Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารบัณฑิตวิทยาลัย (ก.ย.-ธ.ค.62)

วารสารบัณฑิตวิทยาลัย (ก.ย.-ธ.ค.62)

Published by boomsdu, 2023-01-13 04:58:28

Description: วารสารบัณฑิตวิทยาลัย (ก.ย.-ธ.ค.62)

Search

Read the Text Version

จากการวเิ คราะห์และสังเคราะหผ์ ลการวิจัยสามารถสร้าง Model ของมาตรการที่มีประสทิ ธิภาพใน การป้องกันปญั หาอาชญากรรมท่ีมตี ่อนักท่องเท่ียวในพ้ืนที่จงั หวดั ภูเก็ตท่ไี ด้จากการวจิ ยั ดงั นี้ 1. นโยบาย (Policy) ประการแรก ตอ้ งกำ� หนดนโยบายใหเ้ หน็ ชดั เจนเปน็ รปู ธรรม ตอ้ งเพมิ่ บทลงโทษ การกระท�ำความผิดที่มีต่อนักท่องเที่ยว ประการท่ีสอง มีปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้ทันต่อสถานการณ์ มีการก�ำหนดบทลงโทษให้ชัดเจน ประการที่สาม มีบทลงโทษผู้ประกอบการที่เอารัดเอาเปรียบหลอกลวง นักท่องเที่ยว เช่น พรบ. ธรุ กจิ น�ำเท่ียวและมัคคเุ ทศก์ 2. ต�ำรวจ (Police) ประการแรก จ�ำนวนต�ำรวจต้องเพิ่มมากข้ึน ต้องมีต�ำรวจตรวจตราพื้นที่ อย่างเพียงพอและสม�่ำเสมอ มีต�ำรวจพร้อมในการดูแลที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวให้มีความปลอดภัย ประการที่สอง ควรเพ่ิมบทลงโทษมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างอย่างเคร่งครัดและจริงจัง เสมอภาค เทา่ เทียม เป็นธรรมและต่อเนือ่ ง ประการท่ีสาม เพม่ิ ความเขม้ ในการต้ังจุดตรวจ จุดสกดั ตรวจค้นยานพาหนะ และบคุ คลเขา้ ออก เพ่มิ อัตราโทษใหส้ ูงขึน้ 3. ความร่วมมือ (Cooperation) ประการแรก ต้องขอความร่วมมือกับหน่วยอาสาสมัคร เพ่ือ ช่วยดูแลตรวจตราพ้ืนที่ ประการทีส่ อง มกี ารจัดต้งั ศนู ยป์ ระสานงานหลกั รับแจง้ เหตุและกระจายข่าวแกศ่ ูนย์ ตา่ ง ๆ ตลอด 24 ชม. ประการทสี่ าม มีการปรับปรงุ ภูมิทัศน์ให้สวยงามไม่เปน็ ที่รกร้าง มแี สงสวา่ งเพยี งพอ ข้อเสนอแนะ ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย 1. ก�ำหนดนโยบายให้เหน็ ชดั เป็นรูปธรรม เพิ่มบทลงโทษการกระท�ำความผิดทีม่ ีตอ่ นักทอ่ งเท่ยี ว 2. กฎหมายท่จี ะน�ำมาใช้เพ่อื ที่จะทำ� ให้นโยบายมปี ระสทิ ธิภาพตอ้ งกำ� หนดบทลงโทษชัดเจน ขอ้ เสนอแนะเชิงปฏบิ ตั ิ 1. การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและจริงจังจริงใจ เพิ่มความเข้มในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจค้นยานพาหนะ จำ� นวนตำ� รวจจะตอ้ งมเี พมิ่ มากขึน้ 2. ควรมอี ปุ กรณต์ รวจจบั และปอ้ งกนั ภยั ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ รวมถงึ ปรบั ปรงุ ภมู ทิ ศั นไ์ มใ่ หเ้ ปน็ ทรี่ กรา้ ง และใหม้ แี สงสว่างเพียงพอ การติดต้ัง CCTV เพิม่ เตมิ และใหส้ ามารถใช้การไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ 3. การจดั ตง้ั ศนู ย์ประสานงานหลกั รบั แจง้ เหตแุ ละกระจายข่าวแกศ่ ูนยต์ ่าง ๆ ตลอด 24 ชวั่ โมง 4. ขอความรว่ มมือกับหน่วยอาสาสมคั รในการดูแลและสอดส่องพ้นื ท่ี 142 บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ิต

เอกสารอ้างอิง กองปราบปราม. (2558). แนวคดิ ที่เกีย่ วข้องกับงานปอ้ งกันอาชญากรรม. [Online]. Available: http:// csd.go.th/Dimensions_csd/Chapter%2002.pdf [2560, มกราคม 20]. ณรงค์ บ�ำรุงรัตน์. (2535). การจัดสายตรวจกับการป้องกันอาชญากรรม : ศึกษาเฉพาะเขตอ�ำเภอเมือง จังหวดั เชยี งใหม่. วทิ ยานพิ นธ์หลกั สตู รรฐั ศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าการเมืองและการปกครอง บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่. ตำ� รวจทอ่ งเทย่ี วจงั หวดั ภเู กต็ . (2561). สถติ กิ ารกอ่ อาชญากรรมตอ่ นกั ทอ่ งเทย่ี วในพนื้ ทจี่ งั หวดั ภเู กต็ . ขอ้ มลู เอกสารตำ� รวจทอ่ งเท่ียวจังหวดั ภูเกต็ . ธนั ยช์ นก สขุ เกษม. (2555). รปู แบบการปอ้ งกนั ปราบปรามอาชญากรรมของตำ� รวจทอ่ งเทยี่ วจงั หวดั ภเู กต็ . วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาอาชญาวิทยาและงานยุติธรรม บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล. ปรุ ะชัย เปี่ยมสมบูรณ.์ (2526). การควบคุมอาชญากรรมจากสภาพแวดล้อม : หลกั ทฤษฎแี ละมาตรการ. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์. (2531). อาชญากรรมพ้ืนฐานกับขบวนการยุติธรรม. กรุงเทพฯ: โครงการส่งเสริม เอกสารวชิ าการ สถาบนั บณั ฑติ พฒั นบรหิ ารศาสตร.์ พรชยั ขนั ตี และคณะ. (2543). ทฤษฎีและงานวิจยั ทางอาชญาวิทยา. กรงุ เทพฯ: บุ๊คเน็ท. รณภพ พรอรุณ. (2542). ความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจกับอาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา. ภาคนพิ นธร์ ฐั ประศาสนศาสตรมหาบณั ฑติ สาขานโนบายสาธารณะ บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั บูรพา. ระบบสารสนเทศสถานีต�ำรวจ ส�ำนักงานตำ� รวจแห่งชาติ. (2561). สถติ ิฐานความผดิ คดีอาญา (คดี 4 กลมุ่ ) หน่วยงาน ต�ำรวจภธู รจังหวัดภูเก็ต. เอกสารสถิตฐิ านความผิดคดอี าญา. ศนู ย์วจิ ยั กสิกรไทย. (2556). อตุ สาหกรรมท่องเทยี่ วและธุรกิจต่อเนอ่ื งภาคใต้. [Online]. Available: www. ksmecare.com/Article/82/29615/อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเน่ืองภาคใต้. [2560, มกราคม 22]. ส�ำนกั บรหิ ารยุทธศาสตร์ กลมุ่ จังหวดั ภาคใตฝ้ ัง่ อันดามนั . (2558). การวิเคราะห์ปญั หา ความต้องการ และ แนวทางการแก้ไขปัญหาของประชาชนในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน. [Online]. Available: www.osmsouth-w.moi.go.th/file-data/340751.doc [2560, พฤษภาคม 2]. สธุ าทิพย์ กสิฤกษ,์ อาภาศริ ิ สุวรรณานนท์ และจนั ทร์แรม เรือนแป้น. (2561). รูปแบบการพฒั นาด้านสังคม จติ วิทยาในการน�ำมาใช้ลดวิกฤติความไม่สงบในจงั หวดั ปตั ตานี. วารสารวชิ าการบณั ฑติ วทิ ยาลัย สวนดสุ ติ , 14 (2), (พฤษภาคม-สิงหาคม 2561). ปีที่ 15 ฉบับที่ 3 ประจำ�เดือนกันยายน - ธันวาคม 2562 143

อภริ ชั ขานไข. (2558). ขอ้ เสนอทางนโยบายมาตรการปอ้ งกนั อาชญากรรมในเขตพนื้ ทรี่ บั ผดิ ชอบของสถานี ต�ำรวจภูธรเมืองปทุมธานี. วิทยานิพนธ์รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. อศั วนิ วฒั นวบิ ลู ย์ และคณะ. (2552). การบรู ณาการความรเู้ ชงิ วชิ าการและการปฏบิ ตั สิ กู่ ารพฒั นานโยบาย ทางอาญา : ดา้ นการปอ้ งกนั ปราบปรามอาชญากรรม. เสนอสำ� นกั งานกจิ การยตุ ธิ รรม กระทรวง ยตุ ิธรรม. อนุ ษิ า เลศิ โตมรสกลุ และชาญคณติ กฤตยา สรุ ยิ ะมณ.ี (2552). ศกึ ษาหาแนวทางในการปอ้ งกนั อาชญากรรม แบบไม่เป็นทางการ : กรณีศกึ ษาในเขตกรุงเทพมหานคร. คณะสงั คมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยมหิดล เสนอสำ� นกั งานกจิ การยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม. อุทศิ ศิริเม. (2554). การมสี ว่ นรว่ มของประชาชนในการปอ้ งกนั และปราบปรามอาชญากรรมในเขตพื้นท่ี รับผิดชอบของสถานีต�ำรวจภูธรโนนเจริญ อ�ำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์. วิทยานิพนธ์ รัฐศาสตรมหาบัณฑิต คณะมนษุ ยศ์ าสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั บรุ ีรมั ย์. Ahmad Nazrin Aris Anuar, SitiNoor baizura Bookhari and Noor Azah Aziz. (2010). The Effectiveness of Safe City Program as Safety Basic in Tourism Industry: Case Study in Putrajaya. ASEAN Conference on Environment-Behaviour Studies, Riverside Majestic Hotel, Kuching, Sarawak, Malaysia, 7-8 July 2010. Beccaria, Cesare. (1794). On Crime and Punishment Indianapolis. Englewood Cliff, N.J.: Prentice-Hall. Jarmal Singh. (2013). Deputy Director Operations, Police Headquarters, Singapore Police Force, Republic of Singapore. [Online]. Available: http://www.unafei.or.jp/english/ pdf/ PDF_rms/no56/56-12.pdf. [2017, April 22]. Vladimir Konyakhin and Anton Petrovskiy. (2016). Crime and Crime Prevention at Krasnodar Krai Tourist Resorts in Russia: A Study of Crime, Fear of Crime and Crime Prevention. [Online]. Available: https://www.policija.si/eng/images/stories/Publications/JCIC/PDF /2016/04/JCIC2016-04_VladimirKonyakhin_CrimeAndCrimePreventionAtKrasnodarKrai. pdf [2017, April 22]. 144 บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดุสติ

คณะผเู้ ขียน ร้อยตำ� รวจเอกส�ำราญ สุดจิตร บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดุสติ อาคารเฉลมิ พระเกยี รติ 50 พรรษา มหาวชริ าลงกรณ เลขท่ี 145/9 ถนนสโุ ขทยั เขตดสุ ิต กรงุ เทพฯ 10300 e-mail: [email protected] ดร. เพญ็ ศรี พัทธ์ววิ ัฒนศริ ิ บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั สวนดุสติ อาคารเฉลิมพระเกยี รติ 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ เลขที่ 145/9 ถนนสโุ ขทยั เขตดุสิต กรงุ เทพฯ 10300 ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. ชาติชาย มหาคีตะ บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ิต อาคารเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษา มหาวชริ าลงกรณ เลขที่ 145/9 ถนนสุโขทยั เขตดสุ ติ กรงุ เทพฯ 10300 ปีที่ 15 ฉบับที่ 3 ประจำ�เดือนกันยายน - ธนั วาคม 2562 145



การนำ� นโยบายการจดั การขยะขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยาไปปฏบิ ตั ิ The Implementation of Waste Management Policy of Phra Nakhon Si Ayutthaya Provincial Administrative Organization วงศ์วรรธน์ บุญวัฒน์* และเพ็ชรตั น์ ไสยสมบัติ คณะสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ Wongwat Boonyawat* and Petcharat Saisombut Faculty of Social Sciences, Srinakharinwirot University Received: March 18, 2019 Revised: May 25, 2019 Accepted: June 10, 2019 บทคัดย่อ การวิจัยในคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาปัจจัยแห่งความส�ำเร็จการจัดการขยะขององค์การบริหาร ส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไปปฏิบัติ โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนา กลุ่ม จากผู้บริหาร และข้าราชการ เจ้าหน้าที่ท่ีเกี่ยวข้องที่ปฏิบัติหน้าท่ีอยู่ในองค์การบริหารส่วนจังหวัด พระนครศรอี ยธุ ยา ประชาชนในพน้ื ทใ่ี กลเ้ คยี งศนู ยก์ ำ� จดั ขยะตน้ แบบ และนำ� ผลมาวเิ คราะหเ์ ชงิ พรรณนาเพอ่ื หาความสัมพันธ์ของเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า ความชัดเจนของนโยบาย อ�ำนาจเด็ดขาดของรัฐบาลท�ำให้ เจ้าหน้าที่สามารถด�ำเนินการได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว และสมรรถนะองค์การที่มีประสิทธิภาพที่สามารถ ก�ำหนดหลักเกณฑ์ และการวางแผนในการจัดสรรทรัพยากรให้เพียงพอต่อการจัดการขยะ รวมไปถึงการมี ส่วนร่วมในการคัดแยกขยะ ณ แหล่งก�ำเนิด และการให้ความร่วมมือแก่เจ้าหน้าที่ในทุกด้านของประชาชน เปน็ ปจั จยั ทสี่ ง่ ผลใหก้ ารนำ� นโยบายการจดั การขยะขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยาไปปฏบิ ตั ิ ไดส้ ำ� เร็จ คำ� สำ� คญั : การนำ� นโยบายการจดั การขยะไปปฏบิ ตั ิ การจดั การขยะ องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา * วงศว์ รรธน์ บุญวฒั น์ (Corresponding Author) ปที ่ี 15 ฉบบั ท่ี 3 ประจำ�เดอื นกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 147 e-mail: [email protected]

Abstract The objective of this research was to study key success factors in the implementation of the waste management policy of Phra Nakhon Si Ayutthaya provincial administrative organization by using qualitative research including in-depth interview and focus group interview. The key informants in this study included administrators, government officers, related staffs that worked in the Phra Nakhon Si Ayutthaya provincial administrative organization and people living near the model waste disposal center. Descriptive analysis was employed to examine the relationship of the content. The results revealed that the factors influencing successful implementation of the waste management policy of Phra Nakhon Si Ayutthaya provincial administrative organization included the policy clarity, the absolute power of the government enabling staffs to manage correctly and promptly and the competency of efficient organization in regulating and planning to allocate sufficient resources for waste management. In addition, the participation in waste segregation at the origin and people’s cooperation with staffs also influenced the success of this policy. Keywords: Implementation of Waste Policy, Waste Management, Phra Nakhon Si Ayutthaya Provincial Administrative Organization บทนำ� จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา เป็นจงั หวัดท่ีมีสถานทส่ี ำ� คัญทางประวัติศาสตร์ และได้รบั การจดทะเบียน การเปน็ มรดกโลกภายใต้ชือ่ “นครประวตั ศิ าสตร์พระนครศรีอยธุ ยาและเมอื งบรวิ าร” เป็นจังหวดั ทีด่ ึงดูดให้ กลุ่มนักท่องเท่ียวเข้ามาเยี่ยมเยือน ทัศนาจรหลายต่อหลายกลุ่ม นับเป็นการสร้างรายได้ให้แก่จังหวัดเป็น อยา่ งดี ทงั้ ธรุ กจิ ทพี่ กั รา้ นอาหารมเี พมิ่ มากขน้ึ รวมถงึ การเกดิ นคิ มอตุ สาหกรรมขนาดใหญ่ ทำ� ใหเ้ กดิ เศรษฐกจิ หมนุ เวยี นภายในจงั หวดั อยา่ งไรกด็ ี ดว้ ยปจั จยั ดงั กลา่ วยงั สง่ ผลกระทบนำ� มาสปู่ รมิ าณขยะในจำ� นวนทม่ี ากขน้ึ ส่งผลให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีปริมาณขยะท่ีเพ่ิมมากข้ึน โดยถูกจัดอยู่ในล�ำดับจังหวัดท่ีมีปัญหา ขยะมูลฝอยตกค้างในสถานท่ีกําจัดขยะมูลฝอยท่ีดําเนินการไม่ถูกต้อง 642,566 ตัน และอยู่ในล�ำดับที่ 5 ของจงั หวดั ทม่ี ปี ญั หาวกิ ฤตดา้ นการจดั การขยะมลู ฝอย 52.96 จากคะแนนประเมนิ 100 คะแนน (กรมควบคมุ มลพิษ, 2560) เห็นได้จากขยะกองเปน็ ภูเขาเทา่ ตึกสูง 8 ชนั้ กวา่ 3 แสนตัน ส่งกล่นิ เหม็นทำ� ให้นำ้� เน่าเสยี เกิด การเผาไหม้มีควันไฟ และเศษขยะปลิวว่อนสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้าน ณ ต�ำบลบ้านป้อม อ�ำเภอ พระนครศรอี ยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา (ผู้จดั การออนไลน,์ 2555) ฉะนน้ั เพอ่ื ใหก้ ารแกไ้ ขปญั หาและ การจัดการขยะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจึงก�ำหนดแนวทางขับเคล่ือนนโยบาย ของคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ รฐั บาล และกระทรวงมหาดไทย ในการแกไ้ ขปญั หาและพฒั นาพนื้ ทท่ี ม่ี ขี ยะ ดังกล่าวในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยจัดให้มีโครงการอยุธยาเมืองประวัติศาสตร์เมืองสะอาดปลอดขยะ ต้นแบบ เป็นโครงการจัดการแก้ไขปัญหาขยะ (พระนครศรีอยธุ ยา) จังหวดั พระนครศรอี ยุธยา-โครงการผลติ 148 บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

ไฟฟา้ จากการก�ำจัดขยะ จังหวัดพระนครศรอี ยุธยา โดยใชพ้ ื้นที่ราชพสั ดุ จำ� นวน 372 ไร่ 2 งาน 29 ตารางวา ในพนื้ ทตี่ ำ� บลมหาพราหมณ์ อำ� เภอบางบาล และขนยา้ ยขยะตกคา้ งสะสมในสถานทกี่ ำ� จดั ขยะมลู ฝอยในพน้ื ที่ วิกฤต จำ� นวน 222,000 ตนั จากตำ� บลบา้ นปอ้ ม ไปกำ� จัดด้วยวิธฝี ังกลบอยา่ งถกู หลักสุขาภบิ าล อนงึ่ พื้นที่ ก�ำจัดขยะแห่งใหม่ ณ ตำ� บลมหาพราหมณ์ อ�ำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ดำ� เนินการสรา้ งศูนย์ ก�ำจดั ขยะตน้ แบบพระนครศรอี ยุธยา ท่ีถูกตอ้ งตามหลักสุขาภิบาลข้ึน รวมถึงอาคารสาธารณปู โภค นอกจาก นี้ ในระยะถัดไปการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จะด�ำเนินการจัดตั้ง โรงแยกขยะ โรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะ โดยมี กำ� หนดใหเ้ สรจ็ ภายในระยะเวลา 1 ปี ซงึ่ พนื้ ทภี่ ายในศนู ยด์ งั กลา่ วยงั สามารถใชเ้ ปน็ พน้ื ทพี่ กั ผอ่ นหยอ่ นใจ และ ออกกำ� ลงั กายไดใ้ นอนาคต จากการดำ� เนนิ การโครงการดงั กลา่ ว ทำ� ใหจ้ งั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยาเปน็ ศนู ยก์ ำ� จดั ขยะต้นแบบพระนครศรีอยธุ ยาแหง่ แรก และแหง่ เดยี วในขณะน้ี ทส่ี ามารถจัดเป็นสถานทร่ี ับศึกษาดงู านของ ทกุ องค์กรท่สี นใจเรอ่ื งส่ิงแวดลอ้ ม (จังหวดั พระนครศรีอยุธยา, 2558) ด้วยเหตุน้ี ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาการน�ำนโยบายการจัดการขยะขององค์การบริหารส่วนจังหวัด พระนครศรอี ยธุ ยาไปปฏบิ ตั ิ เพอ่ื เปน็ ประโยชนต์ อ่ การศกึ ษาการบรหิ ารจดั การขยะ และการรกั ษาสงิ่ แวดลอ้ ม รวมถงึ ปจั จยั แหง่ ความสำ� เรจ็ ของโครงการในการแกไ้ ขปญั หา และการบรหิ ารจดั การขยะอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ น�ำไปสู่การถ่ายทอดวิธีการและการสร้างแรงจูงใจสู่การเสนอแนะและการสร้างแรงจูงใจ รวมไปถึงการสร้าง จติ ส�ำนึกใหก้ ับจังหวัด หรือ ภมู ิภาคใกล้เคยี งในลำ� ดับตอ่ ไป วตั ถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยแห่งความส�ำเร็จของการน�ำนโยบายการจัดการขยะขององค์การบริหารส่วนจังหวัด พระนครศรีอยุธยาไปปฏิบัติ แนวคดิ ทฤษฎที ่เี กยี่ วขอ้ ง 1. แนวความคิดการน�ำนโยบายไปปฏิบัติ Pressman and Wildavsky (อ้างถึงใน สมบัติ ธำ� รงธญั วงศ,์ 2543) กระบวนการดำ� เนนิ งานของรฐั บาลใหป้ ระสบความสำ� เรจ็ บรรลตุ ามเปา้ ประสงค์ กลา่ วคอื จะตอ้ งมีนโยบายเกิดขน้ึ มาก่อน และผู้ปฏิบตั ิจงึ สามารถเริ่มด�ำเนินการโดยได้รบั งบประมาณกบั อ�ำนาจหนา้ ที่ ในการรับผิดชอบ แวน มเิ ตอร์ และแวน ฮอรน์ (Van Meter and Van Horn, 1975: 445) ได้ใหค้ วามหมาย การน�ำ นโยบายไปปฏบิ ตั ิ หมายถงึ กจิ กรรมทค่ี รอบคลมุ ทง้ั หมดโดยการกระทำ� ของรฐั บาล และเอกชน ทง้ั ปจั เจกบคุ คล และกลุม่ บุคคล ซง่ึ มีผลตอ่ การบรรลคุ วามส�ำเรจ็ ตามวัตถุประสงคท์ ีก่ �ำหนดไวล้ ่วงหนา้ จากการตัดสินนโยบาย ซ่ึงรวมถึงปัจจัยท้ังหลายท่ีมีผลต่อความพยายามที่จะเปล่ียนรูปแบบของการตัดสินใจไปสู่มาตรการเชิงปฏิบัติ รวมทั้งความพยายามทจี่ ะบรรลกุ ารเปล่ียนแปลงที่ก�ำหนดไว้จากการตัดสินใจนโยบาย Water Williams (อ้างถึงใน สมบตั ิ ธ�ำรงธัญวงศ์, 2543) ได้นำ� เสนอตวั แบบทางด้านการจดั การ (The Model of Management or Management Model) โดยตวั แบบน้ีใหค้ วามสนใจไปที่สมรรถนะของ องคก์ าร เพราะเชอ่ื ความสำ� เรจ็ ของการนำ� นโยบายไปสกู่ ารปฏบิ ตั ยิ อ่ มขน้ึ อยกู่ บั องคก์ ารทรี่ บั ผดิ ชอบในการนำ� นโยบายไปส่กู ารปฏิบัติว่ามีขีดความสามารถทีจ่ ะปฏบิ ตั ิงานให้ความสอดคล้องกบั ความคาดหวงั เพยี งใด ปีท่ี 15 ฉบบั ท่ี 3 ประจ�ำ เดือนกันยายน - ธนั วาคม 2562 149

(The Model of Management or Management Model) โดยตัวแบบนใ้ี ห้ความสนใจไปทีส่ มรรถนะขององคก์ าร เพราะเช่ือความสาเร็จของการนานโยบายไปสู่การปฏิบัติย่อมข้ึนอยู่กับองค์การท่ีรับผิดชอบในการนานโยบายไป สู่ การปฏิบัตวิ ่ามีขดี ความสามารถท่จี ะปฏิบัติงานให้ความสอดคล้องกับความคาดหวังเพียงใด ท่ีมา: จุมพล หนมิ พานชิ 2547: 21 หมายถึง 2ค.วแามนรวู้ค(วKาnมoคwิดleสdมgภรeาร)พถททนี่ักะ1ษอตงะัวทคแี่มบ์(กSาบา:kทรiจlามุlงเ)พดกค้าลรนวิกหกาเนากมรมิ ีจยสพัดราากนตมาิชิราศข2รอร5ถงีเ4ส7W(:รAa2ิมbt1eโilภritWคieils(l2i)a5mข4อs6ง)มไนดุษ้นยิย์ทาี่มแสสมดรงรผถ่านนะพใฤนตอิกงครร์กมร (อAาtจtเrกibิดuไtดeหห้ sมล)าาซยยถ่ึงปงึบ2จัาค.จ งวคัยาแมรนเรั้งวชู้คค่น(Kววาnาทมoมศัคwสิดนlาeสคมdมตาgริeรรสถ)ถง่ินขทแะักอวอษงดงมะคล์กน้อ(าSุษมรkยiทlเl์ทก่ีอ) รี่มยคิกีอู่รวเกาอยมยี บู่มสราตาโกมิดศามยรราถอีเยสงร(ยคAิมัง์bกโซภiรl่อคiตtนie้อ(เ2sงร)5ด้น4ขึง6อข()งTีดมไaดคนl้นษุวeิยายnามท์ tม)แ่ีสสสาไมดมมรง่ไราผดถรา่ น้ถถนะูกนพในนฤ้ันตอาขกิงมอครางรก์ ใมมรชน้อุษยย่าง์อจอรกิงมจาัง ให้มากทส่ี ดุ(Atซtr่ึงibสuาtมeาsร) ถซแงึ่ บบา่งงคควราั้งคมวสาามมสามราถรเถชขิงอสงมมรนรุษถยน์ทะ่ีมไีอดยู้่ม3ากปมราะยเยภงั ทซ่อดนงั เนร้นี (Talent) ไมไ่ ด้ถูกน�ำมาใชอ้ ย่าง จรงิ จ1งั )อาคจวเกาิดมไสด้หาลมาายรปถจั เจชยั ิงสเชมน่ รทรถัศนนคะตดิ ้าสน่ิงแกวาดรลจอ้ มัดทกอี่ ายร่รู อองบคโ์กดายรอง(คM์กรaตnอ้ aงgดeึงขriดีaคlวามCสoาmมาpรeถนte้ันnขอcงies) หมายถึง คแเชกวิงป้าสมญัมสรหาราถมแมกหนาลานมระะราษุ ถขแ2กยยกอเ)ถาอ์ชป้งงึรอิคงบัญ คตกสววุคหัดมามาลาาส12มมแใรา))ินสห ลสรกาใม้คคะถามรจาวกวมาทนกาาารเามทรเี่มปะถกรตสี่สสเข็นชี่ยถดัาุดาอมตงิสวเมสซชางินน้ขามรง่ึบิงใ้อรถสรจสุถคงรเาชมเกถเมลปชงินราับสาิ็นงระรเมสกตถขรถรมน้แรอ่อืนรรบงทถงระบ่งทน่ีเถคใคุกะั่วนนวลใี่ยไาาะนดปมวกดด้าสรข้าา้นเทานช้นอมทเี่ ทน่กกงา่ัววั่ยี่ากรไไกวถรับปปขจเาชอ้กัดร(Gิง(งสากสGกeราอื่มบัneรวสรeกnอราาrาeถงiงรรcคนrวแCi์กากะcผoงไาาแดนmรรผ้Cเ3pนจ(กoeMปรกาmtรจaeาระรnnาpจเจตcaภeัดดัig่อeทtกกeseรดาr)าอnรงัiหaรนงcกมlี้iากาeแรCยsาลคoถ)รดิะmงึ ใคทนคหpิดาวเชeมงาใงิtมานาวeนสยเิเnคาชเถcมปริงึงiาา็นeวะรsคิทเหถ)คว์มี รามาเปะส็นหาตม์ กน้าารรถ เชิงส3ม)รรคถวนาะมขสองาบมุคาลราถกเรชทิง่ีเสกม่ียวรขร้อถงนกะับใเนรื่อดง้าทน่ัวไเปทคเชน่นิค ก(Tารeสc่ือhสnาiรcaกlารCเจoรmจาpตe่อtรeอnงcแieลsะ)ทห�ำงมานายเปถ็นึงทคีมวามสามารถ เชิงสมรรถเนปะน็ ขตอน้ งบุคลากรท่ีเก่ยี วข้องกับเน้ืองาน (Job Content) ที่รับผิดชอบ เช่น เจ้าหน้าท่ีฝึกอบรม รับผิดชอบ เเคทกือี่ยควกนกาคิ ับรคสกอื่งา3คคฝสร.ววึกกาหาาอารมมแาบรใสสนครหวาาวมวเิมม้ผ 3คคาาา.ู้รรร มดิรรับับาถถ3แเตะกผเเผ)น้ชชอ หิด่ยีิดวงงิิคงชควห์สสชกวอิดกมมลอาาบเรรับมักบกรรรเกส่ียใสกถถนนวาานนี่ยตู โกมรกวะะยรับสากดขาบกรแัอื่้าบอราถานงลฝกสรยบเเะึากชาสทตคุรกริื่อองคลัดหสสานบาEาสมราิคกรคdริปนรรมวคwรทรใEาอืถจีเ่ะdกมaกนไเกwrตา่ยีมปdะา้รอวaินใปรขปrงน(วdหก้อฏ1ิเรดคางล9ิบะ(้ากรร18กัเนัตใาบั9ม0นสะเิวเ8ิทนน)หกูต่0า้อืค์หาผไร)ตดรงนลลนไาฝเ้นกัิดคปกนจึกส้นิยา็นอะตู(ิย(ารJTบตคราoมฝeมร้นวbแกึกcมกรลhาCอาทะรรnกoบกาสสาinารcอ่ือร่ืtอรaมeะปสปสlnาไรรดารรtะCะ)ใรังเเนoโมทมในดสนmินินี่ร้ัน่วยับสหผpนคผค่ลวลeขวิดกักนาtอาชสสาeขงมอรูตnั่งกอบฝสรทาcงึกราiเี่ถเกeนปอชม่าsา�ำ่นบ็นา)ยรนตรรเนทโหม้นจถยาอ้ามบเหนดชดาาังนยโิงยไนยา้สปถไั้ทปนบึงมส่ี ารู่ผยรู้นไถาปนนปะโฏดบิบ้าานยัติ ไปปฏิบัติปจฏะบิ ตั ้ิอคงอื ถกูการตส้อง่ สงารเใทห่ียผ้ งู้รับตผรดิ งชอคบงนเโสย้นบาคยงตวดั าสนิ แใจลไะปเปหฏมบิ ัตาิวะ่าสตมนจะซค่ึงวผรู้ตทำ�ัดอสะินไรใโจดนยคโ�ำยสบัง่ ทา่ถีย่ามยีคทอวดาไมปปสู่ ระสงค์เห็น ผนู้ ำ� นโบาย ไปปฏบิ ตั ิ จะตอ้ งถกู ตอ้ ง เทย่ี งตรง คงเสน้ คงวา และเหมาะสม ซง่ึ ผตู้ ดั สนิ ใจนโยบายมคี วามประสงค์ เหน็ การนำ� นโยบายไปปฏบิ ตั ิ แตไ่ มไ่ ดร้ ะบใุ หบ้ คุ ลากรหรอื ผนู้ ำ� ไปปฏบิ ตั ชิ ดั เจน หรอื ครบถว้ นแลว้ นนั้ ผปู้ ฏบิ ตั ิ อาจเขา้ ใจผดิ ต่อผู้ตัดสินใจนโยบาย อาจเปน็ สาเหตุความล้มเหลวในการนำ� นโยบายไปปฏบิ ัติเบอ้ื งตน้ ได้ 4. แนวคดิ การจดั การขยะพน้ื ฐานดว้ ยหลกั 3Rs หลกั จดั การขยะดว้ ยหลกั 3Rs เปน็ แนวคดิ การจดั การ 150 บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ติ

ขยะแบบผสมผสานโดยต้องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคเพ่ือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และง่ายต่อ การก�ำจัดขยะในกระบวนการถัดไป โดย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมควบคุมมลพิษ (ม.ป.ป.: 13-14) ไดน้ ิยามแนวคดิ พื้นฐาน ดงั กลา่ วไว้ดงั น้ี Reduce ลด (คิดก่อนใช้) คือ การควบคุมปริมาณการใช้ท่ีไมจ่ ำ� เป็นใหอ้ ยู่ในปริมาณทพี่ อเหมาะ เพือ่ ลดขยะมลู ฝอย เชน่ การเลือกซือ้ บรรจุภัณฑ์ท่เี ป็นมิตรกบั ส่งิ แวดลอ้ ม การไมร่ ับถงุ พลาสติก การใชถ้ งุ ผา้ แทนถงุ พลาสตกิ หลกี เล่ยี งการซอ้ื วัสดสุ ิ้นเปลอื งแบบใชค้ ร้ังเดียว เปน็ ต้น Reuse ใช้ซ้�ำ (ใชแ้ ล้วใชอ้ กี ) คือ การซ่อมแซมอปุ กรณต์ ่าง ๆ หรอื รกั ษาอายกุ ารใชง้ านอปุ กรณ์ให้ นานข้นึ ใชไ้ ด้ใหม่ การใช้บรรจุภณั ฑ์ซ้ำ� หลายครั้งกอ่ นทงิ้ การนำ� ทรัพยากรมาใช้ซ�ำ้ ให้เกดิ ประโยชนแ์ ละคมุ้ ค่า เชน่ การใช้กระดาษท้งั สองหนา้ การเลือกซ้อื สินค้า และการใชภ้ าชนะทีส่ ามารถใชซ้ ้�ำได้ Recycle การนํากลับมาใช้ใหม่ (แปรรูปมาใช้ใหม่) คือ การคัดแยกขยะมูลฝอยแต่ละประเภท ทง้ั ทบี่ า้ น โรงเรยี น และสาํ นกั งานเพอื่ นาํ วสั ดทุ ยี่ งั สามารถนาํ กลบั มาใชใ้ หมห่ มนุ เวยี นกลบั มาเขา้ สกู่ ระบวนการ ผลิตตามกระบวนการของแต่ละประเภท เพ่ือนํากลับมาใช้ประโยชน์ใหมซ่ึงขยะรีไซเคิลแยกโดยทั่วไปได้ 4 ประเภท คอื แกว้ กระดาษ พลาสตกิ และโลหะ/อโลหะ โดยการเลือกสนิ ค้าทท่ี ํามาจากวัสดุท่ีสามารถรีไซเคิล ได้ หรอื การรว่ มกจิ กรรมการสง่ เสรมิ การคดั แยกขยะ และการนาํ ขยะรไี ซเคลิ เขา้ สกู่ ระบวนผลติ เปน็ สนิ คา้ ใหม่ เป็นตน้ ระเบยี บวิธีวจิ ยั การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ศึกษาเร่ืองการน�ำนโยบายการจัดการขยะขององค์การบริหารส่วนจังหวัด พระนครศรีอยธุ ยาไปปฏบิ ัติเป็นการวจิ ัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เก็บข้อมูลจากการสมั ภาษณ์ และเอกสารเป็นหลกั โดยมีรายละเอยี ดดังนี้ 1. การกําหนดกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการศึกษาคร้ังนี้เป็นบุคลากรขององค์การบริหาร ส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่รับผิดชอบในการจัดการขยะมูลฝอย และผู้ที่เกี่ยวข้องในการน�ำนโยบาย ไปปฏิบัติ ได้แก่ ผู้บริหาร เจ้าหน้าท่ี ข้าราชการประจ�ำ และผู้ที่เก่ียวข้องในการน�ำนโยบายไปปฏิบัติ ทป่ี ฏบิ ตั หิ นา้ ทอี่ ยใู่ นองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา โดยมขี นั้ ตอนในการสมุ่ ตวั อยา่ งแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เนื่องจากผวู้ จิ ัยตอ้ งการทราบข้อมูลจากผู้ท่ีมคี วามรู้ และมีประสบการณ์ท่เี ก่ยี วขอ้ ง โดยใชก้ ลมุ่ ตัวอย่าง จำ� นวน 7 ราย ดังน้ี 1) นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดพระนครศรีอยุธยา 2) เจ้าหน้าทที่ เี่ ก่ยี วข้องสงั กัดกองช่าง 3) เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส�ำนักงานการปกครองท้องถิ่นจังหวัด พระนครศรีอยุธยา 4) สมาชิกสภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั พระครศรอี ยธุ ยาที่เกี่ยวขอ้ ง 5) เจ้าหน้าทเ่ี ทศบาลต�ำบลมหาพราหมณ์ท่ีเกย่ี วข้อง เช่น นกั วชิ าการสุขาภบิ าลชำ� นาญการ 6) ประชาชนในชมุ ชนทอ่ี าศยั ใกลเ้ คยี งบรเิ วณศนู ยจ์ ดั การขยะตน้ แบบจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา 2. การสร้างเคร่ืองมอื ท่ีใชใ้ นการวิจัย เคร่ืองมือทใ่ี ช้ในการวจิ ัยครั้งน้ี เปน็ การสัมภาษณ์ ในรปู แบบ ปที ี่ 15 ฉบบั ที่ 3 ประจ�ำ เดือนกันยายน - ธนั วาคม 2562 151

การสัมภาษณเ์ ชงิ ลกึ (In-depth Interview) สำ� หรบั การเกบ็ รวบรวมข้อมูลดว้ ยแบบสอบถามซึง่ เกย่ี วขอ้ งกับ การนำ� นโยบายการจดั การแกไ้ ขปญั หาขยะมลู ฝอยไปปฏบิ ตั ิ และการสนทนากลมุ่ (Focus Group) รายละเอยี ด ดงั น้ี 1) ศึกษาเอกสาร ต�ำรา งานวิจัยที่เก่ียวข้องเพื่อประเมินผลความส�ำเร็จ ของการน�ำนโยบาย การจัดการขยะมลู ฝอยไปปฏบิ ัติในจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา เพ่ือกำ� หนดกรอบเน้อื หาในการสมั ภาษณ์ 2) จัดท�ำแบบสัมภาษณ์พ่ือก�ำหนดกรอบการสัมภาษณ์ซึ่งในการสร้างค�ำถามมีทั้งหมด 5 ด้าน ได้แก่ ด้านความชัดเจนของนโยบาย สมรรถนะองค์การ ความรู้ความเข้าใจของประชาชน และการสื่อสาร ประชาสมั พนั ธใ์ หป้ ระชาชนไดร้ บั รกู้ ารจดั สรรทรพั ยากรทเี่ พยี งพอ ในการจดั การขยะโดยผวู้ จิ ยั ยดึ วตั ถปุ ระสงค์ กรอบแนวคิดในการวจิ ัยเปน็ แนวทางเพ่ือใหค้ รอบคลุมประเด็นค�ำถาม โดยผวู้ ิจัยใชแ้ บบสมั ภาษณเ์ ชงิ ลกึ และ การสนทนากลมุ่ (Focus Group) สมั ภาษณ์กล่มุ ตวั อย่าง ออกเป็น 2 ชดุ คอื 2.1) แบบสัมภาษณ์ส�ำหรับบุคลากรในองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ เจ้าหน้าที่ที่เก่ียวข้อง รวมทั้งเจ้าหน้าท่ีท่ีเก่ียวข้อง ณ เทศบาลตําบลมหาพราหมณ์ อ�ำเภอบางบาล จังหวัด พระนครศรีอยธุ ยา 2.2) แบบสัมภาษณ์ประชาชนในพนื้ ทีใ่ กลเ้ คยี งบรเิ วณพ้ืนท่กี �ำจดั ขยะแหง่ ใหม่ ณ เทศบาล ตําบล มหาพราหมณ์ อ�ำเภอบางบาล จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา 3) ดำ� เนนิ การทบทวนรูปแบบบทสัมภาษณ์ พร้อมทัง้ ตรวจสอบและแก้ไขร่วมกับอาจารยท์ ่ปี รกึ ษา 4) นำ� แบบสมั ภาษณท์ ไ่ี ดต้ รวจสอบรว่ มกบั อาจารยท์ ปี่ รกึ ษา และใหค้ ณะกรรมการตรวจสอบเพอื่ ให้ แบบสมั ภาษณ์สมบรู ณ์พรอ้ มสำ� หรบั การน�ำไปใช้จริง ผลการศกึ ษา สำ� หรบั ผลการศกึ ษาเรอื่ งการนำ� นโยบายการจดั การขยะขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ไปปฏิบัติ โดยผู้วิจัยใช้แบบสัมภาษณ์เชิงลึก และการสนทนากลุ่ม (Focus Group) สัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง ทัง้ 2 ชุด และได้น�ำผลลัพธ์จากแบบสมั ภาษณ์แต่ละชดุ มาวเิ คราะหค์ วามสำ� เร็จของการน�ำนโยบายก�ำจัดขยะ ไปปฏิบัติ ซึง่ ได้ผลการวิจยั ดังนี้ ดา้ นความชดั เจนของนโยบาย การน�ำนโยบายการจัดการขยะมีความชัดเจน ในการแก้ไขปัญหาขยะ เก่า ท่ตี กค้างสะสมอยู่ ซึ่งตรงตามแผนแมบ่ ทการบริหารจดั การขยะมลู ฝอยของประเทศ (พ.ศ. 2559-2564) ทไ่ี ด้วางกรอบแนวคดิ ในการแกไ้ ขปญั หาขยะอันเป็นวาระระดบั ชาตคิ ือ 1. ใช้หลกั การ 3Rs (Reduce, Reuse, Recycle) เป็นการลดขยะมลู ฝอยและขยะของเสียอันตราย ท่ีแหล่งก�ำเนดิ น�ำกลบั มาใช้ซำ�้ และใช้ประโยชน์ ใหม่ด้วย และน�ำขยะมูลฝอยที่เหลือการจากการคัดแยกไปก�ำจัดด้วยวิธีถูกหลักวิชาการ 2. มีระบบจัดการท่ี เหมาะสม ก�ำจัดแบบศูนย์รวม และแปรรูปพลังงานด้วยการแก้ไขปัญหา 3. มีความรับผิดชอบและการมี ส่วนร่วมทุกภาคส่วน ซ่ึงหลักการท้ังสามข้อนี้ มีความสอดคล้องกัน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ท่ีเก่ียวข้องเกิด ความเข้าใจกระบวนการ วัตถุประสงค์ของนโยบาย จึงสามารถก�ำหนดขอบเขตภาระงานและหน้าท่ี ความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชัดเจน และไม่มีปัญหา ซ่ึงนโยบายดังกล่าวได้มอบหมาย ให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกันบริหารจัดการขยะมูลฝอย 152 บัณฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต

เพื่อแกไ้ ขปญั หาขยะมูลฝอยทเ่ี ปน็ วาระแห่งชาติ ด้านสมรรถนะองค์การ สามารถจ�ำแนกได้ 7 ประเด็น รายละเอยี ดดังน้ี ประเด็นแรก ข้ันตอนและหลักเกณฑ์การจัดการขยะ พบว่า เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ก�ำหนดไว้ กลา่ วคอื ทุกภาคส่วนมีสว่ นรว่ ม และมีความรับผดิ ชอบร่วมกัน โดยมีการประสานงานร่วมกันหลายหนว่ ยงาน ไดแ้ ก่ องค์การบริหารส่วนจงั หวัดพระนครศรีอยุธยา เทศบาลตำ� บล มหาพราหมณ์ และหน่วยงานทเ่ี กยี่ วข้อง เพ่ือจัดการศูนย์ก�ำจัดขยะให้มีประสิทธิภาพอีกทั้งให้จัดท�ำประชาคม และให้ความรู้กับประชาชนในหมู่บ้าน บริเวณใกล้เคียง เพื่อวางแผนรับมือไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน ท้ังกลิ่นไม่พึงประสงค์จากขยะมูลฝอย การขนส่ง อีกทั้งใช้หลักการ 3Rs (Reduce, Reuse, Recycle) ส�ำหรับการคัดแยกขยะของแหล่งเกิดได้ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ และวางแผนการขนย้ายขยะจากต�ำบลบ้านป้อมเพื่อน�ำไปก�ำจัดด้วยวิธี ฝังกลบตามหลักสุขาภิบาล ณ ศูนยก์ �ำจดั ขยะต้นแบบ ตำ� บลมหาพราหมณ์ จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยาใหเ้ กิด ผลกระทบนอ้ ยทสี่ ดุ ประเด็นที่สอง กระบวนการดำ� เนินงาน เพื่อให้สอดคล้องกบั การน�ำนโยบายการจดั การขยะไปปฏิบตั ิ โดยจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ด�ำเนินการขนย้ายขยะไปก�ำจัดด้วยวิธีฝังกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล พบว่า องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยาไดม้ กี ารเตรยี มความพรอ้ มกบั นโยบายการจดั การขยะจากรฐั บาล โดยศึกษาระเบียบ กฎหมาย และข้อบังคับต่าง ๆ เพื่อวางแผน พิจารณา วิเคราะห์การด�ำเนินการ และน�ำ นโยบาย ไปปฏิบัติให้ส�ำเร็จบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ และจัดสรรทรัพยากรเพิ่มเติม เพ่ือให้การด�ำเนินงาน มีประสทิ ธิภาพมากขนึ้ เชน่ การสรรหา และคัดเลอื กบุคลากรเพ่มิ เติมเพอ่ื ปฏิบตั ิงานที่เกีย่ วข้อง การจดั สรร งบประมาณใหเ้ พยี งพอตอ่ การจดั โครงการ และภารกจิ ตา่ ง ๆ นอกจากนไ้ี ดป้ ระชาสมั พนั ธเ์ พอื่ ปลกู ฝงั จติ สำ� นกึ และสนับสนุนใหป้ ระชาชนมสี ว่ นร่วมในการคัดแยกขยะเพอ่ื ลดขยะ ณ แหล่งกำ� เนิด ประเด็นที่สาม ปัจจัยที่มีผลต่อการน�ำนโยบายการจัดการขยะจากพ้ืนที่ต�ำบลบ้านป้อมไปยัง ต�ำบล มหาพราหมณ์ อ�ำเภอบางบาล จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ไปปฏิบตั ไิ ดส้ �ำเร็จ สำ� หรบั การขนย้ายขยะมูลฝอย ไปพื้นท่ีก�ำจัดขยะแห่งใหม่ ณ ต�ำบลมหาพราหมณ์ อ�ำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่า คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ไดม้ มี ตเิ หน็ ชอบใหจ้ งั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยาเรง่ ดำ� เนนิ การอยา่ งรวดเรว็ เนอ่ื งจาก เปน็ วาระแหง่ ชาติ แผนการด�ำเนินงานจงึ ไม่มอี ปุ สรรคหนว่ ยงานทกุ ภาคสว่ นใหค้ วามร่วมมือ อกี ทง้ั ไดล้ งพืน้ ท่ี เพือ่ แจง้ ใหป้ ระชาชนทราบถงึ สาเหตขุ องการใชพ้ ื้นที่บริเวณนี้ และใหค้ วามร้คู วามเข้าใจแก่ประชาชน เพื่อลด ปัญหาความขดั แย้งในการทำ� งานของเจ้าหนา้ ท่ี ประเดน็ ทส่ี ี่ มมุ มองโครงสร้างการดำ� เนนิ งานที่คิดวา่ มีการพัฒนา หรอื การตั้งรับ เพื่อเอ้อื อ�ำนวยต่อ การน�ำนโยบายการจัดการขยะไปปฏิบัติ พบว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้มีการตั้งรับ และเตรยี มความพรอ้ มไวล้ ว่ งหนา้ เมอ่ื ทราบวา่ จะไดร้ บั มอบหมายภารกจิ การจดั การขยะ โดยมกี ารจดั ตง้ั คณะ กรรมการในชดุ ต่าง ๆ เพอ่ื รับผดิ ชอบการจัดการขยะ อาศยั อ�ำนาจหน้าที่ พ.ร.บ. องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวัด 2540 นอกจากนี้ คณะกรรมการจัดท�ำแผนต้ังรับ ท้ังด้านงบประมาณ ข้อบัญญัติ พัฒนาโครงสร้างองค์การ ข้อบังคับ ระเบียบกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย เช่น ผลักดันให้มีกองธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพอ่ื ดแู ลบ่อขยะโดยตรง ประเดน็ ที่ห้า การติดต่อสอ่ื สาร หรือการประสานงานกันภายในหน่วยงาน เพื่อเตรียมความพร้อมใน การด�ำเนินงาน พบว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้จัดตั้งคณะกรรมการชุดต่าง ๆ และ ปที ี่ 15 ฉบบั ท่ี 3 ประจำ�เดอื นกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 153

ประชุมรว่ มกบั คณะกรรมการของจงั หวัด และผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ ในการชแี้ นะ ประสาน งาน เพอื่ รายงานผลใหผ้ วู้ า่ ราชการจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยาในฐานะประธานคณะทำ� งานกำ� จดั สงิ่ ปฏกิ ลู และ มลู ฝอยจังหวัดทราบ อีกทัง้ ใช้ Social Media อันเป็นหนง่ึ ชอ่ งทางการตดิ ตอ่ ส่ือสารท่รี วดเรว็ เชน่ การจดั ต้ัง กลุ่มไลนค์ ณะท�ำงาน ประเดน็ ทหี่ ก แนวทางสคู่ วามสำ� เรจ็ ของการนำ� นโยบายการจดั การไปปฏบิ ตั ใิ นจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา พบวา่ มกี ารจดั ตงั้ คณะกรรมการจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยาเพอ่ื ตรวจสอบ วเิ คราะหป์ ญั หา และไดร้ บั ความรว่ มมอื จากประชาชนและหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ของรฐั บาล เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เป็นต้น ด้านกฎหมายมีความชัดเจนมากข้ึน สามารถระบุขอบเขตภาระงานได้ มีบุคลากรที่เพยี งพอ มปี ระสทิ ธภิ าพ รวมท้ังจ้างทปี่ รกึ ษาเพ่ิมเติมเพื่อใหก้ ารด�ำเนนิ งานมปี ระสทิ ธภิ าพ และ ปัจจัยท่ีส�ำคัญในแนวทางสู่แนวทางสู่ความส�ำเร็จของการน�ำนโยบายการจัดการไปปฏิบัติในจังหวัด พระนครศรีอยุธยา คือ นโยบายมีความชัดเจน และรัฐบาลของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีอ�ำนาจที่ เด็ดขาดสามารถดำ� เนนิ การพ้นื ที่กำ� จดั ขยะแหง่ ใหม่ไดอ้ ยา่ งไม่มอี ุปสรรค ประเด็นที่เจ็ด ความคิดเห็นด้านประสิทธิภาพในการจัดการขยะผ่านมุมมองจากประชาชน พบว่า องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั และหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งดำ� เนนิ การจดั การขยะอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เพราะบคุ ลากร มคี วามรคู้ วามสามารถ และมเี ครอื่ งมอื ทดี่ ที ำ� ใหบ้ รเิ วณบอ่ ฝงั กลบขยะไมส่ ง่ กลน่ิ เหมน็ รบกวนมายงั พน้ื ทช่ี มุ ชน ใกล้เคียง มีการประชาสัมพันธ์ และแจ้งข้อมูลให้ทราบอยู่ตลอด นอกจากน้ีได้จัดให้เจ้าหน้าที่เทศบาลต�ำบล มหาพราหมณล์ งพน้ื ท่ีเดือนละครัง้ และใหค้ วามรคู้ วามเข้าใจ จัดกิจกรรมอบรมให้ประชาชนทง้ั ก่อน และหลัง การจดั ตั้งศูนย์ก�ำจดั ขยะตน้ แบบ ด้านความรู้ความเข้าใจของประชาชน ชุมชนบ้านม่วงหวาน ต�ำบลมหาพราหมณ์ อ�ำเภอบางบาล จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา เปน็ ชมุ ชนทอี่ ยใู่ กลก้ บั ศนู ยก์ ำ� จดั ขยะตน้ แบบมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั การจดั การ ขยะในศนู ยก์ �ำจัดขยะเป็นอย่างดี สามารถอธิบายวิธกี ารดำ� เนินงานได้ เพราะมเี จ้าหนา้ ที่จากองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นทั้งให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศูนย์ก�ำจัดขยะ วิธีการด�ำเนินงาน การอบรมต่าง ๆ เช่น การคัด แยกขยะ การลดขยะ การนำ� ขยะกลับมาใช้ใหม่ เพื่อลดการเกดิ ขยะและเสรมิ สร้างรายได้จากการคัดแยกขยะ ด้านการสื่อสารประชาสัมพันธใ์ ห้ประชาชนรับรู้ สามารถจ�ำแนกได้ 2 รายละเอยี ดดังน้ี ประเด็นแรก การส่ือสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ผ่านมุมมองของเจ้าหน้าที่ท้องถ่ิน พบว่า ในช่วงที่การขนย้ายขยะจากพื้นที่เก่าไปศูนย์ก�ำจัดขยะแห่งใหม่ได้จัดท�ำหนังสือประชาสัมพันธ์ และแจ้งให้ ประชาชนทราบและเข้าใจวัตถุประสงค์การจัดการขยะในคร้ังนี้ อีกท้ังได้เชิญเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทุกระดับแจ้ง ผลการด�ำเนินการ และรับฟังปัญหา อุปสรรคการท�ำงานศูนย์ก�ำจัดขยะ เพ่ือปรับปรุงและพัฒนาให้ดีข้ึน นอกจากนี้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารเป็นเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หมู่บ้าน เพ่ือประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ อีกท้ังประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสายภายในหมู่บ้าน แต่อาจพบปัญหาเล็กน้อยส�ำหรับประชาชนท่ีท�ำงานนอกบ้าน เพราะจะไม่ทราบข้อมูลที่ประชาสัมพันธ์ จึงมกี ารประชาสัมพันธ์ผา่ นช่องทาง Facebook ประเด็นที่สอง การสื่อสารประชาสัมพันธ์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ เทศบาลตำ� บลมหาพราหมณ์ใหป้ ระชาชนรับร้ผู า่ นมุมมองประชาชนในพ้นื ที่ พบว่า ประชาชนในพน้ื ทีอ่ ยใู่ กล้ กับศูนย์ก�ำจดั ขยะแหง่ ใหมท่ ราบข้อมลู ข่าวสาร การประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสาย หอกระจายขา่ ว และ 154 บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต

ผ่านหนังสือเพ่ือแจ้งให้ประชาชนรับทราบต้ังแต่ก่อนและหลัง การจัดต้ังศูนย์จัดการขยะต้นแบบจังหวัด พระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ท้องถ่ินที่เก่ียวข้องได้ลงพื้นที่เพื่อแจ้งข้อมูล รวมไปถึงการจัดอบรม พาไปศึกษาดูงานทั้งในศูนย์ของหมู่บ้านซึ่งเป็นชุมชนต้นแบบการคัดแยกขยะ และได้แต่งต้ังประธานและ คณะกรรมการหม่บู ้าน เพอื่ แจ้งขอ้ มลู ขา่ วสารจากหน่วยงานท้องถน่ิ ดา้ นการจดั สรรทรพั ยากรทเี่ พยี งพอในการจดั การขยะ สามารถจำ� แนกได้ 5 ประเดน็ รายละเอยี ดดงั น้ี ประเดน็ แรก ความเพยี งพอของทรพั ยากรตอ่ การนำ� นโยบายการจดั การขยะไปปฏบิ ตั ิ พบวา่ ทรพั ยากร ด้านอุปกรณ์ เครื่องจักรกลส�ำหรับก่อสร้างมีความเพียงพอเพราะได้รับจากรัฐบาล กระทรวงที่เกี่ยวข้องเป็น ผมู้ อบให้ เนอ่ื งจากเปน็ นโยบายที่เรง่ ด่วน ทกี่ ำ� หนดใหป้ ญั หาขยะเป็นวาระแห่งชาติ ฉะนนั้ เพอ่ื ให้การด�ำเนิน การเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพรัฐบาลจึงจัดสรรอุปกรณ์ เครื่องมือดังกล่าวให้เพียงพอต่อการท�ำงาน ด้านทรัพยากรมนุษย์ในระยะแรกอาจไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงานเพราะขาดผู้เชี่ยวชาญ สำ� หรับให้ความรู้ ความเข้าใจการก่อสร้างบ่อขยะอันเป็นศูนย์ก�ำจัดขยะต้นแบบพระนครศรีอยุธยา ซึ่งในภายหลังส่วนกลางได้ มอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญจากกระทรวงธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ ประชุมร่วมกับ คณะกรรมการจังหวัดมาให้ความรู้เรื่อง การจัดการขยะ จากเดิมมีการจัดตั้งประชุมทุกอาทิตย์ จนกระท่ัง การด�ำเนินงานมีความเสถียรภาพมากขน้ึ จึงเปลีย่ นเปน็ ประชุมทุกเดอื น ประเด็นที่สอง ปัญหา หรือปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามนโยบายการจัดการขยะในพื้นท่ี กำ� จดั ขยะแหง่ ใหม่ ซงึ่ ถกู แตง่ ตง้ั ใหเ้ ปน็ ศนู ยก์ ำ� จดั ขยะตน้ แบบแหง่ แรกและแหง่ เดยี ว ณ ขณะนนั้ พบวา่ ในชว่ ง การกอ่ ตงั้ ระยะแรกจะพบปญั หาดา้ นการมอบหมายพนื้ ทใี่ หห้ นว่ ยงานทอ้ งถนิ่ ใดเปน็ ผดู้ แู ลแตโ่ ดยรวมยงั ไมพ่ บ ปญั หา หรอื ปจั จยั ตา่ ง ๆ ทสี่ ง่ ผลกระทบตอ่ การปฏบิ ตั ติ ามนโยบาย เพราะยงั ไมไ่ ดร้ บั ขอ้ รอ้ งเรยี นจากประชาชน ในบรเิ วณใกลเ้ คยี งศนู ยก์ ำ� จดั ขยะ ซงึ่ พนื้ ทดี่ งั กลา่ วเดมิ เปน็ สถานทที่ งิ้ เหลา้ เกา่ ขององคก์ ารสรุ า ฉะนนั้ องคก์ าร บรหิ ารสว่ นจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยาและคณะกรรมการจงึ มมี ตใิ หใ้ ชพ้ น้ื ทดี่ งั กลา่ ว เนอ่ื งจากพน้ื ทห่ี า่ งไกลจาก ที่อยอู่ าศยั เพยี งแต่จะพบปัญหาเพียงระยะแรกเท่าน้ัน เนอ่ื งจากการทงิ้ สารเหล้าเกา่ อนั เปน็ กากอตุ สาหกรรม ไมไ่ ดถ้ กู จัดการตามหลกั สุขาภบิ าล ประชาชนทีม่ ีพืน้ ที่ในละแวกนน้ั อาจไดร้ บั ผลกระทบบ้าง ประเด็นท่ีสาม ปัญหา และอปุ สรรคของการจดั การขยะในศูนยจ์ ัดการขยะ ผา่ นมุมมองประชาชนทมี่ ี พนื้ ท่ใี กลเ้ คยี งกับศนู ย์ดังกล่าว พบว่า ยังไมม่ ปี ัญหา หรืออุปสรรคของด้านการจดั การขยะเพราะประชาชนใน ชมุ ชนไมไ่ ดร้ บั กลน่ิ เหมน็ จากบอ่ ขยะ อกี ทงั้ ประชาชนในชมุ ชนแหง่ นเ้ี ปน็ ชมุ ชนศนู ยค์ ดั แยกขยะตน้ แบบ ฉะนน้ั จึงมีการคัดแยกขยะก่อนรถเกบ็ ขยะจะมาอยูแ่ ล้ว เพียงจะพบปญั หาในกลมุ่ ผสู้ ูงอายุที่ยังขาดความชำ� นาญใน การคดั แยกขยะอยู่ ประเดน็ ทสี่ ่ี ปญั หาและอปุ สรรคของการจดั การขยะในศนู ยจ์ ดั การขยะ ผา่ นมมุ มองประชาชนทม่ี พี นื้ ที่ ใกลเ้ คยี งกับศูนย์ดงั กล่าวพบว่า ยังไม่มีปญั หาหรืออุปสรรคของดา้ นการจดั การขยะเพราะประชาชนในชุมชน ไม่ได้รบั กลนิ่ เหม็นจากบอ่ ขยะ อกี ทง้ั ประชาชนในชุมชนแห่งน้เี ปน็ ชมุ ชนศนู ย์คัดแยกขยะตน้ แบบ ฉะนน้ั จงึ มี การคัดแยกขยะก่อนรถเก็บขยะจะมาอยู่แล้ว เพียงแต่จะพบปัญหาในกลุ่มผู้สูงอายุท่ียังขาดความช�ำนาญใน การคดั แยกขยะอยู่ ประเด็นท่ีห้า การมสี ่วนร่วมในการกำ� จัดขยะของประชาชนในชุมชน หรือประชาชนในพน้ื ทใี่ กล้เคียง บรเิ วณพน้ื ท่ีก�ำจดั ขยะแห่งใหม่ร่วมกับหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง พบวา่ ประชาชนในชมุ ชนบา้ นม่วงหวาน ตำ� บล มหาพราหมณ์ อำ� เภอบางบาล ทผ่ี วู้ จิ ยั เกบ็ ขอ้ มลู เปน็ ชมุ ชนศนู ยค์ ดั แยกขยะ และรไี ซเคลิ ตน้ แบบ ไดจ้ ดั กจิ กรรม ปที ี่ 15 ฉบบั ท่ี 3 ประจำ�เดือนกนั ยายน - ธันวาคม 2562 155

เกี่ยวกับการจัดการขยะในพื้นท่ี และนอกสถานท่ี เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนในหมู่บ้าน ใกลเ้ คยี ง นอกจากนไี้ ดล้ งพนื้ ทส่ี าธติ รว่ มกบั เจา้ หนา้ ทท่ี อ้ งถนิ่ สำ� หรบั การคดั แยกขยะ เพอื่ ลดปรมิ าณขยะ สรา้ ง รายไดใ้ หก้ บั ประชาชนในชมุ ชนจากขยะรไี ซเคลิ ทำ� ใหห้ มบู่ า้ นในบรเิ วณใกลเ้ คยี งเกดิ ศนู ยค์ ดั แยกขยะตน้ ทางขนึ้ จากการลงพ้ืนทเี่ พือ่ สมั ภาษณใ์ นคร้ังนี้ ผู้วจิ ัยได้พบตวั แปรเพ่ิมเตมิ รายละเอียดดังน้ี ด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่กับเจ้าหน้าท่ีท่ีเกี่ยวข้อง เพราะการด�ำเนินการบางอย่าง ตอ้ งอาศยั ความรว่ มมอื ของประชาชน มฉิ ะนนั้ หากเจา้ หนา้ ทดี่ ำ� เนนิ การเพยี งผเู้ ดยี ว การนำ� นโยบายการจดั การ ขยะไปปฏิบัติ จะไม่ส�ำเรจ็ ไดด้ ี เช่น การคัดแยกขยะ ณ แหลง่ ก�ำเนดิ ของประชาชนในชมุ ชนท่ีอย่ใู กล้เคยี งกับ ศนู ยจ์ ดั การขยะ ชว่ ยใหล้ ดระยะเวลาการคดั แยกขยะของเจา้ หนา้ ท่ี หรอื การฝงั กลบขยะไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ หรือการชว่ ยเหลอื เจา้ หนา้ ทใ่ี นช่วงขนยา้ ยขยะจากพน้ื ทเ่ี ก่ามายงั พื้นทใ่ี หม่ เป็นต้น ในสว่ นของเจา้ หนา้ ท่ีดว้ ยกนั เองนน้ั ได้มีการเชิญผเู้ ชี่ยวชาญจากกระทรวงทรพั ยากรและส่งิ แวดล้อม รวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานอื่นเข้ามามีส่วนร่วมในการน�ำนโยบายการจัดการขยะไปปฏิบัติ ท�ำให้ การปฏบิ ตั งิ านดำ� เนนิ ไปไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เหน็ ไดจ้ ากการจดั ประชมุ วางแผนงาน ตดิ ตาม และประเมนิ ผล จากอาทติ ย์ละครงั้ เปลยี่ นเปน็ เดอื นละครงั้ ด้านภาวะผู้น�ำ เพราะการกระท�ำการใด ๆ ให้ส�ำเร็จบรรลุตามวัตถุประสงค์ได้ดี และมีประสิทธิภาพ นนั้ อาจตอ้ งอาศัยอทิ ธิพลของตนเอง หรอื ผลักดนั ให้ผอู้ ื่นดำ� เนนิ การด้วยความเตม็ ใจ เพอ่ื ความสำ� เร็จ เหน็ ได้ จากการส่ังการของรัฐบาลให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาด�ำเนินจัดต้ังศูนย์ก�ำจัดขยะต้นแบบ อีกทั้งการจัดต้ัง ผู้น�ำในชุมชน การคัดแยกขยะ ณ แหล่งก�ำเนิด ก่อให้เกิดชุมชนต้นแบบการคัดแยกขยะ และน�ำรายได้มาสู่ ประชาชนในชุมชน อภิปรายผล จากการศึกษาการน�ำนโยบายการจัดการขยะขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไป ปฏิบัติ สามารถอธบิ ายได้ 5 ดา้ นดงั นี้ 1. ด้านความชดั เจนของนโยบาย ในภาพรวมนโยบายการจัดการขยะมคี วามชดั เจน และมาตรการ ในการปฏิบตั งิ านชดั เจน สง่ ผลใหเ้ จ้าหนา้ ทท่ี เ่ี ก่ียวขอ้ งในองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยาเข้าใจ วตั ถปุ ระสงค์ และประเดน็ การแกไ้ ขปญั หาอยา่ งเรง่ ดว่ น ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั แนวคดิ ของ Paul Berman (อา้ งถงึ ใน สมบตั ิ ธำ� รงธญั วงศ,์ 2543: 437) ไดก้ ลา่ วถงึ ความชดั เจนของนโยบายวา่ การนำ� นโยบายไปปฏบิ ตั ติ ามแผนงาน นโยบายจะต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนเพ่ือลดการเกิดปัจจัยความล้มเหลวในการนำ� นโยบายไปปฏิบัติ อนึ่ง หากนโยบายมวี ตั ถุประสงค์ทีช่ ัดเจน แต่มาตรการในการปฏบิ ตั ไิ ม่ชัดเจน อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ปัญหาในการปฏิบตั ไิ ด้ เชน่ กัน 2. ดา้ นสมรรถนะองคก์ าร ในภาพรวมมกี ารวางแผน และการดำ� เนนิ งานอยา่ งรวดเรว็ มปี ระสทิ ธภิ าพ ด้วยบุคลากรท่ีมีความรู้ความสามารถ ของเจ้าหน้าท่ีองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและ เจา้ หนา้ ทห่ี นว่ ยงานอนื่ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งมกี ารจดั ตงั้ คณะกรรมการชดุ ตา่ ง ๆ เพอ่ื ควบคมุ และตรวจสอบการดำ� เนนิ งาน การจัดสรรทรัพยากรท้ังด้านอุปกรณ์ เคร่ืองมือ งบประมาณให้เพียงพอต่อการด�ำเนินการ การขนย้าย ขยะมลู ฝอยไปพ้นื ท่กี �ำจดั ขยะแหง่ ใหม่ โดยไมส่ ง่ ผลกระทบต่อประชาชน ส่งผลใหก้ ารดำ� เนินการจัดการขยะ 156 บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

ในพื้นที่ต�ำบลมหาพราหมณ์ อ�ำเภอบางบาล และขนย้ายขยะตกค้างสะสมในสถานที่ก�ำจัดขยะมูลฝอย ในพ้ืนท่ีวิกฤต จ�ำนวน 222,000 ตัน จากต�ำบลบ้านป้อม ไปก�ำจัดด้วยวิธีฝังกลบอย่างถูกหลักสุขาภิบาล สามารถจัดการขยะท่ีถูกสะสมมานาน 20-30 หมดไปในระยะเวลาท่ีสั้น โดยใช้ระยะเวลาเพียง 2 เดือน ซึ่งเร็วกว่าระยะเวลาท่ีต้ังไว้ได้จากเดิม 6 เดือน ซ่ึงสอดคล้องกับแนวคิดของ Walter Williams (อ้างถึงใน สมบัติ ธ�ำรงธัญวงศ์, 2543) ท่ีได้เสนอตัวแบบทางด้านการจัดการ (The Model of Management or Management Model) กล่าวว่า การน�ำนโยบายไปปฏิบัติจะประสบความส�ำเร็จได้ข้ึนอยู่กับสมรรถนะ ขดี ความสามารถขององคก์ าร จำ� เปน็ จะตอ้ งมโี ครงสรา้ งขององคก์ ารทเ่ี หมาะสม บคุ ลากรทอ่ี ยใู่ นองคก์ ารจะตอ้ ง มคี วามรคู้ วามสามารถทง้ั ดา้ นการบรหิ ารและเทคนคิ อยา่ งเพยี งพอ นอกจากนอี้ งคก์ ารยงั จะตอ้ งมกี ารวางแผน เตรยี มการ หรือมคี วามพร้อมเปน็ อยา่ งดที ้งั ทางดา้ นวสั ดอุ ปุ กรณ์ สถานท่ี เครอื่ งมือเครื่องใชแ้ ละงบประมาณ 3. ด้านความรู้ความเข้าใจของประชาชน ประชาชนในชุมชนบ้านม่วงหวาน ต�ำบลมหาพราหมณ์ อำ� เภอบางบาล จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจการจดั การขยะมลู ฝอยเปน็ อยา่ งดี ซงึ่ สอดคลอ้ ง กับหลักการ 3Rs คือ Reduce ลด (คิดก่อนใช)้ Reuse ใช้ซำ�้ (ใชแ้ ล้วใชอ้ กี ) และ Recycle (นำ� กลบั มาใชใ้ หม)่ เปน็ หลกั การทมี่ งุ เนนการลดปริมาณขยะจากครัวเรอื น สง เสริมการคดั แยกขยะจากตน ทางเปนการเพ่ิมมูลคา หรอื แปรรปู ขยะ ซง่ึ จะสง ผลใหป รมิ าณขยะในภาพรวมทงั้ ประเทศลดลงทาํ ใหป รมิ าณขยะทจี่ ะตอ งเขา สรู ะบบ การกําจัดลดลง นอกจากน้ี งานวิจัยของ พีรยา วัชโรทัย (2556) ได้กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลต่อความสําเร็จ ในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยจะต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับความรู้เรื่องการคัดแยกขยะจาก บ้านเรือน เทศบาล มีการคัดแยกขยะ ส่งเสริมให้บุคลากรท่ีเกี่ยวข้องในองค์กรพัฒนาศักยภาพตนเอง ด้านการจัดการขยะ มกี ารวางเปา้ หมายในดา้ นการจัดการขยะมลู ฝอย 4. ดา้ นการสอ่ื สารประชาสมั พนั ธใ์ หป้ ระชาชนรบั รู้ ประชาชนในพน้ื ทรี่ บั ทราบ และเขา้ ใจวตั ถปุ ระสงค์ การจดั การขยะดว้ ยวธิ ีขนยา้ ยขยะจากพ้ืนทเ่ี กา่ ไปศนู ยก์ ำ� จัดขยะแห่งใหมเ่ ป็นอยา่ งดี ทง้ั สอื่ ออนไลน์ หนังสอื หอกระจายข่าว จากเจา้ หนา้ ทอ้ งถ่ินและผ้เู กี่ยวข้อง โดยไม่ส่งประชาชนในชมุ ชน ซ่งึ สอดคลอ้ งกับแนวคดิ ของ เกศนิ ี จุฑาวิจติ ร (2540) ได้นยิ ามการสอ่ื สารไวว้ ่า สังคมทมี่ ีการส่ือสารดียอ่ มมีเครอื ข่ายการสอ่ื สารประเภท ต่าง ๆ ท่ีครอบคลุมพื้นท่ีเป้าหมายได้กว้างขวางท�ำให้ประชาชนสื่อสารกันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เท่าทันต่อ สถานการณอ์ นั น�ำไปสกู่ ารปรบั ปรงุ คณุ ภาพชีวิตของประชาชนใหด้ ขี ้ึนทำ� ให้ชมุ ชนโดยรวมพฒั นาไดเ้ รว็ 5. ด้านการจัดสรรทรัพยากรท่ีเพียงพอในการจัดการขยะ การด�ำเนินการจัดการขยะในศูนย์ก�ำจัด ขยะแห่งใหม่ ทั้งทรัพยากรด้านบุคลากรขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานท่ี เกี่ยวข้อง เคร่ืองมือต่าง ๆ งบประมาณเพียงพอต่อการด�ำเนินการต่าง ๆ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ ไมส่ ง่ ผลกระทบตอ่ ประชาชนในพน้ื ทท่ี ใ่ี กลเ้ คยี งศนู ยก์ ำ� จดั ขยะแหง่ ใหม่ ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั แนวคดิ ของ กรมควบคมุ มลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม (2559) ได้ก�ำหนดมาตรการ 3 มาตรการ 1) มาตรการ ลดการเกดิ ขยะมลู ฝอยและของเสยี อันตรายท่แี หล่งก�ำเนิด 2) มาตรการเพมิ่ ศกั ยภาพการจัดการขยะมูลฝอย และของเสียอนั ตราย และ 3) มาตรการส่งเสรมิ การบริหารจัดการขยะมลู ฝอยและของเสยี อันตราย มาตรการ ดงั กลา่ วเป็นมาตรการท่ชี ่วยลดขยะ ณ แหล่งกำ� เนดิ ใหน้ �ำกลับมาใช้ใหมใ่ ห้มากท่ีสุด และพฒั นาองค์ความรู้ใช้ เทคโนโลยผี สมผสานอยา่ งเหมาะสม เพอ่ื ใหศ้ นู ยก์ ำ� จดั ขยะมลู ฝอยรวมเปน็ พน้ื ทที่ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ และเพยี งพอ ต่อการก�ำจัดขยะมูลฝอยเก่า (ขยะมูลฝอยตกค้าง) ทั้งนี้ต้องอาศัยทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมและค�ำนึงถึง ความรบั ผิดชอบต่อหน้าทีต่ นเอง ปที ี่ 15 ฉบับที่ 3 ประจำ�เดือนกนั ยายน - ธันวาคม 2562 157

ข้อเสนอแนะ 1. องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ควรประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้ ประชาชนในพื้นท่ีท่ีรับผิดชอบตระหนักถึงความส�ำคัญและการคัดแยกขยะ ณ แหล่งก�ำเนิด เพื่อลดปัญหาท่ี กอ่ ให้เกิดมลพิษกับสิง่ แวดลอ้ ม พืน้ ท่ีในการจัดการขยะ และลดระยะเวลาการก�ำจัดขยะของเจ้าหนา้ ที่ 2. จัดตงั้ หน่วยงานที่เกีย่ วข้องกบั การจัดการขยะโดยตรงเพื่อเพม่ิ ประสทิ ธิภาพในการทำ� งาน 3. ควรมกี ารจดั ตงั้ พฒั นาสงิ่ แวดลอ้ ม หรอื ศนู ยค์ ดั แยกขยะในแตล่ ะชมุ ชน เพอื่ มงุ่ เนน้ การมสี ว่ นรว่ ม การจดั การขยะของประชาชนในชมุ ชน โดยอาจดำ� เนนิ การควบคไู่ ปกบั การจดั กจิ กรรมตา่ ง ๆ เชน่ ธนาคารขยะ รไี ซเคลิ เอกสารอ้างอิง กรมควบคมุ มลพษิ กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม. (2550). สรปุ สถานการณม์ ลพษิ ประเทศไทย ปี 2549. กรุงเทพฯ: กรมควบคุมมลพิษ. กรมควบคมุ มลพษิ กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม. (2559). แผนแมบ่ ทการบรหิ ารจดั การขยะ มูลฝอยของประเทศ (พ.ศ. 2559-2564) (พมิ พค์ รง้ั ที่ 1). กรุงเทพฯ: แอคทฟี พริ้นท์. กรมควบคมุ มลพษิ . (2560). รายงานสถานการณข์ ยะมูลฝอยชุมชนประเทศไทย ปี พ.ศ. 2559. กรงุ เทพฯ: ส�ำนกั จัดการกากของเสียและสารอันตราย กรมควบคุมมลพิษ. กรมส่งเสริมปกครองท้องถิ่น และกรมควบคุมมลพิษ. (มปป.). แผนปฏิบัติการ “ประเทศไทย ไรขยะ” ตามแนวทาง “ประชารัฐ” ระยะ 1 ปี (พ.ศ. 2559-2560). [Online]. Available: http://www. bangkok.go.th/ upload/user/00000231/pdf/ThaiPlans%20without%20Waste.pdf [2560, สิงหาคม 1]. เกศินี จุฑาวิจติ ร. (2540). การสอื่ สารเพ่อื การพัฒนาท้องถน่ิ (พิมพ์ครง้ั ที่ 1). นครปฐม: เพชรเกษมการพมิ พ.์ เกรกิ เกยี รติ ศรเี สรมิ โภค. (2546). การพฒั นาความสามารถเชงิ สมรรถนะ (Competency-Based Approach) (พมิ พค์ รัง้ ท่ี 1). กรงุ เทพฯ: นาโกตา้ . จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. (2558). การขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาตามนโยบาย รฐั บาลกระทรวงมหาดไทย และยทุ ธศาสตรจ์ งั หวดั ประจำ� ปี 2559-2560. [Online]. Available: http://www.ayutthaya.go.th/strategic/FileData/pdf/ClusterNew.pdf. [2560, สงิ หาคม 1]. จุมพล หนิมพานิช. (2547). การวิเคราะหน์ โยบาย แนวคดิ ทฤษฎี และกรณตี วั อยา่ ง. นนทบุรี: มหาวิทยาลัย สุโขทยั ธรรมาธริ าช. ผูจ้ ดั การออนไลน์. (2555). DSI ลงตรวจกองขยะล้นเมอื งกรุงเก่า หลงั ชาวบ้านรอ้ งได้รบั ความเดอื ดรอ้ น. [Online]. Available: http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews. [2560, สงิ หาคม 1]. 158 บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ติ

พรี ยา วชั โรทยั . (2556). การจดั การขยะขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ : กรณศี กึ ษาเทศบาลตำ� บลเมอื งแกลง จงั หวดั ระยอง. วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญาวทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาการจดั การสง่ิ แวดลอ้ ม สถาบนั บัณฑติ พฒั นบรหิ ารศาสตร.์ สมบตั ิ ธำ� รงธญั วงศ.์ (2543). นโยบายสาธารณะ : แนวความคดิ การวเิ คราะหแ์ ละกระบวนการ (พมิ พค์ รงั้ ท่ี 4). กรุงเทพฯ: เสมาธรรม. Edward, George C. III. (1980). Implementing Public Policy. Washington, D.C.: Congressional Quarterly. Van Meter, Donald S. and Van Horn, Carl E. (1975). The Policy Implementation Process: A Conceptual Framework. Administration and Society, 6: 445-486. คณะผเู้ ขียน นายวงศว์ รรธน์ บญุ วฒั น์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ เลขท่ี 114 ถนนสุขมุ วทิ 23 แขวงคลองเตยเหนอื เขตวัฒนา กรงุ เทพฯ 10110 e-mail: [email protected] ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. เพช็ รัตน์ ไสยสมบัติ คณะสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ เลขที่ 114 ถนนสุขมุ วิท 23 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวฒั นา กรุงเทพฯ 10110 e-mail: [email protected] ปที ี่ 15 ฉบับที่ 3 ประจ�ำ เดอื นกนั ยายน - ธันวาคม 2562 159



ชวี ติ และแนวคดิ ทางการเมอื งของ ควง อภัยวงศ์ The Life and Political Ideas of Khuang Apaivongse ณรงคฤ์ ทธิ์ ชัยสายัน* และสรุ พันธ์ ทับสวุ รรณ์ คณะรฐั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยรามคำ� แหง Narongrit Chaisayan* and Suraphan Thabsuwan Faculty of Political Science, Ramkhamhaeng University Received: February 4, 2019 Revised: April 29, 2019 Accepted: May 8, 2019 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาชีวประวัติ ลักษณะความเป็นผู้น�ำ บทบาทและแนวคิดทาง การเมือง ของนายควง อภัยวงศ์ เพือ่ ทำ� ความเขา้ ใจการเมืองไทยในชว่ งเวลา พ.ศ. 2475-2511 ผ่านแนวคดิ และบทบาททางการเมอื งของ นายควง อภยั วงศ์ ผลการวิจัยพบว่า นายควง อภัยวงศ์ เกิดในครอบครัวชนชั้นสูงของสังคมไทย จึงได้รับการเลี้ยงดูและได้รับการศึกษา อย่างดีการเดินทางไปศึกษาต่อที่ฝรั่งเศสท�ำให้ได้รับรู้และมีแนวคิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศ การข้ึนเปน็ นายกรฐั มนตรที ้ัง 4 คร้ัง ระหว่างปี พ.ศ. 2487-2491 และการไดเ้ ปน็ หวั หนา้ พรรคประชาธิปัตย์ คนแรก ในปี พ.ศ. 2489 เกดิ จากเหตุและปจั จัยหลายอยา่ ง บคุ ลิกความเปน็ ผู้น�ำของนายควง อภยั วงศ์ คอื มมี นษุ ยสมั พนั ธท์ ดี่ ี กลา้ หาญ กลา้ ตดั สนิ ใจ สามารถตดั สนิ ใจไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสม โดยเฉพาะในสถานการณ์ คบั ขนั มไี หวพรบิ ใน การแกป้ ญั หา มอี ารมณข์ นั และมคี วามซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ ความโดดเดน่ ของนายควง อภยั วงศ์ มี 3 ประการ คือ (1) ความเข้มแข็งทางใจ (Resiliency) (2) ความยืดหยุ่นและการปรับตัว (Flexibility) (3) ความยดึ มั่นหรอื ความยนื หยัดในหลักการ (Integrity) แนวคิดทางการเมืองของนายควง อภัยวงศ์ พบว่า มีหลายแนวคิด เช่น แนวคิดแบบเสรีนิยม (Liberalism) ท่ีเด่นชัดคือ นายควง อภัยวงศ์ เข้าร่วมท�ำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 และ ต่อต้านเผด็จการโดยเฉพาะเผด็จการทหาร และแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยม (Conservatism) ท่ีเด่นชัดคือ นายควง อภยั วงศ์ ตอ้ งการถวาย พระราชอำ� นาจแดพ่ ระมหากษตั รยิ ใ์ หเ้ พม่ิ มากขนึ้ ตอ้ งการประชาธปิ ไตยแบบ ประเทศอังกฤษ นน่ั คอื ประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั ริย์เป็นประมุข คำ� ส�ำคญั : แนวคดิ ทางการเมือง บทบาททางการเมือง เสรีนยิ ม อนุรักษ์นยิ ม * ณรงค์ฤทธิ์ ชัยสายนั (Corresponding Author) ปีที่ 15 ฉบับที่ 3 ประจ�ำ เดือนกันยายน - ธันวาคม 2562 161 e-mail: [email protected]

Abstract The objectives of this research were to study biography, leadership styles, political roles, political Ideas of Mr. Khuang Apaivongse and to study Thai politics between 1932 and 1968 through the political ideas and roles of Mr. Khuang Apaivongse. The findings were as follows: Mr. Khuang Apaivongse was born in an élite Thai family therefore he was well brought up and educated. In the course of furthering his education in France, he became aware of how changes were being made in the governments of Western nations. Serving as Prime Minister for four times between 1944 and 1948 and the first Democrat party leader in 1946 stemmed from various causes and factors. As the leader, Khuang had good human relationships. He was courageous, unafraid to make decisions and able to make correct and appropriate decisions, especially in critical situations. He had the wit to solve problems, a sense of humor and honesty. The three outstanding characteristics of Khuang Apaivongse included (1) Resiliency (2) Flexibility (3) Integrity. In regard to political ideas, it was found that Khuang exhibited different concepts in response to particular political contexts at different periods. The idea of “liberalism” was paramount when he participated in the change of the government in 1932 and when he resisted dictatorship, especially that of military dictatorship. The idea of “conservatism” was dominant when he wanted to enhance the royal power projected by the King. He preferred the democracy similar to Great Britain’s in which the King was the Head of the State. Keywords: Political Ideas, Political Roles, Liberalism, Conservatism บทนำ� การศกึ ษาแนวความคดิ ของผนู้ ำ� ทางการเมอื งนนั้ มหี ลายแนวทาง หนง่ึ ในนนั้ คอื การศกึ ษาแนวจติ วทิ ยา การเมอื ง (Political Psychology) ทมี่ งุ่ เนน้ วเิ คราะหถ์ งึ พฤตกิ รรมการเมอื งทถ่ี อื บคุ คลเปน็ หนงึ่ หนว่ ยวเิ คราะห์ (Unit of Study) ซงึ่ จะชว่ ยให้เขา้ ใจปรากฏการณ์อืน่  ๆ ในทางการเมือง เช่น ระบบการเมอื ง โครงสร้างของ การเมอื ง วัฒนธรรมทางการเมือง เปน็ ต้น (ณรงค์ สนิ สวัสด์ิ, 2529: 231) ผู้น�ำถือเป็นลักษณะทางสังคม เพราะการท่ีบุคคลใดสามารถก้าวข้ึนสู่การเป็นผู้น�ำนั้น ต้องเกิดจาก ปจั จยั หลายอยา่ ง เชน่ วงศต์ ระกลู การศกึ ษา ความสามารถเฉพาะตวั อบุ ตั เิ หตทุ างประวตั ศิ าสตร์ สถานการณ์ แตป่ จั จยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ งโดยตรง นน่ั คอื ปจั จยั ทางสงั คม ซงึ่ รวมถงึ ปจั จยั ทางเศรษฐกจิ และทางการเมอื ง หรอื แมแ้ ต่ จากการยอมรับโดยบรรดาสมัครพรรคพวกของผ้นู ำ� (ยศ สันตสมบัต,ิ 2533: 16-17) การเปลย่ี นแปลงการปกครอง โดยคณะราษฎร เม่ือวนั ท่ี 24 มถิ ุนายน พ.ศ. 2475 มคี วามสำ� คัญตอ่ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย เพราะเปล่ียนระบอบการปกครองแผ่นดินจากระบอบ 162 บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ิต

สมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นการปกครองระบอบใหม่ท่ีเรียกว่า แบบราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ (นรนิติ เศรษฐบตุ ร, 2551: 1) คอื ระบอบการปกครองทม่ี กี ารสถาปนารฐั ธรรมนญู ขนึ้ เปน็ กฎหมายสงู สดุ ในการปกครอง ประเทศเปน็ สญั ลกั ษณแ์ หง่ รฐั และเปน็ ระบอบทเ่ี ปดิ ทางใหป้ ระชาชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการปกครอง (สธุ าชยั ยมิ้ ประเสริฐ, 2534: 7) หน่งึ ในคณะราษฎรที่มีความน่าสนใจ คือ นายควง อภัยวงศ์ เนื่องจากนายควง อภยั วงศ์ เป็นบุตรของ เจ้าพระยาอภัยภเู บศร ซง่ึ ถือวา่ เป็นชนชั้นสูงในสงั คมไทย แตน่ ายควง อภัยวงศ์ กลบั มีแนวความคดิ เหน็ ด้วย กบั การเปลยี่ นแปลงการปกครองตงั้ แตส่ มยั เปน็ นกั ศกึ ษาวศิ วกรรมโยธาทฝี่ รง่ั เศส และความนา่ สนใจในแนวคดิ ของนายควง อภัยวงศ์ อีกประการหนึ่งคือ นายควง อภัยวงศ์ จบการศึกษาจากฝรั่งเศส แต่กลับต้องการ ประชาธิปไตยแบบประเทศอังกฤษ น่ันคือ ประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตริย์เป็นประมุข หลัง 24 มิ.ย. 2475 กลุ่มคณะราษฎรได้เข้ามามีอ�ำนาจและต�ำแหน่งทางการเมือง โดยนายควง อภัยวงศ์ ได้มีบทบาทและตำ� แหน่งเพม่ิ มากข้ึนเรอื่ ย ๆ จนกระท่ังไดเ้ ป็นนายกรัฐมนตรี ถึง 4 สมยั ระหวา่ งปี พ.ศ. 2487-2491 ความนา่ สนใจของนายควง อภยั วงศ์ ไม่เพยี งแต่สาเหตุและปจั จัยต่าง ๆ ทที่ �ำให้ไดเ้ ป็นนายกรัฐมนตรี ถงึ 4 ครง้ั แตอ่ ยูท่ ่กี ารข้ึนเป็นแตล่ ะครง้ั น้ัน เปน็ ช่วงเวลาหัวเลยี้ วหวั ตอ่ หรือช่วงเหตกุ ารณส์ �ำคัญทางการเมือง (บญุ ทรง สราวุธ, 2530: 165) ซง่ึ นายควง อภยั วงศ์ ตัดสินใจได้อย่างถูกตอ้ ง สามารถแกไ้ ขปญั หาเฉพาะหนา้ และท�ำให้ผ่านพ้นสถานการณ์วิกฤตน้ันมาได้ เช่น สมัยเป็นนายกรัฐมนตรีคร้ังที่ 1 สามารถประคับประคอง ประเทศชาติและประชาชนไทยให้ผ่านพน้ วิกฤตจิ ากสงครามโลกคร้งั ที่ 2 (บุญชว่ ย ศรสี วสั ด์,ิ 2529: 130) และ คณุ สมบตั สิ ว่ นตวั โดยเฉพาะความซอื่ สตั ยน์ น้ั เปน็ ทย่ี กยอ่ งกนั ทว่ั ไป อกี ทง้ั การมชี วี ติ งา่ ย ๆ ไมถ่ อื ตวั ไมเ่ อาเปรยี บ ใคร (บญุ ชนะ อัตถากร, 2526: 37) คร้ันเมื่อถูกคณะรัฐประหาร 2490 บังคับให้ลาออกจากนายกรัฐมนตรีครั้งท่ี 4 ในปี พ.ศ. 2491 นายควง อภัยวงศ์ ยังท�ำหน้าที่ผู้น�ำฝ่ายค้าน ต่อสู้ทางการเมืองตามหลักประชาธิปไตย โดยการเป็นหัวหน้า พรรคประชาธปิ ัตยค์ นแรกตง้ั แต่ปี 2489 และต่อเนอ่ื งยาวนานจนถึงแก่อสัญกรรมในปี พ.ศ. 2511 นายควง อภัยวงศ์ ได้ท�ำการวางรากฐานและประคับประคองพรรคประชาธิปัตย์ให้สามารถผ่าน ความผันผวน ความรุนแรงทางการเมือง จนกระท่ังเป็นพรรคการเมืองท่ีเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ท่ียัง ด�ำเนนิ การทางการเมืองอยู่ในปจั จุบนั จากนักศกึ ษาทจี่ บวศิ วกรรมโยธา จากประเทศฝร่งั เศส ได้รบั รู้แผนการร่วมกบั คณะราษฎรคนอื่น ๆ เร่ิมต้นชีวิตได้รับราชการ จนได้ด�ำรงต�ำแหน่งอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขเมื่ออายุ 33 ปี เป็นรัฐมนตรี หลายกระทรวง จนกระทงั่ กา้ วสตู่ �ำแหน่งนายกรฐั มนตรีครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2487 ดว้ ยอายเุ พียง 42 ปี และ ยังเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 4 สมัย ซึ่งแม้ถูกคณะทหารบังคับให้ลาออกจากต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งท่ี 4 ในปี พ.ศ. 2491 นายควง อภัยวงศ์ ยังสามารถด�ำเนินชีวิตได้อย่างปกติโดยไม่ต้องลี้ภัยการเมือง นายควง อภยั วงศ์ ยงั แสดงบทบาททางการเมอื งและทางสงั คมมาโดยตลอด และยืนหยัดรอคอยรัฐธรรมนูญเพอ่ื จะน�ำ พรรคประชาธปิ ัตย์ลงเลอื กต้งั อีกคร้ัง แต่ไดถ้ ึงแกอ่ สัญกรรมเสยี กอ่ น ในปี พ.ศ. 2511 ปีท่ี 15 ฉบบั ท่ี 3 ประจำ�เดอื นกนั ยายน - ธันวาคม 2562 163

วตั ถุประสงค์ 1. เพอื่ ศึกษาชีวประวตั ิของ นายควง อภัยวงศ์ 2. เพื่อศกึ ษาแนวคิดทางการเมืองของ นายควง อภยั วงศ์ 3. เพื่อศึกษาบทบาททางการเมอื งและความเปน็ ผู้น�ำของ นายควง อภัยวงศ์ 4. เพื่อท�ำความเข้าใจการเมืองไทยในช่วงเวลา พ.ศ. 2475-2511 ผ่านบทบาททางการเมืองของ นายควง อภัยวงศ์ แนวคดิ ทฤษฎีท่เี กีย่ วข้อง การศึกษาแนวความคิดของผู้น�ำทางการเมืองน้ันมีหลายแนวทาง ในท่ีน้ีผู้วิจัยเลือกใช้การศึกษา แนวจติ วทิ ยาการเมอื ง (Political Psychology) ซงึ่ การวจิ ยั เรอ่ื ง ชวี ติ และแนวคดิ ของนายควง อภยั วงศ์ ซงึ่ ถอื เปน็ ผู้น�ำทางการเมอื งน้นั ผูว้ จิ ยั ศึกษาในระดบั ปัจเจกบุคคล เพื่อท�ำความเข้าใจเชงิ ลึกในฐานะของตัวการ (agent) ในการแสดงบทบาทตา่ ง ๆ ในบรบิ ททางสงั คม โดยมงุ่ เนน้ ไปยงั บทบาททางการเมอื ง โดยทำ� การศกึ ษาชวี ประวตั ิ ของ นายควง อภัยวงศ์ ตั้งแต่ก�ำเนิด ในปี พ.ศ. 2445 จนถึงแก่อสัญกรรม ในปี พ.ศ. 2511 ผู้วิจัยจึงท�ำ การทบทวนทฤษฎี เอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วขอ้ งในเรอ่ื งของการขดั เกลาทางสงั คม การกลอ่ มเกลาทางการเมอื ง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวชนชน้ั สูง การศึกษาในโรงเรียนทดี่ ี การศกึ ษายงั ต่างประเทศ และกลุม่ เพอื่ นที่ฝรั่งเศส ทท่ี �ำหนา้ ท่ขี ัดเกลาความคดิ ของ นายควง อภยั วงศ์ ทฤษฎีชนชั้นน�ำและทฤษฎี-ผนู้ ำ� เพ่อื น�ำมาทำ� การอธบิ าย การกา้ วเขา้ มามบี ทบาททางการเมอื งมากขน้ึ เรอ่ื ย ๆ และใชอ้ ธบิ ายบทบาทผนู้ ำ� เมอื่ ขน้ึ เปน็ นายกรฐั มนตรที งั้ 4 ครง้ั ระหวา่ งปี พ.ศ. 2487-2491 และอธบิ ายการไดเ้ ป็นหัวหนา้ พรรคประชาธปิ ัตยค์ นแรก ในปี พ.ศ. 2489 1. การกลอ่ มเกลาทางสังคม (Socialization) การขัดเกลาทางสังคม (socialization) ทางสังคมวิทยานั้น บุคคลหนึ่ง ๆ จะถูกกระบวนการ ขดั เกลาทางสงั คมตง้ั แตเ่ กดิ จนตาย ทำ� ใหบ้ คุ คลนน้ั มบี คุ ลกิ ภาพและมแี นวคดิ ตามทสี่ งั คมนน้ั ตอ้ งการ ซงึ่ ตวั แทน การขดั เกลา ไดแ้ ก่ ครอบครัว (family) กล่มุ เพอ่ื น (peer group) โรงเรยี น (school) ศาสนา เป็นตน้ (ปฬาณี ฐิติวฒั นา, 2542: 69) Rush and Athoff (1971: 16) อธิบายวา่ การกลอ่ มเกลาทางการเมือง เป็นกระบวนการสรา้ ง ทศั นคติ (Attitude) และค่านิยม (Value) ของบุคคลในระบบการเมือง เกดิ จากสภาพแวดลอ้ มทบี่ คุ คลผูน้ ้นั อยู่ ไมว่ ่าจะเป็นครอบครัว ญาติพี่น้อง การศกึ ษา โรงเรียน กลุ่มเพื่อน ศาสนาอาชีพ สอื่ มวลชน นอกจากนีย้ งั เกิดจากบุคลกิ ภาพและประสบการณ์ 2. ทฤษฎชี นชั้นน�ำ (Elite) การท่ีนายควง อภยั วงศ์ เปน็ บุตรชายของเจา้ พระยาอภัยภเู บศร์ และต้นตระกูลสกุล “อภยั วงศ”์ เปน็ ตระกลู ทส่ี บื เชอื้ สายมาจากตระกลู ของขนุ นาง ซงึ่ ในชว่ งเวลาดงั กลา่ วถอื วา่ เปน็ ชนชนั้ สงู หรอื ชนชน้ั นำ� ของ สงั คมไทย หรือแมแ้ ตก่ ารทีน่ ายควง อภัยวงศ์ ถือเปน็ แกนนำ� คนหนึ่งของคณะราษฎร ซง่ึ ถอื ว่าเปน็ กลมุ่ บคุ คล ชนชน้ั นำ� ใหม่ (elite) ที่อย่ใู นรูปของข้าราชการทหารและพลเรือน (ชาญวทิ ย์ เกษตรศิริ, 2544: 51) ท�ำให้ แนวความคดิ เรือ่ งชนชนั้ นำ� เป็นแนวความคิดทฤษฎีที่สามารถน�ำมาท�ำการอธิบายชวี ติ บทบาท และแนวคิด ของนายควง อภยั วงศ์ ได้เป็นอยา่ งดี 164 บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยสวนดุสิต

ชนชั้นน�ำ คือ ผู้มีอ�ำนาจและผูกขาดการใช้อ�ำนาจเพ่ือประโยชน์ของกลุ่มตน (Mosca, 1939: 50-51) ชนช้ันปกครองต้องมีฐานของอํานาจ ไดแ้ ก่ ความรู้ ความสามารถเฉพาะตวั ความสามารถทางทหาร ความมั่งคั่งร่�ำรวย ความมีบทบาทเด่นในทางศาสนา (Mosca, 1939: 9) ยังเชื่อว่าชนชั้นน�ำเกิดขึ้นเพราะ ความสามารถทางจิตวิทยาท่ีเหนือกว่า (Geraint Parry, 1971: 68) จ�ำแนกว่าชนช้ันน�ำน้ัน ปัจจัยได้จาก ก�ำลังอ�ำนาจ (Power) ความม่ังคั่ง (Wealth) และสถานภาพ (Status) และในส่วนของชนชั้นน�ำน้ัน ยงั แยกเปน็ 2 แบบ คอื ชนชนั้ น�ำทีม่ อี ำ� นาจในการตัดสนิ ใจ และชนชัน้ น�ำทมี่ อี ทิ ธิพลต่อการตดั สนิ ใจ 3. ทฤษฎีผ้นู �ำ (Leader) การที่นายควง อภยั วงศ์ นนั้ สามารถกา้ วขึ้นดำ� รงต�ำแหนง่ นายกรัฐมนตรไี ด้ถงึ 4 สมยั ซึง่ เกดิ จาก เหตุและปัจจัยต่าง ๆ และยังเป็นผู้น�ำพรรคประชาธิปัตย์คนแรกและคนเดียวในระหว่างปี พ.ศ. 2489-2511 รวมระยะเวลายาวนานกวา่ 20 ปี ซงึ่ ในแตล่ ะชว่ งเวลาสามารถอธบิ ายไดถ้ งึ ความสามารถอนั เปน็ บคุ ลกิ สว่ นตวั ของ นายควง อภัยวงศ์ ท่ีแสดงความเป็นผู้น�ำในบทบาทต่าง ๆ ในช่วงเวลาและสถานการณ์ทางการเมืองท่ี แตกตา่ งกนั ออกไป (Ordway Tead, 1936) ทำ� การศกึ ษาพบว่า ผ้นู �ำท่ีดีควรมีคุณสมบตั ิ ดงั ต่อไปน้ี (1) มีความเข้มแข็งท้ังร่างกายและจิตใจ ก�ำลังใจกล้าแกร่ง มีความอดทนกว่าคนธรรมดาโดย เฉพาะเมื่อเกิดวกิ ฤตกิ ารณ์ ทางการเมืองหรอื สงั คมขนึ้ ผู้นำ� ท่ีดีต้องมีความมนั่ คงทางจติ ใจ (2) เข้าใจในวตั ถปุ ระสงค์ ตอ้ งรู้จุดมงุ่ หมายและวธิ กี ารทจ่ี ะไปใหถ้ งึ จดุ มุง่ หมายนนั้ (3) มคี วามกระตอื รอื รน้ บากบน่ั ขวนขวายทจ่ี ะทำ� เปา้ หมายของตนให้สมั ฤทธิ์ผลใหไ้ ด้ (4) มมี นษุ ยสมั พันธท์ ำ� ใหค้ วามสมั พันธ์ในการท�ำงานของผู้นำ� และคนอน่ื  ๆ ราบร่ืน (5) มคี วามนา่ เชือ่ ถือ สามารถท�ำใหผ้ ู้อื่นเชอ่ื ใจและเชือ่ มัน่ ได้ (6) มีความสามารถในการตัดสินใจ และความกล้าในการตดั สินใจ (7) มคี วามเฉลยี วฉลาด ความสามารถทจ่ี ะมองเหน็ และเขา้ ใจถงึ สาเหตุและวธิ กี ารแก้ปญั หา (8) มีศรทั ธาและความเชื่อม่ัน (9) มีทักษะในเรือ่ งใดเร่อื งหนึง่ เป็นพิเศษ Hoy and Miske (2008: 428) ภาวะผู้นำ� ในเรื่องของสถานการณเ์ กิดจากการศึกษาพฒั นาภาวะ ผนู้ ำ� ไปอกี ขน้ึ หนง่ึ ตอ่ จากเรอื่ งพฤตกิ รรมของผนู้ ำ� ทวี่ า่ แบบของผนู้ ำ� แบบใดแบบหนง่ึ อาจไมใ่ ชเ่ ปน็ แบบทด่ี ที ส่ี ดุ ใน ทุกสถานการณ์ก็ได้ คุณลักษณะและพฤติกรรมของผู้น�ำจะต้องสอดคล้องกับสถานการณ์หรือเงื่อนไข บางอย่างท่ีเหมาะสม จึงจะบรหิ ารจัดการใหบ้ รรลุผลสำ� เร็จได้ ความนา่ สนใจในการทำ� การศกึ ษา นายควง อภยั วงศ์ นน้ั อยตู่ รงการที่ นายควง ไดเ้ ผชญิ เหตกุ ารณ์ อันเลวร้ายทางการเมืองมากมายหลายครั้ง ความโดดเด่นหรือคุณลักษณะพิเศษดังกล่าว อาจเรียกว่า ความเข้มแข็งทางใจ (resilience, resiliency) หมายถึง ศักยภาพในทางบวกของบุคคลในการจัดการกับ ความล้มเหลวของชีวิต ซ่ึงเป็นตัวบ่งช้ีถึงคุณลักษณะของบุคคลเก่ียวกับความรู้สึกอดทนและสามารถเผชิญ ต่อเหตกุ ารณท์ ่ีไมค่ าดคิด ซึง่ เรียกความสามารถพเิ ศษน้วี า่ ความเขม้ แข็งทางใจ (Resiliency) 4. ความเข้มแขง็ ทางใจ (Resiliency) คือ แรงจูงใจให้มีชีวิตอยู่รอดและด�ำเนินต่อไปอย่างมีคุณค่าในทุกวัน การมีความคิดดังกล่าว เรียกว่า ความยืดหยุ่นและทนทานต่อสถานการณ์ที่เป็นองค์ประกอบภายในของบุคคล (Lhim-Soonthon, 2000) ตามแนวคดิ ของ (Grotberg, 1995) ความเขม้ แขง็ ทางใจมี 3 องคป์ ระกอบหลกั คอื ปีที่ 15 ฉบับที่ 3 ประจ�ำ เดอื นกันยายน - ธันวาคม 2562 165

I have (ฉนั มี …) เป็นแหลง่ สนบั สนุนภายนอก (External Supports) เช่น มีคนในครอบครวั และ นอกครอบครัวท่ีสามารถไว้ใจ มีคนที่พร้อมจะให้ก�ำลังใจ การมีตัวแบบท่ีดี (Role Model) ซ่ึงอาจเป็นบิดา มารดา พ่ีน้องและกลุ่มเพื่อน และสนับสนุนให้เป็นตัวของตัวเอง มีบุคคลหรือแหล่งท่ีให้การดูแลในเร่ืองของ สขุ ภาพร่างกายและจติ ใจ และการศึกษา อย่ใู นครอบครวั และชมุ ชน ที่ม่นั คงปลอดภัย เปน็ ตน้ I am (ฉนั เปน็ คนที่ …) เปน็ ความเขม้ แขง็ ภายใน (Inner Strengths) ของแตล่ ะบคุ คล อนั ประกอบ ด้วย ความสามารถเป็นทรี่ กั และแสดงความรักตอ่ บุคคลอนื่  ๆ ได้ (Loveable and my Temperament is Appealing) ทำ� ใหต้ ระหนกั ไดว้ า่ ผคู้ นชื่นชอบและรักเขา เขาจะทำ� ตวั ใหเ้ ป็นทร่ี ักของคนอ่ืน ความเข้าใจอย่าง ร่วมรสู้ กึ และการเห็นแก่บคุ คลอื่น (Loving Emphatic and Altruistic) ความภาคภมู ใิ จในตนเอง (Proud of Myself) ภูมิใจในความสามารถและความส�ำเร็จของตน ไม่ยอมให้ใครก�ำหนดคุณค่าหรือลดค่าของตน เมื่อเผชิญกับปัญหาในชีวิต จะเช่ือมั่นและตระหนักถึงคุณค่าในตนเอง และซ่ึงจะช่วยให้เขาสามารถ ประคับประคองตนเองได้ I can (ฉนั สามารถท่ีจะ…) เป็นปจั จยั ด้านทักษะในการจัดการกับปัญหาและสมั พนั ธภาพระหวา่ ง บุคคล (Interpersonal and Problem-Solving Skills) เป็นปัจจัยด้านทักษะทางสังคม เช่น การส่ือสาร (Communication) การแก้ไขปัญหา (Problem Solve) สามารถประเมนิ สภาพและขอบเขตและของปัญหา ได้ สามารถรู้ว่าแกไ้ ขไดอ้ ยา่ งไร และจะขอความชว่ ยเหลือจากผอู้ น่ื อย่างไร มคี วามสามารถกบั ผูอ้ ่นื ในการหา ทางเลือกของปัญหา และสามารถท่ีหาทางออกด้วยวิธีท่ีสร้างสรรค์ มีอารมณ์ขัน และอดทนจนกว่าจะแก้ไข ปญั หาส�ำเรจ็ สามารถจดั การกับความรู้สกึ และแรงกระต้นุ ตา่ ง ๆ (Manage of my Feeling and Impulse) ความเข้มแข็งทางใจ เป็นการวัดระดับของลักษณะบุคคลที่สามารถฟื้นตัวได้ภายหลังจากผ่าน วิกฤตการณ์ หรือความยากล�ำบากในชีวิต ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยสามารถด�ำเนินชีวิตต่อไปอย่างมี ความสุข มีความเข้มแข็ง และมีวุฒิภาวะมากขึ้น พร้อมที่จะเผชิญเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอนาคตได้ (พัชรินทร์ นินทจันทร์ และคณะ, 2555) 5. การยดื หยนุ่ และปรับตวั (Flexibility and Adaptability) คือ การปรับตัวเพ่ือรับการเปล่ียนแปลง (Adapt to Change) การปรับตัวตามบทบาทหน้าท่ี ความรบั ผดิ ชอบและบรบิ ทตามชว่ งเวลาทก่ี ำ� หนด การมคี วามคดิ และการกระทำ� ทยี่ ดื หยนุ่ ตามสถานการณแ์ ละ ความเปน็ จรงิ ทแี่ ปรเปลยี่ นไปตามขอ้ เทจ็ จรงิ ผนู้ ำ� จะตอ้ งรวู้ า่ เมอื่ ใดควรทำ� อยา่ งไร การปรบั ตวั ทส่ี ามารถเผชญิ กับความเปล่ียนแปลง (Changes) ท้ังภายในและภายนอกประเทศ (Lucian W Pye, 1966: 75-78) 6. ความยดึ ม่ันหรือความยืนหยัดในหลกั การ (Integrity) คอื การยดึ มนั่ ในสิ่งที่ถกู ต้องและชอบธรรม ธานินทร์ กรัยวิเชียร (2550: 10-13) ยกตัวอย่างวา่ การท่ีประเทศอังกฤษสามารถด�ำรงคุณธรรมและจริยธรรม เอาไว้ได้ตลอดมา คือ การยึดม่ันหลักการในสิ่งท่ี ถกู ตอ้ งและชอบธรรม ซงึ่ ประกอบดว้ ยคตธิ รรม 7 ประการทชี่ าวองั กฤษไดร้ บั การปลกู ฝงั มาตลอด คอื 1. สจั จะ (Truth) 2. ความซ่ือสัตย์สุจริต (Honesty) 3. ความระลึกในหน้าที่ (Sense of Duty) 4. ความอดกลั้น (Patience) 5. ความเป็นธรรม (Fair Play) 6. ความเอาใจเขามาใส่ใจเรา (Consideration for Others) 7. เมตตาธรรม (Kindness) 166 บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั สวนดุสติ

ความคดิ ทางการเมอื ง (political idea) ความคิดทางการเมือง (political idea) มีคำ� ท่ีมคี วามหมายใกล้เคียง เชน่ ระบบ-ความคิด อดุ มคติ ลัทธกิ ารเมือง มโนทัศน์ อดุ มการณ์ เป็นตน้ ในทน่ี ี้ผู้วจิ ัยจะขอใช้ค�ำเดยี ว คอื ความคดิ ทางการเมือง เนื่องจาก ว่า ความคดิ เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละบคุ คล ค�ำวา่ “ความคิด” อยูโ่ ดด ๆ โดยตัวเอง ไม่มีการใหค้ า่ ไมม่ ี การตัดสิน และความคิดมีส่วนส�ำคัญเพราะเป็นจุดเร่ิมต้นของสิ่งต่าง ๆ กล่าวคือ เม่ือคนเร่ิมคิดหรือเริ่มน�ำ สิ่งท่ีตนคิดมาเปรียบเทียบกัน ค�ำต่าง ๆ ก็เกิดการพัฒนาตามมา ไม่ว่าจะเป็นเกิดอุดมการณ์ที่เหมือนกันแล้ว ท�ำใหเ้ กดิ การรวมกลมุ่ กัน ดงั น้นั จงึ กลา่ วไดว้ า่ ความคดิ (ทางการเมอื ง) นัน้ เปน็ พืน้ ฐานของคำ� อน่ื  ๆ ตามมา (Heywood, 1997: 41-45) อนุรักษ์นยิ ม (conservatism) ลกั ษณะของแนวคดิ อนรุ กั ษน์ ยิ ม คอื แนวคดิ ทพ่ี ยายามจะปอ้ งกนั หรอื ลดความเรว็ ของการเปลยี่ นแปลง จากสังคมเก่า ความเช่อื เกา่ ชน้ั ทางสงั คมเก่าไปส่สู ังคมใหม่ เชน่ ประเพณี (tradition) คอื การใหค้ วามสำ� คญั กบั ประเพณแี ตโ่ บราณ จงึ อาจขดั แยง้ กบั การเปลย่ี นแปลง ทีเ่ ปน็ สมัยใหม่ การปฏิบตั ินิยม (pragmatism) คอื การเนน้ ประสบการณ์การรบั รู้ในอดตี ทผ่ี า่ นมา มากกว่า เหตผุ ลในปจั จุบัน ความไมส่ มบูรณข์ องมนษุ ย์ (human imperfection) มองว่าเสรีภาพ จะเกดิ ความวนุ่ วาย เพราะความเปน็ มนษุ ย์ มคี วามเห็นแกต่ ัว ระเบียบและความมั่นคง (order and stability) แนวคิดอนุรักษ์นิยมเช่ือม่ันว่าระเบียบและ ความมั่นคงเป็นส่ิงส�ำคัญที่สุดที่จะต้องรักษาไว้ โดยเฉพาะเรื่อง ศาสนา ชาติก�ำเนิด และความรักชาติ (ณัชชาภัทร อ่นุ ตรงจิต, 2548: 89-91) ตอ่ ต้านการเปลีย่ นแปลงโดยฉับพลนั (gradual change) เสรนี ิยม (liberalism) ลักษณะของแนวคิดเสรีนิยม (liberalism) เป็นแนวคิดหรืออุดมการณ์ที่เน้นเสรีภาพของปัจเจกชน (individualism) อย่างสูงย่ิง เช่น เสรีภาพนิยม (liberty/freedom) สิทธิ เสรีภาพ อิสรภาพ จะท�ำให้ ความเป็นปจั เจกบุคคล เปน็ ตัวของตัวเอง และต้องเป็นเสรภี าพภายใต้กฎหมาย (freedom under the law) ความเสมอภาค (equality) เน้นความเสมอภาคในแง่ของสิทธิและโอกาสของมนุษย์ท่ีเกิดมาเท่าเทียมกัน ไม่แบ่งชนชน้ั วรรณะ เอกสารและงานวิจัยอืน่  ๆ ทีเ่ ก่ียวขอ้ ง นรนิติ เศรษฐบตุ ร (2521: 18-19) ทาํ การศกึ ษาพบว่า ช่ือเสียงและเกียรตคิ ณุ ของพรรคประชาธิปัตย์ อยู่กบั นายควง อภยั วงศ์ ตลอด 22 ปี โดยประชาชนหลายคนเรยี กพรรคประชาธิปตั ย์ ว่า พรรคนายควง ณฐั วฒุ ิ สทุ ธสิ งคราม (2522: 226-228) ไดเ้ ขยี นหนงั สอื เรอ่ื ง นายควง อภยั วงศก์ บั พรรคประชาธปิ ตั ย์ โดยบรรยายชีวประวัติ ของ นายควง อภัยวงศ์ ตั้งแต่เริ่มก่อต้ังพรรคประชาธิปัตย์ ในปี พ.ศ. 2489 โดย นายควง เปน็ หวั หน้าพรรคคนแรก ซ่ึงตลอด 22 ปี นายควง ได้ประคบั ประคองพรรคประชาธปิ ัตยใ์ หด้ ำ� รงอยู่ สิริรัตน์ เรืองวงษ์วาร (2521) ศึกษาเรื่อง บทบาททางการเมืองของนายควง อภัยวงศ์ ต้ังแต่ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475-2491 เป็นการศึกษาบทบาท นายควง อภัยวงศ์ ระหว่างปี พ.ศ. 2475-2491 ได้สรุปและให้ความเห็นว่า นายควง อภัยวงศ์ ถือเป็นนักการเมืองที่ประสบความสําเร็จ ตามรูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เพราะตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2489 ได้รับเลือกตั้งทุกครั้งและ ไดค้ ะแนนเสยี งสูงสุดมาตลอด ปที ่ี 15 ฉบับท่ี 3 ประจ�ำ เดือนกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 167

จนกระท่งั ปี พ.ศ. 2501 และกล่าววา่ นายควง เป็นผูก้ ่อการหรือเป็นสมาชิกราษฎรเพยี งคนเดียวท่มี ี บทบาททางการเมอื งโดยมปี ระชาชนเปน็ ฐานแหง่ อํานาจ กรอบแนวคิด ภายใตส้ ถานการณ์/ปจั จยั /บริบททางการเมอื งในช่วงเวลาน้นั ๆ 1. ชีวประวัติตั้งแต่ก�ำเนิด (พ.ศ. 2445) จนถึงวันท่ี 24 1. ทฤษฎีการกลอ่ มเกลา มิถุนายน พ.ศ. 2475 ทางการเมือง (political - ชาติก�ำเนิด วยั เด็กและการศึกษาในประเทศ socialization) - กลมุ่ เพอ่ื นและการศกึ ษาในฝรัง่ เศส 2. ทฤษฎชี นช้นั น�ำ (elitist) - การกลับเขา้ รบั ราชการ หลงั ส�ำเร็จการศึกษา 3. ทฤษฎผี ูน้ ำ� (leader) 2. บทบาทและสถานะ ก่อนเข้าสนู่ ายกรฐั มนตรสี มยั ท่ี 1 4. แนวคดิ ทางการเมือง (พ.ศ. 2487) (political ideas) - บทบาทในวนั ที่ 24 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2475 - บทบาทในยคุ รัฐบาลพระยามโนปกรณน์ ิติธาดา - บทบาทในยุครฐั บาลพระยาพหลพลพยหุ เสนา - บทบาทในยคุ รฐั บาลหลวงพิบลู ยส์ งคราม 3. บทบาทนายกฯ ครงั้ ที่ 1 (พ.ศ. 2487) จนถงึ นายกฯ ครั้งท่ี 4 (พ.ศ. 2491) - นายกรัฐมนตรสี มัยท่ี 1 - นายกรัฐมนตรีสมยั ที่ 2 - หวั หน้าพรรคประชาธปิ ตั ย์ - นายกรฐั มนตรีสมัยที่ 3 - นายกรัฐมนตรีสมยั ที่ 4 4. บทบาททางการเมอื งตง้ั แต่ พ.ศ. 2491 จนถงึ แก่อสัญกรรม พ.ศ. 2511 - บทบาทในยุค จอมพล ป. พิบลู ย์สงคราม - บทบาทในยุค จอมพลสฤษด์ิ ธนะรัชต์ - บทบาทในยุค จอมพลถนอม กิตตขิ จร ภาพท่ี 1 กรอบแนวคดิ 168 บัณฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั สวนดุสติ

ระเบียบวิธวี จิ ัย การวิจัยเชิงคุณภาพ ท�ำการศกึ ษาเชิงเอกสารและนำ� เสนอแบบประวัติศาสตร์วเิ คราะห์ (Historical Analysis) โดยอาศยั การวเิ คราะหข์ อ้ เทจ็ จรงิ จากการศกึ ษาคน้ ควา้ เอกสารเปน็ หลกั แบง่ ขอ้ มลู ทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั ออกเป็น 2 สว่ น คอื 1. การศึกษาจากเอกสาร (Documentary) โดยแบ่งเอกสารไว้เปน็ สองประเภท ท้ังเอกสารชน้ั ตน้ (Primary Document) เช่น หนงั สอื พิมพ์ เอกสารหอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ ราชกจิ จานเุ บกษา รายงานการประชมุ สภาผแู้ ทนราษฎร และเอกสารชนั้ รอง (Secondary Document) เช่น ดษุ ฎีนิพนธ์ วทิ ยานพิ นธ์ หนงั สือ บทความ นติ ยสาร จลุ สาร ต่าง ๆ หนังสือ และบทความภาษาองั กฤษ 2. การสมั ภาษณ์เชิงลึก (In-Depth Interview) ประเด็นตา่ ง ๆ โดยบคุ คลท่ไี ดท้ �ำการเจาะจง ซง่ึ เป็น บุคคลท่ีเกิดทันช่วงเวลาท่ีนายควง อภัยวงศ์ มีชีวิตอยู่และรับรู้เหตุการณ์และบทบาทของนายควง ซึ่งบุคคล เหล่านไี้ ดแ้ ก่ คณุ พชิ ัย รตั ตกุล อดตี หวั หน้าพรรคประชาธิปตั ย์ ผซู้ ง่ึ ได้เจอนายควง ครง้ั แรกจากการทำ� งานเพอ่ื สงั คมร่วมกนั ท่ีสโมสรโรตารี่ และถกู ชกั ชวนให้เข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธปิ ัตย์ ศ.มารตุ บุนนาค ผ้ซู ึง่ สนใจ การตอ่ สทู้ างการเมืองของนายควงและพรรคประชาปัตย์ ตง้ั แตส่ มยั เปน็ นกั ศึกษาธรรมศาสตร์ คุณหญงิ กัลยา โสภณพนิช ผซู้ ่ึงท�ำการศกึ ษาอตั ชวี ประวัติ และเขยี นหนงั สอื 100 ปี นายควง อภัยวงศ์ โดยการสัมภาษณ์ บุคคลทั้งสาม จะไม่ใช้ค�ำถามแบบตายตัว แต่จะใช้การซักถามในประเด็นต่าง ๆ โดยใช้ดุลพินิจของผู้วิจัยเอง ซ่งึ จะแยกเปน็ ข้อมูล 2 ส่วน คอื ขอ้ เท็จจรงิ (Fact) และความคดิ เห็น (Opinion) การศึกษานี้ใช้การวิเคราะห์ (Levels Of Analysis) ทางรัฐศาสตร์ในระดับจุลภาค หรือระดับ ปัจเจกบุคคล (The Micro Or Individual Level) นั้น Todd Landman (2000: 4-19) มองว่า เป็นการพิจารณาไปที่กิจกรรมทางการเมืองของปัจเจกบุคคล การศึกษาถึงบทบาทผู้น�ำทางการเมืองของ นายควง อภยั วงศ์ ซงึ่ ดำ� รงตำ� แหนง่ นายกรฐั มนตรี จงึ จำ� เปน็ ตอ้ งอาศยั การตคี วาม (Interpretative Approach) ในการวเิ คราะห์ ผลการศกึ ษา 1. นายควง อภยั วงศ์ ได้รบั การกล่อมเกลาทางการเมอื ง จาก (1) การเลีย้ งดูทดี่ ีจากครอบครัวชนชน้ั สงู เกดิ ความภาคภมู ใิ จในตน้ ตระกลู (2) การศกึ ษาจาก สถาบนั การศกึ ษาทด่ี ใี นประเทศ เชน่ โรงเรยี นอสั สมั ชญั ซึ่งถือว่าเป็นโรงเรียนช้ันน�ำในยุคสมัยน้ัน บุคคลส�ำคัญของประเทศไทยจ�ำนวนมากในยุคนั้นได้ผ่านการเป็น นกั เรยี นโรงเรยี นอสั สมั ชญั มากอ่ น เชน่ นายกรฐั มนตรที เี่ คยเปน็ นกั เรยี นโรงเรยี นอสั สมั ชญั ในชว่ ง พ.ศ. 2475- 2520 มีถึง 4 ท่าน คือ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายควง อภัยวงศ์ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช นายสัญญา ธรรมศกั ด์ิ และการเดนิ ทางไปศกึ ษาตอ่ ทปี่ ระเทศฝรง่ั เศส ทำ� ใหไ้ ดร้ บั รกู้ ารเปลย่ี นแปลงการปกครองของประเทศ ตะวนั ตก (3) กลมุ่ เพอื่ น นน่ั คอื กลมุ่ นกั เรยี นไทยทไี่ ดท้ นุ เดนิ ทางไปศกึ ษาตอ่ ทย่ี โุ รปในชว่ งปี พ.ศ. 2460-2470 โดยเฉพาะกลุ่มเพ่ือนท่ีฝร่ังเศส เช่น ประยูร ภมรมนตรี จอมพล ป. พิบูลสงคราม และนายปรีดี พนมยงค์ (4) บรบิ ททางการเมอื งของสงั คมไทยในช่วงระยะเวลาหลังการเปลยี่ นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ปีท่ี 15 ฉบบั ท่ี 3 ประจ�ำ เดอื นกันยายน - ธันวาคม 2562 169

2. บทบาทของนายควง อภัยวงศ์ ในวันที่ 24 มถิ ุนายน พ.ศ. 2475 คือ การตัดสายโทรศัพทเ์ พอ่ื ท�ำลายการตดิ ต่อส่อื สาร หลังจากน้นั นายควง อภัยวงศ์ ไดค้ อ่ ย ๆ มีบทบาททางการเมืองเพม่ิ มากขึ้นเรอื่ ย ๆ ตงั้ แตส่ มยั รฐั บาลพระยามโนปกรณน์ ติ ธิ าดา ซงึ่ ไดร้ บั แตง่ ตงั้ เปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรชว่ั คราว และสมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎรประเภท 2 (ประเภทแต่งต้งั ) ตอ่ มาในสมยั รัฐบาลพระยาพหลพยุหเสนา นายควง อภัยวงศ์ ไดเ้ ป็นรัฐมนตรี ต่อมาในสมัยรัฐบาลหลวงพบิ ูลสงคราม (จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม) นายควง อภัยวงศ์ ได้มี บทบาทและตำ� แหนง่ ทส่ี ำ� คญั มากขน้ึ เชน่ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงคมนาคม รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงพาณชิ ย์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร และต�ำแหน่งที่สร้างชื่อเสียงที่ท�ำให้ประชาชนรู้จักนายควง อภัยวงศ์ นั่นคือ หัวหน้าคณะรับมอบดินแดนมณฑลบูรพาคืนจากฝร่ังเศส ซ่ึงเป็นดินแดนสยามที่เสียไปในยุคของเจ้าคุณบิดา ของนายควงเอง และ นายควง อภัยวงศ์ สามารถก้าวขน้ึ สตู่ �ำแหน่ง นายกรัฐมนตรคี รั้งแรกในปี พ.ศ. 2487 ด้วยวยั เพียง 42 ปี การขนึ้ เปน็ นายกรฐั มนตรีท้ัง 4 ครั้ง ระหว่างปี พ.ศ. 2487-2491 และการได้เป็นหัวหนา้ พรรค ประชาธิปัตย์คนแรกในปี พ.ศ. 2489 เกดิ จากเหตุและปัจจยั หลายอยา่ ง เช่น ปจั จัยภายนอก สถานการณใ์ น ประเทศ และคุณสมบัติส่วนตัว 3. บุคลิกความเป็นผู้น�ำของนายควง อภัยวงศ์ คือ มีมนุษยสัมพันธ์ท่ีดี กล้าหาญ กล้าตัดสินใจ มไี หวพริบในการแกป้ ญั หา มอี ารมณข์ นั และมคี วามซ่ือสตั ย์สุจรติ 4. ความโดดเดน่ ของนายควง อภัยวงศ์ มี 3 ประการ คอื (1) ความเขม้ แขง็ ทางใจ (Resiliency) นายควง อภยั วงศ์ ได้เผชิญกบั เหตกุ ารณ์อนั เลวรา้ ยทางการเมืองมากมายหลายครัง้ ไม่ว่าจะ เปน็ การถกู ลม้ รฐั บาลกลางสภาฯ จาก พรบ. ปดิ ปา้ ยราคาสนิ คา้ ในปี 2489 การถกู นายทหารของคณะรฐั ประหาร ปี พ.ศ. 2490 ไปจี้ถงึ บ้านบังคบั ให้ลาออกในปี 2491 การถกู จอมพล ป. พิบูลสงคราม ท�ำรฐั ประหารเงียบ ในปี พ.ศ. 2494 เพือ่ ยกเลิกรฐั ธรรมนญู ฉบับ ปี พ.ศ. 2492 แตน่ ายควง ยังกลบั มาฟ้ืนฟพู รรคประชาธปิ ตั ย์ อกี ครงั้ ในปี พ.ศ. 2498 เพอ่ื สกู้ ารเลอื กตง้ั ในปี พ.ศ. 2500 และถกู ฝา่ ยของ จอมพล ป. พบิ ลู สงครามทำ� การทจุ รติ ในการเลือกต้ังครั้งดงั กล่าว การทจ่ี อมพลสฤษด์ิ ธนะรชั ต์ ท�ำรฐั ประหารปี พ.ศ. 2501 ยกเลิกรฐั ธรรมนญู โดย ใช้ธรรมนูญการปกครอง ปี พ.ศ. 2502 แทน ซึ่งมีบทบัญญัติให้ยกเลิกสถาบันทางการเมืองต่าง ๆ เช่น พรรคการเมือง ท�ำให้พรรคประชาธปิ ตั ย์ถูกยกเลิกไปโดยปริยาย แต่นายควง อภยั วงศ์ ยงั คงใชช้ ีวิตตามปกติ ยังคงยืนหยดั ทำ� หนา้ ที่ตรวจสอบ วิพากษ์วจิ ารณร์ ฐั บาล นายควงยงั คงไมย่ อมแพ้ในทางการเมือง ยนื หยัดต่อสู้ แบบไมใ่ ชค้ วามรนุ แรง ยงั รอคอยรัฐธรรมนูญและรอการเลอื กตง้ั จนถงึ แก่อสญั กรรมในปี พ.ศ. 2511 นายควง อภัยวงศ์ สามารถฟื้นสภาพจากประสบการณ์อันเลวร้ายโดยยังด�ำรงชีวิตได้อย่าง ปกติ สามารถดำ� รงชวี ติ ได้อยา่ งมีคุณคา่ จากการศึกษาพบวา่ นายควง อภยั วงศ์ มแี รงจงู ใจใหม้ ชี วี ิตอย่รู อด และดำ� เนนิ ต่อไปอยา่ งมคี ุณคา่ ในทกุ วนั มีคนในครอบครวั และนอกครอบครัวทส่ี ามารถใหก้ �ำลงั ใจ มกี ิจกรรม ให้ท�ำอยู่ตลอดช่วงเวลา มีอารมณ์ขันเป็นท่ีตั้ง ให้เกิดความพึงพอใจในตนเอง เป็นคนสนุกสนาน อารมณ์ดี ยอมรับและยกย่องผู้อื่น ที่ส�ำคัญคือ พร้อมท่ีจะรับผิดชอบในส่ิงที่กระท�ำและยอมรับผลของการกระท�ำน้ัน มีความตลก อารมณ์ดี มอี ารมณข์ นั จนได้ฉายาว่า ตลกหลวง หรือ โหรหน้าสนามกีฬา หากวิเคราะหค์ วามเข้มแข็งทางใจของนายควง อภัยวงศ์ ตามแนวคดิ ของ Grotberg (1995) ทีป่ ระกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลกั คอื 1. สงิ่ ท่ีมี (I have….) 2. สิ่งทีเ่ ป็น (I am….) 3. ส่ิงท่ีทำ� ได้ (I can….) 170 บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต

1. สงิ่ ท่ีนายควง อภยั วงศ์ มี (I have….) เป็นแหลง่ สนับสนนุ ภายนอก (external supports) น่นั คือ นายควง อภัยวงศ์ มีคนในครอบครวั และนอกครอบครวั ท่สี ามารถให้ก�ำลงั ใจ โดยเฉพาะคณุ หญงิ เลขา อภยั วงศ์ ภรรยาค่ชู วี ติ ทอ่ี ยเู่ คยี งขา้ งและดแู ลนายควง อภัยวงศ์ มาตลอด นายควง อภัยวงศ์ ยังคงด�ำเนนิ ชีวิต อยา่ งปรกตสิ ขุ มกี จิ กรรมใหท้ ำ� อยตู่ ลอดเวลา วนั ธรรมดาไปทำ� งานทบ่ี รษิ ทั กรงุ สยามประกนั ภยั บางวนั รบั เชญิ ไปแสดงปาฐกถา บรรยายตามสถานศึกษา โต้วาที วันพฤหัสตอนบ่ายไปประชุมสโมสรโรตาร่ีกรุงเทพ ทำ� กจิ กรรมเพอื่ ชว่ ยเหลอื สงั คม นายควง อภยั วงศ์ ยงั ไดม้ กี ารพบปะสมาชกิ พรรคกนั บา้ งทส่ี ำ� นกั งานกลางถนน ราชวงศ์ รวมทงั้ นายควง อภยั วงศ์ มีตัวแบบทด่ี ี (Role Model) ทท่ี �ำใหน้ ายควง อภัยวงศ์ เกิดความภาคภูมิใจ ไมว่ ่าจะเป็นเจา้ พระยาอภัยภูเบศร ผเู้ ปน็ บดิ า ไมว่ า่ จะเปน็ ชาตกิ ำ� เนิดหรือตน้ ตระกูลอภยั วงศ์ 2. ส่ิงที่นายควง อภัยวงศ์ เป็น (I am….) เป็นความเข้มแข็งภายใน (inner strengths) ความเข้มแขง็ ส่วนตัวเฉพาะของแต่ละบุคคล เช่น นายควง อภัยวงศ์ เปน็ คนสามารถทีจ่ ะรักและเปน็ ทรี่ กั ของ ผู้อืน่ ดว้ ยบคุ ลกิ ทเ่ี ป็นคนอารมณด์ ี มีอารมณ์ขัน มีมนษุ ยสมั พันธท์ ด่ี ี มคี วามภูมิใจในตนเอง เปน็ คนอารมณด์ ี ยอมรบั และยกยอ่ งผูอ้ ื่น ทีส่ �ำคัญคอื พร้อมทจ่ี ะรบั ผิดชอบในสิ่งท่กี ระท�ำและยอมรับผลของการกระท�ำนัน้ สิง่ หนึง่ ทส่ี �ำคญั คือ นายควง อภยั วงศ์ มีความภมู ิใจในตนเอง (self-esteem) ภูมิใจใน ความสามารถและความส�ำเร็จของตน โดยไม่ยอมให้ใครก�ำหนดคุณค่าหรอื ลดคณุ ค่าของตนเอง เมือ่ เผชญิ กบั ปัญหาในชวี ิต ดังดูไดจ้ ากหลายเหตุการณ์ เชน่ การท่นี ายควง อภยั วงศ์ ประกาศลาออกกลางสภาฯ หลงั จาก ท่ีแพ้คะแนนเสียง จากพระราชบัญญัติคุ้มครองค่าใช้จ่ายของประชาชนในภาวะคับขัน พ.ศ. 2489 เพียง 2 เสียง และไม่ได้เป็นญัตติส�ำคัญ แต่นายควง อภัยวงศ์ กลับเลือกที่จะลาออก และแสดงความภาคภูมิใน การลาออกดังกล่าวว่าเป็นการแสดงความเป็นนักกีฬาแก่ผู้ที่จะเล่นการเมืองในรุ่นหลัง นายควง อภัยวงศ์ ถอื ว่า เปน็ การแสดงมารยาทอันชอบด้วยธรรมเนยี มของประชาธิปไตยทเี่ คารพเสียงข้างมาก หรือเหตกุ ารณท์ ี่นายควง อภยั วงศ์ ถกู นายทหารของคณะรัฐประหาร 2490 ไปจถ้ี ึงบา้ น ใหล้ าออกในปี พ.ศ. 2491 ซึ่งนายควง อภัยวงศ์ ไดป้ ระเมนิ สถานการณ์ว่าเป็นรอง จงึ ไม่ยอมตอ่ สูเ้ น่อื งจาก เกรงว่าจะเกิดการนองเลือด ซ่ึงนายควง อภัยวงศ์ ได้ให้เหตุผลว่าไม่ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีบนกองเลือด ของคนไทย และได้ห้ามปรามบคุ คลในคณะรฐั มนตรที ่เี สนอให้ใชก้ �ำลังต�ำรวจจบั กุมนายทหารกลุม่ นน้ั 3. สงิ่ ท่ีนายควง อภัยวงศ์ ท�ำได้ (I can…) เปน็ ปัจจยั ด้านทกั ษะในการจดั การกับปัญหาและ สัมพันธภาพระหวา่ งบุคคล (interpersonal and problem-solving skills) เป็นปจั จยั ด้านทกั ษะทางสังคม เชน่ การสอ่ื สาร (Communication) การแกไ้ ขปญั หา (Problem Solve) สามารถประเมนิ สภาพและขอบเขต และของปัญหาได้ สามารถรู้ว่าแก้ไขได้อย่างไร และจะขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นอย่างไร ซึ่งนายควง อภยั วงศ์ นัน้ ถือว่ามที ักษะทางการสื่อสารและการแก้ไขปัญหาอย่างดเี ยยี่ ม โดยเฉพาะปัญหาเฉพาะหนา้ สงิ่ หน่ึงที่ส�ำคัญ คือ นายควง อภยั วงศ์ มีความภมู ิใจในตนเอง (self-esteem) ภูมิใจใน ความสามารถและความส�ำเร็จของตน โดยไม่ยอมให้ใครก�ำหนดคุณค่าหรือลดคุณค่าของตนเองเมื่อเผชิญกับ ปญั หาในชีวิต (2) การยดื หยุน่ และปรับตัว (Flexibility) นายควง อภัยวงศ์ สามารถปรบั ตวั ใหส้ ามารถด�ำรงอยทู่ ่ามกลางการเปลี่ยนแปลงได้ ปรับตัว ท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ทา่ มกลางยุคเผด็จการทหารครองเมือง สามารถปรบั ตัวตาม บทบาท และบรบิ ทของสังคมตามช่วงเวลาที่กำ� หนด มีความคิดและการกระท�ำท่ียดื หยนุ่ ตามสถานการณ์และ ปีที่ 15 ฉบับที่ 3 ประจ�ำ เดือนกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 171

ความเปน็ จรงิ ทแี่ ปรเปลีย่ นไปตามข้อเท็จจรงิ สามารถรับมอื กบั การเปลยี่ นแปลงของภายนอก นายควง อภยั วงศ์ สามารถรักษาตวั เองและรกั ษาพรรคประชาธปิ ตั ยไ์ มใ่ ห้ถูกท�ำลาย รวมไป ถึงความยืดหยุ่น ความพลิกพลิ้วในการเอาตัวรอด การตัดสินใจท่ีเหมาะสมในเวลานั้น ๆ นายควง อภัยวงศ์ เป็นคนท่ีมีความสามารถในการตัดสินใจ (Decision Making) ในสถานการณ์ท่ีวิกฤตได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็น การตดั สนิ ใจในชว่ งตา่ ง ๆ ทผ่ี า่ นมา เชน่ สมยั เมอ่ื เปน็ นายกรฐั มนตรคี รงั้ ที่ 1 นายควง อภยั วงศ์ ตอ้ งตดั สนิ ใจทกุ กรณี โดยตอ้ งคำ� นงึ ถึงการร่วมมอื กบั ทางฝ่ายญป่ี ุ่น แต่ขณะเดียวกันกไ็ ม่ขดั ขวางกับกลมุ่ เสรไี ทยในเวลานนั้ ด้วย แมแ้ ต่การถูกนายทหารของคณะรัฐประหาร 2490 จ้ีให้ลาออกในปี 2491 นายควง อภัยวงศ์ ยดื หยุ่นและปรบั ตัว ตัดสินใจยอมท่ีจะไมใ่ ช้ก�ำลังท่ีมีอยใู่ นการตอ่ สู้กับคณะรฐั ประหารท่มี กี �ำลงั ทหารอยูใ่ นมือ โดยนายควง อภยั วงศ์ ตดั สนิ ใจยอมถอย เพอื่ รกั ษาตวั เองและรกั ษาพรรคประชาธปิ ตั ยไ์ วต้ อ่ สทู้ างการเมอื งตอ่ ไปในอนาคต รอคอยการเลือกตัง้ เพ่อื ต่อส้ตู ามระบอบประชาธิปไตย การยืดหยุ่นและปรับตัว (Flexibility) คือ คุณสมบัติหนึ่งของผู้น�ำนั่นคือ ความสามารถใน การทจ่ี ะปรบั ตวั กลา่ วคอื ผนู้ ำ� จะตอ้ งรวู้ า่ เมอ่ื ใดควรทำ� อยา่ งไร การปรบั ตวั ทสี่ ามารถเผชญิ กบั ความเปลยี่ นแปลง (Changes) ท้ังภายในและภายนอกประเทศ (3) ความยึดม่นั หรอื ความยนื หยดั ในหลักการ (Integrity) นายควง อภยั วงศ์ ยดึ มัน่ ในหลกั การระบอบประชาธิปไตย แม้ตอ้ งท�ำหน้าที่ฝ่ายคา้ น ยึดมั่น ยืนหยัดไม่ยอมเข้าร่วมรัฐบาลกับเผด็จทหารแม้ว่าจะได้รับข้อเสนอไม่ว่าจะเป็นต�ำแหน่งรัฐมนตรี หรือ ผลประโยชนต์ า่ ง ๆ โดยนายควง อภยั วงศ์ ยนื หยดั ทำ� หนา้ ทฝ่ี า่ ยคา้ น ทง้ั ในชว่ งเวลาทพี่ รรคประชาธปิ ตั ยส์ ามารถ เขา้ ไปทำ� หนา้ ทใี่ นสภาผแู้ ทนราษฎร และแมใ้ นยคุ เผดจ็ การทหารทไี่ มม่ สี ภาผแู้ ทนราษฎร นายควงยงั ทำ� หนา้ ท่ี ค้าน ท�ำหน้าที่เบรกอ�ำนาจรัฐ ท�ำหน้าท่ีแสดงความคิดเห็น เท่าที่จะท�ำได้ ทั้งในและนอกสภาผู้แทนราษฎร ยาวนานกว่า 20 ปี ตัง้ แต่ปี พ.ศ. 2491-2511 5. แนวคดิ ทางการเมืองของนายควง อภัยวงศ์ ผู้วิจัยตระหนักดีว่า การน�ำแนวคิดทางการเมืองหรืออุดมการณ์ทางการเมืองที่มีรากฐานมาจาก ประเทศแถบตะวนั ตก ทีม่ บี รบิ ททางการเมอื ง การปกครอง วัฒนธรรมทแ่ี ตกตา่ งจากประเทศแถบตะวนั ออก โดยเฉพาะสงั คมไทยทถี่ อื วา่ มคี วามเปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั ทแ่ี ตกตา่ งจากสงั คมประเทศตะวนั ตก ไมว่ า่ จะเปน็ สงั คม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมอื งการปกครอง ดังน้ัน การนำ� เอาทฤษฎีแนวคดิ ทางการเมืองของตะวนั ตก ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดแบบเสรีนิยม (liberalism) แนวคิดแบบอนุรักษ์นิยม (conservatism) หรือแบบอ่ืน ๆ  จึงไม่สามารถน�ำมาอธิบายแนวคิดของผู้น�ำทางการเมืองไทยได้ชัดเจนและครบถ้วนตามทฤษฎีได้เท่าใดนัก ดูไม่เด่นชัดนกั ส�ำหรบั นายควง อภัยวงศ์ พบว่า มีหลายแนวคิดตามบริบททางการเมืองในชว่ งเวลาตา่ ง ๆ เชน่ (1) แนวคิดแบบเสรีนิยม (Liberalism) คอื นายควง อภยั วงศ์ ถึงแมเ้ ป็นชนชั้นสงู แต่มคี วามคดิ เหน็ ด้วยกับการเปลยี่ นแปลงการปกครอง ปี พ.ศ. 2475 เพือ่ ใหร้ าษฎรมสี ิทธมิ ีเสยี งในการปกครองประเทศ บ้าง โดยมีแนวความคิดนี้ต้ังแต่สมัยท่ีเปน็ นกั เรยี นฝรั่งเศส ในชว่ ง ปี พ.ศ. 2462-2470 สงิ่ ทแ่ี สดงใหเ้ ห็นชดั ใน แนวคดิ แบบเสรนี ยิ มทอี่ ยใู่ นตวั นายควง อภยั วงศ์ อกี หลายประการ เชน่ นายควง อภยั วงศ์ ตอ่ ตา้ นผทู้ ใ่ี ชอ้ ำ� นาจ แบบเผด็จการ ทงั้ ในสมัยที่นายควง อภยั วงศ์ (หลวงโกวิทอภัยวงศ์) อภปิ รายโจมตีพระยามโนปกรณ์นิตธิ าดา อยา่ งรนุ แรงวา่ เปน็ เผด็จการ และสมยั ยคุ 3 เผด็จการทหารตง้ั แต่ยุคจอมพล ป.พิบูลสงคราม จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เร่ือยมาถึงจอมพลถนอม กิตติขจร อันดูได้จากการที่นายควง อภัยวงศ์ ไม่ยอมเข้าร่วมรัฐบาลกับ 172 บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยสวนดสุ ติ

เผด็จการทหาร ไมย่ อมรับต�ำแหนง่ รัฐมนตรีหรอื ผลประโยชนต์ ่าง ๆ ที่ฝา่ ยทหารเสนอให้ เชน่ ในปี พ.ศ. 2491 จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม เสนอตำ� แหนง่ รองนายกรฐั มนตรใี หแ้ กน่ ายควง อภยั วงศ์ แตน่ ายควง อภยั วงศ์ ปฏเิ สธ ต่างจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์คนอ่ืน ๆ หรือสมาชิกพรรคอ่ืน ๆ ที่ยอมไปเข้าร่วมกับรัฐบาลเพื่อสนับสนุน เสียงในสภา โดยแลกกับผลประโยชน์ต่าง ๆ เช่น ต�ำแหน่งรฐั มนตรี เลขานุการรัฐมนตรีหรอื สิทธิพิเศษในเรอื่ ง ตา่ ง ๆ เช่น การเปน็ ตัวแทนการค้า เชน่ บุหร่ี สุรา นำ้� ตาล ขา้ วฯลฯ โดยนายควง อภยั วงศ์ ยืนยันและยนื หยัด ทำ� หนา้ ทฝ่ี า่ ยคา้ นทงั้ ในสภาผแู้ ทนราษฎรและนอกสภาผแู้ ทนราษฎรตรวจสอบรฐั บาลในระบอบประชาธปิ ไตย ยาวนานถึง 20 ปี ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. 2491-2511 (2) แนวคิดแบบอนุรักษ์นิยม (Conservatism) คือ นายควง อภัยวงศ์ น้ัน แม้จะเห็นด้วยกับ การเปล่ยี นแปลงการปกครองและเข้าร่วมท�ำการเปลยี่ นแปลงการปกครอง แต่นายควง อภัยวงศ์ ไม่เห็นด้วย กบั แนวทางการเปลยี่ นแปลงอย่างรวดเรว็ ของคณะราษฎร และนายควง อภยั วงศ์ ยงั ตอ้ งการอนุรกั ษส์ ิ่งดีงาม สูงสุดของประเทศไทยไว้ น่ันคือ เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ดังเดิม ต้องการถวายพระราชอ�ำนาจแด่ พระมหากษตั รยิ ์ใหเ้ พิ่มมากขน้ึ (มากกวา่ แนวทางของคณะราษฎร) อนั สังเกตได้จากรฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2492 ที่นายควง อภยั วงศ์ มสี ่วนร่วมสำ� คญั น้นั มีการถวายพระราชอำ� นาจใหแ้ กพ่ ระมหากษัตริยใ์ หม้ ากขึน้ มากกว่า ทุกรฐั ธรรมนญู ท่ีผ่านมา นายควง อภัยวงศ์ ต้องการประชาธิปไตยแบบประเทศอังกฤษ นั่นคือ ประชาธิปไตยอันมี พระมหากษตั รยิ เ์ ปน็ ประมขุ อนั หมายถงึ สถาบนั พระมหากษตั รยิ ย์ งั คงเปน็ เสาหลกั ของประเทศ โดยมกี ฎหมาย รฐั ธรรมนญู เปน็ กฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ซงึ่ คล้ายกบั ประเทศองั กฤษท่ีเป็นประชาธปิ ไตยแตย่ ัง ยดึ ม่นั กบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ ทเ่ี ปน็ แกนหลกั ของประเทศ และมรี ฐั ธรรมนญู ประกอบแกนหลักน้ไี ว้ ดังนั้นสามารถอธิบายได้ว่า Constitutional Monarchy น่ันคือ Monarchy (สถาบัน พระมหากษัตริย์) เป็นค�ำนาม ค�ำว่า Constitutional (รัฐธรรมนูญ) เป็นเพียงค�ำคุณศัพท์ ท�ำหน้าที่ขยาย ค�ำนาม ดังน้ันระบอบการปกครองท่ีนายควง อภัยวงศ์ ต้องการยังเป็นระบอบที่ยังยึดมั่นกับสถาบัน พระมหากษัตริย์ เพียงแต่มีกฎหมายรัฐธรรมนูญประกอบไว้ ซ่ึงประชาชนจะได้มีส่วนร่วมมีสิทธิมีเสียง ในการปกครองประเทศ ซ่ึงก็คือ เป็นระบอบประชาธิปไตยท่ียังยกย่องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เป็น สถาบันหลักของชาตไิ ว้ดังเดมิ สอดคล้องกบั รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 ทนี่ ายควง อภยั วงศ์ มสี ว่ นร่วมสำ� คัญนั้น ไดม้ ใี ช้คำ� วา่ “ประเทศไทยมกี ารปกครองระบอบประชาธิปไตย มพี ระมหากษตั รยิ เ์ ป็นประมขุ ” (มาตรา 2) ขนึ้ เป็นครงั้ แรกในรัฐธรรมนญู การปกครองของไทย อภปิ รายผล เป็นการยากที่จะสรุปว่า คนคนหนึ่ง จะมีแนวความคิดแบบเดียวตลอดทั้งชีวิตต้ังแต่เกิดจนตาย ซ่ึง สว่ นใหญ่แนวคิดจะปรบั เปลี่ยนตามบรบิ ทของสังคมในขณะนั้น นน่ั คือ เหตุการณ์ สถานการณ์ และบริบททาง สงั คม ทำ� ใหแ้ นวความคดิ ของคนปรบั เปล่ยี นไป อาจกลา่ วได้วา่ แนวคดิ ทางการเมอื งของ นายควง อภยั วงศ์ ดูจะเปน็ แบบอนรุ ักษ์นิยม หากเทยี บกับ นายปรีดี พนมยงค์ ที่แนวคิดค่อนข้างเป็นแบบเสรีนิยมก้าวหน้าแต่ นายปรีดี พนมยงค์ เองน้ัน ก็ไม่ได้มี แนวความคดิ แบบเสรนี ยิ มตลอดทกุ ชว่ งเวลาของชวี ติ ซงึ่ แนวความคดิ ของ นายปรดี ี มที ง้ั แนวคดิ แบบเสรนี ยิ ม ปที ่ี 15 ฉบับท่ี 3 ประจำ�เดือนกันยายน - ธันวาคม 2562 173

แนวคิดแบบสังคมนิยม และยังมีแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยมในแง่ของการปกป้องอนุรักษ์รักษาสถาบัน พระมหากษัตริย์ ดังดูได้จากในปี พ.ศ. 2489 นายปรีดี พยายามอนุรักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยการอัญเชิญ พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้า ภูมิพลอดุลยเดชขึ้นครองราชย์สืบสันตติวงศ์ หลังจากที่ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัวอานนั ทมหิดลเสด็จสวรรคต แนวความคิดทางการเมืองของ นายควง อภัยวงศ์ อาจจะดูไม่ใช่อนุรักษ์นิยม ถ้าหากเทียบกับ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรชั ต์ ทก่ี ลบั ไปฟน้ื ฟสู ถาบนั พระมหากษตั รยิ ข์ น้ึ อยา่ งมาก มกี ารนำ� พระราชพธิ ที เี่ คยถกู ยกเลกิ สมัย จอมพล ป. รอื้ ฟน้ื กลับมาอีกครงั้ และจอมพลสฤษด์ิ ยงั ทำ� การปกครองประเทศแบบพอ่ ขุนอปุ ถมั ภ์ กลุ่มชนช้ันสูงบางส่วนเอง ไม่ว่าจะเป็นขุนนางในระบอบเก่า ไม่ว่าจะเป็นเช้ือพระวงศ์ หลายคนก็มี แนวความคิดทางการเมืองแบบเสรีนิยม เช่น พระองค์เจ้า-วรรณไวทยากร หรือแม้แต่พระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าฯ พระองค์ก็มีแนวคิดทางการเมืองแบบเสรีนิยม ที่เคยมีความคิดที่จะท�ำการปกครองบ้านเมือง แบบประชาธปิ ไตย อย่างเปน็ ขนั้  ๆ ไปโดยเริ่มจาก การเลอื กต้งั ระดบั ท้องถิ่น แต่คณะอภิรัฐมนตรใี นขณะนั้น ไมเ่ ห็นดว้ ยเนื่องจากเห็นว่า ประเทศสยามยงั ไม่มคี วามพร้อม เนือ่ งจากราษฎรส่วนใหญย่ ังไม่ร้หู นงั สอื กลา่ วไดว้ า่ นายควง อภยั วงศ์ เปน็ หนง่ึ ในสผ่ี กู้ อ่ การคณะราษฎรทรี่ ว่ มคดิ ตงั้ แตส่ มยั เปน็ กลมุ่ นกั ศกึ ษา ไทยท่ีฝรั่งเศส ที่ได้ขึ้นสู่ต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นคนที่สอง ด้วยวัยเพียง 42 ปี (คนแรกคือ จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม คนทีส่ อง คือ นายควง อภยั วงศ์ คนทส่ี าม คอื นายทวี บณุ ยเกตุ คนท่ี 4 คือ นายปรีดี พนมยงค์) หากพิจารณาในมมุ มองของแกนน�ำคณะราษฎรท่รี ว่ มการเปลีย่ นแปลง นายควง อภยั วงศ์ ถือเปน็ หนงึ่ ในหก ของแกนน�ำคณะราษฎรที่ได้ขึ้นสู่ต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นคนที่สาม (คนแรก คือ พระยาพหลพยุหเสนา คนทีส่ องคือ จอมพล ป.พบิ ลู สงคราม คนทสี่ าม คอื นายควง อภัยวงศ์ คนที่สี่ คือ นายทวี บุญยเกตุ คนทห่ี า้ คือ นายปรดี ี พนมยงค์ และคนท่ีหก (คนสุดทา้ ย) คอื พล.ร.ต. ถวลั ย์ ธ�ำรงนาวาสวัสดิ)์ กลา่ วไดว้ า่ นายควง อภยั วงศ์ เปน็ ผนู้ ำ� การเมอื งทปี่ ระสบความสำ� เรจ็ เนอื่ งจาก สามารถขนึ้ สตู่ ำ� แหนง่ นายกรฐั มนตรไี ดถ้ งึ 4 ครงั้ แตห่ ากมองในดา้ นผลงานกอ็ าจมองวา่ ไมป่ ระสบความสำ� เรจ็ เนอื่ งจากอยใู่ นตำ� แหนง่ ระยะเวลาส้ัน ๆ เน่ืองด้วยสถานการณ์แวดล้อมและปัจจัยต่าง ๆ นั้น ไม่เอื้ออ�ำนวยให้นายกรัฐมนตรีพลเรือน ครองอำ� นาจได้นานไมว่ า่ จะเปน็ นายควง อภยั วงศ์ หรือนายปรดี ี พนมยงค์ ท่ีไมไ่ ด้มกี องทพั สนบั สนุนเหมอื น นายกรัฐมนตรที ่มี าจากทหารโดยเฉพาะทหารบก หากวัดผลงานหรือมองในด้านประสิทธิภาพ (Efficiency) น้ัน อาจไม่มีความโดดเด่นนัก เนื่องจาก แม้ นายควง อภัยวงศ์ เปน็ นายกรัฐมนตรีได้ถึง 4 สมยั แตก่ เ็ ป็นในชว่ งส้นั  ๆ รวมระยะเวลาครองต�ำแหนง่ เพียง 1 ปีกว่า ๆ ท�ำให้ไม่มีเวลาสร้างผลงานให้ปรากฏมากนัก และในช่วงเวลาท่ีเหลือท้ังหมด นายควง อภัยวงศ์ ท�ำหน้าที่ฝ่ายค้านกว่า 20 ปี ซึ่งหากพิจารณาช่วงเวลาท่ีทำ� หน้าท่ีผู้น�ำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรในฐานะ หวั หนา้ พรรคประชาธปิ ตั ยน์ นั้ เปน็ เพยี งชว่ งระยะเวลาเพยี ง 6 ปกี วา่  ๆ เพราะเมอื่ เกดิ การรฐั ประหารยดึ อำ� นาจ แต่ละครัง้ นายควงและพรรคประชาธิปตั ย์กต็ อ้ งยุติบทบาททางการเมืองในสภาฯ ทกุ ครง้ั แต่หากพิจารณานายควง อภัยวงศ์ ในฐานะผู้น�ำของราษฎรสายพลเรือนคนหน่ึง ท่ีเป็นชนช้ันสูง แต่เห็นด้วยกับการเปล่ียนแปลงการปกครองให้เป็นประชาธิปไตย และถือเป็นแกนน�ำผู้ก่อการคณะราษฎร คนสดุ ทา้ ยที่ยงั ยนื หยดั ต่อสใู้ นระบอบประชาธิปไตย จนถึงแก่อสัญกรรมในปี พ.ศ. 2511 ซ่ึงถอื ว่า นายควง อภยั วงศ์ มคี วามโดดเดน่ และถอื วา่ ประสบความสำ� เรจ็ ทางการเมอื งในการประคบั ประคองพรรคประชาธปิ ตั ย์ ให้คงอยเู่ ป็นตัวแทนของ นายควง อภัยวงศ์ ในการต่อส้ทู างการเมืองในระบอบประชาธิปไตยมาจนถึงปจั จบุ นั 174 บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดสุ ติ

หากมองนายควง อภัยวงศ์ ในมุมของการท่ีมีส่วนในการพัฒนาการทางประชาธิปไตยของเมืองไทย กล่าวคือ นายควง อภัยวงศ์ ร่วมก่อต้ังพรรคประชาธิปัตย์ วางโครงสร้างพรรคและประคับประคอง พรรคประชาธิปัตย์ให้ด�ำรงอยู่ จนปัจจุบันถือว่าเป็นพรรคการเมืองที่มีอายุยืนยาวท่ีสุดในประเทศไทย และ ถอื วา่ นายควง อภยั วงศ์ ไดย้ ดึ มนั่ ในหลกั การระบอบประชาธปิ ไตย ไมย่ อมรบั ตำ� แหนง่ รฐั มนตรี ไมย่ อมเขา้ รว่ ม รัฐบาลกับเผด็จทหาร โดยยืนหยัดท�ำหน้าที่ผู้น�ำฝ่ายค้านเพ่ือตรวจสอบการท�ำงานของรัฐบาลเผด็จทหาร ในยคุ ทไ่ี มม่ ีใครกลา้ คา้ นและตรวจสอบ ซึง่ นายควง อภยั วงศ์ ทำ� หน้าทีต่ รวจสอบ วพิ ากษ์วิจารณก์ ารท�ำงาน ของรฐั บาล ทั้งในสภาผแู้ ทนราษฎรและนอกสภาสภาผู้แทนราษฎร ยาวนานกว่า 20 ปี หากพจิ ารณานายควง อภยั วงศ์ จากคณุ สมบตั ทิ โ่ี ดดเดน่ ตา่ ง ๆ เชน่ ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ การรจู้ กั ยดื หยนุ่ และประนีประนอม การมมี นุษยสมั พนั ธท์ ด่ี ี การมีสุขภาพจิตท่ดี ี สามารถยิม้ ไดแ้ มภ้ ยั มา มคี วามเขม้ แข็งทาง จิตใจ สามารถเอาตัวรอดและการรจู้ กั ยอมผ่อนปรนเมื่ออย่ใู นสถานการณท์ ส่ี ูไ้ มไ่ ด้ การยดึ ม่นั ในหลกั การและ ตอ่ สแู้ บบประชาธปิ ไตยโดยไมใ่ ชค้ วามรนุ แรง การไมย่ ดึ ตดิ กบั ตำ� แหนง่ และอำ� นาจ การยอมเสยี สละ คณุ สมบตั ิ ทั้งหมดเหล่าน้ีหลอมรวมเป็นตัว นายควง อภัยวงศ์ นั้น ก็ท�ำให้ไม่ว่าสถานการณ์การเมืองจะรุนแรงแค่ไหน ไม่ว่าจะเกิดการปฏิวัติหรือรัฐประหารก่ีครั้ง แม้ทหารจะขึ้นมามีอ�ำนาจเผด็จการทางการเมืองยาวนานกว่า 20 ปี นบั ตงั้ แต่ยคุ จอมพล ป.พบิ ูลสงคราม ตอ่ มาในยุค จอมพลสฤษด์ิ ธนะรัชต์ เรื่อยมาจนถงึ ยคุ จอมพล ถนอม กติ ติขจร กไ็ ม่มใี ครถือว่านายควง อภยั วงศ์ เปน็ ศัตรูทางการเมอื งท่ตี ้องก�ำจดั ท�ำให้นายควง อภยั วงศ์ ไม่เคยต้องลี้ภัยทางการเมืองออกนอกประเทศ ได้ใช้ชวี ิตอย่ใู นผืนแผ่นดินไทยตราบจนหมดลมหายใจ การเปล่ียนแปลงการปกครองในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 คือ การเปล่ียนจากระบอบ สมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์ (Absolute Monarchy) มาเปน็ ระบอบราชาธปิ ไตยภายใตร้ ฐั ธรรมนญู (Constitutional Monarchy) โดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างสังคมและเศรษฐกิจแต่อย่างใด ประชาชนส่วนใหญ่ ไมไ่ ดม้ คี วามเข้าใจหรือมสี ว่ นร่วมใด ๆ จึงไม่เกิดการพฒั นาการทางการเมอื งในระบอบประชาธปิ ไตยเทา่ ท่คี วร ทำ� ใหก้ ารเมอื งไทยในชว่ งปี พ.ศ. 2475-2511 นน้ั ประชาชนถกู ปกครองแบบกงึ่ เผดจ็ การโดยผนู้ ำ� ทหาร มากกวา่ ระบอบประชาธปิ ไตยโดยผ้นู �ำพลเรือน ข้อเสนอแนะ การวิจยั เรอ่ื ง ชวี ติ และแนวคิดทางการเมืองของ ควง อภัยวงศ์ นนั้ ผูว้ ิจยั มีขอ้ เสนอแนะบางประการ ในการศึกษาตอ่ ไป ในหลายหวั ข้อเพอื่ ความต่อเน่อื งทางวิชาการ คือ จากทกี่ ลา่ วมา ยคุ นายควง อภยั วงศ์ คือ ยคุ แห่งการสร้างพรรคและสรา้ งประชาธิปไตย ซ่ึง นายควง รอคอยรัฐธรรมนญู พ.ศ. 2511 และรอการเลือก ตั้งในปี พ.ศ. 2512 แต่บังเอิญถึงแก่อสัญกรรมไปเสียก่อน ซ่ึงน่าสนใจหากจะมีผู้ท�ำการศึกษาต่อว่า ในช่วง หัวหน้าพรรคคนต่อมา คือ หมอ่ มราชวงศเ์ สนยี ์ ปราโมช ทด่ี ำ� รงต�ำแหน่งหวั หน้าพรรค ปี พ.ศ. 2511-2519 นน้ั แนวคดิ และแนวทางของพรรคประชาธปิ ตั ยเ์ ปน็ อยา่ งไร สภาพแวดลอ้ มทางสงั คมและการเมอื งในชว่ งเวลา นั้น มีเหตุการณ์ที่เป็นประวัติศาสตร์ทางการเมืองไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ายุคสมัยของ นายควง อภัยวงศ์ น่ันคือ เหตุการณ์ 14 ตลุ าคม พ.ศ. 2516 และเหตกุ ารณ์ 6 ตลุ าคม พ.ศ. 2519 จงึ มีความนา่ สนใจในการท�ำการศึกษา บทบาทผู้น�ำและแนวคิดของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนต่อมา ว่าด�ำเนินการทางการเมืองอย่างไรและ แนวทางของพรรคในชว่ งเวลานนั้ เป็นอยา่ งไร ปีท่ี 15 ฉบบั ที่ 3 ประจำ�เดือนกันยายน - ธนั วาคม 2562 175

บุคคลอีกท่านหนึ่ง ท่มี ีความน่าสนใจในการท�ำการศึกษา คอื นายดิเรก ชัยนาม เนื่องจากเป็นผูท้ ม่ี ี สว่ นรว่ มอยา่ งมากในขบวนการเสรไี ทย เคยไดร้ บั ความไวว้ างใจอยา่ งมากจาก นายปรดี ี พนมยงค์ อนั ดไู ดอ้ ยา่ ง การท่ี นายปรีดี พนมยงค์ สนบั สนนุ นายดิเรก ใหเ้ ข้าแข่งขนั ในสภาฯ กบั นายควง อภัยวงศ์ ในการลงคะแนน เลือกนายกรฐั มนตรี ในปี 2489 และจากเหตกุ ารณก์ บฏวงั หลวง ในปี พ.ศ. 2492 นน้ั เกิดการตอ่ สู้กันระหว่าง ฝ่ายรฐั บาลของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม กับฝา่ ยทท่ี �ำการยึดอ�ำนาจ ซ่ึงเข้าใจว่านำ� โดย นายปรดี ี พนมยงค์ กลุ่มพลเรือนเสรีไทยสายอิสาน และทหารเรือระดับสูง (บางส่วน) ระหว่างนั้นมีการประกาศทางวิทยุปลด จอมพล ป. พิบูลสงคราม และประกาศแต่งตัง้ นายดเิ รก ชยั นาม เป็นนายกรฐั มนตรี แต่สดุ ทา้ ยฝ่ายทที่ �ำการ ยึดอ�ำนาจ เป็นฝ่ายพา่ ยแพ้ เอกสารอ้างองิ ณรงค์ สนิ สวัสด์ิ. (2529). การเมืองไทย : การวเิ คราะหเ์ ชิงจติ วิทยา. กรงุ เทพฯ: วชั รินทรก์ ารพิมพ.์ ณัชชาภัทร อุ่นตรงจิต. (2548). รฐั ศาสตร์ (พิมพ์คร้ังที่ 2). กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั . ณัฐวุฒิ สทุ ธสิ งคราม. (2522). นายควง อภัยวงศ์ กับพรรคประชาธิปัตย.์ กรงุ เทพฯ: เรอื งศิลป์. ธานินทร์ กรัยวิเชียร. (2550). คุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหาร. กรุงเทพฯ: ส�ำนักงานคณะกรรมการ ข้าราชการพลเรือน. บญุ ชนะ อตั ถากร. (2526). บันทึกวเิ คราะหแ์ ละวิจารณ์ 16 นายกรฐั มนตรีไทย. กรุงเทพฯ: สหประชาชาติ พาณชิ ย์. บญุ ช่วย ศรสี วสั ด์ิ. (2529). พันตรคี วง อภัยวงศ์ อดีตนายกรัฐมนตรี 4 สมยั . พระนคร: รบั พมิ พ์. บุญทรง สราวธุ . (2530). 16 นายกรฐั มนตรไี ทย. กรงุ เทพฯ: เสริมวทิ ยบ์ รรณาคาร. นรนติ ิ เศรษฐบตุ ร. (2530). พรรคประชาธิปัตย์ : ความสำ� เร็จหรือความล้มเหลว. กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลัย ธรรมศาสตร.์ นรนิติ เศรษฐบุตร. (2551). การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทย. กรุงเทพฯ: สถาบัน พระปกเกล้า. ปฬาณี ฐิติวัฒนา. (2542). มนษุ ยก์ บั สังคม. กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์ พชั รนิ ทร์ นนิ ทจันทร์, โสภณิ แสงอ่อน และทศั นา ทวคี ูณ. (2555). โปรแกรมการสรา้ งความแข็งแกรง่ ใน ชีวติ (A resilience-enhancing program). กรุงเทพฯ: จดุ ทอง. ยศ สนั ตสมบัติ. (2533). อำ� นาจ บคุ ลิกภาพและผนู้ ำ� การเมอื งไทย. กรุงเทพฯ: สถาบันไทยคดศี ึกษา. สิริรัตน์ เรืองวงษ์วาร. (2521). บทบาททางการเมืองของนายควง อภัยวงศ์ ต้ังแต่การเปล่ียนแปลง การปกครอง พ.ศ. 2475-2491. วทิ ยานพิ นธ์อกั ษรศาสตรมหาบัณฑิต จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย. สธุ าชยั ยิม้ ประเสริฐ. (2534). แผนชงิ ชาติไทย. กรงุ เทพฯ: สมาพนั ธ.์ 176 บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยสวนดุสติ

Geraint Parry. (1971). Political Elites (8th ed.). London: Redwood. Grotberg, E. (1995). A Guide to Promoting Resilience in Children: Strengthening the Human Spirit. The Hagre: The Beinara Van Leer Foundation. Heywood, A. (1997). Political. London: Macmillan. Hoy, W. K. & Miskel, C. G. (2008). Educational administration: Theory, research and practice (8th ed.) Boston: McGraw-Hill. Landman, Todd. (2000). Issues and Methods in Comparative Politics. London and New York: ROUTLEDGE Taylor & Francis Group. Lhimsoonthon, B. (2000). The Relationship between Resilience Factors, Perceive Life Adversities, Personal Characteristics and Substance Use Behavior of Slum Adolescents Lingering in a Public. Master’s thesis in Nursing Science, Faculty of graduate studies, Mahidol university. Lucian W. Pye. (1966). Aspects of Political Development (8th ed.). Boston: Little, Brown and Company. Michael Rush and Phillip Athoff. (1971). Introduction to Political Sociology. London: Western Printing Serviced. Mosca, G. (1939). The Ruling class. New York: McGraw-Hill. Ordway Tead. (1936). The art of leadership (7th ed.) New York: McGraw-Hill. Rush, M. & Athoff, P. (1971). Introduction to political sociology. London: Western. คณะผู้เขียน นายณรงคฤ์ ทธ์ิ ชยั สายัน คณะรฐั ศาสตร์ มหาวิทยาลยั รามค�ำแหง ถนนรามค�ำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรงุ เทพฯ 10240 e-mail: [email protected] รองศาสตราจารย์ สุรพนั ธ์ ทับสวุ รรณ์ คณะรฐั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามค�ำแหง ถนนรามค�ำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240 e-mail: [email protected] ปีท่ี 15 ฉบบั ท่ี 3 ประจำ�เดอื นกันยายน - ธันวาคม 2562 177



ความสัมพันธใ์ นรูปแบบของปใ่ี นกบั เพลงหน้าพาทย์ The Relation between the Style of PEE NAI and PLENG NA PATH สรุ าช ใหญส่ งู เนนิ * บ�ำรุง พาทยกุล และสหวฒั น์ ปลื้มปรีชา คณะศิลปนาฏดุริยางค์ สถาบนั บัณฑติ พฒั นศลิ ป์ SurachYaisungnoen* Bamrung Phattayakul and Sahawat Piumpreecha Faculty of Music and Drama, Bunditpatanasilpa Institute Received: February 13, 2019 Revised: May 13, 2019 Accepted: May 30, 2019 บทคดั ย่อ การวิจัยเรื่อง ความสัมพันธ์ในรูปแบบของปี่ในกับเพลงหน้าพาทย์ มีวัตถุประสงค์ในการวิจัย ดังนี้ 1. เพอื่ ศกึ ษาบรบิ ท และบทบาทหนา้ ทีข่ องปี่ในท่มี ีต่อการบรรเลงเพลงหนา้ พาทย์ในพธิ ไี หวค้ รู 2. เพ่ือศึกษา วิเคราะห์การด�ำเนินท�ำนองของปี่ในกับท�ำนองหลักเพลงหน้าพาทย์ในพิธีไหว้ครู วิธีการดำ� เนินการวิจัยเป็น การศกึ ษาเชงิ คณุ ภาพ ดว้ ยการเกบ็ ขอ้ มลู จากการสมั ภาษณ์ จากเอกสารงานทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั งานวจิ ยั การปฏบิ ตั ิ จริง และบนั ทกึ เป็นโน้ตสากล การวเิ คราะหม์ าสรุปผลเป็นผลของการวิจยั ผลการวิจัยพบว่า เพลงหน้าพาทย์เป็นเพลงที่ศาสตร์ทางด้านดนตรีไทย นาฏศิลป์ ให้ความเคารพ ซงึ่ เพลงหนา้ พาทยม์ บี ทบาทสำ� คญั ตอ่ การศกึ ษาเลา่ เรยี นของนกั ดนตรไี ทย อกี ทง้ั มบี ทบาทในการบรรเลงประกอบ พิธีกรรมตา่ ง ๆ ทั้งทางศาสนา งานพระราชพิธี งานพิธี และประกอบการแสดงมหรสพต่าง ๆ ลว้ นใช้เพลง หนา้ พาทยเ์ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของพธิ กี รรม ปใ่ี นเปน็ เครอ่ื งดนตรดี ำ� เนนิ ทำ� นองในวงปพ่ี าทยจ์ งึ มหี นา้ ทใี่ นการบรรเลง ประกอบเป็นส่วนส�ำคัญของวงปี่พาทย์ โดยมีหน้าที่ เป่าด�ำเนินท�ำนอง เก็บ โหยหวน ไปตามท�ำนองเพลง ผลการวจิ ยั การดำ� เนนิ ทำ� นองของปใ่ี นกบั ทำ� นองหลกั เพลงหนา้ พาทยใ์ นพธิ ไี หวค้ รู พบวา่ การดำ� เนนิ ทำ� นองของ ปใี่ นเพลงหน้าพาทย์ตระโหมโรง ดำ� เนินท�ำนองด้วยการเปา่ เก็บเป็นพนื้ การเปา่ พยางค์เสยี งถ่ีบ้างพยางค์เสียง ห่างบา้ ง การเป่าโหยยนื เสียง การเปา่ ตกแต่งสำ� นวนกลอนในลกั ษณะเสยี งทีม่ จี งั หวะยาว การเป่าดว้ ยวธิ ีการ เป่าย้อยใหเ้ สยี งตกอยใู่ นปลายเสียงของจังหวะ ซง่ึ อยภู่ ายใต้ลักษณะโครงสร้างทำ� นองหลกั จงั หวะ ของเพลง ส่วนการด�ำเนินท�ำนองในเพลงหน้าพาทย์บาทสกุณี ซึ่งเป็นเพลงหน้าพาทย์ช้ันสูงน้ัน ลักษณะสำ� นวนท�ำนอง หลกั ของเพลงเป็นเพลงทบ่ี ังคับสำ� นวน ดงั นัน้ การดำ� เนินทำ� นองของป่ีใน จงึ ต้องเปา่ ในลักษณะบงั คับท�ำนอง เป็นส่วนใหญ่ ส�ำนวนที่ด�ำเนินท�ำนองเครื่องมือปี่สามารถตกแต่งท�ำนองได้บ้างตามคุณลักษณะของเครื่องมือ ในสว่ นท้ายเป็นเพลงรวั เฉพาะเพลงบาทสกุณี ซ่งึ ลกั ษณะโครงสร้างของทำ� นองเพลงรัวนี้ จะมีทำ� นองเป็นกลุ่ม ลำ� นำ� โดยมเี สียงหลกั ของกลมุ่ เปน็ สัญญาณเสียงนดั หมาย การดำ� เนินทำ� นองของปใี่ นจะด�ำเนินไปบนภายใต้ * สรุ าช ใหญ่สูงเนิน (Corresponding Author) ปที ี่ 15 ฉบับที่ 3 ประจำ�เดอื นกนั ยายน - ธันวาคม 2562 179 e-mail: [email protected]

กลุ่มเสียงล�ำน�ำของท�ำนองหลัก โดยปี่ในสามารถใช้ช่วงเสียงต่าง ๆ ของเสียงปี่สร้างส�ำนวนให้สอดคล้องกับ กลมุ่ ลำ� น�ำของทำ� นองเพลงไดโ้ ดยยึดถือเสยี งสัญญาณหลักของกลุ่มล�ำน�ำเป็นจุดนดั หมาย จะเห็นไดว้ า่ ปใ่ี นได้ มหี ลกั และกฎเกณฑใ์ นการดำ� เนนิ ทำ� นองภายใตโ้ ครงสรา้ งของทำ� นองหลกั และจงั หวะ ปใ่ี นจงึ มคี วามสมบรู ณ์ ตามทฤษฎีท่ไี ด้ระบถุ ึงหน้าท่ขี องปี่ในไวว้ ่าป่ใี นมีหน้าทเ่ี ป่า เก็บ โหยหวน ไปตามทำ� นอง คำ� สำ� คัญ: การดำ� เนนิ ทำ� นอง ปใี่ น เพลงหน้าพาทย์ Abstract The study of the Relation between the Style of Pee Nai and Pleng Na Path had the following objectives; 1. To study the context and role of Pee Nai in playing with Pleng Na Path for teacher's respect ceremony. 2. To analyze the playing of Pee Nai as the main tune of Pleng Na Path for teacher's respect ceremony. Research methodology is qualitative research of which the data collection employed interviewing, review of related researches, self-performing and classical note recording as well as data analysis and conclusion of research findings. The result of the context and role of Pee Nai in playing with Pleng Na Path in teacher's respect ceremony revealed that Pleng Na Path was highly respectful in Thai Music science and Thai classical dance. Moreover, Pleng Na Path played an important role in the learning of Thai music's students and in the playing of many rites such as religion, royal ceremony, ceremony and entertainment which had Pleng Na Path as the main component of rites. Pee Nai was regarded as the important music instrument for playing in Pee Path Thai Orchestra because of its role in keeping melody or disconsolate tune as per any song tune. The result of the playing Pli Nai as the main tune of Pleng Na Path for teacher’s respect ceremony indicated that the playing of Pli Nai for Pleng Na Path Tra-Hom-Rong by keeping as the basic tune, playing as frequency and space out, disconsolate playing, playing for verse with long sound rhythm, droop playing to the end of rhythm which be under the principle of song's function and song rhythm. For Pleng Na Path Bathsakunee which was the advanced Na Path playing, the main tune was the fixed verse song hence Pee Nai would be played at most by fixing verse that can adjust some melody as per music instrument identity. The end of Bathsakunee song which was rapidly played had the Lumnum rhythm by being the main sound as the appointment signal. The playing of Pee Nai was following the main melody of Lumnum song. Pee Nai can be played under the interval of any sound for getting verse relating to the main melody of Lumnum song as the signal sound. There were the principle and rules in playing Pee Nai under the main tune and rhythm, therefore Pee Nai was 180 บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ิต

considered to be perfect according to the theory stating the roles of Pee Nai in keeping the basic tune or disconsolate playing with the melody. Keywords: Play the Tune, Pee Nai, Pleng Na Path บทนำ� ดนตรสี ำ� หรบั พธิ กี รรมเปน็ วฒั นธรรมของการดนตรที มี่ กี ารสบื ทอดกนั มาอยา่ งยาวนาน โดยเฉพาะใน พิธีไหว้ครูดนตรีไทยนั้น ถือเป็นรูปแบบท่ีมีการสืบทอดท้ังในเร่ืองของการรับมอบเป็นประธานอ่านโองการใน พธิ ไี หวค้ รู การจดั มณฑลพธิ ี ตลอดจนเครอื่ งสงั เวยบชู า และทส่ี ำ� คญั คอื ผทู้ จ่ี ะทำ� หนา้ ทบ่ี รรเลงเพลงหนา้ พาทย์ ในพธิ ีไหวค้ รูนั้น จะต้องผา่ นขนบการบรรเลงท่ีผ่านพธิ ีการครอบมาตามขั้นตอน และความเหมาะสมในแต่ละ ชว่ งของการฝึกหดั ในเครอ่ื งดนตรีประเภทต่าง ๆ บทเพลงหนา้ พาทยท์ ่ีใชบ้ รรเลงนน้ั กม็ ีการก�ำหนดรปู แบบไว้ ตามทสี่ ำ� นกั ของครอู าจารยไ์ ดพ้ จิ ารณาใหเ้ หมาะสมกบั บทอญั เชญิ คณุ พระรตั นตรยั เทพแหง่ ศลิ ปวทิ ยาการ ครู อาจารย์ ตลอดจนข้นั ตอนในพธิ ีกรรม ในดา้ นวัฒนธรรม อันไดแ้ ก่ ความเช่อื ประเพณี และคา่ นิยม ได้รวบรวม ข้อมูลแบบแผนและวิธีการไหว้ครูของประธานผู้ประกอบพิธีแต่ละท่าน ประเพณีเก่ียวข้องกับนักดนตรี เครอื่ งดนตรี และเพลงทบ่ี รรเลงในการไหวค้ รู พรอ้ มดว้ ยขน้ั ตอนการเขา้ พธิ คี รอบครปู พ่ี าทย์ ซงึ่ ไดแ้ บง่ ไวอ้ ยา่ ง ชดั เจนถึง 5 ขนั้ ตอนตามล�ำดับ คือ 1) การครอบโหมโรงเย็น 2) ครอบตระโหมโรง 3) ครอบโหมโรงกลางวนั 4) การครอบเรยี นหน้าพาทย์ช้ันสูง และ 5) การครอบเรยี นเพลงหน้าพาทยอ์ งค์พระพิราพเต็มองค์ (นัฐพงษ์ โสวัตร, 2538: 79) ดนตรีไทยน้ันเป็นดนตรีท่ีมีความเช่ือเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธ์ิเข้ามาเกี่ยวข้องในพิธีไหว้ครูดนตรีไทยหรือ โขนละคร เสียงเพลงจากวงปพี่ าทย์ท่ใี ช้บรรเลงประกอบขณะกำ� ลงั ท�ำพิธี ถือเปน็ สิ่งศกั ด์สิ ทิ ธ์ิทส่ี ามารถตดิ ตอ่ สื่อสาร กับสง่ิ ศกั ดิ์สทิ ธห์ รอื เหล่าครูเทพท้งั หลายได้ (อัมรินทร์ แรงเพ็ชร, 2558: 29) เพลงหน้าพาทยเ์ ปน็ เพลง ที่บรรเลงประกอบกริ ิยาเคลือ่ นไหวหรือเปลีย่ นแปลงตา่ ง ๆ ทั้งของมนษุ ย์ ของสตั ว์ ของวตั ถุต่าง ๆ ธรรมชาติ และอื่น ๆ เช่น เดิน นอน กลายร่าง เกิดขึ้น สูญไป เป็นต้น ไม่ว่ากิริยานั้น ๆ จะแลเห็นเป็นตัวตน เช่น การแสดงโขนละครหรอื เปน็ กริ ยิ าสมมตทิ ไ่ี มแ่ ลเหน็ ตวั ตน เชน่ การประกอบพธิ อี ญั เชญิ เทวดาใหเ้ สดจ็ มาแลว้ ก็ บรรเลงเพลงประกอบส�ำหรับเพลงหน้าพาทย์ท่ีใช้บรรเลงในพิธีไหว้ครูดนตรีไทยน้ันมีความส�ำคัญ และเป็น บทเฉพาะที่จะมีการอัญเชิญ หรือบวงสรวงตามข้ันตอนเพลงหน้าพาทย์จึงถือได้ว่าเป็นเพลงศักด์ิสิทธ์ิตาม ความเช่ือของหมู่วิชาชีพด้านดุริยางคศิลป์จะต้องบรรเลงด้วยความเคารพ และมีลักษณะเฉพาะตามรูปแบบ ของการบรรเลงเพลงหน้าพาทย์ในพิธีไหว้ครู อนึ่ง ดนตรีท่ีใช้บรรเลงในวงปี่พาทย์พิธีกรรมน้ี ได้แก่ ปี่ใน ระนาดเอก ระนาดทุ้ม ฆ้องวงใหญ่ ฆ้องวงเล็ก ตะโพนไทย กลองทัด และฉงิ่ ซึง่ แต่ละเครอ่ื งมือต้องต่อท�ำนอง หลักมาเป็นพน้ื ฐานของการแปรทำ� นองในเครอ่ื งมือต่าง ๆ อย่างเหมาะสม (มนตรี ตราโมท, 2538: 33) ป่ี เป็นเครือ่ งดนตรีไทยท่ีประดิษฐข์ ึน้ ไวใ้ ช้บรรเลงในหลายโอกาส ทงั้ ในพระราชพธิ ี และพิธกี รรมของ ชาวบา้ น เชน่ ปใ่ี นที่ใชส้ �ำหรับบรรเลงในวงป่ีพาทย์ส�ำหรบั การบรรเลงในพิธีไหว้ครู การบรรเลงกบั การแสดง โขนละคร เปน็ ตน้ ดว้ ยลกั ษณะอนั เปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั ของปท่ี ที่ ำ� ใหเ้ กดิ เสยี งไพเราะ ทำ� ใหป้ ม่ี คี วามสำ� คญั และมบี ทบาทในการบรรเลง (ปีบ๊ คงลายทอง, 2538: 1) ในวงการดนตรไี ทยน้ัน มบี รมครูทางดา้ นเครอื่ งเป่า ปีที่ 15 ฉบับที่ 3 ประจ�ำ เดือนกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 181

ทมี่ ีความสามารถ และชือ่ เสียงหลายท่าน เช่น พระประดิษฐไพเราะ (มี ดรุ ิยางกรู ) พระยาประสานดรุ ิยศพั ท์ (แปลก ประสานศัพท์) พระยาเสนาะดุรยิ างค์ (แช่ม สนุ ทรวาทนิ ) ซึ่งท่านไดถ้ า่ ยทอดวิชาความร้คู วามสามารถ ทางดา้ นการเป่าปีใ่ นใหแ้ กศ่ ษิ ย์จากร่นุ สรู่ นุ่ โดยเฉพาะพระยาเสนาะดรุ ิยางค์ (แช่ม สุนทรวาทนิ ) นน้ั ท่านได้ ถ่ายทอดวิชาการเป่าปี่ไวใ้ ห้ ครูเทียบ คงลายทอง ศษิ ย์เอกซงึ่ เปน็ ผู้ท่ีมคี วามรคู้ วามสามารถในการเปา่ ปไ่ี ด้เป็น อย่างดี ตลอดจนเปน็ ครดู นตรที ่ีมคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรม ในช่วงระยะเวลาตอ่ มา ครเู ทียบ คงลายทอง ไดถ้ า่ ยทอด วชิ าความรดู้ ้านการเปา่ ปใี่ นใหก้ ับ ครูปีบ๊ คงลายทอง (บตุ รชาย) ทำ� ใหค้ รปู ๊ีบเป็นศลิ ปนิ และเป็นครปู ่ีทีม่ าก ด้วยความรู้ ความสามารถ สามารถถ่ายทอดกลวิธี และเทคนิคต่าง ๆ เสริมสร้างความเข้าใจในแก่นแท้ของ การเป่าปี่ในเพลงที่บรรเลงอย่างลึกซึ้ง มีอารมณ์สุนทรียะ รวมท้ังได้ประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างท่ีดีแก่ ศษิ ย์ (ส�ำเนา เปี่ยมดนตรี, 2552: 3) จากเหตผุ ลและข้อมลู ดงั กล่าว ผ้วู ิจัยเหน็ ความสำ� คัญของครปู บี๊ คงลายทอง ที่ทา่ นมีลักษณะ เฉพาะ การเป่าป่ีในกับเพลงหนา้ พาทยใ์ นพธิ ไี หว้ครูดนตรไี ทย ผู้วจิ ยั จงึ สนใจท่จี ะศึกษาความสมั พนั ธ์ในรูปแบบของป่ี ในกบั เพลงหนา้ พาทย์ เพอ่ื บนั ทกึ องคค์ วามรอู้ ยา่ งเปน็ ระบบอนั จะกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ นการศกึ ษา เพอ่ื ใชเ้ ปน็ หลักฐานทางวชิ าการตอ่ ไป วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่อื ศึกษาบริบทและบทบาทหน้าทขี่ องปใ่ี นท่ีมีต่อการบรรเลงเพลงหนา้ พาทยใ์ นพิธไี หวค้ รู 2. เพื่อศกึ ษาวิเคราะหก์ ารดำ� เนินทำ� นองของปี่ในกับทำ� นองหลักเพลงหน้าพาทยใ์ นพธิ ไี หว้ครู แนวคิดทฤษฎีทเ่ี ก่ยี วข้อง ผวู้ จิ ยั ไดศ้ กึ ษาเกี่ยวกับแนวคดิ และทฤษฎีดงั ต่อไปนี้ 1. แนวคดิ ทฤษฎีมนุษย์กบั วัฒนธรรม ยศ สนั ตสมบัติ (2559: 14-15) ไดก้ ลา่ วถงึ ลักษณะพ้นื ฐานที่ สำ� คญั ของมนษุ ยก์ บั วฒั นธรรมไวว้ า่ “วฒั นธรรมเปน็ ความคดิ รว่ มเปน็ คา่ นยิ มในสงั คมไทย วฒั นธรรมเปน็ สงิ่ ที่ มนุษย์เรียนรู้เปรียบเสมือนมรดกทางสังคมที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นหน่ึงไปสู่คนอีกรุ่นหน่ึง ซึ่งรวมท้ัง การอบรมสงั่ สอนของพอ่ แมค่ รอู าจารย์ วฒั นธรรมมพี นื้ ฐานมาจากการใชส้ ญั ลกั ษณ์ วฒั นธรรมเปน็ องคก์ รรวม ของความรู้และภูมิปัญญา วัฒนธรรม คือ กระบวนการที่มนุษย์ให้ค�ำนิยาม ความหมาย ให้เข้ากับชีวิตและ ส่ิงต่าง ๆ ท่ีอยูร่ อบตัวเรา เช่น ความเชือ่ ทางศาสนา พิธีกรรม” พวงผกา คุโรวาท (2540: 37) ไดก้ ล่าวถงึ การถ่ายทอดทางวฒั นธรรม ไว้วา่ “การทที่ �ำใหจ้ ติ ใจ กาย วาจา ของคนเจรญิ งอกงามมจี ิตใจสูงสง่ ดีขึน้ หรือวิถีทางในการดำ� เนนิ ชวี ิตแหง่ ชุมชน ชมุ ชนใดชมุ ชนหนึง่ กลุ่มใดกลุ่มหน่ึงหรือประเทศใด ประเทศหนึ่งให้มีระเบียบแบบแผนที่ดีงาม จนกลายเป็นขนบธรรมเนียม ประเพณีมุ่งให้เห็นถึงวัฒนธรรมอันดีงามตลอดท้ังประวัติศาสตร์ วรรณคดี ศิลปะ กิริยา มารยาท ศีลธรรม จรรยา ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความเจริญงอกงามของคนส่วนรวม และประเทศชาติ นอกจากนน้ี ยังได้กล่าวถึง ความหมายของ วัฒนธรรม เพิ่มเติมไว้ในหลายความหมาย เช่น วัฒนธรรม หมายถึง ส่ิงทั้งหมดที่ซับซ้อน หมายถึง ความรู้ ความเชอื่ ศิลปะ ศีลธรรม กฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณี ความสามารถ ตลอดจนทงั้ นสิ ยั ตา่ ง ๆ ทม่ี นษุ ยไ์ ดร้ บั ในฐานะทเ่ี ปน็ สมาชกิ ผหู้ นง่ึ ของสงั คม วฒั นธรรมเปน็ สว่ นรวมทง้ั สนิ้ ของความรู้ ทศั นคติ 182 บัณฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดุสติ

และแบบแผน ความประพฤติ ทเ่ี ป็นนิสัยท่ีสมาชิกสังคมใดสงั คมหน่งึ มสี ว่ นรว่ มกันและถ่ายทอดสู่กนั และกนั วัฒนธรรม หมายถึง แบบแผนของพฤติกรรมต่าง ๆ ทัศนคติ ค่านิยม ความเช่ือ ทักษะซ่ึงมนุษย์ได้เรียนรู้ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสมาชิก ในกลุ่ม และยังหมายรวมถึงวัตถุหรือส่ิงประดิษฐ์ต่าง ๆ ที่ได้มาจาก ความสามารถของมนษุ ยเ์ อง” วรรณา นาวิกมูล (2541: 189-190) ได้แสดงแนวคิดเก่ียวกับการถ่ายทอดทางวัฒนธรรม ซึ่งมี ความสอดคลอ้ งกบั พวงผกา คโุ รวาท วา่ วฒั นธรรมพนื้ บา้ นเปน็ แบบแผนทางสงั คมทคี่ นในชมุ ชนรว่ มกนั กำ� หนด ขน้ึ เป็นแบบแผนบางอยา่ ง ทถี่ อื ปฏบิ ัติกนั เพียงในชมุ ชนหรอื ทอ้ งถิ่นใดทอ้ งถน่ิ หน่ึง เชน่ พธิ กี รรมทีเ่ กยี่ วเนอื่ ง กับความเชื่อต่าง ๆ คตกิ ารสรา้ งบา้ นเรอื น ขา้ วของ เคร่อื งการละเล่น เปน็ เรื่องเฉพาะของแตล่ ะบุคคล ถอื เปน็ วัฒนธรรมขนาดยอ่ ยลงไปอกี ระดับหนงึ่ ประเสรฐิ แยม้ กลน่ิ ฟงุ้ (2536: 31) ไดก้ ลา่ วถงึ การถา่ ยทอดวฒั นธรรมวา่ การถา่ ยทอดวฒั นธรรม นไี้ ด้เกิดข้นึ มาชา้ นานแล้ว จนอาจกลา่ วได้ว่านับตง้ั แตม่ นุษยอ์ ยรู่ ่วมกนั เปน็ สงั คม และได้สรา้ งวัฒนธรรมของ ตนเองขึ้นมา ผู้เยาว์หรือสมาชิกใหม่มักได้รับการอบรมพรำ�่ สอนจากผู้อาวุโสกว่าให้รู้จักวัฒนธรรมของสังคม การถ่ายทอดวัฒนธรรมในสมยั ด่งั เดมิ อาจถือได้ว่าเปน็ การศึกษาอยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการ (Informal Education) ดว้ ย ครนั้ ตอ่ มาเมอื่ โครงสรา้ งของสงั คมเปลยี่ นแปลงไป การศกึ ษาไดพ้ ฒั นาขน้ึ มาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง หรอื อาจกลา่ ว ได้ว่า การถ่ายทอดวัฒนธรรมเร่ิมมรี ูปแบบ มแี บบแผนมากข้ึน โรงเรยี นไดก้ ลายมาเปน็ หน่วยส�ำคัญของสังคม ในการทำ� หนา้ ทถ่ี า่ ยทอดวฒั นธรรมของสงั คมใหก้ บั สมาชกิ วยั เยาวต์ อ่ ไปแตท่ ง้ั นไี้ มไ่ ดห้ มายความวา่ หนว่ ยงาน หรอื สถาบนั ทางสงั คมอนื่ ๆ เชน่ ครอบครวั วดั ทเี่ คยทำ� หนา้ ทใ่ี นการถา่ ยทอดวฒั นธรรมนน้ั มคี วามสำ� คญั นอ้ ย ลงไป จากแนวคดิ ทฤษฎมี นษุ ยก์ บั วฒั นธรรม ผวู้ จิ ยั สรปุ ไดว้ า่ วฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ หรอื วฒั นธรรมพน้ื บา้ น เป็นวิถีการด�ำเนินชีวิตของกลุ่มคนที่อยู่ในชุมชนท้องถิ่นใดท้องถ่ินหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งมีขอบเขตอาศัยไม่กว้าง นักอาจปรากฏในรูปวตั ถุเครอ่ื งใชไ้ ม้สอย จัดเป็นวัฒนธรรมทางวตั ถุ (Material Culture) หรอื อาจปรากฏใน รูปสญั ลักษณ์หรือวิธกี ารประพฤตปิ ฏบิ ตั ทิ ีส่ บื ทอดกนั มา ทห่ี ลอ่ หลอมใหค้ นในทอ้ งถ่นิ อยู่รว่ มกันอยา่ งสงบสุข จัดเป็นวัฒนธรรมที่ไม่ใช่วัตถุ แต่เป็นวัฒนธรรมทางจิตใจ (Non-material Culture) ซึ่งสามารถตอบ วัตถุประสงค์ในงานวิจยั เรอ่ื ง ความสัมพันธ์ในรูปแบบของป่ใี นกบั เพลงหนา้ พาทย์ในข้อที่ 1 เพ่ือศึกษาบริบท และบทบาทหน้าท่ขี องปใ่ี นทมี่ ีต่อการบรรเลงเพลงหน้าพาทย์ในพธิ ไี หว้ครู 2. แนวคดิ เกยี่ วกบั สนุ ทรยี ศาสตร์ พชิ ติ ชยั เสรี (2525: 87) กลา่ วไวว้ า่ เมอ่ื จะกลา่ วถงึ ดนตรใี นปรชั ญา นนั้ จำ� เปน็ ตอ้ งพาดพงิ ถงึ สนุ ทรยี ศาสตร์ (Aesthetics) ซงึ่ กลา่ วถงึ ความงาม ความไพเราะและคณุ คา่ ทางสนุ ทรยี อ่ืน ๆ โดยเฉพาะการวิเคราะห์ความคิดท่ีเกิดขึ้นจากวัตถุสุนทรีย์ เช่น บทเพลง เป็นต้น และพิชิต ชัยเสรี (อา้ งถงึ ใน Mr. BEARDLEY) หนงั สอื อนสุ รณใ์ นการเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ พระราชทานเพลงิ ศพ เทยี บ คงลายทอง (2525: 91) ไว้ว่า สุนทรยี ธาตุอยทู่ สี่ ัดส่วนของส่ือ ซ่งึ เปน็ สัดส่วนตายตวั สดั สว่ นนี้มไิ ด้มอี ยกู่ อ่ น ณ ท่ีใดเลย จนกว่าศิลปินจะค้นพบ ศิลปินอุดมการณ์ได้แก่ผู้พบสัดส่วนท่ีสมบูรณ์ที่สุด แต่ทว่าศิลปินส่วนมากค้นพบแต่ สว่ นท่ีใกลเ้ คยี ง สัดส่วนทีส่ มบรู ณจ์ งึ มศี ลิ ปนิ ในระดับต่าง ๆ แลว้ แต่ศลิ ปนิ ผู้ใดสามารถค้นพบสดั สว่ นใกล้เคียง กับสัดสว่ นสมบูรณม์ ากน้อยเพยี งใด สงัด ภูเขาทอง (2532: 77) ได้กล่าวไว้ว่า การสร้างท�ำนองเพลงก็ไม่แตกต่างอะไรกันนักกับ นกั ประพนั ธท์ ค่ี ดิ ผกู เรอื่ งขน้ึ มา แลว้ ดำ� เนนิ ขอ้ ความไปตามแนวทางทต่ี นไดผ้ กู เอาไวท้ กุ ๆ คนอาจเปน็ นกั เขยี น ปที ่ี 15 ฉบับท่ี 3 ประจำ�เดอื นกันยายน - ธันวาคม 2562 183

วรกทเปทชใสนู้ใทไจทรตเจต่าาารค่ี่ีมพนดยีขะทนนิรรันะวำ่ี�ดดิีชงเท้อ้ลดฝงิพาุเนกตรนยีผื่สอออเญึงงั้กับอื่รันอนูก่อขงู�ำเงสปยฝูสปงใแธงเมียมาๆน้ิรตดทู่รนียเ์ปลแนกาปตพือ่นะ่ทีงจะบรเตเแานอ้งรขลทเพเะกน�ำรา่บขมนั้ภขะงียงเ้ังานทยีเสน้ึมีย้วภขจสๆทกหรนมงองีส่า่มะนีคอทบคิดทแลัดลีวจงงูงางวร้นคกรตา่ีกเามาดกัะเ้อาภพคแวยวงมาสว่ีลคว้เษมยูเลมลาวปรลีา่หยยขวอกรนณมง้าณว้ขทง็นงราาทนอแรหอดชนดอ้อืมทะั้งเ์อเ่ีลบพาากสานตั้นไเรครอกง้วคขเมนรจยีาาอ้อนตหลงใาวยีู้ใ่ทไเาางบสงรนิหา้รนาราป(นญกทีจ่จ่ม2ียคฝมกยีขรเไจะนงั5่เีรีแกคออืรอ้ึกกมกผหตะ3นือ่นั้ลู้อาบจำ�คว่ฝวดิู้อป้อ2วงรป�ำะะยจวา่่านจะ:งาตมฝรเจ่เูเะารเคอไ“สศขา7สะีนคมึูงกงะปากเามฝ้7ัายใีพยาวไฝเพพกนจเใ)เขอปนัคมางสันนดจใจ็นั่ืึงอไียมดตว”หหียถถยก็ดะจธธในาลานค้รงึงึงังกห์้กเนทเป์มมะปพคตตสอืกนลลม้เเ้งัรแสเว้อรงูาไกก็นลอา่ายอคีะนมาาีรใงยิิดวดื่นงผียังๆเวนมมอวเ่ไเภทตคหคส้กูขดาปทวาราไตทนอ้่ีวมีมยวรพรอ้วศระน็าาะ�ำ่อืาใง่าน่ีรอชรถงัยเดเจมรรมททพอ้อจนทื่อจับกๆหา้จูดชชยะตี่บลำ�ินี่เมาใะรักัตงส�ำแจน�กำงดรวตคีอขอืท่สนอทียนสงลูราไนออยไี่เดแใกงัันางงอระมาราู่บงใจเ้ผลา้ทมาญทญตงนีกย่เกใงนรสกูง้วั้มงี้อาหกตทตแทแสแแี่ันยเ่าหรีคงวัอคล้วใจ่ีาังลตจลงทเยน่ลาวเเานปะนะเะ่เะ้วอกีส่อปาาไทปเอต็นอกเใ“วงตงูขมยม็นป็นสกุงอ้อน่ืด้ตทาถ้าลเรปส็เจ่นรกีงร้วพีบสุกใึพงนับะาูปครงัจยคเเวนลทลรสเคอหใะๆำ�ทแถัต้นองอ่ืนใแงียัญสกนวบกึงถ่ีเจียปคงคตเรงบะจกงึไ็ุตหหสบดรวาทนกจมถไากา่าียะนเรอ้ขาปร่ีเ”อ่แรงึกรงาเอืกงหงึ่ิงออ่คยีกาภตเรจดทอิไดขๆาจงนกนวก็จณทมะนยจเียาคเวาตกัะสททอ่ปต์ู่นทตานน่ามวเ่ากกยีีก่่ีตา็นก่อข่ีอทรางนั่ไล“าศงลนยีเพนกีอมงดาเใรดฝดาอัยเนนะปนาักนรเังฝพยัน็นกนรครไทาทูเ้ออน็เึกเร”ลขาเตพสมรวป่ีดงปยี่เอกฝะียงอ่ืรรงัาาเาียท็นู่เ็นนักีพนขนเียีเไงมสมอ่ไกงั้ขเปเนผอนลไกมสพมยรีมลเียตดู้กกังงี้พวอ่ื่วงัาผอัตกลพนถเ้นทกรต่าา่ม่ืสงอปู้อ้ษงึงระั้นั้บังเอ้หรยีใทายงรวสสณะท“หนหงวมรนะงังตัันิ้นียยรตามกัา้ะเเถีคพตงึ่ถจู้งาทปกแกีบปทคทวเ้อันดภักตุนิดลพนี็าทลร้ัง่ีมนงแธนสา่มูกัคะมตะีสย้าแอ์เีตงอาังตเเีตพวร้พอยงำ�ตเขสาเ่เยอแๆรา้อกคงคันอลปศยกีวมูใี่ใมตบตงญัาธางทนน็นิัยนน”ี่์ ่ี ย(อจมิตรรับใจนิตเตสเยี สงวด)ีนปตรีมใานจเราื่อรงยนด์ ้ี นพตระรยีไทาภยูมทีเา่สนวหินน(จ่งึ ติ ทร่าจนติ ไตดเ้ สควยี)ปปรรามราภจกาบัรยศ์ดษิ นยต์ขรอีไทงทยท่าน่านวห่าน่ึง ท่านได้เคยปรารภกบั ศิษย์ของท่า นวา่ “…เราเป็นนักดนตรี เราตอ้ งฟังเสียงดนตรี ทเี่ กดิ จากบุคคลทกุ ฝ่าย “อ…ยเรา่ าคเปดิ ฟน็ นังหักดรอืนยตอรีมเรราับตแอ้ ตงฟ่ลกูังเสลยี ่นงขดอนงตนรักี ทดเี่ นกิดตจราที ก่มี บชี คุ อื่ คเลสทยี กุงเฝพา่ ียงอยา่ ง อเยดา่ ยี ควดิ ฟแงัมห้แรตอื ่เยสอียมงรดบั นแตตรล่ ีขูกอเลงเ่นดขก็ องบนากั งดคนรตั้งกรีท็ ่ีมำ� ใีชห่อื ้เรสายี เงกเพิดยคี งวอายมา่ คงิดทจี่ ะ เดนยี ำ� วมแาปม้แรตะเ่ดสิษยี ฐงดเ์ ปน็นตทรีขำ� อนงอเดงท็ก่ีแบปาลงคกรๆงั้ กอท็ อาใกหไเ้ปรไาดเก้..ดิ..ค.”วามคดิ ทีจ่ ะ เคทดทเจพปททโกถซะังวาาอ็นลทอืงึ่�ำเงานา�ำอกงขเผหมง่ีไเนอปมาอดอาขู้ใรนงออหีลน็ สา้งกอู้คดงะคักคญหคทลงวเไรษวค่แาวรพา่ีจ่ร ูอาซวืณอารมนมะลนื่ มแึ่งมนูสสน่สาะงจเตคเานั้เปาดจอคมรอาขป่ตดินม้กันาาล็นงั ีนล้าแ็นอขวทงากแ้าเเใักไลปนเนหทรอจยนแดไ่ี คนษะถน็ดตเตงกผ�ำวน้วรปไาตณท้นเก้นุหับคิดา่ม่ือวมห็นวั่ีมลวิดนโอคยง่ะคาจตเดข่าีา่เอวา่ึงงปออคิดะุทกอยวัดทปยดรมงลเเี่ย่ที แงแหอู่ี่กทรใะเนร้ววาตาปนตทะดารี่ยาบัก่ตายในต่พต็นอืใอษิ้หวสบัรทกหเัอะัวนผสกฐเ้าีเอสับา้เกปเไนเ์ู้ในธ�ำับกงุนงอปรหดิค็น์ปนตวิขดสมทง็นกโ�ญำนศรวน้ อกแดุนารทาปะิลนขา่วงลีเยยรทซาเปรปรคอา่เ้แวภศไนง่ึรปะถมง็นระตาดทเอียปใพือ็นอูป่ทคสเกคนรงศครนื่ันขา่ีมต็นแท้อร“ตาะรนยอีรกธเดยีแ่คอสรอ่ืสห์ึงก์างปปีกกรเีนัใตงบถตรตปในู”รวลรวนเรึงเกหุนอ่น็าปดะกัดค์ผหาขงนเก้าเศน็ลใู้อรมอๆทวภอนนันึ่งลิ่ือเื่ณนาู่่ศงี่คงหททกขดอปนสวใลิ า์ าตึ้รนที่อค้าไะโ่า�ำปนรห้ทุดอแนกใร�ำจทนปินึงควลยไใยที่กะถวม่ี นดรปหรอะไกยำ�านึงกีะเอนไมยเ้ กใคปรอรดกดขากตหู่เ่คาปอวม็น้.สริษิดอจร.รเ้�ำา.งรรเศมกกีไงฐ.าฝคมน.ทับะทิใษ”อก์ทดิาึกไลึคงด่ีคหยรคยพกาถฝอื่นริษด�ถำรน์ขวาเึงนดนักืรว้นออืาอฐรอผีกายไดมไแ์ึทงงงเู้อห“ะมกวนพใเเถต�ำหพคค่ืนว่า่ันแตึ่ืงอกซนขรอ็รนลวลครึ่งใแซอกู”อย่งาแหะีไผวยึง่็ถดงทจงเู่กไู้้ปกเาเสกเือัมใงกะปย่ตพมนัรคกมใท่ิอดยท็นัวะนไลขรลอาาคทอพุกคพหนึ้ง่างจนวม่ีคถวนันเดวขมใจราาอือนรกัคธังอศู่ะมมาผักบเย์เกดรงอกลิะพเู้วชจ่คอหเลขนาิปจาปาลารม้า่ารคตหัซยนนิงกน็ูนใมวือวรสน่ึนจงาดคศั้นีโาไไีผผรญอดอนมวผทิษมุปูิด้ปกแกาู้ต่วแคยยแไโยลจมราิจดรดลิดท์ขนังาะสะเไีัยย้วะขอกุตห่นกไททพ่าแสไอมง้คอจน็อ่ีจยมันทรใง่ยะทงนนแะดคต่อุป้ธอออายไสกว้รัวา์เไมาานดอ่รพต่ยกเดจศศร้อวอ้ามก็ถัวจล้วับััยย่างงงทมนัือ่าะงี่ี จนิ ตอนกาจกาากรจขะองอผาปู้ ศรัยะคพวันาธม์ อรกีู้คทวั้งายมังสตอ้างมราู้จรกั ถสทงั เ่ีมกีอตยในู่ใทนุกตรัวูปเอแบงแบลข้อวงเปสรียะงดสนบตกราี รจณาก์ แนแวลคะิดกนา้ีนราฝไปึกสฝู่กนารเศพึก่ือษใาหแ้เลกะิด วคิเควราามะชห�ำ์ซนง่ึ สาาญมายรังถต้องบอวาตั ศถัยุปจระินสตงนคา์ในกงาารนขวอิจงยั ผใู้ปนรกะารพศันึกธษ์ าอคีกวทาม้ังสยัมงตพ้อันงธรใ์ นู้จักรูปสแังเบกบตขใอนงทปุกี่ในรูปกับแบเพบลขงอหงนเ้าสพียางทดยน์ใตนรี ขจ้อาทก่ี แ2นเวพค่ือดิ ศนึกน้ี ษำ� าไวปิเสคกู่ราระศหกึ์ ษาราดแลาเะนวินเิ คทราานะอหงซ์ ขง่ึ อสงาปม่ีใานรกถับตทอบานวตัอถงหปุ ลรัะกสเพงคลใ์งนหงนา้านพวาจิ ทยั ยใน์ในกพาริธศีไหกึ วษ้คารคูใวนาดม้าสนมั กพานั รธ์ ปใรนะรดปู ษิ แฐบ์ทบานขอองงปสาใ่ี นกวนบั กเพลอลนงหใหนม้ า้ ีคพวาาทมยสใ์อนดขคอ้ ลทอ้ ี่ง2กเบั พทอ่ื าศนกึอษงหาลวเิกั คราะหก์ ารดำ� เนนิ ทำ� นองของปใ่ี นกบั ทำ� นองหลกั เพลงหนา้ พาทยใ์ นพิธีไหวค้ รูในด้านการประดษิ ฐ์ท�ำนอง สำ� นวนกลอนให้มีความสอดคล้องกับทำ� นองหลกั กรอบแนวคดิ กรอบแนวคดิ ตตัวัวแแปปรรตต้น้น ตวั แปตรวั ตแาปมรตาม รปู แบบของป่ีในกบั เพลงหน้าพาทย์ ความสัมพนั ธ์ในรูปแบบของปี่ใน กับเพลงหนา้ พาทย์ ภาพที่ 1 กรอบแนวคิด ภาพท่ี 1 กรอบแนวคดิ 184 บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดุสิต

จากกรอบแนวคิดดังกล่าว ผู้วิจัยได้ศึกษา ความสัมพันธ์ในรูปแบบของปี่ในกับเพลงหน้าพาทย์ ตามแนวคดิ ทฤษฎมี นษุ ยก์ บั วฒั นธรรมและแนวคดิ เกยี่ วกบั สนุ ทรยี ศาสตรท์ ไี่ ดก้ ลา่ วถงึ แลว้ แลว้ นำ� มาสงั เคราะห์ รูปแบบของปใ่ี นกบั เพลงหน้าพาทย์ และความสมั พนั ธ์ในรูปแบบของปีใ่ นกับเพลงหนา้ พาทย์ ระเบียบวิธวี ิจยั ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง การวิจัยเร่ือง “ความสัมพันธ์ในรูปแบบของปี่ในกับเพลงหน้าพาทย์” ด�ำเนินการวิจัยเชิงลึกตาม รูปแบบของการวจิ ยั เชงิ คุณภาพ (Qualitative Research) มีเป้าหมายท่ีตัวความสัมพนั ธ์ในรูปแบบของปี่ใน กบั เพลงหนา้ พาทยเ์ ปน็ หลกั เพอื่ ศกึ ษาความสมั พนั ธใ์ นรปู แบบของปใ่ี นกบั เพลงหนา้ พาทย์ โดยเกบ็ ขอ้ มลู จาก การสัมภาษณ์บุคคล ซ่ึงเป็นผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญด้านดนตรีไทย และการศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากเอกสาร และงานวจิ ัยต่าง ๆ รวมท้งั ใช้วธิ ีการสงั เกตแบบมีส่วนรว่ ม และไมม่ ีส่วนร่วมท่ไี ดป้ ฏิบัตจิ ริงกบั ครูผสู้ อน และ กับวงดนตรีท่ีบรรเลงเพลงหน้าพาทย์ประกอบพิธีไหว้ครูและประกอบการแสดง เพราะการวิจัยคร้ังนี้ต้องใช้ การสงั เกต การสมั ภาษณ์ เปน็ หลักในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู การสรา้ งและพัฒนาคณุ ภาพเคร่อื งมอื ผูว้ จิ ยั ไดน้ ำ� ขอ้ มูลทั้งหมดที่ได้มาจากการศึกษาน�ำมาจัดระเบยี บข้อมูล โดยนำ� มาจัดแบง่ เป็นกลมุ่ ของ ข้อมูล ให้เป็นส่วนย่อย จากน้ันจึงจัดระเบียบด้วยการจ�ำแนกตามประเด็นตามค�ำถามวิจัยประกอบด้วย กรอบขอ้ มลู ทเี่ กยี่ วกบั รปู แบบในการเปา่ ปใ่ี นของครปู บ๊ี คงลายทอง เพลงตระโหมโรง (ตระหญา้ ปากคอก) และ เพลงบาทสกณุ ี 2 ประเดน็ คอื 1. บรบิ ท และบทบาทหน้าท่ีของปใ่ี นท่ีมีตอ่ การบรรเลงเพลงหนา้ พาทย์ 2. วิเคราะห์การด�ำเนนิ ทำ� นองของปใ่ี นกบั ท�ำนองหลกั เพลงหน้าพาทย์ในพิธไี หว้ครู เครอ่ื งมอื อปุ กรณก์ ารวิจยั นนั้ ผูว้ ิจัยได้แบ่งออกเปน็ 2 เคร่อื งมือ ดงั น้ี 1. เครอ่ื งมอื วจิ ัยที่เป็นแนวสัมภาษณ์แบบมโี ครงสรา้ งด�ำเนินตามขอบเขตของการวจิ ัย 2. เคร่ืองมือทเี่ อ้ือตอ่ การปฏบิ ัติการวิจัย เชน่ เคร่อื งบนั ทึกภาพเคล่อื นไหว เคร่อื งบันทึกเสียง และ กลอ้ งบนั ทึกภาพ การเก็บและรวบรวมข้อมูล วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่น�ำมาใช้ประกอบในการศึกษาวิจัย เร่ือง “ความสัมพันธ์ในรูปแบบของปี่ในกับเพลงหน้าพาทย์” ผู้วิจัยได้ก�ำหนดข้อมูลจากการศึกษาไว้ 4 ส่วน ดังน้ี 1. ข้อมูลจากเอกสารสิ่งพิมพ์ข้อมูลที่มีการบันทึกในรูปแบบเอกสารภาพถ่ายท่ีมีการบันทึกไว้ และภาพถ่าย ช่วงปฏบิ ัตงิ านวจิ ัย 2. ขอ้ มูลด้านดนตรี เชน่ โนต้ เพลง เทปบนั ทกึ เสยี งเพลงซดี เี พลง ส่อื บนั ทกึ รปู แบบอื่น ๆ ภาพถา่ ยประเภทภาพเคลื่อนไหว เช่น วดี ีทศั น์ ซีดี ดีวีดี เปน็ ตน้ 3. ขอ้ มูลจากการปฏิบตั ิงานภาคสนามและ สถานทอ่ี นื่  ๆ ทมี่ คี วามสมั พนั ธเ์ ชอื่ มโยงกนั 4. ขอ้ มลู จากการสมั ภาษณผ์ ทู้ รงคณุ วฒุ ทิ างดา้ นดนตรไี ทย วทิ ยาลยั นาฏศิลป สถาบนั บัณฑติ พฒั นศิลป์ และผู้เชยี่ วชาญดา้ นดนตรีไทยสำ� นักการสงั คตี กรมศลิ ปากร โดยนำ� ขอ้ มูล ทั้งหมดท่ีได้จากการศึกษาและจัดเก็บข้อมูลผู้วิจัยได้นำ� ข้อมูลมาจัดเป็นกลุ่มแบ่งเป็นส่วนย่อยในแต่ละส่วน จากนนั้ จงึ จัดระเบยี บด้วยการจำ� แนกตามประเด็นเพ่ือวิเคราะห์ ปที ่ี 15 ฉบบั ท่ี 3 ประจ�ำ เดอื นกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 185

การวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้ข้อมูลท่ีสมบูรณ์แล้วน�ำข้อมูลท้ังหมดมาแยกส่วน วิเคราะห์ตามประเด็นศึกษาให้เห็นภาพส่วนย่อย จากน้ันจึงวิเคราะห์รวบประเด็นให้เห็นภาพรวมด้วยวิธี วเิ คราะหค์ วามเหมอื นความแตกตา่ งความเกย่ี วขอ้ งความสมั พนั ธ์ หากพบขอ้ มลู ทย่ี งั ขาดความสมบรู ณจ์ ะยอ้ น กลับไปท่ีกระบวนการตรวจสอบข้อมูลอีกคร้ังหน่ึง จากนั้นจึงท�ำการสังเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพของแต่ละ กรอบข้อมูลท้ัง 2 กรอบ ตีความท่ีได้จากการศึกษาพร้อมท้ังอธิบายผลด้วยความเรียงเชิงพรรณนา และจัด ระเบียบองค์ความรู้เพือ่ ตอบทกุ คำ� ถามวจิ ยั ทกี่ ำ� หนดไว้ โดยผู้วิจัยไดแ้ บง่ หัวขอ้ การด�ำเนินการดงั นี้ 1. การจำ� แนกขอ้ มูล เพื่อจัดกลุม่ ของขอ้ มูลท่ีได้ศกึ ษาค้นคว้า 2. การวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และสรุปผลการวิจัยตามวตั ถปุ ระสงค์ทตี่ ้ังไว้ 3. น�ำเสนอรายงานผลการวจิ ัยดว้ ยการเขียนวิเคราะห์ ผลการศกึ ษา 1. บทบาทหนา้ ทขี่ องป่ใี นทมี่ ตี อ่ การบรรเลงเพลงหน้าพาทยใ์ นพิธไี หว้ครู เพลงหน้าพาทยเ์ ป็นเพลง ทศ่ี าสตรท์ างดา้ นนาฏศลิ ปด์ นตรไี ทย ใหค้ วามเคารพ ซงึ่ เพลงหนา้ พาทยม์ บี ทบาทสำ� คญั ทงั้ ทางดา้ นการศกึ ษา เล่าเรียนของนักดนตรีไทย นอกจากน้ีเพลงหน้าพาทย์ยังใช้ในการบรรเลงประกอบพิธีกรรมทางศาสนา หรือ ประกอบพิธีอ่ืน ๆ อีกท้ังเป็นเพลงที่นักแสดงนาฏศิลป์โขนละครใช้เล่าเรียน และนักดนตรีต้องบรรเลงกับ การแสดงโขนละครเพื่อประกอบกิริยาเคล่ือนไหวหรือเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ทั้งของมนุษย์ ของสัตว์ ของวัตถุ ตา่ ง ๆ ของธรรมชาตแิ ละอนื่ ๆ เชน่ เดิน นอน กลายร่าง เกิดขนึ้ สญู ไป เป็นตน้ ไม่ว่ากิริยานั้น ๆ จะแลเห็น เปน็ ตวั ตน เชน่ การแสดงโขนละครหรอื เปน็ กริ ิยาสมมติท่ีไมแ่ ลเห็นตวั ตน เชน่ การประกอบพิธอี ัญเชิญเทวดา ใหเ้ สด็จมาแลว้ กบ็ รรเลงเพลงประกอบ จากการศกึ ษาหนา้ ทข่ี องปใ่ี นทมี่ ตี อ่ การบรรเลงเพลงหนา้ พาทยใ์ นพธิ ไี หวค้ รจู ากบทสมั ภาษณ์ เหน็ ได้ ว่า การบรรเลงปี่ในกับเพลงหน้าพาทย์ต้องยึดการด�ำเนินท�ำนองหลักเป็นส�ำคัญ ผู้บรรเลงปี่ในจะต้องแม่น ท�ำนองและจังหวะหรือท่ีว่าโบราณเรียกว่าเน้ือฆ้อง เนื้อเพลงต้องแม่น ส่วนเพลงหน้าพาทย์ที่มีท�ำนองสั้น ๆ จะผกู กบั ความเชอ่ื กลา่ วคอื ถา้ ดำ� เนนิ กลอนไมไ่ ดใ้ หเ้ ปา่ ไปตามเนอื้ ฆอ้ งไมถ่ อื วา่ ผดิ ถา้ เราแมน่ กส็ ามารถดำ� เนนิ กลอนปี่ได้ตามความอิสระ หรือว่าใช้ลักษณะสอดแทรกการโหยหวนเข้าไป วิธีการด�ำเนินกลอนปี่ในก็จะมี การเป่าล่วงหนา้ ย้อย (ลักจงั หวะ) ลลี าการโหยหวน ใชเ้ ทคนิคการปริบ คร่นั พรมเอาไปใช้ในเพลงหน้าพาทย์ ฟังแล้วให้เกิดอรรถรส ความกลมกลนื สว่ นใหญจ่ ะเนน้ ท�ำนองหลักของฆอ้ งวงใหญ่เป็นเกณฑ์ การบรรเลงต้อง คำ� นงึ ถงึ กาลเทศะและความเหมาะสม การทเี่ ราเปน็ คนเปา่ ปเ่ี พลงหนา้ พาทยน์ น้ั จะตอ้ งเตรยี มตวั ตอ้ งซอ้ มตอ้ ง คิดกลอนไว้ลว่ งหน้ามากอ่ น ในเพลงตระโหมโรงไม่ตอ้ งการกลเมด็ เด็ดพราย ในการเป่าเพลงหนา้ พาทย์ชน้ั สูง โดยเฉพาะเพลงตระโหมโรงมีความ อสิ ระในการแปลทำ� นอง สามารถใชศ้ ักยภาพของผู้บรรเลงได้อยา่ งเตม็ ที่ แต่ก็อยู่ในกรอบ ส่วนในเพลงบาทสกุณีจะมีช่วงท่ีบังคับเป็นส่วนใหญ่ จะมีอิสระบ้างเล็กน้อยส่วนใหญ่แล้ว จะยึดทำ� นองหลักเป็นสำ� คัญ 2. การด�ำเนินท�ำนองของปี่ในกับท�ำนองหลักเพลงหน้าพาทย์ในพิธีไหว้ครู การด�ำเนินท�ำนองของ ปใ่ี น เพลงหนา้ พาทยต์ ระโหมโรง กรณศี กึ ษาครปู บ๊ี คงลายทอง สรปุ ไดว้ า่ เพลงตระโหมโรงมลี กั ษณะโครงสรา้ ง ทางทำ� นองหลักทเี่ ป็นสำ� นวนกลอนทางพืน้ เอือ้ ต่อการดำ� เนินท�ำนองของเครอื่ งดนตรีประเภทด�ำเนินทำ� นอง 186 บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลยั สวนดสุ ติ

ดงั นนั้ การดำ� เนนิ ทำ� นองของปใ่ี น ใชโ้ ครงสรา้ งทำ� นองหลกั เปน็ เกณฑใ์ นการแปลทำ� นอง การดำ� เนนิ ทำ� นองของ ปี่ในเพลงหน้าพาทย์ตระโหมโรง จึงใช้การเป่าเก็บเป็นพ้ืนโดยการสร้างส�ำนวนปี่ในให้มีความสอดคล้องกับ ทำ� นองหลกั จงั หวะของเพลง โดยลักษณะทำ� นองปใ่ี นทไ่ี ด้ถา่ ยทอดไว้เปน็ กรณีศกึ ษานน้ั มีลกั ษณะการดำ� เนิน ท�ำนองดังน้ี (ปี๊บ คงลายทอง, 2560) 2.1 ทว่ งท�ำนองทเี่ ปา่ ตามลกั ษณะของท�ำนองหลัก ซ่งึ มคี วามคล้ายกับท�ำนองหลักแตไ่ มเ่ หมอื น ดว้ ยการตบแตง่ ท�ำนองและใชก้ ลวธิ ตี ่าง ๆ ตามคุณลกั ษณะของเครือ่ งมือปี่เข้าประกอบเป็นสำ� นวนท�ำนอง 2.2 เปา่ เก็บด�ำเนนิ ทำ� นอง เป็นการเป่าพยางค์เสียงถ่ี ๆ เรียงเสียงขึน้ บ้าง ลงบา้ ง สลับเสียงบ้าง ตามลักษณะของท�ำนองหลักที่เป็นตัวก�ำหนดโดยลักษณะท่วงท�ำนองท่ีเป็นทางพ้ืนแบบน้ี จะเอ้ือต่อการแปล ทำ� นองของเคร่ืองดนตรีประเภทดำ� เนนิ ทำ� นอง 2.3 รูปแบบการโหยเสียง ที่พบในเพลงตระโหมโรง จะเป็นรูปแบบการโหยยืนเสียงท่ีเสียง ลา กลุ่มเสียงทางกลาง ความยาวของการโหย 1 ถึง 2 จังหวะ การโหยเปน็ ลกั ษณะการใชเ้ สยี งยาวของป่ใี น เปน็ วธิ เี ปา่ ปอ่ี ยา่ งหนงึ่ ทแี่ สดงถงึ การเชอ่ื มโยงเสยี ง หรอื ชว่ งของการระบายลมรวมถงึ เสยี งทเ่ี ออื้ ตอ่ การโหยเสยี ง เพอ่ื สรา้ งสำ� นวนเสียงยาวใหก้ บั ทำ� นองแล้วจงึ คล่คี ลายไปสูก่ ารเป่าพยางคห์ ่างหรือพยางค์ถ่ี ๆ ในล�ำดบั ต่อไป โดย สำ� นวนต่อเนื่องน้ีข้นึ อยู่กับลกั ษณะของสำ� นวนทำ� นองหลักดว้ ย 2.4 รปู แบบการใช้กลวธิ ีตา่ ง ๆ เชน่ เสยี งควง การตีน้ิว การครั่น การตอด ร่วมเข้ากบั การตกแตง่ สำ� นวนและการสร้างส�ำนวนกลอนในการดำ� เนนิ ทำ� นองของปี่ในด้วย สรปุ การเปา่ ปใ่ี นดำ� เนนิ ทำ� นองในเพลงหนา้ พาทยต์ ระโหมโรง ดำ� เนนิ ทำ� นองดว้ ยการเปา่ เกบ็ เปน็ พนื้ การเปา่ พยางคเ์ สยี งถบ่ี า้ งพยางคเ์ สยี งหา่ งบา้ ง การเปา่ โหยยนื เสยี ง การเปา่ ตกแตง่ สำ� นวนกลอนในลกั ษณะ เสียงท่ีมีจังหวะยาว การเป่าด้วยวิธีการเป่าย้อยให้เสียงตกอยู่ในปลายเสียงของจังหวะ ซ่ึงอยู่ภายใต้ลักษณะ โครงสรา้ งทำ� นองหลัก จังหวะของเพลง (ป๊ีบ คงลายทอง, 2560) การดำ� เนนิ ท�ำนองของป่ีใน เพลงหน้าพาทย์เพลงบาทสกุณี สรปุ ไดว้ า่ เพลงบาทสกณุ ี เปน็ เพลง หน้าพาทย์ช้ันสูง ซึ่งลักษณะส�ำนวนท�ำนองหลักของเพลงเป็นเพลงที่บังคับส�ำนวน ดังนั้นการด�ำเนินท�ำนอง ของปี่ในจึงต้องเป่าในลักษณะบังคับท�ำนองเป็นส่วนใหญ่ ส�ำนวนท่ีด�ำเนินท�ำนองเคร่ืองมือปี่สามารถตกแต่ง ทำ� นองไดบ้ า้ งตามคุณลกั ษณะของเครอ่ื งมือแตจ่ ะไม่ใชส้ �ำนวนกลอนทโ่ี ลดโผน หรือซับซอ้ น ดังนั้นการดำ� เนิน ท�ำนองส่วนใหญ่จึงสอดคล้องสัมพันธ์เป็นไปในทิศทางเดียวกัน จะมีท�ำนองบางช่วงท่ีเป็นส�ำนวนทางพ้ืน เอ้ือต่อการแปลท�ำนองได้บ้างเพียงเล็กน้อย บางช่วงบางประโยค ส่วนกลุ่มเสียงที่ใช้ในการด�ำเนินท�ำนองใช้ กลุ่มเสียงทางกลาง และทางต้องเป็นส่วนใหญ่ กลุ่มเสียงแหบมีพบใช้บ้างบางช่วงบางประโยค ท้ายเพลง บาทสกุณีเป็นเพลงรัวเฉพาะ ซึ่งลักษณะโครงสร้างของท�ำนองเพลงรัวน้ีจะมีท�ำนองเป็นกลุ่มล�ำน�ำ โดยมี เสียงหลักของกลุ่มเป็นสัญญาณเสียงนัดหมาย การด�ำเนินท�ำนองของปี่ในจะด�ำเนินไปบนภายใต้กลุ่มเสียง ล�ำนำ� ของท�ำนองหลัก โดยปใี่ นสามารถใชช้ ่วงเสียงตา่ ง ๆ ของเสียงปี่สร้างส�ำนวนให้สอดคล้องกับกล่มุ ลำ� นำ� ของท�ำนองเพลงได้โดยยดึ ถือเสยี งสัญญาณหลักของกลมุ่ ล�ำน�ำเปน็ จดุ นดั หมาย (ปี๊บ คงลายทอง, 2560) ปที ี่ 15 ฉบบั ท่ี 3 ประจำ�เดอื นกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 187

อภปิ รายผล 1. บทบาทหน้าทีข่ องปี่ในทมี่ ีตอ่ การบรรเลงเพลงหน้าพาทย์ในพธิ ไี หวค้ รู เพลงหนา้ พาทย์ คอื เพลง ท่ีบรรเลงประกอบกิริยาเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ท้ังท่ีเป็นกิริยาปัจจุบัน และท่ีเป็นกิริยาสมมติที่ ไมเ่ หน็ ตวั ตน เชน่ การบรรเลงประกอบพธิ ไี หวค้ รใู นขน้ั ตอนการอญั เชญิ เทพใหเ้ สดจ็ มาในมณฑลพธิ ี วงดนตรจี ะ บรรเลงเพลงตระสนั นิบาต เพลงบาทสกณุ ี เพลงตระเชญิ เพลงตระโหมโรง เพลงกลม เป็นตน้ ดงั นัน้ นักดนตรี ไทยจึงให้ความส�ำคัญกับเพลงหน้าพาทย์เป็นส�ำคัญ เพลงหน้าพาทย์ นอกจากจะบอกถึงระดับภาวะหรือ ข้ันของผู้ที่เล่าเรียนดนตรีไทยด้วยแล้ว เพลงหน้าพาทย์ยังมีบทบาทในการรับใช้สังคมอยู่เป็นจ�ำนวนมาก ท้ังในทางพระพุทธศาสนา งานบุญ งานพระราชพิธี หรืองานพิธีต่าง ๆ เมื่อมีวงปี่พาทย์บรรเลงดนตรีไทย เพลงหน้าพาทย์จะมีบทบาทในหลาย ๆ ขั้นตอน อีกประการหนึ่งเพลงหน้าพาทย์ยังใช้ประกอบกิริยากับ การแสดงโขนละครตา่ ง ๆ หรอื มหรสพตา่ ง ๆ เปน็ สว่ นสำ� คญั แตล่ ำ� ดบั ของเพลงหนา้ พาทยน์ น้ั โดยเนอ้ื แทข้ อง ผู้เล่าเรียนดนตรีไทยนั้น จะต้องผ่านพิธีครอบครู ซึ่งใช้เพลงหน้าพาทย์เป็นล�ำดับขั้นในการศึกษาเล่าเรียน จงึ ท�ำใหเ้ กดิ เพลงหน้าพาทย์ ชน้ั ต้น ชัน้ กลาง และหน้าพาทย์ชั้นสูง เป็นล�ำดบั ข้นั ของการศกึ ษาเลา่ เรยี น ดงั ท่ี ณรงค์ชยั ปฎิ กรชั ต์ (2528: 95-98) กลา่ วถึง ความส�ำคัญของเพลงหนา้ พาทย์ ว่า “เพลงหนา้ พาทย์เปน็ เพลง ทใี่ ชบ้ รรเลงประกอบอากปั กรยิ า และพฤติกรรมต่าง ๆ นอกจากน้ียงั เป็นการกำ� หนดความหมายและอารมณ์ ของเพลงทีม่ ีต่อสภาพการสมมตติ า่ ง ๆ ถือไดว้ ่าเปน็ เพลงท่มี คี วามส�ำคัญต่อพธิ ีกรรมไหว้ครู” ในการบรรเลงประกอบพธิ ีไหวค้ รูใชว้ งปพ่ี าทย์ไม้แข็ง ปใ่ี นมบี ทบาทหนา้ ท่ใี นการข้นึ ทำ� นองเพลง ตระโหมโรง (ตระหญา้ ปากคอก) เสยี งของปใ่ี นมลี กั ษณะโหยหวนมคี วามตอ่ เนอ่ื ง ดงั นน้ั ปใ่ี นจงึ มบี ทบาทหนา้ ที่ เช่ือมเสียงเคร่ืองดนตรีประเภทเคร่ืองตีในวงปี่พาทย์ไม้แข็งในช่วงเสียงที่ขาดหายไปให้ส�ำนวนกลอนมี ความสมบรู ณ์ สอดคล้อง ผสมกลมกลนื กนั อย่างลงตัว เม่ือบรรเลงรวมวงทำ� ใหม้ คี วามไพเราะ เกดิ สนุ ทรยี รส อรรถรส มีความสง่างาม ส่ือถึงความศักด์ิสิทธิ์ของบทเพลง ผู้บรรเลงต้องใช้เทคนิคการระบายลมไม่ให้ เสยี งขาด เสียงปีใ่ นทอี่ อกมา จะต้องมีความต่อเน่อื ง ซ่งึ เปน็ กลวธิ กี ารบรรเลงทม่ี ีลักษณะเฉพาะของปใี่ น ดงั ที่ มนตรี ตราโมท (2538: 32) กล่าวถึง บทบาทของปี่ใน ว่า “ปี่ในท�ำหน้าท่ีเป็นผู้น�ำวง ด�ำเนินท�ำนองเป็น เสยี งยาวบา้ งโหยหวนบ้าง” และอนันต์ สบฤกษ์ (2533: 43-45) กลา่ วถึง ลักษณะการบรรเลงของป่ใี น วา่ “การด�ำเนินท�ำนองเม่ือประสมอยู่ในวงปี่พาทย์จะบรรเลงโหยหวน โอดพัน มีการใช้เสียงยาว เช่น เสียง คร่นั โปรย ซ่งึ เป็นกลวธิ ีการดำ� เนินท�ำนองของเคร่อื งเป่าโดยเฉพาะ” ดงั นน้ั สามารถกลา่ วได้ว่า ป่ีในมบี ทบาท สำ� คัญตอ่ การบรรเลงเพลงหน้าพาทย์ในพิธีไหวค้ รู 2. การด�ำเนินท�ำนองของปี่ในกับท�ำนองหลักเพลงหน้าพาทย์ในพิธีไหว้ครู การด�ำเนินท�ำนองของ ปใ่ี นจะมลี กั ษณะทเี่ ปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะของเครอื่ งดนตรี ผบู้ รรเลงปใ่ี นตอ้ งใชเ้ ทคนคิ การระบายลม ซง่ึ ถอื ไดว้ า่ เปน็ หวั ใจสำ� คญั ของการเปา่ ป่ี ผบู้ รรเลงจะตอ้ งมกี ารฝกึ การหายใจ การใชล้ ม ฝกึ การบงั คบั เสยี งใหถ้ กู ตอ้ งตาม ระดับเสียงตอ้ งมคี วามสัมพนั ธ์กนั อย่างกลมกลืน ถือเป็นพนื้ ฐานท่ีส�ำคญั ในการเปา่ ป่ี นอกจากนีผ้ ้บู รรเลงปี่จะ ตอ้ งมคี วามแมน่ ยำ� ในทำ� นองหลกั ของเพลงดว้ ย จงึ สามารถผกู สำ� นวนกลอน และแปลทำ� นองใหม้ คี วามเหมาะสม สอดคล้อง กลมกลนื สมั พันธก์ ับท�ำนองหลกั จึงท�ำใหเ้ พลงมคี วามไพเราะ ดงั ที่ อนนั ต์ สบฤกษ์ (2533: 43) กล่าววา่ “การด�ำเนินทำ� นองของปท่ี ุกชนิดใช้วธิ ีการผกู กลอนทีเ่ ป็นลักษณะเฉพาะของเครือ่ งเปา่ ” การบรรเลงในพธิ ไี หวค้ รู เพลงทใี่ ชบ้ รรเลงคอื เพลงหนา้ พาทย์ ถอื วา่ เปน็ เพลงทศ่ี กั ดส์ิ ทิ ธผ์ิ บู้ รรเลง 188 บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดสุ ิต

ตอ้ งบรรเลงดว้ ยความเคารพ ในการใชส้ ำ� นวนกลอนทปี่ รากฏในการดำ� เนนิ ทำ� นองของทกุ ๆ เครอื่ งมอื ผบู้ รรเลง ต้องมีความช�ำนาญ มีความแม่นย�ำในบทเพลงและท�ำนองหลัก นอกจากนี้ ผู้บรรเลงต้องบรรเลงบนพื้นฐาน จติ ใจทแ่ี สดงความเคารพ มคี วามศรทั ธาในบทเพลงทใี่ ชใ้ นพธิ ไี หวค้ รู ซง่ึ นกั ดนตรถี อื วา่ เปน็ บทเพลงทศี่ กั ดส์ิ ทิ ธ์ิ ในทางวัฒนธรรมดนตรีไทยเพลงหน้าพาทย์ จะไม่น�ำมาบรรเลงโดยทัว่ ไป จากความคิด และความเชื่อที่ได้จากการน�ำเพลงหน้าพาทย์ต่าง ๆ เหล่าน้ีมาบรรเลงเพ่ือแสดง ความคารวะต่อเทพเจ้าผู้ศักด์ิสิทธ์ิ คงได้น�ำมาใช้กับพิธีครอบครูหรือไหว้ครูส�ำหรับดนตรีและนาฏศิลป์ท่ีจริง การไหวค้ รหู รอื ครอบนนั้ นบั เปน็ หลกั จติ วทิ ยาชนั้ สงู ในอนั ทจ่ี ะจงู ใจและผกู มดั ยดึ เหนยี่ วทางใจใหผ้ ทู้ เี่ กยี่ วขอ้ ง ในทางดนตรี นาฏศลิ ป์ หรอื ศลิ ปะแขนงอืน่ ๆ ท้ังหลายให้มนั่ คงต่อวิชาชพี ของตน เพือ่ ทีจ่ ะได้พัฒนาวิชาชพี ของตนให้สูงยิ่งข้ึนไป และท้ังยังเป็นการประกาศแสดงตนว่าได้มีส่วนเป็นสมาชิกในศิลปะแขนงนั้น ๆ เพลง หน้าพาทย์ชุดการไหว้ครูดนตรี นาฏศิลป์ ก็แสดงความหมายคล้ายกับชุดโหมโรงเย็น คือ แทนพฤติกรรมใน อาการต่าง ๆ ของเทพเจ้าที่สมมตขิ ึน้ สงดั ภเู ขาทอง (2532: 174) เพลงตระโหมโรงนนั้ เพลงตระโหมโรงนบั เปน็ เพลงหนา้ พาทยช์ น้ั ตน้ ผบู้ รรเลงปต่ี อ้ งผา่ นการครอบครู เพลงสาธุการ และผ่านการต่อเพลงสาธุการเรียบร้อยแล้ว เมื่อเรียนดนตรีในปีถัดไปได้ความรู้ระดับหนึ่ง จบโหมโรงเช้าและโหมโรงเย็นแล้วจะได้ครอบเพลงหน้าพาทย์ตระโหมโรง โดยลักษณะของท�ำนองหลัก เพลงตระโหมโรงนี้ เป็นท�ำนองทางพ้ืนท่ีเอื้อต่อเครื่องมือด�ำเนินท�ำนองในการแปลทางเป็นส�ำนวนกลอนของ เครื่องดนตรีชิ้นน้ัน ๆ ดังนั้นปี่ในก็เช่นกัน ตามบทบาทหน้าท่ีของปี่ในแล้ว ปี่มีหน้าที่ด�ำเนินท�ำนองโดย เป่าเกบ็ บา้ งโหยหวนบา้ งไปตามทำ� นองเพลง จากการศกึ ษาการด�ำเนนิ ทำ� นองปี่ใน (ป๊บี คงลายทอง, 2560) แสดงให้เห็นถึงส�ำนวนกลอนของปี่ในที่ชัดเจนขึ้น ภายใต้หลักเกณฑ์ของโครงสร้างท�ำนองหลัก จังหวะ และ ส�ำนวนท�ำนองต่าง ๆ ท่ีเอ้ือต่อการแปลท�ำนองทางปี่ส่วนในเพลงหน้าพาทย์เพลงบาทสกุณีซึ่งเป็นเพลง หน้าพาทย์ช้ันสูง โดยลักษณะโครงสร้างของท�ำนองหลักเพลงบาทสกุณีนั้น เป็นลักษณะท�ำนองบังคับทาง มเี พยี งบางชว่ งบางตอนเทา่ นนั้ ทเ่ี ปน็ สำ� นวนทำ� นองทางพนื้ ดว้ ยเหตอุ ยา่ งนจ้ี งึ ทำ� ใหก้ ารบรรเลงตอ้ งอยใู่ นกรอบ ของท�ำนองหลกั ป่ีในจึงจะต้องด�ำเนินท�ำนองแบบบงั คบั ทาง แตใ่ ชส้ �ำนวนในการตบแตง่ ท�ำนองได้บ้างพองาม ในเสยี งหรอื กลมุ่ เสยี งทเี่ ออื้ ตอ่ การตบแตง่ เสยี งดว้ ยเพลงบาทสกณุ ใี นกลมุ่ นกั ดนตรไี ทย หรอื นกั แสดงโขนละคร ก็ดี ล้วนให้ความเคารพต่อเพลงบาทสกุณีอันเป็นเพลงหน้าพาทย์ชั้นสูง ผู้ที่จะได้รับการถ่ายทอดเพลงนี้ต้อง เรยี นอยใู่ นระดบั ชน้ั สงู หรอื มคี วามรมู้ ฝี มี อื ในดนตรไี ทยแลว้ ครผู ใู้ หว้ ชิ า และทำ� พธิ คี รอบครเู หน็ วา่ มวี ยั วฒุ แิ ละ คุณวุฒิที่เหมาะสม จึงจะครอบแล้วต่อเพลงบาทสกุณีให้ ดังนั้นผู้ท่ีจะบรรเลงเพลงนี้จึงต้องมีความพร้อมทั้ง อารมณแ์ ละจิตใจ ซงึ่ ในการบรรเลงเพลงบาทสกุณีถือว่าเปน็ เพลงหนา้ พาทยช์ ั้นสูงท่ที ุกคนในวงการนาฏศลิ ป์ ดนตรเี คารพ สอดคล้องกับ จักรายธุ ไหลสกลุ (2556) ศกึ ษาเรอื่ งวิธกี ารดำ� เนนิ ทำ� นองของปใี่ น ในการบรรเลง เพลงหนา้ พาทย์ชั้นสูง กรณศี กึ ษาเพลงพราหมณเ์ ขา้ พบว่า เพลงพราหมณเ์ ข้าเปน็ เพลงหน้าพาทย์ชั้นสงู ทีม่ ี มาแต่โบราณใช้บรรเลงในพิธีไหว้ครูดนตรีไทย และนาฏศิลป์ไทย เพื่ออัญเชิญครูฤๅษี หรือนักพรตเข้ามาใน มณฑลพิธี ในการแสดงใชบ้ รรเลงประกอบกริ ยิ าเขา้ ไปในมณฑลพิธีของตัวละครพระ ยักษ์ผสู้ ูงศักด์ิ หรอื ผูท้ รง ศีลพบปรากฏหลักฐานจากบทละครท่ีใช้แสดงในสมัยรัชกาลท่ี 1 ลักษณะโครงสร้างท�ำนองหลักของเพลง พราหมณเ์ ขา้ เปน็ อตั ราจงั หวะ 2 ชน้ั มจี งั หวะไมก้ ลอง 20 ไมเ้ ดนิ 4 ไมล้ า ออกรวั เฉพาะการเคลอ่ื นทขี่ องทำ� นอง เพลงอย่ใู นบนั ไดเสียงทางใน ทางกลาง และทางกลางแหบ พบมากในบันไดเสยี งทางใน ปีที่ 15 ฉบบั ที่ 3 ประจำ�เดือนกนั ยายน - ธนั วาคม 2562 189

ขอ้ เสนอแนะ การวจิ ยั เรอื่ ง ความสมั พนั ธใ์ นรปู แบบของปใ่ี นกบั เพลงหนา้ พาทย์ ซงึ่ ผวู้ จิ ยั ไดเ้ สนอขอ้ เสนอแนะ ดงั นี้ 1. การวิจัยควรศึกษาดนตรใี นพระราชพธิ ีอ่ืน ๆ ทีใ่ ชเ้ พลงหนา้ พาทย์ วงบรรเลงในพระราชพธิ ีหรือ เพลงหน้าพาทยท์ ใ่ี ชป้ ระกอบพระราชพธิ ตี า่ ง ๆ อันจะเป็นสง่ิ ส�ำคัญ เปน็ สมบัติของแผน่ ดิน ตอ่ ไป 2. ศิลปะเปน็ ภมู ิปญั ญาของไทย ไมว่ ่าจะเปน็ วรรณกรรมตา่ ง ๆ ประเพณี หรือวิถธี รรมเนียมจารีตท่ี งดงามอย่างไทย ทกุ วนั น้ีโลกวิวฒั นาการกันอย่างรวดเรว็ คนส่วนใหญม่ งุ่ เน้นวิ่งตามเทคโนโลยี วัฒนธรรมท่ดี ี งามอันเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นอัตลักษณ์ และเอกลักษณ์ ก็จะถดถอยด้อยค่าลงไป การสืบสานหรือ ทำ� นบุ �ำรงุ ใหค้ งอยนู่ บั เปน็ หน้าที่ของชาวไทยทกุ คน เอกสารอา้ งอิง จักรายุธ ไหลสกลุ . (2556). วิธกี ารดำ� เนนิ ทำ� นองของปใี่ นในการบรรเลงเพลงหนา้ พาทย์ชนั้ สูง กรณศี ึกษา เพลงพราหมณเ์ ขา้ . วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญาศลิ ปมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าดรุ ยิ างคศลิ ปไ์ ทย บณั ฑติ ศกึ ษา สถาบนั บัณฑิตพัฒนศิลป์. ณรงคช์ ยั ปฎิ กรชั ต์. (2528). ลกั ษณะดนตรีไทย. สงขลา: ภาควิชาดนตรศี ึกษา คณะวชิ ามนุษยศาสตรแ์ ละ สังคมศาสตร์ วิทยาลยั ครูสงขลา. นฐั พงศ์ โสวตั ร. (2538). บทบาทและหนา้ ทขี่ องเพลงตระไหวค้ รใู นพธิ ไี หวค้ รดู นตรไี ทย. วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญา ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวัฒนธรรมศกึ ษา บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั มหิดล. ปี๊บ คงลายทอง. (2538). เพลงปี่ฉุยฉาย การวิเคราะห์ทางดนตรีวิทยาและภาพสะท้อนแห่งความงาม. วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญาศิลปศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวฒั นธรรมศกึ ษา บัณฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลัย มหิดล. ประเสรฐิ แยม้ กล่นิ ฟงุ้ . (2536). สงั คมชนบทไทย. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั . ป๊ีบ คงลายทอง. (2560, พฤษภาคม 29). ผู้เช่ยี วชาญดา้ นดนตรีไทย ส�ำนกั การสงั คีต กรมศิลปากร. สัมภาษณ.์ พวงผกา คโุ รวาท. (2540). ศลิ ปะและวฒั นธรรมไทย (พมิ พค์ รั้งที่ 2). กรงเทพฯ: อมรการพิมพ.์ พิชติ ชัยเสร.ี (2525). ดนตรีในปรชั ญา หนังสอื อนสุ รณ์ในการเสดจ็ พระราชด�ำเนินพระราชทานเพลิงศพ นายเทยี บ คงลายทอง. กรงุ เทพฯ: เล่ยี งเชียง. มนตรี ตราโมท. (2538). ดนตรีไทยอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพนายมนตรี ตราโมท. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานชิ . มนตรี ตราโมท. (2538). ดุริยสาส์นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพนายมนตรี ตราโมท. กรุงเทพฯ: ธนาคารกสกิ รไทย. ยศ สันตสมบตั .ิ (2559). มนษุ ย์กบั วฒั นธรรม (พิมพค์ ร้ังที่ 4). กรงเทพฯ: มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร.์ 190 บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยสวนดุสิต

วรรณา นาวิกมลู . (2541). “วฒั นธรรมพื้นบ้านและภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น” ในไทยศกึ ษา. กรงเทพฯ: กองบริการ การศกึ ษา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร.์ สงดั ภูเขาทอง. (2532). การดนตรไี ทยและทางเข้าสู่ดนตรีไทย. กรงุ เทพฯ: เรือนแกว้ การพมิ พ์. สำ� เนา เปีย่ มดนตร.ี (2552). ปใี่ น: กระบวนการถา่ ยทอดสำ� นักครูเทียบ คงลายทอง. วิทยานิพนธป์ รญิ ญา ศิลปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวัฒนธรรมศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล. อนันต์ สบฤกษ์. (2533). บทบาทและหน้าที่ของปี่ในวงดนตรีไทยในประวัติและพัฒนาการของปี่ไทย. นครปฐม: สถาบนั วิจยั ภาษาและวัฒนธรรมเพ่ือพัฒนาชนบท มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล. อัมรนิ ทร์ แรงเพช็ ร. (2558). ความเช่ือทีแ่ ฝงในเคร่อื งเปา่ ไทย. กรุงเทพฯ: หยนิ หยางการพิมพ์. คณะผู้เขยี น นายสรุ าช ใหญ่สูงเนิน บณั ฑิตศกึ ษา สถาบนั บัณฑิตพัฒนศลิ ป์ เลขท่ี 2 ซอยราชินี แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร 10200 e-mail: [email protected] ดร. บำ� รุง พาทยกลุ บัณฑิตศึกษา สถาบันบณั ฑิตพัฒนศลิ ป์ เลขที่ 2 ซอยราชนิ ี แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร 10200 ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ สหวฒั น์ ปลื้มปรีชา บัณฑิตศกึ ษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เลขท่ี 2 ซอยราชนิ ี แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร 10200 ปที ่ี 15 ฉบบั ที่ 3 ประจ�ำ เดือนกันยายน - ธนั วาคม 2562 191


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook