Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์ ป.3

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์ ป.3

Published by Atsreport61, 2023-02-18 10:48:24

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์ ป.3

Search

Read the Text Version

6. นกั เรยี นจับสลากทค่ี รูเตรียมไวค้ นละ 1 ใบ ซง่ึ มีช่อื ของสตั วช์ นิดต่าง ๆ เขยี นไว้ เชน่ ไก่ ม้า ววั ผึ้ง ปลา จากน้ัน ใหน้ กั เรยี นทไ่ี ด้สัตวช์ นิดเดยี วกนั เข้ากลมุ่ เดียวกัน วาดภาพวฏั จักรของสัตว์ นกั เรียนนำข้อมูลมาจดั กระทำในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แผนภาพ แผนผัง ลงในกระดาษแข็ง ข้ันท่ี 4 ขัน้ สรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้จากการเรียนจนได้ข้อสรุปว่า สัตว์บางชนิดเมื่อมีการผสมพันธุ์จะเจริญเติบโต เป็นตัวอ่อน จากนั้นตัวอ่อนจะเจริญเติบโตไปเป็นตัวเต็มวัย จนกระทั่งสืบพันธุ์ได้ หมุนเวียนต่อเนื่องเป็นวัฏจักรแบบนี้ไป เรื่อย ๆ การวดั และการประเมินผล เปา้ หมาย วิธวี ดั เครอ่ื งมอื วัด เกณฑ์การประเมิน ด้านความรู้ (K) แบบบันทึกกิจกรรม / สมุด แบบบันทกึ กิจกรรม นักเรยี นได้คะแนน อธบิ ายวัฏจักรของสัตวบ์ างชนดิ ได้ รอ้ ยละ 60 ขึ้นไป ด้านทักษะกระบวนการ (P) ประเมนิ การทำกจิ กรรมทักษะ แบบสงั เกต นักเรียนผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมนกั เรียนในการ กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมนิ ระดบั ปฏิบตั กิ จิ กรรม พอใช้ขึ้นไป ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) สังเกตความมีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมั่น แบบประเมิน นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ ความมีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมน่ั ในการทำงาน คุณลักษณะ การประเมนิ ระดับ ในการทำงาน อนั พึงประสงค์ พอใช้ขึ้นไป ด้านสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 1) ความสามารถในการสื่อสาร พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ การคิด การแก้ปญั หา การใชท้ ักษะชีวิต บันทึกหลังการสอน ผลการจัดการเรียนรู้ ปัญหาและอปุ สรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกป้ ัญหา ด้านความรู้ (K) - นกั เรียนบางคนไมส่ ามารถทำไดด้ ว้ ย - อธบิ ายเพ่ิมเติมใหน้ กั เรยี น - นกั เรียนรอ้ ยละ 98 อธิบายวัฏ ตนเอง จกั รของสัตวบ์ างชนดิ ได้ ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) - นักเรียนร้อยละ 98 ต้ังใจปฏิบัติ - นักเรยี นบางคนไมม่ ีสมาธิในการเรียน - ครอู บรมตักเตือน และให้นักเรียนปฏิบตั ิ กจิ กรรม ใหม่อีกครัง้ ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) - นกั เรียนบางคนไมม่ สี มาธิในการเรียน - ครอู บรมตกั เตือน และสงั เกตพฤติกรรม - นกั เรยี นร้อยละ 98 ความมีวินยั ของนักเรยี นใหม่หลงั จากอบรมตักเตือน ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่ันในการทำงาน แล้ว ลงชอื่ ผสู้ อน (นายอสิ รานวุ ัฒน์ รดิ สมเงนิ )

ลงช่อื ลงชอ่ื (นายอิสรานวุ ฒั น์ ริดสมเงนิ ) (นางสาวสุขใจ ปรศี ิร)ิ หวั หน้ากลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผอู้ ำนวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ ลงชือ่ (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพนั ธุ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนอรรถวิทย์ ช่ัวโมงท่ี 2 เรอื่ ง : วฏั จักรชีวิตของสตั ว์ (2) เสรมิ ข้ันท่ี 1 ขน้ั เตรียมกิจกรรม เตรยี มอุปกรณ์การเรียน สื่อการเรยี นการสอน ข้ันท่ี 2 ขน้ั นำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูทบทวนสิ่งที่เรยี นมา ขั้นท่ี 3 ข้ันดำเนนิ การสอน 1. ครูสุ่มนักเรียน 4-5 คน ให้ยกตัวอย่างสัตว์คนละ 1 ชนิด จากนั้นถามคำถามกระตุ้นนักเรียนว่า สัตว์ที่นักเรียน บอกช่อื มามวี ัฏจักรชีวติ อยา่ งไร โดยนักเรียนสามารถแสดงความคดิ ไดอ้ ย่างอสิ ระ 2. ครอู ธิบายใหน้ กั เรียนทราบว่า นกั เรยี นจะได้เรยี นร้เู ก่ียวกับวัฏจักรชวี ิตของสัตวใ์ นกิจกรรมตอ่ ไปนี้ 3. นักเรียนใช้กลุ่มเดิมจากชัว่ โมงท่ีแลว้ ทำกิจกรรมที่ 1 วัฏจักรชีวิตของสัตว์ ตอนที่ 2 โดยให้ตัวแทน แต่ละกลุ่ม ออกมาจับสลากหัวขอ้ เพื่อสบื คน้ ข้อมลู เก่ียวกับวัฏจกั รชีวติ ของสตั ว์ ดังน้ี - วฏั จักรชวี ิตของยุง - วฏั จกั รชีวติ ของกบ - วฏั จกั รชีวิตของผีเสื้อ - วัฏจักรชีวิตของมนุษย์ - วฏั จกั รชีวติ ของไก่ - วัฏจักรชีวติ ของช้าง 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับวัฏจักรชีวิตของสัตว์และการดูแลรักษาเกี่ยวกับวัฏจักรชีวิตของสัตว์ที่ นักเรียนจบั สลากได้ จากแหลง่ ความรู้ เช่น อนิ เทอรเ์ น็ต หอ้ งสมดุ 5. นักเรียนนำขอ้ มลู ทไี่ ดจ้ ากการสบื ค้นมาสรา้ งแบบจำลองวฏั จักรชีวติ ของสตั ว์ ลงในสมุด ขน้ั ที่ 4 ขนั้ สรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้จากการเรียนจนได้ข้อสรุปว่า สัตว์บางชนิดเมื่อมีการผสมพันธุ์จะเจริญเติบโต เป็นตวั อ่อน จากน้นั ตวั อ่อนจะเจรญิ เติบโตไปเป็นตวั เต็มวัย จนกระทงั่ สืบพันธ์ุได้ หมุนเวียนต่อเน่ืองเป็นวัฏจักรแบบน้ี ไปเร่อื ย ๆ การวัดและการประเมนิ ผล เป้าหมาย วธิ วี ัด เครื่องมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ ด้านความรู้ (K) แบบบันทึกกจิ กรรม / สมุด แบบบันทึกกจิ กรรม นกั เรยี นได้คะแนน อธิบายวัฏจักรของสตั วบ์ างชนิดได้ ร้อยละ 60 ขนึ้ ไป ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) ประเมนิ การทำกิจกรรมทักษะ แบบสงั เกต นกั เรียนผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมนกั เรยี นในการ กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดบั ปฏิบัตกิ จิ กรรม พอใช้ขึ้นไป

ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) สงั เกตความมีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มั่น แบบประเมิน นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ ความมีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมัน่ ในการทำงาน คุณลกั ษณะ การประเมนิ ระดบั ในการทำงาน อนั พึงประสงค์ พอใช้ขึน้ ไป ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดบั คุณภาพ 2 ความสามารถในการส่ือสาร การคิด พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ การแกป้ ัญหาการใชท้ ักษะชีวติ บันทกึ หลังการสอน ผลการจดั การเรยี นรู้ ปัญหาและอปุ สรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ปญั หา ด้านความรู้ (K) - นักเรียนบางคนไม่สามารถทำได้ดว้ ย - อธิบายเพ่ิมเติมให้นักเรียน - นักเรียนรอ้ ยละ 98 อธบิ ายวัฏ ตนเอง จกั รของสตั ว์บางชนิดได้ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - นกั เรียนรอ้ ยละ 98 ตั้งใจปฏิบตั ิ - นกั เรียนบางคนไม่มสี มาธิในการเรยี น - ครอู บรมตักเตือน และใหน้ ักเรียนปฏบิ ตั ิ กิจกรรม ใหมอ่ ีกคร้งั ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) - นกั เรียนร้อยละ 98 มีวินยั ใฝ่ - นกั เรยี นบางคนไม่มสี มาธใิ นการเรยี น - ครอู บรมตักเตือน และสังเกตพฤติกรรม เรยี นรู้ และมุง่ มนั่ ในการทำงาน ของนักเรียนหลงั จากอบรมตักเตือนแลว้ ลงชือ่ ผสู้ อน (นายอสิ รานวุ ัฒน์ ริดสมเงิน) ลงชือ่ ลงช่อื (นายอิสรานวุ ฒั น์ ริดสมเงนิ ) (นางสาวสขุ ใจ ปรศี ริ )ิ หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผอู้ ำนวยการกล่มุ บริหารวชิ าการ ลงชือ่ (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพนั ธุ์) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนอรรถวทิ ย์ ช่วั โมงท่ี 3 เรอ่ื ง : วฏั จักรชีวิตของสัตว์ (3) เสริม ขน้ั ท่ี 1 ขน้ั เตรียมกจิ กรรม เตรยี มอุปกรณก์ ารเรยี น ส่อื การเรียนการสอน ขน้ั ที่ 2 ขั้นนำเขา้ ส่บู ทเรียน 1. ครทู บทวนสง่ิ ท่เี รียนมา ขั้นที่ 3 ขน้ั ดำเนนิ การสอน 1. นกั เรียนแบง่ กล่มุ กล่มุ ละ 4-5 คน หรอื ใช้กลุ่มเดิมจากช่ัวโมงที่แลว้ ศึกษาเกยี่ วกับวัฏจักรชีวิตของสตั ว์ 2. ครูแจกบตั รภาพชิ้นสว่ นประกอบวัฏจกั รชวี ิตของสัตว์ใหก้ ลมุ่ ละ 2 ชนิด ดงั น้ี - วฏั จักรชีวติ ของผงึ้ - วฏั จักรชวี ติ ของแมว

3. ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มเรียงลำดับวฏั จกั รชีวิตของสัตว์แตล่ ะชนิดพร้อมบอกแต่ละระยะวฏั จักรชีวิตของสัตว์ให้ ถูกต้อง พร้อมกบั วาดแผนภาพวัฏจกั รชวี ิตของสัตว์ลงในใบงาน วัฏจกั รชวี ติ ของสัตว์ 4. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอกจิ กรรมหน้าช้ันเรยี น 5. นกั เรยี นทำกจิ กรรมฝกึ ทักษะ ลงในสมุดประจำตัวนกั เรียน ขนั้ ที่ 4 ข้นั สรุป นักเรยี นและครูรว่ มกันสรปุ ความรู้ได้ข้อสรปุ ว่า เราสามารถแบ่งวัฏจักรชวี ิตของสตั วต์ ามลักษณะการออกลกู ไดแ้ ก่ - วฏั จกั รชีวิตของสตั วท์ อ่ี อกลกู เปน็ ตัว มี 2 ระยะ คอื ตวั ออ่ นและตัวเต็มวยั - วฏั จักรชีวิตของสัตว์ท่อี อกลูกเปน็ ไข่ มี 3 ระยะ คือ ไข่ ตัวอ่อน และตวั เต็มวยั - วฏั จกั รชวี ติ ของสตั ว์ที่ออกลกู เป็นไข่ มี 4 ระยะ คือ ไข่ ตัวอ่อน ดกั แด้ และตวั เต็มวัย การวัดและการประเมินผล เปา้ หมาย วิธวี ดั เครือ่ งมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ ดา้ นความรู้ (K) แบบบันทกึ กจิ กรรม / สมุด แบบบันทกึ กิจกรรม นักเรยี นได้คะแนน อธิบายวัฏจักรของสตั วบ์ างชนิดได้ / แบบประเมนิ รอ้ ยละ 60 ขน้ึ ไป ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ประเมินการทำกจิ กรรมทักษะ แบบสงั เกต นักเรียนผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรียนในการ กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดบั ปฏิบตั ิกิจกรรม พอใช้ขึน้ ไป ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) สังเกตความมีวินยั ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมนั่ แบบประเมนิ นักเรียนผ่านเกณฑ์ ความมวี ินยั ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมนั่ ในการทำงาน คุณลกั ษณะ การประเมนิ ระดบั ในการทำงาน อันพึงประสงค์ พอใช้ข้ึนไป ด้านสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดบั คุณภาพ 2 ความสามารถในการสือ่ สาร พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ การคดิ การแกป้ ญั หา การใชท้ ักษะชีวติ บันทึกหลังการสอน ผลการจดั การเรยี นรู้ ปัญหาและอปุ สรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ปญั หา ด้านความรู้ (K) - นกั เรียนบางคนไมส่ ามารถทำไดด้ ว้ ย - อธบิ ายเพิ่มเติมให้นักเรียน - นกั เรยี นร้อยละ 98 อธิบายวฏั ตนเอง จกั รของสัตวบ์ างชนดิ ได้ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - นักเรียนรอ้ ยละ 98 ต้ังใจปฏิบัติ - นกั เรยี นบางคนไมม่ ีสมาธใิ นการเรยี น - ครูอบรมตักเตือน และใหน้ ักเรียนปฏบิ ัติ กจิ กรรม ใหมอ่ ีกครัง้ ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - นกั เรียนร้อยละ 98 ความมีวินยั - นกั เรยี นบางคนไม่มีสมาธใิ นการเรยี น - ครูอบรมตักเตือน และสงั เกตพฤติกรรมของ ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมนั่ ในการทำงาน นักเรียนใหม่หลังจากอบรมตักเตอื นแล้ว ลงชือ่ ผ้สู อน (นายอิสรานวุ ัฒน์ รดิ สมเงนิ )

ลงช่ือ ลงช่อื (นายอสิ รานุวฒั น์ ริดสมเงิน) (นางสาวสขุ ใจ ปรีศิร)ิ หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รองผู้อำนวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ ลงชือ่ (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพนั ธุ์) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนอรรถวิทย์ ชว่ั โมงที่ 4 เร่ือง : : วฏั จกั รชีวิตของสตั ว์ (4) เสริม ขน้ั ท่ี 1 ขั้นเตรียมกจิ กรรม เตรียมอุปกรณ์การเรียน สอื่ การเรียนการสอน ขนั้ ที่ 2 ข้นั นำเข้าสบู่ ทเรยี น 1. ครทู บทวนสง่ิ ทเี่ รยี นมา ขั้นท่ี 3 ขั้นดำเนนิ การสอน นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน แล้วให้แต่ละกลุ่มสืบค้นวัฏจักรชีวิตของสัตว์จากแหล่งความรู้ เช่น ห้องสมุด อินเทอร์เนต็ ซงึ่ จะตอ้ งไมซ่ ำ้ กบั ท่เี รียนมาแลว้ โดยมหี ัวข้อ ดังน้ี - วัฏจกั รชวี ติ ของสัตวท์ อ่ี อกลูกเป็นไข่ท่ีมี 3 ระยะ มา 1 ชนดิ - วัฏจักรชีวติ ของสตั ว์ท่อี อกลกู เป็นไข่ท่ีมี 4 ระยะ มา 1 ชนิด - วฏั จักรชวี ิตของสัตวท์ ่อี อกลกู เป็นตัวมา 1 ชนดิ 2. จากน้นั ครูให้นักเรยี นเลือกวัฏจกั รชีวติ ของสัตวท์ นี่ กั เรียนไดส้ ืบค้นไดม้ ากลมุ่ ละ 1 ชนดิ 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มวางแผนและจัดทำสมุดนิทาน เรื่อง วัฏจักรชีวิตของสัตว์ พร้อมตกแต่งรูปเล่มและวาด ภาพประกอบให้สวยงาม และเน้ือหาของนิทานให้นา่ สนใจ 4. แตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลงานโดยการเล่านทิ าน วฏั จกั รชีวิตของสตั ว์ ของกลมุ่ ของนักเรยี นใหเ้ พือ่ น ๆ ฟงั ข้นั ท่ี 4 ข้นั สรุป นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ชีวิตของมนุษย์และสัตว์ เพื่อตรวจสอบความเข้าใจหลัง เรยี น การวัดและการประเมินผล เป้าหมาย วิธวี ัด เคร่อื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ ด้านความรู้ (K) ตรวจแบบบันทกึ กจิ กรรม / สมุด แบบบันทกึ กจิ กรรม นกั เรียนได้คะแนน - อธบิ ายวฏั จักรของสตั ว์บางชนดิ ได้ ร้อยละ 60 ขึ้นไป ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) ประเมินการทำกิจกรรมทักษะ แบบสังเกต นักเรียนผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมนักเรยี นในการ กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดับ ปฏบิ ัติกิจกรรม พอใช้ขน้ึ ไป ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) สงั เกตความมวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมนั่ แบบประเมิน นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ ความมวี นิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ มน่ั ในการทำงาน คณุ ลกั ษณะ การประเมินระดบั ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์ พอใช้ขนึ้ ไป

ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดบั คุณภาพ 2 ความสามารถในการสื่อสาร การคิด พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวติ บันทกึ หลังการสอน ผลการจดั การเรียนรู้ ปัญหาและอปุ สรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ปญั หา ดา้ นความรู้ (K) - นกั เรียนบางคนไม่สามารถทำไดด้ ว้ ย - อธบิ ายเพม่ิ เติมให้นกั เรียน - นักเรียนร้อยละ 98 อธิบายวัฏ ตนเอง จักรของสัตวบ์ างชนดิ ได้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) - นักเรียนรอ้ ยละ 98 ต้ังใจปฏบิ ัติ - นักเรยี นบางคนไม่มีสมาธิในการเรียน - ครอู บรมตักเตอื น และให้นกั เรียนปฏบิ ตั ิ กจิ กรรม ใหมอ่ ีกครง้ั ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - นกั เรียนร้อยละ 98 ความมีวนิ ัย - นักเรียนบางคนไม่มีสมาธใิ นการเรยี น - ครอู บรมตกั เตือน และสังเกตพฤติกรรม ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มั่นในการทำงาน ของนักเรียนใหม่หลงั จากอบรมตักเตือน แลว้ ลงชือ่ ผู้สอน (นายอสิ รานวุ ัฒน์ รดิ สมเงนิ ) ลงช่ือ ลงช่ือ (นายอสิ รานวุ ฒั น์ ริดสมเงิน) (นางสาวสุขใจ ปรศี ริ )ิ หวั หน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผู้อำนวยการกล่มุ บริหารวิชาการ ลงช่อื (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพนั ธ์ุ) ผู้อำนวยการโรงเรยี นอรรถวทิ ย์

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล ชื่อ..............................................................................เลขที่........... ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 3 หอ้ ง....... คำชแี้ จง : ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี  ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดับ คะแนน ข้อ การสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน ระดับความคดิ เห็น 321 มีวินยั 1 ปฏบิ ัติตามข้อตกลงในการเรียนสม่ำเสมอ 2 ปฏบิ ัติตามคำตักเตือนของครู 3 ทำงานที่ไดร้ บั มอบหมายอย่างต้งั ใจ ใฝ่เรียนรู้ 4 ร่วมทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ ทค่ี รจู ดั ใหอ้ ยา่ งตัง้ ใจ 5 หมั่นซักถามเม่ือเกิดข้อสงสยั 6 เอาใจใสง่ านทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย มงุ่ มั่นในการทำงาน 7 สนใจทำกจิ กรรมกับเพอื่ นอย่างกระตือรือรน้ 8 ปฏิบัตหิ นา้ ท่ที ี่ได้รบั มอบหมายอยา่ งตง้ั ใจ 9 ส่งงานอย่างสม่ำเสมอ เกณฑใ์ ห้คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง (70%) ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง (50%) ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 23-27 ดมี าก 18-22 ดี 13-17 พอใช้ ปรับปรุง ต่ำกวา่ 13

แบบประเมินผลงาน วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 3 คำช้ีแจง : ใหผ้ ูส้ อนประเมินผลงานของนักเรียนแต่ละคน โดยใส่ตัวเลขลงในช่องวา่ งตามเกณฑ์การประเมิน ดังน้ี 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรบั ปรุง รายการประเมนิ สมาชกิ ในกลุ่ม คนที่ 1 คนที่ 2 คนท่ี 3 คนท่ี 4 คนที่ 5 ดา้ นผลงาน 1. ความถกู ต้องของผลงาน 2. การนำความรจู้ ากผลงานไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน ดา้ นการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ 3. การใช้เหตผุ ลประกอบการทำผลงาน 4. การเช่ือมโยงความรู้ทเ่ี รยี นมาเข้ากับการทำผลงาน ดา้ นการคดิ สรา้ งสรรค์ 5. ความสวยงามและความน่าสนใจของผลงาน ด้านการสอ่ื สาร 6. ระดับเสยี งและทา่ ทางประกอบการนำเสนอผลงาน 7. การถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจ ด้านการมีสว่ นร่วมในการทำงาน 8. การมสี ว่ นร่วมในการทำงาน 9. การปรับตัวและการแบง่ หนา้ ที่ในการทำงาน คะแนนรวม (แตล่ ะคน) เกณฑ์การให้คะแนนผลงาน วชิ าวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 เกณฑ์การใหค้ ะแนน รายการประเมิน ดี พอใช้ ปรับปรุง (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน) ด้านผลงาน ความถูกต้องของผลงาน ผลงานของนักเรียนถูกต้อง ผ ล งานของนักเรียน ผลงานของนักเรียนถูกต้อง ตามวัตถุประสงค์ของงาน ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ ตามวัตถุประสงค์ของงาน ครบถว้ น ของงานเป็นสว่ นใหญ่ บางสว่ น การนำความรู้จากผลงานไปใช้ใน อธบิ ายการนำความรู้ อธบิ ายการนำความรู้ อธิบายการนำความรู้ ชวี ติ ประจำวัน ที่ได้จากการทำผลงานไปใช้ ที่ได้จากการทำผลงาน ท่ีได้จากการทำผลงานไปใช้ ในชีวติ ประจำวัน ไปใช้ในชวี ิตประจำวัน ในชวี ิตประจำวนั ได้ตรงประเด็น ไ ด ้ ต ร ง ป ร ะ เ ด ็ น เ ป็ น ไดต้ รงประเดน็ บางสว่ น ส่วนใหญ่

ดา้ นการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ การใช้เหตุผลประกอบการทำ อธิบายเหตุผลในการ อธิบายเหตุผลในการ อธิบายเหตุผลในการ ผลงาน เลือกใช้แนวคิดของตนเอง เ ล ื อกใช้ แ นวค ิ ด ขอ ง เลือกใช้แนวคิดของตนเอง ไปสร้างผลงานได้ชัดเจน ตนเองไปสร้างผลงานได้ ไ ป ส ร ้ า ง ผ ล ง า นไ ด ้ ต ร ง ตรงประเดน็ ตรงประเดน็ เป็นสว่ นใหญ่ ประเดน็ บางส่วน การเช่อื มโยงความรูท้ ีเ่ รยี นมา เขา้ สามารถอธิบายความรู้ที่ สามารถอธิบายความรู้ท่ี สามารถอธิบายความรู้ท่ี กับการทำผลงาน เรียนมาเชื่อมโยงกับการทำ เรียนมาเชื่อมโยงกับการ เรียนมาเชื่อมโยงกับการทำ ผลงานได้ตรงประเด็น ทำผลงานได้ตรงประเด็น ผ ล งา นไ ด ้ ต ร งป ร ะ เ ด็ น เปน็ สว่ นใหญ่ บางสว่ น ดา้ นการคดิ สร้างสรรค์ ความสวยงามและความน่าสนใจ ผลงานมคี วามสวยงาม ไม่ ผลงานมีความสวยงาม ผลงานมีความสวยงาม แต่ ของผลงาน ซ้ำแบบใคร และโดดเดน่ ไม่ซ้ำแบบใคร แต่ไม่ คล้ายคลึงกับผลงานของ โดดเด่น ผอู้ นื่ ดา้ นการสื่อสาร ระดับเสียงและท่าทางประกอบ พูดเสียงดัง ชัดเจน และใช้ พูดเสียงดัง ชัดเจน และ พูดเสียงเบา ไม่ชัดเจน และ การนำเสนอผลงาน ท่าทางประกอบการนำเสนอ ใช้ท่าทางประกอบการ ไม่มีการใช้ท่าทางประกอบ สมำ่ เสมอ นำเสนอเป็นส่วนใหญ่ การนำเสนอ ด้านการสอ่ื สาร การถา่ ยทอดความร้คู วามเขา้ ใจ พูดถ่ายทอดความรู้ความ พูดถ่ายทอดความรู้ความ พูดถ่ายทอดความรู้ความ เข้าใจของตนเองได้ถูกต้อง เ ข ้ า ใ จ ข อ งต นเ องไ ด้ เข้าใจของตนเองได้ตรง ตรงประเดน็ อย่างชัดเจน ถูกต้องตรงประเด็นเป็น ประเด็นบางส่วน สว่ นใหญ่ ด้านการมีสว่ นร่วมในการทำงาน การมสี ว่ นร่วมในการทำงาน มีส่วนร่วมในการทำงานกับ มีส่วนร่วมในการทำงาน สามารถให้ความร่วมมือใน เพื่อนด้วยความตั้งใจอย่าง กับเพอื่ นเปน็ ส่วนใหญ่ การทำงานร่วมกับเพ่ือนเป็น สมำ่ เสมอ บางครงั้ การปรับตัวและการแบ่งหน้าที่ใน สามารถปรับตัวเข้ากับ สามารถปรับตัวเข้ากับ สามารถปรับตัวเข้ากับ การทำงาน บทบาทและหน้าทท่ี ไี่ ดร้ บั ใน บทบาทและหนา้ ทที่ ี่ได้รับ บทบาทและหน้าท่ที ่ไี ดร้ บั ใน ก า ร ท ำ ง า น ไ ด ้ ด ี อ ย ่ า ง ในการทำงานได้ดีเป็น การทำงานเป็นบางคร้ัง ต้อง สม่ำเสมอ สว่ นใหญ่ ได้รบั คำแนะนำจากครู เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ คะแนน ระดับคณุ ภาพ 21-27 ดี 14-20 ต่ำกว่า 14 พอใช้ ปรับปรงุ

แผนการจดั การเรียนรู้ สัปดาห์ที่ 16 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ัน : ประถมศึกษาปีท่ี 3 ช่ือรายวิชา : วิทยาศาสตร์ 3 รหัสวิชา: ว 13101 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การเปลย่ี นแปลงของวตั ถุและวัสดุ เวลา : 4 ช่ัวโมง 1. สาระ/มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ดั มาตรฐานการเรยี นรู้/ผลการเรียนรู้ ว 2.1 ป.3/1 อธบิ ายว่าวัตถปุ ระกอบขึ้นจากช้นิ ส่วน ย่อย ๆ ซ่งึ สามารถแยกออกจากกันได้และประกอบกันเปน็ วัตถุ ชิ้นใหม่ได้ โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ 2. สาระสำคัญ วัตถุที่ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนย่อย ๆ สามารถแยกชิ้นส่วนนั้น ๆ ออกแล้วประกอบเป็นวัตถุชิ้นใหม่ซึ่งมีรูปร่าง ขนาด และการใช้งานแตกต่างไปจากวัตถุเดิมได้ วัตถุที่ทำมาจากวัสดุบางชนิดเมื่อทำให้ร้อนขึ้นหรือเย็นลง วัสดุนั้นอาจ เปล่ียนแปลงลักษณะหรอื สมบตั ไิ ด้ 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ด้าน K - อธบิ ายการเปลี่ยนแปลงของวัตถเุ ม่อื มกี ารแยกชนิ้ ส่วนย่อย ๆ ออกจากกันและประกอบชิ้นสว่ นนน้ั ขึ้นใหม่ - อธิบายการเปลีย่ นแปลงของวัสดุเมื่อทำใหร้ อ้ นขึน้ หรือทำให้เยน็ ลง ด้าน P - มีทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ - สบื ค้นวัตถทุ ปี่ ระกอบขึ้นจากช้ินส่วนย่อย ๆ ได้ ดา้ น A - มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ - เลอื กใช้วสั ดแุ ละส่ิงของตา่ ง ๆ ได้อย่างเหมาะสม 4. สาระการเรียนรู้ - การประกอบวตั ถุชิ้นใหม่จากชนิ้ สว่ นย่อย 5. ทักษะกระบวนการ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1. การสงั เกต 2. การจำแนกประเภท 3. การลงความเห็นจากข้อมูล 4. การตีความหมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุ 6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. อย่อู ยา่ ง 3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 1) ความสามารถในการสือ่ สาร 2) ความสามารถในการคดิ

3) ความสามารถในการแก้ปัญหา 4) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 8. บูรณาการสาระทอ้ งถ่นิ /สวนพฤกษศาสตร์ - 9. หลกั ฐานการเรียนรู้ (ชิ้นงาน/ภาระงาน) 1. ใบงาน / สมุด / แบบบนั ทกึ กิจกรรม 10.สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.3 สสวท. 2. ใบงาน / แบบบันทึกกิจกรรม 3. แบบทดสอบ 4. แหลง่ เรยี นรู้ เชน่ หนังสือ วารสาร อินเทอรเ์ นต็ 11. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชว่ั โมงที่ 1 เรือ่ ง : การทำให้วตั ถุและวัสดเุ ปล่ียนแปลง ข้นั ที่ 1 ขัน้ เตรยี มกจิ กรรม เตรยี มอปุ กรณก์ ารเรยี น สอ่ื การเรียนการสอน ขั้นที่ 2 ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรยี น 1.ครูทบทวนความรู้พื้นฐานของนักเรียนเกี่ยวกับสมบัติที่สังเกตได้ของวัสดุ ซึ่งเคยเรียนผ่านมาแล้วในช้ัน ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 และ 2 โดยครูอาจนำสร้อยคอท่รี อ้ ยด้วยลกู ปดั พลาสตกิ หลากสมี าให้นกั เรยี นดู แลว้ ใชค้ ำถามดังนี้ 1.1 สร้อยคอเส้นนี้ทำมาจากวัสดุใดบ้าง (สร้อยคอเส้นนี้ประกอบไปด้วยลูกปัดและเส้นเอ็น โดยลูกปัดทำมาจาก พลาสตกิ และเสน้ เอน็ ยืดทำมาจากยาง) 1.2 ลกู ปดั มีลกั ษณะเปน็ อยา่ งไร (นกั เรียนตอบตามท่ีสงั เกต เชน่ ลูกปัดมหี ลากหลายสี ทรงกลม แข็ง ผวิ เรยี บ) 1.3 เส้นเอ็นมลี ักษณะเป็นอย่างไร (นักเรียนตอบตามที่สงั เกตเชน่ สีขาวขุ่น นมุ่ ยืดได้) 2. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับการทำให้วัตถุและวัสดุเปลี่ยนแปลง โดยใช้ไฟเผาเส้นเอ็นของ สรอ้ ยคอเพอื่ ให้เส้นเอ็นขาด จากนั้นครูใชค้ ำถามดังต่อไปน้ี 2.1 วัสดุที่ใช้ทำสร้อยคอเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น เกิด การเปลี่ยนแปลง โดยเสน้ เอ็นขาดเพราะได้รบั ความร้อน) 2.2 เสน้ เอน็ และลกู ปดั จากสร้อยคอทข่ี าดนส้ี ามารถนำมาทำเปน็ อะไรได้อีกบ้าง (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจของ ตนเอง เชน่ นำมาทำสร้อยขอ้ มอื ลูกปดั ตุก๊ ตาลกู ปดั ) 2.3 นอกจากความร้อนทที่ ำใหว้ ตั ถุและวัสดเุ ปล่ยี นแปลงแล้วยงั มีอะไรอีกบา้ งท่ีทำใหว้ ัตถุและวัสดุเปล่ียนแปลงได้ (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง เชน่ การใชแ้ รงในการบีบ ทบุ ดดั ดึง) 3. ครูชักชวนนักเรียนศึกษาเรื่องการทำให้วัตถุและวัสดุเปลี่ยนแปลง โดยให้อ่านชื่อหน่วย และอ่านคำถามสำคัญ ประจำหน่วย ในหนงั สือเรียน ดงั น้ี “การเปลยี่ นแปลงของวตั ถเุ กดิ ขึน้ ได้อย่างไรบ้าง” นกั เรยี นตอบคำถาม โดยครยู ังไม่ต้อง เฉลยคำตอบ แตจ่ ะให้นกั เรียนย้อนกลับมาตอบอีก คร้งั หลังจากเรียนจบหน่วยนี้แล้ว ข้นั ที่ 3 ขน้ั ดำเนินการสอน 1.นกั เรียนอ่าน ชื่อบท และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ประจำบท ในหนังสือเรียนหนา้ 1 จากน้ันครใู ชค้ ำถาม ดงั น้ี 1.1 บทน้นี ักเรียนจะได้เรยี นเรอื่ งอะไร (การทำใหว้ ตั ถแุ ละวสั ดุเปล่ยี นแปลง)

1.2 จากจดุ ประสงคก์ ารเรียนร้เู มอ่ื เรียนจบบทนี้ นกั เรียนสามารถทำอะไรไดบ้ า้ ง (อธิบายการเปล่ยี นแปลงของวัตถุ เม่อื มกี ารแยกออกและประกอบข้นึ ใหมแ่ ละอธบิ ายการเปลีย่ นแปลงของวัสดเุ ม่ือทำใหร้ อ้ นข้ึนหรอื ทำให้เยน็ ลง) 2.นักเรียนอ่านชื่อบท และแนวคิดสำคัญ ในหนังสือเรียนหน้า 2จากนั้นครูใช้คำถามดังนี้ จากการอ่านแนวคิด สำคัญ นักเรยี นคดิ วา่ จะไดเ้ รียนเก่ียวกบั เรอ่ื งอะไร (เรยี นเก่ียวกบั การเปล่ียนแปลงของวตั ถทุ ่ปี ระกอบข้นึ จากชิน้ ส่วนยอ่ ย ๆ แล้วแยกช้ินส่วนยอ่ ย ๆ มาประกอบเป็นวัตถุช้ินใหม่ และการเปลยี่ นแปลงของวสั ดุบางชนดิ เม่ือทำใหร้ ้อนข้นึ หรอื เย็นลง) 3.ครชู กั ชวนให้นกั เรยี นสงั เกตรปู และอ่านเนอ้ื เรือ่ งในหนังสอื เรยี นหนา้ 2 โดยครฝู กึ ทักษะการอ่านตามวิธีการอ่าน ทีเ่ หมาะสมกบั ความสามารถของนกั เรียน ขน้ั ท่ี 4 ขนั้ สรุป 1.ครใู ชค้ ำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจจากการอา่ น โดยใช้คำถามดังนี้ 1.1 จากเน้อื เรือ่ งท่อี ่าน กำไลขอ้ มือทำจากวสั ดุใดบ้าง (ทองและพลอยสีสันต่าง ๆ) 1.2 เราสามารถนำทองจากกำไลข้อมือที่ชำรุดไปทำอะไรได้บ้าง (เราสามารถนำทองไปหลอมขึ้นรูปเป็น เครือ่ งประดบั ชนิ้ ใหม่ท่ีมีลวดลายต่างไปจากเดมิ ) 1.3 เราสามารถนำมาทำพลอยจากกำไลข้อมืออะไรได้บา้ ง (นำไปประกอบเป็นเครื่องประดับชิน้ ใหม่ เช่น ประดับ หวั เขม็ ขัดหวั แหวน) 1.4 นอกจากกำไลทองท่ีเราแยกทองและพลอยมาทำเป็นเคร่ืองประดับชนิ้ ใหมแ่ ลว้ ยังมขี องเลน่ ของใช้ชนิดอ่ืนอีก หรือไม่ ทสี่ ามารถแยกช้นิ สว่ นแล้วประกอบเป็นวัตถุช้นิ ใหมไ่ ด้ (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) การวดั และการประเมินผล เปา้ หมาย วธิ วี ดั เครอื่ งมือวัด เกณฑก์ ารประเมิน ดา้ นความรู้ (K) แบบบันทกึ กิจกรรม / สมุด แบบบันทกึ กจิ กรรม นักเรียนได้คะแนน อธบิ ายการเปล่ยี นแปลงของวตั ถุ ร้อยละ 60 ข้ึนไป เม่ือมีการแยกชิ้นสว่ นยอ่ ย ๆ ออก จากกันและประกอบชนิ้ สว่ นนั้นข้นึ ใหม่ ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) ประเมินการทำกิจกรรมทักษะ แบบสงั เกต นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมนกั เรียนในการ กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมนิ ระดบั ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม พอใช้ข้ึนไป ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) สังเกตความมวี นิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมน่ั แบบประเมิน นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ ความมีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ ม่ัน ในการทำงาน คณุ ลกั ษณะ การประเมินระดับ ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์ พอใช้ขน้ึ ไป ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดบั คุณภาพ 2 1) ความสามารถในการสื่อสาร พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ การคิด การแก้ปญั หา การใช้ทักษะชีวิต บันทกึ หลังการสอน ผลการจัดการเรียนรู้ ปัญหาและอุปสรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ปญั หา

ด้านความรู้ (K) - นกั เรียนบางคนไม่สามารถทำไดด้ ว้ ย - อธิบายเพ่ิมเติมใหน้ ักเรียน - นกั เรยี นร้อยละ 98 อธบิ ายการ ตนเอง เปล่ียนแปลงของวตั ถเุ ม่ือมีการแยก - ครูอบรมตักเตอื น และให้นักเรยี นปฏบิ ตั ิ ช้ินส่วนยอ่ ย ๆ ออกจากกันและ - นกั เรยี นบางคนไม่มีสมาธิในการเรียน ใหมอ่ ีกครงั้ ประกอบชน้ิ สว่ นน้ันขน้ึ ใหม่ได้ - นักเรียนบางคนไมม่ สี มาธใิ นการเรยี น - ครูอบรมตักเตือน และสงั เกตพฤติกรรม ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ของนักเรียนใหมห่ ลังจากอบรมตกั เตือน - นักเรียนร้อยละ 98 ต้ังใจปฏิบตั ิ แล้ว กจิ กรรม ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - นักเรียนร้อยละ 98 ความมีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน ลงช่ือ ผสู้ อน (นายอิสรานวุ ฒั น์ รดิ สมเงิน) ลงชอ่ื ลงช่ือ (นายอิสรานวุ ัฒน์ รดิ สมเงิน) (นางสาวสุขใจ ปรศี ิริ) หวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผ้อู ำนวยการกลุม่ บริหารวิชาการ ลงชอื่ (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพันธ์ุ) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนอรรถวิทย์ ชั่วโมงท่ี 2 เรอ่ื ง : การทำให้วัตถแุ ละวัสดุเปลย่ี นแปลง (2) เสริม ขัน้ ท่ี 1 ขนั้ เตรียมกจิ กรรม เตรยี มอุปกรณก์ ารเรียน ส่อื การเรยี นการสอน ขั้นท่ี 2 ขัน้ นำเขา้ สบู่ ทเรียน 1. นกั เรียนดภู าพ การประกอบวัตถุและการเปล่ียนแปลงของวสั ดุ แลว้ ช่วยกันตอบคำถาม ดังน้ี - กำแพงบ้านทำจากวัสดุชนิดใด นักเรียนชว่ ยกันแสดงความคดิ เห็น (แนวตอบ อิฐ) - ถ้าเราแยกอิฐออกจากกำแพงบ้าน เราสามารถนำอิฐไปใช้ประโยชนไ์ ด้อย่างไรบ้าง (แนวตอบ ทำรั้ว ทำ กระถางตน้ ไม้ ) 2. นกั เรียนร่วมกันอ่านคำศพั ท์ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั การประกอบวตั ถแุ ละการเปล่ยี นแปลงของวสั ดุ 3. ครใู หน้ กั เรยี นอา่ น “ชวนอ่านชวนคิดกอ่ นเรียน” ตอน รถของเล่นแปลงรา่ ง 4. ครูนำรถของเล่นให้นักเรียนสังเกตว่า ประกอบจากวัสดุอะไรบ้าง เมื่อแยกชิ้นส่วนย่อยแต่ละชิ้นออกจากวัตถุ เราสามารถนำไปประกอบเป็นวตั ถชุ นิ้ ใหม่ได้หรือไม่ นกั เรยี นจะได้เรยี นรจู้ ากกจิ กรรมต่อไปนี้

ขน้ั ที่ 3 ขัน้ ดำเนินการสอน 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน จากนั้นร่วมกันทำกิจกรรมที่ 1 การประกอบวัตถุ ตอนที่ 1 โดยศึกษา ขั้นตอนการทำกิจกรรมจากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 1 หน้า 62 2. ครแู จกบล็อกไม้ทรงเรขาคณติ ใหน้ กั เรยี นกลุ่มละ 1 ชดุ 3. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ช่วยกันสงั เกตรูปร่างและรูปทรงของบลอ็ กไม้ 4. ครูต้งั คำถามนักเรยี น ดังนี้ 1) บล็อกไม้มีรูปร่างหรือรปู ทรงเป็นอยา่ งไร (แนวตอบ รูปสามเหล่ยี ม รูปสีเ่ หลยี่ ม รปู วงกลม) 2) นักเรียนคิดว่า เราสามารถนำบล็อกไม้รูปร่างหรือรูปทรงต่าง ๆ มาประกอบเป็นรูปแบบใดบ้าง (แนว ตอบข้ึนอยกู่ บั การออกแบบของนักเรยี น) 5. นักเรียนในกลุ่มร่วมกนั ต้ังสมมติฐานว่า บล็อกไม้ 1 ชุด นักเรียนจะสามารถประกอบเป็นวัตถรุ ูปแบบต่าง ๆ ได้ มากกว่า 1 รูปแบบ 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการทดลองเพื่อตรวจสอบสมมติฐาน โดยนักเรียนวางแผนและออกแบบการนำบล็อกไม้ มาประกอบเข้าด้วยกนั เปน็ รูปแบบต่าง ๆ 3 รูปแบบ พร้อมกบั บนั ทกึ ผลลงในสมุดประจำตัวนกั เรยี น 7. นักเรียนแต่ละกลุ่มเลือกรปู แบบการนำบลอ็ กไม้มาประกอบกนั 1 รปู แบบ โดยหา้ มซำ้ กบั เพ่อื นกล่มุ อน่ื สมดุ ขน้ั ท่ี 4 ขน้ั สรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้จากการเรียนจนได้ข้อสรุปว่า วัตถุแต่ละอย่างอาจทำมาจากชิ้นส่วนย่อย ๆ หลายชิ้น ซง่ึ ชิน้ ส่วนยอ่ ยแต่ละช้นิ อาจจะมีลักษณะเหมือนกันหรือแตกตา่ งกนั จากน้ันจึงนำมาประกอบเข้าด้วยกันเป็น วตั ถุ หากเราแยกชนิ้ สว่ นย่อยแตล่ ะชิ้นออกจากกัน จะสามารถนำชน้ิ ส่วนย่อยต่าง ๆ มาประกอบเป็นวัตถชุ ิ้นใหม่ แล้ว นำไปใช้ประโยชน์ได้ การวัดและการประเมนิ ผล เปา้ หมาย วธิ ีวัด เคร่ืองมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ ดา้ นความรู้ (K) แบบบันทึกกจิ กรรม / สมดุ แบบบันทึกกจิ กรรม นกั เรียนได้คะแนน อธิบายการเปลีย่ นแปลงของวตั ถุ ร้อยละ 60 ข้นึ ไป เมอื่ มีการแยกช้ินส่วนย่อย ๆ ออก จากกันและประกอบช้นิ ส่วนน้ันขึน้ ใหม่ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ประเมนิ การทำกจิ กรรมทักษะ แบบสังเกต นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรียนในการ กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดับ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม พอใช้ขึน้ ไป ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มั่น แบบประเมิน นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ ความมีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ และม่งุ ม่ัน ในการทำงาน คุณลักษณะ การประเมนิ ระดับ ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์ พอใช้ขน้ึ ไป ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คุณภาพ 2 ความสามารถในการส่ือสาร การคิด พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ การแกป้ ัญหาการใชท้ ักษะชีวติ

บันทกึ หลังการสอน ปัญหาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะและแนวทางแกป้ ัญหา ผลการจัดการเรียนรู้ - นกั เรยี นบางคนไม่สามารถทำได้ดว้ ย - อธบิ ายเพ่ิมเติมให้นกั เรยี น ตนเอง ด้านความรู้ (K) - ครูอบรมตักเตือน และใหน้ กั เรียนปฏบิ ัติ - นักเรยี นรอ้ ยละ 98 อธิบายการ - นกั เรยี นบางคนไม่มีสมาธิในการเรยี น ใหมอ่ ีกครง้ั เปลีย่ นแปลงของวัตถเุ มื่อมีการแยก - ครอู บรมตักเตือน และสังเกตพฤติกรรม ชน้ิ ส่วนยอ่ ย ๆ ออกจากกนั และ - นกั เรยี นบางคนไมม่ ีสมาธิในการเรียน ของนักเรยี นหลงั จากอบรมตักเตือนแล้ว ประกอบชิน้ สว่ นนั้นขนึ้ ใหม่ได้ ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 ต้ังใจปฏบิ ตั ิ กิจกรรม ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) - นกั เรียนร้อยละ 98 มวี ินยั ใฝ่ เรยี นรู้ และมุ่งมนั่ ในการทำงาน ลงช่ือ ผู้สอน (นายอสิ รานุวฒั น์ ริดสมเงนิ ) ลงชอื่ ลงชื่อ (นายอสิ รานวุ ฒั น์ ริดสมเงิน) (นางสาวสุขใจ ปรีศิริ) หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผ้อู ำนวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ ลงช่อื (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพันธุ์) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนอรรถวิทย์ ชวั่ โมงท่ี 3 เรอื่ ง : การทำให้วตั ถแุ ละวัสดเุ ปลีย่ นแปลง (3) เสริม ขั้นท่ี 1 ขนั้ เตรยี มกิจกรรม เตรยี มอุปกรณก์ ารเรียน ส่อื การเรียนการสอน ข้นั ท่ี 2 ขัน้ นำเข้าสบู่ ทเรียน 1. ครทู บทวนส่งิ ท่เี รียนมา ขั้นที่ 3 ขนั้ ดำเนนิ การสอน 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน หรือใช้กลุ่มจากชั่วโมงที่แล้ว จากนั้นร่วมกันทำกิจกรรม การประกอบวัตถุ ตอนท่ี 2 โดยศึกษาข้นั ตอนการทำกจิ กรรมในหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 2. นักเรียนสำรวจสิ่งของรอบตัวหรือสิ่งของภายในชั้นเรียนมา 3 ชิ้น โดยให้สังเกตว่า สิ่งของชิ้นนั้นประกอบจาก ชิ้นสว่ นยอ่ ยอะไรบ้าง แล้วบนั ทึกผลลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรยี น 3. นักเรียนรว่ มกันวางแผน ออกแบบ และสร้างวัตถุช้ินใหม่ข้ึนมา 1 ชนิ้ โดยเลอื กใช้ช้นิ ส่วนยอ่ ยจากสิ่งของ 3 ช้ิน นน้ั มาประกอบกนั แลว้ บันทกึ ผลลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรยี น 4. นักเรียนนำเสนอผลงานหน้าชน้ั เรยี น เพือ่ แลกเปลยี่ นความคดิ ในการสรา้ งสรรค์ผลงานกับเพ่ือนกลมุ่ อน่ื

5. นกั เรียนทำกจิ กรรมหนูตอบได้ ลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรยี น แล้วตอบคำถามตอ่ ไปน้ี - นักเรียนจะเลือกวัตถุที่ทำมาจากวัสดุชิ้นเดียวหรือทำมาจากวัสดุหลายช้ิน เพื่อมาประกอบเป็นวัตถุชิ้นใหม่ เพราะอะไร (แนวตอบ วัสดุชนิดเดียว เพราะวัตถุชิ้นใหม่ที่สร้างขึ้นมีความสวยงามดูเป็นชิ้นงานที่มีเนื้อหาเดียวกัน วัสดุ หลายชิน้ เพราะวัตถชุ นิ้ ใหม่ประกอบจากวัสดหุ ลายช้นิ จะมอี งคป์ ระกอบท่ีเหมาะสมตอ่ การใช้งาน) 6. ครูอธิบายเนื้อหา วัตถุแต่ละอย่างอาจทำมาจากชิ้นส่วนย่อย ๆ หลายชิ้น ซึ่งชิ้นส่วนย่อยแต่ละชิ้นอาจจะมี ลกั ษณะเหมือนกันหรือแตกต่างกนั จากน้ันจงึ นำมาประกอบเขา้ ดว้ ยกนั เป็นวัตถุ หากเราแยกชิน้ ส่วนยอ่ ยแต่ละชิน้ ออกจาก กัน จะสามารถนำชน้ิ สว่ นย่อยต่าง ๆ มาประกอบเป็นวัตถชุ น้ิ ใหม่ แลว้ นำไปใช้ประโยชน์ได้ 7. ครใู ห้นกั เรียนทำใบงาน วัสดุนา่ ใช้ 8. ครยู กตวั อย่าง ตะกรา้ ทำมาจากไม้ไผท่ เ่ี ปน็ เส้นหลาย ๆ เสน้ ประกอบกัน 9. PowerPoint เร่อื ง การประกอบวัตถุชิ้นใหม่จากช้นิ สว่ นยอ่ ย ข้นั ที่ 4 ขั้นสรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้จากการเรียนจนได้ข้อสรุปว่า วัตถุแต่ละอย่างอาจทำมาจากชิ้นส่วนย่อย ๆ หลายช้ิน ซง่ึ ช้นิ ส่วนย่อยแตล่ ะชนิ้ อาจจะมลี ักษณะเหมือนกนั หรือแตกต่างกนั จากนัน้ จงึ นำมาประกอบเข้าด้วยกันเป็นวัตถุ หากเราแยกชิ้นส่วนย่อยแต่ละชิ้นออกจากกัน จะสามารถนำชิ้นส่วนย่อยต่าง ๆ มาประกอบเป็นวัตถุชิ้นใหม่ แล้วนำไปใ ช้ ประโยชน์ได้ การวดั และการประเมนิ ผล เป้าหมาย วิธวี ดั เคร่ืองมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ ด้านความรู้ (K) แบบบนั ทกึ กิจกรรม / สมุด แบบบนั ทกึ กิจกรรม นักเรียนได้คะแนน อธบิ ายการเปล่ยี นแปลงของวตั ถุ / แบบประเมิน ร้อยละ 60 ขึน้ ไป เมอ่ื มีการแยกชน้ิ สว่ นย่อย ๆ ออก จากกันและประกอบช้นิ สว่ นนั้นขน้ึ ใหม่ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ประเมนิ การทำกจิ กรรมทักษะ แบบสังเกต นกั เรียนผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมนักเรียนในการ กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดับ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม พอใช้ขึ้นไป ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) สังเกตความมวี นิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมัน่ แบบประเมิน นักเรยี นผ่านเกณฑ์ ความมวี ินัย ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ ม่ัน ในการทำงาน คุณลักษณะ การประเมนิ ระดบั ในการทำงาน อนั พงึ ประสงค์ พอใช้ขน้ึ ไป ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ความสามารถในการส่อื สาร พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ การคดิ การแกป้ ญั หา การใช้ทักษะชวี ิต บนั ทึกหลังการสอน ผลการจดั การเรียนรู้ ปัญหาและอุปสรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกป้ ญั หา ดา้ นความรู้ (K) - นักเรยี นบางคนไมส่ ามารถทำไดด้ ว้ ย - อธิบายเพ่มิ เติมให้นกั เรียน - นักเรียนร้อยละ 98 อธบิ ายการ ตนเอง เปลยี่ นแปลงของวัตถเุ ม่ือมีการแยก

ชน้ิ ส่วนย่อย ๆ ออกจากกนั และ - นกั เรียนบางคนไมม่ ีสมาธใิ นการเรยี น - ครอู บรมตกั เตือน และให้นกั เรยี นปฏิบัติ ประกอบช้ินส่วนน้ันข้นึ ใหม่ได้ ใหมอ่ ีกครั้ง ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - นักเรียนรอ้ ยละ 98 ต้ังใจปฏบิ ตั ิ - นักเรยี นบางคนไม่มสี มาธใิ นการเรยี น - ครอู บรมตกั เตือน และสังเกตพฤติกรรมของ กิจกรรม นักเรยี นใหมห่ ลงั จากอบรมตกั เตอื นแล้ว ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) - นกั เรยี นร้อยละ 98 ความมีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมัน่ ในการทำงาน ลงช่อื ผสู้ อน (นายอิสรานุวัฒน์ ริดสมเงนิ ) ลงชอ่ื ลงช่ือ (นายอสิ รานุวฒั น์ รดิ สมเงนิ ) (นางสาวสขุ ใจ ปรศี ริ ิ) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ ลงชื่อ (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพนั ธ์ุ) ผู้อำนวยการโรงเรยี นอรรถวิทย์ ชวั่ โมงที่ 4 เรื่อง : การทำให้วัตถุและวัสดุเปลยี่ นแปลง (4) เสรมิ ขัน้ ท่ี 1 ขั้นเตรยี มกิจกรรม เตรยี มอุปกรณก์ ารเรยี น สอ่ื การเรียนการสอน ขั้นท่ี 2 ขนั้ นำเขา้ สู่บทเรียน 1. ครทู บทวนสิ่งท่ีเรยี นมา ขน้ั ท่ี 3 ข้ันดำเนินการสอน 1. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม จากนั้นครูแจกจิกซอว์ภาพวัตถุให้แต่ละกลุ่มช่วยกันต่อภาพจิกซอว์ให้เป็น ภาพทสี่ มบรู ณ์ 2. ครูตั้งประเดน็ คำถามนกั เรยี น ดงั นี้ - ภาพท่ีได้ชือ่ วา่ อะไร - จากภาพเป็นของเล่นหรอื ของใช้ - ส่ิงของนนั้ ทำมาจากอะไรบ้าง 3. นักเรยี นนำภาพท่ไี ด้มาตดิ ลงบนกระดาษแขง็ พรอ้ มตกแตง่ ให้สวยงาม 4. นกั เรียนนำเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรียน เพ่อื แลกเปลีย่ นความคดิ เหน็ ในการสร้างสรรคผ์ ลงานกบั เพื่อนกลมุ่ อืน่ ฟัง ขัน้ ที่ 4 ขัน้ สรุป นักเรียนและครูร่วมกนั สรุปความรู้จากการเรียนไดข้ ้อสรุปว่า วัตถุแต่ละอย่างอาจทำมาจากชิ้นส่วนย่อย ๆ หลาย ชน้ิ

การวัดและการประเมินผล เป้าหมาย วิธีวัด เครอื่ งมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ ด้านความรู้ (K) ตรวจแบบบันทึกกิจกรรม / สมุด แบบบันทกึ กิจกรรม นกั เรยี นได้คะแนน อธิบายการเปล่ียนแปลงของวตั ถุเมื่อ รอ้ ยละ 60 ขน้ึ ไป มีการแยกชิ้นส่วนย่อย ๆ ออกจากกัน และประกอบช้นิ สว่ นนน้ั ขึ้นใหม่ ด้านทักษะกระบวนการ (P) ประเมินการทำกิจกรรมทักษะ แบบสังเกต นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมนักเรยี นในการ กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดับ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม พอใช้ขึ้นไป ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) สังเกตความมีวินัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งม่ัน แบบประเมนิ นักเรียนผา่ นเกณฑ์ ความมีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ มนั่ ในการทำงาน คณุ ลกั ษณะ การประเมนิ ระดบั ในการทำงาน อันพึงประสงค์ พอใช้ข้ึนไป ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ความสามารถในการสื่อสาร การคิด พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวติ บนั ทึกหลังการสอน ผลการจัดการเรยี นรู้ ปญั หาและอปุ สรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา ดา้ นความรู้ (K) - นกั เรียนบางคนไม่สามารถทำไดด้ ้วย - อธบิ ายเพ่มิ เติมใหน้ กั เรยี น - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 อธบิ ายการ ตนเอง เปลย่ี นแปลงของวตั ถุได้ ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นกั เรียนบางคนไมม่ สี มาธิในการเรยี น - ครูอบรมตกั เตือน และให้นกั เรยี นปฏบิ ัติ นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 ตง้ั ใจปฏิบัติ ใหมอ่ ีกครงั้ กจิ กรรม ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - นักเรยี นบางคนไม่มสี มาธิในการเรยี น - ครอู บรมตักเตอื น และสงั เกตพฤติกรรมของ - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 ความมีวนิ ัย ใฝ่ นักเรียนใหมห่ ลังจากอบรมตกั เตือนแล้ว เรียนรู้ และม่งุ มนั่ ในการทำงาน ลงชอื่ ผสู้ อน (นายอิสรานุวฒั น์ รดิ สมเงนิ ) ลงชื่อ ลงชอ่ื (นายอิสรานุวัฒน์ รดิ สมเงนิ ) (นางสาวสขุ ใจ ปรีศริ ิ) หวั หน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผอู้ ำนวยการกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ ลงชือ่ (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพันธ์ุ) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนอรรถวทิ ย์

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล ชื่อ..............................................................................เลขที่........... ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 3 หอ้ ง....... คำชแี้ จง : ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี  ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดับ คะแนน ข้อ การสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน ระดับความคดิ เห็น 321 มีวินยั 1 ปฏบิ ัติตามข้อตกลงในการเรียนสม่ำเสมอ 2 ปฏบิ ัติตามคำตักเตือนของครู 3 ทำงานที่ไดร้ บั มอบหมายอย่างต้งั ใจ ใฝ่เรียนรู้ 4 ร่วมทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ ทค่ี รจู ดั ใหอ้ ยา่ งตัง้ ใจ 5 หมั่นซักถามเม่ือเกิดข้อสงสยั 6 เอาใจใสง่ านทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย มงุ่ มั่นในการทำงาน 7 สนใจทำกจิ กรรมกับเพอื่ นอย่างกระตือรือรน้ 8 ปฏิบัตหิ นา้ ท่ที ี่ได้รบั มอบหมายอยา่ งตง้ั ใจ 9 ส่งงานอย่างสม่ำเสมอ เกณฑใ์ ห้คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง (70%) ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง (50%) ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 23-27 ดมี าก 18-22 ดี 13-17 พอใช้ ปรับปรุง ต่ำกวา่ 13

แบบประเมินผลงาน วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 3 คำช้ีแจง : ใหผ้ ูส้ อนประเมินผลงานของนักเรียนแต่ละคน โดยใส่ตัวเลขลงในช่องวา่ งตามเกณฑ์การประเมิน ดังน้ี 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรบั ปรุง รายการประเมนิ สมาชกิ ในกลุ่ม คนที่ 1 คนที่ 2 คนท่ี 3 คนท่ี 4 คนที่ 5 ดา้ นผลงาน 1. ความถกู ต้องของผลงาน 2. การนำความรจู้ ากผลงานไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน ดา้ นการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ 3. การใช้เหตผุ ลประกอบการทำผลงาน 4. การเช่ือมโยงความรู้ทเ่ี รยี นมาเข้ากับการทำผลงาน ดา้ นการคดิ สรา้ งสรรค์ 5. ความสวยงามและความน่าสนใจของผลงาน ด้านการสอ่ื สาร 6. ระดับเสยี งและทา่ ทางประกอบการนำเสนอผลงาน 7. การถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจ ด้านการมีสว่ นร่วมในการทำงาน 8. การมสี ว่ นร่วมในการทำงาน 9. การปรับตัวและการแบง่ หนา้ ที่ในการทำงาน คะแนนรวม (แตล่ ะคน) เกณฑ์การให้คะแนนผลงาน วชิ าวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 เกณฑ์การใหค้ ะแนน รายการประเมิน ดี พอใช้ ปรับปรุง (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน) ด้านผลงาน ความถูกต้องของผลงาน ผลงานของนักเรียนถูกต้อง ผ ล งานของนักเรียน ผลงานของนักเรียนถูกต้อง ตามวัตถุประสงค์ของงาน ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ ตามวัตถุประสงค์ของงาน ครบถว้ น ของงานเป็นสว่ นใหญ่ บางสว่ น การนำความรู้จากผลงานไปใช้ใน อธบิ ายการนำความรู้ อธบิ ายการนำความรู้ อธิบายการนำความรู้ ชวี ติ ประจำวัน ที่ได้จากการทำผลงานไปใช้ ที่ได้จากการทำผลงาน ท่ีได้จากการทำผลงานไปใช้ ในชีวติ ประจำวัน ไปใช้ในชวี ิตประจำวัน ในชวี ิตประจำวนั ได้ตรงประเด็น ไ ด ้ ต ร ง ป ร ะ เ ด ็ น เ ป็ น ไดต้ รงประเดน็ บางสว่ น ส่วนใหญ่

ดา้ นการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ การใช้เหตุผลประกอบการทำ อธิบายเหตุผลในการ อธิบายเหตุผลในการ อธิบายเหตุผลในการ ผลงาน เลือกใช้แนวคิดของตนเอง เ ล ื อกใช้ แ นวค ิ ด ขอ ง เลือกใช้แนวคิดของตนเอง ไปสร้างผลงานได้ชัดเจน ตนเองไปสร้างผลงานได้ ไ ป ส ร ้ า ง ผ ล ง า นไ ด ้ ต ร ง ตรงประเดน็ ตรงประเดน็ เป็นสว่ นใหญ่ ประเดน็ บางส่วน การเช่อื มโยงความรูท้ ีเ่ รยี นมา เขา้ สามารถอธิบายความรู้ที่ สามารถอธิบายความรู้ท่ี สามารถอธิบายความรู้ท่ี กับการทำผลงาน เรียนมาเชื่อมโยงกับการทำ เรียนมาเชื่อมโยงกับการ เรียนมาเชื่อมโยงกับการทำ ผลงานได้ตรงประเด็น ทำผลงานได้ตรงประเด็น ผ ล งา นไ ด ้ ต ร งป ร ะ เ ด็ น เปน็ สว่ นใหญ่ บางสว่ น ดา้ นการคดิ สร้างสรรค์ ความสวยงามและความน่าสนใจ ผลงานมคี วามสวยงาม ไม่ ผลงานมีความสวยงาม ผลงานมีความสวยงาม แต่ ของผลงาน ซ้ำแบบใคร และโดดเดน่ ไม่ซ้ำแบบใคร แต่ไม่ คล้ายคลึงกับผลงานของ โดดเด่น ผอู้ นื่ ดา้ นการสื่อสาร ระดับเสียงและท่าทางประกอบ พูดเสียงดัง ชัดเจน และใช้ พูดเสียงดัง ชัดเจน และ พูดเสียงเบา ไม่ชัดเจน และ การนำเสนอผลงาน ท่าทางประกอบการนำเสนอ ใช้ท่าทางประกอบการ ไม่มีการใช้ท่าทางประกอบ สมำ่ เสมอ นำเสนอเป็นส่วนใหญ่ การนำเสนอ ด้านการสอ่ื สาร การถา่ ยทอดความร้คู วามเขา้ ใจ พูดถ่ายทอดความรู้ความ พูดถ่ายทอดความรู้ความ พูดถ่ายทอดความรู้ความ เข้าใจของตนเองได้ถูกต้อง เ ข ้ า ใ จ ข อ งต นเ องไ ด้ เข้าใจของตนเองได้ตรง ตรงประเดน็ อย่างชัดเจน ถูกต้องตรงประเด็นเป็น ประเด็นบางส่วน สว่ นใหญ่ ด้านการมีสว่ นร่วมในการทำงาน การมสี ว่ นร่วมในการทำงาน มีส่วนร่วมในการทำงานกับ มีส่วนร่วมในการทำงาน สามารถให้ความร่วมมือใน เพื่อนด้วยความตั้งใจอย่าง กับเพอื่ นเปน็ ส่วนใหญ่ การทำงานร่วมกับเพ่ือนเป็น สมำ่ เสมอ บางครงั้ การปรับตัวและการแบ่งหน้าที่ใน สามารถปรับตัวเข้ากับ สามารถปรับตัวเข้ากับ สามารถปรับตัวเข้ากับ การทำงาน บทบาทและหน้าทท่ี ไี่ ดร้ บั ใน บทบาทและหนา้ ทที่ ี่ได้รับ บทบาทและหน้าท่ที ่ไี ดร้ บั ใน ก า ร ท ำ ง า น ไ ด ้ ด ี อ ย ่ า ง ในการทำงานได้ดีเป็น การทำงานเป็นบางคร้ัง ต้อง สม่ำเสมอ สว่ นใหญ่ ได้รบั คำแนะนำจากครู เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ คะแนน ระดับคณุ ภาพ 21-27 ดี 14-20 ต่ำกว่า 14 พอใช้ ปรับปรงุ

แผนการจดั การเรียนรู้ สัปดาห์ที่ 17 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ัน : ประถมศึกษาปีท่ี 3 ช่ือรายวิชา : วิทยาศาสตร์ 3 รหัสวิชา: ว 13101 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 การเปลย่ี นแปลงของวตั ถุและวัสดุ เวลา : 4 ช่ัวโมง 1. สาระ/มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ดั มาตรฐานการเรยี นรู้/ผลการเรียนรู้ ว 2.1 ป.3/1 อธบิ ายว่าวัตถปุ ระกอบขึ้นจากช้นิ ส่วน ย่อย ๆ ซ่งึ สามารถแยกออกจากกันได้และประกอบกันเปน็ วัตถุ ชิ้นใหม่ได้ โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ 2. สาระสำคัญ วัตถุที่ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนย่อย ๆ สามารถแยกชิ้นส่วนนั้น ๆ ออกแล้วประกอบเป็นวัตถุชิ้นใหม่ซึ่งมีรูปร่าง ขนาด และการใช้งานแตกต่างไปจากวัตถุเดิมได้ วัตถุที่ทำมาจากวัสดุบางชนิดเมื่อทำให้ร้อนขึ้นหรือเย็นลง วัสดุนั้นอาจ เปล่ียนแปลงลักษณะหรอื สมบตั ไิ ด้ 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ด้าน K - อธบิ ายการเปลี่ยนแปลงของวัตถเุ ม่อื มกี ารแยกชนิ้ ส่วนย่อย ๆ ออกจากกันและประกอบชิ้นสว่ นนน้ั ขึ้นใหม่ - อธิบายการเปลีย่ นแปลงของวัสดุเมื่อทำใหร้ อ้ นขึน้ หรือทำให้เยน็ ลง ด้าน P - มีทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ - สบื ค้นวัตถทุ ปี่ ระกอบขึ้นจากช้ินส่วนย่อย ๆ ได้ ดา้ น A - มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ - เลอื กใช้วสั ดแุ ละส่ิงของตา่ ง ๆ ได้อย่างเหมาะสม 4. สาระการเรียนรู้ - การประกอบวตั ถุชิ้นใหม่จากชนิ้ สว่ นย่อย 5. ทักษะกระบวนการ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1. การสงั เกต 2. การจำแนกประเภท 3. การลงความเห็นจากข้อมูล 4. การตีความหมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุ 6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. อย่อู ยา่ ง 3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 1) ความสามารถในการสือ่ สาร 2) ความสามารถในการคดิ

3) ความสามารถในการแก้ปัญหา 4) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ 8. บูรณาการสาระทอ้ งถนิ่ /สวนพฤกษศาสตร์ - 9. หลกั ฐานการเรยี นรู้ (ช้นิ งาน/ภาระงาน) 1. ใบงาน / สมดุ / แบบบันทึกกิจกรรม 10.สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.3 สสวท. 2. ใบงาน / แบบบนั ทึกกจิ กรรม 3. แบบทดสอบ 4. แหล่งเรียนรู้ เชน่ หนังสอื วารสาร อินเทอรเ์ นต็ 11. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 เร่ือง : แยกออก ประกอบใหม่ ขั้นที่ 1 ขัน้ เตรยี มกิจกรรม เตรียมอุปกรณก์ ารเรยี น ส่อื การเรยี นการสอน ขนั้ ที่ 2 ขนั้ นำเขา้ สูบ่ ทเรยี น ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับการแยกชิ้นส่วนของวัตถุเดิมแล้วประกอบเป็นวัตถุใหม่ โดยให้ นกั เรยี นสังเกตภาพม่านจากนั้นให้นกั เรยี นอภปิ รายตามแนวคำถามต่อไปน้ี 1.1 ถา้ มา่ นที่ทำดว้ ยเชอื กขาด เราสามารถแยกชน้ิ สว่ นของมลู่ ม่ี าทำอะไรได้บา้ ง (นกั เรยี นตอบตามความคิดเห็น ของตนเอง เชน่ ถกั เป็นกระเปา๋ สร้อยขอ้ มอื พวงกญุ แจ) 1.2 นกั เรียนคิดวา่ มีของเลน่ ของใชอ้ ะไรอีกบ้างทส่ี ามารถนำมาแยกช้นิ ส่วนแลว้ ประกอบเป็นของเล่นของใช้ใหมไ่ ด้ (นักเรยี นตอบตามความคิดเห็นของตนเอง) 2. ครเู ชื่อมโยงความร้เู ดิมของนักเรยี นสกู่ ารเรยี นเรอื่ งแยกออกประกอบใหม่ โดยใช้คำถามดงั นี้ เราสามารถแยก ช้ินส่วนของวตั ถุเดมิ แล้วประกอบเปน็ วัตถุชิน้ ใหม่ได้อย่างไร ข้นั ท่ี 3 ขั้นดำเนนิ การสอน 1. นักเรยี นอ่านชื่อเรอื่ ง และคำถามในคดิ ก่อนอา่ น ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 4 แล้วร่วมกนั อภิปรายเพอ่ื หาคำตอบและ นำเสนอ ครบู นั ทกึ คำตอบของนักเรยี นบนกระดานเพอื่ ใช้เปรียบเทียบกบั คำตอบภายหลงั การอ่านเนือ้ เรื่อง 2. นักเรียนอ่านเนื้อเรื่องในหนังสือเรียนหน้า 4 โดยครูฝึกทักษะการอ่านตามวิธีการอ่านที่เหมาะสมกับ ความสามารถของนกั เรยี น ครใู ชค้ ำถามเพ่อื ตรวจสอบความเขา้ ใจจากการอ่าน โดยใช้คำถามดังน้ี 2.1 ข้าวตูต้องการทำอะไร (สร้างบา้ นใหส้ ุนัข) 2.2 ขา้ วตูใชว้ สั ดอุ ะไรสร้างบ้าน (ไม้จากลงั ไมเ้ กา่ ของพ่อ) 2.3 ขา้ วตแู ละพ่อช่วยกนั สรา้ งบ้านใหส้ นุ ขั อย่างไร (ช่วยกนั แยกชิน้ ส่วนไมแ้ ลว้ นำมาประกอบเปน็ บา้ น)

2.4 เพราะเหตุใดไมจ้ ากลงั ไม้เก่าจงึ สามารถนำมาสร้างบ้านให้สุนัขได้ (เพราะไม้นนั้ ยังมีแข็งแรงและสสี วย) 2.5 ไม้ที่เหลือจากการสร้างบ้านให้สุนัข เราสามารถนำมาทำอะไรได้อีกบ้าง (นำมาประกอบเป็นเก้าอี้ ชิงช้า รถ ลากของ) 2.6 นอกจากเกา้ อ้ี ชงิ ชา้ และรถลากของ เราสามารถนำชน้ิ ส่วนไม้ทเี่ หลอื มาประกอบเป็นอะไรได้อีกบา้ ง (นักเรยี น ตอบตามความคดิ เหน็ ของตนเอง) ข้ันที่ 4 ข้ันสรุป นักเรียนร่วมกันสรุปเรื่องที่อ่านซึ่งควรสรุปได้ว่า ลังไม้เก่าที่ยังมีสีสวยและแข็งแรงสามารถนำมาแยกชิ้นส่วนแล้ว ประกอบเปน็ บา้ นใหส้ ุนขั และวตั ถตุ า่ ง ๆ ไดอ้ ีกหลายอยา่ ง การวัดและการประเมนิ ผล เป้าหมาย วิธวี ดั เคร่อื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ ดา้ นความรู้ (K) แบบบนั ทกึ กิจกรรม / สมดุ แบบบันทึกกิจกรรม นกั เรยี นได้คะแนน อธบิ ายการเปลีย่ นแปลงของวัตถุ รอ้ ยละ 60 ข้ึนไป เมอื่ มีการแยกช้ินสว่ นย่อย ๆ ออก จากกนั และประกอบช้ินสว่ นนั้นขึน้ ใหม่ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ประเมินการทำกิจกรรมทักษะ แบบสังเกต นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรียนในการ กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดบั ปฏิบัตกิ จิ กรรม พอใช้ข้นึ ไป ด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) สังเกตความมวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ ม่ัน แบบประเมิน นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ ความมีวินยั ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มัน่ ในการทำงาน คุณลักษณะ การประเมนิ ระดับ ในการทำงาน อันพึงประสงค์ พอใช้ขึ้นไป ด้านสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดับคุณภาพ 2 1) ความสามารถในการส่ือสาร พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ การคิด การแกป้ ญั หา การใชท้ ักษะชีวิต บันทึกหลังการสอน ผลการจดั การเรยี นรู้ ปัญหาและอปุ สรรค ข้อเสนอแนะและแนวทางแกป้ ญั หา ด้านความรู้ (K) - นกั เรยี นบางคนไมส่ ามารถทำไดด้ ว้ ย - อธบิ ายเพิ่มเติมให้นกั เรยี น - นักเรยี นรอ้ ยละ 98 อธิบายการ ตนเอง เปล่ยี นแปลงของวัตถุเมื่อมีการแยก ชน้ิ ส่วนยอ่ ย ๆ ออกจากกนั และ ประกอบชิ้นสว่ นนนั้ ขน้ึ ใหม่ได้ ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) - นกั เรียนบางคนไมม่ สี มาธใิ นการเรยี น - ครูอบรมตักเตอื น และใหน้ ักเรียนปฏิบตั ิ - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 ต้ังใจปฏิบตั ิ ใหม่อีกครง้ั กจิ กรรม

ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) - นกั เรยี นบางคนไม่มีสมาธิในการเรยี น - ครอู บรมตกั เตอื น และสงั เกตพฤติกรรม - นักเรียนร้อยละ 98 ความมีวินยั ของนักเรียนใหมห่ ลงั จากอบรมตกั เตือน ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มั่นในการทำงาน แล้ว ลงชือ่ ผูส้ อน (นายอิสรานวุ ัฒน์ รดิ สมเงิน) ลงช่อื ลงช่อื (นายอิสรานุวฒั น์ ริดสมเงิน) (นางสาวสุขใจ ปรศี ิริ) หัวหน้ากลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รองผ้อู ำนวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ ลงชือ่ (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพนั ธ์ุ) ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นอรรถวทิ ย์ ช่วั โมงที่ 2 เรื่อง : การทำให้วตั ถแุ ละวัสดเุ ปล่ยี นแปลง (2) เสรมิ ขนั้ ที่ 1 ข้นั เตรียมกจิ กรรม เตรยี มอปุ กรณ์การเรยี น ส่ือการเรยี นการสอน ขั้นท่ี 2 ขัน้ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น 1. นักเรยี นดูภาพ การประกอบวัตถุและการเปล่ยี นแปลงของวัสดุ แลว้ ช่วยกันตอบคำถาม ดงั นี้ - กำแพงบ้านทำจากวสั ดชุ นิดใด นกั เรยี นชว่ ยกนั แสดงความคดิ เหน็ (แนวตอบ อิฐ) - ถ้าเราแยกอิฐออกจากกำแพงบ้าน เราสามารถนำอิฐไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบา้ ง (แนวตอบ ทำรั้ว ทำ กระถางตน้ ไม้ ) 2. นักเรยี นร่วมกนั อ่านคำศัพท์ทเ่ี ก่ียวข้องกับการประกอบวตั ถแุ ละการเปลี่ยนแปลงของวัสดุ 3. ครใู ห้นกั เรียนอ่าน “ชวนอ่านชวนคิดกอ่ นเรียน” ตอน รถของเลน่ แปลงร่าง 4. ครูนำรถของเล่นให้นักเรียนสังเกตว่า ประกอบจากวัสดุอะไรบ้าง เมื่อแยกชิ้นส่วนย่อยแต่ละชิ้นออกจากวัตถุ เราสามารถนำไปประกอบเป็นวัตถชุ ิ้นใหมไ่ ด้หรอื ไม่ นักเรียนจะได้เรยี นร้จู ากกจิ กรรมต่อไปนี้ ขั้นท่ี 3 ขัน้ ดำเนินการสอน 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน จากนั้นร่วมกันทำกิจกรรมที่ 1 การประกอบวัตถุ ตอนที่ 1 โดยศึกษา ขน้ั ตอนการทำกจิ กรรมจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เลม่ 1 หน้า 62 2. ครูแจกบล็อกไมท้ รงเรขาคณติ ใหน้ ักเรียนกลุ่มละ 1 ชดุ 3. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันสังเกตรปู ร่างและรูปทรงของบล็อกไม้ 4. ครูตง้ั คำถามนกั เรยี น ดังน้ี 1) บลอ็ กไมม้ ีรปู ร่างหรือรปู ทรงเป็นอยา่ งไร (แนวตอบ รปู สามเหลี่ยม รูปส่เี หลี่ยม รปู วงกลม) 2) นักเรียนคิดว่า เราสามารถนำบล็อกไม้รูปร่างหรือรูปทรงต่าง ๆ มาประกอบเป็นรูปแบบใดบ้าง (แนว ตอบขึน้ อย่กู บั การออกแบบของนักเรยี น)

5. นักเรียนในกลุ่มร่วมกนั ตั้งสมมติฐานว่า บล็อกไม้ 1 ชุด นักเรียนจะสามารถประกอบเป็นวัตถรุ ปู แบบต่าง ๆ ได้ มากกวา่ 1 รูปแบบ 6. นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการทดลองเพื่อตรวจสอบสมมติฐาน โดยนักเรียนวางแผนและออกแบบการนำบล็อกไม้ มาประกอบเขา้ ด้วยกันเปน็ รูปแบบต่าง ๆ 3 รปู แบบ พร้อมกบั บนั ทกึ ผลลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรียน 7. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มเลือกรูปแบบการนำบล็อกไม้มาประกอบกัน 1 รปู แบบ โดยหา้ มซ้ำกบั เพ่ือนกลุ่มอน่ื สมุด ขั้นที่ 4 ข้นั สรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้จากการเรียนจนได้ข้อสรุปว่า วัตถุแต่ละอย่างอาจทำมาจากชิ้นส่วนย่อย ๆ หลายชนิ้ ซึง่ ช้ินส่วนยอ่ ยแต่ละชิ้นอาจจะมลี ักษณะเหมอื นกันหรือแตกต่างกนั จากนน้ั จงึ นำมาประกอบเข้าด้วยกันเป็น วัตถุ หากเราแยกช้ินสว่ นย่อยแต่ละชิ้นออกจากกัน จะสามารถนำช้นิ สว่ นย่อยต่าง ๆ มาประกอบเป็นวตั ถชุ ้ินใหม่ แล้ว นำไปใชป้ ระโยชน์ได้ การวดั และการประเมนิ ผล เป้าหมาย วธิ วี ดั เครอื่ งมือวดั เกณฑ์การประเมิน ด้านความรู้ (K) แบบบันทกึ กจิ กรรม / สมดุ แบบบันทึกกจิ กรรม นักเรียนได้คะแนน อธบิ ายการเปลย่ี นแปลงของวัตถุ ร้อยละ 60 ขน้ึ ไป เม่อื มีการแยกช้ินสว่ นยอ่ ย ๆ ออก จากกันและประกอบชน้ิ ส่วนน้ันข้นึ ใหม่ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ประเมินการทำกิจกรรมทักษะ แบบสงั เกต นักเรยี นผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมนกั เรยี นในการ กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดบั ปฏิบตั ิกจิ กรรม พอใช้ขน้ึ ไป ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) สงั เกตความมวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมั่น แบบประเมิน นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ ความมวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ ม่ัน ในการทำงาน คณุ ลักษณะ การประเมนิ ระดบั ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์ พอใช้ขน้ึ ไป ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดับคุณภาพ 2 ความสามารถในการส่ือสาร การคิด พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ การแก้ปัญหาการใชท้ ักษะชวี ติ บนั ทึกหลังการสอน ผลการจดั การเรียนรู้ ปัญหาและอุปสรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกป้ ญั หา ด้านความรู้ (K) - นกั เรยี นบางคนไมส่ ามารถทำได้ดว้ ย - อธบิ ายเพ่ิมเติมใหน้ ักเรยี น - นักเรยี นรอ้ ยละ 98 อธบิ ายการ ตนเอง เปล่ียนแปลงของวัตถุเมื่อมีการแยก ช้ินสว่ นย่อย ๆ ออกจากกันและ ประกอบชน้ิ สว่ นนั้นข้นึ ใหม่ได้ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - นกั เรียนบางคนไม่มีสมาธใิ นการเรยี น - ครูอบรมตักเตือน และใหน้ ักเรียนปฏิบัติ ใหมอ่ ีกครั้ง

- นกั เรียนรอ้ ยละ 98 ต้ังใจปฏบิ ตั ิ - นักเรียนบางคนไม่มีสมาธใิ นการเรยี น - ครอู บรมตกั เตือน และสังเกตพฤติกรรม กจิ กรรม ของนักเรียนหลงั จากอบรมตักเตอื นแลว้ ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) - นกั เรยี นร้อยละ 98 มีวนิ ัย ใฝ่ เรยี นรู้ และมุ่งมน่ั ในการทำงาน ลงช่ือ ผูส้ อน (นายอิสรานุวัฒน์ ริดสมเงิน) ลงชอื่ ลงช่อื (นายอสิ รานวุ ฒั น์ ริดสมเงิน) (นางสาวสุขใจ ปรศี ริ ิ) หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รองผอู้ ำนวยการกลุ่มบรหิ ารวชิ าการ ลงช่ือ (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพันธุ์) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนอรรถวทิ ย์ ช่วั โมงที่ 3 เร่ือง : ทำวตั ถชุ ้นิ ใหม่จากวัตถชุ ้นิ เดิม (1) ขนั้ ท่ี 1 ขั้นเตรียมกิจกรรม เตรยี มอุปกรณ์การเรยี น ส่ือการเรยี นการสอน ขั้นท่ี 2 ข้นั นำเข้าสบู่ ทเรียน 1.ครูทบทวนความรพู้ ้ืนฐานเกี่ยวกับการนำชนิ้ สว่ นของวัสดุมาประกอบเป็นวัตถุของใชต้ ่าง ๆ โดยยกตวั อย่างวตั ถุท่ี ทำมาจากวัสดุชนิดเดียวหรือหลายชนิดมาประกอบกัน เชน่ ริบบิน้ ผ้า โมบาย ครูให้นักเรียนสังเกตวัตถุทีละช้ินโดยเร่ิมจาก การสงั เกตรบิ บิน้ ผ้าทผ่ี ูกกับกล่องของขวัญ จากนน้ั นกั เรียนอภปิ รายตามแนวคำถามดงั ต่อไปนี้ 1.1 วัตถทุ ี่นักเรยี นสงั เกตคืออะไร (ริบบนิ้ ) 1.2 ริบบน้ิ มีลกั ษณะเป็นอยา่ งไร (นักเรยี นตอบลักษณะของริบบ้ินตามทส่ี ังเกต เชน่ สชี มพู ผิวเรียบ) 1.3 รบิ บนิ้ มีวสั ดกุ ี่ชนดิ ประกอบกนั (วัสดุ 1 ชนิด คือ ผ้า) 1.4 ถา้ นักเรยี นนำรบิ บ้ินผ้าไปทำเปน็ วัตถุอ่นื ๆ จะทำเป็นอะไรได้อีกบา้ ง (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น นำมาผูกผม นำมาประดิษฐ์เป็นสร้อยข้อมือ หรือใช้ประกอบงานฝีมือต่าง ๆ) นักเรียนสังเกตโมบาย จากนั้นอภิปราย ตามแนวคำถามดังต่อไปน้ี 1.5 วัตถุท่ีนกั เรยี นสังเกตคอื อะไร (โมบาย)

1.6 โมบายมีลักษณะอย่างไร (นักเรียนตอบลักษณะของโมบายตามที่สังเกต เช่น โมบายประกอบด้วยไม้แขวน หลายอันที่ไม้แขวนแต่ละอันประกอบด้วยเชือกที่ร้อยกับวัตถุต่าง ๆ ได้แก่ ก้อนไหมพรม แท่งโลหะ กระดิ่ง เปลือกหอย ลูกไม้แห้ง ใบไม้ เป็นต้น ซง่ึ คำตอบของนักเรียนจะขน้ึ อยู่กับลกั ษณะของโมบายท่ีครูนำมาใหน้ ักเรียนสงั เกต) 1.7 โมบายมีวัสดุก่ชี นิดประกอบกัน (นักเรียนตอบตามทีส่ ังเกต เชน่ โมบายประกอบด้วยไม้แขวน เชือก และวัสดุ ทน่ี ำมาผกู ได้แก่ กอ้ นไหมพรม) 1.8 นักเรียนสามารถแยกวัสดุทใ่ี ช้ทำโมบายไปประกอบเปน็ วตั ถใุ หม่ได้อีกหรือไม่ อยา่ งไร (นักเรียนตอบตามความ เข้าใจของตนเอง เช่น นำเชือกทีร่ อ้ ยก้อนไหมพรมมามดั รวมกันและประดิษฐ์เป็นสร้อยคอหรือสร้อยข้อมือ และนำไม้แขวน โมบายมาประดษิ ฐ์เปน็ ไม้แขวนเสือ้ ) 2. ครูเช่ือมโยงความรู้พน้ื ฐานของนกั เรยี นเขา้ สู่กิจกรรมที่ 1 โดยใช้คำถามดังน้ี การทำวัตถุชิ้นใหม่จากวัตถุชิ้นเดิม เช่น สร้อยคอหรือสร้อยข้อมือทำจากวัสดุที่แยกออกมาจากโมบายได้อย่างไรบ้าง และ วตั ถทุ ่ีสรา้ งขึ้นใหม่จะมีลักษณะเหมอื นกับวตั ถุชิ้นเดมิ หรอื ไม่ อยา่ งไร ข้นั ที่ 3 ขนั้ ดำเนนิ การสอน 1.นักเรยี นอ่านชอื่ กจิ กรรม และ ทำเปน็ คิดเปน็ และรว่ มกันอภิปรายเพ่ือตรวจสอบความเข้าใจเก่ยี วกบั จดุ ประสงค์ ในการทำกิจกรรม โดยใชค้ ำถาม ดงั น้ี 1.1 กิจกรรมน้ีนักเรยี นจะได้เรียนเร่ืองอะไร (การประกอบวัตถุช้ินใหม่จากวัตถุชิ้นเดิม) 1.2 นกั เรยี นจะได้เรยี นรู้เรื่องน้ีด้วยวิธใี ด (สังเกตลักษณะของวัตถุชนิ้ เดิมและสงั เกตลักษณะของวตั ถทุ ี่ประกอบขึ้น จากชน้ิ สว่ นของวสั ดชุ นิ้ เดิม) 1.3 เม่อื เรยี นแล้วนกั เรยี นจะทำอะไรได้ (สามารถอธบิ ายและเปรียบเทยี บลกั ษณะของวตั ถุชน้ิ ใหม่ท่ีประกอบข้ึนจากวตั ถุเดิม) 2. นกั เรียนบนั ทกึ จดุ ประสงค์ลงในแบบบันทึกกิจกรรม 3. นักเรยี นอ่านสง่ิ ทต่ี อ้ งใช้ในการทำกิจกรรม 4. นักเรียนอ่านทำอย่างไรทีละข้อ โดยครูใช้วิธีฝึกอ่านที่เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียนในการฝึกทักษะ การอา่ น จากนัน้ ครตู รวจสอบความเขา้ ใจในการทำกิจกรรม จนนกั เรยี นเข้าใจลำดบั การทำกิจกรรม โดยใชค้ ำถาม ดังน้ี 4.1 นักเรยี นต้องสังเกตอะไรเปน็ อนั ดับแรก (สงั เกตลักษณะของตวั ตอ่ แต่ละช้นิ และนบั จำนวนชิน้ ส่วนของตัวตอ่ ทัง้ หมด) 4.2 นักเรียนต้องทำอะไรในลำดับต่อไป (อภิปรายและบันทึกว่าถ้านำชิ้นส่วนของตัวต่อทั้งหมดมาต่อเป็นวัตถุ รูปแบบใหมจ่ ะต่อเป็นวตั ถรุ ปู ใดไดบ้ ้าง) 4.3 เมื่อนักเรียนบันทึกผลแล้ว ต้องทำอย่างไรต่อไป (ตกลงร่วมกันว่าจะต่อตัวต่อรปู แบบใด จากนั้นเริ่มต่อตัวต่อ แลว้ วาดรูปตวั ตอ่ ท่ตี ่อเสร็จเรียบร้อยแล้วลงในแบบบนั ทึกกจิ กรรม) 4.4 เมอ่ื นักเรยี นวาดภาพเสรจ็ เรียบร้อยแลว้ ต้องทำอย่างไรต่อไป (รว่ มกันอภิปรายและเปรียบเทียบการประกอบ ตัวตอ่ ในรปู แบบใหมก่ บั รปู แบบเดิม จากนนั้ นำเสนอผลงานและอธิบายขัน้ ตอนการต่อตัวตอ่ ในรปู แบบใหม่) 5. เมื่อนักเรียนเข้าใจวิธีการทำกิจกรรมในทำอย่างไรแล้ว ครูแจกวัสดุอุปกรณ์ และให้นักเรียนเริ่มปฏิบัติตาม ขั้นตอนการทำกิจกรรม ข้นั ที่ 4 ขน้ั สรุป นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้จากการเรียนจนได้ข้อสรุปว่า วัตถุแต่ละอย่างอาจทำมาจากชิ้นส่วนย่อย ๆ หลายชน้ิ ซ่ึงช้ินส่วนย่อยแตล่ ะชนิ้ อาจจะมลี ักษณะเหมือนกนั หรือแตกต่างกัน จากนัน้ จึงนำมาประกอบเข้าด้วยกันเป็นวัตถุ หากเราแยกชิ้นส่วนย่อยแต่ละชิ้นออกจากกัน จะสามารถนำชิ้นส่วนย่อยต่าง ๆ มาประกอบเป็นวัตถุชิ้นใหม่ แล้วนำไปใ ช้ ประโยชนไ์ ด้

การวัดและการประเมนิ ผล วิธวี ดั เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์การประเมิน เป้าหมาย แบบบันทึกกจิ กรรม / สมดุ แบบบนั ทกึ กิจกรรม นกั เรียนได้คะแนน / แบบประเมิน ร้อยละ 60 ข้นึ ไป ดา้ นความรู้ (K) ประเมนิ การทำกจิ กรรมทักษะ อธบิ ายการเปลีย่ นแปลงของวตั ถุ กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ แบบสังเกต นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ เม่อื มีการแยกชน้ิ สว่ นย่อย ๆ ออก สงั เกตความมวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมัน่ พฤติกรรม การประเมินระดับ จากกนั และประกอบชน้ิ สว่ นนั้นขึ้น ในการทำงาน พอใช้ขึน้ ไป ใหม่ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบประเมนิ นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) คณุ ลกั ษณะ การประเมินระดับ สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรียนในการ ปัญหาและอุปสรรค อันพึงประสงค์ พอใช้ข้นึ ไป ปฏบิ ัติกิจกรรม แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) - นักเรยี นบางคนไม่สามารถทำได้ด้วย พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ ความมีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มนั่ ตนเอง ในการทำงาน ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา - นักเรยี นบางคนไม่มสี มาธใิ นการเรยี น ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน - อธบิ ายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรียน - นักเรียนบางคนไม่มสี มาธใิ นการเรยี น ความสามารถในการสอ่ื สาร - ครอู บรมตกั เตอื น และใหน้ ักเรยี นปฏิบัติ การคิด การแก้ปญั หา การใช้ทกั ษะชีวติ ใหม่อีกครง้ั บันทึกหลังการสอน - ครอู บรมตกั เตือน และสังเกตพฤติกรรมของ นักเรยี นใหม่หลงั จากอบรมตกั เตือนแล้ว ผลการจดั การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) - นกั เรียนรอ้ ยละ 98 อธิบายการ เปล่ียนแปลงของวตั ถุเม่ือมีการแยก ช้นิ สว่ นยอ่ ย ๆ ออกจากกันและ ประกอบชิ้นสว่ นนั้นข้นึ ใหม่ได้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) - นกั เรียนรอ้ ยละ 98 ตั้งใจปฏบิ ตั ิ กิจกรรม ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - นักเรยี นรอ้ ยละ 98 ความมีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ มัน่ ในการทำงาน ลงชื่อ ผู้สอน (นายอสิ รานุวัฒน์ ริดสมเงิน) ลงชอ่ื ลงชอื่ (นายอสิ รานวุ ัฒน์ รดิ สมเงนิ ) (นางสาวสุขใจ ปรศี ริ )ิ หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รองผอู้ ำนวยการกลมุ่ บริหารวชิ าการ

ลงชื่อ (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพันธ์ุ) ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นอรรถวิทย์ ชว่ั โมงที่ 4 เรื่อง : ทำวัตถชุ น้ิ ใหมจ่ ากวัตถุชิ้นเดิม (2) ข้ันท่ี 1 ขน้ั เตรยี มกิจกรรม เตรยี มอุปกรณ์การเรยี น ส่อื การเรยี นการสอน ขั้นท่ี 2 ขั้นนำเข้าสบู่ ทเรยี น 1. ครูทบทวนส่งิ ทเ่ี รียนมา ขนั้ ท่ี 3 ข้ันดำเนนิ การสอน 1. หลงั จากทำกจิ กรรมแล้ว ครนู ำอภิปรายผลการทำกจิ กรรม โดยใช้คำถาม ดังน้ี 1.1 วัตถุรูปแบบใหม่ที่นักเรียนประกอบมีรูปร่างเปน็ อย่างไร (นักเรียนตอบตามความคิดของนักเรียน เช่น รูปร่าง คล้ายหา่ น เปด็ หรือนก) 1.2 ตัวต่อที่นำมาต่อเป็นวัตถุดังกล่าวมีกี่ชิ้น แต่ละชิ้นมีลักษณะเป็นอย่างไร (ตัวต่อทั้งหมดมีจำนวน 7 ชิ้น มีรูป ส่เี หล่ียม 2 ชิ้น เป็นสี่เหล่ยี มด้านขนานสเี ขยี ว 1 ช้ินและสี่เหลย่ี มจตั รุ ัสสีสม้ 1 ช้ิน มรี ปู สามเหล่ียมท้งั หมด 5 ชิ้น เป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ 2 ชิน้ สีเหลืองและสีนำ้ เงิน รูปสามเหลี่ยมขนาดกลางสีเหลอื ง 1 ช้ิน และรปู สามเหลยี่ มขนาดเล็ก 2 ชนิ้ สนี ้ำเงนิ และสแี ดง) 1.3 รูปแบบวัตถุชิ้นใหม่ท่ีแต่ละกลุ่มต่อเหมือนหรือแตกต่างจากวัตถชุ น้ิ เดิมอย่างไร (คำตอบข้ึนอยู่กับรูปแบบวัตถุ ชิ้นใหมท่ ีน่ ักเรยี นเลอื กตอบโดยครูอาจเลอื กตวั แทน 2-3 กลมุ่ ตอบคำถาม) 1.4 การต่อตัวตอ่ ใหเ้ ป็นวัตถุรปู แบบใหม่มขี น้ั ตอนอย่างไร(การต่อตัวตอ่ ใหเ้ ป็นวัตถุรูปแบบใหมม่ ีขั้นตอน ดงั น้ี 1. แยกช้ินสว่ นตัวตอ่ แตล่ ะช้ินออกจากตวั ต่อรปู เดิมท่ใี หม้ า 2. เลอื กชน้ิ สว่ นตัวต่อชิ้นทต่ี อ้ งการมาวางทีละชนิ้ ใหเ้ ป็นรูปแบบใหม่ตามทต่ี ้องการ) 2.ครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซักถามในสิ่งที่อยากรู้เพิม่ เติมเกี่ยวกบั การประกอบวัตถุชิ้นใหมจ่ ากวัตถุช้ินเดิม จากน้ัน ร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่าวัตถุที่ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนต่าง ๆ ซึ่งชิ้นส่วนนั้นอาจเหมือนหรือแตกต่างกันเรา สามารถแยกช้ินสว่ นเหล่านนั้ และนำช้นิ ส่วนแต่ละชน้ิ มาประกอบกันเปน็ วัตถุช้ินใหม่ได้หลายรูปแบบ ขน้ั ที่ 4 ขัน้ สรุป 1. นกั เรยี นตอบคำถามใน ฉนั รอู้ ะไร และรว่ มอภปิ รายเพอื่ ใหไ้ ด้แนวคำตอบทีถ่ ูกต้อง 2. นักเรียนอา่ น สง่ิ ที่ไดเ้ รยี นรู้ และเปรยี บเทยี บกบั ขอ้ สรุปของตนเอง 3. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่สงสัยหรืออยากรู้เพิ่มเติมใน อยากรู้อีกว่า จากนั้นครูอาจสุ่ม นักเรียน 2 -3 คน นำเสนอคำถามของตนเองหน้าชน้ั เรยี น และใหน้ กั เรียนร่วมกนั อภิปรายเกยี่ วกับคำถามท่ีนำเสนอ 4. ครนู ำอภิปรายเพอื่ ใหน้ ักเรยี นทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 อะไรบ้างและในขัน้ ตอนใด 5. นักเรียนร่วมกันอ่านรู้อะไรในเรื่องนี้ ในหนังสือเรียน หน้า 8 ครูนำอภิปรายเพื่อนำไปสู่ข้อสรุปเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ เรียนรูใ้ นเรื่องนี้ จากนัน้ ครูกระตุ้นให้นักเรียนตอบคำถามในชว่ งท้ายของเนื้อเรื่อง ซึง่ เปน็ คำถามเพื่อเช่ือมโยงไปสู่การเรียน เนื้อหาในบทถัดไป ดังนี้ “สมบัติของวัตถุและวัสดุต่าง ๆ สามารถการเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ อย่างไร” นักเรียนสามารถ ตอบตามความเข้าใจของตนเอง

การวัดและการประเมินผล เป้าหมาย วิธีวัด เครอื่ งมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ ด้านความรู้ (K) ตรวจแบบบันทึกกิจกรรม / สมุด แบบบันทกึ กิจกรรม นกั เรยี นได้คะแนน อธิบายการเปล่ียนแปลงของวตั ถุเมื่อ รอ้ ยละ 60 ขน้ึ ไป มีการแยกชิ้นส่วนย่อย ๆ ออกจากกัน และประกอบช้นิ สว่ นนน้ั ขึ้นใหม่ ด้านทักษะกระบวนการ (P) ประเมินการทำกิจกรรมทักษะ แบบสังเกต นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมนักเรยี นในการ กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดับ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม พอใช้ขึ้นไป ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) สังเกตความมีวินัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งม่ัน แบบประเมนิ นักเรียนผา่ นเกณฑ์ ความมีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ มนั่ ในการทำงาน คณุ ลกั ษณะ การประเมนิ ระดบั ในการทำงาน อันพึงประสงค์ พอใช้ข้ึนไป ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ความสามารถในการสื่อสาร การคิด พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวติ บนั ทึกหลังการสอน ผลการจัดการเรยี นรู้ ปญั หาและอปุ สรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา ดา้ นความรู้ (K) - นกั เรียนบางคนไม่สามารถทำไดด้ ้วย - อธบิ ายเพ่มิ เติมใหน้ กั เรยี น - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 อธบิ ายการ ตนเอง เปลย่ี นแปลงของวตั ถุได้ ด้านทักษะกระบวนการ (P) - นกั เรียนบางคนไมม่ สี มาธิในการเรยี น - ครูอบรมตกั เตือน และให้นกั เรยี นปฏบิ ัติ นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 ตง้ั ใจปฏิบัติ ใหมอ่ ีกครงั้ กจิ กรรม ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - นักเรยี นบางคนไม่มสี มาธิในการเรยี น - ครอู บรมตักเตอื น และสงั เกตพฤติกรรมของ - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 ความมีวนิ ัย ใฝ่ นักเรียนใหมห่ ลังจากอบรมตกั เตือนแล้ว เรียนรู้ และม่งุ มนั่ ในการทำงาน ลงชอื่ ผสู้ อน (นายอิสรานุวฒั น์ รดิ สมเงนิ ) ลงชื่อ ลงชอ่ื (นายอิสรานุวัฒน์ รดิ สมเงนิ ) (นางสาวสขุ ใจ ปรีศริ ิ) หวั หน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผอู้ ำนวยการกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ ลงชือ่ (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพันธ์ุ) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนอรรถวทิ ย์

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล ชื่อ..............................................................................เลขที่........... ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 3 หอ้ ง....... คำชแี้ จง : ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี  ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดับ คะแนน ข้อ การสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน ระดับความคดิ เห็น 321 มีวินยั 1 ปฏบิ ัติตามข้อตกลงในการเรียนสม่ำเสมอ 2 ปฏบิ ัติตามคำตักเตือนของครู 3 ทำงานที่ไดร้ บั มอบหมายอย่างต้งั ใจ ใฝ่เรียนรู้ 4 ร่วมทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ ทค่ี รจู ดั ใหอ้ ยา่ งตัง้ ใจ 5 หมั่นซักถามเม่ือเกิดข้อสงสยั 6 เอาใจใสง่ านทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย มงุ่ มั่นในการทำงาน 7 สนใจทำกจิ กรรมกับเพอื่ นอย่างกระตือรือรน้ 8 ปฏิบัตหิ นา้ ท่ที ี่ได้รบั มอบหมายอยา่ งตง้ั ใจ 9 ส่งงานอย่างสม่ำเสมอ เกณฑใ์ ห้คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง (70%) ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง (50%) ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 23-27 ดมี าก 18-22 ดี 13-17 พอใช้ ปรับปรุง ต่ำกวา่ 13

แบบประเมินผลงาน วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 3 คำช้ีแจง : ใหผ้ ูส้ อนประเมินผลงานของนักเรียนแต่ละคน โดยใส่ตัวเลขลงในช่องวา่ งตามเกณฑ์การประเมิน ดังน้ี 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรบั ปรุง รายการประเมนิ สมาชกิ ในกลุ่ม คนที่ 1 คนที่ 2 คนท่ี 3 คนท่ี 4 คนที่ 5 ดา้ นผลงาน 1. ความถกู ต้องของผลงาน 2. การนำความรจู้ ากผลงานไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน ดา้ นการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ 3. การใช้เหตผุ ลประกอบการทำผลงาน 4. การเช่ือมโยงความรู้ทเ่ี รยี นมาเข้ากับการทำผลงาน ดา้ นการคดิ สรา้ งสรรค์ 5. ความสวยงามและความน่าสนใจของผลงาน ด้านการสอ่ื สาร 6. ระดับเสยี งและทา่ ทางประกอบการนำเสนอผลงาน 7. การถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจ ด้านการมีสว่ นร่วมในการทำงาน 8. การมสี ว่ นร่วมในการทำงาน 9. การปรับตัวและการแบง่ หนา้ ที่ในการทำงาน คะแนนรวม (แตล่ ะคน) เกณฑ์การให้คะแนนผลงาน วชิ าวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 เกณฑ์การใหค้ ะแนน รายการประเมิน ดี พอใช้ ปรับปรุง (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน) ด้านผลงาน ความถูกต้องของผลงาน ผลงานของนักเรียนถูกต้อง ผ ล งานของนักเรียน ผลงานของนักเรียนถูกต้อง ตามวัตถุประสงค์ของงาน ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ ตามวัตถุประสงค์ของงาน ครบถว้ น ของงานเป็นสว่ นใหญ่ บางสว่ น การนำความรู้จากผลงานไปใช้ใน อธบิ ายการนำความรู้ อธบิ ายการนำความรู้ อธิบายการนำความรู้ ชวี ติ ประจำวัน ที่ได้จากการทำผลงานไปใช้ ที่ได้จากการทำผลงาน ท่ีได้จากการทำผลงานไปใช้ ในชีวติ ประจำวัน ไปใช้ในชวี ิตประจำวัน ในชวี ิตประจำวนั ได้ตรงประเด็น ไ ด ้ ต ร ง ป ร ะ เ ด ็ น เ ป็ น ไดต้ รงประเดน็ บางสว่ น ส่วนใหญ่

ดา้ นการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ การใช้เหตุผลประกอบการทำ อธิบายเหตุผลในการ อธิบายเหตุผลในการ อธิบายเหตุผลในการ ผลงาน เลือกใช้แนวคิดของตนเอง เ ล ื อกใช้ แ นวค ิ ด ขอ ง เลือกใช้แนวคิดของตนเอง ไปสร้างผลงานได้ชัดเจน ตนเองไปสร้างผลงานได้ ไ ป ส ร ้ า ง ผ ล ง า นไ ด ้ ต ร ง ตรงประเดน็ ตรงประเดน็ เป็นสว่ นใหญ่ ประเดน็ บางส่วน การเช่อื มโยงความรูท้ ีเ่ รยี นมา เขา้ สามารถอธิบายความรู้ที่ สามารถอธิบายความรู้ท่ี สามารถอธิบายความรู้ท่ี กับการทำผลงาน เรียนมาเชื่อมโยงกับการทำ เรียนมาเชื่อมโยงกับการ เรียนมาเชื่อมโยงกับการทำ ผลงานได้ตรงประเด็น ทำผลงานได้ตรงประเด็น ผ ล งา นไ ด ้ ต ร งป ร ะ เ ด็ น เปน็ สว่ นใหญ่ บางสว่ น ดา้ นการคดิ สร้างสรรค์ ความสวยงามและความน่าสนใจ ผลงานมคี วามสวยงาม ไม่ ผลงานมีความสวยงาม ผลงานมีความสวยงาม แต่ ของผลงาน ซ้ำแบบใคร และโดดเดน่ ไม่ซ้ำแบบใคร แต่ไม่ คล้ายคลึงกับผลงานของ โดดเด่น ผอู้ นื่ ดา้ นการสื่อสาร ระดับเสียงและท่าทางประกอบ พูดเสียงดัง ชัดเจน และใช้ พูดเสียงดัง ชัดเจน และ พูดเสียงเบา ไม่ชัดเจน และ การนำเสนอผลงาน ท่าทางประกอบการนำเสนอ ใช้ท่าทางประกอบการ ไม่มีการใช้ท่าทางประกอบ สมำ่ เสมอ นำเสนอเป็นส่วนใหญ่ การนำเสนอ ด้านการสอ่ื สาร การถา่ ยทอดความร้คู วามเขา้ ใจ พูดถ่ายทอดความรู้ความ พูดถ่ายทอดความรู้ความ พูดถ่ายทอดความรู้ความ เข้าใจของตนเองได้ถูกต้อง เ ข ้ า ใ จ ข อ งต นเ องไ ด้ เข้าใจของตนเองได้ตรง ตรงประเดน็ อย่างชัดเจน ถูกต้องตรงประเด็นเป็น ประเด็นบางส่วน สว่ นใหญ่ ด้านการมีสว่ นร่วมในการทำงาน การมสี ว่ นร่วมในการทำงาน มีส่วนร่วมในการทำงานกับ มีส่วนร่วมในการทำงาน สามารถให้ความร่วมมือใน เพื่อนด้วยความตั้งใจอย่าง กับเพอื่ นเปน็ ส่วนใหญ่ การทำงานร่วมกับเพ่ือนเป็น สมำ่ เสมอ บางครงั้ การปรับตัวและการแบ่งหน้าที่ใน สามารถปรับตัวเข้ากับ สามารถปรับตัวเข้ากับ สามารถปรับตัวเข้ากับ การทำงาน บทบาทและหน้าทท่ี ไี่ ดร้ บั ใน บทบาทและหนา้ ทที่ ี่ได้รับ บทบาทและหน้าท่ที ่ไี ดร้ บั ใน ก า ร ท ำ ง า น ไ ด ้ ด ี อ ย ่ า ง ในการทำงานได้ดีเป็น การทำงานเป็นบางคร้ัง ต้อง สม่ำเสมอ สว่ นใหญ่ ได้รบั คำแนะนำจากครู เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ คะแนน ระดับคณุ ภาพ 21-27 ดี 14-20 ต่ำกว่า 14 พอใช้ ปรับปรงุ

แผนการจดั การเรียนรู้ สัปดาห์ที่ 18 กลุม่ สาระการเรยี นรู้ : วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ : ประถมศึกษาปที ่ี 3 ชอื่ รายวชิ า : วิทยาศาสตร์ 3 รหสั วิชา: ว 13101 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 การเปลยี่ นแปลงของวตั ถุและวัสดุ เวลา : 4 ช่ัวโมง 1. สาระ/มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ดั มาตรฐานการเรียนรู้/ผลการเรียนรู้ ว 2.1 ป.3/2 อธบิ ายการเปลยี่ นแปลงของวัสดุเม่ือทำให้รอ้ นขึน้ หรือทำให้เย็นลง โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ 2. สาระสำคัญ วัตถุที่ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนย่อย ๆ สามารถแยกชิ้นส่วนนั้น ๆ ออกแล้วประกอบเป็นวัตถุชิ้นใหม่ซึ่งมีรูปร่าง ขนาด และการใช้งานแตกต่างไปจากวัตถุเดิมได้ วัตถุที่ทำมาจากวัสดุบางชนิดเมื่อทำให้ร้อนขึ้นหรือเย็นลง วัสดุนั้นอาจ เปลยี่ นแปลงลักษณะหรอื สมบัติได้ 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ด้าน K - สงั เกตและอธบิ ายการเปลี่ยนแปลงของวัสดุเมื่อทำใหร้ ้อนขน้ึ หรือเย็นลง - อธบิ ายการเปลยี่ นแปลงของวสั ดุเม่ือทำใหร้ ้อนขน้ึ หรอื ทำใหเ้ ย็นลง ด้าน P - มที กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ - เปรยี บเทียบการเปลีย่ นแปลงของวสั ดเุ มื่อทำใหว้ ัสดรุ อ้ นข้ึนหรอื ทาใหว้ ัสดเุ ยน็ ลงได้ ด้าน A - มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ - นำความรเู้ รื่องการเปลยี่ นแปลงของวัสดุเม่ือทำให้ร้อนข้นึ หรือเย็นลงไปใช้ประโยชน์ ในชีวติ ประจำวันได้ (A) 4. สาระการเรยี นรู้ - การเปล่ยี นแปลงของวัสดเุ มื่อทำใหว้ สั ดรุ ้อนข้ึนหรอื ทำให้วัสดุเยน็ ลง 5. ทักษะกระบวนการ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 1. การสังเกต 2. การจำแนกประเภท 3. การลงความเหน็ จากข้อมูล 4. การตีความหมายขอ้ มูลและลงข้อสรปุ 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. อยูอ่ ยา่ ง 3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคดิ 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา

4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต 8. บูรณาการสาระทอ้ งถ่ิน/สวนพฤกษศาสตร์ - 9. หลกั ฐานการเรยี นรู้ (ช้ินงาน/ภาระงาน) 1. ใบงาน / สมุด / แบบบนั ทึกกจิ กรรม 10.สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.3 สสวท. 2. ใบงาน / แบบบันทกึ กจิ กรรม 3. แบบทดสอบ 4. แหล่งเรียนรู้ เช่น หนงั สอื วารสาร อนิ เทอรเ์ น็ต 11. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชวั่ โมงที่ 1 เร่ือง : รอ้ นข้นึ เยน็ ลง ขั้นที่ 1 ขนั้ เตรยี มกิจกรรม เตรียมอปุ กรณก์ ารเรียน สอ่ื การเรียนการสอน ขน้ั ที่ 2 ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของวัสดุเมื่อทำให้ร้อนขึ้นหรือเย็นลง โดยให้ นกั เรยี นสังเกตชอ็ กโกแลตท่วี างท้งิ ไว้ในรถซ่ึงจอดกลางแดด และใช้แนวคำถามดงั นี้ - ช็อกโกแลตที่วางทิ้งไว้ในรถมีรูปร่าง ลักษณะ และสมบัติเหมือนเดิมหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตาม ความคดิ เหน็ ของตนเอง) 2. ครใู ห้ขอ้ สังเกตแก่นกั เรียนดงั น้ี ถ้าวสั ดมุ ีรปู รา่ ง ลกั ษณะ ขนาดหรอื สมบตั ิแตกต่างไปจากเดมิ แสดงวา่ วัสดนุ ้ันมี การเปลีย่ นแปลงจากน้นั ครเู ช่อื มโยงความรูเ้ ดิมของนักเรียนสกู่ ารเรียนเรอ่ื งร้อนข้นึ เยน็ ลง โดยใชค้ ำถามวา่ เมื่อทำให้วสั ดุ รอ้ นข้ึนหรือเยน็ ลงจะทำใหว้ สั ดเุ ปล่ียนแปลงหรอื ไม่ อย่างไร ข้ันท่ี 3 ข้ันดำเนนิ การสอน 1. นักเรียนอ่านชื่อเรื่องและคิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรยี นหน้า 10 จากนั้นร่วมกันอภิปรายเพื่อหาแนวคำตอบและ นำเสนอ ครูบนั ทกึ คำตอบของนักเรียนบนกระดานเพื่อใช้เปรียบเทยี บกับคำตอบภายหลังการอ่านเนื้อเรื่อง 2. นักเรียนอ่านเนื้อเรื่องในหนังสือเรียนหน้า 10 โดยครูฝึกทักษะการอ่านตามวิธีการอ่านที่เหมาะสมกับ ความสามารถของนกั เรยี น ครูใช้คำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่าน โดยใชค้ ำถามดงั น้ี 2.1 แม่ของข้าวตทู ำอะไร (ซ้ือเค้กไอศกรีม) 2.2 พอ่ ค้าทำอยา่ งไรเพอ่ื ใหแ้ ม่ของข้าวตนู ำเค้กไอศกรีมกลบั บา้ นได้ (บรรจุเคก้ ไอศกรีมลงในกล่องโฟม) 2.3 เม่ือกลับถึงบ้านเคก้ ไอศกรีมมีลักษณะอย่างไร (เคก้ ไอศกรีมยงั คงสวยและน่ารบั ประทานเหมือนเดิม) ขน้ั ท่ี 4 ขั้นสรุป ครูให้นกั เรยี นรว่ มกันสรปุ เรื่องทอ่ี ่านซงึ่ ควรสรุปไดว้ ่า การบรรจเุ คก้ ไอศกรีมลงในกล่องโฟมทำให้เค้กไอศกรีมนั้นมี ลักษณะสวยงามและนา่ รับประทานเหมือนเดมิ

การวัดและการประเมินผล เปา้ หมาย วิธีวัด เคร่ืองมือวดั เกณฑ์การประเมนิ ด้านความรู้ (K) แบบบันทึกกจิ กรรม / สมุด แบบบันทกึ กจิ กรรม นักเรยี นได้คะแนน สงั เกตและอธิบายการเปล่ยี นแปลง ร้อยละ 60 ข้ึนไป ของวัสดุเมื่อทำให้ร้อนขึ้นหรือเยน็ ลง ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ประเมนิ การทำกิจกรรมทักษะ แบบสงั เกต นักเรยี นผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมนกั เรียนในการ กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมนิ ระดับ ปฏิบตั กิ ิจกรรม พอใช้ขน้ึ ไป ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) สังเกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มน่ั แบบประเมนิ นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ ความมีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ ม่นั ในการทำงาน คุณลักษณะ การประเมินระดับ ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์ พอใช้ขึ้นไป ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดบั คุณภาพ 2 1) ความสามารถในการสื่อสาร พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ การคิด การแก้ปญั หา การใช้ทักษะชีวติ บันทกึ หลังการสอน ผลการจดั การเรียนรู้ ปญั หาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปญั หา ดา้ นความรู้ (K) - นกั เรยี นบางคนไม่สามารถทำได้ดว้ ย - อธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรียน - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 สงั เกตและ ตนเอง อธบิ ายการเปลยี่ นแปลงของวัสดุ เมอ่ื ทำให้ร้อนขึน้ หรือเย็นลงได้ ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) - นักเรยี นบางคนไม่มีสมาธิในการเรียน - ครอู บรมตกั เตอื น และให้นักเรยี นปฏิบตั ิ - นักเรียนร้อยละ 98 ต้ังใจปฏบิ ัติ ใหมอ่ ีกครัง้ กิจกรรม ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - นกั เรียนบางคนไมม่ สี มาธิในการเรยี น - ครูอบรมตกั เตอื น และสงั เกตพฤติกรรม - นกั เรยี นร้อยละ 98 ความมีวินยั ของนักเรยี นใหมห่ ลงั จากอบรมตักเตือน ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมัน่ ในการทำงาน แล้ว ลงชอ่ื ผสู้ อน (นายอสิ รานุวฒั น์ รดิ สมเงนิ ) ลงช่ือ ลงช่ือ (นายอสิ รานวุ ัฒน์ รดิ สมเงนิ ) (นางสาวสุขใจ ปรศี ิริ) หวั หน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผูอ้ ำนวยการกลุม่ บริหารวชิ าการ ลงชื่อ (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพนั ธุ์) ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นอรรถวทิ ย์

ชว่ั โมงท่ี 2 เร่อื ง : ร้อนขนึ้ เย็นลง (2) เสริม ข้นั ท่ี 1 ขน้ั เตรยี มกิจกรรม เตรยี มอปุ กรณก์ ารเรียน ส่ือการเรียนการสอน ขัน้ ท่ี 2 ขน้ั นำเข้าส่บู ทเรยี น 1. ครูให้นักเรียนดูรูปคนถือไอศกรีมกลางแสงแดด จากนัน้ ต้งั คำถามเกย่ี วกับประสบการณเ์ ดิมของนักเรียนวา่ เม่ือ เวลาผา่ นไปไอศกรีมจะเปล่ียนแปลงอย่างไร (แนวตอบ ไอศกรมี ละลาย) 2. นกั เรยี นรว่ มกนั ตอบคำถามและแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกับคำตอบของคำถามเพื่อเชื่อมโยงไปสู่การ เรยี นรู้เร่ือง การเปลยี่ นแปลงของวสั ดเุ ม่อื ทำใหร้ อ้ นข้นึ หรือทำให้เย็นลง 3. ครูต้งั นกั เรยี นวา่ เมอ่ื ทำให้วสั ดรุ ้อนขน้ึ หรือเย็นลงวสั ดุจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบา้ ง นักเรียนจะได้เรียนรู้ จากกจิ กรรมตอ่ ไปนี้ ขั้นท่ี 3 ขั้นดำเนนิ การสอน 1. นักเรยี นแบ่งกลุม่ กลมุ่ ละ 4-5 คน แล้วให้ทำกิจกรรมท่ี 2 ช็อกโกแลตแปลงรา่ ง 2.ครใู ห้นักเรียนเตรียมอปุ กรณท์ ใ่ี ช้ในการทดลอง ดังน้ี 1) นำ้ แขง็ 1 ถงุ 6) นาฬิกาจับเวลา 1 เรือน 2) กะละมงั 1 ใบ 7) ตะเกยี งแอลกอฮอล์ 1 ชุด 3) ชอ็ กโกแลต 1 แท่ง 8) ไฟแชก็ 1 อัน หรือไมข้ ดี ไฟ 1 กลอ่ ง 4) มดี พลาสตกิ 1 ด้าม 9) ผ้า 1 ผืน หรือถงุ มือกนั ความร้อน 1 ขา้ ง 5) แท่งแก้วคนสาร 1 แทง่ 10) ถว้ ยระเหยสาร 1 ใบ หรอื กระจกนาฬกิ า 1 แผ่น 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันตั้งสมมติฐานว่า ถ้าทำให้ช็อกโกแลตร้อนขึ้นและทำให้เย็นลง ช็อกโกแลตจะมีการ เปลย่ี นแปลงหรอื ไม่ แล้วบนั ทกึ ผลลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรียน 4. นกั เรยี นทำการทดลองเพ่ือตรวจสอบสมมตฐิ าน โดยปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ดงั น้ี 1) ห่นั ชอ็ กโกแลตใหเ้ ปน็ ช้นิ เลก็ ๆ แลว้ วางลงบนกระจกนาฬิกา 2) วางกระจกนาฬกิ าบนชุดตะเกยี งแอลกอฮอล์ 3) จุดไฟที่ตะเกียงแอลกอฮอล์เพื่อให้ความร้อนแก่ช็อกโกแลต ตั้งทิ้งไว้ 5 นาที สังเกตและบันทึกผลการ เปล่ยี นแปลงของช็อกโกแลต 4) ดับไฟที่ตะเกียงแอลกอฮอล์ แล้วนำกระจกนาฬิกาวางไว้บนน้ำแข็ง ตั้งทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นสังเกต และบันทึกผลการทดลอง 5. นกั เรยี นและครูร่วมกันอภปิ รายและสรุปผลการทดลองเก่ียวกับการเปล่ียนแปลงของช็อกโกแลต เม่ือทำให้ร้อน ขน้ึ และทำใหเ้ ย็นลง ขั้นท่ี 4 ข้ันสรุป นักเรยี นนำเสนอผลการทดลองหนา้ ช้ันเรียน เพ่อื เปรียบเทียบการเปล่ยี นแปลงของวสั ดเุ มื่อทำให้วัสดุร้อนข้ึนหรือ ทำใหว้ ัสดุเยน็ ลง

การวัดและการประเมินผล เปา้ หมาย วิธวี ดั เครอ่ื งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมิน ด้านความรู้ (K) แบบบนั ทกึ กิจกรรม / สมุด แบบบนั ทึกกจิ กรรม นักเรยี นได้คะแนน สังเกตและอธิบายการเปลยี่ นแปลงของ รอ้ ยละ 60 ขึน้ ไป วัสดเุ ม่ือทำให้ร้อนข้ึนหรือเย็นลงได้ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ประเมินการทำกิจกรรมทักษะ แบบสงั เกต นกั เรียนผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมนกั เรยี นในการ กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดบั ปฏิบัตกิ ิจกรรม พอใช้ขึ้นไป ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ ม่ัน แบบประเมนิ นักเรียนผ่านเกณฑ์ ความมีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ มนั่ ในการทำงาน คณุ ลกั ษณะ การประเมนิ ระดบั ในการทำงาน อนั พึงประสงค์ พอใช้ข้นึ ไป ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ความสามารถในการส่ือสาร การคดิ พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ การแกป้ ัญหาการใชท้ ักษะชวี ิต บนั ทึกหลังการสอน ผลการจดั การเรียนรู้ ปัญหาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะและแนวทางแกป้ ัญหา ดา้ นความรู้ (K) - นักเรียนบางคนไม่สามารถทำไดด้ ว้ ย - อธิบายเพิ่มเติมให้นกั เรียน - นกั เรียนรอ้ ยละ 98 สังเกตและ ตนเอง อธิบายการเปล่ียนแปลงของวสั ดุ เมอ่ื ทำใหร้ ้อนข้ึนหรือเยน็ ลงได้ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - นักเรียนรอ้ ยละ 98 ต้ังใจปฏบิ ัติ - นกั เรยี นบางคนไม่มสี มาธใิ นการเรยี น - ครูอบรมตกั เตือน และใหน้ กั เรียนปฏิบัติ กจิ กรรม ใหม่อีกคร้งั ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) - นักเรยี นร้อยละ 98 มวี ินัย ใฝ่ - นกั เรียนบางคนไมม่ สี มาธิในการเรียน - ครูอบรมตักเตอื น และสังเกตพฤติกรรม เรียนรู้ และมงุ่ มน่ั ในการทำงาน ของนักเรียนหลงั จากอบรมตักเตอื นแล้ว ลงช่ือ ผู้สอน (นายอิสรานวุ ฒั น์ รดิ สมเงนิ ) ลงชอื่ ลงชื่อ (นายอิสรานวุ ฒั น์ ริดสมเงิน) (นางสาวสุขใจ ปรศี ิริ) หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผ้อู ำนวยการกลมุ่ บริหารวิชาการ ลงชอ่ื (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพันธ์ุ) ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นอรรถวิทย์

ชวั่ โมงที่ 3 เรอ่ื ง : ร้อนขึน้ เย็นลง (2) เสรมิ ขัน้ ที่ 1 ขั้นเตรียมกจิ กรรม เตรียมอุปกรณ์การเรียน ส่อื การเรียนการสอน ขนั้ ที่ 2 ขน้ั นำเข้าสบู่ ทเรยี น 1. นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 4-5 คน จากนัน้ แจกนำ้ แข็งใหน้ ักเรียนกลุ่มละ 3 ก้อน ใสล่ งไปในถงุ พลาสตกิ ใบละ 1 ก้อน 3 ใบ แลว้ รัดปากถุง 2. นกั เรยี นต้งั สมมตฐิ านวา่ อุณหภมู ิสงู น่าจะทำใหน้ ำ้ แข็งหลอมเหลวไดเ้ ร็วขน้ึ ขั้นท่ี 3 ขั้นดำเนินการสอน 3. นักเรียนนำถุงพลาสติกที่มีน้ำแข็งใบที่ 1 วางไว้กลางแดด ถุงพลาสติกที่มีน้ำแข็งใบที่ 2 วางไว้ที่อุณหภูมิห้อง และถุงพลาสติกที่มีน้ำแข็งใบที่ 3 วางไว้ในตู้เย็น ตั้งทิ้งไว้เป็นเวลา 5 นาที แล้วให้นักเรียนสังเกตการเปลี่ยนแปลง พร้อม บนั ทึกผลลงในใบงานที่ 3.2 การเปลย่ี นแปลงของวสั ดุ 4. นักเรียนและครูร่วมกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏิบตั กิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถามต่อไปนี้ - การทำให้ร้อนขนึ้ มผี ลทำใหว้ ัสดเุ กิดการเปล่ียนแปลงอยา่ งไร (แนวตอบ ทำให้วัสดเุ ปล่ียนสถานะเปน็ ของเหลว) - การทำให้วัสดุเย็นลงมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของวัสดุอย่างไร (แนวตอบ ทำให้วัสดุเปลี่ยนสถานะเป็น ของแขง็ ) 5. ครูอธบิ ายเนอื้ หาเพิ่มเติม เมื่อเราใหค้ วามร้อนแกว่ ัสดหุ รือทำให้วสั ดเุ ย็นลง วสั ดตุ า่ ง ๆ จะเกิดการเปล่ียนแปลง ได้ เช่น สีเปลี่ยน รูปรา่ งเปลีย่ น - การให้ความร้อนแกว่ ัสดุ คือ การเพม่ิ อุณหภูมหิ รือการทำใหว้ สั ดุร้อนข้นึ สามารถทำได้หลายวิธี เชน่ การเผาด้วย ไฟ การแช่นำ้ รอ้ น การอบดว้ ยความร้อน การนำไปตากแดด เชน่ การเผากระดาษ ทำให้กระดาษมสี ีและรูปร่างเปล่ยี นไป - การทำให้วัสดุเย็นลง คือ การลดอุณหภูมิหรือทำให้วัสดุเย็นลง สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การทิ้งไว้ใน อุณหภมู ิหอ้ งปกตโิ ดยไม่ไดร้ ับความร้อนเพิ่ม การแช่ในถงั นำ้ แข็งหรือตู้เย็น การแชแ่ ข็งในชอ่ ง แชแ่ ขง็ ของตเู้ ยน็ เช่น การ แชน่ ำ้ ไว้ในช่องแช่แขง็ ของต้เู ยน็ ทำใหน้ ้ำมอี ุณหภมู ติ ่ำจนกลายเปน็ นำ้ แข็ง 6. นักเรียนศึกษาการให้ความร้อนแก่วัสดุเพิ่มเติม โดยให้ใช้โทรศัพท์มือถือสแกน QR Code เรื่อง การให้ความ รอ้ นแก่วสั ดุ ในหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 7. ครูใหน้ กั เรียนตอบคำถามทา้ ทายการคิดขน้ั สูง ลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรียน ขั้นที่ 4 ขั้นสรุป นกั เรียนและครูรว่ มกันสรปุ ผลจากการปฏิบตั ิกจิ กรรมที่ 2 ชอ็ กโกแลตแปลงร่าง โดยได้ขอ้ สรปุ ว่า การเพ่ิมและลด อุณหภูมิทำให้น้ำมีสถานะเป็นของแข็ง ของเหลว และแก๊ส ซึ่งสามารถเปลี่ยนสถานะกลับไปกลับมาได้เมื่อเพิ่มหรือลด อุณหภมู ิ การวดั และการประเมนิ ผล เปา้ หมาย วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑก์ ารประเมิน ด้านความรู้ (K) แบบบนั ทกึ กจิ กรรม / สมุด แบบบันทึกกจิ กรรม นักเรียนได้คะแนน สังเกตและอธิบายการเปล่ยี นแปลง / แบบประเมิน ร้อยละ 60 ขึ้นไป ของวัสดเุ ม่ือทำให้รอ้ นขึน้ หรือเยน็ ลงได้

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ประเมินการทำกจิ กรรมทักษะ แบบสงั เกต นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมนกั เรียนในการ กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดับ ปฏบิ ัติกิจกรรม พอใช้ข้ึนไป ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) สังเกตความมีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มน่ั แบบประเมิน นักเรียนผ่านเกณฑ์ ความมวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ มนั่ การประเมนิ ระดับ ในการทำงาน ในการทำงาน คณุ ลกั ษณะ พอใช้ขึ้นไป ระดบั คุณภาพ 2 ด้านสมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น อันพงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์ ความสามารถในการสื่อสาร สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกต การคิด การแกป้ ญั หา การใชท้ ักษะชีวิต พฤติกรรม บนั ทึกหลังการสอน ปญั หาและอปุ สรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ปญั หา ผลการจัดการเรยี นรู้ - นกั เรียนบางคนไม่สามารถทำได้ด้วย - อธบิ ายเพ่ิมเติมใหน้ กั เรียน ด้านความรู้ (K) - นกั เรียนรอ้ ยละ 98 สังเกตและ ตนเอง อธบิ ายการเปลย่ี นแปลงของวัสดุ เมอ่ื ทำให้รอ้ นขึน้ หรือเยน็ ลงได้ - นกั เรียนบางคนไมม่ สี มาธิในการเรียน - ครูอบรมตกั เตอื น และใหน้ ักเรียนปฏิบตั ิ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ใหม่อีกครั้ง - นักเรยี นรอ้ ยละ 98 ต้ังใจปฏบิ ัติ กจิ กรรม - นกั เรียนบางคนไมม่ สี มาธิในการเรยี น - ครูอบรมตักเตือน และสงั เกตพฤติกรรมของ ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) นักเรยี นใหม่หลังจากอบรมตกั เตอื นแลว้ - นักเรยี นร้อยละ 98 ความมีวินยั ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมัน่ ในการทำงาน ลงชอ่ื ผู้สอน (นายอสิ รานวุ ฒั น์ ริดสมเงิน) ลงชื่อ ลงชือ่ (นายอิสรานวุ ฒั น์ ริดสมเงนิ ) (นางสาวสขุ ใจ ปรีศริ )ิ หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รองผู้อำนวยการกลมุ่ บริหารวิชาการ ลงช่ือ (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพันธ์ุ) ผู้อำนวยการโรงเรยี นอรรถวทิ ย์

ชว่ั โมงท่ี 4 เรือ่ ง : รอ้ นข้นึ เยน็ ลง (2) เสรมิ ขัน้ ที่ 1 ขน้ั เตรียมกจิ กรรม เตรยี มอปุ กรณก์ ารเรยี น สอ่ื การเรียนการสอน ขน้ั ท่ี 2 ข้ันนำเข้าสูบ่ ทเรียน 1. ทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนโดยให้ดูรูปน้ำแข็ง จากนั้นตั้งคำถามว่า เมื่อตั้งน้ำแข็งทิ้งไว้จะเกิดการ เปลยี่ นแปลงลักษณะใด (แนวตอบ นำ้ แขง็ ละลายกลายเปน็ นำ้ ) 2. นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบของคำถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้ เรอ่ื ง การใชป้ ระโยชนจ์ ากการทำใหว้ สั ดรุ อ้ นข้ึนหรอื การทำใหว้ สั ดเุ ย็นลง ขน้ั ท่ี 3 ขน้ั ดำเนินการสอน 1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากการทำให้วัสดุร้อนขึ้นหรือทำให้ วัสดเุ ยน็ ลง โดยปฏบิ ัติกจิ กรรม ดังน้ี 2. ครูให้แต่ละกลุ่มจับสลากเลือกหัวข้อการใชป้ ระโยชน์จากการทำให้วสั ดรุ ้อนขนึ้ หรือทำใหว้ สั ดเุ ย็นลง เป็นหัวข้อ วัสดตุ า่ ง ๆ ดังนี้ 1) เหลก็ 2) พลาสติก 3) แกว้ 4) โลหะ 5) ดินเหนยี ว 3. แต่ละกลุม่ วางแผนการสบื ค้นขอ้ มลู ตามหัวขอ้ ทไ่ี ดร้ ับ พร้อมกบั บนั ทึกผลลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรยี น ข้ันที่ 4 ขนั้ สรุป 1. นักเรยี นและครูรว่ มกันอภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถามตอ่ ไปน้ี - การทำใหว้ สั ดเุ ปล่ียนสถานะโดยการเพ่มิ หรอื ลดอุณหภมู มิ ีประโยชน์ตอ่ เราในเรื่องใด (แนวตอบ ทำใหเ้ ราสามารถเปล่ียนแปลงรปู ทรงของวัสดตุ า่ ง ๆ ไดต้ ามตอ้ งการ) - ยกตัวอยา่ งวสั ดตุ ่าง ๆ ในชวี ติ ประจำวันท่มี กี ารเปลี่ยนแปลงเม่ือมกี ารเพ่ิมหรือลดอณุ หภมู ิ (แนวตอบ ขวดแกว้ ตวั ตอ่ พลาสตกิ ไมบ้ รรทัดเหลก็ ) 2. นักเรยี นและครูร่วมกนั สรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยไดข้ ้อสรุปวา่ การทำให้วสั ดุร้อนขึ้นหรือเย็นลงทำให้ เราไดช้ ้นิ งานตามทีต่ อ้ งการ ซ่ึงเป็นประโยชน์ตอ่ เราเป็นอย่างมาก การวดั และการประเมนิ ผล วิธวี ดั เครื่องมือวัด เกณฑ์การประเมิน เปา้ หมาย ตรวจแบบบันทกึ กิจกรรม / สมุด แบบบันทึกกจิ กรรม นักเรยี นได้คะแนน ด้านความรู้ (K) ประเมินการทำกจิ กรรมทักษะ ร้อยละ 60 ขึน้ ไป สงั เกตและอธบิ ายการเปลยี่ นแปลง กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ ของวัสดเุ มื่อทำใหร้ อ้ นข้นึ หรือเยน็ แบบสงั เกต นักเรียนผ่านเกณฑ์ ลงได้ พฤติกรรม การประเมินระดับ ด้านทักษะกระบวนการ (P) พอใช้ขน้ึ ไป สังเกตพฤตกิ รรมนักเรียนในการ ปฏบิ ัติกจิ กรรม

ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ ม่นั แบบประเมิน นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ ความมวี ินยั ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น ในการทำงาน คุณลักษณะ การประเมินระดบั ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์ พอใช้ข้นึ ไป ด้านสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ความสามารถในการสื่อสาร การคิด พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวิต บนั ทึกหลังการสอน ผลการจดั การเรยี นรู้ ปัญหาและอปุ สรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกป้ ัญหา ดา้ นความรู้ (K) - นกั เรยี นบางคนไมส่ ามารถทำได้ดว้ ย - อธบิ ายเพ่มิ เติมให้นกั เรียน - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 สงั เกตและ ตนเอง อธบิ ายการเปลยี่ นแปลงของวสั ดุ เม่อื ทำใหร้ อ้ นข้นึ หรอื เย็นลงได้ - นกั เรียนบางคนไมม่ สี มาธิในการเรียน - ครูอบรมตกั เตอื น และให้นกั เรยี นปฏิบัติ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ใหมอ่ ีกคร้ัง นกั เรียนรอ้ ยละ 98 ต้งั ใจปฏิบตั ิ กิจกรรม - นกั เรียนบางคนไมม่ ีสมาธิในการเรยี น - ครูอบรมตักเตอื น และสงั เกตพฤติกรรมของ ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) นักเรียนใหมห่ ลังจากอบรมตกั เตือนแล้ว - นกั เรยี นร้อยละ 98 ความมวี ินัย ใฝ่ เรยี นรู้ และม่งุ มัน่ ในการทำงาน ลงชอ่ื ผสู้ อน (นายอสิ รานวุ ัฒน์ รดิ สมเงนิ ) ลงชอ่ื ลงช่ือ (นายอสิ รานวุ ัฒน์ รดิ สมเงิน) (นางสาวสขุ ใจ ปรีศิริ) หัวหนา้ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผอู้ ำนวยการกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ ลงช่อื (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพนั ธุ์) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนอรรถวิทย์

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล ชื่อ..............................................................................เลขที่........... ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 3 หอ้ ง....... คำชแี้ จง : ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี  ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดับ คะแนน ข้อ การสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน ระดับความคดิ เห็น 321 มีวินยั 1 ปฏบิ ัติตามข้อตกลงในการเรียนสม่ำเสมอ 2 ปฏบิ ัติตามคำตักเตือนของครู 3 ทำงานที่ไดร้ บั มอบหมายอย่างต้งั ใจ ใฝ่เรียนรู้ 4 ร่วมทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ ทค่ี รจู ดั ใหอ้ ยา่ งตัง้ ใจ 5 หมั่นซักถามเม่ือเกิดข้อสงสยั 6 เอาใจใสง่ านทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย มงุ่ มั่นในการทำงาน 7 สนใจทำกจิ กรรมกับเพอื่ นอย่างกระตือรือรน้ 8 ปฏิบัตหิ นา้ ท่ที ี่ได้รบั มอบหมายอยา่ งตง้ั ใจ 9 ส่งงานอย่างสม่ำเสมอ เกณฑใ์ ห้คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ (100%) ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง (70%) ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง (50%) ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 23-27 ดมี าก 18-22 ดี 13-17 พอใช้ ปรับปรุง ต่ำกวา่ 13

แบบประเมินผลงาน วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 3 คำช้ีแจง : ใหผ้ ูส้ อนประเมินผลงานของนักเรียนแต่ละคน โดยใส่ตัวเลขลงในช่องวา่ งตามเกณฑ์การประเมิน ดังน้ี 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรบั ปรุง รายการประเมนิ สมาชกิ ในกลุ่ม คนที่ 1 คนที่ 2 คนท่ี 3 คนท่ี 4 คนที่ 5 ดา้ นผลงาน 1. ความถกู ต้องของผลงาน 2. การนำความรจู้ ากผลงานไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน ดา้ นการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ 3. การใช้เหตผุ ลประกอบการทำผลงาน 4. การเช่ือมโยงความรู้ทเ่ี รยี นมาเข้ากับการทำผลงาน ดา้ นการคดิ สรา้ งสรรค์ 5. ความสวยงามและความน่าสนใจของผลงาน ด้านการสอ่ื สาร 6. ระดับเสยี งและทา่ ทางประกอบการนำเสนอผลงาน 7. การถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจ ด้านการมีสว่ นร่วมในการทำงาน 8. การมสี ว่ นร่วมในการทำงาน 9. การปรับตัวและการแบง่ หนา้ ที่ในการทำงาน คะแนนรวม (แตล่ ะคน) เกณฑ์การให้คะแนนผลงาน วชิ าวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 เกณฑ์การใหค้ ะแนน รายการประเมิน ดี พอใช้ ปรับปรุง (3 คะแนน) (2 คะแนน) (1 คะแนน) ด้านผลงาน ความถูกต้องของผลงาน ผลงานของนักเรียนถูกต้อง ผ ล งานของนักเรียน ผลงานของนักเรียนถูกต้อง ตามวัตถุประสงค์ของงาน ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ ตามวัตถุประสงค์ของงาน ครบถว้ น ของงานเป็นสว่ นใหญ่ บางสว่ น การนำความรู้จากผลงานไปใช้ใน อธบิ ายการนำความรู้ อธบิ ายการนำความรู้ อธิบายการนำความรู้ ชวี ติ ประจำวัน ที่ได้จากการทำผลงานไปใช้ ที่ได้จากการทำผลงาน ท่ีได้จากการทำผลงานไปใช้ ในชีวติ ประจำวัน ไปใช้ในชวี ิตประจำวัน ในชวี ิตประจำวนั ได้ตรงประเด็น ไ ด ้ ต ร ง ป ร ะ เ ด ็ น เ ป็ น ไดต้ รงประเดน็ บางสว่ น ส่วนใหญ่

ดา้ นการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ การใช้เหตุผลประกอบการทำ อธิบายเหตุผลในการ อธิบายเหตุผลในการ อธิบายเหตุผลในการ ผลงาน เลือกใช้แนวคิดของตนเอง เ ล ื อกใช้ แ นวค ิ ด ขอ ง เลือกใช้แนวคิดของตนเอง ไปสร้างผลงานได้ชัดเจน ตนเองไปสร้างผลงานได้ ไ ป ส ร ้ า ง ผ ล ง า นไ ด ้ ต ร ง ตรงประเดน็ ตรงประเดน็ เป็นสว่ นใหญ่ ประเดน็ บางส่วน การเช่อื มโยงความรูท้ ีเ่ รยี นมา เขา้ สามารถอธิบายความรู้ที่ สามารถอธิบายความรู้ท่ี สามารถอธิบายความรู้ท่ี กับการทำผลงาน เรียนมาเชื่อมโยงกับการทำ เรียนมาเชื่อมโยงกับการ เรียนมาเชื่อมโยงกับการทำ ผลงานได้ตรงประเด็น ทำผลงานได้ตรงประเด็น ผ ล งา นไ ด ้ ต ร งป ร ะ เ ด็ น เปน็ สว่ นใหญ่ บางสว่ น ดา้ นการคดิ สร้างสรรค์ ความสวยงามและความน่าสนใจ ผลงานมคี วามสวยงาม ไม่ ผลงานมีความสวยงาม ผลงานมีความสวยงาม แต่ ของผลงาน ซ้ำแบบใคร และโดดเดน่ ไม่ซ้ำแบบใคร แต่ไม่ คล้ายคลึงกับผลงานของ โดดเด่น ผอู้ นื่ ดา้ นการสื่อสาร ระดับเสียงและท่าทางประกอบ พูดเสียงดัง ชัดเจน และใช้ พูดเสียงดัง ชัดเจน และ พูดเสียงเบา ไม่ชัดเจน และ การนำเสนอผลงาน ท่าทางประกอบการนำเสนอ ใช้ท่าทางประกอบการ ไม่มีการใช้ท่าทางประกอบ สมำ่ เสมอ นำเสนอเป็นส่วนใหญ่ การนำเสนอ ด้านการสอ่ื สาร การถา่ ยทอดความร้คู วามเขา้ ใจ พูดถ่ายทอดความรู้ความ พูดถ่ายทอดความรู้ความ พูดถ่ายทอดความรู้ความ เข้าใจของตนเองได้ถูกต้อง เ ข ้ า ใ จ ข อ งต นเ องไ ด้ เข้าใจของตนเองได้ตรง ตรงประเดน็ อย่างชัดเจน ถูกต้องตรงประเด็นเป็น ประเด็นบางส่วน สว่ นใหญ่ ด้านการมีสว่ นร่วมในการทำงาน การมสี ว่ นร่วมในการทำงาน มีส่วนร่วมในการทำงานกับ มีส่วนร่วมในการทำงาน สามารถให้ความร่วมมือใน เพื่อนด้วยความตั้งใจอย่าง กับเพอื่ นเปน็ ส่วนใหญ่ การทำงานร่วมกับเพ่ือนเป็น สมำ่ เสมอ บางครงั้ การปรับตัวและการแบ่งหน้าที่ใน สามารถปรับตัวเข้ากับ สามารถปรับตัวเข้ากับ สามารถปรับตัวเข้ากับ การทำงาน บทบาทและหน้าทท่ี ไี่ ดร้ บั ใน บทบาทและหนา้ ทที่ ี่ได้รับ บทบาทและหน้าท่ที ่ไี ดร้ บั ใน ก า ร ท ำ ง า น ไ ด ้ ด ี อ ย ่ า ง ในการทำงานได้ดีเป็น การทำงานเป็นบางคร้ัง ต้อง สม่ำเสมอ สว่ นใหญ่ ได้รบั คำแนะนำจากครู เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ คะแนน ระดับคณุ ภาพ 21-27 ดี 14-20 ต่ำกว่า 14 พอใช้ ปรับปรงุ

แผนการจดั การเรียนรู้ สัปดาห์ที่ 19 กลุม่ สาระการเรยี นรู้ : วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ : ประถมศึกษาปที ่ี 3 ชอื่ รายวชิ า : วิทยาศาสตร์ 3 รหสั วิชา: ว 13101 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 การเปลยี่ นแปลงของวตั ถุและวัสดุ เวลา : 4 ช่ัวโมง 1. สาระ/มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ดั มาตรฐานการเรียนรู้/ผลการเรียนรู้ ว 2.1 ป.3/2 อธบิ ายการเปลยี่ นแปลงของวัสดุเม่ือทำให้รอ้ นขึน้ หรือทำให้เย็นลง โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ 2. สาระสำคัญ วัตถุที่ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนย่อย ๆ สามารถแยกชิ้นส่วนนั้น ๆ ออกแล้วประกอบเป็นวัตถุชิ้นใหม่ซึ่งมีรูปร่าง ขนาด และการใช้งานแตกต่างไปจากวัตถุเดิมได้ วัตถุที่ทำมาจากวัสดุบางชนิดเมื่อทำให้ร้อนขึ้นหรือเย็นลง วัสดุนั้นอาจ เปลยี่ นแปลงลักษณะหรอื สมบัติได้ 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ด้าน K - สงั เกตและอธบิ ายการเปลี่ยนแปลงของวัสดุเมื่อทำใหร้ ้อนขน้ึ หรือเย็นลง - อธบิ ายการเปลยี่ นแปลงของวสั ดุเม่ือทำใหร้ ้อนขน้ึ หรอื ทำใหเ้ ย็นลง ด้าน P - มที กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ - เปรยี บเทียบการเปลีย่ นแปลงของวสั ดเุ มื่อทำใหว้ ัสดรุ อ้ นข้ึนหรอื ทาใหว้ ัสดเุ ยน็ ลงได้ ด้าน A - มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ - นำความรเู้ รื่องการเปลยี่ นแปลงของวัสดุเม่ือทำให้ร้อนข้นึ หรือเย็นลงไปใช้ประโยชน์ ในชีวติ ประจำวันได้ (A) 4. สาระการเรยี นรู้ - การเปล่ยี นแปลงของวัสดเุ มื่อทำใหว้ สั ดรุ ้อนข้ึนหรอื ทำให้วัสดุเยน็ ลง 5. ทักษะกระบวนการ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 1. การสังเกต 2. การจำแนกประเภท 3. การลงความเหน็ จากข้อมูล 4. การตีความหมายขอ้ มูลและลงข้อสรปุ 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. อยูอ่ ยา่ ง 3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคดิ 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา

4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ 8. บรู ณาการสาระท้องถิน่ /สวนพฤกษศาสตร์ - 9. หลกั ฐานการเรียนรู้ (ชิน้ งาน/ภาระงาน) 1. ใบงาน / สมดุ / แบบบันทึกกจิ กรรม 10.สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.3 สสวท. 2. ใบงาน / แบบบันทึกกจิ กรรม 3. แบบทดสอบ 4. แหลง่ เรียนรู้ เชน่ หนงั สอื วารสาร อนิ เทอร์เน็ต 11. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชัว่ โมงท่ี 1 เร่ือง : ความร้อนมีผลตอ่ วัสดุ ขน้ั ท่ี 1 ขั้นเตรียมกจิ กรรม เตรยี มอุปกรณ์การเรยี น สอื่ การเรียนการสอน ขั้นที่ 2 ขั้นนำเข้าสบู่ ทเรยี น 1. ครูตรวจสอบความรเู้ ดิมเกย่ี วกับการเปล่ียนแปลงของวสั ดุเม่ือทำให้ร้อนข้ึนหรือเย็นลง โดยเปดิ วีดิทัศน์เก่ียวกับ การทำให้วัสดุเปลี่ยนแปลงเมื่อทำให้ร้อนขึ้น เช่น การเป่าแก้ว และให้นักเรียนสังเกตการเปลี่ยนแปลงของวัสดุจากนั้นนำ อภปิ รายโดยใช้คำถาม ดังน้ี 1.1 วดี ิทศั น์ทีน่ กั เรียนดูเป็นเรอ่ื งเกีย่ วกบั อะไร (ข้นึ อยกู่ ับวีดิทศั น์ทค่ี รนู ำมาใหน้ กั เรยี นสงั เกต เช่น การเปา่ แก้ว) 1.2 แทง่ แกว้ มกี ารเปล่ียนแปลงอยา่ งไร (แทง่ แก้วเปลย่ี นรูปรา่ งจากที่เปน็ กอ้ น ๆทรงกระบอกสั้นสสี ม้ ค่อย ๆ ยาว ข้ึนและมีส่วนโค้งเว้าช่วงกลาง จนสดุ ท้ายมลี วดลายและรูปร่างคล้ายมังกรสีเขยี ว) 1.3 ข้นั ตน้ กอ่ นทำแก้วให้มรี ปู ร่างตามท่ีต้องการต้องทำอย่างไร (นำแท่งแก้วทมี่ ีลกั ษณะเป็นก้อนเข้าเตาเผาเพ่ือให้ ความรอ้ น) 1.4 แท่งแก้วที่มีลักษณะเป็นก้อนเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้อย่างไร (แท่งแก้วเปลี่ยนแปลงรูปร่างโดยการนำไปให้ ความร้อนและใช้เครอื่ งมือเพอ่ื บีบบดิ ดัด ดงึ แท่งแกว้ ใหม้ ีรปู ร่างตามต้องการ) 1.5 วสั ดุเกดิ การเปล่ียนแปลงรูปร่าง ลักษณะ หรอื ขนาดได้อย่างไร (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น การให้ความรอ้ น การบบี การบิด การดดั การดึง หรอื การทบุ ) 2. ครเู ชื่อมโยงความรู้เดมิ ของนกั เรียนเขา้ สกู่ ิจกรรมท่ี 2 โดยใชค้ ำถามดังน้ี จากวีดทิ ัศน์ นอกจากการกระทำตา่ ง ๆ ทที่ ำให้วัสดุเกิดการเปลีย่ นแปลงแล้ว ยงั มีวธิ ใี ดอกี บ้างท่ที ำให้วสั ดเุ กดิ การเปลี่ยนแปลงได้ ข้นั ท่ี 3 ขั้นดำเนินการสอน 1.นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม และ ทำเป็นคิดเป็น จากนั้นร่วมกันอภิปรายเพื่อตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยว กับ จุดประสงคใ์ นการทำกิจกรรม โดยใช้แนวคำถามดังนี้ 1.1 กจิ กรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนเรอ่ื งอะไร (การเปลีย่ นแปลงของวสั ดเุ ม่อื ทำให้รอ้ นขน้ึ หรอื เย็นลง) 1.2 นกั เรียนจะไดเ้ รยี นรเู้ รอ่ื งนี้ดว้ ยวิธีใด (การสงั เกตการเปล่ียนแปลงของวัสดเุ มอื่ ทำใหร้ อ้ นข้ึนหรือเย็นลง) 1.3 เม่อื เรียนแล้วนักเรยี นจะทำอะไรได้ (สามารถอธบิ ายการเปลย่ี นแปลงของวัสดเุ มอ่ื ทำใหร้ ้อนขนึ้ หรอื เยน็ ลง) 2. นักเรียนบันทึกจดุ ประสงคล์ งในแบบบนั ทึกกจิ กรรม

3. นกั เรยี นอา่ นส่งิ ท่ีต้องใช้ในการทำกิจกรรม ถา้ นักเรยี นไม่รู้จักวัสดุอปุ กรณ์บางอย่าง ครูควรนำส่ิงนั้นมาแสดงให้ ดู หรือถ้านกั เรียนไมร่ วู้ ธิ กี ารใช้อปุ กรณ์ ครคู วรแนะนำและสาธิตวธิ กี ารใช้อุปกรณ์ เชน่ พาราฟิน เทอร์มอมเิ ตอรช์ ุดตะเกียง แอลกอฮอล์ 4. นักเรียนอ่านทำอย่างไรทีละข้อ โดยครูใช้วิธีฝึกอ่านที่เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครู ตรวจสอบความเข้าใจในการทำกิจกรรม จนนักเรยี นเขา้ ใจลำดบั การทำกิจกรรม โดยใชค้ ำถามดังน้ี 4.1 นกั เรยี นตอ้ งเตรยี มอุปกรณอ์ ย่างไร (ผูกเชอื กกบั ไม้ไอศกรีมแล้ววางไม้ไอศกรีมพาดไวท้ ีส่ ่วนบนของภาชนะ ตดั ปลายเชอื กด้านลา่ งให้ยาวพอดกี ับความสูงของภาชนะ 4.2 ลำดบั ต่อไปนักเรียนตอ้ งทำอะไร (สงั เกตกอ้ นพาราฟิน แลว้ อภปิ รายว่าถ้านำก้อนพาราฟินมาห่นั เปน็ ชิน้ เล็ก ๆ แลว้ นำไปให้ความร้อนพาราฟินจะเปล่ยี นแปลงหรอื ไม่อย่างไร บันทกึ ผล) 4.3 เม่อื บันทึกผลแล้ว นกั เรียนตอ้ งทำอยา่ งไรต่อไป (นำกอ้ นพาราฟนิ มาห่นั เปน็ ช้นิ เล็ก ๆ แล้วบรรจลุ งในบีกเกอร์ สงั เกตลักษณะของพาราฟินและวัดอุณหภูมิกอ่ นให้ความร้อนแก่พาราฟนิ บนั ทกึ ผล) 4.4 เราจะใช้อปุ กรณอ์ ะไรเพ่ือให้ความรอ้ นแกพ่ าราฟนิ (ตะเกียงแอลกอฮอล์) 4.5 ขณะให้ความร้อนแก่พาราฟิน นักเรียนต้องทำอะไรบ้าง (ใช้เทอร์มอมิเตอร์วัดอุณหภูมิของพาราฟินทุก ๆ 3 นาที และสังเกตการเปลี่ยนแปลงของพาราฟิน บนั ทึกผล) 4.6 เมื่อหยุดให้ความร้อนแก่พาราฟินแล้วต้องทำอย่างไรต่อไป (นำสีและน้ำมันหอมระเหยผสมกับพาราฟิน แล้ว เทพาราฟนิ ทผ่ี สมสแี ละนำ้ มนั หอมระเหยแล้วลงในภาชนะทเ่ี ตรียมไว้ สังเกตการเปลี่ยนแปลงของพาราฟินและบันทึกผล) 5. นกั เรยี นรว่ มกนั อา่ นเกรด็ ความรู้ เกย่ี วกับวธิ ใี ชเ้ ทอรม์ อมเิ ตอร์ ในหนงั สอื เรยี นหน้า 13-14 6.เม่อื นักเรียนเข้าใจวธิ กี ารทำกิจกรรมในทำอย่างไรแล้ว ครูแจกวสั ดอุ ุปกรณแ์ ละให้นักเรียนเรม่ิ ปฏบิ ตั ิตามขั้นตอน ของกจิ กรรม ข้ันที่ 4 ขัน้ สรุป ครูนำอภิปรายเพื่อนำไปสู่ข้อสรุปเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ในเรื่องนี้ จากนั้นครูกระตุ้นให้นักเรียนตอบคำถามในช่วง ท้ายของเนอื้ เรือ่ งว่า เรารแู้ ลว้ วา่ วัสดบุ างอย่างเปลี่ยนแปลงเนอื่ งจากการทำให้รอ้ นข้ึนหรอื เยน็ ลง การวัดและการประเมินผล เป้าหมาย วิธีวดั เคร่อื งมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ ด้านความรู้ (K) แบบบนั ทกึ กจิ กรรม / สมดุ แบบบันทกึ กจิ กรรม นักเรยี นได้คะแนน สังเกตและอธบิ ายการเปลีย่ นแปลง ร้อยละ 60 ขึ้นไป ของวัสดเุ ม่ือทำใหร้ ้อนขึน้ หรือเย็นลง ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) ประเมนิ การทำกจิ กรรมทักษะ แบบสงั เกต นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมนกั เรียนในการ กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดับ ปฏบิ ตั ิกิจกรรม พอใช้ข้นึ ไป ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มั่น แบบประเมนิ นักเรียนผา่ นเกณฑ์ ความมวี ินัย ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มัน่ ในการทำงาน คณุ ลกั ษณะ การประเมนิ ระดบั ในการทำงาน อันพึงประสงค์ พอใช้ขึ้นไป ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดับคุณภาพ 2 1) ความสามารถในการส่ือสาร พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ การคิด การแก้ปญั หา การใช้ทักษะชวี ติ

บนั ทกึ หลังการสอน ปญั หาและอปุ สรรค ข้อเสนอแนะและแนวทางแกป้ ัญหา ผลการจดั การเรยี นรู้ - นักเรยี นบางคนไมส่ ามารถทำได้ดว้ ย - อธบิ ายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียน ดา้ นความรู้ (K) - นกั เรียนร้อยละ 98 สังเกตและ ตนเอง อธบิ ายการเปลย่ี นแปลงของวสั ดุ เมอื่ ทำให้ร้อนขึ้นหรือเยน็ ลงได้ - นกั เรยี นบางคนไมม่ ีสมาธิในการเรียน - ครอู บรมตักเตอื น และให้นกั เรยี นปฏิบัติ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ใหมอ่ ีกครง้ั - นักเรยี นร้อยละ 98 ต้ังใจปฏบิ ัติ กจิ กรรม - นักเรียนบางคนไมม่ สี มาธใิ นการเรยี น - ครอู บรมตักเตือน และสงั เกตพฤติกรรม ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) ของนักเรยี นใหม่หลงั จากอบรมตักเตือน - นักเรยี นร้อยละ 98 ความมีวินัย แล้ว ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งม่ันในการทำงาน ลงชือ่ ผูส้ อน (นายอสิ รานุวฒั น์ รดิ สมเงิน) ลงช่อื ลงช่อื (นายอิสรานุวัฒน์ ริดสมเงนิ ) (นางสาวสขุ ใจ ปรีศิริ) หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ ลงชือ่ (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพนั ธุ์) ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นอรรถวทิ ย์ ชัว่ โมงที่ 2 เรอ่ื ง : ความร้อนมีผลตอ่ วสั ดุ (2) ขั้นท่ี 1 ขน้ั เตรียมกิจกรรม เตรยี มอปุ กรณ์การเรียน สอ่ื การเรียนการสอน ข้นั ที่ 2 ข้ันนำเขา้ สูบ่ ทเรียน 1. ครูให้นกั เรียนดูรูปคนถือไอศกรีมกลางแสงแดด จากนนั้ ตง้ั คำถามเก่ียวกบั ประสบการณ์เดิมของนักเรยี นวา่ เม่ือ เวลาผ่านไปไอศกรีมจะเปล่ยี นแปลงอย่างไร (แนวตอบ ไอศกรีมละลาย) 2. นักเรยี นรว่ มกันตอบคำถามและแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับคำตอบของคำถามเพื่อเช่ือมโยงไปสกู่ าร เรยี นรู้เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของวสั ดเุ มื่อทำให้รอ้ นขึ้นหรอื ทำใหเ้ ยน็ ลง 3. ครตู ัง้ นกั เรยี นว่า เมื่อทำใหว้ สั ดุร้อนข้ึนหรือเย็นลงวสั ดุจะเกดิ การเปลี่ยนแปลงอยา่ งไรบา้ ง นักเรียนจะได้เรียนรู้ จากกิจกรรมต่อไปนี้ ขน้ั ท่ี 3 ข้ันดำเนินการสอน 1.หลังจากทำกิจกรรมแล้ว ครนู ำอภปิ รายผลการทำกจิ กรรม โดยใช้คำถามดังนี้ 1.1 ลักษณะของพาราฟนิ กอ่ นให้ความร้อนเปน็ อย่างไร (พาราฟินมีลกั ษณะเป็นกอ้ นแข็งสีขาวขุ่น ผวิ ลื่น) 1.2 อณุ หภมู ขิ องพาราฟนิ กอ่ นให้ความร้อนมีค่าเทา่ ไร (คำตอบเป็นไปตามคา่ อุณหภูมทิ ี่นักเรียนวดั ได)้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook