แผนการเรียนรู้ วชิ า โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ มาตรฐานการเรยี นรู้และผลการเรยี นรู้ กลุม่ สารการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ( ฉบบั ปรับปรุง 2560 ) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4
แผนการจัดการเรยี นรู้ วชิ าโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4 เสนอ อาจารย์ ดร. พัชรีภรณ์ บางเขียว จัดทาโดย นางสาวประวีณา รอดเกาะ เลขที่ 28 รหัส 6281114012 หมู่เรียน D4 รายงานฉบับน้ีเป็นสว่ นหนึง่ ของวิชา การจดั การเรยี นร้แู ละการจัดการช้ันเรยี น สาขาฟิสิกส์ (ครศุ าสตรบ์ ณั ฑิต 4 ปี) คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฏั บา้ นสมเด็จเจา้ พระยา ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564
1 คานา หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กาหนดมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อใหส้ ถานศึกษานาไปใช้เป็นกรอบทิศทางในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การ วางแผนจัดการเรียนการสอนและการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถ และ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ตามมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ช้ีวัดที่กาหนดใหพ้ รอ้ มทัง้ ดาเนนิ การวดั ประเมินผลการ เรยี นรู้ของผ้เู รียนใหม้ คี ุณภาพตามหลักการของหลักสูตรแผนการจดั การเรยี นรู้รายวิชาโลกดาราศาสตร์และอวกาศ ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นแผนจดั การเรียนรทู้ ีใ่ ชป้ ระกอบชดุ กจิ กรรมโลกและการเปล่ียนแปลง ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 เป็นแผนที่จดั ทาเพื่อพฒั นาการจัดการ เรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเอง มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น มีส่วนร่วมในกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ เรียนรู้กระบวนการต่าง ๆ เช่น กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ กระบวนการคิด กระบวนการกลุ่ม กระบวนการแสวงหาความรู้ และสามารถนาความรู้ที่ได้ไป ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวนั โดยแบง่ เนอื้ หาท้ังหมด ได้ 14 แผนการจดั การเรยี นรู้ ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแผนการจัดการเรียนรู้ที่ใช้ประกอบนวัตกรรมเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อ ครผู ้สู อน และผสู้ นใจเพ่อื นาไปใช้ในการพฒั นานกั เรียน ให้เปน็ บคุ คลที่มคี ณุ ลักษณะตามท่ีหลักสูตรได้กาหนดไว้ และเกดิ ประโยชนต์ ่อการจดั การเรียนรูเ้ พอ่ื พัฒนาคณุ ภาพการศึกษาต่อไป ผจู้ ัดทา นางสาวประวีณา รอดเกาะ 6281114012
สารบญั 2 เรือ่ ง หน้า 1 คานา 2 สารบญั 3 แผนการเรียนรู้ 6 คาอธบิ ายรายวชิ า 7 โครงสร้างรายวชิ า 9 แผนการเรียนรู้ท่ี 1 21 แผนการเรยี นรู้ท่ี 2 34 แผนการเรยี นรู้ท่ี 3 47 แผนการเรยี นรทู้ ี่ 4 59 แผนการเรียนรทู้ ่ี 5 72 แผนการเรียนรูท้ ี่ 6 86 แผนการเรียนรู้ที่ 7 98 แผนการเรยี นรูท้ ่ี 8 แผนการเรียนรู้ท่ี 9 110 แผนการเรียนรู้ท่ี 10 123 แผนการเรียนรทู้ ี่ 11 134 แผนการเรียนรทู้ ่ี 12 145 แผนการเรียนรู้ที่ 13 157 แผนการเรียนรู้ท่ี 14 170 บรรณานุกรม ค
3 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ แผนการเรียนรู้ รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 เวลา 40 ชั่วโมง ครผู สู้ อน นางสาวประวีณา รอดเกาะ รหสั 31201 ปกี ารศกึ ษา 2564 1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ช้วี ดั เข้าใจกระบวนการเปลย่ี นแปลงภายในโลก ธรณีพบิ ัตภิ ยั และผลตอ่ สงิ่ มชี วี ติ และสง่ิ แวดล้อม รวมทัง้ การศกึ ษาลาดบั ชั้นหิน ทรัพยากรธรณี แผนท่ี และการนาไปใช้ประโยชน์ ตวั ชี้วดั 1. อธิบายการแบ่งชั้นและสมบตั ิของโครงสรา้ งโลก พรอ้ มยกตวั อย่างขอ้ มลู ที่สนบั สนุน 2.อธิบายหลกั ฐานทางธรณวี ิทยาท่ีสนับสนนุ การเคล่อื นทีข่ องแผน่ ธรณี 2.1 ระบุสาเหตุและอธิบายแนวรอยต่อของแผ่นธรณี ที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี พร้อม ยกตวั อย่างหลักฐานทางธรณวี ทิ ยาทพ่ี บ 3. อธิบายสาเหตกุ ระบวนการเกิดภเู ขาไฟระเบดิ และปัจจยั ท่ีทาให้ความรุนแรงของการปะทุ และรูปร่าง ของภูเขาไฟแตกต่างกัน รวมทั้ง สืบค้นข้อมูลพื้นทีเ่ สีย่ งภัย ออกแบบและนาเสนอ แนวทางการเฝ้าระวงั และการปฏิบัติตน ให้ปลอดภยั 3.1 อธบิ ายสาเหตกุ ระบวนการเกิด ขนาดและ ความรุนแรง และผลจากแผ่นดินไหว รวมท้ัง สืบค้นข้อมูล พื้นทเี่ ส่ียงภยั ออกแบบและนาเสนอแนวทางการเฝา้ ระวงั และการปฏบิ ตั ิตน ให้ปลอดภัย 3.2 อธบิ ายสาเหตกุ ระบวนการเกิด และผลจาก สึนามิรวมท้ังสืบคน้ ขอ้ มูลพ้นื ทีเ่ สีย่ งภยั ออกแบบ และนาเสนอแนวทางการเฝา้ ระวังและการปฏิบัติตน ให้ ปลอดภยั 4. วเิ คราะห์หลักฐานทางธรณวี ทิ ยาทพี่ บในปัจจุบนั และอธิบายลาดับเหตกุ ารณท์ างธรณีวทิ ยา ในอดีต
4 2.จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ดา้ นความรู้(K) 1. นักเรียนสามารถสบื ค้น และอธิบายขอ้ มูลทีส่ นบั สนุนการแบ่งชั้นโครงสรา้ งตามองค์ประกอบทางเคมี และการแบง่ ชน้ั โครงสรา้ งตามสมบัตเิ ชงิ กล(K) 2. นักเรียนสามารถวิเคราะหข์ ้อมลู องค์ประกอบทางเคมี และอธิบายการแบ่งชั้นโครงสร้างโลกและองค์ ประกอยทางเคมขี องโครงสร้างโลกแตล่ ะชนั้ (K) 3. นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์ข้อมลู คลนื่ ไหวสะเทอื น และอธิบายการแบ่งชัน้ โครงสรา้ งโลกและสมบัติของ โครงสรา้ งโลกแตล่ ะชั้น(K) 4. นักเรยี นสามารถอธิบายแนวคดิ ทฤษฎีเกี่ยวกับการเคลือ่ นท่ีของแผ่นธรณี(K) 5. นกั เรยี นสามารถ อธิบายหลักฐานทางธรณีวิทยาที่สนบั สนุนการเคลอ่ื นทข่ี องแผ่นธรณี(K) 6. นักเรียนสามารถอธิบายสาเหตุ และกระบวนการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี และระบุผลที่เกิดจากการ เคลือ่ นทข่ี องแผน่ ธรณี(K) 7. นักเรียนสามารถอธิบายรปู แบบการเคลื่อนที่ของแผน่ ธรณีท่ีสัมพันธก์ ับการเกิดลักษณะธรณีสัณฐาน และธรณีโครงสร้างแบบต่างๆ(K) 8. นักเรียนสามารถอธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกิดภเู ขาไฟระเบิดโดยโดยใช้แบบจาลอง(K) 9. นักเรียนสามารถอธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิด ขนาดและความรุนแรงของแผ่นดินไหวโดยใช้ แบบจาลอง(K) 10. นกั เรียนสามารถอธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิด จากสนึ ามโิ ดยใช้แบบจาลอง(K) 11. นกั เรียนสามารถอธบิ ายหลกั การของการลาดบั ช้นั ดินได้(K) 12. นักเรียนสามารถอธบิ ายโครงสรา้ งทางธรณีที่มผี ลต่อการลาดับชนั้ หนิ ได้(K) 13.นักเรียนสามารถอธิบายวิธีการหาอายุทางธรณีวทิ ยาทั้งอายุเปรียบเทยี บและอายุสัมบูรณ์ได้(K)
5 2.2 ดา้ นทักษะ(P) 1. นักเรียนสามารถสร้างแบบจาลองโครงสร้างที่แบ่งจามสมบัติเชิงกล และเปรียบเทียบกับการแบ่ง โครงสร้างโลกตามองค์ประกอบทางเคมี(P) 2. นักเรียนสามารถนาเสนอทฤษฎีเกย่ี วกบั การเคลอ่ื นที่ของแผน่ ธรณีได้(P) 3. นักเรยี นสามารถสืบค้นและนาเสนอข้อมลู พนื้ ทเ่ี สีย่ งภยั และผลจากการเกิดภเู ขาไฟระเบกิ (P) 4. นกั เรียนสามารถสบื ค้นข้อมูล ออกแบบและนาเสนอแนวการเฝ้าระวงั และการปฏบิ ัติตนใหป้ ลอดภยั (P) 5. นักเรียนสามารถสบื คน้ และนาเสนอขอ้ มลู พ้ืนทเี่ สย่ี งภยั และผลจากแผ่นดินไหว(P) 7. สบื คน้ ขอ้ มูล ออกแบบและนาเสนอแนวทางการการเฝา้ ระวังและปฏิบัตติ นใหป้ ลอดภยั (P) 2.3 ด้านทัศนคติ(A) 1.นักเรียนสามารถทางานรว่ มกบั ผู้อื่นไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ ยอมรับความคดิ เหน็ ของสมาชกิ ในกลุ่มได้ (A) 2.นกั เรียนสามารถยอมรับผลการทางานและมีความรบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ที่ที่ได้รับมอบหมาย (A) 3.นกั เรยี นมีความเคารพซ่งึ กันและกนั ภายในกลุ่ม(A) สาระสาคญั การศึกษาโครงสร้างโลกใช้ข้อมลู สาคัญในการสนบั สนุนการแบง่ ชัน้ โครงสร้างโลกท้ังการแบ่งตาม องค์ประกอบทางเมแี ละการแบง่ ตามสมบตั ิเชงิ กล เชน่ องค์ประกอบทางเคมขี องหนิ อุกาบาตร และขอ้ มลู คลื่นไหวสะเทือน และนาข้อมูลดังกล่าวมาอธิบายสมบัตเิ ชิงกลและองค์ประกอบทางเคมีของโครงสร้าง โลกแต่ละชน้ั การศึกษาแผ่นธรณีต่างๆของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดและตาแหน่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มี หลักฐานทางธรณีวิทยาปรากฏให้เห็น และอธิบายการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีตามทฤษฎีแปรสัณฐาน ทฤษฎีธรณีแปรสัณฐานอธิบายการเคล่ือนที่ของแผ่นธรณี เนื่องจากการพาความร้อนของแมกมาภายใน โลก
คาอธบิ ายรายวชิ า 6 ว 31201 โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 ปีการศกึ ษา 2564 เวลา 40 ชว่ั โมงจานวน 1 หนว่ ยกติ ศกึ ษาโครงสรา้ งโลก การแบง่ โครงสรา้ งโลก หลกั ฐานและสมมตฐิ านการเคลอื่ นทีข่ องทวีป หลกั ฐาน และ ขอ้ มูลทางธรณีวทิ ยาทีส่ นบั สนนุ การเคลอ่ื นตัวของทวปี กระบวนการท่ีทาให้เกดิ การเคลือ่ นทข่ี องแผน่ ธรณี ลักษณะ การเคลือ่ นท่ีของแผ่นธรณี การเปลีย่ นลกั ษณะของเปลือกโลก แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบดิ อายทุ างธรณีวิทยา ซาก ดึกดาบรรพ์ การลาดับชั้นหิน กาเนิดเอกภพ กาแล็กซี วิวัฒนาการของดาวฤกษ์ กาเนิดและวิวัฒนาการของดวง อาทิตย์ ความส่องสว่างและโชติมาตรของดาวฤกษ์ สแี ละอณุ หภมู ผิ วิ ของดาวฤกษ์ ระยะหา่ งของดาวฤกษ์ เนบวิ ลา แหล่งกาเนิดดาวฤกษ์ ระบบดาวฤกษ์ มวลของดาวฤกษ์ การกาเนิดระบบสุริยะ ดวงอาทิตย์ เขตของบริวารดวง อาทติ ย์ กล้องโทรทรรศน์ การขนส่งและการโคจรของดาวเทียม ระบบขนสง่ อวกาศ การใชป้ ระโยชนจ์ ากเทคโนโลยี อวกาศ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การ วิเคราะห์ การอภิปราย การอธิบายและสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง ดูแลรักษาสิ่งมีชีวิตอื่น เฝ้าระวังและพัฒนา สิง่ แวดล้อมอย่างยั่งยืน มจี ติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคา่ นิยมท่ถี กู ต้องเหมาะสม โดยมงุ่ เนน้ ความเป็น ไทยควบคูกบั ความเป็นสากล
รายวิชาเพม่ิ เตมิ โครงสร้างรายวชิ า 7 ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 รหัสวิชา ว31201 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ จานวน 40 ชัว่ โมง ปีการศกึ ษา 2564 หนว่ ยท่ี ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ เวลา (ชว่ั โมง) 1 โครงสรา้ งโลก 6 2 ขอ้ มลู ทใี่ ช้ในการศกึ ษาโครงสร้างโลก 2 3 การแบง่ ช้นั โครงสรา้ งโลก 4 4 การแปรสณั ฐานของแผน่ ธรณี 12 แนวคิดทฤษฎที วปี เล่ือนและหลกั ฐานสนบั สนนุ 3 แนวคิดทฤษฎีการแผข่ ยายพ้ืนมหาสมทุ รและหลกั ฐานสนับสนุน 3 การแปรสณั ฐานของแผน่ ธรณี 3 ธรณีสณั ฐานและธรณีโครงสรา้ งที่เกดิ จากการเคลื่อนท่ีของธรณี 3 ธรณพี บิ ตั ิภัย 12 ภเู ขาไฟระเบดิ 4 แผน่ ดนิ ไหว 4 สนึ ามิ 4 การลาดบั เหตุการณท์ างธรณวี ทิ ยา 10 การลาดบั ชน้ั หนิ 4 อายทุ างธรณวี ิทยา 3 การเทยี บสมั พนั ธ์ทางลาดบั ช้นั หนิ 3
8 แผนการเรยี นรู้ที่ 1 วชิ า โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ เรือ่ ง โครงสร้างโลก มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละผลการเรียนรู้ กลุ่มสารการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ( ฉบบั ปรับปรุง 2560 )
9 แผนการรเรยี นรู้ที่ 1 สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ชั้น มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง โครงสรา้ งโลก เวลา 2 ชวั่ โมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้วี ัด มาตรฐานการเรียนรู้ เขา้ ใจกระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลก ธรณพี บิ ตั ิภัยและผลตอ่ สง่ิ มีชวี ิตและสง่ิ แวดลอ้ ม รวมท้งั การศกึ ษาลาดบั ชั้นหิน ทรพั ยากรธรณี แผนที่ และการนาไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวช้ีวดั อธิบายการแบง่ ชน้ั และสมบัตขิ องโครงสร้างโลก พรอ้ มยกตวั อยา่ งขอ้ มูลที่สนบั สนุน 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ด้านพุทธพิ สิ ัย 1.1 นกั เรียนสามารถสบื คน้ และอธบิ ายขอ้ มลู ทส่ี นบั สนนุ การแบง่ ชั้นโครงสร้างตามองค์ประกอบทางเคมี และการแบ่งชั้นโครงสร้างตามสมบัตเิ ชงิ กล (K) 1.2 นกั เรียนสามารถวเิ คราะหข์ ้อมูลองคป์ ระกอบทางเคมี และอธบิ ายการแบง่ ชัน้ โครงสรา้ งโลกและองค์ ประกอยทางเคมีของโครงสรา้ งโลกแตล่ ะช้ัน(K) ดา้ นทกั ษะพิสยั 1.4 นักเรยี นสามารถสรา้ งแบบจาลองโครงสรา้ งท่ีแบง่ จามสมบัตเิ ชงิ กล และเปรยี บเทยี บกับการแบง่ โครงสร้างโลกตามองคป์ ระกอบทางเคมี(P) ดา้ นเจตพสิ ยั 1.5 นักเรียนมีความเคารพซงึ่ กนั และกนั ภายในกลมุ่ (A)
10 4. สาระสาคัญ นกั วิทยาศาสตรศ์ ึกษาโครงสรา้ งภายในโลกโดยใชว้ ธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ ทฤษฎี และเทคโนโลยที ที่ ันสมยั ทาใหส้ ามารถแบง่ โครงสรา้ งโลกได้ตามองค์ประกอบทางเคมี ออกเปน็ 3 ชั้น ได้แก่ เปลอื กโลก เนอื้ โลก และแก่น โลก และแบ่งตามสมบตั ิเชงิ กล ออกเปน็ 5 ชั้น ได้แก่ ธรณีภาค ฐานธรณีภาค มัชฌิมภาค แก่นโลกชัน้ นอก และ แก่นโลกช้ันใน 5. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้เพ่ิมเติม การศึกษาโครงสร้างโลกใช้ข้อมลู หลายด้าน เชน่ องค์ประกอบทางเคมขี องหนิ และแรอ่ งค์ประกอบทางเคมี ของอุกกาบาต ข้อมูลคลื่นไหวสะเทือนที่เคลื่อนที่ผ่านโลก จึงสามารถแบ่งชั้นโครงสร้างโลกได้ 2 แบบ คือ โครงสร้างโลกตามองค์ประกอบทางเคมี แบง่ ไดเ้ ป็น 3 ช้นั ได้แก่ เปลอื กโลก เนอ้ื โลก และแก่นโลก และโครงสรา้ ง โลกตามสมบตั ิเชงิ กล แบ่งไดเ้ ปน็ 5 ชน้ั ได้แก่ ธรณภี าค ฐานธรณภี าค มชั ฌิมภาค แก่นโลกช้ันนอก และแก่นโลก ชนั้ ใน นอกจากนีย้ ังมีการค้นพบรอยตอ่ ระหวา่ งช้ันโครงสรา้ งโลก เชน่ แนวแบ่งเขตโมโฮโรวซิ ิก แนวแบ่งเขตกเู ทนเบริ ก์ แนวแบง่ เขตเลหแ์ มน 6. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น (เฉพาะท่ีเกดิ ในหน่วยการเรียนรนู้ ี้) ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกป้ ญั หา ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทกั ษะของผเู้ รียนในศตวรรษท่ี 21 (3R 8C + 2L) (จดุ เน้นสูก่ ารพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน) ทกั ษะการอ่าน (Reading) ทกั ษะการ เขยี น (Writing) ทกั ษะการ คดิ คานวณ (Arithmetic) ทักษะดา้ นการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและทกั ษะในการแกป้ ัญหา (Critical thinking and problem solving)
11 ทกั ษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) ทักษะดา้ นความรว่ มมือ การทางานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ า (Collaboration , teamwork and leadership) ทกั ษะดา้ นความเข้าใจตา่ งวฒั นธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) ทกั ษะดา้ น การส่อื สาร สารสนเทศ และรูเ้ ทา่ ทนั สื่อ (Communication information and media literacy) ทกั ษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) ทักษะอาชพี และทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทักษะการเปล่ยี นแปลง (Change) ทกั ษะการเรยี นรู้ (Learning Skills) ภาวะผนู้ า (Leadership) 7. ช้ินงานหรือภาระงาน ( หลักฐาน / ร่องรอยแสดงความรู้ ) -แบบฝกึ ทักษะก่อนเรียน เร่ือง โครงสรา้ งโลก -แบบฝกึ ทกั ษะหลังเรยี น เรอ่ื ง โครงสรา้ งโลก 8. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (ใชร้ ูปแบบการเรียนรู้แบบ 4 MAT) การบูรณาการประสบการณ์ด้วยตนเอง (Why) ข้นั ท่ี 1 สร้างประสบการณ์ ครสู รา้ งประสบการณ์ดว้ ยการกระตุ้นหรือสรา้ งแรงจงู ใจ ใหผ้ เู้ รียนเช่ือมโยง ประสบการณ์เปน็ ของตนเอง เช่น ถามผเู้ รียนวา่ ตรงส่วนทเ่ี ราอยู่บนพ้ืนดินน้ีเรยี กวา่ ส่วนใดของโลก ขนั้ ที่ 2 วเิ คราะห์ประสบการณ์ ครใู ห้ผเู้ รยี นสะทอ้ นความคดิ จากประสบการณ์และตรวจสอบ ประสบการณ์ เชน่ ใหผ้ เู้ รียนทุกคนช่วยกันระดมความคดิ วา่ โลกแบง่ ออกเป็นกีช่ ้นั อะไรบา้ ง
12 การพฒั นาความคิดรวบยอด (What) ขน้ั ท่ี 3 บรณู าการการสงั เกตไปสู่ความคดิ รวบยอด ครใู หข้ ้อมลู ข้อเท็จจรงิ และจดั กิจกรรมไปสูค่ วามคิด รวบยอด ผเู้ รยี นบูรณาการประสบการณ์และความรูไ้ ปสูค่ วามคิดรวบยอด เชน่ การยกตัวอย่างภาพการ แยกชั้นและโครงสรา้ งโลกขึน้ มาให้ผเู้ รยี นไดเ้ ห็นภาพ ขั้นท่ี 4 พัฒนาความคิดรวบยอด ครูให้ผเู้ รยี นไดร้ บั ขอ้ มลู หรอื ข้อเทจ็ จรงิ ตามทฤษฎหี รอื ความคดิ ราบยอด ให้ผเู้ รยี นวิเคราะห์และไตรต่ รองประสบการณ์ การปฏิบัติและปรับแต่งเป็นแนวคดิ ของตนเอง (How) ข้ันท่ี 5 ปฏบิ ัตแิ ละปรบั แต่งเปน็ แนวคดิ ของตนเอง ผเู้ รยี นลองปฏิบตั โิ ดยผ่านประสาทสัมผสั เพอ่ื พฒั นา แนวคดิ และทักษะ ขั้นที่ 6 ปรบั แตง่ เป็นแนวคิดของตนเองผเู้ รียนปรบั ปรุงส่งิ ทป่ี ฎิบตั ดิ ว้ ยวิธีการของตนเอง และบรู ณาการ เปน็ องคค์ วามรู้ของตนเอง การบรณู าการและการประยกุ ตป์ ระสบการณ์ ขั้นท่ี 7 วิเคราะห์เพ่อื นาไปประยุกต์ใช้ ผู้เรียนวิเคราะหแ์ ลว้ วางแผนเพอื่ ประยกุ ตห์ รอื ดัดแปลงส่ิงทเี่ รยี นรู้ ไปใชป้ ระโยชนต์ ่อตนเองและผู้อนื่ ขั้นท่ี 8 แลกเปล่ียนความร้ขู องตนกบั ผูอ้ ื่นผเู้ รยี นแลกเปลยี่ นสิง่ ทไ่ี ดเ้ รียนรมู้ ากบั ผอู้ นื่ ส่อื การเรียนการสอน - สือ่ การสอน Power point - แบบฝกึ ทกั ษะก่อนเรียน เรื่อง โครงสร้างโลก - แบบฝกึ ทกั ษะหลังเรยี น เร่อื ง โครงสร้างโลก
13 9. การวดั และประเมินผล จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธีวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การประเมนิ - หรือ ส่ิงท่ีตอ้ งการจะวัดและ - - ประเมินผล - 1.นกั เรียนสามารถสบื คน้ และ -ประเมนิ จากการ - 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก 3 =ดี 3 =ดี อธิบายข้อมลู ทส่ี นบั สนุนการแบง่ ตอบคาถามของ 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง ชั้นโครงสร้างตามองค์ประกอบทาง นกั เรียน 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก 3 =ดี 3 =ดี เคมี (K) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง 2.นกั เรยี นสามารถวิเคราะหข์ อ้ มลู -ประเมนิ จากการ องคป์ ระกอบทางเคมี และอธบิ าย ตอบคาถามของ 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก การแบง่ ชนั้ โครงสรา้ งโลกและองค์ นกั เรยี น 3 =ดี 3 =ดี ประกอยทางเคมขี องโครงสร้างโลก 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ แตล่ ะชน้ั (K) -ประเมินจากการ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง 3.นกั เรยี นสามารถวิเคราะหข์ อ้ มลู 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก 3 =ดี 3 =ดี คล่ืนไหวสะเทอื น และอธบิ ายการ ตอบคาถามของ 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ แบง่ ชนั้ โครงสรา้ งโลกและสมบัติ นักเรียน 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก ของโครงสรา้ งโลกแตล่ ะช้ัน(K) 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 4.นกั เรยี นสามารถสรา้ งแบบจาลอง -ประเมนิ จาก 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง โครงสรา้ งท่ีแบง่ จามสมบตั เิ ชงิ กล ความคิด และเปรียบเทียบกบั การแบง่ สรา้ งสรรคท์ ี่ โครงสร้างโลกตามองคป์ ระกอบ ผู้เรียนได้แสดง ทางเคม(ี P) ความคิดเหน็ 5.นักเรยี นมคี วามเคารพซึง่ กนั และ -การสังเกต กนั ภายในกลมุ่ (A)
14 สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น วิธีวัด เคร่อื งมือวัด เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ (ตามหัวข้อที่ 5) 1.ความสามารถในการคดิ สังเกต แบบประเมินใบงาน 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง 2.ความสามารถในการแก้ปญั หา สังเกต แบบประเมนิ ใบงาน 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ 3.ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี สังเกต แบบประเมนิ ใบงาน 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง
15 ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 วิธวี ดั เคร่ืองมือวดั เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การประเมนิ (ตามหัวขอ้ ที่ 6) 1.ทักษะดา้ นการคิดอยา่ งมี การสงั เกต แบบประเมนิ 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก พฤติกรรม 3 =ดี 3 =ดี วิจารณญาณและทกั ษะในการ รายบุคคล 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ แกป้ ญั หา (Critical thinking and แบบประเมนิ 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก พฤติกรรม 3 =ดี 3 =ดี problem solving) รายบุคคล 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง 2.ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรค์และ การสงั เกต แบบประเมิน 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก พฤติกรรม 3 =ดี 3 =ดี นวตั กรรม (Creativity and รายบุคคล 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง innovation) แบบประเมิน พฤติกรรม 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก 3.ทักษะดา้ นความรว่ มมือ การ การสงั เกต รายบุคคล 3 =ดี 3 =ดี ทางานเป็นทมี และภาวะผนู้ า 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ (Collaboration , teamwork 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ and leadership) 4.ทกั ษะด้าน การสอื่ สาร การสงั เกต สารสนเทศ และรเู้ ทา่ ทันสื่อ (Communication information and media literacy) 5.ทักษะการเรยี นรู้ (Learning การสงั เกต แบบประเมิน 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก Skills) พฤตกิ รรม 3 =ดี 3 =ดี รายบคุ คล 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ ตารางเกณฑก์ ารประเมินผลต่างๆ
16 ระดับคะแนน เกณฑก์ ารประเมิน 4 ดีมาก 3 ดี 2 พอใช้ 1 ปรับปรุง 10. กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ...... 11. บันทึกผลหลงั การสอน สรปุ ผลการเรียนการสอน นกั เรยี นทง้ั หมดจานวน.....................คน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ จานวนนกั เรยี นทผี่ ่าน จานวนนกั เรยี นทีไ่ มผ่ า่ น 1 จานวนคน รอ้ ยละ จานวนคน ร้อยละ 2 3 12. ปญั หา/อุปสรรค/แนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................. .................................. ...............................................................................................................................................................
17 13. ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ..................................................................ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ....................................... () ลงช่ือ................................................................ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ () ลงชอ่ื .......................................................... รองผู้อานวยการกล่มุ บรหิ ารวิชาการ (……………………………………………..)
18 ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา ได้ทาการตรวจแผนการเรียนรูข้ อง....................................................แล้วมีความคดิ เห็นดงั นี้ เป็นแผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ การจัดกจิ กรรมได้นาเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผเู้ รยี นเป็นสาคัญมาใชใ้ นการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยังไมเ่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สาคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาตอ่ ไป ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... ลงชื่อ........................................................................................ ( …………………………………..……………………………………… ) ผู้อานวยการโรงเรยี น…………………………………………………………..
19 ใบงาน/ แบบฝึกหัด ตา่ งๆ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น คาช้แี จง : ให้นกั เรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ขอ้ ใดไม่ใช่ขอ้ มูลทีใ่ ช้ในการการศึกษาโครงสร้างโลก 1. องคป์ ระกอบทางเคมขี องอุกกาบาต 2. องค์ประกอบของหนิ จากดวงจันทร์ 3. องค์ประกอบทางเคมขี องหินและแร่ 4. วดั อุณหภมู ิภายในโลกจากการขดุ เจาะหลุม 2. ข้อใดเป็นวิธีการศกึ ษาโครงสร้างโลกโดยทางอ้อม 1. ศกึ ษาจากหินภเู ขาไฟ 2. เจาะสารวจภายในโลก 3. ศกึ ษาจากชดุ หินโอฟิโอไลต์ 4. ศกึ ษาคล่ืนไหวสะเทือนจากแผ่นดนิ ไหว 3. ขอ้ ใดเปน็ คลื่นไหวสะเทือนที่ใชใ้ นการศกึ ษาโครงสรา้ งโลก 1. คล่ืนเลิฟและคล่ืนเรย์ลี 2. คลน่ื เลฟิ และคล่ืนฮารท์ 3. คลนื่ ปฐมภูมแิ ละคล่ืนทุตภิ ูมิ 4. คล่นื ทตุ ิยภมู ิและคลนื่ ตติภมู ิ 4. คลน่ื ปฐมภมู ิสามารถเคล่ือนท่ีผา่ นตัวกลางสถานะใดได้ 1. ของเหลว แก๊ส 2. ของไหล พลาสมา 3. ของแขง็ ผลกึ อญั รปู 4. ของแขง็ ของเหลว แกส๊ 5. คลืน่ ทุตยิ ภมู สิ ามารถเคล่อื นท่ผี า่ นตัวกลางสถานะใดได้ 1. แกส๊ 2. ของแขง็ 3. ของเหลว 4. พลาสมา
20 แบบทดสอบหลังเรียน คาชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. ขอ้ ใดเปน็ ธาตุหลกั ทีเ่ ปน็ องค์ประกอบของเปลือกโลกทวปี 5. ช้นั แก่นโลกประกอบดว้ ยธาตหุ ลักในข้อใด 1. ซลิ ิคอน และทองแดง 1. เหลก็ และนิกเกลิ 2. เหลก็ และซลิ ิคอน 2. ซิลิคอน และอะลมู เิ นยี ม 3. เหลก็ และออกซเิ จน 4. นิกเกิลและออกซเิ จน 3. ซิลิคอน และแมกนีเซียม 4. ซลิ คิ อน ทองแดง และเหลก็ 6. ข้อใดไมใ่ ช่ขอ้ มูลทใ่ี ชใ้ นการการศกึ ษาโครงสร้างโลก 1. องค์ประกอบทางเคมขี องอุกกาบาต 2. ข้อใดเป็นธาตุหลกั ทเี่ ป็นองค์ประกอบของเปลือกโลก 2. องคป์ ระกอบของหินจากดวงจันทร์ มหาสมทุ ร 3. องค์ประกอบทางเคมขี องหินและแร่ 1. ซลิ ิคอน และทองแดง 4. วดั อุณหภมู ิภายในโลกจากการขุดเจาะหลุม 2. ซลิ ิคอน และอะลมู เิ นียม 5. การเคล่อื นท่ขี องคล่นื ไหวสะเทือนทเี่ คล่ือนท่ีผ่านโลก 3. ซิลคิ อน และแมกนีเซียม 7. ข้อใดเปน็ วิธีการศกึ ษาโครงสร้างโลกโดยทางออ้ ม 4. ซิลคิ อน ทองแดง และเหลก็ 1. ศกึ ษาจากหินภูเขาไฟ 2. เจาะสารวจภายในโลก 3. ถ้าแบ่งโครงสร้างโลกตามข้อมลู จากการวดั 3. ศกึ ษาจากชุดหินโอฟิโอไลต์ คลนื่ ไหวสะเทือนจะแบ่งโครงสร้างโลกไดต้ ามข้อใด 4. ศึกษาคลน่ื ไหวสะเทอื นจากแผ่นดินไหว 1. เปลือกโลก เนอื้ โลก และแก่นโลก 8. ขอ้ ใดเป็นคลื่นไหวสะเทือนทใี่ ช้ในการศึกษาโครงสร้างโลก 2. ฐานธรณีภาค มัชฌมิ ภาค และไตรภาค 1. คล่นื เลฟิ และคลื่นเรยล์ ี 3. เปลือกโลก ฐานธรณีภาค ไตรภาค และแกน่ โลก 2. คลื่นเลิฟและคล่ืนฮาร์ท 4. ธรณีภาค ฐานธรณภี าค มชั ฌิมภาค 3. คลื่นปฐมภูมแิ ละคล่ืนทตุ ิยภูมิ แกน่ โลกช้นั นอก และแก่นโลกชั้นใน 4. คลนื่ ทตุ ยิ ภมู แิ ละคลน่ื ตติยภมู ิ 5. เปลอื กโลก เน้ือโลก ธรณภี าค ไตรภาค 9. คล่ืนปฐมภมู ิสามารถเคล่ือนที่ผ่านตัวกลางสถานะใดได้ แกน่ โลกช้นั นอก และแกน่ โลกชั้นใน 1. ของเหลว แกส๊ 2. ของไหล พลาสมา 4. ถ้าแบ่งโครงสรา้ งโลกตามองค์ประกอบทางเคมีของหนิ และแร่ 3. ของแขง็ ผลึกอัญรูป 4. ของแข็ง พลาสมา แกส๊ จะแบง่ โครงสรา้ งโลกได้ตามข้อใด 10. คลื่นทุตยิ ภูมสิ ามารถเคลื่อนทผ่ี ่านตัวกลางสถานะใดได้ 1. เปลือกโลก เนอ้ื โลก และแก่นโลก 1. แก๊ส 2. ของแข็ง 2. ฐานธรณภี าค ไตรภาค และแกน่ โลก 3. ของเหลว 4. ของไหล 3. ฐานธรณภี าค มชั ฌิมภาค และไตรภาค 4. ธรณภี าค ฐานธรณีภาค และมัชฌิมภาค
21 แผนการเรียนรู้ท่ี 2 สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรอ่ื ง การแบง่ โครงสร้างโลกตามองคป์ ระกอบทางเคมี เวลา 2 ชัว่ โมง 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวดั มาตรฐานการเรียนรู้ เข้าใจกระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก ธรณีพบิ ตั ภิ ยั และผลตอ่ สงิ่ มชี วี ิตและสง่ิ แวดลอ้ ม รวมทัง้ การศึกษาลาดบั ชน้ั หิน ทรัพยากรธรณี แผนที่ และการนาไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตวั ช้วี ดั 1. อธิบายหลกั ฐานทางธรณีวทิ ยาทสี่ นบั สนุน การเคลอ่ื นท่ีของแผน่ ธรณี 2. ระบุสาเหตุและอธิบายแนวรอยต่อของแผ่นธรณี ที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี พร้อม ยกตวั อย่างหลักฐานทางธรณีวทิ ยาทีพ่ บ 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ดา้ นพุทธพิ สิ ัย 1.1 นักเรยี นสามารถสบื คน้ และอธบิ ายขอ้ มลู ท่สี นบั สนนุ การแบ่งชัน้ โครงสร้างตามองคป์ ระกอบทางเคมี และการแบง่ ช้นั โครงสร้างตามสมบัติเชิงกล (K) 1.2 นกั เรียนสามารถวิเคราะหข์ อ้ มลู องคป์ ระกอบทางเคมี และอธบิ ายการแบง่ ช้ันโครงสรา้ งโลกและองค์ ประกอยทางเคมีของโครงสร้างโลกแตล่ ะชั้น(K) ด้านทักษะพิสยั 1.3 นกั เรยี นสามารถสร้างแบบจาลองโครงสร้างท่ีแบง่ จามสมบตั เิ ชงิ กล และเปรยี บเทียบกับการแบง่ โครงสรา้ งโลกตามองคป์ ระกอบทางเคมี(P)
22 ดา้ นเจตพสิ ยั 1.4 นักเรยี นมีความเคารพซงึ่ กนั และกนั ภายในกลมุ่ (A) 4. สาระสาคัญ นักวทิ ยาศาสตรศ์ กึ ษาโครงสรา้ งภายในโลกโดยใชว้ ิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ ทฤษฎี และเทคโนโลยีท่ีทันสมยั ทาให้สามารถแบ่งโครงสรา้ งโลกได้ตามองค์ประกอบทางเคมี ออกเปน็ 3 ช้นั ได้แก่ เปลอื กโลก เนอื้ โลก และแก่น โลก 5. สาระการเรียนรู้ การศึกษาโครงสร้างโลกใช้ข้อมลู หลายดา้ น เช่น องค์ประกอบทางเคมีของหินและแร่ องค์ประกอบทาง เคมีของอุกกาบาต ข้อมูลคลื่นไหวสะเทือนที่เคลื่อนที่ผ่านโลก จึงสามารถแบ่งชั้นโครงสร้างโลกได้ 2 แบบ คือ โครงสรา้ งโลกตามองคป์ ระกอบทางเคมี แบง่ ไดเ้ ปน็ 3 ช้ัน ไดแ้ ก่ เปลือกโลก เนือ้ โลก และแกน่ โลก และโครงสร้าง โลกตามสมบตั เิ ชิงกล แบ่งได้เป็น 5 ช้นั ไดแ้ ก่ ธรณภี าค ฐานธรณีภาค มชั ฌมิ ภาค แกน่ โลกช้นั นอก และแก่นโลก ชั้นใน นอกจากนี้ยังมีการคน้ พบรอยต่อระหว่างชัน้ โครงสร้างโลก เช่น แนวแบ่งเขตโมโฮโรวิซิก แนวแบ่งเขตกเู ท นเบิร์ก แนวแบ่งเขตเลหแ์ มน 6. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ความสามารถในการสอ่ื สาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทักษะของผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี 21 (3R 8C + 2L) (จุดเน้นสู่การพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น) ทกั ษะการอ่าน (Reading) ทกั ษะการ เขียน (Writing) ทกั ษะการ คดิ คานวณ (Arithmetic) ทกั ษะด้านการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรค์และนวตั กรรม (Creativity and innovation)
23 ทกั ษะดา้ นความร่วมมือ การทางานเป็นทีม และภาวะผนู้ า (Collaboration , teamwork and leadership) ทักษะด้านความเข้าใจตา่ งวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) ทักษะด้าน การสอ่ื สาร สารสนเทศ และรเู้ ท่าทนั ส่อื (Communication information and media literacy) ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) ทักษะอาชีพและทกั ษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทกั ษะการเปลย่ี นแปลง (Change) ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skills) ภาวะผูน้ า (Leadership) 7. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน ใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง โครงสรา้ งโลกตามองค์ประกอบทางเคมี 8. การจดั การเรียนรู้ เร่ือง การแบง่ โครงสรา้ งโลกตามองค์ประกอบทางเคมี รปู แบบการจัดการเรยี นรู้ ใชร้ ูปแบบการเรียนรู้แบบสบื เสาะหาความรู้ ( 5E ) ข้นั ท่ี 1 : ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) 1. ครูกระตุ้นความสนใจ โดยให้นักเรียนดูวีดิทัศน์ เหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิด แล้วร่วมกันอภิปรายกับ นักเรียนว่า เมอ่ื เกดิ เหตกุ ารณ์ภูเขาไฟระเบิด จะมีลาวาไหลออกจากปากปลอ่ งภเู ขาไฟ ลาวาทไ่ี หลออกมา มีลักษณะเป็นหนิ หนดื ร้อน สแี ดง ไหลไปตามความลาดชนั ของภูเขาไฟ จากเหตุการณด์ งั กล่าว นกั เรียนคิด วา่ ภายในโลกมีองค์ประกอบเปน็ อยา่ งไร แตกต่างจากหนิ ทพี่ บบนผิวโลกหรือไม่ 2. ครใู หน้ ักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เพอ่ื วัดความรูเ้ ดมิ ของนักเรยี นก่อนเขา้ สู่บทเรยี น 3. ครถู ามคาถาม prior knowledge จากหนังสอื เรียนรายวิชาเพ่มิ เตมิ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม.4 เล่ม 1 หนา้ 3 วา่ เหตุใดจงึ ควรทาความเข้าใจเกยี่ วกับโครงสรา้ งโลก (แนวตอบ ในปัจจุบนั ภายในโลกยังมีอุณหภมู ิสงู มาก ซึ่งความร้อนจากภายในโลกทาให้เกิดการ เปล่ียนแปลงท้งั ภายในโลกและบนผิวโลก เชน่ ภูเขาไฟระเบดิ แผน่ ดนิ ไหว ทาใหน้ กั วิทยาศาสตร์เกดิ ความ สนใจที่จะศึกษาโครงสรา้ งภายในโลก แต่ภายในโลกมีอณุ หภูมิและความดันสงู ทาใหไ้ ม่สามารถเจาะสารวจ ได้ นกั วิทยาศาสตร์จงึ คน้ หาหลกั การและวิธีการทางวิทยาศาสตรเ์ พือ่ ใช้ในการศึกษาโครงสร้างภายในโลก)
24 ข้นั ที่ 2 : ข้ันสารวจและคน้ หา (Exploration) 1.ครใู ห้นกั เรยี นรว่ มกนั สบื ค้นขอ้ มลู เกย่ี วกับวธิ ีการศึกษาโครงสรา้ งโลก แลว้ ครถู ามคาถามว่า ในอดีตที่ยังไม่มีเทคโนโลยีที่สามารถขุดเจาะลงไปภายในโลก นักวิทยาศาสตร์ใช้วิธีการใดในการศึกษา โครงสรา้ งภายในโลก (แนวตอบ เซอร์ไอแซค นวิ ตนั ไดค้ านวณหาความหนาแนน่ ของโลก พบวา่ โลกมีความหนาแน่น เป็นสองเท่าของหินที่พบบนผวิ โลก จากข้อมูลดังกล่าวทาให้สันนิษฐานว่า ภายในโลกไม่ได้ประกอบด้วย สสารเน้ือเดียว และจากข้อมลู ทฤษฎกี าเนดิ ระบบสรุ ิยะที่กล่าวว่า เม่อื กลุม่ แกส๊ และฝุ่นที่หลงเหลือจากการ รวมตัวกันเป็นดวงอาทิตยจ์ ะหมุนวนรอบดวงอาทิตย์ด้วยอิทธิพลของแรงโนม้ ถ่วง และรวมตวั กันเปน็ ดาว เคราะหโ์ คจรรอบดวงอาทิตย์ ในขณะท่โี ลกเกดิ ข้ึนสสารท่ีเปน็ ธาตุหนกั จะรวมตัวกันเปน็ แกน่ โลก ธาตุท่ีเบา กวา่ จะรวมตวั อยู่ดา้ นบนของแก่นโลก) ขนั้ ที่ 3 : ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. ครูกล่าวเชื่อมโยงเข้าสู่เนือ้ หาต่อไป โดยตั้งประเดน็ คาถามว่า จากการวิเคราะห์องคป์ ระกอบเคมขี อง หนิ บนเปลอื กโลก และหนิ แปลกปลอมทถี่ กู พาขนึ้ มาบนผวิ โลก สามารถเปน็ ตัวแทนขององคป์ ระกอบทาง เคมขี องโลก ได้หรอื ไม่ (แนวตอบ ไม่ได้ เพราะเมือ่ นาองค์ประกอบทางเคมขี องหินบนผิวโลก และหินแปลกปลอมจาก ภายในโลกมาคานวณหาความแน่น พบว่ายังไม่เท่ากับความหนาแน่นของโลก แสดงว่ามีสว่ นทีล่ ึกลงไป ภายในโลกที่ยงั ไม่ทราบว่าเปน็ สสารชนดิ ใด จึงต้องมีการศกึ ษาตอ่ ไป) ขัน้ ที่ 4 : ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) 1.ครูและนกั เรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือให้ไดข้ ้อสรุปเก่ียวกับการแบง่ โครงสร้างโลกตามองค์ประกอบทาง เคมี โดยอาจมแี นวทางสรุป ดังน้ี “ นกั วิทยาศาสตรแ์ บง่ โครงสรา้ งโลกออกเป็น 3 ชั้น ได้แก่ เปลือกโลก เน้อื โลก และแกน่ โลก โดยพิจารณา จากองค์ประกอบทางเคมีที่แตกตา่ งกันของแต่ละช้ัน ซึ่งเปลือกโลกเป็นสว่ นทีอ่ ยู่ภายนอก และบางท่สี ุด ของโครงสร้างโลก มีสถานะเป็นของแข็งประกอบด้วยหินและแร่จานวนมาก นักวิทยาศาสตร์ศึกษา องคป์ ระกอบทางเคมขี องเปลือกโลกจากตวั อย่างหนิ บนผวิ โลก เนอื้ โลกคือ ชน้ั ของโลกท่ีอยูร่ ะหวา่ งเปลอื ก โลกกับแก่นโลก นักวิทยาศาสตร์ศกึ ษาตัวอยา่ งจากชน้ิ สว่ นหนิ แปลกปลอมที่ถูกนาข้ึนมาจากการปะทุของ ภูเขาไฟ แก่นโลก คือ ส่วนชั้นในสุดของโลก ในปัจจุบันไม่มีเทคโนโลยีและกระบวนการใดของโลกนา ตัวอย่างจากแก่นโลกขึน้ มาใหศ้ ึกษาโดยตรงได้ นักวิทยาศาสตร์ไดศ้ ึกษาอุกกาบาตที่พบบนผิวโลก และ สนั นษิ ฐานวา่ อกุ กาบาตเหล่าน้เี กดิ ข้ึนในชว่ งเวลาใกล้เคียงกับโลก และมีองคป์ ระกอบทางเคมคี ลา้ ยกบั โลก
25 ข้ันท่ี 5 : ขัน้ ประเมิน (Evaluation) 1. ครูตรวจสอบผลการทาแบบทดสอบก่อนเรยี น 2. ครปู ระเมินผล โดยการสงั เกตการตอบคาถาม การร่วมกันทาผลงาน และการนาเสนอผลงาน 3. ครปู ระเมินและตรวจสอบการทาใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง โครงสรา้ งโลกตามองค์ประกอบทางเคมี 4. ครูตรวจสอบผลการทาแบบฝกึ หัดท่ี 2.1 จากแบบฝึกหัดรายวิชาเพ่ิมเติม โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม.4 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 โครงสรา้ งโลก
26 9. การวดั และประเมนิ ผล จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธีวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การประเมนิ - หรือ ส่ิงท่ีตอ้ งการจะวดั และ - - ประเมินผล - 1.นกั เรียนสามารถสบื คน้ และ -ประเมนิ จากการ - 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก 3 =ดี 3 =ดี อธิบายข้อมลู ทส่ี นบั สนุนการแบง่ ตอบคาถามของ 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง ชั้นโครงสร้างตามองค์ประกอบทาง นกั เรียน 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก 3 =ดี 3 =ดี เคมี (K) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง 2.นกั เรยี นสามารถวิเคราะหข์ ้อมลู -ประเมนิ จากการ องคป์ ระกอบทางเคมี และอธบิ าย ตอบคาถามของ 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก การแบง่ ชนั้ โครงสรา้ งโลกและองค์ นกั เรยี น 3 =ดี 3 =ดี ประกอยทางเคมขี องโครงสร้างโลก 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ แตล่ ะชน้ั (K) -ประเมินจากการ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง 3.นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์ข้อมลู 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก 3 =ดี 3 =ดี คล่ืนไหวสะเทอื น และอธบิ ายการ ตอบคาถามของ 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ แบง่ ชนั้ โครงสรา้ งโลกและสมบัติ นักเรียน 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก ของโครงสรา้ งโลกแตล่ ะช้ัน(K) 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 4.นกั เรยี นสามารถสรา้ งแบบจาลอง -ประเมนิ จาก 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง โครงสรา้ งท่ีแบง่ จามสมบตั เิ ชิงกล ความคิด และเปรียบเทียบกบั การแบง่ สรา้ งสรรคท์ ี่ โครงสร้างโลกตามองคป์ ระกอบ ผู้เรียนได้แสดง ทางเคม(ี P) ความคิดเหน็ 5.นักเรยี นมคี วามเคารพซึง่ กนั และ -การสังเกต กนั ภายในกลมุ่ (A)
27 สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น วิธีวัด เคร่อื งมือวัด เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ (ตามหัวข้อที่ 5) 1.ความสามารถในการคดิ สังเกต แบบประเมินใบงาน 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง 2.ความสามารถในการแก้ปญั หา สังเกต แบบประเมนิ ใบงาน 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ 3.ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี สังเกต แบบประเมนิ ใบงาน 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง
28 ทักษะของผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 วธิ วี ัด เครือ่ งมอื วัด เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การประเมนิ (ตามหวั ข้อที่ 6) 1.ทักษะดา้ นการคดิ อยา่ งมี การสงั เกต แบบประเมิน 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก พฤตกิ รรม 3 =ดี 3 =ดี วจิ ารณญาณและทกั ษะในการ รายบคุ คล 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ แก้ปญั หา (Critical thinking and แบบประเมนิ 4 =ดีมาก 4 =ดีมาก พฤตกิ รรม 3 =ดี 3 =ดี problem solving) รายบุคคล 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ 2.ทกั ษะดา้ นการสรา้ งสรรค์และ การสงั เกต แบบประเมนิ 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก พฤตกิ รรม 3 =ดี 3 =ดี นวตั กรรม (Creativity and รายบคุ คล 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ innovation) แบบประเมนิ พฤตกิ รรม 4 =ดีมาก 4 =ดีมาก 3.ทกั ษะดา้ นความรว่ มมอื การ การสงั เกต รายบคุ คล 3 =ดี 3 =ดี ทางานเปน็ ทมี และภาวะผูน้ า 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ (Collaboration , teamwork 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ and leadership) 4.ทักษะด้าน การสอ่ื สาร การสงั เกต สารสนเทศ และรเู้ ทา่ ทันส่อื (Communication information and media literacy) 5.ทักษะการเรยี นรู้ (Learning การสงั เกต แบบประเมนิ 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก Skills) พฤตกิ รรม 3 =ดี 3 =ดี รายบคุ คล 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง
29 ตารางเกณฑ์การประเมนิ ผลต่างๆ ระดบั คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ 4 ดีมาก 3 ดี 2 พอใช้ 1 ปรับปรุง 10. กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ...... 11. บันทึกผลหลังการสอน สรปุ ผลการเรียนการสอน นักเรียนทัง้ หมดจานวน.....................คน จุดประสงค์การเรียนรู้ จานวนนักเรยี นทผ่ี า่ น จานวนนกั เรยี นท่ีไมผ่ า่ น 1 จานวนคน ร้อยละ จานวนคน ร้อยละ 2 3 12. ปัญหา/อปุ สรรค/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................. .................................. ...............................................................................................................................................................
30 13. ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... .................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ..................................................................ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ....................................... () ลงช่ือ................................................................ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ () ลงชอ่ื .......................................................... รองผู้อานวยการกล่มุ บรหิ ารวิชาการ (……………………………………………..)
31 ความเห็นของหวั หน้าสถานศึกษา ไดท้ าการตรวจแผนการเรยี นรู้ของ....................................................แลว้ มีความคิดเหน็ ดงั น้ี เปน็ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง การจัดกจิ กรรมได้นาเอากระบวนการเรยี นรู้ เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยงั ไมเ่ นน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... ลงชื่อ........................................................................................ ( …………………………………..……………………………………… ) ผู้อานวยการโรงเรยี น…………………………………………………………..
32 ใบงานที่ 1.1 เร่ือง โครงสร้างโลกตามองค์ประกอบทางเคมี คาชแ้ี จง : ให้นกั เรยี นสรปุ ความรเู้ กี่ยวกับโครงสรา้ งโลกตามองค์ประกอบทางเคมใี นรปู แบบของแผนผงั ความคิด และนาเสนอผลงาน
33 ใบงานที่ 1.1 เรื่อง โครงสรา้ งโลกตามองค์ประกอบทางเคมี คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนสรปุ ความรเู้ กีย่ วกบั โครงสรา้ งโลกตามองคป์ ระกอบทางเคมใี นรปู แบบของแผนผังความคิด และนาเสนอผลงาน องค์ประกอบทางเคมีของโลก เปลือกโลก เปลอื กโลกทวปี Si, O, Al เปลอื กโลกสมทุ ร Si, O, Mg วิเคราะหจ์ ากหินท่ี พบบนเปลือกโลก เน้อื โลก Mg, Si, O, Fe วเิ คราะห์จากหนิ แปลกปลอมท่ี ถกู ลาวาพาข้ึนมาบนผิวโลก แกน่ โลก Fe, Ni, Si, O วิเคราะห์จากตัวอย่างอุกกาบาตท่ี พบบนผิวโลก ทฤษฎีกำเนิดระบบ สุริยะ และข้อมูลสนามแมเ่ หลก็ โลก
34 แผนการเรยี นรู้ท่ี 3 สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ช้ัน มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เรอ่ื ง การแบง่ โครงสรา้ งโลกตามสมบตั เิ ชิงกล เวลา 2 ชัว่ โมง 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวัด มาตรฐานการเรยี นรู้ เข้าใจกระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลก ธรณพี บิ ัตภิ ยั และผลตอ่ สงิ่ มชี ีวติ และสง่ิ แวดล้อม รวมท้งั การศึกษาลาดบั ช้ันหิน ทรัพยากรธรณี แผนที่ และการนาไปใช้ประโยชน์ 2. ตวั ช้วี ัด 1. อธบิ ายหลักฐานทางธรณวี ทิ ยาทส่ี นบั สนุน การเคลอ่ื นทีข่ องแผน่ ธรณี 2. อธบิ ายการแบง่ ชัน้ และสมบัตขิ องโครงสร้างโลก พร้อมยกตัวอย่างขอ้ มลู ที่สนบั สนุนได้ 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ด้านพุทธพิ สิ ัย 1.1 นกั เรียนสามารถสบื ค้น และอธบิ ายขอ้ มูลทสี่ นบั สนุนการแบ่งชน้ั โครงสรา้ งตามองค์ประกอบทางเคมี และการแบ่งช้นั โครงสรา้ งตามสมบัตเิ ชิงกล (K) 1.2 นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์ขอ้ มลู องค์ประกอบทางเคมี และอธิบายการแบง่ ช้นั โครงสร้างโลกและองค์ ประกอยทางเคมขี องโครงสรา้ งโลกแตล่ ะชั้น(K) ด้านทักษะพสิ ยั 1.3 นักเรยี นสามารถสร้างแบบจาลองโครงสรา้ งท่แี บ่งจามสมบัติเชิงกล และเปรยี บเทยี บกับการแบง่ โครงสรา้ งโลกตามองคป์ ระกอบทางเคมี(P) ดา้ นเจตพิสัย 1.4 นักเรียนมีความเคารพซง่ึ กันและกันภายในกลมุ่ (A)
35 4. สาระสาคัญ นกั วิทยาศาสตร์ศึกษาโครงสรา้ งภายในโลกโดยใช้วธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์ ทฤษฎี และเทคโนโลยีทท่ี นั สมยั ทาให้สามารถแบง่ โครงสร้างโลกได้ตามองคป์ ระกอบทางเคมี ออกเป็น 3 ชั้น ได้แก่ เปลือกโลก เนื้อโลก และแกน่ โลก 5. สาระการเรยี นรู้ การศึกษาโครงสร้างโลกใช้ข้อมลู หลายดา้ น เช่น องค์ประกอบทางเคมีของหินและแร่ องค์ประกอบทาง เคมขี องอกุ กาบาต ขอ้ มลู คลืน่ ไหวสะเทือนท่เี คลอ่ื นท่ผี ่านโลก จงึ สามารถแบง่ ช้นั โครงสรา้ งโลกได้ 2 แบบ คือ โครงสร้างโลกตามองคป์ ระกอบทางเคมี แบ่งได้เป็น 3 ชั้น ได้แก่ เปลือกโลก เนื้อโลก และแก่นโลก และโครงสร้างโลกตามสมบตั เิ ชงิ กล แบง่ ได้เปน็ 5 ชนั้ ไดแ้ ก่ ธรณภี าค ฐานธรณีภาค มชั ฌิมภาค แกน่ โลก ชั้นนอก และแก่นโลกชั้นใน นอกจากนี้ยังมีการค้นพบรอยต่อระหว่างชั้นโครงสร้างโลก เช่น แนวแบ่งเข ตโมโฮโรวซิ ิก แนวแบ่งเขตกเู ทนเบริ ์ก แนวแบง่ เขตเลห์แมน 6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ความสามารถในการสือ่ สาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทกั ษะของผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จุดเนน้ สูก่ ารพฒั นาคุณภาพผู้เรยี น) ทกั ษะการอ่าน (Reading) ทกั ษะการ เขยี น (Writing) ทักษะการ คิดคานวณ (Arithmetic) ทกั ษะดา้ นการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปญั หา (Critical thinking and problem solving) ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม (Creativity and innovation) ทกั ษะดา้ นความร่วมมือ การทางานเป็นทมี และภาวะผู้นา (Collaboration , teamwork and leadership) ทกั ษะดา้ นความเขา้ ใจต่างวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)
36 ทักษะด้าน การส่อื สาร สารสนเทศ และรูเ้ ท่าทันส่ือ (Communication information and media literacy) ทักษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร (Computing) ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทักษะการเปลีย่ นแปลง (Change) ทกั ษะการเรียนรู้ (Learning Skills) ภาวะผู้นา (Leadership) 7. ช้ินงานหรอื ภาระงาน ใบงานท่ี 1.1 เร่ือง โครงสร้างโลกตามองคป์ ระกอบทางเคมี 8. การจดั การเรียนรู้ เร่ือง การแบ่งโครงสรา้ งโลกตามสมบตั เิ ชงิ กล รูปแบบการจัดการเรียนรู้ ใชร้ ปู แบบการเรยี นรูแ้ บบสบื เสาะหาความรู้ ( 5E ) ขัน้ ที่ 1 : ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) 1. ให้นกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายวา่ โครงสรา้ งภายในโลกในความคิดของนกั เรียนเป็นอยา่ งไร 2. ครูตั้งคาถามกระต้นุ ความคิดโดยให้นกั เรยี นชว่ ยกันระดมความคดิ ในการตอบคาถาม ถ้าตอ้ งการทราบว่า ขนมปงั ซาลาเปา ภายในมไี สอ้ ะไร นกั เรียนจะทาอยา่ งไร (แนวตอบ สามารถผา่ หรอื บิดไู ส้ขา้ งในได้) ถ้าเปน็ สง่ิ ของเช่น กลอ่ งปิดผนกึ ท่ไี มส่ ามารถเปิดดไู ด้ นักเรยี นจะทาอย่างไร (แนวตอบ อาจเขย่า หรือเคาะเพ่ือฟงั เสียง เพือ่ คาดคะเนลักษณะของวัตถุทอี่ ยูภ่ ายใน) ถา้ เปน็ วตั ถขุ นาดใหญ่มาก อยา่ งเช่น โลก นกั เรยี นจะทาอย่างไร (แนวตอบ ใชค้ ล่นื แผ่นดินไหว หรือคลืน่ ไหวสะเทือนในการศึกษา) ขน้ั ท่ี 2 : ขัน้ สารวจและคน้ หา (Exploration) 1. ให้นักเรยี นสืบค้นขอ้ มูลเกยี่ วกบั สมบัตเิ ชิงกล และคลน่ื ไหวสะเทอื น แล้วครูถามคาถามว่า สมบตั เิ ชงิ กลของสสาร คืออะไร (แนวตอบ สมบัติเชงิ กล คือ การตอบสนองของสสารตอ่ แรงภายนอกท่มี ากระทา ซึง่ สสารตา่ งชนดิ กนั จะมี การตอบสนองทแ่ี ตกต่างกนั ตามสมบตั เิ ชงิ กลของสสารนัน้ )
37 คลืน่ ไหวสะเทือน คืออะไร (แนวตอบ คลื่นไหวสะเทือน คือ คลื่นที่เคลื่อนที่ผ่านตัวกลาง และมีการถ่ายทอดพลังงานไปกับการ เคลื่อนทข่ี องคลื่น ทาใหอ้ นภุ าคของตวั กลางมกี ารเคลือ่ นท่ี แตไ่ มไ่ ดเ้ คล่อื นท่ไี ปกบั คลืน่ คล่ืนไหวสะเทือน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ คล่นื ในตัวกลาง และคล่ืนพ้ืนผิว) ขัน้ ที่ 3 : ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) 1. ครูกล่าวเชื่อมโยงเข้าสู่เน้ือหาต่อไป โดยตั้งประเด็นคาถามว่า แก่นโลกชั้นนอกเปน็ ของเหลว ซึ่งคลืน่ ทุติยภูมิไม่สามารถเคลื่อนที่ผ่านได้ แต่แก่นโลกชั้นในเป็นของแข็ง จะมีโอกาสเกดิ คลืน่ ทุติยภูมิเคลือ่ นที่ ผา่ นแก่นโลกชน้ั ใน ได้หรือไม่ (แนวตอบ ได้ เพราะคลนื่ ทตุ ยิ ภมู ิสามารถเคลอ่ื นที่ผา่ นของแขง็ ได้ และมีการทดลองเพื่อพิสจู น์ว่าคลื่นทตุ ยิ ภมู เิ กิดขึ้นในแกน่ โลกชนั้ ในได้เนือ่ งจากการเปลี่ยนโหมดของคล่ืนปฐมภมู ิ) ข้ันที่ 4 : ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) 1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายเพื่อใหไ้ ดข้ ้อสรุปเก่ียวกับการแบ่งโครงสร้างโลกตามสมบตั ิเชิงกล โดย อาจมีแนวทางสรุป ดงั น้ี “นกั วิทยาศาสตรใ์ ช้สมบตั ขิ องคลืน่ และข้อมูลคล่นื ไหวสะเทอื นในการแบ่งช้ันโครงสรา้ งโลก โดยพิจารณา จากคลื่นที่เคลื่อนที่ผ่านตัวกลางต่างชนิดกนั จะมีความเร็วไมเ่ ท่ากัน และจากการเปลี่ยนแปลงความเร็ว ของคล่นื ไหวสะเทือนตามระดับความลกึ ทาให้แบง่ โครงสรา้ งโลกออกเปน็ 5 ช้นั ไดแ้ ก่ ธรณภี าค ฐานธรณี ภาค มชั ฌิมภาค แก่นโลกชน้ั นอก และแกน่ โลกชนั้ ใน” 2. ครูถามคาถาม big question ว่า ในอนาคตโครงสร้างของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ อาจเปลี่ยนแปลงได้ ถ้ามีเทคโนโลยีที่สามารถเจาะลงไปสู่ใจกลางโลกเพื่อนาตัวอย่างขึ้นมา ศกึ ษาได้ หรือมีเครื่องมอื ทีส่ ามารถวเิ คราะห์ข้อมูลคลน่ื ไหวสะเทือนได้ละเอียดมากข้นึ ) ข้นั ท่ี 5 : ขน้ั ประเมิน (Evaluation) 1. ครูประเมนิ ผล โดยการสงั เกตการตอบคาถาม การร่วมกนั ทาผลงาน และการนาเสนอผลงาน 2. ครูประเมนิ การปฏบิ ตั ิการจากการทาใบงานท่ี 1.2 เร่อื ง โครงสรา้ งโลกตามสมบัตเิ ชิงกล 3. ครตู รวจสอบผลการทาแบบฝึกหดั 4. ครตู รวจสอบผลการทาแบบทดสอบหลังเรียน
38 9. การวดั และประเมนิ ผล จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธีวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การประเมนิ - หรือ ส่ิงท่ีตอ้ งการจะวดั และ - - ประเมินผล - 1.นกั เรียนสามารถสบื คน้ และ -ประเมนิ จากการ - 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก 3 =ดี 3 =ดี อธิบายข้อมลู ทส่ี นบั สนุนการแบง่ ตอบคาถามของ 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง ชั้นโครงสร้างตามองค์ประกอบทาง นกั เรียน 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก 3 =ดี 3 =ดี เคมี (K) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง 2.นกั เรยี นสามารถวิเคราะหข์ ้อมลู -ประเมนิ จากการ องคป์ ระกอบทางเคมี และอธบิ าย ตอบคาถามของ 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก การแบง่ ชนั้ โครงสรา้ งโลกและองค์ นกั เรยี น 3 =ดี 3 =ดี ประกอยทางเคมขี องโครงสร้างโลก 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ แตล่ ะชน้ั (K) -ประเมินจากการ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง 3.นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์ข้อมลู 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก 3 =ดี 3 =ดี คล่ืนไหวสะเทอื น และอธบิ ายการ ตอบคาถามของ 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ แบง่ ชนั้ โครงสรา้ งโลกและสมบัติ นักเรียน 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก ของโครงสรา้ งโลกแตล่ ะช้ัน(K) 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 4.นกั เรยี นสามารถสรา้ งแบบจาลอง -ประเมนิ จาก 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง โครงสรา้ งท่ีแบง่ จามสมบตั เิ ชิงกล ความคิด และเปรียบเทียบกบั การแบง่ สรา้ งสรรคท์ ี่ โครงสร้างโลกตามองคป์ ระกอบ ผู้เรียนได้แสดง ทางเคม(ี P) ความคิดเหน็ 5.นักเรยี นมคี วามเคารพซึง่ กนั และ -การสังเกต กนั ภายในกลมุ่ (A)
39 สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น วิธีวัด เคร่อื งมือวัด เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ (ตามหัวข้อที่ 5) 1.ความสามารถในการคดิ สังเกต แบบประเมินใบงาน 4 =ดมี าก 4 =ดีมาก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง 2.ความสามารถในการแก้ปญั หา สังเกต แบบประเมนิ ใบงาน 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ 3.ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี สังเกต แบบประเมนิ ใบงาน 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก 3 =ดี 3 =ดี 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรุง
40 ทักษะของผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี 21 วิธีวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารประเมนิ แบบประเมิน 1.ทกั ษะดา้ นการคิดอย่างมี การสงั เกต พฤติกรรม 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก รายบุคคล วจิ ารณญาณและทกั ษะในการ 3 =ดี 3 =ดี แบบประเมนิ แกป้ ญั หา (Critical thinking and พฤติกรรม 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ รายบคุ คล problem solving) 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ แบบประเมิน 2.ทักษะดา้ นการสร้างสรรค์และ การสงั เกต พฤติกรรม 4 =ดีมาก 4 =ดมี าก รายบุคคล นวตั กรรม (Creativity and 3 =ดี 3 =ดี innovation) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรงุ 3.ทักษะด้านความร่วมมอื การ การสงั เกต 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก ทางานเป็นทมี และภาวะผ้นู า (Collaboration , teamwork 3 =ดี 3 =ดี and leadership) 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง 4.ทกั ษะด้าน การสอ่ื สาร การสงั เกต แบบประเมิน 4 =ดีมาก 4 =ดีมาก สารสนเทศ และรเู้ ท่าทนั สอ่ื พฤติกรรม 3 =ดี 3 =ดี (Communication information รายบคุ คล 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ and media literacy) 1 =ปรบั ปรงุ 1 =ปรบั ปรงุ 5.ทกั ษะการเรียนรู้ (Learning การสงั เกต แบบประเมนิ 4 =ดมี าก 4 =ดมี าก Skills) พฤตกิ รรม 3 =ดี 3 =ดี รายบคุ คล 2 =พอใช้ 2 =พอใช้ 1 =ปรบั ปรุง 1 =ปรบั ปรุง
41 ตารางเกณฑก์ ารประเมินผลต่างๆ เกณฑก์ ารประเมนิ ดมี าก ระดับคะแนน ดี 4 พอใช้ 3 ปรับปรุง 2 1 10. กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ...... 11. บันทึกผลหลังการสอน สรปุ ผลการเรียนการสอน นักเรยี นทั้งหมดจานวน.....................คน จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ จานวนนกั เรียนทผ่ี ่าน จานวนนกั เรยี นท่ีไม่ผา่ น 1 จานวนคน รอ้ ยละ จานวนคน ร้อยละ 2 3 12. ปัญหา/อปุ สรรค/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ..................................
42 13. ข้อเสนอแนะ .................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ....................................................... ลงช่ือ..................................................................ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ....................................... () ลงช่ือ................................................................ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ () ลงชอ่ื .......................................................... รองผ้อู านวยการกลมุ่ บรหิ ารวชิ าการ (……………………………………………..)
43 ความเห็นของหวั หน้าสถานศึกษา ไดท้ าการตรวจแผนการเรียนรู้ของ....................................................แล้วมคี วามคดิ เหน็ ดงั นี้ เปน็ แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ การจัดกจิ กรรมได้นาเอากระบวนการเรยี นรู้ เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคัญมาใชใ้ นการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยงั ไมเ่ นน้ ผ้เู รียนเป็นสาคัญ ควรปรบั ปรงุ พฒั นาตอ่ ไป ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... ลงช่ือ........................................................................................ ( …………………………………..……………………………………… ) ผูอ้ านวยการโรงเรียน…………………………………………………………..
44 ใบงานท่ี 1.2 เร่อื ง โครงสร้างโลกตามสมบัติเชิงกล คาชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นสรปุ ความรเู้ กี่ยวกบั โครงสรา้ งโลกตามสมบัตเิ ชิงกลในรปู แบบของแผนผังความคิด และ นาเสนอผลงาน
45 ใบงานท่ี 1.2 เรือ่ ง โครงสร้างโลกตามสมบตั ิเชงิ กล คาชี้แจง : ใหน้ กั เรียนสรปุ ความรเู้ กย่ี วกบั โครงสร้างโลกตามสมบัตเิ ชงิ กลในรปู แบบของแผนผังความคิด และ นาเสนอผลงาน สมบตั เิ ชงิ กล การเปลย่ี นแปลงของคลน่ื ไหวสะเทอื น คลื่นไหวสะเทือนทใี่ ช้ในการศึกษา คล่ืนในตัวกลาง ของแข็ง ธรณภี าค คล่ืน P และ S คลน่ื ปฐมภมู ิ คลนื่ ทตุ ิยภมู ิ มีความเร็ว ของแข็งสมบัติพลาสตกิ เพิ่มขึน้ อย่าง คลน่ื ตามยาว คลื่นตามขวาง รควลดน่ื เรPว็ และ S เคลอ่ื นที่ผ่าน เคลอ่ื นที่ผ่าน ของแข็ง มีความเร็ว ของแข็ง ได้เฉพาะ มโี ซสเฟยี ร์ เพมิ่ ขึ้นไม่ ของเหลว ของแข็ง และแกส๊ ได้ ของเหลว คล่นื P และ S แก่นโลกช้ันนอก มีความเรว็ เพ่ิมขึน้ สมำ่ เสมอ ของแข็ง แก่นโลกช้ันใน คลืน่ S เคลื่อนท่ี ผา่ นไม่ได้ คลืน่ P และ S มีความเร็วคงท่ี
46 แผนการเรียนรู้ท่ี 2 วิชา โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ เรื่อง ธรณีแปรสัณฐาน มาตรฐานการเรยี นรู้และผลการเรียนรู้ กลมุ่ สารการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ( ฉบบั ปรับปรุง 2560 )
47 แผนการเรียนรู้ที่ 4 สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 เรอื่ ง ธรณีแปรสัณฐาน เวลา 12 ช่ัวโมง 1.มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั มาตรฐานการเรยี นรู้ เข้าใจกระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลก ธรณพี ิบตั ภิ ัยและผลตอ่ สงิ่ มีชีวติ และสง่ิ แวดล้อม รวมทงั้ การศึกษาลาดบั ชนั้ หิน ทรัพยากรธรณี แผนที่ และการนาไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวชีว้ ดั 1. เข้าใจกระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลก ธรณีพบิ ัติภยั และผลตอ่ ส่งิ มีชีวิตและส่ิงแวดลอ้ มรวมท้ัง การศกึ ษาลาดบั ชั้นหิน ทรพั ยากรธรณี แผนท่ี และการนาไปใช้ประโยชน์ 2. อธบิ ายหลักฐานทางธรณวี ทิ ยาทส่ี นับสนนุ การเคลอื่ นท่ขี องแผ่นธรณไี ด้ 3. อธิบายระบุสาเหตุและอธิบายแนวรอยต่อของแผ่นธรณีที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนที่ของ แผ่นธรณี พร้อมยกตัวอย่างหลักฐานทางธรณีวิทยาท่พี บได้ 3.จุดประสงค์การเรยี นรู้ ด้านพทุ ธิพสิ ัย 1.1 นักเรยี นสามารถอธบิ ายแนวคดิ ทฤษฎีเกี่ยวกับการเคลอ่ื นที่ของแผ่นธรณี(K) 1.2 นกั เรียนสามารถ อธิบายหลกั ฐานทางธรณวี ิทยาทส่ี นับสนุนการเคลื่อนทขี่ องแผน่ ธรณี(K) ด้านทกั ษะพสิ ยั 1.3 นักเรยี นสามารถนาเสนอทฤษฎีเก่ยี วกบั การเคล่ือนทข่ี องแผน่ ธรณไี ด้(P) ด้านเจตพิสัย 1.4 นกั เรียนสามารถทางานรว่ มกับผู้อืน่ ไดอ้ ย่างสร้างสรรค์ ยอมรบั ความคิดเห็นของสมาชกิ ในกล่มุ ได้ (A)
48 4. สาระสาคัญ การศึกษาโครงสรา้ งโลกพบวา่ ฐานธรณภี าคมีธรณภี าควางตวั อยูด่ ้านบน เม่อื ฐานธรณภี าคได้รบั ความร้อน จากภายในโลกจะเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ และทาให้ธรณีภาคเคลื่อนที่ตามไปด้วย ธรณีภาคเมื่อเคลื่อนทีใ่ นทิศทาง ต่างกนั จะแตกออกเปน็ แผน่ เรียกวา่ แผ่นธรณี นักวทิ ยาศาสตรจ์ งึ ศึกษาจากหลักฐานทางธรณวี ทิ ยาทป่ี รากฏ เช่น รูปร่างของขอบทวีปทีส่ ามารถเชื่อมต่อกนั ได้ ความคล้ายคลึงกันของกลุ่มหินและแนวเทอื กเขา ซากดึกดาบรรพ์ รอ่ งรอยการเคลื่อนทขี่ องตะกอนธารน้าแข็ง ภาวะแมเ่ หล็กโลกบรรพกาล อายหุ ินของ พนื้ มหาสมุทร การค้นพบสัน เขากลางสมุทรและร่องลึกก้นสมุทร และอธิบายการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีจนสามารถสรุปเป็นทฤษฎีธรณีแปร สัณฐาน ซ่งึ มรี ากฐานมาจากทฤษฎีทวีปเลอ่ื นและทฤษฎีการแผ่ขยายพนื้ สมุทร นักวทิ ยาศาสตร์ศกึ ษาธรณสี ัณฐานบรเิ วณแนวรอยตอ่ ของแผน่ ธรณี และอธบิ ายวา่ ธรณีสณั ฐานตา่ ง ๆ เกดิ จากลักษณะการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีที่แตกต่างกัน ได้แก่ แนวแผ่นธรณีแยกตัวออกจากกัน แนวแผ่นธรณี เคลื่อนท่เี ขา้ หากัน และแนวแผ่นธรณีเคลอ่ื นทีผ่ ่านกนั ตามแนวระดบั การเคลอื่ นทข่ี องแผ่นธรณที ้งั 3 รูปแบบ ทา ให้เกดิ ธรณีสณั ฐาน เช่น ร่องลกึ กน้ สมุทร หมู่เกาะภูเขาไฟรูปโค้ง แนวภูเขาไฟ แนวเทือกเขา หุบเขาทรดุ สันเขา กลางสมทุ ร และธรณพี ิบัตภิ ยั เช่น แผน่ ดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ บริเวณขอบของแผน่ ธรณี 5. สาระการเรียนรู้ แผ่นธรณีต่าง ๆ เป็นส่วนประกอบของ ธรณีภาค ซึ่งเป็นชั้นนอกสุดของโครงสร้างโลก โดยมีการ เปลี่ยนแปลงขนาดและตาแหน่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การเคล่ือนทีข่ องแผ่นธรณีดงั กล่าวอธบิ ายไดต้ ามทฤษฎี ธรณแี ปรสัณฐาน ซึง่ มรี ากฐานมาจากทฤษฎีทวปี เลอื่ นและทฤษฎีการแผ่ขยาย พน้ื สมุทร โดยมหี ลกั ฐานทส่ี นับสนนุ ได้แก่ รูปร่างของขอบทวีปที่สามารถเชื่อมต่อกนั ได้ ความคล้ายคลึงกันของกลุ่มหนิ และแนวเทือกเขา ซากดึกดา บรรพ์ ร่องรอย การเคลื่อนที่ของตะกอน ธารน้าแข็ง ภาวะแม่เหล็กโลกบรรพกาล อายุหินของพื้นมหาสมุทร รวมท้งั การค้นพบสันเขา กลางสมุทร และร่องลึกก้นสมทุ ร การพาความร้อนของแมกมาภายในโลก ทาใหเ้ กดิ การเคลือ่ นที่ของแผ่นธรณี ตามทฤษฎธี รณแี ปรสัณฐาน ซ่ึงนกั วิทยาศาสตรไ์ ดส้ ารวจพบหลักฐานทางธรณีวิทยา ได้แก่ ธรณีสัณฐาน และธรณีโครงสร้างทีบ่ ริเวณแนวรอยต่อ ของแผน่ ธรณี เชน่ ร่องลกึ ก้นสมุทร หมูเ่ กาะภูเขาไฟรปู โค้ง แนวภูเขาไฟ แนวเทือกเขา หบุ เขาทรดุ และสนั เขากลาง สมุทร รอยเลือ่ น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184