เนือ้ หา (คาบที่ 19-20) การวางแผนการผลติ เป็ นการวางแผนในการจดั การปัจจยั การผลติ ตา่ งๆ เชน่ แรงงาน เครอื่ งจกั ร วตั ถดุ บิ กระบวนการผลติ หรอื 4M (Man, Machine, Machine, Method) เพอื่ ใหผ้ ลการผลติ บรรลตุ ามเป้ าหมายทถี่ กู กาหนดไวโ้ ดยความตอ้ งการของลู กคา้ (Customer Demand) ซงึ่ ความตอ้ งการของลกู คา้ น้ันอาจเกดิ จากการสง่ั ซอื้ จรงิ ทเี่ กดิ ขนึ้ แลว้
และการพยากรณค์ วามตอ้ งการทจี่ ะซอื้ สนิ คา้ ในอนาคตตามชว่ งเวลาตา่ งๆ. การวางแผนการผลติ มที ง้ั แผนการผลติ ระยะสน้ั และแผนการผลติ ระยะยาว โดยแผนการผลติ ในระยะยาวสว่ นมากจะเป็ นไปในลกั ษณะของการลงทุนเพอื่ รองรบั การเตบิ โตของธรุ กจิ ในอนาคต เชน่ การวางแผนการสรา้ งหรอื การขยายโรงงาน, การซอื้ เครอื่ งจกั ร, การวางแผนดา้ นบคุ ลากร แผนการผลติ ในระยะยาวนีส้ ว่ นมากจะมรี ะยะเวลาเกนิ 1 ปี ขนึ้ ไป (ประมาณ 3 – 5 ปี ) โดยจะเนน้ ไปทกี่ ารเพมิ่ กาลงั การผลติ และการขยายกจิ การ. สว่ นแผนการผลติ ในระยะสน้ั จะเป็ นการวางแผนการผลติ ตามชว่ งเวลาตา่ งๆ ภายใน 12 เดอื น เชน่ แผนการผลติ ประจาวนั , แผนการผลติ ประจาสปั ดาห,์ แผนการผลติ ประจาเดอื น, แผนการผลติ ประจาปี เป็ นตน้ . การวางแผนการผลติ ระยะสนั้ นีจ้ ะมกี ารกาหนดเป้ าหมายทจี่ ดั เจน ซงึ่ เป้ าหมายนีจ้ ะถกู คานวณจากกาลงั การผลติ ทมี่ อี ย.ู่ การวางแผนการผลติ จะทาควบคไู่ ปกบั การควบคมุ การผลติ เพอื่ ทจี่ ะเผา้ ตดิ ตา มและควบคมุ สถานะและระดบั ของการผลติ ใหย้ งั คงอย่ใู นแผนการทาผลติ ตาม ระยะเวลา. ชนิดของการวางแผนการผลติ ชนิดของแผนการผลติ ะจะถกู ปรบั เปลย่ี นตามลกั ษณะของการผลติ และผลติ ภั ณฑ ์ โดยท่วั ไปจะแบง่ ออกเป็ น 2 ชนิด คอื 1.แผนการผลติ ตามคาสง่ั (Job Order Production Planning) แผนการผลติ แบบตามสง่ั ผลติ ภณั ฑม์ กั จะมคี วามหลากหลายชนิด มจี านวนการผลติ ตอ่ ครงั้ นอ้ ย ดงั น้ันเครอื่ งจกั รทจี่ ะทาการผลติ ตอ้ งมคี วามยดื หยุ่นสงู สามารถแปรรปู ผลติ ภณั ฑไ์ ดห้ ลากหลายขวนการการ เชน่ เครอื่ งกลงึ CNC, เครอื่ ง Machining Center เป็ นตน้ รวมถงึ วธิ กี ารการผลติ ตอ้ งอาศยั ทกั ษะของผูป้ ฏบิ ตั งิ านทสี่ งู ดว้ ยเชน่ กนั เน่ืองจากหลายๆ ครง้ั ทพี่ บว่าเป็ นงาน Special ทไี่ มค่ ่อยมกี ารผลติ และมกี ารเปลยี่ นแปลงการออกแบบใหมๆ่ อยูเ่ สมอ. การวางแผนการผลติ แบบตามสง่ั นีค้ วามยากจะอยู่ทกี่ ระบวนการผลติ ทคี่ ่อนข ้
างซบั ซอ้ นและระยะเวลาในการผลติ ทไี่ มค่ อ่ ยแน่นอน บางครงั้ ผลติ ภณั ฑ ์ 1 ชนิ้ ตอ้ งระยะเวลาในการผลติ หลายๆ วนั หรอื เป็ นเดอื น แตก่ ็มขี อ้ ดคี อื ชนิ้ งานค่อนขา้ งทจี่ ะมรี าคาสงู ถา้ สามารถผลติ ชนิ้ งานไดเ้ สรจ็ ทนั ตามกาหนดเวลาตามทวี่ างแผนไวไ้ มม่ งี านเ สยี เกดิ ขนึ้ ผลกาไรทตี่ ามมาคอ่ นขา้ งทจี่ ะสงู ดว้ ยเชน่ กนั . การวางแผนการผลติ แบบตามสง่ั ทแี่ ม่นยาน้ันควรจะตอ้ งไดร้ บั ความรว่ มมอื จา กหลายๆ ฝ่ ายทเี่ กยี่ วขอ้ งอยา่ งใกลช้ ดิ โดยเฉพาะหน่วยงานดา้ นเทคนิคและวศิ วกรรมเพ ราะเป็ นงานทตี่ อ้ งอาศยั ทกั ษะอยา่ งมากในการผลติ . ตวั อยา่ งงานผลติ ตามใบสง่ั เชน่ แม่พมิ พ,์ งานซอ่ มบารงุ เป็ นตน้ . 2.แผนการผลติ แบบตอ่ เนื่องหรอื จานวนมาก (Mass Production Planning) การวางแผนการผลติ แบบต่อเนื่องหรอื การผลติ แบบจานวนมาก มกี ารนามาใชห้ ลากหลายในปัจจบุ นั มจี านวนสนิ คา้ นอ้ ยชนิดแตผ่ ลติ ครงั้ ละจานวนมากๆ มลี กั ษณะความตอ้ งการทที่ แี่ น่นอนตามแนวโนม้ ซงึ่ ตอ้ งอาศยั การพยากรณท์ ี่ แม่นยาดว้ ยเชน่ กนั . โดยสว่ นมากแลว้ การผลติ แบบต่อเน่ืองนีจ้ ะมกี ารวางแผนการผลติ เพอื่ เกบ็ เป็ นสต็อกเพอื่ จาหน่ายใหก้ บั ลกู คา้ ตามแผนการสง่ มอบตอ่ ไป. เครอื่ งจกั รทใี่ ชใ้ นการผลติ แบบตอ่ เน่ืองหรอื จานวนมากน้ันจะใชเ้ ครอื่ งจกั รเฉ พาะทางซง่ึ สามารถผลติ ไดค้ รงั้ ละจานวนมากๆ คณุ ภาพแมน่ ยา แตท่ ง้ั นีต้ อ้ งพจิ ารณาถงึ การลงทนุ อย่างรอบรอบเน่ืองจากเครอื่ งจกั รมรี าคาแพ ง สว่ นแรงงานกจ็ ะขนึ้ อยู่กบั ลกั ษณะของผลติ ภณั ฑแ์ ละสายการผลติ บางสายการผลติ กจ็ ะใชเ้ ครอื่ งจกั รอตั โนมตั เิ ป็ นสว่ นมากทาใหใ้ ชแ้ รงงานนอ้ ย อาจจะเหลอื เฉพาะผคู้ วบคมุ เครอื่ งจกั ร, พนักตรวจสอบคณุ ภาพเป็ นตน้ . บางสายการผลติ ทตี่ อ้ งอาศยั ฝี มอื แรงงานเป็ นหลกั เชน่ สายงานประกอบทตี่ อ้ งอาศยั ความประณีตของฝี มอื ก็อาจจะตอ้ งใชแ้ รงงานจานวนมากดว้ ยเชน่ กนั ขนึ้ อย่กู บั แผนการผลติ ในการจั ดสรรปัจจยั ดา้ นแรงงาน. ความสาคญั ของการจดั การสายการผลติ แบบต่อเนื่องกค็ อื การจดั ความสมดลุ ของแตล่ ะหน่วยผลติ ตอ้ งมขี นาดเทา่ กนั ซง่ึ หมายถงึ ทงั้
มรี ะยะเวลาในการผลติ เทา่ กนั หรอื มจี านวนการผลติ ทพี่ อดตี ่อความตอ้ งการข องหน่วยการผลติ ถดั ไป จะตอ้ งไมเ่ กดิ คอคอดหรอื จดุ ชะงกั ในการผลติ ทจี่ ดุ ใดจดุ หนึ่ง หรอื ถา้ เกดิ แลว้ ตอ้ งมกี ารจดั การแกไ้ ขปัญหาไดอ้ ยา่ งทนั ทว่ งทไี มใ่ หก้ ารผลติ หยุด. ขอ้ ดขี องการผลติ แบบตอ่ เน่ืองคอื สามารถวางแผนการผลติ ไดแ้ มน่ ยากวา่ การวางแผนการผลติ แบบสง่ั ทาเนื่อง จากสามารถคานวณหาวเลามาตรฐานแตล่ ะขบวนการไดแ้ มน่ ยากวา่ อกี ทงั้ ชนิดของผลติ ภณั ฑไ์ มม่ าก ผลติ ครง้ั ละนานๆ ทาใหม้ เี วลาเพยี งพอในการเตรยี มการและจดั ทามาตรฐานตา่ งๆ, แรงงานก็ไม่ตอ้ งอาศยั ทกั ษะทสี่ งู มากนกั ยกเวน้ หน่วยงานดา้ นเทคนิค ส่วนขอ้ เสยี กค็ อื ราคาสนิ คา้ ตอ่ หน่วยคอ่ นขา้ งถกู การผลติ เมอื่ เกดิ งานเสยี หากไมม่ กี ารป้ องกนั และควบทดี่ สี ว่ นมากจะเสยี ทงั้ Lot การผลติ เน่ืองจากการผลติ มคี วามรวดเรว็ และตอ่ เนื่อง การวางแผนการผลติ แบบตอ่ เน่ืองนีส้ ว่ นมากจะใชก้ บั สายงานประกอบหรอื ผลิ ตสนิ คา้ ทมี่ คี วามตอ้ งการสงู ในตลาด เชน่ รถยนต,์ เครอื่ งใชไ้ ฟฟ้ า, สนิ คา้ อปุ โภคบรโิ ภค เป็ นตน้ . การเลอื กใชแ้ ผนการผลติ ทเี่ หมาะสมน้ันไมไ่ ดม้ มี าตรฐานกาหนดตายตวั ขนึ้ อยกู่ บั ลกั ษณะของผลติ ภณั ฑ,์ ตน้ ทนุ การผลติ , กระบวนการผลติ , เครอื่ งจกั ร และปัจจยั การผลติ ตา่ งๆ สดุ ทา้ ยน้ันก็จะอยู่ทกี่ ารตดั สนิ ใจของผบู้ รหิ าร. กจิ กรรมการเรยี นการสอน กจิ กรรม (คาบที่ 19-20) เทคนิคการสอนแบบบรรยาย
ขน้ั ตอนการสอน กจิ กรรมที่ 10 ขนั้ เรา้ ความสนใจ ครเู ล่าข่าวใหฟ้ ังเพอื่ เตรยี มความพรอ้ มในการเรยี น ขน้ั กจิ กรรม 1. ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู ้ 2. ครนู าเขา้ สบู่ ทเรยี นโดยการตง้ั คาถามและใหน้ ักเรยี นตอบคาถามเกยี่ วกบั การ วางแผนเพอื่ ผลติ สนิ คา้ 3. ครูอธบิ ายถงึ การวางแผนเพอื่ ผลติ สนิ คา้ ใหน้ กั เรยี นฟั ง นกั เรยี นตงั้ ใจฟั งและใหค้ วามรว่ มมอื 4. ครตู งั้ คาถามเพอื่ ใหน้ ักเรยี นเป็ นผูต้ อบในเนือ้ หาดงั กลา่ วเพอื่ ทดสอบความเข ้ าใจ 5. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ อกี ครง้ั เพอื่ ความเขา้ ใจยงิ่ ขนึ้ ขนั้ สรุป ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ อกี ครงั้ เพอื่ ความเขา้ ใจยงิ่ ขนึ้ ขนั้ การวดั ผลและประเมนิ ผล เครอื่ งมอื วดั ความรู ้ ความเขา้ ใจ วธิ กี ารวดั ตอบคาถาม เกณฑก์ ารวดั การตอบคาถามไดถ้ กู ตอ้ งและชดั เจน 90% ความสมั พนั ธก์ บั วชิ าอนื่ - กจิ กรรมเสนอแนะ -
สอื่ การสอน อนิ เตอรเ์น็ต / ใบความรู ้ เอกสารอา้ งองิ สธุ ี ขวญั เงนิ .การจดั การการผลติ และการปฏบิ ตั กิ าร.กรงุ เทพฯ:ซเี อ็ดยูเคชน่ั ,254 8 ณัฏฐพนั ธ ์ เขจรนันทน.์ การจดั การ การผลติ และการดาเนินงาน.กรงุ เทพฯ:ซเี อ็ดยูเคชน่ั ,2545 ชมุ พล ศฤงคารศริ .ิ การวางแผนและควบคมุ การผลติ .กรงุ เทพฯ:ส่งเสรมิ เทคโนโลยี (ไทย-ญปี่ ่ นุ ),สนพ.สมาคม,2545
วทิ ยาลยั เทคโนโลยหี าดใหญอ่ านวยวทิ ย ์ สปั ดาหท์ ี่ 6 คาบที่ 21-24 ท-ป-น 2-2-3 เวลา 4 คาบ 220 นาที รหสั วชิ า30215-2102 วชิ าการจดั การการผลติ หน่วยที่ 2 ชอื่ หน่วยการวางแผนกาลงั การผลติ รายการสอน การวดั กาลงั การผลติ การจดั องคก์ ร สาระสาคญั ก า ลั ง ก า ร ผ ลิ ต อ า จ วั ด ไ ด้ ใ น 2 ลั ก ษ ณ ะ คือ การวดั โดยอาศัยปัจจยั นาเขา้ (input) และ การวดั โดยอาศัยผลได ้ ( Output) ลกั ษณะการดาเนินการในดา้ นการใหบ้ รกิ ารจะวดั กาลงั การผลติ ดว้ ยปัจจยั น า เ ข้ า เ ช่ น โรงแรมวดั กาลงั การผลิตหรอื การใหบ้ รกิ ารดว้ ยจานวนหอ้ งที่ใหบ้ รกิ ารได ้ สูงสุด โรงพยาบาลวดั ดว้ ยจานวนเตียงคนไขที่รบั คนไขไ้ ดส้ ูงสุด เป็ นตน้ ส่ ว น ก า ร วั ด ก า ลั ง ก า ร ผ ลิ ต ด ้ ว ย ผ ล ไ ด ้ ใ ช ้ใ น ก า ร วั ด ก า ลั ง ก า ร ผ ลิ ต ข อ ง โ ร ง ง า น ที่ ผ ลิ ต สิ น ค ้ า เ ช่ น โรงงานประกอบรถยนต ์ วดั กาลังการผลิตดว้ ยจานวนคันที่ประกอบได ้
โรงถลงุ เหล็กวดั กาลงั การผลติ ดว้ ยจานวนตน้ หรอื น้าหนักของเหล็กทถี่ ลงุ ได ้ เป็ นตน้ คณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค ์ นักเรยี นมกี ารพฒั นาดา้ นสตปิ ัญญา ผเู้ รยี นรจู ้ กั คดิ วเิ คราะหแ์ ละแกป้ ัญหาได ้ สมรรถนะประจาหน่วย 21 อธบิ ายความหมายของกาลงั การผลติ 22 ประยุกตใ์ ชก้ ลยทุ ธก์ ารวางแผนกาลงั การผลติ 23 รจู ้ กั ดารงตนอยโู่ ดยใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งฯ จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม 213 ยกตวั อยา่ งการวดั กาลงั การผลติ ไดถ้ กู ตอ้ ง 214 ระบกุ ารจดั องคก์ รไดอ้ ย่างชดั เจน 231 ปฎบิ ตั งิ านตามทไี่ ดร้ บั มอบหมายสาเรจ็ ตามกาหนดโดยคานึงถงึ ความปลอดภั ยของตนเองและผูอ้ นื่ เนือ้ หา (คาบที่ 21-22) การวดั กาลงั การผลติ ก า ลั ง ก า ร ผ ลิ ต อ า จ วั ด ไ ด้ ใ น 2 ลั ก ษ ณ ะ คือ การวดั โดยอาศัยปัจจยั นาเขา้ (input) และ การวัดโดยอาศัยผลได ้ ( Output) ลกั ษณะการดาเนินการในดา้ นการใหบ้ รกิ ารจะวดั กาลงั การผลติ ดว้ ยปัจจยั น า เ ข้ า เ ช่ น โรงแรมวดั กาลงั การผลิตหรอื การใหบ้ รกิ ารดว้ ยจานวนหอ้ งที่ใหบ้ รกิ ารได ้ สูงสุด โรงพยาบาลวดั ดว้ ยจานวนเตียงคนไขที่รบั คนไขไ้ ดส้ ูงสุด เป็ นตน้
ส่ ว น ก า ร วั ด ก า ลั ง ก า ร ผ ลิ ต ด ้ ว ย ผ ล ไ ด ้ ใ ช ้ใ น ก า ร วั ด ก า ลั ง ก า ร ผ ลิ ต ข อ ง โ ร ง ง า น ที่ ผ ลิ ต สิ น ค ้ า เ ช่ น โรงงานประกอบรถยนต ์ วดั กาลังการผลิตดว้ ยจาน วนคันที่ประกอบได ้ โรงถลุงเหล็กวดั กาลงั การผลติ ดว้ ยจานวนตน้ หรอื น้าหนักของเหล็กทถี่ ลุงได ้ เป็ นตน้ การวดั ค่ากาลงั การผลติ กจิ การแต่ละประเภทสามารถจะทาการวดั ค่ากาลงั การผลติ ในแนวทางที่ แต ก ต่ า ง กั น ไป และกาลงั การผลติ สามารถจะวดั ค่าไดใ้ นลกั ษณะอย่างใดอย่างหนึ่งคอื ปัจจยั น า เ ข ้ า ( Input) ห รื อ ผ ล ผ ลิ ต ที่ ไ ด ้ ( Output) ต า ร า ง ที่ 1 ต่อไปนีเ้ ป็ นตวั อย่างทแี่ สดงใหเ้ ห็นถงึ การวดั ค่ากาลงั การผลติ ของกจิ การประเ ภทตา่ ง ๆ ทง้ั ในสว่ นทเี่ ป็ นปัจจยั นาเขา้ และผลผลติ ทไี่ ดข้ อธรุ กจิ แตล่ ะประเภท ต า ร า ง ที่ 1 ตวั อย่างของการวดั ค่ากาลงั การผลติ ในลกั ษณะทแี่ ตกต่างกนั การวดั ค่ากาลงั การผลิตในตัวอย่างของธุรกิจต่าง ๆ ในตารางที่ 1 อาจจะไม่สามารถทาไดเ้ สมอไปถา้ กจิ การเหล่านั้นทาการผลติ ผลติ ภณั ฑห์ ลา ย ช นิ ด ที่ มี ค ว า ม แ ต ก ต่ า ง กั น ไ ป เ ช่ น กิจการรา้ นเบเกอรแี่ ห่งหน่ึ งทาการผลิตพ ายไสเ้ ผือกเพียงอย่างเดียว ถา้ การวดั คา่ ผลผลติ ประเมนิ จากจานวนพายทที่ าไดต้ ่อวนั จงึ ถอื ไดว้ า่ เป็ นสงิ่ ที่ มคี วามเหมาะสมถกู ตอ้ งทพี่ งึ กระทาได ้ แต่ถา้ รา้ นเบเกอรแี่ ห่งนีท้ าการผลติ พายหลายชนิดแตกตา่ งกนั ไปในแต่ ล ะ วั น
การวดั ค่าเพยี งผลผลติ พายทที่ าไดต้ อ่ วนั ในลกั ษณะดงั กล่าวขา้ งตน้ จะไมใ่ ชส่ ่ิ ง ที่ เ ห ม า ะ ส ม อี ก ต่ อ ไ ป ในกรณีนีค้ วรจะทาการวดั ค่ากาลงั การผลติ จากปัจจยั นาเขา้ จะเหมาะสมมาก กวา่ ก า ร วั ด ค่ า ก า ลั ง ก า ร ผ ลิ ต ที่ มี เ พื่ อ ใ ช ้ จ า เ ป็ น ต ้ อ ง มี ข ้ อ มู ล พื้ น ฐ า น ที่ ส า คั ญ ที่ สุ ด 2 ป ร ะ ก า ร คื อ กาลงั การผลติ ทอี่ อกแบบไว ้ และกาลงั การผลติ ทมี่ ปี ระสทิ ธผิ ล กาลงั การผลติ ทอี่ อกแบบไวเ้ ป็ นจานวนของอตั ราผลผลติ สูงสุดทสี่ ามาร ถบรรลุผลไดจ้ ากทรพั ยากรทเี่ ป็ นสง่ิ อานวยความสะดวกภายใตเ้ งอื่ นไขของส ถ า น ก า ร ณ์ ใ น อุ ด ม ค ติ เ ช่ น การทางานโดยปกตขิ องรา้ นขนมไทยแห่งหนึ่งสามารถทาขนมไทยจดั กระเชา้ ได ้ป ระม า ณ 40 ก ระเช า้ ต่ อ วัน แ ต่ ถ ้า วัน ใด มี งา น ส่ังท า เข ้า ม า ม า ก ห รื อ ใ น ช่ ว ง เ ท ศ ก า ล หรอื วนั หยุดซงึ่ มโี อกาสขายไดม้ ากขนึ้ จะเรง่ การทางานของการผลติ ขนมไทย ไ ด ้ ถึ ง วั น ล ะ 50 ก ร ะ เ ช ้ า ต่ อ วั น แตก่ ารทางานดงั กลา่ วไมใ่ ชส่ งิ่ ทจี่ ะเกดิ ขนึ้ ไดเ้ ป็ นประจาในทุกวนั ใ น ก ร ณี นี้ แ ผ น ก า ลังก า ร ผ ลิ ต คื อ 50 ก ร ะเช ้า ต่ อ วัน เป็ น ต ้น กาลงั การผลติ ทอี่ อกแบบไวภ้ ายใตเ้ งอื่ นไขการทางานในอุคมคตนิ ั้นจะเป็ นสงิ่ ที่ ส า ม า ร ถ เ กิ ด ขึ้ น ไ ด ้ ใ น ช่ ว ง ร ะ ย ะ เ ว ล า ส้ั น ช่ ว ง ห น่ึ ง เ ท่ า นั้ น กจิ การสามารถบรรลผุ ลสาเรจ็ ของอตั ราผลผลติ ในลกั ษณะนีไ้ ดโ้ ดยทาการวั ดค่าผลผลิตในช่วงเวลาช่วั คราวบางช่วงเวลา เช่น การทางานล่วงเวลา ก า ร ใ ช ้ ช่ั ว โ ม ง เ ค รื่ อ ง จั ก ร เ ต็ ม ก า ลั ง สู ง สุ ด และการจา้ งผูร้ บั เหมาชว่ งจากภายนอก เป็ นตน้ กาลงั การผลติ ทมี่ ปี ระสทิ ธผิ ลเป็ นอตั ราผลผลติ สงู สดุ ทสี่ ามารถทาไดภ้ า ย ใ ต ้ เ งื่ อ น ไ ข ก า ร ท า ง า น โ ด ย ป ก ติ เงื่อนไข เหล่านี้รวมถึงการจัดตารางการท างานภายใตค้ วามเป็ นจริง มี ช่ ว ง เ ว ล า ห ยุ ด พั ก ก า ร เ ต รี ย ม ห รื อ ติ ด ตั้ ง เ ค รื่ อ ง จั ก ร ก า ร ซ่ อ ม บ า รุ ง เ ค รื่ อ ง มื อ เ ค รื่ อ ง จั ก ร จะสงั เกตไดว้ ่าระดบั กาลงั การผลติ ทมี่ ปี ระสทิ ธผิ ลโดยปกตจิ ะอยใู่ นระดบั ทตี่ ่าก
ว่ า ร ะ ดั บ ก า ลั ง ก า ร ผ ลิ ต ที่ อ อ ก แ บ บ ไ ว ้ ในกรณีตวั อย่างรา้ นขนมไทยที่กล่าวถงึ ขา้ งตน้ น้ันไดแ้ ก่ ผลผลิตขนมไทย 40 กระเชา้ ต่อวนั ก า ร วัด ค่ า ค ว า ม มี ป ร ะ สิ ท ธิ ผ ล ข อ ง ก า ลั ง ก า ร ผ ลิ ต ที่ ใ ช ้ไ ป เป็ นการถงึ ผลผลติ ทไี่ ดจ้ ากการใชก้ าลงั การผลติ หรอื ความสามารถกอ่ ประโย ช น์ จ า ก ก า ร ใ ช ้ ก า ลั ง ก า ร ผ ลิ ต ใ น รู ป ข อ ง อั ต ร า ร ้อ ย ล ะ การวดั ค่าความสามารถกอ่ ประโยชนท์ ไี่ ดจ้ ากการใชก้ าลงั การผลติ ในรูปของ อตั รารอ้ ยละนั้นสามารถคานวณไดด้ งั สตู รต่อไปนี้ อ ย่ า ง ไ ร ก็ ต า ม ก า ลั ง ก า ร ผ ลิ ต มี 2 รปู แบบจงึ สามารถทาการวดั คา่ ความสามารถกอ่ ประโยชนใ์ นลกั ษณะอย่างใด อย่างหนึ่งดงั นี้ ตวั อยา่ งที่ 1 ร ้า น ปั ง ป อ น ด ์ท า ก า ร ผ ลิ ต แ ล ะ จ า ห น่ า ย ข น ม ปั ง ป อ น ด ์ โดยเจา้ ของรา้ นวางแผนกาลงั การผลติ จานวนขนมปังปอนดใ์ นอดุ มคตไิ วเ้ ท่า กั บ 120 ป อ น ด ์ ต่ อ วั น และกาลงั การผลิตที่เกิดผลไดจ้ รงิ ภายใตก้ ารทางานปกติไวเ้ ท่ากบั 100 ป อ น ด ์ ต่ อ วั น อย่างไรก็ตามจากการจดบนั ทกึ ผลผลติ ในรอบเดอื นนีพ้ บว่าจานวนขนมปังป อนดท์ ผี่ ลติ ไดเ้ ทา่ กบั 105 ปอนดต์ อ่ วนั
จากขอ้ มูลขา้ งตน้ ใหค้ านวณความสามารถกอ่ ประโยชนภ์ ายใตก้ าลงั กา รผลติ ทมี่ ปี ระสทิ ธผิ ลและความสามารถกอ่ ประโยชนภ์ ายใตก้ าลงั การผลติ ทอี่ อกแบบไวไ้ ดด้ งั นี้ จากการคานวณขา้ งตน้ จะเห็นไดว้ ่าอตั ราความสามารถกอ่ ประโยชนท์ ี่ พจิ ารณาจากผลผลติ ทเี่ กดิ ขนึ้ จรงิ ในรอบเดอื นนีเ้ ปรยี บเทยี บกบั กาลงั การผลิ ตทีอ่ อกแบบไวน้ ้ันใหค้ ่าอตั ราความสามารถก่อประโยชนไ์ ดเ้ พียง 87.50% เ ท่ า น้ั น ในขณะทเี่ มอื่ พจิ ารณาผลผลติ จรงิ เปรยี บเทยี บกบั กาลงั การผลติ ทมี่ ปี ระสทิ ธผิ ลน้ันจะไดค้ ่าความสามารถกอ่ ประโยชนใ์ นอตั ราทสี่ งู กว่าในกรณีนีไ้ ดค้ า่ เท่ากั บ 105% กจิ กรรมการเรยี นการสอน
กจิ กรรม (คาบที่ 21-22) กระบวนความรูค้ วามเขา้ ใจ ขน้ั ตอนการสอน กจิ กรรมที่ 11 ขนั้ เรา้ ความสนใจ ครเู ลา่ ขา่ วเหตกุ ารณป์ ัจจบุ นั ใหฟ้ ังเพอื่ เตรยี มความพรอ้ มในการเรยี น ขนั้ กจิ กรรม 1. ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู ้ 2. นาเขา้ สบู่ ทเรยี นในเรอื่ งความหมายของการผลติ และการปฏบิ ตั กิ าร 3. นักเรยี นแตล่ ะคนศกึ ษาการผลติ และการปฏบิ ตั กิ ารตนเอง 4. ใหน้ ักเรยี นแบง่ กล่มุ ออกเป็ น 8 กลมุ่ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ศกึ ษาความหมายของการผลติ และการปฏบิ ตั กิ าร 5. แต่ละกลุม่ สง่ ตวั แทนออกมานาเสนอใหเ้ พอื่ นฟั งหน้าชน้ั เรยี น เพอื่ นทนี่ ่งั ฟั งรว่ มกนั ประเมนิ ผลการใหค้ ะแนน 6. ครสู รปุ ประเด็นสาคญั อกี ครง้ั พรอ้ มทง้ั ใหน้ ักเรยี นบนั ทกึ ลงสมดุ ขน้ั สรุป ครสู รปุ เนือ้ หาโดยการซกั ถามเพอื่ เป็ นการทบทวนความจา ขน้ั การวดั ผลและประเมนิ ผล เครอื่ งมอื แบบบนั ทกึ การนาเสนอ วธิ วี ดั สงั เกตการนาเสนอ เกณฑก์ ารประเมนิ นาเสนอไดถ้ กู ตอ้ ง 80% ความสมั พนั ธก์ บั วชิ าอนื่ - กจิ กรรมเสนอแนะ
- สอื่ การสอน อนิ เตอรเ์น็ต ใบความรู ้ เอกสารอา้ งองิ สธุ ี ขวญั เงนิ .การจดั การการผลติ และการปฏบิ ตั กิ าร.กรงุ เทพฯ:ซเี อ็ดยูเคชน่ั ,254 8 ณัฏฐพนั ธ ์ เขจรนันทน.์ การจดั การ การผลติ และการดาเนินงาน.กรงุ เทพฯ:ซเี อ็ดยูเคชน่ั ,2545 ชมุ พล ศฤงคารศริ .ิ การวางแผนและควบคมุ การผลติ .กรงุ เทพฯ:ส่งเสรมิ เทคโนโลยี (ไทย-ญปี่ ่ ุน),สนพ.สมาคม,2545
เนือ้ หา (คาบท2ี่ 3-24) การจดั องคก์ ร การจดั องคก์ าร หมายถงึ การจดั ระบบความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งส่วนงานตา่ งๆ และบคุ คลในองคก์ าร โดยกาหนดภารกจิ อานาจหนา้ ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบใหช้ ดั แจง้ เพอื่ ใหก้ ารดาเนินงานตามภารกจิ ขององคก์ ารบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้ าหมาย อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ทฤษฎอี งคก์ ารอาจแบง่ ไดเ้ ป็ น 3 ทฤษฎดี ว้ ยกนั คอื 1. ทฤษฎดี ง้ั เดมิ (Classical organization theory) 2. ทฤษฎสี มยั ใหม่ (Neo-Classical organization theory) 3. ทฤษฎสี มยั ปัจจบุ นั (Modern organization theory) ทฤษฎดี ง้ั เดมิ แนวความคดิ ทฤษฎดี ง้ั เดมิ ไดว้ วิ ฒั นาการจากการปกครองแบบทหารจนมาถงึ ปลายศตวรรษที่ 19 ไดน้ ัก บรหิ ารสรา้ งรปู แบบการบรหิ ารในระบบราชการขนึ้ คอื แมควเี บอร ์ และการสรา้ งรปู แบบการบรหิ าร โดยใชก้ ารจดั การทางวทิ ยาศาสตร ์คอื เฟรดเดอรคิ เทยเ์ ลอ่ ร ์ทฤษฎนี ีม้ หี ลกั การวา่ \" คนเป็ นเครอื่ งมอื ทที่ าใหอ้ งคก์ ารไปส่จู ดุ หมายปลายทางได\"้ ซงึ่ จะไดก้ ล่าวรายละเอยี ดตอ่ ไปนี้ · การจดั องคก์ ารแบบราชการ (Bureaucracy) ของ แมค วเี บอร ์( Max Weber) ไดเ้ นน้ ใหเ้ ห็นถงึ การจดั โครงการทเี่ ป็ นระเบยี บ สาระสาคญั ที่ แมค วเี บอร ์ไดเ้ นน้ ก็คอื องคก์ ารแบบราชการในอดุ มคตนิ ั้น จะตอ้ งประกอบดว้ ย
1) จะตอ้ งมกี ารแบ่งงานกนั ทา โดยใหแ้ ต่ละคนปฏบิ ตั งิ านในสาขาทตี่ นมคี วามชานาญ 2) การยดึ ถอื งานใหย้ ดึ ถอื กฎเกณฑร์ ะเบยี บวนิ ัยโดยเครง่ ครดั เพอื่ ทจี่ ะใหไ้ ดม้ าตรฐานของงานเทา่ เทยี มกนั การยดึ ถอื กฎเกณฑน์ ีจ้ ะชว่ ยขจดั พฤตกิ รรมทบี่ คุ คลแตกตา่ งกนั สามารถมาป ระสานงานกนั ได ้ 3) สายการบงั คบั บญั ชาตอ้ งชดั เจน โดยผูบ้ งั คบั บญั ชามอบหมายอานาจหนา้ ทแี่ ละความรบั ผดิ ชอบลดหลน่ั กนั ลง ไป 4) บคุ คลในองคก์ ารตอ้ งไม่คานึงถงึ ความสมั พนั ธส์ ว่ นบุคคล โดยพยายามทางานใหด้ ที สี่ ดุ เพอื่ เป้ าหมายขององคก์ าร 5) การคดั เลอื กบุคคล การว่าจา้ ง ใหข้ นึ้ อยู่กบั ความสามารถ และการเลอ่ื นตาแหน่ง ใหค้ านึงถงึ การประสบความสาเรจ็ ในการงานและอาวโุ สดว้ ย จดุ ออ่ นขององคก์ ารแบบราชการกค็ อื การเนน้ ทอี่ งคก์ ารโดยละเลยการพจิ ารณาถงึ ปัญหาของคน และเชอ่ื ว่าการทมี่ โี ครงสรา้ งทรี่ ดั กมุ แน่นอนจะชว่ ยใหบ้ คุ คลปรบั พฤตกิ รรมใหเ้ ป็ นไปตามความตอ้ งการขององคก์ ารได ้ · ก า ร จั ด อ ง ค ์ ก า ร แ บ บ วิ ท ย า ศ า ส ต ร ์ ( Scientific Management) ข อ ง เ ฟ ร ด เ ด อ ริ ค เ ท ย ์ เ ล่ อ ร ์ ( Frederic Taylor) เป็ นการจดั องคก์ ารแบบนาเอาวธิ กี ารศกึ ษาวทิ ยาศาสตรม์ าวเิ คราะห ์ แ ล ะ แ ก ้ปั ญ ห า เพื่ อ ป รัง ป รุ ง ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ข อ ง อ ง ค ์ก ร ใ ห ้ดี ขึ้น การศกึ ษาทางวทิ ยาศาสตรไ์ ดเ้ รมิ่ จากการหาความสมั พนั ธร์ ะหว่างงานและคน งา น โดยการใชก้ ารทดลองเป็ นเกณฑเ์ พอื่ หามาตรการทางานทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพสงู สุ ด โดยที่คนงานจะถูกพิจารณาว่าตอ้ งการทางานเพื่อเศรษฐกิจดา้ นเดียว โ ด ย ล ะ เ ล ย ก า ร ศึ ก ษ า ถึ ง แ ร ง จู ง ใ จ อ า ร ม ณ์ แ ล ะ ค ว า ม ต ้ อ ง ก า ร ใ น สั ง ค ม ข อ ง ก ลุ่ ม ค น ง า น เพราะเชอ่ื วา่ เงนิ ตวั เดยี วจะล่อใจใหค้ นทางานไดด้ ที สี่ ดุ ทฤษฎสี มยั ใหม่
เป็ น ท ฤษ ฎีที่พัฒ น าม าจากด้ังเดิม ท ฤษ ฎีนี้มีห ลัก การว่า \"คนเป็ นปัจจัยสาคัญ และมีอิทธิพ ลต่อการเพิ่มผลผลิตขององคก์ าร\" โด ยเน้น ให ้เห็ น ถึงค วาม ส าคัญ ข องค น ที่ท าห น้าร่วม กัน ใน องค ก์ าร ถือว่าองคก์ ารประกอบไปดว้ ยบุคคลซ่ึงทางานโดยมีเป้ าหมายร่วมกัน แ ล ะก ลุ่ ม ค น ง า น จ ะ เป็ น ผู้มี ส่ ว น ร่ว ม ใ น ก า ร ก า ห น ด ผ ล ผ ลิ ต ด ้ว ย ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบุคคลเป็ นปัจจยั ทสี่ าคญั และมอี ทิ ธพิ ลตอ่ การกาหนดกา ร ผ ลิ ต ก ล่ า ว โ ด ย ส รุ ป ว่ า ท ฤ ษ ฎี นี้ ไ ด ้เน้ น เรื่อ ง ม นุ ษ ย ์สั ม พั น ธ ์ โดยไดม้ ีการศึกษาและคน้ พบว่าบุคคลแต่ละคนย่อมมีความแตกต่างกนั ข วั ญ ใ น ก า ร ท า ง า น เ ป็ น สิ่ ว ส า คั ญ ก ารเข ้ามีส่ วน ร่วม ใน กิจก รรม แ ล ะก ารตัด สิน ใจระห ว่างฝ่ าย บ ริห าร และฝ่ ายคนงานยอ่ มจะสรา้ งความพงึ พอใจใหก้ บั ทกุ ฝ่ ายโดยไดส้ รา้ งผลผลติ อ ย่ า ง เ ต็ ม เ ม็ ด เ ต็ ม ห น่ ว ย ไ ด ้ ท ฤ ษ ฎีที่มีส่ วน ส าคัญ ม าก ต่ อ ข บ วน ก ารม นุ ษ ย ส์ ัม พัน ธไ์ ด แ้ ก่ Elton Mayo ซึ่ ง ไ ด ้ ก า ร ท ด ล อ ง วิ จั ย แ ล ะ ค ้ น พ บ ว่ า ข วั ญ ข อ ง ค น ง า น มี ค ว า ม ส า คั ญ ต่ อ ก า ร เ พิ่ ม ก า ร ผ ล ติ ก ลุ่ ม ค น ง า น จ ะ พ ย า ย า ม ส ร ้า ง ป ทั ส ถ า น ข อ ง ก ลุ่ ม ต น และคนงานจะทางานเป็ นทมี โดยมกี ารกาหนดมาตรฐานของกลมุ่ ขนึ้ เอง ทฤษฎสี มยั ใหม่ปัจจบุ นั ทฤษฎนี ีก้ ล่าวว่าเป็ นการศกึ ษารปู แบบขององคก์ ารในปัจจบุ นั โดย เน้ น ที่ ก า ร วิ เค ร า ะ ห ์อ ง ค ์ก า ร ใ น เชิ ง ร ะ บ บ (Systems Analysis of Organization) ก ล่ า ว คื อ นั ก ท ฤ ษ ฎี ไ ด ้พิ จ า ร ณ า อ งค ์ก ร ใ น ลัก ษ ณ ะที่ เป็ น ส่ ว น ร ว ม ท้ังห ม ด ต ล อ ด จ น ค ว า ม สัม พั น ธ ์ร ะ ห ว่ า ง ส่ ว น ต่ า ง ๆ ที่ อ ยู่ ภ า ย ใ น อ ง ค ์ก ร ก า ร ศึ ก ษ า ว่ า อ ง ค ์ ก า ร ใ น ร ะ บ บ ห น่ึ ง ๆ น้ันไดค้ านึงถงึ องคป์ ระกอบภายในองคก์ รทุกส่วน แก่ ตวั ป้ อน กระบวนการ ผลผลติ ผลกระทบ และสงิ่ แวดลอ้ ม ( Input process Output Feedback and Environment ) การศกึ ษาองคก์ ารในรปู ระบบนั้นไดพ้ ยายามทจี่ ะมององคก์ ารในลกั ษณะการ เค ล่ื อ น ไห ว (Dynamic) และปรบั เขา้ กบั รูปแบบองคก์ ารไดใ้ นทุกสภาวะแวดลอ้ มทงั้ นีเ้ พร
าะนักทฤษฏปี ัจจุบนั ไดม้ ององคก์ ารในลกั ษณะกระบวนการทางดา้ นโครงสรา้ ง ทบี่ ุคคลต่าง ๆ จะตอ้ งเกยี่ วพนั ซง่ึ กนั และกนั เพอื่ บรรลุเป้ าหมายตามทตี่ อ้ งการ จงึ มีการศึกษาพฤตกิ รรมองคก์ ารในลกั ษณะใหม่ ๆ เชน่ พฤติกรรมศาสตร ์ วิทยาศาสตร ์ การบรกิ ารแบบมีส่วนร่วม การพัฒ นาองคก์ าร คิว.ซี . และการบรหิ ารแบบอนาคตนิยม เป็ นตน้ กจิ กรรมการเรยี นการสอน กจิ กรรม (คาบท2ี่ 3-24) กระบวนความคดิ รวบยอด ขน้ั ตอนการสอน กจิ กรรมที่ 12 ขนั้ เรา้ ความสนใจ นักเรยี นทาเสรจ็ เป็ นคนแรกจะไดค้ ะแนนพเิ ศษ 1 คะแนน ขน้ั กจิ กรรม 1. ครแู จง้ จะประสงคก์ ารเรยี นรู ้ 2.ใหน้ กั เรยี นระดมสมอง ตงั้ ใจผลติ ชนิ้ งานมา1ชนิ้ ในการจดั ทา Mind mapping ตามขน้ั ตอน 3. นักเรยี นออกมานาเสนอชนิ้ งานของตนเอง 4. นักเรยี นทนี่ ่ังฟังสรปุ เนือ้ หาเพอื่ ใหช้ ดั เจนและเขา้ ใจมากยงิ่ ขนึ้ ขน้ั สรุปผล ครสู รปุ เนือ้ หาอกี ครงั้ แลว้ ใหน้ ักเรยี นบนั ทกึ เนือ้ หาลงสมดุ เพอื่ ความเขา้ ใ จยงิ่ ขนึ้ ขนั้ การวดั ผลประเมนิ ผล
เครอื่ งมอื วดั จดั ทา Mind mapping วธิ กี ารวดั ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของชนิ้ งาน เกณฑก์ ารวดั ความถกู ตอ้ งของชนิ้ งาน 80% ความสมั พนั ธก์ บั วชิ าอนื่ วชิ าพฤตกิ รรมองคก์ ร/วชิ าการบรหิ ารงานคณุ ภาพภายในองคก์ ร กจิ กรรมเสนอแนะ - สอื่ การสอน อนิ เตอรเ์น็ต เอกสารอา้ งองิ สธุ ี ขวญั เงนิ .การจดั การการผลติ และการปฏบิ ตั กิ าร.กรงุ เทพฯ:ซเี อ็ดยูเคชน่ั ,254 8 ณัฏฐพนั ธ ์ เขจรนันทน.์ การจดั การ การผลติ และการดาเนินงาน.กรงุ เทพฯ:ซเี อ็ดยูเคชน่ั ,2545 ชมุ พล ศฤงคารศริ .ิ การวางแผนและควบคมุ การผลติ .กรงุ เทพฯ:ส่งเสรมิ เทคโนโลยี (ไทย-ญปี่ ่ ุน),สนพ.สมาคม,2545
วทิ ยาลยั เทคโนโลยหี าดใหญอ่ านวยวทิ ย ์ สปั ดาหท์ ี่ 7 คาบที่ 25-28 ท-ป-น 2-2-3 เวลา 4 คาบ 220 นาที รหสั วชิ า 30215-2102 วชิ า การจดั การการผลติ หน่วยที่ 2 ชอื่ หน่วย การวางแผนกาลงั การผลติ รายการสอน การจดั หน่วยงานดา้ นการผลติ กลยุทธก์ ารวางแผนกาลงั การผลติ สาระสาคญั
การจดั หน่วยงานดา้ นการผลติ จดั ได ้ 4 แบบดงั นี้ 1.การจดั ตามผลติ ภณั ฑ ์ 2.การจดั ตามกระบวนการผลติ 3.การจดั ตามหนา้ ที่ 4.การจดั แบบผสม การวางแผนกาลงั การผลติ เป็ นการตดั สนิ ใจเชงิ กลยทุ ธใ์ นระยะยาวเพอื่ การกาหนดระดบั ของทรพั ยากรการดาเนินงานทงั้ หมดขององคก์ ร การวางแผ นจะครอบคลมุ ชว่ งระยะเวลาทยี่ าวนานเพยี งพอทจี่ ะทาใหไ้ ดม้ าซงึ่ ทรพั ยากรเห ลา่ น้ันซง่ึ โดยปกตจิ ะประมาณ 1 ปี หรอื มากกวา่ น้ัน การตดั สนิ ใจเกยี่ วกบั กาลงั การผลติ จะมผี ลกระทบต่อระยะเ วลาการรอคอยผลติ ภณั ฑ ์ ความสามารถในการตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการของลกู คา้ ตน้ ทุนในการดาเนินงาน และความสามารถตอ่ การทาใหไ้ ดม้ าซง่ึ ความสาเรจ็ ขององคก์ ร คณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค ์ นักเรยี นมกี ารพฒั นาดา้ นสตปิ ัญญา ผเู้ รยี นรจู ้ กั คดิ วเิ คราะหแ์ ละแกป้ ัญหาได ้ สมรรถนะประจาหน่วย 21 อธบิ ายความหมายของกาลงั การผลติ 22 ประยกุ ตใ์ ชก้ ลยทุ ธก์ ารวางแผนกาลงั การผลติ 23 รจู ้ กั ดารงตนอยโู่ ดยใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งฯ จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม 215 วเิ คราะหก์ ารจดั หน่วยงานดา้ นการผลติ ไดถ้ กู ตอ้ ง 221 เขยี นกลยุทธก์ ารวางแผนกาลงั การผลติ ไดถ้ กู ตอ้ ง
231 ปฎบิ ตั งิ านตามทไี่ ดร้ บั มอบหมายสาเรจ็ ตามกาหนดโดยคานึงถงึ ความปลอดภั ยของตนเองและผูอ้ นื่
เนือ้ หา (คาบที่ 25-26) การจดั หน่วยงานดา้ นการผลติ จดั ได ้ 4 แบบดงั นี้ 1.การจดั ตามผลติ ภณั ฑ ์ เป็ นการแบ่งการทางานตามประเภทของผลติ ภณั ฑ ์ เชน่ การผลติ สนิ คา้ โดยท่วั ไปแลว้ การจดั หน่วยงานการผติ ตามผลติ ภณั ฑจ์ ะใชก้ นั ในองคก์ รขนา ดใหญท่ มี่ ผี ลติ ภณั ฑอ์ ย่หู ลายชนิดดว้ ยกนั 2.การจดั ตามกระบวนการผลติ เป็ นการแบง่ งานโดยยดึ หลกั กระบวนการผลติ โดยรวมกจิ กรรมการผลติ ทคี่ ลา้ ยคลงึ กนั ไวใ้ นแผนกเดยี วกนั เชน่ งานในดา้ นของการผลติ อาจแบ่งลกั ษณะงานไดเ้ ป็ นงานตดั งานเชอ่ื ม งานขดั งานทาสี และงานประกอบ ถา้ การดาเนินการใด ๆ มกี ระบวนการทสี่ อดคลอ้ งกบั แตล่ ะงานขา้ งตน้ ก็จะนามารวมกล่มุ ไวด้ ว้ ยกนั 3.การจดั ตามหนา้ ที่ เป็ นการแบ่งงานตามหนา้ ทกี่ ารผลติ เป็ นหลกั พนื้ ฐานทนี่ ิยมใชใ้ นการแบ่งแผนกงานกนั มากทสี่ ดุ ในการแบ่งแผนก งาน
4.การจดั แบบผสม เป็ นการจดั องคก์ รทไี่ มจ่ าเป็ นตอ้ งใชร้ ปู แบบใดรปู แบบหน่ึงเพยี งรปู แบบเดยี ว
กจิ กรรมการเรยี นการสอน กจิ กรรม (คาบที่ 25-26) กระบวนความรูค้ วามเขา้ ใจ (ระดมสมอง) ขน้ั ตอนการสอน กจิ กรรมที่ 13 ขนั้ เรา้ ความสนใจ กล่มุ ใดสามารถวเิ คราะหก์ ารตดิ ต่อสอื่ สารไดถ้ กู ตอ้ งและนาเสนอไดด้ ี รบั คะแนนโบนัสเพมิ่ 5 คะแนน ขนั้ กจิ กรรม 1. ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู ้ 2. นาเขา้ ส่บู ทเรยี นในเรอื่ งความหมายของการผลติ และการปฏบิ ตั กิ าร 3. นักเรยี นแตล่ ะคนศกึ ษาการผลติ และการปฏบิ ตั กิ ารตนเอง 4. ใหน้ ักเรยี นแบง่ กล่มุ ออกเป็ น 8 กลมุ่ ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ ศกึ ษาความหมายของการผลติ และการปฏบิ ตั กิ าร 5. แต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนออกมานาเสนอใหเ้ พอื่ นฟั งหนา้ ชน้ั เรยี น เพอื่ นทนี่ ่งั ฟั งรว่ มกนั ประเมนิ ผลการใหค้ ะแนน 6. ครสู รปุ ประเด็นสาคญั อกี ครงั้ พรอ้ มทง้ั ใหน้ ักเรยี นบนั ทกึ ลงสมดุ
ขน้ั สรุปผล ครสู รปุ เนือ้ หาอกี ครง้ั แลว้ ใหน้ ักเรยี นบนั ทกึ เนือ้ หาลงสมดุ เพอื่ ความเขา้ ใ จยงิ่ ขนึ้ ขนั้ การวดั ผลประเมนิ ผล เครอื่ งมอื วดั แบบฝึ กหดั วธิ กี ารวดั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง เกณฑก์ ารวดั นักเรยี นอธบิ ายและวเิ คราะหไ์ ดถ้ กู ตอ้ ง ความสมั พนั ธก์ บั วชิ าอนื่ วชิ าการบรหิ ารงานคณุ ภาพภายในองคก์ ร กจิ กรรมเสนอแนะ - สอื่ การสอน อนิ เตอรเ์น็ต / หอ้ งสมดุ เอกสารอา้ งองิ สธุ ี ขวญั เงนิ .การจดั การการผลติ และการปฏบิ ตั กิ าร.กรงุ เทพฯ:ซเี อ็ดยเู คชน่ั ,254 8 ณัฏฐพนั ธ ์ เขจรนันทน.์ การจดั การ การผลติ และการดาเนินงาน.กรงุ เทพฯ:ซเี อ็ดยูเคชน่ั ,2545 ชมุ พล ศฤงคารศริ .ิ การวางแผนและควบคมุ การผลติ .กรงุ เทพฯ:สง่ เสรมิ เทคโนโลยี (ไทย-ญปี่ ่ นุ ),สนพ.สมาคม,2545
เนือ้ หา (คาบที่ 27-28) กลยุทธพ์ นื้ ฐานในลกั ษณะตา่ ง ๆ ทกี่ จิ การสามารถเลอื กนามาปรบั ใชเ้ พอื่ การวางแผนกาลงั การผลติ ใหส้ มั พนั ธ ์ กบั ปรมิ าณความตอ้ งการทมี่ กี ารเตบิ โตมากขนึ้ 1.กลยุทธก์ าลงั การผลติ แบบนา (Capacity Lead Strategy) กาลงั การผลติ จะถกู จดั เตรยี มขนึ้ โดยพจิ ารณาจากความตอ้ งกา รของลกู คา้ ทคี่ าดการณไ์ ดว้ า่ จะเตบิ โตมากขนึ้ จงึ อาจจะกลา่ วไดว้ ่าเป็ นการเต รยี มกาลงั การผลติ ลว่ งหนา้ กลยทุ ธใ์ นลกั ษณะนีย้ ดึ หลกั ความกลา้ ไดก้ ลา้ เสยี (Aggressive Strategy)
สามารถทาใหไ้ ดม้ าซงึ่ ตาแหน่งของการแข่งขนั ทมี่ ขี อ้ ไดเ้ ปรยี บมากขนึ้ เมอื่ คว ามตอ้ งการทางการตลาดขยายตวั อยา่ งรวดเรว็ 2.กลยุทธก์ าลงั การผลติ แบบตาม (Capacity Lead Strategy) กาลงั การผลติ จะถกู จดั หาเพมิ่ ขนึ้ หลงั จากทมี่ คี วามตอ้ งการเพมิ่ ขนึ้ เกดิ ขนึ้ จรงิ กลยทุ ธก์ ารวางแผนกาลงั การผลติ ในลกั ษณะนีย้ ดึ หลกั ความระมดั ระวงั มโี อกา สทจี่ ะใหค้ า่ อตั ราส่วนผลตอบแทนจากการลงทุนในสนิ ทรพั ยด์ าเนินงานทมี่ คี ่า สงู กว่าไดเ้ มอื่ เปรยี บเทยี บกบั กลยทุ ธก์ าลงั การผลติ ในลกั ษณะอน่ื เน่ืองจากกจิ การจะจดั หาสนิ ทรพั ยด์ าเนินงานเพมิ่ เตมิ เมอื่ สนิ ทรพั ยด์ าเนินงาน ไดถ้ กู นามาใชป้ ระโยชนส์ งู สดุ อยา่ งเต็มทแี่ ลว้ อยา่ งไรกต็ ามอาจจะมโี อกาสทจี่ ะสญู เสยี กลมุ่ ลกู คา้ ในกระบวนการไดม้ ากกวา่ เชน่ กนั ถา้ มกี ารบรหิ ารใหเ้ กดิ การหมนุ เวยี นการใชส้ นิ ทรพั ยด์ าเนินงานไดไ้ ม่ ดพี อ กลยุทธใ์ นลกั ษณะนีจ้ ะใชใ้ นอตุ สาหกรรมทที่ าการผลติ ตามมาตรฐาน หรอื เป็ นอตุ สาหกรรมทมี่ กี ารแข่งขนั ไมม่ ากนัก ขอ้ สมมตขิ องกลยุทธน์ ีค้ อื ลกู คา้ ทสี่ ญู เสยี ไปใหก้ บั คแู่ ข่งขนั จะยอ้ นกลบั มาหลั งจากทกี่ จิ การขยายกาลงั การผลติ แลว้ 3.กลยทุ ธก์ าลงั การผลติ แบบถวั เฉลยี่ (Average Capacity Strategy) กาลงั การผลติ จะถกู ขยายออกไปในระดบั ทสี่ อดคลอ้ งกบั ปรมิ าณ ความตอ้ งการโดยเฉลยี่ ทคี่ าดวา่ จะเกดิ ขนึ้ กลยทุ ธใ์ นลกั ษณะนีย้ ดึ หลกั สายกลางซงึ่ ผบู้ รหิ ารจะมคี วามแน่ใจในระดบั หนึ่ง วา่ ผลผลติ ทที่ าการผลติ เพมิ่ ขนึ้ บางส่วนน้ันสามารถขายไดอ้ ยา่ งแน่นอน กลยุทธท์ ไี่ ดก้ ลา่ วถงึ ทง้ั 3 ลกั ษณะขา้ งตน้ นั้นสามารถแสดงโดยสรปุ ไดด้ งั รปู ที่ 1 ตอ่ ไปนี้ รูปที่ 1 กลยทุ ธก์ าลงั การผลติ
กจิ กรรมการเรยี นการสอน กจิ กรรม (คาบที่ 27-28) กระบวนความรูค้ วามเขา้ ใจ ขน้ั ตอนการสอน กจิ กรรมที่ 14 ขน้ั เรา้ ความสนใจ กล่มุ ใดสามารถวเิ คราะหก์ ารวางแผนกาลงั การผลติ ถกู ตอ้ งและนาเสนอ ไดด้ ี รบั คะแนนโบนัสเพมิ่ 5 คะแนน ขน้ั กจิ กรรม 1. ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู ้ 2. นาเขา้ สบู่ ทเรยี นในเรอื่ งกลยุทธก์ ารวางแผนกาลงั การผลติ 3. นักเรยี นแตล่ ะคนศกึ ษาการผลติ และการปฏบิ ตั กิ ารตนเอง 4. ใหน้ ักเรยี นแบง่ กล่มุ ออกเป็ น 8 กลมุ่ ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ ศกึ ษากลยุทธก์ ารวางแผนกาลงั การผลติ 5. แตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมานาเสนอใหเ้ พอื่ นฟั งหน้าชนั้ เรยี น เพอื่ นทนี่ ่งั ฟั งรว่ มกนั ประเมนิ ผลการใหค้ ะแนน 6. ครสู รปุ ประเด็นสาคญั อกี ครง้ั พรอ้ มทงั้ ใหน้ ักเรยี นบนั ทกึ ลงสมดุ ขน้ั สรุปผล ครสู รปุ เนือ้ หาอกี ครง้ั แลว้ ใหน้ ักเรยี นบนั ทกึ เนือ้ หาลงสมดุ เพอื่ ความเขา้ ใ จยงิ่ ขนึ้ ขน้ั การวดั ผลประเมนิ ผล เครอื่ งมอื วดั แบบฝึ กหดั วธิ กี ารวดั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง เกณฑก์ ารวดั นักเรยี นอธบิ ายและวเิ คราะหไ์ ดถ้ กู ตอ้ ง
ความสมั พนั ธก์ บั วชิ าอนื่ วชิ าการบรหิ ารงานคณุ ภาพภายในองคก์ ร กจิ กรรมเสนอแนะ - สอื่ การสอน อนิ เตอรเ์น็ต / หอ้ งสมดุ เอกสารอา้ งองิ สธุ ี ขวญั เงนิ .การจดั การการผลติ และการปฏบิ ตั กิ าร.กรงุ เทพฯ:ซเี อ็ดยเู คชน่ั ,254 8 ณัฏฐพนั ธ ์ เขจรนันทน.์ การจดั การ การผลติ และการดาเนินงาน.กรงุ เทพฯ:ซเี อ็ดยูเคชน่ั ,2545 ชมุ พล ศฤงคารศริ .ิ การวางแผนและควบคมุ การผลติ .กรงุ เทพฯ:ส่งเสรมิ เทคโนโลยี (ไทย-ญปี่ ่ ุน),สนพ.สมาคม,2545
วทิ ยาลยั เทคโนโลยหี าดใหญอ่ านวยวทิ ย ์ สปั ดาหท์ ี่ 8 คาบที่ 29-32 ท-ป-น 2-2-3 เวลา 4 คาบ 220 นาที รหสั วชิ า 30215-2102 วชิ า การจดั การการผลติ หน่วยที่ 2 ชอื่ หน่วยการวางแผนกาลงั การผลติ รายการสอน เทคนิคทใี่ ชใ้ นการวางแผนกาลงั การผลติ แขนงการตดั สนิ ใจ สาระสาคญั เทคนิคทใี่ ชใ้ นการวางแผนกาลงั การผลติ 1. พยากรณค์ วามตอ้ งการกาลงั การผลติ Forecasting Capacity Requirements 2. แขนงการตดั สนิ ใจ Decision Tree 3. การวเิ คราะหจ์ ดุ คมุ้ ทนุ Break Even Analysis คณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค ์
นักเรยี นมกี ารพฒั นาดา้ นสตปิ ัญญา ผเู้ รยี นรจู ้ กั คดิ วเิ คราะหแ์ ละแกป้ ัญหาได ้ สมรรถนะประจาหน่วย 21 อธบิ ายความหมายของกาลงั การผลติ 22 ประยุกตใ์ ชก้ ลยทุ ธก์ ารวางแผนกาลงั การผลติ 23 รจู ้ กั ดารงตนอยโู่ ดยใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งฯ จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม 222 ลงมอื ทาเทคนิคทใี่ ชใ้ นการวางแผนกาลงั การผลติ ไดถ้ กู ตอ้ ง 223 เขยี นแขนงการตดั สนิ ใจไดอ้ ยา่ งชดั เจน 231 ปฎบิ ตั งิ านตามทไี่ ดร้ บั มอบหมายสาเรจ็ ตามกาหนดโดยคานึงถงึ ความปลอดภั ยของตนเองและผอู้ นื่ เนือ้ หา (คาบที่ 29-30) การตดั สนิ ใจเชงิ ปรมิ าณในการวางแผนกาลงั การผลติ ดงั ต่อไปนี้ 1. การพยากรณค์ วามตอ้ งการกาลงั การผลติ ความหมายของการพยากรณก์ ารพยากรณ์ คอื การคาดคะเนหรอื ทานายเหตกุ ารณใ์ นอนาคตจากขอ้ มลู ในอดตี ปัจจบุ นั และหรอื ประสบการณ์ การพยากรณจ์ ะใหค้ า่ พยากรณ์ คอื จานวนหรอื ปรมิ าณทตี่ อ้ งการทราบในอนาคต ความสาคญั ของการพยากรณ์ 1. การพยากรณท์ าใหส้ ามารถคาดคะเนปรมิ าณความตอ้ งการสนิ คา้ และบ รกิ าร
2. การพยากรณช์ ว่ ยในการวางแผนการผลติ และดาเนินงาน 3. การพยากรณช์ ว่ ยในการตดั สนิ ใจดา้ นการวางแผนทางการตลาด 4. การพยากรณช์ ว่ ยในการวางแผนดา้ นการเงนิ 5. การพยากรณช์ ว่ ยในการวางแผนทรพั ยากรมนุษย ์ 2. การใชแ้ ขนงการตดั สนิ ใจ Decision tree แขนงการตดั สนิ ใจเป็ นตวั แบบการตดั สนิ ใจชนิดหนึ่งโดยแสดงขอ้ มลู ตา่ ง ๆ เชน่ ทางเลอื กรายได ้ คา่ ใชจ้ า่ ย และผลตอบแทนของแต่ละทางเลอื ก โดยท่วั ไปใชแ้ ขนงการตดั สนิ ใจเฉพาะกบั ปัญหาทเี่ ป็ นการตดั สนิ ใจภายใต ้ ความเสยี่ งเทา่ นั้น การใชแ้ ขนงการตดั สนิ ใจวางแผนกาลงั การผลติ มขี นั้ ตอนทสี่ าคญั ดงั นี้ 1. ศกึ ษาและทาความเขา้ ใจในปัญหาทตี่ อ้ งตดั สนิ ใจอยา่ งละเอยี ด 2. วาดภาพแขนงการตดั สนิ ใจ 3. กาหนดโอกาสหรอื ความน่าจะเป็ นทจี่ ะเกดิ เหตกุ ารณ์ 4. คาดคะเนผลทเี่ กดิ ขนึ้ ของแต่ละเหตกุ ารณ์ 5. ทาการคานวณผลตอบแทนทคี่ าดหวงั (expected monetary values: EMV)ของแตล่ ะทางเลอื ก โดยนาผลทคี่ าดวา่ จะเกดิ ขนึ้ ของแตล่ ะเหตกุ ารณค์ ณู กบั ความ น่าจะเป็ นของเหตกุ ารณน์ ้ัน ๆ 6. ทาการตดั สนิ ใจเลอื กทางเลอื กทใี่ หค้ ่าตอบแทนทคี่ าดหวงั EMV เป็ นบวกสงู ทสี่ ดุ 3. จุดคมุ้ ทุน คอื จานวนของสนิ คา้ ทธี่ รุ กจิ ตอ้ งสรา้ งและขายใหไ้ ดเ้ พอื่ ใหม้ รี ายไดเ้ ทา่ ทุน หรอื อกี นัยหนึ่ง จดุ คมุ้ ทุน คอื ยอดขายต่อเดอื นทจี่ ะทาใหธ้ รุ กจิ มรี ายไดท้ เี่ พยี งพอกบั คา่ ใชจ้ า่ ยในการ ดาเนินงานในแตล่ ะเดอื น ดงั นั้น รายไดท้ สี่ งู กว่าจดุ คมุ้ ทนุ จงึ หมายถงึ กาไร และในทางตรงขา้ ม รายไดท้ ตี่ ่ากวา่ จดุ คมุ้ ทุนก็คอื ขาดทนุ น่ันเอง เราสามารถเขยี นเป็ นสมการเพอื่ อธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งจดุ คมุ้ ทุน ตน้ ทุน และราคาขายได ้ 2 วธิ ี ดงั นี้
จดุ คมุ้ ทุน (บาท) = จดุ คมุ้ ทุน (หน่วย) x ราคาขายต่อหน่วย = ตน้ ทนุ คงทรี่ วม + ตน้ ทนุ แปรผนั รวม จดุ คมุ้ ทุน (หน่วย) = ตน้ ทนุ คงที่ / (ราคาขายต่อหน่วย – ตน้ ทุนแปรผนั ตอ่ หน่วย) ตน้ ทุนคงท:ี่ ค่าใชจ้ า่ ยรายเดอื น ในสว่ นทไี่ มข่ นึ้ กบั จานวนการผลติ โดยมากจะเป็ นค่าใชจ้ า่ ยในการบรหิ าร เชน่ คา่ เชา่ รา้ น ตน้ ทุนแปรผนั ต่อหน่วย: คา่ ใชจ้ า่ ยทเี่ กดิ ขนึ้ ในการผลติ สนิ คา้ ตอ่ 1 ชนิ้ เชน่ คา่ วตั ถดุ บิ ค่าแรงงาน ตวั อย่าง รา้ นขายบราวน่ี มตี น้ ทุนคงที่ 5,000 บาทตอ่ เดอื น โดยมตี น้ ทุนแปรผนั ชนิ้ ละ 20 บาท ตงั้ ราคาขายที่ 30 บาทต่อชนิ้ ดงั นั้น จดุ คมุ้ ทนุ = 5,000 / (30-20) = 500 ชนิ้ ซงึ่ หมายความวา่ รา้ นนีต้ อ้ งขายบราวน่ีใหไ้ ด ้ 500 ชนิ้ ต่อเดอื นจงึ จะคมุ้ ทนุ หรอื ตอ้ งขายใหไ้ ดม้ ากกวา่ 500 ชนิ้ เพอื่ จะสรา้ งกาไร จดุ คมุ้ ทนุ ทตี่ า่ ลงจะทาใหธ้ รุ กจิ สามารถคนื ทนุ และสรา้ งกาไรไดเ้ รว็ ขนึ้ ดว้ ยการผลติ และยอดขายทนี่ อ้ ยลง ซง่ึ จากสตู รการคานวณ จะเห็นไดว้ า่ การลดจดุ คมุ้ ทุน ทาไดห้ ลายวธิ ี ไมว่ า่ จะเป็ นการลดตน้ ทุนคงที่ ลดตน้ ทนุ แปรผนั หรอื เพมิ่ ราคาขายตอ่ หน่วย จากตวั อยา่ ง เพอื่ ตอ้ งการลดจดุ คมุ้ ทุนลง รา้ นบราวนี่อาจปรบั เปลย่ี นกลยทุ ธ ์ ดงั นี้ • ลดตน้ ทุนคงที่ เชน่ เปลยี่ นจากการเชา่ หนา้ รา้ น เป็ นการขายออนไลน์ ทาใหต้ น้ ทุนคงทเี่ หลอื 3,000 บาท ดงั นั้น จดุ คมุ้ ทุน = 3,000 / (30-20) = 300 ชนิ้ • ลดตน้ ทุนแปรผนั เชน่ ต่อรองราคาวตั ถดุ บิ ไดใ้ นราคาทถี่ กู ลงเหลอื หน่วยละ 15 บาท ดงั น้ัน จดุ คมุ้ ทนุ = 5,000 / (30-15) = 333 ชนิ้ • เพมิ่ ราคาขาย เป็ น 35 บาท ดงั น้ัน จดุ คมุ้ ทุน = 5,000 / (35-20) = 333 ชนิ้
โดยธรุ กจิ สามารถนาตวั เลขจดุ คมุ้ ทนุ นีไ้ ปเปรยี บเทยี บกบั การคาดการณย์ อด ขายในแตล่ ะเดอื นเพอื่ ดคู วามเป็ นไปไดข้ องธรุ กจิ เชน่ ตวั อย่างขา้ งตน้ หากมหี นา้ รา้ นเพอื่ ขายบราวนี่ ตอ้ งขายใหไ้ ดม้ ากกว่า 500 ขนิ้ ต่อเดอื น หรอื วนั ละ 17 ชนิ้ เพอื่ ใหเ้ ทา่ ทุน หรอื อาจจะตง้ั ยอดขายไวว้ นั ละ 30 ชนิ้ เพอื่ ใหม้ กี าไร ซง่ึ จากตวั เลขนี้ เราลองวเิ คราะหด์ วู ่า ดว้ ยทาเลทตี่ ง้ั ของรา้ นและกลมุ่ ลกู คา้ เป้ าหมาย ธรุ กจิ มโี อกาสทจี่ ะบรรลยุ อดขายนีห้ รอื ไม่ อย่างไรก็ตาม หากในกรณีทธี่ รุ กจิ มกี าลงั การผลติ ทจี่ ากดั อกี หน่ึงวธิ ใี นการปรบั กลยุทธ ์ คอื การปรบั ราคาขาย โดยเราสามารถดดั แปลงสมการจดุ คมุ้ ทนุ เพอื่ ใชห้ าราคาขายขนั้ ต่า ดงั นี้ ราคาขาย = (ตน้ ทุนคงทรี่ วม / จานวนสนิ คา้ ทผี่ ลติ และขายได้ ) + ตน้ ทนุ แปรผนั ตอ่ หน่วย กล่าวคอื หากธรุ กจิ บราวนี่ของเรา มกี าลงั การผลติ คงทเี่ ดอื นละ 600 ชนิ้ ดงั น้ัน ราคาขาย = (5,000 / 600) + 20 หรอื ตอ้ งขายบราวนี่ราคาชนิ้ ละ 28.33 บาทขนึ้ ไป เพอื่ ไม่ใหข้ าดทุน จะเห็นไดว้ า่ การเพมิ่ ขนึ้ หรอื ลดลงของคา่ ใชจ้ า่ ยคงที่ ค่าใชจ้ า่ ยแปรผนั ราคาขาย และจานวนยอดขาย ตา่ งมผี ลต่อจดุ คมุ้ ทนุ ทง้ั สนิ้ อย่างไรก็ตาม ไมว่ ่าจะเป็ นการคานวณจดุ คมุ้ ทุน หรอื คาดการณย์ อดขายลว้ นแลว้ แต่เป็ นตวั เลขทตี่ งั้ บนสมมตฐิ าน ดงั นั้น อย่าลมื ทจี่ ะมองโลกตามความเป็ นจรงิ เพอื่ แผนธรุ กจิ ทสี่ มเหตสุ มผล
กจิ กรรมการเรยี นการสอน กระบวนการความคดิ รวบยอด (Mind กจิ กรรม (คาบที่ 29-30) กจิ กรรมที่ 15 Mapping) ขนั้ ตอนการสอน ขนั้ เรา้ ความสนใจ ครเู ล่าขา่ วเหตกุ ารณป์ ัจจบุ นั ใหน้ ักเรยี นฟังเพอื่ เตรยี มความพรอ้ มกอ่ นเ ขา้ บทเรยี น ขนั้ กจิ กรรม 1. ครแู จง้ จะประสงคก์ ารเรยี นรู ้
2. นาเขา้ สบู่ ทเรยี นโดยการทบทวนเนือ้ หาเกา่ จากคาบทแี่ ลว้ 3. ครูเปิ ด Youtube เพอื่ ใชใ้ นการประกอบการเรยี น ใหน้ กั เรยี นดูอย่างตง้ั ใจ 4. นักเรยี นสรปุ เนือ้ หาจากการดู Youtube ลงในสมุด ขน้ั สรุปผล ครสู รปุ เนือ้ หาอกี ครง้ั แลว้ ใหน้ ักเรยี นบนั ทกึ เนือ้ หาลงสมดุ เพอื่ ความเขา้ ใ จยงิ่ ขนึ้ ขนั้ การวดั ผลประเมนิ ผล เครอื่ งมอื วดั แบบบนั ทกึ การสรปุ เนือ้ หา วธิ กี ารวดั สงั เกตการฟังและการจดบนั ทกึ เกณฑก์ ารวดั ความเขา้ ใจ/ถกู ตอ้ งของเนือ้ หา 90% ความสมั พนั ธก์ บั วชิ าอนื่ - กจิ กรรมเสนอแนะ - สอื่ การสอน อนิ เตอรเ์น็ต , Youtube เอกสารอา้ งองิ สธุ ี ขวญั เงนิ .การจดั การการผลติ และการปฏบิ ตั กิ าร.กรงุ เทพฯ:ซเี อ็ดยเู คชน่ั ,254 8 ณัฏฐพนั ธ ์ เขจรนันทน.์ การจดั การ การผลติ และการดาเนินงาน.กรงุ เทพฯ:ซเี อ็ดยูเคชน่ั ,2545
ชมุ พล ศฤงคารศริ .ิ การวางแผนและควบคมุ การผลติ .กรงุ เทพฯ:ส่งเสรมิ เทคโนโลยี (ไทย-ญปี่ ่ นุ ),สนพ.สมาคม,2545 เนือ้ หา (คาบที่ 31-32)
การตดั สนิ ใจเชงิ ปรมิ าณในการวางแผนกาลงั การผลติ ดงั ต่อไปนี้ 1. การพยากรณค์ วามตอ้ งการกาลงั การผลติ ความหมายของการพยากรณก์ ารพยากรณ์ คอื การคาดคะเนหรอื ทานายเหตกุ ารณใ์ นอนาคตจากขอ้ มลู ในอดตี ปัจจบุ นั และหรอื ประสบการณ์ การพยากรณจ์ ะใหค้ ่าพยากรณ์ คอื จานวนหรอื ปรมิ าณทตี่ อ้ งการทราบในอนาคต ความสาคญั ของการพยากรณ์ 1. การพยากรณท์ าใหส้ ามารถคาดคะเนปรมิ าณความตอ้ งการสนิ คา้ และบ รกิ าร 2. การพยากรณช์ ว่ ยในการวางแผนการผลติ และดาเนินงาน 3. การพยากรณช์ ว่ ยในการตดั สนิ ใจดา้ นการวางแผนทางการตลาด 4. การพยากรณช์ ว่ ยในการวางแผนดา้ นการเงนิ 5. การพยากรณช์ ว่ ยในการวางแผนทรพั ยากรมนุษย ์ 2. การใชแ้ ขนงการตดั สนิ ใจ Decision tree แขนงการตดั สนิ ใจเป็ นตวั แบบการตดั สนิ ใจชนิดหนึ่งโดยแสดงขอ้ มลู ตา่ ง ๆ เชน่ ทางเลอื กรายได ้ คา่ ใชจ้ า่ ย และผลตอบแทนของแต่ละทางเลอื ก โดยท่วั ไปใชแ้ ขนงการตดั สนิ ใจเฉพาะกบั ปัญหาทเี่ ป็ นการตดั สนิ ใจภายใต ้ ความเสยี่ งเท่าน้ัน การใชแ้ ขนงการตดั สนิ ใจวางแผนกาลงั การผลติ มขี นั้ ตอนทสี่ าคญั ดงั นี้ 1. ศกึ ษาและทาความเขา้ ใจในปญั หาทตี่ อ้ งตดั สนิ ใจอยา่ งละเอยี ด 2. วาดภาพแขนงการตดั สนิ ใจ 3. กาหนดโอกาสหรอื ความน่าจะเป็ นทจี่ ะเกดิ เหตกุ ารณ์ 4. คาดคะเนผลทเี่ กดิ ขนึ้ ของแต่ละเหตกุ ารณ์ 5. ทาการคานวณผลตอบแทนทคี่ าดหวงั (expected monetary values: EMV)ของแตล่ ะทางเลอื ก โดยนาผลทคี่ าดวา่ จะเกดิ ขนึ้ ของแตล่ ะเหตกุ ารณค์ ณู กบั ความ น่าจะเป็ นของเหตกุ ารณน์ ั้น ๆ
6. ทาการตดั สนิ ใจเลอื กทางเลอื กทใี่ หค้ า่ ตอบแทนทคี่ าดหวงั EMV เป็ นบวกสงู ทสี่ ดุ 7. จุดคมุ้ ทุน คอื จานวนของสนิ คา้ ทธี่ รุ กจิ ตอ้ งสรา้ งและขายใหไ้ ดเ้ พอื่ ใหม้ รี ายไ ดเ้ ทา่ ทนุ หรอื อกี นัยหนึ่ง จดุ คมุ้ ทนุ คอื ยอดขายตอ่ เดอื นทจี่ ะทาใหธ้ รุ กจิ มรี ายไดท้ เี่ พยี งพอกบั คา่ ใชจ้ ่ ายในการดาเนินงานในแต่ละเดอื น ดงั นั้น รายไดท้ สี่ งู กว่าจดุ คมุ้ ทุนจงึ หมายถงึ กาไร และในทางตรงขา้ ม รายไดท้ ตี่ า่ กวา่ จดุ คมุ้ ทุนกค็ อื ขาดทนุ น่ันเอง เราสามารถเขยี นเป็ นสมการเพอื่ อธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งจุ ดคมุ้ ทุน ตน้ ทุน และราคาขายได ้ 2 วธิ ี ดงั นี้ จดุ คมุ้ ทนุ (บาท) = จดุ คมุ้ ทนุ (หน่วย) x ราคาขายต่อหน่วย = ตน้ ทุนคงทรี่ วม + ตน้ ทนุ แปรผนั รวม จุดคมุ้ ทนุ (หน่วย) = ตน้ ทุนคงที่ / (ราคาขายตอ่ หน่วย – ตน้ ทนุ แปรผนั ตอ่ หน่วย) ตน้ ทนุ คงท:ี่ ค่าใชจ้ า่ ยรายเดอื น ในสว่ นทไี่ มข่ นึ้ กบั จานวนการผลติ โดยมากจะเป็ นคา่ ใชจ้ า่ ยในการบรหิ าร เชน่ คา่ เชา่ รา้ น ตน้ ทุนแปรผนั ตอ่ หน่วย: คา่ ใชจ้ า่ ยทเี่ กดิ ขนึ้ ในการผลติ สนิ คา้ ตอ่ 1 ชนิ้ เชน่ คา่ วตั ถดุ บิ คา่ แรงงาน ตวั อย่าง รา้ นขายบราวนี่ มตี น้ ทนุ คงที่ 5,000 บาทตอ่ เดอื น โดยมตี น้ ทุนแปรผนั ชนิ้ ละ 20 บาท ตง้ั ราคาขายที่ 30 บาทตอ่ ชนิ้ ดงั น้ัน จดุ คมุ้ ทนุ = 5,000 / (30-20) = 500 ชนิ้ ซง่ึ หมายความวา่ รา้ นนีต้ อ้ งขายบราวนี่ใหไ้ ด ้ 500 ชนิ้ ต่อเดอื นจงึ จะคมุ้ ทุน หรอื ตอ้ งขายใหไ้ ดม้ ากกวา่ 500 ชนิ้ เพอื่ จะสรา้ งกาไร จดุ คมุ้ ทุนทตี่ า่ ลงจะทาใหธ้ รุ กจิ สามารถคนื ทุน และสรา้ งกาไรไดเ้ รว็ ขนึ้ ดว้ ยการผลติ และยอดขายทนี่ อ้ ยลง ซง่ึ จากสตู รการคานวณ จะเห็นไดว้ า่ การลดจดุ คมุ้ ทุน ทาไดห้ ลายวธิ ี
ไมว่ ่าจะเป็ นการลดตน้ ทุนคงที่ ลดตน้ ทนุ แปรผนั หรอื เพมิ่ ราคาขายต่อหน่วย จากตวั อยา่ ง เพอื่ ตอ้ งการลดจดุ คมุ้ ทนุ ลง รา้ นบราวน่ีอาจปรบั เปลยี่ นกลยทุ ธ ์ ดงั นี้ • ลดตน้ ทุนคงที่ เชน่ เปลย่ี นจากการเชา่ หนา้ รา้ น เป็ นการขายออนไลน์ ทาใหต้ น้ ทุนคงทเี่ หลอื 3,000 บาท ดงั นั้น จดุ คมุ้ ทนุ = 3,000 / (30-20) = 300 ชนิ้ • ลดตน้ ทนุ แปรผนั เชน่ ตอ่ รองราคาวตั ถดุ บิ ไดใ้ นราคาทถี่ กู ลงเหลอื หน่วยละ 15 บาท ดงั นั้น จดุ คมุ้ ทุน = 5,000 / (30-15) = 333 ชนิ้ • เพมิ่ ราคาขาย เป็ น 35 บาท ดงั นั้น จดุ คมุ้ ทุน = 5,000 / (35-20) = 333 ชนิ้ โดยธรุ กจิ สามารถนาตวั เลขจดุ คมุ้ ทุนนีไ้ ปเปรยี บเทยี บกบั การคาดการณย์ อด ขายในแตล่ ะเดอื นเพอื่ ดคู วามเป็ นไปไดข้ องธรุ กจิ เชน่ ตวั อย่างขา้ งตน้ หากมหี นา้ รา้ นเพอื่ ขายบราวนี่ ตอ้ งขายใหไ้ ดม้ ากกวา่ 500 ขนิ้ ตอ่ เดอื น หรอื วนั ละ 17 ชนิ้ เพอื่ ใหเ้ ทา่ ทุน หรอื อาจจะตง้ั ยอดขายไวว้ นั ละ 30 ชนิ้ เพอื่ ใหม้ กี าไร ซงึ่ จากตวั เลขนี้ เราลองวเิ คราะหด์ วู ่า ดว้ ยทาเลทตี่ งั้ ของรา้ นและกลมุ่ ลกู คา้ เป้ าหมาย ธรุ กจิ มโี อกาสทจี่ ะบรรลยุ อดขายนีห้ รอื ไม่ อย่างไรก็ตาม หากในกรณีทธี่ รุ กจิ มกี าลงั การผลติ ทจี่ ากดั อกี หนึ่งวธิ ใี นการปรบั กลยุทธ ์ คอื การปรบั ราคาขาย โดยเราสามารถดดั แปลงสมการจดุ คมุ้ ทุน เพอื่ ใชห้ าราคาขายขน้ั ตา่ ดงั นี้ ราคาขาย = (ตน้ ทุนคงทรี่ วม / จานวนสนิ คา้ ทผี่ ลติ และขายได้ ) + ตน้ ทุนแปรผนั ตอ่ หน่วย กล่าวคอื หากธรุ กจิ บราวนี่ของเรา มกี าลงั การผลติ คงทเี่ ดอื นละ 600 ชนิ้ ดงั นั้น ราคาขาย = (5,000 / 600) + 20 หรอื ตอ้ งขายบราวน่ีราคาชนิ้ ละ 28.33 บาทขนึ้ ไป เพอื่ ไม่ใหข้ าดทนุ จะเห็นไดว้ ่าการเพมิ่ ขนึ้ หรอื ลดลงของคา่ ใชจ้ า่ ยคงที่ คา่ ใชจ้ า่ ยแปรผนั ราคาขาย และจานวนยอดขาย ตา่ งมผี ลตอ่ จดุ คมุ้ ทุนทงั้ สนิ้ อย่างไรกต็ าม ไมว่ า่ จะเป็ นการคานวณจดุ คมุ้ ทนุ
หรอื คาดการณย์ อดขายลว้ นแลว้ แต่เป็ นตวั เลขทตี่ งั้ บนสมมตฐิ าน ดงั นั้น อยา่ ลมื ทจี่ ะมองโลกตามความเป็ นจรงิ เพอื่ แผนธรุ กจิ ทสี่ มเหตสุ มผล
กจิ กรรมการเรยี นการสอน กจิ กรรม (คาบท3ี่ 1-32) เทคนิคการสอนปฏบิ ตั ิ (แบบกลมุ่ ) ขน้ั ตอนการสอน กจิ กรรมที่ 16 ขนั้ เรา้ ความสนใจ กล่มุ ใดมเี ทคนิคการนาเสนอเนือ้ หาไดเ้ ป็ นทชี่ น่ื ชอบของเพอื่ นรบั คะแน นโบนัส 5 คะแนน ขน้ั กจิ กรรม 1. ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู ้ 2. ครูใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลุม่ ละ 3-4 คน ชว่ ยกนั ระดมความคดิ ใหค้ วามรว่ มมอื ศกึ ษาแขนงการตดั สนิ ใจ 3. ใหน้ ักเรยี นสรปุ ความรทู ้ ตี่ นเองไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ มา 4. แตล่ ะกล่มุ สง่ ตวั แทนออกมานาเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น 5. ครแู ละเพอื่ น ๆ ในชนั้ เรยี นชว่ ยกนั วจิ ารณแ์ ละใหข้ อ้ เสนอแนะเมอื่ แตล่ ะกล่มุ นาเสนอจบ 6. ครสู รปุ เนือ้ หาและประเด็นสาคญั จากการนาเสนอของนักเรยี น และอธบิ ายเพมิ่ เตมิ อกี ครง้ั หนึ่ง เพอื่ ความเขา้ ใจยงิ่ ขนึ้ ขนั้ สรุป ครสู รปุ ประเด็นสาคญั จากการนาเสนอของนักเรยี นและอธบิ ายเพมิ่ เตมิ อี กครง้ั เพอื่ ความเขา้ ใจยงิ่ ขนึ้ การวดั ผลและประเมนิ ผล เครอื่ งมอื แบบบนั ทกึ การนาเสนอ วธิ วี ดั สงั เกตการนาเสนอ เกณฑก์ ารประเมนิ นาเสนอไดถ้ กู ตอ้ งตรงประเด็น 80%
ความสมั พนั ธก์ บั วชิ าอนื่ - กจิ กรรมเสนอแนะ - สอื่ การสอน อนิ เตอรเ์น็ต ใบความรู ้ เอกสารอา้ งองิ สธุ ี ขวญั เงนิ .การจดั การการผลติ และการปฏบิ ตั กิ าร.กรงุ เทพฯ:ซเี อ็ดยูเคชน่ั ,254 8 ณัฏฐพนั ธ ์ เขจรนันทน.์ การจดั การ การผลติ และการดาเนินงาน.กรงุ เทพฯ:ซเี อ็ดยเู คชน่ั ,2545 ชมุ พล ศฤงคารศริ .ิ การวางแผนและควบคมุ การผลติ .กรงุ เทพฯ:สง่ เสรมิ เทคโนโลยี (ไทย-ญปี่ ่ ุน),สนพ.สมาคม,2545
วทิ ยาลยั เทคโนโลยหี าดใหญ่อานวยวทิ ย ์ สปั ดาหท์ ี่ 9 คาบที่ 33-36 ท-ป-น 2-2-3 เวลา 4 คาบ 220 นาที หน่วยที่ 3 รหสั วชิ า 30215-2102 วชิ า การจดั การการผลติ ชอื่ หน่วย การเลอื กทาเลทตี่ งั้ รายการสอน ความหมายของทาเลทตี่ ง้ั ขน้ั ตอนในการตดั สนิ ใจเลอื กทาเลทตี่ ง้ั สาระสาคญั ทาเลทตี่ ง้ั หมายถงึ แหล่งทจี่ ะทาใหธ้ รุ กจิ สามารถประกอบกจิ กรรมทางธรุ กจิ ไดส้ ะดวกทสี่ ดุ โดยคานึงถงึ ผลประโยชนท์ ุกดา้ นทจี่ ะไดร้ บั เชน่ กาไร คา่ ใชจ้ า่ ย การตดิ ตอ่ สอ่ื สารตา่ ง ๆ และสงิ่ แวดลอ้ มภายนอก จนสนิ้ สดุ การดาเนินธรุ กจิ น้ัน อยา่ งไรกต็ ามเมอื่ ตดั สนิ ใจจะทาธรุ กจิ ใดแลว้ มกั จะกาหนดวตั ถปุ ระสงคข์ องกจิ การไวช้ ดั เจนว่าจะผลติ อะไร ปัจจยั ในการเลอื กทาเลทตี่ งั้ สถานประกอบธรุ กจิ 1.แหล่งวตั ถดุ บิ และทรพั ยากรธรรมชาติ 2. แหล่งแรงงาน
3.คา่ ใชจ้ า่ ยในการขนสง่ 4. สงิ อานวยความสะดวกต่าง ๆ 5. แหล่งลกู คา้ 6.กฎหมาย ระเบยี บและขอ้ บงั คบั 7.แหล่งเงนิ ทุน คุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค ์ นักเรยี นมกี ารพฒั นาดา้ นสตปิ ัญญา ผเู้ รยี นรจู ้ กั คดิ วเิ คราะหแ์ ละแกป้ ัญหาได ้ สมรรถนะประจาหน่วย 31 อธบิ ายความหมายของทาเลทตี่ ง้ั 32 เขยี นตวั แบบการขนสง่ 33 ใฝ่ หาความรหู ้ มน่ั ศกึ ษาเลา่ เรยี นทง้ั ทางตรงและทางออ้ ม จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม 311 อธบิ ายความหมายของทาเลทตี่ ง้ั ไดถ้ กู ตอ้ ง 312 ยกตวั อยา่ งขน้ั ตอนในการตดั สนิ ใจเลอื กทาเลทตี่ ง้ั ไดถ้ กู ตอ้ งจดุ ประสงคเ์ ชงิ พ ฤตกิ รรม 331 แสวงหาความรทู ้ ง้ั ทางตรงและทางออ้ ม
เนือ้ หา (คาบที่ 33-34) ความหมายของการเลอื กทาเลทตี่ ง้ั สถานประกอบธรุ กจิ การเลอื กทาเลทตี่ งั้ สถานประกอบธรุ กจิ หมายถงึ การจดั หาหรอื สรรหาสถานที่ สาหรบั ประกอบธรุ กจิ ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพสงู สดุ โดยคานึงถงึ กาไร ค่าใชจ้ า่ ย พนักงาน ความสมั พนั ธก์ บั ลกู คา้ ความสะดวก ตลอดจนสภาพแวดลอ้ มตา่ ง ๆ ทดี่ ตี ลอดระยะเวลาทปี่ ระกอบธรุ กจิ น้ัน ความสาคญั ในการเลอื กทาเลทตี่ ง้ั สถานประกอบธรุ กจิ การเลอื กทาเลทตี่ ง้ั สถานประกอบธรุ กจิ มคี วามสาคญั ต่อความสาเรจ็ ขององคก์ ารธรุ กจิ กล่าวคอื หากเลอื กทาเลทไี่ มเ่ หมาะสม จะทาใหอ้ งคก์ ารธรุ กจิ
ประสบปัญหาอนื่ ๆ ตามมา เชน่ คา่ ขนส่งสงู เน่ืองจากสถานประกอบธรุ กจิ อยู่ไกลจากแหลง่ วตั ถดุ บิ และตลาด นอกจากนี้ อาจขาดแคลนแรงงานทมี่ คี ณุ ภาพ ขาดแคลนวตั ถดุ บิ รวมไปถงึ ปัจจยั อน่ื ๆ ซง่ึ เป็ นอปุ สรรคตอ่ การผลติ และการปฏบิ ตั งิ านขององคก์ ารธรุ กจิ โดยท่วั ไปลกั ษณะของทาเล จะไมม่ ลี กั ษณะใด ทดี่ กี วา่ กนั อย่างชดั เจน แต่จะเกดิ จากการพจิ ารณาลกั ษณะดขี องแตล่ ะทาเล นามาประกอบกนั เพอื่ การตดั สนิ ใจเลอื กทใี่ ชต้ งั้ สถานประกอบธรุ กจิ ทอี่ าจกอ่ ใหเ้ กดิ ปัญหาในอนาคต ใหน้ อ้ ยทสี่ ดุ การเลอื กทาเลทตี่ งั้ สถานประกอบธรุ กจิ ตา่ ง ๆ โดยทว่ั ไปมกั จะพยายามหาแหล่ง หรอื ทาเลทที่ าใหต้ น้ ทนุ รวม ของการผลติ สนิ คา้ และ บรกิ ารทตี่ า่ ทสี่ ดุ เทา่ ทจี่ ะเป็ นไปไดแ้ ต่ลกั ษณะของการประกอบธรุ กจิ และสถาน ทปี่ ระกอบกจิ การย่อมแตกตา่ งกนั ในเรอื่ งของชนิดสนิ คา้ ค่าใชจ้ า่ ยและการลงทุน ดงั น้ันการพจิ ารณาเลอื กทาเลจงึ ตอ้ งคานึงถงึ ปัจจยั ต่าง ๆ หลายประการเพราะการเลอื กทาเลทตี่ งั้ มคี วามสาคญั ต่อการ ดาเนินงานขององคก์ ารธรุ กจิ ต่าง ๆ เชน่ การวางแผนระบบการผลติ การวางผงั โรงงาน การลงทุน และรายได ้ เป็ นตน้ ปัจจยั ในการเลอื กทาเลทตี่ ง้ั สถานประกอบธุรกจิ ปัจจยั ทเี่ ป็ นองคป์ ระกอบใชใ้ นการพจิ ารณาเลอื กทาเลทตี่ งั้ สถานประกอบธรุ กิ จ มดี งั นี้ 1. แหล่งวตั ถดุ บิ และทรพั ยากรธรรมชาติ 2. การตงั้ สถานประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะองคก์ ารธุรกิจประเภทอุตสาหกรรม ส่งที่นามาใชใ้ นการผลิตคือ วตั ถุดิบ เช่นโรงงานผลิตสับปะรดกระป๋ อง วตั ถุดิบ คือ อะไห่และชนิ้ ส่วนต่าง ๆ ของรถยนต ์ โรงงานผลิตเฟอรน์ ิเจอร ์ วัต ถุ ดิบ คือ ไม ้ ฯ ล ฯ ดังน้ั น ใน ก า รจัด ต้ังส ถ า น ป ระก อ บ ก า รธุรกิจ จึ ง ต ้ อ ง ค า นึ ง ถึ ง แ ห ล่ ง วั ต ถุ ดิ บ ที่ น า ม า ใ ช ้ ใ น ก า ร ผ ลิ ต ค ว ร จ ะ อ ยู่ ใ น แ ห ล่ ง วั ต ถุ ดิ บ ห รื อ อ ยู่ ใ ก ล ้ แ ห ล่ ง วั ต ถุ ดิ บ เพื่อสะดวกในการจดั หาวตั ถุดิบราคาวตั ถุดิบ และค่าขนส่งย่อมลดลง เชน่ โรงงานผลติ ปลากระป๋ อง ควรตงั้ อยู่ใกล ้ ชายฝ่ังทะเลจะไดว้ ตั ถุดบิ ราคาถูก
คุณภาพดี แต่ถา้ โรงงานผลติ ปลากระป๋ อง ตง้ั อยู่ไกลจากชายฝ่ังทะเลมาก วตั ถดุ บิ ทจี่ ดั หาอาจไม่มหี รอื มจี านวนนอ้ ยทาใหว้ ตั ถดุ บิ ราคาสงู คณุ ภาพไม่ดี แ ล ะ ต ้ อ ง เ สี ย ค่ า ข น ส่ ง สู ง เ ป็ น ต ้ น น อ ก จ า ก นั้ น ตอ้ งคานึงถงึ ทรพั ยากรธรรมชาตดิ ว้ ย เชน่ น้า อากาศ เน่ืองจากในการผลติ ส่ ว น ป ร ะก อ บ ที่ ส า คั ญ ที่ ใ ช ้ใ น ก า ร ผ ลิ ต ส่ ว น ใ ห ญ่ ต ้อ ง อ า ศั ย น้ า กิจก ารป ระเภ ท โรงงาน อุต ส าห ก รรม ส่ วน ให ญ่ จึงต้ังอ ยู่ ใก ล ้แ ม่ น้ า หรอื แหล่งนา้ ตา่ ง ๆ เพอื่ สะดวกในการนาน้ามาใชใ้ นการผลติ 3. ใ น ก า ร ตั้ ง ส ถ า น ที่ ป ร ะ ก อ บ ก า ร ใ ก ล ้ แ ม่ น้ า ต ้ อ ง ค า นึ ง ถึ ง ค ว า ม รับ ผิ ด ช อ บ ต่ อ ส ภ า พ แ ว ด ล ้อ ม ด ้ ว ย เช่ น ใ น ก า ร ผ ลิ ต จ ะ มี ข อ ง เสี ย จ า ก ก า ร ผ ลิ ต โ ร ง ง า น อุ ต ส า ห ก ร ร ม จ ะ ต ้ อ ง มี ร ะ บ บ ใ น ก า ร ก า จั ด น้ า เ สี ย ไม่ถา่ ยเทนา้ เสยี ลงในแมน่ ้าลาคลองหรอื เปลยี่ นสภาพจากน้าเสยี ใหเ้ ป็ นนา้ ดกี ่ อ น ที่ จ ะ ถ่ า ย เ ท ล ง ใ น แ ม่ น้ า ค ล อ ง กรณีที่โรงงานอุตสาหกรรมเมื่อทาการผลิตแลว้ มีฝ่ ุนละอองหรอื ควนั เสีย จะตอ้ งทาการป้ องกันมิใหอ้ ากาศเป็ นพิษดว้ ย การประกอบการธุรกิจ ไ ม่ ว่ า จ ะ เ ป็ น ป ร ะ เ ภ ท พ า ณิ ช ย ก ร ร ม หรอื ประเภท อุตสาหกรรมการเลือกท าเลที่ต้ังสถานที่ประกอบการจะ ตอ้ งคานึ งถึงแหล่งจัดซือ้ เพื่อใหก้ ารจัดซือ้ ไดส้ ินคา้ หรอื วัตถุดิบราคา ทเี่ หมาะสม เสยี คา่ ใชจ้ า่ ยในการจดั ซอื้ ตา่ คณุ ภาพสนิ คา้ หรอื วตั ถดุ บิ เป็ นตาม ทตี่ อ้ งการ และไดท้ นั เวลาทมี่ คี วามตอ้ งการของตลาด หรอื การผลติ 4. การจดั ซอื้ เพอื่ ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ มขี น้ั ตอนดงั นี้ 5. 1.1 ก า ห น ด ร า ย ล ะ เ อี ย ด ข อ ง สิ น ค ้ า ห รื อ วั ต ถุ ดิ บ ทตี่ อ้ งการซอื้ ทงั้ คณุ ภาพและปรมิ าณ 6. 1.2 ส า ร ว จ แ ห ล่ ง ข า ย โดยผูป้ ระกอบการจะตอ้ งทราบถงึ แหล่งขายสนิ คา้ หรอื วตั ถุดบิ ทตี่ อ้ งการจดั ซื้ อ ว่ า อ ยู่ ที่ ใ ด มี ผู้ข า ย กี่ ร า ย แ ต่ ล ะ ร า ย ก า ห น ด ร า ค า ข า ย เท่ า ไ ร คุณภาพสินคา้ หรอื วตั ถุดิบเป็ นอย่างไร มีเงือ่ นไขในการขายอย่างไรบา้ ง เมื่ อ ส า ร ว จ แ ห ล่ ง ข า ย แ ล ้ว ค า ด ว่ า จ ะ จัด ซื้อ จ า ก ผู้ข า ย ร า ย ใ ด ควรมีการเจรจาตกลง ในเรอื่ งต่าง ๆ เพื่อใหเ้ กดิ ความชดั เจนในการจดั ซอื้ ในกรณีจดั ซอื้ ครง้ั ละเป็ นจานวนมาก การเจรจาระหว่าง ผูจ้ ดั ซอื้ และผูข้ าย
ค ว ร จั ด ต้ั ง ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร เพอื่ ดาเนินการเป็ นการป้ องกนั การทุจรติ ทอี่ าจจะเกดิ ขนึ้ ได ้ 7. 1.3 การส่งั ซอื้ หลงั จากไดม้ ีการเจรจาตกลงกนั แลว้ ผูจ้ ดั ซอื้ จดั ทาใบส่งั ซอื้ ซงึ่ ประกอบดว้ ยรายละเอยี ดต่าง ๆ ไดแ้ ก่ วนั เดอื น ปี ทสี่ ่งั ซอื้ ราคาต่อหน่วย ร า ค า ร ว ม ช่ื อ เ ค รื่ อ ง ห ม า ย ก า ร ค ้ า ข อ ง ผู้ จั ด ซื้ อ ชื่ อ เ ค รื่อ ง ห ม า ย ก า ร ค ้ า ข อ ง ผู้ ข า ย ร ะ บุ เ งื่ อ น ไ ข ต่ า ง ๆ เ ช่ น เงอื่ นไขในการส่งมอบ เงอื่ นไขในการชาระเงนิ 8. 1.4 ก า ร รับ สิ น ค ้า ห รือ วัต ถุ ดิ บ เมื่ อ ผู้ข า ย ส่ ง สิ น ค ้า ใ ห ้ผู้จั ด ซื้อ จ ะ ต ้อ ง มี ใ บ ก า กับ สิ น ค ้า แ ส ด ง ร า ย ล ะ เอี ย ด เกี่ ย ว กับ วัน เดื อ น ปี ทสี่ ่งสนิ คา้ หรอื วตั ถุดบิ ปรมิ าณสนิ คา้ หรอื วตั ถุดบิ ราคาต่อหน่วย ราคารวม ช่ือเครือ่ งหมายการคา้ ของผูข้ าย ชื่อเครอื่ งหมายการคา้ ของผูส้ ่ังซือ้ ผู้ จั ด ซื้ อ จ ะ ต ้ อ ง ต ร ว จ ส อ บ ค ว า ม ถู ก ต ้ อ ง ของสนิ คา้ หรอื วตั ถดุ บิ ทไี่ ดร้ บั ใหต้ รงตามใบสง่ั ซอื้ และใบกากบั สนิ คา้ 9. แหล่งแรงงาน 10. แรงงาน หมายถึง ส่ิงที่ไดจ้ ากความสามารถของมนุ ษยท์ ั้งแรงงาน ที่ ไ ด ้ จ า ก แ ร ง ก า ย แ ล ะ แ ร ง ง า น ที่ ไ ด ้ จ า ก ค ว า ม คิ ด เพื่ อ น า ม า ใ ช ้ใ น ก า ร ผ ลิ ต สิ น ค ้า แ ล ะ บ ริก า ร ต า ม ที่ ต ้อ ง ก า ร แรงงานทผี่ ูป้ ระกอบการตอ้ งการ แบง่ ออกเป็ น 2 ประเภท คอื 11. 2.1 แรงงานทมี่ ฝี ี มอื หรอื แรงงานทมี่ คี วามชานาญ (Skilled Labour) 12. 2.2 แรงงานไรฝ้ ี มอื หรอื แรงงานท่วั ไป (Unskilled Labour) 13. ผู้ ป ร ะ ก อ บ ก า ร จ ะ มี ค ว า ม ต ้ อ ง ก า ร แ ร ง ง า น ป ร ะ เ ภ ท ใ ด จะรูไ้ ดโ้ ดยการจัดทารายละเอียดหน้าที่ของตาแหน่ งงานแต่ละตาแหน่ ง ต ้ อ ง ก า ร แ ร ง ง า น จ า น ว น เ ท่ า ใ ด แ ล ะ เ มื่ อ ใ ด โ ด ย ก า ร เ ส น อ จ า ก แ ต่ ล ะ ห น่ ว ย ง า น ใ น อ ง ค ์ ก า ร ธุ ร กิ จ ใ น ก า ร จั ด ห า ส ถ า น ที่ ป ร ะ ก อ บ ก า ร ต ้ อ ง ค า นึ ง ถึ ง แ ห ล่ ง แ ร ง ง า น ที่ ธุ ร กิ จ มี ค ว า ม ต ้ อ ง ก า ร ซึ่ ง ค ว ร จ ะ เ ป็ น แ ห ล่ ง ที่ จั ด ห า แ ร ง ง า น ไ ด ้ ง่ า ย อั ต ร า ค่ า จ ้ า ง ต่ า แ ล ะ มี คุ ณ ภ า พ ต า ม ที่ ต ้ อ ง ก า ร เ ช่ น ใ น ก า ร ด า เ นิ น กิ จ ก า ร โ ร ง ง า น ผ ลิ ต ป ล า ก ร ะ ป๋ อ ง แรงงาน ที่ต ้อ งก ารใช ส้ ่วน ให ญ่ เป็ น ป ระเภ ท แรงก าย แรงงาน ไรฝ้ ี มือ สถานทปี่ ระกอบการตงั้ ในต่างจงั หวดั จะหา แรงงานไดง้ ่าย และอตั ราค่าจา้ งต่า
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223