๓๖ ผลที่จะเกิดข้ึนในแตละทางเลือกและสามารถนําประสบการณ์มาปรับใชในชีวิตประจําวันไดอยาง เหมาะสม ๒)ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ(Critical thinking) เป็นความสามารถในการคิด ออกไปอยา งกวางขวาง โดยไมย ึดติดอยูในกรอบ องค์ประกอบของทักษะชีวิตดานจิตพิสัย หรือเจตคติ (ทักษะดานจิตใจ) หมายถึง การฝึกฝนควบคุมนึกคิด ใหอยูในสภาพที่ม่ันคงใสสะอาดในความดีงาม ประกอบดวยคุณธรรมตาง ๆ เชนความรัก ความมีเมตตา กรุณาความเป็นมิตร ความมีนํ้าใจ ความมี สัมมาคารวะ ความรูจ ักยอมรบั และ เหน็ ความสาํ คญั ของผอู ื่นความกตญั ญู ความเพียรพยายาม ความ ซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต ๓) ทักษะการตระหนักรู้ในตน (Self awareness) เปน็ ความสามารถในการคนหารูจัก และเขาใจตนเอง เชน รูขอดี ขอเสียของตนเอง รูความตองการ และส่ิงท่ีไมตองการของตนเอง ซ่ึงจะ ชวยใหเรารูตัวเองเวลาเผชิญกับความเครียดหรือสถานการณ์ตาง ๆ และทักษะน้ียังเป็นพ้ืนฐานของ การพัฒนาทกั ษะอนื่ ๆ เชน การสือ่ สาร การสรางสัมพนั ธภาพ การตดั สนิ ใจ ความเหน็ อกเห็นใจผูอ่ืน ๔) ทักษะการเข้าใจผู้อ่ืน (Empathy) เป็น ความสามารถในการเขาใจความเหมือน หรือความแตกตางระหวา งบคุ คล ในดานความสามารถ เพศ วัย ระดับการศึกษา ศาสนา ความเชื่อ สี ผิว อาชีพ ฯลฯ ชวยใหสามารถยอมรับบุคคลอ่ืนที่ตางจากเรา เกิดการชวยเหลือบุคคลอื่นท่ีดอยกวา หรือไดรับความเดือดรอน เชน ผูติดยาเสพติด ผูติดเชื้อเอดส์ องค์ประกอบของทักษะชีวิตดานทักษะ พิสัย หรือทักษะสังคม (ทักษะ ดานการกระทํา) หมายถึง การฝึกฝนตนเองใหมีทักษะดานวินัยให ตนเองเพื่อควบคุมพฤติกรรมของตนเองให เหมาะสมไมเบียดเบียน ไมสรางความรําคาญ ไมสราง ความเดือดรอนไมสรางความลําบาก ใหแกตนเอง และ สังคมสามารถอยูรวมกับผูอ่ืนไดดวยดี เป็น ประโยชนต์ อสังคมเนน ความสจุ รติ ทางกายและวาจา ๕) ทักษะการตัดสินใจ (Decision making) เป็น ความสามารถในการตัดสินใจ เกี่ยวกับเร่อื งราวตา ง ๆ ในชีวติ ไดอ ยา งมรี ะบบ เชน ถาบุคคลสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการกระทําของ ตนเองที่เกยี่ วกบั พฤติกรรมดา น สุขภาพ หรือความปลอดภัยในชีวิต โดยประเมินทางเลือกและผลที่ได จากการตัดสนิ ใจเลอื กทางทถ่ี ูกตองเหมาะสม ก็จะมีผลตอการมีสขุ ภาพทด่ี ที งั้ รา งกายและจติ ใจ ๖) ทักษะการแก้ปัญหา (Problem solving) เป็น ความสามารถในการจัดการกับ ปัญหาทเี่ กดิ ขึน้ ในชีวิตไดอ ยา งมรี ะบบ ไมเ กิดความเครยี ดทางกายและจิตใจ จนอาจลุกลามเป็นปัญหา ใหญโตเกนิ แกไข ๗)ทักษะการส่ือสารอย่างมีประสิทธิภาพ (Effective communication) เป็น ความสามารถในการใชคําพูดและทาทางเพ่ือแสดงออกถึงความรูสึกนึกคิดของตนเอง ไดอยาง เหมาะสมกับวัฒนธรรม และสถานการณ์ตาง ๆ ไมวาจะเป็นการแสดงความคิดเห็น การแสดงความ ตองการ การแสดงความชื่นชม การขอรอง การเจรจาตอรอง การตักเตือน การชวยเหลือ การปฏิเสธ ฯลฯ ๘) ทกั ษะการสร้างสมั พนั ธภาพระหว่างบุคคล (Interpersonal เป็นความสามารถใน การสรางความสมั พนั ธ์ที่ดีระหวา งกนั และกนั และสามารถรักษาสมั พันธภาพไวไดย ืนยาว
๓๗ ๙)ทักษะการจัดการกับอารมณ์ (Coping with emotion) เป็น ความสามารถในการ รับรูอารมณ์ของตนเองและผูอื่น รูวาอารมณ์มีผลตอการแสดงพฤติกรรมอยางไร รูวิธีการจัดการกับ อารมณโ์ กรธ และความเศราโศก ทสี่ งผลทางลบตอรางกาย และจติ ใจไดอ ยางเหมาะสม ๑๐) ทักษะการจัดการกับความเครียด (Coping with stress) เป็น ความสามารถใน การรับรูถึงสาเหตุของความเครียด รูวิธีผอนคลายความเครียด และแนวทางในการควบคุมระดับ ความเครียด เพ่ือใหเกิดการเบ่ียงเบนพฤติกรรมไปในทางท่ีถูกตองเหมาะสมและไมเกิดปัญหา ดาน สุขภาพ การศึกษาขององคก์ ารช่วยเหลือเดก็ แห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ไดก ลาวถึงองคป์ ระกอบของทกั ษะชีวิตไว ๙ ประการ ๑.ทกั ษะการวเิ คราะห์และประเมนิ สถานการณ์ ๒. ทักษะในการประเมนิ ศักยภาพของตนเองในสถานการณ์เฉพาะหนา ๓. ทักษะในการคดิ หาทางเลอื กและวเิ คราะห์จดั ลาํ ดับ ๔.ทกั ษะในการตัดสนิ ใจอยา งมเี หตุผลในการเลอื กทางทีเ่ หมาะสมที่สุด ๕.ทกั ษะในการสอื่ สารเพื่อถายทอดและการตัดสนิ ใจ ๖.ทักษะในการปฏิเสธการเจรจาตอรองเพ่ือรักษานํ้าใจและเพื่อประโยชน์อันชอบธรรม ของตนเอง ๗.ทักษะการควบคุมอารมณ์ ความคดิ เห็นและพฤติกรรมภายใตแรงกดดัน ๘.ทักษะการพัฒนาและปรบั เปล่ียนทศั นคติของตนเองและผูเก่ียวของ ๙. ทักษะการใชเหตุผลโนมนาวจูงใจผูอื่นใหคลอยตามและสนับสนุนแนวคิดและการ กระทาํ ท่ถี ูกตอง๓๓ ๒.๓.๓ ทักษะชีวิตในประเทศไทย ในประเทศไทยไดมีการนําทักษะชีวิตไปใชในการจัดการเรียนการสอนและเร่ิมแพรหลาย ต้ังแตปี ๒๕๓๘ เป็นตนมากรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการไดมีการ นําเอาทักษะชีวิตไปใชในการจัดการ เรียนการสอนและการจัดกิจกรรมการปูองกันและแกไขปัญหา เอดส์ดวยเหตุน้ีเองไดมีการพัฒนาทักษะชีวิตโดยการปรับโครงสรางและองค์ประกอบของทักษะชีวิต ใหสอดคลองกับการดําเนินงานดานการปูองกันเอดส์โดยกรมสุขภาพจิตสาธารณสุขไดกําหนด องคป์ ระกอบของทกั ษะชวี ติ ไว ๑๒ ทกั ษะประกอบดวย ๑. ทักษะความคิดวเิ คราะหว์ จิ ารณ์ ๒. ทักษะความคิดสรางสรรค์ ๓. ทักษะความตระหนักรูใ นตน ๔. ทกั ษะความเหน็ ใจผูอ ื่น ๕. ทักษะความภูมิใจในตนเอง ๖. ทกั ษะความรับผดิ ชอบตอ สงั คม ๗. ทกั ษะการสรา งสัมพันธภาพ ๓๓กรมสุขภาพจติ กระทรวงสาธารณสขุ . คู่มือส่งเสริมสุขภาพจติ นกั เรียนระดับมัธยมศึกษาสาหรับ ครูกรุงเทพ, ๒๕๔๑.
๓๘ ๘. ทักษะการสื่อสาร ๙. ทักษะการตัดสนิ ใจ ๑๐. ทักษะการแกไขปญั หา ๑๑. ทกั ษะการจดั การกับอารมณ์ ๑๒. ทกั ษะในการจัดการกับความเครียด๓๔ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไดกําหนดองค์ประกอบทักษะชีวิตที่ สําคัญที่จะสรางและพัฒนาเป็นภูมิคุมกันชีวิตใหแกเด็กและเยาวชนในสภาพสังคมปัจจุบั นและ เตรียมพรอมสําหรับอนาคตไว ๔ องคป์ ระกอบ ดังนี้ ๑) การตระหนักรู้และเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น การตระหนักรูและเห็นคุณคาใน ตนเองและผูอ่ืน หมายถึง การรูจักความถนัดความสามารถ จุดเดน จุดดอยของตนเอง เขาใจความ แตกตา ง ของแตละบุคคล รูจักตนเอง ยอมรับเห็นคุณคาและภาคภูมิใจในตนเองและผูอื่น มีเปูาหมาย ในชวี ิต และมีความรับผิด ๒) การคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแกปัญหาอยางสรางสรรค์ หมายถึง การแยกแยะขอมูลขาวสาร ปัญหาและสถานการณ์ รอบตัว วิพากษ์วิจารณ์ และประเมินสถานการณ์รอบตัวดวยหลักเหตุผลและขอมูลที่ถูกตองรับรู ปญั หา สาเหตขุ องปญั หา หาทางเลือกและตัดสินใจแกป ญั หาใน สถานการณต์ าง ๆ อยางสรางสรรค์ ๓) การจัดการกับอารมณ์และความเครียด การจัดการกับอารมณ์และความเครียด หมายถึง ความเขาใจและรูเทาทันภาวะอารมณ์ของบุคคลรูสาเหตุของความเครียด รูวิธีการควบคุม อารมณแ์ ละความเครยี ด รวู ิธผี อ นคลาย หลีกเล่ียงและปรับเปล่ียนพฤติกรรมที่จะกอใหเกิดอารมณ์ไม พึงประสงค์ไปในทางที่ดี ๔) การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น การสรางสัมพันธภาพที่ดีกับผูอ่ืน หมายถึง การ เขา ใจมมุ มอง อารมณ์ ความรูสึกของผอู ื่น ใชภาษาพูดและภาษากาย เพื่อสื่อสารความรูสึก นึกคิดของ ตนเอง รับรูค วามรสู ึกนกึ คิดและความตอ งการของผูอ น่ื วางตัวไดถูกตอง เหมาะสมในสถานการณ์ตาง ๆ ใชก ารสือ่ สารทีส่ ราง สัมพนั ธภาพทด่ี สี รางความรวมมือและทาํ งานรวมกับผอู ่ืนไดอยา งมคี วามสุข๓๕ สรุปไดวา องค์ประกอบของทักษะชีวิตจากแนวคิดของนักวิชาการดังกลาว ประกอบดวยทักษะที่สําคัญ ๔ ประการ ไดแก ๑) การตระหนักรูและเห็นคุณคาในตนเองและผูอ่ืน ๒) การคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจ และแกปัญหาอยางสรางสรรค์ ๓) การจัดการกับอารมณ์และ ความเครียด ๔) การสรางสัมพันธภาพที่ดีกับผูอื่น โดยทั้ง ๔ ทักษะนี้เป็นทักษะท่ีสําคัญอยางมาก เพราะเป็นทักษะท่ีชวยพัฒนาผูเรียนใหเกิดการเรียนรูท่ีดี มีศักยภาพในการดําเนินชีวิตประจําวันใน สงั คมได สามารถแกไขปญั หาในชีวิตได และอยูรวมกบั ผูอ น่ื ในสงั คมไดเ ปน็ อยา งดี ๓๔กรมสขุ ภาพจิตกระทรวงสาธารณสุข, เรอ่ื งเดยี วกัน. ๓๕ องคป์ ระกอบของทกั ษะชวี ิต, https://6301kiettisako.wordpress.com [ออนไลน์ วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๑]
๓๙ ๒.๔ แนวคดิ ทฤษฎีเกย่ี วกบั หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางการดํารงชีวิตที่ประชาชนคนไทย นํามาใชกันอยาง แพรหลาย การศึกษาถึงหลักการ แนวคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงใหมีความเขาใจเป็นอยางดี เพื่อท่ีจะไดนํามาปรับใชไดอยางเหมาะสมกับสภาพสังคมในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอยางยิ่งในสวนที่ เป็นการปลกู ฝงั ความคดิ เรอ่ื งเศรษฐกิจพอเพียงใหแกเยาวชน โดยเร่ิมตนจากการศึกษาถึงความหมาย แนวคิดหรือความเปน็ มาของหลักเศรษฐกิจพอเพียง ดังตอ ไปนี้ ๒.๔.๑ ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง จากการศึกษาคน ควาจากเอกสาร และงานวจิ ยั ตาง ๆ ทําใหท ราบถึงความหมาย หลักการ แนวคดิ รวมถึงงานวจิ ยั ตาง ๆ ท่เี ก่ยี วขอ งกับเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดงั นี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไดพระราชทานพระราชดํารัส เก่ียวกับความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง ไวดังนี้ เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง พอมี พอกิน ไมฟุมเฟือย ไมหรูหราก็ไดแตวาพอ แมบางอยางอาจดูฟุมเฟือย แตถาทําใหมีความสุข ถาทําได ก็ สมควรทจี่ ะทาํ สมควรทจ่ี ะปฏบิ ตั ิ๓๖ อาพน กิตติอาพน ดร. ไดใหความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง ความ พอประมาณ ความมีเหตผุ ล รวมถึงความจาํ เป็นทจ่ี ะตองมีระบบภมู ิคุมกันในตัวท่ีดีพอสมควร ตอการ มีผลกระทบใด ๆ อนั เกิดจากการเปล่ยี นแปลงทงั้ ภายในและภายนอก๓๗ ประเวศ วะสี ไดกลาวถึง เศรษฐกิจพอเพียงวาหมายถึง การมีจิตใจท่ีพอเพียง มีความ วริ ยิ ะพอเพยี ง มีปัญญาพอเพยี ง มวี ัฒนธรรมท่ีพอเพียง มีสิ่งแวดลอมท่ีพอเพียง และมีความเอื้ออาทร ตอกัน หลักของเศรษฐกิจพอเพียงน้ัน ก็คือ เศรษฐกิจท่ีบูรณาการไดดุลยภาพ มีความเป็นปกติ สุเมธ ตันติเวชกุล ไดกลาวถึง เศรษฐกิจพอเพียงวาหมายถึง เศรษฐกิจท่ีสามารถอุมชู ตัวเองใหอยูไดโดยไมตองเดือดรอน โดยสรางพื้นฐานทางเศรษฐกิจของตนเองใหดีเสียกอน คือ ตั้งตัว ใหมีความพอกิน พอใช ไมมุงหวังแตจะทุมเทสรางความเจริญ ยกเศรษฐกิจใหรวดเร็วแตเพียงอยาง เดยี ว เพราะผูท ่ีมอี าชีพและฐานะเพยี งพอทจ่ี ะพึ่งตนเองไดยอมสามารถสรางความเจริญกาวหนา และ ฐานะทางเศรษฐกิจขน้ั สงู ข้นั ไปตามลาํ ดับตอไปได๓๙ ถวัลย์ มาศจรัส ไดใหความหมายของ เศรษฐกิจพอเพียงวาหมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุมีผล รวมถงึ ความจําเป็นทจี่ ะตองมีระบบภูมิคุมกันในตัวที่ดีพอสมควร ตอการมีผลกระทบ ๓๖พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช, คาพอ่ สอน ประมวลพระบรมราโชวาทและพระ ราชดารัสเก่ียวกบั ความสขุ ในการดาเนินชวี ิต, (สํานักงานกองทุนการสรางเสริมสุขภาพ และมูลนิธิสดศรี – สฤษด์ิ วงศ์ : โรงพมิ พ์กรงุ เทพ, ๒๕๔๙), หนา ๙. ๓๗อําพน กิตติอําพน ดร., ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกังสังคมไทย, (สํานักงานคณะกรรมการ พฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแหงชาติ : บริษัทเพชรรงุ การพมิ พ,์ ๒๕๕๐), หนา ๑๔. ๓๘ประเวศ วะสี, ประชาคมตาบล : ยุทธศาสตร์เพ่ือเศรษฐกิจพอเพียง ศีลธรรมและสุขภาพ, (กรุงเทพมหานคร : สํานักพมิ พม์ ตชิ น, ๒๕๔๑), หนา ๓. ๓๙สุเมธ ตันติเวชกุล, ใต้เบื้องพระยุคลบาท, พิมพ์คร้ังท่ี ๘, (กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์มติชน, ๒๕๔๙), หนา ๒๘๖.
๔๐ ใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงท้ังภายนอกและภายใน โดยที่จะตองอาศัยความรอบรู ความ รอบคอบ รวมถึงความระมัดระวังอยางย่งิ ในการนําวชิ าการตา ง ๆ มาประยกุ ต์ใช๔๐ สุรีพร เอี้ยวถาวร ไดใหความหมายของคําวา เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง แนวทางการ ดําเนนิ ชีวิต และการปฏบิ ตั ิตนตามท่พี ระบาทสมเดจ็ พระเจาอยหู วั มพี ระราชดํารัสช้ีแนะพสกนิกรชาว ไทย เป็นการพัฒนาที่ต้ังอยูบนพ้ืนฐานของทางสายกลาง และความไมประมาท โดยคํานึงถึงความ พอประมาณ ความมีเหตุผล มีการเสริมสรางพ้ืนฐานจิตใจใหมีสํานึกในคุณธรรม ความซ่ือสัตย์ ใหมี ความรอบรทู ีเ่ หมาะสม ดํารงชวี ิตดวยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา เพื่อใหสมดุลและพรอมตอ การรองรบั การเปลยี่ นแปลงอยา งรวดเร็วในทุกดาน๔๑ ปรียานุช พิบูลสราวุธ ดร. ไดกลาวถึง ความหมายของ เศรษฐกิจพอเพียงไววา ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางการดําเนินชีวิตที่ต้ังอยูบนพ้ืนฐานของทางสายกลาง และความไม ประมาท โดยคํานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสรางภูมิคุมกันในตัวตลอดจนใชความรู และคุณธรรมเป็นพน้ื ฐานในการดาํ รงชวี ิต การปูองกันใหรอดพนจากวิกฤติ และใหสามารถดํารงอยูได อยางม่ันคง และยงั่ ยืนภายใตกระแสโลกาภิวตั น์และความเปลยี่ นแปลงตา ง ๆ๔๒ เกษม วฒั นชัย ไดก ลาวถึงเศรษฐกิจพอเพียงไววา หลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็น หลักการพัฒนาอยางย่ังยืนสําหรับทุกประเทศในโลก โดยเฉพาะการสรางความเขมแข็งเพ่ือรองรับ ผลกระทบจากการเปลย่ี นแปลงอันเนือ่ งมาจากกระแสโลกาภิวัฒน์๔๓ สรุปไดวา เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง หลักการดําเนินชีวิตที่มีฐานอยูบนหลักเกณฑ์ทาง ศีลธรรม ซึ่งทําใหรากฐานของสังคม การเมือง และเศรษฐกิจมั่นคงสามารถดํารงชีวิตไดอยางไม เดือดรอนอยูอยางพอประมาณตนตามฐานะ มีความพออยู พอกิน ไมฟุมเฟือย มีความพอดี มีความ พอเพยี งตามอัตภาพ ไมหลงใหลไปตามกระแสของสังคมวัตถุนิยม จนสามารถปรับตัวเองใหสมดุลกับ กระแสการเปลย่ี นแปลงของสงั คมบนพื้นฐานแหง ความม่ันคง และยัง่ ยืนของตนเองและสง่ิ แวดลอ ม ๒.๑.๒ ทฤษฎีใหมเ่ กี่ยวกบั เศรษฐกจิ พอเพยี งของในหลวง เศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางปฏิบัติของทฤษฎีใหม เป็นแนวทางในการพัฒนาท่ีนําไปสู ความสามารถในการพึ่งตนเอง ในระดับตาง ๆ อยางเป็นข้ันตอน โดยลดความเส่ียงเก่ียวกับความผัน แปรของธรรมชาติ หรือการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยตาง ๆ โดยอาศัยความพอประมาณและความมี ๔๐ถวัลย์ มาศจรัส, นโยบาย ครม. ฒ ผู้เฒ่า เน้นคืนสู่ภูมิปัญญาของมาตุภูมิ “ชูปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพยี ง คุณธรรม ความโปรง่ ใส”, (กรงุ เทพมหานคร : สาํ นกั งานปรทิ ัศน์การศกึ ษาไทย, ๒๕๔๙), หนา ๖ – ๑๔. ๔๑สุรพี ร เอ้ียวถาวร, “การบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการจัดการเรียนรู : กรณีศึกษา โรงเรียนนวมินทราชูทิศหอวัง นนทบุรี”, ปริญญานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร,์ ๒๕๕๐), หนา ๑๐. ๔๒ปรียานุช พิบูลสราวุธ ดร., การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา, พิมพ์คร้ังท่ี ๒ (ฉบับ ปรับปรุง), (กรุงเทพมหานคร : สํานกั งานทรัพย์สินสว นพระมหากษัตรยิ ์, ๒๕๕๐), หนา ๓. ๔๓เกษม วัฒนชัย,การปฏิรูปการศึกษาไทย, (กรุงเทพมหานคร : สํานักงานคณะกรรมการการศึกษา แหงชาต,ิ ๒๕๔๕), หนา ๑๘.
๔๑ เหตุผล การสรางภูมิคุมกันท่ีดี มีความรู ความเพียรและความอดทน สติและปัญญา การชวยเหลือซึ่ง กนั และกัน และความสามัคคี คณะอนุกรรมการขับเคล่ือนเศรษฐกิจพอเพียง ไดกลาววา เศรษฐกิจพอเพียงมี ความหมายกวางกวาทฤษฎีใหมโดยที่เศรษฐกิจพอเพียงเป็นกรอบแนวคิดท่ีช้ีบอกหลักการและ แนวทางปฏบิ ตั ขิ องทฤษฎใี หมในขณะที่ แนวพระราชดาํ ริเก่ียวกบั ทฤษฎใี หมหรือเกษตรทฤษฎีใหม ซึ่ง เป็นแนวทางการพัฒนาภาคเกษตรอยางเป็นขั้นตอนนั้น เป็นตัวอยางการใชหลักเศรษฐกิจพอเพียง ในทางปฏบิ ตั ิ ที่เป็นรูปธรรมเฉพาะในพน้ื ท่ีท่ีเหมาะสม๔๔ ปรียานชุ พบิ ูลสราวุธ ดร. ไดกลาวถงึ ทฤษฎใี หม ๓ ข้นั กับเศรษฐกิจพอเพียงไววา ทฤษฎี ใหมมี ๓ ขัน้ คือ๔๕ ขั้นท่ี ๑ เป็นการจัดการทรัพยากรท่ีแตละคนมีอยูใหเกิดประโยชน์สูงสุด เพ่ือคน เหลานน้ั สามารถพ่ึงตนเองไดอยางเขมแขง็ และยั่งยนื เทยี บไดก ับเศรษฐกจิ พอเพยี งแบบกา วหนา ขนั้ ที่ ๒ การรวมมือ รวมกลุมกันของคนที่มีความเขมแข็ง และสามารถพ่ึงตนเองได แลวในระดับตาง ๆ เพ่อื รว มมือกนั ชวยเหลอื กันในกจิ กรรมตา ง ๆ เทยี บไดกับเศรษฐกิจพอเพียงแบบ กาวหนา ขั้นท่ี ๓ เป็นความรวมมือกันในระดับเครือขาย ซึ่งพอมีอยูบางแลว เชน เครือขาย กลุมสัจจะออมทรัพย์ เป็นตน อันนี้เป็นความรวมมือกันระหวางกลุม องค์กรตาง ๆ ตามแนวทาง เศรษฐกิจพอเพียงแบบกาวหนา หรือทฤษฎใี หมข ั้นท่ี ๓ รงค์ ประพันธ์พงศ์ ไดอธิบายถึงทฤษฎีใหมตามแนวพระราชดําริเปรียบเทียบกับหลัก เศรษฐกจิ พอเพยี ง ซง่ึ มีอยู ๒แบบ คือ แบบพนื้ ฐานกับแบบกา วหนา ไดดัง้ นี้๔๖ ๑) ความพอเพียงระดับบุคคลและครอบครัวโดยเฉพาะเกษตรกร เป็นเศรษฐกิจ พอเพยี งแบบพืน้ ฐานเทียบไดกับทฤษฎใี หมข ้นั ที่ ๑ ๒) ความพอเพียงในระดับชุมชนและระดับองค์กรเป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบ กา วหนา ซงึ่ ครอบคลมุ ทฤษฎีใหมข นั้ ท่ี ๒ ๓) ความพอเพียงในระดับประเทศ เป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบกาวหนา ซ่ึง ครอบคลุมทฤษฎีใหมขน้ั ที่ ๓ ชัยอนันต์สมุทวณิช ศ.ดร.ไดวิเคราะห์ทฤษฏีใหมซ่ึงเป็นกระบวนการหนึ่งในแนวคิด เศรษฐกิจพอเพียงอันเน่ืองมาจากพระราชดําริวาทฤษฎีใหมเป็นสวนหน่ึงในบริบทของเศรษฐกิจ พอเพียงอันเนื่องมาจากพระราชดําริเป็นสัมมาทฤษฎีท่ีอยูเหนือระบบแนวความคิดในทฤษฎีของการ พัฒนาตางๆท่ีขาดและพรองทางจริยธรรมโดยเห็นวามิติทางจริยธรรมของทฤษฎีใหมและแนวคิด เศรษฐกิจพอเพียงน้ันมีอยูในพุทธปรัชญาแลวแตยังไมมีผูใดนํามาจัดระบบและนําเสนออยางเป็น ๔๔คณะอนกุ รรมการขับเคล่ือนเศรษฐกิจพอเพยี ง, เศรษฐกจิ พอเพยี งคอื อะไร, (กรงุ เทพมหานคร : โรง พมิ พ์คุรสุ ภา, ๒๕๔๗), หนา ๕. ๔๕ปรยี านชุ พบิ ลู สราวุธ ดร., การจัดการเรียนรู้ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง, (กรุงเทพมหานคร : มหาวทิ ยาลัยราชภัฏพระนคร, ๒๕๔๙), หนา ๕. ๔๖รงค์ ประพนั ธ์พงศ์, เศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่, (กรุงเทพมหานคร : สถาพรบุ฿คส์, ๒๕๕๐), หนา ๒๗ - ๒๘.
๔๒ รูปธรรมเทาน้ัน “ทฤษฎีใหม” ของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวเป็นทฤษฎีที่แตกตางไปจากทฤษฎี อื่นๆตรงท่ีมีจริยธรรมกํากับจึงเรียกไดวาเป็นสดมภ์หลักของระบบความคิดและเชื่อมโยงกับมนุษย์ โดยตรงดังที่เรียกกันวา “คนเป็นศูนย์กลาง” (Human – Centered) โดยเฉพาะคนผูยากไรดอย โอกาสในชนบทซ่ึงเป็นคนสว นใหญข องประเทศทฤษฎีใหมของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวมีมิติดาน จริยธรรมของการอยูรวมกันของส่ิงท่ีแตกตางหลากหลายโดยไมจําเป็นตองคูตรงขามขัดแยงแขงขัน ครอบงําซึ่งกันและกันหากแตเอื้ออาทรเกื้อกูลและทําใหเกิดดุลยภาพที่เคล่ือนไหวได (Dynamic Balance) ชวยกันแบบนํ้าพึ่งเรือเสือพึ่งปุาอันเป็นการพ่ึงพิงอิงกัน (Interdependence) มากกวา เป็นเพียงการ “พึ่งพาอาศัย” (Dependence) ซ่ึงเป็นหลักการในการพัฒนาอันเน่ืองมาจาก พระราชดาํ ริโดยทว่ั ไปอยแู ลว ๔๗ สรปุ ไดวา การสรางเครอื ขา ยความรวมมือในลักษณะเชนนี้จะเป็นประโยชน์ในการสืบทอด ภูมิปัญญา แลกเปล่ียนความรู เทคโนโลยี และบทเรียนจากการพัฒนา หรือรวมมือกันพัฒนา ตาม แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ทําใหประเทศอันเป็นสังคมใหญอันประกอบดวยชุมชน องค์กรและธุรกิจ ตาง ๆ ที่ดําเนินชีวิตอยางพอเพียงกลายเป็นเครือขายชุมชนพอเพียงท่ีเช่ือมโยงกันดวยหลัก ไม เบยี ดเบยี น แบง ปัน และชวยเหลอื ซง่ึ กันและกันไดใ นทส่ี ุด ๒.๑.๓ แนวคดิ เกยี่ วกับเศรษฐกิจพอเพยี ง เศรษฐกจิ พอเพียง พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวไดทรงมีพระราชดํารัสช้ีแนะแนวทางการ ดาํ เนินชีวติ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงแกพสกนิกรชาวไทยมาต้ังแตปี พ.ศ. ๒๕๑๗ เป็นเวลานานกวา ๒๕ ปี ตง้ั แตก อ นเกิดเหตุการณ์วิกฤตทางเศรษฐกิจ และภายหลังทรงเนนยํ้าแนวทางการแกไขเพื่อให รอดพน และสามารถดํารงอยูไดอยางมั่นคงและย่ังยืน ภายใตกระแสการเปลี่ยนไปของโลก ดังที่มีผูรู ไดกลาวถึงแนวคดิ เก่ียวกบั เศรษฐกิจพอเพยี งไวพอจะสรุปมานําเสนอไดด งั ตอไปน้ี สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ไดกลาวถึงเศรษฐกิจ พอเพียงวา เป็นแนวทางการดําเนินชีวิต และวิถีปฏิบัติที่พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวมีพระราชดํารัส ชี้แนะแกพสกนิกรชาวไทย โดยทรงเนนย้ําถึงแนวทางการพัฒนาท่ีต้ังบนพ้ืนฐานของทางสายกลาง และความไมประมาท โดยคํานึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสรางภูมิคุมกันในตัวเอง รวมถึงการใชความรูความสามารถที่ประกอบไปดวยคุณธรรมในการดํารงชีวิต เพื่อปูองกันตนเองให รอดพน จากวิกฤต สามารถดํารงตนอยไู ดอ ยา งมั่นคง มีหลักพิจารณาอยู ๕ สวน ดงั นี้๔๘ ๑) กรอบลักษณะ เป็นปรัชญาท่ีชี้แนะแนวการดํารงอยูและปฏิบัติตนในทางที่ควร จะเป็น โดยมพี ืน้ ฐานมาจากวิถีชีวิตด้ังเดิมของสังคมไทย สามารถนํามาประยุกต์ใชไดตลอดเวลา และ การมองโลกเชิงระบบการท่ีมีการเปล่ียนแปลงอยูตลอดเวลา มุงเนนการรอดพนจากภัย และวิกฤต เพื่อความมน่ั คงและความย่ังยืนของการพัฒนา ๔๗ชัยอนันต์สมุทวณิชศ.ดร., ทฤษฎีใหม่: มิติที่ยิ่งใหญ่ทางความคิด, (กรุงเทพมหานคร :มูลนิธิคอน ราดอเดเนาวร์ , ๒๕๔๑), หนา ๙ – ๑๑. ๔๘สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแหงชาติ, นานาคาถามเก่ียวกับปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง, (กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์ครุ ุสภา, ๒๕๔๘), หนา ๓.
๔๓ ๒) คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนํามาประยุกต์ใชกับการปฏิบัติตนไดใน ทกุ ระดบั โดยเนน การปฏิบตั ิตนทางสายกลาง และการพฒั นาอยางเปน็ ขนั้ ตอน ๓) คํานิยาม ความพอเพียงจะตองประกอบดวย ๓ คุณลักษณะพรอ ม ๆ กัน ดงั นี้ (๑) ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไมนอยเกินไปและไมมาก เกินไปโดยไมเบียดเบียนตนเองและผูอ่นื เชน การผลติ และการบรโิ ภคท่อี ยูในระดับพอประมาณ (๒) ความมีเหตผุ ล หมายถึง การตัดสินใจเก่ียวกับระดับของความเพียงพอ น้นั จะตอ งเปน็ ไปอยา งมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเกี่ยวของ ตลอดจนคํานึงถึงผลท่ีคาดวา จะเกดิ ขนึ้ จากการกระทาํ นั้น ๆ อยา งรอบคอบ (๓) การมีภูมิคุมกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวใหพรอมรับผลบกระ ทบและการเปลี่ยนแปลงดา นตาง ๆ ที่จะเกิดข้ึน โดยคํานึงถึงความเป็นไปไดของสถานการณ์ตาง ๆ ท่ี คาดวา จะเกิดขึน้ ในอนาคตทงั้ ใกลและไกล ๔) เง่ือนไข การตัดสินใจและการดําเนินกิจกรรมตาง ๆ ใหอยูในระดับพอเพียงนั้น ตองอาศัยทัง้ ความรู และคุณธรรมเปน็ พื้นฐาน ดงั น้ี (๑) เงื่อนไขความรู ประกอบดวย ความรอบรูเกี่ยวกับวิชาการตาง ๆ ที่ เกี่ยวของอยางรอบดาน ความรอบคอบท่ีจะนําความรูเหลาน้ันมาพิจารณาใหเชื่อมโ ยงกัน เพื่อ ประกอบการวางแผนและความระมดั ระวังในข้นั ปฏิบตั ิ (๒) เง่ือนไขคุณธรรม ท่ีจะตองเสริมสราง ประกอบดวย มีความตระหนัก ในคุณธรรมมีความซ่ือสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใชสติปัญญาในการดําเนินชีวิต ไม โลภ และไมต ระหนี่ ๕) แนวทางการปฏิบัติ/ผลท่ีคาดวาจะไดรับ จากการนําปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ใช คือ การพัฒนาท่ีสมดุลและย่ังยืน พรอมรับตอการเปล่ียนแปลงในทุกดาน ท้ังดาน เศรษฐกิจ สงั คม ส่ิงแวดลอม ความรูและเทคโนโลยี สานักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ไดใหแนวคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจ พอเพียงไววา ความพอเพียง คือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจําเป็นท่ีจะตองมี ระบบภูมิคมุ กันในตัวที่ดีพอสมควรตอการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงท้ังภายนอก และภายใน ทั้งน้ีจะตองอาศัยความรู ความรอบคอบ และความระมัดระวังอยางย่ิงในการนําวิชาการ ตาง ๆ มาใชในการวางแผนและการดําเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะตองเสริมสราง พ้ืนฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจาหนาที่ของรัฐ นักทฤษฎี นักธุรกิจในทุกระดับใหมีสํานึกใน คุณธรรม ความซื่อสตั ย์สุจรติ มีความรอบรูท่ีเหมาะสมตอการดําเนินชีวิตดวยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา เพ่ือใหสมดุลและพรอมตอการรองรับการเปล่ียนแปลงท่ีจะเกิดขึ้นอยางรวดเร็วท้ังดาน วัตถุ สังคม สง่ิ แวดลอม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอก๔๙ ๔๙สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาประถมศึกษาแหงชาติ, ทฤษฎีใหมสูการเรียนรู มุงสูเศรษฐกิจ พอเพียง, (กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์ครุ สุ ภาพ ลาดพราว, ๒๕๔๓), หนา ๗๙.
๔๔ ประเวศ วะสี ไดนําเสนอถึงแนวคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงวา ความพอเพียงจะตอง พอเพียง ๗ ประการ ดงั นี้๕๐ ๑) พอเพียงสําหรบั ทกุ คน ทุกครอบครัว เป็นเศรษฐกิจแบบท่ไี มทอดท้ิงกัน ๒) จติ ใจพอเพยี ง สงผลใหเป็นผรู กั และเออื้ อาทรคนอ่นื ๓) ส่ิงแวดลอมพอเพียง ยังชีพและทํามาหากินบนพ้ืนฐานของการอนุรักษ์ และ เพิ่มพูนสงิ่ แวดลอม เชน ทําเกษตรผสมผสาน เป็นตน ๔) ชุมชนเขมแข็งพอเพียง เป็นการรวมตัวกันจนเป็นชุมชนท่ีเขมแข็ง จนทําให สามารถแกปญั หาตา ง ๆ ได ๕) ปญั ญาพอเพยี ง มีการเรียนรูรว มกนั ในการปฏบิ ตั แิ ละปรบั ตวั ไดอยางตอ เนื่อง ๖) ตั้งอยูบนพ้ืนฐานวัฒนธรรมพอเพียง ซึ่งมีความสัมพันธ์และเติบโตขึ้นมาจาก พ้นื ฐานทางวัฒนธรรม จงึ จะมน่ั คง ๗) มคี วามมัน่ คงพอเพียง ไมใ ชว บู วาบ สงผลใหสุขภาพจิตดี คณะอนุกรรมการขับเคล่ือนเศรษฐกิจพอเพียง ไดกลาวถึงเศรษฐกิจพอเพียงวาเป็น ปรัชญาทช่ี ้แี นะแนวทางการดํารงอยู และปฏิบัติตนในทางทีค่ วรจะเปน็ โดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตด่ัง เดิมของสังคมไทย สามารถนํามาประยุกต์ใชไดตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบท่ีมีการ เปล่ียนแปลงอยูตลอดเวลา มุงเนนการรอดพนจากภัยและวิกฤต เพ่ือความม่ันคงและย่ังยืนของการ พัฒนา คณุ ลักษณะของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง คือ สามารถนํามาประยุกต์ใชกับการปฏิบัติตนไดใน ทกุ ระดบั โดยเนน การปฏบิ ตั บิ นทางสายกลาง และพัฒนาอยางเปน็ ข้ันเป็นตอน๕๑ เกษม วัฒนชัย ไดนําเสนอแนวคิดเก่ียวกับเศรษฐกิจพอเพียง ไววา หลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงอยูท่ีทางสายกลาง โดยยึดคําวา “พอเพียง” ไมสุดโตง ประกอบดวยองค์ประกอบ ๓ อยา ง คอื ๑) พอประมาณทง้ั ปริมาณและคณุ ภาพ ๒) มเี หตผุ ล ในการบริโภค ๓) มีภูมิคุมกันใน ตัว พรอมรับการเปล่ียนแปลงท่ีจะเกิดขึ้นในอนาคต เพ่ือปูองกันวิกฤต เง่ือนไขสําคัญท่ีจะนําปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงไปใชแลวใหประสบผลสําเร็จ มี ๒ ประการ คือ ๑) คุณธรรม ซ่ึงเป็นกลไกการคิด และตัดสินใจของแตละคน หากคิดและตัดสินใจเหมือนคนทั่วโลกที่บอกวาเป็นความดี ความงาม ความจริง แสดงวามีคุณธรรม หากคิดออกมาตรงกันขาม เรียกวา คนไรคุณธรรม ๒) วิชาการหรือ ความรู ในการวางแผนและการลงมือทํางาน ตองใชหลักวิชาที่เหมาะสม ความรูจริง และความ รอบคอบเปน็ ตัวตดั สินจะใชอารมณ์และอคตไิ มไ ด ซึ่งเป็นเง่ือนไขในการดําเนินชีวิตตองใชความอดทน ใชสติ ใชปัญญาในการดําเนนิ ชีวติ ๕๒ สานักการศึกษากรุงเทพมหานคร ไดกลาววา หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมีความ สอดคลองกับแนวคิดของการพัฒนาคน เพราะเนนการพัฒนาความเป็นมนุษย์ และความยั่งยืนของ ๕๐ประเวศ วะสี, เศรษฐกิจชุมชนทางเลือกเพื่อทางรอดสังคมไทย, (กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์ พริ้นตงิ้ แอนด์พับลชิ ชิ่ง, ๒๕๔๒), หนา ๔ – ๕. ๕๑คณะอนุกรรมการขบั เคลอ่ื นเศรษฐกิจพอเพยี ง, เศรษฐกิจพอเพยี งคอื อะไร, (กรุงเทพมหานคร : โรง พมิ พ์คุรสุ ภา, ๒๕๔๗), หนา ๑๔. ๕๒เกษม วัฒนชัย, การขับเคล่ือนเศรษฐกิจพอเพียงในสถานศึกษา, (กรุงเทพมหานคร : กระทรวงศกึ ษาธิการ, ๒๕๔๙), หนา ๔ – ๖.
๔๕ การพัฒนา ใหความสําคัญตอเร่ืองความอยูดีมีสุขมากกวาความม่ันคง และเห็นคุณคาของการเรียนรู และการใชคณุ ธรรมนําความรู เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเร่ืองการพัฒนาคน สรางใหเกิดความพอเพียงได ดวยการรักษาความสมดุลในชีวิตของแตละบุคคล แตละชุมชน แตละองค์กรและพัฒนาตนเองอยาง ตอเนื่อง เพื่อใหสามารถพรอมรับตอการเปลี่ยนแปลงตาง ๆ ได เศรษฐกิจพอเพียงน้ีเป็นเร่ืองการ พัฒนาใหมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสุขภาพแข็งแรง มีความรูและความคิดสรางสรรค์ และสําคัญท่ีสุดมีการ อนุเคราะหแ์ บงบนั ผอู ื่น มีศลี ธรรมไมกอความเดือดรอนเบียดเบียนเอารัดเอาเปรียบผูอื่น ใชสติปัญญา ไปในทางทีถ่ กู ตอ งเมอ่ื แตล ะคนมีคุณภาพทดี่ กี เ็ ปน็ การพัฒนาชุมชน สังคมใหดีไปดวยเชน กนั ๕๓ สรุปไดวา การท่ีจะพัฒนาตนเองใหสามารถดําเนินชีวิตไปตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง นนั้ เปน็ การปลูกฝังคุณคาของความเป็นคน การคิดถูก ปฏิบัติถูก มีสติ และใชปัญญาไปในทางท่ีถูกที่ ควร เพอื่ เพม่ิ ทางเลอื กและพัฒนาศักยภาพของแตละคน ใหสามารถอยูอยางพออยูพอกิน อุมชูตัวเอง และครอบครัวไดโดยไมเบียดเบียนทั้งตอตนเองและผูอ่ืน ท้ังสามารถอยูรวมกับธรรมชาติไดอยาง สมดุลและย่งั ยืน ๒.๑.๔ ความสาคญั ของเศรษฐกจิ พอเพียง มี นั ก วิ ช า ก า ร ห ล า ย ท า น ไ ด นํ า เ ส น อ ถึ ง ค ว า ม สํ า คั ญ ข อ ง เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ เ พี ย ง ไ ว อ ย า ง หลากหลาย ผวู จิ ัยไดป ระมวลมานําเสนอไดดังนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไดทรงพระราชทานพระราชดํารัส เก่ียวกับความสําคัญของเศรษฐกิจพอเพียงไววา การรูจักประมาณตนนี้จะทําใหคนเรารูจักใชความรู ความสามารถท่ีมีอยูไดถูกตองเหมาะสมกับงาน และไดประโยชน์สูงสุดเต็มตามประสิทธิภาพทั้งยังทํา ใหร จู กั ขวนขวายศกึ ษาหาความรู และเพม่ิ พนู ประสบการณอ์ ยูเสมอ เพ่ือปรับปรุงสงเสริมศักยภาพท่ีมี อยูในตนเองใหย งิ่ สูงขน้ึ สวนการรจู ักประมาณสถานการณ์นั้น ไดแก การรจู ักพิจารณาสถานการณ์ตาง ๆ ที่เกิดข้ึนใหทราบชัดถึงความเป็นมา และที่เป็นอยูรวมท้ังท่ีคาดวาจะเป็นไปในอนาคต การรูจัก ประมาณสถานการณ์ไดน้ีจะทําใหสามารถวางแผน และปฏิบัติการไดถูกตองตรงกับปัญหาทันตอ สถานการณ์และความจําเป็น อันจะทําใหงานท่ีทําไดประโยชน์ที่สมบูรณ์คุมคา การรูจักประมาณตน และรจู ักประมาณสถานการณ์จึงเป็นอุปการะอยางสําคัญที่จะเกื้อกูลใหบุคคลดําเนินชีวิต และกิจการ งานไปไดอยางราบรน่ื และกาวหนา ๕๔ สุรยทุ ธ์ จุลานนท์ พลเอก ไดกลาวถงึ ความสาํ คญั ของเศรษฐกิจพอเพยี ง พอสรปุ ไดดังนี้ ๑) ดานเศรษฐกิจ หากรูจักประหยัด อดออม ใชจายแตพอตัว ไมสรางหนี้จนเกิน ความจําเปน็ ไมฟ ูงุ เฟ้ือ ก็จะมีภูมิคุมกันทางเศรษฐกิจที่ดี ทุกคนพอมี พอกิน พอใช ก็จะสามารถสราง ความสุขใหเกิดขึ้นได ๒) ดานสังคม ความพอเพียงจะชวยสรางความเขมแข็งใหกับสังคม ชวยใหทุกคนใน ประเทศอยูอยางเปน็ สขุ ภายใตค วามสมานฉนั ท์ ไมต อ งแกง แยง แขงขนั ๕๓สํานักการศึกษากรุงเทพมหานคร, หน่วยการเรียนรู้ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ช่วงชั้นที่ ๑, (กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พค์ ุรุสภาพ, ๒๕๕๑), หนา ๑๒๓ – ๑๒๔. ๕๔พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช, คาพ่อสอน ประมวลพระบรมราโชวาท และ พระราชดารสั เกีย่ วกบั ความสขุ ในการดาเนนิ ชวี ิต, (กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พส์ ยามอักษร, ๒๕๕๔), หนา ๓๐.
๔๖ ๓) ดานการตางประเทศ ความพอเพียงทําใหไมตองมุงแสวงหาประโยชน์ใหแก ประเทศชาตจิ นเกินความตอ งการ ทําใหบา นเมอื งมีความสวยงามนา อยู เป็นที่เช่ือถือแกประชาคมโลก ไมต อ งไปทะเลาะกบั ประเทศใด ๆ ทําใหไ มต องเสยี คาใชจ ายในการรักษาความม่ันคง ของรฐั ๕๕ เกษม วฒั นชัย ไดอธบิ ายถงึ ความสําคญั ของเศรษฐกิจพอเพียงไววา เมื่อทุกคนรวมใจกัน ใชป รัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง จะทําใหไ ดรบั ประโยชน์ คอื ๕๖ ๑) ความสมดุล คือ สมดลุ ชีวติ สมดลุ โรงเรยี นสมดลุ ในชมุ ชน ๒) ความพรอมตอการรองรับการเปลี่ยนแปลงอยางรวดเร็ว และกวางขวางท้ัง ทางดานวัตถุทางสังคมทางส่ิงแวดลอม และทางวัฒนธรรมจากโลกภายนอกไดเป็นอยางดีพรอมที่จะ รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงจากทง้ั ๔ดา น สุเมธ ตันตเิ วชกุล ไดกลา วถึงความสําคัญของเศรษฐกิจพอเพียงไววา เศรษฐกิจพอเพียง เป็นการรูจักโลกที่เราอยูวามีสภาพเป็นอยางไร และการพัฒนาในอดีตใหอะไรแกเราแลวบาง เพ่ือจะ ไดไ มเดนิ ไปสคู วามผิดพลาดซ้าํ รอย ในขณะท่ีเราพูดถึงเรื่องความยั่งยืน แตไมเคยทําอะไรใหเกิดความ ยัง่ ยืนเลย ทุกวินาทีถูกกระตุนใหบริโภคตลอดเวลาจากโลกาภิวัตน์ ถาหยุดการบริโภคเมื่อไหรธุรกิจก็ จบเชน กัน๕๗ วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร ไดกลาวถึงความสําคัญของเศรษฐกิจพอเพียงวา เป็นปรัชญา การดําเนินชีวิต เศรษฐกิจที่จะตองเป็นเคร่ืองกํากับนโยบาย และมาตรฐานทางเศรษฐกิจของรัฐบาล ตลอดจนพฤติกรรมทางเศรษฐกิจของประชาชน ซึ่งสามารถยึดถือเป็นหลักปฏิบัติไดในทุก ๆ โอกาส ซ่ึงหากวาจะพิจารณาในบริบทของเศรษฐศาสตร์ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นแบบจําลองทางเศรษฐกิจ ที่ สะทอนความเปน็ จรงิ ของเศรษฐกจิ แหงประเทศไทยในปจั จุบันซ่ึงมีความถกู ตองและชัดเจนที่สุด๕๘ อุทัย สงวนดีกุล ไดกลาววา เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระ เจาอยูหัวทรงมีพระราชดํารัสชี้แนะแนวทางในการดําเนินชีวิตแกพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนาน กวา ๒๕ ปี ตัง้ แตกอนเกดิ วกิ ฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในปี ๒๕๔๐ และเม่อื ภายหลังเกิดวิกฤตการณ์ทาง เศรษฐกิจแลว ไดทรงเนนยํ้าใหชี้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางแกไข เพื่อใหรอดพนจาก ความเดือดรอนท้ังยังชวยใหสามารถดํารงอยูไดอยางม่ันคง และย่ังยืนแมประเทศจะตกอยูภายใต กระแสโลกาภวิ ัฒน์ และความเปลีย่ นแปลงตาง ๆ กต็ าม๕๙ ๕๕สุรยทุ ธ์ จลุ านนท์ พลเอก, จากปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สู่การปฏิบัติ : แนวทางการบริหาร ประเทศ ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง, พิมพ์คร้ังที่ ๑, (สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แหง ชาติ : บรษิ ทั เพชรรุง จํากัด, ๒๕๕๑), หนา ๑๗ – ๑๘. ๕๖เกษม วฒั นชยั , เสน้ ทางสคู่ วามพอเพยี ง, พมิ พค์ รง้ั ที่ ๑, (สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแหงชาติ : บรษิ ัท ๒๑ เซน็ จูรี่ จาํ กัด, ๒๕๕๑), หนา ๖๙. ๕๗สุเมธ ตันติเวชกุล, ใต้เบ้ืองพระยุคลบาท, พิมพ์คร้ังท่ี ๘, (กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์มติชน, ๒๕๔๙), หนา ๓. ๕๘วิชิตวงศ์ ณ ปูอมเพชร, พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทย, พมิ พค์ รั้งที่ ๒, (กรงุ เทพมหานคร : แสงดาวการพมิ พ,์ ๒๕๔๖), หนา ๕ – ๖. ๕๙อุทัย สงวนดีกุล, คู่มือเกษตรกรเพ่ือการพ่ึงพอตนเองตามแนวพระราชดาริเศรษฐกิจพอเพียง, (กรงุ เทพมหานคร : อรณุ การพิมพ์, ๒๕๔๘), หนา ๑.
๔๗ สรปุ ไดวา ความสําคญั ของปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ ทําใหรูจักประมาณในการใชชีวิต ประมาณในการใชจ า ย ในสวนของสังคมชวยใหสังคมเขมแข็ง มีความสมานฉันท์ ไมตองเสียคาใชจาย ในการรักษาความม่ันคงประเทศ เพราะไมตองไปทะเลาะแยงชิงกับตางประเทศ นอกจากนี้ยังสราง ความสมดลุ ใหชวี ติ และพรอมทจี่ ะรบั การเปลย่ี นแปลงตลอดเวลา ๒.๑.๕ หลกั การของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานพระราชดํารัสเกี่ยวกับหลักการของ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไวดังนี้ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางการดํารงอยู และปฏิบัติตน ในทางที่ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตด้ังเดิมของสังคมไทย สามารถนํามาประยุกต์ใชได ตลอดเวลา และการเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปล่ียนแปลงอยูตลอดเวลา โดยคุณลักษณะ สําคัญคือ สามารถนํามาประยุกต์ใชกับการปฏิบัติตนไดในทุกระดับ โดยเนนการปฏิบัติบนทางสาย กลาง และการพัฒนาอยางเป็นข้ันตอน โดยที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตองประกอบดวย ๓ คุณลกั ษณะพรอม ๆ กนั คือ ๑) ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไมนอยเกินไปและไมมากเกินไป ไม เบยี ดเบียนตนเองและผูอ น่ื ๒) ความมเี หตผุ ล หมายถึง การตัดสินใจเก่ียวกับระดับของความพอเพียงน้ันจะตอง เป็นไปอยางมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวของ ตลอดจนคํานึงถึงผลที่คาดวาจะเกิดข้ึน จากการกระทาํ น้นั อยา งรอบคอบ ๓) การมภี ูมคิ มุ กนั ที่ดีในตวั เอง หมายถึง การเตรียมตัวใหพรอมรับผลกระทบ และ การเปล่ียนแปลงดานตาง ๆ ท่ีคาดวา จะเกดิ ขึน้ ในอนาคตท้งั ใกลแ ละไกล นอกจากนี้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงยังตองอาศัยเง่ือนไขการตัดสินใจ และการดําเนิน กิจกรรมตาง ๆ ใหอยูในระดับพอเพียง ตองอาศัยท้ังความรู และคุณธรรมเป็นพ้ืนฐาน เมื่อปฏิบัติได เชนน้ีผลท่ีจะไดรับคือ การพัฒนาท่ีสมดุลและย่ังยืน พรอมรับตอการเปลี่ยนแปลงในทุกดาน ทั้งดาน เศรษฐกจิ สงั คม สิ่งแวดลอ ม ความรูและเทคโนโลยี๖๐ มเี หตผุ ล พอประมาณ มีภูมคิ มุ กนั ในตวั ที่ดี ๖๐พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว, ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง, วารมูลนิธิชัยพัฒนา, ฉบับประจําเดือน สงิ หาคม ๒๕๕๓, (สาํ นกั งานมลู นิธิชยั พัฒนา : บรษิ ทั อมรนิ ทร์พริ้นต้ิงแอนด์พลับลิชชิ่ง จํากัด, ๒๕๕๓), หนา ๑๔ – ๑๖.
เงือ่ นไขความรู ๔๘ (รอบรู รอบคอบ ระมดั ระวงั ) เง่อื นไขคุณธรรม (ซ่อื สัตย์สุจรติ สติปญั ญา ขยันอดทน แบงปัน) ชีวิต / เศรษฐกจิ / สงั คม / ส่ิงแวดลอม สมดลุ / ม่ันคง / ยง่ั ยืน แผนภูมิท่ี ๒.๑ หลักการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (มาจากวารสารมูลนิธิชัยพัฒนา, ๒๕๕๓, หนา ๑๖) อานันท์ ปันยารชุน ไดกลาวถึงหลักการของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไววา เศรษฐกิจ พอเพียงเป็นปรัชญาการดําเนินชีวิตท่ีปรับใชไดกับทุกภาคสวน โดยใหการดํารงอยู และการปฏิบัติมี พื้นฐานอยบู นความพอดี อยใู นทางสายกลาง การตัดสินใจอยา งมีเหตุมีผล มีความเขมแข็ง ม่ันคง และ ยั่งยืน พรอมปรับสภาพใหรับมือกับความไมแนนอน และความผันผวนจากภายนอกประเทศ โดย อาศัยความรอบคอบ รอบรู ความรวมมือ ความสุจริต และความเพียรพยายาม จุดมุงหมายปลายทาง ของเศรษฐกิจพอเพยี งน้ัน ถา หากเปรยี บเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแกน แนวปฏิบัติตาง ๆ ก็คือเครื่องมือ หลักชัยก็คือ การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development สิ่งน้ีเป็นความย่ังยืนที่มาจาก ความตระหนกั วาในระบบมีขอจาํ กัดในดาน Inputมใิ ชมที รัพยากรดา นตาง ๆ มาถมลงไปไดโดยไมมีท่ี สิ้นสุด เป็นความย่ังยืนที่เกิดจากความเขาใจวา Input และ Output ตองสมดุลกัน ตองใช Input บรหิ าร Output อยางมสี ติ อยางรอบคอบ อยางพอดี และอยา งพอเพยี ง๖๑ สมพร เทพสิทธา กลาววา เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดําริอยูเหนือกวาเศรษฐกิจ แบบทุนนิยมของตะวันตก ซ่ึงเก่ียวกับเรื่องวัตถุท่ีเป็นรูปธรรม เชน เงิน ทรัพย์สิน กําไร ไมเกี่ยวกับ เร่ืองจิตใจซึ่งเป็นนามธรรม แตเศรษฐกิจพอเพียงมีขอบเขตกวางขวางกวาเศรษฐกิจธุรกิจ เพราะ ครอบคลุมถงึ ๔ ดา น คอื ๖๒ ๑) มิติดานเศรษฐกิจ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเศรษฐกิจแบบพออยูพอกิน ใหมีความ ขยนั หมน่ั เพยี รประกอบสมั มาอาชีพ เพ่ือใหพ ึง่ ตนเองได ใหพ น จากความยากจน การปฏิบัติตามทฤษฎี ใหมตามแนวพระราชดําริ เป็นตัวอยางของการปฏิบัติตามเศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึงชวยใหเกษตรกร ๖๑อานันท์ ปนั ยารชนุ , สมั มนาวชิ าการ เรอ่ื ง เศรษฐกิจพอเพยี ง, (กรงุ เทพมหานคร : สถาบนั วจิ ยั เพอื่ การพฒั นาประเทศ, ๒๕๔๒), หนา ๔ – ๖. ๖๒สมพร เทพสิทธา, เศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดาริ, พิมพ์ครั้งท่ี ๔, (กรุงเทพมหานคร : สภายุวพุทธกิ สมาคมแหงชาต,ิ ๒๕๔๙), หนา ๓๙ – ๔๐.
๔๙ จํานวนมากมีรายไดเพิ่มสูงขึ้น มีชีวิตท่ีเป็นสุขตามสมควรแกอัตภาพ ดนจากการเป็นหนี้และความ ยากจน สามารถพึง่ ตนเองได ๒) มิติดานจติ ใจ เศรษฐกิจพอเพยี งเนน ทีจ่ ิตใจที่รูจักพอ คือ พอดี พอประมาณ และ พอใจในสงิ่ ทีม่ ี ยินดีในสิง่ ทไ่ี ด ไมโ ลภ เศรษฐกจิ พอเพียงจะตองเริ่มทต่ี วั เอง โดยสรางรากฐานทางจิตใจ ทม่ี ั่นคงเรม่ิ จากใจท่ีรจู ักพอ เป็นการปฏิบัติตามทางสายกลาง ๓) มิติดานสังคม เศรษฐกิจพอเพียงมุงใหเกิดสังคมที่มีความสุขสงบ ประชาชนมี ความเมตตาเอ้ืออาทรชว ยเหลือซงึ่ กนั และกนั ไมใ ชต า งคนตางอยู มุงใหเกดิ ความสามคั ครี ว มมือกัน ๔) มติ ิดานวัฒนธรรม เศรษฐกิจพอเพียงมุงใหเกิดวัฒนธรรมหรือวิถีชีวิตที่ประหยัด อดออม ไมฟงูุ เฟูอ ไมตกเป็นทาสของวตั ถุนิยม PhrasompchokeMongsawad กลาวถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งพระราชทาน โดยสมเด็จพระเจา อยูหัวภูมพิ ลอดุลยเดชวา ปรัชญานแ้ี นะแนวทางใหประชาชนใชชีวิตอยูบนทางสาย กลาง แนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียงสามารถนําไปใชไดต้ังแตระดับบุคคล ระดับชุมชน และระดับชาติ อันมจี ดุ เดนอยทู กี่ ารใชชีวิตอยา งสมดุล หัวใจหลัก ๓ อยาง ไดแก ความรูจักพอดี ความมีเหตุผล และ การสรางภูมิคุมกันใหกับชีวิต ควบคูไปกับความดีงามและความรูความสามารถ สามารถนําไปใชใน สังคมทุกระดับ นอกจากนี้ยังชวยขจัดความขัดแยงในปัจจุบันทั้งประเด็นระดับสถาบัน การรักษาส่ิง แวดลม การเป็นมนุษย์ที่ดี และบทบาทหนา ทข่ี องรฐั บาล๖๓ สรุปไดวา เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาท่ีช้ีแนะแนวทางการดํารงชีวิต และการปฏิบัติตน ของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแตระดับครัวเรือน ไปจนถึงระดับประเทศ ในการพัฒนาและบริหาร ประเทศใหดําเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพ่ือใหกาวทันตอโลกยุคโลกาภิ วัตน์ รวมถึงตองมีระบบภูมิคุมกันในตัวท่ีดีพอสมควรตอการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการ เปล่ียนแปลงท้งั จากภายนอกและภายในเองก็ตาม ๒.๑.๖ หลกั ในการดาเนินชวี ติ ตามปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ทุกคนในประเทศสามารถท่ีจะนําเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นหลักในการ ปฏิบัติ ในการดําเนินชีวิตประจําวันได ไมใชเฉพาะในหมูคนจนหรือเกษตรกรเทานั้น โดยที่จะตอง เร่มิ ตน จากภายใน คอื การเกดิ จติ สํานึก มคี วามศรทั ธาเช่ือม่ัน เห็นคุณคา และนําไปปฏิบัติดวยตนเอง แลวจึงคอยขยายไปสูครอบครัว ชุมชน สังคม และสูประเทศชาติตอไป ผูวิจัยไดรวบรวมหลักการ ดําเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่มีนักวิชาการไดนําเสนอไวมากมายมาพอเป็นแนวทางได ดังน้ี ปิยบุตร หล่อไกรเลิศ ไดกลาวถึงการดําเนินชีวิตอยางพอเพียงไววา หลักเศรษฐกิจ พอเพียงตามแนวพระราชดําริของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวคือ หันกลับมายึดเสนทางาสายกลาง ในการดํารงชีวิตบนหลกั การพงึ่ ตนเอง อาจจะแยกแยะโดยยดึ หลกั สาํ คัญอยู ๕ ประการ คอื ๖๔ ๖๓PhrasomchokeMongsawad, Sufficiency economy : A contribution to development theory, (Proceedings of World Academy of Science : Engineering and Technology, 2007), p. 181. ๖๔ปิยบุตร หลอไกรเลิศ, เศรษฐกิจพอเพียง, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แม็ค, ๒๕๕๐), หนา ๒๖ – ๒๘.
๕๐ ๑) ดา นจติ ใจ ทําตนใหเ ปน็ ที่พ่ึงตนเอง มีจติ สํานึกที่ดี สรางสรรค์ใหตนเองและชาติ โดยรวม มจี ติ ใจเอื้ออาทร ประนปี ระนอม เห็นประโยชน์สวนรวมเปน็ ทีต่ ัง้ ๒) ดานสังคม แตละชุมชนจะตองใหความชวยเหลือเก้ือกูลกัน เช่ือมโยงกันเป็น เครอื ขา ยชมุ ชนทีแ่ ขง็ แรงเป็นอสิ ระ ๓) ดานทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม ใหใชและจัดการอยางชาญฉลาด พรอ มทั้งหาทางเพิ่มมลู คา โดยใหยดึ อยูบ นหลกั การของความยั่งยนื ๔) ดานเทคโนโลยี จากสภาพแวดลอมที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เทคโนโลยีที่เขามา ใหม มีทั้งดีและไมดี ตองแยกแยะบนพื้นฐานของภูมิปัญญาชาวบาน และเลือกใชเฉพาะที่สอดคลอง กบั ความตอ งการ และสภาพแวดลอ ม ควรพัฒนาเทคโนโลยีจากภูมปิ ัญญาของเราเอง ๕) ดานเศรษฐกจิ แตเดมิ นกั พัฒนามักมุงที่การเพ่ิมรายได และไมมีการมุงท่ีการลด รายจา ยในเวลาเชนนี้จะตองปรบั ทิศทางใหม คอื จะตองมงุ ลดรายจายกอนเป็นสําคัญ และยึดหลักพอ อยู พอกิน พอใช ศรัทธาธิป มาประสพ ไดอธิบายถึงกรอบแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไววา กรอบ แนวคิดมี ๓ องค์ประกอบหลกั คอื ๑) ความพอประมาณ ประกอบไปดว ย - การมีคุณธรรมที่ถูกตองดีงาม การรูจักตัวเอง แบงปันไมเอาเปรียบ คนอื่นไมเอา เปรยี บธรรมชาติคณุ ธรรมนําชวี ิตนาํ ธรุ กจิ การงานไมเ อาเงนิ นําหนาปัญญาตามหลัง - การรูจักตัวเองรูรากเหงาภูมิใจเช่ือม่ัน รูคุณคาที่มาของตนเองเอกลักษณ์ภูมิ ปัญญาทองถ่ินภูมิใจในกําพืดถิ่นฐานบานเกิดรากเหงาเผาพันธ์ุบรรพบุรุษภูมิใจ ในของกินของใช พ้นื บา นกินอยแู บบไทยๆวถิ ีไทย เขาถงึ คณุ คา มากกวายดึ ติดรปู แบบ - มีชีวิตเรียบงายพออยูพอกินพอใช ไมหนาใหญไหลตามกระแสรูกาละ และ เทศะมีความสุขตามอัตภาพขนาดปริมาณที่พอดีไมมากเกินไปไมใหญเกินไป ไมติดแบรนด์คิดแตสราง ภาพไมไหลตามกระแสตามโฆษณาบาบรโิ ภค ๒) เปน็ ผูม เี หตผุ ล ประกอบดว ย - การมีหลักวิชา กินอยูอยางมีขอมูลอยางมีคุณภาพตัดสินใจดวยขอมูลความรู “รู เขารูเรา” รูเทาทันการเปล่ียนแปลงไมทําตามๆกันรูตัวเองรูทองถ่ินรูศักยภาพรู “ทุนชุมชน” รู ปัญหารูโลกาภิวัตน์แสวงหาความรูศึกษาในระดบั สงู ข้นึ ตามศกั ยภาพของตนเอง - การมีแผน มีแผนชีวิตครอบครัวแผนชุมชนแผนยุทธศาสตร์แผนงานองค์กรแผน งบประมาณครอบครัวรายรับรายจายหน้ีสินแผนการลงทุนแผนเศรษฐกจิ พอเพียง - การเป็นมืออาชีพ คุณภาพม่ันคงยั่งยืน “อิทธิบาท ๔” (ฉันทะ วิริยะจิตตะ วิมังสา) ใจรกั รจู ริงรูรอบรลู กึ ทําดมี คี ุณภาพดวยความสมาํ่ เสมอ ๓) มีภมู ิคุม กันท่ดี ี ประกอบดวย - การมีระบบชีวิตที่ดี ครอบครัวอบอุนมีความม่ันคงในชีวิตลูกไดรับการเลี้ยงดูที่ดี ลูกมีการศกึ ษาท่ีดี
๕๑ - การมีระบบเศรษฐกิจชุมชน ทองถิ่นที่ดี ชุมชนเขมแข็งมีระบบเศรษฐกิจชุมชน สวัสดิการชุมชนเครือขายชุมชนเครือขายเศรษฐกิจชุมชนวิสาหกิจชุมชนเกษตรผสมผสานสหกรณ์ SMEs เนนการผลิตเพอ่ื บรโิ ภคในทองถนิ่ กอนพ่งึ ตลาดภายนอกหรือสงออก - มีระบบการจัดการองค์กรที่ดี องค์กร หนวยงานรัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ มีธรร มาภิบาลบรรษัทระบบการจัดการที่ดี มีผูนําและผูตามท่ีดีผูนําสรางแรงบันดาลใจทําใหทุกคนใจดีใจ กวา งใจสใู จถงึ (เขา ใจ - เขาถงึ )๖๕ รงค์ ประพันธ์พงศ์ ไดใหคํานิยามเศรษฐกิจพอเพียงประกอบดวย ๓ คุณลักษณะที่เป็น หว งสอดรอ ยประสานกนั เพอื่ นาํ ไปสกู ารปฏิบัติ ซง่ึ ไดแ ก ๑) ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดี ไมน อ ยเกินไป และไมมากเกินไป โดยไม เบียดเบียนตนเองและผูอ่ืน เชน การผลติ และการบรโิ ภคทอี่ ยูในระดับพอประมาณ ๒) ความมเี หตุผล หมายถึง การตดั สินใจเก่ยี วกบั ระดบั ของความพอเพียงนั้น จะตอง เป็นไปอยางมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวของ ตลอดจนคํานึงถึงผลท่ีคาดวาจะเกิดขึ้น จากการทํานน้ั ๆ อยางรอบคอบ ๓) การมีภมู ิคุมกนั ที่ดใี นตวั หมายถึง การเตรียมตัวใหพรอมรับผลกระทบ และการ เปล่ียนแปลงดานตาง ๆ ท่ีจะเกิดข้ึนโดยคํานึงถึงความเป็นไปไดของสถานการณ์ตาง ๆ ที่คาดวาจะ เกดิ ขึน้ ในอนาคตทง้ั ใกลและไกล๖๖ สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไดนําเสนอถึงการนํา หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชดาํ เนินชีวติ ไวด งั น้ี๖๗ ๑) ระดับบุคคลและครอบครัว เป็นการมุงเนนใหบุคคลและครอบครัวอยูรวมกัน อยางมคี วามสุขท้ังกายและใจ สามารถพ่ึงพาตนเองอยางเต็มความสามารถ ไมทําอะไรเกินตัว ดําเนิน ชวี ติ โดยไมเบียดเบยี นตนเองและผอู ื่น มกี ารพัฒนาตนเองอยางตอ เนอ่ื ง รวมถงึ เปน็ ท่พี งึ่ ใหกับผอู ืน่ ได ๒) ระดับชุมชน มีการรวมกลุมกันทําประโยชน์เพื่อสวนรวม ชวยเหลือเกื้อกูลกัน ภายในชมุ ชนบนหลักของความรูร ักสามคั คี สรางเป็นเครือขา ยเช่ือมโยงกนั ในชมุ ชน และนอกชุมชนท้ัง ดานเศรษฐกจิ สงั คม ทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ ม ๓) ระดบั ภาคธุรกิจ โดยเร่ิมจากความมุงม่ันในการดําเนินธุรกิจที่หวังผลประโยชน์ หรือกาํ ไรในระยะยาวมากกวา ระยะสั้น แสวงหาผลตอบแทนบนพ้ืนฐานของการแบงปัน มุงใหทุกฝุาย ทเ่ี กี่ยวของไดร ับประโยชน์อยา งเหมาะสมและเปน็ ธรรมทั้งลูกคา ผถู ือหุน คูคา และพนกั งาน ๔) ระดับประเทศ การบริหารจัดการประเทศ โดยเร่ิมจากการวางรากฐานให ประชาชนสวนใหญอยูอยางพอมีพอกิน และพึ่งตนเองได มีความรูและคุณธรรมในการดําเนินชีวิต มี การรวมกลุมของชุมชนหลาย ๆ แหง เพื่อแลกเปลี่ยนความรู สืบทอดภูมิปัญญา และรวมกันพัฒนา ๖๕ศรัทธาธิป มาประสพ, “การจัดการขยะตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง”, วิทยานิพนธ์ ศิลปศาสตรม์ หาบณั ฑติ , (บณั ฑิตวิทยาลยั : มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม, ๒๕๕๑), หนา ๑๗ – ๑๘. ๖๖รงค์ ประพันธ์พงศ,์ เศรษฐกจิ พอเพียงและทฤษฎีใหม่, หนา ๓๔. ๖๗สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ, ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง, (กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์ ๒๑ เซ็นจรู ี่, ๒๕๕๐), หนา ๑๘ – ๒๑.
๕๒ ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงอยางรูรักสามัคคี เสริมสรางเครือขายเช่ือมโยงระหวางชุมชนใหเกิด เปน็ สงั คมแหงความพอเพียงในท่ีสุด สานักงานการประถมศึกษาแห่งชาติ ไดนําเสนอถึงการรวมกันเพื่อดําเนินงานที่มุงเนน ความพอเพยี งในระดบั ชุมชน เพ่ือใหเกษตรกรรวมพลังกันในรูป กลุม หรือสหกรณ์ รวมแรงรวมใจกัน ดาํ เนนิ งานในดา นตาง ๆ ดงั น้ี๖๘ ๑) การผลิต เกษตรกรตองรวมมือ รวมใจในการผลิตโดยเริ่มตนตั้งแตข้ันเตรียมดิน การหาพนั ธ์พุ ืช ปุย การจัดหานํ้า และอน่ื ๆ เพอื่ การเพาะปลกู ๒) การตลาด เมื่อมีผลผลิตแลวจะตองเตรียมการตาง ๆ เพื่อการขายผลผลิตใหได ประโยชน์สูงสุด เชน การเตรียมลานตากขาวรวมกัน การจัดหายุงขาวรวบรวมขาว เตรียมหาเครื่องสี ขาว ตลอดจนการรวมกนั ขายผลผลติ ใหไดร าคาดี ๓) การเป็นอยู เกษตรกรควรมีความเป็นอยูท่ีดีพอสมควร โดยมีปัจจัยพ้ืนฐานใน การดํารงชีวิต เชน อาหารการกินตาง ๆ เส้ือผาท่ีพอเพียง ซึ่งไมไดหมายความวาทุกครอบครัวตอง ผลติ ส่ิงตาง ๆ สําหรับการอุปโภคบรโิ ภคไดครบถวน แตหมายถึงเกษตรกรสามารถแลกเปลี่ยนรวมทั้ง มีความสามารถในการซือ้ หาสงิ่ ที่จาํ เปน็ ได ๔) สวัสดิการ แตละชุมชนควรมีสวัสดิการ และบริการท่ีจําเป็น เชน สถานีอนามัย มกี องทนุ ไวกูยมื เป็นตน ๕) การศึกษา ชุมชนควรมีบทบาทในการสงเสริมการศึกษา เชน มีกองทุนเพ่ือ การศกึ ษาเลา เรียนใหแ กเ ยาวชนของชุมชน เปน็ ตน ๖) สังคมและศาสนา แตละชุมชนควรเป็นรวมในการพัฒนาสังคมและจิตใจ โดยมี ศาสนาเป็นที่ยดึ เหนี่ยว สรุปไดวา เศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางในการพัฒนาท่ีจะนําไปสูความสามารถในการ พึ่งพาตนเองในระดับตาง ๆ อยางเป็นข้ันตอน โดยอาศัยความพอประมาณ ความมีเหตุผลและการ สรา งภูมคิ ุมกันท่ีดี มีความรูและคุณธรรม ความเพียรและความอดทน สติปัญญา การชวยเหลือซ่ึงกัน และกัน ความสามัคคีรวมกลุมกันเพื่อสรางชุมชนท่ีเขมแข็ง นําไปสูการพัฒนาอยางสมดุลและยั่งยืน จนทําใหกลาวไดวา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักปรัชญาสากล สามารถนําไปประยุกต์ใชไดกับ ทุกเพศ ทุกวยั และทุกศาสนา ๒.๑.๗ การนาปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงไปใชใ้ นสถานศกึ ษา ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงเป็นหลักคิด และหลักปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดับช้ัน และ ทุกระดับการศึกษา ซง่ึ สามารถนาํ ไปใชเปน็ วถิ กี ารดาํ เนินชีวิตเพอื่ พัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน และ ประเทศชาติใหก าวหนาดว ยความสมดลุ ม่นั คง ยงั่ ยนื เปน็ การพัฒนาเศรษฐกจิ ใหกาวทันตอยุคโลกาภิ วัตน์ เพราะฉะนั้น การนําหลักเศรษฐกิจพอเพียงเขามาสูสถานศึกษา โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมการ ๖๘สํานักงานการประถมศกึ ษาแหงชาติ, ทฤษฎีใหม่ในหลวง ชีวิตท่ีพอเพียง, (กรุงเทพมหานคร : รวม ดวยชวยกัน, ๒๕๕๐), หนา ๒๒ – ๒๔.
๕๓ เรียนการสอนท่สี ง เสริมเศรษฐกจิ พอเพียงในสถานศกึ ษา เพื่อใหผ เู รยี นมีความรูความเขาใจในหลักการ ดําเนนิ ชวี ิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพยี ง ๒.๑.๘ เศรษฐกิจพอเพยี งกบั นโยบายของกระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธิการ เป็นหนวยงานหลักในการขับเคล่ือนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู สถานศกึ ษา โดยมศี ูนย์ขบั เคลอ่ื นเศรษฐกจิ พอเพียง เรม่ิ ดาํ เนนิ การจดั ทาํ ยุทธศาสตร์ขับเคล่ือนปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพยี งสสู ถานศกึ ษาตง้ั แตปี ๒๕๕๐ มูลนิธิสถาบันวิจัย และพัฒนาประเทศตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไดกลาวถึง นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงไววา กระทรวงศึกษาธิการ โดยสํานัก กิจการพิเศษ สํานักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ไดมีการแตงตั้งคณะกรรมการขับเคล่ือนปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงภาคการศึกษา โดยมีการกําหนดเกณฑ์ประเมินสถานศึกษา ๕ ดาน ๑๗ องค์ประกอบ ๖๒ ตัวช้ีวัด ไดแก การดําเนินงาน ๔ ดานตามแนวทางการติดตามประเมินผล ยทุ ธศาสตรข์ ับเคลอื่ นปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงสสู ถานศึกษา ไดแ ก ๑) ดานการบริหารจัดการ ๒) ดา นหลกั สตู รและการจัดการเรียนการสอน ๓) ดา นการจัดกจิ กรรมพัฒนาผูเรียน ๔) ดานการพัฒนาบคุ ลากรของสถานศึกษา ๕) ผลลัพธ์ / ภาพความสาํ เรจ็ ท่ีเกิดข้ึนจากการดําเนินการ๖๙ กระทรวงศึกษาธิการ ไดนําเสนอถึงความเป็นมาของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงใน สถานศกึ ษาไวด ังน้ี๗๐ ๑) เนื่องจากเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเร่ืองของนามธรรม ดังน้ันการขับเคลื่อน เศรษฐกิจพอเพียงในสถานศึกษาระยะแรก จําเป็นท่ีจะตองเร่ิมจากการคนหาตัวอยางกิจกรรมพัฒนา ผเู รยี นท่ีเป็นรูปธรรม เพอ่ื สรา งความเขา ใจทถี่ ูกตอ งและชดั เจนใหน ักเรยี น ๒) กิจกรรมพัฒนาผูเรียนที่มีคุณลักษณะ และการจัดการท่ีสอดคลองกับหลัก เศรษฐกิจพอเพียง คือ ๒.๑) พอประมาณกับศักยภาพของนักเรียน พอประมาณกับภูมิสังคมของ โรงเรียนและชุมชนท่ตี ง้ั ฝกึ ใหเ ด็กคดิ เปน็ ทาํ เป็นอยางมีเหตุผล และมภี มู คิ มุ กันในดานตา ง ๆ ๒.๒) สงเสริมใหนักเรียนใชความรูอยางรอบคอบระมัดระวัง ฝึกการทํางาน รวมกับผูอ่ืนดวยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริต ไมเอารัดเอาเปรียบผูอื่น อดทน รวมดูแลรักษา สงิ่ แวดลอ ม และสบื สานวฒั นธรรมไทย ๖๙มลู นิธสิ ถานบันวิจัย และพฒั นาประเทศตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง, การประยุกต์ใช้ปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพียงของภาคการศึกษา, (กรุงเทพมหานคร : สํานักพมิ พค์ รุ สุ ภา ลาดพราว, ๒๕๕๐), หนา ๓. ๗๐กระทรวงศึกษาธิการ, แนวทางการกระจายอานาจการบริหาร และการจัดการศึกษาให้ คณะกรรมการสานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๐, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร แหงประเทศไทย จาํ กัด, ๒๕๕๐), หนา ๙.
๕๔ ๓) สงเสริมใหบูรณาการการเรียนรูผานกิจกรรม และเขาไปเรียนรูในสาระตาง ๆ ทุกสาระการเรยี นรู ปรียานุช พิบูลสราวุธ ดร. ไดนําเสนอถึงนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการไววา คณะทํางานบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง สสู ถานศึกษาตามแนวคดิ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งดังนี้๗๑ ๑) เปูาหมาย คือ การปลูกฝังใหเด็กและเยาวชนรูจักการใชชีวิตที่พอเพียง เห็น คุณคาของทรัพยากรตาง ๆ ฝึกการอยูรวมกันกับผูอื่นอยางเอ้ือเฟ้ือและแบงปัน มีจิตสํานึกรักษ์ สิง่ แวดลอ ม และเหน็ คุณคา ของวฒั นธรรมคานิยมเอกลักษณ์ความเป็นไทย ๒) การจัดการเรียนรูของผูเรียน ประกอบดวย การสอดแทรกสาระเศรษฐกิจ พอเพียงในหลักสูตรและสาระเรียนรูในหองเรียน และประยุกต์หลักเศรษฐกิจพอเพียงในการจัด กิจกรรมพัฒนาผเู รยี นนอกหอ งเรยี น ๓) พัฒนาบุคลากร โดยครูตองเขาใจอยางถูกตอง และสามารถวิเคราะห์ความ พอเพียง หรือไมพอเพยี งของตนเองและครอบครัวได และทําตวั เป็นแบบอยางที่ดีในการดําเนินชีวิตดัง แผนภมู ิที่ ๒.๒ คณะผ้บู ริหารสถานศกึ ษา กลมุ่ บริหารจดั การและบริการ กลมุ่ จดั กจารดั ศกกึิจษการรมเสริมหลกั สตู ร แผนกธุรการ เรียนรู้เก่ียวกบั เพ่ือพฒั นาผ้เู รียนตาม แผนกการเงิน องคค์ วามรู้และฝึกทกั ษะ แนวทางปรัชญาของ แผนกบคุ คล - มาตรฐานการเรียนรู้ เศรษฐกิจพอเพียง แผนกสถานท่ี - หนว่ ยการเรียนรู้ - แผนจดั การเรียนรู้ แผนภมู ทิ ี่ ๒.๒ โครงสรางการบริหารสถานศึกษาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (มา จากปรียานุช พบิ ูลสราวุธ ดร., ๒๕๕๐, หนา ๑๗) กระทรวงศึกษาธิการ ไดกําหนดเปูาหมายการดําเนินการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู สถานศึกษา ไวดังน้ี๗๒ ๗๑ปรียานุช พิบูลสราวุธ ดร., การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา, พิมพ์ครั้งท่ี ๒ (ฉบับ ปรบั ปรงุ ), (กรงุ เทพมหานคร : สาํ นกั งานทรพั ยส์ ินสวนพระมหากษตั รยิ ,์ ๒๕๕๐), หนา ๓.
๕๕ ๑) สรา งกระบวนการเรยี นรู เรอ่ื งเศรษฐกิจพอเพียงในผูเรียน และบุคลากรทางการ ศกึ ษาทุกระดบั ๒) สรางความรู ความเขาใจ และกระแสสนับสนุนเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง ๓) สรา งผูน ํา สถานศกึ ษาตนแบบ เกดิ การพฒั นาและสรางคนที่มีความรู และความ เขา ใจในหลักเศรษฐกจิ พอเพียง ๔) นําหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์ใชในการจัดการเรยี นการสอน ๕) การขยายผลสูส ถานศกึ ษาระดับองคก์ รหลัก ๖) องค์กรหลักนําแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงสูการปฏิบัติในทุกมิติ และขับเคล่ือนสู หนวยงาน และสถานศกึ ษาในสังกัดอยา งจรงิ จงั และตอเน่อื ง ๗) เชิญชวนโรงเรียนเขา รวมโครงการ เพือ่ เปน็ โรงเรียนตน แบบ ๘) ตดิ ตามประเมนิ ผลและรายงาน ๙) กําหนดนโยบายตอ เนื่องสูการปฏบิ ัติท่ียง่ั ยนื สรุปไดวา การนาํ เอาเศรษฐกิจพอเพยี งมาเป็นกรอบนโยบายการจัดการศึกษานั้น เป็นการ สนองตอโอกาสในการเขาถึงบริการทางการศึกษาท่ีมีความสอดคลองกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง รวมทั้งเป็นการพัฒนาใหผูเรียนเป็นผูท่ีสมบูรณ์ท้ังรางกาย จิตใจ สติปัญญา คณุ ธรรมและจรยิ ธรรมดังแผนภมู ทิ ่ี ๒.๓ แสดงหลกั การนําเศรษฐกิจพอเพียงสูสถานศกึ ษา เศรษฐกจิ พอเพยี งสู่สถานศกึ ษา คณุ ธรรมนาความรู้ เศรษฐกิจพอเพยี ง การบริหารสถานศกึ ษา การจดั หลกั สตู รการเรยี นการสอน กิจกรรมพฒั นาผเู รียน - สรางวัฒนธรรมองค์กร - กาํ หนดมาตรฐานการเรยี นรชู น้ั ปี แนะแนว กจิ กรรมนักเรียน - ปลกู ฝงั ใหเป็นวิถีชวี ิต (รายวิชาพ้ืนฐาน) - ใหบรกิ ารแนะแนว - ลกู เสือ, เนตรนารี, - ชุมชนสัมพนั ธ์ - จัดทาํ หนว ย / แผนการเรียนรู - ระบบดูแลชวยเหลือ - โครงงาน - ชมุ นมุ -จัดกจิ กรรมการเรียนรู - จัดทาํ สือ่ / แหลงเรยี นรู นักเรียน - ชมรม - คายอาสา ฯลฯ - จัดทาํ เครือ่ งมอื วัด / ประเมินผล - เกณฑก์ ารผา นชวงช้ัน เนน้ จิตอาสา / จติ สาธารณะ / การมสี ว่ นรว่ ม การเหน็ คุณคา่ ของการอยู่รว่ มกัน ๗๒กระทรวงศึกษาธิการ, แนวทางการกระจายอานาจการบริหาร และการจัดการศึกษาให้ คณะกรรมการสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๐, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร แหงประเทศไทย จาํ กัด, ๒๕๕๐), หนา ๒๒ – ๒๓.
๕๖ แผนภูมิท่ี ๒.๓ แสดงหลักการนําเศรษฐกิจพอเพียงสูสถานศึกษา (มาจากโครงการวิจัย เศรษฐกจิ พอเพียง, ๒๕๕๓, หนา ๑๓) ๒.๒.๒ เศรษฐกิจพอเพยี งกบั การจัดการศึกษา การนาํ แนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาขบั เคล่ือนไปสูสถานศึกษา เพื่อประยุกต์ใชใน การจัดการเรียนการสอน การจัดกิจกรรมพัฒนาผูเรียน และการบริหารจัดการสถานศึกษา เพ่ือให เกิดผลในทุกระดับไดอ ยางมีประสทิ ธิภาพ และมีประสิทธิผล เกิดการปรับเปล่ียนกระบวนทัศน์ สงผล สูการดําเนินชีวิตบนพ้ืนฐานของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การศึกษาถึงแนวทางในการจัดการ เรยี นการสอนใหสอดคลองกับหลกั เศรษฐกิจพอเพียง ผูวิจัยนําเสนอถึงแนวทางในการจัดการศึกษาใน หวั ขอตา ง ๆ ดงั นี้ ก. ดานหลกั สตู ร และการจดั การเรยี นการสอน ข. ดา นการจัดกจิ กรรมพัฒนาผเู รยี น ก. ด้านหลักสตู ร และการจัดการเรยี นการสอน สริ ิวรรณ ศรพี หล ไดนําเสนอถึงแนวทางการจัดหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพยี ง ไวดงั นี้๗๓ ๑) การสอดแทรกหรือบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในกลุมสาระการเรียนรู ทุกกลุมท่ปี รากฏในหลกั สตู รการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๔๔ ๒) การสอดแทรกหรือบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไวในกลุมสาระการ เรียนรูสงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๓) การจัดปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงเป็นรายวชิ าหนึง่ ระวิวรรณ ภาคพรต ไดนําเสนอการวางกรอบแนวคิดในการจัดทําหลักสูตรเศรษฐกิจ พอเพยี งในสถานศึกษาไวดงั น้ี๗๔ ๑) ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เป็นหลักคิดและหลักปฏิบัติตนของประชาชนทุก ระดับเป็นวิถีการดําเนินชีวิต ท่ีใชคุณธรรมนําความรูเป็นการพัฒนาตนเอง พัฒนาครอบครัว พัฒนา ชมุ ชน และการพฒั นาประเทศชาติ เพื่อใหก าวหนาไปพรอมกับความสมดุลและม่ันคง เป็นหลักปฏิบัติ เก่ียวกับการอยูรวมกันอยางสันติสุขระหวางคนกับคน คนกับชุมชน คนกับธรรมชาติ และคนกับ วัฒนธรรม เป็นหลักในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม รวมท้ังการสรางความ ๗๓สิรวิ รรณ ศรีพหล, การจัดการเรียนการสอนปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งในโรงเรยี น, วารสารสุโขทัย ธรรมาธิราช, ปีท่ี ๒๐ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม – ธันวาคม ๒๕๕๐, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แหง มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช, ๒๕๕๐, หนา ๗. ๗๔ระวิวรรณ ภาคพรต, กรอบแนวคิดในการจัดทาร่างหลกั สูตรเศรษฐกจิ พอเพียง, (กรงุ เทพมหานคร : สํานักงานทรพั ยส์ นิ สวนพระมหากษัตริย,์ ๒๕๕๐), หนา ๒๙ – ๓๑.
๕๗ ตระหนกั ถึงคุณคา ประยุกต์ใช ตอยอด สืบสานภูมิปัญญาไทย เปูาหมายเพ่ือการพัฒนาทุกระดับภาค สวน ทําใหเกิดความสมดุลและพรอมรับตอการเปลี่ยนแปลงทั้งในดานสังคม เศรษฐกิจ ส่ิงแวดลอม และวัฒนธรรม ๒) สาระหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐานอยู ในสาระท่ี ๓ เศรษฐศาสตร์ ในกลุมสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม มาตรฐาน ส ๓.๑ เขาใจและ สามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิต การบริโภค การใชทรัพยากรที่มีอยูจํากัดไดอยางมี ประสิทธิภาพ และคุม คา ท้ังเขา ใจในหลักการของเศรษฐกิจพอเพียงเพ่ือการดาํ รงชวี ติ อยา งมีคุณภาพ ๓) หลักคิด และหลักปฏิบัติตนตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สามารถบูรณา การแบบสหวิทยา หรอื บรู ณาการในกลมุ สาระการเรยี นรูใน ๘ กลุมสาระเรียนรู ๔) การจัดทําหนวยการเรียนรู / แผนการเรียนรูบูรณาการปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง ไมเครงครัดรูปแบบของการเขียนหนวย / แผนการเรียนรูปรับไดตามธรรมชาติของวิชา ระดับชั้น บริบทของโรงเรียน แตใหคงหัวขอสําคัญ ไดแก ผลการเรียนรูท่ีคาดหวัง สาระการเรียนรู กิจกรรมการเรยี นรู สอื่ / แหลง การเรียนรู การวดั และประเมินผล ๕) การจัดทําหนวยการเรียนรู / แผนการเรียนรู เนนกิจกรรมการเรียนรูตาม หลักการของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ทง้ั ๓ หวง และ ๒ เงือ่ นไข ปรียานชุ พบิ ูลสราวุธ ดร. ไดนาํ เสนอถึงรา งหลักสตู รเศรษฐกิจพอเพียงในชวงชั้นที่ ๓ ไว วา ในชวงชั้นท่ี ๓ นี้จะตองเป็นการประยุกต์ใชหลักเศรษฐกิจพอเพียงกับชุมชน มามีสวนรวมใน กจิ กรรมตาง ๆ ของชมุ ชน สามารถสํารวจและวิเคราะห์ความพอเพียงในระดับตาง ๆ และในมิติตาง ๆ ท้ังทางวัตถุ สังคม สิ่งแวดลอม และวัฒนธรรมในชุมชนใกลตัว เห็นคุณคาของการใชหลักพอเพียง ในการพฒั นาชุมชน และสามารถนาํ หลักการพอเพยี งมาประยกุ ต์ใชในชีวิตประจําวันของแตละคน จน นาํ ไปสกู ารปรบั เปล่ียนพฤติกรรมสูความพอเพียงในสุด ดงั แผนภูมิที่ ๒.๔๗๕ มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๑ มธั ยมศกึ ษาปี ท่ี ๒ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี ๓ ๑. รูและเขาใจประวัติความเป็นมา ๑.สํารวจและวิเคราะห์ปัญหาของ ๑. เขาใจแนวทางพัฒนาชุมชนดาน ความหมาย หลักแนวคิด และ ชุมชนดานสังคม เศรษฐกิจ สังคม เศรษฐกิจ ส่ิงแวดลอม ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง สิ่งแวดลอม และวัฒนธรรมบน และวัฒนธรรม ตามหลักปรัชญา พื้นฐานของแนวคิดปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพียง เศรษฐกิจพอเพยี ง ๒. สามารถนําหลักแนวคิด และ ๒. เสนอแนวทางและมีสวนรวมใน ๒. มีสวนรวมในการแหปัญหา หรือ ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงไป การแกไขปัญหาของชุมชนดาน พั ฒ น า ชุ ม ช น ด า น สั ง ค ม ใชใ นการจัดการทรัพยากรที่มีอยู สังคม เศรษฐกิจ ส่ิงแวดลอม เศรษฐกิจ สิ่งแวดลอม และ ๗๕ปรียานุช พิบูลสราวุธ ดร., ขับเคล่ือนเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา, พิมพ์คร้ังที่ ๒ (ฉบับ ปรบั ปรุง), (กรงุ เทพมหานคร : โครงการวิจัยเศรษฐกิจพอเพียง, สํานักงานทรัพย์สินสวนพระมหากษัตริย์, ๒๕๕๐), หนา ๔๙ – ๕๐.
๕๘ ของตนเอง ครอบครัว และ และวัฒนธรรมตามแนวคิด วัฒนธรรม โดยใชหลักปรัชญา ชุมชนอยา งสมดุลและย่งั ยืน ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ของเศรษฐกิจพอเพียง แผนภูมทิ ี่ ๒.๔ แสดงรา งหลกั สูตรเศรษฐกจิ พอเพียงชวงชั้นที่ ๓ (มาจากปรียานุช พิบูลส ราวุธ ดร., ๒๕๕๐, หนา ๕๐) คณะกรรมการบูรณาการเศรษฐกิจพอเพียงสู่การเรียนการสอน ไดนําเสนอแนวทางการ พัฒนาหลกั สูตรบูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี งไวดงั นี้๗๖ ๑) วิเคราะห์หลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ กลุมสาระการ เรียนรูส งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๒) วเิ คราะห์สาระ สาระที่ ๓ เศรษฐศาสตร์ มาตรฐานและมาตรฐานการเรียนรูชวง ชน้ั ที่ ส ๓.๑ เขา ใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลติ และการบรโิ ภคการใชทรัพยากรที่ มีอยูจํากัดไดอยางมีประสิทธิภาพ คุมคา รวมท้ังเขาใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการ ดํารงชีวิตอยางมีดลุ ยภาพ ๓) วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของสาระ / มาตรฐาน / มาตรฐานการเรียนรูชวงชั้นใน กลุม สาระการเรยี นรสู งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรมทีส่ อดคลองกบั หลกั แนวคิดเศรษฐกิจพอเพยี ง ๔) จดั ทํามาตรฐานการเรียนรูเศรษฐกจิ พอเพียงรายปี ๕) กาํ หนดผลการเรียนรทู ีค่ าดหวงั และสาระการเรียนรู ๖) จัดทาํ หนว ยการเรียนรบู ูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๗) จัดทําแผนการจดั การเรียนรู สรสิทธ์ิ พรรณวงศ์ ไดกลาวถงึ การพัฒนาหลักสูตร วาสถานศึกษาควรมีการพัฒนา หรือ บรู ณาการเน้ือหาสาระของเศรษฐกิจพอเพยี งเขาไปในหลักสตู รสถานศกึ ษา ตามขนั้ ตอนดังนี้๗๗ ๑) สถานศึกษานําคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผูเรียน ตามแนวทางหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงมาพิจารณาปรับปรุงหรือเพิ่มเติม วิสัยทัศน์ เปูาหมายและคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ของผเู รยี นในหลักสูตรสถานศกึ ษา ๒) กลุมสาระการเรียนรู และกิจกรรมพัฒนาผูเรียน ปรับปรุง หรือเพิ่มเติม มาตรฐานการเรียนรูในแตละชวงช้ัน ใหสอดคลองกับวิสัยทัศน์ เปูาหมาย และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ของผูเรียนตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของหลักสูตรสถานศึกษาที่ปรับปรุงหรือ เพ่มิ เติม ๗๖คณะทาํ งานบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียงสูการเรยี นการสอน, ตัวอย่างหน่วยการเรียนรู้ปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียง, (กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พค์ ุรุสภา ลาดพราว, ๒๕๔๙), หนา ๑ – ๕. ๗๗สรสทิ ธิ์ พรรณวงศ์, “การบริหารจัดการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โรงเรียนนาหวาพิทยาคม สํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษานครพนม เขต ๒”, วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, (บัณฑิตวทิ ยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธาน,ี ๒๕๕๑), หนา ๒๓.
๕๙ ๓) กลุมสาระเรียนรูและกิจกรรมพัฒนาผูเรียน ปรับปรุง เพิ่มเติมหรือจัดสาระการ เรียนรูหนวยการจัดการเรียนรู และแผนการจัดการเรียนรูตามลําดับ เพ่ือพัฒนาผูเรียนใหเป็นไปตาม มาตรฐานการเรียนรูแตล ะชว งชนั้ สานักประสานและพัฒนาการจัดการศึกษาท้องถิ่น ไดนําเสนอถึงการพัฒนาหลักสูตร เศรษฐกิจพอเพียงในสถานศึกษาไวว า เป็นการนอ มนาํ เอาหลักคิดของเศรษฐกิจพอเพียงมาใชเป็นแนว ทางแกไขปัญหา และปรากฏความสําเร็จเป็นรูปธรรมมากข้ึน และจากความมุงหมาย และหลักการ ของพระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ในหมวด ๑ มาตร ๖ วาดวยการจัดการศึกษา ตอ งเป็นไปเพือ่ พัฒนาคนไทยใหเ ปน็ มนุษย์ท่ีสมบูรณ์ทั้งรางกาย จิตใจ สติปัญญา ความรูและคุณธรรม สามารถอยูรวมกับผูอื่นไดอยางมีความสุข คณะกรรมการบริหารโครงการขับเคล่ือนปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงสูสถานศึกษา ไดจัดทําตัวอยางหนวยการเรียนรูบูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงเพ่ือสง เสรมิ ความรคู วามเขาใจในหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถนําหลักคิดหลัก ปฏิบัติมาบูรณาการสูการเรียนการสอนในทุกกลุมสาระการเรียนรูของทุกระดับช้ันไดอยางถูกตอ ง ชดั เจนและเปน็ รูปธรรม๗๘ สรุปไดวา การจัดการศึกษาตามแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อันเป็นปรัชญาท่ีช้ีถึง แนวการดํารงอยู และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ใหดําเนินไปในทางสายกลาง เพ่ือใหกาว ทันตอ โลกยคุ โลกาภวิ ตั น์ ดงั น้ันจงึ จาํ เปน็ อยางยง่ิ ท่จี ะตองมกี ารพัฒนา ปรับปรงุ หลกั สูตรการเรียนการ สอนเพ่ือใหสอดคลองกับปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง และสามารถนําไปใชในการพัฒนาผูเรียนไดอยางมี ประสิทธิภาพ ข. ด้านการจัดกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน การจัดกิจกรรมพัฒนาผูเรียนเป็นกลไกสําคัญอยางหน่ึง ในการกระตุนใหผูเรียนเกิดการ เรียนรูตามจุดประสงค์ท่ีกําหนดไว โดยที่ผูเรียนมีโอกาสในการลงมือปฏิบัติ และผูที่มีหนาท่ีในการ ออกแบบกิจกรรมพัฒนาการเรียนรูจะตองเป็นผูที่มีความรูในดานเศรษฐกิจพอเพียงที่ดี จึงจะทําให กิจกรรมน้นั ประสบความสาํ เรจ็ และเกดิ ประโยชนส์ งู สุด ดังท่ีมีนักวิชาการหลายทานไดนําเสนอไว ซ่ึง ผูวจิ ัยไดร วบรวมมานาํ เสนอดงั นี้ สิริวรรณ ศรีพหล ไดนําเสนอเก่ียวกับแนวทางการจัดกิจกรรมเศรษฐกิจพอเพียงเพ่ือ พฒั นาผูเรียนไววา การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนเพอ่ื พัฒนาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงใหแกผูเรียน น้ัน ควรใหผูเรียนมีความรูความเขาใจหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอยางถองแท จนเป็นพื้นฐานให นาํ ไปสกู ารปฏบิ ัตไิ ดอ ยา งแทจริง โดยมแี นวทางดงั นี้๗๙ ๑) กิจกรรมการเรียนการสอนโดยใหผูเรียนทําความกระจางในคานิยม การจัด กิจกรรมการเรียนการสอนโดยใหผูเรียนทําความกระจางในคานิยมน้ีนับวา เหมาะสมที่ผูสอนจะ ๗๘สํานักงานประสานและพัฒนาการจัดการศึกษาทองถิ่น, ตัวอย่างหน่วยการเรียนรู้ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงเพื่อทดลองใช้สาหรับช่วงชั้นท่ี ๓, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแหง ประเทศไทย, ๒๕๕๐), หนา ๑๑ – ๑๒. ๗๙สิริวรรณ ศรพี หล, การจดั การเรยี นการสอนปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงในโรงเรียน, วารสารสุโขทัย ธรรมาธิราช, ปีท่ี ๒๐ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม – ธันวาคม ๒๕๕๐, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แหง มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช, ๒๕๕๐), หนา ๑๖ – ๑๘.
๖๐ นําไปใชเพ่ือจัดการเรียนการสอนเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพราะการใหผูเรียนมีคานิยมเรื่อง เศรษฐกจิ พอเพียง ควรใหผ ูเรยี นไดพจิ ารณาเลอื กจนเห็นคณุ คา และนําไปสกู ารปฏิบตั จิ นเกิดเปน็ นิสัย ๒) กิจกรรมการเรียนการสอนโดยการอภิปราย การเรียนการสอนเพื่อพัฒนา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ผูสอนอาจใชวิธีการอภิปราย โดยตั้งประเด็นหรือหัวขอท่ีเกี่ยวกับหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แลวใหผูเรียนอภิปรายแสดงความคิดเห็น ผูเรียนจะแสดงความรูและ ทัศนคติของตนออกมา และยังมีโอกาสรับฟังความคิดเห็นของผูเรียนคนอ่ืน ๆ ทําใหมีการพัฒนา ความรูเร่ืองหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีเจตคติที่ถูกตองเกี่ยวกับหลักปรัชญานี้ จนนําไปสูการ ปฏิบัติอยางถูกตอง ๓) กิจกรรมการเรียนการสอนโดยใชสถานการณ์จาํ ลอง สามาถนํามาใชในการเรียน การสอนเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เชน ผูสอนอาจนําสถานการณ์ที่เกี่ยวกับการดําเนินชีวิตของ ครอบครัว การประกอบอาชีพในชุมชน สภาพเศรษฐกิจของชุมชนหรือประเทศ เป็นตน มาจัดจําลอง ใหเหมือนจริงไวใ นหอ งเรียน แลว ใหผเู รียนเขาไปอยูในสถานการณ์น้นั ๆ เป็นการฝึกทักษะการดเผชิญ กับสถานการณจ์ ําลอง ผูสอนอาจแนะนําใหผูเรียนใชแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวใน การแกปญั หาหรอื ใชเ ป็นแนวทางโดยแสดงความคิดเห็นตอ สถานการณจ์ าํ ลองน้ัน ๆ ปรียานุช พิบูลสราวุธ ดร. ไดกลาวถึงแนวทางการจัดกรรมการเรียนการสอนท่ีสงเสริม เศรษฐกิจพอเพียงไววา สถานศึกษาควรจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามเนื้อหาสาระท่ีกําหนดไวใน หลักสตู รอยางสอดคลองกับวิถีชีวิตของผูเรียน เนนกระบวนการคิดวิเคราะห์ เนนการปฏิบัติจริง เพ่ือ นําไปสกู ารปฏิบตั ติ นทเ่ี หมาะสมในชวี ิตประจําวนั โดยมแี นวทางดําเนินการดงั น้ี๘๐ ๑) จัดกิจกรรมการเรียนการสอนท่ีสงเสริมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่เนนการฝึก ทักษะ กระบวนการคิด วิเคราะห์ การจัดการเผชิญสถานการณ์ การแกปัญหา ที่เริ่มจาก ชวี ติ ประจําวัน และเช่อื มโยงสคู รอบครวั ชมุ ชน สังคม ประเทศชาติ และสงั คมโลก ๒) จัดกระบวนการเรียนการสอนที่มีกิจกรรมเนนการทดลอง การปฏิบัติจริงท้ังใน สถานศกึ ษา และแหลง เรยี นรูภ ายนอกสถานศึกษา ทั้งในรูปของการจัดทําโครงการ โครงงาน และอ่ืน ๆ ท้งั การศกึ ษารายบุคคลและเปน็ กลุม ๓) วัดและประเมินผลการเรียนรูใหครอบคลุมทั้ง ๓ ดาน ไดแก ดานความรู ดาน ทักษะกระบวนการ และดา นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ สุวิทย์ มลู คา ไดก ลาววา การจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนทีส่ งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงใน แหลงเรียนรูใหป ระสบความสําเร็จอยา งมีประสิทธิภาพ จาํ เปน็ ตอ งดําเนินการดังตอ ไปนี้๘๑ ๑) จัดกิจกรรม เนื้อหาสาระใหสอดคลองกับความสนใจ และความถนัดของผูเรียน โดยคาํ นึงถงึ ความแตกตา งระหวา งบคุ คล ๘๐ปรียานุช พิบูลสราวุธ ดร., การขับเคล่ือนเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา, พิมพ์คร้ังที่ ๒ (ฉบับ ปรับปรงุ ), (กรงุ เทพมหานคร : สํานกั งานทรัพยส์ นิ สว นพระมหากษตั ริย์, ๒๕๕๐), หนา ๒๓ – ๒๔. ๘๑สุวทิ ย์ มูลคํา, วธิ ีการจดั การเรยี นรเู้ พอื่ พัฒนาความรู้และทกั ษะ, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ภาพ พมิ พ์, ๒๕๔๗), หนา ๕ – ๖.
๖๑ ๒) ฝึกทกั ษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ ความรูมาใชเพอ่ื ปูองกันและแกปัญหา ๓) จัดกิจกรรมใหผูเรียนไดเรียนรูจากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติใหทําใหคิด เป็น รกั การอาน และเกิดการใฝรุ ูอ ยางตอเนอื่ ง ๔) สงเสริมสนับสนุนใหผูสอนจัดบรรยากาศ สภาพแวดลอม สื่อการเรียนและ อํานวยความสะดวกเพือ่ ใหผเู รียนเกิดการเรยี นรู ๕) ควรจดั การเรยี นรใู หเ กดิ ข้นึ ไดท ุกเวลาทกุ สถานที่ มกี ารประสานความรวมมือกับ ชมุ ชน เพ่ือรวมกันพัฒนาใหผ ูเ รียนใชช วี ิตตามหลกั เศรษฐกิจไดอยา งถกู ตอง สมชาย ฐิติรัตนอัศว์ ไดกลาววา สถานศึกษาควรมุงสงเสริมการเรียนรู และปลูกฝัง เสริมสรางใหผูเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการดําเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ดังน้ี๘๒ ๑) มคี วามรู ความเขา ใจปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และตระหนักในความสําคัญ ของการดาํ เนนิ ชีวติ ตามปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๒) มีความรู และทักษะพ้ืนฐานในการดําเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพยี ง ๓) ปฏบิ ัตติ น และดําเนินชวี ิตตามแนวปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ดังน้ี ๓.๑ ปฏิบัติตนใหมีความพอประมาณ รูจักการประมาณตน รูจักศักยภาพ ของตนทมี่ ีอยู และรูจักสภาพแวดลอมของชุมชน / สังคมที่อาศยั อยู ๓.๒ ปฏิบัติตนอยางมีเหตุผล บนพื้นฐานของความถูกตอง โดยใช สตปิ ญั ญา มีความรอบรู และรอบคอบในการคดิ พูดทาํ โดยยึดทางสายกลางในการปฏิบัติ ๓.๓ มีภูมิคุมกันท่ีดีในตัว พรอมรับผลกระทบและการเปล่ียนแปลงดาน ตา ง ๆ ทง้ั ภายในและภายนอกภายใตก ระแสดโลกาภวิ ัตน์ กระทรวงศึกษาธิการ ไดกลาวถึงกิจกรรมพัฒนาผูเรียนท่ีสอดคลองและสงเสริมเศรษฐกิจ พอเพียง มดี ังน๘้ี ๓ ๑) กิจกรรมสามารถมีความหลากหลายของเนื้อหา แลว แตตามสภาวะภูมิสังคมของ แตละสถานศึกษา แตที่สุดแลวตองปลูกฝังใหเด็กและเยาวชนมีวิธีคิด อุปนิสัยและพฤติกรรมที่ สอดคลอ งกบั หลักเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๒) เป็นกจิ กรรมทีด่ ําเนนิ การหลักโดยนักเรียน นักศึกษา และมีครูเป็นผูนําหรือเป็น ผูสนับสนนุ ๘๒สมชาย ฐิติรัตนอัศว์, การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในแหล่งเรียนรู้, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ศรี การพมิ พ,์ ๒๕๕๑), หนา ๓๕. ๘๓กระทรวงศึกษาธิการ, ยุทธศาสตรข์ ับเคลอ่ื นปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา, ๒๕๕๐, (กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์ครุ ุสภา ลาดพรา ว,๒๕๕๐), หนา ๒๒.
๖๒ ๓) เปน็ กิจกรรมทม่ี งุ เนน ใหเกิดความกา วหนาไปพรอมกับความสมดุลทางเศรษฐกิจ สังคม สงิ่ แวดลอม ของสถานศึกษา และสามารถขยายผลออกสชู มุ ชนได สรุปไดวา การจัดกิจกรรมสงเสริมเศรษฐกิจจะตองเป็นกิจกรรมที่มีความหลากหลาย และ เป็นที่สนใจของผูเรียน พรอมท้ังตองเป็นเป็นกิจกรรมที่มุงเนนใหผูเรียนไดลงมือปฏิบัติจริง และเกิด ความสมดลุ ทางดานเศรษฐกิจ สงั คม สิ่งแวดลอ ม ๒.๒.๓ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคข์ องผู้เรยี นตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สถานศึกษาควรมุงสงเสริมการเรียนรูและปลูกฝัง เสริมสรางใหผูเรียนมีคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ในการดําเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในดานความพอประมาณ ผูวิจัยได รวบรวมแนวคดิ จากนักวชิ าการไดดังน้ี สุจิตร เพียรชอบ ไดกลาวถึงคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผูเรียน ตามแนวปรัชญา เศรษฐกจิ พอเพยี งในสถานศึกษา ไวว า๘๔ ๑) ตองเป็นผูที่มีความรู ความเขาใจในการดําเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง ๒) ตองมีเป็นผูท่ีมีความรู ความเขาใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสามารถ เช่อื มโยงกับระบบเศรษฐกจิ ทัว่ ไป ๓) เหน็ ประโยชน์ และตระหนกั ในความสาํ คญั ของการดาํ เนินชีวิต ตามแนวปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง และการใชหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาตนเอง พัฒนา กลมุ / โรงเรียน / ชุมชน และพฒั นาสังคมโดยรวม สุนัย เศรษฐ์บุญสร้าง ไดกลาวถึงการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนท่ีสงเสริมปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงจะตองมีสวนท่ีจะพัฒนาผูเรียนใหเป็นผูที่มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีความรู มี ทักษะพ้นื ฐานในการดาํ เนินชีวติ ตามแนวปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ดงั นี้๘๕ ๑) มีความรูแ ละทกั ษะพื้นฐานในการดํารงชวี ติ และการพัฒนาอาชีพที่เหมาะสมกับ ศักยภาพของแตละบุคคล และสอดคลองกับภูมิสังคมตาง ๆ เชน การผลิต และจําหนายสินคา การ ใหบ ริการ การดําเนินธุรกิจขนาดตาง ๆ การใชจายและการออม การเกษตร เป็นตน เพ่ือใหสามารถ อุม ชูตวั เองและครอบครวั ได ๒) มีทักษะ คานิยม และจริยธรรมเบ้ือตนท่ีจําเป็นในการอยูรวมกับผูอ่ืนในสังคม อยา งเอ้อื เฟ้ือเผ่ือแผ เกื้อกลู ไมเ บียดเบยี น นําไปสูความสนั ตสิ ขุ และรรู ักสามัคคี ๓) ใชและพัฒนาทรพั ยากร และสิ่งแวดลอมใหเกิดประโยชนแ์ ละความสุขทีย่ ่งั ยืน ๔) สืบสานและพัฒนาศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาทองถิ่น หวงแหนทรัพย์สมบัติ ของชาติ รักและภาคภูมใิ จในความเป็นไทย ๘๔สุจติ ร เพียรชอบ, คณุ ลักษณะของเยาวชนไทยท่พี ึงปรารถนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง, (กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์แหง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั , ๒๕๕๒), หนา ๒๒. ๘๕สนุ ยั เศรษฐ์บญุ สรา ง, แนวทางปฏิบัติ ๗ ขั้นสู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียงจากแนวปฏิบัติสู่แนวคิดทาง ทฤษฎีของเศรษฐกจิ พอเพยี ง, (กรงุ เทพมหานคร :ซีเอ็ดยเู คช่นั , ๒๕๔๙), หนา ๔๑.
๖๓ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ไดนําเสนอถึงคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของผูเ รยี นตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง ดังน้ี๘๖ ๑) ปฏิบัติตนใหมีความพอประมาณ รูจักการประมาณตน รูจักศักยภาพของตนท่ีมี อยู และรูจักสภาพแวดลอมของชุมชน / สงั คมทอี่ ยูอาศัย ๒) ปฏิบัติตนอยางมีเหตุผล บนพื้นฐานของความถูกตอง โดยใชสติปัญญา มีความ รอบรู และรอบคอบในการคดิ พูด ทํา โดยยึดทางสายกลางในการปฏบิ ตั ิ ๓) มีภูมิคุมกันที่ดีในตัว พรอมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงดานตาง ๆ ทั้ง ภายในและภายนอก ภายใตกระแสโลกาภวิ ัตน์ ๔) มีความรอบรูในเรื่องท่ีเกี่ยวของ สามารถคิด วิเคราะห์และปฏิบัติดวยความ รอบคอบ ระมัดระวัง ๕) ปฏิบัติตน และดําเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงดวยความซ่ือสัตย์ สุจริต ขยัน อดทน มีสติปัญญา มีวินัย สามารถพึ่งตนเองได มีความรับผิดชอบและอยูรวมกับผูอ่ืนได อยา งมีความสขุ สเุ มธ ตันติเวชกุล ไดกลาวถึง คุณลักษณะของผูเรียนที่ปฏิบัติตนตามแนวทางเศรษฐกิจ พอเพียงอนั เน่อื งมาจากพระราชดําริ ดังน้ี๘๗ ๑) มีความประหยัด ตัดตอนคาใชจายในทุกดาน ลดละความฟุมเฟือยในการดํารง ชีพอยางจริงจัง ดังพระราชดํารัสที่วา “ความเป็นอยูที่ตองไมฟุูงเฟูอ ตองประหยัดไปในทางที่ ถูกตอ ง” ๒) ประกอบอาชีพดวยความถูกตองสุจริต แมจะตกอยูในภาวะขาดแคลนในการ ดํารงชีพก็ตาม ดังพระราชดํารัสท่ีวา “ความเจริญของคนท้ังหลาย ยอมเกิดมาจากการประพฤติชอบ และการหาเล้ยี งชีพชอบเป็นหลกั สําคญั ” ๓) ละเลิกการแกงแยงผลประโยชน์ และแขงขันกันในทางการคาขาย ประกอบ อาชีพแบบตอสูกันอยางรุนแรง ดังพระราชดํารัสท่ีวา “ความสุขความเจริญอันแทจริงน้ัน หมายถึง ความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหาไดดว ยความเป็นธรรมทงั้ ในเจตนาและการกระทํา ไมใชไดมาดวย ความบงั เอิญ หรอื ดว ยการแกง แยงเบยี ดบงั มาจากผูอื่น” ๔) ไมหยุดน่ิงที่จะหาทางใหชีวิตพนจากความทุกข์ยาก โดยตองขวนขวายใฝุหา ความรูใหเกิดมีรายไดเพิ่มพูนข้ึน จนถึงขั้นพอเพียงเป็นเปูาหมายสําคัญ พระราชดํารัสตอนหน่ึงท่ีให ความชัดเจนวา “การท่ตี อ งการใหทุกคนพยายามทจ่ี ะหาความรู และสรางตนเองใหมั่นคงน้ีเพ่ือตนเอง เพอื่ ท่จี ะใหต ัวเองมคี วามเป็นอยูท่ีกาวหนา ท่ีมีความสุขพอมีพอกินเป็นขอหน่ึง และข้ันตอไปก็คือใหมี เกยี รติวา ยืนไดด ว ยตนเอง” ๘๖สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน, ปฏิรูปการเรียนรู้ผู้เรียนเป็นสาคัญ , (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ พมิ พ์ดี, ๒๕๔๖), หนา ๕๕. ๘๗สุเมธ ตันติเวชกุล, ใต้เบ้ืองพระยุคบาท, พิมพ์คร้ังที่ ๗, (กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์มติชน, ๒๕๔๖), หนา ๒๒๙.
๖๔ ๕) ปฏิบตั ติ นในแนวทางท่ีดี ลดละส่งิ ชั่วใหห มดสิน้ ไป ท้ังน้ีดวยสังคมไทยที่ลมสลาย ลงในคร้ังนี้ เพราะยังมีบุคคลจํานวนมิใชนอยท่ีดําเนินการโดยปราศจากความละอายตอแผนดิน พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวไดพระราชทานพระบรมราโชวาทวา “พยายามไมกอความชั่วใหเป็น เครื่องทําลายตัวทําลายผูอ่ืน พยายามลดพยายามละความชั่วที่ตัวเองมีอยู พยายามกอความดีใหแก ตนเองอยเู สมอ พยายามรักษาและเพิม่ พูนความดีทีม่ อี ยนู ้ันใหงอกงามสมบูรณ์ข้ึน” สานกั นโยบายและยุทธศาสตร์ ไดนําเสนอแนวทางการนําปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ไปจัดการศึกษา และจัดกิจกรรมพัฒนาผูเรียนในสถานศึกษาเพื่อเป็นการสงเสริมกิจกรรมดาน เศรษฐกิจพอเพียง โดยท่ีสถานศึกษาควรมุงสงเสริมการเรียนรูและปลูกฝัง เสริมสรางใหผูเรียนมี คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคใ์ นการดาํ เนินชวี ิตตามแนวปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ดงั น้ี๘๘ ๑) มีความรู ความเขาใจ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และตระหนักใน ความสาํ คญั ของการดาํ เนนิ ชีวิตตามแนวปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ดงั นี้ (๑) มีความรู ความเขาใจในการดําเนินชีวิตตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง (๒) มคี วามรู ความเขา ใจปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และความเช่ือมโยง กับระบบเศรษฐกจิ ทัว่ ไป (๓) เห็นประโยชน์ และตระหนักในความสําคัญของการดําเนินชีวิต ตาม แนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการใชหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพ่ือการ พัฒนา ตนเอง พัฒนากลุม/โรงเรียน/ชมุ ชน และพฒั นาสังคมโดยรวม ๒) มีความรูและทักษะพ้ืนฐานในการดําเนินชีวิตตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง ดงั นี้ (๑) มีความรูและทักษะพื้นฐานในการดํารงชีวิตและการพัฒนาอาชีพที่ เหมาะสมกับศักยภาพของแตละบุคคล และสอดคลองกับภูมิสังคมตาง ๆ เชน การผลิต และจําหนาย สินคา การใหบริการ การดําเนินธุรกิจขนาดตาง ๆ การใชจายและการออมการเกษตร ฯลฯ เพ่ือให สามารถอมุ ชูตัวเองและครอบครัวได (๒) มที ักษะ คานยิ ม และจริยธรรมเบื้องตนที่จําเป็นในการอยูรวมกับผูอ่ืน ในสังคมอยา งเออ้ื เฟอ้ื เผื่อแผ เก้ือกลู ไมเบยี ดเบยี น นาํ ไปสูค วามสนั ติสขุ และรรู กั สามคั คี (๓) ใชและพัฒนาทรัพยากรและสิ่งแวดลอมใหเกิดประโยชน์และความสุข อยางย่ังยนื (๔) สืบสานและพัฒนาศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาทองถิ่น หวงแหน ทรัพย์สมบัตขิ องชาติ รักและภาคภูมิใจในความเป็นไทย ๓) ปฏิบัติตนและดาํ เนนิ ชีวติ ตามแนวปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ดังน้ี (๑) ปฏิบัติตนใหมีความพอประมาณ รูจักการประมาณตน รูจักศักยภาพ ของตนทม่ี อี ยแู ละรจู กั สภาพแวดลอ มของชมุ ชน/สงั คม ทอ่ี าศยั อยู ๘๘สาํ นักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงศึกษาธิการ, การขบั เคล่ือนเศรษฐกิจพอเพียงดา นการศกึ ษา, (กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พอ์ งคก์ ารขนสงสนิ คา และพสั ดุภณั ฑ์, ๒๕๕๐) ๓๓ – ๓๗.
๖๕ (๒) ปฏิบัติตนอยางมีเหตุผล บนพ้ืนฐานของความถูกตอง โดยใชสติ ปญั ญา มคี วามรอบรู และรอบคอบในการคดิ พดู ทํา โดยยึดทางสายกลางในการปฏิบตั ิ (๓) มภี ูมคิ มุ กันท่ีดีในตัว พรอ มรับผลกระทบและการเปล่ียนแปลงดานตาง ๆ ทงั้ ภายในและภายนอก ภายใตกระแสโลกาภิวตั น์ (๔) มีความรอบรูในเร่ืองที่เก่ียวของ สามารถคิดวิเคราะห์และปฏิบัติดวย ความรอบคอบ ระมัดระวัง (๕) ปฏิบัติตนและดําเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ดวย ความซื้อสัตย์ สุจริต ขยัน อดทน ขยันหม่ันเพียร แบงปัน มี สติ ปัญญา มีวินัย พึ่งตนเอง เอ้อื เฟือ้ เผือ่ แผ เก้อื กลู มีความรบั ผดิ ชอบและอยรู ว มกับผอู นื้ ไดอ ยางมีความสขุ สรปุ ไดวา ครูควรตอ งดํารงชีวิตใหเป็นแบบอยางทั้งดานครองตน และครองงานใหมีคุณคา บนพื้นฐานความเช่ือท่ีวา “ การมีชีวิตท่ีมีความสุขกับคุณคาของคน”ผูประสบความสําเร็จในชีวิตการ งาน และครอบครัว อยางกวางขวาง ไมติดยึดกับตําแหนงและอํานาจ การมีวินัยในตนสามารถใช เวลาไดอยางมปี ระสทิ ธภิ าพ ดําเนินชวี ติ ตามหลกั พอประมาณ ๒.๔.๙ กจิ กรรมส่งเสรมิ / พฒั นาผู้เรียนตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง จากจดุ มุงหมายของหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๔๔ ท่ีมุงพัฒนาคนไทยใหเป็น มนุษย์ท่ีสมบูรณ์ เป็นคนดี คนเกง อยูรวมในสังคมไดอยางมีความสุข บนพื้นฐานของความเป็นไทย นอกจากการพฒั นาผเู รียนทกุ คนใหมีความรูต ามกลมุ สาระการเรยี นรูทั้ง ๘ กลุมแลว ในหลักสูตรยังได กําหนดใหจัดกิจกรรมท่ีพัฒนาผูเรียนดวย เพื่อใหผูเรียนรูจักตนเอง คนพบความสามารถ ความถนัด ของตนเพือ่ การพัฒนาศักยภาพใหเต็มที่ และโดยเฉพาะมีการกําหนดใหจัดกิจกรรมพัฒนาผูเรียนตาม หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งอีกดวย ซึ่งผวู ิจัยไดน าํ เสนอในหวั ขอ ตา ง ๆ ดงั ตอไปนี้ ๒.๓.๑ ความหมายของกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น เพื่อที่จะใหเขาใจถึงกิจกรรมพัฒนาผูเรียนไดเป็นอยางดี ในเบ้ืองตนผูวิจัยจะนําเสนอใน สวนที่เป็นความหมายของกิจกรรมพัฒนาผูเรียน ซึ่งมีนักวิชาการ รวมถึงหนวยงานตาง ๆ ไดให ความหมายไวอยางหลากหลายดังนี้ กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ไดใหความหมายของกิจกรรมพัฒนาผูเรียน หมายถึง กิจกรรมท่จี ัดอยางเป็นระบบ ประกอบดวยรูปแบบกระบวนการ วิธีการท่ีหลากหลาย ใหผูเรียนไดรับ ประสบการณ์จากการปฏิบัติจริง มีความหมาย และมีคุณคาในการพัฒนาผูเรียนท้ังทางดานรางกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคม มุงสรางเจตคติ คุณคาชีวิต ปลูกฝังคุณธรรมและคานิยมที่พึง ประสงค์ สงเสริมใหผูเรียนรูจักและเขาใจตนเอง สรางจิตสํานึกในธรรมชาติและส่ิงแวดลอม ปรับตัว และปฏบิ ัตติ นใหเปน็ ประโยชนต์ อสงั คม ประเทศชาติ และดํารงชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงได อยางมคี วามสุข๘๙ ๘๙กรมวชิ าการ กระทรวงศึกษาธกิ าร, คู่มอื การจดั กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ องค์การรับสงสินคาและพสั ดุภัณฑ์, ๒๕๔๗), หนา ๑.
๖๖ พีรเดช พงศ์งามสง่า ไดใหความหมาของ กิจกรรมพัฒนาผูเรียน หมายถึง กิจกรรมที่ สถานศกึ ษาจดั ข้นึ ใหผเู รยี นไดพัฒนาความสามารถของตนเอง ตามศักยภาพเพ่ิมเติมจากกิจกรรมที่จัด ใหเรียนรูตามกลุมสาระการเรียนรูท้ัง ๘ กลุม ผูเรียนสามารถเลือกเขารวมกิจกรรมตามความถนัด และความสนใจ เพ่ือชวยพัฒนาองค์รวมทงั้ รางกายและจติ ใจ๙๐ กาญจนา ศรีกาฬสินธุ์ ไดกลาวถึงความของ กิจกรรมพัฒนาผูเรียน หมายถึง กิจกรรม ตาง ๆ ทโ่ี รงเรยี นสนับสนุนใหนักเรียนรวมกันจัดทําขึ้นนอกเวลาเรียน และนอกเหนือจากหลักสูตรท่ี โรงเรียนกําหนดใหในเวลาเรียนปกติ ท้ังนี้ดวยความสมัครใจของนักเรียนเอง และความชวยเหลือ เออื้ อํานวยความสะดวกของโรงเรียน ในรูปแบบตาง ๆ เพ่ือใหกิจกรรมแตละอยางบรรลุความสําเร็จ ตามความมงุ หมาย๙๑ สมศักดิ์ สินธุระเวชญ์ ไดใหความหมายของกิจกรรมพัฒนาผูเรียนวาหมายถึง ชุดของ การปฏิบตั กิ ารตา ง ๆ ทม่ี กี ารเตรียมการ หรอื วางแผนไวเรยี บรอยแลว ผูปฏิบัติบังเกิดผลที่คาดหวังไว โดยลกั ษณะกิจกรรมท่ดี ีตองนําไปสกู ารเรียนรขู องผเู รยี น การพัฒนาการจัดการตนเองของผูเรียน เพ่ิม ประสบการณก์ ารเรยี นรู และมีความสุขในชีวิต ซง่ึ ควรเนน กิจกรรมทผี่ เู รียนเป็นศูนย์กลางเป็นผูปฏิบัติ ผูเรียนมีสวนรวมทุกข้ันตอน ผูเรียนมีโอกาสแสดงออกอยางมีอิสระทางดานความคิด ผูเรียนคนพบ ตนเอง รูจักตนเอง สรางความทาทาย กระตุนใหอยากเขารวมกิจกรรม สนุกสนาน เพลิดเพลิน บรรยากาศเปน็ กันเอง มีความหลากหลายในรปู แบบกจิ กรรม๙๒ Good C. V. ไดใหความหมายของกิจกรรมพัฒนาผูเรียน หมายถึง กิจกรรมพัฒนา นักเรยี นเปน็ โปรแกรม และการจดั ดําเนินงานท่ีนักเรียน นักศึกษา หรือสถาบันทางการศึกษา ที่จัดทํา ข้ึนโดยมีจุดมุงหมายเพ่ือสรางความสนุกสนาน เพิ่มพูนความรู ใหโอกาสผูเรียนไดแสดงความสนใจ ความสามารถ ไมมีการใหหนวยกติ และอยูภ ายใตก ารควบคมุ ของสถาบนั ทางการศึกษา๙๓ วิทยา เพ่งเล็งดี ไดใหความหมายของ กิจกรรมพัฒนาผูเรียน หมายถึง กิจกรรมตาง ๆ ท่ีโรงเรียน จัดขึ้นนอกเหนือจากกิจกรรมการสอนท่ีหลักสูตรไดกําหนดเนื้อหาไว เพ่ือสงเสริม ประสบการณ์ชีวิต สนองความสนใจความสามารถ และความถนัดของนักเรียน โดยนักเรียนเป็นผูมี สวนรวมในการวางแผน และดําเนินการเองโดยสมัครใจ ทั้งนี้ภายใตการอนุมัติของผูบริหารโรงเรียน โดยไมเก่ียวกับคะแนนในการวัดผลการศึกษา๙๔ ๙๐พีรเดช พงศ์งามสงา, นิยามศัพท์เกี่ยวกับหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๔๔ (ตอนที่ ๑๑), (กรุงเทพมหานคร : สาํ นักพิมพว์ ัฒนาพานชิ , ๒๕๕๑), หนา ๗. ๙๑กาญจนา ศรกี าฬสนิ ธุ์, การบรหิ ารกิจการนักเรียน เลม่ ๑ – ๒, (กรงุ เทพมหานคร : มหาวิทยาลัย ศรีนครนิ ทรวิโรฒน์ ประสานมติ ร, ๒๕๔๘), หนา ๔๙๑. ๙๒สมศักดิ์ สินธุระเวชญ์, กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน, (กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์วัฒนาพานิช, ๒๕๔๙), หนา ๕๑. ๙๓Good, C. V., Dictionary of Education, (New York : McGraw – Hill, 1999), p. 35. ๙๔วิทยา เพงเลง็ ดี, “การศึกษาสภาพและปญั หาการจดั กิจกรรมนักเรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัด กรมสามัญศึกษา จังหวัดสุรินทร์”, วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์, ๒๕๔๙), หนา ๗.
๖๗ สรุปไดวา กิจกรรมพัฒนาผูเรียน หมายถึง กิจกรรมตาง ๆ ที่จัดขึ้นอยางเป็นระบบ ดวย กระบวนการและวิธีที่หลากหลาย เป็นกิจกรรมที่นําไปสูการเรียนรูที่นอกเหนือจากการสอนตาม หลักสูตรปกติทั่วไป ผูเรียนลงมือปฏิบัติดวยตนเองตามความรู ความสนใจ ความสามารถ และความ ถนัดของนักเรยี น และบงั เกิดผลตามท่ีคาดหวังทั้งทางดา นรางกาย อารมณ์และจิตใจ สังคม สตปิ ญั ญา ๒.๓.๒ ความสาคญั และที่มาของกิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี นตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง การจัดกิจกรรมพัฒนาผูเรียนน้ันมีความสําคัญไมย่ิงหยอนไปกวาการจัดการเรียนการสอน ตามหลักสตู รทกี่ าํ หนดไวของสถานศกึ ษา เพราะกจิ กรรมพฒั นาผเู รยี นเป็นเครื่องมือชวยใหนักเรียนได รูจักปรับตัวในการทํางาน และอยูรวมกับผูอื่น ท้ังเป็นการปลูกฝังหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงดวย ดงั ท่ีมนี ักวิชาการ ผรู หู ลายทา นไดกลาวถึงความสาํ คัญและทม่ี าของกจิ กรรมพัฒนาผเู รียนไวด งั นี้ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ไดกลาวถึง พระราชบัญญัติการศึกษา แหงชาติ พุทธศักราช ๒๕๔๒ กําหนดแนวการจัดการศึกษา โดยยึดหลักวาผูเรียนทุกคนมี ความสามารถเรียนรู และพัฒนาตนเองได และถือวาผูเรียนมีความสําคัญท่ีสุด กระบวนการจัดการ ศึกษาตองสงเสริมใหผูเรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติ และเต็มตามศักยภาพ โดยจัดเน้ือหาสาระ และกิจกรรมใหสอดคลองกับความสนใจ และความถนัดของผูเรียน คํานึงถึงความแตกตางระหวาง บุคคล ฝึกทักษะกระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์และการประยุกต์ความรูมาใชใน การปูองกัน แกปัญหา และเรียนรูจากประสบการณ์จริง ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงอยางรวดเร็ว ของสังคม เทคโนโลยี กอใหเกิดทั้งผลดผี ลเสียตอการดําเนินชีวิตในปัจจุบันของบุคคล ทําใหเกิดความ ยุงยากซับซอ นมากยง่ิ ขน้ึ จาํ เป็นตองปรับเปลี่ยนวิถีการดําเนินชีวิตใหสามารถดํารงชีวิตอยูในสังคมได อยางมีศักดิ์ศรีและมคี วามสขุ ๙๕ กระทรวงศึกษาธิการ ไดกลาวถึง กิจกรรมพัฒนาผูเรียนไววา หลักสูตรการศึกษาขั้น พ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๔๔ กําหนดใหมีสาระการเรียนรู ๘ กลุม และกิจกรรมพัฒนาผูเรียน ซึ่งกิจกรรม พัฒนาผูเรียนเป็นกิจกรรมที่จัดใหผูเรียนไดพัฒนาความสามารถของตนเองตามศักยภาพ มุงเนน เพิ่มเติมจากกิจกรรมท่ีไดจัดใหผูเรียนรูตามกลุมสาระการเรียนรูทั้ง ๘ กลุม การเขารวมและปฏิบัติ กิจกรรมท่ีเหมาะสมรวมกับผูอื่นอยางมีความสุขกับกิจกรรมท่ีเลือกดวยตนเองตามความถนัด และ ความสนใจอยา งแทจ รงิ การพัฒนาทีส่ าํ คัญ ไดแก การพัฒนาองค์รวมของความเป็นมนุษย์ใหครอบทุก ดาน ท้ังรางกาย สติปัญญา อารมณ์และสังคม โดยอาจจัดเป็นแนวทางหนึ่งท่ีจะสนองนโยบายในการ สรางเยาวชนของชาติใหเป็นผูมีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย รูจักการใชชีวิตท่ีพอเพียง และมี คุณภาพเพ่ือพัฒนาองค์รวมของความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ ปลูกฝังและสรางจิตสํานึกของการทํา ประโยชน์เพอ่ื สงั คม๙๖ ๙๕สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาแหงชาติ, สํานักนายกรัฐมนตรี, พระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕, (กรุงเทพมหานคร : บริษัท พริกหวาน กราฟฟกิ จํากดั , ๒๕๔๖), หนา ๒๔. ๙๖กระทรวงศึกษาธกิ าร, หลกั สตู รการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๔๔, (กรุงเทพมหานคร : โรง พมิ พอ์ งค์การรับสง สินคาและพสั ดุภณั ฑ,์ ๒๕๔๘), หนา ๖ – ๘.
๖๘ ศูนย์พัฒนาหลักสูตร ไดกลาวถึงการจัดกิจกรรมพัฒนาผูเรียนวา สถานศึกษาจะตองเป็น ผดู ําเนินการจัดกิจกรรม ในลักษณะของการบูรณาการองค์ความรูตาง ๆ ที่เกื้อกูลสงเสริมการเรียนรู ตามกลมุ สาระการเรียนรใู หม ีความกวา งขวาง ลกึ ซ้ึงยง่ิ ขน้ึ อีกท้ังใหผูเรียนไดค นพบและใชศักยภาพท่ีมี ในตนอยางเตม็ ที่ เลือกตัดสินใจไดอยางมีเหตุผล เหมาะสมกับตนเอง สามารถวางแผนชีวิตและอาชีพ ไดอยางมีคุณภาพ เนนการเสริมสรางทักษะชีวิต วุฒิภาวะทางอารมณ์ ศีลธรรมและจริยธรรม รูจัก สรางสัมพันธภาพท่ีดีเพ่ือปรับตัวเขากับบุคคล และสถานการณ์ตาง ๆ ไดอยางดีและมีความสุข เชน กจิ กรรมการสรางเสริมความรูสึกรกั และเห็นคณุ คาในตนเอง กิจกรรมพัฒนาวุฒิทางอารมณ์ ศีลธรรม และจริยธรรม กิจกรรมพัฒนาทกั ษะชวี ิตดา นเศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็นตน๙๗ ๒.๓.๓ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นทสี่ อดคลอ้ งกบั หลักเศรษฐกจิ พอเพียง สํานักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ไดกลาวถึงกิจกรรมพัฒนาผูเรียนท่ีสอดคลองกับหลัก เศรษฐกิจพอเพียงไววา กิจกรรมสามารถมีความหลากหลายของเนื้อหา แลวแตตามสภาวะภูมิสังคม ของแตละสถานศึกษา แตที่สุดแลวตองปลูกฝังใหเด็กและเยาวชนมีวิธีคิด อุปนิสัยและพฤติกรรม ที่ สอดคลองกับหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็นกจิ กรรมทีด่ ําเนินการหลกั โดยนักเรียน นักศึกษา และครูเป็น ผูน าํ หรือผูส นบั สนุน จํานวนนักเรียน / นักศึกษา / ครู ที่มีสวนรวมในกิจกรรมตาง ๆ ไมควรนอยกวา ๒๕% ของจํานวนบุคลากรท้ังหมดของโรงเรียน นักเรียน นักศึกษา ที่เขารวมโครงการ ควรมีความ ประพฤติดี สมัครใจที่จะเขารวมกิจกรรม การเรียนอยูในระดับปานกลางถึงดีและมีสุขภาพดี ครูที่เขา รว มโครงการควรมคี วามประพฤตดิ ี สมัครใจ และมีความพรอมในการเขารวมกิจกรรม เป็นกิจกรรมที่ มุงเนน ใหเกดิ ความกาวหนาไปพรอมกบั ความสมดลุ ทางเศรษฐกิจ/สังคม/สิ่งแวดลอม ของสถานศึกษา และสามารถขยายผลออกสชู มุ ชนได พอประมาณกับภูมิสังคม : สอดคลองกับความตองการ / ความจําเป็น ของสถานศึกษา / คนในชุมชน และเหมาะสมกบั ภูมปิ ระเทศ สภาพแวดลอม และความคิด ความเชอื่ วิถีชีวติ สมเหตุสมผล : มีหลักคิดและหลักปฏิบัติของกิจกรรม ที่สอดคลองกับหลักวิชาการที่ เก่ียวของ รายละเอยี ดของโครงการแสดงถงึ ความรอบคอบของการวางแผนดําเนินโครงการ ภูมิคุนกันท่ีดี : การวางแผนโครงการคํานึงถึง ความเส่ียงในการดําเนินโครงการ โดยมี ขอเสนอทางเลือก หากมีการเปลี่ยนแปลงตา ง ๆ เกดิ ขึน้ สงเสริม ความรูและคุณธรรมของผูเขารวมกิจกรรม : กิจกรรมตาง ๆ ตองสงเสริมให ผูเขารวม มีความรอบรูมากย่ิงขึ้น เปิดโอกาสใหไดมีการพัฒนาทักษะในดานตาง ๆ สงเสริมการมี คุณธรรม (เชน ความมีระเบียบ มีสัมมาคารวะ ซื่อสัตย์สุจริต มีความกตัญญูกตเวที มีสติปัญญา แยกแยะถูกผิด ควรไมควร มีความขยันหมั่นเพียร อดทน สนใจใฝุรู มีจิตสํานึกเห็นประโยชน์ของการ ชว ยเหลือผูอ น่ื และทําตวั ใหเปน็ ประโยชนต์ อ สังคม) ตวั อยา งกิจกรรม เชน ๙๗ศนู ย์พฒั นาหลกั สูตร กระทรวงศึกษาธกิ าร, กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์คุรุ สภาพ ลาดพราว, ๒๕๔๙), หนา ๑๕.
๖๙ ๑) การจัดการ การผลิต/การบริโภค ในสถานศึกษา/ชุมชน ใหเกิดความพอเพียง และสมดุล-กินพอดี อยูพอดี – เชน โครงการอาหารกลางวัน การสงเสริมการผลิตเกษตรอินทรีย์/ เกษตรผสมผสาน บนพื้นฐานของการพ่ึงตนเอง การรักษาสมดุลของสังคม และธรรมชาติ ๒) การพัฒนาอาชีพ/สรางรายไดเสริม โดยประยุกต์ใชทรัพยากรทองถ่ินใหเกิด ประโยชนส์ งู สดุ หรือโดยการพฒั นาเทคโนโลยีท่เี หมาะสม หรือตอยอดกับภมู ปิ ัญญาทองถ่นิ ๓) การจัดการ และการจัดระบบองค์กรความรวมมือ ทางการเงิน การผลิต การตลาด เชน การทําบัญชีรายรับ-รายจาย การจัดต้ังสหกรณ์รูปแบบตาง ๆ การจัดต้ังธนาคาร โรงเรียน เป็นตน ๔) การจัดการ (รักษา/ฟ้ืนฟู) ทรัพยากรธรรมชาติ/สิ่งแวดลอม/ขยะ ท้ังใน สถานศึกษา และในชุมชน อยางยั่งยนื โดยใชหลักวิชาการ ความประหยัด ความรอบคอบ ๕) การจัดการระบบพลังงานของสถานศึกษา/ชุมชน ใหสามารถพ่ึงตนเองไดมาก ข้ึน (ประหยัด ผลติ เอง / ทดแทน) ๖) การอนเุ คราะห์เกอื้ กูล ชวยเหลือ คนยากจน ผูดอยโอกาส (เชน ผูปุวยโรคเอดส์ เด็กกําพรา เด็กยากจน ฯลฯ) ในสังคม ใหมคี ณุ ภาพชวี ิตทีด่ ีขึ้น ๗) การสรางจิตสํานึก รักทองถิ่น/รักชุมชน เชน การรักษา/ฟื้นฟูประเพณี/ วัฒนธรรมไทย ภูมิปัญญาทองถิ่น สถานท่ีทางประวัติศาสตร์โบราณสถาน การสรางความรูสึกเป็น เจาของ/มีสวนรว มในการพฒั นาชุมชน ๘) การสรางจิตสํานึกรักชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ เชน รณรงค์การเห็นคุณคาของสินคา ไทย การเรียนรูประวัติความเป็นมาของชาติ ความสําคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ การเขารวมใน กิจกรรมทางศาสนาตาง ๆ การเรียนรูคําสอนในศาสนา การฝึกปฏิบัตธิ รรม เปน็ ตน๙๘ สรุปได การจัดกิจกรรมเศรษฐกิจพอเพื่อเป็นการพัฒนาผูเรียนน้ัน มีความหลากหลายใน การจัดทาํ กิจกรรม และมีความหลากหลายในหลกั ปฏบิ ัติ พอท่ีจะสรุปมานําเสนอไดดังใน ตาราง ที่ ๒.๑ ตารางที่ ๒.๑ หลักปฏิบตั ิ และตวั อยา งกิจกรรมเศรษฐกิจพอเพียงในสถานศกึ ษา หลักปฏิบัติ ตัวอย่างกจิ กรรม ด้านเศรษฐกจิ - บันทึกบัญชีรายรบั และรายจาย 1. รู้จกั การใชจ้ า่ ยของตนเอง - วเิ คราะหบ์ ัญชีรายรบั และรายจา ย - ใชจ า ยอยา งมเี หตมุ ผี ลอยา ง - แลกเปล่ียนประสบการณ์ พอประมาณ ประหยดั เทาทีจ่ ําเปน็ -ปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมการบริโภคเพื่อลด 2. รจู้ ักออมเงิน มีกลไกล รายจายทฟี่ มุ เฟอื ย - ระบบสวสั ดิการ - ออมอยา งพอเพียง - ระบบออมเงนิ ๙๘สํานักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา , (กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์องคก์ ารรบั สงสินคา และพัสดุภณั ฑ,์ ๒๕๕๐), หนา ๑๐ – ๑๕.
๗๐ - ระบบสหกรณ์ - สปั ดาหก์ ารออม - ระบบประกนั ตา ง ๆ - จัดตั้งกลุม/สหกรณ์ออมทรพั ย์ 3. รู้จกั ประหยัด - ใชและกนิ อยา งมเี หตุผลไมฟุมเฟือย - ปลูกผกั สวนครัวรั้วกนิ ได - ใชพลงั งานเทา ท่ีจาํ เปน็ - เลีย้ งปลา เลย้ี งไก ไวกิน ไวขาย - ใชท รัพยากรอยางคมุ คา - ใชสินคา ท่ปี ระหยดั พลงั งาน - รไี ซเคิลขยะเพ่ือนํามาใชใหม - นาํ ของเหลือใช มาทําใหเกดิ ประโยชน์ ตารางท่ี ๒.๑ หลกั ปฏิบตั ิ และตวั อยา งกจิ กรรมเศรษฐกิจพอเพยี งในสถานศึกษา (ตอ ) 4. พงึ่ ตนเองไดท้ างเศรษฐกจิ โดยผลิต หรือ เน้นการผลิตเพื่อพ่งึ ตนเอง ใหพ้ อเพียงกับการ สร้างรายได้ ที่ บริโภคและการผลติ ที่หลากหลาย เชน่ - ปลกู พืชผกั ผสมผสาน - สอดคลอ งกับความตองการ - ปลูกพืชสมุนไพรไทย - สอดคลองกับภูมิสงั คม - ผลิตสนิ คา จากภมู ปิ ญั ญาทอ งถนิ่ - จดั อบรมพัฒนาอาชีพในชมุ ชน - สอดคลอ งกับภูมิปัญญาทองถน่ิ - สอดคลองกับทรัพยากรทองถิ่น พัฒนาความรคู้ ูค่ ณุ ธรรม ผา่ นกจิ กรรมรวมกลมุ่ ต่าง ๆ ด้านสังคม 5. รจู้ ักชว่ ยเหลือสังคมหรือชุมชน - จัดกจิ กรรมลด ละ เลกิ อบายมุข - จัดกจิ กรรมชวยเหลือผดู อ ยโอกาส - ปลกู จิตสาํ นึกสาธารณะ - ปลกู ฝังความสามคั คี - จัดคา ยพัฒนาเยาวชน - ปลกู ฝังความเสยี สละ - จัดต้ังศูนย์เรียนรภู ายในชุมชน - เผยแพรองค์ความรูเศรษฐกจิ พอเพยี ง พฒั นาความร้เู ก่ียวกับดนิ น้า ป่า เพือ่ ฟ้ืนฟู ด้านส่ิงแวดลอ้ ม รักษา 6. สรา้ งสมดุลของทรพั ยากรธรรมชาติ - ปลกู จิตสาํ นกึ รักษส์ ่ิงแวดลอ ม - โครงการชวี วถิ ี - จัดอบรมการอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ -ฟน้ื ฟแู หลง เสื่อมโทรมในทองถ่นิ -ฟ้นื ฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรในทอ งถนิ่ - จดั ทาํ ฝายแมว -ฟืน้ ฟูดแู ลสถานทท่ี องเท่ียวในทอ งถ่ิน - ปลูกฝังมารยาทไทย ด้านวัฒนธรรม - สงเสริมอาหารประจําทองถิ่น 7. สบื สานวัฒนธรรมไทย - สง เสรมิ การใชภ าษาประจําทองถน่ิ - สรา งจิตสํานกึ รกั ษ์ไทยรกั บานเกิด - ทาํ นบุ ํารงุ โบราณวัตถแุ ละโบราณสถาน - ฟืน้ ฟแู ละอนุรักษ์อาหารประจําทองถิน่ - ฟนื้ ฟูและอนุรักษด์ นตรไี ทยและ เพลงไทย - ฟน้ื ฟแู ละอนรุ ักษ์วัตถุโบราณและ
๗๑ โบราณสถาน ตารางที่ ๒.๑ หลักปฏบิ ตั ิ และตวั อยา งกจิ กรรมเศรษฐกิจพอเพียงในสถานศึกษา (ตอ) 8. สง่ เสรมิ พระพุทธศาสนา - ใหค วามสาํ คัญกบั การรักษาศีล หรือสวด - ปลกู จิตสํานกึ ความรกั ชาติ มนตเ์ ป็นประจํา - ตระหนกั ถงึ คุณคาของ - สงเสรมิ การฝกึ อบรมสมาธภิ าวนา พระพุทธศาสนา - รว มกันทะนบุ ํารุงศาสนา - จงรกั ภกั ดตี อพระมหากษตั รยิ ์ - พฒั นาภูมิปญั ญาทองถ่ิน - รณรงค์การใชสนิ คาไทย ๒.๕ หลักพทุ ธธรรม : หลกั อทิ ธิบาท ๔และโยนิโสมนสิการ ๒.๕.๑ หลักอทิ ธิบาท ๔ในพุทธศาสนา ๑) ความหมายท่เี ก่ยี วข้องตามหลกั อิทธิบาท ๔ จากการศึกษาเอกสารพบว่า มีนักวิชาการหลายท่านได้ให้ความหมายของอิทธิบาท ๔ ไว้ ดงั น้ี พระธรรมโกศาจารย์(ประยูร ธมฺมฺจิตฺโต) ได้กล่าวถึงอิทธิบาท แปลว่า บาทฐานแห่ง ความสาเรจ็ หมายถึงสง่ิ ซึง่ มีคุณธรรม เคร่อื งให้ลถุ งึ ความสาเรจ็ ตามทต่ี นประสงค์ ผ้หู วงั ความสาเร็จใน ส่ิงใด ต้องทาตนใหส้ มบรู ณ์ ดว้ ยส่ิงท่ีเรยี กว่าอทิ ธบิ าท ซ่ึงจาแนกไว้เป็น ๔ คือ๙๙ ๑.๑ ฉันทะ ความพอใจรกั ใครใ่ นสิง่ นนั้ ๑.๒ วริ ยิ ะ ความพากเพียรในส่งิ นน้ั ๑.๓ จติ ตะ ความเอาใจใสฝ่ ักใฝใ่ นสงิ่ นน้ั ๑.๔ วิมังสา ความหมัน่ สอดส่องในเหตผุ ลของส่งิ น้นั ธรรม ๔ อย่างน้ี ยอ่ มเน่อื งกัน แต่ละอย่างๆมหี น้าที่เฉพาะของตน ฉันทะ คือความพอใจใน ฐานะเป็นสิง่ ที่ ตนถอื ว่า ดีทสี่ ดุ ทม่ี นุษยเ์ ราควรจะได้ ขอ้ นี้เปน็ กาลังใจอันแรกท่ีทาให้เกิดคุณธรรม ข่อ ต่อไปทุกข้อ วิริยะ คือ ความพากเพียร หมายถึงการกระทาที่ติดต่อ ไม่ขาดตอน เป็นระยะยาว จน ๙๙พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมมฺ จติ ฺโต), ทาอยา่ งไรจงึ จะเรียนเก่ง,(กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพ์มหา จฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั , ๒๕๕๑), หนา ๓๙.
๗๒ ประสบความสาเร็จ คานี้มีความหมายของความกล้าหาญเจืออยู่ด้วยส่วนหนึ่ง จิตตะ หมายถึง ความ ไม่ทอดท้ิงส่ิงนั้น ไปจากความรู้สึกของตัว ทาส่ิงซ่ึงเป็นวัตถุประสงค์น้ันให้เด่นชัด อยู่ในใจเสมอ คาน้ี รวมความหมายของคาว่า สมาธิ อยู่ดว้ ยอย่างเต็มท่ี วิมังสา หมายถึงความสอดส่องในเหตุและผลแห่ง ความสาเรจ็ เก่ยี วกบั เรือ่ งนัน้ ๆ ใหล้ กึ ซงึ้ ยิง่ ๆขน้ึ ไปตลอดเวลา คานี้รวมความหมายของคาว่า ปัญญาไว้ อยา่ งเต็มที่ พระสุธีวรญาณ (ณรงค์ จิตฺตโสภโณ) ได้กล่าวไว้ในหนังสือคู่มือปฏิบัติธรรมวันพระและ วันอาทิตย์ว่า อิทธิบาท ๔ ทางแห่งความสาเร็จ หมายถึงคุณธรรมท่ีนาไปสู่ความสาเร็จ มี ๔ ประการ คอื ฉันทะ ความพอใจ วิริยะ ความเพียร จิตตะ ความมีจิตมุ่งมั่น วิมังสา ความไตร่ตรอง อิทธิบาท ๔ ประการน้ีเป็นคุณธรรมสนับสนุนให้การทางานทุกอย่างสาเร็จ รวมท้ังการปฏิบัติธรรมด้วย เพราะฉะนั้น จะทาให้คนเราเกิดความต้องการท่ีจะทางานอยู่เสมอและปรารถนาจะให้ได้ผลดี ยิ่งๆขึ้นไป วิริยะ จะทาให้คนเราลงมือทาและทาด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่อง จิตตะ จะทาให้ คนเราซึ่งกาลังลงมือทาอยู่นั้นมีจิตมุ่งมั่นไม่เลื่อนลอยไม่ฟุ้งซ่าน วิมังสา จะทาให้คนเรารู้จักรอบคอบ รู้จกั ใคร่ครวญหาเหตผุ ลและวิธีการตา่ งๆในการทางาน๑๐๐ พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ. ปยุตฺโต) ได้กล่าวถึงความหมายของอิทธิบาท๔ไว้ในหนังสือ การเพิ่มประสทิ ธิภาพในการทางานว่าอิทธิบาท๔หมายถึงธรรมท่ีเป็นเคร่ืองให้ถึงความสาเร็จหรือทาง แหง่ ความสาเร็จมี๔ประการคือฉันทะวิริยะจิตตะวิมังสาฉันทะคือ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งน้ันวิริยะคือ ความเพียรพยายามจิตตะคือความเอาใจใส่ในส่ิงน้ัน วิมังสาคือความไตร่ตรองสอบสวนพิจารณาหรือ หมายความว่ามีใจรกั พากเพียรทาเอาจติ ฝกั ใฝ่ใชป้ ญั ญาสอบสวนนีเ่ ปน็ อิทธิบาท๔๑๐๑ พระพรหมมังคลาจารย์ (หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ) ได้กล่าวถึงหลักอิทธิบาท๔ ใน หนงั สืองานคือชีวิตชีวติ คอื งานบนั ดาลสขุ ว่าอิทธบิ าท๔คอื ข้อธรรมะที่เป็นบนั ไดแหง่ ความสาเร็จในการ ปฏิบัติกิจทุกอย่างประกอบไปด้วยฉันทะความพอใจในเร่ืองท่ีเราจะทาวิริยะความเพียรไม่ท้อถอยใน การประกอบกิจนั้นๆจิตตะเอาใจใส่ไม่ทอดธุระในเร่ืองน้ันๆ วิมังสาจะต้องทางานน้ันต่อไปบันไดสู่ ความสาเรจ็ สปี่ ระการท่กี ล่าวนี้ขอ้ สดุ ท้ายสาคญั สุด๑๐๒ พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยตุ ฺโต) ไดก้ ล่าวไวว้ ่าอทิ ธบิ าท๔คอื ทางแห่งความสาเร็จจุดเร่ิมท่ีจะ นาไปสู่ความสาเร็จถ้าเราพัฒนาคนถูกต้องอย่างท่ีว่ามนุษย์ไม่แปลกแยกจากความเป็นจริงของ ธรรมชาตติ ั้งแต่ขั้นพื้นฐานทุกอย่างก็สอดคล้องไปกันได้หมดไม่มีอะไรเสียหายเม่ือเราวางฐานได้ดีแล้ว เราก็ใช้หลักการต่างๆในการทางานบนพ้ืนฐานแห่งความถูกต้องนั้น เมื่อพื้นฐานถูกต้องแล้วเราเอา ๑๐๐พระสุธีวรญาณ (ณรงค์ จิตฺตโสภโณ), คู่มือปฏิบัติธรรมวันพระและวันอาทิตย์,วัดมหาพฤฒาราม, (กรงุ เทพมหานคร :บริษทั เอพริน้ ทแ์ อนดแ์ พค็ จาํ กัด, ๒๕๕๒), หนา ๖๙. ๑๐๑พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), การเพ่ิมประสิทธิภาพในการทางาน, พิมพ์ครั้งที่๘, (กรงุ เทพมหานคร : สุขภาพใจ, ๒๕๔๙), หนา ๑๓. ๑๐๒พระพรหมมังคลาจารย์(หลวงพอปัญญานันทภิกขุ), งานคือชีวิตชีวิตคืองานบันดาลสุข, (กรุงเทพมหานคร : สถาบันบนั ลือธรรม,ม.ป.ป.), หนา ๖๐.
๗๓ ธรรมะอะไรมาใช้ตอนน้ีก็เดินหน้าไปด้วยดีเช่นเอาหลักอิทธิบาท ๔ มาใช้มาใช้แทบทุกท่านรู้จักอิทธิ บาท ๔ คือหลักแห่งความสาเรจ็ ๑๐๓ พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภกิ ข)ุ ได้กลา่ วไว้ว่าอิทธิบาท๔คือบทของพระธรรมเช่นว่า จะมีฉันทะวิริยะจิตตะวิมังสาที่เรียกว่าอิทธิบาทนี้ต้องมีและมีได้โดยไม่รู้สึกตัวคนท่ีมีการทางานย่อม ทางานด้วยความพอใจความขยันขันแข็งความเอาใจใส่ใคร่ครวญอยู่เสมอนี้เรียกว่าเขามีอิทธิบาทท้ังสี่ ประการน้ันอยูโ่ ดยไม่รู้สึกตัว๑๐๔ พระเทพดิลก (ระแบบฐิตญาโณ) ได้กล่าไว้ว่าอิทธิบาท๔คือคุณธรรมที่จะนาผู้ประพฤติ ปฏิบัติให้ประสบความสาเร็จในส่ิงที่ตนประสงค์ซึ่งต้องไม่เหลือวิสัยคือส่ิงท่ีตนประสงค์น้ันต้องอยู่ใน วิสยั ท่อี าจใช้ความเพียรพยายามทาให้เกิดขึ้นได้มิใช่เป็นความเพ้อฝันที่ไม่มีโอกาสประสบความสาเร็จ คณุ ธรรมกลมุ่ นี้เรียกวา่ อิทธบิ าท๔๑๐๕ พระราชญาณวิสิฐ (เสริมชัยชยมงฺคโล) ได้กล่าวไว้ว่าอิทธิบาท๔คือหลักธรรมท่ีนาไปสู่ ความสาเร็จในการกระทากิจการงานหรือการอาชีพประการแรกอิทธิบาทแปลความว่าทางแห่ง ความสาเร็จกล่าวคอื ข้อปฏบิ ัติใหบ้ รรลคุ วามสาเร็จดว้ ยดมี ปี ระสิทธิภาพนนั่ เอง๑๐๖ พระราชปัญญากวี (สุบนิ เขมิโย) ได้กลา่ วไวว้ า่ อิทธบิ าท๔คือคุณธรรมเครื่องให้สาเร็จตาม ประสงค์หรือส่ิงประสงค์คนในโลกน้ีย่อมต้องการส่ิงที่ประสงค์แห่งชีวิตกันคนละหลายรูปแบบแต่ส่ิง ประสงค์ที่คนต้องการตรงกันคือทรัพย์ยศและผลงานทรัพย์เป็นส่ิงปร ะสงค์ที่สาคัญย่ิงของชีวิตเพราะ ทรัพย์เป็นสงิ่ อาศัยใชส้ อยในการดารงชวี ิตประจาวันทรัพย์มีอยู่๒ประการคือทรัพย์สิน๑ทรัพย์สมบัติ๑ ทรัพย์สินคือเงินตราสาหรับใช้จ่ายซ้ือขายแลกเปลี่ยนอาหารเครื่องนุ่งห่มที่อยู่อาศัยและยารักษาโรค ทรัพย์สมบัตคิ อื บ้านเรอื นทด่ี ินท่นี าทสี่ วนเครอ่ื งใช้ต่างๆเป็นต้น๑๐๗ พระครูโสภณปริยัติสุธี ( ศรีบรรดรถิรธมฺโม ) ได้กล่าวไว้ว่าอิทธิบาท๔เป็นหัวข้อธรรมท่ี น่าศึกษาเหตุเพราะประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าได้ใช้หมวดธรรมข้อน้ีพัฒนาประเทศให้มีความ เจรญิ ก้าวหน้าโดยเฉพาะประเทศอตุ สาหกรรมซึ่งมาจากคาว่าอุตสาหะแปลว่าความเพียรพยายามและ ๑๐๓พระธรรมปฎิ ก (ป.อ. ปยตุ โฺ ต), ธรรมะกับการทางาน, พิมพ์ครั้งที่ ๓, (กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์ มูลนิธพิ ุทธธรรม, ๒๕๔๓), หนา ๗๙. ๑๐๔พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ), การงานท่ีเป็นสุข, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ธรรมสภา, ๒๕๔๙), หนา ๓๐. ๑๐๕พระเทพดิลก (ระแบบฐิตญาโณ), อธิบายหลักธรรมตามหมวดจากนวโกวาท, (กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พธ์ รรมสภา, ๒๕๔๘), หนา ๑๖๖. ๑๐๖พระราชญาณวิสิฐ (เสริมชัยชยมงฺคโล), ความสาเร็จหลักธรรมสู่ความสาเร็จและสันติสุข, (กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ธรรมสภา, ๒๕๔๕), หนา ๙. ๑๐๗พระราชปัญญากวี (สุบินเขมิโย), ประมวลบทพระธรรมเทศนา, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์กรม ศาสนา, ๒๕๒๘), หนา ๒๖๐.
๗๔ คาว่ากรรมแปลว่าการกระทาเม่ือรวมกันแล้วได้คาว่าประเทศอุตสาหกรรมซ่ึงแปลว่าประเทศท่ีใช้ ความเพียรพยายามในการสรา้ งกรรมให้เกิดขึ้นหรือประเทศท่ีใชอ้ ทิ ธบิ าท๔ในการสรา้ งประเทศสูง๑๐๘ พระมหาณรงค์ศักดิ์ฐิตญาโณได้กล่าวไว้ว่าอิทธิบาท๔คือความสาเร็จความสาเร็จด้วยดี การสาเร็จความกระทาให้แจ้งความเข้าถึงซ่ึงธรรมเหล่าน้ันอิทธิบาทคือ เวทนาขันธ์สัญญาขันธ์สังขาร ขันธ์วิญญาณขันธ์ของบุคคลผู้บรรลุธรรมเหล่าน้ันเจริญอิทธิบาทคือย่อมเสพเจริญทาให้มากซึ่งธรรม เหลา่ น้นั ดว้ ยเหตุนัน้ จึงเรียกวา่ เจริญอทิ ธิบาท๑๐๙ ว.วชริ เมธีได้กล่าวไว้ว่าการทางานให้ประสบความสาเร็จตามแนวพุทธศาสนาพระพุทธเจ้า ทรงแนะให้ปฏิบัติตามหลักอิทธิบาท๔อิทธิบาทแปลว่าหลักพื้นฐานแห่งความสาเร็จหรือทางสู่ ความสาเร็จมอี งคป์ ระกอบ๔ประการคอื ๑) ฉนั ทะคือมใี จรักทางานด้วยใจรักงาน๒) วิริยะคือพากเพียร ทางานรกั แลว้ ต้องขยนั ความขยนั คือภาคปฏิบตั ิการของความรกั ความรักในงานจะทาให้เรารู้ว่าควรทา งานอะไรส่วนความขยันจะทาให้งานนนั้ ก้าวไปสู่ความสาเร็จการทางานถ้าขาดความขยันความชานาญ กจ็ ะไมเ่ กิด๓) จิตตะคือจดจาจ่อจิตหมายความว่าทาอะไรก็ตามให้เจาะลงไปปักใจลงไปในส่ิงน้ันอย่าง ลึกซึ้งอย่างมุ่งม่ันอย่างจริงจังและอย่างทุ่มเทใครก็ตามที่ทางานด้วยการเอาใจจดจ่ออยู่กับงานนั้นคน น้ันจะประสบความสาเรจ็ ๔) วมิ ังสาคอื วินิจวจิ ยั ได้แก่การวิเคราะห์สังเคราะห์สร้างสรรค์พัฒนานั่นเอง เมอื่ เราทางานอะไรก็ตามให้พินิจพิเคราะห์สร้างสรรค์พัฒนาพระพุทธเจ้าทรงเป็นตัวอย่างของนักวิจัย ชั้นยอดของโลกพระองค์ทรงสามารถสร้างปัญญาข้ึนมาใหม่จากเหตุการณ์ท่ีคนท้ังหลายมองไม่เห็นว่า เป็นทางมาของปัญญาได้อย่างไรหากเราดูจากพุทธประวัติได้ก็จะพบว่าสาเหตุท่ีทาให้พระพุทธเจ้าแต่ เมื่อยงั เปน็ เจ้าชายสิทธตั ถะเสดจ็ ออกผนวชก็เป็นเพราะว่าพระองค์ทรงรู้จักใช้ปัญญาในเชิงสร้างสรรค์ อันไดแ้ ก่การรู้จกั คิดเชิงวเิ คราะห์๑๑๐ ปรีชา ช้างขวัญยืน และวิจิตร เกิดวิศิษฐ์ได้กล่าวถึง อิทธิบาท ๔ ว่าเป็นข้อปฏิบัติแห่ง ความสาเร็จ ๔ ประการ ได้แก่๑๑๑ ๑.ฉันทะ คือ ความพอใจในงานที่กระทา หมายถึง การรักงานของตนหรือชอบงาน ของตน ไม่ว่าจะเป็นงานด้านใด อุปสรรคของฉันทะ คือ ความเบื่อหน่าย ขาดความรักงาน หมด กาลังใจ ท้อถอยแล้วทอดทิ้ง งานกลายเป็นคนจับจด ทาอะไรไม่สาเร็จ การแก้ไขต้องสร้างฉันทะให้ เกดิ ขน้ึ ในใจ งานใดที่ไม่ชอบมาแต่ต้นก็พยายามศึกษาให้เข้าใจและพิจารณาผลได้ผลเสียของงานนั้นๆ ฉันทะกจ็ ะเกิดขึน้ ถา้ เป็นงานใหญก่ ต็ ้องย่ิงสรา้ งฉนั ทะให้เกิดขน้ึ มากเปน็ ทวีคณู ๑๐๘พระครูโสภณปริยัติสุธี ( ศรีบรรดรถิรธมฺโม ), รัฐศาสตร์ในพระไตรปิฎก, (กรุงเทพมหานคร : โรง พมิ พม์ หาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๒), หนา ๑๖๓. ๑๐๙พระมหาณรงค์ศักดิ์ฐิตญาโณ, พระอภิธรรมปิฎก๑, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณ ราชวทิ ยาลัย, ๒๕๔๖), หนา ๒๒๐ – ๒๒๑. ๑๑๐ว.วชริ เมธี, คนสาราญงานสาเรจ็ , พิมพ์ครั้งท๑ี่ ๔, (กรุงเทพมหานคร : สานักพิมพ์อมรินทร์๒๕๕๑), หนา ๙๒. ๑๑๑ปรีชา ชางขวัญยืน และวิจิตร เกิดวิศิษฐ์, หนังสือเรียนสังคมศึกษา ส๐๑๔ พระพุทธศาสนา สาหรับมัธยมศึกษาตอนต้น, ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๓๓, (กรุงเทพมหานคร : ไทยวัฒนาพานิช, ๒๕๓๓), หนา ๒๙ - ๓๑.
๗๕ ๒.วิริยะ คือ ความเพียร ความขยันในการทางาน การใช้ความเพียรมากหรือน้อย ขึ้นอยกู่ ับประเภทของงาน วิริยะเกิดขึ้นตามระดับของฉันทะ ยิ่งมีฉันทะเพิ่มข้ึน วิริยะก็จะเพ่ิมขึ้นตาม อปุ สรรคของวริ ิยะ คือ ความเกียจคร้าน ไม่ยอมสู้กับอุปสรรคหรือเหตุการณ์ส่ิงแวดล้อมแล้วจึงเลิกไม่ ทางาน วิธีแก้ไข คือ สร้างฉันทะให้เกิดขึ้นมากๆ ฉันทะจะช่วยหนุนวิริยะให้กล้าแข็งขึ้น เช่น การคบ เพอื่ นทีข่ ยนั ละเว้นการมวั่ สมุ กบั คนทเ่ี กียจคร้าน ๓.จิตตะ หมายถึง การหม่ันตรวจตราดูแล ใฝ่ใจในงานของตนเสมอ อุปสรรคของจิต ตะ คือ ไมใ่ ฝใ่ จ การวางธุระหรือทอดทง้ิ งานทก่ี าลงั กระทา การแก้ไข คือ การศึกษางานท่ีกาลังกระทา อยู่นั้นให้ชัดเจนแจ่มแจ้งเพื่อจะได้ทราบว่าควรจะกระทาในเวลาใด ที่ไหน และมีอะไรบ้างท่ีต้องทา เช่นเดยี วกบั ปลูกตน้ ไม้ ตอ้ งศึกษาเวลารดน้า การใหป้ ยุย การปราบศัตรูพชื เป็นตน้ ๔.วิมังสา หมายถึง การใช้ปัญญาประกอบการงาน ปัญญาได้แก่ วิชาความรู้ท่ีจะ นามาใชใ้ นการงานทก่ี ระทา อุปสรรคของวิมังสา คือ ความโง่เขลา ขาดการแสวงหาความรอบรู้ในงาน ท่ีกระทา วิธีแก้ไขคือ ต้องแสวงหาความรู้ให้มาก ค้นคว้า หาวิธีที่จะทางานให้ดีกว่าเพ่ิมขึ้นเร่ือยๆ ถ้า เปน็ งานใหญก่ ็ต้องจดั ใหม้ กี ารระดมสตปิ ัญญาของหมู่คณะเขา้ ช่วยเหลือ อมร โสภณวเิ ชษฐ์วงศ์ และกวี อิศริวรรณได้กล่าวถึง ความหมายของอิทธิบาท ๔ว่าเป็น ขอ้ ปฏบิ ัติให้ถงึ ความสาเรจ็ มี ๔ ประการ ไดแ้ ก่๑๑๒ ๑.ฉันทะ คือ ความพอใจในงานที่ทา หมายถึง งานท่ีทานั้นเป็นสิ่งที่ตนชอบเป็น ความชอบหรือความพอใจที่มีอยู่แล้วเก่ียวกับงาน แต่คนเราไม่ได้มีโอกาสทางานท่ีตนชอบเสมอไป งานในหน้าท่ีและงานที่จาเป็นต้องทาก็มีอยู่มาก งานเช่นน้ี ถ้าไม่มีความชอบมาแต่เดิมก็ต้องสร้าง ความชอบ ความพอใจหรือแรงจูงใจในการทางานขึ้น ความพอใจหรือแรงจูงใจน้ีเป็นส่ิงท่ีสร้างขึ้นได้ ถ้าได้ศึกษาให้รู้งานนั้นอย่างละเอียด รู้วิธีทางาน และจุดหมายของงานน้ันเป็นอย่างดีแล้ว เมื่อสร้าง ความพอใจในงานได้ และลงมอื ทางานกเ็ ทา่ กบั งานนน้ั สาเร็จไปแลว้ คร่ึงหนงึ่ ๒.วิริยะ คือ ความเพียรหรือความขยันทางาน วิริยะจะมีมากหรือน้อยข้ึนอยู่กับ ฉันทะ ดังน้ัน การจะขยันหม่ันเพียรทางานให้สาเร็จได้ต้องสร้างฉันทะให้มาก นอกจากฉันทะแล้วสิ่ง เสรมิ แรงก็เป็นส่งิ สาคญั ในการสร้างวิรยิ ะ สง่ิ เสริมแรง ได้แก่ รางวัล ของตอบแทน คาชม เป็นต้น การ มีเพื่อนคอยให้กาลังใจและการมองเห็นความสาเร็จเป็นข้ันๆสิ่งเสริมแรงเหล่าน้ีจะช่วยให้มีความ ขยนั หมนั่ เพียรมากข้ึน ๓.จิตตะ คอื ความเอาใจใส่ หรือฝักใฝ่ในการน้ันเสอม ตรวจดูแลว่างานได้ทาไปแล้ว เทา่ ไร ยังเหลือเท่าไร จึงจะสาเร็จ ในการทางานมีอุปสรรคหรือข้อบกพร่องอย่างไร หรืองานน้ันทาไป ได้อยา่ งราบรื่น จิตตะจะมีมากหรอื นอ้ ยข้นึ อยู่กบั ฉันทะและวิริยะ ถ้ามีความพอใจมาก ความขยันมาก ความเอาใจใสก่ ็มากตามเปน็ การมงุ่ ตรงต่อความสาเร็จอย่างรวดเร็ว ๔.วิมงั สา คอื การใชป้ ัญญาพิจารณา เหตผุ ล และกระบวนการทางาน วิมังสาเป็นผล ของจิตตะ คือ เม่ือตรวจตราดูแล้วเห็นว่าการทางานบกพร่อง หรือผิดวัตถุประสงค์ก็จัดการแก้ไข ความบกพร่องและทางานให้ตรงวัตถุประสงค์ อีกอย่างหนึ่งก็พิจารณาเหตุผลในการทางานตาม ๑๑๒อมร โสภณวิเชษฐ์วงศ์ และกวี อิศริวรรณ, หนังสือเรียนสังคมศึกษารายวิชา ส๐๑๘ - ส๐๑๙ พระพุทธศาสนา ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๓๓, (กรุงเทพมหานคร : ไทยวัฒนาพานิช, ๒๕๓๕), หนา ๑๐๒ - ๑๐๓.
๗๖ ขน้ั ตอนงานท่ลี งมอื ทาแลว้ นนั้ ได้ผลเป็นขนั้ ๆอย่างไร เปน็ ผลท่ีพึงปรารถนาหรือไม่ ถ้าได้ผลไม่เป็นท่ีน่า พอใจหรอื ไดผ้ ลไม่พงึ ปรารถนาก็จัดการแก้ไข สรุปได้ว่าอิทธิบาท๔หมายถึงธรรมที่เป็นบันไดแห่งความสาเร็จในการปฏิบัติกิจทุกอย่าง ประกอบไปด้วยฉันทะความพอใจในเร่ืองที่เราจะทา วิริยะความเพียรไม่ท้อถอยในการประกอบกิจ นั้นๆ จติ ตะเอาใจใสไ่ มท่ อดทงิ้ ธุระในเร่อื งนน้ั ๆ วมิ ังสาจะต้องทางานนัน้ ต่อไปบันไดสู่ความสาเรจ็ ๒) แนวคดิ ท่ีเกย่ี วขอ้ งตามหลกั อทิ ธิบาท ๔ จากการศึกษาเอกสารพบว่า มีนักวิชาการหลายท่านได้ให้แนวคิดของหลักอิทธิบาท ๔ ไว้ ดังน้ี พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบบั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวถึง การเจริญ อิทธิบาท ที่ประกอบด้วย ฉันทสมาธิและปธานสังขาร ดังน้ี ภิกษุเจริญอิทธิบาทท่ีประกอบด้วยฉันทสมาธิและ ปธานสังขารเป็นอย่างไร ถ้าภิกษุทาฉันทะให้เป็นอธิบดีแล้วได้สมาธิได้เอกัคคตาจิตนี้เรียกว่าฉันทส มาธิ ภกิ ษุนน้ั สร้างฉันทะ พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิต มุ่งม่ันเพ่ือป้องกันบาป อกุศลธรรม ที่ยังไม่เกิดมิให้เกิด ภิกษุน้ันสร้างฉันทะ พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิต มุ่งม่ันเพ่ือละบาป อกุศล ธรรมท่ีเกิดขึ้นแล้ว ภิกษุนั้นสร้างฉันทะ พยายาม ปรารภความเพียง ประคองจิต มุ่งมั่นเพื่อยัง กุศลธรรมที่ ยังไม่เกิดให้เกิด ภิกษุน้ันสร้างฉันทะ พยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิต มุ่งมั่นเพื่อ ความดารงอยู่ ไมเ่ ลอื นหาย ภยิ โยภาพ ไพบลู ยเ์ จรญิ เตม็ ท่แี หง่ กศุ ลธรรมท่เี กิดแล้วธรรมเหล่าน้ีเรียกว่า ปธานสงั ขาร ประมวลย่อฉันทสมาธิและปธานสังขารเข้าเป็นอย่างเดียวกัน จึงนับได้ว่าฉันทสมาธิและ ปธานสังขาร ด้วยประการฉะนี้ บรรดาธรรมเหล่านั้น ฉันทะ เป็นไฉน ความพอใจ การทาความพอใจ ความเปน็ ผูป้ ระสงค์จะทา ความฉลาด ความพอใจใน ธรรม น้ีเรียกว่า ฉันทะ ภิกษุเป็นผู้เข้าไปถึงแล้ว เข้าไปถึงแล้วด้วยดีเข้ามาถึงแล้ว เข้ามาถึงแล้วด้วยดีเข้าถึง แล้วเข้าถึงแล้วด้วยดีประกอบแล้วด้วย ฉนั ทสมาธแิ ละปธานสังขารนี้ดว้ ยประการฉะนีเ้ พราะฉะนั้นจึงเรียกว่า ประกอบด้วยฉันทะสมาธิปธาน สงั ขาร๑๑๓ พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต) ได้ให้แนวคิดเก่ียวกับอิทธิบาท ๔ ไว้ว่าหลักธรรมท่ีไม่ เคยล้าสมัย หรือหลักธรรมอันเป็นหลักแห่งความสาเร็จ หรือทางแห่งความสาเร็จ ๔ ประการ ท่ีใน ปัจจุบันแม้เราจะหลงลืมกันไปบ้างว่า คืออะไร แต่ถ้าหากได้ย้อนราลึกกันบ้างว่ามีอะไร และคืออะไร จะเหน็ ไดว้ ่าหลกั ธรรมอายุ ๒ พันกว่าปีนไี้ ม่มคี ราวใดที่จะเรยี กวา่ ล้าสมยั ๑. ฉนั ทะ เพราะเหตุวา่ ทรงรักสิ่งที่ทรงทา จึงได้ทาสงิ่ ท่ีทาอยูใ่ นขณะนี้ ๒. วริ ิยะ คอื ความพากเพียร ความพยายามไม่ย่อทอ้ ๓. จติ ตะ คอื ความเอาพระทัยจดจอ่ ในส่งิ ท่ที รงทา เพราะฉะนน้ั ทา่ นจึงทาได้ ๔. วิมังสา ทางานแลว้ ไมท่ ิง้ คอยตรวจสอบ ทบทวน ไตร่ตรอง พิจารณา ดังน้ัน หลักความสาเร็จ ปฏิบัติตามหลักธรรม ที่จะนาไปสู่ความสาเร็จแห่งกิจการ ท่ี เรียกว่า อทิ ธบิ าท (ธรรมให้ถึงความสาเรจ็ ) มี ๔ ข้อ คือ ๑๑๓อภ.ิ วิ. (ไทย) ๓๕/๔๓๓/๓๔๓.
๗๗ ๑. ฉันทะ : รักงาน (การเหน็ คณุ คา่ ความรัก ความพอใจ) คือ มีใจรัก พอใจจะทาสิ่ง น้นั และทาดว้ ยใจรัก ต้องการทาให้เป็นผลสาเร็จอย่างดีแห่งกิจหรืองานที่ทามิใช่สักว่าทาพอให้เสร็จๆ หรอื เพียงเพราะอย่างได้รางวัลหรือผลกาไร ๒. วิริยะ : สงู้ าน (ความเพยี ร เหน็ เปน็ ความท้าทาย ใจสู้ขยัน) คือ พากเพียรทาขยัน หมั่นประกบ หมั่นกระทาสิ่งน้ันด้วยความพยายามเข้มแข็งอดทน เอาธุระ ไม่ทอดทิ้ง ไม่ท้อถอย ก้าว ไปขา้ งหน้าจนกวา่ จะสาเรจ็ ๓. จติ ตะ : ใส่ใจงาน (ความคดิ อทุ ิศตวั ตอ่ งาน ใจจดจอ่ จริงจัง) คือ เอาจิตฝักใฝ่ ตั้ง จิตรับรู้ในสง่ิ ที่ทา และทาส่ิงน้นั ดว้ ยความคิดไม่ปล่อยจิตใจให้ฟุ้งซ่านเล่ือนลอย ใช้ความคิดในเรื่องนั้น บ่อยๆ เสมอๆ ทากิจหรืองานนัน้ อย่างอุทศิ ตัวอทุ ิศใจ ๔. วมิ งั สา : ทางานด้วยปัญญา (ไตร่ตรอง พิสูจน์ทดสอบ ตรวจตรา ปรับปรุงแก้ไข) ใช้ปัญญาสอบสวน คือ หม่ันใช้ปัญญาพิจารณาใคร่ครวญตรวจตราหาเหตุผล และตรวจสอบข้อยิ่ง หย่อนเกินเลยบกพร่องขัดข้องในส่ิงท่ีทาน้ัน โดยรู้จักทดลอง วางแผน วัดผล คิดค้นวิธีแก้ไขปรับปรุง เป็นต้นเพอ่ื จดั การและดาเนนิ งานน้นั ให้ได้ผลดยี ง่ิ ขนึ้ ไป๑๑๔ ปัญญา ใช้บางยาง ได้กล่าวถึง อิทธิบาท ๔ ไว้เป็น ๒ นัย คือ นัยแห่งพระสูตรและนัย แห่งพระอภิธรรมจะแสดงหนักไปทางโลกุตตระ ในท่ีน้ีเป็นการแสดงตามนัยแห่งพระสูตร ของอิทธิ บาท ๔ มีดังนี้ความพอใจ การทาความพอใจ ความใคร่เพ่ือจะทาความฉลาด ความพอใจในธรรม น้ี เรยี กว่าฉันทะ ความปรารถนาความเพียรทางใจ ความขะมักเขม้น ความบากบั่น ความตั้งหน้า ความ พยายาม ความอุตสาหะ ความอดทน ความเข้มแข็ง ความหม่ัน ความก้าวไปอย่างไม่ท้อถอย ความไม่ ทอดทิ้งฉันทะ ไม่ทอดท้ิงธุระ ความประคับประคอง ธุระไว้ด้วยดี วิริยะ วิริยินทรีย์ วิริยพละ สัมมาวายามะ น้ีเรียกว่า วิริยะ จิต มโน มานัส มโน วิญญาณธาตุ น้ีเรียกว่า จิต ปัญญา กิริยาที่รู้ชัด ความไมห่ ลง ความวจิ ยั ธรรม สัมมาทฏิ ฐิ นีเ้ รียกวา่ วมิ งั สา๑๑๕ สรุปได้ว่า แนวคิดเกี่ยวกับอิทธิบาท๔ เป็นหลักธรรมที่นาไปสู่ความสาเร็จทุกในทุกเรื่อง และทกุ กิจกรรมไมว่ า่ จะเป็นการทางานหรอื การศึกษา ดังน้ันอิทธิบาท ๔ จาเป็นต้องปลูกฝังให้เกิดขึ้น ในตวั บุคคล บคุ คลทีใ่ ช้อิทธบิ าท ๔ จะเกดิ ความพงึ พอใจในการทางาน และเกิดความเพียรพยายามใน การทางาน ทาให้เกิดความเอาใจใส่ และเกิดการไตร่ตรองตรวจสอบเพ่ือให้การทางานเกิดการ ผิดพลาดน้อยท่ีสุดและทาการแก้ไขเพ่ือให้งานสาเร็จลุล่วงไปด้วยดี ในการทางานใดๆ ควรพิจารณา และพัฒนาอิทธิบาท ๔ ให้เกิดขึ้นตามลักษณะของบุคคล เมื่อหลักธรรมอิทธิบาท ๔ เกิดข้ึนในตัว บุคคลแล้วหลักธรรมน้ันจะเป็นสิ่งจูงใจให้เกิดหลักธรรมอื่นๆ ในตัวบุคคล จะส่งผลให้การทางาน ประสบความสาเร็จหรือด้วยผลของงานที่มีประสทิ ธิภาพ ๓)องคป์ ระกอบของอิทธิบาท๔ จากพระไตรปิฎกภาษาไทยฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในสังยุตตนิกายมหาวรรค หมวดว่าดว้ ยธรรมที่เป็นไปเพือ่ ใหถ้ ึงฝ่ังโน้นจากฝั่งน้ีได้กล่าวถึงองค์ประกอบของอิทธิบาท๔ดังนี้พระผู้ ๑๑๔พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต), ธรรมนูญชีวิต, พิมพ์คร้ังที่ ๔๖, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ กรมศาสนา, ๒๕๔๕), หนา ๔๐. ๑๑๕ปัญญา ใชบ างยาง, ธรรมาธบิ ายหลักธรรมในพระไตรปิฎก, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ธรรมสภา ,๒๕๔๘), หนา ๕๐.
๗๘ มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุท้ังหลายอิทธิบาท๔ประการน้ีท่ีบุคคลเจริญทาให้มากแล้วย่อมเป็นไปเพ่ือถึง ฝ่ังโน้นจากฝั่งน้ี”อทิ ธบิ าท๔ประการคอื ๑. เจริญอิทธิบาทท่ีประกอบด้วยฉันทสมาธิปธานสังขาร๑ (สมาธิที่เกิดจากฉันทะ และความเพียรทีม่ งุ่ มั่น) ๒. เจริญอิทธิบาทที่ประกอบด้วยวิริยสมาธิปธานสังขาร (สมาธิท่ีเกิดจากวิริยะและ ความเพยี รที่มงุ่ มนั่ ) ๓. เจริญอิทธิบาทท่ีประกอบด้วยจิตตสมาธิปธานสังขาร (สมาธิท่ีเกิดจากจิตตะและ ความเพียรท่มี งุ่ มน่ั ) ๔. เจริญอิทธิบาทที่ประกอบด้วยวิมังสาสมาธิปธานสังขาร (สมาธิที่เกิดจากวิมังสา และความเพียรทมี่ งุ่ มั่น) ภิกษุท้งั หลายอทิ ธบิ าท๔ประการนี้แลทีบ่ ุคคลเจริญทาใหม้ ากแล้วย่อมเป็นไปเพ่ือถึงฝั่งโน้น จากฝ่ังน้ี”๑๑๖ มนี ักวชิ าการกลา่ วถงึ รายละเอียดเกี่ยวกบั องคป์ ระกอบของอิทธิบาท๔ได้แก่ฉันทะวิริยะจิต ตะและวิมงั สาไว้ดังน้ี ฉนั ทะ (ความพอใจรกั ใคร่ในการทางาน) พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) กล่าวว่าฉันทะความพอใจได้แก่ความมีใจรักในส่ิงที่ ทาและพอใจใฝ่รกั ในจดุ หมายของสง่ิ ทีท่ านน้ั อย่างทาสิ่งน้ันๆให้สาเร็จอยากให้งานนั้นหรือส่ิงนั้นบรรลุ ถึงจุดหมายพูดง่ายๆว่ารักงานและรักจุดหมายของงานพูดให้ลึกลงไปในทางธรรมว่าความรักความใฝ่ ปรารถนาต่อภาวะดีงามเต็มเปี่ยมสมบูรณ์ซึ่งเป็นจุดหมายของส่ิงที่กระทาหรือซึ่งจะเข้าถึงได้ด้วยการ กระทานั้นอยากใหส้ ่ิงนนั้ ๆเข้าถงึ หรอื ดารงอยู่ในภาวะท่ีดีท่ีงดงามท่ีประณีตท่ีสมบูรณ์ที่สุดของมันหรือ อยากให้สภาวะดีงามเต็มเปี่ยมสมบูรณ์ของส่ิงนั้นๆของงานน้ันเกิดมีเป็นจริงข้ึนอยากทาให้สาเร็จผล ตามจุดหมายท่ีดีงามน้ันความอยากที่เป็นฉันทะนี้เป็นคนละอย่างกันกับความอยากได้ส่ิงนั้นๆมาเสพ เสวยหรืออยากเอามาเพ่ือตัวตนในรูปใดรูปหนึ่งซึ่งเรียกว่าเป็นตัณหาความอยากของฉันทะน้ันให้เกิด ความสุขความชื่นชมเมื่อเห็นส่ิงน้ันๆงานน้ันๆบรรลุความสาเร็จเข้าถึงความสมบูรณ์อยู่ ในภาวะอันดี งามของมันหรือพูดแยกออกไปว่าขณะเมื่อทาส่ิงนั้นหรืองานนั้นกาลังเดินหน้าไปสู่จุดหมายก็เกิดปิติ เป็นความเอิบอิ่มใจครั้นส่ิงหรืองานท่ีทาบรรลุจุดหมายก็ได้รับโสมนัสเป็นความฉ่าช่ืนใจท่ีพร้อมด้วย ความรู้สึกโปร่งโล่งผ่องใสเบิกบานแผ่ออกไปเป็นอิสระไร้ขอบเขตส่วนความอยากจนของตัณหาทาให้ เกดิ ความสุขความช่ืนชมเม่ือได้ส่ิงน้ันมาให้ตนเสพเสวยรสอร่อยหรือปรนเปรอความย่ิงใหญ่พองขยาย ของตัวตนเป็นความฉ่าชน่ื ใจทีเ่ ศรา้ หมองหมกหมักกดี กั้นตนไว้ในความคับแคบและมักติดมาด้วยความ หวงแหนหว่ งกงั วลเศร้าเสยี ดายแบะหวนั่ กลวั หวาดระแวง๑๑๗ ถ้าสามารถปลุกเร้าฉันทะให้เกิดขึ้นอย่างแรงกล้าเกิดความรักในคุณค่าความดีงามความ สมบูรณ์ของสงิ่ นัน้ หรอื จุดหมายนั้นอย่างเตม็ ที่แล้วคนก็จะทุ่มเทจิตใจอุทิศให้แก่สิ่งนั้นเม่ือรักแท้ก็มอบ ใจให้อาจถึงขนาดยอมสละชีวิตเพ่ือส่ิงนั้นได้เจ้าขุนนางเศรษฐีพราหมณ์คนหนุ่มสาวมาก มายใน ๑๑๖ส.ํ ม. (ไทย) ๑๙/๘๑๓/๓๗๗. ๑๑๗พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยตุ ฺโต), พทุ ธธรรมฉบบั ปรับปรงุ และขยายความ, หนา ๘๔๒-๘๔๓.
๗๙ พุทธกาลยอมสละวังทรัพย์สมบัติและโลกามิสมากมายออกบวชได้ก็เพราะเกิดฉันทะในธรรมเมื่อใด สดับซาบซงึ้ คาสอนของพระพทุ ธเจ้าแม้คนท้ังหลายท่ีทางานดว้ ยใจรกั ก็เชน่ เดยี วกันเม่ือมีฉันทะนาแล้ว กต็ อ้ งการทาส่ิงน้ันให้ดีท่ีสุดให้ผลสาเร็จอย่างดีท่ีสุดของสิ่งนั้นของานนั้นไม่ห่วงพะวงกับสิ่งล่อเร้าหรือ ผลตอบแทนทั้งหลายจิตใจก็มุ่งแน่วแน่คงเดินไปสู่จุดหมายเดินเรียบสม่าเสมอไม่ซ่านไม่ส่ายฉันทะ สมาธจิ งึ เกดิ ขนึ้ โดยนัยนีแ้ ละพรอ้ มนน้ั ปธานสังขารคือความเพยี รสร้างสรรคก์ ็ย่อมเกิดควบคู่มาด้วย๑๑๘ สรุปได้ว่าฉันทะคือความชอบพึงพอใจในการทางานอยู่เสมอมีความรู้ความสามารถเพ่ือ ทางานให้สาเร็จและได้ผลดียิ่งๆข้ึนไปโดยมีความปรารถนาที่จะทางานนั้นให้ดีที่สุดไม่ยึดติดกับวัตถุ สิ่งของทีเ่ ป็นส่งิ เร้าหรอื ผลตอบแทนทงั้ หลาย วริ ยิ ะ (ความเพียรพยายามในการทางาน) พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) กล่าวว่าวิริยะคือความเพียรได้แก่ความอาจหาญ แกล้วกล้าบากบั่นก้าวไปใจสู้ไม่ย่อท้อไม่หว่ันกลัวต่ออุปสรรคและความยากลาบากเม่ือคนรู้ว่าส่ิงใดมี คุณค่าควรแก่การบรรลุถงึ ถา้ วริ ยิ ะเกดิ ขึ้นแก่เขาแล้วแม้ได้ยินว่าจุดนั้นจะลุถึงได้ยากนักมีอุปสรรคมาก หรืออาจใชเ้ วลายาวนานเท่าน้ันปเี ทา่ นเี้ ดือนเขาไม่ทอ้ ถอยกลับเห็นเป็นสิ่งท้าทายท่ีจะเอาชนะให้ได้ทา ให้เสร็จเช่นนักบวชนอกศาสนาหลายท่านในสมัยพุทธกาลเม่ือสดับพุทธธรรมเล่ือมใสขอบรรพชา อุปสมบทคร้ันได้รับทราบว่าผู้เคยเป็นนักบวชนอกศาสนาจะต้องประพฤติวัตรทดสอบตนเองก่อน เรียกว่าอยู่ปริวาสเป็นเวลา๔เดือนใจก็ไม่ท้อถอยกลับกล้าเสนอตัวประพฤติวัตรทดสอบเพิ่มเป็นเวลา ถึง๔ปีสว่ นผู้ทข่ี าดความเพียรอยากบรรลุความสาเร็จเหมือนกันแต่พอได้ยินว่าต้องใช้เวลานานเป็นปีก็ หมดแรงถอยหลังถ้าอยู่ระหว่าปฏิบัติก็ฟุ้งซ่านจิตใจวุ่นวายจิตใจจะแน่วแน่ม่ันคงพุ่งตรงต่อจุดหมาย สมาธกิ เ็ กดิ ข้นึ ได้เรยี กวา่ เปน็ วริ ิยะสมาธิพร้อมทัง้ มปี ธานสังขารคือความเพียรสร้างสรรค์เข้าประกอบคู่ ไปด้วยกนั ๑๑๙ สรุปได้ว่าวิรยะคือความพากเพียรความขยันเข้มแข็งอดทนมีความมุมานะความบากบ่ันที่ จะทางานให้ประสบความสาเร็จด้วยความอุตสาหะเพียรพยามยามอย่างเต็มท่ีเต็มกาลังความสามารถ แม้ว่าจะมีอุปสรรคความยากลาบากในงานมากน้อยเพียงใดก็ไม่ท้อถอยต่อความยากลาบากสามารถ ทางานได้อยา่ งต่อเน่ืองจนกวา่ งานน้นั จะประสบความสาเรจ็ จติ ตะ (ความเอาใจใส่ฝกั ใฝใ่ นการทางาน) พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) กล่าวว่าจิตตะคือความจดจ่อหรือเอาใจฝักใฝ่ความมี จิตผูกพันจดจ่อเฝ้าคือเร่ืองนั้นใจอยู่กับงานน้ันไม่ปล่อยไม่ห่างไปไหนถ้าจิตตะเป็นไปอย่างแรงกล้าใน เรื่องใดเร่ืองหนึ่งหรืองานอย่างใดอย่างหน่ึงคนผู้นั้นจะไม่สนใจรับรู้เร่ืองอ่ืนๆใครพูดอะไรเรื่องอื่นๆไม่ สนใจแต่ถ้าพูดเรื่องนั้นงานนั้นจะสนใจเป็นพิเศษทันทีบางทีจัดทาเร่ืองน้ันงานน้ันขลุกง่วนอยู่ได้ท้ังวัน ท้ังคืนไม่เอาใจใส่ร่างกายการแต่งเนื้อแต่งตัวอะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่สนใจเรื่องอ่ืนเกิดขึ้นใกล้ๆบางทีก็ไม่รู้ ทาจนลืมวันลืมคืนลืมกินลืมนอนความมีใจจดจ่อฝักใฝ่เช่นน้ีย่อมนาให้สมาธิ เกิดข้ึนจิตจะแน่วแน่แนบ สนิทในกิจที่ทามีกาลังมากเฉพาะสาหรับกิจนั้นเรียกว่าจิตเป็นสมาธิพร้อมนั้นก็เกิดปธานสังขารคือ ความเพียรสร้างสรรค์รว่ มสนบั สนุนไปดว้ ย ๑๑๘พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ.ปยตุ โฺ ต), พทุ ธธรรมฉบบั ปรับปรงุ และขยายความ, หนา๘๔๔. ๑๑๙พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยตุ โฺ ต), พทุ ธธรรมฉบบั ปรบั ปรงุ และขยายความ, หนา ๘๔๕.
๘๐ สรุปไดว้ ่าจิตตะคือความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในการทางานหรือความต้ังมั่นของจิตมีสมาธิม่ันคง อยู่กับงานทางานด้วยความไม่ประมาทไม่ปล่อยปละละเลยในงานที่ทา ไม่ทอดทิ้งภาระงานท่ีต้อง รับผิดชอบ ไม่ปล่อยใจให้ฟุ้งซา่ นเล่อื นลอยไปจากงาน วมิ งั สา (การพจิ ารณาใครค่ รวญเหตุผลแห่งความสาเรจ็ ของงาน) พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) กล่าวว่าวิมังสาคือความสอบสวนไตร่ตรองได้แก่การ ใช้ปัญญาพิจารณาหม่ันใครครวญตรวจหาเหตุผลและตรวจสอบข้อยิ่งหย่อนเกินเลยบกพร่องหรือ ขดั ข้องเป็นตน้ ในกิจท่ที ารูจ้ กั ทดลองและคดิ หาทางแก้ไขปรับปรุงข้อนี้เป็นการใช้ปัญญาชักนาสมาธิซ่ึง จะเหน็ ได้ไม่ยากคนมีวิมังสาชอบคิดค้นหาเหตุผลชอบสอบสวนทดลองเม่ือทาอะไรก็พิจารณาทดสอบ ไปเช่นคิดว่าผลน้ีเกิดจากเหตุอะไรทาไมจึงเป็นอย่างน้ีผลคราวน้ีเกิดจากปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบ เหล่านี้ถ้าชักองค์ประกอบนี้ออกเสียจะเป็นอย่างนี้ถ้าเพ่ิมองค์ประกอบน้ีเข้าไปแทนจะเกิดผลอย่ างนี้ ลองเปลย่ี นองค์ประกอบนนั้ แลว้ ไม่เกิดผลอย่างท่ีคาดหมายเป็นเพราะอะไรจะแก้ไขที่จุดไหนฯลฯหรือ ในการปฏิบัติธรรมก็ชอบพิจารณาใคร่ครวญสอบสวนเช่นว่าธรรมข้อนี้ๆมีความหมายว่าอย่างไรมี จุดหมายอย่างไรควรใช้ในโอกาสอย่างใดควบคู่สัมพันธ์กับข้อธรรมอื่นข้อใดปฏิบัติธรรมคราวน้ีไม่ค่อย ก้าวหน้าอนิ ทรยี ใ์ ดอ่อนไปอนิ ทรีย์ใดเกินไปคนปัจจุบันในสภาพอย่างนี้ขาดแคลนธรรมข้อใดมากจะนา ธรรมข้อนี้เข้าไปควรใช้วิธีการอย่างใดควรเน้นความหมายด้านไหนเป็นต้นการคิดหาเหตุผลสอบสวน ทดลองอย่างนี้ย่อมช่วยรวมจิตให้คอยกาหนดและติดตามเร่ืองท่ีพิจารณาอย่างต่อเ น่ืองเป็นเหตุให้จิต แน่วแน่แล่นด่ิงไปกับเรื่องท่ีพิจารณาไม่ฟุ้งซ่านไม่วอกแวกและกาลังเรียกว่าเป็นวิมังสาสมาธิซึ่งก็มี ปธานสังขารคอื ความเพียรสรา้ งสรรค์เกดิ มาด้วยเช่นเดยี วกบั สมาธขิ ้ออืน่ ๆ๑๒๐ สรุปได้ว่าวิมังสาคือ การใช้ปัญญาพิจารณาใคร่ครวญหาเหตุผลแห่งความสาเร็จในการ ทางานเป็นการพินิจพิเคราะห์ไตร่ตรองให้รอบคอบและตรวจสอบหาข้อบกพร่องในงานท่ีทาอยู่เสมอ โดยรจู้ ักค้นคว้าทดลองคดิ ค้นหาทางแก้ไขปรบั ปรงุ งานและวธิ ีทางานใหด้ แี ละมีประสิทธิภาพ ๔) การประยุกตห์ ลักอิทธบิ าท ๔ ในการจดั การเรียนการสอน อิทธิบาท ๔ คุณธรรมที่นาไปสู่ความสาเร็จแห่งผลที่มุ่งหมาย มีข้อธรรม ๔ ข้อ คือ ฉันทะ ความพอใจ วิริยะ ความเพียร จิตตะ ความคิดมุ่งไป อุทิศตัวอุทิศใจให้แก่ส่ิงที่ทา วิมังสา ความ ไตร่ตรองหรือทดลอง ผู้บริหารการศึกษา ควรยึดหลักธรรมแห่งอิทธิบาท ๔ เพ่ือการบริหารงาน วชิ าการในสถานศึกษาโดยประยุกต์ใช้ในการบรหิ ารงานวชิ าการทางการศึกษา ดงั น้ี๑๒๑ ขน้ั ท่ี ๑ ฉันทะ ความพอใจ มกี ารประยุกตใ์ ชใ้ นวิธกี ารดาเนินการ ดังนี้ ข้ันตอนที่ ๑ สถานศึกษา ปลุกจิตสานึกและสร้างความตระหนักให้กับครูและ บคุ ลากรโดยใหเ้ ขาไดต้ ระหนกั ว่าจะต้องทางานดว้ ยใจรัก ใจศรัทธาต่องานท่ีตนได้รับมอบหมายเท่าน้ัน งานจึงสาเรจ็ ผลตามทตี่ นคาดหวงั เอาไว้ ขั้นตอนท่ี ๒ สถานศึกษาสร้างความตระหนักให้กับครูและบุคลากรได้รับรู้ว่า งานคือ เกียรติยศ ดังน้ัน ผู้ทางาน คือผู้มีเกียรติยศ การที่จะได้เกียรติยศนั้นมา ต้องทางานด้วยความ รบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ท่ี รกั งานเหมือนชวี ิต ๑๒๐พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต), พทุ ธธรรมฉบับปรับปรุงและขยายความ, หนา๘๔๔ - ๘๔๖. ๑๒๑วรภัทร ภูเจริญ, องค์กรแห่งการเรียนรู้และการบริหารความรู้, (กรุงเทพฯ : อริยชน, ๒๕๔๘), หนา ๑๓.
๘๑ ข้ันตอนท่ี ๓ สถานศึกษาให้ครูและบุคลากรได้เกิดจิตอาสางาน เมื่อบุคลากรได้ เกิดความตระหนักในภารกิจของงานที่จะต้องรับผิดชอบร่วมกันในสถานศึกษาแล้ว จะต้องมีการ กาหนดให้ครูและบุคลากรได้ร่วมกันอาสาที่จะทางานให้ประสบผลสาเร็จโดยใช้หลักการร่วมด้วย ช่วยกนั ตามระบบPDCAร่วมกันวางแผน รว่ มกนั ดาเนินงาน รว่ มกนั ตรวจสอบ และร่วมกันปรับปรงุ ขั้นท่ี ๒ วริ ิยะ ความพากเพยี รมีการประยกุ ต์ใช้ในวิธกี ารดาเนนิ การ ดงั นี้ ข้ันตอนที่ ๑ ผู้บริหารสถานศึกษาดาเนินงาน ในการบริหารงานวิชาการใน โรงเรียนตามรายการกิจกรรม ดงั ต่อไปนี้ ๑.บริหารสถานศึกษาโดยยึดโรงเรียนเป็นฐาน (School Based Management) บริหารงานแบบให้ผู้มีส่วนเก่ียวข้องเข้ามามีส่วนร่วม เอานักเรียนเป็นตัวตั้ง (เป้าหมายหลกั ) ครูเป็นตัวคูณ (ตัวเร่งหรือก่อผลทวีคูณ) และผู้บริหารเป็นตัวหาร (ร่วมรับผิดชอบทุก เรื่อง) ๒.ผบู้ ริหารงานตดั สนิ ใจปฏิบตั กิ ิจกรรมตา่ งๆ โดยคานึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับ การพฒั นาของบคุ ลากร ผู้เรยี น และชมุ ชนอยเู่ สมอ ๓.ผู้บริหารมีภาวะผู้นา และเสริมสร้างความเป็นผู้นาและผู้ตามที่ดีแก่ครู และบคุ ลากร ๔.สรรสรา้ งองค์กรใหส้ ามารถพัฒนาได้ทุกสถานการณ์ ขั้นตอนท่ี ๒ ส่งเสริมโน้มน้าวให้ครูและบุคลากรปฏิบัติงานตามมาตรฐานการ ปฏบิ ัติงานของครู ดงั น้ี คอื ๑.ม่งุ ม่ันพัฒนาผู้เรยี นให้เตม็ ตามศักยภาพของแตล่ ะคน ๒.เพียรพยายามสร้างพัฒนาสื่อการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพและ สง่ ผลตอ่ การเรียนรูอ้ ย่างรวดเรว็ ของผเู้ รียนเป็นสาคญั ๓.เพียรพยายามให้ครูและบุคลากรได้สร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในทุก สถานการณ์ ไม่จาเป็นเฉพาะในห้องเรยี นเท่าน้ัน โดยถือวา่ การเรียนร้สู ามารถเกิดขึ้นได้ในทุกสถานท่ี ขัน้ ท่ี ๓ จติ ตะ ความคิดมงุ่ ไป อุทศิ ตวั อุทิศใจใหแ้ ก่ส่ิงที่ทามีการประยุกต์ใช้ในวิธีการ ดาเนนิ การ ดังน้ี ๑. เรียนให้เกิดความรู้ ความจาในงาน โดยสถานศึกษาส่งเสริมให้ครูได้ใช้ เทคโนโลยกี ารสบื คน้ หาความรอู้ ยเู่ สมอ แล้วนาความรู้มาจัดไว้เป็นหมวดหมู่เพ่ือนาไปใช้ในการปฏิบัติ กิจกรรมการเรียนการสอน ๒. เรียนใหส้ ามารถเกิดทกั ษะในการนาไปประยกุ ต์ใช้ในการทางานต่อไป ๓. อทุ ศิ ตวั อทุ ิศใจใหเ้ กิดทกั ษะการวเิ คราะห์งานของตนเองได้ ๔. มคี วามคดิ ที่จะเรยี นใหเ้ ขา้ ใจในการประเมินค่าของงานที่ตนเองทา ข้นั ท่ี ๔ วิมงั สา ความไตรต่ รองหรอื ทดลอง การประยุกต์ใช้ในวธิ ีการดาเนนิ การ ดังน้ี ๑. สรา้ งความตระหนักวา่ ต้องมกี ารปรบั ปรุงพัฒนา ๒. วเิ คราะหห์ าจุดเดน่ จดุ ด้อยในการปรบั ปรงุ พฒั นา ๓. ตรวจสอบผลที่เกดิ ข้นึ จากการปฏิบัตงิ านท่ีได้ปรับปรงุ พฒั นางานแล้ว ๔. สรา้ งความภาคภมู ิใจในผลงานทีไ่ ดป้ รับปรงุ พัฒนาแล้ว
๘๒ ในการประยุกต์ใช้หลักอิทธิบาท ๔ ในการบริหารงานวิชาการทางการศึกษาน้ัน จะเห็นได้ ว่า ปัจจุบันโลกกาลังก้าวไปสู่ยุคสังคมเศรษฐกิจฐานความรู้ (Knowledge-Based Society and Economy) ท่ีระบบเศรษฐกิจได้มีการเปล่ียนเป็นการใช้ความรู้เป็นหลัก องค์กรต่างๆจึงจาเป็นท่ี จะต้องมกี ารวางแผนและดาเนนิ การในการสร้างความรู้โดยมีพื้นฐานและพัฒนามาจากข้อมูลที่ถูกต้อง เหมาะสม และทนั สมัยและตอ้ งรู้จักการวิเคราะห์และสงั เคราะห์ข้อมูลจึงจะก่อให้เกิดความรู้ได้องค์กร ที่จะอยู่รอดในสังคมเศรษฐกิจฐานความรู้นี้ จะต้องเรียนรู้ให้ทันสถานการณ์สมาชิกในองค์กรก็ต้อง เรยี นรูร้ ่วมกนั เพอื่ ผลักดนั ให้องค์กรมงุ่ ไปสกู่ ารเปน็ องค์กรเอื้อการเรยี นรู้ สรปุ ได้ว่า การประยุกตใ์ ช้อิทธิบาท ๔ในการบริหารงานวิชาการทางการศึกษา ฉันทะความ พอใจอยากที่จะทางานน้ัน บุคลากรที่ทางานอาจให้บุคลากรมีส่วนร่วมในการวางแผนการเรียนรู้ รว่ มกนั แบบเปน็ ทีมเพอ่ื จะเป็นส่วนหน่งึ ท่ีทาให้คนเกิดความพร้อมในการทางานด้วยตนเองวิริยะความ ขยนั ความเพียร ส้ไู ม่ถอยการทางานใหส้ าเร็จลุล่วงไดง้ ่าย ตอ้ งใช้ \"สติ\" ทาจติ ใจใหว้ า่ งสงบนิ่ง ตัดความ ฟงุ้ ซา่ น ลงั เล เบื่อหนา่ ยออกไป กจ็ ะเกดิ \"ปัญญา\"จิตตะฝักใฝ่ที่จะทาจดจ่อ เอาใจใส่กับงานท่ีกาลังทา อยู่ต้องมีสมาธิกับการงานท่ีทาอยู่ขณะทางานต้องไม่หลงไปกับสิ่งอ่ืนๆท่ีเข้ามาแทรก รวมทั้งการมี สมาธสิ ้ันซงึ่ เป็นอุปสรรคต่อการทางานด้วย วิมังสาการใช้ปัญญาในการพิจารณาเร่ืองต่างๆ ใคร่ครวญ ไตร่ตรอง ทดลองลงมือปฏิบัติหากผิดพลาดต้องมีการแก้ไขปรับปรุง คิดใหม่ ทาใหม่จะเรียกว่าเป็น การครบวงจร PDCA ก็ว่าได้ ๒.๕.๒ หลักโยนโิ สมนสิการ ๑) ความหมายของโยนโิ สมนสกิ าร คําวา โยนิโสมนสิการมีความหมายวา การทําในใจโดยแยบคาย คิดถูกวิธี ความรูจักคิด หรือคิดเป็น หมายถึง การคิดอยางมีระเบียบหรือคิดตามแนวทางของปัญญา คือ การรูจักมอง รูจัก พิจารณาสิ่งทั้งหลายตามสภาวะ เชน ตามที่ส่ิงนั้นๆ มันเป็นของมัน โดยวิธีคิดหาเหตุปัจจัย สืบคนถึง ตนเคา สืบสาวใหตลอดสาย แยกแยะส่งิ นัน้ ๆ เร่ืองนั้นๆ ออกใหเห็นตามสภาวะและตามความสัมพันธ์ สืบทอดแหง เหตุปัจจัย โดยไมเอาความรสู ึกดว ยตัณหาอุปาทานของตนเอง เขาจับหรือเคลือบคลุม ทํา ใหเกิดความดีงามและแกปัญหาได ขอน้ีเป็นองค์ประกอบฝุายภายใน หรือปัจจัยภายในตัวบุคคล และ อาจเรียกตามองคธ์ รรมทใ่ี ชงานวา วิธกี ารแหงปัญญาโยนิโสมนสกิ าร จึงเป็นแกนกลาง หรือสวนที่ขาด ไมไดของการศึกษา การศึกษาจะสําเร็จผลแทจริง การคนพบตางๆ ความคิดริเร่ิม ความกาวหนาทาง ปัญญาที่สําคัญๆ และการตรัสรูธรรมก็สําเร็จไดดวยโยนิโสมนสิการ เพราะฉะน้ัน หัวใจที่จะทําให การศึกษาสําเรจ็ คือโยนิโสมนสกิ าร๑๒๒ ๑๒๒พระธรรมปฎิ ก (ป.อ. ปยุตฺโต), รงุ่ อรณุ ของการศึกษา เบิกฟ้าแห่งการพัฒนาท่ียั่งยืน, (พิมพ์คร้ังที่ ๒), (กรุงเทพมหานคร: พิมพส์ วย, ๒๕๔๖), หนา ๙๑-๙๒.
๘๓ นอกจากนี้ ยังมนี ักวิชาการอ่นื ๆ ไดใหค วามหมายไวในเอกสารทางวชิ าการดงั นี้ ๑. คดิ เปน็ คิดเปน็ ระบบ คดิ เป็นเรื่องเป็นราว เป็น Systematic Thoughtความคิดที่เป็น ระบบหรือวาthoughtfulพวกที่คิดเป็นระบบ คิดเป็น เขาใจในความคิด มีวิธีคิด เป็นเร่ืองท่ีไมคอยได สอนกับในโรงเรียน คือ วิธีคิดวาเร่ืองนี้ควรจะคิดอยางไร แลวมันก็จะไดผลออกมาดีมาก ถามีวิธีคิด หรือคิดเป็น๑๒๓ ๒. การทําไวในใจโดยแยบคายการพิจารณาโดยแยบคาย น่ันคือ ความเป็นผูฉลาดในการ คิด คิดอยางถูกวิธีถูกระบบ พิจารณา ไตรตรองสาวไปจนถึงสาเหตุหรือตนตอของเร่ืองที่กําลังคิด คือ คิดถึงรากถึงโคนนั่นเอง แลวประมวลความคิดรอบดานจนกระท่ังสรุปออกมาไดวาส่ิงนั้นควรหรือไม ควร ดีหรือไมดี เป็นวิถีทางแหงปัญญา เป็นธรรมสําหรับกลั่นกรองแยกแยะขอมูลหรือแหลงขาว (ปร โตโฆสะ) อกี ช้นั หน่ึง เปน็ บอ เกิดแหงสัมมาทฏิ ฐิ ทาํ ใหมเี หตุผลไมงมงา ย๑๒๔ ๓. การใชความคิดถูกวิธี คือ การกระทําในใจโดยแยบคาย มองส่ิงทั้งหลายดวยความคิด พิจารณาสืบถึงตนเคาสาวหาเหตุผลจนตลอดสายแยกแยะออก พิเคราะห์ดูดวยปัญญาที่คิดเป็น ระเบยี บและอบุ ายวธิ ใี หเ หน็ สงิ่ น้ันๆ หรือปัญหานน้ั ๆ ตามสภาวะและตามความสัมพันธ์แหงปัจจัยและ เป็นฝุายปญั ญา ธรรมขอ อ่ืน ท่ไี ดร บั ยกยอ งคลายโยนโิ สมนสกิ ารในบางแง ไดแ ก อัปปมาทะ(ความไม ประมาท), วริ ยิ ารัมภะ(การปรารภความเพียร), สันตุฏฐี-(ความสันโดษ), สัมปชัญญะ(ความรูตัว สํานึก ตระหนักดวยปัญญา), กุสลธัมมานุโยค(การหมั่นประกอบกุศลธรรม), สีลสัมปทา(ความถึงพรอมแหง ศีล), ฉันทสัมปทา(ความพรอมแหงฉันทะ), อัตตสัมปทา(ความถึงพรอมแหงตน คือมีจิตใจซึ่งพัฒนา เตม็ ทแ่ี ลว), ทฏิ ฐสิ ัมปทา(ความถึงพรอ มแหง ทิฏฐิ) และอปั ปมาทสัมปทา(ความถึงพรอมแหงอัปปมาท ธรรม)๑๒๕ โยนิโสมนสิการมคี าํ อธิบาย โดยวิธแี สดงไวพจนใ์ หเหน็ ความหมายแยก ๔ ประการ ไดแก ๑) อุบายมนสิการ๑๒๖ หมายถึง คิดหรือพิจารณาโดยอุบาย คือ คิดอยางมีวิธี หรือคิดถูก หมายถึงคิดถูกวิธีที่จะใหเขาถึงความจริง สอดคลองเขาแนวสัจจะ ทําใหหย่ังรูสภาวะลักษณะและ สามัญลักษณะของสงิ่ ท้งั หลาย ๒) ปถมนสิการ๑๒๗ หมายถึง คิดเป็น หรือ คิดถูกทาง คือ คิดไดตอเน่ืองเป็นลําดับ จัดลําดับไดหรือมีลําดับ มีข้ันตอน แลนไปเป็นแถวเป็นแนว หมายถึง ความคิดเป็นระเบียบตามแนว เหตผุ ล เป็นตน ไมย ุง เหยงิ สับสน ไมใชประเด๋ียววนเวียนติดพันเร่ืองนี้ท่ีน้ี เด๋ียวเตลิดออกไปเรื่องนั้นที่ โนน หรือกระโดดไปกระโดดมา ตอเป็นช้นิ เป็นอนั ไมได ๑๒๓วศนิ อินทสระ.โยนโิ สมนสิการ,(กรงุ เทพมหานคร : สาํ นักพิมพเ์ รือนธรรม,๒๕๔๕), หนา ๑๐. ๑๒๔พระธรรมกิตติวงค์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙.),พจนานุกรมเพ่ือการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คาวัด, (กรุงเทพมหานคร : วัดราชโอสาราม,๒๕๔๘),หนา ๑๒๓. ๑๒๕ปรีชา นันตาภิวัฒน์. พจนานุกรมหลักธรรมพระพุทธศาสนา, (กรุงเทพมหานคร : ดวงแกว, ๒๕๔๔),หนา ๑๑๐-๑๑๑. ๑๒๖ท.ี อ.ม. (ไทย) ๑/๒/๑๓๔,๕๕๖. ๑๒๗ที.อ.ม. (ไทย) ๒/๒/๓๑๘.
๘๔ ๓) กรณมนสิการ๑๒๘ หมายถึง คิดตามเหตุ คิดคนเหตุ คิดตามเหตุผล หรือคิดอยางมี เหตุผล หมายถงึ การคดิ สืบคนตามแนวความสัมพันธ์สืบทอดกันแหงเหตุปัจจัย พิจารณาสืบสาวหา สาเหตุใหเขาใจถึงตน เคา หรือแหลง ทมี่ าซ่งึ สงผลตอ เนื่องมาตามลาํ ดบั ๔) อุปปาทกมนสิการ๑๒๙ หมายถึง คิดใหเกิดผล คือ ใชความคิดใหเกิดผลที่พึงประสงค์ เล็งถึงการคิดอยางมีเปูาหมาย ทานหมายถึง การคิดการพิจารณาที่ทําใหเกิดกุศลธรรม เชน ปลุกเรา ใหเกดิ ความเพยี ร การรูจกั คิดในทางท่ีทําใหห ายหวาดกลัว ใหหายโกรธ การพิจารณาท่ีทําใหมีสติหรือ ทาํ ใหจ ติ ใจเขมแข็งม่นั คง เปน็ ตน ผูวิจัยไดศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเกี่ยวของกับความหมายของโยนิโสมนสิการ จํานวน ๕ เร่อื ง พอสรุปความหมายของโยนโิ สมนสิการ ดงั แสดงในตารางท่ี ๒.๓ ตารางท่ี ๒.๔สรปุ ความหมายของโยนโิ สมนสกิ าร บุคคล/หน่วยงาน ความหมายของโยนิโสมนสิการ พระธรรมปิฎก คอื คิดถกู วธิ ี ความรจู กั คิด หรือคิดเปน็ คิดตามแนวทางของปญั ญา คือ การ (ป.อ. ปยตุ โฺ ต) รจู กั มอง รูจ ักพิจารณาสง่ิ ท้งั หลายตามสภาวะ วศิน อนิ ทสระ. คอื การคิดเปน็ ระบบ คือการคิดพิจารณาหาเหตุทจ่ี ะเกิดและผลทีจ่ ะตามมา พระธรรมกิตติวงค์ คือ ความเป็นผูฉลาดในการคิด คดิ อยา งถูกวธิ ีถูกระบบ พิจารณา ไตรต รอง (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙.) สาวไปจนถึงสาเหตุ ปรีชา นนั ตาภวิ ัฒน.์ คอื ความคิด พจิ ารณาสบื ถึงตนเคาสาวหาเหตผุ ลจนตลอดสายแยกแยะออก พเิ คราะห์ดูดว ยปญั ญาตามสภาวะและตามความสมั พันธแ์ หงปัจจัย ไวพจน์แสดงความหมาย ๑.การคิดเขาถึงความจริง ทาํ ใหหยัง่ รูส ภาวะลกั ษณะอนิจจ,ํ ทกุ ข,ํ อนัตตา ๔ ประการ ๒.ความคดิ เป็นระเบียบตามแนวเหตผุ ล ไมยุงเหยิงสับสน ๓.การพิจารณาสืบสาวหาสาเหตใุ หเขาใจถึงแหลงทเี่ กิด ๔.การคิดการพิจารณาทีท่ ําใหเกดิ กุศลธรรม ปลุกเราใหเ กิดความเพยี ร ๒) ความสาคญั ของโยนโิ สมนสิการ มพี ระพทุ ธพจน์ ไดก ลาวแสดงความสาํ คญั ของโยนโิ สมนสกิ ารไวเป็นอันมากดังนี้ ๑.“ภิกษุ ท้ังหลาย ธรรมท้ังหลายเหลาหน่ึงเหลาใดก็ตาม ท่ีเป็นกุศลอยูในภาคกุศล อยูในฝุายอกุศล ธรรม เหลาน้ันทัง้ หมด มโี ยนิโสมนสกิ ารเป็นมูลรากประชมุ ลงในโยนโิ สมนสกิ าร โยนิโสมนสิการ เรียกวาเป็น ยอดของธรรมเหลานัน้ ”๑๓๐ ๒.“ดูกรมหาลิ โลภะ...โทสะ...โมหะ อโยนิโสมนสิการ...จิตที่ตั้งไวผิด เป็นเหตุเป็นปัจจัยเพ่ือ การกระทําความชั่ว เพื่อความเป็นไปแหงความชั่ว, อโลภะ...อโทสะ...อโมหะ..โยนิโสมนสิการ...จิต ทต่ี ้งั ไวชอบ เป็นเหตุเปน็ ปัจจัย เพ่ือการกระทํากัลยาณกรรม เพอ่ื เปน็ ไปแหงกัลยาณกรรม”๑๓๑ ๑๒๘ใชขยายความปถมนสกิ าร ดรู ายละเอยี ดใน.ท.ี สี.อภินวกฎกี า. (บาล)ี ๔๘๑. ๑๒๙ท.ี อ.ม. (ไทย) ๒/๒/๓๔๒. ๑๓๐สํ.ม.(ไทย) ๑๙ /๒๖๕/๑๒๙. ๑๓๑.องฺทสก(ไทย) ๒๕/๔๗/๑๒๙.
๘๕ ๓.“เราไมเล็งเห็นธรรมอ่ืนแมสักอยางหนึ่ง ที่เป็นเหตุใหกุศลธรรมที่ยังไมเกิด เกิดข้ึนหรือให อกุศลธรรมที่เกิดขึน้ แลว เส่ือมไปเหมอื นโยนิโสมนสิการเลย เม่ือมีโยนิโสมนสิการกุศลธรรมที่ยังไมเกิด ยอมเกิดขน้ึ และอกศุ ลธรรมท่เี กดิ ข้ึนแลว ยอมเสอื่ มไป”๑๓๒ ๔.“เราไมเ ลง็ เห็นธรรมอ่นื แมส ักอยางที่เปน็ ไปเพอื่ ประโยชน์ยิ่งใหญ”๑๓๓ ...ที่เป็นไปเพ่ือดํารง มนั่ ไมเ สอ่ื มสญู ไมอันตรธานแหงสทั ธรรมเหมอื นโยนิโสมนสกิ ารเลย”๑๓๔ ๕.“เราไมเล็งเห็นธรรมอยางอื่น แมสักขอหน่ึงซ่ึงเป็นเหตุใหสัมมาทิฐิท่ียังไมเกิดไดเกิดข้ึน หรือใหสัมมาทิฐิที่เกิดข้ึนแลว เจริญย่ิงข้ึนเหมือนโยนิโสมนสิการเลย เม่ือมีโยนิโสมนสิการสัมมาทิฐิท่ี ยังไมเ กิด ยอมเกดิ ข้ึนและสัมมาทฐิ ิท่ีเกดิ ขึ้นแลว ยอมเจรญิ ยง่ิ ขึน้ ”๑๓๕ ๖.“สําหรับภิกษุผูเสขะ ยังไมบรรลุอรหันตผล ปรารถนาความเกษมจากโยคะ อันยอดเย่ียม เราไมเล็งเห็นองค์ประกอบภายในอยางอื่นแมสักอยางท่ีมีประโยชน์มากเหมือนโยนิโสมนสิการเลย ภกิ ษุผูใชโ ยนิโสมนสิการยอมกํากดั อกศุ ลได และบาํ เพ็ญกศุ ลใหเ กดิ ขน้ึ ”๑๓๖ ผูวจิ ัยไดศ กึ ษาเอกสารและพระพุทธพจน์ ท่ีกลาวแสดงความสําคัญของโยนิโสมนสิการพอ สรปุ ความหมายของโยนิโสมนสกิ าร ดงั แสดงในตารางที่ ๒.๕ ตารางท่ี ๒.๕ สรุปความสาํ คัญของโยนิโสมนสิการ ความสาคญั ของโยนโิ สมนสิการ การทาํ ความดีหรือความช่ัว ลว นเกิดจากการคิดท้ังส้ิน ความโลภ ความโกรธ ความหลง การคิดผิด ยอมเปน็ เหตแุ หงการทําความช่ัว เมอ่ื คิดเปน็ คดิ ถูก ยอ มทาํ ส่งิ ทีดี ทถี่ กู และละเลิกการทาํ ความช่ัว การมคี วามคดิ ถูกยอ มรักษาความดี ความถูกตอ ง ไมมีการปฏิบัติใดเทาการมคี วามเหน็ ถูกตอง กุศลท่ยี งั ไมเ กิดกเ็ กดิ ขึน้ ทเ่ี กิดแลว ยอมเจริญขน้ึ ผมู ีความคดิ ดีถกู ตองยอมไมท ําชั่ว และทาํ ความดียงิ่ ขึ้นไป ผู้วิจัยวิเคราะห์ว่า โยนิโสมนสิการ กินความกวาง ครอบคลุมตั้งแตความคิดในแนวทาง ของศีลธรรมการคิดตามหลักความดีงามและหลัก ความจริงตางๆ ท่ีตนไดศึกษาหรือรับการอบรมส่ัง สอนมา มคี วามรูความเขา ใจดีอยูแลว เชน คิดในทางท่ีจะเป็นมิตรคิดรัก คิดปรารถนาดีมีเมตตา คิดที่ จะใหหรือชว ยเหลือเกื้อกูล คิดในทางท่ีจะเขมแข็ง ทําการจริงจังไมยอทอ เป็นตน ซึ่งไมตองใชปัญญา ลึกซึ้งอะไร ตลอดข้ึนไปจนถึงการคิดแยกแยะองค์ประกอบและสืบสาวหาสาเหตุปัจจัยที่ตองใช ๑๓๒องฺ.เอก. (ไทย) ๒๐/๖๔/๑๕. ๑๓๓องฺ.เอก. (ไทย) ๒๐/๙๒/๒๐ ๑๓๔องฺ เอก.(ไทย) ๒๐/๑๒๔/๒๐.. ๑๓๕อง.ฺ เอก. (ไทย) ๒๐/๑๘๖/๔๑ ๑๓๖.ขุ.อติ .ิ (ไทย) ๒๕/๑๙๔/๒๓๖.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209