* มเี มืองนอ้ ยใหญเ่ กิดขนึ้ สง่ ผลให้สภาพชีวิตและ ความเปน็ อยูข่ องคนในสงั คมจีนดีขน้ึ * มกี ารนา้ เอาประเพณกี ารรดั เทา้ ซงึ่ นิยมในหมู่ สตรชี ัน้ สงู มาใช้
ใน ปวศ.ของจีนเกือบทกุ ราชวงศ์จะอยภู่ ายใต้ การปกครองของคนฮน่ั หรือ คนจนี แทๆ้ เมอื่ มาถงึ สมยั ราชวงศ์หยวนนับเป็นคร้ังแรกใน ปวศ. จีนที่ทั้งประเทศตกอย่ภู ายใตก้ ารปกครองของ ชาวต่างชาติ คอื ชาวมองโกล และเจริญสูงสดุ ในสมัยของ กษัตริย์กุบไลขา่ น
เม่ือชาวมองโกลเข้ามายึดครองจีน อารย ธรรมจนี ก็ไม่มกี ารเปล่ียนแปลงมากนัก เน่ืองจาก ชาวมองโกลเคยถกู อารยธรรมจนี ครอบง้าอยู่ ก่อนแล้ว - ความเจริญท่เี กิดขน้ึ ในสมัย ราชวงศห์ ยวน มีดังนี้
1) ดา้ นการปกครอง ในสมัยจกั รพรรดิ ซือจ๊ือ ไดม้ ีการน้าเอาวิธกี ารสอบคัดเลอื กตัวบคุ คล เขา้ รับราชการมาใช้ ทัง้ น้ีต้าแหน่งทม่ี กี ารสอบเข้า มานัน้ มกั เปน็ ตา้ แหน่งในหน่วยงานทไี่ ม่ส้าคัญ ส่วนตา้ แหน่งสา้ คญั ๆ จะถูกสงวนไว้ใหแ้ ก่ ชาวมองโกลและชนชาตอิ ื่นๆ รวมท้ัง ชาวยุโรปดว้ ย
2) ดา้ นสงั คม มีการเปล่ียนรูปแบบสงั คม จากเดิมสงั คมจนี แบ่งออกเปน็ 5 ชนชัน้ ยุบให้ เหลือ 4 ชนชนั้ โดยคา้ นงึ ถึงเชือ้ ชาติ ดงั น้ี ชนชั้นชาวมองโกลท่ัวไป ถอื ว่าเป็น ชนชั้นทีม่ ีฐานะทางสงั คมสงู สุด ชนช้ันชาวเซอ่ มู่ เปน็ ชนเผ่า ตา่ งๆ ของดินแดนทาง ตต. และ พวกซเี ซย่ี
ชนช้นั ชาวฮน่ั เปน็ พวกท่เี คยถกู อาณาจกั รจนิ๋ ปกครองมากอ่ น เช่น ชาวฮ่ันเหนอื ชาวซตี าน ชาวหนีเ่ จิน ฯลฯ ชนชั้นชาวใต้ เปน็ ฮั่นใต้ ม.แยงซี เกียงและชนชาตอิ ่ืนๆ ซึ่งถอื วา่ เปน็ ชนชัน้ ที่มีฐานะทางสงั คมต้่าสดุ ในทุกราชวงศ์ ทขี่ น้ึ ปกครองจนี
3) ด้านการตา่ งประเทศ ในสมัยน้ีเริ่มมกี าร ตดิ ต่อกบั ชาวยุโรปอยา่ งจรงิ จัง โดยผู้ท่ีเข้ามาในจนี ช่วงแรก คือ นักสอนศาสนา โดยเฉพาะศาสนาครสิ ต์ นิกายเนสตอเรยี น ซงึ่ ได้รบั ความนยิ มจากชาวจีนเปน็ อย่างมาก จนมีการกล่าววา่ “เจงกิสขา่ นก็เป็นผ้หู นง่ึ ทม่ี ีความเลื่อมใสในศาสนานี้ดว้ ย” สาเหตสุ ้าคญั ทท่ี า้ ให้ราชวงศห์ ยวนเสอื่ มลง กค็ อื ความยากจน จนถึงกบั มีค้ากล่าวว่า “ เป็นยคุ ที่มีความยากจนเกิดขนึ้ อย่างรวดเร็วทีส่ ุด”
- ความเจริญทเี่ กิดข้ึนในสมัยราชวงศห์ มิง มี ดงั นี้ 1) ดา้ นการปกครอง ราชวงศห์ มิงไดช้ ือ่ วา่ เป็น “ราชวงศ์ท่ีใชอ้ ้านาจเผด็จการมากทส่ี ุดใน ประวัตศิ าสตร์จนี ” เนื่องจากจักรพรรดิแตล่ ะ พระองค์ไมค่ อ่ ยยดึ ค้าสัง่ สอนของ ขงจ๊อื ที่ใหม้ ีเมตตาในการบริหาร ประเทศมากนัก หรือไมแ่ มแ้ ตร่ บั ฟัง คา้ ปรกึ ษาของขุนนาง
2) ดา้ นเศรษฐกจิ รายได้ส่วนใหญ่ไดม้ าจาก การเกษตรกรรม โดยเฉพาะจากการใช้ประโยชนบ์ น ทีด่ ิน นอกจากนีย้ งั มรี ายไดท้ ส่ี ้าคัญอีก 3 แหล่ง คือ รายได้จากภาษีรัชชูปการ เป็นภาษี ยกเวน้ การกระท้า เชน่ ภาษเี พ่ือยกเว้น การเกณฑ์แรงงาน หรอื ยกเว้นการเกณฑ์ ทหาร โดยภาษปี ระเภทน้ีถอื ว่าเป็นแหลง่ รายได้หลักทนี่ ้าไปใชจ้ ่ายภายในราชส้านัก ของจนี ในสมยั สมบรู ณาญาสทิ ธิราชย์
รายได้จากภาษผี ูกขาด เป็นการเสยี ภาษี เพอื่ ผกู ขาดสนิ ค้าสา้ คญั บางประเภท ไดแ้ ก่ เกลือ เหลก็ และใบชา รายได้จากภาษแี บบเก็บรวบยอด เป็น การจดั เก็บภาษที ม่ี คี วามรัดกมุ ขน้ึ ซงึ่ มี ลกั ษณะสา้ คญั คอื ใช้โลหะมคี า่ เชน่ เหรยี ญเงิน แทนผลผลิตทางการเกษตร มีการกา้ หนดอตั ราภาษที ่แี น่นอนเป็นรายปี และมีเจ้าหนา้ ทีร่ บั ผดิ ชอบโดยตรงในการ เกบ็ ภาษี เรียกวา่ “หลีเจย่ี ”
3) ด้านสงั คม สงั คมจนี ในสมยั นี้มีการแบ่ง ชนช้ันออกเป็น 5 ชนช้นั โดยคา้ นงึ ถงึ อาชีพเปน็ หลัก ซ่ึงการแบง่ ชนชั้นดังกลา่ วไดร้ ับอทิ ธพิ ลจากแนวคิด ของขงจือ๊ ได้แก่ ชนชน้ั ปกครอง ถอื ว่าเปน็ ชนชั้นสงู สุด และได้รับการยกย่องวา่ เปน็ “ผดู้ ี” ชาวไร่ชาวนา ชา่ งฝีมือ
พอ่ คา้ ถอื วา่ เปน็ อาชพี ท่ตี ่้าต้อย เพราะ เป็นอาชีพท่ไี มซ่ ่อื สัตย์ บุคคลทไ่ี มม่ ีอาชพี หรอื มีอาชพี แต่ผิด กฎหมาย เช่น พวกอาชญากร หญงิ งามเมือง ฯลฯ 4) ดา้ นความสัมพนั ธ์กับตา่ งชาติ นบั จากปี ค.ศ. 1405 เปน็ ต้นมา จีนเริ่มมี การติดต่อค้าขายทางเรือกบั ชาวต่างชาติ ซึ่งตามหลกั ฐานกองเรือสินคา้ ของจีนพบว่า จนี ไดเ้ ดินทางไปไกลถงึ บรเิ วณชายฝ่ัง ตอ. ของทวีปแอฟรกิ า
พอ่ คา้ ถอื วา่ เปน็ อาชพี ท่ตี ่้าต้อย เพราะ เป็นอาชีพท่ไี มซ่ ่อื สัตย์ บุคคลทไ่ี มม่ ีอาชพี หรอื มีอาชพี แต่ผิด กฎหมาย เช่น พวกอาชญากร หญงิ งามเมือง ฯลฯ 4) ดา้ นความสัมพนั ธ์กับตา่ งชาติ นบั จากปี ค.ศ. 1405 เปน็ ต้นมา จีนเริ่มมี การติดต่อค้าขายทางเรือกบั ชาวต่างชาติ ซึ่งตามหลกั ฐานกองเรือสินคา้ ของจีนพบว่า จนี ไดเ้ ดินทางไปไกลถงึ บรเิ วณชายฝ่ัง ตอ. ของทวีปแอฟรกิ า
สมยั นีจ้ งึ กลา่ วว่า “จีนเปน็ เจา้ ทะเลบรเิ วณแถบ น่านน้าเอเชีย” ภายใตก้ ารนา้ ของขนั ทชี าวมุสลมิ ชื่อว่า “เจ้ิงเหอ” ในปี ค.ศ. 1433 ความเปน็ เจา้ ทะเลเรม่ิ เส่ือมลง เนื่องจากพวก นักปกคไมส่ นับสนนุ โดยมองว่า เป็น งานท่ีตอ้ งเสียค่าใชจ้ า่ ย มาก และถูกโจมตจี าก บรรดาขา้ ราชการท่ีอจิ ฉา ต่อเจิง้ เหอ
โดยปกติชาวจีนไม่ชอบคบค้าสมาคมกับ ชาวตา่ งชาติ เพราะชาติ ตต. ไมย่ อมรับหรอื เขา้ ใจใน วัฒนธรรมและความเช่อื ของจีนในเรือ่ งของความเปน็ “อาณาจกั รกลาง” ของจีน ท้าใหป้ ฏบิ ตั ิต่อจักรพรรดิ จีนอย่างไมใ่ ห้เกยี รตแิ ละท้าตนเสมอเหมือน ดังน้ัน ในชว่ งต้นคริสตศ์ ตวรรษที่ 16 เม่อื มชี าว ตต.เดนิ ทางเข้ามาขอค้าขายกบั จีน จงึ ไม่ไดร้ บั การตอ้ นรับจากราชสา้ นัก ยกเวน้ นกั สอนศาสนาเท่าน้ัน ที่ไดร้ บั การต้อนรับเปน็ อยา่ งดี
ชาตติ ะวนั ตกชาติแรกทีเ่ ดินทางเข้ามาในจีน คือ โปรตเุ กส ตามมาด้วยฮอลันดา(ดตั ซ)์ องั กฤษ และฝร่ังเศส โดยมีวตั ถุประสงคห์ ลักเพอื่ เผยแผ่ ศาสนาครสิ ต์และตอ้ งการค้าขายกบั จีน ชาวตา่ งชาตทิ ี่มบี ทบาทในสงั คมจีน มากท่สี ดุ ในสมยั น้ีคอื นกั บวชนกิ ายเยซอู ดิ ไดแ้ ก่ ฟรานซิส ซาเวยี ร,์ แมทดโิ อ รชิ ช่ี และอาดมั ซอล ซึ่งได้น้าความร้ทู าง วทิ ยาศาสตร์ของยโุ รปเขา้ มาเผยแพร่
กระทัง่ ในสมยั ลา่ อาณานิคมของชาติ ตต. ประเทศจีนในขณะน้นั ไดเ้ กดิ เหตุการณ์ ค.ว่นุ วายขึ้น เมื่อดตั ซแ์ ละโปรตุเกสเข้าชว่ ยจนี ปราบกบฏและพวก โจรสลดั ท้าให้ราชส้านักจนี ตอนแทนทง้ั 2 ชาตดิ ว้ ยการอนญุ าตให้ต้งั สถานกี ารค้า โดยให้โปรตุเกสตั้งท่มี าเก๊า สว่ นดัตซ์ ตั้งทเ่ี อหมึง ต่อมาอังกฤษได้เดนิ ทาง เข้ามาเพ่อื เรียกรอ้ งให้จีนเปิดประเทศ แมจ้ ีนไม่ยอม แตก่ อ็ นุญาตให้องั กฤษ ตง้ั สถานีการค้าได้ที่เมืองแคนตอน
ความเสื่อมของราชวงศห์ มิงเกดิ จากปญั หา เดียวกนั ท่ีท้าใหท้ ุกราชวงศ์ของจนี ต้องเสื่อมไป ไดแ้ ก่ ปัญหาเศรษฐกิจตกต่า้ ผปู้ กครองไม่มี ค.สามารถ กองทพั ออ่ นแอ ถกู รกุ รานจากพวกโจรสลดั ทางตอน เหนอื และตอนใต้ และมกี ารแย่งชิงอา้ นาจระหวา่ ง ผู้ปกครอง
ถือเป็นราชวงศต์ ่างชาติราชวงศท์ ่ี 2 ทป่ี กครอง จนี โดยเปน็ เชื้อสายของพวกเจอเซนที่อยทู่ างตอนใต้ ของแมนจูเรีย และเคยเปน็ เมืองข้ึนของจนี ในสมยั ราชวงศ์หยวนมากอ่ น ดังนั้นชาวแมนจูจึงเลยี นแบบ จีนท้ังทางด้านเศรษฐกจิ การเมือง และการทหาร ราชวงศน์ ี้มผี นู้ า้ คนสา้ คัญ 2 ท่าน คือ นรู าซี และอาบาไฮ
ความเจริญท่ีเกดิ ขนึ้ ในสมยั ราชวงศ์แมนจู มี ดังน้ี 1) ดา้ นการปกครอง ใช้การปกครองแบบเผดจ็ การเหมอื นสมัยราชวงศห์ มิง นอกจากนี้การบรหิ าร ประเทศจะใช้ระบบรัฐบาลคู่ คอื ทุกตา้ แหนง่ ทสี่ ้าคญั จะมที ั้งชาวแมนจูและชาวจนี บรหิ ารร่วมกนั
2) ดา้ นเศรษฐกิจ มีการนา้ ระบบการเก็บภาษี แบบเก็บรวบยอดในสมัยราชวงศห์ มิงมาใช้ ตอ่ มาในปี ค.ศ. 1687 ไดม้ กี ารนา้ ระบบการเก็บภาษีอกี ประเภท หนึง่ มาใช้เรียกว่า “ระบบหลเี จยี ” เพ่ือทา้ หน้าทเี่ ก็บ สถิติจา้ นวนพลเมืองและคอยเตอื นผู้เสยี ภาษีแทนการ สง่ หมายเรียก
3) ดา้ นสังคม มกี ารแบง่ ชนชัน้ ในสังคมโดย คา้ นึงถงึ เช้อื ชาตเิ ป็นหลัก แบ่งออกเป็น 4 ชนชั้น ไดแ้ ก่ ชาวแมนจู ถือเป็นชนช้นั สูงสุด กลมุ่ อน่ื ๆ ที่ไมใ่ ช่ทงั้ ชาวแมนจแู ละชาว จีน ชาวจนี ทางภาคเหนอื ชาวจนี ทางภาคใต้
นอกจากนี้ ราชวงศ์แมนจไู ดม้ กี ารนา้ กฎเกณฑท์ าง สังคมเข้ามาใช้ เพ่ือเปน็ มาตรการป้องกนั ความปลอดภัย และต้องการรักษาเอกลกั ษณข์ องชาวแมนจู ได้แก่ 1) บงั คบั ใหใ้ ชภ้ าษาแมนจูเป็นภาษาทางราชการ 2) บงั คบั ใชช้ าวจีนแต่งกายแบบชาวแมนจู 3) หา้ มชาวจีนแตง่ งานกบั ชาวแมนจู 4) บังคับให้ชาวจีนโกนผมครึ่งศีรษะและไวผ้ มเปีย 5) หา้ มชาวแมนจูค้าขาย 6) ชาวจนี จะเขา้ รับราชการตอ้ งผ่านการสอบไล่ ส่วนชาวแมนจไู ดร้ ับสทิ ธิพเิ ศษไม่ตอ้ งสอบ
4) ดา้ นวรรณคดี เกดิ ผลงานทีเ่ ก่ียวกับ ปวศ. และโบราณคดีทมี่ ชี อ่ื เสยี ง ได้แก่ พจนานกุ รมทช่ี อื่ ว่า “ของมคี ่าท้งั 4” และนวนยิ ายเรอื่ ง “ความฝนั จาก หอ้ งสีแดง” ซึ่งผลงานเหลา่ น้ีได้รบั การสนบั สนุนจาก จักรพรรดิเชยี งลุง และจกั รพรรดคิ ังสี
5) ด้านความสัมพันธ์กับตา่ งชาติ ระยะแรก ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งจีนกับชาติ ตต. เปน็ ไปอยา่ ง ราบรื่น แต่ในชว่ งหลังกลับมีปญั หาเน่อื งจากจีนได้ ก้าหนดเง่ือนไขวา่ ผใู้ ดทไ่ี ม่ใช่ชาวจีนแต่ปรารถนาจะ ตดิ ต่อสัมพันธ์กับจีน จะตอ้ งยอมรับสภาพ การเปน็ เมอื งขน้ึ ดว้ ยการสง่ เคร่อื งราช บรรณาการและแสดงการคารวะดว้ ย การทา้ เกาเตาตอ่ จักรพรรดิจีน
นอกจากนี้ชาวจนี ยังคิดวา่ อาชพี พ่อค้าเป็น อาชีพต้่าต้อย ดังนน้ั ชาวจนี จึงรังเกยี จ ดถู ูก และไม่ให้ การยกยอ่ งพ่อค้าชาว ตต. อีกทง้ั ชาวโปรตเุ กสได้ เปลย่ี นสภาพจากพอ่ คา้ เป็นโจรสลดั ยิ่งทา้ ใหช้ าวจีน เกดิ ความมั่นใจมากข้ึนว่าตนเป็นผู้ทเ่ี จริญ มากกว่า จนมองดูชาว ตต.ชาติต่างๆ เป็น “พวกป่าเถ่อื น”
จากการทผ่ี ูป้ กครองจนี อนุญาตใหอ้ งั กฤษเขา้ มา ทา้ การค้าทเ่ี มืองแคนตอนในปี ค.ศ. 1699 และต้อง ปฏิบตั ติ ามกฎเกณฑท์ ี่รัฐบาลจนี ต้ังขน้ึ มาเรยี กว่า “ระบบการคา้ ทีเ่ มืองแคนตอน” ท้าให้ชาวอังกฤษเสยี ดลุ การค้ากบั จีนอยา่ งมาก ต่อมาอังกฤษ จึงแก้ปัญหาโดยนา้ ฝน่ิ เขา้ มาขายในจีน และท้าให้องั กฤษเติบโตมาก สง่ ผลใหจ้ ีน ตอ้ งปราบปรามอย่างหนกั จนไปสู่การเกดิ “สงครามฝ่นิ ” ในเวลาต่อมา
สงครามฝน่ิ เป็นสงครามระหว่างจีนกบั อังกฤษ หลังจากท่จี ีน พา่ ยแพใ้ นปี ค.ศ. 1842 จีนตอ้ งยอมลงนามใน สนธสิ ญั ญาท่ไี ม่เสมอภาคฉบบั แรกกับชาติ ตต. เรียกว่า “สนธิสญั ญานานกิง” ซง่ึ ส่งผลตอ่ จีน ดังนี้ - จีนตอ้ งยอมยกเกาะฮอ่ งกงให้องั กฤษ และ ต้องเปดิ เมอื งท่าอีก 5 แห่ง ได้แก่ แคนตอน เอหมงึ ฟูเจา นงิ โป และเซ่ียงไฮ้ ให้เป็นเขตสมั ปทานอยใู่ น การดแู ลขององั กฤษ
- จีนต้องสูญเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตหรือ สทิ ธิทางการศาลให้กบั ชาติ ตต. - จีนตอ้ งชดใช้ค่าฝ่นิ ทีท่ า้ ลายไปเปน็ เงนิ จ้านวนมาก - จีนต้องยอมรบั เงอื่ นไขของความเป็นมติ รท่ดี ี ของต่างชาตทิ วี่ ่า “เมอื่ ใดที่จนี ยกผล ประโยชนใ์ ดๆ ให้แก่ต่างชาตหิ นึง่ ๆ ตา่ งชาตอิ ่นื ๆ กม็ ีสิทธิทีจ่ ะเรียกร้องผล ประโยชนน์ ้นั จากจีนไดด้ ังเปน็ คู่สญั ญาเชน่ กนั ”
สมยั อาณานคิ มในชว่ งคริสตศ์ ตวรรษที่ 19 ทา้ ใหจ้ ีนกลายเปน็ ประเทศกงึ่ อาณานคิ ม โดยจีนต้อง สญู เสียดินแดนให้กับประเทศต่าง ๆ เช่น มาเกา๊ เปน็ อาณานิคมของโปรตุเกส ฮ่องกงเป็นอาณานคิ มของ อังกฤษ มองโกเลียเปน็ อาณานิคมของรัสเซีย มณฑล ชานตุงเปน็ อาณานิคมของเยอรมนี ตอ่ มาถูกญ่ีป่นุ เขา้ ยึดครองแทน เวยี ดนามและเกาะไหหล้าเป็นอาณา นิคมของฝร่งั เศส ส่วนสเปนเลือกท่จี ะเดนิ ทางไปทวปี อเมรกิ าเหนอื และฟลิ ิปปินส์มากกวา่ มาจีน
กอ่ นทีจ่ ีนจะกา้ วสู่สมัยสาธารณรัฐ จนี ไดท้ า้ สงครามกับตา่ งชาติและเกิดกบฏภายในประเทศหลาย ครัง้ ทสี่ า้ คัญ เชน่ - สงครามฝ่ิน (ค.ศ. 1839 - 1842) เป็น สงครามระหวา่ งจีนกับองั กฤษ ผลคอื จีน เป็นฝ่ายแพ้ จนสง่ ผลใหจ้ นี ตอ้ งเปลี่ยนสภาพ จากอาณาจักรกลางเปน็ ประเทศก่ึงอาณานคิ ม
- กบฏไตผ้ งิ (ค.ศ. 1850 - 1864) เกิดขนึ้ ภายใตก้ ารน้าของหังซวิ ชวน ซึ่งเป็นผู้ทีม่ ีความ เล่ือมใสในศาสนาครสิ ต์ และต้องการสร้างความเสมอ ภาคใหเ้ กดิ ขน้ึ ทั้งทางด้านการเมอื ง เศรษฐกิ และ สังคมของจีน นอกจากนีเ้ ขายงั ตัง้ “อาณาจกั ร ไตผ้ ิง” ซ่ึงหมายถึง อาณาจกั รทส่ี งบท่ีสุด และตงั้ ตนเองเป็นกษตั รยิ แ์ หง่ สวรรคด์ ว้ ย
- กบฏนกั มวย (ค.ศ. 1900) เกิดข้ึนเพอ่ื ตอ่ ตา้ น อิทธพิ ลของพวกแมนจแู ละพวกผดู้ ี แตด่ ้วย ความสามารถของรฐั บาล ท้าใหก้ บฏกล่มุ นไ้ี ด้กลายมา เปน็ เคร่ืองมือของพระนางซสู ีไทเฮา เพ่ือตอ่ ตา้ น ชาวยโุ รปในท่ีสุด
- สงครามเรือแอร์โรว์ (ค.ศ. 1856 - 1860) หรือสงครามฝิ่นคร้งั ท่ี 2 เปน็ เหตกุ ารณ์ท่ีสะท้อนให้ เหน็ ถึงความขดั แย้งทส่ี า้ คญั ระหวา่ งจนี กับอังกฤษ ภายหลังสงครามฝิ่น ด้วยการท่ีอังกฤษพยายาม เจรจาใหจ้ ีนยอมปรบั ปรุงสนธสิ ัญญานานกิง โดยให้ยอมรบั วา่ ฝิน่ เปน็ สนิ ค้าท่ถี ูก กฎหมาย แต่ไม่สา้ เร็จจนนา้ ไปสู่สงคราม ที่อังกฤษนา้ กองเรอื เขา้ ระดมยิงเมอื ง กวางตุง้ และสามารถยึดครองไวไ้ ด้
- สงครามจีน – ญป่ี ุ่นครัง้ ท่ี 1 (ค.ศ. 1894 - 1895) เป็นสงครามระหว่างราชวงศ์แมนจกู ับ จกั รพรรดแิ ห่งญ่ีปุ่น ซึ่งมีสาเหตมุ าจากการท่ญี ี่ป่นุ ต้องการครอบครองคาบสมทุ รเกาหลซี ง่ึ เปน็ จดุ ยทุ ธศาสตร์ดา้ นความมัน่ คงของญ่ปี นุ่ อีกทงั้ ยงั ต้องการเข้าไปขยายอทิ ธพิ ลทางการเมืองและ เศรษฐกิจในจีน โดยผลของสงครามจนี เป็นฝ่ายแพ้ ซึ่งจีนเคยดถู ูกญป่ี ุ่นว่าเปน็ ชาตทิ ี่ด้อยอารยธรรม จึง ท้าใหจ้ นี ต้องสญู เสยี เกาหลไี ปในที่สดุ
แม้ราชส้านักแมนจูจะพยายามท้าการปฏิรปู ประเทศให้ทันสมัยและเข้มแขง็ ตามแบบอย่าง ตต. แต่ขดั ท่ีผูม้ อี ้านาจ เชน่ พระนางซูสีไทเฮา และเหล่า นักปราชญ์ในราชส้านกั ทีน่ ิยมลัทธขิ งจื๊อ ไมส่ นับสนุน จนเปน็ เหตใุ หจ้ กั รพรรดิปูยี ซง่ึ เป็นจกั รพรรดิองค์สดุ ทา้ ยตอ้ งสละ ราชสมบัติในปี ค.ศ. 1912
เมื่อตอ้ งพ่ายแพต้ อ่ กองทัพปฏวิ ัตภิ ายใตก้ ารนา้ ของซนุ ยดั เซ็น บดิ าแห่งนกั ปฏิวัติจนี สมยั ใหม่ และ หยวนซอื ไข นายทหารที่แปรพักตรเ์ ขา้ ร่วมกบั ฝา่ ย กบฏ หลังจากน้นั หยวนซอื ไขไดร้ บั การแตง่ ตง้ั ให้เปน็ ประธานาธิบดี แหง่ สาธารณรัฐจีน โดยมกี รุงปกั ก่ิง เป็นเมอื งหลวง จากน้ันจนี จงึ ก้าว เข้าส่สู มยั สาธารณรัฐ
นกั ปฏิวตั ิ ผวู้ างรากฐาน ประเทศจีน ยคุ ใหม่ เกิดเมื่อ ค.ศ. 1866 ในครอบครัว ตระกลู ชาวนา และเสียชีวติ ใน ค.ศ. 1925
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225