ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 25 เพลง นกพิราบ พลบั พรบึ พลบั พรบึ พลบั ขยบั บนิ (ซ้า) ฝงู นกพริ าบ ดาและเทาน่ารกั จรงิ นา บนิ วนเวยี นอยบู่ นหลงั คา บนิ ไปเกาะตามกงิ่ พฤกษา ไซป้ ีกหางกนั อยไู่ ปมา พอแสงแดดจา้ พากนั คนื รงั เวลานาที วนั เวลานาทมี รี าคา มากยงิ่ กว่าสงิ่ ใดใด หากวา่ ใครไมเ่ สยี ดายเวลา ปลอ่ ยเวลาล่วงเลยไป วนั เวลาเรยี กคนื มาไมไ่ ด้ เวลาสน้ิ ไปขอใครกนั 150 ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 3
ใบงาน ใหล้ กู เสอื แต่ละคน เขยี นกจิ กรรมของตนเองทท่ี าตลอด 24 ชวั่ โมง ยกเว้นในเวลาเรียน พรอ้ มทงั้ ลงเวลาเฉลย่ี ของแต่ละกจิ กรรมเขยี นลงตารางท่ี 1 ตารางท่ี 1 ช่วงเวลา กิจกรรม เวลาที่ใช้ (นาที) ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 3 151
ตารางท่ี 2 นากิจกรรมในตารางท่ี 1 มาพิจารณาแยกประเภทจดั เข้าในตาราง 4 ช่อง เรื่องสาคญั และเรง่ ด่วน ใช้เวลา เรอ่ื งสาคญั แต่ไม่เร่งด่วน ใช้เวลา (นาที) (นาที) เรอ่ื งไมส่ าคญั แต่เร่งด่วน ใช้เวลา เรอื่ งไม่สาคญั และไม่เรง่ ด่วน ใช้เวลา (นาที) (นาที) 152 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3
ตารางที่ 3 ส่ิงสาคญั ท่ีควรทาแต่ยงั ไมไ่ ด้ทา เรอ่ื งสาคญั และเร่งด่วน ใช้เวลา เรอ่ื งสาคญั แต่ไม่เร่งด่วน ใช้เวลา (นาที) (นาที) ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 153
ตารางที่ 4 วางแผนจดั การเวลาใหม่ โดยพิจารณาจากตารางที่ 2 และ ตารางที่ 3 เรื่องสาคญั และเร่งด่วน ใช้เวลา เรอื่ งสาคญั แต่ไม่เร่งด่วน ใช้ (นาที) เวลา (นาที) เรอ่ื งไมส่ าคญั แต่เร่งด่วน ใช้เวลา เรอื่ งไมส่ าคญั และไมเ่ รง่ ด่วน ใช้ (นาที) เวลา (นาที) 154 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3
ใบความรู้ ข้อคิดในการใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพ 1.เร่ิมต้นดีมีชยั ไปกว่าครงึ่ จากผลสารวจพฤตกิ รรมนกั เรยี น พบวา่ นกั เรยี นทเ่ี รยี นเก่งมี ผลการเรยี นดี แตกต่างจากนกั เรยี นทวั่ ๆ ไปตรงทม่ี คี วามสามารถในการเรมิ่ ตน้ ลงมอื ทางานทค่ี วร ทาไดเ้ รว็ กว่า โดยไมม่ วั แต่คดิ ฝันใจลอย หรอื ทาอะไรอยา่ งเรอ่ื ยเป่ือยไรจ้ ดุ หมาย 2. จดั ระเบียบชีวิต สรา้ งนสิ ยั ความเคยชนิ ในการจดั ระเบยี บชวี ติ รจู้ กั ใชต้ ารางเวลาชว่ ย ปลดปลอ่ ยพลงั งานทม่ี อี ยอู่ ยา่ งถกู ทศิ ทาง เชน่ ฝึกใหเ้ ป็นนสิ ยั วา่ หลงั รบั ประทานอาหารเยน็ เดนิ เลน่ ยอ่ ยอาหารสกั ยส่ี บิ นาที จากนนั้ นงั่ ลงอ่านหนงั สอื หรอื ทากจิ กรรมทม่ี คี วามสาคญั เป็นประจา 3. คิดก่อนทา อยา่ ลมื ว่าทุกครงั้ ทเ่ี รารบั ปากจะทาอะไรกบั ใครกต็ าม เรากาลงั เสยี โอกาสใน การทาสง่ิ ทม่ี คี วามสาคญั ในชวี ติ ของเราไปดว้ ยเชน่ กนั การรบั ปากคนอ่นื หมายถงึ วา่ เราจะตอ้ งตดั กจิ กรรมบางอยา่ งทเ่ี ราอยากทาหรอื ใหค้ วามสาคญั ออกไป ดงั นนั้ คดิ ชงั่ น้าหนกั ใหด้ ี ก่อนตดั สนิ ใจ 4. อย่าชะล่าใจ อยา่ รบั ปากทาสง่ิ ใดเพยี งเพราะเหน็ ว่ายงั เป็นเรอ่ื งในอนาคต ระยะเวลาท่ี ไกลออกไป อาจทาใหเ้ รารสู้ กึ ชะลา่ ใจ บางครงั้ เป็นงานชน้ิ ใหญ่ แต่เน่อื งจากเหน็ วา่ มเี วลานาน จงึ รบั ปากไปก่อน ครนั้ พอใกลเ้ วลาจวนเจยี น กลบั เพง่ิ พบวา่ เป็นงานทต่ี อ้ งใชเ้ วลามากกว่าทค่ี ดิ 5.วางแผนก่อนทา แบง่ งานทต่ี อ้ งทาออกเป็นชน้ิ เลก็ ๆ ทส่ี ามารถทาใหส้ าเรจ็ ไดท้ ลี ะขนั้ 6.ทาแต่พอดี อยา่ เน้นความสมบรู ณ์แบบจนเกนิ ไป งานส่วนใหญ่ตอ้ งการความละเอยี ด ประณตี ในระดบั หน่งึ หากเราใชเ้ วลาและพลงั งานมากเกนิ ไป กไ็ มไ่ ดเ้ พม่ิ คณุ ค่าของงานชน้ิ นัน้ หรอื แมจ้ ะเพมิ่ แต่กอ็ าจจะไมค่ ุม้ เมอ่ื เทยี บกบั การใชเ้ วลาไปทางานอ่นื ทม่ี คี วามสาคญั เช่นกนั 7.ทาให้จบในครงั้ เดียว ฝึกทาอะไรให้เสรจ็ ในครงั้ เดยี ว อย่าทาอะไรครง่ึ ๆ กลางๆ แลว้ กลบั มาทาต่อ เพราะทกุ ครงั้ ทก่ี ลบั มาทาต่อ ตอ้ งเสยี เวลาในการคดิ ทบทวน ศกึ ษาและตดั สนิ ใจ ทา ใหเ้ สยี เวลามากขน้ึ อกี ควรฝึกนสิ ยั ลงมอื ทาใหเ้ สรจ็ ในครงั้ เดยี ว 8.วางแผนการนัดให้ดี ในการนัดหมายกบั ใครก็ตาม นอกจากนัดเวลาท่จี ะพบกนั หรอื เรม่ิ ตน้ ทากจิ กรรมแลว้ ยงั ควรนัดเวลาเลกิ หรอื จบการพบปะไวด้ ว้ ย เพ่อื จะไดว้ างแผนใชเ้ วลาช่วง ต่อไปได้ ขณะเดยี วกนั การรเู้ วลาสน้ิ สุดจะทาใหก้ ารใชเ้ วลาเป็นไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ 9.มเี วลาสาหรบั การจดั เวลา เพ่อื การวางแผนการใชเ้ วลา เชน่ อาจใชเ้ วลาทุกวนั ตอนเชา้ วาง แผนการใชเ้ วลาในวนั นนั้ และใชเ้ วลาสุดสปั ดาหว์ างแผนการใชเ้ วลาทากจิ กรรมสาคญั ในสปั ดาหต์ ่อไป ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 155
เรื่องสนั้ ที่เป็นประโยชน์ ทาไม.....จึงสาคญั ท่ีสดุ ปราชญผ์ หู้ น่งึ เคยตงั้ คาถามเหล่าน้วี ่า \" ใครคอื คนสาคญั ทส่ี ดุ งานใดคอื งานทส่ี าคญั ทส่ี ุด และเวลาใดคอื เวลาทด่ี ที ส่ี ุด\" คาเฉลยมดี งั น้ี \" คนสาคญั ทส่ี ุด กค็ อื คนทอ่ี ยเู่ บอ้ื งหน้าเรา งานสาคญั ทส่ี ุด กค็ อื งานทเ่ี รา กาลงั ทาอยใู่ นขณะน้ี และเวลาทด่ี ที ส่ี ุด กค็ อื เวลาปัจจุบนั ขณะ\" ทาไม คนทอ่ี ยเู่ บอ้ื งหน้าเราจงึ สาคญั ทส่ี ดุ คาตอบกค็ อื ในชวั่ ชวี ติ อนั แสนสนั้ น้ี เรากบั เขาอาจ มโี อกาสพบกนั ไดเ้ พยี งครงั้ เดยี ว ดงั นนั้ เราจงึ ควรทาใหก้ ารพบกนั ทุกครงั้ เป็นการสรา้ งความทรงจา แสนงามไวใ้ หแ้ ก่กนั และกนั มนุษยน์ นั้ รเู้ กลยี ดยาวนานกว่ารรู้ กั ถา้ การพบกนั ครงั้ แรกนามาซง่ึ ความ รกั และเป็นการพบกนั เพยี งครงั้ เดยี วของชวี ติ กน็ บั วา่ คุม้ ค่าทส่ี ดุ แลว้ สาหรบั การพบกนั ของคนสองคน ทาไม งานทเ่ี รากาลงั ทาอยขู่ ณะน้ี จงึ เป็นงานสาคญั ทส่ี ดุ คาตอบกค็ อื เพราะทนั ทที ค่ี ุณปลอ่ ย ใหง้ านหลุดจากมอื คณุ ไป งานกจ็ ะกลายเป็นของสาธารณะ หากคณุ ทางานดมี นั กค็ อื อนุสาวรยี แ์ หง่ ชวี ติ และหากคุณทางานไม่ดมี นั กค็ อื ความอปั รยี แ์ หง่ ชวี ติ ตอนแรกคุณเป็นผสู้ รา้ งงาน แต่เมอ่ื ปลอ่ ย งานหลดุ จากมอื ไปแลว้ งานมนั จะเป็นผยู้ อ้ นกลบั มาสรา้ งคณุ ทาไม เวลาทด่ี ที ส่ี ุด จงึ ควรเป็นปัจจบุ นั ขณะ คาตอบกค็ อื เพราะเวลาทกุ วนิ าทจี ะไหลผ่าน ชวี ติ เราเพยี งครงั้ เดยี ว ไมว่ ่าคุณจะหวงแหนเวลาขนาดไหน มเี งนิ มากเพยี งไร กไ็ มม่ ใี ครสามารถรอ้ื ฟ้ืนเวลาทล่ี ว่ งไปแลว้ ใหค้ นื กลบั มาได้ ทุกครงั้ ทเ่ี วลาไหลผ่านเราไป หากเราไมใ่ ชเ้ วลาใหเ้ กดิ ประโยชน์สงู สดุ ชวี ติ ของคุณกพ็ รอ่ งไปแลว้ จากประโยชน์มากมายทค่ี ณุ ควรไดจ้ ากหว้ งเวลา คดั ยอ่ จากเรอ่ื ง มายาแห่งเสน้ ดา้ ย..... โดย ว. วชริ เมธี เรือ่ งนี้สอนให้ร้วู ่า ควรทาปัจจบุ นั ใหด้ ที ส่ี ดุ ช่างไม้ ชา่ งไมฝ้ ีมอื ดตี อ้ งการเกษยี ณเพราะอายุมากแลว้ นายจา้ งมคี วามเสยี ดายความสามารถของ เขามาก จงึ ขอรอ้ งใหช้ ่างไมส้ รา้ งบา้ นหลงั สดุ ทา้ ยก่อนเกษยี ณ เมอ่ื บา้ นหลงั สุดทา้ ยสรา้ งเสรจ็ ปรากฎว่าบา้ นหลงั น้ขี าดความปราณตี และใชว้ สั ดุทด่ี อ้ ย คณุ ภาพ เพราะช่างไมร้ บี ทาเพอ่ื ใหง้ านผา่ นไปอยา่ งเรว็ เท่านนั้ เองนายจา้ งมาเหน็ บา้ นดงั กลา่ วกร็ สู้ กึ เศรา้ ใจเขาบอกกบั ช่างไมว้ ่า \"น่คี อื บา้ นของคณุ ผมขอมอบใหเ้ ป็นของขวญั ตอนเกษยี ณอาย\"ุ ชา่ งไมไ้ ดย้ นิ ถงึ กบั ตกใจและอุทานวา่ “เสยี ดายจรงิ ๆถา้ รวู้ า่ กาลงั สรา้ งบา้ นของตวั เอง เราคง จะทาดว้ ยความตงั้ ใจมากกว่าน้ี” เร่ืองนี้สอนให้ร้วู ่า\"ชวี ติ คอื สง่ิ ทเ่ี ราสรา้ งดว้ ยตวั เราเอง\"เราทุกคนกาลงั สรา้ งชวี ติ ของเราอยแู่ ละ เรากไ็ มไ่ ดพ้ ยายามอยา่ งถงึ ทส่ี ุดในการสรา้ งสรรคส์ งิ่ ต่าง ๆในชวี ติ ของเรา เมอ่ื เวลาผา่ นไปแลว้ เราจงึ มกั เสยี ดายและอยากยอ้ นเวลากลบั ซง่ึ เป็นสงิ่ ทเ่ี ป็นไป ไมไ่ ด้ จงึ ควรใชเ้ วลาแต่ละวนั ทาทกุ อยา่ งใหด้ ที ส่ี ดุ 156 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 3
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่ เคร่ืองหมายลกู เสือหลวง ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 หน่วยท่ี 8 เศรษฐกิจพอเพียง เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการจดั กิจกรรมที่ 26 วยั ร่นุ ไทยหวั ใจเกาหลี 1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ลกู เสอื สามารถเหน็ คุณค่าของความเป็นไทยได้ 2. เนื้อหา คุณค่าของความเป็นไทย 3. ส่ือการเรียนรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง 3.2 เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4. กิจกรรม 4.1 พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบน่งิ ตรวจ แยก) 4.2 เพลง หรอื เกม 4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) ผกู้ ากบั ลกู เสอื นาสนทนาถงึ ค่านยิ มของวยั รนุ่ ในสงั คมไทย ทน่ี ิยมไวท้ รงผมแบบ เกาหลี แฟชนั่ เสอ้ื ผา้ แบบเกาหลี อาหารเกาหลแี ละหน้าตา สวย หล่อ ตี๋ แบบเกาหลี ทเ่ี รยี กวา่ “เกาหลฟี ีเวอร”์ แลว้ ตงั้ คาถาม (1) คนเกาหลี ต่างจากคนไทยอยา่ งไร ในดา้ นวฒั นธรรม(ภาษา ความเป็นอยู่ ศลิ ปวฒั นธรรม คณุ ลกั ษณะนสิ ยั ความอดทน ความมวี นิ ยั ) (2) เพราะเหตุใด วยั รนุ่ ไทยจงึ นิยมชมชอบ “ความเป็นเกาหล”ี 2) มอบหมายใหก้ องลกู เสอื จดั กจิ กรรมโตว้ าทใี นญตั ิ “วยั รนุ่ ไทยหวั ใจเกาหลี เสยี ศกั ดศิ ์ รวี ยั รนุ่ ไทย”ประเดน็ สนบั สนุนหรอื คดั คา้ นในเรอ่ื ง “การหมกมนุ่ เลยี น แบบวฒั นธรรมเกาหลขี องวยั รนุ่ ไทย” โดยจดั ทมี โตว้ าทเี ป็น2ฝ่ายคอื ฝ่ายสนบั สนุน และฝ่ายคา้ น (1) ฝ่ายเสนอและฝ่ายคา้ นต่างมหี วั หน้า 1 คน และมผี สู้ นบั สนุน 3 คน (2)ลกู เสอื เลอื กผดู้ าเนินรายการ 1 คน (3) หวั หน้าฝ่ายเสนอนาเสนอขอ้ มลู 3 นาที และหวั หน้าฝ่ายคา้ นนาเสนอขอ้ มลู 3 นาที (4) ผสู้ นบั สนุนแต่ละฝ่ายคนละ 2 นาที (5) หวั หน้าฝ่ายเสนอและฝ่ายคา้ นสรปุ คนละ1 นาที 3) เมอ่ื โตว้ าทจี บลกู เสอื รว่ มกนั วเิ คราะหผ์ ลสรปุ จากการโตว้ าที 4) ผกู้ ากบั ใหข้ อ้ เสนอแนะและกลา่ วคาชมเชยลกู เสอื 5) ผกู้ ากบั มอบหมายใหจ้ ดั ทาโปสเตอรร์ ณรงคส์ รา้ งจติ สานึกรกั ความเป็นไทย “เป็นไทยทงั้ ตวั และหวั ใจ” ทาอยา่ งไรคอื ไทยแท้ ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 157
4.4 ผกู้ ากบั ลกู เสอื เล่าเรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4.5 พธิ ปี ิดประชมุ กอง(นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5. การประเมินผล สงั เกตจากความสามารถในการโตว้ าที ดว้ ยเหตุผลคดั คา้ นโตแ้ ยง้ ทช่ี วนเชอ่ื ใหเ้ หน็ คณุ ค่า ความเป็นไทย 6. องคป์ ระกอบทกั ษะชีวิตสาคญั ท่ีเกิดจากกิจกรรม คอื ความคดิ วเิ คราะห์ ความคดิ สรา้ งสรรค์ เขา้ ใจ เหน็ คุณค่า และภมู ใิ จในความเป็นไทยของ ตนเอง ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่26 เพลง เมดอินไทยแลนด์ เมดอนิ ไทยแลนด์ แดนดนิ ไทยเรา เกบ็ กนั จนเก่าเรามแี ต่ของดดี ี มาตงั้ แต่ก่อนสโุ ขทยั มาลพบุรี อยธุ ยา ธนบุรี ยคุ สมยั น้ี เป็น กทม. เมอื งทค่ี นตกท่อ (ไมเ่ อาอย่าไปว่าเขาน่า) เมดอนิ ไทยแลนดแ์ ดนไทยทาเอง จะรอ้ งราทาเพลงกล็ ้าลกึ ลลี า ฝรงั่ แอบชอบใจแต่คนไทยไมเ่ หน็ ค่า กลวั น้อยหน้าว่าคุณค่านิยมไมท่ นั สมยั เมดอนิ เมอื งไทยแลว้ ใครจะรบั ประกนั ฮะ (ฉนั ว่ามนั น่าจะมคี นรบั ผดิ ชอบบา้ ง) เมดอนิ ไทยแลนดแ์ ฟนแฟนเขา้ ใจ ผลติ ผลคนไทยใชเ้ องทาเอง ตดั เยบ็ เสอ้ื ผา้ กางโกงกางเกง กางเกงยนี ส์ (ชะหนอยแน่) แลว้ ขน้ึ เครอ่ื งบนิ ไปส่งเขา้ มา คนไทยไดห้ น้า (ฝรงั่ มงั ค่าไดเ้ งนิ ) เมดอนิ ไทยแลนดพ์ อแขวนตามรา้ นคา้ มาตดิ ป้ายตดิ ตราวา่ เมดอนิ เจแปน กข็ ายดบิ ขายดมี รี าคา คยุ กนั ไดว้ า่ มนั มาต่างแดน ทงั้ ทนั สมยั มาจากแมก็ กาซนี เขาไมไ่ ดห้ ลอกเรากนิ หลอกเรานนั่ หลอกตวั เอง...เอย 158 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3
เรื่องสนั้ ที่เป็นประโยชน์ โหรคนหนึ่ง โหรคนหน่ึงหมกมุ่นในเร่อื งการดูดวงดาวจนไม่เป็นอันทาอะไร วนั ๆเอาแต่ศึกษาความ เป็นไปของดวงดาวบนทอ้ งฟ้า จนรวู้ ่าดวงดาวดวงใดโคจรไปทางไหน ค่าวนั หน่ึงขณะท่โี หรเดนิ แหงนหน้ามองดูดวงดาวไปตามถนนนอกเมอื ง จนเผลอพลดั ตกไปในบ่อขา้ งทาง เน่ืองจากไดร้ บั บาดเจบ็ จงึ ไม่สามารถปีนขน้ึ มาได้เอง ต้องนอนรอ้ งครวญครางอย่ตู ามลาพงั จนมผี ูม้ าพบและให้ ความชว่ ยเหลอื พรอ้ มสอบถามถงึ เรอ่ื งราวความเป็นมา “เออหนอพอ่ โหรผรู้ อบร”ู้ ผใู้ หค้ วามช่วยเหลอื ราพงึ ออกมาดงั ๆ “ท่านศกึ ษาจนรวู้ ่าดาวดวง ไหนบนทอ้ งฟ้าโคจรไปทางใด แต่ตวั เองจะเดนิ ตกบ่อหารไู้ ม่” เรือ่ งนี้สอนให้รวู้ ่าความรทู้ ่วมหวั แต่เอาตวั ไมร่ อด(เป็นผทู้ ม่ี สี ตปิ ัญญาดี แต่กลบั ช่วยตนเองไมไ่ ด)้ คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 3 159
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่ เคร่ืองหมายลูกเสือหลวง ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 หน่วยท่ี 8 เศรษฐกิจพอเพียง เวลา 2 ชวั่ โมง แผนการจดั กิจกรรมท่ี 27 ชุมชนเรานี้ดีจงั 1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.1 ลกู เสอื สามารถนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มาใชใ้ นการพฒั นาชุมชนได้ 1.2 ลกู เสอื สามารถจดั แสดงผลงานได้ 2. เนื้อหา ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรชั ญาทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงมพี ระราชดารสั ชแ้ี นะแนวทาง การดาเนินชวี ติ แก่พสกนกิ รชาวไทย เป็นปรชั ญาชถ้ี งึ แนวการดารงอยู่ และปฏบิ ตั ติ น ของประชาชนในทุกระดบั ตงั้ แต่ระดบั ครอบครวั ระดบั ชุมชนจนถงึ ระดบั รฐั ทงั้ ในการพฒั นา และ บรหิ ารประเทศใหด้ าเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกจิ เพอ่ื ใหก้ า้ วทนั ต่อโลก ยคุ โลกาภวิ ฒั น์ ชแ้ี นะแนวทางการดารงอยแู่ ละปฏบิ ตั ติ นในทางทค่ี วรจะเป็นโดยมพี น้ื ฐานมาจากวถิ ี ชวี ติ ดงั้ เดมิ ของสงั คมไทย สามารถนามาประยกุ ตใ์ ชไ้ ดต้ ลอดเวลา 3. สื่อการเรยี นรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง 3.2 ใบงาน 3.3 ใบความรู้ 3.4 กระดาษ 3.5 เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4. กิจกรรม 4.1 กิจกรรมครงั้ ท่ี 1 1) พธิ เี ปิดประชุมกอง(ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนิ่ง ตรวจ แยก) 2) เพลง หรอื เกม 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (1) ผกู้ ากบั ลกู เสอื นาลกู เสอื ในกองสนทนาถงึ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั (2) ลกู เสอื แต่ละหมสู่ ่งตวั แทนมารบั ใบความรไู้ ปศกึ ษา และใหล้ กู เสอื แต่ละหมรู่ ะดม ความคดิ ในการจดั ทาโครงการเพ่อื พฒั นา บา้ น / โรงเรยี น / ชมุ ชน ตามหลกั ปรชั ญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ตามใบงานทไ่ี ดร้ บั (3) ผกู้ ากบั ลกู เสอื ใหล้ กู เสอื ไปดาเนินการตามโครงการทล่ี กู เสอื ไดค้ ดิ ไว้ 4) ผกู้ ากบั ลกู เสอื เลา่ เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 5) พธิ ปี ิดประชุมกอง(นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 160 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3
- ผกู้ ากบั ลกู เสอื นดั หมายใหล้ กู เสอื นาเสนอผลการปฏบิ ตั งิ านตามโครงการใน รปู แบบของการจดั บอรด์ ในอกี 1 เดอื นขา้ งหน้า 4.2 กิจกรรมครงั้ ที่ 2 1) พธิ เี ปิดประชุมกอง(ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก) 2) เพลงหรอื เกม 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ (1) ใหล้ กู เสอื แต่ละหมนู่ าบอรด์ มาจดั แสดงผลการปฏบิ ตั ติ ามโครงการพฒั นาบา้ น / โรงเรยี น/ชมุ ชน ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั (2) ใหล้ กู เสอื ทุกคนไดเ้ ยย่ี มชม พดู คุยแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะ 4) ผกู้ ากบั ลกู เสอื เลา่ เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 5) พธิ ปี ิดประชุมกอง(นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5. การประเมินผล 5.1 วธิ กี าร 5.2 เครอ่ื งมอื - สงั เกตการมสี ่วนรว่ มในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม - แบบสงั เกตและประเมนิ ผลงาน - ประเมนิ ผลงาน ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 161
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 27 เพลง เกียรติศกั ด์ิลูกเสือ ลกู เสอื ลกู เสอื ไวเ้ กยี รตซิ ลิ กู ผชู้ าย ลกู เสอื ลกู เสอื ไวล้ ายซลิ กู เสอื ไทย รกั เกยี รติ รกั วนิ ัย แขง็ แรง และอดทน เราจะบาเพญ็ ตน ใหเ้ ป็นประโยชน์ต่อผอู้ ่นื รว่ ม มาเถดิ เรว็ ไว รว่ มใจสนุกเฮฮา อยา่ มวั เศรา้ เลยหนา รบี มาเรงิ ร่ารว่ มกนั รว่ มกนิ รว่ มนอน รว่ มพกั ผ่อน รว่ มทาพกั ผ่อนสุขสนั ต์ รว่ มคดิ จงช่วยกนั ร่วมเรยี นสรา้ งสรรค์ รว่ มกนั เฮฮา เกม ขี่ม้าโยนบอล วิธีเล่น 1. แบง่ ผเู้ ล่นออกเป็น 2 พวก จดั ใหเ้ ป็นค่มู ขี นาดไล่เลย่ี กนั พวกหน่งึ เป็นมา้ อกี พวกหน่งึ เป็น คนข่ี ใหย้ นื เป็นรปู วงกลม ส่วนใครจะเป็นคนขก่ี ่อนนนั้ จะทาไดโ้ ดยการเสย่ี งหวั -กอ้ ย 2. เรม่ิ เล่นโดยใหค้ นขค่ี นหน่งึ รบั ลกู บอล ใหส้ ง่ ต่อๆ ไปตามลาดบั จะโยนขา้ มไมไ่ ด้ ระวงั อยา่ ใหล้ กู บอลตกพน้ื มา้ ตอ้ งพยายามใหค้ นขร่ี บั ลกู บอลพลาด ดว้ ยการพยศ เช่น ยอ่ ตวั ลงต่า เอยี งซา้ ย ขาว กระโดด หรอื หมนุ ไปรอบๆ แต่ไมใ่ ช่ประสงคจ์ ะใหค้ นขต่ี ก แต่ตอ้ งการใหค้ น บนหลงั รบั ลกู บอลไมไ่ ด้ 3. หากลกู บอลตกดนิ คนขท่ี ุกคนตอ้ งรบี เปลย่ี นมาเป็นมา้ ใหค้ นเป็นมา้ ขน้ึ บนหลงั สลบั กนั ไป วิ่งกระโดดเท้าเดียว วิธีเล่น ใหผ้ เู้ ล่นวงิ่ ไปออ้ มเครอ่ื งหมายดว้ ยการกระโดยเทา้ เดยี ว เมอ่ื ถงึ เครอ่ื งหมายกลบั ตวั ใหว้ ง่ิ กลบั ดว้ ยการเปลย่ี นเทา้ อกี ขา้ งหน่งึ แถวใดหมดก่อนเป็นแถวชนะ 162 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3
ใบงาน โครงการพฒั นาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง คาสงั่ ตอนที่1 ใหล้ กู เสอื แต่ละคนในหมเู่ สนอแนวคดิ ในการพฒั นา บา้ น / โรงเรยี น / ชุมชน เลอื กอยา่ งใดอย่าง หน่งึ มาอยา่ งน้อยคนละ 1 เรอ่ื ง โดยใหร้ องนายหมเู่ ป็นผจู้ ดบนั ทกึ .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. คาสงั่ ตอนที่ 2 ใหล้ กู เสอื ในหมรู่ ว่ มกนั พจิ ารณาและอภปิ รายเพ่อื คดั เลอื กแนวทางในการพฒั นา บา้ น / โรงเรยี น / ชุมชน ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ คาสงั่ ตอนที่ 3 ใหล้ กู เสอื แต่ละหมนู่ าแนวทางในพฒั นาทไ่ี ดค้ ดั เลอื กแลว้ (จากตอนท่2ี ) มาจดั ทาโครงการใน การพฒั นา โดยตอ้ งปฏบิ ตั อิ ยา่ งน้อย 3 ครงั้ ภายในระยะเวลา 30 วนั ใบความร้.ู ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 3 163
ใบความรู้ หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรชั ญาทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงมพี ระราชดารสั ชแ้ี นะ แนวทเารงอื่ งกนาี้รสดอานเนใหิน้ชร้วูี ่ตาิ แก่พสกนกิ รชาวไทย เป็นปรชั ญาชถ้ี งึ แนวการดารงอยู่ และปฏบิ ตั ติ นของประชาชนในทกุ ระดบั คตวงั้ าแมตข่รยะดนั บัพคารกอเพบคยี รสวั ารมะาดรบั ถชกมุ ่อชใหนเ้จกนดิ ถทงึ รพัะดยบั์ รฐั ทงั้ ในการพฒั นา และบรหิ ารประเทศใหด้ าเนินไปใน ทางสาย กลาง โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกจิ เพ่อื ใหก้ า้ วทนั ต่อโลกยคุ โลกาภวิ ฒั น์ ชแ้ี นะแนวทางการดารงอยแู่ ละปฏบิ ตั ติ น ในทางทค่ี วรจะเป็นโดยมพี น้ื ฐานมาจากวถิ ชี วี ติ ดงั้ เดมิ ของสงั คมไทย สามารถนามาประยกุ ตใ์ ชไ้ ดต้ ลอดเวลา และเป็น การมองโลกเชงิ ระบบทม่ี กี ารเปลย่ี นแปลงอยตู่ ลอดเวลา มงุ่ เน้นการรอดพน้ จากภยั และวกิ ฤติ เพอ่ื ความมนั่ คงและ ความยงั่ ยนื ของการพฒั นา ความพอเพยี งหมายถงึ ความพอประมาณ ความมเี หตุผล รวมถงึ ความจาเป็นทจ่ี ะตอ้ งมี ระบบภมู คิ ุม้ กนั ในตวั ทด่ี ี และตอ้ งประกอบไปดว้ ยสองเงอ่ื นไข คอื เงอ่ื นไขความรู้ เงอ่ื นไขคุณธรรม ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบไปด้วย 5 ส่วน ดงั นี้ ข้อท่ี 1. กรอบแนวคิด เป็นปรชั ญาทช่ี แ้ี นะแนวทางการดารงอยู่ และปฏบิ ตั ติ นในทางทค่ี วรจะเป็น โดยมพี น้ื ฐาน มาจากวถิ ชี วี ติ ดงั้ เดมิ ของสงั คมไทย สามารถนามาประยกุ ตใ์ ชไ้ ดต้ ลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชงิ ระบบทม่ี กี าร เปลย่ี นแปลงอยตู่ ลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชงิ ระบบทม่ี กี ารเปลย่ี นแปลงอยตู่ ลอดเวลา มงุ่ เน้นการรอดพน้ จากภยั และวกิ ฤต เพอ่ื ความมนั่ คง และความยงั่ ยนื ของการพฒั นา ข้อที่ 2. คณุ ลกั ษณะ เศรษฐกจิ พอเพยี ง สามารถนามาประยกุ ตใ์ ชก้ บั การปฏบิ ตั ติ นไดใ้ นทุกระดบั โดยเน้นการ ปฏบิ ตั บิ นทางสายกลาง และการพฒั นาอย่างเป็นขนั้ ตอน ข้อที่ 3. คานิยาม ความพอเพยี งจะตอ้ งประกอบดว้ ย 3 คณุ ลกั ษณะ ดงั น้ี 1. ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดที ไ่ี มน่ ้อยเกนิ ไป และไมม่ ากเกนิ ไปโดยไมเ่ บยี ดเบยี นตนเอง และ ผอู้ ่นื เช่นการผลติ และการบรโิ ภคทอ่ี ยใู่ นระดบั พอประมาณ 2. ความมเี หตุผล หมายถงึ การตดั สนิ ใจเกย่ี วกบั ระดบั ของความพอเพยี งนนั้ จะตอ้ งเป็นไปอยา่ งมเี หตุผล โดยพจิ ารณาจากเหตุปัจจยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งตลอดจนคานึงถงึ ผลทค่ี าดวา่ จะเกดิ ขน้ึ จากการกระทานนั้ ๆ อยา่ งรอบคอบ 3. การมภี มู คิ ุม้ กนั ทด่ี ใี นตวั หมายถงึ การเตรยี มตวั ใหพ้ รอ้ มรบั ผลกระทบ และการเปลย่ี นแปลงดา้ นต่างๆ ทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ โดยคานึงถงึ ความเป็นไปไดข้ องสถานการณ์ ต่าง ๆ ทค่ี าดวา่ จะเกดิ ขน้ึ ในอนาคตทงั้ ใกล้ และไกล ข้อที่ 4. เงื่อนไข การตดั สนิ ใจและการดาเนินกจิ กรรมต่าง ๆ ใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเพยี งนนั้ ตอ้ งอาศยั ทงั้ ความรู้ และ คณุ ธรรมเป็นพน้ื ฐาน 2 เงอ่ื นไข ดงั น้ี 1. เงอ่ื นไขความรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรเู้ กย่ี วกบั วชิ าการต่าง ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งอยา่ งรอบดา้ น ความ รอบคอบทจ่ี ะนาความรเู้ หลา่ นนั้ มาพจิ ารณาใหเ้ ช่อื มโยงกนั เพอ่ื ประกอบการวางแผน และความระมดั ระวงั ในขนั้ ปฏบิ ตั ิ 2. เงอ่ื นไขคณุ ธรรม ทจ่ี ะตอ้ งเสรมิ สรา้ งประกอบดว้ ย มคี วามตระหนกั ในคุณธรรม มคี วามซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ และมคี วามอดทน มคี วามเพยี ร ใชส้ ตปิ ัญญาในการดาเนนิ ชวี ติ ข้อที่ 5. แนวทางปฏิบตั ิ / ผลที่คาดว่าจะได้รบั จากการนาปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยกุ ตใ์ ช้ คอื การพฒั นาทส่ี มดุล และยงั่ ยนื พรอ้ มรบั ต่อการเปลย่ี นแปลงในทุกดา้ น ทงั้ ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม ความรู้ แบลุคะคเลทคหโ1รน6อื โ4อลงยคนี ก์ นัค่รค่มูตอืือ่างกหๆาลรสกจั าดแั มกนาิจวรกคถรดิ ปรมฏแลลบิ กูะตั แเติสนือาวมสทไาาดมง้ญั เพรนุ่อ่ื ใกหาญรป่เสฏรบิ ิมตัสิรตา้ างมทหกั ษลกะั ชปีวริตชั ชญนั้ ามเศธั ยรษมศฐกกึ จษิ พาปอี ทเพี่ 3ยี ง ซง่ึ ไม่ว่าจะเป็น
ตวั อย่าง โครงการตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 1.ชื่อ โครงการส่งเสริมการพฒั นาเศรษฐกิจเพื่อความมนั่ คงของครอบครวั และพฒั นาอาชีพครอบครวั ตาม หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงเครอื ขา่ ยองคก์ รสตรหี มบู่ า้ น (กสพม.) ตาบลหนองโพ 2. หลกั การและเหตุผล เศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็นปรชั ญาชถ้ี งึ แนวการดารงอยู่ และปฏบิ ตั ติ นของประชาชนในทุกระดบั ตงั้ แต่ระดบั ครอบครวั ระดบั ชมุ ชนจนถงึ ระดบั รฐั ทงั้ ในการพฒั นา และบรหิ ารประเทศใหด้ าเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะ การพฒั นาเศรษฐกจิ เพ่อื ใหก้ า้ วทนั ต่อโลกยคุ โลกาภวิ ฒั น์ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งน้ี เป็นกรอบแนวความคดิ และทศิ ทางการพฒั นาระบบเศรษฐกจิ มหภาคของไทย เพอ่ื มงุ่ ส่กู ารพฒั นาทส่ี มดลุ ยงั่ ยนื และมภี มู คิ ุม้ กนั เพ่อื ความอยดู่ มี สี ุข มงุ่ ส่สู งั คมทม่ี คี วามสุขอย่างยงั่ ยนื หลกั แนวคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพยี งการพฒั นาตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง คอื การพฒั นาทต่ี งั้ อยบู่ นพน้ื ฐานของทางสายกลาง และความไมป่ ระมาท โดยคานงึ ถงึ ความพอประมาณ ความมเี หตุผล การสรา้ งภมู คิ ุม้ กนั ทด่ี ใี นตวั ตลอดจนใชค้ วามรู้ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตดั สนิ ใจ ประกอบกบั การดาเนนิ ชวี ติ ประจาวนั ยอ่ มมรี ายรบั และรายจา่ ยต่าง ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ รายรบั ไดม้ าจากการทามาหาเลย้ี งชพี ทงั้ จากอาชพี หลกั และอาชพี รอง ส่วนรายจ่ายกไ็ ดแ้ ก่ คา่ ใชจ้ า่ ยต่าง ๆ ไดแ้ ก่คา่ อุปโภค และบรโิ ภคทจ่ี าเป็นต่อการ ดารงชวี ติ ซง่ึ ค่าใชจ้ ่ายเหล่าน้มี จี านวนเพม่ิ สงู ขน้ึ มาโดยตลอด และไมม่ แี นวโน้มทจ่ี ะลดลง การทาบญั ชคี รวั เรอื นเป็น บญั ชที ใ่ี ช้ สาหรบั บนั ทกึ รายได้ และรายจา่ ยทเ่ี กดิ ขน้ึ ในชวี ติ ประจาวนั ของเรา ว่าในแต่ละวนั เรามรี ายไดเ้ ขา้ มาแลว้ จา่ ย ค่าใชจ้ ่ายออกไปเท่าไร ปัจจุบนั ยอดเงนิ คงเหลอื มเี ทา่ ไร ทาใหเ้ กดิ การวางแผนการใชจ้ า่ ยต่อไปอยา่ งรอบคอบ ใชจ้ า่ ย อยา่ งพอเพยี งเท่าทม่ี ี อยา่ งระมดั ระวงั จงึ สามารถลดค่าใชจ้ า่ ยทไ่ี มจ่ าเป็นทาใหเ้ กดิ การประหยดั และการออม และหากมี การใชจ้ า่ ยเท่าทม่ี กี จ็ ะไมก่ ่อใหเ้ กดิ หน้สี นิ จงึ สามารถแกไ้ ขปัญหาหน้สี นิ ได้อย่างยงั่ ยนื เป็นผลใหเ้ กดิ ภมู คิ ุม้ กนั ทด่ี ใี น การรบั การเปลย่ี นแปลงทางการเงนิ ทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ ในอนาคต หากเกดิ การตกงานหรอื อุบตั เิ หตุทท่ี าใหไ้ มส่ ามารถหา รายไดม้ าเลย้ี งชพี ตนเองและครอบครวั ได้ ตามพระราชบญั ญตั กิ าหนดแผนและขนั้ ตอนการกระจายอานาจใหแ้ ก่องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ พ.ศ. ๒๕๔๒ ใหอ้ งคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบลมอี านาจและหน้าทใ่ี นการจดั ระบบการบรกิ ารสาธารณะเพอ่ื ประโยชน์ของ ประชาชนในทอ้ งถน่ิ ของตนเองดงั น้ี (๖) การสง่ เสรมิ การฝึกและการประกอบอาชพี (๑๖) การสง่ เสรมิ การมสี ่วนรว่ ม ของราษฎรในการพฒั นาทอ้ งถน่ิ องคก์ ารบรหิ ารส่วนตาบลหนองโพจงึ จดั โครงการกจิ กรรมสง่ เสรมิ การพฒั นา เศรษฐกจิ เพ่อื ความมนั่ คงของครอบครวั เกย่ี วกบั การส่งเสรมิ และพฒั นาอาชพี ครอบครวั ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งเครอื ขา่ ยองคก์ รสตรหี มบู่ า้ น (กสพม) ตาบลหนองโพ ขน้ึ 3. วตั ถปุ ระสงค์ ๑.เพอ่ื ใหเ้ ครอื ขา่ ยองคก์ รสตรหี มบู่ า้ น(กสพม.) ตาบลหนองโพเป็นแกนนาแนวทางเศรษฐกจิ พอเพยี งมา ประยกุ ตใ์ ช้ เพ่อื การพฒั นาทส่ี มดลุ และยงั่ ยนื ๒.เพ่อื ใหร้ าษฎรรจู้ กั การทาบญั ชคี รวั เรอื น ทาใหเ้ กดิ การวางแผนการใชจ้ ่ายอย่างรอบคอบ ๓. เพอ่ื เป็นศนู ยก์ ารเรยี นรเู้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง ๔. เพ่อื เป็นการสง่ เสรมิ อาชพี ใหก้ บั ราษฎร เพ่อื เพมิ่ พนู รายได้ ๕. ส่งเสรมิ การมสี ่วนรว่ มของราษฎรในการพฒั นาทอ้ งถนิ่ 4. เป้าหมาย เครอื ขา่ ยองคก์ครมู่ สอื ตกราหี รมจดับู่ กา้ ิจนกตรารบมลลหูกนเสอืองสโพามแญั ลระนุ่ ปใรหะญช่เาสชรนิมผสสู้รา้นงใทจกั หษมะชทู่ ีว่ี ิต๑ช–นั้ ม๓ธั, ย๕ม–ศกึ ๑ษ๐าปจี ทานี่ ว3น ๕1๐65คน
ตวั อย่าง โครงการตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 1. ชื่อ โครงการเศรษฐกิจพอเพียง 2. หลกั การและเหตุผล จากแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 11 ( พ.ศ. 2555- 2559 ) ยงั คงอญั เชญิ ปรชั ญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มาเป็นแนวทางปฎบิ ตั คิ วบค่ไู ปกบั การพฒั นาแบบรู ณาการเป็นองคร์ วมทม่ี คี นเป็ น ศนู ยก์ ลางพฒั นาอยา่ งจรงิ จงั เพ่อื ใชเ้ ป็นแนวทางในการขบั เคลอ่ื นการพฒั นาประเทศใหเ้ กดิ ความสมดลุ เป็นธรรม และยงั่ ยนื มงุ่ สู่ สงั คมอยเู่ ยน็ เป็นสุขรว่ มกนั อนั จะเป็นการเสรมิ สรา้ งประโยชน์สงู สุดใหแ้ ก่ประชาชนโดยถว้ นหน้า สมดงั พระราชปณธิ านของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภาวะการเจรญิ เตบิ โตทางดา้ นเศรษฐกจิ ของประเทศไทยทา ใหก้ ารดารงชวี ติ ของคน ในสงั คมไทยไดน้ าเอาสง่ิ อานวยความสะดวกในทุกๆดา้ นเขา้ มาใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั แมก้ ระทงั่ สงิ่ อุปโภคและบรโิ ภคต่างๆลว้ นอานวยความสะดวกต่อคนไทยในสงั คมทงั้ สน้ิ ดว้ ยเหตุผลขา้ งตน้ ทาใหก้ ารใชช้ วี ติ ของคนไทยทผ่ี ่านมานนั้ ถงึ แมจ้ ะไดร้ บั ความสะดวกสบายในเบอ้ื งตน้ แต่สงิ่ ทต่ี ามมาโดยไม่รตู้ วั คอื การดารงชวี ติ ประจาวนั ทฟ่ี ุ่มเฟือยทาใหค้ นในสงั คมตอ้ งประสบกบั ปัญหาการดารงชวี ติ ตามมา ฉะนนั้ สง่ิ ทจ่ี ะสามารถ แกป้ ัญหาการดารงชวี ติ ของคนในสงั คมไทย เรอ่ื งการใชจ้ า่ ยฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะรายจา่ ยในครอบครวั ใหม้ รี ายจา่ ย น้อยลงได้ คอื การดารงชวี ติ อยา่ งพอเพยี งตามแนวพระราชดาริ ดงั นนั้ โครงการเศรษฐกจิ พอเพยี ง จงึ เป็นโครงการหน่งึ ทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อนกั เรยี นโดยตรงเพราะไดฝ้ ึก ปฏบิ ตั จิ รงิ และสามารถนาไปประกอบอาชพี แบบยงั่ ยนื ได้ อนั จะเป็นประโยชน์ต่อครอบครวั และชุมชน โรงเรยี น บา้ นป่าบงจงึ ไดจ้ ดั กจิ กรรมปลกู พชื ผกั สวนครวั และผกั พน้ื บา้ น การเพาะเหด็ ฟาง การทาไมก้ วาดทางมะพรา้ ว การทางานใบตองโดยการจดั ทาโครงการน้ขี น้ึ 3. วตั ถปุ ระสงค์ 3.1 เพ่อื ตอ้ งการศกึ ษากระบวนการพฒั นาตามแนวเศรษฐกจิ พอเพยี ง 3.2 เพ่อื ฝึกทกั ษะอาชพี และมรี ายไดร้ ะหวา่ งเรยี น 3.3 เพ่อื นาผลผลติ มาประกอบเป็นอาหารกลางวนั ใหน้ กั เรยี น 3.4 เพอ่ื ใหน้ กั เรยี น รจู้ กั การใชช้ วี ติ ทพ่ี อเพยี งมคี วามรคู้ วามสามารถในกจิ กรรมทต่ี นเองสนใจ 3. เป้าหมาย ดา้ นปรมิ าณ - บคุ ลากรในโรงเรยี นทุกคนมคี วามรคู้ วามสามารถในการใชช้ วี ติ อยา่ งพอเพยี ง - นกั เรยี นทุกคนกลา้ แสดงออกตลอดจนไดฝ้ ึกทกั ษะอาชพี และมรี ายไดร้ ะหวา่ งเรยี น ดา้ นคุณภาพ นกั เรยี นรจู้ กั การใชช้ วี ติ ทพ่ี อเพยี งนาหลกั การไปปฏบิ ตั สิ ามารถลดรายจา่ ยในครวั เรอื น ไดร้ บั การฝึกทกั ษะอาชพี และกลา้ แสดงออก 166 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 3
เรื่องสนั้ ที่เป็นประโยชน์ นกกระเรียนกบั หมาป่ า นกกระเรยี นมองไปเหน็ หมาป่านอนดน้ิ อย่างทุรนทุรายอยทู่ ก่ี ลางป่า จงึ เดนิ เขา้ ไปถามไถ่ อยา่ งเวทนาวา่ “เจ้าเป็นอะไรหรือ”หมาป่ าตอบว่า “ขา้ กลนื ชน้ิ เน้อื เขา้ ไป แลว้ กระดกู ตดิ คอ ของขา้ ทาอยา่ งไรกไ็ มอ่ อก”หมาป่าบอกเเลว้ กข็ อรอ้ งใหน้ กกระเรยี นชว่ ยตนเเลว้ ตนจะใหร้ างวลั เป็น การตอบเเทนนกกระเรยี นจงึ มดุ หวั ของมนั เขา้ ไปในปากหมาป่า เเละสามารถลว้ งเอากระดกู ออกมา ไดส้ าเรจ็ เมอ่ื นกกระเรยี นทวงถามถงึ รางวลั ของตน หมาป่ากค็ ารามว่า“ข้าไมง่ บั คอเจ้า กด็ ีเเล้ว ยงั จะมาเอาอะไรจากข้าอีก เล่า” เรอ่ื งนี้สอนให้ร้วู ่าคนเลวมกั ไมเ่ หน็ ความดขี องผอู้ ่นื นางแมวมีรกั นางเเมววงิ วอนขอรอ้ งต่อพระพรหมว่า“ขอใหท้ ่านโปรดเมตตา เสกใหห้ มอ่ มฉนั กลายเป็นหญงิ สาว ดว้ ยเถดิ เพคะ หมอ่ มฉนั หลงรกั ชายหนุ่มผนู้ นั้ เสยี เหลอื เกนิ ”พระพรหมเกดิ ความสงสารเวทนาจงึ เสก ใหน้ างเเมวกลายเป็นคน“ถ้าอยากเป็นคน กต็ ้องเป็นให้ตลอดนะ”พระพรหมตรสั เเลว้ กค็ อย สอดส่องทพิ ยเนตรดนู างเเมวต่อไปวนั หน่งึ นางเเมวในรา่ งของหญงิ สาวกาลงั พรอดรกั กบั ชายหนุ่ม อยา่ งหวานช่นื ครนั้ มหี นูตวั หน่งึ วง่ิ ผ่านมา หญงิ สาวกก็ ระโดดออกไปแลว้ ตะครบุ หนูตวั นนั้ มากนิ ในทนั ใดพระพรหมจงึ ทรงใหห้ ญงิ สาวกลบั เป็นนางเเมวดงั เดมิ เรอื่ งนี้สอนให้รวู้ ่าผใู้ ดจะละทง้ิ สนั ดานเดมิ เป็นเรอ่ื งยาก ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 167
แบบสงั เกตการปฏิบตั ิกิจกรรม แผนการจดั กจิ กรรมลกู เสอื สามญั รนุ่ ใหญ่ เครอ่ื งหมายลกู เสอื หลวง ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 หน่วยท่ี 8 เศรษฐกจิ พอเพยี ง แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 27ชมุ ชนเราน้ดี จี งั คาชี้แจง หลงั จากลกู เสอื ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมแลว้ ใหผ้ กู้ ากบั ทาเครอ่ื งหมาย ประเมนิ พฤตกิ รรม ของลกู เสอื ตามรายการต่อไปน้ี ช่อื ............................................................................................................................................. ขอ้ ท่ี รายการประเมนิ ผา่ น ไมผ่ า่ น 1 ความสนใจและความตงั้ ใจ 2 การใหค้ วามรว่ มมอื แก่หมคู่ ณะ 3 ลกู เสอื แต่ละคนในหมเู่ สนอแนวคดิ ในการพฒั นา บา้ น / โรงเรยี น / ชมุ ชน เลอื กอยา่ งใดอยา่ งหน่งึ มาอยา่ งน้อยคนละ 1 เรอ่ื ง 4 ลกู เสอื ในหมรู่ ว่ มกนั พจิ ารณาและอภปิ รายเพอ่ื คดั เลอื กแนวทางในการ พฒั นา บา้ น / โรงเรยี น /ชุมชน ตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง 5 ใหล้ กู เสอื แต่ละหมนู่ าแนวทางในการพฒั นาทไ่ี ดค้ ดั เลอื กแลว้ มาจดั ทา โครงการในการพฒั นา โดยตอ้ งปฏบิ ตั อิ ยา่ งน้อย 3 ครงั้ ภายใน ระยะเวลา 30 วนั 6 ลกู เสอื สามารถนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มาใชใ้ นการพฒั นา ชุมชน 7 ใหล้ กู เสอื แต่ละหมนู่ าบอรด์ มาจดั แสดงผลการปฏบิ ตั ติ ามโครงการพฒั นา บา้ น / โรงเรยี น/ชุมชน ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เกณฑก์ ารประเมิน ผ่านการประเมนิ ขอ้ 3 ขอ้ 4 ขอ้ 5 ขอ้ 6ขอ้ 7 และขอ้ อ่นื ๆ อกี 1 ขอ้ รวม 6 ขอ้ ขน้ึ ไป ถอื ว่าผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ สรปุ ผลการประเมินผ่าน ไมผ่ ่าน ลงชอ่ื .................................................................... (..................................................................) ผปู้ ระเมนิ 168 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั ร่นุ ใหญ่ เครื่องหมายลูกเสือหลวง ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 หน่วยท่ี 9 การฝึ กเป็นผ้นู า เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการจดั กิจกรรมท่ี 28 ผนู้ าท่ีดี 1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ลกู เสอื สามารถอธบิ ายความหมายและคณุ สมบตั ขิ องผนู้ าได้ 2. เนื้อหา ผนู้ า (Leader)หมายถงึ บุคคลทม่ี คี วามสามารถในการทจ่ี ะทาใหอ้ งคก์ ารดาเนนิ ไปอยา่ ง กา้ วหน้าและบรรลเุ ป้าหมาย โดยการใชอ้ ทิ ธพิ ลเหนือทศั คตแิ ละการกระทาของผอู้ ่นื ภาวะผ้นู า (Leadership) หมายถงึ กระบวนการในการแนะแนวและนาทางพฤตกิ รรมของ คนในสภาพของการทางาน ผนู้ าอาจจะเป็นบุคคลทม่ี ตี าแหน่งอยา่ งเป็นทางการหรอื ไมเ่ ป็นทางการก็ ได้ ซง่ึ เรามกั จะรบั รเู้ กย่ี วกบั ผนู้ าทไ่ี มเ่ ป็นทางการอยเู่ สมอ เน่อื งจากบคุ คลนนั้ มลี กั ษณะเด่นเป็นท่ี ยอมรบั ของสมาชกิ ในกลุ่ม ทาใหส้ มาชกิ แสดงพฤตกิ รรมทม่ี นี ้าหนกั และเป็นเอกภาพ โดยเขาจะใช้ ภาวะผนู้ าในการปฏบิ ตั กิ ารและอานวยการโดยใชก้ ระบวนการตดิ ต่อสมั พนั ธก์ นั เพ่อื มงุ่ บรรลุ เป้าหมายของกลุม่ 3. สื่อการเรยี นรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง 3.2 ใบความรู้ 3.3แบบทดสอบภาวะความเป็นผนู้ า 3.4เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4. กิจกรรม 4.1 พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนิ่ง ตรวจ แยก) 4.2 เพลง หรอื เกม 4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) ผกู้ ากบั ลกู เสอื ใหล้ กู เสอื แต่ละคนในกองทาแบบทดสอบภาวะความเป็นผนู้ า ภายใน เวลา 10 นาที 2) ผกู้ ากบั ลกู เสอื ใหล้ กู เสอื สารวจคาตอบของตนเอง จากนนั้ ผกู้ ากบั แปลคา่ ใหล้ กู เสอื ทราบ 3) ผกู้ ากบั ลกู เสอื ใหต้ วั แทนแต่ละหมมู่ ารบั ใบความรเู้ รอ่ื ง ลกั ษณะของผนู้ าทด่ี ี 4) ผกู้ ากบั ลกู เสอื นาลกู เสอื สนทนา และสรปุ ในหวั เรอ่ื งของลกั ษณะของผนู้ าทด่ี ี มอี ยา่ งไรบา้ ง 4.4ผกู้ ากบั ลกู เสอื เลา่ เรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน์ 4.5 พธิ ปี ิดประชมุ กอง(นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5. การประเมินผล สงั เกต การมสี ว่ นรว่ มทากจิ กรรม และการแสดงออก ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 3 169
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 28 เพลง จบั มือ จบั มอื กนั ไวใ้ หม้ นั่ คง เพอ่ื ความยนื ยงสามคั คี รกั กนั ปรองดองเหมอื นน้องพ่ี เพ่อื ความสามคั คมี รี ว่ มกนั โกรธกนั มนั รา้ ยเป็นสงิ่ เลวเปรยี บดงั เปลวเพลงิ รอ้ นไฟนนั่ เผาใจใหม้ คี วามไหวหวนั่ จบั มอื ยม้ิ ใหก้ นั เป็นสงิ่ ดี เกม นาทาง วิธีเล่น 1. ใหล้ กู เสอื คนหน่งึ ปิดตาไวจ้ ากนนั้ ใหล้ กู เสอื อกี คนนาของทเ่ี ตรยี มไวไ้ ปซ่อนยงั จุดๆหน่งึ 2. จากนนั้ ใหค้ นทป่ี ิดตานนั้ เปิดตาและออกคน้ หาวา่ ของนนั้ ซ่อนอยทู่ ไ่ี หน ลกู เสอื คนอ่นื จะ บอกทศิ ทางของสงิ่ ของนนั้ ไดโ้ ดยพดู เพยี งว่า ซา้ ยขวา หนั หลงั บอกสง่ิ ของนนั้ ใหก้ บั ผคู้ น้ หา การตดั สินผคู้ น้ หาจะตอ้ งเดนิ ไปตามทศิ ทางทล่ี กู เสอื บอกจนกว่าจะคน้ พบสง่ิ ของนนั้ แลว้ ก็ เปลย่ี นคนอ่นื เขา้ มาหาของบา้ ง 170 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3
ใบความรู้ ลกั ษณะของผนู้ าที่ดี ผนู้ า (Leader)หมายถงึ บุคคลทม่ี คี วามสามารถในการทจ่ี ะทาใหอ้ งคก์ ารดาเนนิ ไปอยา่ งกา้ วหน้าและบรรลุเป้าหมาย โดยการใชอ้ ทิ ธพิ ลเหนอื ทศั คตแิ ละการกระทาของผอู้ ่นื ภาวะผนู้ า (Leadership) หมายถงึ กระบวนการในการแนะแนวและนาทางพฤตกิ รรมของคนในสภาพของการทางาน ผนู้ าอาจจะเป็นบคุ คลทม่ี ตี าแหน่งอยา่ งเป็นทางการหรอื ไมเ่ ป็นทางการกไ็ ด้ ซง่ึ เรามกั จะรบั รเู้ กย่ี วกบั ผนู้ าทไ่ี มเ่ ป็น ทางการอยเู่ สมอ เน่อื งจากบุคคลนนั้ มลี กั ษณะเด่นเป็นทย่ี อมรบั ของสมาชกิ ในกลุ่ม ทาใหส้ มาชกิ แสดงพฤตกิ รรมทม่ี ี น้าหนกั และเป็นเอกภาพ โดยเขาจะใชภ้ าวะผนู้ าในการปฏบิ ตั กิ ารและอานวยการโดยใชก้ ระบวนการตดิ ต่อสมั พนั ธก์ นั เพอ่ื มงุ่ บรรลเุ ป้าหมายของกล่มุ คณุ ลกั ษณะของผนู้ า 10 ประการ 1. กลา้ เปลย่ี นแปลง 2.มจี ติ วทิ ยา มมี นุษยสมั พนั ธ์ 3. จงู ใจคนไดด้ ี 4.มคี วามรบั ผดิ ชอบสงู 5. มที งั้ ความยดื หย่นุ และเดด็ ขาด 6. มที งั้ ความรอบรู้ มสี งั คม 7.เป็นนกั ประสานงานทด่ี ี 8.มคี วามกระตอื รอื รน้ 9.ทางานเคยี งขา้ งลกู น้อง 10. มคี วามน่านบั ถอื ต้อง สงั เกตการณ์ทางานของลกู น้องแต่ละคนในทมี งานดว้ ยวา่ มใี ครกาลงั เอาเปรยี บเพ่อื นอยหู่ รอื ไม่ เพราะ บางคนอาจชอบอู้ ทางานน้อยปล่อยใหเ้ พอ่ื นคนอ่นื เหน่ือยมากกว่า ซง่ึ กรณอี ย่างน้ีหวั หน้างานตอ้ งสงั เกตดว้ ย ตนเองดว้ ย คนทางานหนกั บางคนอาจจะไมใ่ ชค่ นทช่ี อบฟ้องแมเ้ มอ่ื ถูกเอาเปรยี บ อย่าใส่ใจ ความผดิ เลก็ ๆ น้อย ทเ่ี รารดู้ วี า่ เป็นเรอ่ื งการเมอื ง เช่น ลกู น้องลาป่วยทงั้ ๆ ทไ่ี มไ่ ดป้ ่วยจรงิ เรากไ็ ม่จาเป็นตอ้ งไปสบื คน้ วา่ ทาไมเขาตอ้ งโกหกตราบใดทเ่ี ขายงั คงตงั้ ใจทางาน เวน้ แต่ว่าบุคคลนนั้ มที ่าจะขายไอเดยี ภายในองคก์ รใหบ้ รษิ ทั อ่นื ๆ หรอื มพี ฤตกิ รรมสอ่ ใหเ้ หน็ มาก่อนวา่ ไมเ่ อาใจใสใ่ นงาน กรณเี ชน่ นัน้ จงึ คอ่ ยตรวจสอบ เขาอยา่ งจรงิ จงั พยายาม วางแผนงานลว่ งหน้า เพ่อื จะไดม้ องเหน็ แนวโน้มของการตดั สนิ ใจได้ เลย่ี งการตดั สนิ ใจอย่าง เรง่ ดว่ นสาหรบั อุปสรรคทเ่ี กดิ ขน้ึ เพราะวางแผนงานผดิ พลาด อย่ามงุ่ เน้น แต่การสรา้ งงาน ตอ้ งเรยี นรเู้ รอ่ื งของกระแสความตอ้ งการของหน่วยงานอ่นื และบรรดาค่แู ขง่ อ่นื ๆ ดว้ ย โดยไมน่ ึกถงึ ผลกระทบทจ่ี ะตามมาวา่ จะเกดิ ผลอย่างไร คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 3 171
หวั หน้า คอื ผจู้ บั ผดิ แทนองคก์ รวา่ บคุ ลากรคนใดทางานดว้ ยความรกั องคก์ ร คนใดทางานดว้ ยเพราะมไี ฟ แห่งการสรา้ งสรรค์ คนใดมงุ่ มนั่ เพอ่ื ผลประโยชน์ขององคก์ ร และคนใดทางานเพยี งเพอ่ื ใหม้ งี านทา พิจารณา สง่ เสรมิ ลกู น้องทม่ี คี วามขยนั และมอี ุปนิสยั ใจคอดี แมว้ า่ ฝีมอื การทางานอาจจะไมโ่ ดดเด่น นกั ควรหาทางสง่ เขาไปฝึกอบรมการสนบั สนุน คนนิสยั ดยี อ่ มเป็นประโยชน์แก่องคก์ รมากกวา่ สนบั สนุนคนทท่ี างาน ไดด้ แี ต่มไิ ดเ้ ป็นทช่ี ่นื ชมของของทุกคนนกั ความโกรธ ความเสยี ใจ คนเป็นหวั หน้าทมี ตอ้ งแสดงออกแต่น้อยหากอยใู่ นทท่ี างาน ไมม่ ลี กู น้องคนใดจะ นบั ถอื ศรทั ธาผจู้ ดั การทอ่ี ่อนแอและอ่อนไหวจนเกนิ ไป อย่าปกปิ ดความผิด ของลกู น้อง เมอ่ื งานผดิ พลาดกต็ ้องช่วยกนั รบั ผดิ ชอบและแก้ไข แต่ไมใ่ ช่ช่วยกนั ปิดไว้ ไมใ่ หผ้ บู้ รหิ ารระดบั สงู รบั รวู้ ่าเกดิ การผดิ พลาดในผลงาน ตอ้ งกลา้ จะรบั ผดิ ขณะเดยี วกนั กต็ อ้ งแจง้ ใหผ้ บู้ รหิ าร ทราบถงึ แนวทางการป้องกนั การเกดิ ปัญหาเช่นน้ีทไ่ี ดว้ างแผนไวแ้ ลว้ เป็นหวั หน้างาน ทเ่ี ทย่ี งธรรมอยา่ มอี คตกิ บั ลกู น้องเพราะมนั จะนาไปสกู่ ารตดั สนิ ใจดว้ ยอคตเิ มอ่ื มปี ัญหา เกดิ ขน้ึ อยา่ ลุ่มหลงในการการยกยอปอปัน้ หวั หน้าทห่ี เู บายอ่ มกากบั ควบคุมทมี ใหส้ รา้ งผลงานทด่ี ไี ดย้ าก แนะนา ลกู น้องคนใหมใ่ หท้ ุกคนในทมี งานไดร้ จู้ กั แลว้ ใหค้ นพาเขาไปดสู ่วนต่างๆ ของบรษิ ทั ใหท้ วั่ ถงึ มวิ ่า จะเป็นหอ้ งน้า มมุ กาแฟ หรอื ทจ่ี อดรถ ควรตอ้ นรบั และดแู ลคนใหมอ่ ย่างดี แมว้ า่ เขาจะอยใู่ นฐานะลกู จา้ งชวั่ คราว หรอื เดก็ ฝึกงานกต็ าม พาทีมงาน ไปเลย้ี งอาหารกลางวนั หรอื อาหารเยน็ “ เลย้ี งส่ง ” หรอื “ เลย้ี งอาลา ” ในยามทค่ี นในทมี งาน ลาออก อยา่ ลมื รว่ มกนั เขยี นอวยพร ในการด์ ใบเดยี วกนั หรอื าจรวมกนั ซอ้ื ของขวญั พเิ ศษสกั ชน้ิ ใหเ้ ขา เพ่อื ทุกคน จะไดส้ นิทสนมรกั ใครก่ นั ดี ทาตวั เป็นตวั อย่าง ทด่ี กี บั ลกู น้องในทกุ ๆ ดา้ น ไมว่ า่ จะเป็นการแต่งตวั การวางตวั ความเอาใจใสใ่ น การทางาน ความมอี ารมณ์ขนั การสรา้ งสรรคบ์ รรยากาศการทางานใหม้ สี สี นั และการทางานโดยมุ่งหวงั ความ เป็นเลศิ ในผลของงาน คนทางาน ยอ่ มรถู้ งึ ขนั้ ตอนการทางานและปัญหาต่างๆ ไดเ้ ป็นอยา่ งดผี เู้ ป็นหวั หน้า ควรหาโอกาสลงไป รว่ มชว่ ยงานของลกู น้อง แต่ละคนบา้ งหากมโี อกาส เพ่อื จะไดม้ องเหน็ ปัญหาวา่ ควรจะบรหิ ารงานนนั้ อย่างไรใหถ้ ูก ทาง และควรเปิดโอกาสใหพ้ วกเขาไดร้ ว่ มเสนอแนะการปรบั ปรงุ แกไ้ ขวธิ กี ารทางานบางประการทพ่ี วกเขายอ่ มเขาใจ ในสภาวะต่าง ๆ ไดด้ กี วา่ เรา หวั หน้างาน มหี น้าทโ่ี ดยตรงทจ่ี ะคอยไกล่เกลย่ี ประนีประนอม คนในทมี งานทม่ี คี วามขดั แยง้ กนั อยา่ ปลอ่ ย ใหเ้ ขาไมพ่ อใจกนั ในขณะทต่ี อ้ งทางานร่วมกนั ถา้ มปี ัญหาของความขดั แยง้ คอนขา้ งจะรนุ แรงเกนิ ความสามรถของคณุ กใ็ หน้ าความไปปรกึ ษาผบู้ รหิ ารระดบั สงู เพอ่ื ใหเ้ กดิ การพจิ ารณานาหนทางแกไ้ ขอย่างยตุ ธิ รรม ต่อคกู่ รณที งั้ สอง เข้าร่วม รบั การอบรมทกั ษะผนู้ าและศลิ ปะของการบรหิ ารงาน เพอ่ื เพมิ่ ศกั ยภาพใหก้ บั ตนเอง อยา่ คดิ ว่า เวลามนี ้อยถา้ คุณไมส่ ามรถบรหิ ารเวลาของตนเองไดแ้ ละไมเ่ หน็ ความสาคญั ของการพฒั นาตนเอง กแ็ สดงวา่ คณุ ยงั ไมใ่ ชผ่ นู้ าทด่ี นี กั สรปุ ได้ว่า การทจ่ี ะเป็นผนู้ าทด่ี ี จะตอ้ งยดึ ใน หลกั 10 ประการน้ี เพอ่ื การบรหิ ารในแต่ละหน่วยงาน แต่ ละองคก์ รใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพ พรอ้ มทงั้ การไดร้ บั ความรกั และความไวเ้ น้อื เชอ่ื ใจจากผรู้ ว่ มงาน และหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ จะเป็นแนวทางดที ส่ี าหรบั ผทู้ จ่ี ะกา้ วเป็นผบู้ รหิ าร หรอื ผทู้ เ่ี ป็นอยแู่ ลว้ นาไปปฏบิ ตั หิ รอื นาไปปรบั ใช้ เพ่อื การ บรหิ ารงานในหน่วยงานใหป้ ระสบความสาเรจ็ ในอนาคต 172 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3
แบบทดสอบ ภาวะความเป็นผนู้ า คาสงั่ ใหล้ กู เสอื เลอื กคาตอบเพยี งขอ้ เดยี วทต่ี รงกบั ความคดิ ของลกู เสอื ทส่ี ุด 1. “สถานภาพ”มคี วามสาคญั กบั คณุ อย่างไร? a. สาคญั มาก คณุ ชอบทจ่ี ะรสู้ กึ วา่ ตนเองอยใู่ นลาดบั สงู สุดของสงั คม b. คอ่ นขา้ งสาคญั คุณรสู้ กึ ดที ไ่ี ดอ้ ยทู่ า่ มกลางฝงู ชน c. เป็นเรอ่ื งคณุ ภาพของความสมั พนั ธม์ ากกว่าว่าคุณอยตู่ รงไหนของความสมั พนั ธน์ ัน้ d. ไมส่ าคญั เลย คุณแคต่ อ้ งการความกา้ วหน้าและประสบความสาเรจ็ 2. ในวยั เดก็ คณุ อย่ลู าดบั ไหนของกล่มุ เพ่ือน ? a. ผนู้ ากลุ่มทท่ี ุกคนต่างกลวั b. ผมู้ คี วามสนุกสนาน เป็นทช่ี ่นื ชอบของทุกคน c. นกั คดิ ทท่ี กุ คนรบั ฟัง d. เงยี บขรมึ ไมม่ ใี ครสงั เกตเหน็ เลย 3. เมอ่ื อย่ทู ่ีสานักงาน คณุ เป็นคนที่เสนอแนวคิดหรือคาแนะนาใหม่ๆ หรอื ไม่ ? a. ตลอดเวลา คุณตอ้ งการใหท้ กุ คนรวู้ ่าคณุ คดิ อยา่ งไร b. ค่อนขา้ งจะบอ่ ยครงั้ แต่ไมไ่ ดต้ ลอดเวลาเพราะอาจทาใหใ้ ครบางคนไมพ่ อใจ c. บอ่ ยครงั้ แต่มคี วามระมดั ระวงั ในบางประเดน็ เร่อื งความเป็นสว่ นบคุ คลและการเมอื ง d. นาน ๆ ครงั้ เน่อื งจาก “หากสง่ิ นัน้ เป็นสง่ิ ผดิ หละ่ ?” 4. หากเพื่อร่วมงานของคณุ โดนตาหนิเร่ืองรายงานที่ไมม่ คี ณุ ภาพ คณุ จะทาอย่างไร ? a. บอกพวกเขาในสง่ิ ทพ่ี วกเขาควรจะรมู้ ากขน้ึ b. พาพวกเขาออกไปสงั สรรคห์ ลงั เลกิ งาน c. เสนอตวั ชว่ ยตรวจรายงานใหใ้ นครงั้ ต่อไป d. หลกี เลย่ี งพวกเขา เพราะคณุ มสี ง่ิ ทต่ี อ้ งทามากอยแู่ ลว้ 5. คณุ ได้รบั ความเหน็ ท่ีไม่ดีกลบั มา คณุ จะตอบสนองอย่างไร ? a. รสู้ กึ โกรธและปกป้องตวั เอง b. รบั ฟังอยา่ งตงั้ ใจแต่มคี วามรสู้ กึ ผดิ หวงั ออกมา c. พจิ ารณาถงึ สง่ิ ทค่ี ุณจะตอ้ งเปลย่ี นแปลง และวธิ ใี นการปรบั ปรงุ d. ถอนหายใจแลว้ คดิ ว่า “น้ีแหละตวั คุณ” ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 173
6. “อีคิว” มคี วามหมายกบั คณุ อย่างไร? a. ไมม่ ี เพราะเป็นแคค่ วามนิยมในการบรหิ ารจดั การ และจะหายไปเม่อื ไมไ่ ดร้ บั ความนิยม b. จะถอื เป็นความผดิ หากมกี ารอนุญาตใหห้ วั เราะไดใ้ นเวลาทางาน c. เป็นความใส่ใจถงึ ความรสู้ กึ ของเพ่อื นรว่ มงาน d. เป็นสง่ิ ทค่ี ุณพยายามจะเขา้ ใจในอารมณ์ของเจา้ นายคณุ 7. เมอื่ คณุ เผชิญหน้ากบั ปัญหาท่ีต้องได้รบั การแก้ไขคณุ จะทาอย่างไร ? a. เสนอวธิ แี กไ้ ขวธิ เี ดยี วและบอกวา่ เป็นวธิ ที ่ถี กู ตอ้ งแลว้ b. เสนอหากวธิ กี ารแกไ้ ขท่มี คี วามเป็นไปไดแ้ ละขอใหค้ นอ่นื ออกความคดิ เหน็ c. ทาการระดมสมองกบั เพ่อื รว่ มงาน d. ขอคาแนะนาจากผจู้ ดั การหรอื หวั หน้า 8. หากเจ้านายขอให้คณุ ทาบางสิ่งที่เกินความสามารถคณุ จะทาอย่างไร ? a. รบั มาดว้ ยความเตม็ ใจ เพราะคณุ สามารถทาไดท้ ุกอยา่ ง b. ทาอยา่ งเตม็ ความสามารถ และไมต่ าหนติ วั เองหากเกดิ ผดิ พลาด c. รบั มา แต่ถามถงึ วธิ กี ารและความชว่ ยเหลอื ท่มี ากกว่านัน้ d. รบั มาและทาเงยี บเฉย สุดทา้ ยถงึ สารภาพออกมาวา่ คุณไมค่ ดิ วา่ จะสามารถจดั การได้ 9. การกระจายอานาจหรือการแบง่ งานกนั ทาคืออะไร ? a. การเสยี เวลา ไมม่ ใี ครสามารถทาไดด้ เี ท่าคณุ ดงั นัน้ คณุ ตอ้ งทาดว้ ยตวั คณุ เอง b. เป็นวธิ ที ง่ี า่ ยในการแบ่งภาระงาน c. เป็นวธิ ที ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพในการสรา้ งโอกาสในการเรยี นรใู้ หมส่ าหรบั คนอ่ืน d. เป็นบางสงิ่ ทค่ี ณุ ตอ้ งรบั เป็นคนสดุ ทา้ ยเสมอ 10. “การเปล่ียนแปลง” มีความหมายกบั คณุ อย่างไร? a. บางสงิ่ บางอยา่ งทส่ี ามารถควบคุมได้ b. เป็นโอกาสทท่ี ุกสง่ิ ทกุ อย่างสามารถเกดิ ขน้ึ ได้ c. เป็นโอกาสในการสรา้ งความกา้ วหน้า d. บางสงิ่ บางอย่างทจ่ี ะตอ้ งไปกบั มนั 174 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3
เฉลยคาตอบ หากคาตอบส่วนใหญ่คือ ข้อ a คุณมคี วามเป็นผนู้ าโดยกาเนิด เพยี งแต่รอใหถ้ งึ งานท่เี หมาะสมกบั คุณเสยี ก่อน คณุ มคี วามแขง็ แกรง่ กลา้ ตดั สนิ ใจ และเป็นนกั ปกครองทด่ี ี ทกุ คนทอ่ี ยรู่ อบตวั คณุ ใหค้ วามเคารพนับถอื คณุ หรอื อยา่ งน้อยนัน้ เป็นสงิ่ ทค่ี ณุ คดิ อยเู่ สมอ แต่ในโลกแห่งความเป็นจรงิ สถานการณ์อาจแตกต่างออกไป ความเยอ่ หยงิ่ ความมุทะลดุ ุดนั และความเป็น เอกาธปิ ไตยทค่ี ุณมี มนั เป็นรปู แบบทล่ี า้ สมยั ไปแลว้ คุณควรฉลาดทจ่ี ะไมล่ งโทษผคู้ นทไ่ี มไ่ ดเ้ หน็ เหมอื นกบั คณุ และ ควรเปิดโอกาสใหก้ บั คนทม่ี คี วามรคู้ วามสามารถทอ่ี ยรู่ อบตวั คณุ หากคาตอบส่วนใหญ่คือ ข้อ b คณุ มศี กั ยภาพทด่ี ใี นการเป็นผนู้ า คณุ สนบั สนุนและรบั ฟังคนรอบขา้ ง คณุ เป็นคนท่ีอยเู่ คยี งขา้ งและมคี วามคดิ รเิ รม่ิ สง่ิ เหล่าน้เี ป็นสง่ิ ทด่ี สี าหรบั คุณในอนาคต แต่คณุ เอาชนะสง่ิ ทอ่ี าจเป็นขอ้ บกพรอ่ งหรอื ขอ้ ผดิ พลาดรา้ ยแรงในหน้าท่ี การทางานเพยี งเพ่อื ตอ้ งการเป็นทช่ี ่นื ชอบนัน้ กไ็ มถ่ อื วา่ ผดิ แต่หากคุณทาเพยี งเพ่อื ใหไ้ ดช้ ่อื ว่าเป็นเพ่อื นทด่ี ที ส่ี ดุ สาหรบั ทุกคน คุณกอ็ าจไดร้ บั ความยากลาบาก ลองพยายามเผชญิ หน้าความขดั แยง้ ดว้ ยความอ่อนไหวและซ่ือสตั ย์ ผคู้ นรอบขา้ งอาจนบั ถอื และเคารพคณุ มากขน้ึ หากคาตอบส่วนใหญ่คือ ข้อ c คุณเป็นนกั บรหิ ารจดั การ และคณุ ตอ้ งการขน้ึ ไปใหส้ งู กวา่ น้ีกต็ อ้ งมคี วามสามารถใหม้ ากกวา่ น้ี คณุ เป็นคนทม่ี ี ความคดิ สรา้ งสรรค์ เดด็ ขาด และใส่ใจ คุณสามารถรวมกลมุ่ เขา้ ดว้ ยกนั และสนุกกบั การเป็นหวั หน้าพวกเขา คามนั่ สญั ญาส่วนใหญ่เป็นสง่ิ ทส่ี าคญั สาหรบั คุณในการใชค้ วามสามารถของคนอ่นื คุณมคี วามคาดหวงั ทส่ี งู กบั พวกเขา และเป็นไปไดว้ ่าสงู กว่าทพ่ี วกเขาคดิ ถงึ ตวั คุณเสยี อกี และดเู หมอื นว่าคุณเตรยี มตวั พรอ้ มท่จี ะทาในสง่ิ ทค่ี ุณสามารถ ช่วยใหพ้ วกเขารถู้ งึ ศกั ยภาพของพวกเขาเอง ทกั ษะดา้ นการบรหิ ารจดั การท่คี ณุ มที งั้ หมดน้เี ป็นสงิ่ ทอ่ี งคก์ รสมยั ใหม่ กาลงั มองหามากทส่ี ุด หากคาตอบส่วนใหญ่คือ ข้อ d คณุ มคี วามฉลาดเพยี งพอท่จี ะรวู้ ่าคุณเหมาะกบั การเป็นสมาชกิ ในทมี มากกวา่ การเป็นผนู้ าหรอื หวั หน้าทมี คุณชอบ ทจ่ี ะฟังแนวความคดิ มากกวา่ การสงั่ และคณุ ชอบทจ่ี ะลงมอื ทามากกว่าทาการตดั สนิ ใจ สงิ่ ต่าง ๆ เหลา่ น้ไี มไ่ ดเ้ ป็น สง่ิ ทไ่ี มด่ ี เพราะในโลกแหง่ ความเป็นจรงิ แลว้ คงเป็นไปไมไ่ ดท้ ่ีจะมแี ต่ผนู้ าและไม่มผี ตู้ ามเลยนอกจากน้คี ณุ ยงั เป็น สมาชกิ ในทมี ทม่ี คี วามหนกั แน่น น่าเช่อื ถอื และซ่อื สตั ย์ แต่พงึ ระวงั ถงึ ความยนิ ยอมของคุณต่อผอู้ ่นื คุณไมไ่ ดเ้ ป็น คนทช่ี อบประจบสอพลอ และในตอนน้คี ุณควรเตรยี มพรอ้ มท่จี ะทาในสงิ่ ทค่ี ณุ ตอ้ งการ คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 175
เร่ืองสนั้ ที่เป็นประโยชน์ นกขมิ้นน้อยผอู้ ารี ครงั้ หน่งึ นานมาแลว้ ในเมอื งพาราณสี มนี กขมน้ิ ตวั หน่งึ อาศยั อยใู่ นป่าทารงั อยบู่ นต้นไม้ ตน้ หน่งึ โดยเลอื กเอาตรงง่ามไมส้ งู ๆ คุม้ แดดคุม้ ฝนและค่อนขา้ งปลอดภยั จากอนั ตรายทจ่ี ะมาจาก สตั วร์ า้ ยและคนรา้ ยเจา้ นกขมน้ิ เหลอื งอ่อนนอนอยบู่ นรงั อยา่ งสงบสุขเรอ่ื ยมา คราวหน่งึ เกดิ ฝนตกชุกตดิ ต่อกนั มาหลายวนั จนน้าฉ่าฟ้า ชมุ่ แผ่นดนิ ไมว่ ่าฝนจะตก หนกั หนาขนาดไหน กไ็ มท่ าใหเ้ จา้ นกขมน้ิ เดอื ดรอ้ นอะไรเลยเพราะรงั ของมนั คมุ้ ครอง ป้องกนั ลม และฝนไดเ้ ป็นอย่างดที ใ่ี กล้ ๆ รงั ของนกขมน้ิ มลี งิ ตวั หน่งึ นงั่ หลบฝนอยแู่ ต่กห็ ลบไมพ่ น้ มนั เปียก ปอนไปทงั้ ตวั นงั่ สนั่ งนั งกจนนกขมน้ิ อดสงสารไมไ่ ด้ จงึ รอ้ งถามว่า“พล่ี งิ จา๋ .. ท่านพม่ี ลี กั ษณะเหมอื น อยา่ งมนุษยแ์ ต่ทาไมจงึ ไมส่ รา้ งบา้ นอยอู่ ย่างมนุษยล์ ะจ๊ะ มาทนตากฝนอย่ทู าไม”ลงิ ตอบนกขมน้ิ น้อย วา่ ”เมอ่ื ก่อนน้ฉี นั อาศยั อยใู่ นถ้า ซง่ึ มที งั้ อาหารและน้าอย่รู อบ ๆ บรเิ วณถ้า…แต่ตอนน้ไี ดม้ ลี งิ แมล่ กู อ่อนหลายตวั มาอาศยั อย.ู่ .ฉนั สงสารแมล่ กู อ่อนเหลา่ นนั้ ไมอ่ ยากแยง่ อาหาร…ฉนั กต็ อ้ งออกมาหาท่ี อยใู่ หม่ แต่ยงั ไมท่ นั ไดท้ าทอ่ี ยอู่ าศยั เลย…ฝนกต็ กหนกั มาหลายวนั แลว้ แต่ถา้ ฝนหยดุ …ฉนั อยากจะ ทาทอ่ี ยใู่ กลๆ้ กบั เจา้ ไดไ้ หม!”นกขมน้ิ น้อยตอบวา่ “ไดซ้ จิ ะ๊ พล่ี งิ เพราะฉนั กอ็ ย่ตู วั เดยี ว..จะไดม้ เี พอ่ื น..พอ่ กบั แมข่ องฉนั ตายหมดแลว้ ”ลงิ ดใี จ และลงมอื ทาทอ่ี ยอู่ าศยั ใกลก้ บั รงั ของนกขมน้ิ จากนนั้ มา ลงิ กบั นกขมน้ิ กเ็ ป็นเพ่อื นทด่ี ตี ่อกนั ช่วยกนั คดิ แกป้ ัญหาหรอื เมอ่ื มคี วามทุกข…์ กป็ รกึ ษารว่ มกนั คดิ แกป้ ัญหา นิทานเร่ืองนี้สอนให้ร้วู ่าการมปี ัญญาและมเี พ่อื นทด่ี ี สามารถแกป้ ัญหา…หรอื ทุกขท์ เ่ี กดิ ขน้ึ ได้ 176 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 3
แบบสงั เกตการปฏิบตั ิกิจกรรม แผนการจดั กจิ กรรมลกู เสอื สามญั รนุ่ ใหญ่ เครอ่ื งหมายลูกเสอื หลวง ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 หน่วยท่ี 9 การฝึกเป็นผนู้ า แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 28ผนู้ าทด่ี ี คาชี้แจง หลงั จากลกู เสอื ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมแลว้ ใหผ้ กู้ ากบั ทาเครอ่ื งหมาย ประเมนิ พฤตกิ รรม ของลกู เสอื ตามรายการต่อไปน้ี ช่อื ............................................................................................................................................. ขอ้ ท่ี รายการประเมนิ ผ่าน ไมผ่ ่าน 1 สงั เกตความสนใจและความตงั้ ใจ 2 การใหค้ วามรว่ มมอื ในการจดั กจิ กรรม 3 ลกู เสอื ทาแบบทดสอบภาวะความเป็นผนู้ า ภายในเวลา 10 นาที 4 ลกู เสอื สารวจคาตอบของตนเอง (จากนนั้ ผกู้ ากบั แปลค่าใหล้ กู เสอื ทราบ) 5 ลกู เสอื ศกึ ษาใบความรเู้ รอ่ื ง ลกั ษณะของผนู้ าทด่ี ี 6 การสนทนาและการสรปุ ในหวั เรอ่ื งของลกั ษณะของผนู้ าทด่ี ี มอี ยา่ งไรบา้ ง 7 ลกู เสอื สามารถบอกความหมายของผนู้ า (Leader)และภาวะผนู้ า (Leadership) 8 ลกู เสอื สามารถบอกคณุ สมบตั ขิ องผนู้ า (Leader) และภาวะผนู้ า (Leadership) เกณฑก์ ารประเมิน ผ่านการประเมนิ ขอ้ 7 ขอ้ 8 และขอ้ อ่นื ๆ อกี 3 ขอ้ รวม 5 ขอ้ ขน้ึ ไป ถอื ว่าผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ สรปุ ผลการประเมินผ่าน ไมผ่ ่าน ลงชอ่ื .................................................................... (..................................................................) ผปู้ ระเมนิ คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 177
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั ร่นุ ใหญ่ เครื่องหมายลูกเสือหลวง ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 หน่วยท่ี 10 ประเมินผล แผนการจดั กิจกรรมท่ี 29 การประเมินผล เวลา 1 ชวั่ โมง 1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1.1 เพอ่ื ใหล้ กู เสอื เขา้ ใจการประเมนิ ผลเพอ่ื การตดั สนิ ผลการผา่ น ไมผ่ ่านกจิ กรรมได้ 1.2 เพ่อื ใหล้ กู เสอื เขา้ ใจการประเมนิ พฤตกิ รรมทกั ษะชวี ติ ทล่ี กู เสอื ไดร้ บั การพฒั นาได้ 1.3 เพ่อื ใหล้ กู เสอื เตรยี มความพรอ้ มรบั การประเมนิ ตามวธิ กี ารของผกู้ ากบั กองลกู เสอื ได้ 2. เนื้อหา 2.1 เกณฑก์ ารตดั สนิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นตามหลกั สตู รการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 2.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมทกั ษะชวี ติ 3. สื่อการเรยี นรู้ 3.1 Flow Chart การประเมนิ เพ่อื ตดั สนิ ผลการเล่อื นชนั้ ของลกู เสอื และจบการศกึ ษา 3.2 แบบประเมนิ ทกั ษะชวี ติ ของลกู เสอื รายบคุ คลหรอื รายหมลู่ กู เสอื 3.3 แบบประเมนิ ตนเองของลกู เสอื ประจาปีการศกึ ษา 3.4 ใบความรู้ 4. กิจกรรม 4.1 ผกู้ ากบั ลกู เสอื อธบิ ายหลกั เกณฑ์ วธิ กี ารประเมนิ ผลการเรยี นรตู้ ามทห่ี ลกั สตู รแกนกลาง การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 กาหนดเพอ่ื ตดั สนิ การจบการศกึ ษา 4.2 ผกู้ ากบั ลกู เสอื อธบิ ายถงึ พฤตกิ รรมของลกู เสอื ทไ่ี ดร้ บั การเสรมิ สรา้ งทกั ษะชวี ติ ผา่ น กจิ กรรมลกู เสอื 4.3 ลกู เสอื ประเมนิ ความพรอ้ มของตนเองเพอ่ื รบั การประเมนิ และวางแผนพฒั นาตนเอง ในสว่ นทไ่ี มม่ นั่ ใจ 4.4 ผกู้ ากบั ลกู เสอื และลกู เสอื กาหนดขอ้ ตกลงรว่ มกนั ถงึ ช่วงเวลาการประเมนิ 4.5 ผกู้ ากบั ลกู เสอื นดั หมายและดาเนินการประเมนิ 5. การประเมินผล 5.1สงั เกตจากผลการประเมนิ ตนเองของลกู เสอื 5.2 สงั เกตความมนั่ ใจและการยนื ยนั ความพรอ้ มของลกู เสอื 178 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 29 1. การประเมินผลตามเกณฑข์ องหลกั สตู รการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พ.ศ. 2551 Flow Chartกระบวนการประเมินผลลกู เสือ ลกู เสอื เรยี นรจู้ ากกจิ กรรม เกณฑก์ ารประเมนิ ลกู เสอื เสรมิ สรา้ งทกั ษะชวี ติ 1. เวลาเขา้ รว่ มกจิ กรรม 2. การปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ผกู้ ากบั ประเมนิ ผลเรยี นของ 3. ผลงาน / ชน้ิ งาน ลกู เสอื ทร่ี ว่ มกจิ กรรม 4. พฤตกิ รรม/คุณลกั ษณะ ของลกู เสอื ผลการประเมนิ ผ่าน ไมผ่ า่ น - ซ่อมเสรมิ - พฒั นาซ้า ตดั สนิ ผลการเรยี นรผู้ ่านเกณฑ์ ผา่ น รบั เครอ่ื งหมายชนั้ ลกู เสอื ตามประเภทลกู เสอื ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 179
แบบประเมินตนเองของลกู เสือ ช่อื ..........................................................ประเภทลกู เสอื ...........................ชนั้ ................................ เกณฑท์ ี่ การประเมินตนเอง ข้อคิดเหน็ การพฒั นา ที่ รายการท่ีรบั การประเมิน สถานศึกษา ครบ/ ไมค่ รบ/ กาหนด ผา่ น ไม่ผ่าน 1 1. เขา้ รว่ มกจิ กรรมลกู เสอื ไมน่ ้อยกวา่ 1.1 รว่ มกจิ กรรมการฝึกอบรม 24ชวั่ โมง/ ปี 1.2 รว่ มกจิ กรรมวนั สาคญั - วนั สถาปนาลกู เสอื 1 ครงั้ / ปี - วนั ถวายราชสดุดี 1 ครงั้ / ปี - วนั พอ่ แหง่ ชาติ 1 ครงั้ / ปี - วนั แมแ่ หง่ ชาติ 1 ครงั้ / ปี - วนั ตา้ นยาเสพตดิ 1 ครงั้ / ปี - กจิ กรรมบาเพญ็ ประโยชน์อ่นื ๆ 8ครงั้ / ปี - กจิ กรรมวฒั นธรรม/ ประเพณี 4ครงั้ / ปี 1.3 เดนิ ทางไกล/ อยคู่ า่ ยพกั แรม 1 ครงั้ / ปี 2 2. มผี ลงาน/ ชน้ิ งานจากการเรยี นรู้ กจิ กรรมลกู เสอื ไมน่ ้อยกวา่ 2.1 ผลงานการบรกิ าร 6รายการ/ ปี 2.2 ชน้ิ งาน/ งานทค่ี ดิ สรา้ งสรรค์ 2รายการ/ ปี 2.3 อ่นื ๆ เช่น รายงานฯ 2รายการ/ ปี 3 3. มคี วามพรอ้ มเขา้ รบั การทดสอบเพ่อื เลอ่ื นชนั้ และรบั เครอ่ื งหมายวชิ าพเิ ศษ ลกู เสอื วสิ ามญั 3.1............................................. 3.2............................................. 3.3............................................. 3.4............................................. 3.5............................................. ผา่ นและพร้อม สรปุ ฉนั มนั่ ใจว่าผา่ น ฉนั มคี วามพรอ้ มใหป้ ระเมนิ ฉนั ยงั ไมพ่ รอ้ ม 180 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3
สรปุ ผลการประเมินตนเอง 1. ด้านทกั ษะลกู เสือ ☺ มนั่ ใจมากว่าจะ พรอ้ มแลว้ ไมแ่ น่ใจ ตอ้ งขอความ งนุ งง ผ่านการประเมนิ ชว่ ยเหลอื จาก ไมเ่ ขา้ ใจ ผกู้ ากบั ลกู เสอื มนั่ ใจมาก พรอ้ มรบั การประเมนิ เครอ่ื งหมายวชิ าพเิ ศษ พรอ้ มรบั การประเมนิ ไมแ่ น่ใจ ยงั ตอ้ งพฒั นา/ ซอ่ มเสรมิ บางเรอ่ื ง ตอ้ งการความช่วยเหลอื จากผกู้ ากบั ลกู เสอื ลงช่อื .......................................................ผปู้ ระเมนิ ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 181
แบบประเมินพฤติกรรมทกั ษะชีวิตของลกู เสือสาหรบั ผกู้ ากบั ลกู เสือ คาชี้แจง ใหผ้ ตู้ อบทาแบบประเมนิ ทุกขอ้ โดยแต่ละขอ้ ใหท้ าเครอ่ื งหมาย/ ลงในช่องทต่ี รงกบั ความ เป็นจรงิ 2.1 พฤติกรรมลกู เสือสารองท่ีคาดหวงั รายการประเมิน ใช่ ไมใ่ ช่ 1. ลกู เสอื มที กั ษะในการสงั เกตและจดจา 2. ลกู เสอื สามารถพง่ึ ตนเองและดแู ลตนเองได้ 3. ลกู เสอื สารองปฏบิ ตั กิ จิ กรรมบาเพญ็ ประโยชน์รกั ษาสง่ิ แวดลอ้ ม และอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ 4. ลกู เสอื ไมม่ ปี ัญหาทนั ตสุขภาพและไมเ่ จบ็ ป่วยดว้ ยโรคตดิ ต่อ ตามฤดกู าล 5. ลกู เสอื รจู้ กั รกั ษาสขุ ภาพและปฏเิ สธสง่ิ เสพตดิ 6. ลกู เสอื รจู้ กั แกป้ ัญหาเฉพาะหน้าหรอื ใหก้ ารช่วยเหลอื / แจง้ เหตุเมอ่ื ประสบเหตุ วกิ ฤต 7. ลกู เสอื มสี ว่ นสงู และน้าหนกั ตามเกณฑม์ าตรฐาน 8. ลกู เสอื มที กั ษะในการส่อื สารไดถ้ กู กาลเทศะและไมก่ า้ วรา้ วรนุ แรง สรปุ แบบการประเมินตนเอง ☺ ฉนั มที กั ษะชวี ติ ฉนั จะมที กั ษะชวี ติ ฉนั ตอ้ งพฒั นาตนเองอกี มาก ถา้ แกไ้ ขปรบั ปรงุ พฤตกิ รรม 182 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3
2.2 พฤติกรรมลกู เสือสามญั ท่ีคาดหวงั รายการประเมิน ใช่ ไม่ใช่ 1. ลกู เสอื มที กั ษะในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมกลางแจง้ 2. ลกู เสอื รว่ มกจิ กรรมบาเพญ็ ประโยชน์ 3. ลกู เสอื ช่วยตนเองและครอบครวั ได้ 4. ลกู เสอื ไมม่ ปี ัญหาทนั ตสุขภาพ ไมด่ ม่ื น้าอดั ลมขนมกรบุ กรอบ ไมร่ บั ประทานขนมหวานเป็นประจา 5. ลกู เสอื รจู้ กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์และไมต่ ดิ เกม 6. ลกู เสอื ประพฤตติ นเหมาะสมกบั เพศและวยั มที กั ษะการสรา้ ง สมั พนั ธภาพและการส่อื สารไมก่ า้ วรา้ วรนุ แรง 7. ลกู เสอื แสดงออกถงึ ความซอ่ื สตั ย์ รจู้ กั แกป้ ัญหา หรอื ใหค้ วาม ชว่ ยเหลอื ผอู้ ่นื 8. ลกู เสอื มนี ้าหนกั และส่วนสงู ตามเกณฑม์ าตรฐาน สรปุ แบบการประเมินตนเอง ☺ มที กั ษะชวี ติ จะมที กั ษะชวี ติ ตอ้ งพฒั นาตนเอง ไมแ่ น่ใจชวี ติ พรอ้ มเผชญิ แกไ้ ขปรบั ปรงุ อกี มาก (มปี ัญหาแลว้ ) อยา่ งรอดปลอดภยั พฤตกิ รรม (เสย่ี งนะเน่ยี ) เรือ่ งท่ีฉันจะต้องปรบั ปรงุ 1).................................................................................................................................................. 2).................................................................................................................................................. 3).................................................................................................................................................. 4).................................................................................................................................................. ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 183
2.3 พฤติกรรมลกู เสือสามญั ร่นุ ใหญ่ท่ีคาดหวงั รายการประเมิน 12 1. ลกู เสอื พฒั นาตนเองใหม้ ที กั ษะในการทากจิ กรรมลกู เสอื ตามความสนใจและไดร้ บั เครอ่ื งหมายวชิ าพเิ ศษ 2. ลกู เสอื ทากจิ กรรมบาเพญ็ ประโยชน์ต่อครอบครวั สถานศกึ ษา ชมุ ชน และสงั คม 3. ลกู เสอื ใชเ้ วลาว่างทเ่ี ป็นประโยชน์ทากจิ กรรม อนุรกั ษส์ ่งเสรมิ จารตี ประเพณี ศลิ ปวฒั นธรรมไทย 4. ลกู เสอื รเู้ ท่าทนั ส่อื โฆษณาและรจู้ กั ใชป้ ระโยชน์จาก Internet 5. ลกู เสอื เปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมหรอื ปรบั ปรงุ และพฒั นาตนเองได้ เหมาะสมกบั เพศวยั ไมก่ า้ วรา้ วรนุ แรง 6. ลกู เสอื ทากจิ กรรมหรอื โครงการประหยดั พลงั งาน/ทรพั ยากร 7. ลกู เสอื มกี ารออม หรอื ทาบญั ชรี ายรบั รายจา่ ยอยา่ งต่อเน่อื ง 8. ลกู เสอื ไมเ่ คยประสบอุบตั เิ หตุจากการใชย้ านพาหนะ สรปุ แบบการประเมินตนเอง มที กั ษะชวี ติ ☺ พรอ้ มเผชญิ อยา่ งรอดปลอดภยั จะมที กั ษะชวี ติ ตอ้ งพฒั นาตนเอง ไมแ่ น่ใจชวี ติ แกไ้ ขปรบั ปรงุ อกี มาก (มปี ัญหาแลว้ ) พฤตกิ รรม (เสย่ี งนะเน่ยี ) เรอ่ื งท่ีฉันจะต้องปรบั ปรงุ 1).................................................................................................................................................. 2).................................................................................................................................................. 3).................................................................................................................................................. 4).................................................................................................................................................. 184 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 3
2.4 พฤติกรรมลูกเสือวิสามญั ที่คาดหวงั รายการประเมิน ใช่ ไมใ่ ช่ 1. ลกู เสอื ทากจิ กรรม/โครงการ ตามความถนดั และความสนใจ 2. ลกู เสอื บรกิ ารผอู้ ่นื ช่วยเหลอื ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติ 3. ลกู เสอื รจู้ กั วธิ ปี ้องกนั ความเสย่ี งทางเพศ 4. ลกู เสอื ใชเ้ วลากบั ส่อื ไอทไี ดอ้ ยา่ งเหมาะสม 5. ลกู เสอื ตระหนกั ถงึ พษิ ภยั และหลกี เลย่ี งจากสงิ่ ยาเสพตดิ 6. ลกู เสอื มคี า่ นิยมสขุ ภาพ ดา้ นอาหาร และความงามทเ่ี หมาะสม 7. ลกู เสอื ทางานหารายไดร้ ะหว่างเรยี น 8. ลกู เสอื ไมม่ พี ฤตกิ รรมกา้ วรา้ วและไมก่ ่อเหตุรนุ แรง สรปุ แบบการประเมินตนเอง ☺ มที กั ษะชวี ติ จะมที กั ษะชวี ติ ตอ้ งพฒั นาตนเอง ไมแ่ น่ใจชวี ติ พรอ้ มเผชญิ แกไ้ ขปรบั ปรงุ อกี มาก (มปี ัญหาแลว้ ) อยา่ งรอดปลอดภยั พฤตกิ รรม (เสย่ี งนะเน่ยี ) เรอ่ื งท่ีฉันจะต้องปรบั ปรงุ 1).................................................................................................................................................. 2).................................................................................................................................................. 3).................................................................................................................................................. 4).................................................................................................................................................. ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 3 185
ใบความรู้ *การประเมินกิจกรรมลกู เสือ 1. การประเมนิ ผลการเรยี นรตู้ ามแนวทางหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน 2551 หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน กาหนดใหก้ จิ กรรมลกู เสอื เป็นกจิ กรรมทม่ี ่งุ ปลูกฝัง ระเบยี บวนิ ัยและกฎเกณฑเ์ พ่อื การอยู่ร่วมกัน รูจ้ กั การเสยี สละ บาเพ็ญประโยชน์แก่สงั คมและ ดาเนินวถิ ชี วี ติ ในระบอบประชาธปิ ไตย ตลอดจนมที กั ษะชวี ติ เป็นภมู คิ ุม้ กนั ปัญหาสงั คมตามช่วงวยั ของลกู เสอื การจัดกิจกรรมลูกเสือยัง ต้องเป็ นไปตามข้อบังคับของสานักงานลูกเสือแห่งชาติแ ล ะ สอดคลอ้ งกบั หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานอกี ดว้ ย แนวทางการประเมินผลกิจกรรมลกู เสือ กจิ กรรมลกู เสอื เป็นกจิ กรรมนักเรยี นทล่ี ูกเสอื ทุกคนต้องเขา้ ร่วมกจิ กรรมลกู เสอื 40 ชวั่ โมง ต่อปีการศกึ ษาในระดบั ประถมศกึ ษาและมธั ยมศกึ ษา การประเมนิ การจดั กจิ กรรมลกู เสอื ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานมปี ระเดน็ /สงิ่ ทต่ี อ้ งประเมนิ ดงั น้ี 1. เวลาในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผเู้ รยี นตอ้ งมเี วลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมตามทส่ี ถานศกึ ษากาหนด 2. การเรยี นรผู้ ่านกจิ กรรมหรอื การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมอย่างต่อเน่ือง มุ่งเน้นการพฒั นาศกั ยภาพ ของตนและการทางานกลมุ่ 3. ผลงาน / ชน้ิ งาน / พฤตกิ รรม / คุณลกั ษณะของผเู้ รยี น ทป่ี รากฏจากการเรยี นรหู้ รอื การ เปลย่ี นแปลงตนเอง *การประเมนิ ผลอาจเขยี นแยกการประเมนิ ผลแต่ละกจิ กรรม หรอื เขยี นรวมในภาพรวมของกจิ กรรมลกู เสอื กไ็ ด้ เอกสารอา้ งองิ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551.กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พช์ มุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากดั . 2551 186 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3
แนวทางการประเมินผลการเรยี นรกู้ ิจกรรมลูกเสือ แผนการจดั กจิ กรรมลกู เสอื จดั กจิ กรรมลกู เสอื เกณฑก์ ารประเมนิ ตามคมู่ อื การจดั กจิ การลกู เสอื ท่ี 1. เวลาเขา้ รว่ มกจิ กรรม 2. การปฏบิ ตั กิ จิ กรรม เสรมิ สรา้ งทกั ษะชวี ติ 3. ผลงาน / ชน้ิ งาน 4. พฤตกิ รรม/คุณลกั ษณะ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ของลกู เสอื ผลการประเมนิ ไมผ่ า่ น ซอ่ มเสรมิ ผ่าน ผ่าน สรปุ ผลการประเมนิ / ตดั สนิ ผลการเรยี นรู้ รายงาน / สารสนเทศ จดั พธิ ปี ระดบั เครอ่ื งหมายลูกเสอื ตามประเภทลกู เสอื การประเมินกิจกรรมลูกเสือ มี 2 แนวทาง คือ 1. การประเมนิ กจิ กรรมลกู เสอื รายกจิ กรรมมแี นวปฏบิ ตั ดิ งั น้ี 1.1 ตรวจสอบเวลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมของลูกเสอื ใหเ้ ป็นไปตามเกณฑ์ท่สี ถานศกึ ษา กาหนด 1.2 ประเมินกิจกรรมการเรียนรู้จากการปฏิบตั ิกิจกรรมและผลงาน / ช้ินงาน / คุณลกั ษณะของผเู้ รยี นตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากาหนดดว้ ยวธิ กี ารทห่ี ลากหลาย เน้นการมสี ่วนร่วม ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม คมู่ อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 187
1.3 ลกู เสอื ทม่ี เี วลาการเขา้ รว่ มกจิ กรรม มกี ารปฏบิ ตั กิ จิ กรรมและผลงาน / ชน้ิ งาน / คุณลักษณะตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนดเป็นผู้ผ่านการประเมินรายกิจกรรมและนา ผลการ ประเมนิ ไปบนั ทกึ ในระเบยี นแสดงผลการเรยี น 1.4 ลูกเสอื ทม่ี ผี ลการประเมนิ ไม่ผ่านในเกณฑเ์ วลาการเขา้ รว่ มกจิ กรรม การปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมและผลงาน / ชน้ิ งาน / คุณลกั ษณะตามทส่ี ถานศกึ ษากาหนด ผกู้ ากบั ลูกเสอื ตอ้ งดาเนินการ ซ่อมเสรมิ และประเมนิ จนผ่าน ทงั้ น้ีควรดาเนินการให้เสร็จส้นิ ในปีการศึกษานัน้ ๆ ยกเว้นมเี หตุ สุดวสิ ยั ใหอ้ ยใู่ นดลุ พนิ ิจของสถานศกึ ษา 2. การประเมนิ กจิ กรรมลกู เสอื เพอ่ื การตดั สนิ ใจ การประเมนิ กิจกรรมลูกเสอื เพ่อื ตัดสินควรได้รบั เคร่อื งหมายและเล่อื นระดบั ทาง ลูกเสอื และจบการศกึ ษาเป็นการประเมนิ การผ่านกจิ กรรมลกู เสอื เป็นรายปี / รายภาค / เพ่อื สรุปผล การผา่ นในแต่ละกจิ กรรม สรปุ ผลรวมเพ่อื สรปุ ผลการผ่านในแต่ละกจิ กรรม สรปุ ผลรวมเพ่อื เลอ่ื นชนั้ ระดบั ลูกเสอื และประมวลผลรวมในปีสุดท้ายเพ่อื การจบแต่ละระดบั การศกึ ษา โดยการดาเนินการ ดงั กล่าวมแี นวทางปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 2.1 กาหนดให้มผี ู้รบั ผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับการเข้าร่วมกิจกรรม ลกู เสอื ของลกู เสอื ทุกคนตลอดระดบั การศกึ ษา 2.2 ผู้รับผิดชอบสรุปและตัดสินใจผลการร่วมกิจกรรมลูกเสือของลูกเสือเป็น รายบุคคล รายหมู่ ตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากาหนด เกณฑก์ ารตดั สิน 1. กาหนดเกณฑก์ ารประเมนิ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐานกาหนดไว้ 2 ระดบั คอื ผา่ น และ ไมผ่ า่ น 2. เกณฑก์ ารตดั สนิ ผลการประเมนิ รายกจิ กรรม ผ่าน หมายถงึ ลกู เสอื มเี วลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมครบตามเกณฑ์ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมและมผี ลงาน / ชน้ิ งาน / คณุ ลกั ษณะตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากาหนด ไม่ผ่าน หมายถึง ลูกเสอื มเี วลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมไม่ครบตามเกณฑ์ ไม่ผ่านการปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมหรอื มผี ลงาน / ชน้ิ งาน / คณุ ลกั ษณะไมเ่ ป็นไปตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากาหนด 3. เกณฑก์ ารตดั สนิ ผลการประเมนิ กจิ กรรมลกู เสอื รายปี / รายภาค ผ่าน หมายถึง ลูกเสอื มผี ลการประเมนิ ระดบั “ผ่าน” ในกิจกรรมสาคญั ตามหลกั สูตร ลกู เสอื แต่ละประเภทกาหนด รวมถงึ หลกั สตู รลกู เสอื ทกั ษะชวี ติ ไมผ่ ่าน หมายถงึ ลูกเสอื มผี ลการประเมนิ ระดบั “ไมผ่ ่าน” ในกจิ กรรมสาคญั ทห่ี ลกั สูตร ลกู เสอื แต่ละประเภทกาหนดและลกู เสอื ทกั ษะชวี ติ 4. เกณฑก์ ารตดั สนิ ผลการประเมนิ กจิ กรรมลกู เสอื เพ่อื จบหลกั สตู รลกู เสอื แต่ละประเภทเป็น รายชนั้ ปี ผ่าน หมายถึง ลูกเสือมผี ลการประเมินระดบั “ผ่าน” ทุกชนั้ ปีในระดบั การศึกษานัน้ ไมผ่ ่าน หมายถงึ ลกู เสอื มผี ลการประเมนิ ระดบั “ไมผ่ า่ น” บางชนั้ ปีในระดบั การศกึ ษานนั้ 188 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3
2. การประเมนิ พฤตกิ รรมทกั ษะชวี ติ และคณุ ลกั ษณะทางลกู เสอื 2.1 ความสามารถทค่ี าดหวงั ใหเ้ กดิ ขน้ึ กบั ลกู เสอื โดยรวม คอื 1) ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ 2) ความสามารถในการคดิ สรา้ งสรรค์ 3) ความสามารถในการเหน็ ใจผอู้ ่นื 4) เหน็ คุณคา่ ตนเอง 5) รบั ผดิ ชอบต่อสงั คม 6) ความสามารถในการสอ่ื สารเพ่อื สรา้ งสมั พนั ธภาพ 7) ความสามารถในการตดั สนิ ใจ 8) ความสามารถในการจดั การแกไ้ ขปัญหา 9) ความสามารถในการจดั การกบั อารมณ์ 10) ความสามารถในการจดั การกบั ความเครยี ด 2.2 พฤตกิ รรมทค่ี าดหวงั ใหเ้ กดิ ขน้ึ กบั ลกู เสอื โดยรวม คอื 1) ลกู เสอื สารอง (1) มที กั ษะในการสงั เกตและจดจา (2) พง่ึ ตนเอง ดแู ลตนเองได้ (3) รจู้ กั รกั ษาสง่ิ แวดลอ้ ม (4) ไมเ่ จบ็ ป่วยดว้ ยโรคตดิ ต่อตามฤดกู าล (5) ปฏเิ สธสง่ิ เสพตดิ ทุกชนิด (6) พดู จาส่อื สารเชงิ บวก ไมก่ า้ วรา้ วรนุ แรง (7) แกป้ ัญหาเฉพาะหน้าได้ (8) ใหค้ วามช่วยเหลอื เพ่อื นในภาวะวกิ ฤติ 2) ลกู เสอื สามญั (1) มที กั ษะในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมกลางแจง้ (2) รว่ มกจิ กรรมบาเพญ็ ประโยชน์ดว้ ยจติ อาสา (3) พง่ึ ตนเองและชว่ ยเหลอื ครอบครวั (4) ไมด่ ่มื น้าอดั ลม (5) ไมร่ บั ประทานขนมหวานและขนมกรบุ กรอบ (6) ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ (7) รจู้ กั พดู เชงิ บวก ไมพ่ ดู ก้าวรา้ วรุนแรง (8) มคี วามซ่อื สตั ย์ ไมโ่ กหก (9) รจู้ กั แก้ปัญหาดว้ ยสนั ตวิ ธิ ี (10) มนี ้าหนกั ส่วนสงู ตามเกณฑม์ าตรฐาน ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 189
3) ลกู เสอื สามญั รนุ่ ใหญ่ (1) มที กั ษะในการทากจิ กรรมตามความสนใจ (2) มจี ติ อาสาทาประโยชน์/ ไมก่ ่อความเดอื ดรอ้ น ใหก้ บั ครอบครวั สถานศกึ ษา ชุมชน สงั คม (3) ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ (4) รว่ มกจิ กรรมสง่ เสรมิ อนุรกั ษ์ประเพณี ศลิ ปวฒั นธรรมไทย (5) มที กั ษะการคดิ วเิ คราะห์ การยบั ยงั้ ไมเ่ ป็นทาสของส่อื โฆษณา (6) มที กั ษะการใชป้ ระโยชน์จาก Internet (7) มผี ลงาน/ โครงการการประหยดั พลงั งาน/ ทรพั ยากร (8) มกี ารออมหรอื ทาบญั ชรี ายรบั รายจ่ายของตนเองอยา่ งต่อเน่อื ง (9) มที กั ษะการหลกี เลย่ี ง ลอดพน้ และไมเ่ กดิ อุบตั เิ หตุจากการใช้ ยานพาหนะ (10) ไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั สงิ่ เสพตดิ ทุกประเภท 4) ลกู เสอื วสิ ามญั (1) มผี ลงาน/ โครงการเฉพาะทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อตวั เอง/ สงั คม (2) มจี ติ อาสาและบรกิ าร (3) รวู้ ธิ ปี ้องกนั / และหลกี เลย่ี งความเสย่ี งทางเพศ (4) ใชเ้ วลากบั ส่อื IT อยา่ งเหมาะสม ไมเ่ กดิ ความเสยี หายต่อวถิ ชี วี ติ ปกติ ของตนเอง (5) ไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั สง่ิ เสพตดิ (6) มคี า่ นิยมดา้ นสขุ ภาพอยา่ งเหมาะสม ไมเ่ กดิ ผลเสยี ตามมา (7) มคี ่านิยมดา้ นการรบั ประทานอาหารทเ่ี หมาะสม ไมเ่ กดิ ผลเสยี หาย ตามมา (8) มคี า่ นิยมดา้ นความงามทเ่ี หมาะสมไมเ่ กดิ ผลเสยี หายตามมา (9) ไมม่ พี ฤตกิ รรมกา้ วรา้ วและก่อเหตุรนุ แรง อ้างอิงจากผลลพั ธก์ ารจดั กจิ กรรมลกู เสอื ค่มู อื Bench Marking 190 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่ เคร่ืองหมายลูกเสือหลวง ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 หน่วยท่ี 11 พิธีการ เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการจดั กิจกรรมท่ี 30 ประดบั เครือ่ งหมายลกู เสือหลวง และเคร่อื งหมายวิชาพิเศษ 1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ เพอ่ื ใหล้ กู เสอื เกดิ ความภาคภมู ใิ จในตนเอง และศรทั ธาในการเป็นลกู เสอื 2. เนื้อหา เครอ่ื งหมายลกู เสอื หลวง 3. ส่ือการเรียนรู้ 3.1 เครอ่ื งหมายลกู เสอื หลวง 3.2เครอ่ื งหมายวชิ าพเิ ศษ 4. กิจกรรม 4.1 พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก) 4.2 ผกู้ ากบั ลกู เสอื เป็นประธานจดุ ธปู เทยี นบูชาพระรตั นตรยั และถวายสกั การะแดพ่ ระรปู รชั กาลท่ี 6 ผกู้ ากบั ลกู เสอื และลกู เสอื รว่ มกนั ถวายราชสดดุ ี 4.3 ผกู้ ากบั ลกู เสอื กลา่ วถงึ การไดร้ บั อนุมตั ใิ หม้ สี ทิ ธปิ ์ ระดบั เครอ่ื งหมายลกู เสอื หลวง เครอ่ื งหมายวชิ าพเิ ศษ พรอ้ มทงั้ ใหโ้ อวาทกบั ลกู เสอื 4.4ผกู้ ากบั ลกู เสอื มอบ เครอ่ื งหมายลกู เสอื หลวง เครอ่ื งหมายวชิ าพเิ ศษใหก้ บั ลกู เสอื และ แสดงความช่นื ชมยนิ ดกี บั ลกู เสอื ทุกคน 4.5 พธิ ปี ิดประชุมกอง(นัดหมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5. การประเมินผล สงั เกตพฤตกิ รรมจากการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ค่มู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 191
ภาคผนวก 192 คมู่ อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 3
ภาคผนวก ก แนวคิดเรอื่ งทกั ษะชีวิต ความหมายและองคป์ ระกอบทกั ษะชีวิต ทกั ษะชีวิต เป็นความสามารถของบุคคล ทจ่ี าเป็นต่อการปรบั ตวั ในการเผชญิ ปัญหาต่าง ๆ และสามารถดาเนินชวี ติ ท่ามกลางสภาพสงั คมทม่ี กี ารเปลย่ี นแปลงทงั้ ในปัจจบุ นั และเตรยี มพรอ้ ม สาหรบั การเผชญิ ปัญหาในอนาคต องคป์ ระกอบทกั ษะชีวิต มี 12 องคป์ ระกอบ จดั เป็น 6 คู่ โดยแบ่งตามพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ 3 ดา้ น ดงั น้ี อhงgคhj์ปhgรfะgjกjhอgfบf jทhhกั gfษfdะsdชsdวี sติ ◆6คู่ 3 ดา้ น ความตระหนกั การสรา้ ง สมั พนั ธภาพและ ร้ใู นตน การส่ือสาร ความเห็นใจ ความคิด การ ผอู้ ่นื สร้างสรรค์ ตดั สินใจ พุทธิพสิ ยั จติ พสิ ัย และแก้ไข ทักษะพสิ ัย ปญหา ความ ความคิดวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ ภาคภมู ิใจ ในตัวเอง ความ การจดั การกับ อารมณแ์ ละ รบั ผดิ ชอบ ความเครียด ตอ่ สงั คม แผนภาพที่ 1 องคป์ ระกอบของทกั ษะชวี ติ 1. ด้านพทุ ธิพิสยั จดั ไวต้ รงกลางของแผนภาพ เพราะเป็นองคป์ ระกอบรว่ มและเป็นพน้ื ฐาน ของทุกองคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ - ความคิดวิเคราะหว์ ิจารณ์ เป็นความสามารถทจ่ี ะวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ ประเมนิ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ปัญหา และสถานการณ์ต่าง ๆ รอบตวั - ความคิดสร้างสรรค์ เป็นความสามารถในการคดิ ออกไปอยา่ งกวา้ งขวางโดยไม่ ยดึ ตดิ อยใู่ นกรอบ และการสรา้ งสรรคส์ ง่ิ ใหม่ ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 193
2. ด้านจิตพิสยั หรือ เจตคติ มี 2 คู่ คอื ค่ทู ่ี 1 ความตระหนกั รใู้ นตนเอง และ ความเขา้ ใจ/เหน็ ใจผอู้ ่นื ค่ทู ่ี 2 เหน็ คณุ ค่า/ภูมใิ จตนเอง และ ความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม - ความตระหนักร้ใู นตนเอง เป็นความสามารถในการคน้ หาและเขา้ ใจในจุดดจี ุด ดอ้ ยของตนเอง ยอมรบั ความแตกต่างของตนเองกบั บุคคลอ่นื ไม่ว่าจะในแง่ความสามารถ เพศ วยั อาชพี ระดบั การศกึ ษา ฐานะทางเศรษฐกจิ ฐานะทางสงั คม ศาสนา สผี วิ ทอ้ งถน่ิ สขุ ภาพ ฯลฯ - ความเข้าใจ/เหน็ ใจผอู้ ่ืน เป็นความสามารถในการเขา้ ใจความรสู้ กึ ของผอู้ ่นื เหน็ อกเหน็ ใจและยอมรบั ตวั ตนของบุคคลอ่นื ท่แี ตกต่างกบั เรา ไมว่ า่ จะในแงค่ วามสามารถ เพศ วยั อาชพี ระดบั การศกึ ษา ฐานะทางเศรษฐกจิ ฐานะทางสงั คม ศาสนา สผี วิ ทอ้ งถนิ่ สุขภาพ ฯลฯ - เหน็ คณุ ค่า/ภมู ิใจตนเอง เป็นการค้นพบ คุณสมบตั เิ ฉพาะตวั ของตนเอง รสู้ กึ ว่า ตนเองมคี ุณค่า เช่น เป็นคนมนี ้าใจ ซ่อื สตั ย์ ยุติธรรม และภูมใิ จในความสามารถด้านต่าง ๆ ของ ตนเอง เช่น ดา้ นสงั คม ดนตรี กฬี า ศลิ ปะ การเรยี น ฯลฯ - ความรบั ผิดชอบต่อสงั คม เป็นความรสู้ กึ ว่าตนเองเป็นส่วนหน่ึงของสงั คมและมี ส่วนรบั ผดิ ชอบในความเจรญิ หรอื เสอ่ื มของสงั คมนนั้ คนทเ่ี หน็ คุณคา่ ตนเองจะมแี รงจงู ใจทจ่ี ะทาดกี บั ผอู้ ่นื และสงั คมส่วนรวมมากขน้ึ จงึ จดั เขา้ ค่กู บั ความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม 3. ด้านทกั ษะพิสยั หรือทกั ษะ ประกอบดว้ ย 3 คู่ คอื คทู่ ่ี 1 การสอ่ื สารและการสรา้ งสมั พนั ธภาพ คทู่ ่ี 2 การตดั สนิ ใจและการแกไ้ ขปัญหา ค่ทู ่ี 3 การจดั การกบั อารมณ์และความเครยี ด - ทกั ษะการการสื่อสารและการสร้างสมั พนั ธภาพ เป็นความสามารถในการใช้ คาพดู และภาษาท่าทาง เพอ่ื ส่อื สารความรสู้ กึ นึกคดิ ของตนเอง และสามารถรบั รคู้ วามรสู้ กึ นกึ คดิ ความตอ้ งการ ของอกี ฝ่ายหน่งึ มกี ารตอบสนองอยา่ งเหมาะสมและเกดิ สมั พนั ธภาพท่ีดตี ่อกนั - ทกั ษะการตดั สินใจและการแก้ไขปัญหา การตดั สนิ ใจใชใ้ นกรณที ม่ี ที างเลอื กอยู่ แลว้ จงึ เรมิ่ ตน้ ดว้ ยการวเิ คราะหข์ อ้ ดขี อ้ เสยี ของแต่ละทางเลอื กเพอ่ื หาทางเลอื กทด่ี ที ส่ี ดุ และนาไป ปฏบิ ตั ิ ส่วนการแกไ้ ขปัญหาเป็นความสามารถในการรบั รปู้ ัญหาและสาเหตุของปัญหา หาทางเลอื ก ไดห้ ลากหลาย วเิ คราะหข์ อ้ ดขี อ้ เสยี ของแต่ละทางเลอื ก ตดั สนิ ใจเลอื กทางเลอื กในการแก้ปัญหาท่ี เหมาะสมทส่ี ุดและนาไปปฏบิ ตั ิ - ทกั ษะการจดั การกบั อารมณ์และความเครยี ด เป็นความสามารถในการรบั รู้ อารมณ์ตนเอง ประเมนิ และรเู้ ทา่ ทนั วา่ อารมณ์จะมอี ทิ ธพิ ลต่อพฤตกิ รรมของตนอย่างไร และเลอื กใช้ วธิ จี ดั การกบั อารมณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม สว่ นการจดั การความเครยี ดเป็นความสามารถในการ รบั รรู้ ะดบั ความเครยี ดของตนเอง รสู้ าเหตุ หาทางแกไ้ ข และมวี ธิ ผี อ่ นคลายความเครยี ดของตนเอง อยา่ งเหมาะสม 194 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3
ความแตกต่างระหว่างทกั ษะชีวิตทวั ่ ไปและทกั ษะชีวิตเฉพาะ ทกั ษะชีวิตทวั่ ไป เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทางสงั คม สาหรบั ปัญหาทวั่ ๆ ไปใน ชวี ติ ประจาวนั ดว้ ยทกั ษะชวี ติ 12 องคป์ ระกอบ ใหก้ บั เดก็ ทุกคน ทักษะชีวิตเฉพาะ เป็นการประยุกต์ใช้ทกั ษะชวี ิต 12 องค์ประกอบ ท่มี เี น้ือหา เก่ียวกับการป้องกันปัญหาเฉพาะเร่อื งสาหรบั เด็กกลุ่มเส่ียง โดยมคี รูท่ีปรึกษาและระบบดูแล ช่วยเหลอื นกั เรยี นรองรบั ทกั ษะชีวิตกบั การพฒั นาเยาวชน เม่อื แบ่งเยาวชนออกเป็น 3 กลุ่ม คือเด็กปกติ เด็กกลุ่มเส่ยี ง และเด็กท่มี ปี ัญหา ทกั ษะชวี ติ จะเป็นกลยุทธ์สาคญั ในการส่งเสรมิ ภูมคิ ุ้มกนั ทางสงั คม ให้กบั เดก็ ปกติ และเดก็ ทุกคน สาหรบั เด็กกลุ่มเส่ยี งต้องมกี ารสอนทกั ษะชวี ติ เฉพาะในแต่ละปัญหา มคี รูท่ปี รกึ ษาและระบบดูแล ช่วยเหลอื นักเรยี นรองรบั ส่วนเดก็ ทม่ี ปี ัญหาแลว้ ใชก้ ารดูแลใกล้ชดิ เพ่อื หาทางแก้ปัญหาทเ่ี หมาะสม เป็นรายบุคคล และมรี ะบบส่งต่อยงั วชิ าชพี เฉพาะทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ค่มู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 3 195
ตวั อย่างทกั ษะชีวิตเฉพาะ 196 คมู่ ือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3
ความแตกต่างระหว่างทกั ษะชีวิต และทกั ษะการดารงชีวิต ทกั ษะชีวิต (Life Skills) เป็นความสามารถทางจติ สงั คม อนั ประกอบ ดว้ ย ความรู้ เจตคติ และทกั ษะ ทจ่ี าเป็นในการดาเนินชวี ติ ท่ามกลางสภาพสงั คมทเ่ี ปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเรว็ ในปัจจุบนั และเตรยี มพรอ้ มสาหรบั การเผชญิ ปัญหาในอนาคต มี 6 คู่ 12 องคป์ ระกอบ ทกั ษะการดารงชีวิต (Living Skills) เป็นทกั ษะทใ่ี ชใ้ นกจิ วตั รประจาวนั ในเรอ่ื งพน้ื ฐาน ของชวี ติ มกั เป็นทกั ษะทางกายภาพ เช่น อาบน้า แต่งตวั ซกั เสอ้ื ผา้ ปรงุ อาหาร ขจ่ี กั รยาน วา่ ยน้า ผกู เงอ่ื นเชอื ก การจดั กระเป๋ าเดนิ ทาง การใชแ้ ผนทเ่ี ขม็ ทศิ ฯลฯ ความเช่ือมโยงระหว่างทกั ษะชีวิต และทกั ษะการดารงชีวิต ทกั ษะชวี ติ และทกั ษะการดารงชวี ติ มกั ถกู ใชผ้ สมผสาน เชอ่ื มโยงกนั ทงั้ ในกจิ วตั รประจาวนั ปกติ และในสถานการณ์ต่าง ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ไมแ่ ยกส่วน โดยทกั ษะชวี ติ จะเป็นตวั ช่วยในการเลอื กและใช้ ทกั ษะการดารงชวี ติ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ถูกท่ี ถกู เวลา และเกดิ ผลลพั ธท์ ด่ี ี สถานการณ์ทางจติ สงั คม มกั ใชท้ กั ษะชวี ติ เป็นหลกั ตวั อยา่ ง เชน่ การจดั การกบั อารมณ์โกรธ ความขดั แยง้ และ ความรุนแรง ตระหนกั รแู้ ละหลกี เลย่ี งพฤตกิ รรมเสย่ี งต่าง ๆ รวมถงึ การป้องกนั อุบตั เิ หตุ การช่วยเหลอื ผอู้ ่นื และรบั ผดิ ชอบต่อส่วนรวม การส่อื สารเชงิ บวกและสรา้ งสมั พนั ธภาพทด่ี ี กจิ วตั รทท่ี าเป็นประจา ใชท้ กั ษะการดารงชวี ติ เป็นหลกั เชน่ อาบน้า แต่งตวั แปรงฟัน ซกั เสอ้ื ผา้ ปรงุ อาหาร ขจ่ี กั รยาน ว่ายน้า ผกู เงอ่ื นเชอื ก ใชแ้ ผนทเ่ี ขม็ ทศิ ฯลฯ ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 3 197
ทกั ษะชีวิตสร้างได้อยา่ งไร สรา้ งดว้ ย 2 วธิ กี ารใหญ่ ๆ คอื 1. เรยี นรเู้ องตามธรรมชาติ ซง่ึ ขน้ึ กบั ประสบการณ์และการมแี บบอยา่ งทด่ี ี จงึ ไมม่ ที ศิ ทางท่ี แน่นอน และกวา่ จะเรยี นรกู้ ็อาจชา้ เกนิ ไป 2. สรา้ งโดยกระบวนการเรยี นการสอนทย่ี ดึ ผเู้ รยี นเป็นศนู ยก์ ลาง ใหเ้ ดก็ เรยี นรรู้ ว่ มกนั ใน กลุม่ ผา่ นกจิ กรรมรปู แบบต่าง ๆ ทเ่ี ดก็ ตอ้ งมสี ว่ นรว่ มทงั้ ทางรา่ งกายคอื ลงมอื ปฏบิ ตั ิ และทางความคดิ คอื การอภปิ รายแลกเปลย่ี นความคดิ และประสบการณ์ เพอ่ื สรา้ งองคค์ วามรู้ใหม่รว่ มกนั การสอนทยี่ ดึ ผเู้ รยี นเป็ นศนู ยก์ ลาง • สรา้ งความรู้ (Construction) กจิ กรรมทใี่ หผ้ เู ้ รยี นมสี ว่ นรว่ มทาง สตปิ ัญญา คน้ พบความรดู ้ ว้ ยตนเอง • ปฏสิ มั พนั ธ์ (Interaction) กจิ กรรมตอ้ งสง่ เสรมิ ปฏสิ มั พันธก์ บั ผอู ้ น่ื และแหลง่ ความรทู ้ หี่ ลากหลาย • เป็ นกระบวนการ (Process Learning) • มสี ว่ นรว่ ม (Physical Participation) มสี ว่ นรว่ มดา้ นรา่ งกาย ลง มอื กระทากจิ กรรมในลักษณะตา่ ง ๆ • มกี ารประยกุ ตใ์ ช้ (Application) การมสี ่วนรว่ มทางสตปิ ัญญาทาใหเ้ กดิ ทกั ษะชวี ติ 2 องคป์ ระกอบแกนหลกั คอื ความคดิ วเิ คราะห์ และความคดิ วจิ ารณ์ ปฏสิ มั พนั ธใ์ นกลุ่มเพอ่ื ทากจิ กรรมรว่ มกนั ทาใหเ้ ดก็ ไดฝ้ ึกองคป์ ระกอบทกั ษะชวี ติ ดา้ นทกั ษะทงั้ 3 คู่ คอื การสรา้ งสมั พนั ธภาพและการส่อื สาร การตดั สนิ ใจและการแก้ไขปัญหา การจดั การอารมณ์และ ความเครยี ด การรบั ฟังความคดิ เหน็ ของคนอ่นื ทาใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจคนอ่นื มากขน้ึ ขณะเดยี วกนั กเ็ กดิ การ ไตรต่ รองทาความเขา้ ใจและตรวจสอบตนเอง จดั เป็นองคป์ ระกอบทกั ษะชวี ติ ดา้ นเจตคตคิ อื การเขา้ ใจ ตนเอง และเขา้ ใจ/เหน็ ใจผอู้ ่นื การได้รบั การยอมรบั จากกลุ่ม การทางานสาเรจ็ ไดร้ บั คาชม ทาใหเ้ กดิ ความภูมใิ จและเหน็ คณุ คา่ ตนเอง นาไปส่คู วามรบั ผดิ ชอบมากขน้ึ ทงั้ ต่อตนเองและสงั คม กระบวนการและการมสี ่วนร่วม ช่วยให้กจิ กรรมสนุกสนานน่าสนใจ และนาไปสู่จุดประสงค์ ทต่ี งั้ ไว้ รวมทงั้ การประยุกตใ์ ชเ้ ป็นการเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ ช่อื มองคค์ วามรใู้ หม่ทเ่ี กดิ ขน้ึ เขา้ ส่ชู วี ติ จรงิ วา่ ไดเ้ กดิ การเรยี นรอู้ ะไรและนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั อยา่ งไร 198 ค่มู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 3
8 ความหมายของกระบวนการลกู เสือ (Scout movement) ตามคานิยามของลกู เสอื โลก หมายถงึ กระบวนการเรยี นรแู้ ละพฒั นาตนเองอย่างต่อเน่ือง สาหรบั เยาวชน เพ่อื สร้างเยาวชนท่มี จี ติ ใจเสยี สละ รบั ผดิ ชอบ และอุทศิ ตนแก่สงั คม ด้วยวธิ กี าร ลกู เสอื ตามแนวทางการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 2522 (สพฐ.) หมายถึงกระบวนการทาง การศกึ ษาส่วนหน่ึง ซ่งึ มุ่งพฒั นาสมรรถภาพของบุคคล ทงั้ ทางสมอง ร่างกาย จติ ใจ และศลี ธรรม เพ่ือให้เป็นบุคคลท่ีมีความประพฤติดีงาม ไม่กระทาตนเป็นปัญหาสังคม และดารงชีวิตอย่างมี ความหมาย และสขุ สบาย หลกั การลกู เสือ (Scout principle) หลกั การลกู เสอื โลกเน้นทห่ี น้าทห่ี ลกั 3 ประการ คอื 1.หน้าทต่ี ่อพระเจา้ /ศาสนา ไดแ้ ก่ การแสวงหาและดาเนนิ ชวี ติ อยา่ งมคี ุณคา่ และความหมาย 2.หน้าท่ตี ่อผู้อ่นื ได้แก่ การเคารพ ให้เกียรติ ช่วยเหลอื ผู้อ่นื รวมถงึ การดูแลสงั คมและ สง่ิ แวดลอ้ ม 3.หน้าท่ีต่อตนเอง ได้แก่ พัฒนาตนเองทัง้ ด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และ จติ วญิ ญาณ หลกั การลกู เสือไทย มี 5 ข้อ คือ คมู่ อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิตชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 199
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233