Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ม.ต้น สุขศึกษา ทช21002

ม.ต้น สุขศึกษา ทช21002

Published by nutthar.n, 2020-12-14 04:36:01

Description: ม.ต้น สุขศึกษา ทช21002_compressed

Search

Read the Text Version

43 3. การออกกาํ ลังกายโดยการบริหารรา งกาย โดยแสดงทาทางตาง ๆ เพื่อเปนการบริหาร รางกาย หรือเฉพาะสวนท่ีตอ งการใหก ลามเนอ้ื กระชบั อาทิ การบริหารแบบโยคะ หรือแอ โรบิค หลักการออกกาํ ลังกายเพอ่ื สขุ ภาพ คอื การออกกาํ ลังกายชนิดทเ่ี สริมสรางความอดทนของ ปอด หัวใจ ระบบไหลเวยี นเลือด รวมทง้ั ความแข็งแรงของกลา มเน้ือ ความออนตวั ของขอตอ ซึง่ จะ ชวยใหรางกายแขง็ แรงสมบรู ณ สงา งาม และสขุ ภาพจิตดี การออกกาํ ลงั กายแบบแอโรบิค เปนกจิ กรรมที่ไดร ับการยอมรับ และเปนท่ีนยิ มกนั อยาง แพรห ลายทวั่ โลก ในดานการออกกาํ ลังกายเพื่อสขุ ภาพ (Exercise For Health) โดยยดึ หลักปฏบิ ัติงาย ๆ ดังนี้ 1. ความหนัก ควรออกกาํ ลังกาย (Intensity) ใหห นักถงึ รอยละ 70 ของอตั ราการเตน สูงสุด ของหัวใจแตล ะคน โดยคาํ นวณไดจากคา มาตรฐานเทากับ 170 ลบดว ยอายุของตนเอง คา ท่ไี ดคอื อตั ราการเตน ของหวั ใจคงทีท่ เี่ หมาะสม ท่ตี องรักษาระดับการเตน ของหวั ใจน้ี ไวชวงระยะเวลาหนึ่งท่ี ออกกําลังกาย 2. ความนาน (Duration) การออกกําลังกายอยางตอ เน่อื งนานอยา งนอ ย 20 นาที ขน้ึ ไปตอครัง้ 3. ระยะผอ นคลายรางกายหลงั ฝก (Cool Down) ประมาณ 5 นาที เพอื่ ยดื เหยียดกลา มเน้ือ และความออ นตัวของขอ ตอ รวมระยะเวลาท่อี อกกาํ ลังกายติดตอ กนั ท้ังสิน้ อยา งนอย 20 – 30 นาทีตอวัน ผูทอ่ี อกกาํ ลังกายมาก หรอื เปน นกั กีฬา จะมกี ารใชพลงั งานมากกวา บคุ คลทัว่ ไป และมีการ สญู เสยี นาํ้ และแรธาตมุ ากขนึ้ จึงควรกินอาหารทใี่ หพลงั งานอยางเพยี งพอสมดุลกับกิจกรรมทใี่ ชใ นแต ละวัน โดยควรเพิม่ อาหารประเภท ขาว แปง ผลไม หรือนาํ้ ผลไม เพือ่ เพมิ่ พลงั งาน และด่ืมน้ําให เพยี งพอ ไมจําเปนตอ งกินผลิตภณั ฑเ สรมิ อาหาร หรอื ดืม่ เครอ่ื งดื่มประเภทเกลือแร และเครื่องดม่ื ชู กาํ ลัง

44 กจิ กรรมการเรียนรูท า ยบทที่ 2 กจิ กรรมท่ี 1 1. ใหนักศึกษาอธิบายตามความเขาใจของตนเอง ในหัวขอตอ ไปนี้ “จติ ที่สดใส ยอมอยูในรางกายท่สี มบูรณ” 2. ใหน กั ศกึ ษาฝกเขยี น แผนการวางแผนดูแลสุขภาพตนเองในเวลา 7 วัน กิจกรรมท่ี 2 1. ประโยชนข องการออกกําลงั กายดา นตา ง ๆ ทส่ี งผลตอสขุ ภาพของมนษุ ย จาํ แนกไดด า น อะไรบาง จงอธิบาย กิจกรรมท่ี 3 1. การออกกําลังกายมผี ลตอพัฒนาการของมนุษยอยา งไร จงอธิบาย 2. กอนทจ่ี ะออกกําลงั กาย เราควรใหค าํ แนะนําผจู ะออกกาํ ลงั กายอยางไร

45 บทท่ี 3 สขุ ภาพทางเพศ สาระสาํ คัญ ปญ หาหาเรอ่ื งการมีเพศสมั พันธกอนวัยอันควร กําลังเปนปญหาที่นาหวงใยในกลุมเยาวชน ไทย ดงั นนั้ การเรียนรูในเรอ่ื งของพฤตกิ รรมทจี่ ะนาํ ไปสกู ารมีเพศสมั พันธ การถกู ลวงละเมิดทางเพศ และการตง้ั ครรภไ มพ ึงประสงค จึงเปน เรือ่ งจําเปนที่จะไดป องกันตนเอง นอกจากน้ีการดูแลรางกาย โดยเฉพาะระบบสบื พนั ธุกเ็ ปนเรื่องทีจ่ ะทําใหทกุ คนมสี ขุ ภาวะที่ดี สามารถปฏิบตั ไิ ดถูกตอ งก็จะไมท ํา ใหเ กิดปญหาดา นสขุ ภาพทางเพศ ผลการเรียนรูที่คาดหวงั 1. อธิบายการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมท่ีนําไปสูการมีเพศสัมพันธ การลวงละเมิดทางเพศ การ ตงั้ ครรภทไ่ี มพึงประสงค 2. อธบิ ายวธิ กี ารดแู ลสขุ ภาพทางเพศท่ีเหมาะสมและไมท าํ ใหเ กิดปญ หาทางเพศ ขอบขายเนอื้ หา เรอ่ื งที่ 1 สรีระรางกายทเี่ ก่ียวขอ งกับการสืบพันธุ เร่ืองที่ 2 การเปลย่ี นแปลงเม่อื เขาสูวยั หนมุ สาว เรื่องท่ี 3 พฤติกรรมทีน่ าํ ไปสกู ารมเี พศสมั พนั ธ เรอื่ งท่ี 4 สุขภาพทางเพศ

46 เรอื่ งท่ี 1 สรรี ะรางกายท่เี ก่ยี วขอ งกับการสืบพันธุ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษยน้ัน หมายถึง การเจริญเติบโตและ พฒั นาการทางรางกายและจิตใจควบคกู นั ไปตลอด เร่ิมต้ังแต วยั เด็ก วัยแรกรนุ วยั ผูใหญ ตามลาํ ดับ โดยทว่ั ไปแลว การเจรญิ เติบโตและพัฒนาการทางรา งกายของคนเราจะสิ้นสุดลงเมอ่ื มอี ายุประมาณ 25 ป จากวัยน้ีอวัยวะตาง ๆ ของรางกายเริ่มเส่ือมลง จนยางเขาสูวัยชราและตายใน ทส่ี ุด สว นการเจริญเติบโตและพฒั นาการทางจติ ใจนัน้ ไมมีขดี จาํ กัด จะเจริญเติบโตและพัฒนาเจริญ งอกงามขน้ึ เรอื่ ย ๆ จนกระท่ังเขา สูวยั ชรา 1. อวัยวะสบื พันธแุ ละสุขปฏบิ ตั ิเกย่ี วกับอวัยวะสบื พนั ธุ การสืบพันธขุ องมนษุ ยเปน ธรรมชาติอยางหนงึ่ ทเ่ี กิดขน้ึ เพื่อดํารงไวซ่ึงเผาพันธุ การ สืบพนั ธุนนั้ จาํ เปนตอ งอาศยั องคป ระกอบทส่ี ําคญั คอื เพศชายและเพศหญิง ท้งั เพศชายและเพศหญิง ตา งก็มโี ครงสรางทีเ่ ก่ียวขอ งกบั อวัยวะเพศและการสบื พนั ธุโดยเฉพาะของตน 1.1 ระบบสบื พนั ธขุ องเพศชาย อวยั วะสบื พันธุชายสวนใหญอยูภายนอกของรา งกาย สามารถปองกันและระวังรักษา ไมใหเ กดิ โรคติดตอหรอื โรคติดเชื้อตาง ๆ ไดโดยงาย อวัยวะสืบพันธุชายมีความเกี่ยวของกับระบบ การขบั ถา ยปสสาวะ เพราะวา การขับน้ําอสุจิออกจากรา งกายตอ งผานทอปสสาวะดวย อวัยวะสบื พนั ธุ ชายประกอบดวยสวนตาง ๆ ทีส่ ําคัญดังน้ี (1.) ตอมอัณฑะ (Testis) มีลกั ษณะและรูปรา งคลายไขไกฟองเล็ก ยาวประมาณ 4 เซนติเมตร กวางประมาณ 4 เซนติเมตร หนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร หนักประมาณ 15-30 กรัม อณั ฑะขางซายจะใหญกวา งขางขวาเลก็ นอย ตามปกตจิ ะมีอณั ฑะอยู 2 ลกู ภายในลูกอัณฑะมีหลอดเล็ก ๆ จํานวนมาก ขดเรียงอยูเปนตอน ๆ เรียกวา หลอด สรา งอสจุ ิ (Seminiferous Tabules) มีหนาท่ีผลิตฮอรโมนเพศชายและตัวอสุจิ สวนดานหลังของตอม อณั ฑะ จะมกี ลมุ ของหลอดเล็ก ๆ อกี มากมายขดไปมา เรียกวาหลอดเก็บตัวอสุจิ (Epididymis) เปนที่ เกบ็ เชอ้ื อสจุ ชิ ่วั คราว เพอ่ื ใหเชื้ออสจุ เิ จรญิ เตบิ โตไดเต็มที่ (2.) ตอ มลูกหมาก (Prostate Gland) เปนตอ มทหี่ มุ อยูรอบทอ ปส สาวะสวนใน ตรง ดานลางของกระเพาะปสสาวะ มีหนาท่ีสรางของเหลวซ่ึงมีฤทธิ์เปนดางออน ๆ สงเขาไปในถุงเก็บ อสจุ ิ เพ่ือผสมกับนํา้ เล้ยี งตวั อสจุ ิ ของเหลวนจี้ ะไปทาํ ลายฤทธิก์ รดจากนํ้าเมือกในชองคลอดเพศหญิง ปองกันไมใหต ัวอสุจิถูกทําลายดว ยสภาพความเปน กรด เพอ่ื ใหเกดิ การปฏิสนธิขึน้ ได (3.) ลึงค หรือองคชาต (Penis) เปนสวนประกอบหนึ่งของอวัยวะสืบพันธุชาย ท่ี แสดงใหเห็นวาเปนเพศชายอยางชัดเจน มีลักษณะย่ืนออกมา สวนปลายสุดจะมีรูปรางคลายหมวก เหลก็ ทหารสวมอยู ขนาดใหญกวาลาํ ตวั ลึงคเลก็ นอย สวนนีจ้ ะมีเสน ประสาทมาหลอเล้ยี งมาก ทําให

47 มีความรสู ึกไวตอ การสัมผัส เมื่อมีความตองการทางเพศเกิดขึ้น จะทําใหลึงคเปล่ียนจากนุมเปนแข็ง เนอ่ื งจากค่ังของเลอื ด ทาํ ใหข นาดใหญขน้ึ 1-2 เทาตวั ในระหวา งการแข็งตัวของลึงคม ตี อมเลก็ อยูใน ทอ ปสสาวะ ผลิตนํ้าเมือกเหนยี ว ๆ ซึ่งจะถูกขับออกมา เพ่ือชวยในการหลอล่ืนและยังทําใหตัวอสุจิ ผา นออกสูภ ายนอกไดส ะดวกอกี ดว ย (4.) ทอ พกั ตัวอสุจิ (Epididymis) มีลักษณะคลายรูปดวงจันทรครึ่งซีก หอยติดอยู กบั ตอมอณั ฑะสวนบนคอ นขางจะใหญเรยี กวา หวั (Head) จากหัวก็เปนตัว (Body) และเปน หาง (Tail) ทอ น้ีประกอบดว ยทอท่ีคดเค้ียวเปน จาํ นวนมาก เมอ่ื ตวั อสุจถิ กู สรา งขน้ึ มาแลว จะถกู สงเขาทอ นเี้ พือ่ เตรยี ม ที่จะออกมาสทู อปสสาวะ (5.) ทอนาํ ตวั อสุจิ (Vas Deferens) เปนทอเลก็ ๆ ตอจากลูกอัณฑะ จะทําหนาที่พา ตวั อสจุ แิ ละน้ําอสุจใิ หไ หลขน้ึ ไปตามหลอดและไหลเขา ไปในถงุ น้าํ อสจุ ิ (6.) ถุงอัณฑะ (Scrotum) เปนถุงทหี่ อ หมุ ตอ มอัณฑะไว ขณะทย่ี ังเปนตัวออ นอยู ตอ ม อณั ฑะจะเจริญเติบโตในโพรงของชอ งทอ ง เม่อื ครบกาํ หนดตอมอัณฑะจะคอย ๆ เคลื่อนลงลางจากชอง ทองมากอยูในถุงอัณฑะท่ีบริเวณขาหนบี ถุงอณั ฑะมีลกั ษณะเปน ผิวหนังบาง ๆ สีคล้ํา มีรอยยน มี แนวกลางระหวางทวารหนักไปจนถงึ ลงึ ค จะมกี ลามเน้ือ บาง ๆ กั้นถุงอัณฑะออกเปน 2 หอง ถุงอัณฑะ จะหอยตดิ อยูกบั กลามเนอ้ื ชนิดหน่ึง และจะหดตัวหรือหยอนตัว เม่ืออุณหภูมิของอากาศเปลี่ยนแปลง เพ่อื ชว ยรักษาอุณหภมู ิใหเหมาะสมในการสรางอสุจิ และปองกันการกระเทือนจากภายนอก 1.1.1 การสรา งเซลลส ืบพนั ธเุ พศชายและการฝน เปย ก เซลลสืบพันธุเพศชายหรือตัวอสุจิ (Sperm) จะถูกสรางขึ้นในทอผลิตอสุจิ (Seminiferous Tubules) ตวั อสุจมิ ีขนาดเล็กมาก มีรูปรางลักษณะคลาย ๆ ลกู กบแรกเกดิ ประกอบดว ย สว นหัวทีม่ ีขนาดโต แลวคอ ยลงมาเปนสว นหางท่ียาวเรียว และสวนหางน้ีจะใชในการแหวกวายมา มขี นาดลาํ ตัวยาวประมาณ 0.05 มลิ ลเิ มตร มีขนาดเล็กกวา ไขเพศหญิงหลายหมืน่ เทา หลังจากตัวอสุจิ ถูกสรา งข้ึนในทอ ผลติ ตัวอสุจิแลว จะฝงตัวอยูในทอพักตัวอสุจิจนกวาจะเจริญเต็มท่ี ตอจากน้ันจะ เคลื่อนทไ่ี ปยงั ถุงเก็บตัวอสุจิ ในระยะนตี้ อมลกู หมากและตอมอ่ืน ๆ จะชวยกันผลิตของเหลวมาเลี้ยง ตัวอสุจิ หากไมมีการระบายออกโดยมีเพศสัมพันธ รางกายจะระบายออก โดยใหน้ําอสุจิเคลื่อน ออกมาตามทอปสสาวะเองในขณะนอนหลบั ซ่งึ เปน การลดปริมาณนา้ํ อสุจิใหนอยลง โดยธรรมชาติ และยังเปนวิธีหนึ่งท่ีชวยลดความเครียดเก่ียวกับอารมณทางเพศได เราเรียกวาการฝนเปยก (Wet Dream) เปนปรากฎการณท ช่ี ้ใี หเห็นวาวยั รนุ ชายน้ันบรรลวุ ฒุ ิภาวะทางเพศแลว และรางกายก็พรอม ทีจ่ ะใหกําเนิดบตุ รได

48 1.1.2 สุขปฏิบตั เิ กี่ยวกับอวัยวะเพศชาย 1. อาบน้ําอยางนอยวันละ 2 ครั้ง ใชสบูชําระรางกายและอวัยวะเพศให สะอาดแลว เช็ดใหแหง 2. สวมเสือ้ ผาทส่ี ะอาด โดยเฉพาะกางเกงในไมคบั และไมห ลวมเกนิ ไป 3. ไมใชส ว มหรอื ขบั ถา ยที่ผิดสขุ ลักษณะ 4. ไมส าํ สอน หรอื รวมประเวณกี บั ผูข ายบรกิ ารทางเพศ 5. หากสงสยั วาเปน กามโรคควรไปปรกึ ษาแพทย 6. ไมควรใชย าหรือสารเคมเี พอื่ กระตนุ ความรสู กึ ทางเพศ 7. อยาหมกหมุน หรือหกั โหมเกย่ี วกบั ความสัมพันธทางเพศเกินไป ควรหา กจิ กรรมนนั ทนาการหรอื เลนกฬี า 8. ระวงั อยาใหอวยั วะเพศถกู กระทบกระแทกแรง ๆ 1.2 ระบบสืบพนั ธขุ องเพศหญิง โ ค ร ง ส ร า ง ท่ี เ ก่ี ย ว ข อ ง กั บ อ วั ย ว ะ เ พ ศ แ ล ะ ก า ร สื บ พั น ธุ ข อ ง เ พ ศ ห ญิ ง ประกอบดวยหลายสวนดว ยกนั ในที่นีจ้ ะกลาวถึงเฉพาะสว นทสี่ าํ คัญเทาน้นั (1.) ตอมรังไข (Ovary) เปนตอ มสบื พันธุของเพศหญิง มีหนาท่ีผลิตเซลลสืบพันธุ ของเพศหญิงท่เี รยี กวา ไข (Ovum) ตอมรงั ไขนม้ี ีอยูด ว ยกนั 2 ตอม คือ ขางขวาและขางซาย ซึ่งอยูใน โพรงขององุ เชงิ กราน มรี ูปรา งคอนขางกลมเลก็ มีนํ้าหนกั ประมาณ 2-3 กรัม นอกจากนี้ตอมรังไขจะ หล่ังฮอรโมนเพศหญิงออกมาทาํ ใหไขส ุก และเกดิ การตกไข (2.) ทอรงั ไข (Pallopain Tubes) ภายหลงั ทไ่ี ขหลุดออกจากสวนท่ีหอหุมแลว จะผาน เขาสทู อ รังไข ทอนี้ยาวประมาณ 6-5 เซนตเิ มตร ปลายขา งหนง่ึ มีลักษณะคลา ยกรวย ซง่ึ อยใู กลกบั รงั ไข สวนปลายอกี ขา งหนึ่งนน้ั จะเรียวเลก็ ลงและไปติดกบั มดลกู ภายในทอรังไขจะมกี ลา มเน้อื พิเศษ ซึ่งบุดวยเยื่อท่ีมีขนและบีบรดั ตัวอยเู สมอ ซึ่งทาํ หนาท่โี บกพัดเอาไขที่สุกแลวเขาไปในทอรังไข คอย การผสมพนั ธุจ ากตวั อสจุ ขิ องชาย และสง ไปสูมดลกู ตอ ไป (3.) มดลูก (Uterus) มดลูกอยูในอุมเชิงกรานระหวางกระเพาะปสสาวะกับทวารหนัก ปกติยาวประมาณ 7-8 เซนติเมตร กวางประมาณ 4 เซนติเมตร และหนาประมาณ 2 เซนติเมตร เปน อวัยวะทปี่ ระกอบดว ยกลา มเน้ือ และมีลักษณะภายในกลวง ซ่ึงมีผนังหนาไขจะเคลื่อนตัวลงมาตาม ทอรังไข เขาไปในโพรงมดลูก ถาไขไดผ สมกับอสจุ ิแลว จะมาฝงตัวอยใู นผนังของมดลูกที่หนาและมี เลือดมาเลีย้ งเปน จํานวนมาก ไขจ ะเจรญิ เตบิ โตเปน ตัวออ นตรงบรเิ วณนี้ ภายหลังวัยหมดประจําเดือน แลว มดลูกจะเล็กและเหยี่ วลง

49 (4.) ชองคลอด (Vagina) มีลักษณะเปนโพรงซง่ึ มีความยาวประมาณ 8-10 เซนตเิ มตร ชอ งคลอดประกอบดวยกลามเนื้อเรียบ สวนในสุดเปนสวนท่ีหุมอยูรอบปากมดลูก ภายในบุดวยเย่ือ บาง ๆ ลักษณะเปนรอยยนสามารถยืดหดและขยายตัวไดมากเวลาคลอด ที่ชองคลอดนี้จะมี เสน ประสาทมาเลี้ยงจาํ นวนมาก โดยเฉพาะอยางยิ่งบริเวณรูเปดชองคลอด และชองคลอดยังทําหนาที่ เปน ทางผานของเลือดประจําเดือนจากโพรงมดลูกออกจากรางกาย และเปนทางผานของตัวอสุจิจาก เพศชายเพ่อื ไปผสมกับไขทที่ อ รังไข (5.) คลิสตอริส (Clitoris) ลักษณะเปนกอนเน้ือเล็ก ๆ ต้ังอยูบนสวนของแคมเล็ก เปนเน้ือเย่ือท่ยี ึดหดได มีหลอดเลือดและเสนประสาท และไวตอความรูสึกทางเพศเชนเดียวกับลึงค ของชาย (6.) ตอมนาํ้ เมือก (Bartholin Gland) เปนตอ มเลก็ ๆ อยู 2 ขางของชองคลอด ตอม นีท้ ําหนา ท่ีหลงั่ นาํ้ เมอื กออกมา เพอื่ ใหช วยหลอลื่นชองคลอดในระหวางทมี่ ีการรวมเพศ (7.) ฝเย็บ (Perineum) อยูพ้ืนลางของอุงเชิงกรานที่ก้ันอยูระหวางชองคลอดกับ ทวารหนัก ขยายและยึดหดตัวได ประกอบดวยกลามเนื้อท่ีสําคัญ 3 มัด มีหนาท่ีชวยเสริมสราง กลา มเน้อื ชอ งคลอดใหแ ข็งแรง และปอ งกันชองคลอดหยอน ถาหากขาดแลวไมเย็บ จะทําใหมดลูก ต่ําลงมาไดเ มอ่ื อายมุ ากขน้ึ (8.) เตา นม (Breast) มีอยู 2 เตา ซึง่ มขี นาดใกลเ คยี งกนั ตรงกลางของเตา นมจะมีผิว ท่ีย่นื ออกมาเรยี กวา หัวนม เตานมแตละเตาจะประกอบข้ึนดวยกอนเน้ือหลายกอน กอนเนื้อแตละ กอนจะประกอบดว ยทอ ที่แตกแขนงไปมากมาย เตานมจะมีขนาดโตขึ้นเมื่อเขาสูวัยสาว เน่ืองจากมี เนอื้ เยอ่ื เกี่ยวพนั และไขมันเพม่ิ ขนึ้ ขณะท่ีตั้งครรภเตา นมจะโตข้นึ เน่อื งจากมีการเจริญเตบิ โตของตอม นํ้านมและทอจาํ นวนมาก บริเวณเตานมน้จี ะมีหลอดเลอื ดและเสนประสาทไปเลี้ยงอยูมาก จึงทําใหมี ความไวตอการสัมผัส

50 1.2.1 ความรเู กยี่ วกับผลของการบรรลุวฒุ ิภาวะทางเพศหญงิ เม่ือเพศหญิงเจริญเติบโตเปนสาว ไมเฉพาะแตจะมีลักษณะของความเปน หญงิ ดวยการมีเตา นมเจริญเติบโต และมีลกั ษณะเปลี่ยนแปลงอ่นื ๆ เกดิ ข้นึ เทาน้นั การบรรลุ วุฒภิ าวะของเพศหญงิ ข้ึนอยูกับการมปี ระจาํ เดือนครง้ั แรก และมีประจําเดอื นทุก ๆ เดอื น โดยเฉลยี่ จะ เกิดขน้ึ ทกุ ๆ 28 หรือ 30 วนั และการมปี ระจําเดือนแตละเดอื นอาจะแบง ออกไดเปน ระยะดังน้ี 1. ระยะทาํ ลาย (Destructive Phase) เปน ระยะท่ีมีเลือดออกมา เนื่องจากมี การทําลายของเยื่อบภุ ายในของผนังมดลกู ระยะน้ีจะใชเวลาประมาณ 3-7 วัน หรอื เรยี กวา จะมีเลือด ระดอู อกมาอยูประมาณ 3-7 วัน จํานวนเลอื ดทีไ่ หลออกมามีจาํ นวนไมแ นนอนโดยท่ัวไปจะมีปริมาณ 125 ลูกบาศกเ ซนตเิ มตร นอกจากเลือดท่ีไหลออกมาแลวยังมีเศษของผนังมดลูกท่ีถูกทําลายหลุดปน ออกมาดว ย ระยะทาํ ลายน้เี ริม่ แรกมักจะมีอาการท้ังทางรางกายและจิตใจ เชน ถายปสสาวะบอย มี สวิ ขนึ้ บนใบหนา เตา นมจะโตและแข็ง มอี าการปวดศรี ษะ เพลยี หงุดหงิด เปนตน 2. ระยะฟอลลิคูลา (Follicular Phase) ตอมพิทูอิทารีสวนหนา (Anterior Lobe) หล่ังฮอรโมนชนิดหนง่ึ ออกมาและซมึ เขา กระแสเลอื ด แลวนาํ ไปยังตอ มรังไขจ ะทําใหไขซ่ึงอยู ภายในรังไขเจริญเติบโตและสุกระยะนก้ี ินเวลาประมาณ 9 วนั และเม่อื รวมกบั ระยะทีม่ ีเลือดระดูไหล ออกมาในระยะทาํ ลายจะกนิ เวลาประมาณ 14 วนั 3. ระยะลูเทียล (Luteal Phase) เปนระยะที่ไขสุกเต็มที่และจะหลุดออก จากรังไข รังไขจ ะสรา งฮอรโมนชนดิ หนง่ึ เพื่อกระตุนใหผนังมดลูกหนาและมีเลือดมาหลอเลี้ยงมาก เพื่อรอรับไขที่จะถูกผสมพันธุ ถาไขไมไดรับการผสมพันธุฮอรโมนนี้จะลดลง ซึ่งเปนการเร่ิมตน ระยะทําลาย และจะมีเลือดระดไู หลออกมาใหม 1.2.2 สขุ ปฏิบัติเกี่ยวกบั อวยั วะสืบพนั ธขุ องเพศหญิง 1. อาบน้ําชําระลา งกายใหส ะอาดอยูเสมอ เวลาอาบน้ําควรทําความสะอาด อวยั วะเพศเปนพิเศษ เชน ลาง เช็ดใหแหง โดยเฉพาะอยางย่ิงในชวงมีประจําเดือน ควรใชน้ําอุน ชําระสว นทีเ่ ปอนเลือด เปน ตน 2. หลังจากถา ยอุจจาระ ปสสาวะควรทาํ ความสะอาดแลวเชด็ ใหแหง 3. ควรสวมเสอื้ ท่สี ะอาด โดยเฉพาะอยา งยง่ิ กางเกงในตองสะอาด ไมค บั ไม หลวมเกนิ ไป และควรเปล่ยี นทุกวนั 4. รกั นวลสงวนตัว ไมค วรมเี พศสมั พนั ธก อนแตง งาน 5. ไมควรใชย ากระตุนหรือสารเคมีตออวยั วะเพศ 6. การใชสวมเพือ่ การขับถาย ควรคาํ นึงถงึ ความสะอาดและถูกสุขลกั ษณะ 7. ควรทาํ งานอดิเรก หรือออกกาํ ลังกายเสมอเพื่อเบนความสนใจทางเพศ

51 8. ในยามทม่ี ปี ระจําเดอื นควรเตรียมผา อนามัยไวใหเพยี งพอ และเปลี่ยนอยู เสมออยา ปลอยไวน าน 9. ในชวงมีประจําเดือนไมควรออกกําลังกายท่ีผาดโผนและรุนแรง ควร ออกกาํ ลงั กายเพียงเบา ๆ และพกั ผอนใหเ พียงพอ 10. ควรจดบันทึกการมีประจําเดือนไว ถาประจําเดือนมาชาหรือเร็วบาง เลก็ นอยถอื วา ปกติ ถา ประจําเดือนมาชา หรือเร็วกวา ปกติ 7-8 วนั ข้นึ ไป ควรไปปรึกษาแพทย 11. ในชว งมปี ระจาํ เดอื น ถามีอาการปวดทองควรใชกระเปาน้ํารอนมาวาง ท่ที อ งนอ ย เพอ่ื ใหค วามอบอุน และอาจรับประทานยาแกปวดไดบ าง 12. ถามีอาการผิดปกติทางรางกายในชวงมีประจําเดือน เชน ปวดทองมาก หรอื มีเลือดไหลออกมา ควรรบี ไปปรึกษาแพทยท ันที 13. ระวังอยา ใหอ วยั วะเพศกระทบกระแทกแรง ๆ 14. ถาหากมีการเปลี่ยนแปลงท่ผี ดิ ปกตขิ องอวัยวะเพศ ควรไปปรกึ ษาแพทย เรอื่ งท่ี 2 การเปลย่ี นแปลงเมอ่ื เขาสูวยั หนมุ สาว 1. พัฒนาการทางเพศและการปรบั ตัวเมือ่ เขาสูวยั รุน วยั รุนจะมีการเปลี่ยนแปลงทางรางกายอยางรวดเร็ว และมีพัฒนาการทางเพศควบคู กนั ไปดวย โดยเพศชายและเพศหญิงจะมีความแตกตา งกนั 1.1 การเปล่ียนแปลงทางรา งกายของเพศหญิง การเขาสูชว งวัยรุนของเด็กหญิงจะเกดิ ข้นึ เรว็ กวาเด็กชาย คือ จะเร่ิมข้ึนเม่ืออายุ ประมาณ 11-13 ป ตอมใตสมองจะผลิตฮอรโ มนท่ไี ปกระตุนการเจริญเตบิ โต และกระตนุ การทํางานของ รังไขใหสรางเซลลสืบพันธุและผลิตฮอรโมนเพศหญิง ในชวงนี้วัยรุนหญิงจะมีการเจริญเติบโตอยาง รวดเรว็ สว นสูงและนําหนกั เพ่มิ มากข้นึ อวัยวะเพศโตข้ึน มีขนข้ึนบริเวณหัวเหนาและรักแร เอวคอด สะโพกผายออก เตานมโตขึ้น อาจมีสิวข้ึนตามใบหนา สวนมดลูก รังไข และอวัยวะท่ีเก่ียวของ เจริญเตบิ โตขึ้น เริ่มมปี ระจําเดอื น ซง่ึ ลกั ษณะการมปี ระจําเดือนในเพศหญงิ จะเปนการบงบอกวา วัยรนุ หญิงไดบรรลวุ ฒุ ิภาวะทางเพศแลว และสามารถตงั้ ครรภไ ด การมีประจําเดอื น (menstruation) เปน ปรากฏการณต ามธรรมชาติท่ีเกิดใน เพศหญิงเม่ือยางเขาสูวัยรุน โดยรังไขจะสรางฮอรโมนและผลิตไข ปกติไขจะเจริญเติบโตและสุก เดือนละ 1 ฟอง สลับกนั ระหวางรังไขซา ยและขวา เมื่อไขสุกจะหลุดออกจากรังไขแลวถูกพัดพาเขา ไปในทอ รงั ไขห รอื ปก มดลกู เพ่อื รอรบั การผสมจากตวั อสจุ ิของเพศชาย ในขณะเดยี วกันฮอรโ มนเพศ หญงิ ท่ผี ลติ จากรงั ไขแ ละสงไปตามรางกาย จะทาํ ใหเกดิ การเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุมดลูก โดยในชวง สัปดาหแรกของรอบเดือน ผนังมดลูกจะหนามากท่ีสุด มีหลอดเลือดมาเลี้ยงมากมาย เพื่อ เตรยี มพรอมทจ่ี ะรบั การเกาะฝง ของไขทีไ่ ดรับการผสมจากตัวอสุจิ ถาหากไขไมไดรบั การผสม เย่ือบุ

52 มดลกู กจ็ ะคอ ย ๆ หลุดออก หลอดเลอื ดบรเิ วณเย่อื บุมดลูกก็จะลอกหลุดและฉีกขาด ทําใหเลือดไหล ออกทางปากมดลกู ผา นชอ งคลอดออกสภู ายนอก เรยี กวา ประจาํ เดอื น อาการเมือ่ มีประจําเดือน กอนมีประจําเดือน บางคนอาจมีอาการบางอยาง เกิดข้นึ ได เชน ปวดศรษี ะ ทองอืดเฟอปวดเมื่อกลามเนื้อบริเวณหลังและบ้ันเอว เตานมตึงและเจ็บ หงดุ หงดิ งา ย อารมณไมปกตหิ รือเบอื่ อาหาร คลนื่ ไสอาเจียน ขอ ควรปฏบิ ัตขิ ณะมปี ระจาํ เดอื น คอื ใชผาอนามัยอยางถูกวิธี และลางมือ ใหสะอาดทกุ คร้งั นอกจากนี้ขณะมปี ระเดอื น บางคนมอี าการบางอยา งดังกลา วขา งตน และอาจมีการ ปวดทองนอยเพมิ่ ดวย ซง่ึ เปนอาการปกติท่ีจะหายไปเองเมื่อประจาํ เดือนหยุด หากมีอาการผิดปกติท่ี รุนแรง เชน ปวดทองมากขณะมีประจําเดือน มีประจําเดือนนานเกิน 7 วัน หรือประจําเดือนมา คลาดเคล่อื นจากปกตมิ าก ควรปรกึ ษาแพทยโดยเฉพาะสตู นิ รแี พทย ผาอนามัยควรเปลี่ยนบอย ๆ อยางนอยวันละ 2-3 ครั้ง และทุกคร้ังหลัง อาบน้าํ หรือหลงั ถา ยอุจจาระ รกั ษาความสะอาดของรางกายและเสื้อผาที่สวมใส ไมใชเสื้อผารวมกับ ผูอนื่ ออกกาํ ลงั กายใหน อ ยลงกวาปกติ พักผอ นใหเพียงพอ ทาํ จติ ใจใหรา เรงิ แจมใส ถามีอาการปวด ทอ งนอยมากใหน อนควาํ่ แลว ใชห มอนรองใตทองนอ ยประมาณ 15-20 นาที ประจําเดือนจะออกไดดี และชว ยใหทุเลาปวด อาจไมจาํ เปนตอ งใชย าแกปวด ควรรบั ประทานยาแกปวดหากมอี าการปวดมาก ถาปวดทองรุนแรงมากหรอื มีเลือดออกมากผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย และขณะมีประจําเดือนไม ควรอาบน้ําแบบแชในแมนํ้าลําคลอง อางน้ําในบานหรือสระวายนํ้า เพราะเช้ือโรคในน้ําอาจเขาสู โพรงมดลกู ได เน่อื งจากปากมดลูกจะเปด เลก็ นอ ย จึงควรอาบนํ้าแบบตกั หรอื ใชฝก บัว 1.2 การเปล่ยี นแปลงทางรา งกายของเพศชาย เด็กชายจะเร่ิมเขาสูวัยรุนเมื่ออายุประมาณ 13-15 ป ตอมใตสมองจะผลิต ฮอรโมนท่ีไปกระตุนใหรางกายเจริญเติบโต และกระตุนใหอัณฑะผลิตเซลลสืบพันธุและฮอรโมน เพศชายมีการเปลยี่ นแปลงของรา งกายทเี่ ห็นไดช ัดโดยเฉพาะความสงู และน้าํ หนกั ตวั ทเี่ พิม่ ขึ้น แขนขา ยาวเกง กา งไหลก วา งออก กระดูกและกลามเนื้อแข็งแรงขึ้นและมีกาํ ลงั มากขน้ึ เสียงแตก นมแตกพาน มีหนวดเครามีขนข้ึนที่หนาแขง รักแร และบริเวณอวัยวะเพศ บางคนอาจมีสิวข้ึนบริเวณใบหนา หนาอก หรอื หลงั อวัยวะเพศโตข้นึ และแข็งตวั เม่ือมีความรูสกึ ทางเพศหรือถูกสัมผัส และมีการหลั่ง นา้ํ อสจุ หิ รือน้ํากามออกมาในขณะหลับ (ฝนเปย ก) ซึ่งเปนอาการทบ่ี ง บอกวา ไดบ รรลวุ ฒุ ภิ าวะทางเพศ แลว และยงั หมายถึงการมคี วามสามารถทจี่ ะทําใหเ พศหญิงเกิดการตง้ั ครรภไดอ กี ดว ย การฝน เปยก (wet dream) เปน ปรากฏการณต ามธรรมชาตทิ ี่เกิดในเพศชาย กลาวคือในดา นรางกายลูกอณั ฑะจะทําหนาท่สี รางฮอรโมนเพศชายและตวั อสุจิ โดยจะเกบ็ สะสมไวท ่ี ถงุ เกบ็ นํ้าอสจุ ิ ในดานจติ ใจและอารมณ ฮอรโมนเพศจะมีผลทําใหวยั รนุ เร่ิมมคี วามรูสึกทางเพศ และ

53 สนใจเพศตรงขาม เมอื่ รา งกายมีการผลิตนํ้าอสุจิเก็บไวมากขึ้น ประกอบกับจิตใจและอารมณมีการ เปล่ยี นแปลงดังกลาว จะมผี ลทาํ ใหเ กดิ ความตึงเครียดของประสาท ในขณะหลับอาจฝน จินตนาการ เก่ยี วกับเรือ่ งเพศหรือเรอ่ื งท่ีหวาดเสียว สง ผลใหถุงเก็บนา้ํ อสุจริ ดั ตวั ทาํ ใหต ัวอสุจิและน้ําหลอเล้ียงถูก บีบเขาสูทอปสสาวะและขับเคล่ือนออกมาภายนอกโดยอัตโนมัติ ซึ่งเรียกอาการที่เกิดข้ึนนี้วา ฝน เปยก ซ่ึงนับวา เปนการผอนคลายความตงึ เครยี ดทางจติ ใจและอารมณทางเพศตามธรรมชาติ จึงไมถือ วาผดิ ปกตแิ ตอ ยางใด 1.3 ตอมไรทอทมี่ ีอิทธิพลตอ การควบคุมพฒั นาการทางเพศ ตอมไรทอท่ีมีอิทธิพลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุนท่ีสําคัญ ไดแก ตอมใตสมองหรือตอมพิทูอิทารี (Pituitary gland) ตอมเพศ (Gonads) ตอมไทรอยด (thyroid gland) และตอมหมวกไต (adrenal or suprarenal glands) ซ่ึงตอมไรทอแตละตอมสงผลตอการเจริญเติบโต และพฒั นาการของวัยรุน 1.4 อารมณทางเพศ (sexuality) หรอื ความตองการทางเพศ (sexusl desire) ในที่น้จี ะหมายถึง ความรสู ึกของบุคคลทีม่ ผี ลมาจากสิ่งเรา ภายในหรือสงิ่ เรา ภายนอก ท่ีเปน ปจจัยท่ีมากระตุนใหเกดิ ความรูสกึ ทางเพศขึ้น โดยมีระดับความแตกตางมากนอยตา งกัน ขึน้ อยู กบั ความสามารถในการควบคมุ อารมณแ ละพ้ืนฐานทางดา นวุฒิภาวะของแตล ะบคุ คล จากความหมายดงั กลา วจะเหน็ ไดวา สิ่งเราภายในและสิง่ เรา ภายนอกเปนปจจยั สําคัญ ท่ีจะสงผลใหอารมณและอารมณทางเพศเกิดข้ึน และเมื่อวิเคราะหในประเด็นที่เก่ียวของกับ ความสําคญั ของอารมณท างเพศกบั วยั รนุ แลว สรปุ ประเดน็ ทีส่ ําคัญได ดังนี้ 1) อารมณทางเพศถือวาเปนสัญชาตญาณในการดํารงเผาพันธุของมนุษยที่ เกิดข้นึ ตามธรรมชาติ เปน ตัวบง ชีป้ ระการหน่งึ ทแี่ สดงใหเ ห็นถึงความสมบูรณข องพัฒนาการทางดาน รา งกาย จติ ใจ และอารมณข องวยั รุน ทก่ี า วเขาสชู วงของวัยเจรญิ พนั ธมุ ากขน้ึ 2) ปจจุบนั ส่อื หลายรูปแบบท่ปี รากฏอยใู นสงั คมมีสวนชวยกระตนุ แรงขบั ทาง เพศ (Sex drive) ของวยั รุนใหเ กิดอารมณทางเพศไดงายขึ้น การนาํ เสนอภาพหรือขอความที่เกี่ยวของ กบั เรื่องเพศผานส่อื ตาง ๆ เปน ปจ จยั หนง่ึ ที่ยวั่ ยใุ หว ยั รนุ เกิดอารมณทางเพศที่เสยี่ งตอการมเี พศสัมพันธ ไดงา ยและเร็วขึ้น โดยส่ือตาง ๆ เหลานอ้ี าจอยใู นรูปแบบของหนังสือหรอื ภาพยนตรบางประเภท รวม ไปถงึ ขอมลู ท่ีไดจากการสบื คน ดวยระบบอนิ เทอรเน็ต ซ่ึงผลกระทบจากอารมณท างเพศในแงลบจะมี มากยิง่ ขึ้น หากวัยรุนขาดความรคู วามเขา ใจในแนวทางการควบคุมอารมณท างเพศอยา งถกู ตอ ง จนใน ทีส่ ุดอาจนาํ ไปสพู ฤติกรรมเสีย่ งตอการมเี พศสมั พันธโดยไมตั้งใจ และนํามาสูปญหาตาง ๆ ในสงั คมท่ี เก่ียวขอ งกบั พฤตกิ รรมทางเพศที่ไมเหมาะสมของวัยรุนได 3) อารมณทางเพศของวัยรุนหากขาดวิธีการควบคุมที่ถูกตอง จะนําไปสู ปญ หาพฤตกิ รรมทางเพศท่ีไมเ หมาะสมของวัยรุน มากขนึ้ วยั รนุ แมจะเปนวัยทม่ี แี รงขบั ทางเพศสูงกวา

54 ทุกวัย และพรอมที่จะมีเพศสัมพันธหรือมีบุตรไดก็ตาม แตสังคมและวัฒนธรรมของไทยก็ยังไม ยอมรับท่ีจะใหวัยรุนชาย-หญิง แสดงพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมดังกลาว โดยเฉพาะการมี เพศสมั พนั ธจ นกวาจะไดท าํ การสมรสหรอื ยูในชวงวัยทเ่ี หมาะสมอารมณทางเพศท่ีเกิดขึ้นในชวงการ เขาสวู ยั รุน เปนพัฒนาการอยา งหน่งึ ที่แสดงใหเหน็ ถงึ ความพรอมของรางกายท่จี ะสบื ทอดและดาํ รงไว ซึ่งเผาพันธุ โดยมีสิ่งเราสําคัญใน 2 ลักษณะ ประกอบดวย ลักษณะของปจจัยที่เปนส่ิงเราภายใน (intrinsic stimulus) และลักษณะของปจ จัยทีเ่ ปนสิ่งเราภายนอก (extrinsic stimulus) 1) ลักษณะของปจ จัยทเี่ ปนสง่ิ เรา ภายใน ปจจัยที่เปนสิ่งเราภายใน ในท่ีนี้หมายถึง ส่ิงเราซ่ึงเปนผลที่เกิดจาก กระบวนการเปลยี่ นแปลงตาง ๆ ท่ีเกิดขึ้นในรางกาย โดยไดรับอิทธิพลมาจากการทํางานของระบบ ตอมไรทอ ซึ่งผลิตฮอรโมน ออกมาเพ่ือกระตุนใหรางกายมีการพัฒนาอยางเปนระบบตอเน่ือง ฮอรโมนเพศเปนปจจัยภายในท่ีสําคัญท่ีเปนส่ิงเราใหวัยรุนมีพัฒนาการของอารมณทางเพศเกิดขึ้น และนําไปสกู ารเกดิ ความตองการทางเพศตามชวงวัย ในเพศชายฮอรโมนท่ีเปนปจจัยสําคัญในเร่ือง ดงั กลาว คอื ฮอรโมนเทสโทสเตอโรน สว นในเพศหญิง คือ ฮอรโมนเอสตราดิโอล และ ฮอรโมน ฟอลลิควิ ลาร 2) ลักษณะของปจจัยทเ่ี ปน ส่งิ เราภายนอก ปจจัยท่ีเปนสิ่งเราภายนอก ในท่ีน้ีหมายถึง สภาพแวดลอมภายนอกตาง ๆ ที่ สามารถกระตนุ หรอื ยั่วยุใหผ ูท ่รี บั รู หรอื ไดรับการถายทอดเกดิ ความรสู กึ ทเี่ กิดเปนอารมณทางเพศขึ้น ประกอบดว ย สอ่ื รูปแบบตาง ๆ ที่กระตุนหรือยั่วยุใหวัยรุนเกิดอารมณทางเพศ ปจจุบันมีส่ือ หลากหลายรูปแบบโดยเฉพาะ สอ่ื ทางเพศ ไดน าํ เสนอภาพและ/หรือขอ ความทเ่ี กี่ยวกบั เพศ ซ่ึงมักจะ นําไปสูการกระตุนหรือยั่วยุใหผูรับส่ือโดยเฉพาะในวัยรุน ความหลากหลายของสื่อในลักษณะ ดงั กลา วทาํ ใหม ผี ูเปรยี บเปรยส่ือตาง ๆ เหลา น้ีเปน สนิ คา เพศพาณิชย ซงึ่ นับวันจะมีการผลติ และนาํ มา เผยแพรใ หเ หน็ เพิม่ มากขึน้ สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมที่เปล่ียนไป ปจจุบันเปนที่ยอมรับกันอยาง หน่ึงวา สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมไทยไดเปลี่ยนไปจากเดิม นับต้ังแตท่ีมีการรับวัฒนธรรม ตะวนั ตกเขาสสู งั คมไทย กอใหเ กดิ การเปลยี่ นแปลงข้ึนหลายลกั ษณะ โดยเฉพาะในประเทศไทยเกิด ความเปล่ยี นแปลงทเี่ กยี่ วของกับเร่ือง การคบเพ่ือนตางเพศของวัยรุนไทย พบวามีอิสระเพ่ิมมากข้ึน นอกจากนี้ปจจุบันสภาพของครอบครัวไทยมีการเปลี่ยนแปลงไป ผูปกครองมีเวลาใกลชิดกับบุตร หลานนอ ยลง ซงึ่ เปน ผลมาจากสภาพของภาวะเศรษฐกจิ นอกจากน้ยี ังพบวา ความมอี สิ ระของส่ือตอ การนาํ เสนอเรื่องราวที่เกี่ยวของกับเพศ จัดไดวาเปนส่ิงเราภายนอกท่ีสําคัญ ท่ีสามารถที่จะเราและ กระตนุ ใหว ยั รนุ เกิดความตอ งการทางเพศข้ึนได โดยเฉพาะหากขาดการดแู ลและการควบคมุ ที่ถกู ตอง เหมาะสม

55 คานิยมและพฤติกรรมท่ีไมเหมาะสมในบางลักษณะของวัยรุน ผลจากสภาพ ทางสังคมและวัฒนธรรมที่เก่ียวของกับเร่ืองเพศท่ีเปล่ียนไป สงผลใหวัยรุนไทยเกิดคานิยม และมี พฤติกรรมท่ีไมเหมาะสมในหลายลักษณะ เปนตนวา คานิยมในเรื่องการแตงกายตามสมัยนิยม (Fashion) ท่ีมากเกินควรของวัยรุน โดยไมคํานึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เชน ลักษณะการสวม เสือ้ ผา ท่ีรัดรปู หรือเปดเผยสัดสวนรางกายของวัยรุนเพศหญิง ซึ่งการแสดงออกดังกลาวจะกระตุน และยั่วยุใหว ยั รุนชายเกิดอารมณท างเพศได นอกจากน้ียังพบวาวัยรุนมักจะมีคานิยมท่ีเกี่ยวกับความ ตอ งการในการแสดงออกโดยอสิ ระ เปน ตน วา การเทย่ี วเตรในเวลากลางคืน การสัมผัสรางกายของ เพศตรงขาม หรอื การจับมอื ถือแขนอยางเปดเผยในทสี่ าธารณะ การอยตู ามลําพงั สองตอสอง หรือการ ไมใหค วามสําคัญในเรอ่ื งการรักษาพรหมจารี ฯลฯ ซง่ึ สิ่งตา ง ๆ เหลานถี้ ือวาเปนปจ จัยภายนอกที่สามารถ จะกระตุนหรอื ย่ัวยใุ หวยั รุนเกดิ อารมณท างเพศขนึ้ ได ความเปลี่ยนแปลงทเ่ี กดิ ขึน้ ในขณะท่ีวัยรนุ เกดิ การ เปลีย่ นแปลงทางเพศ อารมณเพศหรือความตองการทางเพศที่เกิดขึ้นกับวัยรุน ไมวาจะเกิดจากสิ่งเรา ภายในหรือภายนอกก็ตาม มักจะทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงใน 2 ลักษณะสําคัญ ประกอบดวย ลักษณะการเปล่ียนแปลงที่เกิดขึ้นกับสภาพจิตใจ และลักษณะการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนกับสภาพ รางกาย 1) ลกั ษณะการเปล่ยี นแปลงท่เี กดิ ขึน้ กบั สภาพจิตใจ โดยปกตขิ ณะทีค่ นเราเกิดอารมณทางเพศจะพบวา มีจิตนาการที่เกี่ยวของกับ เร่ืองเพศอยูในระดับหน่ึง ซึ่งจะมากหรือนอยหรือมีความแตกตางกัน ยอมขึ้นอยูกับพื้นฐาน ความสามารถในการควบคมุ อารมณแ ละความรูสึกของแตละคน และโดยทั่วไปพบวา ความต่ืนเตน ทางเพศทีเ่ ปน พนื้ ฐานของการเกิดอารมณทางเพศในเพศหญิงจะเกิดไดชากวาเพศชาย อยางไรก็ตาม ทั้งเพศชายและเพศหญงิ เมื่อเกดิ อารมณทางเพศขนึ้ หากความสามารถในการควบคุมอารมณและการ จัดการในเรื่องดงั กลา วไมดพี อ กม็ ักจะสงผลใหเ กดิ ปญ หาทางดา นสขุ ภาพจติ ขน้ึ ได โดยเร่ิมจากภาวะ ทางดา นจติ ใจที่เกิดความเครียดขน้ึ แลว นาํ มาสภู าวะของความวิตกกังวลท่ีเกี่ยวของกับเรื่องเพศ จน อาจนําไปสูก ารขาดความเช่ือมน่ั ในตนเองได 2) ลักษณะการเปลีย่ นแปลงทีเ่ กิดขน้ึ กับสภาพรางกาย ขณะท่สี ภาพจติ ใตมีการเปลี่ยนแปลงและแสดงออกถึงความตองการทางเพศ ปฏกิ ิรยิ าของรางกายที่แสดงใหเห็นถึงภาวะความเปล่ียนแปลงดังกลาวของรางกายจะเห็นไดชัดเจน มากข้นึ โดยเฉพาะรางกายท่แี สดงใหเ ห็นถึงภาวะความเปล่ียนแปลงดังกลาวของรางกาย จะเห็นได ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศท่ีมีการไหลเวียนของเลือดที่สงมามากขึ้น สงผลให อวัยวะเพศเกิดการขยายตัว เพศชาย พบวา บรเิ วณองคชาตหรือลงึ ค (penis) จะมขี นาดเพมิ่ ขึ้นและแข็งตัว ขึ้น ผนงั ทห่ี มุ อัณฑะ (Scrotum) จะหนาขน้ึ ลูกอณั ฑะจะเคล่ือนตัวสูงข้นึ

56 เพศหญิง พบวาบริเวณอวยั วะเพศนอกจากจะขยายตัวแลว บริเวณชองคลอด อาจมกี ารขบั นํ้าหลอลนื่ ออกมา รวมท้งั กลามเนอ้ื บริเวณดังกลา วยังอาจเกิดการหดรดั ตวั ขึน้ เปนระยะ นอกจากการเปลี่ยนแปลงบริเวณอวัยวะเพศแลว ผลจากการเกิดอารมณทาง เพศยังสงผลใหการสูบฉีดเลือดของหัวใจเพิ่มข้ึน ทําใหเลือดไหลเวียนเพ่ิมข้ึน เปนผลใหผิวหนัง บรเิ วณทส่ี ังเกตได มกี ารเปลย่ี นแปลงเปนสีแดงเพิ่มขน้ึ เชน บรเิ วณใบหนา ลําคอ อก และหนา ทอ ง นอกจากน้ี ในเพศหญิงหวั นมและเตา นมอาจมีการขยายตัวขึ้น ผลกระทบดานลบท่ีเกิดขึ้นจากการเกิดอารมณทางเพศของวัยรุน จนนํามาสู ปญหาทางสังคมที่เหน็ ไดชดั อีกประการหนึ่งในปจจุบัน คือ การมีพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสม ของวัยรุน ซง่ึ นาํ มาสูปญหาตาง ๆ ตามมา เปนตนวา การเกิดปญหาการตั้งครรภที่ไมพึงประสงคใน วัยรนุ การเกิดปญหาการตดิ โรคทางเพศสัมพันธและโรคเอดสในวัยรุน โดยปญหาเหลาน้ีถือวาเปน ผลกระทบที่สืบเน่ืองมาจากการเกิดอารมณทางเพศของวัยรุนที่ไมไดรับการควบคุมและจัดการท่ี ถูกตองเหมาะสม ซ่ึงผลกระทบดังกลาวถือไดวาเปนปญหาทางสังคมท่ีสําคัญอีกประการหนึ่งใน ปจ จบุ นั แนวทางในการจดั การกบั อารมณทางเพศของวยั รนุ การจัดการกับอารมณทาง เพศของวยั รนุ มีแนวทางการปฏบิ ตั ทิ ่ีสาํ คญั อยู 2 ลกั ษณะ ประกอบดว ย แนวทางการปฏิบัติเพ่ือระงับ อารมณท างเพศ และแนวทางการปฏิบตั ิเพอื่ ผอ นคลายความตอ งการทางเพศ 1) แนวทางการปฏิบตั ิเพอื่ ระงับอารมณท างเพศ แนวทางการปฏบิ ัตเิ พอ่ื ระงบั อารมณท างเพศ หมายถงึ ความพยายามในการท่ี จะหลีกเลยี่ งตอสง่ิ เราภายนอกทมี่ ากระตุนใหอารมณทางเพศมีเพ่ิมมากข้ึน แนวทางในการปฏิบัติ มี ดังนี้ หลีกเลีย่ งการดหู รืออานขอ ความจากสื่อตา ง ๆ ทีม่ ีภาพหรือขอความที่สามารถ ยั่วยุใหเกิดอารมณทางเพศ เชน การดูหนังสือ หรือภาพยนตร หรือสื่ออินเทอรเน็ตที่มีภาพหรือ ขอความที่แสดงออกทางเพศ ซึ่งเปน การย่วั ยุใหเกดิ อารมณท างเพศ หลีกเลี่ยงการปฏิบัติหรือการทําตัวใหวางหรือปลอยตัวใหมีความสบายเกินไป เชน การนอนเลน ๆ โดยไมหลับ การน่งั ฝนกลางวนั หรือนัง่ จิตนาการที่เก่ียวของกับเรื่องเพศ การอยู ในสภาพของบรรยากาศท่ีมีแสงสเี สยี งทกี่ อ หรอื ปลุกเราใหเกิดอารมณท างเพศ อยางไรก็ตาม แมในทางจิตวิทยาและในทางการแพทยจะมีความเห็นท่ี สอดคลองกนั วา การบําบัดความใครดว ยตนเองโดยทั่วไปจะไมก อใหเกดิ ความผดิ ปกตทิ ้ังทางรางกาย และจิตใจ แตก ไ็ มควรปฏบิ ัติบอยจนเกิดความหมกมุนตอเร่ืองดังกลาว ซึ่งจะกอใหเกิดเปนลักษณะ นิสยั ซึง่ อาจสงผลลบตอ บคุ ลกิ ภาพและความเขมแข็งทางดานการควบคุมอารมณที่ดีได ดังน้ัน หากมี ความจําเปนและไมสามารถที่จะหลีกเล่ียงการปฏิบัติในเร่ืองดังกลาวได ควรระลึกและคํานึงถึง หลักการปฏิบัติทเี่ กยี่ วขอ งใน 3 ลกั ษณะทีส่ ําคัญ คอื ตองคํานึงในหลักของความสะอาดเปนพื้นฐาน

57 ตอ งคาํ นึงถึงสถานทใ่ี นการปฏิบัติ คอื ตอ งมคี วามเปน สว นตัว ไมประเจดิ ประเจอ และตอ งไมป ฏบิ ัติ ดวยวิธกี ารทีร่ ุนแรง ซึ่งอาจกอ ใหเ กดิ บาดแผล หรอื มีการอักเสบ หรือตดิ เช้อื ได 1.5 การปรับตวั ทางเพศเม่ือเขาสวู ัยรุน เม่ือเขาสูวัยรุน เพื่อชวยใหสามารถปรับตัวไดอยางถูกตองและเหมาะสมกับ เพศของตนดียง่ิ ขนึ้ วยั รนุ ควรมีแนวทางในการปฏิบัติ ดงั น้ี 1) ศึกษาใหเ ขาใจถึงการเปลี่ยนแปลงทางเพศของรางกายและจิตใจ เมื่อยาง เขา สวู ัยรุน เราจะสงั เกตเห็นวามกี ารเปลีย่ นแปลงเกดิ ขึ้นในตวั เราหลายอยาง บางอยางก็อาจทําใหเรา ไมส บายใจ เชน วัยรุนชายบางคนไมอยากพูดคุยกับเพ่ือนเพราะอายท่ีเสียงแตกพรา สําหรับวัยรุน หญิงที่มีประจําเดือนเปนครั้งแรกอาจมคี วามรสู ึกกงั วลและมีอาการตาง ๆ เกิดข้ึน แตถาหากไดศึกษา และทําความเขา ใจเก่ียวกับสภาพการเปลี่ยนแปลงดังกลาว จะทําใหเขาใจและสามารถปฏิบัติตนได อยา งถกู ตอง 2) ปรับตวั เขากับเพอ่ื นตางเพศใหเ หมาะสม วัยรุน เปน วัยทมี่ ีการเปล่ียนแปลง ทางเพศหลายอยางท้ังชายและหญงิ เรมิ่ มีความสัมพันธก นั ทางสังคมมากขึ้น ทําใหชายและหญิงตางมี ความสนใจในเพื่อนตางเพศมากขึ้น การคบเพ่ือนตางเพศไมใชสิ่งเสียหาย แตตองปฏิบัติตนอยูใน ขอบเขตท่เี หมาะสมและรูจ ักมารยาทที่ควรปฏบิ ัตติ อกัน ดงั นี้ ฝายชาย ควรใหเกียรติฝายหญิง ไมเก้ียวพาราสีหรือฉวยโอกาส มีความ บรสิ ทุ ธิ์ใจ และควรใหค วามชวยเหลอื ฝายหญิง เชน ชวยถือของ สละที่น่ังให ไมแสดงกิริยาวาจาท่ี ไมเ หมาะสม เชน พูดจาหยาบโลน หรือใชก าํ ลังรุนแรง เปนตน ฝายหญิง ควรวางตัวใหเหมาะสม สงวนตัว ไมอยูในท่ีรโหฐานกับเพศตรง ขามตามลําพัง ไมไปในที่เปล่ียว แตงตัวสุภาพ ไมแสดงกิริยาวาจาที่ไมเหมาะสม เชน สงเสียงดัง หรือ กลาวคําผรุสวาท เปน ตน แสดงความมนี าํ้ ใจและใหเกยี รติฝา ยชาย 3) ควรรีบปรกึ ษาผูใหญเ ม่ือมปี ญหาหรือมีอุปสรรคใด ๆ เกี่ยวกับเร่ืองเพศ วัยรุน สว นมากมักจะมีความวิตกกงั วลในเรอ่ื งตาง ๆ เกี่ยวกับการเปล่ยี นแปลงทางดา นรา งกายและจติ ใจ เมือ่ มปี ญ หาเกิดขึ้นควรจะปรกึ ษาพอ แม ครู ญาตพิ น่ี อง และผใู หญทไ่ี ววางใจ เพราะทานมปี ระสบการณ มากกวา เรา ยอมจะชวยแนะแนวทางปฏิบัติทถ่ี ูกตอ งใหแ กเราได 4) ปฏบิ ตั ิตามขนมธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม โดยการเคารพเช่ือฟงผูใหญ หมั่นศึกษาเลาเรียน ไมประพฤติไปในทางชูสาวกอนเวลาอันเหมาะสม การยึดมั่นใน ขนบธรรมเนยี มประเพณอี ันดีงามจะชว ยเตอื นใจใหเราปฏิบตั ิในทางทถี่ ูก 2. วยั รุนกับการคบเพ่ือน วัยรุนเปนวัยท่ีใหความสําคัญกับเพ่ือนและตองการใหตนเองเปนท่ีนิยมชมชอบใน กลุมเพอื่ น การมเี พ่ือนท่ีดจี ะทาํ ใหว ัยรุน มผี ทู คี่ อยรวมทุกขรวมสุข ปรับทุกข ชี้แนะแนวทางในการ

58 แกไขปญหาอยา งถกู ตอ ง แตถาวยั รุนคบเพื่อนทไ่ี มดีก็จะชกั นําไปสูท างทไ่ี มดี วัยรุนจึงควรรูจักเลือก คบเพ่ือนท่ีดแี ละสรา งความสมั พนั ธท ่ีดกี บั เพ่อื น ซึ่งจะชวยใหสามารถปรับตัวใหเ ขากับสงั คมไดตอไป 2.1 หลกั การคบเพื่อน ควรมีหลักปฏิบัติในการคบเพ่ือน คือวัยรุนควรพิจารณากลุมเพ่ือนที่คบวามี ความประพฤติเปนอยางไร ถาเพ่ือนคนใดประพฤติตนในทางไมดี ก็ควรแนะนําและชักจูงใหเขา ประพฤติในทางท่ีดี รจู ักปฏเิ สธและไมห ลงเชื่อคําชักชวนหรือปฏบิ ตั ิตามเพ่ือนที่มีความประพฤติไมดี เชน ชวนใหห นีเรียนเที่ยวกลางคืน เลนการพนัน เสพสารเสพตดิ เปนตน โดยในการพูดปฏิเสธนั้น ใหปฏบิ ตั ิดังนี้ พดู ดว ยนํ้าเสียงหนัก แนน ม่นั คง ควรบอกความรสู ึกดกี วา บอกเหตผุ ลหรอื ขออา ง เพราะความรูส กึ เปน เรอ่ื งสวนตัวของแต ละบุคคล ถาบอกเหตุผลหรือขออาง เพ่ือนอาจจะนําเหตุผลอ่ืนมาลบลางใหปฏิเสธไมได และรูจัก แนะนําและชักชวนเพื่อนปฏิบัติกิจกรรมที่ดีและมีประโยชน เชน เลนกีฬา เลนดนตรี เรียน ภาษาตางประเทศ เรยี นคอมพิวเตอร เขารวมในกิจกรรมพัฒนาตาง ๆ ในชุมชน เปนตน โดยเลือก ตามความสนใจและความเหมาะสมของตนเอง จะไดเปนการใชเ วลาวา งใหเ กดิ ประโยชน 2.2 หลกั ทั่วไปในการผกู มติ ร หลักทั่วไปในการผูกมติ ร มีแนวทางในการปฏบิ ัติ ดังน้ี 1) รจู ักยอมรับคาํ ติชม เชน รับฟง ความคดิ เหน็ หรอื คาํ วิพากษวจิ ารณของผอู นื่ เก่ียวกับตวั เราเองดว ยความเตม็ ใจ เปน ธรรม ไมล าํ เอยี งเขา ขา งตนเอง และสามารถควบคมุ อารมณไ ด 2) รูจักอารมณขัน มองโลกในแงดี และควรเปนคนย้ิมงาย เปน บุคลกิ ลักษณะท่ีดแี ละเปน เสนหที่ทาํ ใหผ พู บเห็นหรือคบคาสมาคมดว ยรสู ึกชมชอบ เกิดความสุขและ ความสบายใจ นบั วาเปน สง่ิ สําคัญยง่ิ อยางหน่ึงทจ่ี ะนาํ ไปสูการตอนรับและความรวมมอื ทีด่ ี 3) รูจักออนนอมถอมตน ไมคุยโออวดความสามารถของตน ไมพูดจาดูถูก หรอื ยกตนขมผอู น่ื และรูจักยอมรบั ขอ บกพรอ งหรือความดอ ยของตนในดา นตาง ๆ 4) รูจักรับผิดชอบตอหนาที่ เชน หนาท่ีสําคัญของนักเรียนคือเรียน ครูมี หนาทใี่ หก ารศึกษาอมรมแกนักเรยี น นกั ศึกษา 5) รูจักประนีประนอม เม่ือเกิดปญหาหรืออุปสรรคข้ึน ควรจะมีการ ประนีประนอมหรือรอมชอมกัน ซึ่งเปนวิธีการหน่ึงที่คนเราอาจตกลงกันไดอยางยุติธรรมและมี เหตผุ ล 6) รูจักเอาใจเขามาใสใจเรา ใหคิดเสมอวาอะไรก็ตามท่ีเราเองไมชอบ ไม ตอ งการใหผอู น่ื กระทําตอเรา กจ็ งอยา กระทาํ สงิ่ นนั้ ตอบุคคลอ่ืน และถาตองการใหบุคคลอ่ืนกระทํา ส่ิงใดตอ เราก็จงกระทําสง่ิ นนั้ ตอเขา 7) รูจักใหกําลังใจคนอ่ืน เชน ยกยองใหเกียรติ ใหกําลังใจผูอื่นดวยการ ชมเชย รูจักแสดงความชน่ื ชมยินดตี อ ความสําเร็จของเพอื่ นรว มหอง เพอื่ นรวมงาน เปนตน

59 8) รจู ักไววางใจคนอ่นื คอื รูจกั ไวเน้ือเช่อื ใจคนอนื่ บา งตามสมควร เพราะคน อ่ืนอาจมีความดอยเกินไปในดานตาง ๆ ไดเชนเดียวกับเรา นอกจากนี้บางคร้ังการประเมินคา ความสามารถของผูอน่ื ดอ ยเกนิ ไป อาจนํามาซง่ึ ความผิดหวังไดดวย 9) รูจักรวมมือกับคนอ่ืน เชน การใหความรวมมือกับหมูคณะในการ ประกอบกจิ กรรมตาง ๆ ของสวนรวมดวยความเต็มใจ เพราะผูที่เห็นแกตัวหรือเอาแตไดยอมเปนที่ รงั เกียจของสังคม 10) รูจักเคารพสิทธิของผูอื่น เชน ไมควรใชทรัพยสิ่งของของผูอื่นโดย พลการ ไมกา วกา ย หรือละเมดิ สทิ ธซิ ง่ึ เปนผลประโยชนอันชอบธรรมของผอู นื่ 2.3 หลกั ในการสรางเสรมิ ความสมั พนั ธอ นั ดกี ับกลมุ เพอื่ น หลักในการสรา งเสริมความสมั พนั ธอนั ดีกบั กลมุ เพ่อื น มีแนวทางปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1) รูจ กั ตนเองและรูจ ักคนอน่ื วยั รนุ ตองมคี วามเขา ใจในความตองการของตน และของเพื่อนยอมรับสภาพความเปน จรงิ ของตน และยอมรบั ความแตกตางในตวั เพ่ือนกับตัวเอง ไม อจิ ฉาริษยาเพ่อื นท่มี ฐี านะดีกวา หรือมีความสามารถมากกวา และไมยกตนขมทานหรือดูถูกเหยียด หยามเพ่ือนท่ีดอยกวา ตน แตใ หยนิ ดีกับความสําเร็จของเพ่ือน และคอยชว ยเหลอื สนบั สนุนเพื่อนหาก มีโอกาส 2) มมี นุษยส มั พนั ธท่ีดี รูจกั พดู รูจักฟง เรยี นรูที่จะพูดเรื่องตาง ๆ ในจังหวัด ทีเ่ หมาะสม เปดโอกาสใหเพ่อื นไดแสดงความคิดเห็น และรับฟงความคดิ เหน็ ของเพื่อน เอาใจใสใน ตัวเพ่ือน และใหความสําคัญกับเพื่อนดวยความบริสุทธ์ิใจ ตลอดจนมีความซ่ือสัตยและจริงใจตอ เพ่อื น 3) การมองโลก ใหมองในแงทีเ่ ปน จริง ไมม องในแงดีจนเกินไป อันอาจถูก หลอกลวงและคดโกงได แตไมมองคนในแงรา ยจนเกินไป อันจะทําใหเปน คนใจแคบ ไมร ูจกั การให อภยั 4) มีนํ้าใจเปนนักกีฬา ยอมรบั ผดิ เม่อื รวู าตนผิด ปฏิเสธในสิ่งที่ตนไมสามารถ ทําได เม่ือใหส ัญญาอยา งไรไวกบั ใครกต็ องพยายามทาํ ตามสัญญานัน้ ใหด ที ส่ี ุด นอกจากนี้ยังตองรูจัก เสยี สละและใหอ ภัยแกเ พ่อื นเมอื่ เกดิ ขอ ผดิ พลาด โดยทําความเขาใจถึงสาเหตุท่ีทําใหเกิดขอผิดพลาด นนั้ และรวมมอื กันปรับปรงุ แกไ ขตามสาเหตทุ เ่ี กดิ ขนึ้ ตอไป หรือสงผลมากระทบ และเมื่อเกิดอารมณขึ้นก็มักจะพบวาพฤติกรรมการ แสดงออกดังกลาว มกั มีการเปลี่ยนแปลงหรอื แตกตางไปจากสภาพเดิม ซึ่งสังเกตเห็นไดชัดเจนหรือ อาจไมช ัดเจน ทั้งนี้ขึ้นอยูกบั ความสามารถในการปรับสภาพอารมณข องแตละบุคคล

60 เรือ่ งท่ี 3 พฤตกิ รรมทน่ี าํ ไปสูการมีเพศสมั พันธ ปจจบุ นั ปญหาจากพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมของวัยรุนมีหลายลักษณะ เชน การมเี พศสัมพันธก อนวัยอันควร การตดิ เชอ้ื เอดสแ ละโรคตดิ ตอทางเพศสมั พันธ รวมท้งั การต้ังครรภ ทไี่ มพ ึงประสงคในวยั รนุ ทง้ั ท่ีมาจากพฤติกรรมทางเพศท่ีไมเหมาะสมโดยตรง และมาจากอบุ ัติภัยทาง เพศนับเปน ปญ หาทางเพศของวยั รนุ ที่อยใู นอนั ดับตน ๆ อยางไรกต็ าม มีวัยรุนท่จี บั คกู นั บางคไู มม เี พศสมั พันธกัน ซงึ่ มีสาเหตุหลายประการ เชน พอแมดแู ลเอาใจใสอ บรมส่ังสอนดี พอแมติดตามดแู ลอยางใกลชิด ไมเปดโอกาสใหทั้งคูไดอยู ในสถานการณท่ีเส่ียงตอการมีเพศสัมพนั ธ วยั รนุ คดิ ไปขา งหนาเกิดความเกรงกลัววาจะมีปญหาตาง ๆ ตามมามากมาย มีความละอายใจและรสู ึกวาผิด กลัวเสียชื่อเสียง และกลัวคนอื่นจะรู ไมมีโอกาสท่ี จะไดกระทํา มีความยบั ยั้งชัง่ ใจ เปนตน การจับคูกันนั้นสวนใหญจะทาํ ใหก ารเรียนแยล ง การมีคูร ักไมใชสัญลักษณของการ ประสบความสาํ เรจ็ ในชีวิต ไมใชแฟช่ัน หากวัยรุนคนใดยังไมมีคูรักก็ไมควรรูสึกวาตัวเองดอยกวา เพื่อนที่มีคนรัก ไมจําเปนท่ีจะตองคบกับใครสักคนเปนคูรัก เพียงเพราะตองการใหตนเองเหมือน เพ่อื นคนอนื่ ๆ เทานั้น ความคาดหวงั ในเรอื่ งความรักของผูหญิงและผชู ายทแ่ี ตกตางกันน้ัน เปน สิ่งท่วี ยั รุนที่ จับคูกนั ไมควรมองขา ม เพราะจะทาํ ใหรูวาหญิงและชายจะปฏบิ ัตติ อ คนรักตางกนั ผชู ายจะคดิ ถงึ เร่ือง การไดสัมผัส ลวงเกินจนถึงข้ันมีเพศสัมพันธ จึงเปนสาเหตุหนึ่งท่ีจะทําใหผูหญิงตองเสียความ บริสุทธิก์ อนวยั อนั ควร และมักไมค อยเตม็ ใจ ซ่ึงวยั รุน หญงิ จะตองระวังใหด ีในเร่อื งน้ี 1. พฤติกรรมที่เสี่ยงตอ การมเี พศสมั พนั ธ วัยรุนเปน วยั ทเ่ี กดิ ความเปล่ียนแปลงและพัฒนาการอยางรวดเร็วในเร่ืองเพศ บางคน จึงเกิดความสนใจในเพศตรงขา ม สนใจในเรือ่ งเพศ การจับคเู ปน คูรกั กัน การเกิดอารมณทางเพศ การ ดูสอ่ื ลามก การมเี พศสมั พันธกับครู กั การมีสัมพนั ธก ับหญิงขายบรกิ ารทางเพศ หรอื การขายบรกิ ารทาง เพศ เม่อื เปน เชนนีผ้ ลเสยี ที่ตามมา ไดแ ก การมีเพศสัมพนั ธกอ นวัยอันควร ทําใหเกิดความ วติ กกงั วล เสยี การเรยี นเพราะจะสนใจการเรียนนอยลง เกดิ การต้ังครรภที่ไมพึงประสงค การทําแทง ปญ หาลูกไมมีพอ ทารกถกู ทอดทิง้ โรคติดตอทางเพศสมั พันธ โรคเอดส เปนตน เหตุและผลดังกลาวขางตนนี้ มกั จะเรมิ่ จากตัวของวัยรนุ เองทีม่ ีพฤตกิ รรมเสยี่ งตอการ มเี พศสมั พันธ ซง่ึ มีดงั นี้ 1. สนใจเร่ืองเพศมาก ปกตวิ ัยรนุ กจ็ ะสนใจเรือ่ งเพศอยูแ ลว เพราะเปน ธรรมชาติของ วัย แตถา หมกมุนกับเรอื่ งนม้ี ากเกินไป และโอกาสหรือสถานการณเอื้ออาํ นวยวยั รนุ อาจมีเพศสัมพนั ธ

61 โดยไมค ดิ ไมไ ดตัดสินใจหรอื ไมไดวางแผนลวงหนา คือปลอ ยใหเปนไปตามความตองการและอาจไม คดิ ถึงผลกระทบท่จี ะเกดิ ขึ้นภายหลงั 2. มีความหมกมุนในเร่ืองเพศ มีวยั รุนจํานวนหน่ึงโดยเฉพาะวัยรนุ ชายทหี่ มกมุนใน เรื่องเพศมากเกินไปอาจมีการสําเร็จความใครดวยตนเองบอยคร้ัง โดยไมพยายามหลีกเลี่ยง หรือ พยายามจดั การกับอารมณท างเพศ ในผูห ญิงก็อาจมีบางแตไมมากเทาผูชาย บุคคลประเภทนี้มีความ เสย่ี งตอ อาการมเี พศสมั พันธ 3. ชอบถูกเนื้อตองตัวเพศตรงขาม ผชู ายมักจะยินดีทไ่ี ดถ ูกเน้ือตองตัวผหู ญงิ หรอื ให ผูหญิงมาถูกเน้อื ตองตัวตนเอง สว นผหู ญิงทคี่ ิดเชนเดยี วกบั ผูชายนก้ี ม็ บี าง การถูกเนื้อตองตวั กนั ทาํ ให เกิดอารมณท างเพศได ถามโี อกาสหรอื สถานการณท ีเ่ อ้ืออาํ นวยกอ็ าจถึงข้นั การมเี พศสมั พนั ธกันได เร่อื งน้ีมักจะพบเหน็ อยบู อยครง้ั ในหมูวัยรุนท่ีมักถือโอกาสถูกเนื้อตองตัวกัน ถาถูก ผใู หญดุหรือเตือนก็จะบอกวา เปนเพ่อื นกนั ไมคดิ อะไร ถึงแมวาจะมบี างคนทไ่ี มไดค ดิ อะไรจรงิ ๆ แต ก็ไมเหมาะสม เพราะจะถูกมองวาเปนหญิงสาวที่ไมรักนวลสงวนตัว ใหผูชายถูกเนื้อตองตัวงาย ๆ ผูชายก็ไมเปนสุภาพบุรุษเพราะชอบหาเศษหาเลยดวยการถูกเนื้อตองตัวผูหญิง ดังน้ันนักเรียนควร ปองกันและหลีกเล่ยี งไมใหเ กิดพฤตกิ รรมน้ี 4. คดิ วา การมเี พศสัมพันธไ มใ ชเรื่องเสยี หาย ไมว าชายหรอื หญิงที่คิดเชนนี้จะเปนผู ทเ่ี สย่ี งตอการมเี พศสัมพันธมาก ผชู ายมกั จะคิดเชน น้ี ซ่ึงเปนนิสัยท่ีติดตัวของผูชายมาอยูแลว แตถา ผูหญงิ คดิ เชนน้ีดว ยก็นับวา เปน การสนับสนุนใหผ ูชายสมหวงั ขนึ้ จนเปน เปนปญหาสําคัญปญ หาหนึ่ง ในครอบครัวและสังคมไทย เพราะเปนความคิดที่นําไปสูการมีเพศสัมพันธกอนวัยอันควร ซึ่งจะ กอ ใหเกิดปญ หาตามมามากมาย 5. ดูสอื่ ลามก ปจจุบนั นี้มสี ่อื ลามกขายกนั มากมายตามทองตลาด วัยรนุ หลายคนรูว า แหลงซ้อื ขายอยทู ีใ่ ด การดูสื่อลามกประเภทน้ที าํ ใหผูด ูเกิดอารมณท างเพศ วยั รนุ เปน วัยท่ีอยากรอู ยาก ลอง เม่ือดูแลวบางคร้ังอาจอยากทดลองทําตามคูพระนางในสื่อลามกนั้น ดังวัยรุนที่มีขาวลงหนา หนังสือพมิ พวา ไปขม ขืนหรือไปมั่วสุมมเี พศสัมพันธกันแลวรับสารภาพวาทําตามอยางในส่ือลามกที่ เคยดู 6. เปนคนเจาชู คนเจาชูคนท่ีชอบมีคูรักหรือสามีภรรยามากกวา 1 คน หรือมีไป เร่อื ย ๆ ตามความพอใจ วัยรุนท่ีเปนคนเจาชูจะมีใจกลาในเรื่องน้ี และขาดความรับผิดชอบในสิ่งท่ี ตนเองกระทาํ ไมร ักใครจริง ถาเบื่อกพ็ รอมทจี่ ะทอดท้งิ บุคคลประเภทน้ีจะมีเพศสัมพันธงาย ๆ ไมคิด อะไรมาก ผหู ญงิ เปน ฝา ยท่ีตองรับภาระในสิ่งที่ทัง้ คูไ ดก ระทาํ ลงไป เชน เปนฝา ยตงั้ ครรภอาจตอ งไป ทําแทง หรอื ตองคลอดลูกแลว เลยี้ งลูกตามลําพัง เปน ตน จึงตอ งระวังคนเจา ชูและตองไมเ ปนคนเจา ชู 7. เคยมีประสบการณทางเพศมาแลว ไมวาจะเปนผูชายหรือผูหญิงที่เคยมี ประสบการณในการมีเพศสัมพันธมาแลว ในครั้งตอ ๆ ไปมันจะไมคิดมาก ใจกลาข้ึน ไมกลัว หรือไมก็ตดิ ใจในเพศรสจึงเปนมลู เหตทุ ่ีทาํ ใหเ กดิ ความเส่ยี งตอ การมเี พศสัมพันธซํา้ ไดอีก

62 8. เสพสารเสพติด ผูทีเ่ สพสารเสพตดิ จะเกิดอาการมนึ เมาเคลบิ เคลิม้ ขาดความรูสึก ผดิ ชอบช่ัวดี ครองสติไมได จงึ มักทาํ อะไรลงไปแบบไมค ดิ อะไรมากหรืองง ๆ ไมคอยรูตัว ดังขาวที่ พบเหน็ บอย ๆ วา วยั รนุ ไปจดั ปารต้ยี าอี ยาบา หรอื ไมก็ไปดื่มแอลกอฮอล พอมึนเมาเสพสารเสพติด หรือยอมมีเพศสมั พนั ธเ พ่อื แลกกบั สารเสพติดในกรณีที่ติดสารเสพตดิ แลว 9. ขาดความไตรตรอง บุคคลประเภทนี้มักไมคิดถึงผลที่จะตามมาหรือผลกระทบ หลงั การมเี พศสมั พนั ธว าจะเปน อยางไร เปนคนแกปญหาเฉพาะหนาไปวันหน่ึง ไมคิดถึงอนาคตวา เปน อยางไร ตัดสินใจโดยขาดสติ 10. อยากรอู ยากลอง วัยรนุ เปนวยั ทอ่ี ยากรอู ยากลองอยูแลว แตถาอยากรูอยากลอง เรื่องเพศนน้ั นบั วาเปน อนั ตราย ปจ จัยที่กระตุนใหอยากรูอยากลองนอกจากจะมาจากตนเองแลว ยัง อาจมาจากปจ จยั อน่ื ๆ เชน เพ่อื นชักชวน อา นหนังสอื ลามก 2. การหลกี เลีย่ งและปอ งกนั ตนเองจากสถานการณการเสีย่ งตอ การตั้งครรภโ ดยไมตัง้ ใจ มผี ูห ญิงจาํ นวนไมน อยที่ตั้งครรภโดยไมตั้งใจ ทั้งน้ีเพราะไมคาดคิดมากอนวาจะมี เพศสมั พนั ธกบั ผูชายซง่ึ อาจเปน ครู กั ของตนเอง เปนเพ่ือน คนแปลกหนา พอเลี้ยง หรือแมแตญาติ ของตน และไมมีการปองกันการต้ังครรภแตอยางใด ดังน้ันผูหญิงควรเรียนรูถึงการหลีกเลี่ยงและ ปองกนั ตนเองจากสถานการณเ ส่ียงตอ การตงั้ ครรภโ ดยไมต้งั ใจ ซ่ึงมีขอ แนะนาํ ดงั น้ี 1. ในกรณีเมือ่ อยกู บั คูรกั ของตนเอง ควรปฏิบตั ดิ ังนี้ 1.1 ไมย อมใหคูร กั ไดส มั ผัส จบั มอื โอบกอด ถา ถูกกระทําเชน นี้ควรแสดงทาที ไมพ อใจและปฏเิ สธการกระทําดังกลาวอยางจริงจัง มิฉะนั้นอาจนําไปสูการมีเพศสัมพันธเนื่องจาก สภาพแวดลอมเหมาะสมและเปน ใจ 1.2 ไมอ ยใู นทีล่ บั ตาคนสองตอ สอง เพราะคูรกั อาจจะลวงเกินเราได และย่ิงเรา มีใจชอบฝายชายดวยกอ็ าจจะยินยอมจนถึงข้นั มีเพศสมั พนั ธได 1.3 ไมไ ปเที่ยวกนั แบบคางคืน เพราะการคางคืนจะเปนการเปดโอกาสใหฝาย ชายลว งละเมิดทางเพศได 1.4 ไมควรดูสอ่ื ลามกโดยเฉพาะกบั ครู กั เพราะจะทําใหท้ังสองฝายเกิดอารมณ ทางเพศและนาํ ไปสกู ารมีพฤติกรรมทางเพศทไ่ี มเหมาะสม 1.5 การไปเทย่ี วในงานวันสําคญั ตาง ๆ เชน วันวาเลนไทน วันลอยกระทง วัน ข้ึนปใหม ที่เปน การเท่ียวในเวลากลางคืน แลวจะไปตอกันในสถานที่ท่ีอาจจะมีเพศสัมพันธกันได ดังนนั้ การไปเท่ียวกบั ครู ักในวันสําคัญดังกลา วควรระมดั ระวังตัวใหด ี ถา เราคดิ วาไมนาไววางใจก็ไม ควรไปโดยหาทางปฏเิ สธอยา งนุม นวล 1.6 การไปเทยี่ วงานสงั สรรคห รอื ตามสถานบันเทิงกับคนรักควรระมัดระวังตัว ดวย เพราะอาจด่มื เครอื่ งดม่ื ท่มี แี อลกอฮอลแลว ทาํ ใหมึนเมาไมรสู ึกตวั

63 1.7 อยาใจออนถาถูกขอที่จะมีเพศสัมพันธดวย อยาหลงคารมเขาเปนอันขาด และไมต อ งกลัวเขาโกรธ รักษาความบริสุทธิ์ของเราดีกวา หากพลาดพลั้งไปแลวก็ควรระวังอยาให เกิดขึน้ อีก 2. ในกรณีเมือ่ อยกู บั เพอ่ื นชาย ควรปฏบิ ัติดงั นี้ 2.1 อยา ใหมาถูกเน้ือตองตัวโดยไมจําเปน เพราะถาวันใดท่ีเพ่ือนชายมีโอกาส ผูห ญิงอาจพลาดทาเสียทีได 2.2 อยา ไวใ จใครมากนัก มีเพ่ือนหลายคนทห่ี ลอกพาเพอ่ื นไปขมขืน บางรายให เพื่อนคนอ่นื ๆ ขม ขืนดวยตามที่มขี าวใหพบเหน็ อยูบอย ๆ 2.3 ไมไปเท่ียวแบบคา งคืน ถงึ แมจ ะไปเปนหมูคณะก็ตองระมดั ระวัง 2.4 การไปเทยี่ วตามสถานบันเทิงแลว กลบั ดึกอาจเปนอันตราย ถามีเพ่ือนอาสา ไปสงบา นก็ควรระวัง เพราะอาจพาไปทอ่ี นื่ ได 3. ในกรณีเมอื่ อยูก ับคนแปลกหนา ควรปฏบิ ัติดังน้ี 3.1 อยาไวใจคนแปลกหนาเปน อนั ขาด เพราะยังไมรูจักนิสัยใจคอเขาดีพอ ถา หลงเชื่ออาจถูกเขาหลอกได โดยเฉพาะถาพบกันในสถานบันเทิงเริงรมยเขาอาจจะมองเราวาเปน ผูห ญิงท่ีรักสนุก คงจะมีเพศสมั พนั ธด ว ยไมยาก 3.2 ไมควรเดินทางไปในท่ีเปล่ียวยามคํ่าคืน เพราะมีผูหญิงถูกคนรายลักพาตัว ไปขม ขืนมาหลายรายจนนบั ไมถว นแลว ในสถานการณเ ชน นี้ 3.3 อยาเชอ่ื คนทรี่ จู ักกนั ทางอนิ เทอรเนต็ ถงึ แมจะคยุ กันจนเหมอื นรูจักกันดีแลวก็ ตาม เพราะยังไมเ คยเห็นหนา กนั กย็ ังคงเปน คนแปลกหนา อยดู ี หญงิ สาวหลายรายท่ีถูกคนทรี่ ูจักกันทาง อนิ เทอรเนต็ หลอกไปขมขนื บางรายมกี ารถายรูปไวเพื่อขมขแู ละตอ รองเร่อื งอืน่ ๆอกี ดวย 4. ในกรณีเม่อื อยกู บั พอ เลยี้ งหรือญาติ ผูห ญงิ ทีถ่ ูกคนใกลชดิ ในครอบครัวขม ขืนนั้น มมี าก และมักไมยอมบอกใคร บางรายถกู ขม ขืนมานานนับป บางคร้ังเกดิ การต้ังครรภ เพราะคนใน ครอบครวั นนั้ ใกลช ิดเหน็ กันอยูทุกวันหรือพบกันบอย ไวใจกันมาก ในเร่ืองน้ีผูหญิงควรปฏิบัติตน ดังนี้ 4.1 ใหสังเกตการณสัมผัสของบุคคลเหลานั้นวา สัมผัสดวยความเอ็นดูแบบ ลกู หลานหรอื แบบชสู าว ถา มีการสัมผัสนาน ลบู คลํา จับตองของสงวน ตองระมัดระวงั อยา เขาใกล 4.2 ควรนอนในหองทีม่ ิดชดิ ใสก ลอนหรือลอ็ คกุญแจใหเรียบรอ ย 4.3 ถา บุคคลเหลาน้ันมึนเมาอยาไวใจ เพราะทําใหขาดสติ และกระทําในส่ิงท่ี ไมค าดคดิ ได 4.4 การแตงตวั อยูบาน การอาบน้ําตอ งกระทาํ อยา งมิดชิด อยาเปดเผยเรือนราง มากนัก เพราะอาจเปน การยัว่ ยุอารมณทางเพศแกบุคคลเหลา นัน้ ได

64 4.5 ถาถกู บคุ คลเหลา น้ันลวนลามควรบอกใหค นในบา นทราบ หรือรองตะโกน ใหผูอ่ืนชว ยเหลือ ไมต องอายเพราะเขาทาํ ไมถูกตอง ขอควรคดิ เก่ียวกบั การมเี พศสมั พันธ มีผูหญิงบางคนท่ีคิดวาการมีเพศสัมพันธเปนเร่ืองปกติไมใชเรื่องผิด ไมรับรูถึง ขนบธรรมเนยี มและวฒั นธรรมไทย จงึ ควรตรวจสอบตนเองวา มคี วามรบั ผิดชอบตอตนเองและสังคม เพยี งใด โดยตอบคาํ ถามเหลานใ้ี หไ ดเสียกอนทจ่ี ะคิดมเี พศสัมพันธ 1. ถายนิ ยอมมเี พศสัมพนั ธ เราจะยอมรับกับผลท่ีจะตามมาไดเพียงใด เชน คําครหา ของคนในสงั คม ความกลวั คนอนื่ จะลวงรู การตัง้ ครรภ การถูกผชู ายทิ้งหลังจากไดเสียกันแลว การ เสียความบรสิ ทุ ธไิ์ ปแลวผูช ายคนน้ีคอื คนทีจ่ ะเปนคชู วี ิตของเราหรือไม เปนตน 2. เมื่อเรายังไมพรอมท่ีจะมีลูกจะปองกันตนเองอยางไร รูวิธีปองกันการต้ังครรภ เพียงใด เมอ่ื ปอ งกันแลว จะผิดพลาดไดห รือไม ถา พลาดมลี กู ขึน้ มาจะทําอยางไร ผูชายจะรับผิดชอบ หรอื ไม ตนเองไมอบั อายคนอ่นื ๆ หรือถา จะตอ งไปทําแทง การทําแทง มอี ันตรายเพียงใด 3. การตั้งครรภท ีไ่ มพงึ ประสงคในวยั รนุ การต้ังครรภท ไี่ มพงึ ประสงคในวัยรุน หมายถึง การตั้งครรภท่ีเกิดขึ้นในวัยรุนเพศ หญงิ ซึ่งเปน ผลสบื เนื่องมาจากการมเี พศสมั พนั ธท เี่ กิดขน้ึ โดยไมไ ดต ัง้ ใจ โดยอาจมีสาเหตสุ ําคัญมาจาก พฤติกรรมทางเพศทไ่ี มเหมาะสมของวยั รนุ หรอื อาจเกดิ จากการถกู ขมขืนกระทําชําเรา 3.1 ปญหาและผลกระทบของการตั้งครรภที่ไมพ ึงประสงคใ นวยั รนุ ปญหาการตงั้ ครรภทีไ่ มพ งึ ประสงคผ ลกระทบทสี่ ําคัญ ดงั น้ี 1) สง ผลกระทบตอ วยั รนุ ทตี่ ัง้ ครรภโดยไมพึงประสงคโดยตรง ซึ่งผลกระทบ ดงั กลาวสรา งปญหาท่ตี ิดตามมา เปนตนวา ปญหาทางดานจิตใจและอารมณ วัยรุนท่ีมปี ญ หาการตั้งครรภท ี่ไมพึงประสงค มกั มคี วามรสู ึกวา ตนเองทําผิด เกิดความละอายใจ และมีความคิดวาไมมีใครรักใครตองการอีก ซึ่ง บางคนอาจแสดงพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมและรุนแรงข้ึน หรือบางคนอาจไมแสดงออกและ มกั เกบ็ กดอยากทาํ ลายชีวิตตนเอง ฯลฯ ซงึ่ ภาวะทางจิตใจและอารมณของวัยรุนที่ต้ังครรภโดยไมพึง ประสงคน ี้จะมมี ากหรอื นอ ยข้ึนอยูกบั การยอมรับและความเขาใจของคนในครอบครัว ถาครอบครัว ยอมรับเขา ใจ และใหอภยั ปญหาทางดา นจติ ใจและอารมณก ็จะลดนอ ยลงได ปญหาทางดานสุขภาพ ปญ หาท่ีมักพบ คอื ปญ หาโรคเอดสและโรคติดตอ ทางเพศสัมพันธ การมีเพศสัมพันธโดยไมไดมีการปองกันและคุมกําเนิดยอมมีโอกาสใหวัยรุนเพศ หญิงไดร บั เชอ้ื เอดส หรอื โรคติดตอ ทางเพศสัมพนั ธจ ากฝา ยชายในอตั ราเสี่ยงที่สูง ปญหาทางทําแทง

65 ซงึ่ มกั จะสงผลกระทบตอผูทําแทง ไดโ ดยเปน อันตรายตอชีวิต ซึ่งมักเกิดจากการตกเลือดหรือการติด เชอ้ื อยางรนุ แรง นอกจากนน้ั ยังเปน อปุ สรรคตอ การมีบุตรในอนาคต แมก ารทําแทงจะผานพน ไป แต การทาํ แทงอาจทําใหเ กดิ การอกั เสบเร้อื รงั ในโพรงมดลกู และทอ มดลูก เปนผลใหโพรงมดลูกและทอ มดลูกตบี ตนั มดลกู ทะลหุ รืออักเสบอยางรุนแรงเพราะเคร่อื งมอื ทาํ แทง ทาํ ใหบางคนตองตัดมดลกู ทิ้ง หรือการขยายปากมดลูกขณะทําแทงทําให ปากมดลูกฉีกขาด หูรูดของปากมดลูกหลวม เกิด ภาวการณแทงบุตรไดงาย และยังสงผลใหมีปญหาสุขภาพที่ตอเนื่อง โดยเฉพาะมักจะพบวามีการ อักเสบเรอ้ื รงั ในชองเชงิ กราน 2) สง ผลกระทบตอครอบครัวของวัยรุนท่ีตั้งครรภโดยไมพึงประสงค มัก พบเสมอวาเม่อื วยั รุนเพศหญงิ ตงั้ ครรภโดยไมพึงประสงคขึ้น วัยรุนของเพศชายมักจะไมแสดงความ รับผิดชอบตอส่ิงที่เกิดขึ้นภาระความผิดชอบจึงตกเปนของฝายหญิงและครอบครัวเพียงฝายเดียว ถา ครอบครัวฝายหญิงมคี วามเขา ใจและใหอภัยตอความผิดพลาดที่เกิดข้ึน และครอบครัวยังพรอมท่ีจะ รวมแกปญ หาการเลีย้ งดเู ด็กทีจ่ ะเกิดขน้ึ ได กจ็ ะชว ยลดปญหาทางดา นอารมณแ ละจิตใจของวัยรุนเพศ หญงิ ลงได แตในทางตรงขาม หากครอบครัวของวัยรุนเพศหญิงไมสามารถยอมรับปญหาที่เกิดข้ึน ดังกลาวกอ็ าจสงผลใหเกดิ ปญหาตา ง ๆ ตามมาได 3) สงผลกระทบตอสังคมและประเทศชาติ การตั้งครรภท่ีไมพึงประสงคของ วัยรนุ ทาํ ใหเ กิดปญ หาทางสงั คมตาง ๆ ตามมาดังทีไ่ ดกลาวมาแลว นอกจากนี้ ประเทศชาตติ อ งสญู เสีย งบประมาณบางสวนทีต่ องนาํ มาใชเพอื่ การบาํ บัดรักษา ดูแลสุขภาพของวัยรนุ เพศหญิงท่ตี งั้ ครรภโดยไม พงึ ประสงค ตองจัดงบประมาณในการเลีย้ งดปู ระชากรสว นหนง่ึ ท่ีเกดิ จากผลพวงของปญหาดงั กลา ว 3.2 การปองกันการตง้ั ครรภท ไ่ี มพ ึงประสงคใ นวัยรนุ การปองกันมีแนวทางในการปฏิบัติ ดงั น้ี 1) ตองรูจักหลีกเล่ียงสถานการณที่เอื้ออํานวยใหเกิดการมีเพศสัมพันธ มัก พบวา การมีเพศสมั พันธท ไี่ มไ ดตัง้ ใจของวัยรุนมักจะเกิดจากสถานการณหรือบรรยากาศที่เอื้อใหเกิด โอกาสตอการมีเพศสมั พนั ธ เชน การอยูตามลําพังสองตอสองในท่ีลับตาคน หรือการเขารวมในกิจกรรม พบปะสงั สรรคทมี่ ีการดมื่ เคร่ืองผสมแอลกอฮอล เปน ตน 2) ตองรูจักใชทักษะในการปฏิเสธเพื่อแกไขสถานการณเส่ียงตอการมี เพศสัมพันธ วิธกี ารหลกี เล่ยี งและแกไขสถานการณด งั กลาว ฝา ยหญงิ ตองนาํ ทกั ษะการปฏิเสธไปใช ซ่ึง การปฏิเสธของฝายหญิงจะเปนสญั ญาณเตือนใหฝายชายหยุดแสดงพฤติกรรมทางเพศท่ีไมเหมาะสม ออกมา แนวทางในการใชค าํ พดู ทเี่ ปน ทกั ษะของการปฏิเสธ มหี ลายขอ ความ เชน “หยุดนะ อยาทํา แบบน”ี้ ฉนั ไมช อบหยดุ นะ” “อยา นะ ฉันจะตะโกนใหล ั่นเลย” “คุณไมมีสิทธ์ิท่ีจะทําแบบนี้” และ อืน่ ๆ ตามความเหมาะสมซงึ่ คาํ พูดท่เี ปน ทักษะในการปฏิเสธมกั จะมีคําวา “ไม” “อยา ” หรือ “หยดุ ”

66 3) ตองรูจักใหเ กยี รตซิ ึ่งกันและกัน การท่ีฝายหญิงและฝายชายนําหลักความ เสมอภาคทางเพศ และการวางตัวทเ่ี หมาะสมตอเพศตรงขามมาใช ถือวาเปนการใหเกียรติซ่ึงกันและ กนั ซ่ึงจะชวยปองกันอารมณในขณะพบปะพูดคยุ กันไมใหพ ฒั นาไปสคู วามตองการทางเพศได 4) ตองระมดั ระวังในเรื่องการแตงกาย ปจจบุ ันรปู แบบการแตงกายของวัยรุน โดยเฉพาะวัยรนุ เพศหญงิ มักนยิ มสวมเสอื้ ผา ทร่ี ัดรปู หรอื นอ ยช้ืนเกินไป ซ่ึงการแตงกายดังกลาวจะทํา ใหเห็นรูปรางสัดสวนชัดเจนขึ้น การแตงกายในลักษณะดังกลาวจะสงผลเราใหเพศตรงขามเกิด อารมณและขาดความ ยง้ั คดิ อาจนําไปสกู ารแสดงพฤตกิ รรมการลวงละเมิดทางเพศท่ีเปนอันตราย จนถึงการตั้งครรภท่ีไม พงึ ประสงคในเพศหญงิ ได 5) ควรหลกี เลยี่ งการเดนิ ทางตามลาํ พังในยามวกิ าลหรือในเสนทางท่ีเปล่ียว จากสถติ ขิ องวัยรุนเพศหญิงพบวา อันตรายที่ไดรับจากการถูกขมขืนมักเกิดขึ้นในยามวิกาลหรือใน เสนทางท่ีเปล่ียวผูคนสัญจรนอย ดังนั้น วิธีการปองกันท่ีดีที่สุดหากจําเปนจะตองเดินทางใน สถานการณดังกลา ว ควรจะมีเพอื่ นหรือญาตริ ว มเดินทางไปดว ยเพ่อื ปองกันอนั ตรายทอี่ าจเกิดข้นึ 4. ความรเู บ้ืองตองเกีย่ วกบั กฎหมายคมุ ครองสทิ ธผิ ถู กู ลวงละเมิดทางเพศ กฎหมายไดระบฐุ านความผิดเก่ียวกบั การถกู ลวงละเมดิ ทางเพศไว 2 ลกั ษณะ ดังนี้ 4.1 ความผดิ ฐานขมขนื กระทาํ ชําเรา ผูท่ีขมขืนกระทําชําเราเด็กหญิงอายุไมเกิน 15 ป ซึ่งมิใชภรรยาตน โดย เด็กหญิงนัน้ จะยนิ ยอมหรอื ไมก ็ตาม ตองระวางโทษจาํ คกุ ตัง้ แต 4-20 ป และปรบั ตั้งแต 8,000-40,000 บาท (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคหน่งึ ) ถาการกระทําความผิดตามวรรคแรก เปนการกระทําแกเด็กหญิงอายุไมเกิน 13 ป ตองระวางโทษจําคกุ ตั้งแต 7 ป ถงึ 20 ป และปรับต้ังแต 14,000-40,000 บาท หรือจําคุกตลอด ชวี ติ (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสอง) ถาการกระทําผิดตามวรรคแรกหรือวรรคสอง ไดกระทําโดยรวมกระทํา ความผิดดว ยกนั อนั มีลกั ษณะเปนการโทรมเด็กหญิง (คือรวมกันกระทําความผิดต้ังแต 2 คนข้ึนไป) โดย เด็กหญงิ นั้นไมยินยอม หรือไดกระทําโดยมีอาวุธ เชน อาวุธปน หรือวัตถุระเบิด หรือโดยการใช อาวุธอ่ืน ๆ ตองระวางโทษจาํ คกุ ตลอดชวี ิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสาม) แตม ขี อยกเวน คอื ถา การกระทาํ ดงั กลาวขางตนเปนการกระทําที่ชายกระทํา กับเดก็ หญงิ อายมุ ากกวา 13 ป แตไ มเกิน 15 ป โดยเด็กหญิงน้ันยินยอม และภายหลังศาลอนุญาตให สมรสกัน ผกู ระทําผดิ ไมตองรบั โทษ และถาศาลอนุญาตใหสมรสกันในระหวางท่ีผูกระทําผิดกําลัง

67 รบั โทษในความผดิ นนั้ อยู ศาลตอ งสัง่ ปลอยผูกระทําความผิดนั้นไป (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคส่ี) ถา เปน การกระทาํ ชาํ เราเด็กหญงิ อายยุ ังไมเกิน 15 ป ซ่ึงมิใชภรรยาของตน โดย เด็กหญิงน้ันจะยินยอมหรือไมก็ตาม หรือเปนการกระทําแกเด็กอายุไมกิน 13 ป แลวเปนเหตุให เดก็ หญงิ ไดรบั อันตรายสาหัส เชน ไดรับบาดเจ็บสาหสั ผูกระทาํ ตองระวางโทษต้งั แต 15 ป ถึง 20 ป และปรับต้ังแต 30,000-40,000 บาท หรือจาํ คกุ ตลอดชีวิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 ทวิ (1) ) และหากเดก็ น้นั ถึงแกความตาย ผูก ระทําตอ งระวางโทษประหารชวี ิต หรอื จําคุกตลอดชวี ติ (ประมวล กฎหมายอาญามาตรา 277 ทวิ (2) ) หากการกระทาํ ชาํ เราเด็กหญิงอายุยังไมเกิน 3 ป หรือการกระทําแกเด็กหญิง อายยุ ังไมเกิน 15 ป ดังกลา วขางตน ไดรวมกระทําความผิดดวยกันอันมีลักษณะเปนการโทรมหญิง หรือกระทาํ โดยมีอาวุธปน หรอื วัตถุระเบิดหรือโดยการใชอาวุธ และเปนเหตุใหเด็กหญิงผูถูกระทํา ไดรบั อนั ตรายสาหัส ผูกระทาํ ตอ งระวางโทษประหารชวี ิต หรอื จําคกุ ตลอดชวี ิต และหากเด็กหญิงที่ ถูกกระทําถงึ แกค วามตาย ผูก ระทําตองไดรับโทษประหารชีวิต และหากเด็กหญิงที่ถูกกระทําถึงแก ความตาย ผูกระทําตอ งไดร ับโทษประหารชวี ิต (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 ตรี) 4.2 ความผิดฐานกระทําอนาจารตอเด็ก ผทู ีก่ ระทาํ อนาจารแกบ ุคคลอายุตํา่ กวา 15 ป โดยขเู ข็ญดวยประการใด ๆ โดย ใชก าํ ลงั ประทษุ ราย โดยบุคคลนั้นอยูในภาวะท่ีไมสามารถขัดขืนได หรือโดยทําใหบุคคลน้ันเขาใจ ผดิ วาตนเปน บคุ คลอืน่ ตองระวางโทษจาํ คกุ ไมเ กนิ 10 ป หรือปรับไมเกิน 20,000 บาท หรือทั้งจําท้ัง ปรบั (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคหน่งึ ) ถา การกระทาํ อนาจารนนั้ กระทาํ ตอ เดก็ อายุไมเ กนิ 15 ป และผกู ระทําผดิ ได กระทาํ โดยการขเู ขญ็ ดวยประการใด ๆ โดยใชกาํ ลังประทุษราย โดยบคุ คลนัน้ อยูในภาวะทไ่ี มสามารถ ขัดขนื ได หรอื โดยทําใหบ ุคคลน้นั เขา ใจผิดวาตนเปนบุคคลอ่ืน มีโทษหนักคือ ผูกระทําตองระวาง โทษจําคุกไมเกิน 15 ป หรือปรับไมเกิน 30,000 บาท หรือทั้งจําท้ังปรับ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสอง) หากการกระทําดังกลาวขางตน เปนเหตุใหผูถูกกระทําไดรับอันตรายสาหัส ผกู ระทาํ อนาจารตองระวางโทษจําคุกตั้งแต 5 ป ถึง 20 ป และปรับตั้งแต 10,000-40,000 บาท และ หากผูถกู กระทําถึงแกค วามตาย ผกู ระทําตอ งระวางโทษประหารชีวติ หรือจาํ คุกตลอดชีวิต (ประมวล กฎหมายอาญามาตรา 280) การขม ขนื กระทําชําเราผเู ยาว และการกระทาํ อนาจารแกเด็กอายุไมเกิน 15 ป โดยเดก็ นัน้ จะยินยอมหรอื ไมก ต็ าม เปน ความผิดอาญาแผนดนิ ไมสามารถยอมความกนั ได

68 แตถาเปนการขมขืนกระทําชําเราหญิงท่ีมิใชภรรยาตน โดยเด็กหญิงน้ัน ไมใ ชผ เู ยาว และการกระทาํ อนาจารแกบ ุคคลอายตุ ํ่ากวา 15 ป ท้ังสองกรณีนี้ ถามิไดกระทําตอหนา ธารกํานลั คอื ในท่เี ปด เผย และไมเ ปน สาเหตใุ หผ ถู ูกกระทาํ ไดรับอันตรายสาหสั หรือถึงแกความตาย หรือมิไดเ ปน การกระทําแก ผูส ืบสันดาน คอื ลูก หลาน เหลนของตนเอง มใิ ชเ ปน การกระทําตอ ศิษยซ่ึงอยใู นความดูแล มิใชเปน การกระทําตอผูอ ยใู นความควบคุมตามหนาท่รี าชการ หรือมใิ ชเ ปนการกระทําตอผูอยูในความพิทักษ หรอื ในความอนุบาล กรณีท้ังหมดที่กลาวมาเปนความผิดอันยอมความได คือเปนกรณีที่ผูเสียหาย หรือผูถกู กระทาํ และผกู ระทําความผิดตกลงหรือสมัครใจไมเอาความตอกัน ก็เปนอันเลิกแลวตอกัน (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 281) กจิ กรรม 1. สรีระรา งกายทีเ่ กยี่ วขอ งกับการสบื พันธขุ องเพศหญิงและเพศชาย มีอะไรบาง จงอธิบายพอสังเขป เพศหญิง________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ เพศชาย________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 2. เขียนสรปุ เก่ียวกับการเปล่ยี นแปลงเพ่ือเขา สวู ัยหนมุ สาว เพศหญิง________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________

69 ______________________________________________________________________________ เพศชาย________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 3. วธิ กี ารหลีกเลี่ยงพฤตกิ รรมทีน่ ําไปสูก ารมีเพศสัมพนั ธก อนวัยอนั ควรมอี ะไรบาง ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ เรอ่ื งที่ 4 สุขภาพทางเพศ “ความสขุ ”เปน สิง่ ทม่ี นุษยทกุ คนตองการไมเคยถูกจํากดั ดวยเพศ วัย ชนชาติ “สขุ ภาวะทางเพศ”กเ็ ปนเร่ืองท่ที กุ คนลวนตอ งการเชน กัน แผนงานสรางเสริมภาวะทางเพศ โดยสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพ (สส.)และมูลนธิ สิ รา งความเขาใจเร่ืองสุขภาพผูหญิง (สคส.)ไดดําเนินงานผลักดันวาระการสรางสุข ภาวะทางเพศขน้ึ อยา งตอ เนอื่ ง เพราะสขุ ภาวะทางเพศไมไ ดมีความหมายแคบๆแคเรื่องเพศสัมพันธแต มีความหมายลึกซึง้ และมติ ทิ ่ีกวา งกวา นนั้ เร่ืองเพศจึงไมใชแคเรื่องของเนื้อตัวรางกายแตยังหมายถึงความรับผิดชอบการดูแลสุขภาพ รางกายการสรางความสัมพันธท่ีดีระหวางกันการเคารพสิทธิกันและกันและความเทาเทียม เพราะ สงั คมน้นั มีความหลากหลายทางเพศมากวา แคห ญงิ หรือชาย ผทู ม่ี สี ขุ ภาวะทางเพศทดี่ ีกจ็ ะปฏิบตั ติ อคนทีม่ ีวถิ ที างเพศแตกตา งจากตัวเองดวยความเคารพไม วา จะเปน สาวประเภทสองหรือหญิงรักหญิงชายรักชาย หรือผูที่รักสองเพศและยังปฏิบัติกับเพ่ือคูรัก หรือชายทสี่ ําคัญคือมคี วามรับผิดชอบตอสังคมและตนเองในเรอื่ งการมเี พศสมั พันธท ่ีปลอดภัย สงั คมจาํ เปนตอ งลบความคิดทางลบวาเรอื่ งเพศเปนเร่ืองเพศเปนเรื่องสกปรก อันตรายที่ตอง หลกี ใหห า งแตความจริงเราจําเปนตอ งศึกษาเรียนรูใ หเขา ใจเพราะเรอื่ งเพศเปน สิ่งท่สี ามารถแสดงออก อยา งอสิ ระมคี วามสุขบนพน้ื ฐานของความปลอดภัยเพ่ือดาํ เนนิ ชีวติ ไดอยางเปน สขุ

70 แผนงานสรางเสรมิ สุขภาวะทางเพศไดจ ัดทําความรูส ุขภาวะทางเพศในแตละชวงวัยไวเพราะ แตล ะชว งวยั กจ็ ะมีความสนใจและความตอ งการตา งกนั ในวยั เดก็ เปน ชว งเวลาแหง การสรา งพน้ื ฐานสุขภาวะทางเพศท่ดี ีได เด็กเล็ก อายุ 5-8 ป เริ่มรบั รู ไดถงึ บทบาททางเพศวาสังคมสรางใหหญงิ ชายมีความแตกตางกนั ดว ยกจิ กรรม ดว ยการกําหนดกรอบ กฎเกณฑต า งๆทีช่ ายทาํ ได หญงิ ทาํ ไมได หญงิ ทําได ชายทาํ ไมไ ด ซงึ่ ขดั ขวางพฒั นาการและสรา งความ เขา ใจผดิ ๆใหเ ดก็ วันแรกรุน อายุ 9-12 เปนชว งวัยท่ีตองเตรียมความพรอมเพ่ือกาวเขาสูวัยรุน ซึ่งชวงน้ีเปนวัย แหง การเปล่ยี นแปลงการไดร บั ขอ มูลทถี่ กู ตองและพรอ มใช จงึ เปน สงิ่ ทท่ี ําใหเ ด็กมภี ูมิคุมกันท่ีจะเขาสู วัยรุนไดอยางสวยงามจําเปนตองเขาใจและอธิบายถึงการเปล่ียนแปลงนั้นและเปดโอกาสใหเด็ก รบั ผิดชอบในครอบครวั ใหเ ดก็ ไดต ดั สินใจดวยตัวเองและรบั ผดิ ชอบผลท่ีจะตามมาไมใชตดั สนิ ใจแทน ทุกอยาง เดก็ วยั น่เี ริ่มจะมกี ารเปล่ยี นแปลงทางอารมณ และความรูสึกทางเพศ ไมใชเร่ืองผิดแตการให ขอ มลู และความรูทีถ่ กู ตองเปนสง่ิ จําเปน การตอบคาํ ถามแบบตรงไปตรงมา เปดโอกาสใหเ ด็กไดเรียนรู ในสิ่งทเี่ หมาะท่คี วรเปนเรอ่ื งทคี่ วรสง เสรมิ เมอ่ื กาวเขาสูวัยรนุ ชว งอายุ 13-18 ป ชว งแหง การเปลยี่ นแปลงในทุก ๆ ดา น จําเปนตองไดรับ ขอ มูลเร่ืองเพศอยา งถกู ตองและรอบดา น เพ่อื ใหเ ทาทันการเปล่ียนแปลงของตัวเอง ท้ังดานกายใจและ อารมณ จาํ เปนตอ งสรา งทักษะของเพศสมั พนั ธที่ปลอดภัยรว มไปกับความรับผิดชอบเพื่อใหสามารถ แยกแยะไดวาเซก็ สไ มใ ชแ คเรอื่ งสนุกแตม ีผลทจ่ี ะตามมาอีกมากมาย การใหความรูอ ยางตรงไปตรงมา ไมท าํ ใหเรอ่ื งเซก็ สเ ปน ความผดิ ละอาย ทําใหเกิดเพศสมั พนั ธท่ปี ลอดภัยและมคี วามรับผดิ ชอบขึน้ ได ผูใหญจําเปนตองเขาใจกระบวนการเรียนรูของมนุษยวาตองใชเวลาในการส่ังสมความรู ประสบการณความภูมิใจในตัวเองจึงสามารถมีเพศสัมพันธที่มีความสัมพันธที่มีความปลอดภัยและ เปน สุขได “การใหข อ มูลไมไดเปน การช้ีโพรงใหกระรอก แตเปนการสรางความเขาใจและทักษะใน ชวี ิตใหเ ดก็ สามารถเตบิ โตเปนผูใหญท่เี ขาใจและมคี วามรับผดิ ชอบได วิธีการปฏบิ ัติเพอ่ื การมสี ุขภาพทางเพศท่ดี ี ควรคํานงึ ถงึ การมเี พศสัมพนั ธที่ปลอดภยั โดยไมเปลี่ยนคูหรือมีเพศสัมพันธกับบุคคลท่ีไมใชสามีภรรยา ของตน ถาคดิ จะมีเพศสัมพันธกับบุคคลที่ไมใชคูของตนควรปองกันความไมปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้น โดยใชถงุ ยางอนามยั เนนการรักษาความสะอาดสวนบุคคล เมอื่ มีเพศสมั พันธแลวควรตองรีบทําความสะอาดสวน บคุ คลไมหมกั หมม เพราะจะทาํ ใหเ กดิ เชอ้ื โรคซึ่งเปนตน เหตขุ องอาการคนั จนลกุ ลามเปน โรคที่อวัยวะ เพศได

71 ควรมีเพศสมั พนั ธแบบธรรมชาติ ไมผิดธรรมชาติของคนปกติ เชน การใชว ัตถุแปลกปลอมใน การรวมเพศ การรว มเพศโดยใชว ตั ถเุ ลยี นแบบธรรมชาตเิ ชน ตุก ตายาง ใหคํานงึ ถึงความปลอดภยั การคมุ กาํ เนดิ เปน สวนหนงึ่ ของการวางแผนครอบครวั ในเร่อื งระยะทพ่ี รอมจะมบี ุตรเม่อื ใดคํานวณบตุ รทจี่ ะ มีก่ีคน หรือระยะหางของการมีบุตรเวนนานเทาใด ท้ังน้ีเพื่อใหเหมาะสมกับความพรอมและความ ตอ งการของคูส มรส การคุมกาํ เนิดเปนวธิ กี ารปฏบิ ัตเิ พ่ือปอ งกันการต้ังครรภ การวางแผนครอบครัวและการคมุ กําเนดิ การวางแผนครอบครัวและการคุมกําเนิด (Family Planning and Birth Control) คือการที่ คู สมรสวางแผนในเร่ืองการมีบุตรวาจะมีบุตรเมื่อใด จะมีบุตรกี่คน แตละคนจะเวนนานเทาใดท้ังน้ี เพอื่ ใหเหมาะสมกบั ความพรอมและความตองการของคสู มรส สวนการคุมกําเนิดน้ันเปนวิธีการเพื่อมิ ใหเกดิ การตง้ั ครรภซ ่งึ มีอยหู ลายวธิ ี 1.การใชถงุ ยางอนามยั (Condom) ถุงยางอนามยั มลี ักษณะเปนถุงท่ที าํ ดวยยางบางๆยดื ได ใช สวมอวยั วะเพศชายขณะทแ่ี ข็งตัวพรอ มท่จี ะรวมเพศ การใชถ ุงยางอนามัยเปนการปอ งกนั ไมใ หต วั อสจุ ิ เขา ไปในโพรงมดลกู ผสมกับไขข องฝา ยหญิงได เพราะถูกถงุ ยางปองกนั ไว ตวั อสจุ แิ ละนํ้าอสุจจิ ะอยู ในถงุ ยางอนามยั เมือ่ ใชเสรจ็ แลว จะถอดออกใหใ ชกระดาษชําระจบั ขอบถุงยางใหก ระชบั อวัยวะเพศ กอ นแลว จึงถอดถุงยางออกแลว นําไปทิง้ ถังขยะมกี ารผลิตถงุ ยางอนามัยสําหรับผหู ญิงใชเ หมอื นกนั ขนาดใหญก วา ถุงยางอนามยั ท่ีผูชายใชแตไ มคอ ยไดร ับความนิยม 2.การรับประทานยาเม็ดคุมกําเนิด(Contraceptive Pill) ยาเม็ดคุมกําเนิดจะประกอบดวย ฮอรโมนสังเคราะห 2 ชนดิ คอื เอสโตรเจน โพรเจสเทอโรน ซึ่งจะออกฤทธ์ิคลายกับฮอรโมนที่มีอยู ตามธรรมชาตใิ นรา งกายของผหู ญิง และสรา งกลไกตา งๆ ในรา งกายเพือ่ ที่จะปองกันการตั้งครรภดวย การปองกันไมใ หไขส กุ และยบั ยงั้ การตกไข ตลอดจนทําใหม ูกบริเวณ ปากมดลกู เหนียวขนจนตวั อสุจิ จะผานเขาสูโพรงมดลูกไดยาก แตถากลไกทั้ง 2 ประการน้ีไมไดผล มันจะเปล่ียนแปลงเยื่อบุโพรง มดลกู ไมใ หเ หมาะสมสําหรับการฝงตัวของไขท่ีถูกผสมแลว ยาเม็ดคุมกําเนิดที่ใชอยูทั่วไปมี 3 แบบ คอื 2.1 แบบ 21 เมด็ ยาเม็ดในแผงจะประกอบดว ยฮอรโ มนทัง้ หมด การเร่มิ รบั ประทานยาเม็ดแรก ใหเ ร่ิมตรงกับวันของสปั ดาหท ี่ระบแุ ผงยา เชน ประจําเดือนมาวันแรกคือวันศุกรก็เร่ิมกินที่ “ศ” หรือ วันศกุ ร โดยรับประทานวนั ละ 1 เม็ดเปน ประจําทุกวนั ตามลกู ศรชจี้ นหมดแผง หลังจากน้ันใหหยุดใช ยา 7 วนั เมือ่ หยุดยาไปประมาณ 2-3 วนั ก็จะมเี ลอื ดประจาํ เดือนมาและเมอ่ื หยุดจนครบ 7 วันแลวไมวา เลือดประจาํ เดือนจะหมดหรอื ไมก ต็ ามใหเรมิ่ แผงใหมทันที

72 2.2 แบบ 28 เมด็ ยาเมด็ ในแผงหน่ึงจะประกอบดว ยฮอรโมน 21 เม็ด และสวนทีไ่ มใชฮ อรโ มน อีก 7 เม็ด ซึ่งมักจะมีขนาดเล็กหรือใหญกวา 21 เม็ดแรก การเริ่มรับประทานยาแผงแรกใหเร่ิม รับประทานยาในวันแรกทป่ี ระจําเดอื นมา โดยรับประทานยาเม็ดแรกในสวนทีร่ ะบุวาเปนจุดเร่ิมตน 1 แลว รบั ประทานทุกวนั ตามลกู ศรชจ้ี นหมดแผง โดยเมื่อรบั ประทานหมดแผงแลว ใหรบั ประทานยาแผง ใหมตอไปเลยทันทีไมวาประจําเดือนจะหมดหรือยังก็ตาม วิธีรับประทานแบบ 28 เม็ดจะคอนขาง สะดวกกวาแบบ 21 เมด็ ที่ไมตอ จดจําวนั ท่ตี องหยุดยา ถาลมื รบั ประทาน 1 เมด็ ใหร ับประทานทนั ทีเมื่อนึกได และรับประทานเม็ดตอ ไปเวลาเดิม ถา ลมื รับประทาน 2 เม็ด ใหร ับประทานยาวนั ละ 2 เม็ด ติดตอกันไปเปนเวลา 2 วันโดยแบงรับประทาน ตอนเชา 1 เม็ด ตอนเยน็ 1 เม็ด และใชว ธิ กี ารคมุ กาํ เนิดแบบอ่นื รวมดวย เชนใชถ งุ ยางอนามัยเปนเวลา 7 วนั ถา ลมื รับประทาน 3 เม็ดขึน้ ไป ควรหยุดยาและรอใหเ ลือดประจําเดือนมากอ นแลวคอยเริ่มแผงใหม และใชวิธีการคุมกําเนิดแบบอนื่ รวมดว ย 2.3 แบบรบั ประทานหลังรว มเพศภายใน 24 ชั่วโมง แตเดือนหน่งึ ไมควรใชเกิน4 คร้ัง ยาน้ีใช กินทันทหี รอื ภายใน 24 ช่วั โมงหลงั รวมเพศ และควรกนิ ยาอีกหน่ึงเม็ดในเวลา 12 ชว งโมงตอ มายาเม็ด นี้มกั มปี ริมาณของฮอรโมนเอสโตรเจน (Estrogen) สูง การใชยาชนิดนี้ใหผลเสียมากกวาผลดี พบวา เปน อาการขา งเคียง คือ คล่นื ไส อาเจียน มีเลอื ดออกมากกวา ปกติ และทําใหทอ นําไขเ คลื่อนไหวชา อนั เปน เหตทุ ําใหเกิดทอ งนอกมดลูกได 3.การฝงยาเม็ดคุมกาํ เนดิ ใตผวิ หนงั ยาประเภทน้ีมีสวนประกอบของเอสโตรเจนสูงมีฤทธ์ิทํา ใหไขทีผสมแลวไมสามารถฝงตัวไดในผนังมดลูก เปนยาเม็ดคุมกําเนิดชนิดฝงไวใตผิวหนังบริเวณ ดานใตท องแขนของฝา ยหญงิ มีลกั ษณะเปนแคปซูลเลก็ ๆ 6 อัน ยาจะซมึ จากแคปซลู เขาสูรางกายอยาง สม่ําเสมอ สามารถคุมกําเนิดไดนานถึง 5 ป ตัวยาที่ใสในแคปซูลเปนชนิดเดียวกับ ยาเม็ดคุมกําเนิด แบบ 21 เม็ด 4.การใสหวงอนามัย (Iucd :: Intra Uterine Contraceptive Device) ใชโดยการใสหวง อนามัยไวในโพรงมดลูก ซึ่งแพทยจะเปนผูใสหวงให สามารถคุมกําเนิดได 3-5 ป แลวจึงมาเปลี่ยน ใหมแตก ็มบี างชนดิ ที่ตองเปล่ียนทุกๆ 2 ป วิธีน้ีไมเ หมาะสําหรบั ผูหญงิ ท่ียงั ไมเ คยมบี ตุ ร 5.การฉดี ยาคมุ กําเนดิ ใชก บั ผูหญิงฉดี ครงั้ หนงึ่ ปอ งกันไดนาน 3 เดอื น อาจมีขอเสียอยูบางคือ เมอื่ ตองการมีบุตรอาจตองใชเวลานานกวาจะต้ังครรภ และไมเหมาะสําหรับผูท่ีมีประจําเดือนมาไม สม่าํ เสมอ

73 6.การนบั ระยะปลอดภัย (Count safe Period) คือนับวันกอนประจําเดือนมา 7 วัน และหลัง ประจําเดอื นมา 7 วนั เพราะไขยังไมส กุ และเย่ือบุโพรงมดลูกกําลังเปล่ียนแปลง แตถาประจําเดือนมา ไมแ นน อน การคมุ กาํ เนิดวิธีน้ีอาจผดิ พลาดได 7.การหล่งั อสุจภิ ายนอก คอื การหลัง่ น้ําอสจุ อิ อกมานอกชอ งคลอด แตก็อาจมีนํ้าอสุจิบางสวน เขา ไปในชองคลอดได วธิ นี ี้จงึ มโี อกาสต้ังครรภไดสูง 8. การผาตดั ทําหมนั เปนการคมุ กาํ เนิดแบบถาวร ดังนัน้ ผูท่ีคดิ จะทําหมันจะตองแนใจแลววา จะไมม ีบตุ รอีก ซงึ่ สามารถทําไดท งั้ ผูหญงิ และผูช าย 8.1 การทาํ หมันชาย ทําโดยแพทยใชเวลาประมาณ 10 นาที โดยการใหผ ูท ี่จะทําหมันนอนบน เตียงผาตัด มีมานก้ันมิใหเห็นขณะท่ีแพทยกําลังผาตัดเจาหนาที่จะโกนขนบริเวณอวัยวะเพศออก เลก็ นอ ยแลว แพทยจ ะฉดี ยาชาเฉพาะที่ แลวจึงเจาะถุงอัณฑะเพื่อผูกทอ อสุจโิ ดยไมต อ งเย็บ หามแผลถูก น้าํ 3 วนั หลงั ทําหมนั ชายแลวจะตองคมุ กําเนิดแบบอ่ืนไปกอนฝายชายจะหล่ังน้าํ อสุจิประมาณ 15 ครัง้ แลวนํา้ อสุจคิ ร้ังท่ี 15 หรือมากกวาไปใหแพทยตรวจวายังมีตัวอสุจิหรือไม ถาแพทยตรวจวาไมมีตัว อสจุ ิแลว กส็ ามารถมเี พศสมั พนั ธไ ดโ ดยไมต องใชก ารคุมกําเนิดแบบอนื่ อกี ตอไปเลย 8.2 การทาํ หมันหญงิ แบงออกเปน 2 แบบคอื 1.การทาํ หมนั เปย ก คอื การทําหมันหลังคลอดบตุ รใหมๆ ภายใน 24-48 ชั่วโมง เพราะ จะทําไดงายเนื่องจากมดลูกยังมีขนาดใหญและลอดตัวสูง โดยขอบบนอยูสูงเกือบถึงสะดือวิธีน้ีจะ ผาตัดทางหนาทอง 2.การทําหมนั แหง คอื การทาํ หมนั ในระยะปกตขิ ณะทีไ่ มมีการต้ังครรภหรือหลังการ คลอดบตุ รมานานแลว มดลูกจะมีขนาดปกตแิ ละอยลู กึ ลงไปในองุ เชิงกราน การทําหมันแหงอาจทําได หลายวิธี เชน ผา ตัดทางดานหนาทอ ง ผาตัดทางชอ งคลอด โดยใชเคร่อื งมือตางๆที่ทันสมัยชวยการไป รับบริการทําหมันนี้สามารถไปรบั บรกิ ารไดใ นหลายหนวยงานทใ่ี หบรกิ ารทางดานสาธารณสขุ ทง้ั ของ ภาครัฐและเอกชน เชน โรงพยาบาลตางๆ สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน สมาคมวางแผน ครอบครวั แหง ประเทศไทย สมาคมทําหมันแหงประเทศไทย เปนตน 9.การคุมกาํ เนิดดวยยาเม็ดคุมกําเนิดฉุกเฉิน เปนการปองกันการตั้งครรภเฉพาะฉุกเฉินเชน การมีเพศสัมพนั ธโดยไมไ ดใชการปองกันวธิ ีอื่นมากอ น ใชถุงยางอนามัยเสร็จแลวไมแนใจวารั่วหรือ แตก ลมื กนิ ยาแบบประจาํ วันติดตอกันสองวัน ใสหวงอนามัยแตหวงหลุด มีเพศสัมพันธในชวงที่ไม ปลอดภัย กรณีถกู ขมขนื ซง่ึ องคก รอนามัยโลกไดใหการรับรองวาการกินยาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉุกเฉิน เปน วิธที ป่ี ลอดภยั และมีประสิทธภิ าพในการปองกนั การต้งั ครรภไดระดบั หน่งึ

74 ยาเม็ดคมุ กําเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพสูงก็ตอเม่ือ มีการนํามาใชตามขอบงช้ีท่ีกําหนดไว และใชเ ทา ท่ีจําเปน เทานน้ั สาํ หรบั ผลขา งเคยี งที่เกิดข้ึนบอย คอื การมีรอบระดูผดิ ปกติ คลื่นไสอาเจียน แตห ากใชบอ ยและตอเนอ่ื งมโี อกาสตัง้ ครรภน อกมดลกู ได การทาํ แทง การทําแทง หมายถึง การทําใหการตั้งครรภส้ินสุดกอนอายุครรภ 28 สัปดาหสําหรับใน ประเทศไทยการทาํ แทง ยังไมเปน เรอื่ งท่ผี ิดกฎหมายไมวา จะกระทาํ โดยแพทยปรญิ ญาหรอื หมอเถ่ือนก็ ตาม กฎหมายจะอนุญาตใหทําแทงได 2 กรณี คือ กรณีถูกขมขืนและกรณีต้ังครรภน้ันเปนอัตราตอ สุขภาพของมารดาและทารกในครรภ เทาน้ัน เม่ือเกิดการต้ังครรภไมพ่ึงประสงคเด็กวัยรุนจะเกิดความกังวลจากความไมพรอมที่จะเปน ผูรับผิดชอบกับการมีบุตร จึงคิดหาวิธีการทําลายเด็กในครรภ โดยการทําแทงกับหมอเถื่อนท่ีผิด กฎหมาย ผดิ ศลี ธรรม เพราะในสงั คมไทยไมเ ปด ใหม ีการทาํ แทงแบบเสรี นอกจากการตั้งครรภในคร้ัง นน้ั แพทยพิจารณาใหทาํ แทงได ในกรณีอาจเกดิ อันตรายถึงชวี ิตผูเปนแม เชน การทอ งนอกมดลกู ครรภ เปนพิษ ทองไขปลาดุก หรือในกรณีท่ีแมไดรับเช้ือโรคหลังจากการตั้งครรภแลว เชน ไดรับเช้ือหัด เยอรมัน การทําแทงโดยทวั่ ไปของเด็กวยั รนุ จะทาํ แทง กับผทู ี่ไมม คี วามรูดา นการแพทยทแี่ ทจ ริง จึงทํา ใหเกิดอันตรายกับผูมาทําแทง เชน เกิดการตกเลือด หรือไดรับอันตรายอาจเกิดการติดเชื้อโรค จาก เคร่ืองมือ อุปกรณท่ีนํามาใช เกิดความสกปรกจากการใชอุปกรณ สถานท่ีจนทําใหมารดาเปน บาดทะยกั ไดด ว ย การแทงบตุ รทท่ี าํ ใหเกิดอันตรายตอสุขภาพของผูเ ปน แมเนอื่ งจากมบี างสวนของทารกหรือรก หลงเหลอื อยูจึงตอ งนําสวนทเ่ี หลอื ออกจากมดลูกใหห มดโดยแพทยต อ งใชเคร่ืองดูดหรือใชวิธีขูดจาก โพรงมดลูก หรอื อาจตอ งใชฮอรโมนที่ใหใหมดลูกเกิดการบีบตัวขับสวนท่ีคางออกและในบางกรณี แพทยตองใชย าปฏิชีวนะเพ่ือการรกั ษาหรอื ปองกันการติดเชอื้ ตดิ เชอ้ื HIVS สว นใหญเกิดจากการมีเพศสัมพันธกับบุคคลอื่นท่ีไดรับเชื้อไวรัส HIV ในรางกายรองลงมา เกดิ จาการใชสารเสพตดิ ชนดิ ฉีดเขา เสนเลือดทาํ ใหไ ดร บั เชื้อ HIV จากเลือดที่สัมผัสหรือเลือดท่ีไดรับ เขาสรู างกาย บคุ คลที่มีโอกาสไดร บั เชื้อไวรสั HIV VS โดยไมไ ดเกดิ จากการมเี พศสมั พันธและไมไดใ ชเ ข็ม ฉดี ยาใด ๆ สว นหนง่ึ จะเกดิ กบั บคุ คลสวนหน่ึงทางการแพทย ท่ีมีโอกาสสัมพันธน้ําเลือดน้ําเหลือง ท่ี คัดหล่งั จากผูปว ยโดยไมไดปองกนั ตนเองโดยการใชถ ุงมอื กอนสมั ผสั กับผูป วยจงึ มีโอกาสไดรับหรือ ตดิ เชื้อ HIV VS ไดก ารต้งั ครรภเ มอ่ื ไมมีความพรอม การมเี พศสัมพนั ธกอนวัยอันควร เปน ปญ หาของสงั คมไทยมากขน้ึ ท้ังนเี้ พราะคานิยมในเรื่อง การรักนวลสงวนตัวของเพศหญิง หรือการเห็นคุณคาในการรักษาความบริสุทธ์ิของตนจนถึงวัย แตงงาน เด็กวยั รุนปจจุบันไมไดคํานึงถึง ทั้งนี้อาจเปนเพราะการดูแลเอาใจใสใหการอบรมจากบิดา

75 มารดามนี อยลง เด็กยุคใหมร ับอารยะธรรมความกาวหนาหรืออิทธิพลตางประเทศมากข้ึน จึงไมคอย เชอื่ ฟงบิดามารดา จงึ เปน สง่ิ จาํ เปนทตี่ องปลกู ฝง ใหเกิดจิตสํานกึ โดยครอบครวั ชุมชนโรงเรียนสถาบัน ทมี่ ีสวนเกยี่ วขอ งควรเขา มามบี ทบาทรณรงคปองกันปญหานรี้ วมกัน การมีเพศสัมพันธกอนวัยอันควร เปนพฤติกรรมท่ีกอใหเกิดปญหาตางๆตามมาในชีวิต ตลอดจนเปนปญหาหรือภาระแกสังคม ชุมชนดวย เชนเกิดการติดโรคทางเพศสัมพันธและยังเปน บคุ คลแพรเ ชือ้ โรคทางเพศสมั พนั ธแกค นอ่ืนดวยถาบุคคลนั้นใหบริการทางเพศการตั้งครรภเมื่อไมมี ความพรอมหรือต้ังครรภโดยไมคาดคิดนอกจากจะสงผลกระทบตอชีวิตของตนเองแลว ยัง สงผล กระทบตอ ครอบครัว ทาํ ใหบ ดิ ามารดา ญาตพิ นี่ องอับอายเสียใจรวมสง ผลกระทบตอสังคม เชน ปญ หา เด็กถกู ทอดท้ิงเพราะพอ แมไมต อ งการบตุ ร หรือไมพ รอ มจะรับเลีย้ งดูบุตรเน่อื งจากยังไมมีอาชีพ เรียน ไมจบ ดงั นนั้ จงึ ตองใหค าํ แนะนําอบรมสงั่ สอนใหพฤติกรรมตนอยูในกรอบของสังคมที่ดีไมยุงเกี่ยว เรื่องเพศสัมพันธปองกันตนเองไมปลอยตัวใหมีเพศสัมพันธในวัยที่ยังไมสมควรใหต้ังใจศึกษาเลา เรียน และสามารถประกอบอาชีพจนเล้ียงตัวเองไดแลว จงึ คดิ มีครอบครัวภายหลัง 1.สอนความรเู ร่อื งเพศ เพศสัมพนั ธและการคุมกําเนดิ แกเ ดก็ นักเรยี น นักศึกษาท่กี าํ ลงั กา วเขา สู วยั รุนพรอ งท้งั ชี้ใหเหน็ ขอ ดีขอเสยี ของการมีเพศสัมพันธกอ นวัยอันควร และการต้ังครรภเ ม่อื ไมพรอม โดยเนนยํ้าใหเห็นผลเสีย ไดแก การสูญเสียโอกาสในการศึกษา และการประกอบอาชีพการงานท่ีดี ตลอดจนโอกาสในการเจอคูครองที่ดีในอนาคต 2.สอนวัยรุน ชายใหมคี วามรบั ผดิ ชอบและใหเ กยี รติผหู ญงิ เนอื่ งจากในสังคมไทยยัง ยกยอง เพศชายวาเปนเพศที่แข็งแรงกวาจึงควรสอนใหผูชายมีความคิดท่ีจะปกปองชวยเหลือ เพศหญิง มากกวานอกจากน้ีเพศชายจะตองใหเกียรติผูหญิงและมีความรับผิดชอบในการกระทําของตนเอง ปญหาการทําแทงสว นใหญพบวา ฝา ยชายไมยอมรับการต้งั ครรภ 3.ปลกู ฝงคานิยมในการรักนวลสงวนตัวตั้งแตวัยเด็ก และเนนยํ้ามากขึ้นในวัยรุน ไดแกการ แตงกายใหสุภาพ ไมแตงกายลอแหลม ยั่วยุอารมณเพศตรงขามซ่ึงเปนเหตุใหเกิดการขมขืนกระทํา ชําเรา 4.สอนใหร จู ักการปฏเิ สธในสถานการณท่ีไมเหมาะสมไดแกปฏิเสธท่ีจะไปเท่ียวตอหลังเลิก เรียน ปฏเิ สธท่จี ะไปไหนๆกบั เพ่อื นชายตามลาํ พังไมเ ปดโอกาสใหเพศตรงขา มถูกเน้อื ตองตัว เปนตน แนวทางการแกไขปญหาการตัง้ ครรภไ มพ่งึ ประสงคน ค้ี งตอ งเร่มิ จากการปลกู ฝง นสิ ยั ตั้งแตวัย เดก็ ใหสอดคลอ งกบั สภาพสงั คมในยุคโลกาภิวัฒนน ้ี เชอ่ื วาปญหาการทําแทงผิดกฎหมายอาจเบาบาง ลงไป

76 บทท่ี 4 สารอาหาร สาระสําคัญ ความตองการสารอาหาร ตาม เพศ วยั ของรา งกาย เปนความตองการสารอาหารในบคุ คลแตละ ชว ง และแตล ะเพศ ยอ มมีความแตกตางกนั เปนที่ยอมรบั กนั ทั่วไปแลววา อาหารมสี วนสําคัญอยางมาก ในวัยเด็กทั้งในดานการเจรญิ เติบโตของรา งกายและการพัฒนาการในดานความสัมพนั ธของระบบการ เคลอ่ื นไหวของรา งกาย ผลการเรยี นรูทคี่ าดหวัง 1. วเิ คราะหปญหาสขุ ภาพทเ่ี กิดจากการบรโิ ภคอาหารไมถกู หลกั โภชนาการ 2. บอกสารอาหารทีร่ า งกายตอ งการตามเพศ 3. อธิบายวธิ กี ารประกอบอาหารเพือ่ รักษาคุณคาของอาหาร ขอบขายเนอ้ื หา เรื่องที่ 1. สารอาหาร เร่ืองที่ 2. วิธีการประกอบอาหารเพอ่ื คงคณุ คา ของสารอาหาร เร่ืองที่ 3. ความเชื่อและคานยิ มเกยี่ วกบั การบรโิ ภค เรอ่ื งท่ี 4. ปญ หาสุขภาพท่เี กดิ จากการบริโภคอาหารไมถูกหลักโภชนาการ

77 เรือ่ งท่ี 1 สารอาหาร ปริมาณความตองการสารอาหาร ตาม เพศ วัยและสภาพรางกาย ความสําคัญของอาหารและ ความตองการสารอาหารในบุคคลแตละชวง และแตละเพศ มีความแตกตางกันตามธรรมชาติ ดังนั้น ปรมิ าณของสารอาหารท่ีควรไดรับในแตละบคุ คลจะแตกตางกนั 1. ความตองการสารอาหารในวยั เด็ก เปนท่ียอมรับกันท่ัวไปแลววา อาหารมีสวน สําคัญอยางมากในวัยเด็กท้ังในดานการ เจริญเตบิ โตของรา งกายและการพฒั นาการในดา นความสัมพันธของระบบการเคลือ่ นไหวของรางกาย ตลอดจนในดานจิตใจ และพฤติกรรมในการแสดงออกและปจจัยที่มีสวนสําคัญที่ทําใหเด็กไดรับ อาหารที่ถกู หลกั ทางโภชนาการ ไดแก 1.ครอบครัวทคี่ อยดูแลและเปน ตวั อยา งท่ีดี 2.ตวั เดก็ เอง ทจี่ ะตองถูกฝก ฝน 3.ส่ิงแวดลอมทําใหเ กิดการปฏิบตั อิ ยางคนขางเคยี ง อาหารที่ถูกหลักโภชนาการในวัยเดก็ น้ัน เปน ทที่ ราบดอี ยแู ลววาเด็กตองการอาหารครบท้ัง 3 ประเภท เพอ่ื การเจรญิ เติบโตและพัฒนาการ สง่ิ ทต่ี องคาํ นึงถึงคอื อาหารทีใ่ หเดก็ ควรไดรับ ไดแก 1.อาหารท่ีใหโปรตีน ไดแก นม ไข เนื้อสัตว ตลอดจนโปรตีนจากพืชจําพวกถั่วเขียว ถั่ว เหลือง 2.อาหารทใ่ี หพลังงาน ไดแกข า ว แปง นํา้ ตาล ไขมนั และนาํ้ มัน สวนน้ําอัดลม หรือขนมหวาน ลกู กวาดตาง ๆ ควรจํากัดลง เพราะประโยชนน อ ยมากและบางทที าํ ใหมปี ญ หาเรอื่ งฟน ผดุ ว ย 3.อาหารทีใ่ หวิตามินและเกลือแรไดแ ก พวก ผัก ผลไม และอาหารทม่ี ใี ยอาหารที่มีสวนทําให เก็บไมท อ งผูก 2. ความตองการสารอาหารของเด็กวยั เรยี น ในปจ จบุ ัน ภาวะของความเรง รบี ในสังคมอาจจะทาํ ใหพอแมหรือผปู กครองละเลยเรอ่ื งอาหาร เชาของเด็กวัยเรยี น เดก็ วยั เรยี นเปน วยั ทีร่ างกายกําลังเจริญเติบโต ตองการอาหารเชา ถ า เ ด็ ก ไ ม ไ ด รบั ประทานอาหารเชา จะทาํ ใหเ ด็กขาดสมาธใิ นการเรียน สมองมึน งวง ซึม และถาเด็กอดอาหารเปน เวลานาน ๆ ติดตอ กัน จะทําใหมีผลเสยี ตอระบบการยอ ยอาหาร และเปนโรคขาดสารอาหารไดดังนั้น การเลอื กอาหารเชา ทีเ่ ด็กวัยเรยี นควรไดร บั ประทานและหาไดง า ย คอื นมสด 1 กลอ ง ขาวหรือขนมปง ไข อาจจะเปนไขด าว ไขล วก หรอื ไขเ จียว ผลไมท ่หี าไดง าย เชน กลวยนํ้าวา มะละกอ หรือสม เทาน้ี เดก็ กจ็ ะไดรบั สารอาหารท่ีเพียงพอแลว 3. ความตอ งการสารอาหารในวัยรุน วยั รุน เปนวยั ท่มี กี ารเจรญิ เติบโตในดา นรางกายอยางมาก และมีการเปล่ียนแปลงทางอารมณ และจิตใจคอนขางสูง มีกิจกรรมตาง ๆ คอนขางมากทั้งในดานสังคม กีฬา และบันเทิง ความตองการ สารอาหารยอ มมมี ากขนึ้ ซึ่งจะตอ งคํานึงทง้ั ปรมิ าณและคณุ ภาพใหถูกหลกั โภชนาการ

78 ปจจยั ท่ีสาํ คญั คือ 1.ครอบครวั ควรปลกู ฝงนสิ ัยการรบั ประทานอาหารท่ถี กู หลกั โภชนาการ เร่ิมตนจากที่บานท สาํ หรับวัยรุนที่พยายามจํากัดอาหารลง คนในครอบครัวจะตองใหค าํ แนะนาํ เพ่ือไมไปจํากัดอาหารท่ีมี คุณคา และจาํ เปนตอรา งกาย 2.วยั รนุ จะเร่มิ มคี วามคิดเห็นเปน ของตัวเองมากขึ้น การรบั ความรเู กยี่ วกบั โภชนาการ มีความ จาํ เปน เพือ่ ใหเหน็ ความสําคัญของการรบั ประทานอาหารทมี่ คี ุณคา ทางโภชนาการอยา งสมา่ํ เสมอซึ่งจะ มีผลดีตอ ตัววัยรุน เองโดยตรง 3.สิง่ แวดลอ มในโรงเรยี นหรอื สถานศกึ ษาอทิ ธิพลจากเพือ่ นฝูงมีสวนท่ีทําใหวัยรุนเลียนแบบ กนั เรอ่ื งการรับประทานอาหาร ตลอดจนการบริโภคสารอนั ตราย เชน เหลา บุหรี่ และยาเสพติด การ ดูแลอยางใกลชิดตลอดจนการสนับสนุนใหวัยรุนเลนกีฬา หรือทํากิจกรรมท่ีมีประโยชนจะมีผล ทางออม ทําใหนิสัยท่ีดีในการบริโภคอาหารไมถูกเบี่ยงเบนไป ความตองการอาหารที่ใหโปรตีน พลงั งาน และวติ ามนิ ตองเพยี งพอสําหรับวยั รนุ วติ ามนิ ตอ งเหมาะสมและโดยเฉพาะอยางย่ิงอาหารท่ีมี เกลอื แรประเภทแคลเซยี มและเหลก็ ตองเพียงพอ 4. ความตอ งการสารอาหารในวยั ผูใหญ วัยผูใหญถงึ แมจ ะหยุดเจรญิ เติบโตแลว รางกายยังตองการสารอาหารอยางครบถว น เพ่ือนําไป ทํานุบํารุงอวัยวะ และเนื้อเย่ือตาง ๆ ของรางกาย ใหคงสภาพการทํางานท่ีมีสมรรถภาพตอไป และ ปจจัยสําคัญอยางหน่ึง ท่ีจะทําใหวัยผูใหญยังคงแข็งแรงไดแก การบริโภคอาหารที่ถูกตองตามหลัก โภชนาการ การควบคมุ อาหารในวัยผูใหญ มขี อ แนะนาํ ดังนี้ 1.ใหบริโภคอาหารหลายชนิด เนื่องจากไมมีอาหารชนิดใดชนิดหน่ึงท่ีใหคุณคาทาง โภชนาการไดครบถวน 2. บริโภคอาหารในปรมิ าณทีพ่ อเหมาะ เพ่อื ใหนาํ้ หนกั อยใู นเกณฑท ีต่ องการ 3. หลกี เลย่ี งการรับประทานท่มี ีไขมันมากเกินไป 4. บริโภคอาหารที่มีปริมาณของแปงและกากใยใหเพียงพอ 5. หลกี เล่ยี งการบรโิ ภคอาหารทีป่ รุงดว ยปริมาณนา้ํ ตาลจํานวนมาก 6. หลกี เลี่ยงการบรโิ ภคอาหารเคม็ มากเกนิ ไป 7. หลกี เลี่ยงเครอ่ื งดืม่ ทม่ี ีแอลกอฮอล 5. ความตองการสารอาหารของวยั ผูสงู อายุ ผูสงู อายใุ นทน่ี ้หี มายถึงผทู ีอ่ ยใู นวยั 60 ปขนึ้ ไป สําหรบั ปญหาเร่ืองอาหารการกนิ หรือโภชนาการในวัยน้ี ขอใหรบั ประทานอาหารใหครบทุก หมูและควบคุมปริมาณ โดยดูจากการควบคุมนํ้าหนักตัวไมใหมากข้ึน และกรณีน้ําหนักเกินอยูแลว ควรจะลดน้าํ หนักใหสัมพันธกับสวนสูง

79 ขอ แนะนําในการดูแลเรอื่ งอาหารในผสู งู อายมุ ดี ังนี้ 1.โปรตีน ควรใหรับประทานไขวันละ 1 ฟอง และด่ืมนมอยางนอยวันละ 1 แกวสําหรับ โปรตนี จากเนือ้ สัตวควรลดนอ ยลง 2.ไขมัน ควรใชน ้าํ มันถว่ั เหลืองหรือนา้ํ มนั ขาวโพด ในการปรุงอาหารเพราะเปนน้ํามันพืชท่ีมี กรดไลโนเลอกิ 3.คารโบไฮเดรต คนสูงอายุควรรับประทานขาวลดลงและไมควรรับประทานนํ้าตาลใน ปรมิ าณทม่ี าก 4.ใยอาหาร คนสงู อายคุ วรรับประทานอาหารที่เปนพวกใยอาหารมากขึ้น เพอ่ื ชวยปองกันการ ทอ งผูกชว ยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลอื ดและลดอบุ ัตกิ ารของการเกดิ มะเร็งลาํ ไสใหญล งได 5.นํา้ ด่ืม คนสูงอายคุ วรดมื่ นํา้ ปรมิ าณ 1 ลติ รตลอดท้ังวัน แตทัง้ นสี้ ามารถปรบั เองไดต ามความ ตองการของรางกาย โดยสังเกตดูวาถาปสสาวะมีสีเหลืองออน ๆ เกือบขาว แสดงวาน้ําในรางกาย เพียงพอแลว สวนเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอลรวมท้ังนํ้าชา กาแฟ ควรงดเวนถาระบบยอยอาหารในคน สงู อายไุ มดี ทา นควรแบงเปน มอ้ื ยอย ๆ แลว รบั ประทานทีละนอย แตหลายม้ือจะดีกวา แตอาหารหลัก ควรเปนมือ้ เดียว 6.ความตอ งการสารอาหารในสตรีตั้งครรภ สตรีตั้งครรภ นอกจากตองมีสารอาหารทั้ง 6 ประเภทไดแกโปรตีน คารโบไฮเดรต ไขมัน วติ ามนิ เกลือแร และนํา้ ในอาหารท่ีรบั ประทานเปน ประจําใหครบทุกประเภทแลว สตรีตั้งครรภตอง ทราบอกี วา ควรทีจ่ ะเพ่ิมสารอาหารประเภทใด จึงจะทําใหเด็กในครรภไดร ับประโยชนสงู สุดดงั น้ี 1.อาหารท่ีใหโ ปรตนี ไดแกไ ข นม เนื้อสัตว เครื่องในสัตวและถ่ัวเมล็ดแหง สตรีต้ังครรภจึง ควรรับประทานไขวันละ 1-2 ฟอง นมสดวันละ 1-2 แกว เนื้อสัตวบกและสัตวทะเล ซึ่งจะไดธาตุ ไอโอดีนดวยอาหารประเภทเตาหูและนมถ่ัวเหลือง ก็มีประโยชนในการใหโปรตีนไมแพเนื้อสัตว เชน กนั 2.อาหารทใ่ี หพลังงาน ไดแ ก ขา ว แปง นาํ้ ตาล ไขมันและนํา้ มนั สตรตี ัง้ ครรภค วรรับประทาน ขา วพอประมาณรวมกบั อาหารทีใ่ หโ ปรตนี ดงั กลา วแลว ควรใชน ้าํ มันพชื ซ่ึงมีกรดไขมนั จําเปน ในการ ประกอบอาหาร เชน นํ้ามนั ถัว่ เหลอื ง นํ้ามนั ขาวโพด สตรีตั้งครรภควรจะตอ งรบั อาหารทีจ่ ะใหพลงั งาน มากขนึ้ วันละปริมาณ 300 แคลลอร่ี 3.อาหารท่ีใหว ิตามนิ และเกลอื แร สตรีตัง้ ครรภต องการอาหารท่ีมีวิตามินและเกลือแรเพิ่มข้ึน ควรรับประทานอาหารประเภทผักและผลไมทุกๆวันเชนสม มะละกอ กลวย สลับกันไป จะไดใย อาหารเพอื่ ประโยชนใ นการขบั ถายอุจจาระดว ย เกลือแรท ส่ี ําคัญควรรับประทานเพิ่มไดแก แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนเี ซียม เหล็ก สังกะสี และไอโอดีน สวนวติ ามนิ ไดแ กก ลมุ ที่ละลายในไขมัน เชน เอ ดี อี เค และท่ลี ะลายในนา้ํ ไดแ กวิตามินบีและวิตามินซี

80 รา งกายเราตอ งการสารอาหารทม่ี ีอยูใ นอาหารตางๆ เพื่อใหมีสุขภาพท่ีดี แตเราจะตองรูวาจะ กนิ อยางไร กินอาหารอะไรบา งมากนอ ยเพยี งใดจึงจะไดส ารอาหารครบเพียงพอกับความตองการของ รางกาย ขอปฏิบัติการกนิ อาหารเพ่ือสุขภาพที่ดีของคนไทย 9 ขอหรือโภชนาการบัญญัติ 9 ประการน้ี จะชวยไดถ าทานปฏิบตั ิตามหลกั ดังตอ ไปน้ี 1.กนิ อาหารครบ 5 หมแู ตล ะหมูใหหลากหลายและหมน่ั ดูแลนาํ้ หนกั ตัว 2.กินขาวเปนอาหารหลัก สลบั กับอาหารประเภทแปง เปน บางมือ้ 3.กินพชื ผักใหมากและกินผลไมเปนประจาํ 4.กินปลา เนอื้ สตั วท ี่ไมตดิ มนั ไข ถัว่ เมลด็ แหงเปน ประจํา 5.ดื่มนมใหเหมาะสมตามวัย 6.กนิ อาหารทม่ี ไี ขมันพอสมควร 7.หลกี เลย่ี งการกินอาหารรสหวานจดั และเคม็ จดั 8.กินอาหารทสี่ ะอาดปราศจากการปนเปอ น 9.งดหรอื ลดเครือ่ งดมื่ ที่มแี อลกอฮอล สารตานอนมุ ูลอิสระ ในรางกายของคนเราเซลลจ ะผลติ สารชนิดหนึง่ เพอื่ ทาํ ลายเนื้อเยื่อตนเองเพิ่มมากข้ึน สารน้ัน เรยี กวาอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระน้ีเปนตัวการสําคัญท่ีทําใหเกิดปญหาทางสุขภาพหลายประการ ทั้ง ภาวะความจําเส่อื ม โรคมะเรง็ เปนตน ในขณะเดียวกันรางกายก็สามารถจัดการกับอนุมูลอิสระไดโดยสรางสารตานอนุมูลอิสระ ออกมาในกระแสเลือด เพื่อจับกับอนุมูลอิสระไดถึง 99.9 % คงเหลือทําลายเซลลอยูเพียง 0.1% แต กระนั้นก็ทาํ ใหเ ซลลเ กดิ การบาดเจ็บและยงิ่ นานวนั รอยแผลก็สะสมมากข้ึน เมื่อคนเราแกลงรางกายก็ จะสรางสารตานอนมุ ูลอิสระลดลงรางกายจะตองการสารตา นอนุมูลอสิ ระมากข้ึน เพอื่ สง ผลใหอายุยืน สุขภาพแขง็ แรงตอ ตานโรคชรา โรคมะเร็ง เปน ตน สารตานอนมุ ูลอสิ ระทส่ี าํ คญั ท่เี ราพบในแหลง อาหาร มีดงั น้ี 1.เบตา-แคโรทีน มีมากในแครอท และผักสีเหลืองสมผักสีเขียวเขมตางๆเชนมะเขือเทศ ฟก ทอง ตาํ ลึง ผักบุง ผกั กวางตงุ ผักคะนา ยอดแค เปนตน 2.วิตามินซี มีมากในฝรง่ั สม มะขามปอ ม มะนาว มะเขอื เทศ ผกั ผลไมส ด ตางๆ ผกั คะนาและ กระหล่ําดอกมีวติ ามินซสี ูงมาก วติ ามนิ ซี ถกู ทาํ ลายไดงาย ดว ยความรอนความขึน้ และแสง 3.วติ ามินอี มใี นรําละเอยี ด ในพวกธญั พืชท่ีไมขัดขาว ขา วโพด ถัว่ แดง ถั่วเหลือง ผักกาดหอม เมลด็ ทานตะวนั งา น้าํ มนั รํา น้ํามนั ถั่วลสิ ง น้าํ มันจากเมลด็ พืชตา งๆ 4.ซีลเิ นยี ม พบในอาหารทะเลเนื้อสัตวธญั พืชที่ไมขดั ขาวนอกจากนี้ยังมีสารที่พบในผักผลไม ที่มคี ณุ สมบัติในการตา นสารอนุมลู อสิ ระซ่งึ สามารถจับกบั อนมุ ลู อสิ ระลดอันตรายไมใหเ กดิ โรคมะเรง็

81 ได พบไดม ากในตระกลู สม องุน และผลไมสดอื่นๆรวมทั้งผักผลไมตางๆ เชน กระเทียม ผักตระกูล ผกั กาด ตวั อยา ง ประเภทและจํานวนของอาหารท่ีคนไทยควรรับประทานอาหารใน 1 วนั สาํ หรบั เด็กอายุ 6 ปข ึน้ ไปถงึ วยั ผูใหญแ ละผูส ูงอายโุ ดยแบงตามการใหพลังงาน กลุมอาหาร หนว ยครวั เรือน พลงั งาน (กโิ ลแคลอร)ี 1,600 2,000 2,400 ขา ว – แปง 1 ทพั พี = 60 กรัม หรือ คร่งึ ถว ยตวง 8 ทพั พี 10 ทัพพี 12 ทพั พี ผกั 1 ทัพพี = 40 กรัม หรือ ครึ่งถวยตวง 4 (6) ทพั พี 5 ทพั พี 6 ทพั พี ผลไม 1 สว น = สม เขียวหวาน 1 ผล หรือ 3 (4) สวน 4 สวน 5 สวน กลวยนาํ้ วา 1 ผล หรอื เงาะ 4 ผล เน้ือสัตว 1 ชอ นกนิ ขา ว = ปลาทคู รึ่งตวั หรือ 6 ชอ น 9 ชอน 12 ชอ น ไขครงึ่ ฟอง หรือไกครง่ึ นอ ง กินขา ว กินขาว กินขา ว นม 1 แกว = 250 ซซี ี 2 (1) แกว 1 แกว 1 แกว นํ้ามัน นํ้าตาล และ ชอ นชา ใชแ ตนอยเทา ท่ีจาํ เปน เกลือ หมายเหตุ เลขใน ( ) คือปรมิ าณทีแ่ นะนาํ สาํ หรับผใู หญ 1,600 กิโลแคลอรี สําหรบั เด็กอายุ 6-13 ป หญงิ วัยทาํ งานอายุ 25-60 ป ผูสูงอายุ 60 ปข ึ้นไป 2,000 กิโลแคลอรี สําหรบั วัยรนุ หญิง-ชาย อายุ 14-25 ป วัยทาํ งานอายุ 25-60 ป 2,400 กโิ ลแคลอรี สําหรบั หญงิ -ชาย ทใ่ี ชพลังงานมากๆ เชน เกษตรกร ผูใ ชแ รงงาน นักกีฬา สรปุ อาหารเปน ปจ จยั ท่มี ผี ลตอการเจริญเติบโต และพัฒนาการของมนุษย การรับประทานอาหาร ควรยดึ หลกั โภชนาการ เพ่ือใหไ ดพลงั งานและสารอาหารท่ีพอเพียง วัยรุน เปนวัยท่ีกําลังเจริญเติบโต จงึ ควรบริโภคอาหารใหถ ูกตอ งตามหลักโภชนาการ

82 เรอื่ งที่ 2 วธิ ีการประกอบอาหารเพอ่ื คงคุณคา ของสารอาหาร 1. หลกั การปรงุ อาหารที่ถกู สขุ ลักษณะ เพื่อใหไดอาหารท่ีสะอาด ปลอดภัย และมีคุณคาทางโภชนาการ มีหลักการปรุงอาหารที่ถูก สุขลกั ษณะ โดยคํานึงถงึ หลกั 3 ส คอื สงวนคุณคา สุกเสมอ สะอาดปลอดภยั สงวนคุณคา คือ การปรุงอาหารจะตองปรุงดวยวิธีการปรุง ประกอบเพื่อสงวนคุณคาของ อาหารใหม ปี ระโยชนเตม็ ที่ เชน การลางใหส ะอาดกอนหน่ั ผัก การเลอื กใชเ กลือเสริมไอโอดีน สุกเสมอ คือ ตอ งใชความรอนในการปรุงอาหารใหส กุ โดยเฉพาะอาหารประเภทเนื้อสตั วท้ังนี้ เพ่ือตองการจะทําลายเชื้อโรคท่ีอาจปนเปอนมากับอาหาร การใชความรอนจะตองใชความรอนใน ระดับทส่ี งู ในระยะเวลานานเพยี งพอท่ีความรอนจะกระจายเขาถึงทุกสวนของอาหาร ทําใหสามารถ ทาํ ลายเชื้อโรคไดอยา งมีประสทิ ธภิ าพ สะอาดปลอดภัย คือ จะตองมีการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานของอาหารกอนการปรุง ประกอบวาอยูในสภาพท่ีสะอาด ปลอดภัย ไดมาตรฐาน เชน เน้ือหมูสด ตองไมมีเม็ดสาคู (ตัวออน พยาธิตัวตืด) นา้ํ ปลา จะตองมเี คร่ืองหมาย อย.รับรอง เปนตน และจะตองมีกรรมวีธีข้ันตอนการปรุง ประกอบอาหารท่สี ะอาด ปลอดภัยและถกู สุขลักษณะ มีผปู รงุ ผูเสิรฟอาหารท่มี สี ุขวิทยาสวนบุคคลทดี่ ี รจู ักวธิ กี ารใชภ าชนะอุปกรณและสารปรุงแตงรสอาหารท่ีถูกตองเชน วีการสดปริมาณสารพิษกําจัด ศตั รพู ืชที่ตกคางในผักสด การใชช อนชมิ อาหารเฉพาะในการชมิ อาหารระหวา งการปรงุ อาหาร 2. หลักการทาํ อาหารใหสะดวกและรวดเร็ว อาหารทปี่ รุงเองนอกจากจะประหยัดแลวยังไดอาหารท่ีสะอาด สด ใหม มีรสถูกปากและลด ความเส่ียงจากการมสี ารเคมปี นเปอนแต เวลา มักจะเปน ขอจํากดั ในการลงมือทําอาหาร แมบานอาจมี วิธีการเตรยี มอาหารพรอ มปรุงในวันหยดุ เกบ็ ไวใ นตูเ ย็นแลวนํามาปรุงใหมไดโดยใชเวลานอยแตได คุณคา มากเรม่ิ จากอาหารประเภทเนอื้ สัตว เชน หมู ไก กุง ปลา เมือ่ ซ้ือมาจัดเตรียมตามชนิดที่ตองการ ปรุงหรอื หงุ ตม แลว ทาํ ใหสกุ ดวยวธิ ีการตมหรือรวน แลว แบง ออกเปน สว นๆตามปริมาณที่จะใชแตละ คร้ัง แลวเกบ็ ไวใ นตเู ยน็ ถา จะใชใ นวนั รุงข้ึน หรือเก็บไวในชอ งแชแขง็ ถาจะเก็บไวใชนาน เมอ่ื ตองการ ใชก็นําออกมาประกอบอาหารไดทันที โดยไมตองเสียเวลา รอใหละลายเหมือนการเก็บดิบๆ ทั้งช้ิน ใหญโ ดยไมห่ัน การเตรียมลวงหนาวิธีน้ี นอกจากจะสะดวก รวดเร็วแลว ยังคงรสชาติและคุณคาของ อาหารอีกดวย 3. หลักการเก็บอาหารใหสะอาดปลอดภัย การเกบ็ อาหารตามหลกั การสขุ าภบิ าลอาหารมวี ตั ถปุ ระสงคเ พื่อยดื อายุของอาหารทีใ่ ชบริโภค โดยจะตอ งอยใู นสภาพทีส่ ะอาดปลอดภยั ในการบริโภค หลักการในการเก็บอาหารใหคํานึงถึงหลัก 3 ส. คือสดั สวนเฉพาะ สิง่ แวดลอ มเหมาะสม สะอาดปลอดภยั สัดสว นเฉพาะ คือ ตอ งเก็บอาหารใหเปน ระเบียบ แยกเก็บตามประเภทอาหารโดยจัดใหเปน สัดสว นเฉพาะไมปะปนกัน มีฉลากซ้ือหรือเครอ่ื งหมายอาหารแสดงกํากับไว

83 สงิ่ แวดลอมเหมาะสม คือ ตองเก็บอาหารโดยคํานึงถึงการจัดสภาพส่ิงแวดลอมใหเหมาะสม กับอาหารแตล ะประเภทโดยคํานงึ ถึงอุณหภูมิความชื้นเพื่อชวยทําใหอาหารสดสะอาดเก็บไดนานไม เนา เสยี งายสง่ิ แวดลอมของอาหารจะจัดการใหอยูในสภาพที่จะปองกันการปนเปอนได เชน การเก็บ อาหารกระปองในบริเวณทมี่ ี อาหารหมนุ เวียน สูงจากพืน้ อยา งนอย 30 ซม. การเกบ็ นมพาสเจอไรสไว ในอุณหภูมิตํ่ากวา 7 องศาเซลเซยี ส เปน ตน สะอาดปลอดภัย คอื ตองเก็บอาหารในภาชนะบรรจุที่ถูกสุขลักษณะ สะอาด ปลอดภัย มีการ ทําความสะอาดสถานท่ีเกบ็ อยางสมํา่ เสมอไมเ ก็บสารเคมที เี่ ปนพิษอ่ืนๆเชน การใชถุงพลาสติก/กลอง พลาสตกิ สําหรบั บรรจอุ าหารในการบรรจุอาหารทีเ่ กบ็ ไวในตูเยน็ /ตูแชแ ขง็ เปน ตน 4. อณุ หภูมิเทา ไหรจ ึงจะทําลายเช้อื โรคได เชื้อจุลินทรียมีอยูทั่วไปตามสิ่งแวดลอมมนุษย สัตว อาหาร ภาชนะอุปกรณและสามารถจะ ดํารงชีวิตอยูไดในชวงอุณหภูมิต่ํากวา 0 องศาเซลเซียส จนถึง 75 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะ เช้ือจุลนิ ทรยี ท ่ีกอใหเ กดิ โรคระบาดทางเดินอาหารมกั จะเปนเช้ือจุลินทรียทสี่ ามารถเจริญเติบโตไดดีที่ อุณหภมู หิ อ งประมาณ 25 องศาเซลเซียส ถงึ 40 องศาเซลเซยี ส ฉะน้นั การทาํ ลายเช้อื จุลินทรยี ท กี่ อใหเ กดิ โรคระบบทางเดินอาหารจําเปนจะตองกําหนดชวง อุณหภูมิทเี่ หมาะสมเพอื่ จะไดแนใ จวา เชื้อจุลินทรียถ ูกทําลายจนหมดส้ินในขบวนการผลิตอาหารทาง อุตสาหกรรมการทําลายเชอ้ื โรคจําเปนตอ งอาศัยอณุ หภูมทิ ่เี หมาะสมควบคไู ปกบั ระยะเวลาที่เหมาะสม จึงจะมีประสิทธิภาพในการทําลายที่ดี คืออุณหภูมิที่สูงมากใชระยะเวลาสั้น(121องศาเซลเซียสเปน เวลา 1 นาที)และอุณหภมู ทิ ต่ี ํา่ ใชระยะเวลานาน(63 องศาเซลเซียส เปนเวลา 30 นาที)ทงั้ ท่ยี ังมีปจจัยอื่น ทเ่ี กยี่ วของในการควบคมุ ไดแกป ริมาณเชือ้ จลุ ินทรียประเภทของอาหารคาความเปน กรด ดา ง ความช้นื สําหรับในการปรุงประกอบอาหารในครัวเรอื นอณุ หภูมิท่ีสามารถทําลายเช้ือจุลินทรีย คือ 80 องศาเซลเซียส-100 องศาเซลเซยี ส (อุณหภมู นิ ้ําเดือด)เปนเวลานาน 15 นาทีสําหรับอุณหภูมิในตูเย็น 5 องศาเซลเซยี ส-7องศาเซลเซียส เช้ือจลุ ินทรียส ามารถดํารงชีวิตอยูได และสามารถเพิ่มจํานวนไดอยาง ชาในขณะท่ีอณุ หภูมิแซแข็งต่ํากวา 0 องศาเซลเซียส เช้อื จุลินทรียส ามารถดํารงอยไู ดแตไมเพ่ิมจํานวน อณุ หภูมทิ เี่ ช้อื จุลินทรยี ตายคือ-20องศาเซลเซียส และฉะนั้นเพ่ือความปลอดภัยในการบริโภคอาหาร โดยเฉพาะอาหารเนื้อสัตวควรปรุงอาหารใหสุกเสมอโดยทั่วทุกสวนที่อุณหภูมิสูงกวา 80 องศา เซลเซียส ขนึ้ ไปหรอื สุกเสมอ สะอาด ปลอดภัย 5. อณุ หภูมทิ เี่ หมาะสมในการเกบ็ อาหารสดประเภทเน้ือสัตว อาหารเนื้อสัตวสด เปนอาหารที่มีความเส่ียงสูง เพราะมีปจจัยเอ้ือตอการเนาเสียไดงาย คือมี ปริมาณสารอนิ ทรียส งู มปี รมิ าณน้ําสงู ความเปน กรดดา งเหมาะสมในการเจรญิ เตบิ โตของเช้อื จุลนิ ทรยี  การเกบ็ เนือ้ สตั วส ดท่ีถูกสุขลักษณะ คือตองลางทําความสะอาดแลวจึงหั่นหรือแบงเน้ือสัตว เปน ชน้ิ ๆ ขนาดพอดีที่จะใชใ นการปรงุ ประกอบอาหารแตละครั้งแลวจึงเก็บในภาชนะท่ีสะอาดแยก เปนสัดสวนเฉพาะสําหรับเน้ือสัตวสดที่ตองการใชใหหมด ภายใน 24 ชั่วโมงสามารถเก็บไวใน

84 อุณหภมู ิตูเย็นระหวา ง 5 องศาเซลเซียส -7 องศาเซลเซียสในขณะทีเ่ นอื้ สตั วส ดทต่ี องการเก็บไวใชนาน (ไมเกิน7วัน)ตองเก็บไวในอุณหภูมิตูแชแข็ง อุณหภูมิตํ่ากวา 0 องศาเซลเซียส ท้ังนี้เม่ือจะนํามาใช จาํ เปน จะตองนํามาละลายในไมโครเวฟ แตถาละลายในน้ําเย็นจะตองเปล่ียนนํ้าทุก 30 นาที เพื่อให อาหารยงั คงความเย็นอยแู ละน้ําท่ใี ชละลายไมเปนแหลงสะสมของเช้อื จลุ นิ ทรยี ท่อี าจจะปนเปอนมาทํา ใหมีโอกาสเพ่ิมจาํ นวนไดม ากขนึ้ จนอาจจะเกดิ เปนอนั ตรายได สรุปอุณหภูมิท่ีเหมาะสมในการเก็บอาหารเนื้อสัตวสดคืออุณหภูมิตูเย็นตํ่ากวา 7 องศา เซลเซียสในกรณีทจี่ ะใชภายใน 24 ชว่ั โมง และตา่ํ กวา 0 องศาเซลเซียส (อุณหภมู แิ ชแข็ง) ในกรณีที่จะ ใชภายใน 7 วนั ซึ่งเปน อุณหภมู ิทเ่ี ชือ้ จุลนิ ทรยี ย งั คงดาํ รงชวี ิตอยูไดแตมีอัตราการเจริญเติบโตตํ่าจนถึง ไมมกี ารเจริญเตบิ โตทาํ ใหสามารถเก็บรกั ษาเนือ้ สัตวใหส ด ใหม สะอาด ปลอดภัย 6. ภาชนะบรรจอุ าหารสําคญั อยา งไร ภาชนะบรรจุอาหารเปนปจจัยสําคัญที่เส่ียงตอการปนเปอนเชื้อโรค สารเคมีท่ีเปนพิษกับ อาหารที่พรอมจะบรโิ ภค ทัง้ นี้ สามารถจะกอใหเกดิ การปนเปอ นไดทุกข้ันตอน ตง้ั แตขั้นตอนการเก็บ อาหารดิบ ขัน้ ตอนการเสริ ฟ ใหก บั ผบู ริโภค ขน้ั ตอนการเกบ็ อาหารดิบถา ภาชนะบรรจทุ ําดวยวสั ดุท่เี ปน พษิ หรือภาชนะทปี่ นเปอนเช้อื โรค กจ็ ะทําใหอ าหารทบี่ รรจุอยูปนเปอ นไดโ ดยเฉพาะภาชนะบรรจอุ าหารเน้ือสัตวสด เม่ือใชแลวตองลาง ทําความสะอาดใหถูกตองกอนจะนํามาบรรจุเนื้อสัตวสดใหมเพราะอาจจะเปนแหลงสะสมของ เชื้อจลุ นิ ทรยี ไดงา ยขัน้ ตอนการปรุงประกอบอาหารถาภาชนะอปุ กรณที่ใชใ นการปรุง ประกอบอาหาร ถา ภาชนะอุปกรณที่ใชในการปรุงประกอบมีการปนเปอนดวยสารเคมีที่เปนพิษ ก็สามารถปนเปอน อาหารที่ปรุงประกอบไดเชน ตะแกรงทาสีบรอนดเวลาปงปลา สีบรอนด และสารตะก่ัวก็อาจจะ ปนเปอนกับเนื้อปลาไดใชภาชนะพลาสติกออนใสน้ําสมสายชูทําใหมีการปนเปอนสารพลาสติก ออกมากบั นา้ํ สมสายชูทาํ ใหม กี ารปนเปอ นสารพลาสติกออกมากบั นาํ้ สม สายชไู ด ขั้นตอนการเสิรฟอาหารพรอมบริโภคอาหารปรุงสําเร็จถาภาชนะที่ใชลางไมสะอาดมีการ ปนเปอนเชื้อจลุ ินทรียสารเคมที ี่เปน อันตรายกจ็ ะปนเปอ นอาหารจนอาจกอ ใหเ กดิ อนั ตรายกับผบู ริโภค ได ฉะน้ันเพ่อื ใหไดภ าชนะอุปกรณท่ีสะอาด ปลอดภัย ส่ิงสําคัญก็คือจะตองรูจักวิธีการเลือกใช ภาชนะอุปกรณท ถี่ กู ตอ งไมท าํ จากวัสดุที่เปน พษิ และใชใ หเ หมาะสมกบั ประเภทของอาหารรวมทง้ั ตอง รูจักวธิ ีการลางและการเกบ็ ภาชนะอุปกรณใ หถกู ตอ ง เรื่องที่ 3 ความเช่อื และคา นยิ มเกี่ยวกบั การบรโิ ภค คานิยม (Value) หมายถึง ลักษณะดานสังคมซึ่งมีความเช่ือถือ (Beliefs) กันอยาง กวา งขวาง ซึ่งเปนแนวทางในการพิจารณาพฤตกิ รรมที่เหมาะสม โดยมีการยอมรับอยา งแพรห ลายจาก สมาชิกของสงั คม หรือหมายถึง ความเช่ือถือของสวนรวมซึ่งมีมานาน โดยมีจุดมุงหมายเพ่ือการมี

85 ชวี ิตอยูรว มกันเปน ความรสู กึ เกีย่ วกบั กจิ กรรม ความสมั พนั ธกัน หรือจดุ มงุ หมายซึ่งมีความสําคัญตอ ลักษณะหรอื ความเปน อยขู องชุมชน สิง่ ทคี่ นกลุมหน่ึง ๆ วาอะไรก็ตามท่ีคนในสังคมสวนใหญชอบ ปรารถนาหรอื ตองการใหเปน ในปจจุบนั เรามักจะใหย ินวา คนไทยมีคา นิยมชอบใชของตา งประเทศ ชอบเลยี นแบบ ชาวตางประเทศโดยรับเอาวัฒนธรรมของตางประเทศเขามามาก โดยลืมคิดถึงความเสียหายท่ีจะ เกดิ ขึ้น ซงึ่ คําวา “คา นยิ ม” ถือวา เปนปจจัยภายนอกซึ่งเปนปจจัยที่มีอิทธิพลตอความรูสึกนึกคิดของ บุคคลเปน สิ่งที่เกดิ ขึ้นจากการเรียนรู หรือสิ่งอื่นใดก็ตามท่ีเปนตัวกํากับหรือควบคุมพฤติกรรมของ บุคคลเปนส่ิงที่เกดิ ข้ึนจากการเรียนรู หรือส่ิงอ่ืนใดก็ตามท่ีเปนตัวกํากับหรือควบคุมพฤติกรรมของ บุคคลท่ีอยูในสังคมน้ัน ๆ ซ่ึงความสําเร็จหรือความลมเหลวของธุรกิจทางการตลาดขึ้นอยูกับความ สอดคลอ งกบั คานิยมเปน สาํ คัญ ดงั น้ัน คา นยิ มจึงเก่ยี วของกบั การตอบสนองตอ ส่ิงกระตุนดวยวิธีที่มี มาตรฐาน ซึง่ บุคคลจะถกู กระตุน ใหม ีสว นรวมในพฤติกรรมเพอ่ื ใหบรรลุคานยิ ม และความเกี่ยวของ กับพฤติกรรมผูบริโภคและกลยุทธทางการตลาด ในขณะที่แตละช้ันของสังคมจะมีลักษณะของ คานิยมและพฤตกิ รรมในการบริโภคจะแตกตา งกันออกไป ตวั อยางคานิยมกับพฤติกรรมการบริโภค ของคนไทย มดี ังนี้ 1. กลมุ คา นยิ มความร่าํ รวย และนยิ มใชข องจากตา งประเทศ จดุ เดนท่ีเปนนสิ ัยของคนไทย ชอบทําตัววาตัวเองเปนคนร่ํารวยเน่ืองมาจากการใชสินคา สินคาท่ีนิยมใชจะเปน สนิ คา ท่นี าํ เขามาจากตางประเทศเทาน้ัน สว นท่เี กยี่ วขอ งกับพฤติกรรมการบริโภค เปนบคุ คลทชี่ อบใชข องแพง ๆ ทําใหคนอน่ื มองวาตัวเองเปนผูที่รํ่ารวย ตองการให คนยกยองนับถือ เปนคนที่ตองมีเกียรติ ตองการเปนผูนําในการใชสินคา นิยมใชสินคาที่นําเขามา เทานั้น มองวาสินคาในประเทศเปนสินคาท่ีไมมีคุณภาพ ไมมีมาตรฐาน เปนสินคาดอยคุณภาพ จะรูสึกภูมิใจทุกครั้งเมื่อไดใชสินคาท่ีเปนสินคาจากตางประเทศ ชอบไปเที่ยวตางประเทศเพื่อไป ซื้อสินคา บางครั้งซ้ือมาแลวก็ไมไดใชประโยชนก็จะซ้ือ หรือบางครั้งอาจจะไมมีเวลาไปเท่ียว ตางประเทศก็ชอบฝากใหคนอื่นซ้ือ มีความเปนตางชาติสูงมาก จะเปนบุคคลท่ีเนนการแตงกายดี ตั้งแตศ ีรษะจรดเทา เพื่อเสริมสรางบุคลิกภาพ สรางความนาเชื่อถือ นิยมใชบัตรเครดิตการด ชอบ ความสะดวกสบายไมชอบการรอคอยนาน ๆ ชอบสังคมกับเพ่ือนท่ีมีฐานะรํ่ารวย เทาเทียมกัน ไม ชอบคบหาสมาคมกันคนทีด่ อ ยกวา หรือจนกวา ทําอะไรคิดถึงตัวเองมากกวาคนอ่ืน บางคร้ังอาจจะ ประสบกบั ปญหาทางดานการเงินแตกลัววา คนอื่นจะรูถึงฐานะของตนเองตองยอมกูเงินเพ่ือพยุงฐานะ ของตนเองก็ยอมเพื่อรักษาภาพลักษณของตนเอง โดยไมตองการใหใครมามองวาตัวเองจนลําบาก หรือต่ําตอยกวา คนอ่ืน

86 ผลกระทบกับคา นิยมแบบน้ี ลักษณะแบบน้ี ควรจะปรับปรุงแกไขเพือ่ สังคมจะไดดีขึ้น โดยเฉพาะคนรุนใหมไม ควรใหฟุงเฟอซ่ึงจะเปนการสรางคานิยมที่ไมดี และถือวาคานิยมแบบนี้จะเปนอันตรายตอ ประเทศชาตอิ ยา งมาก ซึง่ อาจกอ ใหเ กิดความเสียหาย เทากับวาประเทศของเราไดตกไปเปนเมืองข้ึน ของตา งชาติ ซ่ึงเปน การยากทเ่ี ราจะกูประเทศชาตกิ ลับคนื มาได ซ่ึงควรจะไดมกี ารปรับปรุงแกไ ข 2. คานยิ มสุขภาพดี จุดเดนทเ่ี ปน นสิ ยั ของคนไทย เปนบคุ คลท่ีรกั ษาสุขภาพของตนเอง และครอบครัว เพ่ือท่ีจะไดมชี วี ิตยนื ยาว สวนทีเ่ กี่ยวของกับพฤตกิ รรมการบรโิ ภค พฤติกรรมของบุคคลที่มีคานิยมสุขภาพดี มักจะเปนคนท่ีดูแลตนเองเปนอยางดี มี การออกกําลังกายอยางสม่ําเสมอ ชอบความสะอาด ไปพบแพทยเปนประจํา มีการพักผอนอยาง เพียงพอเลอื กรบั ประทานอาหารทีม่ คี ุณคา มปี ระโยชนตอรา งกาย เพื่อทําใหสุขภาพแข็งแรง รวมทั้ง ดูแลคนในครอบครวั ดว ยตอ งการใหคนในครอบครวั ปราศจากโรคภัยไขเ จบ็ ตองการมีชีวติ ท่ยี นื ยาว มี รา งกายทีแ่ ข็งแรงและสมบรู ณ ชอบพักผอ นอยูกบั บาน และทานอาหารในบา นเพราะเนน ความสะอาด ชอบดหู นงั ฟง เพลงอยูใ นบา น สินคา ที่นยิ มบริโภค ไดแ ก 1. อาหารมงั สวริ ัติ 2. อาหารเสรมิ 3. นมทีม่ แี คลเซียม เพื่อเสริมสรา งกระดูก 4. นมพรอ งมันเนย, โยเกิรต 5. วิตามินตา งๆ เชน วิตามินซ,ี วติ ามินบี ฯลฯ 6. ผกั ปลอดสารพษิ 7. ดื่มน้ําผลไม 8. ดม่ื นํ้าแร 9. โสมเกาหล,ี เหด็ หลินจอื 10. ไกตนุ ยาจีน, ไกด าํ 11. ยารักษาโรค (จากแพทยสงั่ ) ผลกระทบกบั คานิยมแบบนี้ เปน คา นิยมทด่ี ีนาจะมีการสนับสนนุ เพราะจะทาํ ใหคนมสี ขุ ภาพดขี ึ้น เพือ่ ชวี ติ ความ

87 เปน อยใู นครอบครวั ดีข้ึน และทาํ ใหครอบครวั มคี วามสุขมากขน้ึ บุคคลที่มีคา นิยมแบบนี้ เปน บคุ คลทมี่ ีฐานะในระดับ B ข้นึ ไป และเปน ผูด ูแลเอาใจใสตอสขุ ภาพ กลุมเปาหมาย เปนกลมุ วยั กลางคนท่ีเนนดูแลสุขภาพใหแข็งแรงปลอดจากโรคภัย ไขเจ็บ 3. คา นยิ มรักความสนกุ จดุ เดนทเ่ี ปน นสิ ัยของคนไทย เปนบุคคลที่รักความสนุก มีความร่ืนเริงอยูตลอดเวลา ชอบ ENTERTAIN ชอบ สงั สรรคไมวา จะเปนเทศกาลใดกต็ าม สวนทีเ่ กย่ี วขอ งกับพฤตกิ รรมการบริโภค ลักษณะของพฤติกรรมบุคคลจะเปนบุคคลท่ีรักสนุก ชอบความรื่นเริง มีความ สังสรรคในหมูญาติพี่นอง เพื่อนฝูงอยูตลอดเวลา ไมวาจะเปนการจัดปารตี้ทุกสิ้นเดือน หรือเปน เทศกาลตาง ๆ เชน วันขนึ้ ปใหม, วันตรษุ จีน, วันสงกรานต ฯลฯ ทุกเทศกาลก็จะมีความสนุกสนาน ตลอดเวลา สนิ คา ทนี่ ิยมบริโภค ไดแก 1. รบั ประทานอาหารทกุ ชนดิ เชน อาหารกับแกลม อาจทําทานเอง หรือไป ทานนอกบาน 2. เครอื่ งดื่มทกุ ชนิด เชน นาํ้ อดั ลม 3. ผลไมต าง ๆ (ผลไมไทยและผลไมนาํ เขา) 4. ขนมขบเค้ยี วตา ง ๆ 5. ดม่ื สุรา (ผลิตในประเทศไทยและนําเขา จากตา งประเทศ) 6. ชอบรอ งเพลง KARAOKE (อาจจะรอ งเพลงอยูในบาน หรอื ตาม สถานเริงรมยตา ง ๆ) 7. ชอบดูภาพยนตร 8. ชอบไปรบั ประทานอาหาร และฟงเพลงตามโรงแรม, หองอาหารตา ง ๆ และตามคาเฟ 9. ชอบไปเทีย่ วตามสถานที่ในตา งจงั หวัด เชน ไปนํ้าตก, ภเู ขา และทะเ ผลกระทบกับคานิยมแบบน้ี บคุ คลที่มคี านยิ มแบบนีอ้ ยา งนอ ยก็นาจะสนับสนุน เพราะทําใหเกิดสภาพคลองทาง การเงนิ ทําใหเ งนิ ทองไมไ หลออกนอกประเทศ มกี ารใชจ ายภายในประเทศ ซ่งึ เปนการกระจายรายได

88 ไปยงั สถานทอ งเท่ียวตางๆ ภายในประเทศไดเปน อยางดี ทาํ ใหมีการจบั จา ยใชสอยและเปนการสราง รายไดใหกับชุมชนตางๆ และแหลงทองเที่ยวตางๆ ทําใหคนมีอาชีพมากข้ึนซ่ึงจะทําใหเกิดการ หมนุ เวยี นทางดา นการเงินอาจสงผลใหภ าวะทางเศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น 4. คา นิยมบริโภคนยิ ม จุดเดน ทเ่ี ปนนสิ ัยของคนไทย เปนบคุ คลที่มีนิสัยชอบบรโิ ภคเปน หลกั ซงึ่ ไมไ ดคาํ นงึ ถงึ คุณภาพ สว นทเี่ กย่ี วขอ งกบั พฤตกิ รรมการบรโิ ภค ลักษณะพฤติกรรมการบริโภคชอบรับประทานอาหารนอกบาน พยายามสรรหา รานอาหารทีอ่ รอ ยๆ ไมวา จะอยูใกลหรือไกล ถา ข้ึนช่ือในระดับ เชลลชวนชิม, แมชอยนางรํา และ ไมล องไมร ู ซึ่งมใี บรับประกัน ชอบที่จะไปทดลองชมิ ดวู าอรอ ยสมช่ือหรือเปลา ชอบรานอาหารที่มี ลกั ษณะสะอาด มคี วามสะดวกสบาย มที จ่ี อดรถสะดวก บางครั้งบรโิ ภคมากจนเกินความจําเปนและ มผี ลตอ สขุ ภาพ ทาํ ใหเ กดิ โรคตางๆ ไดงาย เชน โรคไขมันอุดตัน โรคเบาหวาน ความดัน อาหาร ไมยอยอาหารเปนพิษ ฯลฯ สินคา ที่นยิ มบริโภค ไดแก 1. อาหารทกุ ชนดิ เชน รา นอาหารดังๆ 2. อาหาร fast food เชน KFC, McDonald 3. รา นอาหารญ่ปี ุน เชน Oishi, ฟูจิ 4. รานไอศกรมี เชน Swensens 5. ขนมขบเค้ยี วตางๆ 6. เครือ่ งดื่มทกุ ชนิด 7. สรุ ายีห่ อตางๆ ผลกระทบกับคา นิยมแบบน้ี บุคคลท่ีมีคา นยิ มแบบน้ี อาจจะปนทอนสุขภาพได เพราะไมไดระมัดระวังในเร่ือง ของการรับประทานอาหาร ควรจะมกี ารปรบั ปรงุ แกไขเพ่ือใหมีสุขภาพแข็งแรง และมีชีวิตท่ียืนยาว ได ผูที่มีคานิยมบริโภคแบบนี้ ถาเปนผูสูงอายุจะทําใหเกิดอันตรายตอสุขภาพ เชน มักจะพบกับ โรคภยั ไขเ จ็บตางๆ และมักจะมอี ายุสน้ั เรื่องที่ 4 ปญ หาสุขภาพท่เี กิดจากการบรโิ ภคอาหารไมถ ูกหลกั โภชนาการ ปจจุบันการดําเนินชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะในเขตเมือง เปนไปอยางเรงรีบ ทําใหการ บรโิ ภคอาหาร ก็เนน อาหารตามทีร่ ับประทานไดสะดวกรวดเร็ว เชน อาหารฟาสตฟูด (Fast Food) ทํา ใหเ กิดปญ หาโรคอว น และโรคอนื่ ๆอีกมาก ดงั นัน้ จึงควรทาํ ความเขาใจถึงองคป ระกอบสําคญั ดงั น้ี

89 1) อาหาร (Food) หมายถึงสิ่งที่เรากินไดและมีประโยชนตอรางกาย ส่ิงที่กินไดแตไมเปน ประโยชนหรือใหโ ทษแกร า งกาย อาทิ สุรา เห็ดเมา เรากไ็ มเ รยี กส่งิ นน้ั วา เปน อาหาร 2) โภชนาการ (Nutrition) มีความหมายกวางมากกวาอาหาร โภชนาการ หมายถึง เรื่องตางๆ ที่วาดวยอาหาร อาทิ การจัดแบงประเภทสารอาหาร ประโยชนของอาหาร การยอยอาหาร โรคขาด สารอาหาร เปน ตน โภชนาการเปนวิชาสาขาหน่ึงซึ่งมีลักษณะเปน วิทยาศาสตรประยุกต ที่กลา วถงึ การ เปลี่ยนแปลงตางๆของอาหารที่เรารับประทานเขาไปเพื่อใชประโยชนในดานการเจริญเติบโตและ ซอมแซมสวนตา งๆของรางกาย 3) สารอาหาร ( Nutrient) หมายถึง สารเคมีที่เปนสวนประกอบสําคัญในอาหาร สารเคมี เหลาน้มี ีความสาํ คญั และจําเปน ตอ รา งกาย อาทิ เปนตัวทําใหเกิดพลังงานและความอบอุนตอรางกาย ชวยในการเจรญิ เตบิ โต ชวยซอ มแซมสว นท่สี กึ หรอทาํ ใหร า งกายทาํ งานไดตามปกติ เม่ือนําอาหารมา วเิ คราะหจ ะพบวา มีสารประกอบอยูมากมายหลายชนดิ ถา แยกโดยอาศัยหลักคุณคาทางโภชนาการจะ แบงออกเปน 6 ประเภท ไดแ กโปรตีน คารโบไฮเดรต ไขมนั วติ ามิน เกลือแร และน้าํ 4) พลงั งานและแคลอรี่ ไขมัน คารโบไฮเดรต และโปรตีน ใหประโยชนแกรางกายหลายอยางที่สําคัญคือ การใช พลงั งานแกรา งกาย พลังงานในทน่ี ้หี มายถึงพลงั งานทรี่ า งกายจาํ เปน ตองมี ตอ งใชและสะสมไว เพ่ือใช ในการทํางานของอวัยวะทั้งภายในและภายนอกรา งกาย นักวิทยาศาสตรวัดปริมาณของพลังงานหรือกําลังงานที่ไดจากอาหารเปนหนวยความรอน เรยี กวาแคลอร่ี โดยกําหนดวา 1 แคลอรี่ เทา กบั ปริมาณความรอ นท่ที าํ ใหนํา้ 1 กรัม มีอุณหภูมิสูงข้ึน 1 องศาเซลเซียส แตในทางโภชนาการพลังงานท่ีไดรับจากการอาหารท่ีกินเขาไป 1 แคลอรี่ (ใหญ) เทากบั ปริมาณ ความรอ น ท่ีทาํ ใหน้ํา 1 กิโลกรัม มอี ุณหภูมสิ ูงขน้ึ 1 องศาเซลเซียส 5) อาหารหลกั 5 หมู อาหารเปน สง่ิ จาํ เปนยง่ิ สําหรับการเจรญิ เติบโต การบํารุงเลี้ยงสวนตางๆ ของรา งกาย มักพบวาบางคนเลอื กท่ีจะกินและไมก ินอาหารอยางหนึ่งอยางใด ซ่ึงเปนการกระทําท่ีไม ถูกตอง หากไมกินอาหารตามความตองการของรางกาย การกินอาหารตองคํานึงถึงคุณคาของ สารอาหารมากกวา ความชอบหรอื ไมช อบ การเลือกกินหรอื ไมกินอาหารเกิดจากสาเหตุหลายประการ ดงั น้ี ความคุนเคย เราจะเลือกอาหารที่เราคนุ เคยหรอื กินอยเู ปนประจํา และจะไมเลือกกินอะไรท่ีไม คนุ เคยดงั นั้นจึงมีอาหารอีกหลายอยางท่เี รายังไมเคยกิน ซง่ึ อาจจะอรอ ยถูกปากก็ได รสชาติ หรือความ “อรอย” เปนเหตุผลท่ีคนเราเลือกอาหาร ความอรอยของแตละคนจะไม เหมอื นกัน อาหารอยา งหนึ่งบางคนจะบอกวา อรอ ยแตบ างคนจะเฉยๆ หรอื ไมอรอ ย ลักษณะเฉพาะของเน้ืออาหาร อาทิ บางคนชอบอาหารกรอบ อาหารนุม บางคนชอบเคี้ยว อาหารพวกเนอื้ ทเี่ หนียวๆ เปน ตน

90 ทศั นะคติ ของคนไทยครอบครวั หรอื เพ่ือนจะมีอิทธิพลตอความชอบไมชอบอาหารของทาน อาทใิ นครอบครวั ทพ่ี อ ไมกินตนหอมหรือผักชีเลย ไปกินอาหารท่ีไหนก็จะเขี่ยตนหอมผักชีออกจาก จานทุกครัง้ ลกู ๆก็จะเลยี นแบบกลายเปนไมชอบไปดวย ดังน้ันเพื่อสุขภาพเราจึงควรลองกินอาหารท่ีไมเคยกินทีละอยางสองอยางโดยคํานึงถึง ประโยชนข องมนั มากกวา เมอ่ื ไดล องกินแลวอาจะพบวา จริงๆ แลวมันก็อรอยไมแพอาหารจานโปรด และไมเ กิดปญหาสุขภาพที่เกิดจากการบริโภคอาหารไมถ กู หลกั โภชนาการดวย ปญ หาจากการบรโิ ภคอาหารไมถกู หลักโภชนาการไดแก - ภาวะทุพโภชนาการ - ภาวะโภชนาการเกิน (โรคอว น) ภาวะทพุ โภชนาการ (Malnutrition) ภาวะทุพโภชนาการ หมายถงึ ภาวะที่รางกายไดรับสารอาหารผดิ เบ่ยี งเบนไปจากปกติ อาจเกดิ จากไดรับสารอาหารนอ ยกวา ปกตหิ รือเหตุ ทตุ ิยภูมิ คอื เหตเุ นอื่ งจากความบกพรองตางจากการกินการ ยอยการดดู ซมึ ในระยะ 2-3 ปแรกของชีวิต จะมีผลกระทบตอระดับสติปญญา และการเรียนภายหลัง เนอ่ื งจากเปน ระยะท่มี ีการเจรญิ เตบิ โตของสมองสงู สุด ซงึ่ ระยะเวลาที่วิกฤติตอพัฒนาการทางรางกาย ของวัยเด็กมากที่สุดน้ันตรงกับชวง 3 เดือนหลังการต้ังครรภจนถึงอายุ 18-24 เดือนหลังคลอด เปน ระยะทมี่ ีการปลอกหมุ เสนประสาทของระบบประสาท และมีการแบงตวั ของเซลล ประสาทมากท่ีสดุ เมอื่ อายุ 3 ป มีผลกระทบตอการเจริญเติบโต ถึงรอยละ 80 สําหรับผลกระทบทาง รางกายภายนอกท่ีมองเห็นไดคือเด็กมีรูปรางเตี้ย เล็ก ซุบผอม ผิวหนังเหี่ยวยนเน่ืองจากไขมันช้ัน ผิวหนงั นอกจากน้อี อวัยวะภายในตางๆ กไ็ ดรบั ผลกระทบเชน กนั 1. หวั ใจ จะพบวา กลามเนอ้ื หวั ใจไมแ นน หนา และการบบี ตวั ไมดี 2. ตับ จะพบไขมันแทรกอยูในตับ เซลลเน้ือตับมีลักษณะบางและบวมเปนน้ําสาเหตุให ทํางานไดไ มดี 3. ไต พบวาเซลลท วั่ ไปมลี กั ษณะบวมนา้ํ และติดสจี าง 4. กลามเนอ้ื พบวา สวนประกอบในเซลลลดลง มีน้าํ เขา แทนท่ี นอกจากการขาดสารอาหารแลว การไดร ับอาหารเกิน ในรายทอ่ี ว นฉุก็ถือเปน ภาวะทุพโภชนาการเปน การไดรบั อาหารมากเกินความตองการ พลังงานท่ีมมี ากน้ันไมไดใ ชไป พลงั งานสว นเกินเหลาน้ันก็จะ แปลงไปเปนคลอเรสเตอรรอลเกาะจับแนนอยูตามสวนตางๆของรางกาย และอาจลุกลามเขาสูเสน เลอื ด ผลทต่ี ามมาก็คอื โรคอว น โรคเบาหวาน โรคหวั ใจ และโรคตา งๆ การประเมนิ สภาวะโภชนาการ 1. ประวตั ิ ทีน่ ําเดก็ มาจากโรงพยาบาลเพ่ือหาสาเหตุชกั นําใหเ กิดภาวะขาดสารอาหาร 2. การตรวจรางกาย เพือ่ หารอ งรอยการผดิ ปกตซิ ่งึ เกดิ จากการขาดสารอาหารและวิตามิน

91 การตรวจรางกาย เพือ่ ประเมินสภาวะโภชนาการของเด็กแบง ไดเปน 2 ตอน คอื การตรวจรา งกายท่ัวไป กบั การตรวจโดยการวัดความเจรญิ ทางรางกาย การตรวจรางกายทวั่ ไปโดยแพทย จะเปน แนวทางชว ยประเมินสภาวะของเดก็ และเปน แนวทางวินจิ ฉยั การขาดสารอาหารและวิตามนิ การตรวจโดยการวัดความเจริญทางรางกาย เปนการวัดขนาดทางรางกายคือ สวนสูง และนํา้ หนกั เพ่อื บอกถงึ โภชนาการของเดก็ ภาวะโภชนาการเกิน เมอ่ื คนเราบริโภคอาหารชนดิ ใด ชนิดหน่ึง เกินความตองการของรางกาย จะทําใหเกิดภาวะ โภชนาการเกินจนเกดิ โรคได และโรคทีเ่ กดิ จากภาวะโภชนาการเกิน เปนสาเหตุของการสูญเสียชีวิต เปนจํานวนไมนอย และเปนตนเหตุของการเจ็บปวยที่ตองเสียคาใชจายในการรักษายาวนานเชน โรคหวั ใจและหลอดเลือด ตลอดจนโรคอวน เปนตน โรคหวั ใจและหลอดเลือด (Cardiovascular Disease) โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด เปนสาเหตกุ ารตายทสี่ ําคัญในลาํ ดับตน ๆ ของประชาชนไทยมาโดย ตลอด โรคดังกลาวเปนการเปล่ียนแปลงทางอายุรศาสตรที่เก่ียวของกับหัวใจและหลอดเลือด ซ่ึงจะ หมายรวมถึงโรคตางๆ และภาวะอาการของโรค เชน โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary heart disease) ภาวะหลอดเลอื ดหัวใจแขง็ (Arteriosclerosis) และอาการความดนั เลือดสงู (Hypertension) เปนตน โรค ที่สาํ คญั ในกลุม น้ีคอื โรคหลอดเลอื ดหวั ใจหรือโรคหลอดเลือดหวั ใจตีบ ซงึ่ จดั วาเปน โรคที่เปนสาเหตุ ของการปว ย และการตายที่สูงของประชาชนชาวไทยในปจ จุบัน โรคหลอดเลอื ดหัวใจ โรคหลอดเลอื ดหวั ใจ เปน โรคชนิดหนึง่ ที่เกดิ จากหลอดเลือดแดงหวั ใจแข็ง ตีบ ตนั ขาดความ ยืดหยนุ หลอดเลือดหัวใจตีบหรือตนั หรือเกิดจากล่มิ เลอื ดอดุ ตันหลอดเลือดหัวใจ จนทําใหกลามเน้ือ หัวใจขาดเลอื ด หรอื ทาํ ใหกลา มเน้อื หัวใจตาย โรคนี้เปนสาเหตุสําคัญของอัตราการปวยการตาย ของ คนไทยในปจจบุ ัน และมีแนวโนม จะเพมิ่ มากขน้ึ ในอนาคต สาเหตุ 1. กรรมพนั ธุ ผูที่พอแม ปยู า ตายาย ปวยเปน โรคหลอดเลอื ดหัวใจจะมคี วามเส่ยี งมากกวา ไขมนั ในหลอดเลอื ด ถาสูงกวา ปกติจะทาํ ใหห ลอดเลอื ดแข็ง เส่ียงตอการเปน โรคหลอดเลือดหัวใจ 2. ความดันเลอื ดสูง 3. เบาหวาน ผทู เี่ ปนเบาหวานมกั จะเปน โรคหลอดเลอื ดหัวใจดว ย 4. ความอวน ความอว นกับโรคหลอดเลือดหัวใจ มักจะเกิดข้ึนดวยกันเสมอ โดยเฉพาะคน อวนทพ่ี งุ มกั จะมีไขมนั ในเลอื ดสูงจนเปน โรคหลอดเลือดหัวใจดวย

92 5. ออกกําลังกายนอยหรือขาดการออกกําลังกาย การไหลเวียนเลือดไมคลองพอ การเผา ผลาญพลงั งานนอย ทาํ ใหส ะสมไขมนั จนกลายเปนโรค 6. ความเครียด และความกดดนั ในชีวิต อาจสงผลทําใหเ ปน โรคนไี้ ด 7. การสบู บุหร่ี สารนิโคตินและทารจ ากควันบุหร่มี ผี ลตอ การเกดิ โรคนี้ นอกจากสาเหตทุ ี่สาํ คญั ดังกลาว ซ่ึงจดั วาเปน ปจจัยทส่ี ามารถเปลี่ยนแปลงได อาจมีปจจัยเส่ียง อ่ืน ๆ ท่ีเปนสาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ เชน เพศ อายุ เชื้อชาติ เปนตน จากการศึกษา พบวา เพศชายเส่ยี งตอการเกดิ โรคนมี้ ากกวา เพศหญิง ยกเวนผูหญิงในวัยหมดประจําเดือนเนื่องจากมี ระดับฮอรโ มนเอสโตรเจนลดลง มไี ขมนั ในเลือดสูง สําหรบั อายุพบวามีอัตราการเกิดโรคนี้สูงมากใน ผสู ูงอายุ และเชอ้ื ชาติพบวา ในคนผิวดํามีอตั ราการเกิดโรคนมี้ ากกวาคนผิวขาว อาการ 1. เจบ็ หนา อกเปนๆ หายๆ หรือเจบ็ เมือ่ เครียด หรอื เหน่อื ย ซง่ึ เปนลักษณะอาการเรม่ิ แรก 2. เจบ็ หนา อกเหมอื นมีอะไรไปบบี รดั เจบ็ ลึกๆ ใตก ระดกู ดา นซา ยราวไปถึงขากรรไกรและ แขนซา ยถงึ นว้ิ มือซา ย เจบ็ นานประมาณ 15-20 นาที ผูปวยอาจมีเหง่ือออกมาก คล่ืนไสหายใจลําบาก รูสกึ แนนๆ คลา ยมเี สมหะตดิ คอ บางครั้งมีอาการคัดจมูกคลายเปนหวัด เมอ่ื เปนมากจะมอี าการหนา มืด คลา ยจะเปน ลม และอาจถึงขั้นเปน ลมได บางครัง้ พอเหน่อื ยกจ็ ะรูสกึ งวงนอนและเผลอหลบั ไดงาย 3. ผปู ว ยมีอาการหวั ใจส่ัน หวั ใจเตนไมสมาํ่ เสมอ 4. ในกรณีทร่ี นุ แรง อาการเจบ็ หนาอกจะรนุ แรงมาก มักจะเกิดจากการที่มีล่ิมเลือดไปอุดตัน บริเวณหลอดเลอื ดท่ตี บี ทําใหเกิดกลา มเน้ือหวั ใจตาย ผูป ว ยอาจมีอาการหวั ใจวาย ชอ็ ก หัวใจหยุดเตน ทําใหเ สียชวี ิตอยา งกะทันหันได การปองกัน 1. หากพบวา บุคคลในครอบครวั มปี ระวัติเปนโรคน้ี ควรเพ่ิมความระมัดและหลีกเล่ียงจาก ปจจัยเส่ยี ง เพราะอาจกระตนุ การเกดิ โรค 2. ลดอาหารทีท่ าํ จากน้ํามันสตั ว กะทิจากมะพราว น้าํ มนั ปาลม และไขแดง 3. ไมควรรบั ประทานอาหารทมี่ รี สเค็มจดั 4. ลดอาหารจาํ พวกแปง คารโบไฮเดรต รบั ประทานอาหารพวกผกั ผลไมม ากๆ 5. งดอาหารไขมนั จากสัตวแ ละอาหารหวานจัด 6. ออกกําลังกายอยางสม่ําเสมอ 7. พกั ผอ นใหเ พยี งพอวนั ละ 6-8 ชัว่ โมง และหาวธิ ผี อ นคลายความเครียด 8. หลกี เล่ียงหรอื งดการสบู บุหรี่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook