Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารบัณฑิตวิทยาลัย (ก.ย.-ธ.ค.62)

วารสารบัณฑิตวิทยาลัย (ก.ย.-ธ.ค.62)

Published by boomsdu, 2023-01-13 04:58:28

Description: วารสารบัณฑิตวิทยาลัย (ก.ย.-ธ.ค.62)

Search

Read the Text Version

คนในพนื้ ท่ี 1720 3.883 0.672 มาก 4 มีการใช้ภาษาเพอ่ื การส่อื สารท่ีเหมาะสม นาเสนอขอ้ คดิ เห็นจากหลาย ๆ ฝา่ ยตอ่ 1709 3.858 0.702 มาก 5 สถานการณ์ท่เี กิดขึน้ คา่ เฉลย่ี รวม 1741.8 3.932 0.667 มาก ความพึงพอใจต่อคอลัมน์เวทีวิชาการ ของเว็บไซต์ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้ กลุ่มตัวอยค่าวงามีคพวึงพามอพใจึงตพอ่ อคใอจลใมันนภเ์ าวพทวีรชิวามกใานรรขะอดงับเวมบ็ าไกซตค์สิดานเปกั ็นขา่คว่าอเฉิศรลาี่ยก3รณ.9ศี3ึก2ษาคศวนู ายมข์พา่ ึงวพภอาคใจใตร้ะกดลับุ่มมตวัาอกยใหา่ ง้ ทมุกีควหาัวมขพอ้ งึ พโดอยใจใหใน้คภะาแพนรนวมเฉในลร่ยี ะมดาบักมทา่ีสกุดคดิือเปหน็ วั คขา่ ้อเฉกลาร่ยี น3ำ� .9เส3น2อคเวพาอ่ื มปพรงึ ะพโอยใชจนระส์ ดาบัธามราณกใะห้ทคุกดิ หเปัวน็ข้อคา่ โเดฉยลใ่ยีห้ค4ะ.0แ4น5น รเฉอลง่ียลมงามกาทพ่ีสึงุดพคอือใจหมัวาขก้อตก่อารเนื้อาเหสานขอ่าเวพม่ือีคปวราะมโยทชันนส์สมาธัยาอรยณู่เสะมคอิดเปค็ินดเคป่า็นเฉคล่าียเฉ4ล.0่ีย453ร.9อ8งล4งมลา�ำพดึงับพสอุดใจทม้าายกคตือ่อ หเนวั ้ือขห้อานข�ำ่าเวสมนีคอวขาอ้มคทดิ ันเสหม็นัยจอายกู่เหสมลาอยค ๆิด เฝป่า็นยคต่า่อเสฉถลา่ียน3ก.9าร8ณ4 ท์ลา่ีเกดดิับขสนึุ้ดทค้าิดยเคปือ็นคหา่ัวเขฉ้อลนย่ี าเ3ส.น85อ8ข้อคิดเห็นจากหลาย ๆ ฝา่ ยตอ่ สถานการณท์ ่ีเกิดขน้ึ คิดเปน็ ค่าเฉลย่ี 3.858 ต ตาารราางงทที่ี่ 88 กคสคร�ำ่่าาณนเเฉีศกัฉลึกขลี่ยษ่า่ียขาวขศอออนูงศิ กยงรล์ขกาุ่ม่าลกวตุ่มภรัวณาอตคยัศีวใ่ากึอตงษ้ยจาา่าศแงูนนจยก�ำ์ขตแา่านวมกภคตาวคาามใมตพค้ ึงวพาอมใจพตึง่อพภอาพใจรวตม่อตภ่อาหพัวขร้อวบมนตเ่วอ็บหไัวซขต้์สอาบนนักเขว่า็บวอไซิศรตา์ ความพงึ พอใจตอ่ ภาพรวมตอ่ หัวข้อบนเวบ็ ไซต์ คะแนนรวม คา่ เฉล่ยี S.D. แปลผล ลาดับที่ ขา่ วทว่ั ไปหรอื ขา่ วเหตกุ ารณ์ 1846 4.167 0.678 มาก 1 สกุ๊ปข่าว 1808 4.081 0.765 มาก 2 สารคดี 1766 3.986 0.842 มาก 3 สมั ภาษณ์พเิ ศษ ศูนย์ข่าวภาคใต้ 1726 3.932 0.727 มาก 4 เวทีวิชาการ 1684 3.845 0.816 มาก 5 สถิตยิ ้อนหลงั 1626 3.799 0.842 มาก 6 คยุ กับบรรณาธิการ 1643 3.709 0.860 มาก 7 ภาคภาษาองั กฤษ (English-Article) 1505 3.436 0.924 มาก 8 คา่ เฉล่ียรวม 1700.5 3.869 0.822 มาก มคตคเฉะ่อคีวลาแคว่ียมนาอมพมนลางึพัมเกพฉคงึทนคอลพวสี่์สวใ่ยีาอจดุากมมใมใคู๊ปจนพาพือขใกภงึคงึน่าพทาพอภวพีส่ออลารุดใใมัคพจวจนิดคตมตรข์เออื่วใอ่ ปา่นมภภวค็นรใาาทอะนคพพั่วดลร่ารรไับัมะเปววฉดมนมมหลับาตข์ตร่ียกอ่มอืา่อ่ วหขาหค4ท่ากัวิดวั.วข0่วัขเเคอ้ปไ8หอ้ ปิดบ็1นบตหเนคกุนปลรเ่าาเวน็ือ�ำเวร็บฉคดขณบ็ ลไา่ับา่ไซ์ี่ยซเวคสตฉตเดิ3ุดห์สลส์เ.ทาีย่ป8ตำ� น6้า็นกุน3ักย9คากั .ขเร8า่ขคป่าณเ6า่วฉว็น9วา์ลอคคอมย่ีิศคอดิศิพรว4ลเรึงาปา.าัมพ1มน็กนก6อพรค7รใ์ภณจ่างึณารพเรีศคฉอศีะอึกลงภกดึ ใษลี่ยาัษจบงาษรมาม4ศะศาา.าูน1ดอกนูพย6ับังใยึง์ขห7กพมข์ ่า้ทฤรา่าอวุกษวอกภใจหภงใาหมลัว(าคEขาคงท้ใnกมต้อใุกgตต้าหกlโ้่พอiกดัวลsคึงลhยขุ่มพอมุ่ใ-้อตลหAอตัวัม้rคใโวัอtจดนะอiยcมย์สแย่าlาในกา่eงหกู๊งปนม)้ ี ความพงึ พอใจมาก คิดเปน็ ค่าเฉลีย่ 3.436 ตารางที่ 9 คา่ เฉลยี่ ของกลมุ่ ตวั อยา่ งจำ� แนกตามความพงึ พอใจตอ่ รปู แบบเวบ็ ไซตส์ ำ� นกั ขา่ วอศิ รา กรณศี กึ ษา ศนู ย์ข่าวภาคใต้ 92 บัณฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลัยสวนดสุ ติ

ความพึงพอใจต่อรูปแบบเว็บไซต์ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้ กลุ่มตัวอย่างมี ความพึงพอใจในภาพรวมในระดับมาก คิดเป็นค่าเฉลี่ย 3.721 ความพึงพอใจระดับมากให้ทุกหัวข้อ โดยให้ คะแนนเฉลย่ี มากท่ีสดุ คือ หวั ขอ้ การจัดวางหมวดหมเู่ นื้อหาเหมาะสมหาขอ้ มูลไดง้ า่ ย คดิ เป็นค่าเฉลยี่ 3.826 รองลงมาพึงพอใจมากต่อภาพประกอบเน้ือหามีความเหมาะสม คิดเป็นค่าเฉล่ีย 3.786 ล�ำดับสุดท้ายหัวข้อ การใชส้ อื่ อ่นื  ๆ (เสียง วดิ ิโอ) เพื่อน�ำเสนอเน้ือหามีความเหมาะสม ความพึงพอใจมาก คดิ เป็นคา่ เฉลย่ี 3.524 สว่ นท่ี 4 การใชป้ ระโยชน์ของเวบ็ ไซต์สำ� นกั ข่าวอิศรา กรณศี ึกษาศนู ยข์ ่าวภาคใต้ ตารางที่ 10 ค่าเฉล่ียของกลุ่มตัวอย่างจ�ำแนกตามการใช้ประโยชน์ของเว็บไซต์ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษา ศูนย์ข่าวภาคใต้ ประโยชนข์ องเวบ็ ไซตส์ �ำนักข่าวอศิ รา คะแนนรวม ค่าเฉลยี่ S.D. แปลผล ล�ำดับท่ี ดา้ นสงั คม ทำ� ใหค้ นนอกพ้นื ท่ี 3 จังหวัดชายแดนได้รบั ทราบ 1833 4.138 0.686 มาก 1 ข่าวสารสถานการณ์ใน 3 จังหวดั ชายแดนใตไ้ ดช้ ัดเจน 2 ทำ� ให้ไดเ้ รยี นรเู้ รื่อง “สงั คมพหุวัฒนธรรม” และ 1801 4.065 0.735 มาก 3 การอยู่รว่ มกนั ทา่ มกลางความแตกตา่ งหลากหลาย ท�ำใหส้ ังคมมีความรคู้ วามเขา้ ใจในศาสนาอสิ ลาม 1767 3.989 0.836 มาก 1 มากข้ึน ขณะทีค่ นมุสลมิ กไ็ ด้เรียนรแู้ ละเข้าใจ 2 วถิ ีชวี ิตของคนพุทธมากขน้ึ 3 ค่าเฉลี่ยรวม 1800.33 4.064 0.752 มาก ด้านการเมอื งการปกครอง 1 ไดร้ บั รู้ขอ้ มูลการเคลือ่ นไหวและการจดั โครงสร้างของ 1742 3.932 0.778 มาก 2 ขบวนการแบง่ แยกดนิ แดนท้งั ในอดีตและปัจจบุ นั 3.910 0.846 มาก 3 ท�ำให้คนไทยเขา้ ใจภารกิจหน้าทีข่ องเจา้ หน้าทีร่ ัฐ 1732 3.869 0.869 มาก ในการแก้ไขปญั หา 3 จังหวัดชายแดนใตไ้ ดช้ ัดเจนขน้ึ ไดเ้ รียนรู้เกีย่ วกับกระบวนการสนั ตภิ าพ และแนวทาง 1714 แกไ้ ขความขัดแย้งด้วยสันติวิธ ี คา่ เฉลย่ี รวม 1729.33 3.904 0.831 มาก ดา้ นการศกึ ษา เวบ็ ไซต์สำ� นกั ข่าวอศิ รา เปน็ แหล่งอ้างอิงหากตอ้ งการ 1756 3.964 0.729 มาก ศกึ ษาปัญหาในพนื้ ที่ 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ขอ้ มลู เวบ็ ไซตส์ �ำนกั ขา่ วอศิ ราเปน็ แหลง่ ข้อมูลพ้ืนฐาน 1755 3.962 0.696 มาก ร่วมกันพัฒนาระบบการศึกษาของคน ในพนื้ ท ี่ ได้เรียนรู้เกย่ี วกับกระบวนการสันตภิ าพ และแนวทาง 1730 3.905 0.793 มาก แก้ไขความขัดแย้งด้วยสนั ติวิธ ี คา่ เฉลี่ยรวม 1747 3.944 0.739 มาก ปีที่ 15 ฉบับท่ี 3 ประจำ�เดือนกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 93

พื้นฐาน ร่วมกันพัฒนาระบบการศกึ ษาของคน ในพ้ืนที่ ไดเ้ รียนรเู้ ก่ียวกับกระบวนการสันติภาพ และ 1730 3.905 0.793 มาก 3 แนวทางแก้ไขความขดั แย้งดว้ ยสนั ติวิธี คา่ เฉล่ียรวม 1747 3.944 0.739 มาก ดา้ นสงั คม กลมุ่ ตวั อยา่ งมกี ารใชป้ ระโยชนใ์ นระดบั มาก คดิ เปน็ คา่ เฉลย่ี 4.064 และมกี ารใชป้ ระโยชน์ ในระดับมดา้ากนทสกุ ังขคอ้ม โกดลยุ่มใตหัว้คอะยแ่านงมนีกเฉาลรใยี่ ชม้ปารกะทโยีส่ ชดุ นค์ในอื รหะดัวขับอ้มทากำ� คใหิด้คเปน็นนคอ่ากเฉพล้ืนี่ยท4่ี 3.0จ6งั4หแวลดั ะชมาีกยาแรดใชน้ปไดระ้รับโยทชรนา์ใบน ขระ่าดวับสามราสกถทาุกนขก้อาโรดณยใ์ หน้ค3ะแจนังนหเฉวลัด่ียชมาายกแทดี่สนุดใตค้ไือด้ชหัดวขเจ้อนทาคใหิด้คเปน็นคอ่ากเพฉ้ืนลท่ีย่ี 34.จ1ัง3ห8วัดรชอางยลแงดมนาไดก้ราับรทใชรา้ปบรขะ่าโวยสชานร์ รสะถดานับกมาารกณค์ในือ 3หวัจขังหอ้ วทัดำ� ชใหายไ้ ดแเ้ดรนียในตร้ไู้เดร้อื่ชัดงเจ“นสงั คคิดมเพปห็นวุคัฒ่าเนฉธลร่ียรม4.”13แ8ลระอกงาลรงอมยาู่ร่วกมากรนัใชท้ปา่ รมะกโลยาชงนค์รวะาดมับแมตากกตคา่ งือ 3สกกขหมขคคปสคหแอลันิดื่าณันอาาีกัรวลเจระงระเขตตาาฉะปหขจใเัโง้อกรวิ ภิลขชทยน็บหัวัดิธใทห่ียา้าช้ปช่คีขควี วโาใพลคนคน้้ปอา่นรจ4ัดใดดาิดเดด์ใหะกทร.วรมชฉแ0ยน้า้าเ้าา้ิถงาโ้ะไาปุสาล6ลนนรยนนสดรชี ใโคยน็5ีย่ละะกแหกชย้กเกรีวดิแครมิดแบาติ้า้าาาแคชน3ียเดา่ับกนรรรงรขง่ล.นปน์ร9เนนเศเขแไ็ศมวอฉะะไมม็น์ใ1ดรยึกอใททสงึลกานดอื0อื ู้คเต้เกคษกงุด่ียยารษรรงับงา่้ไดขนแาท่ืงอทียกเะกาดเ3มขินแบลพุกงฉนาา้ดกา.้ช้าาะแก8รยวทุขลกรรัลบ“ใัดกปสด6ไ้น้อแู้ธปีย่จมุ่ลสคขมเดุ9นกมกลจภตกุ่มังือคาโคท4คทาคะานดัวาคตกวือ.กร้าง้ัทรอเรม0ยขราัวทขยอใขแกาย6ใพอนมึ้นอง้าห้นึุกหใบิจ่าค5งอหขหใยขกังว้คหจอื่งคดคัดุว้ส่มาแกลข้อแะวนิดตีัฒงิดแังีกไลุ่มล้อแถิย้าดคเมยเานะตปโ่มุแนทีชกทปเ้มีรกด้งสรวัลธน็ตนวีดี่�ำขใม็นดายียอรุดะชิตควัใเอินีคร้วคนรฉยใปหป้ทอ่าขงใวหยแม่าล่ารเจัชร้เคยา้อาฉสดงูเ้เ้จค”่ียะจย้ปมก่านฉงมลนั้นามะโบุ งคีย่รแลรีกไี่ยยหคตแาทมันูค้ วทนละ่ีายชกนอืิวน3กีกั้วงรโะยพนคทธิ ้ใ.าายบัใานก93เทน์ทุใิดชีมที่สขรชกนเ8คา.้ปเ�ำอเธุใด9ฉี่ร้านรร9ปขรดิชใมรัฐด1ลใะอะหา้์น็ใเป้คะจใาบ0ีต่ียนปยใดนค้สโือภรกจวู่รมยัน็รบา่งักะใขแาน่วแชะไาเคนคมโารฉดมึน้ลกลนกดยมศราา่ กล้รกะาะ์ใทัชบกแเามคับิจร่ีนยฉันสปสนคกี่สมคีสดิ หรรลุดทนั้ิจได3ุ์ใดาันวู้ะขเยี่นขนท่าาป.จเกาดต้อ9ปปมอ้าร้าุบมคน็ 3บัิภ3ม็นกทสิัะญยคัืรนอ.2คูมลา8ลลคด่ีข้คูหิดพ่าาก6าา่าครบั อวกไเคเาามงเอ9ฉืปอดแมางคฉริดคมง3ลลเม้ร็เานลิดวลเจาคย่ีะไับกปเี่ยเคาจกง้ขาดลปแรม็มนัง่ขาห3า้ ้เื่อค3นน็ ู้ขหรแาเึ้นคใ.น.นิดวคฉ9จีย้9อตว่ากทไ้าเ่า8ลขใ4ันดมกเปหานเทา9ณฉี่4ยชฉรตูลรวน็งศี่รลู้าลเ่าะแใกแคกัฐา3ชยีแ่ยงย่ีทกาลสใา่่ียห้ป.แล้ไรีค่9นะเ3นวขด3ละรฉเนม4.กกคะาคก9.านลม4ี9กาอัโบกล0วาใี่ยสุ3ายรตร4าสิหื่อกรแลช2แจม้ไล3ลนรใแิมลนดกัดขชา.ะาไลร9กะ์้รชโ้ัได้ปมยหบะอคขะ0ไ็มัดแรมดวมวรดงป4คีเกยะา้เนงจลีกับิดัญร้โงากสแแนางกยียดมเรขรลรหมปลขชาน้วใา้าใ้ึนะชะา็นา้ึรนนกยชรง้ ู้์้ ปในรระะโดยับชมนา์ใกนทระุกดข้อับมโดากยทใหุก้คขะ้อแนโนดเยฉใลห่ีย้คมะาแกนทน่ีสเุดฉคลือี่ยเมว็บากไซทต่ีส์สุดานคักือข่าเววอ็บิศไรซาต์สเป�ำ็นแักหขล่า่งวออ้าิศงรอาิงหเาปก็นตแ้อหงกลา่งรอศ้าึกงษอิงา หปัญากหตา้อในงกพา้ืนรทศี่ 3ึกษจาังหปวัญัดหชาใยนแพดนื้ ภทา่ี ค3ใตจ้ ังคหิดวเปัดน็ ชคา่ายเแฉดลีย่นภ3า.9ค6ใ4ต้ รคอิดงเลปง็นกคาร่าใเชฉ้ปลรี่ยะโ3ย.ช9น6์ร4ะดรับองมลางกกคาือรขใ้อชม้ปูลรเะวโ็บยไชซนต์ รสะานดกับขม่าาวกอศิ ครือาเปขน็ ้อแมหูลลเ่งวข็บ้อไมซลูตพ์สนื้�ำนฐาักนข่ารว่ อมิศกัรนาพเัฒป็นแารหะลบ่งบขก้อามรูลศพึกื้นษาฐขาอนงครน่วมในกพันื้นพทัฒี่ นคาิดรเปะ็บนคบ่ากเาฉรลศ่ียึก3ษ.9า6ข2องแคลนะ ใสนุดพทื้นายท่ีคคือดิ ไเดป้เน็ รคียา่นเรฉู้เลกย่ี ว3ก.ับ9ก62ระบแลวนะสกดุารทสา้ ันยติคภอืาพไดแเ้ลระยี แนนรวเู้ กทย่ีาวงแกกบั ้ไกขรคะวบาวมนขกัดาแรยส้งนัดต้วยภิ สาันพติวแิธลี ะคแิดนเปวท็นาคง่าแเฉกลไ้ ข่ีย ค3.ว9า0ม5ขดั แยง้ ด้วยสนั ติวธิ ี คิดเปน็ คา่ เฉล่ยี 3.905 สสว่ ว่ นนทท่ีี่ 55 คคววาามมคคาาดดหหววังงัตตอ่ อ่เวเวบ็ ็บไซไซตตส์ า์สนำ� กันขกั า่ ขวา่ อวิศอรศิ ารการกณรศี ณกึ ีศษกึาศษนู ายศ์ขูนา่ ยว์ขภา่าวคภใตา้คใต้ ตตาารราางงทท่ี ่ี1111 ขคศคา่า่ าู่นวเฉเภยฉลา์ขลย่ีคา่ย่ีขใวขตอภอ้งากงคกลใมุ่ลตตมุ่ ้ วัตอวั ยอา่ ยงา่จงาจแำ� นแกนตกาตมาคมวคาวมาคมาคดาหดวหังตว่องั ตรูปอ่ รแปูบแบบเวบ็บเไวซบ็ ตไ์สซาตนส์ ักำ� ขน่ากั วขอา่ ิศวรอาศิ กรราณกีศรึกณษศี ากึศษูนยา์ ความคาดหวังต่อเว็บไซต์สานกั ขา่ วอิศรา คะแนนรวม ค่าเฉลย่ี S.D. แปลผล ลาดบั ที่ กรณศี ึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้ ตรวจสอบการทางานของรัฐและผลสมั ฤทธิ์ 1840 4.153 0.786 มาก 1 ของโครงการต่าง ๆ ตรวจสอบการใชง้ บประมาณของท้องถ่ิน 1822 4.113 0.832 มาก 2 ชายแดนภาคใต้ ตแี ผค่ วามไมเ่ ปน็ ธรรมในสังคมชายแดนใต้ 1815 4.097 0.776 มาก 3 นาเสนอขา่ วผูค้ นในทอ้ งถ่ิน 3 จังหวดั ชายแดน 1730 3.905 0.807 มาก 4 ใต้ (คนเลก็ ในสงั คม) ค่าเฉลย่ี รวม 1801.75 4.067 0.786 มาก ความคาดหวังต่อเว็บไซต์สานักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้ กลุ่มตัวอย่างมีความคาดหวัง ใน ภาพรวมระดับมาก คิดค่าเฉลี่ย 4.067 และมีความคาดหวังในระดับมากทุกข้อ โดยให้คะแนนเฉล่ียมากที่สุด คือ ตรวจสอบการทางานของรัฐและผลสัมฤทธิ์ของโครงการต่าง ๆ คิดเป็นค่าเฉลี่ย 4.153 รองลงมา ตรวจสอบการใช้ 94 งบบัณปฑริตะวมทิ ยาาณลยั ขมอหงาทวทิ ้อยงาลถัย่ินสวชนาดยสุ ิตแดนภาใต้ คิดเป็นค่าเฉลี่ย 4.113 ต่อมาคือ ตีแผ่ความไม่เป็นธรรมในสังคมชายแดนใต้ คิดเป็นค่าเฉลี่ย 4.097 และสุดท้ายคือ นาเสนอข่าวผู้คนในท้องถ่ิน 3 จังหวัดชายแดนใต้ (คนเล็กคนน้อยในสังคม) คดิ เป็นคา่ เฉลย่ี 3.905 สว่ นท่ี 6 การทดสอบสมมติฐานการวจิ ยั

ความคาดหวังต่อเว็บไซต์ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้ กลุ่มตัวอย่างมีความคาดหวัง ในภาพรวมระดับมาก คิดเป็นค่าเฉล่ีย 4.067 และมีความคาดหวังในระดับมากทุกข้อ โดยให้คะแนนเฉลี่ย มากทีส่ ดุ คอื ตรวจสอบการทำ� งานของรฐั และผลสัมฤทธิ์ของโครงการต่าง ๆ คดิ เป็นค่าเฉลยี่ 4.153 รองลงมา ตรวจสอบการใชง้ บประมาณของทอ้ งถนิ่ ชายแดนภาใต้ คดิ เปน็ คา่ เฉลยี่ 4.113 ตอ่ มาคอื ตแี ผค่ วามไมเ่ ปน็ ธรรม ในสงั คมชายแดนใต้ คิดเปน็ ค่าเฉลย่ี 4.097 และสดุ ท้ายคอื นำ� เสนอข่าวผู้คนในทอ้ งถ่นิ 3 จงั หวัดชายแดนใต้ (คนเลก็ คนนอ้ ยในสังคม) คดิ เปน็ ค่าเฉล่ีย 3.905 ส่วนท่ี 6 การทดสอบสมมติฐานการวิจยั สมมตฐิ านที่ 1 พบวา่ ลกั ษณะทางประชากรศาสตร์ ไดแ้ ก่ เพศ อายุ ระดบั การศกึ ษา อาชพี สถานภาพ รายได้ ศาสนา และภมู ภิ าคทอ่ี าศยั แตกตา่ งกนั มผี ลตอ่ การเปดิ รบั เวบ็ ไซตส์ ำ� นกั ขา่ วอศิ รา กรณศี กึ ษาศนู ยข์ า่ ว ภาคใต้ แตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .05 ยกเวน้ ศาสนา แตกตา่ งกนั มผี ลตอ่ การเปดิ รบั เวบ็ ไซต์ ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้ ในเรื่องช่วงเวลาท่ีเข้าใช้เว็บไซต์ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษา ศูนยข์ ่าวภาคใต้บ่อยท่ีสดุ ไมแ่ ตกต่างกัน สมมตฐิ านท่ี 2 พบวา่ การเปดิ รบั เวบ็ ไซตส์ ำ� นกั ขา่ วอศิ รา กรณศี กึ ษาศนู ยข์ า่ วภาคใต้ ในเรอ่ื ง ชว่ งเวลา ที่เข้าใช้เว็บไซต์ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้บ่อยที่สุดแตกต่างกันของกลุ่มตัวอย่างมีผลต่อ ความพงึ พอใจเวบ็ ไซตส์ ำ� นกั ขา่ วอศิ รา กรณศี กึ ษาศนู ยข์ า่ วภาคใตแ้ ตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั .05 สว่ นการเปิดรับเวบ็ ไซต์ส�ำนักขา่ วอิศรา กรณศี กึ ษาศูนยข์ ่าวภาคใต้ ในเร่ือง การใชง้ านเวบ็ ไซตส์ �ำนักข่าว อศิ รา Isranews Agency ใน 1 สปั ดาห์ แตกต่างกันของกลุ่มตัวอยา่ งมีผลต่อความพึงพอใจเว็บไซตส์ ำ� นักข่าว อิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้โดยรวม คอลัมน์สารคดี คอลัมน์สถิติย้อนหลัง คอลัมน์สัมภาษณ์พิเศษ ศนู ยข์ ่าวภาคใต้ และภาพรวมต่อหัวข้อบนเว็บไซตส์ �ำนักข่าวอิศราไมแ่ ตกต่างกัน แต่ในคอลมั นข์ า่ วทวั่ ไปหรือ ข่าวเหตุการณ์ คอลัมน์ คุยกับบรรณาธิการ คอลัมน์สกู๊ปข่าว คอลัมน์เวทีวิชาการ และรูปแบบเว็บไซต์ แตกตา่ งกันอยา่ งมนี ยั สำ� คัญทางสถติ ิทีร่ ะดบั .05 สมมตฐิ านที่ 3 พบวา่ การเปดิ รบั เวบ็ ไซตส์ �ำนกั ขา่ วอศิ รา กรณีศกึ ษาศนู ยข์ ่าวภาคใต้ ในเร่อื ง การใช้ งานเว็บไซต์ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้ ใน 1 สัปดาห์ แตกต่างกันของกลุ่มตัวอย่างมีผลต่อ การใช้ประโยชน์เว็บไซต์ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้ไม่แตกต่างกัน ยกเว้น การใช้ประโยชน์ เว็บไซต์ส�ำนักขา่ วอิศรา ดา้ นสงั คมที่แตกตา่ งกนั อย่างมีนัยสำ� คัญทางสถติ ทิ ่ีระดับ .05 ช่วงเวลาท่ีเขา้ ใช้เว็บไซต์ ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้ บ่อยที่สุด แตกต่างกันของกลุ่มตัวอย่างมีผลต่อการใช้ประโยชน์ เวบ็ ไซตส์ �ำนกั ข่าวอิศรา กรณศี กึ ษาศนู ยข์ ่าวภาคใต้ แตกต่างกนั อยา่ งมนี ัยสำ� คัญทางสถติ ิทีร่ ะดบั .05 สมมติฐานท่ี 4 พบว่า การเปิดรับเว็บไซตส์ ำ� นักขา่ วอศิ รา กรณีศึกษา ศูนยข์ ่าวภาคใต้ ในเร่ือง การใช้ งานเว็บไซต์ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้ ใน 1 สัปดาห์ แตกต่างกันของกลุ่มตัวอย่างมีผลต่อ ความคาดหวงั ตอ่ เวบ็ ไซตส์ ำ� นกั ขา่ วอศิ รา กรณศี กึ ษาศนู ยข์ า่ วภาคใตไ้ มแ่ ตกตา่ งกนั สว่ นในเรอื่ ง ชว่ งเวลาทเ่ี ขา้ ใช้ เวบ็ ไซตส์ ำ� นกั ขา่ วอศิ รา กรณศี กึ ษาศนู ยข์ า่ วภาคใต้ บอ่ ยทสี่ ดุ แตกตา่ งกนั ของกลมุ่ ตวั อยา่ งมผี ลตอ่ ความคาดหวงั ตอ่ เว็บไซต์ส�ำนักข่าวอศิ รา กรณีศึกษาศูนยข์ า่ วภาคใต้ แตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ัยสำ� คัญทางสถิติท่รี ะดับ .05 สมมติฐานที่ 5 พบว่า ความพึงพอใจเว็บไซต์ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้ของ กลมุ่ ตวั อยา่ งมคี วามสมั พนั ธก์ บั การใชป้ ระโยชนเ์ วบ็ ไซตส์ ำ� นกั ขา่ วอศิ รา กรณศี กึ ษาศนู ยข์ า่ วภาคใต้ มนี ยั สำ� คญั ทางสถิตทิ ่รี ะดับ .01 ปีที่ 15 ฉบับท่ี 3 ประจำ�เดอื นกันยายน - ธนั วาคม 2562 95

อภปิ รายผล 1. ประชาชนท่วั ไปท่ีเขา้ ชมเว็บไซต์ ส�ำนักขา่ วอศิ รา กรณศี ึกษาศูนย์ขา่ วภาคใตส้ ่วนใหญ่มคี วามถี่ใน การเปิดรับเว็บไซต์ ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ เปิดรับเว็บไซต์ช่วงเวลา 20.01-24.00 น. ใชอ้ ปุ กรณโ์ ทรศพั ทม์ อื ถอื ในการเปดิ รบั เวบ็ ไซต์ ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของ กฤษฎา เทยี นรตั น์ (2558) ศึกษาเรื่อง พฤติกรรมการเปิดรับการได้รับประโยชน์และความพึงพอใจในองค์ประกอบของสมาชิก แฟนเพจทม่ี ผี ลตอ่ ความนยิ ม: กรณศี กึ ษาสมาชกิ แฟนเพจ “อหี ลยุ่ คยุ้ เขย่ี ” โดยผลการวจิ ยั พบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ ง สว่ นใหญใ่ ชโ้ ทรศพั ทม์ อื ถอื ในการใชเ้ ฟสบคุ๊ มเี หตผุ ลในการเปดิ รบั เวบ็ ไซตส์ ำ� นกั ขา่ วอศิ รา กรณศี กึ ษาศนู ยข์ า่ ว ภาคใต้ เพอื่ รับขา่ วสารสถานการณ์ 3 จังหวดั ชายแดนภาคใต้ ทง้ั นอี้ าจเน่ืองจากข่าวสารเป็นปจั จยั ส�ำคัญทใ่ี ช้ ประกอบการตดั สนิ ใจในกจิ กรรมตา่ ง ๆ ของมนษุ ยบ์ คุ คลตอ้ งการขอ้ มลู ในการตดั สนิ ใจ หรอื ในเรอ่ื งใดเรอ่ื งหนงึ่ นอกจากน้ีข่าวสารยังเป็นส่ิงท่ีท�ำให้ผู้เปิดรับมีความทันสมัย สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ของโลก ปัจจบุ นั ได้ดีย่งิ ขึ้น ซ่ึงสอดคล้องกบั แนวคิดพฤตกิ รรมการเปดิ รับขา่ วสารของ ชาร์ลล์ เค อัทคิน (Charies k. Atkin, 1973, p. 208) ได้กล่าวว่า บุคคลที่เปิดรับข่าวสารมาก ย่อมมหี ตู ากว้างไกล มคี วามร้คู วามเข้าใจใน สภาพแวดลอ้ มและเป็นคนทันสมยั ทันเหตกุ ารณก์ วา่ บคุ คลทเี่ ปดิ รบั ข่าวสารน้อย 2. ความพงึ พอใจต่อเว็บไซต์ส�ำนักข่าวอศิ รา กรณีศึกษาศูนยข์ า่ วภาคใต้ มีรายละเอยี ดดังนี้ ความพึงพอใจต่อคอลัมน์ข่าวท่ัวไปกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในระดับมากท่ีสุด คือ การน�ำเสนอเพ่ือประโยชน์สาธารณะ คอลัมน์คุยกับบรรณาธิการกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจระดับมาก โดยพบวา่ มคี วามพงึ พอใจในหวั ขอ้ การแสดงจดุ ยนื ของสำ� นกั ขา่ วอศิ รามากทส่ี ดุ คอลมั นส์ กปู๊ ขา่ วกลมุ่ ตวั อยา่ ง มีความพึงพอใจระดบั มาก โดยมีความพงึ พอใจในเรอ่ื ง การน�ำเสนอเพอ่ื ประโยชนส์ าธารณะมากที่สุด คอลมั น์ สารคดกี ลมุ่ ตวั อยา่ งมคี วามพงึ พอใจระดบั มากใหท้ กุ หวั ขอ้ โดยพบวา่ มคี วามพงึ พอใจในหวั ขอ้ การนำ� เสนอเพอื่ ประโยชน์สาธารณะ มากท่ีสุด คอลัมน์สถิติย้อนหลังกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจระดับมาก โดยพบว่า มีความพึงพอใจในหัวข้อการน�ำเสนอเพื่อประโยชน์สาธารณะมากที่สุด คอลัมน์สัมภาษณ์พิเศษกลุ่มตัวอย่าง มีความพงึ พอใจระดับมาก โดยพบว่า มีความพึงพอใจในหัวข้อการน�ำเสนอเพื่อประโยชน์สาธารณะมากทีส่ ุด คอลัมน์เวทีวิชาการกลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจระดับมาก โดยพบว่า มีความพึงพอใจในหัวข้อการน�ำเสนอ เพื่อประโยชน์สาธารณะมากท่ีสุด ท�ำให้เห็นว่ากลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอในระดับมากและเห็นว่าส�ำนักข่าว อศิ รา ศนู ยข์ า่ วภาคใตน้ ำ� เสนอขา่ วเพอ่ื ประโยชนส์ าธารณะ เปน็ ผเู้ ฝา้ ระวงั และตรวจสอบสง่ิ แวดลอ้ มทางสงั คม และการเมอื งทำ� หนา้ ทเี่ ปน็ “หมาเฝา้ บา้ น” ของสงั คม (Lasswell, 1948 อา้ งถงึ ใน อบุ ลรตั น์ ศริ ยิ วุ ศกั ด,ิ์ 2550: 5-7) และข้อมูลข่าวสารที่น�ำเสนอออกไปสนับสนุนแก่สถาบันหลักของสังคมและเสริมสร้างกระบวนการ เรียนร้ทู างสงั คม (McQuail, 1994) ภาพรวมต่อหัวข้อบนเว็บไซต์ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้ กลุ่มตัวอย่างมี ความพึงพอใจระดบั มากโดยพบว่า มีความพงึ พอใจในคอลมั นข์ ่าวท่วั ไปหรือขา่ วเหตกุ ารณ์มากท่ีสุด ความพึงพอใจต่อรูปแบบเว็บไซต์ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้ กลุ่มตัวอย่าง มีความพึงพอใจระดับมากโดยพบว่า มีความพึงพอใจในหัวข้อการจัดวางหมวดหมู่เนื้อหาเหมาะสมหาข้อมูล ได้ง่ายมากท่ีสุด ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้ เน้นการเสนอข่าว ความเคล่อื นไหวในท้องถ่ิน การตรวจสอบการทำ� งานของรัฐ การใช้จ่ายงบประมาณ ผลสัมฤทธิข์ องโครงการ 96 บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

พัฒนาต่าง ๆ ตลอดจนการละเมิดสิทธ์ิของรัฐ และการมสี ่วนร่วมของประชาชนซึง่ มักถกู ละเลย กลุ่มตัวอยา่ ง สว่ นใหญจ่ งึ มคี วามพงึ พอใจตอ่ คอลมั นข์ องเวบ็ ไซตส์ ำ� นกั ขา่ วอศิ รา กรณศี กึ ษาศนู ยข์ า่ วภาคใต้ ในเรอ่ื ง มกี ารนำ� เสนอขา่ วเพอ่ื ประโยชนส์ าธารณะเปน็ หลกั มากทีส่ ุด 3. การใช้ประโยชน์ของเว็บไซต์ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้ พบว่า ด้านสังคม กลมุ่ ตวั อยา่ งมีการใชป้ ระโยชนร์ ะดับมาก โดยพบวา่ มกี ารใช้ประโยชนใ์ นหัวขอ้ ทำ� ใหค้ นนอกพ้นื ท่ี 3 จงั หวดั ชายแดนไดร้ บั ทราบขา่ วสารสถานการณใ์ น 3 จงั หวดั ชายแดนใตไ้ ดช้ ดั เจน มากทส่ี ดุ ดา้ นการเมอื งการปกครอง กลมุ่ ตวั อยา่ งมกี ารใชป้ ระโยชนร์ ะดบั มาก โดยพบวา่ มกี ารใชป้ ระโยชนใ์ นเรอ่ื ง การไดร้ บั รขู้ อ้ มลู การเคลอ่ื นไหว และการจัดโครงสร้างของขบวนการแบ่งแยกดินแดนท้ังในอดีต และปัจจุบัน มากท่ีสุด และด้านการศึกษา กลมุ่ ตวั อยา่ งมกี ารใชป้ ระโยชนร์ ะดบั มาก โดยพบวา่ มกี ารใชป้ ระโยชนเ์ วบ็ ไซตส์ ำ� นกั ขา่ วอศิ ราเปน็ แหลง่ อา้ งองิ หากตอ้ งการศกึ ษาปัญหาในพน้ื ท่ี 3 จงั หวัดชายแดนภาคใต้ มากทส่ี ดุ ซึ่งสอดคล้องกับงานวจิ ยั ของ Wenner (อา้ งถงึ ใน นิลาวัณย์ พาณชิ ย์รงุ่ เรอื ง, 2540) ซึง่ เป็นเรอ่ื งเก่ียวกับการใช้ส่อื เพอื่ ประโยชน์ และความพงึ พอใจ ไดก้ ลา่ ววา่ การใชข้ า่ วสารเพ่ือประโยชน์ทางด้านข้อมูลเพ่อื การอ้างอิง และเพอื่ เป็นแรงเสรมิ ย�้ำความสมั พนั ธ์ ระหว่างปัจเจกบุคคลกับสังคม รูปแบบของความต้องการท่ีแสดงออกมา ได้แก่ การติดตามข่าวสาร (Surveillance) การไดม้ าซึ่งขอ้ มูลเพอื่ ช่วยในการตัดสนิ ใจ (Decisional Utility) เป็นตน้ 4. ความคาดหวงั ตอ่ เวบ็ ไซตส์ ำ� นกั ขา่ วอศิ รา กรณศี กึ ษาศนู ยข์ า่ วภาคใต้ กลมุ่ ตวั อยา่ งมคี วามคาดหวงั ระดับมาก โดยพบว่า มีความคาดหวังต่อเว็บไซต์ส�ำนักข่าวอิศรา ในเรื่องตรวจสอบการท�ำงานของรัฐ ผลสัมฤทธิ์ของโครงการต่าง ๆ มากท่ีสุด รองลง ตรวจสอบการใช้งบประมาณของท้องถ่ินชายแดนภาคใต้ ตีแผ่ความไม่เป็นธรรมในสังคมชายแดนใต้ และน�ำเสนอข่าวผู้คนในท้องถ่ิน 3 จังหวัดชายแดนใต้ (คนเล็ก คนน้อยในสงั คม) ทง้ั น้ีอาจเปน็ เพราะวา่ เวบ็ ไซตส์ ำ� นักข่าวอิศรา กรณีศกึ ษาศนู ย์ขา่ วภาคใต้ เป็นเวบ็ ไซตท์ ่มี ี การเสนอขา่ วความเคลือ่ นไหวในทอ้ งถ่นิ มากข้นึ เน้นการตรวจสอบการทำ� งานของรฐั การใช้จา่ ยงบประมาณ ผลสัมฤทธิ์ของโครงการพัฒนาต่าง ๆ ตลอดจนการละเมิดสิทธ์ิของรัฐ และการมีส่วนร่วมของประชาชน ซ่งึ มักถกู ละเลย กลุม่ ตัวอย่างจงึ มคี วามคาดหวังในเร่อื ง ตรวจสอบการท�ำงานของรฐั ผลสมั ฤทธิข์ องโครงการ ต่าง ๆ มากที่สุด ซ่ึงสอดคล้องกับแนวคิดทฤษฎีความคาดหวังของ Vroom (Bartal and Matin อ้างถึงใน พิไลวรรณ จนั ทรสุกร,ี 2540) ประกอบด้วย 3 องคป์ ระกอบ คือ 1) ความคาดหวังในความพยายามต่อการกระท�ำหรือการปฏิบัติงาน หมายถึง การท่ีบุคคล คาดหวังไว้ล่วงหน้าว่าตนเองพยายามต่อกระท�ำพฤติกรรมได้ตามความสามารถแล้วโอกาสท่ีจะกระท�ำส่ิงน้ัน ไดส้ ำ� เร็จมมี ากน้อยเพยี งใด เป็นการคิดกอ่ นจะทำ� ส่ิงต่าง ๆ ว่าสามารถทำ� ไดห้ รอื ไม่ 2) ความคาดหวังในการกระท�ำต่อผลลัพธ์หรือผลของการปฏิบัติงาน หมายถึง การที่บุคคล คาดหวงั ไวล้ ว่ งหนา้ กอ่ นกระทำ� พฤตกิ รรมวา่ ถา้ หากกระทำ� พฤตกิ รรมนนั้ แลว้ จะไดผ้ ลลพั ธแ์ กต่ นเองในทางทดี่ ี หรือไม่ 3) ความคาดหวังในคณุ ค่าของผลลพั ธ์หรือรางวลั หมายถึง คณุ คา่ จากผลของการกระทำ� ทเ่ี กดิ แก่บุคคลที่แสดงพฤติกรรมนั้น ดังนั้นทฤษฎีความคาดหวัง Vroom หรือ Expectation Theory บางที เรียกวา่ VET Theory ปีท่ี 15 ฉบบั ท่ี 3 ประจำ�เดอื นกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 97

ข้อเสนอแนะ ขอ้ เสนอแนะทไี่ ดจ้ ากการวิจัย 1. จากผลการวจิ ยั พบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ งสว่ นใหญม่ คี วามพงึ พอใจตอ่ การนำ� เสนอขา่ วของเวบ็ ไซต์ กรณี ศกึ ษาศนู ยข์ า่ วภาคใต้ ในหวั ขอ้ การนำ� เสนอเพอื่ ประโยชนส์ าธารณะมากทส่ี ดุ ดงั นนั้ สำ� นกั ขา่ วอศิ รา ศนู ยข์ า่ ว ภาคใตค้ วรเนน้ การนำ� เสนอข่าวเพ่ือประโยชน์สาธารณะเปน็ หลกั 2. จากผลการวิจัย พบว่า ความพึงพอใจเว็บไซต์ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้ของ กลุ่มตัวอย่างมีความสัมพันธ์กับการใช้ประโยชน์เว็บไซต์ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวภาคใต้ ดังน้ัน เว็บไซต์ส�ำนักข่าวอิศราควรพัฒนาปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีการน�ำเสนอ เพ่ือประโยชน์สาธารณะเน้ือหาข่าวท่ี น�ำเสนอควรมีการระบุแหล่งที่มาของข้อมูลท่ีชัดเจน และเน้ือหาท่ีน�ำเสนอเป็นข้อเท็จจริง สมบูรณ์ครบถ้วน เพราะประชาชนท่ีเข้าชมเว็บไซต์ส�ำนักข่าวอิศรามีการใช้ประโยชน์ในเร่ืองการได้รับรู้ข้อมูลการเคลื่อนไหว และการจดั โครงสรา้ งของขบวนการแบง่ แยกดนิ แดนทงั้ ในอดตี และปจั จบุ นั และสามารถนำ� เวบ็ ไซตส์ ำ� นกั ขา่ ว อศิ รา เปน็ แหล่งอ้างองิ หากต้องการศกึ ษาปญั หาในพนื้ ท่ี 3 จงั หวัดชายแดนภาคใต้ ได้ 3. จากข้อมลู ผู้ตอบแบบสอบถามสว่ นใหญเ่ ปน็ คนภาคกลาง ท่ตี อ้ งการรบั ร้ขู า่ วสารข้อมูลของคนใน พน้ื ทส่ี ามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ เวบ็ ไซตส์ ำ� นกั ขา่ วอศิ รา ศนู ยข์ า่ วภาคใตอ้ าจหาวธิ ที จ่ี ะทำ� ใหเ้ วบ็ ไซตเ์ ปน็ ทร่ี จู้ กั กบั คนในพืน้ ทีภ่ าคใต้มากขึ้น โดยอาศัยเวทีวชิ าการในการประสานงานความรว่ มมอื จากหน่วยงานตา่ ง ๆ ของ สังคม และภาครฐั ใหเ้ กดิ เครือข่ายความรว่ มมือเพือ่ ท่จี ะบรรลุเปา้ หมายคอื ความคาดหวงั ของเว็บไซตต์ อ่ ไป ข้อเสนอแนะส�ำหรับการวิจยั คร้งั ตอ่ ไป 1. ควรมีการศึกษาการเปดิ รบั ความพึงพอใจ ประโยชนแ์ ละความคาดหวังของประชาชนต่อเว็บไซต์ ส�ำนักข่าวอิศรา กรณีศึกษาศูนย์ข่าวอ่ืน ๆ เพิ่มเติม เช่น ศูนย์ข่าวเพ่ือชุมชน ศูนย์ข่าวสารนโยบายสาธารณะ และศนู ย์ขา่ วสบื สวน เป็นต้น เพ่ือทจ่ี ะไดน้ ำ� ผลทไี่ ด้จากการวจิ ยั มาเป็นแนวทางในการปรบั ปรงุ วางแผน และ พฒั นาเวบ็ ไซตส์ ำ� นกั ขา่ วอศิ ราใหต้ รงกบั ความพงึ พอใจ การใชป้ ระโยชน์ และตรงกบั ความคาดหวงั ของประชาชน ต่อไป 2. ควรมีการศึกษาการเปิดรบั ความพงึ พอใจ ประโยชน์และความคาดหวงั ของประชาชนตอ่ เว็บไซต์ ส�ำนกั ข่าวอ่นื  ๆ ทน่ี ำ� เสนอเน้ือหาคลา้ ยกัน เพือ่ นำ� ผลการวิจัยทไี่ ด้มาศกึ ษาเปรียบเทยี บกัน และเก็บขอ้ มูลกบั คนในพ้ืนท่ี สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับคนในพื้นท่ีมากข้ึน และเป็นแนวทางใน การปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์สำ� นกั ข่าวอิศราตอ่ ไป   เอกสารอ้างอิง กฤษฎา เทียนรัตน์. (2558). การเปิดรับ การใช้ประโยชน์และความพึงพอใจในองค์ประกอบของสมาชิก แฟนเพจที่มีผลต่อความนิยม: กรณีศึกษาสมาชิกแฟนเพจ “อีหลุ่ย คุ้ยเขี่ย”. สารนิพนธ์ มหาบัณฑิต คณะนิเทศศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรปี ทุม. กลั ยา วานชิ ยบ์ ญั ชา. (2542). การวเิ คราะหส์ ถติ :ิ สถติ เิ พอ่ื การตดั สนิ ใจ (พมิ พค์ รงั้ ท่ี 4). กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์ วิทยาลยั . 98 บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต

กาญจนา แก้วเทพ. (2541). A Gramsci การใช้ส่อื เพ่ือการต่อส้ทู างวัฒนธรรมและอุดมการณใ์ นการศกึ ษา สอื่ มวลชนว่าด้วยทฤษฎีวิพากษ์: แนวคิดและตัวอยา่ งงานวิจยั . กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ.์ กาญจนา แกว้ เทพ. (2543). สอ่ื สารมวลชน : ทฤษฎแี ละแนวทางการศกึ ษา. กรงุ เทพฯ: เอดสิ นั เพลสโพรดกั ส.์ กิติพงศ์ ไทยเจริญ. (2541). การก�ำหนดนโยบายองค์กรและลักษณะการรายงานข่าวผ่านอินเตอร์เน็ต. วทิ ยานิพนธ์มหาบณั ฑติ ภาควิชาวารสารสนเทศ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั . ชานันต์ รัตนโชติ. (2552). ประโยชน์ในการรับข่าวสารจากหนังสือพิมพ์ออนไลน์ของประชาชนใน กรงุ เทพมหานคร. กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลัยรามคำ� แหง. ชศู รี วงศ์รตั นะ. (2541). เทคนคิ การใชส้ ถิติเพ่อื การวจิ ัย (พิมพค์ ร้ังท่ี 7). กรุงเทพฯ: ศนู ยห์ นังสือจฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย. ณงลักษณ์ จารวุ ฒั น์ และประภสั สร วรรณสถติ . (2551). เปิดโลกนวิ มเี ดยี และการตลาดดจิ ิทลั (พิมพ์คร้ังท่ี 1). กรุงเทพฯ: เนช่ันบคุ๊ ส์. ทศพร แสงสว่าง. (2546). ชุดการเรียนด้วยคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่าย วิชาการเขียนรายงานและการใช้ หอ้ งสมดุ เรอื่ ง การใช้ห้องสมุดสำ� หรบั นกั ศึกษาระดับปรญิ ญาตรี สถาบนั เทคโนโลยีราชมงคล. นนทบรุ ี: มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช. นิลาวณยั ์ พาณชิ ย์รุ่งเรอื ง. (2540). ความน่าเชือ่ ถือและความพงึ พอใจของประชาชนในกรงุ เทพมหานครท่ี มีต่อรายการข่าวภาคค่�ำทางโทรทัศน์ทั้ง 5 ช่อง (3, 5, 7, 9, 11). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์. ปกรณ์ พึง่ เนตร. (2561, เมษายน 25). สถานการณ์ข่าว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และแนวทางในอนาคต ของศนู ย์ขา่ วภาคใตว้ ่าทศิ ทางงานขา่ วในระยะ 3-5 ป.ี สัมภาษณ.์ ปญุ ดารกิ า จารสุ กลุ . (2551). ความคาดหวงั และความพงึ พอใจในเนอ้ื หา รปู แบบ และประโยชนจ์ ากเวบ็ ไซต์ http://www.prd.go.th ของเจ้าหน้าท่ีกรมประชาสัมพันธ์ในส่วนกลาง. วิทยานิพนธ์ วารสารศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาสื่อมวลชน คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร.์ พัชนี เชยจรรยา, เมตตา ววิ ัฒนานุกลุ และถิรนันท์ อนวัชศิริวงศ.์ (2538) แนวคดิ หลักนเิ ทศศาสตร์ (พิมพ์คร้งั ที่ 4). กรงุ เทพฯ: ขา้ วฟ่าง. พิไลวรรณ จันทรสุกรี. (2540) ความคาดหวังในงานของนักศึกษาพยาบาลปีที่สี่วิทยาลัยพยาบาล บรมราชชนนีในเขตภาคเหนือ. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหาร การพยาบาล บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยใหม่. มาลี บญุ ศิริพันธ์ุ. (2537). หลกั การท�ำหนังสือพิมพเ์ บ้ืองตน้ (พมิ พค์ รง้ั ท่ี 4). กรุงเทพฯ: ประกายพรกึ . ยุบล เบ็ญจรงคก์ ิจ. (2542). การวิเคราะห์ผู้รับสาร. กรุงเทพฯ: คณะนเิ ทศศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั . ปที ่ี 15 ฉบบั ที่ 3 ประจำ�เดอื นกนั ยายน - ธันวาคม 2562 99

สรวิศ ชมุ ศร.ี (2548). สือ่ สนั ต-ิ โครงการโต๊ะขา่ วภาคใต้ คอลัมนผ์ ลัดกนั เล่า. ในจลุ สารราชดำ� เนิน สงิ หาคม ปราเมศ เหล็กเพ็ชร์. กรงุ เทพฯ: สมาคมนกั ข่าวนกั หนงั สอื พิมพแ์ หง่ ประเทศไทย. สนั ทดั เสรมิ ศร.ี (2539). ประชากรศาสตรท์ างสงั คม. นครปฐม: ภาควชิ าสงั คมศาสตร์ คณะสงั คมศาสตร์ และ มนุษยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล. สรุ สิทธิ์ วิทยารัฐ. (2545). การสอื่ ข่าว : หลักการและเทคนคิ (พมิ พค์ ร้ังที่ 1). กรุงเทพฯ: ศูนยห์ นังสือ สถาบนั ราชภัฏสวนสุนันทา. สริ ทิ พิ ย์ ขนั สวุ รรณ. (2543). งานหนงั สอื พมิ พ์ (พมิ พค์ รง้ั ที่ 5). กรงุ เทพฯ: แผนกตำ� ราและคำ� สอน มหาวทิ ยาลยั กรงุ เทพ. อุบลรตั น์ ศริ ยิ ุวศกั ดิ.์ (2550). สื่อสารมวลชนเบือ้ งตน้ สอ่ื มวลชน วัฒนธรรม และสงั คม (พิมพค์ รง้ั ท่ี 2). กรงุ เทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . Atkin, Charles K. (1973). Anticipated communication and mass media information seeking public opinion quarterly. New York: Free. McCombs, M. E. & Becker, L. B. (1979). Using Mass Communication Theory. New Jersey: Prentice-Hall. Melvin Mencher. (1997). News Reporting and Writing. Pennsylvania State: Brown & Benchmark. Yamane, T. (1973). Statistics: An Introductory Analysis. New York: Harper and Row. Wenner, Lawrence A. (1985). “The Nature of News Grativications.” In Media Gratification Research: Current Perspective. Beverly, Calif.: Sage. คณะผ้เู ขยี น นายพรี พฒั น์ ดิลกกลั ยากลุ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรปี ทมุ เลขที่ 2410/2 ถนนพหลโยธิน เขตจตจุ กั ร กรงุ เทพฯ 10900 e-mail: [email protected] ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. กาญจนา มศี ิลปวิกกยั คณะนเิ ทศศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรปี ทมุ เลขที่ 2410/2 ถนนพหลโยธิน เขตจตจุ กั ร กรุงเทพฯ 10900 e-mail: [email protected] 100 บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ติ

บทบาททางการเมืองขององคก์ รประชาสงั คมทีม่ ีตอ่ องคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ กรณีศกึ ษา กรุงเทพมหานคร Political roles of Civil Society Organizations Towards Local Organizations: A Case Study of Bangkok Metropolis เบญจวรรณ เจรญิ กสิกร* และวิจติ รา ศรีสอน วทิ ยาลัยนวตั กรรมและการจัดการ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสุนนั ทา Benjawan Charoenkasikorn* and Wijittra Srisorn College of Innovation and Management, Suansunandha Rajabhat University Received: May 7, 2019 Revised: July 4, 2019 Accepted: July 11, 2019 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งน้ี มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาบทบาทขององค์กรประชาสังคมที่มีต่อองค์กรปกครอง ส่วนท้องถ่ินในด้านการเมือง มีรูปแบบการวิจัยทั้งการวิจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์ ผนู้ �ำองคก์ รประชาสังคม ในกรุงเทพมหานคร จ�ำนวน 20 ราย และการวิจยั เชงิ ปรมิ าณ โดยใช้แบบสอบถาม เปน็ เครอ่ื งมือในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู จากตวั แทนองคก์ รประชาสงั คม ในกรงุ เทพมหานคร จ�ำนวน 190 ราย สถิติท่ีใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบ F-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ผลการศึกษาพบว่า องค์กรประชาสังคมในกรุงเทพมหานคร มบี ทบาททางการเมอื งต่อองคก์ รสว่ นทอ้ งถน่ิ ในระดบั มบี ทบาทปานกลางถงึ มบี ทบาทมาก โดยเฉพาะบทบาท ในกระบวนการสร้างและจรรโลงประชาธิปไตย บทบาทในกระบวนการนโยบายสาธารณะ บทบาทด้าน การเคล่ือนไหวร้องทกุ ข์ และบทบาทใน การเลอื กตัง้ ท้องถิน่ ส่วนบทบาทในการเปน็ ส่ือข่าวสารทางการเมือง และบทบาทการตรวจสอบกระบวนการใช้อ�ำนาจรัฐนั้น พบว่า ยังมีบทบาทต่อองค์กรส่วนท้องถิ่นไม่มากนัก การศกึ ษาบทบาททางการเมอื งขององคก์ รประชาสงั คมทมี่ ตี อ่ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ในกรงุ เทพมหานคร จ�ำแนกตามขอ้ มลู ขององคก์ รประชาสงั คม พบว่า องคก์ รประชาสงั คมที่มีลกั ษณะของการจดั ตง้ั ท่แี ตกตา่ งกนั มีบทบาทในกระบวนการนโยบายสาธารณะตอ่ องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่นิ แตกตา่ งกัน องคก์ รประชาสังคมมี วตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั ตง้ั ทแ่ี ตกตา่ งกนั มบี ทบาทในกระบวนการสรา้ งและจรรโลงประชาธปิ ไตย แตกตา่ งกนั องค์กรประชาสงั คมทม่ี จี ำ� นวนสมาชิกขององค์กรแตกตา่ งกนั มบี ทบาทในกระบวนการนโยบายสาธารณะต่อ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแตกต่างกัน และองค์กรประชาสังคมท่ีมีระยะเวลาที่จัดตั้งองค์กรแตกต่างกัน * เบญจวรรณ เจริญกสกิ ร (Corresponding Author) ปที ี่ 15 ฉบบั ท่ี 3 ประจำ�เดือนกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 101 e-mail: [email protected]

มีบทบาททางการเมอื งตอ่ องค์กรส่วนท้องถ่นิ โดยรวม และรายด้านทกุ ดา้ นแตกตา่ งกนั คำ� สำ� คัญ: บทบาททางการเมือง องค์กรประชาสงั คม องคก์ รส่วนท้องถน่ิ Abstract The objective of this research was to study the political roles of civil society organization towards local organizations in Bangkok metropolis. This research employed a mixed-method of quantitative and qualitative research methods. The interview was conducted with 20 leaders of civil society organizations in Bangkok while the questionnaires were distributed among 190 representatives of the civil society organizations. The descriptive data included percentage, means, and standard deviation. The data was also analyzed by using F-test (One-way Analysis of Variance ANOVA). The results showed that the political roles of civil society organizations in Bangkok vicinity towards local organizations were at the moderate and high levels, especially in terms of democratic development and sustainment process, public policy process, complaint movement, and local election roles. However, the political media and inspection roles on the exercise of state power were found at the low level. The results also revealed that the civil society organizations with different establishment had a difference in public policy process role towards local organizations. The civil society organizations with different establishment objectives had a difference in democratic development and sustainment process. The civil society organizations with different number of members had a difference in public policy process towards local organizations. Finally, the civil society organizations with different establishment periods had a difference in the political roles towards local organizations in the overall and each aspect. Keywords: Political Roles, Civil Society Organizations, Local Organizations บทนำ� การปกครองในระบบประชาธปิ ไตยของประเทศไทยในปจั จบุ นั ไดใ้ หค้ วามสำ� คญั กบั การมสี ว่ นรว่ มของ ประชาชนมากข้ึน โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมของประชาชนในด้านการเมือง ดังจะเห็นได้จากรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ที่ให้ความส�ำคัญกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของภาคประชาชนไว้อย่างชัดเจน โดยรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ก�ำหนดให้ประชาชนมสี ว่ นรว่ มในการบรหิ ารและด�ำเนนิ การในรูปแบบต่าง ๆ ดังน้ี (สำ� นักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง, 2560: 11-22) 1. การมีส่วนร่วมในเรอื่ งแนวนโยบายแห่งรฐั 102 บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดสุ ติ

2. การมสี ่วนรว่ มในเรื่องทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม 3. การมสี ่วนรว่ มในเรื่องการรบั รขู้ ้อมูลข่าวสารของทางราชการ 4. การมีส่วนร่วมในเรอ่ื งการป้องกันการทุจริต 5. การมีส่วนรว่ มในเรอื่ งการเลือกตง้ั สมาชกิ วุฒิสภา 6. การมสี ่วนร่วมในเรื่องการพจิ ารณารา่ งกฎหมาย 7. การมสี ว่ นร่วมในเรอ่ื งสทิ ธิริเร่มิ เสนอร่างพระราชบญั ญตั ิ 8. การมสี ว่ นร่วมในเรือ่ งการตรวจสอบกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 9. การมีสว่ นรว่ มในเรอ่ื ง การปกครองส่วนท้องถ่นิ 10. การมสี ว่ นร่วมในเร่ือง การปฏิรูปประเทศ 11. การมสี ่วนร่วมกับสิทธใิ นสวสั ดกิ ารของรฐั 12. การมีสว่ นร่วมในเรือ่ ง กระบวนการเลือกตัง้ รัฐธรรมนูญปี 2560 ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในทุกข้ันตอนการท�ำงาน ต้ังแต่การมี ส่วนร่วมในการคิดริเร่ิมร่วมก�ำหนดนโยบาย ร่วมการวางแผนตัดสินใจและปฏิบัติตามแผน ร่วมตรวจสอบ การใช้อ�ำนาจรัฐ ทุกระดับ ร่วมติดตามประเมินผลและรับผิดชอบในเร่ืองต่าง ๆ อันมีผลกระทบถึงประชาชน ชุมชน และเครอื ข่าย ทกุ รปู แบบในพืน้ ที่ ดังนั้น การมีส่วนร่วมของประชาชนในการบรหิ ารจัดการองคก์ รและ ชุมชน จึงหมายถึง การที่ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ทางการบริหารจัดการและ ทางการเมือง เพ่ือก�ำหนดความต้องการในชุมชนของตนนั่นเอง ทั้งในระดับชาติและระดับท้องถ่ินโดยผ่าน กระบวนการทางการเมืองแบบตัวแทนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิก วุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถ่ิน เพื่อไปท�ำหน้าที่แทนตน รวมถึงการท่ีประชาชนเข้าไป ชว่ ยสนบั สนนุ ชว่ ยเหลืองานซึง่ เป็นหน้าทขี่ องเจ้าหนา้ ของทรี่ ัฐ โดยกระท�ำการภายในกรอบของกฎหมาย หรอื นโยบายของรัฐ (สำ� นักงานคณะกรรมการการเลอื กตง้ั , 2560: 9) ภาคประชาสงั คม หมายถงึ การทค่ี นในสงั คมซงึ่ มจี ติ สำ� นกึ รว่ มกนั มารวมตวั กนั ในการกระทำ� บางอยา่ ง ดว้ ยความรกั และความเออ้ื อาทรตอ่ กนั ภายใตร้ ะบบการจดั การใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ รว่ มกนั เพอื่ ประโยชนส์ าธารณะ ในบริบทของสังคมไทย ภาคประชาสังคมมีบทบาทครอบคลุมสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองอย่าง กวา้ งขวาง ไมว่ า่ จะเปน็ การชว่ ยเหลอื ประชาชนใหไ้ ดร้ บั บรกิ ารสาธารณะอยา่ งมคี ณุ ภาพ ใหไ้ ดร้ บั สทิ ธดิ า้ นสวสั ดกิ าร สงั คม สทิ ธขิ องแรงงาน เกษตรกร เดก็ สตรี ผสู้ งู อายุ คนพกิ าร รวมถงึ การปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ การต่อต้านความรุนแรงในครอบครัว การต่อต้านการทรมาน การคุกคามนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ซ่ึง หน่วยงานของรัฐ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างเท่าทันกับปัญหาที่นับวันหนักหน่วงรุนแรงยิ่งขึ้นได้ จงึ ตอ้ งอาศยั ภาคประชาสงั คมเขา้ มาชว่ ยกนั แกไ้ ขปญั หาเหลา่ นี้ ทงั้ นเ้ี นอ่ื งจากภาคประชาสงั คมมคี วามคลอ่ งตวั สงู ในการตอบสนองตอ่ ความจำ� เปน็ และสภาพปญั หาทเี่ กดิ ขน้ึ โดยไมถ่ กู จำ� กดั ดว้ ยระเบยี บทแี่ ขง็ ตวั แบบระบบ ราชการ มีการด�ำเนินงานในประเด็นปัญหาหรือพื้นที่ที่ไม่ค่อยจะมีหน่วยงานราชการใดด�ำเนินงานอยู่หรือ ไมส่ ามารถครอบคลุมถึง การมีส่วนร่วมจึงนับว่าเป็นกลไกหนึ่งท่ีจะท�ำให้ประชาชนกับรัฐ ได้มีโอกาสสื่อสารและประสาน อรรถประโยชน์ร่วมกนั การด�ำเนนิ นโยบายการเมอื ง เศรษฐกจิ และสงั คมของรฐั จะเปน็ ไปตามเจตจำ� นงของ ประชาชนมากข้ึน อันเป็นการส่งเสริมและพัฒนาให้ระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบการเมืองท่ีสามารถ ปที ี่ 15 ฉบบั ที่ 3 ประจำ�เดอื นกนั ยายน - ธันวาคม 2562 103

ตอบสนองความตอ้ งการของประชาชนไดม้ ากทส่ี ดุ โดยระดบั การมสี ว่ นรว่ มของประชาชนนน้ั สามารถเขา้ รว่ ม ไดห้ ลายระดบั ซง่ึ ในแตล่ ะระดบั นน้ั ประชาชนสามารถเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มในระดบั ทสี่ งู ระดบั ปานกลาง และระดบั ต่�ำ ท้ังนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่กระตุ้นซ่ึงจะเห็นได้ว่าการมีส่วนร่วมของคนในท้องถิ่นมีความส�ำคัญยิ่ง ถ้าคนใน ท้องถ่ินมีระดับการมีส่วนร่วมอยู่ในระดับต�่ำ (ส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกต้ัง, 2560: 9) ย่อมส่งผลให้ การบริหารการปกครองท้องถิ่นขาดประสิทธิภาพ และไม่เป็นไปตามหลักการกระจายอ�ำนาจดังที่ได้กล่าว มาแล้ว จึงถือว่าการส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมทางการเมืองของคนในท้องถ่ินเป็นส่ิงท่ีมีความส�ำคัญเป็น อย่างยงิ่ ทีห่ นว่ ยงานตา่ ง ๆ จะต้องให้ความสำ� คัญ กรุงเทพมหานคร เป็นองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ รูปแบบพเิ ศษ แบ่งการปกครองออกเป็น 50 เขต โดยมีกฎหมายเฉพาะองค์กร คอื พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบริหารราชการกรงุ เทพมหานคร พ.ศ. 2528 เพ่ือใช้ เป็นแนวทางในการบริหารราชการของกรุงเทพฯ กรุงเทพมหานครมีความส�ำคัญในฐานะเป็นเมืองหลวงของ ประเทศไทย ไดร้ บั การสถาปนาเปน็ เมอื งหลวง เมอ่ื วนั ท่ี 21 เมษายน พ.ศ. 2325 และในปจั จบุ นั กรงุ เทพมหานคร มีบทบาทท่สี ำ� คัญกล่าวคือ เป็นศูนยก์ ลางการปกครอง การศึกษา การคมนาคม ขนสง่ การเงิน การธนาคาร การพาณชิ ย์ การสือ่ สาร ฯลฯ จึงท�ำใหม้ กี ารพัฒนาและเจรญิ เติบโตขนึ้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยในแตล่ ะช่วงเวลามี กรอบของการพัฒนา ซึ่งได้มีการปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อให้มหานครแห่งนี้มีการพัฒนาที่สมดุลและ นา่ อยอู่ าศยั ทง้ั ในปจั จบุ นั และอนาคต ดว้ ยลกั ษณะของความเปน็ มหานครและเมอื งหลวง กรงุ เทพมหานครจงึ เปน็ ศูนย์รวมของประชาชนทุกสาขาอาชีพ ทุกระดับ ท่ีอยู่รวมกันอย่างแออัด ท�ำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ มากมาย ทง้ั ปญั หาทางดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม ตลอดจนปญั หาเกย่ี วกบั การปกครองของกรงุ เทพมหานคร (สำ� นักวิชาการ ส�ำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, 2559) จากปัญหาดังกล่าวส่งผลให้การใช้ชีวิตในเขตเมือง อยา่ งกรงุ เทพมหานครตอ้ งดน้ิ รนอยา่ งมาก และดว้ ยสถานการณท์ ก่ี ดดนั ของสงั คมเมอื งสง่ ผลใหป้ ระชาชนในเขต เมอื งมสี ว่ นรว่ มกบั ทอ้ งถนิ่ นอ้ ยเมอื่ เปรยี บเทยี บการเขตชนบท เพราะการใชช้ วี ติ ในเขตเมอื งทมี่ แี ตก่ ารแขง่ ขนั สงู ท�ำให้ประชาชนใหค้ วามสำ� คญั กับการทำ� มาหากนิ กับปัญหาดา้ นปากทอ้ งมากกวา่ การมสี ่วนร่วมกบั ทอ้ งถิน่ องคก์ รประชาสงั คม ไดเ้ ขา้ มามบี ทบาทสำ� คญั ในการมสี ว่ นรว่ มกบั กบั องคก์ รสว่ นทอ้ งถน่ิ ในการบรหิ าร จัดการ การพฒั นา และการด�ำเนนิ การดา้ นการเมอื งในปจั จุบนั ทงั้ นีเ้ นอื่ งจากองคก์ รประชาสังคมเป็นการท่ี คนในสังคมซ่ึงมีจิตส�ำนึกร่วมกันมารวมตัวกันในการกระท�ำบางอย่างด้วยความรักและความเอื้ออาทรต่อกัน ภายใต้ระบบการจดั การให้เกดิ ความรูส้ ึกร่วมกนั เพอื่ ประโยชนส์ าธารณะ ประชาสังคม จะก่อให้เกดิ อ�ำนาจท่ี สาม นอกเหนอื จากอำ� นาจรัฐ และอ�ำนาจธุรกจิ อ�ำนาจท่ีสามน้อี าจเป็นกลมุ่ เล็ก ๆ ทีก่ ระจัดกระจาย และอาจ มีความเช่ือมโยงกันเป็นเครือข่ายย่อย ๆ การรวมตัวกันนั้นอาจเป็นองค์กรทางการ (นิติบุคคล) หรือไม่เป็น ทางการก็ได้ การรวมตัวในลักษณะประชาสังคมจะก่อให้เกิดโครงสร้างสังคมแนวใหม่ที่มีความสัมพันธ์กันใน แนวราบท่เี ทา่ เทียมกัน ซ่งึ หากประสานกับโครงสร้างท่มี ีความสัมพนั ธ์ในแนวด่ิงดว้ ยความสมานฉันทแ์ ล้วก็จะ ท�ำใหส้ งั คมท้งั สังคมมีความเข้มแขง็ ดงั นน้ั การศกึ ษา บทบาททางการเมอื งขององคก์ รประชาสงั คมทมี่ ตี อ่ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ กรณี ศกึ ษา กรงุ เทพมหานคร ในครงั้ น้ี จงึ เปน็ ประเดน็ ทน่ี า่ สนใจศกึ ษาเปน็ อยา่ งยงิ่ เนอื่ งจากจะทำ� ใหท้ ราบถงึ บทบาท ทางการเมอื งขององคก์ รประชาสงั คมทม่ี ตี อ่ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ และลกั ษณะการดำ� เนนิ การขององคก์ ร ประชาสังคมที่ส่งผลต่อบทบาททางการเมืองขององค์กรประชาสังคมที่มีต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินใน กรงุ เทพมหานคร เพอื่ เปน็ แนวทางใหอ้ งคก์ รประชาสงั คมในการพฒั นาบทบาททางการเมอื งขององคก์ รประชา 104 บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต

สงั คมทมี่ ตี อ่ องคก์ รสว่ นทอ้ งถนิ่ ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากขนึ้ ตลอดจนเพอื่ เปน็ แนวทางใหห้ นว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งใน การส่งเสริมการมีบทบาททางการเมืองขององค์กรประชาสังคมท่ีมีต่อองค์กรส่วนท้องถิ่นที่เหมาะสม และ สอดคล้องกบั ลกั ษณะการด�ำเนนิ การขององค์กรประชาสงั คมแต่ละองคก์ ร วัตถุประสงค์ 1. เพ่ือศึกษาบทบาททางการเมืองขององค์กรประชาสังคมท่ีมีต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน กรงุ เทพมหานคร 2. เพอื่ ศกึ ษาวา่ องคก์ รประชาสงั คมทม่ี ลี กั ษณะของการจดั ตงั้ องคก์ รประชาสงั คม ประเภทขององคก์ ร ประชาสงั คม วัตถุประสงค์ของการจัดต้งั ประชาสงั คม จ�ำนวนสมาชิกขององคก์ รประชาสังคม และระยะเวลา ท่ีจัดตั้งองค์กรประชาสังคม ที่แตกต่างกัน มีบทบาททางการเมืองต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินใน กรุงเทพมหานคร แตกตา่ งกนั หรอื ไม่ แนวคิดทฤษฎที เ่ี กยี่ วขอ้ ง การศกึ ษา “บทบาททางการเมอื งขององคก์ รประชาสงั คมทมี่ ตี อ่ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ กรณศี กึ ษา กรงุ เทพมหานคร” ในครงั้ นี้ ไดม้ งุ่ ศกึ ษาถงึ บทบาททางการเมอื งขององคก์ รประชาสงั คมทม่ี ตี อ่ องคก์ รปกครอง ส่วนท้องถิ่นซ่ึงจากการศึกษาถึงพัฒนาการของภาคประชาสังคมของประเทศไทย โดย กฤษฎา บุญชัย, วรี บูรณ์ วิสารทสกลุ และจตุรงค์ บณุ ยรัตนสนุ ทร (2556: 27) สรปุ ไว้ว่า บทบาทของภาคประชาสังคมในช่วง 4 ทศวรรษท่ผี ่านมา มบี ทบาทในการคุ้มครองสทิ ธิพลเมอื งและสทิ ธทิ างการเมือง 4 ทิศทาง คือ 1. การเคลื่อนไหวร้องทุกข์ หรือเรยี กร้องใหร้ ฐั เขา้ มาแก้ปญั หาที่ไม่ได้รับการเหลียวแล 2. การเคลอ่ื นไหวทมี่ ่งุ ตรวจสอบกระบวนการใช้อำ� นาจรัฐ 3. การประท้วงอ�ำนาจรฐั และเรยี กร้องใหถ้ า่ ยโอนอำ� นาจทีร่ ัฐเคยมมี าเป็นของประชาชน 4. การรว่ มมอื เชงิ วพิ ากษก์ บั รฐั หรอื ความผกู พนั ในทางสรา้ งสรรคเ์ พอ่ื เบยี ดแยง่ พน้ื ทใ่ี นกระบวนการ ใช้อำ� นาจมาเปน็ ของประชาสงั คม นอกจากน้ี ประภาส ปน่ิ ตบแตง่ (2559: 1-17) ไดอ้ ธบิ ายถงึ ประชาสงั คมกบั บทบาทตอ่ สงั คมการเมอื ง ไทย พบวา่ ประชาสงั คมมีบทบาทต่อสงั คมการเมอื งใน 2 บทบาท คอื 1. บทบาทในกระบวนการสรา้ งและจรรโลงประชาธิปไตย 2. บทบาทในกระบวนนโยบายสาธารณะ และจากแนวคดิ รปู แบบของการมสี ว่ นรว่ มทางการเมอื ง ซง่ึ อธบิ ายไวโ้ ดย Milbrath and Goel (1935 อา้ งถงึ ใน สมบตั ิ ธำ� รงธญั วงศ,์ 2545: 8-9) พบวา่ รปู แบบการมสี ว่ นรว่ มทางการเมอื งแบง่ ออกเปน็ 6 รปู แบบ ดงั นี้ 1. การมีสว่ นร่วมในการเลือกตง้ั (Voting) 2. การมีสว่ นร่วมในการรณรงคห์ าเสียงเลอื กตง้ั (Party And Campaigning Workers) 3. การมสี ว่ นรว่ มในการเปน็ ผมู้ บี ทบาทในชมุ ชน (Community Activists) 4. การมีส่วนรว่ มในการตดิ ตอ่ กบั ทางราชการ (Contacting Officials) 5. การมีส่วนร่วมในการเปน็ ผ้ปู ระทว้ ง (Protestors) ปที ่ี 15 ฉบบั ท่ี 3 ประจ�ำ เดอื นกันยายน - ธันวาคม 2562 105

6. การมีส่วนรว่ มในการเป็นส่ือข่าวสารทางการเมอื ง (Communicators) ดังนั้น การศึกษาบทบาททางการเมืองขององค์กรประชาสังคมท่ีมีต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินใน ครั้งน้ี จึงเป็นการศึกษาถึงการแสดงพฤติกรรมหรือการกระท�ำที่เก่ียวข้องกับการเมืองในองค์กรส่วนท้องถ่ิน ขององค์กรประชาสงั คม ซง่ึ ข้ึนอยกู่ ับสทิ ธิหนา้ ท่ีทางสงั คมท่อี งค์กรประชาสังคมดำ� รงต�ำแหน่งหรือรบั ผิดชอบ อยู่ ซ่งึ เป็นขอ้ ตกลงของสถาบันตา่ ง ๆ ในสังคม บทบาทนี้จะเปล่ียนแปลงไปเสมอ ขน้ึ อยกู่ บั ตำ� แหน่งท่อี งค์กร ประชาสงั คมนน้ั ดำ� รงอยู่ โดยการศกึ ษาในครง้ั นไ้ี ดป้ ระยกุ ตใ์ หแ้ นวคดิ ของกฤษฎา บญุ ชยั , วรี บรู ณ์ วสิ ารทสกลุ และจตรุ งค์ บณุ ยรตั นสนุ ทร (2556: 27) แนวคดิ ของ ประภาส ปน่ิ ตบแตง่ (2559: 1-17) และแนวคิดการมี ส่วนรว่ มทางการเมือง ซง่ึ อธบิ ายไวโ้ ดย Milbrath and Goel (1935 อ้างถงึ ใน สมบตั ิ ธำ� รงธัญวงศ,์ 2545: 8-9) มาประยุกตเ์ ปน็ บทบาททางการเมอื งขององคก์ รประชาสงั คมท่มี ีต่อองคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ ดังนี้ 1. บทบาทในกระบวนการสรา้ งและจรรโลงประชาธปิ ไตย หมายถงึ บทบาทขององคก์ รประชาสงั คม ในการผลกั ดันให้เกดิ ประชาธปิ ไตยในท้องถ่ิน เชน่ การผลักดันใหเ้ กดิ การปฏริ ูปการเมือง การผลกั ดันใหเ้ กิด การขยายการเมอื งภาคประชาชนเชิงสถาบนั การขยายข้อจ�ำกดั ประชาธปิ ไตยแบบตวั แทนมาสูป่ ระชาธปิ ไตย ทางตรง การถ่ายโอนอำ� นาจออกจากระบบตัวแทนหรอื ผูแ้ ทนมาสกู่ ารใช้กนั เองโดยประชาชน และการเขา้ ชือ่ การลงประชามต/ิ ประชาพิจารณ์ เปน็ ต้น 2. บทบาทในกระบวนการนโยบายสาธารณะ หมายถึง บทบาทขององค์กรประชาสังคมใน กระบวนการนโยบายสาธารณะในท้องถิ่น เช่น การเข้ามีส่วนร่วมในกระบวนการทางนโยบายที่เก่ียวข้องกับ วิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นโดยตรง การสร้างพ้ืนที่เชิงนโยบายระดับท้องถ่ิน การสร้างผลกระทบต่อผู้มีอ�ำนาจ ตดั สนิ ใจเชงิ นโยบาย การเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในคณะกรรมการแกไ้ ขปญั หาหรอื เปน็ ผเู้ จรจาในกระบวนการนโยบาย สาธารณะท่ีส่งผลกระทบต่อชุมชน การผลักดันให้มีคณะกรรมการศึกษาผลกระทบและน�ำผลการศึกษามา พิจารณาตดั สนิ ใจในเชิงนโยบาย เปน็ ต้น 3. บทบาทดา้ นการเคลอื่ นไหวรอ้ งทุกข์ หมายถึง บทบาทขององคก์ รประชาสังคมในการเคลอ่ื นไหว หรือเรียกร้องให้ภาครัฐเข้ามาแก้ปัญหาท่ีไม่ได้รับการเหลียวแล เช่น การแก้ไขปัญหาปากท้อง ปัญหาสังคม ปัญหาดา้ นสาธารณสขุ และปัญหาด้านสิง่ แวดลอ้ ม ตลอดจนการปกปอ้ งสทิ ธขิ องชมุ ชน เปน็ ตน้ 4. บทบาทการตรวจสอบกระบวนการใช้อ�ำนาจรัฐ หมายถึง บทบาทขององค์กรประชาสังคมใน การตรวจสอบกระบวนการใช้อ�ำนาจรัฐ เช่น การตรวจสอบการทุจริตคอรัปชัน การใช้อ�ำนาจรัฐโดยขาด ฉนั ทานมุ ัติจากประชาชน การใชอ้ ำ� นาจรฐั ทีไ่ มเ่ ป็นธรรม การถอดถอนผูบ้ รหิ ารระดบั สูงในท้องถิ่น เปน็ ต้น 5. บทบาทในการเลือกต้ังท้องถ่ิน หมายถึง บทบาทขององค์กรประชาสังคมในการเลือกตั้งท้องถ่ิน เช่น การมสี ว่ นรว่ มในกระบวนการเลอื กต้งั ในระดบั ทอ้ งถ่นิ การลงคะแนนเสยี ง การรณรงคใ์ หอ้ อกมาใชส้ ทิ ธิ เลอื กตงั้ การอำ� นวยความสะดวกต่าง ๆ ในการเลอื กต้ัง เป็นตน้ 6. บทบาทในการเป็นสื่อข่าวสารทางการเมือง หมายถงึ บทบาทขององค์กรประชาสังคมในการเป็น ส่ือขา่ วสารทางการเมอื ง เช่น การตดิ ต่อตามขา่ วสารทางการเมืองอยู่เสมอ การสง่ ขา่ วสารแสดงการสนับสนุน ใหแ้ กผ่ นู้ ำ� ทางการเมอื งเขา้ กระทำ� ในสง่ิ ทถ่ี กู ตอ้ งหรอื สง่ คำ� คา้ นเมอ่ื เขากระทำ� ในสง่ิ ทเ่ี ลวรา้ ย การรว่ มถกปญั หา ทางการเมอื ง การใหข้ อ้ มลู ความรเู้ กยี่ วกบั การเมอื งแกส่ มาชกิ ในชมุ ชน การใหค้ วามสนใจกบั ทางราชการ และ การเขยี นจดหมายหรือบทความถงึ บรรณาธกิ ารหนงั สอื พิมพ์ และจากการศึกษาปัจจัยท่ีมีผลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง พบว่า ปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อการมี 106 บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดสุ ิต

สว่ นรว่ มทางการเมอื งของปจั เจกบคุ คล คอื (Milbrath & Goel, 1997 อา้ งถงึ ใน นนั ทวฒุ ิ บญุ ยะสทิ ธ,ิ์ 2548: 18-22) (1) ปัจจยั ส่ิงเร้าจากสภาพแวดล้อม ประกอบดว้ ย ลักษณะของระบบสงั คม และสภาพทางการเมอื ง โดยพบวา่ ปจั จยั ดงั กลา่ วไมเ่ พยี งกระตนุ้ ใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมทางการเมอื งของบคุ คลเทา่ นนั้ แตย่ งั สง่ ผลถงึ ขอบเขต ปทัสถาน ตลอดจนทางเลอื กตา่ ง ๆ ในการมสี ่วนรว่ มทางการเมอื งของบคุ คลแต่ละคน (2) ปจั จยั เกยี่ วกบั ลกั ษณะสว่ นบคุ คล ประกอบดว้ ย พนั ธกุ รรม แรงขบั บคุ ลกิ ภาพ ความตอ้ งการทาง จติ ใจและรา่ งกาย ความเชอ่ื ตา่ ง ๆ รวมทง้ั ทศั นคติทางการเมืองของแตล่ ะคน แต่เนื่องจากการศกึ ษาในครงั้ นี้ กลมุ่ ตัวอยา่ งที่ใชใ้ นการศึกษา คือ องค์กรประชาสังคม ดังน้นั เพอ่ื ให้ สอดคล้องกับกลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการศึกษา จึงก�ำหนดให้ปัจจัยที่ส่งผลต่อบทบาททางการเมืองขององค์กร ประชาสงั คมตอ่ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ประกอบดว้ ย ลกั ษณะของการจดั ตง้ั องคก์ รประชาสงั คม ประเภท ขององคก์ รประชาสังคม วัตถปุ ระสงคข์ องการจัดตัง้ ประชาสงั คม จำ� นวนสมาชิกขององคก์ รประชาสงั คม และ ระยะเวลาทจี่ ดั ตง้ั องคก์ รประชาสงั คม (Milbrath & Goel, 1997 อา้ งถงึ ใน นนั ทวฒุ ิ บญุ ยะสทิ ธ,ิ์ 2548: 18-22) กรอบแนวคิด บทบาททางการเมอื งของภาคประชาสงั คม • บทบาทของภาคประชาสังคมในชว่ ง 4 ทศวรรษที่ผ่านมา ปัจจัยทส่ี ่งผลตอ่ บทบาททางการเมืองของ 1. การเคล่ือนไหวร้องทุกข์ องคก์ รประชาสงั คม 2. การตรวจสอบกระบวนการใช้อำ� นาจรฐั 3. การประทว้ งอำ� นาจรัฐ 1. ลกั ษณะของการจดั ตง้ั องคก์ รประชาสงั คม 4. การร่วมมือเชิงวพิ ากษก์ ับรัฐ 2. ประเภทขององค์กรประชาสังคม • บทบาทของภาคประชาชนต่อสังคมการเมืองไทย 3. วัตถุประสงค์ของการจัดต้ังองค์กร 1. บทบาทในกระบวนการสรา้ งและจรรโลงประชาธปิ ไตย ประชาสังคม 2. บทบาทในกระบวนนโยบายสาธารณะ 4. จ�ำนวนสมาชิกขององคก์ รประชาสงั คม • แนวคดิ รูปแบบของการมีส่วนรว่ มทางการเมอื ง 5. ระยะเวลาทีจ่ ัดตัง้ องค์กรประชาสังคม 1. การมีสว่ นร่วมในการเลือกตงั้ 2. การมีส่วนรว่ มในการรณรงคห์ าเสียงเลอื กตง้ั 3. การมีสว่ นร่วมในการเป็นผมู้ บี ทบาทในชุมชน 4. การมสี ่วนร่วมในการติดตอ่ กับทางราชการ 5. การมสี ว่ นร่วมในการเป็นผู้ประท้วง 6. การมสี ่วนรว่ มในการเป็นสอ่ื ขา่ วสารทางการเมอื ง บทบาททางการเมืองขององค์กรประชาสงั คมท่ีมตี ่อองคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ 1. บทบาทในกระบวนการสร้างและจรรโลงประชาธิปไตย 2. บทบาทในกระบวนการนโยบายสาธารณะ 3. บทบาทด้านการเคลอ่ื นไหวร้องทุกข์ 4. บทบาทการตรวจสอบกระบวนการใช้อำ� นาจรฐั 5. บทบาทในการเลือกตัง้ ทอ้ งถน่ิ 6. บทบาทในการเปน็ สือ่ ขา่ วสารทางการเมือง ภาพที่ 1 กรอบแนวคดิ ปที ี่ 15 ฉบบั ที่ 3 ประจ�ำ เดือนกันยายน - ธนั วาคม 2562 107

ระเบียบวิธวี จิ ัย สมมตฐิ านการวจิ ัย สมมติฐานที่ 1 องค์กรประชาสังคมที่มีลักษณะของการจัดต้ังองค์กรประชาสังคมท่ีแตกต่างกัน มีบทบาททางการเมืองต่อองคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ ในกรงุ เทพมหานคร แตกต่างกัน สมมติฐานที่ 2 องค์กรประชาสังคมที่มีประเภทขององค์กรประชาสงั คมทแี่ ตกต่างกัน มีบทบาททาง การเมืองตอ่ องคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น ในกรงุ เทพมหานคร แตกต่างกนั สมมติฐานที่ 3 องค์กรประชาสังคมท่ีมีวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งองค์กรประชาสังคมที่แตกต่าง มบี ทบาททางการเมืองต่อองค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ ในกรงุ เทพมหานคร แตกตา่ งกัน สมมตฐิ านที่ 4 องคก์ รประชาสงั คมทม่ี จี ำ� นวนสมาชกิ ขององคก์ รประชาสงั คมทแี่ ตกตา่ งกนั มบี ทบาท ทางการเมอื งตอ่ องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ในกรงุ เทพมหานคร แตกต่างกนั สมมติฐานท่ี 5 องคก์ รประชาสังคมท่ีมีระยะเวลาท่ีจดั ต้ังองคก์ รประชาสงั คมทแ่ี ตกต่างกนั มบี ทบาท ทางการเมอื งตอ่ องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่นิ ในกรงุ เทพมหานคร แตกตา่ งกนั ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง ประชากรทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษา คอื องคก์ รประชาสงั คม ในกรงุ เทพมหานคร ซง่ึ จากขอ้ มลู ของสำ� นกั พฒั นา สงั คม กรงุ เทพมหานคร (2559) พบวา่ ปจั จุบันในกรงุ เทพมหานคร มอี งคก์ รประชาสังคม ท้ังสน้ิ 351 องค์กร โดยในส่วนของการศึกษาเชิงปริมาณ ได้ก�ำหนดกลุ่มตัวอย่างจากองค์กรประชาสังคม ในกรุงเทพมหานคร ซ่ึงผู้ศึกษาได้เลือกตัวอย่างโดยวิธีการก�ำหนดขนาดตัวอย่างโดยใช้วิธีค�ำนวณจากสูตรของ Taro Yamane ณ ระดบั ความเชอ่ื ม่นั ร้อยละ 95 คำ� นวณหาขนาดกลุ่มตัวอย่างไดข้ นาดตวั อยา่ ง 186.95 ตวั อยา่ ง เพอ่ื ใหไ้ ด้ ผลการศึกษาทีถ่ กู ตอ้ งและครอบคลุมมากขน้ึ การศึกษาครงั้ นจี้ ึงใชต้ ัวอยา่ ง 190 ตวั อยา่ ง และในส่วนของการศึกษาเชิงคุณภาพ ได้ท�ำการสัมภาษณ์ผู้น�ำองค์กรประชาสังคม หรือเจ้าหน้าท่ี ระดบั สูงในองค์กรประชาสังคม ในกรุงเทพมหานคร ซ่งึ เปน็ ผนู้ �ำองค์กรประชาสงั คมหรือเจา้ หน้าทร่ี ะดับสงู ใน องค์กรประชาสงั คม ประเภทองค์กรสาธารณะประโยชน์ และองคก์ รประชาสงั คม ประเภทองค์กรสวัสดกิ าร ชุมชน จ�ำนวน 20 องค์กร ประกอบด้วย มูลนิธิดวงประทีป สมาคมผู้บ�ำเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชนิ ปู ถมั ภ์ สภายวุ พทุ ธกิ สมาคมแหง่ ชาติ ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ สมาคมสภาสงั คมสงเคราะหแ์ หง่ ประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มูลนิธิส่งเสริม สงเคราะห์ผูก้ ระท�ำความดี (มสด.) สมาคมเพอ่ื การพฒั นาสังคมไทย ชมรมพลเมืองเด็กดี เขตดินแดง เครือข่าย องคก์ รสวสั ดกิ ารชมุ ชนกรงุ เทพมหานคร ชมรมเพชรเกษมรว่ มใจ สวสั ดกิ ารกองทนุ สงเคราะหป์ ระกนั ชวี ติ และ เจ็บป่วย ชุมชนซอยประสิทธิชัย ชมรมผู้สูงอายุเพ่ือสุขภาพดินแดง กองทุนสวัสดิการชุมชน ชุมชนสวนอ้อย กองทุนสวัสดกิ ารชุมชน เขตดสุ ติ ชมุ นุมสหกรณ์เครดิตยูเน่ียนแห่งประเทศไทย จำ� กัด สมาคมสวสั ดกิ ารชุมชน กรุงเทพมหานคร บ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพ บ้านพักเด็กหญิงราชวิถี กรมกิจการสตรีและสถาบัน ครอบครวั และกรมสง่ เสริมและพฒั นาคุณภาพชวี ิตคนพกิ าร เคร่ืองมอื ทใี่ ช้ในการวิจัย ในส่วนของการศึกษาเชงิ ปริมาณ ผวู้ ิจยั ใชแ้ บบสอบถามเปน็ เคร่อื งมือในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล โดย ผวู้ จิ ยั ไดส้ รา้ งแบบสอบถามขนึ้ มา โดยทำ� การศกึ ษาจากวตั ถปุ ระสงคก์ ารวจิ ยั (Objectives) และกรอบแนวคดิ 108 บัณฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ิต

การวจิ ยั (Conceptual Framework) รวมท้งั จากเอกสารงานวิจัยท่ีเกย่ี วข้องของผู้อ่นื น�ำมาเป็นแนวทางใน การสร้างค�ำถามในแบบสอบถาม ซึ่งลกั ษณะของแบบสอบถามจะมีทัง้ ส่วนที่เปน็ แบบสัมภาษณ์แบบปลายปิด และปลายเปิด โดยแบ่งคำ� ถามออกเป็น 4 ส่วน และจากการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมอื พบวา่ แบบสอบถาม มีค่า IOC โดยรวมเท่ากับ 0.929 ซ่ึงสูงกว่า 0.50 แสดงว่าแบบสอบถามผ่านการตรวจสอบความเท่ียงตรง เชิงเน้ือหา และคา่ สมั ประสิทธแิ์ อลฟาของครอนบาคของแบบสอบถามมีค่าอยู่ระหว่าง 0.84-0.99 ซึ่งมากกวา่ 0.70 แสดงวา่ แบบสอบถามมีความน่าเช่ือม่ันมาก เหมาะสมทจ่ี ะใชใ้ นการเก็บข้อมูล สำ� หรบั การวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ ผวู้ จิ ยั ใชแ้ บบสมั ภาษณเ์ ปน็ เครอ่ื งมอื ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยผวู้ จิ ยั ไดส้ รา้ งแบบสมั ภาษณข์ นึ้ มา โดยทำ� การศกึ ษาจากวตั ถปุ ระสงคก์ ารวจิ ยั และกรอบแนวคดิ การวจิ ยั รวมทง้ั จาก เอกสารงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องของผู้อ่ืน น�ำมาเป็นแนวทางในการสร้างค�ำถามในแบบสัมภาษณ์ ซึ่งลักษณะของ แบบสอบถามจะมีทั้งส่วนท่ีเป็นแบบสัมภาษณ์แบบปลายปิดและปลายเปิด โดยแบ่งค�ำถามออกเป็น 2 ส่วน และจากการตรวจสอบคณุ ภาพเครอ่ื งมอื พบวา่ แบบสมั ภาษณม์ คี า่ IOC โดยรวมเทา่ กบั 1.000 ซงึ่ สงู กวา่ 0.50 แสดงวา่ แบบสมั ภาษณผ์ า่ นการตรวจสอบความเทยี่ งตรงเชิงเนอ้ื หา การเก็บรวบรวมข้อมูล ผูว้ ิจัยด�ำเนนิ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู จากกลุม่ ตวั อยา่ ง ตามล�ำดับขน้ั ตอน ดังนี้ 1. ผวู้ จิ ยั ได้ทำ� การสุ่มเลือกองค์กรประชาสังคมจ�ำนวน 190 องคก์ ร จากทงั้ หมด 351 องค์กรประชา สงั คมในเขตกรงุ เทพมหานคร โดยทำ� การเลอื กกลมุ่ ตวั อยา่ งแบบอาศยั ความนา่ จะเปน็ (Probability sampling) ซ่ึงเป็นการเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยใช้วิธีสุ่ม ดังน้ันประชากรจึงมีโอกาสที่จะได้รับเลือกเป็นกลุ่มตัวอย่างเท่ากัน และท�ำการสุ่มตัวอย่างตามสะดวก (Convenience sampling) ซ่ึงเป็นการเลือกกลุ่มตัวอย่าง โดยถือเอา ความสะดวกของผวู้ จิ ยั เป็นหลกั และง่ายต่อการรวบรวมข้อมูล 2. เม่ือได้องค์กรประชาสังคมท่ีจะท�ำการแจกแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์แล้ว ผู้วิจัยได้ติดต่อ ขอความรว่ มมอื ในการตอบแบบสอบถามและแบบสมั ภาษณ์ โดยทำ� การแจกแบบสอบถามแกผ่ นู้ ำ� องคก์ รประชา สังคม ผูม้ อี ำ� นาจในองคก์ รประชาสังคม ตลอดจนสมาชกิ ขององคก์ รประชาสังคม และแบบสมั ภาษณแ์ ก่ผู้น�ำ องคก์ รประชาสงั คมหรอื ผมู้ อี ำ� นาจในองคก์ รประชาสงั คม ซงึ่ การแจกแบบสอบถามและแบบสมั ภาษณด์ งั กลา่ ว อาจกระท�ำโดยการเข้าแจกแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ ณ ท่ีท�ำการองค์กรประชาสังคมนั้น หรือ การสอบถามและการสมั ภาษณท์ างโทรศัพท์ หรืออาจจดั ส่งแบบสอบถามหรือแบบสมั ภาษณไ์ ปทางไปรษณยี ์ และขอความรว่ มมอื ในการตอบแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์ และส่งกลบั 3. ช่วงระยะเวลาที่เก็บข้อมูลการวิจัย เร่ิมต้ังแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2561-เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2561 รวมระยะเวลา 2 เดอื น 4. ผู้วิจัยได้คัดเลือกเฉพาะแบบสอบถามหรือแบบสัมภาษณ์ที่มีค�ำตอบครบถ้วนสมบูรณ์ เพ่ือน�ำมา ใชเ้ ป็นขอ้ มูลในการวเิ คราะห์ตามวิธกี ารทางสถติ ิต่อไป การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ส�ำหรบั การวิจยั เชิงปริมาณ ผวู้ จิ ัยได้ท�ำการวเิ คราะหข์ ้อมลู โดยใชโ้ ปรแกรมสำ� เรจ็ รูปในการประมวล ผลข้อมูล และสถติ ทิ ี่ใช้ในการวเิ คราะห์ข้อมลู ดงั นี้ 1. การวิเคราะห์ค่าความเชื่อม่ันของแบบสอบถาม โดยวิธีหาค่าสัมประสิทธ์ิแอลฟาของครอนบาค (Cronbach’s Coefficient Alpha) โดยมเี กณฑ์ความเชื่อมัน่ ของแบบสอบถาม คือ ค่า α จะตอ้ งมคี า่ เขา้ ใกล้ ปีที่ 15 ฉบับที่ 3 ประจำ�เดอื นกนั ยายน - ธันวาคม 2562 109

1 ยงิ่ ค่า α มีค่าเข้าใกล้ 1 มากเทา่ ใดแสดงว่าแบบสอบความมีความนา่ เช่อื ถอื สามารถนำ� มาเปน็ เคร่ืองมอื ใน การเก็บขอ้ มูล 2. การศึกษาเชิงพรรณนา (Descriptive statistics) เพ่ือศกึ ษาขอ้ มูลท่ัวไปของผูต้ อบแบบสอบถาม ขอ้ มลู ขององคก์ รประชาสงั คม และบทบาททางการเมอื งขององคก์ รประชาสงั คมตอ่ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ โดยการวิเคราะห์ 2.1 ค่ารอ้ ยละ (Percentage) ใช้วเิ คราะห์ขอ้ มูลท่วั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม และขอ้ มลู ของ องคก์ รประชาสังคม 2.2 คา่ เฉลีย่ (Mean) และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard deviation) ใช้แปลความหมาย ของบทบาททางการเมอื งขององคก์ รประชาสังคมตอ่ องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ 3. สถติ เิ ชงิ อนมุ าน (Inferential statistics) ใชเ้ ปน็ สถติ ใิ นการทดสอบสมมตฐิ าน โดยใชส้ ถติ ทิ ดสอบ F-test (One-way Analysis of Variance ANOVA) หรือการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว เปน็ สถติ ใิ น การทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลขององค์กรประชาสังคมกับบทบาททางการเมืองขององค์กรประชา สงั คมตอ่ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ เปน็ การทดสอบความแตกตา่ งของคะแนนเฉลย่ี ของกลมุ่ ตวั อยา่ งมากกวา่ 2 กลุ่ม และเมื่อพบว่ามีความแตกต่างอย่างมีนัยส�ำคัญ จะท�ำการทดสอบความแตกต่างเชิงซ้อนด้วยด้วยวิธี LSD และสำ� หรบั การวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ ผวู้ จิ ยั นำ� แบบสมั ภาษณท์ เ่ี กบ็ รวบรวมขอ้ มลู ไดม้ าตรวจสอบความถกู ตอ้ ง และบนั ทกึ ข้อมูล จากนน้ั นำ� ขอ้ มลู ที่ได้ไปประมวลผลขอ้ มลู โดยก�ำหนดสถิตสิ ำ� หรบั การวิเคราะห์ขอ้ มลู เปน็ สถติ ิเชิงพรรณนา เพอ่ื ศกึ ษาข้อมลู ทัว่ ไปของผูต้ อบแบบสัมภาษณ์ และองคก์ รประชาสังคม และบทบาท ทางดา้ นการเมืองขององค์กรประชาสงั คมที่มตี ่อองค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ ในด้านต่าง ๆ  ผลการศึกษา การศกึ ษาในครงั้ น้ี สามารถสรปุ ผลการศึกษาตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษา ดังน้ี 1. ผลการศึกษาบทบาททางการเมืองขององค์กรประชาสังคมท่ีมีต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินใน กรงุ เทพมหานคร พบวา่ องคก์ รประชาสงั คมในกรงุ เทพมหานคร มบี ทบาททางการเมอื งตอ่ องคก์ รสว่ นทอ้ งถน่ิ ในระดับมีบทบาทปานกลางถึงมีบทบาทมาก โดยเฉพาะบทบาทในกระบวนการสร้างและจรรโลง ประชาธปิ ไตย บทบาทในกระบวนการนโยบายสาธารณะ บทบาทดา้ นการเคลอื่ นไหวรอ้ งทกุ ข์ และบทบาทใน การเลอื กตงั้ ท้องถนิ่ สว่ นบทบาทในการเป็นสอ่ื ข่าวสารทางการเมอื ง และบทบาทการตรวจสอบกระบวนการ ใช้อำ� นาจรฐั น้นั พบวา่ องคก์ รประชาสังคมในกรงุ เทพมหานคร ยงั มบี ทบาทต่อองคก์ รส่วนท้องถิ่นไม่มากนัก โดยจากการศึกษาในเชงิ คุณภาพ พบว่า 1.1 บทบาทในกระบวนการสรา้ งและจรรโลงประชาธปิ ไตย พบวา่ องคก์ รประชาสงั คมทำ� หนา้ ท่ี ในการสง่ เสรมิ และผลกั ดนั ใหส้ มาชกิ ในชมุ ชนเขา้ ใจในบทบาทและสทิ ธขิ องตนตามระบอบประชาธปิ ไตย และ มีส่วนส�ำคัญในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของประชาชนในท้องถ่ินในรูปแบบต่าง ๆ เชน่ การรณรงคก์ ารใชส้ ทิ ธิเลือกตั้ง การพิทกั ษ์รกั ษาสทิ ธขิ องตน และการสร้างความเท่าเทียมกนั ให้เกดิ ขน้ึ ใน สังคม นอกจากน้ีองค์กรประชาสังคมยังมีบทบาทในการสร้างความรับรู้รับทราบเก่ียวกับการปกครองระบบ 110 บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั สวนดุสิต

ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขโดยท่ัวกันของประชาชนในท้องถ่ิน เพ่ือเกิดความจรรโลง ประชาธปิ ไตยอยา่ งยง่ั ยนื และมสี ว่ นสรา้ งความสามคั คขี องคนในชมุ ชน ลดปญั หาความขดั แยง้ ของคนในสงั คม ส�ำหรับการบริหารจดั การภายในองค์กรน้นั พบวา่ องค์กรประชาสังคมเปดิ โอกาสให้มกี ารแสดงความคิดเหน็ ภายในองค์กร เพ่ือเป็น การแลกเปลี่ยนความคิด แลกเปล่ียนประสบการณ์เรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้องค์กร มกี ารพัฒนาและมปี ระสิทธิภาพในการท�ำงาน ซง่ึ เปน็ รากฐานของระบบประชาธปิ ไตย 1.2 บทบาทในกระบวนการนโยบายสาธารณะ พบวา่ องคก์ รประชาสงั คมเปน็ จดุ เชอื่ มตอ่ ระหวา่ ง นโยบายของประเทศกับชุมชนร่วมมือประสานงานระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ให้มี การพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ไปในทิศทางเดียวกัน เป็นส่ือกลางในการรับเรื่องราวร้องทุกข์จาก ประชาชนน�ำไปสู่การผลักดันให้เกิดนโยบายสาธารณะตอบสนองความต้องการของประชาชน และมีบทบาท ในการสง่ เสรมิ สนับสนุน ป้องกนั แก้ไขปญั หา และพัฒนาสงั คม นอกจากนนั้ องค์กรประชาสงั คมยงั มบี ทบาท ในการคุ้มครองและช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางสังคมให้ได้รับสวัสดิการทางสังคม สนับสนุนด้านการประกอบ อาชีพ การศึกษา ตลอดจนสทิ ธติ ามสิทธติ า่ ง ๆ ท่ีพึงมี เพื่อใหป้ ระชาชนมคี ุณภาพชีวติ ทด่ี ขี ้ึน ไมเ่ ปน็ ภาระแก่ สังคมและประเทศชาติ 1.3 บทบาทด้านการเคลื่อนไหวร้องทุกข์ พบว่า องค์กรประชาสังคมมีบทบาทในการเป็น ศนู ยก์ ลางรบั เรอื่ งรอ้ งทกุ ขเ์ พอ่ื เปน็ สอ่ื กลางในการเรยี กรอ้ งความเสมอภาคในดา้ นตา่ ง ๆ ใหแ้ กป่ ระชาชน ตลอด จนเปน็ กระบอกเสยี งทส่ี ะทอ้ นปญั หาตา่ ง ๆ ของคนในชมุ ชนใหภ้ าครฐั ไดร้ บั รแู้ ละหาชอ่ งทางแกไ้ ขทเี่ หมาะสม มีบทบาทในการดูแลให้การช่วยเหลือประชาชนท่ีไดร้ ับความเดือดร้อนในเบือ้ งตน้ เพ่ือบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชน และเป็นสื่อกลางในการติดต่อประสานงานหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงเพ่ือหาแนวทาง ในการแกไ้ ขปัญหาอย่างย่งั ยนื ต่อไป และมบี ทบาทในการเรียกรอ้ งใหร้ ัฐบาลน�ำขอ้ เสนอแนะทไี่ ดจ้ ากการเก็บ รวบรวมข้อมูลของภาคประชาชนไปก�ำหนดนโยบายในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพื่อให้ได้แนวทางในการแก้ไข ปัญหาทีม่ ปี ระสิทธิภาพ ทันต่อเหตุการณ์ และสอดคลอ้ งกบั ความต้องการของประชาชน 1.4 บทบาทการตรวจสอบกระบวนการใช้อ�ำนาจรัฐ พบว่า องค์กรประชาสังคมมีบทบาท ในการตรวจสอบการใช้อ�ำนาจรัฐ และการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ กระบวนการใชอ้ ำ� นาจรฐั เพอ่ื ไมใ่ หม้ กี ารใชอ้ ำ� นาจรฐั ในทางทผ่ี ดิ ไมเ่ ปน็ ธรรม และเลอื กปฏบิ ตั ิ นอกจากนอี้ งคก์ ร ประชาสังคมบริหารองค์กรโดยยึดหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส และมีความเป็นธรรม บริหารเงินที่ได้รับจาก ภาครัฐและเงนิ บรจิ าคใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สุด เพอื่ เป็นแบบอย่างท่ีดใี หแ้ กป่ ระชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ  1.5 บทบาทในการเลอื กตงั้ ทอ้ งถนิ่ พบวา่ องคก์ รประชาสงั คมมบี ทบาทในการสง่ เสรมิ ใหค้ วามรู้ แก่ประชาชนเกยี่ วกบั การพฒั นาการเมอื งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ์เป็นประมุข รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นได้ใช้สิทธิเลือกตั้งโดยสุจริตและเท่ียงธรรม นอกจากนี้ องค์กรประชา สังคมมีบทบาทในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การใช้สิทธิทางการเมือง การใช้สิทธิเลือกตั้ง และการแสดง ความคดิ เหน็ ทางการเมอื ง และมบี ทบาทในการชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ การเลอื กตง้ั ทอ้ งถน่ิ ในดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ การให้ ใชส้ ถานที่เป็นหนว่ ยลงคะแนน การอำ� นวยความสะดวกแก่คนพิการท่ีตอ้ งการจะไปใช้สทิ ธเิ ลือกตง้ั เป็นตน้ 1.6 บทบาทในการเป็นส่ือข่าวสารทางการเมือง พบว่า องค์กรประชาสังคมมีบทบาท ในการประชาสมั พนั ธถ์ งึ สทิ ธิ หนา้ ที่ และการมสี ว่ นรว่ มทางการเมอื งของประชาชน เชน่ การใชส้ ทิ ธกิ ารเลอื กตงั้ สิทธิทางการเมืองต่าง ๆ เป็นต้น และมีบทบาทในการถ่ายทอด แจ้งข่าวสารเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลให้ ปที ่ี 15 ฉบบั ที่ 3 ประจำ�เดอื นกนั ยายน - ธันวาคม 2562 111

ประชาชนในชมุ ชนทเี่ ป็นกลมุ่ เป้าหมาย มีสทิ ธทิ จี่ ะได้รบั สทิ ธินนั้ 2. ผลการศึกษาบทบาททางการเมืองขององค์กรประชาสังคมท่ีมีต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินใน กรุงเทพมหานคร จ�ำแนกตามลักษณะของการจัดต้ังองค์กรประชาสังคม ประเภทขององค์กรประชาสังคม วตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั ตงั้ ประชาสงั คม จำ� นวนสมาชิกขององคก์ รประชาสงั คม และระยะเวลาทจ่ี ดั ตั้งองคก์ ร ประชาสงั คม ผลการศึกษาพบว่า องคก์ รประชาสังคมท่ีมีลักษณะของการจดั ต้งั องค์กรประชาสังคมท่แี ตกต่าง กัน มีบทบาทในกระบวนการนโยบายสาธารณะต่อองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่นแตกต่างกัน โดยพบว่า องคก์ ร ประชาสงั คมแบบขบวนการเคลอ่ื นไหวทางสงั คม เปน็ กลมุ่ องคก์ รทม่ี บี ทบาทในกระบวนการนโยบายสาธารณะ มากท่ีสุด องค์กรประชาสังคมที่มีวัตถุประสงค์ของการจัดต้ังองค์กรประชาสังคมที่แตกต่างกัน มีบทบาทใน กระบวนการสรา้ งและจรรโลงประชาธปิ ไตย แตกตา่ งกนั โดยพบวา่ องคก์ รประชาสงั คมทจี่ ดั ตง้ั ขนึ้ เพอ่ื การตอ่ รองผลักดันนโยบายเพ่ือประโยชน์ของกลุ่ม และเพ่ือสร้างจุดเช่ือมไปสู่พื้นท่ีภาครัฐ/ธุรกิจ เป็นกลุ่มองค์กร ประชาสงั คมทม่ี บี ทบาทในกระบวนการสรา้ งและจรรโลงประชาธปิ ไตยมากทส่ี ดุ องคก์ รประชาสงั คมทม่ี จี ำ� นวน สมาชิกขององค์กรประชาสังคมท่ีแตกต่างกัน มีบทบาทในกระบวนการนโยบายสาธารณะต่อองค์กรปกครอง ส่วนทอ้ งถ่นิ แตกตา่ งกนั โดยพบว่า องคก์ รประชาสังคมท่มี จี �ำนวนสมาชิก 51-100 คน เปน็ กลุ่มองค์กรประชา สังคมท่ีมีบทบาทในกระบวนการนโยบายสาธารณะมากที่สุด และองค์กรประชาสังคมท่ีมีระยะเวลาที่จัดตั้ง องคก์ รประชาสงั คม ทแ่ี ตกตา่ งกนั มบี ทบาททางการเมอื งตอ่ องคก์ รสว่ นทอ้ งถน่ิ โดยรวม บทบาทในกระบวนการ สรา้ งและจรรโลงประชาธปิ ไตย บทบาทในกระบวนการนโยบายสาธารณะ บทบาทดา้ นการเคลอ่ื นไหวรอ้ งทกุ ข์ บทบาทการตรวจสอบกระบวนการใช้อ�ำนาจรัฐ บทบาทในการเลือกต้ังท้องถิ่น และบทบาทในการเป็น สอ่ื ข่าวสารทางการเมือง แตกตา่ งกนั โดยพบว่า องค์กรประชาสงั คมทจี่ ัดตั้งมาแลว้ 1-20 ปี เปน็ กลุ่มองคก์ ร ประชาสังคมท่ีมีบทบาททางด้านการเมืองโดยรวม บทบาทในกระบวนการสร้างและจรรโลงประชาธิปไตย บทบาทในกระบวนการนโยบายสาธารณะ และบทบาทดา้ นการเคลอื่ นไหวรอ้ งทกุ ข์ มากทส่ี ดุ ในขณะทอ่ี งคก์ ร ประชาสังคมที่จดั ตง้ั มาแล้วน้อยกว่า 1 ปี เป็นกลุ่มองคก์ รประชาสังคมทีม่ บี ทบาทการตรวจสอบกระบวนการ ใช้อำ� นาจรัฐ บทบาทในการเลือกตงั้ ท้องถ่ิน และบทบาทในการเป็นสอ่ื ขา่ วสารทางการเมืองมากท่สี ุด ตารางที่ 1 สรปุ ผลการทดสอบสมมตฐิ าน 112 บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดสุ ติ

2. บทบาทในกระบวนการ F-test 6.61 อ0ง.ค1์ก6ร 1.90 3.07 11.42 น1.โยบบทาบยาสทาใธนากรรณะะบวนการ SF-igtest 01..0006* 10.8457 02.7108 01..0338* 106.0.107* สรา้ งและจรรโลง ผSiลgทดสอบ แต0ก.3ต5่าง ไมแ่ 0ต.2ก3ตา่ ง ไม0่แ.ต0ก2ต*า่ ง แต0ก.2ต5า่ ง แ0ต.ก0ต0่า*ง 3ป.รบะชทาบธาปิ ทไดตา้ยนการ Fผ-ลtทesดtสอบ ไม่แ2ต.3ก5ตา่ ง ไม่แ0ต.5ก6ต่าง แต0ก.1ต1่าง ไม่แ1ต.6ก7ต่าง แ1ต3ก.6ต3า่ ง เ2ค.ลบือ่ ทนบไาหทวใรนอ้ กงทระุกบขว์ นการ SF-igtest 06.6110 0.5176 10.909 03.0178 101.0.402* ตนาโรยาบงาทยี่ส1าธ(าตรอ่ ณ)ะ ผSiลgทดสอบ ไม0่แ.ต0ก0ต*า่ ง ไมแ่ 0ต.8ก5ต่าง ไมแ่ 0ต.1ก0ตา่ ง ไม0่แ.ต0ก3ต*่าง แ0ต.ก0ต0า่*ง Fผ-ลtทesดtสอบ แต0ก.3ต9า่ ง ไม่แ0ต.0ก5ตา่ ง ไมแ่ 1ต.4ก5ต่าง แต0ก.7ต9่าง แ2ต0ก.7ต2า่ ง 4. บทบาทการตรวจสอบ SFผ-iลgteทsดtสอบ จลไดักัมตษแ่ 020้ังตณ..อ163กะง058ตคก่าา์กงรร ไไไไไมมมมมปอแ่แแ่่แแ่่ ร0100010ขงตตตตตะ.......คอ925029453กกกกกเ์กภง706575523ตตตตตรทา่า่่่าา่างงงงง วขไัตมอถแ่ ง00ุปตอ..19รกงะ179คตสก์่างงรค์ ไมจส่แ100ามต..นา561กวช078ตนกิ า่ ง รแะท100ตยี่จ3..กะ00ัด.เ6ต00วต3่า**ลั้งงา 3กบ.รทะบบบทาวบทนาทกทาาดงรา้กในชา้อกรเามรนือางจขรอฐั ง Sผiลgทดสอบ ไไไไมมมม่แ่่แ่แแ00021ตตตต.....360321กกกก995860ตตตต่่าา่าา่ งงงง ไไไมมมแ0่แแ่แ่ต02101.ตตตก....017342กกกต251187ตตตา่*่า่าา่งงงง ไไไไมมมมแ่่แแ่แ่ 01000ตตตต.....236575กกกก850809ตตตต่่า่าา่างงงง แแแแ12000ตตตต360...กกกก.0000..71ตตตต030572่าา่าา่่***งงงง เคลออื่ งนคไ์กหรวปรร้อะงชทากุ สขัง์ คม ผSSFผFผผSF---iiiลลลลgggtttททททeeesssดดดดtttสสสสออออบบบบ ไมแจส0่แต300าม.ตก...น0า506กต3วช870ต่า*นกิ า่งง 45ทปส1ก...รรร้อา้ะบบบะงงบถชทททแนิ่าวบบบลธนาาาะิปกทททจไาใกใรตรนนรายใกกโรชลตราอ้ งระราเบวนลจวาือสนจกอกรตบฐัา้ังร SFFSผ--iiลggtteeทssดttสอบ จลไดั กั มแตษ0แ่ ต260้งั .ตณก...0อ261กต0ะง901ต่า*คก่างา์กงรร ไไไไไไไมมมมมมมปปออแ่่แ่แ่แ่แ่แ่แรร00000000001010ขขงงตตตตตตตะะ..............คคออ919582295334360กกกกกกกเเกก์์ภภ768508865522882งงตตตตตตตรรททา่าา่า่่่า่่าางงงงงงง วขไไตั มมอถแ่แ่ง1100ปุ ตตอ....3219รกกงะ0101คตตสก์่าา่ งงงรค์ ไไไไไมมมมมจส่่แแแ่่่แแ00110001100ามตตตตต..........นา26335325701กกกกกวช00009511789ตตตตตนกิ า่่่่าาา่างงงงง รแแะท100ตตย3่ีจ1..กกะ.00ดั0.เ4ตต03ว5ต2่า่า**ลั้งงงา ท5น2บ..โอ้ทยบบองบบถงททาาคิ่นบบทย์กาาทสรททาาปใใธงนนรากะกกราชราณราระเะเสมบลงัือวือคนงกมขกตอา้งั รง ผผลลททดดสสออบบ จลไไไไไดักัมมมมมตษ่่แ่แแ่แแ่ 0000202020ั้งตตตตตณ..........อ22166331565กกกกกะง75911770918ตตตตตคก่าา่่าา่่าาก์ งงงงงรร 00..4308 วขไไไไไตั มมมมมอถ่แ่แ่แ่่แแง0000010100ปุ ตตตตตอ..........44291795157รกกกกกงะ13313656979คตตตตตสก์่่า่า่าาา่ งงงงงงรค์ รแแแแแะท12100000ตตตตตย737จี่ 350.....กกกกกะ...00000ัด606...เ167ตตตตต00000ว858ต263่า่่าา่า่า*****ล้ังงงงงงา 01..0689 6ขบก4เ36ขบโ5ทบ*คด.....่่าารททอ้ทมลยววะบบบบบองบบบนี่ือรสสบถงทททททาาวาัยนาคน่ิวบบบบบททมทรรสไน์กาาาาาหททททากรทททททควาาาาปาใใใดกงงรงงัญงรนนนรกกกกอ้า้ากใะกกกาารนาางชณาชรรตทรราาา้อกรเเเเารรรรุกเาามมมมรเเเสมวรนขะลปปืออือือื จังือ์ดาอื็น็นงงงงคสงจบักสสมอขรตคออื่ื่บอฐั ้งัวงามเชSFFSผFSFผFFผFSผSผSผื่อ-------iiiiiiลลลลลลggggggtttttttมทททททeeeeeeeทน่ัsssssssดดดดดดtttttttสสสสสส0ออออออ.0บบบบบบ5 02..2107 00..3991 105.0.136* อโอภดภยปิ ิปรรรวามายยผจผลาลกการศึกษา ผSiลgทดสอบ ไม่แ0ต.1ก1ตา่ ง ไม่แ0ต.6ก2ต่าง ไม่แ0ต.4ก3ต่าง ไม่แ0ต.3ก5ต่าง แ0ต.ก0ต0า่*ง สามผารลถทอดภสปิอรบายผลกไมาแ่รศตกึ ตษ่างในประไมเด่แ็นตตกา่ตงา่ งๆ ตามไวมตั่แถตปุกรตะา่ สงงค์ขอไมงกแ่ าตรกศตึก่าษงา ดงั นแต้ี กตา่ ง แกทกกโบข6บป*อกกกแบกแแลราราด.่าทนาารรลลภท่ินรงุทมะะงยวบอรระุุงงเะะบเวิปบตกีนบบบรสทเเเเคบงทคจจมมาททบรวาัยาาคทวลพวบิทรรดามทอืือรพพสแรทก์นนรรื่อบยขาทมทงงทาตเมมจ1ใรโโกทตตผอนกมคาาาห่นงลลาปหหจ11.าาอ่่อใลงงทัญ ืไางองงา..ากรนกราา(กออหก2ปปรกกในงะนนผากากงงกณชผผา5วสกชรรตรราคคคลาคคาฤรอ้5ลลระะาเรเารร่อรรก์ก์กรรเมมษา9ล้อรชชกกเสม้ตารรศอนะปาือือศ:ฎททงาาาาทงัอืงสสรดรกึา็นงงงกึ1ทธธครรากั้้ังงแงวว่่งั้วจบัศคิิษ-ปปษสใใศศมขตุกนนใ1จลบรนนคึกื่อึึน์ไไากกกาอ้ังข7ททฐั สุญะตตเเวษษษทเงรชชน)ส์ออ้้ าสอยยจชชาิิส้งงาาแอน้ัแามงงาบิงรัยปปบถถมบบล่บบงเวลมปรชพ,กSFFผSผ่ิิ่นนรราถะทททนททะาโอื่ร--วiiิิรมมลบลรใใ่ิแนggttบบบบลบบรทนนีถิมรมทาาeeะทวนถาาบาางทอารรน่ัณณา้อ่ssสาดบดวททททะะปอทภูttรณบ่สวคงสแแวอ0ดดณททใใภปิทรอนถิดาลลอนนน.แงับับ0าาระิป์บทา่ิกบคนบะะกกลกวมม5งงาชงาร์เเกใทิสใรรยกกะีีบบาชชกรนาารนะะาผบเาาริิงงททมายปชธกรบบลรรรคคใาจบบีสรลผทิรปิงชาเเววกไะุุณณทดัเ่วาาักมมะมคลสรนน้าอมไดททนตใษชภภืืออ่แเุณกรกต0002กกน�ำือับลั้งปปราศตาณงงุล....าาายนอก่วง6215สภือพพาาขขมกึกรรรขมะง1771าานนังแกออาตษีนนศบคกคทบรอจพพลกกพา่งงตาโโกึา์กทมเารงะลลงออบบทยยใปั้งรษรงนอยัฐจพาาบงงบบววทบ็กนงงังปตานงคค่่าาบาาา้อถถมสาคใุรร์์กก้ันยยทรออวึงึงนงีบื่ทงอะ์ไกรรสสเมมา่ถงงคปมเปปทมขปใราาอดคคบีบีพิ่น์่แือน่าบรา0000อรปธธขบรง็น์์กกททตบะงวน....ะาาาคงะกอุรณ6394ตรรบบกเสสรรทคเวก์ชชกภซปปะ8288งรา่ ดตาาณณย่วา่าตก์ราาึ่งงทชละรรททา่็นรรนอ่อสสะะระะางบาๆมมัตทอตธบอััปงงชชสงาานวบบิาคค่างงตาาทรถกกังสนคงคงททาสสมมาคะึบงวกุน ย์กมโโัังง์กบบกๆททขชไมมดดตั าาไคคทรวมราาอี่่ีา มมาวยยทีถรตบทสัตมมร่แททปรง้สโีี0000ตตเเเปุ่วาถี่มใใใทดตฉฉอมดน....(งั่่รออนนนม9574รปุ2ีตยพพกงื้้บาาคอะโะ6339กกทออ5กวรคตนน่อาายงมชสาMรระ5งง้อตั ์กาะะา่ กกอบงุุทงงใาคคส6งรบบถรแiนาาเเคงlสถง์์:กกาเมททbททปุลรรค์คปก่ินัง2ยรรพพrเเาบบะร์ข์กคaคคร็นไปป7สกบมมะาาอtรงุลล)มไสกกhททาสหหมทง่เปื่่ืออจแสยคคื่อทธกโใใง่แาาบ0110นนกนามนดังรรขาaาคพนนกต....นาไไคมวารออกกn2033ยร่านคคข์กหหมทคศวช9510รรรีงงบdวณเตัรรกอววหนิึกดะะกิกสสฉอสท่างรรษบบะมมข่่าววางสพงGา้้กออบอนรีีนนบบววาสอรoางงาตนนงาบททททท่ควดดททeะรทรกกนค้้บบรปออทlงัาศุุรกกบวาานตแลงะทงงาารทขขึกบมรรจท1(00กตถถยทท้ี้อะ่อ71์์้อจ่ีสสษ5ส..บีาแแิ่ิ่กะบภนนาง.ทท009อดัรร6ง.ทอากเลลรท1ต00า3ใใาาา้้าถวง8ตับบเ6นนะะส่า**ด5งงงงบทคดลิ่ัง้นมง้าางั์ากใือในนนทนรง้ี สบว่ นททบอ้างทถในิ่นไกมาม่ ราเกลืนอกกั ตส้ังอทด้อคงลผถลอ้่ินทงกสดบั่สวอนแบนวทคบดิ าขไทมอใแ่งนตกกกาฤตรษา่ เงฎปา็นสบ่ือไญุ มขช่แายัตว,กสวตารี่ารบงทรู าณงก์ ไวามสิรแ่ าเตมรกืทอตสงา่ กงแลุ ละแบลไะมทจแ่บตารุกทงตกค่าา์งบรตณุ รยวแรจตตั สกนอตสบ่านุ งทร (2*ก5รม5ะนี บ6ยั :วสน2า7กคา)ญั รแในณชอ้วราคนะดิ ดาขจับอรคฐังวนาปั้นมรเะชพภื่อบมาวน่ัสา ปอ0.งน่ิ0ค5ต์กบรปแรตะง่ ช(า2ส5ัง5ค9ม:ย1ัง-ม1ีบ7ท)บแาลทะตแ่อนอวงคดิ์กรกสา่วรนมทสี ้อว่ งนถร่ินว่ ไมท่มากงนกัการสเมออืดคงลซ้องึ่ งอกธับบิ าย ไวแ้โนดวยคิดMขอilbง raกtฤhษฎaาndบุญGชoัยe, lวีร(1บ9ูร3ณ5์ วอิสา้ารงทถสงึ ใกนุล แสลมะบจตั ติุรธง�ำคร์ บงธุณญั ยวรงัตศน,์สุ2น5ท4ร5(2: 585-69:) 2ท7อี่ ) ธแบิ นาวยควิด่าขอองงปคร์กะรภปารสะชา สปองั ภคิ่นิปมตบรเปาแยรตผยี ่งลบ(2เส5ม59อื :น1พ-1ล7งั )ขแอลงะปแรนะวชคาิดชกนารทมเ่ี ีสป่วน็ นกรร่วะมบทาองกกเาสรยี เมงใือหงป้ ซรึ่งะอชธิบาชายนไใวน้โดกยารMนiำ�lbเสraนtอhปaญั nหdาGคoวeาlมเ(ด1อื93ด5รอ้ น อแจกทกบกแรลงาาารลครรทงะรุงโะกต์กบผเเลจมทารรลางรรอืวปพทปกรเงจรมมใโรรตสนละหจ1ะะอือ่ องช.ากาชทงอปกนาบาางบผกรสรคคธกละทาเังรก์ปิรลรชกค่ีประไศืทอาาสมตรบึกธรก้ัง่วคยะิปษใศวตนนวชึไากนบ้ังทตเราษทชกสทอ้เยชิข้งาอางาบนปถมบา้รบงา่ินใรามถใทททนิรมชใ่ินาบบนถใาช้อมนาาอรณสุม�ำีบททะภก่วนแชดททใิปรนลนานับบะารบะจกไมงาบาเดรทรยกีบชทวัฐะผ้รบาิงทนทบับลรคาบกบาเวกุณทแามางนาททใกภือกรรกนบป่ภศนางาากพาขากึราโรานทยอษเคนรมพกบงาใรโเอืลอบนยใปัาฐนางงบวกย็นงปทค่าาเสาถสร์พกยีส่รอางึ่ือะรสม�ำื่อเธงเขลปาคดคบีาผ่าธือรร็น์กญัทลวาะณกตรบักสรใชปตา่นาณะดาางรท้ังรันสะบะ6ทๆมทังชใทา้อบดาคหตากบงงทา้สมา้เกถกามนโังบทดา่ินทควิดา่ีมยรคัตมดทกีตเเอืถใแฉา้มดา่อนุปพนลื้ราอบกอรนาแะกงทระงะกบกาุงคสบบแราเ้ไทง์กททลราขเคครบพเทบะป์ขคปลาบมาใอัญลกทอื่นทหทง่ือคนกหใกใาบนนนรานไราาไรอกหกะเคหทศชรงวบารวึกะกสิงรรรวษบม่นวาอ้เ้อนปรีนบวาโงงกตนยททท็นดทรากบ้บองักุสุกรวานางาขขื่อสรจถที้ย์์สขสรบแ่ินทร่า้าอลทดใา้างวบนะงงับงแสนลาาั้นทะร กระบวนการใช้อานาจรัฐนั้น พบว่า องค์กรประชาสังคมยังมีบทบาทต่อองค์กรส่วนท้องถิ่นไม่มากนัก สอดคล้องกับ แนวคิดของ กฤษฎา บุญชัย, วีรบูรณ์ วิสารทสกุล และจตุรงค์ บุณยรัตนสุนปทีที่ร15(2ฉบ5บั5ท6่ี 3: 2ปร7ะ)จำ�แเดนือวนคกนัิดยขาอยนง-ปธนัรวะาภคมาส2562 113 ปิ่นตบแต่ง (2559: 1-17) และแนวคิดการมีส่วนร่วมทางการเมือง ซ่ึงอธิบายไว้โดย Milbrath and Goel (1935

2. ผลการศึกษาบทบาททางการเมืองขององค์กรประชาสังคมที่มีต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินใน กรุงเทพมหานคร จ�ำแนกตามลักษณะของการจัดตั้งองค์กรประชาสังคม ประเภทขององค์กรประชาสังคม วตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั ตง้ั ประชาสงั คม จำ� นวนสมาชิกขององคก์ รประชาสงั คม และระยะเวลาทจี่ ดั ตงั้ องค์กร ประชาสงั คม พบวา่ องคก์ รประชาสงั คมทม่ี ลี กั ษณะของการจดั ตง้ั องคก์ รประชาสงั คมทแี่ ตกตา่ งกนั มบี ทบาท ในกระบวนการนโยบายสาธารณะต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแตกต่างกัน องค์กรประชาสังคมที่มี วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งองค์กรประชาสังคมที่แตกต่างกัน มีบทบาทในกระบวนการสร้างและจรรโลง ประชาธปิ ไตยแตกตา่ งกนั องคก์ รประชาสงั คมทม่ี จี ำ� นวนสมาชกิ ขององคก์ รประชาสงั คมทแ่ี ตกตา่ งกนั มบี ทบาท ในกระบวนการนโยบายสาธารณะตอ่ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ แตกตา่ งกนั และองคก์ รประชาสงั คมทม่ี รี ะยะ เวลาท่ีจัดตง้ั องค์กรประชาสงั คมท่แี ตกตา่ งกัน มบี ทบาททางการเมืองตอ่ องคก์ รส่วนท้องถนิ่ โดยรวม บทบาท ในกระบวนการสร้างและจรรโลงประชาธิปไตย บทบาทในกระบวนการนโยบายสาธารณะ บทบาทด้าน การเคล่อื นไหวรอ้ งทกุ ข์ บทบาทการตรวจสอบกระบวนการใชอ้ �ำนาจรัฐ บทบาทในการเลอื กต้ังทอ้ งถนิ่ และ บทบาทในการเปน็ สอื่ ขา่ วสารทางการเมอื ง แตกต่างกัน สอดคลอ้ งกับแนวคดิ ของ Milbrath & Goel (1997 อา้ งถงึ ใน นันทวุฒิ บุญยะสิทธ์,ิ 2548: 18-22) อธยิ ายว่า ปจั จยั ทม่ี อี ิทธพิ ลต่อการมีสว่ นรว่ มทางการเมืองของ ปจั เจกบคุ คลมี 2 ประการ คอื ปจั จยั สงิ่ เรา้ จากสภาพแวดลอ้ ม (Environmental Stimuli) และปจั จยั เกย่ี วกบั ลักษณะส่วนบุคคล (Personal Factors) ซึ่งส�ำหรับการศึกษาในคร้ังนี้ก็คือ ลักษณะของการจัดต้ังองค์กร ประชาสังคม ประเภทขององค์กรประชาสังคม วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งประชาสังคม จ�ำนวนสมาชิกของ องค์กรประชาสังคม และระยะเวลาที่จัดตั้งองค์กรประชาสังคม โดยพบว่า องค์กรประชาสังคมท่ีมีปัจจัย ดงั กลา่ วทแ่ี ตกตา่ งกนั ยอ่ มมบี ทบาททางการเมอื งตามสถานภาพทางสงั คมและความคาดหวงั ของประชาชนที่ แตกต่างกัน ซ่ึงส่งผลให้องค์กรประชาสังคมมีบทบาททางด้านการเมืองต่อองค์กร ส่วนท้องถ่ินท่ีแตกต่างกัน ดว้ ย ขอ้ เสนอแนะ ขอ้ เสนอแนะที่ไดจ้ ากการวจิ ัย จากการศึกษา พบว่า องค์กรประชาสังคมในกรุงเทพมหานคร มีบทบาททางการเมืองต่อองค์กร สว่ นทอ้ งถน่ิ ในระดบั ปานกลางเทา่ นน้ั ซง่ึ ยงั ไมส่ อดคลอ้ งกบั บทบญั ญตั ติ ามรฐั ธรรมนญู ทส่ี ง่ เสรมิ การมสี ว่ นรว่ ม ทางการเมืองของภาคประชาชนในปจั จบุ ัน ดงั นนั้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการเข้ามามีบทบาททางการเมืองของ ภาคประชาสังคมต่อองค์กรส่วนท้องถ่ินให้สอดคล้องกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและสอดคล้องกับ ความตอ้ งการของประชาชน องคก์ รประชาสงั คมในกรงุ เทพมหานครควรใหค้ วามสำ� คญั กบั ประเดน็ ตา่ ง ๆ ดงั น้ี 1. องค์กรประชาสังคมควรให้ความส�ำคัญกับการเข้ามามีบทบาทในกระบวนการสร้างและจรรโลง ประชาธปิ ไตย โดยองคก์ รประชาสังคมควรมีบทบาทในการส่งเสริมใหป้ ระชาชนได้มโี อกาสในการใช้สทิ ธแิ ละ เสียงในการเลือกต้ังตามระบอบประชาธิปไตย ผลักดันให้เกิดการปฏิรูปทางการเมือง การผลักดันให้เกิด การขยายการเมอื งภาคประชาชนเชงิ สถาบนั การขยายขอ้ จำ� กดั ประชาธปิ ไตยแบบตวั แทนมาสปู่ ระชาธปิ ไตยทาง ตรง การถ่ายโอนอ�ำนาจออกจากระบบตัวแทนมาสูก่ ารใชอ้ ำ� นาจกันเองโดยประชาชน ตลอดจนการให้ความรู้ และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสทิ ธิ หน้าที่ บทบาท และการมีสว่ นรว่ มของประชาชนในการพทิ กั ษ์สิทธิ เสรภี าพ 114 บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ิต

ความเทา่ เทยี ม และเป็นธรรมใหเ้ กดิ ขึ้นในสังคม 2. องคก์ รประชาสงั คมควรใหค้ วามสำ� คญั กบั การเขา้ มามบี ทบาทในกระบวนการนโยบายสาธารณะ โดยองคก์ รประชาสงั คมควรเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มในกระบวนการกำ� หนดนโยบายทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั วถิ ชี วี ติ ของประชาชน ในชุมชน โดยการสร้างพื้นทเ่ี ชงิ นโยบายระดบั ท้องถิ่น การสร้างผลกระทบต่อผมู้ อี �ำนาจตดั สนิ ใจเชงิ นโยบาย การเข้ามามีส่วนร่วมในคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหรือเป็นผู้เจรจาในกระบวนการนโยบายสาธารณะที่ ส่งผลกระทบต่อชุมชน และผลักดันให้มีคณะกรรมการศึกษาผลกระทบและน�ำผลการศึกษามาพิจารณา ตดั สินใจในเชงิ นโยบาย 3. องค์กรประชาสังคมควรให้ความส�ำคัญกับการเข้ามามีบทบาทด้านการเคล่ือนไหวร้องทุกข์ โดย องคก์ รประชาสังคมควรเปน็ กระบอกเสียงใหป้ ระชาชนในการน�ำเสนอปญั หา ความเดือดร้อน และผลกระทบ ท่ปี ระชาชนในชมุ ชนไดร้ ับแก่ภาครัฐ เพ่ือผลกั ดันให้เกดิ การแก้ไขปัญหาเชงิ นโยบาย เชน่ การเคล่อื นไหวหรอื เรียกรอ้ งใหภ้ าครฐั เขา้ มาแก้ปัญหาในชมุ ชน อาทิ ปญั หาปากทอ้ ง ปญั หาสังคม ปัญหาดา้ นสาธารณสุข และ ปญั หาดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม เปน็ ต้น การเคล่ือนไหวเพ่ือเรยี กร้องและการปกป้องสทิ ธอิ นั ชอบธรรมของประชาชน ในชมุ ชน อาทิ สทิ ธิดา้ นสวัสดิการสงั คม สทิ ธขิ องแรงงาน เกษตรกร เดก็ สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ เปน็ ต้น 4. องค์กรประชาสังคมควรให้ความส�ำคัญกับบทบาทการตรวจสอบกระบวนการใช้อ�ำนาจรัฐใน องคก์ รสว่ นทอ้ งถนิ่ ใหม้ ากขน้ึ โดยเฉพาะการตรวจสอบการทจุ รติ คอรปั ชนั ภายในองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ การตรวจสอบการใช้อ�ำนาจรัฐโดยขาดฉันทานุมัติจากประชาชนในท้องถ่ิน การตรวจสอบการใช้อ�ำนาจรัฐท่ี ไม่เป็นธรรม สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในท้องถ่ิน และการมีส่วนร่วมในการถอดถอนผู้บริหาร ระดบั สงู ในท้องถิน่ 5. องคก์ รประชาสงั คมควรใหค้ วามสำ� คญั กบั บทบาทในการเลอื กตงั้ ทอ้ งถนิ่ โดยองคก์ รประชาสงั คม ควรมีบทบาทในการร่วมรณรงคแ์ ละประชาสมั พนั ธ์ใหป้ ระชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตัง้ ตลอดจนการเขา้ ไปมี บทบาทในกระบวนการตรวจสอบความโปรง่ ใส ความยตุ ิธรรม ในการเลอื กต้ัง เพอ่ื ให้ไดผ้ ้บู ริหารส่วนทอ้ งถิน่ ทม่ี าจาก การเลือกต้งั ของประชาชนอย่างแท้จรงิ เพอื่ จะได้บคุ ลากร ผบู้ ริหาร ทส่ี ามารถเขา้ มาพฒั นาคุณภาพ ในการด�ำเนินชวี ิตของประชาชนในท้องถนิ่ 6. องคก์ รประชาสงั คมควรใหค้ วามสำ� คญั กบั บทบาทในการเปน็ สอ่ื ขา่ วสารทางการเมอื ง โดยองคก์ ร ประชาสังคมควรมีการด�ำเนินงานที่เป็นอิสระ ไม่ควรโดนจ�ำกัดช่องทางหรือรายละเอียดใด ๆ องค์กรประชา สงั คมควรวางตวั เปน็ กลางทางการเมอื ง นำ� เสนอขอ้ มลู ขา่ วสารทช่ี ดั เจน ถกู ตอ้ ง ยดึ หลกั ความจรงิ เพอื่ ทำ� หนา้ ที่ เป็นหเู ปน็ ตาให้ประชาชนไดร้ ับรู้ขา่ วสารที่เปน็ จรงิ ขอ้ เสนอแนะสำ� หรับการวจิ ยั คร้งั ต่อไป 1. การวจิ ยั ครงั้ นท้ี ำ� การศกึ ษาโดยการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากองคก์ รประชาสงั คม ในกรงุ เทพมหานคร ซ่ึงอาจได้ผลการศึกษาท่ียังไม่ครอบคลุม เพราะเป็นการศึกษาเฉพาะเขตพื้นท่ี ดังน้ัน ในการวิจัยคร้ังต่อไป อาจทำ� การศกึ ษาในลกั ษณะเชน่ เดยี วกนั นกี้ บั กลมุ่ ตวั อยา่ งทอี่ ยใู่ นเขตพน้ื ทอี่ น่ื รวมดว้ ย เพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลการศกึ ษา ในเชงิ เปรียบเทยี บทีถ่ ูกตอ้ ง มีความครอบคลมุ และสามารถน�ำมาใช้ประโยชน์ได้มากข้นึ 2. ในสว่ นของการวจิ ยั เชงิ ปรมิ าณ พบวา่ ผลการศกึ ษามาจากตวั เลอื กในการตงั้ คำ� ตอบใหเ้ ลอื กตอบ ซง่ึ อาจทำ� ใหไ้ ดภ้ าพรวมของประเดน็ ท่ีศกึ ษาไมค่ รอบคลุม ดงั นนั้ การวิจยั คร้ังต่อไปจึงควรเน้นการศึกษาวจิ ยั ปีที่ 15 ฉบบั ท่ี 3 ประจำ�เดอื นกันยายน - ธันวาคม 2562 115

เชงิ คณุ ภาพให้มากขึ้น ด้วยการสมั ภาษณ์เชงิ ลกึ (in-depth interview) และการสนทนากลมุ่ (focus group discussion) เพือ่ ใหไ้ ดค้ �ำตอบเชงิ ลึกมากข้นึ เอกสารอ้างอิง กฤษฎา บุญชัย, วรี บูรณ์ วสิ ารทสกุล และจตรุ งค์ บณุ ยรัตนสุนทร. (2556). บทบาทของภาคประชาสงั คม ในการคุ้มครองสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง. กรุงเทพฯ: ส�ำนักงานคณะกรรมการ สิทธมิ นุษยชนแหง่ ชาติ. กัลยา วานชิ ย์บญั ชา. (2550). การวิเคราะห์สถติ ิ : สถติ สิ ำ� หรบั บรหิ ารและวิจยั (พมิ พค์ ร้งั ที่ 10). กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. นนั ทวฒุ ิ บญุ ยะสทิ ธ.ิ์ (2548). การมสี ว่ นรว่ มทางการเมอื ง: ศกึ ษากรณที หารในมณฑลทหารบกที่ 14 อำ� เภอ เมือง จงั หวัดชลบุร.ี วิทยานพิ นธร์ ฐั ประศาสนศาสตรมหาบณั ฑิต มหาวิทยาลัยบรู พา. ประภาส ปน่ิ ตบแตง่ . (2559). การเมอื งภาคประชาชน ขบวนการประชาสงั คมในสงั คมไทย และบทบาทตอ่ สังคมการเมืองไทย. [Online]. Available: http://tu101.org/wp-content/uploads /2016/02/2-01.pdf [2560, ธันวาคม 30]. สมบตั ิ ธำ� รงธญั วงศ.์ (2545). การเมอื ง : แนวความคดิ และการพฒั นา (พมิ พค์ รงั้ ท่ี 13). กรงุ เทพฯ: เสมาธรรม. ส�ำนักงานคณะกรรมการการเลือกต้ัง. (2560). การมีส่วนร่วมและการตรวจสอบการเลือกต้ัง. กรุงเทพฯ: สำ� นกั งานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. ส�ำนักพัฒนาสังคม กรุงเทพมหานคร. (2559). รายชื่อองค์การสวัสดิการสังคมท่ีได้รับรองเป็นองค์กร สาธารณประโยชนแ์ ละองคก์ รสวัสดิการชมุ ชนในพ้ืนท่ีกรงุ เทพมหานคร. [Online]. Available: http://www.bangkok.go.th/social [2560, ตลุ าคม 1]. คณะผเู้ ขียน นางสาวเบญจวรรณ เจรญิ กสกิ ร วทิ ยาลัยนวตั กรรมและการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภฏั สวนสุนันทา เลขที่ 1 ถนนอทู่ องนอก แขวงดุสิต เขตดสุ ติ กรงุ เทพฯ 10300 e-mail: [email protected] ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. วิจติ รา ศรีสอน วทิ ยาลยั นวัตกรรมและการจดั การ มหาวิทยาลยั ราชภัฏสวนสนุ ันทา เลขที่ 1 ถนนอู่ทองนอก แขวงดสุ ิต เขตดสุ ติ กรุงเทพฯ 10300 e-mail: [email protected] 116 บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ิต

กระบวนการต่อยอดผลงานวิจัยสเู่ ชงิ พาณิชย์ กรณศี ึกษา มหาวิทยาลัยวจิ ัยแห่งหน่ึงในประเทศไทย Research Commercialization Process: A Case Study of Research University in Thailand พัชรกร สนิ สมบรู ณ*์ และอญั ณิฐา ดิษฐานนท์ วทิ ยาลยั นวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ Patcharakorn Sinsomboon* and Anyanitha Distanont College of Innovation, Thammasat University Received: March 1, 2019 Revised: May 6, 2019 Accepted: May 16, 2019 บทคดั ย่อ งานวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์ เพ่ือศึกษากระบวนการต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ กรณีศึกษา มหาวทิ ยาลยั วจิ ยั แหง่ หนงึ่ ในประเทศไทย งานวจิ ยั นเี้ ปน็ งานวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ โดยทำ� การศกึ ษาเปน็ กรณศี กึ ษา เชิงเด่ยี ว ซึ่งมขี น้ั ตอนการวจิ ัยแบง่ ออกเปน็ 3 ข้นั ตอนหลัก คือ (1) การทบทวนวรรณกรรมและทฤษฎีจาก งานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง (2) การวิจัยเชิงประจักษ์ (3) การวิเคราะห์และสรุปผล ในขั้นตอนการศึกษางานวิจัยน้ี มีการแบ่งศึกษาตามกระบวนการต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ ซ่ึงแบ่งออกเป็น 4 กระบวนการ ได้แก่ (1) การเกิด แนวความคดิ ใหม่ (2) การปกปอ้ งทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา (3) การพฒั นาผลติ ภณั ฑต์ น้ แบบ (4) การตอ่ ยอดผลงานวจิ ยั สู่เชิงพาณิชย์ ผลจากการวิจัยพบว่าสามารถแบ่งกิจกรรมได้เป็น 13 กิจกรรม ดังน้ี การสร้างแนวคิดใหม่, การประเมนิ แนวคิดใหม,่ การหาแหลง่ เงนิ ทนุ สนบั สนุน, การวจิ ัยและพัฒนา, การเปิดเผยข้อมูลสิ่งประดิษฐ์, การประเมินสิ่งประดิษฐ์สำ� หรบั การจดสิทธบิ ตั ร, การจดสทิ ธบิ ตั ร, การพฒั นาผลติ ภัณฑต์ ้นแบบ, การทดสอบ ผลิตภัณฑ์ต้นแบบกับกลุ่มผู้บริโภค, การประเมินศักยภาพงานวิจัยในการต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์, การประเมิน มูลค่าทรัพย์สินทางปัญญา, การเจรจาต่อรองในการออกใบอนุญาต, และการขายและการท�ำสัญญาให้ใช้ ใบอนุญาต ซ่ึงหากมีการพิจารณาถึงรายละเอียดของกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ในทุกช่วงกระบวนการของ การต่อยอดผลงานวิจยั สู่เชิงพาณชิ ย์จะทำ� ใหท้ กุ ชว่ งกระบวนการมีประสิทธิภาพ และมคี ณุ ภาพมากขนึ้ อกี ทั้ง ยังสามารถน�ำไปใช้เปน็ แนวทาง และปรบั ใชก้ ับมหาวิทยาลัยหรือองค์กรอน่ื  ๆ ท่ีมีบริบทใกล้เคยี งกนั คำ� ส�ำคญั : การต่อยอดผลงานวจิ ัยสูเ่ ชงิ พาณิชย์ ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา สญั ญาอนุญาต มหาวิทยาลัยวจิ ยั * พชั รกร สินสมบรู ณ์ (Corresponding Author) ปที ่ี 15 ฉบับท่ี 3 ประจำ�เดอื นกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 117 e-mail: [email protected]

Abstract The main purpose of this research was to study research commercialization process: a case study of research university in Thailand. This research was a qualitative research by studying a single case study. The research methods were divided into 3 parts; (1) review of literature and theories of related researches (2) empirical study (3) analysis and conclusion. According to the research, there were 4 steps of commercialization process; (1) idea generation (2) intellectual property protection (3) prototyping (4) commercialization. The results of the research showed that the activity can be divided into 13 activities; new idea development, assessment of the new idea, funding, research and development, invention disclosure, evaluation of invention for patenting, patent application, prototype development, prototype test with consumers, evaluation of research commercialization, intellectual property valuation, negotiation of license, and selling and licensing intellectual property. If considering the detail of these activities in every step of commercialization process, it will result in more efficiency and quality to the commercialization process. Furthermore, it can also be used as a guideline and applied to other universities or organizations. Keywords: Research Commercialization, Intellectual Property, License, Research University บทนำ� ปัจจุบันความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมได้เข้ามามีบทบาทส�ำคัญ ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และความเป็นอยู่ของประเทศ หลายประเทศให้ความส�ำคัญกับการน�ำ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมมาใชเ้ พื่อเป็นการสรา้ งความได้เปรียบทางการแขง่ ขนั และเปน็ การยก ระดับคุณภาพผลผลิตของประเทศน้ัน ๆ การท่ีประเทศจะสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้นั้น ส่วนหนึ่งมาจากการผลักดัน และการต่อยอดผลงานวิจัยในมหาวิทยาลัยสู่เชิงพาณิชย์ ซ่ึงในต่างประเทศก็ให้ ความส�ำคัญกับการผลักดัน และต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ โดยเห็นได้จากการศึกษางานวิจัยใน ต่างประเทศ ได้กล่าวไว้ว่า “ผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยถือเป็นแหล่งสำ� คัญของนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ท่ีส�ำคัญ ซ่ึงสามารถสร้างมูลค่าทางเชิงพาณิชย์ได้” (Khademi & Ismail, 2013) และ “การต่อยอด องคค์ วามรดู้ า้ นเทคโนโลยแี ละวทิ ยาศาสตรส์ เู่ ชงิ พาณชิ ยน์ น้ั จะถกู สรา้ งขน้ึ ภายในมหาวทิ ยาลยั ศนู ยว์ จิ ยั และ หอ้ งปฏบิ ัติการ” (Khademi & Ismail, 2013) การที่ประเทศไทยจะสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้นั้น ส่วนหน่ึงมาจากการพัฒนา ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งมีความสอดคล้องกับการก�ำหนดนโยบายประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0) จากทางภาครัฐท่ีเน้นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ ไปสู่เศรษฐกิจท่ีขับ เคล่ือนดว้ ยนวัตกรรม (สภานโยบายวิจยั และนวัตกรรมแหง่ ชาต,ิ 2560) ดงั นัน้ การปฏิรปู ระบบวิจัยเพอื่ ให้เกิด การพฒั นาไปสกู่ ารสรา้ งนวตั กรรม จงึ กลายเปน็ สว่ นสำ� คญั ในการขบั เคลอ่ื นนโยบายประเทศไทย 4.0 ทงั้ นที้ าง 118 บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยสวนดุสิต

ส�ำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้ท�ำการก�ำหนดยุทธศาสตร์ พ.ศ. 2560-2564 เพ่ือสนับสนุน นโยบายประเทศไทย 4.0 นน่ั คอื “การขบั เคลอ่ื นการนำ� ผลงานวจิ ยั และองคค์ วามรขู้ องประเทศและนานาชาติ มาใชใ้ นการพฒั นาระดบั ประเทศและพนื้ ท่ี เพอื่ เพมิ่ ขดี ความสามารถในการแขง่ ขนั เชงิ พาณชิ ย/์ อตุ สาหกรรม” จากความส�ำคัญข้างต้นที่กล่าวมาแสดงให้เห็นว่า การสนับสนุนทางด้านนโยบายจากทางภาครัฐ โดยมกี ารกำ� หนดยทุ ธศาสตรใ์ หม้ กี ารขบั เคลอ่ื นผลงานวจิ ยั เพอ่ื เพม่ิ ขดี ความสามารถในการแขง่ ขนั เชงิ พาณชิ ย์ เป็นส่ิงส�ำคญั ต่อการพัฒนาประเทศ เพือ่ เป็นการเพิ่มขดี ความสามารถทางการแขง่ ขันใหก้ บั ประเทศ ซงึ่ การที่ จะต่อยอดผลงานวจิ ยั สู่เชิงพาณิชยใ์ หป้ ระสบความส�ำเรจ็ ไดน้ ั้น มกั จะพบกับอุปสรรคและปญั หาระหวา่ งทาง ของกจิ กรรมท่ีทำ� ในแต่ละขน้ั ตอน ส่งผลให้การวิจัยและพฒั นาเกิดความขัดข้อง และเกิดความล่าชา้ และยาก ท่ีจะประสบความส�ำเร็จทางเชิงพาณิชย์ได้ จึงเกิดค�ำถามงานวิจัยท่ีว่ามีกิจกรรมใดบ้างท่ีส�ำคัญที่ท�ำให้ กระบวนการต่อยอดผลงานวิจัยสู่ เชิงพาณิชย์ประสบความส�ำเร็จ และน�ำมาสู่ที่มาของการท�ำวิจัยเรื่อง “กระบวนการต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ กรณีศึกษา มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งหน่ึงในประเทศไทย” เพื่อ ศึกษากระบวนการและข้ันตอน รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่ส�ำคัญท่ีเกิดข้ึนในแต่ละข้ันตอนของกระบวนการ ตอ่ ยอดผลงานวจิ ยั สู่เชิงพาณิชย์ เพื่อนำ� กจิ กรรมดงั กลา่ วไปใชเ้ ป็นแนวทางและปรับใชก้ บั มหาวทิ ยาลัย หรือ องค์กรอ่ืน ๆ ท่ีมีบริบทใกล้เคียงกัน เพื่อให้สามารถต่อยอดผลงานวิจัยไปสู่เชิงพาณิชย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมคี ุณภาพมากข้ึน วัตถปุ ระสงค์ ปแลวตตัะระข่ถลเันุ้ปะทตขรศอะ้ันไสนเทตเพงขพอยคอ่ือ่ือน์ศงศกขกึ ึกรอษษะงาาบกกกวรรรนะะะกบบบาวววรนนนตกกอ่กายาารอรรตตตด่ออ่ผ่อยลยยองออดาดดนผผผวลลิจลงงายังานสานนว่เู ชวิจวงิจิัยิจพยัสัยาสู่เสณชเู่ ชู่เิงิชชพงิ ยิงพา์พณกาารณิชณณยชิ ีศิช์ยแกึย์ แลษ์ ละากศะรมึกศณหษกึ าีศาษวกึกาทิ ิจษกยกจิาารกลรมรัยมรวหตมจิ า่ายัตวงแา่ิทๆหงย ง่ๆทาห ลที่สนัายส่ี ึง่ ควำ�ในัญิคจปัยญัทรแี่เทะกหเี่เิดกท่งขหดิศึ้นขไนทในึ้ึ่นงยใใแนนต่ แแนนววคคดิ ดิ ททฤษฤฎษที ฎเ่ี กที ่ยี ี่เวกขยี่ อ้ วงข้อง กกรระะบบววนการต่อยอดผลลงงาานนววิจิจัยัยสสู่เชู่เชิงิงพพาาณณิชิชย์ย(์R(eRsesaercahrchCoCmomemrceiarcliziaaltiizoantioPnroPcreoscs)essจ)ากจกาากร กทาบรททวบนทววรรนณวรกรรณรมกแรลระมกแรลอะบกแรนอวบคแดิ นทวฤคษดิ ฎทีจฤาษกงฎาจี นาวกิจงยั าทนเ่ี วกจิย่ี ยัวทข้อเี่ กงย่ี พวบขวอ้ ่าง พมีงบาวนา่ วมิจงีัยาหนลวาจิ ยยั งหานลวาิจยัยงาทน่ีศวึกจิษยั าทเกศี่ ่ียกึ วษกาับ (ใทเกกPซCกนrง่ึับร่ีสย่ีooมแะบอวmcบหบรดกeง่วาบิmคsบัอนวsทลกอทิก)eงก้รอายrใาะcนเรงนาปiหบกบลaวน็ รวับรlจิัยiือนบิzยั4สบขaทแกู่เรกน้ัชtลางิบiรตาิงรoะะทนพอหกnบวนงรารวPิจาณณอืในนยันrขศีoชิกกวน้ัคกึcยาาิจตือษeร์รัยซอาsตดกแึง่sน่อดังร)แลใยแะังใบนะอสตบน่งกกดด่อวบอารงสไนรอรณตปู่เกิบตชกานาีศทิอม่งเี้รปพึกคภยงน็ษาหาาอาณนนพรดา4ืิอยวทสิชิจาขดกยเีู่่ ชม1ั้ัยนัง์รงิซขตตะคพึ่องอ่บออืผางนไวกู้วณปกขนิจรชิอรนกัะยะยงี้บาไกบด์รควซา้ทวน�ำงึ่รดนานผกตังกกวู้าิย่อแาจริาายสรตรยัมอดว่อไหิเดขงดคยตผอรท้อรือลางาำ�ดมกงขะกสาภัน้รหาู่เนะชาตร์แวพบิงวลอิจพเิทวะนัยคาสนี่ขใรณ1นรกาอุปิมชะางกยหหกรร์ตาาแ์ (ะวรC่ลอบิทตoะยวยอ่สmอนายรดmลกอปุ สัยาดกeรู่เสผrรชทู่เcะลชิงี่สiaบพิงงอlพาวiาดzนนาณaคณวกtลิชิจiาิoช้อยัยรยnง์ ์ การเกิดแนวภคาวพาทมคี่ 1ิดใคหำ� มน่ ยิ(IdามeaขอGงeกnรeะrบatวioนnก)ารเปต็นอ่ ขยั้นอตดอผนลขงาอนงกวาจิ รยั คส้นเู่ ชพิงบพสาิ่งณใหิชมย่ ์(Tayebeh Khademi and Kamกaาrรiaเกhดิ Iแsmนวaคilว, า2ม0ค13ดิ )ใหโดมย่ (กIdาeรวaิจGัยeแnลeะพraัฒtioนnา)(Rเป&น็ Dข)นั้ (EตlอiaนsขGอ.งCกaาrรaคyน้anพnบisส,งิ่ Aใหleมx่e(TyaYy.eCbheehreKphoadvietsmyni aหannรddือกAาKlรianคma้นaพAr.บiIaสlihิ่nงปoIรvsะamด, ิษ2a0iฐl1์ใ,ห52)ม0จ่ 1ารก3วน)มักถโวึงดจิขยัยั้นกใตนาอมรนหวขิจาอวัยงิทแกยลาาะรลปพัยรัฒะเชเนม่นาินกผ(าRลรก&คา้นDรพ)คบ้น(เEพทlบคiaโใsนหโมGล่ ย.(ใี SหCaมah่reกaeาydรaคn้นAnพ.isบG,นbAวaัตldeกexรgeรeมysใhหYinม.,่ 2017) เชน่ ประเมนิ ถึงศักยภาพ และความสามารถในการตอ่ ยอดสเู่ ชงิ พาณิชย์ การปกป้องทรพั ย์สนิ ทางปัญญา (IP Protection) เป็นข้ันตอนขปอที ง่ี ก15าฉรบปับรทะี่ 3เมปรินะสจ�ำ ิ่งเดปือรนะกันดยิษายฐน์ส-าธหันวราับคมก2า5ร6จ2ด119 สิทธิบัตร (Tayebeh Khademi and Kamariah Ismail, 2013) การเปิดเผยข้อมูลสิ่งประดิษฐ์เพ่ือยื่นขอจด สิทธิบัตร (Yu Zhou, 2015) และการจดสิทธิบัตร (Elias G. Carayannis, Alexey Y. Cherepovitsyn and Alina

ซง่ึ แบง่ ออกเปน็ 4 กระบวนการ ดังแสดงตามภาพท่ี 1 CherepoกvาiรtsเกyิดnแaนnวdควAาlมinคaิดใAห.มI่l(inIdoevaaG, e2n0e1r5a)tiจoาnก) นเปกั ็นวจิข้ััยนใตนอมนหขาอวงิทกายราคล้นยั พเบชส่นิ่งใกหามร่ ค(T้นaพyบebเทeคhโนKhโลaยdใีeหmมi่ aห2GaAสส(ขกa(กSSnn0ิิทท.nbรอาาaa1ddือรรaธธdจhh7จคกิิบdบIดKAlee)ดาie้นัตัตAสnaleeเรgiสรรพชlmทิnoคddeiิทน่nกกavบธ(ก้นsaYธa(AaAาาิบhานrพATปuบิ,iรรร..iตัaaว.nบรปปพAตัGGhZyรัตะI,สl2ก.กรeัฒbhbiเก2ิ่nงI(0มปbปsoYaI0a(ปรนo1lmนิT้อe้uอdu1idรร5vnาaถงh7มง,aeะe)aผทoZyึงท)i2ดใgg,lเศลeรvhห,0eพรeKิษ2ัพกัิตba2oัพ1มshs0่ือฐยย,ภe0h5hu1a่ย์ใคภ์ส1hั)ณหidi52,ห์สุ้nมnานิ3แ)มe02รินพKฑ,ค,)ทลmจ0่1ือ2hทร2โ์ตาะา15แกดรอ0a0iงาก้นก5ล)วยาป1งd1งนามแ)ะรสกaป7ญั7เeรกัคถคบแnพิาท))ัญmจญววึรงdล้นบ่ือธเดิจขวาญชาะิiแพคสัยมจิ้ันน่กaล(าKุ้ม(บิทใยัสตPInานะPaแคาธสปอrร(dทmมมิลบoIร่ิงPนรจPหราะปอัตtaKะrดขัพรoาoพrงรรเaอPสถวiมtยtสaฒัะmงreิทิทใy(์นิสhิทoดEนกนcpยธaินlถิษtาธกtาiาิบireaiรnึงทิแIาoฐลissัตa(cศปรgลาm์nใRัยhtรตกัหร)Gงะ&)ioaะอ่เปย.มท(IDเชเisเEยnปัญภปlC่มน่ร)m,lอ)็นaรา็นiัพินญ(aดกErพวขa2เขผaยsาสlปามi้ัน0iyั้ลlนใ์สaรเู่แG,ถ1็นตหaชกคsตินล23.ึงnอขงิ้กา้นอทGะ)ข0พCnนั้รนับพนคั้น.1กาคาiaขตsนบงวCณ3ขาตr้น,ออักaปารเ)aออAพงชิทนyวเมrัญกกงlนปยบaคิaจขeสกาา์yิญดขโnใัยxอารรานaหเอeแnมปาเงรผnโมปyงลกiใาพลรยns่กหิดะราะย,Yขiัฒsา(ถ้รกมเเีใA.้อS,ผมรหปนใับหClaมAปยินนeมราาhนhูลlขสรกx่ะผeวeeักสกะอ้่ิงeาิเทxลer่ิงมวาปเรมyeeยิตdมปริจินตรypลู าคภYินรัยะ่อสoสลY้นะ.Aัณดผแยิ่งv่ิงัย.ดCพ.ิษลลปiปอฑtCิษhบกะฐsรดGรh์ตฐye์สนมาะ(ะสbe์Sเn้นrราดวหดพ่เูaeraหคชแัตeิษaิษdา่ือhp้นริงกบpnวฐeeฐยoับพรoพิทdบ์สg์เe่ืนvรกพาevบ�ำยdขiมAณาits่อืหแtาใอsรใhlsหยลiลชิรหyจจnyiAnับื่นัยมnยะมดnดa,.์่่ การทดสอกบาผรพลัติฒภนณั าผฑลต์ ิต้นภแัณบฑบ์ต(S้นaแhบeบed(PAro.tGobtyapdinegg)eเsปh็นinข,ั้น2ต0อ1น7)ขเอชง่นกากราพรทัฒดนสาอผบลติตลภาัณดฑเพ์ต่อื ้นเแกบบ็ บผลแตลอะบกราบั ร ท(Fดeสeอdบbผaลcิตkภ) ัณจาฑก์ตผ้นใู้ ชแก้บ่อบนก(าSรaสhรeา้ eงdผลติ Aภ. ณั Gฑbจ์ aรdิงegeshin, 2017) เช่น การทดสอบตลาดเพ่ือเก็บผลตอบรับ (Feedbacกkา)รจตา่อกยผอู้ใชด้กผอ่ ลนงกาานรวสิจรัา้ยงสผู่เลชิติงภพัณาณฑจ์ิชรยิง์ (Commercialization) เป็นข้ันตอนของการขาย License (SaheedกAาร.ตG่อbยaอdดeผgลeงาshนiวnจิ ,ยั 2ส0ูเ่ ช1ิง7พ)ากณาชิ รยท์ ำ�(Cสoญั mญmาอeนrcุญiaาliตzaใหtioใ้ ชn้)Lเiปc็นenขั้นseตอ(YนuขอZงhกาoรuข,า2ย0L1i5ce) nแsลeะ(กSาaรhอeอeกd Aใบ. อGนbุญadาeตgใeชs้ hLiinc,en20se17)ใหก้กาับรทบารสิษัญัทญหารอื นผุญู้ปารตะใกหอ้ใบช้กLาicรeทn่ีสsนeใจ(YในuผZลhงาoนuว, ิจ2ัย01(5T)ayแeลbะeกhารอKอhกaใdบeอmนุญi าaตnใdช้ LKiacmenasreiahใหI้กsmับบaรilิษ, ัท2ห01รือ3ผ) ู้ประกอบการท่ีสนใจในผลงานวิจัย (Tayebeh Khademi and Kamariah Ismail, 2013) ตตาารราางงทที่ ี่11สสรรปุ ุปกกระรบะบวนวกนากราตรอ่ ตย่ออยดอสดู่เชสิง่เู พชาิงณพาิชณยท์ ชิ ไ่ี ยดท์ ้จ่ีไาดกจ้กาากรศกึกาษรศาแกึ นษวาคแดิ นทวฤคษิดฎทที ฤี่เษกย่ีฎวที ขีเ่ อ้ กงี่ยวขอ้ ง Author Idea IP Protection Prototyping Commercialization Generation Tayebeh Khademi Scientific Invention Marketing of Negotiation of and Kamariah Ismail Discovery Disclosure, Technology to License, License to (2013) Evaluation of Firms Firm Invention for Patenting, Patent CharttiAroutthKaorraveg, SearchIdea SeleIPctP(rSoetleeccttiioon of DevPerloptomtyepnitng CCoommmmerecricailaizlaiztiaotnion Natcha (InGvenetiroant,ion Potential R&D (Implement) (Negotiate the Thawesaengskulthai, Discovery) Commercialization Compensation, and Achara Capability: IP, License, Sell) Chandrachai (2014) Patent) Yu Zhou (2015) Idea Generation Invention - Patent Licensed Disclosure, Patent Application, Patent Granted Elias G. Carayannis, Research and Invention Marketing, Business Technology Alexey Y. Development Disclosure, Proposal Commercialization Cherepovitsyn, and Technology (Licensing / Start-up Alina A. Ilinova Assessment, Patent Company) (2015) Application, IP Protection Saheed A New Discovery, Protection of the Prototyping Selling IP & Licensing 120 บGัณbฑadิตวeิทgยeาsลhัยinมห(า2ว0ทิ 1ย7า)ลัยสวนAดsุสsิตessment of New Discovery Development and IP the New Testing Discovery

Disclosure, Patent Application, Patent Granted Elias G. Carayannis, Research and Invention Marketing, Business Technology Alexey Y. Development Disclosure, Proposal Commercialization ตCาhรeาrงeทpo่ี v1its(ตynอ่ ,)and Technology (Licensing / Start-up Alina A. Ilinova Assessment, Patent Company) (2015) Author Idea AppIPlicPartoiotne,cItPion Prototyping Commercialization Generation Protection STahhaeweedsaAengskulthai, DNieswcoDveisrcyo)very, PCroomtemcteiorcniaolifzathtieon Prototyping CSeolmlinpgeInPsa&tiLoinc,ensing GanbdadAecgheasrhain (2017) Assessment of CNaepwabDilsitcyo:vIePr,y Development and ILPicense, Sell) Chandrachai (2014) the New Patent) Testing Yu Zhou (2015) DIdiescaoGvenryeration Invention - Patent Licensed รวมระัตEAะีวเlถlบัตเieaุบปxยีถseรบียุปGyะว.บรYสCธิงะ.วaีวางสrิธคนิจaงy์วียัเวคaพิจิจ์เn่ืพอัยnยั ศi่ือนsึ,กศี้เปษึก็นษากRDงาeeารกsvนะรeeบaะวlorิบจวcphัยนวยmนเaกเeชnชกาnิdงิงรtาคคตรุณุต่ณอ่อภยภยPADDIอาnาapiiอพดvssพtpcceดeผlllnnooiผโcลttssดaiลoงuuGtยงnาirroreeาaศนn,,nนึก,วPกtวิaeจษษtิจdัยeาาัยnสแแสtู่เบบูช่เชบิบงิงกพกพรMPาราณrณaณoณrpีิศkชีศิชoeึกยึกstยi์aษnษ์lโgาโดา,ดเBเยชยชuผิงsิผงู้เวinเู้ดวิจดeิจ่ียัยsี่ยัยsวไวไดด(้ท(S้ทSTCาie�ำionกcกmghาาlmnรeรoเeเลlCลroCcือaือgiaaysกกlseiกzกeaรStiณtoSuntีศduึกyd)ษyมา)ี มมหCหาhาวeวิทreิทยpยาoาลvลiยั tsัยวyิจวnัยิจ, แaัยnหแdง่หห่งนหง่ึ นในึ่งใปนรปะเรทะศเทไทศยไท่ีปยรTทะeี่ปสchรบnะคoสวlบoาgมคyสวาเมรส็จใ�ำนเรก็จาใรนตก่อายรอตด่อผยลองาดนผวลิจงัยาสนู่เวช(ิจงLพัiยceสาnณู่เชsiิชnิงยgพ์ /าโณดStยaิชมrยtีข-์u้ันโpดตอยนมี AดSใเรพใวมกใปค(5กสขกนนนะSัtตรัnงหาSGA(้ันู่เรวรrี่ย2กกเกตะeชณคaauถาlbบะะา0ตวiาาาบhmาnlวิงุcaนป1บมชิสียขyรรรอeงaพทิdวt5sศศยรบ้อบทวeลiรuนeน)-ยโAiาd์ะึึกกนาsงSgวา�rดำกกใ.เาณ)eeกงษษสพงtนธิกเ12 12AยาIลาlทsdrอา ับชิีวงiาาา)่ือร)))ารhกัยแunน ี่ียววคกิจตณนยรiใกoวIเาบ2c(n(nวจิจิหพ1์2((กกงตรัยเ่อ์vิจารวtก21ง่ก์ิจtพเยัยั(ใะ))้ทaหuาาร่ื่อยัยศอิ2พจeอ))านัยาปปบ่ืศกรรกอร 0อลแrยสึกัrรยอรือ่เeกศศรร1าvึกาาวดหศักกงชอรศษทนกใ7ะะบdรiรนากึษึกจุสึeิปงง่าากดหึก)าี้กกสเ�ำสเถรคาหกษษารรู่เwปกษสวษปI้ทงัออชงมั ึงทกnเุสณสานาาาิจ็นรเชู่เsก็าาิงบบรภนรกtก�ชงัำัมเวึ่ง)นะยัพิงภวกDtANจิาeชตดดาเาใงงตริงhภป3แบทรกปsบกieานาษรrิงร่้้ววอsาพeรแsลvรราwณพcตวรปี่เะรสปยยถeณนนยณกบาะกณoiษะNรนะsแeับมงึรรชิอDวณลวจvs33บผ์เมี่ย(eกณกกกะบะกwชMmภยeดวิิiจักจwมุู่ถ้ตsวมริชเอิจาจrขขรงิ์บนcาผเ์ััษยsทeยyูกaข่า(รีสลรชยรoกบนั้นั้กัษC)ดลnมกrงเส์ศ้อมเ่วหึกมvิงs์ร(ษตตชtดoชแณงังสีาัมไE(eนงhแลๆแรราCออติoทงิmว้์(ลงrรmว่กภ์aรืลIกึมอ(นyลfคนนnยoาคยทะนผตEบั่วlา,ะmขตะวpงlุ-ณทุmผmู้่ณวีเ่ษม(อร,กดดdท3ั้ินจรทกา่Iiิจeี่ปวู้ถr่n1ณยัังงภeารังภmiดิฤpตฤ(ัยrมcขกูรนน-9PANAPงPะ อpสcาข์แๆษdษอiaาะจrrัน้ท9spสr้ี้ีeeaบitด(ู่เพoo้นึตlas iพนeสฎฎะPphwช5ทrcมัตrี่ettวผล่lใtSบpclทข2eeี)ิaงีททais่ีเนภiอiนzIะDcลtc(โccisพกnอคrtlาโ่ีaเี่เuMaaแนmาดttiกtทihหงกกกsดิptวางiitlSitdตษoocecาาiย่iาe่ียกลณาiี่ยaaoขztดonnoyIล่ รiนนrณnมผศnรuวntาrังpวa้นึvv)ังnิชะตtosoมวสจ,วู้รขถึขtdetก,iaน์แใปยขehอ่freิIเiิตาจาrาู้กอPPนP้อtoyyษตค้ี์ั้นไwรtaเจrยกoัa่ยสrงอ)hมงรแnvล่ะาตotlOาอ)กrัมeส็จยe่นปาตilกะแy(กอceดโ(,าnPbLใู่ภะอเ้ออล่LรทeดนหบนwชรtOiผsrหดาtะยบ1iะsยo่าขลสeิกtบงeลษ)sb์ขผกกข9ดeเนอcาrพัมาr)ลงกณ้อvsโลวอaั้นว้9rกรงeมาภดPTDาือeaaร่มtยกงตบ5ห์ตsนาreณueกยาttrณคoูลรอ่s)ดsจ5ivลอuvวษrใoนเtะ)ือtิโยชeeีaชลาาว้oศนriจิ ดnโnณบปวleอยกยt้วtยือoึดยัผกขgิ)yยจiวี ดิธ์ภหo์pกู้pเสยอษจันใยใSผกีSชโผmาniชลนใ่เูผางnดtสกtาา้วูี่ยชชลค้)uหานกeกguู้รถู่าเเยจิวงงิสว้ nกใdชิจรชลวสรdูกาชัยพผนิธ่tวหิะตนyงกิััมกงนyาจู้สกีนวกaาพ)บอ่รเลกภ)ญวnิะัจาณม5จดิ รายวาาิจาเdรทัยทปก่ีมภพณยอรยนษิชปัคยส�ำไ่ีมรกรวื่อดาวภยณสกนริชัมดกระิเีาปษเสะไ์ู่เาาคย้ภปมท์แารกช(มโร่เู กครณSSIC์รใรชตดบ็นกPาิงอาะ่นตนeอสioาวงิ่พอษnยบก์าสกบlอ่อ้mะบลพว่ิเlยรgแาคบาณกาiคดหnนยยักดาlpตณอบรรึง่ือกeรg้วณอ์กเแ์ษa้วขโอ่ดเ่งานเาิชยnคIดวยบลพจPอณCชิยผะรผ้ือยyทร่าืสทัอดบยณลaอือ่ห)&์ูหะง้เฤู่เคฤsก์โงชกดสเ5ข์ชค์กาดLeปษาวษเกี่ึ่งรยผอ้iงิาาปนยcาน็ฎโ(ปา้ฎรลพวรSนมe็คมนCมวงกณีเทีีtชเnงิาูลยิจลีoกรขuกจา(sาา3าณีาโังยศSั้านniี่ยd่ีย�ำนรnงดญมสeเสึกtนวติชาyขวgอวยeรเmู่เนกท)กษอลยจวจิชียชใn้าับัุ่นบนทมี่์มดัมชยัiิางงิงงt-ี่้ี ปหฏลิบักตั กกิ าารรว1เิ()คOรpกาeะาrรหaศtเ์ iนึกoอ้ืษnหaาlวารD(รeCณfoinกniรtieรoมnแt)ลAะnทaฤlyษsฎisีท)ี่เเกพ่ียอ่ื วสขร้อปุ งก(รLะitบerวaนtuกrาeรหรSือtuขdน้ั yต)อนปขรอะงกกอาบรดต้วอ่ ยยทอฤดษผฎลีงเกาี่ยนวกิจับย กสรเู่ ะชบงิ พวนากณาิชรตย่อ์ในยลอักดสษ่เูณชิงะพคา�ำณนชิยยา์ม(Cเชoิงmปmฏบิerตั cิกiaาlรiza(OtiopnerPartoiocnesasl)Definition) 2) การศึกษาเชงิ ประจักษ์ (Empirical Study) ประกอบด้วย พตาตาณารราชิ างยงท์ ทเ่ีพ2่ี 2อ่ื ผใ(ผเหู้1ชู้เ)้ทชย่ี กรย่ี วาาวชบรชาสถาญังญึงเกทกทจิ มี่ตมี่กปีแีปรบรรระบมะสสตมบบ่าีสงกก่วนาาๆรรณทณ่วเ่ีมก์ก์กาดิา(รPรขทaท้นึ าrำ�ใtงนiงาcาแนipนตทaทล่ เ่ีtกะเ่ีoกย่ีขrย่ีyว้ันขวตOขอ้ อbอ้งนกsงขeับกอrกบัvงรaกกะtรรiบoะะวnบบน)ววกนในนากกรกาาติจรร่อตกตย่อรอ่อรยยดมออผกดดลาสรงผู่เาชตลนงิ่องพวยาจิานอัยณดวสจิชิผู่เยัยลช์สิงงพาเู่ ชนางิณวพิจชิ ัยายณส์ ู่เชิ ยิง์ กลุ่มตวั อยา่ (ง2) การสมั ภาษณเ์ ชิงลกึ (In-depth Interview) โดยเลอื กใชว้ ธิ ีการสมั ภาษณแ์ บบกงึ่ปโคระรสงสบรกา้ างร(ณSe์ mi- St1ru. cนtักuวreิจัยd Interviews) และผ้ถู กู สมั ภาษณแ์ ต่ละท่านมาจากหลากหลายภาคส่วน เพื่อเป็นการขจัดความลาเอียง ในนกกั าวริจทยั าฝงา่ ยนเวทิจคัยโเนชโิงลคยุณชี ภีวมาพวล(แMลaะrพshลaังงllา,น1ช9วี 9ภ5า)พโดยผู้ถูกสัมภาษณ์ คือ ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการ1ณ0์กปารี ทางานท่ี เกนี่ยักววขิจ้อัยงชกาับนการญะกบาวรนพกิเาศรษตฝ่อ่ายยอจดุลผชลีวงวาิทนยวาิจปัยรสะู่เยชุกิงตพ์ าณิชย์ไม่น้อยกว่า 5 ปี จานวน 5 คน โดยแบ่งออ9กปเปี ็น 3 กลุ่ม ดัง2ต.าเจงรา้ าหงนทา้ ่ี ท2่ดี หา้ นลังทจราัพกยกส์ านิ รทสาัมงภปาญั ษญณา์ ผู้วิจัยจะทาการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้หลักการวิเคราะห์เน้ือหา (Content Anเจaา้lyหsนis้า)ที่ปเฏพบิ ่ือตั สงิ ราุปนกทระัพบย์สวนิ ทการงปหัญรือญขา้ันตอนของการต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ในลักษณ8ะคปาี นิยามเชิง ปฏหิบวั หัติกนา้ รงา(นOทpรeพั raยt์สioนิ nทaาlงDปeัญfญinาition) 12 ปี 3. ผู้ประกอบการ ผู้ประกอบการวสิ าหกจิ แห่งหนึ่ง 14 ปี 3) การวิเคราะห์และสรุปผล (Analysis and Conclusion) โดปยีทกี่ 1า5รฉนบาบั ขที่้อ3มปูลระจจ�ำาเกดอืขนั้นกนัตยอายนนท-่ี ธ1ัน)วากคามร2ศ56ึก2ษา121 วรรณกรรมและทฤษฎีท่ีเก่ียวข้อง (Literature Study) และ 2) การศึกษาเชิงประจักษ์ (Empirical Study) มา วิเคราะหแ์ ละสังเคราะหเ์ พื่อสรปุ กจิ กรรมต่าง ๆ ที่เกิดข้ึนในแต่ละข้ันตอนของกระบวนการต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิง

3) การวิเคราะห์และสรุปผล (Analysis and Conclusion) โดยการน�ำข้อมูลจากข้ันตอนที่ 1) การศกึ ษาวรรณกรรมและทฤษฎที เ่ี กย่ี วขอ้ ง (Literature Study) และ 2) การศกึ ษาเชงิ ประจกั ษ์ (Empirical Study) มาวเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะหเ์ พื่อสรปุ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ขึน้ ในแตล่ ะขน้ั ตอนของกระบวนการต่อยอด ผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ เพื่อน�ำไปใช้เป็นแนวทางและปรับใช้กับมหาวิทยาลัยหรือองค์กรอ่ืน ๆ ท่ีมีบริบท ใกล้เคยี งกัน เพือ่ ใหส้ ามารถต่อยอดผลงานวจิ ยั ส่เู ชิงพาณชิ ยไ์ ด้อยา่ งมีประสิทธิภาพและมคี ณุ ภาพมากขน้ึ ผลการศึกษา จากการเก็บรวบรวมข้อมูลท่ีไดจ้ ากการศกึ ษาวรรณกรรมและทฤษฎที ่เี กีย่ วข้อง (Literature Study) และการสงั เกตแบบมสี ว่ นรว่ ม (Participatory Observation) ทำ� ใหท้ ราบถงึ กจิ กรรมทเ่ี กดิ ขน้ึ ในแตล่ ะขนั้ ตอน ของกระบวนการต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ โดยมีรายละเอียด แสดงดังภาพท่ี 2 ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 กระบวนการ ได้แก่ (1) การเกดิ แนวความคิดใหม่ (Idea Generation) (2) การปกป้องทรพั ยส์ ินทางปญั ญา (IP Protection) (3) การพฒั นาผลิตภณั ฑต์ น้ แบบ (Prototyping) (4) การต่อยอดผลงานวจิ ยั สเู่ ชงิ พาณชิ ย์ (Commercialization) และสามารถแบง่ ออกเปน็ 13 กจิ กรรม ดังน้ี (1) การสร้างแนวคดิ ใหม่ (New Idea), (2) การประเมนิ แนวคิดใหม่ (Assessment of the New Idea), (3) การหาแหล่งเงนิ ทุนสนับสนนุ (Funding), (4) การวจิ ยั และพัฒนา (R&D), (5) การเปดิ เผยข้อมูลส่งิ ประดษิ ฐ์ (Invention Disclosure), (6) การประเมนิ สงิ่ ประดษิ ฐส์ ำ� หรบั การจดสทิ ธบิ ตั ร (Evaluation of Invention for Patenting), (7) การจดสทิ ธบิ ตั ร (Patent Application), (8) การพฒั นาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (Prototype Development), (9) การทดสอบผลติ ภณั ฑ์ ต้นแบบกับกล่มุ ผ้บู รโิ ภค (Consumer Test), (10) การประเมินศกั ยภาพงานวิจยั ในการต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ (Evaluation of Research Commercialization), (11) การประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญา (IP Valuation), (12) การเจรจาต่อรองในการออกใบอนุญาต (Negotiation of License), (13) การขายและ การทำ� สัญญาใหใ้ ชใ้ บอนญุ าต (Selling and Licensing IP) จากกิจกรรมภทาี่เพกิดทขี่ 2้ึนใกนรแะตบ่ลวะนขก้ันาตรอตน่อขยอองดกผรละงบานวนวจิกยัารสตเู่ ช่อิงยพอาดณผชิ ลยง์กานรณวิจีศัยึกสษู่เชาิงพาณิชย์ ผู้วิจัยได้นา กิจกรรมตา่ ง ๆ เหล่านไี้ ปทาการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) กับผ้เู ชี่ยวชาญท่ีมีประสบการณ์การทางาน 122 ทบีเ่ กณั ี่ยฑติววขทิ อ้ยางลกัยับมกหราวะิทบยาวลนยั สกวานรดตุสติ อ่ ยอดผลงานวิจัยสูเ่ ชิงพาณชิ ยไ์ มน่ ้อยกว่า 5 ปี จานวน 5 คน โดยเลือกใช้การตรวจสอบ ด้านข้อมูลแบบสามเส้า (Data Triangulation) คือ การเก็บข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญซ่ึงเป็นกลุ่มตัวอย่างแบบ เฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) มาจากตา่ งภาคสว่ นกนั และหลงั จากการสัมภาษณ์ ผู้วิจยั ไดท้ าการวเิ คราะห์

จากกิจกรรมท่ีเกิดข้ึนในแต่ละข้ันตอนของกระบวนการต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ ผู้วิจัยได้น�ำ กิจกรรมต่าง ๆ เหล่าน้ีไปท�ำการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) กับผู้เช่ียวชาญท่ีมีประสบการณ์ การท�ำงานท่ีเก่ียวข้องกับกระบวนการต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ไม่น้อยกว่า 5 ปี จ�ำนวน 5 คน โดยเลอื กใช้การตรวจสอบด้านข้อมูลแบบสามเส้า (Data Triangulation) คอื การเก็บขอ้ มูลจากผูเ้ ชยี่ วชาญ ซึ่งเป็นกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) มาจากต่างภาคส่วนกัน และหลังจาก การสัมภาษณ์ ผู้วิจัยได้ท�ำการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลโดยใช้หลักการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) เพ่ือสรุปกระบวนการหรือขั้นตอนของการต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ในลักษณะค�ำนิยาม เชิงปฏบิ ตั ิการ (Operational Definition) ดังตารางท่ี 3 ตารางที่ 3 สรปุ ผลการศกึ ษากระบวนการตอ่ ยอดผลงานวจิ ยั สเู่ ชิงพาณิชย์ (ค�ำนยิ ามเชงิ ปฏิบตั ิการ) กระบวนการตอ่ ยอด ค�ำนิยามเชิงปฏบิ ัติการ ผลงานวจิ ัยสเู่ ชิงพาณิชย์ (Operational Definition) (Commercialization การสร้างแนวคิดใหม่ (New Idea) เป็นข้ันตอนของการสร้างนวัตกรรม Process) ใหม่ ซ่งึ พ้นื ฐานมาจากการท�ำ Basic Research หรอื Basic Science ใน กระบวนการที่ 1 ขั้นตอนนี้นักวิจัยจะต้องมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลาในการปรับใช้วัสดุ การเกิดแนวความคิดใหม่ อุปกรณ์ (Material) ใหม่ ๆ หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ท่ีเข้ามา นอกจากน้ี (Idea Generation) การเกดิ แนวความคดิ ใหม่ อาจมาจากโครงการทท่ี างภาครฐั ใหก้ ารสนบั สนนุ เชน่ โครงการ Innovation Hubs โครงการ Talent Mobility หรอื โครงการ Research Gap Fund เปน็ ตน้ ซง่ึ โครงการเหลา่ นจ้ี ะแบง่ ผเู้ ขา้ รว่ ม ออกเปน็ 3 ส่วน คือ นักวิจัย หน่วยงานท่ีนักวิจัยสังกัด และผู้ประกอบการร่วมกัน ระดมความคดิ ทำ� ออกมาในลกั ษณะของการสร้างแนวความคดิ ใหม่ การประเมนิ แนวคดิ ใหม่ (Assessment of the New Idea) เปน็ ขน้ั ตอน ของการท�ำการค้นหาทรัพย์สินทางปัญญา (IP Search) เพ่ือประเมิน แนวความคิดใหม่ว่ามีความซ้�ำซ้อนกับทรัพย์สินทางปัญญาอ่ืน ๆ หรือไม่ โดยมีหน่วยงานจากทางมหาวิทยาลัย คือส�ำนักงานบริการวิชาการเข้ามา ช่วยในการประเมิน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าท่ีทางด้านทรัพย์สินทางปัญญาเข้ามา ชว่ ยสบื คน้ สทิ ธบิ ตั ร (Patent) ตา่ ง ๆ วา่ ซำ�้ ซอ้ นกบั ผลติ ภณั ฑท์ ม่ี วี างจำ� หนา่ ย อยูห่ รือไม่ ปที ่ี 15 ฉบับที่ 3 ประจำ�เดอื นกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 123

ตารางที่ 3 (ต่อ) กระบวนการตอ่ ยอด ค�ำนิยามเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร ผลงานวิจยั สู่เชงิ พาณชิ ย์ (Operational Definition) (Commercialization Process) กระบวนการท่ี 2 การหาแหลง่ เงนิ ทนุ สนบั สนนุ (Funding) ในสว่ นของเงนิ ทนุ ทจ่ี ะนำ� มาสนบั สนนุ การปกป้องทรัพยส์ ิน การท�ำวจิ ยั และพฒั นา (R&D) มาไดจ้ าก 3 แหลง่ ได้แก่ (1) ทางมหาวิทยาลัย ทางปญั ญา มเี งนิ ทนุ สนับสนนุ มาให้ (2) แหล่งเงนิ ทนุ สนบั สนนุ จากเครอื ข่ายองคก์ รบริหาร (IP Protection) งานวจิ ยั แห่งชาติ (คอบช.) และ (3) แหลง่ เงินทนุ สนบั สนุนจากผ้ปู ระกอบการ การวิจัยและพัฒนา (R&D) ในขั้นตอนของการวิจัยและพัฒนามีทั้งแบบวิจัย เดยี่ วและวจิ ยั รว่ ม ซงึ่ ขนึ้ อยกู่ ับประเภทของงานวจิ ยั นน้ั ๆ ถา้ งานวจิ ยั นั้นเป็นใน ลกั ษณะรปู แบบทางดา้ นอาหารจะตอ้ งมกี ารทดสอบทางประสาทสมั ผสั (Sensory Test) โดยจะใช้คนในการทดสอบต้ังแต่ 30 คนข้ึนไป และคนท่ีน�ำมาทดสอบ จะตอ้ งมคี วามรู้ หรอื มคี วามเชยี่ วชาญทางดา้ นอาหาร เชน่ คนทเ่ี รยี นมาทางดา้ น วิทยาศาสตร์ทางอาหาร เป็นต้น การเปิดเผยข้อมูลส่ิงประดิษฐ์ (Invention Disclosure) เป็นขั้นตอนที่ นกั วจิ ยั จะทำ� การรา่ งคำ� ขอหรอื ขอ้ ถอื สทิ ธขิ องงานวจิ ยั ขนึ้ มา และสง่ ไปยงั สำ� นกั งาน บรกิ ารวชิ าการเพอื่ ใหเ้ จา้ หนา้ ทท่ี างดา้ นทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาชว่ ยตรวจสอบและ แกไ้ ขค�ำ (Wording) ตา่ ง ๆ ให้ถูกต้องเหมาะสม การประเมนิ สง่ิ ประดษิ ฐส์ ำ� หรบั การจดสทิ ธบิ ตั ร (Evaluation of Invention for Patenting) เป็นข้ันตอนของการประเมินการจดทรัพย์สินทางปัญญาว่า ควรอยใู่ นระดับการจดแบบใด เช่น ระดบั ของอนุสิทธิบัตร หรอื ระดบั สิทธบิ ตั ร เป็นต้น เพ่ือให้นักวิจัยและมหาวิทยาลัยได้รับการคุ้มครองสิทธิสูงสุด โดยจะมี เจ้าหน้าท่ีทางดา้ นทรัพย์สินทางปัญญาเขา้ มาช่วยประเมนิ การจดสิทธบิ ตั ร (Patent Application) เป็นขนั้ ตอนของการยน่ื จดสทิ ธิบตั ร โดยมตี วั แทนของมหาวิทยาลัย คอื เจา้ หน้าท่ี TLO (Technology Licensing Office) เป็นตัวแทนในการไปย่ืนจดสิทธิบัตรให้ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ซ่ึง ผู้ถือสิทธิจะเป็นในนามของมหาวิทยาลัย ส่วนนักวิจัยจะถือว่าเป็นนักประดิษฐ์ ในลกั ษณะของการไดท้ นุ จากหนว่ ยงานภายนอก เชน่ แหลง่ ทนุ จาก วช. สวก. หรอื สวทช. ในสัญญารับทุนส่วนใหญ่แล้วจะระบุให้มีการจดสิทธิบัตรผ่านทาง แหลง่ ทนุ โดยผถู้ อื สทิ ธหิ รอื ผปู้ ระดษิ ฐจ์ ะถกู แบง่ ออกเปน็ 3 สว่ น คอื มหาวทิ ยาลยั แหลง่ ทนุ และนกั วจิ ยั หลงั จากทแ่ี หลง่ ทนุ ดำ� เนนิ การยน่ื จดสทิ ธบิ ตั รใหเ้ รยี บรอ้ ย แลว้ แหลง่ ทนุ จะมกี ารสง่ ใบโอนสทิ ธกิ ลบั มายงั มหาวทิ ยาลัย ซง่ึ เปน็ ใบโอนสทิ ธิ ให้กับแหล่งทนุ 124 บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลัยสวนดุสติ

ตารางท่ี 3 (ต่อ) กระบวนการต่อยอด ค�ำนยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร ผลงานวจิ ัยสูเ่ ชงิ พาณชิ ย์ (Operational Definition) (Commercialization Process) กระบวนการที่ 3 การพฒั นาผลติ ภณั ฑต์ น้ แบบ (Prototype Development) เปน็ ขนั้ ตอนของ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การสรา้ งผลติ ภัณฑต์ น้ แบบ เพอ่ื น�ำไปทดสอบกับกลุม่ ผบู้ รโิ ภค ซึ่งถา้ ผลิตภณั ฑ์ ตน้ แบบ ตน้ แบบนั้นเปน็ ผลิตทางด้านอาหารจะตอ้ งมีการทดสอบทางด้านจลุ นิ ทรยี ์ และ (Prototyping) ทางดา้ นกายภาพก่อนน�ำไปทดสอบกับผู้บริโภค การทดสอบผลิตภัณฑ์ต้นแบบกับกลุ่มผู้บริโภค (Consumer Test) เป็น ขน้ั ตอนของการศกึ ษาการยอมรบั ตวั ผลติ ภณั ฑจ์ ากผบู้ รโิ ภค เพอื่ นำ� ไปพฒั นาเปน็ ผลิตภัณฑ์จริงออกสู่ตลาด ส่วนใหญ่การทดสอบผลิตภัณฑ์ต้นแบบกับกลุ่ม ผบู้ รโิ ภคจะทำ� โดยผปู้ ระกอบการ ซงึ่ ผปู้ ระกอบการจะเปน็ ฝา่ ยออกคา่ ใชจ้ า่ ยเอง ทง้ั หมด หรอื ปจั จบุ นั จะมบี รษิ ทั เอกชนทรี่ บั ทำ� การทดสอบผลติ ภณั ฑต์ น้ แบบกบั กลุ่มผู้บริโภค โดยผู้ประกอบการจะท�ำการจ้างบริษัทเอกชนดังกล่าวให้เก็บผล ให้ ซึ่งผลทที่ ำ� การเก็บตอ้ งไมต่ ่�ำกวา่ 200 คน และในบางกรณีท่ผี ู้ประกอบการ ยังไม่มีความรู้ทางด้านการทดสอบผลิตภัณฑ์ต้นแบบกับกลุ่มผู้บริโภคก็จะมี หนว่ ยงานของทางมหาวทิ ยาลยั อยา่ งภาควชิ าพฒั นาผลติ ภณั ฑเ์ ขา้ มามสี ว่ นชว่ ย ในการให้คำ� แนะน�ำและคำ� ปรกึ ษากับผปู้ ระกอบการ การประเมินศกั ยภาพงานวิจยั ในการต่อยอดสูเ่ ชิงพาณิชย์ (Evaluation of Research Commercialization) เปน็ ขน้ั ตอนของการประเมนิ ถงึ ผลงานวจิ ยั รว่ มกบั การประเมนิ ถงึ ตวั ของผปู้ ระกอบการในการนำ� ผลงานวจิ ยั ออกไปตอ่ ยอด สู่เชิงพาณิชย์ โดยเจ้าหน้าท่ีส�ำนักงานบริการวิชาการจะเป็นผู้ร่วมพูดคุยกับ ผู้ประกอบ โดยจะมีการประเมินถึงความพร้อม ความมุ่งมั่น และความคิดทาง การตลาดของตวั ผปู้ ระกอบ พรอ้ มทง้ั ใหค้ ำ� แนะนำ� และคำ� ปรกึ ษากบั ผปู้ ระกอบการ ในการท�ำธรุ กิจ กระบวนการที่ 4 การประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญา (IP Valuation) เป็นข้ันตอนของ การตอ่ ยอดผลงานวจิ ัย การประเมนิ มลู คา่ ผลงานวจิ ยั โดยจะมกี ารประเมนิ ถงึ ทนุ วจิ ยั ทไี่ ดร้ บั มาในการทำ� สู่เชิงพาณชิ ย์ วิจัยท้ังหมด การประเมินถึงระยะเวลาในการท�ำวิจัย และการประเมินด้าน (Commercialization) การตลาดรว่ มดว้ ย เพอ่ื ใชใ้ นการประกอบการพจิ ารณามลู คา่ ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา โดยจะมีเจ้าหน้าที่จากส�ำนักงานบริการวิชาการเข้าร่วมเจรจากับนักวิจัยและ ประเมินมลู ค่ารว่ มกนั ปีท่ี 15 ฉบบั ที่ 3 ประจำ�เดอื นกนั ยายน - ธันวาคม 2562 125

ตารางที่ 3 (ตอ่ ) กระบวนการตอ่ ยอด คำ� นยิ ามเชงิ ปฏิบตั ิการ ผลงานวิจัยส่เู ชิงพาณชิ ย์ (Operational Definition) (Commercialization Process) การเจรจาตอ่ รองการออกใบอนญุ าต (Negotiation of License) ในขน้ั ตอน การเจรจาต่อรองการซื้อขายสิทธิ ในกรณีท่ีมีผู้ประกอบการท่ีสนใจในสิทธิบัตร ของแหล่งทุนภายนอก ทางผู้ประกอบการจะติดต่อผ่านทางแหล่งทุนเอง หลงั จากนนั้ จะมกี ารเจรจารว่ มกนั ในการซอ้ื ขายสทิ ธิ และในกรณที มี่ ผี ปู้ ระกอบการ ที่สนใจในสิทธิบัตรของทางมหาวิทยาลัย ทางผู้ประกอบการจะติดต่อผ่านทาง ส�ำนักงานบริการวิชาการ เพื่อการเจราจาร่วมกันในการซื้อขายสิทธิ โดย การเจรจาภายในมหาวิทยาลัยจะแบ่งผู้เข้าร่วมเจรจาออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่ ผู้ประกอบการ นักวิจัย เจ้าหน้าท่ีนิติกร เจ้าหน้าท่ีทรัพย์สินทางปัญญา และ ผู้อ�ำนวยการของส�ำนักงานบริการวิชาการ โดยการซื้อขายสิทธิจะมีด้วยกัน 2 แบบ คอื (1) Exclusive คอื การมอบสทิ ธใิ หเ้ พยี งเจา้ เดยี ว (2) Non-Exclusive คือ การมอบสิทธใิ ห้กับหลายเจ้า การขายและการทำ� สญั ญาใหใ้ ชใ้ บอนญุ าต (Selling/Licensing IP) หลงั จาก ทเ่ี จรจาเรยี บรอ้ ยแลว้ เจา้ หนา้ ทที่ างนติ กิ รของมหาวทิ ยาลยั จะทำ� การรา่ งสญั ญา ขึ้นมา 2 ฉบับ โดยฉบับแรกส่งไปให้กับผู้ประกอบการ และอีกฉบับส่งให้กับ ผู้ประดิษฐ์ เมื่อท้ัง 2 ฝ่ายเห็นชอบในร่างสัญญาแล้วจะมีการนัดเซนต์สัญญา ลงนาม โดยผใู้ หอ้ นญุ าต คอื มหาวทิ ยาลยั นกั วจิ ยั หรอื นกั ประดษิ ฐจ์ ะเปน็ พยาน และผู้ประกอบการจะเป็นคนได้รับสิทธิ ส่วนผลประโยชน์ที่ทางมหาวิทยาลัย ได้รับจะแบ่งตามสัดส่วนท่ีทางมหาวิทยาลัยได้ก�ำหนดไว้ คือ 40% เป็นของ มหาวิทยาลยั และ 60% เป็นของเจา้ ของผลงานวิจัย อภิปรายผล จากการเกบ็ รวบรวมข้อมูลที่ไดจ้ ากการศึกษาวรรณกรรมและทฤษฎีทีเ่ กยี่ วขอ้ ง (Literature Study) และการศกึ ษาเชงิ ประจกั ษ์ (Empirical Study) โดยการสงั เกตแบบมสี ว่ นรว่ ม (Participatory Observation) และการสมั ภาษณเ์ ชงิ ลกึ (In-depth Interview) กบั กลมุ่ ตวั อยา่ งผเู้ ชย่ี วชาญทง้ั 3 กลมุ่ จำ� นวน 5 ทา่ น สามารถ วิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลเก่ียวกับกระบวนการต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ในลักษณะค�ำนิยาม เชงิ ปฏิบตั กิ าร (Operational Definition) และท�ำการอภปิ รายผลไดด้ งั นี้ จากผลการศึกษาท�ำให้ทราบถึงกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้นในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการต่อยอด ผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ โดยสามารถแบ่งกระบวนการต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ออกเป็น 4 ข้ันตอน 126 บัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

ได้แก่ 1) การเกิดแนวความคดิ ใหม่ (Idea Generation) ประกอบด้วย 4 กจิ กรรม ได้แก่ การสร้างแนวคิด ใหม่ (New Idea), การประเมนิ แนวคดิ ใหม่ (Assessment of the New Idea), การหาแหลง่ เงนิ ทนุ สนบั สนุน (Funding), และการวจิ ยั และพัฒนา (R&D) 2) การปกป้องทรัพย์สนิ ทางปัญญา (IP Protection) ประกอบด้วย 3 กิจกรรม ไดแ้ ก่ การเปดิ เผย ขอ้ มลู สงิ่ ประดษิ ฐ์ (Invention Disclosure), การประเมนิ สง่ิ ประดษิ ฐส์ ำ� หรบั การจดสทิ ธบิ ตั ร (Evaluation of Invention for Patenting), และการจดสิทธบิ ัตร (Patent Application) 3) การพฒั นาผลติ ภณั ฑต์ น้ แบบ (Prototyping) ประกอบดว้ ย 3 กจิ กรรม ไดแ้ ก่ การพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ ต้นแบบ (Prototype Development), การทดสอบผลติ ภัณฑ์ตน้ แบบกับกลมุ่ ผูบ้ ริโภค (Consumer Test), และการประเมนิ ศกั ยภาพงานวจิ ยั ในการตอ่ ยอดสเู่ ชงิ พาณชิ ย์ (Evaluation of Research Commercialization) 4) การต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ (Commercialization) ประกอบด้วย 3 กิจกรรม ได้แก่ การประเมนิ มลู คา่ ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา (IP Valuation), การเจรจาตอ่ รองในการออกใบอนญุ าต (Negotiation of License), และการขายและการท�ำสญั ญาใหใ้ ช้ใบอนุญาต (Selling and Licensing IP) หากมีการพิจารณาถึงผลการศึกษาเรื่อง “กระบวนการต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ กรณีศึกษา มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งหนึ่งในประเทศไทย” จะท�ำให้ทุกช่วงของการด�ำเนินงานในแต่ละกิจกรรมและขั้นตอน ของกระบวนการต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพมากข้ึน และสามารถน�ำไปใช้ เป็นแนวทางและปรับใช้กบั องค์กรหรือหน่วยงานอื่น ๆ ที่มบี รบิ ทใกล้เคยี งกันกบั องคก์ รกรณศี กึ ษาได้อกี ด้วย ขอ้ เสนอแนะ จากผลการศึกษาสามารถสรุปข้อเสนอแนะเพ่ือเป็นประโยชน์เชิงบริหาร โดยมหาวิทยาลัยต่าง ๆ สามารถน�ำกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีสำ� คัญท่ีเกิดขึ้นในแต่ละข้ันตอนของกระบวนการต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ ไปใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการกระบวนการต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ เพื่อให้ผลงานวิจัยใน มหาวิทยาลัยสามารถต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถน�ำไปปรับใช้กับองค์กรหรือ หน่วยงานอ่ืน ๆ ท่ีมีบริบทใกล้เคียงกันกับองค์กรกรณีศึกษา นอกจากนี้ยังสามารถสรุปข้อเสนอแนะเพ่ือเป็น ประโยชน์เชิงวิชาการ โดยการขยายผลการศึกษางานวิจัยในอนาคตควรจะศึกษาเก่ียวกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่ ส�ำคัญท่ีเกิดข้ึนในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์เพ่ิมเติมเพ่ือเป็นการต่อยอด งานวิจยั และอาจเพม่ิ กลมุ่ ตัวอย่างทม่ี ีส่วนเกย่ี วขอ้ งกับกระบวนการตอ่ ยอดผลงานวิจัยสเู่ ชิงพาณชิ ย์ในแต่ละ ขั้นตอนเพ่อื ใหม้ คี วามครอบคลุมและสอดคลอ้ งกบั บริบทงานวิจยั มากขนึ้ ปที ี่ 15 ฉบบั ท่ี 3 ประจ�ำ เดอื นกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 127

เอกสารอ้างองิ สภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ. (2560). (ร่าง) ยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579). กรุงเทพฯ: สภานโยบายวิจยั และนวัตกรรมแหง่ ชาติ. Carayannis, E. G., Cherepovitsyn, A. Y. & Ilinova, A. A. (2015). Technology commercialization in entrepreneurial universities: the US and Russian experience. Springer Science: 1135-1147. Gbadegeshin, S. A. (2017). Commercialization Process of High Technology: A Study of Finnish University Spin-off. Academy of Entrepreneurship Journal, 23 (2): 1-22. DOI: 1528- 2686-23-2-107. Karaveg, C., Thawesaengskulthai, N. & Chandrachai, A. (2014). Evaluation model for research and development commercialization capability. Production & Manufacturing Research An Open Access Journal, 2 (1): 586-602. DOI: 2169-3277. Khademi, T. & Ismail, K. B. (2013). Commercialization Success Factors of University Research Output. Journal Teknologi (Social Sciences), 64 (3): 137-141. DOI: 0127-9696. Marshall, C. & Rossman, G. B. (1995). Designing Qualitative Research. London: Sage. Zhou, Y. (2015). Investigation of Research Commercialization at a University: A Case Study. (Doctor of Philosophy). Virginia Polytechnic Institute and State University. คณะผเู้ ขยี น นางสาวพัชรกร สินสมบูรณ์ วิทยาลยั นวตั กรรม มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ เลขท่ี 2 ถนนพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรงุ เทพฯ 10200 e-mail: [email protected] ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อญั ณิฐา ดษิ ฐานนท์ วิทยาลัยนวตั กรรม มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ เลขที่ 2 ถนนพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 e-mail: [email protected] 128 บัณฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั สวนดุสติ

มาตรการท่มี ีประสิทธิภาพในการป้องกันปญั หาอาชญากรรมทม่ี ตี อ่ นักทอ่ งเท่ยี ว ในพ้นื ทจ่ี ังหวดั ภเู ก็ต The Effective Measurement of Crime Prevention for Tourists in Phuket Province สำ� ราญ สดุ จติ ร* เพ็ญศรี พทั ธ์ววิ ัฒนศริ ิ และชาติชาย มหาคตี ะ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ติ Sumran Sudjit* Phensri Patvivatanasiri and Chatchai Mahakeeta Graduate School, Suan Dusit University Received: May 28, 2019 Revised: July 30, 2019 Accepted: August 9, 2019 บทคดั ยอ่ การวิจัยเร่ือง “มาตรการท่ีมีประสิทธิภาพในการป้องกันปัญหาอาชญากรรมท่ีมีต่อนักท่องเท่ียว ในพื้นท่ีจังหวัดภูเก็ต” มีวัตถุประสงค์เพื่อหามาตรการท่ีมีประสิทธิภาพในการป้องกันอาชญากรรมที่มีต่อ นกั ทอ่ งเทยี่ วในพนื้ ทจี่ งั หวดั ภเู กต็ การวจิ ยั เปน็ แบบผสมผสานระหวา่ งการวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ ซงึ่ ใชว้ ธิ กี ารสมั ภาษณ์ 5 กล่มุ รวม 35 คน และการวจิ ัยเชิงปริมาณ โดยใชแ้ บบสอบถาม เก็บขอ้ มูลจากกำ� ลงั พลเจา้ หนา้ ที่ตำ� รวจ ในสถานีต�ำรวจภธู รจงั หวดั ภูเกต็ จ�ำนวน 312 คน ผลการวจิ ัยพบว่ามาตรการทีม่ ปี ระสิทธภิ าพในการปอ้ งกัน ปัญหาอาชญากรรมที่มีต่อนักท่องเท่ียวในพื้นท่ีจังหวัดภูเก็ต ด้านมาตรการทางกฎหมาย ประกอบด้วย 1) มาตรการด้านกฎหมาย ต้องก�ำหนดนโยบายให้เห็นชัดเจนเป็นรูปธรรม ต้องก�ำหนดบทลงโทษชัดเจน 2) มาตรการการบงั คบั ใชก้ ฎหมาย การบงั คบั ใชก้ ฎหมายตอ้ งทำ� อยา่ งจรงิ จงั จรงิ ใจและเครง่ ครดั เพม่ิ อตั ราโทษ ให้สูงข้ึน และ 3) มาตรการสอดส่องดูแล ควรมีอุปกรณ์ตรวจจับและป้องกันภัยท่ีมีประสิทธิภาพ ปรับปรุง ภูมิทัศน์ให้ไม่รกร้าง ส่วนมาตรการในการคุ้มครองนักท่องเท่ียว ได้แก่ จะต้องมีจ�ำนวนต�ำรวจท่ีเพิ่มมากขึ้น และจะต้องมอี าสาสมัครมาชว่ ยในการสอดส่องดแู ล ค�ำส�ำคญั : มาตรการปอ้ งกัน ประสิทธภิ าพ อาชญากรรม * สำ�ราญ สุดจติ ร (Corresponding Author) ปีท่ี 15 ฉบับท่ี 3 ประจ�ำ เดือนกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 129 e-mail: [email protected]

Abstract The research of “The Effective Measurement of Crime Prevention for Tourists in Phuket” was aimed to explore the effective measure to prevent crimes for tourists in Phuket Province. The mixed methods research was used in this study comprising qualitative and quantitative researches. The qualitative research employed the interview with 5 groups of 35 interviewees. For the quantitative research, the questionnaires was used the tool of data collection with 312 Phuket Provincial Police Officers. The results revealed that the effective measure of crime prevention for tourists in Phuket was the legal measures consisting of 1) the legal measures; the clear and concrete policies and the explicit penalties for the offense should be established 2) the law enforcement measures; law enforcement should be implemented strictly and seriously and penalties should be increased and 3) The surveillance measures; there should be effective detection and protection devices and the improvement of desolated landscapes. The measures for protecting tourists required more polices and volunteers to take care of the area. Keywords: Preventive Measures, Effectiveness, Crimes บทนำ� ประเทศไทยเปน็ ประเทศท่ีมนี ักท่องเท่ยี วหลงั่ ไหลเข้ามาท่องเทีย่ วเปน็ จ�ำนวนมาก โดยเฉพาะภาคใต้ ของไทยที่เป็นดั่งแดนสวรรค์ของนักท่องเท่ียวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวทางทะเล เพราะมีชายหาดท่ีสวยงาม นำ�้ ทะเลทใ่ี ส และมคี วามสวยงามทางธรรมชาตขิ องหาดทรายขาวและหมเู่ กาะตา่ ง ๆ โดยเกาะภเู กต็ กเ็ ปน็ หนงึ่ ในเกาะทม่ี ชี อ่ื เสยี งมากของไทยทเี่ ปน็ จดุ หมายปลายทางของนกั ทอ่ งเทย่ี วจากหลาย ๆ ประเทศ เพราะนอกจาก ภูเก็ตจะเป็นศูนย์กลางที่เปรียบเสมือน “ไข่มุกแห่งอันดามัน” แล้ว ภูเก็ตยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นจุดดึงดูด นกั ทอ่ งเทยี่ วทส่ี ำ� คญั ไมว่ า่ จะเปน็ เกาะพพี ี เกาะราชา แหลมพรหมเทพ หาดปา่ ตอง หาดกมลา ภเู กต็ แฟนตาซี ตึกโบราณสถาปัตยกรรมแบบชิโน-โปรตุเกส เมืองเก่าภูเก็ต เป็นต้น ด้วยความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ อนั สวยงาม รวมถงึ วฒั นธรรมของชาวภเู กต็ จงึ อาจกลา่ วไดว้ า่ ภเู กต็ เปน็ “เมอื งไมซแ์ หง่ อนั ดามนั ของโลก” ทำ� ให้ ในแตล่ ะปีมนี ักทอ่ งเท่ยี วจากท่ัวโลกเดนิ ทางมาสมั ผสั กล่นิ อายทะเล ชายหาด ภเู ขา ด�ำน�ำ้ ดูปะการงั รวมถงึ มา ชน่ื ชมธรรมชาติทสี่ วยงามเปน็ จำ� นวนมาก จากข้อมูลของศนู ย์วจิ ัยกสกิ รไทย พบวา่ สถติ ิแหล่งทอ่ งเที่ยวทีเ่ ปน็ ที่นิยมจากนกั ท่องเท่ียวมากทส่ี ดุ ในปี 2554 เปน็ อนั ดบั หนึง่ คือ จงั หวดั ภูเก็ต รองลงมาคือ กระบี่ และพังงา (ศนู ยว์ จิ ยั กสกิ รไทย, 2556) และจากสถติ ิการท่องเท่ียวของจงั หวัดภูเกต็ พบวา่ จำ� นวนนักท่องเที่ยวท่เี ข้ามา เท่ียวในจังหวัดภูเก็ตปรับตัวเพ่ิมขึ้นอย่างต่อเน่ือง โดยปรับเพิ่มขึ้นจาก 10,789,647 คน ในปี 2555 เป็น 13,410,658 คน ในปี 2559 ท�ำให้จังหวดั ภูเก็ตมีรายได้จากการทอ่ งเที่ยวและจากการจับจ่ายใชส้ อยของผูม้ า เยี่ยมเยือน เพิ่มขึ้นเช่นกนั จาก 228,984.88 ล้านบาท ในปี 2555 เป็น 377,878.09 ล้านบาท ในปี 2559 130 บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดุสิต

จังหวัดภูเก็ตก็เป็นจังหวัดหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอาชญากรรมซึ่งเป็นผลมาจากการขยาย ตัวทางเศรษฐกิจและการทอ่ งเทย่ี ว ทำ� ใหเ้ กดิ ปญั หาความหนาแน่นของชมุ ชนและประชากร การขยายตวั ของ เมืองและจ�ำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีการจ�ำกัดจ�ำนวน ท�ำให้เกิดปัญหาในการให้บริการด้าน สาธารณสขุ ปญั หาอาชญากรรม ปญั หาอาชญากรรมขา้ มชาติ ปญั หายาเสพตดิ และปญั หาสงั คมเสื่อมโทรม ตามมา โดยจากข้อมูลสถิติการเกิดอาชญากรรมในพื้นท่ีท่องเท่ียวทางทะเล พ้ืนท่ีจังหวัดภูเก็ตการเกิด อาชญากรรมปรับตวั เพิม่ ขน้ึ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง โดยเพิ่มขน้ึ จาก 10,113 คดี ในปี 2557 เปน็ 16,694 คดี ในปี 2560 โดยเป็นคดีที่รัฐเป็นผู้เสียหายมีจ�ำนวนมากที่สุด รองลงมาได้แก่ คดีฐานความผิดพิเศษ และคดีฐานความผิด เกย่ี วกับทรัพย์ ตามล�ำดับ แแผผนนทภทภูมมี่ ่ีมมู าทิ าิท:่ี:ี่1ร1ระะส(บส(ขบขถถบอ้บอ้ิตติสมสมฐิ ิฐาลูาาลูารรปนปนสสีคีคน2น2ววเ5เ5าทาท66มมศศ11ผผสสดิเดิเถถปปคคาา็น็นดดนนขขอีอีตีีตอ้้อาาำ�ามมญญรรลููลววาาจจรรใในะะนสสหหจจาำ� งัววังนนหหา่่าักกังงววงงดัดั11าาภภนนมมูเเูตตก.ก.คคาตำ�็ต็ .ร.รร--รว3วะ3ะจ1จห1หแแวสวหสห่า.่า.ง่คง่งคงชปชป2า2ีาีต5พต5พ6ิ.6ิพศ.1พศ1..).ศ.)ศ22.5.5252557576–61–212556611 ลยสนาั่วกาเนลทหกไทสปกัามล่ีนรพรสทาัาพ�ำตจู่อยกรไยิดบัาปพจัป์นปชกะรแยสักญมุัญเะปลน์ู่กอทเอญัะาหกัภิดา่อากกทาหชทใวงรานออ่าเุธญสรรทแาองปว่คมาชเี่ยหานนื้าทขกญชวลปมั้นย่ีรยญช่งาราวรราทากะากช้าเมว่อกเสรจยาวตขงรรพะวแณ่าเั้รนมตเทตรงกมจีใรา่งดิี่ชยนดิใาง้จานวานใชเแนยตทนมเวาลมแถิขืาแอตนะอืึงรงณหงขิมกชงทงภลณาาภะีวจะูเกง่ริเตเูกะนเทมกคลไเ็ตแถต็า้อ่ามดขสลึปงสสง้าน่ะวชเุวรส่รทานอจีนาะวรุ ดยี่าีกหิใเาตใใวหวกหหแรหไณทขญญืดงอรญ่มา้ออืจีไ้่จจ่ ง่ทปุมม�ำไจะะทปนี่มรหูลเาเะปร่วปวีคสนกเว่มนน็็วนถล่ึงขมหามคกิตขค้อหม็ดาปลนิขดมลเกสัีบฏ้าาีสจูบัลางดนิแเราตสวนสใิญวลอปห้ธนอถปะนแไรญนิจตอรมดละะดิะขกีท่่ไ้วเะพภดว้เแ้ามี่ยผภย้บวทงงคีู้คท่ม่าตซวสซวนนสมุ่าึ่ง้อานง่ึ พักกกอหกมงจลทาาแงาเนะจรุกแรรล่อ่ึงพรเกกพละงกกญิ รรเบะผลป็ิดทะะผหแู้่าวฏอ่ียททู้นลหญ่าเิาวำ�าสะญกชงิจผโผผธทาดญาิงดิิดไคู้ รนทยี่ทมเาเนเหมวหำ�่ีท่ไกกพดงนลีกรลาิดาว้ลา่ไารง่านอมา่นรกุามนสน่นาจนอี้พห้ีอถชักับ้อสาลลาาทจญยถกา่จานเจอ่นาุยมเาปบปานงปอกน็โรเก็นบดาทรรกิเทวเหะยรรีย่าห่ัวุธิกเมมตรวภทตปาีุ ุทุทกืนรี่ มุมโลกเดินทางมาสู่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลในประเทศไทย เพราะแรงดึงดูดของกิจกรรมท่ีเสี่ยงต่ออาชญากรรม จากสถิติการก่ออาชญากรรมต่อนักท่องเท่ียวในพ้ืนท่ีจังหวัดภูเก็ต จะพบปวที่าี่ ก15าฉรบกับ่อที่อ3าปชระญจำ�าเดกือรนกรนัมยตาย่อนน- ักธันทวา่อคงมเ2ท5่ี6ย2วใ1น31 พนื้ ทจี่ งั หวัดภเู กต็ ปรับตัวเพิม่ ขนึ้ อย่างตอ่ เน่ืองจาก 395 คดี ในปี 2557 เปน็ 491 คดี ในปี 2559 และ 606 คดี ในปี 2561

จ�ำนวนไม่น้อยจากท่ัวทุกมุมโลกเดินทางมาสู่แหล่งท่องเท่ียวทางทะเลในประเทศไทย เพราะแรงดึงดูดของ กิจกรรมที่เสี่ยงต่ออาชญากรรม จากสถิติการก่ออาชญากรรมต่อนักท่องเที่ยวในพ้ืนท่ีจังหวัดภูเก็ต จะพบว่า การกอ่ อาชญากรรมตอ่ นกั ทอ่ งเทย่ี วในพนื้ ทจ่ี งั หวดั ภเู กต็ ปรบั ตวั เพม่ิ ขนึ้ อยา่ งตอ่ เนอื่ งจาก 395 คดี ในปี 2557 เปน็ 491 คดี ในปี 2559 และ 606 คดี ในปี 2561 ตารางที่ 1 สถิติการกอ่ อาชญากรรมตอ่ นักทอ่ งเที่ยวในพ้ืนท่จี ังหวดั ภเู ก็ต ปญั หาอาชญากรรมถอื เปน็ ความออ่ นไหวอยา่ งมากของการทอ่ งเทยี่ ว เพราะเมอื่ เกดิ อาชญากรรมกบั นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะเป็นการท�ำลายภาพลักษณ์ด้านการท่องเท่ียวของไทยซ่ึงถือ เป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้เข้าประเทศปีละหลายแสนล้านบาทไปโดยปริยาย ท้ังนี้คดีที่เกิดขึ้นในจังหวัด ภเู ก็ตและเป็นขา่ วโด่งดงั ไปท่วั โลกไดท้ �ำลายภาพลกั ษณข์ องประเทศไทยและภูเกต็ โดยตรง เชน่ เมอื่ ปี 2558 เกิดข่าวอ้ือฉาวจากคดีข่มขืนนักท่องเท่ียวสาวอายุ 29 ปี ชาวรัสเซียที่ ต�ำบลกะรน และในปี 2559 ก็มีคดี พนกั งานรา้ นอาหารรมุ ทำ� รา้ ยนกั ทอ่ งเทย่ี วตา่ งชาตทิ เ่ี ดนิ ออกมาจากรา้ นเพอื่ ชงิ ทรพั ยท์ ่ี อำ� เภอเมอื งภเู กต็ และ 132 บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยสวนดุสติ

คดกี ารด์ ของผับดังท่ี ต�ำบล ปา่ ตอง ท�ำรา้ ยนักทอ่ งเท่ียวชาวฝร่งั เศสเสียชวี ติ เมอ่ื เดือนมนี าคม 2559 และเมอ่ื 26 มีนาคม2561 ได้เกิดเหตุคนร้ายชิงทรัพย์นักท่องเท่ียวชาวต่างชาติและมีเจตนาจะล่วงละเมิดทางเพศ นางสาวบที า อซู า (Biher Ucar) อายุ 26 ปี ชาวตุรกี เปน็ นกั ท่องเท่ียวทเี่ ดนิ ทางมาท่องเท่ียวเพยี งลำ� พงั คดี ตา่ ง ๆ ดงั กลา่ วไมว่ ่าจะเป็นคดีการทำ� รา้ ยรา่ งกายและปลน้ ทรัพย์ การหลอกลวงนักท่องเท่ียว การล้วงกระเปา๋ และการฉ้อโกงบตั รเครดิตท่ตี ามสถานทีท่ ่องเทีย่ วยอดนิยมตา่ ง ๆ ทำ� ใหภ้ เู ก็ตยังไม่ได้เปน็ แหล่งท่องเทย่ี วทีม่ ี ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินส�ำหรับนักท่องเท่ียวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากเท่าที่ควร ซง่ึ แมว้ า่ ประเทศไทยและจงั หวดั ภเู กต็ จะมมี าตรการความปลอดภยั ทางการทอ่ งเทยี่ วในการดแู ลนกั ทอ่ งเทยี่ ว อยแู่ ลว้ ไมว่ า่ จะเปน็ มาตรการเกยี่ วกบั ความปลอดภยั ทางนำ้� มาตรการเกย่ี วกบั ความปลอดภยั ทางถนน มาตรการ เกยี่ วกบั ความปลอดภยั จากการถกู หลอกลวงเอารดั เอาเปรยี บ มาตรการเกย่ี วกบั ความปลอดภยั ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ มาตรการเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือนักท่องเท่ียว รวมถึงมาตรการเกี่ยวกับการยกระดับความปลอดภัย ดา้ นการทอ่ งเทย่ี วในการขจดั ปญั หาทจี่ ะเกดิ ขน้ึ กบั นกั ทอ่ งเทย่ี ว นอกจากนใี้ นจงั หวดั ภเู กต็ เองยงั ไดด้ ำ� เนนิ การ จัดท�ำโครงการน�ำร่องพ้ืนท่ีปลอดภัย (Safety Zone) เพ่ือท�ำการทดลองเมืองท่องเที่ยวที่ด�ำเนินการป้องกัน อาชญากรรมโดยตำ� รวจแบบเชงิ รกุ โดยใชห้ าดปา่ ตองซงึ่ เปน็ หาดทอ่ งเทย่ี วระดบั โลกเปน็ พน้ื ทที่ ดลองเตม็ รปู แบบ ของการป้องกันอาชญากรรมแบบมีส่วนร่วมจากประชาชนและแบบบูรณาการ โดยเป็นการด�ำเนินงาน ภายใตโ้ ครงการปา่ ตองพื้นที่ปลอดภยั (Patong Safety Zone) มาตรการทภี่ าครฐั และต�ำรวจออกมาแมว้ ่าจะ ช่วยสร้างความเช่ือม่ันและสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแก่นักท่องเที่ยวได้ในระดับหนึ่ง แตอ่ าชญากรรมทม่ี รี ปู แบบทห่ี ลากหลายและซบั ซอ้ นมากขนึ้ ทำ� ใหอ้ าชญากรรมตอ่ นกั ทอ่ งเทย่ี วในจงั หวดั ภเู กต็ นั้นยังมีอยูอ่ ยา่ งต่อเนือ่ ง ซงึ่ กแ็ สดงใหเ้ หน็ ได้วา่ ประสิทธภิ าพของมาตรการทใ่ี ช้อยู่ในปัจจบุ นั นัน้ ยงั ไม่เพียงพอ และครอบคลมุ ตอ่ การป้องกนั และปราบปรามอาชญากรรมท่ีมีต่อนักท่องเท่ียวในจงั หวัดภเู กต็ ทงั้ นก้ี ารดแู ลนกั ทอ่ งเทย่ี วใหไ้ ดร้ บั ความสะดวกสบาย มคี วามปลอดภยั ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ ถอื วา่ เปน็ สิ่งส�ำคญั อยา่ งมากที่ตอ้ งคำ� นึงถงึ เพือ่ ใหเ้ ป็นไปตามยุทธศาสตรช์ าติ 20 ปี (พศ. 2561-2580) ทเ่ี นน้ เร่อื งของ การทอ่ งเทย่ี ว เนอื่ งจากหากการทอ่ งเทย่ี วมมี าตรฐานมปี ระสทิ ธภิ าพกจ็ ะทำ� ใหร้ ายไดห้ ลกั ซงึ่ มาจากการทอ่ งเทย่ี ว ดีตามไปด้วย ซึ่งจะนําไปสู่การปฏิบัติเพ่ือให้ประเทศไทยบรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความม่ันคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ดังน้ันผู้วิจัยจึงมี ความตอ้ งการศกึ ษาหามาตรการทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพในการปอ้ งกนั ปญั หาอาชญากรรมทมี่ ตี อ่ นกั ทอ่ งเทยี่ วในพนื้ ที่ จังหวัดภูเก็ต เพื่อสร้างความเช่ือมั่น เพ่ิมความมั่นคงปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินให้กับนักท่องเที่ยวทั้ง ชาวไทยและตา่ งชาติ รวมถงึ ลดจำ� นวนอาชญากรรมทจี่ ะเกดิ ขนึ้ กบั สงั คมในอนาคต เพอื่ ชว่ ยดงึ ดดู นกั ทอ่ งเทย่ี ว ใหเ้ ขา้ มาทอ่ งเทย่ี วในประเทศไทยมากยงิ่ ขนึ้ ซง่ึ จะเปน็ การเพมิ่ รายไดแ้ ละเสรมิ สรา้ งเศรษฐกจิ ไทยใหเ้ ตบิ โตได้ ตามเป้าหมาย เป็นสังคมท่ีน่าอยู่และน่าท่องเท่ียว รวมถึงเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุก มุมของโลกใหก้ ลบั มาเทย่ี วเมอื งไทยตอ่ ๆ ไปในอนาคต วัตถุประสงค์ เพอื่ ศกึ ษามาตรการทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพในการทจี่ ะนำ� มาใชป้ อ้ งกนั ปญั หาอาชญากรรมทมี่ ตี อ่ นกั ทอ่ งเทย่ี ว ในพื้นท่จี ังหวัดภูเกต็ ปที ่ี 15 ฉบับที่ 3 ประจำ�เดือนกันยายน - ธันวาคม 2562 133

แนวคิดทฤษฎีทีเ่ กย่ี วข้อง การศกึ ษาวิจัยครง้ั นผ้ี ู้วจิ ัยได้ศึกษาโดยใช้แนวคดิ และทฤษฎีท่ีเก่ยี วกับอาชญาวิทยา ประกอบดว้ ย แนวคดิ ทฤษฎอี าชญาวทิ ยาดงั้ เดมิ ตามแนวคดิ ของ ซซี าร์ แบค็ คาเรยี หลกั ปรชั ญาทส่ี ำ� คญั คอื เจตจำ� นง อิสระโดยเชื่อว่า “มนุษย์เป็นผู้มีเหตุผลในการมุ่งแสวงหาเพ่ือให้ได้มาซ่ึงประโยชน์สูงสุดทางด้านวัตถุและใน การตัดสินใจเลือกกระท�ำการหรืองดเว้นการกระท�ำใด ๆ มนุษย์จะพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ ที่มีอยู่อย่าง มีเหตุผล เพ่ือพจิ ารณาและค�ำนวณถึงผลประโยชนห์ รือผลเสียทจ่ี ะไดร้ ับจากการกระทำ� นนั้ ๆ” นอกจากน้ัน ยงั มหี ลกั พน้ื ฐานทว่ี า่ มนษุ ยเ์ ปน็ ผคู้ วบคมุ พฤตกิ รรมของตนเองและมนษุ ยจ์ ะใหใ้ ชเ้ หตผุ ลและความรเู้ พอ่ื วเิ คราะห์ ถึงผลดแี ละผลเสยี ก่อนลงมอื กระทำ� ใด ๆ ดงั น้นั จึงตอ้ งมีกฎหมายควบคุมการใช้เหตผุ ลและความรู้ของมนุษย์ ให้งดเว้นพฤติกรรมที่เป็นอาชญากรรม ทฤษฎีอาชญาวิทยาดั้งเดิมมีความเชื่อเก่ียวกับธรรมชาติมนุษย์ไว้ 3 ประการ ไดแ้ ก่ มนษุ ยม์ เี จตจำ� นงอสิ ระ (Free will) มนษุ ยม์ เี หตผุ ลในการเลอื กพฤตกิ รรมตนเอง (Rationality) และมนษุ ย์ค�ำนงึ ถงึ ผลประโยชนส์ ูงสดุ จากการกระทำ� (Untility) (สธุ าทิพย์ กสิฤกษ์, อาภาศริ ิ สวุ รรณานนท์ และจันทร์แรม เรอื นแปน้ , 2561) ทฤษฎีการกอ่ อาชญากรรม ได้กลา่ วถึง ปัจจัยต่าง ๆ ท่เี ป็นสาเหตุของอาชญากรรมดังน้ี ปัจจยั ทาง ชวี วทิ ยา ปจั จยั ทางรา่ งกาย ปจั จยั ทางจติ วทิ ยา ปจั จยั ทางครอบครวั ปจั จยั เกยี่ วกบั ความยากจน ปจั จยั เกย่ี วกบั ชมุ ชน ปจั จยั เกีย่ วกับวฒั นธรรม (รณภพ พรอรณุ , 2542) อาชญากรรมที่เกดิ ข้ึนได้จากหลายปัจจยั ซ่ึงสาเหตุ อาจจะเกดิ ข้นึ จากด้านจติ วทิ ยากายภาพ ด้านสภาพแวดลอ้ มทางสงั คมและวัฒนธรรมและด้านสงั คมจติ วทิ ยา ซึ่งหากอาชญากรรมเกิดข้ึนแล้วจะสร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สินไม่มากก็น้อยอย่างหลีกเล่ียง ไมไ่ ด้ ดังนัน้ สงิ่ ท่ดี ีทีส่ ดุ คือ การป้องกนั ไมใ่ ห้เกิดอาชญากรรมขึ้นมาน่ันเอง ทฤษฎกี ารปอ้ งกนั (Deterrence Theory) ทฤษฎนี ม้ี รี ากฐานแนวคดิ มาจากสำ� นกั อาชญาวทิ ยาดง้ั เดมิ ทวี่ า่ ความรนุ แรง ความรวดเรว็ และความแนน่ อนในการลงโทษเปน็ หวั ใจทส่ี ำ� คญั ของการปอ้ งกนั อาชญากรรม เราสามารถปอ้ งกนั ไมใ่ หบ้ คุ คลกระทำ� ผดิ ได้ หากมกี ฎหมายทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพและเหมาะสม มอี ตั ราโทษทรี่ นุ แรง มีการลงโทษท่ีรวดเร็วและผู้กระท�ำผิดกฎหมายมีโอกาสถูกจับสูง ซึ่งจะเห็นได้ว่าทฤษฎีนี้เป็นรากฐาน ในการบญั ญตั กิ ฎหมายและเปน็ หลกั ปรชั ญาในการบรหิ ารงานยตุ ธิ รรมทางอาญา นอกจากนน้ั ทฤษฎกี ารปอ้ งกนั อาชญากรรมยงั มกี ารแบง่ เปน็ 3 แนวทาง คอื ทฤษฎบี งั คบั ใชก้ ฎหมาย ทฤษฎตี ำ� รวจชมุ ชนสมั พนั ธ์ และทฤษฎี ควบคุมอาชญากรรมจากสภาพแวดลอ้ ม (ณรงค์ บ�ำรุงรัตน,์ 2535) ทฤษฎกี ารเลือกอยา่ งมีเหตผุ ล (Rational Choice Theory) ทฤษฎีน้รี ะบุว่าการละเมดิ กฎหมายของ คน เกิดจากเหตุผลส่วนตัวหลายเหตุผล รวมถึงความอยากแก้แค้น ความต้องการ ความโกรธ ความหึงหวง ความคับแค้น ความฐิติ เป็นต้น อาชญากรเป็นคนท่ีมีเหตุผลในการตัดสินใจว่าจะกระท�ำผิดหรือไม่ การตดั สนิ ใจประกอบอาชญากรรมมี 3 องคป์ ระกอบคอื การเลอื กสถานทกี่ อ่ อาชญากรรม การเลอื กเปา้ หมาย และการเรยี นรเู้ ทคนคิ ของการเปน็ อาชญากร (พรชยั ขนั ตี และคณะ, 2543) ทฤษฎกี ิจวตั รประจำ� วนั (Routine Activity) ทฤษฎีนร้ี ะบุว่ากิจวตั รหรือการกระท�ำใด ๆ ของบคุ คล ที่เกิดข้ึนบ่อยครั้งหรือเป็นประจ�ำ อาจน�ำไปสู่การประกอบอาชญากรรม เนื่องจากอาชญากรรมน้ันเกิดจาก การกระท�ำที่เป็นนิสัยประจ�ำของเหย่ืออาชญากรรม เช่น การออกไปท�ำงานโดยไม่มีคนเฝ้าบ้าน จะมีโอกาส ถูกคนร้ายเข้าท�ำการชิงทรพั ยห์ รือปล้นทรัพยไ์ ด้ (พรชยั ขนั ตี และคณะ, 2543) 134 บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ิต

กรอบแนวคดิ มาตรการทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพในการปอ้ งกนั อ า ช ญ า ก ร ร ม ที่ มี ต ่ อ นั ก ท ่ อ ง เ ที่ ย ว - สภาพปัญหาด้านอาชญากรรมในจังหวัดภูเก็ต ในจงั หวัดภเู กต็ และผลกระทบจากการก่ออาชญากรรมท่ีมีต่อ - มาตรการด้านกฎหมาย นักท่องเทย่ี ว - มาตรการด้านการบังคบั ใช้กฎหมาย - มาตรการสอดส่องดแู ล - ภัยคุกคามนักท่องเที่ยว และยุทธศาสตร์ด้าน - มาตรการในการคมุ้ ครองนกั ท่องเทยี่ ว การดูแลรักษาความปลอดภัยและให้บริการแก่ นักทอ่ งเทยี่ วชาวต่างชาติ - มาตรการปอ้ งกนั อาชญากรรมในตา่ งประเทศ - มาตรการการป้องกนั อาชญากรรมในจงั หวดั ภูเก็ต แนวคิดทฤษฎี - แนวคิดทฤษฎีอาชญาวิทยาดัง้ เดมิ - ทฤษฎีการกอ่ อาชญากรรม - ทฤษฎีการปอ้ งกัน (Deterrence Theory) - ทฤษฎีการเลือกอย่างมีเหตุผล (Rational Choice Theory) - ทฤษฎีกจิ วตั รประจำ� วนั (Routine Activity) - ทฤษฎีท่ีเก่ียวกับการควบคุมสังคม และ เครือข่ายสงั คม ภาพท่ี 1 กรอบแนวคิด ระเบียบวิธวี ิจยั งานวิจัยน้ีการวจิ ัยเปน็ แบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) ระหว่างการวิจยั เชงิ คุณภาพ (Qualitative Research) ซึ่งใช้วธิ กี ารสมั ภาษณแ์ บบเจาะลึก (In-depth Interview) ผใู้ ห้ขอ้ มลู ส�ำคญั (Key Informants) 5 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานกองบังคับการต�ำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กลุ่มหน่วยงานภาครฐั ท่ีเก่ียวข้อง กลมุ่ หน่วยงานภาคเอกชนทเ่ี ก่ยี วขอ้ งในจังหวัดภเู ก็ต กลมุ่ ผ้ทู รงคุณวฒุ ทิ าง อาชญาวิทยาและเหย่ืออาชญากรรมในจังหวัดภูเก็ต และกลุ่มนักท่องเท่ียวที่ได้รับผลกระทบจากการก่อ อาชญากรรมในจงั หวดั ภูเกต็ รวมทงั้ สิ้น 35 คน และการวจิ ัยเชงิ ปริมาณ (Quantitative Research) โดยสรา้ ง แบบสอบถามท่ีมีพ้ืนฐานมาจากการวิจัยเชิงคุณภาพ สอบถามก�ำลังพลเจ้าหน้าท่ีต�ำรวจในสถานีต�ำรวจภูธร จังหวัดภูเก็ตทุกสถานีต�ำรวจ จ�ำนวน 312 คน จากประชากรทั้งส้ินจ�ำนวน 1,412 คน โดยการค�ำนวณ กลมุ่ ตวั อย่างจากสูตร ทาโร ยามาเน่ ท่ีระดับนัยสำ� คญั ท่ี 0.05 ปที ่ี 15 ฉบับที่ 3 ประจำ�เดอื นกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 135

การสร้างเครื่องมือวิจัยเชิงคุณภาพ การวิจัยน้ีใช้เคร่ืองมือในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสัมภาษณ์ กึ่งโครงสร้างเพ่ือท�ำการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก การสร้างแบบสัมภาษณ์จากหลักการ ทฤษฎี เอกสารและ งานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วขอ้ งโดยมกี ารตรวจสอบคณุ ภาพเครอ่ื งมอื โดยผเู้ ชยี่ วชาญจำ� นวน 5 คน และมคี ำ� ถามครอบคลมุ สถานการณก์ ารกอ่ อาชญากรรม และมาตรการป้องกันอาชญากรรมท่มี ตี อ่ นกั ทอ่ งเทีย่ วในพื้นที่จังหวัดภเู ก็ต การสร้างเคร่ืองมือเชิงปริมาณ การวิจัยครั้งน้ีใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ จากการทบทวนเอกสาร ทฤษฎีและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง ประกอบกับข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่ม ผ้ใู ห้ขอ้ มลู สำ� คญั เชิงคณุ ภาพ โดยการตรวจสอบเครื่องมอื จากผ้เู ชยี่ วชาญจ�ำนวน 5 คน หลังจากนนั้ ได้น�ำมา วเิ คราะห์หาคา่ ความเชอื่ มนั่ โดยใชส้ ูตรสมั ประสทิ ธิ์แอลฟ่าของครอนบาค ไดค้ ่าความเช่อื มน่ั รวมเท่ากับ .97 ผลการศึกษา ผลการวิจยั เชงิ คณุ ภาพ มาตรการทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพในการปอ้ งกนั ปญั หาอาชญากรรมทมี่ ตี อ่ นกั ทอ่ งเทยี่ วในพนื้ ทจี่ งั หวดั ภเู กต็ 1. มาตรการด้านกฎหมาย 1) ปรบั ปรงุ แกไ้ ขกฎหมายใหท้ นั ตอ่ สถานการณ์ ทนั ตอ่ รปู แบบการทอ่ งเทย่ี ว สอดคลอ้ งกบั ปญั หา ในพ้นื ท่ี อาจออกเปน็ ข้อบญั ญตั ิจงั หวดั หรอื ขอ้ บญั ญัตขิ องเทศบาล จะได้สอดคล้องกับปญั หาในแต่ละพ้ืนที่ 2) ออกกฎหมายป้องกนั นักท่องเท่ียว เพม่ิ บทลงโทษตอ่ ผู้กระทำ� ผิด ทัง้ การกอ่ อาชญากรรมต่อ คนไทยและนกั ทอ่ งเท่ยี ว ต้องเพ่มิ มาตรการการตรวจสอบให้มากขนึ้ ตอ้ งเพิม่ นโยบายใหม่ ๆ เพื่อมารองรับ ปัญหาใหม่ ๆ 3) มกี ฎหมายทอ่ งเทยี่ วพน้ื ฐานระบนุ โยบายและเปา้ หมายของรฐั เกย่ี วกบั นกั ทอ่ งเทย่ี ว มมี าตรการ หลายดา้ นทส่ี อดประสานและครอบคลุมทกุ ๆ ดา้ น เพือ่ ให้สามารถบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคไ์ ด้ 4) กฎหมายต้องกำ� หนดบทลงโทษให้ชดั เจน บังคับใช้กฎหมายอย่างเครง่ ครดั ส�ำหรับการฝ่าฝนื ค�ำสง่ั ประกาศข้อหา้ มของเจา้ หนา้ ที่ หรือหน่วยงานท่เี กี่ยวข้องดา้ นการรักษาความปลอดภยั นักทอ่ งเที่ยว 5) ควรมกี ารออกกฎหมายควบคมุ อยา่ งเขม้ งวดในบางพน้ื ที่ เฉพาะจงั หวดั กำ� หนดอตั ราโทษใหม่ หมดเพ่มิ โทษจากเดิมใหม้ ากขนึ้ มีการดูแลการเขา้ ออกของคนต่างชาติ ตรวจสอบการเขา้ ออกของคนตา่ งชาติ 6) ให้ความรู้ด้านกฎหมายแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง อันได้แก่ ต�ำรวจ ประชาชน นักท่องเที่ยว และ ประชาสัมพนั ธ์กฎหมายใหน้ กั ทอ่ งเท่ียวทราบและปฏิบตั ิตนตามบทบาทหน้าทอ่ี ยา่ งทว่ั ถึง 7) สร้างความร่วมมือท่ีดีระหว่างองค์กรในอุตสาหกรรมการท่องเท่ียว เช่น องค์กรต�ำรวจหรือ หน่วยบังคับใช้กฎหมายทั้งในและนอกประเทศ เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพในการคุ้มครองผลประโยชน์ของ นักทอ่ งเท่ียว 8) ต้องร่วมมือกันหลาย ๆ ฝา่ ย ท้งั ประชาชนและนักท่องเที่ยวทุกคน ตอ้ งให้ความรว่ มมือ และ มีแนวทางในการป้องกนั ทรพั ย์สินของตวั เองและปอ้ งกันตวั เองด้วย 2. มาตรการการบังคบั ใชก้ ฎหมาย 1) ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในชีวิตและ ทรพั ยส์ ินแก่นกั ทอ่ งเทย่ี ว การบงั คับใช้กฎหมายตอ้ งเดด็ ขาด 136 บัณฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต

2) มาตรการบังคับใช้กฎหมายต้องเป็นไปอย่างเสมอภาคไม่เลือกปฏิบัติ มีมาตรฐานเดียวกัน ไมเ่ หน็ แก่พวกพ้องเสน้ สาย ตอ้ งบังคับใชก้ ฎหมายอยา่ งจรงิ จงั ตรงไปตรงมา เท่าเทียม เป็นธรรม 3) กฎหมายทใี่ ชบ้ งั คบั ในการลงโทษผกู้ ระทำ� ความผดิ จะตอ้ งมบี ทลงโทษทเี่ หมาะสมกบั ความผดิ ไม่น้อยเกนิ ไป ขณะทีผ่ ู้ใชก้ ฎหมายควรใชก้ ฎหมายเป็นธรรมและจริงจงั ไม่เลือกปฏบิ ัติ 4) มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ ระยะต่อมาควรใช้วิธีการตักเตือนหรือจัดการอบรม และระยะต่อมาควรจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ การบังคับใช้กฎหมายต้องรวดเร็ว รุนแรง และ แนน่ อน 5) เมอื่ อาชญากรกระทำ� ความผดิ ตอ้ งจดั ระเบยี บการบรหิ าร และการประสานงานในหนว่ ยงาน กระบวนการยตุ ธิ รรม เจา้ หน้าที่ต�ำรวจ อยั การ ศาล และราชทัณฑ์ 6) เพ่ิมจ�ำนวนผ้บู ังคบั ใชก้ ฎหมาย เช่น ตำ� รวจ อาสาสมัคร 7) สนับสนนุ อุปกรณ์เคร่ืองมือใหแ้ ก่หนว่ ยงานผบู้ ังคบั ใช้กฎหมาย 3. มาตรการสอดสอ่ งดแู ล 1) ประชาชนทุกคนในสังคมควรมีส่วนร่วมในการป้องกันอาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพ่ือน ชมุ ชน หรอื วดั ต้องมีบทบาทที่เขม้ แขง็ การป้องกนั อาชญากรรมไม่อาจพงึ่ พาการคุ้มครองจากภาครฐั เพยี งอย่างเดยี ว ชมุ ชนควรมีส่วนร่วมในการร่วมมือกับภาครฐั ถงึ แนวทางทถี่ กู มีมาตรการเพอ่ื นบ้านเตอื นภัย สายตรวจประชาชน 2) หนว่ ยงานภาครฐั ภาคเอกชน องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น จะต้องมกี ารบูรณาการการปฏิบตั ิ ประสานความรว่ มมอื สนบั สนนุ งบประมาณในการจดั การสภาพแวดลอ้ มใหเ้ กดิ ความปลอดภยั ตอ่ นกั ทอ่ งเทยี่ ว 3) การวางผงั เมอื ง ตดิ ตง้ั ไฟฟา้ ตดิ ตงั้ CCTV ในจดุ เสย่ี ง และบำ� รงุ รกั ษาใหใ้ ชง้ านไดอ้ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง ปรบั ปรงุ สถานที่ใหเ้ ปน็ ระเบยี บ ปรับภมู ิทศั นใ์ หส้ วยงาม ไม่รกร้างหรือปา่ ทึบ กลางคืนมีแสงสว่างเพยี งพอ 4) ต้องสร้างอาชีพให้แก่คนในท้องถิ่นเพื่อให้สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ ไม่อพยพเข้ามาท�ำงาน ในเมอื ง 5) การสร้างจิตส�ำนึกในการรับผิดชอบการน�ำเสนอของส่ือ ไม่มุ่งผลประโยชน์ในทางพาณิชย์ แตเ่ พยี งอยา่ งเดยี ว การนำ� เสนอแนวคดิ คา่ นยิ มทด่ี งี ามของสงั คมจากสอ่ื จะเปน็ แนวทางทสี่ ำ� คญั ในการปอ้ งกนั ปัญหาอาชญากรรม 6) ส่งเสริมให้มีการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมให้ปลอดจากอาชญากรรม สร้างความปลอดภัย แก่ส่งิ แวดล้อมใหค้ รอบคลมุ ทกุ พ้ืนท่ี ใหป้ ระชาชนมสี ว่ นร่วมในการป้องกันอาชญากรรม 7) ขจัดปัญหาการท�ำให้แหล่งท่องเท่ียวเสื่อมโทรม เสียหาย ไร้ระเบียบ สร้างความพึงพอใจใน บริการและอำ� นวยความสะดวกแก่นกั ทอ่ งเทย่ี ว 4. มาตรการในการคมุ้ ครองนกั ท่องเที่ยว 1) การจัดตั้งศูนย์ประสานงานหลักในการเป็นศูนย์กลางในการประสานงานรับแจ้งเหตุ และ กระจายขา่ วแกศ่ ูนยต์ า่ ง ๆ ตลอด 24 ชม. เพ่อื ใหม้ ีการตดิ ต่อสายด่วนใหน้ กั ท่องเท่ยี วตดิ ต่อได้เมือ่ เกิดเหตุ 2) บรษิ ทั ทวั ร์ ไกดห์ รอื ผนู้ ำ� เทย่ี ว จะตอ้ งรบั ผดิ ชอบในการประชาสมั พนั ธ์ และทำ� ความเขา้ ใจกบั นักท่องเทยี่ ว มกี ารประชาสัมพนั ธ์ให้นกั ทอ่ งเท่ียวทราบถงึ การก่อเหตอุ าชญากรรมท่เี กิดขน้ึ ปที ี่ 15 ฉบับที่ 3 ประจำ�เดือนกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 137

3) การบรกิ ารตอ้ งคำ� นงึ ถงึ ความปลอดภยั ของนกั ทอ่ งเทยี่ ว และปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บกฎหมายและ มาตรการตา่ ง ๆ ท่รี าชการกำ� หนด มีความท่ัวถงึ ในการดูแลที่พัก และสถานที่ทอ่ งเท่ยี วใหม้ คี วามปลอดภยั 4) ภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรร่วมกันจัดตั้งกองทุนเพ่ือช่วยเหลือ นักท่องเท่ียว และเพ่มิ ประสิทธภิ าพในการสร้างความปลอดภยั ทางการทอ่ งเทีย่ ว 5) กรณีนกั ทอ่ งเท่ียวเปน็ ผู้เสยี หาย ควรไดร้ ับการดแู ลและอำ� นวยความสะดวกจากเจา้ หน้าทร่ี ฐั กรณนี กั ทอ่ งเทย่ี วเป็นผ้ตู ้องหาต้องจดั ลา่ มและทนายชว่ ยเหลือรกั ษาดา้ นกฎหมาย 6) ขจดั ปญั หาการหลอกลวงเอารดั เอาเปรยี บและคมุ้ ครองผลประโยชนท์ เ่ี ปน็ ธรรมใหแ้ กน่ กั ทอ่ งเทยี่ ว ปกปอ้ งคมุ้ ครองวงจรอตุ สาหกรรมการทอ่ งเท่ียว สรา้ งความเชื่อม่นั และจรงิ ใจในการคุ้มครองของหน่วยงาน 7) ต้องรณรงค์ให้คนในสังคมรู้จักบทบาทหน้าที่ของตน กระบวนการขัดเกลาทางสังคมต้องมี ประสิทธภิ าพ ศลี ธรรม และวัฒนธรรมต้องอยูใ่ นจิตสำ� นึก 8) การจัดการโครงการร่วมกบั หนว่ ยงานท้องถิ่น เช่น โครงการเพม่ิ ประสิทธภิ าพความปลอดภัย ให้กบั นกั ทอ่ งเท่ยี ว Safety Zone เพื่อให้นักทอ่ งเที่ยวรสู้ ึกปลอดภยั เมอ่ื เขา้ มาในพื้นที่ 9) ควรกำ� หนดมาตรการทางกฎหมายเกยี่ วกบั การโฆษณาทางเวบ็ ไซต์ ไดแ้ ก่ ตอ้ งเปดิ เผยเกย่ี วกบั การจดทะเบียนผู้ประกอบการ ข้อมูลตามที่กฎหมายก�ำหนด เงื่อนไขการช�ำระเงิน การคืนเงิน การยกเลิก รายการท่องเทยี่ ว 10) จัดให้มีรถสายตรวจตระเวนไปยังสถานที่ท่องเท่ียวต่าง ๆ เพ่ิมความถี่ในการตรวจทั้งใน กลางวันและกลางคืน มีหน่วยงานเฉพาะดูแลเรื่องมาตรการคุ้มครองนักท่องเท่ียว จัดต�ำรวจนอกเครื่องแบบ ไปดแู ลสถานท่ี 11) ต้องใหต้ �ำรวจมีความรู้ภาษาตา่ งประเทศทุก ๆ คน สามารถคยุ กบั ต่างชาติได้ จงึ จะสามารถ คมุ้ ครองและให้ความปลอดภยั แก่นักทอ่ งเท่ียว และสร้างความมั่นใจให้กบั นักท่องเทีย่ ว ผลการวิจัยเชิงปรมิ าณ มาตรการทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพในการปอ้ งกนั ปญั หาอาชญากรรมทมี่ ตี อ่ นกั ทอ่ งเทย่ี วในพน้ื ทจี่ งั หวดั ภเู กต็ 1) มาตรการด้านกฎหมาย จากการส�ำรวจข้อมูลความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับมาตรการด้านกฎหมาย ในการปอ้ งกันอาชญากรรมทม่ี ตี ่อนักท่องเที่ยวในพน้ื ท่ีจงั หวัดภเู กต็ พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมาก และเม่ือ พิจารณาเป็นรายปัจจัย พบว่า มาตรการด้านกฎหมาย ล�ำดับแรกได้แก่ เพ่ิมบทลงโทษการกระท�ำความผิด ท่ีมีต่อนักท่องเที่ยวอยู่ในระดับมาก รองลงมาได้แก่ มีต�ำรวจตรวจตราพ้ืนที่อย่างเพียงพอ และสม�่ำเสมอ อยูใ่ นระดบั มาก และการปรับปรุงแกไ้ ขกฎหมายใหท้ ันตอ่ สถานการณอ์ ยใู่ นระดับมาก 2) มาตรการบงั คับใชก้ ฎหมาย จากการสำ� รวจขอ้ มลู ความคดิ เหน็ ของผตู้ อบแบบสอบถามเกยี่ วกบั มาตรการการบงั คบั ใชก้ ฎหมาย ในการป้องกันอาชญากรรมที่มตี ่อนักทอ่ งเทยี่ วในพ้ืนทจ่ี งั หวัดภูเก็ต พบวา่ โดยรวมอยใู่ นระดับมาก และเมื่อ พจิ ารณาเปน็ รายปจั จยั พบวา่ มาตรการการบงั คบั ใชก้ ฎหมาย ลำ� ดบั แรกไดแ้ ก่ บงั คบั ใชก้ ฎหมายอยา่ งเครง่ ครดั และจรงิ จงั เพมิ่ อตั ราโทษใหส้ งู ขน้ึ อยู่ในระดบั มาก รองลงมาได้แก่ เพมิ่ ความเข้มในการตัง้ จุดตรวจ จดุ สกดั ตรวจค้นยานพาหนะและบุคคลเข้าออก อยู่ในระดับมาก และควรเพิ่มบทลงโทษมาตรการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเสมอภาค เทา่ เทียม เปน็ ธรรมและตอ่ เนือ่ ง อยู่ในระดับมาก 138 บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยสวนดสุ ติ

3) มาตรการสอดสอ่ งดูแล จากการส�ำรวจข้อมูลความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามเก่ียวกับมาตรการสอดส่องดูแล ในการปอ้ งกันอาชญากรรมท่มี ีตอ่ นกั ท่องเท่ยี วในพื้นท่จี งั หวัดภเู ก็ต พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อ พิจารณาเป็นรายปัจจัย พบว่า มาตรการสอดส่องดูแล ล�ำดับแรกได้แก่ มีอุปกรณ์ตรวจจับและป้องกันภัย ทม่ี ปี ระสิทธภิ าพ อยใู่ นระดับมาก รองลงมาได้แก่ ปรับปรงุ ภมู ิทศั นใ์ หส้ วยงามไม่เปน็ ท่รี กร้าง หรือปา่ รกทบึ มีแสงสว่างเพียงพอ อย่ใู นระดบั มาก และมีการติดตัง้ ไฟฟา้ สอ่ งสว่างอย่างทว่ั ถึง อยูใ่ นระดับมาก 4) มาตรการในการคุ้มครองนักท่องเทีย่ ว จากการส�ำรวจข้อมูลความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามเก่ียวกับมาตรการในการคุ้มครองนัก ท่องเทยี่ วในการป้องกนั อาชญากรรมท่ีมตี อ่ นกั ท่องเท่ียวในพ้นื ที่จงั หวัดภูเกต็ พบว่า โดยรวมอยู่ในระดบั มาก และเมอื่ พจิ ารณาเปน็ รายปจั จยั พบวา่ มาตรการในการคมุ้ ครองนกั ทอ่ งเทย่ี ว ลำ� ดบั แรกไดแ้ ก่ จะตอ้ งมจี ำ� นวน ตำ� รวจทเ่ี พิม่ มากขน้ึ และจะต้องมอี าสาสมคั รมาช่วยในการสอดส่องดูแล นอกจากน้ีการตดิ ต้งั CCTV เพมิ่ เติม และส�ำรวจกล้อง CCTV ให้สามารถใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพก็เป็นการช่วยในการคล่ีคลายคดีได้อย่าง รวดเร็วมากย่ิงขึ้น อยู่ในระดับมาก รองลงมาได้แก่ บริษัททัวร์จะต้องประชาสัมพันธ์และท�ำความเข้าใจกับ นกั ทอ่ งเทยี่ ว ประชาสมั พนั ธแ์ นะนำ� นกั ทอ่ งเทย่ี วเกย่ี วกบั การปอ้ งกนั เหตแุ ละการปอ้ งกนั ทรพั ยส์ นิ อยใู่ นระดบั มาก และการจดั ตงั้ ศนู ยป์ ระสานงานหลกั รบั แจง้ เหตแุ ละกระจายขา่ วแกศ่ นู ยต์ า่ ง ๆ ตลอด 24 ชม. อยใู่ นระดบั มาก อภปิ รายผล ผลการวิจัยนี้เป็นการตอบวัตถุประสงค์ของการวิจัยในการหามาตรการท่ีมีประสิทธิภาพในการที่จะ นำ� มาใชป้ อ้ งกนั ปญั หาอาชญากรรมทมี่ ตี อ่ นกั ทอ่ งเทยี่ วในพน้ื ทจ่ี งั หวดั ภเู กต็ ผลการวจิ ยั ของมาตรการดา้ นตา่ ง ๆ พบวา่ 1. มาตรการด้านกฎหมาย จากการส�ำรวจข้อมูลความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามเก่ียวกับมาตรการด้านกฎหมายใน การป้องกันอาชญากรรมทม่ี ตี อ่ นักทอ่ งเทีย่ วในพ้ืนทจ่ี งั หวดั ภเู ก็ต พบว่า ลำ� ดับแรกได้แก่ ก�ำหนดนโยบายให้ เหน็ ชดั เจนเป็นรูปธรรม ต้องกำ� หนดบทลงโทษชดั เจน เพิม่ บทลงโทษการกระทำ� ความผิดทม่ี ตี ่อนกั ท่องเที่ยว การศึกษาดงั กลา่ วสอดคล้องกับงานวิจยั ของ Jarmal Singh (2013) ที่ศึกษาถงึ กองกำ� ลงั ต�ำรวจสิงคโปร์ โดย พบวา่ การมกี ฎหมายทเ่ี ขม้ งวด ซง่ึ ไดร้ บั การผลกั ดนั โดยผบู้ รหิ ารทแ่ี ขง็ แกรง่ และไดร้ บั การตอบสนองใหส้ ามารถ ออกพระราชบัญญัติโดยสมาชิกสภานิติบัญญัติที่มีประสิทธิภาพ แรงผลักดันหลักของต�ำรวจชุมชน คือ การร่วมมือกันช่วยเหลือซ่ึงกันและกันจากประชาชนในการท่ีจะดูแลความปลอดภัยของตัวเอง คนรอบข้าง รองลงมาได้แก่ มีต�ำรวจตรวจตราพน้ื ที่อยา่ งเพียงพอ และสมำ�่ เสมอ การศกึ ษาดังกล่าวสอดคลอ้ งกับงานวิจยั ของ อศั วนิ วฒั นวบิ ลู ย์ และคณะ (2552) ทศี่ กึ ษาการบรู ณาการความรเู้ ชงิ วชิ าการและการปฏบิ ตั สิ กู่ ารพฒั นา นโยบายทางอาญา : ด้าน การป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยผลการศึกษาพบว่าจะต้องมีการพัฒนา ประมวลกฎหมายอาญา พระราชบญั ญตั ทิ ม่ี โี ทษทางอาญาและประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาอาญาใหส้ อดคลอ้ ง ทันสมัยต่อนโยบายอาญา ปที ่ี 15 ฉบับที่ 3 ประจ�ำ เดือนกนั ยายน - ธันวาคม 2562 139

2. มาตรการการบงั คับใชก้ ฎหมาย จากการสำ� รวจขอ้ มลู ความคดิ เหน็ ของผตู้ อบแบบสอบถามเกย่ี วกบั มาตรการการบงั คบั ใชก้ ฎหมาย ในการป้องกันอาชญากรรมท่ีมีต่อนักท่องเท่ียวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พบว่า ล�ำดับแรกได้แก่ การบังคับใช้ กฎหมายต้องท�ำอย่างจริงจังจริงใจและเคร่งครัด เพิ่มอัตราโทษให้สูงข้ึน การศึกษาดังกล่าวสอดคล้องกับ การศกึ ษาบทบาทหนา้ ทขี่ องตำ� รวจในการปอ้ งกนั อาชญากรรมของ ปรุ ะชยั เปย่ี มสมบรู ณ์ (2531) ทร่ี ะบวุ า่ ตำ� รวจ มหี นา้ ทใี่ นการบงั คบั ใชก้ ฎหมายการปอ้ งกนั เหตรุ า้ ยไมใ่ หเ้ กดิ ขนึ้ การรกั ษาความปลอดภยั ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ ของประชาชน และยังสอดคลอ้ งกบั การศึกษาของ Vladimir Konyakhin and Anton Petrovskiy (2016) ศึกษาการปอ้ งกนั อาชญากรรมและอาชญากรรมที่ Krasnodar Krai Tourist Resorts ในรัสเซยี : การศึกษา เก่ียวกับอาชญากรรมความกลัวอาชญากรรมและการป้องกันอาชญากรรม ที่เสนอแนะให้ต�ำรวจควรท�ำงาน อยา่ งตรงไปตรงมาเพอ่ื ปรบั ปรงุ ความถกู ตอ้ งตามกฎหมายและความไวว้ างใจในตำ� รวจ รองลงมาไดแ้ ก่ การเพม่ิ ความเข้มในการต้ังจุดตรวจ จุดสกัดตรวจค้นยานพาหนะและบุคคลเข้าออก การศึกษาดังกล่าวสอดคล้อง กบั มาตรการปอ้ งกนั ของ กองปราบปราม (2558: 10-11) ในเร่อื งมาตรการการป้องกนั พ้ืนฐานคือการใช้ก�ำลงั ของเจ้าหน้าที่ต�ำรวจในเคร่ืองแบบปรากฏในพื้นที่และช่วงเวลาที่เหมาะสมจะเป็นการข่มขวัญ ยับยั้งการก่อ อาชญากรรมของผทู้ คี่ ดิ จะกระทำ� ความผดิ และสอดคลอ้ งกบั ทฤษฎบี งั คบั ใชก้ ฎหมาย (ณรงค์ บำ� รงุ รตั น,์ 2535: 22-25) ทเ่ี จา้ หนา้ ทต่ี ำ� รวจมสี ว่ นสำ� คญั ในการลดลงของอาชญากรรมทง้ั การออกตรวจทอ้ งท่ี การสบื สวนจบั กมุ คนร้ายเพ่ือป้องปรามเหตุอาชญากรรม และควรเพ่ิมบทลงโทษมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาค เทา่ เทยี ม เปน็ ธรรมและตอ่ เน่ือง การศกึ ษาดงั กลา่ วสอดคล้องกบั แนวคดิ ทฤษฎอี าชญาวทิ ยาดั้งเดมิ ของ ซซี าร์ แบค็ คาเรยี (Cesare Beccaria, 1794) ทน่ี ำ� เสนอวา่ หากระบบกฎหมายมบี ทกำ� หนดโทษทร่ี นุ แรง มกี ารลงโทษ ท่ีรวดเร็ว หลังจากที่มีการกระท�ำผิดเกิดขึ้น และสามารถลงโทษผู้กระท�ำผิดกฎหมายได้ทุกคน จะส่งผลให้ พฤติกรรมอาชญากรรมของบุคคลในสังคมลดลง และยังสอดคล้องกับงานวิจัยของ Jarmal Singh (2013) ทศี่ กึ ษาถงึ กองกำ� ลงั ต�ำรวจสงิ คโปร์ โดยพบวา่ ผลของการมอี ัตราการเกดิ อาชญากรรมต�่ำเกิดจากการบังคบั ใช้ กฎหมายทเ่ี ปน็ ไปอยา่ งเข้มขน้ เสมอภาคและเทา่ เทยี มกนั 3. มาตรการสอดสอ่ งดูแล จากการส�ำรวจข้อมูลความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามเก่ียวกับมาตรการสอดส่องดูแล ในการปอ้ งกนั อาชญากรรมทมี่ ตี อ่ นกั ทอ่ งเทย่ี วในพน้ื ทจ่ี งั หวดั ภเู กต็ พบวา่ ลำ� ดบั แรกไดแ้ ก่ มอี ปุ กรณต์ รวจจบั และปอ้ งกนั ภยั ทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ การศกึ ษาดงั กลา่ วสอดคลอ้ งกบั ทฤษฎคี วบคมุ อาชญากรรมจากสภาพแวดลอ้ ม (ปุระชยั เปย่ี มสมบูรณ์, 2526: 17) มิติด้านสภาพแวดล้อมรปู ธรรม คือ ในระดบั ชุมชนเป็นมาตรการการวาง ผังเมืองและชุมชนการติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่าง การออกแบบอาคารและการสลักหมายเลขบนทรัพย์สินและใน ระดบั บา้ นเรอื น เปน็ มาตรการความมน่ั คงของประตหู นา้ ตา่ ง การใชส้ ญั ญาณเตอื นภยั รองลงมาไดแ้ ก่ ปรบั ปรงุ ภูมิทัศน์ให้สวยงามไม่เป็นท่ีรกร้าง มีแสงสว่างเพียงพอ การศึกษาดังกล่าวสอดคล้องกับงานวิจัยของ อุนิษา เลิศโตมรสกลุ และชาญคณิต กฤตยา สรุ ยิ ะมณี (2552) ทีศ่ กึ ษาหาแนวทางในการป้องกันอาชญากรรมแบบ ไมเ่ ปน็ ทางการ : กรณศี กึ ษาในเขตกรงุ เทพมหานคร โดยแนวทางในการปอ้ งกนั อาชญากรรมแบบไมเ่ ปน็ ทางการ แนวทางหน่ึงคือ การให้ความรู้แก่คนในชุมชนเก่ียวกับการป้องกันอาชญากรรมจากสภาพแวดล้อม เพื่อลด โอกาสของการเกิดอาชญากรรม นอกจากนย้ี ังสอดคล้องกับงานวิจัยของ Ahmad Nazrin Aris Anuar, Siti Noor baizura Bookhari and Noor Azah Aziz (2010) ในการศกึ ษาประสิทธิภาพของ Safe City Program 140 บัณฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั สวนดุสิต

ส�ำหรับภาคอุตสาหกรรมการท่องเท่ียว กรณีศึกษาปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย ท่ีพบว่าหน่ึงในข้ันตอน การป้องกันอาชญากรรมข้ึนอยู่กับการปรับปรุงแนวทางโซนการจัดท่ีอยู่อาศัย และการติดต้ังไฟฟ้าส่องสว่าง อย่างท่ัวถึง 4. มาตรการในการคุ้มครองนกั ท่องเทีย่ ว จากการส�ำรวจข้อมูลความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามเก่ียวกับมาตรการในการคุ้มครอง นักท่องเที่ยวในการป้องกันอาชญากรรมท่ีมีต่อนักท่องเที่ยวในพ้ืนที่จังหวัดภูเก็ต พบว่า ล�ำดับแรกได้แก่ จะตอ้ งมจี ำ� นวนตำ� รวจทเี่ พมิ่ มากขนึ้ เพม่ิ อตั ราเจา้ หนา้ ทต่ี ำ� รวจใหเ้ จา้ หนา้ ทเ่ี ตรยี มพรอ้ มรบั สถานการณต์ ลอด เวลา การศกึ ษาดงั กล่าวสอดคลอ้ งกับทฤษฎีการปอ้ งกันอาชญากรรม (ณรงค์ บ�ำรุงรัตน์, 2535: 22-25) ทเ่ี ชอ่ื ว่าการปรากฏตัวของต�ำรวจบ่อย ๆ ย่อมมีผลในการยับย้ังผู้ท่ีมีแนวโน้มจะประกอบอาชญากรรมมิให้กระท�ำ ผิดเพราะเกรงกลัวต่อการจับกุม ผลการศึกษายังสอดคล้องกับงานวิจัยของ อุทิศ ศิริเม (2554) ท่ีได้ศึกษา การมสี ว่ นรว่ มของประชาชนในการปอ้ งกนั และปราบปรามอาชญากรรมในเขตพนื้ ทรี่ บั ผดิ ชอบของสถานตี ำ� รวจ ภธู รโนนเจรญิ อำ� เภอบา้ นกรวด จงั หวดั บรุ รี มั ย์ ทเี่ สนอแนะใหเ้ จา้ หนา้ ทต่ี ำ� รวจออกตรวจในหมบู่ า้ นและชมุ ชน ใหม้ ากขน้ึ และจดั ให้มกี ารฝึกอบรม ใหค้ วามรเู้ รอ่ื งการป้องกนั และปราบปรามอาชญากรรมให้กบั ประชาชน ในชุมชน และหมู่บ้าน และการป้องกันใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ตรงไปตรงมา ไม่เลือกปฏิบัติ การศึกษา ดงั กล่าวสอดคลอ้ งกบั ทฤษฎกี ารป้องกัน (Deterrence Theory) ของ กองปราบปราม (2558: 10-11) ทร่ี ะบุ วา่ การใชม้ าตรการและวธิ ีการตา่ ง ๆ ทจี่ ะไมใ่ ห้เกดิ อาชญากรรมขน้ึ ถอื เปน็ หนา้ ท่ีของเจ้าหนา้ ทร่ี ัฐบาล เอกชน และประชาชนในการร่วมมอื กัน นอกจากนีก้ ารตดิ ตั้ง CCTV เพ่ิมเติม และสำ� รวจกลอ้ ง CCTV ให้สามารถใช้ การไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพกเ็ ปน็ ชว่ ยในการคลค่ี ลายคดไี ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ มากยง่ิ ขนึ้ การศกึ ษาดงั กลา่ วสอดคลอ้ ง กับการศึกษาของ ส�ำนักบริหารยุทธศาสตร์ (2558: 168-169) ในเร่ืองของความต้องการ และแนวทาง การแกไ้ ขปญั หาของประชาชน คอื ตอ้ งเพมิ่ ความเขม้ งวดในการรกั ษาความปลอดภยั ความสงบเรยี บรอ้ ยในพนื้ ท่ี เพอ่ื สรา้ งความมั่นใจให้แก่นักทอ่ งเทยี่ วและประชากร โดยเพ่มิ เจา้ หนา้ ทีร่ กั ษาความปลอดภัย ฝึกอบรมอาสา สมัครในชุมชนให้มีความรู้ในการบริหารจัดการความปลอดภัย และคุ้มกันชุมชนของตนเอง ติดตั้งไฟฟ้าตาม ถนนหนทางต่าง ๆ ตดิ ตัง้ กล้อง CCTV ในพน้ื ท่ีใหค้ รอบคลมุ ทกุ พนื้ ที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งทอ่ งเทย่ี วตา่ ง ๆ รองลงมาได้แก่ การขอความร่วมมือกับอาสาสมัคร เพื่อช่วยในการดูแลและสอดส่องพื้นที่การศึกษาดังกล่าว สอดคลอ้ งกบั การศกึ ษาของ ธนั ยช์ นก สุขเกษม (2555) ที่ศกึ ษารูปแบบการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ของตำ� รวจทอ่ งเทย่ี วจงั หวดั ภเู กต็ ทเ่ี หน็ วา่ รปู แบบการปอ้ งกนั ปราบปรามอาชญากรรมทเี่ กดิ ขนึ้ กบั นกั ทอ่ งเทยี่ ว ที่โดดเด่น คือ การน�ำอาสาสมัครต�ำรวจท่องเท่ียวจังหวัดภูเก็ตมาร่วมด�ำเนินงานในการป้องกันปราบปราม อาชญากรรม ทั้งในมาตรการป้องกันและการปราบปรามอาชญากรรม โดยการลงพ้ืนท่ีกับสายตรวจ ทั้งสายตรวจรถยนต์และสายตรวจเดินเทา้ เพ่อื คอยอ�ำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภยั ในชีวติ และ ทรพั ยส์ นิ ของนกั ทอ่ งเทย่ี ว และยงั สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของ อภริ ชั ขานไข (2558) ทศ่ี กึ ษาขอ้ เสนอทางนโยบาย มาตรการป้องกนั อาชญากรรมในเขตพน้ื ท่ีรับผดิ ชอบของสถานีต�ำรวจภูธรเมืองปทุมธานี ซึง่ พบว่า มาตรการ ป้องกันอาชญากรรมในเขตพ้ืนที่รับผิดชอบสถานีต�ำรวจภูธรเมืองปทุมธานี คือ การแสวงหาความร่วมมือ กับประชาชน เป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต�ำรวจกับประชาชนเพื่อสร้างความสัมพันธ์ ในการแกป้ ัญหา การบรู ณาการ การมีส่วนรว่ มกับชุมชนและองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ปีที่ 15 ฉบับท่ี 3 ประจำ�เดอื นกันยายน - ธันวาคม 2562 141


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook