98 การใช้ความรู้จากการอบรมไปจัดท�ำเวทีการมีส่วนร่วม “พรรษาสงบ” โดยผู้เข้าร่วมเป็น นาคที่จะอุปสมบทและจ�ำพรรษา ปฏิบัติธรรมสายวัดป่า รวม ๔๐ ทา่ น เพอ่ื ลดกรณพี พิ าทตา่ งๆ ทอี่ าจจะเกดิ ขนึ้ โดยใชเ้ ทคนคิ ORID ผลที่ได้คือ ได้ท�ำให้นาคท่ีจะอุปสมบทร่วมกันมีส่วนร่วมในการพิจารณา ปอ้ งกนั ปญั หาความขดั แยง้ ของการอยรู่ ว่ มกนั ของผทู้ ม่ี าจากทต่ี า่ งกนั ในการ อปุ สมบทครงั้ นี้ และระลกึ ถงึ เปา้ หมายทช่ี ดั เจนรว่ มกนั ของการมาอปุ สมบท ภาครัฐวิสาหกิจ การทำ� กจิ กรรมการมสี ว่ นรว่ มดว้ ยการประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (Workshop) ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ เร่ือง การพัฒนาคุณภาพสินเช่ือให้บรรลุ เปา้ หมาย เพอื่ มงุ่ เนน้ การบรกิ ารทดี่ ี รวดเรว็ และมปี ระสทิ ธภิ าพ ลกู คา้ และ คคู่ า้ ทางธรุ กจิ เกดิ ความพงึ พอใจในการไดร้ บั บรกิ ารมากทส่ี ดุ โดยใหท้ กุ คน มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น เสนอแนะวิธีการให้บริการท่ีดีและ ขอ้ ควรระวงั ในการทำ� งาน เพอ่ื เปน็ “ สญั ญาใจรว่ มกนั ” มงุ่ เนน้ การบรกิ ารทดี่ ี รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจ เกิดความพึงพอใจ ในการได้รับบริการมากที่สุด โดยไม่ขัดต่อระเบียบของธนาคาร ส่งผลให้ ทมี งานกลา้ แสดงความคดิ เหน็ เกดิ การมสี ว่ นรว่ มภายในสาขา ทมี งานมโี อกาส สื่อสารและรับฟังความคิดเห็นซ่ึงกันและกันมากขึ้น ทีมงานแต่ละสายงาน มีความเข้าใจปัญหาและอุปสรรคของแต่ละสายงานท�ำให้เกิดความร่วมมือ พรอ้ มชว่ ยกนั แกไ้ ขทำ� ใหท้ กุ สายงานบรรลเุ ปา้ หมายไปพรอ้ มๆ กนั ไดร้ วดเรว็ ขน้ึ เป็นการสร้างบรรยากาศที่ดี เกิดความรกั และสามัคคี หน่วยงานรัฐและองคก์ ารมหาชน การตอ่ ยอดความเปน็ เครอื ขา่ ยนกั ศกึ ษาสถาบนั พระปกเกลา้ และตอ่ ความรู้ ดว้ ยการสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มทำ� โครงการ “ชว่ ยชาวบา้ นบนดอย... สชู่ าวเขา ๔.๐ ...ชว่ ยชาวเขา ชว่ ยชาวเรา ชว่ ยชาวโลก” ของสถาบนั วจิ ยั แสงซนิ โครตรอน และสถาบันวิจัยและพัฒนาพ้ืนที่สูง โดย การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเรื่อง
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 99 วิธีควบคุมการปนเปื้อนของสารพิษในดิน และน�้ำ ในการจัดการด้วย Smart Farming จากการศกึ ษาเปรยี บเทยี บดา้ นคณุ ภาพผลผลติ ดำ� เนนิ การ ในพ้ืนท่ีจังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้หลักการ Partnership หรือหุ้นส่วนการมี ส่วนร่วม ผลท่ีได้น�ำไปสู่งานวิจัยเพ่ือประโยชน์ของการบริการสาธารณะ ให้แกภ่ าคประชาชน ทง้ั ในสว่ นเกษตรกร และผ้บู รโิ ภค การมสี ว่ นรว่ มในสว่ นงานทมี่ หาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมติ ร กบั การใหบ้ รกิ ารสงั คม ดว้ ยการจดั ทำ� โครงการสรา้ งสขุ ใหช้ มุ ชน ณ องคก์ าร บรหิ ารสว่ นตำ� บลหนองตะเคยี นบอน จังหวัดสระแก้ว ด้วยเทคนิคการเข้าถึง ประชาชนเชงิ บวก ผลทไี่ ดร้ บั คอื ประชาชนรสู้ กึ มคี วามเปน็ เจา้ ของในโครงการ ดว้ ยการเสนอแนะความคดิ เหน็ ตา่ งๆ ในการดำ� เนนิ โครงการและประชาชน เกดิ ความกระตอื รอื รน้ อยากมสี ว่ นรว่ มในการดำ� เนนิ โครงการ ทำ� ใหโ้ ครงการ มกี ารกา้ วหน้าในการด�ำเนนิ งานได้ดี การใช้เทคนิคการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่น วิธีการสนทนาแบบ มีส่วนร่วม (ORID Method) ของกรมชลประทาน ให้ผู้เข้าร่วมประชุม มโี อกาสแสดงความคดิ เหน็ เพอ่ื คดั เลอื กเกษตรกรทยี่ ากจน ในเวทปี ระชาคม ระดับหมู่บ้าน ในโครงการประชุมประชาคมแผนพัฒนาท้องถิ่นประจ�ำ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ องค์การบริหารส่วนต�ำบลลานตากฟ้า อ�ำเภอ นครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ผลที่ได้คือ การจัดท�ำรายชื่อเกษตรกรยากจน ที่มาจากการร่วมเสวนาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมพัฒนาท้องถ่ินแบบ มสี ว่ นร่วมโดยทุกคนมีความเหน็ รว่ มกนั ไม่เกิดความขัดแยง้ การน�ำวชิ าการประเมนิ ผลการฝกึ อบรมแบบมีสว่ นร่วม ไปใชใ้ นหลงั จาก จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพเพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพ การจดั การขยะมลู ฝอยพน้ื ทเี่ ทศบาลนครภเู กต็ ผลทไี่ ดร้ บั คอื ผเู้ ขา้ รว่ มประชมุ เกิดการเข้าใจในกระบวนการพัฒนาความรู้ท่ีได้รับอย่างเป็นระบบมากข้ึน และเหน็ คณุ คา่ ของตนเองทม่ี สี ว่ นรว่ มในการสรา้ งความสำ� เรจ็ ของการอบรม ซงึ่ จะนำ� ไปสกู่ ารจัดการขยะอยา่ งไดผ้ ลในอนาคต
100 องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ นกั ศกึ ษาจากองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ไดเ้ ขา้ รบั ศกึ ษาอบรมและนำ� ความรู้ ไปปรับใช้ในการท�ำงานเพ่ือประชาชน อาทิ การใชค้ วามรกู้ ารสรา้ งการมสี ว่ นรว่ ม ดว้ ยเทคนคิ กระดานบตั รความคดิ ในการระดมความคดิ เหน็ พนกั งาน เจา้ หนา้ ทใ่ี นองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เพื่อพัฒนาการให้บริการในการจัดท�ำโครงการกีฬาเพื่อพัฒนาเด็กและ เยาวชน จังหวัดชลบุรี ผลที่ได้รับคือทราบจุดอ่อนจุดแข็งของการจัดท�ำ โครงการทมี่ าจากการระดมความคดิ เหน็ เพอื่ นำ� ไปพฒั นาปรบั ปรงุ การดำ� เนนิ โครงการตอ่ ไป การใช้เทคนิคกระบวนการถอดประเด็น ถอดบทเรียน และการประชุม แบบมีส่วนร่วม พร้อมน�ำเสนอผลการด�ำเนินงานและหาแนวทางพัฒนา ร่วมกันในการจัดการขยะในพ้ืนท่ี เทศบาลต�ำบลบางน�้ำเปรี้ยว ผลท่ีได้รับ คือ เกิดความร่วมมือของประชาชนในการจัดการปัญหาขยะอย่างจริงจัง ลดปัญหาขยะสว่ นเกินและการทงิ้ ขยะจากนอกเขตลงอยา่ งได้ผล การน�ำความรู้การมีส่วนร่วมไปจัดกิจกรรมฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพ พนักงาน โดยใช้ตวั แบบของ People’s Audit มีการประยกุ ตใ์ ช้เคร่ืองมอื เพอ่ื ประเมนิ ผลความพงึ พอใจแบบมสี ว่ นรว่ มในการทำ� กระบวนการประชมุ ประชาคมตำ� บลสำ� โรง เพอื่ ทบทวนแผน ปี ๒๕๖๑ - ๒๕๖๕ • จัดฝึกอบรมโครงการส่งเสริมเยาวชนขับข่ีปลอดภัย โดยใช้เทคนิค การสนทนาแบบมีส่วนร่วม (ORID Method) เพ่ือให้ทุกคนมีส่วนร่วม และได้ข้อสรปุ ในเวลาจำ� กัด • ใช้เคร่ืองมือประชาเสวนาของ PA จัดโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ของคนชราและผู้พิการใช้เคร่ืองมือ เทคนิคการสนทนาแบบมีส่วนร่วม (ORID Method) ในการจัดโครงการรักเป็น ปลอดภัย ไม่ท้องก่อนวัย หา่ งไกลโรคตดิ ต่อทางเพศสมั พันธ์
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 101 ผลที่ได้รับคือ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมท้ังสามกิจกรรม ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม อยา่ งจรงิ จงั และรสู้ กึ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของกจิ กรรม ทำ� ใหม้ คี วามสนใจในเนอ้ื หา ข้อมูลมากขึ้น การน�ำความรู้ไปใช้ในเทศบาลต�ำบลอุ่มเม้า ให้ประชาชนเข้ามาเป็น หุ้นส่วนพลเมืองโดยการมีส่วนร่วมเพื่อบริหารจัดการขยะให้หมดไปจาก ต�ำบลอุ่มเม้าด้วยวิธีการก�ำจัดขยะของแต่ละครัวเรือนด้วยตัวเอง และ อกี เรอื่ งหนงึ่ กค็ อื การจดั ทำ� ธรรมนญู การศึกษาซ่ึงเป็นการบันทึกข้อมูลตกลง ร่วมกันระหว่างเทศบาล โรงเรียน ครูผู้สอน ผู้ปกครองและตัวนักเรียนเอง ผลการด�ำเนินงานส่งผลให้ปัญหาเร่ืองขยะชุมชนลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ในส่วนของโรงเรียนประจ�ำเทศบาลนั้น ได้เกิดการท�ำงานของคณะครูอย่าง จริงจังเข้มแข็งเพื่อให้เป็นไปตามธรรมนูญที่ตั้งไว้ พร้อมท้ังการเปิดโอกาส ใหผ้ ปู้ กครองไดเ้ ขา้ มามสี ว่ นในการตดิ ตามการเรยี นการสอนอยา่ งมสี ว่ นรว่ ม อีกดว้ ย ๖. หลักสูตรวุฒิบัตรการพั ฒนาความสามารถส�ำหรับผู้บริหารองค์กรปกครอง สว่ นท้องถ่นิ หลักสูตรการพัฒนาความสามารถส�ำหรับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มุ่งให้เกิดการเรียนรู้ เท่าทันโลก สร้างแรงบันดาลใจและความตระหนัก น�ำไปสู่การพัฒนายกระดับการท�ำงานขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถ่ินให้มีมาตรฐานและมีนวัตกรรม โดยกลุ่มเป้าหมายส�ำคัญ คือ ผู้บริหารและข้าราชการขององค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ิน ที่สมัครเข้าร่วมโครงการรางวัลพระปกเกล้าแล้วพลาดหวังการได้รับรางวัลในปีท่ีผ่านมา ซ่ึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเหล่าน้ีมุ่งจะพัฒนาการด�ำเนินงานของตน ดังนั้น การอบรมหลักสูตรดังกล่าว จะชว่ ยยกระดับการบริหารงานและการให้บริการสาธารณะของท้องถิ่น และมีการต่อยอดการพฒั นาในมติ ิตา่ งๆ รวมถึงเข้ามาเป็นเครือข่ายรางวัลพระปกเกล้าเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นที่ย่ังยืนกับสถาบัน ซ่ึงในปี ๒๕๖๒ ได้จัดอบรมจ�ำนวน ๒ รุ่น มีผู้เข้ารับการอบรมจ�ำนวน ๑๖๓ คน คิดเป็นจ�ำนวนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม ๖๕ แหง่ และจากการประมวลผลในโครงการรางวัลพระปกเกลา้ ประจ�ำปี ๒๕๖๒ รว่ มดว้ ยพบว่า มีองคก์ ร ปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ หนา้ ใหมท่ ไ่ี ดร้ บั รางวลั พระปกเกลา้ เปน็ ครง้ั แรกประมาณรอ้ ยละ ๕๐ และในรอ้ ยละ ๕๐ นนั้ มีสัดส่วนถึง ๓ ใน ๕ ที่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ส�ำเร็จการศึกษาอบรมในหลักสูตรฯ ดังกล่าว ในปที ี่ผา่ นมา
102 พั ฒนาคน ด้วยการพั ฒนาความรู้ เสริมประสบการณ์ และการสร้างแรงบันดาลใจ ๑. โครงการรางวัลพระปกเกล้า โครงการรางวลั พระปกเกล้า เป็นโครงการที่ช่วยเสรมิ สรา้ งแรงบนั ดาลใจ แกอ่ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ในการพัฒนาการบริหารจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เกิดการพัฒนา ซึ่งเป็นการประกาศเกียรติคุณแก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความเป็นเลิศในด้านต่างๆ ตลอดจนกระตุ้นให้ประชาชนเกิดความต่ืนตัวและ มีส่วนร่วมทางการเมืองและส่งเสริมการพัฒนาเพ่ือเป็นแบบอย่างท่ีดีในการพัฒนาท้องถิ่น ดังจะเห็นได้ว่า กวา่ สองทศวรรษทผี่ า่ นมา รางวลั พระปกเกลา้ มบี ทบาทในการประกาศเกยี รตคิ ณุ ขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ทมี่ ผี ลการดำ� เนนิ งานทเี่ ปน็ เลศิ เพอ่ื ประโยชนส์ ขุ ของประชาชนและเปน็ พลงั เสรมิ แรงใจใหอ้ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ผลติ ผลงานคณุ ภาพมากมายผา่ นโครงการ และกจิ กรรมตา่ งๆ อนั นำ� ไปสกู่ ารพฒั นาทอ้ งถน่ิ ในบรบิ ททห่ี ลากหลาย
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 103 ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินที่ได้รับรางวัลพระปกเกล้า และใบประกาศ เกียรตคิ ุณ มดี งั น้ี องค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ ท่ีไดร้ ับรางวลั พระปกเกล้า มีดังนี้ ด้านความโปร่งใสและสง่ เสริมการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน จำ� นวน ๑๓ แห่ง ได้แก่ ๑. เทศบาลนครภูเก็ต อ�ำเภอเมือง จงั หวัดภูเกต็ ๒. เทศบาลนครลำ� ปาง อำ� เภอเมอื ง จังหวดั ลำ� ปาง ๓. เทศบาลนครสรุ าษฎร์ธานี อำ� เภอเมือง จงั หวัดสรุ าษฎร์ธานี ๔. เทศบาลนครอุดรธานี อำ� เภอเมอื ง จังหวดั อุดรธานี ๕. เทศบาลเมืองชัยภมู ิ อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั ชยั ภมู ิ ๖. เทศบาลเมอื งร้อยเอ็ด อำ� เภอเมือง จงั หวดั ร้อยเอ็ด ๗. เทศบาลเมอื งล�ำพนู อำ� เภอเมือง จงั หวัดลำ� พนู ๘. เทศบาลตำ� บลบางกะดี อำ� เภอเมือง จังหวดั ปทมุ ธานี ๙. องคก์ ารบริหารสว่ นต�ำบลอา่ วนาง อำ� เภอเมือง จงั หวดั กระบี่ ๑๐. องค์การบริหารสว่ นต�ำบลเขาดนิ อำ� เภอเขาพนม จังหวดั กระบ่ี ๑๑. องค์การบริหารสว่ นต�ำบลหนองมะเขือ อำ� เภอพล จงั หวัดขอนแก่น ๑๒. องค์การบรหิ ารสว่ นต�ำบลบางบวั ทอง อำ� เภอบางบวั ทอง จังหวัดนนทบุรี ๑๓. องคก์ ารบริหารส่วนต�ำบลนาพันสาม อ�ำเภอเมอื ง จังหวดั เพชรบรุ ี ด้านการเสรมิ สรา้ งสันตสิ ขุ และความสมานฉนั ท์ จ�ำนวน ๔ แหง่ ไดแ้ ก่ ๑. เทศบาลนครขอนแกน่ อ�ำเภอเมอื ง จงั หวัดขอนแกน่ ๒. เทศบาลเมืองกาฬสนิ ธุ์ อำ� เภอเมอื ง จังหวัดกาฬสินธ์ุ ๓. เทศบาลเมอื งสพุ รรณบุรี อ�ำเภอเมอื ง จงั หวดั สุพรรณบรุ ี ๔. องค์การบริหารส่วนต�ำบลนาเกตุ อำ� เภอโคกโพธิ์ จงั หวดั ปัตตานี
104 ด้านการเสริมสรา้ งเครอื ขา่ ย รฐั เอกชน และประชาสงั คม จ�ำนวน ๑๖ แหง่ ได้แก่ ๑. เทศบาลเมืองบา้ นบึง อำ� เภอบา้ นบึง จังหวัดชลบุรี ๒. เทศบาลเมืองแมเ่ หียะ อำ� เภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ๓. เทศบาลเมืองกะทู้ อำ� เภอกะทู้ จงั หวดั ภเู ก็ต ๔. เทศบาลเมืองบ้านฉาง อำ� เภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ๕. เทศบาลตำ� บลท่าคันโท อำ� เภอทา่ คนั โท จังหวัดกาฬสนิ ธ์ุ ๖. เทศบาลตำ� บลลานกระบอื อำ� เภอลานกระบอื จังหวัดกำ� แพงเพชร ๗. เทศบาลตำ� บลชมภู อำ� เภอสารภี จังหวัดเชยี งใหม่ ๘. เทศบาลตำ� บลป่าแดด อำ� เภอเมือง จังหวดั เชียงใหม่ ๙. เทศบาลตำ� บลห้วยขา้ วกำ�่ อำ� เภอจนุ จังหวดั พะเยา ๑๐. เทศบาลตำ� บลท่าสาป อำ� เภอเมือง จังหวดั ยะลา ๑๑. เทศบาลตำ� บลก้อ อำ� เภอลี้ จังหวดั ล�ำพนู ๑๒. เทศบาลตำ� บลศรีเตี้ย อ�ำเภอบ้านโฮง่ จังหวดั ลำ� พนู ๑๓. เทศบาลตำ� บลก�ำแพง อำ� เภอละงู จังหวัดสตลู ๑๔. องค์การบริหารสว่ นตำ� บลดงขี้เหล็ก อ�ำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบรุ ี ๑๕. องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลโคกกลอย อำ� เภอตะกวั่ ทงุ่ จงั หวัดพังงา ๑๖. องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลพลบั พลาไชย อ�ำเภออ่ทู อง จังหวัดสุพรรณบรุ ี องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ ทีไ่ ดร้ บั ใบประกาศเกยี รติคณุ มดี ังน้ี ดา้ นความโปร่งใสและสง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ มของประชาชน จำ� นวน ๒๒ แหง่ ไดแ้ ก่ ๑. องค์การบริหารส่วนจงั หวดั ระยอง อ�ำเภอเมอื ง จังหวดั ระยอง ๒. องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั สพุ รรณบุรี อ�ำเภอเมือง จงั หวัดสุพรรณบรุ ี ๓. เทศบาลเมอื งลพบรุ ี อำ� เภอเมือง จงั หวัดลพบรุ ี ๔. เทศบาลเมืองไรข่ งิ อำ� เภอสามพราน จงั หวัดนครปฐม
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 105 ๕. เทศบาลตำ� บลพระแท่นล�ำพระยา อ�ำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ๖. เทศบาลตำ� บลชะมาย อำ� เภอท่งุ สง จงั หวัดนครศรีธรรมราช ๗. เทศบาลตำ� บลแม่ขรี อำ� เภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง ๘. เทศบาลตำ� บลบา้ นกลาง อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั ล�ำพนู ๙. เทศบาลตำ� บลบ้านแป้น อำ� เภอเมือง จงั หวดั ลำ� พนู ๑๐. เทศบาลตำ� บลป่าไผ่ อำ� เภอล้ี จงั หวัดล�ำพนู ๑๑. เทศบาลตำ� บลนาออ้ อำ� เภอเมอื ง จงั หวัดเลย ๑๒. เทศบาลต�ำบลขนุ หาญ อำ� เภอขนุ หาญ จงั หวัดศรีสะเกษ ๑๓. องคก์ ารบรหิ ารส่วนต�ำบลนครชุม อำ� เภอเมอื ง จงั หวัดกำ� แพงเพชร ๑๔. องค์การบรหิ ารส่วนตำ� บลสวนหม่อน อำ� เภอมญั จาคีรี จงั หวดั ขอนแก่น ๑๕. องคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำบลแก้วแสน อ�ำเภอนาบอน จงั หวัดนครศรีธรรมราช ๑๖. องค์การบรหิ ารส่วนตำ� บลนาไม้ไผ่ อำ� เภอทงุ่ สง จังหวดั นครศรธี รรมราช ๑๗. องค์การบรหิ ารส่วนต�ำบลนครสวรรคอ์ อก อำ� เภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ๑๘. องค์การบรหิ ารส่วนตำ� บลนาสะเบง อำ� เภอศรีวไิ ล จังหวัดบึงกาฬ ๑๙. องค์การบรหิ ารสว่ นตำ� บลห้วยเกตุ อำ� เภอตะพานหิน จงั หวัดพจิ ิตร ๒๐. องค์การบรหิ ารส่วนตำ� บลบางปลา อำ� เภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ๒๑. องคก์ ารบริหารสว่ นต�ำบลบางคนที อำ� เภอบางคนที จังหวดั สมุทรสงคราม ๒๒. องคก์ ารบรหิ ารส่วนตำ� บลประดูย่ นื อำ� เภอลานสัก จงั หวัดอุทัยธานี ด้านการเสริมสรา้ งสนั ติสขุ และความสมานฉันท์ จำ� นวน ๔ แหง่ ได้แก่ ๑. องคก์ ารบรหิ ารส่วนตำ� บลเมืองเกา่ พัฒนา อำ� เภอเวยี งเก่า จงั หวดั ขอนแกน่ ๒. องค์การบริหารสว่ นต�ำบลคูขดุ อำ� เภอสทิงพระ จังหวดั สงขลา ๓. องคก์ ารบริหารสว่ นตำ� บลประทดั บุ อำ� เภอปราสาท จังหวดั สรุ นิ ทร์ ๔. องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลหวั ไผ่ อำ� เภอเมือง จังหวดั อา่ งทอง
106 ดา้ นการเสรมิ สร้างเครอื ขา่ ย รัฐ เอกชน และประชาสังคม จ�ำนวน ๑๒ แห่ง ไดแ้ ก่ ๑. องค์การบริหารสว่ นจังหวัดสงขลา อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั สงขลา ๒. เทศบาลเมอื งบา้ นไผ่ อำ� เภอบา้ นไผ่ จังหวัดขอนแก่น ๓. เทศบาลเมืองหวั หนิ อำ� เภอหัวหิน จังหวดั ประจวบครี ีขันธ์ ๔. เทศบาลตำ� บลเวยี งสา อำ� เภอเวยี งสา จังหวดั นา่ น ๕. เทศบาลตำ� บลลำ� ลูกกา อ�ำเภอลำ� ลูกกา จงั หวัดปทมุ ธานี ๖. เทศบาลตำ� บลควนขนนุ อำ� เภอควนขนนุ จังหวดั พทั ลุง ๗. เทศบาลตำ� บลนาด้วง อำ� เภอนาดว้ ง จังหวัดเลย ๘. องค์การบริหารสว่ นต�ำบลบ้านกง อำ� เภอหนองเรอื จังหวดั ขอนแก่น ๙. องค์การบรหิ ารส่วนตำ� บลเสม็ดใต้ อ�ำเภอบางคล้า จงั หวัดฉะเชงิ เทรา ๑๐. องค์การบรหิ ารสว่ นตำ� บลพลูตาหลวง อำ� เภอสัตหบี จังหวัดชลบรุ ี ๑๑. องค์การบรหิ ารส่วนตำ� บลบวั ตมู อ�ำเภอโซ่พิสยั จงั หวดั บึงกาฬ ๑๒. องค์การบริหารสว่ นตำ� บลร่องเคาะ อำ� เภอวังเหนือ จังหวัดลำ� ปาง
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 107 ๒. โครงการสัมมนาองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ “Next Station ประชาธิปไตย ไทย: ปกั หมุดเลอื กตงั้ ทอ้ งถิ่น” โครงการสัมมนาองค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ ประจำ� ปี ๒๕๖๒ เปน็ โครงการที่จดั ขึน้ เพื่อเผยแพรค่ วามรู้ ความเขา้ ใจ เรอื่ งการปกครองทอ้ งถนิ่ ประชาธปิ ไตย และทศิ ทางการกระจายอำ� นาจ ซง่ึ ในหว้ งเวลาหลายปที ผ่ี า่ นมา มเี หตกุ ารณส์ ำ� คญั ในประเทศทท่ี ำ� ใหท้ ศิ ทางการกระจายอำ� นาจตอ้ งหยดุ ชะงกั ลงไปเนอื่ งจากคณะรกั ษาความสงบ แห่งชาติ (คสช.) ได้ออกประกาศหัวหน้า คสช. ท่ี ๘๕/๒๕๕๗ เรื่องการได้มาซ่ึงสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือ ผู้บรหิ ารทอ้ งถิน่ เป็นการชว่ั คราว และคําสงั่ หัวหนา้ คณะรักษาความสงบแหง่ ชาติ ท่ี ๑/๒๕๕๗ เรื่อง การไดม้ าซง่ึ สมาชิกสภาท้องถ่ินหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการช่ัวคราว เน้ือความส�ำคัญของประกาศและค�ำส่ังทั้งสองฉบับคือ การให้หยดุ การเลอื กตง้ั ท้องถิน่ ทุกรูปแบบจนกวา่ ประกาศน้ีจะมีการเปลย่ี นแปลง ต่อมาได้มีสัญญาณตอบรับจากรัฐบาลที่เปิดให้เห็นถึงอนาคตของการกระจายอ�ำนาจและการปกครอง ทอ้ งถนิ่ คอื วนั ที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๒ มพี ระราชกจิ จานเุ บกษาประกาศใชก้ ฎหมายทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั องคก์ รปกครอง ส่วนท้องถ่ินจ�ำนวน ๖ ฉบับ ซึ่งฉบับท่ีมีความส�ำคัญท่ีสุด คือ พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถ่ิน หรอื ผูบ้ ริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒ ท่ีได้กำ� หนดให้การเลือกตง้ั ท้องถิน่ ครงั้ แรกหลัง พ.ร.บ. น้บี ังคบั ใช้จะเกิดขึ้นได้
108 ต่อเมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เห็นสมควรให้มี โดย คสช. จะแจ้งให้คณะกรรมการการเลือกต้ัง (กกต.) ทราบและก�ำหนดให้มีการเลือกตั้งท้องถ่ิน และให้ประกาศและค�ำส่ังหัวหน้า คสช. ที่เกี่ยวกับการงด การจดั การเลอื กตัง้ ทอ้ งถ่นิ จ�ำนวนเจ็ดฉบับจะถกู ยกเลิกไป ดังนั้น เพ่ือให้เป็นเวทีแห่งการพูดคุยแลกเปล่ียนเกี่ยวกับทิศทางและแนวโน้มของการเลือกตั้งท้องถิ่น และการกระจายอ�ำนาจที่จะก้าวต่อไป สถาบันได้จัดสัมมนา ประเด็น Next Station ประชาธิปไตยไทย: ปักหมุดเลือกต้ังท้องถิ่น เพื่อตอบโจทย์ในห้วงเวลาส�ำคัญเน่ืองจากเป็นจุดท่ีสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของ เส้นทางการกระจายอ�ำนาจท้องถ่ินอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็น หน่วยงานหลักท่ีสามารถสร้างความมั่นคงและความเข้มแข็งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และชุมชนได้ และ เสรมิ สรา้ งแนวคดิ องคค์ วามรดู้ า้ นการพฒั นาการบรหิ ารงานกจิ การสาธารณะใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ ความจำ� เปน็ ตอ้ ง เตรยี มความพรอ้ มสำ� หรบั การเลอื กตง้ั ระดบั ทอ้ งถนิ่ รวมถงึ การสะทอ้ นใหถ้ งึ พลงั ขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ตลอดจนผทู้ ม่ี สี ว่ นเกยี่ วขอ้ งกบั การบรหิ ารงานในพน้ื ทท่ี ต่ี อ้ งการกระจายอำ� นาจ และความมงุ่ มนั่ ทจ่ี ะใหก้ ารเมอื ง ระดับทอ้ งถ่ินคอื รากแทข้ องการพฒั นาประเทศ การจัดสัมมนาดังกล่าว จัดข้ึนในวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๒ ณ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวฒั นะ กรงุ เทพฯ มีผเู้ ข้ารว่ มสมั มนา จำ� นวน ๗๘๗ คน
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 109 ขับเคลื่อนการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ e - Learning ช่องทางใหม่แห่งการเรียนรู้ โครงการการเรยี นการสอนผา่ นระบบออนไลน์ e - Learning เพื่อพัฒนาประชาธปิ ไตย สถาบันได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ e - Learning ซึ่งนับได้ว่าเป็นการจัด การเรยี นการสอนผา่ นเทคโนโลยที ท่ี นั สมยั นอกเหนอื จากการเรยี นการสอนในหอ้ งเรยี นปกติ โดยเรมิ่ เปดิ หลกั สตู ร การเรียนการสอนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จ�ำนวน ๒ หลักสูตร คือ หลักสูตรเตรียมความพร้อมส�ำหรับ การเมอื งระดบั ชาติ และหลักสูตรเตรียมความพร้อมส�ำหรบั การเมอื งระดับท้องถิน่ ในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สถาบนั ไดพ้ ฒั นาหลกั สตู รการเรยี นการสอนผา่ นระบบออนไลน์ e - Learning เพิ่มอีก ๑ หลักสูตร คือ “หลักสูตรค่านิยมพื้นฐานความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย” ซ่ึงเป็นหลักสูตร สำ� หรับบุคคลท่วั ไปทสี่ นใจสามารถศึกษาได้จากระบบการเรยี นการสอนออนไลนข์ องสถาบันพระปกเกล้า
110 ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๓ การพั ฒนาและสร้าง ความเป็นพลเมอื ง ยุทธศาสตร์การพัฒนาและสร้างความเป็น พลเมือง มีกลยุทธ์หลักคือ เน้นการศึกษาเพ่ือสร้าง ความเป็นพลเมือง Civic Education ไปท่ีกลุ่ม เปา้ หมายทกุ ระดบั ตง้ั แตผ่ นู้ ำ� ชมุ ชน ภาคประชาสงั คม ผนู้ ำ� นสิ ติ นกั ศกึ ษา ครผู สู้ อน นกั เรยี น และเดก็ ปฐมวยั เพราะการศึกษาวิจัยพบว่า การสร้างความตระหนัก ความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติท่ีดีให้เกิดข้ึน กับกลุ่มเป้าหมายถือว่าเป็นพ้ืนฐานท่ีส�ำคัญในการ สรา้ งความเปน็ พลเมอื งทก่ี ระตอื รอื รน้ และมสี ว่ นรว่ ม ในระบอบประชาธิปไตย
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 111 การค้นหาต้นแบบของความเป็นพลเมืองในระดับบุคคล และชุมชนเป็นอีกหน่ึง กลยทุ ธท์ สี่ ถาบนั พระปกเกลา้ ไดน้ ำ� มาใชใ้ นการพฒั นาและสรา้ งความเปน็ พลเมอื งเพอ่ื นำ� เสนอ พลเมืองหรือชุมชนพลเมืองตัวอย่างให้กับสาธารณะได้รับทราบ เรียนรู้ และน�ำไปประยุกต์ ในพนื้ ท่ีของตนเอง การสร้างตัวคูณหรือตัวขยายผล เป็นกลยุทธ์ที่สถาบันพระปกเกล้าด�ำเนินการ มาอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ เป็นการสร้างวิทยากรหรือผู้ที่จะน�ำความรู้ไปขยายผลต่อในชุมชน ให้กลุ่มเป้าหมายมีความเป็นพลเมืองที่มีความรู้ ตระหนักในหน้าท่ี มีความกระตือรือร้น และ มสี ว่ นรว่ มในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ ตอ่ ไป ซงึ่ ความสำ� เรจ็ ใน ยุทธศาสตรท์ ่ี ๓ การพฒั นาและสรา้ งความเปน็ พลเมอื งสามารถแบง่ ไดเ้ ป็น ๓ ด้าน ได้แก่ ๑. ๒. ๓. ด้านการศึกษาเพื่อสรา้ ง ดา้ นการพัฒนา ด้านการพั ฒนา ความเป็นพลเมือง และการเสนอ พลเมืองตน้ แบบ Civic Education นโยบายสาธารณะ Public Policy การสรา้ งภาวะผ้นู �ำ และ ความมจี ิตส�ำนกึ สาธารณะ
112 ๑. ความส�ำเร็จด้านการศึกษาเพ่ือสร้างความเป็นพลเมือง (Civic Education) การสรา้ งภาวะผนู้ ำ� และความมจี ติ สำ� นกึ สาธารณะ มุ่งเน้นไปท่ีเด็กและเยาวชน ผ่านโครงการหลัก ๓ โครงการ ได้แก่ โครงการผู้น�ำเยาวชนแห่งอนาคต โครงการสรา้ งสำ� นึกพลเมือง และโครงการสื่อเพอ่ื สร้างส�ำนึกพลเมือง มรี ายละเอยี ดตอ่ ไปนี้ ๑. โครงการผู้น�ำเยาวชนแห่งอนาคต เป็นโครงการอบรมในลักษณะค่ายเยาวชน ซ่ึงเน้น หลักการเปิดพ้ืนท่ีให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ โดยการให้ความรู้ทางด้านการเมืองการปกครอง วัฒนธรรมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย การมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเปน็ ประมขุ การศกึ ษาเพอ่ื สรา้ งความเปน็ พลเมอื ง (Civic Education) ซง่ึ โครงการนจ้ี ะเสรมิ สรา้ งและพฒั นา ทักษะการเป็นผู้น�ำและภาวะผู้น�ำ กระบวนการคิดรูปแบบต่างๆ ตลอดจนมีจิตส�ำนึกความเป็นพลเมืองและเป็น ต้นแบบทีด่ ใี ห้กบั สังคม โดยจดั อบรมใหก้ บั นักศึกษาในระดบั อุดมศึกษารุน่ ละ ๖๐ คน ใชร้ ะยะเวลา ๘ วัน ๘ คืน ทผ่ี ่านมาจดั การอบรมไปแล้วท้ังส้นิ ๖ รุ่น (พ.ศ. ๒๕๕๙ - ๒๕๖๒) มผี ูผ้ า่ นการอบรมจำ� นวน ๓๕๒ คน จาก ๕๗ มหาวิทยาลยั ทัว่ ประเทศ ความส�ำเรจ็ ของโครงการผนู้ �ำเยาวชนแหง่ อนาคต ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ พบวา่ ๑. ผนู้ ำ� เยาวชนแหง่ อนาคตนำ� ความรู้ เทคนคิ กระบวนการ ขยายผลโดยไมข่ อรบั ทนุ สนบั สนนุ จากสถาบันพระปกเกล้า จ�ำนวนท้ังสิ้น ๒๐ โครงการ ซ่ึงสามารถขยายความรู้ไปยัง กลุม่ เป้าหมาย นักเรียน นสิ ิตนกั ศึกษาและประชาชนทวั่ ไป ไดท้ ัง้ สนิ้ ๓,๗๔๖ คน ๒. ผู้น�ำเยาวชนแห่งอนาคตผลิตส่ือภาพยนตร์สั้น เผยแพร่ความรู้ให้กับสาธารณะผ่าน สื่อสงั คมออนไลน์ จำ� นวน ๕ เร่อื ง ไดแ้ ก่ ๒.๑ โลกในศตวรรษที่ ๒๑ ความจรงิ ทีผ่ ู้นำ� ตอ้ งรู้
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 113 ๒.๒ ผูน้ ำ� และภาวะผู้นำ� ๒.๔ ประชาธปิ ไตย ๒.๓ ผ้นู ำ� ในโลกเทคโนโลยดี จิ ทิ ัล ๒.๕ ความเป็นพลเมอื ง
114 ๓. ผู้น�ำเยาวชนแห่งอนาคต ขยายความรู้ผ่านส่ือสาธารณะโดยการให้สัมภาษณ์ในรายการ โทรทัศน์ จ�ำนวน ๕ คน ๔ ผนู้ ำ� เยาวชนแหง่ อนาคตไดร้ บั แตง่ ตงั้ เปน็ กรรมการศนู ยพ์ ฒั นาการเมอื งภาคพลเมอื ง สถาบนั พระปกเกล้า จงั หวดั จันทบรุ ี จำ� นวน ๑ คน ๒. โครงการสรา้ งสำ� นกึ พลเมอื ง (Project Citizen) เปน็ โครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารใหก้ บั ครูและอาจารย์ เก่ียวกับการสร้างส�ำนึกความเป็นพลเมืองโดยใช้กระบวนการ ๖ ขั้นตอน และมอบหมายให้ครู นำ� ไปประยกุ ตส์ อนนกั เรยี นในหอ้ งเรยี น และจดั ทำ� เปน็ ขอ้ เสนอเชงิ นโยบายเพอ่ื แกไ้ ขปญั หาของโรงเรยี นและชมุ ชน ซ่ึงความส�ำเร็จของโครงการนี้พบว่า ครูและนักเรียนได้น�ำความรู้ ทักษะและความมีจิตสาธารณะไปประยุกต์ใช้ ด้วยการลงมือปฏิบัติอย่างเป็นระบบและมีข้ันตอนท่ีชัดเจน เร่ิมจากการร่วมกันระบุและค้นหาปัญหาสาธารณะ ท่ีเกิดข้ึนในโรงเรียนหรือชุมชน ผ่านกระบวนการตัดสินใจท่ีเรียกว่า “ฉันทมติ” ซ่ึงเป็นการเปิดโอกาสให้ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ปรึกษาหารือและพูดคุยกันโดยใช้เหตุผล ข้อมูลและข้อเท็จจริง จนน�ำไปสู่การตัดสินใจ ที่ทุกฝ่ายยอมรับแม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันบ้างก็ตาม และเม่ือได้ปัญหาสาธารณะท่ีนักเรียนต้องการ แก้ไขแล้ว นักเรียนจะช่วยกันส�ำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสังเกต ใช้แบบสอบถาม หรือสัมภาษณ์ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องว่าปัญหาน้ีส�ำคัญจริงหรือไม่ อะไรคือต้นเหตุของปัญหา มีวิธีการแก้ไขปัญหาหรือ
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 115 นโยบายสาธารณะอะไรบ้างที่เกี่ยวข้อง เพ่ือน�ำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์และจัดท�ำแนวทางแก้ไขปัญหาและ ลงมือปฏิบัติในฐานะพลเมืองท่ีตระหนักรู้และกระตือรือร้น และท้ายที่สุดจึงได้น�ำไปสู่การพัฒนาเป็น นโยบายสาธารณะเพือ่ น�ำเสนอตอ่ หน่วยงานท่มี หี น้าทร่ี บั ผดิ ชอบต่อไป ๓. โครงการ สื่อเพ่ื อสร้างส�ำนึก พลเมอื ง ผา่ นนทิ าน เร่ือง หนูดี..ท�ำได้ เป็นสิ่งพิมพ์เล่มแรก และ เ ล ่ ม เ ดี ย ว ใ น ข ณ ะ น้ี ข อ ง สถาบันที่มีเนื้อหา และ การใช้ภาษาที่เหมาะสมกับ ก า ร ป ลู ก ฝ ั ง วิ นั ย ใ ห ้ แ ก ่ กลุ่มเป้าหมาย คือ เด็กเล็ก อายุ ๐ - ๓ ปี ซงึ่ เดก็ สามารถ จดจ�ำและท่องเนื้อหานิทาน ได้อย่างคล่องแคล่ว รวมท้ัง มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปในด้านการช่วยเหลือตัวเอง สามารถท�ำกิจวัตรประจ�ำวันด้วยตัวเองได้ และเสนอตัว ต่อผู้ปกครองเพื่อที่จะช่วยเหลืองานบ้าน นอกจากนี้ โรงเรียนและสถานศึกษาได้เล็งเห็นถึงคุณค่า จึงได้น�ำ นิทานเล่มน้ีไปประกอบกิจกรรมการเรียนการสอนในระดับปฐมวัย ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้ผลิตเป็น
116 สอื่ สงิ่ พิมพ์นทิ าน เรื่อง หนูดี..ทำ� ได้ จ�ำนวน ๑,๐๐๐ เลม่ สำ� หรับกลุ่มเดก็ เล็ก อายุ ๐ - ๓ ปี และเผยแพรไ่ ปยงั ศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ 292 ศนู ย์ สงั กดั สำ� นกั พฒั นาสงั คม กรงุ เทพมหานคร ๔๕ เขตทว่ั กรงุ เทพฯ จำ� นวน 100 เลม่ โดยมจี ำ� นวนเดก็ เลก็ รวมทง้ั สนิ้ 22,713 คน และ 17 โรงเรยี นในเครอื ขา่ ยของศนู ยค์ ณุ ธรรม จำ� นวน 100 เลม่ โดยมจี ำ� นวนนกั เรยี นรวมทง้ั สน้ิ 2,936 คน รวมถงึ กรรมาธกิ ารศกึ ษารา่ งงบประมาณรายจา่ ยประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2563 จ�ำนวน 120 เล่ม และสถานศึกษา จ�ำนวน 13 แห่ง ได้ท�ำหนังสือร้องขอจ�ำนวน 130 เล่ม โดยมจี ำ� นวนนักเรยี นรวมทงั้ ส้ิน 1,376 คน ๒. ความส�ำเร็จด้านการพั ฒนาและการเสนอนโยบาย สาธารณะ Public Policy ผ่านโครงการหลัก ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการสรา้ งส�ำนกึ พลเมอื ง และโครงการโรงเรียนพลเมอื ง ๑. โครงการสร้างสำ� นกึ พลเมอื ง ความส�ำเร็จของโครงการสร้างส�ำนึกพลเมืองในปี ๒๕๖๒ ส่งผลให้เกิดครูผู้สอนท่ีมีความรู้ความเข้าใจ ในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ การเมอื งการปกครอง หลกั การมสี ว่ นรว่ ม การพฒั นา และเสนอนโยบายสาธารณะ ซง่ึ ครทู ผี่ า่ นการอบรมไดน้ ำ� ความรเู้ หลา่ นไี้ ปสอนและทำ� กจิ กรรมการเรยี นรรู้ ว่ มกบั นักเรียน โดยนักเรียนเกิดความเข้าใจและได้ลงมือปฏิบัติจริง สามารถท่ีจะระบุปัญหาร่วมกัน ใช้ฉันทมติในการ
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 117 เลือกปัญหาร่วมกัน เก็บข้อมูล และวางแผนปฏิบัติการได้ ตลอดจนการน�ำนโยบายของตนไปเสนอต่อหน่วยงาน ท่ีเก่ียวข้องจนสามารถแก้ปัญหาของสังคมได้อย่างดี ในปี ๒๕๖๒ มีการจัดท�ำกิจกรรมหรือข้อเสนอเชิงนโยบาย จ�ำนวน ๔๒ โครงการ อาทิ โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ จังหวัดยะลา เสนอนโยบาย แกป้ ญั หาขยะจากหอ่ บรรจอุ าหาร โรงเรยี นอนบุ าลจอมบงึ จงั หวดั ราชบรุ ี เสนอนโยบายแกป้ ญั หาลงิ รอ้ื ขยะในถงั โรงเรยี นอนบุ าลเมอื งชมุ พรวดั สบุ รรณนมิ ติ ร จงั หวดั ชมุ พร เสนอนโยบายแกป้ ญั หาการจราจรตดิ ขดั หนา้ โรงเรยี น ๒. โครงการโรงเรียนพลเมือง นับตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จนถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สถาบันพระปกเกล้าได้ร่วมกับ ศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า เปิดโรงเรียนพลเมืองไปแล้ว จ�ำนวน ๘๓ โรงเรียน ใน ๖๙ ต�ำบล/อ�ำเภอ ครอบคลุม ๒๗ จังหวัด โดยมีจ�ำนวนนักเรียนพลเมืองท่ีผ่านหลักสูตร ๔,๑๕๐ คน เฉลี่ย โรงเรยี นละ ๕๐ คน และเกดิ โครงการ/กจิ กรรมสาธารณะในการแกไ้ ขและพฒั นาชมุ ชนกวา่ ๒๐๐ โครงการ/กจิ กรรม โรงเรียนพลเมือง คือ การเปิดพื้นท่ีในระดับต�ำบลเพื่อให้เกิดการแลกเปล่ียนเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง โดย จัดให้มีการให้ความรู้ทางด้านการเมืองการปกครอง (Political Education) วัฒนธรรมทางการเมืองในระบอบ ประชาธปิ ไตย และความรทู้ เ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ความเปน็ พลเมอื งในระบอบประชาธปิ ไตย เพอ่ื ใหเ้ กดิ ทกั ษะและเจตคตทิ ด่ี ี
118 ตอ่ ระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ สามารถทจ่ี ะพงึ่ ตนเองและสรา้ งความเขม้ แขง็ ใหก้ บั ชมุ ชนตามความตอ้ งการทแ่ี ทจ้ รงิ ของชมุ ชน ตลอดจนจดั การและแกไ้ ขปญั หาตา่ งๆ ของชมุ ชนไดใ้ นฐานะพลเมอื ง นักเรียนโรงเรียนพลเมือง คือ ผู้ที่อาศัยอยู่ในต�ำบลและมีความสนใจที่จะเรียนรู้สามารถเข้ามาเรียนได้ โดยไม่จ�ำกัดเพศ วัย อายุ และอาชีพ ซึ่งวิธีการสอนมีท้ังบรรยาย อภิปราย เสวนา ระดมความคิด ลงพื้นท่ี และ ลงมอื ปฏบิ ตั ิจริง เรยี น ๑๐๕ ช่ัวโมง ระยะเวลาประมาณ ๕ เดือน
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 119 ผลการดำ� เนนิ งานปี ๒๕๖๒ พบวา่ นกั เรยี นพลเมอื งมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ ทกั ษะ และเจตคตทิ ดี่ ตี อ่ ระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและพัฒนาตนเองและชุมชนได้ และได้น�ำความรู้เหล่านั้นไป ปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมตนเองใหม้ คี วามกระตอื รอื รน้ กลา้ คดิ กลา้ ทำ� และกลา้ เขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มในชมุ ชน นอกจากนี้ ยังได้อาสารวมตัวกันเพื่อพัฒนาชุมชนจนเกิดเป็นเครือข่ายนักเรียนพลเมือง ปัจจุบัน มีนักเรียนพลเมือง จ�ำนวน ๓,๓๒๐ คน ใน ๒๗ จังหวัด คิดเป็นร้อยละ ๘๐ ของจ�ำนวนนักเรียนพลเมืองท้ังหมด ๔,๑๕๐ คน ที่มีความรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกบั พลเมือง และสามารถน�ำความรู้ไปพัฒนาตนเองและชุมชนได้ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ นักเรียนโรงเรียนพลเมืองได้ร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหาต่างๆ ของชุมชน โดยใช้หลักการพ่งึ ตนเองในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมขุ ดงั นี้ • ปญั หาภยั แลง้ นกั เรยี นโรงเรยี นพลเมอื งจงั หวดั พทั ลงุ ไดร้ วมกลมุ่ กนั กบั ชมุ ชนและหนว่ ยงาน ภาครัฐ จัดท�ำฝายเพ่ือชีวิต ต�ำบลร่มเมือง อ�ำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง จ�ำนวน ๔ ฝาย เพ่ือแก้ไขปัญหาภัยแล้ง เป็นท่ีอยู่อาศัยของสัตว์น�้ำ ใช้อุปโภค บริโภค และชะลอน้�ำป่า ในเวลาฤดูฝน ซึ่งจากเดิมปัญหาภัยแล้งส่งผลกระทบให้ประชาชนไม่มีน้�ำในการอุปโภค บริโภค เกษตรกรไม่มีน้�ำในการท�ำการเกษตร สัตว์น�้ำเริ่มสูญหาย และฤดูฝนน�้ำหลาก ท�ำน�้ำทะลักเข้าสู่ชุมชนและกัดเซาะริมฝั่ง ปัจจุบันหลังจากสร้างฝายสามารถกักเก็บน�้ำไว้ เพื่อใช้ส�ำหรับประโยชน์กับชุมชนในฤดูแล้งได้ โดยนักเรียนพลเมือง จังหวัดพัทลุง มีความพิเศษมากกว่าที่อ่ืน เนื่องจากเป็นผู้ถูกคุมประพฤติ จากส�ำนักงานคุมประพฤติ จังหวัดพัทลุง ท่ีเคยกระท�ำความผิดมาแล้ว แต่เม่ือเข้ามาสู่โรงเรียนพลเมืองแล้ว นักเรียน เหลา่ นส้ี ามารถปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม และเกดิ การยอมรบั จากสงั คมเกดิ มากยง่ิ ขนึ้ สามารถ ดำ� เนินชีวติ ในสังคมไดอ้ ย่างมีความสุข
120 • ปัญหาความรุนแรงใน ๓ จังหวัดชายแดนใต้ นักเรียนโรงเรียนพลเมืองพหุวัฒนธรรม ต�ำบลปา่ ไร่ อำ� เภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี ได้ร่วมกบั คนในชมุ ชนทำ� นารวมเกษตรอินทรยี ์ ส่งผลให้ประชาชนมีพื้นที่ในการท�ำนาโดยใช้พื้นที่สาธารณะของชุมชนซ่ึงไม่ได้ใช้ประโยชน์ และเกดิ การจัดธรรมนูญนารวม โดยมี กอ.รมน.ภาค ๔ สนับสนุนเครื่องสขี า้ ว กรมแรงงาน เข้ามาให้ความรู้เรื่องการท�ำปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อน�ำไปใช้กับนาของตัวเองโดยไม่ต้องไปซื้อ ปยุ๋ เคมี เปน็ การลดตน้ ทนุ ในการทำ� นา ปจั จบุ นั มนี ารวมประมาณ ๖๕๐ ไร่ มที ง้ั ชาวไทยพทุ ธ ชาวไทยมุสลิม จ�ำนวน ๖๕ ครัวเรือน แบ่งเป็น พุทธ ๓๒ ครัวเรือน มุสลิม ๓๓ ครัวเรือน สร้างรายได้เฉลี่ย กว่าเดือนละ ๓๐,๐๐๐ บาท ต่อครัวเรือน จากการขายข้าว ซ่ึงจัดท�ำใน รูปแบบสหกรณ์ สามารถลดปัญหาความไม่สงบในพ้ืนที่ได้ จากเดิมในพ้ืนที่ไม่มีปัญหา ความสงบระหวา่ งไทยพุทธกับไทยมุสลิม หลังจากด�ำเนนิ กิจกรรมดังกลา่ ว ปัจจบุ ันน้ีปญั หา ความไมส่ งบไดร้ บั การแก้ไข และประชาชนมีรายได้เพ่ิมขนึ้
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 121 ๓. ความส�ำเร็จด้านการพั ฒนาพลเมืองต้นแบบ ผ่าน โครงการโรงเรียนพลเมือง และโครงการผู้น�ำเยาวชน แห่งอนาคต ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สถาบันพระปกเกล้า ได้สร้างและพัฒนา “พลเมืองต้นแบบ” เพ่ือให้ เป็นแบบอย่างสำ� หรับการปฏิบัติ และการดำ� เนินรอยตามบุคคล ผ่านโครงการหลัก ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการ โรงเรยี นพลเมอื ง และโครงการผู้น�ำเยาวชนแหง่ อนาคต รายละเอยี ดดงั นี้ ๑. โครงการโรงเรยี นพลเมอื ง ความส�ำเร็จอีกประการของโครงการโรงเรียนพลเมืองนอกจากนักเรียนโรงเรียนพลเมืองจะสามารถ รวมกลุ่มด�ำเนินการมสี ่วนร่วมตอ่ สาธารณะแล้ว ยงั เกิดนกั เรยี นตน้ แบบของโรงเรยี นพลเมือง ดังนี้ • นางสาวประภากร โพธหิ์ มดุ รองนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลสวุ รรณภมู ิ อำ� เภอสวุ รรณภมู ิ จังหวัดร้อยเอ็ด และเป็นนักเรียนพลเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด จากเดิมเป็นคนไม่กล้าพูดต่อ ทสี่ าธารณะ ไมก่ ลา้ แสดงออก ไมก่ ลา้ เขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มกบั ชมุ ชน อารมณร์ อ้ นไมค่ อ่ ยมเี หตผุ ล แต่หลังจากเข้าศึกษาในโรงเรียนพลเมือง เกิดการเปล่ียนแปลงต่อตนเอง กลายเป็นบุคคล ทสี่ ามารถพดู ตอ่ ทส่ี าธารณะได้ กลา้ ทจี่ ะแสดงความคดิ เหน็ และมจี ติ อาสา ปจั จบุ นั เปน็ ผจู้ ดั ตง้ั โรงทานจติ อาสานกั เรยี นพลเมอื ง โดยออกงบประมาณเองกบั เพอ่ื นๆ นกั เรยี นโรงเรยี นพลเมอื ง • นายชมธวัช ไชยบุตร นักเรียนโรงเรียนพลเมือง ต�ำบลบาโหย อ�ำเภอสะบ้าย้อย จังหวัด สงขลา จากเดิมเป็นคนหัวรุนแรง ไม่สนใจเรื่องการพัฒนาชุมชน หลังจากได้เข้าเรียน โรงเรียนพลเมืองแล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลง มีความมุ่งมั่นท่ีจะพัฒนาชุมชนของตนเอง ปัจจุบันนี้เป็นแกนน�ำชุมชนบาโหย เชิญชวนพรรคพวกมาช่วยกันในการพัฒนาชุมชนโดย จัดเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และมีหน่วยงานภาครัฐต่างๆ เข้ามาร่วมด�ำเนินการ ถือว่า เกดิ ผลส�ำเรจ็ และเปน็ พ้นื ทตี่ ้นแบบในการพฒั นาชมุ ชน • นายดสุ ติ ภธู รไพ นกั เรยี นโรงเรยี นพลเมอื ง จงั หวดั ศรสี ะเกษ ตำ� บลดอนกำ� เมด็ อำ� เภอขขุ นั ธ์ จงั หวดั ศรสี ะเกษ เปน็ ผใู้ หญบ่ า้ นกนั จาน เปน็ เกษตรกร ทำ� นา ทำ� สวน มงุ่ เนน้ แตก่ ารทำ� อาชพี ของตนเองเปน็ หลกั หลงั จากเขา้ เรยี นโรงเรยี นพลเมอื ง และไดผ้ า่ นหลกั สตู รการอบรมชมุ ชน
122 พลเมืองเข้มแข็งจากสถาบันพระปกเกล้า ท�ำให้รู้สึกว่าเสียงของตนมีความส�ำคัญในการ ที่จะพฒั นาชุมชนได้ จงึ ลุกขน้ึ มาพัฒนาชมุ ชนมากข้ึน เป็นแกนน�ำกลมุ่ นักเรยี นพลเมอื ง ในการจดั ทำ� กจิ กรรมสาธารณะตา่ งๆ มากมาย เชน่ การพฒั นาวดั โรงเรยี นชมุ ชน การพฒั นา และปรบั แตง่ ภมู ทิ ศั นว์ ดั ตาโคล และไดเ้ ปดิ หลกั สตู รโครงการยกระดบั การเรยี นรชู้ มุ ชนพฒั นา สังคมรอบด้าน ร่วมกบั กศน. ตำ� บลดองกำ� เมด็ • นางบุญเพ็ง โวท นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลนานวล อ�ำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด และเป็นนักเรียนโรงเรียนพลเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด จากเดิมท่านเป็นนักการเมืองท้องถิ่น เพียงอย่างเดยี ว มกี ารพฒั นาชุมชนตามหนา้ ท่ขี องนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลเปน็ หลกั หลังจากท่ีท่านได้เข้าเรียนโรงเรียนพลเมือง ท�ำให้มีความคิดท่ีเปล่ียนไป โดยคิดว่าตนเอง เป็นพลเมืองคนหน่ึงท่ีอยากที่จะพัฒนาชุมชน ท่านจึงได้จัดท�ำโครงการในชุมชนมากมาย เช่น การบริหารจัดการขยะต้นทาง โครงการสร้างเตาถ่านของดีนานวล เพ่ือเป็นการสร้าง รายไดเ้ สรมิ ใหก้ บั ชมุ ชน และไดส้ ง่ โครงการเขา้ ประกวดมากมายจนไดร้ บั รางวลั เชน่ รางวลั ส�ำนักงานสีเขียว Green Office จากกรมส่งเสริมคุณภาพและส่ิงแวดล้อม ปัจจุบันเป็น ทศี่ ึกษาดงู านของตำ� บลนานวล • นายอภิฉัตร ภสู นาม ผ้ใู หญ่บ้านหม่ทู ี่ ๑๔ ตำ� บลหนิ กอง อำ� เภอสวุ รรณภูมิ จงั หวดั รอ้ ยเอด็ นกั เรยี นโรงเรยี นโรงเรยี นพลเมอื ง จังหวดั ร้อยเอด็ เดมิ เปน็ คนทไี่ มส่ นใจทีจ่ ะพฒั นาชมุ ชน ของตนเอง และไม่เปิดรับส่ิงใหม่ๆ ในปี ๒๕๕๙ สถาบันพระปกเกล้า ลงพื้นท่ีให้ความรู้ เร่ืองประชาธิปไตยและความเป็นพลเมือง ท้ายท่ีสุดผู้ใหญ่อภิฉัตรได้เข้าใจและได้มองเห็น เจตนารมณ์ของสถาบันที่จะสร้างความเป็นพลเมืองให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง ด้วยตัวชุมชนเอง จึงขอให้สถาบันมาเปิดโรงเรียนพลเมืองให้ ซ่ึงได้รับอาสาเป็น หัวหน้าห้อง และได้เข้ามาเรียนจนส�ำเร็จการศึกษา ปัจจุบันเป็นผู้น�ำท่ีมีจิตอาสา ในการพฒั นาชมุ ชนของตนเอง โดยได้ดำ� เนนิ การจดั ท�ำนโยบายการจดั การขยะตน้ ทางแบบ มีส่วนร่วมและได้น�ำเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด อีกทั้งก�ำลังจะด�ำเนินการเรื่อง การเลือกต้ังสมานฉันทไ์ มซ่ อื้ สทิ ธ์ขิ ายเสยี งในชุมชน ซึ่งได้ทำ� กจิ กรรมอน่ื ๆ อีกมากมาย • นายสัญชัย ช่องวารินทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ท่ี ๖ ต�ำบลไพศาล อ�ำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด นักเรียนโรงเรียนพลเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด ได้น�ำกระบวนการสร้างความเป็นพลเมือง ไปขยายต่อในชุมชนอย่างมากมาย ตัวอย่างเช่น การสร้างส�ำนึกพลเมืองให้กับ เด็กแว้น เป็นการน�ำเด็กแว้นมาเรยี นรู้เร่ืองการขบั รถใหถ้ ูกกฎจราจรและไม่ละเมิดกฎหมาย
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 123 จนเกิดการตัง้ กลุ่มเดก็ แวน้ จติ อาสาพัฒนาชมุ ชน และปจั จบุ ันตนยังเป็นแกนนำ� ในการสรา้ ง พ้ืนท่ีต้นแบบ โคก - หนอง - นา - บุรี อาหารปลอดภัย โดยจะสร้างเป็นพื้นท่ีเรียนรู้ เรือ่ งการจัดท�ำเกษตรอินทรยี ์ ไมใ่ ช้สารเคมี รว่ มกบั สภาพลเมืองจังหวัดรอ้ ยเอ็ด ๒. โครงการผูน้ �ำเยาวชนแห่งอนาคต เยาวชนผู้ผ่านการอบรมได้รับการพัฒนาองค์ความรู้และทักษะในการเป็นผู้น�ำ ภาวะผู้น�ำและจิตส�ำนึก สาธารณะ สามารถน�ำความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดขยายผลผ่านกิจกรรมต่างๆ ส่งผลให้เกิดเป็นเยาวชนต้นแบบ ดังต่อไปนี้ • นายวรเมธ สงิ หแ์ ก้ว ผู้นำ� เยาวชนแหง่ อนาคต รุ่นที่ ๑ (ยอ.๑) สถาบันพระปกเกลา้ สำ� เรจ็ การศกึ ษาคณะมนษุ ยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ปัจจุบันรับ ราชการทหารเป็นผู้ฝึกสอนกีฬาเปตอง และลอนโบวล์ส นักกีฬาเปตองสังกัด กองทัพบก นักกีฬาทีมชาติไทย ดีกรี เหรียญเงินคู่ชาย ซีเกมส์ ๒๐๑๙ ณ สาธารณรฐั ฟลิ ปิ ปนิ ส์ (กฬี าลอนโบวลส์ ) การฝกึ อบรมผนู้ ำ� เยาวชนแหง่ อนาคต นายวรเมธ สงิ หแ์ กว้ รสู้ กึ ไดว้ า่ เปน็ ประสบการณ์ ท่ีดีที่ได้ท�ำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนต่างสถาบัน ได้เรียนรู้สิ่งที่หาไม่ได้ในต�ำรา การได้เรียนรู้ ส่งิ ใหมๆ่ และกจิ กรรมต่างๆ มีแง่คิด แฝงปรศิ นาธรรมตลอดการอบรม อกี ทั้งโครงการยังมี ผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศมาให้ความรู้ ส่ิงท่ี นายวรเมธ ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ คือ การเปน็ ผนู้ ำ� การรจู้ กั ใหโ้ อกาส การเสยี สละ ความสามคั คี การทำ� งานเปน็ ทมี การวางแผนงาน เปน็ ระบบ การมวี ิสัยทัศน์ การมอบหมายงานที่เหมาะกับความสามารถของคน การวางตวั
124 ในสังคม ความกตัญญูต่อประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ มุมมองความคิด ท่ีเปล่ียนไปเก่ียวกับผู้น�ำและภาวะผู้น�ำ การมองความยากล�ำบากในการฝึกซ้อม มาเป็น แรงขบั เพอื่ สรา้ งชอ่ื ใหก้ บั ประเทศชาติ ทำ� ใหค้ นคนหนงึ่ เปลย่ี นชวี ติ ได้ จากไมม่ น่ั ใจ ทอ้ แท้ สูก่ ารทำ� ประโยชน์ที่มากกว่าทำ� เพือ่ ตนเอง • นายกฤตณิ ภทั ร สงิ หศ์ กั ดา ผนู้ ำ� เยาวชนแหง่ อนาคต รนุ่ ที่ ๑ (ยอ.๑) สถาบนั พระปกเกลา้ สำ� เรจ็ การศกึ ษา คณะบรหิ ารธรุ กจิ สาขาการจดั การ โลจสิ ติกส์ มหาวทิ ยาลัยรงั สติ สิ่งทีน่ ายกฤตณิ ภทั ร สิงห์ศักดา ได้เรียนรู้จากโครงการผู้น�ำเยาวชนแห่ง อนาคต คือ ผู้น�ำต้องเข้าใจความต่างและจัดการ ภาวะทางอารมณ์ของตนได้ และได้น�ำไปปรับใช้ ในการทำ� งานตง้ั แตป่ ี ๒๕๖๒ จนถงึ ปจั จบุ นั ซงึ่ เปน็ ลักษณะงานการสร้างและต่อยอดธุรกิจ รูปแบบ ใหม่ๆ ให้กับบริษัท มีโอกาสท�ำงานร่วมกับคนไทย และชาวตา่ งชาติ ตอ้ งเจอปญั หาและอปุ สรรคมากมาย รวมไปถงึ ความแตกตา่ งทางความคดิ เช้ือชาติ ประสบการณ์ และวัย นายกฤติณภัทร ได้น�ำความรู้เรื่องการบริหารความต่าง ด้วยมุมมองที่เข้าใจความต่าง การจัดการภาวะทางอารมณ์ของผู้น�ำไปใช้ในการบริหารงาน และสร้างผนู้ �ำร่นุ ใหม่ๆ ในอนาคต • นายปฏภิ าณ สมบรู ณ์ผล ผู้นำ� เยาวชนแห่งอนาคต รุ่นที่ ๓ (ยอ.๓) สถาบันพระปกเกลา้ ส�ำเร็จการศึกษา คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการการท่องเท่ียว มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย นายปฏิภาณ ต้ังใจว่าจะท�ำงานทางด้านการท่องเท่ียว ตามคณะและ สาขาท่ีส�ำเร็จการศึกษามา เพราะเป็นอาชีพและสายงานในฝัน หลังจากได้มีโอกาส เข้าร่วมโครงการผู้น�ำเยาวชนแห่งอนาคตของสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งเป็นโครงการ ท่ีสร้างให้นิสิตนักศึกษาเป็นผู้น�ำที่ถูกติดอาวุธ ทั้งความรู้และทัศนคติท่ียึดประโยชน์ ส่วนรวมเป็นส�ำคัญ นายปฏิภาณ เห็นแนวทางในการพัฒนาสังคมจากการเป็นครู จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ Teach for Thailand เป็นครูผู้น�ำการเปลี่ยนแปลง ตลอดปีการศึกษา ๒๕๖๒ เพราะเห็นว่าครูสามารถสร้างคนให้เป็นคนดีได้ และโรงเรียน
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 125 ถือว่า เป็นแหล่งเรียนรู้ส�ำคัญของเยาวชน ความท้าทายไม่ได้อยู่ท่ีการสร้างจิตส�ำนึกให้กับ นักเรียนเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การสร้าง ผลกระทบเชิงบวกจากนักเรียนสู่ผู้ปกครองและ กระจายสชู่ มุ ชนผา่ นนกั เรยี นและผนู้ ำ� ชมุ ชนอกี ดว้ ย นายปฏิภาณ มั่นใจและเชื่อว่าการที่ได้เป็น ส่วนหนึ่งในสังคมได้เปลี่ยนแปลงตนเองและ สร้างการเปล่ียนแปลงให้กับนักเรียน เป็นส่ิงที่มี คุณค่ามาก และภาคภูมิใจท่ีได้สร้างส่ิงที่สวยงาม และเป็นประโยชนแ์ ก่ประเทศชาตเิ หมอื นทุกวนั นี้ • นางสาวณฐั ศมน สินจุ้ย ผูน้ ำ� เยาวชนแห่งอนาคต รุ่นที่ ๔ (ยอ.๔) สถาบันพระปกเกลา้ ส�ำเร็จการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นางสาวณัฐศมน มคี วามรสู้ กึ อยา่ งแรงกลา้ วา่ เมอ่ื จบหลกั สตู รผนู้ ำ� เยาวชนแหง่ อนาคตแลว้ เกดิ การเปลย่ี นแปลง ข้ึนกับตนเองหลายด้าน กล่าวคือ ตนกล้าที่จะลุกข้ึนมาตั้งค�ำถามกับสังคม เปลี่ยนมาเป็น ผู้น�ำในการท�ำกิจกรรมกลุ่ม กล้าแสดงความคิดเห็น เปล่ียนแนวความคิดที่เป็น negative ในบางเรื่อง มาเป็นแนวคิดในเชิง positive มากยิ่งข้ึน ปรับเปลี่ยนมารยาทท่ีเคยท�ำผิด หรือท�ำไม่ถูกวิธีให้ถูกต้องเหมาะสมยิ่งขึ้น และ ส่ิงที่เปลี่ยนแปลงท่ีเห็นได้ชัด คือ การเป็นคนท่ีมี ภาวะความเปน็ ผนู้ ำ� ในทกุ ๆ เรอ่ื งอยา่ งสมบรู ณแ์ บบ การเขา้ รบั การอบรมในโครงการผนู้ ำ� เยาวชน แหง่ อนาคต เมอื่ ตน้ ปี ๒๕๖๑ ถอื เปน็ ประสบการณ์ ท่ีหาซ้ือท่ีไหนไม่ได้ เป็นประสบการณ์ที่สามารถ น�ำมาประยุกต์ใช้ได้จริง โดยเฉพาะแนวทางในการสร้างความเป็นพลเมือง สามารถน�ำ สถานการณท์ อ่ี าจารยว์ ทิ ยากรยกเปน็ ตวั อยา่ งมาปรบั ใชก้ บั วชิ าการในรว้ั มหาวทิ ยาลยั ตลอด ปีการศึกษา ๒๕๖๒ ได้อย่างดีเยี่ยม และสิ่งท่ีขาดไม่ได้คือ เครือข่าย (Connection) ระหว่างเพ่ือนและพ่ีๆ ท่ีแม้จะจบโครงการไปแล้วก็ยังคงติดต่อและช่วยเหลือกันเสมอ เป็นโครงการทจ่ี บแล้วแต่ไมจ่ บอย่างแทจ้ ริง
126 • นางสาวศรจี กั รภทั ร เฉลมิ ชยั ผนู้ ำ� เยาวชนแหง่ อนาคต รนุ่ ที่ ๔ (ยอ.๔) สถาบนั พระปกเกลา้ ส�ำเร็จการศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และ ประยกุ ตศ์ ลิ ป์ สาขาภาษาองั กฤษเพอ่ื การสอื่ สารธรุ กจิ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย นางสาวศรีจักรภัทร เฉลิมชัย ได้รับแรงผลักดันส�ำคัญจากการเข้าร่วม โครงการผู้น�ำเยาวชนแห่งอนาคต เมื่อต้นปี ๒๕๖๑ ท�ำให้มีโอกาสสร้างผลงานและท�ำกิจกรรมร่วมกับ หนว่ ยงานและองคก์ รเพอ่ื สงั คมตา่ งๆ ทน่ี อกเหนอื จาก การได้น�ำเอาประสบการณ์และความสามารถ ทม่ี อี ยไู่ ปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนแ์ ลว้ ยงั ไดข้ ยายองคค์ วามรู้ และส่งต่อโอกาสท่ีดีไปสู่ผู้คนในสังคม โดยปี ๒๕๖๒ ได้ริเร่ิมและด�ำเนินโครงการ เพ่ือเสริมสร้างความเท่าเทียมทางด้านการศึกษา ลดปัญหาความเล่ือมล�้ำ เพิ่มโอกาส ให้แก่เยาวชนผู้เป็นอนาคตของชาติและอ่ืนๆ เช่น การอาสาสอนหนังสือและพัฒนา หลักสูตรให้เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ การเรียนรู้ระบบการเรียนการสอนและ ปัญหาของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา การลงพื้นท่ีเพ่ือศึกษาและแก้ปัญหา คนไร้บ้าน การส่งเสริมศาสนาและวัฒนธรรมท่ีหลากหลาย การอนุรักษ์ฟื้นฟูระบบนิเวศ และสงิ่ มชี วี ติ ตา่ งๆ การลงพนื้ ทท่ี ำ� กจิ กรรมอาสาเพอื่ ผทู้ ข่ี าดแคลนโอกาสผพู้ ทิ กั ษผ์ นื ปา่ ไทย คนพลัดถิ่นชนชาติพนั ธ์ุตา่ งๆ ฯลฯ การนำ� เอาตนเองเขา้ ไปเรยี นรปู้ ญั หาในสงั คมเหลา่ นนั้ ทำ� ให้ นางสาวศรจี กั รภทั ร เขา้ ใจ และเขา้ ถงึ ปญั หาตลอดจนมสี ว่ นรว่ มในการแกไ้ ขอยา่ งแทจ้ รงิ ทงั้ นก้ี ารไดแ้ ลกเปลย่ี นเรยี นรู้ รว่ มกนั ระหวา่ งเครอื ขา่ ยตา่ งๆ ทำ� ใหไ้ ดร้ จู้ กั ผคู้ นหลายเชอื้ ชาตหิ ลากชนชนั้ ทม่ี คี วามแตกตา่ ง ท้ังทางด้านวัฒนธรรม การด�ำเนินชีวิต ทัศนคติและมุมมอง ถือเป็นตัวอย่างของเยาวชน พลเมืองทก่ี ระตอื รอื รน้ (Young Active Citizen) จริงๆ
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 127 • นางสาวกฤษณา ยอ้ นเพชร ผนู้ ำ� เยาวชนแหง่ อนาคตรนุ่ ที่ ๖ (ยอ.๖) สถาบนั พระปกเกลา้ ปจั จบุ นั กำ� ลงั ศกึ ษาคณะเภสชั ศาสตร์ ชนั้ ปที ี่ ๔ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร กฤษณา กลา่ ววา่ ค่ายผู้น�ำเยาวชนแห่งอนาคต “เปล่ียนคนกลัว ให้เป็นคนกล้า” การเข้าค่ายผู้น�ำเยาวชน แห่งอนาคต นับเป็นการเปิดโอกาสคร้ังส�ำคัญท�ำให้ตนเองได้รับรู้ความแตกต่างของผู้คน ท่ีมีความสามารถจากต่างภูมิล�ำเนา ต่างสถาบัน ได้เรียนรู้ทักษะความเป็นผู้น�ำที่ควบคู่ มากับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ค่ายนี้ ปรบั ทศั นคตคิ วามเปน็ ผนู้ ำ� ของตนเองกอ่ นหนา้ เขา้ มาคา่ ยน้ี ถงึ แมต้ นเองจะทำ� กจิ กรรมตา่ งๆ ภายในคณะเภสัชศาสตร์มาก่อน แต่มักมิใช่คนที่กล้าแสดงความคิดเห็น หรือกล้าท่ีจะ ลกุ ขน้ึ มารเิ รม่ิ ดำ� เนนิ งานในสง่ิ ทถ่ี กู ตอ้ งเหมาะสม และไมก่ ลา้ ทจี่ ะยอมรบั ความผดิ พลาดของ ตนเอง ท�ำให้ตนเองมีบุคลิกภาพของการเป็นผู้ตามเสียมากกว่า แต่เมื่อได้มีโอกาสพบกับ เพื่อนร่วมค่ายที่มีคุณลักษณะกล้าคิด กล้าท�ำ กล้าแสดงความคิดเห็นร่วมกับวิทยากร ผู้เชี่ยวชาญ และการดูแลจากพ่ีๆ สถาบันพระปกเกล้า ตลอดเวลาที่อยู่ในค่าย ตนเอง จึงค่อยๆ ซึมซับวธิ ีคดิ ของการเปน็ ผู้นำ� ภายใตค้ วามถูกต้องเหมาะสม หลงั เสรจ็ สน้ิ คา่ ย เพอื่ นรว่ มคา่ ยยงั คงมกี ารตดิ ตอ่ ระหวา่ งกนั สรา้ งเครอื ขา่ ยผนู้ ำ� เยาวชน แหง่ อนาคต รนุ่ ที่ ๖ ตนเองไดเ้ หน็ ความกระตอื รอื รน้ ในการสรา้ งสรรค์ ทำ� ใหเ้ กดิ โครงการดๆี จากสมาชิก ยอ.๖ ขยายออกไปสู่สถาบันท่ีตนสังกัด ได้เห็นการผลิตโครงการเพ่ือสังคม ที่มาจากสถาบันพระปกเกล้าอย่างต่อเน่ือง สิ่งเหล่านี้สร้างแรงบันดาลใจให้พัฒนาตนเอง เพมิ่ มากขน้ึ ทำ� ใหต้ นเองและเพอื่ นสมาชกิ สภานสิ ติ ทร่ี ว่ มไปคา่ ยเดยี วกนั นร้ี ว่ มกนั จดั กจิ กรรม ผ้นู �ำเยาวชนแห่งอนาคต โดยสภานสิ ติ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร
128 ยทุ ธศาสตร์ที่ ๔ การส่งเสริมงานวิชาการ ของรฐั สภา การสง่ เสรมิ งานวชิ าการใหแ้ กร่ ฐั สภา ถอื เปน็ หน่ึงในพันธกิจและยุทธศาสตร์ที่ส�ำคัญอย่างยิ่ง ของสถาบนั พระปกเกลา้ โดยการมงุ่ ใหค้ วามสำ� คญั และมุ่งพัฒนารูปแบบและวิธีการในการส่งเสริม งานวิชาการของรัฐสภา เพ่ือสนับสนุนการปฏิบัติ หน้าท่ีของสมาชิกรัฐสภา บุคลากรในวงงานและ ข้าราชการรัฐสภาให้สอดคล้องตามความต้องการ ของสมาชกิ รฐั สภา ผา่ นการสนบั สนนุ งานดา้ นวชิ าการ ที่หลากหลายรปู แบบ
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 129 การจัดการศึกษาอบรม การวิเคราะห์ การสนบั สนนุ ให้สมาชิกรฐั สภา / กฎหมาย / งานวชิ าการ / บคุ ลากรในวงงาน ร่างกฎหมาย สารสนเทศ การจัดการศึกษาอบรม / ให้ทุนสนับสนุนการศึกษาอบรม สถาบันตระหนักในความส�ำคัญของการสร้างและพัฒนาองค์ความรู้เพ่ือสนับสนุนงานของรัฐสภา โดยผา่ นการจัดการศึกษาอบรมใหแ้ ก่ ๒ กลมุ่ เปา้ หมายหลัก ได้แก่ สมาชกิ รัฐสภา และบคุ ลากรในวงงานรฐั สภา ซ่ึงในส่วนของบุคลากรในวงงานรัฐสภาน้ัน สามารถจ�ำแนกได้เป็น ๒ กลุ่มย่อย ได้แก่ บุคลากรที่สนับสนุนงาน สมาชกิ รัฐสภา และขา้ ราชการรฐั สภาสามญั (ระดบั นักบริหารระดับสงู ) การจัดการศึกษาอบรมส�ำหรับสมาชิกรัฐสภา ด้วยเห็นว่าการศึกษาอบรมในหลักสูตรจะเป็นส่วนช่วยในการสร้างและพัฒนาองค์ความรู้ เพ่ือน�ำไปใช้ ในการพัฒนาการด�ำเนินงาน ทั้งในด้านการบริหารงานภาครัฐเพ่ือรองรับการเปล่ียนแปลงสถานการณ์ปัจจุบัน ท้ังด้านการเมืองในมุมมองต่างๆ ด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีท่ีมีส่วนเก่ียวข้องในการปฏิรูประบบ การเมืองการปกครอง การบริหารประเทศ รวมไปถึงการสร้างความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เพ่ือใช้ในการวางระบบ เศรษฐกิจของประเทศให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดล้อม ประการส�ำคัญ ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะดังกล่าวข้างต้นจะมีส่วนช่วยให้การปฏิบัติหน้าท่ีในฐานะ “สมาชิกรัฐสภา” และ
130 “บุคลากรในวงงานรัฐสภา” มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และเกิดผลสัมฤทธิต่อการพัฒนาประชาธิปไตยต่อไป โดยสถาบันจะจัดสรรทุนสนบั สนนุ การศกึ ษาให้แก่สมาชิกรฐั สภา อาทิ 1. หลกั สตู รประกาศนียบตั รช้ันสงู การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สำ� หรับนกั บรหิ ารระดบั สงู (ปปร.) 2. หลกั สูตรประกาศนียบตั รช้ันสงู การบรหิ ารงานภาครฐั และกฎหมายมหาชน (ปรม.) 3. หลกั สตู รประกาศนยี บตั รชน้ั สงู การบรหิ ารเศรษฐกจิ สาธารณะสำ� หรบั นกั บรหิ ารระดบั สงู (ปศส.) 4. หลักสตู รประกาศนียบัตรชัน้ สูงการเสรมิ สรา้ งสังคมสันตสิ ุข (สสสส.) 5. หลักสูตรประกาศนยี บัตรชั้นสงู การบริหารงานพัฒนาท้องถน่ิ ทย่ี ่ังยนื (ปบถ.) 6. หลกั สูตรประกาศนียบตั รไทยกับประชาคมอาเซยี นในเศรษฐกจิ การเมอื งโลก (TAG) โดยในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไดม้ สี มาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาติ และสมาชกิ รฐั สภาเขา้ รบั การศกึ ษา อบรมและรับการจดั สรรทนุ สนับสนุนการศึกษาในหลกั สตู รต่างๆ ของสถาบัน ดังนี้ • หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยส�ำหรับ นกั บรหิ ารระดบั สงู (ปปร.) รนุ่ ที่ ๒๒ มสี มาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาตเิ ขา้ รบั การศกึ ษาอบรม จำ� นวน ๒ คน ดงั น้ี 1. นายวันชัย ศารทูลทตั สมาชกิ สภานติ บิ ญั ญัตแิ หง่ ชาติ หมายเลข 120 2. นายวทิ ยา ฉายสุวรรณ สมาชิกสภานติ บิ ญั ญัติแหง่ ชาติ หมายเลข 125 • หลกั สตู รประกาศนยี บตั รชนั้ สงู การบรหิ ารงานภาครฐั และกฎหมายมหาชน (ปรม.) รนุ่ ที่ ๑๙ มสี มาชกิ รัฐสภาได้รบั การจัดสรรทุนสนบั สนุนการศกึ ษาอบรม จำ� นวน ๔ ทนุ 1. นางศิรนิ า ปวโรฬารวทิ ยา สมาชิกวุฒสิ ภา หมายเลข ๑๘๐ 2. พลตรีโอสถ ภาวิไล สมาชกิ วฒุ ิสภา หมายเลข ๒๕๐ 3. นายสฤษฎพ์ งษ์ เกี่ยวข้อง สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร จังหวดั กระบี่ เขต ๒ 4. นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สมาชกิ สภาผเู้ เทนราษฎร จงั หวดั อุทัยธานี เขต ๑
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 131 การจัดการศึกษาอบรมส�ำหรับบุคลากรในวงงานรัฐสภา อีกภารกิจหน่ึงท่ีมีความส�ำคัญ ได้แก่ การจัดการศึกษาอบรมเพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้บุคลากรซึ่ง ปฏบิ ตั งิ านสนบั สนนุ การดำ� เนนิ งานของสมาชกิ รฐั สภา รวมถงึ คณะกรรมาธกิ ารของรฐั สภา เพอ่ื ใหเ้ กดิ องคค์ วามรู้ และความเข้าใจในระบบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และระบบรฐั สภา การบรหิ ารจดั การและการพฒั นาประเทศ ตลอดจนพฒั นาทกั ษะตา่ งๆ ทจ่ี ำ� เปน็ ตอ่ การปฏบิ ตั งิ าน แก่สมาชิกรัฐสภา สถาบันได้ให้ความส�ำคัญกับการจัดการศึกษาอบรมที่ด�ำเนินการสนับสนุนสมาชิกรัฐสภา และ บคุ ลากรในวงงานรฐั สภามาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยสามารถนำ� องคค์ วามรไู้ ปประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ การดำ� เนนิ งาน อย่างแท้จริงให้แกส่ มาชิกรฐั สภา ในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สถาบนั ไดด้ ำ� เนนิ การจดั การศกึ ษาอบรมใหแ้ กส่ มาชกิ รฐั สภา และบคุ ลากร ในการปฏบิ ตั งิ านสนบั สนนุ การดำ� เนนิ งานของสมาชกิ รฐั สภา โดยสถาบนั ไดพ้ ฒั นาหลกั สตู รสำ� คญั ๓ หลกั สตู ร ไดแ้ ก่ 1. หลักสูตรวฒุ ิบตั รผู้ชว่ ยและผู้ปฏิบตั งิ านของสมาชกิ รัฐสภา 2. หลักสตู รวุฒบิ ตั รผู้เชี่ยวชาญและผ้ชู �ำนาญการประจ�ำตัวสมาชิกรฐั สภา 3. หลกั สตู รการพัฒนานกั บรหิ ารระดับสูง สำ� หรับขา้ ราชการรัฐสภาสามัญ เพ่ือให้บุคลากรในวงงานรัฐสภาเหล่านี้มีสมรรถนะที่พร้อมส�ำหรับการสนับสนุนการปฏิบัติงานของ สมาชิกรฐั สภาไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ๑. หลกั สตู รวุฒิบตั รผ้ชู ่วยและผ้ปู ฏิบัติงานของสมาชกิ รัฐสภา การจดั การศกึ ษาอบรมเพอื่ พฒั นาสมรรถนะการดำ� เนนิ งานของผชู้ ว่ ยและผปู้ ฏบิ ตั งิ านของสมาชกิ รฐั สภา ถอื เปน็ หลกั สตู รทเ่ี สรมิ สรา้ งสมรรถนะสำ� คญั ในการปฏบิ ตั งิ านใหก้ บั บคุ ลากรในวงงานรฐั สภาและบคุ ลากรทส่ี นบั สนนุ งานของสมาชิกรัฐสภา โดยการสร้างองค์ความรู้พื้นฐานทางการเมืองการปกครอง การบริหารงานทางการเมือง และความเช่ือมโยงกับองค์กรท่ีเก่ียวข้อง รวมถึงการศึกษาบทบาทหน้าท่ีในการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพ ผา่ นการบรรยายท่ผี สมผสานกับกจิ กรรมภายในหอ้ งเรียน (Workshop) โดยการบรู ณาการทงั้ แนวคดิ และทฤษฎี เข้าด้วยกัน เพื่อให้ผู้เรียนสามารถน�ำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากวิทยากร และกระบวนการเรียนการสอน เพ่ือพัฒนาทักษะที่จ�ำเป็นต่อการปฏิบัติงานเพื่อสนับสนุนสมาชิกรัฐสภา การเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ ในบทบาท หน้าท่ีในการด�ำเนินงาน และสามารถน�ำความรู้ความเข้าใจท่ีได้ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ในการด�ำเนินงานสนบั สนุนการปฏิบตั งิ านของสมาชิกรัฐสภาต่อไป
132 โดยในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สถาบนั พระปกเกลา้ โดยสำ� นกั สง่ เสรมิ วชิ าการรฐั สภา ไดเ้ ปดิ รบั สมคั ร เข้าศึกษาอบรมในหลักสูตร รุ่นละ ๖๐ คน แต่เนื่องจากมีผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนเป็นจ�ำนวนมาก จึงได้ขยายเพ่ิม จ�ำนวนผ้เู ข้ารบั การศึกษาอบรมออกเปน็ รุ่นละ ๙๐ คน • หลกั สตู รวฒุ บิ ตั รผชู้ ว่ ยและผปู้ ฏบิ ตั งิ านของสมาชกิ รฐั สภา รนุ่ ที่ ๑ ดำ� เนนิ การจดั การศกึ ษาอบรม ระหว่างวันท่ี ๘ กันยายน – ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ มีผู้เข้ารับการศึกษาอบรม จ�ำนวน ๘๗ คน และ ผ่านการศึกษาอบรมจำ� นวน ๘๕ คน • หลกั สตู รวฒุ บิ ตั รผชู้ ว่ ยและผปู้ ฏบิ ตั งิ านของสมาชกิ รฐั สภา รนุ่ ที่ ๒ ดำ� เนนิ การจดั การศกึ ษาอบรม ระหวา่ งวนั ที่ ๑๖ ตลุ าคม – ๗ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๒ มผี เู้ ขา้ รบั การศกึ ษาอบรม จำ� นวน ๗๗ คน และ ผ่านการศกึ ษาอบรมจำ� นวน ๗๕ คน
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 133 ๒. หลักสตู รวุฒบิ ตั รผเู้ ชี่ยวชาญและผู้ช�ำนาญการประจ�ำตัวสมาชิกรัฐสภา การจัดการศึกษาอบรมเพ่ือพัฒนาสมรรถนะการด�ำเนินงานของผู้เชี่ยวชาญ ผู้ช�ำนาญการ ประจ�ำตัว สมาชกิ รฐั สภา รวมไปถงึ บคุ ลากรทดี่ ำ� เนนิ งานดา้ นการสนบั สนนุ คณะกรรมาธกิ ารคณะตา่ งๆ ใหม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจ เก่ียวกับประเด็นทางสังคม และวัฒนธรรมทางการเมืองไทยภายใต้การเปล่ียนแปลง โดยการสร้างองค์ความรู้ พืน้ ฐานทางการเมืองการปกครอง การบรหิ ารงานทางการเมือง และความเช่ือมโยงกับองค์กรทเ่ี กีย่ วขอ้ ง รวมถึง การศึกษาบทบาทหน้าที่ในการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพ ผ่านการบรรยายท่ีผสมผสานกับกิจกรรมภายใน หอ้ งเรยี น (Workshop) โดยการบรู ณาการทง้ั แนวคดิ และทฤษฎเี ขา้ ดว้ ยกนั เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นสามารถนำ� ไปประยกุ ตใ์ ช้ ในการปฏิบัติงานผ่านการแลกเปล่ียนเรียนรู้จากวิทยากรและกระบวนการเรียนการสอน เพ่ือพัฒนาทักษะที่ จำ� เปน็ ตอ่ การปฏบิ ตั งิ านเพอ่ื สนบั สนนุ สมาชกิ รฐั สภา การเสรมิ สรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจ ในบทบาท หนา้ ทใ่ี นการ ดำ� เนนิ งาน และสามารถน�ำความรูค้ วามเขา้ ใจท่ีไดไ้ ปประยุกตใ์ ชใ้ ห้เกิดประโยชนใ์ นการดำ� เนินงานสนับสนนุ การ ปฏบิ ัติงานของสมาชกิ รฐั สภาต่อไป ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไดด้ ำ� เนินการจดั การศกึ ษาอบรม ๒ รนุ่ ได้แก่ • หลักสูตรวุฒิบัตรผู้เช่ียวชาญและผู้ช�ำนาญการประจ�ำตัวสมาชิกรัฐสภา รุ่นที่ ๑ ด�ำเนินการจัด การศกึ ษาอบรมระหวา่ งวนั ท่ี ๑๓ กนั ยายน ๒๕๖๒ – ๑๒ ตลุ าคม ๒๕๖๒ มผี เู้ ขา้ รบั การศกึ ษาอบรม จ�ำนวน ๘๘ คน และผา่ นการศึกษาอบรมจ�ำนวน ๘๐ คน • หลักสูตรวุฒิบัตรผู้เช่ียวชาญและผู้ช�ำนาญการประจ�ำตัวสมาชิกรัฐสภา รุ่นท่ี ๒ ด�ำเนินการจัด การศึกษาอบรมระหว่างวันที่ ๙ ตุลาคม – ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ มีผู้เข้ารับการศึกษาอบรม จ�ำนวน ๘๕ คน และผา่ นการศกึ ษาอบรมจ�ำนวน ๘๐ คน
134 ๓. หลักสูตรการพั ฒนานักบริหารระดับสูง ส�ำหรับข้าราชการรัฐสภาสามัญ รุน่ ท่ี ๑๑ (นบส.๑๑) นอกจากหลักสูตรการจัดการศึกษาอบรมท่ีจัดให้แก่ผู้ปฏิบัติงานสนับสนุนสมาชิกรัฐสภาแล้ว สถาบัน ยงั ตระหนกั ในการเตรยี มความพรอ้ มใหแ้ กข่ า้ ราชการรฐั สภาสามญั ระดบั สงู ของสำ� นกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร และส�ำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เพื่อให้บุคลากรเหล่านี้มีความรู้ ความสามารถในการเป็นผู้น�ำการบริหาร การเปลี่ยนแปลง (Change Leader) และผู้บริหารการเปล่ียนแปลง (Chief Change Officer) รวมท้ัง การเพมิ่ พนู ความรู้ ทกั ษะและความสามารถในการปฏบิ ตั งิ านในสมรรถนะหลกั ของสภาผแู้ ทนราษฎร และวฒุ สิ ภา และสมรรถนะหลักของส�ำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและส�ำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาท่ีเหมาะสมกับ บทบาทหน้าท่ีและความรับผิดชอบได้เป็นอย่างดี เพื่อสร้างความเป็นเลิศในการท�ำงานส่งเสริมและสนับสนุน การท�ำหน้าทแ่ี ละบทบาทของสมาชิกรัฐสภาตามบทบัญญัตใิ นรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ เนื้อหาของการศึกษาอบรมในหลักสูตรจะครอบคลุมสาระส�ำคัญหลักเกี่ยวกับความรู้ทางการเมือง การปกครอง ระบบรัฐสภา ระบบเศรษฐกิจและสังคม การเปล่ียนแปลงของสถานการณ์ของโลก ความรู้ ในระบบงานรฐั สภาและองคก์ รตามรฐั ธรรมนญู การเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพดา้ นการบรหิ ารจดั การของรฐั สภา คณุ ธรรม และจริยธรรม โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สถาบันร่วมกับส�ำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และ ส�ำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จัดการศึกษาอบรมหลักสูตรการพัฒนานักบริหารระดับสูง รุ่นท่ี ๑๑ (นบส. ๑๑) รวมจ�ำนวน ๑๒๐ ชว่ั โมง โดยมีผ้เู ข้ารับการศึกษาอบรมจ�ำนวน ๘๗ คน งานวเิ คราะหร์ า่ งกฎหมายและศกึ ษากฎหมายทม่ี ผี ลบงั คบั ใชอ้ ยู่ : หัวใจหลักของงานนิติบัญญัติของรัฐสภา การสนบั สนนุ งานวเิ คราะหร์ า่ งกฎหมายทถ่ี อื ไดว้ า่ เปน็ สว่ นสำ� คญั ตอ่ การปฏบิ ตั หิ นา้ ทใ่ี นงานนติ บิ ญั ญตั ขิ อง รฐั สภาในการศกึ ษาขอ้ มลู และองคค์ วามรปู้ ระกอบการพจิ ารณารา่ งกฎหมายทก่ี ำ� ลงั เขา้ สกู่ ารพจิ ารณาของรฐั สภา จำ� เปน็ จะตอ้ งอาศยั ขอ้ มลู และองคค์ วามรดู้ า้ นตา่ งๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง รวมถงึ การศกึ ษาประเดน็ สำ� คญั ทางกฎหมายทม่ี ี ผลกระทบตอ่ สงั คม ซงึ่ สถาบนั จะดำ� เนนิ การรว่ มกบั สถาบนั วชิ าการและนกั วชิ าการ หรอื ผทู้ ม่ี คี วามรคู้ วามชำ� นาญ ดา้ นกฎหมายและประเดน็ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั รา่ งกฎหมายนนั้ เปน็ ผศู้ กึ ษาวเิ คราะหถ์ งึ ความจำ� เปน็ ในการตรากฎหมาย รวมถงึ ศกึ ษาผลกระทบของกฎหมายทจ่ี ะมตี อ่ ประชาชนและหนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ ง รวมถงึ การศกึ ษาเปรยี บเทยี บ กบั บทบัญญัตขิ องตา่ งประเทศเพือ่ ใหเ้ กดิ การบังคบั ใช้กฎหมายทีม่ ีประสทิ ธภิ าพสงู สดุ
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 135 โครงการศึกษาร่างกฎหมายที่มีความส�ำคัญต่อการพัฒนาประเทศเป็นโครงการหลัก (Flagship) ในยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริมวิชาการรัฐสภา โดยการศึกษาวิเคราะห์ร่างกฎหมายและจัดท�ำเป็นบทวิเคราะห์ เพอ่ื เผยแพรใ่ หแ้ กส่ มาชกิ รฐั สภา รวมถงึ ใชเ้ ปน็ แนวทางประกอบการเสนอรา่ งกฎหมายและพจิ ารณารา่ งกฎหมาย ซึง่ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้ด�ำเนินการจัดท�ำรายงานการศึกษา จ�ำนวน ๘ เรอ่ื ง ดงั นี้ 1. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์กับสิทธิของบุคคล : ศึกษาเปรียบเทียบร่างพระราชบัญญัติ รกั ษาความมน่ั คงปลอดภยั ไซเบอร์ พ.ศ. .... กบั รฐั บญั ญตั คิ วามมน่ั คงปลอดภยั ไซเบอร์ ค.ศ. ๒๐๑๘ ของสิงคโปร์ (Cybersecurity vs. Individual Rights: Draft Thai Cybersecurity Law and Singapore Cybersecurity Act 2018 Compared) โดย รองศาสตราจารย์ ดร.สราวธุ ปติ ยิ าศกั ดิ์ อาจารย์ประจ�ำสาขาวิชานิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช 2. ประเด็นขอ้ สังเกตรา่ งพระราชบัญญตั ิการเลอื กต้ังสมาชิกสภาท้องถน่ิ หรือผู้บรหิ ารทอ้ งถ่นิ พ.ศ. .... โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พนารัตน์ มาศฉมาดล อาจารย์ประจ�ำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย มหาสารคาม 3. ประเดน็ วเิ คราะหร์ า่ งพระราชบญั ญตั หิ ลกั เกณฑก์ ารจดั ทำ� รา่ งกฎหมายและการประเมนิ ผลสมั ฤทธข์ิ อง กฎหมาย พ.ศ. .... โดย รองศาสตราจารยม์ านติ ย์ จมุ ปา อาจารยป์ ระจำ� คณะนติ ศิ าสตร์ จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย 4. บทวิเคราะห์ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองประชาชนในการท�ำสัญญาขายฝากที่ดินเพ่ือเกษตรกรรม หรือที่อยู่อาศัย พ.ศ. .... โดย ชมพูนุท ตั้งถาวร นักวิชาการผู้ช�ำนาญการ ส�ำนักส่งเสริมวิชาการ รัฐสภา สถาบันพระปกเกล้า 5. บทวิเคราะห์ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... โดย ดร.วิสาขา ภู่ส�ำรวจ อาจารยป์ ระจ�ำคณะนติ ิศาสตร์ สถาบนั บณั ฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ 6. วิเคราะห์ร่างพระราชบัญญัติการจด ทะเบยี นคชู่ วี ติ พ.ศ. .... โดย ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.หทยั รตั น์ บณุ โยปษั ฎมั ภ์ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ภูมิ มูลศิลป์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพ็ชรัตน์ ไสยสมบัติ มหาวิทยาลัย ศรนี ครนิ ทรวิโรฒ
136 7. การศึกษาวิเคราะห์ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... โดย รองศาสตราจารย์มานิตย์ จมุ ปา อาจารย์ประจำ� คณะนติ ศิ าสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย 8. รายงานการศึกษาวิเคราะห์ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายบ�ำเหน็จบ�ำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... และ ร่างพระราชบัญญัติกองทุนบ�ำเหน็จบ�ำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... โดย สถาบันวิจัย เพ่ือการพฒั นาประเทศไทย (TDRI) นอกจากน้ี สถาบันยังได้ด�ำเนินการศึกษาวิเคราะห์กฎหมายท่ีมีผลใช้บังคับอยู่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ทบทวนและวเิ คราะห์กฎหมายทมี่ ผี ลบังคบั ใชอ้ ยู่ ให้มคี วามสอดคล้องกบั สถานการณ์และสภาพสงั คมในปัจจบุ นั และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ตลอดจนให้เกิดความสอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปประเทศตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สถาบันได้ด�ำเนินการ โครงการวิเคราะหก์ ฎหมายที่มผี ลใช้บงั คบั อยู่ จำ� นวน ๔ เร่ือง ดงั นี้ ๑. โครงการศึกษาและวเิ คราะหพ์ ระราชบญั ญัติงบประมาณรายจา่ ยประจ�ำปี โดย ศูนย์วิจัยและให้คำ� ปรึกษาแห่งมหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ รายงานนนี้ ำ� เสนอการวเิ คราะหร์ า่ งพระราชบญั ญตั งิ บประมาณรายจา่ ยประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยประเมินว่า รัฐบาลจัดท�ำร่างงบประมาณขึ้นภายใต้การประมาณการทางด้านรายได้อย่างระมัดระวัง โดยใน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๔๖๓ รฐั บาลจะขาดดลุ ๔๕๔,๐๐๐ ลา้ นบาท คดิ เป็นสัดสว่ นร้อยละ ๒.๕๙ ของ GDP โดย หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงที่เริ่มปรับตัวข้ึนสู่ระดับสูงจะสร้างข้อจ�ำกัดให้กับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจ�ำปี เพ่ือใช้ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ของประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งรัฐบาลควรจะหันมาให้ความส�ำคัญกับการสร้างเสริม การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านยุทธศาสตร์การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ และ การสร้างความสามารถในการแข่งขันเป็นส�ำคัญ มากกว่าการใช้จ่ายด้านสวัสดิการของประเทศที่ไม่ตอบโจทย์ ยุทธศาสตร์ชาตใิ นด้านอน่ื ๆ
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 137 ๒. โครงการศึกษาและจัดท�ำร่างแก้ไขเพ่ิมเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. .... โดย ดร.สาธิตา วมิ ลคุณารกั ษ์ มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช การศกึ ษาครงั้ น้ี เปน็ การทบทวนและวเิ คราะหป์ ญั หาของพระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองผบู้ รโิ ภค พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยพบประเด็นปัญหา อาทิ การบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ ไม่สอดคล้องกับ สภาพเศรษฐกิจและสังคม สิทธิของผู้เสียหายในการเรียกร้องค่าเสียหายทางจิตใจที่ไม่ชัดเจน คณะกรรมการ คุ้มครองผู้บริโภคตามต�ำแหน่งหลายต�ำแหน่งอาจไม่ได้มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับประเด็นการคุ้มครองผู้บริโภค โดยตรง การกำ� หนดอำ� นาจหนา้ ทข่ี องเจา้ พนกั งานทไ่ี มม่ ปี ระสทิ ธภิ าพ มาตรการบงั คบั ตามกฎหมายทไ่ี มเ่ หมาะสม รวมทั้งปัญหาการเพิ่มบทบาทชองประชาชนในการร่วมตรวจสอบการประกอบธุรกิจในเชิงรุกให้มีประสิทธิภาพ ที่ท�ำไดไ้ ม่เต็มท่ี โดยผู้วิจยั มีข้อเสนอให้ปรบั ปรงุ กฎหมายเพอื่ แกไ้ ขปัญหาในประเด็นขา้ งต้น ๓. โครงการศึกษาบทเรียนและสภาพปัญหาเก่ียวกับเสรีภาพในการชุมนุม เพื่อการปรบั ปรงุ พระราชบัญญัติการชมุ นุมสาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดย รองศาสตราจารยส์ มชาย ปรีชาศิลปะกุล มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ การศกึ ษาในหว้ งเวลานบั ตง้ั แตพ่ ระราชบญั ญตั กิ ารชมุ นมุ สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกาศใช้ มาจนกระทง่ั ถึงเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นห้วงเวลาท่ีคณะรัฐประหารยังคงมีอ�ำนาจในการบริหารบ้านเมือง โดยพบว่า กฎหมายฉบับนี้ได้กลายเป็นเคร่ืองมือที่ส�ำคัญในการควบคุมและบ่ันทอนเสรีภาพในการชุมนุมของประชาชน อย่างส�ำคัญ จึงมีข้อเสนอในระยะส้ันให้เจ้าหน้าท่ีที่ก�ำกับดูแลกฎหมายนี้ควรปรับปรุงการด�ำเนินการและสร้าง ความเข้าใจเกี่ยวข้องกับการชุมนุมสาธารณะให้มากข้ึน มีการสรุปบทเรียนและทบทวนสภาพปัญหาอันเป็น ผลจากกฎหมายฉบับนี้ เพ่ือน�ำไปสู่การจัดท�ำร่างกฎหมายเพื่อคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุมให้มีความชัดเจน และมุ่งรับรองเสรีภาพมากกว่าท่ีได้เกิดขึ้น และมีกระบวนการเพื่อการอ�ำนวยความสะดวก เข้าใจได้ และ เอ้อื ตอ่ การชุมนุมสาธารณะ
138 ๔. โครงการศึกษากฎหมายท่เี กย่ี วกบั การประกอบธรุ กจิ ของคนต่างด้าว โดย ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.ปวริศร เลศิ ธรรมเทวี มหาวิทยาลัยรามค�ำแหง ศกึ ษากฎหมายทเ่ี กย่ี วกบั การทำ� งานของคนตา่ งดา้ วในประเทศไทยหลายฉบบั โดยวเิ คราะหค์ วามสอดคลอ้ ง ของกฎหมายดงั กลา่ วของไทยกบั กรอบพนั ธกรณขี องประเทศไทยภายใตป้ ระชาคมเศรษฐกจิ โดยพบวา่ การนยิ าม ค�ำศัพท์ค�ำว่า “คนต่างด้าว” สะท้อนความรู้สึกและความแตกต่างทางชนชั้นในสังคม และกฎหมายของไทย ยงั ไมเ่ ปดิ ชอ่ งใหผ้ ปู้ ระกอบการทมี่ สี ญั ชาตอิ าเซยี นเขา้ มาถอื ครองหนุ้ ในองคก์ รธรุ กจิ ไดอ้ ยา่ งเสรอี ยา่ งบคุ คลสญั ชาตไิ ทย แสดงใหเ้ หน็ วา่ ประเทศไทยหวงแหนอำ� นาจอธปิ ไตยและตอ้ งการสงวนอาชพี ใหป้ ระชาชนคนไทย สำ� หรบั ขอ้ เสนอแนะ คือ ควรปรับแก้ไขช่ือของกฎหมาย และบทบัญญัติของกฎหมายที่อ้างอิงถึงค�ำว่า “คนต่างด้าว” โดยให้เปลี่ยน มาใชค้ ำ� วา่ “คนตา่ งชาต”ิ เพอื่ ความทนั สมยั ของกฎหมายยงิ่ ขนึ้ และใหม้ กี ารจดั ทำ� กฎหมายเกยี่ วกบั สญั ชาตขิ อง บคุ คลอาเซยี น เพอื่ ใหน้ กั ลงทนุ ผปู้ ระกอบการหรอื บคุ คลทเี่ ปน็ แรงงานตา่ งชาตเิ ขา้ มาประกอบกจิ การและทำ� งาน ในประเทศไทยได้เสมอื นหน่งึ เปน็ บคุ คลสญั ชาตไิ ทย การวจิ ยั ประเมนิ : สงิ่ สะทอ้ นการดำ� เนนิ งานของรฐั สภาไทย (สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) สถาบันจะด�ำเนินงานประเมินผลการด�ำเนินงานของรัฐสภาไทย ในทุก ๒ ปี โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้ด�ำเนินการประเมินผลการด�ำเนินงานของรัฐสภาตามหลักเกณฑ์และกรอบแนวคิดของ สหภาพรัฐสภา (Inter - Parliamentary Union : IPU) โดยศกึ ษาผลการด�ำเนนิ งานของสภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาติ ซงึ่ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทรี่ ะหวา่ งวนั ท่ี ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ถงึ วนั ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ผลการศกึ ษาพบวา่ สภานติ บิ ญั ญตั ิ แหง่ ชาตไิ ดร้ บั ผลการประเมนิ อยใู่ นระดับปานกลางทกุ ดา้ น เมอื่ พิจารณาเปน็ รายองคป์ ระกอบ พบว่า ผลประเมิน ด้านการมีส่วนร่วมในนโยบายระหว่างประเทศ มีค่าเฉล่ียสูงที่สุด (ค่าเฉลี่ย = ๒.๗๓ คะแนน ส่วนเบ่ียงเบน มาตรฐาน = ๐.๘๙) และดา้ นการเปน็ ตวั แทนของประชาชนมคี า่ เฉลย่ี ตำ�่ ทสี่ ดุ (คา่ เฉลยี่ = ๒.๐๕ คะแนน สว่ นเบย่ี งเบน มาตรฐาน = ๐.๘๘) ข้อเสนอแนะส�ำคัญเพ่ือพัฒนาการด�ำเนินงานชองรัฐสภาในเรื่องการเป็นตัวแทน ได้แก่ ควรมีการก�ำหนดสัดส่วนข้ันต�่ำของจ�ำนวนสมาชิกรัฐสภาที่เป็นเพศหญิง ในด้านกระบวนการนิติบัญญัติ มีข้อเสนอแนะส�ำคัญคือ ควรมีการก�ำหนดล�ำดับความส�ำคัญของกฎหมายและระยะเวลาท่ีใช้ในการพิจารณา กฎหมายท่ีต้องด�ำเนินการให้แล้วเสร็จอย่างชัดเจน ควรมีการด�ำเนินการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา ๗๗
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 139 ของรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ นอกจากนี้ ในดา้ นความโปรง่ ใส และเข้าถึงได้ และด้านความส�ำนึกรับผิดชอบของรัฐสภา มีข้อเสนอแนะคือ ควรด�ำเนินการจัดท�ำระบบ ฐานข้อมูลและเปิดเผยข้อมูล การด�ำเนินงานของสมาชิกรัฐสภาโดยมีช่องทางที่สะดวกในการเข้าถึงแหล่งข้อมูล ควรพัฒนาและส่งเสริม การมีส่วนร่วมของประชาชน รวมทั้งหน่วยงานภายนอกกับรัฐสภาให้มากขึ้น ควรหา วิธีการสร้างความเช่ือม่ันของประชาชนที่มีต่อสมาชิกรัฐสภา และควรพัฒนาการท�ำหน้าท่ีของผู้ช่วยปฏิบัติงาน ใหก้ ับสมาชิกรัฐสภาให้มีประสทิ ธภิ าพและตอ้ งมกี ารประเมินผลการปฏิบัติงานอยา่ งชดั เจน ภาพ 4-1 ค่าเฉล่ียผลการประเมินการดำ� เนนิ งานของสภานิติบญั ญตั ิโดยภาพรวม การสนับสนุนงานวิชาการ และสารสนเทศ นอกจากการสนับสนุนงานด้านการวิเคราะห์ร่างกฎหมาย การศึกษาวิจัย และการสนับสนุนด้าน การจดั การศึกษาอรม เพ่ือตอบโจทยก์ ารดำ� เนินงานของรัฐสภา สถาบนั ยงั คงดำ� เนนิ การเผยแพรอ่ งคค์ วามรู้และ งานวิชาการผ่านการจัดสัมมนาทางวิชาการ ส�ำหรับเป็นพื้นท่ีในการแลกเปล่ียนองค์ความรู้ มุมมอง และ ประสบการณ์ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน (Current issue) ในแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้สมาชิกรัฐสภา และบุคลากรในวงงานรัฐสภารเู้ ทา่ ทนั การเปลีย่ นแปลงในบริบททเ่ี ปลี่ยนแปลงไป
140 ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สถาบนั ได้จดั โครงการสมั มนาขน้ึ ท้ังหมด จำ� นวน ๔ โครงการ ดังน้ี • การสมั มนา “ส.ว. รวมใจ ตัง้ เปา้ หมายร่วมกัน : Our Common Goal” ในวนั ท่ี ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ณ ห้องประชุมใหญ่ทีโอที (รัฐสภาชั่วคราว) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ให้สมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด ๒๕๐ คน ได้ระดมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นภายใต้ประเด็นเร่ือง “ส่ิงที่ท่านมุ่งมั่นจะท�ำให้ สำ� เรจ็ มากท่ีสดุ ในฐานะสมาชิกวฒุ ิสภา” โดยได้มกี ารแบ่งสมาชกิ วฒุ สิ ภาออกเป็น ๑๐ กลุ่ม เพอ่ื ให้ เขา้ รว่ มกจิ กรรมกบั วทิ ยากร กระบวนการจากสถาบัน พระปกเกลา้ และหลงั จากท่ี สมาชกิ วฒุ สิ ภาไดร้ ว่ มระดม ความคิดเห็น แลกเปล่ียน ได้มีการรวบรวมความ- คดิ เหน็ แลว้ สามารถจำ� แนก เ ป ้ า ห ม า ย ข อ ง ส ม า ชิ ก วุฒิสภาที่มุ่งมั่นจะท�ำให้ สำ� เร็จท้ังสนิ้ ๖ ดา้ น ไดแ้ ก่
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 141 • การสมั มนา เรอื่ ง “สนั ตวิ ฒั นธรรมและประชาธปิ ไตยทย่ี งั่ ยนื กรณศี กึ ษา: ประเทศอนิ โดนเี ซยี และ ประเทศไทย” (Comparative Study of Culture of Peace and Sustainable Democracy : Indonesia and Thailand) ในวนั ท่ี ๑๖ กนั ยายน ๒๕๖๒ ณ หอ้ งศภุ มติ ร โรงแรมรอยลั ปรน้ิ เซส หลานหลวง เป็นการด�ำเนินงานร่วมกันระหว่างสถาบันพระปกเกล้า และมหาวิทยาลัยอิสลามแห่ง อนิ โดนเี ซยี (Universitas Islam Indonesia) ซง่ึ กจิ กรรมในการสมั มนาดงั กลา่ วเปน็ การอภปิ รายและ ระดมความเห็นเก่ียวกบั เรอ่ื งสนั ติวฒั นธรรม โดยมกี ารแลกเปล่ียนความรแู้ ละประสบการณใ์ นเรือ่ ง การจดั การความขดั แยง้ และสรา้ งสนั ตวิ ฒั นธรรมในประเทศอนิ โดนเี ซยี ซง่ึ ในงานดงั กลา่ วประกอบดว้ ย การบรรยายพิเศษจาก ดร.ฟาตุล วาฮิด (Fathul Wahid, Ph.D.) อธิการบดีมหาวิทยาลัยอิสลาม แห่งอินโดนีเซีย (Universitas Islam Indonesia) ซึ่งได้กล่าวถึงสันติวัฒนธรรมว่ามีหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นมิติด้านสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียมกันทางเพศ การส่ือสารกันอย่างมีส่วนร่วม และ ความมน่ั คงระหวา่ งประเทศ และหลงั จากการบรรยายพเิ ศษเปน็ การอภปิ รายแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ จากผู้ทรงคุณวุฒิ โดยในการอภิปรายได้กล่าวถึงการสร้างสันติวัฒนธรรมในการเมืองไทยทุกระดับ ตงั้ แต่ระดบั พรรคการเมือง รฐั สภา และสงั คม เพ่ือน�ำไปสู่การสร้างประชาธปิ ไตยทีย่ ง่ั ยืน
142 • การสัมมนา เร่ือง “ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และข้อเสนอแนะบางประการในการจัดท�ำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ�ำปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓” วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ ณ ห้องประชุม ๔๐๒ - ๔๐๓ ชั้น ๔ อาคารสัปปายะสภาสถาน อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ (เกียกกาย) โดยเป็นความร่วมมือกันระหว่าง สถาบันพระปกเกล้าและส�ำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ท้ังนี้ การสัมมนามีวัตถุประสงค์ เพอื่ การสนบั สนนุ ขอ้ มลู งบประมาณในเชงิ วเิ คราะห์ เปรยี บเทยี บ รวมถงึ ผลกระทบของการใชจ้ า่ ยตาม งบประมาณของรฐั บาล ในมติ ขิ องระบบเศรษฐกจิ ในภาพรวม ใหแ้ กส่ มาชกิ รฐั สภา คณะกรรมาธกิ าร วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และ บุคลากรในวงงานรัฐสภาท่ีเกี่ยวข้อง โดยมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกระบวนการพิจารณา รา่ งพระราชบญั ญตั ิงบประมาณรายจ่ายประจำ� ปีของสมาชิกรฐั สภา
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 143 • การสมั มนา เรอื่ ง รงั สรรคอ์ นาคตทอ้ งถน่ิ ไทยสกู่ ารกระจายอำ� นาจทยี่ ง่ั ยนื ในวนั ท่ี ๒๖ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๒ ณ ห้องราชด�ำเนิน โรงแรมรอยัล ปริ้นเซส หลานหลวง มีผู้เข้าร่วมจ�ำนวน ๕๐ คน โดยมี วตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื เปน็ เวทเี สนอแนะทศิ ทางการทำ� งานและมติ ใิ หมท่ างการเมอื งทอ้ งถนิ่ ซงึ่ เปน็ พลงั สำ� คญั ในการพฒั นาการเมอื งและประชาธิปไตยระดบั ชาติ ทงั้ น้ี ในเวทีสัมมนาระดมความคิดเห็นดังกล่าว เปน็ การแลกเปลย่ี นมมุ มองประสบการณ์ และรว่ มกนั วเิ คราะหป์ ญั หากระบวนการการกระจายอำ� นาจ และการปกครองท้องถ่ินเพื่อหาแนวทางการพัฒนาการกระจายอ�ำนาจสู่ท้องถ่ินที่ย่ังยืน ภายใน งานสัมมนาร่วมด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท่ีเคยด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองในองค์กรปกครอง ส่วนท้องถ่ินจากพรรคการเมืองต่างๆ เข้าร่วมแลกเปลี่ยนและเสนอแนวทางในการขับเคล่ือน งานการปกครองท้องถ่ิน และการกระจายอ�ำนาจโดยบทบาทของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและ รัฐสภาไทย ก า ร จั ด กิ จ ก ร ร ม ร่ ว ม กั บ เ ค รื อ ข่ า ย เ พื่ อ ก า ร พั ฒ น า ระบบงานรัฐสภา นอกจากการสัมมนาดังกล่าวข้างต้น ด้วยตระหนักในความส�ำคัญของการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ ทางวชิ าการ และเปดิ มมุ มองแบบสากลทสี่ ถาบนั มงุ่ มน่ั ดำ� เนนิ งานมาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ซงึ่ ไดม้ กี ารดำ� เนนิ งานจดั กจิ กรรม ทางวิชาการร่วมกับรัฐสภาของต่างประเทศ และหน่วยงานท่ีท�ำหน้าที่สนับสนุนการบริการวิชาการให้แก่รัฐสภา ดว้ ยมงุ่ หวงั จะสง่ เสรมิ การดำ� เนนิ งานของรฐั สภาใหเ้ ปน็ กลไกสำ� คญั ในการพฒั นาประชาธปิ ไตย ซงึ ในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สถาบันร่วมกับรัฐสภาแห่งราชอาณาจักรภูฏานได้จัดศึกษาอบรมหลักสูตร “Parliamentary Research and Public Participation” ให้แก่ข้าราชการของรัฐสภา ๕ ประเทศในกลุ่มลุ่มน้�ำโขง (CLMV)
144 ระหว่างวันที่ ๑๗ – ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ณ ห้องห้ากันยา สถาบันพระปกเกล้า โดยมีผู้เข้าศึกษาอบรม จำ� นวน ๑๗ คน ประกอบดว้ ยขา้ ราชการรฐั สภาราชอาณาจกั รภฏู าน จำ� นวน ๑๐ คน ขา้ ราชการรฐั ราชอาณาจกั ร กมั พชู า จำ� นวน ๒ คน ขา้ ราชการรฐั สภาสาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว จำ� นวน ๒ คน ขา้ ราชการรฐั สภา สาธารณรฐั แหง่ สหภาพพม่า จ�ำนวน ๒ คน และนักวิชาการสถาบันพระปกเกลา้ จ�ำนวน ๒ คน การจดั การศกึ ษาอบรมมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื เพมิ่ ขดี ความสามารถใหก้ บั ผเู้ ขา้ รบั การอบรม ซงึ่ เปน็ ขา้ ราชการ รัฐสภา ให้มีความรู้ความสามารถในเนื้อหาวิชาการ สามารถน�ำไปประยุกต์ใช้ในงานของตน เพื่อสนับสนุนและ พัฒนางานให้กับรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภา ซึ่งนอกเหนือจากการรับฟังการบรรยาย การฝึกภาคปฏิบัติ และ แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ รว่ มกนั แลว้ หลกั สตู รไดจ้ ดั ทำ� ใหก้ ารทศั นศกึ ษาเพอื่ รบั ทราบประวตั ศิ าสตรก์ ารปกครอง ของไทย ณ รัฐสภา พระบรมมหาราชวัง และพพิ ธิ ภัณฑ์พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 145 KPI Link : แอปพลเิ คชนั ส�ำหรบั สมาชกิ รฐั สภา เพ่ือตอบโจทยก์ ารบรกิ ารวชิ าการ ในยุคดิจิทัล KPI Link เปน็ แอปพลเิ คชนั ทสี่ ถาบนั รเิ รมิ่ และพฒั นาขน้ึ เพอ่ื เชอ่ื มตอ่ การบริการทางวิชาการและสนับสนุนสารสนเทศให้แก่สมาชิกรัฐภสา โดยได้ ออกแบบการสนับสนุนข้อมูลที่มีความจ�ำเป็นต่อการปฏิบัติงานของสมาชิก รัฐสภาในรูปแบบออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชันชื่อว่า “KPI Link” ภายใต้ หลกั การส�ำคัญ คือ “เขา้ ถึงงา่ ย เขา้ ใจง่าย เข้าหาง่าย” “เข้าถงึ งา่ ย” ดว้ ยรปู แบบแอปพลเิ คชนั ทด่ี าวนโ์ หลดแลว้ สามารถใชง้ านไดท้ นั ทผี า่ นโทรศพั ท์ มือถอื หรอื แท็บเลต็ (Tablet) โดยไม่ต้องคน้ หาเวบ็ ไซต์ “เขา้ ใจงา่ ย” ขอ้ มลู ทกุ อยา่ งทมี่ กี ารปอ้ นเขา้ สแู่ อปพลเิ คชนั จะมกี ารทำ� ใหเ้ ขา้ ใจงา่ ย (Simplify) และกระชบั ซึ่งอาจอยู่ในรปู แบบของอินโฟกราฟกิ (Infographic) “เขา้ หางา่ ย” ในกรณีท่ีสมาชิกรัฐสภาต้องการส่ิงพิมพ์สถาบันพระปกเกล้าเพ่ิมเติม กส็ ามารถสง่ คำ� ขอมาทส่ี ำ� นกั สง่ เสรมิ วชิ าการรฐั สภาผา่ นแอปพลเิ คชนั ไดท้ นั ที โดยไมจ่ �ำเป็นตอ้ งส่งจดหมายคำ� รอ้ งขอมายังสำ� นักสง่ เสรมิ วชิ าการรฐั สภา ท้ังน้ี ในแอปพลิเคชันจะประกอบด้วยข้อมูล สาระเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ข้อมูลทางวิชาการ โดยเฉพาะ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั งานวจิ ยั กฎหมาย และงานวเิ คราะหร์ า่ งกฎหมายของสถาบนั พระปกเกลา้ และขา่ วทน่ี า่ สนใจทว่ั ไป นอกจากน้ี ยังมีข้อมูลของสมาชิกรัฐสภาเพ่ือให้สมาชิกรัฐสภาด้วยกันสามารถติดต่อกันได้สะดวกมากยิ่งข้ึน โดย สมาชกิ รัฐสภาสามารถใช้งานได้ดว้ ยการดาวนโ์ หลดแอปพลิเคชนั ช่ือว่า “KPI LINK” จาก App Store (สำ� หรบั ระบบปฏบิ ตั ิการ iOS) และ Play Store (ส�ำหรับระบบปฏิบัติการ Android) App Store Play Store
146 ยุทธศาสตรท์ ี่ ๕ การสง่ เสริมและพัฒนาพิพิธภัณฑ์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจา้ อย่หู วั ให้เป็นแหลง่ เรยี นรู้ดา้ นพระปกเกล้าศึกษา พพิ ธิ ภณั ฑพ์ ระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ส่งเสริมและพัฒนาพิพิธภัณฑ์ฯ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ด้านพระปกเกล้าศึกษา โดยมุ่งหวังให้พิพิธภัณฑ์ฯ เป็นศูนย์รวมความรู้ และเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ พระเกยี รตยิ ศแหง่ พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และสมเด็จพระนางเจ้าร�ำไพพรรณี พระบรมราชินี เพ่ือให้ประชาชนได้ประจักษ์ถึงพระอัจฉริยภาพ และ พระปรีชาของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเดจ็ พระนางเจา้ รำ� ไพพรรณี พระบรมราชนิ ี และ ยดึ ถือพระราชจรยิ วัตรเป็นแบบอย่างในการครองตน
รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๒ 147 ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ พิพิธภัณฑ์ฯ ให้ความส�ำคัญกับการสร้าง องค์ความรู้ด้านพระปกเกล้าศึกษาอย่าง ตอ่ เนอ่ื ง ดว้ ยการศกึ ษาวจิ ยั ประเดน็ ความรู้ ใหมๆ่ หลากหลายดา้ นทเี่ กยี่ วกบั พฒั นาการ ของประเทศไทยในรัชสมัยพระบาท สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพ่ือให้เห็น ถึงแนวพระราชด�ำริ ท่ีมา ความส�ำคัญ ตลอดจนผลกระทบ ความสืบเนื่องและ การเปลยี่ นแปลงมาจนถงึ ปจั จบุ นั รวมถงึ การเผยแพร่ความรู้โดยจัดนิทรรศการหมุนเวียนทุก ๖ เดือน ซ่ึงมีเน้ือหาการจัดแสดงท่ีเข้ากับเหตุการณ์ปัจจุบัน เน้นเร่ืองราวในแง่มุมต่างๆ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเพ่ิมเติมจากนิทรรศการถาวรที่ จดั แสดงไว้ ตลอดจนการจดั กจิ กรรม งานสมั มนา งานเผยแพรค่ วามรู้ การใหบ้ รกิ ารศนู ยข์ อ้ มลู พระปกเกลา้ ศกึ ษา รวมถึงการใหบ้ รกิ ารน�ำชมพิพธิ ภัณฑ์ฯ ณ อาคารพพิ ธิ ภัณฑ์ ทง้ั นี้ ได้มกี ารจดั กระบวนการเรยี นรู้ และสิ่งอำ� นวย ความสะดวกต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนท่ีเข้าชมท้ังชาวไทย และชาวต่างชาติ นอกจากนั้น ยังจัดให้มีพิพิธภัณฑ์เสมือนจริง (Virtual Museum) เพื่อเป็นทางเลือกในการเรียนรู้ด้วยตนเอง ผ่านเทคโนโลยี ท�ำให้สามารถกระจายความร้สู สู่ ังคมอย่างกวา้ งขวางขึน้ นอกจากน้ี ได้ด�ำเนินการจัดต้ังศูนย์การเรียนรู้ประชาธิปไตย ณ อาคารร�ำไพพรรณี เพ่ิมพ้ืนท่ีเรียนรู้ เปดิ ประสบการณใ์ หมๆ่ ดา้ นพฒั นาการทางการเมอื งการปกครองของไทย ซงึ่ ไดเ้ ปดิ ตวั ไปเมอ่ื วนั ท่ี ๑๐ ธนั วาคม ๒๕๖๑ ซ่ึงตรงกับวันรัฐธรรมนูญ โดยคาดว่า ศูนย์การเรียนรู้แห่งน้ีจะสามารถเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ในปลายปี ๒๕๖๓ การจดั นทิ รรศการเคลอื่ นทแี่ ละส่อื การเรยี นรู้พระปกเกล้าศึกษา (Mobile Museum) ไปยงั ต่างจงั หวดั เป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของพิพิธภัณฑ์ฯ ที่จะขยายโอกาสการศึกษาสู่ต่างจังหวัด ซึ่งได้ด�ำเนินการมาอย่าง ต่อเน่ืองนับตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จนถึงปัจจุบัน โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสถาบัน การศึกษาในพื้นที่ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในปี ๒๕๖๒ นี้ได้รับความสนใจจากคนในพ้ืนที่อย่างมาก โดยมผี เู้ ขา้ ชมรวมทัง้ ส้นิ ๑๐๒,๔๙๗ คน พิพิธภัณฑ์ฯ ยึดหลักในการให้บริการ คือ การส่งเสริม สนับสนุนการเรียนรู้ของผู้เข้ารับบริการทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ด้วยความเสมอภาคและทั่วถึง เพื่อเป็นส่วนหน่ึงในการช่วยลดความเหลื่อมล้�ำทางด้านการศึกษา และการรบั บริการของรัฐตอ่ ไป
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253