151 (106) 4.2 ผู้พูดโน้มน้าวจูงใจคน (The Persuasive Herd Leader) ท่านเคยไป ตลาดนัดกลางแจ้งขนาดใหญ่หรือไม่? ที่น่ัน ท่านจะเห็นผู้เช่ียวชาญในการขายสินค้า พวกเขาไม่ใช่แม่ค้าพ่อค้าธรรมดาทั่วไป แต่เป็นปรมาจารย์ในเรื่องการขาย พวกเขา พูดเข้าหูของท่าน มองจ้องท่ีดวงตาของท่าน และในที่สุดก็จะโน้มน้าวใจของท่านได้ ข้าพเจ้าเองก็เคยตกอยู่ในตาข่ายของคนพวกนี้ คือครั้งหน่ึงข้าพเจ้าเพียงไปหาซ้ือ เชิงเทียนทองเหลือง แต่มีผู้สะกิดให้เข้าไปดูแผงประมูลหมายเลข 4 ซึ่งไม่มีเคร่ือง ทองเหลืองหรือส่ิงที่ข้าพเจ้าต้องการเลย มีแต่อานม้าเก่า ตะไบ และเข็มขัดผู้หญิงที่ใช้ แล้วเท่านั้น อานาจของการพูดจูงใจของคนขายมีมาก แต่ข้าพเจ้าหนีออกมาได้อย่าง หวุดหวิด ต่อจากนั้นข้าพเจ้าก็ไปเจอพ่อค้าท่ีโน้มน้าวใจเก่งอีกคน ขายผ้าม่านอยู่ที่ร้าน ตรงหัวมุม ข้าพเจา้ เกอื บเสียท่าอีกคร้ังหน่ึง มิใช่เพราะข้าพเจ้าต้องการสิ่งของ แต่เป็น เพราะคนขายบอกว่าเขาลดราคาพิเศษเพราะกาลังจะปิดร้านเนื่องจากมีธุระด่วน เคราะห์ดีที่ข้าพเจ้าไม่ได้หลงเชื่อแล้วเดินเลี่ยงไปทางอ่ืน อีกหน่ึงชั่วโมงต่อมา ข้าพเจ้า ก็เดินผ่านไปทางนั้นอีก พบว่าเขากาลังขายผ้าม่านได้ดีจนหยิบแทบไม่ทัน โดยกระตุ้น ให้คนรีบแยง่ กนั ซื้อ เพราะเขามธี รุ ะดว่ นมากและกาลงั จะปิดร้าน ขอใหท้ กุ สิง่ จงพงั พนิ าศ และให้ข้าเปน็ ฝา่ ยชนะ เรอ่ื งดังกลา่ ว คล้ายกับนกั การเมอื งทพ่ี ูดหาเสียง ด้วยเสียงอันดังอย่างน้าไหล ไฟดับเพียงครั้งเดียว ก็สามารถโน้มน้าวใจ หนุ่มสาวให้เล่ือมใสในสิ่งที่เขาพูดจนอ้าปาก ค้าง และไม่สนใจที่จะฟังความคิดเห็นของฝ่ายตรงข้าม หนุ่มสาวเหล่าน้ีจะหล่นลงมา เหมอื นผลไมส้ กุ ท่ถี ูกเขย่าตน้ นกั พดู ทางการเมืองบางคน อาจจะจะสะกดจิตคนบางกลุ่มได้
152 ทั้งฝูง แต่เขาจะไม่สามารถโน้มน้าวใจผู้ซึ่งเป็นตัวของตัวเอง และไม่ยอมคล้อยตามคา ชักชวนอยา่ งงมงาย มิใช่เพียงนักพูดเท่าน้ัน ที่สามารถจูงใจผู้ฟังให้คล้อยตามอย่างเคลิบเคลิ้ม พวกนกั เขียนฝีมือดีๆ ก็สามารถจงู ใจผ้อู ่านได้เชน่ เดียวกัน เพราะเมอ่ื คนเราเห็นเร่ืองราว ต่างๆเป็นรูปหรือลายลักษณ์อักษร ก็มักเชื่อไว้ก่อนว่าเป็นเร่ืองจริง เช่นท่านจะเชื่อเรื่อง ที่อ่านในหนังสือพิมพ์ว่าเป็นความจริงไว้ก่อน (107) จนกว่าจะได้ติดตามอย่างละเอียด และตระหนักว่าเป็นเพียงความเห็นของผู้เขียนคนเดียวท่ีเขียนข้ึน เพื่อรายได้หรือ สนับสนนุ ความคิดของผเู้ ขยี นเทา่ นน้ั มีนักเขียนท่ีมีช่ือเสียงหลายคน ท่ีได้ศึกษาคาถามที่ยิ่งใหญ่และช้ีแจงเร่ืองนั้น ให้ชัดแจ่มแจ้งสาหรับคนไม่มีเวลาหรือไม่มีโอกาสที่จะเจาะลึกลงไป แต่นักเขียนเหล่านี้ ก็มีโอกาสที่จะเข้าใจผิดพลาด หรือเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และมักจะมีแนวโน้มท่ีจะ ระบายสีภาพต่างๆ ของเขาจนเกินดีไป ดังน้ันจึงไม่ควรเช่ือนักเขียนเหล่านี้ท้ังหมด ถ้าเขาบังเอิญเขียนถึงปัญหาโดยเข้าข้างใดข้างหนึ่ง ท่านก็ควรจะอ่านความเห็นของ ผูท้ รงคุณวฒุ ิ ระดับเดียวกนั ทเ่ี หน็ ดว้ ยกบั อกี ฝ่ายหนงึ่ นอกจากนก้ี ็มีคนพวกคดเคี้ยวเหมือนมีงูอยู่ในหญ้า ได้แก่คนท่ีทาให้ท่านเกิด เล่ือมใสในการสนทนาเก่ียวกับความคิดอันสาคัญ หรือผู้ท่ีหลอกล่อชักจูงให้เข้าไปใน สโมสรท่มี ชี ่อื เสียง หรอื ดว้ ยคาหวานที่ว่า เราเป็นพนี่ ้องกนั บุคคลเช่นว่านี้มีจานวนมาก ดงั นนั้ จงลืมตาไว้ข้างหน่ึง และฟังหูไว้หู ใช้ปัญญาไหวพริบของท่านเพื่อเดินให้ถูกทาง คนจาพวกนกกาเหว่าเช่นน้ี มีความมุ่งหมายท่ีจะคว้าหาคนหนุ่มสาวแววดีเข้ามา เป็นพวก ซ่ึงบางคราวความมุ่งหมายน้ันก็ไม่มีอันตรายใดๆ แต่ส่วนใหญ่มักมีความชั่ว รา้ ยบางประการแฝงอยใู่ นเบ้อื งหลงั
153 เกมของจอหน์ บูล (ซง่ึ มักใช้เป็นชื่อแทนองั กฤษโดยทั่วไป) ระหว่างนายจ้าง กับลูกจ้างท่ีถูกทาให้วุ่นวายเสียหายโดยพวกนักปลุกระดมหัวรุนแรงท้ังสองข้างของไม้ กระดก
154 เมื่อพวกหัวรุนแรงท้ังสองข้างถูกขจัดให้ออกไป ท้ังฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างก็ ได้ลกุ ขึน้ อีกครงั้ หนึง่ โดยอาศยั ความรว่ มมอื และเจตนาดีซ่ึงกนั และกนั 4.3 ไม้กระดก (The See-Saw) ไมก้ ระดกในที่น้ี หมายถึง ความคิดอันรุนแรง สุดโต่งที่นักปลุกระดม มักจะให้แก่ท่านจากปลายไม้กระดกท้ังสองข้าง ความคิดอัน รุนแรงเช่นน้ี เปรียบเสมือนนกกาเหว่าทส่ี ง่ เสยี งดงั เพื่อดงึ ดูดความสนใจจากนกทว่ั ไป แต่ยังเป็นโชคดีของประเทศชาติ ซ่ึงยังมีคนที่มีสามัญสานึกเป็นพลังเงียบ อยรู่ ะหว่างพวกหวั รนุ แรงทัง้ สองฝา่ ย ท่แี มว้ า่ พวกเขาจะไมพ่ ดู เสียงดัง แต่คิดในกลุ่มอยู่ เงียบ ๆ เช่น กรรมกรคนงานท่ีมีเหตุผล นายจ้างที่มีมนุษยธรรม และคนใจบุญที่คอย ช่วยงานสาธารณะ กล่าวอีกนัยหน่ึงก็คือ เรายังมีพลเมืองดีท่ี(108)รักความยุติธรรม รู้จักอดทน เพ่ือประโยชน์ส่วนรวม บุคคลพวกนี้แหละเป็นรากฐานอันแข็งแกร่งท่ีคอย ถ่วงอานาจระหวา่ งพวกหัวรุนแรงทง้ั หลาย 4.4 การปฏิรูปและการปฏิวัติ (Evolution and Revolution) การปฏิรูป หรอื วิวัฒนาการอย่างคอ่ ยเปน็ คอ่ ยไปนนั้ เป็นเป็นคาถามท่ใี หญ่มาก เพราะส่งผลกระทบ ต่อชวี ติ สาธารณะและชวี ิตส่วนตัวของทุกคน ดังนั้นจึงมีความจาเป็นต้องศึกษาและดูแล พินจิ พิเคราะห์อย่างรอบคอบ โดยบุคคลท่ีเป็นกลางไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ถ้าต้องการให้ ได้รบั คายกย่องสรรเสริญ มใิ ช่คาสาปแช่งจากมวลประชาชน ชายสูงอายุที่มีเวลาผ่านชีวิตมามากจะมองดูโลกไปรอบ ๆ ว่าเกิดอะไรข้ึน แล้วถามว่าพวกหัวรุนแรงต้องการอะไรจะมาแทนที่รูปแบบการปกครองท่ีมีอยู่ พวก ผู้สูงอายุเหล่านี้ ตระหนักว่าได้มีความพัฒนาก้าวหน้าในทิศทางที่ถูกต้องเกิดข้ึนอย่าง เงียบ ๆตลอดเวลาอยู่แล้ว น่ันคือวิวัฒนาการ หรือการปฏิรูป หรือการพัฒนาทาง ธรรมชาติ ส่วนการเปล่ียนแปลงการปกครองท่ีจะทาขึ้นใหม่โดยรีบด่วนแบบปฏิวัตินั้น เป็นส่งิ ท่ีไม่ม่นั คง แต่คนหนุ่มสาวน้ัน มใี จรอ้ นทนรอไม่ไหว
155 คร้ังหนึ่งข้าพเจ้าเคยพักอาศัยอยู่กับมิชชันนารีนักสอนศาสนาคริสต์คนหนึ่ง ในท่ีท่ีเต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บในทวีปแอฟริกาภาคตะวันตก นักสอนศาสนาคนนั้น เป็นคนที่สี่ที่มารับหน้าที่นี้เม่ือ 4 ปีมาแล้ว หลังจากผู้ที่มาอยู่ก่อนเขาได้เสียชีวิตหรือขอ ยา้ ยไปอยู่ทอ่ี ่นื ซ่ึงมโี รคภยั นอ้ ยกว่า ข้าพเจ้าถามเขาว่า คิดดีแล้วหรือ เพราะเมื่อมองไป รอบๆ จะเห็นว่าการเผยแผ่ศาสนาคริสต์ได้กลุ่มชาวพื้นเมืองแอฟริกันน้ันได้ผลน้อยมาก นักสอนศาสนาคนน้ันอธิบายว่าเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ทนั ตาเห็น แต่ทเ่ี ขาร้สู ึกว่าเมลด็ พืชทห่ี ว่านในรุ่นปัจจุบันน้ัน แม้จะอยู่ใต้ดิน แต่จะค่อยๆ หย่งั รากและเตบิ โตในรนุ่ ตอ่ ๆ ไป และอาจบานสะพรง่ั ออกผลอีกหลายชัว่ อายุคนต่อมา ข้าพเจ้าเห็นว่าคาอธิบายดังกล่าวแสดงให้เห็นเจตนาอันงดงามในการ ปฏิบัติงาน ถ้าความคิดดังกล่าวได้รับการส่งเสริมให้แพร่หลายยิ่งขึ้น ก็พอจะคาดได้ว่า บ้านเมืองของเราจะมีสภาพดแี ละประสบความสาเรจ็ มากข้นึ เป็นแน่ “ แต่พวกหัวรุนแรงส่วนใหญ่ มักชอบที่จะทาอะไร ท่ีอยู่ในจุดสนใจที่สาคัญ อย่างเหน็ ทนั ตา มากกว่าทางานอยา่ งเชอื่ งช้าคลุมเครือในการสร้างฐานราก” (Extremists generally prefer to be up in the limelight, instead of working in obscurity at making foundations.) 4.5 อสิ ระแห่งความคดิ (Freedom of Thought) “เสรีภาพของบุคคลนั้น จะเป็นสิ่งถูกต้อง ต่อเม่ือไม่ขัดต่อผลประโยชน์และ ความดีงามของส่วนรวม” (Freedom of the individual is only right so far as it doesn’t interfere with the good of the community as a whole). (109) คนทกุ คนย่อมมอี สิ ระทจี่ ะมีความคดิ เหน็ ของตนเอง แตต่ ้องมขี อบเขตท่ีใดท่ีหน่ึง เราเหน็ ด้วยกบั การพยายามขจัดเร่ืองน่าอับอายความอัปยศซึ่งในปัจจุบันที่ค้างแขวนอยู่ เหนือความเจริญรุ่งเรืองในเกือบทุกประเทศ กล่าวคือ คนเป็นจานวนมาก ซ่ึงมิได้ทา ความผิดส่วนตัวอันใด แต่จาเป็นต้องมีชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้น ทุกข์ยากสกปรกเส่ือม ทราม เนื่องจากการจัดการไม่ดีและเง่ือนไขความผิดพลาดต่างๆ เราท้ังหลายต้องการ
156 ให้ทุกคนท่ีเกิดมาในโลกใบนี้ มีโอกาสพอสมควรในการดารงชีวิตอย่างเป็นสุข มีความ เจริญก้าวหน้าในชีวิตโดยไม่ต้องเสียเปรียบต้ังแต่แรกเกิด เพราะตกอยู่ในสภาพยากจน แต่ปัญหาความยากจนนี้ ไม่ว่าคนจาพวกนกกาเหว่า จะพูดตะโกนอย่างไรก็แก้ไม่ได้ และบรรดากฎหมายตา่ งๆ ทร่ี ฐั สภาออกมาก็แก้ไม่ได้เช่นกัน เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของ ไมตรีจิตความปรารถนาดี และความร่วมมือของบุคคลระดับต่างๆ ที่อาจช่วยให้พ่ีน้อง ของเราท่ียากจน ได้หลุดพ้นจากโคลนตม ที่เปรอะเปื้อน โดยเฉพาะการให้การศึกษาที่ ถกู ต้องในการประกอบอาชีพ 4.6 รัฐบาลแหง่ ชาติ (National Government) ข้าพเจ้าเคยไปประเทศท่ีเจริญ ทางอารยธรรมมาแล้วทั่วโลก ซ่ึงดูเหมือนว่าประชาชนจะมีความสุขไม่แตกต่างกันนัก ไมว่ ่าจะเปน็ ประเทศทีถ่ ูกปกครองโดยกษัตริย์หรือประธานาธิบดี อันท่ีจริงประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกาน้ัน มีอานาจเด็ดขาดอยู่ในมือมากกว่าพระมหากษัตริย์ในอังกฤษเสียอีก (110) ตามรัฐธรรมนูญของอังกฤษ พระมหากษัตริย์ไม่ได้ปกครองเป็นเจ้าของประเทศ แตค่ อยดูให้รัฐบาลทางานตามแนวท่กี าหนดไวใ้ นรัฐธรรมนูญ พระองค์ไม่ทรงมีพระราช อานาจที่จะประกาศสงครามด้วยพระองค์เอง แต่ทรงมีฐานะอันสูงส่งสาหรับการรักษา สันติภาพ พระองค์มิได้ทรงรับเลือกให้เป็นกษัตริย์โดยพรรคการเมืองใด แต่ทรงดารง ตาแหน่งโดยการสืบสันติวงศ์ และทรงได้รับการฝึกอบรมมาต้ังแต่ทรงพระเยาว์ ใหป้ ราศจากความลาเอียงหรอื มีส่วนได้ส่วนเสยี ทางการเมอื ง สิ่งท่มี กั มีผ้ยู กขนึ้ มาโจมตี คัดคา้ นคือค่าใชจ้ า่ ยของพระมหากษัตรยิ เ์ ปน็ การสิ้นเปลืองเงินของรัฐบาล แต่การมหี วั หนา้ รฐั บาลในทกุ ประเทศกต็ ้องส้นิ เปลืองค่าใช้จา่ ยทานองเดยี วกัน อยูแ่ ลว้ และในองั กฤษ (และประเทศไทย...ผ้แู ปล) คากลา่ วหาขา้ งตน้ ก็ไม่ยงั ถูกต้องนัก เพราะพระมหากษัตริย์ทรงมีทรัพย์สินส่วนพระองค์ และทรงมีสิทธิ์ในการใช้ทรัพย์สิน ส่วนน้นั อยา่ งถูกตอ้ ง ในบางประเทศท่เี ป็น สาธารณรัฐ ประธานาธบิ ดีไดร้ บั เลอื กจากพรรคการเมอื ง ของเขาเอง และมีบางประเทศท่ีประมุขแห่งรัฐได้ตาแหน่งมาโดยการใช้กาลังอาวุธ มีหลายประเทศท่ีประมุขและรัฐบาลถือโอกาสหาผลประโยชน์สาหรับตนเองระหว่างที่
157 ครองตาแหนง่ อยู่ เราได้เห็นผู้นาประเทศบางคนข้ึนครองอานาจเพราะมีความแตกแยก ในประเทศ ในกรณีท่ีผู้นาบางประเทศมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ เขาอาจรวมประชาชน มาสร้างชาติที่ม่ันคง แต่อาจจาเป็นต้องจากัดเสรีภาพของประชาชนในบางกรณี (111) สาหรับประเทศในเครือจักรภพอังกฤษน้ัน แต่ละประเทศจะปกครองตนเองแบบ ประชาธิปไตย โดยมีรฐั บาลจากนักการเมอื งทไี่ ด้รบั เลอื กจากประชาชน 4.7 สภาวะของกรรมกรในประเทศอังกฤษ (Where Labour Stands in Britain) ในประเทศอังกฤษน้ัน นอกจากกรรมกรจะตั้งพรรคการเมื องได้แล้ว พวกกรรมกรท่ีใช้แรงงานได้ค่อยๆ ยกระดับตนเองขึ้นอย่างม่ันคง จนเป็นสถาบัน ระดับชาติ โดยสืบเน่ืองมาจากคนชั้นผู้นาท่ีมองการณ์ไกลอย่างเอาจริงเอาจัง สมาชิกของพรรคกรรมกรถกู ปลุกป่ันโดยพวกหัวรุนแรงท่ีห้อมล้อมพวกเขาและพยายาม เปลี่ยนไปสู่วิธีการที่รุนแรงมากข้ึน แต่พวกกรรมกรซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนอังกฤษไม่ยอม ปฏิบัติตาม และน่ันคือจุดท่ีคนหัวรุนแรงซึ่งเป็นส่วนใหญ่มาจากประเทศอ่ืนมองไม่เห็น และไมเ่ ข้าใจ สหพนั ธ์กรรมกรของอังกฤษได้เติบโตข้ึนเป็นองค์กรใหญ่ ท่ีคอยพิทักษ์ปกป้อง ผลประโยชน์และความปลอดภัยแก่คนงานกรรมกรทัง้ ปวง ถึงแม้พรรคการเมืองในองั กฤษ จะมีความเห็นแตกต่างกันบ้างในทางการเมือง แต่ทุกพรรคเห็นพ้องว่า เร่ืองสาคัญอันดับสูงสุด คือ การศึกษาเพื่อให้ประชาชนเป็น พลเมืองดี (Education for Citizenship) ซงึ่ เปน็ กญุ แจสาคัญทจ่ี ะนาไปส่คู วามเจริญ และความสงบสุขของมวลมนษุ ยชาติในอนาคต เป็นการดีท่ีจะไม่นั่งรอ ให้มหาวิทยาลัยเข้ามาหาท่าน และไม่คาดหวังให้ มหาวิทยาลัยทาทุกส่ิงเพ่ือท่าน หากท่านได้มีโอกาสเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่ ของความรู้นน้ั สามารถคน้ หาเอาเองได้ จากหนังสือหรือแหล่งความรู้อื่นโดยไม่ต้องรอให้ ครมู าสอนในชัน้ เรียน เพราะทุกคนสามารถหาความรูต้ ่างๆไดด้ ว้ ยตนเอง หากตั้งใจจะทา น่นั คือเหตผุ ลทขี่ ้าพเจ้ารบกวนท่านดว้ ยหนงั สอื เลม่ น้ี
158 (112) 4.8 คนจาพวกนกกาเหว่า ท่ีมักใหญ่ใฝ่สูง (The Ambitious Cuckoo) ตามที่ข้าพเจ้าเคยบอกไปก่อนหน้านี้ว่า นอกจากอันตรายท่ีจะเกิดข้ึนเพราะถูก หลอกลวงโดยนักพูดผู้โอหังก้าวร้าว ก็ยังมีความเส่ียงที่ท่านจะเป็นคนโอหังก้าวร้าวเสีย เองด้วย เมื่ออายุยังน้อย คนพวกนกกาเหว่าน้ีจานวนมาก คิดใฝ่ฝันท่ีจะเป็น นักการเมือง กวี นักคิด นักพูด ศิลปิน และอ่ืนๆ ข้าพเจ้าเองก็เป็นหน่ึงในคนพวก นกกาเหวา่ ดว้ ย โดยตั้งใจจะเป็นนักสงั คมนยิ มซ้ายจัด หรืออทุ ศิ ตนเปน็ ผู้เผยแผ่ศาสนาคริสต์ และเคยผูกเนคไทสีเขียวท่ีมีลายเป็นรูปสายฟ้าแลบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพวกสังคม นิยมด้วย ในหนังสือเรื่อง แม่มดราตรี (Enchanter’s Nightshade) เขียนโดย เจ บี มอรตัน (J. B. Morton) ซ่ึงท่านควรหาอ่าน หากต้องการความสุขเกี่ยวกับการเดินทางไกล ท่ีสนุก และมีปรัชญาที่น่าสนใจ เขาเล่าถึงการพบปะระหว่างนักท่องเท่ียวคนหนึ่ง กบั นกั เดนิ ตลาดทเี่ ดินทางไปโฆษณาสินคา้ นกั เดนิ ตลาดกล่าวว่า “ผมพอใจในงานที่ผม ทาอยู่ เพราะมีอะไรที่น่าสนใจมากมาย นอกจากการโน้มน้าวและแสดงสินค้าต่อลูกค้า ในตลาด และบางครั้งตวั ตลาดเองนัน้ ก็ควรค่าแกก่ ารดู ได้ไปเจอที่ใหม่ๆ เจอผู้คนใหม่ๆ ผมไม่ต้องการท่ีจะถูกผูกมัดโดยงานที่จากัดคล้ายอยู่ในกรง ผมชอบเป็นนักเดินทาง โดยบางทอี าจลืมหน้าทีใ่ นการเผยแพร่สินค้าของบริษัท จนทาให้ผมอาจจะถูกไล่ออกสัก วันหนึ่ง แล้วคงจะไปเล่นเปียโนในการแสดง ผมไม่มีความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูง สิ่งทีผ่ มตอ้ งการทงั้ หมด คือการได้เห็นชวี ติ และใช้ชีวิตตอ่ ไป” “ความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝส่ งู เป็นท้ังคณุ และโทษ” นกั ทอ่ งเที่ยวกล่าว “ทา่ นมคี วามทะเยอทะยานมกั ใหญใ่ ฝ่สูงไหม?” นักเดนิ ตลาดถาม “ผมมีครับ” นักท่องเท่ียวกล่าว “เพื่อนของผมก็มี เราทุกคนต้องการทาให้ ตนเองมีชอื่ เสยี งดว้ ยการเป็นนกั ประพันธโ์ ดยการเขียน” นักการตลาดยม้ิ เหมอื นพ่อแม่ทีย่ ม้ิ ใหเ้ ด็กน้อยทีส่ ดใส
159 “ความทะเยอทะยาน เป็นข้ันตอนท่ีเกิดข้ึนตามระยะของวัย” เขากล่าว “ผมเคยใฝ่ฝันว่าจะเป็นนักดนตรีชื่อดังอย่าง พาเดอเรฟสกี้ (Paderewski ซึ่งต่อมา เป็นประธานาธิบดีของโปแลนด์) ไว้ผมยาว ไม่ตัดเล็บ อดอาหาร อ่านหนังสือพวก ประหลาดผิดปกติ โศกเศร้ากับความรัก แต่พอผมมีอายุมากขึ้น ความใฝ่ฝันดังกล่าว ก็หายหดไป” “แลว้ ตอนนี้มีความสขุ ไหม” \"ผมสบายดคี รับ.\" และนักการตลาดก็พูดถูก “คนที่มีความทะเยอทะยานใฝ่สูงอย่างเลื่อนลอย ทจ่ี ะทาใหต้ วั เองมีชอ่ื เสยี งหรือยกย่องตวั เองใหส้ ูงกวา่ เพ่ือนของเขานั้น เทา่ กับได้เตรียม ตนเองให้ผิดหวัง ก่อให้เกิดความ ความอิจฉาริษยา ความเกลียดชัง ความอาฆาต พยาบาท จากผู้ทก่ี า้ วเกินหน้าเขาไปในการแข่งขนั ” (113) “ความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงที่จะทาความดีท่ีถูกต้อง เป็นความ ทะเยอทะยานอยา่ งเดียวท่ใี ชไ้ ดแ้ ละชว่ ยนาไปสคู่ วามสุข” แต่ “ความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงส่วนตัวท่ีต้องการให้คนอ่ืนยกย่อง ว่า เป็นผยู้ ่ิงใหญ่หรือโดดเด่นน้ัน จะทาให้กลายเป็นคนอวดดี เย่อหยิ่งยโส จองหอง โอหัง ข้ีโอ้อวด ทะนงตน หรือเป็นคนหัวสูงที่คิดว่าตนเองมีศีลธรรมเหนือกว่าคนอ่ืน เอาแต่ ตนเองเปน็ ที่ตั้ง”
160 การแสดงออกของคนบางครัง้ กลายเปน็ การอวดอ้างตนเอง ซึ่งในภาษาองั กฤษเรยี กวา่ “เป่าแตรใหต้ ัวเอง Blowing your own Trumpet” 4.9 การขาดอารมณ์ขันของคนท่ีเอาแตไ่ ด้ (Want of Humour) เชสเตอรตัน (G.K. Chesterton) นักเขียนชาวอังกฤษ ชี้ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงท่ีว่า คนประเภทเอาแต่ได้ หรือ “นกกาเหว่า” น้ัน โดยเฉลี่ยมีอารมณ์ขันเพียงเล็กน้อย “มีเพียงไม่ก่ีคนท่ีดูเหมือน จะเข้าใจคาว่าความคิดฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อ เม่ือได้นาคาน้ีไปใช้ตามหลักวิธีสืบเหตุผล ตัวอย่างเช่น ชายคนหนึ่งอาจกล่าวว่า คนเราไม่ควรมีทรัพย์สินส่วนตัว คือไม่ควรมี สง่ิ ของใดๆทีไ่ ม่สามารถใช้ร่วมกนั ได้ หากท่านถามเขาวา่ เราควรใช้แปรงสฟี ันหรือกางเกงตวั เดยี วกนั รว่ มกับผ้อู ่ืน เช่นน้ันหรือ? เขาก็ตอบว่าท่านกาลังทาให้การพูดเรื่องน้ี กลายเป็นเรื่องเหลวไหลไร้
161 สาระ จดุ สาคัญที่ตอ้ งเน้นคอื ชายคนนนั้ เองเปน็ คนที่พูดอย่างเพ้อเจ้อไร้สาระ แตกต่าง กนั ตรงท่ี ข้าพเจา้ เขา้ ใจการพดู เพ้อเจอ้ ของเขา แตต่ ัวเขาไมเ่ ขา้ ใจในคาพูดของตนเอง ท่านอย่าคิดว่าข้าพเจ้า ได้ยกตัวอย่างเร่ืองน้ีมาเพียงเพื่อแสดงว่า ข้าพเจ้า เข้ากับฝ่ายหน่ึงฝ่ายใด ท่ีเกี่ยวกับการเมืองหรือเรื่องอื่นๆ เพราะการพูดจาเหลวไหล ไร้สาระแบบเดียวกันน้ี บางคราวก็จะได้ยินจากฝ่ายถอยหลังเข้าคลอง เช่น พันตรีผู้มี อายุแต่ยังร่าเริงหรือคนในสมาคมท่ีบอกกับข้าพเจ้าว่า “ผมชอบต่อสู้กับข้าศึก โดยใช้ อาวุธเช่นเดียวกับท่ีเขามี” แล้วข้าพเจ้าก็ถามเขากลับไปว่า “คุณจะใช้เวลานานเท่าใด ท่ีจะกัดกับมดตะนอย หรือต่อยกับตัวต่อ” หรือ “เนื้อของมนุษย์กินคนมีรสชาติเป็น อย่างไร” หรือคาถามกวนโมโหคล้ายๆกัน ในกรณีเช่นนี้ คนพวกนกกาเหว่าเอาแต่ได้ อาจกล่าวหาว่าข้าพเจ้าพูดเพ้อเจ้อกวนโมโห แต่ความจริงแล้วคนท่ีคิดเพ้อเจ้อ คือตัว เขาเอง (114) 4.10 ต้องการความเคารพ (Want of Reverence) หนังสือพิมพ์ ไทมส์ ขององั กฤษ ได้รายงานเม่ือไมน่ านมาน้วี ่า “ลอรด์ มอร์ลยี ์ (Lord Morley) ได้คร่าครวญ ถึงการเสื่อมถอยของความเคารพ ในระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่ และลอร์ดไบรซ์ (Lord Bryce) ได้เขียนหนังสือเล่มใหม่แสดงความวิตกกังวลเช่นเดียวกัน แม้ว่าเขาจะ เชื่อว่าการเคารพนับถือจะกลับมาอีกในอนาคต เราเช่ือว่าความหยิ่งทะนง ความเห็น ถากถางและการดถู กู ทาใหค้ นเพ่ิมความเหน็ แกต่ ัวและชอบเยาะเยย้ ดูถูกคนอ่ืน พวกเขา มักจะถามว่า “ใครจะแสดงตัวความดีให้เราเห็นด้วยตาได้บ้าง?” และเม่ือหาคาตอบท่ี ตรงกับใจของไม่ได้ พวกเขาก็เลิกเช่ือถือการกระทาความดี เม่ือส่ิงดังกล่าวเกิดขึ้น ความเคารพนับถือก็ย่อมสูญสิ้นไป และในความสูญสิ้นนั้น ความหวังท้ังหมดของ ความก้าวหน้าทางศีลธรรมและจิตวิญญาณก็จะถูกทาลายพร้อมกันด้วย” คนจาพวก “นกกาเหว่า” ที่เอาแต่ได้นั้น จะไม่เคารพความคิดเห็นของผู้อื่น ข้าพเจ้าเห็นด้วย กับลอร์ดไบรซ์ ที่ว่าการเคารพนับถืออาจฟื้นคืนมาได้ ในหมู่หนุ่มสาวท่ีพัฒนาแล้ว ในอนาคตข้างหน้า เร่ืองดังกล่าวขึ้นอยู่กับท่านท้ังหลายที่จะต้องช่วยกันสร้างค่านิยม เก่ียวกบั ความเคารพนบั ถอื ใหเ้ กดิ ขึ้น
162 4.11 คนหย่ิงยโส (Then there are The Snobs) คนหยิ่งยโส คือคน จองหอง อวดดี ลาพอง ไว้ยศ ถือตัว วางมาดเป็นผู้ดี ความหยิ่งยโส การแบ่งชนช้ัน เผ่าพันธ์ุ อันเป็นสาเหตุของความไม่สงบทางสังคมท่ีทาลายประเทศของเรา ทา่ นทัง้ หลายท่เี ป็นคนหนุม่ สาว จะสามารถหยุดยั้งการแบ่งชนชั้น เผ่าพันธุ์ได้ถ้าท่านมี ความต้ังใจท่ีจะทาเช่นน้ัน เป็นหน้าท่ีของผู้ท่ีอยู่ในฐานะอันดีกว่า คือผู้ท่ีโชคดีได้รับ การศึกษาดกี ว่า ทจ่ี ะตอ้ งยนื่ มือแห่งมิตรภาพและน้าใจไมตรี ให้แก่กลุ่มคนที่อยู่ในฐานะ ต่ากวา่ หรือด้อยโอกาสกวา่ ซ่งึ ท่านจะสามารถทาไดอ้ ย่างแนน่ อน ถ้าท่านเป็นสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี ตามที่ต้ังใจไว้ อันที่จริงข้าพเจ้าดีใจที่เช่ือว่าโรงเรียนและมหาวิทยาลัยท่ีดี หลายแห่งกาลังพัฒนาเรื่องความเท่าเทยี มทางชนชั้นอยู่แล้ว ท้ังนี้ไม่ได้หมายความว่าจะ ทาการลดตัวหรือถ่อมตวั ลงมา แต่ในฐานะเป็นพ่ีน้องและเพ่ือนร่วมชาติ ส่ิงท่ีคนรุ่นก่อน ทุกชนชั้นและเผ่าพันธุ์ ได้เอาชีวิตเข้าแลกในการรบอย่างเคียงบ่าเคียงไหล่ในสงคราม เพ่ือปกป้องประเทศ พวกเขาเสียสละและเป็นเพ่ือนตายมาด้วยกัน สาหรับกลุ่มคนท่ีมี ฐานะไมค่ อ่ ยดนี ัก ทา่ นคงจะพอมองเห็นว่า ในการแขง่ ขันกีฬานนั้ ถ้านักกีฬาฝ่ายตรง ข้ามได้เปรียบกว่าฝ่ายของท่าน ท่านคงจะไม่คิดขมข่ืนและคอยโห่ฮาป่ารบกวนคู่ต่อสู้ เพราะการกระทาเช่นนั้นทาให้เสียเกียรติ และมิใช่วิสัยของนักกีฬา จงมีใจเป็นนักกีฬา โดยไม่อจิ ฉาผูอ้ น่ื ทม่ี ีโชคดี ชนะการแขง่ ขัน หรือมีเงินมากกว่าท่าน เพราะเขาเป็นเพื่อน (115) ร่วมชาติและเพอ่ื นมนุษยข์ องทา่ น เหมือนกับคาพูดของคนบนรถเร่ขายผลไม้ ของนักแสดงตลกชาวอังกฤษชื่อ เชอวาเลีย (Chevalier)ที่กล่าวว่า “เขาเป็นคนใช้ได้ถ้ารู้จักเขา แต่ท่านต้องรู้จักเขา เสียก่อน” ( He is all right when you know , But you have got to know him first.”) ถ้าท่านเล่นฟุตบอลกับเขา ตัวต่อตัว แต่งกายเหมือนกัน เท่าเทียมกันและ เปื้อนโคลนเท่าๆกัน จะไม่มีความแตกต่างระหว่างท่านกับเขามากนัก แสดงให้เห็น ชัดเจนว่าไม่มีความเย่อหย่ิงยโสอยู่ท่ีน่ัน แสดงว่าความแตกต่างทางชนช้ัน น้ันอยู่เพียง เฉพาะบนผวิ หนงั บางๆ เทา่ นัน้ เอง ทกุ คนลว้ นเปน็ พ่นี อ้ งกนั ใตผ้ ิวหนงั และในดวงใจ
163 ครั้งหน่ึงข้าพเจ้าเคยพานายทหารหนุ่มหน่วยกู้ภัยที่ฉลาด ไปเท่ียวทาง ตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงลอนดอน อันเป็นที่อยู่ของพวกที่มีรายได้น้อย เพื่อแสดงให้ เขาเหน็ อกี ดา้ นหนงึ่ ของชวี ติ ท่ีแตกต่างไปจากหอ้ งรบั แขกและสโมสรอนั หรหู รา ตอนที่ ข้าพเจ้าเป็นหนุ่ม เคยเข้าไปมีชีวิตคลุกคลีในบริเวณนั้นในฐานะช่างประปา ในขั้นต้น ข้าพเจ้าคดิ ว่าจะเป็นการให้การศึกษาส่วนหนึ่งสาหรับเขา แต่กลับกลายเป็นการเรียนรู้ ทยี่ ่งิ ใหญ่สาหรับข้าพเจ้า เมอ่ื เราเขา้ สพู่ น้ื ที่ที่ข้าพเจา้ เคยรู้จกั นายทหารหนุ่มคนนั้นก็ควัก กล้องยาสูบอันเก่าแก่ขึ้นมาสูบ สั่งซื้อเบียร์ แล้วภายในเวลาไม่ก่ีนาที เพ่ือนๆ รอบตัว เขากห็ วั เราะดังล่ัน เพราะได้ฟงั นิทานท่เี ขาเล่าใหฟ้ งั ระหว่างทางกลับบ้าน ข้าพเจ้าหลงทางอยู่ในตรอกซอกซอย และเมื่อข้าพเจ้า สารภาพ ว่ากาลังหาทางไปสะพานวอเตอร์ลู เขาก็พานาไปทันทีและพูดว่า “ทางนี้ เข้าซอยนี้” จากน้ันข้าพเจ้าจึงรู้ว่า เพื่อนทหารของข้าพเจ้านั้น คุ้นเคยกับบริเวณ ดังกล่าว เพราะเขาชอบคนกับคนโดยมิได้คานึงถึงเส้ือผ้า ท่ีคนเหล่านั้นสวมใส่ การท่ี เขาทาเช่นน้ัน มิใช่เพราะเขาลดตัวหรือถ่อมตัวลงมา แต่เป็นความรู้สึกของเขาท่ีมีต่อ เพ่อื นมนษุ ย์ ซง่ึ ถ้าพูดตามสานวนของพวกอินเดียนแดง นับว่าเป็น “ยารักษาโรคที่ดี” สารับพวกเราทั้งหลาย “ผู้ที่นึกว่าตนเหนือกว่า หรือนึกว่าตนวิเศษกว่าผู้อื่น มักจะคิดว่าถ้าใครท่ีมี ความคิดต่างออกไปจากเขา คือผู้ท่ีไม่มีหัวใจมนุษย์อยู่ภายใน คนเหล่านี้เป็นคน เย่อหยิง่ จองหองพองขน หยง่ิ ยโสโอหงั บา้ เห่อ ขอ้ี วด หวั สูง ปั้นป่ึง วางมาด เสแสร้ง นกิ วา่ ตวั เองเป็นผู้ดีเป็นชนชัน้ สงู ชอบดถู ูกดแู คลนผ้อู น่ื เป็นคนเอาแต่ไดท้ ไ่ี มค่ วรคบ ” (116) 4.12 คนอวดรู้ (Gush Prig) คอื คนท่ีปลอ่ ยใหต้ วั เองแสดงความรู้สกึ ทพ่ี ร่งั พรู ออกมามากไปจนเกนิ งาม คาว่าอวดรู้หมายถึงหมายถึงส่ิงที่ท่านผลิตสร้างขึ้นหรือคิดว่า เป็นสิ่งยอดเยี่ยม แต่มิใช่เกิดจากความรู้หรือประสบการณ์ของท่าน เรื่องดังกล่าวอาจ เป็นคาพูด บทกวี หรืองานเขียนร้อยแก้ว การแสดงออกของความคิดน้ันเป็นส่ิงท่ีดี แตเ่ มอื่ แตกกระจายออก มักจะไปไปท่สี มองแล้วทาให้การอวดรู้กลายเป็นการอวดดี
164 ชายหน่มุ ท่ดี ีหลายคนพบวา่ เม่ือเขามีอายไุ ด้ 22 ปี พวกเขาจะรอบรู้แทบทุกส่ิงท่ี ควรรู้และตอ้ งการใหค้ นอืน่ รวู้ า่ เขารูเ้ รอ่ื งน้ัน เมอื่ พวกเขาอายุถึง32 ปี พวกเขาจะพบว่า ยังมีอีกหน่ึงหรือสองสิ่งท่ีต้องเรียนรู้เพ่ิมอีกที่อายุ 42 พวกเขาจะพยายามเรียนรู้อีก หลายเรอ่ื งเพม่ิ เติมอย่างหนกั (ข้าพเจ้ายงั คงเรียนรูส้ ิง่ ตา่ งๆอย่เู สมอเมื่ออายุได้ 73 ป)ี นักการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิง่ พวกทมี่ ที ัศนะท่ีเดน่ ชัดมาก โดยทั่วไปมักทาให้ ผู้สนับสนุนเดิมของพวกเขาผิดหวังเมื่อพวกเขาทีอายุมากข้ึน ด้วยเหตุผลคือเขาได้ เรียนรู้มากขึ้น ประสบการณ์ทาให้การมองเรื่องต่างๆขยายกว้าง และตระหนักถึงความ จริงที่วา่ การพิจารณาปัญหาตา่ งๆน้นั อาจมองได้หลายด้าน เม่อื ข้าพเจ้ายังเดก็ ข้าพเจา้ เคยคิดแต่เรื่องดีๆ อย่างวิเศษ และข้าพเจ้าก็เขียน ลงไปบนกระดาษด้วยความเร่าร้อนของบทกวี ท่ีข้าพเจ้ารู้สึกว่าเป็นแรงบันดาลใจ แต่ เมื่อมาอ่านทหี ลงั ข้อคิดของขา้ พเจ้าในสมัยกอ่ นนนั้ แยม่ าก! วันน้ี ข้าพเจ้าได้รับจดหมายแปดหน้าจากชายหนุ่มผู้ซ่ึงอยู่ในวัยเพ้อเจ้อ เหมอื นที่ขา้ พเจา้ เคยผา่ นมาแล้ว เขาเขียนว่า มันยากท่ีจะรู้ว่าเขากาลังคิดถึงอะไรเมื่อเขาเขียนว่า: “คนอย่าง ผมตอ้ งทนทุกขท์ รมาน เพราะมองเห็นวา่ เจตนารมณ์ของการลูกเสือ คือ ศาสนา และคา ประพนั ธ์ ทีม่ ีพลังในคาสั่งสอน คาปฏิญาณ และกฎของลูกเสือ นอกจากน้ันพวกเรายัง เดือดร้อน ดว้ ยกตกิ ามากมาย ท่ไี มม่ ีการผ่อนปรน” เปน็ ความเห็นทีว่ เิ ศษ แต่ยากทจ่ี ะเข้าใจ เร่อื งดังกล่าวทาให้ข้าพเจ้าระลึกถึง บราวน่ิง (Browning) กวีอังกฤษผู้ย่ิงใหญ่ ที่ถูกถามว่า คาประพันธ์ในระยะแรกๆ ของเขา นั้นมีความหมายว่าอย่างไร เขาตอบว่า “เม่ือตอนผมเขียนคาประพันธ์น้ัน ตัวเองและพระจ้ารู้ว่าหมายถึงอะไร แต่ตอนนี้มีแต่ พระเจ้าเทา่ นั้นทร่ี ู้” (117) ข้าพเจ้าเคยได้ยนิ เจ้าหนา้ ทขี่ องกองทัพกอบกู้ศาสนาคริสต์ (Salvation Army) ซ่ึงเป็นสมาคมอังกฤษท่ีชักชวนคนให้กลับมาเล่ือมใสในศาสนาคริสต์ ให้คาแนะนาแก่
165 พรรคพวกท่ีกาลังเร่ิมต้นออกเดินทางไปเผยแผ่ศาสนาท่ีต่างประเทศว่า “พอท่านอยู่ท่ี นั่นได้เพียงไม่กี่สัปดาห์ ท่านก็จะแสดงให้ชนพื้นเมืองได้เห็นว่าเขาควรปรับปรุงการ ทางานให้ดีขึ้นได้เพียงใด และท่านจะเขียนจดหมายบอกคนที่บ้านว่าท่านไม่เคยเห็น ประเทศที่ถกู ละทิง้ และผคู้ นทีเ่ นา่ เฟะมากมายแบบนี้” คาแนะนาของข้าพเจ้าคือ “จงเขียนจดหมายของท่าน แต่อย่าส่งเข้าตู้ ไปรษณีย์เปน็ เวลา 6 เดือนหรือมากกว่าน้ัน แล้วเปิดจดหมายนั้นออกอ่าน เพื่อดูว่าท่าน ไดเ้ ขยี นเรือ่ งไร้สาระอะไรไว้บ้าง และจะขอบใจตัวเองท่ไี มไ่ ดส้ ่งจดหมายนน้ั ลงตู้ไปรษณยี ์ ไป” ขา้ พเจา้ คิดว่าคาแนะนาเดียวกัน อาจเปน็ ประโยชน์กับชายหนุม่ หลายคนที่จะ ออกไปสโู่ ลกกวา้ ง กล่าวคือ เขียนเรอื่ งทีอ่ ยากแสดงออกของเขา แตเ่ กบ็ ไว้สกั สองสามปี แล้วทบทวนดูใหม่ เขาอาจจะดีใจทีจ่ ะไดฉ้ กี มนั ทงิ้ ก่อนท่คี นอนื่ จะเห็น วธิ ปี อ้ งกนั ในเรื่องน้ี คือ “จงเรียนรใู้ หด้ ี ก่อนที่จะแสดงออก เพ่ือจะได้เริ่มต้น บนฐานรากและแนวทางทีถ่ กู ตอ้ ง ทาให้ไม่ตอ้ งถอยกลับหรอื ฉีกข้อความทท่ี า่ นเคยเขยี น ไว้ ในภายหลัง” 4.13 การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self Education) การศึกษาด้วยตนเองเป็น การป้องกันการเอาแต่ได้ หรือ ป้องกันการเป็นคนประเภทนกกาเหว่า ที่คอยเอาเปรียบ ผูอ้ ืน่ ขา้ พเจ้าได้พยายามเขยี นขอ้ ความในย่อหน้าข้างตน้ เพื่อแสดงให้ท่านเห็นถึง อันตรายของหินใต้น้า หรือ หินโสโครกท่ีเป็นอุปสรรคชีวิต ของคนประเภทนกกาเหว่า ทเี่ อาแตไ่ ด้ เพอื่ ปอ้ งกันมใิ หท้ ่านถูกชกั ชวนให้หลงไปในทางที่ผิด โดยเสียงเรียกร้องของ พวกนกกาเหวา่ หรอื กลายเปน็ พวกนกกาเหวา่ เสียเอง ประเด็นต่อไปคือ สิ่งท่ีต้องทาเพ่ือให้ผ่านหินใต้น้าที่เป็นอุปสรรคชีวิตอย่าง ปลอดภัย
166 การเรียนรู้เป็นการป้องกันท่ีดีอย่างหนึ่ง โดยการเรียนรู้ท่ีว่านี้ ข้าพเจ้าไม่ได้ หมายถึงการเรียนด้านวิชาการในโรงเรียนท่ีทาให้ความรู้หรือคุณวุฒิสูงขึ้น แต่เป็น การศึกษาด้านจิตใจนอกโรงเรียนที่จะช่วยให้ท่านผ่านพ้นอันตราย ส่วนการศึกษาด้าน ศีลธรรมน้ันจะทาให้ท่านมีใจอยู่สูงขึ้นไปอีกช้ันหนึ่ง ถ้าท่านขยายจิตใจของท่านให้มี ความรู้รอบตัวกว้างขวางผ่านการเดินทางและการอ่าน ตลอดจนจากประสบการณ์ ของคนอ่ืน และการศึกษาธรรมชาติ ท่านจะปลอดภัยจากการชักชวนของคนประเภท นกกาเหว่า ซึ่งเป็นคนเอาแต่ได้ฝ่ายตน และถ้าท่านขยายระดับจิตวิญญาณของท่าน โดยกาหนดตนเองใหม้ อี ุดมคติที่สงู ข้ึน (118)โดยให้ความเห็นใจผู้อ่ืนด้วยการช่วยเหลือ ปรารถนาดแี ละน้าใจไมตรี ท่านกจ็ ะไมเ่ ป็นคนประเภทนกกาเหวา่ หรือคนหวั สูงหยง่ิ ยโส แล้วท่านจะพบวา่ ตนเองจะกลายเปน็ คนที่ดกี วา่ และมีความสขุ มากข้นึ กวา่ เดมิ 4.14 คนข้ีโกง (Humbugs, Prig) คือคนที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต คดโกง ฉลาดแกมโกง ต้มตุ๋น เหลวไหล โกหก หลอกลวง เช่ือถือไม่ได้ เขาพยายามท่ีจะ แสดงว่าตนเองฉลาดกว่าคนอ่ืนในขณะที่เขาคิดเอาเองว่าคนอ่ืนโง่กว่าเขา นักปรัชญา อังกฤษช่ือเบคอน(Bacon) กล่าวไว้ว่า “ไม่มีอะไรที่จะร้ายกาจกว่าการท่ีคนฉลาดแกม โกง ได้รบั การยกย่องวา่ เป็นคนฉลาด” ยิ่งท่านมีอายุมากและฉลาดข้ึนเพียงใด ท่านก็ยิ่งจะมีความฉลาดแกมโกง น้อยลงเท่าน้ัน และจะมีสิ่งท่ีท่านอยากเรียนรู้มากข้ึน จงเริ่มแสวงหาคว ามรู้และ ประสบการณ์ เพ่ือจะไดม้ เี วลาเหลอื พอสาหรบั การแสดงออก* เมื่อท่านเรียนจบจากโรงเรียนนั้น ท่านจะได้รับการฝึกอบรมให้มีความรู้ตาม มาตรฐาน เหมือนกับเพ่ือนคนอื่นในช้ัน แต่หลังจากที่ออกจากโรงเรียนไปแล้ว บางคน จะได้รับความสาเร็จสูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนอื่น หลายคนจะดาเนินชีวิตเหมือนคนทั่วไป แตบ่ างคนจะเหมือนกับตกลงไปในท่อระบายนา้ ข้างถนน ความสาเร็จหรือความล้มเหลวส่วนใหญ่ ขึ้นอยู่กับความพยายามอุตสาหะ ของตัวท่านเอง แต่คนท่ีนาความรู้จากโรงเรียนเป็นพ้ืนฐาน เพื่อหาความรู้และฝึกฝน
167 ตอ่ ดว้ ยตนเอง นั้นคอื คนทจ่ี ะกา้ วไปข้างหนา้ ตอนนีแ้ หละท่หี นังสอื และการบรรยายของ ผู้ทรงคุณวฒุ ิจะเขา้ มาช่วยทา่ น การเดินทาง การอ่านหนังสือ และการศึกษาธรรมชาติล้วนเป็นส่วนหนึ่งของ การศึกษาดว้ ยตนเอง จงใชเ้ วลาอา่ นหนงั สือรอบตวั ท่านซ่ึงมีพลังวิเศษ เมื่อคนอื่นกาลัง เอะอะโวยวายเพราะความหวังทางการเมือง แต่ท่านกาลังน่ังด้วยความสบายใจด้วย ความพอในส่ิงที่มี ท่านสามารถปลดเปล้ืองภาระของตนเองแล้วเดินทางไปเท่ียว ยังประเทศแดนไกลไดท้ กุ เมอื่ สามารถอ่านประวัตศิ าสตร์ของดนิ แดนสมยั ก่อน รูเ้ รอื่ งส่ิง มหศั จรรยท์ างวิทยาศาสตร์ สนกุ สนานกับเร่อื งราวดีๆ ชมความงามในความคิด ผ่านบท กวีคาประพนั ธ์ หนังสอื คือเพื่อนที่ดีท่สี ดุ ท่ีคนเราจะมไี ด้ ทา่ นสามารถเลือกนักเขียนที่ท่านชอบ โดยสามารถพ่ึงพาหนังสือได้ตลอดเวลา หนังสือสามารถช่วยท่านในการทางาน ท้ังใน ยามว่างและในยามมีทุกข์ ท่านมีหนังสืออยู่รอบตัว ทุกขณะที่กวักมือเรียก และคอยรับ ใช้อยู่ในบ้านของท่าน ทุกวันนี้หนังสือมีราคาไม่แพงมาก ถ้าท่านซ้ือน้อยเล่มเป็นครั้งคราวแล้วเก็บ สะสมไว้ ในห้องสมุดประชาชนจะมีหนังสือจานวนมากให้ท่านอ่านฟรีโดยไม่เสีย ค่าใช้จ่าย (119) แต่หนังสือท่ีเป็นสมบัติของท่านเองนั้น เป็นเพ่ือนที่ดีกว่า อย่าซื้อ หนังสือเพียงเพราะราคาถูก เพราะหนังสือท่ีราคาถูกมาก มักจะมีเรืองหยาบคายมาก พอกนั จงเลือกหนงั สือดที ่ีสุด ขณะทที่ า่ นจะซื้อหนงั สอื สกั เลม่ หน่ึง หากท่านเคยอ่านหนังสือต่างๆมาบ้างแล้ว ท่านจะรู้ว่าท่านชอบหนังสือ ประเภทไหน แต่หากท่านไม่เคยอ่านหนังสือมาก ให้ข้าพเจ้าแนะนาให้ท่านเริ่มทันที โดยทา่ นจะไม่เสยี ใจในภายหลงั และจงเร่ิมต้นดว้ ยส่ิงที่ท่านสนใจ หากท่านต้องการเรียนรู้ดัวยตน หนังสือสารานุกรมในห้องสมุดสาธารณะ (และ เวปกูเกิล ในโทรศัพท์มือถือ...ผู้แปล) จะเป็นจุดเร่ิมต้นที่ดีสาหรับการค้นหาเรื่อง ท่ีท่านอยากรู้ โดยในสารานุกรมมักจะระบุชื่อหนังสืออ้างอิงอื่นๆที่เก่ียวข้องไว้ด้วย เม่อื ท่านอา่ น จงอ่านอยา่ งจรงิ จัง อยา่ อ่านแบบมองผา่ น โดยควรจดจาความหมายของ
168 ส่ิงทีอ่ า่ นอย่างระมดั ระวัง เพราะเร่ืองเหล่านั้นอาจจะฝังอยู่ในส่วนลึกของใจและจะเป็น ประโยชน์ต่อท่านยงิ่ ข้นึ ในอนาคต ขอ้ ความตอ่ ไปนคี้ อื คาแนะนาของเบคอน (Bacon) รัฐบุรุษของอังกฤษ (ค.ศ. 1561-1626) “จงอ่าน มิใชเ่ พื่อโต้แย้งและคานวณ : มิให้เพอื่ จะเช่ือและทึกทักเอาเอง: มใิ ช่เพอื่ หาเร่ืองพูดและบรรยาย : แต่จงอ่านเพ่ือช่ังน้าหนักและพิจารณา หนังสือบางเล่ม มไี ว้ชิม บางเล่มมีไว้เพอ่ื กลนื เขา้ ไป และมีไม่ก่เี ล่มที่ควรนามาเคี้ยวและยอ่ ยเป็นอาหาร” “การอ่าน ทาให้คนเป็นคนโดยสมบูรณ์ การประชุมทาให้เป็นคนที่พร้อม และการเขยี นทาใหเ้ ปน็ คนละเอยี ดแนน่ อน” “ถา้ ผูใ้ ดอา่ นนอ้ ย เขาต้องมีไหวพรบิ ฉลาดแกมโกง มากเพ่อื ท่เี ขา จะไดแ้ สรง้ ทาเหมอื นรู้ในสง่ิ ท่เี ขาไม่รู้” ขา้ พเจ้าพบว่าแนวทางปฏบิ ตั ิท่ีมีประโยชน์อย่างยิ่งคือการจดส่ิงดีๆที่ข้าพเจ้า ได้อา่ นหรอื ไดย้ ินในวนั นัน้ ไว้ในสมุดบันทกึ ของข้าพเจ้า เพื่อนบางคน ทาบันทึกท่ีว่านี้ ด้วยระบบดัชนีบัตรตามระบบอักษรแบบบัตร ห้องสมุด เพื่อให้สามารถค้นหาเร่ืองใดเร่ืองหนึ่งได้ตามตัวอักษร โดยหลังจากท่านได้ เก็บของดีๆ ใหม้ ากที่สดุ ไวใ้ นใจแลว้ ก็ควรบนั ทกึ เร่อื งต่างๆไว้เพ่ือสารองข้อมูลด้วยการ เตอื นความจาแบบนี้ แต่การอ่าน โดยไม่มองไปข้างหน้านั้น ก็เป็นส่ิงท่ีไม่ดี ท่านต้องชั่งน้าหนัก ความร้ทู างวรรณกรรมโดยใชค้ วามรขู้ องโลก ของมนษุ ย์และของสิ่งต่างๆ การท่องเทยี่ ว เป็นก้าวหน่ึงอันล้าค่าของส่ิงน้ี คนท่ีช่างสังเกตและ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น จะได้รับความรู้ มากมาย ในการเดินทางเพยี งระยะหน่ึงไมล์ ขณะท่ี คนเฉื่อยชา คร่าครึ เช่ืองช้า อืดอาด ล้าหลัง (Stodgy)จะต้องเดนิ ทางถงึ พนั ไมลจ์ ึงจะมคี วามรเู้ ทา่ เทยี มกัน (120) 4.15 การเดินทางเพ่ือศึกษาเรียนรู้ (Travel as Education) วันหน่ึงขณะท่ี ข้าพเจ้ากาลังเดินผ่านท่าเรือ ท่ีเมืองเซาท์แธมป์ตัน ทางใต้ของประเทศอังกฤษ ข้าพเจ้าได้กลิ่นหอมของเคร่ืองเทศและกาแฟ มาจากโกดังเก็บสินค้าแห่งหนึ่งบนท่าเรือ
169 จึงเดินเข้าไปข้างในโกดังเพื่อถามแหล่งท่ีมาของเคร่ืองเทศดังกล่าว คนเฝ้าของบอกว่า เป็นสินค้าของเรือที่แล่นจากเมืองมอนเตวีดีโอ (Monte Video) ริโอจาเนโร (Rio Janeiro) และลา พลาตา (La Plata) ในทวีปอเมริกาใต้ ทาให้ข้าพเจ้าอยากไปเที่ยวที่ เมืองเหลา่ นนั้ แลว้ ขา้ พเจ้าก็รบี ซ้อื ต๋วั เรอื ไปอเมริกาใต้ ท้ังๆ ท่ตี อ้ งขอยืมจากคนอ่นื เพราะมี เงินไม่พอ อีกไม่ก่ีสัปดาห์ต่อมา ข้าพเจ้าก็ออกเดินทาง การเดินทางไกลไปในเรือเดิน สมุทรน้ันได้พบส่ิงที่ไม่เคยเห็นบนเรือ ได้ไปเยือนประเทศใหม่ๆ ได้ความเข้าใจในผู้คน และบรรยากาศใหม่ ได้เห็นทุ่งหญ้าแพมพัส(Pamus) อันกว้างขวาง และเทือกเขาแอนดีส (Andes) ที่มีชื่อเสยี ง ส่ิงดงั กลา่ วได้เปิดใจและความคิดของขา้ พเจ้าให้กว้างขวางยงิ่ ขน้ึ การเดินทางครั้งน้ัน ทาให้ข้าพเจ้าได้รับความรู้มากมายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งการศึกษาตามปกตหิ ลายปกี ส็ ู้ไม่ได้ แม้จะตัวของท่าน จะไม่สามารถเดินทางไปเท่ียว ต่างประเทศได้ แต่ในประเทศของท่านเองกม็ ีอะไรให้ดูมากมาย และมีอีกหลายด้านของ ชีวิตท่ีต้องสอบสวนเรียนรู้ ด้วยการเดินทางด้วยจักรยานหรือแม้แต่การเดินเท้า แต่ถ้า ท่านไมส่ ามารถไปไดไ้ กลเช่นน้ัน ที่ในเมอื งหรอื ละแวกบ้านของทา่ นเอง ก็คงจะมสี ถานท่ี ประวัติศาสตร์ โบราณสถาน และคนเก่าแก่ ซ่ึงสามารถเล่าเรื่องประสบการณ์ในอดีตที่ ควรค่าแกก่ ารฟัง การเดินทางแบบน้มี คี วามมุ่งหมายที่จะสังเกตและค้นหา ส่ิงท่ีท่านทาได้ เก่ียวกับมนุษย์และสิง่ ของ ซึง่ จะเป็นกา้ วหนึ่งอนั ล้าคา่ ในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง เดวิด เกรย์สัน (David Grayson) เขียนหนังสือช่ือ ถนนมิตรภาพ (The Friendly Road) เล่าถึงวิธีที่เขาออกเดินทางด้วยเท้า จากฟาร์มของเขาไปเท่ียวแบบ จรจัดโดยไม่มีเงินและไม่มีเป้าหมายท่ีแน่นอน เพื่อชื่นชมความงามของภูมิประเทศ ในชนบท พบปะกับคนอ่ืนและค้นหาส่ิงที่ดีที่สุดจากคนเหล่านั้น เขาได้พบพระประจา หมู่บ้านที่มีกาลังใจเข้มแข็ง พบเศรษฐีที่มีความเห็นใจผู้อื่นโดยใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา พบชาวนาที่สิ้นหวัง และพบนักพูดหัวสังคมนิยม ซึ่งมีความคิดอยากจะทาให้ทรัพย์สิน ของคนรวยท้ังหลายตกเปน็ ของสาธารณะ
170 ข้าพเจ้ากล่าวถึงหนังสือดังกล่าว ไม่ใช่แค่เพราะความมีเสน่ห์และน่าสนใจ เท่าน้ัน แต่เป็นเพราะว่าการลงทุนของผู้เขียนคนนี้ ได้ยกตัวอย่างที่ชัดเจนของใครก็ตาม ท่ีปรารถนาที่จะหาความรู้แก่ตนเอง โดยวิธีเดินเท้าไปตามถนน ซึ่งเป็นวิธีการท่ีทุกคน สามารถทาได้ ข้าพเจ้าได้เห็นระบบการศึกษาด้วยตนเองอีกแบบหน่ึง ที่ดาเนินการโดย นักศึกษาของมหาวิทยาลัยในแคนาดาและสหรัฐอเมริกา คนพวกนี้มักไม่มีเงินพอ สาหรับจ่ายค่าเล่าเรียน แต่การขาดแคลนทุนทรัพย์ มิได้ปิดกั้นโอกาสในการศึกษา โดยระหว่างปดิ ภาคเรยี น พวกเขาจะสมัครเป็นพนักงานในเรอื โดยสารตามแมน่ ้า ทาให้มี เงินเหลือเพียงพอไปจ่ายค่าเล่าเรียนได้ ในขณะเดียวกัน (121)เขาก็จะได้รับความรู้ เก่ยี วกับคนและสิ่งของต่างๆอยา่ งกว้างขวาง และยงั ใชเ้ วลาวา่ งทางานท่ีถูกใจดว้ ย 4.16 การแสดงตนเองออกมา (Self Expression) ถ้าใครคนหน่ึงรู้สึก อยากจะแสดงความคิดและความคิดของเขา ไม่ว่าจะในรูปของบทกวี งานเขียน การพูด ในภาพวาดหรือประตมิ ากรรม ควรจะปล่อยให้เขาทาอยา่ งเตม็ ท่ี ขา้ พเจ้าขอแนะนาแต่เพยี งวา่ ไม่ควรหลงกระทาอย่างที่หลายคนได้ใช้วิธีการ แบบเร่งรัดรุนแรงสุดข้ัว ก่อนท่ีจะได้เห็นส่ิงต่างๆในโลกนี้อย่างทั่วถึง การแสดงออก ในทางท่ดี นี ้ันเปน็ คณุ ความดรี ะดับสงู อยา่ งหน่งึ ทุกคนมีสิ่งที่เรียกว่า \"พรสวรรค์ (Gift)\" คือความเก่งในทางใดทางหน่ึงท่ีมี มาแต่กาเนิด บางคนอาจเป็นศิลปินหรือนักแสดงตลกโดยสัญชาตญาณ แม้ว่าเขา อาจจะทางานอยู่ในร้านขายของชาหรือเป็นช่างไม้ อีกคนหน่ึงอาจเป็นนักเล่นกล หรือ นักรอ้ ง แต่อาจจะหาเล้ียงชีพด้วยการเป็นเป็นพนักงานเสิร์ฟหรือกรรมกรมนุษย์ เกือบ ทุกคนมี \"พรสวรรค์\" หลายอย่างซ่อนอยู่ในตวั เอง ทาไมถึงเรียกว่า “พรสวรรค์” ? เพราะ เป็นของขวัญที่สวรรค์มอบให้ติดตัว มาแต่กาเนิด เป็นคุณสมบัติที่มีมาตามธรรมชาติ ดังน้ัน ผู้ครอบครองจึงควรใช้ พรสวรรคน์ น้ั ให้เป็นของขวัญให้ผู้อื่นต่อไปอีก เช่น ผู้ท่ีมีพรสวรรค์ในด้านการร้องเพลง หรือการแสดงตลกขบขัน ก็ควรใช้ความสามารถของตน ทาให้คนท่ีท้อแท้สิ้นหวัง รู้สึก
171 ร่าเริง สนุกสนาน ส่วนนักเขียนภาพก็ทาให้ผู้ชมเห็นส่ิงท่ีงดงาม ขอให้ผู้มีพรสวรรค์ ทั้งหลาย ได้ใช้ความสามารถของตนทาประโยชน์ให้ผู้อ่ืนย่ิงกว่าตนเอง แล้วเขาจะได้ พบว่า ความหมายของ “ความสุข” ท่ีแท้จริงน้ันเป็นอย่างไร โดยต้องระวังทาตัวให้ ห่างไกลจากนักหลอกลวงตม้ ตนุ๋ ขี้โกงอนั เชือ่ ถือมิได้ 4.17 บทเรียนจาก ราชาเปรมเปร่ห์ สาหรับหนุ่มสาวใจร้อน (Premheh’s Hint to Young Takers) ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติ หรืออาจจะเรียกว่าความสนุกสนาน ทไ่ี ด้มสี ว่ นในการล้อมจบั ราชาเปรมเปร่ห์ หัวหน้าเผ่าชนพื้นเมือง(122)ในแคว้นอชันติ (Ashanti) ทางฝ่งั ตะวันตกของทวปี แอฟรกิ า เมื่อเขาทาเกนิ ขอบเขตเกินไปในการฆา่ คน โดยไม่คานึงว่าอะไรจะเกิดข้ึน เปรมเปร่ห์เป็นผู้นาที่เห้ียมโหด และจะพูดคาร้ายแรง ออกมายามโกรธ โดยไม่คานึงว่าจะเกิดอะไรข้ึน เม่ือเปรมเปร่ห์ถูกทหารอังกฤษที่เข้าไป ยึดครองแอฟรกิ าจับตัวได้ เขาตระหนักว่า ในการเจรจากับพวกอังกฤษนั้น อาจต้องใช้ วิธพี ดู คุยทีแ่ ตกตา่ งออกไป เพราะถา้ เขาพดู โดยไมร่ ะมัดระวงั อาจจะตอ้ งเสียใจภายหลงั ดังนั้นราชาเปรมเปร่ห์ จึงทาในส่ิงที่หนุ่มสาวใจร้อนทั้งหลาย อาจนาไป เลียนแบบไดใ้ นการอภิปรายเร่ืองต่างๆ โดยเขาจะอมถ่ัวบราซิลที่มีเปลือกแข็งไว้ในปาก เพื่อหากเวลาใด เขาถูกกระตุ้นให้จะพูดโพล่งในสิ่งที่ไม่สมควร เขาจะต้องหยุดพูด ขณะทเ่ี อาถ่วั ออกจากปาก และมีเวลาสาหรับการไตร่ตรองให้รอบคอบข้ึนกวา่ เดิม หัวหนา้ ชนพ้นื เมอื งเผา่ อชันติ ราชาเปรมเปรห่ ์ ใช้วิธอี มถวั่ ไว้ในปาก เพอื่ ป้องกนั ไมใ่ ห้ลนิ้ ของเขา พูดอะไรออกไปกอ่ นที่จะคิดใหร้ อบคอบ
172 บทเรียนเพ่ิมเตมิ ท่ขี ้าพเจา้ ได้รบั จากราชาเปรมเปร่ห์ก็คือ เมื่อท่านได้เปรียบคู่ ต่อสู้ อย่าคิดว่าท่านได้ปราบเขาจนหมดทางสู้แล้ว เพราะเขาอาจมีอาวุธอีกอย่างหนึ่ง ซกุ ซ่อนไว้ในแขนเสือ้ ข้าพเจ้ามีความทรงจาของบทเรียน ในรูปแบบของปืนคาบศิลาโบราณ กระบอกที่วางอยบู่ นโตะ๊ ของขา้ พเจา้ ในขณะน้ี และวิธเี รียนรู้ของขา้ พเจ้า ราชาเปรมเปร่ห์คิดที่จะหนีเข้าไปในป่าตอนกลางคืน โดยรู้ตัวล่วงหน้าว่า อาจจะถูกทหารอังกฤษ ท่ีมีข้าพเจ้าเป็นผู้นาจับตัว โดยข้าพเจ้าได้จัดทหารซุ่มอยู่ไว้ ขา้ งทางทีเ่ ขาจะผ่าน ข้าพเจ้าซ่อนตัวอยู่ในคูน้าข้างหน้าคนของข้าพเจ้าเพียงไม่กี่หลา เพ่ือท่ีจะได้ เห็นคนท่ีกาลังจะเดินเข้ามา แล้วให้สัญญาณกับทหารของข้าพเจ้าว่า จะให้จับกุมหรือ ปลอ่ ยใหเ้ ดนิ ผา่ นไป อีกพักหนึ่งก็มีหน่วยสอดแนมของราชาเปรมเปร่ห์ เดินย่องเข้ามา เงียบๆ อยา่ งระมดั ระวัง เมอื่ เขา้ มาใกลต้ ัวขา้ พเจ้า เขาก็หยดุ และเพง่ ดใู นความมืดมิด มีอะไรบางอยา่ งทีท่ าให้เขาสงสยั และข้าพเจ้าเกรงว่าเขาจะกลับไปบอกพรรค พวกว่ามีทหารอังกฤษคอยอยู่ ขณะที่เขาหันหลังให้กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าลุกขึ้นยืนและ ควา้ คอเขาทนั ที เราต่อสู้กนั อย่างรวดเร็ว เขาเอาปืนคาบศิลาโบราณอันเก่าแก่ของเขาจ่อไปที่ ท้องของข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าคว้าเอานกไกปืนไว้ได้ และนกปืนได้หลุดติดมือ(123) ขา้ พเจา้ ออกมา แลว้ เรากเ็ ขา้ กอดกนั โดยมไิ ด้เปน็ การแสดงความรกั ขณะทเี่ ราปล้ากล้ิง ทับกันไปมา ทหารของข้าพเจ้าอีกคนหนึ่งได้สอดแทรกเข้ามาเหมือนหมาตัวท่ีสาม ขณะท่ีหมาสองตวั กาลงั กดั กนั อยู่ โดยทหารได้จับมอื คู่ต่อสูข้ องขา้ พเจ้าไว้ เพื่อป้องกันมิ ใหเ้ ขาใช้มดี แทงตับของขา้ พเจา้ ทา่ นเหน็ ไหมวา่ นอกจากเขามีปืนแล้ว คู่ต่อสู้ของข้าพเจ้ายังมีมีด เป็นอาวุธ ลบั อกี อยา่ งหนง่ึ ทซ่ี ุกซ่อนไว้
173 เรอ่ื งทน่ี ่าสนใจเก่ียวกับราชาเปรมเปร่ห์อีกอย่างหนึ่งคือ เม่ือพ้นจากการถูก ลงโทษแล้ว เขาได้ดารงตาแหน่งนายกสมาคมลูกเสือในท้องถ่ินและลูกชายของเขาก็ได้ เป็นผกู้ ากับลกู เสือ ข้าพเจ้าเคยรู้จักเศรษฐีคนหน่ึง ท่ีเคยเป็นตัวตลกในคณะละครสัตว์ แต่ถึงแม้ จะมีทรัพย์สินมากมาย เขาก็ยังถลกแขนเส้ือทางานในโรงงานของเขา ซึ่งผลิตเหล้าองุ่น ในอเมริกาใต้ เขาอธิบายเหตุผลของความสาเร็จของเขาคือเขายืนกรานท่ีจะผลิตเหล้าองุ่น จากผลองนุ่ จรงิ ๆ ทาให้ลกู คา้ พอใจ เพราะผู้ผลติ คนกอ่ นๆ ได้ใช้สารเคมผี สมลงในเหล้าอง่นุ เขาไดเ้ รียนรู้บทเรยี นของเขาในคณะละครสัตว์ เพราะได้พบว่าการแสดงบทบาทตลกใน โรงละครสตั ว์นัน้ ประชาชนตอ้ งการบทตลกทไี่ ม่ซ้าแบบใคร มิใช่จดจาเร่ืองตลกมาจาก หนังสือพิมพ์ ดังนั้นเม่ือเขาผลิตเหล้าองุ่นแท้ๆที่ไม่มีสารเคมีเจือปน เขาจึงได้รับการ ส่งั ซอ้ื อยา่ งทว่ มท้น และสามารถทาเงนิ ก้อนใหญไ่ ด้อย่างรวดเร็ว ในสโมสรชมรมของหนุ่มสาวหลายแห่ง มีแผนกโต้วาทีเพ่ือการฝึกอบรม นักการเมืองหนุ่มสาว แต่อันตรายเกี่ยวกับเร่ืองนี้คือ สมาชิกเป็นเพียงนักการเมือง เลียนแบบ ท่ีพูดในส่ิงท่ีอ่านหรือได้ยินจากปากของคนอ่ืน ไม่ใช่เป็นผลจากความเข้าใจ ของตนเอง เพราะของเลยี นแบบย่อมไม่ทาให้ใครเลอ่ื มใส แต่ถ้าท่านมีประสบการณ์แล้ว และพบว่าตัวเองอยู่ในสถานะที่จะช่วยเหลือ ชุมชนได้ โดยการมีส่วนร่วมในกิจการสาธารณะ ท่านควรรีบทาอย่างสุดความสามารถ เพ่อื ฝึกฝนตวั เองใหพ้ ร้อม และชว่ ยทางานเพื่อประโยชน์ของชุมชนสว่ นรวมมากกว่าการ มสี ว่ นร่วมเพยี งเลก็ น้อยเท่าน้นั (124) ขั้นตอนหนึง่ คอื การท่ีสามารถจบั ใจความของเรอื่ ง เขา้ ใจประเดน็ ต่างๆได้อย่าง รวดเร็วและเห็นแง่มุมต่างๆของปัญหา อีกประการหน่ึงคือการที่สามารถแสดง ความ คดิ เหน็ ออกเป็นคาพดู ได้ดี
174 สาหรับหนุ่มสาวพวกที่คิดว่าตัวเองกาลังโต้วาที ลอร์ดไบรซ์ได้ให้คาแนะนา ที่น่าฟังไว้ เม่ือท่านได้มองกลับไปถึงชีวิตท่ีผ่านมา ท่านได้นึกถึงครูคนหน่ึงท่ีสอนไว้ว่า “ถ้าเธอมเี หตุผลท่ีดใี นการปฏบิ ตั ิตน อันเป็นเหตผุ ลท่ดี ีและเพียงพอแล้ว จงอยา่ พยายาม หาเหตุผลขอ้ สอง เพราะขอ้ สองจะทาใหน้ ้าหนกั ของขอ้ แรกอ่อนลง” สาหรับการเรียนรู้ถึงวิธีการแสดงออกในที่สาธารณะนั้น ไม่มีอะไรที่ได้ผล เหมือนกับมีส่วนร่วมในการแสดงละคร ซึ่งจะให้ประโยชน์สูงสุดแก่ท่านด้วย การฝึกพูด ให้ชดั และฟังไพเราะใหผ้ ชู้ มตดิ ใจ สอนวิธีแสดงออกด้วยเสยี งกับทา่ ทาง และทาให้ความ กระดากอายของทา่ นหมดไป การแสดงละคร เป็นการฝึกอบรมดที ี่สุดเพ่ือการพดู ในท่สี าธารณะ 4.18 การฟัง (Listening) หลังจากท่ีกล่าวถึงการพูดหมดแล้ว จงจาไว้เสมอ วา่ การนง่ิ เงยี บ น้นั มีคุณค่าและศลิ ปะอันยิง่ ใหญ่ อาจมีบอ่ ยครง้ั ที่ท่านอาจอยากจะนา ความคิดของท่านมาโต้เถียงกัน แต่โดยทวั่ ไปแล้ว เปน็ การดีที่จะเกบ็ ไวเ้ งียบและปลอ่ ยให้ คนอ่ืนทาหน้าที่เป็นผู้พูด ท่านสามารถเรียนรู้โดยลักษณะนี้ การพูดทาให้คนจานวนมาก เสียท่าแก่ผู้ท่ีเฝ้ามองอย่างเงียบ ๆ ในทุกคณะกรรมการ มักจะมีคนท่ีพูดมากแต่ได้รับ ความสนใจเพยี งเล็กนอ้ ย
175 “คนท่ีไม่ค่อยพูด หรือคนทีพ่ ูดเฉพาะเม่ือมีสิ่งสาคัญจริงๆที่จะพูด คือบุคคลที่ คนอื่นต้ังใจฟัง” มีคากล่าวว่า “คนที่ไม่ค่อยพูด คือคนท่ีลงมือทาส่ิงต่างๆ (It is the Silent man who do things)” 4.19 บริการ (Service) ในขณะทที่ า่ นฝึกฝนตวั เองในด้านลักษณะนิสัยใจคอ และประสิทธภิ าพ ขอให้ทา่ นตงั้ เปา้ หมายไวว้ ่า การกระทาเช่นนั้นมิใช่เพียงเพ่อื การเลอ่ื น ตาแหน่งหนา้ ทหี่ รือโอกาสในภายหน้าสาหรับตนเอง แตค่ วรจะเป็นพลังในการทาความดี เพือ่ ผู้อืน่ และเพอ่ื ชุมชน เมื่อท่านอยู่ในฐานะท่ีจะให้บริการเพื่อคนอื่นได้แล้ว ท่านก็จะก้าวไปสู่บันได ข้ันสูงขึ้นท่ีจะนาไปสู่ความสาเร็จในชีวิตอันแท้จริง นั่นคือความสุข (125) การบริการน้ัน มิได้หมายความเพียงแค่ การทาความดีส่วนตัวอย่างสุภาพ และด้วยความกรุณาเพียง เล็กน้อยต่อบุคคลอื่นเท่านั้น สิ่งดังกล่าวเป็นถูกต้องและเป็นของดี ที่พวกลูกเสือทุกคน ทาอยู่เปน็ ประจาทกุ วนั แต่คาว่า “บริการ Service” ของข้าพเจ้าน้ัน หมายถึงสิ่งท่ีสูง กวา่ และย่ิงใหญก่ ว่า คอื การให้บริการในฐานะทเ่ี ปน็ พลเมืองของประเทศของทา่ น ทั้งน้ี มิได้หมายความว่าท่านจะต้องผลักดันตัวเอง จนเป็นผู้นาในการทา กิจกรรมชุมชน หรือยัดเยียดบังคับความคิดทางการเมืองของท่านให้แก่บุคคลอ่ืนๆ แต่ หมายความว่า ท่านควรเป็นคนดีที่เชื่อถือได้ และเป็นพลเมืองที่ทาส่ิงอันเป็นประโยชน์ ต่อประเทศของท่าน เสมือนเป็นอิฐก้อนหนึ่งในกาแพง โดยมองให้กว้างไกล และ พิจารณาวา่ อะไร คอื สิ่งดีที่สดุ สาหรบั ประเทศของทา่ นโดยรวม ไมใ่ ชเ่ พียงแค่มองหาส่ิงดี ทสี่ ุดสาหรบั คนกลมุ่ ใดกลุ่มหนง่ึ โดยเฉพาะ “คนทุกคนย่อมมีงานหรือสถานท่ี ท่ีจะทาเพื่อบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อ สาธารณะส่วนรวม และเพอื่ ความดี ความเจรญิ รุ่งเรืองของชมุ ชน” เมื่อท่านมองเห็นว่า ท่านอาจทาประโยชน์ต่อผู้อ่ืน ในเร่ืองใดท่ีท่านมี ความสามารถหรือพรสวรรค์ จงกระโดดเข้าไปช่วยเหลือในทันที เหมือนกับท่ีนัก ฟุตบอลจะว่งิ เขา้ ไปชว่ ยทีมฟุตบอลของตน พลเมอื งดที ่พี ร้อมจะรับใช้ชาติ ก็เหมือนกับ นักฟุตบอลที่ดี คือต้องปรับตัวให้มีสมรรถภาพสูงเสียก่อน เพ่ือจะได้เล่นฟุตบอลได้ตาม
176 หน้าท่ที ก่ี าหนดไว้ ในทีม ถา้ นักฟตุ บอลคนใดไม่เล่นตามหนา้ ท่ขี องตน ถ้าคนใดคิดว่าน่า ขบขันที่จะวิ่งล้าหน้าอยู่เสมอ อีกคนหนึ่งเอามือไปจับลูกฟุตบอลโดยฝ่าฝืนกติกา และ อีกคนหนึ่งเข้าไปชกท้องคู่ต่อสู้ ก็จะไม่ใช่เป็นการเล่นฟุตบอลที่เหมาะสมอีกต่อไป แต่จะทาให้เกดิ การสบั สนอลหม่าน และการแขง่ ขันก็ต้องยตุ ิลง (127) 4.20 การใหบ้ ริการเพ่อื ท้องถิ่น (Civil Service) ความดีสูงสุดที่ท่านสามารถ ทาได้เพื่อชุมชนในฐานะเป็นพลเมืองดี คือการมีส่วนร่วมในการให้บริการต่อประชาชน ซ่ึงข้าพเจ้าหมายถึงการมีบทบาทในเทศบาลและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ถ้าท่าน อยากประสบความสาเร็จในงานประเภทน้ี ก็ควรเตรียมตัวให้พร้อม เหมือนการว่ิง แข่งขันหรือการสอบคัดเลือกเพราะมีคนที่อยากทางานดังกล่าวหลายคน มีบางคน ที่สมัครไปทางานเพียงเพราะพูดเก่ง หรือมีความรู้เพียงเล็กน้อยเก่ียวกับการบริหาร แต่อาจไม่มีประสบการณ์หรือไม่มีความรู้อันแท้จริงเก่ียวกับการบริการประชาชน เพราะในการทางานบริหารส่วนท้องถ่ินให้เกิดผลดีนั้น จะต้องมีความรู้อย่างแน่นแฟ้น เก่ยี วกับกฎหมาย การบริการชุมชน รจู้ ุดหมาย วธิ ีการ และความรับผิดชอบต่างๆ เม่ือพลเมืองอังกฤษอายุ 21 ปี จะมีสิทธิในการออกเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภา เพื่อให้ไปเป็นผู้แทนในองค์การบริหารส่วนตาบล และองค์การบริหารส่วนจังหวัด ท่านควรฝึกฝนตนเองให้สามารถรับผิดชอบหน้าที่อันสาคัญ โดยหลีกเลี่ยงหินโสโครก หรืออุปสรรคชีวิตต่างๆตามท่ีข้าพเจ้าเคยแนะนาให้ท่านทราบมาแล้วคือ เรียนรู้ในเร่ือง ของ 1. ลักษณะนสิ ยั ใจคอในทางดี และความเฉลียวฉลาดสติปัญญา 2. ฝีมอื และทกั ษะการทางานอาชีพ 3. สขุ ภาพกายและสุขภาพจิต 4. การให้บรกิ ารตอ่ สงั คม ในฐานะพลเมอื งดี การศึกษาด้วยตนเองดังกล่าว จุดสาคัญคือจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติของ ชุมชนและประเทศของท่านต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน (โดยอาจจะเรียนรู้ได้โดยการอ่าน
177 หนังสือ เช่น “ประวัติของแผ่นดินไทย”....ผู้แปล) แต่ท่านจะมีความรู้มากขึ้น ถ้าได้ เดินทางไปเยือนสถานท่สี าคญั ทางประวตั ิศาสตรต์ า่ งๆด้วยตนเองจริงๆ เพ่ือที่จะได้เข้าใจและมีส่วนร่วมในการบริการท้องถ่ินอย่างมีประสิทธิภาพ ท่านจาเป็นจะต้องเรียนรู้เก่ียวกับกฎหมายและวิธีการบริหารงานส่วนท้องถ่ินเช่นสภา ตาบล ว่าจะไดร้ ับการแต่งต้ังและมีหนา้ ทีร่ ับผิดชอบอยา่ งไร (127) ต้องมีความรู้เกี่ยวดับ องค์การบริหารส่วนตาบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกเทศมนตรี เทศมนตรี และสมาชิกสภา และหน้าท่ีของพวกเขาในการบรรเทาทุกข์ สุขาภบิ าล ข้อบังคับดา้ นสขุ ภาพ โรงเรียนประถมศึกษา การควบคุมสุรา ตารวจและ บริการดับเพลิง ฯลฯ เจ้าหน้าท่ี หน่วยงาน และหน้าท่ีขององค์การบริหารส่วนจังหวัด วิธีการเก็บใช้จ่ายอัตราภาษีบารุงท้องที่ ภาษีที่ดิน ภาษีการค้า การออกใบอนุญาต การจัดการศึกษา แสงสว่าง ถนน สะพาน โรงพยาบาล ท่ีอยู่อาศัย ห้องสมุด ตลาด สวนสาธารณะ งานประปา นา้ เสยี ฯลฯ 4.21 รัฐสภา (Parliament) นอกเหนือจากการบริหารส่วนท้องถิ่นแล้ว ประชาชนท่ีมีอายุ 21 ปีข้ึนไปในแต่ละจังหวัดยังมีสิทธิเลือกสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เพื่อเป็นผู้แทนเข้าไปในรัฐสภา ซ่ึงมีอานาจหน้าที่ในการออกกฎหมายต่างๆ ท่ีใช้ ในการปกครองประเทศ นอกจากนี้ยังมีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งเป็นบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับการ เสนอรายช่ือมาจากรัฐบาล แล้วแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ วุฒิสภามีหน้าท่ีพิจารณา ร่างกฎหมายที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว หากไม่เห็นด้วยก็อาจส่งกลับมายังสภา ผู้แทนพร้อมด้วยคาแนะนาในการแก้ไขปรับปรุง หากกฎหมายใดที่ผ่านวุฒิสภาไปแล้ว ก็จะนาเสนอพระมหากษัตริย์ เพ่ือทรงให้ความเห็นชอบ แล้วประกาศบังคับใช้เป็น กฎหมายต่อไป วิธีการดังกล่าวเป็นไปตามพิธีการเน่ืองจ ากในทางปฏิบัติแล้ว พระมหากษัตริย์ทรงแทบจะไม่มีอานาจทีจ่ ะปฏเิ สธส่งิ ทร่ี ัฐสภาได้ตดั สนิ ใจแลว้ ความรู้สึกทางการเมืองท่ีแตกต่างกัน จะถูกแสดงออกโดยการอภิปรายใน รฐั สภาโดยพรรคการเมืองตา่ งๆขององั กฤษ เชน่ พรรคเสรีนิยม(Liberals) อนุรักษ์นิยม
178 (Conservatives) แรงงาน (Labour) และอ่ืนๆ พรรคการเมืองท่ีมีคะแนนเสียงข้างมาก คือมีผู้แทนราษฎรมากที่สุดในสภา จะได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล และจะถูก วิพากษว์ จิ ารณ์ตาหนติ เิ ตยี นในส่งิ ที่รัฐบาลทาไปทุก (128) อย่างโดยพรรคการเมืองฝ่าย ค้านท่ีมีเสียงข้างน้อยในสภา เร่ืองดังกล่าวเป็นวิธีการท่ีดี ถ้าไม่มีการตาหนิติเตียนกัน มากเกนิ ไป ซ่ึงจะเป็นการทาลายความสามัคคีในชาติ เพราะประเทศท่ีขาดความสามัคคี จะดารงคงอยู่ไม่ได้ คณะรัฐมนตรี ประกอบด้วยรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ภายใต้การนาของ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเป็นผู้บริหารงานของประเทศ ภายใต้การกากับดูแลของรัฐสภา รัฐมนตรีแต่ละคนมีกระทรวงอยู่ในความรับผิดชอบของเขา เช่น กระทรวงกลาโหม ศึกษาธิการ สาธารณสุข ตา่ งประเทศ ฯลฯ ระบบการปกครองในปัจจุบันได้พัฒนาจากในสมัยโบราณ ที่พระมหากษัตริย์ ทรงมีอานาจสิทธิขาดทั้งหมดแต่ผู้เดียว จนถึงปี พ.ศ. 1758 ไม้มีข้อตกลงระหว่าง พระมหากษัตริย์อังกฤษ กับสภาผู้แทนราษฎร เรียกว่าข้อตกลง แมกน่า คาร์ต้า (Magna Carta) ท่ีได้ถ่ายโอนอานาจ เข้ามาอยู่ในมือของประชาชนมากขึ้น และต่อมา ก็มีพระราชบัญญัติรฐั สภา พ.ศ. 2454 (Parliament Act 1911) ดังน้นั รัฐสภาขององั กฤษ จงึ เติบโตข้ึนดว้ ยวิวฒั นาการที่ม่ันคงโดยมรี ากฐาน ท่ีดี และด้วยเหตุนี้จึงได้การยกย่องให้เป็น \"แม่แบบของรัฐสภา\" ของประเทศต่างๆ ท่ัวโลก เม่ือท่านเดินทางไปต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นสาธารณรัฐหรือราชาธิปไตย หรือ ประเทศท่ีกาลังก่อตัวใหม่ ท่านจะพบว่าพวกเขานับถือแม่แบบของรัฐสภา ของอังกฤษ เป็นแนวทางท่ีใกล้ที่สุดต่ออุดมคติ ของรัฐบาลของประชาชนโดยประชาชน ซึ่งคือ การ ปกครองแบบประชาธิปไตยทบี่ รสิ ุทธ์ิ 4.22 สาธารณรัฐแห่งใหม่ (A new Republic) ข้าพเจ้าเคยไปประเทศ สาธารณรัฐที่จัดต้ังข้ึนใหม่แห่งหน่ึง แล้วได้พูดคุยกับผู้บัญชาการเรือนจา ท่ีคร่าครวญ เสียดายว่าตอนน้ีได้มีการยกเลิกโทษประหารชีวิตไปแล้ว ข้าพเจ้าถามเขาว่าตอนน้ี มีโทษจาคุกนานเท่าไรแทนการประหารชีวิต เขาตอบว่า “ตอนนี้เราเป็นสาธารณรัฐ
179 ประชาธิปไตยแล้ว จึงไม่มีการจาคุกอีกต่อไป” “แล้วไม่มีการทาความผิดหรือ” “ยังมี อกี เยอะ” “แล้วทาอย่างไรกับพวกอาชญากร” “พวกทหารพาพวกน้ันออกไปนอกประตู และยิงจนตายหมด” (ผู้บัญชาการเรือนจาเห็นว่า การใช้ปืนยิงให้ตายนั้น ไม่ใช่การ ประหารชีวติ เนือ่ งจากเขาคุน้ เคยเพยี งการประหารชีวติ ด้วยการตัดหวั ) (130) “แล้วอาชญากรรมเล็กๆ น้อยๆ ล่ะ? เช่นสมมุติว่า ชายคนหน่ึงขโมยกระเป๋า หรอื ผา้ เชด็ หนา้ สักผืนหนงึ่ จะทาอย่างไรกบั เขา? “พาเขาออกไปขา้ งนอกแลว้ ยิงเขาจนตาย” “น่ากลวั จงั ! แลว้ ผ้หู ญงิ ที่ทาผิดล่ะ? ทหารคงไมย่ ิงพวกเขาจนกว่าจะตายนะ?” “โอ้ ไม่ ไม่ เราไมท่ าอยา่ งนน้ั ” “แล้วทาอะไรกบั พวกอาชญากรหญงิ ล่ะ” “พวกเขาจะถูกส่งมาหาข้าพเจ้า และข้าพเจา้ ก็จะตดั ตัวพวกเขาออกเป็นร้อย ชน้ิ แตเ่ ราไมม่ กี ารประหารแบบตดั คอสาหรับผชู้ ายแล้ว” น่คี ือตวั อยา่ งของชนชาติใหม่ ซ่งึ พยายามวิง่ ก่อนท่จี ะเดนิ มีสองสามประเทศ ที่ตอนน้ีปรารถนาท่ีจะหลีกหนี จากวิธีการของประเทศที่เคยเป็นพ่ีเลี้ยง และกาลัง ประสบกบั ปญั หาแบบเดยี วกนั ข้าพเจ้าเคยไปประเทศสาธารณรัฐใหม่แห่งหนึ่ง ที่ประธานาธิบดีผู้เป็น หัวหน้ารัฐบาล กาลังน่ังเงียบๆ อยู่ที่บ้านหลังเลิกงาน ผู้บัญชาการทหารท่ีเป็นเพ่ือน สนิทของเขาได้มาเยยี่ มเป็นการสว่ นตวั แล้วบอกว่า เขามาเพอ่ื กลา่ วคาอาลา “จะลาไปไหนหรือ” หัวหนา้ รฐั บาลถาม ผ้บู ญั ชาการทหารตอบด้วยเสียงเรยี บๆวา่ “ฉนั ไมไ่ ปไหนหรอก ฉันจะอยู่ที่น่ี แต่ท่านเป็นผู้ที่ควรจะไปจากท่ีน่ีเดี๋ยวนี้ เพราะพรุ่งน้ีจะมีการปฏิวัติ และฉันจะได้รับ เลอื กใหเ้ ปน็ หวั หนา้ รฐั บาลแทนทา่ น ทันทที ่ีทา่ นถกู ยงิ ตาย” ดงั น้นั ท่านประธานาธิบดจี งึ รีบลภ้ี ยั ไปต่างประเทศเพือ่ ขจัดความยุ่งยาก นนั่ คอื วธิ เี ปลยี่ นรัฐบาล ในประเทศเหล่าน้นั
180 4.23 ความคิดสองฝ่ายในการแก้ปัญหา (Two sides to the Empire Auestion) วนั อาทิตย์วันหนง่ึ ข้าพเจ้ากาลังเดินเลน่ อยใู่ นสวนสาธารณะในเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อข้าพเจ้าได้ยินเสียงคนประเภทนกกาเหว่า ท่ีเอาแต่ได้สองคน กาลังโต้เถียงด้วยความเห็นต่างกันเก่ียวกับเร่ืองจักรภพอังกฤษ ซ่ึงเป็นตัวอย่างในการ พิจารณาปัญหาต่างๆ สาหรับผู้ที่ต้องการหาความรู้ด้วยตนเองจะได้มองเห็นว่า ทุก ปญั หาอาจมคี วามคิดเหน็ เป็นสองดา้ น ข้าพเจ้าขอเสนอให้ท่านอ่านรายงานการประชุม ของสภาผแู้ ทนราษฎร และขา่ วจากหนังสอื พิมพ์ แล้วทา่ นจะเห็นว่าในประเด็นเดียวกัน อาจมีความเห็นที่มีใช่แบ่งเป็นเพียงสองฝ่ายเท่านั้น แต่มีบ่อยๆ ที่แบ่งเป็นสามหรือสี่ฝ่าย โดยแต่ละฝ่ายก็มีหลักฐานทัดเทียมกัน ดังน้ันจึงเป็นการฝึกหัดที่ดี หากท่านจะศึกษา ความคิดเห็นเหล่านี้ พิจารณาว่าสิ่งใดจะเกิดประโยชน์แก่ประชาชนส่วนมากและ ประเทศชาตสิ ว่ นรวมอยา่ งแทจ้ รงิ ในระยะยาวแล้วตดั สินใจเองไปตามน้นั 4.24 กระทะทร่ี ้อนน้ันอาจเยน็ กวา่ เปลวไฟท่ีร้อนยิ่งกว่า (The Frying Pan is Better than the Fire) เม่ือข้าพเจ้าได้รับการเล่ือนยศเป็นผู้บังคับกองร้อยในกองพัน ทหารมา้ เดมิ ของขา้ พเจา้ เอง แทนท่จี ะถูกส่งไปอยูท่ ่อี นื่ พวกทหารลกู นอ้ งได้ทาส่ิงที่ไม่ได้ รับอนุญาต โดยจัดชุมนุมเพ่ือเฉลิมฉลองโอกาสดังกล่าว และจ่าสิบเอกท่ีเป็นผู้แทน ทหารทั้งหลายได้กล่าวว่า “เราทุกคนรู้สึกว่าการมีหัวหน้าที่เป็นปีศาจที่เรารู้จักนั้น เป็นสิ่งท่ีดีกว่าการได้หัวหน้าเป็นเทวดาที่เราไม่รู้จัก” ข้าพเจ้าไม่ค่อยแน่ใจว่าคาพูดนี้ หมายความว่าอย่างไร แต่อาจใช้ได้ดีสาหรับการปกครองแบบแปลกๆที่นักปลุกระดม หนุ่มสาวหัวรุนแรงพากันส่งเสียงเรียกร้อง แต่พวกเขากลับพบว่าชาวอังกฤษจานวนมาก กลับชอบรัฐบาลแบบปีศาจที่เขารู้จักดี มากกว่ารัฐบาลแบบเทวดาแบบใหม่ท่ีพวกเขา ไม่รูจ้ กั 4.25 ความสมั พันธ์ระหวา่ งนานาชาติ (International) การพัฒนาความรัก ชาติของเราน้ัน จะต้องไม่ลืมอันตรายของการทาให้ความรักชาติให้แคบลงมาจน กลายเป็นลัทธิชาตินิยม การท่ีจะภูมิใจในประเทศของตนนั้น เป็นส่ิงที่ถูกต้อง แต่อย่า ไปคุยฟ้งุ ซา่ น เพือ่ ดูหมนิ่ หรือทบั ถมประเทศอนื่ หรือยกย่องประเทศของตนจนเลิศลอย
181 เกินความเป็นจริง ความรักชาติท่ีดีท่ีสุดคือ การยกประสิทธิภาพของประเทศของท่าน ใหส้ งู เพยี งพอ ในทีมงานของชาติต่างๆทั่วโลก สงครามโลก แสดงให้เห็น ส่ิงที่คนทั่วไป เคยมองไม่เห็น คือทุกประเทศต้องพึ่งพาอาศัยกัน ในด้านการผลิตและการค้าขาย โลกจะเจริญก้าวหน้าและมีความสุขได้ ก็โดยไมตรีจิตและการร่วมมือซึ่งกันและกัน เท่าน้นั (131) ประเทศหนึ่งอาจมีวัตถุดิบ ประเทศท่ีสองมีวิธีการผลิตท่ีดี ในขณะท่ีประเทศ ทส่ี ามสามารถตกแต่งส่งิ ของใหด้ ขี นึ้ อีกได้ และประเทศทีส่ ่ีอาจสามารถใช้สงิ่ ของนนั้ ได้ดี ท่สี ดุ เมอื่ ทาเสร็จแล้ว ฝ้ายซึ่งปลูกในประเทศอินเดีย ส่งไปปั่นเป็นด้ายและทอเป็นผืนผ้าท่ีเมือง แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ สง่ ไปตกแต่งพิมพ์ลายทป่ี ระเทศเบลเยยี ม แล้วนาไปใช้ ในแอฟริกาตะวันออก เรื่องแบบนด้ี าเนินไปไปทุกทศิ ทุกทางรวมถึงการจัดหาอาหารจาก ประเทศผู้ผลิต ผ่านการสนับสนุนของประเทศที่จัดจาหน่ายไปยังประเทศที่เป็นผู้บริโภค ประเทศอังกฤษผลิตถ่านหินและแร่เหล็กได้มากเกินความต้องการ แต่มีเน้ือวัวและ ขา้ วโพดไม่เพียงพอ ดังนนั้ จึงต้องแลกเปลี่ยนส่วนท่เี กินกับประเทศอื่นๆ ดังน้ันหน้าท่ีของพลเมืองในแต่ละประเทศคือ การติดต่อแลกเปลี่ยนและเห็น อกเห็นใจประชาชนของประเทศอื่น ด้วยความสนใจในประวัติศาสตร์และกิจการต่างๆ พวกเขา ผ่านการแลกเปลี่ยนเย่ียมเยียนซึ่งกันและกัน ความปรารถนาดีมีน้าใจไมตรี ซึ่งกันและกันและมิตรภาพส่วนตัวที่เกิดข้ึนระหว่างพลเมืองของประเทศต่างๆ จะเป็น เคร่อื งรับประกนั ที่ดีท่ีสุด ในการต่อต้านสงครามในอนาคต ดังน้ันจะเห็นว่า น่ีเป็นเป็นโอกาสที่เปิดกว้างต่อหน้าท่าน ในฐานะพลเมือง ของโลกคนหนึง่ ไมว่ ่า ฐานะของท่านจะต่าต้อยเพยี งใด เม่ือท่านอายุครบ 18 ปี บริบูรณ์ ท่านมีสิทธิท่ีจะเรียกตัวเองว่าพลเมืองของ ประเทศ โดยมีหน้าที่ติดตามมากับสิทธิอันนั้น ดังน้ัน ท่านจะต้องเตรียมตัวล่วงหน้า ในการฝึกหัดและใช้สิทธิดังกล่าว ซ่ึงให้โอกาสต่อท่านในการให้บริการแก่ชุมชน ซ่ึงเป็น
182 บันไดขั้นสาคัญที่จะนาไปสู่ความสุข ตามที่ข้าพเจ้าเคยกล่าวไว้ในบทที่ผ่านมาของ หนังสอื น้ี การเตรียมตัวของท่าน หมายถึง การแสวงหาความรู้และประสบการณ์ โดย เร่ิมปฏิบัติงานเล็ก ๆ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม (ดูรายละเอียดในบทสุดท้ายของ หนงั สอื น)้ี หากพบว่าท่านมีพรสวรรค์ในทางน้ัน จงทางานเพ่ือสาธารณประโยชน์ต่อไป และแสดงบทบาทของท่านในกิจการด้านต่างๆของสังคม 4.26 จงเป็นคนใจกว้าง (Be Wide-Mind) ถ้าข้าพเจ้าได้เป็นนายกรัฐมนตรี ข้าพเจ้าจะจัดให้สมาชิกวุฒิสภาทุกคนได้เดินทางไปทั่วโลกอย่างน้อยหนึ่งครั้ง และควร จะให้การศึกษา ให้เขารู้จักการมองทั้งสองข้างของคาถามในทุกกรณี นอกจากนี้ก็ควร จะได้เรียนรู้ในเรื่องของความเป็นผู้นาซึ่งหมายถึงรู้จักการบังคับใจตนเองเป็นก้าวแรก และลืมความคิดเลก็ ๆนอ้ ยๆเก่ียวกับพรรคพวกหรือการแบ่งชนชั้น โดยมองเห็นการภาย หนา้ ท่(ี 133) ประเสริฐกวา่ คอื ประโยชนท์ ยี่ ่ิงใหญใ่ นอนาคต ของสังคมทง้ั มวล ดังนั้นในการเตรยี มตวั ของทา่ น จงเร่มิ ต้นดว้ ยการกาหนดเป้าหมายที่ถูกต้อง ไวใ้ นใจ เขา้ รว่ มในงานสาธารณะ ด้วยความปรารถนาท่จี ะรบั ใช้ชมุ ชน เพือ่ ช่วยให้งาน ของท้องถิ่นดาเนินไปด้วยดี เพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ รางวัลของท่าน ไม่ได้อยู่ท่ีการเห็นตัวเองเจริญขึ้น แต่อยู่ท่ีการเห็นคนรอบข้างมีมาตรฐานการครองชีพ ท่ีดีขึ้นเนื่องจากผลงานของท่าน และสิ่งน้ีจะทาให้ท่านพึงพอใจมากกว่าคายกย่องหรือ รางวัลใดๆท่ที า่ นอาจไดร้ ับ ข้าพเจ้าหวังว่า หลังจากอ่านหนังสือนี้เก่ียวกับอันตรายของคนประเภทนก กาเหว่า และหินโสโครกใต้น้า และวิธีท่ีจะหลีกเล่ียงได้อย่างไร ท่านคงจะไม่พูดว่า ตัวอย่างอีกชนิดหน่ึงของคนประเภทของนกกาเหว่า ท่ีเป็นทหารช้ั นนายพลท่ี เกษียณอายุซ่ึงผ่านวัยหนุ่มสาวมานานมากแล้ว บัดนี้ได้ต้ังตนเป็นผู้กาหนดกฎเกณฑ์ ต่างๆ เพ่อื ใหค้ นหนมุ่ สาวควรทาอะไรและไมค่ วรทาอะไร
183 ทา่ นอาจเหน็ ในแงน่ น้ั ก็ได้ แตแ่ ทจ้ รงิ แลว้ ผ้เู ฒ่าเหล่านี้มขี ้อแตกต่างอยา่ งหนึ่ง จากคนประเภทนกกาเหว่าอื่นๆ คือเขาไม่มีเป้าหมายของเขาเอง เขาไม่มีเหล็กที่จะเผา ในกองไฟหรือปลาท่ีจะทอด แต่เขามีความรักที่ดีต่อเพื่อนมนุษย์ เขามีความทรงจาท่ีดี เกยี่ วกบั ส่งิ ทเ่ี ขาประสบเม่ือครั้งยังเป็นเด็ก โดยไม่มีพ่อคอยให้คาแนะนา เขามีความเห็น อกเห็นใจกับชายหนุ่มที่กาลังเติบโตออกมาเผชิญชีวิต สิ่งท่ีเขาต้องการท้ังหมดมีอย่าง เดียว คือเสนอคาแนะนาแก่คนหนุ่มสาวจากประสบการณ์ของตัวเขาเอง ที่อาจเป็น ประโยชนแ์ ก่คนหนมุ่ สาว ในการป้องกันไม่ให้ถูกหลอกล่อไปยังหลุมพรางที่ลวงตา และ ช่วยเหลอื พวกเขาให้มชี ีวิตทีม่ คี วามสขุ และสมบรู ณม์ ากข้นึ บทเรยี นจากประเทศพม่า นา้ ใจไมตรี และความร่วมมือกันเท่านน้ั ที่จะทาให้ชา้ งสองเชือก สามารถยกไม้ซุงทีใ่ หญแ่ ละหนักมากไดส้ าเร็จ 4.27 อาหารความคดิ เพ่อื บารงุ สมอง (Food for Thought) คติเตอื นใจ สาหรับการแกค้ วามคดิ เหน็ บา้ ๆ บอๆ บางประการ * การมีอารมณ์ขันอาจจะดึงท่านให้ผ่านพ้นอันตราย เช่นในช่วงเวลาที่ท่าน ต้องประสบเคราะห์อันเลวร้ายมากมาย (A sense of humour will pull you through this danger as well as through many a bad time.)
184 * ขอให้ความทะเยอทะยานในการทางานของท่านนั้น มิใช่อยู่ท่ีการคิดว่า ท่านจะได้อะไรจากการทางาน แต่อยู่ที่ว่าท่านจะสามารถใส่อะไรหรือทาอะไรเข้าไปใน งานนน้ั ไดบ้ ้าง (Let your ambition be not to see how much you can get out of work, but how much you can put into it.) * ความทะเยอทะยานที่จะทาความดีที่ถูกต้อง เป็นเพียงความทะเยอทะยาน อย่างเดียวเท่าน้ันที่นับว่ามีค่า (Ambition to do the right is the only ambition that counts.) * ความร่าเริงเบิกบานใจในการทาส่ิงท่ีได้รับมอบหมายให้กระทา เป็นสิ่งท่ีดี ท่ีสุดของการแนะนาตนเอง (Cheerful alacrity in doing a thing that is put up to you is the best of recommendations.) (134) * คนทยี่ กยอ่ งตัวเองโดยปกติ คือคนท่ีผอู้ ื่นไม่ยกย่อง (A fellow who boosts himself is generally the fellow who needs boosting.) * จงจาไว้ว่าท่านคืออิฐก้อนหน่ึงในกาแพง หรือเป็นผู้เล่นกีฬาที่มีหน้าท่ีเล่น ตามตาแหน่งหน้าที่ของเขาในทีม (Remember you are a brick in the wall, or a player whose job is to play in his place in the team.) * พลเมืองที่มีสติคนเดียวมีค่าเท่ากับคนบ้าๆบอๆ 6 คน (A balanced citizen is worth half a dozen crank.) * หลายคนเรียกร้องสิทธิของเขา ก่อนท่ีจะทางานเพ่ือจะได้มาซึ่งสิทธินั้น (Lots of fellows demand their rights before they have ever earned them.) * เราไมเ่ คยประสบความล้มเหลว เม่ือเราพยายามทาหน้าท่ีของเรา แต่เราจะ ประสบความล้มเหลวเสมอ เมื่อละเลยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่นั้น (We never fail when we try to do our duty‐we always fail when we neglect to do it.)
185 * อย่าพอใจเพียงว่าได้ทาอะไรลงไป แต่จงทาให้รู้ว่าทาทาไมและทาอย่างไร (Don’t be content with the what‐but get to know the why and the how.) * ธรรมชาติให้ลิ้นแก่คนเรามาเพียงลิ้นเดียว แต่มีหูสองข้าง เพ่ือเราจะได้ยิน มากเป็นสองเท่าของที่เราพูด (Nature gave us one tongue, but two ears, so that we may hear just twice as much as we speak.) * การรู้จกั วธิ ปี กปิดความฉลาดของเรา เป็นความฉลาดอย่างย่ิง (ลา โรเชอฟู โคลต์) (It is a great cleverness to know how to conceal our cleverness) (La Rochefoucauld). * ความเสียช่ือเสียงท่ีอื้อฉาวไม่เหมือนกับการมีชื่อเสียง ( Notoriety is not the same thing as Fame.) * มีคนอยู่สองประเภท ท่ีไม่เคยยอมเปลี่ยนความคิดเห็นของตน คือคนโง่ และคนท่ีตายแล้ว (เจ. รัสเซลล์ โลเวลล์) (There are two kinds of people who never change their opinion, and those are the foolish‐and the dead (J. Russell Lowell).)
186 (135) บทที่ 6 อปุ สรรคชีวิตหมายเลข 5 การคัดคา้ นความเช่อื ทางศาสนา (Irreligion) 6.1 ความไม่เช่ือว่ามีพระผู้เป็นเจ้า (Atheism) มีคนจานวนมากไม่เช่ือว่ามี พระผู้เป็นเจ้าตามคาสอนของศาสนาคริสต์ ซึ่งคนอังกฤษเรียกว่าเป็นพวก เอธิอิชท์ (Atheist) มสี มาคมของพวกนใ้ี นประเทศอังกฤษถึง 9 สมาคม คนเราน้นั มสี ทิ ธิทจ่ี ะมีความคิดในเร่ืองศาสนา ของตนเองได้ แต่หากพวกเขา บีบบังคับให้ผู้อ่ืนคิดแบบเดียวกัน พวกเขาก็จะกลับกลายเป็นศัตรูที่ร้ายแรงท่ีสุดต่อกัน สมาคมเหล่านี้บางแห่ง ทาการโจมตีศาสนาที่ผู้อ่ืนนับถือ อย่างก้าวร้าวน่ารังเกียจ แต่ ข้าพเจ้าเชื่อว่า การกระทาดังกล่าวทาให้เร่ืองร้ายกลับกลายเป็นดีต่อศาสนาที่ถูกโจมตี เพราะทาให้คนท่ีนับถือศาสนา พากันเลิกนึกถึงข้อแตกต่างระหว่างกัน เพื่อรวมกาลัง ตา้ นทานการโจมตีดังกลา่ ว ตวั อย่างของการโจมตศี าสนาครสิ ต์ ในสือ่ สาธารณะก็คือ พิธีทางศาสนาคริสต์ ที่เรียกว่ามิสซา หรือศีลมหาสนิท ซึ่งประกอบด้วยการดื่มเหล้าองุ่นท่ีเปรียบเสมือน เลือดของพระเยซู น้ัน น่าขยะแขยง และเสื่อมเสีย เพราะเป็นวิธีการ ท่ีนามาจากพิธี กินเล้ียงของพวกมนุษย์กินคน พวกเขาโจมตีว่า “ศาสนาคริสต์ได้ลดระดับความจริง และนาความเทจ็ มาสู่โลก” ผู้นับถือศาสนาคริสต์ทุกคน ถือว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นการดูถูกกันอย่าง รุนแรงและเรยี กร้องใหต้ อบโต้ แต่ข้าพเจ้าจะไมเ่ ขา้ ไปยุง่ เก่ยี วในเรอ่ื งนี้ 6.2 ผู้มีรสนิยมและการศึกษาสูง (The Highbrow) (136) นอกจากพวกคัดค้านศาสนาแล้ว ยังมีคนจานวนมาก ท่ีถึงแม้จะไม่ได้คัดค้าน ศาสนาอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่ค่อยสนใจในเร่ืองศาสนามากนัก บางรายเป็นเพราะไม่เคย ไดร้ ับการฝกึ อบรมในเรอ่ื งศาสนามากอ่ น และบางคนก็เหน็ ว่าศาสนาไม่มอี ะไรท่ดี ึงดูดใจ จึงละเลยไม่เอาใจใส่ในเร่ืองศาสนา มาร์ค ทเวน (Mark Twain) กล่าวว่า “ไม่ชอบ พดู เรื่องศาสนา เพราะศาสนามสี วรรค์และนรก ซึ่งตวั เขาเองมีเพอ่ื นอยูท่ ้ังสองแหง่ ”
187 ในทางกลับกัน ข้าพเจ้ารู้จักคนที่อยู่ในป่าดงดิบหลายคนท่ีเป็นผู้เคร่งศาสนา โดยไม่ได้รับการสอนมาต้ังแต่เด็ก บุคคลผู้น้ันเห็นว่าตนมีส่วนและเป็นสมาชิกของการ สร้างสรรค์มหัศจรรย์ และมีความพร้อมในระดับสูงกว่าสัตว์อ่ืน ที่มีชีวิต มีจิตใจ มีพลัง ช่นื ชมความงามและความปรารถนาดตี อ่ ผอู้ ่ืน ซงึ่ หมายความเขามีนา้ ใจอย่ภู ายในตัวเอง คนหวั สงู 6.3 ศาสนามีความสาคัญ ต่อความสุข (Religion is Essential to Happiness) หากท่านมุ่งมั่นที่จะดาเนินชีวิตไปสู่ความสาเร็จ นั่นคือความสุข ของท่าน ท่านต้องไม่ เพียงแค่หลีกเลี่ยงการถูกดูดโดยคนเอาแต่ได้ ว่าตนเองไม่นับถือศาสนาเท่าน้ัน แต่ท่าน ตอ้ งมีพืน้ ฐานทางศาสนาสาหรบั ชีวิต เร่ืองนี่มิใช่แค่การไปวัด การรู้ประวัติพระคัมภีร์ หรือเข้าใจหลักการของ ศาสนาเท่านั้น คนจานวนมากเครง่ ศาสนา โดยไม่รู้จรงิ และไม่ได้ศกึ ษาเรอื่ งศาสนามากนัก (138) กล่าวโดยย่อ ศาสนาหมายถึงการดาเนินชีวิตที่เกิดมาอย่างดีท่ีสุด หลักการ ดังกล่าวควรจะเป็นความเชื่อของท่าน มิใช่ความคิดที่เกิดข้ึนเฉพาะในวันพระเท่าน้ัน แต่ควรเป็นหลักในการดาเนินชีวิตของท่านทุกช่ัวโมง และทุกๆด้านในชีวิตประจาวัน เพ่ือเป็นบันไดขั้นตน้ ของทา่ น มสี องเรือ่ งท่ขี า้ พเจา้ ขอเสนอแนะให้ท่านทา
188 เร่ืองแรกคือ ขอให้ท่านอ่านหนังสือเก่าแก่ที่มีความมหัศจรรย์ คือคัมภีร์ไบ เบิล (หรือ พระไตรปิฏก สาหรับผู้นับถือศาสนาพุทธ...ผู้แปล) ซึ่งเป็นหนังสือที่มีเรื่อง น่าสนใจดา้ นประวัตศิ าสตร์ และธรรมมะทส่ี อนให้คนเป็นคนดี หนังสอื อกี เล่มท่ีท่านควรอ่านคอื หนังสอื แหง่ ธรรมชาติ เพ่ือให้เห็นและศึกษา สิ่งมหัศจรรย์และความงดงาม ที่ธรรมชาติสร้างข้ึน ให้ท่านช่ืนชม แล้วจงหวนระลึกว่า ท่านจะตอบแทนบุญคุณธรรมชาติ ท่ีให้ท่านได้ยืมส่ิงของต่างๆมาใช้ตลอดชีวิตได้ อยา่ งไร 6.4 หนังสือแห่งธรรมชาติ (The Book of Nature) ข้อความท่ีข้าพเจ้า จะกล่าวต่อไปนี้ สาหรับผู้ท่ีไม่นับถือศาสนาใดโดยเฉพาะ บุคคลเหล่าน้ีมักกล่าวว่าเขา ไม่เหน็ ด้วยกบั ศาสนาครสิ ต์ และศาสนาอ่ืนๆ เพราะศาสนาทาให้คนเช่ืองมงายแทนท่ีจะ ให้หลักในการดาเนินชีวิต เขายืนยันว่าศาสนาท่ีต้องเรียนรู้จากหนังสือซ่ึงคนเขียนข้ึนน้ัน จะเปน็ ศาสนาทีแ่ ท้จรงิ ไม่ได้ แต่บุคคลเหล่าน้ีอาจมองไม่เห็นว่า นอกจากหนังสือที่พิมพ์ เป็นเล่มแล้ว ยังมีตาราเล่มใหญ่ท่ีเป็นความจริงแห่งธรรมชาติ วางอยู่ตรงหน้าของ ทกุ คนดว้ ย เชคสเปยี รพ์ ูดถงึ “คาสอนในกอ้ นหิน ลิน้ ในต้นไม้ หนงั สอื ในลาธารทีม่ ีเสยี งน้า ไหล และความดีในทุกส่ิง” “Sermons in Stones, Tongues in trees, Books in the babbling brooks, and Good in everything.” เบคอนเขียนว่า “การศึกษาหนังสือแห่งธรรมชาติเป็นกุญแจสาคัญของการ เปิดเผยความจริง” “The study of the Book of Nature is the true key to that of Revelation”. พระคมั ภีรอ์ ลั กรุ อา่ นกลา่ ววา่ “เจ้าไม่เห็นหรือว่าทุกส่ิงทุกอย่างบนสวรรค์และ ทกุ สิ่งทุกอย่างบนโลกน้ี รับใช้พระเจ้า พระอาทติ ย์ พระจันทร์ ดวงดาว ภเู ขา และต้นไม้ สัตว์ป่า และคนมากมาย?” “Seest thou not that all in the heavens and all on the earth serveth God; the sun, the moon, the stars, and the mountains and the trees and the beasts and many men?”
189 (139) ข้าพเจ้าหวังว่าท่านคงจะไม่เข้าใจข้าพเจ้าผิดไป ข้าพเจ้าไม่ได้แนะนาให้ถือว่า การศกึ ษาธรรมชาตเิ ป็นการบูชาหรือทดแทนการนับถือศาสนา แต่ข้าพเจ้าสนับสนุนให้ เอาความเขา้ ใจในธรรมชาติ มาเป็นบันไดขนั้ หนง่ึ ไปสู่การเข้าถงึ ศาสนา วิธีนี้เป็นวิธี ท่ีอาจดึงดูดโน้มน้าวจิตใจของคน ในกรณีที่วิธีอื่นล้มเหลว โดยเฉพาะกับผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นผู้ไม่เช่ือในศาสนา หรือผู้ท่ีมีไม่มีอุดมคติทางศาสนา โดยเฉพาะหรอื ผทู้ ่ีเคยมีแต่ไดล้ ะเลยเสีย วิธีนอ้ี าจช่วยพวกเขาพบเส้นทางใหม่เพื่อค้นหา ศาสนาของพวกเขาอกี ครงั้ หน่งึ ข้อความต่อไปนี้เป็นถ้อยคาของเดวิด เกรย์ซัน (David Grayson)นัก พฤกษศาสตรช์ าวอังกฤษ ทมี่ ชี ่ือเสยี ง อธิบายถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าคิดว่าคงเป็นประสบการณ์ ของคนจานวนมากในยุคปัจจุบัน “ข้าพเจ้าเป็นนักพฤกษศาสตร์มาห้าสิบส่ีปีแล้ว เมื่อ ข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าเช่ือใจพระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่สงสัยอะไรเลย ข้าพเจ้าสวด อธิษฐานตอ่ พระองค์โดยหลับตาเห็นพระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าต่อตาของข้าพเจ้า” “แต่เมื่อ ข้าพเจ้าเติบโตขึ้น ข้าพเจ้าก็สรุปได้ว่าไม่มีพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าไล่พระผู้เป็นเจ้าออก จากโลกของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเช่ือแตส่ งิ่ ท่ีเห็น ได้ยิน หรือรสู้ ึกได้ เทา่ นัน้ ” 6.5 ความรู้เกยี่ วกบั ธรรมชาติเป็นบันไดไปสู่สวรรค์ (Nature Knowledge a Slip Toward Realizing God) ข้าพเจ้ารู้ว่าในหมู่คนหนุ่มสาวของเราทุกวันน้ีมีความ ปรารถนาอย่างแรงกลา้ สาหรับศาสนาท่ีพวกเขาสามารถเข้าใจและปฏิบตั ติ ามได้ ในช่วงสงครามโลกครั้งแรก ข้าพเจ้ามีทหารหนุ่มหลายร้อยคน กระตือรือร้น ที่จะปฏิบัติตามคาปฏิญาณและกฎของลูกเสือ เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่ถือเป็นหลักประจา ใจได้ เม่ือเร็ว ๆ นี้ข้าพเจ้าได้รับการบอกเล่าถึงกรรมกรจานวนราว 30 คน ซึ่ง สมัครเป็นลูกเสือวิสามัญ หรือ “โรเวอร์ (Rover)” เขาขอร้องให้ผู้กากับลูกเสือจัดให้มี การพบปะในวนั อาทิตย์ เพ่ือสอนให้พวกเขามคี วามร้ทู างศาสนา
190 ดังนั้นสาหรับบุคคลเหล่านี้ ข้าพเจ้าหวังว่าคาแนะนาของข้าพเจ้าอาจเป็น ประโยชน์บ้าง (140) มีนิทานอินเดียเก่ียวกับนักบวชท่ีมีพลัง ไม่พอใจศิษย์คนหนึ่งท่ีห่างเหินต่อ ศาสนา เมื่อถูกต่อว่า ศิษย์คนน้ันอธิบายว่า เขาได้พยายามอย่างมากแล้วแต่พบว่า ศาสนานน้ั ไมอ่ ยู่ในแนวทางของเขา นักบวชจับหัวของศิษย์กดลงน้าจนแทบจมน้าตาย แต่ด้วยความแข็งแกร่ง และด้ินรนของศิษย์คนน้ัน ทาให้สามารถหลุดมาได้ เม่ือเขาต่อว่านักบวชอาจารย์ตอบว่า “ถ้าเจ้าใช้ความพยายามในโลกแห่งความยุ่งยากที่จะหาความช่วยเหลือจากเทวดา เพียงครึง่ เดียวของความพยายามที่เจ้าใช้ในการต่อสู้เพื่อหายใจ ขณะท่ีหัวของเจ้าจมอยู่ ในน้า อีกในไมช่ า้ เจ้ากจ็ ะได้พบกบั เทวดา” 6.6 ความมหัศจรรย์ของป่า (The Wonders of the Forest) หากท่านไม่ เคยเดินทางผ่านป่าธรรมชาติของบราซิลหรือแอฟริกากลางตะวันตก ท่านแทบจะไม่ สามารถจินตนาการถึงความงามและความมหัศจรรย์ของป่าในเขตร้อน ป่าเช่นว่าน้ีจะ ทาให้คนที่จิตใจไร้ความรู้สึกที่สุด ระลึกถึงความงดงามและความยิ่งใหญ่ของป่า ท่ีเปรียบได้กับมหาวิหารอันใหญ่โต แต่ป่าก็ซ่อนความน่ากลัวไว้ภายใน ด้วยแสงสลัว ยามเย็น และพืชพันธุ์อันเปียกช้ืน การเข้าไปในป่าจะต้องผ่านความยุ่งเหยิง ของพงไม้ เตี้ยๆท่ีข้ึนรกรุงรังใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งปิดบังแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ และอากาศ เหนือ ต้นไม้เหล่าน้ี ยังมีต้นฝ้ายยักษ์ และต้นไม้ใหญ่อ่ืนๆสูง 200 ฟุต แต่ท่านแทบจะมองไม่ เห็นยอดของตน้ ไม้ดงั กล่าวขณะท่ีกาลังหาทางในโคลนเลนและเชอ้ื รา ทา่ มกลางไม้เล้ือย ต้นกกและพุ่มไม้ ขณะท่ีท่านเหยียบย่าบุกป่าวันแล้ววันเล่า และอาจเป็นหลายสัปดาห์ ผ่านไป ท่ามกลางความมืดมนเดียวกันนี้ ความงามทั้งหลายก็ถูกลืมไปในความซ้าซาก จาเจ และการถูกกักขังอยู่ในป่ากลายเป็นเรื่องน่าสยดสยอง โดยท่านรู้ว่าไม่มีทางหนี และไม่มีการผ่อนหนกั ให้เปน็ เบา ภาวะซมึ เศร้ารันทดใจท่จี ะบีบทา่ นในบางกรณี อาจทา ใหเ้ กิดความเศร้าโศกและความบา้ คลัง่ กอ็ าจมาเยอื น
191 และในตอนกลางคนื ขณะที่ทา่ นนอนอยู่ในความมดื ในความเงยี บสงดั ของค่า คนื ในเขตร้อนชื้น ป่าเงียบสงัด แต่มีเสียงเล็กๆ กรีดร้องอยู่ทุกที่ เป็นเสียงจิ้งหรีด เสียงกบ เสียงใบไม้ร่วงหล่น และเสียงสายลมอ่อนกระทบกิ่งไม้เบ้ืองบนเหนือศีรษะ นานๆครั้ง ความเงยี บงันถูกทาลายดว้ ยเสียงล้มโครมครามของ (141) ต้นไม้ใหญ่ที่แก่ชรา เป็นการจบชีวิตอันยาวนานของต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น และร่วง หลน่ จากตาแหน่งเกียรติยศสูงเด่นโดยไมไ่ ม่มีผใู้ ดเห็นอกี ตอ่ ไป เสียงต้นไม้ใหญ่ล้ม จะทาให้เหตุการณ์ในป่าตึงเครียดอยู่ช่ัวขณะ คล้ายกับ เป็นการสงบนิ่งเพื่อให้เกียรติแสดงความเคารพ และแล้วเสียงดนตรีจากสัตว์ตัวเล็กๆ ในป่า กเ็ ริม่ บรรเลงต่อไป ในป่าน้ัน ดูเหมือนคนจะอยู่ผิดที่ และเป็นฝ่ายบุกรุก ป่าส่วนใหญ่เป็น อาณาจักรของพืชซึ่งยอมให้แมลงต่างๆเข้าไปอาศัยอยู่ กระน้ันก็ดี ในป่านั้นมีชีวิต ความรู้สึก การสืบพันธุ์ ความตาย และมีวิวัฒนาการเกิดข้ึนอย่างต่อเน่ือง ภายใต้กฎ ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่เดียวกัน เหมือนกฎหมายของเราในโลกภายนอก คนมีเพ่ือนทาง ธรรมชาติ คือพืชปา่ และสัตวท์ ี่อยู่ในปา่ สาหรับคนที่มีตาสาหรับดู และมีหูสาหรับฟังน้ัน ป่าย่อมเป็นท้ังห้องทดลอง สโมสร และวัด ในเวลาเดียวกัน 6.7 น้าตกอันยิ่งใหญ่ (The Great Falls) ในคร้ังหน่ึง ขณะท่ีประธานาธิบดี สหรฐั อเมริกา อบั ราฮัม ลินคอล์น ยืนจ้องมองที่น้าตกไนแองการ่า เขากล่าวว่า: “น้าตก แห่งน้ีทาให้นึกถึงอดีตผ่านมาท่ีไม่แน่นอน เมื่อโคลัมบัสเห็นทวีปอเมริกาเป็นคร้ังแรก เมื่อพระเยซูทรงทนทุกข์บนไม้กางเขน เมื่อโมเสสนาพวกอิสราเอลผ่านทะเลแดง มิใช่ เพียงเท่านั้น ยังนึกถึงเมื่ออาดัมได้มาปรากฏตัวคร้ังแรกในครั้งกระโน้น ก็เช่นเดียวกับ เดี๋ยวน้ี ท่ีน้าตกไนแอการ่า ได้แผดเสียงคารามกึกก้องอยู่ท่ีนี่ น้าตกนี้มีอายุเก่าแก่กว่า มนุษย์คนแรกของโลก แต่ทุกวันนี้ก็ยังแข็งแรงสดใส เหมือนเม่ือหมื่นปีท่ีผ่านมา ชา้ งดึกดาบรรพท่ีเรียกว่า แมมมอธ (Mammoth) หรือช้างโบราณที่เก่าแก่กว่าชื่อ มัสโตดอน (Mastodon) ก็คงเคยมามองน้าตกไนแอการ่าในครั้งกระโน้นนานมาแล้ว น้าตกแห่งนี้
192 ก็ไม่เคยหยุดน่ิงแม้ชั่วขณะ ไม่เคยเหือดแห้ง ไม่เคยเป็นน้าแข็งในฤดูหนาวจนหยุดไหล ไมเ่ คยนอนหลับ และไมเ่ คยหยดุ พักผอ่ น” จอห์น ฮิลล์ (John Wesley Hill) ผู้บันทึกเรื่องนี้เขียนว่า: “การไตร่ตรอง เก่ียวกับ น้าตกไนแอการ่า ของประธานาธิบดีลินคอล์น ครอบคลุมเรื่องทั้งหมด ตั้งแต่ ความลึกลบั และพลงั จกั รวาล ประวตั ศิ าสตร์ และชะตากรรมของมนษุ ย์” ท่านจะเขา้ ใจเรอ่ื งดงั กลา่ วไดด้ ี ถ้าท่านยนื อยู่บนขอบของหบุ เขาอนั ตระการตา ทีป่ ระกอบเปน็ นา้ ตกวกิ ตอเรยี ทางตอนใตข้ องทวปี แอฟริกา ท่ีนั่นแม่น้าซัมเบซี ท่ีกว้าง ประมาณครงึ่ หนง่ึ ของน้าตกไนแอการา ได้เหวย่ี งนา้ ใหต้ กลงมา 300 ฟตุ สู่แอ่งน้าท่ีหมุน วนอยู่เบือ้ งลา่ ง เสยี งคารามดงั ลั่นทไ่ี ด้ยินมาแต่ไกล ไม่เคยหยุดส่งเสียงท่ีเกิดข้ึนจากการเขย่า อากาศ โดยแม่น้าได้ไหลคดเคย้ี วผา่ นหินแขง็ มาเป็นระยะทางถงึ สสี่ บิ ไมล์ (142) แสดงให้เห็นถึงการที่น้าได้กัดเซาะหินเป็นเวลาหลายพันปีมาแล้ว ณ ที่นี้ เราจะ เรียนรู้บางอย่างเกี่ยวกับความเล็กกระจิดริดของมนุษย์ ความพยายามในการสู้รบ และ เอะอะโวยวายในเรื่องเล็กๆ นอ้ ยๆ ทไ่ี ม่มีความสาคัญอันใด เราย่อมมองเหน็ อย่างมืดสลัวมี่ไม่ชัดเจนนัก เก่ียวกับส่ิงใหญ่โตที่อยู่รอบตัวที่ สร้างโดยธรรมชาติ ซึง่ บางคนเรียกว่า พระผ้เู ป็นเจา้ 6.8 ความงามของธรรมชาติ (The Beauty of Nature) คนท่ีอยู่ในเมือง ส่วนมากไม่ได้ตระหนักถึงความงามของธรรมชาติเพราะไม่ค่อยเคยได้เห็น ตาของพวก เขาไดร้ ับการฝึกใหม้ องแต่ ร้านคา้ และปา้ ยโฆษณา แต่สาหรับบรรดาผู้รักธรรมชาติน้ัน เม่ือเขาเข้ามาในเมืองจะได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติอยู่บ้าง แม้แต่ในถนน ทส่ี กปรก คร้ังหนึ่งในชีวิต ข้าพเจ้าต้องข้ามสะพานเวสต์มินสเตอร์ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษทุกวัน ขณะท่ีพระอาทิตย์กาลังขึ้นและอีกคร้ังที่พระอาทิตย์กาลังจะ
193 ตกดินทุกๆวัน ข้าพเจ้าได้ยืนจ้องมองสีสัน อันงดงามของวันใหม่หรือวันที่กาลังจะผ่านไป เหน็ สีเทาเหมือนไข่มุกและสมี ่วงออ่ นทเ่ี กิดเปน็ ประจาจากหมอกควันของกรุงลอนดอน ญาติข้าพเจ้าท่ีเป็นศิลปินผู้หนึ่ง ไปท่ีเมืองนิวคาสเซิล เพ่ือเขียนภาพสีของ หมอกควนั และไอน้าภายใต้แสงแดดและเมฆ ตามความรูส้ กึ อันน่าพศิ วง ข้าพเจ้าชอบตกปลา ไม่ใช่เพ่ือความสนุกในการจับปลาเท่านั้น ข้าพเจ้าสนุก กบั วันนนั้ ไมว่ า่ จะจบั ปลาได้หรอื ไม่ เพราะข้าพเจา้ ไปตกปลา มิใช่ไปจบั ปลา ในทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่มที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแสงสีทองและกล่ินหอมของดอก บตั เตอร์คัพ ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีดอกสีเหลือง กับสีเขียวเข้มของต้นไม้ที่ร่มร่ืน คนเราจะอยู่ คนเดียวอย่างมีความสุขกับธรรมชาติ เสียงหึ่งๆของแมลง การกระเพื่อมของปลาในน้า เสียงนกปากซ่อม ที่เหมือนเสียงตีกลองแบบแปลก ๆ เสียงนกกินปลาสีน้าเงินท่ีบินโฉบ ไปมา สิ่งต่างๆดังกล่าวและเพอ่ื นร่วมธรรมชาติอน่ื ๆนน้ั จะเปน็ เพ่อื นเดนิ ทางของทา่ น แต่ก็ยังมีฉากอ่ืนๆ นอกเหนือจากน้ี เชคเกิลตัน (Shackleton) นักเขียน องั กฤษท่มี ีช่อื เสยี ง มีมุมมองทตี่ ่างออกไปวา่ (143) “ทิวทัศน์ในชนบทนั้นดีมาก เปรียบได้กับการกินอาหารแบบธรรมดาพ้ืนๆ เช่น เนื้อแกะอบ กับเนย แต่มีทิวทัศน์อีกประเภทหน่ึงท่ีท้าทายส่ิงดีท่ีสุดในจิตวิญญาณ ของมนุษย์ โดยข้าพเจ้าไม่สามารถบอกท่านได้ว่ามีความหมายใหญ่ย่ิงเพียงไร สาหรับ นักสารวจท่ีเดินผ่านสายหมอกในดินแดนใหม่ เม่ือหมอกลอยข้ึนและจางหายไป แล้ว พบวา่ ตัวเองกาลังมองดภู เู ขา ท่ีไม่เคยมสี ายตามนษุ ย์ไดเ้ คยเหน็ มากอ่ น” ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับความเห็นของแชกเกิลตัน ข้าพเจ้ารักความงามท่ีอบอุ่น ของการใช้ชีวิตในชนบทในอังกฤษ เช่นเดียวกับการท่ีรักความกว้างใหญ่และความเป็น อสิ ระของทงุ่ หญา้ เวลด์ (Veld)ทางตอนใต้ของทวีปแอฟรกิ า ข้าพเจ้าชอบธารน้าที่ไหลเช่ียวและป่าไม้ที่พลิ้วใบของแคนาดา แต่ตื่นตะลึง มากกว่ากับความลึกและความสูงของเทือกเขาหิมาลัย ด้วยความย่ิงใหญ่ของหิมะ
194 ชั่วกาลนานที่ปกคลุมยอดภูเขาสูงตระหง่าน ที่ไม่เคยถูกทาให้สกปรกด้วยเท้าของคน แต่เปน็ สงิ่ ทางโลกท่ีอยูใ่ กล้กบั สวรรคม์ ากท่ีสดุ (143) 6.9 การเดนิ ทางไกลโดยไม่ใช้ยานพาหนะ (Hiking) ทา่ นอาจจะตอบว่า “ใช่ แต่ถ้าผมไม่สามารถไปถึงภูเขา มหาสมุทร และป่าไม้ยุคดึกดาบรรพ์สมัยหลายล้านปี ก่อนน้ีได้ ผมจะมองเห็นและเข้าใจความอัศจรรย์ และข่าวสารต่างๆของธรรมชาติได้ อย่างไร?” คาตอบก็คือ ท่านสามารถทาได้เกือบท้ังหมดในประเทศของท่านเองถ้าท่าน ออกจากในเมืองและชานเมืองออกไปสู่ท่ีโล่ง ในป่าและทุ่งหญ้า โดยแบกเป้ไว้ข้างหลัง และถือไม้ง่ามติดตัวไปด้วย นาเต็นท์ผ้าใบเล็กๆพร้อมผ้าห่มและหม้อหุงต้มอาหาร พร้อมกับความอิสรเสรี เดินเท้าไปในที่โล่ง ชื่นชมยินดีแบความสวยงามของท้องฟ้า พ้ืนดิน ทะเล สีสันในป่าและทุ่งนา สูดกลิ่นหอมของดอกไม้และหญ้าแห้ง ฟังเสียงดนตรี จากลาธารและนก และเสียงลมพัดอ่อนๆ ทาความรู้จัก และศึกษาวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ของสตั วช์ นดิ ตา่ งๆ จนกระทัง่ ร้สู กึ วา่ ท่านเป็นเพื่อนของสิ่งเหล่าน้ีทั้งหมด และค้นหาว่า “ตวั ท่านเอง” เปน็ สว่ นใดส่วนหนึง่ ของธรรมชาตอิ นั ยง่ิ ใหญ่ 6.10 ร่างกายคน เป็นสิ่งหนึ่งในการเรยี นรธู้ รรมชาติ (Human Body as an Item in Nature Study) นอกจากป่าหรือทุ่งนาแล้ว ท่านไม่จาเป็นต้องไปไกลเกินกว่า รา่ งกายของตนเองเพอ่ื เรม่ิ ตน้ ศกึ ษาธรรมชาติ ท่านเกิดมาจากอะไร? จากเชื้อขนาดเล็ก กระจิดริดไม่โตกว่าหัวเข็มหมุด แต่ต่อมาทาให้ท่านมีร่างกายประกอบด้วยเน้ือ กระดูก และเส้นเอน็ โดยมลี ักษณะคลา้ ยคลึงกับพ่อและแมข่ องท่านเอง มีความแข็งแรง และมี ร่างกายทีพ่ รอ้ มจะทาทุกอย่างตามคาสั่งของจติ ใจและสมอง ร่างกายของคนเรามีกลไกท่ียอดเย่ียมในทุกส่วน เช่น ดวงตาซึ่งเป็นอุปกรณ์ ที่ละเอียดอ่อนและมหัศจรรย์ เกินกว่าสิ่งอื่นใดท่ีมนุษย์จะสามารถประดิษฐ์ผลิตข้ึนได้ ดวงตาบอกให้ใจรู้ทันทีถึงสิ่งต่างๆท่ีอยู่ใกล้หรือไกล บอกด้วยว่าเป็นส่ิงน่าเกลียดหรือ สวยงาม บอกสีและรูปร่างของสิ่งที่มองเห็น ดวงตาอ่านตัวอักษรในหนังสือท่ีพิมพ์บน
195 กระดาษ ทาให้เกิดความคิดความเห็นที่ส่งไปยังสมอง แล้วสมองจะจดจาเก็บสะสม เข้าธนาคารไวเ้ พื่อนาออกใช้ภายหลงั เมื่อมคี วามจาเป็น จงแตะหนังสือเล่มนี้ด้วยน้ิวชี้ของท่าน และคิดง่ายๆ อย่างการกระทาน้ันช่าง วิเศษมหัศจรรย์เพยี งไร ตาส่งสัญญาณไปยังสมอง \"มีหนังสืออยู่เล่มหน่ึง ห่างจากตัวท่านครึ่งเมตร” สมองส่ังเส้นเอ็นให้ขยับแขน มือ และนิ้วไปท่ีหนังสือทันทีแล้ว เส้นประสาทท่ีปลายน้ิว ก็ส่งสัญญาณกลับไปยังสมองทันทีว่า งานท่ีส่ังมานั้น(145)ได้ทาเรียบร้อยแล้ว หนังสือเลม่ นน้ั ร้อนหรอื เยน็ ปกอ่อนหรือปกแขง็ ขอให้ไปถามคนที่ไม่นับถือศาสนาว่า ใครเป็นผู้ประดิษฐ์กลไกมหัศจรรย์ใน ร่างกายของคนเรา ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเพียงคนเดียว แต่มีมากหลายพันล้านคนในโลกนี้ โดยมีส่วนสาคัญในร่างกายเหมือนกัน แต่เมื่อเข้าไปในรายละเอียด จะไม่มีสองคน ทีเ่ หมือนกนั ทุกอย่างใน หนา้ ตา รปู รา่ ง หรอื จติ ใจ ขอให้จับชพี จรของท่าน โดยวางน้ิวกลางบนเส้นเลือดแดงตรงข้อมือใต้หัวแม่มือ หรือสัมผัสหัวใจตรงกลางซ้ายของหน้าอก ท่านจะพบว่ามีการแสดงอย่างมหัศจรรย์ กาลังดาเนินอยู่ โดยหัวใจจะเต้นเพ่ือสูบฉีดเลือดแดง ผ่านเส้นเลือดแดงส่งไปเล้ียงส่วน ต่างๆท่ัวทั้งร่างกาย แล้วเลือดดาที่ใช้แล้วก็จะถูกดูดกลับคืนมาที่ปอด เพื่อให้ปอดฟอก เลือดดาท่ีใช้แล้ว ด้วยออกซิเจนในอากาศท่ีสูดเข้าทางลมหายใจผ่านรูจมูกของท่าน จนกลายเป็นเลอื ดแดงทีห่ วั ใจส่งไปเลยี้ งรา่ งกาย งานดังกล่าวดาเนินไปอย่าง สม่าเสมอ ตลอดเวลา โดยท่ีท่านไม่ต้องดาเนินการใดๆด้วยตัวท่านเอง ไม่ว่าท่านจะหลับหรือตื่น ร่างกายจะทางานต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง หากมีส่วนหนึ่งส่วนใดหยุดทางาน แม้แต่นาที เดยี วท่านกอ็ าจถึงแก่ความตายโดยทนั ที
196 ร่างกายของคนเราน้ันมีเส้นประสาทซ่ึงทาหน้าท่ีคล้ายสายโทรศัพท์ ท่ีจะส่ง คาสั่งจากสมองถึงหัวใจ ในขณะที่ตาหรือหูของท่านตรวจพบว่ามีส่ิงผิดปกติเกิดข้ึน ดงั นั้น หากมีเสียงดงั ปังใกล้ตัว หรือหขู องท่านได้ยินเสียงสวบสาบตอนกลางคืนซ่ึงแสดง ว่าอาจมีข้าศกึ กาลงั แอบคืบคลานจะเขา้ มาแทงทา่ นดว้ ยมดี หแู ละตาของท่านซึง่ ทางาน คล้ายเรดาร์จะส่งสัญญาณไปบอกสมองและสมองจะส่ังไปที่หัวใจ ทันใดน้ันหัวใจก็จะ เพิ่มอัตราการสูบฉีดโลหิต เพ่ือเตรียมร่างกายของท่านให้มีพลังเพิ่มขึ้น เพื่อพร้อม สาหรับเตรียมรับเหตุฉกุ เฉิน นอกจากน้ี ถ้าท่านไปว่ิงหรือทางานพิเศษเช่น ปีนข้ึนเขา ต่ืนเต้นตกใจ ไฟ ไหม้บ้าน หรือเกิดความอายจนหน้าแดง ท่านจะหายใจถ่ีข้ึน เพ่ือสูดอากาศเข้าไป มากกวา่ ปกติ เพื่อให้หัวใจเต้นรัวทาการสูบฉีดโลหิตเพิ่ม ทาให้พลังในร่างกายของท่าน มีมากข้ึน (146) คนเราเป็นหน้ีบุญคุณต่อหัวใจของตนเป็นอย่างมาก เพราะสุขภาพ และชีวติ ของคนเรานั้นต้องอาศัยหัวใจเป็นสาคัญ แม้กระนั้นก็ดี ยังมีคนอีกเป็นจานวนมาก ทไ่ี มเ่ คยคานงึ ถงึ ไม่เปน็ ห่วงหวั ใจของเขาเลย จะไมเ่ ป็นการดี ทีห่ ัวใจถกู บงั คบั ให้ทางานเร็วกวา่ ท่ีธรรมชาติต้องการ ถา้ ทา่ น จะบังคับให้หัวใจทางานมากเป็นเช่นน้ัน ล้ินหัวใจจะอ่อนกาลัง และไม่สามารถสูบฉีด โลหิตไดด้ ี ทาให้ท่านไมส่ บาย ตวั อย่างเช่น ถา้ ทา่ นดื่มสรุ ามากเกนิ ไป จะทาให้หัวใจเต้น เรว็ กว่าปกติ และถ้าทาตอ่ เนอื่ งไปจะทาใหห้ ัวใจอ่อนกาลังลง นอกจากนี้ถ้าท่านสูบบุหร่ีมากเกินไป ก็จะเกิดผลทาให้หัวใจเต้นเร็วกว่า ปกติเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของเด็กที่กาลังเติบโต ที่มีกล้ามเนื้อหัวใจ ยังไมแ่ ขง็ แรงพอ ทจ่ี ะตา้ นทานความตงึ เครยี ด
197 ลน้ิ หัวใจเขา้ เปดิ รบั เลอื ดจากเสน้ เลอื ดดา ลิ้นหวั ใจเขา้ ปดิ ฉดี เลือดส่เู สน้ เลอื ดแดง ภาพตดั แสดงหวั ใจคนกาลงั ทางาน Section of a human heart performing a beat ภาพด้านบนแสดงการทางานของลิ้นหัวใจ ภายในหัวใจที่มีการจัดสร้างและ ทางานอย่างมหัศจรรย์ โดยทางานอย่างต่อเน่ืองหนึ่งคร้ังทุกวินาที ช่วงแรก ลิ้นหัวใจ เข้าจะเปิด(Inlet Valve Open) ล้ินหัวใจออกจะปิด(Outlet Valve Closed) เพื่อดูด เลอื ดทฟี่ อกแล้ว จากปอดทางเส้นเลือดดา (Vain) ช่วงท่ีสอง ลิ้นหัวใจเข้าจะปิด (Inlet Valve Closed) ล้ินหัวใจออกจะเปิด (Outlet Valve Open) เพ่ือสูบฉีดเลือดออกไป เล้ยี งสว่ นตา่ งๆของร่างกายทางเส้นเลือดแดง(Artery) ขา้ พเจา้ ได้คัดลอกภาพดงั กล่าว มาจากหนงั สือ ชีวิตและสุขภาพ (Life and Health) ของ ดร. แชลล่ีย์ (Dr. Shelley's) ซ่ึงเป็นหนังสือ ท่ีท่านควรอ่านถ้าอยากดู รายละเอียด ด้วยวิธีเขียนท่ีน่าสนใจย่ิงเกี่ยวกับการทางานของบรรดาอวัยวะต่างๆใน รา่ งกายของท่าน
198 ภาพตัดแสดงใหเ้ ห็นภายในของหขู องคน หเู ปน็ อุปกรณ์ท่ีมหศั จรรย์และละเอียดอ่อนชิ้นหนึ่ง (147) นอกจากน้ี ก็ยังมีหูของท่านอีก ท่านเคยเห็นแบบจาลองหูของคนหรือไม่? และรู้ไหมว่ามีอุปกรณ์มหัศจรรย์ ที่ส่งสัญญาณจากเสียงทุกอย่างเข้าไปในในสมองของ ท่าน? อาจจะต้องใช้เวลานานเกินไปท่ีจะเข้าไปรู้เรื่องภายในของอุปกรณ์วิเศษน้ัน แต่แผนภาพของหูน้ี อาจจะให้คาแนะนาบางอย่างว่าภายในหูของทา่ นนั้นมีลักษณะเป็น อย่างไร (147) ถ้าทุกคนได้ศึกษาเรื่องวิธีทางานของชิ้นส่วนภายในร่างกายเพียงเล็กน้อย จะได้ แนวคิดใหมเ่ กย่ี วกบั การสร้างร่างกายและจิตใจของมนุษย์ ด้วยการกระทาอันมหัศจรรย์ ย่ิงของธรรมชาติ หรือที่พวกนับถือคริสต์เรียกว่าเป็นการกระทาของพระผู้เป็นเจ้า (God) ลองแบมือของท่าน แล้วดูลายมือที่มีเส้นร่องวนหลายรอบบนผิวหนังตรง ปลายนว้ิ ของทา่ น ถา้ เอาหมึกทาทล่ี ายน้ิวหัวแม่มือ นาไปกดบนกระดาษ แล้วส่องดูด้วย แว่นขยาย จะเห็นภาพลายน้ิวมือของท่าน ซ่ึงจะไม่เหมือนกับลายน้ิวมือท่ัวโลกของคนอ่ืน อีกกว่า 7,000 พันล้านคน ไม่เหมือนกับลายนิ้วมือของเด็กที่เกิดใหม่วันละกว่าแสนคน และไมเ่ หมอื นกับลายนว้ิ มือของทกุ คนในโลกนีท้ ี่ตายไปแลว้ กว่าหมนื่ ปีด้วย
199 จงพิจารณาชิ้นส่วนไหนก็ได้ ในร่างกายของท่าน และพิจารณาว่าชิ้นส่วน เหล่านั้นได้ปฏิบัติหน้าที่ตามคาส่ังของท่านอย่างไร แล้วท่านจะเริ่มเห็นความจริงที่ว่า ธรรมชาติได้มอบอปุ กรณ์อันวเิ ศษให้แก่ท่านเพื่อให้นาไปใช้อย่างเหมาะสม แล้วท่านจะ รสู้ ึกสานึกในบุญคณุ และเคารพรา่ งกายของท่านเอง 6.11 ธรรมชาติส่วนท่ีเล็กจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (Microscopic Nature) ลองเอาน้าลายจากปากของท่านหน่ึงหยด เกลี่ยลงบนแผ่นกระจกของกล้องจุลทรรศน์ แล้วจะพบว่าในน้าลายของท่านมีสิ่งมีชีวิตจานวนมากกาลังดิ้นกระแด่วๆ อยู่ ส่ิงมีชีวิตดังกล่าวมีช่ือเรียกว่า จุลินทรีย์ (Germs) ซึ่งเป็นสัตว์ตัวเล็กๆท่ีเคลื่อนไหว กนิ อาหาร และสบื แพรข่ ยายพนั ธ์ได้ จลุ ินทรยี บ์ างอย่างเปน็ พาหะนาโรค เรยี กวา่ เชอื้ โรค จงออกไปท่ีสวนหลังบ้านหรือสวนสาธารณะท่ีใกล้ท่ีสุด ดูใบไม้หลายพันใบ บนต้นไม้ เลือกเก็บใบไม้มาหน่ึงใบ แล้วทาการศึกษา โดยใช้แว่นขยายส่องดู เปรียบเทียบกับใบไม้อื่นของต้นไม้ต้นเดียวกันหรือต้นไม้พันธุ์เดียวกันท่ีอยู่ห่างออกไป หลายพันไมล์ ใบไม้ท้ังสองใบจะเหมือนกันเกือบทุกประการในรูปร่างและเน้ือสัมผัส แต่จะมีความแตกตา่ งกันเลก็ นอ้ ยในรายละเอยี ด ต้นไม้แต่ละต้น มีการหายใจและความรู้สึกตอบสนองต่อความร้อนหรือความ เยน็ เตบิ โตดี หรือมีโรคต้นไม้รบกวน ตน้ ไมแ้ ต่ละตน้ มกี ารเกดิ ชวี ติ การสืบ (148) ขยายพนั ธแุ์ ละความตาย เชน่ เดียวกบั สัตว์อ่นื ๆ ในโลก ความมหัศจรรย์และความลึกลับของธรรมชาตินั้นมีมากมายไม่จากัด ดังน้ัน จึงเป็นโอกาสอันดีสาหรับท่านท้ังหลายท่ีจะเติบโตต่อไปในภายหน้า ท่ีจะเห็นได้ว่า การศึกษาเร่ืองต่างๆเหล่านี้มีคุณค่าสาคัญเพียงใด แต่เมื่อท่านเรียนรู้มากขึ้น ท่านก็จะ รู้สึกว่าตนเองมีขนาดเล็กลงเหลือเพียงกระจิดริดเม่ือเทียบกับงานอันยิ่งใหญ่ของ ธรรมชาติ (หรอื พระผเู้ ป็นเจ้า ตามหลกั ศาสนาคริสต์) ผู้สร้างโลก
200 6.12 ธรรมชาติที่อยู่ไกลจนต้องส่องด้วยกล้องดูดาว (Telescopic Nature) จงมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ถ้าเห็นเคร่ืองบินลาหนึ่งอยู่สูงจนแทบจะมองไม่เห็น แต่มีอะไร อยขู่ า้ งบนและอยู่ไกลขึน้ ไปอีกมากๆจากเครอื่ งบินลานั้น อากาศที่หุ้มห่อโลก (Atmosphere) มีระยะความสูงเฉลี่ยประมาณ 12 กิโลเมตร หรอื 39,000 ฟุต เหนือจากนั้นจะเป็นบริเวณที่เรียกว่า อวกาศ (Space) ซึ่งจะไม่มีแรง ดึงดดู ของโลก ทาใหค้ นและสิง่ ของทอ่ี อกไปอย่ใู นอวกาศจะมีสภาพไรน้ ้าหนกั จงสอ่ งกล้องดูดาวตอนกลางคนื แลว้ จะเห็นว่าจุดแสงเล็กๆ ที่เรารู้จักในฐานะ ดวงดาว นน้ั เปน็ ดวงอาทติ ยท์ ่ียงิ่ ใหญ่หลายดวงทม่ี ีดาวเคราะห์โคจรอยู่รอบ ๆ เช่นเดียว ทโี่ ลกของเราน้แี ละดาวเคราะห์อกี หลายดวงหมุนวนเวยี นอยรู่ อบดวงอาทิตยท์ ่ีเรารูจ้ ัก ดวงดาวตา่ งๆนัน้ อยไู่ กลมากจนแสงทส่ี ง่ มาจากดาวเหล่านนั้ (ทา่ นคงรวู้ ่าแสง แฟลชไฟแวปถา่ ยรปู เดินทางเร็วแค่ไหน) ใช้เวลาถงึ หา้ รอ้ ยปหี รือนานกวา่ น้ัน ดาวดวงหนึ่งอาจจะแตกระเบิดเป็นช้ินเล็กชิ้นน้อย ตั้งแต่สมัยที่กษัตริย์เฮนรี่ ที่ 5 ของอังกฤษรบชนะพวกฝรั่งเศส ใน ค.ศ. 1415 (สมัยต้นกรุงศรีอยุธยา) แต่แสง สว่างจากการระเบิดคร้งั น้นั เพิง่ จะเดนิ ทางมาถึงเรา จากเช้ือโรคตัวจ๋ิวท่ีต้องมองผ่านกล้องจุลทรรศน์ ไปสู่โลกกว้างใหญ่ที่ มองเหน็ ผ่านกลอ้ งดูดาว เราควรสานึกว่า สิ่งทั้งปวงท้ังใหญ่และเล็ก กาลังทางานด้วย ความเป็นระเบียบอย่างปกติ ตามแผนงานอันยิ่งใหญ่ท่ีกาหนดไว้ เช่นดาวต่างๆ ก็หมุน ไปตามวงโคจร มภี ูเขา มชี ีวิต การสืบพนั ธ์ุ และการตาย หมุนเวียนกันไปอย่างสม่าเสมอ ในหมู่พืช จุลินทรีย์ แมลง และสัตว์ต่างๆ ตามกฎเกณฑ์ที่ธรรมชาติ (หรือพระเจ้า) กาหนดไว้ 6.13 โลกของสัตว์ (The Animal World) ชีวิตสัตว์อยู่ในมือของทุกคน ทอ่ี ยากเรียนรู้ นกมีปกี และขน พร้อมกับระบบการจัดเรียงกระดูกเบาหวิวที่ทาให้นกบิน ได้ ความช่างประดิษฐ์ในการทารัง ความเฉลียวฉลาดและสัญชาติญาณในการอพยพ ย้ายถนิ่ ตามฤดกู าลต่างๆทาใหน้ กบางชนดิ บนิ ไปไกลต้ังคร่ึงโลก
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238