Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ศึกษาภาวะผู้นำตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู

ศึกษาภาวะผู้นำตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู

Description: งานวิจัย/วิทยานิพนธ์

Search

Read the Text Version

129 บริหารกิจการคณะสงฆ์ของท่านยึดประโยชน์ เพื่อส่วนรวมเป็นหลัก ท่านเป็นผู้ที่มีจุดมุ่งหมายหรือ เป้าหมายในการบริหารกิจการคณะสงฆ์ ท่านทุ่มเทกาลังใจกาลังกายเพื่องานคณะสงฆ์ ท่านเป็น นกั พัฒนาท่มี ีการคิดโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ มาพัฒนากิจการคณะสงฆ์ ท่านเป็นผู้ที่มีความมุ่งม่ัน และมีความเพยี รพยายามทจ่ี ะขบั เคลื่อนไปสจู่ ดุ หมายที่ต้ังไว้ ตามลาดบั 3) ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริส ธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จงั หวัดหนองบัวลาภู ดา้ นอตั ตัญุตา ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัด หนองบัวลาภู ด้านอัตตญั ุตาโดยรวมอยใู่ นระดบั มาก เรยี งลาดับจากค่าเฉลี่ยสูงไปหาต่า ดังน้ี ท่านเป็น ผู้ท่ีมีความรับผิดชอบสูง ท่านเป็นผู้ที่มีจิตใจโอบออมอารีและมีความเสียสละ ท่านเป็นผู้นาท่ีมีวิสัย ทัศน์ มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ ท่านข่มอนิฏฐารมณ์ได้ทุกขณะ ท่านเป็นผู้ท่ีเป่ียมด้วยความรู้ ความ สามารถและความเช่ือมนั่ ในตนเอง ตามลาดับ 4) ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบวั ลาภู ด้านมตั ตัญตุ า ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัด หนองบัวลาภู ด้านมัตตัญุตา โดยรวมอยู่ในระดับมาก เรียงลาดับจากค่าเฉล่ียสูงไปหาต่า ดังน้ี ท่าน ยินดใี นปัจจยั สตี่ ามกาลังของตน ท่านเป็นตัวอย่างในการดาเนินชีวิตบนวิถีแห่งความสันโดษ ท่านเป็น ผู้กาหนดแผนหรือนโยบายในการบริหารกิจการคณะสงฆ์ ท่ีมีความเหมาะสมและพอดี ท่านบริหาร งบประมาณคุมค่าและเกิดประโยชน์ต่อองค์กร ท่านเป็นตัวอย่างที่ดี ในการบริหารจัดการโดยยึดหลัก มัชฌมิ าปฏปิ ทา ตามลาดับ 5) ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวดั หนองบัวลาภู ดา้ นกาลญั ตุ า ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัด หนองบัวลาภู ด้านกาลญั ุตา โดยรวมอยู่ในระดับมาก เรียงลาดับจากค่าเฉล่ียสูงไปหาต่า ดังน้ี ท่านจัด ทานโยบายหรือโครงการเหมาะสมกับจังหวะและเวลา ท่านสามารถจัดลาดับความสาคัญของปัญหา ก่อนและหลังได้ดี ท่านเป็นตัวอย่างที่ดี ในการบริหารจัดการเวลาให้เกิดประโยชน์ กับองค์กรสูงสุด ทา่ นเปน็ ผ้ทู ่ีแก้ไขปญั หาท่ี เกดิ ขึน้ ได้ ทนั ต่อเหตุการณ์และเวลา ท่านไม่ได้ทางานให้อากลู ตามลาดบั 6) ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวดั หนองบัวลาภู ด้านปรสิ ญั ตุ า ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัด หนองบัวลาภู ด้านปริสัญุตา โดยรวมอยู่ในระดับมาก เรียงลาดับจากค่าเฉล่ียสูงไปหาต่า ดังน้ี ท่าน เป็นผู้ที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคนและทุกองค์กร ท่านให้ความสาคัญในการพัฒนาคุณธรรมและ

130 จริยธรรมของเยาวชนและประชาชน ท่านให้ความสาคัญกับประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ ส่วนตน ท่านเป็นนักประสานงานท่ีดีกับทุกองค์กรและทุกภาคส่วน ท่านเข้าใจในบริบทรอบขางเป็น ข้างดี ตามลาดบั 7) ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู ด้านปุคคลปโรปรัญตุ า ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัด หนองบวั ลาภู ด้านปคุ คลปโรปรัญุตา โดยรวมอย่ใู นระดบั มาก เรียงลาดับจากค่าเฉลี่ยสูงไปหาต่า ดังนี้ ท่านสรรเสริญบุคคลท่ี ควรสรรเสริญและข่มบุคคลท่ีควรข่ม ท่านเป็นผู้ส่งเสริมให้ ภิกษุ สามเณรได้มี โอกาสศึกษาเล่าเรียนเพ่ิมเติม ท่านให้โอกาสและสนับสนุนคนท่ีมี ความรู้ ความสามารถให้ดารง ตาแหน่งที่เหมาะสม ท่านสามารถบรรจุ แต่งต้ังหรือจัดวางบุคคลได้ เหมาะสมกับงาน ท่านให้ความ สาคัญกับทรพั ยากรมนษุ ย์ ตามลาดับ 5.1.3 การทดสอบสมมติฐานภาวะผนู้ าตามหลกั สัปปุรสิ ธรรมของพระสังฆาธิการในเขต อาเภอนากลาง จงั หวัดหนองบวั ลาภู พระสงั ฆาธิการที่มีพรรษาต่างกัน มีภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการใน เขตอาเภอนากลาง จงั หวดั หนองบวั ลาภู แตกต่างกัน โดยรวมไม่แตกต่างกัน จึงปฏเิ สธสมมตฐิ าน พระสังฆาธิการท่ีมีตาแหน่งพระสังฆาธิการต่างกัน มีภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของ พระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวดั หนองบวั ลาภู โดยรวมไมแ่ ตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐาน พระสงั ฆาธิการที่มวี ฒุ ิการศกึ ษาทางธรรมต่างกนั มีภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระ สงั ฆาธกิ ารในเขตอาเภอนากลาง จงั หวัดหนองบวั ลาภู โดยรวมไม่แตกต่างกัน จึงปฏเิ สธสมมตฐิ าน พระสังฆาธิการที่มีวุฒิการศึกษาแผนกบาลีต่างกัน มีภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของ พระสงั ฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวดั หนองบวั ลาภู โดยรวมไม่แตกตา่ งกนั จึงปฏิเสธสมมตฐิ าน พระสังฆาธิการที่มีประสบการณ์การปฏิบัติหน้าที่ต่างกัน มีภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริส ธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู โดยรวมไม่แตกต่างกัน จึงปฏิเสธ สมมตฐิ าน 5.1.4 ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขต อาเภอนากลาง จงั หวดั หนองบัวลาภู 1. ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จงั หวดั หนองบวั ลาภู ด้านธัมมญั ญุตา

131 ข้อที่ ขอ้ เสนอแนะด้านหลกั สัปปุริสธรรม ความถี่ 1. ควรรู้จักเหตุรู้หลักการ รู้งาน รู้หน้าท่ี รู้กติกาท่ีมีความเก่ียวข้องในการดาเนินงาน กล่าวคือ ผู้นาน้ันจะต้องรู้จักเหตุรู้หลักการ รู้กฎ กติกาเหล่านี้ให้ชัดเจน เพ่ือท่ีจะ เป็นแนวทางในการปฏบิ ตั งิ านใหบ้ รรลุถงึ เป้าหมายท่ีตง้ั ไว้ 7 2. ควรให้มีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมผู้นาให้น้อมนาหลักหลักหลักสัปปุริส ธรรมของพุทธองค์มาใชใ้ นงานคณะสงฆ์ให้มากขน้ึ 5 2. ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัด หนองบวั ลาภู ด้านอัตถญั ญตุ า ขอ้ ท่ี ขอ้ เสนอแนะด้านหลักสัปปรุ ิสธรรม ความถี่ 1. ควรรู้จักผล รู้ความมุ่งหมายและรู้จักผล กล่าวคือ ผู้นาท่ีดีจะต้องรู้จักจุดหมาย หรือเปา้ หมายของหลกั การทีต่ นปฏิบตั ิเข้าใจวัตถุประสงค์ของงรานคณะสงฆ์ว่าจะ ไปทางไหนเพื่อประโยชน์อะไร เพื่อให้สามารถดาเนินการไปได้อย่างถูกต้องตาม เปา้ หมายนนั้ 20 2. พระสังฆาธิการควรมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาวัด จัดให้มีการร่วมมือกับพุทธ ศาสนกิ ชน และชมุ ชน เพือ่ พฒั นาวดั ใหเ้ จรญิ รงุ่ เรอื ง 10 3. ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัด หนองบวั ลาภู ด้านอัตตัญญตุ า ข้อท่ี ข้อเสนอแนะดา้ นหลักสัปปรุ ิสธรรม ความถี่ 1. พระสังฆาธิการควรเปน็ ผู้ทร่ี จู้ กั ตนอยเู่ สมอว่าเป็นผู้นาท่ีมีวิสัยทัศน์ สามารถใช้แรง จูงใจในการทางานเพื่อพระพุทธศาสนาได้อย่างเต็มที่ 4 2. ผูน้ าทดี่ คี วรมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพ่ือให้สามารถเข้าใจถึงความเปล่ียน แปลงแหง่ โลกอย่างแท้จรงิ เพือ่ ใหส้ ามารถนาพามวลชนและองค์กรไปสู่จุดหมายได้ ตามเป้าหมายที่วางไว้ 15

132 4. ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จงั หวดั หนองบวั ลาภู ด้านมัตตญั ญุตา ข้อที่ ข้อเสนอแนะดา้ นหลักสัปปุริสธรรม ความถ่ี 1. ควรรู้จักประมาณ รู้จักความพอดีกล่าวคือ ต้องรู้จักขอบเขตความพอเหมาะใน การทางานในเรื่องต่าง ๆ ดังน้ัน ผู้นาท่ีดีนั้นจะต้องรู้จักความพอเหมาะพอควรใน การทีจ่ ะทากิจการทุกอย่างใหล้ ลุ ่วงไปดว้ ยดีตามเปา้ หมายท่วี างไว้ 20 2. ควรควบคุมดูแลเรื่องของงบประมาณให้เป็นอย่างดี เพราะเร่ืองนี้จะเป็นท่ีจับต้อง ของพุทธบรษิ ทั ท้ัง 4 ถ้าดแู ลไม่ดีแลว้ อาจเกิดผลกระทบตามมา 5 5. ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัด หนองบัวลาภู ดา้ นกาลัญญตุ า ขอ้ ท่ี ขอ้ เสนอแนะดา้ นหลกั สัปปรุ ิสธรรม ความถ่ี 1. ควรรู้จักเวลา รู้จักเวลาที่ควรประกอบกิจการงานต่าง ๆ หรือทางานให้ทันกับ เวลา เหมาะกับเวลาและรู้คุณค่าของเวลา ผู้นาท่ีประสบความสาเร็จนั้นจะต้อง เปน็ ผรู้ ูจ้ ักการบรหิ ารเวลาหรือวางแผนให้เหมาะสมกบั เวลาอยา่ งถูกต้อง 25 2. ควรให้มีการกาหนดแผนพัฒนางานคณะสงฆ์ให้มีความชัดเจน เพราะการวาง วางแผนดีมีชัยต้ังแต่ต้น พระสังฆาธิการจาเป็นอย่างยิ่งจะต้องทาทุกอย่างให้ ถูกตอ้ งและชัดเจน 5 6. ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัด หนองบวั ลาภู ด้านปริสัญญุตา ข้อที่ ข้อเสนอแนะด้านหลกั สัปปรุ ิสธรรม ความถี่ 1. ควรรู้ชุมชน รู้สังคม ต้ังแต่ในขอบเขตที่กว้างขวางจากสังคมโลกสังคมประเทศชาติ วา่ อยู่ในสถานการณอ์ ยา่ งไร มปี ัญหาอย่างไร จะได้สามารถเข้าใจความต้องการของ สังคมนนั้ ได้ถูกต้อง หรือแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด นอกจากน้ียังต้องรู้เข้าใจในระเบียบ กฎเกณฑ์วัฒนธรรม ประเพณีของสังคมน้ัน ๆ ได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้สามารถเข้า ใจถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ของสังคมน้ัน ๆ ได้อย่างถูกต้องจะได้สามารถนาความสงบ สขุ สันตสิ ขุ ความก้าวหน้ามาสูงมวลชน หม่คู ณะและสังคมได้ 14

133 ขอ้ ท่ี ขอ้ เสนอแนะด้านหลกั สัปปรุ ิสธรรม ความถ่ี 2. พระสังฆาธิการควรมีมนุษยสัมพันธ์เป็นนักประสานงานท่ีดีกับทุกคน ทุกองค์กร และทุกภาคส่วน ให้ความสาคัญกับประโยชน์ส่วนรวม และการพัฒนาคุณธรรม จรยิ ธรรมของเยาวชน ประชาชน อกี ทง้ั เปิดโอกาสให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการทา กิจกรรมภายในวัด เพ่ือที่จะเข้าใจความต้องการของสังคมน้ันได้อย่างถูกต้อง สามารถนาความสงบสขุ ความกา้ วหนา้ มาสมู่ วลชน หมู่คณะ และสงั คมได้ 15 7. ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัด หนองบวั ลาภู ด้านปุคคลปโรปรัญญุตา ข้อที่ ขอ้ เสนอแนะด้านหลกั สัปปุริสธรรม ความถี่ 1. ควรรู้บคุ คลรปู้ ระเภทของบคุ คลที่จะตอ้ งเก่ียวขอ้ งด้วย รู้ว่าควรจะปฏิบัติต่อเขาได้ ถูกต้องเหมาะสมและได้ผลอย่างไร ดังน้ันผู้นาที่ดีย่อมต้องรู้บุคคล รู้ประเภทของ บุคคลทเี่ ก่ียวขอ้ งเปน็ อยา่ งดีเพอื่ ใหส้ ามารถเลือกใช้คนให้เหมาะสมกับงาน ในการ บรหิ ารงานทุก ๆ ด้าน เพื่อให้เกิดประโยชน์และคุณค่าแก่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนตลอด จนสามารถสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับหมู่คณะและองค์กรได้ตามเป้าหมายที่ วางไว้ 20 2. ควรเป็นผู้ท่ีรู้จักบุคคล รู้ความสามารถความแตกต่างระหว่างบุคคล รู้จักเลือก แตง่ ต้งั จัดวางบคุ คลได้เหมาะสมกับงาน สามารถปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ละ บุคคลได้อย่างถูกต้อง ให้โอกาส สนับสนุนผู้ท่ีมีความรู้ ความสามารถให้ดารง ตาแหน่งทีเ่ หมาะสม ส่งเสริมภิกษุและสามเณรได้มีโอกาสได้ศึกษาเพ่ิมเติมและให้ ความสาคัญกับทรัพยากรมนุษย์ เพ่ือทาให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลใน การบรหิ ารงานทุก ๆ ด้าน 30 5.1.5 สรุปผลการสัมภาษณ์เกี่ยวกับภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆา ธกิ ารในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู สรุปผลที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) กับผู้ให้ข้อมูลสาคัญ (Key Informants) จานวน 5 รูป เก่ียวกับภาวะผู้นาตามหลักสปั ปรุ สิ ธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอ นากลาง จังหวัดหนองบวั ลาภู คร้งั นี้ทาให้ทราบถงึ ภาวะผู้นาตามหลกั สัปปุรสิ ธรรมของพระสังฆาธิการ ในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู ทั้ง 7 ด้าน คือ ธัมมัญญุตา อัตถัญญุตา อัตตัญญุตา มัตตัญญุตา กาลัญญุตา ปริสัญญุตา และปุคคลปโรปรัญญุตา และข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนา

134 ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลภู ซึ่ง จาแนกเป็นรายด้านได้ดงั น้ี 1. ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัด หนองบวั ลาภู 1.1 ภาวะผู้นาด้านธัมมัญญุตา (เกี่ยวกับความรู้จักเหตุ คือ เป็นพระสังฆาธิการที่เป็นรู้ หลักเกณฑ์ โดยยึดหลักการในการบริหารอย่างเป็นข้ันตอน ท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างไร) ผู้ให้ สมั ภาษณ์ ส่วนใหญไ่ ดใ้ หค้ วามเหน็ ว่า พระสังฆาธิการควรปฏิบัติหน้าท่ีตาม พรบ. คณะสงฆ์อย่างเคร่งครัด เข้าใจถึงเหตุท่ีทา ว่าเพื่อความเจริญงอกงามในบวรพุทธศาสนาโดยคานึงทุกส่วนที่เก่ียวข้องอย่างเสมอภาค ไม่มีการ เลอื กปฏบิ ตั เิ พอ่ื ความเปน็ ธรรมในฐานะทเี่ ป็นพระสงฆ์ (พระครูเจติยาภิวัฒน์) อีกทั้งควรเอาใจใส่เก่ียว กับบทบาทหน้าท่ีหลักของตนเองโดยเฉพาะในเร่ืองท่ีเก่ียวข้องกับพุทธบริษัททั้ง 4 ในทุกวันนี้มีมาก เหลือล้น เราในฐานะผ้นู าทางด้านจิตวิญญาณควรกระตือรือร้นในการแก้ไขปัญหาท่ีเกิดข้ึนอย่างสร้าง สรรค์ (พระครูปทุมถาวรวัตร) เขา้ ใจแหล่งท่ีมาของงานท่ีทา เพราะในบางครั้งงานคณะสงฆ์มาแบบเร่ง ด่วนเราอาจไม่ทันได้ต้ังตัวอาจจะทาให้เกิดข้อผิดพลาดได้ จึงควรมองเหตุให้ดี (พระครูพิชัยมงคล ธรรม) อยา่ งกรณีเร่ืองของการจัดงานที่มีการเข้ามามีส่วนร่วมจากหลายองค์กรหน่วยงาน พระสังฆาธิ การก็ควรเข้าใจและรู้ถึงสภาพการณ์ลักษณะของกิจกรรมท่ีกาลังปฏิบัติด้วยความจริงใจ (พระครู พิชัยพัฒนคุณ) และท่ีสาคัญพระสังฆาธิการควรการท่ีจะเข้าใจว่าเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่คาดคิด เกดิ ขนึ้ ได้อยา่ งไร ทาไมการทาหน้าท่ีของเราถึงไม่สัมฤทธิผลตามที่ตนวางแผนไว้ หากรู้และเข้าใจที่ว่า ทแ่ี ล้วก็จะกาหนดแนวทางต่อไปได้ให้ดีกว่าเดมิ ยิ่งขึน้ ไป (พระครสู ตุ ธรรมธร) 1.2 ภาวะผู้นาด้านอตั ถัญญุตา (เกย่ี วกบั ความรู้จกั ผล คือ ความเป็นผู้นาของพระสังฆาธิ การท่ีเป็นผู้ท่ีรู้จักผล มีวิสัยทัศน์ หรือ ปรัชญา พันธกิจเป้าหมายในการพัฒนาวัด ท่านมีความคิดเห็น วา่ อยา่ งไร) ผู้ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่ไดใ้ ห้ความเหน็ ว่า ผู้นาถ้าไม่รู้จุดหมายก็ไม่รู้ว่าจะนาคนและกิจการไปไหน นอกจากรู้จุดหมาย มีความ ชัดเจนในจุดหมายแล้ว จะต้องมีความแน่วแน่มุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงจุดหมายด้วย ข้อนี้เป็นคุณสมบัติท่ี สาคัญมาก เมื่อใจมุ่งจุดหมาย แม้มีอะไรมากระทบกระท่ัง ก็จะไม่หว่ันไหว อะไรไม่เกี่ยวข้อง ไม่เข้า เป้า ไม่เข้าแนวทางก็ไม่มั่ววุ่นวาย ใครจะพูดวาว่าด่าเหน็บแนม เม่ือไม่ตรงเร่ือง ก็ไม่มัวถือสา ไม่เก็บ เป็นอารมณ์ ไม่ยุ่งกับเรื่องจุกจิกไม่เป็นเรื่อง เอาแต่เร่ืองที่เข้าแนวทางสู่จุดหมาย ใจมุ่งสู่เป้าหมาย อย่างชัดเจนและมุ่งม่ันแน่วแน่ (พระครูเจติยาภิวัฒน์) รู้ถึงสาเหตุท่ีเป็นเง่ือนไขให้เกิดส่ิงนั้น ๆ ข้ึน เพราะการจะดาเนินการให้เกิดผลอย่างใด ต้องรู้สาเหตุที่เป็นเงื่อนไขของสิ่งนั้นก่อน และท่ีจะกระทา ตอ่ ไปกค็ อื การสรา้ งเหตนุ ้ัน ๆ (พระครปู ทมุ ถาวรวัตร) พระสงั ฆาธิการต้องเป็นผู้รู้จักผลหรือประโยชน์ ที่เกดิ ข้ึนจากการกระทา สามารถรู้ถึงความมุ่งหมายของธรรมแต่ละอย่างได้ชัดเจน เช่น รู้ว่าประพฤติ

135 ตามธรรมข้อน้ีจะได้รับผลอย่างนี้ และรู้จักท่ีจะแสวงหาประโยชน์ให้แก่ตนเอง และผู้อ่ืน เพราะเห็น ด้วยปัญญาว่าเกิดผลดีจากการปฏิบัติ (พระครูพิชัยพัฒนคุณ) และที่สาคัญต้องรู้ประโยชน์ท่ีประสงค์ รู้จักผลท่ีจะเกิดขึ้นสืบเน่ืองจากการกระทาหรือความเป็นไปตามหลัก (knowing the meaning; knowing the purpose ; knowing the consequence) คุณสมบัติของผู้นาในข้อนี้ ต้องเป็นผู้ที่รู้ และเขา้ ใจในนโยบาย มคี วามมุ่งหมายในการกระทาตามจุดประสงค์ขององค์การที่ตั้งไว้ และรู้ผลหรือ ประโยชนท์ เี่ กดิ จาการกระทานัน้ ๆ ด้วย (พระครสู ตุ ธรรมธร) 1.3 ภาวะผู้นาด้านอตั ตญั ญตุ า (เก่ียวกับความรูจ้ ักตน คอื ความเป็นผู้นาของพระสังฆาธิ การท่ีเป็นผู้ที่รู้จักตนอยู่เสมอว่าเป็นผู้นาที่มีวิสัยทัศน์ สามารถใช้แรงจูงใจ กระจายวิสัยทัศน์ไปยัง บคุ คลตา่ ง ๆ ทา่ นมีความคิดเห็นวา่ อย่างไร) ผู้ให้สมั ภาษณ์สว่ นใหญ่ได้ใหค้ วามเห็นวา่ พระสังฆาธิการต้องรู้จักตัวตนของเราเอง ว่าโดยฐานะ ภาวะ เพศ กาลังความรู้ ความ สามารถ ความถนัด และคุณธรรม สามารถประเมินตนเองได้ในหลักธรรม ดังนี้ ศรัทธา (ชอบ รักใน งานอะไร) ศีล (วนิ ยั ) สุตะ(ความร)ู้ จาคะ (ความเสียสละ) ปัญญา (กระบวนการในการพัฒนาความรู้ที่ มีอยู่) เป็นต้น แล้วประพฤติให้เหมาะสม และรู้ท่ีจะแก้ไขปรับปรุงต่อไป (พระครูเจติยาภิวัฒน์) ทั้งน้ี ต้องรู้ว่าตนเองคือใครมีภาวะเป็นอะไร อยู่ในสถานะใด มีคุณสมบัติ มีความพร้อมมีความถนัด สติ ปัญญา ความสามารถอย่างไร มีกาลังแค่ไหน มีข้อยิ่งข้อหย่อน จุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร ซ่ึงจะต้อง สารวจตนเอง และเตอื นตนเองอย่เู สมอ ทั้งน้ีเพอ่ื ประโยชนใ์ นการพัฒนาปรบั ปรุงตัวเอง ให้มีคุณสมบัติ ความสามารถยิง่ ๆ ขน้ึ ไป ไม่ใช่ว่าเป็นผู้นาแล้วจะเป็นคนสมบูรณ์ไม่ต้องพัฒนาตนเองยิ่งเป็นผู้นาก็ยิ่ง ต้องพฒั นาตนเองตลอดเวลาให้นาได้ดีย่ิงข้ึนไป (พระครูปทุมถาวรวัตร) อีกอย่างพระสังฆาธิการต้องรู้ ว่าตนเป็นใคร มีความสามารถ และ สถานภาพทางสังคม เป็นเช่นไร? เป็นต้น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วน เป็นเงื่อนไขให้พระสังฆาธิการสามารถเข้าไปดาเนินการได้มากน้อยเพียงใด (พระครูพิชัยมงคลธรรม) ความรู้จักประมาณตนในเรื่องต่าง ๆ ก็เช่นกัน ทั้งฐานะทางการเงิน และความเป็นอยู่ ฐานะหรือ ตาแหน่งในหน้าที่การงาน รวมไปถึงรู้จักสภาพความคิด และจิตใจของตน เมื่อรู้ว่าตนมีกาลัง มีความ คิดอย่างไร มีอุปนิสัยอย่างไร เม่ือน้ัน ย่อมท่ีจะสามารถวางตัวหรือปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง และ เหมาะสมในสังคม (พระครูพิชัยพัฒนคุณ) ไม่ใช่ไม่รู้ว่าภาวะ เพศ กาลังความรู้ ความสามารถ ความ ถนัด และคุณธรรม (knowing oneself) ว่ามีความพร้อมทั้งกายและใจ การประพฤติตนท่ีเหมาะสม และร้ทู ี่จะแกไ้ ขปรบั ปรุงตนเองให้ดียงิ่ ข้นึ ต่อไปเพื่องานคณะสงฆต์ ่อไป (พระครสู ตุ ธรรมธร) 1.4 ภาวะผู้นาด้านมัตตัญญุตา (เก่ียวกับความรู้จักประมาณ ความเป็นผู้นาของพระ สังฆาธิการท่ีเป็นผู้ที่รู้จักประมาณ รู้จักความพอดีสามารถวางตนวางแผนกาหนดนโยบายในการ บริหารงาน ปรับเปลี่ยนแผนการดาเนนิ งานตามสถานการณต์ า่ ง ๆ ท่านมีความคดิ เหน็ ว่าอย่างไร) ผู้ให้ สมั ภาษณส์ ว่ นใหญ่ไดใ้ ห้ความเหน็ ว่า พระสังฆาธิการต้องรู้จักขอบเขตขีดข้ันความพอเหมาะที่จะจัดทาในเรื่องต่าง ๆ ยกตัวอย่าง เช่น ผู้ปกครองบ้านเมืองรู้จักประมาณในการลงทัณฑ์อาชญา และการเก็บภาษี เป็นต้น

136 ไม่ใชเ่ อาแตจ่ ะให้ไดอ้ ย่างใจ และต้องรู้จักว่าในการกระทานั้น ๆ หรือในเรื่องราวน้ัน ๆ มีองค์ประกอบ หรือมีปัจจัยอะไรเก่ียวข้องบ้าง ทาแค่ไหนองค์ประกอบของมันจะพอดี ได้สัดส่วนพอเหมาะ การทา การต่าง ๆ ทุกอย่างต้องพอดี ถ้าไม่พอดีก็พลาดความดีจึงจะทาให้เกิดความสาเร็จท่ีแท้จริง ฉะน้ัน จะต้องรู้องค์ประกอบและปัจจัยท่ีเก่ียวข้องและจัดให้ลงตัวพอเหมาะพอดี (พระครูเจติยาภิวัฒน์) งบประมาณท้ังจากทางวัดและจากหน่วยงานราชการต้องรู้ว่าต้องเข้าไปดาเนินการเท่าใด จึงจะ พอเพียงให้บรรลุผลท่ีประสงค์ ลองนึกถึงเรื่องการเอาไม้มาสีกันเพื่อให้เกิดไฟก็ได้ หากสีน้อยไป ก็ไม่ ถึงจุดที่ความร้อนจะสะสมมากพอจนทาให้เกิดประกายไฟ หากสีมากไป คือ เมื่อไฟติดแล้ว ก็ยังสี ต่อไปอยู่นั่น ก็สิ้นเปลืองอะไรตอ่ มอิ ะไรไปเปล่า ๆ (พระครปู ทมุ ถาวรวตั ร) ความพอเพียงในทุก ๆ ด้าน ทัง้ ความพอดีในตน ความพอเพียงในชีวิต รู้จักความพอดีในการพูด พอดีในการทางาน พอดีในการหา ทรัพย์มาพัฒนาวัด และพอดีในการจ่ายทรัพย์ ด้วยการรู้จักประมาณกาลังตนเอง (พระครูพิชัยมงคล ธรรม) พระสังฆาธิการต้องรู้กาลัง ความสามารถ งบประมาณ บุคลากรและเทคโนโลยีในการดาเนิน งาน ไม่ใช่ทาเกินตัว เกินกาลังของตน (พระครูพิชัยพัฒนคุณ) นอกจากน้ีเรื่ององการรู้จักประมาณใน การรบั ปจั จยั สแี่ ละบริโภคปัจจัยสี่ คฤหัสถ์รู้จักประมาณในการใช้จ่ายโภคทรัพย์ พระมหากษัตริย์รู้จัก ประมาณ ในการลงทัณฑอ์ าชญาและในการเก็บภาษี เป็นต้น สว่ นพระสงั ฆาธิการก็ควรรู้การบริโภคให้ เหมาะสมแกส่ มณเพศ โดยเฉพาะตนเองเปน็ ผ้นู าทางด้านจติ วญิ ญาณ (พระครสู ุตธรรมธร) 1.5 ภาวะผู้นาด้านกาลัญญุตา (เกี่ยวกับความรู้จักกาล คือ ความเป็นผู้นาของพระ สงั ฆาธกิ ารทเี่ ป็นผ้ทู มี่ คี วามสามารถในการบริหารเวลาอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ จดั ทานโยบาย โครงการได้ เหมาะสมเวลาและโอกาส ทา่ นมคี วามคิดเห็นวา่ อยา่ งไร) ผู้ใหส้ ัมภาษณ์ส่วนใหญ่ได้ให้ความเห็นว่า พระสังฆาธกิ ารควรรู้ลาดับ ระยะ จังหวะ ปรมิ าณ ความเหมาะของเวลาว่า เร่ืองน้ีจะลง มือตอนไหน เวลาไหน จะทาอะไรอย่างไร จึงจะเหมาะ ดังจะเห็นว่าแม้แต่การพูดจาก็ต้องรู้จักกาล เวลา ตลอดจนรู้จักวางแผนงานในการใช้เวลา ซึ่งเป็นเร่ืองใหญ่ เช่น วางแผนว่า สังคมมีแนวโน้มจะ เป็นอย่างน้ีในเวลาข้างหน้าเท่านั้น และเหตุการณ์ทานองน้ีจะเกิดขึ้น เราจะวางแผนรับมือกับสถาน การณ์นั้นอย่างไร (พระครูเจติยาภิวัฒน์) พระสังฆาธิการควรรู้เวลา ว่าตอนไหนควรทา ตอนไหนไม่ ควรทา บางทีเร็วไปก็ไม่ได้ บางที่ช้าไป ก็ไม่ทันการ เป็นต้น เมื่อลงมือทาแล้วควรให้เป็นไปกรอบของ ระยะเวลาให้ทันกาล (พระครูปทุมถาวรวัตร) พระสังฆาธิการควรเข้าใจในกาลเวลาอันสมควร และ ระยะเวลาท่ีเหมาะสมสาหรับการทากจิ อนั ใด ๆ และพงึ ใช้กาลเวลานั้นให้เหมาะสม เช่น รู้ว่าเวลาไหน ควรเวลาไหนไมค่ วรทา รู้วา่ เวลาไหนควรทาอะไร อะไรควรทาก่อน อะไรควรทาหลัง ด้วยการจัด ลาดับ ของงาน และเวลาให้สัมพันธ์กัน รวมถึงรู้จักประมาณเวลาขณะทาส่ิง ๆ น้ันให้เหมาะสม (พระครู พชิ ัยพฒั นคณุ ) และท่สี าคัญผนู้ าต้องรู้จักคณุ คา่ ของกาลเวลา ร้วู ่าเวลาใดทา และเวลาใดควรหยุด รู้ว่า เวลาน้คี วรทาอะไร ไม่ควรทาอะไร พรอ้ มกับรูจ้ กั ประมาณเวลาท่ีใช้ขณะทางานให้มีอย่างเหมาะสมผู้ที่ รู้จักกาลเวลาน้ี ย่อมเป็นคนตรงเวลา และเป็นคนที่รู้คุณค่าของเวลา สามารถบริหารกิจการงานให้ รุ่งเรืองตอ่ ไปไดด้ ว้ ยดี (พระครูสุตธรรมธร)

137 1.6 หลักปริสัญญุตา (เก่ียวกับความเป็นผู้รู้จักชุมชนและสังคม คือ ความเป็นผู้นาของ พระสังฆาธิการที่เป็นผู้ท่ีรู้จักชุมชน และสังคม มีมนุษยสัมพันธ์เป็นนักประสานงานที่ดีกับทุกคน ทุกองค์กร และทุกภาคส่วน ทา่ นมีความคิดเหน็ วา่ อย่างไร) ผ้ใู ห้สมั ภาษณ์ส่วนใหญ่ไดใ้ ห้ความเหน็ วา่ พระสังฆาธิการรู้สังคมโลก รู้สังคมของประเทศชาติ ว่าอยู่ในสถานการณ์อย่างไร มี ปัญหาอะไรมีความต้องการอย่างไร โดยเฉพาะวัดในฐานะเป็นหน่วยงานกลางเช่ือมต่อจากหลาย ๆ หนว่ ยงาน ก็ต้องรู้ปัญหารู้ความต้องการของเขา แม้แต่ชุมชนย่อย ๆ ถ้าเราจะช่วยเหลือเขา เราต้องรู้ ความต้องการของเขา เพ่ือสนองความต้องการได้ถูกต้อง หรือแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด (พระครูเจติยา ภิวัฒน์) พระสังฆาธิการควรรู้จักว่าชุมชนเหล่าน้ันมีความต้องการอะไร มีความเห็นหรือข้อตกลง อย่างไร เมื่อทราบเช่นนั้นแล้ว ย่อมทาให้สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างมีความสุข และเกิดความ ร่วมมือจากชุมชนอย่างแท้จริง (พระครูปทุมถาวรวัตร) พระสังฆาธิการควรเป็นผู้ที่รู้จักปรับตัวให้เข้า กบั ชมุ ชน และเข้าใจในสภาพของชุมชนในดา้ นระเบียบวินัย ขนบธรรมเนียมประเพณีโดยการปรับปรุง ตนเองให้เหมาะสมกับชุนชนน้ัน ๆ (พระครูพิชัยมงคลธรรม) รู้จักท่ีประชุม รู้กิริยาท่ีจะประพฤติ ต่อชุมชนน้ัน ๆ ว่า ชุมชนน้ีเมื่อเข้าไปหา จะต้องทากิริยาอย่างนี้ จะต้องพูดอย่างนี้ ชุมชนนี้ควร สงเคราะห์อย่างน้ี เป็นต้น (พระครูพิชัยพัฒนคุณ) คุณสมบัติของผู้นาในข้อน้ีต้องเป็นผู้รู้กิริยาที่จะ ประพฤติต่อชุมชนนั้น ๆ ว่า ชุมชนนี้เมื่อเข้าไปหา จะต้องทากิริยาอย่างน้ี จะต้องพูดอย่างนี้ ชุมชน นี้ควรสงเคราะห์อย่างนี้ ซ่ึงมีผลให้องค์การได้รับการสนับสนุนร่วมมือจากชุมชนและหน่วยงานต่าง ๆ (พระครสู ุตธรรมธร) 1.7 ภาวะผู้นาด้านปุคคลปโรปรัญญุตา (เก่ียวกับความรู้จักบุคคล คือ ความเป็นผู้นา ของพระสงั ฆาธิการท่เี ปน็ ผทู้ ีร่ ู้จกั บคุ คล รู้ความสามารถความแตกตา่ งระหว่างบุคคล รู้จักเลือก แต่งตั้ง จัดวางบุคคลได้เหมาะสมกับงาน ท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างไร) ผู้ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่ได้ให้ความ เหน็ วา่ พระสังฆาธิการควรรู้จักบุคคลท่ีเก่ียวข้อง โดยเฉพาะคนท่ีมาร่วมงานร่วมการร่วมไป ดว้ ยกนั และคนทเ่ี ราไปให้บรกิ ารตามความแตกตา่ งเฉพาะตัว เพ่ือปฏิบัติต่อเขาได้ถูกต้องเหมาะสมและ ได้ผล ตลอดจนสามารถทาบรกิ ารใหค้ วามช่วยเหลอื ได้ตรงตามความต้องการ รู้ว่าจะใช้วิธีสัมพันธ์พูดจา แนะนาติชมหรือจะให้เขายอมรับได้อย่างไร โดยเฉพาะในการใช้คน ซ่ึงต้องรู้ว่าคนไหนเป็นอย่างไร มี ความถนดั อธั ยาศัย ความสามารถอย่างไร เพ่ือใช้คนให้เหมาะกับงาน นอกจากน้ันก็รู้ประโยชน์ที่เขาพึง ได้ เพราว่าในการทางานน้ันไม่ใช่ว่าจะเอาเขามาเป็นเพียงเคร่ืองมือทางานได้แต่ จะต้องให้คนท่ีทางาน ทุกคนได้ประโยชน์ ได้พัฒนาตัวเอง ผู้นาควรรู้ว่า เขาควรจะได้ประโยชน์อะไรเพื่อความเจริญงอกงาม แห่งชีวิตท่ีแท้จริงของเขาด้วย (พระครูเจติยาภิวัฒน์) อีกท้ังรู้กฎ กติกา มารยาท ขนบประเพณี วัฒนธรรม ความเช่ือของชุมชนนั้น ๆ การกระทาอะไรที่ฝืนต่อสิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมากเกินไป หรืออย่าง ขาดศิลปะ ย่อมก่อให้เกิดแรงเสียดทานและต่อตาน ทาให้ประสบความสาเร็จได้ยาก(พระครูปทุมถาวร

138 วัตร) มีความยุติธรรมในการพิจารณาและตัดสินเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสถาบันสงฆ์ (พระครูพิชัย มงคลธรรม) พระสังฆาธิการต้องเป็นผู้รู้จักเลือกคบคน ใครควรคบหรือไม่ควรคบ และรู้จักว่าคนแต่ละ คนมีอุปนิสยั ใจคอท่ีแตกตา่ งกนั มคี ณุ ธรรมต่างกัน มีความประพฤติต่างกัน มีหน้าที่การงานต่างกัน เพ่ือ ไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดตามมาย้อนหลังในงานคณะสงฆ์ (พระครูพิชัยพัฒนคุณ) ประการสาคัญพระ สังฆาธิการต้องทราบความแตกต่างแห่งบุคคลว่า โดยอัธยาศัย ความสามารถ และคุณธรรม เป็นต้น ใคร ๆ ยง่ิ หรือหยอ่ นอย่างไร และรทู้ จ่ี ะปฏบิ ัติต่อบคุ คลนัน้ ๆ ดว้ ยดี ว่าควรจะคบหรือไม่ จะใช้จะตาหนิ ยกย่อง และแนะนาสง่ั สอนอยา่ งไร เปน็ ตน้ (พระครูสตุ ธรรมธร) ข้อเสนอแนะเก่ียวกับภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอ นากลาง จงั หวดั หนองบัวลาภู ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการควรเอาพระศาสนารอดโดยเฉพาะยุค ปัจจุบันน้ีถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ มีการแทรกแซงทางด้านพุทธศาสนาโดยผ่านต่างศาสนาเป็นผู้กาหนด ทศิ ทางทค่ี วรจะเป็นให้ศาสนาพทุ ธ โดยเฉพาะในประเด็นเร่ืองของพระสงฆ์ ซ่ึงเป็นตัวแทนของหนึ่งใน สามของพระรัตนตรัยที่มีบทบาทอันสาคัญที่จะดารงคงอยู่ของพระศาสนา ก็สมควรนาหลักสัปปุสิ ธรรมมาใชใ้ ห้เกิดคุณปู การให้มากที่สดุ (พระครเู จติยาภวิ ัฒน์) ถา้ เรานาหลักการปฏิบัติตนตามหลักสัป ปุริสสมาใช้ในการคณะสงฆ์แก่ตัวเองให้มาก ๆ จะทาให้วัดและศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรืองเป็นไปตาม หลักการและกฎหมายของบ้านเมืองและของศาสนจักร(พระครูปทุมถาวรวัตร) เพื่อทาให้เกิดการ พัฒนา ที่ม่ังค่ัง ย่ังยืนและเพ่ือประโยชน์สุขมวลมนุษยชาติหลักสัปปุริสธรรมขาดการนามาใช้สาหรับ ผู้นาไม่ได้เลย (พระครูพิชัยมงคลธรรม) บางคร้ังก็ควรเปิดโอกาสให้ภาคชุมชน คณะสงฆ์ ผู้นาชุมชน พุทธศาสนิกชน เสนอแนะถวายความเห็น ร่วมกาหนดเป้าหมายและแนวทางในการปฏิบัติงาน เพื่อ ส่งผลดีต่อวัด (พระครูพิชัยพัฒนคุณ) อีกทั้งยังต้องมีการบูรณาการหัวข้อธรรมและรูปแบบภาวะผู้นา หลากหลายรูปแบบ ให้เหมาะสมกับบริบท สถานการณ์ สภาวการณ์ ของแต่ละสถานที่ ดังนั้น เจ้าอาวาสต้องมีรูปแบบภาวะผู้นาเชิงบูรณาการด้วย เพ่ือประยุกต์หลักการในการพัฒนาด้านต่าง ๆ อยา่ งรอบด้าน (พระครูสตุ ธรรมธร) 5.2 อภปิ รายผลการวิจยั จากผลการวิจัยเร่ือง “ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอ นากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู” ผู้วิจัยพบประเด็นของผลการวิจัยท่ีสามารถนามาเสนอเพ่ือทาการ อภิปรายและประกอบแนวคิดทฤษฎีและผลงานวิจัยที่เกย่ี วข้องดังรายละเอียดตอ่ ไปนี้ 5.2.1 เพอื่ ศกึ ษาภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู รวมทั้ง 7 ด้าน มีระดับมาก เม่ือพิจารณาเป็นรายด้านทุกด้านประกอบด้วย ธัมมัญญุตา อัตถัญญุตา อัตตัญญุตา มัตตัญญุตา กาลัญญุตา ปริสัญญุตา และปุคคลปโรปรัญญุตา มี

139 ระดบั มากทุกดา้ น ทัง้ น้อี าจเป็นเพราะพระสังฆาธิการท่ีมาบวชในพระพุทธศาสนา และมีตาแหน่งทาง ปกครองคณะสงฆ์ เขา้ ใจและรูบ้ ทบาทหน้าท่ีของตนเป็นอย่างดีในฐานะผู้สืบทอดคาสอนขององค์พระ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซ่ึงสอดคล้องกับผลการศึกษาของ พระครูอุทัยกิจพิพัฒน์ (วิรัต สุก อินทร์) ได้ศึกษาภาวะผู้นาของพระสังฆาธิการจังหวัดอุทัยธานีตามหลักสัปปุริสธรรม 7 ผลการศึกษา พบวา่ ระดับภาวะผนู้ าของพระสังฆาธิการจงั หวัดอทุ ัยธานีตามหลักสัปปุริสธรรม 7 โดยรวมมีค่าเฉล่ีย มาก สอดคลอ้ งกับผลการศึกษาของ อรนุช โขพิมพ์ ได้ ทาการศกึ ษาเรือ่ ง ภาวะผู้นาของผู้บริหารตาม หลักสัปปรุ สิ ธรรม 7 ของผู้บรหิ ารโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดขอนแก่น ผลกา ศึกษาพบว่า ระดับภาวะผู้นาของผู้บริหารตามหลักสัปปุริสธรรม 7 ของผู้บริหารโรงเรียนพระปริยัติ ธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดขอนแก่น พบว่ารายรวมทั้ง 7 ด้านมีค่าเฉล่ียมาก สอดคล้องกับผล การศกึ ษาของ พระมหาศุภโชค มณิโชติ (มณีโชติ) ได้ศึกษาเรื่อง ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรม 7 ของเจ้าอาวาสในอาเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ผลการศึกษาพบว่า ระดับ ภาวะผู้นาตามหลักสัป ปุริสธรรม 7 ของเจ้าอาวาสในอาเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ โดยรวมท้ัง 7 ด้าน มีค่าเฉล่ียมาก และสอดคล้องกับผลการศึกษาของ พระครูสุจิตฺกิจฺจานุกูล (พระเฉลียว แขวงอินทร์) ได้ศึกษาเร่ือง ศึกษาหลักธรรมสัปปุริสธรรม 7 ของข้าราชการ ครูโรงเรียนอนุบาลนครปฐม อาเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ผลากรศึกษาพบว่า ระดับ การนาหลักธรรมสัปปุริสธรรม 7 ของข้าราชการ ครู โรงเรยี นอนุบาลนครปฐม อาเภอเมอื งนครปฐม จังหวัดนครปฐม โดยรวมทุกดา้ น มีค่าเฉลี่ย มาก 5.2.2 เปรยี บเทยี บสมมตฐิ านของพระสงั ฆาธกิ ารท่ีมีสถานภาพต่างกัน มีภาวะผู้นาตาม หลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู แตกต่างกัน จาแนกตาม พรรษา ตาแหนง่ พระสังฆาธิการ วุฒิการศึกษาทางธรรม วุฒิการศึกษาแผนกบาลีประสบ การณ์การปฏิบัตหิ น้าท่ี สามารถสรุปไดด้ ังนี้ สมมติฐานที่ 1 พระสังฆาธิการท่ีมีพรรษาต่างกัน มีภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของ พระสงั ฆาธกิ ารในเขตอาเภอนากลาง จงั หวัดหนองบัวลาภู แตกต่างกัน ผลการวิจัย พบว่า พระสังฆาธิ การท่ีมีพรรษาต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขต อาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐานที่ต้ังไว้ซ่ึง สอดคล้องกับผลการศึกษา พระมหาศุภโชค มณิโชติ (มณีโชติ) ได้ศึกษาเรื่อง ภาวะผู้นาตามหลัก สัปปุรสิ ธรรม 7 ของเจ้าอาวาสในอาเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ผลการวิจัยพบว่า พระภิกษุมี ที่มี พรรษา ทีแ่ ตกตา่ งกนั มีความเป็นภาวะผู้นา ตามหลักสัปปุริสธรรม 7 ของเจ้าอาวาสในอาเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ไม่แตกต่างกัน และสอดคล้องกับผลการศึกษาของ พระครูอุทัยกิจพิพัฒน์ (วิรัต สุกอินทร์) ได้ศึกษาภาวะผู้นาของพระสังฆาธิการจังหวัดอุทัยธานีตามหลักสัปปุริสธรรม 7 ผลการ ศึกษาพบว่า พระสังฆาธิการที่มีพรรษาต่างกัน มีความเป็นภาวะผู้นาของพระสังฆาธิการจังหวัด อทุ ยั ธานีตามหลักสปั ปรุ ิสธรรม 7 โดยรวมไม่แตกต่างกัน

140 สมมติฐานที่ 2 พระสังฆาธิการที่มีตาแหน่งพระสังฆาธิการต่างกัน มีภาวะผู้นาตามหลัก สัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู แตกต่างกัน ผลการวิจัย พบวา่ พระสังฆาธิการทม่ี ีตาแหนง่ พระสงั ฆาธิการต่างกัน มคี วามคิดเห็นต่อภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริส ธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน จึง ปฏิเสธสมมติฐานที่ตั้งไว้ ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของ พระมหาศุภโชค มณิโชติ (มณีโชติ) ได้ ศึกษาเร่ือง ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรม 7 ของเจ้าอาวาสในอาเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ผลการวิจัยพบว่า พระภิกษุมี ตาแหน่ง ท่ีแตกต่างกัน มีความเป็นภาวะผู้นา ตามหลักสัปปุริสธรรม 7 ของเจา้ อาวาสในอาเภอตากฟา้ จงั หวัดนครสวรรค์ ไม่แตกต่างกัน และสอดคล้องกับผลการศึกษาของ พระครูอุทัยกิจพิพัฒน์ (วิรัต สุกอินทร์) ได้ศึกษาภาวะผู้นาของพระสังฆาธิการจังหวัดอุทัยธานีตาม หลักสัปปุริสธรรม 7 ผลการศึกษาพบว่า พระสังฆาธิการที่มีตาแหน่งปกครองท่ีต่างกัน มีความเป็น ภาวะผนู้ าของพระสังฆาธิการจังหวดั อทุ ัยธานีตามหลักสัปปรุ สิ ธรรม 7 โดยรวมไมแ่ ตกต่างกัน สมมติฐานท่ี 3 พระสังฆาธิการท่ีมีวุฒิการศึกษาทางธรรมต่างกัน มีภาวะผู้นาตามหลัก สัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู แตกต่างกัน ผลการวิจัย พบว่า พระสังฆาธิการที่มีตาแหน่งพระสังฆาธิการต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นาตามหลัก สัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู โดยภาพรวมไม่แตกต่าง กัน จึงปฏิเสธสมมติฐานที่ตั้งไว้ ไว้ ซ่ึงสอดคล้องกับผลการศึกษาของ พระมหาศุภโชค มณิโชติ (มณีโชติ) ได้ศึกษาเร่ือง ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรม 7 ของเจ้าอาวาสในอาเภอตากฟ้า จังหวัด นครสวรรค์ ผลการวิจัยพบว่า พระภิกษุที่มีวุฒิการศึกษาทางธรรมท่ีแตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อ ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู โดย ภาพรวมไม่แตกต่างกัน สอดคล้องกับผลการศึกษาของ พระครูอุทัยกิจพิพัฒน์ (วิรัต สุกอินทร์) ได้ ศึกษาภาวะผนู้ าของพระสังฆาธิการจังหวดั อุทัยธานีตามหลักสัปปุริสธรรม 7 ผลการศึกษาพบว่า พระ สังฆาธิการที่มีวุฒิการศึกษาทางธรรมที่ ต่างกัน มีความเป็นภาวะผู้นาของพระสังฆาธิการจังหวัด อทุ ยั ธานตี ามหลกั สปั ปุริสธรรม 7 โดยรวมไม่แตกตา่ งกัน สมมติฐานที่ 4 พระสังฆาธิการที่มีวุฒิการศึกษาแผนกบาลีต่างกัน มีภาวะผู้นาตามหลัก สัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู แตกต่างกัน ผลการวิจัย พบว่า พระสังฆาธิการท่ีมีวุฒิการศึกษาแผนกบาลีต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นาตามหลัก สัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู โดยภาพรวมไม่แตกต่าง กัน จึงปฏิเสธสมมติฐานที่ตั้งไว้ ซ่ึงสอดคล้องกับผลการศึกษาของ พระมหาศุภโชค มณิโชติ (มณีโชติ) ได้ศึกษาเร่ือง ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรม 7 ของเจ้าอาวาสในอาเภอตากฟ้า จังหวัด นครสวรรค์ พระภิกษุ ที่มีวุฒิการศึกษาแผนกบาลีที่แตกต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นาตามหลัก สัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู โดยภาพรวมไม่แตก

141 ต่างกัน สอดคล้องกับผลการศึกษาของ พระครูอุทัยกิจพิพัฒน์ (วิรัต สุกอินทร์) ได้ศึกษาภาวะผู้นา ของพระสังฆาธิการจังหวัดอุทัยธานีตามหลักสัปปุริสธรรม 7 ผลการศึกษาพบว่า พระสังฆาธิการที่ มีวุฒาการศึกษาแผนกบาลี ที่ต่างกัน มีความเป็นภาวะผู้นาของพระสังฆาธิการจังหวัดอุทัยธานีตาม หลักสัปปรุ ิสธรรม 7 โดยรวมไม่แตกตา่ งกัน สมมติฐานท่ี 5 พระสังฆาธิการที่มีประสบการณ์การปฏิบัติหน้าท่ีต่างกัน มีภาวะผู้นาตาม หลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู แตกต่างกัน ผลการวิจัย พบว่า พระสังฆาธิการที่มีประสบการณ์การปฏิบัติหน้าท่ีต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะ ผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู โดยภาพ รวมไม่แตกต่างกัน จึงปฏิเสธสมมติฐานท่ีตั้งไว้ ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของ ของ พระมหาศุภ โชค มณีโชติ (มณีโชติ) ได้ศึกษาเรื่อง ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรม 7 ของเจ้าอาวาสในอาเภอ ตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ พระภิกษุ ที่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติหน้าท่ีท่ีแตกต่างกัน มีความ คิดเห็นต่อภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัด หนองบัวลาภู โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน สอดคล้องกับผลการศึกษาของ พระครูอุทัยกิจพิพัฒน์ (วิรัต สุกอินทร์) ได้ศึกษาภาวะผู้นาของพระสังฆาธิการจังหวัดอุทัยธานีตามหลักสัปปุริสธรรม 7 ผล การศกึ ษาพบว่า พระสังฆาธิการที่มีประสบการณ์ ที่ต่างกัน มีความเป็นภาวะผู้นาของพระสังฆาธิการ จังหวดั อุทัยธานีตามหลกั สปั ปรุ สิ ธรรม 7 โดยรวมไม่แตกตา่ งกนั ผลการสัมภาษณผ์ ้ใู ห้ข้อมลู สาคญั (Key Informants) สามารถอภิปรายไดด้ งั น้ี 1. ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัด หนองบัวลาภู 1.1 ภาวะผู้นาด้านธัมมัญญุ ควรเอาใจใส่เก่ียวกับบทบาทหน้าท่ีหลักของตนเอง โดยเฉพาะในเร่อื งทเ่ี กยี่ วข้องกับพุทธบริษทั ทั้ง 4 ในฐานะผนู้ าทางด้านจติ วิญญาณควรกระตือรือร้นใน การแก้ไขปัญหาที่เกิดข้ึนอย่างสร้างสรรค์ เข้าใจแหล่งที่มาของงานท่ีทา เพราะในบางคร้ังงานคณะ สงฆ์มาแบบเร่งด่วนเราอาจไม่ทันได้ต้ังตัวอาจจะทาให้เกิดข้อผิดพลาดได้ จึงควรมองเหตุให้ดี อย่าง กรณีเร่ืองของการจัดงานท่ีมีการเข้ามามีส่วนร่วมจากหลายองค์กรหน่วยงาน พระสังฆาธิการก็ควร เขา้ ใจและรู้ถึงสภาพการณ์ลักษณะของกจิ กรรมทก่ี าลังปฏบิ ัติดว้ ยความจรงิ ใจ และท่ีสาคัญพระสังฆาธิ การควรการที่จะเข้าใจว่าเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้อย่างไร ทาไมการทาหน้าท่ีของเรา ถึงไม่สัมฤทธิผลตามท่ีตนวางแผนไว้ หากรู้และเข้าใจท่ีว่าที่แล้วก็จะกาหนดแนวทางต่อไปได้ให้ดีกว่า เดมิ ยง่ิ ข้นึ ไป 1.2 ภาวะผู้นาด้านอัตถัญญุตา ให้ความเห็นว่าผู้นาถ้าไม่รู้จุดหมายก็ไม่รู้ว่าจะนาคน และกจิ การไปไหน นอกจากรู้จุดหมาย มีความชัดเจนในจุดหมายแล้ว จะต้องมีความแน่วแน่มุ่งม่ันที่จะ ไปให้ถงึ จุดหมายดว้ ย ข้อนี้เป็นคุณสมบัติท่ีสาคัญมาก เม่ือใจมุ่งจุดหมาย แม้มีอะไรมากระทบ กระท่ังก็

142 จะไมห่ วัน่ ไหว อะไรไมเ่ ก่ียวข้อง ไม่เข้าเปา้ ไม่เข้าแนวทางก็ไมม่ ่วั วุ่นวาย ใครจะพูดว่าด่าเหน็บแนม ก็ไม่ มัวถือสา ไม่เก็บเป็นอารมณ์ เอาแต่เร่ืองที่เข้าแนวทางสู่จุดหมาย ใจมุ่งสู่เป้าหมาย อย่างชัดเจนและ มุ่งมั่นแน่วแน่ รู้ถึงสาเหตุที่เป็นเง่ือนไขให้เกิดสิ่งน้ัน ๆ ข้ึน เพราะการจะดาเนินการให้เกิดผลอย่างใด ต้องรู้สาเหตุท่ีเป็นเงื่อนไขของสิ่งน้ันก่อน และที่จะกระทาต่อไปก็คือ การสร้างเหตุ การมีเป้าหมาย นาไปสู่ผลท่ีดีเป็นเรื่องสาคัญ พระสังฆาธิการต้องเป็นผู้รู้จักผลหรือประโยชน์ที่เกิดข้ึนจากการกระทา สามารถรู้ถึงความมุ่งหมายของธรรมแต่ละอย่างได้ชัดเจน เช่น รู้ว่าประพฤติตามธรรมข้อน้ีจะได้รับผล อยา่ งนี้ และรู้จักท่ีจะแสวงหาประโยชน์ให้แกต่ นเอง และผอู้ ืน่ เพราะเหน็ ด้วยปัญญาว่าเกิดผลดีจากการ ปฏิบัติ และท่ีสาคัญต้องรู้ประโยชน์ท่ีประสงค์ รู้จักผลที่จะเกิดขึ้นสืบเนื่องจากการกระทาหรือความ เป็นไปตามหลัก (knowing the meaning; knowing the purpose ; knowing the consequence) คุณสมบัติของผู้นาในข้อน้ี ต้องเป็นผู้ที่รู้และเข้าใจในนโยบาย มีความมุ่งหมายในการกระทาตาม จดุ ประสงค์ขององค์การท่ีต้ังไว้ และรู้ผลหรอื ประโยชน์ทเ่ี กิดจาการกระทานั้น ๆ ด้วย 1.3 ภาวะผู้นาด้านอัตตัญญุตา ให้ความเห็นว่า พระสังฆาธิการต้องรู้จักตัวตนของเรา เอง ว่าโดยฐานะ ภาวะ เพศ กาลังความรู้ ความสามารถ ความถนัด และคุณธรรม สามารถประเมิน ตนเองได้ในหลักธรรม ดังนี้ ศรัทธา (ชอบ รักในงานอะไร) ศีล (วินัย) สุตะ (ความรู้) จาคะ (ความเสีย สละ) ปัญญา (กระบวนการในการพัฒนาความรู้ที่มีอยู่) เป็นต้น แล้วประพฤติให้เหมาะสม และรู้ที่จะ แกไ้ ขปรับปรุง ท้ังนี้ต้องรู้ว่าตนเองคือใครมีภาวะเป็นอะไร อยู่ในสถานะใด มีคุณสมบัติ มีความพร้อมมี ความถนดั สติปัญญา ความสามารถอย่างไร มกี าลงั แคไ่ หน มีข้อย่ิงข้อหย่อน จุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร ซ่ึง จะต้องสารวจตนเอง และเตือนตนเองอยู่เสมอ ทั้งน้ีเพ่ือประโยชน์ในการพัฒนาปรับปรุงตัวเอง ให้มี คุณสมบตั คิ วามสามารถยิ่ง ๆ ขึ้นไป ไม่ใช่ว่าเป็นผู้นาแล้วจะเป็นคนสมบูรณ์ไม่ต้องพัฒนาตนเองยิ่งเป็น ผู้นาก็ยิ่งต้องพัฒนาตนเองตลอดเวลาให้นาได้ดียิ่งขึ้นไป อีกอย่างพระสังฆาธิการต้องรู้ว่าตนเป็นใคร มี ความสามารถ และ สถานภาพทางสังคม เป็นเช่นไร? เป็นต้น ส่ิงต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเง่ือนไขให้พระ สังฆาธิการสามารถเข้าไปดาเนินการได้มากน้อยเพียงใด ความรู้จักประมาณตนในเรื่องต่าง ๆ ก็เช่นกัน ทั้งฐานะทางการเงิน และความเป็นอยู่ ฐานะหรือตาแหน่งในหน้าที่การงาน รวมไปถึงรู้จักสภาพความ คดิ และจติ ใจของตน เมื่อรู้วา่ ตนมกี าลงั มีความคิดอย่างไร มีอุปนิสัยอย่างไร เม่ือน้ัน ย่อมที่จะสามารถ วางตัวหรือปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสมใน ไม่ใช่ไม่รู้ว่าภาวะ เพศ กาลังความรู้ ความ สามารถ ความถนัด และคุณธรรม (knowing oneself) ว่ามีความพร้อมท้ังกายและใจ การประพฤติตน ทเ่ี หมาะสม และรูท้ ี่จะแก้ไขปรบั ปรุงตนเองให้ดยี ่ิงขึน้ ต่อไปเพื่องานคณะสงฆ์ต่อไป 1.4 ภาวะผู้นาด้านมัตตัญญุตา ได้ให้ความเห็นว่า พระสังฆาธิการต้องรู้จักขอบเขตขีด ขัน้ ความพอเหมาะท่ีจะจัดทาในเร่ืองต่าง ๆ ยกตัวอย่าง เช่น ผู้ปกครองบ้านเมืองรู้จักประมาณในการ ลงทัณฑ์อาชญา และการเก็บภาษี เป็นต้น ไม่ใช่เอาแต่จะให้ได้อย่างใจ และต้องรู้จักว่าในการกระทา น้ัน ๆ หรือในเรื่องราวน้ัน ๆ มีองค์ประกอบหรือมีปัจจัยอะไรเก่ียวข้องบ้าง ทาแค่ไหนองค์ประกอบ

143 ของมันจะพอดี ไดส้ ดั ส่วนพอเหมาะ การทาการต่าง ๆ ทุกอย่างต้องพอดี ถ้าไม่พอดีก็พลาดความดีจึง จะทาให้เกิดความสาเร็จที่แท้จริง ฉะน้ันจะต้องรู้องค์ประกอบและปัจจัยที่เก่ียวข้องและจัดให้ลงตัว พอเหมาะพอดี งบประมาณท้ังจากทางวัดและจากหน่วยงานราชการต้องรู้ว่าต้องเข้าไปดาเนินการ เท่าใด จึงจะพอเพียงให้บรรลุผลที่ประสงค์ ลองนึกถึงเร่ืองการเอาไม้มาสีกันเพ่ือให้เกิดไฟก็ได้ หากสี น้อยไป ก็ไม่ถึงจุดที่ความร้อนจะสะสมมากพอจนทาให้เกิดประกายไฟ หากสีมากไป คือ เมื่อไฟติด แล้ว ก็ยังสีต่อไปอยู่น่ัน ก็ส้ินเปลืองอะไรต่อมิอะไรไปเปล่า ๆ ความพอเพียงในทุก ๆ ด้าน ทั้งความ พอดใี นตน ความพอเพียงในชีวิต ร้จู ักความพอดีในการพูด พอดีในการทางาน พอดีในการหาทรัพย์มา พัฒนาวัด และพอดีในการจ่ายทรัพย์ ด้วยการรู้จักประมาณกาลังตนเอง พระสังฆาธิการต้องรู้กาลัง ความสามารถ งบประมาณ บุคลากรและเทคโนโลยีในการดาเนินงาน ไม่ใช่ทาเกินตัว เกินกาลังของ ตน นอกจากนี้เรื่ององการรู้จักประมาณในการรับปัจจัยส่ีและบริโภคปัจจัยสี่ คฤหัสถ์รู้จักประมาณใน การใช้จ่ายโภคทรัพย์ พระมหากษัตริย์รู้จักประมาณ ในการลงทัณฑ์อาชญาและในการเก็บภาษี เป็นต้น ส่วนพระสังฆาธิการก็ควรรู้การบริโภคให้เหมาะสมแก่สมณเพศ โดยเฉพาะตนเองเป็นผู้นา ทางดา้ นจติ วญิ ญาณ 1.5 ภาวะผนู้ าด้านกาลญั ญตุ า ได้ให้ความเห็นว่าพระสังฆาธิการควรรู้ลาดับ ระยะจังหวะ ปริมาณ ความเหมาะของเวลาว่า เรื่องน้ีจะลงมือตอนไหน เวลาไหน จะทาอะไรอย่างไร จึงจะเหมาะ ดังจะเหน็ วา่ แม้แต่การพูดจาก็ต้องรู้จักกาลเวลา ตลอดจนรู้จักวางแผนงานในการใช้เวลา ซึ่งเป็นเรื่อง ใหญ่ เช่น วางแผนว่า สังคมมีแนวโน้มจะเป็นอย่างน้ีในเวลาข้างหน้าเท่านั้น และเหตุการณ์ทานองน้ี จะเกิดขึ้น เราจะวางแผนรับมือกับสถานการณ์น้ันอย่างไร พระสังฆาธิการควรรู้เวลา ว่าตอนไหนควร ทาตอนไหนไม่ควรทา บางทเี ร็วไปก็ไม่ได้ บางท่ชี ้าไป กไ็ ม่ทนั การ เปน็ ต้น เมื่อลงมือทาแล้วควรให้เป็น ไปกรอบของระยะเวลาให้ทันกาล พระสังฆาธิการควรเข้าใจในกาลเวลาอันสมควร และระยะเวลาที่ เหมาะสมสาหรับการทากิจอันใด ๆ และพึงใช้กาลเวลานั้นให้เหมาะสม เช่น รู้ว่าเวลาไหนควร เวลา ไหนไม่ควรทา รูว้ า่ เวลาไหนควรทาอะไร อะไรควรทาก่อน อะไรควรทาหลัง ด้วยการจัดลาดับของงาน และเวลาให้สัมพันธ์กัน รวมถึงรู้จักประมาณเวลาขณะทาสิ่ง ๆ นั้นให้เหมาะสม และท่ีสาคัญผู้นาต้อง รู้จักคุณค่าของกาลเวลา รู้ว่าเวลาใดทา และเวลาใดควรหยุด รู้ว่าเวลาน้ีควรทาอะไร ไม่ควรทาอะไร พร้อมกับรู้จักประมาณเวลาที่ใช้ขณะทางานให้มีอย่างเหมาะสม ผู้ท่ีรู้จักกาลเวลาน้ี ย่อมเป็นคนตรง เวลา และเปน็ คนท่รี คู้ ณุ คา่ ของเวลา สามารถบรหิ ารกิจการงานให้รงุ่ เรอื งต่อไปไดด้ ้วยดี 1.6 หลักปริสัญญุตา ได้ให้ความเห็นว่า พระสังฆาธิการรู้สังคมโลก รู้สังคมของประเทศ ชาติว่าอยู่ในสถานการณ์อย่างไร มีปัญหาอะไรมีความต้องการอย่างไร โดยเฉพาะวัดในฐานะเป็น หน่วยงานกลางเช่ือมต่อจากหลาย ๆ หน่วยงาน ก็ต้องรู้ปัญหารู้ความต้องการของเขา แม้แต่ชุมชน ย่อย ๆ ถา้ เราจะชว่ ยเหลอื เขา เราต้องรู้ความต้องการของเขา เพื่อสนองความต้องการได้ถูกต้อง หรือ แก้ไขปญั หาไดต้ รงจดุ (พระสงั ฆาธิการควรร้จู กั ว่าชุมชนเหล่านั้นมีความต้องการอะไร มีความเห็นหรือ

144 ขอ้ ตกลงอยา่ งไร เมือ่ ทราบเช่นนัน้ แลว้ ย่อมทาให้สามารถอยรู่ ่วมกับชุมชนได้อย่างมีความสุข และเกิด ความรว่ มมือจากชุมชนอยา่ งแท้จรงิ พระสงั ฆาธกิ ารควรเป็นผทู้ ีร่ ู้จักปรบั ตัวให้เข้ากับชุมชน และเข้าใจ ในสภาพของชุมชนในด้านระเบียบวินัย ขนบธรรมเนียมประเพณีโดยการปรับปรุงตนเองให้เหมาะสม กบั ชุนชนน้นั ๆ รู้จักทป่ี ระชุม รกู้ ิรยิ าท่ีจะประพฤติตอ่ ชุมชนน้นั ๆ ว่า ชุมชนนี้เมื่อเข้าไปหา จะต้องทา กิริยาอย่างนี้ จะต้องพูดอย่างน้ี ชุมชนน้ีควรสงเคราะห์อย่างนี้ เป็นต้น คุณสมบัติของผู้นาในข้อน้ีต้อง เป็นผ้รู กู้ ริ ิยาทจ่ี ะประพฤติต่อชุมชนนั้น ๆ ว่า ชุมชนน้ีเม่ือเข้าไปหา จะต้องทากิริยาอย่างนี้ จะต้องพูด อย่างน้ี ชุมชนน้ีควรสงเคราะห์อย่างน้ี ซ่ึงมีผลให้องค์การได้รับการสนับสนุนร่วมมือจากชุมชนและ หน่วยงานตา่ ง ๆ 1.7 ภาวะผู้นาดา้ นปคุ คลปโรปรัญญุตา ได้ให้ความเห็นว่าพระสังฆาธิการควรรู้จักบุคคลท่ี เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคนที่มาร่วมงานร่วมการร่วมไปด้วยกัน และคนที่เราไปให้บริการตามความแตก ตา่ งเฉพาะตัว เพ่ือปฏบิ ัติตอ่ เขาได้ถูกตอ้ งเหมาะสมและไดผ้ ล ตลอดจนสามารถทาบริการให้ความช่วย เหลือได้ตรงตามความต้องการ รู้ว่าจะใช้วิธีสัมพันธ์พูดจาแนะนาติชมหรือจะให้เขายอมรับได้อย่างไร โดยเฉพาะในการใช้คน ซ่ึงต้องรู้ว่าคนไหนเป็นอย่างไร มีความถนัดอัธยาศัย ความสามารถอย่างไร เพือ่ ใชค้ นให้เหมาะกบั งาน นอกจากนั้นก็รปู้ ระโยชน์ท่ีเขาพึงได้ เพราว่าในการทางานน้ันไม่ใช่ว่าจะเอา เขามาเป็นเพียงเครื่องมือทางานได้ แต่จะต้องให้คนท่ีทางานทุกคนได้ประโยชน์ ได้พัฒนาตัวเอง ผู้นา ควรรวู้ า่ เขาควรจะได้ประโยชนอ์ ะไรเพื่อความเจริญงอกงามแห่งชีวิตท่ีแท้จริงของเขาด้วย อีกทั้งรู้กฎ กตกิ า มารยาท ขนบประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อของชุมชนนนั้ ๆ การกระทาอะไรที่ฝืนต่อส่ิงต่าง ๆ ท่ีกล่าวมากเกินไป หรืออย่างขาดศิลปะ ย่อมก่อให้เกิดแรงเสียดทานและต่อตาน ทาให้ประสบความ สาเร็จไดย้ าก มคี วามยตุ ิธรรมในการพจิ ารณาและตดั สนิ เหตุการณต์ า่ ง ๆ ท่ีเกิดข้ึนในสถาบันสงฆ์ พระ สังฆาธิการต้องเป็นผู้รู้จักเลือกคบคน ใครควรคบหรือไม่ควรคบ และรู้จักว่าคนแต่ละคนมีอุปนิสัยใจ คอท่ีแตกต่างกัน มีคุณธรรมต่างกัน มีความประพฤติต่างกัน มีหน้าที่การงานต่างกัน เพ่ือไม่ให้เกิด ข้อผิดพลาดตามมาย้อนหลังในงานคณะสงฆ์ ประการสาคัญพระสังฆาธิการต้องทราบความแตกต่าง แหง่ บคุ คลว่า โดยอธั ยาศยั ความสามารถ และคุณธรรม เป็นต้น ใคร ๆ ยิ่งหรือหย่อนอย่างไร และรู้ที่ จะปฏิบัติต่อบุคคลน้ัน ๆ ด้วยดี ว่าควรจะคบหรือไม่ จะใช้จะตาหนิ ยกย่อง และแนะนาสั่งสอน อย่างไร เป็นตน้ 5.3 ขอ้ เสนอแนะ 5.3.1 ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย 1) ให้พระสงั ฆาธิการมีลักษณะเปน็ มติ รภาพกับทกุ คน เป็นผทู้ ่ีสามารถเข้าใกล้ชิดได้ 2) ให้พระสังฆาธกิ ารมีความเชอ่ื มั่นและให้ความไวว้ างใจผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเต็มที่ 3) ให้พระสังฆาธิการต้ังเป้าหมายที่ท้าทายสาหรับผู้ใต้บังคับบัญชา เน้นความสาคัญ ไปที่ความเป็นเลศิ ในการปฏบิ ตั ิงานและปรบั ปรงุ งานอย่างต่อเน่ือง

145 5.3.2 ข้อเสนอแนะเชงิ ปฏิบตั ิ 1) ควรกาหนดเป้าหมายและแนวทางในการปฏิบัติเรียกร้องให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ปฏบิ ัตติ ามกฎเกณฑแ์ ละระเบยี บตา่ ง ๆ 2) ควรมุ่งเน้นการเป็นผู้นาท่ีให้ความสาคัญกับการบริหารงานทางการคณะสงฆ์ให้ ครอบคลุมท้ัง 6 ด้าน ได้แก่ การปกครอง การศาสนศึกษา การเผยแผ่ การสาธารณูปการ การศึกษา สงเคราะห์และการสาธารณสงเคราะห์ ซ่ึงจะเป็นผลดีต่อปฏิบัติตนและสร้างศรัทธาให้แก่พุทธบริษัท ท้งั 4 3) ควรควรเปดิ โอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้แสดงความคิดเห็นและมีส่วนในการร่วม แกไ้ ขปัญหาอย่างเต็มความสามารถ 5.3.3 ข้อเสนอแนะสาหรบั การวจิ ัยครั้งตอ่ ไป 1) ในการวิจัยคร้ังต่อไปควรใช้หลักพุทธรรมอ่ืนท่ีเกี่ยวข้องกับภาวะของพระสังฆาธิ การ เช่น กุศลกรรมบถ 10 สาราณียธรรม พรหมวิหาร 4 สังคหวัตถุ 4 เป็นต้น เพ่ือส่งเสริมให้เจ้ามี หลักในการปฏบิ ัติตนและปฏิบตั งิ านได้ดีย่ิงข้ึน 2) ในการวิจัยคร้ังต่อไปควรศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างหลักพุทธรรมกับหลักการ ปฏิบตั ิตน และปฏบิ ัตงิ านใหเ้ หมาะสมกับสถานการณป์ ัจจบุ ัน 3) ในการวิจัยครั้งต่อไปควรนาผลการวิจัยท่ีได้ไปประยุกต์ในองค์กร หน่วยงานภาคี เครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ภายใต้โครงการ บ้าน วัด โรงเรียน (บ ว ร) เพื่อจะได้พิจารณาผลสัมฤทธิ์ ภาวะผูน้ าของพระสงั ฆาธิการตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

บรรณานุกรม 1. ภาษาไทย ก. ข้อมลู ปฐมภูมิ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับจุฬาลงกรณราช วิทยาลัย. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพม์ หาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั . ข. ขอ้ มลู ทตุ ยิ ภมู ิ 1) หนังสอื ทว่ั ไป กานดา จนั ทร์แยม้ . (2546). จติ วิทยาอตุ สาหกรรมเบื้องตน้ . กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพโ์ อเดยี นส โตร์. ชาย โพธสิ ติ า. (2556). ศาสตรแ์ ละศิลปแ์ ห่งการวจิ ยั เชงิ คุณภาพ. พิมพ์คร้ังท่ี 6. กรุงเทพมหานคร : บริษัท อมรินทร์พร้นิ ต้งิ แอนดพ์ ับลชิ ชง่ิ จากดั . นารรี ัตน์ โอภาษ.ี (2550). องคก์ ารสขุ ภาพดี. กรงุ เทพมหานคร : สถาบันบณั ฑติ พัฒนบรหิ ารศาสตร์. บญุ ชม ศรีสะอาด. (2545). การวจิ ยั เบ้อื งตน้ . พิมพค์ ร้ังที่ 7. กรงุ เทพมหานคร : สวุ ีริยาสาสน์ . บญุ ธรรม กจิ ปรีดาบริสุทธ์ิ. (2542). เทคนิคการสร้างเคร่ืองมือรวบรวมข้อมูลสาหรับการวิจัย.พิมพ์ ครั้งที่ 5. กรุงเทพมหานคร : เจริญดกี ารพมิ พ์. พระธรรมปฎิ ก (ป.อ.ปยตุ ฺโต). (2538). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. พิมพ์ครั้งที่ 13. กรงุ เทพมหานคร : เอส.อาร.์ พริ้นติ้ง แมสโปรดักส์. พระพุทธศาสนาจังหวัดอานาจเจริญ, สานักงาน. (2545). คู่มือการบริหารกิจการคณะสงฆ์. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์กรมการศาสนา. มาลี จฑุ า. (2542). จิตวิทยาการสอน. พมิ พค์ รัง้ ท่ี 4. กรงุ เทพมหานคร. : โรงพิมพ์ทิพยวสิ ทุ ธ์ิ. วิไลวัจน์ กฤษณะภูติ. (2558). “การวิจัยเชิงคุณภาพทางรัฐประศาสนศาสตร์”. เอกสารประกอบ การสอน. ขอนแก่น : มหาวิทยาลยั ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ. สโขทัยธรรมาธิราช, มหาวิทยาลัย. (2533). พัฒนาการวัยรุ่นและการอบรม. พิมพ์คร้ังท่ี 3. กรุงเทพมหานคร : อรุณการพิมพ์. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณสมเด็จพระสังฆราช (อุฏฐายี). (2509). พุทธธรรม. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพม์ หาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย. สร้อยตระกูล (ติวยานนท์) อรรถมานะ. (2541). พฤติกรรมองค์การ : ทฤษฎีและการประยุกต์. กรุงเทพมหานคร : สานกั พมิ พม์ หาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. เสนาะ ตเิ ยาว.์ (2535). การบรหิ ารแบบผูน้ า. กรงุ เทพมหานคร : มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์.

147 เสริมศกิัดว์ ศิาลาภรณณ์. (2536). ภาวะผู้นา. ใน ประมวลสาระชุดวิชาทฤษฎีและแนวปฏิบัติใน การบรหิ ารการศกึ ษา หน่วยท่ี 5. นนทบุรี : มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธริ าช. 2) ออนไลน์ พระครูสุจิตฺกิจานุกูล (พระเฉลียว แขวงอินทร์). หลักสัปปุริสธรรม 7 ของข้าราชการครูโรงเรียน อนุบาลนครปฐม อาเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม. สืบค้นเม่ือวันที่ 2 สิงหาคม 2559 จาก http://www.thongsook.ac.th/ 3) วทิ ยานิพนธ์/สารนพิ นธ์ ประยุทธ ชูสอน. (2548). “พฤติกรรมภาวะผู้นาและแนวทางการพัฒนาสู่ความเป็นผู้บริหารมืออาชีพ ของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษาในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”. วิทยานิพนธ์ศึกษา ศาสตรดษุ ฎีบัณฑติ . บัณฑติ วทิ ยาลยั : มหาวิทยาลยั ขอนแก่น. ประเสริฐ สมพงษ์ธรรม. (2537). “การวิเคราะห์ภาวะผู้นาของศึกษาธิการจังหวัดท่ีสัมพันธ์กับ ประสิทธผิ ลขององคก์ ารสานักงานศึกษาธิการจังหวัด”. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย : จฬุ าลงกรณมหาวิทยาลัย. พระสามารถ อานนฺโท. (2548). “ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรม”. วิทยานิพนธ์ศาสนศาสตรมหา บณั ฑิต. บณั ฑติ วทิ ยาลัย : มหาวทิ ยาลัยมกุฏราชวิทยาลยั . พระมหาศุภโชค มณิโชติ (มณีโชติ). (2556). “ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรม 7 ของเจ้าอาวาสใน อาเภอตากฟ้าจังหวัดนครสวรรค์”. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระครูอุทัยกิจพิพัฒน์ (วิรัต สุกอินทร์). (2553). “การศึกษาภาวะผู้นาของพระสังฆาธิการจังหวัด อทุ ัยธานีตามหลักสปั ปุริสธรรม 7”. วทิ ยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. วัชรินทร์ พงศ์พันธ์ุอัศดร. (2545). “ความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานเกี่ยวกับ พฤติกรรมการบริหารของ ผู้บริหารสถานศึกษาท่ีสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2542 ใน จังหวัดมหาสารคาม”. กรุงเทพมหานคร : ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์ ไทย. สุรีย์ภรณ์ ทรรศนียากร. (2541). “ภาวะผู้นากับวิวัฒนาการขององค์กร : กรณีศึกษาโรงเรียน สหศาสตร์ศึกษา อาเภอเมืองเชียงราย”. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑติ วิทยาลยั : มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่.

148 สทิ ธชิ ยั ก่ิมนอก. (2557). “การศกึ ษาการปฏิบัติตามหลักสัปปุริสธรรม 7 ของผู้บริหารสถานศึกษาใน สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 31”. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหา บณั ฑิต. บัณฑติ วทิ ยาลยั : มหาวิทยาลยั ราชภัฎมหาสารคาม. อรนุช โขพมิ พ์. (2555). “ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสสธรรม 7 ของผู้บริหารโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา จังหวัดขอนแก่น ”. วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิ ต. บณั ฑิตวทิ ยาลยั : มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั . 2. ภาษาองั กฤษ McGregor, Douglas. (1960). The human side of enterprise. New York : McGraw-Hill.

ภาคผนวก

ภาคผนวก ก รายชอื่ ผู้เช่ยี วชาญตรวจสอบเครื่องมอื

151 รายชือ่ ผ้เู ช่ยี วชาญตรวจสอบเครื่องมอื การวิจยั 1. รศ.ดร.ภาสกร ดอกจันทร์ Ph.D. (Social Science) การศกึ ษา อาจารยป์ ระจาหลักสูตรรฐั ศาสตรมหาบัณฑิต ตาแหนง่ ปจั จุบนั มหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวิทยาลยั วิทยาเขตศรลี ้านชา้ ง 2. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.บุรนิ ทร์ ภู่สกลุ การศกึ ษา Ph.D. (Political Science) ตาแหนง่ ปัจจุบัน อาจารยป์ ระจาหลกั สตู รรัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั 3. ดร.ทองแพ ไชยต้นเทอื ก Ph.D. (Political Science) การศึกษา อาจารยป์ ระจาหลกั สตู รรฐั ศาสตรมหาบณั ฑิต ตาแหน่งปัจจุบัน มหาวทิ ยาลัยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื จังหวัดขอนแก่น 4. ดร.วนิ ิจ ผาเจรญิ Ph.D. (Political Science) การศกึ ษา อาจารย์ มหาวิทยาลัยเกษตรแม่โจ้ ตาแหน่งปจั จบุ นั 5. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สขุ พัฒน์ อนนท์จารย์ ตาแหนง่ ปจั จุบัน ผู้ช่วยอธกิ ารบดี มหาวิทยาลัยมหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย วิทยาเขตศรลี า้ นชา้ ง

ภาคผนวก ข หนงั สอื ขอความอนุเคราะหเ์ ป็นผเู้ ชี่ยวชาญตรวจสอบเคร่อื งมอื

153

154

155

156

157

ภาคผนวก ค หนงั สือขอความอนุเคราะห์เกบ็ ขอ้ มลู

159

160

ภาคผนวก ง แบบสอบถาม

162 แบบสอบถาม เรอ่ื ง ภาวะผู้นาตามหลกั สัปปุรสิ ธรรมของพระสังฆาธกิ ารในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบวั ลาภู ***************** สาหรบั พระสังฆาธกิ าร คาชแ้ี จง 1. แบบสอบถามฉบับน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระ สงั ฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จงั หวดั หนองบวั ลาภู 2. แบบสอบถามน้ีมี 3 ตอน ตอนที่ 1 แบบสอบถามเก่ียวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม มีลักษณะเป็นแบบ สารวจรายการ (Check list) จานวน 5 ข้อ ตอนที่ 2 แบบสอบถามเก่ียวกับภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการใน เขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู มีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) จานวน 35 ขอ้ ตอนที่ 3 แบบสอบถามเก่ียวกับข้อเสนอแนะเก่ียวกับภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรม ของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู 7 ด้าน คือ 1) ด้านธัมมัญญุตา 2) ด้านอัตถัญญุตา 3) ด้านอัตตัญญุตา 4) ด้านมัตตัญญุตา 5) ด้านกาลัญญุตา 6) ด้านปริสัญญุตา และ 7) ดา้ นปุคคลปโรปรญั ญตุ า 3. กรุณาตอบแบบสอบถามให้ครบทุกข้อ เพื่อประโยชน์ในการนาข้อมูลไปทาการวิจัยและ เป็นแนวทางในการพัฒนางานวิจัยให้เกิดประสิทธิภาพ เนื่องจากแบบสอบถามที่ตอบครบทุกข้อเท่า นัน้ จะเปน็ แบบสอบถามฉบบั สมบูรณ์ 4. ขอ้ มูลจากแบบสอบถามของเจา้ อาวาสไม่มีผลเสยี หายหรอื กระทบต่อการปฏิบัติงานของ เจา้ อาวาสแต่อยา่ งใด 5. ข้อมูลจากแบบสอบถามของเจ้าอาวาส ผู้วิจัยจะเก็บรักษาไว้เป็นความลับและนาไปใช้ เพอื่ การวิจยั ครง้ั นเี้ ทา่ น้นั

163 ผู้วจิ ยั หวังเป็นอย่างย่ิงว่า จะได้รับความอนุเคราะห์จากเจ้าอาวาสด้วยดี จึงขอขอบคุณ ขอ อนโุ มทนามา ณ โอกาสน้ี พระมหาประยรู เขมจาโร (คาแกว้ ) นกั ศึกษาปรญิ ญาโท สาขาวิชารัฐศาสตร์การปกครอง มหาวทิ ยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลยั วิทยาศรลี า้ นชา้ ง

164 ตอนท่ี 1 แบบสอบถามเกย่ี วกบั สถานภาพของผตู้ อบแบบสอบถาม คาช้ีแจง โปรดกาเครอ่ื งหมาย  ลงใน ท่ีตรงกับสถานภาพของผตู้ อบแบบสอบถาม 1. พรรษา สาหรบั ผ้วู ิจัย  ต่ากวา่ 5 พรรษา   11 - 15 พรรษา  21 พรรษาขน้ึ ไป  6 - 10 พรรษา  16 - 20 พรรษา 2. ตาแหน่งพระสังฆาธกิ าร   รองเจ้าอาวาส  เจา้ คณะตาบล  เจ้าอาวาส  เจ้าคณะอาเภอ 3. วุฒกิ ารศึกษาทางธรรม   นกั ธรรมชน้ั ตรี  นักธรรมชน้ั เอก  นักธรรมช้นั โท 4. วุฒิการศกึ ษาแผนกบาลี   เปรียญธรรม 1-2 ประโยค  เปรยี ญธรรม 3-6 ประโยค  เปรียญธรรม 7-9 ประโยค 5. ประสบการณ์การปฏบิ ัติหน้าที่   ต่ากว่า 5 ปี  10 ปขี ึ้นไป  6 - 9 ปี

165 ตอนที่ 2 แบบสอบถามเก่ียวกับภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการใน เขตอาเภอนากลาง จงั หวัดหนองบวั ลาภู คาชแี้ จง โปรดอ่านข้อความอย่างละเอียดแล้วพิจารณาว่าภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระ สังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู โดยทาเครื่องหมาย  ลงในช่องท่ีตรงกับ ระดับบทบาทตามสภาพความเป็นจริงของเจ้าอาวาสมากที่สุด ระดบั 5 หมายถึง มกี ารปฏบิ ัติอยา่ งสม่าเสมอและต่อเนื่อง (81-100%) ระดับ 4 หมายถึง มีการปฏบิ ัติค่อนขา้ งบ่อย 61-80%) ระดับ 3 หมายถึง มกี ารปฏิบัตเิ ป็นบางคร้ัง (41-60%) ระดับ 2 หมายถึง มกี ารปฏบิ ัตินอ้ ยครงั้ (21-40%) ระดับ 1 หมายถึง มกี ารปฏิบัตนิ อ้ ยครง้ั มากหรือไมป่ ฏบิ ัตเิ ลย (0-20%) ท่ี ภาวะผู้นาตามหลักสัปปรุ ิสธรรมของพระสังฆาธกิ ารใน ระดับการปฏบิ ัติ สาหรบั เขตอาเภอนากลาง จังหวดั หนองบัวลาภู 54321 ผวู้ จิ ยั ด้านธัมมัญญตุ า : ความเป็นผรู้ จู้ กั เหตุ  1. ท่านเป็นผู้ที่เข้าใจระเบียบกฎเกณฑ์ ของการบริหารกิจ  การคณะสงฆ์   2. ท่านเป็นผู้ที่ยึดหลักการและบริหารกิจการคณะสงฆ์อย่าง  เปน็ ขน้ั เปน็ ตอน 3. ทา่ นเปน็ นักวางแผน และจัดทานโยบายสอดคลองกับการ บรหิ ารกจิ การคณะสงฆ์ 4. ท่านระงับอธิกรณ์ โดยใช้พระธรรมวินยั 5. ท่านเปน็ พระเถระที่ทรงธรรมและวนิ ัย ขอ้ เสนอแนะด้านธมั มัญญุตา : ความเปน็ ผ้รู ู้จกั เหตุ ............................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................

166 ท่ี ภาวะผู้นาตามหลกั สัปปรุ สิ ธรรมของพระสังฆาธิการใน ระดบั การปฏิบตั ิ สาหรับ เขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู 54321 ผวู้ ิจัย ดา้ นอตั ถัญญตุ า : ความเป็นผู้รู้จักผล   1. ท่านเป็นผู้ที่มีจุดมุ่งหมายหรือเป้าหมายในการบริหารกิจ   การคณะสงฆ์  2. การบริหารกิจการคณะสงฆ์ของท่านยึดประโยชน์ เพ่ือ ส่วนรวมเปน็ หลกั 3. ทา่ นเปน็ นักพัฒนาทม่ี ีการคิดโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ มาพฒั นากิจการคณะสงฆ์ 4. ท่านเป็นผู้ท่ีมีความมุ่งมั่น และมีความเพียรพยายามท่ีจะ ขับเคล่อื นไปสู่ จดุ หมายทตี่ ั้งไว้ 5. ทา่ นทมุ่ เทกาลงั ใจกาลังกายเพ่อื งานคณะสงฆ์ ข้อเสนอแนะดา้ นอัตถัญญตุ า : ความเป็นผรู้ ้จู ักผล ............................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................

167 ท่ี ภาวะผ้นู าตามหลกั สัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการใน ระดับการปฏิบัติ สาหรับ เขตอาเภอนากลาง จังหวดั หนองบัวลาภู 54321 ผวู้ ิจัย ดา้ นอตั ตญั ญตุ า : ความเปน็ ผ้รู ู้จกั ตน  1. ทา่ นเป็นผ้นู าท่มี ีวิสยั ทศั น์ มีความคิดรเิ ร่มิ สรา้ งสรรค์   2. ท่านเป็นผู้ที่เป่ียมดว้ ยความรู้ ความสามารถและความเช่ือ   ม่นั ในตนเอง 3. ท่านเป็นผู้ที่มคี วามรบั ผดิ ชอบสงู 4. ทา่ นเป็นผู้ทม่ี ีจติ ใจโอบออมอารี และมคี วามเสียสละ 5. ทา่ นข่มอนิฏฐารมณไ์ ดท้ กุ ขณะ ขอ้ เสนอแนะด้านอตั ตัญญตุ า : ความเป็นผรู้ ู้จกั ตน ............................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................

168 ที่ ภาวะผู้นาตามหลักสัปปรุ ิสธรรมของพระสังฆาธิการใน ระดบั การปฏบิ ตั ิ สาหรับ เขตอาเภอนากลาง จังหวดั หนองบัวลาภู 54321 ผู้วิจัย ดา้ นมตั ตญั ญุตา : ความเปน็ ผู้รู้ จกั ประมาณหรือรู้ จักความพอเพียง   1. ท่านเป็นผู้กาหนดแผนหรือนโยบายในการบริหารกิจการ  คณะสงฆ์ ท่มี ีความเหมาะสมและพอดี   2. ทา่ นบริหารงบประมาณคมุ คา่ และเกดิ ประโยชน์ต่อองค์กร 3. ท่านเปน็ ตวั อยา่ งในการดาเนนิ ชวี ติ บนวถิ ีแห่งความสนั โดษ 4. ท่านเป็นตัวอย่างที่ดี ในการบริหารจัดการโดยยึดหลัก มัชฌมิ าปฏปิ ทา 5. ท่านยินดใี นปจั จัยส่ตี ามกาลังของตน ข้อเสนอแนะดา้ นมัตตญั ญตุ า : ความเป็นผรู้ ู้ จกั ประมาณหรอื รู้ จักความพอเพยี ง ............................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................

169 ที่ ภาวะผู้นาตามหลกั สัปปุรสิ ธรรมของพระสังฆาธิการ ใน ระดับการปฏิบตั ิ สาหรับ เขตอาเภอนากลาง จังหวดั หนองบัวลาภู 54321 ผู้วิจัย ดา้ นกาลัญญุตา : ความเป็นผู้รู้ จักกาลเวลาหรือรจู้ กั เวลาทีเ่ หมาะทค่ี วร   1. ท่านจัดทานโยบายหรือโครงการเหมาะสมกับจังหวะและ   เวลา  2. ท่านสามารถจัดลาดับความสาคัญของปัญหาก่อนและ หลงั ได้ดี 3. ท่านเปน็ ผู้ทแ่ี กไ้ ขปัญหาท่ี เกดิ ข้ึนได้ ทันต่อเหตุการณ์และ เวลา 4. ท่านเป็นตัวอย่างท่ีดี ในการบริหารจัดการเวลาให้เกิด ประโยชน์ กับองคก์ รสงู สุด 5. ท่านไมไ่ ด้ทางานให้อากลู ขอ้ เสนอแนะด้านกาลญั ญุตา : ความเปน็ ผรู้ ู้ จกั กาลเวลาหรือรู้จักเวลาท่เี หมาะทีค่ วร ............................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................

170 ที่ ภาวะผู้นาตามหลกั สัปปรุ สิ ธรรมของพระสังฆาธิการใน ระดบั การปฏิบตั ิ สาหรับ เขตอาเภอนากลาง จงั หวัดหนองบัวลาภู 54321 ผู้วจิ ัย ดา้ นปรสิ ัญญตุ า : ความเปน็ ผรู้ ู้ จักชุมชนและสงั คม   1. ทา่ นเปน็ ผูท้ ีม่ ีมนษุ ยสัมพันธ์ที่ดกี ับทกุ คนและทุกองค์กร  2. ท่านเปน็ นกั ประสานงานที่ดกี บั ทุกองค์กรและทุกภาคส่วน  3. ท่านให้ความสาคัญกับประโยชน์ ส่วนรวมมากกว่า  ประโยชน์ส่วนตน 4. ท่านให้ความสาคัญในการพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม ของเยาวชน และ ประชาชน 5. ท่านเขา้ ใจในบรบิ ทรอบขางเป็นข้างดี ขอ้ เสนอแนะด้านปริสัญญตุ า : ความเป็นผรู้ ู้ จกั ชมุ ชนและสังคม ............................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................

171 ท่ี ภาวะผู้นาตามหลกั สัปปุรสิ ธรรมของพระสังฆาธกิ ารใน ระดับการปฏบิ ัติ สาหรับ เขตอาเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลาภู 54321 ผู้วิจัย ด้านปคุ คลปโรปรญั ญตุ า : ความเป็นผรู้ บู้ คุ คลหรือรูจักเลือกใชบ้ ุคคลท่ีเหมาะกับงาน  1. ท่านสามารถบรรจุ แต่งต้ังหรือจัดวางบุคคลได้ เหมาะสม  กับงาน   2. ทา่ นให้โอกาสและสนับสนุนคนท่ีมี ความรู้ ความสามารถ  ให้ดารงตาแหน่งที่เหมาะสม 3. ทา่ นเป็นผู้ส่งเสริมให้ ภิกษุ สามเณรได้ มีโอกาสศึกษาเล่า เรียนเพิม่ เตมิ 4. ทา่ นสรรเสริญบคุ คลทค่ี วรสรรเสรญิ และข่มบุคคลทคี่ วรขม 5. ท่านใหค้ วามสาคญั กบั ทรพั ยากรมนุษย์ ขอ้ เสนอแนะด้านปคุ คลปโรปรัญญุตา : ความเปน็ ผู้ร้บู คุ คลหรอื รูจกั เลอื กใช้บคุ คลที่เหมาะกับงาน ............................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ขอขอบคุณท่ีกรุณาตอบแบบสอบถามครบทกุ ข้อ

ภาคผนวก จ แบบสมั ภาษณ์

173 แบบสัมภาษณ์ เรื่อง ภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธกิ ารในเขตอาเภอนากลาง จังหวดั หนองบวั ลาภู ****************** คาชี้แจง แบบสัมภาษณน์ ้ี มี 3 ตอน ประกอบดว้ ย ตอนที่ 1 แบบสัมภาษณ์เกย่ี วกับข้อมลู สว่ นตัวของผ้ใู หส้ ัมภาษณ์ ตอนท่ี 2 ภาวะผู้นาตามหลกั สัปปรุ สิ ธรรมของพระสงั ฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จังหวัด หนองบัวลาภู ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะเก่ียวกับภาวะผู้นาตามหลักสัปปุริสธรรมของพระสังฆาธิการในเขต อาเภอนากลาง จงั หวัดหนองบวั ลาภู ข้อมูลที่ได้จากการตอบแบบสัมภาษณ์น้ี จะนาไปวิเคราะห์และนาเสนอผลการวิจัย ใน ภาพรวม ซ่งึ จะไม่มผี ลเสียต่อผตู้ อบแบบสัมภาษณ์ ท้ังในหนา้ ทีแ่ ละการปฏิบตั ิงานแต่อยา่ งใด ตอนท่ี 1 แบบสมั ภาษณ์เกย่ี วกบั ขอ้ มลู ส่วนตวั ของผใู้ หส้ มั ภาษณ์ ผู้ใหส้ ัมภาษณ์ ช่ือ.......................................... นามสกลุ ....................................ฉายา.............................. อายุ..................พรรษา.......................ตาแหน่ง....................................................................................... ผสู้ มั ภาษณ์ (ผวู้ ิจัย) บันทึกข้อมลู (ผู้วิจยั ) (จดบนั ทกึ , บนั ทกึ เสยี ง) สมั ภาษณเ์ มื่อวนั ท่ี...........................เดือน............................พ.ศ. ………… เวลา................ถงึ ..............น. สถานที่....................................................................................................................................................

174 ตอนที่ 2 แบบสัมภาษณ์เก่ียวกับภาวะผู้นาตามหลักสัปปุรสิ ธรรมของพระสังฆาธิการใน เขตอาเภอนากลาง จงั หวดั หนองบัวลาภู 2.1 ภาวะผู้นาด้านธัมมัญญุตา (เก่ียวกับความรู้จักเหตุ คือ เป็นพระสังฆาธิการท่ีเป็นรู้ หลกั เกณฑ์ โดยยดึ หลกั การในการบริหารอย่างเป็นข้ันตอน ทา่ นมคี วามคดิ เหน็ วา่ อย่างไร) ........................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 2.2 ภาวะผู้นาดา้ นอัตถัญญุตา (เกี่ยวกับความรู้จักผล คือ ความเป็นผู้นาของพระสังฆา ธิ การท่ีเป็นผู้ท่ีรู้จักผล มีวิสัยทัศน์ หรือ ปรัชญา พันธกิจเป้าหมายในการพัฒนาวัด ท่านมีความคิดเห็น วา่ อย่างไร) ........................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 2.3 ภาวะผนู้ าดา้ นอัตตญั ญตุ า (เกี่ยวกับความรู้จักตน คือ ความเป็นผู้นาของพระสังฆา ธิ การท่ีเป็นผู้ท่ีรู้จักตนอยู่เสมอว่าเป็นผู้นาท่ีมีวิสัยทัศน์ สามารถใช้แรงจูงใจ กระจายวิสัยทัศน์ไปยัง บุคคลต่างๆ ทา่ นมคี วามคิดเหน็ ว่าอย่างไร) ........................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 2.4 ภาวะผู้นาด้านมัตตัญญุตา (เก่ียวกับความรู้จักประมาณ คือ ความเป็นผู้นาของพระ สังฆาธิการที่เปน็ ผู้ทร่ี ู้จกั ประมาณ รู้จกั ความพอดสี ามารถวางตนวางแผนกาหนดนโยบายในการ ........................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 2.5 ภาวะผู้นาด้านกาลญั ญตุ า (เกี่ยวกับความรู้จักกาล คือ ความเป็นผู้นาของพระสังฆาธิ การที่เป็นผู้ที่มีความสามารถในการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ จัดทานโยบาย โครงการได้ เหมาะสมเวลาและโอกาส ท่านมคี วามคดิ เห็นวา่ อย่างไร) ........................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................

175 2.6 หลกั ปริสัญญุตา (เกยี่ วกบั ความเป็นผ้รู จู้ กั ชุมชนและสงั คม คือ ความเป็นผู้นาของพระ สังฆาธิการทีเ่ ป็นผทู้ รี่ จู้ ักชมุ ชน และสังคม มมี นุษยสัมพนั ธเ์ ปน็ นกั ประสานงานทีด่ กี ับทุกคน ทุกองค์กร และทุกภาคสว่ น ท่านมีความคดิ เห็นวา่ อย่างไร) ........................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 2.7 ภาวะผูน้ าดา้ นปคุ คลปโรปรัญญุตา (เก่ียวกับความรู้จักบุคคล คือ ความเป็นผู้นาของ พระสังฆาธิการที่เป็นผู้ท่ีรู้จกั บคุ คล รู้ความสามารถความแตกต่างระหว่างบุคคล รู้จักเลือก แต่งตั้ง จัด วางบุคคลได้เหมาะสมกับงาน ท่านมีความคดิ เหน็ ว่าอย่างไร) ........................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................

176 ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะเกีย่ วกบั ภาวะผนู้ าตามหลกั สัปปรุ สิ ธรรมของพระสังฆาธิการใน เขตอาเภอนากลาง จังหวดั หนองบวั ลาภู ท่านมคี วามคิดเห็นว่าอย่างไร ........................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ผูส้ มั ภาษณ์ พระมหาประยูร เขมจาโร (คาแกว้ ) นักศกึ ษาปรญิ ญาโท สาขาวิชารัฐศาสตร์การปกครอง

ภาคผนวก ฉ ผลสรปุ คา่ ดชั นคี วามสอดคลอ้ ง (IOC)

178 ตารางการหาค่าความเท่ียงตรงของแบบสอบถาม (IOC) เรอื่ ง ภาวะผนู้ าตามหลักสัปปรุ ิสธรรมของพระสังฆาธิการในเขตอาเภอนากลาง จงั หวดั หนองบวั ลาภู ขอ้ ที่ คาถามเกี่ยวกบั สถานภาพของผตู้ อบ ผู้เชย่ี วชาญ รวม IOC ประเมนิ แบบสอบถาม 1 2 3 4 5 R ผล 1 อายุ 1 1 1 1 1 5 1 น่ำไปใช้ได้  ต่ำกว่ำ 30 ปี  31 - 35 ปี  36 - 40 ปี  41 - 50 ปี  51 - 55 ปี  56 - 60 ปี  61 ปขี ้ึนไป 2 พรรษา 1 1 1 1 1 5 1 น่ำไปใช้ได้  ตำ่ กวำ่ 5 พรรษำ  5 - 10 พรรษำ  11 - 15 พรรษำ  16 - 20พรรษำ  21 พรรษำขน้ึ ไป 3 ตาแหนง่ พระสังฆาธิการ 1 1 1 1 1 5 1 นำ่ ไปใชไ้ ด้  รองเจำ้ อำวำส  เจ้ำอำวำส  เจ้ำคณะตำ่ บล  เจำ้ คณะอำ่ เภอ 4 วฒุ ิการศกึ ษาทางธรรม 1 1 1 1 1 5 1 น่ำไปใชไ้ ด้  นักธรรมชน้ั ตรี  นกั ธรรมชน้ั โท  นักธรรมชนั้ เอก 5 วฒุ ิการศกึ ษาแผนกบาลี 1 1 1 1 1 5 1 น่ำไปใชไ้ ด้  เปรียญธรรม 1 - 2 ประโยค  เปรยี ญธรรม 3 - 6 ประโยค  เปรยี ญธรรม 7 - 9 ประโยค