Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

การพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

Published by yaowaluck590, 2022-05-26 01:59:03

Description: การพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

Search

Read the Text Version

๘๖ ปัญญาละเอียดประณีต เนื่องด฾วยโยนิโสมนสิการมีขอบเขตกว฾างขวางอย฽างนี้ ปกติชนทุกคนสามารถ ใชโ฾ ยนโิ สมนสกิ ารไดถ฾ า฾ มองในแง฽หนา฾ ท่ี โยนโิ สมนสิการก็คือ ความคิดท่ีสกัดอวิชชาตัณหา หรือการคิด เพ่อื สกดั ตดั หนา฾ อวิชชาและตัณหา ๓) วธิ คี ดิ แบบโยนิโสมนสกิ าร พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ. ปยุตฺโต)ได฾ให฾ความสําคัญกับปัจจัยภายใน คือ โยนิโสมนสิการ ไว฾เปน็ อย฽างยิ่ง โดยกลา฽ ววา฽ เปน็ องค์หลกั สําคัญของการศึกษาท่ีจะต฾องทําให฾เกิดขึ้นให฾ได฾ เพราะโยนิโส มนสกิ ารเป็นส่ิงที่แกนของหลักการสําคัญของการศึกษา เช฽น แรงจูงใจท่ีถูกต฾องในทางการศึกษาก็ต฾อง อาศัยโยนิโสมนสิการ จิตสํานึกในการศึกษาที่ทําให฾คนรู฾จักรับรู฾น้ีเกิดข้ึนได฾เพราะมีโยนิโสมนสิการ ตลอดจนการดงึ เอาศกั ยภาพของตนออกมาฝึกฝนพฒั นาได฾กเ็ พราะมีโยนโิ สมนสิการ๑๓๗ ในทัศนะของพระธรรมปิฎก อธิบายได฾ว฽า วิธีโยนิโสมนสิการพอประมวลเป็นแบบใหญ฽ได฾ ๑๐ วธิ ดี งั ตอ฽ ไปนี้ ๑. วิธีคิดแบบสบื สาวเหตุปัจจยั วิธนี ้เี ป็นวธิ ีคดิ ตามหลักปฏจิ จสมุปบาท เป็นแบบพน้ื ฐาน โดยพจิ ารณาปญั หา หาหนทางแกไ฾ ขด฾วยการค฾นหาสาเหตแุ ละปัจจยั ตา฽ งๆ ทีส่ ัมพนั ธ์ สง฽ ผลสืบทอดกัน มา แนวปฏบิ ตั ิของวิธีนม้ี ีอย฽ู ๒ แนว คือ ๑.๑) คิดแบบปัจจัยสัมพันธ์ โดยถือหลักว฽า ส่ิงทั้งหลายย฽อมต฾องอาศัยซึ่งกันและกัน จงึ เกดิ ขน้ึ พร฾อมกัน เช฽น “เมอื่ ส่งิ นม้ี ี สงิ่ น้จี งึ มี เพราะส่ิงนเี้ กดิ ขึน้ สิง่ นี้จงึ เกิดข้ึน เมื่อสิ่งน้ีไม฽มี สิ่งน้ีจึงไม฽ มี เพราะสง่ิ น้ดี บั สงิ่ นจี้ ึงดับ” ๑.๒) คดิ แบบสอบสวนหรือตงั้ คําถาม เช฽น อปุ าทานมเี พราะอะไรเปน็ ปัจจัยฯ เม่ือคิด แบบโยนิโสมนสิการจึงร฾ูได฾ด฾วยปัญญาว฽า อุปาทานมีเพราะตัณหาเป็นปัจจัย ตัณหามีเพราะอะไรเป็น ปจั จยั เม่อื คิดแบบโยนโิ สมนสกิ ารจงึ รู฾ด฾วยปญั ญาว฽า ตณั หามีเพราะเวทนาเปน็ ปัจจัย ๒. วิธีคิดแบบแยกแยะส฽วนประกอบหรือกระจายเน้ือหา เป็นการคิดท่ีม฽ุงให฾มองและร฾ูจัก ส่ิงทั้งหลายตามสภาวะของมันเอง เป็นวิภัชชวิธี หรือวิธีคิดแบบวิเคราะห์เป็นการคิดพิจารณาท่ีแยก แยะโดยถือเอานามรปู เปน็ หลกั คือไม฽มองสตั วบ์ คุ คลตามสมมุติบัญญัติ ว฽าเป็นเขาเป็นเรา เป็นนายนั่น นายนี่ แต฽มองตามสภาวะแยกออกไปว฽าเป็นนามธรรมและรูปธรรม กําหนดส฽วนประกอบทั้งหลายที่ รวมกันอยู฽แต฽ละอย฽างว฽า อย฽างนั้นเป็นรูป อย฽างน้ีเป็นนาม เม่ือแยกแยะออกไปแล฾วก็มีแต฽นามกับรูป หรอื นามธรรมกับรปู ธรรม ในเวลาทีพ่ บเห็นสัตว์ และสิ่งต฽างๆ ก็จะมองว฽าเป็นเพียงกองแห฽งนามธรรม และรปู ธรรมเปน็ กระแสความคิดท่ีคอยช฽วย ต฾านทานไม฽ให฾หลงใหลติดยึดสมมุติบัญญัติมากเกินไป ให฾ มองเหน็ เปน็ เพยี งสภาวะว฽างเปล฽าจากความเปน็ สัตวเ์ ป็นคน พระธรรมปิฎกยกตัวอย฽างการใช฾ความคิด แนวนั้น ดงั ต฽อไปน้ี “ทา฽ นผม฾ู อี ายทุ งั้ หลาย ชอ฽ งว฽างอาศัยเครือ่ งไม฾ เถารัด ดินฉาบ และหญ฾ามุงล฾อมเข฾า ย฽อมถึงความนับว฽าเรือนฉันใด ช฽องว฽างอาศัยกระดูก เอ็น เน้ือ และหนังแวดล฾อมแล฾วย฽อมถึงความ นับว฽ารูปฉันน้ัน …เวทนา….สัญญา ….สังขาร…วิญญาณ…การคุมเข฾าการประชุมกัน การประมวลเข฾า ดว฾ ยกนั แห฽งอปุ ทานขนั ธ์ ๕ เหลา฽ นี้ เปน็ อยา฽ งนี้” ๓. วิธีคิดแบบสามัญลักษณ์ หรือวิธีคิดแบบร฾ูเท฽าทันธรรมดา หมายถึงการรู฾เท฽าทันความ เป็นไปของส่ิงทัง้ หลาย เชน฽ มกี ารเกดิ เปลี่ยนแลงและดับสลายไปในท่ีสุด เป็นต฾น เป็นการร฾ูเท฽าทันว฽า ๑๓๗พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตโฺ ต), การพัฒนาการศึกษา –เครือ่ งมือท่ยี งั ต้องพฒั นา, หนา฾ ๙๐.

๘๗ ส่งิ ท้งั หลายท่ีเป็นธรรมชาตยิ ฽อมเกิดจากเหตุปัจจัยและ ขึ้นต฽อเหตุปัจจัยเช฽นเดียวกัน วิธีคิดแบบนี้แบ฽ง ได฾เปน็ ๒ ขน้ั ตอน คอื ๓.๑)ขัน้ ทห่ี นึ่งคือร฾เู ท฽าทันและยอมรับความจริง เป็นข้ันวางใจวางท฽าทีต฽อส่ิงทั้งหลาย โดยสอดคล฾องกับความเป็นจริงของธรรมชาติ เป็นท่ีท฽าแห฽งปัญญา เช฽นเม่ือประสบสถานการณ์ที่ไม฽ ปรารถนาข้ึน ตั้งขึ้น สํานึกในเวลาน้ันว฽าเราจะมองตามความเป็นจริง ไม฽มองด฾วยตามความอยากของ เราทอ่ี ยากให฾เป็นหรือไม฽ให฾เป็น ร฾ูว฽าส่ิงนั้นเป็นอย฽างน้ันตามเหตุปัจจัยของมันเปลื้องตัวอิสระได฾ไม฽เอา ตวั ไปใหถ฾ กู กดถูกบีบ ๓.๒)ข้ันท่ีสอง คือ การคิดแก฾ไขและทําการไปตามเหตุปัจจัย เป็นการปฏิบัติต฽อส่ิง ทง้ั หลายโดยสอดคล฾องกบั ความเป็นจริงของธรรมชาติ เป็นท่ีท฽าแห฽งปัญญา คือร฾ูว฽าส่ิงทั้งหลายจะเป็น อย฽างไรก็ย฽อมเป็นไปตามเหตุปัจจัย เม่ือเราต฾องการให฾มันเป็นอย฽างนั้น ก็ต฾องทําท่ีเหตุปัจจัยให฾ได฾เป็น อย฽างน้ัน มันก็ต฾องเป็นอย฽างน้ัน แล฾วก็รู฾และแก฾ไขกันท่ีเหตุปัจจัยนั้น ไม฽ใช฽แก฾ด฾วยความอยากเม่ือ ปฏิบัติได฾อย฽างนี้ก็ดํารงตนอยู฽เป็นอิสระ อย฽ูอย฽างอิสระ ทําการให฾ดีที่สุดพร฾องท้ังไม฽มีความทุกข์ คือ เม่อื รูแ฾ ละเขา฾ ใจเหตปุ จั จยั แลว฾ ก็จดั การทด่ี ฾วยเหตุปัจจัยน้ัน ๔. วิธคี ิดแบบอรยิ สจั หรือ คิดแบบแก฾ปญั หาเปน็ วธิ คี ดิ ท่ีสามารถขยายให฾ครอบคลุมวิธีคิด แบบอ่ืนๆ ได฾ทั้งหมด มีวิธีคิด ๒ วธิ ี คอื ๔.๑) วิธีคิดตามเหตุผล เปน็ การสบื สาวจากผลไปหาเหตแุ ล฾วแก฾ไขทเี่ หตนุ น้ั ตามปกติ จะจัด เปน็ ๒ คู฽ ดงั ตัวอยา฽ งตอ฽ ไปน้ี คู฽ท่ี ๑ ทุกข์เป็นผล เป็นตัวปัญหา เป็นสถานการณ์ท่ีไม฽ต฾องการสมุทัยเป็นเหตุ เป็นท่มี าของปญั หาเปน็ จดุ ทีต่ อ฾ งการแก฾ไข ค฽ูท่ี ๒ นิโรธเป็นผล เป็นภาวะส้ินปัญหาเป็นจุดหมายที่ต฾องการจะเข฾าถึงมรรค เป็นเหตุเป็นข฾อปฏิบัติที่ต฾องการกระทําในการแก฾ไขสาเหตุ เพื่อบรรลุจุดหมาย คือ ภาวะสิ้นปัญหา อนั ไดแ฾ ก฽ความดบั ทุกข์ ๔.๒) วิธีคิดท่ีตรงจุดตรงเร่ือง เป็นการคิดอย฽างตรงไปตรงมา นําเอาสิ่งหรือเร่ืองท่ี ต฾องเกี่ยวข฾องมาใชใ฾ นการแกป฾ ญั หา ไม฽นําสง่ิ หรือเรอ่ื งที่ใชป฾ ฏิบัติไม฽ได฾เข฾ามาเกี่ยวข฾อง กล฽าว โดยสรุปหลักการหรือสาระสําคัญของวิธีคิดแบบอริยสัจก็คือการเริ่มต฾นจากปัญหา หรือความทกุ ข์ทปี่ ระสบ โดยกาํ หนดและทาํ ความเขา฾ ใจวา฽ ปัญหาคือความทุกข์นั้นให฾ชัดเจนแล฾วสืบค฾น หาสาเหตุเพื่อเตรียมแก฾ไข ในเวลาเดียวกันกําหนดเปูาหมายของตนให฾แน฽ชัดว฽าคืออะไร จะเป็นไปได฾ หรือไม฽และเป็นไปได฾อย฽างไร แล฾วคิดวางวิธีปฏิบัติท่ีจะกําจัดสาเหตุของปัญหา ให฾สอดคล฾องกับการท่ี จะบรรลุจดุ หมายที่กําหนดไว฾น้ัน ในการคิดตามวิธีนี้ จะต฾องตระหนักถึงกิจหรือหน฾าท่ีอันพึงปฏิบัติต฽อ อรยิ สจั แตล฽ ะข฾ออย฽างถูก ต฾องดว฾ ย ๕. วิธีคิดแบบอรรถธรรมสัมพันธ์ เป็นวิธีคิดตามหลักการและความมุ฽งหมาย คือพิจารณา ให฾เข฾าใจความสัมพันธ์ระหว฽างธรรม (หลักการ) กับอรรถ (ความมุ฽งหมาย) คําว฽าหลักการในท่ีนี้หมาย ถงึ หลกั ความจรงิ หลักความดีงาม หลักการปฏิบัติ หรือหลักท่ีจะนําไปใช฾ปฏิบัติรวมทั้งหลักคําสอนท่ี จะใหป฾ ระพฤติปฏบิ ัตแิ ละการ ทําการได฾ถูกตอ฾ ง ส฽วนความม฽งุ หมายก็หมายถึงจุดหมายหรือประโยชน์ท่ี ต฾องการ หรือสาระที่พึงประสงค์ ความเข฾าใจถูกต฾องในเรื่องหลักการและความม฽ุงหมายจะนําไปส฽ูการ

๘๘ ปฏบิ ตั ิท่ถี กู ตอ฾ ง การปฏิบัติทถี่ ูกต฾องน้สี าํ คัญมาก อาจกล฽าวได฾ว฽า เป็นตัวตัดสินว฽าการกระทําน้ันๆ จะ สําเร็จผล บรรลจุ ดุ มงุ฽ หมายได฾หรือไม฽ ๖. วิธีคิดแบบคุณโทษและทางออก วิธีคิดแบบนี้เป็นการคิดที่ใช฾หลักว฽าจะต฾องพิจารณา ปัญหาให฾ครบทุกด฾าน ได฾แก฽ ด฾านดี (อัสสาทะ) ด฾านเสีย (อทีนนวะ) ต฽อจากน้ันจึงหาทางออก (นิสสร หะ) หรือทางแกป฾ ญั หาการคิดแบบน้มี ลี กั ษณะท่ีพงึ ยํ้า ๒ ประการ คอื ๖.๑) การทีจ่ ะใช฾ชื่อวา฽ มองเหน็ ตามเปน็ จริงนั้น จะต฾องมองเห็นทั้งด฾านดีและด฾านเสีย หรือทง้ั คณุ และโทษของสงิ่ นั้นๆ ไม฽ใชม฽ องเพียงด฾านหน่งึ ดา฾ นใดด฾านเดยี ว ๖.๒) เมื่อจะแก฾ปัญหาหรือลงมือปฏิบัติจะต฾องมองเห็นจุดหมายหรือทางออก นอกเหนือ จากการท่รี ูค฾ ณุ และโทษของสง่ิ นัน้ ๆ การคิดหาทางออกด฾วยวิธีการดังกล฽าวต฾องพิจารณาไป พร฾อมๆ กับการพิจารณาผลดีผลเสยี จะทาํ ใหห฾ าทางออกได฾ดีท่สี ดุ และปฏิบตั ิไดถ฾ ูกต฾องทีส่ ุด ๗. วิธีคิดแบบคุณค฽าแท฾-คุณค฽าเทียม วิธีคิดแบบน้ีใช฾กันมากในชีวิตประจําวันเพราะเก่ียว ข฾องกับการบริโภคใช฾สอย ปัจจัย ๔ คําว฽าคุณค฽าแท฾หมายถึงประโยชน์ของสิ่งท้ังหลายในแง฽ท่ีสนอง ความ ต฾องการของ ชีวิตโดยตรงหรือท่ีมนุษย์นํามาใช฾แก฾ปัญหาของตนเพ่ือความดีงาม ความดํารงอยู฽ ด฾วยดีของชีวิตหรือเพ่ือประโยชน์สุขทั้งของตนและของผู฾อ่ืน คุณค฽าน้ีอาศัยปัญญาเป็นเคร่ืองดีค฽าหรือ วัดราคาจะเรียกว฽าคณุ คา฽ ท่ีสนอง ปญั ญากไ็ ด฾ เช฽น คุณคา฽ ของอาหารอยูท฽ ่ีประโยชน์ของมันสําหรับหล฽อ เลีย้ งร฽างกายใหด฾ ํารงชีวิต อยู฽ได฾ มีสุขภาพดี เป็นอยู฽อย฽างผาสุก มีกําลังเก้ือกูลแก฽การบําเพ็ญกิจหน฾าที่ เป็นตน฾ ส฽วนคุณค฽าเทียมน้ันหมายถึง ประโยชน์ในแง฽การปรนเปรอ การเสพเสวยเวทนา อาศัยตัณหา เปน็ เคร่อื งวดั คณุ ค฽าหรอื วัดราคา จะเรียกว฽าคุณค฽าตอบสนองตัณหาก็ได฾ เช฽น อาหารที่มีคุณค฽าท่ีความ เอรด็ อรอ฽ ย เสริมความสนุกสนานเป็นเคร่อื งแสดงฐานะความหรูหรา เป็นต฾น วิธีคิดแบบคุณ ค฽าแท฾นอกจากจะเป็นประโยชน์แก฽ชีวิตอย฽างแท฾จริงแล฾ว ยังเก้ือกูลแก฽ ความเจรญิ งอกงามของกศุ ลธรรม เชน฽ ความมีสติ เป็นต฾น ต฽างจากคุณค฽าเทียมท่ีพอกเสริมด฾วยตัณหา ซึ่งไมใ฽ ครเ฽ กอ้ื กูลแก฽ชวี ิต ทําใหก฾ ศุ ลธรรม เชน฽ ความโลภ ความมวั เมา ความริษยา มานะ ทฎิ ฐิ เจริญข้ึน อยา฽ งไม฽มขี อบเขต ๘. วิธีคิดแบบอุบายปลุกเร฾าคุณธรรม เป็นวิธีคิดท่ีส฽งเสริมชักนําไปในทางท่ีดีงามและเป็น ประโยชน์เป็นการขัดเกลาและบรรเทาปญั หา พระธรรมปฎิ กอธิบายว฽าในเหตุการณ์หรือประสบการณ์ เดยี วกนั คนหนึง่ อาจคดิ ปรุงแต฽งไปในทางดีงาม เป็นประโยชน์ อีกคนหน่ึงอาจปรุงแต฽งไปในทางดีงาม เป็นประโยชน์ อีกคนหนึ่งอาจปรุงแต฽งไปในทางไม฽ดีไม฽งามเป็นโทษ ท้ังนี้เนื่องมาจากการฝึกฝนอบรม และประสบการณ์ที่ได฾สะสมมา นอกจากน้ีแม฾แต฽บุคคลเดียวกันมองของอย฽างเดียวกันหรือมีประสบ- การณ์เดียวกัน แต฽ต฽างขณะ ต฽างเวลา ก็อาจคิดแตกต฽างออกไปคร้ังละอย฽างได฾คราวหนึ่งร฾าย คราวหน่ึง ดี ทงั้ น้โี ดยเหตุผลท่ีกลา฽ วมาแล฾ว วิธีคดิ แบบอุบายปลุกเรา฾ คุณธรรมหรอื โยนโิ สมนสิการแบบเร฾ากุศลใน ท่นี ้ี จงึ มีความสําคัญในแง฽ที่ทําให฾เกิดความคิดและการกระทําท่ีดีงามเป็นประโยชน์ใน ขณะนั้นๆ และ ในแง฽ท่ีช฽วยแก฾ไขนิสัยเคยชินร฾ายๆ ของจิตที่ได฾สะสมไว฾แต฽เดิมพร฾อมกับสร฾างนิสัยความเคยชินใหม฽ท่ีดี งามใหแ฾ กจ฽ ติ ไปในเวลาเดียวกัน ในกรณีท่คี วามคิดอกศุ ลเกิด ขึ้นแล฾ว พระธรรมปิฎกได฾ยกตัวอย฽างในวิตักกสัณฐานสูตรว฽า พระพุทธเจ฾าทรงแนะนาํ หลักทวั่ ไปในการแกค฾ วามคิดอกศุ ลไวเ฾ ป็น ๕ ขน้ั คือ

๘๙ ๘.๑) คิดนึกใส฽ใจเรื่องอื่นที่ดีงามเป็นกุศล เช฽น นึกถึงเรื่องที่ทําให฾เกิดเมตตา แทน เร่ืองทีท่ าํ ให฾เกิดโทสะ เป็นต฾น ถา฾ ยังไมห฽ าย ๘.๒) พึงพิจารณาโทษของความคิดท่ีเป็นอกุศลเหล฽านั้นว฽า ไม฽ดีไม฽งาม ก฽อผลร฾ายนํา ความทกุ ข์อย฽างไรมาให฾ ถา฾ ยงั ไม฽หาย ๘.๓) พึงใช฾วิธีต฽อไปคือ ไม฽คิดถึง ไม฽ใส฽ใจในความชั่วร฾ายท่ีเป็นอกุศลน้ันเลย ถ฾ายังไม฽ หาย ๘.๔) พึงพิจารณาสังขารสัณฐานของความคิดเหล฽านั้น ว฽าความคิดน้ันเป็นอย฽างไร เกดิ จากเหตุปัจจยั อะไร ถ฾ายงั ไม฽หาย ๘.๕) พึงขบฟันเอาล้ินดุนเพดาน อธิษฐานจิตคือต้ังใจแน฽วแน฽เด็ดเด่ียว ข฽มใจระงับ ความคิดนั้นเสีย ๙. วธิ คี ิดแบบเปน็ อยใ฽ู นขณะปัจจุบนั วิธีคดิ แบบนบ้ี างทเี รียกว฽า วิธีคิดแบบมีปัจจุบันธรรม เปน็ อารมณ์ และมีขอ฾ ท่ตี อ฾ งทาํ ความเขา฾ ใจเปน็ พิเศษคือ การทีม่ ผี ฾ูเข฾าใจผิดเกี่ยวกับความหมายของการ เป็นอย฽ูในปัจจุบัน หรือมีปัจจุบันธรรมเป็นอารมณ์ ความคิดท่ีเป็นอย฽ูในปัจจุบันหมายถึง การคิดใน แนวทางของความรู฾ หรือคิดด฾วยอํานายปัญญา การคิดแบบนี้ถือว฽า ไม฽ว฽าจะเป็นเร่ืองท่ีเป็นอย฽ูใน ขณะนี้ หรือเป็นเรื่องที่ล฽วงไปแล฾ว หรือเป็นเร่ืองของกาลภายหน฾า ก็จัดเข฾าไปเป็นการปัจจุบันทั้งสิ้น ความคิดถึงอดีตและอนาคตตามแนวทางของปัญญาท่ีเป็นเร่ืองของกิจในปัจจุบันจะช฽วยให฾เกิด ประโยชน์ในทางปฏิบัติ ช฽วยให฾การปฏิบัติในปัจจุบันถูกต฾องได฾ผลดีย่ิงขึ้น และสนับสนุนให฾มีการ ตระเตรียมวางแผนลว฽ งหน฾า นับวา฽ เปน็ วธิ คี ิดท่ีมีประโยชน์มาก ๑๐. วิธีคิดแบบวิภัชชวาท มาจาก วิภัชชวาทวิภัชชแปลว฽าแยกแยะ จําแนกหรือแจกแจง ใกลเ฾ คยี งคําทใ่ี ชใ฾ นปจั จุบนั วา฽ วเิ คราะห์วาท แปลว฽า การกล฽าว การพูด การแสดงคําสอน วิภัชชวาทจึง แปลว฽า การพูด จําแนก พูดแยกแยะหรือแสดงคําสอนแบบวิเคราะห์ ลักษณะสําคัญของการคิดและ การพูดแบบน้ีคือ การมองและแสดงความจริงโดยแยกแยะออกให฾เห็นแต฽ละแง฽ละด฾านครบทุกแง฽ทุก ด฾าน วิธคี ดิ แบบนี้สามารถจําแนกออกเป็นลกั ษณะต฽างๆ ได฾ดงั นี้ ๑๐.๑) จําแนกด฾วยแง฽ความจริง แบ฽งซอยออกเป็น ๒ อย฽าง คือจําแนกตามแง฽ด฾าน ต฽างๆ ตามท่ีเป็นจริงของส่ิงนั้นๆ โดยมองทีละด฾านอย฽างหนึ่ง และจําแนกโดยมองหรือแสดงความจริง ของสงิ่ นัน้ ๆ ให฾ครบทกุ แงท฽ ุกด฾านอีกอย฽างหนง่ึ ๑๐.๒) จําแนกส฽วนประกอบ คือวิเคราะห์แยกแยะองค์ประกอบของส่ิงนั้นๆ เพ่ือให฾ ร฾ูเท฽าทันภาวะของสิ่งน้ันๆ เป็นการคิดในแง฽เดียวกันกับการคิดวิธีท่ีสอง (วิธีคิดแบบแยกแยะ ส฽วนประกอบ) ท่กี ลา฽ วมาแลว฾ ในข฾างตน฾ ๑๐.๓) จําแนกโดยลาํ ดบั ขณะ คอื แยกแยะวเิ คราะห์ปรากฏการณต์ ามลําดับความสืบ ทอดแห฽งเหตุปัจจัย ซอยออกไปเป็นแต฽ละขณะๆ ให฾มองเห็นตัวเหตุปัจจัยท่ีแท฾จริง ตัวอย฽างเช฽น เม่ือ โจรขึ้นบ฾านและฆ฽าคนตายเพราะความโลภ คําพูดนี้ใช฾ได฾เพียงเป็นสํานวนพูดให฾เข฾าใจกันง฽าย แต฽เมื่อ วิเคราะห์ทางด฾านกระบวนธรรมทีเ่ ปน็ ไปภายในจิตอยา฽ งแทจ฾ รงิ จะพบว฽าความโลภเป็นเหตุของการฆ฽า ไม฽ได฾ โทสะตา฽ งหากทเ่ี ปน็ เหตขุ องการฆ฽า ดงั นเี้ ปน็ ตน฾ ๑๐.๔) จําแนกโดยความสัมพันธ์แห฽งเหตุปัจจัย คือสืบสาวว฽าสิ่งท้ังหลายท้ังปวงน้ัน จะเกิดขึ้นหรือดับลงก็ด฾วยเหตุปัจจัย เป็นวิธีคิดท่ีตรงกับวิธีที่ ๑ ท่ีกล฽าวแล฾วข฾างต฾น ความคิดแบบ

๙๐ จําแนกโดยสัมพันธ์ของเหตุปัจจัยช฽วยให฾มองเห็นความจริงน้ัน และตามแนวคิดนี้พระพุทธเจ฾าจึงทรง แสดงพระธรรมอยา฽ งทีเ่ รียกวา฽ เปน็ กลาง คือไมก฽ ลา฽ วว฽า สิง่ นี้มี หรือสงิ่ นี้ไมม฽ ี แต฽ทรงกล฽าวว฽าเพราะส่ิงนี้ มี ส่ิงน้ไี ม฽มี เพราะส่ิงน้ีไม฽มีสิ่งนี้จึงไม฽มีการแสดงความจริงอย฽างนี้ นอกจากจะเรียกว฽าอิทัปัจจยตาหรือ ปฏิจจสมุปบาทแล฾ว ยงั เรียกอกี อยา฽ งหน่ึงวา฽ มัชเฌนธรรมเทศนา หรือเรียกส้ันๆ ว฽าวิธีคิดแบบมัชเฌน ธรรม ๑๐.๕)จําแนกโดยเง่ือนไข คือมองความจริงโดยพิจารณาเง่ือนไขประกอบด฾วย เช฽น ถา฾ มีผ฾ูกล฽าวว฽า บคุ คลนคี้ วรคบหรือไม฽ หรือถ่ินสถานน้ีควรเก่ียวข฾องด฾วยหรือไม฽ ถ฾าพระภิกษุเป็นผู฾ตอบ ว฽า ถ฾าคบแล฾วหรือเข฾าไปเก่ียวข฾องแล฾วอกุศลธรรมเจริญ กุศลธรรมเสื่อมก็ไม฽ควรคบ ไม฽ควรเก่ียวข฾อง แต฽ถ฾าอกศุ ลเสอื่ ม กุศลธรรมเจรญิ จึงควรคบควรเก่ียวขอ฾ ง ถ฾าถามในแง฽ การศกึ ษาว฽า ควรปล฽อยใหเ฾ ด็กพบเห็นส่ิงต฽างๆในสังคมอย฽างอิสระเสรีหรือไม฽ ถา฾ จะตอบก็ตอ฾ งวนิ ิจฉัยโดยพิจารณาเงอ่ื นไขต฽างๆ เช฽น เด็กมคี วามพรอ฾ มหรอื ไม฽ ประสบการณ์เดิมเป็น อย฽างไร เด็กรู฾จักใช฾โยนิโสมนสิการโดยปกติหรือไม฽ มีบุคคลหรืออุปกรณ์คอยช฽วยเหลือหรือไม฽ ส่ิงหรือ เรือ่ งทเี่ ดก็ จะได฾พบเหน็ ในประสบการณน์ ั้น มีผลกระทบรุนแรงเพยี งใด ดังน้ีเป็นต฾น ๑๐.๖) จาํ แนกโดยวภิ ัชชวาท คือใช฾วิภัชชวาทในรูปการตอบปัญหาในบรรดาวิธีตอบ ปญั หา ๔ วธิ ี ซง่ึ มีช่ือเฉพาะ คอื ก. เอกงั สพยากรณ์ การตอบแง฽เดยี ว ข. วิภชั ชพยากรณ์ การแยกแยะตอบ ค. ปฏปิ จุ ฉาพยากรณ์ การตอบโดยย฾อนถาม ง. ฐปนะ การยั้งหรอื หยุด พบั ปญั หาเสีย ไมต฽ อบ วิธีตอบ ๔ วิธีน้ีแบ฽งตามลักษณะของปัญหา หมายความว฽าปัญหาแบ฽งออกเป็น ๔ ประเภท ดังตวั อยา฽ งตอ฽ ไปนี้ : ก. เอกังสพยากรณียปญั หา ปัญหาทีค่ วรตอบเด็ดขาด เช฽น ถามว฽าสิ่งที่ไม฽เท่ียง ได฾แก฽ จกั ษใุ ชไ฽ หม? พงึ ตอบได฾ทีเดียวแน฽นอนลงไปว฽า ใช฽ ข. วภิ ัชชพยากรณยี ปัญหา ปัญหาที่ควรแยกแยะหรือจําแนกตอบเชน฽ ถามว฽า ส่งิ ท่ี ไดม฾ าไม฽เที่ยงได฾แก฽จกั ษใุ ชไ฽ หม? พงึ แยกแยะตอบว฽า ไม฽เฉพาะแต฽จักษุเทา฽ นนั้ แม฾โสตะ ฆานะ เปน็ ตน฾ กไ็ ม฽เทยี่ ง ค. ปฏิปุจฉาพยากรณียปัญหา ปัญหาท่ีควรตอบโดยย฾อนถามเช฽น จักษุฉันใดโสตะก็ ฉนั น้นั โสตะฉนั ใดจกั ษุก็ฉันนัน้ ใช฽ไหม? พึงย฾อนถามว฽า ม฽ุงความหมายในแง฽ใด ถ฾าถามโดยหมายถึงแง฽ ใช฾ดหู รือเหน็ ก็ไมใ฽ ช฽ แต฽ถา฾ ม฽ุงความหมายในแงท฽ ่วี า฽ ไมเ฽ ทีย่ ง กใ็ ช฽ ง. ฐปนียปัญหา ปัญหาที่พึงยับย้ังหรือพับเสียไม฽ควรตอบ เช฽นถามว฽า ชีวะกับสรีระ คือสิง่ เดียวกนั ใชไ฽ หม? พึงยบั ยั้งเสยี ไมต฽ ฾องตอบ พระธรรมปิฎกกล฽าวสรุปว฽า วิธีคิดที่เป็นแบบโยนิโสมนสิการทั้ง ๑๐ วิธีน้ี มีขั้นตอนการ ทํางานท่ีแบ฽งออกได฾เป็นสองช฽วง คือช฽วงรับรู฾อารมณ์ หรือประสบการณ์จากภายนอกและช฽วงคิดค฾น พจิ ารณาอารมณห์ รือเร่ืองราวท่เี กบ็ เขา฾ มาภายในแลว฾ วธิ ีคิดท้งั ๑๐ วธิ นี ี้ ตา฽ งกอ็ าศัยกันและกัน รับกัน และสัมพันธ์กัน ดังน้ันวิธีการศึกษา เผชิญสถานการณ์และแก฾ปัญหาชีวิตจึงต฾องบูรณาการความคิด

๙๑ เหล฽าน้ี ร฾ูจักเลือกรูปแบบวิธีคิดมาผสมกลมกลืนกัน เพ่ือนําไปส฽ูการสร฾างแนวปฏิบัติอย฽างถูกต฾องตรง กับความจรงิ ในทางสายกลาง อนงึ่ เมอ่ื พดู เชิงวิชาการในแงก฽ ารทาํ หนา฾ ท่ี พระธรรมปฏิ กสรปุ ว฽าวิธีโยนิโสมนสิการทั้งหมด สามารถสรุปไดเ฾ ปน็ ๒ ประเภทใหญ฽ คอื ๑. โยนิโสมนสิการแบบปลุกปัญญา ม฽ุงให฾เกิดความร฾ูแจ฾งตามสภาวะ เน฾นที่การขจัด อวชิ ชา เปน็ ฝาุ ยวปิ ัสสนา มลี ักษณะเปน็ การสอ฽ งสว฽าง ทําลายความมืด หรือชําระล฾างสิ่งสกปรก ให฾ผล ไมจ฽ าํ กดั กาล หรือเดด็ ขาด นําไปส฽ู โลกุตรสัมมาทิฎฐิ ๒. โยนิโสมนสิการแบบสร฾างเสริมคุณภาพจิต มุ฽งปลุกเร฾ากุศลธรรม เน฾นท่ีการสกัด หรอื ข฽มตัณหา เปน็ ฝาุ ยสมถะ มีลักษณะเป็นการเสริมสร฾างพลังหรือปริมาณฝุายดีข้ึนมากดข฽มทับหรือ บังฝุาย ชว่ั ไว฾ ให฾ผลข้ึนแก฽การช่ัวคราวหรือเป็นเคร่ืองตระเตรียมหนุนเสริมความพร฾อมและ สร฾างนิสัย ท่ีนําไปส฽ู โลกยี สัมมาทฎิ ฐิ๑๓๘ ลักษณะทัว่ ไปของโยนิโสมนสิการมี ๔ ประการ คือวิธีคิดที่เรียกว฽าโยนิโสมนสิการท้ังหมด มลี กั ษณะท่ัวไป๔ประการได฾แก฽ ๑)คดิ ให฾เห็นทะลุตลอดลงไปถึงตน฾ ตอรากเหง฾า ๒)คิดมขี นั้ ตอนเป็นลําดับ ๓)คดิ ถูกวธิ ี ๔)คิดให฾เกดิ ผล๑๓๙ โยนิโสมนสิการมีความสําคัญที่เป็นปัจจัยการเกิดข้ึนของความคิดเห็นถูกต฾อง คือการรู฾จัก คิด รู฾จักพิจารณาหรือคิดเป็น ซ่ึงทําให฾มองสิ่งทั้งหลายตามเหตุปัจจัยและรู฾เข฾าใจสถานการณ์นั้นตาม ความเป็นจริง ตลอดจนรู฾จักปรับจิตใจ วางใจอย฽างถูกต฾องและได฾ผลดีจากประสบการณ์ทุกอย฽าง ก฽อให฾เกิดปัญญาซึ่งเพริศพรรณ แดนศิลป฼ ๑๔๐ อธิบายปัญญาว฽าเป็นสภาวะของจิตใจที่มีคุณภาพ ทํา การดํารงชีวิตมีคุณค฽า ดําเนินชีวิตได฾อย฽างถูกต฾องพอดี มีความเข฾าใจชีวิตและความสัมพันธ์ของสรรพ สิ่งทีล่ ว฾ นอย฽ใู นความเปลย่ี นแปรไมค฽ งท่ีทาํ ใหบ฾ ุคคลสามารถจัดการตนเองได฾อยา฽ งสมดลุ ผู฾วิจัยได฾วิเคราะห์สรุปหมวดหมู฽ของกระบวนการโยนิโสมนสิการมี ๕ องค์ประกอบ คือ หลกั สําคัญ ๒ ประเภท ๒ ลกั ษณะทั่วไป ๔ วิธคี ิด ๑๐ และวธิ ีคิดแบบรค฾ู ุณ ดังแสดงในภาพที่ ๒. ๑๓๘พระธรรมปฎิ ก(ป.อ.ปยตุ ฺโต), พทุ ธธรรม, (กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจฬุ าลงกรณ์ราชวิทยาลัย ,๒๕๔๖), หนา฾ ๖๒๑.. ๑๓๙เร่อื งเดียวกนั . หน฾า ๑๑. ๑๔๐เพรศิ พรรณ แดนศลิ ป฼. “ผลการปรกึ ษาเชงิ จติ วิทยาแบบกล฽ุมโยนิโสมนสิการท่ีมีต฽อปัญญาในภาวะ ความสัมพันธ์เชื่อมโยงและภาวะความเปล่ียนแปลง” วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปะศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต สาขา จิตวทิ ยา คณะจติ วทิ ยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๐, หนา฾ ๕๕..

๙๒ หลัก กระบวนกา ประเภท สาคัญ๒ รของ ๒ โยนิโส คิดแบบ ลักษณะ รูค้ ุณ ๑ ท่วั ไป ๔ ๙.คิดแบบอย฽ู ๑๐.คิดแบบ ๑.คิดแบบสบื ๒.คิดแบบ ปจั จุบัน วเิ คราะห์ สาวเหตปุ ัจจยั แยกแยะ ๘.คิดแบบเร฾า วิธีคดิ ๓.คดิ แบบ กุศล ๑๐ รเ฾ู ท฽าทัน ๗.คดิ แบบรู้ ๖.คดิ แบบคณุ ๕.คิดตาม ๔.คิดแบบ คณุ คา่ โทษ หลกั การ แก฾ปัญหา ภาพท่ี ๒.๑ กระบวนการของโยนโิ สมนสิการ ๒.๖ บริบทของวทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษา ผ฾ูวิจยั มง฽ุ ศกึ ษาวทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาในจังหวดั ศรีสะเกษ จํานวน ๑๙ แห฽ง ได฾แก฽ ท่ี ชื่อสถานศกึ ษา ประชากร กล฽มุ ตวั อยา฽ ง 1 วทิ ยาลัยเทคนคิ ศรีสะเกษ ๕๗๖๐, ๑๐๕ 2 วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยศี รีสะเกษ ๙๔๗ ๑๗ 3 วทิ ยาลัยสารพัดช่างศรีสะเกษ ๑๐๔๘, ๑๙ 4 วิทยาลยั การอาชีพศรีสะเกษ ๑๘๘๓, ๓๔ 5 วทิ ยาลยั เทคนิคกันทรลกั ษ์ ๒๓๙๗, ๔๔ 6 วทิ ยาลัยการอาชีพขนุ หาญ ๑๙๔๖, ๓๕ 7 วิทยาลยั เทคนิคกนั ทรารมย์ ๕๓๘ ๑๐ 8 วิทยาลยั เทคโนโลยีและการจัดการราษีไศล ๓๒๕ ๖ 9 วิทยาลัยการอาชีพขุขันธ์ ๖๔๒ ๑๒ 10 วิทยาลัยอาชีวศกึ ษาจลุ มณศี รีสะเกษ ๕๖๒ ๑๐

11 วทิ ยาลัยอาชีวศึกษาศรีสะเกษบริหารธุรกิจ ๘๘๑ ๙๓ 12 วทิ ยาลยั เทคโนโลยศี รีษะเกษ ๒๔๐ 13 วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษาสัมมาสขิ าศรษี ะอโศก ๑๑๔ ๑๖ 14 เทคโนโลยีศรสี ะเกษเฉลิมหลา้ ๑๒๐ ๔ 15 อาชวี ศกึ ษาจุลมณีกันทรารมย์ ๑๒๕๕, ๒ 16 วทิ ยาลยั เทคโนโลยีศรีสะเกษบริหารธรุ กิจกันทรลกั ษ์ ๓๕๗ ๒ 17 เทคโนโลยีบรหิ ารธุรกจิ รกั ไทยขขุ นั ธ์ ๑๕๒ ๒๓ 18 เทคโนโลยีพณิชยการราศไี ศล ๗๔๔ ๖ 19 อาชีวศกึ ษาจุลมณีอทุ มุ พรพสิ ัย ๑๖๖๙, ๓ ๒๑๕๘๐, ๑๔ รวม ๓๐ ๓๙๒ ๒.๗ งานวิจัยทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง นิคม กกขุนทด ได฾ทําการศึกษาถึง การพัฒนาศักยภาพครูด฾านการจัดการเรียนรู฾ตาม หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส฽วนร฽วม ผลการศึกษาพบว฽า ผล การศึกษาตามกระบวนการวจิ ยั เชงิ ปฏิบตั ิการแบบมีสว฽ นร฽วมได฾ผลการศึกษาดงั นี้ ๑) ข้นั การศึกษาวเิ คราะหป์ ญั หาและสาเหตุของปัญหาครูต฾องการพัฒนาด฾านความร฾ูความ เข฾าใจในการนําหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงบูรณาการในวิชาท่ีรับผิดชอบและกิจกรรมพัฒนา ผเ฾ู รยี น ๒) ข้ันการวางแผนการพัฒนาครูผู฾ร฽วมวิจัยมีครูเข฾าร฽วมวิจัยจํานวน๑๒คนและร฽วมกันวาง แผนการพฒั นาโดยกําหนดเปน็ แผนและปฏทิ ินการปฏิบตั ิงานร฽วมกนั ๓) ข้นั ปฏิบัติการตามแผนการพฒั นาครโู ดยการอบรมเชิงปฏิบัติจํานวน๒ วันและครูผู฾ร฽วม วิจัยได฾นําความร฾ูท่ีได฾รับลงส฽ูการปฏิบัติจริงมีการนิเทศติดตาม และให฾ข฾อเสนอแนะตลอดการ ดําเนินงาน ๔) ข้ันการประเมินผลการวจิ ยั เมื่อสนิ้ สดุ กระบวนการพบว฽าครผู ูร฾ ฽วมวิจัยมีการพัฒนาข้ึนใน ระดับหนงึ่ โดยมคี วามรค฾ู วามเขา฾ ใจในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ชัดเจนกว฽าเดิมและสามารถ จัดการเรียนรู฾โดยใช฾รูปแบบการบูรณาการหลักคิดของเศรษฐกิจพอเพียงสู฽สาระการเรียนร฾ูที่สอนและ รูปแบบของกิจกรรมฐานการเรยี นรเู฾ ศรษฐกจิ พอเพียง๑๔๑ เพ็ญพรรณ ชูติวิศุทธ์ิ ได฾ทําการศึกษาถึงความรู฾ ความเข฾าใจ และการนําแนวทาง เศรษฐกิจพอเพียงไปใช฾ในชีวิตประจําวัน และการเรียนการสอนของนักศึกษาในระดับปริญญาตรี จํานวน ๓๓๗ คน ผลการศึกษาพบว฽า ระดับความร฾ูความเข฾าใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของ นักศึกษาระดับปริญญาตรีในภาพรวม กลุ฽มตัวอย฽างประมาณคร่ึงหนึ่ง (ร฾อยละ ๕๒.๕๐) มีความรู฾ ความเข฾าใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในระดับต่ํา และร฾อยละ ๔๐.๒๐ มีความรู฾ความเข฾าใจในระดับ ๑๔๑นิคม กกขุนทด, “การพัฒนาศักยภาพครูด฾านการจัดการเรียนร฾ูตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง โดยการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส฽วนร฽วม”, ดุษฎีนิพนธ์ครุศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร, ๒๕๕๓), หนา฾ ๑๒๙.

๙๔ ปานกลาง เม่ือพิจารณาในแต฽ละด฾านพบว฽า ระดับความร฾ูความเข฾าใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ นักศึกษาในด฾านภูมิค฾ุมกันในตนท่ีดี ด฾านภาพรวมของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด฾านความร฾ูปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ด฾านความมีเหตุผล มีความร฾ูความเข฾าใจอย฽ูในระดับปานกลาง ส฽วนด฾านคุณธรรม และดา฾ นความพอประมาณพบว฽า กล฽ุมตัวอย฽างมคี วามรค฾ู วามเขา฾ ใจในระดับตํ่า๑๔๒ สรสิทธ์ิ พรรณวงศ์ ได฾ศึกษาเรื่องการบริหารจัดการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานตามแนว ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนนาหว฾าพิทยาคม โดยรวมและรายด฾านท้ัง ๔ กล฽ุมงาน คือ กลุ฽ม บรหิ ารงานวชิ าการ กล฽มุ บรหิ ารงานงบประมาณ กลุ฽มบรหิ ารงานบคุ ลากร และกล฽ุมบริหารงานบริหาร ท่วั ไป ผลการศกึ ษาพบว฽า ๑) ผบู฾ ริหารใช฾กระบวนการแบบมีส฽วนร฽วม และนํากระบวนการ PDCA และหลัก ๔ร เข฾า มาใช฾ มีการบูรณาการความรู฾ด฾านเศรษฐกิจพอเพียงในทุกกลุ฽มสาระการเรียนร฾ูในทุกช฽วงชั้น โดยเน฾น การปฏิบัติในกล฽ุมสาระการเรียนร฾ูวิทยาศาสตร์ และการงานอาชีพและเทคโนโลยี ส฽งเสริมให฾ชุมชน ภูมปิ ัญญาท฾องถ่นิ เข฾ามามสี ฽วนรว฽ มในการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน ๒) อุปสรรคในการดําเนินการบริหารจัดการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน ตามแนวปรัชญา เศรษฐกิจพอเพยี ง พบวา฽ สถานศกึ ษาขาดงบประมาณในการสนับสนุนการจัดกิจกรรมต฽าง ๆ ภายใน โรงเรียน นอกจากน้ียังขาดบุคลากรที่ตระหนักในการนําเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช฾ ซ่ึงส฽งผลต฽อ การจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน และนักเรียนเองก็ขาดความตระหนักในการนําเศรษฐกิจพอเพียงไป ใชใ฾ นชวี ิตประจาํ วนั ๑๔๓ ธีรพงศ์ ปุ๊กสันเทียะ ได฾ทําการศึกษาเร่ือง การศึกษาสภาพการปฏิบัติงานโครงการ เกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดําริทฤษฎีใหม฽ ในโรงเรียนแกนนําสังกัดสํานักงาน ประถมศึกษาจังหวัดนครราชสีมา จํานวน ๑๙๒ คน ผลการศึกษาพบว฽า สภาพการปฏิบัติงาน โครงการเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดําริทฤษฎีใหม฽โดยอยู฽ในระดับปานกลาง สภาพการปฏิบัติงานโครงการเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดําริทฤษฎีใหม฽ ตาม ทัศนะของข฾าราชการครูกับนักเรียน โดยภาพรวมแตกต฽างกัน ในรายด฾านมีความแตกต฽างกัน จํานวน ๑ ด฾าน ได฾แก฽ ด฾านการสร฾างเครือข฽ายการทํางาน โดยนักเรียนมีความคิดเห็นว฽า มีการดําเนินงาน ดังกล฽าวมากกว฽าข฾าราชการครู สภาพการปฏิบัติงานโครงการเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียงตามแนว พระราชดาํ ริทฤษฎใี หม฽ ตามทศั นะของผ฾ูบริหารโรงเรียน ครูผู฾สอนท่ีรับผิดชอบโครงการ ครูผู฾สอนและ นกั เรยี น โดยภาพรวมแตกต฽างกัน เม่ือพิจารณาเป็นรายด฾าน พบว฽า ด฾านการสร฾างความคิดรวบยอดท่ี ตรงกันในเรื่อง ค฽านิยม ความรู฾ ความคิด เก่ียวกับเศรษฐกิจพอเพียง แตกต฽างกัน ความคิดเห็นและ ข฾อเสนอแนะเพ่ิมเติมท่ีผู฾บริหารโรงเรียน ครูผ฾ูสอนที่รับผิดชอบโครงการ ครูผู฾สอน และนักเรียน มี ๑๔๒เพญ็ พรรณ ชตู ิวิศุทธ์,ิ “งานวจิ ยั การประยุกตป์ รัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ในการจดั การเรียนการสอน ระดบั ปรญิ ญาตรี”, วารสารร฽วมพฤกษ์, ปีที่ ๒๘ ฉบบั ที่ ๒ (กุมภาพนั ธ์ – พฤษภาคม ๒๕๕๓), หน฾า ๑๕๗ – ๑๕๘. ๑๔๓สรสิทธิ์ พรรณวงศ์, การบริหารจัดการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนนาหว฾าพิทยาคม นําสักงานเขตการศึกษานครพนม เขต๒, ดุษฎีนิพนธ์ครุศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต, (บัณฑิต วิทยาลัย : มหาวิทยาลยั ราชภฏั อุบลราชธาน,ี ๒๕๕๑), หน฾า ๙๖ – ๙๘.

๙๕ ความเหน็ สอดคล฾องกนั เปน็ ส฽วนใหญ฽ คอื โรงเรียนขาดงบประมาณ ความมีการนิเทศอย฽างจริงจัง และ โรงเรียนตอ฾ งการครทู ม่ี ีความรด฾ู า฾ นการเกษตร๑๔๔ นิคม กกขุนทด ได฾ทําการศึกษาถึง การพัฒนาศักยภาพครูด฾านการจัดการเรียนร฾ูตาม หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส฽วนร฽วม ผลการศึกษาพบว฽า ผล การศกึ ษาตามกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัตกิ ารแบบมสี ฽วนรว฽ ม ได฾ผลการศึกษาดังน้ี๑๔๕ ๑) ข้ันการศึกษาวิเคราะห์ปัญหาและสาเหตุของปัญหา ครูต฾องการพัฒนาด฾าน ความร฾ูความเข฾าใจในการนําหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงบูรณาการในวิชาที่รับผิดชอบและ กิจกรรมพัฒนาผู฾เรยี น ๒) ข้ันการวางแผนการพัฒนาครูผ฾ูร฽วมวิจัย มีการวางแผนการพัฒนาโดยกําหนด เป็นแผนและปฏิทินการปฏบิ ัตงิ านร฽วมกัน ๓) ขัน้ ปฏิบัตกิ ารตาม โดยการอบรมเชิงปฏิบัติการครูผู฾ร฽วมวิจัยได฾นําความร฾ูที่ได฾รับ ลงส฽กู ารปฏิบตั ิจริง มีการนเิ ทศ ตดิ ตาม และให฾ข฾อเสนอแนะตลอดการดําเนนิ งาน ๔) ข้ันการประเมินผลการวิจัยเมื่อสิ้นสุดกระบวนการ พบว฽า ครูผู฾ร฽วมวิจัยมีความรู฾ ความเข฾าใจในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงท่ีชัดเจนกว฽าเดิม และสามารถจัดการเรียนร฾ูโดยใช฾ รปู แบบการบรู ณาการหลักคดิ ของเศรษฐกิจพอเพยี งส฽ูสาระการเรียนรูท฾ ี่สอน และรูปแบบของกิจกรรม ฐานการเรียนร฾เู ศรษฐกจิ พอเพยี ง สหัทยา พลปัถพี ได฾ทําการศึกษาเร่ือง การนําเสนอแนวทางการพัฒนาคนให฾มี คุณลักษณะตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลการศึกษาพบว฽า๑๔๖ ๑) คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ของคนตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง แบ฽งเป็น ๓ ประการ คอื ๑. พอประมาณ ได฾แก฽ พอประมาณกับศักยภาพของตน พอประมาณกับสภาพแวดล฾อม และไม฽โลภเกนิ ไปจนเบียดเบยี นผอู฾ น่ื ๒. มีเหตุผล ไดแ฾ ก฽ ไม฽ประมาท รู฾ถึงสาเหตุ พิจารณาค฾นหาปัจจัย ท่ีเกี่ยวข฾อง และคํานึงถึงผลกระทบท่ีจะเกิดขึ้นจากการกระทํา และ ๓. มีภูมิคุ฾มกันในตัวท่ีดี ได฾แก฽ พ่งึ ตนเองไดท฾ างเศรษฐกิจ พึ่งตนเองได฾ทางสังคม คํานึงถึงผลระยะยาวมากกว฽าระยะส้ัน รู฾เท฽าทันและ พร฾อมรับต฽อการเปล่ียนแปลง ซ่ึงคุณลักษณะทั้ง ๓ ประการน้ีจะเกิดขึ้นได฾จากการพัฒนาความร฾ูและ คณุ ธรรม ซึ่งเปน็ เง่ือนไขหลกั ของการพัฒนาคน ๒) กิจกรรมทางเศรษฐกิจพอเพียงในชุมชนที่ดําเนินการตามปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงสามารถแบ฽งได฾ ๔ ด฾าน คือ ๑. กิจกรรมเพื่อสร฾างความพอเพียงด฾านเศรษฐกิจ ๒. กิจกรรม ๑๔๔ธีรพงศ์ ปฺุกสันเทียะ, “การศึกษาสภาพการปฏิบัติงานโครงการเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียงตาม แนวพระราชดําริทฤษฎีใหม฽ ในโรงเรียนแกนนําสังกัดสํานักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครราชสีมา”ดุษฎีนิพนธ์ ศึกษาศาตดุษฎีบัณฑิต, (บณั ฑติ ศึกษา : สถาบนั ราชภฏั นครราชสมี า, ๒๕๔๖), หนา฾ ๔๗. ๑๔๕นิคม กกขุนทด, “การพัฒนาศักยภาพครูด฾านการจัดการเรียนรู฾ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง โดยการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส฽วนร฽วม”, ดุษฎีนิพนธ์ครุศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภฎั พระนคร, ๒๕๕๓), หนา฾ ๑๒๙. ๑๔๖สหัทยา พลปัถพี, “การนําเสนอแนวทางการพัฒนาคนให฾มีคุณลักษณะตามปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง”, ดษุ ฎีนพิ นธค์ รศุ าสตร์ดุษฎบี ัณฑิต, (บณั ฑิตวทิ ยาลัย : จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย, ๒๕๔๘), หน฾า ๑๑๑ – ๑๑๒

๙๖ เพ่ือสร฾างความพอเพียงด฾านสังคม ๓. กิจกรรมเพ่ือสร฾างความพอเพียงด฾านสิ่งแวดล฾อม และ ๔. กิจกรรมเพือ่ สร฾างความพอเพียงดา฾ นจติ ใจ ซึ่งกจิ กรรมเหล฽านจ้ี ําเป็นต฾องมีการดําเนินไปพร฾อมกันอย฽าง สมดลุ จึงจะสรา฾ งความพอเพียงใหเ฾ กิดขึ้นในชมุ ชนได฾ ๓) การเรียนร฾ูของชุมชนเพื่อพัฒนาคนไปส฽ูคุณลักษณะตามปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง ประกอบดว฾ ย ๒ รูปแบบ คือ ๑. การเรียนร฾ูเพ่ือพัฒนาคนโดยตรง ๒. การเรียนร฾ูเพื่อพัฒนา ระบบทชี่ ว฽ ยสนบั สนนุ การเปล่ยี นแปลง ๔) แนวทางการพัฒนาคนในชุมชนให฾มีคุณลักษณะตามปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง แบ฽งได฾เป็น ๒ ระดับ คือ ๑. การพัฒนาความร฾ู ๒. การพัฒนาคุณธรรมในตัวบุคคลผ฽าน การศึกษาทั้งระบบและนอกระบบ และการพัฒนาชุมชนให฾มีการดําเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ พอเพยี งท้งั ๔ ดา฾ น อยา฽ งสมดลุ เพ่อื นาํ ไปส฽คู วามยงั่ ยืนและพร฾อมรบั ต฽อการเปลีย่ นแปลง สมพร พงษ์เสถยี รศกั ด์ิ ไดท฾ าํ การศึกษาเรอ่ื ง การศกึ ษาผลสําฤทธิ์ทางการเรียน และการ ประพฤติตนตามคุณธรรมในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของผู฾เรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันปีที่ ๑ ทีเ่ รยี นหลักธรรมในพระพทุ ธศาสนาด฾วยการสอนแบบโยนิโสมนสิการกบั การสอนแบบไตรสิกขา ผล การศึกษาพบว฽า๑๔๗ ๑) ผู฾เรียนที่เรียนหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาด฾วยการสอนแบบโยนิโสมนสิการ กบั การสอนแบบไตรสิกขา มผี ลสําฤทธิท์ างการเรยี นการสอนแตกตา฽ งกนั อยา฽ งไม฽มีนัยสาํ คญั ทางสถติ ิ ๒) ผ฾ูเรยี นที่เรียนหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาดว฾ ยการสอนแบบโยนิโสมนสิการกับ การสอนแบบไตรสกิ ขา มีการประพฤตปิ ฏิบัติตนตามคุณธรรมในปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงแตกต฽างกัน อยา฽ งไมม฽ นี ัยสาํ คญั ทางสถิติ ๓) ผูเ฾ รียนที่เรียนหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาด฾วยการสอนแบบโยนิโสมนสิการมี การประพฤติตนตามคุณธรรมในหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งหลังการทดลองสูงกวา฽ ก฽อนการทดลอง ๔) ผ฾ูเรียนที่เรียนหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาด฾วยการสอนแบบไตรสิกขามีการ ประพฤตติ นตามคุณธรรมในหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงหลังการทดลองสงู กว฽าก฽อนการทดลอง ชัยรินทร์ ชัยวิสิทธิ์ ได฾วิจัยเร่ือง การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส฽วนร฽วมเพื่อสร฾างเสริม ค฽านิยมตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงให฾นักเรียนและชุมชนด฾วยโครงงานอาชีพ ผลการวิจัยพบว฽า ใน การทําโครงงานอาชีพของนักเรียนนั้นยังมีการใช฾จ฽ายฟุมเฟือย ใช฾วัสดุอุปกรณ์ไม฽ค฾ุมค฽า ไม฽ประหยัด และใช฾อย฽างสิน้ เปลอื งรวมทง้ั ยังไมม฽ ีการแลกเปล่ียนพันธุ์พืช พันธ์ุสัตว์ เคร่ืองมือและความรู฾ต฽าง ๆ แก฽ กัน หลังจากที่นักเรียนได฾เรียนรู฾เร่ืองแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงแล฾วได฾นําไปประยุกต์ใช฾ในโครงงาน ปรากฏว฽า นักเรียนมีการใช฾จ฽ายในโครงงานอย฽างประหยัด มีการใช฾วัสดุอุปกรณ์อย฽างคุ฾มค฽า มีการ แลกเปล่ยี นพนั ธุพ์ ชื พนั ธ์สุ ตั ว์ และความรตู฾ า฽ ง ๆ นําเศษส่ิงเหลอื ใช฾ในโครงงานมาใช฾ประโยชน์ ปรึกษา กับคนในครอบครัวและภูมิปัญญาท฾องถิ่นมากขึ้น โดยทุกคนในครอบครัวให฾ความร฽วมมือสนับสนุน ๑๔๗สมพร พงษเ์ สถียรศักด์ิ, “การศึกษาผลสําฤทธิ์ทางการเรียน และการประพฤติตนตามคุณธรรมใน ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของผู฾เรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ ๑ ที่เรียนหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ด฾วยการสอนแบบโยนโิ สมนสกิ ารกับการสอนแบบไตรสิกขา”, ดุษฎีนิพนธ์, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยศรีนคริ นทรวโิ รฒน์, ๒๕๔๖), หน฾า ๑๙๘.

๙๗ สว฽ นความคดิ เห็นของนักเรยี นท่ีมีต฽อเนอื้ หา กจิ กรรมการเรยี นการสอนและครูผ฾ูสอนเป็นไปในทางบวก และความคิดเหน็ ของชมุ ชนท่ีมีต฽อการทําโครงงานอาชพี ของนกั เรยี นกเ็ ป็นทางบวกเชน฽ เดยี วกัน๑๔๘ พัฒนาภรณ์ ฉัตรวิโรจน์ ได฾ศึกษาเร่ือง บทบาทของครูในการส฽งเสริมความรู฾เศรษฐกิจ พอเพียงในโรงเรียนมัธยมศึกษา จังหวัดขอนแก฽น กล฽ุมประชากรที่ศึกษาได฾แก฽ ครูในโรงเรียน มัธยมศึกษา จังหวัดขอนแก฽น ผลการศึกษาสรุปได฾ว฽า ครูส฽วนใหญ฽ให฾ความสําคัญกับบทบาทการ สง฽ เสรมิ ความรใ฾ู นระดบั ต่าํ ๑๔๙ พระครูสกลธรรมสาธก (เตียง กิตติสมฺปนฺโน) ได฾ศึกษาเร่ือง “ปัจจยาการแห฽งการ เรียนรู฾เชิงพุทธบูรณาการเพื่อพัฒนาคนและสังคม ” ผลการวิจัยพบว฽า ปัจจยาการแห฽ง การเรยี นรเ฾ู ชงิ พทุ ธบรู ณาการเพ่อื พฒั นาคนและสงั คม ๑. ไตรสิกขา ไตรสิกขาเป็นกระบวนการเรียนรู฾ท่ีมุ฽งเน฾นพัฒนามนุษย์ในทุกด฾าน เพื่อให฾ เกิดปัญญานําพาไปสู฽ความเป็นอิสระจากส่ิงร฾อยรัดท้ังกระบวนการพัฒนาปัญญาทางพุทธศาสนา การศึกษามีองค์ประกอบที่สําคัญคือความรู฾สติปัญญาและการคิดซึ่งมีความเก่ียวข฾องสัมพันธ์กันการ ฝึกหดั อบรมตามหลักไตรสกิ ขา ๒. หลกั อริยสจั ๔ กระบวนการแกป฾ ัญหาในการเรยี นการสอน ดงั น้ี ๑. ขน้ั กาํ หนดปัญหา (ขัน้ ทุกข)์ คือการระบุปญั หาท่ตี อ฾ งการแก฾ไข ๒. ขั้นต้ังสมมติฐาน (ข้ันสมุทัย) คือ การวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหาและต้ัง สมมุตฐิ าน ๓. ข้ันทดลอง และ เก็บข฾อมูล (ข้ันนิโรธ) คือ การกําหนดวัตถุประสงค์และวิธีการ ทดลองเพ่ือพิสจู นส์ มมุตฐิ านและเก็บรวบรวมข฾อมลู ๔. ข้ันวเิ คราะหข์ ฾อมูลและสรุปผล (ข้นั มรรค) คือ การนําขอ฾ มลู มาวิเคราะห์และสรุป ๓. ขนั ธ์๕ชวี ติ (คน) (๑) รปู (รา฽ งกาย) นาม (จิตใจ) (๒) เวทนา (ความรู฾สึก) สุข ทุกข์เฉยๆ (๓) สัญญา (ความจํา) (๔) สังขารเคร่ืองปรุงแต฽ง หมายถึง สิ่งหรือคุณสมบัติท่ีมาปรุงแต฽ง หรือ ทําให฾ จิตใจเป็นไปในทางใดทางหนึ่ง เปูาหมายอย฽ูที่การลด หรือ ทําให฾หมดไปซ่ึงอกุศลมูลอันได฾แก฽ ความ โลภ (โลภะ) ความโกรธ (โทสะ) และความหลง (โมหะ) ๔. ปรโตโฆสะและโยนโิ สมนสิการ ๑. ปรโตโฆสะ คือ การเรียนร฾ูจากบุคคลภายนอก เช฽น บิดา มารดา ครู อาจารย์ สังคม เพื่อนๆ รวมถงึ สง่ิ แวดลอ฾ มภายนอก ๒ โยนิโสมนสิการ คือ ความรู฾จักคิด คิดเป็นหรือคิดอย฽างมีระเบียบด฾วยเหตุผลที่ สามารถเรียนร฾ูดว฾ ยตนเอง คดิ ไดต฾ ามความเป็นจริง ๑๔๘ชัยรินทร์ ชัยวิสิทธิ์,“การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส฽วนร฽วมเพ่ือสร฾างเสริมค฽านิยมตามแนวคิด เศรษฐกิจพอเพียงให฾นักเรียนและชุมชนด฾วยโครงงานอาชีพ”, ดุษฎีนิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม,฽ ๒๕๔๕), หนา฾ ๑๑๒ – ๑๑๓. ๑๔๙พัฒนาภรณ์ ฉัตรวิโรจน์,“บทบาทของครูในการส฽งเสริมความร฾ูเศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรียน มัธยมศึกษา จงั หวัดขอนแก฽น”, ดุษฎีนิพนธด์ ุษฎีบณั ฑติ , (บัณฑิตวิทยาลยั : มหาวิทยาขอนแก฽น, ๒๕๔๕), หน฾า ๙๙ – ๑๐๑.

๙๘ การเรียนรู฾ความคิดและทฤษฎี พบว฽า องค์ประกอบของการเรียนร฾ูนักทฤษฎีได฾เสนอแนะ ให฾รตู฾ ามแรงกระต฾นุ ให฾เกดิ แรงขับ สร฾างแรงจูงใจ ทดสอบหลายๆ ทางโดยการใช฾การสั่นกระดิ่งให฾สุนัข นํ้าลายไหล เกิดการเรียนรู฾สอดคล฾องกับการสอนหลักจริต ๖ ให฾เกิดการร฾ูตามแนวคิดของ John Dewey คือlearning by doingให฾เกดิ ประสบการณใ์ นการเรียนร฾ู การบูรณาการปัจจยาการแห฽งการเรียนร฾ูเชิงพุทธเพื่อพัฒนาคนและสังคม พบว฽า การ เรียนรู฾เพื่อพัฒนาคนและสังคมสร฾างโดยให฾ผ฾ูเรียนคิดอย฽างแยบคาย แยกแยะส่ิงดีช่ัวเรียนรู฾จาก กลั ยาณมติ รรอบตวั กาํ หนดร฾สู าเหตุ สบื สาวหาต฾นตอสาเหตุ ทดลองและวิเคราะหส์ รุปผลการเรียนรับรู฾ สิ่งที่ดีช่ัวเพื่อลด ละ เลิกบาปอกุศลของตนพัฒนาจิตใจของตนปฏิบัติตนดี มีสมาธิในการเรียนเกิด ปัญญารแู฾ จ฾งเหน็ จรงิ ในสิง่ ที่ตนได฾เรียนร฾ลู งมือปฏิบตั ดิ ว฾ ยตนเองมสี ภาพแวดลอ฾ มทีส่ ฽งเสรมิ การเรียนร฾ูให฾ ผเ฾ู รยี นคิดดี ทาํ ดี พดู ดี อย฽ใู นสถานท่ีดีและมีกัลยาณมิตรดี๑๕๐ สรุปได฾ว฽า จากการทบทวนเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข฾องพบว฽า หลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงเป็นแนวทางในการดํารงอยู฽ และปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดับช้ัน ต้ังแต฽ระดับครอบครัว ระดับชมุ ชน จนถึงระดับประเทศ เพ่ือให฾เกิดความสมดุลท้ังในด฾านเศรษฐกิจ ได฾แก฽ การดํารงชีวิตโดย ทม่ี ีรายไดอ฾ นั เหมาะสมหรือสมดุลกบั รายจา฽ ย ในดา฾ นของสังคม ไดแ฾ ก฽ เปน็ คนไม฽เห็นแก฽ตัว ร฾ูรักสามัคคี ไม฽เอารัดเอาเปรียบ ช฽วยเหลือเก้ือกูลแบ฽งปันซึ่งกันและกัน ในด฾านสิ่งแวดล฾อม ร฾ูจักการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติให฾สามารถใช฾ประโยชน์ได฾อย฽างย่ังยืน ในด฾านวัฒนธรรม มีการปลูกฝังให฾เด็กร฽ุน ใหม฽เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นไทย รู฾จักรากเหง฾าและประวัติศาสตร์ความเป็นมาของตน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ในการปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมีลักษณะ ๓ ประการ ได฾แก฽ ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล และการมภี ูมิค฾ุมกันท่ีดี และประกอบด฾วยเงื่อนไข ๒ ประการ ไดแ฾ ก฽ ความรแู฾ ละคณุ ธรรม การจดั กิจกรรมสง฽ เสรมิ เศรษฐกิจพอเพยี ง เปน็ รปู แบบในการพัฒนาผ฾ูเรียน ด฾วยกิจกรรมท่ีหลากหลายในการพัฒนาผ฾ูเรียนทั้งในด฾านร฽างกายและจิตใจ สติปัญญา อารมณ์และ สังคม เป็นการส฽งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมให฾แก฽ผู฾เรียน ทําให฾ผู฾เรียนรู฾จัก เข฾าใจตนเองและผ฾ูอื่น มี วุฒิภาวะทางอารมณ์ มีจิตสํานึกในการรักษ์ธรรมชาติและส่ิงแวดล฾อม ปรับตนและปฏิบัติตนให฾เกิด ประโยชน์สูงสุดตอ฽ สงั คมและประเทศชาติ ๑๕๐พระครูสกลธรรมสาธก (เตียง กิตติสมฺปนฺโน),“ปั จ จ ย า ก า ร แ ห่ ง ก า ร เ รี ย น รู้ เ ชิ ง พุ ท ธ บู ร ณ า ก า ร เ พื่ อ พัฒ น า ค น แ ล ะ สัง ค ม ”, พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (พุทธบริหารการศึกษา), (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราช วิทยาลยั , ๒๕๕๙), หน฾า ๒๓๒-๒๓๓.

๙๙ ๒.๘ กรอบแนวคดิ ในการวิจัย จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับการพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา ผู฾วิจัยได฾นําแนวคิดและทฤษฎีของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว๑๕๑และแนวคิดของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน นํามาสรุปเปน็ กรอบแนวคิดในการวิจยั ดงั น้ี สภาพปจั จบุ ันและปญั หาทกั ษะ กระบวนการพัฒนาทกั ษะชีวิตตามหลกั ชวี ิตของนกั ศกึ ษาวิทยาลยั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง อาชวี ศกึ ษา ๔ ด฾าน ของนกั ศกึ ษาวิทยาลยั อาชีวศึกษา ๑) การตระหนักรู้และเห็นคุณค่า ในตนเองและผู้อ่นื ๒) การคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปญั หาอย่างสรา้ งสรรค์ ๓) การจัดการกับอารมณ์และ ความเครยี ด ๔) การสร้างสัมพันธภาพท่ีดีกับ ผูอ้ น่ื ( ส า นั ก ง า น ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน) ทักษะชวี ติ ตามหลักปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งของนกั ศกึ ษา วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษา ทัง้ ๕ ดา฾ น ๑) ดา฾ นความพอประมาณ ๒) ด฾านความมีเหตผุ ล ๓) ดา฾ นความมภี มู ิคมุ฾ กนั ๔) ดา฾ นเงื่อนไขความร฾ู ๕) ดา฾ นเง่ือนไขคณุ ธรรม (พระบาทสมเด็จพระเจ฾าอยู฽หัว, ปรั ชญ าเ ศ ร ษฐกิจ พอเ พีย ง , ๒๕๕๓ : ๑๔ – ๑๖) ๑๕๑พระบาทสมเดจ็ พระเจา฾ อยห฽ู วั , ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง, วารมูลนิธิชัยพัฒนา, ฉบับประจําเดือน สงิ หาคม ๒๕๕๓, (สาํ นักงานมูลนิธชิ ยั พฒั นา : บริษัทอมรินทร์พร้ินต้ิงแอนด์พลับลิชช่ิง จํากัด, ๒๕๕๓), หน฾า ๑๔ – ๑๖.

๑๐๐ แผนภาพท่ี ๒.๒ กรอบแนวคิดในการวจิ ัย

๑๐๐ บทท่ี ๓ วิธดี าเนนิ งานวจิ ยั การวิจยั เร่ืองการพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษา วิทยาลัยอาชีวศึกษาเป็นการวิจัยแบบผสมผสานวิธี (Mixed-Method Research Design)มี วัตถุประสงค์ ๑)เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหาทักษะชีวิตของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา ๒) เพ่ือพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา ๓) เพ่ือเสนอกระบวนการพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษา วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษา ผู้วิจยั ไดก้ าหนดแนวทางระเบยี บวิธีวจิ ยั ซึง่ ประกอบด้วย รปู แบบของการวิจัย ประชากร เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย การเก็บรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้ดาเนินการวิจัย ตามลาดับขนั้ ตอนดังน้ี ๓.๑ รูปแบบการวจิ ยั งานวิจัยเร่ือง “การพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของ นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา” ผู้วิจัยได้ศึกษาโดยใช้การวิจัยแบบผสม ผสานวิธี (Mixed Research Method) ศึกษาการวิจัยเชิงปริมาณเป็นงานวิจัยหลัก และศึกษาการวิจัยเชิงคุณภาพเป็นงานวิจัย สนับสนนุ ๓.๒ ประชากรและกล่มุ ตวั อยา่ ง / ผู้ใหข้ ้อมูลสาคญั 3.2.1 ประชากร คือ ประชากรที่ใช้ในการศึกษาวิจัยคร้ังนี้ส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มประชากร ของวิทยาลัยอาชีวศึกษาในจังหวัดศรีสะเกษจานวน ๑๙ แห่ง ได้แก่ ผู้บริหาร ครู อาจารย์ นักศึกษา อาชีวศึกษา และผู้ปกครองนกั ศกึ ษา รวมทง้ั หมด ๒๑,๕๘๐ คน๑๓๑ 3.2.2 กลมุ่ ตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยครั้งน้ีเป็นผู้บริหาร ครู อาจารย์ นักศึกษาอาชีวศึกษา และ ผู้ปกครองนักศึกษาของวิทยาลัยอาชีวศึกษาในจังหวัดศรีสะเกษในปีงบประมาณ 2560โดยผู้ตอบ แบบสอบถามเป็นตัวแทนผู้บริหาร ครู อาจารย์ นักศึกษาอาชีวศึกษา และผู้ปกครองนักศึกษา มี ขั้นตอนการกาหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างและการสุ่มวิธีการกาหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างมีด้วยกัน ๑๓๑สถติ ิจานวนนกั เรยี นนักศกึ ษาอาชวี ศึกษา ปกี ารศึกษา ๒๕๕๙ จาแนกสถานศกึ ษา และระดับชัน้ ศนู ย์เทคโนโลยสี ารสนเทศและกาลงั คนอาชวี ศึกษา, กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมัน่ คงของมนุษย์, www.m- society.go.th [ออนไลน์วันท่ี ๒๗ ธนั วาคม ๒๕๖๐]

๑๐๑ หลากหลายวิธี ในท่ีน้ีจะเสนอการกาหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างจากการกาหนดเกณฑ์ การใช้สูตร คานวณและการใชต้ ารางสาเร็จรปู ซ่ึงแต่ละวิธสี ามารถอธิบายได้ตอ่ ไปนี้ 1. การกาหนดเกณฑ์ ข้อมลู เก่ยี วกบั การพัฒนาทักษะชวี ิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาซึ่งครอบคลุมใน ๑๙ แห่ง โดยเป็นผู้บริหาร ครู อาจารย์ นักศึกษาอาชีวศึกษา และผ้ปู กครองนกั ศกึ ษา จานวน ๒๑,๕๘๐ รูป/คน 2. การใช้ตารางสาเร็จรูปการกาหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างด้วยตารางสาเร็จรูป มีอยู่ หลายประเภท ข้ึนอยู่กับ ความต้องการของผู้วิจัย ตารางสาเร็จรูปที่นิยมใช้กันในงานวิจัยเชิง สารวจ ได้แก่ สุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple random sampling) ใช้ระดับค่าความเชื่อม่ัน ๙๕% มีระดับค่า ความคาดเคลื่อน ๕% ได้กลุ่มตัวอย่างด้วยการกาหนดขนาดตัวอย่างคานวณจากสูตร Taro Yamane๑๓๒โดยคาดว่าสัดส่วนของลักษณะท่ีสนใจในประชากร เท่ากับ ๐.๕และระดับความเชื่อมั่น 95%ได้กลุ่มตวั อย่างจานวน ๓๙๒คน โดยได้จากการกาหนดกลุ่มตัวอย่างสัดส่วน ๑:๒๐๑๓๓ตามตาราง ท่ี 3.2 ดงั นี้ ตารางท่ี ๓.๑ ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง ประชากร กลุ่มตัวอยา่ ง ที่ ช่อื สถานศึกษา ๕,๗๖๐ ๑๐๕ 1 วทิ ยาลยั เทคนคิ ศรสี ะเกษ ๙๔๗ ๑๗ 2 วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีศรสี ะเกษ ๑,๐๔๘ ๑๙ 3 วิทยาลยั สารพัดช่างศรสี ะเกษ ๑,๘๘๓ ๓๔ 4 วทิ ยาลัยการอาชีพศรีสะเกษ ๒,๓๙๗ ๔๔ 5 วิทยาลยั เทคนิคกนั ทรลักษ์ ๑,๙๔๖ ๓๕ 6 วิทยาลัยการอาชีพขนุ หาญ ๕๓๘ ๑๐ 7 วิทยาลยั เทคนิคกนั ทรารมย์ ๓๒๕ ๖ 8 วิทยาลยั เทคโนโลยีและการจัดการราษีไศล ๖๔๒ ๑๒ 9 วิทยาลัยการอาชีพขขุ ันธ์ ๕๖๒ ๑๐ 10 วิทยาลยั อาชีวศึกษาจลุ มณศี รีสะเกษ ๘๘๑ ๑๖ 11 วิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาศรสี ะเกษบรหิ ารธรุ กิจ ๒๔๐ ๔ 12 วิทยาลัยเทคโนโลยศี รษี ะเกษ ๑๑๔ ๒ 13 วิทยาลยั อาชีวศึกษาสัมมาสขิ าศรษี ะอโศก ๑๒๐ ๒ 14 เทคโนโลยีศรสี ะเกษเฉลิมหล้า ๑,๒๕๕ ๒๓ 15 อาชีวศึกษาจุลมณีกนั ทรารมย์ ๓๕๗ ๖ 16 วทิ ยาลัยเทคโนโลยศี รสี ะเกษบรหิ ารธุรกิจกันทรลักษ์ ๑๓๒ขนาดของกลุ่มตัวอยา่ งท่เี หมาะสม, https://sites.google.com[ออนไลน์วนั ท่ี ๒๗ ธนั วาคม ๒๕๖๐] ๑๓๓Hair, J. F., Black, W. C., Bain, B. J., Anderson, R. E., and Tatham, R. L. (2006). Multivariate data analysis (6th ed.). Upper Saddle River. NJ: Pearson Education International.

๑๐๒ 17 เทคโนโลยบี ริหารธุรกิจรักไทยขุขันธ์ ๑๕๒ ๓ 18 เทคโนโลยีพณชิ ยการราศไี ศล ๗๔๔ ๑๔ 19 อาชวี ศึกษาจลุ มณีอุทมุ พรพิสัย ๑,๖๖๙ ๓๐ ๒๑,๕๘๐ ๓๙๒ รวม ๓.๒.๓ ผู้ให้ข้อมูลสาคัญ ได้แก่ ผู้บริหาร ครู อาจารย์ และผู้ปกครองของวิทยาลัย อาชีวศึกษาในจังหวัดศรีสะเกษจานวน ๑๐ รูป/คน ด้วยวิธีการสัมภาษณ์การสัมภาษณ์แบบเจาะลึก (Depth Interview) แบบเจาะลึกรายบุคคล (Individual depth interview) เป็นการ ซักถามพูดคุย กันระหว่างผู้สัมภาษณ์และผู้ให้สัมภาษณ์ ได้แก่ ผู้บริหาร ครู อาจารย์ และผู้ปกครองเป็นการถาม เจาะลึกล้วงคาตอบ อย่างละเอียดถ่ีถ้วนเก่ียวกับสภาพปัจจุบัน และปัญหาการจัดการความรู้ของ วิทยาลยั อาชวี ศึกษา ๓.๓ เคร่อื งมอื ท่ใี ชใ้ นการวจิ ยั ผู้วิจัยได้กาหนดขั้นตอนในการดาเนินการวิจัยตามระเบียบวิธีวิจัย ได้ศึกษาเอกสาร งานวิจัยที่เก่ียวข้อง สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ เพ่ือนาแนวคิดทฤษฎีมาสร้างเครื่องมือในการเก็บข้อมูล ภาคสนามเคร่ืองมอื ทีใ่ ชใ้ นการวิจัยครัง้ น้ีแบง่ ออกเปน็ 2 ตอนรายละเอยี ดมดี งั น้ี ๓.๓.๑ แบบสารวจ (Survey Guide) ข้อมูลเบ้ืองต้นของสภาพปัจจุบันและปัญหาทักษะ ชีวิตของนักศกึ ษาวทิ ยาลยั อาชีวศึกษาแบบสอบถามเก่ียวกับข้อมูลสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่สถานภาพอายุระดับการศึกษาลักษณะเครื่องมือเป็นแบบตรวจสอบรายการเพื่อพิจารณา ลักษณะพ้ืนท่ีและสถานท่ีกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยโดยลักษณะเคร่ืองมือเป็นแบบมาตรวัดประเมินค่า (rating scale) โดยกาหนดค่าน้าหนักคะแนนเป็น 5 ระดับคือมากที่สุดมากปานกลางน้อยและน้อย ทส่ี ดุ เพื่อใหท้ ราบขอ้ มูลเกีย่ วกับสภาพปัจจุบันและปัญหาทักษะชีวิตของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา โดยมีข้อคาถามจานวน๒๕ ข้อโดยแบ่งออกเป็น ๕ ด้านตามแนวคิดและทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ไดแ้ ก่ ตารางที่ 3.๒ จานวนองค์ประกอบหลักองค์ประกอบหลักและตวั บ่งชย้ี อ่ ย จานวนขอ้ องค์ประกอบหลัก ๕ ๕ ๑. ด้านความพอประมาณ ๕ ๒. ด้านความมเี หตผุ ล ๕ ๓. ดา้ นความมีภูมิค้มุ กัน ๕ ๔. ดา้ นเงอ่ื นไขความรู้ ๒๕ ๕. ด้านเงอื่ นไขคุณธรรม รวม

๑๐๓ ๓.๓.๒ แบบสัมภาษณ์ (Interviewing) การสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ (ForMal Interview) จากกลมุ่ ผู้บรหิ าร ครู อาจารย์ และผู้ปกครองของวิทยาลยั อาชวี ศึกษาในจังหวัดศรีสะเกษ จานวน๑๐ รปู /คน ๓.๓.๓ การสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) เป็นการสนทนาพูดคุยกันประมาณ ๑๐ รูป/ คน ของกลุ่มปฏิบัติการท่ีเกี่ยวข้องกระบวนการพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งของนักศกึ ษาวทิ ยาลัยอาชวี ศึกษา 3.4การสร้างและตรวจสอบคณุ ภาพของเครอื่ งมอื รายละเอยี ดการสรา้ งและการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมอื มดี ังน้ี 3.4.1 ศึกษาหลักการแนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพียงของนักศึกษาวิทยาลัยอาชวี ศกึ ษา 3.4.2 กาหนดนิยามปฏิบัติการเพื่อใช้เป็นกรอบแนวคิดในการสร้างเคร่ืองมือที่ใช้ในการ วจิ ยั โดยอาศัยฐานทฤษฎแี ละงานวิจยั 3.4.3 ดาเนินการสร้างเครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยซึ่งในการสร้างแบบสอบถามผู้วิจัยจะ คานึงถึงการสร้างแบบสอบถามให้เป็นไปตามหลักวิชาการท่ีถูกต้องและการได้แบบสอบถามที่ดีมี คุณภาพมีความตรงท้ังในเชิงโครงสร้าง (construct validity) และความตรงเชิงเนื้อหา (content validity) รวมทั้งความเช่อื ม่นั (reliability) 3.4.4 ตรวจสอบคุณภาพเคร่ืองมือโดยดาเนินการดังน้ี 3.4.4.1 นาร่างแบบสอบถามท่ีได้จัดทาขึ้นในข้ันตอนท่ี 3.3 จานวน๒๕ข้อเสนอ อาจารยท์ ี่ปรึกษาดษุ ฎีนพิ นธเ์ พื่อตรวจแก้ไขและปรบั ปรงุ ให้มคี วามเหมาะสม 3.4.4.2 นาแบบสอบถามเสนอผเู้ ชยี่ วชาญรวมจานวน 5ทา่ นประกอบดว้ ย ๑. นายอกั ษรศิลป์ แกว้ มหาวงศ์ ผู้อานวยการเชีย่ วชาญ วทิ ยาลัยเทคนคิ ศรีสะเกษ ๒. ดร.ไพบูลย์ มีศิลป์ รองผู้อานวยการฝ่ายแผนงานและความร่วมมือ วทิ ยาลัยเทคนิคศรีสะเกษ ๓. นายอรญั สิงหค์ า ผูอ้ านวยการวทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยศี รีสะเกษ ๔. ดร.สทิ ธศิ กั ด์ิ อาจหาญ รองผู้อานวยการฝ่ายแผนงานและความร่วมมือวิทยาลัย เกษตรและเทคโนโลยีศรีสะเกษ ๕. นายพสั กร คาเพราะ ผู้อานวยการวทิ ยาลัยสารพดั ชา่ งศรสี ะเกษ เพ่ือตรวจสอบความตรงเชิงเน้ือหา (content validity) การใช้ภาษาและพิจารณา ว่าแบบสอบถามครอบคลุมของเนื้อหาหรือไม่โดยการหาดัชนี(index of congruence: IOC) โดยมี เกณฑด์ ังน้ี ให้คะแนน +1 เมอื่ แนใ่ จวา่ วัดไดต้ รงกบั นิยามปฏิบตั ิการ ใหค้ ะแนน -1 เมือ่ แน่ใจวา่ วัดไดไ้ มต่ รงกับนิยามปฏิบตั ิการและ ให้คะแนน0 เม่ือไมแ่ น่ใจว่าวดั ไดต้ รงกบั นิยามปฏบิ ตั ิการหรอื ไม่ 3.4.3 พิจารณาคัดเลือกข้อคาถามท่ีมีค่าดัชนีความสอดคล้องต้ังแต่ 0.5 ขึ้นไปเพ่ือ จัดทาเปน็ แบบสอบถามเพอ่ื ใช้ในการวิจยั ซงึ่ ผลจากการพจิ ารณาของผู้เชี่ยวชาญปรากฏว่ามีตัวบ่งช้ีที่มี

๑๐๔ ค่าดัชนีความสอดคล้องอยู่ระหว่าง 0.5 ถึง 1.00 มีจานวน๒๕ รายการและปรับปรุงแก้ไขภาษา ตามที่ผเู้ ชย่ี วชาญเสนอแนะเพ่อื นาไปสกู่ ารทดลองใชต้ อ่ ไป 3.4.4.4 ผู้วิจยั นาแบบสอบถามที่ได้รับการตรวจสอบและการปรับปรุงแก้ไขแล้วไป ทดลองใช้ (tryout) กับสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างจานวน 30 ชุดในวิทยาลัยเกษตร และเทคโนโลยีบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ โดยกาหนดให้บุคลากรจานวน 30คนได้แก่ผู้บริหาร ครู อาจารย์ นักศึกษาอาชีวศึกษา และผู้ปกครองนักศึกษาจากน้ันนาแบบสอบถามมาวิเคราะห์หาค่า ความเชื่อมั่น (reliability) โดยหาค่าสัมประสิทธ์ิ Cronbach’s Alpha ผลจากการวิเคราะห์หาค่า ความเชื่อม่นั ปรากฏวา่ แบบสอบถามมีคา่ ความเชือ่ มัน่ รวมท้งั ฉบบั เท่ากับ ๐.๙๒๕ ๓.5 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล การเก็บรวบรวมข้อมลู ผวู้ จิ ัยได้ดาเนนิ การเก็บข้อมูลจากเอกสาร ดังน้ี ๓.5.๑ ผวู้ จิ ยั ทาการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยมหี นังสอื ขอความรว่ มมือในการเก็บ ขอ้ มลู เพือ่ ทาดษุ ฎีนพิ นธ์จากคณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เพ่ือขอความ อนุเคราะห์จากสถานศึกษาท่เี ป็นกล่มุ ตัวอย่างในการตอบ ๓.5.๒ ผู้วิจัยส่งแบบสอบถามพร้อมหนังสือขอความอนุเคราะห์ในการตอบแบบสอบถาม โดยทาง ไปรษณีย์ จานวน ๓๙๒ ฉบับ และขอความอนุเคราะห์ให้ตอบกลับภายใน ๔ สัปดาห์ ตามที่ อยู่ ทแี่ จ้งไปพร้อมกับแบบสอบถาม ๓.5.๓ ดาเนินการศึกษาจากภาคสนาม (Field Studies) ติดต่อตามเก็บแบบสอบถามคืน ผู้วิจัยใช้วิธีการแจกแบบสอบถาม การสัมภาษณ์ และการเก็บบันทึกด้วยภาพถ่าย ในการเก็บข้อมูล ตามความเป็นจริงถูกต้องมากที่สุดและนาแบบสอบถามท่ีได้รับกลับคืนมาคร้ังแรกมาตรวจสอบความ ถูกต้องสมบูรณ์ของคาตอบเพื่อนาไปวิเคราะห์ข้อมลู ตอ่ ไป ๓.5.๔ ตดิ ตอ่ ประสานงานไปยังโรงเรยี นทย่ี งั ไมส่ ่งแบบสอบถามกลับคืน ภายหลังจากส้ินสุด ระยะเวลาที่กาหนดในหนังสือขอความอนุเคราะห์ ๑ สัปดาห์ และทวงถามอีกคร้ังหลักจาก ทวงถาม ครั้งแรกไปแลว้ เป็นเวลา ๑ สัปดาห์

๑๐๕ ๓.6 การวิเคราะห์ขอ้ มูล ผู้วิจัยได้นาข้อมูลที่ได้จากการแจกแบบสอบถาม การสัมภาษณ์ และการสนทนากลุ่ม แล้ว จัดบันทึกลักษณะการบรรยาย (Descriptive) เพ่ือที่จะนาข้อมูลวิเคราะห์ และสร้างองค์ความรู้ใหม่ วิเคราะห์ผลการศึกษานี้จะใช้แบบการวิเคราะห์ตามหลักทฤษฎี ซึ่งผู้วิจัยจะใช้กรอบแนวคิดของ สภุ างค์ จันทวานิช๑๓๔ผวู้ ิจัยดาเนนิ การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ตามขั้นตอนดังน้ี 3.6.1 วิเคราะห์ข้อมูลสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ สาเร็จรูปซ่ึงข้อมูลดังกล่าวประกอบด้วยสถานภาพอายุระดับการศึกษาในการตอบแบบสอบถามโดย การแจกแจงความถี่และคา่ รอ้ ยละ 3.6.2 วิเคราะห์ข้อมูลเก่ียวกับความเหมาะสมของตัวบ่งช้ีทักษะของผู้บริหารสถานศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา โดยการหาค่าเฉล่ีย (Mean) และค่าส่วนเบ่ียงเบน มาตรฐาน (Standard Deviation) โดยใชเ้ กณฑ์ในการคัดเลือกตัวบ่งชี้เพ่ือนาไปกาหนดในโมเดลที่จะ ทดสอบโดยตอ้ งมีคา่ เฉล่ยี เท่ากับหรอื มากกว่า 3.0 3.6.3 การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน (confirmatory factor analysis) โดยการ ตรวจสอบความสอดคล้องกลมกลืนของโมเดลโครงสร้างองค์ประกอบและกาหนดน้าหนักตัวแปรย่อย ท่ีใช้ในการสร้างตัวบ่งช้ีกับข้อมูลเชิงประจักษ์ซ่ึงได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามด้วย โปรแกรมสาเร็จเพ่ือหาค่าน้าหนักตัวแปรย่อยท่ีใช้ในการสร้างตัวบ่งชี้และทาการตรวจสอบความ สอดคล้องกลมกลนื ของโมเดลการวิจยั ทีเ่ ป็นตัวแบบเชิงทฤษฎที ผ่ี ู้วิจยั สรา้ งขึน้ กับข้อมูลเชิงประจักษ์ 3.6.4 สถิตทิ ี่ใชใ้ นการวิเคราะห์ ๓.๖.๔.๑ สถิตทิ ่ีใชใ้ นการหาคุณภาพเคร่ืองมือ ๑) หาความตรงเชิงโครงสร้าง (Construct Validity) ของแบบประเมินโดยหาค่า ดัชนีความส อดคล้ องของข้อคาถามกับ ขอบเ ขตขององค์ประกอบ การพัฒ นาทักษะชี วิตตามหลั ก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาที่กาหนดไว้ โดยใช้สูตรตังน้ี (Rovinelli and Hambleton,อ้างถึงใน บญุ ชม ศรสี ะอาด, 2535: 60-61) โดยพิจารณาให้น้าหนัก คะแนน ดงั น้ี +1 เมอ่ื แนใ่ จวา่ ข้อคาถามแต่ละข้อสอดคล้องกับสภาพที่กาหนด 0 เมอื่ ไมแ่ น่ใจว่าข้อคาถามแต่ละข้อสอดคลอ้ งกบั สภาพท่ีกาหนด -1 เมอ่ื แน่ใจว่าข้อคาถามแต่ละขอ้ ไมส่ อดคล้องกบั สภาพที่กาหนด 1.2 คา่ ความเช่ือมั่น (Reliability) ของแบบประเมินทง้ั ฉบับโดยวธิ ีหาค่าสมั ประสิทธ์ิ แอลฟา (Alpha Coefficient) ตามวิธขี องCronbach (Cronbach,1990:204) ๒) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลหาค่าเฉลี่ยสถิติพื้นฐาน ได้แก่ (  )ค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน (S.D.) โดยใช้สูตร (Ferguson,1981:49) และ สกัดองค์ประกอบ (Factor Extraction) ๑๓๔สุภางค์ จันทวานิช,วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ,กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ,๒๕๔๐, หนา้ ๑๓๑ - ๑๔๔.

๑๐๖ โดยใช้วิธีวิเคราะห์ตัวประกอบสาคัญ (Principal Component Analysis) และหมุนแกน องค์ประกอบหลกั แบบออโธกอนอล (Orthogonal) ด้วยวธิ ีแวรแิ มกซ์ (Varimax) ๓.7 ขน้ั ตอนในการวิจัย การวิจัยเร่ือง “การพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษา วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษา” นี้ ผ้วู ิจัยได้ดาเนนิ การวจิ ัยตามขั้นตอนวิธีการดาเนนิ การวิจัย ดงั น้ี ตารางที่ ๑7ข้ันตอนในการวิจัย เร่ือง “การพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงของนักศึกษาวทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษา”

ตารางท่ี 3.7ข้นั ตอนในการวิจยั เรือ่ ง “การพัฒนาทักษะชีวติ ตามหลกั ปรัชญาของเศร วัตถปุ ระสงค์ ขัน้ ตอนการวจิ ยั วิธีดาเนินการวิจยั แหล ๑.ศึกษาเอกสารเกยี่ วกบั หนังสือ บทคว 1.เพอื่ ศึกษาสภาพปัจจุบนั มี ๒ ขนั้ ตอน ดงั น้ี ทกั ษะชวี ิตของนักศึกษา ตารา และปญั หาทักษะชวี ิตของ ๑.ศกึ ษาเอกสาร วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษา งานวิจัย web นักศึกษาวิทยาลยั ๒.แจกแบบสอบถาม อาชวี ศึกษา ๓.สมั ภาษณ์ ๒.แจกแบบสอบถาม ผู้บริหาร ครู อ เกยี่ วกบั การจดั การ ผู้ปกครอง จา ความรู้ของวทิ ยาลยั คน โดยไดจ้ าก อาชวี ศกึ ษา กลุม่ ตวั อย่างส ๓.ศกึ ษาจากการ ผู้บรหิ าร ครู อ สมั ภาษณเ์ กี่ยวกับปญั หา ผปู้ กครอง จา คน โดยเลอื กแ กาหนดกฎเกณ คดั เลือก 2.เพอ่ื พฒั นาทักษะชวี ิตตาม มี ๒ ข้นั ตอน ดังนี้ ๑.ยกรา่ งการพฒั นา ๑.ผลลัพธจ์ าก หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ ๑.ยกร่าง พอเพียงของนกั ศึกษา ๒.สนทนากล่มุ ทกั ษะชวี ิตตามหลกั วตั ถปุ ระสงค์ วิทยาลัยอาชีวศึกษา (Focus Group) ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงของนักศึกษา วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษา ๒.พฒั นาโดยสนทนา ผู้ทรงคณุ วุฒิ กลุ่ม ๑.นักวิชาการ ๒.ผู้บริหารวิท อาชีวศกึ ษา โดยการเลอื กแ กาหนดเกณฑ

107 รษฐกจิ พอเพียงของนักศึกษาวทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษา” ลง่ ขอ้ มลู เครื่องมอื การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ผลลพั ธ์ท่ไี ด้ วาม แบบศึกษาเอกสาร การวเิ คราะห์เนอ้ื หา ๑.ได้สภาพปัจจุบันและปญั หา Content Analysis ทักษะชีวติ ของนกั ศึกษา bsite แบบสอบถาม วิทยาลัยอาชวี ศกึ ษา ร้อยละ คา่ ความถ่ี ๑.ได้สภาพปัจจบุ ันและปญั หา อาจารย์นกั เรยี น ค่าเฉลีย่ ส่วนเบ่ียงเบน ทักษะชีวติ ของนักศกึ ษา านวน ๓๙๒คน มาตรฐาน หาคา่ E.F.A. วิทยาลยั อาชีวศึกษา กการกาหนด วเิ คราะหป์ จั จยั สัดส่วน ๑:๒๐ (Exploratory factor ๑.ได้สภาพสภาพปจั จบุ ันและ analysis ) ปญั หาทกั ษะชีวติ ของนักศกึ ษา อาจารย์นกั เรียน แบบสัมภาษณ์ การวเิ คราะห์เนอื้ หา วทิ ยาลัยอาชวี ศกึ ษา านวน ๑๐ รปู / Content Analysis แบบเจาะจงซ่งึ ณฑ์ในการ ก แบบศกึ ษาเอกสาร การวิเคราะห์เน้ือหา ได้ทกั ษะชวี ิตตามหลกั ปรัชญา ข้อท่ี ๑ Content Analysis ของเศรษฐกิจพอเพียงของ นกั ศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา (ฉบบั ร่างที่ ๑) ร แบบสมั ภาษณ์ท่ีได้จากการ การวเิ คราะหเ์ นื้อหา ได้ทักษะชวี ิตตามหลักปรชั ญา ทยาลัย พัฒนาทักษะชวี ิตตามหลกั Content Analysis ของเศรษฐกจิ พอเพียงของ ปรชั ญาของเศรษฐกิจ นักศกึ ษาวิทยาลยั อาชวี ศกึ ษา แบบเจาะจง พอเพยี งของนักศึกษา (ฉบบั รา่ งท่ี ๒) ฑ์ในการคดั เลอื ก วิทยาลยั อาชีวศกึ ษา(ฉบบั รา่ งท่ี ๑)

ตารางที่ 3.7ขั้นตอนในการวิจัย เร่ือง “การพฒั นาทักษะชวี ิตตามหลกั ปรชั ญาของเศร วตั ถุประสงค์ ขนั้ ตอนการวิจัย วิธีดาเนนิ การวิจยั แหลง่ ขอ้ มลู ๓.เพือ่ เสนอกกระบวน มี 2 ข้นั ตอน ตรวจสอบโดยอาจารยท์ ี่ ผูบ้ รหิ ารหาว การพฒั นาทกั ษะชีวิต ๑.ตรวจสอบ ปรึกษา เลือกแบบเจา ตามหลกั ปรชั ญาของ กระบวนการ อาจารยท์ ีป่ รกึ ษารว่ ม กาหนดกฎเก เศรษฐกิจพอเพียงของ ๒.ปรบั ปรุงแก้ไขและ ผู้วจิ ัย คัดเลือก นกั ศกึ ษาวทิ ยาลัย นาเสนอ อาชีวศกึ ษา ๒.แกไ้ ขปรบั ปรงุ และ อาจารยท์ ีป่ ร นาเสนอ อาจารย์ทป่ี ร ผู้วิจัย ตารางท3ี่ .7 ข้ัน

108 รษฐกิจพอเพียง ของนักศึกษาวทิ ยาลยั อาชีวศึกษา”(ต่อ) วิทยาลยั โดย เครือ่ งมอื การวเิ คราะหข์ ้อมลู ผลลัพธ์ทไี่ ด้ าะจง ซงึ่ แบบสอบถาม การวเิ คราะห์เนื้อหา กณฑ์ในการ ได้กระบวนการพัฒนา การวิเคราะหเ์ นือ้ หา ทักษะชวี ติ ตามหลกั รึกษา แบบศกึ ษาเอกสาร ปรชั ญาของเศรษฐกจิ รกึ ษารว่ ม พอเพียงของนักศึกษา วทิ ยาลัยอาชีวศึกษา (ฉบับร่างที่ ๓) ได้กระบวนการพฒั นา ทกั ษะชวี ติ ตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงของนักศกึ ษา วทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษาฉบับ สมบรู ณ์ นตอนในการวิจยั

บทที่ ๔ ผลการวิจัย การวิจัยเรื่อง การพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษา วทิ ยาลัยอาชีวศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหาทักษะชีวิตของนักศึกษาวิทยาลัย อาชีวศึกษา เพ่ือพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษาวิทยาลัย อาชีวศึกษา และเพื่อเสนอการพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษา วิทยาลัยอาชีวศึกษา โดยผู้วิจัยได้แจกแบบสอบถามจานวน ๔๐๐ ฉบับ และเม่ือได้ตรวจสอบความ ถูกต้องของแบบสอบถามท่ีได้รับ และทาการเทียบสัดส่วนระหว่างขนาดของประชากรกับขนาดของกลุ่ม ตัวอย่าง พบว่า จะได้แบบสอบถาม จานวน ๓๙๒ ฉบับ คิดเป็นอัตราส่วนของตัวแปรต่อขนาดกลุ่ม ตัวอย่างในระดับ ๑ : ๒๐ การนาเสนอผลการวิจัยคร้ังน้ีผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลและนาเสนอตามลาดับ ดังน้ี ๔.๑ ผลการศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหาทักษะชีวิตของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา ๔.๑.๑ ผลการศกึ ษาขอ้ มลู ทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถามของวิทยาลยั อาชวี ศกึ ษา ๔.๑.๒ ผลการวิจัยเก่ียวกับสภาพปัจจุบันและปัญหาทักษะชีวิตของนักศึกษาวิทยาลัย อาชวี ศกึ ษา ๔.๒ พัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษาวิทยาลัย อาชวี ศกึ ษา ๔.๒.๑ ผลการวิเคราะห์ทักษะชีวติ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษา วิทยาลัยอาชีวศึกษา ๔.๒.๓ การพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษา วิทยาลยั อาชีวศกึ ษา ด้วยวิธีการสมั ภาษณผ์ ้บู ริหาร และครู จานวน ๕ รปู ๔.๓ เสนอกระบวนการพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของ นักศกึ ษาวิทยาลยั อาชีวศกึ ษา ๔.๔ องคค์ วามรู้ที่ไดจ้ ากการวจิ ัย

๑๑๙ ๔.๑ ผลการศกึ ษาสภาพปัจจบุ ันและปัญหาทักษะชวี ิตของนักศึกษาวิทยาลัยอาชวี ศกึ ษา ๔.๑.๑ ผลการศึกษาข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถามของวิทยาลัย อาชีวศกึ ษา ดังนี้ ตารางที่ ๔.๑ แสดงจานวนและคา่ รอ้ ยละของนักเรยี น ครู และผ้ปู กครอง จานวน ๓๙๒ คน จาแนก ตามสถานภาพ สถานภาพ จานวน รอ้ ยละ นักเรยี น 318 81.1 ครู 38 9.7 ผปู้ กครอง 36 9.2 รวม ๓๙๒ 100.0 จากตารางที่ ๔.๑ ผู้นักเรียน ครู และผู้ปกครองของวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส่วนใหญ่เป็น นักเรียน จานวน ๓๑๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๘๑.๑ เป็นครู จานวน ๓๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๙.๗ และ ผู้ปกครอง จานวน ๓๖ คน คดิ เป็นร้อยละ ๙.๒ ตารางที่ ๔.๒ แสดงจานวนและค่าร้อยละของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง จานวน ๓๙๒ คน จาแนกตามอายุ อายุ จานวน รอ้ ยละ ตา่ กวา่ ๑๕ ปี 74 18.9 ๑๖-๒๐ ปี 163 41.6 ๒๑-๒๕ ปี 78 19.9 ๒๖-๓๐ ปี 39 9.9 ๓๑-๓๖ ปี 19 4.8 ๓๖ ปีข้นึ ไป 19 4.8 รวม ๓๙๒ 100.0 จากตารางที่ ๔.๒ ผู้นักเรียน ครู และผู้ปกครองของวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส่วนใหญ่มี อายุ ๑๖-๒๐ ปี จานวน ๑๖๓ คน คิดเป็นรอ้ ยละ ๔๑.๖ อายุ ๒๑-๒๕ ปี จานวน ๗๘ คน คิดเป็นร้อย ละ ๑๙.๙ ต่ากว่า ๑๕ ปี จานวน ๗๔ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๘.๙ อายุ ๒๖-๓๐ ปี จานวน ๓๙ คน คิด เป็นร้อยละ ๙.๙ อายุ ๓๑-๓๖ ปี และ ๓๖ ปีข้ึนไป จานวน ๑๙ คน คิดเป็นร้อยละ ๔.๘ อย่างละ เทา่ กัน

๑๒๐ ตารางท่ี ๔.๓ แสดงจานวนและค่าร้อยละของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง จานวน ๓๙๒ คน จาแนกตามระดับการศึกษา ระดับการศึกษา จานวน ร้อยละ ชน้ั มัธยมศึกษาตอนต้น (ม.๑-ม.๓) 59 15.1 ชน้ั มัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๔-๖) 117 29.8 อนปุ รญิ ญา 153 39.0 ปริญญาตรี 38 9.7 ปริญญาโท 19 4.8 ปรญิ ญาเอก 6 1.5 รวม ๓๙๒ 100.0 จากตารางท่ี ๔.๓ ผู้นักเรียน ครู และผู้ปกครองของวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส่วนใหญ่มี ระดับการศึกษาอนุปริญญา ๑๕๓ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๙.๐ ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๔-๖) จานวน ๑๑๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๙.๘ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.๑-ม.๓) จานวน ๕๙ คิดเป็นร้อย ละ ๑๕.๑ ปริญญาตรี จานวน ๓๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๙.๗ ปริญญาโท จานวน ๑๙ คน คิดเป็นร้อย ละ ๔.๘ และปริญญาเอก จานวน ๖ คน คิดเป็นร้อยละ ๑.๕ ตามลาดบั ๔.๑.๒ ผลการวิจัยเก่ียวกับสภาพปัจจุบันและปัญหาทักษะชีวิตของนักศึกษาวิทยาลัย อาชีวศึกษา ๑) การตระหนักรู้และเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อ่ืน นักศึกษาขาดการรู้จักความถนัด ความสามารถ จุดเด่น จุดด้อยของตนเอง๑ มีเข้าใจความแตกต่าง ของแต่ละบุคคลน้อย ขาดการรู้จัก ตนเอง ยอมรับเห็นคณุ คา่ และภาคภูมใิ จในตนเองและผอู้ ่นื มีเปา้ หมายในชีวิต และมีความรบั ผดิ ๒ ๒) การคดิ วเิ คราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ไม่มีการแยกแยะข้อมูล ขา่ วสาร ปัญหาและสถานการณ์รอบตัว ขาดการวิพากษ์วิจารณ์ และประเมินสถานการณ์รอบตัวด้วย หลักเหตุผลและขาดหลักโยนิโสมนสิการพิจารณาข้อมูลท่ีถูกต้องรับรู้ปัญหา สาเหตุของปัญหา ขาด ความวิริยะอุตสาหะในการเรียน ขาดเหตุผลในการตัดสินใจแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่าง สร้างสรรค๓์ ๑ สัมภาษณ์นายสมพร เทพขันธ์ ผู้จัดการวิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการราษีไศล, เมื่อวันที่ ๖ ตลุ าคม ๒๕๖๐. ๒ สัมภาษณ์พระมหาประยูร ติกฺขปญฺโญ,ดร. ที่ปรึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาจุลมณีศรีสะเกษ, เม่ือ วนั ที่ ๖ ตลุ าคม ๒๕๖๐. ๓ สมั ภาษณ์ นายพัสกร คาเพราะ ผู้อานวยการสถานศึกษาวิทยาลัยสารพัดช่างศรีสะเกษ, เม่ือวันท่ี ๗ ตลุ าคม ๒๕๖๐.

๑๒๑ ๓) การจัดการกับอารมณ์และความเครียด ขาดความเข้าใจและขาดความรู้เท่าทัน ภาวะอารมณ์ของบุคคล ไม่ทราบสาเหตุของความเครียด ขาดวิจารณญาณการควบคุมอารมณ์และ ความเครยี ด ไมป่ รบั เปล่ยี นทจ่ี ะก่อให้เกิดอารมณ์ไม่พึงประสงค์ไปในทางท่ีดี๔ ๔) การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อ่ืน ขาดความเข้าใจมุมมอง อารมณ์ ความรู้สึกของ ผู้อื่น ขาดการใช้ภาษาพูดและภาษากาย เพ่ือส่ือสารความรู้สึก นึกคิดของตนเอง ขาดการรับรู้ ความรู้สึกนึกคิดและความต้องการของผู้อ่ืน วางตัวไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมในสถานการณ์ต่าง ๆ ขาด การส่ือสารที่สร้างสัมพันธภาพท่ีดีสร้างความร่วมมือและทางานร่วมกับผู้อื่นไม่ได้อยู่ในสังคมอย่าง ยากลาบาก๕ ๔.๒ พัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษาวิทยาลัย อาชีวศกึ ษา ๔.๒.๑ ผลการวิเคราะห์พัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาโดยหาค่าเฉลี่ย (  ) และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) โดย ภาพรวมและรายด้าน ดังนี้ ตารางท่ี ๔.๕ ค่าเฉลี่ย ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐานพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษาวิทยาลยั อาชีวศึกษา โดยภาพรวม ทักษะชีวติ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง (n=๓๙๒) ระดับ ๑ ดา้ นความพอประมาณ  S.D. มาก ๒ ดา้ นความมีเหตผุ ล 4.01 .403 มาก ๓ ด้านความมีภูมิคุ้มกัน 4.01 .560 มาก ๔ ดา้ นเง่อื นไขความรู้ 3.98 .575 มาก ๕ ด้านเงื่อนไขคุณธรรม 4.03 .543 มาก 4.27 .407 มาก ภาพรวม 4.06 .263 ตารางท่ี ๔.๕ ความคิดเห็นของนักเรียน ครู และผู้ปกครองของวิทยาลัยอาชีวศึกษา ท้งั ๕ ดา้ น พบว่า มีความคดิ เหน็ ดา้ นทกั ษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยภาพรวม อยู่ในระดับ มาก มีค่าเฉล่ียเท่ากับ (  =๔.๐๖) และเม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าอยู่ในระดับมากทุกด้าน เรียงตามคา่ เฉล่ียจากมากไปหาน้อย คือ ด้านเง่ือนไขคุณธรรม (  =๔.๒๗) ด้านเง่ือนไขความรู้ (  =๔.๐๓) ดา้ นความพอประมาณ และ ด้านความมีเหตุผล (  =๔.๐๑) และ ด้านความมีภูมิคุ้มกัน(  =๓.๙๘) ตามล่าดับ ๔ สัมภาษณ์ นางสาลินี คา่ ผาง ครูผสู้ อนวิทยาลัยอาชีวศึกษาจุลมณี ศรีสะเกษ, เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๐. ๕ สัมภาษณ์ นายคณาวุฒิ คามานิธิโชติ ผู้อานวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีศรีสะเกษ, เม่ือวันท่ี ๘ ตุลาคม ๒๕๖๐.

๑๒๒ ตารางที่ ๔.๖ คา่ เฉล่ีย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ด้านความ พอประมาณ ลาดับ สภาพทักษะชวี ติ ตามหลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง ระดบั ความคดิ เห็น ที่ ด้านความพอประมาณ  S.D. ระดับ ๑. ด้านความพอประมาณ 3.99 .625 มาก 1 ทา่ นมคี วามรู้ความเข้าใจเกีย่ วกบั ความพอประมาณ 3.89 .725 มาก ท่านมีความร้คู วามเขา้ ใจในการดาเนินชีวิตตามความ 4.03 .657 มาก 2 พอประมาณ 4.10 .694 มาก ท่านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความพอประมาณ 3 และความเช่ือมโยงกับระบบเศรษฐกจิ ทั่วไป 4.03 .708 มาก 4.01 .403 มาก ท่านเห็นประโยชน์และตระหนักในความสาคัญของ 4 การดาเนนิ ชีวติ ตามหลกั ความพอประมาณ ท่านใช้หลักความพอประมาณเพ่ือการพัฒนาตนเอง 5 พฒั นากลุ่ม/โรงเรยี น/และสังคมโดยรวม รวม จากตารางท่ี ๔.๖ พบว่า ค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานทักษะชีวิตตามหลัก เศรษฐกิจพอเพียง ด้านความพอประมาณ อยู่ในระดับมาก เรียงลาดับจากมากไปหาน้อย ๓ อันดับ ได้แก่ ทา่ นเห็นประโยชน์และตระหนักในความสาคัญของการดาเนินชีวิตตามหลักความพอประมาณ(  = ๔.๑๐) ท่านมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับความพอประมาณและความเช่ือมโยงกับระบบ เศรษฐกิจทัว่ ไป (  = ๔.๐๓) และ ท่านใช้หลักความพอประมาณเพ่ือการพัฒนาตนเอง พัฒนากลุ่ม/ โรงเรียน/และสังคมโดยรวม (  = ๔.๐๓) สวนข้อที่นักเรียน ครู และผู้ปกครองมีความคิดเห็นน้อย ท่ีสุด ได้แก่ ท่านมีความรู้ความเข้าใจในการดาเนินชีวิตตามความพอประมาณ (  = ๓.๘๙) ตามลาดบั

๑๒๓ ตารางท่ี ๔.๗ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ดา้ นความมีเหตผุ ล ลาดับ สภาพทักษะชีวติ ตามหลักเศรษฐกจิ พอเพียง ระดบั ความคิดเห็น ท่ี ดา้ นความมีเหตุผล  S.D. ระดบั ๒. ดา้ นความมีเหตุผล 3.90 .866 มาก ท่านมีความรู้ความเข้าใจ ในการตัดสินใจเก่ียวกับ 4.00 .817 มาก 1 ระดับความพอเพยี งอยา่ งมเี หตผุ ล 4.03 .815 มาก ท่านปฏิบัติตนอย่างมีเหตุผล บนพื้นฐานของความ 4.08 .723 มาก 2 ถูกตอ้ ง ท่านมีความรู้ และรอบคอบในการ คิด พูด ทาใน 4.03 .815 มาก 3 การดาเนนิ ชวี ิตประจาวนั 4.01 .560 มาก ท่านมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่ 4 เก่ียวข้องในการดาเนินชีวิต ท่ า น ค า นึ ง ถึ ง ผ ล ท่ี ค า ด ว่ า จ ะ เ กิ ด ขึ้ น จ า ก ก า ร พัฒนาการจัดการความรู้และทักษะชีวิตตามหลัก 5 เศรษฐกจิ พอเพยี งโดยมีเหตุผล รวม จากตารางท่ี ๔.๗ พบว่า ค่าเฉล่ีย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานทักษะชีวิตตามหลัก เศรษฐกจิ พอเพียง ดา้ นความมีเหตุผล อยู่ในระดับมาก เรียงลาดับจากมากไปหาน้อย ๓ อันดับ ได้แก่ ท่านมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เก่ียวข้องในการดาเนินชีวิต (  = ๔.๐๘) ท่านมีความรู้ และรอบคอบในการ คิด พูด ทาในการดาเนินชีวิตประจาวัน และ ท่านคานึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จากการ พัฒนาการจัดการความรู้และทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงโดยมีเหตุผล (  = ๔.๐๓) และ ทา่ นปฏิบัติตนอย่างมเี หตผุ ล บนพื้นฐานของความถูกต้อง (  = ๔.๐๐) สวนข้อท่ี นักเรียน ครู และผู้ปกครองมีความคิดเห็นน้อยท่ีสุด ได้แก่ ท่านมีความรู้ความเข้าใจ ในการตัดสินใจ เกี่ยวกบั ระดบั ความพอเพยี งอย่างมีเหตุผล (  = ๓.๙๐) ตามลาดบั

๑๒๔ ตารางที่ ๔.๘ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ด้านความมภี ูมิคุ้มกนั ลาดบั สภาพทกั ษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ระดับความคดิ เหน็ ท่ี ดา้ นความมภี มู คิ มุ้ กนั  S.D. ระดับ ๓. ด้านความมีภูมคิ ุ้มกนั 4.09 .812 มาก ท่านมกี ารเตรยี มตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และการ 3.83 .996 มาก 1 เปลย่ี น แปลงด้านต่างๆ ทจ่ี ะเกิดข้ึน 4.06 .841 มาก ท่านมีภูมิคุ้มกันในการเตรียมความพร้อมจากการ 3.94 .779 มาก 2 ดาเนนิ ชวี ิตประจาวัน 3.96 .764 มาก 3 ทา่ นมกี ารเตรยี มความพร้อมในด้านการจดั กิจกรรม 3.98 .575 มาก ท่านมีการเตรียมความพร้อมในสภาพแวดล้อม 4 ท้องถิน่ หรอื ห้องเรยี นในโรงเรียน ท่านมีการสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเองให้พอเพียงท่ีจะ สามารถพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ใน 5 โรงเรียนได้ รวม จากตารางที่ ๔.๘ พบว่า ค่าเฉลี่ย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานทักษะชีวิตตามหลัก เศรษฐกิจพอเพียง ด้านความมีภูมิคุ้มกัน อยู่ในระดับมาก เรียงลาดับจากมากไปหาน้อย ๓ อันดับ ได้แก่ ทา่ นมกี ารเตรยี มตวั ให้พร้อมรับผลกระทบ และการเปล่ียน แปลงด้านต่างๆ ท่ีจะเกิดข้ึน (  = ๔.๐๙) ทา่ นมีการเตรยี มความพรอ้ มในด้านการจัดกิจกรรม (  = ๔.๐๖) และ ท่านมีการสร้าง ภูมคิ ุม้ กันในตัวเองใหพ้ อเพยี งที่จะสามารถพรอ้ มรบั ต่อการเปล่ียนแปลงต่างๆ ในโรงเรียนได้ (  = ๓.๙๖) สวนข้อท่ีนักเรียน ครู และผู้ปกครองมีความคิดเห็นน้อยที่สุด ได้แก่ ท่านมีภูมิคุ้มกันในการ เตรียมความพรอ้ มจากการดาเนินชวี ติ ประจาวัน (  = ๓.๘๓) ตามลาดับ

๑๒๕ ตารางท่ี ๔.๙ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ด้านเงอ่ื นไขความรู้ ลาดบั สภาพทักษะชีวิตตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง ระดับความคดิ เห็น ท่ี ดา้ นเงือ่ นไขความรู้  S.D. ระดบั ๔. ด้านเงอ่ื นไขความรู้ 1 ทา่ นมคี วามรอบรู้ในหลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง 4.04 .767 มาก 2 ท่ า น ป ฏิ บั ติ ต น อ ย่ า ง ร อ บ ค อ บ ใ น ก า ร น า ห ลั ก 4.07 .733 มาก เศรษฐกิจพอเพยี งไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน 3 ท่านมีความระมัดระวังในการใช้วัตถุดิบหรือส่ิง 4.04 .719 มาก อานวยความสะดวกในการทางาน 4 ท่านเข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรใน 4.06 .771 มาก การผลติ การบริโภค การใช้ทรพั ยากรทมี่ ีอยจู่ ากัด 5 ท่านมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของการนาหลัก 3.94 .768 มาก เศรษฐกจิ พอเพยี งไปใช้ในสถานศึกษาและชุมชน รวม 4.03 .543 มาก จากตารางท่ี ๔.๙ พบว่า ค่าเฉลี่ย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานทักษะชีวิตตามหลัก เศรษฐกิจพอเพยี ง ดา้ นเง่ือนไขความรู้ อยู่ในระดับมาก เรียงลาดับจากมากไปหาน้อย ๓ อันดับ ได้แก่ ท่านปฏิบัติตนอย่างรอบคอบในการนาหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในชีวิตประจาวัน (  = ๔.๐๗) ท่านเขา้ ใจและสามารถบรหิ ารจดั การทรพั ยากรในการผลิต การบรโิ ภค การใชท้ รัพยากรที่มีอยู่จากัด (  = ๔.๐๖) และ ท่านมีความรอบรู้ในหลักเศรษฐกิจพอเพียง (  = ๔.๐๔) สวนข้อท่ีนักเรียน ครู และผู้ปกครองมีความคิดเห็นน้อยที่สุด ได้แก่ ท่านมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของการนาหลัก เศรษฐกจิ พอเพยี งไปใชใ้ นสถานศึกษาและชุมชน (  = ๓.๙๔) ตามลาดับ

๑๒๖ ตารางท่ี ๔.๑๐ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ดา้ นเงอ่ื นไขคุณธรรม ลาดับ สภาพทกั ษะชวี ติ ตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง ระดับความคดิ เห็น ท่ี ดา้ นเงอื่ นไขคณุ ธรรม  S.D. ระดบั ๕. ด้านเงอื่ นไขคณุ ธรรม 1 ท่านมีความซ่ือสัตย์ในการปฏิบัติตามกิจการงาน 4.17 .808 มาก ต่างๆ ของท่าน 2 ท่านมีความสุจริตในการประกอบสัมมาอาชีพใน 4.26 .756 มาก ชวี ติ ประจาวัน 3 ทา่ นมสี ติปัญญารอบรู้ในส่ิงต่างๆ ว่าสิ่งใดควรปฏิบัติ 4.45 .621 มาก ส่งิ ใดไมค่ วรปฏบิ ัติในการประกอบอาชพี 4 ท่านมีความขยันและอดทนในการประกอบสัมมา 4.23 .726 มาก อาชีพในชีวติ ประจาวัน ท่านมีความเอื้อเฟื้อและแบ่งปันสิ่งท่ีเป็นประโยชน์ แก่เพื่อนและคนในสังคมเพื่อการพัฒนาชุมชนและ 4.25 .664 มาก 5 สังคมรว่ มกนั รวม 4.27 .407 มาก จากตารางที่ ๔.๑๐ พบว่า ค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานทักษะชีวิตตามหลัก เศรษฐกิจพอเพียง ด้านเง่ือนไขคุณธรรม อยู่ในระดับมาก เรียงลาดับจากมากไปหาน้อย ๓ อันดับ ได้แก่ ท่านมีสติปัญญารอบรู้ในส่ิงต่างๆ ว่าส่ิงใดควรปฏิบัติ ส่ิงใดไม่ควรปฏิบัติในการประกอบอาชีพ(  = ๔.๔๕) ท่านมีความสจุ ริตในการประกอบสัมมาอาชพี ในชวี ิตประจาวัน (  = ๔.๒๖) และ ท่าน มีความเอื้อเฟอื้ และแบง่ ปันสงิ่ ทเี่ ปน็ ประโยชนแ์ กเ่ พอื่ นและคนในสังคมเพ่ือการพัฒนาชุมชนและสังคม ร่วมกัน (  = ๔.๒๕) สวนข้อที่นักเรียน ครู และผู้ปกครองมีความคิดเห็นน้อยที่สุด ได้แก่ ท่านมี ความซอ่ื สตั ยใ์ นการปฏบิ ตั ิตามกจิ การงานตา่ งๆ ของท่าน (  = ๔.๑๗) ตามลาดบั

๑๒๗ ๔.๒.๒ ผลการวิเคราะห์การพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของนกั ศึกษาวิทยาลัยอาชีวศกึ ษา ผู้วิจัยได้ดาเนินการวิเคราะห์การพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของนักศึกษาวิทยาลยั อาชีวศึกษาได้ ๔ ขัน้ ตอน ดังน้ี ขัน้ ตอนที่ ๑ ทดสอบขอ้ ตกลงเบ้ืองต้น ขน้ั ตอนท่ี ๒ วเิ คราะห์องค์ประกอบโดยพจิ ารณาจากค่าไอเกน (Eigen value) ข้ันตอนท่ี ๓ สกัดองคป์ ระกอบ (Factor Extraction) โดยใช้วิธีวิเคราะห์ตัวประกอบสาคัญ (Principal Component Analysis) และหมุนแกนองค์ประกอบหลักแบบออโธกอนอล (Orthogonal) ด้วยวิธีแวรแิ มกซ์ (Varimax) ขั้นตอนที่ ๔ พจิ ารณาคา่ นา้ หนกั องค์ประกอบ (Factor Loading) ดงั มรี ายละเอยี ดต่อไปน้ี ขั้นท่ี ๑ ทดสอบข้อตกลงเบื้องต้นของการวิเคราะห์องค์ประกอบโดยใช้วิธี Kaiser- Meyer-Olkin (KMO) และ and Bartlett’s test of sphericity ใช้วัดความเหมาะสมของข้อมูลซ่ึงได้ค่า KMO เท่ากับ .673 ซ่ึงมากกว่า ๐.๕ และเข้าสู่ ๑ แสดงว่า ข้อมูลที่ได้มีความเหมาะสมที่จะใช้เทคนิค Factor Analysis และจากการทดสอบสมมติฐาน Bartlett’s test of sphericity พบว่า ตัวแปรแต่ละ ตัวมคี วามสมั พนั ธก์ ันจงึ สามารถใช้เทคนิค Factor Analysis ได้ ข้ันที่ ๒ วิเคราะห์องค์ประกอบโดยพิจารณาจากค่าไอเกน (Eigen value) ร้อยละของ ความแปรปรวน ร้อยละของความแปรปรวนสะสมโดยวิเคราะห์จากเมตริกซ์สัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์และ สกดั องค์ประกอบด้วยวิธเี นน้ องค์ประกอบหลัก ผลปรากฏดงั ตารางที่ ๔.๑๑ ดังน้ี ตารางที่ ๔.๑๑ จานวนองค์ประกอบค่าไอเกน (Eigen value) ร้อยละของความแปรปรวน ร้อยละของ ความแปรปรวนสะสมขององค์ประกอบการพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของนักศกึ ษาวิทยาลัยอาชวี ศกึ ษา องคป์ ระกอบที่ คา่ ไอเกน ร้อยละของความ รอ้ ยละของความ (Eigen value) แปรปรวน แปรปรวนสะสม 1 13.140 2 3.285 12.502 13.140 3 3.125 9.722 25.642 4 2.431 6.600 35.364 5 1.650 6.118 41.963 6 1.530 5.486 48.082 7 1.372 5.290 53.568 8 1.322 4.451 58.858 1.113 63.309

๑๒๘ จากตารางท่ี ๔.๑๑ เม่ือพิจารณาค่าไอเกน (Eigen value) ซ่ึงเป็นผลรวมกาลังสองของ สัมประสิทธ์ิขององค์ประกอบในแต่ละองค์ประกอบที่มีค่ามากกว่า ๑ มี ๘ องค์ประกอบโดยทุก องค์ประกอบสามารถอธิบายความแปรปรวนสะสมได้ร้อยละ ๗๒.๖๖๐ ของความแปรปรวนทั้งหมด ขั้นท่ี ๓ เพื่อให้ได้องค์ประกอบของการพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาชัดเจนย่ิงข้ึน ผู้วิจัยจึงทาการสกัดองค์ประกอบ (Factor Extraction) โดยใช้วิธีวิเคราะห์ตัวประกอบสาคัญ (Principal Component Analysis) และหมุนแกน องค์ประกอบหลักแบบออโธกอนอล (Orthogonal) ด้วยวิธีแวริแมกซ์ (Varimax) โดยทาให้ตัวแปร สมั พันธก์ บั องค์ประกอบในลักษณะท่ีชัดเจนยง่ิ ขึ้น ข้ันที่ ๔ พิจารณาค่าน้าหนักองค์ประกอบ (Factor Loading) ว่าตัวแปรแต่ละตัวควรอยู่ใน องค์ประกอบใดโดยใช้เกณฑ์การพิจารณาว่าน้าหนักองค์ประกอบท่ีมีค่าน้าหนักองค์ประกอบ (Factor Loading) ตั้งแต่ ๐.๕๐ ข้ึนไป๖ พิจารณาค่าองค์ประกอบสูงสุดที่สุงกว่าองค์ประกอบอ่ืนตั้งแต่ ๐.๑ ขึ้น ไป แต่ถ้าความแตกต่างองค์ประกอบไม่ถึง ๐.๑ จะถือว่าเป็นตัวแปรที่ซับซ้อน๗ ไม่พิจารณาเป็นตัวแปร องค์ประกอบใดเลย และในการกาหนดองค์ประกอบต้องมีตัวแปรตั้งแต่ ๓ ตัวข้ึนไป จึงนับเป็นหน่ึง องค์ประกอบ เน่อื งจากตัวแปรเพียง ๑ ตัว หรือ ๒ ตัว ท่ีอธิบายในองค์ประกอบน้ันจะไม่สามารถกาหนด องค์ประกอบที่ชัดเจนได้ เพราะจะมีลักษณะเป็นเพียงความสัมพันธ์ระหว่าง ๒ ตัวแปรเท่าน้ัน๘ในการ คัดเลือกองคป์ ระกอบ ปรากฏว่าตวั แปรทุกตวั อยูใ่ นองค์ประกอบแต่บางองค์ประกอบ คือ องค์ประกอบที่ ๙,๑๐,๑๑,๑๒,๑๓,๑๔,๑๕,๑๖,๑๗,๑๘,๑๙,๒๐,๒๑,๒๒,๒๓,๒๔ และ ๒๕ มีตัวแปรไม่ถึง ๓ ตัวแปรจึงตัด ออกและตั้งช่ือองค์ประกอบท่ีวิเคราะห์ได้ชัดเจน ได้จานวนองค์ประกอบ ๔ องค์ประกอบ ผลปรากฏดัง ตารางที่ ๔.๑๒-๔.๑๗ ดงั น้ี ๖ อทุ ุมพร ทองอุไทย ,๒๕๓๒ และ สุชาติ ประสทิ ธร์ิ ฐั สทิ ธุ,์ ๒๕๔๐. ๗ ส.วาสนา ประวาลพฤกษ์, ๒๕๔๐, หน้า ๑๐. ๘ ส.วาสนา ประวาลพฤกษ,์ ๒๕๓๕ อ้างถึงใน สายพิณ สวุ รรณรัตน,์ ๒๕๔๐, หนา้ ๖๑.

๑๒๙ ตารางท่ี ๔.๑๒ ค่าน้าหนักองค์ประกอบท่ี ๑ ทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้านความ พอประมาณ ตัวแปร ขอ้ คาถาม น้าหนักองค์ประกอบ (ข้อ) 1 ทา่ นมีความรู้ความเข้าใจเก่ยี วกบั ความพอประมาณ .740 3 ท่านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความพอประมาณและความ .736 เช่อื มโยงกับระบบเศรษฐกิจทั่วไป 2 ท่านมีความรู้ความเข้าใจในการดาเนินชีวิตตามความ .671 พอประมาณ 4 ท่านเห็นประโยชน์และตระหนักในความสาคัญของการดาเนิน .662 ชีวิตตามหลักความพอประมาณ 5 ทา่ นใชห้ ลักความพอประมาณเพือ่ การพฒั นาตนเอง พัฒนากลุ่ม/ .740 โรงเรียน/และสงั คมโดยรวม ค่าไอเกน (Eigen value) รวมเท่ากบั ๔.๙๙๙ จากตารางท่ี ๔.๑๒ พบวา่ องค์ประกอบที่ ๑ ประกอบด้วยข้อที่ ๑,๒,๓,๔ และ ๕ รวม ๕ ตัวแปร มีค่าน้าหนักองค์ประกอบอยู่ระหว่าง ๐.662 ถึง ๐.๗๔๐ มีค่าไอเกน (Eigen value) รวม เท่ากับ ๔.๙๙๙ และเรียกช่ือองค์ประกอบนี้ว่า ทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้านความ พอประมาณ

๑๓๐ ตารางที่ ๔.๑๓ ค่าน้าหนกั องคป์ ระกอบที่ ๑ ทักษะชีวติ ตามหลักเศรษฐกจิ พอเพียงด้านความมีเหตผุ ล ตัวแปร ขอ้ คาถาม น้าหนักองค์ประกอบ (ข้อ) 3 ท่านมีความรู้ และรอบคอบในการ คิด พูด ทาในการดาเนิน .820 ชีวติ ประจาวัน 1 ท่านมีความรู้ความเข้าใจ ในการตัดสินใจเก่ียวกับระดับความ .808 พอเพียงอย่างมีเหตผุ ล 2 ทา่ นปฏบิ ัติตนอย่างมีเหตผุ ล บนพนื้ ฐานของความถกู ตอ้ ง .803 4 ท่านมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เก่ียวข้องในการ .852 ดาเนินชวี ิต 5 ท่านคานึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดข้ึนจากการ พัฒนาการจัดการ .840 ความรู้และทกั ษะชีวติ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงโดยมเี หตุผล ค่าไอเกน (Eigen value) รวมเท่ากบั ๔.๙๙๙ จากตารางที่ ๔.๑๓ พบวา่ องค์ประกอบท่ี ๑ ประกอบด้วยข้อท่ี ๑,๒,๓,๔ และ ๕ รวม ๕ ตัวแปร มีค่าน้าหนักองค์ประกอบอยู่ระหว่าง ๐.๘๐๓ ถึง ๐.๘๕๒ มีค่าไอเกน (Eigen value) รวม เทา่ กบั ๔.๙๙๙ และเรียกชอื่ องค์ประกอบนีว้ ่า ทกั ษะชวี ิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้านความมีเหตผุ ล

๑๓๑ ตารางที่ ๔.๑๔ คา่ นา้ หนักองค์ประกอบท่ี ๑ ทักษะชวี ติ ตามหลกั เศรษฐกิจพอเพียงดา้ นความมภี ูมคิ ุ้มกัน ตัวแปร ขอ้ คาถาม นา้ หนกั องค์ประกอบ (ข้อ) .798 4 ท่านมีการเตรียมความพร้อมในสภาพแวดล้อมท้องถิ่นหรือ .794 หอ้ งเรยี นในโรงเรียน .759 .912 5 ท่านมกี ารสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเองให้พอเพียงที่จะสามารถพร้อม .870 รบั ต่อการเปลย่ี นแปลงตา่ งๆ ในโรงเรยี นได้ 3 ท่านมีการเตรยี มความพรอ้ มในด้านการจดั กจิ กรรม 1 ท่านมีการเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และการเปลี่ยน แปลงด้านตา่ งๆ ที่จะเกดิ ขึ้น 2 ท่านมีภูมิคุ้มกันในการเตรียมความพร้อมจากการด่าเนิน ชวี ติ ประจา่ วัน ค่าไอเกน (Eigen value) รวมเท่ากับ ๕.๐๐๐ จากตารางที่ ๔.๑๔ พบวา่ องคป์ ระกอบท่ี ๑ ประกอบด้วยข้อที่ ๑,๒,๓,๔ และ ๕ รวม ๕ ตัวแปร มีค่าน้าหนักองค์ประกอบอยู่ระหว่าง ๐.๗๕๙ ถึง ๐.๙๑๒ มีค่าไอเกน (Eigen value) รวม เท่ากับ ๕.๐๐๐ และเรียกชื่อองค์ประกอบน้ีว่า ทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้านความมี ภมู ิคมุ้ กัน

๑๓๒ ตารางที่ ๔.๑๕ คา่ น้าหนักองค์ประกอบท่ี ๑ ทักษะชีวิตตามหลกั เศรษฐกิจพอเพยี งด้านเงื่อนไขคุณธรรม ตัวแปร ขอ้ คาถาม น้าหนักองค์ประกอบ (ข้อ) 4 ท่านมคี วามรู้ความเข้าใจเก่ียวกบั ความพอประมาณ .774 5 ท่านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความพอประมาณและความ .723 เช่อื มโยงกบั ระบบเศรษฐกจิ ทัว่ ไป 1 ท่านมีความรู้ความเข้าใจในการดาเนินชีวิตตามความ .537 พอประมาณ 2 ท่านเห็นประโยชน์และตระหนักในความสาคัญของการดาเนิน .860 ชีวิตตามหลักความพอประมาณ 3 ทา่ นใช้หลกั ความพอประมาณเพอื่ การพัฒนาตนเอง พัฒนากลุ่ม/ .768 โรงเรียน/และสังคมโดยรวม ค่าไอเกน (Eigen value) รวมเท่ากับ ๕.๐๐๑ จากตารางท่ี ๔.๑๕ พบว่า องคป์ ระกอบที่ ๑ ประกอบด้วยขอ้ ท่ี ๑,๒,๓,๔ และ ๕ รวม ๕ ตัวแปร มีค่าน้าหนักองค์ประกอบอยู่ระหว่าง ๐.๕๓๗ ถึง ๐.๘๖๐ มีค่าไอเกน (Eigen value) รวม เท่ากับ ๕.๐๐๑ และเรียกชื่อองค์ประกอบน้ีว่า ทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้านเง่ือนไข คุณธรรม ๔.๒.๓ การพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักศึกษา วิทยาลัยอาชีวศึกษา ด้วยวิธีการสัมภาษณ์ผู้บริหาร จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารและครูวิทยาลัย อาชีวศึกษา จานวน ๕ รูป/คน ด้วยการเลือกเจาะจง (Purposive Selection) ผู้วิจัยจึงนามา สงั เคราะหซ์ ่ึงไดผ้ ล ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. ผู้บริหารและครูมีการพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา ด้วยวิธีการสัมภาษณ์ผู้บริหาร ปัจจุบันนักศึกษาหรือประชาชน ทั่วไปมีการด่ารงชีวิตท่ีสิ้นเปลืองมากข้ึน เช่น การใช้ปัจจัยที่ ๕ คือ โทรศัพท์ และยานพาหนะ การ ผลิตอาหารรับประทานเองมีน้อย จ่าเป็นต้องแก้ปัญหานี้ซึ่งแม้จะท่างานหาเงินมาได้มาก ก็ต้องน่าไป ซอ้ื อาหารหรือสงิ่ บรโิ ภคจนหมดเหมือนเดิม ดังน้ันตอ้ งพัฒนาการผลิตอาหารเอง เช่น การปลูกผักสวน ครัว เล้ียงสัตว์ โดยนักศึกษาในวิทยาลัยมีการเรียนรู้จากปราชญ์ชาวบ้านที่มีประสบการณ์ในการ ถ่ายทอดความรู้การรจู้ กั ตัวเอง แบ่งปันไมเ่ อาเปรียบ คนอ่ืนไม่เอาเปรียบธรรมชาติคุณธรรมนาชีวิตนา ธุรกจิ การงานไมเ่ อาเงินนาหน้าปัญญาและมีการนาหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่ได้เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ใน

๑๓๓ ชีวิตประจาวัน๙ สอดคล้องกับ พระมหาประยูร ติกฺขปญฺโญ,ดร. ได้ให้สัมภาษณ์ว่า การจัดการ ความรู้ในด้านความพอประมาณนนั้ ทางวทิ ยาลัยได้มีการรวบรวมความรู้จากปราชญ์ชาวบ้านและครูผู้ ทมี่ ีทักษะและประสบการณ์ในด้านงานวิชาชพี โดยมีการจัดท่าคู่มืองานวิชาชีพต่างๆ ที่ใช้ในชุมชนและ มีการฝึกอบรมและสาธิตจัดกิจกรรมงานวิชาชีพต่างๆ ให้นักศึกษาได้เรียนรู้และลงมือปฏิบัติและท่ี ส่าคัญได้มีการประเมินผลการเรียนรู้และผลของการปฏิบัติจากท่ีบ้านของนักศึกษาในส่ิงที่นักศึกษา สนใจว่ามีการพัฒนาวิชาชีพต่างๆมากน้อยหรือไม่๑๐ สอดคล้องกับ นายพัสกร คาเพราะ ได้ให้ สัมภาษณ์ว่า วิทยาลัยได้มีการจัดการให้นักเรียนคิดเป็น ท่าเป็น แก้ไขปัญหาเป็น และรู้จัก พอประมาณในการใชช้ วี ิตโดยยึดหลักความสันโดษเท่าท่ีตนเองมี โดยมีการสอนหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียงในความพอประมาณในรายวิชาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและมีการลงมือปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ การปลูกพืชผักสวนครัวและการเลี้ยงไก่ เพาะเห็ดฟาง ท่าให้นักศึกษามีวิชาชีพติดตัวและสามารถ ช่วยเหลือครอบครัวได้๑๑ สอดคล้องกับ นางสาลินี คาผาง ได้ให้สัมภาษณ์ว่า นักศึกษามีการ พัฒนาการจัดการความรู้และทักษะชีวิตตามเศรษฐกิจพอเพียงโดยการน่าไปใช้ในการด่าเนินชีวิต คือ การปลูกผกั สวนครัวกนิ ไดโ้ ดยการผลติ และบรโิ ภคด้วยตนเอง มีการเลี้ยงไก่ไขไ่ ว้ใช้ในการบริโภคและท่ี เหลือจ่าหน่ายเป็นรายได้ เป็นต้น๑๒ สอดคล้องกับ นายคณาวุฒิ คามานิธิโชติ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ความพอประมาณของนักศึกษาจะต้องอาศัย ๑) ด้านจิตใจ ต้องมีสติ มีจิตเมตตา และจิตอาสา ๒) ดา้ นสงั คม เริ่มจากครอบครวั ชุมชน สงั คม สร้างความเขม้ แขง็ ๓) ดา้ นเศรษฐกิจ ต้องมีความพอดี พอ อยู่พอกิน ไม่ฟุมเฟือย ๔) ด้านเทคโนโลยี มีความเหมาะสม และสอดคล้องกับความต้องการต่อ ตนเองและสงั คม ๕) ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ใช้อย่างประหยดั และรักษาธรรมชาติ๑๓ จากผลการสัมภาษณ์ผู้บริหารเกี่ยวกับพัฒนาการจัดการความรู้และทักษะชีวิตตามหลัก เศรษฐกิจพอเพียงส่าหรับนักศึกษาอาชีวศึกษาด้วยหลักพุทธวิธีด้านความพอประมาณ เพ่ือการ สังเคราะห์ ทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงจากผลการสัมภาษณ์ ๕ รูป/คน ดังกล่าวข้างต้น ผวู้ ิจัยพจิ ารณาเห็นว่าทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงให้ไว้นั้น แม้จะระบุชื่อท่ีแตกต่างกัน แต่มี ความหมายเป็นไปในลักษณะเดียวกัน ดังน้ัน เพื่อให้การสังเคราะห์ทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจ พอเพียงด้านความพอประมาณมีความเหมาะสม ผู้วิจัยจึงจัดทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ด้านความพอประมาณท่ีมีความหมายเหมือนกันแต่เรียกช่ือแตกต่างกันให้รวมเป็นกลุ่มท่ีเป็นกลาง ๙ สัมภาษณ์นายสมพร เทพขันธ์ ผู้จัดการวิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการราษีไศล, เมื่อวันท่ี ๖ ตุลาคม ๒๕๖๐. ๑๐ สัมภาษณ์พระมหาประยูร ติกฺขปญฺโญ,ดร. ที่ปรึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาจุลมณีศรีสะเกษ, เม่ือ วนั ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๐. ๑๑ สัมภาษณ์ นายพสั กร คาเพราะ ผู้อานวยการสถานศกึ ษาวิทยาลัยสารพัดช่างศรีสะเกษ, เมื่อวันที่ ๗ ตลุ าคม ๒๕๖๐. ๑๒ สัมภาษณ์ นางสาลินี คาผาง ครูผู้สอนวิทยาลัยอาชีวศึกษาจุลมณี ศรีสะเกษ, เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๐. ๑๓ สัมภาษณ์ นายคณาวุฒิ คามานิธิโชติ ผู้อานวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีศรีสะเกษ, เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๐.

๑๓๔ (neutral) ท่ีสะท้อนให้เห็นถึงความหมายเดียวกันและครอบคลุมทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจ พอเพียงด้านความพอประมาณอ่ืนท่ีใช้ชื่อแตกต่างกัน และน่ามาจัดเป็นกลุ่มองค์ประกอบเดียวกัน สามารถนา่ มาวิเคราะห์ความหมายไดด้ งั ตาราง ๔.๑๖ ดังนี้ ตารางที่ ๔.๑๖ วเิ คราะห์ทกั ษะชีวิตตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งด้านความพอประมาณ หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งด้านความพอประมาณ 1 2 3 4 5 รวม ๖ ๑) พัฒนาการผลิตอาหารเอง เช่น การปลูกผักสวน √ √ √ √ √ ๖ √ ครัว เลี้ยงสัตว์ และน่าหลักเศรษฐกิจพอเพียงท่ีได้ เรยี นรไู้ ปประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ประจา่ วัน ๒) จัดท่าคู่มืองานวิชาชีพต่างๆ ที่ใช้ในชุมชนและมี √ √ √ ๔√ การฝึกอบรมและสาธิตจัดกิจกรรมงานวิชาชีพ ตา่ งๆ ๓) ให้นักเรียนคิดเป็น ท่าเป็น แก้ไขปัญหาเป็น และ √ √ √ √ √ ๔ √ รู้จักพอประมาณในการใช้ชีวิตโดยยึดหลักความ สนั โดษ ๔) น่าไปใช้ในการด่าเนินชีวิต คือ การปลูกผักสวน √ √ √ √ √ ๔ √ ครวั กินได้โดยการผลติ และบรโิ ภคด้วยตนเอง ๕) ด้านจิตใจ มีสติ ด้านสังคม เร่ิมจากครอบครัว √ ๒√ ด้ า น เ ท ค โ น โ ล ยี มี ค ว า ม เ ห ม า ะ ส ม ด้ า น ทรัพยากรธรรมชาติ ใช้อย่างประหยัดและรักษา ธรรมชาติ หมายเหตอุ กั ษรย่อ : 1 = นายสมพร เทพขนั ธ์ 2 = พระมหาประยรู ติกฺขปญโฺ ญ,ดร. 3 = นายพัสกร ค่าเพราะ 4 = นางสาลินี คา่ ผาง 5 = นายคณาวุฒิ คา่ มานธิ ิโชติ 6 = ผ้วู จิ ยั จากตารางที่ ๔.๑๖ ผู้วิจัยสามารถสรุปทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้านความ พอประมาณ ดังนี้ คอื ๑) พัฒนาการผลิตอาหารเอง เช่น การปลูกผักสวนครัว เลี้ยงสัตว์ และน่าหลักเศรษฐกิจ พอเพยี งที่ไดเ้ รยี นร้ไู ปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจา่ วนั ๒) จดั ทา่ คูม่ ืองานวิชาชีพต่างๆ ทใ่ี ชใ้ นชมุ ชนและมีการฝึกอบรมและสาธิตจัดกิจกรรมงาน วิชาชพี ต่างๆ ๓) ให้นกั เรียนคิดเปน็ ท่าเปน็ แกไ้ ขปัญหาเป็น และรู้จักพอประมาณในการใช้ชีวิตโดยยึด หลกั ความสนั โดษ ๔) น่าไปใช้ในการด่าเนินชีวิต คือ การปลูกผักสวนครัวกินได้โดยการผลิตและบริโภคด้วย ตนเอง

๑๓๕ ๕) ดา้ นจิตใจ มีสติ ด้านสังคม เริ่มจากครอบครัว ด้านเทคโนโลยี มีความเหมาะสมด้าน ทรพั ยากรธรรมชาติ ใชอ้ ยา่ งประหยดั และรกั ษาธรรมชาติ ๒. ผู้บริหารและครูมีการพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา ด้วยวิธีการสัมภาษณ์ผู้บริหาร ด้านการมีเหตุผล โดยนักศึกษา จะต้องมีหลักการมีเหตุผลทั้ง ๕ ด้าน ได้แก่ ๑) น่าหลักความมีเหตุผลในการใช้ชีวิตเพื่อให้เกิด ประโยชน์สงู สุด และรอบคอบ ๒) การสง่ เสรมิ อาชีพเสริม เพ่ือเสรมิ รายได้ ๓) สรา้ งความเข้มแข็งใน หมู่คณะและองค์กรและสถาบัน ๔) การเพ่ิมผลผลิตอย่างมีคุณภาพ ๕) การน่าเทคโนโลยีมาใช้อย่าง เหมาะสมไม่กระทบสิ่งแวดล้อม๑๔ สอดคล้องกับ นางสาลินี คาผาง ได้ให้สัมภาษณ์ว่า นักศึกษามี การพัฒนาการจัดการความรู้และเพ่ิมทักษะชีวิตตามเศรษฐกิจพอเพียง โดยนักศึกษามีการตัดสินใจ โดยมีความเป็นเหตุเป็นผลมากข้ึน คิดก่อนที่จะลงมือท่า คิดอย่างรอบคอบในการวางแผนการปฏิบัติ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง นอกจากน้ีทางวิทยาลัยยังได้สอนให้นักศึกษาได้จัดท่าสมุดรายรับและ รายจ่ายในครัวเรือนอีกด้วย๑๕ สอคล้องกับ นายพัสกร คาเพราะ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า จัดให้มีการคิด อย่างมีเหตุผลในการท่างาน วางแผนการท่างานอย่างต่อเน่ือง ท่าให้นักศึกษามีการคิดอย่างมีเหตุผล เพราะไดล้ งมอื ปฏบิ ัตจิ ริง โดยมีการจัดท่าธนาคารขยะให้นักศึกษารู้จักการน่าสิ่งท่ีเหลือใช้มาแลกเป็น เงินและสะสมโดยมีสมุดบัญชีของนักศึกษาทุกคนในการเก็บสะสมทรัพย์ไว้ในคราวจ่าเป็น๑๖ สอดคลอ้ งกับ พระมหาประยูร ตกิ ฺขปญโฺ ญ,ดร. ไดใ้ หส้ มั ภาษณ์ว่า ในการปฏิบัติงานต่างๆ ต้องฝึกให้ ผปู้ ฏบิ ัติการหาเหตุผลในเรอ่ื งน้นั ๆ อยา่ งถ่องแท้ และหลักในการพิจารณา คือ โยนิโสมนสิการเพื่อให้ผู้ ปฏิบัติได้รู้เหตุผลในการปฏิบัติงานทุกอย่าง โดยทางวิทยาลัยได้จัดกิจกรรมต่างๆ ท่ีมีความสอดคล้อง กับหลักเศรษฐกิจพอเพียงและให้นักศึกษาได้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนและให้ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของ กิจกรรมด้วยการลงมือปฏิบัติอย่างต่อเน่ืองและเป็นประจ่า เช่น กิจกรรมท่าวัตรสวดมนต์ทุกวัน กิจกรรมท่าบุญมหาสังฆทาน กิจกรรมบรรพชาอุปสมบทในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เป็นต้น๑๗ สอดคล้องกับ นายสมพร เทพขันธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นส่ิงท่ีต้องค่านึงถึงมากที่สุดในการ ดา่ รงชวี ติ ซ่งึ ใช้หลักในการแกป้ ญั หาต่างให้นึกถึงหลักเหตุและผล แล้วหาทางแก้ปัญหาน้ันๆ ให้บรรลุ เปูาหมาย โดยให้นักศึกษาได้พิจารณาหลักไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ และปัญญา โดยทางวิทยาลัยให้ นักศึกษาได้ยึดถือศีล ๕ สมาทานศีล ๕ ในวันส่าคัญทางพุทธศาสนาปฏิบัติธรรมในภาคการศึกษาละ ๑๔ สัมภาษณ์ นายคณาวุฒิ คามานิธิโชติ ผู้อานวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีศรีสะเกษ, เม่ือวันที่ ๘ ตลุ าคม ๒๕๖๐. ๑๕ สัมภาษณ์ นางสาลินี คาผาง ครูผู้สอนวิทยาลัยอาชีวศึกษาจุลมณี ศรีสะเกษ, เมื่อวันท่ี ๖ ตลุ าคม ๒๕๖๐. ๑๖ สมั ภาษณ์ นายพัสกร คาเพราะ ผู้อานวยการสถานศึกษาวิทยาลัยสารพัดช่างศรีสะเกษ, เม่ือวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๐. ๑๗ สัมภาษณ์พระมหาประยูร ติกฺขปญฺโญ,ดร. ท่ีปรึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาจุลมณีศรีสะเกษ, เม่ือ วนั ที่ ๖ ตลุ าคม ๒๕๖๐.

๑๓๖ ๕ วัน โดยเป็นการเข้าค่ายคุณธรรมและเรียนรู้หลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างมีเหตุผลจากผู้ท่ีมี ประสบการณต์ รงและลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง๑๘ จากผลการสัมภาษณ์ผู้บริหารเกี่ยวกับพัฒนาการจัดการความรู้และทักษะชีวิตตามหลัก เศรษฐกิจพอเพียงส่าหรับนักศึกษาอาชีวศึกษาด้วยหลักพุทธวิธีด้านการมีเหตุผล เพ่ือการสังเคราะห์ ทักษะชวี ติ ตามหลักเศรษฐกจิ พอเพยี งจากผลการสมั ภาษณ์ ๕ รูป/คน ดังกล่าวข้างต้น ผู้วิจัยพิจารณา เหน็ วา่ ทักษะชวี ติ ตามหลักเศรษฐกจิ พอเพยี งดา้ นการมเี หตผุ ล ให้ไวน้ ้นั แม้จะระบชุ ื่อท่ีแตกต่างกัน แต่ มีความหมายเป็นไปในลักษณะเดียวกัน ดังน้ัน เพื่อให้การสังเคราะห์ทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจ พอเพยี งดา้ นการมเี หตผุ ล มีความเหมาะสม ผู้วิจยั จงึ จดั ทักษะชวี ิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้านการ มีเหตุผล ท่ีมีความหมายเหมือนกันแต่เรียกชื่อแตกต่างกันให้รวมเป็นกลุ่มท่ีเป็นกลาง (neutral) ท่ีสะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงความหมายเดียวกนั และครอบคลุมทกั ษะชีวติ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้านการมี เหตุผล อ่ืนที่ใช้ช่ือแตกต่างกัน และน่ามาจัดเป็นกลุ่มองค์ประกอบเดียวกัน สามารถน่ามาวิเคราะห์ ความหมายได้ดังตาราง ๔.๑๗ ดังน้ี ตารางท่ี ๔.๑๗ วิเคราะห์ทกั ษะชวี ิตตามหลกั เศรษฐกิจพอเพียงดา้ นการมเี หตุผล หลกั เศรษฐกจิ พอเพียงด้านการมีเหตุผล 1 2 3 4 5 รวม ๖ √ ๑) การส่งเสริมอาชีพเสริม สร้างความเข้มแข็งในหมู่ √ √ √ ๔ √ คณะและองค์กรและสถาบนั การเพ่ิมผลผลิตอย่าง √ มคี ณุ ภาพ นา่ เทคโนโลยมี าใชอ้ ยา่ งเหมาะสม √ √ ๒) จดั ทา่ สมดุ รายรับและรายจา่ ยในครัวเรือน √ √ √√ ๕ ๓) จัดท่าธนาคารขยะให้นักศึกษารู้จักการน่าส่ิงที่ √ √ √ ๔ เหลือใช้มาแลกเป็นเงินและสะสมโดยมีสมุดบัญชี ของนักศึกษาทุกคนในการเก็บสะสมทรัพย์ไว้ใน คราวจ่าเป็น ๔) โยนิโสมนสิการเพ่ือให้ผู้ปฏิบัติได้รู้เหตุผลในการ √๒ ปฏบิ ตั งิ านทกุ อย่าง ๕) ให้นักศึกษาได้พิจารณาหลักไตรสิกขา คือ ศีล √๒ สมาธิ และปัญญา โดยทางวิทยาลัยให้นักศึกษาได้ ยดึ ถอื ศลี ๕ สมาทานศลี ๕ หมายเหตุอกั ษรย่อ : 1 = นายคณาวฒุ ิ คา่ มานิธิโชติ 2 = นางสาลินี ค่าผาง 3 = นายพสั กร ค่าเพราะ 4 = พระมหาประยรู ตกิ ฺขปญโฺ ญ,ดร. 5 = นายสมพร เทพขนั ธ์ 6 = ผู้วิจยั ๑๘ สัมภาษณ์นายสมพร เทพขันธ์ ผู้จัดการวิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการราษีไศล, เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๐.

๑๓๗ จากตารางท่ี ๔.๑๗ ผู้วิจัยสามารถสรุปทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้านการมี เหตผุ ล ดงั นี้ คอื ๑) การส่งเสริมอาชีพเสริม สร้างความเข้มแข็งในหมู่คณะและองค์กรและสถาบัน การ เพม่ิ ผลผลติ อย่างมคี ณุ ภาพ น่าเทคโนโลยีมาใชอ้ ย่างเหมาะสม ๒) จัดทา่ สมุดรายรับและรายจา่ ยในครัวเรอื น ๓) จดั ท่าธนาคารขยะใหน้ กั ศกึ ษาร้จู ักการนา่ สิ่งท่ีเหลือใช้มาแลกเป็นเงินและสะสมโดยมี สมดุ บัญชีของนกั ศกึ ษาทุกคนในการเกบ็ สะสมทรพั ย์ไวใ้ นคราวจ่าเป็น ๔) โยนิโสมนสิการเพื่อใหผ้ ปู้ ฏิบัตไิ ดร้ เู้ หตผุ ลในการปฏบิ ตั ิงานทุกอยา่ ง ๕) ให้นักศึกษาไดพ้ จิ ารณาหลักไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ และปัญญา โดยทางวิทยาลัยให้ นกั ศึกษาได้ยดึ ถือศีล ๕ สมาทานศีล ๕ ๓. ผู้บริหารและครูมีการพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา ด้วยวิธีการสัมภาษณ์ผู้บริหาร ด้านภูมิคุ้มกัน การเตรียมการ ปูองกัน หรอื เป็นการวางแผนเพื่ออนาคตในการทา่ กิจกรรมตา่ งๆ เพ่ือปูองกันการผิดพลาดหรือจัดการ ได้ทนั ที โดยทางวิทยาลัยไดใ้ หน้ ักศึกษาจดั ท่าบญั ชีธนาคารขยะโดยมธี นาคารสหกรณ์การเกษตรได้เข้า มาเปิดบัญชีให้กับนักศึกษาและทางวิทยาลัยได้ให้นักศึกษาจัดการออมวันละ ๑๐-๒๐ บาท รวมถึง จดั ตั้งธนาคารขยะรีไซเคิลให้น่าขยะมาแลกกับเงินเป็นการวางแผนการเงินให้กับนักศึกษาไว้ใช้จ่ายใน คราวจ่าเป็น๑๙ สอดคล้องกับ พระมหาประยูร ติกฺขปญฺโญ,ดร. ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ฝึกบุคลากรให้มี ภูมิคุ้มกันของชีวิตด้วยการฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐานเพื่อให้ใจมีภูมิคุ้มกัน คือ มีจิตท่ีเข้มแข็งและการ ปฏิบัตงิ านก็จะมีผลสมั ฤทธิม์ ากขึ้น โดยการจัดกิจกรรมและให้นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมหลักๆ ของวิทยาลัยมกี ารปลูกผกั สวนครัว เลยี้ งไก่ เลีย้ งปลา เลี้ยงสัตว์ร่วมถึงการเพราะเห็ด เป็นการปลูกฝัง ให้นักศึกษาได้มีภูมิคุ้มกันจากองค์ความรู้ของเศรษฐกิจพอเพียงหลังจากจบการศึกษาจากวิทยาลัย เรียบร้อยแล้ว๒๐ สอดคล้องกับ นายพัสกร คาเพราะ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า วิทยาลัยได้ฝึกให้นักศึกษามี ภูมิคุ้มกนั ในด้านการแกไ้ ขปัญหาและควบคุมอารมณ์ในชีวิตประจ่าวันได้ สามารถแยกเร่ืองส่วนตัวกับ เรื่องส่วนร่วมได้ในการปฏิบัติงานและมีการเชิญนักปราชญ์ชาวบ้านท่ีมีความรู้และประสบการณ์มา ถ่ายทอดความรูใ้ ห้แก่นักศึกษาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้น่าความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจ่าวันเป็นภูมิคุ้มกัน อย่างดีแก่นักศึกษา๒๑ สอดคล้องกับ นางสาลินี คาผาง ได้ให้สัมภาษณ์ว่า นักศึกษามีภูมิคุ้มกันใน การด่าเนินชีวิตมากขึ้น สามารถท่ีจะเตรียมความพร้อมต่างๆ ให้เหมาะสมกับเหตุการณ์และ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี โดยได้จากประสบการณ์ท่ีได้ลงมือปฏิบัติจริงๆ ท่าให้เกิด ๑๙ สัมภาษณ์นายสมพร เทพขันธ์ ผู้จัดการวิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการราษีไศล, เมื่อวันท่ี ๖ ตลุ าคม ๒๕๖๐. ๒๐ สัมภาษณ์พระมหาประยูร ติกฺขปญฺโญ,ดร. ที่ปรึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาจุลมณีศรีสะเกษ, เม่ือ วนั ท่ี ๖ ตลุ าคม ๒๕๖๐. ๒๑ สัมภาษณ์ นายพัสกร คาเพราะ ผ้อู านวยการสถานศึกษาวิทยาลัยสารพัดช่างศรีสะเกษ, เมื่อวันท่ี ๗ ตุลาคม ๒๕๖๐.

๑๓๘ ประสบการณ์จริง และสามารถน่าไปใช้ได้จริง๒๒ สอดคล้องกับ นายคณาวุฒิ คามานิธิโชติ ได้ให้ สัมภาษณ์ว่า นักศึกษามีภูมิคุ้มกันในการใช้ชีวิต ได้แก่ ๑) การรวมกลุ่มและระดมทุน ๒) ส่งเสริมให้ สมาชิกกลุ่มลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ๓) สร้างแรงจูงใจเกิดความเข้มแข็ง โดยวิทยาลัยให้นักศึกษาได้มี ประสบการณ์จริง ลงมอื ปฏิบัติจริง และประเมินผลจากการปฏบิ ตั ิจริง๒๓ จากผลการสัมภาษณ์ผู้บริหารเก่ียวกับพัฒนาการจัดการความรู้และทักษะชีวิตตามหลัก เศรษฐกิจพอเพียงส่าหรับนักศึกษาอาชีวศึกษาด้วยหลักพุทธวิธีด้านภูมิคุ้มกัน เพื่อการสังเคราะห์ ทักษะชีวติ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงจากผลการสมั ภาษณ์ ๕ รูป/คน ดังกล่าวข้างต้น ผู้วิจัยพิจารณา เห็นว่าทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้านภูมิคุ้มกัน ให้ไว้น้ัน แม้จะระบุชื่อท่ีแตกต่างกัน แต่มี ความหมายเป็นไปในลักษณะเดียวกัน ดังนั้น เพื่อให้การสังเคราะห์ทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจ พอเพียงด้านภูมิคุ้มกัน มีความเหมาะสม ผู้วิจัยจึงจัดทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้าน ภูมิคุ้มกัน ที่มีความหมายเหมือนกันแต่เรียกชื่อแตกต่างกันให้รวมเป็นกลุ่มที่เป็นกลาง (neutral) ท่ีสะท้อนให้เห็นถึงความหมายเดียวกันและครอบคลุมทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้าน ภมู คิ ุ้มกนั อนื่ ที่ใชช้ ่อื แตกต่างกัน และน่ามาจัดเป็นกลุ่มองค์ประกอบเดียวกัน สามารถน่ามาวิเคราะห์ ความหมายได้ดังตาราง ๔.๑๘ ดงั น้ี ตารางท่ี ๔.๑๘ วเิ คราะห์ทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้านภูมคิ ุ้มกัน หลกั เศรษฐกิจพอเพยี งด้านภูมคิ ุ้มกัน 1 2 34 5 รวม ๖ ๓√ ๑) จัดท่าบัญชีธนาคารขยะโดยมีธนาคารสหกรณ์ √ √ √ √ ๔√ การเกษตรได้เข้ามาเปิดบัญชีให้กับนักศึกษาและ ๓√ ทางวทิ ยาลัย ๓√ ๒) ฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐานเพื่อให้ใจมีภูมิคุ้มกัน คือ มี √ √ √ ๕√ จิตที่เข้มแข็งและการปฏิบัติงานก็จะมีผลสัมฤทธิ์ มากขน้ึ ๓ ) ก า ร แ ก้ ไ ข ปั ญ ห า แ ล ะ ค ว บ คุ ม อ า ร ม ณ์ ใ น √ √ ชีวิตประจ่าวันได้มีการเชิญนักปราชญ์ชาวบ้านท่ีมี ความรู้และประสบการณ์มาถ่ายทอดความรู้ให้แก่ นกั ศึกษาอย่างต่อเนือ่ ง ๔) ลงมือปฏิบัติจริงๆ ท่าให้เกิดประสบการณ์จริง √ และสามารถน่าไปใชไ้ ดจ้ ริง ๕) การรวมกลุ่มและระดมทุน ส่งเสริมให้สมาชิกกลุ่ม √ √√ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ สร้างแรงจูงใจเกิดความ ๒๒ สัมภาษณ์ นางสาลินี คาผาง ครูผู้สอนวิทยาลัยอาชีวศึกษาจุลมณี ศรีสะเกษ, เม่ือวันท่ี ๖ ตลุ าคม ๒๕๖๐. ๒๓ สัมภาษณ์ นายคณาวุฒิ คามานิธิโชติ ผู้อานวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีศรีสะเกษ, เม่ือวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๐.

๑๓๙ เขม้ แขง็ มีประสบการณ์จริง ลงมือปฏิบัติจริง และ ประเมนิ ผลจากการปฏิบัติจรงิ หมายเหตอุ ักษรยอ่ : 1 = นายสมพร เทพขนั ธ์ 2 = พระมหาประยรู ติกฺขปญโฺ ญ,ดร. 3 = นายพสั กร คา่ เพราะ 4 = นางสาลินี คา่ ผาง 5 = นายคณาวุฒิ คา่ มานธิ โิ ชติ 6 = ผวู้ จิ ัย จากตารางท่ี ๔.๑๘ ผู้วิจัยสามารถสรุปทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้านการมี เหตผุ ล ดงั นี้ คือ ๑) จัดท่าบัญชีธนาคารขยะโดยมีธนาคารสหกรณ์การเกษตรได้เข้ามาเปิดบัญชีให้กับ นกั ศึกษาและทางวิทยาลัย ๒) ฝกึ วิปสั สนากมั มฏั ฐานเพ่อื ให้ใจมภี มู คิ มุ้ กัน คอื มีจติ ทีเ่ ข้มแข็งและการปฏิบัติงานก็จะ มีผลสมั ฤทธ์มิ ากขึน้ ๓) การแกไ้ ขปญั หาและควบคุมอารมณ์ในชีวิตประจ่าวันได้มีการเชิญนักปราชญ์ชาวบ้าน ทีม่ คี วามรูแ้ ละประสบการณ์มาถา่ ยทอดความรู้ให้แกน่ กั ศึกษาอยา่ งตอ่ เน่ือง ๔) ลงมือปฏบิ ตั ิจรงิ ๆ ท่าใหเ้ กิดประสบการณ์จริง และสามารถนา่ ไปใชไ้ ด้จรงิ ๕) การรวมกลุ่มและระดมทุน ส่งเสริมให้สมาชิกกลุ่มลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ สร้าง แรงจูงใจเกิดความเขม้ แขง็ มีประสบการณจ์ รงิ ลงมอื ปฏิบัติจริง และประเมินผลจากการปฏิบัตจิ รงิ ๔. ผู้บริหารและครูมีการพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของนักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา ด้วยวิธีการสัมภาษณ์ผู้บริหาร ด้านเง่ือนไขความรู้ นักศึกษามี ความรู้ในรายวิชาท่ีเรียนมากข้ึน สามารถที่จะวางแผนองค์ความรู้ในการประกอบการเรียนได้อย่างมี ความรอบคอบ ระมัดระวัง โดยผ่านการวัดและประเมินผลในรายวิชารวมถึงวิชาชีพที่ตนได้เรียนและ ศึกษาอย่างสม่าเสมอ๒๔ สอดคล้องกับ นายพัสกร คาเพราะ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า นักศึกษาได้น่า ความร้ทู ไ่ี ด้เรยี นรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ่าวันอย่างเป็นรูปธรรม เล้ียงชีพได้จากการฝึกอบรม และ หาความรูแ้ ละประสบการณ์เพอ่ื พฒั นาวิชาชพี ของตนอยา่ งต่อเนอ่ื งรวมถึงการสะสมประสบการณ์จาก ปราชญช์ าวบา้ นและผู้มคี วามรเู้ ฉพาะสายวิชาชีพน้ันๆ๒๕ สอดคล้องกับ พระมหาประยูร ติกฺขปญฺโญ ,ดร. ได้ให้สัมภาษณ์ว่า นักศึกษาได้น่าความรู้ท่ีเกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่น่ามาเชื่อมโยงกับการ ปฏิบัติงานน้ันสามารถเสริมหรือพัฒนางานได้อย่างที่ดีย่ิงและนักศึกษาได้พัฒนาทักษะชีวิตให้กับ ๒๔ สัมภาษณ์ นางสาลินี คาผาง ครูผู้สอนวิทยาลัยอาชีวศึกษาจุลมณี ศรีสะเกษ, เม่ือวันที่ ๖ ตลุ าคม ๒๕๖๐. ๒๕ สัมภาษณ์ นายพสั กร คาเพราะ ผู้อานวยการสถานศึกษาวิทยาลยั สารพัดช่างศรีสะเกษ, เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๐.

๑๔๐ ประชาชนและผู้ท่ีสนใจในวิชาชีพและน่าไปประกอบสัมมาอาชีพในชีวิตประจ่าวันได้๒๖ สอดคล้องกับ นายคณาวุฒิ คามานิธิโชติ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ทางวิทยาลัยได้จัดอบรมวิชาชีพส่าหรับนักศึกษา ประจ่าทุกเดือนโดยจะมีปราชญ์ชาวบ้านด้านเกษตรผสม, ด้านการจักรสาน, การท่าเกษตรอินทรีย์ การปลูกพืชผักสวนครัว มาสาธิตลงมือปฏิบัติและอบรมแก่นักศึกษาท่าให้นักศึกษาได้น่ากลับไปใช้ใน ชีวิตประจ่าวันในวันหยุดรวมถึงได้แนะน่าคนในครอบครัวได้ถูกต้อง๒๗ สอดคล้องกับ นายสมพร เทพขนั ธ์ ไดใ้ ห้สัมภาษณ์ว่า นักศกึ ษาส่วนใหญเ่ ม่ือจบการศึกษาไปแล้วได้มีการน่าวิชาชีพท่ีตนได้เรียน และศกึ ษาไปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตประจา่ วนั และตอ่ ยอดความรไู้ ด้ บางคนเรยี นไปแล้วไปเปิดอู่ซ่อมรถ ไป เรียนต่อเป็นวิศวกร ไปท่าธุรกิจส่วนตัวต่างๆ และนักศึกษาท่ียังศึกษาอยู่ก็ได้น่าความรู้ท่ีได้ฝึกอบรม บ่อยครั้งไปประยุกต์ใช้อย่างเป็นรูปธรรมโดยทางวิทยาลัยได้ออกเยี่ยมบ้านนักศึกษาและประเมินผล ของการเรียนผา่ นการใชช้ ีวติ จริงของนกั ศึกษาอย่างต่อเน่ืองโดยออกประเมินภาคการศึกษาละ ๑ คร้ัง เปน็ อยา่ งน้อย๒๘ จากผลการสัมภาษณ์ผู้บริหารเกี่ยวกับพัฒนาการจัดการความรู้และทักษะชีวิตตามหลัก เศรษฐกจิ พอเพียงสา่ หรบั นกั ศึกษาอาชวี ศึกษาด้วยหลักพุทธวิธีด้านเง่ือนไขความรู้ เพ่ือการสังเคราะห์ ทักษะชีวิตตามหลกั เศรษฐกิจพอเพียงจากผลการสัมภาษณ์ ๕ รูป/คน ดังกล่าวข้างต้น ผู้วิจัยพิจารณา เห็นว่าทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้านเงื่อนไขความรู้ ให้ไว้น้ัน แม้จะระบุช่ือที่แตกต่างกัน แตม่ ีความหมายเป็นไปในลักษณะเดียวกัน ดังน้ัน เพ่ือให้การสังเคราะห์ทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจ พอเพียงด้านเง่ือนไขความรู้ มีความเหมาะสม ผู้วิจัยจึงจัดทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้าน เงื่อนไขความรู้ ท่มี ีความหมายเหมือนกันแต่เรียกช่ือแตกต่างกันให้รวมเป็นกลุ่มท่ีเป็นกลาง (neutral) ที่สะท้อนให้เห็นถึงความหมายเดียวกันและครอบคลุมทักษะชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้าน เง่ือนไขความรู้ อื่นที่ใช้ช่ือแตกต่างกัน และน่ามาจัดเป็นกลุ่มองค์ประกอบเดียวกัน สามารถน่ามา วเิ คราะห์ความหมายไดด้ งั ตาราง ๔.๑๙ ดงั น้ี ตารางท่ี ๔.๑๙ วเิ คราะห์ทกั ษะชวี ิตตามหลักเศรษฐกจิ พอเพยี งด้านเง่ือนไขความรู้ หลักเศรษฐกจิ พอเพียงด้านเงื่อนไขความรู้ 1 2 3 4 5 รวม ๖ ๔√ ๑) วางแผนองค์ความรู้ในการประกอบการเรียนได้ √ √ √ ๕√ อย่างมีความรอบคอบ ระมัดระวัง โดยผ่านการวัด และประเมนิ ผลในรายวิชา ๒) ความรู้ที่ได้เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ่าวัน √ √ √ √ อย่างเป็นรูปธรรม การสะสมประสบการณ์จาก ๒๖ สัมภาษณ์พระมหาประยูร ติกฺขปญฺโญ,ดร. ท่ีปรึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาจุลมณีศรีสะเกษ, เม่ือ วันท่ี ๖ ตุลาคม ๒๕๖๐. ๒๗ สัมภาษณ์ นายคณาวุฒิ คามานิธิโชติ ผู้อานวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีศรีสะเกษ, เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๐. ๒๘ สัมภาษณ์นายสมพร เทพขันธ์ ผู้จัดการวิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการราษีไศล, เม่ือวันท่ี ๖ ตุลาคม ๒๕๖๐.

๑๔๑ ปราชญ์ชาวบ้านและผู้มีความรู้เฉพาะสายวิชาชีพ นั้นๆ ๓) พัฒนาทักษะชีวิตให้กับประชาชนและผู้ที่สนใจใน √ √ √ ๔√ วิช าชีพและน่าไปประกอบสัมมาอาชีพใน ชวี ติ ประจา่ วันได้ ๔) จดั อบรมวิชาชีพสา่ หรับนักศกึ ษาประจ่าทกุ เดอื น √ √√ ๔√ ๕) ออกเย่ียมบ้านนักศึกษาและประเมินผลของการ √ √ ๓√ เรียนผ่านการใช้ชีวิตจริงของนักศึกษาอย่าง ตอ่ เน่อื ง หมายเหตุอกั ษรย่อ : 1 = นางสาลินี คา่ ผาง 2 = นายพัสกร คา่ เพราะ 3 = พระมหาประยูร ติกขฺ ปญฺโญ,ดร. 4 = นายคณาวุฒิ ค่ามานิธโิ ชติ 5 = นายสมพร เทพขันธ์ 6 = ผวู้ จิ ยั จากตารางท่ี ๔.๑๙ ผู้วจิ ัยสามารถสรุปทักษะชวี ติ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้านเงื่อนไข ความรู้ ดงั นี้ คอื ๑) วางแผนองค์ความรู้ในการประกอบการเรียนไดอ้ ยา่ งมคี วามรอบคอบ ระมัดระวัง โดย ผ่านการวัดและประเมนิ ผลในรายวชิ า ๒) ความรู้ที่ได้เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ่าวันอย่างเป็นรูปธรรม การสะสม ประสบการณจ์ ากปราชญ์ชาวบ้านและผมู้ ีความรเู้ ฉพาะสายวชิ าชีพน้นั ๆ ๓) พัฒนาทักษะชีวิตให้กับประชาชนและผู้ท่ีสนใจในวิชาชีพและน่าไปประกอบสัมมา อาชพี ในชีวิตประจ่าวันได้ ๔) จัดอบรมวชิ าชีพสา่ หรบั นกั ศึกษาประจ่าทกุ เดือน ๕) ออกเยยี่ มบา้ นนกั ศกึ ษาและประเมินผลของการเรยี นผา่ นการใช้ชีวิตจริงของนักศึกษา อยา่ งต่อเนอื่ ง ๕. ผู้บริหารและครูมีการพัฒนาทักษะชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของนกั ศกึ ษาวทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษา ดว้ ยวธิ ีการสัมภาษณ์ผู้บริหาร ด้านเงื่อนไขคุณธรรม คุณธรรมที่ ทุกคนควรมแี ละปฏบิ ตั ิคือ ศลี ๕ และหิริ โอตตัปปะ ซึ่งเป็นพื้นฐานของคนดี ที่ส่าคัญต้องขยันฝึกเป็น ประจา่ และมสี ตใิ นการด่าเนินชีวิตเพราะการน่าหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในชีวิตประจ่าวันเป็นสิ่งที่ ยากพอสมควรเพราะต้องมีปัญหาในการใช้ชีวิตต่างๆ เข้ามาเป็นบททดสอบ นักศึกษาจ่าเป็นจะต้อง อาศยั สตใิ นการใชช้ วี ติ มีความเสียสละและอดทนจงึ จะสามารถประสบผลสา่ เรจ็ ในชีวิตได้๒๙ สอดคล้อง กับ พระมหาประยูร ติกฺขปญฺโญ,ดร. ได้ให้สัมภาษณ์ว่า คุณธรรมเป็นเรื่องส่าคัญท่ีวิทยาลัยให้การ ๒๙ สัมภาษณ์นายสมพร เทพขันธ์ ผู้จัดการวิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการราษีไศล, เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๐.