ดร.สาวิตรี บญุ มี ส่วนท่ี 2 หลกั การสรา้ งแบบจาลองและสตู รคานวณใน Microsoft Excel 85 4.5.2 การสร้างสตู รดว้ ยการอ้างอิงเซลล์ การพิมพ์ค่าคงท่ีในสูตรนั้นทาให้สูตรขาดความ Dynamic กล่าวคือ ไม่สามารถเปล่ียนค่า ข้อมูลในการคานวณได้ ยกเว้นต้องเข้าไปแก้ไขในสตู ร ดงั นนั้ โดยปกติแล้ว การสรา้ งสตู รใน Excel จะเน้น การเลือกเซลล์ที่มีค่าที่ต้องการใช้จากส่วนนาเข้าของข้อมูล และใส่ตัวดาเนินการระหว่างเซลล์ที่เลือกเพื่อ ใช้ในการสร้างสูตร วิธีการน้ีจะช่วยให้สามารถเปล่ียนค่าข้อมูลนาเข้าเพ่ือแสดงผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงตาม ข้อมลู ได้ ในการใช้งานเคร่ืองมือช้ันสูงของ Excel เช่น สถานการณ์สมมติ (Scenario manager) การ ค้นหาเป้าหมาย (Goal seek) ตารางข้อมูล (Data table) หรือ Solver นั้น ถ้าไม่สร้างสูตรคานวณด้วย วิธีการอา้ งอิงเซลลจ์ ะไมส่ ามารถใช้เครอ่ื งมือชั้นสงู ท่เี ปน็ ประโยชน์เหลา่ น้ีได้ ตัวอยา่ งขนั้ ตอนการสรา้ งสูตรดว้ ยการอา้ งองิ เซลล์ 1) เลือกแผ่นงาน Sheet2 และพิมพ์ตัวเลข 1 ลงในเซลล์ A1 พิมพ์เลข 2 ลงในเซลล์ B1 และพิมพ์ เลข 3 ลงในเซลล์ C1 2) จากน้ันใชเ้ มา้ สค์ ลิกเลือกเซลล์ A2 แล้วพมิ พ์ = (เครอื่ งหมายเท่ากบั ) 3) เม่อื พิมพ์ = ให้ใช้เม้าสค์ ลกิ เลือกเซลล์ A1 4) ลองสังเกตว่าเซลล์ที่กาลังถูกเลือกนั้นจะเปล่ียนจากเส้นทึบเป็นเส้นประกระพริบ นั่นหมายถึงว่า เซลล์กาลังถูกเลือกแต่ยังสามารถเปล่ียนแปลงไปเลือกเซลล์อื่นได้จนกว่าจะมีการพิมพ์ตัว ดาเนินการต่างๆ เช่น + (เคร่ืองหมายบวก) - (เคร่ืองหมายลบ) * (เคร่ืองหมายคูณ) / (เครื่องหมายหาร) , (เครือ่ งหมายจุลภาค) ) (เครอ่ื งหมายวงเลบ็ ) หรอื กดปมุ่ Enter 5) จากนั้น ใส่ + (เคร่ืองหมายบวก) แล้วใช้เม้าส์คลิกเลือกเซลล์ B1 ใส่ * (เคร่ืองหมายคูณ) แล้วใช้ เมา้ ส์คลกิ เลือกเซลล์ C1 ดงั ภาพที่ 4.4 แล้วกดปมุ่ Enter ภาพที่ 4.4 การสร้างสตู รด้วยการอา้ งองิ เซลล์ เทคนคิ การสรา้ งสตู ร หลังจากสร้างสูตรเสรจ็ แล้วควรกดปุ่ม Enter เสมอ ปุ่ม Enter เปรียบเหมือนคาส่ังท่ีให้ทาการ คานวณตามสตู ร และยงั เพอื่ ป้องกันไม่ใหเ้ ซลลท์ ี่เลือกไว้เคลื่อนที่จากการคลิกเม้าส์ จากความรู้เร่ืองแบบจาลองและวิธีการสร้างสูตรใน Excel เนื้อหาในส่วนต่อไปจะเป็นการฝึก ปฏิบัติการสร้างแบบจาลองทางธุรกิจอย่างง่ายเพ่ือให้ผู้เรียนมีความคุ้นเคยและชานาญในการสร้างสูตร โดยจะประกอบดว้ ย แบบจาลองงบกาไรขาดทุน และแบบจาลองจุดคุม้ ทุน
86 บทที่ 4 การสร้างแบบจาลองทางธรุ กจิ ด้วย Microsoft Excel 4.6 แบบจาลอง 1 งบกาไรขาดทนุ งบกาไรขาดทุน เป็นงบการเงินที่แสดงผลการการดาเนินงานของกิจการในช่วงเวลาใดเวลาหน่ึง ประกอบด้วย รายได้ คา่ ใช้จา่ ย และกาไรหรือขาดทนุ สุทธิ จากภาพที่ 4.5 เป็บงบกาไรขาดทุนเปรยี บเทียบ 3 ปีย้อนหลัง เพ่ือใช้เปรยี บเทียบผลการดาเนินงาน และดูแนวโนม้ ของผลการการดาเนนิ งาน บริษัท กอขอคอ จากัด งบกาไรขาดทนุ เบ็ดเสรจ็ ปี 2558 ปี 2559 ปี 2560 รายได้ รายได้จากการขาย 5,000,000 5,400,000 6,000,000 รายได้คา่ บรกิ าร 1,200,000 800,000 990,000 รายไดอ้ น่ื 600,000 700,800 320,000 รวมรายได้ 6,800,000 6,900,800 7,310,000 ค่าใชจ้ า่ ย ต้นทนุ ขาย 2,250,000 2,400,000 3,200,000 คา่ ใช้จ่ายในการขาย 778,000 820,000 1,100,000 คา่ ใช้จา่ ยในการบริหาร 1,023,400 1,100,000 999,000 รวมค่าใชจ้ า่ ย 4,051,400 4,320,000 5,299,000 กาไรกอ่ นภาษเี งินได้ 2,748,600 2,480,000 1,601,800 ภาษเี งินไดน้ ิตบิ คุ คล 30% 2,748,600 2,580,800 2,011,000 กาไรสาหรบั งวด 824,580 774,240 603,300 อตั รากาไรสทุ ธิ 1,924,020 1,806,560 1,407,700 ภาพที่ 4.5 ตวั อยา่ งงบกาไรขาดทนุ เบ็ดเสรจ็ เปรียบเทยี บ 3 ปีย้อนหลัง จากภาพท่ี 4.5 สว่ นทเี่ ติมสีพ้ืนหลงั สีฟ้าคือสว่ นทตี่ ้องมกี ารคานวณ ซงึ่ สามารถอธบิ ายได้ ดังนี้ รวมรายได้ = รายไดจ้ ากการขาย + รายได้ค่าบริการ + รายได้อ่ืน รวมคา่ ใช้จา่ ย = ตน้ ทนุ ขาย + ค่าใช้จา่ ยในการขาย + คา่ ใช้จา่ ยในการบริหาร กาไรกอ่ นภาษเี งินได้ = รวมรายได้ – รวมค่าใช้จ่าย ภาษเี งินได้นิติบคุ ลล = อัตราภาษเี งนิ ได้นิตบิ ุคคล (30%) x กาไรก่อนภาษีเงนิ ได้ กาไรสาหรบั งวด = กาไรก่อนภาษเี งนิ ได้ – ภาษเี งินไดน้ ิตบิ คุ คล อตั รากาไรสทุ ธิ = กาไรสาหรับงวด ÷ รวมรายได้ (ผลลพั ธเ์ ป็นเปอร์เซ็นต)์ เม่ือนางบกาไรขาดทุนเปรียบเทียบจากภาพท่ี 4.5 ไปจดั ทาเปน็ แบบจาลองจะได้ตามภาพที่ 4.6 ซึ่งจะเห็นได้ว่าส่วนนาเข้าข้อมูล ส่วนคานวณ และส่วนแสดงผลลัพธ์จะอยู่รวมกันไม่แยกออกจากกันอยา่ ง
ดร.สาวิตรี บญุ มี ส่วนที่ 2 หลักการสรา้ งแบบจาลองและสตู รคานวณใน Microsoft Excel 87 ชัดเจน เน่ืองจากแบบจาลองงบกาไรขาดทุนท่ีให้ฝึกปฏิบัติน้ันเป็นงบกาไรขาดทุนแบบง่ายไม่ซับซ้อนเพื่อ ชว่ ยใหผ้ ู้เรียนเขา้ ใจและฝึกการสรา้ งแบบจาลองทางธรุ กิจเบ้ืองตน้ นอกจากน้ีรปู แบบการสรา้ งแบบจาลอง ยงั แตกตา่ งกนั ไปตามการใช้งานผลลพั ธ์ ในกรณีของงบกาไรขาดทุนนั้น สว่ นของข้อมูลนาเขา้ และส่วนของ ผลลพั ธ์จะถกู แสดงอยดู่ ้วยกันในรูปแบบตามตัวอย่าง ภาพที่ 4.6 แบบจาลองงบกาไรขาดทุน จากภาพ หมายเลข คือส่วนนาเขา้ ข้อมลู และหมายเลข คือส่วนคานวณและแสดงผล หมายเลข ส่วนนาเข้าข้อมูล ประกอบด้วย รายได้จากการขาย รายได้ค่าบริการ รายได้อื่น ต้นทนุ ขาย คา่ ใช้จา่ ยในการขาย คา่ ใช้จา่ ยในการบริหาร และอตั ราภาษีเงนิ ไดน้ ติ บิ ุคคล หมายเลข ส่วนคานวณและส่วนผลลัพธ์ อยู่ร่วมกัน โดยการคานวณคือสูตรที่สร้างในเซลล์ และผลลัพธ์จะแสดงผลในเซลล์เดียวกัน ซึ่งเป็นลักษณะการทางานตามปกติของ Excel ส่วนคานวณและ ผลลัพธ์ จากสูตรและวิธีการคานวณข้างต้น สามารถนามาสร้างสตู รคานวณในส่วนคานวณและแสดงผล ไดต้ ามขนั้ ตอนต่อไปน้ี 1) เปดิ แผ่นงานชอื่ IS จากไฟล์ชอ่ื ch4formula.xlsx 2) ในแบบจาลองงบกาไรขาดทุน โดยในเซลล์ท่ีระบุต่อไปน้ีให้สร้างสูตรคานวณในเซลล์ในแผ่นงาน โดยสูตรทีถ่ ูกตอ้ งควรไดผ้ ลลพั ธ์ตรงกับแบบผลการคานวณในตัวอย่างคานวณงบกาไรขาดทนุ เซลล์ D8: รวมรายได้ สตู ร =D5+D6+D7 หรือ =SUM(D5:D7)
88 บทท่ี 4 การสรา้ งแบบจาลองทางธุรกิจด้วย Microsoft Excel เซลล์ D13: รวมค่าใช้จา่ ย สตู ร =D10+D11+D12 หรือ =SUM(D10:D12) เซลล์ D14: กาไรกอ่ นภาษีเงนิ ได้ สตู ร =D8-D13 เซลล์ D15: ภาษเี งินไดน้ ิติบุคคล สตู ร =D14*C15 เซลล์ D16: กาไรสาหรบั งวด สูตร =D14-D15 เซลล์ D17: อตั รากาไรสุทธิ สตู ร = D16/D8 3) คดั ลอกสตู รทส่ี ร้างข้ึนไปยังเซลล์ในแถวเดียวกนั เน่ืองจากใชส้ ูตรคานวณเดยี วกัน ใหล้ องสังเกตว่า เซลลจ์ ะเคล่ือนทตี่ ามเซลล์เป้าหมายที่คัดลอกสตู รไปไว้ เทคนคิ การคัดลอกสูตร ถ้าในเซลลต์ ดิ กนั ตอ้ งการสรา้ งสตู รเหมือนกนั สามารถทางานได้รวดเร็วข้นึ ดว้ ยการคดั ลอกสตู รโดย ใช้เมาสค์ ลิกทีม่ มุ ขวาลา่ งของเซลลแ์ ล้วลากไปยังเซลล์ติดกันท่ตี ้องการคัดลอกสูตร สูตรที่สร้างทั้งหมดแสดงอยู่ในภาพท่ี 4.7 จากการคัดลอกสูตรจะพบว่าสูตรของภาษีเงินได้นิติ บุคคลการคดั ลอกแล้วเซลล์ท่เี ปน็ สูตรเคลื่อนทตี่ ามไปด้วยจะทาให้ผลการคานวณของเซลล์ในรายการน้ีผิด เน่ืองจากอัตราภาษีที่อยู่ในเซลล์ C15 เคล่ือนที่ตามไปทั้งท่ีไม่ควรเคลื่อนไปจากเซลล์ดังกล่าว วิธีการ จัดการกับการอ้างอิงเซลล์น้ีจะกล่าวถึงโดยละเอียดในบทที่ 6 ในบทน้ีให้ใส่สูตรในเซลล์ D15 E15 และ F15 ทลี ะเซลลแ์ ทนการคดั ลอก ภาพที่ 4.7 สตู รในแบบจาลองงบกาไรขาดทุน 4) จากแบบจาลองที่สรา้ งข้นึ ใหท้ ดลองเปลยี่ นขอ้ มูลนาเข้า ดงั ต่อไปน้ี ก. ถา้ ปี 2558 มรี ายได้จากการขาย 5,500,000 บาท สงั เกตกาไรสาหรับงวด ข. ถ้าปี 2559 มีตน้ ทุนขาย 2,200,000 บาท สังเกตกาไรสาหรบั งวด
ดร.สาวติ รี บญุ มี ส่วนท่ี 2 หลกั การสรา้ งแบบจาลองและสตู รคานวณใน Microsoft Excel 89 ค. ถ้าปี 2560 มีคา่ ใชจ้ ่ายในการบริหาร 1,500,000 บาท สงั เกตกาไรสาหรบั งวด ง. ถ้าอัตราภาษเี งนิ ไดน้ ิติบคุ คลเพ่ิมเปน็ 32% สงั เกตอตั รากาไรสทุ ธิ จากการเปล่ียนค่าข้อมูลนาเข้าจะเห็นได้ว่า Excel จะทาการคานวณผลลัพธ์ให้ใหม่โดย อตั โนมัติ โดยไม่ตอ้ งทาการสร้างสูตรคานวณใหม่ ซ่งึ คือข้อดีของการแบ่งส่วนข้อมลู นาเข้าออกจากส่วนอื่น ในแบบจาลอง และเป็นหน่ึงในเหตุผลทาให้ Excel มีความเหมาะสมในการนามาสร้างแบบจาลองทาง ธรุ กิจ 4.7 แบบจาลอง 2 การวิเคราะห์จุดค้มุ ทุน (Break-even point analysis) การจุดคุ้มทุน หมายถึง หน่วยการขายท่ีทาให้รายได้ของบริษัทมีจานวนเท่ากับต้นทุนรวมของบรษิ ทั (ศนู ย์สง่ เสรมิ การพฒั นาความรตู้ ลาดทุน สถาบนั กองทนุ เพื่อพฒั นาตลาดทนุ ตลาดหลกั ทรพั ย์แหง่ ประเทศ ไทย, 2553) น่ันคอื จานวนหน่วยขายท่ีบริษัทไม่มีกาไร และไมข่ าดทุน โดยคานวณจากต้นทนุ คงท่ี ตน้ ทุน ผันแปรไดต้ อ่ หนว่ ย และราคาขายต่อหน่วย ต้นทุนคงที่ (Fixed costs) หมายถึง ต้นทุนสินค้าท่ีไม่มีการเปลีย่ นแปลงแม้หน่วยขายจะเพิ่มข้ึนหรอื ลดลง เช่น คา่ เชา่ ท่ี ซงึ่ ไมว่ ่าจะมยี อดขายหรือไม่ เจ้าของกิจการยงั คงตอ้ งจา่ ยคา่ เชา่ ที่ ต้นทุนผันแปรต่อหน่วย (Variable costs) หมายถึง ต้นทุนสินค้าที่เปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณการ ขาย ถา้ ไม่มีการขายเกิดขึ้น จะถึอวา่ ยังไม่เกิดต้นทนุ นัน้ ขน้ึ เชน่ ถา้ ขายไอศกรีม ตน้ ทนุ ค่าไอศกรีมและโคน ใส่ไอศกรีมจะยังไม่เกิดขนึ้ ถ้ายงั ไม่มีการขาย เน่ืองจากโคนและไอศกรมี ยงั คงอยู่กับกิจการ ตัวอย่างการคานวณจุดคุ้มทุน เช่น นางสาวกอไก่ เช่าท่ีถนนคนเดินเพ่ือขายเส้ือ โดยเสียค่าเช่าที่วัน ละ 200 บาท ราคาขายเสือ้ ตัวละ 120 บาท ราคาซื้อมาตัวละ 100 บาท หมายความวา่ การขายเส้ือแต่ละ ตัวจะกาไรตัวละ 120 – 100 คือ 20 บาท ดังน้ัน เพ่ือให้คุ้มค่าเช่าท่ี 200 บาท นางสาวจอ จะต้องขาย เส้ือให้ได้ 200/20 คือ 10 ตวั เปน็ อย่างนอ้ ย ถ้าขายได้ตวั ที่ 11 จะได้กาไร 20 บาท ถา้ ขายได้ไมถ่ งึ 10 ตวั จะขาดทนุ ซึ่งจานวน 10 ตวั น้เี รยี กว่า จุดคุ้มทนุ จากตัวอย่างคานวณจดุ คุ้มทนุ แบบง่ายขา้ งตน้ สามารถนามาเปน็ สูตรคานวณจุดคุ้มทุนได้ ดังนี้ สตู ร จุดคุม้ ทนุ = ต้นทุนคงที่ ราคาขายตอ่ หน่วย – ตน้ ทนุ ผนั แปรได้ต่อหนว่ ย จากวิธีการวเิ คราะห์จุดคุ้มทุนที่กล่าวมาจะนามาวิเคราะหก์ ารลงทุนทาธรุ กิจขายไอศกรีม ซึ่งมีข้อมูล เบอ้ื งต้นท่ีเก่ยี วข้อง ดังนี้ นางสาวกอไก่ ตั้งจะจะเปิดร้านขายไอศกรีมโคน โดยซ้ือไอศกรีมและโคนของไอศกรีมมาตักขายใน ราคาโคนละ 10 บาท โดยคาดว่าจะเชา่ ที่หลังโรงเรียนอนุบาลประจาจงั หวัด ซึ่งเสียค่าเช่าเดือนละ 3,000 บาท และตั้งใจว่าจะจ้างน้องสาวมาขายโดยให้น้องสาวตอบแทนเป็นเงินเดือน เดือนละ 3,000 บาท จาก
90 บทที่ 4 การสร้างแบบจาลองทางธุรกจิ ดว้ ย Microsoft Excel การประมาณการต้นทุนของไอศกรีม ค่าโคนราคาอันละ 1 บาท และค่าไอศกรีมราคา 4 บาทต่อโคน นางสาวกอไก่ประมาณการยอดขายระหว่างช่วงเปิดเทอมเฉพาะวันธรรมดาไว้ท่ีวันละ 45 โคน โดยหนึ่ง เดือนมีวันธรรมดาประมาณ 20 วัน คิดเป็นประมาณการยอดขายเดือนละ 900 โคน นางสาวกอไก่จึงทา การวิเคราะห์จดุ คุ้มทนุ ลงในสมดุ บนั ทกึ มีรายละเอียดดงั น้ี การวิเคราะห์จดุ คมุ้ ทุน รายได้ ราคาขายต่อหน่วย 10 บาท/โคน ประมาณการหนว่ ยขาย 900 โคน ตน้ ทุนคงที่ ต้นทนุ ผันแปร ค่าเชา่ 3,000 บาท/เดือน โคน 1 บาท/โคน เงินเดือนพนกั งานขาย 3,000 บาท/เดือน ไอศกรมี 4 บาท/โคน รวมตน้ ทุนคงที่ 6,000 รวมต้นทุนผนั แปรตอ่ หน่วย 5 บาท/โคน รายไดร้ วม 9,000 ตน้ ทนุ คงทร่ี วม 6,000 ตน้ ทุนผนั แปรรวม 4,500 กาไร/ขาดทุนสทุ ธิ -1,500 จุดค้มุ ทุน 1,200 โคน/เดือน ภาพที่ 4.8 ตัวอยา่ งการวเิ คราะหจ์ ุดคมุ้ ทนุ ร้านขายไอศกรีม จากภาพที่ 4.8 บริเวณทเ่ี ติมสีฟา้ เป็นผลลพั ธจ์ ากการคานวณ นางสาวกอไกม่ วี ิธีการคานวณดงั นี้ รวมตน้ ทุนคงที่ = คา่ เชา่ เงินเดือนพนกั งานขาย = 3,000 + 6,000 = 9,000 บาท รวมต้นทนุ ผนั แปรต่อหน่วย = คา่ โคนไอศกรมี คา่ ไอศกรีม =1+4 = 5 บาท/โคน รายไดร้ วม = ราคาขายต่อหนว่ ย ประมาณการหนว่ ยขาย = 10 x 900 = 9,000 บาท ตน้ ทนุ คงทีร่ วม = รวมตน้ ทุนคงท่ี = 6,000 ต้นทนุ ผันแปรรวม = รวมต้นทุนผันแปรตอ่ หน่วย ประมาณการหนว่ ยขาย = 5 x 900 = 4,500 บาท กาไร/ขาดทนุ สทุ ธิ = รายไดร้ วม ตน้ ทุนคงท่ีรวม ตน้ ทนุ ผนั แปรรวม
ดร.สาวติ รี บญุ มี สว่ นที่ 2 หลกั การสรา้ งแบบจาลองและสตู รคานวณใน Microsoft Excel 91 = 9,000 – 6000 – 4,500 = -1,500 บาท จุดคุ้นทนุ = 6,000 / (10 – 5) = 1,200 โคน ผลจากการวิเคราะห์พบว่า ถ้านางสาวกอไก่ขายไอศกรีมราคาโคนละ 10 บาท ได้ 900 โคนในหน่ึง เดือนนางสาวกอไกจ่ ะขาดทนุ เป็นเงนิ 1,500 บาท โดยที่จากการวิเคราะห์จุดคุ้มทนุ นางสาวกอไกค่ วรขาย ให้ไดไ้ มต่ ่ากว่าเดอื นละ 1,200 โคนจึงจะไมข่ าดทนุ ดงั นนั้ นางสาวกอไก่จึงต้องการปรับกลยุทธ์ในการขาย เปน็ ประเด็น ดังนี้ ถ้าไม่ปรับกลุยุทธ์ใด ๆ เลย แต่ต้องการได้กาไรเดือนละ 5,000 บาท ต้องขายไอศกรีมให้ได้เดือน ละกีโ่ คน ถ้าปรับราคาขายขน้ึ เปน็ โคนละ 15 บาท แต่ยอดขายละลดลงเหลอื เดอื นละ 700 โคน จะไดก้ าไร หรือขาดทนุ กบ่ี าท ถา้ ขายราคา 10 บาท และยอดขาย 900 โคนเท่าเดมิ แต่ลดต้นทนุ ดว้ ยการจ้างพนกั งานขายเดือน ละ 4,500 บาท จะไดก้ าไรหรือขาดทุนกบี่ าท และจดุ คุ้มทนุ จะเปลยี่ นแปลงเปน็ กโี่ คน ถ้าปรับคุณภาพของไอศกรีมโดยใช้วตั ถุดิบท่ีทาให้รสชาติดีข้ึน ต้นทุนค่าไอศกรีมข้ึนเป็นโคนละ 6 บาท คา่ โคนเป็นโคนละ 2 บาท โดยจะขายโคนละ 20 บาท คาดว่าจะขายได้เดือนละ 1,000 โคน โดยเปล่ียนทาเลที่ขายในย่านท่ีเป็นพนักงานบริษัทท่ีมีกาลังซ้ือ ค่าเช่าที่จะกลายเป็นเดือนละ 5,000 บาท แต่จะเลิกจ้างพนักงานโดยนางสาวกอไก่จะเป็นผู้ขายเอง นางสาวกอไก่จะได้กาไร หรอื ขาดทุนกบ่ี าท และจุดคมุ้ ทุนจะเปล่ยี นแปลงเปน็ กีโ่ คน เนื่องจากนางสาวกอไก่มีกลยุทธหลายทางเลือกจึงเห็นว่าควรใช้ Excel สร้างแบบจาลองเพ่ือช่วยใน การคานวณท่ีใช้สูตรเหมือนกัน เพ่ือความถูกต้องและประหยัดเวลา นางสาวกอไก่จึงจัดทาแบบจาลองขึ้น ตามภาพท่ี 4.9
92 บทท่ี 4 การสรา้ งแบบจาลองทางธุรกจิ ด้วย Microsoft Excel ภาพท่ี 4.9 แบบจาลองจดุ คุม้ ทุน แบบจาลองจุดคุ้มทุนที่นางสาวกอไก่สร้างข้ึนนี้มีการแบ่งพ้ืนที่สาหรับส่วนนาเข้าข้อมูลชัดเจนข้ึน แต่ สว่ นของการคานวณและส่วนการแสดงผลยังอยู่รวมกนั ส่วนข้อมูลนาเข้า ประกอบด้วย ราคาขายต่อหน่วย ประมาณการหน่วยขาย ค่าเช่า เงินเดือน พนกั งานขาย ตน้ ทนุ ค่าโคนใส่ไอศกรีมต่อหน่วย และต้นทุนค่าไอศกรีมต่อหน่วย สว่ นคานวณและแสดงผลลัพธ์ ประกอบด้วย รวมต้นทุนคงท่ี รวมตน้ ทุนผนั แปรต่อหนว่ ย รายได้รวม ตน้ ทนุ ผันแปรรวม กาไรสุทธิ และจดุ ค้มุ ทนุ ซึ่งมวี ธิ กี ารคานวณตามรายละเอียดขา้ งต้น จากสูตรและวิธีการคานวณข้างต้น สามารถนามาสร้างสูตรคานวณในส่วนคานวณและแสดงผลได้ ตามข้นั ตอนตอ่ ไปน้ี 1) เปดิ แผ่นงานช่อื BEP 2) สร้างแบบจาลองตามภาพโดยในเซลล์ที่ระบุต่อไปนี้ให้สร้างสูตรคานวณในเซลล์ในแผ่นงาน โดย สตู รท่ีถูกต้องควรได้ผลลพั ธต์ รงกบั ภาพท่ี 4.8 B11: รวมต้นทนุ คงท่ี สูตร =B9+B10 F11: รวมต้นทุนผนั แปร สูตร =F9+F10
ดร.สาวติ รี บญุ มี สว่ นท่ี 2 หลกั การสร้างแบบจาลองและสตู รคานวณใน Microsoft Excel 93 B14: รายไดร้ วม สูตร =B5*B6 B15: ตน้ ทนุ คงทีร่ วม สูตร =B11 B16: ตน้ ทุนผันแปรรวม สูตร =F11*B6 B17: กาไรสทุ ธิ สูตร = =B14-B15-B16 B19: จุดคุ้มทุน สตู ร = =B11/(B5-F11) สูตรท่สี รา้ งท้ังหมดแสดงอยูใ่ นภาพท่ี 4.10 ภาพที่ 4.10 สตู รในแบบจาลองวเิ คราะห์จุดคมุ้ ทนุ 4.8 แบบจาลอง 3 การคานวณดอกเบี้ยทบตน้ ของเงินฝากธนาคาร การคิดดอกเบี้ยแบบธนาคารนนั้ เรียกว่า ดอกเบี้ยทบต้น เน่ืองจากธนาคารจะนาดอกเบยี้ ท่ีได้รบั จาก การฝากเงินธนาคารไปรวมสมทบกับเงนิ ตน้ เดมิ เพ่ือนาไปคานวณดอกเบ้ียเงนิ ฝากในรอบถดั ไป ยกตัวอย่าง เชน่ นางสาวกอไก่นาเงินท่ีได้จากการทาธุรกิจไปฝากธนาคาร 100,000 บาท โดยที่ธนาคารให้ดอกเบ้ียปี ละ 5% และคิดดอกเบี้ยปีละ 2 คร้ัง เม่ือเงินครบคร่ึงปีแรก ธนาคารจะคิดดอกเบ้ียให้ในอัตรา 2.5% ต่อครืงปี หรือ 5% ต่อปีหารด้วยปีละ 2 คร้ัง คิดเป็นดอกเบ้ียเงินฝาก 100,000 x 2.5% มีค่า 2,500 บาท โดยดอกเบย้ี เงินฝากนัน้ ธนาคารจะนาเข้าบญั ชี นางสาวกอไก่จึงมีเงินฝากเพ่ิมเป็น 100,000 + 2,500 มคี ่า 102,500 บาท เรียกว่าการทบต้น เม่ือฝากเงินต่อไปอีกครั้งปี นางสาวกอไก่จะได้ดอกเบี้ยเงินฝาก 102,500 x 2.5% มีค่า 2,562.50 บาท และเงินฝากจะกลายเป็น 105,062.50 บาท และจะทบต้นเช่นนี้ ไปเรื่อย ๆ จากวธิ ีการคานวณดอกเบีย้ ทบต้นดงั กลา่ ว สามารถเขียนเป็นสมการคณิตศาสตรไ์ ด้ ดังน้ี
94 บทที่ 4 การสร้างแบบจาลองทางธรุ กิจด้วย Microsoft Excel เงนิ ฝากทบต้นงวดที่ n = P(1 + mi )nm P คอื Principle จานวนเงนิ ต้นทฝี่ ากธนาคารครั้งแรก i คือ Interest อัตราดอกเบย้ี เงนิ ฝากต่อปี n คือ จานวนปีทฝ่ี ากเงนิ m คอื จานวนคร้งั ทธ่ี นาคารคิดดอกเบี้ยในแตล่ ะปี จากสมการดังกลา่ วสามารถนามาเขยี นใหม่เปน็ บรรทดั เดยี วใช้สร้างสตู รใน Excel ได้ดงั นี้ เงินฝากทบตน้ งวดท่ี n = p*((1+(i/m))^(n*m)) จากตวั อย่างของนางสาวกอไก่ ถา้ นางสาวกอไกต่ อ้ งการฝากเงนิ เป็นเวลา 7 ปี เมอื่ แทนคา่ ในสูตรเพ่ือ หาจะได้ ดงั น้ี P = 100,000 i = 5% n =7 m=2 เงินฝากทบตน้ เมอื่ สน้ิ ปที ่ี 7 ของนางสาวกอไก่ เปน็ เงนิ 100000 *( (1+(0.05/2))^(7*2)) = 141,297.38 บาท โดยจานวนเงนิ ดอกเบ้ยี รบั จากการฝากเงนิ เปน็ เงิน 141,297.38 – 100,000 = 41,297.38 บาท สามารถคานวณได้โดยใชส้ ูตรต่อไปนี้ จานวนเงินดอกเบี้ยรบั = จานวนเงินฝากทบต้น – จานวนเงินต้น เมื่อนาวิธีการคานวณดอกเบ้ียเงินฝากทบต้นมาสร้างเป็นแบบจาลอง จะมีลักษณะตามภาพที่ 4.11 ซงึ่ แบบจาลองดังกลา่ วถือเป็นแบบจาลองท่ีไม่มีความซบั ซ้อนในการคานวณ จงึ มกี ารแยกเฉพาะส่วนนาเข้า ขอ้ มูล แตส่ ่วนการคานวณและสว่ นแสดงผล อย่รู วมกนั โดยทงั้ สามส่วนอยู่ในแผ่นงานเดยี วกัน
ดร.สาวติ รี บญุ มี สว่ นท่ี 2 หลักการสร้างแบบจาลองและสตู รคานวณใน Microsoft Excel 95 ภาพที่ 4.11 แบบจาลองคานวณดอกเบยี้ ทบตน้ โดยข้นั ตอนการสรา้ งแบบจาลองคานวณดอกเบี้ยทบต้น มีข้ันตอนดงั ต่อไปน้ี 1) สร้างแผ่นงานใหมต่ ้งั ชือ่ FV 2) สรา้ งแบบจาลองตามภาพท่ี 4.11 โดยในเซลลท์ ร่ี ะบตุ อ่ ไปน้ีใหส้ ร้างสูตรคานวณในเซลล์ในแผ่น งาน โดยสตู รทถี่ กู ต้องควรได้ผลลัพธต์ รงกบั ภาพท่ี 4.11 B6: จานวนเงนิ ทไี่ ดร้ บั พรอ้ มดอกเบยี้ สูตร =B1*(1+(B2/B4))^(B3*B4) F7: จานวนเงนิ ดอกเบ้ียรบั สตู ร =B6-B1 โดยคา่ ของข้อมูลนาเขา้ และสูตรคานวณของแบบจาลองนแ้ี สดงอย่ใู นภาพที่ 4.12 ภาพท่ี 4.12 สูตรในแบบจาลองคานวณดอกเบีย้ ทบต้น
96 บทที่ 4 การสรา้ งแบบจาลองทางธุรกิจด้วย Microsoft Excel 4.9 สรุป Microsoft Excel มีความเหมาะสมต่อการสรา้ งแบบจาลองทางธรุ กิจเนื่องจากแบบจาลองทางธรุ กจิ นั้นมักจะเกี่ยวข้องกับการคานวณ หรือ การวิเคราะห์ทางเลือกเพื่อประกอบการตัดสินใจ เช่น การ วิเคราะห์เส้นทางขนส่ง หรือ ตัวแบบแถวคอย การใช้ Excel สร้างแบบจาลองทางธุรกิจจะช่วยให้การ คานวณซ้าในวิธีการเดิมทาได้ถูกต้องและรวดเร็วมากยิ่งข้ึน ซึ่งการสร้างแบบจาลองทางธุรกิจด้วย Excel ควรแบ่งพื้นที่การทางานออกเป็น 3 ส่วน คือส่วนนาเข้าข้อมูล ส่วนคานวณ และส่วนแสดงผลลัพธ์ โดยใน การสร้างสูตรคานวณในแบบจาลองนั้นต้องใช้ตัวดาเนินการให้การคานวณอย่างถูกต้องและเหมาะสม เพื่อให้ผลลัพธ์จากการคานวณถูกต้องเช่นกัน ดังน้ันจึงจาเป็นต้องเข้าใจเครื่องหมายตัวดาเนินการท่ีใช้ใน Excel และลาดับความสาคัญของแต่ละเคร่ืองหมาย รวมถึงการใช้วงเล็บลาดับการคานวณ เพื่อช่วยให้ สามารถแปลงสมการคณิตศาสตร์ของแนวคิดทางธุรกจิ เป็นสตู รที่ใชใ้ น Excel ไดอ้ ย่างถกู ต้อง ท้ังน้ีส่ิงท่ีสาคัญท่ีสุดในการสร้างแบบจาลองทางธุรกิจคือ ความเข้าใจในแนวคิดและวิธีการคานวณ ของแนวคิดนั้นอย่างถ่องแท้ เน่ืองจากแม้จะสามารถใช้ Excel ได้อย่างคล่องแคล่วแต่หากไม่ทราบวิธีการ คานวณแล้วกไ็ มส่ ามารถแปลงแนวคิดน้ันมาเป็นแบบจาลองได้อยา่ งถกู ต้องและสมบรู ณ์ได้
ดร.สาวติ รี บญุ มี สว่ นท่ี 2 หลักการสร้างแบบจาลองและสตู รคานวณใน Microsoft Excel 97 แบบฝกึ หดั ท้ายบทที่ 4 ตอนท่ี 1 การใชต้ วั ดาเนินการในการคานวณ ผลลพั ธ์ จงหาคาตอบของสตู รคานวณต่อไปนี้ ขอ้ สตู รคานวณ 1 = 10 * 2 + 2 * 5 2 =3*4 /2^2 3 = -300 * 20% + 500 4 =3*4/(2^2) 5 = 10 * 20 & 2 + 3 * 5 ตอนท่ี 2 การแปลงสมการคณติ ศาสตร์เป็นสตู รใน Excel จงแปลงสมการคณิตศาสตร์ตอ่ ไปน้ีให้เป็นสูตรใน Excel ขอ้ รปู แบบสูตร สตู รใน Excel 1 = anaman+m x − y 2 = z 3 = 1 b2 √a2 − 4 = −b + √b2 − 4ac 2a 5 = P (1 + nr)nt 6 = an+m 7 = an bn 8 = 4 πr3 3 หมายเหตุ การคานวณรากทส่ี องของคา่ ใดๆ ใช้ฟงั กช์ ันช่อื =SQRT(คา่ ) ตอนที่ 3 ฝกึ ปฏิบัติการสรา้ งแบบจาลองคานวณเกรดเฉลยี่ สะสม การสรา้ งแบบจาลองคานวณเกรดเฉล่ยี สะสม สามารถช่วยใหผ้ ใู้ ชแ้ บบจาลองทดลองใส่เกรดท่ีคาดว่า จะได้เพอื่ พยากรณเ์ กรดเฉลี่ยสะสมทีจ่ ะไดใ้ นภาคเรยี นนัน้ ๆ ดังตวั อย่างในError! Reference source n
98 บทที่ 4 การสรา้ งแบบจาลองทางธรุ กิจด้วย Microsoft Excel ot found. แบบจาลองคานวณเกรดเฉลี่ยสะสมยังคงเป็นแบบจาลองอย่างง่ายที่มีส่วนนาเข้าข้อมูล ส่วน คานวณ และสว่ นแสดง ผลลัพธ์ในแผ่นงานเดียวกนั ส่วนนาเข้าข้อมูลประกอบด้วย หน่วยกิตสะสมปัจจุบัน (Accumulative Credits) เกรดเฉลี่ยสะสม ปจั จุบนั (GPAX) หน่วยกติ แต่ละวชิ า (Credits) และเกรดของแต่ละวชิ า (Grade) ส่วนคานวณ อยูใ่ นตารางชว่ งเซลล์ B5:E14 ประกอบด้วย ค่าคะแนน (Grade Points) = Credits x Grade ผลรวมหนว่ ยกิต (Total Credits) = ผลรวมหนว่ ยกติ ของทุกวชิ าในเทอมนีใ้ นตาราง ผลรวมคา่ คะแนน (Total Grade Points) = ผลรวมค่าคะแนนของทุกวิชาในเทอมนี้ ส่วนคานวณและสว่ นผลลัพธ์ อยใู่ นเซลลเ์ ดียวกัน ประกอบด้วย เกรดเฉลยี่ ภาคเรยี นนี้ (This Semester GPA) = Total Grade Points Total Credits เกรดเฉลี่ยสะสมใหม่ (New GPAX) = ((Accumulative Credits X GPAX) + Total Grade Points) (Accumulative Credits + Total Credits) 1) จากสูตรและวิธีการคานวณข้างต้น จงเติมตัวเลขผลลัพธ์จากการคานวณเกรดเฉลี่ยสะสมลงใน ช่องว่างที่เว้นไว้ Accumulative Credits 42 GPAX 1.8 Semester 1/2560 Course Credits Grade Grade Points หลกั การจัดการ 3 3 หลกั การตลาด 3 การเงนิ ธุรกจิ 3 3 วถิ โี ลก 3 ภาษาองั กฤษธุรกิจ 3 1.5 1.5 1.5 TOTAL This semester GPA New GPAX 2) เปิดแผน่ งานชื่อ GPA 3) สร้างแบบจาลองตามภาพโดยในเซลล์ที่ระบุต่อไปนี้ให้สร้างสูตรคานวณในเซลล์ในแผ่นงาน โดย สูตรท่ถี กู ตอ้ งควรไดผ้ ลลพั ธต์ รงกับแบบผลการคานวณในแบบฝกึ หัดคานวณเกรดเฉล่ยี สะสม 4) และเขยี นสูตรลงในชอ่ งว่างท่ีเวน้ ไว้ในแบบฝกึ หดั นี้
ดร.สาวิตรี บญุ มี ส่วนที่ 2 หลกั การสร้างแบบจาลองและสตู รคานวณใน Microsoft Excel 99 E6: Grade points สูตร = C14: Total credits สตู ร = E14: Total grade points สูตร = C16: This semester GPA สตู ร = C18: New GPAX สูตร = 5) จากแบบจาลองท่สี รา้ งขน้ึ จงตอบคาถามตอ่ ไปนี้ ก. ถ้าภาคเรียนนี้ได้ A วิชาหลกั การตลาด เกรดวชิ าอน่ื คงเดมิ เกรดเฉลีย่ ของภาคเรียนนีจ้ ะเท่ากับ ข. ถ้าภาคเรยี นนไ้ี ด้ D วชิ าภาษาองั กฤษธรุ กจิ และการเงินธรุ กิจ และได้ A วิชาหลักการจดั การ และ หลกั การตลาด สว่ นวิชาวิถโี ลกได้ C เกรดเฉลี่ยของภาคเรียนนจ้ี ะเท่ากบั เกรดเฉลี่ยสะสมจะเทา่ กับ
100 บทที่ 4 การสร้างแบบจาลองทางธรุ กจิ ด้วย Microsoft Excel ค. ถา้ ภาคเรยี นนี้ไดเ้ กรด C+ ทุกวิชาผลการเรยี นเฉลีย่ สะสมจะถึง 2.00 หรอื ไม่ และไดเ้ ท่าไร ง. ถ้าภาคเรยี นนี้ไดเ้ กรด B 2 วิชา และ D+ 3 วชิ า เกรดเฉลย่ี สะสมจะเพมิ่ หรอื ลด และได้เทา่ ไร ตอนที่ 4 ฝึกปฏบิ ตั ิสรา้ งแบบจาลองด้วยตนเอง บริษัท เอบี จากัด ต้องการประเมินความเส่ียงของบริษัทโดยใช้วิธีการคานวณหาระดับภาระ ผูกพันจากการดาเนินงาน (Degree of Operation Leverage-DOL) ซึ่งหมายถึง ระดับการใช้สินทรัพย์ หรอื เงินทุนของธรุ กิจในการช่วยใหบ้ ริษทั มีผลประกอบการทด่ี ีข้นึ (ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ตลาดทุน สถาบันกองทุนเพ่ือพัฒนาตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, 2553) สามารถวัดได้ด้วยปริมาณ ต้นทนุ คงทข่ี องบริษัท ซึ่งบรษิ ัทที่มตี ้นทุนคงท่สี ูงจะส่งผลให้มคี วามเสี่ยงสูงด้วย DOL น้นั สามารถคานวณได้โดยใช้สตู รดงั น้ี DOL = Q(P − V) Q(P − V) − F โดยที่ DOL = ระดับภาระผูกพันจากการดาเนินงาน ในรปู แบบของปริมาณขาย Q = ปริมาณขาย P = ราคาขายต่อหนว่ ย V = ตน้ ทุนผนั แปรตอ่ หนว่ ย F = ตน้ ทนุ คงท่ี ถา้ บริษัท เอบี จากดั มรี ะดบั ปริมาณการขาย เทา่ กบั 250,000 หน่วย ราคาขายต่อหน่วย เท่ากับ 70 บาท ตน้ ทนุ ผนั แปรต่อหนว่ ย เท่ากบั 30 บาท และตน้ ุทนคงท่ี เทา่ กบั 3,000,000 บาท จงสร้างแบบจาลองทางธุรกิจโดยใช้ Microsoft Excel เพื่อคานวณหา ระดับภาระผูกพันจากการ ดาเนินงาน ในรปู แบบของปรมิ าณขาย ควรมกี ารแบ่งส่วนข้อมูลนาเขา้ และสว่ นคานวณและผลลพั ธ์
บทท่ี 5 การวิเคราะห์งบการเงินดว้ ย Microsoft Excel การวเิ คราะหง์ บการเงิน คือ การใชง้ บการเงนิ ในการวเิ คราะห์สภาพทางการเงินและผลดาเนินงาน และประเมินผลการดาเนินงานทางการเงินในอนาคต (Subramanyam & Wild, 2009) โดยเครื่องมือ เบ้ืองต้นที่ใช้ในการวิเคราะห์งบการเงินท่ีใช้แพร่หลายคือ การวิเคราะห์งบการเงินเปรียบเทียบ (Comparative financial statement analysis) การวิเคราะห์งบการเงินแบบย่อส่วน (Common-size financial statement analysis) การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงนิ (Ratio analysis) และการวเิ คราะห์ งบกระแสเงนิ สด (Cash flow analysis) ในบทน้ีจะครอบคลุมเฉพาะเร่ือง การวิเคราะห์งบการเงินเปรียบเทียบ การวิเคราะห์งบการเงิน แบบย่อส่วนเท่านั้น เพ่ือฝึกปฏิบัติร่วมกับการสร้างสูตรด้วยการอ้างอิงเซลล์แบบสัมบูรณ์และการอ้างอิง เซลล์แบบสมั พัทธ์ ในบทนี้ใช้ไฟล์ประกอบเนื้อหาเพื่อใช้ในการฝึกปฏิบัติ ช่ือ ch5f4.xlsx เปิดจาก CD หรือ สามารถดาวนโ์ หลดไฟล์ได้จากเว็บไซต์ academic.udru.ac.th/sawitree 5.1 การวเิ คราะหง์ บการเงนิ เปรยี บเทยี บ (Comparative financial statement analysis) การวเิ คราะห์งบการเงนิ เปรียบเทียบเปน็ การเปรียบเทียบงบการเงินจากชว่ งเวลาหนึ่งกับอีกชว่ งเวลา หน่ึง ท้ังการเปรียบเทียบงบแสดงสถานะทางการเงิน งบกาไรขาดทุน และงบกระแสเงินสด โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อดูแนวโน้มของผลการดาเนินงานทางการเงินของกิจการ วิธีการนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหน่ึง คือ การวิเคราะห์ตามแนวนอน (Horizontal analysis) โดยการวิเคราะห์แบบเปรียบเทียบน้ีมี 2 วิธี คือ การวิเคราะห์งบการเงินแบบเปลี่ยนแปลงปีต่อปี (Year-to-year change analysis) และ การวิเคราะหง์ บการเงินแบบแนวโนม้ (Trend analysis) 5.1.1 การวเิ คราะห์งบการเงินแบบเปลยี่ นแปลงปตี ่อปี การวิเคราะห์งบการเงินแบบเปลี่ยนแปลงปีต่อปีเป็นการเปรียบเทียบงบการเงินในช่วง ระยะเวลาส้ัน ๆ เช่น 2 ปี หรือ 3 ปี ซ่ึงเป็นการเปรียบเทียบร้อยละการเปลี่ยนแปลงระหว่างปีต่อปี เช่น การเปล่ียนแปลงของยอดขายจากปี 2559 ไปปี 2560 คิดเป็น 20% ซ่ึงหมายถึงยอดขายปี 2560 สูงข้ึน จากปี 2559 เพ่มิ ข้ึนคดิ เปน็ 20% โดยวิธีคานวณจะใหป้ กี อ่ นหน้าเปน็ ปีฐานหรอื ตวั หาร ตามตวั อย่างปีฐาน คือ ปี 2559 ค่าที่เป็นบวกแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงเพ่ิมขึ้น ค่าท่ีเป็นลบแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงลดลง สามารถเขียนสรปุ เปน็ สตู รไดด้ ังน้ี
102 บทท่ี 5 การวเิ คราะห์งบการเงนิ ดว้ ย Microsoft Excel % การเปลยี่ นแปลง = จานวนเงนิ ของปีทต่ี ้องการคานวณ - จานวนเงนิ ของปกี อ่ นหนา้ 1 ปี x 100 จานวนเงนิ ของปกี ่อนหนา้ 1 ปี ภาพท่ี 5.1 แสดงตัวอย่างงบกาไรขาดทุนย้อนหลัง 4 ปี ของบริษัท กอขอคอ จากัด ซึ่งเมื่อ นามาวิเคราะห์แบบเปล่ียนแปลงปีต่อปี ถ้าเป็นการเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงระหว่างปี 2557 กับ ปี 2558 จะใช้ ปี 2557 เป็นฐาน ถา้ เปรยี บเทยี บระหวา่ งปี 2558 กับ ปี 2559 จะใช้ปี 2558 เป็นฐาน และปี 2559 กบั ปี 2560 จะใช้ปี 2559 เป็นฐาน ภาพที่ 5.1 ตัวอยา่ งงบกาไรขาดทุนย้อนหลงั 4 ปี 5.1.2 ตัวอยา่ งการคานวณการวิเคราะห์งบการเงินแบบเปล่ียนแปลงปีตอ่ ปี การคานวณจากภาพท่ี 5.1 สามารถอธิบายได้ ดงั น้ี รายได้จากการขายปี 2557 คือ 5,000,000 บาท และ รายได้จากการขายปี 2558 คือ 5,400,000 บาท เมอ่ื แทนค่าในสตู ร % การเปลีย่ นแปลง = จานวนเงนิ ของปที ตี่ อ้ งการคานวณ - จานวนเงนิ ของปีก่อนหน้า 1 ปี x 100 จานวนเงนิ ของปกี อ่ นหนา้ 1 ปี แทนคา่ = 5,400,000 - 5,000,000 x 100 5,000,000 = 400,000 x 100 5,000,000
ดร.สาวิตรี บญุ มี สว่ นท่ี 2 หลักการสรา้ งแบบจาลองและสตู รคานวณใน Microsoft Excel 103 = 0.08 x 100 = 8% จากวิธีทาตามตัวอย่างข้างต้น ภาพที่ 5.2 แสดงผลลัพธ์ของการวิเคราะห์งบการเงินแบบ เปลยี่ นแปลงปตี ่อปขี องบรษิ ัท กอขอคอ จากัด บรษิ ทั กอขอคอ จากดั งบกาไรขาดทนุ เบ็ดเสร็จ เปลี่ยนแปลง เปลย่ี นแปลง ปี 2557 ปี 2558 (บาท) % รายได้ รายได้จากการขาย 5,000,000 5,400,000 400,000 8.0% รายได้คา่ บริการ 1,200,000 800,000 (400,000) (33.3%) รายไดอ้ นื่ 600,000 700,800 100,800 16.8% รวมรายได้ 6,800,000 6,900,800 100,800 1.5% ค่าใชจ้ า่ ย ต้นทุนขาย 2,250,000 2,400,000 150,000 6.7% คา่ ใช้จ่ายในการขาย 778,000 820,000 42,000 5.4% ค่าใชจ้ ่ายในการบรหิ าร 1,023,400 1,100,000 76,600 7.5% รวมค่าใชจ้ ่าย 4,051,400 4,320,000 268,600 6.6% กาไรก่อนภาษเี งินได้ 2,748,600 2,580,800 (167,800) (6.1%) ภาษีเงินไดน้ ติ บิ ุคคล (30%) 824,580 774,240 (50,340) (6.1%) กาไรสาหรบั งวด 1,924,020 1,806,560 (117,460) (6.1%) ภาพที่ 5.2 ตวั อย่างการวเิ คราะห์งบการเงนิ แบบเปลี่ยนแปลงปตี ่อปี 5.1.3 ตวั อย่างการสร้างสตู รการวิเคราะห์งบการเงนิ แบบเปลี่ยนแปลงปตี อ่ ปีด้วย Excel 1) เปิดไฟล์ชอื่ ch5f4.xlsx เลอื กแผน่ งานชอ่ื “วเิ คราะห์ปีตอ่ ปี”
104 บทที่ 5 การวิเคราะห์งบการเงนิ ดว้ ย Microsoft Excel ภาพท่ี 5.3 ฝกึ ปฏิบัตสิ ร้างสตู รการวเิ คราะห์งบการเงินแบบเปลี่ยนแปลงปีต่อปีแบบ 2 ปี 2) จากภาพที่ 5.3 ให้สรา้ งสตู รคานวณในเซลล์ F5 และ G5 ในแผน่ งาน ดงั นี้ F5: การเปลี่ยนแปลง (บาท) ของรายไดจ้ ากการขาย = รายไดจ้ ากการขายปี 2558 – ปี 2557 G5: %การเปล่ียนแปลง ของรายไดจ้ ากการขาย = การเปลีย่ นแปลง(บาท)ของรายได้จากการขาย รายไดจ้ ากการขายปี 2557 3) สูตรที่ถูกต้องควรได้ผลลัพธ์ตรงกับผลการคานวณในภาพท่ี 5.2 ตัวอย่างการวิเคราะห์งบการเงิน แบบเปล่ยี นแปลงปีตอ่ ปี ดังน้ี F5: สูตร = E5 – D5 G5: สตู ร = F5/D5 เทคนิคการคัดลอก สามารถตัดลอกแลว้ วางสูตรได้โดยไม่กระทบต่อรปู แบบที่จัดไว้ทาไดโ้ ดยใช้การวางแบบพิเศษ > วางสูตร 4) คัดลอกสูตรใหค้ รบทกุ เซลล์ที่ว่างไว้
ดร.สาวิตรี บญุ มี ส่วนท่ี 2 หลักการสร้างแบบจาลองและสตู รคานวณใน Microsoft Excel 105 ภาพที่ 5.4 สูตรการวิเคราะห์งบการเงินแบบเปล่ียนแปลงปีตอ่ ปีแบบ 2 ปี 5) เปิดแผ่นงานช่ือ “วิเคราะห์ปีต่อปี4” สร้างสูตรสาหรับวิเคราะห์มากกว่า 2 ปี โดยประยุกต์จาก สูตรตามคาอธิบายและตัวอย่างท่ผี า่ นมา จะได้ผลลพั ธ์ตามภาพท่ี 5.5 ภาพที่ 5.5 ผลลพั ธ์การวิเคราะห์งบการเงนิ แบบเปลย่ี นแปลงปตี อ่ ปีแบบมากกว่า 2 ปี
106 บทท่ี 5 การวเิ คราะห์งบการเงินดว้ ย Microsoft Excel 6) จากภาพที่ 5.5 ให้สร้างสูตรคานวณในเซลล์ K5 เท่าน้ัน แล้วคัดลอกสูตรให้ครบทุกเซลล์ที่แรเงา ไว้ K5: สตู ร =(E5-D5)/D5 ภาพท่ี 5.6 สตู รคานวณการวิเคราะห์งบกาไรขาดทุนแบบเปล่ียนแปลงปตี อ่ ปีแบบมากกว่า 2 ปี ให้สงั เกตสูตรในเซลลท์ ี่คดั ลอกจาก K5 ในเซลลต์ อ่ ไปน้ี M5: สูตร =(G5-F5)/F5 L8: สตู ร =(F8-E8)/E8 K15: สตู ร =(E15-D15)/D15 จากตัวอย่างการสร้างสูตรวิเคราะห์งบการเงินแบบเปล่ียนแปลงปีต่อปีแบบมากกว่า 2 ปี จะพบว่า เมื่อคัดลอกสูตรไปยงั เซลลอ์ ่ืนนั้น ชื่อเซลล์ท่ีอ้างอิงในสูตรจะเลื่อนไปตามตาแหน่งของเซลลท์ ี่วางสตู ร เชน่ การคดั ลอกจาก A3 ที่มสี ูตร =A1+A2 ไปยงั เซลล์ B3 สตู รจะกลายเป็น =B1+B2 หรอื ไปยงั เซลล์ A4 สตู ร จะกลายเป็น =A2+A3 หรืออธิบายได้อีกอย่างว่า ถ้าคัดลอกเซลล์ไปทางขวา 1 เซลล์ เซลล์ที่อยู่ในสูตรก็ จะเลือ่ นตามไปด้านขวา 1 เซลล์เชน่ กัน ในกรณเี ดยี วกัน ถ้าคดั ลอกเซลลล์ งดา้ นล่าง 1 เซลล์ เซลล์ที่อยู่ใน สูตรกจ็ ะเล่ือนลงไปดา้ นล่าง 1 เซลล์เชน่ กัน
ดร.สาวติ รี บญุ มี ส่วนที่ 2 หลักการสร้างแบบจาลองและสตู รคานวณใน Microsoft Excel 107 ทั้งน้ีในบางกรณี สูตรที่สร้างขึ้นอาจจะไม่ต้องการให้เซลล์เล่ือนตามเมื่อมีการคัดลอกไปยังเซลล์อ่ืน ดังน้ัน ควรมีความเข้าใจในการอ้างอิงเซลล์แบบสัมพัทธ์ และการอ้างอิงเซลล์แบบสัมบูรณ์ก่อนที่จะ สามารถสรา้ งสตู รใน Excel เพอื่ วเิ คราะห์งบการเงินแบบย่อสว่ น ดังทจ่ี ะอธิบายในหวั ขอ้ ถัดไป 5.2 การอา้ งอิงเซลล์ (Cell Reference) การอ้างอิงเซลล์คือหัวใจสาคัญของการสร้างสูตรคานวณใน Microsoft Excel โดยเฉพาะการสร้าง แบบจาลองทางธรุ กจิ ท่ีเน้นการใช้แบบจาลองซ้า โดยการเปลี่ยนตวั เลขนาเข้าในแบบจาลองเท่าน้นั ไม่ต้อง สรา้ งสูตรคานวณใหม่ ดังนั้นวิธีการสร้างสูตรใน Excel ท่ีถูกต้องคือ ต้องพยายามให้มีการพิมพ์ตัวเลขลงไปในสูตรให้น้อย ทส่ี ดุ ถ้าจาเปน็ ตัวเลขที่ต้องพมิ พ์ลงไปควรเป็นคา่ คงท่ี ท่ไี ม่มีโอกาสเปลย่ี นแปลงไดภ้ ายหลงั เช่น 1 ชว่ั โมง มี 60 นาที ถ้าต้องการแปลงชั่วโมงเป็นนาที ก็สามารถทาได้โดย = จานวนช่ัวโมง*60 แต่ในกรณีอื่นๆ โดยเฉพาะถ้าค่าตัวเลขสามารถเปล่ียนแปลงเป็นอย่างอื่นได้ ควรใช้วิธีการอ้างอิงเซลล์ ซึ่งหมายถึง การใช้ ชอ่ื เซลล์แทนการใส่ตัวเลขลงในสูตร เชน่ =B1+C1 นอกจากนี้ ในกรณีทีต่ ้องการใช้สูตรซ้าแบบเดิมในเซลลท์ ต่ี ิดกัน Excel จะอนุญาตใหผ้ ใู้ ชค้ ัดลอกสูตร ไปยังเซลล์อน่ื ๆ ได้โดยทไี่ มต่ ้องเสยี เวลาในการสร้างสูตรคานวณแบบเดิมในทุก ๆ เซลล์ท่ใี ชส้ ตู ร เหมือนกนั ยกตวั อยา่ งเชน่ ตอ้ งการคานวณคะแนนผลการคดั เลือกพนักงานจานวน 50 คน ถา้ ไม่ใช้การ อา้ งอิงเซลลแ์ ละคดั ลอกสตู รจะต้องใสส่ ูตรคานวณใหม่ถึง 50 ครง้ั ดงั นนั้ การเข้าใจในหลกั การอ้างอิงเซลลข์ อง Excel จะชว่ ยให้การสร้างแบบจาลองธรุ กิจสามารถ ทางานไดร้ วดเร็วและมปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ โดยการอ้างอิงเซลล์ จะมี 2 รูปแบบ คือ การอ้างอิงแบบ สัมพัทธ์ ซ่ึงเป็นรปู แบบเริ่มตน้ และการอา้ งอิงแบบสัมบูรณ์ ตามรายละเอียดต่อไปนี้ การอา้ งอิงแบบสัมพัทธ์ (Relative cell reference) คอื การอา้ งอิงไปท่ีเซลล์ใดหรือช่วงเซลล์ใดก็ ตามเมื่อมีการเปล่ียนแปลง เช่น การยา้ ยหรือคดั ลอกสตู ร =A1 จะทาใหต้ าแหนง่ การอ้างอิงเปลีย่ นแปลง ไปตามความสัมพทั ธข์ องการย้ายหรอื คัดลอก ถ้าคดั ลอกไปทางขวา 3 คอลมั น์ การอา้ งอิงในสตู รจะเลื่อน ไป 3 คอลัมน์โดยอัตโนมัติดว้ ยเชน่ กัน กลายเปน็ =D1 หรือถา้ คัดลอกลงแถวล่าง 3 แถว การอ้างอิงในสตู ร จะเปลีย่ นไป 3 แถวดว้ ยเช่นกนั ดงั น้นั จาก =A1 กลายเป็น =A4 การอา้ งองิ แบบสัมบูรณ์ (Absolute cell reference) คอื การยดึ ตาแหน่งของการอ้างอิงโดยใช้ เครื่องหมายดอลลาร์ ($) หรอื ทีเ่ รียกกันโดยทัว่ ไปว่า สตริง (String) โดยใสเ่ ข้าไปในตาแหน่งของเซลลท์ ี่ ถูกอ้างอิง ซึ่งเม่ือมกี ารย้ายหรือคัดลอกสตู ร ตาแหน่งท่ีถูกอ้างองิ จะไมเ่ ปลี่ยนแปลง เชน่ A1 ไม่มีการยึดเซลล์ $A$1 ยึดคอลัมน์ ยดึ แถว $A1 ยึดคอลัมน์ ไม่ยดึ แถว A$1 ไมย่ ึดคอลัมน์ ยดึ แถว
108 บทท่ี 5 การวิเคราะหง์ บการเงนิ ดว้ ย Microsoft Excel ในบางครั้งเซลล์ท่ีมีการผสมกันระหว่างเคร่ืองหมาย $ และไม่มี เช่น =$A1 จะเรียกว่า การอ้างอิง แบบผสม (Mixed cell reference) โดยท่กี ารอา้ งอิงแบบสมั บูรณ์จะหมายถงึ =$A$1 เทา่ นน้ั การอ้างอิงแบบ =$A$1 หมายถึง มีการยึดเซลล์ทั้งแถว 1 และคอลัมน์ A ทาให้ไม่ว่าแม้จะคัดลอก เซลล์ไปทางขวาก่ีคอลัมน์ หรือคัดลอกลงแถวด้านล่างไปกี่แถว การอ้างอิงเซลล์ในสูตรจะยังคงไม่ เปลยี่ นแปลง คอื ยังอ้างอิงอยู่ทเ่ี ซลล์ =$A$1 น่นั เอง การอ้างอิงแบบ =$A1 หมายถึง มีการยึดเซลล์เฉพาะคอลัมน์ A แต่แถว 1 ไม่ยึด ทาให้ไม่ว่าแม้จะ คัดลอกเซลล์ไปทางขวากี่คอลัมน์ การอ้างอิงเซลล์ในสูตรจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง คือ ยังอ้างอิงอยู่ที่ คอลัมน์ A แต่ถ้าคัดลอกลงแถวด้านล่างไป 3 แถว การอ้างอิงเซลล์ในสูตรจะเคล่ือนที่จากแถวท่ี 1 ไปยัง แถวที่ 4 สูตรจะกลายเป็น =$A4 การอ้างอิงแบบ =A$1 หมายถึง มีการยึดเซลล์เฉพาะแถว 1 แต่คอลัมน์ A ไม่ยึด ทาให้ไม่ว่าแม้จะ คัดลอกเซลล์ไปด้านล่างก่ีแถว การอ้างอิงเซลล์ในสูตรจะยังคงไม่เปล่ียนแปลง คือ ยังอ้างอิงอยู่ที่แถวที่ 1 แต่ถ้าคัดลอกไปทางขวา 3 คอลัมน์ การออ้างอิงเซลล์ในสูตรจะเคล่ือนท่ีจากคอลัมน์ A ไปยังคอลัมน์ D สตู รจะกลายเปน็ =D$1 คาอธิบายเพมิ่ เติม วิธีการใส่เครื่องหมาย $ ในชอื่ เซลล์ ทาได้โดย กดป่มุ F4 ซา้ จนไดร้ ูปแบบตามที่ตอ้ งการ 5.2.1 ตัวอยา่ งการอา้ งองิ เซลลแ์ บบสมั บูรณ์และสมั พัทธ์ จากภาพท่ี 5.7 เป็นตัวอย่างการฝึกการอ้างอิงเซลล์แบบสัมบูรณ์และสัมพัทธ์ โดยในเซลล์ B2:D4 มีช่ือเซลล์กรอกไว้ เพื่อใช้สังเกตวิธีการอ้างอิงเซลล์ในสูตรเมื่อมีการคัดลอกสูตรไปยังเซลล์อื่น โดย ในเซลล์ B7 F2 F7 และ F12 สรา้ งสูตรดว้ ยการอ้างอิงเซลลไ์ ปยงั B2 หรือ =B2 แตแ่ ตกตา่ งกนั ทใี่ ช้วธิ ีการ อา้ งอิงเซลลแ์ บบสมั บรู ณต์ ่างกนั ในเซลล์ B7 ใช้วธิ ีการอา้ งองิ แบบสัมพัทธ์ หรือ ไม่ตอ้ งมีการใช้สัญลักษณ์ $ ในการยดึ เซลล์ ในเซลล์ F2 ใช้วิธีการอ้างอิงแบบสัมบูรณ์ โดยการใส่สูตร =B2 แล้วกดปุ่มฟังก์ช่ัน F4 1 ครั้ง แล้วจึงกดปุ่ม Enter การใช้ปุ่ม F4 น้ัน Excel จะยึดเซลล์ด้วยเครื่องหมายดอลลาห์ให้อัตโนมัติ หรือ =$B$2 หมายถงึ ยึดทง้ั คอลัมน์ B และแถว 2 ในเซลล์ F7 ใช้วธิ ีการอา้ งอิงแบบผสม โดยการใส่สูตร =B2 แลว้ กดป่มุ ฟงั กช์ ั่น F4 2 ครง้ั แลว้ จึงกดปุ่ม Enter การใช้ปุ่ม F4 นั้น Excel จะยึดเซลล์ด้วยเคร่ืองหมายดอลลาห์ให้อัตโนมัติ หรือ =B$2 หมายถงึ ไมย่ ึดคอลมั น์ B แตย่ ึดแถว 2 ในเซลล์ F7 ใชว้ ิธกี ารอา้ งองิ แบบผสม โดยการใสส่ ตู ร =B2 แล้วกดป่มุ ฟงั ก์ช่นั F4 3 ครั้ง แล้ว จึงกดปุ่ม Enter การใช้ปุ่ม F4 นั้น Excel จะยึดเซลล์ด้วยเคร่ืองหมายดอลลาห์ให้อัตโนมัติ หรือ =$B2 หมายถงึ ยดึ คอลมั น์ B แตไ่ ม่ยึดแถว 2
ดร.สาวิตรี บญุ มี ส่วนท่ี 2 หลกั การสร้างแบบจาลองและสตู รคานวณใน Microsoft Excel 109 ภาพท่ี 5.7 ตวั อย่างการอ้างอิงเซลล์แบบสัมบูรณแ์ ละสัมพัทธ์ โดยสามารถฝกึ ปฏิบัตไิ ดต้ ามข้นั ตอนตอ่ ไปน้ี 1) จากไฟล์ ch5f4.xlsx เปิดแผน่ งานช่อื “F4” ภาพท่ี 5.8 แผ่นงาน “F4” 2) ใสส่ ูตรตามวธิ กี ารต่อไปนี้แล้วใชว้ ธิ ีการกดปุ่ม F4 และคดั ลอกสตู รใหเ้ ต็มตาราง จะได้ผลลัพธ์ตาม ภาพที่ 5.9 B7: สูตร =B2 ไม่กด F4 =B2
110 บทท่ี 5 การวเิ คราะห์งบการเงินดว้ ย Microsoft Excel เม่ือคัดลอกสูตรไปยังเซลล์ B7:D9 จะพบว่าสูตรใน D9 จะเป็นการอ้างอิงแบบสัมพัทธ์ สามารถอธิบายโดยละเอียดได้ดังนี้ ในเซลล์ต้นฉบับ B7 มีสูตร =B2 ซ่ึงการอ้างอิงจากเซลล์ B7 ไปยัง B2 น้นั เป็นการอา้ งองิ ไปยังเซลลท์ อ่ี ยู่คอลัมน์เดียวกนั ถัดไปดา้ นบน 5 แถว เมอ่ื คดั ลอกสตู รไปยงั เซลล์ D9 การ อ้างอิงเซลล์ในสูตรจะเคล่ือนที่ไปเป็น =D4 ซ่ึงเป็นยังเซลล์ที่อยู่คอลัมน์เดียวกันถัดไปด้านบน 5 แถว นับ จากเซลล์ D9 F2: สตู ร =B2 กด F4 1 ครง้ั =$B$2 เม่ือคัดลอกสูตรไปยังเซลล์ F2:H4 จะพบว่าสูตรใน H4 จะเป็นการอ้างอิงแบบสัมบูรณ์ สามารถอธบิ ายโดยละเอยี ดได้ดงั นี้ ในเซลลต์ ้นฉบบั F2 มสี ูตร =$B$2 ซง่ึ แมว้ า่ การอ้างอิงจากเซลล์ F2 ไป ยัง B2 นั้นเป็นการอ้างอิงไปยังเซลล์ที่อยู่ทางซ้ายมือ 4 คอลัมน์ในแถวเดียวกัน แต่เนื่องจากถูกยึดเซลล์ไว้ ทั้งคอลัมน์และแถวทาให้ เม่ือคัดลอกสูตรไปยังเซลล์ H4 การอ้างอิงเซลล์ในสูตรจึงไม่มีการเปลียนแปลง หรือเคล่อื นท่ี ดังนั้นสตู รจงึ ยังคงเปน็ =$B$2 ในเซลล์ H4 เหมือนกับเซลล์ F2 F7: สตู ร =B2 กด F4 2 ครั้ง =B$2 เม่ือคัดลอกสูตรไปยังเซลล์ F7:H9 จะพบว่าสูตรใน H9 จะเป็นการอ้างอิงแบบผสม สามารถ อธิบายโดยละเอยี ดได้ดงั น้ี ในเซลลต์ ้นฉบบั F7 มสี ตู ร =B$2 ซ่ึงการอ้างอิงจากเซลล์ F7 ไปยงั B2 นน้ั เป็น การอา้ งองิ ไปยังเซลล์ท่ีอยู่คอลมั น์ทางซ้ายมือ 4 คอลมั นแ์ ละถัดไปด้านบน 5 แถว แต่เน่อื งจากถูกยึดเซลล์ ให้อยู่เฉพาะแถว 2 และไม่ยึดคอลัมน์ เมื่อคัดลอกสูตรไปยังเซลล์ H9 การอ้างอิงเซลล์ในสูตรจะเคล่ือนที่ ไปเป็น =D$2 ซ่ึงเป็นยังเซลล์ที่อยู่คอลัมน์ทางซ้ายมือ 4 คอลัมน์นับจากเซลล์ H9 และอยู่แถวที่ 2 ตามที่ ยดึ ไว้ ดังนัน้ สูตรในเซลล์ H9 จงึ มีการเคลื่อนท่แี คค่ อลมั นเ์ ทา่ น้ัน F12: สูตร =B2 กด F4 3 ครง้ั =$B2 เม่ือคัดลอกสูตรไปยังเซลล์ F12:H14 จะพบว่าสูตรใน H14 จะเป็นการอ้างอิงแบบผสม สามารถอธิบายโดยละเอียดได้ดังนี้ ในเซลล์ต้นฉบับ F12 มีสูตร =$B2 ซ่ึงการอ้างอิงจากเซลล์ F12 ไปยัง B2 นั้นเป็นการอ้างอิงไปยังเซลล์ที่อยู่คอลัมน์ทางซ้ายมือ 4 คอลัมน์และถัดไปด้านบน 10 แถว แต่ เนื่องจากถูกยึดเซลล์ให้อยู่เฉพาะคอลัมน์ B และไม่ยึดแถว เม่ือคัดลอกสูตรไปยังเซลล์ H14 การอ้างอิง เซลล์ในสูตรจะเคล่ือนท่ีไปเป็น =$B4 ซ่ึงเป็นยังเซลล์ที่อยู่คอลัมน์ B เช่นเดิมตามท่ียึดไว้ และอยู่แถว ด้านบน 10 แถว นบั จากเซลล์ H14 ดังนัน้ สูตรในเซลล์ H14 จงึ มกี ารเคลื่อนที่แค่แถวเทา่ น้ัน
ดร.สาวิตรี บญุ มี สว่ นท่ี 2 หลักการสรา้ งแบบจาลองและสตู รคานวณใน Microsoft Excel 111 ภาพที่ 5.9 ผลลัพธ์การคัดลอกสูตรทมี่ กี ารยึดเซลล์ ภาพท่ี 5.10 แสดงผลลัพทท์ ่ไี ดจ้ ากการคัดลอกสูตร ภาพท่ี 5.10 ผลลพั ธจ์ ากตวั อย่างการอ้างอิงเซลล์ 5.2.2 ตวั อยา่ งการวเิ คราะห์จดุ คุ้มทุนโดยใช้การอ้างองิ แบบสัมบูรณแ์ ละผสม จากเนื้อหาและการวิเคราะห์จุดคุ้มทุนในบทท่ี 5 น้ัน เป็นการวิเคราะห์จุดคุ้มทุนและผล กาไร/ขาดทุนในคาบเวลาเดียว ในตัวอย่างน้ีจะนาตัวอย่างดังกล่าวมาปรับให้สามารถวิเคราะห์ผลกาไร/ ขาดทุนได้เป็นรายเดือน โดยทาการพยากรณ์ยอดขายล่วงหน้า 6 เดือน ตามภาพที่ 5.11 และนาการ อ้างอิงเซลล์แบบสัมบูรณ์และแบบผสมมาประยุกต์ใช้ เพ่ือคัดลอกสูตรไปยังทุกเดือน โดยไม่ต้องเสียเวลา สร้างสูตรคานวณใหม่ทลี ะเซลล์เพราะสูตรใช้วธิ คี านวณเดียวกนั
112 บทที่ 5 การวเิ คราะห์งบการเงินดว้ ย Microsoft Excel ภาพท่ี 5.11 แผ่นงาน “จดุ คุ้มทุน” 1) จากไฟล์ ch5f4.xlsx เลอื กแผ่นงานช่ือ “จุดคุ้มทนุ ” 2) สรา้ งสตู รคานวณในเซลล์ B15 : B18 โดยตอ้ งสามารถคดั ลอกไปยงั เดือนอ่นื ๆ ในตารางได้ - รายได้ (B15) = ราคาขาย/หน่วย x ประมาณการหน่วยขายตอ่ เดือน สตู ร =$B$5*B14 - ตน้ ทุนคงท่ี (B16) = ต้นทุนคงท่ี สูตร =$B$10 - ต้นทนุ ผนั แปรไดร้ วม (B17) = ต้นทุนผันแปรตอ่ หนว่ ย x ประมาณการหนว่ ยขายต่อเดือน สูตร =$F$10*B14 - กาไรสทุ ธิ (B18) = รายได้ – ต้นทนุ คงท่ี - ตน้ ทุนผันแปรรวม สตู ร =B15-B16-B17
ดร.สาวิตรี บญุ มี ส่วนที่ 2 หลกั การสรา้ งแบบจาลองและสตู รคานวณใน Microsoft Excel 113 ภาพท่ี 5.12 สตู รจากการวเิ คราะหก์ าไรสทุ ธริ ายเดือน 5.3 การวิเคราะห์งบการเงนิ แบบแนวโน้ม (Trend analysis) การวิเคราะห์งบการเงินแบบแนวโน้ม หรือเรียกอีกอย่างว่า การวิเคราะห์งบการเงินตามแนว เป็น การหาอัตราการเปล่ียนแปลงของรายการในงบกาไรขาดทุนโดยเปรียบเทียบระหว่างปี โดยจะใช้ปีแรกใน งบกาไรขาดทุนเป็นฐานในการคานวณเพื่อการเปรียบเทยี บกับปีอื่นๆ วา่ ปีที่เหลอื นั้นเพม่ิ ขึ้นหรือลดลงจาก ปีฐานมากน้อยเพียงใด วิธีการคานวณ ให้เลือกปีแรกเป็นปีฐาน และกาหนดให้ปีฐานมีค่าเท่ากับ 100 โดยใช้สูตรคานวณ ต่อไปนี้ = ค่าปปี จั จบุ ัน × 100 ค่าปฐี าน จากตวั อยา่ งภาพท่ี 5.13 งบกาไรขาดทุนย้อนหลัง 4 ปี กาหนดใหใ้ ชป้ ี 2557 เปน็ ปีฐาน สตู รคานวณ จะเปน็ ดงั ต่อไปนี้ = ค่าปีปจั จุบัน × 100 คา่ ปี 2557 ตัวอย่างการคานวณ รายได้จากการขายปี 2557 คือ 5,000,000 บาท เมื่อนาไปแทนค่าในสูตร จะไดว้ ิธีการคานวณ และผลลัพธ์ ดงั ตอ่ ไปน้ี ปี 2557 = 5,000,000 x 100 =100 5,000,000
114 บทท่ี 5 การวเิ คราะหง์ บการเงนิ ดว้ ย Microsoft Excel ปี 2558 ปี 2559 = 5,400,000 x 100 =108 ปี 2560 5,000,000 = 6,000,000 x 100 =120 5,000,000 = 4,900,000 x 100 =98 5,000,000 ภาพที่ 5.13 งบกาไรขาดทนุ ย้อนหลงั 4 ปี จากผลการคานวณปีที่ได้ 100 หมายถึงมีผลการดาเนินงานเท่ากับปีฐาน ปีที่ได้มากกว่า 100 หมายถึงมีผลการดาเนินงานสูงกว่าหรือเพ่ิมข้ึนจากปีฐาน และปีที่ได้ต่ากว่า 100 หมายถึงมีผลการ ดาเนินงานต่ากว่าหรือลดลงจากปีฐาน จึงสามารถสรุปได้ว่า จากปี 2557 เป็นต้นมารายได้ของกิจการมี แนวโน้มเพ่มิ ข้ึน แต่ลดลงในปี 2560 จากภาพท่ี 5.14 ตารางการวิเคราะห์งบกาไรขาดทุนแบบแนวโนม้ แสดงให้เห็นว่าถ้าไม่ทราบวิธีการ อ้างอิงเซลล์แบบสัมบูรณ์จะต้องสร้างสูตรในแต่ละเซลล์ถึง 44 เซลล์ ทั้งท่ีเป็นสูตรคานวณเดียวกัน ดังนั้น การใช้วิธีการอ้างอิงเซลล์แบบสัมบูรณ์และผสมในการสร้างสูตรจะช่วยให้สร้างสูตรคานวณได้ถูกต้องและ รวดเรว็
ดร.สาวติ รี บญุ มี สว่ นที่ 2 หลกั การสร้างแบบจาลองและสตู รคานวณใน Microsoft Excel 115 ภาพที่ 5.14 การวิเคราะหง์ บกาไรขาดทุนแบบแนวโนม้ ข้ันตอนการนาการอ้างอิงเซลล์แบบสัมบูรณ์และผสมมาใช้ในการวิเคราะห์งบกาไรขาดทุนแบบ แนวโนม้ มดี ังตอ่ ไปน้ี 1) จากไฟล์ ch5f4.xlsx เลือกแผ่นงานช่ือ “งบกาไรขาดทุน” ในตาราง “การวิเคราะห์งบกาไร ขาดทุนแบบแนวโน้ม” 2) สรา้ งสูตรคานวณในเซลล์ L5 เพยี งเซลลเ์ ดยี วแลว้ คดั ลอกไปยังเซลลอ์ ื่นๆ ในตาราง สูตรเซลล์ L5 =D5/$D5*100 จากสูตรขา้ งตน้ จะเห็นไดว้ า่ มีเพยี งเซลล์ D5 ท่เี ปน็ ตัวหารเพียงเซลล์เดียวที่มีการยดึ เซลล์ เนือ่ งจาก เซลล์ D5 ที่เป็นตัวต้ังจะต้องเคลื่อนท่ีจากปี 2557 ไปยังคอลัมน์ ปี 2558 หรือ คอลัมน์ E ไปคอลัมน์ปี 2559 และไปคอลัมน์ปี 2560 ตามลาดับการคัดลอก ส่วนแถวน้ัน จะต้องเคล่ือนที่ลงไปยังแถวถัดไปเพื่อ วิเคราะห์รายการในแถวอ่ืน ๆ ตามลาดับเช่นกัน ทาให้เซลล์ D5 ที่เป็นตัวต้ังไม่จาเป็นต้องยึดเซลล์ท้ัง คอลมั น์และแถว ในส่วนของเซลล์ D5 ที่เป็นตัวหาร ต้องคงอยู่ในปี 2557 เน่ืองจากเป็นปีฐาน ดังน้ันจึงไม่ควรมีการ เคล่ือนท่ีของเซลล์ในสูตรเมื่อมีการคัดลอก แต่ในขณะเดียวกันแถวยังควรต้องเคลื่อนท่ีลงไปยังรายการใน
116 บทท่ี 5 การวิเคราะหง์ บการเงินดว้ ย Microsoft Excel แถวอ่ืนได้ ดังนั้นเซลล์ D5 ท่ีเป็นตัวหาร จึงจาเป็นต้องยดึ เซลล์เฉพาะคอลัมน์แต่ไม่ยดึ แถว แล้วจึงคัดลอก ดงั ภาพท่ี 5.15 ซึง่ การยดึ เซลลท์ ่ีต่างไปจากนจี้ ะทาให้ผลการคานวณผิดพลาดได้ ภาพที่ 5.15 สูตรคานวณการวิเคราะหง์ บการเงนิ แบบแนวโนม้ 5.4 การวเิ คราะหง์ บการเงนิ แบบยอ่ สว่ น (Common-size Analysis) การวิเคราะห์งบกาไรขาดทุนแบบย่อส่วน หรือเรียกอีกอย่างว่า การวิเคราะห์งบการเงินตาม แนวต้ัง เป็นการหาอัตราส่วนของแต่ละรายการในปีนั้นโดยเปรียบเทียบกับรายได้รวมในปีเดียวกัน เพื่อดู ว่าแตล่ ะรายการคดิ เปน็ อัตราสว่ นเทา่ ไรของรายไดร้ วม สามารถสรปุ เป็นวิธกี ารคานวณได้ ดังนี้ = คา่ ของรายการในปีน้ันๆ คา่ รวมรายไดข้ องปีน้นั จากตัวอย่างในภาพที่ 5.13 การวิเคราะหใ์ ช้ “รวมรายได”้ เป็นฐานในการคานวณ โดยกาหนดให้ รวมรายได้มีคา่ เท่ากบั 100% โดยมตี ัวอยา่ งการใช้สตู รคานวณวิเคราะห์รายได้จากการขายแตล่ ะปี ดงั นี้ รายไดจ้ ากการขาย ป2ี 557 = รายได้จากการขาย ปี2557 รวมรายได้ ปี 2557 = 5,000,000 = 0.74 (ใช้การจดั รปู แบบเซลลเ์ ป็น %) 6,800,000 รายได้จากการขาย ปี2558 = รายได้จากการขาย ป2ี 558 รวมรายได้ ปี 2558
ดร.สาวิตรี บญุ มี ส่วนที่ 2 หลกั การสรา้ งแบบจาลองและสตู รคานวณใน Microsoft Excel 117 = 5,400,000 = 0.78 (ใช้การจัดรูปแบบเซลล์เปน็ %) 6,900,000 รายได้จากการขาย ป2ี 559 = รายได้จากการขาย ป2ี 559 รวมรายได้ ปี 2559 = 6,000,000 = 0.82 (ใช้การจัดรูปแบบเซลล์เป็น %) 7,310,000 รายไดจ้ ากการขาย ป2ี 560 = รายได้จากการขาย ป2ี 560 รวมรายได้ ปี 2560 = 4,900,000 = 0.82 (ใช้การจดั รปู แบบเซลล์เป็น %) 5,950,000 ภาพที่ 5.16 การวเิ คราะห์งบกาไรขาดทนุ แบบย่อส่วน เม่ือวิเคราะห์ท้ังตารางแล้วจะได้ผลลัพธ์ตามภาพท่ี 5.16 การวิเคราะห์นี้จะช่วยให้สามารถ เปรียบเทียบสัดส่วนแต่ละรายการในงบการเงินว่ามีสัดส่วนเพิ่มขึ้นหรือลดลงในแต่ละปี จากตัวอย่างการ
118 บทที่ 5 การวเิ คราะห์งบการเงินดว้ ย Microsoft Excel วิเคราะห์สัดสว่ นรายได้จากการขายของทั้ง 4 ปี พบว่า ถึงแม้จานวนเงินรายไดจ้ ากการขายในปี 2560 จะ มีจานวนเงินน้อยท่ีสุดในทัง้ 4 ปี แต่สัดส่วนของรายได้จากการขายในปี 2560 น้ัน สูงท่ีสุดในทั้ง 4 ปี และ มีสัดส่วนเทา่ กบั ปี 2559 ท่มี ีจานวนเงนิ สูงกวา่ คิดเปน็ 82% เมือ่ ดผู ลการวิเคราะหเ์ พ่ิมเตมิ จาก ภาพท่ี 5.16 พบวา่ สัดส่วนกาไรสาหรับงวดในปี 2560 สูงทีส่ ุดใน ทั้ง 4 ปี คิดเป็น 29% ท้ังท่ีเมื่อดูผลการวิเคราะห์แบบแนวโน้ม กาไรสาหรับงวดแสดงถึงแนวโน้มท่ีลดลง จากปีฐานด้วยค่าที่ต่ากว่า 100 แต่กลับมีสัดส่วนกาไรสูงกว่าปีอื่น ๆ เน่ืองจากต้นทุนขายมีสัดส่วนลดลง เม่อื เทยี บกับปีอืน่ จะเห็นไดว้ ่าการวเิ คราะห์งบการเงินน้ันควรใช้เทคนคิ การวเิ คราะห์ท่ีหลากหลายผสมกัน เพื่อให้เห็นสถานะทางการเงนิ ของกิจการชัดเจนยิง่ ข้ึน โดยใช้ Excel อานวยความสะดวกในการวเิ คราะห์ จากวธิ กี ารวเิ คราะห์ขา้ งต้น สามารถนามาฝกึ ปฏบิ ตั ิในแผน่ งานเดิม ได้ตามขน้ั ตอนตอ่ ไปนี้ 1) จากไฟล์ ch5f4.xlsx เลอื กแผน่ งานชอื่ “งบกาไรขาดทุน” ตาราง “การวิเคราะหง์ บกาไรขาดทุน แบบยอ่ ส่วน” 2) สรา้ งสตู รคานวณในเซลล์ L25 เพยี งเซลล์เดยี วแล้วคดั ลอกไปยังเซลล์อ่ืนๆ ในตาราง สตู รเซลล์ L25 = =D8/D$8 ภาพที่ 5.17 สูตรการวิเคราะห์งบกาไรขาดทนุ แบบย่อสว่ น
ดร.สาวิตรี บญุ มี ส่วนท่ี 2 หลักการสร้างแบบจาลองและสตู รคานวณใน Microsoft Excel 119 5.5 สรุป การสร้างแบบจาลองใน Excel นั้น บางแบบจาลองมีการใช้สูตรคานวณเดียวกันซ้าๆ ในหลาย ๆ เซลล์ เช่น การวิเคราะห์งบการเงนิ เปรยี บเทียบที่มีการใช้ค่าในปใี ดปีหนึ่งเปน็ ปีฐานเพื่อหาแนวโน้มของผล การดาเนินงาน หรือ การวิเคราะห์งบการเงินแบบย่อส่วนที่ใช้ยอดขายเป็นตัวหารของทุกค่าในแต่ละปีใน งบการเงิน ดังนั้น การคัดลอกสูตรไปยังเซลล์อื่นจึงเป็นสิ่งจาเป็นเพ่ือช่วยให้การสร้างแบบจาลองสะดวก รวดเรว็ และถกู ต้อง เมอ่ื ตอ้ งมกี ารคัดลอกสูตร สงิ่ แรกทคี่ วรคานงึ ถึงคือสูตรนั้นจะมีการเคลื่อนทข่ี องเซลล์ท่ี ใช้ในการอ้างอิงในสูตรคานวณหรือไม่ ถ้าไม่ต้องการให้เซลล์ที่อ้างอิงเคล่ือนที่ จะต้องนาการอ้างอิงเซลล์ แบบสมั พัทธ์ แบบสมั บรู ณ์ และแบบผสม มาประยุกตใ์ ชร้ ่วมในการสรา้ งสตู รคานวณ หรืออกี นยั นงึ คอื การ ใช้เคร่ืองหมาย $ เพ่ือยึดคอลัมน์หรือแถวไม่ให้เคล่ือนท่ีตามเซลล์ท่ีคัดลอก โดยการใช้ปุ่มฟังก์ชัน F4 เช่น เมื่อกดปุ่ม F4 สองคร้ัง การอ้างอิงเซลล์จะกลายเป็น =A$1 หมายถึง การยึดให้เซลล์ท่ีอ้างอิงอยู่ท่ีแถว 1 เท่านั้น แต่อนุญาตให้เคล่ือนท่ีไปยังคอลัมน์อ่ืน ๆ ได้ การใช้การอ้างอิงเซลล์เช่นนี้จะช่วยให้ไม่ต้องสร้าง สตู รเดมิ ซา้ ชว่ ยประหยดั เวลา และทาให้สูตรในแบบจาลองมีความคงท่ีอีกดว้ ย
120 บทที่ 5 การวิเคราะหง์ บการเงนิ ดว้ ย Microsoft Excel แบบฝึกหดั ท้ายบทที่ 5 ตอนที่ 1 จงเติมผลลพั ธ์ที่คาดว่าจะได้จากการยดึ เซลล์ลงในภาพ ตอนท่ี 2 ฝึกปฏิบตั กิ ารคานวณผลการเรยี นโดยใชก้ ารอา้ งอิงเซลล์ 1. จากไฟล์ ch5f4.xlsx เลอื กแผน่ งานชอ่ื “คะแนน” 2. สรา้ งสตู รคานวณในแถว 3 โดยตอ้ งสามารถคดั ลอกไปท้ังตารางได้ - คะแนนรวม (D3) = คะแนนกลางภาค (B3) + คะแนนปลายภาค (C3) สูตร………………………………………... - % = คะแนนรวม (D3) ÷ คะแนนเตม็ (D2) สตู ร……………………………………………………………………..
ดร.สาวิตรี บญุ มี ส่วนท่ี 2 หลักการสร้างแบบจาลองและสตู รคานวณใน Microsoft Excel 121 หมายเหตุ ใช้วิธีจัดรปู แบบเซลลเ์ พอ่ื ใหแ้ สดงผลเป็น % ตอนที่ 3 ฝึกปฏิบัตกิ ารสร้างตารางสูตรคูณโดยการอา้ งอิงเซลล์ 1. จากไฟล์ ch5f4.xlsx เลอื กแผ่นงานชอื่ “สูตรคณู ” 2. สรา้ งตารางสตู รคณู ขนาด 20x20 ตามภาพ 3. ให้สร้างสูตรในเซลล์ B3 และใช้วิธีการกดปุ่ม F4 กาหนดการอ้างอิงเซลล์แบบสัมบูรณ์ เพ่ือ สามารถคัดลอกสตู รไปท้ังตารางได้ เขยี นสูตรลงในช่องวา่ งทเี่ วน้ ไว้ B3: =
122 บทที่ 5 การวเิ คราะห์งบการเงนิ ดว้ ย Microsoft Excel ตอนท่ี 4 ฝึกปฏบิ ัติการสร้างตารางมูลค่าของเงินในอนาคตดว้ ยการอ้างอิงเซลล์ ดอกเบีย้ ทบต้น หรอื มูลค่าของเงินในอนาคต หรือ Future value หมายถึง เงินจะมมี ูลค่าเพ่ิมขึ้น ตามกาลเวลา โดยดอกเบี้ยของเงินลงทุนที่ได้รับจะถูกนาไปรวมกับเงินต้นและลงทุนในงวดถัดไปอย่าง ต่อเน่ือง โดย มูลค่าของเงินในอนาคตมีวิธีการคานวณจาก จานวนงวดท่ีลงทุน (n) และอัตราดอกเบี้ยต่อ งวด (k%) โดยในแบบฝกึ หัดนจี้ ะฝึกการสรา้ งตารางแสดงคา่ ของเงินในอนาคตถ้าเงินตน้ เทา่ กบั 1 ดอลลา่ ห์ สตู ร FV = เงนิ ต้น 1 ดอลล่าห์ x ( 1 + k%)n 4. จากไฟล์ ch5f4.xlsx เลือกแผน่ งานชอ่ื “FV” 5. สรา้ งสูตรคานวณในเซลล์ B5 โดยต้องสามารถคัดลอกไปทัง้ ตารางได้ เขียนสูตรลงในชอ่ งวา่ งที่เว้นไว้ สูตร
ส่วนที่ 3 การประยกุ ตใ์ ช้ฟังก์ชนั Microsoft Excel ในงานธรุ กิจ
124 บทที่ 5 การวเิ คราะห์งบการเงินดว้ ย Microsoft Excel วัตถุประสงค์การเรยี นรขู้ องสว่ นที่ 3 เพือ่ ให้เขา้ ใจและฝกึ ฝนทกั ษะการใชฟ้ งั กช์ ันคณติ ศาสตรแ์ ละสถติ ิเบอื้ งตน้ เพื่อให้เขา้ ใจและฝึกฝนทักษะการใช้ฟังก์ชนั เพือ่ ตรวจสอบเง่อื นไข เพ่อื ใหเ้ ข้าใจและฝึกฝนทักษะการใชฟ้ ังก์ชนั ค้นหาข้อมูล เพ่ือให้เขา้ ใจและฝกึ ฝนทกั ษะการใชฟ้ งั กช์ ันทางการเงนิ ตวั อยา่ งการประยุกต์ในงานธรุ กิจ การบรหิ ารสินคา้ คงเหลือ การทาใบเสร็จรับเงนิ การประเมนิ มูลคา่ ของเงินตามเวลา การประเมินโครงการลงทนุ เน้อื หาในส่วนที่ 3 บทท่ี 6 การใช้ฟงั กช์ ันคณิตศาสตรแ์ ละสถิตเิ บอ้ื งตน้ เพื่อสรุปขอ้ มูลทางธุรกจิ บทท่ี 7 การใช้ฟงั ก์ชัน IF เพื่อการตดั สินใจทางธรุ กิจ บทท่ี 8 การใช้ฟังก์ชนั ในการค้นหาเพอ่ื จัดทาใบเสร็จรบั เงิน บทที่ 9 การใช้ฟังก์ชันทางการเงนิ
บทท่ี 6 การใชฟ้ งั กช์ นั คณติ ศาสตรแ์ ละสถิติเบือ้ งตน้ เพอื่ สรุปข้อมลู ทางธรุ กจิ ฟังก์ชันใน Excel คือสูตรคำนวณท่ีมีกำรบันทึกไว้ล่วงหน้ำ ฟังก์ชันจะรับค่ำตัวแปรเข้ำไปทำกำร คำนวณและส่งค่ำผลลัพธ์กลับออกมำเพ่ือใช้ในกำรคำนวณต่อไป Excel ได้จัดทำฟังก์ชันที่ใช้งำนบ่อยใน ด้ำนทหี่ ลำกหลำยให้สำมำรถเรยี กใช้ไดง้ ำ่ ยและรวดเรว็ ในตำรำเล่มน้จี ะครอบคลุมฟังกช์ นั ทำงคณติ ศำสตร์ ทำงสถิติ ทำงตรรกะ กำรค้นหำและอ้ำงอิง วันท่ีและเวลำ และฟังก์ชันทำงกำรเงนิ ซ่ึงเป็นฟังก์ชันท่ีใช้งำน บ่อยในทำงธุรกิจ และจำเป็นต้องทรำบ โดยจะกลำ่ วถึงตง้ั แต่บทที่ 7 จนถึงบทท่ี 11 สำหรับบทนี้จะอธิบำย เรือ่ งสว่ นประกอบของฟังก์ชัน และกำรใชฟ้ ังกช์ นั คณติ ศำสตรแ์ ละสถติ ิเบ้อื งตน้ เพื่อสรุปขอ้ มูลทำงธรุ กิจ ในบทน้ีใช้ไฟล์ประกอบเน้ือหำเพื่อใช้ในกำรฝึกปฏิบัติ ชื่อ ch6basicfunction.xlsx เปิดจำก CD หรอื สำมำรถดำวน์โหลดไฟล์ได้จำกเว็บไซต์ academic.udru.ac.th/sawitree 6.1 องค์ประกอบของฟงั ก์ชนั สิ่งแรกที่ต้องเข้ำใจก่อนใช้งำนฟังก์ชัน คือ แต่ละฟังก์ชันจะประกอบด้วย ชื่อฟังก์ชัน และ อำรก์ วิ เมนต์ (Argument) อยู๋ในวงเลบ็ เสมอ ภำพท่ี 6.1 ตวั อยำ่ งฟังก์ชันและองคป์ ระกอบ จำกภำพตวั อยำ่ ง ฟงั ก์ชนั นีช้ อ่ื RANK.EQ ประกอบด้วย อำร์กวิ เมนต์ 3 อยำ่ ง คือ number, ref และ order 6.1.1 ชอ่ื ฟังกช์ นั (Function names) ชื่อฟังก์ชัน ใช้ในกำรเรียกใช้ฟังก์ชัน แต่ละฟังก์ชันจะมีชื่อไม่ซ้ำกัน โดยจนถึงเวอร์ชั่น 2013 โปรแกรม Excel มีฟังก์ชันให้เลือกใช้ทั้งหมด 431 ฟังก์ชัน ในเวอร์ช่ัน 2016 มีฟังก์ชันท้ังหมด 467 ฟงั ก์ชนั โดยมบี ำงฟงั ก์ชันยกเลิกกำรใชแ้ ละเพิ่มฟังกช์ ันใหม่มำ เช่น IFS() MAXIFS() MINIFS() วิธีกำรเรียกใช้สำมำรถพิมพ์ได้ทั้งตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็ก ซ่ึงถือเป็นฟังก์ชันเดียวกันไม่ แตกต่ำงกัน เช่น สำมำรถพิมพ์ =RANK.EQ() หรือ =rank.eq() ก็ได้ Excel จะแปลงเป็นอักษรใหญ่ให้เอง ถ้ำพิมพ์ชื่อฟังก์ชันถูกต้อง ฟังก์ชันน้ีเป็นฟังก์ชันที่ใช้จัดและแสดงลำดับของค่ำเม่ือเทียบกับข้อมูลท้ังหมด เช่น แสดงลำดับจำกคะแนนสูงสุด
126 บทที่ 6 กำรใชฟ้ ังก์ชนั คณิตศำสตรแ์ ละสถิตเิ บือ้ งต้นเพอ่ื สรปุ ข้อมูลทำงธรุ กิจ ถ้ำเรียกใช้ หรือ พิมพ์ชื่อฟังก์ชันผิด Excel จะส่งค่ำกลับเป็น Error ว่ำ #NAME? หมำยถึง เรียกใชช้ อื่ ท่ี Excel ไม่รจู้ กั โดยในเมนูสูตร (Formulas) ไดแ้ บ่งฟังกช์ นั ของ Excel เป็นหมวดหมูใ่ ห้เรยี กใช้ ดงั นี้ - ฟงั ก์ชันทำงคณติ ศำสตรแ์ ละตรโี กณมิติ - ฟังกช์ นั ทำงสถิติ - ฟังก์ชันทำงตรรกะ - ฟงั กช์ นั กำรคน้ หำและกำรอำ้ งอิง - ฟังกช์ นั วนั ทแี่ ละเวลำ - ฟังก์ชันทำงกำรเงนิ - ฟังก์ชันทำงวิศวกรรม - ฟังก์ชันข้อมลู - ฟงั กช์ นั ข้อควำม - ฟงั ก์ชนั เว็บ - ฟงั ก์ชนั ฐำนข้อมลู - ฟังก์ชนั คิวบ์ - ฟังกช์ ันควำมเขำ้ กันได้ 6.1.2 อาร์กวิ เมนต์ (Arguments) อำรก์ ิวเมนต์ คอื ตวั แปรท่ใี ชร้ บั ค่ำเพือ่ สง่ ไปประมวลผล โดยรับข้อมูลประเภทใหญ่ 3 ประเภท คือ คำ่ จำกเซลลเ์ ดยี ว คำ่ จำกช่วงเซลล์ และคำ่ เง่อื นไข จำกตัวอย่ำงฟังก์ช่ัน RANK.EQ() มี 3 อำร์กิวเมนต์ คือ number, ref และ order อำร์กิวเมนต์ number ใช้รับค่ำจำกเซลล์เดียว กรณีนี้คือค่ำที่ต้องกำรนำไปจัดลำดับ ref ใช้รับค่ำจำกช่วง ของเซลล์ กรณีนึค้ ือชว่ งของข้อมลู ทั้งหมดท่ีค่ำน้ันอยู่ และ order ใชต้ ั้งค่ำเงื่อนไขในกำรประมวลผล กรณี น้คี อื วธิ กี ำรจดั ลำดบั เช่น 0 คอื เรยี งจำกมำกไปนอ้ ย สิง่ สำคัญอกี อย่ำงท่ีต้องทรำบคือกำรใส่คำ่ ในอำร์กิวเมนต์ไม่ถูกต้องจะทำให้ฟังกช์ ันส่งค่ำกลับ เป็น Error เช่น #VALUE แทนที่จะส่งกลับค่ำผลลัพธ์ ดังนั้น สิ่งท่ีควรทรำบในกำรใส่ค่ำในอำร์กิวเมนต์มี ดังน้ี อำร์กิวเมนต์รับค่ำจำกเซลล์เดียว มักจะใช้ช่ือว่ำ number, text, value หรือ แลว้ แตช่ นดิ ค่ำของฟังก์ชันน้ัน ๆ ถ้ำเลอื กมำกกวำ่ เซลล์เดียวจะเกดิ Error อำร์กิวเมนต์รบั ค่ำจำกชว่ งเซลล์ มักจะใช้ช่ือวำ่ range, array, table, ref อำรก์ ิวเมนตร์ ับค่ำเง่อื นไข จะมีชอ่ื แตกต่ำงกันไปตำมฟังก์ชัน
ดร.สำวิตรี บญุ มี สว่ นที่ 3 กำรประยกุ ตใ์ ช้ฟังก์ชัน Microsoft Excel ในงำนธุรกิจ 127 นอกจำกน้ี สิ่งสำคัญท่ีควรสังเกต คือ อำร์กิวเมนต์ท่ีมีสัญลักษณ์ วงเล็บสี่เหลี่ยม “[ ]” อยู่ หมำยถถึง อำร์กิวเมนต์น้ันไม่จำเป็นต้องใส่ค่ำก็ประมวลผลได้ เหตุผลท่ีอำร์กิวเมนต์ท่ีมีสัญลักษณ์น้ี ไม่ จำเปน็ ตอ้ งใส่ค่ำเนอื่ งจำก Excel ได้กำหนดคำ่ เรม่ิ ต้นของอำร์กวิ เมนตไ์ วล้ ว่ งหน้ำแล้ว จำกตวั อยำ่ ง ฟงั ก์ช่นั RANK.EQ() มอี ำรก์ วิ เมนตอ์ ยูใ่ นวงเล็บ 1 อนั คือ [order] อำรก์ ิวเมนตน์ ้ีมคี ำ่ เรมิ่ ตน้ เปน็ 0 ถ้ำละเวน้ ไม่ใส่ ค่ำในอำร์กวิ เมนต์นี้ Excel จะใสค่ ำ่ 0 ใหอ้ ัตโนมตั ิ เช่น =RANK.EQ(A1,A1:A10) ในทำงตรงข้ำมกัน หำกไม่มีสัญลักษณ์ [ ] น้ีที่อำร์กิวเมนต์ ถ้ำไม่ใส่ค่ำในอำร์กิวเมนต์ Excel จะมีหน้ำตำ่ งแจ้งเตอื นวำ่ ใส่อำร์กวิ เมนต์น้อยเกนิ ไป ดงั ภำพท่ี 6.2 ภำพที่ 6.2 หน้ำต่ำงแจง้ เตือนกำรใส่อำร์กิวเมนต์ ท้ังนี้ บำงฟังก์ชันใน Excel ไม่มีอำร์กิวเมนต์ เช่น TODAY() ส่งกลับค่ำวันท่ีปัจจุบัน NOW() ส่งกลับค่ำวันท่ีและเวลำปัจจุบัน หรือ RAND() ส่งกลับตัวเลขสุ่มจำก 0 ถึง 1 ซึ่งฟังก์ชันดังกล่ำวเวลำใช้ งำนไม่ต้องใส่ค่ำอำร์กวิ เมนต์ แตย่ ังต้องคงวงเล็บเปดิ และวงเล็บปดิ ไว้ 6.2 วิธกี ารสรา้ งฟังกช์ นั Excel สำมำรถสร้ำงฟังก์ชันได้ 2 วิธีหลัก คือ สร้ำงจำกหน้ำต่ำงฟังก์ชัน และสร้ำงจำกกำรพิมพ์ใน เซลล์โดยตรง 6.2.1 การสร้างจากหน้าต่างฟังก์ชัน กำรสร้ำงวิธีน้ี เหมำะกับผู้ใช้ท่ีไม่คุ้ยเคยกำรใช้ฟังก์ชัน หรือ ไม่ทรำบชื่อฟังก์ชันท่ีต้องกำรใช้ โดยสำมำรถเรยี กใช้ฟังก์ชันไดจ้ ำก ปมุ่ fx ในแถบสตู ร หรอื แถบริบบอนสูตร (Formular ribbon) ตำมภำพท่ี 6.3 ภำพท่ี 6.3 แถบรบิ บอนสำหรับสร้ำงสูตรโดยใช้ฟังก์ชัน
128 บทท่ี 6 กำรใชฟ้ ังก์ชนั คณิตศำสตรแ์ ละสถิตเิ บอื้ งตน้ เพอื่ สรปุ ขอ้ มูลทำงธรุ กจิ ถ้ำเรียกใช้จำกแถบสูตร เมื่อเรียกใช้แล้วหน้ำต่ำงฟังก์ชันจะถูกเปิดขึ้นมำให้ผู้ใช้เลือก หรือ ค้นหำ ฟงั ก์ชันตำมหมวดหมู่ พรอ้ มคำอธิบำยควำมหมำยของฟังก์ชนั และอำรก์ วิ เมนต์ ตำมภำพท่ี 6.4 ภำพที่ 6.4 หน้ำต่ำงแทรกฟังก์ชนั เม่ือเลือกชื่อฟังก์ชันแล้ว Excel จะเปิดหน้ำต่ำงเพื่อให้กรอกข้อมูลลงในอำร์กิวเมนต์ของ ฟงั ก์ชันนน้ั ดงั ภำพที่ 6.5 ซึ่งสำมำรถอำ่ นคำอธบิ ำยของแตล่ ะอำรก์ วิ เมนตไ์ ด้ ถำ้ เรยี กจำกแถบรบิ บอนสูตร จะเปดิ หน้ำตำ่ งน้ที ันที ภำพที่ 6.5 หนำ้ ต่ำงอำร์กิวเมนต์ของฟังกช์ ัน 6.2.2 การสรา้ งจากการพิมพ์ในเซลล์ ผู้ใช้ที่มีควำมชำนำญสำมำรถพิมพ์ช่ือฟังก์ชันท่ีต้องกำรใช้ได้โดยตรงในเซลล์ โดย Excel จะ แสดงช่ือฟังก์ชันท่ีตรงหรือขึ้นต้นตรงกับตัวอักษรที่พิมพ์ใช้มำให้ผู้ใช้เลือก ตำมภำพที่ 6.6 ช่วยอำนวย ควำมสะดวกผู้ใช้ให้ไม่ต้องจำช่ือฟังกช์ ันท้ังหมด และสะดวกรวดเรว็ ในกำรพิมพ์ช่ือฟังกช์ ัน ตำมภำพที่ 6.6
ดร.สำวิตรี บญุ มี ส่วนที่ 3 กำรประยกุ ตใ์ ชฟ้ ังก์ชนั Microsoft Excel ในงำนธุรกิจ 129 ผู้ใช้สำมำรถเลือกฟังก์ชันได้โดยกำรใช้เม้ำส์ดับเบ้ิลคลิก หรือ กดลูกศรขึ้นลงไปยังชื่อฟังก์ชันที่ต้องกำร แล้วกดปุม่ แทบ็ (Tab) บนแปน้ พมิ พ์ ภำพที่ 6.6 กำรสร้ำงฟงั กช์ นั จำกกำรพมิ พ์ เมื่อผู้ใช้เลือกฟังก์ชันแล้ว Excelจะแสดงชื่ออำร์กิวเมนต์ท่ีต้องใส่ค่ำ ชื่ออำร์กิวเมนต์ท่ีเป็น ตัวหนา คอื อำรก์ วิ เมนต์ทก่ี ำลังตอ้ งใสค่ ่ำในขณะนั้น ตำมภำพท่ี 6.7 คืออำรก์ วิ เมนต์ ชือ่ number ภำพที่ 6.7 กำรแสดงอำร์กิวเมนต์ของฟงั กช์ ันจำกกำรพิมพ์ ผใู้ ช้สำมำรถเลอื กใชว้ ธิ กี ำรเรียกใชฟ้ ังกช์ นั ได้ตำมควำมถนัด แตว่ ธิ ีกำรท่แี นะนำคือกำรเรยี กใช้ จำกพิมพใ์ นเซลล์ ถำ้ ทรำบชอ่ื ฟงั กช์ นั อยแู่ ล้ว ซึง่ จะช่วยใหท้ ำงำนได้รวดเร็วสะดวกยิง่ ขึ้น 6.3 ฟงั ก์ชนั ทางคณิตศาสตร์และสถิติเบือ้ งต้นท่ใี ชง้ านบ่อยและวธิ กี ารใช้ ฟังก์ชันใน Excel ท่ีใช้งำนบ่อยมักจะใช้ในกำรคำนวณหำค่ำทำงคณิตศำสตร์ ซึ่ง Excel จัดให้อยู่ใน กลุ่มฟังก์ชันทำงคณิตศำสตร์ และฟังก์ชันทำงสถิติ เช่น กำรหำผลรวม กำรหำค่ำเฉล่ีย กำรนับ กำรหำ ค่ำสูงสดุ กำรหำค่ำตำ่ สุด ในกำรใช้งำนทำงธุรกิจนั้น กำรหำค่ำทำงคณิตศำสตร์ ตัวอย่ำงเช่นกำรหำผลรวมน้ันมักจะไม่ใช่ ต้องกำรทรำบเพียงแค่ผลรวมของค่ำทั้งหมดเท่ำนั้น แต่มักจะเป็นกำรหำผลรวมเฉพำะกลุ่มหรือตำม เง่ือนไข เช่น กำรหำผลรวมยอดขำยท้ังหมดที่มีอยู่ในตำรำง อำจจะหำได้โดยใช้ฟังก์ชัน SUM() แต่ในทำง ธุรกิจอำจจะต้องกำรทรำบยอดขำยเฉพำะภำคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือยอดขำยเฉพำะสินค้ำท่ีเป็น ประเภทหนังสือ เป็นต้น ในกรณีเช่นนี้ยอดขำยท่ีอยู่ในตำรำงมักจะมียอดขำยของสินค้ำหลำยประเภท ปะปนกันไป กำรใช้ฟังก์ชัน SUM() จะไม่สำมำรถคำนวณได้ ดังนั้นในหัวข้อนี้จะอธิบำยเกียวกับฟังก์ชันท่ี ใชห้ ำ ผลรวมแบบมเี งอ่ื นไข คำ่ เฉลีย่ แบบมีเง่ือนไข นับจำนวนแบบมเี งือ่ นไข ด้วย
130 บทท่ี 6 กำรใชฟ้ ังกช์ นั คณติ ศำสตรแ์ ละสถติ ิเบือ้ งตน้ เพอื่ สรปุ ขอ้ มลู ทำงธุรกิจ ภำพที่ 6.8 ตวั อยำ่ งขอ้ มลู สนิ ค้ำ จำกข้อมูลในภำพที่ 6.8 ถ้ำหำผลลัพธ์ของคำถำมที่กำหนดจะพบว่ำบำงคำถำมมีควำมยุ่งยำกในกำร คำนวณ ใหท้ ดลองคำนวณดว้ ยตนเอง สงั เกตวธิ กี ำรคำนวณ และเปรยี บเทียบคำตอบ ตำมคำถำมต่อไปน้ี 1) จำนวนสินค้ำทั้งหมด 10 รำยกำร 2) จำนวนสินคำ้ ทงั้ หมดทไ่ี ม่มยี อดคงคลงั 1 รำยกำร 3) จำนวนสินคำ้ ประเภทเครื่องเขยี น 1 รำยกำร 4) จำนวนของสินคำ้ ท่มี ีรำคำขำยมำกกวำ่ 100 บำท 5 รำยกำร 5) ผลรวมจำนวนสินค้ำคงเหลือ 660 ชิ้น 6) ผลรวมจำนวนสนิ ค้ำคงเหลอื ประเภทเคร่ืองเขยี น 500 ชนิ้ 7) ผลรวมจำนวนของสนิ คำ้ คงเหลอื ท่มี รี ำคำขำยมำกกว่ำ 100 บำท 160 ชน้ิ 8) รำคำขำยเฉล่ยี ของสินคำ้ ทงั้ หมด 143.50 บำท 9) รำคำขำยเฉลยี่ ของสนิ คำ้ ประเภทเครอ่ื งเขียน 27 บำท 10) รำคำขำยเฉลีย่ ของสนิ ค้ำทมี่ จี ำนวนคงเหลอื มำกกว่ำ 50 55.83 บำท 11) รำคำขำยสินคำ้ ที่สูงที่สดุ 450 บำท 12) รำคำตน้ ทนุ สนิ ค้ำที่ตำ่ ทีส่ ดุ 10 บำท
ดร.สำวติ รี บญุ มี ส่วนท่ี 3 กำรประยกุ ต์ใชฟ้ ังก์ชัน Microsoft Excel ในงำนธุรกจิ 131 จำกคำถำมข้ำงต้นจะพบว่ำเป็นคำถำมที่เป็นกำรสรุปข้อมูลที่ใช้บ่อยในทำงธุรกิจ โดยบำงคำถำมท่ีมี เง่ือนไขจะมีกำรคำนวณท่ียุ่งยำกมำกขึ้น และถ้ำหำกมีข้อมูลจำนวนมำกจะทำให้กำรคำนวณเพื่อสรุป ข้อมลู ยำกมำกขึน้ ตำมลำดับ เน้ือหำในบทนี้จะกล่ำวถึงกำรใช้ฟังก์ชันทำงคณิตศำสตร์และสถิติเพ่ือช่วยคำนวณกำรสรุปข้อมูลใน รูปแบบเดียวกับตัวอย่ำงข้ำงต้น ซ่ึงเป็นฟังก์ชันท่ีใช้ง่ำยและใช้งำนบ่อย จำนวน 11 ฟังก์ชัน คือ ฟังก์ชัน COUNT COUNTA COUNTBLANK COUNTIF SUM SUMIF AVERAGE AVERAGEIF MAX MIN แ ล ะ RANK.EQ 6.3.1 ชอื่ ฟังก์ชันคณิตศาสตร์และสถิตแิ ละอาร์กวิ เมนต์ แต่ละฟังก์ชันมีอำร์กิวเมนต์แตกต่ำงกัน กำรเข้ำใจอำร์กิวเมนต์จะชว่ ยให้ใช้ฟังก์ชันได้รวดเร็ว และถูกต้อง ตำมรำยละเอยี ดดงั ต่อไปนี้ COUNT(value1, [value2],...) นบั จำนวนเซลลท์ ี่มตี วั เลข ถำ้ ใช้ฟังกช์ ันน้ีในคอลมั นท์ เ่ี ป็นตวั อักษรจะส่งกลบั คำ่ เปน็ ศูนย์ Value1, [Value2],... คืออำร์กิวเมนต์ 1 ถึง 30 ที่ต้องกำรหำนับ สำมำรถเป็นได้ท้ังเซลล์ เดยี วหรือชว่ งของเซลลก์ ็ได้ คำ่ ทีใ่ สใ่ นอำรก์ ิวเมนตน์ ้ีต้องเปน็ รปู แบบตวั เลขเทำ่ น้นั ตวั อย่ำงกำรใชฟ้ งั กช์ ัน =COUNT(A1:A5), =COUNT(A1:A5, C8:C15, D10:D20) จำกตวั อยำ่ ง ถ้ำตอ้ งกำรนบั จำนวนสนิ ค้ำทงั้ หมด (นับจำกคอลมั น์ตวั เลข) =COUNT(D2:D11) หรือตำมภำพท่ี 6.9 ภำพท่ี 6.9 หนำ้ ต่ำงฟงั ก์ชนั COUNT COUNTA(value1, [value2],...)
132 บทที่ 6 กำรใช้ฟังก์ชนั คณติ ศำสตรแ์ ละสถติ เิ บ้ืองตน้ เพือ่ สรปุ ขอ้ มูลทำงธุรกิจ นบั จำนวนเซลลใ์ นชว่ งท่ไี มว่ ่ำง ใช้นบั คำ่ ได้ทุกรปู แบบ Value1, [Value2],... คืออำร์กิวเมนต์ 1 ถึง 30 ท่ีต้องกำรหำนับ สำมำรถเป็นได้ท้ังเซลล์ เดยี วหรือช่วงของเซลลก์ ไ็ ด้ ตัวอยำ่ งกำรใช้ฟงั กช์ นั =COUNTA(A1:A5), =COUNTA(A1:A5, C8:C15, D10:D20) จำกตัวอยำ่ ง ถำ้ ตอ้ งกำรนับจำนวนสนิ คำ้ ทงั้ หมด (นบั จำกคอลมั น์ทม่ี ีตัวอกั ษร) =COUNTA(B2:B11) หรือตำมภำพท่ี 6.10 ภำพที่ 6.10 หน้ำต่ำงฟังกช์ ัน COUNTA COUNTBLANK (value1, [value2],...) นบั จำนวนเซลล์ในช่วงท่ีว่ำง หมำยถงึ เซลล์ท่ีไมม่ กี ำรกรอกข้อมลู ใดๆ Value1, [Value2],... คืออำร์กิวเมนต์ 1 ถึง 30 ที่ต้องกำรหำนับ สำมำรถเป็นได้ทั้งเซลล์ เดียวหรือชว่ งของเซลล์ก็ได้ ตวั อย่ำงกำรใชฟ้ ังก์ชัน =COUNTBLANK(A1:A5), =COUNTBLANK(A1:A5, C8:C15, D10:D20) จำกตัวอย่ำง ถ้ำต้องกำรนับจำนวนสนิ คำ้ ทง้ั หมดที่ไมม่ ยี อดคงคลงั =COUNTBLANK(F2:F11) หรอื ตำมภำพที่ 6.11
ดร.สำวติ รี บญุ มี สว่ นที่ 3 กำรประยุกต์ใชฟ้ งั ก์ชัน Microsoft Excel ในงำนธรุ กิจ 133 ภำพท่ี 6.11 หนำ้ ต่ำงฟงั กช์ ัน COUNTBLANK COUNTIF(range, criteria) นับจำนวนเซลล์ภำยในช่วงท่ีตรงตำมเกณฑ์ขอ้ ใดข้อหนง่ึ ท่ีระบุ ใชน้ ับค่ำได้ทุกรปู แบบ range คือ เซลล์ต้ังแต่หน่ึงเซลล์ขึ้นไปที่ต้องกำรนับ ส่วนใหญ่เป็นช่วงของเซลล์ รวมถึง จำนวนหรือชือ่ อำรเ์ รย์ หรือกำรอำ้ งอิงท่มี ตี ัวเลข ค่ำว่ำงหรอื ค่ำข้อควำมจะถกู ละเว้น criteria คือ เกณฑ์ในรูปแบบของตวั เลข นพิ จน์ กำรอ้ำงองิ เซลล์ 1 เซลล์ หรอื สตรงิ ข้อควำม ที่เง่ือนไขในกำรนับ เช่น 32, \">32\", B4, \"แอปเปิ้ล\" หรือ \"32\" สำมำรถใช้อักขระตัวแทน เช่น เครื่องหมำยคำถำม (?) แทนอักขระหน่ึงตัว และเครื่องหมำยดอกจัน (*) แทนอักขระ หลำยตวั ในเกณฑ์ได้ ถ้ำเกณฑ์เป็นตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ต้องอยู่ในเครื่องหมำยอัญประกำศ (\"\") ถ้ำเกณฑ์เป็น ตวั เลขหรอื ชอ่ื เซลล์ ไม่จำเปน็ ต้องมเี ครือ่ งหมำยอัญประกำศ ตวั อยำ่ งกำรใช้ฟงั กช์ นั =COUNTIF(A1:A20,100) นบั เฉพำะคำ่ ทเี่ ทำ่ กับ 100 =COUNTIF(A1:A20,”>100”) นับเฉพำะคำ่ ท่ีมำกกว่ำ 100 =COUNTIF(A1:A20,B1) นบั เฉพำะคำ่ ทีเ่ หมือนค่ำในเซลล์ B1 =COUNTIF(A1:A20,”นกั ศึกษำ”) นับเฉพำะคำว่ำ นักศกึ ษำ =COUNTIF(A1:A20,”*ก*”) นับเฉพำะคำทีม่ “ี ก”ในขอ้ ควำม จำกตัวอยำ่ ง ถำ้ ตอ้ งกำรหำจำนวนสนิ คำ้ คงเหลือประเภทหนังสือ =COUNTIF(C2:C11,\"หนังสอื \") ถำ้ ต้องกำรหำจำนวนของสินค้ำคงเหลือท่ีมีรำคำขำยมำกกว่ำ 100 บำท =COUNTIF(E2:E11,\">100\") หรอื ตำมภำพท่ี 6.12
134 บทที่ 6 กำรใช้ฟังกช์ นั คณติ ศำสตร์และสถิตเิ บื้องตน้ เพ่ือสรปุ ขอ้ มูลทำงธรุ กิจ ภำพที่ 6.12 หน้ำตำ่ งฟังก์ชนั COUNTIF ข้อควรระวงั ในกำรใช้ฟงั ก์ชัน: ชว่ งเซลลใ์ นอำรก์ วิ เมนต์ range ตอ้ งเปน็ ชว่ งเซลล์ทมี่ ีค่ำตรงกบั ในอำร์กิวเมนต์ criteria ไมเ่ ชน่ นน้ั จะได้ผลลัพธเ์ ป็น 0 SUM (number1,number2, ...) บวกหำผลรวมของจำนวนท้ังหมดในช่วงของเซลล์ Number1, number2,... คืออำร์กิวเมนต์ 1 ถึง 30 ท่ีต้องกำรหำผลรวม สำมำรถเป็นได้ทั้ง เซลล์เดียวหรอื ช่วงของเซลล์กไ็ ด้ คำ่ ท่ใี สใ่ นอำร์กวิ เมนต์น้ตี อ้ งเป็นรปู แบบตัวเลขเทำ่ นัน้ ตวั อยำ่ งกำรใช้ฟังกช์ ัน =SUM(A1:A5), =SUM(A1:A5, C8:C15, D10:D20) จำกตวั อย่ำง ถ้ำตอ้ งกำรหำจำนวนสินคำ้ คงเหลอื ทั้งหมด =SUM(F2:F11) หรือตำมภำพท่ี 6.13 ภำพท่ี 6.13 หน้ำต่ำงฟงั ก์ชัน SUM
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292