Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระบบปลดชิ้นงาน ของแม่พิมพ์ฉีดพลาสติก

ระบบปลดชิ้นงาน ของแม่พิมพ์ฉีดพลาสติก

Published by winan093, 2017-07-07 03:34:23

Description: ระบบปลดชิ้นงาน ของแม่พิมพ์ฉีดพลาสติก

Keywords: ระบบปลดชิ้นงาน ของแม่พิมพ์ฉีดพลาสติก

Search

Read the Text Version

85 4.2.6.1.1 การนําความรอ้ น โดยการถา่ ยเทความรอ้ นภายในเน้ือพลาสตกิ สู่แมพ่ มิ พ์ 4.2.6.1.2 การพาความรอ้ น โดยการถา่ ยเทความรอ้ นจากแมพ่ มิ พส์ รู่ ะบบทอ่หลอ่ เยน็ ซง่ึ เป็นสารหลอ่ เยน็ 4.2.6.1.3 การแผร่ งั สี โดยการถา่ ยเทความรอ้ นเป็นในรปู การแผค่ ลน่ื ความรอ้ นออกจากแมพ่ มิ พ์ 4.2.6.2 หลกั การหลอ่ เยน็ ตอ่ คณุ ภาพชน้ิ งานฉดี การควบคมุ อุณหภมู ใิ หค้ งทใ่ี นแมพ่ มิ พต์ อ้ งไมแ่ ตกตา่ งกนั ในแต่ละสว่ นของแมพ่ มิ พแ์ ละแตล่ ะสว่ นของชน้ิ งานจะสง่ ผลกระทบโดยตรงต่อรปู ทรงชน้ิ งาน” จะเหน็ ไดว้ า่ หลกั การนนั้ เราจะออกแบบระบบหล่อเยน็ ดว้ ยวธิ ไี หนกไ็ ดท้ ส่ี ามารถทาํ ใหแ้ มพ่ มิ พม์ กี ารเยน็ ตวั พรอ้ มกนั ทกุจุด จงึ จะไดช้ น้ิ งานตรงตามแบบพมิ พ์ แตใ่ นการผลติ แมพ่ มิ พท์ าํ ไดม้ ากน้อยแคไ่ หนกจ็ ะสง่ ผลกระทบตอ่ ชน้ิ งานไปดว้ ย 4.2.6.3 รปู แบบของการหล่อเยน็ 4.2.6.3.1 Hard Cooling คอื การทาํ ใหแ้ มพ่ มิ พแ์ ละชน้ิ งานเยน็ ตวั อยา่ งรวดเรว็เหมาะสาํ หรบั การผลติ หรอื ชน้ิ งานปรมิ าณมากๆ (Mass Production) รอบการฉดี (Cycle time) สนั้ 4.2.6.3.2 Soft Cooling โดยการใชร้ ะบบหลอ่ เยน็ หรอื การควบคมุ อุณหภมู ิแมพ่ มิ พใ์ กลเ้ คยี งกบั จุด Crystallite Melting point ของพลาสตกิ แลว้ คอ่ ย ๆ หลอ่ เยน็ ชน้ิ งาน ซง่ึ จะไดช้ น้ิ งานทม่ี คี วามเทย่ี งตรง และคณุ สมบตั เิ ชงิ กลของชน้ิ งานดขี น้ึ แต่อยา่ งไรกต็ ามแมพ่ มิ พจ์ ะตอบสนองต่อการพจิ ารณาเลอื กแนวทางการควบคมุ อุณหภมู แิ มพ่ มิ พก์ ารเยน็ ตวั ของพลาสตกิ และผลกระทบต่อชน้ิ งาน 4.2.6.4 ปจั จยั ทส่ี ง่ ผลกระทบต่อรปู ทรงชน้ิ งานใหช้ ่วยเป็นตวั 4.2.6.4.1 ความหนาชน้ิ งาน 4.2.6.4.2 ความยาวเสน้ ทางการไหลของน้ําพลาสตกิ ในชน้ิ งาน 4.2.6.4.3 ตาํ แหน่งการหลอ่ เยน็ ชน้ิ งาน 4.2.6.4.4 ชนิดของพลาสตกิ และการหดตวั 4.2.6.4.5 ความหนาแน่นของเน้อื พลาสตกิ แตล่ ะจดุ ของชน้ิ งาน จากปจั จยั ทก่ี ลา่ วมาทงั้ หมดสดุ ทา้ ยทท่ี าํ ใหเ้ กดิ ปญั หาหรอื สง่ ผลกระทบกบั ชน้ิ งานคอือตั ราการเยน็ ตวั เยน็ ตวั แตกต่างกนั อนั เป็นสาเหตุหลกั ของการเสยี รปู ของชน้ิ งาน อยา่ งเชน่ ในรปูตวั อยา่ ง

ตาราง 4 การออกแบบระบบหลอ่ เยน็ ในแมพ่ มิ พ์ 86รปู ท่ี เสน้ ผา่ ศูนยก์ ลางหรอื ลกั ษณะเฉพาะ การออกแบบ ความกวา้ งของคอร์ ถ่ายเทความรอ้ นออกโดยลมจาก1 > 3 มม. ภายนอกขณะเปิดแมพ่ มิ พ์ การ หลอ่ เยน็ แบบต่อเน่ืองไดเ้ ฉพาะ กบั ชน้ิ งานรปู รา่ งคลา้ ยทอ่ แทง่ โลหะทน่ี ําความรอ้ นจะต่อไป2 > 5 มม. ถงึ ทอ่ หลอ่ เยน็ โคนของแทง่ หลอ่ เยน็ ควรทาํ ใหใ้ หญ่ ทาํ เป็นแบบน้ําพหุ รอื แบบพน่ ทอ่3 > 8 มม. ขนาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางไมเ่ กนิ 4 มม. ควรตดั ปลายเฉียง แบบน้ําพุ หรอื แบบพน่ ID =4 OD/2 แบบน้ําพุ หรอื แบบพน่ สาํ หรั5 คอรท์ ม่ี กี ารหมนุ เพอ่ื คลาย เกลยี ว แบบแผน่ กนั้67 แบบแผน่ กนั้ บดิ เป็นเกลยี ว

ตาราง 4 (ต่อ) การออกแบบระบบหลอ่ เยน็ ในแมพ่ มิ พ์ 87รปู ท่ี เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางหรอื ลกั ษณะเฉพาะ การออกแบบ ความกวา้ งของคอร์ แกนทม่ี รี ่องขดเป็นเกลยี วปาก8 เดยี วหรอื สองปาก ใสแ่ บบหลวม ๆ เขา้ ไปในคอรเ์ ป็นชน้ิ สว่ น มาตรฐาน แทง่ ถา่ ยเทความรอ้ น มขี นาด9 ตงั้ แต่ 3 มม. ภายในบรรจุ ของเหลวนําความรอ้ น10 > 40 มม. หล่อเยน็ แบบรอ่ งเกลยี ว11 คอรด์ า้ นใน แบบรอ่ งเกลยี วคู่ และแบบน้ําพุ S > 4 มม. a. ชน้ิ งาน b. ปลอกโลหะผสมทองแดง- เบรลิ เลยี ม < 3 มม.12 d. เหลก็ กลา้ 3 มม. c. ชอ่ งหลอ่ เยน็ แบบเกลยี ว d. ชน้ิ สว่ นเหลก็ กลา้ ไรส้ นมิ นํา มาเช่อื มตดิ กนั

88 ภาพประกอบ 36 ระบบหล่อเยน็ รปู วงกลมรอ่ งวงกลมทม่ี จี ุดศูนยก์ ลางรว่ มกนั ทม่ี า : ชยั รตั น์ แกว้ ดว้ ง. (2538). หน้า 233. ภาพประกอบ 37 ระบบหล่อเยน็ รปู วงกลมรอ่ งขดเป็นวง ทม่ี า : ชยั รตั น์ แกว้ ดว้ ง. (2538). หน้า 233. ภาพประกอบ 38 ระบบหลอ่ เยน็ เป็นรปู ขดสาํ หรบั ชน้ิ งานเหลย่ี ม ทม่ี า : ชยั รตั น์ แกว้ ดว้ ง. (2538). หน้า 234. ภาพประกอบ 39 ระบบหลอ่ เยน็ สาํ หรบั ชน้ิ งานรปู สเ่ี หลย่ี มท่ี gate เขา้ ศนู ยก์ ลางทม่ี า : ชยั รตั น์ แกว้ ดว้ ง. (2538). หน้า 234.

89 4.3 การตรวจสอบแบบแม่พิมพ์ เม่อื เราไดท้ าํ การออกแบบแลว้ เสรจ็ หรอื ไดร้ บั แบบมา อนั ดบั แรกจะเรมิ่ ดโู ครงสรา้ งทวั่ ๆ ไป พลาสตกิ ทจ่ี ะใชฉ้ ดี เพอ่ื ใหไ้ ดช้ น้ิ งานทด่ี ที ส่ี ดุ และรกั ษาแมพ่ มิ พใ์ หย้ าวนาน จงึ ตอ้ งพจิ ารณาในสว่ นแบบแมพ่ มิ พก์ อ่ นเป็นอนั ดบั แรก ก่อนทจ่ี ะดาํ เนินการผลติ จรงิ 4.3.1 การพจิ ารณาตรวจสอบแบบแมพ่ มิ พ์ 4.3.1.1 ตรวจสอบโครงสรา้ งหลกั ของชน้ิ งาน ความแขง็ แรง ความหนาของแมพ่ มิ พต์ าํ แหน่ง Support ตา่ งๆ 4.3.1.2 ตรวจสอบวสั ดทุ ใ่ี ชท้ าํ แมพ่ มิ พ์ Standard Parts วา่ ถกู ตอ้ งหรอื ไมร่ วมทงั้กระบวนการทางความรอ้ นและการตรวจสอบความแขง็ 4.3.1.3 ตรวจสอบโครงสรา้ งของชน้ิ งาน วา่ จะสง่ ผลกระทบตอ่ โครงสรา้ งหลกั จากการเยน็ ตวั 4.3.1.4 ตรวจสอบระบบการทาํ งานต่าง ๆ ของแมพ่ มิ พ์ 4.3.1.4.1 ระบบปลดชน้ิ งาน 4.3.1.4.2 การระบายอากาศ 4.3.1.4.3 การวางระบบ Runner 4.3.1.4.4 ระบบหลอ่ เยน็ 4.3.1.5 ตรวจสอบความสามารถการขน้ึ รปู เครอ่ื งจกั รกล 4.3.1.5.1 เครอ่ื ง Milling 4.3.1.5.2 เครอ่ื ง EDM 4.3.1.5.3 เครอ่ื งเจยี ระไน 4.3.1.5.4 การขดั ผวิ ขนั้ สดุ ทา้ ย 4.3.1.6 ตรวจสอบโอกาสการเสยี รปู แมพ่ มิ พข์ ณะใชง้ าน 4.3.1.6.1 การสกึ กรอ่ นของ Cavity และ Core 4.3.1.6.2 โอกาสเสยี โครงสรา้ งรวมเมอ่ื รบั แรงฉดี ทส่ี งู และแรงยดึ แมพ่ มิ พ์ 4.3.1.6.3 การเคลอ่ื นยา้ ยตําแหน่ง Parting Line 4.3.1.6.4 การเสยี รปู ของ Cavity เมอ่ื ไดร้ บั แรงอดั ทส่ี งู 4.3.1.6.5 การเสยี หายและการเคลอ่ื นตวั ของ Core ขณะรบั แรงฉีดโดยเฉพาะสว่ นทอ่ี ยใู่ กลเ้ กจ 4.3.1.6.6 Insert และการจบั ยดึ Insert 4.3.1.6.7 Slide Core และ Angle Pin 4.3.1.6.8 การเสยี ดสขี อง Ejector Pin และการหกั หรอื งอโคง้ ของ Ejector Pin

90 4.3.2 หวั ขอ้ การวเิ คราะห์ 4.3.2.1 แบง่ กลมุ่ ชน้ิ งาน 2 กลุ่ม 4.3.2.1.1 กลุ่มทส่ี กึ หรอปกติ จะเปลย่ี นตามกาํ หนดเวลา เชน่ บชู สลกั คอร์ฯลฯ 4.3.2.1.2 กลุ่มทแ่ี ตกหกั ปกติ จะเปลย่ี นทนั ทที แ่ี ตกหกั เช่น Ejector Pin,Slide ต่างๆ ฯลฯ 4.3.2.2 ปจั จยั ความเสยี หายของแมพ่ มิ พ์ 4.3.2.2.1 การออกแบบโครงสรา้ งแมพ่ มิ พ์ 4.3.2.2.2 วสั ดทุ ใ่ี ชท้ าํ แมพ่ มิ พ์ 4.3.2.2.3 การ Machining 4.3.2.2.4 การอบชบุ ดว้ ยความรอ้ น 4.3.2.2.5 การเจยี ระไน 4.3.2.2.6 การใชง้ านแมพ่ มิ พ์ 4.3.2.2.7 การบาํ รงุ รกั ษา 4.3.2.3 จดุ ทเ่ี กดิ ความเสยี หายบอ่ ยในแมพ่ มิ พฉ์ ดี 4.3.2.3.1 การเคลอ่ื นยา้ ยของเสน้ Parting Line 4.3.2.3.2 ผวิ หน้าผวิ แมพ่ มิ พเ์ กดิ การยบุ หรอื เป็นรอย 4.3.2.3.3 ผวิ ของ Cavity หรอื Core เกดิ การแตกรา้ วหรอื แตกสะเกด็ 4.3.2.3.4 รเู กจเกดิ การอุดตนั 4.3.2.3.5 Insert ต่าง ๆ เกดิ การเคลอ่ื นยา้ ยหรอื เบย่ี งเบน 4.3.2.3.6 เกดิ การกดั กรอ่ นทค่ี อรเ์ ลก็ ๆ 4.3.2.3.7 Slide Core และ Angle Pin เกดิ การไหมแ้ ละสกึ หรอ 4.3.2.3.8 Ejector Pin เกดิ การหกั งอโคง้ หรอื แตกหกั 4.3.2.3.9 ทอ่ น้ําหลอ่ เยน็ เกดิ การอุดตนั 4.3.3 การตรวจสอบชน้ิ สว่ นแมพ่ มิ พ์ การประกอบแมพ่ มิ พน์ นั้ เป็นขนั้ ตอนทย่ี งุ่ ยาก ผปู้ ระกอบเองตอ้ งเขา้ ใจและรู้รายละเอยี ดของแมพ่ มิ พอ์ ยา่ งดี ไมว่ า่ การออกแบบ การขน้ึ รปู การแกป้ ญั หา การMachine ชน้ิ สว่ นตา่ ง ๆ ซง่ึ ตอ้ งอาศยั เทคนิคและประสบการณ์เป็นอยา่ งสงู รวมทงั้ การทดลอง ตรวจสภาพ และซอ่ มแมพ่ มิ พ์ กจ็ าํ เป็นตอ้ งมใี นตวั ของชา่ งประกอบแมพ่ มิ พ์ ปจั จุบนั บคุ ลากรทางดา้ นการประกอบแมพ่ มิ พน์ นั้ หายาก สาํ หรบั แมพ่ มิ พท์ จ่ี ะนํามาประกอบดว้ ยกนั นนั้ ชน้ิ สว่ นทุกชน้ิ จะตอ้ งผา่ นการตรวจสอบ และตรวจวดั ขนาด ผวิ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งตามมาตรฐาน โดยเฉพาะ Insert ทจ่ี ะนํามาใช้ตอ้ งเน้นในเรอ่ื งพกิ ดั ความเผอ่ื ใหถ้ กู ตอ้ ง ผวิ ในสว่ น คาวติ แ้ี ละคอร์ จะตอ้ งเป็นผวิ สาํ เรจ็ รปู แลว้ การประกอบจะแบง่ แมพ่ มิ พเ์ ป็น 2 สว่ น คอื สว่ นคอร์ กบั สว่ นคาวติ ้ี

91 4.3.3.1 การประกอบ Cavity ทาํ ไดด้ งั น้ี 4.3.3.1.1 ประกอบในสว่ นของ Insert ตา่ ง ๆ เขา้ กบั แผน่ Cavity Plateเสยี กอ่ น พรอ้ มกบั Guide Pin 4.3.3.1.2 ตรวจสอบขนาด ผวิ ของแผน่ คาวติ ้ี ใหถ้ กู ตอ้ งตามแบบ 4.3.3.1.3 ถา้ มสี ว่ นประกอบอน่ื ๆ หรอื กลไกเพม่ิ เตมิ ในแมพ่ มิ พ์ กด็ าํ เนินการประกอบตามหลกั เกณฑข์ องรปู แบบนนั้ ๆ 4.3.3.1.4 แผน่ Front Plate ประกอบ Locating Ring, Sprue Bush และSpring Ejector Runner 4.3.3.1.5 ถา้ แมพ่ มิ พม์ แี ผน่ Runner Plate ดว้ ย กจ็ ะประกอบแผน่ Runnerพรอ้ มกบั Locking Runner Pin ใหเ้ รยี บรอ้ ยกอ่ น 4.3.3.1.6 ประกอบแผน่ Front Plate + Runner Plate + Cavity Plate 4.3.3.2 การประกอบสว่ น Core 4.3.3.2.1 ประกอบในสว่ นทเ่ี ป็น Insert ต่างๆ เขา้ กบั แผน่ Core ใหเ้ รยี บรอ้ ยเสยี กอ่ น และตรวจสอบขนาดต่างๆ และผวิ ของ Core ถกู ตอ้ ง 4.3.3.2.2 ประกอบ Guide Pin พรอ้ มกบั แผน่ Core back Plate เขา้ กบั แผน่Core Plate 4.3.3.2.3 ทดลองใส่ Ejector Pin ผา่ นรใู สเ่ ขม็ กระทุง้ โดยไมต่ ดิ ขดั ทุกตําแหน่งและทงั้ Core Plate และ Core Back Plate 4.3.3.2.4 ชดุ Ejector Pin ประกอบไดด้ งั น้ี 4.3.3.2.4.1 ใส่ Ejector Pin และ Return Pin พรอ้ มสปรงิ กบั แผน่Retaining Ejector Plate 4.3.3.2.4.2 ประกอบ Ejector Pin ประกอบไดด้ งั น้ี 4.3.3.2.5 ทดลองนําชุดกระทุง้ ไปประกอบกบั ชุด Core Plate ดเู พอ่ื ไมใ่ หม้ ีปญั หาเรอ่ื งตาํ แหน่งรเู ขม็ กระทงุ้ ไมต่ รงตาํ แหน่ง และคา้ งไวต้ าํ แหน่งนนั้ 4.3.3.2.6 นําแผน่ Back Plate และ Specer bar พรอ้ มสกรยู ดึ คอ่ ย ๆ ขนั สกรูยดึ เขา้ ไปใหแ้ น่น ขณะนนั้ ตอ้ งระมดั ระวงั พยายามขนั ใหเ้ ขา้ พรอ้ มกนั ทกุ ดา้ น สงั เกตขณะนนั้ สกรยู ดึจะคอ่ ยดนั สปรงิ ของ Return Pin และตรวจดู Ejector Pin ใหใ้ สไ่ ปในตาํ แหน่งของรเู ขม็ กระทุง้ อยา่ งไมต่ ดิ ขดั และผวิ เรยี บเสมอผวิ คอร์ 4.3.3.2.7 นําชุดแมพ่ มิ พท์ งั้ สองชุดประกอบเขา้ ดว้ ย โดยอาศยั Guide Pinและ Bush เป็นตวั กําหนดตาํ แหน่ง ซง่ึ ในขนั้ ตอนน้ีจะตอ้ งใชเ้ ครอ่ื งมอื ในการประกอบดว้ ยเสมอเพราะน้ําหนกั ของแมพ่ มิ พม์ าก ขอ้ ควรระมดั ระวงั ในการประกอบแมพ่ มิ พจ์ ะตอ้ งทาํ ดว้ ยความระมดั ระวงั และใจเยน็ เป็นพเิ ศษ หา้ มชน้ิ สว่ นทุกชนดิ กระแทกหรอื ครดู ไปกบั ผวิ พน้ื เดด็ ขาด โดยเฉพาะในสว่ นของ Core และ Cavity การ

92ใชค้ อ้ นทุนใหใ้ ชเ้ ฉพาะคอ้ นยาง คอ้ นพลาสตกิ หรอื คอ้ นโลหะชนิดออ่ น เทา่ นนั้ โดยปกตแิ ลว้ ชน้ิ สว่ นถา้ ผลติ มาไดม้ าตรฐานตามแบบแลว้ ในขนั้ ตอนการประกอบจะไมย่ าก ไมต่ อ้ งแกไ้ ขมากนกัประกอบกนั ไมย่ าก 4.3.4 การบาํ รงุ รกั ษาแมพ่ มิ พ์ การบาํ รงุ รกั ษาแบบป้องกนั (Preventive Maintenance) การจดั ระบบโรงงานโดยพจิ ารณาในการซอ่ มบาํ รงุ 4.3.4.1 ขอ้ แนะนําในการดแู ลรกั ษาแมพ่ มิ พ์ 4.3.4.1.1 การใชส้ มดุ บนั ทกึ แมพ่ มิ พใ์ หเ้ ป็นประโยชน์หรอื สมุดประวตั แิ มพ่ มิ พ์ 4.3.4.1.2 การควบคมุ และดแู ลทอ่ น้ําเยน็ ตลอดอายแุ มพ่ มิ พ์ 4.3.4.1.3 การควบคุมดแู ลผวิ หน้าแมพ่ มิ พ์ และชอ่ งระบายอากาศ 4.3.4.2 หวั ขอ้ ทค่ี วรบนั ทกึ ลงในสมดุ ประวตั แิ มพ่ มิ พ์ 4.3.4.2.1 เบอรข์ องแมพ่ มิ พ์ 4.3.4.2.2 ชอ่ื ชน้ิ งาน 4.3.4.2.3 วสั ดุทใ่ี ชฉ้ ดี 4.3.4.2.4 น้ําหนกั ต่อ Shot 4.3.4.2.5 น้ําหนกั ชน้ิ งาน 4.3.4.2.6 จาํ นวน Cavity 4.3.4.2.7 เงอ่ื นไขการฉีดขน้ึ รปู 4.3.4.2.8 ประวตั กิ ารฉดี ขน้ึ รปู 4.3.4.2.9 ประวตั กิ ารซอ่ ม 4.3.4.2.10 อน่ื ๆ 4.3.4.3 เวลาตดิ ตงั้ อยกู่ บั เครอ่ื งฉดี พลาสตกิ 4.3.4.3.1 ใชผ้ า้ เชด็ ถผู วิ แมพ่ มิ พใ์ หท้ วั่ ถงึ 4.3.4.3.2 พน่ สเปรยป์ ้องกนั สนิมบางๆ (เลอื กใชส้ เปรยท์ ใ่ี ชเ้ ฉพาะกบั แมพ่ มิ พ์ฉีดพลาสตกิ ) 4.3.4.3.3 ปิดแมพ่ มิ พเ์ อาไวด้ ว้ ยแรงปิดต่าํ 4.3.4.3.4 เวลาทเ่ี รม่ิ ตน้ ฉีดใหม่ ใชผ้ า้ เชด็ ถผู วิ แมพ่ มิ พอ์ ยา่ งทวั่ ถงึ 4.3.4.4 เวลาถอดลงจากเครอ่ื งฉดี พลาสตกิ 4.3.4.4.1 (ภายหลงั จากทาํ ตามขนั้ ตอนทร่ี ะบไุ วด้ า้ นบนเวลาตดิ ตงั้ คา้ งอยบู่ นเครอ่ื งฉีดเรยี บรอ้ ยแลว้ ถอดออกจากเครอ่ื งฉีด เปา่ ลดไลน่ ้ําทต่ี กคา้ งภายในรนู ้ําหลอ่ เยน็ ออกใหห้ มด) 4.3.4.4 .2 (ถอดสายยางสง่ น้ํา (Nipple) แยกเกบ็ ไวต้ ่างหาก 4.3.4.4.3 ใชเ้ ทปปิดหอ่ หุม้ Locating Ring และปิดรฉู ดี (ป้องกนั เศษผงหรอื น้ํเขา้ ) 4.3.4.5 เวลาทไ่ี มใ่ ชง้ านสกั ระยะหน่ึง)

93 4.3.4.5.1 (ภายหลงั จากทาํ ตามทร่ี ะบไุ วด้ า้ นบนเรยี บรอ้ ยแลว้ ) 4.3.4.5.2 วางแมพ่ มิ พต์ วั ผแู้ มพ่ มิ พต์ วั เมยี แยกกนั บนพน้ื ทาํ การตรวจเชค็ลา้ งคราบน้ํามนั (รตู ่างๆ ใหล้ า้ งภายใน ดว้ ย น้ํายาลา้ งคราบน้ํามนั เป่าลมไลอ่ อกใหห้ มด) 4.3.4.5.3 ใชผ้ า้ เชด็ ถใู หท้ วั่ ถงึ 4.3.4.5.4 ลงน้ํายาป้องกนั สนิมใหท้ วั่ ถงึ (เลอื กใชน้ ้ํายาทใ่ี ชเ้ ฉพาะกบั แมพ่ มิ พฉดี พลาสตกิ ) 4.3.4.6 สถานทเ่ี กบ็ รกั ษา 4.3.4.6.1 เกบ็ วางไวบ้ นชนั้ เกบ็ รกั ษา (ตดิ ป้ายบอกแสดงใหช้ ดั เจน) 4.3.4.6.2 ในกรณีทว่ี างบนชนั้ เกบ็ รกั ษาไมไ่ ดใ้ หว้ างบน Pallet ทท่ี าํ จากไม้(หา้ มวางบนพน้ื คอนกรตี ) 4.3.4.6.3 เกบ็ วางในทแ่ี หง้ (ถา้ ความชน้ื สงู เกนิ กวา่ 70 % จะขน้ึ สนิมไดง้ า่ ยขน้ึ )ตาราง 5 การบาํ รงุ รกั ษาแมพ่ มิ พเ์ ทย่ี งตรงสงูระดบั การตรวจซ่อม วธิ กี ารตรวจซอ่ ม ระยะเวลากําหนด ทาํ ความสะอาดผวิ แมพ่ มิ พใ์ หท้ วั่ ลา้ งระดบั ปกติ คราบน้ํามนั ทาํ ความสะอาดใหแ้ หง้ ทุ หลงั จากการปฏบิ ตั งิ านฉดี จดุ ดยเฉพาะในทอ่ น้ําหลอ่ เยน็ และผิ ประจาํ วนั ขา้ งใน พน่ น้ํายากนั สนิม ปฏบิ ตั เิ ช่นเดยี วกบั ปกติ เพม่ิ การถอด กาํ หนดอายกุ ารซ่อมบาํ รงุ รกั ษา ชน้ิ สว่ นทม่ี กี ารเสยี ดสี และเคลอ่ื นท่ี ตามสภาพของแมพ่ มิ พแ์ ละระดบั ตรวจสอบ เชน่ บชู เขม็ กระทงุ้ Angle Pin Slide ความตอ้ งการความเทย่ี งตรงตามอายุ Core ฯลฯ ออกมาทาํ ความสะอาด อาจกาํ หนด ระยะเวลาหรอื ตรวจสอบขนาดความเสยี หาย และ จาํ นวน Shot กไ็ ด้ เปลย่ี นทดแทน ปฏบิ ตั เิ ช่นเดยี วกบั ปกติ เพม่ิ การถอด ทกุ ครงั้ หลงั ปฏบิ ตั กิ ารฉีดเสรจ็ระดบั เขม้ ขน้ ชน้ิ สว่ นทุกชน้ิ ออกมาทาํ ความสะอาด แลว้ ตามระยะเวลาหรอื จํานวน ตรวจสอบขนาด ความเสยี หายและ Shot กไ็ ด้ เปลย่ี นทดแทนทม่ี า : สถาบนั คน้ ควา้ และพฒั นาเทคโนโลยกี ารผลติ ทางอุตสาหกรรม. (2547). หน้า 63.

945. ประสิทธิภาพของหลกั สตู รฝึ กอบรมการออกแบบและสร้างแม่พิมพฉ์ ีดพลาสติก ในการพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ นนั้ จะใหม้ ีความถกู ตอ้ งและมมี าตรฐานไดจ้ ะตอ้ งมกี ารทาํ การหาประสทิ ธภิ าพของหลกั สตู รฝึกอบรมเพอ่ื จะทาํใหห้ ลกั สตู รฝึกอบรมเป็นไปตามเกณฑท์ ก่ี าํ หนดไว้ จะตอ้ งประกอบดว้ ยเน้ือหาดงั น้ี คอื การกาํ หนดเกณฑป์ ระสทิ ธภิ าพ การวดั ผล การประเมนิ ผล พฤตกิ รรมทางการศกึ ษา แบบทดสอบ การวเิ คราะห์ขอ้ สอบ 5.1 การกาํ หนดเกณฑป์ ระสิทธิภาพการพฒั นาหลกั สตู รฝึ กอบรมการออกแบบและสร้างแม่พิมพฉ์ ีดพลาสติก การทจ่ี ะศกึ ษาหาประสทิ ธภิ าพของหลกั สตู รฝึกอบรมเพอ่ื ใหไ้ ดเ้ กณฑท์ ่ีกาํ หนดจะตอ้ งมกี ารทดลองและปรบั ปรุงในอนั ทจ่ี ะทาํ ใหไ้ ดห้ ลกั สตู รฝึกอบรมตามเกณฑท์ ก่ี าํ หนดไว้และมปี ระโยชน์ตอ่ หลกั สตู รฝึกอบรมคอื ทาํ ใหห้ ลกั สตู รฝึกอบรมมคี ณุ ภาพและมปี ระสทิ ธภิ าพตอ่การนําไปฝึกอบรม เกณฑป์ ระสทิ ธภิ าพ หมายถงึ ระดบั ขดี ความสามารถของหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ทเ่ี ป็นเกณฑก์ าํ หนดประสทิ ธภิ าพในอนั ทจ่ี ะทาํ ใหผ้ เู้ ขา้ รบั การอบรมเกดิ ความรแู้ ละทกั ษะในเน้ือหาทท่ี าํ การฝึกอบรม การกาํ หนดเกณฑป์ ระสทิ ธภิ าพ สามารถทจ่ี ะทาํ ได้ โดยการประเมนิ ผลพฤตกิ รรมของผเู้ ขยี น 2 ประเภท คอื พฤตกิ รรมตอ่ เน่อื งและพฤตกิ รรมขนั้ สดุ ทา้ ย โดยกําหนดคา่ ประสทิ ธภิ าพเป็นE (ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ) E2 (ประสทิ ธภิ าพของผลลพั ธ)์ ซง่ึ มรี ายละเอยี ดดงั น้ี (สมุ ณ กลา้หาญ. 2543:47-50) ประเมนิ พฤตกิ รรมต่อเน่ือง (Transitional Behavior) คอื ประเมนิ ผลตอ่ เน่ือง ซง่ึประกอบไปดว้ ยพฤตกิ รรมยอ่ ยหลายๆ พฤตกิ รรม เรยี กว่า กระบวนการ ของผเู้ รยี นทส่ี งั เกตจากการประกอบกจิ กรรมกลุม่ (รายงานกลุม่ ) และรายงานบุคคล ไดแ้ ก่ งานทม่ี อบหมาย และกจิ กรรมอ่นื ทผ่ี สู้ อนกาํ หนดไว้ ประเมนิ พฤตกิ รรมขนั้ สดุ ทา้ ย (Terminal Behavior) คอื ประเมนิ ผลลพั ธข์ องผเู้ รยี นโดยพจิ ารณาจากการสอบหลงั เรยี น และการสอบไล่ ประสทิ ธภิ าพของหลกั สตู รฝึกอบรมการการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ จะกาํ หนดเป็นเกณฑท์ ผ่ี สู้ อนคาดหมายวา่ ผเู้ รยี นจะเปลย่ี นพฤตกิ รรมเป็นทพ่ี งึ พอใจโดยกาํ หนดเป็นเปอรเ์ ซน็ ต์ ของผลเฉลย่ี ของคะแนนการทาํ งานและการประกอบกจิ กรรมของผเู้ รยี นทงั้ หมด ตอ่เปอรเ์ ซน็ ต์ ของผลเฉลย่ี ของผลการสอบหลงั เรยี นของผเู้ รยี นทงั้ หมด นนั้ คอื E1/E2 คอืประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ/ประสทิ ธภิ าพของผลลพั ธ์ เชน่ 80/80 หมายความวา่ เมอ่ื เขา้ รบั การการฝึกอบรมจากหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ แลว้ ผเู้ รยี นสามารถ

95ทาํ แบบฝึกหดั หรอื งานไดผ้ ลเฉลย่ี รอ้ ยละ 80 และทาํ แบบทดสอบหลงั เรยี นไดผ้ ลเฉลย่ี รอ้ ยละ 80การทจ่ี ะกาํ หนดเกณฑ์ E1/E2 ใหม้ คี า่ เทา่ ใดนนั้ ผสู้ อนเป็นผพู้ จิ ารณา โดยปกตเิ น้ือหาทเ่ี ป็นความรู้ความจาํ มกั จะตงั้ ไว้ 80/80 85/85 หรอื 90/90 สว่ นเน้ือหาทเ่ี ป็นทกั ษะอาจตงั้ ไวต้ ่าํ กว่าน้ี เชน่ 75/75 5.1.1 วธิ กี ารคาํ นวณหาประสทิ ธภิ าพของสอ่ื การสอนโดยใชส้ ตู ร กระทาํ โดยใชส้ ตู รต่อไปน้ี ⎡⎤ ⎢ ∑ Χ1 ⎥Ε1 = ⎢ ⎥ x 100 ⎢ Ν ⎥ ⎣⎢ Α ⎦⎥E1 = ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการΣX1 = คะแนนรวมของแบบฝึกหดั หรอื งานN = จาํ นวนผเู้ รยี นA = คะแนนเตม็ ของแบบฝึกหดั ทกุ ชน้ิ รวมกนั ⎡⎤ ⎢ ∑ Χ2 ⎥Ε2 = ⎢ ⎥ x 100 ⎢ Ν ⎥ ⎣⎢ Β ⎦⎥E2 = ประสทิ ธภิ าพของผลลพั ธ์ΣX2 = คะแนนรวมของผลลพั ธห์ ลงั เรยี นN = จาํ นวนผเู้ รยี นB = คะแนนเตม็ ของการสอบหลงั เรยี น การคาํ นวณหาประสทิ ธภิ าพโดยใชห้ ลกั สตู รขา้ งตน้ กจ็ ะมกี ารนําคะแนนแบบฝึกหดัหรอื ผลงาน ในขณะประกอบกจิ กรรมกลุ่ม/เดย่ี ว และคะแนนสอบหลงั เรยี นมาเขา้ ตารางแลว้ จงึคาํ นวณหาคา่ E1/E2 หลงั จากคาํ นวณหาค่า E1 และ E2 ผลลพั ธท์ ไ่ี ดม้ กั จะใกลเ้ คยี งกนั และหา่ งกนั ไมเ่ กนิรอ้ ยละ 5 ซง่ึ เป็นตวั ชท้ี จ่ี ะยนื ยนั ไดว้ า่ นกั เรยี นไดม้ กี ารเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมต่อเน่ืองตามลาํ ดบั ขนั้หรอื ไม่ ก่อนจะมกี ารเปลย่ี นพฤตกิ รรมขนั้ สดุ ทา้ ย หรอื อกี นยั หน่ึงการทน่ี กั เรยี นจะสอบไลไ่ ดเ้ ทา่ ใดเช่น รอ้ ยละ 90 นนั้ นกั เรยี นมคี วามรจู้ รงิ หรอื ทาํ ไดเ้ พราะการเดาสมุ่ เมอ่ื มกี ารรายงานคะแนนเป็นตวั เลข 2 ตวั เชน่ 78/83 นนั้ จะทาํ ใหเ้ ราทราบว่านกั เรยี นทาํ งานและแบบฝึกหดั ทงั้ ปีได้ รอ้ ยละ 78และสอบไลไ่ ด้ รอ้ ยละ 83 เป็นการยนื ยนั การเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมของนกั เรยี นทค่ี ่อนขา้ งแน่นอน 5.1.2 ขนั้ ตอนการหาประสทิ ธภิ าพของหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ

96 เมอ่ื ทาํ การสรา้ งหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ขน้ึเป็นตน้ แบบแลว้ ตอ้ งนําเน้อื หาของหลกั สตู รฝึกอบรมไปหาประสทิ ธภิ าพตามขนั้ ตอนดงั น้ี 5.1.2.1 แบบเดย่ี ว (1:1) คอื ทดลองเรยี นกบั ผเู้ รยี น 1 คน โดยใชเ้ ดก็ อ่อน ปานกลางและเกง่ คาํ นวณหาคา่ ประสทิ ธภิ าพ เสรจ็ แลว้ ปรบั ปรงุ ใหด้ ขี น้ึ โดยปกตคิ ะแนนทไ่ี ดจ้ ากการทดลองแบบเดย่ี วน้ีจะไดค้ ะแนนต่ํากวา่ เกณฑม์ าก แต่ไมต่ อ้ งวติ กเมอ่ื ปรบั ปรงุ แลว้ สงู ขน้ึ มากก่อนําไปทดลองแบบกลมุ่ ในขนั้ น้ี E1/E2 ทจ่ี ะไดจ้ ะมคี า่ ประมาณ 60/60 5.1.2.2 แบบกลุม่ (1:10) คอื ทดลองกบั ผเู้ รยี น 6-10 คน (คละผเู้ รยี นทเ่ี ก่งกบัอ่อน) คาํ นวณหาประสทิ ธภิ าพแลว้ ปรบั ปรุง ในคราวน้ีคะแนนของผเู้ รยี นจะเพมิ่ ขน้ึ อกี เกอื บเทา่ กบัเกณฑ์ โดยเฉลย่ี จะหา่ งจากเกณฑป์ ระมาณ 10 % นนั่ คอื E1/E2 ทไ่ี ดจ้ ะมคี า่ ประมาณ 70/70 5.1.2.3 ภาคสนาม (1:100) ทดลองกบั ผเู้ รยี นทงั้ ชนั้ 40 -100 คน คาํ นวณหาคา่ประสทิ ธภิ าพแลว้ ทาํ การปรบั ปรงุ ผลลพั ธท์ ไ่ี ดค้ วรใกลเ้ คยี งกบั เกณฑท์ ต่ี งั้ ไว้ หากต่าํ กวา่ เกณฑไ์ มเ่ กิ25% กใ็ หย้ อมรบั หากแตกต่างกนั มากผสู้ อนตอ้ งกาํ หนดเกณฑป์ ระสทิ ธภิ าพของบทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอนใหม่ โดยยดึ สภาพความเป็นจรงิ เป็นเกณฑ์ สมมตุ วิ า่ เมอ่ื ทดสอบหาประสทิ ธภิ าพแลว้ ได้ 83.5/85.4 กแ็ สดงวา่ สอ่ื การสอนนนั้ มปี ระสทิ ธภิ าพใกลเ้ คยี งกบั เกณฑ์ 85/85ทต่ี งั้ ไว้ แตถ่ า้ ตงั้ เกณฑไ์ ว้ 75/75 เมอ่ื ผลการทดลองเป็น 83.5/85.5 กอ็ าจเลอ่ื นเกณฑข์ น้ึ มาเป็น85/85 ได้ 5.2 การวดั ผล ในกระบวนการของการหาประสทิ ธภิ าพของหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ จะตอ้ งมกี ารวดั ผลเพอ่ื เป็นการกาํ หนด โดยมผี รู้ ู้ นกั การศกึ ษาและนกั วชิ าการไดก้ ลา่ วไวด้ งั น้ี สมนึก ภทั ทยิ ธนี (2541 : 1) ไดก้ ลา่ ววา่ การวดั ผล หมายถงึ กระบวนการการปรมิ าณหรอื จาํ นวนของสง่ิ ของตา่ งๆ โดยใชเ้ ครอ่ื งมอื อยา่ งใดอยา่ งหน่ึงมาวดั ผลจากการวดั มกั จะออกมาเป็นตวั เลขหรอื สญั ลกั ษณ์หรอื ขอ้ มลู ภทั รา นิคมนนท์ (2543 : 10) ไดก้ ลา่ ววา่ การวดั ผล หมายถงึ กระบวนการทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ชวี ติ ประจาํ วนั ของทกุ คนอยตู่ ลอดเวลา ทุกครงั้ ทเ่ี กดิ ปญั หาในการตดั สนิ ใจ เรามกั จะหาขอ้ มลูเพอ่ื ใชป้ ระกอบในการตดั สนิ ใจไดถ้ กู ตอ้ ง การหาขอ้ มลู จาํ เป็นตอ้ งใชเ้ ครอ่ื งมอื หรอื เทคนิควธิ ตี ่างๆในการรวบรวมขอ้ มลู จากความหมายของการวดั ผลทไ่ี ดม้ ผี รู้ ู้ นกั การศกึ ษาและนกั วชิ าการไดก้ ลา่ วไวน้ นั้สามารถสรปุ ไดว้ ่า การวดั ผล หมายถงึ กระบวนการกําหนดคณุ ลกั ษณะปรมิ าณของขอ้ มลู ทเ่ี ป็นทงั้บุคคล หรอื สงิ่ ของได้ โดยระบเุ ป็นตวั เลขหรอื สญั ลกั ษณ์ในการทาํ การวดั

97 5.3 การประเมินผล การทจ่ี ะอธบิ ายถงึ ประสทิ ธภิ าพของหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พ์ฉีดพลาสตกิ วจ่ ะอยใู่ นระดบั เกณฑท์ ย่ี อมรบั ไดน้ นั้ จะตอ้ งมกี ารประเมนิ ผล โดยไดม้ ผี รู้ ู้ นกั การศกึ ษานกั วชิ าการ ไดก้ ลา่ วไวด้ งั น้ี พชิ ติ ฤทธจิ รญู (2544:5) ไดก้ ลา่ ววา่ การประเมนิ ผล หมายถงึ การตดั สนิ คณุ คา่ หรอืการตรี าคาขอ้ มลู ทไ่ี ดจ้ ากการวดั โดยเปรยี บเทยี บขอ้ มลู อ่นื ๆ หรอื เกณฑท์ ต่ี งั้ ไว้ ภทั รา นิคมนนท์ (253:12) ไดก้ ลา่ ววา่ การประเมนิ ผล หมายถงึ การนําเอาขอ้ มลูทงั้ หลายทไ่ี ดจ้ ากการวดั มาใชใ้ นการตดั สนิ ใจ โดยการหาขอ้ สรปุ ตดั สนิ ประเมนิ คา่ หรอื ตรี าคาโดยเปรยี บเทยี บกบั ขอ้ มลู อน่ื ๆ หรอื เกณฑท์ ต่ี งั้ ไว้ 5.3.1 ประเภทของการประเมนิ ผล การประเมนิ ผล สามารถจาํ แนกประเภทไดด้ งั น้ี 5.3.1.1 จาํ แนกตามวตั ถุประสงคข์ องการประเมนิ แบ่งเป็น 3 ประเภทคอื 5.3.1.1.1 การประเมนิ ผลกอ่ นเรยี น (Pre-evaluation) มจี ดุ มงุ่ หมายเพอ่ืตรวจสอบความรพู้ น้ื ฐานและทกั ษะของผเู้ รยี นวา่ มคี วามรเู้ พยี งพอทจ่ี ะเรยี นต่อในรายวชิ าใหมห่ รอืเน้ือหาใหมไ่ ดห้ รอื ไม่ ถา้ พบวา่ มคี วามรพู้ น้ื ฐานไมเ่ พยี งพอหรอื ไมม่ พี ฤตกิ รรมขนั้ ตน้ ก่อนเรยี น ครจู ะจดั ใหม้ กี ารสอนปรบั พน้ื ฐานจนผเู้ รยี นมคี วามรเู้ พยี งพอทจ่ี ะเรยี นในเน้ือหาใหมไ่ ด้ 5.3.1.1.2 การประเมนิ ผลระหวา่ งเรยี นหรอื ประเมนิ ความกา้ วหน้า(Formative evaluation) มจี ดุ มงุ่ หมายเพอ่ื ตรวจสอบวา่ ผเู้ รยี นบรรลตุ ามวตั ถุประสงคก์ ารเรยี นท่ีกาํ หนดไวห้ รอื ไม่ เพยี งใด หากพบว่ามขี อ้ บกพรอ่ งในจดุ ประสงคใ์ ด กห็ าแนวทางปรบั ปรุงแกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ งในจดุ ประสงคน์ นั้ ๆ โดยจดั สอนซ่อมเสรมิ ใหแ้ ก่ผเู้ รยี น 5.3.1.1.3 การประเมนิ ผลรวมสรปุ (Summative evaluation) เป็นการประเมนิเพอ่ื ตดั สนิ ผลการเรยี นมจี ุดมุง่ หมายเพอ่ื ศกึ ษาวา่ ผเู้ รยี นมคี วามรทู้ งั้ สน้ิ เทา่ ไร ควรตดั สนิ ได-้ ตก ผา่ น-ไมผ่ า่ น หรอื ควรไดเ้ กรดอะไร เป็นตน้ 5.3.2 จาํ แนกตามระบบการวดั ผล แบง่ เป็น 2 ประเภท 5.3.2.1 การประเมนิ ผลแบบองิ กลุม่ (Norm-referenced evaluation) เป็นการตดั สนิ คุณคา่ ของคณุ ลกั ษณะหรอื พฤตกิ รรม โดยเปรยี บเทยี บกบั ผเู้ รยี นทอ่ี ยใู่ นกลุ่มเดยี วกนั ทท่ี าํขอ้ สอบฉบบั เดยี วกนั โดยมจี ุดมงุ่ หมายเพอ่ื จาํ แนกหรอื จดั ลาํ ดบั บคุ คลในกลุม่ นนั้ ๆ ตวั อยา่ งของการประเมนิ แบบองิ กลุม่ เชน่ การสอคดั เลอื กเชา้ ศกึ ษาตอ่ ในสถานศกึ ษา การสอบชงิ ทุนการศกึ ษา เป็นตน้ 5.3.2.2 การประเมนิ ผลแบบองิ เกณฑ์ (Criterion-referenced evaluation) เป็นการตดั สนิ คณุ คา่ ของคณุ ลกั ษณะหรอื พฤตกิ รรมโดยเปรยี บเทยี บกบั เกณฑ์ ซง่ึ เกณฑม์ ที งั้ เกณฑ์มาตรฐาน (Standard criteria) ทม่ี อี ยแู่ ลว้ หรอื เกณฑท์ ผ่ี ปู้ ระเมนิ กาํ หนดขน้ึ (Arbitrary criteria)ในทางปฏบิ ตั กิ ารประเมนิ ผลสมั ฤทธทิ างการเรยี น เกณฑจ์ ะหมายถงึ กลุม่ พฤตกิ รรมตาม

98จดุ มุง่ หมายในแตล่ ะบทหรอื หน่วยการเรยี นโดยทวั่ ไป นิยมใชจ้ ดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม (Behavioralobjective) หรอื กลุม่ ของพฤตกิ รรม (Domain of behavior) 5.4 พฤติกรรมทางการศึกษา พฤตกิ รรมทางการศกึ ษาทน่ี ิยมใชใ้ นปจั จบุ นั เป็นของบลมู และคณะ ซง่ึ ใชห้ ลกั การจดัจาํ แนกอนั ดบั (taxonomy) จาํ แนกพฤตกิ รรมการศกึ ษาเป็น 3 ประเภทคอื พฤตกิ รรมดา้ นพุทธพิ สิ ยั(cognitive domain) พฤตกิ รรมดา้ นจติ พสิ ยั (affective domain) และพฤตกิ รรมดา้ นทกั ษะพสิ ยั(psychomotor domain) ซง่ึ สามารถสรปุ ไดด้ งั น้ี (พชิ ติ ฤทธจิ รญู .2544 : 31-42) 5.4.1 พฤตกิ รรมดา้ นพทุ ธนิ ิสยั พฤตกิ รรมทางพุทธนิ ิสยั เป็นสมรรถภาพดา้ นสมองหรอื สตปิ ญั ญาของบคุ คลในการเรยี นรสู้ งิ่ ต่างๆ แบง่ เป็น 6 ระดบั เรยี งตามลาํ ดบั ขนั้ ตอนการเกดิ พฤตจิ ากขนั้ ต่ําสดุ ถงึ ขนั้ สงู สดุ คอืความรคู้ วามเขา้ ใจ การนําไปใช้ การวเิ คราะห์ การสงั เคราะห์ และการประเมนิ คา่ ดงั นนั้ 5.4.1.1 ความรู้ - ความจาํ (knowledge) หมายถงึ ความสามารถทางสมองในการทรงไว้ หรอื รกั ษาไวซ้ ง่ึ เรอ่ื งราวต่าง ๆ ทบ่ี คุ คลไดร้ บั รไู้ วใ้ นสมองไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งแมน่ ยาํ 5.4.1.2 ความเขา้ ใจ (comprehension) หมายถงึ ความสามารถในการจบั ใจความสาํ คญั ของเรอ่ื ง สามารถถ่ายทอดเรอ่ื งราวเดมิ ออกมาเป็นภาษาของตนเองไดโ้ ดยทย่ี งั มคี วามหมายเหมอื นเดมิ 5.4.1.3 การนําไปใช้ (application) เป็นความสามารถในการนําหลกั วชิ าไปใช้แกป้ ญั หาในสถานการณ์ใหม่ ซง่ึ อาจใกลเ้ คยี งหรอื คลา้ ยคลงึ กบั สถานการณ์ทเ่ี คยพบเหน็ มาก่อนเช่น การนําสตู รพน้ื ทส่ี ามเหลย่ี มไปใชห้ าพน้ื ทส่ี ามเหลย่ี มรปู ใหมไ่ ด้ การแกป้ ระโยคทเ่ี ขยี นไวยากรณ์ผดิ ได้ 5.4.1.4 การวเิ คราะห์ (analysis) เป็นความสามารถในการแยกแยะเรอ่ื งราวสง่ิต่างๆ ออกเป็นสว่ นยอ่ ย ๆ ไดว้ า่ เรอ่ื งราวหรอื สง่ิ นนั้ ๆ ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง มคี วามสาํ คญั อยา่ งไรอะไรเป็นเหตุอะไรเป็นผล และทเ่ี ป็นไปอยา่ งนนั้ อาศยั หลกั การอะไร 5.4.1.5 การสงั เคราะห์ (synthesis) เป็นความสามารถในการผสมผสานสว่ นยอ่ ยตา่ งๆ เขา้ ดว้ ยกนั เพอ่ื เป็นสง่ิ ใหมอ่ กี รปู แบบหน่ึงมคี ุณลกั ษณะโครงสรา้ งหรอื หน้าทใ่ี หมท่ แ่ี ปลกแตกต่างไปจากของเดมิ 5.4.1.6 การประเมนิ คา่ (evaluation) เป็นความสามารถในการพจิ ารณาตดั สนิหรอื ลงสรปุ เกย่ี วกบั คณุ คา่ ของเน้ือหาและวธิ กี ารตา่ งๆ โดยอาศยั เกณฑแ์ ละมาตรฐานทว่ี างไว้ 5.4.2 พฤตกิ รรมดา้ นจติ พสิ ยั พฤติ กรรมดา้ นจติ พสิ ยั เป็นพฤตกิ รรมทเ่ี กย่ี วกบั ความรสู้ กึ นึกคดิ ทางจติ ใจ อารมณ์และคณุ ธรรมของบคุ คลซง่ึ ตอ้ งอาศยั การสรา้ งหรอื ปลกู ฝงั คณุ ลกั ษณะนสิ ยั ตา่ ง ๆ ใหเ้ กดิ ขน้ึ โดยเรม่ิจากพฤตกิ รรมขนั้ แรกทง่ี า่ ยไปหาขนั้ สดุ ทา้ ยทย่ี าก ซง่ึ มี 5 ระดบั คอื

99 5.4.2.1 การรบั รู้ (receiving or attending) เป็นขนั้ ทบ่ี ุคคลรสู้ กึ วา่ มสี ง่ิ เรา้ มากระตุน้ ใหแ้ สดงพฤตกิ รรม และจะเรม่ิ ทาํ ความรจู้ กั ในสง่ิ นนั้ นนั่ คอื เรมิ่ สนใจและเตม็ ใจในสงิ่ เรา้ นนั้ 5.4.2.2 การตอบสนอง (responding) เป็นขนั้ ทบ่ี คุ คลแสดงปฏกิ รยิ าโตต้ อบสงิ่ เรา้นนั้ ดว้ ยความยนิ ยอม เตม็ ใจ 5.4.2.3 การเกดิ คา่ นิยม (valuing) เป็นขนั้ ทบ่ี คุ คลมองเหน็ คุณคา่ ของการตอบสนองสง่ิ เรา้ หรอื ประสบการณ์แลว้ กลายมาเป็นสง่ิ ทย่ี ดึ ถอื ของบุคคลในโอกาสตอ่ ไป 5.4.2.4 การจดั ระบบคณุ คา่ (organization) เป็นขนั้ ตอนทบ่ี ุคคลนําคา่ นิยมท่ีตนเองสรา้ งไวแ้ ลว้ มาจดั ระบบหรอื หมวดหมโู่ ดยอาศยั ความสมั พนั ธร์ ะหว่างคา่ นิยมเหลา่ นนั้ และปรบัสง่ิ ทข่ี ดั แยง้ กนั เพอ่ื นํามาสรา้ งเป็นคา่ นิยมเพอ่ื ถอื ปฏบิ ตั ติ ่อไป 5.4.2.5 การสรา้ งลกั ษณะนิสยั (characterization by a value complex) เป็นขนั้การนําคา่ นิยมทจ่ี ดั ระบบคุณคา่ ทม่ี ใี นตวั เขา้ เป็นระบบทถ่ี าวรและทาํ หน้าทค่ี วบคมุ พฤตกิ รรมของบุคคลไมว่ า่ จะอยใู่ นสถานการณ์ใดๆ กจ็ ะแสดงพฤตกิ รรมตามคา่ นิยมทย่ี ดึ ถอื ตลอดไป สม่าํ เสมอจเกดิ เป็นลกั ษณะนิสยั ประจาํ ตวั ของแต่ละบุคคล 5.4.3 พฤตกิ รรมดา้ นทกั ษะพสิ ยั พฤตกิ รรมดา้ นทกั ษะพสิ ยั เป็นพฤตกิ รรมทเ่ี กย่ี วกบั ความสามารถเชงิ ปฏบิ ติ การซง่ึ เกย่ี วขอ้ งกบั ระบบการใชง้ านของอวยั ะตา่ งๆ ในรา่ งกายทต่ี อ้ งอาศยั การประสานสมั พนั ธข์ องกลา้ มเน้ือกบั การทาํ งานของระบบประสาทต่างๆ ซง่ึ เป็นหน่วยสงั่ การ เชน่ การเคลอ่ื นไหวอวยั วะตา่ ง ๆ ในการทาํ กจิ วตั รประจาํ วนั เลน่ กฬี า เลน่ ตนตรหี รอื กจิ กรรมอ่นื ๆ หากนกั เรยี นไดฝ้ ึกฝนการทาํ งานของกลา้ มเน้ือและระบบประสาทใหม้ กี ารประสานสมั พนั ธก์ นั ยอ่ มก่อใหเ้ กดิ ความชาํ นาญ หรอืทกั ษะในการปฏบิ ตั งิ าน การจาํ แนกพฤตกิ รรมดา้ นทกั ษะพสิ ยั น้ีมหี ลายกลุ่มความคดิ ในทน่ี ้ีจะนําเสนอ 2 แนว ดงั น้ี 5.4.3.1 แนวทางท่ี 1 แบง่ ลกั ษณะของพฤตกิ รรมตามพฒั นาการดา้ นทกั ษะพสิ ยัออกเป็น 5 ระดบั คอื ขนั้ เลยี นแบบ การทาํ โดยยดึ แบบ การทาํ ดว้ ยความชาํ นาญ การทาํ ในสถานการณ์ตา่ งๆ ได้ การแกป้ ญั หาไดโ้ ดยฉบั พลนั 5.4.3.2 แนวทางท่ี 2 แบง่ ลกั ษณะของพฤตกิ รรมในเรอ่ื งทกั ษะการเคลอ่ื นไหวแบง่ เป็น 4 ดา้ นคอื ทกั ษะการเคลอ่ื นไหวทงั้ รา่ งกาย ทกั ษะเคลอ่ื นไหวทต่ี อ้ งใชป้ ระสาทรวมๆ กนัทกั ษะการสอ่ื สารโดยใชท้ า่ ทาง ทกั ษะพฤตกิ รรมทางดา้ นภาษา 5.5 แบบทดสอบ ความหมาย แบบทดสอบคอื ชุดของสงิ่ เรา้ ทน่ี ําไปใชก้ ระตุน้ บุคคลตอบสนองออกมาชดุ ของสง่ิ เรา้ น้ีมกั จะอยใู่ นรปู ของคาํ ถาม ซง่ึ อาจใหเ้ ขยี นตอบ ใหแ้ สดงพฤตกิ รรม ใหพ้ ดู ออกทางวาจา กไ็ ด้ ทาํ ใหส้ ามารถวดั ได้ สงั เกตได้ และนําไปสกู่ ารแปลความหมายได้ แบบทกสอบน้ีสามารถ

100ใชไ้ ดก้ บั ขอ้ มลู ทางพทุ ธปิ ญั ญาดา้ นจติ อารมณ์ และดา้ นทกั ษะ แตน่ ิยมใชว้ ดั ทางดา้ นพุทธปิ ญั ญาเป็นสว่ นใหญ่ ชนิดของแบบทดสอบ แบง่ เป็น 3 ชนิด ดงั น้ี 5.5.1 แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ างการเรยี น (Achievement test) เป็นแบบทดสอบทใ่ี ชว้ ดั ความรทู้ กั ษะและสมรรถภาพสมองดา้ นต่างๆ ทผ่ี เู้ รยี นไดร้ บั จากประสบการณ์ทงั้ ปวงทงั้ จากทางบา้ น และสถาบนั การศกึ ษา แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ างการเรยี นน้ียงั แบง่ ออกเป็น 2ประเภท คอื แบบทดสอบทค่ี รสู รา้ งขน้ึ เอง (Teacher-made test) และแบบทดสอบทเ่ี ป็นมาตรฐาน(Standardized test) แบบทดสอบทงั้ 2 ประเภทน้ีจะถามเน้ือหาเหมอื นกนั คอื ถามสง่ิ ทผ่ี เู้ รยี นไดร้ บัจากการเรยี นการสอนซง่ึ จดั เป็นกลุม่ พฤตกิ รรมได้ 6 ประเภท คอืความรคู้ วามจาํ ความเขา้ ใจ การนําไปใช้ การวเิ คราะห์ การสงั เคราะห์ การประเมนิ คา่ รปู แบบของการทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ น่ี ิยมใชม้ ี 3 รปู แบบ คอื 5.5.1.1 แบบปากเปลา่ (Oral test) เป็นการทดสอบทอ่ี าศยั การซกั ถามเป็นรายบุคลใช้ ไดผ้ ลดถี า้ มผี เู้ ขา้ สอบจาํ นวนน้อย เพราะตอ้ งใชเ้ วลามาก ถามไดล้ ะเอยี ด เพราะสามารถโตต้ อบกนั ได้ 5.5.1.2 แบบเขยี นตอบ (Paper – pencil test) เป็นการทดสอบทเ่ี ปลย่ี นแปลงมาจากการสอบแบบปากเปลา่ เน่ืองจากจาํ นวนผเู้ ขา้ สอบมากและมจี าํ นวนจาํ กดั แบง่ ไดเ้ ป็น 2 แบบ คอื 5.5.1.2.1 แบบความเรยี ง (Essay type) เป็นการสอบทใ่ี หผ้ ตู้ อบไดร้ วบรวบเรยี บเรยี งคาํ พดู ของตนเองแสดงทศั นคตแิ ละความรสู้ กึ ความคดิ ไดอ้ ยา่ งอสิ ระภายใตห้ วั เรอ่ื งท่ีกาํ หนดให้ เป็นขอ้ สอบทส่ี ามารถวดั พฤตกิ รรมดา้ นการสงั เคราะห์ ไดอ้ ยา่ งดี แต่กม็ ขี อ้ เสยี เพราะการใหค้ ะแนนทาํ ใหม้ คี วามเป็นปรนยั ไดย้ าก 5.5.1.2.2 แบบจาํ กดั คาํ ตอบ (Fixed – response type) เป็นขอ้ สอบ ทม่ี ีคาํ ตอบถกู ภายใตเ้ งอ่ื นไขทก่ี ําหนดใหอ้ ยา่ งจาํ กดั ขอ้ สอบแบบน้ียงั แบบออกเป็น 4 แบบ คอื แบบถูกผดิ (True – false) แบบเตมิ คาํ (Completion) แบบจบั คู่ (Matching) แบบเลอื กตอบ (Multiplechoice) 5.5.1.3 แบบปฏบิ ตั ิ (Performance test) เป็นการทดสอบทผ่ี สู้ อบไดแ้ สดงพฤตกิ รรมออกมาโดยการกระทาํ หรอื ลงมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ ๆ เชน่ การทดสอบทางดนตรี ชา่ งกล พลศกึ ษาเป็นตน้ 5.5.2 แบบทดสอบวดั ความถนดั หรอื ตวั ปญั ญา (Aptitude test) เป็นการทดสอบทใ่ี ช้วดั ศกั ยภาพระดบั สงู สดุ ของบคุ คลวา่ สมรรถภาพในการเรยี นรมู้ ากน้อยเพยี งใด และควรเรยี นดา้ นใดหรอื ทาํ งานดา้ นใด จงึ จะประสบความสาํ เรจ็ อยา่ งดี แบบทดสอบประเภทน้อี าจแบง่ ยอ่ ยไดเ้ ป็น 2ประเภท คอื แบบทดสอบความถนดั ในการเรยี น (Scholastic aptitude test) และแบบทดสอบความถนดั จาํ เพาะ (Specific aptitude test) นกั วดั ผลแบง่ กลุม่ ความถนดั เป็น 7 ดา้ น คอื ความถนดั ดา้ นภาษา (Varbal Factor) ความถนดั ดา้ นการใชค้ าํ (Word fluency Factor) ความถนดั ดา้ นตวั เลข(Number Factor) ความถนดั ดา้ นมติ สิ มั พนั ธ์ (Space Factor) ความถนดั ดา้ นความจาํ (Memory

101Factor) ความถนดั ดา้ นการสงั เกตรบั รู้ (Perception Factor) ความถนดั ดา้ นการใชเ้ หตุผล(Reasoning Factor) 5.5.3 แบบทดสอบวดั ความสมั พนั ธข์ องบคุ คลต่อสงั คม แบบทดสอบประเภทน้ี จะวดัเกย่ี วกบั บคุ ลกิ ภาพหรอื การปรบั ตนเองของบุคคลในสงั คม วดั ความสนใจตอ้ งสง่ิ ต่าง ๆ แบบทดสอบประเภทน้ี มกั อยใู่ นรปู แบบทดสอบถามวดั ลกั ษณะบคุ คล เชน่ แบบทดสอบความเกรงใจแบบทดสอบความคดิ สรา้ งสรรค์ แบบสาํ รวจความสนใจต่างๆ เป็นตน้ 5.5.4. การวางแผนการสรา้ งแบบทดสอบ ในการสรา้ งแบบทดสอบผวู้ จิ ยั ควรกาํ หนดแผนการสรา้ งซง่ึ ประกอบดว้ ยขนั้ ตอนต่างๆ ดงั น้ี คอื 5.5.4.1 กาํ หนดวตั ถุประสงคใ์ นการศกึ ษา ขนั้ น้ีเป็นการวางโครงการลว่ งหน้า วา่การวจิ ยั นนั้ ตอ้ งการศกึ ษาอะไร กบั ใคร และศกึ ษาเพอ่ื อะไร 5.5.4.2 กําหนดลกั ษณะของแบบทดสอบทจ่ี ะใช้ ขนั้ น้ีเป็นการกําหนดรปู แบบของแบบทดสอบทจ่ี ะใชใ้ นการวจิ ยั โดยกําหนดว่าจะใชแ้ บบทดสอบประเภทใดจงึ จะสอดคลอ้ งกบัคณุ ลกั ษณะทต่ี อ้ งการศกึ ษา จาํ นวนขอ้ ความมเี ทา่ ใดและเวลาทใ่ี ชค้ วรเป็นเทา่ ใดจงึ จะเหมาะสม 5.5.4.3 การสรา้ งแบบทดสอบ ขนั้ น้เี ป็นการพจิ ารณาวา่ คุณลกั ษณะทต่ี อ้ งการศกึ ษานนั้ มอี งคป์ ระกอบของพฤตกิ รรมใดบา้ งโดยตอ้ งคาํ นึงวา่ ตวั ขอ้ สอบหรอื แบบทดสอบนนั้ เป็นเพยี งตวั แทนของพฤตกิ รรมทงั้ หมดดงั นนั้ จงึ ตอ้ งใชว้ จิ ารณญาณอยา่ งดใี นการพจิ ารณาเลอื กตวั แทนพฤตกิ รรม แต่ละองคป์ ระกอบทน่ี ํามาสรา้ งแบบทดสอบซง่ึ อาจตอ้ งใชเ้ ทคนิคการสมุ่ ตวั อยา่ งเน้ือหา(Content sampling) โดยอาศยั ตารางวเิ คราะหห์ ลกั สตู ร เป็นแนวทางในการสรา้ ง (ในกรณีทเ่ี ป็นขอ้ สอบวดั ผลสมั ฤทธ)ิ 5.5.4.4 การสรา้ งตวั คาํ ถาม ยดึ หลกั ใชภ้ าษาทเ่ี ขา้ ใจงา่ ย ชดั เจนและมคี วามเป็นปรนยั ถา้ ขอ้ สอบนนั้ เป็นขอ้ สอบแบบปรนยั การสรา้ งตวั เลอื กใหเ้ ป็นอสิ ระจากกนั มคี วามชดั เจน ไม่แนะคาํ ตอบ (ควรศกึ ษาเทคนิคการเขยี นขอ้ คาํ ถามและตวั เลอื กจากหนงั สอื เทคนิคการเขยี นขอ้ สอบประกอบดว้ ย จะไดส้ ามารถสรา้ งไดถ้ กู หลกั เกณฑ)์ 5.5.4.5 การประเมนิ คณุ ภาพของแบบทดสอบ ขนั้ น้ีเป็นการตรวจสอบดวู า่ เน้ือหาและพฤตกิ รรมต่าง ทน่ี ํามาสรา้ งเป็นแบบทดสอบนนั้ เป็นตวั แทนทด่ี หี รอื ไม่ ครอบคลุมเน้ือหาและพฤตกิ รรมทงั้ หมดหรอื ไม่ โดยตรวจคณุ ภาพทส่ี าํ คญั ๆ ต่อไปน้ี 5.5.4.5.1 ความเทย่ี งตรง (Validity) เป็นการตรวจสอบวา่ แบบทดสอบนนั้ วดัตรงตามวตั ถปุ ระสงคท์ ต่ี งั้ ไวห้ รอื ไม่ 5.5.4.5.2 ความเชอ่ื มนั่ (Reliability) เป็นการตรวจสอบดวู ่า ผลของการวดัจากแบบทดสอบนนั้ มคี วามคงทแ่ี น่นอนมากน้อยเพยี งใด 5.5.4.5.3 ความเป็นปรนยั (Objective) เป็นการตรวจสอบดวู ่าคาํ ถาม หรอื สงิ่ทถ่ี ามในแบบทดสอบมคี วามชดั เจนดพี อหรอื ไม่ ระบบการใหค้ ะแนนและการแปลความหมายคะแนน นําไปใชไ้ ดต้ รงกนั ทวั่ ไปไดห้ รอื ไม่

102 5.6 การวิเคราะหข์ ้อสอบ การวเิ คราะหข์ อ้ สอบชนิดเลอื กตอบหลายตวั เลอื กใชว้ ธิ วี เิ คราะหท์ างสถติ ิ มี 3ประเภท คอื (รววี รรณ ชนิ ะตระกูล.2535 :234-236) 5.6.1 ระดบั ความยากขอ้ สอบ ระดบั ความยากขอ้ สอบ หมายถงึ รอ้ ยละของจาํ นวนคนทงั้ หมดทต่ี อบขอ้ สอบนนั้ถูกตอ้ ง เช่น ขอ้ สอบวชิ าสถติ แิ ละวจิ ยั การศกึ ษาขอ้ หน่ึง มคี นตอบทงั้ หมด 10 คน ปรากฏว่ามคี นตอบถกู เพยี ง 50 คน ดงั นนั้ ขอ้ สอบขอ้ น้ีจงึ มรี ะดงั ความยากเทา่ กบั 50 ใน 100 ซง่ึ เทา่ กบั .50 หรอืรอ้ ยละ 50 ถา้ ขอ้ สอบขอ้ ใดมคี นเป็นจาํ นวนมากหรอื ทงั้ หมดตอบถกู กอ็ าจถอื วา่ ขอ้ สอบขอ้ นนั้ งา่ ยมาก ในตรงขา้ ม ถา้ หากมคี นเพยี งจาํ นวนเลก็ น้อยตอบถกู หรอื ไมม่ ใี ครตอบถกู เลย ขอ้ สอบขอ้ สอบนนั้ กย็ ากมาก ระดบั ความยากของขอ้ สอบมคี า่ ตงั้ แต่ 0.00 ถงึ 1.00 ตวั เลขทม่ี คี า่ ต่าํ ๆ หมายความว่มคี วามยากมาก สว่ นตวั เลขทม่ี คี า่ สงู ๆ หมายความวา่ มคี วามงา่ ยมาก โดยทวั่ ไปขอ้ สอบทม่ี รี ะดบัความยากตงั้ แต่ .20 ถงึ .80 เป็นขอ้ สอบทค่ี วามยากงา่ ยพอเหมาะ คอื ไมย่ ากจนเกนิ ไปและไมง่ า่ ยจนเกนิ ไปและขอ้ สอบทงั้ ฉบบั ควรมรี ะดบั ความยากเฉลย่ี ปานกลาง คอื ประมาณ .50 5.6.2 อาํ นาจจาํ แนกของขอ้ สอบ อาํ นาจจาํ แนกของขอ้ สอบ หมายถงึ ความสามารถของขอ้ สอบทจ่ี าํ แนก หรอื แยกใหเ้ หน็ ความแตกตา่ งของคนทงั้ สองกลมุ่ เชน่ สามารถจาํ แนกระหวา่ งคนเก่งวชิ า Computer กบั คนไมเ่ กง่ วชิ า Computer ได้ หรอื สามารถจาํ แนกระหว่างคนทม่ี คี วามสามารถพเิ ศษในการวาดรปู กบัคนทไ่ี มม่ คี วามสามารถวาดรปู ได้ อาํ นาจจาํ แนกของขอ้ สอบมคี า่ ตงั้ แต่ -1.00 ถงึ +1.00 ขอ้ สอบทม่ี ีคา่ อาํ นาจจาํ แนกเขา้ ใกล้ –1.00 หรอื +1.00 แสดงวา่ มคี า่ อาํ นาจจาํ แนกสงู มาก คา่ ตดิ ลบแสดงวา่จาํ แนกผดิ ทางไมต่ รงตามความประสงคข์ องผสู้ รา้ งขอ้ สอบ คา่ บวกแสดงวา่ จาํ แนกไดถ้ กู ตอ้ งตรงตามทผ่ี สู้ รา้ งขอ้ สอบตอ้ งการ ขอ้ สอบทม่ี คี า่ อาํ นาจจาํ แนกเขา้ ใกล้ 0.00 แสดงวา่ มคี า่ อาํ นาจจาํ แนกต่ําจาํ แนกไมค่ อ่ ยได้ หรอื จาํ แนกไมไ่ ดเ้ ลย โดยทวั่ ไปขอ้ สอบทม่ี คี า่ อาํ นาจจาํ แนกตงั้ แต่ .20 ขน้ึ ไปถอื วา่เป็นขอ้ สอบทม่ี อี าํ นาจอยใู่ นเกณฑใ์ ชไ้ ด้ และถา้ มคี า่ ตงั้ แต่ .40 ขน้ึ ไป ถอื วา่ ขอ้ สอบนนั้ มอี าํ นาจจาํ แนกดมี าก 5.6.3 ประสทิ ธภิ าพของตวั ลวง ประสทิ ธภิ าพของตวั ลวง หมายถงึ ความสามารถของตวั ลวงใหค้ นกลมุ่ ไมเ่ กง่ มาเลอื กตอบมากกวา่ คนกลมุ่ เก่ง ตวั ลวงกค็ อื ตวั เลอื กทไ่ี มค่ าํ ตอบถกู ตวั ลวงทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพหรอื ตวัลวงทด่ี ี คอื ตวั ลวงทม่ี คี นกลุม่ ไมเ่ ก่งมาเลอื กตอบเป็นจาํ นวนมาก แต่คนกลมุ่ เก่งไมเ่ ลอื กหรอื มเี พยี งบางคนเทา่ นนั้ ทจ่ี ะเลอื กตอบ แต่ถา้ ปรากฏวา่ คนกลุม่ เก่งเลอื กตอบตวั ลวงตวั นนั้ มากกวา่ คนกลุม่ ไม่เก่ง เพราะคดิ วา่ ตวั ลวงนนั้ เป็นคาํ ตอบถกู ตวั ลวงนนั้ กใ็ ชไ้ มไ่ ด้ ผสู้ รา้ งขอ้ สอบจะตอ้ งทาํ การปรบั ปรงุแกไ้ ขใหด้ ขี น้ึ วธิ กี ารหาประสทิ ธภิ าพของตวั ลวงกท็ าํ คลา้ ยกบั การหาคา่ อาํ นาจจาํ แนก คอื หาผลต่างระหว่างสดั สว่ นสองจาํ นวน แต่ตวั ตงั้ และตวั ลบใหส้ ลบั ทก่ี นั กลา่ วคอื เอาคา่ สดั สว่ นจาํ นวนผู้เลอื กตอบของกลุม่ ไมเ่ ก่งเป็นตวั ตงั้ แลว้ ลบดว้ ยคา่ สดั สว่ นผเู้ ลอื กตอบของกลุม่ เกง่ เชน่ กลมุ่ ไมเ่ ก่งมี

103คน 20 คน ไดเ้ ลอื กตวั ลวงนนั้ 6 คน ดงั นนั้ สดั สว่ นจาํ นวนคนเลอื กจงึ เทา่ กบั 6/20 ซง่ึ เทา่ กบั .30สว่ นคนเกง่ กม็ คี น 20 คนเช่นกนั แต่มาเลอื กตวั ลวงเพยี ง 2 คน ดงั นนั้ สดั สว่ นจงึ เทา่ กบั 2/20เทา่ กบั .10 ฉะนนั้ ประสทิ ธภิ าพของตวั ลวงตวั นนั้ จงึ เทา่ กบั .30-.10 ซง่ึ เทา่ กบั .20 5.6.4 วธิ วี เิ คราะหข์ อ้ สอบ วธิ วี เิ คราะหข์ อ้ สอบ มขี นั้ ตอนดงั น้ี คอื (รววี รรณ ชนิ ะตระกลู .2535 : 236-238) ขนั้ ท่ี 1 ตรวจสอบและใหค้ ะแนนในกระดาษเรยี บรอ้ ยแลว้ นํากระดาษคาํ ตอบมาเรยี งลาํ ดบั ตามคะแนนรวมสงู สดุ ไปจนถงึ คะแนนรวมต่าํ สดุ ทงั้ น้ีเพอ่ื ทจ่ี ะทาํ การแบง่ กลุ่กระดาษคาํ ตอบออกเป็นกลมุ่ ทเ่ี ก่งและกลุม่ ทไ่ี มเ่ ก่ง กลมุ่ ทเ่ี ก่ง คอื กลุม่ ทจ่ี ะไดค้ ะแนนสงู ซง่ึ เรยี กวา่กลุม่ สงู สว่ นกลมุ่ ทไ่ี มเ่ ก่งคอื กลุม่ ทไ่ี ดค้ ะแนนต่าํ เรยี กวา่ กลมุ่ ต่าํ ซง่ึ จานํวนนกั เรยี นในกลุม่ ตวั อย่ควรสงู กวา่ 60 คน ถา้ มจี าํ นวนไมถ่ งึ รอ้ ยละ 60 หรอื น้อยกวา่ น้วี เิ คราะหไ์ ด้ แตอ่ าจจะใชเ้ กณฑแ์ บง่แตกต่างกนั ออกไป ถา้ จาํ นวนนกั เรยี นในกลุม่ ตวั อยา่ งยง่ิ มากเทา่ ไรยง่ิ ทาํ ใหผ้ ลการวเิ คราะหข์ อ้ สอบนนั้ มคี วามเทย่ี งตรงมากขน้ึ ขนั้ ท่ี 2 แบง่ กลุม่ สงู ต่าํ โดยมกี ลกั เกณฑใ์ นการแบง่ ดงั น้ี ถา้ มกี ระดาษคาํ ตอของผเู้ ขา้ สอบเป็นจาํ นวนมากตงั้ แต่ 100 คนขน้ึ ไป กใ็ ชเ้ ทคนิครอ้ ยละ 27 คอื นบั เอากระดาษคาํ ตอบทไ่ี ดค้ ะแนนสงู สดุ ลงมาใหไ้ ดค้ รบรอ้ ยละ 27 ของทงั้ หมดเป็นกลุม่ สงู แลว้ นบั เอาจากคะแนนต่าํ สดุ ข้ึไปใหไ้ ดร้ อ้ ยละ 27 ของทงั้ หมดเป็นกลุม่ ต่าํ กลมุ่ ทเ่ี หลอื ตรงกลางมรี อ้ ยละ 46 ของทงั้ หมดอาจจะเอามาใชห้ รอื ไมใ่ ชก้ ไ็ ด้ แต่ถา้ หากผเู้ ขา้ สอบมจี าํ นวนไมม่ ากนกั เชน่ มเี พยี ง 60 คนหรอื 40 คน การแบง่ กลมุ่ สงู กลมุ่ ต่าํ อาจจะตอ้ งใชป้ ระมาณรอ้ ยละ 33 หรอื รอ้ ยละ 50 ถา้ ผวู้ จิ ยั ใชแ้ บง่ กลมุ่ ดว้ ยเทคนิครอ้ ยละ 27 คา่ สถติ ทิ ค่ี าํ นวณไดก้ าจจะมคี วามคลาดเคลอ่ื นมากเกนิ ไป หลงั จากมกี ารแบง่คะแนนออกเป็นกลมุ่ ทม่ี คี ะแนนสงู กบั กลุ่มทม่ี คี ะแนนต่าํ เรยี บรอ้ ยแลว้ กท็ าํ การบนั ทกึ ความถข่ี องกาเลอื กตอบทกุ ตวั เลอื ก เป็นรายขอ้ ทุกขอ้ ของแตล่ ะกลุ่ม แลว้ คาํ นวณหาระดบั ความยาก (P) และคา่อาํ นาจจาํ แนก (r) ตอ่ ไป6. งานวิจยั ที่เก่ียวข้อง 6.1 งานวิจยั ภายในประเทศ การพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมการสรา้ งแม่พมิ พฉ์ ดี พลาสตกิ สถาบนั คน้ ควา้ และพฒั นาเทคโนโลยกี ารผลติ ทางอุตสาหกรรม โดยมกี ารพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรม การจดั การกระบวนการในการฝึกอบรม ไดม้ กี ารจดั ทาํ ขน้ึ มาและมรี ปู แบบของการสรา้ งและพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมคลา้ ยกบัการสรา้ งและพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมดงั น้ี คอื สนั ทศั น์ วงศม์ าก (2541 : บทคดั ยอ่ ) ไดท้ าํ การวจิ ยั เร่อื งการพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมชา่ งเทคนิคระบบการสอ่ื สารใยแกว้ นําแสงขององคก์ ารโทรศพั ทแ์ หง่ ประเทศไทย โดยในการวจิ ยั นนั้มคี วามมงุ่ หมาย เพอ่ื ศกึ ษาความตอ้ งการและความรทู้ างดา้ นเทคนิคของชา่ งเทคนิคระบบสอ่ื สารใยแกว้ นําแสงพอ่ื นํามาพฒั นาเป็นหลกั สตู รฝึกอบรมชา่ งเทคนิคขององคก์ ารโทรศพั ทแ์ หง่ ประเทศไทย

104และผลการวจิ ยั ทไ่ี ดค้ อื ความตอ้ งการทางดา้ นวชิ าการของผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรม 5 ดา้ น คอื ดา้ นหลกั การจดั และบรหิ ารฝึกงาน ดา้ นความรแู้ ละงานทางชา่ ง ดา้ นเทคนิคและวธิ ฝี ึกอบรม ดา้ นการผลติ และใชส้ อ่ื ฝึกอบรม และดา้ นการวดั และการประเมนิ ผล เฉลมิ พล คงจนั ทร์ (2540 : บทคดั ยอ่ )ไดท้ าํ การวจิ ยั เร่อื งการพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมเทคโนโลยรี ถยนตไ์ ฟฟ้าสาํ หรบั นกั ศกึ ษาชา่ งยนต์ โดยมคี วามมงุ่ หมายของการวจิ ยั น้ี เพอ่ื พฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรม เทคโนโลยรี ถยนตไ์ ฟฟ้าสาํ หรบั นกั ศกึ ษาชา่ งยนต์ โดยแบง่ ขนั้ ตอนการวจิ ยั ดงั น้ีตอนท่ี 1 เป็นการใชก้ ระบวนการเพอ่ื หาสมรรถภาพของนกั ศกึ ษาช่างยนตใ์ นอนาคตโดยใชเ้ ทคนิคเดลฟายสอบถามความคดิ เหน็ ของผเู้ ชย่ี วชาญจาํ นวน 17 ทา่ น ทงั้ ในรอบท่ี 1 รอบท่ี 2 และรอบท่ี 3ตามลาํ ดบั ไดส้ มรรถภาพของนกั ศกึ ษาชา่ งยนต์ ดงั น้ี ดา้ นความรู้ ดา้ นจติ พสิ ยั ตอนท่ี 2 เป็นการพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมเทคโนโลยรี ถยนตไ์ ฟฟ้า โดยนําสมรรถภาพของนกั ศกึ ษาช่างยนตใ์ นอนาคต มากาํ หนดเป็นกรอบและแนวทางในการจดั ทาํ หลกั สตู ร ตอนท่ี 3 เป็นการนําหลกั สตู รไปทดลองใช้ โดยใชร้ ปู แบบการทดลองแบบกลุม่ เดยี ววดั ผลสองครงั้ ซง่ึ เป็นนกั ศกึ ษาช่างยนต์ จาํ นวน17 คน ผลการทดลองปรากฎวา่ จากการประเมนิ การใชห้ ลกั สตู รโดยผทู้ าํ การ อบรมและผเู้ ขา้ รบั การอบรมพบวา่ เน้ือหาวชิ ากจิ กรรมและวธิ กี ารอบรมสอ่ื ประกอบการสอนและการวดั และประเมนิ ผลมีความเหมาะสมมาก ผลการปฏบิ ตั งิ านของนกั ศกึ ษาชา่ งยนตอ์ ยใู่ นระดบั มากในทุกทกั ษะและนกั ศกึ ษาชา่ งยนตม์ เี จตคตสิ งู กวา่ กอ่ นการใชห้ ลกั สตู รอยา่ งมนี ยั สาํ คญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั 0.05 องอาจ พงษพ์ สิ ทิ ธบิ ุปผา (2541:บทคดั ยอ่ )ไดท้ าํ การวจิ ยั เรอ่ื งการพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมเพอ่ื เสรมิ สรา้ งพฤตกิ รรมผนู้ ําทางการเกษตรสาํ หรบั นกั เรยี น โครงการอาชวี ศกึ ษา เพอ่ืพฒั นาชนบท (อศ. กช.)ความมงุ่ หมายของการวจิ ยั น้ี เพอ่ื พฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมเพอ่ื เสรมิ สรา้ งพฤตกิ รรมผนู้ ําทางการเกษตร สาํ หรบั นกั เรยี นโครงการอาชวี ศกึ ษาเพอ่ื การพฒั นาชนบท (อศ.กช.)ใหม้ คี วามรมู้ เี จตคตทิ ด่ี แี ละมที กั ษะพฤตกิ รรมผนู้ ําทางการเกษตร แบง่ การวจิ ยั ออกเป็น 4 ขนั้ ตอนดงั น้ี ขนั้ ตอนท่ี 1 การศกึ ษาขอ้ มลู พน้ื ฐานเป็นการศกึ ษาเอกสารงานวจิ ยัขนั้ ตอนท่ี 2 การสรา้ งหลกั สตู รเป็นการนําผลจากการขนั้ ตอนท่ี 1 มากาํ หนดเป็นโครงรา่ งหลกั สตู รขนั้ ตอนท่ี 3 การทดลองใชห้ ลกั สตู ร ผวู้ จิ ยั นําหลกั สตู รไปทดลองใชก้ บั นกั เรยี น จาํ นวน 32 คน โดยการทดลองก่อนการฝึกอบรมใหก้ ารฝึกอบรมและทดสอบหลกั การฝึกอบรม ขนั้ ตอนท่ี 4 การตดิ ตามผลหลกั สตู ร ผวู้ จิ ยั ไดต้ ดิ ตามผลหลงั จากการฝึกอบรม 1 เดอื น โดยใชแ้ บบสอบถาม ชนดิ มาตราสว่ นประมาณคา่ 5 ระดบั จากผลการวจิ ยั พบวา่ นกั เรยี นทผ่ี า่ นการฝึกอบรมมพี ฤตกิ รรมผนู้ ําทางการเกษตรดา้ นการแสวงหาความรทู้ างการเกษตรและความคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรคเ์ ปลย่ี นแปลงเพม่ิ ขน้ึในระดบั ปานกลาง เกศรนิ มนูญผล (2544 : บทคดั ยอ่ ) ไดท้ าํ การวจิ ยั เรอ่ื งการพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมครเู พอ่ื เสรมิ สมรรถภาพดา้ นการจดั ทาํ หนงั สอื เสรมิ ประสบการณ์ทส่ี อดคลอ้ งกบั ทอ้ งถน่ิ โดยมคี วามมงุ่ หมายของการวจิ ยั น้ี เพอ่ื เสรมิ สมรรถภาพดา้ นการจดั การทาํ หนงั สอื เสรมิ ประสบการณ์ท่ีสอดคลอ้ งกบั ทอ้ งถนิ่ โดยมคี วามมุง่ หมายของการวจิ ยั น้ี เพอ่ื เสรมิ สมรรถภาพดา้ นการจดั การทาํ

105หนงั สอื เสรมิ ประสบการณ์ทส่ี อดคลอ้ งกบั ทอ้ งถนิ่ การพฒั นาหลกั สตู รน้ีไดด้ าํ เนินการในลกั ษณะของการวจิ ยั และพฒั นา ซง่ึ มี 4 ขนั้ ตอนคอื 6.1.1 การศกึ ษาขอ้ มลู พน้ื ฐาน เพอ่ื ใชว้ างแผนในการสรา้ งหลกั สตู ร 6.1.2 การสรา้ งหลกั สตู ร ซง่ึ ไดจ้ ากการนําขอ้ มลู พน้ื ฐานมาเป็นแนวทางในการกาํ หนดองคป์ ระกอบของการรา่ งหลกั สตู ร 6.1.3 การทดลองใชห้ ลกั สตู ร ไดน้ ําหลกั สตู รทป่ี รบั ปรุงแลว้ ไปใชฝ้ ึกอบรมครกู ลมุ่สนใจจาํ นวน 35 คนใชร้ ะยะเวลา 3 เดอื น มภี าคทฤษฎแี ละปฏบิ ตั เิ ป็นชว่ งๆ 6.1.4 การประเมนิ หลกั สตู รไดด้ าํ เนินการประเมนิ หลกั สตู รทงั้ ในแงบ่ รบิ ท ตวั ป้อนกระบวนการและผลผลติ ผลการประเมนิ พบวา่ หลกั สตู รน้ีสามารถนําไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพสว่ นผลการสอบวดั ความรกู้ ่อนและหลงั การฝึกอบรมพบว่าผลสมั ฤทธหิ ลกั ฝึกอบรมเพม่ิ ขน้ึ อยา่ งมีนยั สาํ คญั 6.2 งานวิจยั ต่างประเทศ SWANSON, BARBARA LYNNE (1990 : บทคดั ยอ่ ) ไดท้ าํ การวจิ ยั เรอ่ื งการพฒั นาและการประเมนิ ของรปู แบบการวางแผน, การเฝ้าตดิ ตามและการประเมนิ หลกั สตู รทน่ี ําไปใชโ้ ดยมีขนั้ ตอนในการวจิ ยั ดงั น้ี คอื 6.2.1 พฒั นาการวจิ ยั เบอ้ื งตน้ ของรปู แบบสาํ หรบั การวางแผน การเฝ้าตดิ ตามและการประเมนิ กระบวนการของหลกั สตู รทน่ี ําไปใช้ 6.2.2 มรี ปู แบบการประเมนิ โดยประสบการณ์ทน่ี ําหลกั สตู รไปใชใ้ นลกั ษณะของความเขา้ ใจเหตุผลและเป็นประโยชน์และผลการวจิ ยั พบวา่ 6.2.3 การรวบรวมขอ้ มลู ความรทู้ ห่ี าไดม้ าพจิ ารณาในกระบวนการนําหลกั สตู รไปใช้ 6.2.4 นยั สาํ คญั ของการนําหลกั สตู รไปใชท้ เ่ี ป็นกระบวนการปรบั ปรุง นนั้ ไมส่ ามารถท่ีนําไปใชน้ อกเหนือจากคณุ สมบตั สิ งิ่ แวดลอ้ มในองคก์ ร 6.2.5 การศกึ ษาทเ่ี ปลย่ี นขอ้ กําหนดการประเมนิ ในกฎสมั พนั ธภาพใหมท่ อ่ี ยภู่ ายในและนอกของเฉพาะโรงเรยี นนนั้ ๆ และโรงเรยี นในตาํ บล 6.2.6 มกี ระบวนการประเมนิ ทางดา้ นปรมิ าณทเ่ี กดิ จากความตอ้ งการ การเฝ้าตดิ ตามและปรบั ปรุงการนําหลกั สตู รไปใชใ้ นชวี ติ จรงิ 6.2.7 จดั ใหโ้ รงเรยี นประจาํ ตาํ บลมโี ครงสรา้ งทเ่ี ป็นมาตรฐานในการนําหลกั สตู รไปใช้ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงในโรงเรยี นประถม กบั โรงเรยี นมธั ยมใหม้ คี วามแตกต่างในความสามารถท่ีใกลเ้ คยี งกนั จากผลการวจิ ยั ทเ่ี ป็นงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งนนั้ เป็นงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วกบั การพฒั นาบคุ คลทงั้ หมด โดยในผลงานการวจิ ยั จะพบปญั หาตา่ งๆทเ่ี กดิ ขน้ึ และกไ็ ดส้ ามารถทท่ี าํ ใหก้ ารวจิ ยัดาํ เนินการลลุ ่วงไวม้ ากมายไดร้ ายละเอยี ดในกระบวนการทแ่ี สดงใหใ้ นวธิ กี ารอยา่ งชดั เจน โดยผวู้ จิ ยั

106ไดน้ ําแนวทางจากผลการวจิ ยั ทศ่ี กึ ษานํามาเป็นแนวทางในการตงั้ สมมตฐิ านในการวจิ ยั และเป็นแนวทางในการวจิ ยั เพอ่ื ใชใ้ นการพฒั นาบุคคลครงั้ น้ีดว้ ย โดยในการวจิ ยั ในการพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ไดน้ ําหลกั การพฒั นาหลกั สตู รของเชยเ์ ลอร์และอเลก็ ซานเดอร์ (Saylor and Alexander.1966:7) มาเป็นหลกั การในการพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ และในการฝึกอบรมไดจ้ ดั ฝึกอบรมโดยใช้รปู แบบการฝึกอบรมแบบทฤษฎี นนั้ คอื ใหผ้ เู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมไดเ้ รยี นรใู้ นดา้ นของทฤษฎี และในกระบวนการฝึกอบรมไดม้ กี ารจดั ใหม้ กี ารทดสอบเป็นระยะเพอ่ื ประเมนิ ความรใู้ นเรอ่ื งทฝ่ี ึกอบรม ในขนั้ ตอนสดุ ทา้ ยมกี ารทดสอบความรใู้ นเน้ือหาทงั้ หมดทไ่ี ดฝ้ ึกอบรมมาเพอ่ื เป็นการประเมนิความสามารถของผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมและเพอ่ื พสิ จู น์ในสมมตฐิ านทต่ี งั้ ไวใ้ นงานวจิ ยั

107 บทท่ี 3วิธีดาํ เนินการวิจยัการพฒั นาหลกั สตู รฝึ กอบรมการออกแบบและสร้างแม่พิมพฉ์ ีดพลาสติก การพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ โดยใชร้ ปู แบบการวจิ ยั เชงิ ทดลอง สามารถสรุปแนวทางการทดลองการวจิ ยั ดงั น้ี 1. พฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ 2. ศกึ ษาประสทิ ธภิ าพของหลกั สตู ร จากแบบทดสอบของผเู้ ขา้ ฝึกอบรมในหลกั สตู รการออกแบบและสรา้ งแมพมิ พฉ์ ีดพลาสตกิ และจากการสงั เกตุในขณะทาํ การฝึกอบรมวา่ ผเู้ ขา้ ฝึกอบรมมคี วามรมู้ ากน้อยเพยี งใด การสรา้ งหลกั สตู รฝึกอบรม การออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ เน้ือหาจะเน้นไปในสว่ นของการออกแบบแม่พมิ พ์ การกาํ หนดขนาดของชน้ิ งานแมพ่ มิ พฉ์ ดี มาแลว้ ไดข้ นาดของชน้ิ งานทม่ี คี วามแมน่ ยาํ ในแต่ละขนาดของชน้ิ งานทฉ่ี ีดออกมา สว่ นในดา้ นกรรมวธิ กี ารสรา้ งแมพ่ มิ พ์ จะกลา่ วถงึ การเลอื กใชเ้ ครอ่ื งจกั รใหม้ คี วามเหมาะสมกบั แต่ละชน้ิ สว่ นและการใชเ้ ครอ่ื งจกั รทถ่ี กู ตอ้ งและในสว่ นสดุ ทา้ ยของการฝึกอบรมจะเป็นเน้ือหาเกย่ี วกบั การตรวจสอบแมพ่ มิ พก์ ารประกอบแมพ่ มิ พแ์ ละการตรวจสอบความถกู ตอ้ งของชน้ิ งานทท่ี าํ การผลติ ออกมา จากเน้ือหาดงั กลา่ วขา้ งตน้ ของการสรา้ งหลกั สตู รฝึกอบรม การออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พ์ฉดี พลาสตกิ โดยมขี นั้ ตอนการศกึ ษาและการสรา้ งหลกั สตู รดงั น้ี 1. ทาํ การศกึ ษาความตอ้ งการของการพฒั นาหลกั สตู รของหน่วยงานว่ามคี วามตอ้ งการท่ีจะพฒั นามากน้อยเพยี งใด วเิ คราะหผ์ ทู้ จ่ี ะเขา้ มาฝึกอบรมในหลกั สตู รการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิวา่ มแี นวโน้มเป็นอยา่ งไร วเิ คราะหโ์ ดยบุคลากรทม่ี คี วามรใู้ นดา้ นแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ โดยดจู ากบคุ ลากรในสถาบนั การศกึ ษาและความตอ้ งการของบุคลากรดา้ นแมพ่ มิ พ์ 2. กาํ หนดขอบเขตเน้ือหาในหลกั สตู รฝึกอบรม การออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ การกาํ หนดหลกั สตู รโดยศกึ ษาจากตาํ ราและผทู้ ท่ี าํ งานดา้ นแมพ่ มิ พฉ์ ีดทม่ี คี วามเชย่ี วชาญ 3. กาํ หนดโครงสรา้ งของหลกั สตู ร จดั ลาํ ดบั กอ่ นหลงั ของลาํ ดบั การฝึกอบรมตามเน้ือหาและขอบเขตทก่ี าํ หนดไว้ 4. กาํ หนดรปู แบบการจดั ฝึกอบรม โดยกําหนดตามชวั่ โมงการฝึกอบรมในภาคทฤษฎตี ามสดั สว่ นทก่ี าํ หนด 5. รปู แบบของการฝึกอบรม โดยมขี นั้ ตอนดงั น้ี 5.1 กาํ หนดวตั ถุประสงคข์ องการฝึกอบรม 5.2 เน้ือหาของหลกั สตู ร

108 5.3 การใชส้ อ่ื ในการจดั ฝึกอบรม 5.4 การจดั ในภาคทฤษฎี 5.5 การประเมนิ ผลผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมในลกั ษณะกอ่ นและหลงั การฝึกอบรม 6. การตรวจสอบหลกั สตู ร ตรวจสอบโดยผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นต่างๆ ดงั น้ี ดา้ นความเชย่ี วชาญดา้ นการออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ีดและผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นการสรา้ งแมพ่ มิ พ์ ในสว่ นของหลกั สตู รมีผเู้ ชย่ี วชาญในดา้ นการพฒั นาหลกั สตู รและการสรา้ งหลกั สตู ร ทงั้ ในสองสว่ นมผี เู้ ชย่ี วชาญ 5 ทา่ นเพอ่ื ช่วยในการแกไ้ ขและปรบั ปรงุ ใหห้ ลกั สตู รมคี วามสมบรู ณ์ การนําแบบประเมนิ หลกั สตู รใชใ้ นการเกบ็ ขอ้ มลู ตอ้ งผา่ นการตรวจจากผเู้ ชย่ี วชาญกอ่ นนําไปใช้ คณุ สมบตั ขิ องผเู้ ชย่ี วชาญมดี งั น้ี เป็นผทู้ ม่ี คี วามรใู้ นเรอ่ื งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ โดยคณุ วุฒทิ างการศกึ ษาไมต่ ่าํ กวา่ ระดัปรญิ ญาตรแี ละประสบการณ์การทาํ งานไมต่ ่าํ กวา่ 3 ปี ในสายงานแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ จาํ นวน 2 คน เป็นผทู้ ม่ี คี วามรใู้ นเรอ่ื งการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ คณุ วฒุ ทิ างการศกึ ษาไมต่ ่าํ กวา่ ระดบั ปรญิ ญาตรแี ละมปี ระสบการณ์ในการออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ไมต่ ่าํ กวา่ 3ปีจาํ นวน 2 คน เป็นผทู้ ม่ี คี วามรดู้ านการสรา้ งหลกั สตู รและการฝึกอบรม คุณวุฒทิ างการศกึ ษาไมต่ ่ํกว่าปรญิ ญาตรี มปี ระสบการณ์การทาํ งานไมต่ ่าํ กว่า 3 ปี จาํ นวน 1 คน 7. ขอ้ เสนอแนะและการปรบั ปรงุ แกไ้ ข ของผเู้ ชย่ี วชาญมาปรบั ปรุงแกไ้ ขหลกั สตู ร 8. นําหลกั สตู รทแ่ี กไ้ ขสมบรู ณ์แลว้ ไปใชก้ บั ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ 9. ทาํ การปรบั ปรุงหลกั สตู รสตู รการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ อกี ครงั้หลงั จากการฝึกอบรม 10. หลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ 11. การดาํ เนินการในชว่ งวนั ท่ี 27 มกราคม พ.ศ. 2549 ถงึ วนั ท่ี 28 มกราคม พ.ศ. 2549จาํ นวน 1 หลกั สตู ร เอกสารประกอบการฝึกอบรมหลกั สตู รการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ 11.1 หลกั การของหลกั สตู รฝึกอบรม การจดั ทาํ หลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ โดยหลกั สตู รฝึกอบรมทจ่ี ดั ทาํ ขน้ึ เป็นการนําหลกั การ รปู แบบและเทคนิคการฝึกอบรม มาจดั ทาํ เป็นหลกั สตู รฝึกอบรม และหลกั สตู รทจ่ี ดั ทาํ ขน้ึ จะประกอบไปดว้ ยเน้ือหาการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พ์ฉดี พลาสตกิ 11.2 เน้ือหาของหลกั สตู รฝึกอบรม 11.2.1 ความรพู้ น้ื ฐานดา้ นพลาสตกิ 11.2.1.1 ประวตั คิ วามเป็นมาของพลาสตกิ 11.2.1.2 กระบวนการฉดี พลาสตกิ 11.2.1.3 การฉีดพลาสตกิ

109 11.2.2 ความรดู้ า้ นเครอ่ื งฉีดพลาสตกิ 11.2.2.1 เครอ่ื งฉีดแบบควบคมุ ดว้ ยมอื 11.2.2.2 เครอ่ื งฉีดแบบ ซเี อน็ ซี 11.2.3 แมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ 11.2.3.1 แมพ่ มิ พส์ องแผน่ 11.2.3.2 แมพ่ มิ พส์ ามแผน่ 11.2.3.3 แมพ่ มิ พแ์ บบแยก 11.2.4 การออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ 11.2.4.1 การออกแบบโครงสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ 11.2.4.1.1 การกาํ หนดแนวแยกแมพ่ มิ พ์ 11.2.4.1.2 การออกแบบชน้ิ สว่ น 11.2.4.1.3 การออกแบบเบา้ แมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ 11.2.5 การวเิ คราะหใ์ นการออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ 11.2.5.1 การวเิ คราะหว์ สั ดทุ าํ แมพ่ มิ พ์ 11.2.5.2 การวเิ คราะหค์ ณุ สมบตั ใิ นการขน้ึ รปู 11.2.5.3 การวเิ คราะหม์ าตรการป้องกนั การสกึ หรอของเบา้ 11.2.5.4 การวเิ คราะหค์ วามสมดลุ ยก์ ารไหลของน้ําพลาสตกิ 11.2.6 การตรวจสอบแมพ่ มิ พ์ 11.2.7 การบาํ รงุ รกั ษาแมพ่ มิ พ์ 11.3 อุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการฝึกอบรม 11.3.1 คอมพวิ เตอร์ 1 ชุด 11.3.2 โปรแกรมเขยี นแบบ3 มติ ิ (Unigraphics NX2) 11.3.3 แมพ่ มิ พ์ 2 ชุด 11.3.4 ชน้ิ งานตวั อยา่ ง 11.3.5 เครอ่ื งฉดี พลาสตกิ 1 เครอ่ื ง 11.3.6 เมด็ พลาสตกิ 11.4 วธิ กี ารฝึกอบรม ในการดาํ เนนิ การฝึกอบรมเป็นการฝึกอบรมในแบบทฤษฎคี อื การบรรยาย 11.5 วธิ กี ารประเมนิ ผล 11.5.1 แบบทดสอบความรรู้ ะหวา่ งการฝึกอบรมตามเกณฑ์ 80/80 11.5.2 แบบทดสอบความรหู้ ลงั การฝึกอบรมตามเกณฑ์ 80/80 11.6 ในรายละเอยี ดของหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิไดเ้ ชญิ ผเู้ ชย่ี วชาญในดา้ นการออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ และผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นการเรยี นการสอนมาวเิ คราะหใ์ นดา้ นเน้ือหาของหลกั สตู รฝึกอบรมโดยมผี เู้ ชย่ี วชาญ 5 ทา่ นมรี ายนามผเู้ ชย่ี วชาญดงั น้ี

110 11.6.1 อาจารย์ ดร. ชนะ รกั ษศ์ ริ ิ ตาํ แหน่งรองผอู้ าํ นวยการฝา่ ยวจิ ยั สถาบนัคน้ ควา้ และพฒั นาเทคโนโลยกี ารผลติ ทางอุตสาหกรรม 11.6.2 อาจารยส์ มปอง อนิ ทอง ตําแหน่งผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นงานฉดี พลาสตกิ สถาบนัคน้ ควา้ และพฒั นาเทคโนโลยกี ารผลติ ทางอตุ สาหกรรม 11.6.3 อาจารยอ์ นุศกั ดิ กาญจนี ตาํ แหน่งผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิสถาบนั คน้ ควา้ และพฒั นาเทคโนโลยกี ารผลติ ทางอุตสาหกรรม 11.6.4 อาจารยป์ ระทปี ฟองเพชร ตาํ แหน่ง ครู ค.ศ. 2 วทิ ยาลยั เทคนิคอ่างทองจงั หวดั อ่างทอง 11.6.5 อาจารยว์ เิ ชยี ร ดฉี าย ตาํ แหน่ง ครู ค.ศ. 3 หวั หน้าภาควชิ าแมพ่ มิ พ์วทิ ยาลยั เทคนิคอ่างทอง จงั หวดั อา่ งทองตาราง 6 แผนการสอนหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ วนั เวลา รปู แบบ เนือหาวชิ า จาํ นวนชวั โมง27 ม.ค. 2549 8.00 – 10.30 10.30 – 11.30 ทฤษฎี ความรพู้ นื ฐานดา้ นพลาสตกิ 2.5 ชม.28 ม.ค. 2549 11.30 – 12.00 ทฤษฎี ความรพู้ นื ฐานดา้ นเครอื งฉดี 1.0 ชม. 13.00 – 14.30 30 นาที 14.30 – 16.00 ทฤษฎี ชนิดเครอื งฉีดพลาสตกิ ทใี ชใ้ น งานฉดี พลาสตกิ 1.5 ชม. 08.00 – 11.00 ทฤษฎี แมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ 11.00 – 15.00 ทฤษฎี การออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ีด 1.5 ชม. 15.00 – 15.30 พลาสตกิ 2.0 ชม. 15.30 – 15.45 3.0 ชม. 15.45 – 16.00 ทฤษฎี การวเิ คราะหใ์ นการออกแบบ 30 นาที แมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ทฤษฎี ขนั ตอนการออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ีด พลาสตกิ ทฤษฎี การตรวจสอบแมพ่ มิ พ์ การตรวจสอบชนิ สว่ นแมพ่ มิ พ์ 15 นาที ทฤษฎี การบาํ รงุ รกั ษาแมพ่ มิ พ์ 15 นาที

111ประชากรและกล่มุ ตวั อย่าง 1. ประชากร ประชากรเป็นนกั ศกึ ษาระดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชพี ชนั้ สงู 1 (ระดบั ปว.ส.1) กาํ ลงัศกึ ษาในภาคเรยี นท่ี 2 สาขาแมพ่ มิ พ์ วทิ ยาลยั เทคนิคอา่ งทอง จงั หวดั อ่างทอง จาํ นวน 24 คน 2. กล่มุ ตวั อย่าง 2.1 กลุ่มตวั อยา่ งเป็นบุคลากรทเ่ี ขา้ รบั การฝึกอบรมในหลกั สตู รการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ การเลอื กกลุม่ ตวั อยา่ งคดั เลอื กจากผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรม จาํ นวน 12 คน ทเ่ี ขา้รบั การฝึกอบรมในหลกั สตู รการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ จาํ นวน 24 คน 2.1.1 กาํ หนดขนาดกลมุ่ ตวั อยา่ งโดยวธิ แี บบเจาะจง (Purposive Sampling) เลอื กมาจากจาํ นวนประชากรทเ่ี ป็นผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมในหลกั สตู รการออกแบบและ สรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ไดจ้ าํ นวนตวั อยา่ ง 12 คนวธิ เี ลอื กใชว้ ธิ เี ลอื กแบบเจาะจง (Purposive Sampling) 2.1.2 ระบุกลมุ่ ตวั อยา่ งตอ้ งเป็นนกั ศกึ ษาระดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชพี ชนั้ สงู 1(ระดบั ปว.ส.1) กาํ ลงั ศกึ ษาในภาคเรยี นท่ี 2 สาขาแมพ่ มิ พ์ วทิ ยาลยั เทคนิคอ่างทอง 2.2 การดาํ เนนิ การฝึกอบรม ประกอบดว้ ย 2.2.1 การดาํ เนินการจดั ทาํ โครงการฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ เพอ่ื ทต่ี อ้ งการทจ่ี ะถา่ ยทอดความรู้ ในดา้ นการออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ใหก้ บั ผเู้ ขา้ รบัการฝึกอบรม โดยมกี ารฝึกอบรมแบบทฤษฎสี ถานทฝ่ี ึกอบรม วทิ ยาลยั เทคนิคอา่ งทอง จงั หวดัอา่ งทอง 2.2.2 จดั หาสงิ่ อาํ นวยความสะดวกในการจดั ฝึกอบรม ในดา้ นของสถานท่ีฝึกอบรมผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรม เครอ่ื งมอื อุปกรณ์ในการฝึกอบรมและเอกสารประกอบการฝึกอบรมโดยมรี ายละเอยี ดดงั น้ี 2.2.2.1 สถานทฝ่ี ึกอบรม วทิ ยาลยั เทคนิคอ่างทอง จงั หวดั อา่ งทอง การฝึกอบรมภาคทฤษฎี ใชห้ อ้ งเรยี น 101 อาคารชา่ งกลโรงงาน แผนกแมพ่ มิ พว์ ทิ ยาลยั เทคนิคอา่ งทอง จงั หวดั อา่ งทอง 2.2.2.2 แมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ และคอมพวิ เตอรใ์ นการออกแบบแมพ่ มิ พ์เอกสารประกอบการฝึกอบรม เป็นเอกสารทท่ี างวทิ ยากรเป็นผจู้ ดั ทาํ ใหเ้ พยี งพอต่อผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมเคร่ืองมอื ในการรวบรวมข้อมลู เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการรวบรวมขอ้ มลู มรี ายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี

112 1. แบบทดสอบความรกู้ ารออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ตโิ ดยใชท้ ดสอบกบั ผู้เขา้ รบั การฝึกอบรมระหวา่ งการฝึกอบรม หลงั การฝึกอบรม โดยมกี ารสรา้ งและตรวจสอบประสทิ ธภิ าพ ดงั น้ี 1.1 ศกึ ษาวธิ กี ารสรา้ งแบบสอบทดสอบจากเอกสาร ตาํ ราและงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบัการรวบรวมขอ้ มลู และประเมนิ ผลสาํ หรบั การวจิ ยั 1.2 สรา้ งแบบทดสอบความรใู้ นการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ โดยเป็นแบบทดสอบ 4 ตวั เลอื ก โดยใหเ้ ลอื กตอบ ถกู ได้ 1 คะแนน ผดิ ไมไ่ ดค้ ะแนน 1.3 นําแบบทดสอบทส่ี รา้ งเสรจ็ แลว้ เสนอต่อประธานกรรมการควบคมุ และกรรมการควบคุม เพอ่ื ตรวจสอบและปรบั ปรุงแกไ้ ข 1.4 นําแบบทดสอบทแ่ี กไ้ ขปรบั ปรุงเสนอต่อผเู้ ชย่ี วชาญ ตรวจสอบจาํ นวน 5 คน มีคณุ สมบตั ดิ งั น้ี 1.4.1 มคี ณุ วฒุ ไิ มต่ ่ํากวา่ ปรญิ ญาตรี ทางดา้ นวทิ ยาศาสตรห์ รอื วศิ วกรรมศาสตร์ 1.4.2 มปี ระสบการณ์ทางการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ 5 ปี หรอืดา้ นการฝึกอบรมอยา่ งน้อย 3 ปี 1.5 นําแบบทดสอบความรกู้ ารออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ในระหวา่ งและหลงั การฝึกอบรมในแตล่ ะสว่ นของเน้อื หาในหลกั สตู รทไ่ี ดป้ รบั ปรงุ แกไ้ ขแลว้ ไปทดสอบ (Try out)กบั ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมทไ่ี มใ่ ช่กลมุ่ ตวั อยา่ งจาํ นวน 12 คนเพอ่ื หาความเชอ่ื มนั่ ของแบบทดสอบโดยใชส้ ตู รคเู ดอร-์ รชิ ารด์ สนั -20 (KR-20) ผลทไ่ี ดจ้ ากการทดลองในสว่ นท่ี 1ไดค้ า่ ความเชอ่ื มนั่ เท่ากบั0.81 แสดงวา่ แบบทดสอบมคี วามสอดคลอ้ ง สว่ นท่ี 2 ไดค้ า่ ความเชอ่ื มนั่ เทา่ กบั 0.82 แสดงวา่แบบทดสอบมคี วามสอดคลอ้ งสว่ นท่ี 3 ไดค้ า่ ความเชอ่ื มนั่ เทา่ กบั 0.80 แสดงวา่ แบบทดสอบมคี วามสอดคลอ้ งสว่ นท่ี 4 ไดค้ า่ ความเชอ่ื มนั่ เทา่ กบั 0.80 แสดงวา่ แบบทดสอบมคี วามสอดคลอ้ ง 1.6 นําแบบทดสอบความรู้ ความเขา้ ใจในการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิในระหวา่ งและหลงั การฝึกอบรมในแต่ละสว่ นของเน้ือหาในหลกั สตู รทไ่ี ดป้ รบั ปรงุ แกไ้ ขแลว้ ไปทดสอบ (Try out) กบั ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมทไ่ี มใ่ ชก่ ลุ่มตวั อยา่ งจาํ นวน 9 คนเพอ่ื หาคา่ ความยากงา่ ยเพอ่ื นําไปปรบั ปรงุ แกไ้ ขแบบทดสอบโดยขอ้ ทม่ี คี วามงา่ ย p เทา่ กบั 1 และมคี า่ ความยาก qเทา่ กบั 0 มาปรบั ปรุงคาํ ถามคาํ ตอบใหม้ คี วามชดั เจน เพอ่ื นําแบบทดสอบฉบบั สมบรู ณ์ไปเกบ็ ขอ้ มลูในการวจิ ยั ครงั้ น้ี 1.7 ลกั ษณะของแบบทดสอบความรกู้ ารออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ในระหว่างและหลงั การฝึกอบรมในแตล่ ะสว่ นของเน้ือหาในหลกั สตู ร มลี กั ษณะของแบบทดสอบทใ่ี ชใ้ นการเลอื กตอบ (Multiple choice) 4 ตวั เลอื กมคี าํ ถามในแต่ละสว่ นของเน้ือหาจาํ นวนขอ้ 10 ขอ้ และ16 ขอ้ ขอ้ ละ 1 คะแนน ทดสอบความรคู้ วามเขา้ ใจในการการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ โดยแบง่ ได้ 4 ระดบั ดงั น้ี 1.7.1 ในสว่ นท่ี 1 (ระหว่างฝึกอบรม1) มี 10 ขอ้ คะแนน 8.00 ขน้ึ ไป หมายถงึ มคี วามรดู้ มี าก

113 คะแนน 7.00 - 7.99 หมายถงึ มคี วามรดู้ ี คะแนน 6.00 - 6.99 หมายถงึ มคี วามรพู้ อใช้ คะแนน 5.99 ลงมา หมายถงึ มคี วามรนู้ ้อย1.7.2 ในสว่ นท่ี 1 (ระหวา่ งฝึกอบรม2) 16 ขอ้ คะแนน 12.80 ขน้ึ ไป หมายถงึ มคี วามรดู้ มี าก คะแนน 11.20 - 12.79 หมายถงึ มคี วามรดู้ ี คะแนน 9.60 - 11.19 หมายถงึ มคี วามรพู้ อใช้ คะแนน 9.59 ลงมา หมายถงึ ความรนู้ ้อย1.7.3 ในสว่ นท่ี 2 (หลงั ฝึกอบรม1) 10 ขอ้ คะแนน 8.00 ขน้ึ ไป หมายถงึ มคี วามรดู้ มี าก คะแนน 7.00 - 7.99 หมายถงึ มคี วามรดู้ ี คะแนน 6.00 - 6.99 หมายถงึ มคี วามรพู้ อใช้ คะแนน 5.99 ลงมา หมายถงึ มคี วามรนู้ ้อย1.7.4 ในสว่ นท่ี 2 (หลงั ฝึกอบรม2) 16 ขอ้ คะแนน 12.80 ขน้ึ ไป หมายถงึ มคี วามรดู้ มี าก คะแนน 11.20 - 12.79 หมายถงึ มคี วามรดู้ ี คะแนน 9.60 - 11.19 หมายถงึ มคี วามรพู้ อใช้ คะแนน 9.59 ลงมา หมายถงึ มคี วามรนู้ ้อยการดาํ เนิ นการฝึ กอบรม ไดด้ าํ เนินการฝึกอบรมโดยมใี นรายละเอยี ดดงั น้ี 1. วธิ ดี าํ เนินการทดลองไดใ้ ชแ้ บบแผนการทดลองชนดิ การวจิ ยั เชงิ ทดลอง(Experimental Research) แบบกลมุ่ เดยี วสอบก่อนและสอบหลงั (One-Group Pretest Posttestonly Design) E X T1 T2E แทน กลุม่ ทดลองในทน่ี ้ีเป็นผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมในหลกั สตู รการออกแบบและ สรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิX แทน หลกั สตู รการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิT1 แทน การทดสอบความรใู้ นการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ระหวา่ ง การฝึกอบรมT2 แทน การทดสอบความรใู้ นการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ หลงั การ ฝึกอบรม

114 2. ขนั้ ตอนในการดาํ เนินการฝึกอบรมมดี งั น้ี 2.1 ลงทะเบยี นผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมทุกคน 2.2 ทาํ การฝึกอบรมโดยดาํ เนินการสอนในหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ทส่ี รา้ งขน้ึ โดยผวู้ จิ ยั และผวู้ จิ ยั เป็นผดู้ าํ เนินการสอนรว่ มกบั วทิ ยากร โดยมีรายละเอยี ดดงั น้ี 2.2.1 ในการสอนใชร้ ะยะเวลา 2 วนั วนั ละ 8 ชวั่ โมงรวมพกั กลางวนั 2.2.2 ในระหวา่ งการฝึกอบรม ใหผ้ เู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมทาํ แบบทดสอบเพอ่ืประเมนิ ความกา้ วหน้าในการฝึกอบรมในหลกั สตู รการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ทาํการทดสอบความรใู้ นดา้ นการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ของผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรม เพอ่ืวดั ความรหู้ ลงั จากผา่ นการ ฝึกอบรมหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิในวนั ท่ี 27 มกราคม 2549 ทาํ การปิดการฝึกอบรมวนั ท่ี 28 มกราคม 2549 2.3 ทาํ การปิดการฝึกอบรมการวิเคราะหข์ ้อมลู1. การจดั กระทาํ ขอ้ มลูการตรวจสอบความถกู ตอ้ งของการตอบแบบทดสอบจากทงั้ หมด 4 ฉบบั คดั เลอื กทม่ี ีความสมบรู ณ์ไวเ้ พอ่ื ทาํ การวเิ คราะหไ์ ดจ้ าํ นวน 4 ฉบบั คดิ เป็นรอ้ ยละ 1002. การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ทร่ี วบรวมไดจ้ ะนํามาวเิ คราะหโ์ ดยใชโ้ ปรแกรม SPSS/PC(Statistical Package for Social Science) ดงั น้ี3. การศกึ ษาความรแู้ ละทกั ษะของผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมหลงั ผา่ นการฝึกอบรมหลกั สตู รการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ทาํ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ดงั น้ีหาประสทิ ธภิ าพของหลกั สตู รฝึกอบรม โดยทาํ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ดว้ ยเทคนิค 80/804. สถติ ทิ ใ่ี ชว้ เิ คราะหข์ อ้ มลู มดี งั น้ี4.1 สถติ ทิ ใ่ี ชใ้ นการตรวจสอบคณุ ภาพแบบทดสอบวดั ดา้ นความรู้4.1.1 หาคา่ ระดบั ความยากงา่ ยและคา่ อาํ นาจจาํ แนก ในแบบทดสอบวดั ดา้ นความรู้ (พวงรตั น์ ทวรี ตั น์. (2540). หน้า 129-130) P= R Ν r = Ru − Re N 2เมอ่ื P แทน คา่ ความยากของคาํ ถามแตล่ ะขอ้ R แทน จาํ นวนผตู้ อบถูกในแตข่ อ้ N แทน จาํ นวนผเู้ ขา้ สอบทงั้ หมด

115 r แทน คา่ อาํ นาจจาํ แนกเป็นรายขอ้ Ru แทน จาํ นวนผทู้ ต่ี อบถกู ในขอ้ นนั้ ในกลมุ่ เกง่ Re แทน จาํ นวนผทู้ ต่ี อบถกู ในขอ้ นนั้ ในกลุม่ ออ่ น N แทน จาํ นวนคนในกลมุ่ ตวั อยา่ งทงั้ หมด 4.1.2 หาคา่ ความเชอ่ื มนั่ แบบองิ กลุม่ ของแบบทดสอบวดั ดา้ นความรขู้ องผเู้ ขา้รบั การฝึกอบรม โดยใชส้ ตู รของคเู ดอร-์ รชิ ารด์ สนั -20 (พวงรตั น์ ทวรี ตั น์. (2540). หน้า 123)∑rtt = n ⎡ − pq ⎤ − ⎢1 ⎥ n 1 ⎣ S2t ⎦เมอ่ื rtt แทน ความเชอ่ื มนั่ ของแบบทดสอบ n แทน จาํ นวนขอ้ p แทน สดั สว่ นของคนทาํ ถกู ในแต่ละขอ้ q แทน สดั สว่ นของคนทาํ ผดิ ในแตล่ ะขอ้ = 1-p S2t แทน คา่ ความแปรปรวนของคะแนนทงั้ ฉบบั5. สถติ ทิ ใ่ี ชห้ าประสทิ ธภิ าพของหลกั สตู รฝึกอบรมE1 = ∑ X/N × 100 AE2 = ∑ F/N × 100 Bเมอ่ื E1 แทน ประสทิ ธภิ าพของหลกั สตู รฝึกอบรมในระหวา่ งฝึกอบรมคดิ เป็น เปอรเ์ ซน็ ต์ (%) ไดจ้ ากการทาํ แบบทดสอบ E2 แทน ประสทิ ธภิ าพของหลกั สตู ร (พฤตกิ รรมทเ่ี ปลย่ี นในตวั ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมหลงั การฝึกอบรม) คดิ เป็นเปอรเ์ ซน็ ต์ (%) ไดจ้ าก การทาํ แบบทดสอบ ∑X แทน คะแนนรวมของผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมจากแบบฝึกหดั ∑F แทน คะแนนรวมของผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมจากการทาํ แบบทดสอบวดั ความรใู้ นหลกั สตู รฝึกอบรม N แทน จาํ นวนผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรม A แทน คะแนนเตม็ ของแบบฝึกหดั B แทน คะแนนเตม็ ของแบบทดสอบ

1166. สถติ ทิ ใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะหผ์ ลการทดลอง (พวงรตั น์ ทวรี ตั น์. (2540). หน้า 137)6.1 การคาํ นวณหาคา่ คะแนนเฉลย่ี N ∑ Xi i =1X= n เมอ่ื X แทน มชั ฌมิ เลขคณติ ของกลุม่ ตวั อยา่ ง n แทน จาํ นวนคนของกลุม่ ตวั อยา่ ง x แทน คะแนนแตล่ ะตวั 6.2 การคาํ นวณหาคา่ สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน (พวงรตั น์ ทวรี ตั น์. (2540). หน้า143)S= n ∑ X 2 − ( ∑ X) 2 n(n − 1) เมอ่ื S แทน สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานของกลมุ่ ตวั อยา่ ง (SD) x แทน ขอ้ มูลแต่ละจาํ นวน x แทน คา่ เฉลย่ี เลขคณติ ของกลมุ่ ตวั อยา่ ง f แทน ความถ่ี 6.3 การคาํ นวณหาคา่ ความแปรปรวนของคะแนน (พวงรตั น์ ทวรี ตั น์. (2540). หน้า142) S2 = n∑ X2 − (∑ X)2 n(n − 1) เมอ่ื S2 แทน ความแปรปรวนของคะแนน (∑ X)2 แทน ผลรวมของคะแนนทงั้ หมดยกกาํ ลงั สอง ∑ X2 แทน ผลรวมของคะแนนแตล่ ะขอ้ ยกกาํ ลงั สอง n แทน จาํ นวนผเู้ รยี นทงั้ หมด 6.4 การคาํ นวณหาคา่ ความเช่อื มนั่ แบบองิ กลมุ่ ของแบบทดสอบวดั ดา้ นความรคู้ วามเขา้ ใจของผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรม โดยใชส้ ตู รของคเู ดอร-์ รชิ ารค์ สนั -20 (พวงรตั น์ ทวรี ตั น์. (2540).หน้า 123)∑rtt = n ⎢⎡1 − pq ⎤ − ⎢⎣ ⎥ n 1 S 2 ⎦⎥ t

117เมอ่ื rtt แทน ความเชอ่ื มนั่ ของแบบทดสอบ n แทน จาํ นวนขอ้ p แทน สดั สว่ นของคนทาํ ถกู ในแต่ละขอ้ q แทน สดั สว่ นของคนทาํ ผดิ ในแต่ละขอ้ = 1-p S 2 แทน คา่ ความแปรปรวนของคะแนนทงั้ ฉบบั tคา่ ความเชอ่ื มนั่ ของแบบทดสอบในดา้ นพลาสตกิ และการออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิระหว่างฝึกอบรมและหลงั การฝึกอบรมในขนั้ ตอนการ (Try out) วเิ คราะหไ์ ดผ้ ลดงั ตาราง 7ตาราง 7 ผลการวเิ คราะหค์ า่ ความเชอ่ื มนั่ ของแบบทดสอบในดา้ นพลาสตกิ และการออกแบบแมพ่ มิ พ์ ฉีดพลาสตกิ ระหวา่ งฝึกอบรมและหลงั การฝึกอบรมในขนั้ ตอนการ Try out ในระหว่างฝึก จาํ นวน จาํ นวนขอ้ ท่ี จาํ นวนขอ้ ท่ี คา่ ความ ผลการวเิ คราะห์ อบรมสว่ นท่ี / เชอ่ื มนั่ หลงั เสรจ็ สน้ิ การ ขอ้ ทงั้ หมด ยาก งา่ ย มคี วามสอดคลอ้ ง 81.77 ภายใน ฝึกอบรม (p=1.00) (q=0.00)ความรพู้ น้ื ฐานดา้ น 10 4 3พลาสตกิ ระหวา่ ง ฝึกอบรมความรพู้ น้ื ฐานดา้ น 16 4 4 82.15 มคี วามสอดคลอ้ งออกแบบระหว่าง ภายใน ฝึกอบรมความรพู้ น้ื ฐานดา้ น 10 1 - 81.74 มคี วามสอดคลอ้ ง พลาสตกิ หลงั ภายใน ฝึกอบรมความรพู้ น้ื ฐานดา้ น 16 3 3 80.48 มคี วามสอดคลอ้ ง ออกแบบหลงั ภายใน ฝึกอบรมหลงั เสรจ็ สน้ิ การ 52 - - 85.89 มคี วามสอดคลอ้ ง ฝึกอบรม ภายใน

118 ในระหวา่ งฝึกอบรมจบในสว่ นท่ี 1 ไดค้ า่ ความเชอ่ื มนั่ 0.81 แสดงวา่ มคี วามสอดคลอ้ งภายใน ในระหว่างฝึกอบรมจบในสว่ นท่ี 2 ไดค้ า่ ความเชอ่ื มนั่ 0.82 แสดงวา่ มคี วามสอดคลอ้ งภายใน หลงั ฝึกอบรมจบในสว่ นท่ี 1 ไดค้ า่ ความเชอ่ื มนั่ 0.81 แสดงวา่ มคี วามสอดคลอ้ งภายใน หลงั ฝึกอบรมจบในสว่ นท่ี 2 ไดค้ า่ ความเชอ่ื มนั่ 0.80 แสดงวา่ มคี วามสอดคลอ้ งภายใน หลงั เสรจ็ สน้ิ การฝึกอบรม ไดค้ า่ ความเชอ่ื มนั่ 0.85 แสดงวา่ มคี วามสอดคลอ้ งภายใน ในการวดั คา่ ความเชอ่ื มนั่ ของแบบทดสอบแบบองิ กลุม่ ของแบบทดสอบวดั ดา้ นความรคู้ วามเขา้ ใจของผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรม โดยเป็นการหาคา่ ความสอดคลอ้ งภายในทม่ี คี วามเหมาะสม โดยผลของความเชอ่ื มนั ่ (rtt) ของแบบทดสอบระหวา่ งฝึกอบรมในสว่ นท่ี 1 เรอ่ื ง พน้ื ฐานดา้ นพลาสตกิ ทท่ี ดสอบกบั ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมจาํ นวน 12 คน มคี า่ ความเชอ่ื มนั่ เทา่ กบั 0.81 ในการวดั คา่ ความเช่อื มนั่ ของแบบทดสอบแบบองิ กลุ่มของแบบทดสอบวดั ดา้ นความรคู้ วามเขา้ ใจของผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรม โดยเป็นการหาคา่ ความสอดคลอ้ งภายในทม่ี คี วามเหมาะสม โดยผลของความเชอ่ื มนั ่ (rtt) ของแบบทดสอบระหวา่ งฝึกอบรมในสว่ นท่ี 2 เรอ่ื ง การออกแบบแมพ่ มิ พท์ ท่ี ดสอบกบั ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมจาํ นวน 12 คน มคี า่ ความเชอ่ื มนั่ เทา่ กบั 0.82 ในการวดั คา่ ความเชอ่ื มนั่ ของแบบทดสอบแบบองิ กลุม่ ของแบบทดสอบวดั ดา้ นความรคู้ วามเขา้ ใจของผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรม โดยเป็นการหาคา่ ความสอดคลอ้ งภายในทม่ี คี วามเหมาะสม โดยผลของความเชอ่ื มนั ่ (rtt) ของแบบทดสอบหลงั ฝึกอบรมในสว่ นท่ี 1 เรอ่ื ง พน้ื ฐานดา้ นพลาสตกิ ทท่ี ดสอบกบั ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมจาํ นวน 12 คน มคี า่ ความเชอ่ื มนั่ เทา่ กบั 0.81 ในการวดั คา่ ความเชอ่ื มนั่ ของแบบทดสอบแบบองิ กลุ่มของแบบทดสอบวดั ดา้ นความรคู้ วามเขา้ ใจของผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรม โดยเป็นการหาคา่ ความสอดคลอ้ งภายในทม่ี คี วามเหมาะสม โดยผลของความเชอ่ื มนั ่ (rtt) ของแบบทดสอบหลงั ฝึกอบรมในสว่ นท่ี 2 เรอ่ื ง การออกแบบแมพ่ มิ พท์ ท่ี ดสอบกบั ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมจาํ นวน 12 คน มคี า่ ความเชอ่ื มนั่ เทา่ กบั 0.80 ในการวดั คา่ ความเชอ่ื มนั่ ของแบบทดสอบแบบองิ กลุม่ ของแบบทดสอบวดั ดา้ นความรคู้ วามเขา้ ใจของผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรม โดยเป็นการหาคา่ ความสอดคลอ้ งภายในทม่ี คี วามเหมาะสม โดยผลของความเช่อื มนั ่ (rtt) ของแบบทดสอบหลงั เสรจ็ สน้ิ การฝึกอบรมทท่ี ดสอบกบั ผเู้ ขา้รบั การฝึกอบรมจาํ นวน 12 คน มคี า่ ความเชอ่ื มนั่ เทา่ กบั 0.85 6.5 การคาํ นวณหาคา่ ระดบั ความยากงา่ ยและคา่ อาํ นาจจาํ แนก ในแบบทดสอบวดั ดา้ นความรู้ (พวงรตั น์ ทวรี ตั น์. (2540). หน้า 129-130) P= R Ν

119 r = Ru − Re N 2 เมอ่ื P แทน คา่ ความยากของคาํ ถามแตล่ ะขอ้ R แทน จาํ นวนผตู้ อบถูกในแต่ขอ้ N แทน จาํ นวนผเู้ ขา้ สอบทงั้ หมด r แทน คา่ อาํ นาจจาํ แนกเป็นรายขอ้ Ru แทน จาํ นวนผทู้ ต่ี อบถกู ในขอ้ นนั้ ในกลมุ่ เก่ง Re แทน จาํ นวนผทู้ ต่ี อบถกู ในขอ้ นนั้ ในกลุม่ อ่อน N แทน จาํ นวนคนในกลมุ่ ตวั อยา่ งทงั้ หมด ผลการวเิ คราะหห์ าคา่ อาํ นาจอาํ นาจจาํ แนก(r) และคา่ ความยากงา่ ย (P) ของแบบทดสอบแสดงดงั ตาราง 8 ถงึ 11ตาราง 8 แสดงคา่ อาํ นาจจาํ แนก(r) และคา่ ความยากงา่ ย (P) ของแบบทดสอบระหวา่ งฝึกอบรมใน สว่ นท่ี 1 เรอ่ื งพน้ื ฐานดา้ นพลาสตกิ ทท่ี ดสอบกบั ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมจาํ นวน 12 คนข้อที่ จํานวน จาํ นวนคน คา่ ความ คา่ ความ คา่ จาํ นวนผทู้ ่ี คา่ ความคนท่ีตอบ ทต่ี อบถกู ยากงา่ ยใน ยากงา่ ยใน อาํ นาจ ตอบถกู ในแต่ ยากงา่ ยถกู ใน ในกลมุ่ ต่ํา กลุ่มสงู กลุ่มต่าํ จาํ แนก ละขอ้ (P)กลมุ่ สงู (U) (L) (r) (R)12 1 0.66 0.33 0.33 3 0.5022 1 0.66 0.33 0.33 3 0.5033 2 1.00 0.66 0.33 5 0.8343 1 1.00 0.33 0.67 4 0.6753 2 1.00 0.66 0.33 5 0.8363 2 1.00 0.66 0.33 5 0.83 72 1 0.66 0.33 0.33 3 0.50 83 2 1.00 0.66 0.33 5 0.83 93 1 1.00 0.33 0.67 4 0.67 10 3 1 1.00 0.33 0.67 4 0.67รวม 6.83เฉลย่ี 4.33 0.68 0.43

120 ขอ้ สอบทม่ี คี า่ อาํ นาจจาํ แนกอยรู่ ะหวา่ ง 0.2 – 1.0 ถอื วา่ เป็นขอ้ สอบทม่ี ีความสามารถจาํ แนกผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมทร่ี -ู้ ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมทไ่ี มร่ ไู้ ดด้ แี ละขอ้ สอบมคี า่ ความยากงา่ ยอยรู่ ะหวา่ ง 0.2 - 0.8 ถอื วา่ เป็นขอ้ สอบทม่ี คี วามยากงา่ ยทม่ี คี วามเหมาะสม โดยผลของคา่อาํ นาจจาํ แนกของแบบทดสอบระหว่างฝึกอบรมในสว่ นท1่ี มคี า่ อยรู่ ะหวา่ ง 0.33 - 0.67 โดยมีคา่ เฉลย่ี เทา่ กบั 0.43 และคา่ ความยากงา่ ยมคี า่ อยรู่ ะหวา่ ง 0.50 - 0.83 โดยมคี า่ เฉลย่ี เทา่ กบั 0.68ตาราง 9 แสดงคา่ อาํ นาจจาํ แนก(r) และคา่ ความยากงา่ ย (P) ของแบบทดสอบระหวา่ งฝึกอบรมใน สว่ นท่ี 2 เรอ่ื งการออกแบบแมพ่ มิ พท์ ท่ี ดสอบกบั ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมจาํ นวน 12 คนข้อท่ี จํานวนคน จาํ นวน คา่ ความ คา่ ความ คา่ อาํ นาจ จาํ นวนผทู้ ่ี คา่ที่ตอบถกู คนทต่ี อบ ยากงา่ ยใน ยากงา่ ยใน จาํ แนก ตอบถกู ใน ความในกลมุ่ สงู ถกู ใน กลุม่ สงู กลุ่มต่ํา (r) แตล่ ะขอ้ ยากงา่ ย กลุ่มต่าํ (U) (L) (R) (P)13 2 1.00 0.66 0.33 5 0.8323 2 1.00 0.66 0.33 5 0.8332 1 0.66 0.33 0.33 3 0.5043 2 1.00 0.66 0.33 5 0.8353 2 1.00 0.66 0.33 5 0.8363 1 1.00 0.33 0.67 4 0.6771 0 0.33 0.00 0.33 1 0.2083 1 1.00 0.33 0.67 4 0.6793 1 1.00 0.33 0.67 4 0.6710 2 1 0.66 0.33 0.33 3 0.5011 1 0 0.33 0.00 0.67 1 0.2012 3 2 1.00 0.66 0.67 5 0.8313 3 2 1.00 0.66 0.33 5 0.8314 2 1 0.66 0.33 0.33 3 0.5015 2 0 0.66 0.00 0.67 2 0.3316 2 1 0.66 0.33 0.33 3 0.50รวม 7.50 9.72เฉลย่ี 0.47 0.61

121 ขอ้ สอบทม่ี คี า่ อาํ นาจจาํ แนกอยรู่ ะหวา่ ง 0.2 - 1.0 ถอื วา่ เป็นขอ้ สอบทม่ี ีความสามารถจาํ แนกผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมทร่ี -ู้ ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมทไ่ี มร่ ไู้ ดด้ แี ละขอ้ สอบมคี า่ ความยากงา่ ยอยรู่ ะหวา่ ง 0.2 - 0.8 ถอื วา่ เป็นขอ้ สอบทม่ี คี วามยากงา่ ยทม่ี คี วามเหมาะสม โดยผลของคา่อาํ นาจจาํ แนกของแบบทดสอบระหว่างฝึกอบรมในสว่ นท2่ี มคี า่ อยรู่ ะหวา่ ง 0.33 - 0.67 โดยมีคา่ เฉลย่ี เทา่ กบั 0.47 และคา่ ความยากงา่ ยมคี า่ อยรู่ ะหวา่ ง 0.20 - 0.83 โดยมคี า่ เฉลย่ี เทา่ กบั 0.61ตาราง 10 แสดงค่าอาํ นาจจาํ แนก (r) และคา่ ความยากงา่ ย (P) ของแบบทดสอบหลงั ฝึกอบรมใน สว่ นท่ี 1 เรอ่ื งพน้ื ฐานดา้ นพลาสตกิ ทท่ี ดสอบกบั ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมจาํ นวน 12 คนข้อที่ จํานวนคน จาํ นวนคน คา่ ความ คา่ ความ คา่ อาํ นาจ จาํ นวนผทู้ ่ี คา่ ความ ที่ตอบถกู ทต่ี อบถกู ยากงา่ ยใน ยากงา่ ยใน จาํ แนก ตอบถกู ใน ยากงา่ ย ในกลมุ่ สงู ในกลมุ่ ต่ํา กลุม่ สงู กลุม่ ต่าํ แตล่ ะขอ้ (r) (P) 13 2 (U) (L) (R) 22 1 0.33 0.83 32 0 1.00 0.66 0.33 5 0.50 42 1 0.66 0.33 0.67 3 0.33 52 1 0.66 0.00 0.33 2 0.50 62 0 0.66 0.33 0.33 3 0.50 72 0 0.66 0.33 0.67 3 0.33 83 0 0.66 0.00 0.67 2 0.33 92 0 0.66 0.00 0.67 2 0.67 10 2 0 1.00 0.00 0.67 3 0.33รวม 0.66 0.00 0.67 2 0.33เฉลย่ี 0.66 0.00 5.34 2 4.65 0.53 0.47 ขอ้ สอบทม่ี คี า่ อาํ นาจจาํ แนกอยรู่ ะหวา่ ง 0.2 – 1.0 ถอื วา่ เป็นขอ้ สอบทม่ี ีความสามารถจาํ แนกผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมทร่ี -ู้ ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมทไ่ี มร่ ไู้ ดด้ แี ละขอ้ สอบมคี า่ ความยากงา่ ยอยรู่ ะหวา่ ง 0.2 - 0.8 ถอื วา่ เป็นขอ้ สอบทม่ี คี วามยากงา่ ยทม่ี คี วามเหมาะสม โดยผลของคา่อาํ นาจจาํ แนกของแบบทดสอบหลงั ฝึกอบรมในสว่ นท1่ี มคี า่ อยรู่ ะหวา่ ง 0.33 - 0.67 โดยมคี า่ เฉลย่ีเท่ากบั 0.53และคา่ ความยากงา่ ยมคี ่าอยรู่ ะหว่าง 0.33 - 0.83 โดยมคี า่ เฉลย่ี เทา่ กบั 0.47

122ตาราง 11 แสดงคา่ อาํ นาจจาํ แนก(r) และคา่ ความยากงา่ ย (P) ของแบบทดสอบหลงั ฝึกอบรมในสว่ น ท่ี 2 เรอ่ื งการออกแบบแมพ่ มิ พท์ ท่ี ดสอบกบั ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมจาํ นวน 12 คนข้อที่ จํานวน จาํ นวนคน คา่ ความ คา่ ความ คา่ จาํ นวนผทู้ ่ี คา่ ความ คนที่ตอบ ทต่ี อบถกู ยากงา่ ยใน ยากงา่ ยใน อาํ นาจ ตอบถกู ใน ยากงา่ ย ถกู ใน ในกลุม่ ต่าํ กลุ่มสงู กลุ่มต่าํ จาํ แนก แต่ละขอ้ กลมุ่ สงู (U) (P) (L) (r) (R) 1 2 1 0.66 0.33 2 3 1 1.00 0.33 0.33 4 0.67 3 3 1 1.00 0.33 0.33 4 0.67 4 3 2 1.00 0.33 0.33 4 0.33 5 3 1 1.00 0.66 0.33 5 0.33 6 2 1 0.66 0.33 0.33 4 0.33 7 2 2 0.66 0.33 0.67 3 0.33 8 3 2 1.00 0.66 0.33 3 0.33 9 3 2 1.00 0.66 0.67 5 0.33 10 3 1 1.00 0.66 0.67 3 0.33 11 2 1 0.66 0.33 0.33 4 0.33 12 2 1 0.66 0.33 0.67 3 0.33 13 3 1 1.00 0.33 0.67 3 0.67 14 3 2 1.00 0.33 0.33 4 0.33 15 3 2 1.00 0.66 0.33 5 0.33 16 2 0 0.66 0.66 0.67 5 0.67รวม 0.00 0.33 2 6.64เฉลย่ี 7.32 0.42 0.46 ขอ้ สอบทม่ี คี า่ อาํ นาจจาํ แนกอยรู่ ะหวา่ ง 0.2 – 1.0 ถอื วา่ เป็นขอ้ สอบทม่ี ีความสามารถจาํ แนกผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมทร่ี -ู้ ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมทไ่ี มร่ ไู้ ดด้ แี ละขอ้ สอบมคี า่ ความยากงา่ ยอยรู่ ะหวา่ ง 0.2 - 0.8 ถอื วา่ เป็นขอ้ สอบทม่ี คี วามยากงา่ ยทม่ี คี วามเหมาะสม โดยผลของคา่อาํ นาจจาํ แนกของแบบทดสอบหลงั ฝึกอบรมในในสว่ นท่ี 2 มคี า่ อยใู่ นระดบั 0.33 - 0.67 โดยมีคา่ เฉลย่ี เทา่ กบั 0.46 และคา่ ความยากงา่ ยมคี า่ อยรู่ ะหว่าง 0.33 - 0.67 โดยมคี า่ เฉลย่ี เทา่ กบั 0.42

123 6.6 ผลการประเมนิ เน้ือหาและแบบทดสอบการฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ โดยผเู้ ชย่ี วชาญ 5 ทา่ นไดผ้ ลดงั ตาราง 13 ถงึ 17 ในบทท่ี 4ตาราง 12 ผลการประเมนิ ความเทย่ี งตรงดา้ นเน้ือหาในเอกสารหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและ สรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ขอ้ รายการเน้ือหาตามหลกั สตู ร ดชั นีความคาํ ถาม เทย่ี งตรง ดา้ นเน้ือหา ด้านจดุ ประสงคใ์ นหลกั สตู รประกอบด้วยรายละเอียดดงั นี้ 0.80 0.801 มรี ายละเอยี ดทอ่ี ธบิ ายถงึ ความสาํ คญั พน้ื ฐานงานฉีดพลาสตกิ 1.002 มเี น้ือหาในความหมายประวตั คิ วามเป็นมาของพลาสตกิ 1.003 มเี น้ือหาในความหมายของเครอ่ื งฉดี พลาสตกิ 1.004 มเี น้ือหาทอ่ี ธบิ ายถงึ ธรรมชาตกิ ารไหลของน้ําพลาสตกิ 1.005 มเี น้ือหาทอ่ี ธบิ ายในเรอ่ื งทเ่ี กย่ี วกบั การเลอื กวสั ดุเหลก็ 0.606 มเี น้ือหาทอ่ี ธบิ ายในเรอ่ื งการเลอื กใชว้ สั ดุพลาสตกิ 1.007 มเี น้ือหาทอ่ี ธบิ ายถงึ ชนิดของวสั ดทุ ม่ี ใี ชท้ วั่ ไป 0.808 มเี น้ือหาทอ่ี ธบิ ายถงึ หลกั การการระบายอากาศในแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ 0.809 มเี น้ือหาทอ่ี ธบิ ายถงึ แมพ่ มิ พแ์ บบสองแผน่ 0.8010 มเี น้ือหาทอ่ี ธบิ ายถงึ แมพ่ มิ พแ์ บบสามแผน่ 1.0011 มเี น้ือหาทอ่ี ธบิ ายถงึ แมพ่ มิ พแ์ บบแยก 1.0012 มเี น้ือหาทอ่ี ธบิ ายถงึ การวเิ คราะหใ์ นการออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ 1.0013 มเี น้ือหาทอ่ี ธบิ ายถงึ การออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ 1.0014 มเี น้ือหาทอ่ี ธบิ ายถงึ วธิ กี ารการกําหนดโครงสรา้ งแมพ่ มิ พ์ 1.0015 มเี น้ือหาทอ่ี ธบิ ายถงึ วธิ กี ารปลดชน้ิ งาน 1.0016 มเี น้ือหาทอ่ี ธบิ ายถงึ การหลอ่ เยน็ แมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ 0.6017 มเี น้ือหาทอ่ี ธบิ ายถงึ การตรวจสอบชน้ิ สว่ นแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ 0.6018 มเี น้ือหาทอ่ี ธบิ ายถงึ การตรวจสอบแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ 1.0019 มเี น้ือหาทอ่ี ธบิ ายในเรอ่ื งการตรวจสอบความเสยี หายของแมพ่ มิ พ์20 มเี น้ือหาทอ่ี ธบิ ายถงึ การบาํ รงุ รกั ษาแมพ่ มิ พ์

124 บทที 4ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู หลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและการสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ได้นําเสนอตามลาํ ดบั ดงั นี 1. การพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและการสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ 2. การศกึ ษาประสทิ ธภิ าพของการพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและการสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิการพฒั นาหลกั สตู รฝึ กอบรมการออกแบบและการสรา้ งแม่พิมพฉ์ ีดพลาสติก การพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและการสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ สรา้ งจากเอกสารทว่ี า่ ดว้ ยการออกแบบและการสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ เอกสารทเ่ี กย่ี วกบั เนือหาการออกแบบ งานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งและจากการสอบถามความคดิ เหน็ จากผเู้ ชย่ี วชาญในดา้ นการออกแบบแลว้ นํามาเรยี บเรยี งเป็นหลกั สตู รฝึกอบรมารออกแบบและการสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสโดยมโี ครงสรา้ งของเนือหา ความรพู้ นื ฐานดา้ นพลาสตกิ เครอ่ื งฉดี พลาสตกิ แมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ การออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ การตรวจสอบแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ การบาํ รงุ รกั ษาแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ โดยในหลกั การพฒั นาหลกั สตู รอา้ งองิ จาก วชิ ยั วงษใ์ หญ.่ (2537). หน้า 19 – 21 แลว้ นํามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและการสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ไดด้ งั นี 1. วเิ คราะหภ์ าระงาน ความรู้ ทกั ษะและคณุ สมบตั ขิ องผอู้ อกแบบ โดยศกึ ษาจากสภาพการทาํ งานในดา้ นการออกแบบและจากเอกสารในหน้าทค่ี วามรบั ผดิ ชอบ 2. กาํ หนดวตั ถุประสงคข์ อบเขตเนือหาในหลกั สตู รฝึกอบรม โดยมรี ายละเอยี ดดงั นี คอืการศกึ ษาจากภาระงานความรู้ ทกั ษะ คณุ สมบตั ขิ องผทู้ ท่ี าํ หน้าท่ี นํามากาํ หนดเป็นวตั ถุประสงค์ของหลกั สตู ร 3. กาํ หนดโครงสรา้ งหลกั สตู รฝึกอบรม โดยเป็นการนําเนือหาวชิ าทต่ี อ้ งนํามาใชใ้ นการฝึกอบรมมาทาํ การจดั เป็นรายละเอยี ดของการฝึกอบรม ตามแตล่ าํ ดบั ของเนือหาการฝึกอบรมและจาํ นวน วนั เวลา ทจ่ี ะตอ้ งทาํ การฝึกอบรม 4. กาํ หนดรปู แบบการฝึกอบรมโดยเป็นการจดั การฝึกอบรม ใหเ้ หมาะสมกบั เนือหาการฝึกอบรม โดยเป็นการฝึกอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร 5. ออกแบบการฝึกอบรมการ ออกแบบและการสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ โดยในขนั ตอนนีจะเป็นการดาํ เนินการในการจดั ขนั ตอน ในการฝึกอบรม โดยมรี ายละเอยี ดดงั นี คอื 5.1 กําหนดวตั ถุประสงคข์ องการฝึกอบรม 5.2 จดั เนือหาการฝึกอบรม 5.3 จดั สอ่ื ทใ่ี ชใ้ นการฝึกอบรม

125 5.4 จดั การฝึกอบรมในทฤษฏี โดยให้ ใหม้ กี ารประเมนิ ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมในลกั ษณะของการประเมนิ กอ่ นและหลงั การฝึกอบรม 6. ตรวจสอบหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและการสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ โดยผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นการออกแบบและการพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรม 7. เรม่ิ ทาํ การฝึกอบรม ผลของการพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและการสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ไดท้ าํการทดสอบ (Try out) กบั ผเู้ ขา้ รบั การฝึกกอบรมทไ่ี มใ่ ชก่ ลมุ่ ตวั อยา่ งจาํ นวน 9 คน เพอ่ื หาคา่ ความเช่อื มนั่ (Reliability) ของแบบทดสอบโดยใชส้ ตู รคเู ดอร์ – รชิ ารดส์ นั - 20 (KR-20) คา่ อาํ นาจจาํ แนกและคา่ ความยากงา่ ย (พวงรตั น์ ทวรี ตั น์. (2543). หน้า 123) ของแบบทดสอบทางดา้ นความรใู้ นระหวา่ งทาํ การฝึกอบรม ในสว่ นท่ี 1 และ สว่ นท่ี 2 แบบทดสอบทางดา้ นความรหู้ ลงั เสรจ็ สนิ การฝึกอบรม ผลทไ่ี ดจ้ ากการพฒั นาหลกั สตู รดงั นคี อื คา่ ความเช่อื มนั่ (Reliability) ของแบบทดสอบในสว่ นท่ี 1 ไดค้ า่ ความเชอ่ื มนั่ เทา่ กบั 0.81 แบบทดสอบในสว่ นท่ี 2 ไดค้ า่ ความเชอ่ื มนั่ เท่ากบั 0.82และแบบทดสอบหลงั เสรจ็ สนิ การฝึกอบรม แบบทดสอบในสว่ นท่ี 3 ไดค้ า่ ความเชอ่ื มนั่ เทา่ กบั 0.81แบบทดสอบในสว่ นท่ี 4 ไดค้ า่ ความเชอ่ื มนั่ เทา่ กบั 0.80 คา่ อาํ นาจจาํ แนกของแบบทดสอบทางดา้ นความรใู้ นระหวา่ งทาํ การฝึกอบรมในสว่ นท่ี 1 - 2 ไดค้ า่ อยรู่ ะหวา่ ง 0.33 - 0.67 ของแบบทดสอบทางดา้ นความรหู้ ลงั เสรจ็ สนิ การฝึกอบรมไดค้ า่ อยรู่ ะหว่าง 0.33 - 0.67 ความเทย่ี งตรงเชงิ เนือหาโดยพจิ ารณาจากผเู้ ชย่ี วชาญทงั 5 ทา่ นเพอ่ื ทาํ การประเมนิ ดา้ นเนือหาของหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและการสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิการศึกษาประสิทธิภาพของการพฒั นาหลกั สตู รฝึ กอบรมการออกแบบและสร้างแมพ่ ิมพฉ์ ีดพลาสติก จากการทดลองฝึกอบรม หลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและการสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ กบั ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรม จาํ นวน 12 คน โดยกลมุ่ ตวั อยา่ งตอ้ งเป็นผทู้ ก่ี าํ ลงั ศกึ ษาในสาขาแมพ่ มิ พร์ ะดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชพี ชนั สงู กลมุ่ ตวั อยา่ งตอ้ งมคี วามรทู้ างดา้ นแมพ่ มิ พห์ รอื พนื ฐานการออกแบบ กลุ่มตวั อยา่ งเป็น บุคคลทวั่ ไปทค่ี ณุ สมบตั ติ ามกลา่ วมาขา้ งตน้ มผี ลการวเิ คราะหใ์ นดา้ นความรู้ ในการออกแบบและการสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ดงั นี 1. เนื้อหาในส่วนที 1 ระหวา่ งฝึ กอบรม ประกอบด้วยเนื้อหา 2 หวั ข้อ ดงั นี้ 1.1ความรพู้ น้ื ฐานดา้ นงานฉีดพลาสตกิ ไดป้ ระสทิ ธภิ าพ 83.16 คะแนนเฉลย่ี 4.99 จากผลการทดสอบความรู้ หวั ขอ้ พน้ื ฐานดา้ นงานฉดี พลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ83.16 และคะแนนเฉลย่ี 4.99 ซง่ึ อยใู่ นเกณฑค์ วามรดู้ ี 1.2 ความรดู้ า้ นเครอ่ื งฉีด ไดค้ า่ ประสทิ ธิ 83.25

126 จากผลการทดสอบความรเู้ รอ่ื ง หวั ขอ้ ดา้ นเครอ่ื งฉีดพลาสตกิ ไดป้ ระสทิ ธภิ าพ83.25 และคะแนนเฉลย่ี 3.33 อยใู่ นเกณฑค์ วามรฉู้ ดี จากผลการทดสอบความรใู้ นสว่ นท่ี 1 ระหว่างฝึกอบรมในเรอ่ื งความรพู้ น้ื ฐานงานฉีดพลาสตกิ และเรอ่ื งความรดู้ า้ นเครอ่ื งฉีดในสว่ นท่ี 1 ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพรวม เท่ากบั 83.20 ซง่ึ เป็นคา่ ทส่ี อดคลอ้ งกบั เกณฑท์ ต่ี งั้ ไว้ คอื ผลของการทดสอบความรรู้ ะหวา่ งฝึกอบรม คา่ ประสทิ ธภิ าพทต่ี งั้ ไว้ 80 ผลทไ่ี ดห้ ลงั จากการทดสอบ ซง่ึ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 83.20 แสดงวา่ หลกั สตู รฝึกอบรมมีประสทิ ธภิ าพ 2. เนื้อหาในส่วนที 2 ระหวา่ งฝึ กอบรม ประกอบด้วยเนื้อหา 5 หวั ข้อ 2.1 แมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 81.75 คะแนนเฉลย่ี 3.27 จากผลการทดสอบความรรู้ ะหวา่ งการฝึกอบรม เรอ่ื งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ไดค้ า่ประสทิ ธภิ าพ 81.75 คะแนนเฉลย่ี 3.27 ดงั นนั้ จากผลการทดสอบสามารถ สรปุ ไดว้ ่า ผเู้ ขา้ ฝึกอบรมมคี วามรเู้ รอ่ื งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ อยใู่ นเกณฑท์ ด่ี ี 2.2 การออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 81.60 คะแนนเฉลย่ี 4.08 จากผลการทดสอบความรู้ ระหวา่ งการฝึกอบรม เรอ่ื งการออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ดีพลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 81.60 คะแนนเฉลย่ี 4.08 ดงั นนั้ จากผลการทดสอบสามารถสรปุ ไดว้ า่ผเู้ ขา้ ฝึกอบรมมคี วามรู้ เรอ่ื งการออกแบบ แมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ อยใู่ นเกณฑด์ ี 2.3 การตรวจสอบชน้ิ สว่ นแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 81.50 คะแนนเฉลย่ี 1.63 จากผลการทดสอบความรู้ ระหวา่ งฝึกอบรมเรอ่ื งการตรวจสอบชน้ิ สว่ นแมพ่ มิ พฉ์ ดีพลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 81.50 คะแนนเฉลย่ี 1.63 2.4 การตรวจสอบชน้ิ งานทท่ี าํ การฉดี เสรจ็ แลว้ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 81.66 คะแนนเฉลย่ี 2.45 จากผลการทดสอบความรู้ ระหวา่ งการฝึกอบรม เรอ่ื งการตรวจสอบชน้ิ งานทท่ี าํการฉดี เสรจ็ แลว้ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 81.66 คะแนนเฉลย่ี 2.45 ดงั นนั้ จากผลการทดสอบสามารถสรปุ ไดว้ า่ ผเู้ ขา้ ฝึกอบรมมคี วามรู้ หวั ขอ้ การตรวจสอบชน้ิ งานทท่ี าํ การฉดี เสรจ็ แลว้ อยใู่ นเกณฑด์ ี 2.5 การบาํ รุงรกั ษาแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 81.50 คะแนนเฉลย่ี 1.63 จากผลการทดสอบความรู้ ระหวา่ งฝึกอบรม หวั ขอ้ การบาํ รงุ รกั ษาแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 81.50 คะแนนเฉลย่ี 1.63 ดงั นนั้ จากผลการทดสอบระหวา่ งฝึกอบรมสามารถสรปุ ไดว้ า่ ผเู้ ขา้ ฝึกอบรม มคี วามรอู้ ยใู่ นเกณฑด์ ี จากผลการทดสอบความรใู้ นสว่ นท่ี 2 ระหว่างฝึกอบรมในเรอ่ื งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 81.75 คะแนนเฉลย่ี 3.27 การออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ81.60 คะแนนเฉลย่ี 4.08 การตรวจสอบชน้ิ สว่ นแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 81.50

127คะแนนเฉลย่ี 1.63การตรวจสอบชน้ิ งานทท่ี าํ การฉีดเสรจ็ แลว้ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 81.66 คะแนนเฉลย่ี 2.455 การบาํ รงุ รกั ษาแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 81.50 คะแนนเฉลย่ี 1.63 ซง่ึเป็นคา่ ทส่ี อดคลอ้ งกบั เกณฑท์ ต่ี งั้ ไว้ คอื ผลของการทดสอบความรรู้ ะหวา่ งฝึกอบรม คา่ ประสทิ ธภิ าพทต่ี งั้ ไว้ 80 ผลทไ่ี ดห้ ลงั จากการทดสอบซง่ึ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 81.60 แสดงวา่ หลกั สตู รฝึกอบรมมีประสทิ ธภิ าพ 3. เนื้อหาในส่วนที 1 หลงั ฝึ กอบรมประกอบด้วยเนื้อหา 2 หวั ข้อ ดงั นี้ 3.1 ความรพู้ น้ื ฐานดา้ นพลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 83.00 คะแนนเฉลย่ี 4.98 จากผลการทดสอบความรู้ หลงั ฝึกอบรม หวั ขอ้ ความรพู้ น้ื ฐานฉดี พลาสตกิ ไดค้ า่ประสทิ ธภิ าพ 83.00 คะแนนเฉลย่ี 4.98 ดงั นนั้ จากผลการทดสอบความรหู้ ลงั ฝึกอบรม สามารถสรุปไดว้ ่า ผเู้ ขา้ ฝึกอบรมมคี วามรหู้ วั ขอ้ พน้ื ฐานงานฉีดพลาสตกิ ความรอู้ ยใู่ นเกณฑด์ ี 3.2 ความรดู้ า้ นเครอ่ื งฉดี ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 83.00 คะแนนเฉลย่ี 3.33 ดงั นนั้ จากผลการทดสอบความรู้ หลงั ฝึกอบรม สามารถสรุปไดว้ า่ ผเู้ ขา้ ฝึกอบรมมีความรหู้ วั ขอ้ ความรดู้ า้ นเครอ่ื งฉีดพลาสตกิ ความรอู้ ยใู่ นเกณฑด์ ี จากการทดสอบในสว่ นท่ี 1 หลงั ฝึกอบรม ในหวั ขอ้ ความรพู้ น้ื ฐานดา้ นงานฉดี และความรดู้ า้ นเครอ่ื งฉีด ในสว่ นท่ี 1 หลงั ฝึกอบรมทงั้ 2หวั ขอ้ ไดค้ า่ สอดคลอ้ งกบั เกณฑท์ ต่ี งั้ ไว้ คอื ผลของการทดสอบความรหู้ ลงั ฝึกอบรม คา่ ประสทิ ธภิ าพทต่ี งั้ ไว้ 80 ผลทไ่ี ดห้ ลงั จากการทดสอบความรู้ไดค้ า่ ประสทิ ธปิ ระสทิ ธภิ าพ 83.00 แสดงวา่ หลกั สตู รฝึกอบรมทป่ี ระสทิ ธภิ าพ 4. เนื้อหาในส่วนที 2 หลงั ฝึ กอบรม ประกอบด้วยเนื้อหา 5 หวั ข้อ 4.1 แมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 87.50 คะแนนเฉลย่ี 3.50 จากผลการทดสอบความรรู้ ะหวา่ งการฝึกอบรม เรอ่ื งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ไดค้ า่ประสทิ ธภิ าพ 87.50 คะแนนเฉลย่ี 3.50 ดงั นนั้ จากผลการทดสอบสามารถ สรุปไดว้ ่า ผเู้ ขา้ ฝึกอบรมมคี วามรเู้ รอ่ื งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ อยใู่ นเกณฑท์ ด่ี ี 4.2 การออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 87.40 คะแนนเฉลย่ี 4.37 จากผลการทดสอบความรู้ ระหวา่ งการฝึกอบรม เรอ่ื งการออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 87.40 คะแนนเฉลย่ี 4.37 ดงั นนั้ จากผลการทดสอบสามารถสรปุ ไดว้ า่ผเู้ ขา้ ฝึกอบรมมคี วามรู้ เรอ่ื งการออกแบบ แมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ อยใู่ นเกณฑด์ ี 4.3 การตรวจสอบชน้ิ สว่ นแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 87.00 คะแนนเฉลย่ี 1.74 จากผลการทดสอบความรู้ ระหวา่ งฝึกอบรมเรอ่ื งการตรวจสอบชน้ิ สว่ นแมพ่ มิ พฉ์ ดีพลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 87.00 คะแนนเฉลย่ี 1.74

128 4.4 การตรวจสอบชน้ิ งานทท่ี าํ การฉดี เสรจ็ แลว้ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 87.33 คะแนนเฉลย่ี 2.62 จากผลการทดสอบความรู้ ระหวา่ งการฝึกอบรม เรอ่ื งการตรวจสอบชน้ิ งานทท่ี าํการฉดี เสรจ็ แลว้ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 87.33 คะแนนเฉลย่ี 2.62 ดงั นนั้ จากผลการทดสอบซง่ึ ไดค้ า่ประสทิ ธภิ าพ 87.32 สามารถสรุปไดว้ า่ ผเู้ ขา้ ฝึกอบรมมคี วามรู้ หวั ขอ้ การตรวจสอบชน้ิ งานทท่ี าํ การฉีดเสรจ็ แลว้ อยใู่ นเกณฑด์ ี 4.5 การบาํ รงุ รกั ษาแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 87.40 คะแนนเฉลย่ี 1.74 จากผลการทดสอบความรู้ ระหวา่ งฝึกอบรม หวั ขอ้ การบาํ รุงรกั ษาแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 87.4 คะแนนเฉลย่ี 1.74 ดงั นนั้ จากผลการทดสอบระหวา่ งฝึกอบรมสามารถสรปุ ไดว้ ่า ผเู้ ขา้ ฝึกอบรม มคี วามรอู้ ยใู่ นเกณฑด์ ี จากผลการทดสอบความรใู้ นสว่ นท่ี 2 หลงั ฝึกอบรมในเรอ่ื งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ไดค้ า่ประสทิ ธภิ าพ 87.50 คะแนนเฉลย่ี 3.50 การออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ87.40 คะแนนเฉลย่ี 4.37 การตรวจสอบชน้ิ สว่ นแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 87.00คะแนนเฉลย่ี 1.74 การตรวจสอบชน้ิ งานทท่ี าํ การฉีดเสรจ็ แลว้ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 87.33 คะแนนเฉลย่ี 2.62 การบาํ รงุ รกั ษาแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ 87.40 คะแนนเฉลย่ี 1.74 ซง่ึเป็นคา่ ทส่ี อดคลอ้ งกบั เกณฑท์ ต่ี งั้ ไว้ คอื ผลของการทดสอบความรรู้ ะหวา่ งฝึกอบรม คา่ ประสทิ ธภิ าพทต่ี งั้ ไว้ 80 ผลทไ่ี ดห้ ลงั จากการทดสอบ แสดงวา่ หลกั สตู รฝึกอบรมมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยการทดสอบความรคู้ วามเขา้ ใจ หลงั เสรจ็ สน้ิ การฝึกอบรม โดยในดา้ นความรคู้ วามเขา้ ใจไดค้ ะแนนเฉลย่ี เทา่ กบั 22.33 ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ เทา่ กบั 85.89 และเมอ่ื รวมคะแนนการทดสอบความรคู้ วามเขา้ ใจ ในระหวา่ งฝึกอบรมจบในแต่ละสว่ นของเน้อื หาทงั้ หมด 2 สว่ นแลว้ ได้คะแนนเฉลย่ี เทา่ กบั 21.41 ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ (E1 ) เทา่ กบั 82.37 และคะแนนการทดสอบความรู้ความเขา้ ใจหลงั เสรจ็ สน้ิ การฝึกอบรม ไดค้ ะแนนเฉลย่ี เทา่ กบั 22.33 ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ (E2) 85.89โดยสงู กวา่ เกณฑท์ ต่ี งั้ ไวค้ อื 80/80 โดยแสดงวา่ หลกั สตู รฝึกอบรมทส่ี รา้ งขน้ึ นนั้ มปี ระสทิ ธภิ าพสอดคลอ้ งกบั เกณฑท์ ต่ี งั้ ไว้ แลว้ สามารถนําไปดาํ เนินการพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ได้ หลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ โดยผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมมีความคดิ เหน็ หลงั จากผา่ นการฝึกอบรมวา่ หลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดีพลาสตกิ นนั้ เป็นหลกั สตู รฝึกอบรมทใ่ี หค้ วามรกู้ ารออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ เป็นอยา่ งมาก ทงั้ในเรอ่ื งพน้ื ฐานดา้ นพลาสตกิ การออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ และการตรวจสอบแมพ่ มิ พ์ จงึสามารถสรุปไดว้ ่าหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ทผ่ี วู้ จิ ยั จดั ทาํ ขน้ึ มานนั้ มปี ระสทิ ธภิ าพ ผลการทดสอบความรหู้ ลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ได้แสดงในตาราง 13 ถงึ 17

129ตาราง 13 คะแนนรวม คะแนนเฉลย่ี คา่ ความเบย่ี งเบนมาตรฐาน คา่ ประสทิ ธภิ าพและระดบั ความรู้ ในการฝึกอบรมตามหลกั สตู รฝึกอบรม ในสว่ นท่ี 1 ระหวา่ งฝึกอบรม เรอ่ื งพน้ื ฐานพลาสตกิคะแนนรวม คะแนนเฉลย่ี ความเบย่ี งเบนมาตรฐาน ระดบั ความรู้ 10 8.33 0.49 ดมี าก 83.33 คา่ ประสทิ ธภิ าพ (สว่ นท่ี 1) จากตาราง 13 แสดงวา่ ระดบั ความรู้ ในการฝึกอบรมตามหลกั สตู รฝึกอบรม ในระหวา่ งฝึกอบรมจบในสว่ นท่ี 1 เรอ่ื ง ความรพู้ น้ื ฐานดา้ นพลาสตกิ และดา้ นเครอ่ื งฉดี พลาสตกิ อยใู่ นระดบั ดีมาก (คะแนนเฉลย่ี = 8.33) และคา่ ประสทิ ธภิ าพ ของหลกั สตู รฝึกอบรม ในสว่ นท่ี 1 เทา่ กบั 83.33ตาราง 14 คะแนนรวม คะแนนเฉลย่ี คา่ ความเบย่ี งเบนมาตรฐาน คา่ ประสทิ ธภิ าพและระดบั ความรู้ ในการฝึกอบรมตามหลกั สตู รฝึกอบรม ในสว่ นท่ี 2 ระหวา่ งฝึกอบรม เรอ่ื งการออกแบบแมพ่ มิ พ์คะแนนรวม คะแนนเฉลย่ี ความเบย่ี งเบนมาตรฐาน ระดบั ความรู้ 16 13.08 0.51 ดมี าก 81.77 คา่ ประสทิ ธภิ าพ (สว่ นท่ี 2) จากตาราง 14 แสดงวา่ ระดบั ความรู้ ในการฝึกอบรมตามหลกั สตู รฝึกอบรม ในระหวา่ งฝึกอบรมจบในสว่ นท่ี 2 เรอ่ื ง การออกแบบแมพ่ มิ พ์ อยใู่ นระดบั ดมี าก (คะแนนเฉลย่ี = 13.08) และคา่ ประสทิ ธภิ าพ ของหลกั สตู รฝึกอบรม ในสว่ นท่ี 2 เทา่ กบั 81.77ตาราง 15 คะแนนรวม คะแนนเฉลย่ี คา่ ความเบย่ี งเบนมาตรฐาน คา่ ประสทิ ธภิ าพและระดบั ความรู้ ในการฝึกอบรมตามหลกั สตู รฝึกอบรม ในสว่ นท่ี 1 หลงั ฝึกอบรม เรอ่ื งพน้ื ฐานพลาสตกิคะแนนรวม คะแนนเฉลย่ี ความเบย่ี งเบนมาตรฐาน ระดบั ความรู้ 10 8.33 0.50 ดมี าก 83.03 คา่ ประสทิ ธภิ าพ (สว่ นท่ี 1)

130 จากตาราง 15 แสดงวา่ ระดบั ความรู้ ในการฝึกอบรมตามหลกั สตู รฝึกอบรม หลงั ฝึกอบรมจบในสว่ นท่ี 1 เรอ่ื ง พน้ื ฐานพลาสตกิ อยใู่ นระดบั ดมี าก (คะแนนเฉลย่ี = 8.33) และคา่ ประสทิ ธภิ าพของหลกั สตู รฝึกอบรม ในสว่ นท่ี 1 เทา่ กบั 83.03ตาราง 16 คะแนนรวม คะแนนเฉลย่ี คา่ ความเบย่ี งเบนมาตรฐาน คา่ ประสทิ ธภิ าพและระดบั ความรู้ ในการฝึกอบรมตามหลกั สตู รฝึกอบรม ในสว่ นท่ี 2 หลงั ฝึกอบรม เรอ่ื งการออกแบบแมพ่ มิ พ์คะแนนรวม คะแนนเฉลย่ี ความเบย่ี งเบนมาตรฐาน ระดบั ความรู้ 16 14.00 0.60 ดมี าก คา่ ประสทิ ธภิ าพ (สว่ นท่ี 2) 87.50 จากตาราง 16 แสดงวา่ ระดบั ความรู้ ในการฝึกอบรมตามหลกั สตู รฝึกอบรม ในหลงัฝึกอบรมจบในสว่ นท่ี 2 เรอ่ื ง การออกแบบแมพ่ มิ พ์ อยใู่ นระดบั ดมี าก (คะแนนเฉลย่ี = 14.00) และคา่ ประสทิ ธภิ าพของหลกั สตู รฝึกอบรม ในสว่ นท่ี 2 เทา่ กบั 87.50ตาราง 17 คะแนนรวม คะแนนเฉลย่ี คา่ ความเบย่ี งเบนมาตรฐาน และระดบั ความรู้ การฝึกอบรม ตามหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ คา่ ประสทิ ธภิ าพใน ระหวา่ งฝึกอบรมจบในแต่ละสว่ น (E1) และคา่ ประสทิ ธภิ าพหลงั เสรจ็ สนิ การฝึกอบรม (E2)คะแนนรวม คะแนนเฉลย่ี ความเบย่ี งเบนมาตรฐาน ระดบั ความรู้ 26 21.41 0.90 ดมี ากคะแนนรวม คะแนนเฉลย่ี คา่ ประสทิ ธภิ าพในขณะ 82.37 26 22.33 ฝึกอบรมจบในทุกสว่ น (E1) ระดบั ความรู้ ความเบย่ี งเบนมาตรฐาน ดมี าก 0.98 คา่ ประสทิ ธภิ าพหลงั 85.89 เสรจ็ สนิ การฝึกอบรม (E2) จากตาราง 17 แสดงวา่ ระดบั ความรู้ ในการฝึกอบรมตามหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ในระหวา่ งฝึกอบรมจบในแตล่ ะสว่ น อยใู่ นระดบั ดมี าก (คะแนนเฉลย่ี= 21.41) และคา่ ประสทิ ธภิ าพ (E1) เทา่ กบั 82.37 และหลงั เสรจ็ สนิ การฝึกอบรมอยใู่ นระดบั ดมี าก(คะแนนเฉลย่ี = 22.33) และคา่ ประสทิ ธภิ าพ (E2) เทา่ กบั 85.89

131 ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะในการปรบั ปรงุ หลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและการสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ดงั นี คอื สว่ นท่ี 1 ระหว่างฝึกอบรม เรอ่ื ง ความรพู้ น้ื ฐานดา้ นพลาสตกิ และความรดู้ า้ นเครอ่ื งฉดี สว่ นท่ี 2 ระหวา่ งฝึกอบรม เรอ่ื ง ความรพู้ น้ื ฐานดา้ นพลาสตกิ และความรดู้ า้ นเครอ่ื งฉีด สว่ นท่ี 1 หลงั ฝึกอบรม เรอ่ื งการออกแบบแมพ่ มิ พ์ สว่ นท่ี 2 หลงั ฝึกอบรม เรอ่ื งการออกแบบแมพ่ มิ พม์ คี วามเหมาะสม ทาํ ใหเ้ กดิ ความรู้ ในการออกแบบและการสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดีพลาสตกิ เพม่ิ มากขนึ ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะในการปรบั ปรงุ หลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและการสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ดงั นี คอื สว่ นท่ี สว่ นท่ี 1 ระหว่างฝึกอบรม เรอ่ื ง พนื ฐานพลาสตกิและความรดู้ า้ นเครอ่ื งฉดี สว่ นท่ี 2 ระหวา่ งฝึกอบรม เรอ่ื งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ การออกแบบแมพ่ มิ พ์ การตรวจสอบแมพ่ มิ พ์ การบาํ รงุ รกั ษาแมพ่ มิ พ์ สว่ นท่ี 1 หลงั ฝึกอบรม เรอ่ื ง พนื ฐานพลาสตกิ และความรดู้ า้ นเครอ่ื งฉีด สว่ นท่ี 2 หลงั ฝึกอบรม เรอ่ื งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ การออกแบบแมพ่ มิ พ์ การตรวจสอบแมพ่ มิ พ์ การบาํ รงุ รกั ษาแมพ่ มิ พเ์ นือหาในหลกั สตู รมคี วามเหมาะสม ทาํ ให้เกดิ ความรใู้ นการออกแบบเพม่ิ มากขนึ

132 บทที 5สรปุ อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ การพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ไดส้ รปุ การอภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะดงั ตอ่ ไปนีความม่งุ หมายของการวิจยั การพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแม่พมิ พฉ์ ีดพลาสตกิ การศกึ ษาประสทิ ธภิ าพของการพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พ์ฉดี พลาสตกิสมมติฐานของการวิจยั หลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ จะมปี ระสทิ ธภิ าพไมต่ ่าํ กว่เกณฑ์ 80/80วิธีดาํ เนินการวิจยั ประชากรทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษาครงั้ น้ี ไดแ้ ก่ผทู้ เ่ี ขา้ รบั การฝึกอบรมในหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ จาํ นวน 12 คน เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั และการรวบรวมขอ้ มลู ประกอบดว้ ย หลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ แบบทดสอบความรู้ ในการออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิในขณะฝึกอบรมจบในแตล่ ะสว่ นเน้ือหาของรายละเอยี ดทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ทใ่ี ชใ้ นการฝึกอบรม และภายหลงั เสรจ็ สน้ิ จากการฝึกอบรม แบบประเมนิ ความสอดคลอ้ งของแบบสอบถามผเู้ ชย่ี วชาญในกระบวนการฝึกอบรมในหลกั สตู รการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ โดยในการรวบรวมขอ้ มลู นนั้ กระทาํ โดยนําหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ไปดาํ เนินการจดั ทาํ การฝึกอบรมกบั ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมทเ่ี ป็นกลุม่ทดลอง ทาํ การทดสอบความรู้ การออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ในขณะฝึกอบรมจบในแต่ละสว่ นเน้ือหา และหลงั เสรจ็ สน้ิ การฝึกอบรมแลว้ ทาํ การประเมนิ ประสทิ ธภิ าพในการปฏบิ ตั ติ ามหลกั สตู รฝึกอบรม และขอ้ เสนอแนะในการปรบั ปรงุ หลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ทาํ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู โดยทาํ การประเมนิ ประสทิ ธภิ าพของหลกั สตู รฝึกอบรมเปรยี บเทยี บคา่ เฉลย่ี คา่ เบย่ี งเบนมาตรฐาน ความรขู้ องผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรม ในหลกั สตู รฝึกเรอ่ื งการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ เปรยี บเทยี บคา่ เฉลย่ี และความเบย่ี งเบนมาตรฐานระดบัความสามารถในการเรยี นรหู้ ลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ

133สรปุ ผลการวิจยั การพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ไดม้ กี ารสรา้ งในรปู แบบของการพฒั นาหลกั สตู รโดยไดน้ ําเรอ่ื งของการออกแบบแมพ่ มิ พม์ าใชใ้ นภาคอตุ สาหกรรมสถาบนั การศกึ ษาและสภาพปญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ ในคณุ ภาพของการออกแบบแมพ่ มิ พข์ องภาคอุตสาหกรรม สถาบนั การศกึ ษา มากาํ หนดเป็นหวั ขอ้ ในเน้ือหาของหลกั สตู รฝึกอบรม โดยได้กาํ หนดสว่ นของหวั ขอ้ เน้อื หาไว้ 2 สว่ นคอืสว่ นท่ี 1 ความรพู้ น้ื ฐานดา้ นพลาสตกิ และความรดู้ า้ นเครอ่ื งฉีด สว่ นท2่ี . แมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ การออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ การตรวจสอบแมพ่ มิ พ์ การบาํ รงุ รกั ษาแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ โดยการกาํ หนดเน้ือหาและรปู แบบของเน้ือหาในหลกั สตู รฝึกอบรมนนั้ ไดพ้ จิ ารณาไวเ้ ป็นขนั้ ตอนดงั น้ีคอืวเิ คราะหภ์ าระงาน ความรู้ คณุ สมบตั ขิ องผเู้ ขา้ ฝึกอบรม กาํ หนดวตั ถุประสงคข์ อบเขตเน้อื หาในหลกั สตู รฝึกอบรม กาํ หนดโครงสรา้ งหลกั สตู รฝึกอบรม กาํ หนดรปู แบบการฝึกอบรมโดยเป็นการจดั การฝึกอบรม ออกแบบการฝึกอบรมการออกแบบ ตรวจสอบหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบ และการดาํ เนินการจดั ฝึกอบรม การทดลองวจิ ยั ในครงั้ น้ีเป็นการทดสอบความรกู้ ารออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ในลกั ษณะของระหว่างการฝึกอบรมและหลงั จากเสรจ็ สน้ิ การฝึกอบรม โดยมีเครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการทดสอบความรเู้ ป็นแบบทดสอบ แบบเลอื กตอบ 4 ตวั เลอื กไดแ้ ก่แบบทดสอบในระหว่างฝึกอบรมจบทงั้ 2 สว่ นในหลกั สตู ร มจี าํ นวน 26 ขอ้ แบง่ เป็นสว่ นท่ี 1 ความรพู้ น้ื ฐานดา้ นพลาสตกิ และความรดู้ า้ นเครอ่ื งฉีด มี 10 ขอ้ สว่ นท2่ี แมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ การออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ดีพลาสตกิ การตรวจสอบแมพ่ มิ พ์ การบาํ รุงรกั ษาแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ มี 16 ขอ้ แบบทดสอบหลงัดาํ เนินการเสรจ็ สน้ิ การฝึกอบรมในหลกั สตู รเป็น แบบเลอื กตอบ 4 ตวั เลอื กแบบทดสอบหลงั การฝึกอบรมมจี าํ นวน 26 ขอ้ โดยไดค้ อบคลมุ เน้ือหาทงั้ 2 สว่ น สว่ นท่ี 1 ความรพู้ น้ื ฐานดา้ นพลาสตกิและความรดู้ า้ นเครอ่ื งฉีด ระหวา่ งฝึกอบรมมี 10 ขอ้ และสว่ นท่ี 2 แมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ การออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ การตรวจสอบแมพ่ มิ พ์ การบาํ รงุ รกั ษาแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ระหวา่ งฝึกอบรมมี 16 ขอ้ สว่ นท่ี 1 ความรพู้ น้ื ฐานดา้ นพลาสตกิ และความรดู้ า้ นเครอ่ื งฉีด หลงั ฝึกอบรม มี10 ขอ้ และสว่ นท่ี 2 แมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ การออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ การตรวจสอบแมพ่ มิ พ์การบาํ รงุ รกั ษาแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ หลงั ฝึกอบรม มี 16 ขอ้ ความเทย่ี งตรงเชงิ เน้ือหาโดยพจิ ารณาจากผเู้ ชย่ี วชาญทงั้ 5 ทา่ นเพอ่ื ทาํ การประเมนิ ดา้ นเน้ือหาและแบบทดสอบของหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ มเี น้ือหาทส่ี อดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงคข์ องหลกั สตู รฝึกอบรมการศกึ ษาประสทิ ธภิ าพของการพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ประสทิ ธภิ าพของหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ ในขณะฝึกอบรมจบในแต่ละสว่ นของเน้ือหามรี ายละเอยี ดดงั น้ี ในขณะฝึกอบรมทางดา้ นความรู้ ในสว่ นท่ี 1 ไดค้ ะแนนเฉลย่ี เทา่ กบั 8.33 ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ เทา่ กบั 83.33 ในสว่ นท่ี 2 ไดค้ ะแนนเฉลย่ี เทา่ กบั 13.08 ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ เทา่ กบั 81.77

134 ในดา้ นความรหู้ ลงั ฝึกอบรม ในสว่ นท่ี 1 ไดค้ ะแนนเฉลย่ี เทา่ กบั 8.33 ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ เท่ากบั 83.03 ในสว่ นท่ี 2 ไดค้ ะแนนเฉลย่ี เทา่ กบั 14.00 ไดค้ า่ ประสทิ ธภิ าพ เทา่ กบั 87.50 เน้ือหาในดา้ นความรนู้ นั้ ค่าในสว่ นท่ี 1 จะมคี า่ ประสทิ ธภิ าพจากเน้อื หาความรพู้ น้ื ฐานดา้ นพลาสตกิ มรี ายละเอยี ดทส่ี ามารถอธบิ ายใหเ้ ขา้ ใจไดใ้ นลกั ษณะของเหตุและผลคา่ ในสว่ นท่ี 2 การออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ และการตรวจสอบแมพ่ มิ พ์ อธบิ ายเป็นขนั้ ตอนพรอ้ มกบั มีภาพประกอบใหเ้ หน็ และมพี น้ื ฐานในดา้ นของการออกแบบในแตล่ ะชน้ิ สว่ นหรอื ระบบต่างๆ ในขณะฝึกอบรมจบในแต่ละสว่ นของเน้ือหา อยใู่ นระดบั ดมี าก (คะแนนเฉลย่ี = 21.41) และคา่ ประสทิ ธภิ าพ(E1) เทา่ กบั 82.37 สว่ นคา่ ประสทิ ธภิ าพหลงั เสรจ็ สน้ิ การฝึกอบรมไดร้ ะดบั ความรอู้ ยใู่ นระดบั ดมี าก(คะแนนเฉลย่ี = 22.33) และคา่ ประสทิ ธภิ าพ (E2) เทา่ กบั 85.89การอภิปรายผล 1. การพฒั นาหลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ ทพ่ี ฒั นาขน้ึมานนั้ ไดพ้ ฒั นามาจากการศกึ ษาในเอกสารและงานวจิ ยั ทางดา้ นของการพฒั นาหลกั สตู ร เพอ่ื ให้เขา้ ใจถงึ หลกั การและเหตุผลของการพฒั นาหลกั สตู ร จงึ ไดน้ ํามากาํ หนดเป็นหลกั สตู รฝึกอบรม ทใ่ี ช้รปู แบบการฝึกอบรมแบบทฤษฎี โดยมขี อบเขตของเน้ือหาในการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ คอื ไดก้ าํ หนดหวั ขอ้ ของเน้ือหาในหลกั สตู รไวท้ งั้ หมด 2 สว่ น คอื สว่ นท่ี 1 ความรพู้ น้ื ฐานดา้ นพลาสตกิ และความรดู้ า้ นเครอ่ื งฉดี สว่ นท2่ี . แมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ การออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ดีพลาสตกิ การตรวจสอบชน้ิ สว่ นแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ การตรวจสอบชน้ิ งานทท่ี าํ การฉีดเสรจ็ แลว้ การบาํ รงุ รกั ษาแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ เพราะวา่ เน้ือหาทงั้ 2 สว่ นนนั้ มคี วามสาํ คญั ในดา้ นความรกู้ ารออกแบบ ทจ่ี ะทาํ ใหผ้ เู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมเกดิ ความรใู้ นระบบของการออกแบบ โดยในเน้ือหาของหลกั สตู รฝึกอบรมนนั้ จะสอดคลอ้ งกบั องคป์ ระกอบของผทู้ จ่ี ะทาํ หน้าทใ่ี นสายงานการออกแบบแมพ่ มิ พ์ เน่ืองจากในกระบวนการพฒั นาหลกั สตู รไดท้ าํ การศกึ ษาถงึ คุณสมบตั ขิ องผทู้ ป่ี ฏบิ ตั งิ านในสายงานออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พ์ แลว้ นําไปใหผ้ เู้ ชย่ี วชาญทาํ การประเมนิ โดยจากการประเมนิของผเู้ ชย่ี วชาญทงั้ 5 คน แสดงความเหน็ สอดคลอ้ งกนั วา่ หลกั สตู รฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ีดพลาสตกิ สามารถนําไปใชใ้ นการฝึกอบรมการออกแบบและสรา้ งแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิใหก้ บั ผเู้ ขา้ รบั การฝึกอบรมในภาคอุตสาหกรรมได้ เน้ือหาในดา้ นความรเู้ น้ือหาความรพู้ น้ื ฐานดา้ นพลาสตกิ มรี ายละเอยี ดทส่ี ามารถอธบิ ายใหเ้ ขา้ ใจไดใ้ นลกั ษณะของเหตุและผลเน้ือหาในสว่ นน้ียงั จาํ เป็นตอ้ งมกี ารเพมิ่ เน้ือในเรอ่ื งความรดู้ า้ นเครอ่ื งฉดี และปรบั แบบทดสอบใหม้ คี วามสอดคลอ้ งกบั เน้ือดา้ นความรเู้ น้ือหา การออกแบบแมพ่ มิ พฉ์ ดี พลาสตกิ และการตรวจสอบแมพ่ มิ พ์ อธบิ ายเป็นขนั้ ตอนพรอ้ มกบั มีภาพประกอบใหเ้ หน็ และมพี น้ื ฐานในดา้ นของการออกแบบในแตล่ ะชน้ิ สว่ นหรอื ระบบต่างๆ ในขณะ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook