Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วอลเลย

วอลเลย

Published by สุภาวิตา ทองน้อย, 2019-09-19 00:42:15

Description: วอลเลย

Search

Read the Text Version

3. เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจในกตกิ าขอ้ 9.2.2 ดขี น้ึ (ลกู บอลจะตอ้ งถกู ตี ไมใ่ ชจ่ บั หรอื ทมุ่ ลูกบอลสามารถกระดอนออกได้ในทุกทิศทาง) จะต้องเข้าใจความหมายของค�ำว่า “ตี” คืออะไร การตี หมายถงึ ลกั ษณะทล่ี กู บอลไดก้ ระดอนออกจากจดุ กระทบ แตก่ ารทมุ่ ลกู บอลจะประกอบดว้ ย 2 ลกั ษณะ คอื การจับและการทมุ่ หรือโยนลูกออกไป 4. ผตู้ ดั สนิ จะตอ้ งพยายามรกั ษาระดบั ความแนน่ อนในการเลน่ ลกู ใหถ้ กู หลกั เกณฑต์ ลอด โดยเฉพาะอย่างย่ิงในปัจจุบันนี้ กีฬาวอลเลย์บอลมีการหลอกล่อในการรุก มีการเปลี่ยนทิศทางของ ลูกบอล ดังนั้น ส่ิงส�ำคัญท่ีต้องระมัดระวังคือ ในขณะที่มีการรุกจะสามารถใช้วิธีการแตะหยอดได้ ถา้ การรกุ นน้ั ไมใ่ ชเ่ ปน็ การจบั หรอื ทมุ่ ลกู บอล ความหมายของการรกุ ดว้ ยการแตะหยอดคอื ลกั ษณะ การกระท�ำด้วยมือหรือนวิ้ มอื ขา้ งเดียวในขณะทล่ี ูกอยู่สงู กวา่ ตาข่ายโดยสมบรู ณ์ ผ้ตู ดั สนิ ท่ี 1 จะต้องดลู ักษณะการแตะหยอดอยา่ งใกล้ชิด ถา้ หลังจากการแตะหยอดลูกบอล ไมไ่ ดม้ กี ารกระดอนออกทนั ที แตเ่ ปน็ การเคลอ่ื นทไ่ี ปพรอ้ มกบั มอื ถอื วา่ เปน็ การทมุ่ ซงึ่ เปน็ การท�ำผดิ จะต้องถกู ท�ำโทษ 5. ส่ิงที่พึงระมัดระวังเกี่ยวกับลักษณะการสกัดก้ันที่ไม่ถูกต้อง ถ้าไม่ใช่เป็นการป้องกัน ลูกบอลท่ีมาจากฝ่ายตรงข้าม แต่จะใช้วิธีการจับลูก (โดยการยก ผลัก พา ทุ่ม หรือลากลูกบอล) ในกรณีเหล่าน้ี ผู้ตัดสินจะต้องท�ำโทษการสกัดก้ันนี้ว่าการจับลูกบอล (ไม่ควรให้เป็นการกระท�ำ แบบโออ้ วด) 6. เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ผู้ตัดสินจ�ำนวนมากไม่เข้าใจเก่ียวกับการเล่นลูกแรกของทีม ดงั น้ันเขาจงึ ไม่ไดน้ �ำไปปฏิบัติให้ถกู ต้องตามกตกิ าข้อ 9.2.3.2 ซึ่งใน 4 กรณที ี่จะนบั วา่ เป็นการเลน่ ลกู แรกของทีม (เปน็ การเลน่ ลูกครง้ั แรกในจ�ำนวน 3 คร้งั ของทมี ) ประกอบด้วย 6.1 การรับลูกเสิร์ฟ 6.2 การรับลูกที่มาจากการรุก (ไม่ใช่เฉพาะลูกตบ การรุกทุกลักษณะให้ดูในกติกา ข้อ 13.1.1) 6.3 การเล่นลกู ท่ีมาจากการสกัดกน้ั ของฝา่ ยตรงขา้ ม 6.4 การเลน่ ลกู ทมี่ าจากการสกดั กัน้ ของฝ่ายตนเอง 7. เพ่ือให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการแข่งขันระดับนานาชาติ เพ่ือเป็นการส่งเสริม การเล่นให้ยาวนานย่ิงข้ึน และเพ่ือความตื่นเต้นของผู้ชม ผู้ตัดสินจะเป่านกหวีดเฉพาะการท�ำผิด ที่รุนแรงเท่านั้น ดังนั้น ในขณะท่ีผู้เล่นไม่อยู่ในท่าทางท่ีดีพอที่จะเล่นลูกนั้น ผู้ตัดสินท่ี 1 จะต้อง ลดเกณฑใ์ นการพจิ ารณาการตัดสินลงเกย่ี วกับการเล่นลกู บอล ตัวอย่างเชน่ 7.1 ขณะทตี่ วั เซตก�ำลงั วง่ิ ไปเลน่ ลกู บอล หรอื จ�ำเปน็ ตอ้ งกระท�ำอยา่ งเรว็ ใหถ้ งึ ลกู บอล เพื่อท�ำการเซตลูกนนั้ 44 ค่มู อื ผตู้ ดั สินกีฬาวอลเลยบ์ ล

7.2 ผเู้ ล่นไดว้ ่ิงอยา่ งเรว็ หรอื ท�ำการอย่างรวดเรว็ เพ่ือเลน่ ลูกบอล หลงั จากที่ลูกบอล ไดก้ ระดอนกลบั จากการสกดั ก้ันหรอื จากผูเ้ ล่นอื่นๆ 7.3 การถกู ลกู ครงั้ แรกของทมี สามารถท�ำไดโ้ ดยเสรี ยกเวน้ ถา้ ผเู้ ลน่ จบั หรอื ทมุ่ ลกู บอล กติกาขอ้ 10 ลกู บอลที่บรเิ วณตาข่าย (Ball at the net) และกติกาขอ้ 11 ผูเ้ ลน่ ท่ีบริเวณ ตาขา่ ย (Player at the net) 1. ในกติกาข้อที่ 10.1.2 ได้ให้สิทธิ์ผู้เล่นในการเล่นลูกจากบริเวณเขตรอบสนาม ของฝา่ ยตรงขา้ ม ผตู้ ดั สนิ ท่ี 2 และผกู้ �ำกบั เสน้ จะตอ้ งเขา้ ใจกตกิ าขอ้ นใ้ี หด้ ี ในขณะแขง่ ขนั ทกุ คนจะตอ้ ง ตระหนักและเปิดทางให้ผู้เล่นสามารถน�ำลูกน้ันกลับเข้ามายังแดนตนเอง ถ้าลูกบอลข้ามแนวด่ิง ของตาข่ายภายในพื้นที่ที่ก�ำหนดไปยังเขตรอบสนามของฝ่ายตรงข้าม ซ่ึงมีผู้เล่นถูกลูกบอล เพอื่ น�ำลูกบอลกลบั มายงั แดนตนเอง ผตู้ ัดสนิ ต้องเปา่ นกหวีดและแสดงสญั ญาณลกู ออก 2. ผ้ตู ดั สินจะตอ้ งพยายามเอาใจใสก่ ติกาทเ่ี ก่ยี วกบั ผู้เล่นถูกตาขา่ ย การถูกตาข่ายหรอื เสาอากาศ (กตกิ าขอ้ 11.3.1) เวน้ แตผ่ เู้ ลน่ นน้ั เกยี่ วขอ้ งกบั การเลน่ ลกู บอล โดยการถกู แถบบนของ ตาข่ายหรือถูกเสาอากาศเหนือขอบบน (80 ซม.) ของตาข่าย นอกจากเป็นการถูกในขณะเล่น ลูกบอล หรือเกี่ยวข้องกับการเล่นนั้น (ค�ำว่าก�ำลังเล่นลูกบอลนั้น หมายถึงลักษณะใดๆ ที่ผู้เล่น ท่ีอยู่ใกล้ลูกบอลและพยายามเล่นลูกนั้น แต่จะต้องระมัดระวังเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ คือ ถา้ ผเู้ ลน่ อยใู่ นลกั ษณะก�ำลงั เลน่ ลกู ในแดนของตนเองและลกู บอลไดพ้ งุ่ ชนตาขา่ ยจากฝา่ ยตรงขา้ ม เปน็ เหตุให้ตาขา่ ยถูกผเู้ ล่น (กตกิ าข้อ 11.3.3) ลกั ษณะเชน่ นี้ผเู้ ล่นไมไ่ ดท้ �ำผดิ ) 3. ผูต้ ดั สนิ จะต้องเอาใจใส่ในความจริงท่วี ่า ลวดสลงิ ขงึ ตาข่ายท่อี ยูน่ อกระยะความยาว 9.50 หรือ 10.00 เมตรน้ี ไม่ถือว่าเป็นส่วนของตาข่าย ในท่ีน้ีให้รวมถึงเสาตาข่ายและลวดสลิง ทั้งสองด้านด้วย ดังน้ัน ถ้าผู้เล่นได้ถูกส่วนท่ีอยู่นอกตาข่าย (ได้แก่ เสาขึงตาข่ายท้ังสองข้าง แถบบนของตาข่ายท่ีอยู่นอกเสาอากาศท้งั สองด้าน) จะไมถ่ ือว่าเป็นการท�ำผดิ กตกิ า เว้นแตท่ �ำให้ โครงสร้างของตาขา่ ยและเสาขึงตึงตาขา่ ยเสียหาย 4. ผตู้ ดั สนิ ตอ้ งแยกแยะระหวา่ งการลำ้� ของเทา้ หรอื สว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกายผา่ นเสน้ แบง่ แดน ไปยงั เขตของฝา่ ยตรงข้าม ขณะท่ีล�้ำโดยส่วนตา่ งๆ ของร่างกายที่อยู่เหนอื เทา้ ข้ึนไปสามารถสัมผัส พ้นื สนามของฝ่ายตรงขา้ มได้ท้งั นีต้ อ้ งไมก่ ดี ขวางการเล่นของฝา่ ยตรงขา้ ม 5. พึงระลึกเสมอว่าทีมท่ีเข้าร่วมแข่งขันในระดับสูงๆ น้ันการเล่นท่ีบริเวณใกล้ตาข่าย นบั ว่าเปน็ สิ่งส�ำคัญมาก ดงั น้นั ผู้ตดั สินจะตอ้ งใส่ใจ (ระมดั ระวัง) เปน็ พิเศษ ในกรณที ่ลี ูกบอลถกู มอื ผู้สกัดกั้น และหลงั จากน้ันได้กระดอนออกนอกสนาม 6. การปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสินทั้ง 2 ต้องจดจ่อดูแถบบนและแถบล่างของตาข่าย ด้านฝา่ ยรุกและผตู้ ัดสินที่ 2 ตอ้ งจดจ่อดูตลอดชว่ งความยาวของตาข่ายด้านฝ่ายสกดั ก้ัน คมู่ ือผตู้ ัดสนิ กีฬาวอลเลยบ์ ล 45

กติกาขอ้ 12 การเสิรฟ์ (Service) 1. การอนญุ าตใหท้ �ำการเสริ ์ฟ ผตู้ ัดสินไม่จ�ำเปน็ ท่จี ะตอ้ งรอให้ผเู้ สริ ์ฟพรอ้ ม เพียงแต่ให้ ผูเ้ ลน่ ท่จี ะเปน็ ผู้เสริ ฟ์ ได้รบั ลูกบอลแล้ว 2. ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 ควรตรวจสอบการแสดงสญั ญาณภาพซำ้� ในการถา่ ยทอดกอ่ นเปา่ นกหวดี อนุญาตใหท้ �ำการเสิรฟ์ 3. ผู้ตัดสินท่ี 1 และผู้ก�ำกับเส้นท่ีรับผิดชอบ จะต้องระมัดระวังเก่ียวกับต�ำแหน่งของ ผู้เสิร์ฟในขณะท่ีท�ำการเสิร์ฟ หรือก�ำลังเร่ิมกระโดดเสิร์ฟ ผู้ก�ำกับเส้นจะต้องให้สัญญาณทันที ถ้ามีการท�ำผิดเกิดข้ึน และผู้ตัดสินท่ี 1 จะต้องเป่านกหวีดในความผิดนั้น ผู้เสิร์ฟสามารถเริ่ม เคลอ่ื นทเ่ี พอื่ การเสริ ฟ์ จากนอกเขตเสริ ฟ์ ได้ แตข่ ณะทเ่ี รม่ิ กระโดดเพอ่ื การเสริ ฟ์ นน้ั จะตอ้ งอยภู่ ายใน เขตเสริ ์ฟ 4. ในขณะทลี่ กู บอลก�ำลงั กระทบมอื ผเู้ สริ ฟ์ ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 จะตอ้ งสงั เกตผเู้ ลน่ ในสนามของ ทีมเสิร์ฟ ในขณะทผี่ ตู้ ดั สนิ ท่ี 2 ต้องสังเกตผูเ้ ลน่ ในสนามของทมี ท่รี บั เสิรฟ์ 5. ถ้าผู้เสิร์ฟไม่ยอมเข้าไปในเขตเสิร์ฟ หรือไม่ยอมรับลูกบอลจากเจ้าหน้าท่ีกลิ้งลูกบอล โดยการเจตนาถว่ งเวลา ในกรณนี ้ที มี จะตอ้ งถกู ลงโทษถ่วงเวลา หมายเหตุ ผู้ตัดสินส่วนมากและผู้เล่นต่างมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการตีความในคู่มือนี้ โดยคิดว่าจะเริ่มนับเวลา 8 วินาที เม่ือผู้เสิร์ฟได้เร่ิมโยนหรือปล่อยลูกบอลเพื่อท�ำการเสิร์ฟ (ซง่ึ เปน็ ความเขา้ ใจผดิ ) ในกตกิ าไดเ้ นน้ ชดั เจนวา่ “หลงั จากผตู้ ดั สนิ ที่ 1 เปา่ นกหวดี เพอ่ื ใหเ้ สริ ฟ์ ” 6. สัญญาณมือท่ีถูกต้องท่ีผู้ตัดสินที่ 1 ใช้ในขณะที่การเสิร์ฟลูกน้ันลูกบอลถูกตาข่าย และไมอ่ ยใู่ นการเลน่ (ไมข่ า้ มตาขา่ ย) ใหใ้ ชส้ ัญญาณมอื ท่ี 19 7. สมาคมวอลเลย์บอลในหลายๆ ประเทศ คณะกรรมการฝ่ายผู้ตัดสินไม่ได้เอาใจใส่ ในการบงั การเสริ ฟ์ (กตกิ าขอ้ 13.5) ในการแขง่ ขนั รายการในประเทศนน้ั ๆ จงึ ไมไ่ ดม้ กี ารใชก้ ตกิ าขอ้ นี้ โดยไม่เคยมีการลงโทษ การบังการเสิร์ฟเลย ดังนั้น จึงเกิดปัญหากับผู้ตัดสินและทีมจากประเทศ เหล่านนั้ ในขณะทเ่ี ขา้ รว่ มแขง่ ขันระดบั นานาชาติ ผตู้ ัดสนิ ที่ 1 ตอ้ งเอาใจใส่ในเรอ่ื งของการก�ำบงั วิถี และทิศทางของลูกบอลหรอื ของผเู้ สริ ฟ์ ระหว่างการเสิรฟ์ ของทีมเสิรฟ์ กติกาข้อ 13 การรุก (Attack Hit) 1. จะต้องพยายามท�ำความเขา้ ใจใหด้ เี กย่ี วกับกติกาขอ้ 13.2.4 เรือ่ งการรกุ ลูกท่ีมาจาก การเสริ ฟ์ พงึ ระวงั ถงึ หลกั ความจรงิ วา่ จะตอ้ งพจิ ารณาจากต�ำแหนง่ ของลกู บอลเทา่ นนั้ ไมใ่ ชต่ �ำแหนง่ ของผเู้ ลน่ และจะถอื วา่ เปน็ การท�ำผดิ เมอื่ การรกุ นเ้ี ปน็ การรกุ โดยสมบรู ณ์ ซง่ึ ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 จะตอ้ งเปน็ ผเู้ ปา่ นกหวีดในความผดิ น้ี 46 คู่มอื ผตู้ ัดสินกีฬาวอลเลยบ์ ล

2. ในการควบคุมการรุกของผู้เล่นแดนหลัง และผู้เล่นตัวรับอิสระ เป็นส่ิงจ�ำเป็นท่ีต้อง ท�ำความเขา้ ใจวา่ การกระท�ำทผ่ี ิดนน้ั จะเปน็ การท�ำผิดเมอื่ เปน็ การรกุ โดยสมบรู ณ์เทา่ น้ัน (ลกู บอล ได้ข้ามแนวตาข่ายอย่างสมบรู ณ์ หรือลูกบอลได้ถูกสกัดกั้นคนใดคนหนึ่ง) กติกาขอ้ 14 การสกัดกนั้ (Blocking) 1. ผู้สกัดกั้นมีสิทธิที่จะท�ำการสกัดกั้นลูกบอลทุกลูกที่อยู่ในแดนของฝ่ายตรงข้าม โดยยนื่ มอื ลำ้� เหนอื ตาขา่ ย โดย 1.1 การเล่นลูกคร้ังที่ 1 หรือครั้งท่ี 2 ของฝ่ายตรงข้าม และลูกนั้นถูกส่งไปยัง ฝา่ ยตรงข้ามและ 1.2 จะตอ้ งไมม่ ผี เู้ ลน่ ของฝา่ ยตรงขา้ มอยใู่ กลต้ าขา่ ย ในบรเิ วณนนั้ เพอ่ื จะท�ำการเลน่ ลกู ตอ่ แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม ถา้ มผี เู้ ลน่ ฝา่ ยตรงขา้ มอยใู่ กลล้ กู บอลเพอื่ จะเลน่ ลกู นนั้ หากผสู้ กดั กนั้ ลำ้� เหนอื ตาขา่ ยและสมั ผสั ลกู บอลกอ่ นหรอื ขณะก�ำลงั เลน่ ลกู ลกั ษณะเชน่ นจ้ี ะเปน็ การปอ้ งกนั การเลน่ ของฝ่ายตรงข้ามถอื วา่ ผดิ กตกิ า หลังจากการเล่นลูกคร้ังท่ี 3 ของฝ่ายตรงข้ามแล้ว ผู้สกัดกั้นสามารถท�ำการสกัดก้ัน ไดท้ ุกลูกทอ่ี ยใู่ นแดนของฝา่ ยตรงขา้ ม 2. การเซตโดยการสง่ ลกู ผา่ นใหเ้ พอ่ื นรว่ มทมี (ไมใ่ ชก่ ารรกุ ) ซงึ่ ไมไ่ ดข้ า้ มตาขา่ ยไปในแดน ของฝา่ ยตรงขา้ ม จะไม่อนุญาตใหส้ กัดกั้นลำ้� เหนือตาขา่ ย ยกเว้นหลงั จากถกู ลูกคร้งั ที่ 3 แลว้ 3. ถ้าผู้สกัดกั้นย่ืนมือล้�ำเหนือตาข่ายและตีบอลนั้นแทนลักษณะของการสกัดกั้น จะถอื วา่ เสยี (การลำ�้ เหนอื ตาขา่ ย หมายถงึ การยนื่ มอื ขนึ้ เหนอื ตาขา่ ยเขา้ ไปในแดนของฝา่ ยตรงขา้ ม) 4. ตามกติกาข้อ 14.6.3 “การสกัดก้ันลูกจากการเสิร์ฟของฝ่ายตรงข้าม” หมายถึง การสกัดกั้นโดยสมบรู ณ์จากลกู ทมี่ าจากการเสริ ์ฟจะถือวา่ เสยี 5. ปจั จบุ นั ไดม้ กี ารอนญุ าตใหล้ กู บอลสามารถถกู สว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกายได้ ถา้ ขณะท�ำการ สกัดกั้นลูกบอลไดถ้ กู เทา้ จะถอื ว่าไม่เสียและยังคงเปน็ การสกัดกั้น กตกิ าข้อ 15 การหยุดการแข่งขนั ตามกตกิ า (Regular game Interruptions) 1. เวลานอกและเวลานอกทางเทคนิค 1.1 ผู้ฝึกสอนต้องแสดงสัญญาณมือเพ่ือขอเวลานอกอย่างเป็นทางการเท่านั้น การยืนร้องขอด้วยวาจาหรือการกดออดสัญญาณเพียงอย่างเดียวผู้ตัดสินมีอ�ำนาจปฏิเสธ การขอเวลานอกนั้น ผู้ตัดสินท่ี 1 สามารถด�ำเนินการลงโทษในกรณีท�ำให้เกมการแข่งขันล่าช้า (ถว่ งเวลา) โดยด�ำเนนิ การลงโทษตามกติกา คมู่ ือผู้ตดั สนิ กฬี าวอลเลยบ์ ล 47

1.2 ผชู้ ว่ ยผบู้ นั ทกึ จะตอ้ งใหส้ ญั ญาณเวลานอกทางเทคนคิ ดว้ ยสญั ญาณออดหลงั จาก ทที่ ีมท�ำคะแนนน�ำถงึ 8 และ 16 คะแนน ในแต่ละเซต (ไม่ใช่เปน็ ความรับผดิ ชอบของผู้ตัดสินที่ 2) ในท�ำนองเดียวกันผู้ช่วยผู้บันทึกจะต้องให้สัญญาณหมดเวลานอกทางเทคนิคและผู้ประกาศ ต้องประกาศว่า “เวลานอกทางเทคนิคครง้ั ที่ 1” เม่อื หมดเวลานอกทางเทคนิค จะตอ้ งประกาศว่า “หมดเวลานอกทางเทคนิค” ซึง่ ในกระบวนการนจ้ี ะใช้กับเวลานอกทางเทคนิคคร้งั ท่ี 2 ดว้ ยเช่นกนั ผตู้ ดั สนิ ท่ี 2 จะตอ้ งมนั่ ใจวา่ ผเู้ ลน่ จะตอ้ งไมเ่ ขา้ ไปในสนามกอ่ นทสี่ ญั ญาณหมดเวลานอกทางเทคนคิ จะดังข้ึน โดยทั่วไปแล้วถ้าเกิดปัญหาบางอย่างเก่ียวกับการท�ำงานของผู้บันทึก ผู้ตัดสินท่ี 2 สามารถตรวจสอบการท�ำงานของเขาได้เชน่ กัน 2. การเปลีย่ นตวั 2.1 ผู้ตัดสินท่ี 2 ต้องยืนระหว่างเสาขึงตาข่ายกับโต๊ะผู้บันทึกคะแนนเว้นแต่ การเปล่ียนตัวน้ันผิดระเบียบ จากนั้นผู้ตัดสินท�ำสัญญาณไขว้แขนเพื่อให้ผู้เล่นเปล่ียนตัวใน เขตเปลยี่ นตัว ในกรณีการเปลยี่ นตัวผเู้ ล่นจ�ำนวนหลายคน ผู้ตดั สนิ ท่ี 2 จะตอ้ งรอให้ผู้บันทกึ แสดง สญั ญาณมอื เมอื่ การบันทึกการเปลี่ยนตวั ของแต่ละคนเสร็จสิ้น 2.2 การเปล่ียนตัวผู้เล่นหลายคนต้องด�ำเนินการในแต่ละคู่ภายในเขตเปลี่ยนตัว โดยการก�ำกับของผู้บันทกึ อย่างไรกต็ ามการเปล่ยี นตวั ผูเ้ ล่นตอ้ งเป็นไปอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยต้องยืน อยู่นอกเขตเปลีย่ นตัว หากไม่ยืนใกลเ้ ขตเปล่ียนตวั ผู้ตดั สนิ จะปฏิเสธโดยไม่มีการลงโทษ 2.3 ข้อส�ำคัญในการเปล่ียนตัวคือผู้เล่นต้องเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและด�ำเนินการ เปล่ยี นตวั อย่างราบรนื่ วธิ กี ารในการเปล่ียนตัวแบบใหม่มุง่ หมายใหเ้ กมการแข่งขันด�ำเนนิ ไปอย่าง ราบรน่ื และหลกี เลย่ี งความลา่ ชา้ ของขนั้ ตอนในการเปลยี่ นตวั หากผเู้ ลน่ ถกู ลงโทษในกรณถี ว่ งเวลา เนอื่ งจากไมพ่ รอ้ มท�ำการเปลย่ี นตวั นนั้ ถอื เปน็ ความรบั ผดิ ชอบของผตู้ ดั สนิ ท่ี 2 และผบู้ นั ทกึ คะแนน โดยไมใ่ ชน้ กหวดี หรอื กรงิ่ สญั ญาณในการปฏเิ สธการเปลย่ี นตวั (กตกิ าขอ้ 15.10.3A และ 15.10.4) 3. กรณนี กั กฬี าบาดเจบ็ รนุ แรงผตู้ ดั สนิ ตอ้ งหยดุ การแขง่ ขนั และอนญุ าตใหแ้ พทยป์ ระจ�ำ ทีมเข้าไปในสนามโดยสอบถามถึงความต้องการในการเปล่ียนตัวของทีม ข้อยกเว้นในการเปล่ียน ตัวเน่ืองจากการบาดเจ็บสามารถกระท�ำได้โดยทีมและไม่ถือเป็นการเปล่ียนตัวปกติ โดยผู้เล่น ท่ีบาดเจ็บไม่สามารถกลับมาเล่นในนัดนั้นได้อีก (กติกาข้อ 15.7) ผู้ตัดสินต้องแยกแยะให้ชัดเจน ระหว่างการเปล่ียนตัวท่ีผิดกติกากับการขอเปล่ียนตัวตามกติกา (ทีมท�ำการเปลี่ยนตัวผิดกติกา, การแขง่ ขนั ในคะแนนนัน้ อกี ครง้ั , และไม่มกี ารบันทกึ โดยผ้บู ันทกึ หรอื ผ้ตู ัดสินที่ 2, กติกาขอ้ 15.9) ส่วนการเปลี่ยนตัวผิดกติกา (กติกาข้อ 16.1.3) ผู้บันทึกหรือผู้ตัดสินต้องด�ำเนินการปฏิเสธ และลงโทษถ่วงเวลา 48 ค่มู อื ผู้ตดั สนิ กีฬาวอลเลยบ์ ล

4. การขอเปลี่ยนตัวก่อนเร่ิมต้นเซตน้ันสามารถท�ำได้และจะต้องมีการบันทึกการขอ เปล่ียนตัวนใ้ี นเซตนั้นๆ โดยผู้ฝึกสอนต้องท�ำสญั ญาณมอื ขอเปลย่ี นตวั 5. ผู้ตัดสินจะต้องศึกษาและท�ำความเข้าใจให้ถ่องแท้ในกติกาที่เกี่ยวกับ “การขอหยุด การแขง่ ขนั ทผ่ี ดิ กตกิ า” (Improper request) (กตกิ าขอ้ 15.6) ซง่ึ ควรท�ำความเขา้ ใจในเรอ่ื งตา่ งๆ คอื 5.1 ความหมายของการขอหยุดการแข่งขันท่ีผิดกติกา 5.2 มกี รณีใดบ้างท่ีเป็นการขอหยุดการแข่งขนั ที่ผดิ กตกิ า 5.3 เมื่อเกดิ กรณีตา่ งๆ ขึน้ อะไรคือขบวนการทต่ี ้องท�ำ 5.4 ถ้าทมี ท�ำซ้ำ� อกี ในนัดน้นั จะตอ้ งท�ำอะไรตอ่ ไป ในขณะแข่งขัน ผู้ตัดสินท่ี 1 จะต้องคอยตรวจสอบดูว่าผู้ตัดสินที่ 2 ได้ด�ำเนินการ ถกู ต้องตามกติกาทีเ่ กีย่ วกับ “การขอหยุดการแข่งขันท่ีผดิ กตกิ า” 6. ข้อแตกต่างของการเปล่ียนตัว ลิโบโร่ (กติกาข้อ 19.3.2) กับการเปลี่ยนตัวปกติ เป็นอ�ำ นาจของผตู้ ัดสนิ ที่ 2 หรอื ผู้บนั ทกึ ตามข้อมูลในใบบันทกึ คะแนน (กตกิ าขอ้ 15.5 ถงึ 15.10) โดยผู้ช่วยผู้บันทึกเป็นผู้ทำ�หน้าท่ีบันทึกการเปล่ียนตัว ลิโบโร่ รวมถึงการแต่งต้ังลิโบโร่คนใหม่ลง ในใบบันทึกตัวลิโบโร่ (R-6) โดยการเปลี่ยนตัวทุกครั้งต้องทราบหมายเลขผู้เล่นปกติท่ีเปล่ียนกับ ลโิ บโร่ตลอดเวลา กตกิ าข้อ 16 การถ่วงเวลาการแข่งขนั (Game Delays) 1. ผตู้ ดั สนิ จะตอ้ งท�ำความคนุ้ เคยใหถ้ กู ตอ้ งกบั หลกั การตา่ งๆ เกยี่ วกบั การถว่ งเวลาทกุ ชนดิ รวมท้ังการลงโทษการถ่วงเวลา ย่ิงไปกวา่ นั้นผู้ตัดสินจะต้องมีความเข้าใจอย่างชัดเจนถึงความแตกต่าง ระหว่างการขอหยุดการแข่งขนั ทผี่ ิดกติกากบั การถ่วงเวลา 2. ผู้ตัดสินจะต้องพยายามป้องกันไม่ให้ทีมท�ำการถ่วงเวลาทั้งโดยการเจตนาและไม่เจตนา ตัวอย่างของการถว่ งเวลา : ผู้เล่นถ่วงเวลาการแข่งขัน โดยการขออนุญาตต่อผู้ตัดสิน เพ่ือขอผูกเชือกรองเท้า กรณเี ชน่ น้ี ถงึ แมว้ า่ จะเปน็ การขอครง้ั แรกกต็ ามจะตอ้ งถกู ท�ำโทษการถว่ งเวลา (เตอื นถว่ งเวลา) ทนั ที สาเหตุหลักของการถ่วงเวลา ประกอบด้วย การขอเปล่ียนตัว การขอเวลานอก การขอผูกเชอื กรองเท้า การขอเชด็ พื้น ผู้เล่นคนใดขออนุญาตต่อผู้ตัดสินให้หยุดการเล่นเพื่อผูกเชือกรองเท้า แสดงว่าต้ังใจ ถ่วงเวลาการเล่น จะต้องถูกลงโทษถ่วงเวลา (Delay Sanction) 3. การท�ำโทษส�ำหรับการถ่วงเวลาเป็นการท�ำผิดของทีม ไม่ใช่การท�ำผิดมารยาทของ สมาชกิ ในทมี ซง่ึ หมายความรวมถงึ กรณที ส่ี มาชกิ ทมี คนใดคนหนง่ึ เปน็ สาเหตขุ องการถว่ งเวลาดว้ ย คู่มือผู้ตัดสนิ กฬี าวอลเลย์บ ล 49

4. ส่งิ ส�ำคญั คือ “การเตือนถว่ งเวลาเพยี งแต่แสดงสัญญาณมือเทา่ นน้ั (ใช้สญั ญาณ ท่ี 25 โดยใช้บัตรเหลืองและต้องมีการบันทึกในใบบันทึกในช่องการลงโทษใต้ตัวอักษร “W” แตอ่ ยา่ งไรกต็ าม “การลงโทษถ่วงเวลา” จะตอ้ งแสดงสัญญาณมอื โดยใชบ้ ัตรสแี ดงและบันทกึ ลง ในใบบนั ทึกในช่องการลงโทษใต้ตัวอกั ษร “P” 5. การเช็ดพ้นื จดุ ประสงคห์ ลกั ของการเชด็ พน้ื เพอื่ เปน็ การปอ้ งกนั ผเู้ ลน่ ใหเ้ กดิ ความปลอดภยั ท�ำให้ การแข่งขันไดต้ ่อเนือ่ ง โดยการหลกี เลยี่ งผู้เลน่ ที่จะต้องถพู ้ืนด้วยตนเอง 5.1 เจา้ หนา้ ที่เชด็ พ้ืนและอปุ กรณส์ �ำหรับเช็ดพืน้ 5.1.1 เจ้าหน้าท่ีเช็ดพ้ืนจะใช้เจ้าหน้าที่เช็ดพ้ืนด้านละ 4 คน รวม 2 ด้าน จ�ำนวน 8 คน เจา้ หนา้ ทเี่ ชด็ พน้ื นจี้ ะตอ้ งไดร้ บั การฝกึ เพอื่ ท�ำหนา้ ทนี่ เี้ ปน็ อยา่ งดี และจะเปน็ ประโยชนม์ าก ถา้ เจา้ หนา้ ท่เี ชด็ พ้ืนเคยมปี ระสบการณ์เป็นนักกีฬาวอลเลยบ์ อลมาก่อน 5.1.2 อปุ กรณ์ส�ำหรับเช็ดพน้ื ประกอบด้วย • ทเ่ี ชด็ พ้นื ขนาดกวา้ ง 1 เมตร พร้อมด้ามจบั จ�ำนวน 6 อัน • แตล่ ะดา้ นของเขตอบอนุ่ รา่ งกายจะมที เ่ี ชด็ พน้ื จ�ำนวน 3 อนั อยใู่ กลๆ้ • ผา้ ส�ำหรบั เชด็ พน้ื จ�ำนวน 8 ผนื (ขนาดอยา่ งตำ่� 40 × 40 เซนตเิ มตร และไม่เกนิ 40 × 80 เซนติเมตร) ในจ�ำนวนนี้จะต้องวางไวใ้ กล้ๆ โต๊ะผ้บู ันทกึ 4 ผืน และอกี 4 ผืน อยู่บริเวณเขตอบอุ่นร่างกาย โดยมเี จา้ หน้าท่เี ชด็ พ้นื นั่งอยู่บนเกา้ อ้ขี นาดเล็ก 5.1.3 ต�ำแหน่งของเจ้าหนา้ ที่เช็ดพืน้ (ตามแผนภมู ิ A) 5.1.3.1 เจา้ หนา้ ทเ่ี ชด็ พน้ื เรว็ 1 คนตอ่ 1 ดา้ น (รวม 2 คน) อยดู่ า้ นหลงั ผ้ตู ดั สินท่ี 2 โดยน่งั บนส้นเท้าและพร้อมท่ีจะว่งิ ออกไปเช็ดพ้นื ยงั จดุ ท่เี ปียกไดท้ นั ที 5.1.3.2 เจ้าหน้าทเี่ ช็ดพ้ืน 3 คนต่อ 1 ดา้ น (รวม 6 คน) อยใู่ กล้เขต อบอุน่ ร่างกาย แตล่ ะด้านนัง่ อยู่บนเก้าอี้เต้ยี ๆ (1 ใน 3 คนน้ี จะเปน็ เจ้าหนา้ ทเ่ี ชด็ พืน้ เรว็ ดว้ ย) 5.1.2.3 เจ้าหน้าที่เช็ดพื้นทุกคนจะต้องไม่นั่งบังป้ายโฆษณาที่อยู่รอบๆ สนามแขง่ ขนั โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงทีบ่ ริเวณด้านหลงั ผ้ตู ดั สนิ ท่ี 1 5.2 จะเชด็ พื้นอยา่ งไร เพอื่ ใหเ้ กดิ ความมน่ั ใจวา่ การแขง่ ขนั จะด�ำเนนิ ไปอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง และเพอ่ื ปอ้ งกนั กลวธิ ใี นการท�ำใหเ้ กิดการล่าชา้ สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติจงึ ได้ก�ำหนดแนวทางดงั นี้ 5.2.1 ในขณะท่ีมีการขอเวลานอก หรือเวลานอกทางเทคนิค และช่วงเวลา พกั ระหวา่ งเซต เจา้ หนา้ ทเี่ ชด็ พนื้ ดา้ นละ 3 คน จะเชด็ พน้ื พรอ้ มๆ กนั เปน็ กลมุ่ เดยี ว โดยเจา้ หนา้ ที่ เชด็ พน้ื 3 คน ทอ่ี ยใู่ กลๆ้ เขตอบอนุ่ รา่ งกายจะตอ้ งน�ำทเ่ี ชด็ พน้ื ทมี่ ดี า้ มมาทเี่ สน้ ขา้ งบรเิ วณแดนหนา้ ใกล้กับผู้ตัดสินท่ี 2 เจ้าหน้าท่เี ชด็ พนื้ ในแตล่ ะดา้ นของสนามจะเรม่ิ เช็ดพ้นื พร้อมๆ กัน (ตามแผนภูมิ A) 50 คมู่ อื ผตู้ ดั สินกฬี าวอลเลยบ์ ล

5.2.2 ในขณะท่ลี ูกตาย (ในแตล่ ะคร้งั ท่ีหยุดเล่นลกู ) ถ้ามีความจ�ำเป็น 5.2.2.1 เม่ือเจ้าหน้าที่เช็ดพ้ืนเร็วสังเกตเห็นจุดที่เปียกบนสนาม ให้ยกมือข้ึน 1 ข้าง ให้สัญญาณว่ามีจุดเปียก และคอยจนกวา่ จะจบการเล่นลูกน้ัน เม่ือผู้ตัดสิน เป่านกหวีดว่าเปน็ ลูกตายให้เจา้ หน้าทเ่ี ชด็ พ้นื เรว็ ทยี่ กมอื วิ่งเขา้ ไปเช็ดพื้นทนั ทีดว้ ยผ้าเช็ดพืน้ 2 ผนื โดยวงิ่ อยา่ งเรว็ ไปทจ่ี ดุ เปยี ก ในแตล่ ะดา้ นเจา้ หนา้ ทเี่ ชด็ พน้ื เรว็ ทน่ี งั่ อยหู่ ลงั ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 หรอื ผตู้ ดั สนิ ที่ 2 จะรบั ผิดชอบเช็ดพื้นบริเวณแดนหน้าของสนาม เจ้าหน้าท่ีเช็ดพื้นที่นั่งอยู่ใกล้เขตอบอุ่นร่างกายท้ังสองด้านจะรับผิดชอบดูแล ในบริเวณแดนหลงั โดยการวง่ิ ไปที่จดุ ที่เปียกอย่างเรว็ ทนั ทีทีผ่ ้ตู ดั สนิ เป่านกหวดี ให้เป็น “ลูกตาย” ถา้ มจี ดุ ทเี่ ปยี กมากกวา่ 1 แหง่ จดุ ทจี่ ะตอ้ งเชด็ เปน็ อนั ดบั แรกคอื ในบรเิ วณแดนหนา้ จุดเปยี กในแดนหลงั หรือบริเวณนอกสนามจะเปน็ ล�ำดับรองลงไป 5.2.2.2 ทนั ทหี ลงั จากทเี่ ชด็ พนื้ อยา่ งเรว็ แลว้ เจา้ หนา้ ทเี่ ชด็ พน้ื จะตอ้ งรบี วง่ิ ออกจาก สนามกลับไปยังต�ำแหน่งท่ีน่งั โดยใช้ระยะทางท่สี ้ันทีส่ ดุ 5.2.2.3 เวลาท่ีใช้เช็ดพ้ืนต้องอยู่ระหว่าง 6-8 วินาที ซึ่งอยู่ในช่วงระหว่าง เมอ่ื ผตู้ ดั สนิ เปา่ นกหวดี ใหเ้ ปน็ ลกู ตาย จนเมอ่ื ผตู้ ดั สนิ ที่ 1 เปา่ นกหวดี เพอ่ื ใหเ้ สริ ฟ์ ครงั้ ตอ่ ไป จะตอ้ ง ไมใ่ หเ้ กดิ ความลา่ ชา้ ต่อการแขง่ ขนั โดยเจา้ หน้าท่ีเช็ดพนื้ เปน็ อันขาด 5.2.2.4 ผู้ตัดสินจะไม่เข้าไปเก่ียวข้องกับการด�ำเนินการของเจ้าหน้าที่เช็ดพ้ืน แตอ่ ยา่ งไรกต็ ามผตู้ ดั สนิ ที่ 1 มอี �ำนาจทจ่ี ะใหเ้ จา้ หนา้ ทเ่ี ชด็ พนื้ ไดป้ ฏบิ ตั หิ นา้ ทใ่ี หเ้ ปน็ ไปตามขอ้ ก�ำหนด เฉพาะในกรณีที่เจ้าหนา้ ท่ีเชด็ พื้นปฏบิ ัติหน้าท่ไี ด้ไมส่ มบูรณห์ รอื รบกวนตอ่ การแข่งขนั 5.2.2.5 ผเู้ ลน่ หรอื ผฝู้ กึ สอนไมม่ สี ทิ ธข์ิ อใหเ้ จา้ หนา้ ทเ่ี ชด็ พนื้ ท�ำการเชด็ พนื้ บรเิ วณ ทเี่ ปยี กหรือใหค้ �ำแนะน�ำในขณะก�ำลงั เช็ดพนื้ 5.3 ความรบั ผดิ ชอบของผ้เู ล่น ถ้าผู้เล่นจะท�ำการเช็ดพื้นด้วยตนเองด้วยผ้าของตนเอง ผู้ตัดสินที่ 1 จะต้องไม่รอ จนกระท่ังผู้เล่นได้เช็ดพ้ืนเสร็จและได้กลับเข้าอยู่ในต�ำแหน่งการเล่น ท้ังน้ีขณะที่มีการเสิร์ฟอยู่ และผเู้ ลน่ อยใู่ นต�ำแหนง่ ที่ไมถ่ ูกต้อง ผตู้ ัดสินที่รับผดิ ชอบจะต้องท�ำโทษลกั ษณะการผดิ ต�ำแหนง่ 5.4 ความรบั ผิดชอบของคณะกรรมการควบคมุ การแขง่ ขัน ถ้าสภาพอากาศไม่เหมาะสมและเกิดบริเวณท่ีเปียกในแดนหน้าจนมองเห็นได้เฉพาะ คณะกรรมการควบคุมการแข่งขันเท่าน้ันท่ีมีสิทธิ์ขอให้ผู้ตัดสินที่ 2 แจ้งเจ้าหน้าท่ีเช็ดพ้ืนให้ท�ำหน้าท่ี หลังจากสิ้นสดุ การเล่นลูกในทันทแี ละเมอ่ื เช็ดเสรจ็ จะต้องรีบกลับไปยงั ทต่ี ามเดิมทันที คูม่ ือผูต้ ัดสินกฬี าวอลเลย์บ ล 51

กตกิ าขอ้ 17 การหยดุ การแขง่ ขนั ในกรณที ไี่ ดร้ บั การยกเวน้ (Exceptional game Interruptions) • ถ้าผู้เล่นได้รับบาดเจ็บไม่สามารถเปล่ียนตัวตามปกติผู้ฝึกสอนมีสิทธิ์ขอเปล่ียนตัว ทไี่ ดร้ บั การยกเวน้ (กรณีพเิ ศษ) ไดก้ บั ผู้เลน่ ที่ไมอ่ ยใู่ นเขตเลน่ ลกู (ยกเว้นลโิ บโร่ หรอื ผ้ทู ี่เปล่ียนตวั กบั ลโิ บโร)่ และในกรณนี ผ้ี เู้ ลน่ ทบ่ี าดเจบ็ นนั้ จะไมม่ สี ทิ ธล์ิ งแขง่ ขนั ไดอ้ กี จนกวา่ จะจบการแขง่ ขนั ในนดั นน้ั • หากผู้เล่นที่บาดเจ็บไม่สามารถเปล่ียนตัวตามปกติหรือเปล่ียนตัวในกรณีพิเศษได้ ผ้เู ลน่ คนนน้ั สามารถหยดุ พักเพอ่ื ปฐมพยาบาลได้ 3 นาที แต่จะท�ำไดเ้ พยี งครัง้ เดียวในนัดนน้ั กติกาข้อ 18 การหยุดพักและการเปลยี่ นแดน (Interval and changes of courts) 1. ในชว่ งเวลาพกั ระหวา่ งเซต ผเู้ ลน่ สามารถใชล้ กู บอลเพอื่ อบอนุ่ รา่ งกายในพน้ื ทรี่ อบสนามได้ (ยกเวน้ ลกู บอลส�ำหรับแข่งขนั ) 2. ในเซตตัดสิน หลังจากที่ทีมน�ำท�ำคะแนนท่ี 8 ทั้งสองทีมต้องเปลี่ยนแดนกัน (ถ้าคะแนนที่ 8 ท�ำไดโ้ ดยฝา่ ยรับ หลังจากเปลี่ยนแดนแล้วทีมน้นั จะตอ้ งหมุนต�ำแหน่ง 1 ต�ำแหน่ง กอ่ นทจ่ี ะมีการเสริ ฟ์ ซึ่งจะต้องตรวจโดยผู้บนั ทึกและผู้ตดั สินท่ี 2 3. ในชว่ งเวลาพกั ระหวา่ เซต ลกู บอลทง้ั 3 ลกู จะตอ้ งอยทู่ เ่ี จา้ หนา้ ทกี่ ลงิ้ ลกู บอลหมายเลข 2 และ 5 (จะต้องไม่ใหผ้ เู้ ล่นน�ำไปใชเ้ พ่ืออบอนุ่ ร่างกาย) ก่อนเริม่ ในเซตตดั สนิ ผู้ตัดสินท่ี 2 จะต้อง สง่ ลกู บอลใหผ้ เู้ สริ ฟ์ คนแรก ในชว่ งขอเวลานอก การเปลย่ี นตวั และการเปลย่ี นแดนเมอ่ื คะแนนที่ 8 ในเซตตดั สิน ผูต้ ดั สินที่ 2 จะต้องไม่เกบ็ ลกู บอลไว้ ซ่งึ ลูกบอลจะต้องอยู่กับเจ้าหนา้ ทีก่ ล้ิงลกู บอล กตกิ าขอ้ 19 ผ้เู ล่นตวั รับอสิ ระ (ลิโบโร่) (The Libero Player) 1. ในกรณที มี มี “ลิโบโร่ 2 คน” ที่ลงในสนามคนที่ 1 (Acting Libero) ต้องบนั ทกึ เป็น ชอื่ แรกในบรรทดั แรกของชอ่ งทเ่ี ตรยี มไวส้ �ำหรบั ลโิ บโรใ่ นใบบนั ทกึ คะแนนโดยผฝู้ กึ สอนเปน็ ผลู้ งชอื่ รบั รองในใบบนั ทึก 2. ผฝู้ กึ สอนสามารถเปลยี่ นลโิ บโร่ คนท่ี 1 กับลโิ บโรส่ �ำรองได้ตลอดเวลา 3. ในกรณีที่ลิโบโร่บาดเจ็บและไม่มีลิโบโร่ส�ำรองภายในทีมผู้ฝึกสอนสามารถขอแตง่ ตง้ั นักกีฬาท่ีอยู่นอกสนามแทนลิโบโร่ที่บาดเจ็บได้ (ยกเว้นนักกีฬาที่เปลี่ยนตัวกับลิโบโร่ที่บาดเจ็บ ซึ่งอยู่นอกสนาม) (กติกาข้อ 19.4.2) พึงระวังเกี่ยวกับการแต่งต้ังผู้เล่นลิโบโร่ใหม่นั้นเป็นทางเลือก ของผฝู้ กึ สอนนน้ั จะใชห้ รอื ไมใ่ ชก้ ไ็ ดโ้ ดยวธิ กี ารเดยี วกบั การเปลย่ี นลิโบโร่กบั ผเู้ ลน่ ปกตถิ ้าการแต่งต้ังนั้น ถ้าลิโบโร่ในสนาม (Acting Libero) ไม่สามารถเล่นต่อได้ เขาสามารถเปล่ียนกับผู้เล่นปกติ ท่ีเปลี่ยนออกได้ หรือเปล่ียนกับลิโบโร่ที่ต้ังใหม่ได้ทันที แต่อย่างไรก็ตามลิโบโร่ที่ถูกแจ้งว่าไม่สามารถ เล่นต่อได้น้ัน จะกลับเข้ามาเล่นอีกไม่ได้ในนัดนั้น ท้ังนี้ผู้ฝึกสอนหรือหัวหน้าทีม (ถ้าผู้ฝึกสอนไม่มา) สามารถติดต่อกบั ผตู้ ัดสินที่ 2 เพอ่ื แจ้งการแตง่ ตัง้ ลิโบโรใ่ หม่ 52 ค่มู ือผู้ตัดสินกีฬาวอลเลยบ์ ล

4. ขอ้ พงึ ระวงั ของความแตกตา่ งระหวา่ งการเปลย่ี นตวั ทไี่ ดร้ บั การยกเวน้ (จากการบาดเจบ็ ของผู้เล่นปกติ) กับการแต่งตั้งลิโบโร่ที่ได้รับการบาดเจ็บ ผู้เล่นคนใด (ยกเว้นลิโบโร่/และผู้เล่น ทเ่ี ปลย่ี นลโิ บโร่) ทไ่ี มส่ ามารถเลน่ ตอ่ ได้ เนอ่ื งจากบาดเจบ็ จะตอ้ งเปลยี่ นตวั ตามปกติ ถา้ ไมส่ ามารถ เปลยี่ นตัวตามปกตไิ ด้ ทีมสามารถขอเปล่ยี นตัวในกรณพี ิเศษได้ ในการแต่งต้งั ตวั รับอิสระคนใหม่ กับผู้เล่นคนอื่นที่อยู่นอกสนามสามารถกระท�ำได้ (ยกเว้น ผู้เล่นท่ีเปล่ียนกับลิโบโร่ในสนาม หรือ ลิโบโร่ท่ีถูกห้ามเล่นในเซตน้ันหรือนัดน้ัน) โดยผู้ตัดสินพึงระวังถึงคุณสมบัติของลิโบโร่ที่จะถูก แต่งต้งั ใหม่จากการรอ้ งขอของผฝู้ ึกสอน 5. เพ่ือเน้นความเข้าใจในการตีความข้อ 19.3.2 การเปล่ียนลิโบโร่ ผู้ตัดสิน ตอ้ งระวงั ความแตกตา่ งการตคี วามกตกิ าขอ้ 25.2.2.2 ควบคมุ ต�ำแหนง่ /ล�ำดบั การเสริ ฟ์ หากมกี าร ผดิ ต�ำแหนง่ /ล�ำดบั การเสริ ฟ์ เมอ่ื ใด ผบู้ นั ทกึ ตอ้ งแจง้ ใหผ้ ตู้ ดั สนิ ทราบทนั ทหี ลงั จากท�ำการเสริ ฟ์ แลว้ และกติกาข้อ 26.2.2.2 ผู้ช่วยผู้บันทึกต้องแจ้งต่อผู้ตัดสินเม่ือมีการเปล่ียนลิโบโร่ที่ผิดระเบียบ โดยใช้ออดให้สัญญาณทันทีหลังจากท�ำการเสิร์ฟแล้ว และกติกาข้อ 7.7.2 หากผู้ช่วยผู้บันทึก เกดิ ความผดิ พลาด ผบู้ นั ทกึ ตอ้ งหยดุ การแขง่ ขนั ทนั ทที มี่ กี ารผดิ ต�ำแหนง่ เกดิ ขน้ึ และคะแนนทท่ี �ำได้ ท้ังหมดขณะผดิ ต�ำแหนง่ ต้องยกเลิกส่วนคะแนนของทีมตรงข้ามใหค้ งไวต้ ามเดิม 6. การแข่งขันท่ีสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติรับรองอนุญาตให้ลิโบโร่ที่ได้รับบาดเจ็บ กลบั มาเล่นในนดั ถดั ไปได้ โดยการพิจารณาของคณะการจดั การแข่งขันในรายการนัน้ 7. ผเู้ ลน่ ลโิ บโรส่ ามารถถกู ใหง้ ดการเลน่ โดยผฝู้ กึ สอนหรอื หวั หนา้ ทมี (กรณที ผ่ี ฝู้ กึ สอนไมอ่ ย)ู่ เนอื่ งจากการบาดเจ็บ ป่วย ถูกลงโทษ หรอื ถูกให้ออกจากการแข่งขนั กติกาข้อ 20 ลักษณะของมารยาทท่ีดี และกติกาข้อ 21 การผิดมารยาทและการลงโทษ (Misconduct and its Sanctions) 1. มีความจ�ำเป็นอย่างย่ิงในเรื่องของการประยุกต์ใช้กติกาภายใต้กรอบของการมีน้�ำใจ นักกีฬา การเข้าใจกติกาและระดับการลงโทษแบบใหม่ 2. ผู้ตัดสินไม่ควรมองข้ามการให้ความส�ำคัญในกติกาข้อ 21.2.1 เกี่ยวกับพฤติกรรม ของผู้ร่วมการแข่งขันท่ีแสดงถึงความเคารพและความสุภาพต่อคณะกรรมการควบคุมการแข่งขัน คู่แข่งขนั และผู้ชม 3. กตกิ าขอ้ 21.1 ไดร้ ะบวุ า่ การท�ำผดิ มารยาทเลก็ นอ้ ยจะตอ้ งไมม่ กี ารลงโทษในครง้ั แรก จะต้องไม่มีการลงโทษเพียงแต่ใช้การเตือนด้วยวาจาหรือสัญญาณมือผ่านยังหัวหน้าทีมหรือเพื่อน รว่ มทมี คนอน่ื ๆ (ไมม่ กี ารใชบ้ ตั ร ไมต่ อ้ งบนั ทกึ ในใบบนั ทกึ ) หากเกดิ ขน้ึ อกี ในครงั้ ที่ 2 ใหใ้ ชใ้ บเหลอื ง ให้กับผู้ร่วมทีม โดยไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด (แต่ต้องมีการบันทึกในใบบันทึก) ท้ังนี้ข้ึนอยู่กับ ดุลยพนิ ิจของผู้ตัดสนิ ที่ 1 คมู่ อื ผตู้ ัดสินกฬี าวอลเลย์บ ล 53

4. กตกิ าขอ้ 21.2 พฤตกิ รรมทนี่ �ำไปสกู่ ารลงโทษจากการกระท�ำทก่ี า้ วรา้ ว (OFFENSIVE CONDUCT) ได้แก่ การสบประมาท ใช้ค�ำพูดหรือท่าทางที่เป็นการดูถูกเหยียดหยาม ในกรณี การใช้ความรุนแรง (AGGRESSION) ได้แก่ การท�ำร้ายร่างกาย การรุกราน หรือพฤติกรรมข่มขู่ ตอ้ งถูกลงโทษ โดยมกี ารบนั ทกึ ในใบบนั ทึกตามตารางทก่ี �ำหนด หากการแสดงพฤติกรรมดงั กล่าว เกดิ ขึน้ อีกต้องท�ำการลงโทษในระดับท่ีสูงขน้ึ 5. การปฏบิ ตั กิ ารลงโทษในการท�ำผดิ มารยาทของสมาชกิ ของทมี นนั้ ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 จะเปน็ ผตู้ ัดสนิ ใจโดย 5.1 ผเู้ ลน่ ท่ีอยใู่ นสนาม : ผตู้ ัดสนิ ท่ี 1 ต้องเปา่ นกหวดี (เมือ่ บอลตาย เว้นแต่เป็นการผดิ มารยาททีร่ นุ แรง) และ เรียกผูเ้ ล่นทกี่ ระท�ำผิดเข้าไปใกลเ้ ก้าอ้ีผตู้ ัดสนิ เม่อื ผ้เู ล่นเขา้ ใกล้เกา้ อผ้ี ู้ตดั สนิ ผ้ตู ดั สนิ ที่ 1 จะแสดง บัตรลงโทษตามแต่กรณีและพูดว่า “ผมลงโทษโดย (ทีมตรงข้ามได้คะแนนและได้เสิร์ฟ/เชิญออก จากการแข่งขัน/ตดั สิทธิจ์ ากการแข่งขัน)” กตกิ าขอ้ 22 คณะกรรมการ 1. สิ่งส�ำคัญท่ีผู้ตัดสินจะให้สัญญาณหยุดการเล่นลูกในแต่ละครั้งน้ันจะต้องเป็นไปตาม เงอื่ นไข 2 ประการ คอื 1.1 ตอ้ งม่ันใจว่าเป็นการท�ำผิดจริง หรอื เกดิ เหตุขดั ข้องอ่นื ๆ 1.2 ตอ้ งสามารถระบคุ วามผดิ นัน้ ได้ 2. เมื่อผู้ตัดสินเป่านกหวีดจะต้องสามารถบอกกับทีมถึงความผิดได้อย่างถูกต้อง (เพอื่ ใหผ้ ้ชู ม หรือผู้ชมทางโทรทัศน์ และอื่นๆ ไดท้ ราบ) โดยใช้สญั ญาณมอื ที่เปน็ ทางการ (ดกู ตกิ า ข้อ 22.2 และ 22.1) เฉพาะสัญญาณมอื เหลา่ น้เี ทา่ นั้นที่สามารถใช้ จะไมม่ ีการใช้สญั ญาณอืน่ ๆ (สญั ญาณของแตล่ ะประเทศหรอื สญั ญาณมือส่วนตวั หรอื ความเคยชนิ ทเี่ คยปฏิบตั ิ) 3. เนอ่ื งจากความเรว็ ของลกู บอลมมี าก ปญั หาตา่ งๆ อาจเกดิ ขน้ึ จากความผดิ พลาดของ การตดั สนิ ดงั นนั้ เพอ่ื เปน็ การปอ้ งกนั ปญั หาน้ี คณะกรรมการตดั สนิ จะตอ้ งมกี ารประสานงานกนั อยา่ งใกลช้ ดิ หลังจากการเล่นลกู แตล่ ะครั้ง เขาควรท่ีจะดหู รือประสานกับผูท้ เ่ี ก่ยี วขอ้ งเพ่ือยนื ยันการตัดสินน้ัน กติกาข้อ 23 ผ้ตู ัดสินที่ 1 (First Referee) 1. ผตู้ ดั สนิ ที่ 1 จะตอ้ งประสานงานกบั เจา้ หนา้ ทที่ เี่ กย่ี วขอ้ งตลอดเวลา (ไดแ้ ก่ ผตู้ ดั สนิ ที่ 2 ผู้ก�ำกับเส้น ผู้บันทึก) โดยจะต้องให้เจ้าหน้าที่เหล่านั้นได้ปฏิบัติหน้าท่ีตามความรับผิดชอบและ อ�ำนาจหนา้ ที่ ผูต้ ดั สนิ ที่ 1 ควรยนื ปฏิบตั ิหนา้ ท่ใี นขณะท�ำหน้าท่ี 54 คมู่ ือผู้ตัดสินกีฬาวอลเลยบ์ ล

ตัวอย่างเช่น เม่ือผู้ตัดสินที่ 1 เป่านกหวีดเพื่อหยุดการเล่น ควรจะดูเจ้าหน้าท่ีอื่นๆ ที่เกีย่ วข้อง และเป็นผูต้ ัดสนิ ใจครั้งสดุ ท้าย โดยการแสดงสัญญาณมือดงั นี้ 1.1 ขณะจะตัดสินว่าเป็นลูกดีหรือลูกออก ควรจะดูที่ผู้กับก�ำเส้นท่ีรับผิดชอบเส้นนั้น ทอี่ ยใู่ กลก้ บั จดุ ทลี่ กู บอลตก (ถงึ แมว้ า่ ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 จะไมใ่ ชผ่ กู้ �ำกบั เสน้ แตโ่ ดยทวั่ ๆ ไปแลว้ ถา้ มคี วามจ�ำเปน็ มีสทิ ธิ์ใหค้ �ำแนะน�ำเพ่ือนร่วมงานได้ 1.2 ในขณะแข่งขัน ผู้ตัดสินที่ 1 จะต้องพยายามดูผู้ตัดสินท่ี 2 อยู่เสมอ (หากเป็นไปได้ภายหลังจบการเล่นลูกแต่ละครั้ง และก่อนให้สัญญาณนกหวีดส�ำหรับการเสิร์ฟ แต่ละครง้ั ) ซ่ึงผตู้ ัดสนิ ท่ี 2 ได้หนั หน้ามาทางผตู้ ัดสนิ ที่ 1 เพ่ือดวู ่าได้ให้สัญญาณความผิดหรือไม่ เช่น การเล่นลูก 4 ครง้ั การเลน่ ลกู 2 คร้ัง เป็นต้น 2. ปัญหาท่ีเก่ียวกับลูกบอลออก โดยถูกผู้เล่นฝ่ายรับก่อน (เช่น ถูกผู้สกัดก้ัน เป็นต้น) กรณีน้ีจะต้องตรวจสอบโดยผู้ตัดสินท่ี 1 และผู้ก�ำกับเส้น แต่อย่างไรก็ตามผู้ตัดสินท่ี 1 จะเป็น ผตู้ ดั สนิ ใจครงั้ สดุ ทา้ ยกอ่ นทจ่ี ะใหส้ ญั ญาณมอื หลงั จากไดด้ กู ารใหส้ ญั ญาณจากเพอื่ นรว่ มงานอนื่ ๆ แลว้ (ผู้ตดั สนิ จะต้องไมใ่ ชว้ ธิ กี ารถามผเู้ ล่นวา่ ลูกบอลไดถ้ ูกผู้เลน่ หรอื ไม่) 3. ผู้ตัดสินท่ี 1 จะต้องม่ันใจตลอดเวลาว่าได้ให้เวลาส�ำหรับผู้ตัดสินที่ 2 และผู้บันทึก อยา่ งพอเพยี งในการด�ำเนนิ การ และการจดบนั ทกึ ตา่ งๆ เชน่ ผบู้ นั ทกึ มเี วลาพอเพยี งในการตรวจสอบ ความถูกต้องของการขอเปล่ียนตัวและได้บันทึกการเปลี่ยนตัวน้ัน ถ้าผู้ตัดสินท่ี 1 ถ้าผู้ตัดสินที่ 1 ไม่ได้ให้เวลาอย่างพอเพียงต่อเพ่ือนร่วมงานในการปฏิบัติหน้าท่ีน้ัน ท้ังผู้บันทึกและผู้ตัดสินท่ี 2 จะไมส่ ามารถด�ำเนนิ การในชว่ งตอ่ ไปของการแขง่ ขนั ได้ ผลทเี่ กดิ ขน้ึ คอื ความผดิ พลาดตา่ งๆ จะเกดิ ขน้ึ โดยคณะกรรมการตัดสินนั้น ถ้าผู้ตัดสินท่ี 1 ไม่ได้ให้เวลาอย่างพอเพียงส�ำหรับการควบคุม และ การด�ำเนนิ การต่างๆ แล้ว ผตู้ ดั สนิ ท่ี 2 จะต้องเปา่ นกหวดี เพ่ือให้หยุดการแข่งขนั 4. ผตู้ ดั สนิ ที่ 1 สามารถเปลยี่ นค�ำตดั สนิ ของเพอ่ื นรว่ มงานหรอื ของตนเองได้ ถา้ ผตู้ ดั สนิ ที่ 1 เป่านกหวดี และเห็นเพอื่ นร่วมงาน (เช่นผตู้ ัดสนิ ที่ 2 ผ้กู �ำกับเส้น หรือผบู้ นั ทกึ ) ได้แสดงการตดั สนิ ทเี่ ปน็ ลกั ษณะตรงขา้ มกบั ตนเอง เขาสามารถด�ำเนินการไดด้ ังนี้ 4.1 ถ้าผตู้ ัดสนิ ที่ 1 มั่นใจวา่ การตดั สินใจของตนเองถกู ต้องใหค้ งค�ำตัดสนิ นั้นไว้ 4.2 ถ้าผู้ตัดสินที่ 1 เหน็ วา่ การตดั สนิ ใจของตนเองผิดพลาด สามารถเปล่ียนค�ำตดั สินได้ 4.3 ถา้ ผตู้ ดั สนิ ท่ี1เหน็ วา่ ความผดิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ เปน็ การท�ำผดิ ของผเู้ ลน่ พรอ้ มกนั ทงั้ สองทมี จะตอ้ งใหส้ ญั ญาณให้เล่นใหม่ 4.4 ถ้าผู้ตัดสินที่ 1 พิจารณาเห็นวา่ ค�ำตัดสินของผู้ตัดสินที่ 2 ผิดพลาดให้เปลี่ยน ค�ำตัดสินนั้น เช่น ถ้าผู้ตัดสินที่ 2 เป่าให้สัญญาณว่าฝ่ายรับผิดต�ำแหน่ง แต่หลังจากผู้ตัดสินที่ 1 ไดร้ บั ค�ำทกั ทว้ งจากหวั หนา้ ทมี และพบวา่ ต�ำแหนง่ ถกู ตอ้ ง กรณเี ชน่ นจ้ี ะตอ้ งไมย่ อมรบั ค�ำตดั สนิ ของ ผตู้ ดั สนิ ท่ี 2 และสง่ั ใหม้ กี ารเล่นใหม่ คู่มือผตู้ ดั สนิ กีฬาวอลเลย์บ ล 55

5. ถ้าผตู้ ัดสนิ ท่ี 1 พบว่า เจา้ หนา้ ท่ีคนใดไมเ่ ขา้ ใจในหนา้ ท่ีของตนเองหรอื ปฏิบตั หิ นา้ ที่ โดยไมเ่ ท่ยี งตรง ผู้ตดั สนิ ที่ 1 สามารถเปลี่ยนเจา้ หนา้ ท่เี หลา่ น้นั ได้ 6. เฉพาะผู้ตัดสินที่ 1 เท่านั้นท่ีสามารถลงโทษการผิดมารยาทและการถ่วงเวลา ซึ่งผู้ตัดสินท่ี 2 ผู้บันทึก และผู้ก�ำกับเส้นไม่มีสิทธ์ิ ถ้าเจ้าหน้าท่ีคนใดสังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ ควรจะให้สัญลักษณ์และไปพบผู้ตัดสินท่ี 1 เพ่ือแจ้งให้ผู้ตัดสินท่ี 1 ได้ทราบถึงส่ิงต่างๆ ที่เกิดขึ้น และผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 เทา่ นน้ั ทจ่ี ะพจิ ารณาลงโทษ กติกาขอ้ 24 ผู้ตัดสินที่ 2 (Second Referee) 1. ผู้ตัดสนิ ท่ี 2 จะตอ้ งมีศกั ยภาพเชน่ เดียวกนั กบั ผ้ตู ดั สนิ ท่ี 1 ถา้ ผ้ตู ดั สนิ ท่ี 1 เกิดการล้มป่วย ผู้ตัดสินท่ี 2 จะต้องปฏบิ ตั หิ น้าท่ีด�ำเนินการแข่งขนั แทนผตู้ ัดสินท่ี 1 2. หนา้ ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบของผตู้ ดั สนิ ที 2 ไดก้ �ำหนดไวอ้ ยา่ งชดั เจนในกตกิ า ผตู้ ดั สนิ ควรจะท�ำการศกึ ษาถงึ ความรบั ผดิ ชอบของผตู้ ดั สนิ ท่ี 2 ใหล้ กึ ซง้ึ โดยจะตอ้ งเขา้ ใจวา่ ในขณะแขง่ ขนั มกี รณใี ดบา้ งทผ่ี ตู้ ดั สนิ ที่ 2 จะตอ้ งตดั สนิ ใจเปา่ นกหวดี และใหส้ ญั ญาณการท�ำผดิ (ดกู ตกิ าขอ้ 24.3.2) 3. การเลน่ บริเวณใกล้ตาข่าย ผูต้ ดั สินที่ 2 ต้องระมัดระวงั ในการควบคมุ การถกู ตาข่าย ของฝ่ายสกัดกั้น การล้�ำเส้นแบ่งแดนและการสกัดก้ันที่ผิดกติกาของผู้เล่นฝ่ายรับ พึงระวังกติกา ท่ีมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการถูกตาข่ายของผู้เล่นซ่ึงไม่ผิดกติกา เว้นแต่เป็นการถูกตาข่ายน้ัน เปน็ การรบกวน/กดี ขวางการเลน่ ซ่ึงถอื ว่าผดิ กติกา 4 ผู้ตัดสินที่ 2 จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดทั้งก่อนและขณะการแข่งขันว่าผู้เล่น อยใู่ นต�ำแหนง่ ทถี่ กู ตอ้ งตามใบสง่ ต�ำแหนง่ ของทมี ในขณะปฏบิ ตั หิ นา้ ทผี่ ตู้ ดั สนิ ท่ี 2 จะไดร้ บั การสนบั สนนุ จากผู้บันทึกซึ่งสามารถบอกได้ว่าผู้เล่นคนใดอยู่ในต�ำแหน่งที่ 1 (ผู้เสิร์ฟ) โดยปกติแล้วสามารถ ตรวจสอบได้โดยการหมุนใบส่งต�ำแหน่งตามเข็มนาฬิกา ก็จะทราบได้ทันทีเกี่ยวกับล�ำดับต�ำแหน่ง ของแต่ละทีมท่ีถกู ตอ้ ง ขณะทม่ี กี ารตรวจสอบต�ำแหน่งนัน้ ผ้ตู ัดสนิ ที่ 2 ควรยืนอยใู่ นต�ำแหนง่ ท่ี 2 ของแดนดา้ นซา้ ย หรอื ต�ำแหนง่ ท่ี 4 ของแดนดา้ นขวาหนั หนา้ เขา้ หาตาขา่ ย และระบตุ �ำแหนง่ ของผเู้ ลน่ ตามทีร่ ะบุไว้ในใบสง่ ต�ำแหนง่ โดยเริม่ จากผ้เู ลน่ ในต�ำแหน่งที่ 1 5. ผตู้ ดั สนิ ที่ 2 จะตอ้ งระมดั ระวงั เอาใจใสเ่ กยี่ วกบั พนื้ ทร่ี อบสนามจะตอ้ งเปน็ บรเิ วณทวี่ า่ ง ปราศจากสง่ิ กดี ขวางใดๆ ซง่ึ จะเปน็ สาเหตใุ หผ้ เู้ ลน่ ไดร้ บั บาดเจบ็ (เชน่ ขวดนำ�้ ดม่ื เครอื่ งปฐมพยาบาล ป้ายเปลีย่ นตวั เป็นต้น) 6. ในชว่ งเวลานอกและเวลานอกทางเทคนคิ ผตู้ ดั สนิ ท่ี 2 ไมค่ วรยนื อยนู่ งิ่ โดยด�ำเนนิ การ ดังตอ่ ไปนี้ • ตรวจสอบการท�ำงานของเจา้ หนา้ ทเ่ี ชด็ พน้ื เพอื่ ใหแ้ นใ่ จวา่ อยใู่ นต�ำแหนง่ และด�ำเนนิ การ ตรงตามก�ำหนดเวลา โดยพร้อมเพรยี งกัน 56 คู่มือผตู้ ัดสินกีฬาวอลเลย์บ ล

• ควบคุมทีมแข่งขนั ใหอ้ ยใู่ กล้มา้ นั่งผู้เลน่ ส�ำรอง • ควบคุมการท�ำงานของผู้บันทึก • ประสานงานการควบคมุ ต�ำแหน่งลิโบโรร่ ว่ มกับผู้ช่วยผบู้ ันทึก • ตรวจสอบการท�ำงานของเจา้ หน้าทเ่ี ช็ดพื้นอกี คร้งั เมือ่ เสร็จสน้ิ • ประสานงานรว่ มกบั ผู้ตัดสินที่ 1 (ถ้าจ�ำเปน็ ) • ควบคุมผู้เล่นเข้าสู่สนาม ก่อนสิ้นสุดเวลานอกและก�ำกับการเปล่ียนตัวลิโบโร่กับ ผ้เู ล่นปกติใหถ้ ูกตอ้ ง 7. เมอ่ื สิ้นสดุ การแข่งขนั ผตู้ ดั สนิ ที่ 2 ตอ้ งตรวจสอบและลงลายมือชอ่ื ในใบบนั ทึก ผตู้ ดั สินส�ำรอง ความรับผดิ ชอบของผูต้ ัดสนิ ส�ำรอง ดังนี้ 1. ท�ำหนา้ ที่แทนผตู้ ัดสนิ ท่ี 2 ในกรณที ่ีผตู้ ดั สนิ ที่ 2 ไม่มา หรือไมส่ ามารถปฏิบัตหิ นา้ ที่ ได้อยา่ งตอ่ เนื่องหรือผ้ตู ดั สินที่ 2 ท�ำหนา้ ท่ีแทนผตู้ ัดสนิ ท่ี 1 2. ควบคมุ ป้ายเปลีย่ นตวั กอ่ นเร่มิ ต้นและระหวา่ งการแขง่ ขนั ในแต่ละเซต 3. ตรวจสอบออดสญั ญาณกอ่ น และระหวา่ งการแขง่ ขัน (ถา้ ออดสญั ญาณมีปัญหา) 4. ช่วยเหลอื ผู้ตดั สนิ ท่ี 2 ในการควบคุมเขตรอบสนามและเขตลงโทษ 5. ควบคมุ ผสู้ �ำรองในเขตอบอนุ่ รา่ งกายและบนมา้ นงั่ ส�ำรอง และผทู้ ถี่ กู ท�ำโทษในเขตลงโทษ 6. เปน็ ผถู้ อื ลกู บอลแขง่ ขนั สองลกู แรกใหก้ บั ผตู้ ดั สนิ ท่ี 2 ทนั ทหี ลงั จากประกาศใหน้ กั กฬี า ลงสู่สนามทั้ง 2 ทมี 7. เปน็ ผู้มอบลกู บอลแขง่ ขันใหก้ บั ผู้ตดั สนิ ที่ 2 หลงั จากผูต้ ดั สนิ ท่ี 2 ตรวจสอบต�ำแหน่ง ผู้เลน่ เสร็จส้ิน 8. สนับสนนุ ผตู้ ัดสนิ ท่ี 2 ในการก�ำกับเจา้ หน้าที่เช็ดพน้ื กติกาข้อ 25 ผูบ้ ันทกึ และ กติกาขอ้ ที่ 26 ผู้ช่วยผ้บู นั ทกึ (Scorer) 1. การปฏิบัติหน้าท่ีของผู้บันทึกเป็นสิ่งที่ส�ำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแข่งขัน ระดับนานาชาติ ขณะท่ีคณะกรรมการการตัดสิน และทีมต่างๆ น้ันมาจากประเทศต่างๆ ดังนั้น ผตู้ ดั สนิ ระดบั นานาชาตทิ กุ คน รวมทง้ั ผกู้ �ำกบั เสน้ จะตอ้ งรแู้ ละเขา้ ใจในการท�ำใบบนั ทกึ และถา้ มคี วามจ�ำเปน็ อาจจะตอ้ งลงท�ำหน้าท่ีผู้บนั ทึกด้วย โดยผู้บนั ทึกจะตอ้ ง 2.1 ก่อนเร่ิมต้นแต่ละเซต เม่ือรับใบส่งต�ำแหน่งจะต้องตรวจสอบว่าหมายเลขผู้เล่น ในใบส่งต�ำแหน่งนัน้ มีในรายช่อื ของทมี ในใบบันทึกดว้ ย (ถา้ ไม่มจี ะต้องแจ้งแก่ผู้ตัดสนิ ท่ี 2 ) 2.2 แจง้ แกผ่ ตู้ ดั สนิ ที่ 2 เมอื่ แตล่ ะทมี มกี ารขอเวลานอกครง้ั ท่ี 2 และการขอเปลย่ี นตวั คนท่ี 5 และคนที่ 6 (ผูต้ ัดสนิ ท่ี 2 จะตอ้ งแจ้งให้ผตู้ ดั สินท่ี 1 และผฝู้ ึกสอนไดท้ ราบ) คู่มือผ้ตู ัดสนิ กฬี าวอลเลย์บ ล 57

2.3 ตอ้ งมีการประสานงานกันอยา่ งดี ในขณะทม่ี กี ารขอเปลีย่ นตวั โดย 2.3.1 หลงั จากผ้ตู ดั สนิ ท่ี 2 อนุญาตใหเ้ ปล่ยี นตัวผูเ้ ล่น โดยเป่านกหวดี หรือ ไดย้ นิ เสยี งออดเพอ่ื ขออนญุ าตใหเ้ ปลยี่ นตวั โดยผบู้ นั ทกึ ผตู้ ดั สนิ ท่ี 2 ตอ้ งยนื ระหวา่ งเสาขงึ ตาขา่ ยกบั โตะ๊ ผบู้ นั ทกึ โดยสามารถมองเหน็ ผเู้ ลน่ ทตี่ อ้ งการเปลยี่ นตวั และผบู้ นั ทกึ ได้ เมอื่ ผเู้ ลน่ ถอื ปา้ ยเปลยี่ น ตัวเข้าใกล้เส้นข้างในเขตเปลี่ยนตัวและผู้บันทึกเห็นว่าเป็นการเปลี่ยนตัวที่ถูกต้อง ผู้ตัดสินที่ 2 จึงยนิ ยอมการเปลยี่ นตัวนัน้ โดยการให้สัญญาณไขว้แขน 2.3.2 หลังจากที่ผู้ตัดสินที่ 2 เห็นสัญญาณมือ “พร้อม” จากผู้บันทึก ผตู้ ดั สนิ ที่ 2 ตอ้ งยนื อยใู่ นต�ำแหนง่ ทพ่ี รอ้ มจะเรมิ่ การเลน่ ครง้ั ถดั ไปและสง่ สญั ญาณมอื “พรอ้ ม” ใหก้ บั ผู้ตดั สินที่ 1 เพือ่ ใหผ้ ตู้ ัดสนิ ท่ี 1 เป่านกหวีดอนุญาตให้ท�ำการเสิร์ฟ ในช่วงนผ้ี ู้บนั ทึกตอ้ งตรวจสอบ ความถูกต้องในล�ำดับการเสิร์ฟ หากไม่ถูกต้องผู้บันทึกต้องกดออดสัญญาณทันทีหลังจากผู้เสิร์ฟ ไดเ้ สริ ฟ์ ลูกไปแลว้ จากนน้ั ผ้ตู ัดสนิ ท่ี 2 ตอ้ งตรวจสอบความถกู ต้องกบั ผูบ้ นั ทกึ และแจง้ ให้ทมี ทราบ รวมถงึ ผตู้ ัดสนิ ท่ี 1 2.3.3 ถ้าผู้บันทึกตรวจพบว่า ผู้เล่นที่จะขอเปล่ียนตัวเขา้ มีหมายเลขบนเสื้อ ไมต่ รงกบั หมายเลขปา้ ยเปลยี่ นตวั ทมี่ อี ยใู่ นใบบนั ทกึ การขอเปลย่ี นตวั นน้ั ไมถ่ กู ตอ้ งเขาจะตอ้ งยกมอื ขน้ึ 1ขา้ ง และโบกไปมาและบอกวา่ เปน็ การเปลยี่ นตวั ทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง ในกรณนี ผี้ ตู้ ดั สนิ ท่ี 2 จะตอ้ งไปทโี่ ตะ๊ ผบู้ นั ทกึ และตรวจสอบความถูกตอ้ งในใบบันทึก หากยืนยนั ว่าเป็นการขอเปลย่ี นตวั ท่ีไมถ่ ูกต้องผูต้ ดั สนิ ท่ี 2 จะต้องไม่อนุญาตให้เปลี่ยนตัว ผู้ตัดสินท่ี 1 จะต้องท�ำโทษทีมน้ันโดยเป่านกหวีดและให้สัญญาณ “การถ่วงเวลา” ผู้บันทึกจะตอ้ งบนั ทกึ การท�ำโทษถ่วงเวลานี้ ลงในใบบนั ทึกในช่อง “การลงโทษ” ตามความเหมาะสม ผตู้ ดั สนิ ท่ี 2 จะตอ้ งตรวจสอบดกู ารบนั ทกึ ของผบู้ นั ทกึ เกย่ี วกบั การท�ำโทษนน้ั ดว้ ย 2.3.4 กรณที ีท่ มี ขอเปลยี่ นตัวมากกว่า 1 คน กระบวนการเปลย่ี นตัวตอ้ งท�ำ ครง้ั ละ 1 คน และตอ่ เนอ่ื งดว้ ยวธิ กี ารเดยี วกนั โดยผบู้ นั ทกึ ดหู มายเลขปา้ ยเปลย่ี นตวั และหมายเลขเสอ้ื ของผู้เลน่ ทขี่ อเปล่ยี นตัว เม่ือเหน็ ว่าถูกตอ้ งและบันทึกเสรจ็ เรยี บรอ้ ยจะต้องยกมอื ขนึ้ 2 ขา้ งทันที 2.4 การบันทึกการลงโทษในใบบันทึกต้องอยู่ภายใต้การแนะน�ำของผู้ตัดสินที่ 2 เท่านัน้ 2.5 ผู้บันทึกต้องเขียนในช่องหมายเหตุ ถ้าผู้เล่นบาดเจ็บหรือออกจากการแข่งขัน ตามปกติหรือการเปลี่ยนตัวที่ได้รับการยกเว้น ซ่ึงช่องหมายเหตุดังกล่าวต้องระบุหมายเลข ของผู้เล่นที่บาดเจ็บ เซต และคะแนนที่เกิดเหตุการณบ์ าดเจบ็ 58 คู่มอื ผูต้ ัดสินกีฬาวอลเลยบ์ ล

กตกิ าขอ้ 26 ผูช้ ว่ ยผ้บู ันทึก 1. ผู้ช่วยผู้บันทึกจะน่ังอยู่ใกล้กับผู้บันทึก ในกรณีท่ีผู้บันทึกป่วย ผู้ช่วยผู้บันทึกจะต้อง ท�ำหนา้ ทีแ่ ทน 2. หนา้ ท่ีความรบั ผดิ ชอบของผ้ชู ่วยผ้บู นั ทกึ 2.1 ตรวจสอบการเปลย่ี นตวั ของผเู้ ลน่ ตัวรับอสิ ระ ในขณะแขง่ ขนั วา่ ถูกต้องหรอื ไม่ 2.2 ควบคุมเวลานอกทางเทคนิค โดยการกดสัญญาณออดเมื่อเร่ิมและสิ้นสุดเวลา นอกทางเทคนคิ 2.3 พลกิ ปา้ ยคะแนนทอ่ี ยู่บนโตะ๊ ผูบ้ นั ทึก 2.4 ตรวจสอบปา้ ยคะแนนในสนามใหถ้ กู ต้อง ถ้าไม่ถกู จะตอ้ งแก้ไขให้ถูก 2.5 แจง้ ผตู้ ดั สนิ ที่ 2 โดยใชส้ ญั ญาณมอื แสดงใหท้ ราบวา่ ตวั รบั อสิ ระใดอยใู่ น/นอกสนาม ในชว่ งเวลานอก, เวลานอกเทคนคิ 2.6 แจ้งจ�ำนวนเวลาแข่งขันของแต่ละเซตและเวลาเริ่มและจบการแข่งขันในแบบ ฟอรม์ มอบใหผ้ ้คู วบคมุ การแข่งขันในนดั น้ัน 2.7 ในกรณีท่ีจ�ำเป็น ผู้ช่วยผู้บันทึกสามารถกดออดสัญญาณและประกาศใน กระบวนการขอเปลยี่ นตัวได้ 3. ผู้ชว่ ยผ้บู นั ทกึ จะต้องมชี ื่อในใบบนั ทึกและต้องลงลายมอื ชอ่ื หลงั จบการแข่งขัน กตกิ าข้อ 27 ผกู้ �ำกบั เส้น (Line Judges) การท�ำหนา้ ทขี่ องผกู้ �ำกบั เสน้ มคี วามส�ำคญั มาก โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในระหวา่ งการแขง่ ขนั ระดับสูง ระดับนานาชาติ ผู้ตัดสินระดับนานาชาติและผู้ท่ีเตรียมเป็นผู้ตัดสินระดับนานาชาติทุกคน จะต้องสามารถปฏิบัติหน้าท่ีผู้ก�ำกับเส้นได้เป็นอย่างดี เม่ือถูกแต่งตั้งให้ท�ำหน้าที่ผู้ก�ำกับเส้น ในการแข่งขันระดบั นานาชาติ โดย 1. ผกู้ �ำกบั เสน้ ทกุ คนจะตอ้ งถงึ สนามแขง่ ขนั ในชดุ ทพี่ รอ้ มจะท�ำหนา้ ทกี่ อ่ นเวลาเรมิ่ การแขง่ ขนั 45 นาที (ตามข้นั ตอนก่อนการแขง่ ขนั ของสหพนั ธว์ อลเลยบ์ อลนานาชาต)ิ 2. ฝ่ายจัดการแข่งขันจะต้องเตรียมธงส�ำหรับผู้ก�ำกับเส้น สีของธงจะต้องแตกต่างจาก สพี ้ืนสนาม 3. ผู้ก�ำกับเส้นจะตอ้ งทราบถึงการท�ำหน้าที่เป็นอยา่ งดไี ม่วา่ จะใชผ้ กู้ �ำกบั เสน้ 4 คน หรอื 2 คน (ดแู ผนผัง 10 ในกตกิ าการแขง่ ขัน) 4. ผกู้ �ำกบั เสน้ แตล่ ะคนจะถกู ก�ำหนดใหแ้ สดงสญั ญาณความผดิ ทเี่ กดิ ขนึ้ ใกลเ้ สน้ ทแ่ี ตล่ ะคน รับผดิ ชอบ รวมท้ังความผดิ ท่เี กดิ ข้นึ ขณะทม่ี ีการเสริ ฟ์ คู่มือผูต้ ัดสินกฬี าวอลเลยบ์ ล 59

5. ถ้าลูกบอลถูกเสาอากาศ หรือข้ามเหนือเสาอากาศ หรือลอยออกนอกเสาอากาศ ผกู้ �ำกบั เสน้ ทอี่ ยู่ใกล้กับทศิ ทางของลกู บอลนั้นจะเปน็ ผู้ให้สัญญาณความผดิ ที่เกิดขน้ึ 6. การใหส้ ญั ญาณความผดิ จะตอ้ งชดั เจน เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความมนั่ ใจวา่ ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 ไดม้ องเหน็ อยา่ งแน่นอน กตกิ าข้อ 28 สัญญาณมือทเ่ี ป็นทางการ (Official hand signals) 1. ผตู้ ดั สนิ จะตอ้ งใชส้ ญั ญาณมอื ทเี่ ปน็ สญั ญาณสากลเทา่ นนั้ ควรหลกี เลย่ี งการใชส้ ญั ญาณ มืออื่นๆ และหากมีกรณีอ่นื ใดจะใช้เมื่อมีความจ�ำเป็นเพอื่ ใหส้ มาชิกของทีมได้เขา้ ใจเทา่ น้ัน 2. ขณะทผ่ี ู้ตัดสนิ ที่ 2 เปา่ นกหวีดการท�ำผดิ (เชน่ ผู้เลน่ ถกู ตาขา่ ย) ผู้ตัดสินท่ี 2 จะตอ้ ง แสดงสญั ญาณมอื ทางดา้ นท่ีมกี ารท�ำผิดเกิดขึ้น (ตามกติกาข้อ 28.1) ตวั อย่างเชน่ ถ้าผู้เล่นของทีมที่อยู่ทางด้านขวามือถูกตาข่าย เมื่อผู้ตัดสินท่ี 2 เป่านกหวีดความผิดนี้ จะตอ้ งไมแ่ สดงสญั ญาณมอื ผา่ นลอดใตต้ าขา่ ยไปยงั อกี ดา้ นหนงึ่ แตจ่ ะตอ้ งเคลอ่ื นทไี่ ปทางดา้ นทที่ �ำผดิ และแสดงสญั ญาณมอื โดยใชม้ ือด้านที่ทมี นนั้ ท�ำผิดเท่านนั้ 3. การแสดงสญั ญาณความผิด (ดกู ตกิ าข้อ 22.2, 23.3 และ 24.3) ผตู้ ัดสนิ จะตอ้ งเป่า นกหวดี ทนั ทเี ม่ือจะพิจารณาถงึ สิ่งส�ำคัญ 2 ประการ 3.1 จะต้องไมใ่ หส้ ัญญาณความผดิ โดยการชกั น�ำของผู้ชมหรือผเู้ ลน่ 3.2 เมอ่ื มน่ั ใจอยา่ งแนน่ อนวา่ เปน็ การตดั สนิ ทผี่ ดิ พลาด ผตู้ ดั สนิ อาจจะหรอื สามารถ แกไ้ ขค�ำตดั สนิ ในความผดิ พลาดของตนเอง (หรอื ความผดิ พลาดของคณะกรรมการการตดั สนิ คนอนื่ ๆ) ทัง้ นจ้ี ะต้องท�ำโดยทันทที นั ใด 4. ผตู้ ดั สนิ พงึ เอาใจใสต่ อ่ การตคี วามใหถ้ กู ตอ้ งและใหส้ ญั ญาณมอื วา่ เปน็ “ลกู ออก” ดงั น้ี 4.1 เมอ่ื ลกู บอล “ออกโดยตรง” หลงั จากการรกุ หรอื สกดั กัน้ โดยฝ่ายตรงขา้ มใหใ้ ช้ สญั ญาณมือ “ลูกบอลออก” (สัญญาณที่ 15) และสัญญาณธงของผ้กู �ำกับเส้น รูปที่ 2 4.2 ถา้ มกี ารรกุ ลกู นน้ั ขา้ มตาขา่ ยและลกู ไดถ้ กู พนื้ นอกสนามเลน่ หลงั จากลกู ไดถ้ กู ผสู้ กดั กน้ั หรือผู้เล่นฝ่ายรับก่อน กรณีน้ีจะต้องแสดงสัญญาณ “ลูกถูกผู้เล่นแล้วออก” (สัญญาณท่ี 24) และ สัญญาณธงของผู้ก�ำกับเส้น รูปที่ 3 4.3 หลงั จากการเลน่ ลกู ครง้ั ท่ี 1 ครง้ั ท่ี 2 หรอื ครง้ั ที่ 3 และลกู บอลไดอ้ อกในฝา่ ยนน้ั กรณนี ใี้ หแ้ สดงสญั ญาณ “ลกู ถกู ผเู้ ลน่ แลว้ ออก” (สญั ญาณที่ 24) และสญั ญาณธงของผกู้ �ำกบั เสน้ รปู ที่ 3 60 คูม่ ือผ้ตู ัดสินกฬี าวอลเลยบ์ ล

4.4 หลงั จากการรกุ ลกู บอลไดถ้ กู ตาขา่ ย และออกทางดา้ นของฝา่ ยรกุ โดยไมถ่ กู ผเู้ ลน่ ฝา่ ย สกดั กน้ั กรณนี ใ้ี หแ้ สดงสญั ญาณ “ลกู ออก” (สญั ญาณที่ 15) แตจ่ ะตอ้ งระบตุ วั ผทู้ ท่ี �ำการรกุ นน้ั ทนั ที เพ่ือให้ทุกคนได้เข้าใจว่าลูกบอลไม่ได้ถูกผู้สกัดก้ันในกรณีเดียวกัน ถ้าลูกบอลได้ถูกผู้สกัดก้ันและ ลอยออกทางดา้ นของฝา่ ยรกุ ผตู้ ดั สนิ ตอ้ งแสดง “สญั ญาณลกู ออก” (สญั ญาณที่ 15) และระบตุ วั ผสู้ กดั ก้นั 5. เม่ือมีการรุกที่สมบูรณ์ซ่ึงมาจากการเล่นบอลด้วยปลายนิ้วของตัวรับอิสระในเขตรุก ผู้ตัดสนิ ต้องใชส้ ัญญาณมือ (สัญญาณท่ี 21) 6. การให้สัญญาณของผู้ก�ำกับเส้นก็มีความส�ำคัญมากในสายตาของคู่แข่งขัน และผู้ชม ผู้ตัดสินที่ 1 จะต้องคอยตรวจสอบสัญญาณของผู้ก�ำกับเส้น ถ้ามีการให้สัญญาณท่ีไม่ถูกต้อง ผ้ตู ัดสินท่ี 1 สามารถแกไ้ ขเปลยี่ นแปลงได้ ในการแข่งขันระดับนานาชาติท่ีส�ำคัญๆ ขณะที่ความเร็วของลูกบอลจะมีประมาณ 100-120 กิโลเมตรต่อช่ัวโมง จึงมีความจ�ำเป็นอย่างมากที่ผู้ก�ำกับเส้นจะต้องต้ังใจสังเกตการณ์ เคล่อื นท่ีของลกู บอล โดยเฉพาะในขณะทกี่ ารรุกและลูกบอลได้ถกู ผูส้ กดั กั้นกอ่ นท่ีลูกน้นั จะออก 7. กรณลี ูกบอลไมผ่ ่านแนวดงิ่ ของตาขา่ ยภายหลงั จากการเลน่ บอลคร้ังท่ี 3 ของทีม : 7.1 ถา้ เปน็ ผู้เลน่ คนเดิมถูกบอลอีกครัง้ หนึ่ง สญั ญาณมือคอื Double Hits 7.2 ถา้ เปน็ ผ้เู ล่นคนอนื่ ถกู บอลสญั ญาณมือคอื Four Hits การจดั การแข่งขนั (GAME MANAGEMENT) 1. ก่อนการแขง่ ขัน 1.1 ผู้ตัดสินมีหน้าท่ีต้องเตรียมความพร้อมต่างๆ ให้เป็นไปตามก�ำหนดการแข่งขัน ตามล�ำดบั พิธกี ารแขง่ ขนั 1.2 ผตู้ ดั สนิ ตอ้ งแตง่ เครอื่ งแบบผตู้ ดั สนิ กอ่ นเวลาตามก�ำหนดการแขง่ ขนั อยา่ งนอ้ ย 45 นาที 1.3 ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1, 2 และผตู้ ดั สนิ ส�ำรอง รวมถงึ ผบู้ นั ทกึ และผกู้ �ำกบั เสน้ ควรด�ำเนนิ การ ตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ โดยฝา่ ยแพทยข์ องฝา่ ยจัดการแข่งขัน 1.4 หากผตู้ ดั สนิ ที่ 1 ไมม่ าปรากฏตัวตามเวลา ผตู้ ัดสนิ ที่ 2 ตอ้ งเร่ิมด�ำเนนิ การแทน ผ้ตู ดั สินท่ี 1 ภายหลงั จากคณะกรรมการจดั การแข่งขันมอบหมาย 1.5 ถา้ ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 ไมผ่ า่ นการตรวจระดบั แอลกอฮอลห์ รอื ไมส่ ามารถท�ำหนา้ ทภ่ี ายหลงั กรณวี นิ ิจฉัยของฝ่ายแพทย์ได้ ผตู้ ดั สินที่ 2 ควรปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีแทนผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 และผูต้ ดั สนิ ส�ำรอง ท�ำหน้าท่ีแทนผ้ตู ดั สินที่ 2 ซึ่งในกรณีทไ่ี ม่มผี ู้ตัดสินส�ำรองฝ่ายจัดการแขง่ ขันต้องตัดสนิ ใจให้ผูต้ ดั สินที่ 1 ท�ำหน้าท่สี ลับกบั ผู้ตดั สนิ ท่ี 2 คู่มือผู้ตดั สนิ กฬี าวอลเลยบ์ ล 61

2. ระหวา่ งการแข่งขนั 2.1 ขณะท�ำการเสิร์ฟผู้ตัดสินที่ 1 ต้องตรวจสอบต�ำแหน่งผู้เล่นฝ่ายทีมเสิร์ฟ และผตู้ ดั สินท่ี 2 ตรวจต�ำแหนง่ ผเู้ ลน่ ฝา่ ยรบั หลังจากท�ำการเสิร์ฟผู้ตัดสินท่ี 2 สามารถเคล่ือนท่ีได้ ตลอดแนวเส้นข้างตั้งแต่เส้นแบ่งแดนถึงเส้นรุก ขณะท�ำการรุกผู้ตัดสินที่ 2 ต้องอยู่ในต�ำแหน่ง ของฝา่ ยรบั /ฝ่ายสกดั กัน้ ดงั นัน้ ตลอดช่วงเกมการแข่งขนั ผู้ตดั สนิ ท่ี 2 ตอ้ งเคลอ่ื นท่อี ยา่ งตอ่ เน่ือง 2.2 ผู้ตัดสินท่ี 1 ต้องจดจ้องลูกบอลและผู้เล่นที่ถูกลูกบอลหรืออุปกรณ์หรือ ส่ิงกีดขวางอยู่ตลอดเวลา ดังน้ันต้องม่ันใจได้ว่าสามารถมองเห็นการถูกลูกบอลและสามารถคาดคะเน ทิศทางของลูกบอลระหว่างท�ำการรุกได้อย่างชัดเจน รวมถึงการพิจารณาทิศทางของลูกบอล ทพ่ี ่งุ เขา้ หาตาข่าย 2.3 ถ้าสมาชิกของทีมที่อยู่บนม้านั่งหรือเขตอบอุ่นร่างกายฝ่าฝืนกติกาที่ก�ำหนดไว้ ผู้ตัดสินที่ 2 ต้องแจ้งให้ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 รบั ทราบ และผูต้ ัดสินที่ 1 สามารถลงโทษได้ทันทตี ามระดบั ความรนุ แรงของความผิด 2.4 เม่อื ผู้ตัดสนิ ที่ 2 เป่านกหวดี ในกรณีการผิดต�ำแหนง่ ของผ้เู ล่นฝา่ ยรับ ผตู้ ัดสินท่ี 2 ตอ้ งระบคุ วามผิดดว้ ยสญั ญาณมอื และผู้กระท�ำผดิ ทันที 2.5 ภายใตก้ ตกิ าการแขง่ ขนั การกระท�ำผดิ ครง้ั แรกตอ้ งไดร้ บั การลงโทษ ซง่ึ ในความ รับผิดชอบที่แตกต่างกันของผู้ตัดสินที่ 1 และผู้ตัดสินที่ 2 หากกรณีที่มีการกระท�ำผิดพร้อมกัน ควรพจิ ารณาสญั ญาณนกหวดี ทเ่ี กดิ ขนึ้ กอ่ นเมอ่ื จบแรลลนี่ น้ั เพอ่ื ไมใ่ หผ้ เู้ ขา้ รว่ มการแขง่ ขนั เกดิ ความสบั สน 2.6 โดยปกตแิ ลว้ ผูต้ ดั สินท่ี 2 มหี น้าท่อี นญุ าตใหห้ ยดุ การแขง่ ขนั ภายหลังบอลตาย หากในกรณที ผี่ ตู้ ดั สนิ ท่ี 2 ไมส่ ามารถระบสุ าเหตขุ องการขอหยดุ การแขง่ ขนั ไดผ้ ตู้ ดั สนิ ที่ 1 สามารถ ด�ำเนนิ การแทนผู้ตัดสนิ ท่ี 2 ได้ 2.7 ในระหวา่ งการแขง่ ขนั หากผตู้ ดั สนิ ที่ 2 สงั เกตลกั ษณะทา่ ทางทไี่ มม่ นี ำ�้ ใจนกั กฬี า หรือการใช้ถ้อยค�ำท่ีไม่สุภาพต่อฝ่ายตรงข้ามในคร้ังแรกขณะบอลตาย ผู้ตัดสินที่ 2 ต้องแจ้งต่อ ผู้ตัดสินที่ 1 ถึงเหตุการณ์นั้นเพื่อให้พิจารณาด�ำเนินการตักเตือนหรือลงโทษทันที ท้ังน้ีข้ึนอยู่กับ ลกั ษณะของพฤติกรรมนัน้ 2.8 การเร่ิมเลน่ ใหม่ การแขง่ ขนั ในระดบั โลกทส่ี หพนั ธว์ อลเลยบ์ อลนานาชาตริ บั รอง รวมถงึ รายการ แขง่ ขนั ทเ่ี ปน็ ทางการนนั้ เมอ่ื มกี ารแพรภ่ าพออกอากาศ โดยมกี ารรอ้ งขอตอ่ คณะกรรมการจดั การ แขง่ ขนั และผคู้ วบคมุ การแขง่ ขนั ของสหพนั ธว์ อลเลยบ์ อลนานาชาติ เพอื่ ตดิ ตง้ั สญั ญาณไฟดา้ นบน ของเสาขึงตาข่ายข้างหน้าผู้ตัดสินท่ี 1 ซึ่งเชื่อมต่อกับผู้ส่งสัญญาณภาพ ทั้งน้ีเมื่อไฟดังกล่าวสว่างข้ึน แสดงวา่ การออกอากาศขณะนั้น ไดม้ ีการทวนสญั ญาณภาพในการเล่นที่ผ่านมา โดยกระบวนการ ดังกลา่ วกระท�ำไดไ้ ม่เกนิ 8 ครั้งตอ่ เซตและไม่เกนิ 7 วนิ าทีต่อครง้ั 62 คมู่ อื ผู้ตัดสนิ กีฬาวอลเลยบ์ ล

2.9 การหยดุ พักระหว่างเซต ในการพักการแขง่ ขนั ระหว่างเซตท่ี 2 และเซตที่ 3 ฝ่ายจดั การแขง่ ขันสามารถขยาย เวลาพักได้ถึง 10 นาที ผู้ตัดสินที่ 1 ต้องออกจากเขตควบคุมการแข่งขันไปยังห้องแต่งตัว เมื่อจบการแขง่ ขันเซตท่ี 2 และตอ้ งกลับมายังสนามแขง่ ขันก่อน 3 นาที กอ่ นเริม่ ตน้ เซตท่ี 3 โดยปกติในการพกั ระหว่างเซตที่ 1 ถงึ เซตท่ี 4 (3 นาท)ี ทมี : เมอ่ื จบการแขง่ ขนั ระหวา่ งเซต ผเู้ ลน่ ในสนาม 6 คนของแตล่ ะทมี ตอ้ งยนื เขา้ แถว ที่เส้นหลังในแดนของตนเอง เพื่อเปล่ียนแดนไปยังม้าน่ังฝ่ายตรงข้าม โดยอ้อมเสาขึงตาข่าย ในทศิ ทางเดยี วกนั ผู้บันทึก : ในขณะที่ผู้ตัดสินเป่านกหวีดจบการเล่นคร้ังสุดท้ายของแต่ละเซต ผูบ้ ันทึกต้องเริม่ จับเวลาเพือ่ ควบคมุ เวลาในการพกั ระหวา่ งเซต และในนาทีที่ 2.30 นาที ผู้ตัดสินที่ 2 ตอ้ งเป่านกหวีดหรอื ผบู้ นั ทึกต้องกดออดสัญญาณ ทมี : ผู้เลน่ 6 คน ในใบสง่ ต�ำแหน่งลงสสู่ นาม ผู้ตัดสิน : ผู้ตัดสินที่ 2 ตรวจสอบต�ำแหน่งผู้เล่นตามใบส่งต�ำแหน่ง และให้สิทธ์ิ ตวั รบั อิสระลงสูส่ นาม เจ้าหน้าทเี่ ก็บบอลส่งลกู บอลให้กบั ผเู้ สริ ฟ์ นาทีที่ 3 ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 เปา่ นกหวดี เพอื่ ใหเ้ สิร์ฟ การหยุดพักระหว่างเซตตัดสิน ทีม : เมื่อจบการแขง่ ขนั ระหว่างเซต ผูเ้ ล่นในสนาม 6 คนทัง้ 2 ทมี ยืนเข้าแถวทีเ่ ส้นหลงั และกลบั ไปยงั มา้ นง่ั ส�ำรองในแดนของตนเอง หวั หน้าทมี : ท�ำการเสี่ยงทโี่ ต๊ะของผบู้ นั ทึก ผู้ตัดสิน : ด�ำเนินการเสีย่ งที่โตะ๊ ผูบ้ ันทกึ นาทที ี่ 2.30 - ผู้ตดั สินที่ 2 เป่านกหวดี หรอื ผ้บู ันทกึ กดออดสัญญาณเสียง ทมี : ผู้เล่น 6 คน ในใบส่งต�ำแหนง่ ลงสสู่ นาม ผตู้ ัดสนิ : ผ้ตู ดั สินท่ี 2 ตรวจสอบต�ำแหนง่ ผ้เู ลน่ ตามใบสง่ ต�ำแหนง่ พร้อมทั้งใหส้ ิทธิ์ ตัวรับอิสระลงสู่สนามและส่งลูกบอลใหผ้ ูเ้ สริ ฟ์ นาทที ่ี 3 ผูต้ ัดสินที่ 1 เป่านกหวดี เพอ่ื ให้เสิรฟ์ เม่ือทมี น�ำมีคะแนนท่ี 8 ทีม : เมื่อจบการเล่นคะแนนท่ี 8 ผู้เล่น 6 คนในสนาม ไปท่เี ส้นหลังของแดนตนเอง และยา้ ยไปยงั แดนตรงข้ามโดยไมม่ ีการถ่วงเวลาเม่ือผู้ตัดสินท่ี 1 ใหส้ ัญญาณเปลีย่ นแดน คมู่ ือผ้ตู ดั สนิ กีฬาวอลเลย์บ ล 63

ผู้ตัดสิน : ผู้ตัดสินท่ี 2 ตรวจความถูกต้องในการหมุนต�ำแหน่ง (สังเกตจากผู้เล่น ต�ำแหน่งที่ 1 ของแตล่ ะทมี ) รวมถงึ ความพรอ้ มของผ้บู นั ทกึ และใหส้ ญั ญาณพรอ้ มตอ่ ผูต้ ัดสินท่ี 2 ต้องระบุให้ผู้เล่นอยู่ใกล้ม้านั่งส�ำรองและออกจากพื้นท่ีในการปฏิบัติหน้าท่ีของเจ้าหน้าที่เช็ดพ้ืน ทัง้ 6 คน 3. หลงั จบการแข่งขนั ผู้ตัดสินทั้ง 2 ยืนหน้าเก้าอ้ีผู้ตัดสิน ผู้เล่นทั้ง 2 ทีมยืนที่เส้นหลังของแดนตนเอง ผตู้ ัดสนิ ที่ 1 เป่านกหวดี เพ่อื ใหท้ ั้ง 2 ทีม เดินเรียบเสน้ ข้างมายังผ้ตู ัดสนิ และแสดงความขอบคณุ ผู้ตัดสินพร้อมทั้งเดินตามแนวตาข่ายเพ่ือจับมือฝ่ายตรงข้ามและกลับไปยังม้านั่งส�ำรองของตน ผตู้ ดั สนิ ทง้ั 2 เดินตามแนวตาขา่ ยไปทโ่ี ต๊ะผบู้ ันทึก เพื่อท�ำการตรวจสอบใบบันทึก ลงลายมอื ชือ่ และขอบคณุ ผบู้ นั ทึก ผู้ก�ำกับเส้นทรี่ ่วมด�ำเนนิ การตดั สิน เพ่ือให้การท�ำหน้าที่ของผู้ตัดสินสมบูรณ์ต้องตรวจความเรียบร้อยในบริเวณเขต ควบคุมการแข่งขันเก่ียวกับพฤติกรรมความมีน�้ำใจนักกีฬาหลังเป่านกหวีดจบการแข่งขัน หากพฤติกรรมที่แสดงถึงความมีน้�ำใจนักกีฬาต่างๆ เกิดขึ้นหลังจากจบการแข่งขันผู้ตัดสินต้อง รายงานต่อผู้ควบคุมการแข่งขันพร้อมทั้งเขียนรายงานในช่องหมายเหตุในใบบันทึก หรือหนังสือ อย่างเป็นทางการ 64 คมู่ อื ผู้ตัดสนิ กีฬาวอลเลย์บ ล

หวั หนา้ ทมี ผกู้ �ำธกงปับรเสะ้นจำ�ชาติ ผู้ตดั สิน ท่ี 1 ผูต้ ดั สนิ ท่ี 2 ทีม A. ทีม B. มา้ นงั่ ผู้เล่น ผู้บันทกึ ม้านง่ั ผ้เู ล่น ภาพท่ี 1 แผนผงั แสดงทิศทางการเขา้ สู่สนามในชว่ งพิธกี ารกอ่ นการแขง่ ขนั แบบท่ี 1 และแบบท่ี 2 (Federation Internationale De Volleyball. 2001 : 26) มา้ นง่ั ผู้เลน่ R1 R2 มา้ นั่งผู้เลน่ ผ้บู ันทึก ภาพที่ 2 แผนผงั แสดงทิศทางการเขา้ สสู่ นามในชว่ งพธิ ีการกอ่ นการแขง่ ขัน แบบที่ 3 (Asian Volleyball Confederation. 2001 : 2) คู่มือผตู้ ัดสินกีฬาวอลเลย์บ ล 65

การประชมุ เพื่อพิจารณาค�ำตดั สนิ (Judges Conference) การประชุมเพ่ือพิจารณาค�ำตัดสินสามารถใช้ในการแข่งขันรายการต่างๆ ของสหพันธ์ วอลเลยบ์ อลนานาชาติ หรอื รายการแขง่ ขนั ทเี่ ปน็ ทางการ เพอ่ื เปน็ การแกป้ ญั หาทเี่ กดิ ขน้ึ ในระหวา่ ง การแข่งขันท้ังท่ีเกิดจากการตีความในกติกาที่ผิดพลาดของผู้ตัดสิน หรือเกิดจากการผิดพลาดของ ผ้บู นั ทึก ซ่ึงมีขบวนการดังนี้ (FIVB Referee Committee. 2013) 1. บุคคลท่ีสามารถขอประชุมเพื่อพิจารณาค�ำตัดสิน ผู้ฝึกสอนหรือคณะกรรมการ ควบคุมการแข่งขันสามารถขอท�ำการประชุมเพื่อช้ีแจงค�ำตัดสินกับประธานผู้ควบคุมการแข่งขันทนั ที เมื่อพิจารณาเห็นว่าเกิดสถานการณ์ท่ีไม่ถูกต้องหรือการพิจารณาตีความในกติกาของผู้ตัดสิน ทไี่ ม่เป็นไปตามระเบียบขอ้ บงั คับโดย 1.1 การพิจารณาตัดสินของผู้ตัดสินใช้การตีความในกติกาไม่เป็นไปตามข้อบังคับ หรือไม่ปฏบิ ตั ิตามขัน้ ตอนของการตดั สนิ 1.2 ความผดิ พลาดทเ่ี กดิ จากผบู้ นั ทกึ เกยี่ วกบั ล�ำดบั การเสริ ฟ์ หรอื คะแนนบนปา้ ยคะแนน 1.3 กรณีท่ีไม่สามารถขอประชุมเพื่อพิจารณาค�ำตัดสินคือ ทุกกรณีที่เป็นค�ำตัดสิน ของผตู้ ดั สินเกย่ี วกบั ลกั ษณะการเลน่ หรอื การผดิ มารยาท 1.4 ผฝู้ ึกสอนที่ขอไม่ถูกต้อง (ขอประชมุ แล้วไม่เป็นผล) จะถกู ท�ำโทษโดย 1.4.1 เตือน (Warning) เป็นการเตือนด้วยวาจาหรือสัญญาณมือ โดยไม่มี การบนั ทึกลงใบบนั ทึก 1.4.2 ถ้าเป็นการท�ำซ้�ำอีกในนัดน้ันจะถูกตัดสิทธิ์ให้ออกจากการแข่งขันตลอด ทงั้ นัดน้นั โดยผ้ตู ัดสนิ จะใหใ้ บเหลอื ง + แดง 2. วธิ กี ารขอประชมุ เพอ่ื พจิ ารณาค�ำตดั สนิ ทนั ทที ลี่ กู ตายผฝู้ กึ สอนทป่ี ระสงคจ์ ะขอประชมุ เพื่อพิจารณาค�ำตัดสนิ จะตอ้ งด�ำเนินการดังน้ี 2.1 ผู้ฝึกสอนเขา้ พบประธานผู้ควบคมุ การแขง่ ขันทบ่ี รเิ วณโตะ๊ ผคู้ วบคมุ การแข่งขัน 2.2 ชแี้ จงวา่ เกิดอะไรขนึ้ ต่อประธานผคู้ วบคมุ การแข่งขัน 2.3 ประธานผูค้ วบคมุ การแข่งขนั จะพิจารณาค�ำทกั ทว้ งรว่ มกับผูค้ วบคุมผตู้ ดั สิน 2.4 ถา้ ประธานผคู้ วบคมุ การแขง่ ขนั เหน็ ดว้ ยกบั ค�ำทกั ทว้ ง จะอนญุ าตใหท้ �ำการประชมุ เพื่อพจิ ารณาค�ำตัดสนิ ได้ 3. การขออนุญาตใหม้ กี ารประชมุ เพ่ือพิจารณาค�ำตดั สนิ 3.1 ประธานผคู้ วบคมุ การแขง่ ขนั จะใหผ้ บู้ นั ทกึ กดสญั ญาณเสยี งและท�ำสญั ญาณมอื โดยใช้สองมือประสานกนั เป็นรูปสามเหลยี่ มเหนอื ศรี ษะ 66 ค่มู อื ผู้ตัดสนิ กีฬาวอลเลยบ์ ล

3.2 ถ้าเป็นค�ำทักท้วงเก่ียวกับค�ำตัดสินของผู้ตัดสิน ประธานผู้ควบคุมการแข่งขัน จะเชิญผู้แทนฝ่ายผู้ตัดสินและผู้ตัดสินที่ 1 เข้าร่วมประชุม โดยผู้ตัดสินท่ี 1 จะต้องเป่านกหวีด ให้ทีมเข้าไปท่ีบริเวณม้านั่ง แต่ไม่ออกไปนอกบริเวณพ้ืนท่ีเล่นลูก นักกีฬาสามารถใช้ลูกบอลเพ่ือ อบอนุ่ รา่ งกายได้ท่บี ริเวณเขตรอบสนาม 3.3 ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 เปน็ ผชู้ แี้ จงถงึ เหตผุ ลของการพจิ ารณาตคี วามในกตกิ าเพอื่ การตดั สนิ จากนนั้ ประธานผ้คู วบคุมการแข่งขนั จะเปน็ ผูพ้ จิ ารณาตัดสินดังน้ี 3.3.1 ปฏิเสธค�ำทกั ทว้ งของผ้ฝู ึกสอน หรือ 3.3.2 ยอมรับค�ำทักทว้ งของผฝู้ ึกสอน 3.4 ค�ำทกั ท้วงที่ไม่เป็นผล (ถูกปฏเิ สธ) การแข่งขันจะตอ้ งเลน่ ใหม่ ตามค�ำตัดสนิ ของ ผตู้ ดั สนิ หรอื ตามต�ำแหนง่ เดมิ สว่ นผฝู้ กึ สอนจะถกู เตอื นดว้ ยวาจาหรอื สญั ญาณอน่ื ๆ เพอ่ื ไมใ่ หท้ �ำซำ�้ อกี ค�ำทกั ทว้ งทถ่ี กู ปฏเิ สธในครง้ั ที่ 2 ผฝู้ กึ สอนจะตอ้ งถกู ลงโทษตดั สทิ ธใ์ิ หอ้ อกจากการแขง่ ขนั ในนดั นนั้ คมู่ ือผู้ตดั สนิ กฬี าวอลเลย์บ ล 67

ห ลักเกณฑ์ ในการพิจารณาการตดั สิน ในการแข่งขันรายการต่างๆ ในระดับนานาชาติหรือระดับโลกนับว่าเป็นการแข่งขันท่ีมี ความส�ำคญั เปน็ อยา่ งยิง่ ผูต้ ัดสินทกุ คนจะตอ้ งเตรยี มการปฏบิ ัติหนา้ ทีใ่ หพ้ รอ้ มสมบูรณ์ทง้ั ร่างกาย และจิตใจ เพื่อให้การแข่งขันเป็นไปอย่างราบร่ืนปราศจากการหยุดชะงักใดๆ และเพื่อให้เป็น หลักเกณฑ์ในการปฏิบัติหน้าท่ีส�ำหรับผู้ตัดสินทุกคน คณะกรรมการฝ่ายผู้ตัดสินของสหพันธ์ วอลเลย์บอลนานาชาติ จึงได้ก�ำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาการตัดสินส�ำหรับการแข่งขันระดับ นานาชาติไวด้ งั นี้ 1. เกณฑก์ ารพจิ ารณาลกั ษณะการเลน่ ลกู (Ball touth) คณะกรรมการฝา่ ยผตู้ ดั สนิ ของ สหพนั ธว์ อลเลยบ์ อลนานาชาตไิ ดเ้ สนอหลกั เกณฑใ์ นการพจิ ารณาไวด้ งั นี้ (FIVB Referee Committee. 2001 : 8) 1.1 ตามกติกาขอ้ 9.2.2 ได้ระบวุ า่ “ลูกบอลจะต้องถูกตี ไมใ่ ช่เปน็ การจบั หรอื การ ท่มุ และสามารถกระดอนไปได้ทุกทศิ ทาง” ผู้ตัดสินต้องมั่นใจว่าได้มองเห็นการถูกลูกนั้นอย่างชัดเจนโดยเป็นการถูก เพียงอย่างเดียว โดยลูกบอลได้กระดอนออกจากจุดที่สัมผัสอย่างชัดเจน แต่การทุ่มลูกบอลนั้น จะประกอบด้วย การกระท�ำ 2 ชว่ ง คือ ช่วงแรกเป็นการถกู ลูกบอล ช่วงท่ี 2 เป็นการทุ่มลูกบอล ผู้ตัดสินท่ี 1 จะเป็นผู้เป่านกหวีดให้สิ้นสุดการเล่นลูก ซึ่งผู้ตัดสินจะต้องเป็น ผูพ้ ิจารณาความผิดทมี่ องเห็นได้อย่างชดั เจนเท่านน้ั 1.2 ผู้ตัดสินต้องพยายามเอาใจใส่ต่อการเล่นลูก โดยเฉพาะอย่างย่ิงวอลเลย์บอล ในยุคปัจจุบันนี้มีการหลอกล่อกันด้วยการแตะหยอด (Tip-play) ซึ่งสามารถเปล่ียนทิศทางของ ลกู บอลได้ ดงั นนั้ ในขณะทมี่ กี ารรกุ ผเู้ ลน่ สามารถท�ำการรกุ ดว้ ยการแตะหยอดได้ ถา้ ลกู บอล ไม่ไดถ้ กู จับหรอื ทุ่ม 1.3 ผู้ตัดสินและทีมจะต้องเอาใจใส่และเข้าถึงความเป็นจริงว่าในการสกัดก้ันนั้น ลักษณะการสกัดก้ันของผู้เล่นอาจจะผิดพลาดได้ ถ้าผู้เล่นไม่เพียงแต่พยายามป้องลูกบอลที่มา จากฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น แต่จะเป็นการจับหรือทุ่มลุก ซ่ึงเป็นการท�ำผิดกติกาข้อ 9.2.2 ผู้ตัดสิน จะตอ้ งท�ำโทษการท�ำผิดน้ีทนั ที 68 คู่มอื ผ้ตู ดั สินกฬี าวอลเลย์บ ล

1.4 ในการแข่งขันวอลเลย์บอลในปัจจุบัน สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติพยายาม สง่ เสรมิ ใหก้ ารเลน่ ลกู แตล่ ะครง้ั ยาวนานยง่ิ ขน้ึ และเพอื่ เปน็ การดงึ ดดู ความสนใจของผชู้ ม ความผดิ ที่รุนแรงเท่านั้นท่ีจะถูกท�ำโทษ แต่อย่างไรก็ตามถ้าผู้เล่นไม่ได้อยู่ในต�ำแหน่งท่ีดีพอในการเล่นลูก ผตู้ ดั สนิ ที่ 1 จะตอ้ งพยายามลดความเขม้ งวดในการตดั สนิ เกยี่ วกบั การเลน่ ลกู ใหน้ อ้ ยลง ตวั อยา่ งเชน่ 1.4.1 ขณะท่ีตัวเซตก�ำลังว่ิงไปเพ่ือเซตลูกบอลหรือท�ำการเซตในลักษณะ ทีร่ วดเรว็ 1.4.2 ผเู้ ลน่ พยายามวงิ่ หรอื ท�ำการในลกั ษณะทรี่ วดเรว็ เพอ่ื จะเลน่ ลกู ทก่ี ระดอน จากการสกดั กัน้ หรือจากผ้เู ล่นคนอ่ืนๆ 1.4.3 การเลน่ ลกู ครงั้ แรกของทมี สามารถท�ำไดโ้ ดยเสรี ยกเวน้ การจบั หรอื ทมุ่ ลกู บอลเทา่ นน้ั ท่ีจะตอ้ งถกู ลงโทษ ดังน้ัน ผู้ตัดสินจะต้องพยายามยึดหลักเกณฑ์ที่ก�ำหนดนี้ เพ่ือเป็น เครื่องพจิ ารณา ในการตัดสินการเลน่ ลูกแตล่ ะครงั้ ใหเ้ ท่ียงตรงที่สุด 2. หลักเกณฑก์ ารขอเปล่ยี นตัว การขอเปลี่ยนตวั เปน็ การอนญุ าตหยุดการเลน่ โดยผฝู้ ึกสอนหรอื หัวหน้าทีมในสนาม เปน็ ผขู้ ออนญุ าตโดยมหี ลักเกณฑใ์ นการพจิ ารณาดงั นี้ (FIVB Referee Committee. 2001 : 3) 2.1 ในขณะที่มีการขอเปลี่ยนตัว ผู้ฝึกสอนจะต้องแสดงสัญญาณมืออย่างถูกต้อง ผเู้ ลน่ ที่จะเข้าเปลยี่ นตวั น้ันจะตอ้ งอยใู่ กลเ้ ขตเปลีย่ นตวั เทา่ นัน้ 2.2 จะอนุญาตให้มีการเปลี่ยนตัวได้เฉพาะท่ีมีการขออนุญาตเท่าน้ัน โดยจะท�ำ ในขณะท่ีลูกตาย เมื่อผู้ฝึกสอนหรือหัวหน้าทีม (Game Captain) ได้แสดงสัญญาณมือและระบุ จ�ำนวนผู้เลน่ ท่ีจะเข้าแทนโดยปฏบิ ตั ิดงั น้ี 2.2.1 ผฝู้ กึ สอนหรอื ผชู้ ว่ ยผฝู้ กึ สอนกดออด และผฝู้ กึ สอนตอ้ งแสดงสญั ญาณมอื ทนั ที พรอ้ มระบุจ�ำนวนผู้เลน่ ทจ่ี ะเปลีย่ นเข้าแทนด้วยนว้ิ มือ 2.2.2 ผูเ้ ลน่ ทีจ่ ะเปลย่ี นตวั เข้าแทนต้องพรอ้ มท่จี ะเข้าสู่สนาม โดยยืนอยู่ใกล้ เขตเปล่ยี นตวั ถอื ปา้ ยเปลีย่ นตวั ชขู ้ึนเหนือศีรษะ 2.2.3 เมือ่ ผู้ตัดสนิ ที่ 2 อนุญาตใหเ้ ปลยี่ นได้ ผู้เลน่ ที่ถูกเปลยี่ นตวั ออกจะถือ ป้ายเปล่ียนตัวออกมา 2.3 ส่ิงส�ำคัญท่ีสุดคือ ขณะท่ีผู้ฝึกสอนขอเปลี่ยนตัวนักกีฬาท่ีจะเปลี่ยนตัวเข้า ต้องท�ำโดยรวดเร็วไม่ท�ำให้เกิดการล่าช้า การกระท�ำลักษณะใดๆท่ีท�ำให้การเปลี่ยนตัวต้องล่าช้า จะถอื วา่ เปน็ การพยายามถว่ งเวลาการเลน่ ทมี นนั้ จะตอ้ งถกู ท�ำโทษ “เตอื นถว่ งเวลา” (Delay Warning) แต่ถา้ เปน็ การท�ำซ้�ำอกี ในนัดน้นั จะถกู ท�ำโทษ “ลงโทษถ่วงเวลา” (Delay Penalty) คูม่ ือผ้ตู ดั สนิ กีฬาวอลเลย์บ ล 69

2.4 การเปลี่ยนตัวท่ีได้รับการยกเว้น (ที่เกิดจากการบาดเจ็บ) จะไม่นับรวมในการ เปลยี่ นตัวตามปกติ 3. เวลานอกและเวลานอกทางเทคนิค (Time out and Technical Time out) เวลานอก (Time out) เปน็ การขออนุญาตหยุดการเล่นโดยผ้ฝู กึ สอนหรือหัวหนา้ ทมี ในสนามเปน็ ผู้ขออนญุ าต โดยมีหลักเกณฑใ์ นการขอดงั น้ี (FIVB Referee Committee. 2001 : 4) 3.1 เวลานอก (Time out) ใช้เวลา 30 วนิ าทเี ตม็ โดยผู้ตดั สินท่ี 2 เปน็ ผูเ้ ป่านกหวดี ให้สญั ญาณเรม่ิ และหมดเวลานอก 3.2 การขอเวลานอก ผูฝ้ ึกสอนหรือหวั หนา้ ทีมเปน็ ผขู้ ออนญุ าตโดยปฏิบัติดงั นี้ 3.2.1 ผฝู้ กึ สอนหรอื ผชู้ ว่ ยผฝู้ กึ สอนกดออดสญั ญาณ และผฝู้ กึ สอนหรอื หวั หนา้ ทีมต้องแสดงสัญญาณมือการขอเวลานอกทนั ที 3.2.2 ขณะขอเวลานอกนักกีฬาและเจ้าหน้าท่ีท้ังสองทีมต้องเข้าไปที่บริเวณ ม้านงั่ ของตนเอง เพอื่ ให้เจ้าหน้าทีเ่ ช็ดพนื้ อย่างสะดวก 3.2.3 เมื่อหมดเวลานอก 30 วินาทเี ตม็ นักกฬี าตอ้ งลงสนามทันที 3.3 เมอ่ื หมดเวลานอกครง้ั ท่ี 2 ของแตล่ ะทมี ในแตล่ ะเซต ผตู้ ดั สนิ ท่ี 2 ตอ้ งแจง้ จ�ำนวนครง้ั ให้ผฝู้ กึ สอนของทมี ที่เกี่ยวข้องและให้ผ้ตู ดั สินที่ 1 ได้ทราบ 3.4 เวลานอกทางเทคนคิ (Technical Time out) เปน็ เวลานอกท่ีให้โดยไม่ต้องมี ทมี ใดเปน็ ผขู้ อโดย 3.4.1 เวลานอกทางเทคนิคจะมีเฉพาะในการแข่งขันเซตที่ 1-4 เม่ือทีมน�ำ ท�ำคะแนนได้ 8 คะแนน และ 16 คะแนน ส�ำหรบั ในเซตท่ี 5 หรอื เซตตดั สนิ จะไมม่ เี วลานอกทางเทคนคิ 3.4.2 เวลานอกทางเทคนิคใชเ้ วลา 60 วินาทีเตม็ 3.4.3 เวลานอกทางเทคนิคจะให้สัญญาณโดยสัญญาณออด ผู้ตัดสินหรือ ผู้ฝึกสอนไมต่ อ้ งแสดงสญั ญาณใดๆ ผู้ตัดสนิ ไม่ต้องให้สญั ญาณนกหวดี 3.4.4 ขณะมีเวลานอกทางเทคนิคนักกีฬาและเจ้าหน้าท่ีของท้ังสองทีม ต้องเขา้ ไปใกล้มา้ นง่ั ของทีมตนเอง 3.4.5 เวลานอกทางเทคนคิ ใชเ้ วลา 60 วนิ าทเี ตม็ ผชู้ ว่ ยผบู้ นั ทกึ จะเปน็ ผจู้ บั เวลา และกดออดใหส้ ญั ญาณเรมิ่ และหมดเวลา เมอ่ื หมดเวลานอกทางเทคนิคนกั กีฬาตอ้ งลงสนามทันที 4. มารยาทในระหวา่ งการแข่งขัน (Discipline During the Game) สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติได้ก�ำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาเกี่ยวกับมารยาท ไวด้ งั นี้ (FIVB Referee Committee. 2001 : 9-10) 4.1 ในระหว่างการแข่งขันผู้ตัดสินต้องเอาใจใส่เก่ียวกับมารยาทของนักกีฬาและ เจ้าหน้าที่ของทีม และต้องระลึกเสมอว่า ผู้ตัดสินไม่ใช่ต�ำรวจที่คอยจ้องจับผิดในส่ิงเล็กๆ น้อยๆ 70 คู่มอื ผตู้ ัดสินกฬี าวอลเลย์บ ล

แต่จะเป็นผู้พิจารณาลักษณะของการผิดมารยาทและการลงโทษได้เป็นอย่างดี เช่น การผิดมารยาท เลก็ นอ้ ย (Minor Misconduct) ซงึ่ จะเร่มิ จากความผดิ เลก็ ๆ น้อยๆ และน�ำไปสู่การลงโทษ ดงั นนั้ ผตู้ ดั สนิ ผฝู้ กึ สอนและนกั กฬี าจะตอ้ งท�ำความเขา้ ใจเกย่ี วกบั การผดิ มารยาท การถว่ งเวลาและการท�ำโทษ ท้งั น้จี ะต้องเขา้ ใจถึงสัญญาณมอื ทีใ่ ช้ให้เกดิ ความเข้าใจอย่างถอ่ งแท้ 4.2 ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 เปน็ ผพู้ จิ ารณาการท�ำผดิ มารยาททจ่ี ะน�ำไปสกู่ ารท�ำโทษ เมอ่ื ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 เหน็ การท�ำผดิ มารยาท หรอื ไดร้ บั ทราบจากคณะกรรมการตดั สนิ วา่ นกั กฬี าหรอื เจา้ หนา้ ทท่ี มี ปฏบิ ตั ิ โดยไม่มนี ำ้� ใจนักกฬี าที่จะน�ำไปสู่การลงโทษ ผู้ตัดสินที่ 1 ต้องปฏิบัตดิ ังนี้ 4.2.1 การท�ำผดิ มารยาทโดยนกั กฬี าในสนาม เมอ่ื ลกู ตาย ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 ตอ้ งเปา่ นกหวีดเรียกนักกีฬาท่ีจะลงโทษมาใกล้กับเก้าอี้ผู้ตัดสินทันที จากน้ันผู้ตัดสินท่ี 1 จะเตือนด้วยวาจา หรือสัญญาณมือเพื่อไม่ให้ท�ำลักษณะเช่นน้ันอีกหรืออาจจะแสดงใบเหลือง “ลงโทษผิดมารยาท” หรือใบแดง ให้ออกจากการแข่งขัน หรือใบเหลือง+ใบแดง “ตัดสิทธิ์จากการแข่งขัน” และถ้าเป็น การแข่งขันระดบั นานาชาติจะตอ้ งพดู เปน็ ภาษาอังกฤษวา่ “I give you a penalty หรือ I expel you หรือ I disqualify you” (ในกรณีที่เป็นการแข่งขันระดับภายในประเทศผู้ตัดสินจะพูดเป็น ภาษาไทยว่า “ผมลงโทษคุณ หรือผมให้คุณออกจากการแข่งขัน หรือผมตัดสิทธิ์คุณออกจาก การแข่งขนั ”) ตามแตก่ รณี ผตู้ ดั สนิ ท่ี 2 เมอื่ เหน็ การท�ำโทษดงั กลา่ วจะตอ้ งเขา้ ไปแนะน�ำใหผ้ บู้ นั ทกึ ท�ำการบนั ทกึ การลงโทษลงในชอ่ งการลงโทษในชอ่ งการลงโทษ ถา้ ผบู้ นั ทกึ พบวา่ การตดั สนิ ใจลงโทษ ของผู้ตัดสินท่ี 1 ไม่เป็นไปตามกติกา ผู้บันทึกจะต้องแจ้งผู้ตัดสินท่ี 2 ทันที จากน้ันผู้ตัดสินที่ 2 จะต้องไปแจ้งให้ผู้ตัดสินท่ี 1 เปล่ียนค�ำตัดสินในการลงโทษ ถ้าผู้ตัดสินท่ี 1 ไม่เปล่ียนค�ำตัดสิน ตามทีผ่ ู้บนั ทึก และผู้ตัดสนิ ที่ 2 แนะน�ำ ผู้บนั ทึกจะต้องบันทึกค�ำตดั สินลงในช่องหมายเหตุ 4.2.2 การท�ำผดิ มารยาทของนักกฬี าทไี่ ม่ได้อยูใ่ นสนาม ในกรณีท่ีนักกีฬาหรือเจ้าหน้าท่ีท�ำผิดมารยาทขณะอยู่นอกสนาม ผู้ตัดสินท่ี 1 จะต้องเป่านกหวีดเรียกหัวหน้าทีม (Game Captain) ให้เข้าไปใกล้กับเก้าอ้ีผู้ตัดสิน และแสดงใบเหลืองหรือใบแดงตามความเหมาะสม โดยพูดว่า Number……I give him/her a penalty หรอื I disqualify him/her (ในกรณที เี่ ป็นการแขง่ ขนั ระดับภายในประเทศ ผูต้ ัดสนิ จะพูดเป็นภาษาไทยว่า “ผมลงโทษผู้เล่นหมายเลข.....หรือผมให้ผู้เล่นหมายท่ี.....ออกจากการแข่งขัน หรือผมตัดสิทธิ์ผู้เล่นหมายเลข.....”) ตามแต่กรณี และหัวหน้าทีมต้องไปแจ้งแก่นักกีฬาหรือ เจ้าหนา้ ที่อื่นๆ ขณะท่ีนักกีฬาหรือเจ้าหน้าที่ทีมที่ถูกลงโทษยกมือข้ึน ผู้ตัดสินท่ี 1 จะตอ้ งแสดงใบเหลอื งหรอื ใบแดงตามความเหมาะสมใหช้ ดั เจนอกี ครง้ั เพอื่ ใหท้ มี ผชู้ ม ผตู้ ดั สนิ ท่ี 2 และผบู้ ันทึกได้ทราบ คมู่ อื ผ้ตู ัดสนิ กฬี าวอลเลย์บ ล 71

5. นกั กฬี าและเจา้ หนา้ ท่บี รเิ วณม้านง่ั เลน่ (on the players bench) 5.1 แต่ละทมี ประกอบดว้ ยนกั กฬี า 12 คน ผูฝ้ กึ สอน 1 คน ผู้ช่วยผฝู้ ึกสอน 1 คน ผู้ฝึก 1 คน และแพทย์ 1 คน แพทย์ที่จะน่ังบริเวณม้านั่งผู้เล่น จะต้องมีใบรับรองจากสหพันธ์ วอลเลย์บอลนานาชาตแิ สดงให้ผ้ตู ดั สนิ ท่ี 1 ได้รับทราบหากไมม่ ใี บรับรองแสดงตอ่ ผู้ตดั สิน ทมี น้นั จะไม่ได้รับอนุญาตให้แพทย์นั่งที่บริเวณม้านั่ง ดังนั้นทีมจะมีนักกีฬา 12 คน และเจ้าหน้าท่ีเพียง 3 คนเทา่ นน้ั ในการแขง่ ขันรายการทีเ่ ปน็ รายการของทางสหพนั ธ์วอลเลยบ์ อลนานาชาติผฝู้ กึ สอน ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน ผู้ฝึกและแพทย์สามารถใช้ชุดนักกีฬาของแต่ละชาติได้หรืออาจใช้เส้ือแบบสากล และผกู เน็กไทกไ็ ด้ 5.2 ตามกติกาการแข่งขันระบุว่าผู้ฝึกสอนหรือสมาชิกของทีม ขณะท่ีน่ังอยู่ที่ม้านั่ง สามารถใหค้ �ำแนะน�ำแกนักกฬี าในสนามได้ ทงั้ นผ้ี ฝู้ กึ สอนสามารถใหค้ �ำแนะน�ำขณะยนื หรอื เดนิ ภายในเขตรอบสนามในแดน ของตนเอง ตัง้ แต่เสน้ เขตรุกจนถงึ เขตอบอุ่นร่างกายได้ แต่ทง้ั นจ้ี ะตอ้ งไมเ่ ปน็ การรบกวนการปฏบิ ตั งิ าน ของเจ้าหนา้ ท่ีหรอื ถ่วงเวลาการเล่น 5.3 ในขณะแข่งขันผู้ตัดสินจะต้องสามารถแยกแยะระหว่างการแสดงออกซึ่งความ รู้สึกอย่างแท้จริงภายใต้ความกดดันของการแข่งขันกับลักษณะการแสดงความไม่มีน�้ำใจนักกีฬา ผู้ตัดสินไม่ควรท�ำโทษลักษณะการแสดงออกซ่ึงความรู้สึกในการแข่งขันท่ีเป็นความรู้สึกที่ถูกต้อง เช่น การยืนข้ึนแสดงความดีใจกับการเล่นท่ีสะใจของเพื่อนร่วมทีมหรือการให้ก�ำลังใจ เป็นต้น แตอ่ ยา่ งไรกต็ ามการแสดงออกในทางลบหรอื ในทางทไี่ มถ่ กู ตอ้ งกบั คตู่ อ่ สหู้ รอื โตแ้ ยง้ การตดั สนิ ของ ผู้ตดั สนิ เปน็ สง่ิ ต้องห้ามอยา่ งมาก ผ้ตู ัดสินจะตอ้ งท�ำโทษต่อการกระท�ำดงั กล่าว 6. ผู้เล่นตัวรับอิสระ (The Libero Player) (Federation Internationale De Volleyball. 2001 : 43-44) 6.1 แต่ละทีมมีสิทธิเลือกที่จะมีผู้เล่นตัวรับอิสระ 1 ใน 12 คนได้ และไม่จ�ำเป็น ที่ทุกทีมจะต้องมีผู้เล่นตัวรับอิสระ โดยท่ีทีมหนึ่งอาจมีผู้เล่นตัวรับอิสระ ส่วนทีมตรงข้ามอาจไม่มี ผู้เล่นตัวรับอิสระกไ็ ด้ และเปน็ ไปไดท้ ที่ ั้งสองทีมจะไมม่ ผี ้เู ล่นตวั รับอสิ ระเลยกไ็ ด้ 6.2 ผู้เล่นตัวรับอิสระจะต้องบันทึกลงในใบบันทึกในช่องเฉพาะที่จัดเตรียมไว้ กอ่ นการแข่งขนั และจะต้องระบหุ มายเลขไว้ในใบส่งต�ำแหน่งในเซตท่ี 1 ดว้ ย 6.3 กติกาเฉพาะส�ำหรับตวั เล่นตัวรับอสิ ระมดี งั นี้ 6.3.1 อุปกรณ์ ผู้เล่นตัวรับอิสระจะต้องใส่เส้ือที่มีสีแตกต่างกับผู้เล่นอ่ืนๆ ในทีมอย่างชัดเจน (เสื้อแจ๊กเก็ตหรือเสื้อกล้ามส�ำหรับผู้เล่นตัวรับอิสระที่ได้รับแต่งต้ังแทนผู้เล่น ตัวรับอิสระที่บาดเจ็บ) เสื้อของผู้เล่นตัวรับอิสระอาจเป็นแบบที่แตกต่างกันได้ แต่ต้องมีหมายเลข เชน่ เดยี วกบั ผ้เู ล่นอ่นื ๆ ของทมี 72 คู่มอื ผูต้ ดั สินกฬี าวอลเลยบ์ ล

6.3.2 ลกั ษณะการเลน่ ผเู้ ลน่ ตวั รบั อสิ ระสามารถเปลย่ี นเขา้ แทนผเู้ ลน่ แดนหลงั ได้ทุกต�ำแหน่ง โดยก�ำหนดให้เป็นผู้เล่นแดนหลังเท่าน้ันและไม่อนุญาตให้ท�ำการรุกโดยสมบูรณ์ จากทกุ พนื้ ทีใ่ นขณะที่ลกู บอลอยูส่ ูงกวา่ ตาข่าย 6.3.3 ไม่อนุญาตให้ตัวรับอิสระท�ำการเสิร์ฟ สกัดกั้น หรือพยายามสกัดก้ัน ตลอดจนไม่อนุญาตให้ผู้เล่นอ่ืนท�ำการรุกโดยสมบูรณ์จากทุกพ้ืนท่ี ถ้าลูกนั้นมาจากการเซตด้วย น้ิวมือของผู้เล่นตัวรับอิสระที่อยู่ในแดนหน้า แต่ถ้าผู้เล่นตัวรับอิสระเซตด้วยนิ้วมือจากแดนหลัง ผเู้ ล่นอ่ืนๆ สามารถท�ำการรุกไดโ้ ดยเสรจี ากทกุ พื้นที่ 6.3.4 การเปลยี่ นตวั ผเู้ ลน่ ตวั รบั อสิ ระสามารถเปลย่ี นกบั ผเู้ ลน่ ตวั อนื่ ๆ และไม่ นบั เปน็ การเปล่ียนตวั ตามปกติ สามารถเปลยี่ นตวั ได้โดยไมม่ จี �ำนวนจ�ำกดั และไม่ต้องมีการบนั ทึก ลงในใบบนั ทกึ การแขง่ ขนั แตก่ ารเปลย่ี นตวั นน้ั จะตอ้ งใหม้ กี ารเลน่ ผา่ นไป 1 ครงั้ กอ่ นผเู้ ลน่ ตวั รบั อสิ ระ สามารถเปล่ียนตัวออกได้เฉพาะกับคู่ของตัวเองเท่าน้ัน การเปล่ียนตัวเข้า-ออกจะต้องท�ำก่อน สญั ญาณนกหวดี เพอื่ เสริ ฟ์ และสามารถเปลี่ยนตัวเขา้ เล่นกอ่ นเริ่มต้นแตล่ ะเซตหลังจากผู้ตดั สินที่ 2 ไดต้ รวจสอบต�ำแหน่งเรียบรอ้ ยแลว้ ขณะทล่ี กู ตาย การเปล่ียนตัวเข้า-ออกท่ีท�ำหลังสัญญาณนกหวีดเพ่ือการเสิร์ฟ ผู้ตัดสินจะต้องไม่ปฏิเสธ แต่จะต้องเตือนด้วยวาจา (เมื่อลูกตาย) เมื่อมีการเปลี่ยนตัวในท�ำนอง เดียวกันอกี จะตอ้ งถูก “เตือนถ่วงเวลา” (Delay Warning) 6.3.5 ไมอ่ นญุ าตให้ผูเ้ ล่นตัวรับอสิ ระเป็นหัวหน้าทมี (Team Captain) หรือ หัวหน้าทมี ในสนาม (Game Captain) 6.4 การแต่งต้ังผู้เล่นตัวรับอิสระใหม่ในกรณีที่ผู้เล่นตัวรับอิสระบาดเจ็บ ผู้ฝึกสอน สามารถขอแตง่ ตั้งผูเ้ ลน่ ตวั รบั อสิ ระใหมแ่ ทนผูเ้ ล่นตวั รับอิสระท่บี าดเจบ็ ไดโ้ ดย 6.4.1 ผู้ตัดสินที่ 1 เป็นผู้อนุญาตให้มีการแต่งต้ังผู้เล่นตัวรับอิสระใหม่แทน ผเู้ ลน่ ตวั รบั อสิ ระทบี่ าดเจบ็ โดยจะแตง่ ตง้ั ผเู้ ลน่ ทไี่ มไ่ ดอ้ ยใู่ นสนามเขา้ แทนผเู้ ลน่ ตวั รบั อสิ ระทบ่ี าดเจบ็ ไมส่ ามารถกลบั เข้าไปเลน่ อกี ในนดั น้นั ผเู้ ลน่ ทไ่ี ดร้ บั แตง่ ตงั้ เปน็ ตวั รบั อสิ ระใหมจ่ ะตอ้ งเปน็ ผเู้ ลน่ ตวั รบั อสิ ระตลอดในนดั นนั้ คมู่ อื ผูต้ ัดสินกฬี าวอลเลย์บ ล 73

เ ทคนิคการปฏบิ ตั หิ นา้ ทผี่ ตู้ ดั สนิ ท่ี 1 ในการท�ำหน้าที่ผู้ตัดสินรายการต่างๆ ถือว่ามีความส�ำคัญเป็นอย่างมากส�ำหรับผู้ตัดสิน ดังนั้น ผู้ตัดสินทุกคนจะต้องเตรียมตัวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ให้พร้อมสมบูรณ์ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เป็นส่ิงส�ำคัญและจ�ำเป็นอย่างย่ิงท่ีผู้ตัดสินจะต้องเข้าใจและเห็นความส�ำคัญถึงการแสดงความสามารถ ของนักกฬี าในการเลน่ วอลเลย์บอลสมัยใหม่อย่างแทจ้ ริง ผตู้ ดั สนิ จะตอ้ งละเวน้ จากความคดิ ทว่ี า่ การท�ำหนา้ ทตี่ ดั สนิ นนั้ เปน็ เพยี งการควบคมุ การแขง่ ขนั ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยการใช้กติกาการแข่งขันเป็นเคร่ืองพิจารณาทั้งหมด แต่ใน ทางกลับกัน ผู้ตัดสินไม่สามารถที่จะท�ำหน้าท่ีได้เหมือนเคร่ืองจักรท่ีจะประยุกต์กติกาการแข่งขัน ไดอ้ ยา่ งอัตโนมัติให้เป็นแบบอย่างเดียวกันตลอดเวลาการแข่งขัน ผู้ตัดสินจึงไม่ควรปฏิบัติหน้าที่ ในลักษณะต�ำรวจท่ีคอยจ้องจับผิดของนักกีฬาอยู่คลอดเวลา ดังนั้น ผู้ตัดสินจะต้องปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความเช่ียวชาญเป็นมิตรต่อนักกีฬาและเจ้าหน้าที่โดยใช้ความรู้และประสบการณ์ให้เป็น ประโยชน์ใหม้ ากทสี่ ดุ ผู้ตัดสินต้องไม่ใช้การคาดคะเนเป็นเคร่ืองพิจารณาค�ำตัดสิน แต่จะต้องคงไว้บนพ้ืนฐาน แหง่ ความจรงิ โดยจะพจิ ารณาตดั สนิ เฉพาะสิง่ ท่ีเป็นความผิดทเ่ี กิดขนึ้ อย่างแทจ้ รงิ เท่านนั้ ปจั จุบนั สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติพยายามมุ่งเน้นถึงการแสดงออกซึ่งความสามารถทางทักษะของ นักกีฬาที่แสดงถึงความสามารถเป็นเลิศต่อผู้ชม ส่ือมวลชน ท้ังนี้เพราะผู้ชมท่ีเข้าชมการแข่งขัน ไมอ่ ยากทจี่ ะฟงั แตเ่ สยี งดงั ของนกหวดี ตลอดเวลา แตต่ อ้ งการชมการแสดงความสามารถของนกั กฬี า แต่ละคนและแต่ละทีมแข่งขันกันเพื่อชัยชนะในการเล่นลูกแต่ละคร้ัง ผู้ตัดสินที่ดีจะต้องช่วยให้ การแขง่ ขนั คงไวบ้ นพนื้ ฐานทด่ี แี ละถกู ตอ้ ง แตผ่ ตู้ ดั สนิ ทพ่ี ยายามขดั ขวางการแสดงความสามารถของ นกั กฬี าและท�ำลายรสชาตแิ หง่ การชมกฬี าของผชู้ มจงึ เปน็ สง่ิ ทข่ี ดั แยง้ กบั หลกั การของวอลเลยบ์ อล นานาชาติ ผ้ตู ัดสนิ ที่ 1 จึงควรศกึ ษาและท�ำความเขา้ ใจในสิ่งต่างๆ ดงั นี้ คือ 74 คมู่ อื ผู้ตดั สนิ กีฬาวอลเลย์บ ล

กติกาการแข่งขนั ท่ีเก่ยี วข้องกบั ผู้ตัดสินท่ี 1 (ชาญฤทธิ์ วงษ์ประเสริฐ และทรงศักด์ิ เจรญิ พงศ.์ 2544 : 39-40) 1. ต�ำแหน่ง ผู้ตัดสินท่ี 1 ปฏิบัติหน้าที่โดยยืนหรือน่ังบนม้าน่ังท่ีปลายสุดด้านหนึ่งของ ตาข่ายระดบั สายตาตอ้ งอยูส่ งู กว่าขอบบนสดุ ของตาข่ายประมาณ 50 เซนติเมตร 2. อ�ำนาจหน้าทขี่ องผตู้ ดั สินที่ 1 2.1 ควบคุมการแข่งขันตั้งแต่เริ่มต้นจนส้ินสุดการแข่งขัน มีอ�ำนาจเหนือเจ้าหน้าท่ี และผู้ร่วมทีมท้ัง 2 ทีม ระหว่างการแข่งขันการตัดสินของผู้ตัดสินท่ี 1 ถือเป็นสิ้นสุด มีอ�ำนาจ กลับค�ำตัดสินของเจ้าหน้าท่ีทุกคน รวมทั้งมีอ�ำนาจเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ซ่ึงเห็นว่าการปฏิบัติหน้าที่ ไม่เหมาะสมได้ 2.2 ตอ้ งควบคมุ การท�ำงานของผกู้ ลงิ้ ลูกบอลและผเู้ ช็ดพืน้ 2.3 มอี �ำนาจตดั สนิ ใจทกุ เรอื่ งทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การแขง่ ขนั รวมถงึ เรอื่ งทไี่ มไ่ ดร้ ะบไุ วใ้ นกตกิ า 2.4 ตอ้ งไมย่ อมใหม้ กี ารโตแ้ ยง้ ใดๆ ในการตดั สนิ อยา่ งไรกต็ ามถา้ หวั หนา้ ทมี ในสนาม ขอค�ำชแ้ี จง ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 จะใหค้ �ำอธบิ ายการน�ำกตกิ ามาใชห้ รอื ตคี วามกตกิ า ซงึ่ น�ำมาใชใ้ นการตดั สนิ นน้ั ถ้าหัวหน้าทีมในสนามไม่เห็นด้วยกับค�ำอธิบายของผู้ตัดสินท่ี 1 และต้องการสงวนสิทธิ์ย่ืนหนังสือ ประทว้ งเหตกุ ารณน์ น้ั อยา่ งเปน็ ทางการ เมอ่ื เสรจ็ สนิ้ การแขง่ ขนั หวั หนา้ ทมี ในสนามตอ้ งสงวนสทิ ธทิ์ นั ที และผตู้ ัดสนิ ท่ี 1 ตอ้ งยินยอมรับการประท้วงนั้น 2.5 ตอ้ งรบั ผดิ ชอบการตดั สนิ ใจกอ่ นหรอื ระหวา่ งการแขง่ ขนั วา่ พน้ื ทเี่ ลน่ ลกู อปุ กรณ์ และสภาพใดๆ พร้อมท�ำการแข่งขันได้ 3. ความรบั ผิดชอบของผูต้ ดั สินท่ี 1 3.1 กอ่ นการแขง่ ขนั ผตู้ ดั สนิ ที่ 1 ตอ้ งตรวจสภาพสนามแขง่ ขนั ลกู บอล และอปุ กรณ์ อืน่ ๆ รวมทัง้ ท�ำการเสี่ยงร่วมกบั ผตู้ ัดสนิ ที่ 2 และหวั หน้าทมี ทัง้ 2 ทีม ตลอดจนควบคุมการอบอ่นุ ร่างกายของทีม 3.2 ระหว่างการแขง่ ขนั ผู้ตัดสนิ ท่ี 1 มอี �ำนาจในการเตือน ท�ำโทษการผิดมารยาท และการถว่ งเวลา การตัดสินเรอื่ งที่เก่ยี วกบั การผิดกตกิ าของผ้เู สิรฟ์ ต�ำแหนง่ ของฝา่ ยเสริ ์ฟ รวมทั้ง การก�ำบังการท�ำผิดกติกาในการเล่นลูก การผิดกติกาเหนือตาข่ายและส่วนที่สูงข้ึนไปของตาข่าย การรุกลกู ท่ีตัวรับอิสระสง่ มาใหโ้ ดยใชน้ วิ้ มือเซตลูกดว้ ยมอื บน 3.3 เมอ่ื ส้ินสดุ การแข่งขันตอ้ งตรวจสอบและลงนามในใบบันทึกการแข่งขัน คูม่ ือผู้ตดั สินกฬี าวอลเลยบ์ ล 75

การด�ำเนนิ การช่วงพธิ กี ารก่อนการแขง่ ขนั ในการปฏิบัติหน้าท่ีก่อนเร่ิมการแข่งขันเป็นสิ่งท่ีผู้ตัดสินท่ี 1 ต้องให้ความส�ำคัญ ท้ังนี้ เพราะผู้ตัดสินส่วนมากคิดว่าในช่วงน้ีไม่มีความส�ำคัญอะไรที่จะต้องปฏิบัติ แต่ในทางตรงข้าม ในชว่ งเวลานเ้ี ปน็ ชว่ งเวลาทผ่ี ตู้ ดั สนิ ท่ี 1 จะตอ้ งใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนเ์ กย่ี วกบั ขอ้ มลู ตา่ งๆ ใหม้ ากทสี่ ดุ เพอ่ื ใหก้ ารด�ำเนินการแขง่ ขันเปน็ ไปด้วยความราบรนื่ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 1. การตรวจสอบอปุ กรณ์ กอ่ นเรม่ิ เวลาในชว่ งพธิ กี ารกอ่ นการแขง่ ขนั เมอื่ ผตู้ ดั สนิ เขา้ สู่ สนามแข่งขันและได้ทักทายกับผู้เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น ผู้บันทึก ผู้ช่วยผู้บันทึก ผู้ประกาศ รวมทั้ง ผฝู้ กึ สอนของทง้ั สองทมี เรยี บรอ้ ยแลว้ ควรด�ำเนนิ การตรวจสอบอปุ กรณต์ า่ งๆ ทจ่ี �ำเปน็ เชน่ ลกู บอล ผู้ตดั สินที่ 1 จะรว่ มพิจารณาคัดเลอื กลกู บอลทีจ่ ะใช้แขง่ ขัน 5 ลูกทม่ี ีขนาดตา่ งๆ ใกล้เคียงกนั ท่สี ดุ ได้แก่ นำ้� หนัก เสน้ รอบวง รวมถงึ แรงอดั ลมของลูกบอล 2. การตรวจสอบตาข่าย ผตู้ ัดสนิ ท่ี 1 เปน็ ผู้คอยควบคมุ การวดั ตาขา่ ยของผูต้ ัดสนิ ท่ี 2 ตลอดจนพจิ ารณาถงึ ความตงึ ของตาข่าย ต�ำแหน่งของแถบข้างและอนื่ ๆ โดยท�ำอยา่ งรวดเรว็ ท่สี ุด 3. การเส่ียง ผู้ตัดสินท่ี 1 เป็นผู้ด�ำเนินการเส่ียงท่ีบริเวณหน้าโต๊ะผู้บันทึก โดยมีผู้ตัดสินที่ 2 และหัวหน้าทีมทั้ง 2 ทีมรวมอยู่ด้วย ผู้ตัดสินท่ี 1 เป็นผู้แจ้งผลการเสี่ยงให้ผู้บันทึกได้ทราบ โดยทั่วไปจะต้องบอกให้ชดั เจนว่า “ทีมอะไร เป็นฝ่ายเสริ ์ฟที่แดนใด” หลกั ทั่วไปด�ำเนินการเสีย่ ง ควรปฏิบัตดิ ังนี้ 3.1 ถามหัวหน้าทีมทงั้ สองทีมวา่ จะอบอุน่ รา่ งกายท่ีตาขา่ ยพร้อมกนั หรือแยกกนั 3.2 ระบเุ หรยี ญเสย่ี งให้แตล่ ะทมี (อย่าให้แต่ละทมี เลอื กเอง) 3.3 ให้ผชู้ นะการเส่ยี งไดเ้ ลือกกอ่ น จากนนั้ จึงใหผ้ ูแ้ พ้การเส่ียงได้เลอื กสว่ นท่เี หลอื 3.4 ใหห้ วั หนา้ ทีมทั้งสองทีมลงในใบบันทึก 3.5 ใหผ้ ้ฝู ึกสอนท้งั สองทีมลงช่ือในใบบันทึก 4. การอบอนุ่ รา่ งกาย ผตู้ ดั สนิ ที่ 1 เปน็ ผใู้ หส้ ญั ญาณนกหวดี เพอื่ เรม่ิ และหมดเวลาอบอนุ่ รา่ งกายโดยทั่วๆ ไปก่อนหมดเวลาอบอ่นุ ร่างกาย 1 นาที ผู้ตัดสินที่ 1 จะแจง้ ใหผ้ ฝู้ ึกสอนทเ่ี กย่ี วข้อง ไดท้ ราบวา่ เหลอื เวลาอกี 1 นาที เพอื่ ใหท้ มี ไดเ้ ตรยี มการดา้ นตา่ งๆ ทจ่ี �ำเปน็ หรอื อาจจะเปลย่ี นรปู แบบ ของการอบอุ่นร่างกาย ถ้าทีมอบอุ่นร่างกายพร้อมกันจะต้องคอยควบคุมเกี่ยวกับมารยาทของ นักกีฬาขณะอบอุ่นร่างกายด้วย ทั้งน้ีเพราะลูกบอลอาจจะไปบริเวณที่ฝ่ายตรงข้ามยืนอยู่ ซึ่งอาจ เปน็ สาเหตุอยา่ งหน่งึ ท่ีท�ำใหก้ ารแขง่ ขนั ไมร่ าบรืน่ 4.1 ขณะทีม่ ีการอบอุน่ รา่ งกายในชว่ งพิธีการกอ่ นการแขง่ ขนั ผตู้ ัดสนิ ท่ี 2 รบั ใบสง่ ต�ำแหน่งของเซตที่ 1 จากผู้ฝึกสอน และได้ส่งมอบให้กับผู้ช้ีขาด และผู้บันทึกตามล�ำดับแล้ว เมอ่ื ผบู้ นั ทกึ ไดบ้ นั ทกึ ต�ำแหนง่ ผเู้ ลน่ เรม่ิ เลน่ และไดส้ ง่ มอบใบสง่ ต�ำแหนง่ ใหก้ บั ผตู้ ดั สนิ ท่ี 2 แลว้ ในชว่ งนี้ ผตู้ ัดสนิ ท่ี 1 ควรศกึ ษาขอ้ มูลตา่ งๆ เก่ียวกบั การวางตัวผ้เู ลน่ ของทั้งสองทมี ข้อมูลท่ีควรทราบคอื 76 คูม่ อื ผ้ตู ัดสินกฬี าวอลเลย์บ ล

4.1.1 การวางตัวต�ำแหน่งตัวเซตอยู่ต�ำแหน่งใด ตัวเซตอยู่คู่กับหมายเลขใด (เป็นการวางตัวใหอ้ ย่ตู รงข้ามกบั ผเู้ ลน่ อื่น) 4.1.2 ผู้เล่นตวั รุกหลกั (ตวั ท่รี ุกไดเ้ ด่นทีส่ ดุ ) อยูต่ รงขา้ มกับหมายเลขใด 4.1.3 ทีมที่จะเสริ ์ฟกอ่ นใชผ้ เู้ ลน่ หมายเลขใดเป็นผู้เสิรฟ์ 4.2 ช่วงหมดเวลาอบอุ่นร่างกาย ก่อนหมดเวลาอบอุ่นร่างกายประมาณ 1 นาที ผ้ตู ัดสนิ ท่ี 1 และผู้ตัดสินท่ี 2 ควรเรยี กให้เจา้ หน้าทีเ่ ช็ดพ้นื ปกติ 6 คน (พร้อมไมเ้ ช็ดพื้น) มาเตรยี ม พร้อมที่ด้านหนา้ โต๊ะผ้บู ันทึก (ควรนั่งลง) เมอื่ ผ้ตู ดั สินที่ 1 เปา่ นกหวดี หมดเวลาอบอุน่ ร่างกายให้ เจ้าหน้าท่ีเช็ดพื้นปกติ ท�ำการเช็ดพื้นสนาม 1 รอบ (ควรท�ำให้เร็วท่ีสุด) เพื่อไม่ให้เกิดการล่าช้า ต่อเวลาเรม่ิ แขง่ ขนั 5. การขออนุญาตต่อผู้ชี้ขาด ในการแข่งขันที่เป็นระดับนานาชาติ หรือการแข่งขัน ท่ีเป็นทางการ ผู้ตัดสินที่ 1 และผู้ตัดสินท่ี 2 จะต้องขออนุญาตต่อผู้ชี้ขาดเพ่ือเร่ิมท�ำการแข่งขัน โดยจะท�ำในช่วงอบอุ่นร่างกายเสร็จ และเป็นเวลาท่ีเจ้าหน้าที่เช็ดพื้นปกติ 6 คน ก�ำลังเช็ดพื้น เพ่อื รายงานความพรอ้ มดา้ นต่างๆ ให้ผู้ชี้ขาดทราบ 6. การแนะน�ำผตู้ ดั สนิ กอ่ นทจี่ ะมกี ารแนะน�ำผตู้ ดั สนิ จะมดี นตรบี รรเลงประมาณ 5 วนิ าที ผู้ตัดสินที่ 1 และผู้ตัดสินท่ี 2 เดินลงสนามโดยยืนท่ีกลางสนาม หันหน้าเข้าหาผู้โต๊ะผู้บันทึก ผู้ตัดสินที่ 1 จะอยู่ทางขวามือ ผู้ตัดสินท่ี 2 อยู่ทางซ้ายมือของผู้ตัดสินที่ 1 โดยอยู่คนละด้าน ของตาขา่ ย ในขณะทก่ี �ำลงั มกี ารแนะน�ำผตู้ ดั สนิ คนใด ควรมกี ารแสดงตวั ทสี่ ภุ าพตามขนบธรรมเนยี ม เช่น การโคง้ หรือยกมอื ไหว้ เม่ือแนะน�ำเสรจ็ ควรจบั มอื กนั หรือแสดงการเคารพซงึ่ กนั และกัน 7. การแนะน�ำนักกีฬาและเจ้าหน้าท่ี ขณะท่ีผู้ตัดสินนั่งหรือยืนอยู่บนเก้าอ้ีผู้ตัดสิน ควรปฏบิ ตั ิดังน้ี 7.1 ไม่ควรน่ังลักษณะการกอดอก ซึ่งเป็นลักษณะที่ไม่น่าดู ควรน่ังในท่าท่ีสง่างาม มีความนา่ เชอ่ื ถือ 7.2 การยนื ไมค่ วรยนื พกั ขาขา้ งหนงึ่ ควรยนื ในทา่ ทสี่ งา่ นา่ ดู อาจใชว้ ธิ กี ารสงั เกตตนเอง ท่ีหนา้ กระจกเงา 7.3 ขณะแนะน�ำนักกีฬา ควรดนู กั กีฬาแต่ละคนท่ลี งสนาม เพื่อการตดิ ตามนักกฬี า อยา่ งใกล้ชดิ 7.4 ผู้ตัดสินท่ี 2 ต้องตรวจสอบต�ำแหน่งผู้เล่นในสนามทั้งสองทีมและส่งลูกบอล ให้ผู้เสริ ฟ์ พรอ้ มทั้งแสดงสญั ญาณมือว่าพรอ้ ม ผูต้ ดั สนิ ท่ี 1 จะเปา่ นกหวดี อนญุ าตให้เสิร์ฟให้ตรง ตามเวลาท่ีก�ำหนดไวใ้ นก�ำหนดการแข่งขัน หรือตามที่ทางฝ่ายการแขง่ ขันก�ำหนด คมู่ ือผูต้ ดั สินกฬี าวอลเลย์บ ล 77

การปฏบิ ตั หิ น้าที่ในขณะแข่งขัน 1. กอ่ นใหส้ ัญญาณนกหวีดเพอื่ เสิรฟ์ ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 เปน็ ผใู้ หส้ ญั ญาณนกหวดี เพอ่ื อนญุ าตใหเ้ สริ ฟ์ ทกุ ครง้ั กอ่ นทจ่ี ะอนญุ าตใหเ้ สริ ฟ์ ผตู้ ัดสินที่ 1 จะต้องพิจารณาให้รอบคอบถงึ ความพร้อมต่างๆ ตามข้ันตอนดงั นี้ 1.1 ผู้เสิรฟ์ พรอ้ มอย่ใู นเขตเสริ ฟ์ 1.2 ฝา่ ยรบั ทุกคนพรอ้ มอยใู่ นสนามทั้ง 6 คน 1.3 ฝ่ายเสิรฟ์ พร้อมในสนามเลน่ ทั้ง 5 คน (ยกเวน้ ผูเ้ สิรฟ์ ) 1.4 ผู้เสิร์ฟถือลกู บอลอย่ใู นเขตเสริ ฟ์ ท้ัง 4 ข้ันตอนนี้ผู้ตดั สินที่ 1 ควรพจิ ารณาใหร้ วดเรว็ และรอบคอบตามล�ำดับ จากนั้นจึงให้ สญั ญาณนกหวดี อนญุ าตใหเ้ สิร์ฟ 2. ขณะทม่ี ีการเสิร์ฟ ในขณะเสริ ์ฟผ้ตู ดั สนิ ท่ี 1 จะตอ้ งส�ำรวจสงิ่ ตา่ งๆต่อไปน้ี 2.1 ผเู้ สิร์ฟได้ปฏิบตั ิถกู ตอ้ งเกย่ี วกับการเสริ ์ฟ 2.1.1 ขณะเสริ ฟ์ หรอื ขณะเรมิ่ กระโดดเพอื่ เสริ ฟ์ ผเู้ สริ ฟ์ จะตอ้ งอยใู่ นเขตเสริ ฟ์ แตส่ ามารถเร่มิ ว่งิ จากนอกเขตเสิรฟ์ ได้ 2.1.2 ไดโ้ ยนลกู บอลอย่างถูกต้อง 2.1.3 ต้องไม่อนญุ าตให้มีความพยายามเสิร์ฟ 2.1.4 ไดเ้ สริ ฟ์ ลกู ภายใน 8 วนิ าทหี ลงั จากทผ่ี ตู้ ดั สนิ ที่ 1 ไดใ้ หส้ ญั ญาณนกหวดี 2.1.5 ขณะเสริ ์ฟลูกบอลสามารถสมั ผสั ตาขา่ ยได้ 2.2 ผูเ้ ลน่ ฝา่ ยเสริ ์ฟ 2.2.1 ผเู้ ลน่ ฝา่ ยเสริ ฟ์ ทกุ คน (ยกเวน้ ผเู้ สริ ฟ์ ) จะตอ้ งอยใู่ นสนามแขง่ ขนั ในแดน ของตนเอง 2.2.2 ขณะเสริ ์ฟผู้เล่นทกุ คนอยู่ในต�ำแหน่งทถี่ กู ต้อง 2.2.3 ขณะเสิร์ฟผู้เล่นฝ่ายเสิร์ฟจะต้องไม่ท�ำการบังคับทิศทางการมองเห็น ของผ้เู ล่นฝ่ายรบั 2.2.4 ลกู บอลจะตอ้ งขา้ มไปยงั ฝา่ ยตรงขา้ มโดยตรง โดยไมถ่ กู ผเู้ ลน่ ฝา่ ยเสริ ฟ์ และไดข้ ้ามไปในแนวขา้ มตาขา่ ยอยา่ งถกู ต้อง 2.3 ผู้ก�ำกบั เสน้ ทรี่ บั ผดิ ชอบ ในขณะทเ่ี สิร์ฟจะตอ้ งดผู ูก้ �ำกบั เสน้ ทรี่ บั ผิดชอบดงั น้ี 2.3.1 ขณะที่ผู้เสิร์ฟก�ำลังเสิร์ฟลูกบอล ให้ดูผู้ก�ำกับเส้นต�ำแหน่งท่ี 2 หรือ ต�ำแหนง่ ที่ 4 แลว้ แตก่ รณี โดยดวู า่ มีการเหยยี บเสน้ หลงั หรอื แนวสมมุตขิ องเขตเสิรฟ์ หรือไม่ 2.3.2 ผกู้ �ำกบั เสน้ ต�ำแหนง่ ที่ 1 หรอื 3 วา่ มผี เู้ ลน่ คนใดออกนอกสนามแขง่ ขนั หรอื ไม่ 78 คมู่ อื ผ้ตู ดั สนิ กฬี าวอลเลยบ์ ล

2.3.3 ผู้ก�ำกับเส้นทุกต�ำแหน่งท่ีรับผิดชอบ กรณีลูกลงสนามหรือลูกออก หรือลกู ถูกผเู้ ล่นแล้วออก แล้วแตก่ รณี 3. ขณะที่มกี ารเลน่ ลูกบริเวณใกล้ตาข่าย ผู้ตดั สนิ ที่ 1 จะตอ้ งพจิ ารณาเก่ยี วกับ 3.1 การเลน่ ของฝ่ายรุก โดยจะตอ้ งพจิ ารณาเก่ียวกับ 3.1.1 ผู้เล่นตัวเซตเป็นผู้เล่นแดนหน้าหรือแดนหลัง ถ้าเป็นผู้เล่นแดนหลัง จะตอ้ งระวงั เรอื่ ง การรกุ ทผี่ ดิ ระเบยี บของผเู้ ลน่ แดนหลงั เชน่ การรกุ โดยสมบรู ณข์ ณะทอ่ี ยใู่ นเขตรกุ และลูกบอลอย่สู ูงว่าระดับสูงสดุ ของตาขา่ ย หรอื การสกดั กัน้ ที่ผิดระเบยี บ 3.1.2 ผเู้ ลน่ อน่ื ๆ ของฝา่ ยรกุ ทท่ี �ำการรกุ นน้ั เปน็ ผเู้ ลน่ แดนหนา้ หรอื แดนหลงั เนือ่ งจากปัจจบุ ันการเล่นได้มรี ปู แบบตา่ งๆ เกดิ ข้นึ อยา่ งมาก บางครง้ั ผตู้ ัดสนิ อาจเกดิ การสับสนวา่ ใครคือผูเ้ ลน่ แดนหนา้ หรือแดนหลัง 3.1.3 การเล่นลูกของตัวเซตว่าท�ำการเซตได้อย่างชัดเจน ไม่เป็นลักษณะ การจบั หรอื ยกลูก หรือไม่ใช่เป็นลักษณะถูกลกู สองจงั หวะ 3.1.4 การรกุ นน้ั ลกู บอลไดข้ า้ มแนวการขา้ มตาขา่ ยอยา่ งถกู ตอ้ งและไมล่ ำ�้ แนว ตาขา่ ยเข้าไปในแดนของฝ่ายตรงขา้ ม 3.2 การเล่นของฝา่ ยรับจะตอ้ งพจิ ารณาเกยี่ วกบั 3.2.1 ขณะที่ฝ่ายรุกก�ำลังเล่นลูกอยนู่ ้นั ฝา่ ยรบั ได้ล�ำ้ เหนือตาขา่ ยเข้าไปเลน่ ลูก หรอื สกดั กนั้ ก่อนที่ฝา่ ยรุกจะท�ำการรุกหรือไม่ 3.2.2 ขณะทฝี่ า่ ยรบั ก�ำลงั ท�ำการสกดั กน้ั มกี ารถกู ตาขา่ ยในขณะก�ำลงั เลน่ ลกู (Action of playing the ball) โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งบริเวณสว่ นบนของตาขา่ ยหรือไม่ 3.3 ต�ำแหน่งการมองของผู้ตัดสินท่ี 1 ขณะท่ีมีการเล่นลูกใกล้ตาข่ายผู้ตัดสินท่ี 1 จะต้องพยายามมองที่แนวก่ึงกลางของตาข่ายในแนวดิ่งตลอดความยาวของตาข่าย ทั้งนี้เพราะ ในปจั จบุ ันนกั กฬี าสว่ นใหญม่ รี ูปร่างสูง การล�ำ้ เหนอื ตาขา่ ยทีผ่ ดิ ระเบยี บย่อมเกิดได้ง่าย 4. ขณะที่มีการเลน่ ลูกครง้ั แรกของทีม ผู้ตัดสินที่ 1 จะต้องพิจารณาให้ได้ว่า การเล่นลูกน้ันเป็นการเล่นลูกคร้ังแรกของทีม หรอื ไม่ ถา้ เป็นการเลน่ ลกู ครัง้ แรกของทีม ผู้ตัดสินจะตอ้ งใหอ้ สิ ระในการเล่นกับนกั กฬี า แตจ่ ะตอ้ ง ไมใ่ ช่ลกั ษณะการจับหรอื การทมุ่ ลูกบอลเท่านนั้ ซึ่งการเลน่ ลกู ครัง้ แรกของทีมประกอบดว้ ย 4.1 การรบั ลูกทีม่ าจากการเสิร์ฟ 4.2 การรับลูกที่มาจากการรกุ ทกุ กรณี 4.3 การรับลกู ทีก่ ระดอนมาจากการสกดั กั้นของฝา่ ยตรงขา้ ม 4.4 การรับลกู ที่กระดอนมาจากการสกดั กั้นของฝา่ ยตนเอง คู่มือผู้ตดั สนิ กฬี าวอลเลยบ์ ล 79

5. ขณะทีม่ ีการเลน่ ลูกท่ัวๆ ไป 5.1 การเล่นลูกคร้ังท่ี 2 และคร้ังท่ี 3 ของทีมจะต้องเป็นการเล่นที่ถูกต้องชัดเจน ไม่มีการยก ลาก ผลกั พา ทุ่ม หรอื การเลน่ ในลักษณะ 2 จังหวะ 5.2 การเลน่ ลกู ในลกั ษณะพยายามอยา่ งเตม็ ที่ ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 จะตอ้ งพยายามเปดิ โอกาส ใหน้ กั กฬี าไดแ้ สดงความสามารถอยา่ งเตม็ ที่ ทงั้ นเี้ พอื่ ใหก้ ารเลน่ ลกู แตล่ ะครง้ั ยาวนานยงิ่ ขนึ้ ดงั นน้ั ในขณะที่นักกีฬาก�ำลังอยู่ในต�ำแหน่งที่ไม่ดีพอท่ีจะเล่นลูกนั้น แต่ได้พยายามอย่างเต็มที่เพ่ือจะเล่นลูก หากมีการผดิ พลาดเกิดขึ้นเลก็ น้อย ผู้ตดั สนิ จะตอ้ งปล่อยให้การเลน่ ไดต้ ่อเน่ืองไป การเล่นดังกลา่ ว ประกอบด้วย 5.2.1 ขณะที่ตัวเซตก�ำลังวิ่งไปเพื่อเซตลูกบอล หรือท�ำการเซตลูกลักษณะ รวดเรว็ (Quick Action) 5.2.2 ผู้เล่นอ่ืนๆ ว่ิงไปเล่นลูก หรือเล่นลูกอย่างรวดเร็วหลังจากลูกบอล ไดก้ ระดอนมาจากการสกดั กน้ั หรือจากผเู้ ล่นอ่นื ๆ 5.2.3 การเล่นลูกครั้งแรกของทีมสามารถท�ำได้โดยเสรี ยกเว้นการจับ หรอื ทุ่มลูกเทา่ น้นั 6. ขณะทม่ี ีการรกุ จากแดนหลงั ปัจจุบนั การแข่งขันกฬี าวอลเลยบ์ อลไดพ้ ยายามคิดค้นการเล่นแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะ การรุกจากแดนหลัง ซ่ึงเป็นการรุกท่ีสามารถท�ำได้อย่างหลากหลาย ดังน้ัน ผู้ตัดสินท่ี 1 ซึ่งเป็น ผ้รู บั ผดิ ชอบโดยตรงจงึ ควรเอาใจใสก่ บั การรกุ จากแดนหลังใหม้ าก ซงึ่ มขี ้อแนะน�ำดังนี้ 6.1 เกณฑ์การพจิ ารณา ผ้ตู ัดสนิ ท่ี 1 จะตอ้ งเขา้ ใจถึงเกณฑ์การพิจารณาการรกุ จาก แดนหลังทีผ่ ิดระเบยี บ 6.1.1 การรกุ นน้ั ตอ้ งเป็นการท�ำโดยผเู้ ล่นแดนหลัง 6.1.2 เข้ามาท�ำการรกุ ลกู ในบรเิ วณเขตรกุ หรอื แนวตอ่ ทย่ี น่ื ออกไป 6.1.3 ขณะท�ำการรกุ ลูกนนั้ ต้องอย่สู ูงกวา่ ระดับสูงสุดของตาขา่ ย 6.1.4 การรุกน้ันจะต้องเป็นการรุกโดยสมบูรณ์ การรุกจะสมบูรณ์สามารถ พิจารณาไดจ้ าก 6.1.4.1 ลกู บอลท้ังลูกไดข้ ้ามผา่ นแนวดงิ่ ของตาขา่ ยโดยสมบรู ณท์ ้ังลกู 6.1.4.2 ลูกบอลไดถ้ ูกผเู้ ลน่ ฝา่ ยตรงข้าม หลงั จากเกณฑ์การพจิ ารณาท้งั 4 ข้อนี้ ผ้ตู ดั สนิ ท่ี 1 จะต้องพิจารณา ใหร้ อบคอบ และตอ้ งเปน็ การท�ำครบทกุ หลกั เกณฑ์ จงึ จะถอื ไดว้ า่ เปน็ การรกุ ทผ่ี ดิ ระเบยี บแตถ่ า้ เปน็ การท�ำเพยี งเกณฑข์ อ้ ใดขอ้ หนงึ่ ซงึ่ ไมค่ รบทกุ หลกั เกณฑแ์ ลว้ การรกุ จากแดนหลงั จะไมผ่ ดิ ระเบยี บใดๆ 80 คูม่ อื ผ้ตู ัดสนิ กีฬาวอลเลย์บ ล

6.2 เทคนิคในการพิจารณา ผู้ตัดสินท่ี 1 จะต้องพยายามหาวธิ ีการ หรอื เทคนิคใดๆ ท่ีจะช่วยใหก้ ารพจิ ารณาตัดสินเกยี่ วกับการรกุ จากแดนหลังให้เท่ียงตรงทีส่ ดุ ซ่ึงมีข้อแนะน�ำดังนี้ 6.2.1 ผู้ตัดสินจะต้องสามารถจ�ำได้ตลอดเวลาการเล่นว่าขณะนี้ผู้เล่นคนใด เป็นผู้เล่นแดนหลัง ซึ่งผู้ตัดสินแต่ละคนต่างก็มีหลักเกณฑ์ในการจดจ�ำของตนเองแตกต่างกันออกไป จากประสบการณ์ท่ีผู้เขียนเคยผ่านการปฏิบัติหน้าที่ในรายการแข่งขันต่างๆ ทุกระดับของโลก จึงขอแนะน�ำหลักการจ�ำสว่ นตัวของผเู้ ขยี น ซ่งึ อาจจะมคี วามเหมาะสมกับผตู้ ดั สินอ่นื ๆ ดงั น้ี 6.2.1.1 ผเู้ ล่นตัวเซตยืนต�ำแหนง่ คกู่ ับใคร 6.2.1.2 ผู้เล่นตวั ตบหลกั ของทมี ยืนต�ำแหนง่ คกู่ บั ใคร 6.2.1.3 ผูเ้ ลน่ ตวั เซตหมุนตามใคร 6.2.1.4 ผูเ้ ล่นตวั ตบหลักหมนุ ตามใคร 6.2.1.5 ถา้ ผเู้ ลน่ ตวั รบั อสิ ระเปลย่ี นเขา้ แทนผเู้ ลน่ ใดๆ แสดงวา่ ทมี นนั้ จะมีผู้เลน่ แดนหลังเพียง 2 คน 6.2.2 พจิ ารณาจากรปู แบบการเลน่ โดยปกตแิ ลว้ แตล่ ะทมี จะมผี เู้ ลน่ ทส่ี ามารถ ท�ำการรกุ จากต�ำแหนง่ แดนหลงั ในแตล่ ะต�ำแหนง่ แตกตา่ งกนั ไป เชน่ การรกุ จากต�ำแหนง่ 1 ต�ำแหนง่ 6 และต�ำแหน่ง 5 จะใช้ผู้เล่นท่ีรุกจากแดนหลังเฉพาะตัวและเฉพาะต�ำแหน่ง ดังนั้นผู้ตัดสินท่ี 1 จะตอ้ งพยายามศึกษารปู แบบการเลน่ ของแตล่ ะทีมด้วย 6.2.3 ต�ำแหนง่ การใชส้ ายตาขณะทม่ี กี ารรกุ จากแดนหลงั สงิ่ ทผ่ี ตู้ ดั สนิ สว่ นมาก ยังไม่สามารถปฏิบัติได้ดี คือ การแบ่งแยกสายตาจากผู้เล่นท่ีรุกจากแดนหลังกับผู้เล่นท่ีก�ำลังสกัดกั้น ซงึ่ จ�ำเป็นตอ้ งใช้ประสบการณ์จากการฝกึ หัดบอ่ ยๆ 7. ก่อนเร่ิมตน้ ในเซตตัดสิน (เซตท่ี 5) ถ้าต้องมีการแข่งขันในเซตตัดสิน เมื่อจบเซตท่ี 4 ผู้ตัดสินท่ี 1 ต้องปฏิบัติตามข้ันตอน ดงั ตอ่ ไปน้ี 7.1 ให้สัญญาณจบการแข่งขันเซตที่ 4 และให้นักกีฬาทั้งสองทีมกลับไปท่ีม้าน่ัง ของทมี ตนเองได้ทันที โดยไมต่ อ้ งเปล่ยี นแดนกนั 7.2 ผตู้ ดั สนิ ที่ 1 ลงจากเกา้ อผ้ี ตู้ ดั สนิ เรยี กหวั หนา้ ทมี ทง้ั สองทมี มาท�ำการเสยี่ งพรอ้ มกบั ผ้ตู ดั สนิ ที่ 2 ทีห่ น้าโตะ๊ ผู้บันทกึ 7.3 แจ้งถึงผ้บู ันทกึ ผลการเส่ียงวา่ ทีมใดเป็นฝ่ายเสิร์ฟและอยูแ่ ดนใด 7.4 กลับไปทีเ่ ก้าอ้ีผ้ตู ดั สิน เพื่อเตรยี มท�ำหน้าทีต่ อ่ 7.5 ตรวจสอบดคู วามพรอ้ มของเจ้าหนา้ ท่ี เช่น ผกู้ �ำกับเสน้ เจ้าหน้าที่เชด็ พื้น และ ดูสัญญาณจากผูต้ ัดสนิ ท่ี 2 ว่าพร้อม จึงอนุญาตให้เสิร์ฟได้ คู่มือผูต้ ดั สนิ กีฬาวอลเลย์บ ล 81

การประสานงานกับเจ้าหนา้ ทอ่ี นื่ ๆ ในการปฏิบัติหน้าที่ขณะแข่งขัน ผู้ตัดสินท่ี 1 ไม่สามารถปฏิบัติหน้าท่ีเพียงล�ำพัง แต่ผู้เดียวได้ แต่จะต้องมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดกับผู้ตัดสินท่ี 2 ผู้ก�ำกับเส้น เจ้าหน้าท่ี ส่งลูกบอล เพ่ือให้การปฏิบัติหน้าท่ีเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงขอแนะน�ำหลักการประสานงาน กบั เจา้ หน้าที่อ่นื ๆดังนี้ 1. ก่อนเริ่มต้นแต่ละเซต 1.1 ตอ้ งใชเ้ วลาส�ำหรบั ผตู้ ดั สนิ ที่ 2 ไดต้ รวจสอบต�ำแหนง่ ผเู้ ลน่ 6 คนแรก ใหต้ รงกบั ใบสง่ ต�ำแหน่ง 1.2 หากมีการเปลยี่ นตัวผู้เล่นกบั ตวั รบั อสิ ระตอ้ งอนุญาตใหเ้ ปล่ยี นแปลงไดท้ ันที 1.3 ถ้าเป็นการเริ่มต้นในเซตที่ 1 และเซตตัดสิน ผู้เสิร์ฟต้องรับลูกบอลที่ส่งมาจาก ผู้ตดั สนิ ที่ 2 เทา่ นน้ั 1.4 รอการใหส้ ัญญาณพร้อมจากผู้ตัดสนิ ท่ี 2 โดยการชูมอื ทั้งสองขา้ ง 1.5 ถา้ หวั หนา้ ทมี (Team Captain) ไมไ่ ดล้ งสนามเปน็ ผเู้ ลน่ 6 คนแรก ผตู้ ดั สนิ ท่ี 2 ต้องถามผู้ฝึกสอนและแจ้งให้แก่ผู้ตัดสินท่ี 1 ทราบ เพ่ือผู้ตัดสินที่ 1 จะได้แจ้งให้แก่ผู้เล่นที่ได้รับ แตง่ ตงั้ ให้เปน็ หวั หน้าทีมในสนามไดร้ บั ทราบ 1.6 ส�ำรวจผกู้ �ำกบั เส้นทั้ง 4 คนวา่ อยใู่ นต�ำแหนง่ พร้อมธง 2. ขณะใหส้ ญั ญาณเสิร์ฟผตู้ ดั สินท่ี 1 ควรประสานกบั 2.1 ผู้ก�ำกับเส้นที่รับผิดชอบเส้นหลัง (ต�ำแหน่งท่ี 2 และ 4) ของฝ่ายเสิร์ฟ หากผู้ก�ำกับเส้นให้สัญญาณธงใดๆ ข้ึนแสดงว่าจะต้องมีการผิดระเบียบเกี่ยวกับการเสิร์ฟ ดังนั้น ขณะทผี่ เู้ สริ ฟ์ ก�ำลงั เรมิ่ กระโดดเสริ ฟ์ หรอื ขณะก�ำลงั ตลี กู บอลเพอ่ื เสริ ฟ์ ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 จะตอ้ งพยายามดู ผทู้ ี่เสิร์ฟ และผกู้ �ำกับเสน้ ทร่ี บั ผดิ ชอบอย่างใกล้ชดิ 2.2 ถา้ ผตู้ ดั สนิ ที่ 2 ใหส้ ญั ญาณนกหวดี แสดงการผดิ ต�ำแหน่งของฝา่ ยรบั ผู้ตดั สนิ ที่ 1 ควรไม่ให้สญั ญาณอ่นื ใดอีกเปน็ อันขาด ควรใหค้ วามยอมรับในการตัดสินของผู้ตัดสินที่ 2 2.3 ถ้าเป็นลูกลงสนาม (ลูกดี) หรือลูกออก ควรประสานสายตาไปยังผู้ก�ำกับเส้น ที่รับผิดชอบอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ควรใช้วิธีการหันหน้าไปมองอย่างชัดเจนทุกคร้ัง เพราะอาจจะได้ รบั ค�ำต�ำหนจิ ากผฝู้ กึ สอนว่าไมม่ ีความม่นั ใจในตนเอง 3. ขณะใหส้ ญั ญาณหยุดการเล่น 3.1 ถ้าผู้ตัดสินที่ 2 ให้สัญญาณนกหวีดก่อน ผู้ตัดสินท่ี 1 จะต้องไม่ให้สัญญาณ นกหวดี ตามอกี ครง้ั เปน็ อนั ขาด เพราะอาจจะท�ำใหเ้ กดิ ความสบั สนตอ่ นกั กฬี า หรอื เจา้ หนา้ ทอ่ี นื่ ๆ ได้ และรอช่ัวขณะหน่ึง เพ่ือให้ผู้ตัดสินท่ี 2 ได้แสดงสัญญาณมือระบุความผิดท่ีเกิดข้ึน พร้อมระบุตัว ผูท้ �ำผิด จากนัน้ ผ้ตู ัดสนิ ที่ 1 จึงแสดงสัญญาณระบุทีมท่จี ะได้สทิ ธ์เิ สิรฟ์ ต่อไป 82 คู่มอื ผตู้ ัดสนิ กฬี าวอลเลย์บ ล

3.2 ถ้ามีการให้สัญญาณนกหวีดพร้อมกัน ผู้ตัดสินท่ี 1 จะต้องรอชั่วขณะหนึ่งและ ใชส้ ายตาใหส้ อ่ื ความหมายกบั ผตู้ ดั สนิ ท่ี 2 จากนนั้ จงึ ใหส้ ญั ญาณเพอื่ ระบวุ า่ ทมี ใดจะชนะการเลน่ ลกู ครง้ั นนั้ 3.3 กรณที จ่ี ะพจิ ารณาวา่ เปน็ ลกู ดี ลกู ออก หรอื ลกู ถกู ผเู้ ลน่ แลว้ ออก เมอื่ ใหส้ ญั ญาณ นกหวีดแลว้ จะตอ้ งดูท่ผี กู้ �ำกบั เส้นทีร่ ับผิดชอบหรือผตู้ ัดสนิ ท่ี 2 อยา่ งรวดเรว็ จากน้ันจงึ ใหส้ ญั ญาณ หากผตู้ ดั สนิ ที่ 1 มคี วามเหน็ ไมต่ รงกบั ผกู้ �ำกบั เสน้ ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 ตอ้ งการยกเลกิ ค�ำตดั สนิ ของผกู้ �ำกบั เสน้ ใหแ้ สดงสญั ญาณมอื เพอ่ื ปฏเิ สธอยา่ งชดั เจนกอ่ น จากนน้ั จงึ แสดงสญั ญาณทถ่ี กู ตอ้ ง 3.4 ถ้าเกิดกรณไี มม่ ่ันใจการตัดสนิ ให้เรยี กผูต้ ัดสินท่ี 2 หรอื ผกู้ �ำกบั เสน้ ท่เี ก่ียวข้อง เพ่ือซกั ถามกอ่ น จากนน้ั จงึ ตัดสินใจ อย่าใช้วธิ ีการถามนักกีฬา เปน็ อันขาด 4. ขณะทมี่ ีการหยดุ การเลน่ ลูก 4.1 ก่อนให้สัญญาณนกหวีดเพื่อเร่ิมเล่นใหม่หลังจากการขอหยุดการเล่นทุกครั้ง (การขอเปล่ยี นตัว การขอเวลานอก) จะต้องรอสญั ญาณจากผตู้ ดั สินท่ี 2 วา่ พร้อมหรอื ยัง 4.2 ต้องให้เวลากับผู้บันทึกในการบันทึกขอการเปล่ียนตัว การขอเวลานอกและ การเตอื นถ่วงเวลา การลงโทษถว่ งเวลาอย่างเพยี งพอ 4.3 เมอ่ื สิ้นสุดเวลานอกทางเทคนิค 1 นาที ใหด้ ูความพรอ้ มจากเจา้ หน้าทอ่ี ื่นๆ เชน่ ผ้บู นั ทึก ผกู้ �ำกบั เส้น และผู้ตดั สนิ ที่ 2 5. ขณะก�ำลังมีการเลน่ ลูก 5.1 ถา้ มสี ญั ญาณใดๆ จากผกู้ �ำกบั เสน้ ทเ่ี กดิ ขนึ้ เชน่ ผกู้ �ำกบั เสน้ ใหส้ ญั ญาณลกู ถกู พน้ื สนาม ถกู สง่ิ กดี ขวางหรอื ลกู ไมผ่ า่ นแนวขา้ มตาขา่ ย ฯลฯ ถา้ ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 เหน็ ดว้ ย ใหเ้ ปา่ นกหวดี ใหส้ ญั ญาณ หยุดการเลน่ แต่ถา้ ไมเ่ ห็นด้วยจะต้องแสดงสญั ญาณมือใดๆ ที่ระบวุ า่ ไม่เหน็ ดว้ ยกบั การใหส้ ญั ญาณ ของผกู้ �ำกบั เสน้ นนั้ เพอื่ ใหท้ กุ คนไดเ้ หน็ วา่ ผตู้ ดั สนิ ที่ 1 ไดต้ ดิ ตามการเลน่ ลกู นน้ั และเหน็ การกระท�ำนนั้ อย่างชดั เจน 5.2 หากเกิดเหตุใดๆ ท่ีไม่ใช่เป็นความผิดพลาดของผู้เล่น เช่น ลูกบอลกลิ้งเข้ามา ในสนามเลน่ ใหย้ ตุ กิ ารเลน่ ลูกนัน้ และใหเ้ ร่ิมเลน่ ใหม่ 5.3 หากเกดิ อาการบาดเจบ็ ทร่ี า้ ยแรงขนึ้ ใหย้ ตุ กิ ารเลน่ ลกู นน้ั ทนั ทแี ละใหผ้ ตู้ ดั สนิ ท่ี 2 พิจารณาเรยี กแพทยป์ ระจ�ำทมี หรอื แพทย์ประจ�ำสนามเข้าไปดูแลและใหเ้ ล่นลกู น้นั ใหม่ การปฏบิ ตั ิในการลงโทษการท�ำผดิ มารยาท ชนิดของการผิดมารยาท (Misconduct) แบง่ ออกเปน็ 2 ชนิด คอื 1. การผิดมารยาทเล็กน้อย (Minor Misconduct) เป็นการผิดมารยาทของนักกีฬา หรือเจ้าหน้าท่ีของทีมเพียงเล็กน้อย ไม่รุนแรง ทั้งนี้ผู้ตัดสินที่ 1 จะต้องพยายามป้องกันไม่ให้ทีม ท�ำผดิ มารยาทจนถึงขั้นตอ้ งลงโทษ โดย คูม่ อื ผูต้ ัดสนิ กีฬาวอลเลยบ์ ล 83

1.1 ต้องท�ำการเตือนนักกีฬาหรือเจ้าหน้าที่ที่ท�ำผิดมารยาทเล็กน้อยผ่านหัวหน้า ในสนาม (Game captain) โดยท�ำการเตอื นดว้ ยวาจาหรือสัญญาณมอื 1.2 การเตือนน้ี ไม่ใช่การลงโทษ ดงั น้นั จงึ ไมต่ อ้ งมกี ารใช้บัตรใดๆ 1.3 ไม่ตอ้ งมกี ารบนั ทกึ ลงในใบบนั ทึก 2. การผดิ มารยาทที่ต้องมกี ารลงโทษ (Misconduct Leading to Sanction) เป็นการ ท�ำผิดมารยาทของสมาชิกในทีมต่อเจ้าหน้าที่ คู่ต่อสู้ เพ่ือร่วมทีมหรือผู้ชม ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ 2.1 การแสดงความหยาบคาย (Rude Conduct) เป็นการกระท�ำท่ีเป็นลักษณะ ตรงขา้ มกบั ลักษณะของมารยาททดี่ ี หรอื เปน็ ลักษณะทไ่ี มม่ คี ณุ ธรรม หรอื เปน็ ลกั ษณะการแสดงออก ซึ่งความรสู้ กึ 2.2 การแสดงความก้าวร้าว (Offensive Conduct) เป็นการกระท�ำลักษณะ ท่ีนา่ รังเกียจ หรือใชถ้ ้อยค�ำทีม่ ากกวา่ การหยาบคาย 2.3 การแสดงการรุกราน (Aggression) เป็นลักษณะของการท�ำร้ายร่างกาย หรือ ต้งั ใจทีจ่ ะท�ำร้าย หรอื ใชค้ วามรุนแรง ระดบั การลงโทษ (Sanction Scale) ในการพิจารณาการลงโทษ ผู้ตัดสินที่ 1 เท่านั้น จะเป็นผู้พิจารณาลงโทษนักกีฬา หรือเจ้าหน้าท่ีของทีม และจะต้องมีการบันทึกทุกคร้ังที่มีการลงโทษ โดยแบ่งระดับการลงโทษ ออกเป็น 3 ระดับ คือ 1. การลงโทษ (Penalty) การกระท�ำใดๆ ท่ีเป็นลักษณะของการแสดงความหยาบคาย (Rude Conduct) ครงั้ แรกของสมาชกิ ในทมี จะตอ้ งถกู ลงโทษดว้ ยบัตรสเี หลือง ทมี จะเสยี การเลน่ ลกู (Loss of rally) โดยจะตอ้ งเสียคะแนนและเสียสทิ ธกิ ารเสริ ฟ์ 2. การให้ออกจากการแขง่ ขนั 1 เซต (Expulsion) 2.1 การแสดงความหยาบคายครงั้ ที่ 2 ของสมาชิกคนเดมิ 2.2 การแสดงความก้าวร้าว คร้ังที่ 1 ของสมาชิกในทีมจะต้องถูกให้ออกจาก การแข่งขนั 1 เซต 2.3 นกั กฬี าหรอื เจา้ หนา้ ทคี่ นใดทถ่ี กู ใหอ้ อกจากการแขง่ ขนั ที่ 1 เซต จะตอ้ งออกไปนง่ั ในบริเวณเขตลงโทษ ซึง่ อยดู่ ้านหลงั ท่ีน่ังผเู้ ลน่ ส�ำรอง โดยจะไมม่ สี ิทธ์ิใดๆ 2.4 การให้ออกจากการแขง่ ขัน 1 เซต แสดงโดยบัตรสแี ดง 2.5 ทีมจะไมเ่ สียการเลน่ ลกู กล่าวคอื จะไมเ่ สียคะแนน หรอื ไมเ่ สียสิทธิก์ ารเสริ ์ฟ 84 คู่มอื ผู้ตัดสินกีฬาวอลเลยบ์ ล

2.6 จะต้องมกี ารบันทึกการให้ออกจากการแขง่ ขัน 1 เซตลงในใบบันทึก 2.7 ทีมที่สมาชิกถูกให้ออกจากการแข่งขัน 1 เซต จะต้องเปล่ียนตัวตามปกติ หากเปล่ยี นตวั ตามปกตไิ มไ่ ด้จะตอ้ งถกู ปรบั เป็นไม่พร้อมจะแขง่ ขนั ในเซตน้ัน 3. การตดั สิทธิอ์ อกจากการแข่งขนั (Disqualification) 3.1 เปน็ การแสดงความหยาบคาย ครัง้ ท่ี 3 ของสมาชิกทมี คนเดมิ 3.2 เป็นการแสดงความก้าวรา้ ว คร้งั ที่ 2 ของสมาชกิ ทีมคนเดมิ 3.3 การแสดงการรุกราน ครัง้ ที่ 1 ของสมาชกิ ในทีม 3.4 นกั กฬี าหรอื เจา้ หนา้ ทค่ี นใดทถ่ี กู ตดั สทิ ธอิ์ อกจากการแขง่ ขนั จะตอ้ งออกไปนอก บรเิ วณพืน้ ทค่ี วบคมุ ตลอดทงั้ นดั นน้ั โดยไมม่ สี ทิ ธ์ใิ ดๆ 3.5 การตัดสิทธ์ิออกจากการแข่งขัน ผู้ตดั สนิ ท่ี 1 จะแสดงบตั รสีเหลือง+สีแดง 3.6 ทมี ท่ีสมาชกิ ถกู ตดั สิทธิอ์ อกจากการแข่งขันจะไมเ่ สยี การเลน่ ลกู 3.7 จะตอ้ งมีการบันทึกการตดั สทิ ธ์อิ อกจากการแขง่ ขันลงในใบบันทกึ 3.8 ทมี ทส่ี มาชกิ ถกู ตดั สทิ ธอิ์ อกจากการแขง่ ขนั จะตอ้ งเปลยี่ นตวั ตามปกติ หากเปลยี่ นตวั ตามปกติไม่ได้ ทมี น้นั จะตอ้ งถกู ปรบั เปน็ ไม่พร้อมจะแข่งขันในเซตนัน้ วธิ กี ารปฏิบตั ิในการลงโทษ ผูต้ ดั สินที่ 1 เทา่ นน้ั จะพิจารณาลงโทษนกั กฬี าหรือเจ้าหนา้ ท่ขี องทมี โดยมีวธิ ีการลงโทษ ตามล�ำดับดังนี้ 1. ถา้ เปน็ ลงโทษสมาชกิ ทมี ที่อยู่ในสนามเม่อื ลกู ตาย ผูต้ ัดสินที่ 1 จะตอ้ งปฏิบัติดังนี้ 1.1 ถา้ เปน็ การผดิ มารยาทเลก็ นอ้ ยจะไมม่ กี ารลงโทษ เพยี งแตผ่ ตู้ ดั สนิ ท่ี 1 จะตอ้ งเตอื น ดว้ ยวาจาหรอื สญั ญาณมอื เทา่ นน้ั โดยเปน็ การเตอื นผา่ นหวั หนา้ ทมี ทอ่ี ยใู่ นสนาม (Game Captain) 1.2 ถ้าเป็นการผดิ มารยาทท่ีต้องมกี ารลงโทษ ผตู้ ัดสนิ ที่ 1 จะตอ้ ง 1.2.1 เป่านกหวีดเรยี กนักกฬี าทจ่ี ะถกู ลงโทษเขา้ ไปใกลก้ ับเก้าอีผ้ ู้ตดั สินที่ 1 1.2.2 แสดงบตั ร (ตามความเหมาะสม) ใหน้ ักกีฬาน้ัน และพดู ว่า “เปน็ การ ลงโทษคณุ หรอื ใหค้ ณุ ออกจากการแขง่ ขนั 1 เซต หรอื ตดั สทิ ธค์ิ ณุ ออกจากการแขง่ ขนั ตลอดทง้ั นดั ” 1.2.3 นกั กฬี าท่ีถูกลงโทษจะต้องยกมอื แสดงการยอมรบั 2. ถา้ เปน็ การลงโทษสมาชิกทีมทอ่ี ยูน่ อกสนาม เม่อื ลกู ตายผูต้ ดั สนิ ที่ 1 ตอ้ งปฏบิ ตั ดิ ังนี้ 2.1 เป่านกหวีดเรียกหัวหน้าทีมในสนาม (Game Captain) ให้เข้าไปใกล้กับเก้าอ้ี ผู้ตัดสนิ ท่ี 1 คูม่ อื ผตู้ ดั สินกีฬาวอลเลยบ์ ล 85

2.2 พดู กบั หวั หนา้ ทมี ในสนามวา่ “เปน็ การลงโทษ หรอื ใหอ้ อกจากการแขง่ ขนั หรอื ตดั สทิ ธอ์ิ อกจากการแขง่ ขนั ตลอดทง้ั นดั นกั กฬี าหมายเลข.....หรอื เจา้ หนา้ ท”ี่ พรอ้ มกบั แสดงบตั ร ตามความเหมาะสม ดงั ตัวอยา่ ง “เป็นการลงโทษนกั กฬี าหมายเลข.....” “เป็นการลงโทษผฝู้ ึกสอน” “เปน็ การใหน้ กั กีฬาหมายเลข.....ออกจากการแขง่ ขนั ” “เป็นการให้ผู้ช่วยผฝู้ กึ สอนออกจากการแข่งขนั ” “เปน็ การตดั สทิ ธิ์นักกีฬาหมายเลข.....ออกจากการแขง่ ขัน” “เป็นการตดั สิทธ์ิผ้ฝู กึ สอนออกจากการแข่งขัน” 2.3 เมื่อผู้ตัดสินที่ 1 ก�ำลังพูดกับหัวหน้าทีม ให้แสดงบัตรตามความเหมาะสมข้ึน พรอ้ มกับใช้มืออีกข้างระบไุ ปทส่ี มาชกิ คนนัน้ 2.4 เมือ่ หัวหน้าทมี ในสนาม (Game Captain) ไดร้ ับทราบตอ้ งไปแจง้ ใหก้ ับสมาชกิ ทีมคนน้นั ยืนขนึ้ พร้อมกบั ยกมือยอมรบั 2.5 เมอื่ สมาชกิ ทถ่ี กู ลงโทษยกมอื ขน้ึ ผตู้ ดั สนิ ที่ 1 ตอ้ งแสดงบตั รตามความเหมาะสม เพือ่ ให้ผู้ตดั สินที่ 2 ผบู้ นั ทกึ และผชู้ มไดท้ ราบอกี ครง้ั การปฏิบตั ิในการลงโทษถว่ งเวลา การถว่ งเวลาเปน็ การกระท�ำใหเ้ กดิ การลา่ ชา้ หรอื ท�ำใหต้ อ้ งเสยี เวลาตอ่ การเลน่ โดยนกั กฬี า หรือเจ้าหน้าท่ีของทีมเป็นผู้ท�ำ ดังน้ัน ผู้ตัดสินจะต้องพยายามป้องกันไม่ให้ทีมท�ำการถ่วงเวลา การเล่นท้ังโดยต้ังใจหรือไม่ตั้งใจและเพ่ือเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาตัดสินส�ำหรับผู้ตัดสินเกี่ยวกับ การถ่วงเวลา คณะกรรมการฝ่ายผู้ตัดสินของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติได้ก�ำหนดหลักเกณฑ์ ไว้ดงั นี้ (FIVB Referee Committee. 2001:2) 1. การถ่วงเวลาท่ีเกิดจากการขออนญุ าตท่ผี ิดระเบียบ 1.1 การกระท�ำใดๆ ทเี่ ปน็ การขออนญุ าตทผี่ ดิ ระเบยี บครง้ั แรกของทมี ในนดั นน้ั และ ไม่มีผลตอ่ การเล่น หรือไม่ท�ำใหก้ ารเลน่ ต้องลา่ ช้าออกไป ผตู้ ัดสินจะตอ้ งปฏิเสธการขอนั้น โดยไม่มี การท�ำโทษใดๆ 1.2 ถ้าเป็นการขออนุญาตที่ผิดระเบียบ ครั้งท่ี 2 ของทีมเดิมในนัดน้ัน ผู้ตัดสิน จะต้องปฏบิ ตั ิดงั นี้ 1.2.1 ปฏิเสธการขออนุญาตนั้น 1.2.2 ลงโทษเตอื นถว่ งเวลาทมี นน้ั โดยผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 จะแสดงสญั ญาณมอื เปลา่ ช้ีทน่ี าฬิกา เพอ่ื เปน็ การเตอื นถ่วงเวลา (Delay Warning) 86 ค่มู ือผู้ตัดสินกฬี าวอลเลย์บ ล

1.2.3 จะตอ้ งมกี ารบนั ทกึ การเตือนถว่ งเวลาไว้ในใบบันทกึ 1.2.4 ทมี ท่ีถูกเตือนถว่ งเวลาจะไม่เสยี การเล่นลกู (ดังภาพ) ภาพท่ี 3 ผตู้ ดั สินท่ี 1 แสดงสญั ญาณการเตอื นถว่ งเวลา 1.3 ถา้ เปน็ การขออนญุ าตทผ่ี ดิ ระเบยี บ ครงั้ ท่ี 3 หรอื ครง้ั ตอ่ ๆ ไปของทมี เดมิ ในนดั นนั้ ผู้ตดั สนิ จะต้องปฏบิ ัตดิ งั นี้ 1.3.1 ปฏเิ สธการขออนญุ าตนั้น 1.3.2 ลงโทษถ่วงเวลาทีมนนั้ โดยผู้ตดั สนิ ที่ 1 จะแสดงใบเหลืองช้ที ่นี าฬิกา เป็นการลงโทษถ่วงเวลา (Delay Penalty) 1.3.3 จะต้องมกี ารบนั ทกึ การลงโทษถ่วงเวลาไว้ในใบบนั ทกึ 1.3.4 ทมี ทถ่ี กู ลงโทษถว่ งเวลาจะตอ้ งเสยี การเลน่ ลกู (จะตอ้ งเสยี สทิ ธกิ์ ารเสริ ฟ์ และเสียคะแนน 1 คะแนน) (ดงั ภาพ) ทุกครั้งทมี่ กี ารเตือนถ่วงเวลา (Delay Warning) หรือลงโทษถ่วงเวลา (Delay Penalty) ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 จะตอ้ งมน่ั ใจไดว้ า่ ผบู้ นั ทกึ ไดบ้ นั ทกึ การเตอื นหรอื ลงโทษการถว่ งเวลานนั้ เรยี บรอ้ ยแลว้ ภาพที่ 4 ผู้ตัดสนิ ที่ 1 แสดงสัญญาณลงโทษการถ่วงเวลา 87 คมู่ อื ผู้ตดั สนิ กฬี าวอลเลยบ์ ล

ลักษณะส�ำคญั ของการขออนญุ าตที่ผิดระเบยี บ 1. การขออนุญาตขณะทก่ี �ำลงั มกี ารเลน่ ลกู หรอื ขณะท่ีผู้ตดั สนิ เปา่ นกหวดี ให้เสิรฟ์ หรือ ภายหลังจากผตู้ ัดสินเป่านกหวดี ใหเ้ สิร์ฟ 2. การขออนญุ าตโดยผทู้ ่ีไมม่ สี ิทธ์ขิ ออนุญาต 3. การขอเปลีย่ นตวั ก่อนทีจ่ ะมีการเล่น หลงั จากทีท่ ีมนัน้ ไดข้ อเปลี่ยนตัวไปก่อนแล้ว 4. การขออนญุ าตเปลี่ยนตัวหรือขอเวลานอกเกินจ�ำนวนทกี่ �ำหนดในแต่ละเซต ตวั อย่างการขออนุญาตทผ่ี ดิ ระเบียบ ผู้ฝึกสอนขอเวลานอกในขณะท่ีก�ำลังเล่นลูกหรือในขณะท่ีผู้ตัดสินเป่านกหวีดให้เสิร์ฟ หรือภายหลังจากสัญญาณนกหวีดเพ่ือให้เสิร์ฟ ถ้าการขออนุญาตน้ันไม่เป็นผลต่อการเล่น หรอื ไมท่ �ำใหก้ ารเลน่ ตอ้ งลา่ ชา้ ผตู้ ดั สนิ เพยี งแตป่ ฏเิ สธการขอนน้ั โดยไมม่ กี ารท�ำโทษใดๆ แตถ่ า้ เปน็ การท�ำซ้�ำอีกในนัดนั้น จะถือว่าเป็นการถ่วงเวลาการเล่นผู้ตัดสินท่ี 1 จะต้องท�ำโทษทีมนั้นโดย “เตือนถว่ งเวลา” (Delay Warning) 2. การถ่วงเวลาท่ีเกิดจากการถ่วงเวลาโดยตรง 2.1 ถ้าทมี ท�ำการถว่ งเวลาโดยตรงและเป็นการท�ำคร้งั แรกของทีมในนดั น้นั ผ้ตู ดั สิน จะต้องปฏบิ ัตดิ งั น้ี 2.1.1 ปฏเิ สธการขออนุญาตน้นั 2.1.2 เตือนถ่วงเวลาทีมน้ัน โดยผู้ตัดสินที่ 1 จะแสดงสัญญาณมือเปล่า ชี้ทีน่ าฬิกาเป็นการเตอื นถ่วงเวลา (Delay Warning) 2.1.3 จะตอ้ งมีการบันทกึ การเตอื นถ่วงเวลาไวใ้ นใบบันทกึ 2.1.4 ทมี ทีถ่ ูกเตอื นถว่ งเวลาจะไม่เสียการเล่นลูก (ดังภาพ) ภาพที่ 5 ผูต้ ดั สนิ ท่ี 1 แสดงสัญญาณการเตือนถว่ งเวลา 88 คู่มอื ผู้ตดั สนิ กีฬาวอลเลย์บ ล

2.2 ถ้าทีมท�ำการถ่วงเวลาโดยตรง คร้ังท่ี 2 หรือครั้งต่อๆ ไปในนัดน้ัน ผู้ตัดสิน จะตอ้ งปฏบิ ตั ิดังน้ี 2.2.1 ปฏิเสธการขออนุญาตนน้ั 2.2.2 ลงโทษถ่วงเวลา (Delay Penalty) ทีมนน้ั โดยผู้ตัดสินที่ 1 จะแสดง สัญญาณใบเหลืองช้ีที่นาฬกิ า เป็นการลงโทษถ่วงเวลา 2.2.3 จะตอ้ งมีการบนั ทกึ การลงโทษถ่วงเวลาไวใ้ นใบบนั ทึกทุกครัง้ 2.2.4 ทีมที่ถูกลงโทษถ่วงเวลาจะเสียการเล่นลูก กล่าวคือ จะเสียคะแนน และเสียสิทธ์ิการเสริ ์ฟ (ดงั ภาพ) ภาพที่ 6 ผู้ตัดสินที่ 1 แสดงสัญญาณการลงโทษถ่วงเวลา ลกั ษณะส�ำคญั ของการขออนญุ าตท่เี ป็นการถ่วงเวลาโดยตรง การขอเปล่ียนตัวล่าช้า เช่น ขณะที่ขออนุญาตเปลี่ยนตัว นักกีฬาไม่พร้อมอยู่ใกล้เขต การเปลีย่ นตัวหรอื ถอื ปา้ ยเปลยี่ นตัวไมถ่ กู คู่ หรอื ไมอ่ ยู่ในชดุ แขง่ ขนั ทีพ่ รอ้ มจะแข่งขนั การขอเวลานอก ผลจากการขอเวลานอกที่เป็นสาเหตุของการถ่วงเวลา ได้แก่ เมื่อหมด เวลานอกแล้ว ผตู้ ดั สินใหท้ มี ลงสนาม แตท่ ีมยังไม่พร้อมลงสนามหรอื ท�ำให้การเลน่ ต้องลา่ ช้าตอ่ ไป ดว้ ยเหตุของการขอเวลานอก การขออนญุ าตผกู เชอื กรองเทา้ การผกู เชอื กรองเทา้ เปน็ ความรบั ผดิ ชอบของนกั กฬี าเอง ผู้ตัดสินจะต้องไม่อนุญาตให้นักกีฬาผูกเชือกรองเท้าโดยหยุดการแข่งขันชั่วขณะหน่ึง หากนักกีฬา ยังยืนยันขออนุญาตผูกเชือกรองเท้าจะเป็นการถ่วงเวลาโดยตรง ทีมน้ันจะถูกเตือนหรือลงโทษ ถ่วงเวลาตามแต่กรณี ดังนั้น หากนักกีฬาประสงค์จะผูกเชือกรองเท้าจะต้องท�ำเองโดยไม่มีการ หยุดการแข่งขัน ผู้ตัดสินจะต้องให้สัญญาณเสิร์ฟทันทีและนักกีฬาผู้น้ันจะต้องอยู่ในต�ำแหน่ง ทถ่ี กู ต้อง หากไม่อยู่ในต�ำแหนง่ ทถี่ ูกตอ้ งขณะเสริ ์ฟจะตอ้ งถกู ท�ำโทษการผดิ ต�ำแหนง่ ทีมนั้นจะเสยี การเล่นลกู ทนั ที คมู่ ือผู้ตัดสนิ กีฬาวอลเลยบ์ ล 89

การขออนุญาตให้เช็ดพื้น นักกีฬาหรือเจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธ์ิร้องขอให้เจ้าหน้าท่ีเช็ดพ้ืน ท่ีเปียกล่ืน ท้ังนี้เพราะในการแข่งขันทุกรายการจะใช้เจ้าหน้าท่ีเช็ดพื้นเร็ว (Quick Mopper) เพ่ือท�ำการเช็ดพื้นขณะท�ำการแข่งขันตลอดเวลา ทั้งน้ีเป็นความรับผิดชอบและอยู่ในอ�ำนาจ การตัดสนิ ใจของเจ้าหนา้ ที่เช็ดพนื้ เรว็ เท่านนั้ ในท�ำนองเดียวกัน ถา้ นกั กีฬาไดร้ อ้ งขอหรือชี้แนะให้ เจา้ หนา้ ทเ่ี ชด็ พน้ื เรว็ ท�ำการเชด็ พน้ื จะถอื วา่ เปน็ การถว่ งเวลาการเลน่ โดยตรง ทมี นน้ั จะตอ้ งถกู เตอื น หรอื ลงโทษตามแตก่ รณี ดังนนั้ หากนักกฬี าประสงคจ์ ะเชด็ พ้นื ที่เปียกล่ืน จงึ เป็นหนา้ ทรี่ บั ผดิ ชอบของนกั กีฬาเอง ที่จะต้องเตรียมผ้าผืนเล็กส�ำหรับการเช็ดพ้ืนด้วยตนเอง และในท�ำนองเดียวกันผู้ตัดสินจะต้องไม่รอให้ นักกีฬาไดท้ �ำการเช็ดพ้นื จนเสรจ็ เรยี บร้อย ตวั อย่างการถว่ งเวลาโดยตรง ผู้เล่นท�ำการถ่วงเวลาโดยขออนุญาตผู้ตัดสินเพื่อผูกเชือกรองเท้า การกระท�ำเช่นน้ี ทีมจะถูกท�ำโทษทันทีโดย “เตือนถ่วงเวลา” ถ้าการถ่วงเวลาน้ีเป็นการท�ำซ�้ำอีกในนัดน้ัน ทมี จะถกู ท�ำโทษ “ลงโทษถว่ งเวลา” ลกั ษณะส�ำคญั ทเี่ ปน็ การถว่ งเวลาโดยตรง คอื การขอเปลย่ี นตวั การขอเวลานอก การขอผูกเชอื กรองเทา้ การขอใหเ้ ชด็ พน้ื เปน็ ตน้ ลำ� ดบั ข้ันตอนการปฏบิ ัติส�ำหรบั ผู้ตัดสินที่ 1 ในขณะแขง่ ขัน เม่ือมีการขอหยดุ การแขง่ ขนั หรอื ชว่ งพกั ระหวา่ งเซต ผ้ตู ัดสนิ ท่ี 1 จะต้อง พยายามใช้เวลาในช่วงหยุดนใี้ ห้เกดิ ประโยชน์มากท่ีสุด ซึง่ สามารถแบง่ ออกเป็นลกั ษณะต่างๆ ดงั น้ี 1. เมื่อมีการขออนุญาตเปลี่ยนตัว สง่ิ ท่ผี ูต้ ัดสินที่ 1 พงึ สังเกตและปฏบิ ัตใิ นชว่ งน้ีคือ 1.1 ผู้เล่นท่ีจะเปล่ียนตัวเข้าพร้อมและอยู่ใกล้เขตเปลี่ยนตัว โดยอยู่ในชุดแข่งขัน ถือป้ายเปล่ียนตัวท่ีถูกต้อง ถ้าท�ำไม่ถูกต้องถือเป็นการเปลี่ยนตัวล่าช้า ต้องถูกท�ำโทษเตือนหรือ ลงโทษถว่ งเวลาตามแตก่ รณี 1.2 กรณขี ออนญุ าตเปลยี่ นตวั พรอ้ มกนั ทง้ั สองทมี ผตู้ ดั สนิ ท่ี 1 สามารถใหส้ ญั ญาณให้ ผูเ้ ล่นอีกทีมหนง่ึ รออยูข่ ณะหนึ่งกอ่ น 1.3 การเปล่ียนตัวหัวหน้าทีมในสนามจะต้องสอบถามผู้ฝึกสอนหรือหัวหน้าทีม (Game Captain) วา่ ใครคือผทู้ ่ีจะท�ำหน้าทหี่ ัวหนา้ ทมี ในสนามแทน 1.4 ได้ให้เวลาส�ำหรบั การบันทกึ การเปล่ยี นตวั ของผบู้ นั ทกึ อย่างเพียงพอ 1.5 สังเกตดูฝ่ายที่ก�ำลังเสียคะแนนติดต่อกันหรือในช่วงท่ีทีมต้องการเปลี่ยนตัว เพื่อท�ำคะแนนในช่วงส�ำคญั ๆ จะเปน็ ฝา่ ยขอเปลย่ี นตัว 2. เม่อื มกี ารขอเวลานอก ผู้ตัดสนิ ท่ี 1 พึงสังเกต คือ 2.1 ผฝู้ กึ สอนไดแ้ สดงสญั ญาณมืออยา่ งถกู ตอ้ ง 90 คู่มอื ผู้ตดั สนิ กฬี าวอลเลยบ์ ล

2.2 ผู้ตัดสินท่ี 2 ได้ให้นักกีฬาและเจ้าหน้าท่ีของท้ังสองทีมเข้าไปใกล้ม้าน่ังของทีม เพอ่ื ให้เจ้าหนา้ ท่ีเช็ดพ้นื ไดท้ �ำการเช็ดพื้นไดอ้ ย่างสะดวก 2.3 สังเกตปฏิกริ ิยาของทีม (กรณีเกดิ ความไม่พอใจในค�ำตดั สิน) 2.4 การขอเวลานอกครง้ั ที่ 2 ของทมี ผตู้ ดั สนิ ท่ี 2 ไดแ้ จง้ ใหผ้ ฝู้ กึ สอนทเ่ี กย่ี วขอ้ งไดท้ ราบ 2.5 สังเกตลกั ษณะตา่ งๆ ของเพ่อื นรว่ มงานท่ีอาจจะแจ้งสิง่ ต่างๆ ให้ทราบ 2.6 ต้องทราบว่าใครคอื ผู้เสิร์ฟในครงั้ ตอ่ ไป 2.7 พงึ สงั เกตฝา่ ยที่ก�ำลงั เสียเปรยี บจะเป็นฝ่ายทข่ี อเวลานอก 3. เม่ือมีเวลานอกทางเทคนคิ ผู้ตัดสินที่ 1 ควรพจิ ารณาเกย่ี วกบั 3.1 สังเกตดูการปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ของเจา้ หนา้ ท่ีเชด็ พนื้ ปกติ 3.2 ใหน้ กั กีฬาลงสนามเมือ่ หมดเวลา 60 วินาทเี ต็ม 3.3 ตอ้ งทราบวา่ ใครคอื ผเู้ สริ ฟ์ ครั้งตอ่ ไป 3.4 สงั เกตดกู ารเปลย่ี นตวั ของผเู้ ลน่ ตวั รบั อสิ ระในขณะทจี่ ะลงสนามเพราะอาจจะมี การเปล่ยี นตวั โดยไม่ไดม้ กี ารเลน่ ผา่ นไป 1 คร้งั กอ่ น 4. ขณะที่มีการหยดุ พักระหว่างเซต ผ้ตู ดั สินท่ี 1 ควรพิจารณาเกย่ี วกบั 4.1 เม่อื จบเซตผเู้ ล่นในสนามไดเ้ ข้าแถวทเี่ ส้นหลงั เพ่อื เปลยี่ นแดนอย่างถูกต้อง 4.2 สังเกตดูปฏิกิริยาของเจ้าหน้าท่ีทีมและผู้เล่นส�ำรองขณะเดินสวนกันท่ีหน้าโต๊ะ ผูบ้ นั ทกึ 4.3 สังเกตดูเกี่ยวกับมารยาทของสมาชิกในทีม หากมีการท�ำผิดมารยาทในช่วงพัก ระหว่างเซตจะตอ้ งพิจารณาท�ำโทษในเซตตอ่ ไป 5. การเปลย่ี นตวั ของผเู้ ลน่ ตวั รับอิสระ ผตู้ ดั สนิ ที่ 1 พึงระมัดระวังเก่ียวกับ 5.1 จะต้องเปลยี่ นตัวกอ่ นสัญญาณนกหวีดเพือ่ ให้เสิรฟ์ 5.2 จะต้องเปล่ยี นตวั ในเซตท่ีอนญุ าตให้เปลีย่ นเทา่ นน้ั 5.3 จะต้องมีการเลน่ ผ่านไป 1 ครงั้ กอ่ น 5.4 หากมกี ารเปลย่ี นตวั ผเู้ ลน่ ตวั รบั อสิ ระหลงั สญั ญาณนกหวดี ใหเ้ สริ ฟ์ (แตก่ อ่ นการเสริ ฟ์ ) ผูต้ ัดสินจะตอ้ งไม่ปฏิเสธ แต่จะตอ้ งเตอื นดว้ ยวาจาเมือ่ จบการเล่นลกู นั้น 5.5 หากมกี ารเปลยี่ นตวั ผเู้ ลน่ ตวั รบั อสิ ระขณะเสริ ฟ์ หรอื หลงั การเสริ ฟ์ ทมี นน้ั จะตอ้ ง เสียการเลน่ ลกู ในลกั ษณะการผดิ ต�ำแหนง่ คมู่ ือผ้ตู ัดสนิ กฬี าวอลเลยบ์ ล 91

การแสดงสัญญาณมือสำ� หรบั ผ้ตู ัดสนิ ท่ี 1 การแสดงสญั ญาณมอื เปน็ สอื่ บอกความหมายระหว่างผ้ตู ัดสินกับนักกฬี าและผูช้ มใหเ้ ขา้ ใจ ความหมายซงึ่ กนั และกนั ดงั นนั้ ผตู้ ดั สนิ จะตอ้ งแสดงสญั ญาณมอื ใหถ้ กู ตอ้ งชดั เจนและสอ่ื ความหมาย โดยใชส้ ญั ญาณมือท่ีระบุไว้ในกตกิ าเท่านัน้ การแสดงสัญญาณมือท่ีผู้ตัดสินที่ 1 มีส่วนเก่ียวข้องอยู่ 2 ลักษณะ คอื 1. การแสดงสัญญาณมือ เมื่อผู้ตัดสินท่ี 1 เป็นผู้เป่านกหวีดระบุความผิดการแสดง สัญญาณมอื ลักษณะน้ี ผูต้ ดั สินท่ี 1 จะต้องเป็นผ้แู สดงก่อนเป็นลำ� ดบั ขั้นตอน ดงั น้ี 1.1 เปา่ นกหวดี เพื่อหยดุ การเล่น 1.2 แสดงสญั ญาณมอื ช้แี ดนฝ่ายที่ได้เสริ ฟ์ (ฝ่ายท่ชี นะการเล่นลกู นั้น) 1.3 แสดงสญั ญาณมอื ระบเุ หตขุ องการท�ำผดิ วา่ เกดิ ความผดิ อะไร เชน่ เลน่ ลกู 2 ครง้ั ลูกดี ลูกออก หรือลกู ถูกผู้เล่นแล้วออก 1.4 ระบุตัวผู้ท�ำผิด โดยแสดงสัญญาณมือด้วยการช้ีด้วยน้ิวทั้ง 5 ซ่ึงเป็นลักษณะ ที่สภุ าพ 2. การแสดงสัญญาณมือ เม่ือผู้ตัดสินที่ 2 เป็นผู้เป่านกหวีดระบุความผิด การแสดง สัญญาณมอื กรณีนี้ผ้ตู ัดสินท่ี 1 จะเป็นผูแ้ สดงสญั ญาณมือภายหลงั ผู้ตดั สินท่ี 2 ดงั น้ี 2.1 เมอ่ื ผตู้ ดั สนิ ที่ 2 เปา่ นกหวีดเพ่อื หยดุ การเล่น 2.2 ผู้ตัดสินที่ 2 แสดงสัญญาณมือระบุเหตุของการท�ำผิด เช่น การถูกตาข่าย การล้�ำเส้นแบ่งแดน ลูกบอลถูกเสาอากาศด้านผู้ตัดสินที่ 2 เป็นต้น (ผู้ตัดสินที่ 1 ไม่ต้องแสดง สญั ญาณใดๆ) 2.3 ผ้ตู ัดสินที่ 2 ระบตุ ัวผ้เู ล่นทท่ี �ำผดิ (ผู้ตัดสินที่ 1 ไมต่ ้องแสดงสญั ญาณใดๆ) 2.4 เม่ือผู้ตัดสินที่ 2 ระบุตัวผู้เล่นท่ีท�ำผิด ผู้ตัดสินที่ 1 จะเป็นผู้แสดงสัญญาณช้ีแดน ทจ่ี ะได้เป็นฝา่ ยเสริ ฟ์ ครงั้ ต่อไป จากน้นั ผู้ตัดสินที่ 2 จึงแสดงสัญญาณตามผูต้ ัดสนิ ท่ี 1 เทคนิคการแสดงสัญญาณมอื ท่ีเก่ียวขอ้ งกับผู้ตัดสินท่ี 1 การแสดงสัญญาณมือท่ีผู้ตัดสินที่ 1 มีส่วนเก่ียวข้องและต้องแสดงเมื่อผู้ตัดสินที่ 1 เปน็ ผู้เปา่ นกหวีดระบคุ วามผดิ มีเทคนคิ ดังต่อไปน้ี (Federation International De Volleyball. 2001 : 69-73) 1. พ้ืนที่ได้เสิร์ฟ เหยียดแขนไปทางทีมที่จะได้เสิร์ฟ ให้แขนตึง หันฝ่ามือไปข้างหน้า แขนอยู่ในแนวขนานกบั พื้น (ดงั ภาพ) 92 คมู่ ือผ้ตู ดั สนิ กีฬาวอลเลยบ์ ล

ภาพท่ี 7 ผ้ตู ัดสินท่ี 1 แสดงสัญญาณระบทุ มี ท่ีไดเ้ สริ ์ฟ 2. อนุญาตให้เสิร์ฟ โบกมือแสดงทิศทางการเสิร์ฟ โดยโบกมือพับแขนให้ขนานพ้ืน ให้ผ่านล�ำตัว (ดงั ภาพ) ภาพที่ 8 ผตู้ ัดสินท่ี 1 แสดงสญั ญาณการอนญุ าตให้เสิร์ฟ 3. เปลี่ยนแดน พับแขนท้ังสองหมุนแขนขวาไปทางด้านหน้า หมุนแขนซ้ายไปทาง ดา้ นหลัง (ลักษณะทวนเขม็ นาฬกิ า) (ดังภาพ) ภาพท่ี 9 ผู้ตดั สินที่ 1 แสดงสัญญาณการเปลยี่ นแดน 93 คูม่ ือผู้ตดั สินกฬี าวอลเลยบ์ ล


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook