นบั เป็นบุญของชาวไทยเป็นอยาํ งยิ่งท่ีไดอ๎ ยูํภายใต๎เบือ้ งพระยุคลบาทแหํงพระบาท สมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 พระมหากษัตริยาธิราช ผู๎ทรงบาเพ็ญอวิโรธนะ คือความเทีย่ งธรรมได๎อยาํ งสมบูรณ๑ยิ่ง ซ่ึงความเที่ยงธรรมในที่น้ี หมายถึง ความตรงตามความถูกต๎อง หรือความไมํผิดนั่นเอง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ทรงปฏิบัติ พระองค๑ถูกต๎องตามขัตติยราชประเพณีทุกประการ ไมํเคยทรงประพฤติผิดจากราชจรรยานุวัตร นิติศาสตร๑ และราชศาสตร๑ ทรงปฏิบัติพระองค๑ได๎อยํางงดงาม ไมํมีความบกพรํองให๎เป็นที่เส่ือมเสีย พระเกียรติยศได๎เลย พระองค๑ทรงรักษาพระราชหฤทัยได๎บริสุทธิ์ปราศจากกิเลสท้ังมวล จึงมิได๎ทรง หวั่นไหวตํออานาจแหงํ อคตใิ ด ๆ อนั มีความรกั ความชงั ความโกรธ ความกลัว และความหลง เป็นต๎น จึงไมํมีอานาจใดที่อาจน๎อมพระองค๑ให๎ทรงประพฤติทรงปฏิบัติไปในทางท่ีมัวหมอง ไมํสมควร หรือ คลาดเคลื่อนไปจากความยุติธรรม ทรงอุปถัมภ๑ยกยํองผู๎ควรอุปถัมภ๑ยกยํอง ทรงบาราบคนมีความผิด ดว๎ ยเป็นธรรม และในพระราชฐานะแหํงองค๑พระประมุขของชาติไทยในระบอบประชาธิปไตย ซ่ึงต๎อง มีพรรคการเมืองทั้งรัฐบาลและฝุายค๎าน พระองค๑ได๎ทรงดาริอยูํในความยุติธรรม ทรงเป็นหลักชัยของ พรรคการเมืองทุกพรรค ในด๎านพระราชภารกิจตําง ๆ ทรงปฏิบัติได๎อยํางถูกต๎อง ไมํมีผิด ด๎วยทรง สดบั ตรับฟ๓ง ทรงศึกษา ทรงแสวงหาความรค๎ู วามถูกต๎องทั้งจากบุคคล ตารา จากการท่ีทรงสืบค๎นด๎วย พระองค๑เอง และทรงนามาประมวลใครํครวญด๎วยพระป๓ญญา ความรู๎ที่ทรงได๎จึงเป็นความรู๎ที่ชัดแจ๎ง และถูกต๎อง ด๎วยเหตุนี้พระราชกรณียกิจใด ๆ ที่ทรงมํุงผลให๎บังเกิดเป็นความผาสุก ความเจริญแกํ พสกนิกรอยํางใด ก็ยํอมสาเร็จเป็นความผาสุก และความเจริญอยํางนั้น แม๎วําจะมีบางส่ิงบางอยํางที่ จะต๎องแก๎ไขอันเป็นธรรมดาของการทางานทั้งปวง ก็ทรงปฏิบัติแก๎ไขอยํางรอบคอบ ให๎บังเกิดผลดี และสมบูรณ๑ย่ิงข้ึนไปด๎วยลาดับ พระราชกรณียกิจของพระองค๑จึงมีแตํความไมํผิด ดังเชํน ในการ พัฒนาประเทศทรงพัฒนาอยํางถูกต๎อง คือทรงพัฒนาประเทศไปพร๎อม ๆ กับการพัฒนาประชาชน โดยทรงแนะนาตรัสสอนดว๎ ยพระองค๑เอง และผาํ นทางโครงการพระราชดาริตาํ ง ๆ เป็นต๎น นอกจากนี้ ในการพัฒนาแตํละท๎องถิ่น พระองค๑ยังได๎ทรงศึกษาถึงภูมิประเทศ ลมฟูาอากาศ ตลอดจน ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเป็นอยํู และความต๎องการที่แท๎จริงของประชาชน ซ่ึงในแตํละท๎องถิ่น ยอํ มไมํเหมอื นกัน การพัฒนาของพระองค๑จึงเป็นการพัฒนาด๎วยความเข๎าใจ เหมาะสม และเหมาะแกํ ความจาเป็นของท๎องถ่ินนั้น ๆ การพัฒนาโดยวิธีทางท่ีถูกต๎องน้ีเอง ทาให๎การพัฒนาประเทศได๎ผลไมํ สูญเปลํา สามารถชํวยให๎ไพรํฟูาหน๎าใสได๎โดยทั่วหน๎ากันสมดังพระราชประสงค๑ ทั้งนี้ก็ด๎วยการ บาเพญ็ อวิโรธนะของพระองค๑นี้เอง

50 ภาพทรงโปรดเกล๎าฯ ให๎ พล.อ.สจุ นิ ดา คราประยรู พล.ต.จาลอง ศรเี มือง เขา๎ เฝูาเพ่ือยุติความขดั แย๎ง ภาพทรงเสดจ็ อํางเก็บน้ายางชมุ อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดาริ ตาบลหาดขาม อาเภอกยุ บรุ ี จังหวดั ประจวบครี ีขันธ๑ กกกกกกก10. หน้าท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ิ ได๎แกํ ควรกระทาการงาน หรือดาเนินชีวติ ทถ่ี ูกต๎อง และให๎ความเป็นธรรมกับบุคคลทเี่ กย่ี วข๎อง ด๎วยความยตุ ธิ รรม และเทีย่ งธรรม กกกกกกก10. จะเห็นไดว๎ าํ หลกั ธรรมท้ัง 10 ขอ๎ หรอื ทศพธิ ราชธรรมน้ี มิใชํขอ๎ ปฏบิ ัติที่ยากจนเกิน ความสามารถของคนธรรมดาสามญั ที่จะทาตามได๎ หลาย ๆ ขอ๎ ก็เปน็ สง่ิ ท่เี ราปฏบิ ตั อิ ยํูแล๎ว จะโดย รูต๎ วั หรอื ไมํกต็ าม แตหํ ากเรามีความตั้งใจจริง หลักธรรมดังกลําวกจ็ ะเป็นทุนท่ีชวํ ยหนุนนาให๎เราได๎ พัฒนาชวี ิตไปสูํความดีงาม ความม่ันคง และความสาเร็จที่เราปรารถนาทุกประการ ด๎วยการประพฤติ ปฏบิ ัติท่มี คี ุณคาํ ท้ังตํอตนเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติอีกด๎วย

51 กจิ กรรมทา้ ยบท กกกกกกกกจิ กรรมที่ 1 กกกกกกกคาชแ้ี จง ใหน๎ กั ศกึ ษาเลอื กคาตอบที่ถกู ต๎องทสี่ ดุ เพยี งข๎อเดียว แล๎วนาไปเขียนไว๎ในแผํน กระดาษคาตอบที่แจกให๎ กกกกกกก1. ข๎อใดคือหลกั ธรรมสาหรบั พระมหากษตั ริย๑ โดยตรง กกกกกกก1. ก. อทิ ธิบาท 4 กกกกกกก1. ข. สังคหวัตถุ 4 กกกกกกก1. ค. พรหมวหิ าร 4 กกกกกกก1. ง. ทศพิธราชธรรม กกกกกกก2. ทศพธิ ราชธรรม มกี ป่ี ระการ กกกกกกก1. ก. 10 ประการ กกกกกกก1. ข. 11 ประการ กกกกกกก1. ค. 12 ประการ กกกกกกก1. ง. 13 ประการ กกกกกกก3. ขอ๎ ใดไมจํ ดั อยํใู นทศพิธราชธรรม กกกกกกก1. ก. ศลี กกกกกกก1. ข. ทาน กกกกกกก1. ค. ขนั ติ กกกกกกก1. ง. สมาธิ กกกกกกก4. หากผูป๎ กครองประเทศ ท่ีมเี ลหํ ๑เหลยี่ ม ฉ๎อราษฎร๑บงั หลวง แสดงวาํ ขาด ทศพธิ ราชธรรมข๎อใด กกกกกกก1. ก. ทาน กกกกกกก1. ข. อกั โกธะ กกกกกกก1. ค. อาชชวะ กกกกกกก1. ง. อวิหิงสา กกกกกกก5. นายตน๎ เป็นคนท่ีมีนิสัยสุขภาพ ออํ นโยน มีมนุษยสมั พนั ธ๑ ตรงกับทศพธิ ราชธรรมข๎อใด กกกกกกก1. ก. ตบะ กกกกกกก1. ข. มัททวะ กกกกกกก1. ค. อาชชวะ กกกกกกก1. ง. อวหิ ิงสา

52 กกกกกกกกิจกรรมที่ 2 กกกกกกกคาช้ีแจง ใหน๎ ักศกึ ษาจับคูโํ ดยการโยงเส๎นข๎อความดา๎ นตวั เลข กับขอ๎ ความตัวอกั ษรทีม่ ี ความสมั พนั ธเ๑ หมือนกนั แล๎วนาคาตอบท่ไี ด๎ไปเขียนลงในแผนํ กระดาษคาตอบทีแ่ จกให๎ 1. อาชชวะ ก การไมํแสดงความโกรธใหป๎ รากฏ 2. อวิหิงสา ข ความอดทน ไมํทอ๎ ถอย 3. ตบะ ค การไมํเบียดเบียน ไมํใช๎อานาจบังคบั กลนั่ แกล๎งผ๎ูอ่นื 4. ขนั ติ ง ความซือ่ ตรง ดารงอยํูในสตั ย๑สุจริต 5. อักโกธะ จ ความอุตสาหะในการปฏิบัตงิ าน กกกกกกกกิจกรรมที่ 3 กกกกกกกคาชีแ้ จง ให๎นกั ศึกษาเติมคาลงในชํองวํางให๎ถูกต๎องสมบรู ณ๑ สน้ั ๆ โดยนาคาตอบที่ได๎ไป เขยี นลงในแผนํ กระดาษคาตอบที่แจกให๎ กกกกกกก1. หลักธรรมสาหรับพระมหากษัตริย๑ พงึ ปฏบิ ัติ 10 ประการ คือ....................................... กกกกกกก2. ............................. คอื การเสียสละความสุขสํวนตน เพื่อความสขุ สวํ นรวม กกกกกกก3. ............................. คอื ความสภุ าพ อํอนโยน มีสมั มาคารวะ กกกกกกก4. ............................. คอื ความประพฤติทด่ี งี าม ทง้ั กาย วาจา และใจ เป็นตัวอยาํ งท่ดี แี กํ คนทว่ั ไป กกกกกกก5. ……………………….. คอื ความหนกั แนํน ถอื ความถกู ต๎อง เท่ยี งธรรมเป็นหลัก ไมเํ อนเอยี ง หว่นั ไหวตอํ คาติท้งั ปวง กกกกกกกกจิ กรรมท่ี 4 กกกกกกกคาช้ีแจง ให๎นกั ศึกษาทาเครื่องหมายถูก ( ) หรือผิด () หน๎าข๎อตํอไปน้ี โดยนา คาตอบทไี่ ด๎ไปเขยี นลงในแผํนกระดาษคาตอบที่แจกให๎ กกกกกกก............... 1. ทศพธิ ราชธรรม คือ ธรรมของพระราชา 10 ประการ เปน็ ของสงู บุคคล ธรรมดาควรเคารพบูชาเทาํ นั้น ไมคํ วรนามาใช๎ในชีวติ ประจาวนั กกกกกกก............... 2. ผ๎ทู ป่ี ระพฤติปฏิบัตติ นอยูํในความถกู ต๎อง เทยี่ งธรรม ไมหํ ว่นั ไหวตอํ คาพดู อารมณ๑ หรือลาภ ยศ สรรเสรญิ คือวาํ ผ๎นู ัน้ มี อวิโรธนะ กกกกกกก............... 3. การมคี วามอดทนตํอสง่ิ ทัง้ ปวงรักษาอาการกายวาจาใจให๎เรียบรอ๎ ย คอื ตบะ กกกกกกก............... 4. มทั ทวะ หมายถงึ การมีอัธยาศัยออํ นโยน มสี มั มาคารวะตํอผู๎อาวโุ ส กกกกกกก............... 5. อาชชวะ หมายถึง ความซ่ือสัตย๑ สจุ รติ มีความจริงใจ

53 บทท่ี 4 หน้าท่พี ลเมอื งตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชดารสั สาระสาคัญ กกกกกกก1. หน๎าที่พลเมอื งตามพระราชดารสั ความสุขในการดาเนนิ ชีวิต ได๎แกํ กกกกกกก1. 1.1 สขุ กาย จะเกดิ ขึน้ ได๎ พลเมืองต๎องมีสภาวะราํ งกายท่ีมีความสมบูรณแ๑ ขง็ แรง เจริญเติบโตอยํางปกติ มีความต๎านทานโรคได๎ดี ปราศจากโรคภัยไข๎เจ็บ รวมถึงดูแลสุขภาพจิต ด๎านการแสวงหาความร๎ูให๎มีป๓ญญารู๎เทําทัน จะทาให๎จิตใจดี ควบคุมจิตได๎ นอกจากน้ีต๎องดูแล สุขภาพใจ ด๎านการแสวงหาความรู๎ที่ทาให๎เข๎าใจ สบายใจ หรือร๎ูเทําทันการเปล่ียนแปลง เพ่ือให๎ สามารถดาเนินชวี ิตไดอ๎ ยํางปกติ รวมถงึ ทางานได๎ดว๎ ย กกกกกกก1. 1.2 สุขใจ จะเกดิ ขึ้นได๎ พลเมืองต๎องมสี ภาวะของจิตใจที่มคี วามสดชืน่ แจํมใส สามารถควบคุมอารมณ๑ให๎ม่ันคง ปรับตัวให๎เข๎ากับการเปล่ียนแปลงทางสังคม และส่ิงแวดล๎อมได๎เป็น อยํางดี จากการท่ีบุคคลน้ันใช๎ความร๎ูที่มีอยํู ประกอบกับมีสัมพันธภาพกับบุคคลอ่ืนอันดี และมี ราํ งกายทแ่ี ข็งแรงจึงจะทาให๎มคี วามสุขใจได๎ กกกกกกก1. 1.3 สขุ ในการอยํูรํวมกนั จะเกดิ ข้ึนได๎พลเมืองต๎องมีความรกั ความสามัคคี ความปรองดอง และความสงบสขุ ในสงั คม ทเี่ กิดจากทุกคนได๎รบั ความยตุ ธิ รรม กกกกกกก2. หนา๎ ทพ่ี ลเมอื งตามพระราชดารัสเก่ียวกบั เด็ก นักเรียนและเยาวชน และนกั ศกึ ษา กกกกกกก1. 2.1 วัยเด็ก และการปลกู ฝ๓งคุณธรรมจะเกิดขึ้นได๎ จากการอบรมเลี้ยงดู สั่งสอน ขัดเกลาของทุกฝุายทั้งครอบครวั และโรงเรยี น ใหเ๎ ห็นคณุ คําของความดี ความสุจรติ มีความประพฤติ เรยี บรอ๎ ย มเี หตุผลหรือสติป๓ญญานัน้ เอง โดยการเปน็ แบบอยํางทด่ี ี เพื่อให๎เด็กเห็นเป็นตัวอยาํ งและ ยึดเปน็ แบบอยาํ งให๎ได๎ กกกกกกก1. 2.2 นักเรียนและเยาวชน ตอ๎ งได๎รับการปลูกฝ๓งถํายทอดความร๎ทู ี่แท๎จรงิ เพื่อให๎ สามารถร๎ูเทําทัน ฉลาดและคิดสรา๎ งสรรค๑ ทาประโยชน๑ใหก๎ ับตนเองและสํวนรวม กกกกกกก1. 2.3 นกั ศึกษาเปน็ ผ๎ทู ม่ี คี วามพรอ๎ มท้ังวยั วุฒิและคณุ วฒุ ิ ฉะนนั้ จึงต๎องมีความเพียร ความอดทน มสี ตปิ ญ๓ ญา ร๎ูจกั ใชเ๎ หตุผล และเลอื กสิง่ ที่ดีงามมาประยุกตใ๑ ชใ๎ นชวี ิตของตนเอง กกกกกกก1. 2.4 วยั ทางาน และการศึกษา กกกกกกก1. 2.4 2.4.1 วยั ทางาน ยํอมเจอป๓ญหาและอุปสรรคเสมอ เมอื่ เจอปญ๓ หาใหห๎ า ทางแก๎ไข ถา๎ แก๎คนเดียวไมไํ ด๎กใ็ หค๎ นท่เี กี่ยวข๎องชํวยกนั คิดหาทางแก๎ไข กกกกกกก1. 2.4 2.4.2 การศกึ ษา สร๎างคนให๎มีความรู๎ ความสามารถ เป็นพื้นฐานที่จาเปน็ ในการ พัฒนาตนเองและประเทศชาติ กกกกกกก1. 2.5 หนา๎ ท่ี และความรับผดิ ชอบตํอบ๎านเมืองของคนในชาตติ ๎องมคี วามรัก ความ สามัคคี มีเหตุผล มีความร๎ู ชํวยกันสร๎างความเจริญ ปลูกฝ๓งความดีงามให๎กับจิตใจของคนในชาติ รวมถงึ รักษาวฒั นธรรมประเพณีทเ่ี ปน็ แบบแผนของไทยให๎คงอยํูตลอดไป

54 กกกกกกก3. หนา๎ ที่พลเมอื งตามพระราชดารัส ทเ่ี กยี่ วข๎องกับปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง กกกกกกก3. 3.1 ความพอประมาณ จะเกิดขน้ึ ได๎ โดยรจู๎ ักตนเอง มีความซ่ือสัตย๑และความเพียร เดินทางสายกลาง และพอใจในสงิ่ ทีต่ นมีอยูํ กกกกกกก3. 3.2 ความมีเหตุผล ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมุํงสอนให๎พลเมอื งไทย มีความคดิ อยาํ งรอบคอบ โดยพิจารณาจากปจ๓ จยั ทีเ่ กย่ี วข๎อง และคานึงถึงผลทีจ่ ะเกดิ ขนึ้ จากการ กระทานัน้ กกกกกกก3. 3.3 ความมีภมู คิ ๎ุมกนั คือ เป็นการเตรียมตัวให๎พรอ๎ มตํอการเปล่ยี นแปลงในทกุ ด๎าน ด๎วยการวเิ คราะห๑ความเสีย่ ง ใชป๎ ระสบการณ๑เดิมมาชํวยตดั สนิ ใจ และรวบรวมมาใชใ๎ นโอกาสตํอไป กกกกกกก3. 3.4 เง่ือนไขความรู๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.1 ความร๎ู มีหลายประเภท ได๎แกํ ความร๎ูท่ีเกยี่ วข๎องกบั การดาเนนิ ชีวติ การประกอบอาชพี การศึกษา รวมถึงความรท๎ู ่เี ก่ียวข๎องกบั การพฒั นาจติ ใจ ทาให๎บุคคลมคี วาม เจรญิ ก๎าวหน๎าได๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.2 หลักวชิ า คอื เนือ้ หาความรู๎ และหลกั วิชาการ คือ นาความรู๎มาจัด กระบวนการเรียนรู๎ กกกกกกก3. 3.4 3.4.3 รอบรู๎ รอบคอบ และระมัดระวัง เปน็ การศึกษาหาขอ๎ มูล กํอนการปฏบิ ัติ โดยคานึงผลท่ีจะตามมาอยาํ งรอบคอบ และระมดั ระวัง กกกกกกก3. 3.5 เง่อื นไขคุณธรรม แบํงออกเปน็ 2 ประเภท ได๎แกํ คุณธรรมและหนา๎ ที่ กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 คุณธรรม กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 1) ความซ่อื สัตย๑สจุ ริต เป็นพื้นฐานของความดีทุกอยาํ ง กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 2) ความเพยี ร พากเพียร และอดทน จะเกิดขน้ึ ไดจ๎ ากการฝึกฝน จนเกดิ เปน็ นสิ ยั และกระต๎ุนใหเ๎ กดิ การทางานอยํางจรงิ จังจนสาเร็จ กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 3) สติ และปญ๓ ญา เป็นความสามารถในตัวบุคคล ทีจ่ ะทราบได๎จาก พฤติกรรมที่บุคคล แสดงออก ระดับของสติป๓ญญาสังเกตได๎จากการแสดงออกที่มีความคลํองแคลํว รวดเร็ว ความถูกต๎อง ความสามารถในการคิด การแก๎ป๓ญหาและการปรับตัว การใช๎แบบทดสอบวัด สติปญ๓ ญาจะทาให๎ทราบระดบั สตปิ ๓ญญาชดั เจนขึ้น กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 4) ไมเํ บียดเบยี น มเี มตตา จะเกิดขึน้ ได๎ โดยการปลกู ฝง๓ คณุ ธรรมจาก ครอบครวั และส่ิงแวดล๎อม กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 5) ตง้ั ใจดี คิดดี และทาดี หากคิดดีก็จะมีความร๎สู ึกท่ดี ี เม่ือมคี วามร๎สู กึ ท่ี ดกี จ็ ะมีคาพูดทด่ี ี สํงผลให๎มีการกระทาทดี่ ดี ว๎ ย กกกกกกก3. 3.4 3.5.1 6) ความรบั ผดิ ชอบ รับผดิ และรับชอบ จะแสดงถงึ ความเอาใจใสํ มํงุ ม่ัน ตํอภารกิจที่ทาทุกคนต๎องมีความรับผิดชอบตํอหน๎าท่ีการงาน การศึกษา อ่ืน ๆ อยํางเต็ม ความสามารถเพ่อื ใหบ๎ รรลผุ ลสาเรจ็ ตามจดุ มงํุ หมาย และยอมรบั ผลการกระทาทจี่ ะเกดิ ข้ึน

55 กกกกกกก3. 3.4 3.5.2 หนา๎ ท่ี กกกกกกก3. 3.4 3.5.2 1) ประโยชนส๑ วํ นรวม ประโยชน๑สวํ นตน และเสียสละ การทาประโยชน๑ ให๎สวํ นรวม เสยี สละเพื่อใหป๎ ระเทศชาติมีความเจรญิ ซึ่งเป็นความรับผดิ ชอบของทุกคน และไมเํ ห็นแกํ ประโยชน๑สํวนตน กกกกกกก3. 3.4 3.5.2 2) ความสามคั คี รํวมมอื ปรองดอง เกิดจากความรํวมมือรํวมใจเป็น อนั หน่งึ อนั เดยี วกนั คณุ ธรรมน้นี ับวําสาคญั มากในหมคํู ณะ เป็นคุณธรรมที่กํอให๎เกดิ ความสขุ อยาํ งย่งิ แกํหมูคํ ณะ กกกกกกก3. 3.4 3.5.2 3) ความสุข ความเจรญิ เกิดข้ึนจาก บคุ คลท้ังหมดมีเจตนากระทาเพื่อให๎ มีความสุข ความเจริญจะต๎องไมเํ บียดเบียน หรือแกํงแยงํ ผู๎อน่ื มา ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวัง กกกกกกก1. วเิ คราะห๑หนา๎ ที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลท่ี 9 ตามพระราชดารัส ความสุข ในการดาเนินชวี ิตเกีย่ วกบั เดก็ นักเรียน และเยาวชน และนักศึกษา และเกีย่ วกับปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพียงตามสถานการณท๑ ่ีกาหนดให๎ได๎ กกกกกกก2. ตระหนกั ถึง ความสาคญั ของหน๎าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลท่ี 9 ตาม พระราชดารัส ขอบข่ายเน้ือหา กกกกกกกเร่ืองที่ 1 หนา๎ ทพี่ ลเมืองตามพระราชดารสั ความสุขในการดาเนนิ ชีวติ กกกกกกกเรื่องที่ 2 หนา๎ ทพ่ี ลเมอื งตามพระราชดารสั เก่ยี วกับเด็ก นักเรียนและเยาวชน และ นักศกึ ษา กกกกกกกเรื่องท่ี 3 หน๎าทีพ่ ลเมอื งตามพระราชดารสั ทีเ่ ก่ยี วข๎องกับปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ส่ือประกอบการเรียน กกกกกกก1. สือ่ เอกสาร ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.1 ชอ่ื หนงั สือ ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดารัสเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน ซ่ือผ๎แู ตํง มลู นิธโิ ตโยต๎าประเทศไทยและมูลนธิ พิ ระดาบส ปีที่พิมพ๑ 2543 สานกั พมิ พ๑กรงุ เทพฯ กกกกกกก1. 1.2 ชื่อหนังสือ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยํูหวั เน่ืองในโอกาสพระราชพธิ ีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธนั วาคม 2554 ผแ๎ู ตงํ ราชบัณฑติ ยสถาน ปีทพี่ ิมพ๑ 2556 สานักพิมพ๑ศริ วิ ัฒนาอนิ เตอร๑พร้นิ ท๑ จากัด (มหาชน)

56 กกกกกกก2. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส๑ ได๎แกํ กกกกกกก2. 2.1 ชอื่ บทความ บันทกึ ตามรอย 84 ตามคาสอนพํอ ชื่อผ๎แู ตงํ สานกั พมิ พ๑เนชัน่ บ๏ุค สบื คน๎ จาก https://books.google.co.th/books?id= true กกกกกกก2. 2.2 ชื่อบทความ พลเมืองดีตามวิถปี ระชาธิปไตย ผู๎แตงํ ปณติ า ปตตาทานัง สืบคน๎ จาก http://www.thistudyfocas.com กกกกกกก3. สอ่ื แหลํงเรียนร๎ูในชุมชนได๎แกํ กกกกกกก3. 3.1 ห๎องสมุดประชาชนจังหวดั ประจวบครี ีขันธ๑ กกกกกกก3. 3.2 กศน.ตาบล/เทศบาลทกุ แหงํ และศูนยก๑ ารเรยี นร๎ชู ุมชนในอาเภอเมือง ประจวบครี ขี นั ธ๑ เร่อื ง 1 หน้าท่พี ลเมอื งตามพระราชดารัส ความสขุ ในการดาเนินชวี ิต กกกกกกก1. สขุ กาย หมายถึง “ความสุข” ในมุมมองนีเ้ ป็นการสื่อความหมายของความสขุ ทางกาย ทางใจ ความสมหวงั และความเปน็ อยทํู ่ีดี กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไดท๎ รงพระราชทานพระราชดารสั เกี่ยวกับ สุขกายเน่ืองในการฉลองครบรอบ 50 ปี ของสโมสรโรตารใ่ี นประเทศไทย ณ อาคารใหมํ สวนอมั พร วันท่ี 15 ธันวาคม พ.ศ. 2523 ดงั น้ี “ ชีวิตของแตํละคนจะต๎องประกอบด๎วยสิ่งใด สาหรับให๎มีชีวิตอยํูได๎ถ๎าเรา คิดสักหนํอยวํา เรามีรํางกายที่จะต๎องอุ๎มชูตนเอง คือหมายความวําทุกวันน้ีเราจะต๎อง หาอาหารมาเล้ียง ถ๎าไมํมีอาหารเล้ียงรํางกายน้ีเป็นเวลาหนึ่ง ก็ทาให๎ รํางกายซูบผอม และอํอนเพลียลงไป ไมํมีทางท่ีจะทางานทาการใด ๆ หรือแม๎จะทางานท่ีไมํใชํเป็นงาน คือเลํนสนุกอะไรก็ตาม ก็ไมํได๎ทั้งนั้น คิดอะไรก็ไมํออกดาเนินชีวิตไมํได๎ ถ๎าไมํมีอาหาร ถ๎ามองดูในแงํนี้เพียงอาหารที่มาใสํท๎อง ก็เป็น กิจการท่ีกว๎างขวางอยํางมาก มาทีน้ีพูด กันวําคนเราต๎องทามาหากิน ดูเป็นของท่ีสาคัญที่สุด เพราะวําถ๎าไมํทามาหากินก็ไมํมี ชีวิตอยไํู ด๎ หรือมีชวี ิตกแ็ รน๎ แคน๎ และทุกขท๑ รมานอยํางยิ่ง นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารใจอีก ถ๎าคนเราไมํมีอาหารใจ ไมํขวนขวายหาความร๎ู จะไมํสบายใจ และจะไมํเป็นคนที่เจริญ ฉะน้ัน ทุกคนท่ี ต๎องการท่ีจะมีชีวิตอยํู และมีชีวิตอยูํอยํางดี ก็ต๎องอุ๎มชูให๎อาหารแกํตา และหาทางที่จะมอี าหารของใจด๎วย ”

57 กกกกกกก1. กลําวโดยสรุป สขุ กายจะเกิดขนึ้ ได๎ พลเมอื งตอ๎ งมสี ภาวะราํ งกายที่มีความสมบูรณ๑ แข็งแรง เจริญเติบโตอยํางปกติ มีความต๎านทานโรคได๎ดี ปราศจากโรคภัยไข๎เจ็บ รวมถึงดูแล สุขภาพจิต ด๎านการแสวงหาความรู๎ให๎มีป๓ญญาร๎ูเทําทันจะทาให๎จิตใจดี ควบคุมจิตได๎ นอกจากน้ีต๎อง ดูแลสุขภาพใจ ด๎านการแสวงหาความร๎ูท่ีทาให๎เข๎าใจ สบายใจ หรือรู๎เทําทันการเปล่ียนแปลง เพ่ือให๎ สามารถดาเนนิ ชวี ติ ได๎อยํางปกติ รวมถึงทางานได๎ดว๎ ย กกกกกกก1. หน๎าท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏิบัติ ได๎แกํ การดแู ลสุขภาพราํ งกายใหแ๎ ขง็ แรง รับประทาน อาหารท่ีมีประโยชน๑ หมัน่ ออกกาลงั กายอยเูํ ป็นประจา และไมํใชช๎ ีวิตอยูบํ นความประมาท รวมถงึ ดูแล สุขภาพจติ ด๎านการแสวงหาความรูใ๎ หม๎ ีป๓ญญาร๎เู ทาํ ทนั จะทาใหจ๎ ิตใจดีควบคุมจติ ได๎ กกกกกกก2. สขุ ใจ หมายถงึ ความสขุ ท่สี มั ผสั ไดจ๎ ากจติ คือ ความสบายใจ ความสุขใจ ความอ่ิมใจ ความพอใจ อนั เกดิ จากจิตใจท่ีสงบและเย็น เปน็ ความสขุ ที่สะอาด กกกกกกก2. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั เก่ยี วกบั สขุ ใจไว๎ให๎แกํคณะครูและนักเรยี นโรงเรียนราชวนิ ิต ณ พระตาหนักจติ รลดา รโหฐาน วันที่ 31 ตลุ าคม พ.ศ. 2518 ดงั นี้ “ ความเข๎มแข็งในจิตใจนี้เป็นสิ่งท่ีสาคัญที่จะต๎องฝึกฝนแตํเล็กเพราะวําตํอไป ถ๎ามีชีวิตที่ลาบาก ไปประสบอุปสรรคใด ๆ ถ๎าไมํมีความเข๎มแข็ง ไมํมีความร๎ู ไมํมีทางที่ จะผํานอุปสรรคนั้นได๎ เพราะวําถ๎าไปเจออุปสรรคอะไร ก็ไมํมีอะไรที่จะมาชํวยเราได๎ แตํถ๎ามีความร๎ู มีอัธยาศัยที่ดี และมีความเข๎มแข็ง ในกาย ในใจ ก็สามารถที่จะผํานพ๎น อปุ สรรคตําง ๆ นั้นได๎ ” กกกกกกก2. กลาํ วโดยสรุป สขุ ใจจะเกิดข้ึนได๎ พลเมืองต๎องมสี ภาวะของจิตใจท่ีมคี วามสดชืน่ แจมํ ใส สามารถควบคุมอารมณ๑ให๎มั่นคง ปรับตัวให๎เข๎ากับการเปล่ียนแปลงทางสังคม และส่ิงแวดล๎อมได๎เป็น อยํางดีจากการท่ีบุคคลนั้นใช๎ความร๎ูท่ีมีอยํูประกอบกับมีสัมพันธภาพกับบุคคลอ่ืนอันดี และมีรํางกาย ทแ่ี ข็งแรง จึงจะทาใหม๎ คี วามสขุ ใจได๎ กกกกกกก2. หนา๎ ที่พลเมืองดี มแี นวปฏิบตั ิได๎แกํ การดูแลสุขภาพใจให๎แข็งแรง ด๎วยวิธีการทาจิตให๎ สดช่ืนแจมํ ใส ควบคมุ อารมณ๑ให๎ม่นั คง ค๎นคว๎าหาความรใู๎ ห๎ร๎เู ทาํ ทนั การเปล่ยี นแปลงรวมถึงมี สัมพันธภาพทด่ี ีกบั บุคคลอ่ืน และมีรํางกายแข็งแรงดี จะชํวยให๎บคุ คลปรับตวั ใหเ๎ ข๎ากับการ เปล่ยี นแปลงของสังคม และสามารถเผชิญกบั ป๓ญหาได๎เปน็ อยํางดี กกกกกกก3. สุขในการอยรู่ ่วมกัน หมายถงึ การอยูรํ ํวมกันในสังคมอยาํ งสนั ตสิ ุข จาเป็นอยํางยง่ิ ท่ี จะตอ๎ งอาศยั ความมีนา้ ใจไมตรที ดี่ ตี อํ กัน โดยไมํต๎องใช๎เงนิ ทองมากมาย เพยี งแตํแสดงความเมตตา กรณุ าตํอเพื่อนมนุษย๑ โดยการชวํ ยเหลือเลก็ ๆ นอ๎ ย ๆ เทาํ นนั้ กเ็ ป็นการแสดงน้าใจได๎

58 กกกกกกก3. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารสั เกยี่ วกับสุขในการอยรูํ วํ มกัน เน่ืองในโอกาสที่รองประธานศาลฎีกานาผ๎ูพิพากษา ประจากระทรวงเข๎าเฝาู ฯ ณ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ.2537 ดังนี้ “ การทใ่ี นประเทศใดมีประชาชนท้งั หมดอยํรู วํ มกันโดยสนั ติ กเ็ ปน็ สิ่งที่ ปรารถนาของทุกคน ไมํมีใครอยากให๎มีความวนุํ วายในหมูํคณะในประเทศชาติ เพราะวาํ ถ๎ามีความวนํุ วายนั้นเป็นความทุกข๑ ทุกคนต๎องการความสุข หากความสุขน้ันก็จะมาจาก ความปรองดอง และความท่ีทุกส่ิงทกุ อยํางเปน็ ไปโดยยตุ ธิ รรม ” กกกกกกก3. กลาํ วโดยสรุปสขุ ในการอยํรู ํวมกันจะเกิดข้ึนไดพ๎ ลเมืองจะต๎องมีความรัก ความสามคั คี ความปรองดอง และความสงบสุขในสงั คมทเี่ กิดจากทุกคนได๎รับความยตุ ิธรรม กกกกกกก3 หน๎าทพี่ ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิไดแ๎ กํ ให๎ความเมตตา ความรัก ความรวํ มมือในการปฏบิ ัติ ภารกจิ สวํ นรวมรวม ถึงดา๎ นความเอื้ออาทร ปรองดอง สมานฉนั ท๑ อยํางเสมอภาค เรื่องที่ 2 หนา้ ท่ีพลเมืองตามพระราชดารัส เกี่ยวกบั เด็ก นกั เรยี น และเยาวชน และ นกั ศกึ ษา กกกกกกก1. วัยเด็กและการปลูกฝงั คณุ ธรรม หมายถึง การสร๎างแรงจงู ใจเปน็ การเปลี่ยนกระบวน ความคดิ ให๎เหน็ คุณคาํ และประโยชนข๑ องการมีคุณธรรม จรยิ ธรรม ดว๎ ยการสัง่ สอนอบรม การเหน็ แบบอยําง และใหร๎ างวลั เม่ือทาความดี กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช ไดท๎ รงพระราชทานพระราชดารัส เกีย่ วกบั วัยเด็กและการปลูกฝ๓งคณุ ธรรม เนือ่ งในโอกาสปีเด็กสากล วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2522 ดังน้ี “ เด็กเปน็ ผ๎ทู ่ีจะได๎รบั ชํวงทุกสิง่ ทุกอยํางตํอจากผูใ๎ หญํ ดงั นั้น เดก็ ทุกคนจึง สมควรและจาเป็น ทจ่ี ะตอ๎ งไดร๎ บั การอบรมเลี้ยงดูอยํางถูกต๎องเหมาะสม ให๎มศี รัทธา ม่นั คงในคุณความดี มคี วามประพฤติเรยี บร๎อย สุจริต และมีปญ๓ ญา ฉลาดแจํมใสใน เหตุผล ”

59 กกกกกกก1. กลาํ วโดยสรุปวยั เดก็ และการปลูกฝ๓งคุณธรรมจะเกิดขึ้นได๎ เกิดจากการอบรมเลีย้ งดู สั่งสอน ขดั เกลาของทกุ ฝุาย ทัง้ ครอบครัวและโรงเรียน ให๎เห็นคณุ คาํ ของความดี ความสจุ ริต มีความ ประพฤติเรียบร๎อย มเี หตุผล หรอื สตปิ ญ๓ ญานนั้ เอง โดยการเปน็ แบบอยํางทดี่ ี เพ่ือให๎เด็กเห็นเปน็ ตวั อยาํ ง และยึดเป็นแบบอยาํ งใหไ๎ ด๎ กกกกกกก1. หนา๎ ทพี่ ลเมืองดี มแี นวปฏิบตั ไิ ด๎แกํ บคุ คลผู๎เป็นผป๎ู กครองในครอบครัวต๎องอบรม ส่งั สอนเรื่องของคุณธรรม และจริยธรรมท่เี ด็กควรปฏิบตั อิ ยํางมเี หตมุ ีผลให๎เด็กเกิดป๓ญญา นอกจากน้ี สถาบันการศึกษากต็ ๎องชํวยอบรมส่ังสอน และปลูกฝ๓งเร่อื งคณุ ธรรมจรยิ ธรรมใหก๎ บั เด็กด๎วย กกกกกกก2. นกั เรยี น และเยาวชน หมายถึง ผู๎รบั การศกึ ษาจากโรงเรียนหรอื สถาบัน การศึกษา กกกกกกก2. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระบรมราโชวาทเกี่ยวกับนกั เรียนและเยาวชน เนอ่ื งในโอกาสวันเดก็ แหํงชาติประจาปี 2532 ณ พระตาหนกั จติ รลดารโหฐาน วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2532 ดงั นี้ “ ความรู๎ประโยชน๑แท๎จริงของสิ่งท้ังหลาย เป็นสิ่งที่ผู๎ใหญํต๎องปลูกฝ๓งให๎ หยั่งลึกในตัวเด็ก เด็กจักได๎เติบโตเป็นคน ฉลาดเท่ียงตรงและสามารถสร๎างสรรค๑ ประโยชน๑ทพี่ ึงประสงค๑ ใหแ๎ กํตน แกสํ ํวนรวมไดแ๎ นํนอนมีประสทิ ธิภาพ ” กกกกกกก2. กลาํ วโดยสรุป นกั เรียน และเยาวชนตอ๎ งไดร๎ ับการปลูกฝง๓ ถํายทอดความร๎ูทีแ่ ทจ๎ รงิ เพอื่ ใหส๎ ามารถรเ๎ู ทําทนั ฉลาด และคิดสรา๎ งสรรค๑ทาประโยชน๑ใหก๎ ับตนเอง และสวํ นรวม กกกกกกก2. หน๎าท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัตไิ ดแ๎ กํ บคุ คลในครอบครวั หรือครู อาจารย๑ และ ผู๎นาชุมชน ต๎องสนับสนุนให๎นักเรียนและเยาวชนได๎เรียนร๎ูในสถาบันการศึกษา หรือแหลํงเรียนรู๎ใน ชุมชน ตามศักยภาพของนักเรียน และเยาวชนให๎ได๎มากท่ีสุด เพื่อให๎มีความร๎ูอยํางแท๎จริง มีความ ฉลาด คิดสรา๎ งสรรคท๑ าประโยชนต๑ ํอตนเองและสังคมโดยรวม กกกกกกก3. นกั ศกึ ษา พจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คาจากัดความ หรือความหมายของนักศึกษา คือ ผูท๎ ่ศี ึกษาอยํใู นสถาบนั อุดมศึกษาหรอื เทยี บเทาํ กกกกกกก3. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระบรมราโชวาทเก่ยี วกบั นักศึกษาเนื่องในโอกาสเสด็จฯ ทรงดนตรีเป็นสวํ นพระองค๑ ณ หอประชมุ จุฬาลงกรณ๑มหาวทิ ยาลยั วนั ท่ี 20กันยายน พ.ศ.2513 ดงั นี้

60 “ ขอสรุปหน๎าท่ีของผ๎ูท่ีเป็นนิสิตนักศึกษาวํา การเป็นนักศึกษาไมํใชํอาชีพ เป็นเวลาที่จะฝึกทางวิชาการและก็ทางจิตใจ เพื่อท่ีจะมีพลังแข็งแรงท่ีจะรับใช๎ชาติ เป็นพลเมืองดี แล๎วก็เป็นความหวัง และก็เป็นสิ่งท่ีสาคัญที่สุดวํา เม่ือได๎ฝึกในทางจิตใจ เป็นคนเข๎มแขง็ ซ่ือตรง และเป็นคนท่ีมีความปรารถนาที่จะสร๎างสรรค๑แล๎ว จะต๎องรักษา อดุ มคตนิ ี้ หรอื พลังน้ี หรอื ปณิธานน้ไี ว๎ตลอดชีวิต ” กกกกกกก3. กลําวโดยสรุปนกั ศึกษาเป็นผู๎ที่มีความพร๎อมทั้งวยั วฒุ แิ ละคณุ วฒุ ิ ฉะนั้นจงึ ต๎องมีความ เพยี ร ความอดทน มีสตปิ ๓ญญา รจ๎ู กั ใช๎เหตผุ ล และเลือกส่ิงทด่ี ีงามมาประยุกต๑ใช๎ในชวี ิตของตนเอง กกกกกกก3. หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มแี นวปฏิบตั ิ ไดแ๎ กํ ต๎องมีความเพียรและอดทน และมปี ๓ญญา และเหตุผล ร๎ูจักวําอะไรดี อะไรไมํดี ซ่ึงคาวําเพียร และคาวําอดทนเป็นคุณสมบัติ หรือคุณธรรมท่ี จะต๎องปฏิบัติ โดยเฉพาะกับนักศึกษา วําการศึกษาน้ี หมายความวํา การเรียน การหาความร๎ูของผู๎ที่ ศึกษาก็เป็นสิ่งที่ยากลาบาก จึงต๎องมีความเพียรความอดทน เราเป็นคน เราเป็นนักศึกษา หรือแม๎จะ ไมํใชํนักศึกษาก็เรียนอยํูเสมอ ศึกษาอยูํเสมอ คนเรามีป๓ญญา ควรจะมีป๓ญญา หมายความวํามีความ เข๎าใจ เข๎าใจด๎วยเหตุผลได๎ ร๎ูจักใช๎เหตุผล ร๎ูจักเลือกส่ิงท่ีดีท่ีงาม ร๎ูวําอันนี้ดี อันนี้ไมํดี ถูกต๎อง หรอื ไมถํ ูกต๎อง กกกกกกก4. วัยทางาน และการศกึ ษา กกกกกกก4. 4.1 วัยทางาน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ ห๎คาจากดั ความ หรือความหมายของวัยทางาน คอื วยั ท่ีใช๎พลังทางรํางกายและสตปิ ญ๓ ญาผลิตงานออกมา กกกกกกก4. 4.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกี่ยวกบั วัยทางาน เนื่องในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบตั รวทิ ยาลยั เทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วนั ท่ี 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 ดังน้ี “ เมอ่ื มีโอกาสและมงี านทา ควรเตม็ ใจทาโดยไมํจาเปน็ ต๎องตงั้ ข๎อแม๎ หรือ เงื่อนไขอนั ใด ไว๎ให๎เป็นเคร่ืองกีดขวาง คนที่ทางานไดจ๎ ริง ๆ นนั้ ไมวํ ําจะจับงานสิ่งใด ยอํ มทาได๎เสมอ ถา๎ ยิ่งมคี วามเอาใจใสํ มีความขยัน และ ความซือ่ สัตยส๑ จุ ริต ก็ยิ่งจะชํวย ใหป๎ ระสบผลสาเร็จในงานทท่ี าสงู ขึ้น ”

61 กกกกกกก4. 4.1 กลาํ วโดยสรุป วยั ทางานยํอมเจอป๓ญหาและอปุ สรรคเสมอ เมื่อเจอป๓ญหาให๎หา ทางแก๎ไข ถา๎ แก๎คนเดยี วไมํได๎ก็ให๎คนทเ่ี กย่ี วข๎องชวํ ยกนั คดิ หาทางแก๎ไข กกกกกกก4. 4.1 หนา๎ ทพ่ี ลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ิไดแ๎ กํ เมื่อพบบุคคลมีป๓ญหา ถา๎ เห็นวํา เขาไมํ สามารถแก๎ไขป๓ญหาน้ันได๎ ถ๎าเรามีความรู๎ความเข๎าใจก็เข๎าไปชํวยแก๎ไขป๓ญหานั้นให๎หมดไป ควรให๎ ความรํวมมือใสํใจชํวยแก๎ไขป๓ญหาของบุคคลอ่ืนด๎วย นอกจากน้ีบุคคลไมํควรปลํอยให๎ป๓ญหาเกิดข้ึน โดยไมแํ กไ๎ ข กกกกกกก4. 4.2 การศกึ ษา พจนานกุ รมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ใหค๎ าจากดั ความ หรอื ความหมายของการศึกษา คือ การเลําเรียน ฝึกฝน และอบรม กกกกกกก4. 4.2 การศกึ ษา หมายถึง การดาเนินการดว๎ ยกระบวนการทกุ อยําง ที่ทาให๎บุคคล พฒั นาความสามารถดา๎ นตําง ๆ รวมทั้งทัศนคติ และพฤติกรรมอ่ืน ๆ ตามคาํ นยิ มและคุณธรรม ในสังคม กกกกกกก4. 4.2 การศึกษา หมายถงึ กระบวนการทางสงั คม ทท่ี าใหบ๎ ุคคลไดร๎ ับอทิ ธพิ ลจาก สง่ิ แวดลอ๎ ม ท่ีคัดเลอื กและกาหนดไว๎อยาํ งเหมาะสมโดยเฉพาะโรงเรยี น เพอื่ พฒั นาบคุ คลและสงั คม กกกกกกก4. 4.2 กลาํ วโดยสรปุ การศกึ ษา หมายถึง วิชาชีพอยํางหน่ึงสาหรับครู หรือการเตรียม บุคคลให๎เป็นครู ซ่ึงจัดสอนในสถาบันอุดมศึกษา ประกอบด๎วย วิชาจิตวิทยาการศึกษา ปรัชญา ประวัติการศึกษา หลักสูตร หลักการสอน การวัดผล การบริหาร การนิเทศการศึกษา และวิชาอื่น ๆ ท่ีครคู วรรู๎ ท้ังภาคทฤษฎีและปฏบิ ัติ ซึง่ จะทาใหเ๎ กดิ ความเจรญิ งอกงามสาหรบั ครู กกกกกกก4. 4.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกยี่ วกับการศึกษา เน่ืองในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบตั ร ณ วทิ ยาลัยการศึกษาประสานมิตร วนั ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2512 ดงั นี้ “ งานด๎านการศึกษาเปน็ งานทีส่ าคญั ท่ีสดุ อยาํ งหนงึ่ ของชาติ เพราะความ เจริญและความเส่ือมของชาตินน้ั ขึ้นอยํูกบั การศึกษาของพลเมอื งเปน็ ข๎อใหญํ จงึ ตอ๎ งจัด การศกึ ษาให๎เข๎มแข็งขนึ้ ” เรื่องท่ี 2 4. 4.2กลาํ วโดยสรุป การศึกษา เปน็ สิ่งสาคัญ สรา๎ งคนให๎มีความรู๎ ความสามารถ เป็น พ้นื ฐานทจ่ี าเป็นในการพัฒนาตนเองและประเทศชาติ เรื่องที่ 2 4. 4.2หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัตไิ ด๎แกํ การศกึ ษาความรู๎ทางวิชาการ ความร๎ู ปฏิบัติการ และความร๎คู ิดอาํ นตามเหตุผลความเป็นจรงิ มีความจรงิ ใจและบริสุทธใ์ิ จตํองาน/ ผร๎ู ํวมงาน/การรักษาระเบียบแบบแผนความดงี าม หม่ันสารวจความบกพรํองของตนเอง และแก๎ไข ฝึกฝนใหม๎ คี วามสงบหนักแนํนทัง้ ทางกาย ใจ และวาจา

62 กกกกกกก5. หน้าทแ่ี ละความรบั ผดิ ชอบต่อบ้านเมือง กกกกกกก5. หน๎าที่ พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ ห๎คาจากัดความ หรอื ความหมายของหน๎าที่ คือ กิจทจ่ี ะต๎องทาด๎วยความรับผิดชอบ กกกกกกก5. ความรับผดิ ชอบ พจนานกุ รมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ ห๎คาจากัดความ หรือความหมายของความร๎ผู ิดชอบ คือ ยอมรบั ผลท้ังทดี่ ีและไมดํ ใี นกิจการท่ีตนได๎ทาลงไปหรือท่ีอยูํใน ความดูแลของตน เชํน สมุห๑บัญชีรับผิดชอบเร่ืองเก่ียวกับการเงิน, รับเป็นภารธุระ เชํน งานน้ีเขา รบั ผดิ ชอบเรอ่ื งอาหาร เธอจะไปไหนกไ็ ปเถอะ ฉนั รับผิดชอบทุกอยํางในบา๎ นเอง กกกกกกก5. บา๎ นเมอื ง พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ หค๎ าจากัดความหรอื ความหมายของบา๎ นเมือง คือ ประเทศชาติ กกกกกกก5. กลาํ วโดยสรปุ หนา๎ ท่ีและความรบั ผดิ ชอบตํอบา๎ นเมือง หมายถึง บุคคลท่ีอยใํู นสังคม มหี นา๎ ท่แี ละความรับผดิ ชอบตํอสํวนรวม สังคม และประเทศชาติ กกกกกกก5. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารัสเกยี่ วกบั หน๎าท่แี ละความรับผดิ ชอบตํอบา๎ นเมืองไว๎ เนอื่ งในโอกาสขนึ้ ปใี หมํ 2519 วันที่ 31 ธนั วาคม 2518 ดังน้ี “ อันแผํนดินไทยของเราน้ี ถึงจะเป็นที่เกิดที่อาศัยของคนหลายเชื้อชาติ หลายศาสนา แตํเราก็อยูํรํวมกันโดยปกติราบร่ืนมาได๎เป็นเวลาช๎านาน เพราะเราตําง สมัครสมานกันอุตสําห๑ชํวยกันสร๎างบ๎านเมือง สร๎างความเจริญ สร๎างจิตใจ สร๎างแบบ แผนที่ดีข้ึน เป็นของเราเอง ซึ่งแม๎นานาประเทศก็นําจะนาไปเป็นแบบฉบับได๎ เพราะฉะนนั้ ถ๎าเราท้ังหลายมสี ามคั คี มีเหตุผลอันหนักแนํน และมีความร๎ูความเข๎าใจอัน ถูกต๎องชัดเจนในสถานการณ๑ท่ีเป็นจริง ตํางคนตํางรํวมมือ รํวมความคิดกันในอันที่จะ ชวํ ยกนั ผํอนคลายปญ๓ หา และสถานการณ๑ท่ีหนักให๎เป็นเบา ไมํนาเอาประโยชน๑สํวนน๎อย เข๎ามาเก่ียวขอ๎ ง ใหเ๎ สยี หายถงึ ประโยชนส๑ ํวนใหญํของชาติบ๎านเมือง เชื่อวาํ เราจะสามารถ รักษาชาติประเทศ และความผาสุกสงบที่เราได๎สร๎างสมและ รักษาสืบตํอกันมาช๎านาน นนั้ ไวไ๎ ด”๎ กกกกกกก5. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระบรมราโชวาทเกี่ยวกับหน๎าท่ีและความรับผิดชอบตํอบ๎านเมือง เนื่องในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือ แหงํ ชาติ คร้งั ท่ี 6 ณ คํายลกู เสอื วชริ าวุธ อาเภอศรีราชา จงั หวดั ชลบุรี วันที่ 11 ธนั วาคม พ.ศ. 2512

63 “ ในบ๎านเมืองนัน้ มที งั้ คนดีและคนไมดํ ี ไมํมใี ครจะทาให๎คนทุกคนเป็นคนดี ได๎ท้ังหมด การทาใหบ๎ า๎ นเมืองมีความปกตสิ ุขเรยี บร๎อย จงึ มิใชํการทาใหท๎ กุ คนเปน็ คนดี หากแตํอยูทํ ี่การสงํ เสริมคนดี ใหค๎ นดไี ดป๎ กครองบา๎ นเมือง และควบคุมคนไมํดีไมํใหม๎ ี อานาจ ไมํใหก๎ ํอความเดือดร๎อนวนํุ วายได๎ ” กกกกกกก5. กลําวโดยสรปุ หนา๎ ท่แี ละความรับผิดชอบตํอบา๎ นเมืองของคนในชาติ ต๎องมคี วามรกั ความสามคั คี มเี หตุผล มคี วามรู๎ ชํวยกนั สรา๎ งความเจรญิ ปลกู ฝ๓งความดีงามให๎กบั จติ ใจของคนในชาติ รวมถงึ รกั ษาวัฒนธรรมประเพณที เ่ี ป็นแบบแผนของไทยให๎คงอยตํู ลอดไป กกกกกกก5. หน๎าท่ีพลเมืองดี มแี นวปฏิบตั ไิ ด๎แกํ ตอ๎ งมีความรกั ความสามัคคี ศึกษาหาความร๎ูเพื่อ นามาพฒั นาประเทศให๎เจรญิ กา๎ วหนา๎ รวมถึงชํวยปลกู ฝ๓งจรยิ ธรรมใหก๎ บั บคุ คลที่เก่ยี วข๎องและชํวยกัน อนรุ ักษ๑วฒั นธรรมประเพณีของไทยใหค๎ งอยตํู ลอดไป เรอ่ื งท่ี 3 หนา้ ที่พลเมอื งตามพระราชดารสั ที่เก่ยี วข้องกบั ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง กกกกกกก1. ความพอประมาณ กกกกกกก1. ความพอประมาณ พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ใหค๎ าจากดั ความ หรือความหมายของความพอประมาณ คือ เพยี งปานกลาง เชํน มีฐานะดีพอประมาณ กกกกกกก1. ความพอประมาณ หมายถงึ พอประมาณในทุกอยําง ความพอดีไมํมาก หรือวาํ น๎อย จนเกนิ ไป โดยต๎องไมํเบียดเบียนตนเอง หรอื ผู๎อืน่ ให๎เดือดร๎อน กกกกกกก1. ความพอประมาณ หมายถึง การร๎ูจกั ประมาณตน กกกกกกก1. ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดที ่ีไมํน๎อยเกินไป และไมํมากเกนิ ไป โดยไมํ เบยี ดเบียนตนเองและผู๎อน่ื เชนํ การผลติ และการบริโภคที่อยูใํ นระดบั พอประมาณ กกกกกกก1. กลําวโดยสรุป ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดีในทุกอยําง ไมํมากไมนํ อ๎ ย จนเกินไป เหมาะสม ไมํเบียดเบียนผู๎อ่นื รจู๎ กั ประมาณตน กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารัสเกีย่ วกับ ความพอประมาณเนื่องในโอกาสเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสติ ดาลยั สวนจิตรลดารโหฐานพระราชวงั ดสุ ิต วนั ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ดงั นี้

64 “ พอเพียงน้ี อาจมีมาก อาจจะมีของหรหู ราก็ได๎ แตํตอ๎ งไมเํ บียดเบียนคนอ่ืน ตอ๎ งให๎พอประมาณตามอัตภาพ พูดจาพอเพียง ทาอะไรกพ็ อ ปฏิบตั ิกพ็ อเพยี ง ” กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั เกี่ยวกับ ความพอประมาณเนือ่ งในวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิตดาลยั วนั ท่ี 4 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ดงั นี้ “ คนเราถ๎าพอในความต๎องการ กม็ ีความโลภนอ๎ ย เมื่อมคี วามโลภน๎อย ก็เบียดเบียนคนอ่ืนน๎อย ถา๎ ทุกประเทศมีความคดิ อันน้ีไมใํ ชเํ ศรษฐกิจ มีความคดิ วาํ ทาอะไรต๎องพอเพียง หมายความวาํ พอประมาณ ไมํสดุ โตงํ ไมโํ ลภมาก คนเราก็อยูํ เปน็ สุข” กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารัสเก่ียวกับ ความพอประมาณ เน่อื งในวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิตดาลยั วันที่ 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2539 ดังนี้ “ การเปน็ เสอื น้นั ไมสํ าคญั สาคัญอยทํู ่เี รามีเศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบ พอมพี อกนิ นน้ั หมายความวาํ อุม๎ ชตู ัวเองไดใ๎ ห๎มีความพอเพียงกบั ตวั เอง อนั นีก้ เ็ คยบอก วาํ ความพอเพียงน้ี ไมํได๎หมายความวํา ทกุ ครอบครัวจะต๎องผลติ อาหารของตวั จะต๎อง ทอผ๎าใสเํ อง อยํางนน้ั มันเกินไป แตํวําในหมบูํ า๎ น หรอื ในอาเภอจะต๎องมีความพอเพยี ง พอสมควร บางสงิ่ บางอยาํ งที่ผลติ ได๎มากกวําความต๎องการ กข็ ายได๎ แตขํ ายในทไ่ี มํ หํางไกลเทําไหรํ ไมํตอ๎ งเสยี คาํ ขนสํงมากนัก ”

65 กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารสั เกย่ี วกับความพอประมาณ เนื่องในพิธพี ระราชทานปรญิ ญาบตั รของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ ณ หอประชุมมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร๑ วนั ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 ดังนี้ “ การพฒั นาประเทศจาเป็นต๎องทาตามลาดับขน้ั ต๎องสรา๎ งพื้นฐาน คือ ความพอมีพอกนิ พอใช๎ของประชาชนสํวนใหญํเป็นเบือ้ งตน๎ กอํ น โดยใชว๎ ิธีการและ ใชอ๎ ปุ กรณ๑ท่ีประหยัด แตถํ ูกต๎องตามหลักวิชา เมื่อได๎พน้ื ฐานม่นั คงพรอ๎ มพอควรและ ปฏบิ ัตไิ ดแ๎ ลว๎ จงึ คํอยสร๎างคํอยเสรมิ ความเจริญและฐานะเศรษฐกิจขั้นทีส่ งู ขนึ้ โดย ลาดับตอํ ไป หากมุํงแตํจะทมุํ เทสรา๎ งความเจริญ ยกเศรษฐกิจขนึ้ ใหร๎ วดเร็วแตํ ประการเดียว โดยไมํให๎แผนปฏบิ ตั กิ ารสัมพนั ธก๑ ับสภาวะของประเทศและของ ประชาชนโดยสอดคลอ๎ งด๎วย กจ็ ะเกิดความไมสํ มดลุ ในเรื่องตาํ ง ๆ ขน้ึ ซึ่งอาจ กลายเปน็ ความยํุงยากลม๎ เหลวไดใ๎ นทีส่ ุด ” กกกกกกก1. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทาน พระราชดารัสเก่ียวกับความพอประมาณ เน่ืองในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลัย วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ดังนี้ “ เราไมํเปน็ ประเทศรา่ รวย เรามีพอสมควร พออยํูได๎ แตํไมเํ ป็นประเทศท่ี ก๎าวหน๎าอยาํ งมาก เราไมํอยากจะเป็นประเทศก๎าวหน๎าอยาํ งมาก เพราะถา๎ เราเปน็ ประเทศกา๎ วหน๎าอยํางมากก็จะมีแตํถอยกลับ ประเทศเหลํานัน้ ท่ีเป็นประเทศ อตุ สาหกรรมกา๎ วหน๎า จะมีแตํถอยหลังและถอยหลงั อยํางนํากลัว แตถํ า๎ เรามีการ บรหิ ารแบบเรยี กวาํ แบบคนจน แบบท่ีไมํตดิ กบั ตารามากเกินไป ทาอยํางมสี ามัคคนี ่ี แหละคือเมตตากัน จะอยํูไดต๎ ลอดไป ” กกกกกกก1. กลาํ วโดยสรปุ ความพอประมาณ จะเกดิ ขึ้นได๎ โดยรจู๎ กั ตนเอง มีความซื่อสัตย๑และ ความเพยี ร เดนิ ทางสายกลาง และพอใจในส่ิงทีต่ นมีอยํู

66 กกกกกกก1. หน๎าที่พลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิได๎แกํ กกกกกกก1. 1. ร๎ตู นเองเสมอ วํากาลังทาอะไร กกกกกกก1. 2. มีความซือ่ สัตยส๑ ุจริตและความเพียร กกกกกกก1. 3. ดาเนินการตามแนวทางสายกลาง หลีกเล่ียงการกระทาทส่ี ุดโตํง กกกกกกก2. ความมเี หตุผล กกกกกกก2. ความมเี หตุผล พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ ห๎คาจากัดความหรอื ความหมายของความมีเหตุผล คอื เหตุ, เหตแุ ละผล กกกกกกก2. ความมเี หตุผล หมายถงึ การตัดสินใจเก่ยี วกับระดับของความพอเพียงนั้น จะตอ๎ ง เป็นไปอยํางมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุป๓จจัยท่ีเกี่ยวข๎อง ตลอดจนคานึงถึงผลที่คาดวําจะเกิดข้ึน จากการกระทานั้น ๆ อยาํ งรอบคอบ กกกกกกก2. ความมีเหตผุ ล หมายถงึ มนุษยเ๑ ราใหเ๎ หตผุ ลสนับสนนุ ความเชอ่ื และเพ่อื หาความจรงิ หรอื ข๎อสรุปในเรอื่ งที่ต๎องการศึกษา กกกกกกก2. กลําวโดยสรุปความ มเี หตุผล หมายถงึ การตัดสนิ ใจอยํางรอบคอบ และมีเหตุมผี ลโดย พิจารณาจากเหตปุ จ๓ จัยท่เี ก่ยี วขอ๎ ง กกกกกกก2. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทาน พระราชดารัสเกีย่ วกับความมีเหตผุ ล เนอ่ื งในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวงั ดสุ ติ ฯ วันท่ี 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2548 ดังนี้ “ ถา๎ นา้ มนั เชื้อเพลิงหมดแลว๎ ก็ใชเ๎ ช้ือเพลิงอยาํ งอืน่ ได๎มแี ตํต๎องขยนั หาวิธที ่ี ทาให๎เชื้อเพลิงเกิดใหมํ เชื้อเพลิงท่ีเรียกวํานา้ มันนน้ั มนั จะหมดภายในไมํกปี่ หี รือไมํกี่สบิ ปกี ห็ มด ถา๎ ไมํไดท๎ าเช้ือเพลิงทดแทน เราก็เดือดร๎อน ” กกกกกกก2. กลาํ วโดยสรปุ ความมเี หตุผลตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มุํงสอนให๎ พลเมืองไทย มคี วามคิดอยาํ งรอบคอบโดยพจิ ารณาจากปจ๓ จัยทีเ่ กย่ี วข๎อง และคานงึ ถึงผลท่ีจะเกดิ ขึน้ จากการกระทานน้ั กกกกกกก2. หน๎าที่พลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ไิ ดแ๎ กํ กอํ นการทาส่ิงใดก็ตาม ควรมีการวางแผนอยําง รอบคอบ โดยไมทํ าให๎ตนเองและสงั คมเดือดร๎อน กกกกกกก3. ความมีภมู ิคุ้มกัน กกกกกกก3. ความมภี มู ิคุ๎มกัน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ไดใ๎ หค๎ าจากัดความ หรอื ความหมายของความมภี มู คิ ุ๎มกนั คอื สภาพท่ีรํางกายมีแรงตอํ ตา๎ นเช้ือโรคท่ีเข๎าสรํู ํางกาย, ภูมติ า๎ นทาน ก็เรียก

67 กกกกกกก3. ความมภี ูมิค๎ุมกัน หมายถงึ การเตรียมตวั ให๎พรอ๎ มรบั ผลกระทบและการเปลยี่ นแปลง ด๎านตําง ๆ ท่ีจะเกิดข้ึน โดยคานึงถึงความเป็นไปได๎ของสถานการณ๑ตําง ๆ ท่ีคาดวําจะเกิดข้ึนใน อนาคตทง้ั ใกล๎และไกล กกกกกกก3. ความมีภมู คิ ๎ุมกัน หมายถงึ การเตรียมใจให๎พร๎อมรับผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงที่ จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยภูมิคุ๎มกันพื้นฐานท่ีทุกคนควรมี คือ การจัดสรรป๓นสํวนทรัพย๑สินของเราเก็บ เป็นเงินสารองประมาณ 6 เทําของรายจํายเฉลี่ยของครอบครัว แนะนาเก็บออมในสินทรัพย๑ท่ีมีสภาพ คลํอง เชนํ เงนิ ฝากออมทรพั ย๑ หรอื สินทรพั ย๑ท่ีสามารถเบิกถอนมาใช๎ได๎ภายในระยะเวลาสน้ั กกกกกกก3. พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทานพระ ราชดารสั เก่ยี วกบั ความมภี มู ิคุ๎มกันไว๎ เน่ืองในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลัย สวนจิตรลดา พระราชวงั ดสุ ิต วันที่ 23 ธนั วาคม พ.ศ. 2542 ดงั นี้ “ ถ๎าไมมํ เี ศรษฐกจิ พอเพียงเวลาไฟดบั จะพังหมดจะทาอยํางไรที่ทีต่ ๎องใช๎ ไฟฟูาก็ต๎องแยํไป หากมี เศรษฐกจิ พอเพียงแบบไมเํ ต็มท่ี ถา๎ เรามเี ครื่องป่น๓ ไฟ กใ็ ห๎ป่๓น ไฟ หรอื ถ๎าขนั้ โบราณกวํา มดื ก็จุดเทยี น คือมีทางที่จะแกป๎ ๓ญหาเสมอ ฉะนนั้ เศรษฐกิจ พอเพียงน้ีก็มเี ป็นข้ัน ๆ แตํจะบอกวํา เศรษฐกิจพอเพียงน้ี ใหพ๎ อเพยี งเฉพาะตัวเอง รอ๎ ยเปอรเ๑ ซ็นต๑ น่ีเป็นสงิ่ ที่ทาไมํได๎ จะต๎องมีการแลกเปลีย่ น ตอ๎ งมีการชวํ ยกนั พอเพียงในทฤษฎหี ลวงนค้ี ือ ใหส๎ ามารถที่จะดาเนนิ งานได๎ ” กกกกกกก3. กลาํ วโดยสรุป ความมภี ูมิค๎ุมกนั เป็นการเตรียมตัวให๎พรอ๎ มตํอการเปลี่ยนแปลงใน ทุกดา๎ น โดยการวเิ คราะหค๑ วามเสย่ี ง ใช๎ประสบการณ๑เดิมมาชํวยตดั สนิ ใจ และรวบรวมมาใช๎ในโอกาส ตอํ ไป กกกกกกก3. หนา๎ ที่พลเมืองดี มแี นวปฏิบัติ `ได๎แกํ กกกกกกก3. ข๎อ 1 วเิ คราะห๑ภารกจิ ทกุ แงํมมุ เพ่อื ลดความเสี่ยง กกกกกกก3. ข๎อ 2 ใช๎ประสบการณเ๑ ดิมและขอ๎ มูลจากบคุ คลอนื่ มาชํวยในการตดั สนิ ใจ กกกกกกก3. ข๎อ 3 ค๎นหาและเปรียบเทยี บความเป็นไปได๎ท่เี หมือนหรือแตกตาํ งกนั ประกอบการ ตดั สนิ ใจ กกกกกกก3. ข๎อ 4 รวบรวมขอ๎ มลู เร่ืองราวตาํ ง ๆ ไว๎ใช๎ในโอกาสตํอไป กกกกกกก4. เงื่อนไขความรู้ กกกกกกก4. 4.1 ความรู้ กกกกกกก4. 4.1 ความร๎ู พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากัดความหรอื ความหมายของความร๎ู คือ ส่ิงที่ส่ังสมมาจากการศึกษาเลําเรียน การค๎นคว๎า หรือประสบการณ๑ รวมทง้ั ความสามารถเชิงปฏิบตั แิ ละทักษะ เชํน ความรู๎เร่ืองประวัติศาสตร๑, ส่ิงท่ีได๎รับมาจากการได๎ยิน ได๎ฟ๓ง การคดิ หรือการปฏบิ ตั ิ เชํน ความร๎เู รื่องสขุ ภาพ ความร๎เู ร่อื งนทิ านพื้นบ๎าน

68 กกกกกกก4. 4.1 ความรู๎ หมายถงึ ความเขา๎ ใจในเร่ืองบางเรื่อง หรือส่ิงบางสงิ่ ซ่งึ อาจจะรวมไปถงึ ความสามารถในการนาส่งิ นนั้ ไปใช๎เพ่อื เปูาหมายบางประการ ความสามารถในการร๎ูบางอยํางน้ีเป็นส่ิง สนใจหลักของวชิ าปรชั ญา (ท่ีหลายคร้ังก็เป็นเร่ืองท่ีมีการโต๎เถียงอยํางมาก) และมีสาขาที่ศึกษาด๎านนี้ โดยเฉพาะเรียกวําญาณวิทยา (epistemology) ความร๎ูในทางปฏิบัติมักเป็นส่ิงที่ทราบกันในกลุํมคน และในความหมายน้เี องท่ีความรูน๎ ั้นถกู ปรับเปลยี่ นและจดั การในหลาย ๆ แบบ กกกกกกก4. 4.1 ความร๎ู หมายถงึ ส่ิงท่สี ่ังสมมาจากการศกึ ษาเลําเรยี น การคน๎ คว๎าหรอื ประสบการณ๑ รวมทั้งความสามารถเชิงปฏิบัติ และทักษะความเข๎าใจ หรือสารสนเทศท่ีได๎รับมาจาก ประสบการณ๑ สิง่ ทไี่ ด๎รับมาจากการไดย๎ ิน ได๎ฟ๓ง การคดิ หรือการปฏิบัตอิ งค๑วชิ าในแตลํ ะสาขา กกกกกกก4. 4.1 ความรู๎ หมายถึง เกิดจากการตีความ แปลความ ตามความเขา๎ ใจของแตลํ ะคน ซ่ึงมาจากประสบการณ๑ ทักษะการเรียน ความเชื่อ ซึ่งจะมาเป็นตัวชํวยในการตีความด๎วย ความร๎ูจะ เกิดมาจากความจาเป็นอันดับแรก แล๎วเข๎าใจจนเกิดการนาไปใช๎ให๎บรรลุเปูาหมาย ความรู๎เป็น กระบวนการหนง่ึ ของการเรียนร๎ู กกกกกกก4. 4.1 ความรู๎ หมายถงึ การเรยี นรู๎ที่เน๎นถึงการจาและการระลึกไดถ๎ ึงความคดิ วตั ถุ และ ปรากฏการณ๑ตําง ๆ ซึ่งเป็นความจาท่ีเร่ิมจากส่ิงงําย ๆ ที่เป็นอิสระแกํกัน ไปจนถึงความจาในสิ่งที่ ยํุงยากซับซอ๎ น และมีความสัมพันธร๑ ะหวํางกัน กกกกกกก4. 4.1 กลาํ วโดยสรปุ ความรู๎ หมายถงึ ส่ิงทีท่ าให๎คนเขา๎ ใจ แลว๎ นาความเข๎าใจนัน้ มา ปฏบิ ตั ิ หรอื ประยุกต๑ให๎เกิดประโยชน๑ กกกกกกก4. 4.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเกี่ยวกบั ความรู๎ให๎แกํคณะครูและนักเรียนโรงเรยี นจติ รลดา ณ ห๎องประชมุ โรงเรยี นจติ รลดา วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2523 ดงั น้ี “ ความรู๎ทส่ี ะสมเอาไวใ๎ นตวั เป็นสิ่งท่สี าคญั เป็นเหมือนประทปี สาหรบั นา ทางเราไปในการปฏิบตั ติ นในชวี ิต จะเป็นการศึกษาตํอกต็ าม หรือจะเปน็ การไป ประกอบอาชีพการงานกต็ าม ความร๎นู ้ันจะเปน็ เคร่อื งนาทางไปสคํู วามเจริญ ความรู๎ ทางวิชาการก็จะสามารถให๎ประกอบอาชีพการงานท่ีมปี ระสิทธภิ าพ เทํากบั เป็นส่งิ ท่จี ะ เล้ยี งตวั เลย้ี งกายเราความรใ๎ู นทางการประพฤติท่ีดจี ิตใจทเ่ี ข๎มแขง็ ท่ีซ่อื สัตยส๑ ุจริตนน้ั จะนาเราไปได๎ทุกแหํงเพราะเหตุวาํ ผู๎ท่ีมีความซ่ือสัตย๑สุจรติ ผูม๎ คี วามขยนั หมน่ั เพยี ร ผู๎มีความตั้งใจที่แนํวแนนํ น้ั ไมํมที างท่จี ะลํมจม ”

69 กกกกกกก4. 4.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารสั เก่ียวกับความร๎ู เนอื่ งในพธิ ีพระราชทานธงประจารุํนลูกเสือชาวบา๎ น จงั หวดั สระบรุ ี ณ วัดหนองเขื่อนช๎าง อาเภอเมืองสระบรุ ี จังหวัดสระบรุ ี วนั ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2519 ดงั นี้ “ ความร๎นู น้ั แบงํ เปน็ 2 อยาํ ง ความร๎ูเก่ยี วขอ๎ งกบั กายและความร๎ูที่เก่ียวข๎อง กบั ใจ ความรู๎เกยี่ วขอ๎ งกับกายท่ไี ดฝ๎ ึกและท่ีไดม๎ าเรยี นรกู๎ ็คือ วธิ ที จี่ ะรักษาตวั ให๎แขง็ แรง รกั ษาส่งิ ของของตัวให๎อยูํ ให๎ดี และสรา๎ งสรรคใ๑ หส๎ ่ิงท่ีใช๎ หรอื สิ่งที่มีให๎อยํูดแี ละให๎ดีขน้ึ และทางจติ ใจทกุ คนมีความปรารถนาท่จี ะมีความสุขตอ๎ งทีความสงบ ตอ๎ งการมีความร๎ู ความสามารถกไ็ ดฝ๎ ึกไดเ๎ รยี นร๎ูจากการพบปะกนั ในหมูํลูกเสือชาวบ๎าน และไดร๎ บั ความรู๎ จากวทิ ยากร ความร๎ูท้ังหลายทัง้ กายท้ังใจนี้ ก็เกดิ ประโยชน๑แกํตวั ” กกกกกกก4. 4.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เก่ียวกับความรู๎ให๎แกํคณะเยาวชนชายหญิงจากถนิ่ ทุรกนั ดารในเขต ปฏบิ ตั ิการของหนํวยพฒั นาการเคลอ่ื นทต่ี ําง ๆ รวม 24 จงั หวัด พร๎อมด๎วยพ่ีเลี้ยงและเจ๎าหน๎าท่ี ณ ศาลาดสุ ดิ าลัยพระราชวังดุสติ วนั ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2516 ดงั น้ี “ ในชวี ติ ทุกวนั ๆ กไ็ ด๎มีโอกาสเข๎าโรงเรยี น ก็หาความรู๎ แล๎วมีโอกาสที่ จะได๎เห็นชีวิตของตัวเองและของคนอืน่ ขอให๎ถือวําเปน็ อาหารทัง้ นั้น เป็นอาหารสมอง และเมื่อได๎รับอาหารแลว๎ ให๎ไปพจิ ารณา คือไปไตรํตรอง ไปคิดให๎ดี ถา๎ ทาเชํนนแี้ ลว๎ ทกุ คนจะสามารถท่ีจะสรา๎ งตวั เองให๎แขง็ แรง เพ่ือทจ่ี ะทาประโยชน๑แกํตนเอง สร๎างบา๎ นเมือง สร๎างท๎องทีข่ องตวั สรา๎ งตนเองให๎เจรญิ ตามทที่ ุกคนต๎องการ ” กกกกกกก4. 4.1 กลําวโดยสรปุ ความรูม๎ ีหลายประเภท ได๎แกํ ความรท๎ู ่ีเกย่ี วข๎องกบั การดาเนินชวี ติ การประกอบอาชีพ การศึกษา รวมถงึ ความรู๎ทีเ่ กี่ยวขอ๎ งกบั การพฒั นาจติ ใจ ทาใหบ๎ ุคคลมีความ เจริญก๎าวหนา๎ ได๎

70 กกกกกกก4. 4.1 หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิไดแ๎ กํ ศกึ ษาหาความรู๎ท่ีมีอยูํอยํางมากมาย เพื่อนามาใช๎ในการดาเนินชีวิต ประกอบอาชีพ และศึกษาตํอ รวมถึง นาความรู๎ที่เก่ียวข๎องกับการ พัฒนาจิตใจมารํวมพฒั นาทง้ั ตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และประเทศใหเ๎ จริญก๎าวหนา๎ กกกกกกก4. 4.2 หลักวิชา และหลักวิชาการ กกกกกกก4. 4.2 หลักวชิ า พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ าจากดั ความ หรือความหมายของหลกั วิชา คอื ความร๎ูทีเ่ ป็นหลกั ของแตลํ ะวิชา กกกกกกก4. 4.2 หลกั วชิ าการ พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎คาจากัดความ หรอื ความหมายของหลักวชิ า คอื วชิ าความรู๎สาขาใดสาขาหน่ึงหรือหลายสาขา เชํน บทความวชิ าการ สัมมนาวชิ าการ การประชมุ วิชาการ กกกกกกก4. 4.2 ดังน้ัน หลักวิชา และหลกั วชิ าการแตกตํางกันดังน้ี หลักวิชา คอื เนื้อหาความร๎ู และหลกั วิชาการคือนาความรู๎มาจัดกระบวนการเรยี นรู๎ กกกกกกก4. 4.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เก่ยี วกบั หลกั วชิ าเพือ่ เชญิ ไปอํานในงานวันอาหารโลก ณ สานกั งานองค๑การอาหารและเกษตรแหํงสหประชาชาติ สาขาภูมิภาคเอเชยี และแปซิฟิก วันท่ี 16 ตุลาคม พ.ศ. 2537 ดงั น้ี “ การนาหลกั วิชาการและเทคโนโลยีใด ๆ มาใชง๎ านเกษตรกรรม จึงต๎อง พยายามระมัดระวงั ไมใํ หเ๎ ป็นการทาลายธรรมชาติ เพราะจะมผี ลกระทบเสียหายแกกํ าร ดารงชวี ติ ของมนุษยโ๑ ดยตรง ทัง้ ในปจ๓ จบุ ันและอนาคต ” กกกกกกก4. 4.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารัสเกี่ยวกับหลกั วชิ าการ เน่ืองในโอกาสวันปิดภาคเรียนของโรงเรยี นจติ รลดา ปีการศกึ ษา 2514 ณ ศาลาผกาภิรมย๑ พระราชวงั ดุสิต วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2515 ดังนี้ “ ความรใู๎ นวิชาการเป็นส่ิงหนึ่งทีจ่ ะทาใหส๎ ามารถฟน๓ ฝาุ อปุ สรรคไดเ๎ เละทาให๎ เปน็ คนท่มี เี กียรติ เปน็ คนท่ีสามารถเป็นคนที่จะมคี วามพอใจได๎ในตวั วําทาประโยชน๑เเกํ ตนเอง เเละเเกํสวํ นรวม นอกจากวิชาความรูก๎ จ็ ะต๎องฝึกฝนในสิง่ ท่ีตวั จะต๎องปฏบิ ัติให๎ สอดคล๎องกับสังคม สอดคลอ๎ งกับสมยั เเละสอดคล๎องกบั ศีลธรรมท่ีดีงาม ถ๎าได๎ทัง้ วชิ าการ ทงั้ ความรรู๎ อบตวั เเละความรู๎ในชีวิตกจ็ ะทาให๎เป็นคนที่ครบ คนทีจ่ ะภูมิใจได๎ ”

71 กกกกกกก4. 4.2 กลาํ วโดยสรุป หลกั วิชา และหลักวชิ าการดงั นี้ หลกั วิชา คือ เนอ้ื หาความรู๎ และ หลกั วชิ าการ คอื นาความรู๎มาจดั กระบวนการเรยี นร๎ู กกกกกกก4. 4.2 หนา๎ ท่ีพลเมอื งดี มีแนวปฏิบตั ิได๎แกํ ต๎องคานึงเสมอวําความรู๎เปน็ เสมือนไฟ ต๎องเลอื กใช๎ให๎ถูกต๎อง ฉะนั้นการใช๎ความรู๎คือดวงประทีปเปรยี บกันได๎หลายทาง ดวงประทีปเป็นไฟที่ สํองแสงเพื่อนาทางไป ถ๎าใช๎ไฟน้ีสอํ งในทางที่ถกู กจ็ ะไปถึงจดุ หมายปลายทางได๎โดยสะดวกเรยี บรอ๎ ย แตถํ ๎าไมํระวงั ไฟนัน้ อาจเผาผลาญใหบ๎ า๎ นชํองพินาศลงได๎ ความรเู๎ ปน็ แสงสวํางทจี่ ะนาเราไปสูํ ความเจรญิ กกกกกกก4. 4.3 รอบรู้ รอบคอบ และระมดั ระวงั กกกกกกก4. 4.3 รอบรู๎ พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ าจากดั ความ หรือความหมายของรอบร๎ู คือ ร๎ูหลายอยาํ ง, ร๎ูกว๎างขวาง, เชนํ เขารอบรู๎ในเร่ืองกฎหมาย กกกกกกก4. 4.3 รอบคอบ พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ าจากดั ความ หรือความหมายของรอบคอบ คือ ท่ัว, ถ๎วนถ่ี, เชํน พิจารณาอยํางรอบคอบ, ระวังเหตุการณ๑ข๎างหน๎า ข๎างหลงั เสมอ, ไมเํ ผอเรอ, เชนํ ดูแลให๎รอบคอบ กกกกกกก4. 4.3 ระมัดระวัง พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรือความหมายของระมัดระวัง คือ ดูแลให๎ปลอดภัย, ดูแลอยํางรอบคอบ ไมํให๎พล้ังพลาด, เชํน ระมดั ระวังใหด๎ เี วลาขา๎ มถนน ระมัดระวงั เร่อื งสายไฟฟาู ร่วั ใหม๎ าก กกกกกกก4. 4.3 กลาํ วโดยสรปุ รอบรู๎ รอบคอบ และระมัดระวัง หมายถึงการศกึ ษาหาขอ๎ มูล กอํ นการปฏิบัตโิ ดยคานึงผลท่ีจะตามมา อยํางรอบคอบและระมัดระวัง กกกกกกก4. 4.3 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกีย่ วกับรอบร๎ูเนอื่ งในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบัตรและอนุปริญญา บัตรแกผํ สู๎ าเร็จการศกึ ษาจุฬาลงกรณม๑ หาวทิ ยาลยั ประจาปีการศึกษา 2515 ณ หอประชมุ จุฬาลงกรณ๑มหาวทิ ยาลยั วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2516 ดังนี้ “ ทกุ คนจาเปน็ ตอ๎ งหมนั่ ใชป๎ ๓ญญาพิจารณา การกระทาของตนให๎รอบคอบ อยํเู สมอ ระมัดระวงั ทาการทุกอยาํ งด๎วยเหตผุ ล ด๎วยความมีสติ และดว๎ ยความร๎ตู ัว เพือ่ เอาชนะความชั่วร๎ายท้งั มวลให๎ได๎โดยตลอด และสามารถกา๎ วไปถึงความสาเรจ็ ที่ แทจ๎ รงิ ท้ังในการงานและการครองชวี ิต ” กกกกกกก4. 4.3 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเกี่ยวกบั รอบคอบ เนื่องในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษาณ ศาลาดุสดิ าลยั สวนจติ รลดาฯ พระราชวงั ดสุ ติ วันท่ี 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 ดงั นี้

72 “ ฉะน้ันการที่จะทาโครงการอะไร จะต๎องทาด๎วยความรอบคอบ และอยํา ตาโตเกินไป คือ บางคนเห็นวํามีโอกาสที่จะทาโครงการอยํางโน๎นอยํางนี้ และไมํได๎นึก ถึงวําปจ๓ จัยตําง ๆ ไมํครบ ป๓จจัยหนึ่งคือขนาดของโรงงาน หรือเคร่ืองจักรที่สามารถที่ จะปฏิบัติได๎ แตํข๎อสาคัญที่สุดคือวัตถุดิบ ถ๎าไมํสามารถท่ีจะให๎คําตอบแทนวัตถุดิบแกํ เกษตรกร เกษตรกรก็จะไมผํ ลติ ยิ่งถ๎าวตั ถดุ ิบสาหรบั ใชใ๎ นโรงงานน้ัน เป็นวัตถุดิบท่ีต๎อง นามาจากระยะไกล หรือนาเข๎าก็จะย่ิงยาก เพราะวําวัตถุดิบที่นาเข๎าน้ันราคา ย่ิงแพง บางปีวัตถุดิบน้ันมีบริบูรณ๑ ราคาอาจจะต่าลงมา แตํเวลาจะขายสิ่งของที่ผลิต จากโรงงาน ก็ขายยากเหมือนกัน เพราะวํามีมาก จึงทาให๎ราคาตก น่ีก็เป็นกฎเกณฑ๑ที่ ตอ๎ งมี ” กกกกกกก4. 4.3 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารสั เกี่ยวกบั ความระมัดระวงั เนื่องในการแถลงการณ๑ สภาการวิทยุและ โทรทัศน๑แหํงชาติตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (สวชพ.) เรื่อง “การใช๎เสรีภาพเพ่ือ ความปรองดองสมานฉันท๑” ในวันนักขําว วันท่ี 5 มีนาคม พ.ศ. 2520 ดงั น้ี “ การมเี สรภี าพน้ันเป็นของดีอยํางย่ิง แตํเมอ่ื จะใช๎ จาเปน็ ต๎องใช๎ดว๎ ย ความระมัดระวงั และความรับผดิ ชอบ มใิ ห๎ลํวงละเมิดเสรีภาพของผ๎ูอืน่ ท่เี ขามีอยํู เทําเทียมกนั ทงั้ มิให๎กระทบกระเทือนถึงสวัสดภิ าพ และความเปน็ ปกตสิ ขุ ของ สวํ นรวมด๎วย มิฉะน้ัน จะทาใหม๎ คี วามยงํุ ยาก จะทาสังคมและชาตปิ ระเทศต๎อง แตกสลายจนสนิ้ เชิง ” กกกกกกก4. 4.3 กลําวโดยสรุป รอบรู๎ รอบคอบ และระมดั ระวงั ได๎แกํ การศึกษาหาข๎อมูลกํอนการ ปฏบิ ัตโิ ดยคานงึ ผลที่จะตามมา อยาํ งรอบคอบและระมดั ระวงั กกกกกกก4. 4.3 หนา๎ ที่พลเมอื งดี มีแนวปฏิบตั ิ ได๎แกํ การดาเนนิ ชีวิตอยาํ งมีเหตุผล รอบคอบ ระมัดระวงั อยรูํ วํ มกับผู๎อน่ื ดว๎ ยความรบั ผดิ ชอบ ไมเํ บยี ดเบียนผู๎อนื่ เหน็ คุณคําของทรัพยากรตาํ ง ๆ มีการวางแผนปูองกนั ความเส่ียง และพร๎อมรบั การเปลี่ยนแปลง

73 กกกกกกก5 เง่ือนไขคุณธรรม กกกกกกก5 5.1 คุณธรรม กกกกกกก5 5.1 5.1.1 ความซ่อื สัตยส์ ุจรติ กกกกกกก5 5.1 5.1.1 ความซ่อื สตั ย๑ พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎ คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความซื่อสัตย๑ คอื ประพฤตติ รงและจริงใจ, ไมํคิดคดทรยศ, ไมคํ ดโกงและไมํหลอกลวง กกกกกกก5 5.1 5.1.1 สจุ รติ พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของสจุ รติ คือ ความประพฤตชิ อบ กกกกกกก5 5.1 5.1.1 กลําวโดยสรปุ ความซ่อื สัตยส๑ จุ รติ หมายถึง การยึดมั่นในความสตั ยจ๑ รงิ และในสงิ่ ที่ถูกต๎องดีงาม มีความซ่ือตรง และมีเจตนาท่ีบรสิ ุทธ์ิ ปฏบิ ตั ิตํอตนเองและผู๎อนื่ โดยชอบ ไมคํ ดโกง กกกกกกก5 5.1 5.1.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระบรมราโชวาทเก่ียวกบั ความซ่อื สัตยส๑ จุ รติ เนอ่ื งในพิธีพระราชทานปริญญาบตั รของ จุฬาลงกรณ๑มหาวทิ ยาลยั ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ๑มหาวิทยาลัย วันท่ี 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2522 ดังน้ี “ คนทไ่ี มมํ ีความสจุ รติ คนท่ีไมมํ คี วามมน่ั คง ชอบแตมํ ักงําย ไมํมีวนั จะ สรา๎ งสรรค๑ประโยชนส๑ วํ นรวมที่สาคญั อันใดได๎ ผท๎ู ีม่ คี วามสุจริตและความมุํงม่นั เทาํ นน้ั จงึ จะทางานสาคัญย่งิ ใหญทํ ่เี ป็นคณุ เป็นประโยชน๑แท๎จริงไดส๎ าเร็จ ” กกกกกกก5 5.1 5.1.1 กลําวโดยสรุป ความซื่อสตั ยส๑ จุ รติ เป็นพนื้ ฐานของความดีทุกอยําง กกกกกกก5 5.1 5.1.1 หน๎าทพ่ี ลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ิไดแ๎ กํ ตอ๎ งมีจติ ใจทีต่ ง้ั ม่ัน เทยี่ งตรง มุงํ มัน่ ทา ความดี และชํวยปลกู ฝ๓งผเ๎ู ก่ียวขอ๎ งใหต๎ ง้ั ใจทาความดี กกกกกกก5 5.1 5.1.2 ความเพยี ร พากเพียร และอดทน กกกกกกก5 5.1 5.1.2 ความเพยี ร พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากดั ความ หรือความหมายของความเพียร คือ ความบากบัน่ , ความกลา๎ แขง็ กกกกกกก5 5.1 5.1.2 ความพากเพยี ร พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความพากเพยี ร คือบากบั่น, พยายาม, มํงุ ทาไมํท๎อถอย กกกกกกก5 5.1 5.1.2 ความอดทน พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความอดทน คือ บกึ บนึ , ยอมรบั สภาพความยากลาบาก กกกกกกก5 5.1 5.1.2 กลําวโดยสรปุ ความเพยี ร พากเพยี ร อดทนหมายถงึ การปฏบิ ัตหิ นา๎ ท่กี าร งานและประกอบอาชพี ทีส่ ุจริตอยาํ งกระตือรือรน๎ และต้งั ใจจรงิ ให๎สาเร็จดว๎ ยความมานะอดทน

74 กกกกกกก5 5.1 5.1.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารสั เก่ียวกับความเพียรแกํคณะบคุ คลตาํ ง ๆ ที่เขา๎ เฝูาฯถวายชัยมงคลใน พระราชพธิ ีกาญจนาภเิ ษก ณ พระท่ีนง่ั กาญจนาภิเษก มณฑลพิธีท๎องสนามหลวง เมือ่ วนั ที่ 9 มถิ นุ ายน พ.ศ.2539 ดังนี้ “ ความเพียรท่ีถกู ต๎องเปน็ ธรรม และพึงประสงค๑นน้ั คือความเพยี รทจี่ ะกาจดั ความเสอ่ื มใหห๎ มดไป และระวงั ปูองกนั มิให๎เกดิ ข้ึนใหมํ อยํางหน่ึง กับความเพยี รท่ีจะ สร๎างสรรค๑ความดีงาม ให๎บงั เกดิ ขึน้ และระวงั รักษามิใหเ๎ สื่อมส้นิ ไป อยาํ งหนึ่ง ความเพียรท้ังสองประการน้ี เป็นอุปการะอยํางสาคัญ ตํอการปฏิบตั ิตน ปฏิบตั งิ าน ถา๎ ทุกคนในชาตจิ ะได๎ตั้งตนตงั้ ใจอยํใู นความเพียรดังกลาํ ว ประโยชนแ๑ ละความสขุ ก็จะ บังเกิดข้ึนพรอ๎ ม ทงั้ แกํสํวนตวั และสวํ นรวม ” กกกกกกก5 5.1 5.1.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รง พระราชทานพระราชดารสั เกี่ยวกบั ความพากเพียร เนอ่ื งในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบตั รของ มหาวิทยาลยั รามคาแหง ณ อาคารสวนอมั พร วนั ท่ี 10 ธนั วาคม พ.ศ. 2522 ดังน้ี “ ความเพยี รท่ีจะเปน็ กาลังได๎ต๎องมลี ักษณะแข็งกลา๎ ไมยํ ํอหยอํ นเสอื่ ม คลายด๎วยอุปสรรค ดว๎ ยความยากลาบาก เหน็ดเหน่ือยประการใด ๆ หากแตอํ ตุ สาหะ พยายามกระทาเร่อื ยไปไมํถอยหลงั แมห๎ ยุดมอื กย็ ังพยายามตดิ ตอํ ไปไมทํ อดธุระ กาลังความเพียรจึงทาให๎การงานไมํชะงักลาํ ช๎า มีแตดํ าเนนิ รุดหน๎าเปน็ ลาดบั ไป จนบรรลุความสาเร็จโดยไมมํ ีส่ิงใดจะยับยงั้ ขดั ขวางได๎ ” กกกกกกก5 5.1 5.1.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรง พระราชทานพระบรมราโชวาทเกยี่ วกับความอดทนเนื่องในพระราชทานแกนํ ักเรียน นักศึกษา ครู และอาจารย๑ ในโอกาสเขา๎ เฝาู ฯ ณ อาคารใหมํสวนอัมพร วันที่ 27 ตลุ าคม พ.ศ. 2516 ดงั นี้

75 “ การสร๎างสรรค๑ตนเอง การสร๎างบา๎ นเมอื งกต็ าม มิใชวํ ําสร๎างในวนั เดยี ว ต๎องใช๎เวลา ตอ๎ งใชค๎ วามเพียร ต๎องใช๎ความอดทน เสียสละ แตํสาคญั ทีส่ ุดคอื ความ อดทน คือไมยํ ํอท๎อ ไมํยํอท๎อในส่งิ ท่ดี งี าม สิ่งที่ดีงามนัน้ ทามันนําเบอ่ื บางทีเหมือนวําไมํ ได๎ผล ไมํดงั คือดูมนั ครทึ าดีน่ี แตํขอรบั รองวาํ การทาใหด๎ ีไมํครึตอ๎ งมีความอดทน เวลาขา๎ งหน๎าจะเหน็ ผลแนํนอนในความอดทนของตนเอง ” กกกกกกก5 5.1 5.1.2 กลําวโดยสรปุ ความเพยี ร พากเพียร และอดทน จะเกดิ ข้ึนได๎จากการ ฝึกฝนจนเกดิ เปน็ นสิ ยั และกระตุน๎ ให๎เกิดการทางานอยํางจรงิ จงั จนสาเร็จ กกกกกกก5 5.1 5.1.2 หน๎าท่พี ลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ไิ ดแ๎ กํ ฝกึ ฝนความเพียรจนเป็นนิสัย ให๎เป็น พลังการทางานใด ๆ การฝกึ ฝนความเพยี ร ถึงหากแรก ๆ จะรู๎สึกเหน็ดเหน่ือยลาบาก แตํไดเ๎ พยี รจน เปน็ นิสัยแลว๎ กจ็ ะกลบั เปน็ พลังอยาํ งสาคญั ที่คอยกระต๎ุนเตือนใหท๎ างานอยํางจรงิ จังดว๎ ยใจราํ เรงิ กกกกกกก5 5.1 5.1.3 สติ และปัญญา กกกกกกก5 5.1 5.1.3 สติ พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ าจากัดความ หรือความหมายของสติ คือ ความรสู๎ กึ , ความรสู๎ กึ ตวั , เชนํ ไดส๎ ติ ฟ้ืนคนื สติ ส้ินสติ, ความร๎สู กึ ผดิ ชอบ เชํน มีสติ ไร๎สติ, ความระลกึ ได๎ เชํน ตั้งสติ กาหนดสติ กกกกกกก5 5.1 5.1.3 ป๓ญญา พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎ คาจากดั ความหรอื ความหมายของป๓ญญา คือ ความรอบรู๎, ความรทู๎ ั่ว, ความฉลาดเกดิ แตเํ รยี นและ คดิ , เชนํ คนมปี ๓ญญา หมดป๓ญญา กกกกกกก5 5.1 5.1.3 กลําวโดยสรุป สติ และป๓ญญา หมายถงึ ป๓ญญารอบคอบ, ปญ๓ ญารู๎คิดเชนํ เขาเปน็ คนมสี ติป๓ญญาดี กกกกกกก5 5.1 5.1.3 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระราชดารสั เกยี่ วกบั สติเนื่องในพิธีพระราชทานปรญิ ญาบัตร ของมหาวิทยาลัยรามคาแหง ณ อาคารใหมํ สวนอัมพร วนั ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 ดงั นี้

76 “ ความบงั คบั ตนเองนั้นเกิดข้ึนได๎จากความรูส๎ ึกระลกึ ได๎วาํ อะไรเปน็ อะไร หรือเรียกสัน้ ๆ วํา \"สต\"ิ กลําวคอื กํอนที่บคุ คลจะทา จะพูด หรือแม๎แตํจะคิดเรอื่ ง ตาํ ง ๆ สตหิ รอื ความรสู๎ ึกระลึกไดน๎ ัน้ จะทาให๎หยุดคดิ วําสิ่งที่จะทานัน้ ผดิ ชอบชวั่ ดี อยํางไร จะมผี ลเสยี หายหรือจะเป็นประโยชน๑อยํางไรในระยะยาว เมอื่ บุคคลคิดได๎ ก็จะสามารถตดั สนิ การกระทาของตนไดถ๎ ูกต๎อง แล๎วก็จะกระทาแตํเฉพาะสง่ิ ท่สี ุจริต ทม่ี ีประโยชนอ๑ ันยัง่ ยนื ไมํกระทาสิ่งทจ่ี ะเป็นความผดิ เสียหายทั้งแกํตนและสํวนรวม ความมสี ตนิ ้ัน จะชวํ ยให๎สามารถศึกษาทุกสง่ิ ทุกอยํางได๎อยาํ งละเอียดประณีต คอื เม่ือจะศกึ ษาส่ิงใด กจ็ ะพิจารณากลั่นกรองสงิ่ ที่มใิ ชคํ วามถกู ต๎องแท๎จริงออกเสยี กํอน เพอื่ ใหไ๎ ด๎มาแตํเนื้อแท๎ที่ปราศจากโทษ บัณฑิตท้งั ปวงผู๎หวังความมั่นคงปลอดภยั ทงั้ ของตนและของชาตบิ า๎ นเมอื ง เมื่อจะทาการงานใด ๆ ท่ีสาคัญ ควรอยาํ งยิ่งทจ่ี ะหยุด คิดสักหนํอยกํอนทกุ ครงั้ แล๎วทํานจะไมตํ ๎องประสบกบั ความผดิ หวงั และผิดพลาด ในชีวติ ” กกกกกกก5 5.1 5.1.3 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทเกย่ี วกับป๓ญญาเน่ืองในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตร มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร๑ วันที่ 1 สงิ หาคม พ.ศ. 2539 ดังน้ี “ ป๓ญหาทุกอยํางไมวํ าํ เล็กหรือใหญํ มที างแก๎ไขได๎ถ๎าร๎จู ักคิดใหด๎ ี ปฏิบตั ใิ ห๎ ถูกการคิดไดด๎ ีน้นั มิใชํการคดิ ไดด๎ ว๎ ยลูกคิด หรือด๎วยสมองกลเพราะโลกเราในปจ๓ จุบัน จะวิวฒั นาการไปมากเพยี งใดกต็ าม กย็ ังไมํมเี ครื่องมืออันวเิ ศษชนดิ ใดสามารถขบคดิ แกไ๎ ขป๓ญหาตําง ๆ ได๎อยาํ งสมบรู ณก๑ ารขบคดิ วินิจฉยั ป๓ญหา จึงต๎องใชส๎ ตปิ ญ๓ ญา คอื คิดดว๎ ยสตริ ูต๎ ัวอยูํเสมอ เพื่อหยดุ ยั้งและปูองกันความประมาทผดิ พลาดและอคตติ าํ ง ๆ มใิ ห๎เกิดข้นึ ชํวยให๎การใช๎ปญ๓ ญาพจิ ารณาปญ๓ หาตําง ๆ เป็นไปอยาํ งเทยี่ งตรง ทาให๎ เห็นเหตเุ ห็นผลที่เกยี่ วเน่ืองกันเปน็ กระบวนการได๎กระจาํ งชัด ทุกขนั้ ตอน ”

77 กกกกกกก5 5.1 5.1.3 กลําวโดยสรปุ สติ และปญ๓ ญาเป็นความสามารถในตัวบุคคล ที่จะทราบได๎ จากพฤติกรรมทบ่ี คุ คลแสดงออก ระดบั ของสติปญ๓ ญาสังเกตได๎จากการแสดงออกที่มคี วามคลอํ งแคลวํ รวดเรว็ ความถูกต๎อง ความสามารถในการคิด การแกป๎ ๓ญหาและการปรับตวั การใช๎แบบทดสอบวัด สตปิ ๓ญญาจะทาใหท๎ ราบระดับสตปิ ๓ญญาชดั เจนข้นึ กกกกกกก5 5.1 5.1.3 หนา๎ ท่พี ลเมืองดี มีแนวปฏิบัตไิ ดแ๎ กํ ต๎องหม่นั แสวงหาความร๎ูอยูเํ สมอ ผ๎ูปรารถนาความเจรญิ ในการประกอบกิจการงาน จะตอ๎ งหม่นั เอาใจใสแํ สวงหาความรู๎ให๎เพิ่มพนู อยูเํ สมอ มิฉะนัน้ จะกลายเป็นผู๎ทีล่ ๎าสมัย กกกกกกก5 5.1 5.1.4 ไม่เบยี ดเบยี น มเี มตตา กกกกกกก5 5.1 5.1.4 ไมํเบียดเบียน หมายถึง ไมํทาให๎เดอื ดร๎อน เชนํ โรคภัยไข๎เจ็บไมมํ า เบียดเบียน หรือ บุคคลผู๎ไมํเบียดเบียนผู๎อื่นให๎ได๎รับความเดือดร๎อน มีแตํความปรารถนาดีตํอผู๎อ่ืน ดว๎ ยการเจริญเมตตาจติ ปรารถนาสขุ ให๎หมูชํ น หรือสงั คมอยรูํ วํ มกันอยาํ งเปน็ สขุ กกกกกกก5 5.1 5.1.4 มเี มตตา พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากัดความหรือความหมายของมเี มตตา คือ ความรกั และเอ็นดู, ความปรารถนาจะให๎ผอ๎ู ืน่ ได๎สุข, เป็น 1 ในพรหมวหิ าร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อเุ บกขา กกกกกกก5 5.1 5.1.4 กลําวโดยสรปุ ไมํเบียดเบยี น มเี มตตา หมายถึง บคุ คลผไู๎ มํเบียดเบียนผ๎อู ืน่ ให๎ไดร๎ ับความเดือดร๎อน มีแตํความปรารถนาจะให๎ผ๎อู ่นื ได๎สุข กกกกกกก5 5.1 5.1.4 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระราชดารสั เก่ียวกับ ไมํเบียดเบยี นให๎แกํคณะบุคคลทเ่ี ขา๎ เฝูาฯ ณ ศาลาดุสิดาลยั วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2541 ดงั นี้ “ คนเราถ๎าพอใจในความตอ๎ งการ กม็ ีความโลภนอ๎ ย เม่ือมีความโลภน๎อยก็ เบียดเบียนคนอ่นื น๎อย ถ๎าทกุ ประเทศมีความคดิ วาํ ทาอะไรตอ๎ งพอเพยี ง หมายความวํา พอประมาณ ไมสํ ุดโตงํ ไมโํ ลภอยํางมาก คนเราก็อยํเู ปน็ สุข ” กกกกกกก5 5.1 5.1.4 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานพระราชดารัสเกีย่ วกบั มีเมตตาเน่อื งในการเสด็จออกมหาสมาคม ณ สหี ัญชร พระที่นงั่ อนนั ตสมาคม พระราชวงั ดุสติ ในพระราชพิธเี ฉลิมชนมพรรษา วนั ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2555 ดังน้ี “ ความเมตตาปรารถนาดตี ํอกนั เป็นปจ๓ จยั อยาํ งสาคัญ ทจ่ี ะยังความพรอ๎ ม เพรียงใหเ๎ กดิ มขี นึ้ ท้ังในหมูํคณะและในชาติบา๎ นเมือง และถา๎ คนไทยเรา ยังมีคณุ ธรรม ข๎อน้ีประจาอยูจํ ติ ใจ ก็มีความหวงั ได๎วํา บา๎ นเมืองไทยไมํวาํ จะอยูใํ นสถานการณ๑ใด ๆ ก็อยรูํ อดปลอดภัย และดารงความมั่นคงตํอไปได๎ตลอดรอดฝง่๓ อยํางแนนํ อน ”

78 กกกกกกก5 5.1 5.1.4 กลําวโดยสรุป ไมํเบยี ดเบียน มีเมตตา จะเกดิ ข้นึ ได๎ โดยการปลูกฝ๓ง คุณธรรมจากครอบครัว และสิ่งแวดล๎อม กกกกกกก5 5.1 5.1.4 หน๎าทีพ่ ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิได๎แกํ การไมํทาให๎ผอ๎ู ื่นเดือนร๎อน ท้งั กาย วาจา และใจ มีแตํความปรารถนาดีตํอผู๎อื่น กกกกกกก5 5.1 5.1.5 ตั้งใจดี คิดดี และทาดี กกกกกกก5 5.1 5.1.5 ต้ังใจดี พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎ คาจากัดความ หรือความหมายของต้ังใจดี คือ มํงุ มั่นทจี่ ะทาดี กกกกกกก5 5.1 5.1.5 คิดดี หมายถงึ การคดิ ท่ีไมํยอมแพป๎ ๓ญหาและอุปสรรคแล๎วคิดวธิ ีแกไ๎ ข การคิดท่ีกระต๎ุนใหต๎ ัวเองเกดิ ความกระตือรือรน๎ การมองเหตุการณแ๑ ละผ๎อู ื่นในดา๎ นดมี ากกวาํ ดา๎ น ไมดํ ี การสร๎างความรู๎สึกท่ีดี แม๎ส่งิ ท่ีเผชิญอยูํจะทาให๎เครยี ด กงั วล กต็ าม กกกกกกก5 5.1 5.1.5 ทาดี หมายถึง การปฏิบัตงิ านด๎วยความมุงํ มนั่ ไมยํ ํอท๎อ กกกกกกก5 5.1 5.1.5 กลําวโดยสรุป ต้ังใจดี คิดดี และทาดี หมายถงึ ความคดิ เป็นสิ่งสาคญั ท่ีจะ เปลีย่ นแปลงวิถชี วี ิตของเรา หากคดิ ดีกจ็ ะมคี วามรู๎สกึ ทดี่ ี ๆ เมอื่ มีความรสู๎ กึ ดี กจ็ ะมีคาพูดท่ดี ี ๆ ตามมา สํงผลใหม๎ ีการกระทาท่ดี ีดว๎ ย กกกกกกก5 5.1 5.1.5 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรง พระราชทานพระราชดารัสเกี่ยวกบั ตงั้ ใจดเี นื่องในพธิ ีพระปฐมบรมราชโองการเน่ืองในพระราช พิธบี รมราชาภเิ ษก ณ พระท่ีนั่งไพศาลทักษณิ วันท่ี 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 ดังนี้ “ เราจะครองแผนํ ดนิ โดยธรรม เพอื่ ประโยชนส๑ ุขแหํงมหาชนชาวสยาม ” กกกกกกก5 5.1 5.1.5 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานพระราชดารสั เกีย่ วกับคิดดีเนื่องในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิตดาลัย วนั ที่ 4 ธนั วาคม พ.ศ. 2517 ดงั น้ี . “ ถา๎ เราคิดดี ทาดี ไมํใชํแตํปากนะ ทาอยาํ งดจี ริง ๆ คอื สร๎างสมสิง่ ที่ดี ดว๎ ยการปฏิบัติในสง่ิ ทเ่ี รยี กวาํ ดี หมายความวาํ ไมเํ บยี ดเบยี นผอ๎ู ื่น สร๎างสรรค๑ทาใหม๎ ี ความเจริญท้ังวตั ถุทง้ั จิตใจ แลว๎ ไมตํ ๎องกลวั ”

79 กกกกกกก5 5.1 5.1.5 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทเกีย่ วกบั ทาดี เนอื่ งในพธิ ีพระราชทานกระบแี่ ละ ปรญิ ญาบตั รแกวํ าํ ทร่ี ๎อยตารวจตรี โรงเรียนนายร๎อยตารวจ วันที่ 10 มนี าคม พ.ศ. 2529 ดังน้ี “ การทาความดีนั้น โดยมากเป็นการเดนิ ทวนกระแสความพอใจและความ ตอ๎ งการของมนษุ ย๑ จึงทาได๎ยากและเห็นผลชา๎ แตกํ จ็ าเปน็ ต๎องทา เพราะหากไมํ ความช่ัวซึง่ ทางาํ ยจะเข๎ามาแทนท่ี แล๎วพอกพูนขนึ้ อยํางรวดเร็วโดยไมรํ ูส๎ กึ ตัว ” กกกกกกก5 5.1 5.1.5 กลําวโดยสรุป ตัง้ ใจดี คิดดี และทาดี หากคิดดกี ็จะมคี วามรสู๎ กึ ทีด่ ี เมื่อมี ความรู๎สึกทด่ี ีกจ็ ะมคี าพูดทดี่ ี สงํ ผลใหม๎ ีการกระทาที่ดีดว๎ ย กกกกกกก5 5.1 5.1.5 หน๎าท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏิบัติได๎แกํ ต้งั ใจดี คดิ ดี ทาดี คือ ตั้งใจทาในสิ่งท่ีดี ซง่ึ การตง้ั ใจทาดีควรมีการลงมือปฏบิ ตั จิ งึ จะเหน็ ผลอยํางแทจ๎ ริง กกกกกกก5 5.1 5.1.6 ความรบั ผดิ ชอบ รับผดิ และรบั ชอบ กกกกกกก5 5.1 5.1.6 ความรบั ผิดชอบ หมายถึง ลักษณะของบุคคลที่แสดงออกถึงความเอาใจใสํ จดจอํ ต้ังใจ มุํงม่นั ตอํ หน๎าที่การงาน การศึกษาเลาํ เรียน และการเป็นอยํขู องตนเอง และ ผ๎ูอยํูในความ ดูแล ตลอดจนสังคม อยํางเต็มความสามารถ เพื่อให๎บรรลุผลสาเร็จตามความมุํงหมายในเวลาที่ กาหนด ยอมรบั ผลการกระทาทั้งผลดีและผลเสียท่ีเกดิ ข้นึ กกกกกกก5 5.1 5.1.6 รับผดิ หมายถึง การยอมรบั วาํ ส่ิงท่ีตนทามีข๎อใดสวํ นใดผดิ พลาดเสยี หาย และเสียหายเพราะเหตุใด ข๎อน้ีมีประโยชน๑ ทาให๎ร๎ูจักพิจารณาการกระทาของตน พร๎อมท้ัง ข๎อบกพรํองของตนอยํางจริงจัง เป็นทางที่จะชํวยให๎คิดหาวิธีปฏิบัติแก๎ไข การกระทาและความ ผดิ พลาดตําง ๆ หถ๎ ูกตอ๎ งสมบรู ณ๑ได๎ กกกกกกก5 5.1 5.1.6 รบั ชอบ หมายถึง ร๎วู าํ สงิ่ ทีต่ นทามสี ํวนใดท่ใี ด ถูกต๎องแล๎ว คือถูกตามความ มํุงหมาย ตามหลักวิชา ตามหลกั วธิ ีการ ตามสถานการณแ๑ ล๎ว เรอื่ งที่ 35 5.1 5.1.6 กลําวโดยสรุป ความรบั ผิดชอบ รับผิด และรับชอบ หมายถึง ยอมรับผลท้ัง ที่ดีและไมํดีในกิจการท่ีตนได๎ทาลงไป หรือท่ีอยํูในความดูแลของตน เชํน สมุห๑บัญชีรับผิดชอบเร่ือง เก่ียวกับการเงิน, รับเป็นภารธุระ เชํน งานน้ีเขารับผิดชอบเร่ืองอาหาร เธอจะไปไหนก็ไปเถอะ ฉันรับผิดชอบทุกอยาํ งในบา๎ นเอง กกกกกกก5 5.1 5.1.6 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระราชดารัสเกี่ยวกบั ความรบั ผิดชอบ เนอ่ื งในพิธถี วายพระพรชยั มงคล ณ พระท่นี ่งั อนันตสมาคมวนั ที่ 12 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2549 ดังนี้

80 “ การทานุบารุงประเทศชาตินน้ั มใิ ชเํ ป็นหน๎าท่ีของผหู๎ น่งึ ผู๎ใดโดยเฉพาะ หากเปน็ ภาระความรับผิดชอบของคนไทยทกุ คน ทจ่ี ะต๎องขวนขวายกระทาหน๎าที่ของ ตนให๎ดีทส่ี ดุ เพื่อธารงรกั ษาและพัฒนาชาตบิ า๎ นเมืองให๎เจริญมน่ั คง และผาสกุ รํมเยน็ ” กกกกกกก5 5.1 5.1.6 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระบรมราโชวาท เกยี่ วกบั ความรับผดิ เน่ืองในพิธพี ระราชทานปริญญาบัตร แกํผสู๎ าเร็จการศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ ณ หอประชุมมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร๑ วันท่ี 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 ดังน้ี “ การรจ๎ู ักรบั ผิดหรอื ยอมรับรว๎ู ําอะไรผดิ อะไรผดิ พลาดเสียหาย และเสียหาย เพราะอะไร เพียงใดน้ันมีประโยชน๑ทาให๎บุคคลรู๎จักพิจารณาตนเอง ยอมรับความ รับผิดชอบของตนเองโดยใจจริง เป็นทางที่จะชํวยให๎แก๎ไขความผิดได๎ และให๎รู๎วําจะ ปฏิบัติแกไ๎ ขใหมํ ” กกกกกกก5 5.1 5.1.6 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระบรมราโชวาท เกีย่ วกบั ความรบั ชอบเน่ืองในพิธพี ระราชทานปริญญาบตั ร แกผํ ูส๎ าเร็จการศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร๑ ณ หอประชุมมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร๑ วันที่ 16 กรกฎาคมพ.ศ. 2519 ดังนี้ “ สํวนการรู๎จักรับชอบหรือร๎ูวําอะไรถูก อันได๎แกํถูกตามความมุํงหมาย ถูกตามหลักวิชา ถูกตามวิธีการน้ัน มีประโยชน๑ทาให๎ทราบแจ๎งวํา จาทาให๎งานสาเร็จ สมบรู ณอ๑ ยํางไร จักไดถ๎ อื ปฏิบัติตอํ ไป ” กกกกกกก5 5.1 5.1.6 กลาํ วโดยสรปุ ความรบั ผดิ ชอบ รบั ผดิ และรับชอบจะแสดงถึงความเอาใจ ใสํมํุงม่ันตํอภารกิจท่ีทาทุกคนต๎องมีความรับผิดชอบตํอหน๎าที่การงาน การศึกษา อื่นๆ อยํางเต็ม ความสามารถเพื่อให๎บรรลุผลสาเร็จตามจดุ มงํุ หมายและยอมรบั ผลการกระทาทีจ่ ะเกดิ ข้นึ

81 กกกกกกก5 5.1 5.1.6 หนา๎ ทพี่ ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ัตไิ ดแ๎ กํ ประชาชนทุกคนต๎องมีความรับผิดชอบ ตํอหน๎าท่ีการงาน การศึกษาเลําเรียน และการเป็นอยํูของตนเอง และ ผู๎อยํูในความดูแล ตลอดจน สังคม อยํางเต็มความสามารถ เพื่อให๎บรรลุผลสาเร็จตามความมุํงหมายในเวลาท่ีกาหนด ยอมรับผล การกระทาท้ังผลดีและผลเสียท่ีเกิดขึ้น รับผิด คือ การยอมรับวําส่ิงที่ตนทามีข๎อใดสํวนใดผิดพลาด เสียหาย และเสียหายเพราะเหตุใดข๎อนี้มีประโยชน๑ ทาให๎รู๎จักพิจารณาการกระทาของตน พร๎อมท้ัง ขอ๎ บกพรอํ งของตนอยาํ งจริงจงั เปน็ ทางทีจ่ ะชวํ ยให๎คดิ หาวิธปี ฏบิ ัตแิ กไ๎ ข กกกกกกก5 5.2 หน้าท่ี กกกกกกก5 5.2 5.2.1 ประโยชน์สว่ นรวม ประโยชน์ส่วนตน และเสียสละ กกกกกกก5 5.2 5.2.1 ประโยชนส๑ วํ นรวม หมายถึง ผลประโยชนส๑ าธารณะ ยังหมายรวมถึง หลกั ประโยชนต๑ อํ มวลสมาชกิ ในสงั คม กกกกกกก5 5.2 5.2.1 ประโยชนส๑ ํวนตน หมายถงึ นกึ ถึงแตตํ ัวเอง หรือเหน็ แกํตัว เชํน หากพวก เราทางานโดยนึกถงึ แตปํ ระโยชน๑สวํ นตวั องค๑กรของเรากจ็ ะไมํก๎าวหนา๎ กกกกกกก5 5.2 5.2.1 เสียสละ จากพจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ หค๎ าจากดั ความ หรือความหมายของเสียสละ คือให๎โดยยินยอม, ใหด๎ ๎วยความเต็มใจ, เชนํ ทหารเสียสละชวี ติ เพอ่ื ปกปอู งเอกราชของชาติ พอํ แมเํ สียสละทกุ สง่ิ ทุกอยาํ งได๎เพื่อลูก กกกกกกก5 5.2 5.2.1 กลําวโดยสรปุ ประโยชน๑สํวนรวม ประโยชน๑สวํ นตน และเสียสละ หมายถงึ การเสยี สละเพ่ือใหป๎ ระเทศชาติมีความเจรญิ ซ่ึงเป็นความรบั ผิดชอบของทุกคน และไมเํ ห็นแกํ ประโยชนส๑ ํวนตน กกกกกกก5 5.2 5.2.1 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทานพระราชดารสั เกี่ยวกับ ประโยชน๑สํวนรวมให๎แกนํ ักศึกษา มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร๑ ณ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร๑ วทิ ยาเขตป๓ตตานี วนั ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2523 ดงั น้ี “ การทาเพื่อประโยชน๑สวํ นรวมน้ัน ไดป๎ ระโยชน๑มากกวาํ ทาเฉพาะประโยชน๑ สํวนตัว และบอกได๎วําคนไหนทาเพื่อประโยชน๑สํวนตัวแท๎ ๆ ล๎วน ๆ เชื่อวําประโยชน๑ น้ันจะไมํได๎ เทํากับรวบรวมของหนักมาวางบนหัว แบกเอาไว๎ตลอดเวลา ซึ่งก็ไมํสบาย ก็หนัก ก็เหน่ือย แตํถ๎าผ๎ูใดทาเพื่อสํวนรวม ยิ่งมากย่ิงดี ยิ่งเบา ย่ิงคลํองแคลํววํองไว และยิ่งมีความสขุ ” กกกกกกก5 5.2 5.2.1 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระบรมราโชวาทเก่ียวกบั ประโยชน๑สวํ นตน เน่ืองในพธิ ีพระราชทานปริญญาบตั ร ประกาศนียบตั ร และอนุปรญิ ญาบตั รแกํผ๎สู าเรจ็ การศกึ ษา สาขาวชิ าและวชิ าตําง ๆ ของมหาวทิ ยาลัยเชียงใหมํ ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหมํ วันท่ี 16 มกราคม พ.ศ. 2512 ดังน้ี

82 “ ผูท๎ ี่ทางานใหเ๎ กิดประโยชนแ๑ กํสํวนรวมยอํ มไดป๎ ระโยชนส๑ ํวนตนดว๎ ย ผูท๎ ี่ทางานโดยเหน็ แกํตวั เบยี ดเบยี นประโยชน๑สํวนรวม ยํอมบั่นทอนทาลายความมั่นคง ของประเทศชาติ และทสี่ ดุ ตนเองกจ็ ะเอาตวั ไมรํ อด ” กกกกกกก5 5.2 5.2.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทเก่ยี วกบั ความเสียสละ เนอ่ื งในพธิ พี ระราชทาน แกํคณะกรรมการสมาคมหนังสอื พมิ พ๑แหํงประเทศไทย ณ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน วนั ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ดงั นี้ “ การท่ีขอให๎ทาเพ่ือสํวนรวมนี้ ก็ใชํวําแตํละคนจะต๎องเสียสละให๎เหลือแตํ ตัวลํอนจ๎อนเพ่ือส่ิงที่เรียกวําสํวนรวม มิใชํอยํางนั้น แตํหมายวําสละสิ่งใดท่ีสละได๎ เพื่อที่จะให๎สํวนรวมอยูํได๎ โดยจุดประสงค๑ที่จะสํวนบุคคลอยูํได๎เหมือนกัน เพราะวําถ๎า สํวนรวมอยํูไมํได๎ สํวนบุคคลก็อยํูลาบาก นอกจากจะเป็นผ๎ูที่เอาตัวรอดโดยแท๎ และลง ทา๎ ยผูท๎ เ่ี อาตวั รอดเหลําน้ันก็จะนับวาํ เอาตัวไมํรอด เพราะวําไมํมีเกียรติไมํมีความภูมิใจ ในตวั ฉะนั้นก็ขอร๎องใหส๎ มาชิกท้ังหลายพยายามท่ีจะพินิจเคราะห๑ในการกระทาในการ เสนอขําวเสนอบทความ ใหเ๎ ปน็ ไปในทางทสี่ รา๎ งสรรค๑ เป็นไปในทางที่จะทาให๎สํวนรวม เป็นปึกแผนํ ใหส๎ วํ นรวมมคี วามกา๎ วหนา๎ มีสง่ิ ดงี าม ” กกกกกกก5 5.2 5.2.1 กลําวโดยสรุป ประโยชนส๑ ํวนรวม ประโยชนส๑ ํวนตน และเสียสละ คอื การทาประโยชนใ๑ ห๎สํวนรวม เสยี สละเพอ่ื ใหป๎ ระเทศชาตมิ ีความเจริญซ่งึ เป็นความรับผิดชอบของ ทุกคน และไมํเห็นแกํประโยชน๑สวํ นตน กกกกกกก5 5.2 5.2.1 หนา๎ ท่ีพลเมืองดี มีแนวปฏิบตั ิได๎แกํ การทท่ี ุกคนสามารถเขา๎ รวํ มกิจกรรม ที่เป็นประโยชน๑ตํอโรงเรียน ชุมชนและสังคม พฤติกรรมท่ีบํงชี้เชํน ดูแลรักษาสาธารณสมบัติ และส่ิงแวดล๎อมด๎วยความเต็มใจ เข๎ารํวมกิจกรรมท่ีเป็นประโยชน๑ตํอโรงเรียน ชุมชน และสังคม และเข๎ารํวมกิจกรรมเพ่ือแก๎ป๓ญหา หรือรํวมสร๎างส่ิงที่ดีงามของสํวนรวม ตามสถานการณ๑ที่เกิดขึ้น ดว๎ ยความกระตือรือร๎น

83 กกกกกกก5 5.2 5.2.2 ความสามคั คี ร่วมมือ ปรองดอง กกกกกกก5 5.2 5.2.2 ความสามัคคี พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความสามัคคี คือ ความพร๎อมเพรยี งกนั , ความปรองดองกนั กกกกกกก5 5.2 5.2.2 ความรํวมมือ พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ใหค๎ าจากัดความ หรือความหมายของความรํวมมอื คือ พรอ๎ มใจชํวยกนั กกกกกกก5 5.2 5.2.2 ความปรองดอง พจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ๎ ห๎คาจากัดความหรอื ความหมายของความปรองดอง คือ ออมชอม, ประนปี ระนอม, ยอมกัน, ไมแํ กํงแยงํ กันตกลงกันด๎วยความไกลํเกลี่ย, ตกลงกนั ด๎วยไมตรีจิต กกกกกกก5 5.2 5.2.2 กลําวโดยสรุปความสามัคคี รวํ มมือ ปรองดอง หมายถึง ความปรองดอง สมานฉันท๑ พร๎อมเพรียงกนั แหงํ หมูํคณะในการดาเนนิ ชีวิต หรือในการทากิจการงานโดยชอบธรรม รํวมกัน กกกกกกก5 5.2 5.2.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได๎ทรงพระราชทานพระราชดารสั เก่ียวกับความสามัคคี ในพธิ พี ระราชทานธงประจารํุนลูกเสือ ชาวบา๎ นจงั หวัดนครศรธี รรมราช ณ สนามกีฬาชาติตระการโกศล วนั ที่ 12 กนั ยายน พ.ศ. 2521 ดังน้ี “ ความสามคั คีนั้นเปน็ การที่ทุกคนเห็นใจกัน ซงึ่ กันและกันและพร๎อม เพรยี งกห็ มายความวําไมํได๎ทาคนละทีสองทแี ตํทาพร๎อมกันความสามคั คีและความ พรอ๎ มเพรียงนี้มีผลตอํ เนื่องอีกอยาํ งหน่งึ คือทาให๎ทุกคนมีความเข๎มแขง็ แขง็ แรง ซ่ึงจะนามาสูคํ วามสุขของแตํละคน เพราะวําคนเรามีท้ังสุขทั้งทุกข๑ เม่ือเราสุขก็อยาก ใหค๎ นอื่นสุขดว๎ ยทาให๎สขุ ของตวั เองใหญหํ ลวงขน้ึ แตํเม่อื มีความทุกขค๑ นอ่ืนก็จะชวํ ย ทาให๎ความทกุ ข๑น้ันน๎อยลงไป ฉะนน้ั ความสามัคคแี ละความพรอ๎ มเพรยี งนัน้ จึงเปน็ สิ่ง ท่ีสาคญั ” กกกกกกก5 5.2 5.2.2 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ทรงพระราชทานพระราชดารสั เกีย่ วกบั รํวมมือ เน่ืองในโอกาสพระราชทานเครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ๑ แกขํ า๎ ราชการ ณ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน วันท่ี 22 กรกฎาคมพ.ศ. 2513 ดังน้ี “ การจะทางานที่มั่นคงและก๎าวหนา๎ นั้น มใิ ชวํ ําจะกม๎ หนา๎ ก๎มตาทาหน๎าที่ ของแตํละคนเทาํ นัน้ จะต๎องมีความรวํ มมือสัมพันธก๑ นั ระหวาํ งหนํวยงานทกุ หนวํ ย เพือ่ ใหง๎ านรุดหน๎าไปพร๎อมเพรียงกนั ”

84 กกกกกกก5 5.2 5.2.2 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานพระราชดารัสเกยี่ วกบั ปรองดอง เน่ือง ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสติ ดาลยั วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2536 ดังน้ี “ สามคั คหี รือการปรองดองกันไมไํ ด๎หมายความวาํ คนหนง่ึ พูดอยํางหน่งึ คนอื่นต๎องพูดเหมือนกันหมด ลงทา๎ ยชวี ติ กไ็ มํมีความหมาย ตอ๎ งมีความแตกตาํ งกัน แตํตอ๎ งทางานให๎สอดคล๎องกัน แม๎จะขัดกันบา๎ งแตํต๎องสอดคล๎องกัน ” กกกกกกก5 5.2 5.2.2 กลําวโดยสรุป ความสามัคคี รํวมมอื ปรองดองเกดิ จากความรํวมมอื รํวมใจ เปน็ อันหนึง่ อนั เดยี วกนั คณุ ธรรมนน้ี บั วาํ สาคัญมากในหมูํคณะเป็นคุณธรรมที่กํอใหเ๎ กิดความสุขอยําง ยงิ่ แกํหมูํคณะ กกกกกกก5 5.2 5.2.2 หนา๎ ทีพ่ ลเมืองดี มีแนวปฏบิ ตั ิได๎แกํ ประชาชนมีความรวํ มมือรวํ มใจ ชํวยเหลอื เก้ือกูลซึ่งกนั และกนั รวํ มแรงรํวมใจเป็นอันหน่งึ อันเดยี วกนั กอํ ให๎เกดิ ความสงบสขุ ทาให๎ ประเทศไทยอยรํู อดได๎ น่นั คือ ความสามัคคีและความเปน็ ไทย กกกกกกก5 5.2 5.2.3 ความสขุ ความเจรญิ กกกกกกก5 5.2 5.2.3 ความสุข พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความสขุ คือ ความสบายกายสบายใจ เชนํ ขอใหอ๎ ยูดํ ีมสี ขุ เกดิ มาก็มสี ขุ บ๎างทกุ ขบ๑ ๎าง, มักใช๎เขา๎ คํูกับคาเป็น เชํน ขอให๎อยูเํ ย็นเปน็ สขุ ขอให๎เปน็ สขุ ๆ นะ กกกกกกก5 5.2 5.2.3 ความเจรญิ พจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ได๎ให๎คาจากดั ความ หรอื ความหมายของความเจรญิ คือ เติบโต, งอกงาม, ทาให๎งอกงาม, เชํน เจริญทางพระราชไมตรี เจรญิ สัมพันธไมตรี, มากขึ้น กกกกกกก5 5.2 5.2.3 กลําวโดยสรปุ ความสุข ความเจริญ หมายถงึ ความสุขความเจรญิ ที่บุคคล แสวงหามาได๎ดว๎ ยความเปน็ ธรรม ทง้ั ในเจตนา และการกระทา กกกกกกก5 5.2 5.2.3 พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลท่ี 9 ไดท๎ รงพระราชทานบรมราโชวาทเกย่ี วกบั ความสุขความเจริญ เนอ่ื งในพธิ ีพระราชทานปรญิ ญาบตั ร และอนุปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ๑มหาวิทยาลยั ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ๑มหาวิทยาลัย วันท่ี 10 กรกฎาคม 2518 ดังนี้

85 “ ความสุขความเจริญอันแทจ๎ ริงนัน้ หมายถงึ ความสุขความเจรญิ ทบ่ี คุ คล แสวงหามาได๎ดว๎ ยความเปน็ ธรรม ท้ังในเจตนาและการกระทา ไมํใชํไดม๎ าด๎วยความ บงั เอญิ หรือด๎วยแกงํ แยํงเบยี ดเบียนมาจากผู๎อ่ืน ความเจริญที่แทน๎ ี้มีลักษณะเป็น การสร๎างสรรค๑ เพราะอานวยประโยชนถ๑ งึ ผ๎ูอน่ื และสํวนรวมด๎วย ตรงกนั ข๎ามกบั ความเจรญิ อยาํ งเท็จเทียม ทเี่ กิดขึ้นมาดว๎ ยความประพฤตไิ มเํ ปน็ ธรรมของบคุ คล ซึง่ มีลกั ษณะเปน็ การทาลายลา๎ ง เพราะใหโ๎ ทษบํอนเบียนทาลายผู๎อื่นและสํวนรวม การบอํ นเบยี นทาลายนน้ั ที่สุดกจ็ ะกลบั มาทาลายตน ดว๎ ยเหตุทเ่ี มอ่ื สํวนรวมถูก ทาลายเสยี แลว๎ ตนเองก็จะยืนตัวอยไูํ มํได๎ จะต๎องลมํ จมลงไปเหมือนกนั ” กกกกกกก5 5.2 5.2.3 กลําวโดยสรุป ความสุข ความเจรญิ เกดิ ขนึ้ จากบุคคลทั้งหมดมีเจตนา กระทา เพ่ือใหม๎ คี วามสขุ ความเจริญจะต๎องไมเํ บียดเบยี น หรือแกงํ แยงํ ผอ๎ู ่ืนมา กกกกกกก5 5.2 5.2.3 หน๎าท่พี ลเมืองดี มีแนวปฏิบัติไดแ๎ กํ การต้ังใจกระทาทุกส่ิงให๎ตนเองมี ความสุขความเจริญ โดยต๎องไมํไปเบียดเบยี น หรือแกํงแยงํ ผ๎ูอื่นมา

86 กิจกรรมท้ายบท กกกกกกกกิจกรรมที่ 1 กกกกกกกคาช้ีแจง ให๎นักศึกษาเลือกคาตอบที่ถกู ต๎องที่สดุ เพียงข๎อเดียวโดยนาไปเขยี นใน แผํนกระดาษคาตอบที่แจกให๎ 1. สุขในการอยูรํ วํ มกนั เกดิ จากอะไร ก. รํางกายแขง็ แรง ข. รํางกายสมบรู ณ๑ ค. ความรกั ความสามัคคี ง. การมีจิตใจทีส่ ดชนื่ แจํมใส 2. “ เดินทางสายกลาง ” มคี วามหมายตรงกับข๎อใด ก. ความร๎ู ข. ความซื่อสัตย๑ ค. ความพอประมาณ ง. ความร๎ูคํคู ุณธรรม 3. เยาวชนควรไดร๎ บั การปลกู ฝ๓งในเรอื่ งใดมากทีส่ ดุ ก. สติ ข. ใช๎เหตุผล ค. ความร๎อู ยํางแทจ๎ ริง ง. การแก๎ไขปญ๓ หาอยาํ งสุขมุ 4. ขอ๎ ใดเป็นแนวปฏบิ ตั ิหน๎าท่ีพลเมอื งดีใน เร่ือง ความรอบคอบ ก. การศึกษาหาความรู๎ ข. การมจี ติ ใจท่ีมุํงมนั่ เทยี่ งตรง ค. การฝึกฝนตนเองจนเปน็ นิสยั ง. การดาเนินชีวติ อยํางมีเหตุผล 5. ข๎อใดเปน็ แนวทางปฏบิ ัตหิ นา๎ ท่ีพลเมืองดี ในเร่ืองประโยชน๑สวํ นรวม ก. การดแู ลซ่งึ กันและกนั ข. ดแู ลสาธารณสมบตั ิอยํางเต็มใจ ค. การใหค๎ วามรํวมมอื ในการทางาน ง. เตรยี มความพรอ๎ มตอ๎ นรบั สถานการณ๑

87 กกกกกกกกิจกรรมท่ี 2 กกกกกกกคาชี้แจง ให๎นกั ศึกษาจับคํโู ดยการโยงเส๎นข๎อความดา๎ นตัวเลขกบั ข๎อความดา๎ นตัวอักษรทม่ี ี ความสมั พนั ธก๑ นั โดยนาคาตอบท่ีได๎ไปเขียนในแผนํ กระดาษคาตอบทีแ่ จกให๎ 1. สขุ ใจ ก. รจ๎ู กั ประมาณตน 2. ความพอประมาณ ข. ความร๎ู 3. ส่งิ ที่ทาใหเ๎ ข๎าใจแลว๎ นามาปฏิบัติ ค. ความอ่ิมใจอันเกิดจากจิตทสี่ งบ 4. ยอมรบั วาํ ส่งิ ที่ทาไปผดิ พลาด ง. ความมีภูมิคมุ๎ กัน 5. ใช๎ประสบการณเ๑ ดมิ มาตดั สินใจ จ. รบั ผิด กกกกกกกกจิ กรรมท่ี 3 กกกกกกกคาชีแ้ จง ใหน๎ กั ศึกษาเตมิ คาลงในชํองวํางให๎ถูกต๎องสมบูรณล๑ งในแผํนกระดาษคาตอบท่ี แจกให๎ กกกกกกก1. เง่อื นไขคุณธรรมได๎แกํ 1………………………………………………….…..………………...…… กกกกกกก2. คุณธรรมในวัยเด็กควรปลูกฝ๓งโดย........................................................................... กกกกกกก3. การมสี ภาวะราํ งกายท่แี ขง็ แรงเรยี กวาํ ..................................................................... กกกกกกก4. การยอมรับท้ังผลดีและไมํดีทท่ี าลงไป เรยี กวํา........................................................ กกกกกกก5. การดูแลรกั ษาสาธารณสมบัติเปน็ การทาประโยชนเ๑ พ่ือ........................................... กกกกกกกกจิ กรรมที่ 4 กกกกกกกคาช้ีแจง ใหน๎ ักศึกษาทาเคร่ืองหมายถูก ( ) หรอื ผดิ () หนา๎ ข๎อตํอไปนโ้ี ดยนาคาตอบ ทไี่ ด๎ไปเขียนในแผนํ กระดาษคาตอบที่แจกให๎ กกกกกกก............1. การปลกู ฝง๓ คุณธรรมในวัยเด็กทาได๎โดยอบรมสงั่ สอนเปน็ แบบอยํางทดี่ ี กกกกกกก............2. ความมีเหตผุ ลจะเกดิ จากการมีความซื่อสัตย๑ เดนิ ทางสายกลาง กกกกกกก............3. ความซื่อสัตยส๑ ุจริตเป็นพื้นฐานของความดที ุกอยาํ ง กกกกกกก............4. คณุ ธรรมที่มีความสาคัญสาหรับหมํูคณะ คือ ความสามัคคี กกกกกกก............5. การอนุรักษ๑วฒั นธรรมไทยเป็นหนา๎ ท่ีของรัฐบาล

88 บทที่ 5 หน้าทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามหลกั การทรงงาน สาระสาคัญ กกกกกกก1. หลกั การทรงงาน หมายถึง การปฏบิ ตั หิ นา๎ ที่หรอื ภารกจิ หรือกจิ กรรมของ พระมหากษัตริย๑ทรงยึดการดาเนินงานในลักษณะทางสายกลางที่สอดคล๎องกับสิ่งท่ีอยูํรอบตัวและ สามารถปฏิบัติได๎จริง ทรงมีความละเอียดรอบคอบ และทรงคิดค๎นแนวทางพัฒนาเพื่อมํุงสูํประโยชน๑ ตํอประชาชนสูงสุด มี 23 ข๎อ ได๎แกํ (1) ศึกษาข๎อมูลอยํางเป็นระบบ (2) ระเบิดจากข๎างใน (3) แก๎ป๓ญหาท่ีจุดเล็ก (4) ทาตามลาดับข้ัน (5) ภูมิสังคม (6) องค๑รวม (7) ไมํติดตารา (8) ประหยัด เรยี บงาํ ย ไดป๎ ระโยชนส๑ งู สุด (9) ทาให๎งําย (10) การมีสํวนรํวม (11) ประโยชน๑สํวนรวม (12) บริการ รวมที่จุดเดียว (13) ใช๎ธรรมชาติ ชํวยธรรมชาติ (14) ใช๎อธรรมปราบอธรรม (15) ปลูกปุาในใจคน (16) ขาดทุนคือกาไร (17) การพ่ึงตนเอง (18) พออยํูพอกิน (19) เศรษฐกิจพอเพียง (20) ความ ซอื่ สัตยส๑ จุ รติ จริงใจตํอกนั (21) ทางานอยํางมีความสุข (22) ความเพียร และ (23) รู๎ รัก สามัคคี กกกกกกก2. หน๎าทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน ทเ่ี ก่ยี วข๎องกับ คุณธรรมของการเป็นพลเมืองดี มี 9 ข๎อ ได๎แกํ (1) การมีสํวนรํวม มีสํวนรํวมและคิดถึงสํวนรวม (2) ต๎องยึดประโยชน๑สํวนรวม (3) บริการจุดเดียว (4) ขาดทุนคือกาไร (5) การพึ่งตนเอง (6) ความ ซื่อสัตย๑สจุ รติ จริงใจตํอกนั (7) ทางานอยํางมคี วามสุข (8) ความเพยี ร และ (9) รู๎ รัก สามคั คี ผลการเรียนรทู้ คี่ าดหวงั กกกกกกก1. วเิ คราะหห๑ น๎าที่พลเมืองตามรอยพระยคุ ลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลกั การทรงงาน ในสถานการณ๑ทีก่ าหนดใหไ๎ ด๎ กกกกกกก2. ตระหนกั ถึงความสาคญั ของหนา๎ ทพ่ี ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรัชกาลที่ 9 ตามหลักการทรงงาน ขอบขา่ ยเนอื้ หา กกกกกกกเรื่องที่ 1 หน๎าทพี่ ลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลที่ 9 ตามหลกั การทรงงาน กกกกกกกเร่ืองที่ 2 แนวทางการปฏบิ ัตหิ น๎าท่ีพลเมืองตามรอยพระยุคลบาทรชั กาลท่ี 9 ตามหลักการทรงงาน

89 สือ่ ประกอบการเรียน กกกกกกก1. ส่ือเอกสาร ไดแ๎ กํ กกกกกกก1. 1.1 ชื่อหนังสอื หลกั การทรงงานตามรอยพระยคุ ลบาท ผู๎แตํง ชูสทิ ธ์ิ ชชู าติ ปที ีพ่ มิ พ๑ 2554 โรงพมิ พ๑ วนดิ าการพมิ พ๑ กกกกกกก1. 1.2 ช่อื หนังสือ เรียนรห๎ู ลกั การทรงงานในพระบาทสมเดจ็ พระเจ๎าอยหูํ ัว ผ๎ูแตํง สานักงานคณะกรรมการการพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแหงํ ชาติ ปีทีพ่ ิมพ๑ (มปป.) โรงพิมพ๑ สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ กกกกกกก2. สือ่ อิเลก็ ทรอนิกส๑ ได๎แกํ กกกกกกก1. 2.1 ชอื่ บทความ หลักการทรงงาน \"พระมหากษตั รยิ น๑ ักพัฒนาเพอื่ ประโยชน๑สขุ สํูปวง ประชา\" ธนั วาคม 2554 ผแู๎ ตงํ สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหํงชาติ สืบคน๎ จาก http://oknation.nationtv.tv/blog/phra-dhamma/2013/06/13/entry-1 กกกกกกก1. 2.2 ช่อื บทความ \"หลักการทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระเจา๎ อยูหํ ัว\" ผ๎แู ตํง สานกั งานคณะกรรมการพิเศษเพ่ือประสานงานโครงการอันเน่อื งมาจากพระราชดาริ (กปร.) สืบค๎นจาก http://www.rakbankerd.com/agriculture/ page.php?id กกกกกกก3. สือ่ แหลํงเรียนร๎ใู นชมุ ชน ได๎แกํ กกกกกกก1. 3.1 ห๎องสมดุ ประชาชนจงั หวัดประจวบคีรีขันธ๑ 3.2 กศน.ตาบล/เทศบาลทุกแหงํ และศนู ย๑การเรียนชมุ ชน ในอาเภอเมือง ประจวบคีรขี นั ธ๑ เร่อื งที่ 1 หลักการทรงงาน กกกกกกก1. ความหมายของหลักการทรงงาน กกกกกกก1. หลกั การ พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ใหค๎ วามหมายวาํ สาระสาคัญ ท่ียึดถอื เปน็ แนวปฏิบัติ เชํน คณะกรรมการลงมติรบั หลกั การตามที่มีผูเ๎ สนอ กกกกกกก1. งาน พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 ให๎ความหมายวํา สิ่งหรอื กจิ กรรมที่ทา กกกกกกก1. การงาน แรงที่กระทาตํอวตั ถุแลว๎ ทาให๎วัตถเุ คลือ่ นที่ไปตามทิศทางของแนวแรง ถ๎าเรา ออกแรงกระทาตอํ วตั ถุ แลว๎ วัตถุไมํเคลื่อนที่ แสดงวาํ ไมเํ กิดงาน กกกกกกก1. การงาน หมายถึง การทามาหากนิ ทีเ่ กิดจากกิจกรรมหรือบริการใด ๆ ทกี่ ํอให๎เกิด ผลผลิตและรายได๎ ซ่ึงเป็นงานประจาที่สจุ ริต ไมผํ ิดศลี ธรรม กกกกกกก1. หลกั การทรงงาน ในพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงทํุมเทพระวรกายตรากตราและมุํงมั่น เพื่อแก๎ไขป๓ญหาความเดือดร๎อนให๎แกํพสกนิกรไมํวําจะ เช้อื ชาตใิ ด ศาสนาใด อยํหู าํ งไกลสกั เพยี งใด ก็มิทรงยอํ ทอ๎ เขา๎ ไปชํวยเหลือราษฎร ท้ังด๎านสาธารณสุข การศึกษา สาธารณูปโภคข้ันพ้ืนฐาน การเกษตร การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล๎อม ท้ัง ดิน น้า ปุาไม๎ และพลังงาน หรือแม๎กระท่ังการจราจร ทรงคิดค๎นหาแนวทางแก๎ไขป๓ญหาได๎ อยาํ งแยบยล

90 กกกกกกก1. การทรงงานในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงยึดดาเนินงานในลักษณะทางสายกลางที่สอดคล๎องกับส่ิงที่อยํูรอบตัว และสามารถปฏิบัติได๎จริง ทรงมีความละเอียดรอบคอบ ทรงคิดค๎นหาแนวทางพัฒนา เพื่อมุํงประโยชน๑ตํอประชาชนสูงสุด มคี ุณคาํ และควรยึดเป็นแบบอยาํ งในการเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท นามาปฏบิ ัตเิ พอ่ื ให๎ บงั เกิดผลตอํ ตนเอง สงั คม และประเทศชาตติ ลอดไป กกกกกกก1. กลําวโดยสรุป หลักการทรงงาน คอื การปฏิบตั หิ น๎าท่ี หรอื ภารกิจ หรอื กิจกรรมของ พระมหากษัตริย๑ทรงยึดการดาเนินงานในลักษณะทางสายกลางที่สอดคล๎องกับสิ่งที่อยํูรอบตัว และ สามารถปฏิบัติได๎จริง ทรงมีความละเอียดรอบคอบ และทรงคิดค๎นแนวทางพัฒนาเพื่อมํุงสูํประโยชน๑ ตํอประชาชนสูงสุด ซึ่งพระมหากษัตริย๑ในท่ีน้ีคือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 ผมู๎ ีคุณปู การตํอประชาชนชาวไทย และประชาคมโลก กกกกกกก2. หลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มี 23 ข๎อ คือ กกกกกกก2. 2.1 ศกึ ษาข๎อมูลอยาํ งเป็นระบบ กกกกกกก2. 2.1 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช รชั กาลที่ 9 ได๎ใช๎หลักการทรง งานข๎อนี้ โดยนาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริทุกโครงการที่เกิดจากกระบวนการศึกษาข๎อมูล ต้ังแตํเร่ิมตน๎ โดยทรงศึกษาพื้นทีเ่ ปาู หมายจากข๎อมลู เอกสาร แผนที่ การสารวจพื้นท่ีเปูาหมาย โดยใช๎ วิธีการสังเกต สัมภาษณ๑ การปรึกษาหารือ บางคร้ังทรงปฏิบัติจริงจนได๎ผลดีแล๎วนาไปเผยแพรํ สูํประชาชน หลังจากประชาชนปฏิบัติจริงแล๎ว มีการวิเคราะห๑ผล ประเมินผลแล๎วทรงพิจารณาหา วิธีการแก๎ไข ดังตัวอยําง การศึกษาข๎อมูลอยํางเป็นระบบในเร่ืองการวางแผนชํวยเหลือความ ยากลาบากของราษฎร ท่ีประสบป๓ญหา บ๎านห๎วยมงคล ตาบลหินเหล็กไฟ อาเภอหัวหิน จังหวัด ประจวบครี ขี ันธ๑ ได๎พระราชทาน ความชํวยเหลือในเรอ่ื งการสรา๎ งถนนหว๎ ยมงคล เพ่ือระบบการขนสํง

91 ภาพทรงศึกษาขอ๎ มูลจากประชาชนอยาํ งเป็นระบบ กกกกกกก2. 2.2 ระเบดิ จากข๎างใน กกกกกกก2. 2.2 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดใ๎ ชห๎ ลักการ ทรงงานข๎อน้ี โดยมํุงเน๎นการพัฒนาคน มีพระราชดารัสวํา \"ต๎องระเบิดจากข๎างใน\" น้ันหมายความวํา ต๎องมุํงพัฒนาเพื่อสร๎างความเข๎มแข็งให๎คนและครอบครัวในชุมชนที่เข๎าไปพัฒนา ให๎มีสภาพพร๎อมท่ี จะรับการพัฒนาเสียกํอน แล๎วจึงคํอยออกมาสํูสังคมภายนอก มิใชํการนาเอาความเจริญจากสังคม ภายนอกเข๎าไปหาชุมชนและหมูํบ๎าน ซ่ึงหลายชุมชนยังไมํทันได๎มีโอกาสเตรียมตัว หรือต้ังตัว จึงไมํ สามารถปรับตวั ไดท๎ ันกับกระแสการเปลีย่ นแปลง และนาไปสํคู วามลํมสลายได๎

92 ภาพทรงเตรียมความพรอ๎ มของประชาชนท่ีจะไดร๎ ับการพัฒนา กกกกกกก2. 2.3 แก๎ป๓ญหาจากจุดเล็ก กกกกกกก2. 2.3 พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช รัชกาลท่ี 9 ไดใ๎ ช๎หลกั การ ทรงงานข๎อน้ี โดยการแก๎ไขป๓ญหาที่พบอยํูด๎วยการแก๎ไขท่ีจุดเล็กของป๓ญหาเรื่องนั้น ๆ กํอนเป็น เบ้ืองต๎น เป็นการแก๎ไขป๓ญหาเฉพาะหน๎า ซึ่งเม่ือได๎แก๎ไขจุดเล็ก ๆ ได๎แล๎วจึงคํอย ๆ แก๎ไขป๓ญหาอื่น ตามลาดับความสาคัญตํอไป ดังตัวอยําง ปลูกพืชเมืองหนาวของโครงการหลวงในปี พ.ศ.2511, 2512 ป๓ญหา คอื พืชทปี่ ลกู เมืองหนาวในเขตหว๎ ยคอกมา๎ ดอกปุย ตาบลสุเทพ อาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหมํ อากาศไมํหนาวเย็นพอ จึงหาพ้ืนที่ใหมํซ่ึงสูงระหวําง 1,400 เมตร – 1,700 เมตร เหนือระดับน้าทะเล ปานกลางที่ดอยอํางขาง อาเภอฝาง จังหวัดเชียงใหมํ ทดลองปลูกพืชเมืองหนาวใน พ.ศ. 2512 จนประสบความสาเร็จ ตํอจากนั้นทรงทดลองสํงเสริมการปลูกกาแฟที่ศูนย๑พัฒนาโครงการหลวงแมํ หลอด ในปี พ.ศ. 2517 จนประสบความสาเร็จและได๎พฒั นาขยายออกไปพ้ืนที่อ่นื ๆ

93 ภาพทรงแกไ๎ ขปญ๓ หาที่จุดเล็กด๎วยการปลูกพืชเมืองหนาว กกกกกกก2. 2.4 ทาตามลาดับขั้น กกกกกกก2. 2.4 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 ได๎ใช๎ หลักการทรงงานข๎อนี้ โดยการดาเนินงานท่ีคานึงถึงทุกป๓จจัยและเงื่อนเวลา ให๎มีความพอดี สมดุล รอบคอบ และสอดคล๎องกับลักษณะของสังคมและภูมิสังคม มิใชํการดาเนินงานในลักษณะ “ก๎าวกระโดด” หรือในแนวทางอนุรักษนิยมสุดโตํง เชํน การไมํเรํงรัดนาความเจริญเข๎าไปสํูชุมชนใน ภูมิภาคท่ยี ังมไิ ด๎ทันตงั้ ตวั แตํให๎มีการเตรยี มความพรอ๎ มเพื่อให๎มคี วามสามารถในการรับแรงปะทะจาก สถานการณ ของโลกภายนอกได๎ ดังตัวอยําง เร่ือง “หญ๎าแฝก” เพื่อการอนุรักษ๑ดินและฟ้ืนฟูพ้ืนที่ เส่ือมโทรม ได๎เร่ิมต๎นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2534 ได๎พระราชทานพระราชดาริให๎ เลขาธิการสานักงาน กปร. (ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล) ทาการทดลองปลูกหญ๎าแฝก เพื่อปูองกันการ ชะล๎างพังทลายของดิน และอนุรักษ๑ความชํุมช้ืนในดิน ผลการทดลองปลูกหญ๎าแฝก ท่ีศูนย๑ศึกษา การพฒั นาเขาหินซอ๎ น จงั หวดั ฉะเชิงเทราได๎ขยายไปสูํศูนย๑ศึกษาการพัฒนาห๎วยทรายอันเนื่องมาจาก พระราชดาริ จังหวัดเพชรบุรี

94 ภาพทรงแกไ๎ ขป๓ญหาการปลกู หญ๎าแฝกที่เปน็ ไปตามลาดบั ขั้น กกกกกกก2. 2.5 ภูมิสงั คม กกกกกกก2. 2.5 พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช รัชกาลที่ 9 ไดใ๎ ช๎ หลักการทรงงานข๎อน้ี โดยการพัฒนาใด ๆ ต๎องคานึงถึงสภาพภูมิประเทศของบริเวณน้ันวําเป็น อยํางไร และสังคมวิทยาเก่ียวกับลักษณะนิสัยใจคอของคน ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีในแตํละ ท๎องถิ่นท่ีมีความแตกตํางกัน ดังพระราชดารัส ความตอนหนึ่งวํา “การพัฒนาจะต๎องเป็นไปตาม ภมู ิประเทศทางภูมิศาสตร๑ และภูมิประเทศทางสังคมศาสตร๑ ในสังคมวิทยา คือ นิสัยใจคอของคนเรา จะไปบังคับให๎คนอื่นคิดอยํางอื่นไมํได๎ เราต๎องแนะนา เราเข๎าไปชํวยโดยที่จะคิดให๎เขาเข๎ากับเราไมํได๎ แตํถ๎าเราเข๎าไปแล๎ว เราเข๎าไปดูวําเขาต๎องการอะไรจริง ๆ แล๎วก็อธิบายให๎เขาเข๎าใจหลักการของกา ร พัฒนาน้ีก็จะเกิดประโยชน๑อยํางย่ิง ดังตัวอยําง กลุํมชาติพันธุ๑ ม๎ง ปะหลํอง ลําหํู เย๎า เป็นกลํุม ชาติพนั ธุ๑ โดยปกติแล๎วอยํูในเขตพื้นท่ีสูงกวํากะเหร่ียงและคนไทย เขตพ้ืนที่สูงมีความถนัดในการปลูก พืชไรํ ปลูกผัก ปลูกไม๎ดอก โครงการหลวง จึงสํงเสริมให๎ม๎ง ปะหลํอง ปลูกพืชผักและไม๎ดอก เมืองหนาวเป็นหลกั