Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์ ป.3

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์ ป.3

Published by Atsreport61, 2023-02-18 10:48:24

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์ ป.3

Search

Read the Text Version

ช่วั โมงที่ 3 เร่อื ง : ความสมั พันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ (2) ขัน้ ท่ี 1 ขน้ั เตรียมกิจกรรม เตรียมอุปกรณ์การเรยี น ส่อื การเรียนการสอน ขัน้ ที่ 2 ข้ันนำเข้าสู่บทเรียน - ครูแจง้ จุดประสงค์การเรียนรู้ใหน้ ักเรียนทราบทบทวนกจิ กรรมทเี่ รียนในช่ัวโมงทแ่ี ล้ว ขั้นท่ี 3 ขน้ั ดำเนนิ การสอน 1. เม่อื นักเรยี นเข้าใจวธิ กี ารทำกิจกรรมในทำอยา่ งไร แลว้ ใหน้ ักเรยี นรับ อปุ กรณ์ และเร่มิ ปฏิบตั ิตามขนั้ ตอนการ ทำกจิ กรรม 2. หลงั จากทำกิจกรรมแลว้ นกั เรยี นร่วมกันอภิปรายผลการทำกจิ กรรม ตามแนวคำถามดังน้ี 2.1 กระดานมที ัง้ หมดก่ีช่อง (36 ชอ่ ง) 2.2 ตัวต่อมที งั้ หมดก่ีตัว แตล่ ะตวั มกี ่ีช่อง (ตัวต่อมีท้งั หมด 9 ตวั แต่ละ ตวั มี 4 ช่อง) 2.3 นักเรียนจำแนกตวั ต่อตามรปู ร่างได้ก่ีกลมุ่ อะไรบ้าง (นกั เรียนตอบตามที่สงั เกตและจำแนกได้ เชน่ 3 กลุ่ม ได้แก่กล่มุ รูป และ ) 2.4 ตวั ตอ่ 1 ตัวต้องการพนื้ ท่ีบนกระดานกช่ี ่อง (4 ช่อง) 2.5 จำนวนพนื้ ทบ่ี นกระดานท่จี ะนำตวั ต่อแตล่ ะตวั วางบนกระดานไดม้ ีก่ี ช่อง (4 ช่อง) 2.6 จำนวนตัวต่อที่วางบนกระดานเต็มพน้ื ท่ีพอดมี ีเท่าใด (9 ตัว) 2.7 เพราะเหตุใดจึงวางตวั ต่อ 1 ตวั บนกระดานได้ (เพราะตวั ต่อ 1 ตวั มี พน้ื ทน่ี ้อยกวา่ พ้ืนทข่ี องกระดาน จงึ วางบนกระดานได้) 2.8 เพราะเหตุใด เราจึงวางตัวต่อทัง้ 9 ตัวบนกระดานได้เตม็ พ้ืนที่พอดี (เพราะตัวต่อ 9 ตวั มีพน้ื ทีเ่ ทา่ กนั กับพ้นื ท่ีของกระดาน) 2.9 ถ้าเพ่ิมจำนวนตัวตอ่ มากกวา่ 9 ตัวจะวางบนกระดานไดพ้ อดีหรือไม่ เพราะเหตุใด (ไมไ่ ด้ เพราะพื้นท่ี บนกระดานจะน้อยกว่าพื้นทขี่ อง ตวั ตอ่ ทั้งหมด) 2.10 การวางตัวต่อใหเ้ ตม็ กระดานพอดตี อ้ งทำอย่างไร (สงั เกตว่าตัวตอ่ แต่ละตัวมรี ปู รา่ งอยา่ งไร และต้อง ใชพ้ ืน้ ท่เี ทา่ ไรแลว้ เปรยี บเทียบกับ พ้นื ท่ีวา่ งท่ีจะนำไปวางบนกระดาน) 3. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามในสิ่งที่อยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับทักษะ การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซ กับสเปซ จากนั้นรว่ มกันอภปิ รายและ ลงขอ้ สรุปว่าการหาความสัมพันธร์ ะหว่างสเปซกบั สเปซเป็นการพจิ ารณา ว่าวัตถุน้ัน ๆ จะมีขนาดหรือพื้นที่พอดีกับที่ว่างที่มีอยู่ ซึ่งความสามารถที่ ทำสิ่งนี้ได้จัดเป็นทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซ กับสเปซ (S13) 4. นักเรียนร่วมกันอภิปรายและตอบคำถามใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้ คำถามเพิ่มเติมในการอภิปรายเพื่อให้ได้ แนวคำตอบท่ีถูกต้อง 5. นกั เรยี นอ่าน สง่ิ ทไี่ ดเ้ รียนรู้ และเปรียบเทียบกบั ขอ้ สรปุ ของตนเอง 6. ครกู ระต้นุ ให้นักเรียนฝกึ ต้ังคำถามเกยี่ วกับเร่ืองทส่ี งสยั หรอื อยากรู้ เพ่ิมเตมิ ใน อยากรู้อกี วา่ จากนนั้ ครูอาจส่มุ นกั เรยี น 2 -3 คน นำเสนอ คำถามของตนเองหน้าชัน้ เรียน จากน้นั นกั เรียนรว่ มกันอภิปราย เกี่ยวกบั คำถามทีน่ ำเสนอ 7. ครูนำอภิปรายเพอื่ ให้นักเรียนทบทวนวา่ ไดฝ้ ึกทกั ษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตรแ์ ละทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 อะไรบา้ งและในขนั้ ตอนใด

ขน้ั ที่ 4 ข้ันสรุป 8. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุป การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซเป็นการพิจารณา ว่าวัตถุนั้น ๆ จะมี ขนาดหรือพื้นที่พอดีกับที่ว่างท่ีมอี ยู่ ซึ่งความสามารถที่ ทำสิ่งนี้ได้จดั เป็นทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ (S13) ได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ดังนี้ S1 สังเกตลักษณะของตัวตอ่ S4 จำแนกตัวตอ่ โดยใชร้ ปู ร่างเปน็ เกณฑ์ S8 ลงความเหน็ เก่ยี วกบั ความสมั พันธ์ของรปู รา่ งตวั ต่อ กับพ้ืนทวี่ ่างบนกระดานท่ีจะนำ ตัวต่อไปวาง S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ C2 พิจารณาความสัมพนั ธข์ อง รปู ร่างตวั ตอ่ กับพน้ื ทว่ี า่ งท่จี ะ นำตวั ตอ่ ไปวางไดพ้ อดี C4 อภิปรายความสัมพนั ธ์ของ รูปรา่ งตัวตอ่ กบั พืน้ ที่วา่ งท่จี ะ นำตัวตอ่ ไปวางได้พอดี C5 รว่ มมอื กันวางตัวต่อบน กระดาน การวัดและการประเมนิ ผล เป้าหมาย วิธวี ัด เครือ่ งมือวัด เกณฑก์ ารประเมนิ ดา้ นความรู้ (K) ตรวจแบบบันทึกกจิ กรรม แบบบันทกึ กจิ กรรม นักเรยี นได้คะแนน กจิ กรรมฝึกทกั ษะความสมั พนั ธ์ รอ้ ยละ 60 ข้ึนไป ระหวา่ งสเปซกับสเปซ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ประเมินการทำกจิ กรรมทักษะ แบบสังเกต นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมนักเรียนในการ กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมนิ ระดบั ปฏบิ ัตกิ จิ กรรม พอใช้ข้นึ ไป ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) สงั เกตความมีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมัน่ แบบประเมนิ นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ ความมวี ินัย ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ ม่ัน ในการทำงาน คณุ ลกั ษณะ การประเมนิ ระดับ ในการทำงาน อนั พงึ ประสงค์ พอใช้ขนึ้ ไป ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คุณภาพ 2 1) ความสามารถในการสือ่ สาร พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ 2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา 4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ บนั ทึกหลังการสอน ผลการจัดการเรียนรู้ ปญั หาและอุปสรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ปญั หา ดา้ นความรู้ (K) - นักเรียนบางคนไม่สามารถทำได้ด้วย - อธบิ ายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียน - นกั เรยี นรอ้ ยละ 95 อธิบาย ตนเอง ความสมั พันธร์ ะหว่างสเปซกับสเปซ ได้ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - นกั เรียนบางคนไมม่ สี มาธใิ นการเรียน - ครอู บรมตักเตอื น และใหน้ ักเรยี นปฏิบัติ - นกั เรียนร้อยละ 98 ตั้งใจปฏบิ ตั ิ ใหมอ่ ีกคร้งั กิจกรรม

ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) - นกั เรยี นบางคนไมม่ ีสมาธใิ นการเรยี น - ครูอบรมตกั เตือน และสงั เกตพฤติกรรม - นักเรยี นรอ้ ยละ 98 ความมีวินยั ของนักเรียนใหม่หลังจากอบรมตักเตือน ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมน่ั ในการทำงาน แลว้ ลงชอื่ ผ้สู อน (นายอสิ รานุวฒั น์ รดิ สมเงิน) ลงช่ือ ลงชอื่ (นายอิสรานวุ ฒั น์ ริดสมเงิน) (นางสาวสุขใจ ปรศี ริ ิ) หัวหนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รองผอู้ ำนวยการกลุม่ บริหารวิชาการ ลงชอ่ื (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพนั ธ์ุ) ผู้อำนวยการโรงเรียนอรรถวทิ ย์ ชวั่ โมงท่ี 4 เร่อื ง : ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสเปซกับเวลา (1) ขัน้ ที่ 1 ขั้นเตรียมกิจกรรม เตรยี มอุปกรณ์การเรยี น สือ่ การเรียนการสอน ขั้นที่ 2 ขั้นนำเข้าสบู่ ทเรียน - ครูแจง้ จดุ ประสงค์การเรยี นรใู้ ห้นกั เรียนทราบทบทวนกิจกรรมท่เี รยี นในชวั่ โมงท่แี ลว้ ขนั้ ท่ี 3 ขน้ั ดำเนินการสอน 1. ครูตรวจสอบความรูเ้ ดิมเก่ียวกบั การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับ เวลาจากการสาธติ โดยครถู ือขวดท่ีมีนำ้ ระดบั ความสงู ¼ ของขวด ให้ นกั เรยี นสงั เกตและอภปิ รายโดยใช้คำถามดังนี้ 1.1 นำ้ ครอบครองบริเวณใดในขวด (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ) 1.2 ถา้ ครูเตมิ นำ้ ลงในขวดเรื่อย ๆ พน้ื ทีท่ น่ี ำ้ ครอบครองจะ เปลี่ยนแปลงหรือไม่ อยา่ งไร (นกั เรียนตอบ ตามความเขา้ ใจ) 1.3 ถ้าเติมน้ำลงในขวดใบนจ้ี นเต็ม บรเิ วณใดของขวดทน่ี ้ำ ครอบครองอยู่ (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจ) 1.4 เมื่อน้ำเต็มขวดแลว้ ถ้าครูค่อย ๆ รนิ นำ้ ออกจากขวด เม่ือเวลา ผา่ นไปพื้นทที่ นี่ ้ำครอบครองอยจู่ ะ เปน็ อย่างไร (นกั เรยี นตอบ ตามความเขา้ ใจ) 2. ครูเช่อื มโยงความรขู้ องนักเรียนเขา้ สู่กิจกรรมที่ 2.2 โดยใช้คำถามว่า การหาความสัมพันธร์ ะหว่างสเปซกบั เวลา เป็นอยา่ งไร 3. นกั เรียนอ่านช่ือกจิ กรรม และทำเป็นคิดเปน็ จากนน้ั ร่วมกันอภปิ ราย เพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจเก่ียวกับ จดุ ประสงคใ์ นการทำกจิ กรรม โดยใช้ คำถาม ดงั น้ี 3.1 กจิ กรรมนี้นกั เรยี นจะไดเ้ รียนเรอ่ื งอะไร (การหาความสัมพนั ธ์ ระหว่างสเปซกบั เวลา) 3.2 นกั เรียนจะได้เรยี นร้เู รอ่ื งนีด้ ว้ ยวิธีใด (การสงั เกตและฝกึ ทกั ษะ)

3.3 เม่ือเรียนแล้วนักเรียนจะทำอะไรได้ (สามารถฝึกและอธิบาย ทกั ษะการหาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสเปซ กับเวลา) 4. นกั เรยี นบนั ทกึ จดุ ประสงค์ลงในแบบบนั ทึกกิจกรรม หน้า 21 และอ่าน สิ่งทีต่ ้องใช้ในการทำกิจกรรม 5. นักเรยี นอา่ นทำอยา่ งไร ทีละขอ้ โดยครูใชว้ ิธฝี ึกทกั ษะการอ่านที่ เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากน้นั ครูตรวจสอบความ เข้าใจเกยี่ วกับวธิ ีการทำกิจกรรมเพ่อื ตอบคำถามวา่ เม่ือเวลาผา่ นไป การครอบครองพนื้ ที่สขี อง ลูกอมในน้ำเป็นอย่างไร จนนักเรยี นเข้าใจ ลำดับการทำกจิ กรรม โดยใช้คำถามดังน้ี 5.1 ในข้อที่ 1 นักเรียนต้องใช้วัสดุอปุ กรณ์อะไรบ้างและต้องทำอย่างไร (ต้องใช้จานพลาสติกและน้ำ โดย คอ่ ย ๆ รนิ น้ำลงใน จานพลาสติกใหเ้ ตม็ ก้นจาน 5.2 ในข้อที่ 2 นกั เรียนต้องทำอย่างไร (วางลกู อมเคลือบสี 1 เมด็ ใน จานบริเวณใดบริเวณหนึ่งโดยจาน วางน่งิ ) 5.3 ในข้อท่ี 3 นักเรยี นต้องทำอย่างไร (สงั เกตและบันทึกการ เปล่ยี นแปลงท่ีเกิดข้นึ ในจานทุก ๆ 1 นาทีจนครบ 5 นาที) 5.4 ในขอ้ ที่ 4 นกั เรียนต้องอภปิ รายเกีย่ วกับอะไร (อภปิ รายวา่ สขี อง ลกู อมที่อยูใ่ นนำ้ มีการครอบครอง พ้นื ท่ีอยา่ งไรเมอ่ื เวลาผา่ นไป) ข้ันที่ 4 ขน้ั สรุป 6. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปกจิ กรรมนี้ เรียนรู้ การหาความสมั พนั ธ์ ระหว่างสเปซกับเวลาด้วยวธิ กี ารสงั เกตและ ฝกึ ทกั ษะสามารถฝกึ และอธิบาย ทกั ษะการหาความสมั พันธร์ ะหว่างสเปซกบั เวลา การวดั และการประเมินผล วิธวี ัด เคร่อื งมือวดั เกณฑ์การประเมิน เปา้ หมาย ตรวจแบบบันทึกกิจกรรม แบบบันทึกกิจกรรม นักเรยี นได้คะแนน ดา้ นความรู้ (K) รอ้ ยละ 60 ขน้ึ ไป กิจกรรมฝกึ ทักษะความสมั พนั ธ์ ระหว่างสเปซกบั เวลา ประเมินการทำกิจกรรมทักษะ แบบสงั เกต นักเรยี นผ่านเกณฑ์ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมนิ ระดบั สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นในการ พอใช้ข้นึ ไป ปฏบิ ัติกจิ กรรม สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่นั แบบประเมนิ นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) การประเมินระดับ ความมวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งม่นั ในการทำงาน คุณลกั ษณะ พอใช้ขนึ้ ไป ในการทำงาน ระดับคุณภาพ 2 อนั พงึ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ ด้านสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการสอ่ื สาร สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกต 2) ความสามารถในการคดิ 3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา พฤติกรรม 4) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต

บันทึกหลังการสอน ปญั หาและอปุ สรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ปญั หา ผลการจัดการเรยี นรู้ - นักเรยี นบางคนไมส่ ามารถทำได้ด้วย - อธบิ ายเพมิ่ เติมให้นักเรียน ตนเอง ด้านความรู้ (K) - ครูอบรมตักเตอื น และใหน้ กั เรยี นปฏิบตั ิ - นักเรยี นรอ้ ยละ 98 อธบิ ายทักษะ - นกั เรยี นบางคนไมม่ สี มาธใิ นการเรยี น ใหม่อีกครงั้ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสเปซกับเวลา ได้ - นักเรยี นบางคนไมม่ ีสมาธิในการเรยี น - ครูอบรมตักเตอื น และสังเกตพฤติกรรม ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) ของนักเรียนใหมห่ ลังจากอบรมตักเตือน - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 ตั้งใจปฏบิ ัติ แล้ว กจิ กรรม ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) - นกั เรยี นร้อยละ 98 ความมีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ ม่นั ในการทำงาน ลงชื่อ ผูส้ อน (นายอสิ รานุวฒั น์ รดิ สมเงนิ ) ลงชือ่ ลงช่อื (นายอิสรานุวัฒน์ ริดสมเงนิ ) (นางสาวสขุ ใจ ปรศี ิร)ิ หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผู้อำนวยการกลมุ่ บริหารวชิ าการ ลงชอื่ (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพันธ์ุ) ผู้อำนวยการโรงเรยี นอรรถวทิ ย์ ตาราง แสดงการวิเคราะห์ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรต์ ามระดบั ความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใช้เกณฑ์การประเมิน ดังนี้ กระบวนการ รายการประเมนิ ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ S1 การสงั เกต การบรรยาย ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) รายละเอียดของส่ิง ทสี่ งั เกต สามารถใชป้ ระสาท สามารถใช้ สามารถใชป้ ระสาท สัมผสั และแว่น ประสาทสัมผัส สมั ผัสและแวน่ ขยาย ขยายเกบ็ และแว่นขยาย เกบ็ รายละเอยี ด รายละเอียดขอ้ มูล เกบ็ รายละเอยี ด ข้อมลู ของสงิ่ ท่ี ของส่งิ ทีส่ งั เกตได้ ขอ้ มลู ของสิง่ ท่ี สังเกตไดเ้ พียง ดว้ ยตนเอง โดยไม่ สังเกตได้ จากการ บางสว่ นแม้ว่าจะได้ เพ่ิมความคดิ เห็น ช้แี นะของครูหรือ

ผ้อู ่ืนหรอื มีการ รับคำชี้แนะจากครู หรอื ผู้อืน่ เพ่มิ เติมความ ลงความเห็นจาก คิดเห็น ข้อมูลว่าการสงั เกต สง่ิ ตา่ งๆ โดยใช้แวน่ S8 การลงความเห็น การลงความเหน็ สามารถลง สามารถลง ขยายทำให้ไดข้ ้อมลู จากข้อมูล ท่ีทแ่ี ตกตา่ งจากการ จากข้อมลู ว่าการ ความเห็นจาก ความเหน็ จาก สังเกตโดยใชต้ า S13 การ เปล่าแตไ่ มส่ ามารถ ตีความหมายข้อมลู สังเกตส่ิงตา่ งๆ โดย ข้อมลู วา่ การสังเกต ข้อมลู วา่ การ บอกไดว้ ่าแตกต่าง และลงข้อสรปุ อยา่ งไร แมจ้ ะได้ ใชแ้ ว่นขยายทำให้ สิง่ ตา่ งๆ โดยใชแ้ ว่น สังเกตส่ิงต่างๆ รบั คำชี้แนะจากครู หรือผูอ้ ื่น ได้ข้อมลู ทีช่ ัดเจน ขยายทำให้ได้ข้อมูล โดยใชแ้ วน่ ขยาย สามารถ และละเอียดว่าการ ทชี่ ดั เจนและ ทำให้ได้ข้อมูลท่ี ตีความหมายข้อมลู จากการสังเกตและ สังเกตโดยใช้ตา ละเอยี ดว่าการ ชดั เจนและ การอภิปรายไดว้ ่า ลักษณะของ เปลา่ สงั เกตโดยใช้ตา ละเอยี ดว่าการ สิ่งมีชวี ติ เม่อื สังเกต ด้วยตาเปลา่ และใช้ เปลา่ ได้อยา่ ง สงั เกตโดยใช้ตา แวน่ ขยายได้เพยี ง บางส่าวนและลง ถูกต้องและชดั เจน เปล่าลงความเหน็ ขอ้ สรปุ ได้ไมส่ มบูรณ์ แมว้ ่าจะได้รับคำ ได้ด้วยตนเอง ได้อย่างถกู ตอ้ ง ช้ีแนะจากครหู รือ ผูอ้ ่ืน และชดั เจนจาก การช้แี นะของครู หรือผูอ้ น่ื การตีความหมาย สามารถ สามารถ ขอ้ มลู จากการ ตคี วามหมายข้อมูล ตคี วามหมาย สังเกตและการ จากการสงั เกตและ ข้อมูลจากการ อภปิ รายได้วา่ การอภิปรายไดว้ า่ สังเกตและการ ลักษณะของ ลกั ษณะของ อภิปรายได้วา่ สิ่งมีชีวติ เมอ่ื สังเกต สง่ิ มีชีวิตเมอื่ สงั เกต ลักษณะของ ดว้ ยตาเปล่าและใช้ ดว้ ยตาเปลา่ และใช้ สิ่งมีชวี ติ เมอื่ แว่นขยายมีลักษณะ แว่นขยายมลี กั ษณะ สังเกตด้วยตา บางอย่างเหมือนกัน บางอยา่ งเหมือนกนั เปล่าและใช้แว่น และลักษณะ และลกั ษณะ ขยายมลี ักษณะ บางอยา่ งแตกต่าง บางอยา่ งแตกต่าง บางอย่าง กันและลงขอ้ สรุป กนั และลงข้อสรปุ เหมอื นกันและ ไดว้ า่ การสงั เกตสิง่ ไดว้ า่ การสงั เกตสง่ิ ลักษณะบางอย่าง ต่างๆ โดยใชแ้ วน่ ต่างๆ โดยใชแ้ ว่น แตกตา่ งกันและ

ขยายทำให้ได้ข้อมูล ขยายทำให้ไดข้ ้อมูล ลงข้อสรุปไดว้ า่ ที่ชัดเจนและ ที่ชัดเจนและ การสงั เกตสิ่ง รายละเอียดกวา่ รายละเอียดกวา่ ต่างๆ โดยใชแ้ ว่น การสงั เกตด้วยตา การสังเกตด้วยตา ขยายทำให้ได้ เปลา่ เปลา่ ไดด้ ้วยตนเอง ข้อมูลทชี่ ดั เจน และรายละเอยี ด กวา่ การสังเกต ด้วยตาเปล่าจาก การช้แี นะของครู หรือผูอ้ น่ื ตาราง แสดงการวิเคราะห์ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ตามระดบั ความสามารถของนักเรียน โดยอาจใช้เกณฑก์ ารประเมิน ดังน้ี กระบวนการ รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) C4 การสือ่ สาร การนำเสนอ นำเสนอข้อมูล นำเสนอข้อมลู นำเสนอข้อมูลจาก ข้อมูลจากการ จากการสงั เกต จากการสงั เกต การสังเกตลักษณะ สงั เกตลกั ษณะ ลกั ษณะของส่งิ ลกั ษณะของสง่ิ ของสิ่งตา่ งๆ ใน ของส่ิงต่างๆ ใน ต่างๆ ในรูปแบบ ต่างๆ ในรูปแบบ รปู แบบของรปู วาด รูปแบบของรูป ของรูปวาดให้ ของรูปวาดให้ ให้ผ้อู ่นื เข้าใจได้ วาดให้ผอู้ ื่นเขา้ ใจ ผ้อู ่ืนเข้าใจได้ ผอู้ น่ื เข้าใจได้ เพียงบางส่วน อย่างถูกต้องและ อย่างถูกต้อง และ แมว้ ่าจะได้รับคำ รวดเรว็ ได้ด้วย รวดเรว็ จากการ ชี้แนะจากครูหรือ ตนเอง ช้แี นะของครูหรือ ผูอ้ ่ืน ผ้อู นื่ C5 ความรว่ มมือ การทำงาน สามารถทำงาน สามารถทำงาน สามารถทำงาน รว่ มกับผอู้ ่ืนและ รว่ มกับผู้อ่ืนได้ดี ร่วมกบั ผ้อู น่ื และ รว่ มกับผอู้ ่นื ไดบ้ ้าง การแสดงความ มสี ว่ นรว่ มในการ การแสดงความ แตไ่ ม่ค่อยแสดง คิดเหน็ เก่ยี วกบั แสดงความ คดิ เห็นเก่ยี วกบั ความคดิ เหน็ ประโยชน์ของการ คดิ เหน็ เกย่ี วกับ ประโยชนข์ องการ เกย่ี วกับประโยชน์ ใช้แว่นขยายใน ประโยชน์ของการ ใชแ้ ว่นขยายใน ของการใชแ้ วน่

การสงั เกตส่ิง ใช้แวน่ ขยายใน การสงั เกตสิง่ ขยายในการสงั เกต ต่างๆ รวมทั้ง การสังเกตสิง่ ต่างๆ รวมท้งั สิง่ ตา่ งๆ รวมท้ัง ยอมรับความ ตา่ งๆ รวมทงั้ ยอมรบั ความ ยอมรบั ความ คดิ เหน็ ของผ้อู น่ื ยอมรับความ คดิ เหน็ ของผู้อ่ืน คิดเห็นของผอู้ ่ืน คดิ เหน็ ของผอู้ ื่น เป็นบางชว่ งเวลา ตลอดชว่ งเวลา ของการทำ ของการทำ กิจกรรม กิจกรรม การประเมนิ จากการทำกิจกรรม 1 คะแนน หมายถงึ ควรปรับปรุง ระดับคะแนน 3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ รหัส สงิ่ ทป่ี ระเมนิ ระดับคะแนน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสงั เกต S8 การลงความเห็นจากข้อมูล S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรุป ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 C4 การส่ือสาร C5 ความรว่ มมือ

แผนการจดั การเรียนรู้ สัปดาห์ที่ 4 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั : ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 ช่ือรายวชิ า : วิทยาศาสตร์ 3 รหัสวิชา: ว 13101 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การเรียนรสู้ งิ่ ตา่ ง ๆ รอบตัว เวลา : 4 ชั่วโมง 1. สาระ/มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั มาตรฐานการเรียนรู้/ผลการเรียนรู้ - 2. สาระสำคญั อธิบายทักษะการหาความสมั พันธร์ ะหว่างสเปซ กับสเปซและสเปซกับเวลา และทักษะการสร้างแบบจำลอง และ ฝึกทักษะการหาความสัมพนั ธร์ ะหว่างสเปซกับสเปซ และสเปซกบั เวลา และทักษะการสร้างแบบจำลอง 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ด้าน K - อธบิ ายทกั ษะการหาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสเปซ กบั สเปซและสเปซกบั เวลา - ฝกึ และอธบิ ายทักษะการสร้างแบบจำลอง - อธบิ ายความสำคัญของหลักฐานในการสือ่ สารทางวทิ ยาศาสตร์ ดา้ น P - มที ักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ดา้ น A - มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ 4. สาระการเรยี นรู้ - ทกั ษะการหาความสัมพันธร์ ะหวา่ งสเปซ กับสเปซและสเปซกับเวลา ฝึกและอธบิ ายทักษะการ สรา้ งแบบจำลอง ความสำคญั ของหลักฐานในการสอื่ สาร ทางวทิ ยาศาสตร์ 5. ทักษะกระบวนการ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 1. การสงั เกต 2. การจำแนกประเภท 3. การลงความเหน็ จากขอ้ มูล 4. การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ 6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรยี นรู้ 2. อยู่อย่าง 3. มงุ่ มั่นในการทำงาน 7. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา 4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต

8. บูรณาการสาระทอ้ งถ่ิน/สวนพฤกษศาสตร์ - 9. หลักฐานการเรยี นรู้ (ชิ้นงาน/ภาระงาน) 1. แบบบันทึกกิจกรรม 10.สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.3 สสวท. 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม 3. แบบทดสอบ 4. แหลง่ เรยี นรู้ เช่น หนงั สือ วารสาร อนิ เทอรเ์ นต็ 11. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชว่ั โมงที่ 1 เร่อื ง : ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสเปซกับเวลา (2) ขน้ั ท่ี 1 ขั้นเตรยี มกจิ กรรม เตรียมอปุ กรณ์การเรยี น สอื่ การเรียนการสอน ข้ันที่ 2 ขั้นนำเข้าสูบ่ ทเรียน - ครูแจง้ จดุ ประสงค์การเรยี นรใู้ ห้นักเรียนทราบทบทวนกิจกรรมทีเ่ รียนในช่วั โมงทแ่ี ล้ว 1. ครูให้นักเรียนอ่านทำอย่างไร ทีละข้อ โดยครูใช้วิธีฝึกทักษะการอ่านที่ เหมาะสมกับความสามารถของนกั เรียน จากนั้นครูตรวจสอบความ เข้าใจเกี่ยวกับวิธีการทำกิจกรรมเพื่อตอบคำถามว่าเมื่อเวลาผ่านไป การครอบครองพื้นที่สีของ ลูกอมในน้ำเป็นอยา่ งไร จนนักเรียนเขา้ ใจ ลำดับการทำกิจกรรม ขน้ั ท่ี 3 ขน้ั ดำเนนิ การสอน 2. เม่ือนักเรยี นเข้าใจวธิ ีการทำกิจกรรมในทำอยา่ งไร แลว้ ครแู ละนกั เรยี น อภิปรายร่วมกนั ว่าจะบันทึกผลในแบบ บันทกึ กิจกรรมอย่างไร จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นรบั อปุ กรณ์และเร่มิ ปฏบิ ตั ิตามขนั้ ตอนการทำกจิ กรรม 3. หลังจากทำกิจกรรมแล้ว นกั เรียนรว่ มกันอภิปรายผลการทำกจิ กรรม ตามแนวคำถามดงั นี้ 3.1 เกดิ อะไรข้ึนเมือ่ เร่มิ วางลกู อมเคลอื บสีในจานทบ่ี รรจนุ ้ำ (นำ้ รอบ ๆ เม็ดลูกอมเปลีย่ นจากใสไม่มีสีเป็น มสี เี หมือนสีท่เี คลอื บลกู อม) 3.2 เมื่อเวลาผ่านไป 2 นาที พื้นที่ของน้ำที่มีสีเปลี่ยนแปลงอย่างไร (พื้นที่ของน้ำที่มีสีแผ่ขยายบริเวณ เพิม่ ขึ้น) 3.3 เมื่อเวลาผ่านไป 5 นาที พื้นที่ของน้ำที่มีสีเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไรเมื่อเทียบกับเมื่อเวลา 2 นาที (พ้นื ท่ีของนำ้ ทีม่ สี ีแผข่ ยาย เพิ่มขึน้ อีก) 3.4 เมื่อเวลาผ่านไปมากกว่า 5 นาที นักเรียนคิดว่าพื้นที่ของน้ำที่มีสี จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะเหตุใด (คำตอบขึ้นอยู่กับผลการทำ กิจกรรมของนักเรียน เช่น เพิ่มขึ้นเพราะยังมีพื้นที่ของน้ำ เหลืออยู่ซึ่งสีของลูกอมสามารถแผ่ กระจายไปได้อีกหรือไม่ เพ่มิ ข้นึ เพราะสีของลูกอมกระจายจนเต็มพ้ืนทข่ี องน้ำแล้ว) 3.5 พ้นื ทสี่ ีของลูกอมที่อยู่ในน้ำเมื่อเวลาผ่านไปเพ่ิมขึน้ หรือลดลง อย่างไร (เม่ือเวลาผ่านไป พื้นท่ีสีของลูก อมจะเพิม่ ขึน้ เรอ่ื ย ๆ) 4. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามในสิ่งที่อยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับทักษะ การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับ เวลา จากนั้นร่วมกันอภิปรายและ สรุปว่าการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับเวลาเป็นการพิจารณาว่า วัตถุนั้น ๆ จะมี

พื้นที่หรือขนาดเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่ง ความสามารถที่ทำสิ่งนี้ได้จัดเป็นทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่าง สเปซ กบั เวลา (S13) 5. นักเรียนร่วมกันอภิปรายและตอบคำถามใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้ คำถามเพิ่มเติมในการอภิปรายเพื่อให้ได้ แนวคำตอบที่ถูกตอ้ ง 6. นักเรียนอ่าน ส่ิงท่ไี ด้เรยี นรู้ และเปรียบเทยี บกับข้อสรุปของตนเอง 7. ครูกระตุ้นให้นักเรยี นฝึกตั้งคำถามเกี่ยวกับเร่ืองที่สงสัยหรืออยากรู้ เพิ่มเติมใน อยากรู้อีกว่า จากนั้นครูอาจส่มุ นักเรียน 2-3 คน นำเสนอ คำถามของตนเองหน้าชั้นเรียน จากนั้นนักเรียนร่วมกันอภิปราย เกี่ยวกับคำถามที่นำเสนอ 8. ครูนำอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 อะไรบา้ งและในขนั้ ตอนใด ขนั้ ที่ 4 ขัน้ สรุป 6. ครแู ละนกั เรียนร่วมกัน สรุปว่าการหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปซกบั เวลาเปน็ การพิจารณาว่า วัตถนุ ัน้ ๆจะมี พ้นื ท่ีหรือขนาดเปล่ยี นแปลงไปเมื่อเวลาผ่านไป ซ่ึง ความสามารถท่ีทำส่งิ นไ้ี ดจ้ ัดเป็นทกั ษะการหาความสมั พนั ธร์ ะหว่าง สเปซ กับเวลา (S13) 7. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรปุ การฝึกทักษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ดังน้ี S1 สังเกตการเปลี่ยนแปลงของนำ้ เม่ือวางลูกอมในนำ้ S5 หาความสัมพันธร์ ะหวา่ งพื้นท่ี ของน้ำทมี่ ีสขี องลกู อมกบั เวลา S8 ลงความเห็นเก่ยี วกบั การ เปลย่ี นแปลงสขี องนำ้ กบั พ้ืนที่ ท่มี สี ีของลูกอม C4 บอกลักษณะพนื้ ทขี่ องนำ้ ท่ีมสี ี ของลูกอมโดยการวาดภาพและ บรรยาย C5 รว่ มมอื กนั ทำกจิ กรรม การวดั และการประเมนิ ผล วิธีวัด เครอ่ื งมือวดั เกณฑ์การประเมิน เป้าหมาย ตรวจแบบบนั ทึกกิจกรรม แบบบันทกึ กิจกรรม นักเรียนได้คะแนน ด้านความรู้ (K) รอ้ ยละ 60 ขึน้ ไป มที ักษะการหาความสมั พันธ์ ระหวา่ งสเปซ กบั เวลา ประเมนิ การทำกจิ กรรมทักษะ แบบสงั เกต นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดบั สังเกตพฤตกิ รรมนกั เรียนในการ พอใช้ข้ึนไป ปฏบิ ตั ิกิจกรรม สงั เกตความมวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมั่น แบบประเมิน นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) การประเมนิ ระดบั ความมวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งม่ัน ในการทำงาน คณุ ลักษณะ พอใช้ขึน้ ไป ในการทำงาน ระดับคุณภาพ 2 อนั พึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์ ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 1) ความสามารถในการส่อื สาร สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกต 2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา พฤติกรรม 4) ความสามารถในการใชท้ ักษะ ชวี ติ

บันทกึ หลังการสอน ปัญหาและอุปสรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกป้ ญั หา ผลการจัดการเรียนรู้ - นกั เรียนบางคนไม่สามารถทำได้ดว้ ย - อธิบายเพิ่มเติมให้นกั เรยี น ด้านความรู้ (K) ตนเอง - นักเรียนรอ้ ยละ 90 มที ักษะการ หาความสัมพันธ์ระหวา่ งสเปซ กับ - นกั เรียนบางคนไมม่ ีสมาธิในการเรยี น - ครูอบรมตกั เตือน และใหน้ ักเรยี นปฏิบตั ิ เวลา ใหมอ่ ีกครงั้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) - นกั เรียนร้อยละ 98 ตั้งใจปฏิบตั ิ - นกั เรยี นบางคนไมม่ สี มาธใิ นการเรียน - ครูอบรมตักเตอื น และสังเกตพฤติกรรม กจิ กรรม ของนักเรียนใหมห่ ลงั จากอบรมตักเตือน ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) แล้ว - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 ความมีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมน่ั ในการทำงาน ลงชื่อ ผสู้ อน (นายอสิ รานวุ ฒั น์ ริดสมเงิน) ลงชือ่ ลงชือ่ (นายอสิ รานุวัฒน์ รดิ สมเงนิ ) (นางสาวสุขใจ ปรีศริ )ิ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รองผ้อู ำนวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ ลงช่อื (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพนั ธ์ุ) ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นอรรถวิทย์ ช่ัวโมงท่ี 2 เรื่อง : สร้างแบบจำลองอธิบายกระบอกปริศนา (1) ขัน้ ท่ี 1 ขนั้ เตรียมกิจกรรม เตรยี มอุปกรณก์ ารเรยี น สือ่ การเรียนการสอน ขนั้ ท่ี 2 ขน้ั นำเข้าสูบ่ ทเรียน - ครูแจง้ จุดประสงค์การเรียนรใู้ หน้ ักเรยี น 1. ครูทบทวนความรู้พ้ืนฐานเกยี่ วกบั แบบจำลองโดยใช้คำถามดังต่อไปนี้ 1.1 แบบจำลองคอื อะไร (แบบจำลองคือ สง่ิ ท่ีใชแ้ ทนวตั ถหุ รือ ปรากฏการณ์ตา่ ง ๆ ท่เี กดิ ขึน้ จริง) 1.1 ภาพวาดเปน็ แบบจำลองได้เพราะเหตใุ ด (ภาพวาดเป็น แบบจำลองเพราะเปน็ สง่ิ ท่ีสร้างขน้ึ เพ่ือแทน วตั ถหุ รือ ปรากฏการณ์ตา่ ง ๆ ท่เี กิดข้ึนจรงิ ) 2. ครตู รวจสอบความรูเ้ ดมิ เกี่ยวกับการสร้างแบบจำลองโดยใชค้ ำถาม ต่อไปน้ี 2.1 แบบจำลองสามารถเปล่ยี นแปลงไดห้ รอื ไม่ (นกั เรียนตอบตาม ความเข้าใจของตนเอง) 2.2 เราใช้แบบจำลองเพอ่ื จดุ ประสงค์ใด (นักเรียนตอบตามความ เขา้ ใจ)

ครูเชอ่ื มโยงความรู้ของนักเรียนเข้าสู่กิจกรรมที่ 2.3 กจิ กรรมนน้ี ักเรียน จะได้เรยี นเก่ียวกับการสรา้ งแบบจำลอง เพื่ออธิบายกระบอกปรศิ นา ขนั้ ที่ 3 ขั้นดำเนนิ การสอน 3. นักเรียนอา่ นช่ือกจิ กรรม และทำเปน็ คิดเปน็ จากน้ันร่วมกันอภิปราย เพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจเกี่ยวกบั จุดประสงค์ในการทำกิจกรรม โดยใช้ คำถาม ดังน้ี 3.1 กิจกรรมน้นี กั เรียนจะได้เรียนเร่อื งอะไร (ทักษะการสร้าง แบบจำลอง) 3.2 นักเรียนจะไดเ้ รียนรูเ้ รื่องน้ีด้วยวธิ ีใด (การสังเกตและฝึกทกั ษะ) 3.3 เมื่อเรยี นแล้วนกั เรยี นจะทำอะไรได้ (สามารถฝึกและอธิบาย ทักษะการสรา้ งแบบจำลอง) 4. นักเรยี นบันทกึ จดุ ประสงคล์ งในแบบบันทึกกจิ กรรม หนา้ 25 และอา่ น ส่งิ ท่ีต้องใช้ในการทำกิจกรรม จากนั้น ครนู ำกระบอกปรศิ นามาแสดงให้ นกั เรียนดู 5. นกั เรยี นอา่ นทำอยา่ งไร ทีละขอ้ โดยครูใชว้ ิธีฝกึ ทักษะการอา่ นที่ เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนัน้ ครตู รวจสอบความ เข้าใจเกีย่ วกับวธิ ีการทำกิจกรรม จนนักเรียนเข้าใจลำดับการทำ กิจกรรม โดยใชค้ ำถามดังนี้ 5.1 นกั เรียนตอ้ งสังเกตอะไร (สังเกตการเปล่ยี นแปลงเมื่อดึงปลาย เชอื กทก่ี ระบอกปริศนา) 5.2 หลังจากดงึ ปลายเชอื กทก่ี ระบอกปริศนาแลว้ นกั เรยี นต้องทำ อย่างไร (อภปิ รายเกยี่ วกับการร้อย เชอื กในกระบอกปริศนาว่ามี ลกั ษณะการร้อยเชอื กเปน็ อย่างไร พร้อมท้ังวาดรปู แสดงลกั ษณะ การร้อยเชือกและระบชุ ่ือ อุปกรณ์ท่ีใช้ภายในกระบอกปริศนา) 5.3 หลงั จากการอภปิ รายลกั ษณะการร้อยเชือกภายในกระบอก ปริศนาแล้วนักเรยี นต้องทำอยา่ งไรต่อไป (สร้างแบบจำลองตาม รปู ทวี่ าดไวโ้ ดยใชว้ ัสดอุ ุปกรณ์ที่กำหนดให้) 5.4 หลังจากสรา้ งแบบจำลองตามรปู ทีว่ าดไว้แลว้ นักเรียนต้องทำ อยา่ งไร (ทดสอบและปรับปรุง แบบจำลองทสี่ รา้ งขน้ึ ให้ เหมือนกบั กระบอกปริศนา) 5.5 นกั เรียนจะทดสอบแบบจำลองอย่างไร (ทดสอบโดยการดงึ เชอื ก และสังเกตสิ่งท่เี กดิ ข้ึนซงึ่ ควรไดผ้ ล เหมอื นการดงึ เชือกทก่ี ระบอก ปริศนาในข้อ 1) 5.6 นกั เรียนจะปรับปรุงแบบจำลองเม่ือใด (เม่ือผลการทดสอบไม่ สอดคล้องกบั การดึงเชือกที่กระบอก ปริศนาในข้อ 1) 5.7 หลังจากปรบั ปรงุ แบบจำลองแล้ว นกั เรียนตอ้ งทำอะไรต่อไป (นำเสนอแบบจำลองลักษณะการร้อย เชือกที่อยู่ดา้ นในกระบอก ปริศนา และบนั ทึกผลโดยการวาดรปู ) ขัน้ ท่ี 4 ข้นั สรุป 6. ครูและนักเรียนร่วมกันกิจกรรมนี้นักเรียนจะได้เรียนเรื่องทักษะการสร้าง แบบจำลองโดยการสังเกตและฝึก ทกั ษะและสามารถฝกึ และอธบิ าย ทกั ษะการสร้างแบบจำลองได้ การวดั และการประเมนิ ผล วิธีวัด เครื่องมือวดั เกณฑ์การประเมนิ เปา้ หมาย ตรวจแบบบันทกึ กจิ กรรม แบบบันทกึ กิจกรรม นกั เรยี นได้คะแนน ดา้ นความรู้ (K) ร้อยละ 60 ข้ึนไป กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะการสรา้ ง แบบจำลอง

ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ประเมนิ การทำกจิ กรรมทักษะ แบบสังเกต นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมนักเรียนในการ กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดับ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม พอใช้ขน้ึ ไป ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) สงั เกตความมีวินยั ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ ม่นั แบบประเมนิ นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ ความมวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ มัน่ การประเมนิ ระดบั ในการทำงาน ในการทำงาน คุณลักษณะ พอใช้ขน้ึ ไป ระดบั คุณภาพ 2 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น อนั พึงประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคดิ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา 4) ความสามารถในการใช้ทักษะ พฤติกรรม ชีวติ บนั ทกึ หลังการสอน ปญั หาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา ผลการจดั การเรียนรู้ - นักเรยี นบางคนไม่สามารถทำได้ด้วย - อธบิ ายเพ่มิ เติมใหน้ กั เรียน ดา้ นความรู้ (K) ตนเอง - นกั เรยี นรอ้ ยละ 95 อธบิ ายทกั ษะ การสร้างแบบจำลองได้ - นกั เรียนบางคนไมม่ ีสมาธใิ นการเรยี น - ครอู บรมตักเตือน และใหน้ ักเรียนปฏบิ ตั ิ ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) ใหมอ่ ีกครั้ง - นกั เรียนรอ้ ยละ 98 ต้ังใจปฏบิ ัติ กิจกรรม - นกั เรียนบางคนไม่มสี มาธิในการเรยี น - ครอู บรมตกั เตือน และสงั เกตพฤติกรรม ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) ของนักเรียนใหมห่ ลังจากอบรมตักเตือน - นักเรยี นรอ้ ยละ 98 ความมีวนิ ยั แลว้ ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มั่นในการทำงาน ลงชอื่ ผสู้ อน (นายอิสรานุวัฒน์ ริดสมเงนิ ) ลงชอ่ื ลงช่อื (นายอสิ รานุวฒั น์ รดิ สมเงิน) (นางสาวสุขใจ ปรีศริ )ิ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ ลงช่อื (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพันธ์ุ) ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนอรรถวทิ ย์

ชวั่ โมงที่ 3 เรื่อง : สรา้ งแบบจำลองอธบิ ายกระบอกปริศนา (2) ขัน้ ท่ี 1 ข้นั เตรียมกจิ กรรม เตรยี มอุปกรณ์การเรยี น สอื่ การเรยี นการสอน ขน้ั ท่ี 2 ขัน้ นำเข้าสู่บทเรียน - ครแู จ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้ให้นกั เรียน 1. ครูทบทวนให้นักเรียนอ่านทำอย่างไร ทีละข้อ โดยครูใช้วิธีฝึกทักษะการอ่านท่ี เหมาะสมกับความสามารถของ นกั เรียน จากน้ันครตู รวจสอบความ เข้าใจเก่ียวกับวิธกี ารทำกจิ กรรม จนนักเรียนเขา้ ใจลำดับการทำ ขน้ั ท่ี 3 ขน้ั ดำเนินการสอน 2. เมื่อนกั เรยี นเข้าใจวิธกี ารทำกิจกรรมในทำอย่างไร แล้ว ให้นกั เรยี นรับ อปุ กรณ์และเริ่มปฏิบตั ิตามข้นั ตอนการทำ กจิ กรรม 3. หลังจากทำกิจกรรมแลว้ นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายผลการทำกิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถามดังน้ี 3.1 ปลายเชือกท่ีกระบอกปรศิ นามีกเี่ สน้ (4 เสน้ ) 3.2 เมื่อดึงปลายเชือกเส้นใดเส้นหนึ่ง จะเกิดอะไรขึ้น (ปลายเชือกอีก เส้นจะสัน้ ลงและอีกสองเส้นจะสนั้ ลงไปด้วย หรือเม่ือดึงปลาย เชือกหลายๆครั้ง จะเห็นการหดสั้นที่เปลี่ยนแปลงไม่ เหมือนเดิม ไม่มีทิศทางที่แน่นอน) 3.3 ภาพวาดแสดงการร้อยเชอื กภายในกระบอกปริศนาเป็น แบบจำลองหรอื ไม่ เพราะเหตุใด (เป็นแบบจำลองเพราะเปน็ สง่ิ ทสี่ ร้างขน้ึ เพือ่ ใช้อธบิ ายลกั ษณะการรอ้ ยเชือกภายในกระบอก ปริศนา) 3.4 เราวาดภาพเพื่อจุดประสงค์อะไร (เพื่อแสดงถึงความคิดเกี่ยวกับ ลักษณะการร้อยเชือกภายใน กระบอกปรศิ นา) 3.5 การทดสอบแบบจำลองกระบอกปริศนามีจุดประสงค์ใด (เพอ่ื รวบรวมขอ้ มูลว่าแบบจำลองที่สร้างข้ึน สอดคล้องกบั กระบอก ปริศนาหรอื ไมแ่ ละนำข้อมูลทไ่ี ด้มาใช้ในการปรบั ปรุง แบบจำลอง) 3.6 เหตุใดจึงต้องปรับปรงุ แบบจำลอง (เพื่อให้แบบจำลองท่ีสร้าง ข้ึนมลี กั ษณะการรอ้ ยเชอื กเชน่ เดียวกับ กระบอกปริศนา) 3.7 ในกิจกรรมนี้อะไรบ้างจัดเป็นแบบจำลอง (ภาพวาดแสดง ลักษณะการร้อยเชือกในกระบอกปริศน า และกระบอกปริศนาที่ สรา้ งข้ึน) 3.8 กิจกรรมนี้ได้ฝึกทักษะการสร้างแบบจำลองอะไรบ้าง (ได้สร้าง แบบจำลอง ใช้แบบจำลอง และได้ ปรับปรงุ แบบจำลอง) 4. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบหรือซักถามในสิ่งที่อยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ทักษะการสร้างแบบจำลอง จากนั้น ร่วมกนั อภิปรายและลงขอ้ สรปุ วา่ การ สร้างแบบจำลองเป็นการสรา้ งสิ่งใดสิ่งหนึ่งขน้ึ มาเพื่อแทนวตั ถุหรือ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ การสร้างแบบจำลอง การใช้แบบจำลอง การ ปรับปรุงแบบจำลอง จัดเป็นกระบวนการในทักษะการสร้างแบบจำลอง (S13) 5. นักเรียนร่วมกันอภิปรายและตอบคำถามใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้ คำถามเพิ่มเติมในการอภิปรายเพื่อให้ได้ แนวคำตอบที่ถกู ตอ้ ง 6. นกั เรยี นอ่าน สิง่ ที่ไดเ้ รียนรู้ และเปรียบเทยี บกบั ขอ้ สรปุ ของตนเอง 7. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝกึ ตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่สงสัยหรอื อยากรู้ เพิ่มเติมใน อยากรู้อีกว่า จากนั้นครูอาจสุม่ นักเรียน 2-3 คน นำเสนอ คำถามของตนเองหน้าชั้นเรียน จากนั้นนักเรียนร่วมกันอภิปราย เกี่ยวกับคำถามที่นำเสนอ 8. ครูนำอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่

21 อะไรบา้ งและในข้ันตอนใด 9. นักเรยี นร่วมกันอ่านรู้อะไรในเรื่องน้ี ในหนังสอื เรยี น หนา้ 28-29 ครูนำ อภิปรายเพอ่ื นำไปสู่ข้อสรุปเกี่ยวกับส่ิง ทไี่ ด้เรียนรู้ในเรือ่ งนี้ จากน้ันครู กระตุน้ ให้นักเรียนตอบคำถามในชว่ งทา้ ยของเน้ือเร่อื งว่า หลักฐาน ตา่ ง ๆ ทีใ่ ชต้ อบคำถาม ได้มาอย่างไร และเราจะมีวิธีสื่อสารคำตอบให้ น่าเชื่อถือได้อย่างไร โดยให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแนวทางการตอบ คำถาม ซ่ึงครคู วรเน้นให้นักเรยี นตอบคำถามพร้อมอธบิ ายเหตผุ ล ประกอบและชักชวนให้นักเรียนไปหาคำตอบร่วมกันจาก การเรียนเรอื่ ง ต่อไป ข้นั ท่ี 4 ขนั้ สรุป 10. ครูและนักเรียนร่วมกันกิจกรรมในทำอย่างไร การทดสอบแบบจำลองกระบอกปริศนามีจุดประสงค์เพ่ือ รวบรวมข้อมูลว่าแบบจำลองที่สร้างขึ้นสอดคล้องกับกระบอกปริศนาหรือไม่และนำข้อมูลที่ได้มาใช้ในการปรับปรุง แบบจำลอง เพื่อให้แบบจำลองที่สร้าง ขึ้นมีลักษณะการร้อยเชือกเช่นเดียวกับกระบอกปริศนาและได้ฝึกทักษะการสร้าง แบบจำลอง โดยได้สรา้ ง แบบจำลอง ใช้แบบจำลอง และไดป้ รบั ปรุงแบบจำลอง 11. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันกิจกรรมอีกครงั้ การสรา้ งแบบจำลองเปน็ การสร้างสิ่งใดสิง่ หนึ่งขน้ึ มาเพื่อแทนวัตถุหรือ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ การสร้างแบบจำลอง การใช้แบบจำลอง การปรับปรุงแบบจำลอง จัดเป็น กระบวนการในทักษะการ สรา้ งแบบจำลอง (S13) ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ S1 การสังเกต S8 การลงความเห็นจากข้อมลู S13 การตคี วามหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ S14 การสรา้ งแบบจำลอง ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 C1 การสร้างสรรค์ C2 การคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ C4 การสื่อสาร C5 ความรว่ มมือ การวดั และการประเมนิ ผล เปา้ หมาย วธิ ีวัด เคร่ืองมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ ด้านความรู้ (K) ตรวจแบบจำลอง แบบบันทกึ กจิ กรรม นกั เรยี นได้คะแนน กจิ กรรมฝกึ ทักษะการสรา้ ง / แบบประเมิน รอ้ ยละ 60 ขน้ึ ไป แบบจำลอง ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) ประเมินการทำกจิ กรรมทักษะ แบบสงั เกต นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมนักเรียนในการ กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมนิ ระดบั ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม พอใช้ขน้ึ ไป ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) สงั เกตความมวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งม่นั แบบประเมิน นักเรยี นผ่านเกณฑ์ ความมวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น ในการทำงาน คุณลกั ษณะ การประเมินระดับ ในการทำงาน อนั พึงประสงค์ พอใช้ขึ้นไป ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดับคุณภาพ 2 1) ความสามารถในการสือ่ สาร พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ 2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา 4) ความสามารถในการใชท้ ักษะ ชีวติ

บนั ทึกหลังการสอน ปัญหาและอปุ สรรค ข้อเสนอแนะและแนวทางแกป้ ญั หา ผลการจัดการเรียนรู้ - นกั เรยี นบางคนไมส่ ามารถทำไดด้ ว้ ย - อธิบายเพ่ิมเติมให้นกั เรียน ด้านความรู้ (K) ตนเอง - นักเรียนรอ้ ยละ 95 อธิบายและ สร้างแบบจำลองได้ - นักเรยี นบางคนไมม่ สี มาธิในการเรยี น - ครอู บรมตกั เตือน และให้นักเรยี นปฏบิ ตั ิ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ใหม่อีกครง้ั - นกั เรียนรอ้ ยละ 98 ตั้งใจปฏบิ ตั ิ กจิ กรรม - นักเรยี นบางคนไม่มสี มาธิในการเรียน - ครอู บรมตกั เตอื น และสงั เกตพฤติกรรม ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) ของนักเรียนใหมห่ ลังจากอบรมตักเตือน - นักเรียนรอ้ ยละ 98 ความมีวินัย แล้ว ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มน่ั ในการทำงาน ลงชอ่ื ผสู้ อน (นายอสิ รานุวัฒน์ รดิ สมเงิน) ลงชอื่ ลงช่อื (นายอิสรานุวฒั น์ รดิ สมเงนิ ) (นางสาวสุขใจ ปรีศิร)ิ หัวหน้ากลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รองผอู้ ำนวยการกล่มุ บริหารวชิ าการ ลงช่ือ (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพันธ์ุ) ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นอรรถวทิ ย์ ช่วั โมงที่ 4 เร่อื ง : หลักฐานกบั การส่ือสารทางวทิ ยาศาสตร์ ขน้ั ท่ี 1 ขน้ั เตรยี มกิจกรรม เตรยี มอปุ กรณก์ ารเรยี น สื่อการเรียนการสอน ข้ันที่ 2 ข้ันนำเขา้ สู่บทเรียน 1. ครตู รวจสอบความร้เู ดมิ ของนกั เรียนเก่ยี วกบั หลักฐานกับการสอ่ื สาร ทางวิทยาศาสตร์ โดยอาจใช้สถานการณ์ ดังนี้ “ถำ้ แหง่ หน่ึงมภี าพวาดบนผนงั ถ้ำ และมีการขุดพบถ้วยชามดนิ เผา โบราณทฝ่ี งั อยู่บรเิ วณนี”้ จากน้ันใช้คำถามเพอ่ื ร่วมกันอภปิ ราย ดังน้ี 1.1 นกั เรียนคดิ ว่าถ้ำนี้เคยมีคนอาศัยอยูห่ รอื ไม่ (นักเรียนตอบตาม ความเข้าใจของตนเอง เช่น มีหรือไม่ม)ี 1.2 สง่ิ ทจ่ี ะยนื ยันคำตอบของนักเรยี นคืออะไร (นักเรยี นตอบตาม ความเข้าใจของตนเอง เช่น หลกั ฐาน สิ่งของ ต่าง ๆ ท่ีพบในถำ้ ) 1.3 นักเรียนรู้จักคำวา่ “หลักฐาน” หรือไม่ หลักฐานคืออะไร (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เชน่ รจู้ กั หรอื ไมร่ ้จู ัก หลักฐานคือสง่ิ ทน่ี ำมาสนบั สนนุ คำตอบ)

1.4 หลักฐานมีประโยชน์อยา่ งไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ ตนเอง เช่น ใชใ้ นการสนับสนุนคำตอบ ใชใ้ น การหาคำตอบ) 1.5 หลักฐานไดม้ าอย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เชน่ การสงั เกต การบันทกึ ภาพเหตุการณ์ การอดั เสยี ง) 1.6 ถา้ เราต้องการส่ือสารหรอื บอกบางสิง่ บางอยา่ งให้คนอ่ืนเข้าใจ และเชื่อถือในส่งิ ท่ีเราบอก เราควรทำอยา่ งไร (นักเรยี นตอบตาม ความเขา้ ใจของตนเอง เชน่ นำหลกั ฐานมาให้ดู ใหฟ้ ังเสียงท่ี บันทึกไว้ นำรปู มาให้ดู) 2. ครเู ชอื่ มโยงความร้เู ดิมของนักเรียนสูก่ ารเรยี นเร่ืองหลกั ฐานกับการ สือ่ สารทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้คำถามว่า นักเรียนรหู้ รือไม่วา่ หลกั ฐาน คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร ขน้ั ท่ี 3 ขนั้ ดำเนนิ การสอน 3. นกั เรียนอา่ นชอ่ื เรื่องและคำถามในคดิ ก่อนอา่ น ในหนังสือเรียน หนา้ 30 แล้วร่วมกันอภิปรายเพอื่ หาแนว คำตอบและนำเสนอ ครบู ันทึก คำตอบของนกั เรียนบนกระดานเพ่ือใชเ้ ปรียบเทียบคำตอบหลังจาก อ่านเน้ือเรอื่ ง 4. นกั เรยี นอา่ นคำสำคัญ ทง้ั ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ (หากนักเรียน อ่านไมไ่ ด้ ครูควรสอนอา่ นให้ถูกต้อง) จากนัน้ ครชู ักชวนให้นกั เรยี น อธิบายความหมายของคำสำคัญตามความเข้าใจของตนเอง 5. นักเรียนอา่ นเนื้อเร่อื งในหนังสือเรียนหน้า 30 โดยครูฝกึ ทักษะการอา่ น ตามวิธกี ารอ่านที่เหมาะสมกบั ความสามารถของนกั เรยี น จากนนั้ ครใู ช้ คำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่าน โดยใช้คำถามดงั น้ี 5.1 รางวลั ที่ขา้ วตไู ด้รับอันเน่ืองมาจากผลของการต้ังใจเรยี นตลอด ภาคเรียนทผ่ี ่านมาคืออะไร (การไดร้ ับ อนญุ าตให้เล้ียงลูกสุนัข) 5.2 ขา้ วตูตอ้ งการทำอะไรให้ลกู สนุ ขั (สรา้ งบ้านใหล้ กู สุนัข) 5.3 กอ่ นจะสร้างบ้านใหล้ กู สุนขั ข้าวตแู ละพอ่ มีข้อสงสัยอะไรบ้าง (ควรสรา้ งบ้านของสุนัขไวบ้ ริเวณใด) 5.4 ขา้ วตทู ำอย่างไรเพ่อื ตอบคำถามทสี่ งสัย (หาข้อมูลเก่ียวกบั ความ ต้องการของสนุ ขั จากคนท่เี คยเล้ียง สนุ ขั และสำรวจบริเวณทจ่ี ะ สร้างบา้ นให้สนุ ัข) 5.5 ข้อมูลที่ข้าวตรู วบรวมไดม้ ีอะไรบา้ ง (ข้อมูลเกยี่ วกับความ ต้องการของสุนขั ที่ขา้ วตรู วบรวมจากการ สอบถามคนทเ่ี คยเลี้ยง สนุ ัข สว่ นขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากการสำรวจพน้ื ท่ีในบรเิ วณบ้านพบว่ามี บริเวณที่อาจใช้สร้างบา้ นสุนัข ไดแ้ ก่ บรเิ วณหนา้ บา้ นซง่ึ เปน็ พื้นที่จอดรถ มแี สงแดดส่องเกือบท้ังวนั และบริเวณข้างบา้ นท่ี ค่อนข้างโลง่ มแี สงแดดสอ่ งเฉพาะ ช่วงเช้า และมตี ้นไม้ใหญ่ให้รม่ เงา) 5.6 คำตอบของข้าวตใู นการเลือกพน้ื ทส่ี ร้างบา้ นใหส้ นุ ัขคือบรเิ วณใด (พ้นื ท่ที ่จี ะใช้สรา้ งบ้านใหส้ นุ ขั คอื บรเิ วณขา้ งบ้าน) 5.7 หลกั ฐานทขี่ ้าวตูใชใ้ นการสนับสนนุ คำตอบคืออะไร (พื้นที่ บริเวณขา้ งบ้านเป็นพนื้ ท่โี ลง่ เพียงพอทจ่ี ะ สรา้ งบา้ นให้สนุ ขั และยงั มีตน้ ไมใ้ หร้ ม่ เงาจึงไม่รอ้ น สว่ นหน้าบ้านซึ่งเปน็ โรงรถมี พ้นื ทจ่ี ำกดั ไม่เพียงพอสำหรบั สรา้ งบา้ น สุนขั นอกจากนน้ั ยังรอ้ น เน่ืองจากมีแสงแดดส่องเกือบท้งั วัน) 5.8 หลักฐานที่ขา้ วตนู ำมาใช้ ได้มาอยา่ งไร (ได้มาจากการรวบรวม ข้อมลู โดยการสอบถามผูท้ เ่ี คยเล้ียง สนุ ัขและจากการสำรวจ บรเิ วณบา้ น จากน้ันกน็ ำข้อมลู นั้นมาวเิ คราะห์เพือ่ เลือกบริเวณที่ เหมาะสมในการสร้างบ้านให้ สนุ ขั ) ขน้ั ที่ 4 ขนั้ สรุป 6. นักเรียนร่วมกันสรุปเรื่องที่อ่านซึ่งควรสรุปได้ว่า หลักฐานได้มาจากการ รวบรวมข้อมูลและนำข้อมูลนั้นมา วิเคราะห์เพอ่ื นำมาใชใ้ นการ สนับสนนุ คำตอบ

7. นกั เรยี นตอบคำถามในร้หู รือยงั ในแบบบนั ทึกกจิ กรรม หน้า 29 8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคำตอบของนักเรียนใน รู้หรือยัง กับคำตอบที่เคยตอบและ บนั ทกึ ไว้ในคดิ กอ่ นอ่าน 9. ครใู หน้ กั เรียนอา่ นคำถามในย่อหนา้ สุดทา้ ยของเรื่องท่ีอา่ น และร่วมกนั อภปิ รายเพอ่ื ตอบคำถาม ดังน้ี หลักฐาน มีความสำคัญอย่างไร (นกั เรยี น ตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) การวดั และการประเมินผล เป้าหมาย วิธีวดั เคร่ืองมือวดั เกณฑ์การประเมนิ ดา้ นความรู้ (K) ตรวจแบบบนั ทกึ กิจกรรม แบบบันทึกกิจกรรม นกั เรียนได้คะแนน กจิ กรรมหลกั ฐานกบั การสื่อสารทาง ร้อยละ 60 ขึ้นไป วทิ ยาศาสตร์ ด้านทักษะกระบวนการ (P) ประเมินการทำกจิ กรรมทักษะ แบบสงั เกต นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรียนในการ กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดับ ปฏิบัตกิ จิ กรรม พอใช้ขนึ้ ไป ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) สงั เกตความมีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ และม่งุ มั่น แบบประเมิน นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ ความมวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่ัน ในการทำงาน คณุ ลักษณะ การประเมินระดบั ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์ พอใช้ขึ้นไป ด้านสมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดบั คุณภาพ 2 1) ความสามารถในการสื่อสาร พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ 2) ความสามารถในการคดิ 3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ บนั ทึกหลังการสอน ผลการจดั การเรยี นรู้ ปญั หาและอปุ สรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา ด้านความรู้ (K) - นกั เรยี นบางคนไมส่ ามารถทำไดด้ ว้ ย - อธบิ ายเพ่มิ เติมให้นกั เรยี น - นกั เรียนร้อยละ 98 อธิบาย ตนเอง หลักฐานกับการส่ือสารทาง วิทยาศาสตร์ได้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) - นักเรียนบางคนไม่มสี มาธิในการเรยี น - ครูอบรมตกั เตือน และให้นักเรยี นปฏบิ ัติ - นกั เรยี นร้อยละ 98 ต้ังใจปฏิบัติ ใหม่อีกครั้ง กจิ กรรม ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - นกั เรียนบางคนไม่มสี มาธิในการเรยี น - ครูอบรมตกั เตอื น และสงั เกตพฤติกรรม - นักเรยี นรอ้ ยละ 98 ความมีวนิ ัย ของนักเรยี นใหมห่ ลงั จากอบรมตกั เตือน ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มนั่ ในการทำงาน แล้ว

ลงชือ่ ผสู้ อน (นายอสิ รานุวฒั น์ ริดสมเงิน) ลงชื่อ ลงชอ่ื (นายอสิ รานวุ ัฒน์ รดิ สมเงนิ ) (นางสาวสขุ ใจ ปรีศิร)ิ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผู้อำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ ลงชอื่ (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพันธุ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนอรรถวิทย์ ตาราง แสดงการวิเคราะห์ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรต์ ามระดบั ความสามารถของนักเรียน โดยอาจใช้เกณฑก์ ารประเมิน ดังนี้ กระบวนการ รายการประเมนิ ระดับความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ การบรรยาย S1 การสงั เกต รายละเอยี ดของสิ่ง ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรุง (1) ท่สี ังเกต S8 การลงความเห็น สามารถใช้ประสาท สามารถใช้ สามารถใชป้ ระสาท จากข้อมลู การลงความเห็น จากข้อมูลวา่ การ สัมผสั และแวน่ ประสาทสมั ผสั สัมผัสและแว่นขยาย สังเกตสิ่งต่างๆ โดย ใชแ้ ว่นขยายทำให้ ขยายเกบ็ และแวน่ ขยาย เก็บรายละเอยี ด ได้ข้อมลู ที่ชัดเจน และละเอยี ดว่าการ รายละเอยี ดข้อมลู เกบ็ รายละเอยี ด ข้อมูลของสง่ิ ท่ี ของส่งิ ทส่ี งั เกตได้ ข้อมูลของสง่ิ ท่ี สงั เกตได้เพียง ด้วยตนเอง โดยไม่ สังเกตได้ จากการ บางสว่ นแมว้ า่ จะได้ เพ่มิ ความคิดเห็น ช้ีแนะของครูหรือ รับคำชแ้ี นะจากครู ผอู้ ่นื หรือมีการ หรอื ผอู้ ื่น เพิม่ เติมความ คดิ เหน็ สามารถลง สามารถลง ลงความเหน็ จาก ความเห็นจาก ความเห็นจาก ขอ้ มลู ว่าการสงั เกต ขอ้ มลู วา่ การสังเกต ขอ้ มลู ว่าการ สง่ิ ต่างๆ โดยใชแ้ วน่ สิ่งตา่ งๆ โดยใชแ้ วน่ สงั เกตสิ่งต่างๆ ขยายทำให้ได้ข้อมูล ขยายทำให้ได้ข้อมลู โดยใช้แวน่ ขยาย ทที่ ่แี ตกต่างจากการ ท่ชี ดั เจนและ ทำใหไ้ ด้ขอ้ มลู ที่ สังเกตโดยใช้ตา ละเอยี ดวา่ การ ชดั เจนและ เปลา่ แต่ไม่สามารถ

สงั เกตโดยใช้ตา สงั เกตโดยใช้ตา ละเอยี ดวา่ การ บอกได้วา่ แตกตา่ ง เปลา่ เปล่าไดอ้ ย่าง สงั เกตโดยใชต้ า อย่างไร แม้จะได้ ถกู ต้องและชดั เจน เปลา่ ลงความเหน็ รับคำชแ้ี นะจากครู ไดด้ ้วยตนเอง ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง หรือผูอ้ น่ื และชดั เจนจาก การช้ีแนะของครู หรอื ผอู้ ื่น S13 การ การตีความหมาย สามารถ สามารถ สามารถ ตคี วามหมายข้อมูล และลงข้อสรุป ขอ้ มลู จากการ ตีความหมายข้อมูล ตคี วามหมาย ตีความหมายข้อมลู สงั เกตและการ จากการสงั เกตและ ข้อมูลจากการ จากการสงั เกตและ อภิปรายได้ว่า การอภปิ รายไดว้ า่ สังเกตและการ การอภปิ รายได้วา่ ลกั ษณะของ ลกั ษณะของ อภปิ รายได้วา่ ลกั ษณะของ สง่ิ มชี วี ติ เมอ่ื สงั เกต สง่ิ มีชวี ติ เม่ือสงั เกต ลักษณะของ สงิ่ มีชวี ติ เม่ือสงั เกต ดว้ ยตาเปลา่ และใช้ ด้วยตาเปล่าและใช้ สง่ิ มชี ีวติ เม่ือ ดว้ ยตาเปล่าและใช้ แวน่ ขยายมีลักษณะ แวน่ ขยายมีลักษณะ สงั เกตด้วยตา แวน่ ขยายได้เพียง บางอย่างเหมือนกัน บางอยา่ งเหมือนกัน เปลา่ และใช้แวน่ บางสา่ วนและลง และลักษณะ และลักษณะ ขยายมีลกั ษณะ ข้อสรปุ ได้ไมส่ มบรู ณ์ บางอย่างแตกต่าง บางอย่างแตกต่าง บางอยา่ ง แม้ว่าจะไดร้ ับคำ กนั และลงข้อสรปุ กันและลงขอ้ สรุป เหมือนกนั และ ชีแ้ นะจากครูหรือ ไดว้ ่าการสังเกตสง่ิ ไดว้ า่ การสงั เกตสง่ิ ลักษณะบางอย่าง ผ้อู ื่น ตา่ งๆ โดยใชแ้ ว่น ตา่ งๆ โดยใช้แว่น แตกตา่ งกันและ ขยายทำให้ได้ข้อมลู ขยายทำให้ไดข้ ้อมลู ลงขอ้ สรุปไดว้ า่ ท่ีชดั เจนและ ท่ชี ัดเจนและ การสงั เกตสง่ิ รายละเอียดกว่า รายละเอยี ดกว่า ตา่ งๆ โดยใชแ้ ว่น การสังเกตด้วยตา การสงั เกตด้วยตา ขยายทำให้ได้ เปลา่ เปลา่ ได้ด้วยตนเอง ข้อมูลทีช่ ัดเจน และรายละเอยี ด กว่าการสงั เกต ด้วยตาเปลา่ จาก การชแ้ี นะของครู หรอื ผ้อู นื่

ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ ักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ตามระดบั ความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมนิ ดังน้ี กระบวนการ รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) C4 การส่ือสาร การนำเสนอ นำเสนอข้อมลู นำเสนอข้อมูล นำเสนอข้อมูลจาก ข้อมลู จากการ จากการสงั เกต จากการสงั เกต การสังเกตลักษณะ สังเกตลกั ษณะ ลักษณะของสง่ิ ลักษณะของสง่ิ ของสงิ่ ต่างๆ ใน ของสิง่ ตา่ งๆ ใน ตา่ งๆ ในรปู แบบ ต่างๆ ในรปู แบบ รูปแบบของรูปวาด รปู แบบของรูป ของรูปวาดให้ ของรปู วาดให้ ให้ผอู้ ืน่ เขา้ ใจได้ วาดใหผ้ ูอ้ ่นื เข้าใจ ผู้อื่นเขา้ ใจได้ ผอู้ น่ื เข้าใจได้ เพียงบางสว่ น อย่างถูกต้องและ อย่างถูกต้อง และ แมว้ ่าจะได้รบั คำ รวดเรว็ ไดด้ ว้ ย รวดเร็วจากการ ชแ้ี นะจากครูหรือ ตนเอง ชี้แนะของครหู รือ ผอู้ ื่น ผอู้ นื่ C5 ความรว่ มมือ การทำงาน สามารถทำงาน สามารถทำงาน สามารถทำงาน รว่ มกับผู้อ่นื และ รว่ มกบั ผูอ้ นื่ ไดด้ ี รว่ มกบั ผู้อ่นื และ รว่ มกับผูอ้ ืน่ ไดบ้ า้ ง การแสดงความ มสี ่วนร่วมในการ การแสดงความ แตไ่ ม่ค่อยแสดง คิดเห็นเกย่ี วกบั แสดงความ คดิ เห็นเก่ียวกบั ความคดิ เห็น ประโยชน์ของการ คดิ เหน็ เกี่ยวกับ ประโยชน์ของการ เกีย่ วกบั ประโยชน์ ใชแ้ วน่ ขยายใน ประโยชนข์ องการ ใช้แวน่ ขยายใน ของการใช้แวน่ การสังเกตสิ่ง ใชแ้ ว่นขยายใน การสังเกตส่งิ ขยายในการสังเกต ต่างๆ รวมทั้ง การสังเกตสงิ่ ตา่ งๆ รวมท้ัง ส่ิงต่างๆ รวมท้ัง ยอมรบั ความ ต่างๆ รวมทัง้ ยอมรับความ ยอมรบั ความ คิดเห็นของผ้อู ่นื ยอมรับความ คดิ เหน็ ของผู้อืน่ คดิ เหน็ ของผูอ้ ่นื คิดเหน็ ของผู้อ่นื เป็นบางชว่ งเวลา ตลอดช่วงเวลา ของการทำ ของการทำ กจิ กรรม กจิ กรรม

การประเมินจากการทำกจิ กรรม 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรงุ ระดับคะแนน ระดับคะแนน 3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ รหสั ส่ิงที่ประเมิน ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ S1 การสังเกต S8 การลงความเห็นจากข้อมูล S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 C4 การส่ือสาร C5 ความรว่ มมือ

แผนการจัดการเรียนรู้ สัปดาห์ท่ี 5 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้น : ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 ชื่อรายวิชา : วิทยาศาสตร์ 3 รหัสวิชา: ว 13101 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 การเรียนรู้สิง่ ต่าง ๆ รอบตวั เวลา : 4 ชั่วโมง 1. สาระ/มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั มาตรฐานการเรียนรู้/ผลการเรียนรู้ - 2. สาระสำคัญ อ่านนิทาน จากนั้นรวบรวม ข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำมาเป็นหลักฐานในการ สนับสนุนคำตอบ เพื่อให้ได้ คำตอบท่ีมีความนา่ เช่อื ถือ เม่ือตอ้ งการรวบรวมข้อมลู เกีย่ วกับส่ิงต่างๆ รอบตวั นอกจากจะใชป้ ระสาทสัมผัสในการสังเกตแล้ว ยังสามารถใช้ เครื่องมือต่างๆ ช่วยในการสังเกต เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนและละเอียดขึ้น และสามารถนำข้อมูลที่รวบรวมได้ไปใช้ในการ จำแนกประเภทของสง่ิ ของทสี่ ังเกตได้ และตอบคำถามทต่ี อ้ งการสืบเสาะหาความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์ 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ดา้ น K - วิเคราะหข์ อ้ มลู และหาหลักฐานที่ทำใหค้ ำตอบมีความ น่าเชอ่ื ถือ - ใช้ทักษะการสังเกต โดยใช้เครอ่ื งมือชว่ ยในการสงั เกต - ใชท้ กั ษะการจำแนกประเภท โดยระบุเกณฑท์ ่ีใช้ในการจำแนกสงิ่ ต่างๆ ออกเปน็ กลมุ่ - ใชก้ ารรวบรวมขอ้ มูลจากแหล่งต่างๆ ในการสบื เสาะหาความรูท้ างวทิ ยาศาสตร์ ด้าน P - มีทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ด้าน A - มีจิตวิทยาศาสตร์ 4. สาระการเรียนรู้ - หลักฐานทที่ ำใหค้ ำตอบมีความ น่าเชอ่ื ถือ - เรยี นรแู้ บบนกั วิทยาศาสตร์ 5. ทกั ษะกระบวนการ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1. การสงั เกต 2. การจำแนกประเภท 3. การลงความเห็นจากข้อมูล 4. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป 6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรยี นรู้ 2. อยู่อยา่ ง 3. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน

7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต 8. บูรณาการสาระทอ้ งถน่ิ /สวนพฤกษศาสตร์ - 9. หลักฐานการเรียนรู้ (ช้ินงาน/ภาระงาน) 1. แบบบันทึกกิจกรรม 10.สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.3 สสวท. 2. แบบบันทึกกจิ กรรม 3. แบบทดสอบ 4. แหล่งเรยี นรู้ เช่น หนงั สือ วารสาร อินเทอรเ์ นต็ 11. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชั่วโมงที่ 1 เร่ือง : คำตอบทนี่ า่ เชอื่ ถือ ข้นั ท่ี 1 ข้นั เตรียมกิจกรรม เตรียมอุปกรณก์ ารเรียน สอื่ การเรยี นการสอน ขั้นที่ 2 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับคำตอบที่น่าเชื่อถือ โดยอาจเล่าข่าว หรือ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ ดังเรื่องราวจากเหตุการณ์ต่อไปนี้ “ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีผู้พบวัตถุลึกลับ คล้ายเป็น สิ่งมีชีวิตตกลงมาจากฟ้า จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึง พบว่าชาวบ้านจำนวนมากพากันมุงดูวัตถุลึกลับดังกล่าว ที่ เจ้าของบ้าน นำมาบรรจุไว้ในขวดโหล เจ้าของบ้านเล่าว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา เกิดพายุ รุนแรงและฝนตกหนัก ขณะนั้นเห็น วตั ถุลึกลบั มีลกั ษณะเป็นแสงคลา้ ยผี พ่งุ ไตพ้ งุ่ ตรงมาทขี่ ้างบ้าน แต่ตนก็ไมไ่ ด้สนใจ เพราะคดิ วา่ น่าจะเป็น ลกู เห็บตก กระท่ัง รุ่งเช้าตนตื่นขึ้นมาเก็บกวาดบ้าน พบวัตถุดังกล่าวตรง บันไดหน้าบ้าน ห่างจากจุดที่ตกประมาณ 5 เมตร วัตถุดังกล่าวมี ลักษณะ คล้ายตัวหนอนเป็นปล้อง ข้างในลำตัวมีลักษณะสีขาวขุ่น คล้ายเป็นแกน น้ำแข็ง มีจุดเล็ก ๆ 2 จุดคล้ายตาและมี ติ่งยื่นออกมาคล้ายใบหู มีขนาด เท่าฝ่ามือ ตนจึงนำมาบรรจุไว้ในขวดโหลพร้อมกับเติมน้ำลงไป ตนไม่รู้ว่า เป็นตัวอะไร อย่างไรก็ตามตนจะเก็บไว้บูชา เพราะเชื่อว่าวัตถุนั้นน่าจะให้ โชคลาภและช่วยให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ ภายหลังข่าวพบ วตั ถุนี้แพร่ ออกไป ไดม้ ีชาวบ้านหลั่งไหลกนั มาขอดูไม่ขาดระยะ ซึง่ จะตดิ ตอ่ ให้ เจ้าหน้าทที่ ่ีเก่ียวข้องมาตรวจสอบต่อไปว่า วตั ถนุ คี้ อื อะไรกันแน่” หลังจากนกั เรียนฟังข่าวจบ ครูอาจใชค้ ำถามว่า นักเรยี นคิดว่าวัตถนุ ี้คือ อะไร เพราะเหตุใดนักเรียน จึงคิดเช่นนัน้ และนักเรียนมีหลักฐานอะไรที่ใช้ สนับสนุนความคิดของนักเรยี น (นักเรียนตอบตามความคิดของตนเอง เชน่ เป็นสิ่งมชี วี ิตจากนอกโลก เพราะมีลกั ษณะคลา้ ยหนอน มีจดุ คลา้ ยตา มตี ่ิง ยืน่ ออกมาคลา้ ยหูและตกลงมาจากฟา้ น่าจะมา จากนอกโลก หรืออาจเป็น อุกกาบาตจากนอกโลก เพราะมีแสงคล้ายผีพุ่งไต้ และตกลงมาจากฟ้า) ครูควรกระตุ้นให้ นักเรียนแสดงความคิดเห็นร่วมกัน โดยอาจให้นักเรียน คุยกันเป็นกลุ่มหรือจับคู่กันอภิปราย ทั้งนี้หากพบว่านักเรียนตอบ คำถามโดย ไมม่ ีหลกั ฐานประกอบ ครอู าจใช้คำถามเพ่ิมเติมเพือ่ ตรวจสอบหลกั ฐานจาก นักเรยี น

2. ครูเช่ือมโยงความรูเ้ ดิมของนกั เรียนเข้าสู่กิจกรรมที่ 3 โดยใช้คำถามว่า นักเรียนร้หู รอื ไมว่ ่า การทำให้คำตอบมี ความน่าเชื่อถือหรือทำให้ผู้ฟัง เชื่อในเรื่องราวที่เรากำลังสื่อสาร สามารถทำได้อย่างไร จากนั้นชักชวน นักเรียนร่วมกันหา คำตอบในกจิ กรรมท่ีจะทำต่อไป ขน้ั ที่ 3 ข้ันดำเนนิ การสอน 3. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม และทำเป็นคิดเป็น จากนั้นร่วมกันอภิปราย เพื่อตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับ จดุ ประสงคใ์ นการทำกจิ กรรม โดยใช้ คำถาม ดังนี้ 3.1 กจิ กรรมนนี้ ักเรียนจะได้เรียนเรื่องอะไร (การทำใหค้ ำตอบมี ความนา่ เช่ือถือ) 3.2 นักเรียนจะได้เรียนรู้เรอื่ งน้ดี ้วยวธิ ใี ด (วิเคราะหข์ อ้ มูลและหา หลักฐาน) 3.3 เม่อื เรียนแลว้ นักเรียนจะทำอะไรได้ (ไดห้ ลกั ฐานท่ีทำใหค้ ำตอบ มีความนา่ เช่ือถอื ) 4. นกั เรียนบนั ทกึ จุดประสงคล์ งในแบบบันทกึ กิจกรรม หนา้ 32 5. นักเรียนอ่านทำอย่างไร ทีละข้อ โดยครูใช้วิธีฝึกทักษะการอ่านที่ เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความ เข้าใจเกี่ยวกับวิธีการทำกิจกรรม จนนักเรียนเข้าใจลำดับการทำ กิจกรรม โดยใช้คำถามดังนี้ 5.1 หลงั จากอา่ นนทิ านเรอื่ งหอยทาก เต่า และหมปู า่ แล้ว นกั เรยี นต้อง ทำอะไร (อภปิ รายเกีย่ วกับเรื่องท่ี อา่ นแล้วระบุวา่ ตัวละครในนทิ าน สงสยั เก่ยี วกบั เรื่องอะไร) 5.2 ขอ้ มูลอะไรบ้างที่นักเรียนต้องวิเคราะห์เพ่ือตอบคำถามทีส่ งสยั (ลักษณะและการเคลื่อนที่ของสัตว์ใน นิทาน เสน้ ทางท่สี ตั วท์ ้งั สาม ใช้ในการเดนิ ทาง เวลาท่ใี ช้ และข้อมลู อื่น ๆ ) 5.3 หลงั จากวเิ คราะห์ข้อมูลเรยี บร้อยแล้ว นกั เรยี นตอ้ งทำอะไรต่อ (อภิปรายและเปรียบเทียบคำตอบกับ เพื่อน จากนัน้ ลงความเห็นว่า คำตอบใดนา่ เช่อื ถือที่สดุ พรอ้ มให้เหตุผลประกอบ) 6. เมื่อนักเรียนเข้าใจวิธีการทำกิจกรรมในทำอย่างไรแล้ว ให้นักเรียนเริ่ม ปฏิบัติตามขั้นตอนการทำกิจกรรมใน ช่วั โมงถัดไป ขั้นที่ 4 ขนั้ สรุป 7. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปกจิ กรรม การทำให้คำตอบมี ความน่าเช่อื ถือวเิ คราะหข์ ้อมูลและหา หลกั ฐานได้ หลกั ฐานทีท่ ำให้คำตอบ มีความนา่ เช่ือถือ การวดั และการประเมนิ ผล วิธีวดั เครื่องมือวดั เกณฑ์การประเมนิ เปา้ หมาย ตรวจแบบบันทกึ กิจกรรม แบบบันทึกกิจกรรม นกั เรยี นได้คะแนน ดา้ นความรู้ (K) วิเคราะห์ข้อมลู และหาหลกั ฐาน รอ้ ยละ 60 ข้ึนไป ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) สังเกตพฤติกรรมนักเรียนในการ ประเมินการทำกจิ กรรมทักษะ แบบสงั เกต นักเรยี นผ่านเกณฑ์ ปฏิบัติกจิ กรรม ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดบั ความมีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มน่ั ในการทำงาน พอใช้ขึ้นไป ด้านสมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น สังเกตความมวี นิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุ่งมัน่ แบบประเมิน นักเรยี นผ่านเกณฑ์ 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคดิ ในการทำงาน คณุ ลักษณะ การประเมินระดบั อนั พงึ ประสงค์ พอใช้ขน้ึ ไป สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์

3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา ปัญหาและอุปสรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกป้ ญั หา 4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะ ชีวติ - นกั เรียนบางคนไมส่ ามารถทำไดด้ ้วย - อธิบายเพ่ิมเติมใหน้ กั เรียน บนั ทึกหลังการสอน ตนเอง ผลการจัดการเรียนรู้ - นักเรียนบางคนไมม่ ีสมาธิในการเรยี น - ครูอบรมตักเตอื น และให้นักเรยี นปฏิบตั ิ ด้านความรู้ (K) ใหม่อีกครัง้ - นกั เรียนรอ้ ยละ 95 วเิ คราะห์ ข้อมลู และหาหลกั ฐานได้ - นกั เรยี นบางคนไมม่ ีสมาธใิ นการเรียน - ครอู บรมตกั เตอื น และสังเกตพฤติกรรม ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ของนักเรียนใหม่หลงั จากอบรมตกั เตือน - นักเรียนรอ้ ยละ 98 ตั้งใจปฏบิ ตั ิ แลว้ กิจกรรม ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 ความมีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน ลงชอ่ื ผู้สอน (นายอสิ รานวุ ฒั น์ ริดสมเงนิ ) ลงชอ่ื ลงชอ่ื (นายอสิ รานุวัฒน์ ริดสมเงนิ ) (นางสาวสุขใจ ปรีศิร)ิ หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผูอ้ ำนวยการกล่มุ บรหิ ารวชิ าการ ลงชอื่ (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพนั ธ์ุ) ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นอรรถวทิ ย์ ชวั่ โมงท่ี 2 เรือ่ ง : คำตอบท่นี า่ เช่ือถือ (2) ขัน้ ท่ี 1 ขนั้ เตรยี มกจิ กรรม เตรยี มอปุ กรณ์การเรียน สอ่ื การเรยี นการสอน ขั้นท่ี 2 ขนั้ นำเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ครูกลา่ วทกั ทายนักเรียนครูให้นกั เรียนอ่านทำอยา่ งไร ทีละข้ออีกคร้งั เพื่อทบทวน เมื่อนักเรียนเข้าใจวิธกี ารทำ กิจกรรมในทำอย่างไรแล้ว ให้นกั เรยี นเริ่ม ปฏบิ ตั ิตามข้ันตอนการทำกิจกรรม ขน้ั ท่ี 3 ขัน้ ดำเนินการสอน 2. หลงั จากทำกจิ กรรมแลว้ นกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายผลการทำกจิ กรรม ตามแนวคำถามดงั นี้ 2.1 จากนิทาน ตัวละครในนิทานสงสัยเกี่ยวกับเรื่องอะไร และนักเรียน คิดว่าคำตอบคืออะไร (สิ่งที่ตัว ละครสงสยั คอื หอยทาก เต่า และ หมปู ่า ใครจะว่งิ ได้เร็วกว่ากัน โดยนกั เรยี นตอบตามความคดิ ของ ตนเอง)

2.2 นักเรียนใช้วิธีใดในการตัดสินใจเลือกว่าคำตอบของเพื่อนคนใด มีความน่าเชื่อถือ (เลือกคำตอบที่มี หลักฐานทสี่ มเหตสุ มผลมา สนับสนุน) 2.3 ขณะที่อภิปรายกับเพื่อน นักเรียนมีวิธีการชักชวนให้เพื่อนเชื่อใน คำตอบของนักเรียนอย่างไร (สื่อสารคำตอบให้เพื่อนเข้าใจ โดยมี หลักฐานมาสนับสนุน นอกจากนี้คำตอบและหลักฐานมีการ เชื่อมโยงกันอย่าง สมเหตสุ มผล) 2.4 เป็นไปได้หรือไม่ที่นักเรียนกับเพื่อนจะมีคำตอบที่แตกต่างกันแม้จะ อ่านนิทานเรื่องเดียวกัน เพราะ เหตุใดจงึ เป็นเชน่ นน้ั (เป็นไปได้ เพราะแมจ้ ะอ่านนิทานเรื่องเดียวกนั ขอ้ มลู เดยี วกนั แต่นกั เรียน แตล่ ะคนกอ็ าจมีความคิด ทแ่ี ตกต่างกนั เนื่องจากหลักฐานท่ีนักเรียน เลือกนำมาใช้สนับสนุนอาจแตกต่างกันจึงทำให้ข้อสรุปหรือคำตอบ ท่ีได้แตกต่าง กนั ) 2.5 เมื่อเกิดความคิดเห็นหรอื มีคำตอบทีแ่ ตกต่างกนั นักเรียนจะทำ อย่างไรเพื่อหาข้อสรุปหรอื เพื่อให้ได้ คำตอบท่ีน่าเชื่อถือมากทีส่ ดุ (รว่ มกันอภปิ รายเปรยี บเทยี บคำตอบกบั เพ่ือน โดยใชก้ ารสอ่ื สาร และโตแ้ ยง้ ดว้ ยเหตุผล มีการ ใช้หลักฐานมาสนบั สนุนคำตอบ จากนัน้ จึงพิจารณาเลือกคำตอบท่มี ีความน่าเชอื่ ถือ สมเหตุสมผล ทสี่ ุด) ในขณะทอ่ี ภิปราย หรือนำเสนอข้อมูล ครูอาจพบว่านักเรียนบางคน อาจมีความคิดเห็นหรือใช้เกณฑ์ที่แตกต่างกันในการตัดสินเปรียบเทียบ ความเร็วในการวิ่งของสัตวแ์ ตล่ ะชนดิ โดยนักเรียนอาจตอบว่าหมปู ่าวิ่งเร็ว ที่สุดเพราะมีรปู ร่างทีเ่ หมาะแก่การวิ่งมากท่สี ดุ ซึ่งเป็นการใช้ประสบการณ์ ของตนเองในการตัดสิน หรือนักเรียนอาจตอบว่าหอยทากเป็นสัตว์ที่วิ่งได้เร็ว ที่สุดเพราะใช้ เวลาน้อยที่สุดในการวิ่ง ซึ่งแสดงว่านักเรียนอาจยังไม่เข้าใจ เกี่ยวกับวิธีการเปรียบเทียบความเร็ว ดังน้ันครูอาจถามคำถาม เพอื่ กระตนุ้ ให้ นกั เรยี นคดิ หรอื รวบรวมขอ้ มูลเพมิ่ เติม 3. ครูอาจเสริมว่านอกจากการกำหนดระยะทางในการแข่งขันให้เท่ากันแล้ว อีกวิธีที่จะตัดสินว่าสัตวช์ นิดใดวิง่ ได้ เร็วที่สุดอาจทำได้โดยกำหนดเวลาในการ แข่งขันให้เท่ากัน แล้วตัดสินจากระยะทางที่วิ่งได้ ซึ่งกรณีสถานการณ์ใน นิทาน เรือ่ งนไี้ ม่ได้กำหนดท้งั ระยะทางและเวลาในการแขง่ ขนั จงึ ไม่ สามารถเปรียบเทียบความเร็วในการวิ่งของสัตวท์ ้ังสามได้ ครู เชื่อมโยงส่ิงทีไ่ ด้เรยี นกบั การตอบคำถามในชีวิตประจำวันหรือคำถาม ทางวิทยาศาสตร์ว่าหลักฐานท่นี ำมาสนับสนุนคำตอบ นั้นควรได้มาจากข้อมูล ที่รวบรวมโดยอาจได้มาจากการใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ในการสังเกต หรืออาจรวบรวมมาจาก แหล่งข้อมูลท่ีน่าเชือ่ ถือท่ีมีความเกีย่ วข้องกับเรือ่ งนั้น ๆ จากนั้นจึงนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์แล้วส่ือสารโดยการอธิบาย ประกอบ กับคำตอบให้ผู้อนื่ เขา้ ใจอยา่ งสอดคลอ้ งและเปน็ เหตเุ ป็นผลกนั 4. ครูเปดิ โอกาสให้นักเรียนซักถามในสิ่งท่ีอยากร้เู พม่ิ เติมเก่ียวกบั คำตอบท่ี น่าเชือ่ ถือ จากนั้นรว่ มกันอภิปรายและ ลงขอ้ สรปุ วา่ คำตอบท่นี า่ เชือ่ ถือ เปน็ คำตอบทมี่ หี ลักฐานที่ไดม้ าจากการนำข้อมลู ทีร่ วบรวมไดม้ าวเิ คราะห์ แล้วนำหลักฐาน นั้นมาสนับสนุนคำตอบ และมีการสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจ โดยมีการเชื่อมโยงคำตอบกับหลักฐานอย่างเป็นเหตุเป็นผลกัน (S13) ขั้นท่ี 4 ขัน้ สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปกิจกรรมนี้ คำตอบที่น่าเชื่อถือ เป็นคำตอบที่มีหลักฐานที่ได้มาจากการนำข้อมูลท่ี รวบรวมไดม้ าวิเคราะห์ แล้วนำหลกั ฐานนนั้ มาสนับสนุนคำตอบ และมกี ารสือ่ สารให้ผู้อ่นื เขา้ ใจ การวัดและการประเมินผล วธิ ีวดั เครือ่ งมือวัด เกณฑ์การประเมิน เปา้ หมาย ตรวจแบบบันทึกกิจกรรม แบบบนั ทกึ กจิ กรรม นกั เรยี นได้คะแนน ด้านความรู้ (K) รอ้ ยละ 60 ขน้ึ ไป กจิ กรรมฝึกวิเคราะห์ข้อมลู และหา หลักฐาน

ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) ประเมนิ การทำกิจกรรมทักษะ แบบสังเกต นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมนกั เรียนในการ กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดบั ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม พอใช้ข้ึนไป ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) สังเกตความมวี ินัย ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ ม่ัน แบบประเมิน นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ ความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมัน่ การประเมินระดับ ในการทำงาน ในการทำงาน คุณลักษณะ พอใช้ขน้ึ ไป ระดับคุณภาพ 2 ด้านสมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น อนั พึงประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ 1) ความสามารถในการสือ่ สาร 2) ความสามารถในการคิด สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกต 3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4) ความสามารถในการใช้ทกั ษะ พฤติกรรม ชวี ิต บันทึกหลังการสอน ปญั หาและอุปสรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา ผลการจดั การเรียนรู้ - นักเรียนบางคนไมส่ ามารถทำไดด้ ้วย - อธิบายเพ่ิมเติมใหน้ กั เรยี น ด้านความรู้ (K) ตนเอง - นกั เรียนร้อยละ 98 วิเคราะห์ ข้อมลู และหาหลักฐานได้ - นักเรยี นบางคนไมม่ ีสมาธิในการเรยี น - ครอู บรมตักเตอื น และให้นักเรียนปฏิบัติ ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) ใหม่อีกครงั้ - นักเรียนรอ้ ยละ 98 ตั้งใจปฏบิ ัติ กจิ กรรม - นกั เรยี นบางคนไม่มสี มาธิในการเรียน - ครอู บรมตักเตอื น และสงั เกตพฤติกรรม ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) ของนักเรยี นใหม่หลงั จากอบรมตักเตือน - นักเรยี นร้อยละ 98 ความมีวินยั แล้ว ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มนั่ ในการทำงาน ลงชอ่ื ผสู้ อน (นายอสิ รานวุ ฒั น์ ริดสมเงนิ ) ลงชอื่ ลงชือ่ (นายอิสรานุวัฒน์ ริดสมเงนิ ) (นางสาวสุขใจ ปรีศริ ิ) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผอู้ ำนวยการกล่มุ บรหิ ารวิชาการ ลงชื่อ (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพันธ์ุ) ผู้อำนวยการโรงเรยี นอรรถวิทย์

ชั่วโมงที่ 3 เรอ่ื ง : คำตอบที่น่าเชือ่ ถอื (3) ขน้ั ที่ 1 ข้ันเตรยี มกจิ กรรม เตรียมอปุ กรณก์ ารเรยี น ส่อื การเรยี นการสอน ขน้ั ท่ี 2 ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรยี น 1. ครูกล่าวทักทายนักเรียนครูให้นักเรียนอ่านทำอย่างไร ทีละข้ออีกครั้งเพื่อทบทวน เมื่อนักเรียนเข้าใจวิธีการทำ กิจกรรมในทำอยา่ งไรแลว้ ให้นกั เรียนเริม่ ปฏิบัติตามขั้นตอนการทำกิจกรรม ขน้ั ท่ี 3 ขน้ั ดำเนินการสอน 2. นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อตอบคำถามใน ฉันรู้อะไร โดยครูอาจใช้ คำถามเพิ่มเติมในการอภิปรายเพื่อให้ได้ แนวคำตอบทถี่ กู ต้อง 3. นักเรยี นอา่ น สิ่งทไี่ ดเ้ รยี นรู้ และเปรียบเทยี บกบั ข้อสรุปของตนเอง 4. ครูกระตุ้นให้นักเรียนฝึกตั้งคำถามเกีย่ วกับเรื่องที่สงสัยหรืออยากรู้ เพิ่มเติมใน อยากรู้อีกว่า จากนั้นครูอาจสุ่ม นักเรียน 2-3 คน นำเสนอ คำถามของตนเองหน้าชั้นเรียน จากนั้นนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับ คำถามที่นำเสนอ 5. ครูนำอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 อะไรบา้ งและในข้นั ตอนใด 6. นักเรยี นรว่ มกนั อ่านรู้อะไรในเร่ืองน้ี ในหนังสอื เรยี น หนา้ 36 ครูนำ อภปิ รายเพ่ือนำไปสู่ข้อสรุปเก่ียวกับสิ่งท่ีได้ เรียนรู้ในเรื่องนี้ จากนั้นครู กระตุ้นให้นักเรียนตอบคำถามในช่วงท้ายของเนื้อเรื่องว่า การใช้ทักษะ กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ทำใหเ้ ราค้นพบคำตอบท่ีน่าเชื่อถือ เราจะ ใชท้ กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ ได้ อย่างไรบ้าง ซึ่งครูควรเน้นให้นักเรียนตอบคำถามพร้อมอธิบายเหตุผล ประกอบและให้นักเรียนไปหาคำตอบร่วมกันจาก การเรยี นหน่วย ตอ่ ไป ขั้นท่ี 4 ขัน้ สรุป 7. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปกิจกรรมนี้ คำตอบที่น่าเชื่อถือ เป็นคำตอบที่มีหลักฐานที่ได้มาจากการนำข้อมูลท่ี รวบรวมได้มาวเิ คราะห์ แล้วนำหลักฐานนั้นมาสนบั สนุนคำตอบ และมีการสื่อสารให้ผู้อ่ืนเข้าใจ โดยมีการเชื่อมโยงคำตอบ กบั หลกั ฐานอย่างเป็นเหตุเปน็ ผลกนั (S13) และได้ฝกึ ทกั ษะกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 การวัดและการประเมินผล วธิ ีวัด เคร่อื งมอื วัด เกณฑก์ ารประเมิน เปา้ หมาย ตรวจแบบจำลอง แบบบนั ทึกกิจกรรม นกั เรยี นได้คะแนน / แบบประเมิน ร้อยละ 60 ขึ้นไป ด้านความรู้ (K) กจิ กรรมฝกึ วิเคราะห์ข้อมลู และหา ประเมนิ การทำกิจกรรมทักษะ แบบสงั เกต นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ หลักฐาน กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมินระดบั ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) พอใช้ขึน้ ไป สงั เกตพฤติกรรมนักเรยี นในการ สงั เกตความมีวินยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ มัน่ แบบประเมิน นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ ปฏบิ ัติกิจกรรม การประเมินระดับ ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) ในการทำงาน คณุ ลักษณะ พอใช้ขน้ึ ไป ความมีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มน่ั ระดบั คุณภาพ 2 ในการทำงาน อนั พึงประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต 1) ความสามารถในการสอ่ื สาร พฤติกรรม

2) ความสามารถในการคดิ ปัญหาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะและแนวทางแกป้ ัญหา 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา 4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะ - นักเรียนบางคนไม่สามารถทำไดด้ ้วย - อธิบายเพ่ิมเติมใหน้ ักเรียน ชวี ิต บนั ทึกหลังการสอน ตนเอง ผลการจัดการเรยี นรู้ - นกั เรียนบางคนไม่มสี มาธใิ นการเรยี น - ครูอบรมตกั เตอื น และให้นักเรยี นปฏิบัติ ใหม่อีกครง้ั ดา้ นความรู้ (K) - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 อธบิ ายและ - นกั เรยี นบางคนไม่มีสมาธใิ นการเรียน - ครูอบรมตักเตือน และสงั เกตพฤติกรรม วเิ คราะห์ข้อมลู และหาหลักฐานได้ ของนักเรยี นใหม่หลังจากอบรมตกั เตือน ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) แลว้ - นกั เรยี นร้อยละ 98 ตั้งใจปฏบิ ัติ กจิ กรรม ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - นกั เรียนรอ้ ยละ 98 ความมีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมุง่ ม่นั ในการทำงาน ลงช่อื ผสู้ อน (นายอสิ รานวุ ัฒน์ ริดสมเงิน) ลงช่ือ ลงชื่อ (นายอสิ รานวุ ฒั น์ ริดสมเงิน) (นางสาวสขุ ใจ ปรีศริ )ิ หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รองผ้อู ำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวิชาการ ลงชอื่ (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพนั ธ์ุ) ผู้อำนวยการโรงเรยี นอรรถวทิ ย์ ชวั่ โมงท่ี 4 เร่ือง : กิจกรรมทา้ ยบทเรยี น เรียนรู้แบบนกั วทิ ยาศาสตร์ ขน้ั ที่ 1 ขั้นเตรยี มกิจกรรม เตรียมอปุ กรณก์ ารเรยี น สื่อการเรยี นการสอน ข้นั ที่ 2 ขน้ั นำเข้าสูบ่ ทเรยี น 1. นักเรยี นวาดรปู หรอื เขยี นสรปุ สงิ่ ท่ีได้เรียนรจู้ ากบทน้ี ในแบบบนั ทึกกจิ กรรม หน้า 34 2. นักเรียนตรวจสอบการสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ของตนเองโดยเปรียบเทียบกับ แผนภาพในหัวข้อ รู้อะไรในบทนี้ ใน หนังสอื เรียน หนา้ 37

3. นักเรียนกลับไปตรวจสอบคำตอบของตนเองในสำรวจความรู้ก่อนเรียน ในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 2-6 อีก คร้ัง ถา้ คำตอบของนักเรยี นไม่ ถูกต้องให้ขีดเสน้ ทบั ขอ้ ความเหล่านน้ั แล้วแก้ไขให้ถูกต้อง นอกจากนี้ครู อาจนำคำถามในรูป นำบทในหนงั สือเรยี น หนา้ 2 มารว่ มกันอภปิ ราย คำตอบอกี ครั้ง ดงั นี้ 1. รู้หรือไม่ว่าก่อนที่จะมาเป็นแผนภาพหรือตาราง ผู้ที่จัดทำ รวบรวมข้อมูลมาโดยวิธีใด และต้องทำ อย่างไรจงึ จะนำเสนอ ขอ้ มลู นั้นให้ผอู้ ืน่ เข้าใจได้ (ผจู้ ัดทำตอ้ งวัดและบันทึกข้อมูลเวลา ที่ดวงอาทติ ย์ข้ึนของแต่ละจังหวัดไว้ แลว้ นำมาจดั ทำเป็นตาราง และแผนภาพ) 2. ถ้าเราต้องเป็นผู้นำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ในเรื่องที่เราสืบเสาะหาความรู้มา เราจะมีวิธีการนำเสนอข้อมูล นั้นให้มีความ น่าเชื่อถือและทำผู้อื่นเข้าใจได้อย่างไร (เราต้องหาหลักฐานมา สนับสนุนข้อมูลความรู้นั้น และนำข้อมูลที่มี หลกั ฐานท่ีนา่ เช่อื ถอื มาจดั กระทำและส่ือความหมายข้อมูลในรูปแบบทเ่ี ขา้ ใจได้ง่าย ถกู ต้อง และรวดเร็ว ขนั้ ที่ 3 ขั้นดำเนินการสอน 4. นกั เรียนทำแบบฝึกหัดทา้ ยบทท่ี 1 เรยี นร้แู บบนักวทิ ยาศาสตร์ ใน แบบบนั ทกึ กิจกรรมหน้า 35-41 จากนนั้ นำเสนอคำตอบหน้าชัน้ เรียน ถ้าคำตอบยังมีความคลาดเคลื่อนไม่ถกู ต้องครคู วรนำอภิปรายหรือให้ สถานการณเ์ พ่ิมเติม เพอื่ แก้ไขแนวคิดคลาดเคล่ือนใหถ้ กู ต้อง 5. นักเรียนร่วมกันทำกิจกรรมร่วมคิด ร่วมทำ โดยให้สำรวจห้องเรียนแล้ว ร่วมกันวิเคราะห์ว่าควรปรับปรุง หอ้ งเรียนอยา่ งไรเพ่อื ใหเ้ ป็นระเบียบและ สวยงาม จากนน้ั ออกแบบห้องเรยี นจากผลการวเิ คราะหโ์ ดยสรา้ งเปน็ แบบจำลอง และนำเสนอแบบจำลองเพอื่ ใหน้ ักเรียนทกุ คนในห้องเขา้ ใจ ตรงกนั 6. นักเรียนอ่านและอภิปรายเนื้อเรื่องในหัวข้อวิทย์ใกล้ตวั ในหนังสอื เรียน หน้า 42 โดยครกู ระตุ้นให้นักเรียนเห็น ความสำคัญของความรู้จากสิ่งที่ได้ เรียนรู้ในหน่วยนี้ ว่าสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ อย่างไร เช่น ความสำคัญของทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซ กับสเปซและสเปซกับเวลา และทักษะการสร้างแบบจำลองที่ สามารถ นำมาประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประจำวันได้ เช่น ในงานออกแบบ การสรา้ ง แบบจำลองของส่งิ ท่ีจะก่อสร้าง ไมว่ ่าจะเป็น บา้ นเรอื น อาคารพพิ ธิ ภัณฑ์ สวนสัตว์ สนามเดก็ เลน่ 7. นักเรียนร่วมกันตอบคำถามสำคัญประจำหน่วยอีกครั้ง ดังน้ี จัดกระทำข้อมูลและนำเสนอความรู้ทาง วิทยาศาสตร์อย่างมีหลักฐานที่ น่าเชื่อถือได้อย่างไร (ต้องเก็บรวบรวบข้อมูลโดยวิธีที่ถูกต้อง เลือก ข้อมูลที่มีหลักฐานท่ี น่าเชื่อถือมาจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูลใน รูปแบบต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่าย ถูกต้อง และรวดเร็ว รวมท้ัง อธิบายความรู้ที่ได้จากข้อมูลเหล่านั้นอย่างเป็นเหตุเป็นผลสอดคล้อง กับหลักฐานที่มี) ถ้าคำตอบยังไม่ถูกต้อง ให้นักเรียน รว่ มกันอภปิ รายเพื่อใหไ้ ด้คำตอบที่ ถูกตอ้ ง ขั้นที่ 4 ขน้ั สรุป 8. ครูกระตุ้นให้นักเรียนเห็นความสำคัญของความรู้จากสิ่งทีไ่ ด้ เรียนรู้ในหน่วยนี้ ว่าสามารถนำไปใช้ประโยชน์ใน ชวี ติ ประจำวันได้ เช่น ความสำคญั ของทกั ษะการหาความสัมพันธร์ ะหวา่ งสเปซ กับสเปซและสเปซกับเวลา และทกั ษะการ สร้างแบบจำลองที่สามารถ นำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น ในงานออกแบบ การสร้าง แบบจำลองของสิ่งที่จะ ก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน อาคารพิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ สนามเด็กเล่นเป็นต้น และการจัดกระทำข้อมูลและนำเสนอ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์อย่างมีหลักฐานที่ น่าเชื่อถือได้ต้องเก็บรวบรวบข้อมูลโดยวิธีที่ถูกต้อง เลือก ข้อมูลที่มีหลักฐานท่ี น่าเชื่อถือมาจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูลใน รูปแบบต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่าย ถูกต้อง และรวดเร็ว รวมทั้ง อธบิ ายความรทู้ ไ่ี ดจ้ ากข้อมลู เหล่านน้ั อย่างเป็นเหตุเปน็ ผลสอดคล้อง กบั หลักฐานที่มี

การวัดและการประเมนิ ผล วธิ ีวัด เครอ่ื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมิน เป้าหมาย ตรวจแบบบันทกึ กิจกรรม แบบบนั ทกึ กจิ กรรม นกั เรยี นได้คะแนน ด้านความรู้ (K) รอ้ ยละ 60 ขึน้ ไป กจิ กรรมท้ายบทเรียน เรียนรู้แบบ นักวิทยาศาสตร์ ประเมินการทำกจิ กรรมทักษะ แบบสงั เกต นักเรยี นผ่านเกณฑ์ ด้านทักษะกระบวนการ (P) กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมนิ ระดับ สังเกตพฤตกิ รรมนกั เรียนในการ พอใช้ขึน้ ไป ปฏบิ ัตกิ จิ กรรม สังเกตความมวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มั่น แบบประเมิน นักเรียนผ่านเกณฑ์ ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) การประเมินระดับ ความมีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ และมงุ่ มัน่ ในการทำงาน คุณลักษณะ พอใช้ขึน้ ไป ในการทำงาน ระดบั คุณภาพ 2 อันพึงประสงค์ ผา่ นเกณฑ์ ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน ความสามารถในการสื่อสาร สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต การคิด การแกป้ ัญหา การใช้ทักษะ ชวี ิต พฤติกรรม บันทกึ หลังการสอน ปัญหาและอุปสรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกป้ ญั หา ผลการจดั การเรยี นรู้ - นักเรยี นบางคนไมส่ ามารถทำไดด้ ว้ ยตนเอง - อธบิ ายเพิม่ เติมให้นักเรียน ดา้ นความรู้ (K) - นักเรยี นร้อยละ 98 อธบิ ายการเรยี นรู้ - นักเรยี นบางคนไมม่ ีสมาธิในการเรียน - ครูอบรมตักเตือน และใหน้ ักเรียนปฏิบัติใหม่ แบบนักวิทยาศาสตร์ได้ - นกั เรยี นบางคนไมม่ สี มาธิในการเรยี น อกี ครง้ั ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 ตัง้ ใจปฏิบัติ - ครอู บรมตกั เตอื น และสงั เกตพฤติกรรมของ กจิ กรรม นักเรียนใหม่หลงั จากอบรมตกั เตอื นแลว้ ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 ความมีวนิ ัย ใฝ่ เรียนรู้ และมงุ่ มั่นในการทำงาน ลงชอ่ื ผูส้ อน (นายอสิ รานุวัฒน์ ริดสมเงนิ ) ลงชอ่ื ลงช่อื (นายอสิ รานวุ ัฒน์ ริดสมเงนิ ) (นางสาวสขุ ใจ ปรศี ริ )ิ หัวหนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รองผูอ้ ำนวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ ลงช่อื (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพันธ์ุ) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนอรรถวิทย์

ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามระดบั ความสามารถของนกั เรยี น โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมนิ ดังน้ี กระบวนการ รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ การบรรยาย S1 การสังเกต รายละเอยี ดของส่ิง ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1) ทีส่ ังเกต S8 การลงความเหน็ สามารถใชป้ ระสาท สามารถใช้ สามารถใช้ประสาท จากข้อมลู การลงความเหน็ จากข้อมูลว่าการ สัมผสั และแว่น ประสาทสมั ผสั สัมผสั และแวน่ ขยาย S13 การ สังเกตสิง่ ต่างๆ โดย ตีความหมายข้อมลู ใชแ้ ว่นขยายทำให้ ขยายเก็บ และแว่นขยาย เก็บรายละเอยี ด และลงข้อสรปุ ไดข้ ้อมลู ที่ชดั เจน และละเอยี ดว่าการ รายละเอียดข้อมลู เก็บรายละเอียด ข้อมลู ของสงิ่ ท่ี สงั เกตโดยใชต้ า เปล่า ของสิ่งทส่ี งั เกตได้ ขอ้ มลู ของสง่ิ ท่ี สังเกตได้เพยี ง การตคี วามหมาย ดว้ ยตนเอง โดยไม่ สังเกตได้ จากการ บางสว่ นแม้วา่ จะได้ ข้อมูลจากการ สงั เกตและการ เพมิ่ ความคดิ เห็น ชแ้ี นะของครหู รือ รบั คำช้แี นะจากครู ผอู้ ื่นหรือมีการ หรอื ผอู้ ืน่ เพิ่มเติมความ คดิ เหน็ สามารถลง สามารถลง ลงความเหน็ จาก ความเหน็ จาก ความเหน็ จาก ขอ้ มูลว่าการสงั เกต ข้อมูลว่าการสังเกต ข้อมลู ว่าการ สิ่งตา่ งๆ โดยใชแ้ ว่น สิ่งต่างๆ โดยใช้แวน่ สงั เกตสิ่งตา่ งๆ ขยายทำให้ได้ข้อมูล ขยายทำให้ได้ข้อมลู โดยใช้แว่นขยาย ท่ที แี่ ตกต่างจากการ ที่ชดั เจนและ ทำให้ได้ข้อมลู ที่ สังเกตโดยใช้ตา ละเอียดว่าการ ชัดเจนและ เปล่าแต่ไม่สามารถ สังเกตโดยใช้ตา ละเอยี ดว่าการ บอกไดว้ า่ แตกต่าง เปล่าไดอ้ ยา่ ง สงั เกตโดยใชต้ า อยา่ งไร แมจ้ ะได้ ถูกต้องและชดั เจน เปลา่ ลงความเห็น รับคำช้ีแนะจากครู ได้ดว้ ยตนเอง ได้อย่างถกู ต้อง หรือผอู้ น่ื และชัดเจนจาก การชแี้ นะของครู หรือผ้อู ื่น สามารถ สามารถ สามารถ ตคี วามหมายข้อมลู ตีความหมาย ตีความหมายข้อมูล จากการสงั เกตและ ขอ้ มลู จากการ จากการสังเกตและ

อภิปรายไดว้ ่า การอภิปรายได้วา่ สงั เกตและการ การอภปิ รายไดว้ ่า ลกั ษณะของ ลกั ษณะของ อภิปรายได้วา่ ลักษณะของ ส่ิงมีชีวติ เม่ือสังเกต ส่งิ มชี วี ติ เมอ่ื สงั เกต ลกั ษณะของ สง่ิ มีชีวิตเม่ือสงั เกต ดว้ ยตาเปล่าและใช้ ดว้ ยตาเปลา่ และใช้ สง่ิ มีชวี ติ เมื่อ ด้วยตาเปลา่ และใช้ แว่นขยายมลี กั ษณะ แวน่ ขยายมีลักษณะ สงั เกตด้วยตา แวน่ ขยายไดเ้ พียง บางอยา่ งเหมอื นกนั บางอย่างเหมือนกนั เปล่าและใช้แว่น บางสา่ วนและลง และลักษณะ และลกั ษณะ ขยายมลี กั ษณะ ข้อสรปุ ได้ไม่สมบูรณ์ บางอย่างแตกต่าง บางอยา่ งแตกต่าง บางอยา่ ง แมว้ ่าจะไดร้ ับคำ กนั และลงข้อสรุป กนั และลงขอ้ สรปุ เหมอื นกนั และ ช้ีแนะจากครูหรือ ได้วา่ การสงั เกตส่งิ ได้ว่าการสงั เกตสิ่ง ลักษณะบางอย่าง ผ้อู น่ื ต่างๆ โดยใช้แวน่ ตา่ งๆ โดยใช้แวน่ แตกต่างกันและ ขยายทำให้ได้ข้อมูล ขยายทำให้ไดข้ ้อมูล ลงข้อสรุปได้ว่า ท่ชี ัดเจนและ ทชี่ ัดเจนและ การสังเกตสิง่ รายละเอยี ดกวา่ รายละเอียดกวา่ ต่างๆ โดยใช้แว่น การสงั เกตดว้ ยตา การสังเกตด้วยตา ขยายทำให้ได้ เปลา่ เปลา่ ได้ดว้ ยตนเอง ขอ้ มูลทีช่ ดั เจน และรายละเอยี ด กวา่ การสงั เกต ด้วยตาเปลา่ จาก การชแ้ี นะของครู หรอื ผ้อู ื่น ตาราง แสดงการวิเคราะห์ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ตามระดบั ความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมนิ ดงั นี้ กระบวนการ รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) C4 การส่อื สาร การนำเสนอ นำเสนอข้อมูล นำเสนอข้อมูล นำเสนอข้อมลู จาก ข้อมูลจากการ จากการสังเกต จากการสงั เกต การสงั เกตลักษณะ สงั เกตลกั ษณะ ลกั ษณะของสิ่ง ลกั ษณะของส่ิง ของส่งิ ตา่ งๆ ใน ของสงิ่ ตา่ งๆ ใน ต่างๆ ในรปู แบบ ต่างๆ ในรูปแบบ รูปแบบของรปู วาด รูปแบบของรูป ของรูปวาดให้ ของรปู วาดให้ ให้ผู้อ่นื เขา้ ใจได้ วาดให้ผูอ้ ่ืนเขา้ ใจ ผ้อู ื่นเขา้ ใจได้ ผ้อู น่ื เขา้ ใจได้ เพียงบางส่วน

อย่างถูกต้องและ อยา่ งถูกต้อง และ แมว้ ่าจะได้รับคำ รวดเรว็ ได้ด้วย รวดเร็วจากการ ช้ีแนะจากครหู รือ ตนเอง ช้ีแนะของครหู รือ ผ้อู ื่น ผอู้ ื่น C5 ความร่วมมือ การทำงาน สามารถทำงาน สามารถทำงาน สามารถทำงาน ร่วมกับผอู้ นื่ และ ร่วมกับผอู้ ื่นได้ดี รว่ มกับผ้อู ่นื และ ร่วมกบั ผอู้ น่ื ได้บ้าง การแสดงความ มีสว่ นร่วมในการ การแสดงความ แตไ่ ม่ค่อยแสดง คิดเหน็ เกีย่ วกับ แสดงความ คดิ เห็นเกย่ี วกับ ความคดิ เห็น ประโยชน์ของการ คิดเห็นเกย่ี วกบั ประโยชนข์ องการ เกยี่ วกบั ประโยชน์ ใช้แวน่ ขยายใน ประโยชน์ของการ ใชแ้ ว่นขยายใน ของการใช้แวน่ การสังเกตสงิ่ ใชแ้ วน่ ขยายใน การสังเกตสิง่ ขยายในการสังเกต ตา่ งๆ รวมทงั้ การสงั เกตสิง่ ต่างๆ รวมทั้ง ส่ิงต่างๆ รวมทงั้ ยอมรบั ความ ตา่ งๆ รวมทง้ั ยอมรับความ ยอมรบั ความ คิดเห็นของผู้อนื่ ยอมรับความ คดิ เหน็ ของผอู้ ื่น คดิ เห็นของผอู้ ่ืน คดิ เห็นของผ้อู ื่น เปน็ บางช่วงเวลา ตลอดชว่ งเวลา ของการทำ ของการทำ กจิ กรรม กจิ กรรม การประเมนิ จากการทำกิจกรรม 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง ระดบั คะแนน 3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ รหัส ส่งิ ที่ประเมนิ ระดับคะแนน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสงั เกต S8 การลงความเห็นจากข้อมลู S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรปุ ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 C4 การส่อื สาร C5 ความรว่ มมอื

แผนการจัดการเรียนรู้ สัปดาห์ที่ 6 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ัน : ประถมศกึ ษาปีที่ 3 ชื่อรายวชิ า : วิทยาศาสตร์ 3 รหัสวชิ า: ว 13101 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 อากาศและชีวติ ของสตั ว์ เวลา : 4 ช่ัวโมง 1. สาระ/มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั มาตรฐานการเรยี นรู้/ผลการเรียนรู้ ว 3.2 ป.3/1 ระบสุ ่วนประกอบของอากาศ บรรยาย ความสำคญั ของอากาศ และผลกระทบของ มลพิษทาง อากาศต่อสงิ่ มชี วี ิต จากข้อมลู ที่ รวบรวมได้ 2. สาระสำคญั อากาศประกอบดว้ ยแกส๊ ไนโตรเจน แก๊สออกซิเจน คารบ์ อนไดออกไซด์ แก๊สอื่น ๆ รวมทัง้ ไอน้ำ และฝุ่นละออง ส่ิงมีชวี ติ ทกุ ชนดิ ใชอ้ ากาศในการหายใจ และอากาศยังมีประโยชน์ในด้านต่าง ๆ อกี มากมาย อากาศเคลอื่ นท่ีจากบริเวณท่ี มอี ุณหภมู ติ ่ำ ไปยังบริเวณทม่ี อี ุณหภมู ิสงู กวา่ โดยอากาศที่เคลือ่ นท่ใี นแนวราบทำให้เกิดลม 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ด้าน K - สงั เกต รวบรวมขอ้ มูลและระบสุ ว่ นประกอบของอากาศ ดา้ น P - มที กั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ด้าน A - มจี ติ วิทยาศาสตร์ 4. สาระการเรยี นรู้ - สงั เกต รวบรวมข้อมูลและระบสุ ่วนประกอบของอากาศ 5. ทกั ษะกระบวนการ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1. การสังเกต 2. การจำแนกประเภท 3. การลงความเห็นจากข้อมูล 4. การตีความหมายข้อมลู และลงข้อสรุป 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. อยอู่ ยา่ ง 3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 7. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคดิ 3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต

8. บูรณาการสาระท้องถน่ิ /สวนพฤกษศาสตร์ - 9. หลกั ฐานการเรยี นรู้ (ชน้ิ งาน/ภาระงาน) 1. แบบบันทกึ กจิ กรรม 10.สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.3 สสวท. 2. แบบบันทกึ กิจกรรม 3. แบบทดสอบ 4. แหล่งเรียนรู้ เชน่ หนังสือ วารสาร อนิ เทอรเ์ นต็ 11. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชวั่ โมงที่ 1 เร่ือง : อากาศและความสำคัญของส่ิงมีชีวิต ขัน้ ท่ี 1 ขน้ั เตรียมกจิ กรรม เตรียมอปุ กรณก์ ารเรยี น ส่อื การเรียนการสอน ขั้นที่ 2 ขนั้ นำเข้าสู่บทเรียน 1. ครูกล่าวทักทายนักเรียนตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนโดยให้นักเรียนให้ร่วมกัน สังเกตรูปตามหน่วยใน หนังสอื เรยี นหน้า 44-45 จากน้นั ครูใชค้ ำถามดงั นี้ 1.1 นักเรียนสังเกตเหน็ อะไรในรูปบ้าง (นกั เรียนตอบตามสิง่ ที่ สังเกตเหน็ เช่น ตน้ ไม้ กงั หันลม หญา้ ววั ) 1.2 นักเรียนคดิ ว่าส่ิงท่นี ักเรียนเห็นในรูปเกย่ี วข้องกับอากาศหรือไม่ อยา่ งไร (นกั เรียนตอบตามความ เขา้ ใจของตนเอง เชน่ เกย่ี วข้อง โดยตน้ ไม้ หญ้า ววั ซง่ึ เป็นส่งิ มชี ีวิตจะใชอ้ ากาศในการหายใจ ส่วนกังหันลมใช้อากาศท่ี เคล่ือนท่ีช่วยให้ใบพดั ของกังหนั หมนุ ) 2. ครูชักชวนนักเรียนศึกษาเรื่อง อากาศและชีวิตของสัตว์ โดยให้อ่านชื่อ หน่วย และอ่านค าถามสำคัญประจำ หน่วยที่ 2 ในหนังสือเรียน หน้า 44 ดังนี้ สิ่งมีชีวิตใช้สิ่งใดบ้างในการดำรงชีวิต และใช้อย่างไร นักเรียนตอบคำถาม โดย ครยู ังไมต่ ้องเฉลยคำตอบ และเมอ่ื เรยี นจบ หนว่ ยน้ีแลว้ ครถู ามคำถามนี้อกี ครง้ั เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจของ นักเรียน ขน้ั ท่ี 3 ขนั้ ดำเนินการสอน 3. นักเรียนอ่าน ชื่อบท และจุดประสงค์การเรียนรู้ประจำ บท ในหนังสือเรียน หน้า 45 จากนั้นครูใช้คำถามเพ่ือ ตรวจสอบความเขา้ ใจ ดงั น้ี 3.1 บทนนี้ ักเรยี นจะได้เรียนเรอ่ื งอะไร (อากาศและความสำคญั ตอ่ สิ่งมชี วี ติ ) 3.2 จากจุดประสงค์การเรียนรู้ประจำบทนี้ เมื่อเรียนจบบทนี้ นักเรียนสามารถทำอะไรได้บ้าง (ระบุ ส่วนประกอบของอากาศ บรรยายความสำคัญของอากาศ และผลกระทบของมลพิษทาง อากาศต่อสิ่งมีชีวิต นำเสนอ แนวทางการปฏิบตั ติ นเพือ่ ลดมลพิษ ทางอากาศ อธิบายการเกิดลม และบรรยายประโยชน์และโทษ ของลม) 4. นักเรียนอ่านแนวคิดสำคัญ ในหนังสือเรียน หน้า 46 จากนั้นครูใช้ ค าถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจว่า จาก การอ่านแนวคิดสำคัญนักเรียนคิดว่าจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง (เรื่องลักษณะและ ส่วนประกอบของอากาศ ความสำคญั ของอากาศ มลพษิ ทางอากาศ การเกิดลม ประโยชนแ์ ละโทษของลม) 5. ครูให้นักเรียนสังเกตรูป และอ่านเนื้อเรื่องในหนังสือเรียนหน้า 46 โดยครูฝึกทักษะการอ่านตามวิธีการอ่านท่ี เหมาะสมกบั ความสามารถ ของนักเรียน จากนัน้ ครูตรวจสอบความเขา้ ใจในการอ่าน โดยใชค้ ำถาม ดงั ต่อไปน้ี 5.1 อากาศมอี ยทู่ ใ่ี ดบา้ ง (อากาศมีอยรู่ อบตวั เรา)

5.2 อากาศมคี วามสำคญั อย่างไร (มนุษย์ พชื และสตั วใ์ ช้อากาศใน การหายใจ) 6. ครชู กั ชวนนักเรยี นตอบคำถามเกี่ยวกับอากาศและความสำคญั ต่อ สงิ่ มชี วี ิตในสำรวจความรกู้ ่อนเรียน 7. นักเรียนทำสำรวจความรู้ก่อนเรียน ในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 44 โดยนักเรียนอ่านคำถามแต่ละข้อ ครู ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน จนแน่ใจว่านักเรยี นสามารถทำไดด้ ้วยตนเอง จึงให้นักเรียนตอบคำถาม ซึ่งคำตอบของ แตล่ ะคนอาจแตกต่างกัน และคำตอบอาจถกู หรอื ผดิ กไ็ ด้ 8. ครูสังเกตการณ์ตอบคำถามของนักเรยี นเพ่ือตรวจสอบว่านักเรยี นมี แนวคดิ เกีย่ วกับอากาศและความสำคัญต่อ สิ่งมีชีวิตอย่างไร โดยอาจสุ่ม ให้นักเรียน 2-3 คน นำเสนอคำตอบของตนเอง โดยครูยังไม่ต้องเฉลย คำตอบ แต่จะให้ นักเรียนย้อนกลับมาตรวจสอบอีกครั้งหลังจากเรียน จบบทนี้แล้ว ทั้งนี้ครูควรบันทึกแนวคิดคลาดเคลื่อนหรือแนวคิดที่ น่าสนใจของนักเรียนแล้วนำมาใช้ในการออกแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อ แก้ไขแนวคิดคลาดเคลื่อนให้ถูกต้อง และต่อยอด แนวคดิ ทนี่ ่าสนใจของ นักเรียนต่อไป ขนั้ ที่ 4 ข้นั สรุป 9. ครูและนักเรียนร่วมกนั สรปุ เมือ่ เรยี นจบบทนี้สามารถ ระบุสว่ นประกอบของอากาศ บรรยายความสำคญั ของ อากาศ และผลกระทบของมลพิษทาง อากาศต่อสง่ิ มีชีวติ นำเสนอแนวทางการปฏบิ ัติตนเพือ่ ลดมลพิษ ทางอากาศ อธิบาย การเกิดลม และบรรยายประโยชนแ์ ละโทษ ของลม การวดั และการประเมินผล เปา้ หมาย วิธวี ดั เครอ่ื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมิน ดา้ นความรู้ (K) ตรวจแบบบันทึกกิจกรรม แบบบันทึกกจิ กรรม นกั เรยี นได้คะแนน ระบุส่วนประกอบของอากาศ ร้อยละ 60 ข้นึ ไป บรรยายความสำคญั ของอากาศ และผลกระทบของมลพษิ ทาง อากาศตอ่ สิง่ มีชีวิต นำเสนอ แนวทางการปฏิบัตติ นเพื่อลดมลพษิ ทางอากาศ อธิบายการเกิดลม และ บรรยายประโยชนแ์ ละโทษ ของลม ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) ประเมินการทำกจิ กรรมทักษะ แบบสงั เกต นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมนกั เรียนในการ กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมนิ ระดบั ปฏิบตั กิ จิ กรรม พอใช้ข้ึนไป ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) สงั เกตความมวี ินยั ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มน่ั แบบประเมนิ นักเรียนผ่านเกณฑ์ ความมวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มนั่ ในการทำงาน คุณลกั ษณะ การประเมินระดบั ในการทำงาน อนั พงึ ประสงค์ พอใช้ขน้ึ ไป ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั คุณภาพ 2 1) ความสามารถในการสือ่ สาร พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ 2) ความสามารถในการคดิ 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา 4) ความสามารถในการใช้ทักษะ ชวี ิต

บันทกึ หลังการสอน ปัญหาและอุปสรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา ผลการจัดการเรยี นรู้ - นกั เรยี นบางคนไมส่ ามารถทำไดด้ ว้ ย - อธิบายเพิม่ เติมใหน้ กั เรยี น ตนเอง ดา้ นความรู้ (K) - ครูอบรมตกั เตือน และใหน้ ักเรียนปฏิบัติ - นกั เรยี นรอ้ ยละ 95 ระบุ - นักเรียนบางคนไมม่ สี มาธใิ นการเรียน ใหมอ่ ีกครง้ั ส่วนประกอบของอากาศ บรรยาย - นกั เรยี นบางคนไมม่ ีสมาธใิ นการเรียน - ครูอบรมตักเตือน และสังเกตพฤติกรรม ความสำคัญของอากาศ และ ของนักเรียนใหมห่ ลงั จากอบรมตกั เตือน ผลกระทบของมลพิษทาง อากาศ แล้ว ต่อสงิ่ มชี ีวิต นำเสนอแนวทางการ ปฏิบัติตนเพ่ือลดมลพษิ ทางอากาศ อธิบายการเกิดลม และบรรยาย ประโยชน์และโทษ ของลมได้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) - นักเรยี นรอ้ ยละ 98 ต้ังใจปฏิบัติ กิจกรรม ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 ความมีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มัน่ ในการทำงาน ลงชอ่ื ผู้สอน (นายอสิ รานวุ ัฒน์ ริดสมเงิน) ลงชอื่ ลงชอื่ (นายอสิ รานุวฒั น์ ริดสมเงนิ ) (นางสาวสุขใจ ปรีศริ ิ) หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รองผ้อู ำนวยการกล่มุ บริหารวิชาการ ลงชอื่ (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพันธุ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนอรรถวทิ ย์ ช่ัวโมงท่ี 2 เรอ่ื ง : อากาศ ข้ันท่ี 1 ขั้นเตรยี มกจิ กรรม เตรียมอปุ กรณก์ ารเรียน ส่อื การเรยี นการสอน ขัน้ ท่ี 2 ขั้นนำเข้าส่บู ทเรยี น 1. ครูตรวจสอบความรเู้ ดิมของนักเรียนเกย่ี วกบั อากาศ โดยอาจใชร้ ูป สถานการณป์ ัจจบุ ัน เชน่ รูปควันท่ีปกคลมุ พื้นทใ่ี นภาคเหนือ ทำใหท้ ศั น์ วิสัยในการมองเห็นตา่ งจนทำให้เครอื่ งบินไม่สามารถข้ึนและลงจอดได้ จากนั้นนำอภปิ ราย โดยใชค้ ำถาม ดังน้ี

1.1 จากสถานการณน์ ีน้ กั เรียนคดิ ว่าเกิดจากสาเหตุใด (นักเรยี นตอบ ตามความเขา้ ใจของตนเอง เช่น มี ฝ่นุ ละอองและมคี วนั ไฟจาก การเผาป่า) 1.2 ถา้ อากาศมีสภาพเชน่ น้ีต่อไปนาน ๆ จะสง่ ผลตอ่ สง่ิ มีชีวติ อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ ตนเอง เช่น ทำให้เกิดปญั หาต่อ การหายใจของสงิ่ มีชีวิต และอาจทำใหเ้ สยี ชวี ติ ได้) 1.3 สถานการณน์ ีเ้ ปน็ มลพิษทางอากาศหรือไม่ เพราะเหตุใดจึงคิด เช่นนั้น (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ ของตนเอง เช่น สถานการณ์ น้ีเป็นมลพิษทางอากาศเพราะควันทป่ี กคลุมภาคเหนอื ซึ่งเกิดจาก การเผาป่า ทำใหเ้ กิดฝุ่น ละอองจำนวนมากในบรรยากาศ ซึ่งอาจ ก่อใหเ้ กดิ อันตรายต่อส่งิ มชี ีวิตได้) 2. ครูเชือ่ มโยงความรเู้ ดิมของนกั เรียนสู่การเรียนเร่ือง อากาศ ใชค้ ำถาม วา่ อากาศมีความสำคัญอย่างไร ข้ันที่ 3 ขั้นดำเนินการสอน 3. นักเรียนอ่านชื่อเรื่องและคำถามในคิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียนหน้า 49 แล้วร่วมกันอภิปรายเพื่อหาแนว คำตอบและนำเสนอ ครบู ันทึกคำตอบ ของนกั เรยี นบนกระดานเพ่ือใชเ้ ปรยี บเทยี บคำตอบหลังจากอ่านเน้ือเรอื่ ง 4. นักเรียนอ่านคำสำคัญ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หากนักเรียนอ่าน ไม่ได้ ครูควรสอนอ่านให้ถูกต้อง) จากนน้ั ครชู ักชวนใหน้ ักเรยี นอธิบาย ความหมายของคำสำคญั ตามความเข้าใจของตนเอง 5. นักเรียนอ่านเนื้อเรื่องในหนังสือเรียนหน้า 49-50 โดยครูฝึกทักษะการ อ่านตามวิธีการอ่านที่เหมาะสมกับ ความสามารถของนกั เรยี น จากนั้นครู ตรวจสอบความเข้าใจจากการอา่ น โดยใชค้ ำถามดงั น้ี 5.1 อากาศมีอยู่ที่ใดบ้าง รู้ได้อย่างไร (อากาศมีอยู่รอบตัวเรา รู้ได้จาก เมื่อโบกมือไปมาจะมีอากาศมา สมั ผสั กบั ตัวเรา) 5.2 มลพิษทางอากาศมีลักษณะอย่างไร (เป็นอากาศที่มีแก๊สบางชนิด สารพิษ หรือฝุ่นละอองในปริมาณ มาก ที่ทำให้เกิดอันตรายตอ่ สิ่งมีชวี ติ ) 5.3 การกระทำของมนุษย์ที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศมีอะไรบ้าง (การ เผาไหม้เชื้อเพลิง การทิ้งขยะ การเผาป่าหรอื การเกดิ ไฟป่า) 5.4 ในชีวิตประจำวันนักเรียนได้ทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดมลพิษทาง อากาศบ้างหรือไม่ อย่างไร (นักเรียน ตอบตามความเปน็ จริง) 5.5 นักเรียนคดิ ว่าเราจะลดมลพิษทางอากาศได้อย่างไร (นกั เรียนตอบ ตามความเข้าใจของตนเอง) 6. ครูนำรูปควันจากการเผาป่าทางภาคเหนือซึ่งครูใช้ตรวจสอบความรู้เดิม ของนักเรียนมาให้นักเรียนดูอีกคร้ัง จากนั้นครูและนักเรียนอภิปราย ร่วมกันว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็นมลพิษทางอากาศหรือไม่ (เป็นมลพิษ ทางอากาศ เพราะมฝี ุน่ ละอองจำนวนมากเขา้ ปกคลุมพื้นท่ี ซง่ึ อาจเป็น อันตรายตอ่ มนษุ ยท์ ่หี ายใจเขา้ ไป) ขัน้ ท่ี 4 ขน้ั สรุป 7. นักเรยี นร่วมกันสรปุ เรอ่ื งที่อา่ นซง่ึ ควรสรุปไดว้ ่า อากาศมอี ย่รู อบตวั เรา เมอื่ อากาศมีสิ่งเจือปน เช่น สารพิษ ฝุ่น ละอองจนเป็นอนั ตรายต่อ สง่ิ มีชีวติ จัดเปน็ มลพษิ ทางอากาศ ซง่ึ มลพิษทางอากาศสว่ นใหญ่ เกิดจากการกระทำของมนษุ ย์ 8. นักเรยี นตอบคำถามในรหู้ รอื ยัง ในแบบบันทกึ กิจกรรม หน้า 47 9. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคำตอบของนักเรียนใน รู้หรือยัง กับคำตอบที่เคยตอบและ บนั ทึกไว้ในคิดก่อนอา่ น 10. นกั เรียนอา่ นคำถามทา้ ยเร่ืองทอ่ี ่านและลองตอบคำถาม ดังนี้ 10.1 อากาศมสี ว่ นประกอบอะไรบ้าง

10.2 เราควรปฏิบัติตนอย่างไรเพื่อลดมลพิษทางอากาศ ครูยังไม่เฉลยคำตอบแต่ชักชวนให้นักเรียนหา คำตอบจากการทำกจิ กรรม การวัดและการประเมนิ ผล เป้าหมาย วธิ วี ัด เครือ่ งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมิน ดา้ นความรู้ (K) ตรวจแบบบันทึกกจิ กรรม แบบบันทกึ กิจกรรม นักเรยี นได้คะแนน กจิ กรรม เร่ือง อากาศ รอ้ ยละ 60 ข้นึ ไป ด้านทักษะกระบวนการ (P) ประเมนิ การทำกิจกรรมทักษะ แบบสงั เกต นกั เรยี นผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมนกั เรียนในการ กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมนิ ระดบั ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม พอใช้ขึ้นไป ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) สังเกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ ม่นั แบบประเมิน นักเรยี นผา่ นเกณฑ์ ความมวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ ม่ัน ในการทำงาน คณุ ลักษณะ การประเมินระดับ ในการทำงาน อันพึงประสงค์ พอใช้ขึน้ ไป ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 ความสามารถในการส่ือสาร การคิด พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ การแก้ปัญหาการใชท้ ักษะชีวิต บนั ทกึ หลังการสอน ผลการจัดการเรียนรู้ ปัญหาและอปุ สรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ปญั หา ด้านความรู้ (K) - นกั เรยี นบางคนไมส่ ามารถทำได้ดว้ ย - อธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรียน - นกั เรยี นรอ้ ยละ 98 อธบิ าย ตนเอง อากาศมีอยู่รอบตวั เราได้ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) - นกั เรียนรอ้ ยละ 98 ต้ังใจปฏบิ ัติ - นักเรียนบางคนไม่มีสมาธใิ นการเรียน - ครูอบรมตักเตือน และใหน้ ักเรยี นปฏิบัติ กจิ กรรม ใหมอ่ ีกคร้ัง ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) - นกั เรยี นร้อยละ 98 ความมีวินยั - นักเรียนบางคนไม่มีสมาธใิ นการเรียน - ครูอบรมตักเตอื น และสังเกตพฤติกรรม ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมน่ั ในการทำงาน ของนักเรียนหลงั จากอบรมตักเตือนแล้ว ลงชื่อ ผสู้ อน (นายอิสรานุวัฒน์ ริดสมเงิน) ลงชอ่ื ลงช่อื (นายอิสรานวุ ฒั น์ ริดสมเงนิ ) (นางสาวสขุ ใจ ปรีศิริ) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผูอ้ ำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ ลงช่อื (นางถนอมจติ ต์ ขุททะกะพนั ธุ์) ผู้อำนวยการโรงเรียนอรรถวทิ ย์

ชั่วโมงที่ 3 เรอ่ื ง : ส่วนประกอบของอากาศ (1) ขนั้ ที่ 1 ขั้นเตรยี มกจิ กรรม เตรยี มอปุ กรณ์การเรยี น สอื่ การเรียนการสอน ข้ันท่ี 2 ขัน้ นำเขา้ สู่บทเรยี น 1.ครูทบทวนความรู้พื้นฐานและความรู้เดิมเกี่ยวกับส่วนประกอบของ อากาศ โดยใช้แนวคำถามดังต่อไปนี้ 1.1 เรามองเหน็ อากาศที่อยู่รอบตัวหรือไม่ (มองไม่เหน็ ) 1.2 อากาศรอบตวั เรามสี ว่ นประกอบอะไรบ้าง (นักเรยี นตอบตาม ความเข้าใจของตนเอง) 1.3 อากาศในบริเวณต่าง ๆ มีสว่ นประกอบเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ นักเรยี น) ขัน้ ท่ี 3 ข้ันดำเนนิ การสอน 2. ครูเชื่อมโยงความรู้เดิมของนักเรียนไปสู่กิจกรรมที่ 1.1 โดยใช้ คำถามดังนี้ ถ้าเราเก็บอากาศเข้าไปอยู่ใน ถงุ พลาสตกิ และมดั ปาก ถุงไว้ เราจะสังเกตเหน็ สิ่งใดในอากาศท่ีอยู่ภายในถุง (นกั เรียนตอบ ตามความเขา้ ใจของตนเอง ซึ่ง นักเรยี นจะค้นพบคำตอบจากการทำกจิ กรรม) 3. นักเรยี นอา่ นชอื่ กจิ กรรม และ ทำเป็นคิดเปน็ ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 51 โดยร่วมกันอภิปรายเพอื่ ตรวจสอบความ เข้าใจจดุ ประสงค์ ในการทำกจิ กรรม โดยใชค้ ำถามดงั นี้ 3.1 กิจกรรมนีน้ ักเรยี นจะได้เรียนเร่ืองอะไร (สว่ นประกอบของ อากาศ) 3.2 นกั เรียนจะได้เรยี นรู้เรื่องน้ดี ้วยวธิ ใี ด (สงั เกตและรวบรวม ข้อมูล) 3.3 เมือ่ เรียนแล้วนักเรยี นจะทำอะไรได้ (ระบสุ ว่ นประกอบของ อากาศ) 4. นกั เรียนบันทึกจดุ ประสงค์ลงในแบบบนั ทึกกิจกรรม หน้า 48 และ อ่านสิ่งที่ตอ้ งใชใ้ นการทำกจิ กรรม ซึง่ ครูควร นำอุปกรณ์ต่าง ๆ มา แสดงให้นักเรยี นดู ไดแ้ ก่ 1. ถงุ พลาสตกิ 2. ยางรัดของ 3. ผา้ สะอาดหรอื กระดาษเยือ่ 4. กระติกนำ้ แข็ง 5. น้ำแข็ง 5. นักเรียนอ่านทำอย่างไรทีละข้อ โดยครูใช้วิธีฝึกอ่านที่เหมาะสมกับ ความสามารถของนักเรียน จากนั้นครู ตรวจสอบความเขา้ ใจเกยี่ วกบั วธิ กี ารทำกิจกรรม จนนกั เรียนเข้าใจลำดับการทำกจิ กรรม โดยใช้ คำถามดงั นี้ 5.1 กิจกรรมนี้นักเรียนต้องสังเกตสิ่งใด และใช้อวัยวะรับสัมผัส ใดในการสังเกต (สังเกตภายใน ถุงพลาสตกิ โดยใช้ตามองดู และใชม้ อื สมั ผัส) 5.2 ต้องสัมผสั ภายในถุงพลาสตกิ กี่ครง้ั และสัมผัสเมื่อใด (ต้อง สัมผัสภายในถุงพลาสติก 2 ครั้ง โดยสัมผัส ก่อนและหลงั นำถงุ พลาสตกิ ไปแช่ในกระติกนำ้ แขง็ ) 5.3 ก่อนสัมผัสภายในถุงพลาสติกจะต้องทำอย่างไร (เช็ดมือให้ แห้ง และใช้กระดาษเยื่อหรือผ้าสะอาด เชด็ ผวิ ด้านนอกของ ถงุ พลาสตกิ ให้แหง้ ) 5.4 วธิ ีการเกบ็ อากาศบรรจใุ นถุงทำได้อย่างไร (เปิดปาก ถงุ พลาสตกิ ทแี่ หง้ แกวง่ ถงุ ไปมาให้อากาศเข้าไป เตม็ ถงุ แล้วมดั ปากถุงให้แนน่ ) 5.5 ต้องนำถุงบรรจุอากาศไปแช่ในกระติกน้ำแข็งนานเทา่ ใด (แชน่ าน 10 นาที)

5.6 ต้องนำข้อมูลจากการสังเกตและจากการอ่านใบความรู้ ไปทำอะไร (อภิปรายเกี่ยวกับสว่ นประกอบ ของอากาศ และ นำข้อมูลไปจดั กระทำและนำเสนอในรปู แบบทีน่ า่ สนใจ) 5.7 รูปแบบการนำเสนอข้อมูลทีน่ ่าสนใจมีอะไรบ้าง (นักเรียน ตอบตามประสบการณ์และความถนัดของ นักเรยี น เช่น ทำแผนผังความคดิ ทำในโปรแกรมวาดรปู โปรแกรม เอกสาร การถา่ ยภาพเคลือ่ นไหว) 5.8 เรยี งลำดับขั้นตอนการทำกจิ กรรมนไี้ ดอ้ ย่างไร (1) สงั เกตภายในถงุ พลาสตกิ ทแ่ี หง้ (2) บรรจอุ ากาศเขา้ ไปในถงุ นำไปแชใ่ นกระติกนำ้ แขง็ 10 นาที (3) นำถุงออกจากกระติก เช็ดดา้ นนอกถงุ แล้วสงั เกต ภายในถุงพลาสติก (4) อภิปรายผลการสังเกต (5) อ่านใบความรแู้ ละอภปิ รายสว่ นประกอบของอากาศ (6) นำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่น่าสนใจ/ ครูควรบันทึกคำตอบของนักเรียนบนกระดานเพื่อเป็นแนวทาง ให้ นกั เรยี นทำกิจกรรมตามลำดบั 6. เมื่อนักเรียนเข้าใจวิธีการทำกิจกรรมในทำอย่างไรแล้ว ครูแจกวัสดุ อุปกรณ์และให้นักเรียนเริ่มปฏิบัติตาม ขนั้ ตอนการทำกิจกรรมใน ทำอย่างไรขอ้ 1-3 และบันทกึ ผลการทำกิจกรรมในแบบบันทึก กจิ กรรมหนา้ 48 ขั้นที่ 4 ข้นั สรุป 7. หลงั จากทำกิจกรรมแลว้ ครนู ำมาอภิปรายผลการสังเกต ในวนั ถดั ไป การวัดและการประเมินผล วิธีวัด เครอ่ื งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ เป้าหมาย ตรวจแบบจำลอง แบบบันทกึ กจิ กรรม นักเรยี นได้คะแนน ดา้ นความรู้ (K) กจิ กรรมสว่ นประกอบของอากาศ / แบบประเมิน รอ้ ยละ 60 ขนึ้ ไป ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) สังเกตพฤติกรรมนกั เรยี นในการ ประเมินการทำกจิ กรรมทักษะ แบบสงั เกต นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ ปฏิบตั กิ จิ กรรม ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) กระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมนิ ระดับ ความมวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมั่น ในการทำงาน พอใช้ขึน้ ไป ด้านสมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น สงั เกตความมวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ และม่งุ ม่นั แบบประเมนิ นกั เรียนผา่ นเกณฑ์ 1) ความสามารถในการสอ่ื สาร 2) ความสามารถในการคิด ในการทำงาน คุณลกั ษณะ การประเมนิ ระดับ 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา 4) ความสามารถในการใช้ทกั ษะ อันพึงประสงค์ พอใช้ข้ึนไป ชวี ิต สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์

บนั ทึกหลังการสอน ปญั หาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะและแนวทางแกป้ ัญหา ผลการจดั การเรียนรู้ - นักเรียนบางคนไมส่ ามารถทำไดด้ ว้ ย - อธิบายเพม่ิ เติมให้นกั เรียน ด้านความรู้ (K) ตนเอง - นกั เรียนรอ้ ยละ 98 อธบิ าย สว่ นประกอบของอากาศได้ - นักเรียนบางคนไม่มีสมาธิในการเรยี น - ครอู บรมตักเตือน และใหน้ ักเรียนปฏบิ ัติ ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) ใหม่อีกครั้ง - นักเรยี นรอ้ ยละ 98 ต้ังใจปฏบิ ตั ิ กจิ กรรม - นักเรียนบางคนไม่มสี มาธิในการเรียน - ครอู บรมตกั เตอื น และสังเกตพฤติกรรม ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) ของนักเรยี นใหม่หลงั จากอบรมตกั เตือน - นักเรียนรอ้ ยละ 98 ความมีวินัย แล้ว ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน ลงช่ือ ผสู้ อน (นายอิสรานุวัฒน์ ริดสมเงิน) ลงชอ่ื ลงชื่อ (นายอสิ รานุวัฒน์ รดิ สมเงนิ ) (นางสาวสุขใจ ปรีศิร)ิ หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รองผอู้ ำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ ลงช่ือ (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพันธ์ุ) ผอู้ ำนวยการโรงเรียนอรรถวิทย์ ช่ัวโมงท่ี 4 เร่อื ง : สว่ นประกอบของอากาศ (2) ขั้นท่ี 1 ข้ันเตรยี มกจิ กรรม เตรียมอุปกรณก์ ารเรยี น สอื่ การเรยี นการสอน ขัน้ ท่ี 2 ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรียน 1.ครทู บทวนความกจิ กรรมที่ทำแบบบนั ทึก กิจกรรมหนา้ 48 ขนั้ ท่ี 3 ขัน้ ดำเนนิ การสอน 2. หลังจากทำกิจกรรมแล้ว ครนู ำอภปิ รายผลการสังเกต โดยใช้ คำถามดงั นี้ 2.1 เมอื่ นกั เรียนสัมผัสทผี่ ิวดา้ นในของถงุ พลาสตกิ ก่อนนำไปแชใ่ นกระติกนำ้ แข็ง ส่ิงที่พบคืออะไร (ไมพ่ บ) 2.2 เมอื่ นักเรยี นสัมผสั ทผ่ี วิ ดา้ นในของถุงพลาสติกหลงั จากนำไป แชใ่ นกระตกิ น้ำแข็งนาน 10 นาที สิง่ ที่ พบคืออะไร ทราบได้ อย่างไร (นำ้ ทราบได้จากการสังเกตและใช้มอื สัมผัส) 2.3 สิ่งทพ่ี บท่ผี วิ ด้านในของถุงพลาสตกิ ในขอ้ 7.2 มาจากไหน (จากอากาศที่อยู่ในถุง) 2.4 จากกจิ กรรมน้ี เราพบวา่ มีสิ่งใดอยู่ในอากาศ (น้ำ)

3. นกั เรียนรวบรวมข้อมลู เพ่ิมเตมิ เกย่ี วกบั สว่ นประกอบของอากาศ โดยใหน้ กั เรียนอ่านใบความรู้ เรือ่ ง สว่ นประกอบของอากาศ 4. หลงั จากท่ีนักเรยี นอา่ นใบความรแู้ ลว้ ครูนำอภปิ รายเกี่ยวกบั ส่วนประกอบอากาศ โดยใชค้ ำถามดังนี้ 4.1 อากาศแหง้ มสี ว่ นประกอบอะไรบา้ ง (มแี ก๊สต่าง ๆ ไดแ้ ก่ แก๊ส ไนโตรเจน แกส๊ ออกซเิ จน แก๊ส คารบ์ อนไดออกไซด์ และ แก๊สอ่ืน ๆ) 4.2 ในอากาศแหง้ มีแกส๊ ชนิดใดมากทสี่ ุด และปรมิ าณเท่าใด (แกส๊ ไนโตรเจน มปี ริมาณของแก๊ส 78 สว่ น ในอากาศ 100 ส่วน) 4.3 เรยี งลำดบั ชนดิ ของแกส๊ ในอากาศแหง้ จากปริมาณนอ้ ยทส่ี ุด ไปหามากทส่ี ดุ ไดอ้ ยา่ งไร (แกส๊ ท่มี ี ปรมิ าณน้อยทส่ี ุด คือ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดแ์ ละแก๊สอ่นื ๆ จากน้ันเปน็ แกส๊ ออกซิเจน และแก๊สท่ีมปี รมิ าณมากท่สี ดุ คอื แกส๊ ไนโตรเจน) 4.4 อากาศบนโลกมสี ว่ นประกอบเหมือนหรือแตกต่างจาก อากาศแห้ง อย่างไร (อากาศบนโลกมีชนดิ ของ แกส๊ เหมอื นกับอากาศแหง้ แตม่ คี วามแตกตา่ งคือ อากาศบนโลก มไี อน้ำเป็นสว่ นประกอบ) 4.5 อากาศในแต่ละบริเวณมีปริมาณไอน้ำเทา่ กนั หรือไม่ อยา่ งไร (อากาศในแต่ละบริเวณอาจมีปริมาณไอ น้ำไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในบริเวณนั้นว่าเป็นพื้นที่ที่แห้งแล้ง หรือ มีแหล่งน้ำถ้าเป็นพื้นที่แห้งแล้งก็จะมี ปรมิ าณไอนำ้ ใน อากาศนอ้ ยกวา่ พื้นท่ีใกลแ้ หลง่ น้ำ) 4.6 อากาศมีความสำคัญกับสิ่งมีชีวิตเพราะเหตุใด (สิ่งมีชีวิตใช้ แก๊สออกซิเจนในการหายใจ พืชใช้แก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ ในการสร้างอาหาร หากไมม่ ีอากาศส่งิ มีชีวติ จะตาย) 4.7 อากาศมีความสำคัญตอ่ โลกอย่างไร (อากาศมีผลตอ่ การเกิด ลม ฝน หิมะ และลูกเหบ็ ) 5. ครชู กั ชวนนกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายเพ่ือเช่อื มโยงผลการทำกจิ กรรม กับข้อมูลท่ีไดจ้ ากการอา่ นใบความรู้ เร่ือง สว่ นประกอบของ อากาศ โดยใชค้ ำถามดังต่อไปนี้ 5.1 เม่ือบรรจอุ ากาศเขา้ ไปภายในถงุ แล้วผกู ปากถงุ ให้แน่น นำไปแชใ่ นกระติกน้ำแข็งนาน 10 นาที พบว่าในอากาศมี อะไร (น้ำ) 5.2 น้ำ ที่พบในถุงพลาสติกเกี่ยวข้องกับไอน้ำที่เป็น ส่วนประกอบของอากาศอย่างไร (น้ำที่พบใน ถงุ พลาสติก เกิดจากไอนำ้ ควบแน่นเป็นหยดน้ำ) 5.3 อากาศทอ่ี ยู่ในถุงพลาสติกเป็นอากาศแห้งหรืออากาศชื้น เพราะเหตุใด (เป็นอากาศชืน้ เพราะมีไอน้ำ เปน็ สว่ นประกอบ) 5.4 จากข้อมูลทไ่ี ด้จากการสงั เกตและจากกการอ่านใบความรู้ สรปุ ได้วา่ อากาศมสี ่วนประกอบใดบา้ ง (อากาศประกอบ ด้วยแกส๊ ไนโตรเจน แกส๊ ออกซเิ จน แก๊ส คารบ์ อนไดออกไซด์ และแก๊สอ่ืน ๆ เช่น อารก์ อน รวมถึงไอน้ำ ในอากาศชนื้ ) ขั้นท่ี 4 ข้นั สรุป 6. ครูอธิบายเพิ่มเติม หากนักเรียนยังไม่เข้าใจคำว่า ควบแน่น ดังนี้ การควบแน่นเกิดขึ้นเมื่อส่วนประกอบของ อากาศคือไอน้ำซึ่งมีสถานะ แก๊สและมองไม่เห็น เมื่อไอน้ำสัมผัสกับบริเวณที่เย็นกว่าหรอื ที่มี อุณหภูมิต่ำกว่า เช่น บริเวณ ผิวของถุงพลาสติกที่นำไปแช่ในกระติก น้ำแข็ง ไอน้ำจะเปลี่ยนสถานะเป็นน้ำซ่ึงการที่แก๊ส (ไอน้ำ) เปลี่ยน สถานะเป็น ของเหลว (น้ำ) เรียกว่า การควบแน่น เราจึงพบน้ำที่บริเวณ ผิวด้านในของถุงพลาสติก ซึ่งเกิดจากการควบแน่นของไอน้ำ น่ันเอง

การวัดและการประเมินผล วธิ ีวดั เคร่ืองมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ เป้าหมาย ตรวจแบบบนั ทกึ กจิ กรรม แบบบันทกึ กิจกรรม นกั เรยี นได้คะแนน ด้านความรู้ (K) กิจกรรมสว่ นประกอบของอากาศ ร้อยละ 60 ขึน้ ไป ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) สังเกตพฤติกรรมนักเรยี นในการ ประเมนิ การทำกจิ กรรมทักษะ แบบสงั เกต นกั เรยี นผ่านเกณฑ์ ปฏบิ ัติกจิ กรรม ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) กระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ พฤติกรรม การประเมนิ ระดับ ความมวี นิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มนั่ ในการทำงาน พอใช้ข้นึ ไป ด้านสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น สังเกตความมวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมน่ั แบบประเมิน นักเรียนผา่ นเกณฑ์ ความสามารถในการสื่อสาร การคดิ การแกป้ ญั หา การใช้ทกั ษะ ในการทำงาน คุณลกั ษณะ การประเมนิ ระดับ ชวี ิต บนั ทึกหลังการสอน อันพึงประสงค์ พอใช้ข้ึนไป ผลการจัดการเรยี นรู้ สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดับคุณภาพ 2 ดา้ นความรู้ (K) - นักเรยี นร้อยละ 98 อธิบาย พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์ ส่วนประกอบของอากาศได้ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) ปญั หาและอปุ สรรค ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกป้ ญั หา - นักเรียนรอ้ ยละ 98 ตั้งใจปฏบิ ตั ิ กจิ กรรม - นักเรียนบางคนไมส่ ามารถทำไดด้ ้วย - อธบิ ายเพม่ิ เติมใหน้ กั เรียน ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) ตนเอง - นกั เรียนรอ้ ยละ 98 ความมีวนิ ัย - นกั เรยี นบางคนไม่มีสมาธใิ นการเรยี น - ครูอบรมตักเตือน และใหน้ กั เรียนปฏบิ ตั ิ ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน ใหมอ่ ีกครัง้ - นกั เรยี นบางคนไม่มีสมาธใิ นการเรยี น - ครอู บรมตักเตือน และสงั เกตพฤติกรรม ของนักเรียนใหม่หลังจากอบรมตกั เตือน แลว้ ลงชอ่ื ผู้สอน (นายอิสรานุวฒั น์ ริดสมเงิน) ลงชือ่ ลงชอ่ื (นายอิสรานวุ ฒั น์ รดิ สมเงิน) (นางสาวสุขใจ ปรศี ริ ิ) หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ ลงชื่อ (นางถนอมจิตต์ ขุททะกะพนั ธ์ุ) ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนอรรถวิทย์

ตาราง แสดงการวเิ คราะหท์ ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตามระดบั ความสามารถของนกั เรยี น โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมนิ ดังน้ี กระบวนการ รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ การบรรยาย S1 การสังเกต รายละเอยี ดของส่ิง ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรบั ปรงุ (1) ทีส่ ังเกต S8 การลงความเหน็ สามารถใชป้ ระสาท สามารถใช้ สามารถใช้ประสาท จากข้อมลู การลงความเหน็ จากข้อมูลว่าการ สัมผสั และแว่น ประสาทสมั ผสั สัมผสั และแวน่ ขยาย S13 การ สังเกตสิง่ ต่างๆ โดย ตีความหมายข้อมลู ใชแ้ ว่นขยายทำให้ ขยายเก็บ และแว่นขยาย เก็บรายละเอยี ด และลงข้อสรปุ ไดข้ ้อมลู ที่ชดั เจน และละเอยี ดว่าการ รายละเอียดข้อมลู เก็บรายละเอียด ข้อมลู ของสงิ่ ท่ี สงั เกตโดยใชต้ า เปล่า ของสิ่งทส่ี งั เกตได้ ขอ้ มลู ของสง่ิ ท่ี สังเกตได้เพยี ง การตคี วามหมาย ดว้ ยตนเอง โดยไม่ สังเกตได้ จากการ บางสว่ นแม้วา่ จะได้ ข้อมูลจากการ สงั เกตและการ เพมิ่ ความคดิ เห็น ชแ้ี นะของครหู รือ รบั คำช้แี นะจากครู ผอู้ ื่นหรือมีการ หรอื ผอู้ ืน่ เพิ่มเติมความ คดิ เหน็ สามารถลง สามารถลง ลงความเหน็ จาก ความเหน็ จาก ความเหน็ จาก ขอ้ มูลว่าการสงั เกต ข้อมูลว่าการสังเกต ข้อมลู ว่าการ สิ่งตา่ งๆ โดยใชแ้ ว่น สิ่งต่างๆ โดยใช้แวน่ สงั เกตสิ่งตา่ งๆ ขยายทำให้ได้ข้อมูล ขยายทำให้ได้ข้อมลู โดยใช้แว่นขยาย ท่ที แี่ ตกต่างจากการ ที่ชดั เจนและ ทำให้ได้ข้อมลู ที่ สังเกตโดยใช้ตา ละเอียดว่าการ ชัดเจนและ เปล่าแต่ไม่สามารถ สังเกตโดยใช้ตา ละเอยี ดว่าการ บอกไดว้ า่ แตกต่าง เปล่าไดอ้ ยา่ ง สงั เกตโดยใชต้ า อยา่ งไร แมจ้ ะได้ ถูกต้องและชดั เจน เปลา่ ลงความเห็น รับคำช้ีแนะจากครู ได้ดว้ ยตนเอง ได้อย่างถกู ต้อง หรือผอู้ น่ื และชัดเจนจาก การชแี้ นะของครู หรือผ้อู ื่น สามารถ สามารถ สามารถ ตคี วามหมายข้อมลู ตีความหมาย ตีความหมายข้อมูล จากการสงั เกตและ ขอ้ มลู จากการ จากการสังเกตและ

อภิปรายไดว้ ่า การอภิปรายได้วา่ สงั เกตและการ การอภปิ รายไดว้ ่า ลกั ษณะของ ลกั ษณะของ อภิปรายได้วา่ ลักษณะของ ส่ิงมีชีวติ เม่ือสังเกต ส่งิ มชี วี ติ เมอ่ื สงั เกต ลกั ษณะของ สง่ิ มีชีวิตเม่ือสงั เกต ดว้ ยตาเปล่าและใช้ ดว้ ยตาเปลา่ และใช้ สง่ิ มีชวี ติ เมื่อ ด้วยตาเปลา่ และใช้ แว่นขยายมลี กั ษณะ แวน่ ขยายมีลักษณะ สงั เกตด้วยตา แวน่ ขยายไดเ้ พียง บางอยา่ งเหมอื นกนั บางอย่างเหมือนกนั เปล่าและใช้แว่น บางสา่ วนและลง และลักษณะ และลกั ษณะ ขยายมลี กั ษณะ ข้อสรปุ ได้ไม่สมบูรณ์ บางอย่างแตกต่าง บางอยา่ งแตกต่าง บางอยา่ ง แมว้ ่าจะไดร้ ับคำ กนั และลงข้อสรุป กนั และลงขอ้ สรปุ เหมอื นกนั และ ช้ีแนะจากครูหรือ ได้วา่ การสงั เกตส่งิ ได้ว่าการสงั เกตสิ่ง ลักษณะบางอย่าง ผ้อู น่ื ต่างๆ โดยใช้แวน่ ตา่ งๆ โดยใช้แวน่ แตกต่างกันและ ขยายทำให้ได้ข้อมูล ขยายทำให้ไดข้ ้อมูล ลงข้อสรุปได้ว่า ท่ชี ัดเจนและ ทชี่ ัดเจนและ การสังเกตสิง่ รายละเอยี ดกวา่ รายละเอียดกวา่ ต่างๆ โดยใช้แว่น การสงั เกตดว้ ยตา การสังเกตด้วยตา ขยายทำให้ได้ เปลา่ เปลา่ ได้ดว้ ยตนเอง ขอ้ มูลทีช่ ดั เจน และรายละเอยี ด กวา่ การสงั เกต ด้วยตาเปลา่ จาก การชแ้ี นะของครู หรอื ผ้อู ื่น ตาราง แสดงการวิเคราะห์ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ตามระดบั ความสามารถของนักเรยี น โดยอาจใชเ้ กณฑก์ ารประเมนิ ดงั นี้ กระบวนการ รายการประเมนิ ระดบั ความสามารถ ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ควรปรับปรงุ (1) C4 การส่อื สาร การนำเสนอ นำเสนอข้อมูล นำเสนอข้อมูล นำเสนอข้อมลู จาก ข้อมูลจากการ จากการสังเกต จากการสงั เกต การสงั เกตลักษณะ สงั เกตลกั ษณะ ลกั ษณะของสิ่ง ลกั ษณะของส่ิง ของส่งิ ตา่ งๆ ใน ของสงิ่ ตา่ งๆ ใน ต่างๆ ในรปู แบบ ต่างๆ ในรูปแบบ รูปแบบของรปู วาด รูปแบบของรูป ของรูปวาดให้ ของรปู วาดให้ ให้ผู้อ่นื เขา้ ใจได้ วาดให้ผูอ้ ่ืนเขา้ ใจ ผ้อู ื่นเขา้ ใจได้ ผ้อู น่ื เขา้ ใจได้ เพียงบางส่วน

อย่างถูกต้องและ อยา่ งถูกต้อง และ แมว้ ่าจะได้รับคำ รวดเรว็ ได้ด้วย รวดเร็วจากการ ช้ีแนะจากครหู รือ ตนเอง ช้ีแนะของครหู รือ ผ้อู ื่น ผอู้ ื่น C5 ความร่วมมือ การทำงาน สามารถทำงาน สามารถทำงาน สามารถทำงาน ร่วมกับผอู้ นื่ และ ร่วมกับผอู้ ื่นได้ดี รว่ มกับผ้อู ่นื และ ร่วมกบั ผอู้ น่ื ได้บ้าง การแสดงความ มีสว่ นร่วมในการ การแสดงความ แตไ่ ม่ค่อยแสดง คิดเหน็ เกีย่ วกับ แสดงความ คดิ เห็นเกย่ี วกับ ความคดิ เห็น ประโยชน์ของการ คิดเห็นเกย่ี วกบั ประโยชนข์ องการ เกยี่ วกบั ประโยชน์ ใช้แวน่ ขยายใน ประโยชน์ของการ ใชแ้ ว่นขยายใน ของการใช้แวน่ การสังเกตสงิ่ ใชแ้ วน่ ขยายใน การสังเกตสิง่ ขยายในการสังเกต ตา่ งๆ รวมทงั้ การสงั เกตสิง่ ต่างๆ รวมทั้ง ส่ิงต่างๆ รวมทงั้ ยอมรบั ความ ตา่ งๆ รวมทง้ั ยอมรับความ ยอมรบั ความ คิดเห็นของผู้อนื่ ยอมรับความ คดิ เหน็ ของผอู้ ื่น คดิ เห็นของผอู้ ่ืน คดิ เห็นของผ้อู ื่น เปน็ บางช่วงเวลา ตลอดชว่ งเวลา ของการทำ ของการทำ กจิ กรรม กจิ กรรม การประเมนิ จากการทำกิจกรรม 1 คะแนน หมายถึง ควรปรับปรุง ระดบั คะแนน 3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ รหัส ส่งิ ที่ประเมนิ ระดับคะแนน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ S1 การสงั เกต S8 การลงความเห็นจากข้อมลู S13 การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรปุ ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 C4 การส่อื สาร C5 ความรว่ มมอื


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook