Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนจัดการเรียนรู้ รายวิชา ศาสนาและหน้าที่พลที่ดี ประถมศึกษา

แผนจัดการเรียนรู้ รายวิชา ศาสนาและหน้าที่พลที่ดี ประถมศึกษา

Published by Jum Me, 2022-05-27 02:42:53

Description: แผนจัดการเรียนรู้ รายวิชา ศาสนาและหน้าที่พลที่ดี ประถมศึกษา

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรยี นรู้ หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 สาระความรกู้ ารพฒั นาสงั คม วชิ า ศาสนาหนา้ ทพี่ ลเมอื ง รหสั สค11002 จานวน 2 หนว่ ยกติ จานวน 80 ชวั่ โมง ระดบั ประถมศกึ ษา ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอโชคชัย สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั นครราชสมี า สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั สานกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธกิ าร

คานา แผนการเรยี นรู้รายวิชา ศาสนาหนา้ ทพี่ ลเมือง รหสั สค11002 หลักสูตรการศึกษานอก ระบบการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดบั ประถมศกึ ษา เล่มน้ี จดั ทาขึ้นเพอื่ ใช้ในการเรียนการสอน ตามหลกั สูตรการศึกษานอกระบบการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 มวี ัตถุประสงคใ์ นการพฒั นาผู้เรียน ให้ปฏบิ ตั ิกิจกรรมรวมทงั้ ใบงาน แบบฝกึ หัดเพื่อทดสอบความรู้ความเข้าใจในเน้ือหาสาระ มสี ตปิ ัญญา มศี กั ยภาพในการประกอบอาชีพ การศกึ ษาตอ่ และเปน็ แนวทางการจัดกระบวนการเรียนรู้ ทีค่ รอบคลุม เนอื้ หาสาระตามรายวิชาลงทะเบยี น ในการจัดทาแผนเรยี นรู้รายวิชา คร้ังนีไ้ ดร้ บั ความร่วมมืออย่างดยี ่งิ จากผู้บริหาร คณะครู กศน.ตาบล/ครู ศรช. และภาคเี ครือขา่ ย ร่วมระดมความคิดจัดทาแผนการจดั กระบวนการเรยี นรู้ กศน. ครบตามตัวชีว้ ัด และกาหนดผลการเรียนรทู้ ค่ี าดหวังในการพฒั นาผู้เรยี นใหม้ คี ุณสมบัตอิ นั พึงประสงค์ คณะผู้จัดทาหวังเปน็ อยา่ งย่งิ ว่าเอกสารเลม่ น้ี จะเป็นประโยชน์สาหรบั นาไปใช้จัด กระบวนการเรยี นรู้ ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ หากพบข้อผดิ พลาดประการใด คณะผู้จดั ทาขอนอ้ มรับไว้ แกไ้ ข ปรับปรงุ ดว้ ยความขอบคุณยิ่ง นางสาวพรรณี ปรอื ทอง ครู กศน.ตาบล

สารบญั หนา้ ก คานา 1 คาอธบิ ายรายวชิ า 2 รายละเอียดคาอธิบายรายวิชา 6 ตารางวเิ คราะหห์ ลกั สูตรรายวิชา 11 แผนการจัดการเรียนรู้ครง้ั ท่ี 1 22 การปฐมนเิ ทศนกั ศึกษา แผนการจัดการเรยี นรคู้ รงั้ ท่ี 2 28 เรอ่ื ง ความหมายของศาสนา ความสาคญั ของศาสนา 33 แผนการจัดการเรยี นรู้คร้งั ที่ 3 42 เรื่อง พุทธประวัติ ประวัตศิ าสดา แผนการจดั การเรยี นรู้ครัง้ ท่ี 4 48 เรื่อง ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี 53 แผนการจัดการเรยี นรู้ครง้ั ท่ี 5 57 เรอ่ื ง การปฏิบตั ติ นตามศาสนาตาง ๆ แผนการจัดการเรยี นรู้ครงั้ ท่ี 6 61 เรื่อง บคุ คลตวั อยางทใี่ ช หลักธรรมในการดาเนนิ ชีวิต 67 แผนการจัดการเรียนร้คู รั้งที่ 7 71 เรอื่ ง การอยูรวมกนั ของคนไทยทีต่ ่างศาสนา แผนการจัดการเรยี นร้คู รง้ั ที่ 8 เรือ่ ง วัฒนธรรมประเพณที ่ีสาคัญของทองถิ่น และของประเทศ แผนการจดั การเรยี นรูค้ ร้งั ท่ี 9 เรื่อง การอนรุ กั ษ สบื สานวฒั นธรรมประเพณไี ทย แผนการจดั การเรียนรู้ครั้งที่ 10 เรอื่ ง บทบาทหน้าที่พลเมือง แผนการจดั การเรยี นร้คู ร้ังที่ 11 เร่อื งคานยิ มที่พึงประสงค์ ของไทยและของทองถิน่

สารบญั (ตอ่ ) 76 81 แผนการจัดการเรียนรู้ครง้ั ท่ี 12 86 เรื่อง การประพฤติปฏบิ ตั ิตนตาม คานยิ มทพ่ี งึ ประสงค์ 92 98 แผนการจัดการเรยี นรคู้ รั้งที่ 13 103 เรื่องการปกครองระบอบประชาธิปไตย 109 114 แผนการจดั การเรยี นรคู้ รง้ั ที่ 14 118 เรื่อง รฐั ธรรมนญู 119 แผนการจดั การเรยี นร้คู รั้งที่ 15 124 เรอ่ื ง กฎหมายที่เกี่ยวของกับตนเองและครอบครัว แผนการจดั การเรยี นรู้คร้ังท่ี 16 เรื่อง กฎหมายท่ีเกยี่ วของกับชุมชน แผนการจัดการเรียนรู้ครั้งที่ 17 เรอ่ื ง ความรูเบ้อื งตนเกีย่ วกับกฎหมาย แผนการจดั การเรยี นรู้ครั้งที่ 18 เรอ่ื ง การมสี วนรว่ มของประชาชนในการปองกนั และปราบปราม การทุจริต แผนการจดั การเรยี นร้คู รัง้ ท่ี 19 เรอื่ ง การปองกนั และปราบปราม การทุจรติ แผนการจดั การเรียนร้คู รงั้ ที่ 20 เรอ่ื ง การปจั ฉิมนเิ ทศ ตารางสอื่ คณะผจู้ ัดทา

คําอธบิ ายรายวชิ า สค11002 ศาสนาหนา้ ทพ่ี ลเมอื ง จาํ นวน 2 หนว่ ยกติ ระดับประถมศกึ ษา มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั 1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ เหน็ คุณค่า และสืบทอดศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี ทอ้ งถิ่นและประเทศไทย 2. มีความรู้ ความเข้าใจดําเนินชีวิตตามวิถีประชาธิปไตยกฎหมายเบ้ืองต้นกฎระเบียบของชุมชน สังคม และประเทศ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ 1. ความหมาย ความสาํ คญั ของศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี 2. พุทธประวตั ิ และประวตั ศิ าสดาของศาสนาต่างๆ ในประเทศไทย 3. หลกั ธรรม และการปฏิบัตติ นตามหลกั ธรรมของแต่ละศาสนา 4. บคุ คลตัวอย่างทีใชห้ ลกั ธรรมทางศาสนาในการดาํ เนนิ ชีวิต 5. วฒั นธรรมประเพณี ค่านยิ มทีพงึ ประสงค์ของชุมชน สงั คมในท้องถ่นิ และสังคมไทย 6. สทิ ธเิ สรีภาพ บทบาทหน้าทขี องพลเมอื งในสงั คมประชาธิปไตย 7. ปญั หาและสถานการณก์ ารเมือง การปกครองทีเกดิ ข้นึ ในชมุ ชน 8. การมีส่วนรว่ มในการปฏบิ ตั ิตนตามกฎหมาย 9. กฎหมายในชีวติ ประจําวนั การวัดและประเมนิ ผล จัดให้มีการค้นคว้าหาความรู้ จากส่ือเอกสาร ตํารา ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ ภูมิปัญญา ผู้รู้ สถาบันทาง ศาสนา การฝึกปฏิบัติ การทําโครงงาน การจัดกลุ่มอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การวิเคราะห์ สถานการณ์ จาํ ลอง การสรปุ ผลการเรียนรู้ และนาํ เสนอในรูปแบบตา่ ง ๆ แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าที่ พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 1

รายละเอยี ดคาํ อธบิ ายรายวชิ า สค11002 ศาสนาหนา้ ทพี่ ลเมอื ง จาํ นวน 2 หนว่ ยกติ ระดบั ประถมศกึ ษา มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดบั 1. มีความรู้ ความเข้าใจ เห็นคุณค่า และสืบทอดศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี ท้องถิน่ และประเทศไทย 2. มีความรู้ ความเข้าใจดําเนนิ ชีวิตตามวถิ ีประชาธปิ ไตยกฎหมายเบอื้ งตน้ กฎระเบียบของชุมชน สังคม และประเทศ ที่ หวั เรอื่ ง จาํ นวน ตวั ชวี้ ดั เนอื้ หา 1 ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี (ชวั่ โมง) 1. มีความรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกับ 1. ความหมายความสําคัญของ 20 ความหมายความสาํ คญั ของ ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี ในประเทศไทย 2.พทุ ธประวตั ิ และประวตั ิ 2. มีความรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกับ ศาสดา ของศาสนาตา่ ง ๆ พุทธ ประวตั ิ และประวตั ิ ในประเทศไทย - ประวตั พิ ระ ศาสดาของ ศาสนาตา่ ง ๆ เยซู - ประวัตพิ ระมฮู มั มัด ฯลฯ 3. มีความรู้ความเข้าใจใน 3. หลกั ธรรมสาํ คัญของศาสนา หลกั ธรรม และการปฏบิ ตั ิธรรม พุทธ - เบญจศีล เบญจธรรม- แต่ ละศาสนา ตระหนกั ถึง ฆราวาสธรรม - พรหมวหิ าร คณุ ค่าและเหน็ ความสาํ คัญใน หลักธรรมสําคญั ของศาสนา การนําหลักธรรมมา ใชใ้ นการ คริสต์ศาสนาอิสลาม ดํารงชวี ิต ศาสนาฮินดู 4. มีทักษะในการปฏิบัตติ น 4. การปฏิบตั ิตนตามหลกั ตาม หลกั ศาสนาท่ีตนนับถือ ศาสนา - พุทธ - คริสต์ – อสิ ลาม – ฮนิ ดู แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 2

ที่ หวั เรอ่ื ง ตวั ชวี้ ดั จํานวน เนอื้ หา (ชว่ั โมง) 5. สามารถอยู่ร่วมกับบุคคลท่ี 5. การแก้ปัญหาความ 20 ตา่ ง ความเชอ่ื ทางศาสนาใน แตกแยกของ บุคคล สังคม สงั คมได้ อยา่ งสันติสขุ ชมุ ชน เพราะความ แตกตา่ ง ความเชอ่ื ศาสนา และสงั คม 6.มคี วามรูค้ วามเข้าใจใน ด้วยสนั ตวิ ธิ ี (กรณีตวั อยา่ ง) - วฒั นธรรมประเพณขี องชุมชน จากพทุ ธประวตั ิ – จาก ท้องถน่ิ และของประเทศ ประสบการณข์ องผเู้ รยี น 7. ตระหนกั ถึงความสาํ คัญของ 6. วฒั นธรรมประเพณีใน วัฒนธรรมประเพณีของชมุ ชน ชุมชน ท้องถิน่ ภาคตา่ งๆ ของ ท้องถิ่น และของ ประเทศ ประเทศไทย - ภาษา การแต่ง 8. มสี ว่ นรว่ มในการปฏบิ ตั ติ น กาย อาหาร ฯลฯ ของภาค ตาม วัฒนธรรมประเพณีของ ตา่ งๆ - ประเพณขี องแต่ละ ทอ้ งถิ่น ชมุ ชน ทอ้ งถนิ่ ภาค เชน่ แห่ 9. นําค่านิยมทีพึงประสงค์ของ เทยี นพรรษา, บุญเดือนสิบ สงั คม ชุมชนมาประพฤตปิ ฏิบตั ิ ลอยกระทง,ประเพณี วงิ ควาย จนเป็นนิสยั ,ยเี ปง็ 7. การอนุรักษ์ และสืบสาน วฒั นธรรมประเพณขี องภาค ตา่ งๆ (กรณตี วั อย่าง) 8. การประพฤตปิ ฏิบตั ติ น เพ่อื การ อนรุ กั ษ์ และสืบสาน วัฒนธรรม ประเพณี 9. ค่านิยมทีพึงประสงค์ของ ชุมชน สังคมไทย แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าที่ พลเมือง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 3

ท่ี หวั เรอ่ื ง จํานวน 2 หนา้ ทีพลเมอื ง ตวั ชวี้ ดั เนอื้ หา (ชว่ั โมง) 10. การประพฤติปฏบิ ตั ิตน ตาม ค่านยิ มของชุมชน สงั คมไทยทีพึง ประสงค์ (กรณีตวั อยา่ ง) 1. รู้และเขา้ ใจในเรอื งสทิ ธิ 1. ความหมายของ 20 20 เสรีภาพ บทบาทหน้าที่และ ประชาธปิ ไตย สิทธิ เสรภี าพ คณุ ค่าของความ เปน็ พลเมืองดี บทบาทหนา้ ทขี อง พลเมืองใน ตามแนวทาง ประชาธิปไตย วถิ ีประชาธปิ ไตย 2. ตระหนักในคุณค่าของการ 2 . การมสี ่วนรว่ มในการ ปฏบิ ัติ ตนเปน็ พลเมืองดตี ามวิถี ปฏิบัติตน ตามกฎหมาย ประชาธปิ ไตย 3 .แยกแยะปัญหา และ 3. ปญั หา และสถานการณ์ สถานการณ์ การเมืองการ การเมือง การปกครองท่ี ปกครองท่ีเกิดข้นึ ใน ชมุ ชน เกดิ ข้ึนในชมุ ชน (กรณี ตัวอย่าง) 4. รู้และเข้าใจสาระทวั่ ไป 4. กฎหมายท่ีเก่ียวขอ้ งกบั เกี่ยวกบั กฎหมาย ตนเอง และครอบครัว 5. นําความรู้กฎหมายท่ี 5 . กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกบั เกย่ี วข้องกับ ตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน ชุมชน และ ประเทศชาติไปใช้ ในชีวิตประจําวัน ได้ 6. เห็นคุณคา่ และประโยชน์ 6. กฎหมายอ่นื ๆ เชน่ ของ การปฏิบัตติ นตาม กฎหมาย แรงงานและ กฎหมาย สวัสดกิ าร กฎหมายว่า ด้วย สทิ ธิเดก็ และสตรี แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมือง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 4

ที่ หวั เรอ่ื ง ตวั ชว้ี ดั จํานวน เนอื้ หา (ชว่ั โมง) 7. มีส่วนรว่ มในการปอู งกันและ 7.การมสี ่วนรว่ มในการปูองกนั ปราบปรามการทุจริต และ ปราบปรามการทุจริต 7.1 วิธีสร้างความตระหนักใน การ ปอู งกนั และปราบปราม การทจุ รติ 7.2 การกระตุ้นจิตสาํ นึกใน การ ปอู งกันและปราบปราม การทุจริต แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมือง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 5

การวเิ คราะหต์ ารางการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ า ศาสนาหนา้ ท มาตรฐานการเรียนร้รู ะดับ 1. มีความรู้ ความเขา้ ใจ เห็นคณุ คา่ และสบื ทอดศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี ท้อง 2. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ในการดําเนินชีวิตตามวิถปี ระชาธิปไตยกฎหมายเบือ้ งตน้ ก ลําดบั ตวั ชวี้ ดั เนอื้ หา ที่ 1 1. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเก่ียวกบั 1. ความหมายความสาํ คัญของศาสนา ความหมายความสาํ คัญของศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี วฒั นธรรม ประเพณี ในประเทศไทย 2. พุทธประวตั ิ และประวัตศิ าสดา ของศาสนา 2.มคี วามร้คู วามเขา้ ใจเกยี่ วกับพทุ ธ ประวัติ ต่างๆ ในประเทศไทย - ประวัติพระเยซู - และประวัตศิ าสดาของ ศาสนาตา่ ง ๆ ประวัตพิ ระมูฮมั มดั ฯลฯ 3. มีความรู้ ความเขา้ ใจใน หลักธรรม และ 3. หลกั ธรรมสาํ คญั ของศาสนาพุทธ - เบญจศลี การปฏบิ ตั ิธรรมแตล่ ะศาสนาตระหนกั เบญจธรรม - ฆราวาสธรรม - พรหมวิหาร ถงึ คณุ คา่ และเหน็ ความสําคญั ในการนาํ หลักธรรมสาํ คญั ของศาสนา ครสิ ต์ หลกั ธรรมมา ใชใ้ นการดาํ รงชีวิต ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาฮนิ ดู

ทพี่ ลเมอื ง รหัส สค11002 จาํ นวน 2 หนว่ ยกติ ระดบั ประถมศกึ ษา งถิ่นและประเทศไทย กฎระเบยี บของชมุ ชน สงั คม และประเทศ วเิ คราะหเ์ นอื้ หา จํานวน รปู ผลการจดั การเรยี นรู้ ชวั่ โมง ตนเอง งา่ ย ปาน ยาก พบ เขา้ อบรม โครงงาน กลาง กลมุ่ ค่าย  33  22  33 แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าที่ พลเมือง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 6

ลาํ ดับ ตวั ชว้ี ดั เนอ้ื หา ที่ 4. มีทักษะในการปฏบิ ตั ติ น ตาม หลกั 4. การปฏบิ ัตติ นตามหลกั ศาสนา - พทุ ธ - ศาสนาทตี นนับถือ คริสต์ –อสิ ลาม – ฮนิ ดู บุคคลตัวอย่างที่ใช้ 5.สามารถอย่รู ่วมกบั บุคคลทตี า่ ง ความเชอื่ หลกั ธรรมทางศาสนา 5. การแกป้ ัญหาความแตกแยกของ บคุ คล ทางศาสนาในสังคมได้ อยา่ งสนั ติสขุ สังคม ชมุ ชน เพราะความ แตกตา่ งความเชือ่ ศาสนา และสังคม ด้วยสนั ติวธิ ี (กรณีตวั อย่าง) - จากพุทธประวัติ – จากประสบการณข์ อง 6. มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจในวฒั นธรรม ผู้เรียน ประเพณีของชุมชนทอ้ งถ่ินและของ 6. วัฒนธรรมประเพณใี นชมุ ชน ทอ้ งถน่ิ ภาค ประเทศ ต่าง ๆ ของประเทศไทย - ภาษา การแต่งกาย อาหาร ฯลฯ ของภาคต่างๆ - ประเพณีของแต่ ละชุมชน ท้องถ่ิน ภาค เช่น แหเ่ ทยี นพรรษา, บญุ เดือนสบิ ,ลอยกระทง,ประเพณี วงิ ควาย ยีเป็ง

วเิ คราะหเ์ นอ้ื หา จํานวน รปู ผลการจดั การเรยี นรู้ ชวั่ โมง ตนเอง งา่ ย ปาน ยาก พบ เขา้ อบรม โครงงาน กลาง กลมุ่ คา่ ย  55  55  22 6 6 แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 7

ลาํ ดับ ตวั ชวี้ ดั เนอ้ื หา ที่ 7. ตระหนักถึงความสาํ คัญของ วฒั นธรรม 7. การอนุรกั ษ์ และสืบสาน วฒั นธรรม ประเพณขี องชมุ ชน ท้องถิน่ และของ ประเพณขี องภาคต่างๆ (กรณตี วั อยา่ ง) ประเทศ 8. มสี ่วนร่วมในการปฏิบัตติ นตาม 8. การประพฤตปิ ฏิบตั ติ น เพ่อื การ อนุรกั ษ์ วฒั นธรรมประเพณขี องทอ้ งถิน่ และสืบสานวัฒนธรรม ประเพณี 9. นําค่านยิ มทพ่ี งึ ประสงค์ของ สงั คม 9. ค่านยิ มทีพึงประสงคข์ องชุมชน สังคมไทย ชมุ ชนมาประพฤตปิ ฏิบัติจนเป็นนสิ ัย 10. การประพฤตปิ ฏบิ ัติตนตาม ค่านยิ มของ ชมุ ชน สงั คมไทยทพี ึง ประสงค์ (กรณตี ัวอยา่ ง)

วเิ คราะหเ์ นอ้ื หา จํานวน รปู ผลการจดั การเรยี นรู้ ชว่ั โมง ตนเอง งา่ ย ปาน ยาก พบ เขา้ อบรม โครงงาน กลาง กลมุ่ คา่ ย  44  55   55 แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าที่ พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 8

ลาํ ดบั ตวั ชวี้ ดั เนอื้ หา ท่ี 2 1. รู้และเขา้ ใจในเรืองสิทธิ เสรภี าพ 1. ความหมายของประชาธิปไตย สทิ ธิ บทบาทหน้าทแี ละคุณคา่ ของความ เปน็ เสรภี าพบทบาทหนา้ ที่ของ พลเมือง พลเมืองดีตามแนวทาง ประชาธิปไตย ในวถิ ีประชาธปิ ไตย 2. ตระหนกั ในคุณคา่ ของการปฏบิ ตั ิ ตน 2. การมสี ่วนร่วมในการปฏบิ ตั ติ น ตาม เป็นพลเมอื งดตี ามวถิ ี ประชาธปิ ไตย กฎหมาย 3 .แยกแยะปัญหา และสถานการณ์ 3. ปัญหา และสถานการณก์ ารเมอื ง การ การเมอื งการปกครองทเี กดิ ขึน้ ใน ชมุ ชน ปกครองทเ่ี กิดขนึ้ ในชมุ ชน (กรณีตัวอยา่ ง) 4. รู้และเขา้ ใจสาระท่ัวไปเก่ยี วกับ 4. กฎหมายที่เกีย่ วข้องกบั ตนเอง และ กฎหมาย ครอบครวั 5. นําความรกู้ ฎหมายที่เกย่ี วข้องกับ 5. กฎหมายที่เก่ยี วข้องกบั ชุมชน ตนเอง ครอบครวั ชุมชน และ ประเทศชาติ ไปใชใ้ นชวี ิตประจําวัน ได้

วเิ คราะหเ์ นอ้ื หา จาํ นวน รปู ผลการจดั การเรยี นรู้ ชว่ั โมง ตนเอง งา่ ย ปาน ยาก พบ เขา้ อบรม โครงงาน กลาง กลมุ่ ค่าย 6 6  44  44  55  44 แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมือง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 9

ลาํ ดับ ตวั ชวี้ ดั เนอ้ื หา ที่ 6. เห็นคุณคา่ และประโยชน์ของ การ 6. กฎหมายอ่นื ๆ เช่นกฎหมาย แรงงานและ ปฏบิ ัติตนตามกฎหมาย สวัสดกิ าร กฎหมายว่า ด้วยสทิ ธเิ ด็กและสตรี 7. มีสว่ นร่วมในการปูองกันและ 7. การมสี ่วนร่วมในการปูองกันและ ปราบปรามการทุจรติ ปราบปรามการทุจริต 7.1 วธิ ีสร้างความตระหนกั ในการ ปูองกนั และปราบปรามการทจุ รติ 7.2 การกระตุ้นจิตสาํ นกึ ในการ ปอู งกนั และปราบปรามการทุจริต รวมช่ัวโมง

วเิ คราะหเ์ นอ้ื หา จํานวน รปู ผลการจดั การเรยี นรู้ ชวั่ โมง ตนเอง งา่ ย ปาน ยาก พบ เขา้ อบรม โครงงาน กลาง กลมุ่ คา่ ย  66  66  66 80 62 12 แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมือง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 10

แผนการจดั การเรยี นรคู้ รง้ั ที่ 1 (พบกลมุ่ ) กลมุ่ สาระการพฒั นา สงั คม รายวชิ า ศาสนา หนา้ ที่ พลเมอื ง รหสั สค11002 จาํ นวน 2 หนว่ ยกติ ระดบั ประถมศกึ ษา เรอื่ ง การปฐมนเิ ทศ จํานวน 6 ชวั่ โมง เวลา............................ สอนวนั ท.ี่ .............เดอื น.........................พ.ศ. ................ ภาคเรยี นท.ี่ .............ปกี ารศกึ ษา.................... มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดับ ความรู้เกยี่ วกบั การศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพื้นฐาน ตวั ชว้ี ดั 1. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกีย่ วกบั ความหมายความสําคัญ ของศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี ในประเทศ ไทย 2. มีความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกับพทุ ธ ประวตั ิ และประวตั ิศาสดาของ ศาสนาต่าง ๆ สาระการเรยี นรู้ 1. โครงสรา้ งหลกั สตู ร 3. เกณฑก์ ารจบหลักสูตร 2. กิจกรรมพฒั นาคุณภาพชีวติ (กพช.) 4. การจดั การเรยี นการสอน คุณธรรม 1. ปฏิบัตติ นตามกฎระเบยี บข้องบงั คับและข้อตกลงของสถานศึกษาและสงั คม 2. เขา้ รว่ มกิจกรรมหรือปฏบิ ตั งิ านท่ไี ดร้ ับมอบหมาย และตรงต่อเวลา กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ครผู ู้สอนใหค้ วามรู้ ความเข้าใจโครงสรา้ งหลกั สูตร กจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวติ (กพช.) เกณฑ์การจบ หลกั สตู ร การจดั การเรยี นการสอน การศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 สอื่ การเรยี นการสอน ตารางการพบกลมุ่ / คูม่ ือนักศกึ ษา การวดั และประเมนิ ผล การเขา้ รว่ มกจิ กรรมของผูเ้ รยี น ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา พจิ ารณาแลว้ .......................................................................................................................................... ................................................................................................................................................. (นางจีระภา วัฒนกสกิ าร) ผู้อาํ นวยการศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อําเภอโชคชยั วันที่ ........... เดอื น ................. พ.ศ. ........... แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมือง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 11

บนั ทกึ หลงั การสอน ความสาํ เรจ็ ในการจัดการเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหา / อปุ สรรค ในการจัดการเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. แนวทางการแก้ปญั หา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .......................................ครูผู้สอน (..............................................) ครู............................................ วันท.่ี .........เดือน...........................พ.ศ. ........................ ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารสถานศกึ ษา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ (นางจีระภา วฒั นกสิการ) ผ้อู ํานวยการศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอําเภอโชคชยั แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าที่ พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 12

ใบความรทู้ ี่ 1 การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน : โครงสรา้ งการเรยี น/เกณฑก์ ารจบหลกั สตู ร โครงสร้างการเรยี น กศน.หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 การลงทะเบยี นเรยี น 1. ประถม สามารถลงทะเบียนภาคเรยี นละไมเ่ กนิ 14 หน่วย ภาคเรยี นสดุ ท้ายไมเ่ กิน 17 หน่วย ปกติ เรยี น 4 ภาคเรียน 2 ปี 2. มัธยมศกึ ษาตอนต้น สามารถลงทะเบยี นภาคเรียนละไมเ่ กิน 17 หน่วย ภาคเรียนสุดทา้ ยไมเ่ กนิ 20 หนว่ ย ปกตเิ รียน 4 ภาคเรียน 2 ปี 3. มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ สามารถลงทะเบียนภาคเรยี นละไม่เกิน 23 หน่วย ภาคเรียนสดุ ท้ายไม่เกิน 26 หนว่ ย ปกติเรยี น 4 ภาคเรยี น 2 ปี เกณฑก์ ารจบหลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 1. ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ การเรยี นรู้รายวชิ าในแต่ละระดับการศึกษา ตามโครงสรา้ งหลกั สูตร 1.1. ระดับประถมศกึ ษา ไมน่ ้อยกวา่ 48 หนว่ ยกติ วิชาบังคบั 36 หน่วยกติ วชิ าเลอิ ก 12 หน่วยกิต 1.2. ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ ไมน่ ้อยกวา่ 56 หน่วยกติ วิชาบงั คับ 40 หน่วยกิต วชิ าเลอิ ก 16 หนว่ ยกติ 1.3. ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลายไมน่ อ้ ยกวา่ 76 หน่วยกิต วิชาบังคบั 44 หน่วยกติ วชิ าเลือก 32 หนว่ ยกติ 2. ผา่ นการประเมินกิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพชีวิต ( กพช) ไมน่ อ้ ยกว่า 200 ชว่ั โมง 3. ผ่านการประเมินคณุ ธรรม ในระดบั พอใชข้ น้ึ ไป 4. เข้ารับการประเมนิ คุณภาพการศกึ ษานอกระบบระดบั ชาติ แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 13

กจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ิต (กพช.) กจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวิต (กพช.) เป็นกจิ กรรมที่เป็นองคป์ ระกอบสําคญั สว่ นหน่งึ ใน โครงสร้างท่ีกําหนดไวใ้ นหลักเกณฑ์ และวิธีการจัดการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ไดก้ ําหนดสาระการเรยี นรเู้ ปน็ 5 กลุม่ สาระ ได้แก่ สาระทกั ษะการเรยี นรู้ สาระ ความร้พู ้ืนฐาน สาระการประกอบอาชีพ สาระทักษะการดาํ เนนิ ชีวติ สาระการพฒั นาสงั คม และ กาํ หนดใหผ้ เู้ รยี นต้องทาํ กิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวิต จํานวนไมน่ อ้ ยกว่า 100 ช่ัวโมง เป็นเง่อื นไขใน การจบหลักสูตร โดยเน้นให้ผู้เรยี นนําข้อมลู ความรแู้ ละประสบการณ์ มาฝึกทกั ษะการคดิ การวางแผน ปฏิบัตกิ าร ที่จะสง่ ผลต่อการจัดกิจกรรมการพัฒนาตนเอง ครับครวั ชุมชน และสังคม เพือ่ ให้ดํารง อยู่ในสังคมอยา่ งมคี วามสุข องคป์ ระกอบกจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ กิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ประกอบด้วย 1. ต้องมคี วามรพู้ น้ื ฐาน เป็นกิจกรรมการเรียนรูท้ ่มี ขี อบขา่ ยเน้ือหาเก่ยี วกับ - โครงสร้างและประโยชนข์ อง กพช. - แนวทางการพัฒนาตนเอง ครอบครวั ชุมชน สงั คม - กระบวนการกลมุ่ - กระบวนการคิดเปน็ ทาํ เป็น แก้ปัญหาเปน็ และการนําไปใช้ในการดาํ เนินชีวติ - การประสานเครือข่าย - การเป็นผนู้ ํา ผู้ตาม - การวางแผน และประโยชนข์ องการวางแผน - มนุษยสัมพนั ธ์ - การเขยี นโครงการ 2. กจิ กรรมโครงการ เปน็ กิจกรรมการเรยี นร้ทู ี่ใหผ้ เู้ รียนไดล้ งมอื ปฏบิ ัตจิ รงิ ในการทํากิจกรรม โครงการท่ีเก่ยี วกับ การพฒั นาตนเอง ครอบครวั ชมุ ชนและสังคม ลักษณะกจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ (กพช.) ลักษณะการจดั กจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชวี ติ แบง่ เปน็ 2 ประเภท ดงั น้ี 1. กจิ กรรมการเรยี นรู้ทม่ี ุ่งเนน้ การพฒั นาทกั ษะชีวติ ของตนเอง และครอบครวั โดยใช้ กระบวนการเรยี นร้แู บบมสี ่วนรว่ มของผเู้ รยี น ดงั ตวั อย่างต่อไปน้ี เช่น - ด้านสุขภาพกาย/จติ เชน่ โครงการ กศน.ไรพ้ งุ - ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม เชน่ โครงการสมคั คีสร้างสุข โครงการคณุ ธรรมนําชีวติ โครงการ 1 ตาํ บล 1 วดั - ดา้ นเศรษฐกจิ พอเพียง เชน่ โครงการรรู้ ับ รจู้ ่าย รไู้ ด้ รู้เกบ็ แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าที่ พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 14

- ด้านการพฒั นาตนเอง ในดา้ นต่าง ๆ เช่น โครงการพัฒนาบุคลิกภาพ - ดา้ นยาเสพติด เช่น โครงการครอบครัวอบอุ่น - ดา้ นเพศศกึ ษา เชน่ โครงการพ่อแมร่ ู้ใจ วัยรุน่ รู้ทัน - ดา้ นความปลอดภยั ในชีวิตและทรัพย์สนิ เช่น โครงการเตรยี มตัวเตรียมใจรับภัย ธรรมชาติ ตวั อยา่ งกจิ กรรม กพช. ทมี่ งุ่ เนน้ การพฒั นาชมุ ชน และสงั คม โดยใชก้ ระบวนการมสี ว่ นรว่ มของ ชุมชน - ด้านการพฒั นาชมุ ชนและสังคม เชน่ โครงการอาสาสมคั ร ลูกเสอื ยวุ กาชาด/ชมรมอาสา ยวุ กาชาดนอกโรงเรียน - ด้านการอนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม เชน่ โครงการลดโลกร้อนดว้ ยมอื เรา โครงการหนา้ บา้ นน่ามอง โครงการอนรุ ักษป์ าุ ไม้แมน่ ํ้าลําคลอง - ดา้ นศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและประเพณี เชน่ โครงการอนุรักษ์ รักวฒั นธรรม - ดา้ นภูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ และแหล่งเรยี นรู้ เชน่ โครงการคลงั สมองรว่ มพัฒนาชมุ ชน - ดา้ นประชาธิปไตย เช่น โครงการเรียนรปู้ ระชาธปิ ไตยใสใ่ จรกั ษาสทิ ธิ - ดา้ นการสนบั สนนุ ส่งเสริมงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั เช่น โครงการบรรณารกั ษอ์ าสา กระบวนการดาํ เนนิ งานกจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ (กพช.) 1. ผู้เรียนลงทะเบยี นกจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชีวติ 2. ครูใหค้ วามร้พู ้ืนฐาน และให้แนวทางการทํากิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต 3. ผเู้ รียนยืน่ คํารอ้ งขอทํากจิ กรรม และเสนอโครงการตามแบบที่กําหนด 4. ประสานงานกบั บุคคลและหน่วยงานทีเ่ ก่ียวข้องในการทาํ กิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพชีวิต 5. สถานศกึ ษาแตง่ ตงั้ คณะกรรมการประเมนิ โครงการ 6. ผเู้ รยี นดําเนนิ การตามโครงการทไ่ี ด้รบั อนมุ ตั พิ รอ้ มบนั ทึกการปฏบิ ัติงานเป็น รายบุคคลโดย อย่ใู นการกาํ กับดแู ลของครทู ี่ปรึกษาโครงการ 7. คณะกรรมการประเมินโครงการ นเิ ทศติดตามผลการดําเนนิ งานและประเมนิ ผล 8. ผู้เรียนจดั ทําเอกสารรายงานผลการดําเนินงานตามโครงการส่งสถานศึกษาเมอ่ื ส้ินสดุ โครงการ 9. คณะกรรมการประเมินค่าผลสําเร็จของโครงการเป็นจํานวนชวั่ โมงกจิ กรรม 10. สถานศกึ ษา และผู้เรียนบันทึกผลจาํ นวนชั่วโมงท่ที ํากิจกรรม กพช.ไวเ้ ป็นหลักฐาน แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 15

บทบาทหนา้ ทข่ี องผเู้ รยี น 1. ลงทะเบียนทาํ กิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพชีวิต 2. ศกึ ษา แลกเปลย่ี นเรียนรู้ ทําความเข้าใจและประเมนิ ตนเองในดา้ นความรู้พ้นื ฐาน 3. ร่วมประชมุ วางแผนการทํากจิ กรรม พัฒนาคณุ ภาพชวี ติ 4. ยื่นคาํ รอ้ งและเสนอโครงการกจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชวี ิต 5. ผ้เู รียนดาํ เนนิ กจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชวี ติ ตามโครงการท่ไี ด้รบั อนุมตั ิแล้ว 6. จัดทาํ เอกสารรายงานผลการปฏิบัตงิ านตามโครงการต่อครทู ่ปี รึกษาตามแผนและ ระยะเวลาทส่ี ถานศึกษากําหนด โดยผ้เู รียนตอ้ งจดั ทาํ รายงานผลการดําเนินงานโครงการดงั ตัวอยา่ ง เอกสารในภาคผนวก ขนั้ ตอนการทาํ กจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชวี ติ 1. ผูเ้ รยี นทยี่ น่ื คาํ ร้องแสดงความจาํ นงขอทาํ กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวติ 2. แนบโครงการที่เขียนแล้ว พร้อมทั้งแบบคํารอ้ ง แสดงความจํานงขอทาํ กิจกรรมพฒั นา คณุ ภาพชวี ิตเพ่อื ขออนมุ ตั ิโครงการตอ่ สถานศึกษา โครงการประกอบดว้ ยรายละเอียดดงั ตอ่ ไปนี้ 2.1. ชอ่ื โครงการ 2.2. หลักการและเหตุผล - บอกเหตุผลและความจําเปน็ หรือความสาํ คัญของโครงการ 2.3. วัตถปุ ระสงค์ - ระบุวา่ โครงการนี้ทําเพื่ออะไร เกดิ ประโยชนอ์ ย่างไร 2.4. ข้นั ตอนการดาํ เนินงาน - บอกวิธีการทํางานวา่ ข้นั ตอนอยา่ งไร ตงั้ แต่เร่ิมทาํ โครงการจนส้ินสดุ โครงการ 2.5. สถานที่ดําเนินงาน - ระบสุ ถานที่ทจ่ี ะดาํ เนินการ 2.6. ระยะเวลา - ระบวุ ่า โครงการท่จี ะปฏบิ ัตินัน้ เริม่ และสิ้นสดุ วนั ใด 2.7. งบประมาณ - ต้งั งบประมาณหรอื องคป์ ระกอบทีจ่ ะทาํ ให้โครงการบรรลผุ ลสาํ เรจ็ ตามวตั ถุประสงค์ และเปาู หมาย เช่น วัสดุ แรงงาน 2.8. ผ้รู บั ผดิ ของโครงการ - ระบผุ รู้ บั ผดิ ชอบโครงการวา่ มีใครบา้ ง ก่ีคน 2.9. ผลที่คาดวา่ จะได้รับ - ระบุว่าจากการทําโครงการน้นั คาดวา่ จะไดร้ บั ประโยชน์อะไรบ้าง 3. เม่ือสถานศกึ ษาอนุมตั โิ ครงการแล้ว ให้ผเู้ รียนนาํ โครงการดงั กลา่ วมาดําเนนิ งานโดยอยูใ่ น การกํากับดูแลของครู และคณะกรรมการ แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมือง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 16

4. เมอ่ื ดาํ เนนิ งานเสรจ็ สน้ิ แลว้ ก็ให้จัดทํารายงานการดําเนินงานตอ่ สถานศกึ ษา เพอื่ ให้ คณะกรรมการพิจารณา และประเมนิ ผลสําเร็จของโครงการ 4. การประเมนิ ผล การประเมินผลการทํากจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวิต แบง่ เป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1. การประเมินตนเอง เปน็ การประเมนิ ผลการเรียนรู้และการเข้าร่วม/ทาํ กิจกรรมตามแบบที่ กําหนด (ตวั อยา่ งแบบประเมนิ ตนเองในภาคผนวก) หรือให้ความรู้นั้น ๆ เพ่ิมเติมจนผู้เรยี นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ 2. การประเมนิ ผลโครงการ ใหค้ ณะกรรมการประเมนิ กิจกรรมเปน็ ผพู้ ิจารณาและ ประเมินผลการปฏบิ ัตติ ามแบบประเมินทกี่ ําหนด 3. เกณฑ์การพิจารณาการประเมินโครงการพฒั นาคุณภาพชีวิต ผู้เรยี นต้องไดค้ ะแนนรวมไม่ นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 70 จึงจะถอื วา่ ผา่ น 5. เกณฑก์ ารผ่านกจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ (กพช.) 1. ผ้เู รียนตอ้ งเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ และปฏิบตั โิ ครงการรวมไม่น้อยกว่า 100 ชั่วโมง 2. โครงการต้องบรรลวุ ัตถุประสงค์โดยชนิ้ งาน ร่องรอยและ/หรอื เอกสารรายงานมาแสดง เกณฑก์ ารจบหลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 1. ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ การเรยี นรรู้ ายวชิ าในแตล่ ะระดบั การศกึ ษา ตามโครงสรา้ งหลกั สตู ร 1.1 ระดับประถมศกึ ษา ไมน่ อ้ ยกวา่ 48 หน่วยกิต วิชาบงั คบั 36 หน่วยกติ วิชาเลิอก 12 หน่วยกติ 1.2 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ไมน่ อ้ ยกว่า 56 หน่วยกติ วชิ าบังคับ 40 หนว่ ยกติ วิชาเลิอก 16 1.3 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลายไม่น้อยกวา่ 76 หนว่ ยกติ วิชาบังคบั 44 หน่วยกิต วชิ าเลอื ก 32 หน่วยกติ 2. ผา่ นการประเมนิ กิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพชีวิต ( กพช) ไมน่ อ้ ยกวา่ 200 ชั่วโมง 3. ผ่านการประเมินคุณธรรม ในระดับพอใช้ขน้ึ ไป 4. เขา้ รบั การประเมินคณุ ภาพการศกึ ษานอกระบบระดับชาติ 2. วธิ เี รยี น กศน. การจัดการเรียนรูต้ ามหลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ยดึ หลักการ ดังนี้ 1) พระราชบัญญตั ิการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช 2542 และแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 2) พระราชบัญญัติการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย พทุ ธศกั ราช 2551 3) หลกั ปรัชญา “คิดเปน็ ” วธิ ีเรียน กศน. เป็นวิธเี รียนทผ่ี ู้เรยี น ตอ้ งฝกึ กระบวนการคดิ วเิ คราะหใ์ นสถานการณ์ต่าง ๆ เก่ียวกับ เน้อื หาสาระในแต่ละรายวชิ า รวมทัง้ การเรียนทเ่ี น้นผเู้ รียนเปน็ สําคญั ตามสภาพความพร้อมพรอ้ มและความ ต้องการของผ้เู รียนโดยมีครเู ป็นผ้สู ง่ เสริมและอํานวยความสะดวกในการเรียนรู้และพฒั นาการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น อย่างต่อเน่ืองตลอดหลักสูตร พรอ้ มท้งั มกี ารให้บริการแนะแนวหรือระบบดแู ลชว่ ยเหลือผ้เู รยี น ดว้ ยการให้ แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าที่ พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 17

คําปรกึ ษา ช่วยเหลือ แนะนาํ และรว่ มกบั ผูเ้ รียนและผู้เก่ียวขอ้ งในการแก้ปัญหาให้กับผู้เรยี น ซึ่งวธิ กี ารเรยี นรู้ ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 ดงั ทกี่ ลา่ วมาแลว้ เรยี กว่า วธิ ีเรียน กศน.” ซึ่งสามารถจดั การเรียนรไู้ ด้หลายรูปแบบ โดยพิจารณาจากปจั จยั ดังต่อไปนี้ 1. ความพร้อม ความสนใจ และศักยภาพของผูเ้ รยี น 2. ความพร้อมในการบริหารจัดการของสถานศึกษา 3. ความพรอ้ มและศกั ยภาพของครูผู้สอน 4. ความยากง่ายของเนอื้ หารายวชิ า วิธเี รียน กศน. ตามตามหลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ข้นั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ที่ เหมาะสมกบั ผู้เรียน เชน่ การเรยี นรแู้ บบพบกลุ่ม การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง การเรียนรแู้ บบทางไกล การเรียนรูแ้ บบ ช้นั เรยี น ซ่งึ การเรยี นร้แู ตล่ ะรปู แบบมีลกั ษณะ ดังต่อไปน้ี 2.1 การเรยี นรแู้ บบพบกลมุ่ การเรียนรู้แบบพบกลุม่ เปน็ การจดั การเรยี นรทู้ กี่ าํ หนดให้ผู้เรียนมาพบกันโดยมคี รูเป็นผู้ดําเนินการให้เกิด กระบวนการกลมุ่ เพ่อื ให้มกี ารอภปิ ราย แลกเปล่ยี นเรียนรแู้ ละหาขอ้ สรุปร่วมกัน ทุกสปั ดาห์ครูจะต้องจดั ใหม้ ี การพบกล่มุ อย่างนอ้ ยสัปดาห์ละ 3 ช่ัวโมง หลกั การในการจดั การเรยี นรแู้ บบพบกลมุ่ มดี งั น้ี 1) จัดพบกลุ่มในรายวิชาทีย่ ากปานกลาง 2) เนน้ การแลกเปลยี่ นเรยี นรรู้ ะหวา่ งผูเ้ รียนกับผู้เรยี นและผู้เรียนกับครู 3) ให้ผเู้ รยี นเรียนรดู้ ว้ ยการศึกษาค้นคว้า เป็นรายบคุ คล เปน็ กลมุ่ และการทาํ โครงงาน 4) จัดกระบวนกลุม่ ที่เน้นผู้เรยี นเปน็ สาํ คญั และสอดแทรกกระบวนการ “คิดเป็น” ใหผ้ ู้เรยี นไดฝ้ กึ คิด วเิ คราะหใ์ นแตล่ ะรายวชิ าทเี่ ชอื่ มโยงสู่การประยกุ ต์ใช้ในชีวติ จริงและอาจสอนเพิม่ เตมิ ในบางเน้ือหาทผี่ ้เู รียน ต้องการ 5) มกี ารทดสอบย่อย (QUIZ) 6) จดั พบกลุ่มอยา่ งน้อยสปั ดาห์ละ 3 ช่วั โมง วธิ ดี าํ เนนิ การจดั การเรยี นรแู้ บบพบกลมุ่ มดี งั น้ี 1) การนําเสนอผลจากการศกึ ษาค้นคว้า ครูให้ผเู้ รียนนาํ เสนอผลจากการศึกษาคน้ คว้าดว้ ยตนเองหรอื งาน กลมุ่ ซึง่ เป็นการทํากิจกรรมตามท่ีได้รับมอบหมายจากการพบกลมุ่ สัปดาห์ทที่ ่ีผ่านมา ครูจะตอ้ งทาํ หนา้ กระตุน้ ใหผ้ ้เู รียนแลกเปล่ียนเรียนรู้ และ ครแู ละผเู้ รยี นสรุปองคค์ วามรรู้ ว่ มกนั 2) การจดั การเรยี นการสอนตามสาระการเรียนรู้ ครจู ดั การเรียนการสอนตามสาระการเรียนรทู้ ่ไี ดว้ าง แผนการเรียนรู้รว่ มกับผเู้ รียนไว้ โดยครูจดั กระบวนการเรียนรู้เพิม่ เตมิ ความรใู้ นเน้อื หาสาระที่สําคัญ ทีผ่ ู้เรยี นยัง ไมเ่ ข้าใจและตอ้ งการจะเรียนรู้ โดยครสู อนเพ่มิ เตมิ บางเน้ือหาทผ่ี เู้ รียนตอ้ งการ หรอื จดั สอนเสริมนอกเหนอื จาก เวลาพบกลมุ่ ในเนือ้ หาวิชาทีย่ าก ท่ีผู้เรียนไมส่ ามารถเรยี นรดู้ ้วยตนเองได้ เช่น วชิ าคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์ เป็นต้น 3) การนําเสนอโครงงาน โดยให้ผเู้ รียนนาํ เสนอความคดิ และความกา้ วหนา้ ในการทําโครงงานต่อกลุ่มใหญ่ แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 18

เพอ่ื ให้ผู้เรียนคนอน่ื และครูช่วยกันวิเคราะห์ ซกั ถาม ให้ข้อเสนอแนะ คําแนะนํา ทําให้เกดิ การแลกเปลี่ยน เรยี นรู้ เป็นการต่อยอดหรือพฒั นาความคิดและนําไปสู่การพฒั นาโครงงานในสปั ดาหต์ ่อไป การนาํ เสนอ โครงงานดงั กล่าวจะเปน็ ไปอย่างต่อเนอ่ื งทุกครั้งทพี่ บกลุ่มจนสิน้ สุดภาคเรียน 4) การสอบยอ่ ย(QUIZ) เปน็ การทดสอบความรคู้ วามเขา้ ใจในเนอื้ หาสาระ โดยครแู ละสถานศกึ ษาเป็น ผู้จดั ทําขอ้ สอบย่อย ในลกั ษณะ ถาม – ตอบ (QUIZ) ใหผ้ ู้เรียนตอบคาํ ถามสน้ั ๆ ในลกั ษณะสรปุ ความคดิ รวบ ยอด ทเ่ี ป็นความรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกับเนื้อหาในรายวิชาน้ัน ๆ ของผเู้ รียนเอง 5) การฝึกกระบวนการเรยี นร้โู ดยใชก้ ระบวนการ “คิดเปน็ ” ใหผ้ ู้เรยี นฝึกคดิ วิเคราะห์ สังเคราะห์ และ แสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเองจากสือ่ เช่น สถานการณ์ ข่าว นสพ. บทความ ท่ีเกยี่ วขอ้ งกับ เนอื้ หารายวิชาที่กาํ ลัง เรียน ครูจะทําหนา้ ทีเ่ ป็นผู้กระตุ้น เสริมแรง ใช้กระบวนการเรยี นร้แู บบมีส่วนร่วมให้ผู้เรียนทุกคนไดแ้ ลกเปลย่ี น เรยี นรรู้ ว่ มกนั ตลอดชว่ งเวลาพบกลุ่ม โดยครูตงั้ ประเด็นคําถามปลายเปิดให้ผูเ้ รียนไดร้ ่วมคิด ร่วมอภิปรายเพอื่ หาคาํ ตอบ และพยายามเชอ่ื มโยงเรอ่ื งท่ีเรยี นร้จู ากรายวชิ านนั้ เขา้ ส่วู ถิ ชี วี ิตของผเู้ รียนไดม้ องเห็นประโยชนจ์ าก การพบกลมุ่ 6) ฝกึ ให้ผู้เรยี นแสดงออก เพ่ือให้สามารถนําความรู้และทกั ษะไปใชใ้ นชีวิตจริงได้ เชน่ การนําเสนองาน ประกอบการใชส้ ื่อ การฝกึ พดู ในโอกาสตา่ ง ๆ การใช้ภาษาไทยทถี่ ูกตอ้ ง การฟงั และจับประเดน็ สาํ คัญ การพูด และการเขยี นเพอ่ื สรุปใจความสําคัญ 7) การวางแผนจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ตอ่ เนอื่ ง คอื การทีค่ รูและผู้เรียนรว่ มกันกาํ หนดและนัดหมายการทาํ กิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างสปั ดาห์ รวมทง้ั เรือ่ งทีผ่ ู้เรียนจะตอ้ งศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง ตามแผนการเรยี นรทู้ ีไ่ ด้ ร่วมกนั กําหนดไว้ และครจู ะต้องกําหนดตวั ผ้เู รียนทจ่ี ะมานําเสนองานต่อกลมุ่ ในสัปดาหต์ ่อไป และกาํ หนดการ ทํากิจกรรมการเรยี นรู้สาํ หรบั ผู้เรยี นคนอื่น ๆ ดว้ ย 8) การติดตามและช่วยเหลอื ผู้เรียน ครูตดิ ตามช่วยเหลอื ผเู้ รียน เพื่อให้คําแนะนํา คาํ ปรึกษาในการเรยี น ครูอาจใช้วธิ ี “เพอ่ื นชว่ ยเพื่อน” คอื ให้เพื่อน หรือกลุ่มเพือ่ นของผู้เรียน คอยช่วยเหลือใหค้ ําแนะนําคําปรึกษาใน การเรยี น 2.2 การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง การเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง เปน็ การเรยี นร้ทู ผ่ี ูเ้ รียนแสวงหาความร้ดู ้วยตนเอง โดยผู้เรยี นกาํ หนดแผนการเรยี นรู้ ของตนเองให้สอดคล้องกับรายวิชาทล่ี งทะเบยี น โดยระบขุ ั้นตอนการเรียนรตู้ ้ังแต่ต้นจนจบ และมีครูเป็นที่ ปรึกษา ใหค้ ําแนะนาํ ในการศกึ ษาหาความรจู้ ากส่ือต่าง ๆ และแหลง่ การเรยี นรู้ 1) ลักษณะของผเู้ รยี นทส่ี ามารถเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง 1.1) สมัครใจทีจ่ ะเรยี นรดู้ ้วยตนเอง ไม่ไดเ้ กดิ จากการบงั คับ 1.2) ผเู้ รียนเปน็ แหล่งข้อมูล คือสามารถบอกได้ว่าตนเองจะเรยี นเรอ่ื งอะไร มีทกั ษะและขอ้ มลู อะไรบ้าง สามารถกําหนดเปาู หมายได้ บอกวิธีการรวบรวมข้อมูลได้ บอกวธิ กี ารประเมนิ ผลการเรียนได้ รู้ถึง ความสามารถของตนเอง ตัดสนิ ใจได้ มีความรับผิดชอบตอ่ หนา้ ท่แี ละเปน็ ผู้เรียนรทู้ ดี่ ี 1.3) รู้ “วิธกี ารท่ีจะเรียน” คือรขู้ นั้ ตอนในการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง วา่ จะต้องทํากจิ กรรมอะไรบ้างจงึ จะทาํ ให้ เกิดการเรยี นรู้ แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าที่ พลเมือง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 19

1.4) มีความคิดเชงิ บวก มแี รงจูงใจ และสามารถเรยี นแบบร่วมมือกบั เพ่ือนหรอื บุคคลอ่นื 1.5) มรี ะบบการเรียน รจู้ ักประยุกตก์ ารเรียน และสนุกกับการเรยี น 1.6) มกี ารเรยี นรจู้ ากข้อผิดพลาดและความสําเรจ็ มกี ารประเมินผลเองและเขา้ ใจถึงศักยภาพของตนเอง 1.7) มีความพยายามหาวิธกี ารใหม่ ๆ เพื่อหาคําตอบ รู้จกั ประยุกต์ใช้ความร้ทู ่ีได้จากการเรยี นไปใช้กับ สถานการณ์จรงิ และหาโอกาสในการพัฒนา คน้ คว้าหาขอ้ มลู เพือ่ แก้ปญั หา 1.8) สามารถแสดงความคดิ เห็นและ อภปิ รายในกลุ่มเรยี นอย่างสร้างสรรค์ 1.9) การมปี ฏิสัมพนั ธก์ บั บุคคลอน่ื สามารถเก็บขอ้ มลู และนําข้อมูลไปใชป้ ระโยชนใ์ นการเรยี น 2) วธิ กี ารเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง 2.1) การวิเคราะห์และกาํ หนดความต้องการ ผู้เรยี นวิเคราะห์และกําหนดความตอ้ งการในการเรียนรู้ โดยคาํ นงึ ถึงความต้องการและความสนใจเก่ยี วกับเน้อื หาสาระที่ต้องการเรียน 2.2) การกําหนดจดุ มงุ่ หมายในการเรยี นรู้ ผ้เู รียนกาํ หนดจุดม่งุ หมายในการเรยี นรู้ ท่ีมคี วามเป็นไปไดแ้ ละ สามารถปฏิบัติไดจ้ ริง โดยศกึ ษาจดุ มงุ่ หมายของรายวชิ า แล้วเขยี นจดุ มุ่งหมายในการเรียน และระบพุ ฤติกรรม ท่ีคาดหวังหรอื ผลการเรยี นรทู้ ่คี าดหวังที่สามารถวัดได้ 2.3) การวางแผนการเรียน ผู้เรียนกาํ หนดแนวทางในการเรียนของตนเอง เพอ่ื ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของ รายวชิ า กําหนดเวลาเรียน คอื กาํ หนดจาํ นวนช่ัวโมง และจาํ นวนครั้ง ในการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง ทาํ กจิ กรรมกลมุ่ พบครเู พอื่ ขอคาํ ปรกึ ษา แนะนํา สอนเสรมิ และกําหนดเวลาท่สี ิน้ สดุ การเรียนของตนเอง 2.4) การเลอื กรปู แบบการเรียน คือผเู้ รยี น เลือกกิจกรรมการเรยี นรูด้ ้วยตนเองได้แก่แหลง่ วิทยาการ ผรู้ ู้ แหลง่ เรียนรู้ เช่น หอ้ งสมุด วดั สถานอี นามยั และส่ือในการเรียน เช่นหนังสอื เรียน วซี ีดี สอ่ื คอมพวิ เตอร์ 2.5) การกําหนดบทบาทผู้ชว่ ยเหลือในการเรียน เพื่อช่วยให้ผู้เรยี นเขา้ ใจในเนอื้ หาสาระ และเกิดทกั ษะ ย่ิงขนึ้ และประสบผลสาํ เร็จในกาเรยี น เชน่ มเี พื่อรว่ มเรยี นเพื่อใหเ้ กิดการแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ 2.6) การกาํ หนดวธิ ีการประเมนิ ผลการเรียน ครูและผู้เรียน ควรรว่ มกนั กาํ หนดวธิ ีการวัดผลและประเมนิ ผล เชน่ กําหนดเครอ่ื งมอื วดั ผลไดแ้ ก่แบบทดสอบตา่ ง ๆ หรอื ชนิ้ งาน เปน็ ต้น แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าที่ พลเมือง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 20

ใบงานที่ 1 1. อธบิ ายความหมายโครงสรา้ งหลกั สูตร ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………... 2. กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต (กพช.) ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………... 3. เกณฑก์ ารจบหลักสูตร ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………... 4. การจดั การเรยี นการสอน แบบ กศน. มกี ่ีแบบ อะไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………... แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 21

แผนการจดั การเรยี นรคู้ รงั้ ที่ 2 (การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง) กลมุ่ สาระการพฒั นา สงั คม รายวชิ า ศาสนา หนา้ ท่ี พลเมอื ง รหัส สค11002 จาํ นวน 2 หนว่ ยกติ ระดบั ประถมศกึ ษา เรอื่ ง ความหมายของศาสนา ความสาํ คญั ของศาสนา จํานวน 3 ชว่ั โมง เวลา...... สอนวนั ท.ี่ .............เดอื น.........................พ.ศ. ................ ภาคเรยี นท.ี่ .............ปกี ารศกึ ษา.................... มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั มคี วามรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั พุทธ ประวตั ิ และประวตั ิศาสดาของ ศาสนาต่าง ๆ ตวั ชว้ี ดั มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกับ ความหมายความสาํ คัญ ของศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี ในประเทศไทย สาระการเรยี นรู้ ความหมายความสําคญั ของ ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี คณุ ธรรม 1. ดแู ล/ชว่ ยเหลอื หรอื ให้การอุปการะเอาใจใสบ่ ิดามารดา ผมู้ พี ระคณุ 2. ตอบแทนบญุ คุณ อาสาชว่ ยเหลือ ครอู าจารย์สถานศกึ ษา 3. มสี ่วนร่วมชว่ ยเหลือพัฒนาชุมชน สงั คม และประเทศชาติ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ให้ผู้เรยี นศกึ ษาจากใบความรู้ หนังสือเรียน และแหล่งเรยี นรู้ต่าง ๆ และสรปุ เนอ้ื หาสง่ สื่อการเรยี นการสอน ใบความรู้/หนังสอื เรยี น การวดั และประเมนิ ผล ความตรงต่อเวลาของผู้เรียนในการส่งงานท่ีได้รับมอบหมาย ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา พจิ ารณาแลว้ .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... (นางจรี ะภา วฒั นกสิการ) ผอู้ ํานวยการศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอโชคชยั วันที่ ........... เดือน ................. พ.ศ. .......... แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 22

บนั ทกึ หลงั การสอน ความสําเรจ็ ในการจดั การเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปญั หา / อุปสรรค ในการจดั การเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. แนวทางการแกป้ ัญหา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ .......................................ครผู สู้ อน (..............................................) คร.ู ........................................... วันท่.ี .........เดือน...........................พ.ศ. ........................ ขอ้ เสนอแนะของผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ (นางจีระภา วัฒนกสิการ) ผูอ้ าํ นวยการศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอําเภอโชคชัย แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าที่ พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 23

ใบความรทู้ ี่ 2 ความหมายของศาสนา ความสาํ คัญของศาสนา ความหมายของศาสนา ศาสนา คือ ลทั ธิความเช่อื ในหลักการ กรรมวธิ ี การปฏิบัติตนเพือ่ ใหบรรลุจุดมุงหมายสูงสดุ ในชีวิตที่ ศาสดาของแตละศาสนาส่ังสอนหรอื บญั ญตั ไิ ว สาเหตุการเกิดศาสนา ประการแรก เกดิ จากความกลัวของ มนษุ ย เนอ่ื งจากมนุษยไมมีความรู ความเขาใจ ปรากฏการณทางธรรมชาติ ภัยพิบัติตาง ๆ มนษุ ยคิดวาสิง่ เหลาน้ีเกิดจากอาํ นาจของวิญญาณ และสิง่ ศักดสิ์ ิทธ์ิดลบันดาลใหเปนไป มนษุ ยจึงแสวงหาวธิ ภี ักดี ออนนอมให อยใู ตอํานาจดวย การแสดงออกตาง ๆ นานา เชน การเคารพบชู า การเซนสังเวย การทําทกุ รกริ ิยา เพอื่ ใหส่ิง ศักด์ิสิทธิ์เห็นใจ ประการตอ่ มา เกดิ จาก การคนหาความจรงิ ของธรรมชาติ โลกและชีวิต โดยไมหวงั พง่ึ พิง อํานาจศกั ด์ิสทิ ธ์ิใดๆ เมือ่ คนหาความจริงพบแลวจึงนํามาประกาศศาสนา เพอื่ ใหชาวโลกรูตาม คอื พระพุทธเจา เปนตน องคป์ ระกอบของศาสนา มอี ยู่ ประการ 5 คอื 1. มศี าสดา คือ ผูกอตั้งศาสนา เร่ิมตนคิดคาํ สอน (หลักธรรม) เปนคนแรก 2. มีคําสอน คมั ภีร คือ คาํ สอน (หลักธรรม) ของศาสนา 3. มีนกั บวช หรือผูสืบทอดศาสนา เปนผูปฏิบตั ิตนตามคําสอนของศาสนา 4. มศี าสนสถาน คอื สถานทีป่ ระกอบพิธีกรรมทางศาสนา เชน โบสถ วหิ าร สุเหรา 5. มสี ัญลักษณ คอื เคร่อื งหมายแสดงทางศาสนา ศาสนพิธี หรือพิธีกรรมทางศาสนา เชน ไมกางเขน ประเภทของศาสนา จาํ แนกเปน็ 4 ประเภท คอื เอกเทวนิยม เชอื่ ในพระเจาองคเดียว เชน ศาสนาอสิ ลาม ศาสนาคริสต เปนตน พหเุ ทวนยิ ม เช่ือในพระเจาหลายองค เชน ศาสนาฮนิ ดู ศาสนาชินโต เปนตน สัพพตั ถเทวนยิ ม เชอื่ วาพระเจาสิงสถติ อยูในทุก ๆ แหง เชน ศาสนาพราหมณ บางลัทธิ เปนตน อเทวนยิ ม ไมเช่อื วาพระเจาเปนผูสรางโลก เชน ศาสนาพุทธ ศาสนาเซน เปนตน ศาสนาทกุ ศาสนามีจุดปลายทางเดยี วกัน คือ ตองการใหทกุ คนเปนคนดี อยูรวมกันโดยสันติ สังคมมคี วามสงบสขุ แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 24

ความสําคญั ของศาสนา พอสรปุ ได 7 ประการ คือ 1. เปนท่ียึดเหน่ยี วทางจิตใจชวยใหมนุษยเกดิ ความม่ันใจในการดาํ รงชวี ิตและชวยใหรูสกึ ปลอดภัย 2. ชวยสรางความสามัคคีในหมูมนุษย ชวยใหมนษุ ยรวมมอื กันแกไขปญหาตาง ๆ ตลอดจน รวมมอื กันสรางสรรคสิ่งทีเ่ ปนประโยชนตอศาสนาและชวี ติ เปนเครือ่ งมอื ขัดเกลาสมาชกิ ในสงั คมใหสมาชิกยดึ มน่ั เชือ่ ถือ ปฏบิ ัติตนเปนคนดตี าม คําสอน กลวั บาปทเี่ กิดจากความประพฤติไมดีตาง ๆ 3. ชวยพฒั นาและยกระดับจติ ใจการกระทําของมนษุ ยใหสูงขนึ้ คอื ชวยใหมนษุ ยเสยี สละ และอดทน อดกลัน้ ยิ่งขน้ึ ทาํ ความดมี ากยง่ิ ขึน้ เปนตน 4. เปนบอเกดิ แหงศาสตร ความรูดานศิลปะ ขนบธรรมเนียม ประเพณีตาง ๆ มีกําเนดิ จาก ศาสนา 5. ชวยใหมนษุ ยมีอสิ ระคาํ สอนของศาสนาเสนอแนวทางทม่ี นษุ ยสามารถฝกตนใหพนจาก กเิ ลสมี อสิ ระจากกิเลสท้ังปวง 6. เปนสัญลกั ษณ แสดงถึงความดงี าม แสดงพลังสามัคคี ความเปนนา้ํ หน่ึงใจเดียวกนั ของคน ทนี่ ับถอื ศาสนาตาง ๆ ในแตละศาสนา แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 25

ใบงานท่ี 2 ใหน้ กั ศกึ ษาเลอื กคาํ ตอบทูถ่ี กู ตอ้ ง 1. ศาสนาพุทธเปนศาสนาประเภทใด ข. พหเุ ทวนิยม ก. เอกเทวนยิ ม ง. อเทวนยิ ม ค. สพั พัตถเทวนิยม 2. ศาสดาหมายถงึ อะไร ก. ผูปฏิบตั ิตามคาํ สอนของศาสนา ข. ผนู ับถือศาสนา ค. ผูคนพบศาสนาและนาํ คําสอน ง. สาวกของศาสนา 3. สัมมาสมาธิอยูในธรรมะหมวดใด ก. มรรค 8 ข. อริยสจั 4 ค. ฆราวาสธรรม ง. พรหมวิหาร 4 4. คาํ สอนศาสนาใดที่เนนใหมนุษยมคี วามรักตอกัน ก. ศาสนาพทุ ธ ข. ศาสนาคริสต ค. ศาสนาอสิ ลาม ง. ศาสนาพราหมณ – ฮนิ ดู 5. มัสยิดเปนศาสนสถานของศาสนาใด ก. ศาสนาพทุ ธ ข. ศาสนาครสิ ต ค. ศาสนาอิสลาม ง. ศาสนาพราหมณ – ฮนิ ดู 6. การแกไขปญหาความขัดแยงในสงั คม วธิ ีใดเปนวิธที ีด่ ีท่สี ุด ก. ใชหลกั ธรรมทางศาสนา ข. ใชหลักกฎหมาย ค. ใชหลักการเจรจา ง. ใชคณะกรรมการ 7. สงั คมที่มีความเจริญกาวหนาทางวัตถุเปนสงั คมวตั ถุนยิ ม ประชาชนควรมคี านิยมใดจึงจะ เหมาะสม ก. รูรักสามคั คี ข. ประหยดั และนยิ มไทย ค. ใชชวี ติ เรยี บงาย ง. มรี ะเบียบวินัย 8. เมกกะ คือ เมอื งสําคัญของศาสนาใด ข. ศาสนาอิสลาม ก. ศาสนาพทุ ธ ง. ศาสนาพราหมณ – ฮินดู ค. ศาสนาคริสต แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าที่ พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 26

9. การถอื ศิลอดเปนขอปฏิบตั ิของศาสนาใด ก. ศาสนาพทุ ธ ข. ศาสนาอสิ ลาม ค. ศาสนาครสิ ต ง. ศาสนาพราหมณ – ฮนิ ดู 10. ศาสนาใดท่นี บั ถือเทพเจาหลายองค ก. ศาสนาพุทธ ข. ศาสนาอิสลาม ค. ศาสนาครสิ ต ง. ศาสนาพราหมณ – ฮินดู แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 27

แผนการจดั การเรยี นรคู้ รงั้ ท่ี 3 (การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง) กลมุ่ สาระการพฒั นา สงั คม รายวชิ า ศาสนา หนา้ ที่ พลเมอื ง รหัส สค11002 จาํ นวน 2 หนว่ ยกติ ระดบั ประถมศกึ ษา เรอ่ื ง พทุ ธประวตั ิ ประวตั ศิ าสดา จาํ นวน 2 ชวั่ โมง เวลา............................ สอนวนั ท.่ี .............เดอื น.........................พ.ศ. ................ ภาคเรยี นท.ี่ .............ปกี ารศกึ ษา.................... มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ มคี วามรูค้ วามเข้าใจเก่ยี วกบั พุทธประวตั ิ และประวตั ศิ าสดาของ ศาสนาต่าง ๆ ตวั ชวี้ ดั มีความรูค้ วามเข้าใจเกี่ยวกับพทุ ธ ประวตั ิ และประวตั ิศาสดาของ ศาสนาต่าง ๆ สาระการเรยี นรู้ พุทธประวัติ และประวตั ิศาสดา ของศาสนาต่าง ๆ ในประเทศไทย ประวัตพิ ระเยซู ประวัตพิ ระมฮู มั มดั ฯลฯ คณุ ธรรม 1. รว่ มกิจกรรมกบั หมูค่ ณะดว้ ยความเปน็ น้าํ หนึง่ ใจเดียวกัน 2. เปน็ ผู้มีเหตุผลยอมรบั ความคดิ เห็นที่แตกต่างหลากหลาย 3. มีภาวะการเปน็ ผูน้ ําและผ้ตู ามท่ีดี 4. ยอมรับในบทบาทหน้าที่ของตนเอง และของผู้อื่น ตลอดจนยอมรบั การตัดสินใจของกลมุ่ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ให้ผู้เรยี นศึกษาจากใบความรู้ หนังสอื เรียน และแหลง่ เรียนรู้ตา่ งๆ และสรุปเน้อื หาส่ง สอื่ การเรยี นการสอน ใบความรู้/หนงั สอื เรียน การวดั และประเมนิ ผล ความตรงต่อเวลาของผู้เรียนในการสง่ งานท่ไี ดร้ ับมอบหมาย ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา พจิ ารณาแลว้ .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... (นางจีระภา วัฒนกสิการ) ผ้อู าํ นวยการศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอโชคชยั วันท่ี ........... เดือน ................. พ.ศ. .......... แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมือง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 28

บนั ทกึ หลงั การสอน ความสาํ เร็จในการจดั การเรยี นการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหา / อปุ สรรค ในการจดั การเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. แนวทางการแก้ปัญหา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ .......................................ครูผสู้ อน (..............................................) ครู............................................ วนั ท่ี..........เดือน..........................พ.ศ. ........................ ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศึกษา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. (นางจีระภา วฒั นกสกิ าร) ผอู้ าํ นวยการศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอําเภอโชคชัย แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าที่ พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 29

ใบความรทู้ ่ี 3 ประวตั ศิ าสดา พทุ ธประวตั ิ ศาสนาพทุ ธ เปนศาสนาประเภทอเทวนยิ ม คือ ไมเชื่อวามีพระเจาสรางโลก สรางมนษุ ย กําหนด โชคชะตามนุษย แตเชอื่ วาทุกอยางเกดิ มาไดเพราะมีเหตุ ทุกอยางตองอาศยั กนั เปนเหตุเปนปจจยั ซงึ่ กนั และ กัน จะมเี พยี งอยางใดอยางหนงึ่ มไิ ด ศาสนาพทุ ธ เปนศาสนาใหญศาสนาหนง่ึ ของโลก เปน ศาสนาประจาํ ชาติ ของประเทศไทย ศาสนาพุทธเกิดในชมพูทวปี ปจจบุ ันเปนพ้ืนท่ีของประเทศอนิ เดยี เนปาล ภฏู าน ปากีสถาน และ บังกลาเทศ รวมกัน ศาสดาของศาสนาพุทธ คอื พระพทุ ธเจา ทรงมีพระนามเดมิ วา เจาชายสิทธตั ถะ กําเนิดในตระกูล กษตั ริยในยุคทีศ่ าสนาฮินดูเจริญรุงเรอื งในชมพทู วีป พระองคประสตู ิ ณ ลมุ พินวี ัน แควนสัก กะ เมืองกบลิ พสั ดุ (ปจจุบนั คอื เมอื งรมุ มนิ เด ประเทศเนปาล) ทรงประสตู ใิ นวันศุกรขน้ึ 15 คํ่า เดือน 6 ปจอ กอนพุทธศักราช 80 ป เมอื่ ประสตู ไิ ด 7 วัน พระราชมารดา คือ พระนางสิรมิ หามายา จงึ ส้นิ พระชนม พระราชบิดาของพระองค คอื พระเจาสุทโธทนะ จงึ ใหพระเจานา คอื พระนางประชาบดโี คตมี เปนผูเลยี้ งดู พระเจาสทุ โธทนะไดเชิญพราหมณมาทํานายลกั ษณะพระโอรส พราหมณไดพยากรณพระราชกมุ ารวา “ถาออก บวชจะไดเปนศาสดาเอกของโลก ถาทรงเปนฆราวาสจะไดเปนพระจักรพรรด”ิ ดงั นั้น พระเจาสุทโธทนะจงึ ปรารถนาจะใหเจาชายสิทธัตถะเพลิดเพลินในความสุขทางโลก เพือ่ จะไดให เจาชายสทิ ธตั ถะเปนพระ จักรพรรดิ พระราชบดิ าทรงสรางปราสาทท่งี ดงาม 3 หลัง ใหประทับแตละฤดู และใหศึกษาเลาเรียน ศิลปวทิ ยากบั สํานกั อาจารยวิศวามติ ร พระองคทรงอภิเษกสมรสกบั พระนางพมิ พา ถึงแมพระราชบดิ าจะหาสงิ่ อํานวยความสุข ความสะดวกสบายใหพระองค แตเจาชายสิทธตั ถะก็มไิ ด เพลิดเพลินกบั ความสขุ ทางโลก เม่ือ พระองคเสดจ็ ออกนอกพระราชวัง พระองคทอดพระเนตรเหน็ การเกิด การแก การเจบ็ การตาย เปนความ ทุกข พระองคทรง ครุนคิดแสวงหาทางใหมนษุ ยพนทุกข และ เหน็ วาการหนีทุกขในโลกดวยการบรรพชา ดังน้ัน พระองคจึงเสด็จออกจากวังในวนั ทพ่ี ระนางพิมพาประสูตพิ ระโอรส คอื เจาชายราหุล พระองค ทรงราํ พงึ วา “หวงเกิดแลวหนอ” เมอื่ พระองคเสด็จผานทรงพบเหน็ นางสนมนอนระเกะระกะอยู เปนภาพทไ่ี ม นา่ ดู ไมสวยงาม ลวนนาปลงสังเวช พระองคจึงเสด็จออกบวชพรอมกบั คนรบั ใชช่อื นายฉนั นะ ทรงขมี่ าชอ่ื กัณฐกะ จากนน้ั ใหนายฉันนะกลบั ไป แลวพระองคทรงปลงผม ถือเพศบรรพชติ และแสวงหา อาจารยจาก สํานักตาง ๆ เพื่อสง่ั สอนใหพระองคบรรลุธรรมที่ทําใหสัตวโลกพนจากความทกุ ข ทรงศกึ ษาท่ี สํานักอาฬา รดาบส และอทุ กดาบส ฝกฝนทางจิตจนได ฌานสมาบัติ 8 ซ่งึ เนนโยคะวธิ ี ทรงเหน็ วาไมใช ทางพนทุกขที่แท จรงิ ดงั นนั้ ตอมาพระองคทรงใชวธิ กี ารทรมานตนเองดวยการบําเพ็ญทกุ รกริ ิยา คือ อดอาหาร และทรมานตน ดวยวิธตี าง ๆ จนรางกายซบู ผอม ทรงพบวา ทางนมี้ ใิ ชพนทุกข จงึ หนั มา เดนิ สายกลาง และเสวยพระกระยา หารตามเดิม แลวหนั มาบําเพ็ญเพยี รทางจิตคนหาสัจธรรม และทรง คนพบสัจธรรมในวนั เพ็ญ เดอื นวิสาขะ คือ วนั ขึ้น 15 ค่าํ เดือน 6 ประกา กอนพระพุทธศักราช 45 ป ทรงมพี ระชนมายุ 45 พรรษา ดงั นนั้ ในการ แสวงหาทางบรรลุธรรมของพระองคนนั้ เปรียบเสมอื นพิณ 3 สาย ถาขึงสายพณิ ตึงเกินไปสายพิณกจ็ ะขาด ถ าขงึ สาย แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าที่ พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 30

หยอนเกินไป เสยี งจะไมไพเราะ ตองขงึ สายพณิ พอดี จึงจะดดี แลวมี เสยี งไพเราะ เชนเดยี วกบั มนษุ ย หากเพลดิ เพลินในโลกียสุขเหมอื นสายพิณท่ีหยอนยาน และถาตึงเขมงวด ในการปฏิบัติดวยการทรมาน ตนเองรางกายจะทนทานไมไหวเหมือนสายพณิ ที่ขงึ ตึง ดงั นนั้ จงึ ควร เดินสายกลาง เชนเดยี วกบั สายพิณทขี่ งึ พอดี สจั ธรรมทพี่ ระองคตรสั รู คือ ทรงคนพบปุปเพนวิ าสานสุ ติญาณ คอื อดีตชาติของพระองค ทรงคนพบ จตุ ปู ปาตญาณ คอื การกําเนิดของสัตวโลก และอาสวกั ขยญาณ คือ การกาํ จัดกเิ ลสใหหมดส้ินไป เพอื่ จะปฏบิ ัติ ตนใหพนทกุ ขไมตองเวยี นวา่ ยตายเกิด คือ อรยิ สัจส่ี เปนความจริงอันประเสริฐ ซึง่ เปนหัวใจ สาํ คัญของ พระพุทธศาสนา คือ ทกุ ข คอื ปญหาทงั้ หลายที่เกิดขึ้นในชวี ิต ไดแก ความไมสบายกาย ความไมสบายใจ สมทุ ยั คอื สาเหตุแหงปญหาที่เกิดขึน้ ในชีวิต นิโรธ คอื ความจริงวาดวยการดับทุกข การละตนเหตุของความทกุ ข มรรค คือ ความจริงวาดวยแนวทางแหงความดบั ทุกข หลังจากตรสั รูแลวพระองคไดเสดจ็ ไปเทศนาธรรมแกปญจวัคคียทั้ง 5 คือ พระโกณฑญั ญะ พระวปั ปะ พระภทั ทิยะ พระมหานามะ และพระอสั สชิ ซึง่ ติดตามดูแลพระองคชวงทแี่ สวงหาธรรมและ บาํ เพ็ญทกุ รกริ ิยา เมอื่ พระองคเลิกบาํ เพ็ญทกุ รกริ ิยา จึงคดิ วาพระองคทอถอย ไมบาํ เพญ็ เพยี รจงึ พากันหนไี ป ทีป่ าอิสิปตนมฤคทายวนั เม่ือพระองคเทศนาธรรม คอื ธมั มจกั กัปวตั นสูตร ซง่ึ แสดงถึงขอปฏบิ ตั ิ ทางสายกลาง คอื มรรค 8 ซึ่งเปนขอปฏบิ ตั ิใหพนจากความทกุ ข คอื 1. สมั มาทฏิ ฐิ ปญญาเหน็ ชอบ 2. สมั มาสงั กปั ปะ ความดํารชิ อบ 3. สมั มาวาจา วาจาชอบ 4. สมั มากมั มนั ตะ การงานชอบ 5. สัมมาอาชีวะ ความเลยี้ งชพี ชอบ 6. สัมมาวายามะ ความเพยี รชอบ 7. สัมมาสติ ความระลึกชอบ 8. สัมมาสมาธิ การต้ังจิตชอบ โกณฑัญญะไดดวงตาเหน็ ธรรมเปนคนแรก และปญจวคั คยี ทงั้ หมดจึงบวชเปนภกิ ษุ จึงถอื วาเกิด พทุ ธศาสนาครบสมบูรณ คือ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ เปนไตรสรณคมณ ซึง่ เปนทเ่ี คารพของชาวพทุ ธ ตอมาพระองคทรงเผยแพรศาสนาอยู 45 ป และปรินพิ พานทเี่ มืองกสุ นิ าราในวนั เพญ็ เดือน 6 วันเดียวกบั ท่ี พระองคทรงประสูติ ตรสั รู และปรินิพพาน เรียกวา เปนวนั วิสาขบูชา เปนวนั สาํ คญั ของชาวพทุ ธ แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 31

ใบงานที่ 3 1. ศาสนพธิ ี หมายถงึ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. พทุ ธศาสนาในเอเชียมกี ่ีนิกาย อะไรบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3. ใน 3 ปฎิ ก ประกอบด้วยอะไรบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4. มรรค หมายถงึ มสี ่วนประกอบกีป่ ระการ อะไรบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 5. พิธกี รรมสําคัญในครสิ ตศ์ าสนามีสาํ คญั ๆ อยู่ 7 พธิ ี คอื พธิ อี ะไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมือง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 32

แผนการจดั การเรยี นรคู้ รง้ั ท่ี 4 (การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง) กลมุ่ สาระการพฒั นา สงั คม รายวชิ า ศาสนา หนา้ ที่ พลเมอื ง รหสั สค11002 จาํ นวน 2 หนว่ ยกติ ระดบั ประถมศกึ ษา เรอ่ื ง ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี จาํ นวน 3 ชว่ั โมง เวลา............................ สอนวนั ท.่ี .............เดอื น.........................พ.ศ. ................ ภาคเรยี นท.ี่ .............ปกี ารศกึ ษา.................... มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดบั มคี วามรู้ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั พทุ ธ ประวตั ิ และประวตั ิศาสดาของ ศาสนาต่าง ๆ ตวั ชวี้ ดั มีความรู้ ความเข้าใจใน หลกั ธรรม และการปฏิบัติธรรมแต่ ละศาสนา สาระการเรยี นรู้ หลักธรรมสําคัญของศาสนาพุทธ เบญจศีล เบญจธรรม ฆราวาสธรรม พรหมวิหาร หลกั ธรรม สําคญั ของศาสนา ครสิ ตศ์ าสนาอสิ ลาม ศาสนาฮินดู คณุ ธรรม 1. ดูแล/ช่วยเหลือ หรือให้การอปุ การะเอาใจใส่บิดามารดา ผู้มพี ระคุณ 2. ตอบแทนบญุ คุณ อาสาชว่ ยเหลอื ครอู าจารย์สถานศกึ ษา 3. มสี ่วนร่วมช่วยเหลอื พฒั นาชุมชน สงั คม และประเทศชาติ กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ให้ผู้เรียนศึกษาจากใบความรู้ หนงั สือเรยี น และแหลง่ เรยี นร้ตู ่าง ๆ และสรุปเนือ้ หาสง่ สอื่ การเรยี นการสอน ใบความร/ู้ หนังสอื เรยี น การวดั และประเมนิ ผล ความตรงต่อเวลาของผู้เรียนในการสง่ งานทไี่ ด้รับมอบหมาย ความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา พจิ ารณาแล้ว.......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... (นางจีระภา วฒั นกสกิ าร) ผูอ้ ํานวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอําเภอโชคชัย วนั ที่ ........... เดอื น ................. พ.ศ. .......... แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 33

บนั ทกึ หลงั การสอน ความสาํ เร็จในการจดั การเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปัญหา / อปุ สรรค ในการจัดการเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. แนวทางการแก้ปัญหา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .......................................ครูผูส้ อน (..............................................) ครู............................................ วันที.่ .........เดอื น..........................พ.ศ. ........................ ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. (นางจีระภา วัฒนกสกิ าร) ผอู้ ํานวยการศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาํ เภอโชคชัย แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 34

ใบความรทู้ ี่ 4 หลกั ธรรมของศาสนาตา่ ง ๆ หลกั ธรรมของศาสนาพทุ ธ ตามทก่ี ลาวมาแลววา ศาสนธรรม เปนองคประกอบท่สี าํ คญั ของศาสนา คําสอนของสมั มาสมั พุทธเจา เรยี กวา พระธรรม พระธรรมในศาสนาพุทธ กาํ หนดไวในพระไตรปฎก มอี ยู 3 ตะกรา กลาวคอื คําสอนของ พระพทุ ธเจา ในอดตี จารกึ ไวในสมดุ ขอย และใบลาน แยกไว 3 หมวดหมู คือ 1. พระสตุ ตันตปฎก เปนคัมภีรทีร่ วบรวมคําสอนของพระพุทธเจาในโอกาสตาง ๆ มีชาดก ประกอบ เชน สภุ มิตตชาดก ท่ี 5 โทษของการไมรปู ระมาณ ความสรปุ วา เม่ือพระพทุ ธเจาประทับอยู ณ พระวหิ ารเชตะวัน ทรงปรารภถึงภกิ ษุรูปหนงึ่ ทีม่ รณภาพ เพราะฉันมากเกนิ ไปจนอาหารไมยอย พระพทุ ธเจาจึงตรสั วา แมในกาล กอนภิกษนุ ี้ก็ตายเพราะบรโิ ภคมาก 2. พระวินยั ปฎก เปนธรรมท่ีเก่ยี วกับระเบียบกฎเกณฑความประพฤตขิ องพระสงฆ ซึ่ง พระพทุ ธเจา กาํ หนดไวมีทั้งหมด 227 ขอ พระพุทธเจาจะทรงกําหนดขึ้นเมอ่ื มีเหตุการณที่พระสงฆ ไมควรประพฤติปฏิบตั ิ 3. พระอภธิ รรมปฎก รวบรวมคมั ภรี ทรี่ วบรวมเกี่ยวกบั หลักธรรม หรอื ขอธรรมลวนๆ คําส่งั สอนวา เปน พระสตู รตาง ๆ ของพระพทุ ธเจา ตัวอยาง คือ ธัมมจกั กัปวัตนสตู ร ซ่งึ กลาวถึง มรรค 8 ซึ่งเปนทาง ปฏิบตั ิ ใหไกลจากกเิ ลส พระธรรมคาํ สอนของพระพทุ ธเจาเปนตัวแทนพระพุทธเจาทีป่ รนิ พิ านไปแลว เมอื่ ถึงคราวท่ี ศาสนาพุทธเกิดปญหา มคี วามเสอ่ื มลง เนื่องจากพทุ ธบริษัท คอื ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ไมปฏบิ ตั ติ าม คําสั่งสอนของพระพุทธเจา จะมกี ารนาํ พระไตรปฎกมาสงั คายนา มกี ารตรวจสอบชําระใหถกู ตอง วดั ใน สมยั เกาเก็บพระไตรปฎกทจ่ี ารึกไวในใบลาน สมุดขอยเก็บไวท่ศี าลาธรรมท่ีตง้ั อยูกลางูนา้ เพ่ือปองกัน มอด ปลวก กดั กนิ ทําลาย อยางไรกต็ าม ชาวพทุ ธควรศึกษาธรรมะเพื่อเขาใจ และนาํ มาประพฤติปฏิบัตใิ หถกู ตองท่ี สําคัญ ๆ คอื โอวาทปาตโิ มกข์ พระพทุ ธองคทรงประกาศหวั ใจของศาสนาพทุ ธในวนั มาฆบชู า เปนวันขน้ึ 15 ูคา่ เดอื น 3 ซง่ึ เปนวันมหศั จรรย คอื พระสงฆ 1,250 รปู ลวนเปนพระอรหนั ต มาประชุมโดยมิไดนดั หมาย พระสงฆเหลานล้ี วนเปนผูทพ่ี ระพุทธเจาโปรดประทานบวชใหดวยพระองคเอง ดวยวธิ ีเอหภิ ิกขุอปุ สัมปทา และเปนวนั ทีพ่ ระจันทรเสวยฤกษเตม็ ดวง พระพุทธเจาทรงประกาศหัวใจของศาสนาพทุ ธไวใน โอวาทปาฏิ โมกข มอี ยู 3 ขอ คอื  การไมทาํ บาปอกศุ ลท้ังปวง คอื ไมทําชั่ว  การทาํ บุญกศุ ล คอื ใหทาํ ความดี  การทาํ จติ ใหผองใสไกลจากความเศราหมองของกเิ ลส แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 35

เบญจศีล ศีล 5 เปนขอพืน้ ฐานทส่ี ําคญั สาํ หรับการปฏิบตั ติ นของชาวพุทธ คอื 1. ละเวนการฆ่าสงั หาร ไมประทษุ รายตอชวี ติ และรางกาย 2. ละเวนการลักขโมย เบยี ดบงั แยงชงิ ไมประทุษรายตอทรัพยสนิ ผูอ่นื 3. ละเวนการประพฤติผดิ ในกาม ไมประทษุ รายตอของรักของหวงแหน 4. ละเวนจากการพดู เท็จโกหกหลอกลวง พดู เพอเจอไรสาระ พูดคาํ หยาบคาย 5. เวนจากสรุ าเมรยั ไมเสพเครอ่ื งดองของมนึ เมา สิ่งเสพติด อันเปนเหตุใหเกิดความประมาท เบญจธรรม ประการ เปนหลักธรรมท่คี นทวั่ ไปควรปฏิบัติ มี 5 ประการ ดงั นี้ 1. เมตตา, กรณุ า – ซ่งึ เปนธรรมะคูกัน และสนบั สนุนศีลหา้ - ขอแรก (ฆาสตั ว – เบียดเบียน) 2. สมั มาอาชีวะ - คูและสนบั สนุนศีลขอสอง (ลักทรัพย ฉอโกง) 3. กามสังวร หมายถงึ การสาํ รวมระวังในความตองการ - คูกับศลี ขอสาม (การขมเหงน้ําใจกนั ) 4. สจั จะ ความจรงิ ใจ - คกู บั ศีลขอส่ี (โกหก) 5. สติ สัมปชัญญะ - คกู บั ศลี ขอหา (ทําใหตนเองขาดสติ) พรหมวหิ าร เปนหลักธรรมประจาํ ใจเพอื่ ใหตนดาํ รงชีวิตไดอยางประเสริฐและบริสุทธ์ิ เฉกเชน พรหม ประกอบดวยหลักปฏบิ ัติ 4 ประการ คือ 1. เมตตา ความปรารถนาอยากใหผูอ่นื มคี วามสขุ 2. กรณุ า ความปรารถนาอยากใหผูอนื่ พนทุกข 3. มุทติ า ความยนิ ดที ่ีผูอน่ื มคี วามสขุ ในทางทเี่ ปนกุศล 4. อเุ บกขา การวางจติ เปนกลาง การมเี มตตา กรณุ า มุทติ า เปนสิง่ ท่ีดี แตถาตนไมสามารถ ชวย เหลอื ผูนั้นได จติ ตนจะเปนทุกข ดังนนั้ ตนจึงควรวางอุเบกขาทําใจใหเปนกลาง และ พิจารณาวา สัตวโลก ยอมเปนไปตามกรรมท่ไี ดเคยกระทาํ ไว จะดหี รือช่ัวกต็ าม กรรมนน้ั ยอมสงผลอยางยตุ ิธรรมตามทเ่ี ขาผูนน้ั ได เคยกระทาํ ไว ฆราวาสธรรม ประกอบดวย 2 คํา “ฆราวาส” แปลวา ผูดาํ เนินชวี ติ ในทางโลก, ผคู รองเรือน และ “ธรรม” แปลวา ความถกู ตอง, ความดงี าม, นิสัยทด่ี งี าม, คณุ สมบตั ิ, ขอปฏิบตั ิ ฆราวาสธรรม แปลวา คุณสมบตั ขิ องผูประสบความสาํ เร็จในการดําเนินชวี ิตทางโลก ประกอบดวยธรรมะ 4 ประการ คือ 1. สัจจะ แปลวา จรงิ ตรง แท 2. ทมะ แปลวา ฝกตน ขมจติ และรกั ษาใจ 3. ขนั ติ แปลวา อดทน 4. จาคะ แปลวา เสียสละ แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าที่ พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 36

หลกั ธรรมของศาสนาอสิ ลาม หลกั ธรรมของศาสนาอิสลาม จารึกไวในคมั ภรี อลั กรุ อาน ซึ่งในอดตี ถูกจารกึ ไวในหนังสตั ว กระดกู สตั ว หลักปฏบิ ัติของศาสนาอิสลาม 5 ประการ คือ 1. ตองปฏิญาณตนวาจะไมมพี ระเจาองคอ่นื นอกจากพระอลั เลาะห โดยมีพระนบมี ูฮมั หมดั เปน ศาสนทูตรับคาํ สอนของพระองคมาเผยแผใหชาวมสุ ลมิ 2. ตองนมสั การพระอัลเลาะห เพอื่ สรรเสริญขอพรตอพระองควนั ละ 5 ครง้ั 3. ปหนง่ึ ตองถือศลี อด (อัศศยิ าบา) เปนเวลา 1 เดือน โดยงดการบรโิ ภคอาหาร 4. ตองบรจิ าคทาน (ซะกาต) เพื่อพฒั นาและชําระจติ ใหสะอาดหมดจด บรสิ ุทธยิ์ ่งิ ข้ึน 5. ในชวงชีวติ หนงึ่ ควรไปประกอบพธิ ีฮจั ญ คือ เดินทางไปประกอบศาสนกิจท่มี ัสยิดไบดุ เลาะห ณ เมอื งเมกกะ อยางนอย 1 ครั้ง หลักคําสอนของศาสนาอิสลามเปนเรอ่ื งศรัทธา คอื ความเช่ือเปนเร่อื งสาํ คญั ที่สดุ มุสลิมทุกคนจะต องเชือ่ และไมระแวงสงสยั ดงั น้ี 1. เชอื่ วาพระอลั เลาะหมีจริง มสุ ลมิ ทกุ คนตองเช่ือวาพระเจามอี งคเดยี ว คือ พระอลั เลาะห 2. เชื่อในเทพบริวาร หรือเทวทตู ของพระอลั เลาะห เพอื่ ชักนําไปสูหนทางท่ดี งี าม 3. เชอ่ื วาคมั ภรี อัลกุรอานเปนคัมภีรที่สมบรู ณทีส่ ุด 4. เช่ือในตวั แทนพระอลั เลาะหหรอื ศาสนฑูต เปนผูนาํ คาํ สอนมาเผยแพร 5. เช่อื ในวันส้ินโลก เมือ่ พระอัลเลาะหทรงสรางโลกไดกต็ องทําลายโลกได 6. เช่ือในกฎกาํ หนดสภาวะของพระอลั เลาะห กลาวคือ ทกุ อยางเกดิ ข้นึ โดยพระอัลเลาะหดําเนิน ไปตามประสงคของพระองค สําหรับหลกั คําสอนท่วั ไปของศาสนาอิสลามน้นั สอนใหดําเนินชวี ิตปฏบิ ัติตนตอกันของสังคม เปนไปดวยความสงบสุข เชน สอนใหมนุษยมคี วามเมตตากรุณาตอกนั สอนใหมคี วามกตญั ูกตเวทีตอ บิดา มารดา สอนใหสมรส หามหยาราง และประพฤตผิ ิดประเพณี สอนไมใหดม่ื สุราเมรัย และยาเสพตดิ ตาง ๆ สอน ไมใหกนิ ดอกเบีย้ รบั สนิ บน ใหสนิ บน กกั ตนุ สินคา และทจุ รติ คดโกงตาง ๆ สอนหลกั การคบหา สมาคม สอนไม ใหฆาลูกและตนเอง สอนไมใหถอื สิง่ อนั ทัดเทยี มพระอัลเลาะห สอนไมใหแตงงานกบั คนตางศาสนา สอนให เห็นความสาํ คัญของเจตนา สอนถงึ การกระทําท่ีทําดไี ดดี ทําชว่ั ไดชั่ว สอนใหเหน็ ความสําคัญของความ ประพฤติ และสอนใหนึกถงึ สงิ่ ตองหามมใิ หนาํ มาบริโภค ฯลฯ เปนตน หลกั ธรรมของศาสนาครสิ ต์ พระธรรม คาํ สอนของศาสดาจะปรากฏในพระคริสตคัมภีร คัมภีรไบเบลิ ผูนับถอื คริสตศาสนา ทกุ คนตองยดึ มั่นในหลกั ปฏบิ ตั สิ ําคญั ของครสิ ตศาสนา เรยี กวา บญั ญตั ิ 10 ประการ คอื 1. จงนมัสการพระเจาเพยี งองคเดียว อยาเคารพรูปบูชาอ่นื 2. อยาออกนามพระเจาอยางพรอย ๆ โดยไมสมเหตุสมผล 3. จงไปวดั วันพระอนั เปนวันศักดิ์สทิ ธิ์ แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าท่ี พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 37

4. จงเคารพนบั ถือบิดา 5. จงอยาฆาคน 6. จงอยาทําลามก 7. จงอยาลกั ขโมย 8. จงอยาพดู เท็จ หรอื นนิ ทาผูอนื่ 9. จงอยาปลงใจในความอลุ ามก 10. จงอยามักไดในทรพั ยของเขา หลกั คําสอนของศาสนาคริสต ทส่ี รุปสําคญั มา 2 ขอ คือ 1. จงรักพระเจาอยางสดุ จิตสดุ ใจ 2. จงรกั เพ่อื นบาน (เพ่ือนมนษุ ย) เหมือนรักตวั เอง และหลกั คาํ สอนของพระเยซสู วนใหญจะอยูบนพ้นื ฐานบญั ญตั ิ 10 ประการ และอธบิ ายเพ่ิมเติม หรืออนรุ กั ษ คําสอนเดิมไว เชน สอนใหมีเมตตากรณุ าตอกนั สอนใหรักกนั ระหวางพนี่ อง สอนใหทํา ความดี สอนใหเหน็ แก บุญทรพั ยมากกวาสินทรพั ย สอนใหแสวงหาคุณธรรมยิ่งกวาส่ิงอ่นื สอนหลัก การคบหาซึ่งกันและกนั สอนให ตานความอยุติธรรม สอนเรือ่ งจติ ใจวาเปนรากฐานแหงความดี ความชัว่ สอนถงึ ความกรุณาของพระเจา สอน ถงึ ความขัดแยงกันระหวางพระเจากบั เงนิ สอนใหรักษาศลี รกั ษาธรรม สอนวธิ ีไปสวรรค สอนเรื่องความสขุ จาก การทําใจใหอสิ ระ ฯลฯ เปนตน หลกั ธรรมของศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู ศาสนาพราหมณ - ฮินดู เชื่อวา พระพรหมเปนเทพเจาสงู สดุ เปนผูสรางโลกและสรรพส่ิง ตลอดจน กําหนดโชคชะตาชวี ติ ของคนและสัตว เพราะฉะน้นั วถิ ชี ีวติ แตละคนจึงเปนไปตามพรหมลิขิต แตละคนกอ็ าจ เปลย่ี นวถิ ีชวี ติ ไดหากทาํ ใหพระพรหมเหน็ ใจ และโปรดปรานโดยการบวงสรวงออนวอนและ ทําความดตี อพระ องค หากตายไปก็จะไปเกิดในสุคตภิ มู ิ และหากโปรดปรานทส่ี ดุ กจ็ ะไปอยูกบั พระองค ชัว่ นจิ นิรนั ดร ชาวฮนิ ดู เช่อื วาวญิ ญาณเปนอมตะ จงึ ไมตายไปตามรางกาย ทวี่ าตายนนั้ เปนเพยี งวิญญาณออก จากรางกายเทาน้ัน คาํ สอนเฉพาะเปนคาํ สอนเฉพาะกลุมแตละวรรณะ แตละหนาที่ ตัวอยางคําสอนทั่วไป เชน สอนใหมนษุ ยมี ความเมตตากรณุ าตอกนั สอนใหมสี นั ติ สอนถงึ หนาท่ี และส่ิงที่มนษุ ยควรปฏิบัตติ อกัน สอนใหมขี ันติ สอนวิธี หาความสุขและรูเทาทนั ความจรงิ สอนเรื่องความเปนอมตะของวิญญาณ หนาที่ บิดามารดามตี อบตุ รธิดา หนาทีค่ รอู าจารยตอศษิ ย หนาทข่ี องบุตรธิดา และศษิ ย ท่มี ตี อพอ แม ครู อาจารย หนาท่สี ามีตอภรรยา หนาที่ ภรรยาตอสามี หนาทน่ี ายตอบาว หนาท่ีราชาตอราษฎร ธรรมและวรรณะทัง้ 4 คือ ธรรมและหนาทข่ี อง พราหมณ ธรรมและหนาทข่ี องศทู ร แตอยางไรก็ตาม มีกฎเกณฑหามแตงงาน ระหวางคนตางวรรณะ เพราะ เมื่อลูกออกมาเปนจัณฑาล ซึ่งถือวาเปนผูทีเ่ ปนบุคคลที่เปนเสนียดไมเปนท่ี ตองการของสังคม แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าที่ พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 38

การปฏบิ ตั ติ นตามศาสนาตา่ ง ๆ ศาสนาทกุ ศาสนามีคาํ สอนท่ีมุงใหคนในสังคมประพฤติดี เพ่ือใหครอบครัว ชุมชน สงั คม ศาสนกิ ชน ทกุ ศาสนาพึงมีหนาท่ตี องประพฤติปฏบิ ตั ิ คือ หนาที่ของพทุ ธศาสนิกชน คอื พทุ ธบรษิ ทั 4 ไดแก อบุ าสก อบุ าสิกา ภกิ ษุ ภกิ ษุณี โดยอุบาสก อุบาสิกา ทําหนาทป่ี ฏบิ ัติตามหลักธรรมพระพุทธศาสนา และทะนุบาํ รงุ พระพุทธศาสนา การปฏิบตั ิตามหลักธรรมของพระพทุ ธศาสนา ตามที่ไดกลาวมาแลว คือ การรักษาศีล 5 และ พัฒนาข้นึ ไปสกู ารรกั ษาศลี 8 หรืออโุ บสถศีล ซึ่งเปนศลี ของอบุ าสก อุบาสกิ า 1. เวนจากการฆาสตั ว 2. เวนจากการลกั สิ่งของที่ผูอ่นื มิไดให 3. เวนจากการประพฤติผิดพรหมจรรย 4. เวนจากการพดู ปด พดู สอเสยี ด พดู คําหยาบ พดู เพอเจอ 5. เวนจากการดมื่ สรุ าเมรยั อนั เปนทต่ี ้งั แหงความประมาท 6. เวนจากการบรโิ ภคอาหารในยามวิกาล (หลงั เทย่ี งถึงวนั ใหม) 7. เวนจากการฟอนราํ ขบั รอง ประโคมดนตรี และประดับรางกายดวยดอกไม ของหอม 8. เวนจากการนง่ั นอนเหนอื เตยี งตงั่ ที่เทาสูงเกิน ภายในมนี ุนหรอื สําลี จากนนั้ เมื่อมีพ้นื ฐานศีล 5 ศลี 8 แลวควรพัฒนาขน้ึ ไปสูการปฏิบตั ธิ รรม ทําสมาธิ วิปสสนา เจรญิ ปญญาใหรแู จงเพ่อื หาทางดบั ทกุ ข การเจรญิ ปญญา เพือ่ ใหพิจารณาเหน็ หลกั ธรรมแทจรงิ ของ ศาสนา พทุ ธ ซึง่ เปนไปตามพระไตรลกั ษณ คือ อนจิ จงั ทุกขงั อนัตตา แปลวา สรรพสิ่งในโลกไมเท่ยี ง ลวนเปนทุกข และไมมีตวั ตน และทกุ สิ่งในโลกจะมีสภาวะเกิดขึ้น ตงั้ อยู และดบั ไป เมอ่ื การประพฤตปิ ฏิบัติถึงทส่ี ุดแลวผูนน้ั จะเขาสูพระนพิ พานเปนผูบริสุทธิป์ ราศจากกเิ ลส ไมมี การเวียนวายตายเกดิ อกี หนาทีส่ ําคัญประการตอมา คือ การทะนุบาํ รงุ และสืบทอดพระพทุ ธศาสนา คอื ทําหนาท่ี ทะนุบํารงุ รักษาศาสนวตั ถุ คือ พระพุทธรปู วดั วา อาราม ทีด่ นิ สิ่งกอสรางทางพทุ ธศาสนา ใหเปนสมบัติ ของศาสนา และใชเบญจธรรมในการเปนท่ีพึ่งพาจติ ใจ และไหวพระสวดมนต ทาํ บุญ ตักบาตร เล้ียงพระ ประพฤตติ ามศาสนพิธีใหถกู ตองตามหลกั ศาสนาพุทธ และ ตองประพฤติตนเปนตัวอยางทด่ี ี เผยแผคําสอน ใหบุตรธิดา บุคคลในครอบครวั สนบั สนนุ ใหบตุ รธิดาบวชเรียน ในศาสนาพทุ ธเพอื่ สืบทอดพระพทุ ธศาสนา ใหม่นั คงสถาพรสืบตอไป สาํ หรับภิกษุ ภกิ ษณุ ี น้ัน ทาํ หนาท่ีศกึ ษารกั ษาพระธรรม และนํามาประพฤตปิ ฏบิ ัตใิ หถูกตอง นอกจากนน้ั ยงั ตองทาํ หนาที่เผยแผคาํ สอนของพระพุทธเจา อกี ท้ังชวยกันทะนุบาํ รงุ ศาสนวตั ถุ พระพทุ ธรปู วดั วาอาราม สง่ิ กอสรางทางศาสนาพุทธตาง ๆ ใหเปนถาวรวตั ถุเปนทีพ่ ึง่ พงิ รวมท้ัง การประกอบศาสนพิธขี องชาวพุทธให ถูกหลกั ตามวฒั นธรรม ประเพณีทีด่ งี ามของชาวพุทธทส่ี บื ทอดมา จากบรรพบรุ ษุ เชนเดยี วกนั กับหนาท่ขี อง อสิ ลามกิ ชน ครสิ เตยี น และผูทีน่ ับถือศาสนาฮนิ ดู ลวนมีหนาท่ีปฏิบัติ ตามหลกั ธรรมคําสอนของศาสนาของตน ชวยกันเผยแผคําสอน หลักธรรม และรกั ษาศาสนวัตถุ ตลอดจน รักษาขนบธรรมเนยี ม พธิ ีการของศาสนาให แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าที่ พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 39

ถูกตอง และท่สี ําคัญ คือ การชวยกนั สืบทอดศาสนาใหคงอยู โดยชวยกนั ทะนบุ าํ รงุ สถาบนั หลักทางศาสนาของ ตนใหสามารถทาํ หนาที่ไดสมบรู ณ สงผลใหคนในสงั คม มีความสุขสงบตลอดไป แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าที่ พลเมือง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 40

ใบงานที่ 4 1. เบญจศลี ศีล 5 อะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. พทุ ธบรษิ ทั 4 ไดแก่ อะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ฆราวาสธรรม แปลวา คณุ สมบตั ขิ องผปู ระสบความสาํ เรจ็ ในการดาํ เนนิ ชวี ติ ทางโลก ประกอบดวยธรรมะ 4 ประการ คอื …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. พรหมวิหาร เปนหลกั ธรรมประจาํ ใจเพอ่ื ใหตนดาํ รงชวี ติ ไดอยางประเสรฐิ และบรสิ ุทธ์ิ เฉกเชน พรหม ประกอบดวยหลกั ปฏบิ ัติ 4 ประการ คอื …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. พธิ กี รรมสาํ คญั ในครสิ ตศ์ าสนามีสาํ คญั ๆ อยู่ 7 พธิ ี คอื พธิ อี ะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าศาสนาหน้าที่ พลเมอื ง สค 11002 ระดบั ประถมศกึ ษา 41