Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore E-Book เรื่องข้อมูลสารสนเทศและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการผลิตทางการเกษตร

E-Book เรื่องข้อมูลสารสนเทศและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการผลิตทางการเกษตร

Description: unit.3

Search

Read the Text Version

หน่วยที่ 3 ขอ้ มูลสารสนเทศและปัจจยั ที่เกี่ยวขอ้ งกบั การผลิตทางการเกษตร ครูผู้สอน นางสาวอรทยั แสงมณีจรัส

ปัจจยั และสภาพแวดลอ้ ม ท่ีมีอทิ ธิพลต่อการเจรญิ เตบิ โตของพชื ปัจจยั เกย่ี วกบั พนั ธุกรร (Genetic factor) ปัจจัยทเ่ี กย่ี วกบั สภาพแวดล้อ (Environmental factors)

ปัจจยั เกย่ี วกบั พนั ธุกรร (Genetic factor)

พนั ธุกรรม คอื อะไร ? ปัจจัยภายในที่ควบคุ การแสดงออกของ ลกั ษณะต่างๆของพืช พนั ธุกรร ซึ่งถูกควบคุ โดยยนี (Gene) ของโครโ โซ (Chromosome) ภายในเซลล์พืชทตี่ ่างกนั

ปัจจยั เกย่ี วกบั พนั ธกุ รรม

ปัจจยั เกยี่ วกบั ส่ิงแวดล้อ (Environmental factors)

เป็ นปัจจยั ภายนอกที่ อี ทิ ธิพล ต่อการเจริญเตบิ โตของพืช

สภาพแวดล้อม ได้แก่ ◼ อุณหภู ิ(Temperature) ◼ แสง(Light) ◼ นา้ (Water) ◼ อากาศ (Climate) ◼ ดนิ (Soil) ◼ ชีวปัจจยั (Biotic Factors)

อณุ หภู ิ (Temperature)

อณุ หภู ิ (Temperature) ◼ อุณหภู ิ ีอิทธิพลโดยตรงในการควบคุ ขบวนการต่างท่ีเกย่ี วกับการเจริญเติบโตของพืช เช่น – ขบวนการสังเคราะห์แสง – การหายใจ – การดูดนา้ และอาหาร – การคายนา้ – กจิ กรร ของเอน็ ไซ ์

อณุ หภู ิ แบ่งเป็ น 3 ระดบั ◼อณุ หภู ติ า่ สุด (Minimum Temperature) ◼อุณหภู ทิ เี่ ห าะส (Optimum Temperature) ◼อุณหภู สิ ูงสุด (Maximum Temperature)

อณุ หภู ิทเ่ี ห าะส ตา่ สุด และสูงสุด

แบ่งพืชตา ควา ต้องการอณุ หภู ิ แบ่งเป็ น 2 ประเภท ◼พืชเ ืองหนาว ◼พืชเ ืองร้อน

พืชเ ืองหนาว พืชเ ืองหนาว ห ม า ย ถึ ง พื ช ท่ี ต้อ ง ก า ร อุณหภูมิในการเจริ ญเติบโต ต่ า กวา่ 60 ◦F ถา้ นาไปปลูกในเขตร้อนจะ ทาให้เกิดอันตรายกับพืช เช่น ใบไหม้ ได้แก่ ท้อ แอปเปิ้ ล พลบั สาลี่

พืชเ ืองร้อน พืชเ ืองร้อน ห ม า ย ถึ ง พื ช ที่ ต้อ ง ก า ร อุ ณ ห ภู มิ ใ น ก า ร เจริญเติบโตสูงกว่า 60 ◦F ถา้ นาไปปลูกใน เขตหนาวจะทาให้ไม่เจริ ญเติบโตหรื อตาย เน่ืองจากน้าในโปรโตปลาสซึมแขง็ ตวั ไดแ้ ก่ แตงโม พริก มะระ มะเขือ ขา้ วโพด

แสง (Light)

แสงสาคญั ต่อพืชอย่างไร ? แสงเป็ นแหล่งพลังงานที่จาเป็ นต่อ ข บ ว น ก า ร สั ง เ ค ร า ะ ห์ แ ส ง โ ด ย ท่ี คลอโรฟิ ลล์ในพืชท่ี ีสีเขียว สา ารถ นา าเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์และน้า ให้กลายเป็ นน้าตาลใช้ในการเจริญเติบโต ของพืช

แสง ีควา สาคญั ต่อการ ขยายพนั ธ์ุด้วยเ ลด็ การงอกของเ ลด็ เมลด็ ที่ตอ้ งการแสงในการงอก เช่น เมลด็ มอส กลว้ ยไมบ้ างชนิด - เมลด็ ที่ชอบแสง เช่น เมลด็ ผกั กาดหอม ยาสูบ - เมลด็ ท่ีไม่ตอ้ งการแสงในการงอก เช่น เมลด็ หอม กระเทียม - เมลด็ ท่ีแสงไม่มีผลต่อการงอก เช่น เมลด็ ผกั เกือบทุกชนิด ยกเว้น ผกั กาดหอม หอมหวั ใหญ่

แสงเกยี่ วข้องกบั การ เจริญเตบิ โตของพืช แสง อี ทิ ธิพลต่อการเจริญเตบิ โตต่อ ต้นกล้า ตน้ กลา้ ที่ไดร้ ับแสงไม่พอจะมีลกั ษณะ ซีดขาว ลาตน้ ยดื ยาว ใบขยายผดิ ปกติ

แสงเกยี่ วข้องกบั การเจริญเตบิ โตของพืช ควา เข้ ของแสง (Light intensity) 1. มีหน่วยเป็น ฟุต-เทียน 2. ความเขม้ ของแสงในแต่ละฤดูต่างกนั 3. ฤดูฝนและฤดูหนาว ความเขม้ ของแสงต่ากวา่ ฤดูร้อน 4. พืชจะดูดแสงที่ส่งมากระทบประมาณ 80% พลังงานท่ีดู ดไว้ส่ วนมากใช้ในการคายน้ า บางส่วนแผ่กระจายไปในอากาศ และประมาณ 0.5 – 3.5 % พชื นาไปใชป้ รุงอาหาร

แสงเกย่ี วข้องกบั การเจริญเตบิ โตของพืช ควา ยาวนานของแสง หรือ จานวนช่ัวโ งแสง (Light duration) หมายถึง ระยะเวลาท่ีพืชไดร้ ับแสงสวา่ ง โดยไม่คานึงวา่ เป็นเท่าใด ในฤดูหนาว ชวั่ โมงแสงจะส้นั เรียกวา่ วนั ส้ัน ในฤดูร้อน ชวั่ โมงแสงจะยาว เรียกวา่ วนั ยาว •ความยาวนานของแสงมีอิทธิพลต่อการออกดอกของพืช •แบ่งพชื ตามความตอ้ งการช่วงแสงในการออกดอกได้ 3 ชนิด •พชื วนั ส้ัน (Short Day Plants) •พชื วนั ยาว (Long Day Plants) •พืชท่ีไม่ตอบสนองต่อช่วงแสง (Day Neutral Plants)

พืชวนั ส้ัน ห ายถึง พืชที่ต้องการช่วงควา ยาวของแสงในหนึ่งวันติดต่อกันเป็ น เวลานาน 10-14 ช .หรือน้อยกว่าจงึ จะ ออกดอก เช่น สตรอเบอรี เบญจมาศ กหุ ลาบ ญี่ป่ ุน คริสตม์ าส ฆอ้ งสามยา่ น

พืชวนั ยาว ห ายถึงพืชที่ต้องการช่ วงควา ยาวของแสงในหนึ่งวันติดต่อกันนาน ถึง 14-16 ช .หรือ ากกว่าจึงจะออก ดอก เช่น ผกั กาดหอม แครอท

พืชทไี่ ่ตอบสนองต่อช่วงแสง ห ายถึงพืชที่ช่วงควา ยาวของแสงใน วนั หน่ึงๆไ ่ ีผลต่อการออกดอก จะออกดอก เ ื่อครบกาหนดอายุ เช่น มะเขือเทศ พริ กไทย กระเจี๊ยบ หงอนไก่

แสงเกย่ี วข้องกบั การเจริญเตบิ โตของพืช คุณภาพของแสง (Light quality) หมายถึง คุณภาพและปริ มาณของแต่ละคลื่นแสง ซ่ึ ง แตกต่างกันตามแหล่งกาเนิดของแสง เช่น จาก หลอดอินแคนเดสเซนซ์ จะมีคล่ืนแสงสีแดง มากกว่าและให้ความร้อนสูงกว่าหลอดฟลูออเรส เซนซ์ •แสงสีน้าเงิน ทาให้เซลล์พืชแกเร็วและช่วย ใหเ้ กิดคลอโรฟิ ลล์ •แสงสีแดง ช่วยส่งเสริมการงอกของเมล็ด การเจริ ญเติบโตของต้นกล้า และการเกิด ตาดอก

นา้ (Water)

นา้ สาคญั ต่อพืช อย่างไร? •นำ้ ทพ่ี ชื ได้รับสว่ นใหญ่มำจำกรำกดดู นำ้ จำกดนิ •พืชสีเขียวได้รับโฮโดรเจนจำกนำ้

น้าจาเป็ นต่อ ขบวนการเจริญเติบโตของพืช •ช่วยละลำยเกลอื แร่ในดนิ ให้อยใู่ นรูป สำรละลำยทร่ี ำกพชื ดดู ไปใช้ได้ •เป็นวตั ถดุ ิบในกำรสงั เครำะห์แสงเพื่อปรุง อำหำรของพืช •ทำให้เซลล์พืชเตง่ •ช่วยลดควำมร้อนให้แกพ่ ชื โดยกำรคำยนำ้ •ชว่ ยลำเลียงอำหำร

พชื ขาดนา้ จะเป็ นอย่างไร? •ใบลำยและลำต้นเห่ียว เพรำะเซลล์ไมค่ งรูปร่ำง •ริมใบแห้ง •ลำต้นแขง็ มเี สีย้ น โดยเฉพำะพืชหวั หวั จะแกเ่ ร็ว •ควบคมุ กำรเจริญเติบโตของพืช เช่น กำรงอกของ เมลด็ กำรพกั ตวั ของพชื ชกั นำกำรออกดอก

อากาศ (Climate)

อากาศ ประกอบดว้ ยอะไร? •อำกำศประกอบด้วยแก๊สทสี่ ำคญั 3 อย่ำง คือ •ไนโตรเจน ( ร้อยละ 78) • ออกซเิ จน ( ร้อยละ 20.96) • คำร์บอนไดออกไซด์ ( ร้อยละ 0.03)

ไนโตรเจน •หไนรือโตไมรเ่ จน(N2) ในอำกำศพืชนำไปใช้ได้ •พืชชนั้ สงู นำไปใช้ไม่ได้ •พืชชนั้ ตำ่ เชน่ รำ และแบคทีเรียในปมรำกถว่ั สำมำรถตงึ ไนโตรเจนจำกอำกำศไปใช้ได้

ออกซิเจน •จอำอเกปซ็นิเตจอ่นก(Oำรห2ำ)ยใใจนขดอินงแพลชื ะในอำกำศ

คาร์บอนไดออกไซด์ •คำร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นวัตถุดิบในขบวนกำรสงั เครำะห์ แสงของพชื เพื่อให้ได้แปง้ และนำ้ ตำล

การเคล่ือนย้ายของอากาศมี ผลต่อพืชอย่างไร? ลม•กำรเคล่อื นย้ำยของอำกำศทำให้เกิด •ขณะท่ีลมพัดจะมีกำรเคลื่อนย้ ำยของ โปมำเกลใกบลุ ไดO้เร2็วย่ิงCขึน้Oท2ำใแหล้เะกไิดอขนบำ้ วเนข้ำกอำอรกตท่ำงำๆง ดีขึน้ เช่น กำรหำยใจ กำรคำยนำ้ กำร สงั เครำะห์แสง

การเคล่ือนย้ายของอากาศมี ผลต่อพืชอย่างไร? •ลมช่วยในกำรผสมเกสรหรือขยำยพนั ธ์ขุ องพืช โดยเมลด็ ปลิวไปกบั ลม เชน่ ประดู่ ยำง •ล•••มสเพกพปืชิดเอดัคสรแวีย์เชำหรือม้งำรยยำเำเกแมกิดพอ่ืลโรเำทก่กบษิดรำะกพกจบัำใำยพนยุชืกำเรชฉ่นีดป๋ ยุ และยำปอ้ งกนั กำจดั ศตั รูพืช

ดนิ (Soil)

ดิน - SOIL ดินเกิดมำจำกหินและแร่ธำตทุ ี่ผพุ งั แล้ว คลกุ เคล้ำกบั ซำกสง่ิ มีชีวติ ทงั้ พืชและสตั ว์จน เป็นเนือ้ เดียวกนั

หนา้ ที่ของดินต่อพืช •เป็ นท่หี ย่งั รากยดึ ลาต้นให้ตัง้ ตรง •ให้นา้ และออกซเิ จนแก่พืช •ให้ธาตอุ าหารแก่พืช

ส่ วนประกอบ ของดนิ 4 ส่วน

1. แร่ธาตุ •ได้มำจำกกำรสลำยตวั ผพุ งั ของหินและแร่ ชนิดตำ่ งๆมำกมำยแตกตำ่ งกนั ตำมท้องท่ี •พืชจะดดู แร่ธำตมุ ำใช้เป็นอำหำรได้บำงชนิด เทำ่ นนั้

2. อนิ ทรียวตั ถุ •ได้มำจำกกำรเนำ่ เป่ือยผพุ งั ของซำกพืชซำก สตั ว์ทต่ี ำยแล้วทบั ถมกนั อยบู่ นดิน • มีอยู่ 5% โดยปริมำตร

หน้าที่ของอนิ ทรียวตั ถุ •เป็นแหลง่ ธำตอุ ำหำรพืช •ทำให้ดนิ อ้มุ นำ้ ได้ดขี ึน้ •ทำให้ดนิ ตรึงธำตอุ ำหำรได้มำกขนึ ้ •ทำให้ดนิ มีโครงสร้ำงดีขนึ ้

3. นา้ •นำ้ ในดนิ สว่ นมำกมำจำกนำ้ ฝน •นำ้ บำงสว่ นจะไหลซมึ ลงดิน บำงสว่ นไหล บำ่ ไปตำมผิวหน้ำดิน ◼นำ้ ฝนท่ไี หลซมึ ลงดนิ จะถกู ดดู ซบั ไว้ในชอ่ ง ระหวำ่ งเม็ดดิน ◼ดนิ แตล่ ะชนิดจะอ้มุ นำ้ ได้ไม่เทำ่ กนั ดินทรำยอ้มุ นำ้ ได้น้อยกวำ่ ดินเหนียว ◼นำ้ ในดินไมใ่ ช่นำ้ บริสทุ ธิ์ แตจ่ ะมีแร่ธำตลุ ะลำยอยู่ พืชจะดงึ เอำแร่ธำตทุ ่ีละลำยอยใู่ นนำ้ ไปเป็นอำหำร



ถ้าปราศจากนา้ ในดนิ

4. อากาศในดนิ หมายถึง ส่วนของก๊าซต่างๆ ท่ีแทรกอยู่ใน ช่องว่างระหว่างเม็ดดินในส่วนท่ีไม่มีนา้ อยู่ ก๊ำซที่ พบโดยทั่วไปในดิน คือ ก๊ ำซไนโตรเจน (N2) ออกซิเจน (O2) และคำร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งรำกพืชและจุลินทรีย์ดินใช้ในกำรหำยใจ และสร้ำง พลงั งำนในกำรดำรงชีวิต •รำกพืชดดู อำหำรขนึ ้ ไปใช้ได้ ต้องใช้พลังงาน •ในดินท่ีมีนำ้ ขงั หรือแน่นทบึ พชื จะ ไม่เจริญเตบิ โตเทำ่ ทีค่ วร



ถ้ารากพชื ขาดอากาศหายใจ

คุณส บัตขิ องดนิ เกี่ยวข้องกบั กำรเจริญเตบิ โตของพืช เนือ้ ดนิ เป็นคณุ สมบตั ิที่บง่ บอกถงึ ควำม หยำบ ละเอยี ดของดิน แบง่ เป็น 3 ชนิด ดนิ ทราย ดนิ ร่วน ดนิ เหนยี ว