Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารบัณฑิตวิทยาลัย (ม.ค.-เม.ย.63)

วารสารบัณฑิตวิทยาลัย (ม.ค.-เม.ย.63)

Published by boomsdu, 2023-01-12 06:24:17

Description: วารสารบัณฑิตวิทยาลัย (ม.ค.-เม.ย.63)

Search

Read the Text Version

(2014) ทพ่ี บวา่ สอ่ื ดจิ ทิ ลั เพอื่ การเลา่ เรอ่ื งผา่ นภาพเสรมิ สรา้ งผเู้ รยี นใหเ้ กดิ การเรยี นรทู้ เี่ นน้ ผเู้ รยี นเปน็ ศนู ยก์ ลาง และเรยี นรกู้ ารทำ� งานเปน็ ทมี ซงึ่ จากงานวจิ ยั ชน้ิ นก้ี ารใชเ้ ครอ่ื งมอื สอ่ื ดจิ ทิ ลั ทำ� ใหผ้ เู้ รยี นสามารถทดลองการใช้ งานได้หลายคร้ังเพ่ือหาขั้นตอนการท�ำงานท่ีดีท่ีสุดในรูปแบบของการเล่าเร่ืองราวโดยการน�ำภาพผสมผสาน กับเสียง และการเคลื่อนไหวซ่ึงกระบวนการดังกล่าวก่อให้เกิดความสนุกสนานในการเรียนรู้อย่างเป็นล�ำดับ ขน้ั ตอน การกำ� หนดเวลาในแตล่ ะขนั้ ตอนทำ� ใหผ้ เู้ รยี นตงั้ ใจในการทำ� งานแตล่ ะขนั้ ตอนทำ� ใหเ้ กดิ การพฒั นาทกั ษะ ด้านการจัดการ ซ่ึงสามารถแบ่งออกเป็นการด�ำเนินงานแบบรายบุคคลและการด�ำเนินงานแบบความร่วมมือ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากการเขียนเนื้อหาเป็นเรื่องราว และการปรับปรุงแก้ไขตลอดการท�ำงานของโครงงาน ผเู้ รยี นแตล่ ะกลมุ่ ผลติ ผลงานซำ�้ แลว้ ซำ�้ อกี เพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลงานทดี่ ที สี่ ดุ ในการนำ� ไปใชเ้ พอื่ การสอื่ สารในเนอื้ หาของ รายวิชาให้ชดั เจนที่สดุ เพ่อื ส่งต่อไปยังกลมุ่ ผฟู้ ังเป้าหมาย หลังจากผ้เู รยี นพึงพอใจจากผลงานครั้งลา่ สุดแลว้ ได้ มีการอัดบันทึกและการซักซ้อมเพ่ือให้แน่ใจว่าการบันทึกครั้งสุดท้ายมีข้อต�ำหนิให้น้อยท่ีสุด จะเห็นได้ว่า ทุกกระบวนการขั้นตอนต้องการเวลาและความพยายามอย่างมาก เพื่อให้ผู้เรียนอุทิศตนเองเพ่ือให้งานมี ประสิทธิภาพอยา่ งมืออาชพี ทสี่ ดุ จากผลการอภิปรายกลุ่มยังพบว่าผู้เรียนส่วนใหญ่สามารถน�ำเครื่องมือดังกล่าวมาใช้ในการจัดท�ำ โครงงานได้อยา่ งง่ายดาย ซงึ่ เห็นได้จากการเรยี นรู้เทคโนโลยี และกระบวนการข้นั ตอนไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ทำ� ให้ ผู้เรียนสามารถมุ่งความสนใจไปยังเน้ือหาของการน�ำเสนอได้มากข้ึน สอดคล้องกับ โรบิน (Robin, 2006) ได้กล่าวว่า สื่อดิจิทัลเพื่อการเล่าเร่ืองผ่านภาพช่วยเพ่ิมศักยภาพในการเรียนรู้ด้านเน้ือหา ท�ำให้ผู้เรียนเข้าใจ เนื้อหาในบทเรียนมากยง่ิ ขนึ้ อีกทงั้ ซาดคิ (Sadik, 2008) ได้กลา่ ววา่ ส่อื ดจิ ทิ ัลเพือ่ การเลา่ เร่อื งผา่ นภาพได้ ออกแบบข้ึนมาเพ่อื พฒั นาความเขา้ ใจดา้ นเน้อื หาให้แกผ่ เู้ รยี น กล่มุ ตวั อยา่ งได้แสดงความคิดเห็นถึงขอ้ จำ� กัดของโครงงานชิน้ น้ี คอื ขาดการเรยี นรูจ้ ากสถานการณ์ จริงท่ีไม่สามารถเข้าถึงสถานที่ โรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยวได้จริง อีกทั้งข้อจ�ำกัดด้านเวลาท่ีท�ำให้ผู้เรียน จำ� เปน็ ตอ้ งหาขอ้ มลู ทางออนไลน์ และหอ้ งสมดุ แทน ผเู้ รยี นบางกลมุ่ ใหข้ อ้ เสนอแนะวา่ งานจะเกดิ ประสทิ ธภิ าพ มากขนึ้ ถา้ หากพวกเขาสามารถสอบถามขอ้ มลู จากพนกั งานจากแหลง่ ขอ้ มลู จรงิ มากกวา่ การหาขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมลู สำ� รอง ผู้เรียนจ�ำนวนหนงึ่ มีความพอใจและภูมิใจในการสรรคส์ ร้างผลงานที่สำ� เร็จแล้วถึงแมว้ า่ พวกเขา จะค้นพบข้อบกพร่องหลายอย่างในการท�ำงานซ่ึงเชื่อได้ว่าสามารถแก้ไขปัญหาเหล่าน้ันได้ถ้ามีเวลาเพียงพอ และมีโอกาสทจี่ ะขอคำ� ปรกึ ษาด้านเทคโนโลยีกบั ผู้เชย่ี วชาญเพอ่ื ให้มลี กู เล่นในการนำ� เสนองานมากขึ้น ขอ้ เสนอแนะ 1. ครูผู้สอนภาษาอังกฤษสามารถน�ำเอาสื่อดิจิทัลเพ่ือการเล่าเรื่องผ่านภาพไปใช้ในการพัฒนา ความเข้าใจในเน้ือหาของบทเรียนไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะการพัฒนา ภาษาอังกฤษเพือ่ การสอื่ สาร และการเขยี น 2. ในการนำ� เอาเทคโนโลยมี าใชใ้ นการเรยี นรู้ ผสู้ อนและผเู้ รยี นควรตอ้ งมกี ารเรยี นรกู้ ารใชเ้ ทคโนโลยี ไปพร้อม ๆ กัน เนอื่ งจากผเู้ รียนบางคนกย็ ังไมช่ �ำนาญดา้ นการใชเ้ ทคโนโลยี หากมีปัญหาการใช้งานกส็ ามารถ ใหค้ ำ� ปรกึ ษาตอ่ ผเู้ รยี นไดท้ นั ที โดยทผ่ี เู้ รยี นไมไ่ ดร้ สู้ กึ วา่ ผสู้ อนคอยควบคมุ สงั่ การ แตเ่ ปน็ เพยี งผแู้ นะนำ� การใช้ งานทางดา้ นเทคโนโลยี ผู้สนบั สนุนทางด้านเน้อื หา และชว่ ยตรวจเรื่องภาษาใหก้ บั ผู้เรยี น 142 บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต

3. สือ่ ดจิ ทิ ัลเพือ่ การเลา่ เร่อื งผ่านภาพเปน็ อีกหนึ่งวิธกี ารท่จี ะท�ำใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรียนรู้ และศกึ ษา ค้นคว้าภาษาอังกฤษภายนอกห้องเรียนไดเ้ ป็นอย่างดี 4. ครผู สู้ อนสามารถนำ� สอ่ื ดจิ ทิ ลั เพอื่ การเลา่ เรอ่ื งผา่ นภาพไปปรบั ใชใ้ นการนำ� เสนองานในรปู แบบอนื่ ๆ เพือ่ สนบั สนนุ ผเู้ รียนในการทำ� งานเป็นทีม มคี วามสนุกสนาน และมีความคดิ สร้างสรรค์ เอกสารอา้ งอิง นวัตกรรมการศึกษา. (2559). การเล่าเรื่องด้วยระบบดิจิตอล. [Online]. Available: http://www. samsungslc.org/article/digital-storytelling/ [2559, พฤศจิกายน 18]. Abdel-Hack, E.N. & Helwa, H. S. (2014). Using digital storytelling and weblogs to enhance EFL narrative writing and critical thinking skills among EFL majors at faculty of education. Educational Research, 5 (1): 22. Barrett, H. (2005). Storytelling in higher education: A theory of reflection on practice to support deep learning. Technology and Teacher Education Annual, 2005, 1878- 1883. Borland, J. (2007). A Smarter Web. Technology Review. [Online]. Available: https://www. technologyreview.com/s/407401/a-smarter-web/ [2007, March 1]. Bull, G. & Kajder, S. (2004). Digital Storytelling in the Language Arts Classroom. Learning & Leading with Technology, 32 (4): 46-49. Dogan, B. & Robin, B. (2009). Educational Uses of Digital Storytelling: Creating Digital Storytelling Contests for K-12 Students and Teachers. [Online]. Available: http:// www.academia.edu/download/31881556/site2009 [2009, March 15]. Digital Storytelling Association. (2002). [Online]. Available: http://www.dsaweb.org/ 01associate/ds.html. [2002, May 15]. Farmer, L. (2004). Using Technology for Digital Storytelling: Tools for Children [Electronic version]. New Review of Children's Literature and Librarianship, 10 (2): 155-168. Hendrickson, J. M. (1992). Storytelling for Foreign Language Learners. [Online]. Available: https://eric.ed.gov/?id=ED355824 [1992, March 1]. Heo, M. (2009). Digital storytelling: An empirical study of the impact of digital storytelling on pre-service teachers’ self-efficacy and dispositions towards educational technology. Journal of Educational Multimedia and Hypermedia, 18 (4): 405-428. Lambert, J. (2007). Digital Storytelling Cookbook. [Online]. Available: http://www.storycenter. org/cookbook.pdf [2007, December 1]. ปีท่ี 16 ฉบบั ที่ 1 ประจำ�เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 143

Li, L. (2007). Digital storytelling: Bridging traditional and digital literacies. In T. Bastiaens & S. Carliner (Eds.). Proceedings of World Conference on E-Learning in Corporate, Government, Healthcare, and Higher Education: 6201-6206. Meadows, D. (2003). Digital storytelling: Research-based practice in new media. Visual Communication, (2): 189-193. Oblinger, D. (2003). Boomers, Gen-Xers, and Millennials: Understanding the new students. Educause Review, 38 (4): 34-47. Ohler, J. (2008). Digital storytelling in the classroom. Thousand Oaks, CA: Corwin. Photo Story 3 for Windows. (2010). Getting Stared with Photo Story 3. [Online]. Available: http://www.microsoft.com/windowsxp/using/digitalphotography/photostory/ default.mspx [2010, April 15]. Porter, B. (2004). Digital Storytelling in the Classroom-The Art of Digital Storytelling. [Online]. Available: http://www.digitales.us/wpcontent/uploads/2015/07/Digital Storytelling in the Classroom. [2004, May 15]. Prensky, M. (2001). Digital natives, digital immigrants. On the Horizon, 9 (5): 1-6. Robin, B. (2006). The Educational Uses of Digital Storytelling. [Online]. Available: http:// digitalstorytelling.coe.uh.edu/articles/Educ-Uses-DS.pdf. [2006, June 15]. Robin, B. (2008). The effective uses of digital storytelling as a teaching and learning tool. In J. Flood, S. Heath, & D. Lapp (Eds.), Handbook of Research on Teaching Literacy through the Communicative and Visual Arts, (2), 429-440. New York: Lawrence Erlbaum Associates. Royer, R. & Richards, P. (2007). Increasing Reading Comprehension with Digital Storytelling. In C. Montgomerie & J. Seale (Eds.), Proceedings of EdMedia: World Conference on Educational Media and Technology: 2301-2306. Sadik, A. (2008). Digital storytelling: A meaningful integrated approach for engaged student learning. Educational Technology Research, (56): 487-506. Salkhord, S., Gordjian, B. & Pazhakh, A. (2013). The Effects of Digital Stories on Reading Comprehension: An Internet-Based Instruction for Iranian EFL Young Learners. International Journal of Language Learning and Applied Linguistics World, 4 (4): 111-124. Sandars, J. & Morrison, C. (2007). What is the Net Generation? The challenge for future medical education. Medical Teacher, 29 (2/3): 85-88. 144 บัณฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ิต

Smelda, N., Dakich, E. & Sharda, N. (2014). The effectiveness of digital storytelling in the classrooms: a comprehensive study. Smart Learning Environments, 1 (6): 13. Somdee, M. & Suppasetseree, S. (2012). Developing English Speaking Skills of Thai Undergraduate Students by Digital Storytelling through Websites. [Online]. Available: http://www.litu.tu.ac.th/journal/FLLTCP/Proceeding/166.pdf. [2012, May 1]. Swingle, M. K. (2016). i-Minds-How Cell Phones, Computers, Gaming, and Social Media Are Changing Our Brains, Our Behavior, and the Evolution of Our Species. Gabriola: New Society. Sylvester, R. & Greenidge, W. L. (2009). Digital Storytelling: Extending the Potential for Struggling Writers. The Reading Teacher, 63 (4): 284-295. Verdugo, D. R. & Belmonte, I. A. (2007). Using digital stories to improve listening comprehension with Spanish young learners of English. Language Learning & Technology, 11 (1): 87-101. คณะผเู้ ขียน นางสาวก่ิงกาญจน์ สุพรศริ ิสนิ คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั สรุ าษฎรธ์ านี เลขท่ี 272 หมู่ 9 ต�ำบลขุนทะเล อ�ำเภอเมอื ง จงั หวัดสรุ าษฎร์ธานี e-mail: [email protected], [email protected] นางสาวสมสริ ี มนสั คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เลขที่ 272 หมู่ 9 ตำ� บลขุนทะเล อ�ำเภอเมือง จังหวดั สุราษฎรธ์ านี e-mail: [email protected] นางสาวรตั นา เจงพบิ ลู พงศ์ คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สุราษฎร์ธานี เลขท่ี 272 หมู่ 9 ตำ� บลขุนทะเล อำ� เภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี e-mail: [email protected] นางภัทรพร จันทมณุ ี คณะมนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั สรุ าษฎร์ธานี เลขท่ี 272 หมู่ 9 ต�ำบลขนุ ทะเล อ�ำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎรธ์ านี e-mail: [email protected] ปที ี่ 16 ฉบบั ที่ 1 ประจำ�เดือนมกราคม - เมษายน 2563 145



การเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทข์ องเดก็ ออทสิ ตกิ ระดบั ปฐมวยั โดยการจดั กจิ กรรมเกมทางภาษา The Vocabulary Learning of Autistic Early Childhood Children Autistic Children By Using Language Game Activities เนตรทพิ ย์ วเิ ชยี ร* และกรรวิภาร์ หงษ์งาม บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดสุ ิต Netthip Wichaen* and Kanvipa Hongngam Graduate School, Suan Dusit University Received: July 12, 2019 Revised: September 28, 2019 Accepted: October 1, 2019 บทคดั ยอ่ งานวิจยั น้ีมวี ัตถปุ ระสงค์เพอื่ 1) ศึกษาผลการเรยี นร้คู ำ� ศพั ท์ของเด็กออทสิ ติก ระดับปฐมวยั โดยจดั กิจกรรมเกมทางภาษา 2) เปรียบเทียบผลการเรียนรู้ค�ำศัพท์ของเด็กออทิสติก ระดับปฐมวัย ก่อนและหลัง การจดั กจิ กรรมเกมทางภาษา เปน็ การวิจยั กงึ่ ทดลอง กลมุ่ ตวั อยา่ งได้จากการเลือกแบบเจาะจง เป็นนกั เรยี น ระดบั ชนั้ อนบุ าล 1 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 ศนู ยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษ โรงเรยี นสาธติ ละอออทุ ศิ มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ติ จำ� นวน 6 คน ได้รับการวินจิ ฉัยทางการแพทย์ ระบุเปน็ ออทสิ ตกิ ไม่มคี วามพิการซอ้ น เครื่องมอื ที่ ใช้ 1) แผนการจดั กจิ กรรมเกมทางภาษา จำ� นวน 24 แผน แผนละ 20 นาที และ 2) แบบทดสอบการเรยี นรู้ คำ� ศพั ท์ จ�ำนวน 24 ขอ้ หาคณุ ภาพของเครอ่ื งมือ โดยหาความเทย่ี งตรงเชงิ เน้ือหาเท่ากบั 0.93 การวเิ คราะห์ ขอ้ มลู ใชส้ ถติ พิ น้ื ฐาน ไดแ้ ก่ คา่ รอ้ ยละ คา่ เฉลย่ี และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน สถติ เิ ปรยี บเทยี บคา่ เฉลยี่ กอ่ นและ หลัง ผลการศกึ ษาพบวา่ 1) การเรยี นรู้ค�ำศัพทข์ องเด็กออทสิ ตกิ ระดบั ปฐมวยั หลงั การจดั กิจกรรมเกมทาง ภาษา อยใู่ นระดบั ความรดู้ มี าก คา่ เฉลยี่ 3.61 คดิ เปน็ รอ้ ยละ 90.25 สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน 0.33 เมอื่ พจิ ารณา เป็นรายดา้ น พบว่า หลงั การจดั กจิ กรรมเกมทางภาษา อยู่ในระดบั ความรู้ดมี ากทัง้ 6 หมวด คอื อวัยวะ ของใช้ ผลไม้ เคร่อื งแตง่ กาย อุปกรณ์การเรยี น และผกั ตามล�ำดบั 2) ผลการทดสอบสมมตฐิ าน ผลการเรียนร้คู �ำศัพท์ หลังการจัดกิจกรรมเกมทางภาษาแตกต่างจากก่อนการจัดกิจกรรมเกมทางภาษาอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติท่ี ระดับ .05 เมอ่ื พิจารณาเปน็ รายดา้ น พบว่า หลังได้รบั การจัดกจิ กรรมเกมทางภาษาทง้ั 6 หมวด คือ อวัยวะ ของใช้ ผลไม้ เครอื่ งแต่งกาย อปุ กรณ์การเรยี น และผัก แตกต่างจากก่อนไดร้ ับการจัดกิจกรรมเกมทางภาษา อยา่ งมีนยั สำ� คญั ทางสถิตทิ ี่ระดบั .05 ซ่งึ สอดคลอ้ งและเปน็ ไปตามสมมติฐานที่ต้งั ไว้ คำ� ส�ำคัญ: ค�ำศัพท์ เดก็ ออทสิ ตกิ เกมทางภาษา * เนตรทพิ ย์ วเิ ชยี ร (Corresponding Author) ปีท่ี 16 ฉบับที่ 1 ประจำ�เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 147 e-mail: [email protected]

Abstract The purpose of this research had 2 objectives. The aimed 1) to study the learning output of the early childhood autistic children by using language game activities and 2) to compare the result(s) of the learning output before and after treatment by using language game activities. This research is based on the quasi-experimental research method, and the sampling group is selected by the purposive sampling from the 6 early childhood autistic children. They are also studying in kindergarten level 1 of the Special Education Center, La-or Utis, Demonstration School of Suan Dusit University.and confirmed by a specialist doctor, indicated that they are not multiple disabilities, can be spoken by words of mouth. The tool(s) of 2 parts, firstly, the 24 lesson plans (20 minutes) and secondly, the evaluation form of the language learning 24 items. Then using the percentage, average score and standard deviation (S.D) and the comparative statistic before and after treatment for analyzing. The result was found that; 1) The vocabulary learning of the early childhood autistic students after treatment was in an excellent in overall aspects, the average score was 3.61 (90.25%) and the standard deviation was 0.33. In terms of an individual aspects can be found that; the vocabulary learning results of six aspects such as, part of the body, household utensils, fruits, clothes, stationeries and vegetables were excellent. 2) The testing of hypothesis was found that; the total result score of the autistic students after treatment by the vocabulary learning game activities were differed from before treatment with the statistical significance at the .05 level. When considered by each aspect, the post-results can be confirmed that the part of the body, household utensils, fruits, clothes, stationeries and vegetables relevant with statistical significance at the .05 level and coherent with the research hypotheses. Keywords: Vocabulary, Autistic Children, Language Game Activities บทนำ� การเรียนรูภ้ าษามกี ระบวนการเรยี นร้ทู สี่ ำ� คัญ คอื การรบั เอาภาษาและขอ้ มลู ตา่ ง ๆ เก็บไว้ในสมอง และนำ� ขอ้ มลู หรอื สง่ิ ทร่ี บั รบู้ นั ทกึ ไวใ้ นสมองจากนน้ั ประมวลผลออกมาเปน็ พฒั นาการทางภาษาและการสอื่ สาร สิ่งส�ำคัญของพัฒนาการทางภาษาส�ำหรับเด็ก คือ การเพ่ิมพูนค�ำศัพท์ ค�ำศัพท์จึงเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ใน การสอนคำ� ศพั ท์ต่าง ๆ ในการสอนคำ� ศพั ทน์ ้นั ต้องมคี วามเขา้ ใจก่อน ซ่ึงจะทราบว่าเด็กเข้าใจคำ� ศพั ทท์ ่ีสอนได้ จากการมอง การดู การชีห้ รอื การหยบิ หรือแสดงทา่ ทางตามทีบ่ อกได้ สอดคล้องกบั กฤษณี ตัง้ ประเสรฐิ สขุ (2550: 5) ได้ให้ความเห็นว่า พัฒนาการด้านการเรียนรู้ค�ำศัพท์เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการทางภาษาและ การพูด เด็กจะเรยี นรคู้ �ำศพั ทต์ า่ ง ๆ ได้ตามพัฒนาการของช่วงวัยทเ่ี หมาะสม เม่อื เดก็ พูดค�ำแรกได้แลว้ จะเปน็ 148 บัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั สวนดุสิต

ชว่ งทเี่ ดก็ เรม่ิ เขา้ ใจวา่ ทกุ สงิ่ รอบตวั มชี อื่ เรยี ก และสามารถนำ� ความรนู้ นั้ ไปเชอ่ื มโยงกบั คำ� เรยี กทไ่ี ดย้ นิ ขนั้ ตอน น้ีเป็นขั้นแรกของการเรียนรู้ค�ำศัพท์และความหมายของค�ำศัพท์ แต่ส�ำหรับเด็กออทิสติกจะมีพัฒนาการทาง ด้านภาษาท่ีแตกต่างจากพัฒนาการเด็กปกติ กล่าวคือ มีพัฒนาการทางภาษาและการพูดล่าช้า ทั้งด้าน ความเขา้ ใจหรอื การรบั รูภ้ าษา และการแสดงออกทางภาษา ซง่ึ เบญจมาศ พระธานี (2554: 158) ไดก้ ลา่ วถึง ข้อจ�ำกัดของเด็กออทิสติกในการเรียนรู้ค�ำศัพท์ที่เป็นอุปสรรคในการน�ำภาษาไปใช้ กล่าวคือ เด็กจะมี ความยากลำ� บากในการเขา้ ใจความหมาย ไมเ่ ขา้ ใจในภาษาทผ่ี อู้ นื่ สอ่ื สารหรอื มคี วามตอ้ งการสอื่ สารกบั ผอู้ นื่ เดก็ อาจเกิดอาการคับข้องใจท่ีไม่สามารถส่ือสารให้ผู้อ่ืนเข้าใจได้ จึงส่งผลให้เด็กอาจแสดงออกเป็นการต่อต้าน การร้องไห้ หรอื ไม่สนใจท่จี ะเรียนรู้ ดังนนั้ ในการสอนทักษะทางภาษาของเดก็ ออทสิ ตกิ จะตอ้ งสอนให้เด็กมี ความเข้าใจภาษาและรู้ความหมายของคำ� ศัพทค์ �ำนน้ั กอ่ น และต้องฝึกอย่างตอ่ เน่อื งสมำ�่ เสมอ ค�ำศพั ท์ท่ีต้อง สอนใหเ้ ดก็ ออทสิ ตกิ ควรเปน็ คำ� ทใ่ี ชใ้ นการสอื่ สารบอ่ ย ๆ ทม่ี คี วามหมายในชวี ติ ประจำ� วนั เชน่ เรอ่ื งของสมาชกิ ในครอบครวั คน สตั ว์ สงิ่ ของทอ่ี ยรู่ อบตวั เดก็ (พชั รี จวิ๋ พฒั นกลุ , 2554: 82) จงึ กลา่ วไดว้ า่ คำ� ศพั ทม์ คี วามสำ� คญั ในการเรยี นรภู้ าษา เพราะคำ� ศพั ทเ์ ปน็ พน้ื ฐานของการเรยี นภาษาทจี่ ะนำ� มาสรา้ งวลี หรอื ประโยคในการสอื่ สาร การพูด การเขียนต่อไป การเรียนรู้ของเด็กน้ันส่วนใหญ่แล้วเกิดจากการท่ีเด็กได้ลงมือกระท�ำผ่านกิจกรรม สอดคลอ้ งกบั ทฤษฎขี อง จอหน์ ดวิ อี้ (John Dewey) และเพยี เจท์ (Piaget) ทก่ี ลา่ ววา่ “การเลน่ เกดิ ขน้ึ ภายใน จิตใจของเด็ก” และการเล่นของเด็กเริ่มตั้งแต่แรกเกิดในวัยทารก เด็กปฐมวัยเรียนรู้ได้จากการสัมผัสและ การกระท�ำ (learning by doing) ดงั ที่ พัชรี จวิ๋ พฒั นกลุ (2554: 88) ทกี่ ลา่ วถงึ การเรียนร้ขู องเดก็ ออทิสตกิ จากประสาทสมั ผสั ทง้ั หา้ เปน็ การฝกึ ใหเ้ ดก็ ทำ� กจิ กรรมเพอ่ื นำ� ไปสกู่ ารฝกึ จำ� สง่ิ ตา่ ง ๆ โดยการรบั รผู้ า่ นประสาท สมั ผสั ทงั้ หา้ ไดแ้ ก่ 1) การกระตนุ้ ประสาทสมั ผสั ทางผวิ กาย 2) การกระตนุ้ ประสาทสมั ผสั ทางตา 3) การกระตนุ้ ประสาทสมั ผสั ทางหู 4) การกระตุ้นประสาทสมั ผสั ทางจมูก 5) การกระตนุ้ ประสาทสมั ผสั ทางล้นิ การเรยี นรู้ ของเดก็ ออทสิ ตกิ จากประสาทสมั ผสั ทงั้ หา้ จะทำ� ใหส้ มองของเดก็ มกี ารตนื่ ตวั และทำ� หนา้ ทไ่ี ดอ้ ยา่ งมศี กั ยภาพ ปัทมา เทยี นชยั (2561: 254) การเรยี นรขู้ องเด็กจากสงิ่ ทท่ี ำ� ได้ และจะท�ำให้มีการเรียนรูข้ องเดก็ มีการพฒั นา ขนึ้ เรอื่ ย ๆ ควรเปน็ กจิ กรรมทสี่ มั พนั ธก์ บั ประสบการณข์ องเขาเพอื่ ใหก้ ารแสดงออกเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เปน็ กิจกรรมท่หี ลากหลายรูปแบบและเนื้อหา เพือ่ สรา้ งประสบการณ์ท่ีกว้างขวาง การจัดกิจกรรมหรือประสบการณ์การเรียนรู้ส�ำหรับเด็กปฐมวัยจึงควรเป็นกิจกรรมบูรณาการผ่าน การเล่นทหี่ ลากหลาย สอดคล้องกับแนวคดิ ของ ฟรอเบล (Froebel) ทีเ่ ชอ่ื ว่า การเลน่ เปน็ การเรียนรขู้ องเดก็ การจัดกิจกรรมใหก้ ับเดก็ ในช่วงปฐมวัยจงึ เปน็ กจิ กรรมเลน่ ปนเรยี น ดังนน้ั เกมเปน็ กจิ กรรมอกี รูปแบบหน่ึงที่ นำ� มาใชใ้ น การจดั กจิ กรรรมการเรยี นรใู้ หก้ บั เดก็ เพราะเกมชว่ ยใหผ้ เู้ ลน่ พฒั นาความคดิ สรา้ งสรรคไ์ ดม้ าก อกี ทง้ั ส่งเสริมความสามารถในการสื่อสาร การตัดสินใจ รู้จักแก้ปัญหา การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่ืนรวมถึงเจตคติทาง ด้านความกระตือรืนร้นท่ีจะฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสในการส่ือสาร (ทิศนา แขมมณี, 2555: 85) การเรียนรู้ผ่านการเล่นจะเป็นการน�ำข้อมูลที่เรียนรู้เข้าสู่ระบบความจ�ำ โดยผ่านการมองเห็น การสัมผัส เมื่อเด็กประสบความส�ำเร็จจากการเล่นหรือในการจ�ำค�ำก็ยังใช้เกมทบทวนค�ำศัพท์ที่ได้เรียนรู้เพ่ือ ให้เด็กเกิดความจ�ำต่อเน่ืองเป็นการท�ำซ้�ำ ๆ เพ่ือทบทวนและเกิดความคงทนในการจ�ำค�ำศัพท์ เกมภาษาจะ ช่วยให้เด็กใช้ภาษาได้และเข้าใจความหมายของภาษาได้คล่องแคล่วข้ึนจนสามารถสื่อความหมายได้ตรงตาม วตั ถุประสงค์ ปีท่ี 16 ฉบับที่ 1 ประจ�ำ เดือนมกราคม - เมษายน 2563 149

ส�ำหรับเด็กกลุ่มออทิสติกเป็นเด็กท่ีมีความบกพร่องทั้งทางด้านภาษา สังคม พฤติกรรม หากเด็ก ออทิสติกท่ีไม่สามารถสื่อความหมายให้ผู้อื่นเข้าใจได้ และไม่สามารถเข้าใจค�ำพูดของผู้อื่นได้ก็จะส่งผลต่อ การเรียนรู้และปญั หาอน่ื ๆ ตามมา จากสาเหตแุ ละปญั หาดงั กลา่ ว ผวู้ จิ ยั เปน็ ครผู สู้ อนในกลมุ่ งานเรยี นรว่ ม ระดบั ชน้ั อนบุ าล ศนู ยก์ ารศกึ ษา พเิ ศษ โรงเรยี นสาธติ ละอออทุ ศิ มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ติ มคี วามสนใจเรอื่ งการสอนคำ� ศพั ท์ โดยนำ� การจดั กจิ กรรม เกมทางภาษามาใช้ศึกษาวิจัยในครั้งนี้ เพราะค�ำศัพท์เป็นพ้ืนฐานของการเรียนภาษา หากผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจด้านค�ำศัพท์มากพอ จะส่งผลต่อความสามารถในการเรียนรู้ภาษาได้มากขึ้น เป็นพื้นฐานใน การส่ือสาร สามารถน�ำค�ำศัพท์มาสร้างเป็นวลี ประโยคหรือเป็นภาษาท่ีใช้ในการสื่อสารได้มากข้ึน ทั้งน้ีเพื่อ เป็นแนวทางในการสอนค�ำศัพท์ส�ำหรับครู ผู้ปกครองหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กออทิสติกในการเลือกกิจกรรม เพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้ค�ำศัพท์ของเด็กออทิสติกได้อย่างเหมาะสม และสามารถน�ำไปประยุกต์ใช้กับเด็กที่มี ความตอ้ งการประเภทอน่ื ให้เกดิ ประโยชน์ไดม้ ากย่ิงขนึ้ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ ศึกษาผลการเรียนรูค้ �ำศัพทข์ องเดก็ ออทสิ ติก ระดบั ปฐมวัย โดยจดั กิจกรรมเกมทางภาษา 2. เพอื่ เปรยี บเทยี บผลการเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทข์ องเดก็ ออทสิ ตกิ ระดบั ปฐมวยั กอ่ นและหลงั การจดั กจิ กรรม เกมทางภาษา แนวคดิ ทฤษฎีที่เกย่ี วข้อง เดก็ ออทสิ ติก มขี ีดจ�ำกัดด้านการรบั รู้ การเคลื่อนไหว รวมถงึ การบูรณาการประสาทความรู้สึก และ พฒั นาทางอารมณ์ ฯลฯ ส่งผลใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมทเี่ ป็นปัญหาหลายอย่าง ซงึ่ ความบกพรอ่ งจะมี 3 ดา้ นใหญ่ ๆ คือ 1) ความผิดปกติทางสังคมและปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่ืน 2) ความผิดปกติทางภาษาและการสื่อสาร และ 3) ความผดิ ปกตทิ างอารมณแ์ ละพฤตกิ รรม อปุ สรรคของการเรยี นรขู้ องเดก็ ออทสิ ตกิ อกี ดา้ นคอื คอื พฒั นาการ ทางภาษา ซงึ่ ภาษามคี ำ� ศพั ทเ์ ปน็ องคป์ ระกอบทสี่ ำ� คญั ในการเรยี นรแู้ ละเขา้ ใจภาษา ในการเรยี นรขู้ องเดก็ ออทสิ ตกิ จะมีขีดจ�ำกัดและเป็นปัญหาต่อการเรียนรู้ท่ีช้ากว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน ส่งผลต่อการเรียนรู้ รวมถึงเป็น อปุ สรรคตอ่ การจดั การเรยี นรู้ รปู แบบการเรยี นรขู้ องเดก็ ออทสิ ตกิ ควรเขา้ ใจปญั หาและความบกพรอ่ งของเดก็ แต่ละคน ในการฝึกและส่งเสริมเด็กออทิสติกสามารถปรับและบูรณาการการสอนการฝึกได้หลายส่วนจาก ความสามารถพ้นื ฐานทีม่ ี สอนสิ่งทีใ่ กลต้ ัวเด็กและทกั ษะทจ่ี ำ� เป็น แบง่ งานเป็นขนั้ ตอนยอ่ ย ๆ หลายข้นั ตอน ใชค้ ำ� พดู หรอื คำ� สงั่ ทก่ี ระชบั สน้ั ๆ ชดั เจน จบั มอื หรอื ทำ� ตวั อยา่ งใหด้ กู อ่ น ฝกึ ทกั ษะการเลยี นแบบใหค้ วามสมำ่� เสมอ ในการฝึก การฝึกหรือการสอนต้องแสดงออกให้เห็นถึงความสนุก น่าสนใจ สีหน้าท่าทางให้ชัดเจนตรงตาม สถานการณ์ จะสง่ ผลทำ� ใหเ้ ดก็ เกดิ การเรยี นรไู้ ดเ้ รว็ ขน้ึ อมุ าพร ตรงั คสมบตั ิ (2550: 85) ไดก้ ลา่ วถงึ การเรยี นรู้ ของเดก็ ออทิสติกท่ีมขี ีดจำ� กดั อกี ด้านคอื การเรียนรู้ภาษา การคิด รวบยอด รวมถึงการเขา้ ใจความหมายของ คำ� ศพั ท์ ในการสอนค�ำศพั ท์เด็กออทิสติกควรใหเ้ ด็กรู้จักค�ำต่าง ๆ และควรเป็นค�ำทมี่ คี วามหมาย สอดคลอ้ ง กบั สถาบนั ราชานกุ ลู (2557: 9) ทก่ี ลา่ วถงึ การสอนภาษาหรอื การสอนใหเ้ ดก็ รจู้ กั คำ� ศพั ทค์ วรสอนตามหมวดหมู่ ของค�ำ เชน่ หมวดผลไม้ สตั ว์ เครือ่ งแต่งกาย เป็นต้น การสอนพูดหรือการสอนเร่อื งต่าง ๆ ควรสอนแบบซ้�ำ ๆ 150 บัณฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลัยสวนดสุ ิต

ยำ้� บอ่ ย ๆ กบั คำ� ศพั ท์ ดงั นนั้ ครผู สู้ อนจงึ จำ� เปน็ ตอ้ งหารปู แบบการจดั การเรยี นรใู้ หเ้ หมาะสมและสอดคลอ้ งกบั ปญั หาหรอื ขอ้ บกพรอ่ งตามความตอ้ งการจำ� เปน็ ของเดก็ แตล่ ะคน เกมเปน็ อกี ทางหนงึ่ ทสี่ ามารถสง่ เสรมิ ทกั ษะ ทางภาษา เนื่องจากการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ภาษาผ่านการเล่นเกมอย่างมีความสุข ผู้เรียนเกิดความเบื่อหน่าย น้อยลง มีความอยากรู้อยากเรียนเพิ่มมากขึ้น ความรู้ที่ได้จากการปฏิบัติกิจกรรมจะเกิดความคงทน ผู้เรียนสามารถน�ำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจ�ำวันได้อย่างถูกต้อง ซ่ึงสอดคล้องกับความคิดที่กล่าวว่า วิชาที่มี ลกั ษณะเปน็ นามธรรม การจดั การเรยี นการสอนจำ� เปน็ ตอ้ งมสี อ่ื เพอ่ื เชอื่ มโยงความเขา้ ใจของผเู้ รยี นในลกั ษณะ ท่ีเป็นรูปธรรม โดยธรรมชาติของผู้เรียนจะอยู่นิ่ง ๆ นาน ๆ ไม่ได้ จ�ำเป็นต้องน�ำเทคนิควิธีการสอนมาใช้ เพอื่ จงู ใจใหผ้ เู้ รยี นสนใจในการเรยี นดว้ ยความสนกุ สนานไมเ่ บอ่ื หนา่ ยทำ� ใหเ้ กดิ การเรยี นรดู้ ว้ ยความเขา้ ใจงา่ ย มคี วามจำ� เปน็ และเก่ยี วขอ้ งกบั ชีวิตประจ�ำวนั ครูจงึ ต้องจดั สภาพแวดล้อมให้ผเู้ รียนเรียนร้ไู ด้ โดยจัดกจิ กรรม เกททางภาษา เพราะเกมจะท�ำใหเ้ ดก็ มงุ่ ทำ� กิจกรรมจนลืมวา่ ก�ำลงั เรียนอยู่ และขณะท่ีเลน่ เกมนัน้ เด็กก็จะใช้ ภาษาไปดว้ ย สอดคล้องกบั สอดคล้องกบั รบู ิน และไมโอนี (Rubin and Maioni, 1975: 171-179) ไดศ้ ึกษา ขนั้ พนื้ ฐานพฒั นาการทางการเลน่ ของเดก็ ดา้ นความสามารถในการแยกการจดั หมู่ การจดั ประเภทของสง่ิ ตา่ ง ๆ การยอมรับความคิดเห็นทัศนะของผู้อื่น ผลการวิจัยพบว่า พัฒนาการทางการเล่นของเด็กมีสัมพันธ์กันใน ทางบวกน่ันคือ การท่ีเด็กได้เล่นมาก ๆ จะท�ำให้เด็กยอมรับความคิดเห็นและทัศนะของผู้อื่นได้ดี ตลอดจน มคี วามสามารถในการแยก การจดั หมวดหมู่ และจดั ประเภทของสงิ่ ของตา่ ง ๆ ไดด้ ดี ว้ ย หากเรยี นรผู้ า่ นการจดั กจิ กรรมการเลน่ ซงึ่ สุรางค์ โค้วตระกลู (2554: 205) กล่าวถงึ การเรียนรู้ของเดก็ นน้ั เดก็ จะเรียนรู้ไดจ้ าก การสมั ผสั และการกระทำ� และกจิ กรรมเดก็ ปฐมวยั สว่ นใหญจ่ ะเนน้ การเรยี นรผู้ า่ นการทำ� กจิ กรรม ซงึ่ เดก็ จะไดห้ ยบิ ได้จับ ได้สัมผัสโดยผ่านกิจกรรมท่ีจัดไว้ ดังน้ันในการเรียนรู้ค�ำศัพท์ของ เด็กออทิสติก ระดับปฐมวัย โดย การจดั กจิ กรรมเกมทางภาษา เปน็ อกี วธิ กี ารสอนทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพและมงุ่ เนน้ การเรยี นรภู้ าษาโดยผา่ นการเลน่ ซงึ่ การเรยี นรโู้ ดยผา่ นกจิ กรรมการเลน่ นน้ั ทำ� ใหเ้ ดก็ ไดม้ โี อกาสไดล้ งมอื ทำ� สง่ิ ตา่ ง ๆ ดว้ ยตวั เดก็ เอง เดก็ มโี อกาส ไดค้ ดิ ได้สัมผัสกับโอกาสที่ก่อใหเ้ กิดการเรียนรู้ไดม้ ากขนึ้ เพราะโดยธรรมชาตขิ องเด็ก เดก็ อยากเล่นมากกวา่ อยากเรยี นและในขณะเดยี วกนั เดก็ ก็เกดิ การเรยี นรู้จากการเลน่ เรียนร้ดู ว้ ยความสนุก ไมถ่ ูกบังคับ ท�ำให้เกดิ การเรยี นรทู้ ส่ี มบรู ณล์ ะนา่ สนใจมากขนึ้ ทฤษฎเี กยี่ วขอ้ งกบั การเลน่ มหี ลายทฤษฎดี ว้ ยกนั หนงึ่ ในนนั้ คอื ทฤษฎี คอนสตคั ตวิ สิ ต์ (construtivist theory) หรอื คอนสตรคั ตวิ ซิ มึ (constructivism) โดยทฤษฎี คอนสตรคั ตวิ ซิ มึ นั้นนักเรียนจะมีโอกาสสร้างความรู้ได้ด้วยตนเอง ซ่ึงจะเป็นความรู้ท่ีเข้าใจจริง ๆ และเป็นความรู้ที่ถาวร (รุ่งอรุณ ลียะวณชิ ย์, 2555: 11) อีกทั้งแนวคดิ ทฤษฎีของการเลน่ ของ เฟรดริค วลิ เฮล์ม เฟรอเบล (Friedrich Wilhelm Froebel 1782-1852) จากคำ� กลา่ วของเฟรอเบล (Froeble) สวุ มิ ล อุดมพริ ยิ ะศักย์ (2549: 56) และ กุลยา ตนั ตผิ ลาชีวะ (2555: 62) สรุปไวว้ ่า “เด็กเปรยี บเสมือนเมลด็ พนั ธท์ุ ่ตี อ้ งการการพัฒนาให้งอกงาม ท้ังสติปัญญา ร่างกาย จิตใจและสังคม การจัดการศึกษาท่ีดีต้องส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้เต็มศักยภาพใน ทกุ ดา้ นอยา่ งมคี วามหมาย” กลา่ วคอื ธรรมชาตขิ องเดก็ จะมคี วามเปน็ ตวั ตนของเดก็ แตล่ ะคนและเดก็ จะแสดงออก หรอื มปี ฏกิ ริ ยิ าโตต้ อบออกมาใหเ้ หน็ เมอื่ มกี ารจดั การเลน่ ใหเ้ ดก็ ประสบการณท์ จี่ ดั ใหเ้ ดก็ จะตอ้ งสะทอ้ นระดบั พฒั นาการ การเรียนที่ดีตอ้ งให้เด็กมีประสบการณใ์ นการเลน่ เด็กควรไดร้ ับประสบการณ์การเรยี นรทู้ งั้ ในและ นอกช้ันเรียน โดยเฉพาะ การเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ดีส�ำหรับเด็ก คือ การเรียนด้วยการเล่น หรือเล่น ปนเรยี น นั่นเอง และจากการศึกษาธรรมชาติการเรยี นรขู้ องเดก็ ในทศั นะของเพียเจท์ (Piaget) ท่กี ล่าววา่ เด็ก ปีที่ 16 ฉบบั ท่ี 1 ประจ�ำ เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 151

จะเรียนรู้ไดด้ ี โดยผา่ นประสบการณ์ตรงที่เป็นรูปธรรม เด็กสามารถเรียนรดู้ ว้ ยการกระท�ำ โดยการใชป้ ระสาท สมั ผสั ทง้ั 5 คือ การสัมผัสและการไดล้ งมือปฏิบัตจิ ริง การสัมผสั จบั ตอ้ งส่งิ ของตา่ ง ๆ จะชว่ ยพัฒนาประสาท โปกสแคลนจิฏรกะใิบงจกไกอสรปสัตดกรัมยาารริจค้ามรร่าผะา้รรน้พกจงงสัสงิเเทัาดหรัฒบกขกรียาสาาคา้าเนนงสภรรใรวสารจียรบืสาามปู้ดขับนมัมพเอว้สรอรรผสแยงะาู้ทงู้ขสัาวกะสเกี่สอเจดดาราิจ่งงบัแร็ก็จลทเกเลตลสเดอ้อรสปง้อระ็กยมรมัม็ิมนงไ่ามซทอืสดผใรงใ่ึงหก่งิี่้แเัสะชนจอขร้เสยใดัวะดอื้ะอหะดยัเน็กทงตจ้มงเตไ�ำๆดาน่ออดาา่ไอ็กกอกป้ปงดยจกาทฏสังๆ่าึงรนง่ีู่กสิบคเเจเั้นดุาดวัรตขะรร็กียิจ้าชกเเใไดนรชนว่จาดิงังรย่ือ้นรขเ้นู้พรจไมอหด้ัแนยีัดฒังโน้คลยเนสักดน้นคงะรภใก็ากหส้อูรนาปอับูจารยพกยรสึง้โา่าาะแา่คคืบงงรงสวรใเพวเชดาพหสงรดััฒทลสาล้เจเสด้อะนรจดิัดมั็กม้านาเกแผงพปทเลิจกทัสรลี่เะกิดอกาะินไรงื้าอคสดสรรตาแว้แรมมท่อาลสบั กอมสกะดรางัมสาปงขู้ รรผอนรอกเเสัอะรงใริจใเจกียสียดหกกนบนก็เร้มาดรครซราร็กูู้้ทวมงึ่กแเไจาี่สรใทลดะมนีย่ง่ีส้ะเนสเรวนดุสสาียัย�ำรรรไนเดเู้ด้ปาริมดรงังจ็้วส็กในู้อใเยห่กูหจย้ันปาก้เ้ึงเ่า็นดรดาคคงเร็ก็กรเรชวพะลไจูเือ่รกดยลึงงเมิดนิดค้ะปมโควเ้นยืฏอๆพรวงหกิบลจกาดนรัตัดิมนับังะักิจนทใรนั้น�ำิง กรอกบแรนอวบคแิดนวคิด ตวั แตปัวรแตป้นรตน้ ตัวแตปัวรแตปารมตาม การเรียนรคู้ าศัพท์ การจัดกิจกรรมเกมทางภาษา 1. เคร่ืองแตง่ กาย 2. ของใช้ 3. อวัยวะ 4. อุปกรณ์การเรยี น 5. ผลไม้ 6. ผกั ภาพภทาพ่ี 1ทก่ี 1รอกบรแอนบวแคนดิ วคดิ สมมสตมฐิ ามนตกฐิาราวนจิ กยั ารวิจยั ผลกจาราเกรผียผลนลกรกู้คาผาราลรเศกรเพัรยีาียทรนนข์เรรอรู้คียู้คง�ำนเาศดรศ็กพั ู้คัพอท�ำทอศข์ ์ทัพอขิสองทตเง์ดกิ เขด็กรอ็กอะงออดเอดทบั ท็กสิปิสอตฐตอมิกิกทวรยัิสระตะกดิกดอ่ับับนปรกปฐะาฐมดรมวจับวัยัดปัยกฐกิจหม่อกลวนรังัยรกกมาาหเรรกลจจมดัังัดทกกกาาิจิจงรกกภจรราัดรษรกมมาิจเเกกกมมรรททมาาเงงกภภมาาทษษาาางแภตากษตา่างแจตากกต่าง ระเบรียะบเวบธิจยี วีาบจิกัยกวาิธรีววจิิจััยยครั้งน้ีการวิจัยคร้ังน้ีเป็นการวิจัยก่ึงทดลอง (Quasi-Experimental Research) ได้กาหนด ขอบเขตประชจาากกรกแาลระวกจิลยัมุ่ คตรวั ง้ัอนยกี้่าางรดวังจิ นยั ้ี ครงั้ นเ้ี ปน็ การวจิ ยั กงึ่ ทดลอง (Quasi-Experimental Research) ไดก้ ำ� หนด (มใแPนหลuราะrมอกขวะpมทิอายหoดีใรยู่ใบsาับบนแiาวเvช12ปขพลวรทิe))ัิะ้ัยตนรนทยะSดสปิอจป1ยปกาชaวับรล)์ลนฉรรmาน แะชยัะุ่ะัมกุยบดลปชั้นpชสชรตจุสาะาาlรแอวาัวiติาลกกมnะกนลนอกรรgใีชะรดยุบ1บ)แแแกาไุส่าาไลวกดลพลงภิตลดินะ้แรุ่มะท้ราไกิจกตกดับ1คยไลฉ่วัล้แกนด์เอัยมุ่ ุม่ภกราักร้แยจตตรี่ยาเะก่าานวัรวควันงบ่กียอัินกอเนทุแนรเยิเจยรปียักีพ่ชา่ฉ่าีย1็นเงานัทยงรนยททอยดียปชแ่ีา์งัอนีกาลร1งนยทชะะกา้ีแาหิบราสปยลรญศเุตีกปแแะึกิิงากพหล็นรษรทะญอศไะาหยอมึกิงด์ญท่ษ2มับแร5ิสีาิงปลคะ6ตะดฐว2ร1กิมมับาะ5ีวใปมศได6บยั มูฐนพ1ับว่มมจยิินกปาีควศ์กิจาฐนัยวูนฉารมวารัยยจซวนมศจ์กา้ัยอพึกาน1านกกิร2ษวจแศานา�ำคมรพึกพนนซา6ทษิวเเอ้ ศยไารนคนด์พีษยนร้รนิเ1มะับศโโส2บารกดษมเุเงายรปคเ่ารียกรโ็นเนวรีนยสาินองรนมสจิเอไเรอมดสลฉทีย�่ำื้ารัอยิสกนเัธบทกตสาสิตกแาิกลมางลบาังอธกไะรศบมิตาวอกึกเร่มลินจอำ�แษีคะาิจลอพาอวะฉงัุทอทาอจศัยมิศยยองึกทู่์ ุทษาิศาง พกิ ารซ้อน มาเรียนสม่าเสมอ มอี ายุใกล้เคยี งกัน สามารถพูดออกเสยี งเป็นคาได้ ผู้ปกครองและครูประจาอนุญาตให้ เข้าร่วมในการวิจัย กาลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นอนุบาล 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 ศูนย์การศึกษาพิเศษ 1โ5ร2งเรยีบณันฑสติ าวธิทิตยาลละยั อมอหาอวุทิทยิศาลมยั สหวานดลสุ ยั ิตวิทยาลยั สวนดสุ ิต ตัวแปรท่ใี ช้ศกึ ษาในคร้ังน้ี มีดงั นี้ 1) ตวั แปรตน้ คือ กจิ กรรมเกมทางภาษา

2) กล่มุ ตวั อยา่ ง ได้แก่ นักเรยี นชายและหญิง ระดับปฐมวยั จำ� นวน 6 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ไดร้ ับการวินิจฉยั ทางการแพทย์ และมใี บวนิ จิ ฉัยจากแพทย์ ระบเุ ป็นออทิสตกิ ไมม่ ี ความพกิ ารซอ้ น มาเรยี นสมำ่� เสมอ มอี ายใุ กลเ้ คยี งกนั สามารถพดู ออกเสยี งเปน็ คำ� ได้ ผปู้ กครองและครปู ระจำ� อนุญาตให้เข้าร่วมในการวิจัย ก�ำลังศึกษาอยู่ในระดับช้ันอนุบาล 1 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2561 ศูนยก์ ารศึกษาพิเศษ โรงเรียนสาธติ ละอออทุ ิศ มหาลัยวทิ ยาลัยสวนดุสติ ตวั แปรทีใ่ ชศ้ ึกษาในครัง้ น้ี มดี ังนี้ 1) ตวั แปรตน้ คือ กิจกรรมเกมทางภาษา 2) ตัวแปรตาม คือ การเรยี นรู้ค�ำศพั ท์ เคร่อื งมือและการตรวจสอบคณุ ภาพของเคร่ืองมือ มดี ังนี้ 1) แผนการจัดกิจกรรมเกมทางภาษา จ�ำนวน 24 แผน ค�ำศพั ท์ 48 คำ� ใชเ้ วลาการสอนแผนละ 20 นาที โดยมีโครงสร้าง ดังน้ี 1) จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม 2) ส่ือ/อุปกรณ์ 3) เน้ือหาคือค�ำศัพท์ท่ีน�ำมาจัด การเรียนรู้ แบ่งออกเป็น 6 หมวด มีเครื่องแต่งกาย ของเคร่ืองใช้ อวัยวะ อุปกรณ์การเรียน ผลไม้และผัก 4) ขนั้ จดั กจิ กรรมเกมทางภาษา มที ง้ั หมด 3 ขน้ั ตอน คอื ขน้ั นำ� ขน้ั จดั กจิ กรรม ขนั้ สรปุ และ 5) ขน้ั ประเมนิ ผล ดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item Objective Congruence หรือ IOC) คะแนนความคิดเห็นใน การพจิ ารณา แผนการจดั เกมทางภาษาของผเู้ ช่ียวชาญทง้ั 3 ทา่ น รวมมคี ่า IOC เทา่ กับ 0.93 2) แบบทดสอบการเรียนรู้คำ� ศัพท์ จ�ำนวน 24 ค�ำ รวมเป็น 24 คะแนน เลือกค�ำศัพท์จากหน่วย การเรียนการสอนในภาคเรียนที่ 1 ของสถานศึกษาสร้างแบบทดสอบการเรียนรู้ค�ำศัพท์ แบ่งแบบทดสอบ เปน็ 6 หมวด หมวดละ 4 ขอ้ ๆ ละ 1 คะแนน โดยเลอื กจากการส่มุ อยา่ งงา่ ย ต้ังเกณฑ์การให้คะแนนของ แบบทดสอบ ดชั นีความสอดคลอ้ ง (Index of Item Objective Congruence หรือ IOC) โดยให้คะแนน ความคดิ เหน็ ในการพจิ ารณาแผนกจิ กรรมเกมทางภาษา ของผเู้ ชย่ี วชาญทง้ั 3 ทา่ น รวมมคี า่ IOC เทา่ กบั 0.91 เกณฑ์การแปลความหมายการให้คะแนน ก�ำหนดระดับคะแนนไว้ 4 ระดับ คือ เมื่อช้ีภาพได้ถูกต้อง ให้ 1 คะแนน และเมื่อช้ีภาพไม่ถกู ต้อง ให้ 0 คะแนน และต้งั เกณฑ์เวลาในการทำ� แบบทดสอบ ข้อละ 1 นาที 3) ผู้วิจัยมีวิธีการทดลองการวิจัย โดยใช้แบบแผนการทดลองแบบกลุ่มเดียวโดยวัดก่อนและหลัง (One Group Pretest-Posttest Design) (ศิริชัย กาญจนวาสี และคณะ, 2559: 27) ผวู้ จิ ัยด�ำเนินการทดลอง และเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุม่ ตวั อย่าง โดยมีขน้ั ตอน จากนน้ั ดำ� เนนิ การคัดเลือกนักเรยี นออทสิ ตกิ ระดับช้ัน อนุบาล 1 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2561 จำ� นวน 6 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) และจดั เตรยี มแผนการจดั กจิ กรรมเกมทางภาษา แบบทดสอบการเรยี นรคู้ ำ� ศพั ท์ นำ� กลมุ่ ตวั อยา่ งแบบทดสอบ การเรียนรู้คำ� ศัพท์ ทดสอบก่อนการทดลอง (Pre-test) ครกู ำ� หนดเวลาในการชแี้ ต่ละภาพข้อละ 1 นาที 4) ด�ำเนินการทดลองตามแผนการจัดกิจกรรมทางภาษา ทั้งหมด 24 แผน โดยใช้ระยะเวลาใน การทดลองทงั้ หมดเป็นเวลา 6 สปั ดาห์ สปั ดาห์ละ 4 วัน วันละ 20 นาที รวม 24 ครง้ั 5) ดำ� เนนิ การทดลองสน้ิ สดุ ตามระยะเวลาทกี่ ำ� หนด นำ� กลมุ่ ตวั อยา่ งแบบทดสอบการเรยี นรคู้ ำ� ศพั ท์ ทดสอบหลงั การทดลอง (Post-test) โดยใชแ้ บบทดสอบชดุ เดยี วกนั กบั การทดสอบกอ่ นการทดลอง (Pre-test) ครกู �ำหนดเวลาในการชแ้ี ตล่ ะภาพ ขอ้ ละ 1 นาที ปีท่ี 16 ฉบับท่ี 1 ประจำ�เดือนมกราคม - เมษายน 2563 153

ผลการศึกษา 1. ผลการเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทข์ องเดก็ ออทสิ ตกิ ระดบั ปฐมวยั กอ่ นการจดั กจิ กรรมเกมทางภาษา คา่ เฉลย่ี และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน ผลการเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทข์ องเดก็ ออทสิ ตกิ ระดบั ปฐมวยั กอ่ นการจดั กจิ กรรมเกมทาง ภาษา ในภาพรวมอยใู่ นระดบั ความรปู้ านกลาง คา่ เฉลย่ี 1.94 คดิ เปน็ รอ้ ยละ 48.50 สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน 0.34 เมอ่ื พจิ ารณาเปน็ รายดา้ น พบวา่ การประเมนิ ผลการเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทข์ องเดก็ ออทสิ ตกิ ระดบั ปฐมวยั กอ่ นการพฒั นา โดยจดั กจิ กรรมเกมทางภาษา อยใู่ นระดบั ความรคู้ วรปรบั ปรงุ 2 หมวด คอื ของใช้ และผกั สว่ นหมวดอปุ กรณ์ การเรยี นอยใู่ นระดบั ควรปานกลาง หมวดเครอ่ื งแตง่ กาย และผลไม้ อยใู่ นระดบั ความรดู้ ี และหมวดอวยั วะอยใู่ น ระดบั ความรดู้ มี าก คา่ เฉลย่ี และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานผลการเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทข์ องเดก็ ออทสิ ตกิ ระดบั ปฐมวยั หลงั การพฒั นาโดยจดั กจิ กรรมเกมทางภาษา ในภาพรวมอยใู่ นระดบั ความรดู้ มี าก คา่ เฉลย่ี 3.61 คดิ เปน็ รอ้ ยละ 90.25 สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน 0.33 เมอื่ พจิ ารณาเปน็ รายดา้ น พบวา่ ผลการเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทข์ องเดก็ ออทสิ ตกิ ระดบั ปฐมวยั หลงั การพฒั นาโดยจดั กจิ กรรมเกมทางภาษา อยใู่ นระดบั ความรดู้ มี ากทง้ั 6 หมวด คอื เครอ่ื ง แตง่ กาย ของใช้ อวยั วะ อปุ กรณก์ ารเรยี น ผลไม้ และผกั ตามลำ� ดบั รายละเอยี ดดงั ตารางที่ 1 และตารางท่ี 2 ตต าาารรหหราามมา542662511343งงงววทท............ ทดดีี่่ 11ี่ 1 คกกคอเเขออผอผผผขคกจจิิ่่าาคคออกัักลลวุปวปุ เเอ่กก่ารรฉฉยัยังงไไกกอ่่ืือรรนเมมลลใใววฉรรรรชชงงก้้ะะ่ี่ียยณณมมแแล้้ าแแเเตตี่ย์กก์รกกลลงง่่าาจแผผะะมมกกรรดัลสสลลททาาเเก่่รรววกกะยยาายีียนนิจงงาาสนนภภเเรรก่วบบเเาารรรน่ี่ียยษษรรรยยีี งงเววาามนนบเเมมบบเรร่ียกนนูค้คู้ งมมมาาเทาาศศบตตาัพพันรรงททฐฐมภาา์์ าานนษตผผราลลฐกกาาานรรผเเรรลีียยกนน11223120223210ารร..............XXร01300381803399ูู้้คคเ33033007370344าารศศียััพพนททร00000000000000SS์์ขขู้ค................ออ68445448565533DD�ำงง29113132912244ศ..เเดดัพ็็กกทออรร์ข44อ้อ้ออ255585258252อ88ยย003045058843ทท..ง............ลลิิสส55077202202220เะะตต00555555550000ดิิกก็กอรระะคคคคอปปดดปปววววทคครรรรััาาบบาารรดดิสปปปปนนนนววะะปปมีมีตดดดดรรรราากกกกดดฐฐาาิัับับบบักมมีีีีลลลลับับกกมมปปปปรราาาาววูู้้งงรรรรรงงััยยงงุุงงุุะกกด่่ออับนนออปกกนัันฐทท553622413164าาดดมรร่ีี่ ับับวจจัยัดด ตตต าาหหารรรมมาา122434565163างงวว............งททดดท่ี่ี 22่ี 2คคโโอขผอเอเอผขผผ คคดด่่ออาากักัลลุปวุวปรรคหยยเเยััยงงไไกกฉฉออ่ื่ืจจมมใใ่ลาววรรลลชชงงัดัด้้ะะเงัณณแแี่ี่ยย้้ฉกกกแแตตก์ก์ลจิิจาลลง่่งผผาากกี่รยกกะะรรลลพรรแาาสสเเรรกกรรยยฒัลรร่่ววมมยยีีาาววนนะนเเรรนนมมกกเเสเเบบารรมม่วโีี่่ยยยียีททดนงงนนาายเเเบบรรงงจบภภคูู้ค้นนดั่ียาาาามมกษษศศงาาิจเตตพัพัาาบกรรททฐฐนร์์าารมนนมาผผเตกลลรมกกฐาาทรราาเเนงรรภผีียยานนล33334333333343ษรรก..............XX11686008881166ูู้้คคาา37733003777711าารศศเรััพพียททน์์ขข00000000000000SSรออ................ู้445405707444ค33งงDDเเ01112510511233�ำดด.. ศ็็กกัพออออททท11รร์ข99799777999900ิิสส้้ออ009599519155อ00ตตยย............ง277727272722..ิิลลกก00เ555555555555ะะด00รร็กะะอดดอัับบทปปคคฐฐิสดดรรดดดดดดดดดดดดมมววะะตมีีมมมีีมมมีมีมีมีมมีีีมมีีี าาววดดิกาาาาาาาาาาาาาามมััยยบบัักกกกกกกกกกกกกกรรหหรูู้้ ะลลดัังงกกับาาออปรรันันพพฐทท452245215152ดดมััฒฒ่ี่ี บบัั วนนัยาา 154 MMเเกกบaaมมัณttททฑccิตาาhhวงงeeิทภภยddาาา22--ลษษPP..ัยาาaaมกกrrหผผiissาาาลลวรรSSทิกกเเยiiปปาาggารรnnรรลททยัีียยeeสดดบบddวนสสเเ--ดททRRออสุ aaีียยบบิตnnบบสสkkผผมมTTลลมมeeกกตตssาาฐิฐิ ttรราา))เเนนรรพพดดีียยบบ้วว้นนววยยรร่่าากกูู้้คคาาผผาารรศศลลววััพพกกเิิเคคาาททรรรร์์ขขาาเเออรระะีียยหหงงเเนน์์ดดววรร็็กกิลลิ ูู้้คคออคคาาออออศศททกกััพพซซิิสสททออตต์์ขขนนิิกกออแแรรงงมมเเะะดดททดด็็กกัับบแแออพพปปออรรฐฐทท์์มมซซิิสสววาาตตััยยยยิิกกดดกก์์รร่่ออแแะะนนรรดดงงแแัับบคคลลปป์์ ะะเเททฐฐหหมมสสลลววัังง((ััยยกกTThhาากกรรee่่ออจจนนWWััดดแแกกiillลลิิจจccะะกกooหหรรxxรรooลลมมnnัังง

4. อุปกรณก์ ารเรยี น 3.17 0.75 79.25 ดมี าก 5 5. ผลไม้ 3.83 0.41 95.75 ดีมาก 2 6. ผกั 3.17 0.41 79.25 ดีมาก 5 3.61 0.33 90.25 ดมี าก รวม M(กเ(รเนpกTกะาัยaม-hมรดvสtทeจcaทับ�ำาhัlดคาปuงeWกงภัญeฐdิจภา2มi2ท-=lกษา.Pc.ว ารษาaoั.ยง0รกกrาxสผi2มาsาoกลถ6รรเSผ่อnกกติ)เเiปปลานgมทิรรรnราMกทแ่รี ทียยียeะาลาaดบลบdรดงะtสะเเ-ทภcับหททRเอhอาดaีลยยีบ.ษยีen0สบบังสดkdาก5อผผมด-าTบลลมใ(Pังรนpeกกตตสaจs-ภาาฐิามrvัดtรรราiา)saมกเเนาพรรพlงติจดuียยีSรทบิกฐว้eนนiวี่gวยาร3มรรn่า=กรนู้คคู้ eมาแผดำา�.รdเ0ตศศล้วกว-2กัพพกัยเิRมค6ตาททกaทร)ร่า์ขข์าnาาเรงอรอระkงาจียวหงงภยาเเนิเT์าดดลกควรeษ็กกะ็กิลรู้คsเอาอ่คอาtาออออน)ะศยีใททกหกัพนดพซิสสิา์ทภดบอตตรว์ขังานวิกพกิิลตพอ่าแัฒคารรงรมรเะะอวนผดทาดดมกลา็กงบัับแอซทกอปพปแยอาอ่ี 3ฐตรฐ่ารทน์มมงกเซิสแรมววตาตียมยัยัีนย่าิกนทัยดงกกรจส์รอ่่อแู้คาะแานนร�กำดคพแงแศกับัญคลรลัพ่อป์ะ์ะทเนททหฐซหามก์สขลาลงวางสอยััง(ัยกรกTถงดพาhเาิต์กดรรัฒeิทแ่อจ็กจ่ีรนรนWดััดอะงแกากอiคดlอลจิิจcทั์บกยะกoิสเหร่ารxทต.รงรoล0สมิกมมnั5งี ตต าารราางงทที่ ี่33กเ กามกเรกทาเมปราทเงรปภียารางบยีษภเบทาาเีษยทในบายี ภผบใาลนผพกภลราากวรพามเรรรเียวรมนยี รนู้คราคู้ ศำ� ัศพพัทท์ขข์อองเงดเด็กก็ออออททิสสิตติกกิ รระะดดับบั ปปฐฐมมววัยยั กก่ออ่ นนแแลละะหหลลังงั กกาารรจจัดดั กกิจิจกกรรรรมม ผลการเรียนรคู้ าศพั ท์ n Mean T+ T- T Test p-value กอ่ น 6 1.94 6 0 statistics หลงั 6 3.61 0 2.226 .026 * p<.05 (T.05, 6) = 1 ขขอ้้อมมลููลจจาากกตตาารราางงทที่ ี่33กกาารรเเปปรรียยี บบเทเทียยี บบผผลลกการาเรรเียรนยี รนคู้ ราคู้ ศำ� ัพศทพั ์ขทอข์ งอเดง็กเดอก็ออทอิสทติกสิ ตรกิะดรับะดปบัฐมปวฐัยมกวยั่อนกแอ่ ลนะแหลละัง กหาลรังจกดั ากรจิ จกดั รกรจิมกเกรมรทมาเกงภมาทษาางภในาภษาาพใรนวภมาพแรสวดมงดแว้ สยดแผงดนว้ภยูมแิทผ่ี 1นภไดมู ด้ ิทงั ี่น1ี้ ได้ดังน้ี คะแนน กอ่ น หลงั การเรยี นรคู้ าศัพท์ในภาพรวม แผแนผนภภมู ูมทิ ทิ ี่ 1่ี 1ผใผนลลกภกาาาพรรเรเรรวยี ียมนนรรู้คคู้ �ำาศศพััพททข์์ขเออกงงมเเดทด็กา็กองออภอทาทิสษสิตาติกในิกรภะราดะพับดรปบั วฐปมมฐวมัยวกยั อ่ กน่อแนลแะหลละังหกลางั รกจาดั รกจิจดั กกริจรมกเรกรมมทางภาษา อภิปราอยภผิปลรายผล พอกอ2อ่ภยบหนู่ใปิวนมก่ารรวาาะดรผยพอพคปขผดลผจ1ภคลอวบัฒฐััฒก.ลาาอกืปิมงคกน ไานมใาวรดจวรกชาารขราัยาด้าเโ้าู้ยโดเรอดแมกรดงัรหผีียงยีลยนรศผแยล1จใลนกูด้นะชล้ีึกลกไ.าังราดผีร้ะษกกากรู้คแู้จด้แคักเราากาจร�ำลาลงัาจรรกดัื่อาศนสกศะะพัดเรากง่วผัพี้เรัพผักฒรอศรจินีลยกัททเิื่อจวึกกนกรหน์์ัยกงรษียากาสมรกอวรรรโนาว่อู่้ควมะ่อวรดเกนนรดรอ�ำเมัยนยกาู้หคยีกอศยวเจกรมกน�ำมาุู่ปใะัพัดาเทนศรมรวรอกกรทจ้คูารัพดีทยยจริจัดง์ะขาอนทาณู่ใัดกภศดกอนปุงร์ขกรา์ััิพกบจภงกรู้ครอษิจกาเทคะารมาดงการรษวณด์ขศเเใ็กเรรกาดนอบัราัพก์รมอมม็กียงภใคมาทเรอนเทอนการดวเู้ด์ขทภพากอเมอา็กีรมองิสามมทรทยอยีภางพวตู่รทใาิสอนกเามนดู้รงิดกทตาอษอภรวแมี็งกิกิสยายะมาภลารอตใู่ใู่ดษอะกนะาใรนิกอันบยากษดระรทแู่ภรใะาปดับาะกนิสะลรดาาดับปารปดตะพบักนบัระปฐัิบรกกราปกเดคฐมะรปาวราลัวบรียมเรวมเฐนมาาระคนปวัยมอมงกินียวดัยรรยวรลานัผหู้คบะโยัู่ปใู้มานดลรโามเปางรดมโู้คศรกยวนู้ฐปดะยินัพ�ำาหกดกมายดกรศผทเามนลกวับเคาัพลร์รอวากัยารครจีกยงดทยลรจ่ือวัโดนจาเู่ใา์อาัดคดเงนงรดักรมมยแกรยเรู้คกเิอจื่รู่ใรตอื่มิจะกาินจู้ดพกีย่งง่ืดอกศากีมรแนกรจิ พับรรัพระาตราารจริรคจกทดรมยง่คู้มัดมาวณกับ์ขเท�ำรเเกรแกาอกศกคาณั้งปิลจยมเงมมัพวปรา6ะกเททรทดเทับแน็ผรปปหาา็กาลปข์รรล็นงงรงมอาะมอรไภภรภับยวอมผุงงาเาาดาดปกทล้เยษ2ดษอษา้มไริสดคามน็กยาาุงหทต้าือู่้ในกมิกาน่อองวพรรภนดวะะบัยากดดคษววาับัืบอะ่ราา ของใช้ ผลไม้ เครื่องแต่งกาย อปุ กรณก์ ารเรียน และผัก ตามลาดบั และแตกตา่ งอย่างมนี ยั สาคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .05 หากพิจารณาจากการเรียนรู้คาศัพท์ของเด็กออทิสติก พระบดวับ่า ปกฐาปมรีทป่ีว1ัรย6ะฉกเบม่ับอินทนี่ ผ1กลปารกระาจจำ�รัดเเดกรือียินจมนกกรรราู้ครคมามศเ-กัพเมมทษทา์ขยาอนงง2ภเ5ดา63็กษอา1อใ5นท5ภิสตาพิก รวมอยู่ในระดับความรู้ปานกลาง เม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน ระดบั ปฐมวัย ก่อนการจัดกจิ กรรมเกมทางภาษา อยู่ในระดับความรคู้ วรปรับปรุง 2 หมวด คือ ของใช้ และผัก ส่วน

ออทิสติก ระดับปฐมวัย หลังการพัฒนาโดยจัดกิจกรรมเกมทางภาษา ในภาพรวมอยู่ในระดับความรู้ดีมาก ทง้ั 6 หมวด คอื อวยั วะ ของใช้ ผลไม้ เครอื่ งแตง่ กาย อปุ กรณก์ ารเรยี น และผกั ตามลำ� ดบั และแตกตา่ งอยา่ งมี นยั สำ� คญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .05 หากพจิ ารณาจากการเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทข์ องเดก็ ออทสิ ตกิ ระดบั ปฐมวยั กอ่ นการจดั กิจกรรมเกมทางภาษาในภาพรวมอยูใ่ นระดบั ความรู้ปานกลาง เม่ือพิจารณาเปน็ รายดา้ น พบว่า การประเมิน ผลการเรียนรู้ค�ำศัพท์ของเด็กออทิสติก ระดับปฐมวัย ก่อนการจัดกิจกรรมเกมทางภาษา อยู่ในระดับความรู้ ควรปรับปรุง 2 หมวด คือ ของใช้ และผัก ส่วนหมวดอุปกรณ์การเรียนอยู่ในระดับควรปานกลาง หมวด เครอื่ งแตง่ กาย และผลไม้ อยใู่ นระดบั ความรดู้ ี และหมวดอวยั วะอยใู่ นระดบั ความรดู้ มี าก ซงึ่ ผลการทดลองสอดคลอ้ ง กบั สมมตฐิ านทตี่ งั้ ไวว้ า่ เมอื่ ผลการเรยี นรคู้ ำ� ศพั ท์ ของเดก็ ออทสิ ตกิ ระดบั ปฐมวยั หลงั การจดั กจิ กรรมเกมทาง ภาษา แตกตา่ งจากผลการเรยี นรคู้ ำ� ศัพท์ของเดก็ ออทิสตกิ ระดบั ปฐมวยั แสดงให้เหน็ ว่า เกมเปน็ วิธีการสอน อกี วธิ หี นงึ่ ทช่ี ว่ ยสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ เกดิ การเรยี นรแู้ ละชว่ ยพฒั นาการเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทข์ องเดก็ ออทสิ ตกิ ระดบั ปฐมวยั ซง่ึ สอดคล้องกบั อมั พา นกอม่ิ (2550: 76) ท่ีได้ศกึ ษาเกี่ยวกบั ความสามารถในการอ่านคำ� พื้นฐานของเด็กที่มี ปัญหาในการเรยี นรู้ดา้ นการอา่ น ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 2 โดยใชเ้ กมทางภาษา ที่พบว่า การสอนอ่านคำ� พืน้ ฐาน โดยใช้เกมทางภาษาสามารถท�ำให้นักเรียนมีความสามารถในการอ่านค�ำพื้นฐานอยู่ในระดับดีมาก และมี ความสามารถในการอ่านคำ� พน้ื ฐานหลงั การสอนโดยใช้เกมทางภาษาสูงขึน้ เพราะเกมทางภาษาเป็นกจิ กรรม การเรยี นรทู้ มี่ งุ่ สง่ เสรมิ และพฒั นาใหเ้ ดก็ มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจทางดา้ นภาษา ผเู้ รยี นเรยี นรโู้ ดยผา่ นประสบการณ์ ตรง เรยี นรดู้ ว้ ยการกระทำ� และการปฏฺ บิ ตั จิ รงิ โดยผา่ นประสาทสมั ผสั ทง้ั 5 ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั แนวความคดิ ทฤษฎี ของ จอห์น ดิวอ้ี (John Dewey, 1859-1952 อ้างถึงใน สุวิมล อุดมพิริยะศักย์, 2549: 56) และสุรางค์ โคว้ ตระกลู (2554: 205) ทไ่ี ดก้ ลา่ วถงึ ทฤษฎขี องจอหน์ ดวิ อ้ี (John Dewey) ไวว้ า่ การเรยี นรขู้ องเดก็ นน้ั เปน็ การเรยี นรทู้ ผี่ า่ นการกระทำ� หรอื การปฏบิ ตั ิ ซงึ่ เดก็ จะตอ้ งแสดงออกในการปฏบิ ตั ใิ หม้ กี ารลงมอื กระทำ� และรจู้ กั ใช้วัสดุส่ิงของอย่างมีความสัมพันธ์กันเพื่อให้เกิดสติปัญญาความรู้ และกิจกรรมท่ีแสดงออกทางกายผ่าน การกระทำ� ของเดก็ กค็ อื การเลน่ หรอื การเรยี นรผู้ า่ นการเลน่ (Learning by doing) เมอื่ ผเู้ รยี นไดล้ งมอื ปฏบิ ตั ิ ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้จากสถานการณ์จริง ได้รับประสบการณ์ใหม่อย่างเป็นธรรมชาติแบบไม่รู้ตัวโดยผ่าน การเล่น การเล่นจึงเป็นการส่งเสริมความสามารถทางการคิดและสติปัญญาของเด็ก เพราะผู้เรียนจะได้ใช้ ความคดิ และแกป้ ญั หาไปพรอ้ มกบั การเลน่ อกี ทง้ั ในขณะทเี่ ลน่ กจ็ ะชว่ ยพฒั นาคำ� ศพั ทแ์ ละภาษาควบคไู่ ปดว้ ยกนั และมีอีกปัจจัยที่ท�ำให้ผลการเรียนรู้ค�ำศัพท์ของเด็กออทิสติกอยู่ในระดับดี เพราะเกมทางภาษาท่ีจัดน้ันมี ขน้ั ตอนและกตกิ าการเลน่ ทไ่ี มย่ งุ่ ยาก มสี อ่ื อปุ กรณท์ เ่ี รา้ ความสนใจและเหมาะสมกบั ผเู้ รยี น สอดคลอ้ งกบั รบู นิ และไมโอนี (Rubin and Maioni, 1975: 171-179) ไดศ้ ึกษาขน้ั พน้ื ฐานพฒั นาการทางการเลน่ ของเด็กด้าน ความสามารถในการแยกการจัดหมู่ การจัดประเภทของส่ิงต่าง ๆ การยอมรับความคิดเห็นทัศนะของผู้อ่ืน ผลการวจิ ยั พบวา่ พฒั นาการทางการเลน่ ของเดก็ มสี มั พนั ธก์ นั ในทางบวกนน่ั คอื การทเ่ี ดก็ ไดเ้ ลน่ มาก ๆ จะทำ� ให้ เด็กยอมรับความคิดเห็นและทัศนะของผู้อ่ืนได้ดี ตลอดจนมีความสามารถในการแยก การจัดหมวดหมู่ และ จัดประเภทของสิ่งของต่าง ๆ ได้ดีด้วย หากเรียนรู้ผ่านการจัดกิจกรรมการเล่น ซึ่ง ทิศนา แขมมณี (2555: 368-369) ทกี่ ลา่ ววา่ เกมเปน็ วธิ สี อนหรอื สอ่ื กลางทจ่ี ะชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นมสี ว่ นรว่ มในการเรยี นหรอื การทำ� กจิ กรรม ได้มากขึ้น ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีความกระตือรือร้นในการทำ� กิจกรรม ท�ำให้การเรียนรู้น้ันมี ความหมายและอยูค่ งทน สอดคล้องกบั จิราพร สุขกรง (2553: 77) ทไี่ ดศ้ กึ ษาเรอื่ งผลสมั ฤทธ์ิ ความคงทน และเจตคตทิ างการเรียนรู้ค�ำศพั ทภ์ าษาองั กฤษของนักศกึ ษาท่ีได้รบั การสอนโดยใชเ้ กมและการสอนตามปกติ 156 บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั สวนดุสติ

ท่ีพบว่า การน�ำเกมมาใช้ในการเรียนรู้ค�ำศัพท์ เป็นการช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความคงทนในการจ�ำค�ำศัพท์ ผเู้ รียนได้เรยี นร้แู ละได้รับจากประสบการณ์จริงในขณะทีเ่ ลน่ เกม มกี ารรว่ มกิจกรรมและลงมือปฏบิ ตั ิกิจกรรม ต่าง ๆ ด้วยตนเอง ท�ำให้ผู้เรียนจดจ�ำส่ิงท่ีได้เรียนรู้ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ผู้เรียนมีความคงทนในการเรียนรู้ คำ� ศพั ท์สูงกวา่ การเรยี นรู้ตามปกติ และสอดคล้องกับ ดารณี นุชจอ้ ย (2553: 4) ทีไ่ ดศ้ กึ ษาเร่ืองผลของการจดั กิจกรรมการเล่นเกมภาษาท่ีมีต่อความสามารถทางภาษาของเด็กปฐมวัย พบว่า เด็กปฐมวัยท่ีได้รับการจัด กิจกรรมการเลน่ เกมภาษาก่อนและหลังการทดลองมคี วามสามารถทางภาษาโดยรวมและรายด้าน ท้ัง 4 ด้าน คือ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนแตกต่างกัน เป็นผลจากผู้เรียนชอบการเคลื่อนไหว ท้าทายและ ได้ฝึกทักษะทางภาษาท้ังในด้านของค�ำศัพท์ ความเข้าใจในความหมายของค�ำศัพท์ โดยใช้เกมเป็นสื่อ ในการเรยี นรู้ ชว่ ยผอ่ นคลาย เกดิ ความสนกุ สนานในการเรยี นรู้ สง่ ผลตอ่ การเรยี นรแู้ ละการจดจำ� มกี ารพฒั นา ความสามารถทางภาษาทีส่ งู ข้นึ 2. จากการเปรียบเทยี บผลการเรียนรูค้ ำ� ศพั ท์ของเดก็ ออทิสติก ระดับปฐมวยั กอ่ นและหลงั การจัด กจิ กรรมเกมทางภาษา ในภาพรวมแตกตา่ งจากกอ่ นการจัดกจิ กรรมเกมทางภาษา อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถติ ทิ ่ี ระดบั .05 ผลการทดสอบสมมติฐาน พบวา่ ผลการเรยี นรู้ค�ำศพั ทข์ องเดก็ ออทิสติก ระดบั ปฐมวัย กอ่ นและ หลังการจัดกิจกรรมเกมทางภาษา ในภาพรวมแตกต่างจากก่อนการพัฒนาอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เม่ือพิจารณา ผลการเรียนรู้ค�ำศัพท์ก่อน และหลังได้รับการพัฒนาเป็นรายด้าน พบว่า ผลการเรียนรู้ คำ� ศพั ทห์ ลงั ได้รับการพฒั นาทง้ั 6 หมวด คือ เครือ่ งแต่งกาย ของใช้ อวัยวะ อปุ กรณก์ ารเรยี น ผลไม้ และผกั แตกต่างจากกอ่ นได้รบั การพฒั นาอยา่ งมนี ยั สำ� คัญทางสถติ ทิ ่ีระดับ .05 ผลการทดลองเป็นไปตามสมมตฐิ านท่ี ต้ังไว้ ทั้งน้ีเป็นเพราะผู้วิจัยได้คัดเลือกค�ำศัพท์แต่ละหมวดในการเรียนรู้ค�ำศัพท์มาจัดกิจกรรมเกมทางภาษา ซง่ึ คำ� ศพั ทน์ น้ั จะเปน็ คำ� ศพั ทท์ อี่ ยใู่ กลต้ วั ผเู้ รยี น คนุ้ ตาและพบบอ่ ยในชวี ติ ประจำ� วนั เปน็ คำ� ศพั ทท์ มี่ คี วามหมาย ต่อผ้เู รยี น และเปน็ กิจกรรมทท่ี ำ� ให้เดก็ คดิ วา่ เป็นการเล่นเด็กได้รับความสนกุ สนาน ไมต่ ึงเครียด สอดคลอ้ งกบั พชั รี จว๋ิ พฒั นกลุ (2554: 82) และกลุ ยา ตนั ตผิ ลาชวี ะ (2555: 141) ไดก้ ลา่ วถงึ การเรยี นรภู้ าษาของเดก็ ปฐมวยั จะเรม่ิ เรยี นรภู้ าษาจากภาษางา่ ย ๆ กอ่ น พฒั นาการทางภาษาจะสามารถพฒั นาไดเ้ ตม็ ศกั ยภาพกต็ อ่ เมอ่ื ผเู้ รยี น ไดร้ บั ประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ างภาษาทดี่ แี ละถกู ตอ้ ง เดก็ ปฐมวยั เรยี นรภู้ าษาจากการมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั บคุ คล รอบขา้ ง และสงิ่ ตา่ ง ๆ ทอี่ ยู่ใกลต้ ัว การได้เหน็ ได้ฟงั ได้สัมผสั ไดท้ ดลองใช้ ไดฝ้ ึก ไดป้ ฏบิ ัติบ่อย ๆ ได้ลองผดิ ลองถกู รวมถงึ การกระตนุ้ เรา้ ความสนใจและการใหแ้ รงเสรมิ ตา่ ง ๆ นน้ั การสอนคำ� ศพั ท์ ควรสอนคำ� นามและ เปน็ คำ� ทเี่ ปน็ รปู ธรรมมากกวา่ นามธรรม เปน็ คำ� ทอี่ ยใู่ กลต้ วั เดก็ จำ� ไดง้ า่ ยและคนุ้ เคย ซงึ่ จะทำ� ใหเ้ ดก็ รบั รู้ เขา้ ใจ ได้เรว็ สามารถเช่ือมโยงค�ำในการเรยี นรู้ได้มากขนึ้ และน�ำไปใช้ในเหตกุ ารณ์จริง อกี ทัง้ การเรยี นร้คู ำ� ศพั ท์ของ ผู้เรียนจะเพมิ่ พูนและเกิดความคงทนไดม้ ากข้นึ ท้งั นเี้ ปน็ ผลมาจากท่ีผเู้ รียน ได้เรียนรูค้ ำ� ศพั ท์จากกจิ กรรมท่มี ี ลักษณะการเล่นที่หลากหลาย มีท้งั เลน่ คนเดยี ว เล่นเปน็ กล่มุ อกี ทงั้ มีข้ันตอนจากงา่ ยไปหายาก ผ่านการยำ�้ ซ้�ำ ทวนค�ำศัพท์ก่อนจะขึ้นค�ำศัพท์ใหม่ มีการเชื่อมโยงค�ำศัพท์ใหม่ โดยจะเห็นได้จากในข้ันน�ำของแผนการจัด กจิ กรรมเกมทางภาษา จะมกี จิ กรรมกอ่ นเขา้ สกู่ ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทใ์ หมท่ หี่ ลากหลาย เพอื่ เตรยี มความพรอ้ มและ กระตุ้นความสนใจให้กับนักเรียนก่อน ส่วนในขั้นกิจกรรมเกมทางภาษา ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ค�ำศัพท์ใหม่ผ่าน เกมทางภาษา ครูจะมีค�ำศพั ท์ผา่ นสอ่ื ต่าง ๆ เชน่ ของจริง ของจำ� ลอง รปู ภาพทชี่ ดั เจน ผู้เรียนได้เรยี นร้จู าก ของจรงิ จึงง่ายต่อการจดจำ� เกมทางภาษาจะชว่ ยใหเ้ ดก็ ใช้ภาษาได้คล่องแคลว่ ขน้ึ มคี วามเข้าใจความหมาย ของค�ำ ต่าง ๆ และเป็นกลไกอย่างหน่งึ ทีช่ ่วยให้ผูเ้ รยี นมพี ัฒนาการทางภาษาจนสามารถใชภ้ าษาในการตดิ ตอ่ ปีที่ 16 ฉบับที่ 1 ประจำ�เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 157

สอื่ สารได้ รวมทงั้ สอดคลอ้ งกบั อมุ าพร ตรงั คสมบตั ิ (2550: 142) ไดก้ ลา่ ววา่ การเรยี นรหู้ รอื การพฒั นาความรู้ ความจำ� นนั้ การเรยี นรทู้ ไ่ี ดผ้ ลดตี อ้ งเรยี นรจู้ ากประสบการณต์ รงจากการพฒั นาทกั ษะประสาทสมั ผสั โดยผา่ น ประสาทสมั ผสั ทง้ั 5 คอื การกระตนุ้ ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การรบั รทู้ างสายตา กระตนุ้ และสง่ เสรมิ การสงั เกต การไดย้ นิ ได้กลนิ่ การไดห้ ยบิ จับ สมั ผสั สอื่ อุปกรณ์ เพื่อใหก้ ารเรยี นรจู้ ากประสบการณต์ รงและส่ิงทที่ ำ� ให้การเรยี นรขู้ อง ผู้เรียนมีความหมายอย่างแท้จริงและถ่ายโยง สามารถน�ำไปใช้ได้นั้นเกิดจากการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ท่ีมีความหมาย อีกท้ังรูปแบบการจัดกิจกรรมทางภาษาท่ีจัดให้ผู้เรียนมีความหลากหลาย เอื้อต่อเรียนรู้ผ่าน ประสาทสมั ผัสหลาย ๆ ดา้ น เป็นการสร้างกระบวนการท่ที �ำให้ผเู้ รยี นไดร้ บั รู้ เพราะในขณะท่รี ่วมกิจกรรมเกม ทางภาษาผู้เรียนจะไดเ้ รยี นร้ผู า่ นการหยบิ จบั สัมผสั ผู้เรยี นไดล้ งมือปฏบิ ตั จิ นเกิดทกั ษะ ได้เหน็ ส่ิงตา่ ง ๆ ทค่ี รู ตอ้ งการใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรู้ ดงั ที่ ออรค ทั ต์ (Orcutt, 1972: 147-A) ไดศ กึ ษาผลการใชเ้ กมประกอบการสอนภาษา ท่มี ตี อ่ ความสามารถในการเรียนรขู้ องนักเรยี นชน้ั อนบุ าล พบวา่ การใช้เกมประกอบการสอนภาษา มีอิทธพิ ล ตอ่ ความสามารถในการเรยี นรขู้ องเดก็ ชนั้ อนบุ าล ดงั นนั้ ครคู วรตอ้ งมกี ารจดั กจิ กรรมใหส้ อดคลอ้ งเหมาะสมกบั การเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น ผเู้ รยี นเรยี นอยา่ งสนกุ สนาน มคี วามสขุ กบั การเรยี น มกี ารเรยี นรผู้ า่ นกจิ กรรมทห่ี ลากหลาย และในขน้ั สรปุ จงึ สง่ ผลตอ่ การเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทข์ องเดก็ ออทสิ ตกิ ระดบั ปฐมวยั หลงั การจดั กจิ กรรมเกมทางภาษา ในภาพรวมและรายดา้ น แตกตา่ งจากกอ่ นการจดั กจิ กรรมเกมทางภาษาและมกี ารเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทอ์ ยใู่ นระดบั ดมี าก นอกจากนี้ในขณะที่ท�ำกิจกรรมเกมทางภาษาทุกคร้ัง ครูจะให้แรงเสริมทางบวกกับผู้เรียน อย่างสมำ่� เสมอ เชน่ การชมเชย การปรบมอื การให้กำ� ลงั ใจ การให้รางวลั ซงึ่ อาจใช้รางวัลอาจเป็นสติกเกอร์ ขนมท่ีเหมาะกับผู้เรียน รวมถึงการจัดสภาพของการเรียนการสอนที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เป็นต้น จึงส่งผลให้ ผู้เรียนเรียนรูค้ �ำศัพทไ์ ดด้ ีข้ึน สอดคล้องกับทฤษฎขี องสกนิ เนอร์ (สุรางค์ โค้วตระกูล, 2554: 193) ไดก้ ล่าวถึง การเสรมิ แรงเปน็ สงิ่ จำ� เปน็ และสำ� คญั เปน็ สง่ิ ทผี่ เู้ รยี นตอ้ งการมาก สกนิ เนอรม์ คี วามเชอ่ื วา่ แรงเสรมิ เปน็ ตวั แปร สำ� คญั ในการเรยี นรู้ พฤตกิ รรมหรอื การเรยี นรกู้ ารกระทำ� ใดทไ่ี ดร้ บั แรงเสรมิ ผเู้ รยี นจะเรยี นรไู้ ดด้ ี ผเู้ รยี นอยากเขา้ ร่วมกิจกรรมและเป็นการกระตุ้นเร้าความสนใจของผู้เรียนด้วย สอดคล้องกับ เพ็ญพิชชา ลีลาเสริมสิริ (2549: 57) ที่ได้ศึกษาความเข้าใจค�ำศัพท์ของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา จากการจัดกิจกรรมเกม ทางภาษา พบวา่ หลังการจดั กิจกรรมเกมทางภาษา เด็กทีม่ คี วามบกพรอ่ งทางสติปัญญามคี วามเขา้ ใจคำ� ศัพท์ อยใู่ นระดบั ดี และหลงั การจดั กจิ กรรมเกมทางภาษา เดก็ ทมี่ คี วามบกพรอ่ งทางสตปิ ญั ญามคี วามเขา้ ใจคำ� ศพั ท์ สงู ขนึ้ เพราะเกมเปน็ สอ่ื ประเภทหนงึ่ ทชี่ ว่ ยสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ เกดิ การเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทเ์ พมิ่ ขน้ึ อกี ทงั้ การใชเ้ กมภาษา เป็นกิจกรรมที่กระตุ้นความสนใจ ท�ำให้บรรยากาศในการเรียนไม่ตึงเครียด ผู้เรียนได้ผ่อนคลาย เกมภาษา ชว่ ยใหใ้ ช้ภาษาไดค้ ล่องแคลว่ ข้ึน ผู้เรียนมโี อกาสลงมือกระท�ำดว้ ยตนเอง จากการวิจัยครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการจัดกิจกรรมเกมทางภาษา เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ค�ำศัพท์ ของเด็กออทิสติก ระดับปฐมวัย ท�ำให้การเรียนรู้ค�ำศัพท์เด็กออทิสติกเพ่ิมข้ึน มีพัฒนาการทางภาษาและมี ความเขา้ ใจในคำ� ศัพทม์ ากข้นึ สามารถนำ� ไปใช้ในการสือ่ สารกับผูอ้ ืน่ ได้ ส่งผลทำ� ให้เดก็ มพี ัฒนาการทางภาษา ทด่ี ขึ นึ้ แสดงใหเ้ หน็ วา่ คำ� ศพั ทม์ คี วามสำ� คญั ในการเรยี นรภู้ าษา สอดคลอ้ งกบั คำ� กลา่ วของ เฮอรล์ อคก์ (Hurlock, 1964 อ้างถงึ ใน สกุ านดา ทองประศร,ี 2556: 156) ทกี่ ลา่ ววา่ จำ� นวนคำ� ศพั ทท์ เ่ี ด็กเขา้ ใจและสามารถส่อื สาร เขา้ ใจความหมายไดน้ นั้ เปน็ สงิ่ สำ� คญั ในการกำ� หนดความกา้ วหนา้ และความลม้ เหลวในการเรยี นรู้ คำ� ศพั ทเ์ ปน็ เครอ่ื งมือท่ใี ช้ในการเรยี นรู้ หากผเู้ รยี นมีค�ำศัพท์นอ้ ยกจ็ ะส่งผลใหไ้ มส่ ามารถตีความสง่ิ แวดล้อมของตนเองได้ ในทางตรงกนั ขา้ ม หากผเู้ รยี นมคี ำ� ศพั ทท์ เี่ พยี งพอหรอื มากพอ กจ็ ะสามารถนำ� คำ� ศพั ทไ์ ปใชไ้ ดแ้ ละสามารถสอ่ื 158 บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดสุ ติ

ความหมายของตนให้ผอู้ ่ืนเขา้ ใจได้ ค�ำศัพท์จงึ มคี วามส�ำคญั ทท่ี ำ� ใหเ้ ด็กสามารถนำ� ค�ำศัพทไ์ ปใชใ้ นการสื่อสาร และเป็นพื้นฐานในการเรยี นรภู้ าษาในระดบั สงู ต่อไป ขอ้ เสนอแนะ ขอ้ เสนอแนะในการน�ำผลการวิจัยไปใช้ 1. ควรสร้างความคุ้นเคยกับกลุ่มตัวอย่าง สร้างความม่ันใจให้กับผู้เรียนก่อนท�ำการทดลอง เพ่ือให้ กลุ่มตัวอย่างกล้าร่วมกิจกรรมและเพ่ือเป็นการกระตุ้นผู้เข้าร่วมกิจกรรมให้ความร่วมมือในการทำ� กิจกรรม มากขน้ึ รวมถงึ การควบคมุ ชนั้ เรยี นเพอื่ ใหส้ ามารถดำ� เนนิ กจิ กรรมเกมทางภาษาบรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงคท์ ต่ี งั้ ไว้ 2. ควรใชภ้ าษาและการอธิบายทสี่ นั้ กระชบั ไมซ่ ับซ้อน ควรสาธิตใหด้ กู ่อนการเลน่ ทุกคร้ัง เพราะจะ ทำ� ให้ผู้เรยี นเข้าใจไดง้ า่ ย และในขน้ั น�ำเข้าสบู่ ทเรียน กิจกรรมควรมกี ารทบทวนศพั ท์ท่ีเรียนไปแล้วก่อน เพอ่ื เป็นการย้ำ� ซ้�ำ ทวน และสง่ เสริมในการเรียนร้คู �ำศัพท์ เปน็ ผลให้ผู้เรยี นมีความคงทนในคำ� ศพั ท์ 3. สำ� หรบั การนำ� เกมต่าง ๆ ทั้งที่ครคู ดิ ขึ้นมาเองหรือปรับดัดแปลง ผู้สอนจำ� เป็นตอ้ งศึกษาเกมนนั้ ใหเ้ ข้าใจและลองเล่นเกมนัน้ กอ่ น เพอื่ จะไดเ้ ห็นปัญหาของเกมน้ัน ผูส้ อนมีการเตรยี มการป้องกันหรอื แก้ไขไว้ ล่วงหนา้ ช่วยใหก้ ารเล่นในแต่ละเกมเปน็ ไปอย่างตอ่ เนอื่ ง และควรจดั เตรยี มสอื่ และอุปกรณใ์ ห้พร้อมเพียงพอ กอ่ นนำ� ไปจดั กจิ กรรมทกุ ครงั้ เนอ่ื งจากบางครงั้ การทำ� กจิ กรรมบางชว่ งความสนใจในการทำ� กจิ กรรมไมต่ อ่ เนอ่ื ง 4. การจัดกิจกรรมควรค�ำนึงถึงช่วงเวลา การจัดกิจกรรมควรใช้ระยะเวลาประมาณ 20-30 นาที ซึ่งจะท�ำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้ดียิ่งข้ึน และเป็นเวลาช่วงเช้า เพราะเด็กจะมีสมาธิในการเรียนมากกว่า ส่งผลให้เดก็ เกดิ การเรียนรไู้ ด้ดยี ่งิ ขน้ึ ขอ้ เสนอแนะสำ� หรบั การวจิ ยั คร้ังตอ่ ไป 1. ควรน�ำศึกษาผลการจัดเกมทางภาษาเพื่อพัฒนาความสามารถทักษะด้านอ่ืน เช่น ทักษะทาง คณติ ศาสตร์ ภาษาอังกฤษของเด็กปกติ รวมถึงเด็กทีม่ คี วามต้องการพิเศษประเภทอนื่ ระดบั ปฐมวัย และส่ิงที่ ควรนำ� ไปปรบั เพม่ิ เตมิ ในการศกึ ษาวจิ ยั ครง้ั ตอ่ ไป คอื การเพมิ่ เวลาในการดำ� เนนิ กจิ กรรมในแตล่ ะแผนกจิ กรรม ประมาณ 20-30 นาที 2. ควรศกึ ษาเปรยี บเทยี บการเรยี นรคู้ ำ� ศพั ทข์ องเดก็ ออทสิ ตกิ ระดบั ปฐมวยั โดยการจดั กจิ กรรมเกม ทางภาษากบั กลมุ่ เดก็ ออทสิ ตกิ ระดบั ปฐมวยั กบั เดก็ ทมี่ คี วามตอ้ งการประเภทอนื่ เพอ่ื ศกึ ษาความแตกตา่ งทาง ด้านความสามารถของนักเรยี นแตล่ ะประเภท เอกสารอ้างอิง กฤษณี ต้ังประเสริฐสุข. (2550). ลักษณะการรับรู้ การเข้าใจและการใช้ภาษาของเด็กพิเศษ : การศึกษา เชิงภาษาศาสตร์จิตวิทยา. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาภาษาศาสตร์เชิงจิตวิทยา บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์. กลุ ยา ตนั ตผิ ลาชวี ะ. (2555). การจัดการเรยี นรู้ส�ำหรับเด็กปฐมวยั . กรงุ เทพฯ: เบรน-เบส-บคุ๊ ส์. ปีท่ี 16 ฉบับท่ี 1 ประจ�ำ เดือนมกราคม - เมษายน 2563 159

จิราพร สุขกรง. (2553). ผลสัมฤทธ์ิ ความคงทน และเจตคติทางการเรียนรู้ค�ำศัพท์ ภาษาอังกฤษของ นักศึกษาที่ได้รับการสนอโดยใช้เกมและการสอนตามปกติ. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการสอนภาษาองั กฤษเป็นภาษานานาชาติ บัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์. ดารณี นุชจ้อย. (2553). ผลของการจัดกิจกรรมการเล่นเกมภาษาท่ีมีต่อความสามารถทางภาษาของเด็ก ปฐมวัย. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยราชภัฏ เพชรบุรี. ทิศนา แขมมณี. (2555). ศาสตร์การสอนองค์ความรู้เพ่ือการจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีมีประสิทธิภาพ (พมิ พค์ รง้ั ท่ี 5). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . เบญจมาศ พระธานี. (2554). ออทิสซึม : การสอนพูดและการรักษาบ�ำบัด แบบสหสาขาวิทยาการ (พิมพ์คร้ังท่ี 1). ขอนแกน่ : มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น. ปัทมา เทียนชัย. (2561). กิจกรรมด้านศิลปะเพื่อพัฒนาความใส่ใจในการเรียนของเด็กออทิสติก. วารสาร วชิ าการบณั ฑติ วทิ ยาลยั สวนดสุ ติ มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ติ , 14 (1), เดอื นมกราคม-เมษายน 2561. พชั รี จวิ๋ พฒั นกลุ . (2554). ความรเู้ รอ่ื งออทสิ ตกิ สำ� หรบั ผปู้ กครอง (พมิ พค์ รง้ั ที่ 1). สงขลา: ชานเมอื งการพมิ พ.์ เพ็ญพิชชา ลีลาเสริมสิริ. (2549). การศึกษาความเข้าใจคําศัพทของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา จากการจัดกิจกรรมเกมภาษา. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาการศึกษาพิเศษ บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ศรนี ครนิ ทรวิโรฒ. รุ่งอรุณ ลียะวณิชย์. (2555). คู่มือคณิตศาสตร์ การสอนคณิตศาสตร์ด้วยเกม (พิมพ์ครั้งท่ี 1). กรุงเทพฯ: แอคทฟี พริ้นท.์ ศริ ชิ ยั กาญจนวาสี และคณะ. (2559). การเลอื กใชส้ ถติ ทิ เ่ี หมาะสมสำ� หรบั การวจิ ยั (พมิ พค์ รง้ั ที่ 7). กรงุ เทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . สถาบนั ราชานกุ ลู . (2557). เด็กออทสิ ติก คู่มือสำ� หรับครู. กรุงเทพฯ: บียอนด์ พบั ลสิ ช่ิง. สุกานดา ทองประศรี. (2556). ความเข้าใจและความสามารถพูดค�ำนามของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ: กรณีศึกษา เด็กดาวน์ซินโดรม เด็กปัญญาอ่อนและเด็กออทิสติก. วิทยานิพนธ์ปริญญาอักษร ศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าภาษาไทย บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร. สรุ างค์ โคว้ ตระกลู . (2554). จติ วทิ ยาการศึกษา (พิมพ์คร้งั ที่ 10). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . สุวิมล อุดมพิริยะศักย์. (2549). การบริการช่วยเหลือเด็กระยะแรกเริ่มเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น. กรุงเทพฯ: คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดสุ ิต. อัมพา นกอ่ิม. (2550). การศกึ ษาความสามารถในการอา่ นค�ำพ้นื ฐานของเดก็ ทม่ี ีปญั หาในการเรยี นรดู้ า้ น การอ่านช้ันประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้เกมทางภาษา. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาการศกึ ษาพิเศษ บัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ. อุมาพร ตรงั คสมบตั ิ. (2550). ชว่ ยลกู ออทิสติก (พิมพค์ รง้ั ที่ 4). กรงุ เทพฯ: ซันต้าการพมิ พ.์ 160 บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต

Orcutt, L. E. (1972, July). Child Management of Instructional Games: Effects upon Cognitive Abilities, Behavioral, Maturity and Self Concept of Disadvantaged Preschool Children. In Dissertation Abstracts, 1 (2). Rubin, K. H. & Maioni, T. L. (1975). Play preference and its relationship to egocentrism, popularity and classification skills in preschoolers. Merrill-Palmer Quarterly, 21 (3). คณะผู้เขียน นางสาวเนตรทิพย์ วิเชียร บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต อาคารเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ เลขที่ 145/9 ถนนสโุ ขทัย เขตดุสติ กรงุ เทพฯ 10300 e-mail: [email protected] ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. กรรวภิ าร์ หงษ์งาม บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดสุ ิต อาคารเฉลมิ พระเกยี รติ 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ เลขท่ี 145/9 ถนนสโุ ขทัย เขตดุสติ กรงุ เทพฯ 10300 e-mail: [email protected] ปที ่ี 16 ฉบับท่ี 1 ประจำ�เดือนมกราคม - เมษายน 2563 161



ผลของการฝกึ ตาราง 9 ช่องที่มขี นาดต่างกนั ควบคู่กบั การฝึกความอ่อนตัว ทีม่ ีตอ่ ความคล่องแคล่ววอ่ งไวในกีฬาวอลเลยบ์ อล The Results of the Different Sizes of 9-Square Training Coupled With Flexibility Training Determines Agility in a Volleyball วันเพญ็ สุวรรณชยั รบ* และจิรวัฒน์ ขจรศลิ ป์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั การกีฬาแหง่ ชาติ Wanpen Suwanchai* and Jirawat Kajornsil Faculty of Education, Thailand National Sports University Received: July 18, 2019 Revised: September 5, 2019 Accepted: September 12, 2019 บทคัดย่อ การวจิ ัยครง้ั นี้มีวตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื เปรียบเทยี บผลของการฝกึ ตาราง 9 ชอ่ งท่ีมีขนาดต่างกันควบคกู่ ับ การฝึกความอ่อนตัวที่มีต่อความคล่องแคล่วว่องไวในกีฬาวอลเลย์บอล ระหว่างกลุ่มที่ 1 ฝึกรูปแบบ การเคลอ่ื นไหวที่กำ� หนดด้วยตาราง 9 ช่องทม่ี ีขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ควบคโู่ ปรแกรมการฝึกความออ่ นตัว กลุ่มที่ 2 ฝกึ รูปแบบ การเคล่ือนไหวที่ก�ำหนดด้วยตาราง 9 ช่องท่มี ขี นาด 90 x 90 เซนติเมตร ควบคโู่ ปรแกรม การฝึกความอ่อนตัว กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาครั้งน้ีคือ นักศึกษามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขต ชลบุรี คณะศกึ ษาศาสตร์ ช้นั ปที ี่ 4 ลงทะเบยี นเรยี นวิชาวอลเลย์บอลจ�ำนวน 20 คน โดยการคดั เลอื กแบบ เจาะจง (Purposive sampling) เครอื่ งมือที่ใชใ้ นการวิจัยคือ 1) โปรแกรมการฝกึ ตาราง 9 ช่อง โดยใชต้ าราง 9 ช่องขนาด 60 x 60 เซนตเิ มตร และ 90 x 90 เซนตเิ มตร โปรแกรมการฝึกความออ่ นตัว 2. แบบทดสอบ ความคล่องแคลว่ ว่องไว คอื แบบทดสอบ Agility t-test โดยใช้สถิตใิ นการวิเคราะห์ ไดแ้ ก่ 1) ค่าเฉลี่ย ( ) และ ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) ข้อมูลพ้ืนฐานของ กลุ่มตวั อยา่ ง 2) เปรียบเทียบความแตกตา่ งระหวา่ งคา่ เฉลี่ย ของตวั แปรตามกอ่ นการฝกึ ระหวา่ งการฝกึ และหลงั การฝกึ โดยใชส้ ถติ ิ Independent t-test 3) เปรยี บเทยี บ ความแตกต่างระหวา่ งคา่ เฉล่ยี กล่มุ ตัวอยา่ งภายหลังการฝึก โดยใชส้ ถิติ Independent t-test ผลการศกึ ษา พบวา่ นักศึกษามหาวิทยาลัยการกฬี าแห่งชาติ วทิ ยาเขตชลบรุ ี หลังการฝกึ ผา่ นไปแลว้ 4 สัปดาห์ และการฝึก 8 สัปดาห์ พบว่า ความคล่องแคลว่ ว่องไว ก่อนการฝกึ ระหวา่ งการฝกึ สัปดาห์ 4 และหลังการฝึกสัปดาห์ 8 ของกลุ่มทดลองที่ 1 และกลมุ่ ทดลองท่ี 2 พบวา่ ไม่แตกต่างกนั ค�ำส�ำคญั : ตาราง 9 ชอ่ ง วอลเลยบ์ อล ความคลอ่ งแคล่ววอ่ งไว * วันเพ็ญ สวุ รรณชัยรบ (Corresponding Author) ปีที่ 16 ฉบบั ที่ 1 ประจ�ำ เดือนมกราคม - เมษายน 2563 163 e-mail: [email protected]

Abstract This research objective was to compare the effects of the 9-square training with different sizes coupled with the flexibility training on agility in volleyball sport. The first group got the motion training by using the 9 - square training with the size of 60x60 cm. coupled with the flexibility training programs. The second group got the motion training by using the 9 - square training with the size of 90x90 cm. coupled with the flexibility training programs. In this study, the samples were 20 fourth-year students from the Faculty of Education, Institute for Physical Education, Chonburi Campus. The samples had ever registered the volleyball subject and were selected by purposive sampling. The research tools were: 1) the 9-square training program with the sizes of 60x60 cm and 90x90 cm. and flexibility training programs. 2) Agility t-test, The statistics for data analysis included 1) Mean ( ), standard deviation (S.D.) and background information of the sample 2) Compare the mean difference of the variables before, during and after training by using the Independent t-test. 3) Compare the mean difference of the samples after training by using the Independent t-test. The results of the training of the students from the Institute of Physical Education, Chonburi Campus after week 4 and 8 revealed that the agility of 2 sample groups (group 1 and 2) in terms of pre-training, during training (week 4) and after training (week 8) were not significantly different. Keywords: 9-Square Table, Volleyball, Agility บทนำ� การเปลย่ี นทศิ ทางในหลายรปู แบบ ความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไว ความเรว็ ในการเคลอ่ื นที่ และการใชเ้ วลา ปฏกิ ริ ยิ าตอบสนองอยา่ งฉบั พลนั รวมถงึ การทำ� งานประสานกนั ของระบบตา่ ง ๆ ในรา่ งกายองคป์ ระกอบหลายดา้ น สามารถฝึก ให้มีประสิทธิภาพสูงข้ึนได้ โดยการประยุกต์จากหลักการทางสรีรวิทยาของการฝึกในการด�ำเนิน ชีวิตประจ�ำวันของมนุษย์จะต้องมีการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายรวมท้ังกิจกรรมทางด้านการกีฬา ซงึ่ ตอ้ งอาศยั ความคลอ่ งตวั ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมนน้ั ๆ ผซู้ งึ่ ปฏกิ ริ ยิ าตอบสนองไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ กจ็ ะไดป้ ระโยชน์ กวา่ ผู้อน่ื ที่ชา้ กว่า การเคลื่อนไหวนับเปน็ คณุ สมบัตทิ ่สี �ำคัญอย่างหนง่ึ ของมนุษย์ ซงึ่ เกดิ จากประสาทสั่งงานใน กลา้ มเนอ้ื หดตวั หรอื เหยียดตัวเป็นผลใหเ้ กดิ แรงต่อเอน็ กระดูกและขอ้ ต่อที่กลา้ มเนอ้ื ยดึ เกาะอยโู่ ดยรอบ วอลเลยบ์ อลเปน็ กฬี าชนดิ หนงึ่ ทม่ี สี ว่ นชว่ ยในการพฒั นาศกั ยภาพของบคุ คลในดา้ นตา่ ง ๆ และยงั เปน็ ชนดิ กฬี าทไี่ ดร้ บั ความนยิ มอยา่ งแพรห่ ลาย และไดร้ บั การบรรจใุ หม้ กี ารแขง่ ขนั ในระดบั ตา่ ง ๆ เชน่ การแขง่ ขนั ชงิ แชมปโ์ ลก (World Championship) เวลิ ด์ คพั (World Cup) โอลมิ ปกิ เกมส์ (Olympic Games) เอเชยี่ นเกมส์ (Asian Games) ซเี กมส์ (SEA Games) นอกจากนยี้ งั มกี ารจดั การแขง่ ขนั เฉพาะกฬี าวอลเลยบ์ อลประเภทเดยี ว ในรายการตา่ ง ๆ ท้งั ในระดบั โลกและระดบั ทวีปอีกหลายรายการ เชน่ การแข่งขนั ชงิ แชมป์ยโุ รป การแขง่ ขัน 164 บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ติ

ชงิ แชมปส์ โมสรโลก การแขง่ ขนั ชิงแชมปแ์ หง่ เอเชยี และการแขง่ ขันเวิลด์กรังค์ปรชี ์ เปน็ ต้น ในประเทศไทย กีฬาวอลเลย์บอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ดังที่ พิชิต ภูติจันทร์ (2535) กลา่ ววา่ กีฬาวอลเลย์บอลนับเป็นกีฬายอดนิยมประเภทหน่ึง ซ่ึงมีผูน้ ิยมเล่นแทบทกุ ประเทศทัว่ โลก ปจั จบุ ัน น้จี ะเห็นว่ากีฬาวอลเลยบ์ อลไดร้ ับความสนใจมากเป็นพิเศษ สามารถเล่นได้ทัง้ หญงิ และชาย อีกท้ังมีการเรยี น การสอนเกือบทกุ ระดับการศึกษา ทักษะและมาตรฐานการเลน่ ก็สูงขน้ึ ในการฝกึ ซอ้ มวอลเลยบ์ อล ผฝู้ กึ สอนสว่ นมากจะมงุ่ เนน้ ไปในเรอ่ื งทกั ษะการเลน่ แตต่ อ้ งไมล่ มื วา่ เรอื่ ง สมรรถภาพทางรา่ งกาย กค็ วรเปน็ สว่ นหนง่ึ ทส่ี ำ� คญั มากในการฝกึ ซอ้ มกฬี าทกุ ประเภท สมรรถภาพทางรา่ งกาย ยังเป็นตัวเสริมที่ช่วยให้การฝึกทักษะต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสมรรถภาพทางร่างกายของนักกีฬา ประเภทตา่ ง ๆ ก็มคี วามแตกต่างกนั ตามลกั ษณะของกีฬาประเภทนั้น ๆ วธิ ีการเสรมิ สร้างสมรรถภาพสำ� หรับ นกั กฬี าประเภทหนง่ึ อาจจะไมส่ ามารถนำ� มาใชก้ บั นกั กฬี าอกี ประเภทหนง่ึ ได้ แตล่ ะประเภทกฬี าจงึ มแี บบแผน การสรา้ งสมรรถภาพของนักกีฬาเฉพาะเจาะจงส�ำหรบั กฬี าประเภทนน้ั โดยตรง สมรรถภาพทางรา่ งกายทด่ี ขี องนกั กฬี าวอลเลยบ์ อล ชว่ ยสง่ เสรมิ ใหก้ ารเลน่ ในแตล่ ะทกั ษะเปน็ ไปตาม ท่ีเราคาดหวังตอ้ งการได้ เช่น การเปน็ ตัวตบทีด่ ี จะต้องมจี งั หวะท่ีดีในการเขา้ ตบบอล ทศิ ทางของบอลถกู ต้อง มคี วามเรว็ และน�้ำหนัก และตัวตบทีย่ อดเยย่ี มน้นั ยงั สามารถเลอื กไดว้ ่าจะตบบอลไปลงที่ส่วนไหนในฝง่ั คู่ตอ่ สู้ การเป็นผู้สกัดกั้นที่ดี จะต้องมีการเคลื่อนท่ีในด้านข้างได้ดีเพ่ือสามารถเคล่ือนที่แนวขนานกับตาข่ายเพ่ือท�ำ การกระโดดสกัดกน้ั ไดผ้ ู้เล่นตวั เซ็ตจะตอ้ งมปี ฏกิ ริ ยิ าต้องตอบสนองตอ่ การรับของเพอ่ื นรว่ มทีม สามารถเขา้ สู่ ต�ำแหน่งในการเซ็ตได้ ซึ่งผู้เล่นตัวเซ็ตท่ีดีจะปฏิบัติได้เหมือนเป็นเรื่องง่าย ๆ ผู้เล่นตัวรับอิสระและผู้เล่นใน แนวรับคนอ่นื ๆ ทีต่ ้องพยายามตั้งรับการรุกจากฝา่ ยตรงขา้ ม ไมว่ ่าจะเปน็ การตบหรือหยอด ผูเ้ ล่นตัวรับอสิ ระ ทีด่ จี ะตอ้ งมปี ฏิกริ ิยา และการเคล่ือนที่ที่ดี เคล่ือนท่ไี ปในทศิ ทางท่ีถูกต้องเพ่อื เลน่ บอล ทไี่ ด้กล่าวมาทัง้ หมดข้างต้นเป็นเพยี งส่วนหนง่ึ ในทกั ษะการเล่นวอลเลยบ์ อล ท่ผี ู้เล่นจะต้องปฏบิ ัตใิ น ขณะที่อยู่ในสนามฝึกซ้อม และสนามแข่งขัน เราพบเห็นอยู่เป็นประจ�ำว่าในระหว่างเกมการแข่งขันน้ัน ความแตกต่างระหว่างผลชนะและแพ้ นอกจากเร่ืองของทักษะและการฝึกซ้อมแล้วในการแข่งขันที่ระดับ ความสามารถของนกั กีฬาใกล้เคียงกนั ความแตกต่างดา้ นสมรรถภาพเปน็ สิ่งที่ตัดสินผลการแขง่ ขันได้ ดังนัน้ จึงเป็นเร่ืองที่จ�ำเป็นส�ำหรับ ผู้ฝึกสอนท่ีต้องออกแบบการฝึกซ้อมด้านสมรรถภาพร่างกายส�ำหรับการเล่น วอลเลย์บอลด้วย ความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไว เปน็ องคป์ ระกอบหนงึ่ ของสมรรถภาพทม่ี คี วามจำ� เปน็ ในการเคลอ่ื นไหว เกชา พูลสวัสดิ์ (2548) ได้กล่าวว่า ความคล่องแคล่วว่องไวเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของสมรรถภาพทางกายที่มี ความส�ำคัญต่อการด�ำรงชีวิตประจ�ำวันและเป็นปัจจัยส�ำคัญและจ�ำเป็นต่อการเล่นกีฬาชนิดต่าง ๆ ซ่ึงผู้ที่มี ความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไวดนี นั้ จะสามารถสง่ ผลชว่ ยใหก้ ารเคลอ่ื นไหวในสถานการณก์ ฬี าไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ สอดคลอ้ งกบั อัจฉรา ช่วยจันทร์ (2550) กลา่ ววา่ ความคล่องแคล่วว่องไวเป็นพ้ืนฐานของสมรรถภาพทางกาย ทด่ี ี มคี วามส�ำคัญตอ่ การด�ำรงชีวิตประจำ� วนั และเปน็ สว่ นประกอบท่ีสำ� คัญในการเล่นกฬี าหลายอย่างไมว่ ่าจะ เปน็ กีฬาฟุตบอล วอลเลยบ์ อล บาสเกตบอล เทเบิลเทนนสิ เป็นตน้ การที่จะพฒั นาความคล่องแคล่วว่องไวข้นึ กับสมรรถภาพหลายด้าน ดังที่ มาลีรัตน์ มณีเขียว (2544) กล่าวว่า ความคล่องแคล่วว่องไวขึ้นอยู่กับ องคป์ ระกอบทส่ี ำ� คญั หลายอยา่ ง เชน่ ความแขง็ แรงของกลา้ มเนอื้ ความเรว็ ความออ่ นตวั การรว่ มงานกนั ของ กล้ามเนื้อและการทรงตัวท่ีดี ซึ่งส่วนประกอบต่าง ๆ ดังกล่าวจะต้องท�ำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี จึงท�ำให้ ปที ี่ 16 ฉบับท่ี 1 ประจ�ำ เดือนมกราคม - เมษายน 2563 165

ความคล่องแคล่วว่องไวเพ่ิมมากขึ้นสามารถเคลื่อนไหวเปลี่ยนตำ� แหน่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับ เจริญ กระบวนรตั น์ (2547) ท่ีกล่าวว่า ความคลอ่ งแคลว่ ว่องไว ต้องมีองคป์ ระกอบทางดา้ นความสามารถใน การรับรู้ทางกายทต่ี อ้ งอาศัย ความกระฉบั กระเฉง ความเรว็ ความออ่ นตวั กำ� ลังการทรงตัว และความสัมพนั ธ์ ในการเคลอ่ื นไหวร่างกายท่ีดี การมีความอ่อนตัวท่ีดีจะท�ำให้การเคล่ือนไหวมีประสิทธิภาพมากข้ึน ซึ่ง วราภรณ์ ไชยสุริยานันท์ (2546) ไดก้ ลา่ ววา่ ความออ่ นตวั เปน็ องคป์ ระกอบพนื้ ฐานทส่ี ำ� คญั อนั หนง่ึ ของทง้ั ดา้ นสขุ ภาพและการเลน่ กฬี า ถ้าบุคคลมีระดับความอ่อนตัวสูงจะสามารถประหยัดพลังงานขณะเคลื่อนไหว ซ่ึงสอดคล้องกับ สนธยา สลี ะมาด (2551) ไดก้ ลา่ วไวว้ า่ การมคี วามออ่ นตวั ทดี่ จี ะสามารถเปลย่ี นทศิ ทางการเคลอื่ นไหวไดง้ า่ ยและชว่ ยเพมิ่ ความสามารถทางการกฬี า ในทางตรงกนั ขา้ มการขาดความออ่ นตวั จะเปน็ อปุ สรรคในการพฒั นาการเคลอ่ื นไหว ดงั ที่ เจรญิ กระบวนรัตน์ (2547) กลา่ ววา่ นักกฬี าทีข่ าดความออ่ นตัว จะเป็นสาเหตสุ �ำคัญประการหนึ่งทจ่ี ะ ท�ำให้การพฒั นาทางด้านเทคนคิ ทกั ษะ ความคล่องแคลว่ ว่องไวและความสามารถในการเคลอ่ื นไหวตลอดจน การประสานงานและความสมั พันธ์ในการปฏบิ ตั ิทกั ษะและเทคนิคกีฬาเป็นไปไดโ้ ดยยาก ความเรว็ เปน็ อีกองค์ประกอบหนงึ่ ที่ส�ำคญั ของการพัฒนาความคล่องแคล่ววอ่ งไว ซ่ึงสามารถท่ีจะฝึก ไดจ้ ากการฝกึ ปฏกิ ริ ยิ าการรบั รแู้ ละตอบสนองตอ่ การเคลอื่ นไหวทเี่ ปน็ หลกั สำ� คญั ในการพฒั นาการทำ� งานของ ระบบประสาทและความเร็วตาราง 9 ช่องถอื เป็นอกี รปู แบบหน่ึงที่สามารถใช้ฝึกการทำ� งานร่วมกันของระบบ ประสาทและกลา้ มเน้ือได้เป็นอย่างดี เจรญิ กระบวนรตั น์ (2548) กล่าวว่า ตาราง 9 ช่อง คอื เครอ่ื งมือทีถ่ ูก คดิ คน้ เพอ่ื นำ� ไปสู่ การพฒั นาปฏสิ มั พนั ธใ์ นการเรยี นรแู้ ละการรบั รสู้ ง่ั งานของสมอง ชว่ ยประสานความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งระบบประสาทกลา้ มเนอ้ื เพ่อื กระตนุ้ และพฒั นาปฏิกิรยิ าความเรว็ ในการปฏิบัตทิ กั ษะการเคลอื่ นไหว ความรวดเรว็ ในการคดิ และการตดั สนิ ใจใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพยงิ่ ขน้ึ โดยมงุ่ เนน้ การพฒั นาสมองซกี ซา้ ยและซกี ขวา ควบคู่กันไป ด้วยการอาศัยรูปแบบการเคลื่อนไหวท่ีเป็นพ้ืนฐานเบื้องต้นของมนุษย์เป็นหลัก ตาราง 9 ช่อง สามารถน�ำมาฝึกกับกีฬาประเภทต่าง ๆ ได้ เช่น วอลเลย์บอล เทนนิส กรีฑา เทเบิลเทนนิส วอลเลย์บอล เป็นต้น จะเหน็ ไดว้ า่ กจิ กรรมตาราง 9 ช่องจะเป็นสว่ นหนงึ่ ของกิจกรรมที่จะกระต้นุ ใหเ้ กิดการเรียนรู้รับรขู้ อง สมองไดด้ ยี ่งิ ข้ึน การฝึกการทำ� งานของสมองโดยการจดั การเคลอ่ื นไหวอย่างมขี น้ั ตอน เคลอ่ื นไหวจากงา่ ยไป ยาก และพฒั นาการเคลอื่ นไหวจากชา้ ไปเรว็ ทำ� ใหเ้ กดิ การเรยี นรทู้ หี่ ลากหลายรปู แบบเพอื่ ใหเ้ กดิ ความสมั พนั ธ์ ทางด้านทักษะกลไกการเคลอื่ นไหวรา่ งกาย (Psychomotor Skill) ซง่ึ เปน็ ส่วนหนึง่ ในการรับรู้ของสมองท่จี ะ เก่ียวข้องกับเวลาปฏิกิริยา เวลาตอบสนอง และเวลาการเคล่ือนไหวเพราะจะเกิดการเรียนรู้โดยการลด ชว่ งเวลาในการคิดและตดั สินใจ จงึ ท�ำใหก้ ารเคลื่อนไหวเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว จนเป็นอตั โนมตั ิ จากเหตุผลดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ผู้วิจัยเห็นว่าองค์ประกอบด้านความคล่องแคล่วว่องไว เป็น องคป์ ระกอบของสมรรถภาพทางกายทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ทกั ษะทางกฬี าทสี่ ำ� คญั มากในกฬี าวอลเลยบ์ อลทคี่ วรนำ� มา ศกึ ษาอยา่ งยงิ่ เพราะความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไวเปน็ ความสามารถในการเปลย่ี นทศิ ทางหรอื ตำ� แหนง่ ของรา่ งกาย ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ไมเ่ สยี การทรงตวั ตาราง 9 ชอ่ งจงึ เปน็ สว่ นหนง่ึ ในโปรแกรมการฝกึ ซอ้ มเพอื่ เพมิ่ ศกั ยภาพ และความสามารถในการท�ำงานของเท้าและการเคล่ือนไหวให้กับนักกีฬา และยังกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ รบั รูข้ องสมองไดด้ ียง่ิ ขนึ้ ผูว้ ิจยั จงึ มีแนวคดิ ทจี่ ะศกึ ษา ผลของการฝกึ ตาราง 9 ช่องทมี่ ขี นาดตา่ งกันควบคู่กบั การฝึกความอ่อนตัวที่มีต่อความคล่องแคล่วว่องไวในกีฬาวอลเลย์บอล ท่ีมีขนาดต่างกันควบคู่กับการฝึก ความอ่อนตัวที่มีต่อความคล่องแคล่วว่องไวในกีฬาวอลเลย์บอล ซ่ึงผลการวิจัยคร้ังน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อ 166 บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดสุ ิต

ผฝู้ ึกสอนกฬี าวอลเลย์บอลและกีฬาประเภทอืน่ ๆ ทตี่ อ้ งใชค้ วามคลอ่ งแคล่วว่องไวในการเล่นหรือการแขง่ ขัน โดยสามารถเลอื กขนาดตาราง 9 ชอ่ งเพอ่ื จดั รปู แบบการเคลอื่ นไหวใหเ้ หมาะสมกบั กฬี าประเภทตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ ง เหมาะสมและเกดิ ประสิทธิภาพสงู สุด วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือเปรียบเทียบผลของการฝึกตาราง 9 ช่องท่ีมีขนาดต่างกันควบคู่กับการฝึกความอ่อนตัวท่ีมีต่อ ความคลอ่ งแคล่วว่องไวในกีฬาวอลเลยบ์ อล แนวคดิ ทฤษฎีทเ่ี กีย่ วขอ้ ง วินยา สุนทรเสณี (2542) กล่าวไว้ว่า ความคล่องแคล่วว่องไวคือ ความสามารถของคนที่มี การเปลยี่ นแปลงตำ� แหนง่ อยา่ งรวดเรว็ ในสว่ นทเี่ ปน็ ความเรว็ และความแนน่ อนทรี่ า่ งกายเกดิ การรบั รสู้ ามารถ จะควบคุมใหร้ า่ งกาย สามารถเคลอ่ื นไหวอริ ยิ าบถได้โดยฉับพลนั ขณะท่เี คลื่อนไหวไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม การเคล่ือนไหวหรือการเปล่ียนแปลงกริยาท่าทางของร่างกายโดยฉับพลันน้ันจะต้องมีอ�ำนาจหรือแรงขับ จากภายในรา่ งกายบังคับ D. Allen Philpps and James E. Homak (อ้างถึงใน วนิ ยา สุนทรเสณ,ี 2542) ใหค้ วามหมายของ ความคลอ่ งแคลว่ ไวว้ า่ ความคลอ่ งแคลว่ หมายถงึ ความสามารถในการเปลยี่ นทศิ ทางเคลอื่ นไหวไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ฉับพลันและมีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับความเร็วในการตอบสนองและความแข็งแรง ตลอดจนการประสานท่ี จ�ำเป็นส�ำหรบั กีฬาประเภทตา่ ง ๆ และระบุไดช้ ดั เจนของกล้ามเนอื้ ดว้ ย ความคลอ่ งแคล่ววอ่ งไวเปน็ ส่ิงสำ� คัญ ในการเลน่ กฬี าทกุ ประเภท เชน่ เทนนสิ แบดมนิ ตนั หรอื ตลอดจนกฬี าบางประเภท เชน่ บาสเกตบอล ฟตุ บอล วอลเล่ย์บอล กีฬาทุกประเภทที่กล่าวมาใช้ความเร็วในการเร่ิมต้น หยุดและเปล่ียนทิศทางอย่างรวดเร็ว การสลับเท้าอย่างคล่องแคล่ว จะได้ประโยชน์อย่างมาก และความคล่องแคล่ว สามารถคาดคะเนชัยชนะ ในการแข่งขันกีฬาบางประเภท ความคล่องแคล่วว่องไวหรอื การคลอ่ งแคล่วเปน็ องค์ประกอบที่ส�ำคญั สมรรถภาพทางกลไก ซ่ึงเป็น ที่ต้องการในการเล่นกีฬาประเภท ลาร์สัน ได้จ�ำแนกลักษณะสมรรถภาพทางกายความคล่องแคล่วว่างไวนั้น มีความส�ำคัญมากในการเล่นกีฬามวย ยูโด มวยปล้�ำ แบดมินตัน บาสเกตบอล และฟุตบอล (สมชาย ประเสริฐศิรพิ ันธ์, 2544) เปน็ ต้น โดยนิยามแล้ว เป็นท่ีเข้าใจกันว่าความแคล่วคล่องว่องไวนั้นเป็นความสามารถในการเปลี่ยนทิศทาง อยา่ งรวดเรว็ ดว้ ยความแมน่ ยำ� ในระดบั สงู และเปน็ ทน่ี า่ สงั เกตวา่ การฝกึ ทำ� เปน็ ประจำ� และการเรยี นรวู้ ธิ กี ารทำ� จะสามารถพัฒนาหรือความคล่องแคล่วว่องไวได้อย่างมีนัยส�ำคัญ และเน่ืองจากความคล่องแคล่วว่องไว เป็นคุณลักษณะท่ีติดตัวมาแต่ก�ำเนิดเกิดอยู่แล้วในร่างกายของเรา เราอาจจะคาดหวังได้ว่า การพัฒนา ความคล่องแคล่วว่องไวจะสามารถเพิ่มข้ึนได้โดยฝึกเป็นประจ�ำ และยังจะช่วยพัฒนาในส่วนท่ีเรียกว่า “AGILITY Intelligence” ซึ่งก็คือ ความเฉลียวฉลาดในการเปล่ียนแปลงทิศทางการหลบหลีก อันเป็นผล มาจากการฝกึ ท�ำซ�ำ้ แล้วซำ้� อกี เกยี่ วกับความคลอ่ งแคล่ววอ่ งไว เจรญิ กระบวนรตั น์ (2544) กลา่ วไวว้ า่ ความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไวเปน็ ความสมั พนั ธท์ ซ่ี ำ�้ ซอ้ นขนึ้ ระหวา่ ง ปที ่ี 16 ฉบับท่ี 1 ประจ�ำ เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 167

ความเรว็ การทำ� งานประสานกบั ความยดื หยนุ่ ของรา่ งกายและของกลา้ มเนอ้ื เชน่ ในกฬี า ยมิ นาสตกิ มวยปลำ้� อเมรกิ าฟุตบอล ฟตุ บอล บาสเกตบอล วอลเลยบ์ อล และความสามารถในการเคล่ือนไหวรา่ งกาย MOBILITY หมายถงึ ความสามารถแตล่ ะชว่ งเวลาไดเ้ ปน็ อยา่ งดี เปน็ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความคลอ่ งแคลว่ กบั ความยดื หยนุ่ ของร่างกาย ฉะนั้น การพัฒนาขีดความสามารถในการเคล่ือนไหวของร่างกายให้มีประสิทธิภาพเพ่ิมมากข้ึน สามารถกระท�ำได้ด้วยการกระตุ้นเร่งเร้าให้ระบบการท�ำงานของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายต้องท�ำงาน มากกว่าปกติ ในท�ำนองเดียวกันการพัฒนาขีดความสามารถขั้นสูงสุดให้กับนักกีฬาสามารถกระท�ำได้ ด้วยการปรับเพ่มิ ปริมาณความหนกั ในการฝกึ ซ้อม ให้สอดคล้องสมั พันธ์ แต่ละช่วงการฝกึ เพื่อความคลอ่ งตัว เจริญ กระบวนรตั น์ (2544) กล่าวไวว้ า่ โดยสว่ นใหญ่แล้วการเลน่ กฬี าใหป้ ระสบความสำ� เร็จต้องใช้ ความสามารถทางด้านร่างกายของผู้เล่นอย่างน้อย 2 ด้านซึ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถใน ความแข็งแรง ความเร็วหรือความอดทน อันจะมีผลท�ำให้นักกีฬาสามารถเคลื่อนไหวและใช้ทักษะได้อย่าง มีคุณภาพ ความคล่องตัวเป็นความสัมพันธ์ท่ีซับซ้อนข้ึนระหว่างความเร็วกับการท�ำงานประสานกันระหว่าง ความยืดหยุ่นของร่างกาย และก�ำลังของกล้ามเน้ือ การท่ีนักกีฬาได้รับการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องสม�่ำเสมอ จงึ ท�ำให้เกิดการพัฒนาอย่างเหน็ ได้ชัด ช่วงระยะเวลาการฝึก 6-8 สัปดาห์ จะท�ำให้เกิดการพัฒนาในด้านก�ำลังและความแข็งแรง และ การฝึก 3 วันต่อสัปดาห์ เป็นช่วงของความถี่ที่เหมาะสมในการฝึกเพ่ือพัฒนาสมรรถภาพทางกายและทักษะ อย่างไรก็ตามการฝึกที่ก�ำหนดความหนักเบาของงานได้อย่างเหมาะสมน้ันจึงจะช่วยพัฒนาความสามารถใน การเคลื่อนไหว และระบบการท�ำงานของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ส่วน การฝึกทขี่ าดความตอ่ เนอื่ ง หนักหรือเบาเกินไปไมก่ อ่ ใหเ้ กิดการพัฒนาเปลีย่ นแปลงทดี่ ีข้นึ อย่างใด อนันต์ อัตชู (2538) กล่าวไว้ว่า การฝึกซ้อมจะท�ำให้เกิดการเรียนรู้และความช�ำนาญรวมทั้ง ความสมบูรณ์ทางด้านร่างกาย ซึ่งในโปรแกรมการฝึกซ้อมจ�ำเป็นต้องค�ำนึงถึง ความหนัก ระยะเวลา และ ความบ่อยคร้ังในการฝึก ซ่ึงสอดคล้องกับ สาลี่ สุภาภรณ์ (2526) ที่รายงานไว้ว่าช่วงระยะเวลาการฝึก 6-8 สัปดาห์ จะท�ำให้เกิดการพัฒนาในด้านก�ำลังและความแข็งแรง และการฝึก 3 วันต่อสัปดาห์ เป็นช่วง ของความถี่ท่ีเหมาะสมในการฝึกเพ่ือพัฒนาสมรรถภาพทางกายและทักษะ อย่างไรก็ตามการฝึกท่ีก�ำหนด ความหนักเบาของงานได้อย่างเหมาะสมนั้นจึงจะช่วยพัฒนาความสามารถในการเคล่ือนไหว และระบบ การท�ำงานของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย ใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพเพม่ิ มากข้ึน ส่วนการฝกึ ที่ขาดความต่อเนอ่ื ง หนักหรือเบาเกินไปไมก่ ่อใหเ้ กดิ การพัฒนาเปลยี่ นแปลงทด่ี ีข้นึ อยา่ งใด วนิ ยา สนุ ทรเสณี (2542) กลา่ วไวว้ า่ ความคลอ่ งแคลว่ ทว่ั ไปและความคลอ่ งแคลว่ เฉพาะสว่ น สามารถ เพ่ิมไดใ้ นการฝึกส่วนประกอบตา่ ง ๆ ดังตอ่ ไปนี้ 1. การท�ำงานร่วมกันของกล้ามเน้ือ (Co-ordination) ในการเคลื่อนไหวส�ำหรับกิจกรรมน้ัน ๆ จะตอ้ งเป็นรูปแบบใดรูปแบบหน่ึงเพอ่ื ให้เกิดการพฒั นาร่วมกัน 2. พลงั กลา้ มเนอื้ (Power) จะช่วยเพิ่มความคล่องแคล่วว่องไว ฉะน้นั การเคลอ่ื นไหวอยา่ งรวดเร็ว ย่อมต้องการก�ำลังอย่างมากเพื่อให้ร่างกายหยุดหรือท�ำให้เปลี่ยนทิศทาง แม้กระทั่งการพุ่งตัวออกไปก็ขึ้นอยู่ กับก�ำลังความแข็งแรงท้งั ความเร็วด้วย 3. เวลาปฏกิ ริ ิยาตอบสนอง (Reaction Time) เช่น การตอบสนองอย่างรวดเร็วในสภาพการณ์ทาง การกฬี า 168 บัณฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดุสิต

4. ความอ่อนตัว (Flexibility) การมีความอ่อนตัวในช่วงปกติมีความจ�ำเป็นต่อการเคลื่อนไหวของ ขอ้ ตอ่ และการเคล่อื นไหวได้เต็มทีข่ องขอ้ ตอ่ จะทำ� ให้การเคลอ่ื นไหวเรยี บและมีประสิทธภิ าพ ทั้งหมดท่ีกล่าวมาน้ี เป็นพ้ืนฐานส�ำคัญในการท�ำให้ความคล่องแคล่วมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ถ้าหาก จะเพ่ิมความคล่องแคล่วเฉพาะส่วนวิธีการที่ดีที่สุดคือการฝึกปฏิบัติการเคลื่อนไหวนั้นอย่างถูกต้องและ การกระท�ำซำ้� ๆ กันด้วยความเรว็ สงู เจริญ กระบวนรัตน์ (2544) กลา่ วไวว้ า่ โดยสว่ นใหญแ่ ลว้ การเล่นกีฬาใหป้ ระสบความส�ำเรจ็ ต้องใช้ ความสามารถทางด้านร่างกายของผู้เล่นอย่างน้อย 2 ด้าน ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถใน ความแข็งแรง ความเร็วหรือความอดทน อันจะมีผลท�ำให้นักกีฬาสามารถเคลื่อนไหวและใช้ทักษะได้อย่าง มีคุณภาพ ความคล่องตัวเป็นความสัมพันธ์ท่ีซับซ้อนขึ้นระหว่างความเร็วกับการท�ำงานประสานกันระหว่าง ความยืดหยุ่นของร่างกาย และก�ำลังของกล้ามเนื้อ การที่นักกีฬาได้รับการฝึกซ้อมอย่างต่อเน่ืองสม�่ำเสมอ จึงทำ� ให้เกิดการพัฒนาอย่างเห็นไดช้ ัด ช่วงระยะเวลาการฝึก 6-8 สัปดาห์ จะท�ำให้เกิดการพัฒนาในด้านก�ำลังและความแข็งแรง และ การฝึก 3 วันต่อสัปดาห์ เป็นช่วงของความถ่ีท่ีเหมาะสมในการฝึกเพ่ือพัฒนาสมรรถภาพทางกายและทักษะ อย่างไรก็ตามการฝึกท่ีก�ำหนดความหนักเบาของงานได้อย่างเหมาะสมนั้นจึงจะช่วยพัฒนาความสามารถ ในการเคลื่อนไหว และระบบการท�ำงานของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย ให้มีประสิทธิภาพเพ่ิมมากขึ้น ส่วนการฝึกทขี่ าดความต่อเนื่อง หนักหรือเบาเกนิ ไปไม่กอ่ ใหเ้ กดิ การพัฒนาเปลย่ี นแปลงทดี่ ขี ้นึ อยา่ งใด วนิ ยา สนุ ทรเสณี (2542) กลา่ วไวว้ า่ ความคลอ่ งแคลว่ ทว่ั ไปและความคลอ่ งแคลว่ เฉพาะสว่ น สามารถ เพม่ิ ได้ในการฝึกส่วนประกอบต่าง ๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. การท�ำงานร่วมกันของกล้ามเนื้อ (Co-ordination) ในการเคล่ือนไหวส�ำหรับกิจกรรมนั้น ๆ จะตอ้ งเปน็ รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเพอ่ื ให้เกดิ การพฒั นารว่ มกนั 2. พลังกล้ามเน้อื (Power) จะช่วยเพม่ิ ความคล่องแคลว่ วอ่ งไว ฉะนนั้ การเคลอื่ นไหวอยา่ งรวดเรว็ ย่อมต้องการก�ำลังอย่างมากเพ่ือให้ร่างกายหยุดหรือท�ำให้เปลี่ยนทิศทาง แม้กระท่ังการพุ่งตัวออกไปก็ขึ้นอยู่ กับก�ำลงั ความแข็งแรงทั้งความเรว็ ด้วย 3. เวลาปฏิกริ ยิ าตอบสนอง (Reaction Time) เชน่ การตอบสนองอยา่ งรวดเรว็ ในสภาพการณท์ าง การกีฬา 4. ความอ่อนตัว (Flexibility) การมีความอ่อนตัวในช่วงปกติมีความจ�ำเป็นต่อการเคลื่อนไหวของ ขอ้ ต่อ และการเคลอ่ื นไหวไดเ้ ต็มทข่ี องขอ้ ต่อจะท�ำใหก้ ารเคลอื่ นไหวเรียบและมปี ระสิทธิภาพ ทั้งหมดนท้ี ีก่ ล่าวมานี้ เป็นพ้ืนฐานส�ำคัญในการท�ำใหค้ วามคลอ่ งแคล่วมปี ระสิทธภิ าพเพม่ิ ขึน้ ถา้ หาก จะเพ่ิมความคล่องแคล่วเฉพาะส่วน วิธีการท่ีดีที่สุด คือ การฝึกปฏิบัติการเคล่ือนไหวน้ันอย่างถูกต้องและ การกระท�ำซ�้ำ ๆ กันด้วยความเร็วสูงงาน บุญเจอื สนิ บุญมา และวฒุ ิชัย ประภากิตติรตั น์ (2558) ศึกษาเร่อื ง ผลการฝกึ แบบผสมผสานทีม่ ีตอ่ ความเรว็ และความคลอ่ งแคล่ววอ่ งไวของนกั กฬี าวอลเลย์บอลระดับประถมศึกษา ผลวิจยั พบว่า 1) ผลการฝกึ แบบผสมผสานท่มี ีตอ่ ความเรว็ ของนักกีฬาวอลเลยบ์ อล จากการทดสอบ ความเร็ว (Speed) ด้วยการว่ิงระยะทาง 50 เมตร พบว่า ก่อนการฝึกมีเวลาเฉล่ีย 8.89 วินาที และหลัง การฝึกมีเวลาเฉลี่ย 8.44 วินาที ผลการฝึกแบบผสมผสานที่มีต่อความคล่องตัวของนักกีฬาวอลเลย์บอล ปีที่ 16 ฉบับท่ี 1 ประจ�ำ เดือนมกราคม - เมษายน 2563 169

ด้วยการว่งิ เกบ็ ของระยะทาง 10 เมตร กอ่ นการฝึกมีเวลาเฉล่ยี เท่ากบั 8.70 วนิ าที และหลงั การฝึกมีเวลา เฉลี่ย 8.26 วินาที 2) ผลการเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการฝึกแบบผสมผสานท่ีมีผลต่อความเร็ว และ ความคลอ่ งแคล่ววอ่ งไว ของนักกฬี าวอลเลย์บอลชาย แตกตา่ งกันอยา่ งมีนยั ส�ำคญั ทางสถติ ิทรี่ ะดับ .05 เนตรทราย พัฒนพงษ์ (2558: 119) ศึกษาเรือ่ ง ผลการใช้โปรแกรมการฝกึ ความคล่องแคลว่ ว่องไวใน การยิงประตูฟุตบอลโดยประยุกต์ใช้แนวคิดการพัฒนาด้านทักษะปฏิบัติของซิมพ์ซันส�ำหรับนักเรียน ช้ันมธั ยมศึกษา ปีท่ี 3 ผลวจิ ยั พบวา่ โปรแกรมฝกึ ความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไวในการยงิ ประตฟู ตุ บอลทพี่ ฒั นาขนึ้ มปี ระสทิ ธภิ าพ ตามเกณฑท์ กี่ ำ� หนด คอื ผเู้ รยี นมคี ะแนนเฉลยี่ หลงั เรยี นในดา้ นความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไวในการยงิ ประตฟู ตุ บอล สงู กวา่ คะแนนเฉลย่ี กอ่ นเรยี นอยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .05 เมอื่ พจิ ารณาในรายดา้ นพบวา่ ดา้ นความเรว็ มคี ะแนนเฉลยี่ หลงั เรยี นสงู กวา่ กอ่ นเรยี น อยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ทิ รี่ ะดบั .05 ดา้ นการทรงตวั มคี ะแนนเฉลยี่ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 และด้านความแม่นย�ำ มีคะแนนเฉล่ีย หลงั เรยี นสงู กวา่ ก่อนเรียน อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถติ ทิ ีร่ ะดับ .05 จติ ติ พลไพรินทร์ และสมเกียรติ เนตรประเสรฐิ (2558: 85) ศึกษาเรือ่ ง ผลของการฝกึ ความคลอ่ งตวั ทม่ี ตี อ่ ความสามารถในการเลยี้ งลูกฟุตบอลของนักกีฬาฟตุ บอลระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ช่วงอายุ 12-15 ปี ผลวิจัยพบว่า ก่อนการฝึก ค่าเฉลี่ยความสามารถในการเล้ียงลูกฟุตบอลของนักกีฬาฟุตบอลกลุ่มการฝึก ความคล่องตัว กบั กลมุ่ การฝกึ การเล่นเกม โดยกลุม่ การฝกึ ความคลอ่ งตวั มีค่าเฉลีย่ เท่ากับ 22.84 วนิ าที และ กลมุ่ การฝกึ การเลน่ เกม มีคา่ เฉลย่ี เทา่ กับ 24.00 วนิ าที โดยค่าเฉลี่ยของความสามารถในการเลีย้ งลูกฟตุ บอล แตกตา่ งกันอยา่ งมนี ยั สำ� คัญทางสถิตทิ ร่ี ะดับ .05 หลงั การฝกึ 4 สัปดาหก์ ลุ่มการฝึกความคล่องตัว มีค่าเฉลี่ย เทา่ กบั 20.76 วนิ าที และกลมุ่ การฝกึ การเลน่ เกม มคี า่ เฉลย่ี เทา่ กบั 23.99 วนิ าที แสดงวา่ หลงั การฝกึ 4 สปั ดาห์ กลมุ่ การฝกึ ความคลอ่ งตวั มคี า่ เฉลย่ี เวลานอ้ ยกวา่ กลมุ่ การฝกึ การเลน่ เกม อยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ทิ รี่ ะดบั .05 หลังการฝกึ 8 สปั ดาห์ หลังการฝกึ 8 สัปดาห์ โดยกลุม่ การฝึกความคลอ่ งตวั มคี า่ เฉล่ยี เทา่ กบั 19.72 วินาที และกลุ่มการฝึกการเล่นเกม มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 23.93 วินาที แสดงว่าหลังการฝึก 8 สัปดาห์ กลุ่มการฝึก ความคล่องตวั มคี า่ เฉล่ียเวลานอ้ ยกวา่ กลมุ่ การฝกึ การเลน่ เกม อย่างมนี ยั ส�ำคญั ทางสถิตทิ ร่ี ะดบั .05 หงส์ทอง บวั ทอง (2559) ผลของการใช้โปรแกรมฝึกความคลอ่ งแคล่วรว่ มกับการเพิม่ ความหนกั ของ งานตอ่ ความคลอ่ งแคลว่ และความแขง็ แรงของกลา้ มเนอ้ื ขาของนกั กฬี าวอลเลยบ์ อลชาย ผลวจิ ยั พบวา่ คา่ เฉลยี่ เวลา การทดสอบความคล่องแคล่วก่อนและหลังการทดลองของนักกีฬาวอลเลย์บอลชายลดลงแสดงว่า ความคล่องแคล่วเพ่ิมข้ึนจาก 15.72±0.66 วินาที เป็น 14.44 ±0.48 วินาที และค่าเฉล่ียการทดสอบ ความแขง็ แรงของกลา้ มเนอื้ ขาก่อนและหลงั การทดลองของนักกฬี าวอลเลย์บอลเพิ่มมากข้นึ จาก 2.49±0.35 กิโลกรัม เป็น 2.92±0.54 กิโลกรัม จากข้อมูลท่ีเก็บรวบรวมได้ท�ำให้สามารถสรุปได้ว่า โปรแกรมการฝึก ความคล่องแคล่วร่วมกับการเพ่ิมความหนักของงานสามารถช่วยเพิ่มความคล่องแคล่วและความแข็งแรงของ กล้ามเนอื้ ขาของนกั กฬี าวอลเลยบ์ อลได้ 170 บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยสวนดสุ ติ

ก่อนและหลังการทดลองของนักกีฬาวอลเลย์บอลเพิ่มมากข้ึนจาก 2.49±0.35 กิโลกรัม เป็น 2.92±0.54 กิโลกรัม จากข้อมูลทีเ่ กบ็ รวบรวมได้ทาให้สามารถสรุปได้ว่า โปรแกรมการฝกึ ความคล่องแคลว่ รว่ มกับการเพิม่ ความหนกั ของ งานสามารถช่วยเพม่ิ ความคล่องแคลว่ และความแขง็ แรงของกลา้ มเน้อื ขาของนกั กฬี าวอลเลยบ์ อลได้ กรอบแนวคิด ตตวั แัวปแรปตราตมาม ความคลอ่ งแคล่ววอ่ งไว กรอบแนวคิด ตัว ตแวั ปแรปอรสิ อริสะระ ก่อนฝึก - ตารางเก้าชอ่ ง ขนาด 60 X 60 ซ.ม. - ตารางเก้าชอ่ ง ขนาด 90 X 90 ซ.ม. หลงั ฝกึ - ตารางเกา้ ชอ่ ง ขนาด 60 X 60 ซ.ม. - ตารางเกา้ ช่อง ขนาด 90 X 90 ซ.ม. ภาพที่ ภ1าพกรทอี่ 1บแกนรอวบคแดิ นวคดิ จากกาจราวกิจกัยาใรนวกิจาัยรใในชก้ตาารรใาชง้ตา9ราชง่อ9ง ชใ่อนงกาในรวกิจาัยรวจิจึงัยพจบึงวพ่าบวเค่ารเ่ือคงรมื่อืองทมือ่ีใชท้ใ่ีในชก้ในารกพารัฒพนัฒานปาฏปิสฏัมิสพัมันพธัน์ในธ์ในการ การเรเยี รนียรนู้ รแู้ ลแะลกะากราสรส่งั ง่ั งาานนขขอองงสสมมอองชว่ ยประสานนสสมั ัมพพนั นั ธธร์ ร์ะะหหววา่ ง่ารงะรบะบปบรปะรสะาสทากทลกา้ ลม้าเนม้ือเนเ้อืพื่อเพก่อืระกตรุน้ะรตว่ นุ้ มรถ่วึงมกถารงึ พฒั นา การพัฒปฏนิกาิรปิยฏาิกคิรวิยามาเครว็วาในมกเรา็วรใพนัฒกนาราพทักฒษนะากทาักรเษคะลกื่อานรไเหควล่ือคนวาไมหเวร็วคในวกามารเรค็วิดในแลกะากรคาริดตัดแสลินะใกจาใรหต้มัดีปสรินะสใจิทใธหิภ้มาีพมาก ประสทิย่ิงธขิภ้ึนาพโดมยามกุ่งยเ่ิงนข้นึ้นกาโรดพยัฒมนุ่งเานสน้ มกอางรทพ้ังซัฒีกนซา้าสยมซอีกงขทวงั้าซคกีวบซคา้ ยู่กซันกีไปขวเาพค่ือวกบาคหู่กนันดไโปครงเพสร่อื ้ากงำ�ขหอนงสดมโคอรงใงนสกรา้ รงรขับอรงู้เรียนรู้ สมองพในัฒกนาารครวับบรคู้เู่กราียรนทราู้ งพานัฒขนอางสคมวอบงคใหู่ก้เาปร็นทแ�ำบงบาแนผขนอเงปส็นมขอ้ันงเปให็น้เตปอ็นนแตบามบรแูปผแนบเบปก็นาขรเ้ันคเลป่ือ็นนตไหอวนตโดายมเร่ิูมปจแาบกบรูปแบบ การเคแลลอ่ื ะนเปไห็นวขนั้โดตยอเนรทิ่ม่งีจ่าายกไรปูปสแยู่ บากบจแาลกะกเาปรน็เคขล้ัน่ือตนอไหนวทชี่ง้า่าไยปไสปู่กสายู่ ราเคกลจื่อากนกไหาวรทเครี่ ลวดอ่ื เนรไ็วหซวับชซ้า้อไนปสสกู่่งใาหร้สเคมลอือ่งเนกไนิ หกวาทรี่เรียนรู้ รวดเรว็ ซบั ซ้อน สง่ ให้สมองเกินการเรียนร้แู ละไดก้ ารรบั กระตุ้น เทา่ ท่ีเปน็ การสรา้ งแผนท่ีหรอื ก�ำหนดรปู แบบ ข้ันตอนการท�ำงานให้แก่สมอง เพ่ือน�ำไปสู่กระบวนการรับรู้ เรียนรู้ ส่ังงาน และพัฒนาปฏิสัมพันธ์ทางด้าน ความคดิ ทกั ษะกลไกการเคลอื่ นไหวของรา่ งกาย รปู แบบการเคลอ่ื นไหวในตาราง 9 ชอ่ ง มหี ลากหลายรปู แบบ จงึ ท�ำให้ทักษะการเคลือ่ นไหวของร่างกายสามารถท�ำได้หลายรูปแบบ ความคล่องแคล่วว่องไว หมายถึง ความสามารถในการเปลี่ยนทิศทางเคล่ือนไหวได้อย่างรวดเร็ว ฉับพลันและมีประสิทธิภาพข้ึนอยู่กับ ความเร็วในการตอบสนองและความแข็งแรง ตลอดจนการประสานที่ จำ� เปน็ ส�ำหรบั กีฬาวอลเลยบ์ อล และระบไุ ด้ชัดเจน ของกล้ามเน้อื ด้วย ความคลอ่ งแคลว่ ว่องไวเปน็ สง่ิ ส�ำคญั ในการเล่นกีฬา วอลเล่ย์บอล ใช้ความเร็วในการเร่ิมต้น หยุดและเปล่ียนทิศทางอย่างรวดเร็ว การสลับเท้า อย่างคล่องแคล่ว จะได้ประโยชน์อย่างมาก และความคล่องแคล่ว สามารถคาดคะเนชัยชนะ ในการแข่งขัน กฬี าบางประเภท ความคล่องแคล่ววอ่ งไวหรือการคล่องแคล่วเปน็ องคป์ ระกอบท่ีสำ� คญั สมรรถภาพทางกลไก ซ่ึงเป็นท่ี ต้องการในการเล่นกีฬาประเภท ลาร์สัน ได้จ�ำแนกลักษณะสมรรถภาพทางกายความคล่องแคล่วว่องไวนั้น มคี วามสำ� คญั มากในการเล่นวอลเลยบ์ อล ปที ี่ 16 ฉบับที่ 1 ประจำ�เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 171

ระเบยี บวธิ วี ิจัย ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง ประชากร นักศกึ ษามหาวทิ ยาลยั การกีฬาแห่งชาติ วทิ ยาเขตชลบุรี คณะศกึ ษาศาสตร์ ช้ันปที ่ี 3 ภาคเรียนท่ี 1 ประจ�ำปีการศึกษา 2559 จ�ำนวน 55 คน กลุ่มตัวอยา่ ง กลมุ่ ตวั อยา่ งทใี่ ชใ้ นการวจิ ยั ในครงั้ นคี้ อื นกั ศกึ ษามหาวทิ ยาลยั การกฬี าแหง่ ชาติ วทิ ยาเขตชลบรุ ี คณะ ศกึ ษาศาสตร์ ชน้ั ปที ี่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ประจ�ำปีการศึกษา 2559 จำ� นวน 20 คน โดยใช้วธิ กี ารแบ่งออกเปน็ กลมุ่ ละ 10 คน โดยการคดั เลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) ฝึกเฉพาะวันจนั ทร์ วันพุธ และวนั ศกุ ร์ เวลา 17.00-18.00 น. เป็นเวลา 8 สัปดาห์ กลมุ่ ทดลองที่ 1 ฝกึ รปู แบบการเคลื่อนไหวที่กำ� หนดด้วยตาราง 9 ช่องท่มี ีขนาด 60x60 เซนตเิ มตร ควบค่โู ปรแกรมการฝกึ ความคลอ่ งแคล่วว่องไวควบคู่กบั การฝึกความออ่ นตวั โดยการกา้ วขน้ึ -ลง กล่มุ ทดลองที่ 2 ฝึกรปู แบบการเคลอ่ื นไหวทก่ี �ำหนดดว้ ยตาราง 9 ชอ่ งทีม่ ีขนาด 90x90 เซนตเิ มตร ควบคโู่ ปรแกรมการฝกึ ความออ่ นตัวควบคกู่ ับการฝึกความออ่ นตัว เกณฑก์ ารคดั เลอื กเข้ากลุ่มตัวอยา่ ง 1. มที กั ษะการเลน่ กฬี าวอลเลยบ์ อล 2. ไมเ่ ป็นผมู้ ีโรครา้ ยแรงที่ไมส่ ามารถออกก�ำลงั กายได้ โดยผ่านการพจิ ารณาคดั กรองจากแพทย์ 3. สามารถมาเข้ารว่ มกจิ กรรมได้ตามที่ก�ำหนด เครอื่ งมอื ทใี่ ช้ในการวจิ ัย 1. โปรแกรมการฝึกตาราง 9 ช่อง โดยใช้ตาราง 9 ช่อง ขนาด 60x60 เซนติเมตร และ 90x90 เซนติเมตร 2. แบบทดสอบความคล่องแคล่ววอ่ งไว คอื แบบทดสอบ Agility t-test การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิจยั ครั้งนี้มีข้ันตอนดำ� เนินการเกบ็ รวบรวมข้อมูลดังต่อไปนี้ 1. ผ้วู จิ ยั ชี้แจงวตั ถปุ ระสงคแ์ ละวิธกี ารฝกึ ตามลำ� ดับข้นั ตอนแกก่ ล่มุ ตัวอยา่ งโดยละเอียด 2. ผู้วิจัยให้กลมุ่ ตัวอย่างยดื เหยียดกล้ามเพ่อื เตรียมความพร้อมในการฝึก 3. ฝกึ ตามโปรแกรมการฝกึ ตาราง 9 ช่อง โดยฝึกในวนั จันทร์ วนั พุธ และวนั ศกุ ร์ เปน็ เวลา 8 สปั ดาห์ และแบ่งกลุม่ ทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม ดงั น้ี กลมุ่ ทดลองท่ี 1 ฝกึ รปู แบบการเคลอ่ื นไหวทกี่ ำ� หนดดว้ ยตาราง 9 ชอ่ งทม่ี ขี นาด 60x60 เซนตเิ มตร ควบคู่กับการฝึกความอ่อนตัว กลมุ่ ทดลองที่ 2 ฝกึ รปู แบบการเคลอื่ นไหวทกี่ ำ� หนดดว้ ยตาราง 9 ชอ่ งทมี่ ขี นาด 90x90 เซนตเิ มตร ควบคู่กบั การฝกึ ความอ่อนตวั 4. จบั เวลาและบนั ทึกขอ้ มลู การฝึกตาราง 9 ชอ่ ง 5. ทดสอบความคลอ่ งแคล่ววอ่ งไวของกลุม่ ตัวอย่าง โดยใช้แบบทดสอบ Agility t-test ในสัปดาห์ท่ี 1 สปั ดาห์ที่ 4 และสปั ดาหท์ ่ี 8 พรอ้ มจดบันทกึ ขอ้ มลู 172 บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดุสติ

6. วิเคราะห์ผลการฝกึ ตาราง 9 ชอ่ ง โดยใช้วธิ ีการทางสถิติ 7. สรปุ และรายงานผลการวิจยั ท่ไี ดจ้ ากการศึกษาวจิ ัยในครัง้ นี้ 8. จดั ทำ� เอกสารและส่ิงพิมพ์เพือ่ เผยแพร่งานวจิ ยั การวเิ คราะหข์ อ้ มูล ในการวิจยั คร้ังน้ีใชก้ ารวิเคราะห์ขอ้ มูลดว้ ยวิธีการทางสถิติ โดยใช้โปรแกรมส�ำเรจ็ รูป ค�ำนวณคา่ สถติ ิ โดยการหาคา่ เฉลยี่ และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐานของอายุ นำ�้ หนกั สว่ นสงู ดชั นมี วลกาย และผลของการทดสอบ ความคลอ่ งแคลว่ ว่องไว ของกลุ่มตัวอยา่ งทั้ง 2 กลุ่ม โดยใชส้ ถติ ิ Independent t-test ผลการศกึ ษา การวิจัยครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือเปรียบเทียบผลของการฝึกตาราง 9 ช่องท่ีมีขนาดต่างกันควบคู่กับ การฝึกความอ่อนตัวท่ีมีต่อความคล่องแคล่วว่องไวในกีฬาวอลเลย์บอล กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยในครั้งน้ี คอื นกั ศกึ ษามหาวทิ ยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วทิ ยาเขตชลบรุ ี คณะศึกษาศาสตร์ ชัน้ ปีที่ 4 ลงทะเบยี นเรียนวชิ า วอลเลยบ์ อลจำ� นวน 20 คน แบง่ กลมุ่ โดยการสมุ่ ตวั อยา่ งแบบงา่ ยใชว้ ธิ กี ารจบั ฉลาก 2 กลมุ่ เพอื่ เขา้ กลมุ่ ทดลอง ท่ี 1 จำ� นวน 10 คน ฝึกรูปแบบการเคล่ือนไหวท่กี ำ� หนดดว้ ยตาราง 9 ชอ่ งที่มขี นาด 60x60 เซนติเมตร ควบคู่ โปรแกรมการฝกึ ความออ่ นตวั และกลมุ่ ทดลองท่ี 2 จำ� นวน 10 คน ฝึกรูปแบบการเคลือ่ นไหวทกี่ �ำหนดด้วย ตาราง 9 ชอ่ งท่ีมขี นาด 90x90 เซนตเิ มตร ควบคู่โปรแกรมการฝกึ ความอ่อนตวั 1. ความคล่องแคล่วว่องไว ก่อนการฝึกและหลังการฝึกของกลุ่มทดลองที่ 2 แตกต่างกันอย่างมี นัยสำ� คญั ทางสถติ ิที่ระดับ .05 โดยความคลอ่ งแคล่ววอ่ งไวของกลุ่มทดลองท่ี 2 ลดลงจาก 13.48 เปน็ 11.16 วนิ าที ส�ำหรบั กลุ่มทดลองที่ 1 พบวา่ มีค่าไม่แตกต่างกนั ทางสถิติ 2. ความคล่องแคล่ววอ่ งไวของกลุม่ ทดลองที่ 1 และทดลองท่ี 2 ก่อนการฝึก ไมแ่ ตกตา่ งกนั ทางสถติ ิ ระหว่างการฝึก 4 สัปดาห์ และหลังการฝึก 8 สปั ดาห์ พบวา่ แตกตา่ งกนั ทางสถติ ทิ ี่ระดับ .05 การฝึกทแ่ี ตกตา่ งกันของกลุ่มควบคมุ ของกลมุ่ ทดลองที่ 1 และกลุม่ ทดลองที่ 2 ในการวดั ที่ช่วงเวลา ทแ่ี ตกตา่ งกนั คอื กอ่ นการฝึก ภายหลงั การฝกึ สปั ดาหท์ ี่ 4 และภายหลังสปั ดาห์ท่ี 8 พบว่า วิธกี ารฝึกกับระยะ เวลาการฝึกมีปฏิสัมพันธ์กัน ดังนั้นจึงใช้การวิเคราะห์ความแตกต่างแบบวัดซ�้ำเพ่ือทดสอบค่าเฉลี่ย ความคล่องแคล่วว่องไวจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ในช่วงเวลาต่างกัน โดยแยกศึกษาแต่ละกลุ่มเพ่ือทดสอบ ความแตกตา่ งของคา่ เฉลย่ี ความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไวจะเปลย่ี นหรอื ไมใ่ นวธิ กี ารฝกึ ทแี่ ตกตา่ งกนั ความแปรปรวน ทางเดยี วของคา่ เฉลยี่ ความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไวระหวา่ งกลมุ่ ทดลองทงั้ 2 กลมุ่ พบวา่ คา่ เฉลยี่ ของความคลอ่ งแคลว่ ว่องไว ระหว่างกลุ่มตัวอย่างที่ 2 กลุ่ม ก่อนการฝึก กลุ่มควบคุม กลุ่มทดลองที่ 1 และกลุ่มทดลองที่ 2 มคี ่าเฉลี่ยความคล่องแคลว่ วอ่ งไวไมแ่ ตกต่างกันอยา่ งมีนัยสำ� คญั ทางสถิติท่ีระดับ .05 อภปิ รายผล จากการเปรยี บเทยี บผลของการฝกึ ตาราง 9 ชอ่ งทมี่ ขี นาดตา่ งกนั ควบคกู่ บั การฝกึ ความออ่ นตวั ทมี่ ตี อ่ ความคล่องแคลว่ ว่องไวในกฬี าวอลเลยบ์ อล ก่อนการฝึก และหลงั การฝกึ 8 สปั ดาห์ ของกล่มุ ทดลองท่ี 1 และ กลมุ่ ทดลองที่ 2 พบว่า ปที ี่ 16 ฉบบั ที่ 1 ประจำ�เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 173

ความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไว กอ่ นการฝกึ และหลงั การฝกึ ของกลมุ่ ทดลองที่ 2 แตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถิตใิ นระดับ .05 โดยความคล่องแคล่ววอ่ งไวของกล่มุ ทดลองที่ 2 ใชเ้ วลาลดลงจาก 13.48 เปน็ 11.16 วนิ าที สำ� หรบั กลมุ่ ทดลองที่ 1 พบวา่ มคี า่ ไมแ่ ตกตา่ งกนั ทางสถติ ิ ซง่ึ กลมุ่ ทดลองที่ 2 ใชร้ ปู แบบการเคลอื่ นไหว ทีก่ ำ� หนดดว้ ยตาราง 9 ช่องทีม่ ีขนาด 90x90 เซนติเมตร ควบคู่โปรแกรมการฝกึ ความอ่อนตัว ซ่งึ แต่ละชอ่ ง เหล่าน้ีเป็นการเคลื่อนที่ทุกทิศทาง คือ ด้านหน้า ด้านหลัง ด้านซ้าย ด้านขวาและเป็นการว่ิงซ�้ำ ๆ กัน โดยลักษณะการเคล่ือนที่เป็นการกลับตัวสลับไปมาจึงส่งผลให้นักกีฬามีความคล่องแคล่วในการเคล่ือนที่ อยา่ งรวดเร็วและมีความแม่นย�ำเพิ่มขึน้ ดงั ที่ วฒุ ิพงษ์ ปรมัตถากร และอารี ปรมตั ถากร (2542) ได้กล่าวว่า การพัฒนาความคล่องตัว (Agility) กระท�ำได้ด้วยการให้นักกีฬาพยายามใช้ความเร็วสูงสุดในการเคล่ือนท่ีใน รูปแบบต่าง ๆ ที่มีความใกล้เคียงกับ การเคลื่อนไหวในกีฬาน้ัน ๆ เช่นเดียวกับทักษะกีฬาวอลเลย์บอลท่ีมี การรับลกู กระโดด สกัดกน้ั กระโดดตบ จึงสอดคลอ้ งกับ ประจักษ์ สวุ รรณธรี ะกิจ (2548) ได้ทำ� การศกึ ษา ผลของการฝกึ ความคลอ่ งแคลว่ ของนกั กฬี าวอลเลยบ์ อลชาย มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา วทิ ยาเขต พายพั จำ� นวน 12 คน ทำ� การฝกึ ความคลอ่ งตวั (Agility) เปน็ ระยะเวลา 8 สปั ดาห์ ผลการศกึ ษา พบวา่ หลงั การฝกึ ตามโปรแกรมนกั กฬี าวอลเลยบ์ อลชายมี ความคลอ่ งตวั เพม่ิ ขน้ึ อยา่ งมนี ยั สำ� คญั เชน่ เดยี วกบั บญุ เจอื สนิ บญุ มา และวฒุ ิชยั ประภากติ ติรตั น์ (2558) ได้ศึกษาผลการฝกึ แบบผสมผสานทมี่ ีตอ่ ความเร็วและความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไวของนกั กฬี าวอลเลยบ์ อลชาย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4-6 อำ� เภอบรรพตพสิ ยั จงั หวดั นครสวรรค์ สำ� นกั งาน เขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษา นครสวรรค์ เขต 2 จ�ำนวน 30 คน พบว่า ผลการเปรยี บเทยี บผลก่อนและ หลังการฝึกแบบผสมผสานท่ีมีผลต่อความเร็ว และความคล่องแคล่วว่องไวของนักกีฬาวอลเลย์บอลชาย แตกต่างกันอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และยังสอดคล้องกับ สุชาติ สุวรรณเบญจางค์ (2545) ไดท้ ำ� การศกึ ษาผลของการใชโ้ ปรแกรมการฝกึ เพอื่ เพม่ิ ความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไวของนกั กฬี าวอลเลยบ์ อล จำ� นวน 24 คน ระยะเวลา 6 สัปดาห์ โดยได้แบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มควบคุม และกลุ่มทดลอง กลมุ่ ควบคมุ 12 คน ทำ� การฝึกทกั ษะกีฬาวอลเลย์บอลอยา่ งเดยี ว และกลุ่มทดลอง 12 คน ท�ำการฝึกทักษะ กฬี าวอลเลยบ์ อลรว่ มกบั การฝกึ ความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไว ผลของการศกึ ษาพบวา่ กลมุ่ ทดลองทท่ี ำ� การฝกึ ทกั ษะ กฬี าวอลเลยบ์ อลรว่ มกบั การฝกึ ความคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไวเพมิ่ ขนึ้ กวา่ กลมุ่ ควบคมุ อยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทร่ี ะดบั 0.01 โปรแกรมใช้ความเร็วสูงสุดในการเคลื่อนที่ในรูปแบบต่าง ๆ จึงส่งผลให้เกิดการท�ำงานประสานกันอย่าง มีประสทิ ธภิ าพของระบบประสาทและกล้ามเนือ้ เวลาปฏกิ ิริยาในการเคลอื่ นไหว ความอ่อนตัว และความเร็ว จงึ ส่งใหเ้ กดิ ความคลอ่ งแคล่วเพม่ิ ขึ้น ข้อเสนอแนะ ข้อเสนอแนะท่ไี ดจ้ ากการวิจัย ผ้ทู ีฝ่ กึ สอนสามารถนำ� เอาโปรแกรมการฝึกตาราง 9 ช่องควบค่กู ับการฝึกความอ่อนตวั นำ� ไปประยกุ ต์ ใชก้ บั ชนดิ กีฬาวอลเลยบ์ อล เพอ่ื เป็นการฝกึ ความคล่องแคลว่ ของการเคลอื่ นที่เปล่ยี นทศิ ทางอยา่ งรวดเรว็ ขอ้ เสนอแนะสำ� หรับการวิจัยครั้งต่อไป ควรมีการศึกษาวิจัย ในลักษณะการติดตามผลการฝึกตาราง 9 ช่องในระยะยาว โดยท�ำการวัด ความคล่องแคลว่ และความแข็งแรงของกลา้ มเนื้อขารว่ มด้วย เพื่อให้เห็นผลการทดลองท่ีชัดเจนย่งิ ขน้ึ 174 บัณฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดุสติ

เอกสารอ้างอิง เกชา พูลสวัสดิ์. (2548). ผลของการฝึกเสริมพลัยโอเมตริกท่ีมีต่อการพัฒนาความคล่องแคล่วว่องไว ของนกั กฬี าฟตุ บอลอายรุ ะหวา่ ง 14-16 ป.ี วทิ ยานพิ นธค์ รศุ าสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าพลศกึ ษา คณะครศุ าสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. จติ ติ พลไพรนิ ทร์ และสมเกยี รติ เนตรประเสรฐิ . (2558). ผลของการฝกึ ความคลอ่ งตวั ที่มีต่อความสามารถใน การเลี้ยงลูกฟตุ บอลของนักกฬี าฟตุ บอล ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น ชว่ งอายุ 12-15 ปี. วารสาร วชิ าการเครือข่ายบณั ฑิตศึกษา มหาวทิ ยาลัยราชภัฏภาคเหนอื , 5 (8): 85-94. เจริญ กระบวนรัตน์. (2544). การฝึกกล้ามเนื้อโดยการยกน�้ำหนัก. กรุงเทพฯ: ภาควิชาพลศึกษา คณะ ศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์ เจริญ กระบวนรัตน์. (2547). ผลของการนวดแบบไทยประยุกต์ การพักแบบมีกิจกรรมการเคล่ือนไหว. กรุงเทพฯ: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์. เจริญ กระบวนรตั น์. (2548). ความเปน็ มาของตาราง 9 ชอ่ งกบั การพัฒนาสมอง. กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์. เนตรทราย พฒั นพงษ์. (2558). ผลการใช้โปรแกรมการฝกึ ความคล่องแคลว่ ว่องไวในการยิงประตฟู ตุ บอล โดยประยกุ ตใ์ ชแ้ นวคดิ การพฒั นาดา้ นทกั ษะปฏบิ ตั ขิ องซมิ พซ์ นั สส์ ำ� หรบั นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษา ปที ี่ 3. วิทยานิพนธ์การศกึ ษาดษุ ฎบี ัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลยั บูรพา. บุญเจือ สินบุญมา และวุฒิชัย ประภากิตติรัตน์. (2558). ผลการฝึกแบบผสมผสานที่มีต่อความเร็วและ ความคล่องแคล่วว่องไวของนักกีฬาวอลเลย์บอลระดับประถมศึกษา. วิทยานิพนธ์ปริญญา ครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าพลศึกษา บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์. ประจักษ์ สุวรรณธีระกิจ. (2548). ผลการฝึกความคล่องตัวของนักกีฬาวอลเลย์บอลชาย มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตภาคพายัพ. การค้นคว้าแบบอิสระปริญญาวิทยาศาสตร มหาบณั ฑติ สาขาวชิ าวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยเชยี งใหม.่ พชิ ิต ภูตจิ นั ทร.์ (2535). กายวภิ าคศาสตร์ และสรีระวิทยาของมนษุ ย.์ กรงุ เทพฯ: โอเดยี นสโตร.์ มาลรี ตั น์ มณเี ขยี ว. (2544). ผลของการฝกึ วงิ่ รปู แบบตวั S และรปู แบบตวั Z ทม่ี ตี อ่ ความแคลว่ คลอ่ งวอ่ งไว ของนักกีฬารักบ้ีฟุตบอล. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. วราภรณ์ ไชยสุรยิ านนั ท.์ (2546). การสร้างเคร่อื งมอื วดั ความออ่ นตวั . วิทยานพิ นธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาพลศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์ วินยา สุนทรเสณี. (2542). การทดสอบสมรรถภาพทางกาย. กรุงเทพฯ: โปรแกรมวิทยาศาสตร์การกีฬา สถาบนั ราชภัฏสวนดุสติ . วุฒิพงษ์ ปรมัตถากร และอารี ปรมัตถากร. (2542). วิทยาศาสตร์การกีฬา (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ: ไทยวฒั นาพานชิ . ปที ี่ 16 ฉบบั ท่ี 1 ประจำ�เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 175

สนธยา สลี ะมาด. (2551). ผลของการอบอนุ่ รา่ งกายและการยดื กลา้ มเนอื้ ทม่ี ตี อ่ ความสามารถสงู สดุ และปรมิ าณ ในการทำ� งานแบบไมใ่ ชอ้ อกซเิ จน และดชั นคี วามลา้ . บทความวชิ าการ ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒวชิ าการ คร้งั ที่ 2: 58-66. สมชาย ประเสรฐิ ศิรพิ นั ธ์. (2544). บาสเกตบอล. กรุงเทพฯ: ไทยวฒั นาพานชิ . สาลี่ สภุ าภรณ.์ (2526). ผลของการฝกึ กลา้ มเนอ้ื ขาโดยการกระโดดเชอื กทม่ี ตี อ่ ความสามารถในการกระโดด ไกล. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาพลศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวโิ รฒ. สชุ าติ สุวรรณเบญจางค์. (2545). ผลของการฝกึ ทีม่ ีต่อความคลอ่ งตวั ของนักกฬี าวอลเลย์บอล. การค้นควา้ แบบอิสระปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่. หงส์ทอง บัวทอง. (2559). ผลของการใช้โปรแกรมฝกึ ความคลอ่ งแคล่วรว่ มกับการเพิ่มความหนกั ของงาน ต่อความคล่องแคล่วและความแข็งแรงของกล้ามเน้ือขาของนักกีฬาวอลเลย์บอลชาย. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การออกก�ำลังกายและการกีฬา คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลยั บรู พา. อนันต์ อตั ชู. (2538). หลักการฝกึ กฬี า. กรงุ เทพฯ: ไทยวฒั นาพานิช. อัจฉรา ช่วยจันทร์. (2550). ผลของการฝกึ ว่งิ รปู แบบตัว M ทม่ี ีตอ่ การพฒั นาความคล่องแคลว่ ว่องไวของ ผเู้ ลน่ กฬี าเทนนสิ . วทิ ยานพิ นธศ์ กึ ษาศาสตรดษุ ฎบี ณั ฑติ สาขาการบรหิ ารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปตั ตานี. คณะผูเ้ ขยี น นางวันเพ็ญ สวุ รรณชัยรบ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยการกีฬาแหง่ ชาติ เลขท่ี 333 หมู่ที่ 1 ถนนสุขุมวิท ตำ� บลหนองไม้แดง อ�ำเภอเมืองชลบรุ ี จงั หวดั ชลบรุ ี 20000 e-mail: [email protected] ดร. จริ วัฒน์ ขจรศลิ ป์ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยการกีฬาแหง่ ชาติ เลขที่ 333 หมทู่ ี่ 1 ถนนสขุ มุ วิท ต�ำบลหนองไม้แดง อ�ำเภอเมอื งชลบุรี จงั หวัดชลบรุ ี 20000 e-mail: [email protected] 176 บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยสวนดุสิต

การมีส่วนร่วมของผูป้ กครองครู และศิษยเ์ ก่าในการจัดการศึกษาของโรงเรยี นสาธติ สังกดั ส�ำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษา ในเขตกรงุ เทพฯ และปริมณฑล Participation of Parents, Teachers and Alumni in Educational Management of Demonstration Schools under Office of the Education Commission in Bangkok and Metropolitan Areas อดิทักษ์ สุวิวฒั นชัย* ญาลิสาฐ์ ตน้ สอน ชนะศกึ นชิ านนท์ และศโิ รจน์ ผลพนั ธนิ บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ติ Aditak Suvivadhanajaya* Yalisa Tonsorn Chanasuek Nichanong and Sirote Pholpuntin Graduate School, Suan Dusit University Received: September 5, 2019 Revised: October 25, 2019 Accepted: October 29, 2019 บทคดั ยอ่ การวจิ ยั เรอื่ งนม้ี วี ตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั คอื ตอ้ งการศกึ ษาระดบั การมสี ว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษา ของผูป้ กครอง ครู และศิษยเ์ กา่ โรงเรยี นสาธติ สงั กดั สำ� นกั งานคณะกรรมการอดุ มศึกษา (สกอ.) กลุ่มตวั อย่าง วิจยั คือ ผ้ปู กครอง ครู และศิษยเ์ กา่ ของโรงเรียนสาธติ สงั กดั ส�ำนกั งานคณะกรรมการการอุดมศกึ ษา (สกอ.) ประกอบด้วย 1. โรงเรยี นสาธติ แหง่ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ ศนู ยว์ จิ ยั และพฒั นาการศกึ ษา 2. โรงเรยี นสาธติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฝ่ายประถม) 3. โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามค�ำแหง (ฝ่ายประถม) และ 4. โรงเรยี นสาธติ มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ ประสานมิตร (ฝา่ ยประถม) ในการบรหิ ารงาน 4 ดา้ น คอื 1. ด้านการบริหารงานทวั่ ไป 2. ด้านการบรหิ ารจดั การเรยี นการสอน 3. ดา้ นการสนบั สนนุ โรงเรยี น 4. ด้าน การตดิ ตามและประเมนิ ผล โดยการก�ำหนดขนาดของกลมุ่ ตัวอยา่ งทเี่ หมาะสม คอื 358 คน เครอื่ งมอื ท่ีใช้ใน การเกบ็ ข้อมูลคอื แบบสอบถามประมาณค่าท่มี ีคา่ ความเช่ือม่นั 0.94 สถติ ิทใ่ี ชว้ เิ คราะห์ขอ้ มูล คือ คา่ รอ้ ยละ ค่าเฉล่ยี และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน สรุปผลการวิจัย จากการวิจัยพบว่า การมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาโดยรวมในระดับปานกลาง ทุกระดบั เม่ือพจิ ารณารายดา้ นพบว่า ดา้ นทม่ี ีการมสี ่วนร่วมมากท่ีสดุ คือ ด้านการบริหารงานท่ัวไป รองลงมา คอื งานดา้ นการเรียนการสอน ดา้ นการสนบั สนนุ และด้านการตดิ ตามประเมินผล ตามลำ� ดบั คำ� สำ� คญั : การมสี ว่ นรว่ มในการจดั การศึกษา โรงเรยี นสาธิต * อดิทกั ษ์ สุววิ ฒั นชัย (Corresponding Author) ปีที่ 16 ฉบับท่ี 1 ประจำ�เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 177 e-mail: [email protected]

Abstract The purpose of the study was to determine the level of participation in educational management of parents, teachers and alumni of Demonstration Schools. The sample of the study was 358 parents, teachers and alumni of Demonstration Schools under the Office of Higher Education Commission (OHEC) including 1. Kasetsart University Laboratory School Center for Educational Research and Development 2. Chulalongkorn University Demonstration School (Elementary level) 3. Ramkhamhaeng University Demonstration School (Elementary level) and 4. Srinakharinwirot University Prasarnmit Demonstration School (Elementary level). The study concentrated on four areas: general management, teaching management, school support and mentoring and evaluation. The appropriate sample group of 358 was recruited and the rating scale questionnaire with reliability coefficient of 0.94 was employed for collecting the data. The analysis of the data was accomplished by computation of percentage, mean and standard deviation. Based upon the findings of the study, it was concluded that the overall participation in educational management was found at the moderate level. When considering each aspect, the finding also showed that the highest participation was found in general management, followed by teaching management, school support and evaluation, respectively. Keywords: Participation in Educational Management, Demonstration Schools บทน�ำ จากกระแสการเปล่ียนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน การพัฒนาประเทศให้มีความพร้อมในการแข่งขัน โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การพฒั นาใหเ้ ปน็ สงั คมแหง่ การเรยี นรู้ (Learning Society) เปน็ สงิ่ สำ� คญั รฐั บาลไดส้ ง่ เสรมิ ใหม้ กี ารพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยโ์ ดยใชก้ ารศกึ ษาเปน็ เครอื่ งมอื ในการพฒั นา กลา่ วคอื การศกึ ษาเปน็ กระบวนการ ท่ีช่วยให้คนได้พัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ ตลอดชีวิต ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพ ของคน น�ำหนา้ การพฒั นาประเทศในมิติอืน่ ๆ ประเทศทป่ี ระสบความสำ� เรจ็ ในการพัฒนาศักยภาพคน เชน่ สหรัฐอเมริกา ฟนิ แลนด์ นอรเ์ วย์ สวเี ดน และสงิ คโปร์ ได้ทุ่มเทการลงทุนเพือ่ พฒั นาคนในชาตกิ ่อนท่ปี ระเทศ จะเจรญิ เติบโตอย่างรวดเรว็ โดยมีการปฏริ ปู ระบบการศึกษาอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพโดยพบว่า ประเทศท่พี ัฒนา แลว้ หลาย ๆ ประเทศ มีการพัฒนาหลักสตู รและระบบการจดั การศกึ ษาทด่ี ี ส่งผลใหป้ ระชากรได้รบั การศึกษา ในอตั ราทส่ี ูง เช่น ประเทศฟนิ แลนด์ เป็นประเทศท่ีไดร้ ับการยอมรับว่า มรี ะบบการศึกษาท่ดี ีท่สี ุดในโลก โดย World Economic Forum (เวทเี ศรษฐกจิ โลก) จดั ใหฟ้ นิ แลนดเ์ ปน็ ประเทศทม่ี รี ะบบการศกึ ษาทดี่ ที สี่ ดุ ในโลก ท้งั ในระดบั ประถมศกึ ษาและระดับที่สูงกว่าข้นั พน้ื ฐาน (รวมระดบั อดุ มศกึ ษา) (World Economic Forum, 2019) ระบบการศึกษาของฟินแลนด์มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ 1) โรงเรียนอนุบาลไม่ส�ำคัญเท่าเวลาจาก ครอบครวั 2) จ�ำนวนเดก็ ในชน้ั เรียนน้อย เพอ่ื การดูแลทวั่ ถึง 3) เพราะการศกึ ษาไม่ใชก่ ารแขง่ ขัน ท่นี จ่ี ึงไม่มี 178 บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ิต

เกรดเฉลย่ี 4) ไม่ใช้ขอ้ สอบกลางในการวดั ระดับ 5) การบริหารโรงเรียนทม่ี คี ุณภาพ และ 6) ครูเปน็ อาชีพที่ได้ รบั การยอมรบั และมเี กยี รติ (The asian parent Thailand, 2014) ดงั นนั้ เหน็ ไดว้ า่ ระบบการศกึ ษาในประเทศ ฟินแลนด์จะให้ความส�ำคัญกับครอบครัวและการพัฒนาเด็กตามศักยภาพของเด็กแต่ละคน ส�ำหรับในเอเซีย ประเทศสงิ คโปรไ์ ดร้ บั การยอมรบั วา่ เปน็ ประเทศทม่ี รี ะบบการศกึ ษาทเี่ ปน็ เลศิ ประเทศหนงึ่ ของโลก โดยรฐั บาล สงิ คโปรใ์ หค้ วามสำ� คญั กบั การศกึ ษาเปน็ อยา่ งมาก ทกุ โรงเรยี นควบคมุ โดยกระทรวงศกึ ษาธกิ ารโดยตรง จดั การ ศึกษาที่วัดศักยภาพเด็กโดยตลอด ทั้งส่งเสริมให้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักอย่างมีคุณภาพ (กระทรวง ตา่ งประเทศ, 2560) และสนับสนุนใหเ้ รียนภาษาท่ีสอง โดยเลอื กตามแต่ละภาษาแม่ของแตล่ ะเชอ้ื ชาติ ระบบ การศึกษาในสิงคโปร์จะให้ความส�ำคัญกับการเรียนรู้ในวิชาหลักที่จ�ำเป็นเพ่ือการต่อยอดองค์ความรู้ และ การพัฒนาศักยภาพของเด็กโดยการวัดระดับความรู้ จากระบบการศกึ ษาของทัง้ 2 ประเทศ ดงั กลา่ ว จะเหน็ ได้ว่ามีลักษณะค่อนข้างแตกต่างกัน แต่ส่ิงที่เหมือนกันคือ การพัฒนาศักยภาพของเด็กแต่ละคนให้มากที่สุด ซง่ึ สง่ิ เหลา่ นต้ี อ้ งอาศยั ความรว่ มมอื จากทกุ ฝา่ ยทเ่ี กยี่ วขอ้ ง โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ความรว่ มมอื ของผปู้ กครองและ ผูม้ สี ่วนเกี่ยวข้องในการจดั การศึกษา จะเห็นไดว้ ่าประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดที ่ีสดุ อยา่ งเช่น ประเทศฟินแลนด์ จะให้ความส�ำคญั กบั ครอบครัวในการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก ดังนั้น พ่อแม่หรือผู้ปกครองจึงมีบทบาทส�ำคัญมากในการพัฒนา ศกั ยภาพและการศกึ ษาของเดก็ นอกจากเดก็ จะเรยี นร้สู ิ่งต่าง ๆ จากครอบครวั แล้ว สภาพแวดล้อมตา่ ง ๆ ที่ เอ้ือต่อการเรียนรู้ก็มีความส�ำคัญเป็นอย่างมาก สภาพแวดล้อมดังกล่าวสามารถเกิดข้ึนได้ท้ังในโรงเรียนและ นอกโรงเรียน ดงั นั้นการสรา้ งความรว่ มมอื เพื่อสร้างสภาพแวดลอ้ มแห่งการเรียนร้ทู งั้ ในและนอกโรงเรยี นจงึ มี ความส�ำคัญ บุคคลภายนอกโรงเรียนท่ีมีความรู้และประสบการณ์ตลอดจนความรู้สึกผูกพันในสถานศึกษา จะเป็นเครือข่ายท่ีดีและมีประสิทธิภาพในการสร้างสภาพแวดล้อมแห่งการเรียนรู้ เนื่องด้วยบุคคลเหล่าน้ีมี เจตคติที่ดี มีความภาคภูมิใจ และความผูกพันต่อสถานศึกษา ซึ่งเอื้อให้เกิดการส่งเสริมและสนับสนุนให้ สถานศึกษาที่ตนเคยศกึ ษามาน้ันเปน็ แหล่งการเรยี นรู้ทีม่ ีประสทิ ธภิ าพ ดงั นั้น การมีสว่ นร่วมจากศษิ ยเ์ กา่ จงึ มี ความส�ำคญั ในการสร้างสิ่งแวดล้อมแห่งการเรียนรใู้ ห้กบั ผู้เรยี น ประเทศไทยใหค้ วามสำ� คญั กบั ความรว่ มมอื หรอื การมสี ว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษา เพอ่ื การพฒั นาคน โดยได้ก�ำหนดนโยบายการปฏิรูปการศึกษา พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไข เพ่ิมเตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 มุง่ การจัดระบบโครงสร้างและกระบวนการจดั การศกึ ษา ใหย้ ึดหลกั การมสี ่วนรว่ มของบคุ คล ครอบครัว ชมุ ชน องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน เอกชน องคก์ ร วิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอ่ืน ๆ เพ่ือสร้างเสริมความเข้มแข็งของชุมชน ในการพัฒนาเยาวชน และบุคลากรในชุมชน ให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าของสังคม ด้วยการแสวงหา ความรู้ ขอ้ มลู ข่าวสาร และรจู้ ักเลอื กสรร ภมู ปิ ญั ญาและวิทยาการต่าง ๆ เพ่อื พฒั นาชุมชนให้สอดคลอ้ งกบั สภาพปัญหา และความต้องการ รวมท้ังวิธีการสนับสนุนให้มีการแลกเปล่ียนประสบการณ์ เป็นการเปล่ียน รปู แบบการบรหิ ารและการจดั การศกึ ษารปู แบบเดมิ ทโี่ รงเรยี นจดั การศกึ ษาจากเพยี งลำ� พงั เปน็ การเปดิ โอกาส ใหอ้ งคก์ ร หน่วยงานต่าง ๆ มีส่วนร่วมในการจัดการศกึ ษา นโยบายดงั กล่าวสง่ ผลใหโ้ ครงสรา้ งการจัดองค์การ ของโรงเรียนเปลย่ี นแปลงไปจากเดิมท่มี สี ายบังคบั บัญชา (Hierarchy Organization) ไปสูก่ ารจัดองค์กรแบบ เครอื ข่าย ซ่ึงเป็นการส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพการศึกษาใหต้ ่อเนอื่ งและมีคุณภาพสงู ย่งิ ขน้ึ จงึ จะเกดิ ผลตอ่ ผู้เรียนอย่างชัดเจน นอกจากน้ีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มีบทบัญญัติในเรื่อง ปที ี่ 16 ฉบบั ท่ี 1 ประจำ�เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 179

แนวนโยบายดา้ นการมสี ว่ นรว่ มของประชาชนโดยเฉพาะ โดยกำ� หนดใหร้ ฐั สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ การกระจาย อ�ำนาจเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ชุมชน องค์กรศาสนา และเอกชนจัดและมีส่วนร่วมในการจัด การศึกษา เพื่อพัฒนามาตรฐานคุณภาพการศึกษาให้เท่าเทียมและสอดคล้องกับแนวนโยบายพ้ืนฐานแห่งรัฐ โดยมาตรา 280 วรรค 2 และ 3 บญั ญัตถิ งึ สทิ ธิในการจัดการศึกษาซึง่ เปน็ บริการสาธารณะประเภทหนงึ่ ตาม ความเหมาะสมและความตอ้ งการภายในทอ้ งถนิ่ นนั้ และเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษาอบรมของรฐั โดย ค�ำนึงถึงความสอดคล้องกับมาตรฐานและระบบการศึกษาของชาติ เน้นการมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว เอกชน ชมุ ชน องคก์ รเอกชน องค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ มามีส่วนรว่ มในการจดั การศึกษาตามความพรอ้ ม ขององคก์ ร (บญุ เพ่ิม สอนภักด,ี ฉลอง ชาตรปู ระชวี ิน และสกุ ญั ญา แช่มช้อย, 2559: 106-107) ซง่ึ การมี สว่ นร่วมในการจัดการศึกษาดังกลา่ วจะประสบผลสำ� เรจ็ ได้นั้น ประการสำ� คัญคือ การมรี ปู แบบและเคร่อื งมอื ทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพและประสิทธิผล โรงเรียนสาธิต เป็นสถานศึกษาท่ีจัดต้ังขึ้นภายใต้การดูแลของคณะศึกษาศาสตร์หรือคณะครุศาสตร์ ของมหาวิทยาลยั ตา่ ง ๆ มีวัตถปุ ระสงคเ์ พอ่ื สง่ เสริมและพฒั นาการฝึกประสบการณว์ ิชาชพี ครสู �ำหรับอาจารย์ และนิสิตในการจัดการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ โดยมุ่งพัฒนาการจัดการศึกษาในระดับปฐมวัยและระดับ ประถมศึกษาให้มีคุณภาพระดับสากล สามารถเป็นต้นแบบทางการศึกษาแก่สถานศึกษาอื่น ๆ ตลอดจน การใหบ้ รกิ ารแก่สังคม โรงเรยี น และหนว่ ยงานอ่ืน ๆ ในดา้ นวิชาการและการสบื สานวัฒนธรรมไทย โรงเรียน จึงต้องสร้างนวัตกรรม การเรียนการสอน โดยมีการบริหารจัดการให้มีการศึกษาค้นคว้า วิจัย ควบคู่ไปกับ การจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะอย่างย่ิง การเป็นต้นแบบทางการศึกษาเพ่ือเป็นตัวอย่างแก่สถานศึกษา อื่นในการจัดการศึกษาและพัฒนาคุณภาพผู้เรียน เพื่อให้ได้ทรัพยากรบุคคลท่ีมีคุณค่าต่อสังคมไทย โรงเรียนสาธิตได้มีการจัดตั้งสมาคมศิษย์เก่าขึ้น เพ่ือให้มีความร่วมมือจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการจัด การศึกษา การมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของโรงเรียนสาธิตของผู้ปกครอง ครู และศิษย์เก่า ท่ีจะเป็น ตน้ แบบใหแ้ กส่ ถานศึกษาอื่น ๆ เพื่อการจัดการศึกษาต่อไป จากความสำ� คญั ของการมสี ว่ นรว่ มของผปู้ กครอง ครู และศษิ ยเ์ กา่ ในการจดั การศกึ ษาในโรงเรยี นสาธติ ดังกล่าว เพ่ือผู้วิจัยจึงมีความสนใจในการศึกษาการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของโรงเรียนสาธิต สังกัด ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล วัตถุประสงค์ เพอื่ ศกึ ษาระดบั การมสี ว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษาของผปู้ กครอง ครู และศษิ ยเ์ กา่ โรงเรยี นสาธติ สงั กดั สำ� นักงานคณะกรรมการอุดมศกึ ษา (สกอ.) แนวคดิ ทฤษฎที ีเ่ ก่ยี วขอ้ ง การมสี ว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษา คอื การเปดิ โอกาสใหผ้ ทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ งไดเ้ ขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการบรหิ าร ร่วมในการตัดสินใจและด�ำเนินการเพ่ือพัฒนาคุณภาพทางการศึกษา จากการท่ีบุคคลเข้ามามีส่วนร่วม ในการจัดการศึกษาจะเกดิ ความรสู้ กึ เป็นเจ้าของและเพ่มิ ความรบั ผดิ ชอบในการจดั การศกึ ษามากย่ิงขนึ้ (ธรี ะ รญุ เจรญิ , 2545: 51) การท่ผี ูป้ กครองเข้ามามสี ่วนร่วมในการสง่ เสริมการเรียนร้ขู องเดก็ มที ฤษฎีท่สี นบั สนุน 180 บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ติ

การมสี ่วนร่วมของผู้ปกครองในรปู แบบตา่ ง ๆ ดังน้ี 1. ทฤษฎีสงั คมวิทยา สถาบนั ครอบครัว (Family Institution) เป็นสถาบนั แรกท่ีให้การศกึ ษาอบรม ให้แก่สมาชิกในครอบครัว โดยท่ีพ่อแม่ ผู้ปกครองจะต้องเป็นผู้คอยดูแลเพราะมีความใกล้ชิดและผูกพันกัน แต่ครอบครวั สมัยใหมไ่ มส่ ามารถจะทำ� หน้าที่ได้อยา่ งสมบูรณน์ กั จงึ เป็นภาระหน้าท่ีของโรงเรยี นให้เปน็ แหล่ง ปลกู ฝงั ความรู้ ความคดิ และวิทยาการตา่ ง ๆ (ทัศนีย์ ทองสวา่ ง, 2549: 141) 2. ทฤษฎีขอบเขตทับซ้อนของอิทธิพล (Overlapping Spheres of Influence Theory) โดย Epstein & Knight (1997: 71-78) และ Epstein (1995: 27-36) ไดเ้ สนอทฤษฎเี พื่ออธบิ ายการมีสว่ นร่วม ของผู้ปกครองในการจัดการศึกษาของโรงเรียน ด้วยทฤษฎีขอบเขตทับซ้อนของอิทธิพล (Overlapping Spheres of Influence Theory) โดยมีแนวคดิ หลกั ดังน้ี คือ ถ้ามองว่าเด็กเป็นนกั เรยี น นกั การศกึ ษานัน้ จะ มองครอบครัวแยกต่างหากจากโรงเรียน คือ ครอบครัวจะถูกคาดหวังให้ท�ำหน้าท่ีไปตามล�ำพังและท้ิงหน้าที่ การจดั การศกึ ษาของเด็กไวใ้ หโ้ รงเรียน แตถ่ ้านกั การศกึ ษามีมุมมองว่านักเรยี นเป็น “เดก็ ” นกั การศกึ ษาน้ัน กจ็ ะมองทง้ั ครอบครวั และชมุ ชนเปน็ เสมอื นหนุ้ สว่ น (Partners) กบั โรงเรยี นในการจดั การศกึ ษาและพฒั นาเดก็ ความเปน็ ห้นุ ส่วนจะท�ำให้ตระหนกั ถงึ การแบง่ ปันความสนใจ ความรบั ผดิ ชอบ การทำ� งานร่วมกันและน�ำไปสู่ ความคดิ รเิ รมิ่ จัดทำ� โครงการที่ดกี วา่ เดิม เพือ่ สรา้ งโอกาสต่าง ๆ ใหเ้ ดก็ และความส�ำเร็จของความเป็นหุ้นส่วน กนั นก้ี ค็ ือ การร่วมกันดแู ลเด็กซง่ึ เป็นแนวคดิ หลกั พื้นฐานของทฤษฎีนี้ กล่าวโดยสรุปได้ว่าการที่ผู้ปกครองจะเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ในโรงเรียนต้องสร้าง แรงจูงใจให้ผู้ปกครองเกิดความพึงพอใจในการช่วยเหลือ สนับสนุนและส่งเสริมการจัดการศึกษาเพราะตาม หลกั จติ วทิ ยา เชงิ พฤตกิ รรมจะพบวา่ จำ� นวนครง้ั ทผ่ี ปู้ กครอง ชมุ ชนเขา้ มารว่ มมากครงั้ ขน้ึ อยกู่ บั ผลทเ่ี กดิ จาก การมีส่วนร่วมครั้งแรก ถ้าคร้ังแรก ๆ เป็นไปตามความคาดหวัง การมีส่วนร่วมในครั้งต่อมาจะมีจ�ำนวน บ่อยคร้ัง และมากข้นึ (พิมพ์พรรณ เทพสเุ มธานนท,์ 2549: 11) งานวิจัยนีไ้ ดก้ ำ� หนดองค์ประกอบของการมีส่วนร่วมในการจดั การศึกษาไว้ 4 องคป์ ระกอบ คอื 1) ด้านการบรหิ ารงานทั่วไป 2) ดา้ นการบริหารจดั การเรียนการสอน 3) ดา้ นการสนบั สนนุ โรงเรียน และ 4) ด้านการตดิ ตามและประเมนิ ผล โดยสามารถกำ� หนดเป็นกรอบแนวคิดไดด้ งั ภาพท่ี 1 ปีท่ี 16 ฉบับที่ 1 ประจำ�เดือนมกราคม - เมษายน 2563 181

กรอกบรอแบนแวนควคดิ ดิ ปัจจยั พ้ืนฐานสว่ นบคุ คล ระดบั การมีสว่ นรว่ มในดา้ นตา่ ง ๆ 1. เพศ 2. อายุ 3. การศกึ ษา 4. อาชีพ การมีส่วนรว่ มในการจัดการศกึ ษา 1. ดา้ นการบริหารงานท่วั ไป 2. ด้านการบริหารจดั การเรยี นการสอน 3. ด้านการสนบั สนนุ โรงเรยี น 4. ดา้ นการตดิ ตามและประเมนิ ผล ภาพภทาี่ 1พทก่ี ร1อกบรแอนบวแคนดิ วคิด ระเรบะียเบบียวบธิววีิธีวจิ ิจยั ัย กร9สกขัฐ5นำ�าา/เรราครม4เGทก1มออดค็จว0.าหห*ี่กุดุดตลราPร0โา่าอมมวัื่อมูปรอoววตคอศศงนปกปุคดทิwิทั้เงGนยึกึกรลมรรลรยeมยา่้*อษะะษีุ่ยมศาาโrาาPงยกปปชชดดลึนกาตาลแเvoลปยัาาลรรยเษสัวeยัลคwะะกกะ(ใุ่(ในม็ อาาr้ใสวสนชลชชsรรนeธต5ยไกiกก้4ว(อ่ืาแทาoิมตrสกั ว่ากิธอา0อกนลไีใ่n่แนกv�ำงอีกกดร0ช.ร.ะร)อกห)้eอแบัาย้ข3ท้ใอ้กคค.บัrร่ลนยง่นข.ทา)จี่ใยsล1นคมือะชกขงอกาi�ำี่กจลมุ่oัดกห้ใวดกองาโนา่อะคนตnผรเดล่าาราตงนวลตืัฐอกัวุ่มู้หวย5ปศรัววนื32อท้ังอาิทฐัตใอนึกกนไ.ม0กผชรีอ่ยท1วัยดยษดค3ู้แศาปว้ยอ่า3ปี่อ่าาข้คารแก5บึธกิ ูใ่ง5ยกงลยีน่าอนกีล8�ำษบท8า่ตัคคยขูใ่ าเงหา้วง่ีาเเ้ันงขเนือรดคหจรคไนกอตเอาคมตคคนามขนษดยผกดะงรือ่วนัดั าตู่ใคตรปู้อโจูอะเน้อดโคกุง่าผรลิทงแกยดสเยเยรรขศู้ปอืทขธลคาม่ยคูงุกกนาิพกกพตงะรแเกือวาสทาท3แคอลกมศล�หำ่าตด5บโพรเท่ีงหริษหะนหร2รออุงบี่รมา2งศยน์ดคมทิเงะนเศค0เหทิ์เษรขดราจดธกคูนคนียาพูนะขยาัิพบรป่ารแนยนสะาแ์นเเปูลี์ลพวกสคดจมแลาขาทติจะ่า่ืตอารงลดะนอ3ธั้ังยีร่ศัชวะคปตกขิอต5งะแอิษดศอืัรวโลส2อยดลยเยิรษิมอาัชงู่ใงับโะ่าคง์เกยงนรณยยโกงพเปนรง์ัดเร่ใาเอ0า่ กฑัฒเาขชงสียงัต.รเข่านเ2้โตลพใานยีนรรอขปช5กนกอ่ืีานยสางอแร้โลักรกชรกโนสปาแงลุงรางะาดาโธากรสะาเงงรรดริธตเทรแนมเาตงชับศติร0มสพกคเธีสอยึยีกรค.สกังิ ณตร2แมบอียนวษงักาม5สลากะนตัากรสัาดกัคงะมกลรคสดัราสกา2มปรัเบาะาาสธช�ำรัรดก.นธรจดผิตำ� ื่อนมคิาตสิมโึงู้วนปบัใมกร�ัำกรกนใณาณกักคัน่งานนตงานสงเรคขวฑารหสอวรังัากกาน้รอนณัีงยบนลกนามงอยกาคนดกัดรคาขเดงลัดณแชอขสลนมณนตะมคลนุ่อืดาบัหคะัาวะหธระ9มามจดอากณกูิตาด5มศนั่วงึยแตรวรจตะีกสึกิทร่ารลคัวิรทุฬัวกำ�มษง้อมยมวะอยอสหารายาาากศกยายาลรคมนลลาิลษา่า(เ่ามงคมสัยดระรรงัยงยก็จกลกเร์เรปราอากัฐณูป็ดนร.่/า)์ ผปู้ กมคหราอวงิทคยราูลแัยละ(ฝศ่าษิ ยยป์เรกะ่าถ1ม.) โ3ร.งเโรียงนเรสียานธสิตาแธหิตง่ มมหหาาววิททิ ยยาลัยรเกาษมตคราศแหาสงต(รฝ์่าศยนู ปยรว์ ะจิ ถยั มแ)ลแะลพะฒั 4น.าโกรางรเศรียึกนษสาาธิต 2. โรมงหเรายีวทินยสาลธยัติ ศจรฬุ นี าคลรงนิกทรณรวม์โิ รหฒาวปทิ รยะาสลายันม(ฝิตา่ รยป(ฝร่าะยถปมร)ะ3ถ.มโ)รแงเลระยี ในชสผ้ าู้ปธกติ คมรหองาวคทิ รยู แาละยั ศรษิามยคเ์ กำ� า่ แเปห็นงห(ฝนา่ ว่ ยยปกราะรถสมุ่ม)ด้วย และวิธ4ีก.าโรรสงุ่มเรอยี ยน่าสงงา่าธยิตคมือหาโรวงิทเรยียานลสยั าศธริตนี แคหร่งินมทหราวิทโรยฒาลปัยเรกะษสตารนศมาติสรตร(์ฝศา่ ูนยยป์วริจะัยถแมล)ะพแลัฒะนใาชกผ้ าู้ปรศกึกคษรอางจาคนรวู นแล9ะ3 คน ศษิ ยโเ์รกง่าเรเปียน็ หสนาธ่วิตยกจุาฬราสลุ่มงดก้วรยณว์ิธมกี หาารวสิทมุ่ ยอายล่าัยงง(่าฝย่าคยอืปรโระงถเมรยี ) น5ส7าธคติ นแห3.่งมโรหงาเวรทิียยนาสลาัยธเิตกมษหตารวศิทาสยตารล์ัยศรูนายม์วคิจายั แหง และ(ฝพ่าัฒยปนราะกถามร)ศ9ึก4ษคานจแ�ำลนะวน4. โ9ร3งเรคียนนสโารธงิตเรมียหนาวสิทายธาิตลจัยุฬศารลีนงคกรรินณทร์มวหิโราฒวิทปยราะลสัยาน(มฝิต่ารยป(ฝร่าะยถปมระ) ถ5ม7) 1ค1น3 คน ป3.รโะรทกสงา้ังเารรนนยตี ี้จมนอาติบสกรากกธลา(ติรบัฝมเรา่กห้อย็บายปรวลรวทิ ะะบยถร8าวม9ลม.)ยั5ขร10้อา1มดม3งัูคลแมำ�คสแีอนดหัตงงรทใาน(ัง้ฝกตนา่าาย้ีจรรปาตากรองะกทบถา่ีก1มรลเ)ักบ9็บจ4ารคนวนวบนแรวล3มะ5ข48้อ.ฉโมรบูลงับเมรีอยีจัตนากรสาทากธี่สตาิ่งรไมปตหทอาั้งบวหทิกมยลดาบั ลจ4ยั 0ำ� ศน0รวนีฉนคบรับ3นิ 5ทค8ิดรวเฉปโิ บร็นฒับอัตรา จากท่สี ง่ ไปทัง้ หมด 400 ฉบับ คิดเปน็ อัตราการตอบกลบั รอ้ ยละ 89.50 ดงั แสดงในตารางที่ 1 182 บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ติ

ตตาารราางงทที่ ่ี11ขขอ้ ้อมมูลลูทท่ัวไว่ั ปไขปอขงอกงลก่มุ ลตมุ่ วั ตอัวยอ่างยจ่าางแจนำ� กแตนากมตโรางมเโรรยี งนเสรยีาธนติ สาธติ ข้อมูลพนื้ ฐาน โรงเรียนสาธติ รามคาแหง ศรนี ครนิ ทร จุฬาลงกรณ์ แหง่ รวม วโิ รฒ มหาวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัย ประสานมิตร เกษตรศาสตร์ n% n % n % n % n % เพศ ชาย 39 41.49 45 39.47 24 42.11 37 39.78 145 40.50 หญิง 55 58.51 69 60.53 33 57.89 56 60.22 213 59.50 รวม 94 100.00 114 100.00 57 100.00 93 100.00 358 100.00 อายุ ต่ากวา่ 25 ปี 1 1.06 0 0.00 0 0.00 7 7.53 8 2.23 26-30 ปี 0 0.00 1 0.88 4 7.02 16 17.20 21 5.87 31-35 ปี 2 2.13 5 4.39 8 14.04 14 15.05 29 8.10 36-40 ปี 22 23.40 29 25.44 21 36.84 16 17.20 88 24.58 41-45 ปี 24 25.53 36 31.58 9 15.79 17 18.28 86 24.02 46-50 ปี 23 24.47 27 23.68 8 14.04 10 10.75 68 18.99 51-55 ปี 21 22.34 10 8.77 7 12.28 6 6.45 44 12.29 มากกว่า55ปี 1 1.06 6 5.26 0 0.00 7 7.53 14 3.91 ขนึ้ ไป รวม 94 100.00 114 100.00 57 100.00 93 100.00 358 100.00 ระดับ ต่ากวา่ 1 1.06 0 0.00 0 0.00 1 1.08 2 0.56 การศกึ ษา ปรญิ ญาตรี ปริญญาตรี 45 47.87 42 36.84 9 15.79 17 18.28 113 31.56 ปรญิ ญาโท 48 51.06 61 53.51 47 82.46 70 75.27 226 63.13 ปรญิ ญาเอก 0 0.00 11 9.65 1 1.75 5 5.38 17 4.75 รวม 94 100.00 114 100.00 57 100.00 93 100.00 358 100.00 ผกทเกูว้าผี่ ยี่ริจู้วมวัยจิ กีสไยัด่วบั ไพ้นกดเเเเรัฒคคาพ้คค่วรรรนรรัฒมมอ่ื่อื่ือื่อาในสีงงขนงงมมมม่วาน้ึจืออขืนืืออัดแว้ึนใใวรกนบนจิจิว่ายัแกก่งรมัยเแศบาาใแปลรรนึก่งล็นววะษเจะปิจจิก2ดัากัยยัา็นกามรนตนารสีร2อี้ี้รสเเารนปปศยต้าร็นน็งึก้าลอไเดงแแะษคนเ้แบเบรคาอกไบอ่ืบรยีดม่งสื่อส1ด้แมีรอง)อดากอื มบขังบย่ นือถ้อ1ถลี้าม)าะมูลมขเอเภเ้อกกยีูมม่ียยี่ดิหวลู วดลกภกังัับงมูบันขกหิกี้อาลางรรผงัมมขตู้ ีสสีออ่วว่บงนนผแรู้ตรบ่วว่อมบมบใสนใแอนกบบกาถบารารจสมจัดอดักบแกาลถราะาศรมศ2ึก)กึษแแษาลบาะโบดโ2ดสย)อยแแบแบบบถบาบบสมสอสเบออกบบถยี่ าวถถมกาาับทมม่ี ตอนที่ 1 แบบสอบถามขอ้ มลู ทวั่ ไปของกลมุ่ ตัวอยา่ ง ประกอบดว้ ย เพศ ออาายยุุ รระะดดับบั กกาารรศศึกกึ ษษาา แแลละะ โรงเเรรยี ียนนเเปป็น็นแแบบบบเลเลอื กอื ตกอตบอบ(ch(cehceklcisktl)ist) ตอนท่ี 2 แบบสออบบถถาามมเกเกี่ย่ยี ววกกบั ับกการามรสีมว่ีสน่วรน่วรมว่ ใมนใกนากรจาัดรจกดัารกศาึกรษศาึกษปาระปกรอะบกดอ้วบยดดว้ ้ายนกดา้ รนบกราหิ ราบรรงิหานาทรงัว่ าไปน ดท้าั่วนไปการดบ้ารนิหกาารรจบัดรกิหาราเรรจยี ดั นกกาารเสรอยี นนกดา้ รนสกอานรสนดับ้านสนกุนารโรสงนเรับยี สนนแุนลโะรงดเ้ารนียกนารแตลิดะตดา้ามนแลกะาปรตระิดเตมาินมผแลลเะปปน็ รแะบเมบินวัดผทล่ี มเปีลน็ักแษบณบะวเปดั ็นทมม่ี าลี ตกั รษปณระะมเปาณน็ มคา่าต(รraปtรinะgมsาcณalคeา่ ) (5raรtะinดgับscลaักlษeณ) 5ะขร้อะคดาบั ถลามกั ทษั้งณหะมขดอ้ เปค็นำ� ถขา้อมคทาถง้ั าหมมทดาเงปบน็ วขกอ้ มคีรำ� ะถดาับม กทาารงใบหวค้ กะแขมนัน้ีรนตะรอดะนบั หกกวาาา่ รรงสใ1รห-้าค้5งะเคคแะรนื่อแนนงมรนือะแหลวะา่ กงา1ร-ต5รวคจะสแอนบนคุณภาพเครื่องมอื มดี ังน้ี กาหนดตัวขช้นั วี้ ตดั อขอนงทอี่ ง1คศ์ปึกรษะกาเออบกสสารร้าแงขล้อะคงาานถวามิจัยแทละ่ีเกกี่ยาวหกนับดอรงูปคแ์ปบรบะเกคอรบ่อื งกมาปือรีทมี่ 1ีส6 ่วฉบนับรท่ว่ี 1มปในระกจำ�าเรดือจนัดมกกราารคศม กึ- เษมษาายจนา2ก5น63ั้น 183 ขั้นตอนท่ี 2 นาตัวชี้วัดขององค์ประกอบท่ีกาหนดขึ้นในขั้นตอนที่ 1 มาสร้างโครงสร้างข้อคาถามและ กาหนดจานวนขอ้ คาถามจากตัวช้ีวัดท่ตี อ้ งการวดั ดังแสดงตารางท่ี 2

ขั้นตอนการสร้างเครื่องมอื และการตรวจสอบคณุ ภาพเคร่อื งมอื มดี ังน้ี ข้ันตอนท่ี 1 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวกับองค์ประกอบการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา จากนนั้ กำ� หนดตัวช้ีวัดขององคป์ ระกอบ สร้างขอ้ คำ� ถามและกำ� หนดรูปแบบเครอื่ งมือ ขั้นตอนท่ี 2 น�ำตวั ช้ีวดั ขององค์ประกอบที่ก�ำหนดขึ้นในขนั้ ตอนที่ 1 มาสรา้ งโครงสรา้ งขอ้ ค�ำถามและ กำ� หนดจ�ำนวนข้อค�ำถามจากตวั ชีว้ ัดทีต่ ้องการวัด ดังแสดงตารางท่ี 2 ตาตกกตราาาารรารรมมาางงงทสีีสทท่ว่ว่ี นน่ี่ี222รรโว่ว่โโคมมคครรรใในนงงงสสสกกรรราาตตา้้าา้รรงงจจงวัวั ขขขดดััแแ้ออ้ ้อกกปปคคาาครราารร�ำถถศศถาาึกกึ ามมษษมขขาาขอองงอตตงัววัตแแวั ปปแรรปกกราารรกรรววมมามมสสรีี ดดดดดดดดม่ว่วา้้้าา้าาา้้้าา้ นนีสนนนนนนนนรรว่กกกกกกกก่วว่ นาาาาาาาามมรรรรรรรรรใใสบตบบบตส่วนนนนดิิดรรรรมกกิิหหหิิหตตับับใาานาาาาาาสสรรมมรรรรจจนนกงจงจออแแััดดุนุนาาาัดดังงลลกกรนนโโคคกกะะรราาจททปป์์าาปปงงรรดั ่่ััววรรเเศศรรรรรรกเเไไะะกึึกะะรรยียีปปากกเเษษยีียนนมมรออนนาาศินินบบกกกึผผาาลลษรรสสาออนน จจาานน44111111วว9966331133นนขขอ้้อ ท้ังททห้งั้งั หหมมมดดด4จ446า66จจกขาาขขตกก้ออ้้อาตตรโโโาาดาดดรรงยยยาาทงงมมมทที่เเีีเี2กกกี่ี่ 22ณณเณกฑฑเเณฑกก์กก์ ณณก์ฑาาารรกฑฑ์ รใใา์์กกหหใรหาาค้ค้ ใรรค้ะะหใใแแะหหค้ นนแ้้ะคคนนนแะะขขแแนนอ้้อนนนขคคนน้อขาาขขอ้คถถ้้ออคาาำ� คคมมถำ� าามมถถถรีีรมาาาาามมมมยยวรี ลลววดัาััดดะะยกเเกกออลาาารีียยะรรมดดเมมอดดสี ีีสสยีงัังว่ ่่ววแแดนนนสสดรรรดดว่ัง่่ววงงมแมมตตสใใใาานนนดรรกกกาางงงาตาาททรรราจ่ี่ีจจร33ดัััดดากงกกทาาารรร่ี 3ศศศึึกกกึ ษษษาาาทททัั้้งงงั้ ฉฉฉบบบัับบบั มมมีีขขขี ้้อออ้ คคคาาำ�ถถถาาามมม ตาตตราาารราางงงททท่ี ่่ีี3คค33ะะเเเกแแ1453243251กกณนนณนนฑฑก์์กาารรใใใหหห้คค้ ้คะะะแแแนนมมมมมมมมมมนนนสสสีสีสสีีสีีีีีสสสี น่ว่่วว่่ว่ว่่วว่่วววขขนนนนนนนนนนขออ้้ รรรรรรรรรรคคอ้ ว่ว่ว่่ว่ว่ว่ววว่่่วาาคมมมมมมมมมมถถำ� ใใใใใใใใใใาาถนนนนนนนนนนมมากกกกกกกกกกกกมาาาาาาาาาาาารรรรรรรรรรกรรจจจจจจจจจจมมาัดดััดัดดดดััััดัดดัรสสีี กกกกกกกกกกมวว่่ าาาาาาาาาานนสี รรรรรรรรรรรรว่ ศศศศศศศศศศว่่วนกึึึึกกกึึึกกกึกกกึึ มมรษษษษษษษษษษใใ่วนนาาาาาาาาาามมมมนนนปนมปกกใาาาาาาอ้อ้้อ้อาานรรกกกกนนยยยยรรจจกททะะปปททััดดดดา่ีีส่สลล่ีสี่สกกรบบััดุุดาาุุดดาาจงงกกรรัดาาศศกรรกกึึ มมาษษสีสีราาศว่ว่ นนึกษรรว่ว่ ามม 184 คจปเเทสนกบา่ววร่าตแผกเแค1ตจ0ผผ0ต1คกผตเแจ่ียัณกก้อืกานนับ..บาากกลูู้ล้าาอ้้้อ้ททออวว55หหีีย่่ยวฑหมกกรรนาา้ไไ้กกรงงงงบปรร00ติกววมมขขศศคมมกนกนกกาว่โาางงั้นสวรกกับตตดาากึกึททิาารรคคาาขขรคคม้้ัันนองุนัับบยยยาารรตตรรษษยอห้้ึึุุณณรรนนต่ีในนแบขขขามมถถววหห�ำรรนเออาาบลัว้อแแาากไไถนน้ัั้้ัปววดดัันึึงงผผววขัยวัวัขขขขขขขขบบกปปขขขคลลจาจงุุฒฒไ้จจตูู้เเตขข็น้้ั้ััั้ั้ัั้้้้ัอนนนนนนตมขขนนคค้้พพขมออชชาก้อละะาาสส้ออ้หออิิดด้้ออคตตผตตจจตตอรนนี่่ยยีคคฉลลตตตรรามวุออาววน--น้้าาคคจออออูท้�ำออวะะวว้้บออุุาาววรมมนิจา11ขออบบิิจจทินนทาาชชถนนทดัถถนนนนวถถนนมมมัรขขบัยอััยยทยขขนนถถขขววาาาาดัาืืททกงี่ททดดี่าออออททผแ3งออ422ิิี่ญญธธาา้้ลออมมททคมววาว้้วี่่ี่ี่ีวงงกเววีีู่่้เงงยัมมีีววพ5คค33นตัตัทท44ผช่่ีีน66เเุณยยรททท่่ัตสคค้าาไิิททววนน55าาถถรววข้่่ีีูศสสอี่ยื้แแำ�า่า่ขข่าา่ผผถี่นนสััดดหหนวยย้ืื้ถถออ้อจุปุปิกปรรบบนนแหวึกูู้้้้ววดออกกุปไไราาฒุาาIIาาหหลล้้าายัมรรรOOชาสุบดดบบิิษจจาแแ้ากกมมคคาารแแงงัังงะะิตัาางจดดิรา้ต้ตััยยCCตตบบงาขขาาะรรววจจปคลลาาสสดัญตว้้ารรจจขคครรรร้ึึ้ัันนดดบบสตตสาาถถะะรวงงขขจทงงนยััววดดววร้ึววนไไกกคคุผผเเงองาสสาารรตตออำ�จจสสิิมมจจแำ�ททาาววแคม์กก์ผผ้ทูู้ทเมมบออววาางงนสสขมมัันนยย่่สตติธบลจาาูู้้าา์กเเววถมมรรบบจจนนถออวอ้คคททวีถถออขขรร้นวรรบิิสงงจจกนนูาสสถถ้้ััาบบนงงนนทิููรรคกกไ้้ตตออววคคาาััอยยรอตตปิิยยมตตาาื่อือ่ออจิิจงงคคตต่่คคออำุณุณ�ยวววปปตมมรอาา้2บทาากกฉงงััยยถวว้้ััออบบาาดดผผาิจมมวววมมมมรร่อฉฉงาาดบาาถถคางงกูู้้เเทไไัยฒฒุุคคกกััจบบชชืืออนนรรมมบบชชผลมาาแดดบัุณาุุรรแแศศี้ี้ววสา่ณณววปปิิยยีี่่ยยดิิดตตอััมมูบบ้เตล้้รสสรออกััดดนลลจิิจึึชกกอาาวว้้าางรรภรรตตรรวาะา่ภภบบออททััยยระะใมมษษนน่ีชชยงงุุบงง่่าามาาิจงชคาแอคคคคเเดด่ีี่ตตเเาาาาชชวววงงาามมทคพพชชยั้ตพกคควลญญววบววดดััททพพ้้ออจจ้้ีีววคคชตติงิงวผ่ีทบบาัาบรราาะาาขััดดปปาางงีี่่ผผคเเาเเลลขขาามารืื่่ออามม่ววมมกนนากกพพผนนททอรร่่าาญรรว้้มาออนา่า่ออชงงคคงลชชาาืื้้ออะะู้ทืื่่ออววนนาาี่่ีตตางงมมตกงงดัรรกิดิดงงเุ่ััมดดเเหหขขนนงงขขโมกก้้รออเพมมกกืืววออเเราเคโโาตเเออ้้คาาอองาาคคจงงคนนััดดคคจจัันิินรงบบื่อววร22รัขขคควคกกคครรรนิิเยยนนิดรรศรริิผผจจตงอขออตตาาชตต00าา่ืณุาาอทท่่ืืงงาาขออััสขขลลึกยยรยถถงงอรรััแแรรววงิสสมมง่่าานหหอออจจวรเเวงงตตษ่าาววาเววนนคแแรรคคเเนนมาน้าามมจมมงงงงฒุมมััดดิยาาจจชชา้้าาะะ�ปปำรรทนนงภภภือสืืททมมาาอ้ืาอองงิิสจงงผผนน่อ่ืือแดิเโโววรร่ีไาายยาปปเเอม้ังั้งในหคคอดดำ�ใใูู้้ททงงาามนนนา้นนษษททษหหนถถฏฏนนบนเมมอาาบื้ยยแแาน่รรใ้ืื้ออชะึึงงีี่่าามมามมแแดิิชบบืืออขพพจลล11หดดวงงจวหหิงนดดนนุุ่่่คคไไกงงััตตววนโโะะา้อ้้โาาิิจจาาาดัปททมมาาดด�ำดววะะิิจจุุลกณณตตกิิกกทนงาานน44ททป่แแ่ฏ่า่าััแยยนนดดััยยยุ่มรรเผรราา2ผ66ตี่ววคนนคคี่่ีนนตตครใใลิบใใณณรรววใาาตเูู้้เุุฒฒอชช้หหช้้((ะออวช่่ขขใใรววขขชจจทะััตวววแแจจาา้้ดดง้้ดผผ้่ือเ้อ้องงาิิ่ีี่ออยาาดดยสสอต่ารริกเเมกลลขขัักกชชทู้ทู้ชมลลังงมมง้้ววออาายนรรรมมอ้อ้าะะาินผผนนาามนนชชืืออนรรบบ่ตาตตวณณรตตรคีีคคครรูู้้ททีีผงงาาือกกงตตีคคจผวรรรววาา่าา่าาIIคคIใีีญญลรรญOOขขััOววววแดนัััรรดดสงถถงงูท้แแุุณณงงIIจ้้ออแแจิาาาาCCแแOOเเเลกาาตตตแCคคอรกกชชมมชปปคคงงำ�ัยววมมลลาะาาลาุุCCณณงบกกใใมมิินุุฒฒถถใาาิงงใรรงรวว้้ววมมมคตชชว้ชาาหคถถวููเเววกกกกเเเััวดดมมิินนจจน้้เเุณานนหหกกเนพพ้ิุุจาาฒฒวผ้กกตตนาาไไาากาาิิรยยยิ้้ืืมมนนตตดดัออยรรื้รรากกอ้้วณณออูท้นนิิณททาาาาททมมุุ้้้้ออดดตตเ1มกกุฒอหหงง,,หววงมมรพ้ั้ัฑฑมงงีีโโฑสสมมรรี่ี่มมววถมกนน22งาาพพขขคคทิดาื่อข์์งงกก55่่่่าาววีีดดคคค55ก์ูก�ำดออรรตตรร้าหอ่านนาา55้้ปป่่55าาววหาณุทท00ตว้งง้้อองงนปาานรรงารรยย11รสส..ออยรร่่นมมททาา้มมอIIพพอ55คต่่ววรOO::พรรรรนนงงะะรนน่า่าทท00ดงงมมิิุฒจจุณาาัวะ22า้้าคคCCจิาแแนนกกคยิิยั้้ังงโยยาาใใแงงก11ขข์์ปปยาจิลลภคนนปปพาาปรร์เเออลลมมปโโ้ึนน้ึร99นนอลรรำ�้้มมววณณารกกรรดดะะรรบบาาณไไระะ--นื้้ืออะพบัังชชบบาาะยยกก้เเอปป22จจาากกกดดหหสออเวี้ว้ีวรราขกเเปปดึึกกงง22อม้้ออาปปััีีดดววยยคครนาาจจนนออววรร11้คยีวทรบบทท้า็็ททนนยยืืดดััออดด่่าาุุงาางงบม))อดืย5งั้งีี่่่ีี่ ี

1 หมายถงึ ข้อคำ� ถามวดั ได้ตรงตามนยิ ามช้วี ัดท่ีตอ้ งการวัด 0 หมายถึง ไมแ่ นใ่ จข้อคำ� ถามวัดไดต้ รง ตามนยิ ามชว้ี ดั ทต่ี อ้ งการ และ -1 ขอ้ คำ� ถามวดั ไมต่ รงตามนยิ ามชวี้ ดั ทตี่ อ้ งการวดั โดยพจิ ารณาเลอื กขอ้ คำ� ถาม ทมี่ คี ่า IOC มากกวา่ 0.50 ขนึ้ ไป จะถอื วา่ ข้อค�ำถามน้ันวดั ไดส้ อดคล้องกับตวั แปรที่มงุ่ วดั (วรรณี แกมเกตุ, 2551: 219-221) ผลการตรวจสอบของคา่ IOC ของเครอื่ งมอื วิจัย พบว่า ขอ้ คำ� ถามทง้ั หมด 46 ข้อ มคี ่า IOC มากกวา่ 0.50 ข้นึ ไป ขั้นตอนท่ี 6 หลังจากผู้วิจัยปรับปรุงเครื่องมือวิจัยตามค�ำแนะน�ำของผู้ทรงคุณวุฒิท้ัง 5 ท่านแล้ว จึงน�ำแบบสอบถามฉบับแก้ไขปรังปรุงแล้วไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่างท่ีไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเพื่อหา คณุ ภาพของเครอื่ งมอื ดา้ นความเชอื่ มนั่ โดยใชส้ ตู รสมั ประสทิ ธค์ิ วามเชอื่ มน่ั ของครอนบาคแอลฟา (Cronbach’s alpha coefficient) พบวา่ แบบสอบถามมคี า่ ความเชอ่ื มนั่ เทา่ กบั 0.94 ซง่ึ สงู กวา่ เกณฑ์ ดงั แสดงในตารางท่ี 4 ตาตราารางงทท่ี ่ี44คคุณณุ ภภาาพพเเคครรอ่ื ่อื งงมมืออื ววิจจิยั ยัดา้ดนา้ คนวคาวมาเชม่ือเชมอื่ัน่ มั่น เครอ่ื งมอื วจิ ยั องคป์ ระกอบ จานวนขอ้ ความเชอ่ื มั่น การมีส่วนร่วมในการจดั การศึกษา ดา้ นการบริหารงานทว่ั ไป 13 0.92 ด้านการบริหารจัดการเรยี นการสอน 13 0.85 ดา้ นการสนบั สนุนโรงเรียน 11 0.90 ด้านการติดตามและประเมนิ ผล 9 0.78 รวม 46 0.94 สถสติถทิิตทิวี่ เิ่ีวคิเครราาะะหหข์ ์ขอ้ ้อมมลูลู คคอืือ ใใชช้สส้ ถถติติ ิบบิ รรรรยยาายยไดได้แแ้กก่ ค่ ควาวมาถมี่ ถร้อ่ี รยอ้ ลยะลคะ่าคเฉา่ ลเฉี่ยลแย่ี ลแะสลว่ะนสเว่บนีย่ เงบเบยี่ นงมเบาตนรมฐาาตนรฐาน ผผลลกกาารรศศกึ ึกษษาา รโมระหมมรสงดาว่หาาเมรนตบัาวียครวรสิทฐ่นวทิาว่ยามแยสนผสานใหาารลนลมอสผลงธ่วกักยยามลัยติมโาารคู่รกาเรแกรใะรคาามงนหจษวหมรมเคัดกรเิว่งตวคคคีรกยมเิาร่าร�ำครู-าศรนงหู-แรผาผรจาสา0าหะศู้้ปูปสดัาวะ.หึก8งตกกธกทิห7ษร์คคิตาค์คยโ-์าร่าร0มร่าราอมอสศ.สงีรลอ9ยงศถเึกาถัย1งูใ่รวยแติิตษนเียลลโกพิิพปรแาดนะะษะอื้น้ืนรลยเสสดอะตยฐฐะกมาับยีาสู่ใราลสาธนนปดาศนุ่มคมิตขนดราาขมตานอะังมสอัศวมคนงดกิตตอิษงตศี้มลับรรตยยัววาศ์ป่าวั์เแโงมกงิษแราปทปมรีา่งนปยกุราีสเรทกกรร์ดเย่วะกียม่ีากลา้ลนสร่นาสีานาะรามรว่งว่สเนโีสนมททอมดา่มวรสียีุก่ีธใมยนนว่ิติตด่วดมีสมรกรนจดีา้ค่่ววใาุฬนรนังา่มนรโน่วเากใรจฉรนมล้ีโางัดล่วดกรใงเกีย่มนรจกยาาอียัดรใกรมรยนจนกณาศคี ู่รัดากรสึก่า์มะรกจาาเษหหศาฉัดรธาวึกราลจิกตด่าศวษ่ียัดางา้จิึกทาอรนุฬกษข3ยศยก.อาาาา3ึก่รูารงลล1พระษโศัยง-รบหบ3ากึกงรแ.ววเร6ษิหร่าลพ่าณ0ียาางะบกนรข์แมโงลวส3รลอหาุม่า่งา.ะนง3าเธตมรโทว1กิตัวรียีสิทั่ว-มลอง3ว่นไหยยุ่มเนป.สร6่าาาตเมาียงว0บลัวธามทิน่ีัยยอกิตีรยแงสยทะแาเลแาบ่าด่ีสหละธลงับุนดยั่งมมิตะีี สว่มนคี ่เาบเฉยี่ ลงี่ยเบเทน่ามกาับต3ร.ฐ6า0นแอลยะรู่ สะ่วหนวเบา่ ง่ียง0เ.บ8น7ม-0า.ต9ร1ฐาโดนเยทก่าลกมุ่ับต0วั .อ87ยา่ รงอมงสีลว่งมนารคว่ อืมใดน้ากนากราจรดับกริหารารศจกึ ัดษกาาดรา้เรนียกนากราบรรสหิอนาร งามนคี ท่าเั่วฉไลป่ียมเทา่ากกทับี่ส3ุด.5ม8ีคแ่าลเะฉมลีส่ียว่ เนทเบ่ากี่ยงับเบ3น.ม6า0ตรแฐลานะเสท่ว่านกับเบ0่ีย.8งเ7บนนอมกาจตารกฐนาีพ้ นบเวทา่ ่ากกลับมุ่ ตัว0อ.8ย7า่ งมรสีอ่วงนลรง่วมมาใคนือการดจ้าัดน กากราบรศรหิึกษาราจดดั้ากนากราเรรตยี ิดนตกาามรแสลอะนปรมะคี เมา่ เินฉผลลยี่ นเท้อา่ยกทบั่ีสุด3ม.5ีค8่าเแฉละี่ยมเทสี ่าว่ กนับเบ3ย่ี .3ง1เบแนลมะามตีสร่วฐนาเนบเ่ียทงา่ เกบบั นม0า.ต8ร7ฐานนอเกทจ่าากกับนี้ พ0บ.ว91่ากแลสุ่มดตงใัวนอตยา่ารงามงทีส่ี่ว5นร่วมในการจัดการศึกษาด้านการติดตามและประเมินผลน้อยที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.ต3า1ราแงลทะ่ี 5มีสค่วา่ นเฉเลบย่ี ่ียงสเว่บนนเบม่ียางตเรบฐนามนาเตทร่าฐกานบั แ0ล.9ะร1ะแดสับดกางรในมสีตว่านรรา่วงมทใ่ี น5การจัดการศกึ ษา (n = 358) ระดับการมสี ่วนรว่ ม โรงเรยี น โรงเรยี น โรงเรยี น โรงเรียน รวม การมสี ่วนรว่ มใน สาธิต A สาธิต B สาธติ C สาธิต D (n = 358) การจัดการศกึ ษา (n = 94) (n = 114) (n = 57) (n = 93) ดา้ นการบริหารงานท่ัวไป X SD X S.D X SD X SD X SD ด้านการบรหิ ารจดั การเรยี น 3.81 0.52 4.14 0.82 3.43 ปที ่ี 116.2ฉ9บับที่ 31.ป0ร2ะจำ�เด0ือน.8ม4กราคม3-.6เม0ษายน02.85673 185 3.59 0.47 4.07 0.95 3.28 1.16 3.38 0.88 3.58 0.87 การสอน

มาตรฐานอยู่ระหว่าง 0.87-0.91 โดยกลุ่มตัวอย่างมีส่วนรว่ มในการจัดการศึกษาด้านการบริหารงานทั่วไปมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเทา่ กับ 3.60 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.87 รองลงมาคอื ด้านการบริหารจัดการเรียนการสอน มีคา่ เฉล่ียเท่ากับ 3.58 และมสี ว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.87 นอกจากน้พี บวา่ กลุ่มตวั อย่างมีส่วนร่วมในการจัด การศึกษาด้านการติดตามและประเมินผลน้อยท่ีสุด มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 3.31 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.91 แสดงในตารางท่ี 5 ตาตราารางงทที่ ี่55คค่า่าเเฉฉลลย่ีี่ย สส่ว่วนนเเบบี่ยย่ี งงเบเบนนมามตารตฐราฐนานแลแะลระะดรบัะกดาับรกมาสี ร่วมนสีรว่ว่ มนใรนว่ กมาใรนจัดกกาารรจศัดกึ กษาารศ(nึกษ=า35(n8)= 358) ระดบั การมีสว่ นรว่ ม โรงเรยี น โรงเรียน โรงเรียน โรงเรียน รวม การมสี ่วนร่วมใน สาธิต A สาธติ B สาธติ C สาธิต D (n = 358) การจดั การศึกษา (n = 94) (n = 114) (n = 57) (n = 93) ดา้ นการบริหารงานทวั่ ไป X SD X S.D X SD X SD X SD ดา้ นการบริหารจดั การเรียน 3.81 0.52 4.14 0.82 3.43 1.29 3.02 0.84 3.60 0.87 การสอน 3.59 0.47 4.07 0.95 3.28 1.16 3.38 0.88 3.58 0.87 ดา้ นการสนับสนุนโรงเรยี น 3.96 0.57 3.84 0.81 3.23 0.95 3.13 0.90 3.54 0.91 ดา้ นการตดิ ตามและประเมนิ ผล 3.64 0.55 3.72 0.96 2.62 1.18 3.25 0.95 3.31 0.91 เมเ่ือมพื่อิพจาิจราณรณากาากรามรมีสีส่ว่นวนร่รว่วมมในในกกาารรจจัดัดกกาารรศศึกึกษษาาดด้า้านนกกาารรบบรริหิหาารรงงาานนททั่วั่วไไปป พพบบวว่า่า ใในนภภาาพพรรววมมขขอองง กลกุ่มลุ่มตัวตอัวอย่ายง่าใงนในดด้า้นานนน้อี ้ีอยยใู่ นู่ในรระะดดบั ับปปาานนกกลลาางงถถึงึงมมาากก โโดดยยมมคี ค่าเฉลีย่ อยรู่ ะหวา่ ง 3.24-3.9911 แแลละะมมีสีส่วว่ นนเเบบี่ย่ยี งงเบเบนน มามตารตฐราฐนานออยยรู่ ู่ระะหหววา่ ่างง00.9.977-1-1.2.266โดโดยยมมสี ีสว่ ่วนนรรว่ ่วมมใในนกกาารรสสนนบั บสสนนุ สำ�าหรบั การจัดการศึกกษษาาขขอองงโโรรงงเเรรียยี นนมมาากกทท่ีสสี่ ุดดุ มคีมีค่าเา่ ฉเฉลลีย่ ี่ยเเทท่า่ากกับ 3.9911มมสี สี ่วว่นนเบเบี่ยงย่ี เงบเนบมนามตารตฐารนฐาเทน่าเกทับ่าก1ับ.071.ร0อ7งลรงอมงาลมงีสมว่ านมรว่สี ม่วในรกว่ามรชใน่วยกเาผรยชแ่วพยรเ่ขผอ้ ยมแูลพขรา่ ข่วสอ้ ามรูล นมขา่สีเมพอกวา่วกบี่ยสตนจววาร่าเากฐรบกับามเย่ีกนนโีสงรย่ีีพ้เ่วเทงวบนบเ่ากรรนวกียบั่วม่าับนมโารใเม1ตหสง.ีส0รเน้บรว่5ฐอุคยีนาแคนนรนลใว่เวอหทมท่ืนบ้่าเาสกคุๆงนบักคไอาลด1รแอ้ทจ.น0นื่รัด5วาสๆบทวาไัสมดงดีคกท้ ิก่าาราเรฉารจบรลดัถ่ียมสรเทับคีว่าสา่สั กเ่งดฉับนกิ ลักา3ยี่ เร.รเ8รทีย7ถนา่ รมกนับีสบั้อส่วย3น่งท.นเ8่ีสบกั7ุดี่ยเงรมมเียสีบีคนว่่นานนเมฉ้อเาลบตยี่ยย่ีรทเงฐทีส่ เา่าบดุนกนเับทมม่าคี3าก.า่ต2ับเร4ฉฐ1ลมา.่ยี0ีสน5เ่วเททนน่าเา่ อกบกกับ่ียบั จงาเ31บก..2น0น45ี้ เมอื่ พจิ ารณาการมสี ว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษาดา้ นการบรหิ ารจดั การเรยี นการสอน พบวา่ ในภาพรว8ม ของกลุ่มตัวอย่างในด้านนี้อยู่ในระดับปานกลางถึงมาก โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 3.32-4.13 และมี ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานอยู่ระหว่าง 0.99-1.18 โดยมีส่วนร่วมเสนอแนะแนวทางการเสริมหลักสูตร เช่น ทัศนศึกษา มากท่ีสุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.13 มีส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.99 รองลงมา มีส่วนร่วม สนบั สนุนในการจัดหา สร้าง พฒั นาส่ือการเรยี นการสอนของโรงเรียน มีค่าเฉล่ียเทา่ กับ 3.83 มีส่วนเบย่ี งเบน มาตรฐานเท่ากับ 1.14 นอกจากน้ีพบว่า มีส่วนร่วมในการเยี่ยมชมการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน น้อยทีส่ ดุ มีคา่ เฉล่ียเทา่ กับ 3.32 มีสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐานเทา่ กับ 1.11 เมื่อพิจารณาการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาด้านการสนับสนุนโรงเรียน พบว่า ในภาพรวมของ กลุ่มตัวอยา่ งในดา้ นน้อี ย่ใู นระดบั ปานกลางถึงมาก โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ระหวา่ ง 2.99-4.00 และมสี ่วนเบย่ี งเบน มาตรฐานอยู่ระหว่าง 1.03-1.27 โดยสละเวลาให้โรงเรียนเพื่อประโยชน์ในการจัดการศึกษาของโรงเรียน มากทส่ี ุด มคี ่าเฉลี่ยเทา่ กบั 4.00 มีสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากบั 1.10 รองลงมา รว่ มรณรงคป์ ระชาสมั พันธ์ ใหบ้ คุ คล องคก์ รตา่ ง ๆ ชว่ ยสนับสนนุ ทุนทรพั ย์เพ่ือจดั การศึกษาและพัฒนาโรงเรียน มีคา่ เฉลยี่ เท่ากับ 3.84 มีสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานเทา่ กบั 1.03 นอกจากนี้พบวา่ มีส่วนร่วมในการให้ทุนการศกึ ษาน้อยท่สี ุด มีคา่ เฉลี่ย เท่ากับ 2.99 มีส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐานเท่ากบั 1.09 เมื่อพิจารณาการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาด้านการติดตามและประเมินผล พบว่า ในภาพรวม ของกลุ่มตัวอย่างในด้านน้ีอยู่ในระดับปานกลางถึงมาก โดยมีค่าเฉล่ียอยู่ระหว่าง 3.11-3.67 และมี 186 บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยสวนดุสิต

ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐานอย่รู ะหว่าง 1.05-1.12 โดยมีส่วนรว่ มและเสนอแนะติดตาม สอดส่อง ความประพฤติ ของนกั เรียน และแจ้งให้โรงเรยี นทราบเพือ่ การปรบั ปรุงแก้ไขมากทสี่ ุด มคี า่ เฉลี่ยเทา่ กบั 3.67 มสี ว่ นเบ่ียงเบน มาตรฐานเท่ากับ 1.08 รองลงมา ติดตาม ตรวจสอบ คุณลักษณะของนักเรียนที่จบการศึกษาว่าเป็นไปตาม คุณลักษณะอันพึงประสงค์หรือคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของชาติ มีค่าเฉล่ียเท่ากับ 3.53 มีส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐานเทา่ กบั 1.05 นอกจากนพี้ บวา่ เสนอแนะใหโ้ รงเรยี นปรบั ปรงุ แกไ้ ขการบรหิ ารงานการปฏบิ ตั งิ านของ โรงเรยี นให้เหมาะสมย่งิ ขึน้ นอ้ ยท่สี ดุ มีค่าเฉลีย่ เทา่ กบั 3.11 มสี ว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐานเทา่ กบั 1.30 อภิปรายผล การวิจัยครั้งนี้เพ่ือศึกษาระดับการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของผู้ปกครอง ครู และศิษย์เก่า โรงเรยี นสาธิต สังกัดส�ำนกั งานคณะกรรมการอดุ มศกึ ษา (สกอ.) จากผลการวิจัยท่ีพบวา่ ระดบั การมีสว่ นรว่ มของผู้ปกครอง ครู และศิษย์เก่าในการจัดการศกึ ษาของ โรงเรยี นสาธติ กรณีศกึ ษาท้ัง 4 แหง่ ในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลางทกุ ด้าน ซึง่ ดา้ นการบริหารงานทั่วไป มีค่าเฉล่ียมากที่สุด โดยประเด็นข้อค�ำถามที่มีค่าเฉล่ียสูงท่ีสุด คือ การมีส่วนร่วมประชุมกับโรงเรียนเพ่ือ แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั นกั เรยี นในดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ ความประพฤติ สขุ ภาพ ความปลอดภยั ของนกั เรยี น เปน็ ตน้ รองลงมา คือ การมีสว่ นรว่ มในการสนบั สนนุ ส�ำหรบั การจดั การศกึ ษาของโรงเรยี น อาจเนอื่ งมาจาก โรงเรียนสาธิตท่เี ป็นกรณศี กึ ษาทงั้ 4 แห่ง ได้ตระหนักและใหค้ วามส�ำคัญกบั การมีส่วนร่วม โดยมีการก�ำหนด บทบาทและมอบหน้าท่ีให้มีการจัดกิจกรรมและสนับสนุนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการด�ำเนินงานต่าง ๆ ของ โรงเรียน สอดคล้องกับ ณภญิ รตั น์ ทัพขวา และถนอมวรรณ ประเสริฐเจรญิ สุข (2558: 24) ท่ีวจิ ัยเรอื่ ง การมี ส่วนร่วมของโรงเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนเพ่ือยกระดับคุณภาพผู้เรียนของสถานศึกษาสังกัดส�ำนักงาน เขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 1 แนวทางในการมีส่วนร่วมเพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียนของ สถานศึกษา โรงเรียนควรจัดการประชุมปรึกษาหารือร่วมกัน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและชุมชนได้แสดง ความคดิ เหน็ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ มกี ารจดั กจิ กรรมประสานสมั พนั ธร์ ว่ มกนั ทงั้ ในสถานศกึ ษาและชมุ ชน นอกจากนน้ั ยังสอดคล้องกับ น้�ำฝน กันมา (2560: 111-112) ท่ีได้วิจัยเรื่อง พัฒนารูปแบบเครือข่ายความร่วมมือเพ่ือ ยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษาของสถานศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน โดยใชก้ รณศี กึ ษาของรปู แบบพะเยาโมเดล ผลการวจิ ยั พบวา่ หากผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ งมสี ว่ นรว่ มกนั ดำ� เนนิ งานตามบทบาทหนา้ ทที่ ไ่ี ดร้ บั มอบหมายกจ็ ะทำ� ใหผ้ ลการดำ� เนนิ งาน ของโรงเรียนบรรลุวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามหลักและแนวคิดของการร่วมมือซ่ึงเป็น คุณลักษณะท่ีส�ำคัญที่ท�ำให้การท�ำงานร่วมกันประสบความส�ำเร็จ ประกอบกับการมีส่วนร่วมในการท�ำงาน รว่ มกนั เพอื่ ใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงคท์ ง้ั นจี้ ะขนึ้ อยกู่ บั สภาพความคดิ และความยดึ มนั่ ของ แตล่ ะบคุ คล เพราะฉะนนั้ การมีส่วนร่วมจึงเป็นหัวใจของการเสริมสร้างพลังการท�ำงานร่วมกันเป็นกลุ่มท่ีส�ำคัญเป็นอย่างย่ิง นอกจากน้ี เม่ือพิจารณาในรายโรงเรียนสาธิตท่ีเป็นกรณีศึกษาพบว่า โรงเรียนสาธิต B มีค่าเฉลี่ยระดับการมีส่วนร่วมใน การจดั การศกึ ษาในภาพรวมมากทส่ี ดุ ซงึ่ ประเดน็ ทเ่ี ปน็ สว่ นสำ� คญั ทท่ี ำ� ใหม้ รี ะดบั การมสี ว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษา เป็นอย่างมากอาจเกิดมาจากสมาคมครูและผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเพ่ือพัฒนา ความเข้มแข็ง ทางด้านวิชาการ และพัฒนาผู้เรียนอย่างต่อเน่ือง สอดคล้องกับข้อมูลการสัมภาษณ์เชิงลึกที่สะท้อนให้เห็น ว่า สมาคมครูและผู้ปกครองได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้สถานศึกษาจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปที ่ี 16 ฉบับท่ี 1 ประจำ�เดอื นมกราคม - เมษายน 2563 187

อยา่ งตอ่ เนอื่ ง อาทิ กจิ กรรม “รวมใจสาธติ สามคั คี เดนิ -วง่ิ ประถมสาธติ ประสานมติ ร” การแสดงโขนประสานมติ ร การแข่งขนั กีฬาสาธติ สามคั คี กจิ กรรมงานวนั เดก็ กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งพัฒนาทกั ษะภาษาองั กฤษ โดยกิจกรรม เหล่านี้เกิดจากการสนับสนุนผ่านเครือข่ายสมาคมครูและผู้ปกครองรวมถึงศิษย์เก่าซ่ึงด�ำเนินการมาอย่าง ต่อเนอ่ื ง นอกจากนน้ั ทางสมาคมยังรว่ มกันส่งเสริมกิจกรรมหรือโครงการท่เี ครอื ข่ายด�ำเนินการเพ่อื เสรมิ สร้าง ความเขม้ แขง็ ของเครอื ขา่ ยดว้ ยกนั เอง อาทิ การจดั การแขง่ ขนั กอลฟ์ การกศุ ลรวมใจสาธติ ประสานมติ ร กจิ กรรม งานวนั ครอบครวั สขุ สนั ต์ ซงึ่ เปน็ เงอ่ื นไขสำ� คญั ทท่ี ำ� ใหเ้ ครอื ขา่ ย เกดิ การรบั รถู้ งึ ระดบั การมสี ว่ นรว่ มของเครอื ขา่ ย ในระดับมากท่ีสุด ดังน้ันจึงก่อให้เกิดผลดีต่อการขับเคลื่อนเครือข่าย สอดคล้องกับงานวิจัยของ กาญจนา เอยี ดสยุ (2560: 73) พบวา่ สมาคมผปู้ กครอง และศษิ ยเ์ กา่ เขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษาใหก้ บั โรงเรยี น อยู่ในระดับมาก ท้ังนี้อาจเน่ืองมาจากโรงเรียนได้ขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง และศิษย์เก่า เพ่ือให้ทราบ บทบาทหน้าท่ีต่อการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษากับทางโรงเรียน โดยเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุน เสนอแนะ วางแผนการบริหารงาน การสนับสนุน ตลอดจนร่วมก�ำกับ ติดตาม และช่วยแก้ปัญหาให้กับ ทางโรงเรียน ข้อเสนอแนะ ขอ้ เสนอแนะในการนำ� ผลการวจิ ัยไปใช้ จากผลการวจิ ยั พบวา่ ระดบั การมีส่วนร่วมในการจดั การศึกษาอยู่ในระดับปานกลางทกุ ด้าน แต่ดา้ น ทม่ี คี า่ เฉลย่ี นอ้ ยทส่ี ดุ คอื ดา้ นการตดิ ตามและประเมนิ ผล ดงั นน้ั ผบู้ รหิ ารควรมกี ารตดิ ตามการดำ� เนนิ งานตาม แผนงาน โครงการตา่ ง ๆ ของโรงเรยี น รวมทงั้ ประเมนิ ผลการดำ� เนนิ งานตามโครงการตา่ ง ๆ ของโรงเรยี น และ ตรวจสอบ ผลการปฏิบัติงานของบคุ ลากรในโรงเรยี น เพื่อปรับปรงุ แกไ้ ขการบริหารงาน ให้เหมาะสมย่งิ ขนึ้ ข้อเสนอแนะสำ� หรบั การวิจยั คร้ังต่อไป ควรศกึ ษาความคาดหวงั ของการมสี ว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษา และศกึ ษาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสมาคม ครู-ผู้ปกครอง และสมาคมศษิ ยเ์ กา่ เอกสารอ้างอิง กระทรวงตา่ งประเทศ. (2560). การขบั เคลอ่ื นนวตั กรรมในตา่ งประเทศ : แนวทางการพฒั นาดา้ นการศกึ ษา ของสงิ คโปร.์ [Online]. Available: http://www.mfa.go.th/thailand4/th/news/6909/77112- แนวทางการพฒั นาดา้ นการศึกษาของสิงคโปร์.html. [2562, สงิ หาคม 7]. กาญจนา เอยี ดสยุ . (2560). การมีส่วนร่วมในการจดั การศกึ ษาของผู้ปกครอง โรงเรียนเขาชัยสน อำ� เภอ เขาชยั สน จงั หวดั พทั ลงุ สำ� นกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต 12. วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญา การศึกษามหาบัณฑติ สาขาวชิ าการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั หาดใหญ.่ บุญเพ่ิม สอนภกั ดี, ฉลอง ชาตรูประชีวนิ และสกุ ญั ญา แชม่ ช้อย. (2559). รูปแบบเครอื ขา่ ยความร่วมมือเพ่อื พฒั นาการจดั การศกึ ษาของโรงเรยี นในสงั กดั เทศบาล. วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั นเรศวร, 18 (4): 99-113. 188 บัณฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยสวนดุสติ

ณภญิ รตั น์ ทพั ขวา และถนอมวรรณ ประเสริฐเจริญสุข. (2558). การมีสว่ นร่วมของโรงเรยี น ผู้ปกครอง และ ชมุ ชนเพอ่ื ยกระดบั คณุ ภาพผเู้ รยี นของสถานศกึ ษา สงั กดั สำ� นกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษา ขอนแก่น เขต 1. วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 38 (2): 23-33. ทัศนีย์ ทองสวา่ ง. (2549). สงั คมวทิ ยา. กรงุ เทพฯ: โอ เอส พรินส์ เฮา้ ส์. ธีระ รุญเจริญ. (2545). สภาพและปัญหาการบริหารและการจัดการศึกษาข้ันพื้นฐานของสถานศึกษาใน ประเทศไทย. กรุงเทพฯ: ส�ำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. นำ�้ ฝน กนั มา. (2560). การพฒั นารปู แบบเครอื ขา่ ยความรว่ มมอื เพอ่ื ยกระดบั คณุ ภาพการศกึ ษาของสถานศกึ ษา ขั้นพื้นฐาน: กรณีศึกษา พะเยาโมเดล. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัย ราชพฤกษ์, 3 (2): 103-115. พิมพ์พรรณ เทพสุเมธานนท์. (2549). ความรู้เกี่ยวกับการศึกษาจิตวิทยาและเทคโนโลยีการศึกษา (พิมพ์ครัง้ ท่ี 1). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลยั รามคำ� แหง. วรรณี แกมเกต.ุ (2551). วิธีวิทยาการวจิ ยั ทางพฤตกิ รรมศาสตร์ (พมิ พค์ ร้งั ที่ 2). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . Epstein, J. L. (1995). School/family/community partnerships. Phi delta kappan, 76 (9): 701. Epstein, L. & Knight, J. (1997). The choices justices make. Washington, DC: CQ. The asian parent Thailand. (2014). เจาะลึก!!! ฟนิ แลนด์ vs ไทย เหตุใดคุณภาพการศึกษาตา่ งกัน ลบิ โลก. [Online]. https://th.theasianparent.com/เจาะลกึ -ฟนิ แลนด-์ vs-ไทย-เหตใุ ดคณุ ภาพ การศกึ ษาต่างกันลิบโลก. [2562, สิงหาคม 7]. World Economic Forum. (2019). 10 reasons why Finland’s education system is the best in the world. [Online]. Available: https://www.weforum.org/agenda/2018/09/10- reasons-why-finlands-education-system-is-the-best-in-the-world. [2019, August 7]. คณะผู้เขียน นายอดิทักษ์ สวุ วิ ฒั นชัย บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั สวนดุสิต อาคารเฉลิมพระเกยี รติ 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ เลขที่ 145/9 ถนนสโุ ขทยั เขตดุสิต กรงุ เทพมหานคร 10300 e-mail: [email protected] ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ญาลสิ าฐ์ ต้นสอน บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั สวนดุสิต อาคารเฉลมิ พระเกยี รติ 50 พรรษา มหาวชริ าลงกรณ เลขที่ 145/9 ถนนสโุ ขทัย เขตดุสิต กรงุ เทพมหานคร 10300 e-mail: [email protected] ปีท่ี 16 ฉบบั ที่ 1 ประจำ�เดือนมกราคม - เมษายน 2563 189

รองศาสตราจารย์ ดร. ชนะศึก นิชานนท์ บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ิต อาคารเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ เลขท่ี 145/9 ถนนสโุ ขทัย เขตดสุ ิต กรงุ เทพมหานคร 10300 e-mail: [email protected] รองศาสตราจารย์ ดร. ศิโรจน์ ผลพันธิน บัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ิต อาคารเฉลิมพระเกยี รติ 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ เลขท่ี 145/9 ถนนสุโขทัย เขตดสุ ติ กรงุ เทพมหานคร 10300 e-mail: [email protected] 190 บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยสวนดุสิต

คุณภาพชวี ติ ของประชาชนทีส่ มั พนั ธก์ บั ความผูกพันตอ่ ชมุ ชน อ�ำเภอนำ�้ ปาด จงั หวัดอุตรดิตถ์ People’s Quality of Life in Relation to Community Attachment at Nam Pad District, Uttaradit ญาตินนั ท์ โคกมา* และพชิ ติ รัชตพบิ ุลภพ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชพฤกษ์ Yatinan Khokma* and Pichit Ratchatapibhunphob Faculty of Liberal Arts, Rajapruk University Received: October 4, 2019 Revised: December 21, 2019 Accepted: December 24, 2019 บทคดั ย่อ การวิจยั คร้ังนี้มวี ัตถุประสงค์ 1) เพอ่ื ศึกษาระดับคณุ ภาพชีวิตของประชาชน และระดบั ความผกู พนั ของประชาชนต่อชุมชน อ�ำเภอน้�ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ 2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบระดับความผูกพันของ ประชาชนตอ่ ชมุ ชน จำ� แนกตามปจั จยั สว่ นบคุ คล 3) เพอื่ ศกึ ษาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน กับความผูกพันของประชาชนต่อชุมชน เป็นวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative research) ใช้วิธีการส�ำรวจ (Survey research) กลมุ่ ตัวอย่างได้แก่ ประชาชนท่ีมีอายุ 18 ปขี นึ้ ไป โดยการก�ำหนดกลมุ่ ตัวอย่างของ Taro Yamane จ�ำนวน 396 คนเครอ่ื งมอื ทใ่ี ช้เป็นแบบสอบถาม (Questionnaires) ค่าความเชือ่ มั่นของเครอื่ งมอื (Reliability) แอลฟา่ ของครอนบาค (Cronbach’s Alpha) ทร่ี ะดับ 0.965 สถิตทิ ่ใี ช้ในการวเิ คราะหข์ อ้ มูล ได้แก่ การค�ำนวณหาความถ่ี (Frequency) ค่าเฉล่ีย (Mean) ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ทดสอบความแตกต่างด้วยสถิติ t-test และ F-test กรณีพบความแตกต่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ด้วยวิธีของเชฟเฟ่ (Scheffe’s Method) และวิเคราะห์ ความสัมพนั ธ์โดยใชค้ ่าสมั ประสทิ ธิ์สหสัมพนั ธ์เพยี ร์สัน (Pearson’s Correlation Coefficient) ผลการวจิ ัย พบว่า ประชาชนอำ� เภอน้ำ� ปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ มีระดับคณุ ภาพชีวิตอย่ใู นระดับมาก และระดับความผูกพัน ของประชาชนต่อชุมชนอยู่ในระดับมาก ปัจจัยส่วนบุคคล เพศ อายุ มีความผูกพันต่อชุมชน ไม่แตกต่างกัน ส่วนปัจจัยส่วนบุคคล ระดับการศึกษา สถานภาพ และอาชีพ มีความผูกพันต่อชุมชนแตกต่างกัน และ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพชีวิตของประชาชนกับความผูกพันของประชาชนต่อชุมชนมีความสัมพันธ์อยู่ใน ระดับปานกลาง ทิศทางเดยี วกันในเชิงบวก ค�ำส�ำคัญ: คณุ ภาพชีวิตของประชาชน ความผูกพันของประชาชนต่อชุมชน * ญาตินันท์ โคกมา (Corresponding Author) ปที ี่ 16 ฉบบั ท่ี 1 ประจ�ำ เดือนมกราคม - เมษายน 2563 191 e-mail: [email protected]


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook