กจิ กรรมของลกู เสอื ไดเ้ จรญิ รุง่ เรืองเป็นอย่างมาก เพราะพระบาทสมเด็จพระ มงกฏุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงดาเนนิ การดว้ ยพระองคเ์ อง เป็นตน้ ว่า ทรงตราระเบยี บบงั คบั ลกั ษณะการปกครอง ซึ่งเป็นขอ้ บงั คบั ลกั ษณะการปกครองลกู เสอื ฉบบั แรกของไทย ภายหลงั มกี ารปรบั ปรุงแกไ้ ขมาเป็นลาดบั 1. ใหม้ นี ิสยั ในการสงั เกต จดจา เชอ่ื ฟัง และพึ่งตนเอง 2. ใหซ้ ื่อสตั ยส์ จุ รติ มีระเบียบวินยั และเหน็ อกเห็นใจผอู้ ื่น 3. ใหร้ ูจ้ กั บาเพญ็ ตนเพ่ือสาธารณประโยชน์ 4. ใหร้ ูจ้ กั ทาการฝีมอื และฝึกฝนใหท้ ากจิ กรรมต่างๆ ตามความเหมาะสม 5. ใหร้ ูจ้ กั รกั ษาและส่งเสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรม และความม่นั คงของ ประเทศชาติ วตั ถุประสงคข์ องคณะลูกเสือแห่งชาติ วตั ถปุ ระสงคข์ องคณะลกู เสือแห่งชาติ ตามพระราชบญั ญตั ลิ กู เสอื พ.ศ. 2551 ไดก้ าหนดวตั ถปุ ระสงคข์ องคณะลกู เสือแห่งชาติไวด้ งั นี้ คณะลกู เสอื แห่งชาติ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พื่อพฒั นาลกู เสอื ทงั้ ทางกาย สติปัญญา จติ ใจ และศีลธรรม ใหเ้ ป็นพลเมืองดี มคี วามรบั ผิดชอบ และช่วย สรา้ งสรรคส์ งั คมใหเ้ กิดความสามคั คีและมีความเจริญกา้ วหนา้ ทงั้ นี้ เพอ่ื ความสงบ สขุ และความม่งั คงของประเทศชาตติ ามแนวทางดงั ต่อไปนี้ ความเป็นมาของพระราชบญั ญัติลกู เสอื ฉบบั ที่ใชใ้ นปัจจบุ นั นบั จากประเทศไทยมกี ารประกาศใชข้ อ้ บงั คบั ลกั ษณะการปกครองลกู เสอื ฉบบั แรก เป็นตน้ มากม็ กี ารแกไ้ ขและปรบั ปรุงขอ้ บงั คบั ลกั าณะการปกครองลกู เสอื เป็นครงั้ คราว
มาตลอด จนกระท่งั พ.ศ. 2482 จึงไดม้ กี ารบญั ญตใิ หค้ ณะลกู เสอื มสี ภาพเป็นนติ ิ บคุ คล มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ฝึกและอบรมกลุ บตุ รกลุ ธิดาใหเ้ ป็นพลเมอื งดี โดยไม่ เก่ยี วขอ้ งกบั ลทั ธิการเมืองใดๆ และใหส้ ภากรรมการกลางเป็นผดู้ าเนนิ การบริหารงาน และออกกฎขอ้ บงั คบั ต่างๆ ของคณะลกู เสือแห่งชาติ จึงกล่าวไดว้ า่ “คณะลกู เสือ แห่งชาติไดถ้ อื กาเนดิ ขนึ้ ใน พ.ศ. 2482 เป็นตน้ มา” ต่อมาไดม้ ีการรา่ งพระราชบัญญตั ิลกู เสือออกมาใชอ้ ีกฉบบั หนึ่งในปี พ.ศ. 2490 นอกจากไดบ้ ญั ญัตใิ หค้ ณะลกู เสอื แหง่ ชาตมิ สี ภาพเป็นนิตบิ คุ คล มี วตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ อบรมอนชุ นใหเ้ ป็นพลเมืองดตี ามจารีตประเพณีของบา้ นเมืองและ นานาชาติแลว้ ยงั บญั ญตั ใิ หพ้ ระมหากษัตริยท์ รงดารงตาแหน่งพระบรมราชปู ถมั ภ์ ของคณะลกู เสอื แหง่ ชาติ และใหม้ ีสภากรรมการกลางจดั การลกู เสือแหง่ ชาติเป็น ผดู้ าเนินการบริหารงานและออกกฎขอ้ บังคบั ตา่ งๆ ของคณะลกู เสือแห่งชาตอิ ีกดว้ ย จากนนั้ ไดม้ ีการออกพระราชบญั ญัติลกู เสอื พ.ศ. 2551 เม่อื วนั ท่ี 4 มนี าคม 2551 ขนึ้ ใชบ้ งั คบั แทนฉบบั พ.ศ. 2507 พ.ศ. 2509 พ.ศ. 2528 และ พ.ศ. 2530 วิธีการฝึ กอบรม วธิ ีการฝึกอบรมที่จะใหเ้ ป็นไปตามวตั ถปุ ระสงคข์ องคณะลกู เสือแห่งชาติ มี วิธีการฝึกอบรมดงั ต่อไปนี้ 1. ใหเ้ ด็กชายเป็นสมาชกิ ของกองลกู เสอื ตามความสมคั รใจ โดยมีผใู้ หญ่ เป็นผแู้ นะนา ส่งั สอน อบรม ฝึกการปกครองกนั เองภายในกองของตน และเพิม่ วธิ ีการ ฝึกอบรมดงั กลา่ วใหม้ ากขนึ้ ตามลาดบั อายุ 2. ใหเ้ ดก็ ชายไดป้ ฏิบตั ิกิจกรรมตามที่ตนถนดั ในท่ีกลางแจง้ เป็นส่วนใหญ่ และใหม้ ีโอกาสบาเพ็ญประโยชนเ์ พอื่ ผอู้ ื่นอีกดว้ ย
3. ใหเ้ ดก็ ชายไดฝ้ ึกหดั การรบั ผดิ ชอบตนเองและผอู้ ่ืนเป็นขนั้ ๆ และเพม่ิ การ ฝึกใหก้ วา้ งขวางยง่ิ ขนึ้ เพื่อจะไดเ้ กดิ ความสามารถ ความเชอ่ื ม่ันในตนเอง มีนิสยั ใจคอ ดี เป็นท่ไี วว้ างใจได้ มคี วามสามารถในการเป็นผนู้ า และปฏบิ ตั งิ านรว่ มกบั ผอู้ น่ื ได้ อานาจหน้าที่ของคณะกรรมการบรหิ ารลูกเสอื แหง่ ชาติ ประธานคณะกรรมการบริหารลกู เสือแห่งชาติ มีอานาจและหนา้ ท่เี ป็นผกู้ ระทา ในนามคณะลกู เสอื แหง่ ชาติ และเพ่อื การนปี้ ระธานคณะกรรมการบริหารลกู เสอื แหง่ ชาติจะมอบอานาจใหก้ รรมการคนใดคนหน่ึงปฏิบตั ิกจิ การเฉพาะอยา่ งแทนก็ได้ ดงั อานาจและหนา้ ที่ตา่ งๆ ต่อไปนี้ 1. ดาเนนิ การตามวตั ถปุ ระสงคข์ องคณะลกู เสือแหง่ ชาติ และตามนโยบายของสภา ลกู เสือไทย 2. สง่ เสรมิ ความสมั พนั ธก์ บั คณะลกู เสือนานาชาติ 3. สนบั สนนุ และส่งเสรมิ ใหม้ ีการพฒั นาบคุ ลากรทางการลกู เสือ 4. สนบั สนนุ ใหม้ กี ารกจิ กรรมอยา่ งต่อเนอื่ ง 5. จดั การทรพั ยส์ ินของสานกั งานลกู เสือแห่งชาติ 6. ใหม้ คี วามเห็นชอบในการลงทนุ พ่อื ประโยชนข์ องสานกั งานลกู เสอื แหง่ ชาติ 7. ออกขอ้ บงั คบั ของคณะกรรมการบรกิ ารลกู เสอื แห่งชาติที่ระบไุ วใ้ นพระราชบญั ญัติ นโี้ ดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา 8. วางระเบยี บและแนวทางปฏบิ ตั ทิ ีเ่ ก่ยี วกบั กิจการลกู เสือ 9. จดั รายงานประจาปีเสนอสภาลกู เสอื ไทยพิจารณาตามมาตรา 12 (3)
10. แต่งตงั้ ทปี่ รกึ ษาคณะกรรมการบริหารลกู เสอื แห่งชาติ 11. แตง่ ตงั้ คณะอนกุ รรมการเพอ่ื พจิ ารณาหรอื ปฏิบตั กิ ารตามท่ีคณะกรรมการบรหิ าร ลกู เสอื แหง่ ชาติมอบหมาย 12. กากบั ดแู ล สนบั สนนุ และสง่ เสริมกิจการลกู เสอื ชาวบา้ น 13. จดั ตงั้ ตาแหน่งกติ ติมศกั ด์ิ และตาแหน่งอน่ื ๆทีม่ ิไดร้ ะบไุ วใ้ นพระราชบญั ญตั ินี้ 14. ปฏบิ ตั กิ ารอน่ื ใดตามท่กี ฎหมายกาหนดใหเ้ ป็นอานาจหนา้ ทีข่ องคณะ กรรมการบรหิ ารลกู เสือแห่งชาตหิ รอื ตามท่คี ณะรฐั มนตรีมอบหมาย อานาจหน้าทีข่ องสภาลูกเสือไทย สภาลกู เสอื ไทยประกอบดว้ ยบคุ คลในตาแหน่งตา่ งๆ ดงั “แผนภมู สิ ภาลกู เสอื ไทย” ต่อไปนี้ (พ.ร.บ.ลกู เสือ พ.ศ. 2551) การกาหนดตาแหน่งผู้บงั คบั บัญชาลกู เสือ พระราชบญั ญัติลกู เสือ พ.ศ. 2551 กาหนดใหม้ ตี าแหน่งผบู้ งั คบั บญั ชาลกู เสอื ตามลาดบั ดงั นี้ 1. ผอู้ านวยการใหญ่ 2. รองผอู้ านวยการใหญ่ 3. ผชู้ ่วยผอู้ านวยการใหญ่ 4. ผอู้ านวยการลกู เสือจงั หวดั 5. รองผอู้ านวยการลกู เสอื จงั หวดั 6. ผชู้ ่วยผอู้ านวยการลกู เสอื จงั หวดั
7. ผอู้ านวยการลกู เสอื เขตพนื้ ท่กี ารศึกษา 8. รองผอู้ านวยการลกู เสอื เขตพนื้ ทกี่ ารศึกษา 9. ผอู้ านวยการลกู เสือโรงเรยี น 10. รองผอู้ านวยการลกู เสอื โรงเรยี น 11. ผกู้ ากบั กลมุ่ ลกู เสือ 12. รองผกู้ ากบั กล่มุ ลกู เสอื 13. ผกู้ ากบั กล่มุ ลกู เสอื 14. รองผกู้ ากบั กล่มุ ลกู เสือ 15. นายหมลู่ กู เสือ 16. รองนายหมลู่ กู เสือ รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศกึ ษาธิการเป็นผอู้ านวยการใหญ่ ปลดั กระทรวง ศึกษาธิการเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน เลขาธิการคณะกรรมการ การอาชวี ศึกษาเป็นรองผอู้ านวยการใหญ่ รองปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการเป็นผชู้ ่วย ผอู้ านวยการใหญ่ การแตง่ ตงั้ ผบู้ งั คบั บญั ชาลกู เสอื ตงั้ แตล่ าดบั ที่ 9 ลงไปถงึ ลาดบั ท่ี 16 ใหเ้ ป็นไป ตามขอ้ บงั คบั คณะกรรมการบรหิ ารคณะลกู เสือ การบริหารกิจการลกู เสือของคณะลูกเสอื แหง่ ชาติ ตามทีพ่ ระราชบญั ญตั ลิ กู เสอื พ.ศ. 2551 “ลกู เสือ” หมายความว่า เด็กและเยาวชน ทงั้ ชายและหญิงทีส่ มคั รเขา้ เป็นลกู เสือทงั้ ในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษา
สว่ นลกู เสือทีเ่ ป็นหญิงไดเ้ รียกว่า “เนตรนารี” “บคุ ลากรทางการลกู เสอื ” หมายถึง ผบู้ งั คบั บญั ชาลกู เสือ ผตู้ รวจการลกู กเสือ กรรมการลกู เสอื อาสาสมัคร ลกู เสือและเจา้ หนา้ ทลี่ กู เสอื ลกู เสือ
เนตรนารี หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 4 ประวตั ิการลูกเสอื วิสามัญ ลกู เสอื วิสามญั ลกู เสือวสิ ามญั เป็นลกู เสอื รุน่ ใหญ่กว่าลกู เสือสามญั รุน่ ใหญข่ นึ้ มาหนอ่ ย ซึ่งลกู เสอื วิสามญั จะอยทู่ อ่ี ายุ อายุ 16 – 25 ปี สาหรบั ลกู เสอื วสิ ามญั จะมีคตพิ จน์ คือ การ บริการ ส่วนระดบั ชนั้ การศึกษาของลกู เสือวสิ ามญั จะอยทู่ ี่ ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 – 6 (หรอื ระดบั ชน้ั อาชวี ศกึ ษา)
สาหรบั กองลกู เสือวิสามญั จะอย่ทู ี่ 10-40 ต่อกอง โดยจะแบ่งออกเป็นหมู่ และมหี มู่ ละ 4-6 คน มีนายหมแู่ ละรองนายหม่เู หมือนกบั ลกู เสอื แบบอืน่ ๆ สว่ นคาปฏญิ าณ กฎ และการเคารพของลกู เสือวิสามญั เป็นเชน่ เดียวกบั ลกู เสือ สามญั ท่วั ไป แตด่ ว้ ยคติพจนข์ องลกู เสอื วิสามญั ก็คอื การบริการ ซงึ บง่ บอกว่า ลกู เสือ วิสามญั เป็นวยั รุน่ ท่อี ย่ใู นช่วงอายทุ ดี่ แู ลตวั เองไดแ้ ลว้ และเป็นวยั ที่เหมาะสมท่จี ะคอย ดแู ล และใหบ้ ริการคนอ่นื ๆ เชน่ ลกู เสอื สารอง เนตรนารสี ารอง ลกู เสอื สามญั เนตร นารีสามญั ลกู เสอื สามญั รุน่ ใหญ่ และเนตรนารสี ามญั รุน่ ใหญ่ จะตอ้ งคอยใหค้ าปรกึ ษาและ แนะนารุน่ นอ้ งเก่ยี วกบั กจิ กรรมและการบาเพ็ญประโยชนอ์ กี ดว้ ย อกี ทงั้ ลกู เสือ วิสามญั จะตอ้ งคอยนาแนะนาและคาส่งั จากผบู้ งั คับบญั ชา มาส่งั ลกู เสือเนตรนารรี ุน่ นอ้ งใหเ้ ป็นไปตามกฎระเบยี บอย่างเครง่ ครดั อกี ดว้ ย
สว่ นการบริการชมุ ชน ลกู เสือวสิ ามญั จะตอ้ งบาเพญ็ ประโยชนต์ อ่ สงั คม และจะตอ้ ง ช่วยกนั อนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมาชาติ ชว่ ยเหลือผอู้ ื่น เป็นผสู้ ภุ าพเรยี บรอ้ ย มคี วาม เคารพและกตญั ญตู อ่ ผมู้ ีพระคุณ รวมถึงจะตอ้ งบริการชมุ ชนใหค้ นในสงั คมมคี วามสขุ และเต็มไปดว้ ยรอยยมิ้ ลกู เสือวสิ ามัญถกู ใกมาเพอื่ ใหม้ คี วามเขม้ แข็ง ไมย่ อ่ ทอ้ ตอ่ ความยากลาบาก มคี วามอดทนเป็นเลศิ เพือ่ ที่จะใหล้ กู เสือวสิ ามญั กลายเป็นลกู เสือ ตวั อยา่ งแก่นอ้ ง ๆ และเป็นตวั อย่างใหค้ นในชมุ ชนหนั มาใส่ใจส่ิงแวดลอ้ ม และช่วยกนั ดแู ลสงั คมใหอ้ ย่รู ว่ มกนั อยา่ งมคี วามสขุ มากย่ิงขนึ้ ดว้ ย หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 5 บทบาทของนายหมู่ลูกเสือวสิ ามัญ ความหมายและวัตถปุ ระสงคข์ องระบบหมู่ ระบบหมใู่ นกองลกู เสอื ระบบหมู่ วิธีการของเราในการฝึกอบรมลกู เสอื นนั้ คือ ระบบหมู่ ตามคาของ บ.ี พี. ระบบหมู่ หมายถึง “ การเอาเด็กมารวมกลมุ่ กนั ใหค้ นหนงึ่ เป็นหวั หนา้ ใหอ้ ย่กู นั เอง
ตามธรรมชาติ จะซุกซนหรือสนกุ สนานอย่างไรกต็ ามขนาดจานวนของกลมุ่ ระหว่าง 6 – 8 คน กระทดั รดั พอเหมาะสมท่ีเดก็ ทกุ คนจะไดม้ ีสว่ นรว่ มแสดงบทบาทของตนใน ฐานะเป็นสว่ นหนงึ่ ของกล่มุ ทกุ คนมีหนา้ ท่ีรบั ผิดชอบงานส่วนรวมตามสว่ นของตน ทงั้ ในยามอย่ใู นคหู าท่ีอยู่ และเมอื่ อย่ใู นค่าย ” ถา้ นายหมรู่ บั ผดิ ชอบอยตู่ ลอดเวลา หมลู่ กู เสอื ก็จะเจรญิ กา้ วหนา้ ดว้ ยดี โดย การแขง่ ขนั กนั กบั ลกู เสือหมอู่ นื่ หมลู่ กู เสอื กจ็ ะเป็นเสมือนครอบครวั ที่มคี วามซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต เป็นสายสมั พนั ธอ์ นั แข็งแรง เม่อื อภิปรายกนั ถงึ มรรควธิ ี และวธิ ีการเพิ่มพนู ประสทิ ธิภาพนนั้ ลกู เสอื ไดเ้ รยี นรูศ้ ิลปะแห่งการอยรู่ ว่ มกนั ในชมุ ชน รูศ้ ิลปะแหง่ การ รบั และการใหอ้ นั เป็นปัจจยั ของการอยรู่ ว่ มกนั ในการประชมุ นายหมู่ เม่ือนายหม่พู บปะกนั เพื่อปรกึ ษาหารอื เรอื่ งของหม่นู นั้ ทาใหไ้ ดเ้ รียนรูเ้ รื่องการอบรมเพม่ิ ขนึ้ อกี ดว้ ย การประชมุ นายหม่ลู กู เสอื นน้ั จะบงั เกดิ ผลในเรอ่ื งการอยอู่ ย่างประชาธิปไตย (อนั เป็นลกั ษณะของการเป็นพลเมอื งทสี่ มบรู ณ)์ ดว้ ยอีกโสดหนึง่ จงึ ไมน่ ่าประหลาดเลยวา่ บ.ี พี. เห็นความจาเป็นทจ่ี ะพิจารณาความสาคญั ของระบบหม่ซู า้ แลว้ ซา้ อีก การฝึกอบรมตามธรรมดานนั้ กระทาโดยการสนทนาและ ปาฐกถา ผใู้ หก้ ารอบรมกภ็ มู ใิ จว่าไดท้ างานสาเรจ็ คาถามที่ตามมาก็คอื “ ลกู เสอื ไดป้ ฏิบตั สิ ง่ิ ใดบา้ ง แลว้ ลกู เสือไดเ้ รยี นรูอ้ ะไรบา้ ง ในอนั ทีจ่ ะนาไปพฒั นา ความสามารถ อปุ นสิ ยั ของตน ” วตั ถปุ ระสงค์ เมอื่ จบบทเรยี นนีแ้ ลว้ ผรู้ บั การฝึกอบรมควรจะสามารถ
1. อธิบายเก่ยี วกบั ระบบหมู่ การแบ่งหนา้ ท่ภี ายในหมู่ และหนา้ ที่ความ รบั ผดิ ชอบของนายหมไู่ ด้ 2. บอกถงึ หนา้ ทีแ่ ละวธิ ีการปฏิบตั ใิ นการประชุมนายหมไู่ ด้ 3. สาธิตการประชมุ นายหมู่ และระบถุ งึ เหตผุ ลในการจดั ใหม้ ีการประชมุ ภายในหมขู่ องกองลกู เสอื สามญั ได้ 4. วางแผนทาบญั ชีรายการสนบั สนนุ ช่วยเหลอื เพ่ือสนองความตอ้ งการของ นายหม่แู ละการฝึกอบรมนายหม่ไู ด้ บทบาทหมลู่ ูกเสอื วสิ ามัญ เมอื่ บคุ คลจานวนหน่ึงมารวมกนั เพ่ือประกอบกิจการอยา่ งหนึ่งอยา่ งใด บคุ คลเหล่านนั้ มคี วามตอ้ งการใครคนหนง่ึ มาเป็นหวั หนา้ หรือผนู้ า เพื่อเขาเหลา่ นนั้ จะ ไดช้ ่วยกนั ทางานนนั้ ใหล้ ลุ ว่ งไปส่จู ดุ แหง่ ความสาเรจ็ ผลดงั ท่ีตงั้ ใจไว้ กองลกู เสอื วสิ ามญั ก็เช่นเดียวกนั กองลกู เสือวสิ ามญั ที่ไม่มีหวั หนา้ หรอื ผนู้ า ไมช่ า้ ไมน่ านกจ็ ะ สลายตวั กลายเป็นหม่เู ล็กหมนู่ อ้ ยท่ีเรียกว่า แก๊งทาการอย่างหน่ึงอยา่ งใด อาจ เป็นไปไดใ้ นทางดแี ละทางช่วั เมอ่ื เป็นเชน่ นจี้ ึงเหน็ ไดว้ ่า การมีผนู้ าหรอื หวั หนา้ จึง เป็นของจาเป็น ตามขอ้ บงั คบั ลกั ษณะปกครอง ฯ ของคณะลกู เสอื แห่งชาติ กองลกู เสือ วิสามญั กองหน่ึงจะมลี กู เสอื วสิ ามญั ตงั้ แต่ 20 คน ถึง 30 คน หรือ 10 คน ถึง 60 คน อย่างมาก มีผกู้ ากบั คนหนึง่ รองผกู้ ากบั 1-2 คน ในกองลกู เสือวสิ ามญั แต่ ละกองจะแบง่ ลกู เสือออกเป็นหมู่ ๆ ละ 4 ถงึ 6 คน ในจานวนนมี้ ีนายหมู่ 1 คน และรองนายหมู่ 1 คน รวมอย่ดู ว้ ย
แต่ละหมเู่ ลอื กใครคนหนึ่งจากสมาชิกของหมเู่ ป็นนายหมหู่ รือหวั หนา้ บคุ คลท่ี เลือกขนึ้ มาเป็น นายหม่นู น้ั ควรเป็นบคุ คลทพี่ รอ้ มจะรบั ผิดชอบในการบริหารธรุ กิจ ของหมู่ ระยะเวลาการเป็นนายหม่ชู ่วงหน่งึ ไมค่ วรเกิน 1 ปี เพอ่ื ทจ่ี ะใหส้ มาชิกใน หมไู่ ดม้ โี อกาสเป็นนายหม่เู ป็นจานวนหลายคน เพือ่ เป็นการฝึกหดั การเป็นผู้นา แต่ อยา่ งไรก็ตามหม่อู าจกาหนดเงื่อนไขเรอ่ื งระยะเวลาเป็นอยา่ งอืน่ กไ็ ด้ ผทู้ จ่ี ะไดร้ บั เลือกเป็นนายหมู่ ควรเป็นผทู้ ่ีไดผ้ ่านการฝึกอบรมหลกั สตู รนายหมู่ ลกู เสือวิสามญั มาแลว้ ความรบั ผดิ ชอบของนายหม่ลู กู เสือวิสามญั มมี าก แต่ ความสขุ ใจทจี่ ะเกดิ ขนึ้ จากการไดป้ ฏบิ ัตภิ ารกจิ ทเี่ พ่อื น ๆ ไวว้ างใจ และมอบหมาย ใหท้ านน้ั มมี ากมายเชน่ กนั ภารกิจของนายหม่ลู กู เสอื วสิ ามญั มีดงั นี้ 1) นายหม่เู ป็นผนู้ าของหมู่ มีหนา้ ท่ีบริหารและรบั ผิดชอบธุรกิจตา่ ง ๆ ของหมู่ ลกู เสือวสิ ามญั และเป็นประธานในท่ีประชมุ หมู่ 2) จดั และปฏบิ ตั ิพธิ ีการต่าง ๆ เก่ยี วกบั หมู่ 3) แบง่ งานและธรุ การใหก้ บั สมาชิกในหมโู่ ดยท่วั ถงึ กนั และระบงุ านในแต่ละ หนา้ ทีใ่ หช้ ดั แจง้ 4) ดแู ลใหเ้ ป็นทแ่ี นช่ ดั วา่ มาตรฐานทไี่ ดก้ าหนดใหส้ มาชกิ แตล่ ะคนทานนั้ สมาชกิ ไดป้ ฏิบตั ิตามนน้ั จริง และงานทแี่ บ่งใหท้ าไดร้ บั ผลสาเร็จดี 5) ทาทะเบียนสมาชกิ ของกลมุ่ แสดงความสาเรจ็ และความกา้ วหนา้ ในการ เรียนการฝึกอบรมของสมาชกิ แต่ละคน 6) เป็นผแู้ ทนหมไู่ ปรว่ มประชมุ ในกองลกู เสอื วสิ ามญั และในการประชมุ อ่ืน
7) สง่ เสรมิ ความสามคั คีของหมู่ ทาใหส้ มาชกิ ในหมอู่ ยแู่ ละทางานรว่ มกนั อยา่ งมีความสงบสขุ และไดผ้ ลดี 8) นายหม่ไู มค่ วรหวงั ความสาเร็จอนั ดเี ย่ียมจากงานการทมี่ อบใหส้ มาชกิ ทา แตเ่ วลาเดียวกนั ไม่ควรจะพอใจในผลงานท่ที าใหแ้ ลว้ เสร็จอยา่ งเสียไมไ่ ด้ แต่ทงั้ นพี้ งึ งดเวน้ การกลา่ วตาหนติ อ่ หนา้ ผอู้ ืน่ ควรพดู จากนั สองตอ่ สอง บทบาทนายหม่ลู กู เสอื วสิ ามญั หลกั สตู รการฝึ กอบรมนายหมลู่ กู เสือวิสามัญ (1) หลกั สตู ร ก) วิชาทีค่ วรมี 8 วชิ า - การประชมุ นายหม่ลู กู เสอื - การวางแผนกาหนดการและการปฏบิ ตั ติ ามแผนนนั้ - การสอนลกู เสือรุน่ เลก็ - การบริหารหม่ลู กู เสอื และกองลกู เสือ - ความรบั ผดิ ชอบของภาวะการเป็นผนู้ า - การสมั พนั ธก์ บั กองลกู เสือสารอง - ความสมั พนั ธก์ บั กองลกู เสอื สามญั รุน่ ใหญ่ - คาปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื ข) วิชาทค่ี วรจดั เพ่ิมเติม - การบนั เทิงในกองลกู เสือวสิ ามญั
- การพดู ในที่ประชมุ - วนิ ยั และความเป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย - การสรา้ งงานบกุ เบิก หรือตามความตอ้ งการของนายหม่ลู กู เสือ (2) เวลาในการอบรม ใชเ้ วลาในการอบรมแบบอย่คู า่ ยพกั แรม 3 วัน 2 คืน (3) สถานที่ ใชค้ า่ ยลกู เสือหรอื สถานท่ที ่ีเหมาะสม (4) จานวนผเู้ ขา้ อบรม รุน่ หนง่ึ ไมค่ วรมีจานวนมากกวา่ 40 และไม่นอ้ ยกวา่ 20 คน (5) คา่ ธรรมเนียม เกบ็ ตามระเบียบกระทรวงการคลงั หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ระเบียบแถว จดุ มงุ่ หมายของการฝึ กระเบยี บแถว 1.เพ่อื ใหม้ รี ะเบียบวนิ ยั อนั ดีงาม รูจ้ กั ปฏิบตั ติ ามคาส่งั และสญั ญาณไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 2.ส่งเสรมิ ใหเ้ กิดความมานะอดทน ในอนั ท่ี จะบาเพ็ญประโยชนเ์ พ่อื ส่วนรวม 3.เพ่ือใหเ้ ป็นผมู้ ีรา่ งกายแขง็ แรง มสี วดทรงสมสว่ น ท่าทางองอาจสง่าผ่าเผย มี ความ คล่องแคล่ว วอ่ งไว 4.ส่งเสริมการเป็นผนู้ าและผตู้ าม กอ่ ใหเ้ กิดความสามคั คี และความพรอ้ มเพรียง การตงั้ แถวและการเรียกแถว สัญญาณมือในการเรียกแถวของลูกเสอื
การใชส้ ญั ญาณมือเรียกแถวรูปต่าง ๆ ในการฝึกอบรมลกู เสอื ตามแบบ สากลของลกู เสอื ทกุ ประเภท ผบู้ งั คบั บญั ชาทจ่ี ะเรยี กแถวนน้ั จะตอ้ งเลอื กสถานทีใ่ ห้ เหมาะสมเสียก่อน และยืนตรงแลว้ จึงเรยี กและใหส้ ญั ญาณ (ลกู เสือสารองใชค้ าว่า “แพค็ ” ลูกเสือสามญั สามญั รุนใหญ่ และวสิ ามญั ใชค้ าว่า “กอง”) 1. แถวหน้ากระดานเดยี่ ว ผู้ เรียกเหยยี ดแขนทงั้ สองไปดา้ นขา้ งเสมอแนว ไหล่ มอื แบ หนั ฝ่ามอื ไปขา้ งหนา้ ใหล้ กู เสอื เขา้ แถวหนา้ กระดานแถวเด่ียว ขา้ งหนา้ ผเู้ รียกใหแ้ นวตรงก่งึ กลางของแถวอย่หู า่ งผเู้ รียกประมาณ 6 กา้ ว หนั หนา้ เขา้ หาผเู้ รียก กรณีหม่เู ดยี ว – ใหน้ ายหม่ยู ืนแลตรงเป็นหลกั ทางขวา (ทาง ซา้ ยมือของผเู้ รยี ก) ลกู แถวเขา้ แถวตามลาดบั ทางซา้ ยของนายหมู่ ยนื เรยี ง เคียงกนั เป็นแถวหนา้ กระดาน ไปจนถึงลกู แถวคนสดุ ทา้ ย และปิดหมู่ ดว้ ยรอง นายหมู่ ซึ่งอย่ซู า้ ยสดุ ทกุ คน (ยกเวน้ นายหม)ู่ จดั แถวทางขวา (แลขวา) การ จดั เรียงระยะเคียง ถา้ เป็น “ปิดระยะ” ระยะเคียงของลกู เสือในแถวหนา้ กระดาน คือ ช่วงแขนซา้ ยของลกู เสือทีอ่ ยทู่ างขวา ยกมือซา้ ยขนึ้ เทา้ ตะโพก ให้ ฝ่ามอื พกั อย่บู นตะโพก นวิ้ เหยียดกนั อย่ปู ระมาณแนวตะเข็บกางเกง ศอกอยู่ เสมอแนวลาตวั การจดั แถวใชแ้ ขนขวาจดปลายศอกซา้ ย ผเู้ รยี กแถวจดั การ ตรวจแถว แลว้ ส่งั นง่ิ ลกู เสอื ทกุ คนลดมือลงพรอ้ มกนั สะบดั หนา้ มาอย่ใู นทา่ ตรง และนงิ่ ถา้ เป็น “เปิดระยะ” ระยะเคยี งของลกู เสอื ในแถวหนา้ กระดาน คอื สดุ ชว่ งแขนของลกู เสือทางขวาใหป้ ลายนวิ้ กลางมอื ซา้ ยจดไหล่ขวา นบั จากนาย หม่เู ป็นตน้ มาจนถงึ ลกู แถวคนสดุ ทา้ ยกอ่ นถงึ รองนายหมู่ กรณีหลายหมู่ – ให้ แตล่ ะหม่เู ขา้ แถวหนา้ กระดานแถวเด่ียว เหมือนกบั ท่เี ป็นหมเู่ ดียวใหแ้ นวตรง กง่ึ กลางของแถวอยหู่ า่ งจากผเู้ รยี ก 6 กา้ วโดยประมาณ และระยะเคยี ง ระหว่างหมู่ (ระหวา่ งนายหมถู่ ดั ไปทางซา้ ยกบั รองนายหม่ทู างขวา) เป็นไป
ตามปกติ และระยะเคยี ง 1 ชว่ งแขน กรณี “เปิดระยะ” เม่อื เขา้ แถวเรียบรอ้ ย แลว้ ผเู้ รียกแถวตรวจการจดั แถวแลว้ ส่งั นงิ่ 2. แถวตอนเรยี งหนึ่ง ผู้ เรยี กเหยยี ดแขนทงั้ สองไปขา้ งหนา้ เสมอแนวไหล่ มือแบ หนั ฝ่ามอื เขา้ หากนั ใหล้ กู เสือเขา้ แถวตอนเรยี งหน่งึ ขา้ งหนา้ ผเู้ รยี ก นาย หมหู่ ลกั ซงึ่ อย่หู นา้ ผเู้ รียกประมาณ 6 กา้ ว กรณีหมเู่ ดียว – ใหน้ ายหม่วู ิง่ มายืน ในทา่ ตรงเป็นหลกั ขา้ งหนา้ ผเู้ รียกประมาณ 6 กา้ ว ลกู แถวเขา้ แถวหลงั นายหมู่ หลกั ยนื ใหต้ รงคอนายหม่ขู า้ งหนา้ ระยะตอ่ สดุ ชว่ งแขนของลกู เสอื เม่อื ยืน่ ไป จดหลงั ท่อนบนของผอู้ ย่ขู า้ งหนา้ ลกู แถวคนอนื่ ๆ ก็เขา้ แถวซอ้ นไปขา้ งหลงั ของลกู แถวขา้ งหนา้ ตามลาดบั ระยะตอ่ สดุ ชว่ งแขนดงั เดิมและเขา้ แถวตอ่ ซอ้ น กนั ไปจนถงึ คนสดุ ทา้ ย และปิดทา้ ยดว้ ยรองนายหมู่ ในระยะตอ่ สดุ ช่วงแขน เชน่ กนั เมอ่ื ผเู้ รียกแถวตรวจการจดั แถวแลว้ ส่งั นิ่ง ทกุ คนลดแขนลงอย่ใู นทา่ ตรงเพ่ือฟังคาส่งั ต่อไป กรณีหลายหมู่ – ใหเ้ รียกวา่ “แถวตอนหม่”ู ใหห้ ม่หู ลกั เขา้ แถวตอนตรงหนา้ ผเู้ รยี ก ห่างผเู้ รยี ก 6 กา้ วโดยประมาณ โดยมี หม่อู ืน่ ๆ เขา้ แถวตอนเป็นแนวเดียวกนั ไปทางซา้ ยและทางขวาของหม่หู ลกั ระยะเคียง
ระหว่าง หมปู่ ระมาณ 1 ช่วงศอก ส่วนระยะต่อ 1 ชว่ งแขนโดยประมาณ (ไม่ ตอ้ งยกแขน) 3. แถวหน้ากระดานหมปู่ ิ ดระยะ ผู้ เรียกกามือทงั้ 2 ขา้ ง เหยียดตรงไป ขา้ งหนา้ ขนานกบั พนื้ งอขอ้ ศอกขนึ้ เป็นมมุ ฉาก หนั หนา้ มอื เขา้ หากนั ให้ ลกู เสอื หม่ทู ่ี 1 มาเขา้ แถวหนา้ ผเู้ รยี ก นายหมอู่ ยขู่ วามอื ลกู หม่อู ยซู่ า้ ยมอื เรียง กนั เป็นแถวหนา้ กระดาน โดยใหต้ รงก่ึงกลางของหมอู่ ยตู่ รงหนา้ ผเู้ รียก หา่ ง จากผเู้ รียกประมาณ 6 กา้ ว หม่ตู ่อ ๆ ไป เขา้ แถวหนา้ กระดานเช่นเดียวกนั ขา้ ง หลงั หม่แู รกตามลาดบั ระยะหม่ตู อ่ หมปู่ ระมาณ 1 ช่วงแขน การเขา้ แถว ให้ ลกู เสอื ทกุ คน (เวน้ คนอย่ทู างซา้ ยสดุ ) ยกมอื ซา้ ยขนึ้ เทา้ ตะโพก (เหมือนดงั ท่ี กลา่ วไวใ้ นหมแู่ ถวหนา้ กระดาน) ระยะตอ่ ระหวา่ งหมตู่ ่อหม่ปู ระมาณ 1 ช่วง
แขน (ไมต่ อ้ งยกแขน) สะบดั หนา้ ไปทางขวา เมื่อผเู้ รียกแถวตรวจ การจดั แถว แลว้ ส่งั นง่ิ ลกู เสอื ทกุ คนลดแขนลงพรอ้ มสะบดั หนา้ มาอยใู่ นทา่ ตรง 4. แถวหน้ากระดานหมูเ่ ปิ ดระยะ ผู้ เรียกกามอื ทงั้ 2 ขา้ ง งอขอ้ ศอกเป็น มมุ ฉาก แขนทอ่ นบนแบะออกจนเป็นแนวเดียวกบั ไหล่ หนั หนา้ มือไปข้างหนา้ ใหล้ กู เสือทกุ คนเขา้ แถวเหมือนแถวหนา้ กระดานหมปู่ ิดระยะ แตร่ ะยะตอ่ ระหว่างหมขู่ องทกุ หมขู่ ยายออกไปทางดา้ นหลงั หา่ งกนั หมลู่ ะประมาณ 3 ช่วง แขน การเขา้ แถว ใหล้ กู เสือทกุ คน (เวน้ คนอย่ซู า้ ยสดุ ) ยกมอื ซา้ ยขนึ้ เทา้ ตะโพก สะบดั หนา้ ไปทางขวาระยะตอ่ ระหวา่ งหม่ตู อ่ หม่ปู ระมาณ 3 ช่วงแขน เมือ่ ผเู้ รยี กแถวตรวจการจดั แถวแลว้ ส่งั นิง่ ลกู เสือทกุ คนสะบดั หนา้ และอยใู่ น ทา่ ตรง
5. แถวรูปครึ่งวงกลม ผู้ เรียกแถว มอื แบทงั้ 2 ขา้ ง เหยียดตรงลงขา้ งล่าง ควา่ มือเขา้ หาตวั โบกผา่ นลาตวั ประสานกนั ดา้ นหนา้ ชา้ ๆ เป็นรูปครงึ่ วงกลม ใหล้ กู เสือหม่แู รกยืนดา้ นซา้ ยมอื ของผเู้ รยี ก โดยนายหมหู่ มแู่ รกยนื อยเู่ ป็นแนว เดียวกบั ผเู้ รียก หม่ทู ี่ 2 และหม่ตู ่อ ๆ ไปอยทู่ างดา้ นซา้ ยของหมแู่ รกตามลาดบั จนคนสดุ ทา้ ยของหมสู่ ดุ ทา้ ยอย่เู ป็นเสน้ ตรงแนวเดียวกบั ผเู้ รยี กและนายหมู่ หมแู่ รก โดยถือวา่ ผเู้ รยี กเป็นจดุ ศนู ยก์ ลาง การเขา้ แถว ใหล้ กู เสอื ทกุ คน (เวน้ คนซา้ ยสดุ ) ยกมือซา้ ยขนึ้ เทา้ ตะโพก สะบดั หนา้ ไปทางขวา (ยกเวน้ นายหม่หู มู่ แรก) เมอื่ ผเู้ รียกแถวตรวจการจดั แถว แลว้ ส่งั น่ิง ลกู เสือทกุ คนลดแขนลงสะบดั หนา้ มาอย่ใู นท่าตรง
6. แถวรูปวงกลม ก. แบบผเู้ รียกยืนอยทู่ จ่ี ดุ ศนู ยก์ ลาง ผู้ เรียกแถวมอื แบทงั้ สองขา้ ง เหยียด ตรงลงขา้ งลา่ ง คว่าฝ่ามอื เขา้ หาตวั โบกผา่ นลาตวั ประสานกนั ดา้ นหนา้ จด ดา้ นหลงั เป็นรูปวงกลม ใหล้ กู เสอื หม่แู รกยืนดา้ นซา้ ยมือของผเู้ รยี ก โดยนาย หม่หู มแู่ รกยืนอยแู่ นวเดียวกบั ผเู้ รยี ก หมทู่ ่ี 2 และหม่ตู ่อ ๆ ไปอยทู่ างดา้ นซา้ ย ของหมแู่ รกตามลาดบั จนคนสดุ ทา้ ยของหมสู่ ดุ ทา้ ยไปจดกบั นายหมหู่ มแู่ รก ถอื ผเู้ รียกเป็นจดุ ศนู ยก์ ลาง การเขา้ แถวใหล้ กู เสือทกุ คนยกมอื ซา้ ยขนึ้ เทา้ ตะโพก สะบดั หนา้ ไปทางขวา (ยกเวน้ นายหม่หู มแู่ รก) เมื่อผเู้ รียกแถวตรวจ การจดั แถวเรยี บรอ้ ยแลว้ ส่งั นง่ิ ลกู เสือทกุ คนลดแขนลงสะบดั หนา้ มาอย่ใู นท่า ตรง (การเขา้ แถวและการจดั แถวอนโุ ลมตามแบบ ก.) ข. แบบผเู้ รียกยนื อย่ทู เี่ สน้ รอบวง ผู้ เรียกแถวมอื ขวากาเหยยี ดแขนยกไป ขา้ งบน และเลยไปหลงั ใหล้ กู เสือหม่แู รกยืนดา้ นซา้ ยมอื ของผเู้ รยี กโดยนาย หมแู่ รกยดื ชิดกบั ผเู้ รียก หม่ทู ี่ 2 และหม่ตู อ่ ๆ ไปอย่ดู า้ นซา้ ยมือของผูเ้ รียก
ตามลาดบั จนคนสดุ ทา้ ยของหม่สู ดุ ทา้ ย ไปจดกบั ผเู้ รียกดา้ นขวามอื ถอื ผเู้ รยี กเป็นเสน้ รอบวงดว้ ย 7. แถวสเ่ี หลยี่ มเปิ ดดา้ นหน่ึง ผู้ เรยี กแถวยืนอยดู่ า้ นหนึ่ง (ซ่ึงเป็นดา้ น เปิด) ศอกงอยกแขนทงั้ สองขนึ้ ขา้ งหนา้ ใหห้ นา้ แขนทงั้ สองไขวก้ นั ตรงฝ่ามือ ฝ่ามือทงั้ สองแบเหยียดหนั ไปขา้ งหนา้ ฝ่ามอื ขวาไขวท้ บั ฝ่ามือซา้ ยประมาณ แนวลกู คาง เป็นสญั ญาณถา้ มีลกู เสอื 3 หมู่ ใหเ้ ขา้ แถวในอกี 2 ดา้ นที่เหลอื โดยมีนายหมู่ 1 เขา้ แถวหนา้ กระดานเดย่ี วทางดา้ นซา้ ยของผเู้ รียก หนั หนา้ เขา้ ในรูปสี่เหล่ยี ม หมู่ 2 เขา้ แถวหนา้ กระดานแถวเด่ยี วดา้ นตรงขา้ มกบั ผเู้ รยี ก หนั หนา้ เขา้ หาผเู้ รียกและหมู่ 3 เขา้ แถวหนา้ กระดานแถวเดยี่ วตรงขา้ มกบั หมู่ 1 ทางดา้ นขวาของผเู้ รียก การเขา้ แถวใหล้ กู เสือทกุ คนปฏิบัตเิ หมือนบั การเขา้ แถวหนา้ กระดาน เวน้ ระยะตรงมมุ ของแตล่ ะดา้ นใหเ้ ท่ากนั พอสมควรไม่ซอ้ น หรอื ตรงกนั ถา้ มลี กู เสอื มากกว่า 3 หมู่ ใหอ้ ยใู่ นดลุ พินิจของผเู้ รียกแถว แตค่ วร
ใหด้ า้ นซา้ ยมอื กบั ดา้ นขวามอื มีจานวนเทา่ กนั เมือ่ ผเู้ รียกแถวตรวจแถว เรียบรอ้ ยแลว้ ส่งั น่ิง ลกู เสอื ทกุ คนลดแขนลงพรอ้ มสะบดั หนา้ อยใู่ นท่าตรง 8. แถวรศั มีหรือล้อเกวยี น ผู้ เรยี กแถวยนื อยใู่ นท่าตรง มอื ขวาแบคว่ากาง นิง่ ออกทกุ นวิ้ ชแู ขนไปขา้ งหนา้ ทามมุ ประมาณ 45 องศา ใหม้ องเหน็ ได้ แลว้ เรยี ก “แพ็ค” หรือ “กอง” ใหล้ กู เสอื ทกุ หม่มู าเขา้ แถวเป็นรูปหมแู่ ถวตอนหนา้ ผเู้ รียก ห่างจากผเู้ รียกประมาณ 6 กา้ ว เป็นรศั มีโดยใหห้ มแู่ รกอย่ดู า้ นหนา้ ทาง ซา้ ยมอื ผเู้ รียกประมาณ 45 องศา หมทู่ ่ี 2 และหม่ตู ่อ ๆ ไปอยดู่ า้ นซา้ ยของหมู่ แรกตามลาดบั ถอื ผเู้ รยี กเป็นจดุ ศนู ยก์ ลาง ระยะตอ่ ของแตล่ ะหมรู่ ะหว่าง บคุ คลประมาณ 1 ชว่ งแขน ระยะเคยี งระหว่างนายหมตู่ อ่ นายหม่พู อสมควร และนายหม่หู ม่สู ดุ ทา้ ยจะอย่ดู า้ น หนา้ ทางขวามือของผเู้ รียกประมาณ 45 องศา การเขา้ แถว ใหล้ กู เสอื ทกุ คน (เวน้ คนอยหู่ วั แถวของแต่ละหม)ู่ เหยยี ด แขนซา้ ยไปขา้ งหนา้ สงู เสมอแนวไหล่ ควา่ ฝ่ามือใหป้ ลายนวิ้ มือจดหลงั ของคน หนา้ พอดี ผเู้ รยี กแถวจดั แถวแลว้ ส่งั “นิ่ง” ลกู เสือทกุ คนลดแขนลงพรอ้ มกนั
และน่งิ
9. การใชส้ ญั ญาณมือเป็นคาส่งั ใหแ้ ถว “พกั ” และ “ตรง” ใน การเขา้ แถว ของหมแู่ ถวของหม่ลู กู เสอื จะเป็นแนวหนา้ กระดานก็ดี แถวตอนก็ดี หรือแถว หนา้ กระดานตอนหมรู่ ูปครง่ึ วงกลม หรอื วงกลม ตลอดจนแถวรูปสเี่ หลยี่ ม จตั รุ สั ดา้ นหนง่ึ ก็ดี ผเู้ รียกแถวอาจใชส้ ญั ญาณมอื เป็นคาส่งั ใหแ้ ถว “พกั ” จาก ทา่ ตรง และเป็นคาส่งั ใหแ้ ถว “ตรง” จากท่าพกั ก็ได้ โดยผเู้ รียกแถวทา 2 จงั หวะ ดงั นี้ จงั หวะ 1 กามือขวา งอแขนตรงศอกใหม้ ือท่ีกาอย่ปู ระมาณตรง หวั เขม็ ขดั หนั ฝ่ามอื ท่กี าเขา้ หาหวั เขม็ ขดั หนั ฝ่ามอื ทีก่ าเขา้ หาหวั เขม็ ขัด จงั หวะ 2 สลดั มอื ทก่ี าและหนา้ แขนไปทางขวาเป็นมมุ 180 องศา ประมาณแนว เดียวกบั แนวเขม็ ขดั เป็นสญั ญาณให้ “พกั ” ตามระเบียบ (ลกู เสอื ทกุ คนปฏิบตั ิ เช่นเดยี วกบั ท่าพกั ตามระเบียบ) กรณีทีจ่ ะใหส้ ญั ญาณมือเป็นคาส่งั ให้ “ตรง” ผเู้ รียกแถวทา 2 จงั หวะ ดงั นี้ จงั หวะ 1 กามือในลกั ษณะเหมอื นกบั เม่อื ตอน สลดั แขน ส่งั “พกั ” จงั หวะ 2 จงั หวะ 2 กระตกุ หนา้ แขนใหก้ ามอื กลบั มาอยตู่ รง หวั เขม็ ขดั (จงั หวะ 1 ของสญั ญาณส่งั “พัก”) ลูกเสือทกุ คนชิดเทา้ ซา้ ย ลดแขน ท่ีไขวห้ ลงั ลงมาอย่ใู นทา่ ตรง สญั ญาณนกหวีด สาหรบั การฝึกประจาวนั หรือใน โอกาสทีผ่ บู้ งั คบั บญั ชาอยหู่ ่างไกลลกู เสือ ใชส้ ญั ญาณประเภทอนื่ ไมส่ ะดวกก็ ใชส้ ญั ญาณนกหวีดแทน คอื 1. หวดี ยาว 1 ครง้ั (——)ถา้ เคลอื่ นทใ่ี หห้ ยดุ ถา้ หยดุ อย่เู ตอื น, เตรยี มตวั หรือคอยฟังคาส่งั (หลกั การจา หยดู .......) 2. หวดี ยาว 2 ครง้ั (—— ——) เดนิ ต่อไป, เคลือ่ นทีต่ อ่ ไป, ทางานตอ่ ไป (หลกั การจา ทาต่อไป.......) 3. หวีดสนั้ 1 ครง้ั , หวีดยาว 1 ครงั้ สลบั กนั ไป (— —— — ——) เกิดเหตุ ขนึ้ (หลกั การจา เกดิ ..เหต.ุ .เกิด..เหต.ุ .)
4. หวดี สน้ั 3 ครงั้ หวีดยาว 1 ครงั้ ตดิ ต่อกนั ไป(— — — —— , — — — ——) เรยี กนายหมู่ มารบั คาส่งั (หลกั การจา นาย หมู่ มา น.ี้ .......) 5. หวีดสนั้ ตดิ กนั หลาย ๆ ครงั้ (— — — — — — — — —) ประชมุ , รวม หมายเหตุ เมื่อจะใชส้ ญั ญาณ (2) (3) (4) หรอื (5) ใหใ้ ชส้ ญั ญาณ (1) ก่อน ทกุ ครง้ั หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 6 ระเบยี บแถว 1 การฝึ กเป็ นบุคคลท่ามอื เปลา่ การฝึกเป็นบคุ คลทา่ มอื เปล่า มีจดุ มงุ่ หมายเพอ่ื ฝึกใหล้ กู เสอื รูจ้ กั ส่วนต่างๆของ รา่ งกายใหเ้ ป็นระเบียบเรยี บรอ้ ย และเป็นการปลกู ฝังนสิ ยั ใหป้ ฏบิ ตั ติ ามคาส่ัง ผบู้ งั คบั บญั ชาดว้ ยความเขม้ แข็ง ถกู ตอ้ ง รวดเรว็ และคล่องแคลว่ วอ่ งไว และ เป็นพนื้ ฐานสาหรบั การฝึกเป็นสว่ นรวมตอ่ ไป ลกู เสอื จึงควรฝึกเป็นบคุ คลท่า มือเปล่าตอ่ ไปนใี้ หว้ อ่ งไวและถกู ตอ้ ง ตามขนั้ ตอนแตล่ ะแบบต่อไปนี้ 1. ท่าตรง ทา่ ตรงเป็นท่าแรกของการฝึกเพือ่ ไปสกู้ ารปฏบิ ัติทา่ อ่นื ๆ คาบอก : แถว – ตรง การปฏบิ ตั ิ 1) ยนื ใหส้ น้ เทา้ ชดิ กนั โดยอยู่ในแนวเดยี วกนั 2) ใหป้ ลายเทา้ แยกออกโดยแบะออกไปขา้ งละเท่าๆกนั หา่ งกนั ประมาณ 1 คบื เข่าตงึ บบี เขา้ หากนั 3) ลาตวั ยดื ตรง อกผาย ไหลเ่ สมอกนั 4) แขนทงั้ สองหอ้ ยขา้ งตวั ฝ่ามอื แบ นวิ้ ทงั้ หา้ แนบชิดติดกนั ใหน้ วิ้ กลาง อย่ปู ระมาณแนวตะเขบ็ กางเกง เปิดฝ่ามือออกเลก็ นอ้ ย 2.ทา่ พกั ท่าพกั เป็นท่าผอ่ นคลายความตงึ เครยี ดและคายความเม่ือยลา้ ของกลา้ มเนอื้ ทา่ พกั มีหลายแบบ แตล่ ะแบบโอกาสใชแ้ ตกตา่ งกนั ดงั นี้
ลาคอยืดตรง ไมย่ ื่นคาง ตามองตรงไปขา้ งหนา้ ไดร้ ะดบั นา้ หนกั ตวั อย่บู นเทา้ ทงั้ สองเท่าๆกนั และนิง่ ทา่ พกั ตามปกติ ใชพ้ กั ในโอกาสระหวา่ งฝึกหรอื สอน เพ่ือฟัง คาอธิบายหรือคาส่งั ตอ่ ไป คาบอก : พกั และ แถว – ตรง การปฏิบตั ิ 1) ใหห้ ย่อนเขา่ ขวากอ่ น ต่อไปจึงหยอ่ นทกุ สว่ นของรา่ งกาย 2) ใหเ้ ปลย่ี นเขา่ พกั ไดต้ ามสมควร แต่เทา้ ทงั้ สองคงอยกู่ บั ท่ี หา้ มพูด 3) เมอื่ ไดย้ ินคาวา่ ทงั้ หมด ใหก้ ลบั มาอย่ใู นท่าพกั หยอ่ นเขา่ ขวา 4) เม่อื ไดย้ นิ คาว่า แถว – ใหย้ ดื ตวั ขนึ้ หายใจเตม็ ปลอด จดั ทกุ สว่ นอย่ใู น ท่าตรง เวน้ เข่าขวาคงหยอ่ น 5) เมอื่ สนิ้ เสียงคาวา่ ตรง ใหก้ ระตกุ เขา่ ขวาโดยเรว็ และแขง็ แรง กลบั ไปอยู่ ในลกั ษณะของท่าตรง 3.ท่าพกั ตามระเบยี บ ใชใ้ นโอกาสเก่ยี วกบั พิธี หรอื เม่ือผบู้ งั คบั บญั ชา เห็นสมควร เป็นการพกั ที่สงา่ งาม คาบอก : ตามระเบียบ, พกั แถว – ตรง การปฏิบตั ิ
1) ใหแ้ ยกเทา้ ซา้ ยออกไปทางซา้ ยประมาณครงึ่ กา้ วอยา่ งแข็งแรง องอาจ พรอ้ มกบั เอามอื ไพรห่ ลงั ใหห้ ลงั มือเขา้ หาลาตวั 2) ใหม้ อื ขวาทบั มือซา้ ย หลงั มือซา้ ยแนบอยใู่ ตเ้ ข็มขดั เลก็ นอ้ ย 3) ขาทงั้ สองตงึ นา้ หนกั ตวั อยบู่ นเทา้ ทงั้ สองเทา่ ๆกนั และนิง่ 4) เมื่อไดย้ นิ คาบอกวา่ แถว – ตรง ใหช้ กั เทา้ ซา้ ยชิดเทา้ ขวาอยา่ งแข็งแรง พรอ้ มกบั มือทงั้ สอง เขา้ กลบั ไปอยใู่ นลกั ษณะทา่ ตรงตามเดิม ท่าพกั ตามสบาย ใชใ้ นโอกาสท่ตี อ้ งรอรบั คาส่งั เพอื่ ปฏิบตั ิต่อไป หรอื ฝึกมานานพอสมควรแลว้ คาบอก : ตามสบาย, พัก แถวตรง การปฏบิ ตั ิ 1) ใหห้ ยอ่ นเข่าขวาก่อน เช่นเดยี วกบั ทา่ พกั ตามปกติ 2) หย่อนและเคล่ือนไหวสว่ นอ่นื ๆของรา่ งกายได้ พดู คยุ ได้ แต่เทา้ ข้าง หนึ่งตอ้ งอย่กู บั ท่ีแลว้ หา้ มน่งั 3) เมื่อไดย้ ินคาวา่ แถว – ตรง ใหป้ ฏิบตั เิ ชน่ เดยี วกบั ทา่ พกั ตามปกติ ทา่ พกั นอกแถว ใชพ้ กั ในโอกาสทต่ี อ้ งรอคาส่งั นานๆ หรือฝึกมานานแลว้ คาบอก : พกั แถว แถว
การปฏบิ ตั ิ 1) ใหท้ กุ คนแยกออกจากแถวทนั ที และเพอ่ื ความเป็นระเบียบกอ่ นแยก ควรทาขวาหนั ก่อนแลว้ จึงแยกออกนอกแถว แต่ใหอ้ ยบู่ รเิ วณใกลเ้ คยี งกนั 2) ไมส่ ง่ เสยี งดงั 3) เม่ือไดย้ นิ คาว่า แถว ใหร้ บี กลบั เขา้ แถวในรูปเดมิ ก่อนทจ่ี ะแยกแถวไป จดั แถวเรยี บรอ้ ยแลว้ ใหย้ นื ในทา่ ตรง รอฟังคาส่งั ต่อไป 4.การทาความเคารพ วนั ทยหตั ถ์ เป็นท่าทาความเคารพส่วนบคุ คล คาบอก : วนั ทยหตั ถ์ และ มือลง การปฏบิ ตั ิ 1) ใหย้ กมอื ขวาขนึ้ โดยเร็วและแขง็ แรง จดั นิว้ ทารหสั ลกู เสือ 2) ใหป้ ลายนวิ้ ชแี้ ตะขอบล่างของหมวก คอ่ นไปขา้ งหนา้ เล็กนอ้ ย ในแนว หางตาขวา นิว้ เหยยี ดตรงและเรยี งชดิ กนั 3) มอื เหยยี ดตรงตามแนวแขนขวาทอ่ นล่าง แขนทอ่ นบนแยกเสมอไหร่ ขอ้ มือไมห่ กั 4) เปิดฝ่ามอื ขนึ้ ประมาณ 30 องศา 5) รา่ งกายส่วนอืน่ ๆ อย่ใู นลกั ษณะทา่ ตรง 6) เมื่อไดย้ อนคาบอก มอื ลง ใหล้ ดมือลงอย่ใู นท่าตรงโดยและแข็งแรง
ในกรณีมผี รู้ บั การเคารพ คาบอก : ทางขวา วนั ทยหตั ถ์ และ ทางวา้ ย วนั ทยหตั ถ์ หรอื ตรงหนา้ วนั ทยหตั ถ์ การปฏิบตั ิ 1) ใหส้ ะบดั หนา้ ไปยงั ผรู้ บั การเคารพ พรอ้ มกบั ยกมอื ทาวนั ทยหตั ถ์ ก่อนตามองจบั ผรู้ บั การเคารพและหนั หนา้ ตาม จนผรู้ บั การเคารพผา่ นไปแลว้ 2 กา้ ว 2) ใหส้ ะบดั หนา้ กลบั พรอ้ มกบั ลดมอื ลงเอง ถา้ ผรู้ บั การเคารพอยตู่ รงหนา้ กไ็ ม่ตอ้ งสะบดั หนา้ 3) ถา้ อย่ใู นแถวมีการควบคมุ เม่อื มคี าส่งั ใหท้ าวนั ทยหตั ถ์ จะลดมือลงได้ กต็ ่อเมือ่ มีคาส่งั มอื ลง จึงเอามือลงได้ แลขวา แลซา้ ย คาบอก : แลขวา – ทา และ แลซา้ ย – ทา การปฏิบตั ิ
1) ใหส้ ะบดั หนา้ ตามคาบอกประมาณก่งึ ขวาหรือกงึ่ ซา้ ย กอ่ นผรู้ บั การ เคารพถึง 3 กา้ ว 2) ตามองจบั ผรู้ บั การเคารพ หันหนา้ ตามไปจนผรู้ บั การเคารพผา่ นพน้ ไป 2 กา้ ว แลว้ จึงสะบดั หนา้ กลบั มองตรงอย่ใู นทา่ ตรง ขอ้ แนะนาสาหรบั ท่าทาความเคารพ เพื่อใหล้ กู เสอื ทกุ คนปฏิบตั ิท่าทาความเคารพไดถ้ กู ตอ้ งตามระเบียบ ลกู เสือ ทกุ คนจงึ ควรยึดถอื ขอ้ แนะนาต่อไปนใี้ นการปฏิบตั ิ 1. ท่าแลขวา แลซา้ ย เป็นท่าแสดงความเคารพในขณะทล่ี กู เสืออยใู่ นแถวมอื เปล่าหรอื ถืออาวธุ แต่ไมส่ ามารถทาวนั ทยหตั ถห์ รอื ทาวนั ทยาวธุ ได้ หรือใชเ้ ป็น ท่าแสดงความเคารพตามลาพงั นอกแถวกไ็ ด้ 2. การแสดงความเคารพในขณะกาลงั เคล่อื นท่ี เมอื่ ไม่มีอาวธุ แขนไม่แกวง่ คงเหยียดขนตรงนวิ้ มือชดิ กนั หอ้ ยแขนลงขา้ งตวั มือไมแ่ ตะติดขาเหมือนยืน ตรงอย่กู บั ท่ี คงใชว้ ธิ ีสะบดั หนา้ แลขวาหรือแลซา้ ยไปยงั ผรู้ บั การเคารพ 3. รศั มีการแสดงความเคารพ ถอื ระยะท่ีมองเครอื่ งหมายยศหรือจาไดเ้ ป็น เกณฑเ์ ร่มิ ทาความเคารพ 4. เม่อื ลกู เสืออย่ใู นแถวควบคมุ ไมม่ อี าวธุ ผบู้ งั คบั บญั ชาจะส่งั ลกู เสอื ระวงั , แลขวา(แลซา้ ย) – ทา ไม่ส่งั วนั ทยหตั ถ์ เพราะวนั ทยหตั ถใ์ ชท้ าความเคารพ ขณะอยตู่ ามลาพงั เท่านนั้ แต่ถา้ ลกู เสอื อาวธุ ใหใ้ ชค้ าบอก ทางขวา (ทางซา้ ย) ระวงั วนั ทยา – วธุ ลกู เสอื ทกุ คนทาท่าแลขวา, (แลซา้ ย) พรอ้ มกบั ทาทา่ วนั ทยาวธุ และทาท่าแล ตรงเมอ่ื ไดย้ ินคาบอก เรยี บ – อาวธุ พรอ้ มกบั ทาทา่ เรียบอาวธุ
5. ในเวลาเคลอ่ื นทสี่ วนกบั ผรู้ บั การเคารพ เมื่อไดร้ ะยะใหแ้ สดงความเคารพ ผทู้ าความเคารพประสงคจ์ ะหยดุ ทาความเคารพ ใหท้ าทา่ หนั ในเวลาเดินโดย หนั หนา้ เขา้ หาผรู้ บั การเคารพ หยดุ ชดิ เทา้ ทาทา่ ตรง และแสดงความเคารพ ดว้ ยทา่ วนั ทยหตั ถ์ (เมื่อไม่มีอาวธุ ) และแสดงทา่ วนั ทยาวธุ เมอ่ื ถืออาวธุ เมอื่ ผรู้ บั การเคารพเดินผา่ นพน้ ไปประมาณ 3 กา้ ว จงึ เลกิ ทาความเคารพและ ทาทา่ หนั กา้ วเดนิ ต่อไป 6. ในขณะเคลอื่ นทีม่ ือเปล่า ผแู้ สดงการเคารพจะแสดงความเคารพโดยไม่ ตอ้ งหยดุ แสดงความเคารพก็ได้ แตใ่ หเ้ ดนิ ทาความเคารพโดยสลดั หนา้ ไปหา ผรู้ บั การเคารพ 7. ในการแสดงความเคารพประกอบการรายงาน เช่น ในขณะทาหนา้ ทีอ่ ยู่ เวรยามใหว้ ิ่งเขา้ ไปรายงาน โดยหยดุ ห่างจากผรู้ บั รายงานประมาณ 3 กา้ ว แลว้ แสดงท่าทาความเคารพ พรอ้ มกบั กลา่ วรายงาน เมื่อกล่าวรายงานจบ หรอื ภายหลงั จากตอบขอ้ ซกั ถามเสร็จแลว้ ใหท้ าทา่ เลิกทาความเคารพ แลว้ ปฏิบตั ิหนา้ ทตี่ อ่ ไป 8. เมื่อเขา้ แถวรวมกบั ลกู เสือมีอาวธุ เม่ือไดย้ ินคาบอก ระวงั , วนั ทยา – วธุ ใหท้ าทา่ ตรงหรือแลขวา (แลซา้ ย) ตามคาบอก และแลตรงเมือ่ ไดย้ นิ คาบอก เรียบ – อาวธุ 9. เมื่อผรู้ บั การทาความเคารพอย่กู บั ที่ ผแู้ สดงความเคารพทีก่ าลงั เดินอยู่ ใหเ้ ดนิ ทาวนั ทยหตั ถ์ ไม่ตอ้ งหยดุ ทาความเคารพ เมื่อเดนิ ผา่ นเลยไปประมาณ 2 กา้ ว จึงเอามือลง 4. การถอดหมวก สวมหมวก การถอดหมวก คาบอก : ถอดหมวก
การปฏบิ ตั ิ ใหป้ ฏิบตั ิเป็น 3 จงั หวะ ดงั นี้ จงั หวะ 1 แบมอื ซา้ ย และงอศอกจนแขนทอ่ นล่างไดฉ้ ากกบั แขน ท่อนบน นวิ้ หวั แม่มอื ตงั้ ขนึ้ ขา้ งบน พรอ้ มกนั นน้ั ใชม้ อื ขวาจบั ทีก่ ระบงั หนา้ หมวก (ใชส้ าหรบั หมวกทรงกลม ที่มีกระบงั หนา้ หมวก, หมวกทรงหมอ้ ตาล) หรือจบั ที่ปีกหมวกดา้ นหนา้ (ใชส้ าหรบั หมวกปีกกวา้ งพบั ขา้ งและไม่พบั ขา้ ง) หรอื จบั ทห่ี มวกดา้ นขวา (สาหรบั หมวกทรงอ่อน) หรอื จบั ทข่ี อบหมวกบน ดา้ นหนา้ (สาหรบั หมวกกะลาสี) จงั หวะ 2 ถอดออกจากศีรษะ วางคลอบหวั แมม่ ือซา้ ย โดยให้ หนา้ หมวกหนั ไปทางขวา ขอบหมวกดา้ นนอกอย่รู ะหว่างนวิ้ หวั แมม่ ือกบั นวิ้ ชี้ จงั หวะ 3 ลดมือขวาลงมาอยใู่ นทา่ ตรง พรอ้ มกบั มือซา้ ยจบั หมวกดว้ ยนวิ้ หวั แมม่ ือกบั นวิ้ อ่ืนทงั้ ส่ี การสวมหมวก คาบอก : สวมหมวก การปฏิบตั ิ ใหป้ ฏิบตั ิเป็น 3 จงั หวะดงั นี้ จงั หวะ 1 ใชม้ ือขวาจบั หมวกท่อี ยมู่ ือซา้ ย (เชน่ เดยี วกบั การถอดหมวก) จงั หวะ 2 ยกหมวกขนึ้ สวมศรี ษะ จะใชม้ อื ซา้ ยจดั หมวกก็ได้ · จงั หวะ 3 ลดมอื ลงมาอยใู่ นทา่ ตรงอย่างแข็งแรง หมายเหตุ : 1.ท่าถอดหมวกใชใ้ นโอกาสเก่ยี วกบั พธิ ีสงฆห์ รือทางศาสนา เชน่ พธิ ีสวนสนามทม่ี กี ารประพรมนา้ พระพทุ ธมนต์ เป็นตน้ 2.การหดั ในขนั้ แรก ควรทาเป็นตอนๆเมื่อลกู เสือมีความเขา้ ใจดีแลว้ จงึ หดั โดยเปิดตอน 3.ถา้ ลกู เสอื ถือไมพ้ ลองหรือไมง้ า่ ม กอ่ นทาท่าถอดหมวกและสวมหมวก ใหน้ าอาวธุ มาไวร้ ะหว่างปลายเทา้ ทงั้ สอง แลว้ พงิ ทอ่ นบนไวก้ บั แขนซา้ ย แลว้
จึงปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนตา่ งๆ ต่อไปและเม่อื ถอดหรือส่วมหมวกเรียบรอ้ ยแลว้ จงึ นาไมพ้ ลองหรอื ไมง้ ่ามไปอย่ใู นทา่ เรยี บอาวธุ ตามเดมิ 5.การถวายราชสดดุ ี คาบอก: “ถอดหมวก,น่งั ” การปฏบิ ตั ิ เม่อื ไดย้ นิ คาส่งั “ถอดหมวก” ใหล้ กู เสือทกุ คนถอดหมวก เมื่อถอด เรียบรอ้ ยแลว้ จงึ ส่งั “น่งั ” 2) ใหก้ า้ วเทา้ ซา้ ยไปขา้ งหนา้ ครง่ึ กา้ วคกุ เขา่ น่งั บนสน้ เทา้ ขวา ตงั้ เข่าซา้ ย ขนึ้ 3) มือขวาแบคว่าลงบนเข่าขวามือซา้ ยถอื หมวก วางแขนทอ่ นลา่ งพาด บนเข่าซา้ ย และตงั้ ฉากกบั เขา่ ซา้ ย หนั หนา้ หมวกไปทางขวา 4) เวลารอ้ งเพลงราชสดดุ ี ใหก้ ม้ ลงเล็กนอ้ ย เม่ือจบเพลงใหเ้ งยหนา้ ขนึ้ 5) เมอื่ ไดย้ ินคาส่งั “ลกุ ” ใหล้ กุ ขนึ้ แลว้ ดงึ เทา้ ซา้ ยกลบั มาชิดเทา้ ขวายนื ใน ทา่ ตรง 6) เมอื่ ไดร้ บั คาส่งั “สวมหมวก” ใหร้ ีบใสห่ มวกทนั ที ในกรณีท่มี ีไมง้ า่ มใหถ้ อดหมวกในทา่ มอี าวธุ แลว้ จึงน่งั ลง ว่างไมง้ ่ามทางขา้ ง ขวา ตามยาวขนานกบั ลาตวั 6. การถอดหมวก เพอ่ื สวดมนต-์ สงบนงิ่ การถอดหมวกใชใ้ นโอกาสเก่ยี วกบั พิธีทางศาสนาหรือระลกึ ถงึ ผมู้ พี ระคณุ , แสดงการไวอ้ าลยั *การสวดมนต์ การสวดในกรณีเปิดกองไมม่ ีการใชค้ าส่งั ใหท้ าต่อจากเคารพ ธงชาติ ถา้ เป็นการอย่คู ่ายพกั ในการประชมุ กอง มีคาส่งั วา่
คาบอก “หมบู่ รกิ าร นาสวดมนต”์ ตวั แทนจงึ นาสวดมนต์ การปฏิบัติกรณีไม่มอี าวุธ 1) ใชม้ ือขวาถอดหมวก แลว้ พนมไวท้ ่ีมือซา้ ย 2) ใหด้ า้ นในหมวกหนั ไปทางซา้ ย หนั หนา้ หมวกหาตวั สงบนิง่ เป็นการปฎิบตั ิต่อจากสวดมนต์ ใหป้ ฏบิ ตั ิดงั นี้ 1) ใชม้ อื ขวาถอดหมวกลดมือไปอยกู่ ึ่งกลางของตวั แขนขวาเหยียดสดุ 2) ฝ่ามอื ซา้ ยทบั หลงั มอื ขวา กม้ หนา้ เล็กนอ้ ย 1นาที แลว้ เงยหนา้ ขนึ้ สวม หมวก การสงบนง่ิ ในการประชมุ กอง ใหท้ าต่อเนอ่ื งจากการสวดมนต์ การปฎิบัตกิ รณมี ีอาวธุ 1) ก่อนถอดหมวกใหน้ าอาวธุ มาไวท้ ป่ี ลายเทา้ แลว้ พงิ อาวธุ ไวท้ ี่ท่อนแขน ซา้ ย 2) ปฎบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนสวมหมวกหรือถอดหมวก 3) เมือ่ ถอดหมวกสวมหมวกเรยี บรอ้ ย จงึ เอามือขวาจบั อาวธุ ไปอย่ใู นท่า เดมิ 7. ทา่ หันอยกู่ ลับท่ี ขวาหัน คาบอก “ ขวา-หนั “ การปฏิบตั ิ ทาเป็น 2 จงั หวะ คือ จงั หวะ 1 เปิดปลายเทา้ ขวา และยกสน้ เทา้ ซา้ ย ทนั ใดนนั้ ใหห้ นั ตวั ไปทางขวา จนได้ 90 องศา หมนุ เทา้ ทงั้ สองไปโดยใหส้ น้ เทา้ และปลายเทา้ ซง่ึ เป็นหลกั นน้ั ติดอยกู่ บั พนื้ นา้ หนกั ตวั อยทู่ ่ีเทา้ ขวาขาซา้ ยเหยียดตงึ ปิดสน้ เทา้ ซา้ ยออกขา้ ง นอกพอตึง
จงั หวะ 2 ชกั เทา้ ซา้ ยมาชดิ เทา้ ขวาในลกั ษณะท่าตรงโดยเร็วและแข็งแรง ซา้ ยหนั คาบอก ซา้ ย-หนั ” การปฏบิ ตั ิ ทาเป็น 2 จงั หวะ อยา่ งเดยี วกบั ทา่ ขวาหนั โดยเปลย่ี นคาวา่ “ ขวา” เป็น ”ซา้ ย” - กลบั หลงั หนั คาบอก “ กลบั หลงั -หนั “ การปฏบิ ตั ิ ทาเป็น 2 จงั หวะคือ จงั หวะ 1 ทาเช่นเดยี วกบั ท่าขวาหนั จงั หวะ 1 แต่หนั เลยไปจนกลบั หนา้ เป็น หลงั ครบ 180 องศาและใหป้ ลายเทา้ ซา้ ยไปหยดุ อยขู่ า้ งหลงั เฉียงซา้ ย ประมาณครง่ึ กา้ วและในแนวสน้ เทา้ ขวา จงั หวะ 2 ชกั เทา้ ซา้ ยมาชิดเทา้ ขวาในท่าตรง กง่ึ ขวา (ซา้ ย) หนั คาบอก “ ก่ึงขวา(ซา้ ย)-หนั “ การปฏบิ ตั ิ ทาเป็น 2 จงั หวะใหเ้ หมือนกบั ขวาหนั ,ซา้ ยหนั แตห่ นั ไปเพียง 45 องศา 8. ท่าเดิน เดินตามปกติ คาบอก \"เดินตามปกติ\" การปฏิบตั ิ 1) . โนม้ นา้ หนกั ตวั ไปขา้ งหนา้ พรอ้ มกบั กา้ วเทา้ ซา้ ยออกเดนิ ก่อน ขาเหยียด ตึงปลายเทา้ งมุ้ สน้ เทา้ สงู จากพนื้ ประมาณ 1 คืบ เมือ่ จะวางเทา้ และกา้ วเทา้ ตอ่ ไป ใหโ้ นม้ นา้ หนกั ตวั ไปขา้ งหนา้ ตบเต็มฝ่าเทา้ อย่างแข็งแรง
2).ทรงตวั และศีรษะอยใู่ นท่าตรง 3). แกวง่ แขนตามธรรมดาเฉียงไปขา้ งหนา้ และขา้ งหลงั พองาม เมอ่ื แกว่งแขน ไปขา้ งหนา้ ขอ้ ศอกงอเลก็ นอ้ ย เมอื่ แกว่งแขนไปขา้ งหลงั ใหแ้ ขนเหยยี ดตรงตาม ธรรมชาติหนั หลงั มอื ออกนอกตวั แบมอื ใหน้ วิ้ มือเรยี งชดิ ติดกนั 4). ความยาวของกา้ ว 40-60 เซนตเิ มตร (นบั จากสน้ เทา้ ถงึ สน้ เทา้ ) รกั ษา ความยาวของกา้ วใหค้ งที่ อตั ราความเรว็ ในการเดนิ นาทลี ะ 90-100 กา้ ว คาบอก “สวนสนาม หนา้ -เดนิ ” การปฎิบตั ิ 1) เตะเทา้ ซา้ ยออกไปอย่างแข็งแรง ขาตงึ ปลายเทา้ งมุ้ ยกสน้ เท่าสงู จาก พนื้ 1คบื 2) ทรงตวั และตงั้ ศีรษะตรง 3) ใหฝ้ ่ามือผ่านประมาณกลางลาตวั เสมอแข็มขดั 1ฝ่ามอื แบมอื นวิ้ ชดิ ติดกนั ตามธรรมชาติ 4) เมื่อวางเทา้ เต็มฝ่าเทา้ และกา้ วตอ่ ไปขา้ งหนา้ และโนม้ ตวั เลก็ นอ้ ย แลว้ ตบฝ่าเทา้ อยา่ งแขง็ แรง 5) เมอื่ ตอ้ งการเปลี่ยนจากสวนสนามมาเป็นเดินปกติใชค้ าส่งั วา่ “เดนิ ปกต”ิ เดนิ ตามสบาย ใชใ้ นโอกาสลดความเครียดหรอื ตอ้ งออกถนน คาบอก “ เดนิ ตามสบาย“ การปฏบิ ตั ิ 1) เปลี่ยนจากเดินตามปกติเป็นเดนิ ตามสบาย ระยะกา้ วเชน่ เดียวกบั การ เดนิ ตามปกติ อตั ราความเร็วในการเดนิ นาทีละ 120-150 กา้ ว แตไ่ มต่ อ้ งรกั ษา
ท่าทางใหเ้ ครง่ ครดั ถา้ เดนิ ทางเป็นหน่วยกไ็ ด้ ตอ้ งเดินพรอ้ มพรา้ ลกู เสอื อาจจะพดู กนั ไดเ้ วน้ แตจ่ ะมคี าส่งั หา้ ม 2) ถา้ จะเปลี่ยนใหเ้ ดนิ พรอ้ มกนั และ ใหก้ ลบั มาอย่ใู นท่าเดนิ ตามปกติใหใ้ ช้ คาบอกวา่ “เดินเขา้ ระเบยี บ “ หรือจะบอกแถวหยดุ เสียกอ่ นแลว้ จึงบอกใหอ้ อก เดนิ ทางใหม่ก็ได้ ทา่ หนั ในเวลาเดิน 1.ขวาหัน คาบอก “ขวา-หนั ” การปฏิบตั ิ ใหบ้ อกคาวา่ “ขวา”และ”หนั ” เม่อื เทา้ ขวาจดถึงพนื้ ในลาดบั ติดต่อกนั ปฏบิ ตั ิเป็น 2 จงั หวะดงั นี้ จงั หวะ 1 กา้ วเทา้ ซา้ ยไปทางหนา้ ในแนวปลายเทา้ ขวาประมาณครง่ึ กา้ ว พรอ้ มกบั บิดปลายเทา้ ใหไ้ ปทางกง่ึ ขวาดว้ ย ขณะเดียวกนั ยกสน้ เทา้ ขวาและ หมนุ ตวั ดว้ ยสะโพก โดยใชป้ ลายเทา้ ทงั้ สองเป็นหลกั ไปทางขวาจนได้ 90 องศา จงั หวะ 2 กา้ วเทา้ ขวาออกเดินตอ่ ไปตามจงั หวะการเดนิ เดมิ ในทิศทางใหม่ โดยตอ่ เนอ่ื ง 2.ซ้ายหันเวลาเดนิ คาบอก “ซา้ ย-หนั ” การปฏิบตั ิ ใชค้ าบอกว่า “ซา้ ย”และ “หนั ” เมอื่ เทา้ ซา้ ยจดถงึ พนื้ ในระดบั ตดิ ตอ่ กนั ปฏิบตั เิ ป็น 2 จงั หวะเช่นเดียวกบั ขวาหนั โดยเปล่ียนคาว่าขวาเป็น ซา้ ยเท่านน้ั 3.กลบั หลังหัน คาบอก “กลบั หลงั -หนั ”
การปฏบิ ตั ิ ใชค้ าบอกว่า “ กลบั หลงั ” และ “หนั ” เมอื่ เทา้ ซา้ ยจดถงึ พืน้ ใน ลาดบั ติดตอ่ กนั ปฏบิ ตั ิเป็น 4จงั หวะดงั นี้ จงั หวะท่ี 1 กา้ วเทา้ ขวาไปขา้ งหนา้ 1 กา้ ว จงั หวะท่ี 2 ชกั เทา้ ซา้ ยไปขา้ งหนา้ เฉียงขวา และตบลงกบั พนื้ ดว้ ย ปลายเทา้ ในแนวทางขวา ขอปลายเทา้ ขวาเลก็ นอ้ ยพอเขา่ ซา้ ยตงึ จงั หวะที่ 3 นน้ั ยกสน้ เทา้ ขวาและหมนุ ตวั ดว้ ยสะโพกโดยใชป้ ลายเทา้ ทงั้ สองเป็นหลกั ไปขา้ งหลงั จนได้ 180 องศา จงั หวะที่ 4 หมนุ ตวั นวิ้ มอื ทงั้ สองติดอยกู่ บั ขา้ งขา หมายเหตุ ทา่ หนั ในเวลาวิ่งเป็นท่าที่มจี งั หวะเชน่ เดียวกบั ในเวลาเดนิ ดงั นน้ั การหนั ในขนั้ แรก ๆ จงึ ควรใหน้ บั จงั หวะดว้ ยเสียงดงั กอ่ น จนปฏิบตั ไิ ดช้ านาญแลว้ จึงใหน้ บั แต่เพยี งในใจ 9. ทา่ หยุด คาบอก “แถว-หยดุ “ การปฏบิ ตั ิ 1) ในขณะท่กี าลงั เดินตามปกติ เมือ่ ไดย้ ินคาบอกวา่ “แถว-หยดุ ” ไมว่ า่ เทา้ ขา้ งใดขา้ งหนึ่งจะตกถงึ พนื้ ก็ตาม ใหก้ า้ วขาอกี ขา้ งไปขา้ งหนา้ 1กา้ ว 2) ชกั เทา้ หลงั ไปชิดเทา้ หนา้ ในลกั ษณะท่าตรงอย่างแข็งแรง หมายเหตุ 1. ทา่ หยดุ โดยธรรมดา ผบู้ อกแถวควรบอกใหต้ กเทา้ ขวา 2. เมอ่ื ใชค้ าบอกว่า “แถว” ลงเทา้ ใดใหบ้ อกคาว่า “หยดุ ” ลงเทา้ นน้ั ในกา้ วต่อไป เช่น บอก “แถว” ลงเทา้ ขวา เมอ่ื กา้ วเทา้ ซา้ ยตอ่ ไปและลงเทา้ ขวาอีกเป็นครง้ั ที่ 2 จึงบอกคาวา่ “หยดุ ”
10. ท่าวงิ่ การว่ิง ใชใ้ นโอกาสตอ้ งการความรวดเร็วในการเคลื่อนท่ีซึ่งปกตเิ ป็นระยะใกล้ ๆ หรอื อกี ประการหนง่ึ เพ่อื การออกกาลงั กายของลกู เสอื คาบอก “หนา้ -ว่ิง” การปฏิบตั ิ 1) ออกว่ิงดว้ ยเทา้ ซา้ ยก่อน วางปลายเทา้ ลงบนพืน้ งอเข่าเล็กนอ้ ย โนม้ ตวั ไป ขา้ งหนา้ ขาหลงั ไม่ตอ้ งเหยยี ดตงึ ปลายเทา้ ยกสงู จากพนื้ พอสมควรพรอ้ มกนั นน้ั ยกมอื ขึน้ เสมอราวนม กามอื และหนั ฝ่ามอื เขา้ หาตวั ยืดอกและศีรษะตงั้ ตรง 2) ขณะวิ่งแกวง่ แขนทีง่ อตามจงั หวะกา้ วได้ พอสมควร ความยาวของกา้ ว 50- 60 ซม. รกั ษาความยาวของกา้ วใหค้ งที่ อตั ราความเรว็ ในการวง่ิ นาทลี ะ 150- 160 กา้ ว การหยดุ คาบอก “แถว-หยดุ ” การปฏบิ ตั ิ เมือ่ สนิ้ คาบอก โดยเทา้ ใดตกถึงพนื้ ก็ตาม ใหค้ งวง่ิ ดว้ ยอาการยงั้ ตวั ต่อไปขา้ งหนา้ อกี 3 กา้ วและทาทา่ หยดุ เชน่ เดยี วกบั การหยดุ ในเวลาเดนิ เปลยี่ นเป็นเดนิ คาบอก “เดนิ -ทา” การปฎิบตั ิ เมอ่ื สิน้ เสยี งคาบอกใหว้ ิ่งกา้ วยงั้ ตวั ตอ่ ไปขา้ งหนา้ 3กา้ ว ทา่ หันในเวลาวง่ิ ขวา(ซา้ ย-หนั ) คาบอก “ขวา(ซา้ ย)-หนั ” การปฏบิ ตั ิ การปฏิบตั ิเป็น 4 จงั หวะดงั นี้
จงั หวะท่ี 1 กา้ วเทา้ ซา้ ย(ขวา) ไปขา้ งหนา้ 1 กา้ วเพ่ือยงั้ ตวั จงั หวะท่ี 2 กา้ วเทา้ ขวา(ซา้ ย) ไปขา้ งหนา้ อีก 1 กา้ ว พรอ้ มกบั หมนุ ตวั ไปทางก่งึ ขวา(ซา้ ย) จงั หวะท่ี 3 กา้ วเทา้ ซา้ ย(ขวา) ไปอยหู่ นา้ ปลายเทา้ ขวา(ซา้ ย)พรอ้ มกบั หมนุ ตวั ไปทางขวา(ซา้ ย) จนได้ 90 องศา จากทิศทางเดมิ จงั หวะที่ 4 กา้ วเทา้ ขวา(ซา้ ย) ออกวิง่ ต่อไปตามจงั หวะเดิม หมายเหตุ การปฏิบตั เิ ม่ือเปิดจงั หวะ ตอ้ งไมห่ ยดุ ชะงกั แกว่งแขนทงี่ อขนึ้ มอื กาไปตามจงั หวะกา้ วตอ่ เนอื่ งกนั วงิ่ กลบั หลงั หนั คาบอก “กลบั หลงั -หนั ” การปฏบิ ตั ิ ใชค่ าบอกว่า “กลบั หลงั ” และ “หนั ” เมื่อเทา้ ซา้ ยจดพนื้ ในลาดบั ตดิ ต่อกนั ปฏบิ ตั เิ ป็น 4 จงั หวะดงั นี้ จงั หวะ 1 กา้ วเทา้ ขวาไปขา้ งหนา้ 1 กา้ ว เพ่ือยงั้ ตวั จงั หวะ 2 กา้ วเทา้ ซา้ ยไปขา้ งหนา้ อกี 1 กา้ วพรอ้ มกบั หมนุ ตวั ไป ทางขวาประมาณ 90 องศา จงั หวะ 3 กา้ วเทา้ ขวาไปอยหู่ นา้ ปลายเทา้ ซา้ ยพรอ้ มกบั หมนุ ตวั ไป ทางขวาอกี ประมาณ 90 องศาจากทศิ ทางเดมิ จงั หวะ 4 กา้ วเทา้ ซา้ ยออกวิ่งตอ่ ไปตามจงั หวะเดมิ 11. การนับ คา คาบอก “นบั ” การปฏิบตั ิ ลกู เสือคนทอ่ี ยหู่ วั แถว สะบดั หนา้ ไปทางซา้ ยพรอ้ มกบั นบั “หนงึ่ ” แลว้ สะบดั หนา้ กลบั มาอยใู่ นท่าตรงโดยเรว็ ลกู เสือคนอืน่ ๆ นบั เรียงไป
ตามลาดบั เชน่ เดียวกบั คนหวั แถวเวน้ คนอย่ทู า้ ยแถวใหส้ ะบดั หนา้ มาทางขวา “นบั สอง(สาม ฯลฯ)” หมายเหตุ 1. นบั ใหใ้ ชส้ าหรบั หนา้ กระดานแถวเดียว แตถ่ า้ หนา้ กระดาน หลายแถวกใ็ หน้ บั เฉพาะแถวหนา้ หรอื หากมคี วามประสงคจ์ ะใหแ้ ถวใดนบั ก็ ใชค้ าบอกว่า “แถวทสี่ อง (สาม ……) นบั ” 2. การนบั ใชห้ ดั ใหล้ กู เสือออกเสยี งใหถ้ กู ตอ้ งตามลกั ษณะของลกู เสอื 3. การนบั เมอ่ื แถวมีการแยกคขู่ าดใหค้ นทอี่ ยทู่ า้ ยแถวสดุ ของแถวหลงั สดุ ขานจานวนท่ขี าดใหท้ ราบโดยขานว่า “ขาดหนงึ่ ” (สอง สาม ฯลฯ) แลว้ แต่การ เขา้ แถว หน่วยการเรยี นรู้ที่ 7 คาปฏิญาณและกฎของลกู เสอื คาปฎิญาณของลกู เสอื \"ดว้ ยเกยี รตขิ องขา้ ขา้ สญั ญาวา่ \" ขอ้ ๑ ขา้ จะจงรกั ภกั ดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ ขอ้ ๒ ขา้ จะชว่ ยเหลือผอู้ ื่นทกุ เมอ่ื ขอ้ ๓ ขา้ จะปฏิบตั ติ ามกฎของลกู เสือ คาปฏิญาณ 3 ข้อ ข้อ 1 \"ขา้ จะจงรกั ภกั ดตี อ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ \"์ ชาติ หมายถึง กล่มุ ชนท่ีมคี วามรูส้ กึ ในเรอื่ งเชอื้ ชาติ ศาสนา ประวตั ศิ าสตร์ ความเป็นมา ขนบธรรมเนยี มประเพณี และวฒั นธรรมเดยี วกนั หรืออยภู่ ายใต้ การปกครองของรฐั บาลเดยี วกนั ดงั นน้ั ลกู เสือควรปฏบิ ตั ิต่อชาติ ดงั นี้ ๑. ประพฤติตนเป็นพลเมอื งดี หม่นั ศกึ ษาหาความรูใ้ สต่ วั ๒. เช่ือฟัง ปฏิบตั ติ ามคาส่งั และคาแนะนาทถ่ี กู ตอ้ งตามทานองคลองธรรม
๓. ไมป่ ระพฤตผิ ดิ ต่อขนบธรรมเนยี มประเพณี วฒั นธรรม และกฎหมาย บา้ นเมอื ง ๔. เป็นผปู้ ระกอบอาชีพสจุ ริต สรา้ งความเจริญกา้ วหนา้ แก่ชาติ ๕. เป็นผเู้ สียสละ พลีเลือดเนอื้ และชีวิตรบั ใชช้ าติดว้ ยความกลา้ หาญเด็ด เดยี่ วต่อสรู้ กั ษาเอกราชของชาตไิ วใ้ นเมอ่ื มศี รตั รูมารุกราน ศาสนา เป็นเคร่ืองเหนยี่ วรง้ั จิตใจและส่งั สอนใหค้ นรูด้ ีรูช้ อบ ละเวน้ ความ ช่วั ไม่เบยี ดเบยี นกนั ใหป้ ระพฤตแิ ตค่ วามดี และประพฤติชอบดว้ ยกาย วาจา ใจ ลกู เสือจงึ ตอ้ งเคารพและปฏิบตั ติ ่อศาสนาดงั นี้ ๑. ปฏิบตั กิ ิจทางศาสนา ตามจารีตประเพณีทีต่ นนบั ถือดว้ ยใจบริสทุ ธิ์ ๒. เคารพสกั การะ เชอ่ื ฟัง และปฏิบตั ิตามคาส่งั สอนของศาสนาท่ีตนนบั ถือ ๓. ประพฤตชิ อบดว้ ยกาย วาจา ใจ โดยไม่แสดงอาการลบหลศู่ าสนาอ่ืน ๔. ละเวน้ การประพฤตชิ ่วั กระทาแต่ความดี ๕. เขา้ รว่ มพธิ ีทางศาสนาตามเวลาและโอกาสอนั ควร พระมหากษัตรยิ ์ ทรงเป็นองคพ์ ระประมขุ ของชาติ ทรงเป็นอคั รศานปู ถมั ภก เป็นพระบรมราชปู ถมั ภค์ ณะลกู เสอื แหง่ ชาติ ทรงเป็นจอมทพั ไทย และ เป็นมิง่ ขวญั ของปวงชนชาวไทยลกู เสือตอ้ งปฏบิ ตั ติ ่อองคพ์ ระมหากษตั รยิ ด์ งั นี้ ๑. ถวายความเคารพสกั าระต่อพระองคท์ ่าน พระบรมวงศานวุ งศแ์ ละพระ บรมฉายาลกั ษณ์ ไมแ่ สดงกริ ยิ าวาจาอนั เป็นการลบหลดู่ หู มน่ิ ๒. ไม่กระทาการใดๆ ทจ่ี ะเป็นการกระทบกระเทือนเสอื่ มเสยี พระเกียรตคิ ณุ อกี ทงั้ ยงั ตอ้ งชว่ ยปอ้ งกนั มใิ หค้ นอ่ืนกระทาเชน่ นนั้ ดว้ ย ๓. ยอมสละเลือดเนอ่ื้ ถวายเป็นราชพลไี ด้ ข้อ 2 \"ขา้ จะช่วยเหลือผอู้ ่ืนทกุ เมื่อ\"
หมายความวา่ ลกู เสอื เป็นผมู้ ใี จโอบออ้ มอารี มเี มตตากรุณาต่อสตั ว์ ต่อ เพื่อน และตอ่ ผอู้ ื่นเสมือนหน่ึง เป็นญาตพิ ่นี อ้ งของตน ยอมเสียสละความสขุ สว่ นตวั บาเพ็ญตนใหเ้ ป็นประโยชนต์ อ่ สาธารณชน ช่วยผอู้ ่ืน เม่ือมีภยั โดยเฉพาะเดก็ ผหู้ ญิง คนชรา และผทู้ ีอ่ ่อนแอกวา่ ข้อ 3 \"ขา้ จะปฏิบตั ิตามกฎของลกู เสือ\" หมายความว่า ลกู เสอื จะตอ้ งปฏิบตั ิตนตามกฎ ๑๐ ขอ้ ของลกู เสอื อย่าง เครง่ ครดั ไม่หลีกเลย่ี ง เพราะกฎ ดงั กลา่ วเป็น \"ศิล\" ของลกู เสือ เป็นหลกั ยดึ เหนีย่ วท่ีจะทาใหล้ กู เสือเป็นคนดขี องครอบครวั ของสงั คม และของ ประเทศชาติ กฎของลกู เสอื 1. ลกู เสอื มีเกียรติเชื่อถือได้ 2. ลกู เสอื มคี วามจงรกั ภกั ดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ 3. ลกู เสอื มีหนา้ ทก่ี ระทาตนใหเ้ ป็นประโยชนแ์ ละช่วยเหลอื ผอู้ ืน่ 4. ลกู เสือเป็นมติ รของคนทกุ คนและเป็นพน่ี อ้ งกบั ลกู เสืออื่นท่วั โลก 5. ลกู เสอื เป็นผสู้ ภุ าพเรยี บรอ้ ย 6. ลกู เสอื มคี วามเมตตากรุณาตอ่ สตั ว์ 7. ลกู เสือเช่ือฟังคาส่งั สอนของบิดา มารดา และผบู้ งั คบั บญั ชาดว้ ยความ เคารพ 8. ลกู เสือมใี จรา่ เริงและไมย่ อ่ ทอ้ ต่อความยากลาบาก 9. ลกู เสอื เป็นผมู้ ธั ยสั ถ์ 10.ลกู เสือประพฤตชิ อบดว้ ยกาย วาจา ใจ กฎ 10 ข้อของลกู เสือ ขอ้ 1 \"ลกู เสอื มีเกียรติเช่อื ถือได\"้ (A scouts is to be Trusted)
ลกู เสือจะตอ้ งยดึ ม่นั ในความซือ่ สตั ย์ ปฏิบตั ิตามคาม่นั สญั ญาอย่าง เครง่ ครดั ม่นั คงอยใู่ นคณุ งามความดี ไม่ยอมแพแ้ กส่ ่ิงย่วั ยหุ รืออานาจฝ่ายตา่ กระทาตนใหเ้ ป็นท่เี ช่อื ถือและไวว้ างใจแกผ่ ูอ้ ื่นไดเ้ สมอ ขอ้ 2 \"ลกู เสือมีความจงรกั ภกั ดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ และซื่อตรง ต่อผมู้ พี ระคณุ \" (A scout is loyal) เป็นการยนื ยนั ในคาม่นั สญั ญาทใ่ี หไ้ วอ้ ยา่ งมเี กยี รติ ดว้ ยการแสดงออก ปฏิบตั ิจริงทกุ วถิ ีทาง เพอ่ื ปกปอ้ ง สถาบนั ชาติ สถาบนั ศาสนาและสถาบยั พระมหากษตั ริย์ รวมถงึ จะตอ้ งยึดม่นั ในความซ่อื สตั ยก์ ตญั ญ ูู ตอ่ ผมู้ ี พระคณุ ทกุ ท่าน ข้อ 3 \"ลกู เสือมหี นา้ ทีก่ ระทาตนใหเ้ ป็นประโยชนแ์ ละช่วยเหลอื ผอู้ ่นื \" (A scout duty is to be useful and to help others) ลกู เสอื จะตอ้ งเป็นคนไม่เห็นแกต่ วั พรอ้ มอย่เู สมอท่ีจะบาเพ็ญประโยชนแ์ ละ เป็นท่ีพึง่ แก่ผอู้ น่ื ได้ ซ่ึงหมายความวา่ จะตอ้ งพฒั นาตวั เองใหม้ ีความรู้ ความสามารถ และพง่ึ ตนเองไดด้ ว้ ย ข้อ 4 \"ลกู เสือเป็นมติ รของคนทกุ คนและเป็นพ่ีนอ้ งกบั ลกู เสอื อ่ืนท่วั โลก\" (Scout is a friend to all and a brother to every other Scout) ลกู เสือจะตอ้ งเป็นผทู้ ี่มองโลกในแงด่ ี มจี ิตใจ โอบออ้ มอารีมีความ เออื้ เฟื้อเผือ่ แผแ่ ก่คนทกุ คนโดยไมเ่ ลอื กเชอื้ ชาติ ศาสนา และชนั้ วรรณะ รวมทงั้ มคี วามตระหนกั ในหลกั ภารดรภาพคอื ความรูส้ กึ เสมือนเป็นพ่ีนอ้ งกบั ลกู เสืออ่นื ท่วั โลก ข้อ 5 \"ลกู เสอื เป็นผสู้ ภุ าพเรยี บรอ้ ย\" (A scout is Courteous) ลกู เสือจะตอ้ งเป็นผมู้ ีกิริยาวาจาสภุ าพออ่ นโยนออ่ นนอ้ ม มสี มั มาภารวะตอ่ บคุ คลท่วั ไป ไมย่ กตนข่มทา่ น
ขอ้ 6 \"ลกู เสอื มีความเมตตากรุณาตอ่ สตั ว\"์ (A scout is a Friend to animals) ลกู เสอื จะตอ้ งเป็นผมู้ ีใจเมตตากรุณาสงสารสตั ว์ ไมร่ งั แกหรอื ทรมานสตั ว์ ใหไ้ ดร้ บั ความเจบ็ ปวด หรือเม่อื พบสตั วไ์ ดร้ บั ความลาบากกต็ อ้ งใหก้ าร ช่วยเหลอื มนั จนพน้ ภยั ขอ้ 7 \"ลกู เสือตอ้ งเชอ่ื ฟังคาส่งั สอนของบดิ ามารดาและผบู้ งั คบั บญั ชาดว้ ย ความเคารพ\" (A scout obeys orders of his parents patrol leader of Scoutmaster with out question) ในฐานะท่ีบดิ ามารดาเป็นผใู้ หก้ าเนดิ และเลยี้ งดเู ราจนเตบิ ใหญ่ขนึ้ มา รวม ไปถงึ บรรดาครู อาจารยแ์ ละผบู้ งั คบั บญั ชา ท่านเหล่านลี้ ว้ นเป็นทผี่ ทู้ ี่มี ประสบการณช์ ีวิตมากวา่ เรา ดงั นน้ั คาสอน ดาชแี้ นะ หรือคาส่งั ของทา่ น จึง เป็นสงิ่ ทีม่ ีคณุ คา่ ลกู เสอื จงึ จะตอ้ งเคารพเชอื่ ฟังและปฏบิ ัตติ ามโดยฉับไว ไม่ ลงั เลใจ อนั เป็นวินยั ซง่ึ เกิดจาก ภายในมใิ ช่เป็นการถกู บงั คบั ใหก้ ระทา ข้อ 8 \"ลกู เสือมีใจรา่ เรงิ และไมย่ ่อทอ้ ต่อความยากลาบาก\" (A scout Smiles and under difficulties) ลกู เสือจะตอ้ งเป็นผมู้ ี่อาการยมิ้ แยม้ แจ่มใสและรา่ เรงิ อย่เู สมอ ถึงแมว้ ่าจะ ตกอย่ใู นความยากลาบากปานใดกต็ ามก็จะไมแ่ สดงอาการยอ่ ทอ้ ใหเ้ หน็ ข้อ 9 \"ลกู เสอื เป็นผมู้ ธั ยสั ถ\"์ (A scout is Thrifty) ลกู เสอื จะตอ้ งเป็นผรู้ ูจ้ กั ประหยดั ทรพั ยท์ งั้ ของตนและผอู้ น่ื รูจ้ กั เก็บหอม รอมริบ สาหรบั ใชบ้ ารุงตนไม่เบียดเบยี นผอู้ ่นื ในเรื่องทรพั ยส์ นิ เงินทอง ข้อ 10 \"ลกู เสือประพฤติชอบดว้ ยกาย วาจา ใจ\" (A Scout is clean in thought word and deed)
ลกู เสือจะตอ้ งรูจ้ กั สารวมและระวงั กาย วาจา ใจ ไม่ใหม้ ีความอจิ ฉา ริษยา คดิ เบียดเบยี นหรือทาใหร้ า่ งกาย และทรพั ยส์ นิ ของผอู้ ื่นเดือดรอ้ นและชารุด เสยี หายรวมไปถงึ การไม่พดู คาหยาบ คาเทจ็ โดยพยายามยดั หลกั ว่า \"สิ่งทค่ี ิด กจิ ทท่ี า คาทพ่ี ดู \" จะตอ้ งไม่ทาใหท้ งั้ ตนเองและผอู้ ่นื เดือดรอ้ น ซง่ึ ถา้ ปฏบิ ตั ิได้ ดงั นี้ ก็เท่ากบั วา่ เราไดด้ ารงตนอยใู่ นศลิ ธรรมอนั ดี มีความประพฤตชิ อบทงั้ กาย วาจา และใจแลว้ คติพจนข์ องลกู เสอื คตพิ จนท์ ่วั ไปของลกู เสอื ไทยทงั้ หมด คือ เสยี ชีพ อย่าเสียสัตย์ (Better Die Than Lie) สว่ นคตพิ จนข์ องลกู เสอื วิสามญั คอื บริการ หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 8 พิธีการลกู เสอื วสิ ามญั พธิ ีรับเป็ นเตรยี มลกู เสือ-เนตรนารวี ิสามญั พิธรี บั เตรียมลูกเสือวสิ ามัญ พธิ ีรบั เตรยี มลกู เสอื วิสามญั ใหป้ ฏบิ ตั ิดงั นี้ ใหก้ องลกู เสอื วสิ ามญั ยนื เป็นรูปวงกลม เตรียมลกู เสอื วสิ ามญั ยืนอยู่ ขา้ งหลงั นอกวงกลม ผกู้ ากบั ลกู เสอื วสิ ามญั ยืนอย่ตู รงกลาง พีเ่ ลยี้ งของลกู เสอื ใหม่ยืนหนั หนา้ เขา้ หาผกู้ ากบั ลกู เสือวสิ ามญั ห่าง ประมาณ 3 เมตร (รูปท่ี 1 )
. . 1 ใหผ้ สู้ ง่ มอบตวั นาลกู เสอื ใหมม่ ากลางวง ยืนอยกู่ ลางระหวา่ งพี่เลยี้ งกบั ผกู้ ากบั ลกู เสอื วิสามญั (รูปท่ี 2) ลกู เสอื จากกล่มุ ใหผ้ กู้ ากบั ของลกู เสอื สง่ มอบ ส่วนลกู เสอื อ่นื ๆ ใหผ้ ู้ กากบั กลมุ่ เป็นผสู้ ่งมอบ รูปท่ี 2 ผู้ส่งมอบตวั กล่าวกับผู้กากบั ลกู เสอื วิสามัญว่า “ ขา้ นา..(ออกนามลกู เสอื ) เพือ่ เขา้ เป็นเตรียมลกู เสอื วสิ ามญั ในกองของทา่ น”
ผู้กากับลกู เสือวสิ ามัญ “ทา่ นพอใจแลว้ หรอื วา่ เขากาลงั พยายามหรือจะ พยายามปฏิบตั ิตามพนั ธะของลกู เสอื รวมทงั้ การบาเพญ็ ตนต่อ สาธารณประโยชน์ และจะเป็นสมาชกิ ท่ดี ขี องกองลกู เสอื วสิ ามญั ต่อไป” ผู้สง่ มอบตวั “ขา้ พอใจแลว้ ” ผู้กากบั ลกู เสือวสิ ามัญพูดกบั เตรียมลกู เสอื วสิ ามัญ “ การเป็นลกู เสือ วิสามญั เป็นการรว่ มวงในหมพู่ นี่ อ้ งทน่ี ยิ มชีวติ กลางแจง้ และใหบ้ ริการแกผ่ อู้ ื่น การท่เี จา้ ประสงค์ จะเขา้ รว่ มในขบวนการนี้ เจา้ พรอ้ มทจ่ี ะเพม่ิ พนู ความรู้ ภาคปฏิบตั ิของการลกู เสอื และนยิ มใชช้ วี ิตกลางแจง้ แลว้ หรอื ” ผู้สมคั รใหม่ “ ขา้ พเจา้ พรอ้ มแลว้ ” ผกู้ ากบั ลูกเสอื วสิ ามญั “ เจา้ ทราบไม่วา่ หนา้ ทีอ่ นั แรกของเจา้ นนั้ คือบา้ น ของเราเอง และเจา้ จะพยายามสรา้ งฐานะของเจา้ ” ผู้สมัครใหม่ “ ขา้ ทราบแลว้ ” ผู้กากับลูกเสือวิสามญั “เจา้ พรอ้ มทจี่ ะอบรมตวั เจา้ เพ่ือ ใหบ้ ริการแกช่ มุ ชนหรือไม่” ผู้สมคั รใหม่ “ ขา้ พรอ้ มแลว้ ” ผู้กากับลกู เสือวสิ ามัญ “ เจา้ ยอมรบั วิถชี ีวติ ดงั ท่ไี ดก้ าหนดไวใ้ นกฏและ คาปฏญิ าณของลกู เสอื หรือ” ผู้สมคั รใหม่ “ขา้ ยอมรบั ” ผู้กากับลูกเสือวิสามัญ “ เมือ่ เจา้ ไดใ้ หค้ วามม่นั ใจเช่นนแี้ ลว้ ขอใหเ้ จา้ ทบทวนคาปฏิญาณของลกู เสอื เพ่อื เป็นสญั ลกั ษณแ์ หง่ ความจรงิ ใจ ของเจา้ และเพือ่ แสดงว่าไดร้ บั เจา้ ขา้ เป็นเตรยี มลกู เสอื วิสามญั แลว้ ” กองลกู เสือแสดงรหสั ผสู้ มัครใหม่แสดงรหสั และกล่าวว่า “ ดว้ ยเกียรติของขา้ ขา้ สญั ญาว่า
ขอ้ 1 ขา้ จะจงรกั ภกั ดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ ขอ้ 2 ขา้ จะช่วยเหลอื ผอู้ น่ื ทกุ เมือ่ ขอ้ 3 ขา้ จะปฏิบตั ติ ามกฏของลกู เสอื ” ผ้กู ากับลกู เสอื วิสามัญสมั ผสั มือซ้ายกบั ลกู เสือใหม่ และกล่าว “ ขา้ เช่อื ม่นั ในเกียรติของเจา้ ว่า เจา้ จะทาดีทส่ี ดุ ทจ่ี ะรกั ษาคาปฏิญาณนน้ั ไว้ บดั นี้ ขา้ รบั เจา้ เขา้ ไวเ้ ป็นเตรียมลกู เสือวสิ ามญั ในคณะพ่ีนอ้ งลกู แหง่ โลกอนั ยง่ิ ใหญ่แลว้ ” ผู้กากบั ลกู เสือวิสามัญ ประดบั แถบตดิ ไหลส่ เี ลืองและสเี ขยี ว อนั เป็นแถบ ของลกู เสอื สารองและ ลกู เสอื สามญั ใหแ้ กล่ กู เสอื ใหม่ และกลา่ วว่า “ แถบสีแดงซ่งึ เป็นสขี องลกู เสอื วสิ ามญั นน้ั ยงั ขาดอยู่ ทงั้ นี้ เพ่ือเป็น เคร่ืองเตือนใจว่า ตอ่ จากนีไ้ ปเจา้ จะเตรียมตวั เพอื่ เขา้ เป็นสมาชิก อนั สมบรู ณใ์ นกองลกู เสือวสิ ามญั เพอ่ื การนขี้ า้ ขอมอบเจา้ ใหแ้ ก่พีเ่ ลยี้ ง ของเจา้ ท่จี ะช่วยเหลือใหบ้ รรลจุ ดุ ประสงคต์ อ่ ไป” ให้พ่เี ลีย้ ง 2 คน เข้ามาข้างหน้า พี่เลีย้ งอาวโุ สยืนทางขวาของเตรียม ลกู เสือวิสามญั พ่ีเลยี้ งคนรอง ยืนทางซา้ ย สว่ นผสู้ ่งมอบตวั ใหก้ า้ วถอยหลงั ไป (รูป 3) . . 3
ใหพ้ ่ีเลยี้ งอาวโุ ส กล่าวตอ้ นรบั ลกู เสือวิสามญั ใหม่ เป็นสมาชกิ ในกองลกู เสอื วิสามญั ดว้ ยถอ้ ยคา อนั เหมาะสม แลว้ นาไปยนื รวมกบั ลกู เสือวสิ ามญั ใหม่อื่น ผซู้ ึง่ จะไดต้ อ้ นรบั ดว้ ยวิธีการอนั สมควร หมายเหตุ ถา้ หากว่ามีเดก็ มาสมคั รเขา้ เป็นเตรยี มลกู เสอื วิสามญั หลายคน ก็ใหเ้ ขา้ แถวหนา้ กระดานตอนหม่ปู ิดระยะและเขา้ มาประกอบพธิ ีคร้ังละ 1 หมู่ กไ็ ด้ และควรมอบหมายใหร้ องผกู้ ากบั ลกู เสอื วสิ ามญั คนใดคนหนึ่ง ถอื พานใส่ แถบสีคอยส่งให้ ผกู้ ากบั ลกู เสือวิสามญั และควรกาหนดที่ ใหล้ กู เสือใหมท่ ปี่ ระกอบพิธีเสรจ็ แลว้ ไปเขา้ แถว รออย่หู ลงั ผกู้ ากบั ลกู เสือวิสามญั ระยะหา่ ง 6 กา้ ว ขอ้ เสนอแนะ ในการกลา่ วถอ้ ยคาทเ่ี หมาะสมของพเ่ี ลยี้ งอาวโุ สนนั้ ควร จะกล่าวถอ้ ยคาว่า “ กองลกู เสือวสิ ามญั และขา้ ยินดตี อ้ นรบั ท่านดว้ ยความเตม็ ใจ และพึงพอใจ ในความเสยี สละอนั สงู ส่ง ที่ท่านไดม้ องเหน็ คณุ ค่าคติพจน์ คือการ “ บรกิ าร” ของเรา ฯลฯ” พิธสี ารวจตนเอง ขนั้ ตอนพิธีสารวจตวั เองก่อนเขา้ ประจากองลกู เสือวิสามญั เมื่อเตรียมลกู เสือวิสามญั ไดร้ บั การฝึกอบรมเครือ่ งหมายลกู เสอื โลกครบตาม หลกั สตู รแลว้ ใหผ้ กู้ ากบั ลกู เสือวสิ ามญั ในกองนน้ั ๆ ดาเนินการจดั ใหเ้ ตรยี ม ลกู เสอื วิสามญั เหล่านนั้ เขา้ พธิ ีประจากองตามลาดบั ขนั้ ตอนตา่ ง ๆ ดงั นี้ คือ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197