50 แผนการจัดการเรียนรูแ้ บบบูรณาการที่ 4 หนว่ ยที่ 4 รหสั 20204-2102 โปรแกรมประมวลผลคำ (1-2-2) สอนคร้ังท่ี 4 (10-12) ชอ่ื หนว่ ย/เรอ่ื ง การสร้างตารางข้อมลู จำนวน 3 ช.ม. สาระสำคญั การใช้ตารางเพื่อทำการจัดระเบียบของข้อมูลในเอกสารให้ดูง่าย เป็นระเบียบ แบ่งสัดส่วนของ ข้อมูลให้ชัดเจน Microsoft Word 2016 สามารถทำได้โดยโปรแกรมได้จัดเตรียมตารางไว้ให้ใช้งาน ใน กรณีที่ข้อมูลมีลักษณะที่เป็นตัวเลข หรือข้อความอื่นๆ ท่ีมีความจำเป็นจะต้องใส่ลงในตาราง Microsoft Word 2016 จะปรับความกว้างและความสูงของช่องตารางตามขนาดของตัวอักษรและความกว้างของ บรรทัด สามารถปรับแตง่ รูปแบบของตารางไดห้ ลากหลายเพื่อนำไปประยุกตใ์ ช้งานไดเ้ หมาะสมรวมท้ังยัง มีรปู แบบตารางสำเร็จให้เลือกใช้งานได้อย่างรวดเรว็ และสวยงาม สมรรถนะประจำหนว่ ย แสดงการสร้างตารางขอ้ มูลด้วยโปรแกรม Microsoft Word 2016 จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. สรา้ งตารางแบบตา่ งๆ ได้ 2. กรอกขอ้ มลู ลงในตารางได้ 3. จดั ตำแหนง่ ข้อความได้ 4. ปรับขนาดของตารางได้ 5. การเพม่ิ จำนวนแถวหรือคอลมั น์ 6. การผสานและแยกเซลล์ 7. การลบเซลล์ทไ่ี ม่ต้องการ 8. การกำหนดเสน้ ขอบของตาราง 5. เพิม่ จำนวนแถวหรอื คอลมั น์ได้ 6. ผสานและแยกเซลล์ได้ 7. ลบเซลลท์ ไ่ี มต่ อ้ งการได้ 8. กำหนดเสน้ ขอบของตารางได้
51 คุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สำเร็จการศึกษา สำนกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ท่คี รสู ามารถสังเกตไดข้ ณะทำการสอนในเร่ือง 1 ความมมี นุษยสมั พนั ธ์ 2 ความมีวนิ ยั 3 ความรับผดิ ชอบ 4 ความซอ่ื สตั ย์สุจริต 5 ความเชอื่ ม่ันในตนเอง 6 การประหยัด 7 ความสนใจใฝร่ ู้ 8 การละเวน้ ส่ิงเสพตดิ และการพนนั 9 ความรักสามัคคี 10 ความกตญั ญกู ตเวที สาระการเรียนรู้ 1. การสรา้ งตาราง 2. การกรอกข้อมูลลงในตาราง 3. การจดั ตำแหนง่ ข้อความ 4. การปรับขนาดของตาราง 5. การเพิม่ จำนวนแถวหรือคอลมั น์ 6. การผสานและแยกเซลล์ 7. การลบเซลล์ทไี่ มต่ อ้ งการ 8. การกำหนดเสน้ ขอบของตาราง กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั นำเขา้ ส่บู ทเรยี น 1.ครูใช้เทคนิคการสอนแบบซิปปาโมเดล (CIPPA MODEL) โดยการทบทวนความรู้เดิมจาก สัปดาห์ท่ีผ่านมา โดยดึงความรู้เดิมของผู้เรียนในเรื่องที่จะเรียน เพ่ือช่วยให้ผู้เรียนมีความพร้อมในการ
52 เชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิมของตน ผู้สอนใช้การสนทนาซักถามให้ผู้เรียนเล่าประสบการณ์เดิม หรือให้ผู้เรียนแสดงโครงความรู้เดิม (Graphic Organizer) ของตน โดยโปรแกรม Microsoft Word 2016 สามารถสร้างตารางได้ด้วยการเลือกจากตัวเลือกของตารางที่จัดรปู แบบแล้ว พร้อมข้อมูลตัวอย่าง หรือการเลือกจำนวนแถวและคอลัมน์ที่ต้องการ สามารถสร้างตารางลงในเอกสาร หรือแทรกตารางลงใน อกี ตารางหน่ึงเพอ่ื สร้างตารางที่ซับซ้อนมากข้ึนได้ 2.ผู้เรยี นเลา่ เร่อื งการใชต้ ารางจากโปรแกรม Microsoft Excell ทเ่ี คยศกึ ษามาบา้ งแล้ว ขนั้ สอน 3.ครูใช้เทคนกการใช้แบบสาธิตการสร้างตาราง โดยใช้ส่ือ Power Point ประกอบ และให้ผู้เรยี น ฝกึ ปฏิบัติ ตาม โดยการสรา้ งตารางด้วยโปรแกรม Microsoft Word 2016 ทำได้หลายวธิ ี ซ่งึ แต่ละวิธีน้ันก็สามารถ ท่ีจะสรา้ งตารางใหอ้ อกมาเหมือนกันได้ ขน้ึ อยูก่ บั ว่าจะเลอื กใช้วธิ ีใดในการสรา้ งตาราง ซ่งึ มวี ธิ ตี ่างๆ ดังน้ี 3.1 การสร้างตารางแบบกำหนดเซลล์อัตโนมัติ การสร้างตารางแบบกำหนดเซลล์อัตโนมัตนิ ้ัน โปรแกรม Microsoft Word 2016 จะสามารถกำหนดช่องตารางอัตโนมัติได้ ซึง่ ทำไดด้ ังตอ่ ไปนี้ 1) วางเคอรเ์ ซอร์บนตำแหน่งทต่ี อ้ งการสร้างตาราง 2) คลิกคำสง่ั ตาราง (Table) บนริบบอน แทรก (Insert) 3.)ลากเมาส์กำหนดจำนวนแถวและคอลมั น์ท่ตี อ้ งการ 4) ได้ตารางทก่ี ำหนดไว้ตามตอ้ งการ
53 3.2. การสร้างตารางแบบกำหนดเอง เป็นการสร้างตารางด้วยการใส่จำนวนคอลัมน์และจำนวน แถวตามที่ต้องการ ซง่ึ สามารถทำไดด้ งั ตอ่ ไปนี้ 1) วางเคอร์เซอรบ์ นตำแหนง่ ทีต่ อ้ งการสร้างตาราง 2) คลกิ คำสง่ั ตาราง (Table) บนรบิ บอน แทรก (Insert) 3) เลอื กคำสง่ั แทรกตาราง (Insert Table) 4) ใส่จำนวนคอลัมน์ท่ีต้องการในช่อง จำนวนคอลัมน์ (Number of columns) และใส่ จำนวนแถว ท่ตี ้องการในชอ่ ง จำนวนแถว (Number of rows) 5) คลิก ตกลง (OK) จะไดต้ ารางทต่ี อ้ งการ 3.3 การสร้างตารางแบบวาดตาราง เป็นการวาดเสน้ ต่อกันเพ่อื กำหนดขนาดตาราง ขนาดแถวและ ขนาดของคอลัมน์ ลงในหน้าเอกสาร ในการสร้างตารางด้วยวิธีนี้มีข้อดีคือสามารถกำหนดตารางได้ตาม รูปแบบทต่ี ้องการ ชอ่ งตารางไมจ่ ำเป็นต้องเท่ากันทำไดด้ งั น้ี 3.6. การสร้างตารางแบบใส่ตารางดว่ นทำไดน้ ้ี 1) วางเคอร์เซอรบ์ นตำแหน่งที่ตอ้ งการสรา้ งตาราง 2) คลกิ ป่มุ คำสั่ง ตาราง (Table) บนรบิ บอน แทรก (Insert) 3) คลกิ คำสั่ง ตารางด่วน (Quick Tables) เลือกรปู แบบตารางท่ีเราต้องการ
54 4. ครใู ช้เทคนคิ การสาธิตการกรอกขอ้ มูลลงในตาราง และใหผ้ ้เู รยี นฝึกทักษะปฏบิ ัตติ าม ดงั นี้ เมอื่ สรา้ งตารางแล้วการป้อนข้อมูลในตารางที่สร้างข้ึน ทำได้ดงั น้ี 1) ลากเมาส์ (Drag Mouse) คลุมตารางท่ีเราสรา้ ง 2) กำหนดรูปแบบอักษรและขนาดอักษรท่ีต้องการที่คำสั่ง Font บนริบบอน หน้าแรก (Home) 3) คลกิ ในเซลล์ทีเ่ ราต้องการและพิมพ์ขอ้ ความลงไป 4) กดคยี ล์ ูกศรบนคีย์บอร์ดเพื่อเลอ่ื นไปยังเซลลอ์ ื่นท่ีเราต้องการพิมพต์ ่อไป 5) เมือ่ พมิ พ์เอกสารครบถว้ นแลว้ ให้คลิกเมาสน์ อกตาราง 5.ครสู าธติ การจดั ตำแหนง่ ข้อความ และให้ผูเ้ รียนปฏบิ ัติสามารถทำได้ดงั ตอ่ ไปน้ี 1) เลอื กข้อมลู ทเ่ี ราต้องการจัดตำแหนง่ 2) คลกิ ปมุ่ จดั ตำแหน่งตามทเี่ ราต้องการ เช่น ต้องการจดั ก่ึงกลาง 3) สามารถจัดตำแหน่งใหก้ ับเซลลอ์ น่ื ๆ ได้ตามตอ้ งการเพ่อื ความสวยงามของเอกสาร
55 6.ครูอธิบาย และสาธิตการปรับขนาดของตาราง และให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติตามการสร้างตารางถ้ามี ขนาดไม่ตรงกับความตอ้ งการ สามารถท่จี ะปรับขนาดความกว้างของตารางได้หลายวิธี ได้แก่ -การปรับความกว้างของคอลัมน์ในตาราง -การปรับความสูงของแถวในตาราง -การปรบั ความกวา้ งท้ังตาราง -การใส่รูปแบบตารางสำเรจ็ รูป 7.ครอู ธิบาย และสาธติ การเพมิ่ จำนวนแถวหรือคอลมั น์ ซ่งึ สามารถทำได้ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) วางเคอรเ์ ซอร์ไวท้ ี่เซลล์ทีต่ ้องการจะเพิ่มแถวหรอื เพิ่มคอลัมน์ 2) คลิกปุ่มคำส่ัง แทรกด้านขวา (Insert Right) เมื่อต้องการเพ่ิมคอลัมน์ บนริบบอน เค้าโครง (Layout) 3) หรือคลิกปุ่มคำส่ัง แทรกด้านล่าง (Insert Below) เมื่อต้องการเพิ่มแถวบนริบบอน เค้าโครง (Layout) 8.ครูสาธติ การผสานและแยกเซลล์ 8.1. การผสานเซลล์ ทำได้ดังต่อไปนี้ 1. ลากเมาส์ (Drag Mouse) คลมุ เซลล์ที่ตอ้ งการผสาน 2. คลิกปมุ่ คำสั่ง ผสานเซลล์ (Merge cells) บนรบิ บอน เคา้ โครง (Layout) 8.2. การแยกเซลล์โดยสามารถทำได้ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. วางเคอร์เซอรไ์ ว้ในเซลลท์ ่ีเราต้องการแยก 2. คลกิ ปุ่มคำส่งั แยกเซลล์ (Split Cells) บนรบิ บอนเค้าโครง (Layout) 3. ใสจ่ ำนวนแถวและคอลัมนท์ ตี่ ้องการในไดอะล็อกบ็อกซ์ การแยกเซลล์ (Split Cells) 4. คลิกปมุ่ ตกลง (OK) 9.ครอู ธบิ าย และสาธิตการลบเซลล์ท่ไี ม่ต้องการ โดยใหผ้ ู้เรียนฝกึ ปฏิบตั ิตาม หากสรา้ งตารางเรียบรอ้ ยแล้วพบวา่ มเี ซลล์ แถว หรือคอลัมน์ ท่เี ราไม่ต้องการใช้ และต้องการลบออกไป เราสามารถทำไดด้ ังตอ่ ไปน้ี
56 1) วางเคอร์เซอรไ์ ว้ในเซลล์ท่ีเราต้องการลบ 2) คลิกป่มุ คำสั่ง ลบ (Delete) บนริบบอน เค้าโครง (Layout) 3) เลอื กคำส่ังดงั นี้ ลบเซลล์ (Delete Cells) เมอ่ื ต้องการลบเซลล์นัน้ ลบคอลัมน์ (Delete Columns) เมือ่ ตอ้ งการลบทั้งคอลมั น์ท่ีเคอร์เซอร์อยู่ ลบแถว (Delete Rows) เม่ือต้องการลบท้ังแถวทีเ่ คอร์เซอรอ์ ยู่ ลบตาราง (Delete Table) เมอื่ ต้องการลบทง้ั ตาราง 4) ปรากฏไดอะลอ็ กบอ็ กซ์ ลบเซลล์ (Delete Cells) ให้เลอื กดังนี้ Shift cells left เมอ่ื ต้องการเล่ือนเซลล์มาทางซ้าย Shift cells up เมือ่ ต้องการเลื่อนเซลล์ขึ้น Delete entire row เม่ือตอ้ งการลบทั้งแถว Delete entire column เมอ่ื ต้องการลบทงั้ คอลมั น์ 10. ผู้เรยี นฝกึ ทกั ษะในการกำหนดเส้นขอบของตาราง สามารถทำได้ดังตอ่ ไปนี้ 1. คลิกปมุ่ คำสั่ง วาดตาราง (Draw Table) บนริบบอน ออกแบบ (Design) 2. เลือกรูปแบบเส้นที่กลุม่ คำสัง่ Line Style 3. เลือกความหนาของเสน้ ท่ีกล่มุ คำส่งั Line Weight 4. เลอื กสเี สน้ ทป่ี มุ่ Pen Color 5. ลากเมาสว์ าดลงบนเสน้ ทีต่ อ้ งการ 6. เสน้ ตารางจะเปล่ยี นไปตามท่ีเราวาด 11.ครูให้ความรู้เพิ่มเติมในการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ซ่ึงเป็นการจดบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ เก่ียวกับการเงินหรือบางส่วนเก่ียวข้องกับการเงิน โดยผ่านการวิเคราะห์ จัดประเภทและบันทึกไว้ใน แบบฟอร์มท่ีกำหนด เพ่ือแสดงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของตนเองหรือครอบครัวในช่วง ระยะเวลาหนึ่ง เป็นวิธีช่วยตรวจสอบการใช้จ่ายของครอบครัวว่ามีรายจ่ายสมดุลกับรายรับ และใช้จ่าย อย่างมีเหตุผลตามความจำเป็น พอเหมาะกับสภาพครอบครัวหรอื ไม่ หากสามารถปรับเปล่ียนพฤติกรรม การบริโภค เพือ่ ลดรายจ่ายที่ไมจ่ ำเป็นเกินตนได้ จะช่วยให้มีเงินเก็บออมเพอ่ื เป็นรากฐานสร้างภูมคิ ุ้มกันที ดใี นชวี ติ ได้
57 ขน้ั สรปุ และการประยุกต์ 12.ครูและผู้เรียนสรุปการสร้างตารางข้อมูล โดยการฝึกปฏิบัติ และการถาม-ตอบและนำไป ประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจำวันได้ 13.ผู้เรียนทำกิจกรรมใบงาน แบบประเมินผล และแบบฝึกปฏิบัติ และประเมินผู้เรียนตาม แบบฟอรม์ ดังต่อไปน้ี ชอ่ื ผ้เู รียน ประสบการณพ์ ืน้ ฐานการเรยี นรู้ วธิ ีการเรยี นรู้ ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน 1. 2. 3. 4. 5. สื่อและแหลง่ การเรียนรู้ 1.หนังสือเรียน วิชาโปรแกรมประมวลผลคำ ของสำนกั พิมพ์เอมพันธ์ 2.รปู ภาพแสดงเมนูตา่ งๆ ในโปรแกรม 3.กิจกรรมการเรยี นการสอน 4.ส่อื อิเลก็ ทรอนกิ ส์, PowerPoint และเครือ่ งคอมพิวเตอร์ 5.แบบประเมินผลการเรยี นรู้ หลักฐาน 1.บันทกึ การสอน 2.ใบเช็ครายช่ือ 3.แผนจดั การเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมนิ ผล วธิ ีวดั ผล 1.สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2.ประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม
58 3.สงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4.ตรวจใบงาน 5.ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้ และแบบฝกึ ปฏิบตั ิ 6.การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เครอื่ งมอื วัดผล 1.แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 2.แบบประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ (โดยครู) 3.แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ (โดยผู้เรยี น) 4.แบบประเมนิ กิจกรรมใบงาน 5.แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏิบัติ 6.แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและ ผ้เู รียนรว่ มกันประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ ผล 1.เกณฑผ์ า่ นการสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ตอ้ งไม่มชี อ่ งปรบั ปรงุ 2.เกณฑ์ผ่านการประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3.เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุม่ คอื ปานกลาง (50% ขึ้นไป) 4.กิจกรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คอื 50% 5.แบบประเมินผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏิบตั ิมเี กณฑผ์ า่ น 50% 6.แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับ การประเมินตามสภาพจริง กิจกรรมเสนอแนะ 1.ครแู นะนำให้ผู้เรียนอ่านทบทวนเนื้อหา และทำกิจกรรมใบงาน 2.ผู้เรียนควรฝึกทักษะในเน้ือหานอกเวลาเรียนให้เกิดความชำนาญ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในงาน ตา่ งๆ ได้
59 บันทึกหลังการสอน ขอ้ สรปุ หลงั การสอน ................................................................................................................................................ ..................................................................................................................... ................................................ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ................ ปญั หาที่พบ ................................................................................................................................................ .................................................................................................... ................................................................. ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................... ...................................... แนวทางแก้ปัญหา ................................................................................................................................................ .................................................................................................... ................................................................. ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................... ......................................
60 แผนการจัดการเรยี นรูแ้ บบบูรณาการท่ี 5 หน่วยที่ 5 รหสั 20204-2102 โปรแกรมประมวลผลคำ (1-2-2) สอนครั้งท่ี 5 (13-15) ชอื่ หนว่ ย/เรื่อง การสร้างแบบฟอร์มเอกสาร จำนวน 3 ช.ม. สาระสำคญั โปรแกรม Microsoft Word 2016 มีความสามารถในการสร้างงานเอกสารทั่วไปได้อย่างมี ประสิทธิภาพและยังมีเครื่องมือท่ีสามารถนำมาใช้ในการสร้างแบบฟอร์มเอกสารสำเร็จรูปได้อย่างง่าย และสะดวก เครื่องมือส่วนประกอบด่วน (Quick Parts) สามารถจัดทำแบบฟอร์มเอกสารโดยมีคำส่ัง สำเร็จรูปมาให้ ยังสามารถสร้างรูปแบบสำเร็จรูปเก็บไว้ใช้งานได้อีกด้วย เครอ่ื งมือในการสร้างแบบฟอร์ม เอกสารอีกเคร่ืองมือหนึ่งคือ นักพัฒนา (Developer) ซ่ึงสามารถสร้างแบบฟอร์มเอกสารท่ีสามารถเติม ข้อมูลในส่วนที่สร้างไว้เติม เลือกข้อมูลตามเงื่อนไข เติมวันที่โดยมีหน้าต่างวันที่ให้เลือก รวมถึงการเลือก ขอ้ มูลที่จดั เตรยี มไวใ้ ห้ ลกั ษณะเหมือนกนั การสรา้ งแบบฟอร์มโดยการเขยี นโปรแกรม สมรรถนะประจำหน่วย แสดงการสรา้ งแบบฟอร์มเอกสารด้วยโปรแกรม Microsoft Word 2016 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1.อธิบายความหมายของแบบฟอรม์ ได้ 2.สร้างแบบฟอรม์ ดว้ ยคำสงั่ สว่ นประกอบด่วน (Quick Parts) ได้ คุณลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สำเร็จการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ท่คี รสู ามารถสงั เกตไดข้ ณะทำการสอนในเรอ่ื ง 1 ความมีมนษุ ยสัมพนั ธ์ 2 ความมีวนิ ยั 3 ความรบั ผดิ ชอบ 4 ความซือ่ สัตย์สุจรติ 5 ความเชอื่ มั่นในตนเอง 6 การประหยดั
61 7 ความสนใจใฝ่รู้ 8 การละเว้นสิ่งเสพตดิ และการพนนั 9 ความรกั สามคั คี 10 ความกตัญญกู ตเวที สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของแบบฟอร์ม 2. การสรา้ งแบบฟอร์มดว้ ยคำสงั่ ส่วนประกอบด่วน (Quick Parts) กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นำเข้าสู่บทเรยี น 1.ครูสนทนากับผู้เรียนว่าการใช้โปรแกรมประมวลผลคำในลักษณะต่างๆ โปรแกรม Microsoft Word 2016 มีความสามารถในการจัดการเอกสารให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดการแบบฟอร์ม เอกสาร ซ่งึ สามารถนำคำสัง่ เพ่ิมเติมในโปรแกรมมาประยกุ ตใ์ ช้ 2.ครูเล่าเร่อื งการทำแบบฟอรม์ ตา่ งๆ ทีส่ รา้ งข้ึนเพ่ือใช้ในงานทั่วไป 3.ผเู้ รียนทำแบบประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน ขน้ั สอน 3.ครูใช้เทคนิคการอธิบายความหมายของแบบฟอร์ม โดยใช้ส่ือ Power Point ประกอบการ เรยี น โดยคำว่า “แบบฟอรม์ ” หมายถงึ เอกสารหรือสัญญาที่ทำข้ึนโดยพมิ พข์ ้อความบางส่วนไว้ และเว้น ที่ว่างไว้บางส่วนสำหรับผู้ท่ีเกี่ยวข้องกรอกข้อความลงไป จะเห็นได้ว่าแบบฟอร์ม ประกอบด้วย 2 ส่วน หลกั ๆ คือ ส่วนของขอ้ ความที่พมิ พ์ไว้แล้ว และส่วนของพืน้ ทวี่ า่ งซึ่งเว้นไวส้ ำหรบั กรอกเพ่มิ เตมิ ให้สมบูรณ์ โดยกรอกรายการดังน้ี 1. ใส่ข้อความ (Text) 2. ใส่ตวั เลอื กเพอ่ื เลอื กสิง่ ใดสิง่ หน่งึ (Button Option) 3. เช็กบ็อกซใ์ นช่องสเี่ หลี่ยม (Check Box) 4. เลอื กรายการจากข้อความท่ีมมี าให้ (Drop Down List) 5. ใส่วนั ที่ (Date Picker)
62 4.ครูใช้เทคนิคการจัดการเรียนรู้แบบอภิปราย (Discussion Method) คือกระบวนการที่ผู้สอน ม่งุ ให้ผูเ้ รียนมีโอกาสสนทนาแลกเปลีย่ นความคดิ เหน็ หรือระดมความคดิ ในเรอ่ื งใดเรือ่ งหน่ึง ซ่ึงอาจจะเป็น เร่ืองท่ีเกยี่ วข้องกบั บทเรียนหรือทก่ี ล่มุ มีความสนใจรว่ มกัน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อหาคำตอบ แนวทางหรือ แก้ปัญหาร่วมกัน การจัดการเรียนรู้แบบน้ีมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ คือ ร่วมคิด ร่วม วางแผน ร่วมตัดสินใจ ร่วมปฏิบัติงานและช่ืนชมผลงานร่วมกัน ในเรื่องการสร้างแบบฟอร์มด้วยคำส่ัง ส่วนประกอบดว่ น (Quick Parts) ในการสร้างแบบฟอร์มเอกสารรปู แบบต่างๆ ดงั นี้ 1. การสร้างแบบฟอร์มดว้ ยคำสงั่ ส่วนประกอบดว่ น (Quick Parts) 2. การสร้างแบบฟอร์มด้วยรบิ บอนนกั พฒั นา (Developer) 5.ครูและผู้เรียนช่วยกันสาธิต และฝึกทักษะการสร้างแบบฟอร์มด้วยคำส่ังส่วนประกอบด่วน (Quick Parts) ตวั อย่างการสร้างหวั จดหมายด้วย AutoText
63 6.ครูและผู้เรียนใช้เทคนิคการสาธิตการสร้างแบบฟอร์มเอกสารด้วย Document Property โดย ใหผ้ ้เู รียนปฏบิ ตั ติ าม 7.ครูเสนอแนะและเป็นท่ีปรึกษาในการนำเอาแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งในกระบวนการ ทำงานทุกประเภทน้ัน จะต้องเน้นสัจจะซ่ึงเป็นตัวคุณธรรม จริยธรรม เน้นความซื่อสัตย์สุจริต เน้นให้ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เน้นให้รู้จักความพอดี พอประมาณ มีเหตุผล ท้ังหมดน้ีคือ หลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง และสามารถนำไปประยุกตใ์ ช้กับการดำเนนิ ชีวิตของทุกคนได้ ข้นั สรปุ และการประยุกต์ 8.ครแู ละผู้เรยี นสรุปความหมายของแบบฟอร์มโดยการถามตอบ และสรปุ การสร้างแบบฟอรม์ ด้วย คำส่งั ส่วนประกอบด่วน (Quick Parts) โดยให้ผู้เรยี นปฏิบัติเพ่อื ฝกึ ทกั ษะใหเ้ กิดความชำนาญ 9.ผ้เู รยี นทำกิจกรรมใบงาน แบบฝึกปฏิบัติ แบบประเมินผลการเรยี นร้ เพ่ือฝึกทักษะการเรียนรู้ให้ เกดิ ความชำนาญในการนำไปประยกุ ตใ์ ช้ต่อไป 10.ผู้เรียนร่วมกันประเมินโดยพิจารณาจากข้อมูลความรู้ การให้เหตุผล และความพร้อมในการ อภิปราย
64 ชือ่ ผู้เรยี น ประสบการณ์พน้ื ฐานการเรยี นรู้ วิธกี ารเรยี นรู้ ความรู้ ทกั ษะ ผลงาน 1. 2. 3. 4. สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้ 1.หนงั สือเรียน วิชาโปรแกรมประมวลผลคำ ของสำนักพิมพเ์ อมพันธ์ 2.รปู ภาพแสดงเมนูตา่ งๆ ในโปรแกรม 3.กิจกรรมการเรียนการสอน 4.สอื่ อเิ ล็กทรอนิกส์, PowerPoint และเครื่องคอมพวิ เตอร์ 5.แบบประเมินผลการเรยี นรู้ หลักฐาน 1.บนั ทกึ การสอน 2.ใบเช็ครายชอ่ื 3.แผนจัดการเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมินผล วธิ ีวัดผล 1.สังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2.ประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 3.สงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกล่มุ 4.ตรวจใบงาน 5.ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝกึ ปฏิบัติ 6.การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึง ประสงค์
65 เครื่องมอื วัดผล 1.แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2.แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม (โดยครู) 3.แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผู้เรียน) 4.แบบประเมนิ กิจกรรมใบงาน 5.แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏิบัติ 6.แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและ ผูเ้ รียนร่วมกนั ประเมนิ เกณฑ์การประเมินผล 1.เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล ตอ้ งไม่มีช่องปรบั ปรุง 2.เกณฑผ์ า่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50 % ขนึ้ ไป) 3.เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50% ข้ึนไป) 4.กจิ กรรมใบงาน เกณฑผ์ า่ น คือ 50% 5.แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ มีเกณฑผ์ า่ น 50% 6.แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนข้ึนอยูก่ ับ การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ ให้ฝึกปฏบิ ตั ิทำกิจกรรมใบงาน และอทำแบบฝึกปฏิบตั ิดว้ ยตนเองใหเ้ ขา้ ใจ เพื่อใหส้ ามารถนำไปใช้ งานได้
66 บันทกึ หลังการสอน ข้อสรุปหลังการสอน ................................................................................................................... ............................. ..................................................................................................................... ................................................ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ................ ปญั หาท่พี บ ................................................................................................................................................ .................................................................................................... ................................................................. ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................... ...................................... แนวทางแก้ปญั หา ................................................................................................................................................ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................
แผนการจัดการเรียนรู้แบบบรู ณาการท่ี 6 67 รหัส 20204-2102 โปรแกรมประมวลผลคำ (1-2-2) ชอ่ื หนว่ ย/เร่อื ง การสร้างแบบฟอร์มเอกสาร หนว่ ยที่ 5 สอนคร้ังที่ 6 (16-18) จำนวน 3 ช.ม. สาระสำคัญ โปรแกรม Microsoft Word 2016 มีความสามารถในการสร้างงานเอกสารทั่วไปได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ และยังมีเคร่ืองมือที่สามารถนำมาใช้ในการสร้างแบบฟอร์มเอกสารสำเร็จรูปได้อย่างง่ายและสะดวก เคร่ืองมือส่วนประกอบด่วน (Quick Parts) สามารถจัดทำแบบฟอร์มเอกสารโดยมีคำส่ังสำเร็จรูปมาให้ ยังสามารถสร้างรูปแบบสำเร็จรูปเก็บไว้ใช้งานได้อีกด้วย เครื่องมือในการสร้างแบบฟอร์มเอกสารอีก เครื่องมอื หน่ึงคอื นักพัฒนา (Developer) ซง่ึ สามารถสร้างแบบฟอร์มเอกสารที่สามารถเตมิ ขอ้ มูลในสว่ น ที่สร้างไว้เติม เลือกข้อมูลตามเงื่อนไข เติมวันท่ีโดยมีหน้าต่างวันที่ให้เลือก รวมถึงการเลือกข้อมูลท่ี จัดเตรยี มไวใ้ ห้ ลักษณะเหมือนกันการสร้างแบบฟอร์มโดยการเขียนโปรแกรม สมรรถนะประจำหนว่ ย แสดงการสร้างแบบฟอรม์ เอกสารดว้ ยโปรแกรม Microsoft Word 2016 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3.สร้างแบบฟอรม์ ด้วยริบบอนนกั พฒั นา (Developer) ได้ 4.ปอ้ งกันการแก้ไขแบบฟอร์มได้ 5.บนั ทกึ แบบฟอร์มได้ คุณลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สำเร็จการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ท่คี รูสามารถสังเกตได้ขณะทำการสอนในเร่อื ง 1 ความมีมนษุ ยสมั พนั ธ์ 2 ความมวี นิ ัย 3 ความรับผดิ ชอบ 4 ความซอ่ื สตั ย์สจุ ริต
68 5 ความเชอื่ มนั่ ในตนเอง 6 การประหยดั 7 ความสนใจใฝร่ ู้ 8 การละเว้นสง่ิ เสพตดิ และการพนัน 9 ความรกั สามัคคี 10 ความกตัญญกู ตเวที สาระการเรยี นรู้ 3. การสรา้ งแบบฟอรม์ ด้วยรบิ บอนนักพัฒนา (Developer) 4.การป้องกนั การแก้ไขแบบฟอรม์ 5.การบันทกึ แบบฟอรม์ กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันนำเขา้ สูบ่ ทเรียน 1.ครูใช้เทคนิคการสอนแบบ Lecture Method การจัดการเรียนรู้แบบบรรยาย คือ กระบวนการ เรยี นรู้ทผี่ ู้สอนเป็นผู้ถ่ายทอดความรูใ้ หแ้ ก่ผู้เรียนโดยการพูดบอกเล่า อธบิ ายเน้อื หาเร่ืองราวของการสรา้ ง แบบฟอร์มด้วยริบบอนนักพัฒนา (Developer) การป้องกันการแก้ไขแบบฟอร์ม และการบันทึก แบบฟอร์ม ที่ผู้สอนได้เตรียมการศึกษาค้นคว้ามาเป็นอย่างดี ผู้เรียนเป็นฝ่ายรับฟัง และจดบันทึก สาระสำคญั ในขณะท่ฟี ังบรรยาย และเปดิ โอกาสให้ซกั ถามแสดงความคดิ เห็นได้ 2.ครูแสดงรูปภาพของริบบอนบางสว่ นให้ผู้เรียนดู เพอ่ื เช่อื มโยงเขา้ สู่บทเรียนตอ่ ไป
69 ข้ันสอน 3.ครูผู้สอนสาธิต และแสดงหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยผ่านจอโปรเจ็คเตอร์เป็นสื่อประกอบ เพื่อส่ือ ใหผ้ ูเ้ รยี น เข้าใจการสร้างแบบฟอร์มด้วยริบบอนนักพัฒนา (Developer) ได้ง่ายยิ่งขี้น โดยริบบอน Developer ไม่ได้แสดงให้เห็นเมื่อเปิดโปรแกรมต้องเรียกรบิ บอนนักพัฒนา ท่ีใช้ในการสร้างแบบฟอร์มข้ึนมาเพิ่มเติม การเรียกใช้แทบ็ เคร่ืองมอื นักพฒั นา (Developer)ได้ดังนี้ 1) คลิกแท็บ File คลิกคำส่ัง ตัวเลือก (Options) จะปรากฏหน้าต่าง Word Options ขนึ้ มา 2) คลกิ ป่มุ Customize Ribbon ดา้ นซ้าย 3) คลกิ เช็กบ็อกซ์ Developer ท่ีช่องด้านขวา 4) คลกิ ปุ่ม ตกลง (OK) 5) จะปรากฏรบิ บอน นักพัฒนา (Developer) ข้นึ มา เพื่อชว่ ยในการสร้างฟอรม์ 4.ผเู้ รียนสร้างแบบฟอรม์ โดยการใชร้ ิบบอนนักพฒั นา (Developer) โดยดจู ากการสาธติ ในหน้าจอ คอมพิวเตอร์ผ่านโปรเจต็ เตอร์ การสร้างแบบฟอรม์ ใบสมัครงาน 1) สรา้ งเอกสารใหม่ โดยกดคยี ์ Ctrl+N หรอื คลิกแทบ็ File เลอื กคำสง่ั New 2) เลอื กเอกสารเปล่า (Blank Document) 3) คลกิ ป่มุ สรา้ ง (Create) 4) สร้างหัวกระดาษโดยใช้เคร่ือง Quick Part (จากตัวอย่างเดิม) พิมพ์ใบสมัครงานและทำกรอบ รูป 5.ทำการพมิ พห์ ัวข้อรายละเอียดต่างๆ ทีต่ อ้ งการในใบสมัครตามแบบฟอรม์ ของบริษัท 6.บรรทดั แรกของใบสมัครให้พิมพ์ ชื่อ-สกลุ และเวน้ ที่ว่างไว้สำหรับกรอกช่ือ มีขั้นตอนการทำดังนี้ 6.1 เลือกบริเวณพื้นที่ที่ต้องการให้กรอกข้อมูล ชื่อ-นามสกุลคลิกปุ่ม ข้อความ (Plain Text Content Control) บนริบบอนนักพัฒนา (Developer)
70 6.2 จะปรากฏตัวควบคุมเนือ้ หาขอ้ ความ 6.3 หากต้องการเปล่ียนข้อความเพ่ือบอกวิธีการป้อนข้อมูลในตัวควบคุมเนื้อหาข้อความให้ พิมพข์ อ้ ความลงไปแทนที่ 6.4 เมื่อมผี ู้มาสมัคร ใหพ้ มิ พช์ อ่ื -นามสกุล ลงในตัวควบคมุ เนื้อหาไดเ้ ลย 7) แทรกตัวควบคุมเน้ือหาข้อความในตำแหน่งท่ีต้องการ และเงินเดือน และรายการอื่นท่ี ต้องทำการป้อนขอ้ มลู ท่เี ป็นข้อความ ไปจนถงึ ส่วนของสถานภาพ 8) ส่วนสถานภาพ 8.1 คลิกปุ่มคำสั่ง เครื่องมือดั้งเดิม (Legacy Tools) บนริบบอน นักพัฒนา (Developer) 8.2 เลือกปุ่มตัวเลือก (Option Button) ในกรอบ ตัวควบคุม ActiveX (ActiveX Control) 8.3 จะไดส้ ว่ นควบคุมปุ่มตัวเลอื ก 8.4 เปลี่ยนข้อความในปุ่มตัวเลือก จาก OptionButton1 เป็น “โสด” โดยคลิก เลือกปุ่ม Properties บนริบบอนจะปรากฏหน้าต่าง Properties ให้เปลี่ยน Caption ข้อความจาก OptionButton1 เปน็ โสด
71 8.5 ใหท้ ำตามข้นั ตอน 8.1 ใหม่แล้วเปลยี่ น Caption เป็น “สมรส” “หย่ารา้ ง” 9) การป้อนวนั เดือน ปีเกิด ดว้ ยตัวเลอื กวันท่ี (Date Picker) 9.1 เลือกบริเวณพื้นท่ีที่ต้องการให้กรอกข้อมูลวันที่ และทำการคลิกที่ตัวควบคุมเน้ือหา Date Picker 9.2 จะมีหน้าต่างวนั เดือน ปี ขน้ึ มาใหเ้ ลือกหรือป้อนตวั เลขวันท่ี ลงในชอ่ งเลยกไ็ ด้ 9.3 การกำหนดค่าคุณสมบัติ (Properties) ของการแสดงผลข้อมูลท่ีเป็นวันที่ ทำได้ ดังตอ่ ไปนี้ 9.3.1 วางเคอร์เซอร์ไว้ในตวั ควบคุมเนือ้ หาวันท่ี 9.3.2 คลิกปุ่มคำส่ัง คุณสมบัติ (Properties) บนริบบอน นักพัฒนา (Developer) จะ ปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ (Content Control Properties) เลือกรูปแบบการแสดงผลวันท่ีในส่วนของ Display the date like this แล้วคลกิ ตกลง (OK) 9.3.3 รปู แบบของการแสดงผลวันที่ เปลยี่ นไปตามคณุ สมบัติทีเ่ ลือก 10) สว่ นกจิ กรรมที่ชอบ คลิกเลอื กหวั ข้อทีเ่ ลือกโดยใช้ตวั ควบคุมเน้อื หา Check Box 10.1 วางเคอร์เซอร์ไว้หน้าหัวข้อกิจกรรมที่ต้องการเลือกทีละรายการ คลิกที่ตัวควบคุม เน้อื หา Check Box 10.2 ทำครบทกุ รายการจะปรากฏกลอ่ งสเี่ หล่ยี มหนา้ รายการ 10.3 เม่ือนำเมาส์ไปคลิกเลือก จะมีกากบาทในกล่องสี่เหล่ียม ซึ่งเลือกได้มากกว่า 1 รายการ 11) ความสามารถทางภาษาโดยใชต้ ัวควบคุมเนื้อหา Drop-Down List 11.1 วางเคอรเ์ ซอรไ์ ว้หนา้ หวั ข้อความสามารถทางภาษา 11.2 ใส่ข้อมูลให้เลือกใน Drop-Down List โดยวางเคอร์เซอร์ไว้ในตัวควบคุมเนื้อหา คลิก ที่ ค ลิ ก ปุ่ ม ค ำสั่ ง คุ ณ ส ม บั ติ (Properties) บ น ริบ บ อน นั ก พั ฒ น า (Developer) จะป ราก ฏ ไดอะล็อกบอ็ กซ์ Content Control Properties 11.3 แกไ้ ขหวั ขอ้ ท่ีเลอื กโดยการคลกิ ท่ีปุ่ม Modify จะปรากฏหน้าต่าง Modify Choice ให้ พิมพ์รายการท่ีช่อง Display Name: แก้ไขจาก Choose and item เป็น เลือกภาษาท่ีถนัดสุด 1 ภาษา แล้วกดปุ่ม OK
72 11.4 เพ่ิมรายการภาษาลงในช่อง Drop-Down List โดยคลิกท่ีปุ่ม Add จะปรากฏ หน้าต่างModify Choice ให้พิมพ์ภาษาที่ต้องการให้แสดงท่ีช่อง Display Name: กดปุ่ม OK ให้เพ่ิม ภาษาท่ตี ้องการ โดยการกดปุ่ม Add เพ่ือเพม่ิ ภาษาไปจนครบตามตอ้ งการ 11.5 เม่ือนำเมาส์ไปคลิกเลือกที่ปุ่มลูกศร จะมีรายการให้เลือก หลังจากจัดทำ แบบฟอรม์ เอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว บนั ทึกแบบฟอร์มเพือ่ เก็บไว้ใช้งาน จะไดร้ ปู แบบฟอร์มทท่ี ำดังนี้
73 ทดสอบกรอกข้อมลู ตามแบบฟอร์มเอกสารทจ่ี ดั ทำขนึ้ 7.ครูอธบิ ายการปอ้ งกันการแกไ้ ขแบบฟอร์ม โดยใชส้ ่ือ Power Point ประกอบ 8.ครูสาธิตการปอ้ งกนั การแก้ไจแบบฟอร์ม และใหผ้ ูเ้ รียนปฏบิ ัติตามโดยมขี ้ันตอนดังนี้ 1) คลกิ ปมุ่ คำสง่ั ปอ้ งกันเอกสาร (Restrict Editing) บนรบิ บอน นกั พัฒนา (Developer)
74 2) ในไดอะล็อกบ็อกซ์ การป้องกันเอกสาร (Restrict Formatting and Editing) ด้านขวาของโปรแกรม ใต้หัวข้อ 2. ข้อจำกัดของการแก้ไข (Editing restrictions) ให้เลือกอนุญาตให้ใช้ เพียงรูปแบบของการแกไ้ ขนใี้ นเอกสาร (Allow only this type of editing in the document) 3) หัวขอ้ รายการข้อจำกัดของการแก้ไข ใหเ้ ลอื กกรอกฟอร์ม (Filling in forms) 4) หัวข้อ เร่ิมต้นการบังคับ (Start enforcement) ให้คลิกเลือก ใช่ เริ่มต้นบังคับใช้การ ปอ้ งกัน (Yes, StartEnforcing Protection) 5) หากต้องการกำหนดรหัสผ่านให้กับเอกสารเพ่ือให้สามารถแก้ไขได้เฉพาะเราเท่านั้น ให้ พมิ พ์รหัสผา่ นลงไปในกรอบ ป้อนรหสั ผา่ นใหม่ (ทางเลือก) (Enter new password) และยืนยันรหสั ผา่ น (Reenter password to confi rm) แล้วคลกิ ตกลง (OK) 9.ผู้เรียนบนั ทกึ แบบฟอร์ม ครูอธิบายเพมิ่ เติมในการบนั ทกึ เอกสารที่เป็นแบบฟอรม์ ด้วยโปรแกรม Microsoft Word 2010 น้ัน ให้บันทึกเป็นเอกสารปกติ ซึ่งจะได้ไฟล์เป็นสกุล .docx เท่านั้น ไม่สามารถ บนั ทึกเปน็ เอกสารในเวอรช์ ันกอ่ น ไม่เช่นนน้ั จะไมส่ ามารถเปิดแบบฟอรม์ ใชง้ านได้ 10.ครูเน้นผู้เรยี นให้มีความละเอยี ดรอบคอบ มีความอดทน มีควาเข้มแข็ง มีความเพียรพยายาม ในการฝกึ ทักษะปฏิบัติงานได้จริงด้านคอมพิวเตอร์ได้ นอกจากนั้นยังให้ระมัดระวงั ความปลอดภัยในการ ฝกึ ปฏิบัตงิ านทอี่ าจผดิ พลาดเกิดขน้ึ ไดโ้ ดยไมไ่ ด้ตงั้ ใจ เพราะในการประกอบอาชพี จรงิ ๆ ดังนั้นผู้เรยี นต้อง ฝึกทักษะความชำนาญเหล่าน้ีให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างรายได้ท่ีดีในอนาคตต่อไป และพร้อมรับ ผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงท่จี ะเกิดข้ึนในอนาคต คอื ทำให้เข้มแข็ง ก็จะทำให้ครอบครัวมีเงินออม อันเกิดจากการทำงานของเราได้ ถือเป็นเง่ือนไขสำคัญคือเร่ืองคุณธรรม ลักษณะดังกล่าวน้ีก็จะเป็นการ สร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวเอง รวมทั้งมีความอดทน มีความเพียรพยายามในการทำมาหาเลี้ยงชีพใน ชีวิตประจำวันไดใ้ นอนาคตตอ่ ไปเป็นอยา่ งดี ขนั้ สรปุ และการประยุกต์ 11.สรุปเน้ือหาโดยให้ผู้เรียนฝึกทักษะการปฏิบัติกิจกรรมออกแบบสอบถาม ที่สามารถนำไป ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำวันได้ 12.ผเู้ รยี นทำใบงาน กจิ กรรม แบบประเมินผล และแบบฝกึ ปฏิบตั ิ
75 13.ประเมนิ ผูเ้ รียนตามแบบฟอร์มตอ่ ไปนี้ ชอ่ื ผู้เรียน ธรรมชาตขิ องผู้เรยี น วฒุ ภิ าวะ วิธีการเรยี นรู้ ความสนใจ สตปิ ัญญา 1. 2. 3. 4. 5. สอื่ และแหล่งการเรียนรู้ 1.หนังสอื เรยี น วชิ าโปรแกรมประมวลผลคำ ของสำนกั พมิ พเ์ อมพันธ์ 2.รูปภาพแสดงเมนตู ่างๆ ในโปรแกรม 3.กิจกรรมการเรยี นการสอน 4.สอ่ื อิเลก็ ทรอนกิ ส์, ส่ือ PowerPoint และเคร่ืองคอมพิวเตอร์ 5.แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ หลกั ฐาน 1.บันทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายชอื่ 3.แผนจัดการเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวัดผลและการประเมินผล วิธวี ัดผล 1.สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 2.ประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ 3.สังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ 4.ตรวจใบงาน 5.ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏบิ ัติ 6.การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึง ประสงค์
76 เครือ่ งมอื วดั ผล 1.แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2.แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ (โดยครู) 3.แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม (โดยผู้เรียน) 4.แบบประเมินกจิ กรรมใบงาน 5.แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ และแบบฝกึ ปฏบิ ัติ 6.แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและ ผเู้ รยี นรว่ มกนั ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ ผล 1.เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤติกรรมรายบุคคล ต้องไม่มชี อ่ งปรับปรงุ 2.เกณฑ์ผา่ นการประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกล่มุ คือ ปานกลาง (50 % ข้ึนไป) 3.เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขึ้นไป) 4.กิจกรรมใบงาน เกณฑ์ผา่ น คอื 50% 5.แบบประเมินผลการเรียนรู้ และแบบฝึกปฏบิ ัติมีเกณฑ์ผา่ น 50% 6.แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขึ้นอยกู่ ับ การประเมินตามสภาพจรงิ กจิ กรรมเสนอแนะ 1.แนะนำให้ผ้เู รียนฝึกทักษะโดยทำกิจกรรมใบงาน และฝึกทกั ษะปฏิบัติกจิ กรรมสม่ำเสมอ 2.อา่ นทบทวนเน้ือหา
77 บันทึกหลังการสอน ขอ้ สรุปหลังการสอน ................................................................................................................... ............................. ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ปญั หาทีพ่ บ ................................................................................................................................................ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ............ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... แนวทางแก้ปญั หา ................................................................................................................................................ .................................................................................................... ................................................................. ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................... ......................................
78 แผนการจัดการเรียนรู้แบบบรู ณาการท่ี 7 หนว่ ยท่ี 6 รหสั 20204-2102 โปรแกรมประมวลผลคำ (1-2-2) สอนครง้ั ที่ 7 (19-21) ชือ่ หนว่ ย/เร่อื ง หนังสอื ราชการ จำนวน 3 ช.ม. สาระสำคญั การพฒั นาระบบงานการติดตามหนงั สอื ราชการ ได้เร่มิ ศกึ ษาจากระบบงานเดิมที่ใช้อยู่เปน็ พนื้ ฐาน โดยลักษณะระบบงานเดิมการรับเอกสาร การส่งเอกสาร รวมถึงการติดตามหนังสือราชการ ท่ีปฏิบตั ิโดย ใช้บุคลากรปฏิบัติงาน การปฏิบัติตามระเบียบหนังสือราชการของหน่วยราชการหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนที่ได้มกี ารนำระบบน้ีไปใช้ในแตล่ ะหน่วยงาน การตดิ ต่อราชการนัน้ มหี ลายลักษณะ อีกท้ัง การเลือกใช้หนังสือราชการประเภทใดก็ควรให้เหมาะสมกับลักษณะและเร่ืองที่จะติดต่อราชการด้วย ใน ปัจจุบันการพิมพ์หนังสือราชการได้มีการพัฒนามาใช้โปรแกรมประมวลผลคำ ซ่ึงมีความสะดวก รวดเร็ว สามารถจดั ทำแบบฟอร์มมาตรฐานเพอื่ ใชใ้ ห้เหมือนกนั ทกุ หนว่ ยงานไดอ้ ีกด้วย สมรรถนะประจำหนว่ ย แสดงการพมิ พห์ นงั สอื ราชการด้วยโปรแกรม Microsoft Word 2016 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.อธิบายความหมายและชนิดของหนงั สือราชการได้ 2.พมิ พห์ นังสอื ราชการดว้ ยคอมพิวเตอรไ์ ด้ 3.พมิ พห์ นังสือราชการภายนอกได้ถูกต้อง คณุ ลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สำเร็จการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ที่ครสู ามารถสังเกตไดข้ ณะทำการสอนในเรื่อง 1 ความมมี นุษยสมั พันธ์ 2 ความมวี นิ ัย 3 ความรับผิดชอบ 4 ความซ่ือสตั ยส์ ุจริต 5 ความเชื่อมัน่ ในตนเอง
79 6 การประหยดั 7 ความสนใจใฝร่ ู้ 8 การละเวน้ สิ่งเสพตดิ และการพนนั 9 ความรกั สามคั คี 10 ความกตัญญกู ตเวที สาระการเรยี นรู้ 1.ความหมายและชนิดของหนังสอื ราชการ 2. การพิมพห์ นงั สอื ราชการดว้ ยคอมพิวเตอร์ 3. หนังสอื ราชการภายนอก กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรียน 1.ครูสนทนากับผู้เรียนในรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบอภิปราย คือกระบวนการที่ผู้สอนมุ่งให้ ผู้เรียนมีโอกาสสนทนาแลกเปล่ียนความคิดเห็นหรือระดมความคิดในการใช้โปรแกรมประมวลผลคำใน งานพิมพ์ต่างๆ ซึ่งเป็นเร่ืองที่เก่ียวข้องกับบทเรียนหรือท่ีกลุ่มมีความสนใจร่วมกัน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อ หาคำตอบ แนวทางหรือแก้ปัญหาร่วมกัน การจัดการเรียนรู้แบบน้ีมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการ เรียนรู้ คือ ร่วมคิด รว่ มวางแผน ร่วมตัดสินใจ ร่วมปฏบิ ัติงานและชื่นชมผลงานร่วมกัน จากนั้นก็ทบทวน เนื้อหาในสปั ดาหท์ ่ผี ่านมา 3.ผู้เรยี นยกตวั อยา่ งชนิดของหนงั สือราชการที่รจู้ กั ข้ันสอน 4.ครูและผู้เรียนอธิบายความหมายและบอกชนิดของหนังสือราชการ โดยใช้ส่ือ Power Point ประกอบ ซง่ึ หนงั สือราชการ คอื เอกสารท่ีเป็นหลักฐานในราชการ ไดแ้ ก่ 1) หนงั สอื ทม่ี ีไปมาระหว่างส่วนราชการ 2) หนังสือท่ีส่วนราชการมีไปถึงหน่วยงานอื่นใดซึ่งมิใช่ส่วนราชการหรือที่มีไปถึง บคุ คลภายนอก 3) หนังสือท่หี นว่ ยงานอนื่ ใดซ่งึ มิใชส่ ่วนราชการหรือท่บี คุ คลภายนอกมีมาถึงส่วนราชการ 4) เอกสารทที่ างราชการจดั ทำข้ึนเพ่อื เปน็ หลักฐานในราชการ
80 5) เอกสารที่ทางราชการจัดทำข้นึ ตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบงั คบั 6) ข้อมลู ข่าวสารหรอื หนังสือที่ไดร้ บั เข้าจากระบบสารบรรณอิเลก็ ทรอนิกส์ 7) หนังสอื ทเ่ี จา้ หนา้ ทท่ี ำข้ึนหรอื รบั ไวเ้ ปน็ หลกั ฐานในราชการ 5.ครูและผู้เรียนใช้เทคนิคการสอนโดยการสาธิตการพิมพ์หนังสือราชการด้วยคอมพิวเตอร์ ผ่าน หน้าจอคอมพิวเตอร์โดยโปรเจ็คเตอร์ ซึ่งการพิมพ์หนังสือราชการภาษาไทย การจัดทำกระดาษตราครุฑ และกระดาษบันทึกข้อความโดยใช้โปรแกรมการพิมพ์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้จัดทำให้ถูกต้องตามแบบ ของกระดาษตราครฑุ (แบบท่ี ๒๘) และแบบของบันทึกข้อความ (แบบท่ี ๒๙) ท้ายระเบียบ โดยเฉพาะส่วนหัวของกระดาษ บันทึกข้อความจะต้องใช้จุดไข่ปลาแสดงเส้นบรรทัดท่ีเป็นช่องว่างหลังคำ ได้แก่ ส่วนราชการ ที่ วันท่ี เร่ืองและไม่ต้องมีเส้นขีดทึบแบ่งส่วนระหว่างหัวกระดาษบันทึกข้อความกับส่วนท่ีใช้สำหรับก ารจัดทำ ข้อความ ตารางเปรยี บเทยี บการตัง้ ค่าการพมิ พ์โดยใชเ้ คร่อื งพมิ พด์ ดี กบั เครือ่ งคอมพวิ เตอร์ (โปรแกรมประมวลผลคาํ )
81 6.ครูอธิบาย และสาธิตการทำหนังสือราชการภายนอก โดยหนังสือราชการภายนอก คือหนังสือ ติดต่อราชการที่เป็นแบบพิธี โดยใช้กระดาษตราครุฑเป็นหนังสือติดต่อระหว่างส่วนราชการ หรือส่วน ราชการมีถึงหน่วยงานอื่นซง่ึ มใิ ชส่ ว่ นราชการหรือท่มี ีถงึ บคุ คลภายนอกมสี ่วนประกอบสำคัญๆ ดังนี้ 1) ท่ี หมายถึง เลขที่ออกหนังสือให้ลงรหัสพยัญชนะแทนชื่อกระทรวง ทบวงหรือส่วนราชการ 2 ตวั และรหัสตัวเลข 4 ตัว 2 ตัวแรกหมายถึง กรม 2 ตัวหลังหมายถึง กองโดยพิมพ์ติดกั้นระยะซ้ายอยู่ใน ระดับเดียวกันกับตีนครุฑพิมพ์คำว่า “ที่” แล้วเว้น 1 วรรคพิมพ์อักษรย่อ และเลขท่ีออกหนังสือของส่วน ราชการนั้น 2) ชื่อส่วนราชการที่ออกหนังสือ ให้ลงชื่อส่วนราชการสถานท่ีราชการหรือคณะกรรมการซ่ึงเป็น เจา้ ของหนงั สือนน้ั 3 จวันเดือนปี ให้ลงเลขของวันที่ (คำว่า “วันที่” ไม่ต้องใช้) ช่ือเต็มของเดือนและตัวเลขของปี พทุ ธศกั ราช (คำว่า พ.ศ. ไม่ต้องใช้) โดยใหม้ ีระยะบรรทัดระหวา่ งกนั เท่ากบั ระยะบรรทดั ปกติ และเพิ่มคำ ก่อนหน้าอีก 6 พอยต์ (1 Enter + Before 6 Pt) จากส่วนราชการที่ออกหนังสือ เร่ิมพิมพ์วันท่ีตรง กึ่งกลางกระดาษ (หางครฑุ ) 4) เร่ือง ให้ลงช่ือย่อท่ีเป็นข้อความส้ันท่ีสุดของหนังสือฉบับนั้น โดยให้มีระยะบรรทัดระหว่างกัน เท่ากับระยะบรรทัดปกติ และเพ่ิมคำก่อนหน้าอีก 6 พอยต์ (1 Enter + Before 6 Pt) จากวันท่ีพิมพ์ชิด ก้นั ระยะซ้าย หลงั “เรอื่ ง” เว้น 2 วรรคแลว้ จึงพมิ พ์ขอ้ ความ 5) คำขึ้นต้น ให้ใช้คำขึ้นต้นตามฐานะของผู้รับหนงั สือตามตารางการใช้คำขึน้ ตน้ สรรพนามและคำ ลงท้ายโดยให้มีระยะบรรทัดระหว่างกันเท่ากับระยะบรรทัดปกติ และเพิ่มคำก่อนหน้าอีก 6 พอยต์ (1 Enter + Before 6 Pt) จากเรอ่ื ง พมิ พช์ ดิ กั้นระยะซ้ายหลังคำขนึ้ ตน้ ให้เว้น 2 วรรค
82 6) อ้างถึง (ถ้ามี) ให้อ้างถึงหนังสือที่เคยมีติดต่อกันเฉพาะหนังสือท่ีส่วนราชการผู้รับหนังสือได้มา กอ่ นแล้วจะจากส่วนราชการใดก็ตาม โดยให้ลงช่ือส่วนราชการเจ้าของหนังสือ เลขที่ หนังสือ วันท่ี เดือน พุทธศักราชทอ่ี อกหนังสือนน้ั การอ้างถงึ ให้อ้างถึงหนังสือฉบับสดุ ทา้ ยท่ีติดต่อกันเพียงฉบบั เดียวเวน้ แต่มี เรื่องอ่ืนที่เป็นสาระสำคัญ ต้องนำมาพิจารณาจึงอ้างถึงหนังสือฉบับอื่นๆ ที่เก่ียวกับเรื่องน้ันโดยเฉพาะให้ ทราบด้วย ให้มีระยะบรรทัดระหว่างกันเท่ากับระยะบรรทัดปกติ และเพ่ิมคำก่อนหน้าอีก 6 พอยต์ (1 Enter + Before 6 Pt) จากคำข้ึนต้นพมิ พช์ ิดกั้นระยะซา้ ยหลงั “อา้ งถงึ ” เวน้ 2 วรรคแลว้ พมิ พข์ ้อความ 7) สิ่งท่ีส่งมาด้วย (ถ้ามี) ให้ลงชื่อส่ิงของ เอกสาร หรือบรรณสารท่ีส่งไปพร้อมกับ หนังสือนั้นให้มี ระยะบรรทัดระหว่างกันเท่ากับระยะบรรทัดปกติ และเพ่ิมคำก่อนหน้าอีก 6 พอยต์ (1 Enter + Before 6 Pt) จากอา้ งถึงพิมพ์ชิดกนั้ ระยะซ้ายหลัง “สงิ่ ทีส่ ง่ มาดว้ ย” เวน้ 2 วรรคแล้วจึงพมิ พ์ขอ้ ความ 8) ข้อความจดหมาย ให้ลงสาระสำคัญของเรื่องให้ชัดเจนและเข้าใจง่ายหากมีความประสงค์ หลายประการให้แยกเป็นข้อๆ ให้มีระยะบรรทัดระหว่างกันเท่ากับระยะบรรทัดปกติ และเพิ่มคำก่อน หน้าอีก 6 พอยต์ (1 Enter + Before 6 Pt) จากสิ่งที่ส่งมาด้วยหรืออ้างถึงหรือเรียน (แล้วแต่กรณี) ให้มี ระยะย่อหน้าตามค่าไม้บรรทัดระยะการพิมพ์ เท่ากับ 2.5 ซม. เร่ิมพิมพ์ข้อความถ้ามีหลายย่อหน้า ระหว่างย่อหน้าให้มีระยะบรรทัดระหว่างกันเท่ากับระยะบรรทัดปกติ และเพ่ิมคำก่อนหน้าอีก 6 พอยต์ (1 Enter + Before 6 Pt) และย่อหน้าตามคา่ ไมบ้ รรทัดระยะการพิมพ์ เท่ากบั 2.5 ซม. 9) คำลงท้าย ให้ใช้คำลงท้ายตามฐานะของผู้รับหนังสอื ตามตารางการใชค้ ำขึ้นต้น สรรพนามและ คำลงท้ายท่ีกำหนดให้มีระยะบรรทัดห่างจากบรรทัดสุดท้ายภาคสรุปเท่ากับระยะบรรทัดปกติและเพิ่มค่า กอ่ นหนา้ อีก 12 พอยต์ (1 Enter + Before 12 Pt) จากข้อความเริ่มพมิ พ์ทีก่ ง่ึ กลางครุฑตรงกับวนั ที่ 10) ลงช่ือ ให้ลงลายมือชื่อเจ้าของหนังสือและให้พิมพ์ช่ือเต็มของเจ้าของลายมือช่ือไว้ใต้ลายมือ ช่ือให้เว้นบรรทดั การพมิ พ์ 3 บรรทัด (4 Enter) จากคำลงทา้ ยจากคำลงทา้ ย พมิ พช์ ่ือผู้ลงนามไว้ในวงเล็บ โดยวางศนู ย์กบั คำลงท้าย และต้องพมิ พ์คำนำหนา้ นาม คือ นาย, นาง, นางสาว เป็นต้น 11) ตำแหน่ง ให้ลงตำแหน่งเจ้าของหนังสือ Enter 1 คร้ังจากลงช่ือ พิมพ์ตำแหน่ง โดยวางศูนย์ กับคำลงท้ายเช่นเดียวกับ “ลงช่ือ” แต่ไม่ต้องใส่วงเล็บในกรณีท่ีมีการลงช่ือแทนให้ใช้คำว่า ปฏิบัติหน้าที่ แทนรักษาราชการแทน ปฏิบตั ิราชการแทน ทำการแทน ใหพ้ ิมพ์ไว้บรรทดั เดยี 12) ส่วนราชการเจ้าของเรื่อง ให้ลงชื่อส่วนราชการเจ้าของเรือ่ ง หรือหน่วยงานท่อี อกหนังสอื ถ้า สว่ นราชการทอี่ อกหนังสืออยู่ในระดับกระทรวงหรือทบวง ใหล้ งช่ือราชการเจ้าของเรื่องท้ังระดับกรมและ กอง ถ้าส่วนราชการท่ีออกหนังสืออยู่ในระดับกรมลงมาให้ลงช่ือส่วนราชการเจ้าของเร่ืองเพียงระดับกอง หรือหน่วยงานท่ีรับผิดชอบให้เว้นบรรทัดการพิมพ์ 3 บรรทัด (4 Enter) จากตำแหน่งของเจา้ ของหนงั สือ จากตำแหน่งพมิ พช์ ิดกนั้ ระยะซา้ ย
83 13) เบอร์โทรศัพท์ ให้ลงหมายเลขโทรศัพท์ของส่วนราชการเจ้าของเรื่องหรือหน่วยงานที่ออก หนังสือและหมายเลขภายในตู้สาขาหรือโทรสาร (ถ้ามี) ไว้ด้วยแล้ว Enter จากส่วนราชการเจ้าของเร่ือง พิมพช์ ิดก้ันระยะซา้ ย หรือจะพมิ พ์บรรทดั เดยี วกับชอ่ื สว่ นราชการเจา้ ของเร่อื งก็ได้ 14) สำเนาส่ง (ถ้ามี) ในกรณีที่ผู้ส่งจัดทำสำเนาส่งไปให้ส่วนราชการหรือบุคคลอ่ืนทราบและ ประสงคจ์ ะให้ผรู้ ับทราบว่าได้มีสำเนาสง่ ไปให้ผ้ใู ดแลว้ ใหพ้ ิมพช์ ่ือเต็มหรอื ช่อื ย่อสว่ นราชการหรือชื่อบุคคล ท่ีส่งสำเนาไปให้เพ่ือให้เป็นท่ีเข้าใจระหว่างผู้ส่งและผู้รับ ถ้าหากมีรายชื่อท่ีส่งมากให้พิมพ์ไปว่าส่งไปตาม รายชื่อท่ีแนบและแนบรายชื่อไปด้วย โดยให้มีระยะบรรทัดระหว่างกันเท่ากับระยะบรรทัดปกติ และเพ่ิม คำกอ่ นหนา้ อีก 6 พอยท์ (1 Enter + Before 6 Pt) พิมพ์ชิดกัน้ ระยะซา้ ย 15) ด่วนท่ีสุด ด่วนมาก ด่วน ช้ันความเร็ว (ถ้ามี) ให้พิมพ์เหนือเลขท่ีออกหนังสือ และขีดเส้นใต้ หรือประทับ “ด่วน, ด่วนมาก, ด่วนทสี่ ดุ ” ดว้ ยตรายางหมกึ สีแดงเม่ือพมิ พเ์ สร็จแลว้
84 7.ผู้เรียนฝึกปฏิบัติตามข้ันตอนการพิมพ์หนังสือราชการภายนอก โดยใช้สื่อ Power Point ประกอบ และครูคอยเปน็ ทีป่ รึกษาใหค้ ำแนะนำ 8.ครูเน้นให้ผู้เรียนพิมพ์งานตามโปรแกรมประมวลผล โดยใช้ความมีเหตุมีผล และความรอบคอบ ระมัดระวัง ซึ่งจะเป็นภูมิคุ้มกันทีดีในตัวเองได้ ซ่ึงความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเก่ียวกับระดับ ของความพอเพยี งจะตอ้ งเปน็ ไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตปุ ัจจยั ที่เกยี่ วขอ้ งคำนงึ ถึงผลท่คี าดว่า จะเกิดขึ้นจากการกระทำน้ันๆ อย่างรอบคอบ ส่วน การมีภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้ พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของ สถานการณต์ ่างๆท่คี าดว่าจะเกดิ ข้นึ ในอนาคต
85 ขน้ั สรุปและการประยุกต์ 9.ครูและผู้เรียนสรุปความหมายและชนิดของหนังสือราชการ การพิมพ์หนังสือราชการด้วย คอมพิวเตอร์ และหนังสือราชการภายนอก โดยการฝึกปฏิบัตติ ามแบบทค่ี รกู ำหนดให้ 10.สรปุ สาระสำคัญเพอ่ื ให้เกดิ การเรยี นรู้และนำไปปฏบิ ัตไิ ด้ และประเมนิ ผูเ้ รยี นดงั น้ี ช่ือผเู้ รียน ธรรมชาติของผเู้ รยี น วฒุ ิภาวะ วธิ ีการเรียนรู้ ความสนใจ สติปญั ญา 1. 2. 3. 4. 5. สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้ 1.หนังสอื เรียน วิชาโปรแกรมประมวลผลคำ ของสำนักพมิ พ์เอมพนั ธ์ 2.รูปภาพแสดงเมนตู ่างๆ ในโปรแกรม 3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.สอ่ื อิเลก็ ทรอนิกส์, VDO, สือ่ PowerPoint 5.แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ หลกั ฐาน 1.บนั ทกึ การสอน 2.ใบเชค็ รายชื่อ 3.แผนจดั การเรียนรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวัดผลและการประเมินผล วิธีวัดผล 1.สงั เกตพฤติกรรมรายบคุ คล 2.ประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม
86 3.สังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุม่ 4.ตรวจใบงาน 5.ตรวจแบบประเมินผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ตั ิ 6.การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เครื่องมอื วัดผล 1.แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล 2.แบบประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม (โดยครู) 3.แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ (โดยผู้เรียน) 4.แบบประเมนิ กิจกรรมใบงาน 5.แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏิบัติ 6.แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและ ผู้เรยี นรว่ มกันประเมนิ เกณฑ์การประเมินผล 1.เกณฑ์ผา่ นการสังเกตพฤตกิ รรมรายบคุ คล ต้องไมม่ ีชอ่ งปรับปรุง 2.เกณฑ์ผา่ นการประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50 % ขึ้นไป) 3.เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ คอื ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4.กิจกรรมใบงาน เกณฑ์ผ่าน คอื 50% 5.แบบประเมินผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏบิ ัติมีเกณฑผ์ า่ น 50% 6.แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนขน้ึ อยู่กบั การประเมนิ ตามสภาพจรงิ กิจกรรมเสนอแนะ 1.แนะนำใหผ้ เู้ รยี นทำกจิ กรรมใบงาน และแบบฝกึ ปฏิบตั ิเพือ่ ฝึกทกั ษะใหเ้ กดิ ความชำนาญ 2.อา่ นและทบทวนเนอ้ื หา
87 บนั ทึกหลังการสอน ข้อสรุปหลังการสอน ................................................................................................................... ............................. ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ........... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ปัญหาทพ่ี บ ................................................................................................................................................ .................................................................................................... ................................................................. ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... แนวทางแก้ปัญหา ................................................................................................................................................ .................................................................................................... ................................................................. ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................... ......................................
88 แผนการจดั การเรียนรู้แบบบูรณาการที่ 8 หนว่ ยที่ 6 รหัส 20204-2102 โปรแกรมประมวลผลคำ (1-2-2) สอนคร้ังที่ 8 (22-24) ช่อื หน่วย/เร่อื ง หนังสือราชการ จำนวน 3 ช.ม. สาระสำคญั การพัฒนาระบบงานการติดตามหนังสอื ราชการ ได้เร่มิ ศกึ ษาจากระบบงานเดิมท่ีใช้อยู่เป็นพน้ื ฐาน โดยลักษณะระบบงานเดิมการรับเอกสาร การส่งเอกสาร รวมถึงการติดตามหนังสือราชการ ท่ีปฏิบัติโดย ใช้บุคลากรปฏิบัติงาน การปฏิบัติตามระเบียบหนังสือราชการของหน่วยราชการหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนท่ีได้มีการนำระบบน้ีไปใชใ้ นแตล่ ะหน่วยงาน การตดิ ต่อราชการนั้นมหี ลายลักษณะ อีกท้ัง การเลือกใช้หนังสือราชการประเภทใดก็ควรให้เหมาะสมกับลักษณะและเรื่องที่จะติดต่อราชการด้วย ใน ปัจจุบันการพิมพ์หนังสือราชการได้มีการพัฒนามาใช้โปรแกรมประมวลผลคำ ซึ่งมีความสะดวก รวดเร็ว สามารถจดั ทำแบบฟอร์มมาตรฐานเพอ่ื ใชใ้ ห้เหมือนกันทกุ หนว่ ยงานได้อีกดว้ ย สมรรถนะประจำหน่วย แสดงการพมิ พห์ นังสอื ราชการดว้ ยโปรแกรม Microsoft Word 2016 จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.พมิ พ์หนังสอื ราชการภายในไดถ้ ูกตอ้ ง 5.พิมพห์ นงั สอื ประทบั ตราไดถ้ ูกต้อง คุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สำเร็จการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ทีค่ รูสามารถสังเกตได้ขณะทำการสอนในเร่อื ง 1 ความมมี นุษยสัมพันธ์ 2 ความมีวินัย 3 ความรบั ผิดชอบ 4 ความซอื่ สตั ย์สุจริต 5 ความเชอ่ื มัน่ ในตนเอง 6 การประหยัด
89 7 ความสนใจใฝร่ ู้ 8 การละเว้นสิ่งเสพตดิ และการพนัน 9 ความรกั สามคั คี 10 ความกตัญญกู ตเวที สาระการเรยี นรู้ 4.สาระการหนังสือราชการภายใน 5.หนงั สือประทับตรา กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรียน 1.ครูสนทนากับผู้เรียนถึงเรื่องบันทึกข้อความ หรือที่เรียกว่าหนังสือติดต่อภายในหน่วยงาน ซ่ึง เป็นหนังสือติดตอ่ ภายในกระทรวงทบวงกรมหรือจงั หวดั เดียวกนั ใชก้ ระดาษบันทกึ ข้อความ 2.ผู้เรียนยกตัวอย่างบันทึกข้อความที่เคยรู้จักมาสนทนาพูดคุยกันในช้ันเรียน เพ่ือแลกเปล่ียน ความคิดเห็นระหวา่ งกนั ขนั้ สอน 3.ครอู ธบิ ายความหมายของหนังสือราชการภายใน โดยแสดงรูปภาพประกอบ 4.ครูและผู้เรยี นสาธิตวิธกี ารพมิ พ์หนงั สอื ราชการภายในทพี่ มิ พ์ดว้ ยโปรแกรมประมวลผลคำ
90 5.ผู้เรียนฝึกปฏิบัติการพิมพ์หนังสือราชการภายในท่ีพิมพ์ด้วยโปรแกรมประมวลผลคำตามขั้นตอน การพิมพห์ นงั สอื ราชการภายใน 6.ครูอธิบายความหมายของหนังสือประทับตรา คอื หนังสือประทับตราแทนการลงชอื่ ของหวั หน้า ส่วนราชการระดับกรมขึ้นไป โดยให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกองหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมายจากหัวหน้า สว่ นราชการระดบั กรมขน้ึ ไปเป็นผรู้ บั ผดิ ชอบ ลงชื่อยอ่ กำกับตรา หนังสอื ประทบั ตราใช้กระดาษตราครุฑ 7.ครูและผเู้ รยี นชว่ ยกันบอกส่วนประกอบของหนงั สอื ประทับตราท่ีสำคัญๆ 8.ผู้เรียนฝึกทักษะขั้นตอนการพิมพ์หนังสือประทับตรา ตามขั้นตอนการพิมพ์การทำหนังสือ ประทับตราโดยใชโ้ ปรแกรมประมวลผลคำ โดยดตู ัวอยา่ งจากส่ือ Power Point ประกอบ
91 9.ครูเน้นใช้โปรแกรมประมวลผลสำหรับงานด้านต่าง ๆโดยใช้ความมีเหตุมีผล และความ รอบคอบ ระมัดระวัง ซ่ึงจะเป็นภูมิคุ้มกันทีดีในตัวเองได้ ซ่ึงความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจ เก่ียวกับระดับของความพอเพียงจะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ี เกย่ี วข้องคำนงึ ถึงผลที่คาดวา่ จะเกดิ ขึน้ จากการกระทำนน้ั ๆ อยา่ งรอบคอบ ส่วน การมีภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปล่ียนแปลงด้าน ต่างๆ ทีจ่ ะเกดิ ขนึ้ โดยคำนงึ ถงึ ความเปน็ ไปได้ของสถานการณต์ า่ งๆท่ีคาดวา่ จะเกิดขึ้นในอนาคต ข้ันสรปุ และการประยกุ ต์ 10.ครูสรปุ โดยถามคำถามหรือกำหนดปัญหาโดยให้ผู้เรียนระดมสมองช่วยกันคิดหาคำตอบแล้ว อธบิ าย
92 คำตอบให้เพอื่ นทุกคนในกลุม่ ของตนเองเข้าใจ 11.ครูและผู้เรียนสรุปโดยผู้เรียนฝึกปฏิบัติพิมพ์หนังสือราชการภายใน และหนังสือประทับตรา ตามข้นั ตอนทก่ี ำหนดไว้ 12.ครใู ช้วธิ ีสมุ่ ผู้เรียนทุกกลมุ่ ตอบคำถามและอธิบายให้เพื่อนฟังท้ังชั้นเรียน ส่อื และแหลง่ การเรียนรู้ 1.หนังสือเรยี น วิชาโปรแกรมประมวลผลคำ ของสำนกั พิมพ์เอมพันธ์ 2.รูปภาพเมนูต่างๆ ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 3.กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.สือ่ อิเลก็ ทรอนกิ ส์, สอื่ VDO, สื่อ PowerPoint 5.แบบประเมินผลการเรยี นรู้ หลักฐาน 1.บันทกึ การสอน 2.ใบเช็ครายชือ่ 3.แผนจัดการเรยี นรู้ 4.การตรวจประเมนิ ผลงาน การวดั ผลและการประเมินผล วธิ วี ัดผล 1.สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 2.ประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุม่ 3.สังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ 4.ตรวจใบงาน 5.ตรวจแบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏิบตั ิ 6.การสังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึง ประสงค์
93 เครือ่ งมอื วัดผล 1.แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล 2.แบบประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม (โดยครู) 3.แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ (โดยผู้เรยี น) 4.แบบประเมนิ กิจกรรมใบงาน 5.แบบประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และแบบฝึกปฏิบตั ิ 6.แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและ ผูเ้ รยี นรว่ มกนั ประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ ผล 1.เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ีช่องปรับปรุง 2.เกณฑผ์ ่านการประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คอื ปานกลาง (50 % ขน้ึ ไป) 3.เกณฑ์ผา่ นการสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม คือ ปานกลาง (50% ขน้ึ ไป) 4.กิจกรรมใบงาน เกณฑผ์ ่าน คอื 50% 5.แบบประเมินผลการเรยี นรู้ และแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ มเี กณฑ์ผา่ น 50% 6แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนข้นึ อย่กู ับ การประเมินตามสภาพจริง กิจกรรมเสนอแนะ 1.ฝึกทักษะโดยทำกิจกรรมใบงาน แบบฝึกปฏบิ ตั ิ เพอื่ ให้เกดิ ความชำนาญ 2.อ่านและทบทวนหนังสอื ภายใน และหนงั สอื ประทบั ตราใหเ้ ข้าใจ และปฏบิ ัติได้
94 บนั ทกึ หลงั การสอน ขอ้ สรุปหลงั การสอน ................................................................................................................... ............................. ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ปัญหาที่พบ ................................................................................................................................................ .................................................................................................... ................................................................. ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... แนวทางแก้ปัญหา ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................ ............................................. .......................................................................................................... ..........................................................
แผนการจัดการเรยี นรแู้ บบบูรณาการที่ 9 95 รหัส 20204-2102 โปรแกรมประมวลผลคำ (1-2-2) ชอ่ื หนว่ ย/เรื่อง ทบทวน/สอบกลางภาคเรียน หน่วยท่ี - สอนครั้งท่ี 9 (25-27) จำนวน 3 ช.ม. สาระสำคัญ - สมรรถนะประจำหน่วย 1.แสดงความรเู้ ก่ยี วกบั โปรแกรม Microsoft Word 2016 2.แสดงการพมิ พเ์ อกสารดว้ ยโปรแกรม Microsoft Word 2016 3.แสดงการจดั รปู แบบตัวอกั ษรดว้ ยโปรแกรม Microsoft Word 2016 4.แสดงการตกแตง่ เอกสารด้วยโปรแกรม Microsoft Word 2016 5.แสดงการสรา้ งตารางข้อมูลดว้ ยโปรแกรม Microsoft Word 2016 6.แสดงการสร้างแบบฟอร์มเอกสารดว้ ยโปรแกรม Microsoft Word 2016 7.แสดงการพมิ พ์หนังสอื ราชการดว้ ยโปรแกรม Microsoft Word 2016 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ผู้เรยี นเกิดการเรียนร้เู น้อื หาสาระ และนำความคิดรวบยอดไปประยุกต์ใช้ตอ่ ไป คุณลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สำเร็จการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา ท่ีครูสามารถสังเกตไดข้ ณะทำการสอนในเร่ือง 1 ความมมี นุษยสัมพนั ธ์ 2 ความมีวนิ ยั 3 ความรับผดิ ชอบ 4 ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ 5 ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง 6 การประหยัด 7 ความสนใจใฝ่รู้
96 8 การละเวน้ สิ่งเสพตดิ และการพนัน 9 ความรักสามัคคี 10 ความกตญั ญูกตเวที สาระการเรยี นรู้ ทบทวน/สอบกลางภาคเรียน บันทึกหลงั การสอบ บันทึกหลงั การสอน ขอ้ สรุปหลงั การสอน ................................................................................................................... ............................. ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ........... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ปญั หาท่ีพบ ................................................................................................................................................ .................................................................................................... ................................................................. ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... แนวทางแกป้ ญั หา ................................................................................................................... .................................................. ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... .....................................................................................................................................................................
แผนการจัดการเรียนรูแ้ บบบูรณาการท่ี 10 97 รหัส 20204-2102 โปรแกรมประมวลผลคำ (1-2-2) ชื่อหน่วย/เรือ่ ง จดหมายธุรกิจ หนว่ ยท่ี 7 สอนคร้ังท่ี 10 (28-30) จำนวน 3 ช.ม. สาระสำคัญ จดหมายธุรกิจ เป็นจดหมายท่ีใช้ติดต่อระหว่างกันในวงธุรกิจ โดยมีจุดประสงค์อย่างใดอย่างหน่ึง ในการดำเนินการทางธุรกิจ การเขียนจดหมายธุรกิจเป็นการส่ือสารที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ เพราะเป็น วธิ ีการที่สะดวก ประหยัด มีความสะดวกรวดเรว็ การให้รายละเอียดข้อมูล และเปน็ หลักฐานในการตดิ ต่อ เมื่อเกิดมีปัญหาขึ้น ดังนั้น การเขียนจดหมาย จึงควรให้ความระมัดระวังเร่ืองการใช้ถ้อยคำภาษาให้ ถูกต้อง ชัดเจน เพื่อให้การประกอบกิจธุระหรือการทำงานของตนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและประสบ ผลสำเรจ็ สมรรถนะประจำหน่วย แสดงความรู้เก่ียวกับการพิมพ์จดหมายธรุ กจิ ด้วยโปรแกรม Microsoft Word 2016 จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.อธบิ ายความหมาย ความสำคัญ และประโยชนข์ องจดหมายธุรกจิ ได้ 2.บอกส่วนประกอบของจดหมายธรุ กิจได้ถูกต้อง 3.อธิบายลกั ษณะของจดหมายธุรกจิ ทดี่ ไี ด้ 4.หลกั ในการพมิ พ์จดหมายธรุ กจิ แต่ละประเภท คณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้สำเร็จการศึกษา สำนกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ทคี่ รูสามารถสงั เกตได้ขณะทำการสอนในเร่ือง 1 ความมมี นุษยสมั พันธ์ 2 ความมวี นิ ัย 3 ความรบั ผดิ ชอบ 4 ความซื่อสตั ยส์ จุ รติ 5 ความเชื่อมั่นในตนเอง
98 6 การประหยดั 7 ความสนใจใฝ่รู้ 8 การละเว้นสิ่งเสพติดและการพนัน 9 ความรักสามัคคี 10 ความกตญั ญูกตเวที เนอ้ื หาสาระ 1. ความหมาย ความสำคญั และประโยชนข์ องจดหมายธรุ กิจ 2. ส่วนประกอบของจดหมายธรุ กจิ 3. ลกั ษณะของจดหมายธรุ กิจท่ดี ี 4. หลักในการพมิ พ์จดหมายธุรกจิ กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นำเขา้ สู่บทเรียน 1.ครูและผู้เรียนสนทนาเรื่องการซ้ือขายสินค้าของหน่วยงานต่างๆ เช่น บริษัท ห้าง ร้านที่ จำเป็นต้องซื้อสินค้าจำนวนมาก ต้องมีการสอบถามราคา และต้องมีจดหมายเสนอขายสินค้าหรอื บริการ ส่ังซ้ือสินค้าและจดหมายตอบรับการสั่งซื้อ จดหมายติดตามหนี้ จดหมายร้องเรียนเกี่ยวกับข้อผิดพลาด หรือความเสียหาย เป็นต้น จดหมายธุรกิจมีความแตกต่างจากจดหมายส่วนตัวบ้าง ในด้านรูปแบบและ การใช้ถ้อยคำภาษากล่าวคือจดหมายธุรกิจส่วนใหญ่มีรูปแบบและการใช้ภาษาเป็นทางการหรือค่อนข้าง เปน็ ส่งิ ท่ผี ู้พิมพ์งานจดหมายต้องคำนงึ ถึงมดี ังนี้ 1. ความสะอาดของงานพิมพส์ ขี องกระดาษพมิ พ์ 2. ขนาดของกระดาษ 3. รูปแบบของจดหมาย 4. ความถูกต้องของตัวอักษรทุกตัวบนจดหมายรวมท้ังบนซองจดหมาย ต้องไม่มี คำผิด 2.ครูเน้นให้ผู้เรียนตระหนักถึงสิ่งที่ต้องคำนึงถึงดังกล่าวจะสร้างเสริมความน่าเชื่อถือของธุรกิจซึ่ง หมายถงึ ความเชือ่ ถอื ในคุณภาพของสินคา้ และบรกิ ารของธรุ กจิ นน้ั ๆ 3.ผู้เรียนทำแบบประเมินผลก่อนเรียน แล้วเปล่ียนกันตรวจและเก็บคะแนนรวมไว้กลางภาคเรียน หรือปลายภาคเรยี
99 ขัน้ สอน 4.ครูใช้เทคนิคการจัดการเรียนรู้แบบบรรยาย (Lecture Method) คือ กระบวนการเรียนรู้ที่ ผ้สู อนเป็นผู้ถา่ ยทอดความรู้ให้แก่ผูเ้ รียนโดยการพูดบอกเล่า อธิบายเน้ือหาเร่ืองราวท่ีผู้สอนได้เตรียมการ ศึกษาค้นคว้ามาเป็นอย่างดีผู้เรียนเป็นฝ่ายรับฟัง อาจจะมีการจดบันทึกสาระสำคัญในขณะท่ีฟังบรรยาย หรืออาจมีโอกาสซักถามแสดงความคิดเหน็ ไดบ้ ้างถ้าผู้สอนเปิดโอกาส วิธีนเี้ หมาะสำหรับผู้ฟงั จำนวนมาก และผู้บรรยายซ่งึ เป็นผู้เชี่ยวชาญในเร่ืองน้ัน ๆ ต้องการนำเสนอเน้ือหาสาระจำนวนมากในลักษณะคมชัด ลึก โดยใช้เวลาไม่มากนักจึงเป็นการเรียนรู้ท่ีประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย แต่ในท่ีน้ีครูจะบรรยาย ความหมาย ความสำคญั และประโยชนข์ องจดหมายธรุ กจิ โดยจดหมายธุรกิจ (Business Letter) ถือเป็นการสื่อสารธุรกิจรูปแบบหน่ึงเป็นจดหมายท่ีใช้ติดต่อ ระหว่างกันในวงธุรกจิ โดยมีจดุ ประสงค์อยา่ งใดอย่างหนึ่งในการดำเนนิ ธรุ กจิ 5.ครูใช้เทคนิคการจัดการเรียนรู้แบบอภิปราย Discussion Method โดยสนทนากับผู้เรียนถึง ส่วนประกอบของจดหมายธุรกิจ โดยจดหมายธุรกิจโดยทวั่ ไปมีสว่ นประกอบดงั น้ี 1) ที่อยู่ผูส้ ง่ 2) เลขทีจ่ ดหมาย/ปี พ.ศ. 3) วัน เดอื น ปี 4) ทอ่ี ย่ผู รู้ ับ 5) เร่อื ง 6) คำขึน้ ตน้ 7) เนอ้ื หา 8) คำลงท้าย 9) ลายมอื ชื่อ 10) ชือ่ เต็ม 6.ครูและผู้เรียนอภิปรายสนทนาเกี่ยวลักษณะของจดหมายธุรกิจท่ีดี ควรคำนึงถึงลักษณะ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) ความชัดเจน 2) ความสมบรู ณ์ 3) ความกะทัดรดั 4) ความสุภาพ 5) ความถกู ต้อง 6) การระลกึ ถงึ ผู้อา่ น 7) มคี วามสะอาดเรยี บรอ้ ย 7.ครูอธิบายหลักในการพิมพ์จดหมายธุรกิจ และใช้ส่ือ Power Point เป็นส่ือประกอบการเรียน โดยการพมิ พ์จดหมายธุรกจิ ไทยแบบราชการใชห้ ลกั การพมิ พ์หนงั สือราชการแต่มีการปรับเปล่ียนบางส่วน ออกไปบา้ ง การวางส่วนตา่ งๆ ของรูปแบบจดหมาย เปน็ การประยกุ ต์ใช้จากแบบหนังสอื ราชการใหม้ สี ว่ น คล้ายคลึง ส่วนต่างๆ ของจดหมายจึงคล้ายๆ กับหนงั สือราชการภายนอก แตใ่ นธุรกิจได้ปรับเปลีย่ นหรือ เพมิ่ เตมิ บางสว่ นของจดหมายไปบา้ ง 8.ครูแนะนำให้ผู้เรียนบันทึกบัญชีครัวเรือน เพ่ือให้เกิดการปฏิบัติพัฒนาความรู้ ความคิด และ ปฏิบัติถูกต้อง ก่อให้เกิดความเจริญในด้านอาชีพหรือเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ซ่ึงการทำบัญชี ครัวเรือนเปน็ เรอื่ งการบันทึกรายรบั รายจ่ายประจำวัน/เดอื น/ปี วา่ มีรายรับรายจ่ายจากอะไรบา้ ง จำนวน เท่าใด รายการใดจ่ายน้อยจ่ายมาก จำเป็นน้อยจำเป็นมาก ก็อาจลดลงหรือเพิ่มข้ึนตามความจำเป็น ถ้า ทุกคนคิดได้ก็แสดงว่าเป็นคนรู้จักพัฒนาตนเอง มีเหตุมีผล รู้จักพอประมาณ รักตนเอง รักครอบครัว รัก
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185